Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 31นักการเมืองถิ่นศรีสะเกษ

31นักการเมืองถิ่นศรีสะเกษ

Description: เล่มที่31นักการเมืองถิ่นศรีสะเกษ

Search

Read the Text Version

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ ด้านภาษาและกลุ่มชาติพันธุ์ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1) กลุ่มชาติพันธุ์ลาว พูดภาษาไทยอีสาน (ภาษาลาว) กระจายอยู่ทุกอำเภอของจังหวัดศรีสะเกษ โดยเฉพาะในท้องที่อำเภอเมือง อำเภออุทุมพรพิสัย อำเภอ ราษีไศล อำเภอกันทรารมย์ อำเภอกันทรลักษ์ 2) กลุ่มชาติพันธุ์เขมร มีภาษาพูดเป็นภาษา เขมรเรียกว่า เขมรถิ่นไทย ซึ่งมีสำเนียงและคำศัพท์หลายคำ แตกต่างจากภาษาเขมรในประเทศกัมพูชา แต่ก็ยังสามารถ สื่อสารกันได้ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอภูสิงห์ ขุนหาญ ไพรบึง ขุขันธ์ ศรีรัตนะ กันทรลักษ์ เป็นต้น 3) กลุ่มชาติพันธุ์เยอ มีภาษาพูดเป็นภาษาเยอ คำศัพท์ส่วนใหญ่คล้ายกับภาษากวย แต่มีสำเนียงที่แตกต่างกัน ไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ภาษากวย ว่า “จี-นา” ภาษาเยอจะพูดว่า “จี-เนีย” (แปลว่า ไปไหน) อาศัยอยู่ในอำเภอไพรบึง พยุห์ ศรีรัตนะ และน้ำเกลี้ยง 4) กลุ่มชาติพันธุ์ส่วย (กวย) หรือ ส่วยศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นจังหวัดเดียวที่ถูกขนาน นามว่า เมืองส่วย ทั้งที่จากการสำรวจภาษาพูดเมื่อ พ.ศ. 2521 พบว่า ประชาชนชาวศรีสะเกษ ในสมัยนั้นพูดภาษาไทยอีสาน หรือภาษาลาว ถึงร้อยละ 65 ซึ่งรวมทั้งภาษาลาวสำเนียงลาว เวียงจันทน์ ลาวอุบล และภาษาลาวสำเนียงส่วยที่ออกเสียง อักษรกลางเป็นวรรณยุกต์ตรี นอกนั้นพูดภาษาเขมร ร้อยละ 20 76

ข้อมูลพ้ืนฐานและประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ ภาษาส่วยร้อยละ 13 และภาษาเยอ ร้อยละ 1 ทั้งที่กลุ่มชนที่ พูดภาษาส่วยมีอยู่ทั่วไปในหลายจังหวัด ที่เรียกว่า ชาวแสก ชาวโส้ รวมทั้งชาวข่า ชาวกยู ในเขตลาวตอนใต้ (คณะกรรมการ จัดงานเชิดชูนักสู้เพื่อประชาธิปไตย, 2543, น. 17-19) (จังหวัดใน ภาคอีสานตอนใต้ที่มีประชาชนพูดภาษาส่วยมากที่สุด คือ ศรีสะเกษและสุรินทร์ แม้ว่าภาษาส่วยจะมีสำเนียงที่แตกต่าง กัน แต่ก็สามารถสื่อสารกันได้) คำว่า “ส่วย” เป็นคำเรียกที่ชาวไทยเริ่มเรียก ชาวข่า ชาวกูย ในสมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตอนต้น ชาวกูยมีความสามารถในการคล้องช้าง และหาของป่าส่งส่วย ไปบรรณาการแก่อาณาจักรอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ตอนต้น และในที่สุดชนเผ่าผู้ส่งส่วยไปบรรณาการถูกขนานนาม จากชนชั้นผู้ปกครองว่าชาวส่วย และกลายเป็นคำที่มีการ ยอมรับในที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นการดูถูกทางชนชาติก็ตาม (คณะกรรมการจัดงานเชิดชูนักสู้เพื่อประชาธิปไตย, 2543, น. 18) ในอดีตชาวส่วยเคยถูกเหยียดหยามดูถูกจาก ชนชาติอื่น เช่น ชาวลาวทั่วไปใช้คำว่า เหม็นกุย หรือ กุย อันหมายถึงการเหม็นสาบ การมีกลิ่นสาบสาง ในความหมาย ในอดีตที่เหยียดหยามในความสกปรกในร่างกาย เนื้อตัวและ การดำรงชีวิตของชาวกูย (คณะกรรมการจัดงานเชิดชูนักสู้เพื่อ ประชาธิปไตย, 2543, น. 17-19) ปัจจุบันชาวกวย (กยู ) ส่วนใหญ่ อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอปรางค์กู่ วังหิน ขุขันธ์ ราษีไศล ห้วยทับทัน และอุทุมพรพิสัย 77

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ ด้านประเพณีท้องถิ่น ปัจจุบันประชาชน ในจังหวัดศรีสะเกษยังยึดมั่นประเพณีเก่าที่สืบทอดกันมานาน มีการจัดงานประเพณีในโอกาสต่างๆ เป็นประจำ อาทิ งานลอย กระทง งานแห่เทียนเข้าพรรษ งานบุญบั้งไฟ งานบุญข้าวสาร (งานเดอื นสบิ สอง) งานวนั ดอกลำดวนบาน งานประเพณสี เ่ี ผา่ ไทย งานบุญเทศน์มหาชาติ งานบุญข้าวจี่ โดยงานประเพณีเหล่านี้ คนอีสานจะใช้คำนำหน้าว่า “งานบุญ” ทั้งนี้เพื่อมุ่งทำนุบำรุง ศาสนาหรือประกอบคุณความดีซึ่งถือเป็นลักษณะเด่นของชาว ชนบทในจังหวัดศรีสะเกษ คือ ความสามัคคีช่วยเหลือกัน 2. ประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ นับตั้งแต่สมัยปฏิรูปการปกครอง พ.ศ. 2433 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้รวมกลุ่มหัวเมืองต่างๆ เป็น 4 หัวเมือง แต่งตั้ง ข้าราชการจากส่วนกลางไปเป็นข้าหลวงกำกับราชการ ดังนี้ (สำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ หอการค้าจังหวัดศรีสะเกษฯ, 2549, น. 80-94) หัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออก ตั้งที่ทำการข้าหลวงกำกับ ราชการที่เมืองจำปาศักดิ์ มีเมืองในสังกัดเป็นเมืองเอก 11 เมือง คือ เมืองจำปาศักดิ์ เซียงแตง แสนปาง สีทันดร อัตตะปือ สาละวัน คำทองใหญ่ สุรินทร์ สังขะ ขุขันธ์ เดชอุดม เมืองขึ้นที่เป็นเมืองโท เมืองตรีและเมืองจัตวาอีก 26 เมือง รวม 37 เมือง เมืองขุขันธ์โปรดเกล้าฯ ให้พระรัตนโกศา (จันดี) เป็น พระยาบำรุงบุรประจันต์ ข้าหลวงกำกับราชการเมืองขุขันธ์ ภายหลังเมื่อปราบกบฏเสือยงแล้วท้าวทองคำเป็นพระพิไชย สุนทรสงครามปลัดเมืองขุขันธ์ใน พ.ศ. 2437 78

ข้อมูลพื้นฐานและประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ หัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งที่ทำการ ข้าหลวงกำกับราชการที่เมืองอุบลราชธานี มีเมืองในสังกัดเป็น เมืองเอก 12 เมือง คือ เมืองอุบลราชธานี กาฬสินธุ์ สุวรรณภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ภูแล่นช้าง กมลาไสย เขมราฐธานี ยโสธร สองคอนดอนดง นางรอง และศรีสระเกศ เมืองขึ้นที่เป็น เมืองโท เมืองตรี เมืองจัตวา 29 เมือง รวม 41 เมือง หัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ ตั้งที่ทำการข้าหลวงกำกับ ราชการที่เมืองหนองคาย มีเมืองในสังกัดเป็นเมืองเอก 16 เมือง คือ เมืองหนองคาย เชียงขวาง บริภัณฑ์นิคม โพนพิสัย ชัยบุรี ท่าอุเทน นครพนม สกลนคร มุกดาหาร กุมุทาสัย บุรีรัมย์ หนองหาร ขอนแก่น คำเกิด คำม่วน หล่มสัก เมืองโท เมืองตรีและเมืองจัตวา 36 เมือง รวม 52 เมือง หัวเมืองลาวฝ่ายกลาง ตั้งที่ทำการข้าหลวงกำกับ ราชการที่เมืองนครราชสีมา มีเมืองในสังกัดเป็นเมืองเอก 3 เมือง คือ เมืองนครราชสีมา ชนบท และเมืองภูเขียว มีเมือง โท เมืองตรี และเมืองจัตวาอีก 16 เมือง รวม 19 เมือง พ.ศ. 2435 โปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุงหัวเมืองใหม่เป็น หัวเมืองลาวพวน หัวเมืองลาวกาว หัวเมืองลาวพุงขาว หัวเมือง ลาวกลาง หัวเมืองลาวเฉียง เมืองขุขันธ์ เมืองศรีสระเกศขึ้นต่อ หัวเมืองลาวกาว มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงพิชิตปรีชากร เป็นข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการหัวเมืองลาวกาว ตง้ั กองบญั ชาการทเ่ี มอื งจำปาศกั ด์ิ แตป่ ระทบั ทเ่ี มอื งอบุ ลราชธานี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชาการ ข้าหลวงใหญ่ หัวเมืองลาวกาวที่ปกครองดูแลชาวอุบลราชธานี ได้กราบทูล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงเทววงศ์วโรปการ ตอนหนึ่งว่า 79

