นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ ก่อนได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อ วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2543 ทั้งนี้ตระกูล “วีสมหมาย” นับเป็น ตระกูลการเมืองเดียวที่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ สมาชิกวุฒิสภาทั้งสามีและภรรยา โดยนายบุญชงได้เป็น สมาชิกวุฒิสภา ใน พ.ศ. 2532 ขณะที่ภรรยาคือ ทันตแพทย์ หญิงกรองกาญจน์เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเมื่อ ทันตแพทย์หญิงกรองกาญจน์ สอบตกและไม่ลงสมัครรับ เลือกตั้งอีกได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ใน พ.ศ. 2539 นอกจากนี้ ตระกูลวีสมหมาย โดยนายบุญชง วีสมหมาย ยังมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้นายธเนศ เครือรัตน์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในสมัยแรก โดยก่อน เสียชีวิต นายบุญชงได้พานายธเนศลงพื้นที่พบปะประชาชน พร้อมทั้งแนะนำว่า นายธเนศคือทายาททางการเมืองของตน ในอนาคต (ชิงเก้าอี้ ส.ส.ศรีสะเกษเดือด ! “เสี่ยขายรถ” ซด “เสี่ยรับเหมา,” 8 พฤษภาคม 2546, น. 8) 2.1.3 ตระกลู “เครือรัตน”์ 1) พน้ื ฐานทางการเมือง ตระกูล “เครือรัตน์” เป็นตระกูลที่มีบทบาท ทางการเมืองจังหวัดศรีสะเกษในยุคเดียวกับกลุ่มตระกูล วีสมหมาย และวัชราภรณ์ โดยมีนายไพโรจน์ เครือรัตน์ เป็น แบบอย่างให้กับบุตรชาย 2 คน คือ นายธเนศ เครือรัตน์ และ นายณรงค์สิทธิ์ เครือรัตน์ โดยนายไพโรจน์ เคยได้รับการ เลือกตั้งเป็น ส.ส.ทั้งหมด 6 สมัย 276
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ 2) บุคคลในตระกูล “เครือรัตน์” ที่เกี่ยวข้อง ในวงการเมอื ง นายไพโรจน์ เครือรัตน์ นายไพโรจน์ เครือรัตน์ ได้รับการเลือกตั้ง เป็น ส.ส.ทั้งหมด 6 สมัย คือ พ.ศ. 2522, 2526, 2529, 2531, 2535/1 และ 2538 เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ ในคณะรัฐมนตรีชุดที่ 48 ระหว่างวันที่ 7 เมษายน 2535 ถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2535 สมัยรัฐบาลพลเอก สุจินดา คราประยรู (สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, 2554) นายธเนศ เครือรัตน์ (สัมภาษณ์, 1 มีนาคม 2551) นายธเนศ เครือรัตน์ หรือ “เสี่ยนาย” เป็น บุตรชายของนายไพโรจน์ เครือรัตน์ เกิดวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้านการโฆษณา จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จบปริญญาโทด้านการโฆษณาจาก มหาวิทยาลัยฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบธุรกิจ ปั้มน้ำมัน อสังหาริมทรัพย์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้า และตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า โดยเฉพาะ บริษัท โตโยต้าศรีสะเกษ (1993) ตัวแทนผู้จำหน่ายรถยนต์โตโยต้า นับ เป็นฐานใหญ่ของตระกูล “เครือรัตน์” มีทุนจดทะเบียน 10 ล้าน ใน พ.ศ. 2543 ทำรายได้ถึง 218 ล้านบาท กิจการปั้มน้ำมันใน นาม หจก.ไพโรจน์ศรีสะเกษบริการ ทำรายได้ใน พ.ศ. 2544 ประมาณ 38 ล้านบาท และบริษัท ไพโรจน์พานิชศรีสะเกษ ทุนจดทะเบียน 7 ล้านบาทก็ทำรายได้ใน พ.ศ. 2544 ถึง 277
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ 68 ล้านบาท นอกจากนี้ ตระกูลเครือรัตน์ยังร่วมทุนใน หจก.ทวีคูณ ทำกิจการขายสี ก๊าซหุงต้มและวัสดุก่อสร้าง ร่วมทุนในบริษัทพาณิชย์เจริญคลังสินค้าซึ่งเป็นกิจการรับส่ง สินค้า (ชิงเก้าอี้ ส.ส.ศรีสะเกษเดือด ! “เสี่ยขายรถ” ซด “เสี่ย รับเหมา,” 8 พฤษภาคม 2546, น. 8) ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เคยเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และรองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดมาก่อน ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ทั้งหมด 3 สมัย สมัยแรกเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต เขต 1 พรรค ไทยรักไทย จากการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2546 สมัยที่สองเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต เขต 1 เลือกตั้งทั่วไป วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 พรรคไทยรักไทยและได้รับ เลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต เขต 1 เลือกตั้งทั่วไป วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 แต่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือกตั้งเป็น โมฆะ ส่วนสมัยที่สาม ส.ส.แบบแบ่งเขต เขต 1 เลือกตั้งทั่วไป วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 สังกัดพรรคพลังประชาชน และ เปลี่ยนมาเป็นพรรคเพื่อไทยในสมัยต่อมา (สำนักงานคณะ กรรมการการเลือกตั้ง, มกราคม 2551) โดยมีบทบาทสำคัญใน การสนับสนุนการกีฬาในจังหวัดในฐานะประธานสโมสรฟุตบอล ศรีสะเกษ (Sisaket FC) ภาพที่ 21 นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส. แบบแบ่งเขตหลายสมัย จังหวัดศรีสะเกษ 278
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ ฐานเสียงของนายธเนศ เครือรัตน์ ส่วนมาก แล้วจะเป็นฐานคะแนนเสียงเดิมของนายบุญชง วีสมหมาย ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 1 จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2546 พบว่าในเขตอำเภอเมืองจะมีหัวคะแนน เสียงคนสำคัญ คือ นายสมาน หนองม่วง กำนันตำบลโพนข่า นายพร พรหมโลก ผู้ใหญ่บ้านบ้านแดงและประธานชมรม กำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอเมืองพร้อมทั้งบรรดาผู้บริหารโรงเรียน ในเขตพื้นที่ และได้รับการสนับสนุนจาก นายนวนใจ บุษบงษ์ นายกเทศมนตรียางชุมน้อย และนายจงกล คนเพียร ส.อบจ. ศรีสะเกษ เป็นต้น นายณรงค์สิทธิ์ เครือรัตน์ เป็นบุตรชายของนายไพโรจน์ เครือรัตน์ และ เป็นพี่ชายของนายธเนศ เครือรัตน์ เคยเป็นสมาชิกองค์การ บริหารส่วนจังหวัดมาก่อน ต่อมาผันตัวเองมาลงสมัครเป็น สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดศรีสะเกษ และได้รับการเลือกตั้ง เมื่อ วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2543 3) ความสัมพันธ์ของการสืบทอดทายาท ทางการเมอื ง การสืบทอดทายาททางการเมืองของตระกูล “เครือรัตน์” เป็นการสืบทอดจากนายไพโรจน์ เครือรัตน์ บิดา มายังบุตรชาย คือ นายธเนศ และนายณรงค์สิทธิ์ โดยสืบทอด หลังจากที่นายไพโรจน์ได้เสียชีวิตแล้ว นอกจากนี้นายธเนศยัง ได้รับการสนับสนุนจากนายบุญชงอีกด้วย โดยก่อนเสียชีวิต นายบุญชงได้พานายธเนศลงพื้นที่พบปะประชาชนพร้อมทั้ง 279
นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ แนะนำว่า นายธเนศคือทายาททางการเมืองของตนในอนาคต (ชงิ เก้าอ้ี ส.ส.ศรสี ะเกษเดือด ! “เสี่ยขายรถ” ซด “เส่ยี รบั เหมา,” 8 พฤษภาคม 2546, น. 8) กอ่ นทน่ี ายธเนศจะลงสมคั รรบั เลอื กตง้ั เป็น ส.ส.ในนามพรรคไทยรักไทย เคยเป็นสมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนจังหวัดมาก่อน จนกระทั่งนายบุญชงเสียชีวิตจึงได้ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 1 ใน พ.ศ. 2546 และได้รับ การเลือกตั้งเป็น ส.ส. 4 สมัยซ้อน(นับถึง พ.ศ. 2554) นายธเนศ ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นทางการเมืองระดับชาติว่า “เริ่มจากเป็น ส.อบจ. ตั้งแต่ พ.ศ. 2543 ใน ระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง ส.อบจ.นั้น ส.ส.ของจังหวัดศรีสะเกษ ได้เสียชีวิต คือ ท่านบุญชง มีการเลือกตั้งซ่อม ใน พ.ศ. 2546 ได้ลาออกจาก ส.อบจ.ก่อนแล้วก็มาสมัครรับเลือกเป็นครั้งแรก ใน พ.ศ. 2546 ในนามของพรรคไทยรักไทยและก็ได้รับเลือกเป็น ครั้งแรก อยู่ไปได้ประมาณปีเศษๆ สภาก็หมดวาระ มีการ เลือกตั้งใหม่อีกครั้งใน พ.ศ. 2548 ผมก็ได้รับเลือกมาเป็นสมัยที่ สองใน พ.ศ. 2548..” “คุณพ่อเป็นคนสนับสนุนให้เล่น ท่านก็ให้มา ตั้งแต่วิธีการวางตัว การพูด บุคลิก เพราะว่าตอนสมัยเป็นเด็ก ได้ติดตามคุณพ่อ คุณพ่อเป็นสมาชิกเทศบาลและ สจ. มาก่อน เป็นประธานสภา อบจ. และเป็น ส.ส. อีก 6 สมัย นอกจากนี้ ยังมีนายณรงค์สิทธิ์ เครือรัตน์ พี่ชาย ซึ่งเคยเป็น ส.อบจ. มาลง สมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภา” (ธเนศ เครือรัตน์, สัมภาษณ์, 1 มีนาคม 2551) 280
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ กล่าวได้ว่า ตระกูลเครือรัตน์มีลักษณะ บรรทัดฐานในการเล่นการเมืองที่คล้ายกัน คือ เริ่มจากการลง สมัครรับเลือกตั้งในเวทีระดับท้องถิ่นระดับเทศบาลเมืองหรือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดมาก่อน พอมีโอกาสก็จะลงสมัครรับ เลือกตั้งในเวทีการเมืองระดับชาติ 2.1.4 ตระกูล “ไตรสรณกุล” 1) พ้นื ฐานทางการเมอื ง ตระกูล “ไตรสรณกุล” มีพื้นเพเดิมมาจาก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยเริ่มจากนายฮวด ไตรสรณกุล เล่นการเมืองในระดับท้องถิ่นเป็นกรรมการ สุขาภิบาล ต่อมาลงสมัครเป็นสมาชิกสภาจังหวัดได้สนับสนุน ให้บุตรลงสมัครรับเลือกตั้งในเวทีการเมืองระดับต่างๆ อาทิ นายวีระ ไตรสรณกุล (บุตรชายคนโต) ลงสมัคร ส.ส.แต่ไม่ได้ รับการเลือกตั้ง ส่วนบุตรที่ได้รับการเลือกตั้ง ประกอบด้วย นายธีระ ไตรสรณกุล ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต เขต 3 นายวิชิต ไตรสรณกุล ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษหลายสมัย นางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ลูกสาวคนเล็กได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต เขต 3 ตระกูลไตรสรณกุลเป็นตระกูลทางการเมืองของจังหวัด ศรีสะเกษอย่างแท้จริง เครือข่ายญาติพี่น้องล้วนเกี่ยวข้องกับ การเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น 281
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ 2) บคุ คลในตระกลู “ไตรสรณกลุ ” ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ในวงการเมอื ง นายวิชิต ไตรสรณกุล นายวิชิต ไตรสรณกุล จบปริญญาตรี คณะ บริหารธุรกิจ วิทยาลัยโปลีเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรกด้วยตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด 2 สมัย สมัยแรก คือ พ.ศ. 2533 - 2538 สมัยที่สอง พ.ศ. 2538 – 2542 ได้รับเลือกเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2543 - 2547 และได้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ที่มาจาก การเลือกตั้งโดยตรงเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2547 ต่อมาชนะ การเลือกตั้งนายก อบจ.อีกครั้งจากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2551 โดยสามารถเอาชนะนางสุนีย์ อินฉัตร อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดศรีสะเกษที่ผันตัวเองมาสู่เวที การเมืองระดับท้องถิ่น โดยนายวิชิตได้ดำรงตำแหน่งอยู่จนครบ วาระและลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. อีกในการเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 โดยในการเลือกตั้ง ครั้งนี้มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด 4 คน คือ (องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดศรีสะเกษ, กรกฎาคม 2555ก) เบอร์ 1 นางนงค์รักษ์ แจ่มแจ้ง (อายุ 45 ปี) เบอร์ 2 นางปรางทพิ ย ์ อนิ ตะนยั (อายุ 60 ป)ี เบอร์ 3 นายศักดิ์สรรค์ ศรีภัย (อายุ 40 ปี) เบอร์ 4 นายวิชิต ไตรสรณกุล (อายุ 53 ปี) ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คู่แข่งขันทั้งหมดของ นายวิชิต ล้วนเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ ยังไม่มีฐานเสียงและ 282
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ ผู้สนับสนุนมากพอที่จะสามารถแข่งขันกับนายวิชิตได้อย่างสูสี โดยผลจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปรากฎว่านายวิชิตชนะการเลือกตั้งอย่างขาดลอย โดยอันดับ หนึ่ง นายวิชิต ได้ 376,040 คะแนน อันดับสอง นางนงค์รักษ์ แจม่ แจง้ ได้ 78,347 คะแนน อนั ดบั สาม นางปรางทพิ ย ์ อนิ ตะนยั ได้ 41,878 คะแนน และอันดับสี่ นายศักดิ์สรรค์ ศรีภัย ได้ 9,777 คะแนน (องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ, กรกฎาคม 2555ข) นายวิชิต ไตรสรณกุล ได้กล่าวถึงเหตุจูงใจ ก่อนเข้าสู่เวทีการเมืองระดับท้องถิ่นโดยสะท้อนถึงการสืบทอด ทายาททางการเมืองของตระกูลว่าเป็นการสืบทอดต่อจากบิดา ที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ประกอบกับการมีอาชีพที่ได้สัมผัส พบปะประชาชน และการได้มีโอกาสช่วยพี่ชายหาเสียงสมัคร ส.ส. จึงสนใจเล่นการเมืองตามบิดาและพี่ชายโดยเริ่มจาก สมาชิกสภาจังหวัด “มาจากสายเลือด ก็คือคุณพ่อ (นายฮวด ไตรสรณกุล) เล่นการเมืองท้องถิ่น ท่านก็เป็นตั้งแต่กรรมการ สุขาภิบาลและเคยมาเป็นสมาชิกสภาจังหวัด ชีวิตในแต่ละวัน จะคลุกคลีอยู่กับชาวบ้าน อาชีพก่อนหน้านั้นคือการทำไร่ ปลูกมัน ข้าวโพด อยู่ในอำเภอกันทรลักษ์ มีโอกาสได้พบปะ ผู้คน ต่อมาออกมารับเหมาก่อสร้างได้มีโอกาสสัมผัสกับ ชาวบ้าน กินอยู่คลุกคลีกับชาวบ้าน พอมีการเมืองท้องถิ่น โดยสายเลือดก็เลยได้มาต่อสู้” 283
นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ “คุณพ่อเป็น สจ.จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ พ.ศ. 2518 พอตอนหลังมาถูกสกัดด้วยเงื่อนไขการเป็นคน ต่างด้าว ไม่สามารถที่จะลงได้ ก็เลยได้พักไป พอพี่ชาย(นายวีระ ไตรสรณกุล) อายุถึง 25 ปี ก็มาลงสมัคร ส.ส. ครั้งแรกแต่ก็สอบ ตกและจากการที่คอยเดินตามพี่ชายตั้งแต่เด็กก็เลยรู้จักผู้คน มากมาย นั่นก็คือส่วนหนึ่ง ผสมกับลักษณะอาชีพการทำมา หากิน พอถึงเวลาจึงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สจ. โดยอาศัย การมีพรรคพวกมาก ซึ่งสมัยนั้นมันไม่เหมือนปัจจุบัน คนที่ไม่มี เงินมันก็ยังพอเล่นได้และอีกอย่างคือ สจ.เอาหลายคน ก็สามารถฝ่ามาได้ ได้รับเลือกตั้งเป็น สจ.ตั้งแต่ พ.ศ. 2533..” (วิชิต ไตรสรณกุล, สัมภาษณ์, 11 พฤศจิกายน 2552) นางสุณิสา ไตรสรณกุล นางสุณิสา (สุณิสาทิพย์) ไตรสรณกุล เป็น ภรรยาของนายวิชิต ไตรสรณกุล เกิดวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2502 สำเร็จการศึกษาศิลปศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏ สุรินทร์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดศรีสะเกษ (28 กรกฎาคม – 19 กันยายน 2549) จากการเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 19 เมษายน 2549 โดยได้ 109,921 คะแนน เป็นอันดับหนึ่ง ของสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด 5 คนที่ได้รับเลือกตั้ง นายธีระ ไตรสรณกุล นายธีระ ไตรสรณกุล เป็นพี่ชายคนที่สอง ของนายวิชิต ไตรสรณกุล ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขต เขต 3 พรรคพลังประชาชน (ก่อนถูก ยุบ) จากการเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และ 284
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ ชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 ในการ เลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 สังกัดพรรคเพื่อไทย ภาพที่ 22 นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.แบบแบ่งเขต จังหวัดศรีสะเกษ นางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ นางอุดมลักษ์ เพ็งนรพัฒน์ สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์และผดุงครรภ์ชั้นสูง วิทยาลัยพยาบาลนครราชสีมา เป็นน้องสาวคนเล็กของนาย วิชิต ไตรสรณกุล ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 3 สังกัดพรรค มัชฌิมาธิปไตยแทนสามี คือ นายแพทย์จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง โดยนางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต เขต 3 จากการเลือกตั้ง ทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 นางอุดมลักษณ์เป็น ส.ส. จาก พรรคภูมิใจไทยของกลุ่มเนวินเพียงคนเดียวที่สามารถสอดแทรก ชนะการเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เขต 3 ได้ ในขณะที่ ส.ส. 7 คนที่เหลือเป็นของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด 285
นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ ภาพที่ 23 นางอุดมลักษ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.แบบแบ่งเขต จังหวัดศรีสะเกษ นายแพทย์จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ นายแพทย์จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ สามีของ นางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.จังหวัด ศรีสะเกษทั้งหมด 4 สมัย สมัยแรก เป็น ส.ส.เขต 3 พรรค ชาติไทย เลือกตั้งทั่วไปวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 สมัยที่สอง ส.ส. เขต 3 พรรคชาติไทย เลือกตั้งทั่วไป วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 สมัยที่สาม ส.ส.เขต 4 พรรคไทยรักไทย เลือกตั้ง ทั่วไป วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 และสมัยที่สี่ ส.ส. เขต 4 พรรคไทยรักไทย จากการเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 และเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก่อนที่จะถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี จากกรณีที่พรรค ไทยรักไทยถกู ยุบ 3) ความสัมพันธ์ของการสืบทอดทายาท ทางการเมือง การสืบทอดทายาททางการเมืองของตระกูล “ไตรสรณกุล” เริ่มจากบิดา คือ นายฮวด ไตรสรณกุล ก่อนมา ถึงลูกชายคนโตลงมาถึงลูกสาวคนเล็กและลูกเขย ตระกูล 286
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ ไตรสรณกุลโดยนายวิชิตได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดหลายสมัย และตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ตระกูล นี้ได้เริ่มขยายเครือข่ายของทายาททางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา โดยเป็น พันธมิตรทางการเมืองกับตระกูลอังคสกุลเกียรติ 2.1.5 ตระกูล “องั คสกลุ เกยี รติ” 1) พ้ืนฐานทางการเมือง ตระกูล “อังคสกุลเกียรติ” นำโดยนาย ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมือง ศรีสะเกษเป็นแกนหลักของตระกูล จัดตั้งกลุ่ม “มิตรประชา” นายฉัฐมงคล(ชื่อเดิมคือ นายมงคล)เริ่มมีบทบาททางการเมือง ท้องถิ่นครั้งแรกโดยสมัครเป็นสมาชิกสภาเทศบาล เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2523 และได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี เมืองศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 จนถึง ปัจจุบัน รวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองทั้งสิ้น 8 สมัยติดต่อกัน “กลุ่มมิตรประชา” เป็น กลุ่มการเมืองท้องถิ่นระดับเทศบาลเมืองกลุ่มเดียวที่สามารถ ชนะการเลือกตั้งมาได้ทุกสมัยตั้งแต่ พ.ศ. 2528 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลาทั้งสิ้นมากกว่า 30 ปี (ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ, สัมภาษณ์, 17 พฤศจิกายน 2552) นายฉัฐมงคลเริ่มส่งบุตรชาย คือ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ศรีสะเกษ และได้รับการเลือกตั้งสมัยแรกจากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ในนามพรรคชาติไทย และส่ง ภรรยา คือ นางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ ลงสมัครรับเลือกตั้ง 287
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ เป็น ส.ส.แข่งกับนายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ จากพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552 2) บุคคลในตระกูล “อังคสกุลเกียรติ” ท่ี เกยี่ วขอ้ งในวงการเมอื ง นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ (ชื่อเดิมคือ นายมงคล) เกิดวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2498 เริ่มมีบทบาท ทางการเมืองท้องถิ่นครั้งแรกในฐานะสมาชิกสภาเทศบาล เมื่อ วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2523 และเป็นนายกเทศมนตรีเมือง ศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2555) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 และคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ศรีสะเกษ กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555 ผลปรากฏว่า นายฉัฐมงคล ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษเพียงคนเดียว ไม่ม ี ผู้สมัครรายใดเข้ามาแข่งขันด้วย จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งหมด 27,979 คน มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ 12,585 คน (ร้อยละ 44.98) บัตรดี 10,394 บัตร (ร้อยละ 82.59) บัตรเสีย 457 บัตร (ร้อยละ 3.63) บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 1,734 บัตร (ร้อยละ 13.78) นายฉัฐมงคล ได้คะแนน 10,394 คะแนน (ร้อยละ 37.15) (เทศบาลเมืองศรีสะเกษ, 2555) ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษ 9 สมัยติดต่อกัน (ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภา ท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 มาตรา 100 “ในกรณีที่ 288
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ มีผู้สมัครเป็นผู้บริหารท้องถิ่นเท่ากับจำนวนผู้บริหารท้องถิ่นที่จะ พึงมีในเขตเลือกตั้งนั้น หรือในกรณีที่มีผู้สมัครเป็นสมาชิกสภา ท้องถิ่นน้อยกว่าหรือเท่ากับจำนวนสมาชิกสภาท้องถิ่นที่จะพึงมี ในเขตเลือกตั้งนั้น ผู้สมัครจะได้รับเลือกตั้งต่อเมื่อได้คะแนน เลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของจำนวนผู้มีสิทธิในเขตเลือกตั้ง นั้น..” ) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ หรือ “เสี่ยโต้ง” เจา้ ของสโลแกน “เลอื กคนรนุ่ ใหมจ่ รงิ ใจ จรงิ จงั พบงา่ ย ใชค้ ลอ่ ง” (สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ทายาทนายกเทศมนตรี 6 สมัย, 26 มกราคม 2548, น. 24, 22) เกิดวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2519 (กองบรรณาธิการข่าวสด, 2552, น. 179) เป็นบุตรชายคนโตของ นายฉัฐมงคล-นางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ ลงสมัครรับ เลือกตั้งครั้งแรกสังกัดพรรคชาติไทย จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์ เดียว ปรากฏว่าได้คะแนนอยู่ในลำดับที่สอง ได้ 33,835 คะแนน แพ้นายธเนศ เครือรัตน์ จากพรรคไทยรักไทย ที่ได้ 40,492 คะแนน (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, 2548, น. 431-432) ต่อมาได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ครั้งแรกในเขต 1 จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 โดยได้ 107,351 คะแนน (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, 2551) จนกระทั่งวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 คณะตุลาการศาล รัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยกรณีอัยการสูงสุดมีคำร้องให้ยุบ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย 289
นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ โดยมีคำสั่งให้ยุบพรรคทั้ง 3 พรรค รวมทั้งเพิกถอนสิทธิการ เลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคเป็นจำนวน 37 คน, 43 คน และ 29 คน ตามลำดบั มกี ำหนด 5 ปี นบั ตง้ั แตว่ นั ทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู มีคำสั่งให้ยุบพรรค ส่งผลให้นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กรรมการบริหารพรรคชาติไทย พ้นจากการเป็น ส.ส. เขต 1 และกลับมาทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และทำบ้านจัดสรร เพื่อรอโอกาสเล่นการเมืองต่อไป โดยปัจจุบันนายสิริพงศ์ยังคง ลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นนักการเมือง รุ่นใหม่ที่มีอนาคตเพราะมีฐานเสียงของนายฉัฐมงคลให้การ สนับสนุน รอแค่เพียงจังหวะและโอกาสเท่านั้น นางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ นางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ ภรรยาของ นายฉัฐมงคลเริ่มลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ครั้งแรกในการ เลือกตั้งซ่อม เขต 1 จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ผลการเลอื กตง้ั ปรากฏวา่ แพน้ ายสรุ ชาติ ชาญประดษิ ฐ์ จากพรรคเพื่อไทยที่ได้ 124,327 คะแนน ส่วนนางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ พรรคชาติไทยพัฒนาได้ 76,435 คะแนน 3) ความสัมพันธ์ของการสืบทอดทายาท ทางการเมอื ง ตระกูลอังคสกุลเกียรติ มีนายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษ เป็นแกนหลักของตระกูล ต่อมาได้สนับสนุนให้บุตรชาย คือ นายสิริพงศ์หรือ “เสี่ยโต้ง” ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัด ศรีสะเกษในนามพรรคชาติไทย โดยอาศัยฐานเสียงของนาย 290
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ ฉัฐมงคล จนกระทั่งนายสิริพงศ์ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.เมื่อ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ก่อนจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ต่อมาได้ส่งนางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็น ส.ส.ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 1 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552 แต่แพ้นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ จากพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันน้องชายของนายฉัฐมงคล คือ นายมานะพันธ์ ยังได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ศรีสะเกษ โดยมีนายวิชิต ไตรสรณกุล เป็นนายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัด สะท้อนให้เห็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ การผสานผลประโยชน์ และความเป็นพันธมิตรทางการเมือง ระหว่างกลุ่มตระกูล “ไตรสรณกุล” และ “อังคสกุลเกียรติ” ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของกลุ่มการเมืองในจังหวัดนี้ที่มักผูกขาดอยู่ กับนักการเมืองเพียงไม่กี่ตระกูลและมีการสืบทอดทายาท ทางการเมืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 2.2 ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองระดับชาติกับ นักการเมืองระดับท้องถ่ิน ในอดีตกลุ่มการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดศรีสะเกษจะไม่ ค่อยมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับกลุ่มการเมืองระดับชาติ อย่างชัดเจนมากนัก จนกระทั่ง พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา กลุ่ม การเมืองท้องถิ่นเริ่มมีบทบาทเข้าไปแข่งขันในการเมืองระดับ ชาติมากขึ้น โดยการส่งบุตรหลาน สามี ภรรยา ญาติพี่น้อง หรือพรรคพวกของกลุ่มลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา โดยเฉพาะตระกูล “อังคสกุลเกียรติ” และ “ไตรสรณกุล” ซึ่งกำลังขยายตัวไปสู่ 291
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ การเมืองระดับชาติโดยอาศัยฐานเสียงเดิมในเวทีการเมืองระดับ ท้องถิ่น การเริ่มขยายเครือข่ายของกลุ่มการเมืองท้องถิ่นไป แข่งขันกับกลุ่มการเมืองระดับชาติของสองกลุ่มตระกูลข้างต้น สะท้อนนัยยะทางการเมืองของจังหวัดศรีสะเกษที่สำคัญ 2 ด้าน คือ ความอ่อนแอของกลุ่มการเมืองระดับชาติ และความ เข้มแข็งของกลุ่มการเมืองท้องถิ่น รายละเอียดดังนี้ 1) ความอ่อนแอของกลมุ่ การเมอื งระดบั ชาต ิ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา นโยบายการ กระจายอำนาจให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับ ต่างๆ ทั้ง องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) เทศบาลและ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีส่วนสำคัญทำให้กลุ่ม การเมืองท้องถิ่นซึ่งมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่ากลุ่ม การเมืองระดับชาติมีโอกาสพัฒนาฐานเสียงของกลุ่มตนเองขึ้น มา การมีฐานเสียงอยู่ในมือกลายเป็นพลังในการต่อสู้ทางการ เมืองที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กลุ่มการเมืองระดับชาติกลุ่ม เก่าๆ ที่เคยผูกขาดชัยชนะมาอย่างต่อเนื่องแบบ นายบุญชง วีสมหมาย หรือนายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ เกิดขึ้นได้ยากใน สถานการณป์ จั จบุ นั ประกอบกบั ความไมแ่ นน่ อนของสถานการณ์ ทางการเมอื งนบั ตง้ั แตก่ ารเกดิ เหตกุ ารณร์ ฐั ประหาร 19 กนั ยายน พ.ศ. 2549 และการยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย อีกทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ก่อให้ เกิดความไม่แน่นอนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัด ศรีสะเกษซึ่งส่วนใหญ่เคยสังกัดพรรคการเมืองที่ถูกยุบ 292
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ โดยเฉพาะพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน โดย ส.ส.จังหวัดศรีสะเกษหลายคนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เพราะกระแสพรรคที่ตนสังกัด โดยเฉพาะกระแสพรรค ไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ดังนั้น หาก เกิดปัญหาและความไม่แน่นอนขึ้นกับพรรคการเมืองเหล่านี้ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงและเสถียรภาพทางการเมือง ของ ส.ส.เหล่านั้น สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้กลุ่มการเมืองระดับ ชาติขาดความเข้มแข็ง และพยายามหลีกเลี่ยงการสร้างศัตรู หรือคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งสอดคล้องกับบทสัมภาษณ์ของนาย วิชิต ไตรสรณกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหลายสมัย ที่ว่า “การเมืองระดับชาติ หรือ ส.ส.ในจังหวัดศรีสะเกษ แต่ละคนจะพยายามเอาตัวเองให้รอด ไม่เป็นศัตรูกับกลุ่มไหน ไม่กล้าที่จะมาเป็นศัตรูกับใคร โดยเฉพาะกับกลุ่มการเมืองท้อง ถิ่น ส.ส.ไม่กล้าเข้ามายุ่ง ไม่มีใครกล้ามาล้วง เพราะว่า ศักยภาพของ ส.ส.ของศรีสะเกษแค่เอาตัวรอดไปให้ได้เท่านั้น ไม่มายุ่ง เพียงแต่ว่า ส.ส.อาจจะลงไปได้หน่อยในการเมือง ระดับล่างก็คือ องค์การบริหารส่วนตำบล” “พอกลุ่ม ส.ส. จังหวัดศรีสะเกษ นับตั้งแต่ ปิยะณัฐ วัชราภรณ์ อดีตรัฐมนตรีและส.ส.หลายสมัยซึ่งมีความเข้มแข็ง ได้ยุติบทบาทของตัวเองลงไปด้วยปัญหาสุขภาพอันเนื่องมา จากอุบัติเหตุ ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่มี ส.ส.ในจังหวัดคนใดที่ จะมีบารมีอะไรที่จะไปพูดต่อรองกับพรรคการเมืองได้ 293