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ “..ความเป็นไปของชาวชนประเทศนี้ ตั้งแต่ศาสนาแล ความปกครองลงไปจนถึงประเภทประเพณี จะนับว่ายกอันใด ขึ้นสรรเสริญว่าเป็นการดีฤายังดีไม่มีแล้ว ที่สุดแต่เครื่องนุ่งห่ม และอาหารก็หยาบคาย แลส่อแสดงถึงความกันดารของ ผู้บริโภค ดูน่าสังเวทยิ่งนัก สารพัดความกดขี่ฉ้อโกงแทบทุก อย่างที่คนจะพึงทำแก่คนใด ก็ดูเหมือนจะได้มีในที่นี้ตลอดแล้ว แทบทุกอย่าง..” พ.ศ. 2435 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้รวมกลุ่มเมือง ชั้นนอกตั้งเป็นมณฑลและทรงแต่งตั้งข้าราชการจากส่วนกลาง ไปเป็นข้าหลวงใหญ่ หรือข้าหลวงใหญ่สำเร็จราชการมณฑล ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 3 มณฑล คือ มณฑลลาวกาว ปรับปรุงจากหัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออก และหัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือมีเมืองจำปาศักดิ์ เชียงแตง แสนปาง สีทันดร อัตปือ สาละวัน คำทองใหญ่ สุรินทร์ สังขะ ขุขันธ์ เดชอุดม ศรีสระเกศ อุบลราชธานี ยโสธร เขมราฐ กมลาไสย กาฬสินธุ์ ภูแล่นช้าง สุวรรณภูมิ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม นางรอง สองคอนดอนดง รวม 23 เมืองและเมือง ขึ้นอีก 55 เมือง รวม 78 เมือง มณฑลลาวพวนปรับปรุงจาก หัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ และมณฑลลาวกลางปรับปรุงจาก หัวเมืองลาวฝ่ายกลาง ในปี พ.ศ. 2435 นี้เอง ร.5 ได้ส่งข้าราชการจากส่วนกลาง ไปเป็นข้าหลวงประจำในเมืองต่างๆ โดยให้พระศรีพิทักษ์ เป็น ข้าหลวงใหญ่ว่ากล่าวหัวเมืองลาวส่วยแยกออกไปอีกเขตหนึ่ง เพราะราษฎรพูดภาษาส่วยและเขมร ในเขตเมืองสุรินทร์ เมือง 80

ข้อมูลพ้ืนฐานและประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ ขุขันธ์ เมืองศรีสระเกศ และเมืองสังขะ ในหัวเมืองเหล่านี้ ทรงแต่งตั้งข้าหลวงผู้ช่วยให้กำกับดูแลราชการอีกคือให้หลวง จำนงยุทธกิจ (อิ่ม) ขุนไผทไทยพิทักษ์ (เกลื่อน) เป็นข้าหลวงอยู่ เมืองศรีสระเกศ พ.ศ. 2436 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหลวงยกกระบัตรเมือง อุทุมพรพิสัย (วัง) เป็นพระอุทุมพรเทศานุรักษ์ ผู้ว่าราชการ เมืองอุทุมพรพิสัย ขึ้นต่อเมืองขุขันธ์ ส่วนปลัดและยกกระบัตร ให้ผู้ว่าราชการเมืองเป็นผู้แต่งตั้งให้พระศรีพิทักษ์ (หว่าง) เป็น ข้าหลวงเมืองขุขันธ์ สุรินทร์ สังขะ ตั้งอยู่ ณ เมืองขุขันธ์ พ.ศ. 2436 กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้จัดให้โทมัศปาเมอร์ แมกสมูลเลอร์ และวิลเลียม ไปจัดตั้งไปรษณีย์ตามหัวเมือง ในมณฑลลาวกาว อันรวมถึงเมืองขุขันธ์ และเมืองศรีสระเกศ ไปกรุงเทพฯ กำหนดเดินอาทิตย์ละครั้ง พ.ศ. 2436 พระกันทรานุรักษ์ ผู้ว่าราชการเมือง กันทรารมย์ถึงแก่กรรม หลวงสุนทรพิทักษ์ ผู้เป็นบุตรที่เป็น กรมการเมืองได้รักษาราชการเมืองสืบมาจนยุบเป็นอำเภอและ โอนจากเมืองสังขะมาขึ้นกับเมืองขุขันธ์ พ.ศ. 2437 รัชกาลที่ 5 ได้จัดตั้งมณฑลเทศาภิบาลขึ้น 4 มณฑล เป็นมณฑลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 มณฑล คือ มณฑลนครราชสีมา ซึ่งปรับปรุงมาจากมณฑลเดิม ทรงแต่งตั้งข้าราชการจากส่วนกลางไปเป็นข้าหลวงเทศาภิบาล ปกครองมณฑล มณฑลนครราชสีมาแบ่งย่อยเป็น 3 บริเวณ คือ บริเวณนครราชสีมา บริเวณนางรอง และบริเวณชัยภูมิ มีข้าหลวงบริเวณเป็นผู้ปกครองขึ้นกับข้าหลวงเทศาภิบาล 81

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ กบฏเสือยง พ.ศ. 2437 ในสมัยพระยาวิเศษภักดี (โท) เป็นเจ้าเมือง ศรีสระเกศได้เกิดกบฏเสือยงขึ้น เสือยงเป็นหลานพระยาวิเศษ ภักดี (โท) เคยรับราชการและถูกให้ออกจากราชการ จึงไป เรียนเวทมนต์จากอาจารย์ในเขตเมืองขุขันธ์ ต่อมาต้องคดีฆ่า คนตายถูกตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและส่งไปจำคุกที่เมือง อุบลราชธานีแต่รูดโซ่แหกคุกออกมาได้ ตั้งสมัครพรรคพวก ทำการปล้นตามหมู่บ้านต่างๆ เจ้าหน้าที่จากเมืองอุบลราชธานี และเมอื งศรสี ระเกศรว่ มกนั ปราบปราม มกี ารปะทะกนั หลายครง้ั แต่เสือยงหนีได้ทุกครั้งทำให้มีพรรคพวกมากขึ้นยากแก่การ ปราบปราม จนถึงกับตั้งยุ้งขนาดใหญ่ไว้เก็บข้าวของที่กลางป่า ซึ่งเรียกว่าบ้านเล้า(ปัจจุบันอยู่ในตำบลหนองไผ่ อำเภอเมือง) เจ้าเมืองศรีสระเกศจึงขอให้เมืองขุขันธ์ช่วยปราบ โดยเจ้าเมือง ขุขันธ์ได้เชิญบรรดาเหล่าอาจารย์เสือยงไปช่วยปราบปรามด้วย มีการปะทะกันหลายครั้งแต่เสือยงหนีรอดไปได้ทุกครั้ง ต่อมา เสือยงหลบไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านตาเกษ (ตำบลตาเกษ อำเภอ อุทุมพรพิสัย) กองกำลังเมืองขุขันธ์ได้เข้าล้อมบ้านตาเกษและ จับเสือยงได้ นำตัวเสือยงไปเมืองศรีสระเกศ ทำการประหารที่ บริเวณศาลหลักเมืองผ่าอกเอาตับออกเซ่นครูของเสือยงแล้วแห่ ศรี ษะเสอื ยงไปรอบเมอื ง จากนน้ั นำไปเสยี บประจานไวท้ ท่ี างแยก ไปเมืองขุขันธ์และจากเหตุการณ์นี้เอง ทำให้เมืองศรีสระเกศถูก เพง่ เลง็ จากทางการ จนกระทง่ั ไมม่ ใี ครอา้ งเปน็ ลกู หลานเจา้ เมอื ง ศรีสระเกศเหมือนตระกูลเจ้าเมืองขุขันธ์ที่มีนามสกุลสืบต่อกัน มามากมาย การอธิบายกรณีเสือยง พ.ศ. 2437 อีกด้านหนึ่ง เห็นว่า เสือยงเกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจจากการกระทำของ 82

ข้อมูลพื้นฐานและประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ ขุนนางจากเมืองหลวงที่มาเก็บภาษี และลิดรอนอำนาจของ ท้องถิ่น (คณะกรรมการจัดงานเชิดชูนักสู้เพื่อประชาธิปไตย, 2543, น. 24-25) การแต่งตั้งผู้ว่าราชการเมือง พ.ศ. 2440 รัชกาลที่ 5 ได้ออกพระราชบัญญัติปกครอง ท้องที่ ร.ศ.116 ยกเลิกการปกครองแบบอาญา 4 แบ่งการ ปกครองเป็นหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เมือง มณฑล ตำแหน่ง ที่ถูกยกเลิกไป คือ เจ้าเมือง อุปราช ราชวงศ์ ราชบุตร โดย เปลี่ยนเป็นผู้ว่าราชการเมือง ปลัดเมือง ยกกระบัตรเมือง และผู้ช่วยผู้ว่าราชการเมืองตามลำดับ ตำแหน่งท้าวฝ่าย ตาแสง จ่าบ้าน นายบ้าน ซึ่งเดิมเจ้าเมืองแต่งตั้งขึ้นเพื่อ ปกครองท้องที่ต้องยกเลิกไปด้วย ผู้ครองเมืองเล็กๆ ที่ถูกยุบลง เป็นอำเภอหรือตำบล เป็นกลุ่มที่ไม่อาจปรับเข้ากับการ ปกครองแบบใหม่ได้ นอกจากนี้ยังยกเลิกการปกครองโดยการ สืบสกุลด้วยทำให้ผู้ดำรงตำแหน่งเดิมที่ไม่อาจปรับเข้ากับ ตำแหน่งใหม่ได้ต้องถูกลดความสำคัญลง ดังนั้นเพื่อเป็นการ ชดเชยและรักษาเกียรติยศของผู้ปกครองเดิมไว้ จึงได้ โปรดเกล้าฯ พระราชทานศักดินาเจ้านาย พระยา ท้าว แสน เมืองประเทศราชในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2442 และในปี เดียวกันนี้ได้โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนชื่อมณฑลในภาคตะวันออก เฉียงเหนือและชื่อบริเวณในมณฑลนครราชสีมา ดังนี้ มณฑลลาวกลาง เป็นมณฑลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มณฑลลาวพวน เป็นมณฑลฝ่ายเหนือ บริเวณนครราชสีมา เป็นเมืองนครราชสีมา 83