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ ศักยภาพส่วนตัวของคนที่เป็น ส.ส.ยังไม่สามารถที่จะมาดูแล ใครได้” (วิชิต ไตรสรณกุล, สัมภาษณ์, 11 พฤศจิกายน 2552) นอกจาก ปัจจัยภายนอก ซึ่งได้แก่ สถานการณ์และ โครงสร้างทางการเมืองที่ไม่เอื้อให้กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรในจังหวัดศรีสะเกษมีความเข้มแข็งแล้ว ยังพบว่า ปัจจัย ภายในของกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดศรีสะเกษ เองที่เป็นอุปสรรคต่อความเข้มแข็ง กล่าวคือ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา พบว่า กลุ่ม ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งมักเป็น ส.ส.หน้าใหม่ อาทิ นายพิทยา บุญเฉลียว นายวิวัฒชัย โหตระไวศยะ นางผ่องศรี แซ่จึง นายอมรเทพ สมหมาย นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ นางมาลินี อินฉัตร นายปวีณ แซ่จึง นายกล่ำคาน ปาทาน นายธเนศ เครือรัตน์ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ นางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ นายธีระ ไตรสรณกุล นายสุตา พรมดวง และ นางสาวจิรวดี จึงวรานนท์ แม้ว่า ส.ส.บางท่านอาจเคยได้รับ การเลือกตั้งมา 2-3 สมัย หรือเคยลงสมัครรับเลือกตั้งมานาน หลายสิบปีแล้ว แต่เมื่อวิเคราะห์ช่วงระยะในการอยู่ในตำแหน่ง ส.ส. กลับพบว่าส่วนใหญ่มีประสบการณ์ไม่เกิน 10-15 ปี ถือว่า ยังมีประสบการณ์ทางการเมืองน้อยเมื่อเทียบกับนายบุญชง วีสมหมาย และนายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ สถานการณ์และโครงสร้างทางการเมืองที่ไม่เอื้อ ประกอบกับการเป็น ส.ส.หน้าใหม่ซึ่งยังขาดประสบการณ์ ทางการเมืองที่มากพอ ส่งผลโดยตรงต่อความเข้มแข็งทางการ เมือง ดังนั้น จึงไม่แปลกหากกลุ่มการเมืองระดับท้องถิ่นจะใช้ 294
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ โอกาสนี้สอดแทรกขึ้นมาในเวทีการเมืองระดับชาติโดยการส่ง เครือญาติลงสมัครรับเลือกตั้งโดยใช้ฐานเสียงในระดับท้องถิ่น ช่วยสนับสนุน 2) ความเข้มแขง็ ของกลมุ่ การเมืองท้องถน่ิ ความเข้มแข็งของกลุ่มการเมืองท้องถิ่นจังหวัด ศรีสะเกษ เกิดจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ ประการแรก เกิดจากการผูกขาดชัยชนะในการ เลือกตั้งในเวทีการเมืองระดับท้องถิ่นของจังหวัดศรีสะเกษ แบ่งเป็น 2 ระดับคือ ระดับเทศบาลเมือง และองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด ระดับเทศบาลเมือง ผูกขาดชัยชนะโดยนาย ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ หัวหน้ากลุ่มมิตรประชา ที่ดำรง ตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษมานานกว่า 30 ปี การผูกขาดอำนาจทางการเมืองมาหลายยุคสมัยได้สร้าง ฐานเสียงของกลุ่มให้มีความเข้มแข็งผ่านโครงการ นโยบาย หรือการลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ชนะคู่แข่งอย่าง เด็ดขาดในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ในขณะที่คู่แข่งขันเองก็ไม่มี ศักยภาพมากพอที่จะต่อสู้กับกลุ่มอำนาจเดิมได้ องค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยกลุ่มนายวิชิต ไตรสรณกุล ชนะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ศรีสะเกษหลายสมัยเช่นเดียวกัน โดยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2551 “กลุ่มคนท้องถิ่น” นำโดยนายวิชิต ไตรสรณกุล สามารถเอาชนะ “กลุ่มรักศรีสะเกษ” นำโดย 295
นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ นางสุนีย์ อินฉัตร อดีตสมาชิกวุฒิสภาได้ และล่าสุดการ เลือกตั้งนายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปรากฎว่านายวิชิตชนะการเลือกตั้ง อย่างขาดลอย เพราะคู่แข่งขัน ทั้งหมดของนายวิชิต ล้วนเป็น ผู้สมัครหน้าใหม่ ยังไม่มีฐานเสียงและผู้สนับสนุนมากพอที่จะ สามารถแข่งขันกับนายวิชิตได้อย่างสสู ี การผูกขาดชัยชนะที่ต่อเนื่องยาวนานของกลุ่มนาย ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ และนายวิชิต ไตรสรณกุล ส่งผลให้ ทั้งสองกลุ่มมีความเข้มแข็งทางการเมืองเป็นอย่างยิ่ง ประการท่ีสอง เกิดจากความเป็นพันธมิตรทาง การเมือง ระหว่างตระกูล “ไตรสรณกุล” และ “อังคสกุล เกียรติ” โดยน้องชายของนายฉัฐมงคล คือ นายมานะพันธ์ เป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ทั้งนี้ นาย วิชิต ได้เน้นย้ำถึงความกลมเกลียวความเป็นพันธมิตรกันของทั้ง สองกลุ่มว่า “การเมืองท้องถิ่นจังหวัดศรีสะเกษไม่มีความรุนแรง เพราะแต่ละคนก็ไม่อยากสู้กัน ก็อย่างว่าการเมืองก็ไม่อยากให้ ทะเลาะกัน อย่างอยู่นี่เขาก็สบายที่มาอยู่ด้วย พอถึงเวลาเขาขอ ให้ช่วยอะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย แม้กระทั่งการประสานระหว่าง อบจ. กับเทศบาลเมืองก็ไม่เป็นปัญหาเพราะเป็นพันธมิตรกัน” (วิชิต ไตรสรณกุล, สัมภาษณ์, 11 พฤศจิกายน 2552) 296
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ สอดคล้องกับข้อสรุปของ นายสมพร จึงศิรกุลวิทย์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษ แกนนำกลุ่ม มิตรประชา ว่า “กลุ่มการเมืองท้องถิ่นระดับ อบจ. และเทศบาล เมืองศรีสะเกษ จะเป็นพันธมิตรกัน โดยท่านนายกฯ จะเป็นคน คอยเชื่อมต่อ และมีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง คือ ท่านนายกฯ จะ เป็นเพื่อนกับทุกระดับ ไม่ใช่แค่ระดับ อบจ. ยังเชื่อมต่อกับผู้นำ ของเทศบาลตำบล และ อบต.อีกด้วย การแข่งขันการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษก็มีคู่แข่งลงสมัครรับ เลือกตั้ง แต่แพ้แบบราบคาบ พูดง่ายๆ ท่านนายกฯ จะไม่ขึ้น ไปข้างบนเพื่อแข่งขันกับการเมืองที่ใหญ่กว่า ก็เพื่อจะรักษาฐาน ที่มั่นในเขตเทศบาล” (สมพร จึงศิรกุลวิทย์, สัมภาษณ์, 11 พฤศจิกายน 2552) จากเงื่อนไข 2 ประการดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่ม การเมืองระดับท้องถิ่นมีความเข้มแข็งมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่แปลก หากตระกูลไตรสรณกุล จะส่งนายวีระ ไตรสรณกุล นายธีระ ไตรสรณกุล และนางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ลงสมัครรับ เลือกตั้ง ส.ส.ในขณะที่ตระกูลอังคสกุลเกียรติ ก็ได้สนับสนุน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัด ศรีสะเกษในนามพรรคชาติไทย โดยอาศัยฐานเสียงของนาย ฉัฐมงคล จนกระทั่งนายสิริพงศ์ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.เมื่อ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ก่อนจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และต่อมาได้ส่งนางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ ลงสมัครรับ เลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อม เขต 1 297
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นสถานการณ์ใหม่ทาง การเมืองจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวคือ การกระจายอำนาจ ทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ โดยให้มีองค์การบริหารส่วน จังหวัด (อบจ.) เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท้ายที่สุดแล้ว หากกลุ่มการเมืองระดับท้องถิ่นเข้มแข็ง และ กลุ่มการเมืองระดับชาติอ่อนแอเพราะโครงสร้างทางการเมือง ที่ไม่เอื้อ เครือข่ายของกลุ่มการเมืองระดับท้องถิ่นจะเริ่มมี บทบาทสอดแทรกเข้ามาแทน ดังเช่นกรณีจังหวัดศรีสะเกษ ภาพที่ 24-25 นายวิชิต ไตรสรณกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ศรีสะเกษ และนายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมือง ศรีสะเกษหลายสมัย 298
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ 3. ความแตกต่างของนักการเมืองจังหวัดศรีสะเกษ กับจังหวัดอื่นๆ โครงสร้างและลักษณะเฉพาะของนักการเมืองถิ่นจังหวัด ศรีสะเกษที่มีความโดดเด่น มีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจาก จังหวัดอื่นๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ ได้แก่ ประการแรก นักการเมืองจังหวัดศรีสะเกษในระยะเริ่ม แรกมีสัดส่วนของผู้ที่ประกอบอาชีพด้านกฎหมาย อาทิ ทนายความ ผู้พิพากษา ในสัดส่วนที่สูงกว่าวิชาชีพอื่นๆ อย่างมี นัยยะสำคัญ สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งเป็นเพราะ วิชาชีพทาง ด้านกฎหมายสามารถเป็นที่พึ่งพาอาศัยของชาวบ้านได้ โดยเฉพาะชาวบ้านที่มีข้อพิพาทในด้านที่ดินทำกิน การถูก เอารัดเอาเปรียบ ปัญหาหนี้สิน และคดีความต่างๆ ส่งผลให้ วิชาชีพเหล่านี้ได้รับการยอมรับและมีบทบาทสำคัญในสังคมที่มี ความหลากหลายทางชาติพันธุ์และข้อพิพาทในที่ดินทำกิน ประการท่ีสอง นักการเมืองเกือบทั้งหมดของจังหวัด ศรีสะเกษตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่น มักจะมีเชื้อสายพ่อค้าจีน โดยใน ระยะแรกๆ ที่เปิดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. นักการเมืองถิ่นอาจมี กลุ่มข้าราชการบำนาญในพื้นที่หรือกลุ่มเจ้าของโรงเรียนอยู่บ้าง แต่ในยุคต่อมาจนถึงปัจจุบัน นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ เกือบทั้งหมดมีเชื้อสายจีน หรือ “คนผิวขาว” ซึ่งแตกต่างจาก ชาวบ้านพื้นถิ่นเดิมที่เป็นเผ่าพันธุ์ส่วย(กวย) ลาว เขมร เยอ ที่มี ผิวคล้ำ 299
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ ตระกูลนักการเมืองศรีสะเกษที่สืบทอดจากพ่อค้าชาวจีน หรือสืบทอดจากเชื้อชาติจีนที่สำคัญได้แก่ ตระกูล “วัชราภรณ์” “วีสมหมาย” “เครือรัตน์” “ไตรสรณกุล” “อังคสกุลเกียรติ” “เจริญประเสริฐ” “แซ่จึง” เป็นต้น สอดคล้องกับคำสัมภาษณ์ของ ร.ท.ดร.กุเทพ ใสกระจ่าง ที่วิเคราะห์ว่า “ในจังหวัดศรีสะเกษ คนที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนันในอดีต มักจะเป็นคนผิวขาว ที่มาจากในเมืองโดยส่วนใหญ่ มักเป็น พอ่ คา้ ทม่ี าจากในเมอื ง พอเหน็ วา่ การเมอื งสามารถเออ้ื ประโยชน์ ทางธุรกิจได้ก็เลยยึดการเมืองไว้ ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มพ่อค้าที่ อพยพมาทีหลัง เมื่อเป็นผู้แทนก็ง่ายต่อการต่อยอด อาทิ ตระกูล… คนในท้องถิ่น วัฒนธรรมในท้องถิ่น(คนส่วย เขมร ลาว) ไม่สามารถสู้ได้ถ้าไม่เด่นจริงๆ” (กุเทพ ใสกระจ่าง, สัมภาษณ์, 27 กุมภาพันธ์ 2555) ประการที่สาม ความแตกต่างในด้านวัฒนธรรม ทางการเมืองของประชาชนจังหวัดศรีสะเกษกับจังหวัดอื่นๆ พบว่า ในจังหวัดศรีสะเกษ ประชาชนมีความหลากหลายทาง ชาติพันธุ์ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตชนบทแบบสังคม เกษตรกรรม ยึดมั่นในระบบเครือญาติ ระบบอุปถัมภ์ มีความ ฝักใฝ่ในทางศาสนาพุทธ สืบทอดประเพณีวัฒนธรรม และมี ลักษณะนิสัยเฉพาะตามกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ชาวส่วย (กูย) เขมร เยอ พบว่ามีลักษณะนิสัยเจียมเนื้อเจียมตัว มองว่าตัวเองเป็น คนด้อย เคารพผู้มีอำนาจและคนมีทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งถือเป็น เอกลักษณ์เฉพาะของชาวชนบทในจังหวัดศรีสะเกษ ลักษณะ 300
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ อุปนิสัยดังกล่าวส่งผลต่อพฤติกรรมทางการเมือง ดังนั้น นักการเมืองในจังหวัดศรีสะเกษที่จะได้รับการเลือกตั้งจะต้อง เป็นบุคคลที่ประชาชนรู้สึกว่าสามารถพึ่งพาอาศัยได้ สามารถ เข้าถึงได้ ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ในสังคม ประการท่ีส่ี พัฒนาการของการตัดสินใจเลือกตั้งของ ประชาชนจังหวัดศรีสะเกษเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ผู้สมัคร พยายามแจกเงินซื้อเสียงเป็นหลัก เปลี่ยนมาเป็นการแข่งขัน กันลงพื้นที่ การหาพรรคสังกัดที่ประชาชนถูกใจ การสร้าง ผลงานให้ได้รับการยอมรับ การจัดตั้งระบบหัวคะแนนที่ เปลี่ยนแปลงทางกลยุทธ์ให้เข้ากับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่เงินซื้อเสียงกลายเป็น เพียงปัจจัยส่วนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงปัจจัยเดียว ตามที่สังคมโดยทั่วไปเข้าใจ ประการท่ีห้า นับตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา การตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษ มีแนว โน้มเปลี่ยนแปลงจากการยึดติดอยู่กับตัวบุคคลมาให้ความ สำคัญกับปัจจัยเรื่องพรรคที่สังกัดมากขึ้น ผู้ที่เคยผูกขาด ชัยชนะมาอย่างยาวนานอาจจะพ่ายแพ้หากสังกัดพรรคที่ ประชาชนไม่สนับสนุน กระแสความนิยม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นับตั้งแต่ พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา ประชาชนจังหวัด ศรีสะเกษส่วนใหญ่มีความนิยม พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร สูงมาก ส่งผลให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่สังกัดพรรคไทยรักไทย พรรค พลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงที่จะได้รับการ 301
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ เลือกตั้ง ในขณะที่ผู้สมัครพรรคการเมืองอื่นต้องต่อสู้แข่งขัน อย่างหนักหากต้องการได้รับชัยชนะ โดยเฉพาะการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(แบบแบ่งเขต)เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 พบวา่ จากจำนวน ส.ส.ทง้ั หมด 9 เขต พรรคไทยรกั ไทย ชนะการเลือกตั้ง 8 เขต ประกอบด้วย นายธเนศ เครือรัตน์ (เขต 1) นายพทิ ยา บญุ เฉลยี ว(เขต 2) นายววิ ฒั ชยั โหตระไวศยะ (เขต 3) นายแพทย์จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ (เขต 4) นายอมรเทพ สมหมาย (เขต 5) นางมาลินี อินฉัตร (เขต 7) นายมานพ จรัสดำรงนิตย์ (เขต 8) และนายปวีณ แซ่จึง (เขต 9) ส่วนอีก 1 เขตที่เหลือเป็นของผู้สมัครจากพรรคชาติไทย คือ นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ เขต 6 ต่อมาการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 ก่อนที่จะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เป็นโมฆะ พบว่า ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคไทยรักไทย ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครบทั้ง จังหวัด 9 คน จากทั้งหมด 9 เขต ประกอบด้วย นายธเนศ เครือรัตน์ (เขต 1) นายพิทยา บุญเฉลียว(เขต 2) นายพิทยา นักรำ (เขต 3) นายแพทย์จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ (เขต 4) นาย อมรเทพ สมหมาย (เขต 5) พันตำรวจเอกทิน วงศ์ปลั่ง (เขต 6) นางมาลินี อินฉัตร (เขต 7) นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ (เขต 8) และนายปวีณ แซ่จึง (เขต 9) แม้กระทั่ง ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ โดยมพี ลเอกสนธิ บญุ ยรตั กลนิ เป็นหัวหน้า ส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องเดินทาง 302
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ ออกนอกประเทศ อีกทั้งพรรคไทยรักไทยถูกศาลรัฐธรรมนูญ สง่ั ยบุ พรรคเมอ่ื วนั ท่ี 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 และมกี ารเลอื กตง้ั ใหม่ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่กำหนดให้มีการแบ่งเขต เลือกตั้งใหม่ จากแบบเขตเดียวเบอร์เดียวเปลี่ยนมาเป็น 3 เขต เลือกตั้ง เขตหนึ่งมีจำนวน ส.ส.ได้ 3 คน ซึ่งสมาชิกพรรค ไทยรักไทยเดิมได้ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้การสนับสนุน โดย กกต.กำหนดให้มี การเลอื กตง้ั ทว่ั ไป เมอ่ื วนั ท ่ี 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2550 ผลปรากฏวา่ พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้งทั้งหมด 7 คน จากทั้งหมด 9 คน โดยผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคพลังประชาชน 7 คนที่ชนะ การเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 นายธเนศ เครือรัตน์ และ นายปวีณ แซ่จึง เขต 2 ชนะการเลือกตั้งยกเขต ได้แก่นาย วีระพล จิตสัมฤทธิ์ นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐและ ร.ท.ดร. กุเทพ ใสกระจ่าง เขต 3 นายธีระ ไตรสรณกุล และนาย วิวัฒชัย โหตระไวศยะ ส่วนผู้สมัครพรรคอื่นที่สามารถสอด แทรกเข้ามาได้ ประกอบด้วย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ พรรคชาติไทย และนางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ พรรค มัชฌิมาธิปไตย โดยเฉพาะในกรณีของเขตเลือกตั้ง เขตที่ 2 ประกอบ ด้วยพื้นที่ อำเภอปรางค์กู่ อำเภอวังหิน อำเภอขุขันธ์ อำเภอ ภูสิงห์ อำเภอห้วยทับทัน อำเภออุทุมพรพิสัย และอำเภอเมือง จันทร์ พบว่ากระแสนิยม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีอิทธิพลต่อ การตัดสินใจเลือกตั้ง ส.ส.เป็นอย่างมาก แม้ว่าผู้สมัครบางคน จะไม่เคยลงพื้นที่หาเสียงเหมือนผู้สมัครคนอื่นๆ หากสังกัด พรรคพลังประชาชนก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับชัยชนะ อีกทั้งการ 303
นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ หาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังเน้นการชู พ.ต.ท.ทักษิณ และการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ ดังคำ สัมภาษณ์ของ นายธนัชพงศ์ เจนพิทักษ์คุณ อดีตกำนันตำบลกู่ อ.ปรางค์กู่ ในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ว่า “ในพื้นที่เขต 2 คุณวีระพล จิตสัมฤทธิ์ คุณพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ และร้อยโทกุเทพ ใสกระจ่าง ไม่ค่อยลงพื้นที่ ไม่เคยเห็นหน้าเลย แต่ที่ได้คะแนนเพราะชาวบ้านคิดอย่าง เดียวว่าต้องการให้ทักษิณกลับมา คุณวีระพลมาหาเสียงบอกว่า เลือกพลังประชาชนแล้วทักษิณจะกลับมา..เวลาใช้รถแห่ โฆษณาก็จะมีสปอตโฆษณาบอกว่าเลือกพรรคพลังประชาชน แล้วทักษิณจะกลับมา... และแม้ว่าพรศักดิ์ และกุเทพจะไม่ได้ เข้ามาในเขตพื้นที่ปรางค์กู่แต่ก็ได้ยกทีม” (ธนัชพงศ์ เจนพิทักษ์ คุณ, สัมภาษณ์, 19 มีนาคม 2551) นอกจากนี้ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั่วไป เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2554 ก็ปรากฎว่าพรรคเพื่อ ไทยชนะการเลือกตั้ง 7 เขต จากทั้งหมด 8 เขตเลือกตั้ง ส่วน พรรคที่สามารถสอดแทรกเข้ามาได้ 1 ที่นั่ง คือ เขต 3 นางอุดม ลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ พรรคภูมิใจไทย กรณีที่กลุ่มเนวิน (พรรคภูมิใจไทย) โดยนางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ สามารถสอดแทรกเข้ามาได้ 1 ที่นั่ง ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ แบบแบ่งเขต ในเขต 3 (อ.กันทรลักษ์) เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นั้น ร.ท.ดร. กุเทพ เห็นว่าได้เพราะปัจจัยตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรค ภูมิใจไทยมากนัก เพราะอำเภอกันทรลักษ์เป็นเขตพื้นที่ของ 304
บทวิเคราะห์ : รูปแบบวิธีการหาเสียง เครือข่ายและความสัมพันธ์ กลุ่มนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดคนปัจจุบันที่ให้การ สนบั สนนุ นางอดุ มลกั ษณ์ ดงั นน้ั สรปุ ไดว้ า่ การทพ่ี รรคภมู ใิ จไทย ไดร้ บั เลอื กตง้ั ไมเ่ กย่ี วกบั กระแสพรรคกลมุ่ เนวนิ มากนกั ตรงกนั ขา้ ม ประชาชนโดยทั่วไปในพื้นที่มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อกลุ่มเนวิน โดยเชื่อว่า กลุ่มเนวินทรยศ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่นางอุดมลักษณ์ ชนะการเลือกตั้งในเขตนี้เพราะมีฐานเสียงที่เข้มแข็ง มีการ ลงพื้นฐานอย่างต่อเนื่องยาวนานจนสามารถเอาชนะกระแส กลุ่มทักษิณได้ (กุเทพ ใสกระจ่าง, สัมภาษณ์, 27 กุมภาพันธ์ 2555) ปรากฏการณ์ความนิยมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ดังกล่าว ชาร์ลส์ เอฟ คายส์ (Charles F. Keyes) (2552, น. 157) ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาคอีสานของประเทศไทย อธิบายว่า เป็น เพราะวัฒนธรรมทางการเมืองของผู้คนในภูมิภาคนี้ที่แตกต่าง ไปจากที่อื่นๆ โดยเฉพาะวัฒนธรรมการเมืองของกลุ่มชนชั้นนำ ที่สมาชิกของชนชั้นนี้ได้ครอบครองอำนาจการปกครองในสังคม ไทยมาอย่างยาวนาน และแตกต่างจากวัฒนธรรมการเมืองของ ชนชั้นกลางที่ประกอบด้วยคนไทยเชื้อสายจีนเป็นกลุ่มหลัก ความแตกต่างอย่างเด่นชัดในด้านวัฒนธรรมทางการเมืองนี้เอง ที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ผู้คนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สนับสนุนพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในการ เลือกตั้งในช่วงปีแรกๆ ของศตวรรษที่ 21 และต่อเนื่องมาจนถึง พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย รวมทั้งการเกิด ปรากฏการณ์แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ “คนเสื้อแดง” ในช่วง พ.ศ. 2551 – 2555 305
บ6ทท ่ี บทสรุปและข้อเสนอแนะ ในบทนี้จะนำเสนอสรุปผลการศึกษานักการเมืองถิ่น จังหวัดศรีสะเกษทั้งหมด การอภิปรายผล ข้อเสนอแนะที่ได้ จากการศึกษา และข้อจำกัดในการดำเนินการศึกษาวิจัย รายละเอียดดังนี้ การศกึ ษานกั การเมอื งถน่ิ จงั หวดั ศรสี ะเกษ มวี ตั ถปุ ระสงค์ 4 ข้อ คือ 1) เพื่อทราบข้อมูลนักการเมืองจังหวัดศรีสะเกษที่ได้ รับการเลือกตั้ง ตั้งแต่สมัยแรกจนถึงปัจจุบัน 2) เพื่อทราบ ข้อมูลนักการเมืองจังหวัดศรีสะเกษที่มีบทบาทสำคัญใน การเมืองระดับชาติ 3) เพื่อทราบเครือข่ายและความสัมพันธ์ ของนักการเมืองในจังหวัดศรีสะเกษทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น และ 4) เพื่อทราบรูปแบบและวิธีการหาเสียงของผู้สมัครสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กรอบแนวคิดในการศึกษา ประกอบด้วย แนวคิดที่ใช้ อธิบายการเมืองอีสาน แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองถิ่น
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ และ แนวคิดเรื่องระบบอุปถัมภ์ อาศัยระเบียบวิธีการวิจัยเชิง คุณภาพเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล คือ ข้อมูลจาก เอกสารที่เกี่ยวข้อง(document research) การสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth interview) และการสังเกตการณ์แบบคนใน (insider) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นความเชื่อ วัฒนธรรมทางสังคม ค่านิยม หรืออุดมการณ์ที่ประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษยึดถือ วิเคราะห์ ข้อมูลโดยการจำแนกประเภทข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูล และการสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย (induction) กำหนดขอบเขตใน การศึกษา ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 จนถึง พ.ศ. 2554 โดยเน้นศึกษา นักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือนักการเมืองในระดับชาติเป็นหลัก 1. สรุปผลการศึกษา สามารถสรุปผลการศึกษาได้ดังนี้ 1.1 นักการเมืองจังหวัดศรีสะเกษท่ีได้รับการเลือกต้ัง สมัยแรกจนถึงปัจจุบัน โดยสรุป จังหวัดศรีสะเกษ มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร รวมแบบทั่วไป และการเลือกตั้งซ่อม ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2476 จนถึงการเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วไป วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 โดยมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการ เลือกตั้งทง้ั แบบแบง่ เขต และแบบบญั ชรี ายชอ่ื รวมจำนวนทง้ั สน้ิ 62 คน (ไม่นับรวมการเลือกตั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เป็นโมฆะ) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดศรีสะเกษ คือ ขุนพิเคราะห์คดี (อินทร์ อินตะนัย) ได้รับการเลือกตั้ง 308