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ บริเวณนางรอง เป็นเมืองนางรอง บริเวณชัยภมู ิ เป็นเมืองชัยภูมิ เมืองขุขันธ์ขณะที่ยกเป็นผู้ว่าราชการเมือง มีพระยา ขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน(ปัญญา) เป็นผู้ว่าราชการเมืองร่วมกับ เมืองต่างๆ ในมณฑลลาวกาวอีก 17 เมือง และเป็นผู้ว่า ราชการเมืองคนเดียวในมณฑลนี้ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาและ ว่าที่ผู้ว่าราชการเมืองขุขันธ์ แต่เนื่องจากเป็นพี่ชายของท้าว บุญจันทร์ (ท้าวบุญจันทร์เคยเป็นผู้นำกบฏต่อต้านการปฏิรูป การปกครอง ในช่วง พ.ศ. 2444) จึงมีความระแวงจากทางการ จนกระทั่งไม่ได้ตำแหน่งแม้แต่นายอำเภอ ขณะที่เมืองสำคัญ ต่างๆ เช่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ยโสธร สุวรรณภูมิ วารินชำราบ ศรีขรภูมิ ฯลฯ ผู้ว่าราชการเมืองมีบรรดาศักดิ ์ ชั้นพระเท่านั้น ส่วนเมืองศรีสระเกศไม่มีผู้เหมาะสมกับ ตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองจึงได้ว่างตำแหน่งไว้ นัยว่าพระภักดี โยธา (เหง้า) ปลัดเมืองศรีสระเกศมีความชอบพอกับเสือยง ที่ทางราชการปราบปรามได้เมื่อ พ.ศ. 2437 เมืองศรีสระเกศ จึงว่างผู้ว่าราชการเมือง จากการสืบประวัติเมืองศรีสระเกศ พบว่า ลูกหลานหรือเชื้อสายเจ้าเมืองศรีสระเกศได้หายไปจาก หน้าประวัติศาสตร์ ไม่เหมือนเมืองขุขันธ์ที่มีชื่อสกุลเป็นที่รู้จัก จนถึงยุคปัจจุบัน กบฏผีบุญบุญจันทร์ (ชาวศรีสะเกษล้มตายจำนวนมาก) (คณะ กรรมการจัดงานเชิดชนู ักสู้เพื่อประชาธิปไตย, 2543, น. 25-28) พ.ศ. 2443 เกิดกบฏผีบุญบุญจันทร์ บุตรพระยาขุขันธ์ ภักดี (วัง) น้องชายท้าวปัญญา ว่าที่ผู้ว่าราชการเมืองขุขันธ์ที่มี 84

ข้อมูลพ้ืนฐานและประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ สาเหตุจากการปฏิรูปการปกครอง กรรมการเมืองขุขันธ์ หลายคน เช่น ท้าวบุญจันทร์ น้องชายท้าวปัญญา ท้าวทันบุตร ท้าวปัญญาและหลวงรัตนะ ไม่ได้รับตำแหน่ง ท้าวบุญจันทร์ เสนอให้ย้ายอำเภอกันทรลักษ์จากบ้านบักดองมาที่บ้านสิ หรือ จะตั้งบ้านสิเป็นอำเภอและขอตำแหน่งนายอำเภอแต่พระยา บำรุงบุรประจันต์(จันดี กาญจนเสริม) ข้าหลวงบริเวณขุขันธ์ ไม่ยอม จึงรวบรวมประชาชนเข้าฝึกอาวุธที่ภูฝ้าย และย้ายที่มั่น ไปตั้งที่หุบเขาซำปีกาซึ่งอยู่ในเขตอำเภอขุนหาญในปัจจุบัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่จนต้องนำรายงานที่ประชุมเสนาบดี ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2444 ให้ เตรียมกองทหารไว้ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเตรียมปราบปราม ขณะที่กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ได้ส่งกองทหารพร้อม พลเรือนจำนวน 500 คนไปปราบปราม และมีการปะทะ ขั้นแตกหักเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2444 กำลังฝ่ายท้าว บุญจันทร์เสียชีวิตประมาณ 100 กว่าศพ และบาดเจ็บจำนวน มาก และได้นำศีรษะท้าวบุญจันทร์มาเสียบประจานที่ทาง สี่แพร่ง กลางเมืองขุขันธ์ และมีการตั้งกองกำลังรักษาความ ปลอดภัยที่เมืองขุขันธ์เป็นเวลาแรมปี ผลของกบฏผีบุญครั้งนี้ ทำให้พระยาขุขันธ์ภักดี (ท้าวปัญญา) ว่าที่ผู้ว่าราชการเมือง ขุขันธ์ซึ่งเป็นพี่ชายท้าวบุญจันทร์ไม่ได้รับตำแหน่งแม้แต่ ตำแหนง่ นายอำเภอ และเปน็ สาเหตทุ ท่ี ำใหม้ กี ารยา้ ยศาลากลาง เมืองขุขันธ์มาตั้งที่เมืองศรีสะเกษ เมื่อ พ.ศ. 2450 ไม่เพียงแต่ในเขตอำเภอขุขันธ์เท่านั้นที่เกิดผีบุญ การลุก ขึ้นสู้ของชาวนาครั้งนี้เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ของที่ราบสูง โดยมี 85

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ ศูนย์กลางอยู่ที่อุบลราชธานี ทั้งนี้เนื่องจากสภาพความแห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพงอย่างแสนสาหัส และถูกข้าราชการจากส่วน กลางเข้ามากำกับขูดรีดภาษี ในจังหวัดศรีสะเกษมีการลุกขึ้นสู้ ของชาวนาอย่างกว้างขวาง แต่ถูกปราบปรามอย่างหนักและถูก ประหารชีวิตไปเป็นจำนวนมาก สำนักเศรษฐศาสตร์การเมือง อธิบายว่าปรากฏการณ์ ดังกล่าวนี้เป็นเรื่องของจิตสำนึกและความสัมพันธ์กับระบบการ ผลิตของสังคม กบฏผู้มีบุญมีฐานอุดมการณ์พระศรีอาริย์ซึ่ง เป็นวัฒนธรรมความเชื่อของชาวนาที่มีแนวต่อต้านอำนาจรัฐ กบฏผู้มีบุญจึงเป็น “กบฏชาวนา” โดยมีพลังผลักดันคือ จิตสำนึกในความเป็นชนชาติส่วนน้อยโดยเฉพาะในภาคอีสาน เป็นการเกิดขึ้นของกบฏชาวนาภายใต้บริบทความเปลี่ยนแปลง ของสังคมไทยโดยแรงผลักดันทั้งจากภายในอันได้แก่ การปฏิรูป การเมืองการปกครองในสมัยรัฐกาลที่ 5 โดยมุ่งรวบอำนาจเข้าสู่ ส่วนกลางและปัจจัยภายนอก อันได้แก่ การขยายตัวของลัทธิ อาณานิคมและระบบทุนนิยม ลักษณะของกบฏชาวนาที่เกิด ขึ้นได้มีการอธิบายว่า ประการแรก เป็นกบฏของชนกลุ่มน้อย หรือกบฏท้องถิ่น(ซึ่งผู้คนล้วนอยู่ในสังคมชาวนา) ที่ถูกบังคับให้ มกี ารเปลย่ี นแปลง โดยระบบอำนาจทางการเมอื งและวฒั นธรรม ที่แตกต่างและเหนือกว่าและประการที่สอง เป็นกบฏของชาวนา ด้วยจิตสำนึกและอุดมการณ์ของชาวนาเมื่อถูกกดขี่ขูดรีดใน ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม เช่น การเก็บภาษี ความรู้สึก ต่ำต้อยในทางเชื้อชาติ และความรู้สึกด้อยทางการเมือง (พรเพ็ญ ฮั่นตระกูล และอัจฉราพร กมุทพิชัย, 2527, น. 12) 86

ข้อมูลพื้นฐานและประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ ภายใต้การปกครองมณฑลอีสาน พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้กระทรวงมหาดไทยปรับปรุงการปกครองในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ โดยคงจัดเป็นมณฑล แต่แบ่งการปกครอง มณฑลเป็นบริเวณดังนี้ มณฑลอีสาน แบ่งการปกครองออกเป็น 4 บริเวณ คือ บริเวณอุบลราชธานี บริเวณขุขันธ์ บริเวณสุรินทร์ และบริเวณ ร้อยเอ็ด บริเวณขุขันธ์ประกอบด้วย เมืองขุขันธ์ เมืองศรีสระเกศ และเมืองเดชอุดม มณฑลอุดร แบ่งการปกครองเป็น 4 บริเวณ คือ บริเวณ หมากแข้ง บริเวณธาตุพนม บริเวณสกลนคร บริเวณภาชีและ บริเวณน้ำเหือง มณฑลนครราชสีมา แบ่งการปกครองเป็น 3 เมือง คือ เมืองนครราชสีมา เมืองบุรีรัมย์ และเมืองชัยภูมิ พ.ศ. 2452 ย้ายที่ว่าการอำเภออุทุมพรพิสัยมาอยู่ที่บ้านขนา ตำบลน้ำอ้อม เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอน้ำอ้อม เมืองขุขันธ์ ศรีสระเกศ และเดชอุดม รวมเป็นบริเวณ ขุขันธ์ พ.ศ. 2455 มีการประกาศแบ่งมณฑลอีสาน ซึ่งมีพื้นที่ กว้างใหญ่เป็น 2 มณฑล คือ มณฑลอุบลราชธานีและมณฑล ร้อยเอ็ด เมืองขุขันธ์ เมืองศรีสระเกศและเมืองเดชอุดมอยู่ใน ปกครองของมณฑลอุบลราชธานี และมีการปรับบริเวณเมือง ให้รวมเมืองขุขันธ์ เมืองศรีสระเกศและเมืองเดชอุดม ซึ่งเรียกว่า 87

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ บรเิ วณขขุ นั ธเ์ ปน็ เมอื งเดยี วกนั เรยี กวา่ เมอื งขขุ นั ธ์ มศี าลากลาง อยู่ที่อำเภอกลางศรีสระเกศ ในปีเดียวกันนี้ได้ยุบอำเภอ กันทรารมย์เป็นตำบลกันทรารมย์ และเปลี่ยนชื่ออำเภอขุขันธ์ เป็นอำเภอห้วยเหนือ นอกจากนี้ยังยุบอำเภอกลางเดชอุดม อำเภออุทัยเดชอุดมและอำเภอปจิมเดชอุดมลงเป็นอำเภอ เดชอุดมขึ้นกับเมืองขุขันธ์ พ.ศ. 2456 เปลี่ยนชื่ออำเภอกลางศรีสระเกศเป็นอำเภอ ศรีสระเกศ เปลี่ยนชื่ออำเภอสำโรงใหญ่ เป็นอำเภออุทุมพรพิสัย เพื่อรักษานามเมืองอุทุมพรพิสัยเดิมที่ถูกยุบไป เปลี่ยนชื่อ อำเภอราษีไศลเป็นอำเภอคง ตามชื่อตำบลที่ตั้งและนามเมือง เดิม เมืองขุขันธ์เป็นจังหวัด พ.ศ. 2459 ไดม้ ปี ระกาศกระทรวงมหาดไทยเรอ่ื งโปรดเกลา้ ฯ ให้เปลี่ยนคำว่าเมือง ให้เรียกว่า จังหวัด ลงวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 มีสาระสำคัญว่า เพื่อความเข้าใจง่ายในการ ปกครอง จึงโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่า เมือง ให้เรียกว่า จังหวัด ผู้ว่าราชการเมืองให้เรียกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ตาม ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 33/ 2459 หน้า 51 ดังนั้นเมือง ขุขันธ์ จึงเปลี่ยนเป็นจังหวัดขุขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 เปน็ ตน้ มา โดยเรม่ิ แรกมี 7 อำเภอ คอื อำเภอศรสี ระเกศ อำเภอห้วยเหนือ อำเภออุทุมพรพิสัย อำเภอท่าช้าง อำเภอ น้ำอ้อม อำเภอคงและอำเภอเดชอุดม มีที่ตั้งศาลากลางอยู่ที่ อำเภอศรีสระเกศ 88

ข้อมูลพื้นฐานและประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. 2462 เปลย่ี นชอ่ื อำเภอทา่ ชา้ งเปน็ อำเภอกนั ทรารมย์ เพื่อรักษานามเมืองกันทรารมย์เดิมที่ถูกยุบไปและใน พ.ศ. 2465 ย้ายที่ตั้งอำเภอกันทรารมย์มาตั้งที่บ้านคำบอน ตำบลดูน ใกล้ทางรถไฟ พ.ศ. 2465 มีการปรับปรุงการบริหารงานส่วนภูมิภาค ใหม่ โดยรวมมณฑลหลายมณฑลเข้าเป็นภาค และโปรดเกล้าฯ ให้รวมมณฑลอุดร มณฑลอุบลราชธานีและมณฑลร้อยเอ็ดขึ้น เป็นภาคอีสาน โดยมีอุปราชทำหน้าที่ตรวจการบริหารราชการ เหนือสมุหเทศาภิบาล และยังทำหน้าที่สมุหเทศาภิบาลประจำ มณฑล ซง่ึ ทท่ี ำการภาคตง้ั อยดู่ ว้ ย โดยขน้ึ ตรงตอ่ พระมหากษตั รยิ ์ ไม่ต้องอยู่ในปกครองของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้การสั่งงาน เป็นไปโดยรวดเร็วยิ่งขึ้นและใน พ.ศ. 2468 ได้ยุบเลิกมณฑล อบุ ลราชธานแี ละมณฑลรอ้ ยเอด็ ใหไ้ ปขน้ึ กบั มณฑลนครราชสมี า จังหวัดขุขันธ์จึงขึ้นกับมณฑลนครราชสีมา จนกระทั่ง พ.ศ. 2470 มีการยุบเลิกมณฑลทั่วประเทศ จังหวัดขุขันธ์จึงขึ้นต่อ ส่วนกลาง การโอนพ้ืนที่ระหว่างจังหวัดขุขันธ์กับจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2470 ใหโ้ อนตำบลตา่ งๆ ในเขตจงั หวดั อบุ ลราชธานี ไปขึ้นในการปกครองของจังหวัดขุขันธ์ คือ 1) โอนพื้นที่ส่วนหนึ่งของตำบลโพนค้อ อำเภอ วารินชำราบ ไปขึ้นกับตำบลน้ำอ้อม ต่อมาเป็นตำบลเสียว ตำบลหนองหว้า ตำบลท่าคล้อ และตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเบญจลักษ์ 89

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ 2) โอนพื้นที่ส่วนหนึ่งของตำบลโพนค้อ อำเภอวาริน- ชำราบไปขึ้นกับอำเภอกันทรารมย์ ต่อมาเป็นตำบลโนนค้อ และ ตำบลหนองกุง อำเภอโนนคณู 3) โอนพื้นที่ตำบลหนองแก้ว ตำบลทาม ตำบลละทาย ตำบลเมืองน้อยและตำบลหนองแวง อำเภอเขื่องใน ไปขึ้นกับ อำเภอกันทรารมย์ ใน พ.ศ. 2471 ได้โอนพื้นที่อำเภอเดชอุดม และกิ่งอำเภอโพนงาม จากจังหวัดขุขันธ์ ไปขึ้นกับจังหวัด อุบลราชธานี ขุขันธ์สมัยประชาธิปไตย พ.ศ. 2476 สมัยรัชกาลที่ 7 มีการตราพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม โดยจัดระเบียบราชการ ส่วนภูมิภาคออกเป็นจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ให้จังหวัด มีฐานะเป็นหน่วยบริหารราชการแผ่นดิน มีตำแหน่งข้าหลวง ประจำจังหวัดและกรมการจังหวัดเป็นผู้บริหาร เป็นผลให้ภาค และมณฑลต้องยุบเลิกไป ในปีเดียวกันมีการแก้ไขปรับปรุง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินอีก โดยแก้ไขใน ส่วนที่เกี่ยวกับจังหวัด ให้จังหวัดมีฐานะเป็นนิติบุคคล อำนาจ การบริหารที่อยู่กับกรมการจังหวัด เปลี่ยนมาเป็นผู้ว่าราชการ จังหวัดมีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว โดยมีกรมการจังหวัดเป็นที่ ปรึกษา พ.ศ. 2476 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดย ทางอ้อม โดยการเลือกผู้แทนตำบลไปเลือกสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรอีกต่อหนึ่ง ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 90

ข้อมูลพ้ืนฐานและประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. 2476 ปรากฏว่าผู้แทนราษฎรจังหวัดขุขันธ์คนแรก คือ ขุนพิเคราะห์คดี (อินทร์ อินตะนัย) การเปลี่ยนช่ือจังหวัด พ.ศ. 2481 มีพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนนามจังหวัดและ อำเภอบางแห่ง พ.ศ. 2481 ให้เปลี่ยนนามจังหวัดขุขันธ์เป็น จังหวัดศรีสะเกษ และเปลี่ยนชื่ออำเภอ ดังนี้ อำเภอห้วยเหนือ เป็นอำเภอขุขันธ์ อำเภอน้ำอ้อมเป็นอำเภอกันทรลักษ์ อำเภอ คงเป็นอำเภอราษีไศล และอำเภอศรีสระเกศเป็นอำเภอเมือง ศรสี ะเกษ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความเปน็ จรงิ และเปน็ สากลเหมอื นกนั ทั่วประเทศ ชื่อจังหวัดศรีสะเกษ จึงยึดตามประกาศในราชกิจจา นุเบกษา เล่ม 55 หน้า 664 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 หลงั จากทม่ี กี ารเขยี นไมเ่ หมอื นกนั มา จงึ เปน็ ทย่ี ตุ วิ า่ “ศรสี ะเกษ” จนกระทั่งถึงปัจจุบัน การเคล่ือนไหวทางการเมืองหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 จังหวัดศรีสะเกษ เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการเคลื่อนไหว ทางการเมืองและการทหารหลังเหตุการณ์วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 นักศึกษาและประชาชนที่สนใจในระบอบ ประชาธิปไตยส่วนหนึ่ง ได้ร่วมการเคลื่อนไหว มีการบวชอุทิศ ส่วนกุศลแก่วีรชน 14 ตุลา ต่อมาเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ทำให้ข้าราชการและประชาชนจังหวัดศรีสะเกษส่วน หนึ่งถูกจับกุมคุมขัง บางส่วนได้เข้าร่วมกับกองกำลังของพรรค คอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เพื่อทำการสู้ตามอุดมการณ์ของ 91

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ ตนซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากการต่อสู้ครั้งนี้เป็นจำนวนมาก การต่อสู้ด้วยอุดมการณ์คอมมิวนิสต์เกิดขึ้นในพื้นที่ จังหวัดศรีสะเกษอย่างยาวนาน โดยในช่วงที่มีขบวนการ สันติภาพซึ่งเป็นการจัดตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงปี พ.ศ. 2493-2495 กุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้เดินทางไปยังบ้านคูซอด จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2495 โดยมีการ ติดต่อประสานงานกับพรรคคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ และเห็นว่า ศรีสะเกษเป็นจังหวัดที่มีการจัดตั้งขบวนการชาวนาที่เข้มแข้ง ที่สุดในขณะนั้น พื้นที่ที่สำคัญคือ บ้านคูซอด บ้านหนองใหญ่ และบ้านหญ้าปล้อง มีคณะกรรมการประกอบด้วย พระ ผู้นำ ชาวบ้าน เป็นต้น สิ่งที่สำคัญก็คือ ได้มีการรณรงค์ให้ต่อต้าน ภาษีที่ดินของรัฐบาล (ประภาส ปิ่นตบแต่ง, 2543, น. 18) ช่วงกิจกรรมขององค์กรเอกชนในจังหวัดศรีสะเกษ ช่วง พ.ศ. 2521 – 2541 หลังจากที่มีการเปิดโอกาสให ้ ผู้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กลับมา ร่วมพัฒนาชาติไทยแล้ว มีนักเคลื่อนไหวชาวศรีสะเกษที่ทยอย กลับเข้ามา มีการจัดตั้งกลุ่มและองค์กรต่างๆ เช่น กลุ่มอาชีพ สหภาพแรงงาน คณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนา จังหวัดศรีสะเกษ (คปศ.) สมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน (สกยอ.) สมัชชาคนจน กลุ่มสายธารประชาชน สมัชชาเขื่อน แห่งประเทศไทย หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน คณะกรรมการปฏิรูป การเมืองจังหวัดศรีสะเกษ เป็นต้น กลุ่มองค์กรเอกชนเหล่านี ้ มีบทบาทนำประชาชนและกลุ่มอาชีพเรียกร้องสิทธิและ ประโยชน์ต่างๆ เช่น การเรียกร้องค่าชดเชยจากผลกระทบการ 92

ข้อมูลพ้ืนฐานและประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ สร้างฝายราษีไศล ค่าชดเชยที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ การ เคลื่อนไหวช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างฝายหัวนา และการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมักจะมีกลุ่มประชาชนจังหวัดศรีสะเกษเข้ามีบทบาทสำคัญ เป็นต้น (คณะกรรมการจัดงานเชิดชูนักสู้เพื่อประชาธิปไตย, 2543, น. 46-48) จากกรณีการต่อสู้ในเหตุการณ์ต่างๆ ของประชาชน จังหวัดศรีสะเกษตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่า ถึงแม้จะเป็นผู้ที่รักความสงบ ขยัน และเจียมตัว แต่ก็ยังมีความ เข้มแข็ง และพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้ได้ตลอดเวลา หากได้รับ ผลกระทบหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบการเมืองหรือ ผู้ที่มีอำนาจ ดังเช่นกรณีการเกิดกบฏผีบุญ สมัชชาเกษตรกร รายย่อยภาคอีสาน (สกยอ.) สมัชชาคนจน เป็นต้น 93



บ4ทท ่ี นักการเมืองถ่ิน จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 การนำเสนอนักการเมืองถิ่นในส่วนนี้ ประกอบด้วย รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษตั้งแต่สมัย ที่มีการเลือกตั้งครั้งแรกใน พ.ศ. 2476 จนถึง พ.ศ. 2554 (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 1 ถึงชุดที่ 24) สมาชิกวุฒิสภา ที่ได้รับการเลือกตั้ง พ.ศ. 2543 – 2554 นักการเมืองถิ่นจังหวัด ศรีสะเกษที่มีบทบาทสำคัญและเคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรูปแบบและวิธีการหาเสียงของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรแยกเป็นรายบุคคล รายละเอียดดังนี้ 1. นักการเมืองถิ่น จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 การนำเสนอนักการเมืองถิ่น จังหวัดศรีสะเกษ จะแบ่ง ลำดับตามชุดของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ชุดที่ 1 (พ.ศ. 2475) ถึง ชุดที่ 24 (พ.ศ. 2554) โดยสรุปลักษณะโครงสร้างของ

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ สมาชิกรัฐสภาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับและรายชื่อ ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแต่ละสมัย ดังนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 1 (จัดตั้งผู้แทนราษฎรชั่วคราว ปี พ.ศ. 2475) นับตั้งแต่ประเทศสยามได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจาก ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยพระราชบัญญัติธรรมนญู การปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ซึ่งเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 กำหนดให้สถาบันกษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย รัฐธรรมนูญ อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของประชาชนและให้ มีบุคคลและคณะบุคคลซึ่งประกอบด้วย กษัตริย์ สภาผู้แทน ราษฎร คณะกรรมการราษฎรและศาล เป็นผู้ใช้อำนาจแทน ประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนญู ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจาก จังหวัดต่างๆ นั้น พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน สยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ในมาตราที่ 10 ได้กำหนดให้ คณะราษฎรซึ่งมีคณะผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารเป็นผู้ใช้อำนาจ แทนจัดตั้งผู้แทนราษฎรชั่วคราวขึ้นเป็นจำนวน 70 คน เป็น สมาชิกในสภา ส่งผลให้ประเทศสยามมีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรเป็นครั้งแรก โดยเริ่มมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็น ครั้งแรก ในวันที่ 28 มิถุนายน 2475 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งที่ประชุมมีมติเลือกเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีเป็นประธาน สภาราษฎรและพลตรี พระยาอินทรวิชิต เป็นรองประธานสภา 96

นักการเมืองถ่ิน จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2476 - 2554 ผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราวชุดนี้ ปฏิบัติ หน้าที่ตั้งแต่ 28 มิถุนายน– 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 1) เนื่องจากสมาชิกรัฐสภาชุดที่ 1 นี้เกิดขึ้นจากพระราช บญั ญตั ธิ รรมนญู การปกครองแผน่ ดนิ สยามชว่ั คราว พทุ ธศกั ราช 2475 ในมาตราที่ 10 ได้กำหนดให้ คณะราษฎรซึ่งมีคณะ ผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารเป็นผู้ใช้อำนาจแทนจัดตั้งผู้แทน ราษฎรชั่วคราวขึ้นเป็นจำนวน 70 คน จนกว่าจะมีสมาชิกใน สภาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ประเภท สมาชิกรัฐสภา ชุดที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 28 มิถุนายน – 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 โดยไม่มีนักการเมืองถิ่นจากจังหวัด ศรีสะเกษ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิต เอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 1) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 2 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งแรก พ.ศ. 2476) พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม ชั่วคราว พุทธศักราช 2475 กำหนดไว้ว่าภายในเวลา 6 เดือน นับจากวันประกาศใช้จะต้องมีสมาชิกในสภา 2 ประเภท คือ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสาร รัฐสภา, ม.ป.ป., น. 7, 10) ประเภทที่ 1 ผู้แทนซึ่งราษฎรจะได้เลือกขึ้นจังหวัดละ 1 นาย ถ้าจังหวัดใดมีสมาชิกเกินกว่า 100,000 คน ให้จังหวัด 97

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ นั้นเลือกผู้แทนเพิ่มขึ้นอีก 1 นาย เศษของ 100,000 คน ถ้าเกิน กว่าครึ่งให้เลือกเพิ่มอีก 1 นาย ประเภทที่ 2 ผู้เป็นสมาชิกอยู่แล้วในสมัยที่ 1 มีจำนวน เท่ากับสมาชิกประเภทที่ 1 ถ้าจำนวนเกินให้เลือกกันเองว่า ผู้ใดจะคงเป็นสมาชิกต่อไป ถ้าจำนวนขาดให้ผู้ที่อยู่เลือกบุคคล อื่นมาแทน ต่อมา วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ประเทศสยามก็ได้ ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 หรือที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับถาวร” กำหนดให้สภาผู้แทน ราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท มีจำนวนเท่ากัน คือ สมาชิกประเภทที่ 1 ได้แก่ ผู้ที่ราษฎรเลือกตั้งขึ้นตาม เงื่อนไขในบทบัญญัติมาตรา 16 และ 17 สมาชิกประเภทที่ 2 ได้แก่ ผู้ที่พระมหากษัตริย์ทรงตั้งขึ้น การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 ได้ ดำเนินการ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 เป็นการเลือกตั้ง ทางอ้อม โดยเลือกตั้งผู้แทนตำบลก่อน แล้วผู้แทนตำบลจะเป็น ผู้เลือกผู้แทนราษฎรอีกต่อหนึ่ง เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขต ถอื เกณฑร์ าษฎรสองแสนคนตอ่ ผแู้ ทนราษฎรหนง่ึ คน การเลอื กตง้ั ในครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกได้ผู้แทนราษฎรจาก การเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวน 78 คน ในส่วนของจังหวัดขุขันธ์ (ก่อนเปลี่ยนมาเป็นจังหวัด ศรีสะเกษในปัจจุบัน)ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 1 วันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 คือ 98

นักการเมืองถิ่น จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 ขุนพิเคราะห์คดี (อินทร์ อินตะนัย) (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 10) อาชีพ แพ่งจังหวัดมหาสารคาม (ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์, 2546, น. 143) ซึ่งถือเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัด ศรีสะเกษ แม้ว่าภายหลังชนะการเลือกตั้งขุนพิเคราะห์ คดี(อินทร์ อินตะนัย)จะถูกนายเลื่อน ตระตุฤกษ์ ครูใหญ่ โรงเรียนจีนฮัวเคี่ยว และนายรถ พงศ์พะยุหะ ชาวอำเภอ อุทุมพรพิสัย จังหวัดขุขันธ์ ฟ้องว่าไม่เป็นการชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2475 (แก้ไขเพิ่มเติม 2476) หลายประการ อาทิ อ้างว่า ขุนพิเคราะห์คดีได้ถูกศาลจังหวัดกาฬสินธุ์พิพากษาจำคุก มีกำหนดโทษ 6 เดือน ฐานทำร้ายร่างกาย ศาลได้รอการ ลงอาญาไว้ 5 ปี ขุนพิเคราะห์คดีจึงจะพ้นโทษอาญา ดังนั้น จึงมีการกล่าวว่าการรอลงอาญานั้นถือว่าเป็นโทษได้ ซึ่งผิด กฎหมายการเลือกตั้ง โดยคำร้องดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดได้ ส่งเรื่องให้สภาผู้แทนราษฎรได้วินิจฉัยและจากการศึกษาข้อมูล พบว่าไม่มีการเลือกตั้งใหม่ ผู้แทนที่มีการคัดค้านจึงถือว่าได้รับ การเลือกตั้งโดยถูกต้อง (ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์, 2546, น. 543 -544) รายชื่อผู้สมัครผู้แทนราษฎร จังหวัดขุขันธ์ (ศรีสะเกษ) ในการเลือกตั้งครั้งแรกของสยาม พ.ศ. 2476 ประกอบด้วย (ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์, 2546, น. 538) 1) พระยาวิสุทธราชวังสรรค์ 2) หลวงสำรวจนิกร 3) นายลำดวน ศิลปประสิทธิ์ 99

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ 4) นายเหล็ก แสงทอง 5) นายเปลี่ยน ศิลวานิช 6) นายเจริญ สีหบัณฑ์ ทั้งนี้ จังหวัดขุขันธ์ถือเป็นจังหวัดที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง มากที่สุดเป็นลำดับที่สามในภาคอีสานร่วมกับจังหวัดชัยภูมิ และสุรินทร์ โดยจังหวัดที่มีผู้สนใจสมัครเข้ารับการเลือกตั้งมาก ที่สุด คือ จังหวัดนครราชสีมาและบุรีรัมย์ อันดับสองคือ จังหวัด อุบลราชธานี เป็นที่น่าสังเกตว่าจังหวัดเหล่านี้มีพื้นที่อยู่ในเขต ลุ่มแม่น้ำมูลและอีสานใต้เป็นส่วนใหญ่ สาเหตุที่จังหวัดเหล่านี้ มีผู้สนใจสมัครเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองระดับชาติสูงเช่นนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะเนื่องมาจากการคมนาคมทางรถไฟที่ทำให ้ หัวเมืองเหล่านี้สามารถติดต่อกับศูนย์อำนาจการปกครองส่วน กลางได้สะดวกกว่าหัวเมืองอื่นๆ ประกอบกับหัวเมืองเหล่านี้ เคยเป็นศูนย์กลางการปกครองในอีสานมาก่อน โดยเฉพาะ จงั หวดั นครราชสมี าและอบุ ลราชธานี (ดารารตั น ์ เมตตารกิ านนท,์ 2546, น. 133) หากคิดเป็นสัดส่วนเทียบกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร (ประเภทท่ี 1) ทง้ั หมดทว่ั ประเทศทง้ั หมด 78 คน แบง่ เปน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ประเภทที่ 1) จากภาคอีสาน จำนวน 19 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 24.35 ภาคเหนอื มที ง้ั หมด 12 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 15.38 ภาคใต้ มีผู้แทนราษฎร 14 คน (ไม่นับรวมจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์) คิดเป็นร้อยละ 17.94 ดังนั้นจะเห็นได้ว่า จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากภาคอีสานเมื่อเทียบเป็น สัดส่วนแล้วจะมีจำนวนมากที่สุด (ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์, 2546, น. 149) 100

นักการเมืองถ่ิน จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร(ประเภทที่ 1) ที่ได้ดำเนินการ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม โดยเลือกตั้งผู้แทนตำบล ก่อน แล้วผู้แทนตำบลจะเป็นผู้เลือกผู้แทนราษฎรอีกต่อหนึ่ง ซึ่งวิธีการเลือกตั้งแบบนี้ ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์ ตั้งข้อ สังเกตว่าจะก่อให้เกิด “ระบบฐานเสียง” ขึ้นโดยเริ่มต้นจาก เครือญาติของผู้ที่ต้องการได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร หรือผู้แทนของจังหวัดนั้นๆ ได้ให้เครือญาติลงสมัครเป็นผู้แทน ตำบลเพื่อที่จะได้เป็นฐานเสียงหรือฐานคะแนนของตน รวมทั้ง เพื่อที่จะได้ดำเนินการเป็นหัวคะแนนไปด้วย โดย ดารารัตน์ ได้ยกกรณีตัวอย่างที่พบในจังหวัดมหาสารคาม คือ กรณีของนายบุญช่วย อัตถากร ซึ่งได้รับเลือกเป็นผู้แทน ตำบลตลาด อำเภอตลาด เปน็ นอ้ งชายของนายทองมว้ น อตั ถากร และจากคำรอ้ งคดั คา้ นการเลอื กตง้ั ครง้ั แรกทจ่ี งั หวดั มหาสารคาม นี้ ผู้คัดค้านได้อ้างว่า นายบุญช่วย ได้กระทำการสมคบกัน เชิญผู้แทนตำบลต่างๆ มาประชุมที่บ้านของเขาในคืนวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 เชิญเลี้ยงน้ำชากาแฟและสุราเสมือน หนึ่งบังคับคือให้ผู้แทนตำบลที่มาประชุม ณ ที่นั้นลงความเห็น เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้เลือก นายทองม้วน อัตถากร ซึ่งเป็นพี่ชาย และเมื่อผู้แทนตำบลได้ลงลายลักษณ์อักษรแล้ว ยังกำชับให้รักษาสัจจะอีกด้วย (ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์, 2546, น. 125) ซึ่งจากตัวอย่างดังกล่าวนี้ สะท้อนให้เห็นว่าระบบ ฐานเสียงและระบบหัวคะแนนได้เริ่มเกิดขึ้นในอีสานตั้งแต่เริ่มมี การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งแรกแล้ว 101

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 3 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2480) การเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 1 ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2480 เป็นการเลือกตั้ง ทางตรง แบบแบ่งเขต แต่ละเขตมีผู้แทนราษฎรได้หนึ่งคน ถือจำนวนราษฎรสองแสนคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน โดยให้ ราษฎรใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทนราษฎรโดยตรง นับเป็นการเลือกตั้ง ทางตรงครั้งแรกของประเทศไทยและเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 2 ได้ผู้แทนราษฎรจำนวน 91 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 1 ชุดนี้สิ้นสุดเมื่อ วันที่ 11 กันยายน 2481 โดยพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทน ราษฎร เนื่องจากรัฐบาลแพ้มติของสภากรณี ส.ส. เสนอญัตติ ขอแก้ไขข้อบังคับของสภาผู้แทนราษฎร (สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 11, 14) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ประเภทที่ 1 จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2480 ได้แก่ 1) นายเทพ โชตินุชิต (ขุขันธ์) ศรีสะเกษ เขต 1 2) นายพุฒเทศ กาญจนเสริม (ขุขันธ์) ศรีสะเกษ เขต 2 102

นักการเมืองถ่ิน จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2476 - 2554 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 4 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2481) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 1 จำนวน 91 คน เป็นการ เลือกตั้งทางตรง แบบแบ่งเขต แต่ละเขตมีผู้แทนราษฎรได้ หนึ่งคน ถือจำนวนราษฎรสองแสนคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน ต่อมา เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 ได้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพิ่มอีก 4 คน รวมเป็น 95 คน เนื่องจากไทยได้ดินแดน 4 จังหวัดเพิ่มขึ้น ได้แก่ จังหวัดนคร จำปาศักดิ์ จังหวัดพระตะบอง จังหวัดพิบลู สงคราม และจังหวัด ลานช้าง (ปัจจุบัน 4 จังหวัดนี้เป็นพื้นที่ของประเทศกัมพชู า) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 1 ชุดนี้ได้มีการ ขยายวาระเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรออกไปอีกคราวละ ไม่เกิน 2 ปีตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2485 มาตรา 18 ดังนั้น สมาชิกภาพของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จึงอยู่ในวาระนานกว่า 4 ปี และได้สิ้นสุดโดยพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2488 เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎร ไม่เห็นชอบด้วยกับร่างพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม ตามที่รัฐบาลเสนอ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 15, 18) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ประเภทท่ี 1 จากการเลอื กตง้ั เมอ่ื วนั ท่ี 12 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2481 ได้แก่ 103

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ 1) หลวงราษฎร์วิรุฬหกิจ (ช้อย สุคนธ์) (ขุขันธ์) ศรีสะเกษ เขต 1 2) นายพุฒเทศ กาญจนเสริม (ขุขันธ์) ศรีสะเกษ เขต 2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 5 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2489) สมาชิกสภาราษฎร ประเภทที่ 1 ชุดนี้มีจำนวน 96 คน ได้รับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2489 เป็นการ เลือกตั้งทางตรง แบบแบ่งเขต แต่ละเขตมีผู้แทนราษฎรได้ หนึ่งคน ถือจำนวนราษฎรสองแสนคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน เมื่อเกิดการรัฐประหาร ในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จึงสิ้นสุดลง (สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 21, 24) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ประเภทที่ 1 จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2489 ได้แก่ 1) นายบรู ณะ จำปาพันธ์ (ขุขันธ์) ศรีสะเกษ เขต 1 2) นายผล ศิลารัตน์ (ขุขันธ์) ศรีสะเกษ เขต 2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 5 (เพิ่มเติม) (เลือกตั้งเพิ่มขึ้นตามจำนวนราษฎร) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 104

นักการเมืองถ่ิน จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2476 - 2554 ได้บัญญัติให้มีสองสภา คือ วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ประกอบเป็นรัฐสภา ในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ได้มีการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเติม ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ฉบับดังกล่าว ที่ให้มีการเลือกตั้งเพิ่มเติมตามจำนวนราษฎร โดยถือเกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสนคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบแบ่งเขต มีการเลือกตั้งเพิ่ม 47 จังหวัด (82 เขต) ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มอีก 82 คน รวมกับผู้แทนราษฎรที่มีอยู่เดิม 96 คน ทำให้สภาผู้แทน มีสมาชิก จำนวน 178 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ได้สิ้นสุดโดยการรัฐประหาร วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสาร รัฐสภา, ม.ป.ป., น. 25, 28) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ (เลือกตั้งเพิ่มเติม) วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ได้แก่ 1) นายประเทือง ธรรมสาลี (ขุขันธ์) ศรีสะเกษ เขต 1 2) ร้อยตำรวจตรี สวัสดิ์ ศรีอุทุมพร (ขุขันธ์) ศรีสะเกษ เขต 2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 6 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2491) ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 มีการประกาศใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 รัฐธรรมนูญฉบับนี้บัญญัติให้รัฐสภา ประกอบด้วยวุฒิ 105

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ สภาและสภาผู้แทน โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทน ภายใน 90 วัน นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนญู ดังนั้น จึงได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนขึ้น เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2491 เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบรวมเขต ถือเกณฑ์ราษฎรสองแสนคนต่อสมาชิกสภาผู้แทนหนึ่งคน มีผู้ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทน จำนวน 100 คน สมาชิกสภา ผู้แทนชุดนี้สิ้นสุดเพราะการยึดอำนาจการปกครองของ คณะบริหารประเทศชั่วคราว วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสาร รัฐสภา, ม.ป.ป., น. 29, 32) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ จาก การเลือกตั้ง วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2491 ได้แก่ 1) นายบุญเพ็ง พรหมคุณ ศรีสะเกษ 2) นายเทพ โชตินุชิต ศรีสะเกษ ในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2492 นายบุญเพ็ง พรหมคุณ จากพรรคประชาชน จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวโจมตีรัฐบาล เกี่ยวกับการละเลยการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคอีสาน (ชาร์ลส์ เอฟ คายส์, 2552, น. 105) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 6 (เพิ่มเติม) (เลือกตั้งเพิ่มขึ้นตามบทเฉพาะกาล) หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 แทนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร (ฉบับ ชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน 106

นักการเมืองถิ่น จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 ราษฎรเพิ่มขึ้นตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ โดยจัดการ เลือกตั้งขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2492 จำนวน 19 จังหวัด เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบรวมเขต ถือเกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสน ห้าหมื่นคนต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งคน มีสมาชิกสภา ผู้แทนที่ได้รับเลือกตั้ง 21 คน ต่อมา วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 คณะบริหารประเทศชั่วคราวได้ประกาศยึดอำนาจการ ปกครองประเทศทำให้สมาชิกสภาผู้แทนชุดนี้สิ้นสุดลง (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสาร รัฐสภา, ม.ป.ป., น. 35-36) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ (เพิ่มเติม) จากการเลือกตั้งวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2492 ได้แก่ นายประเทือง ธรรมสาลี ศรีสะเกษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 7 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2495) การยึดอำนาจการปกครองประเทศ วนั ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 คณะบริหารประเทศชั่วคราว ได้นำรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย ฉบับลงวันที่ 10 ธันวาคม พุทธศักราช 2475 พร้อมทั้งรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยนามประเทศ พุทธศักราช 2482 และรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วย บทเฉพาะกาล พุทธศักราช 2483 มาบังคับใช้ใหม่ เป็นเหตุให้ รัฐสภาไทยกลับไปสู่สภาเดียว มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 ประเภท คือ สมาชิกประเภทที่ 1 และสมาชิกประเภทที่ 2 ดงั นน้ั ในวนั ท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2495 จงึ มกี ารเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 เป็นการเลือกตั้งทางตรง 107

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ แบบรวมเขต ถือเกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทน ราษฎรหนึ่งคน ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 123 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 1 ชุดนี้สิ้นสุดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 เนื่องจากถึงคราวออกตามวาระที่กำหนด ไว้ในรัฐธรรมนูญ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่าย ผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 37, 41) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ประเภทที่ 1 จากการเลือกตั้งวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 ได้แก่ 1) นายทิม ไชยยงยศ ศรีสะเกษ 2) นายเทพ โชตินุชิต ศรีสะเกษ 3) นายมานิต อุทธิเสน ศรีสะเกษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 8 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2500/1) วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2498 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติพรรคการเมืองต่อ สภา โดยให้เหตุผลว่า ระบอบประชาธิปไตยได้ดำเนินมากว่า ยี่สิบปีแล้ว ควรแก่เวลาที่จะให้มีการก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้น สภาเห็นชอบด้วยและลงมติ ประกาศใช้เป็นกฎหมายในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2498 ต่อมาได้มีการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้น หลายพรรค ทำให้การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 มีผู้สมัครรับเลือกตั้งส่วนใหญ่สังกัดพรรคการเมือง โดยการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบรวมเขต ถือเกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน 108

นักการเมืองถ่ิน จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 160 คน สมาชิกภาพของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิต เอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 43, 51) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ประเภทที่ 1 จากการเลือกตั้งวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ได้แก่ 1) นายบรู ณะ จำปาพันธ์ พรรคเสรีมนังคศิลา 2) นายเลื่อน ทองดี พรรคเสรีมนังคศิลา 3) นายเทพ โชตินุชิต พรรคเศรษฐกร 4) นายตรีเพ็ชร ศรแก้ว พรรคเศรษฐกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 9 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2500/2) วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 1 จำนวน 160 คน เป็นการเลือกตั้ง ทางตรงแบบรวมเขต ถือเกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อ ผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สมาชิกภาพของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ สิ้นสุดโดยคณะปฏิวัติ ประกาศยึดอำนาจการปกครองประเทศ วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 55, 62) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ประเภทที่ 1 จากการเลือกตั้งวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 ได้แก่ 109

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ 1) นายสง่า วัชราภรณ์ ไม่สังกัดพรรค 2) นายพรชัย แสงชัจจ์ พรรคเศรษฐกร 3) นายบูรณะ จำปาพันธ์ พรรคสหภูมิ 4) นายเทพ โชตินุชิต พรรคเศรษฐกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 9 (เพ่ิมเติม) (เลือกตั้งสมาชิกประเภทที่ 1 แทนสมาชิกประเภทที่ 2) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2495 บทเฉพาะกาลได้บัญญัติไว้ว่า ถ้าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในจังหวัดใดได้รับการศึกษาอบรมจบชั้น ประถมศึกษาตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นจำนวน กึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดในจังหวัดนั้นก็ให้สมาชิก ประเภทที่ 2 ออกจากตำแหน่งมีจำนวนเท่าจำนวนสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่มีการเลือกตั้งในจังหวัดนั้นและให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกประเภทที่ 1 เพิ่มขึ้น มีจำนวนเท่ากับจำนวนสมาชิก ประเภทที่ 2 ที่จะออกจากตำแหน่ง จึงมีการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 1 จำนวน 26 คน เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2501 ใน 5 จังหวัด คือ พระนคร ธนบุรี กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ดและอุบลราชธานี แทนสมาชิกประเภทที่ 2 ที่ต้องจับ สลากออกจากตำแหน่ง การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทาง ตรงแบบรวมเขต ต่อมา เมื่อคณะปฏิวัติได้ประกาศยึดอำนาจการปกครอง ประเทศ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 สมาชิกภาพของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จึงสิ้นสุดลง(หัวหน้าคณะปฏิวัติได้ ประกาศยกเลิก พ.ร.บ. พรรคการเมือง พ.ศ. 2498 และให้ 110

นักการเมืองถิ่น จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2476 - 2554 บรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายที่จัดตั้งขึ้นสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 เป็นต้นไป) (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 67) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 10 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2512) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 บัญญัติให้มีสองสภา คือ วุฒิสภาและสภาผู้แทน ประกอบเป็น รัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดนี้ ได้รับการเลือกตั้งวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 มีจำนวน 219 คน เป็นการเลือกตั้ง ทางตรง แบบรวมเขต ถือเกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อ ผู้แทนราษฎรหนึ่งคน ต่อมาวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 คณะปฏิวัติได้ประกาศยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินและให้ วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลงพร้อม รัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จึงสิ้นสุดสมาชิกภาพ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสาร รัฐสภา, ม.ป.ป., น. 71, 80) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ จาก การเลือกตั้งวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 ได้แก่ 1) นายนสิ ติ เวทยศ์ ริ ยิ านนท ์ ไมส่ งั กดั พรรค 2) นายสง่า วัชราภรณ์ ไม่สังกัดพรรค 3) นางสุมนา นิตยสุทธิ ไม่สังกัดพรรค 4) นายไพบลู ย์ มัฆวิมาลย์ พรรคแนวรว่ มประชาธปิ ไตย 5) นายสุจินต์ เชาว์วิศิษฐ์ ไม่สังกัดพรรค 111

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 11 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 10 พ.ศ. 2518) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 กำหนดให้รัฐสภามีสองสภา คือ วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบผสมระหว่าง แบ่งเขตกับรวมเขต ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง ในแต่ละเขต เลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่เกิน 3 คน และไม่น้อย กว่า 2 คน ถือเกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทน ราษฎรหนึ่งคน ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 269 คน สมาชิกสภาราษฎรชุดนี้สิ้นสุดโดยพระราชกฤษฎีกายุบ สภาผู้แทนราษฎร วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2519 เนื่องจากกลุ่ม ส.ส. ที่สนับสนุนรัฐบาลจะสนับสนุนญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 85, 96) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ จาก การเลือกตั้งวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 ได้แก่ 1) นายสง่า วัชราภรณ์ พรรคธรรมสังคม เขต 1 2) นายมานิต อุทธิเสน พรรคแผ่นดินไทย เขต 1 3) นายมานิตย์ พรหมมานนท์ พรรคเกษตรสังคม เขต 1 112

นักการเมืองถ่ิน จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2476 - 2554 4) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ พรรคธรรมสังคม เขต 2 5) นายสุจินต์ เชาว์วิศิษฐ์ พรรคธรรมสังคม เขต 2 6) นายเริ่มรัฐ จิตรภักดี พรรคเศรษฐกร เขต 2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 12 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 11 พ.ศ. 2519) ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 ได้สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจากการเลือกตั้งทั่วไป จำนวน 279 คน เป็นการเลือกตั้ง ทางตรงแบบผสมระหว่างรวมเขตกับแบ่งเขต ถือเกณฑ์ราษฎร หนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน เช่นเดียวกับการ เลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2518 สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรชุดนี้สิ้นสุดโดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ประกาศ ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสาร รัฐสภา, ม.ป.ป., น. 101, 112-113) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ จาก การเลือกตั้งวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 ได้แก่ 1) นายบุญชง วีสมหมาย พรรคกิจสังคม เขต 1 2) นายมานิตย์ พรหมมานนท์ พรรคชาติไทย เขต 1 3) นายนิสิต เวทย์ศิริยานนท์ 113

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ พรรคพลังประชาชน เขต 1 4) นายชุมพล อรุณยะเดช พรรคพลังประชาชน เขต 2 5) นายสุกิจ ศรีสาคร พรรคชาติไทย เขต 2 6) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ พรรคธรรมสังคม เขต 2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 13 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 12 พ.ศ. 2522) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 กำหนดให้รัฐสภามีสองสภา คือ วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ เกิดขึ้นวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบผสม ทั้ง รวมเขตและแบ่งเขต เขตเลือกตั้งหนึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ไม่เกิน 3 คน และไม่น้อยกว่า 2 คน ถือเกณฑ์ราษฎร หนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน ได้สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร จำนวน 301 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ สน้ิ สดุ โดยพระราชกฤษฎกี ายบุ สภาผแู้ ทนราษฎร วนั ท่ี 19 มนี าคม พ.ศ. 2526 เนื่องจากการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนแปลง วิธีการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น อาจนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย (สำนักงานเลขาธิการสภา ผแู้ ทนราษฎร, ฝา่ ยผลติ เอกสารรฐั สภา, ม.ป.ป., น. 117, 130) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ จาก การเลือกตั้งวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 ได้แก่ (สำนักงาน 114

นักการเมืองถิ่น จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2476 - 2554 เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2543, น. 276-277) 1) นายไพโรจน์ เครือรัตน์ พรรคเสรีธรรม เขต 1 2) ทพญ.กรองกาญจน์ วีสมหมาย พรรคกิจสังคม เขต 1 3) นายสุเทพ อาจสารี พรรคเสรีธรรม เขต 1 4) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ พรรคเสรีธรรม เขต 2 5) นายสนิท ลีลา พรรคเสรีธรรม เขต 2 6) นายสง่า วัชราภรณ์ พรรคเสรีธรรม เขต 3 7) นายพันธ์ อินพานิช พรรคกิจสังคม เขต 3 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 14 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2526) วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526 ได้สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจากการเลือกตั้งทั่วไป จำนวน 324 คน เป็นการเลือกตั้ง ทางตรงแบบผสม ระหว่างรวมเขตกับแบ่งเขต ถือเกณฑ์ราษฎร หนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน ได้สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเช่นเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ได้สิ้นสุดลงโดย พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 พฤษภาคม 115

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. 2529 เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่อนุมัติพระราช กำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสาร รัฐสภา, ม.ป.ป., น. 135, 148) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ จาก การเลือกตั้งวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526 ได้แก่ 1) ทพญ.กรองกาญจน์ วีสมหมาย พรรคกิจสังคม เขต 1 2) นายธีระชัย วีสมหมาย พรรคกิจสังคม เขต 1 3) นายไพโรจน์ เครือรัตน์ พรรคชาติไทย เขต 1 4) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ พรรคชาติไทย เขต 2 5) นายชินรัฐ (เริ่มรัฐ) จิตรภักดี พรรคชาติไทย เขต 2 6) นายสง่า วัชราภรณ์ พรรคชาติไทย เขต 3 7) นายเสถียร ธรรมสุริยะ พรรคชาติไทย เขต 3 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 15 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 14 พ.ศ. 2529) วันท ี่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 347 คน เป็นการเลือกตั้ง 116

นักการเมืองถ่ิน จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 ทางตรง แบบแบ่งเขตกับรวมเขต ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง ในแต่ละเขตเลือกตั้ง มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่เกิน 3 คน และไม่น้อยกว่า 2 คน ถือเกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคน ต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดโดยพระราช- กฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2531 เนื่องจาก ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลส่วนหนึ่งคัดค้านร่าง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ที่รัฐบาลเป็นผู้เสนอ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 153, 166-167) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษจาก การเลือกตั้งวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 ได้แก่ 1) นายวิชิต แสงทอง พรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 2) นายไพโรจน์ เครือรัตน์ พรรคชาติไทย เขต 1 3) ทพญ.กรองกาญจน์ วีสมหมาย พรรคกิจสังคม เขต 1 4) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ พรรครวมไทย เขต 2 5) นายชินรัฐ (เริ่มรัฐ) จิตรภักดี พรรคสหประชาธิปไตย เขต 2 6) นายสวัสดิ์ สืบสายพรหม พรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 117

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ 7) นายสง่า วัชราภรณ์ พรรครวมไทย เขต 3 8) นายจำนงค์ โพธิสาโร พรรครวมไทย เขต 3 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 16 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 15 พ.ศ. 2531) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ได้รับการเลือกตั้ง วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 มจี ำนวน 357 คน เปน็ การเลอื กตง้ั ทางตรง แบบรวมเขตกับแบ่งเขต ถือเกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคน ต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคนเช่นเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 จนกระทั่งเกิดการยึดอำนาจการปกครอง แผ่นดินของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 เป็นผลให้สมาชิกภาพของ ผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 173, 187) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษจาก การเลือกตั้งวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ได้แก่ 1) นายไพโรจน์ เครือรัตน์ พรรคชาติไทย เขต 1 2) นายมหาหิงค์ ไพรสิน พรรคเอกภาพ (รวมไทย) เขต 1 3) ทพญ.กรองกาญจน์ วีสมหมาย พรรคกิจสังคม เขต 1 4) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ พรรคเอกภาพ (รวมไทย) เขต 2 118

นักการเมืองถ่ิน จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 5) นายสวัสดิ์ สืบสายพรหม พรรคชาติไทย (ประชาชน) เขต 2 6) นายประโภชน์ สภาวสุ พรรคเอกภาพ (รวมไทย) เขต 2 7) นายจำนงค์ โพธิสาโร พรรคเอกภาพ (รวมไทย) เขต 3 8) นายวีระ ไชยเดชะ พรรคชาติไทย เขต 3 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 17 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 16 พ.ศ. 2535/1) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ได้บัญญัติให้รัฐสภามีสองสภา คือ วุฒิสภาและสภาผู้แทน ราษฎร โดยกำหนดให้วุฒิสภา มีจำนวน 270 คน และสภา ผู้แทนราษฎร มีสมาชิกจำนวน 360 คน วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 มีการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร จำนวน 360 คน เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบผสมระหว่างรวมเขตกับแบ่งเขต ถือจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งหนึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่เกิน 3 คน และ ไม่น้อยกว่า 2 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดโดย พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เนื่องจากเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองช่วงเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2535 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 193, 206) 119

นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ จาก การเลือกตั้งวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 ได้แก่ 1) นายบุญชง วีสมหมาย พรรคความหวังใหม่ เขต 1 2) นายไพโรจน์ เครือรัตน์ พรรคชาติไทย เขต 1 3) ทพญ.กรองกาญจน์ วีสมหมาย พรรคความหวังใหม่ เขต 1 4) นายสวัสดิ์ สืบสายพรหม พรรคความหวังใหม่ เขต 2 5) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ พรรคกิจสังคม เขต 2 6) นายเทิดภมู ิ ใจดี พรรคความหวังใหม่ เขต 2 7) นายจำนงค์ โพธิสาโร พรรคสามัคคีธรรม เขต 3 8) นายสง่า วัชราภรณ์ พรรคกิจสังคม เขต 3 9) นายดนัยฤทธิ์ วัชราภรณ์ พรรคกิจสังคม เขต 3 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 18 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 17 พ.ศ. 2535/2) วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร จำนวน 360 คน เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบ 120

นักการเมืองถ่ิน จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 แบ่งเขตกับรวมเขต เช่นเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 ปรากฏว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้ง มากที่สุด เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลผสม ระหว่าง 5 พรรค การเมือง ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคความหวังใหม่ พรรค พลังธรรม พรรคกจิ สงั คม และพรรคเอกภาพ ต่อมาปี พ.ศ. 2536 มีการปรับเปลี่ยนพรรคกิจสังคมออกจากคณะรัฐมนตรี และนำ พรรคเสรีธรรมเข้ามาแทนในรัฐบาลผสม 5 พรรคเช่นเดิม ส่วนพรรคที่เป็นฝ่ายค้านมี 6 พรรค ได้แก่ พรรคชาติไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคเสรีธรรม พรรคประชากรไทย พรรค มวลชน และพรรคราษฎร ต่อมาพรรคเสรีธรรมได้เข้าร่วม รัฐบาลโดยพรรคกิจสังคมออกมาเป็นฝ่ายค้าน ส่วนพรรค มวลชนได้เข้าร่วมกับพรรคกิจสังคม ส.ส.พรรคมวลชน เข้าเป็น ส.ส. พรรคกิจสังคม พรรคฝ่ายค้านจึงมีเพียง 5 พรรค คือ พรรคชาตไิ ทย พรรคชาตพิ ฒั นา พรรคกจิ สงั คม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร(สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฝ่ายผลิตเอกสารรัฐสภา, ม.ป.ป., น. 211, 225) รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ จาก การเลือกตั้งวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 ได้แก่ 1) นายมานะ มหาสุวีระชัย พรรคพลังธรรม เขต 1 2) ร้อยโท กุเทพ ใสกระจ่าง พรรคพลังธรรม เขต 1 3) นายบุญชง วีสมหมาย พรรคความหวังใหม่ เขต 1 121

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ 4) นายสวัสดิ์ สืบสายพรหม พรรคความหวังใหม่ เขต 2 5) นายเทิดภูมิ ใจดี พรรคความหวังใหม่ เขต 2 6) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ * พรรคกิจสังคม เขต 2 (นายมานพ จรสั ดำรงนติ ย์ พรรคความหวงั ใหม่ เขต 2) 7) นายภมู ินทร์ ลีธีระประเสริฐ พรรคความหวังใหม่ เขต 3 8) นายจำนงค์ โพธิสาโร พรรคชาติไทย เขต 3 9) นายดนัยฤทธิ์ วัชราภรณ์ พรรคกิจสังคม เขต 3 โดยมีจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 701,675 คน มาใช้ สิทธิ์เลือกตั้ง 452,513 คน บัตรเสีย 11,451 บัตร และไม่ลง คะแนน 6,860 บัตร (กระทรวงมหาดไทย, กรมการปกครอง, 2535; ห้องสมุดออนไลท์, 2553ก) * ในส่วนของนายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ ส.ส. เขต 2 ถูก พรรคกจิ สงั คมมมี ตขิ บั ออกจากพรรค เปน็ เหตใุ หส้ น้ิ สดุ สมาชกิ ภาพ ส.ส. เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2536 และมีการเลือกตั้งซ่อม แทนตำแหน่งที่ว่างลงในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2536 ผลปรากฏว่า นายมานพ จรัสดำรงนิตย์ พรรคความหวังใหม่ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง รายชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 2 จังหวัดศรีสะเกษ วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2536 122

นักการเมืองถิ่น จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 ประกอบด้วย (คณะกรรมการองค์กรกลางการเลือกตั้งสำหรับ การเลือกตั้งซ่อมในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดศรีสะเกษ, ม.ป.ป., น. 17-18) 1) นายเพิ่มศักดิ์ พรหมคุณ พรรคเสรีธรรม 2) นายมานพ จรัสดำรงนิตย์ พรรคความหวังใหม่ 3) นายมหาหิงค์ ไพรสิน พรรคมวลชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 19 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2538) การเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ในช่วงการใช้รัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พุทธศักราช 2538 โดยกำหนดให้ใช้ระบบสองสภา คือ วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ประกอบด้วยสมาชิกที่พระมหากษัตริย์ทรง แต่งตั้งมีจำนวน 2 ใน 3 ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วน สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้ง จากประชาชนทางตรง โดยวิธีการเลือกตั้งแบบผสมระหว่าง การแบ่งเขตและรวมเขตเลือกตั้งในแต่ละจังหวัดโดยถือเกณฑ์ ราษฎร 150,000 คน ต่อผู้แทนราษฎร 1 คน ดำเนินการเลือกตั้ง วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 มีจำนวนผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 391 คน นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรีและ 123

นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ มีรัฐมนตรีร่วมคณะ 48 คน โดยรัฐบาลประกอบด้วย พรรคการเมือง 7 พรรค คือ ชาติไทย ความหวังใหม่ พลังธรรม กิจสังคม ประชากรไทย นำไทย และมวลชน สภาผู้แทนราษฎร ชุดนี้มี นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้นำ ฝ่ายค้าน ต่อมาในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2539 นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้ประกาศยุบสภาเนื่องจากปัญหาความขัดแย้ง ภายในพรรคร่วมรัฐบาล (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร, 2548, น. 55-57) ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดศรีสะเกษ จากการเลือกตั้งวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 ได้แก่ (กระทรวงมหาดไทย, กรมการปกครอง, 2538; ห้องสมุด ออนไลน์, 2553ข) 1) นายบุญชง วีสมหมาย พรรคความหวังใหม่ เขต 1 2) นายวิชิต แสงทอง พรรคชาติพัฒนา เขต 1 3) นายไพโรจน์ เครือรัตน์ พรรคชาติไทย เขต 1 4) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ พรรคชาติไทย เขต 2 5) นายมานพ จรัสดำรงนิตย์ พรรคความหวังใหม่ เขต 2 6) พ.ต.อ.ทิน วงศ์ปลั่ง พรรคชาติไทย เขต 2 124

นักการเมืองถิ่น จังหวัดศรีสะเกษ ต้ังแต่ปี 2476 - 2554 7) นายดนัยฤทธิ์ วัชราภรณ์ พรรคชาติไทย เขต 3 8) นายจำนงค์ โพธิสาโร พรรคชาติไทย เขต 3 9) นายแพทย์จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ พรรคชาติไทย เขต 3 โดยมีจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 865,215 คน มาใช้ สทิ ธเ์ิ ลอื กตง้ั 534,015 คน บตั รเสยี 15,810 บตั ร และไมล่ งคะแนน 4,637 บัตร (กระทรวงมหาดไทย, กรมการปกครอง, 2538; ห้องสมุดออนไลน์, 2553ข) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 20 (เลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 19 พ.ศ. 2539) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กำหนดให้มีสองสภา คือ วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเฉพาะ วุฒิสภา มีสมาชิกจำนวน 260 คน โดยมาจากสมาชิกชุดเดิมใน รฐั สภาชดุ ท่ี 27 และแตง่ ตง้ั เพม่ิ อกี 2 คน ในวนั ท่ี 17 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2539 เพื่อให้ครบจำนวนสองในสามของจำนวนสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภาชุดนี้พ้นจากตำแหน่งเมื่อครบวาระ ในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2543 และจัดให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสมาชิกเป็นครั้งแรกในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2543 จำนวน 200 คน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 โดยเมื่อมีการยุบสภาแล้วสมาชิกวุฒิสภา ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนครบวาระ 125