บทสรุปและข้อเสนอแนะ ทางอ้อมใน พ.ศ. 2476 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด คือ นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ ได้รับการเลือกตั้งตั้งแต่ พ.ศ. 2518 – 2544 รวมทั้งสิ้น 11 สมัย รองลงมาได้แก่ นายสง่า วัชราภรณ์ นายไพโรจน์ เครือรัตน์ นายบุญชง วีสมหมาย นางกรองกาญจน ์ วีสมหมาย นายสวัสดิ์ สืบสายพรหม นายจำนงค์ โพธิสาโร ตามลำดับ ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา แบบทั่วไปและเลือกตั้ง ซ่อมรวมกันทั้งหมด 5 ครั้ง (นับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2543 จนถึงเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2551) มีจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งสิ้น 10 คน ทั้งนี้ก่อนจะมีการ เลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช 2540 จังหวัดศรีสะเกษมีนักการเมือง ที่ได้รับการ แต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา 2 คน คือ นายบุญชง วีสมหมาย (พ.ศ. 2532) และ ทพญ.กรองกาญจน์ วีสมหมาย (พ.ศ. 2539) 1.2 นักการเมืองจังหวัดศรีสะเกษที่มีบทบาทสำคัญใน การเมืองระดับชาติ นับตั้งแต่จังหวัดศรีสะเกษมีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรครั้งแรกใน พ.ศ. 2476 จนถึงยุคปัจจุบัน (พ.ศ. 2554) จังหวัดศรีสะเกษมีนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญและ เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ ได้แก่ 1) ขุนพิเคราะห์คดี ส.ส.จังหวัดขุขันธ์ ในช่วง พ.ศ. 2476 ขุนพิเคราะห์คดี ส.ส.จังหวัดขุขันธ์ มีบทบาทในรัฐสภา 309
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับนายทองอินทร์ ภรู ิพัฒน์ (ส.ส.อุบลราชธานี) ได้อภิปราย แสดงความคิดเห็นในการประชุมสภา 58 ครั้ง โดยประเด็นใน การอภิปรายส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความทุกข์ร้อน ภาษีอากร การปราบปรามโจรผู้ร้าย ระบบชลประทาน ปัญหาความ ยากไร้ของประชาชนในภาคอีสาน 2) นายเทพ โชตินุชิต เป็นผู้ที่มีบทบาทในการอภิปราย ในสภามากที่สุดของภาคอีสาน โดยมีจำนวนการอภิปราย ทั้งหมด 45 ครั้ง นายเทพเป็นนักการเมืองแนวหน้า ที่เป็นที่ ยอมรับในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2492 ได้รับแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรี(ลอย) ในคณะรัฐมนตรี คณะที่ 22 ก่อนที่จะได้รับการ ปรับมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2493 3) นายจำนงค์ โพธิสาโร ก่อนเข้าสู่อาชีพนักการเมือง นายจำนงค์ โพธิสาโร ดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ 7 สมัย ตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ ในสมัยรัฐบาลพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ (9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 – 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534) ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2533 4) นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ เป็น ส.ส.จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับการเลือกตั้งบ่อยครั้งที่สุดนับตั้งแต่มีการเลือกตั้ง ส.ส. มาจนถึงปัจจุบัน โดยได้รับการเลือกตั้งทั้งหมด 11 สมัย ในสมัย รัฐบาลพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ (9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 – 310
บทสรุปและข้อเสนอแนะ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534) ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2533 ในสมัย รัฐบาล พลเอกสุจินดา คราประยูร (7 เมษายน พ.ศ. 2535 – 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535) ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรีในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2535 สมัยรัฐบาลนาย บรรหาร ศิลปอาชา (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 - 25 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2539) ไดร้ บั แตง่ ตง้ั เปน็ รฐั มนตรปี ระจำสำนกั นายกรฐั มนตรี และสมัยรัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ (25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 – 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540) ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกสมัยดำรงตำแหน่งเป็นรอง ประธานรัฐสภาและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรระหว่างวันที่ 27 เมษายน 2526 ถึง 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 ดำรงตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2518 และ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2519 5) นายบุญชง วีสมหมาย เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญ ด้านการกีฬาและการศึกษาของจังหวัด ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ทั้งหมด 7 สมัย เคยได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2532 ตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ คือ ได้รับตำแหน่ง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ใน พ.ศ. 2538 เป็น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ใน พ.ศ. 2539 รองประธานสภา ผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2544 - 2545 6) ดร.มานะ มหาสุวีระชัย จบการศึกษาปริญญาเอก ทางด้านวิศวกรรมโครงสร้าง (Ph.D. Structural Engineering) จาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ สหรัฐอเมริกา เคยได้รับ 311
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ การเลือกตั้งเป็น ส.ส.ทั้งหมด 2 สมัย เป็นรองเลขาธิการนายก รัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พ.ศ. 2537 ได้ดำรงตำแหน่ง กรรมการ บริหารพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2546 ในปี พ.ศ. 2547 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง 7) นายไพโรจน์ เครือรัตน์ ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ทั้งหมด 6 สมัย เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ คณะรัฐมนตรีชุดที่ 48 วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 – 9 มิถุนายน พ.ศ. 2535 สมัยรัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยรู 8) นายสวัสดิ์ สืบสายพรหม ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ทั้งหมด 4 สมัย ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย (23 กันยายน พ.ศ. 2535 – 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538) ได้รับแต่งตั้ง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2535 9) ร้อยโท ดร.กุเทพ ใสกระจ่าง ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ทั้งหมด 5 สมัย เคยมีตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการนายก รัฐมนตรี ช่วงปี พ.ศ. 2545-2548 และโฆษกพรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2550) 1.3 รูปแบบและวิธีการหาเสียงของผู้สมัครสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ของนักการเมือง จังหวัด ศรีสะเกษ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2476 จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2554) 312
บทสรุปและข้อเสนอแนะ การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงตาม ลักษณะพลวัต (dynamic) ของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่สำคัญดังนี้ 1) การแจกเงินและสิ่งของ ในยุคปัจจุบัน การแจกเงิน หรือสิ่งของไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้งเสมอไป ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องพรรค ตัวบุคคล และการลงพื้นที่อย่าง สม่ำเสมออีกด้วย 2) ย้ำความเป็นผู้ที่มีหน้าที่การงานดี และมีความรู้สูง เน้นปริญญา ผู้สมัครมักชูความเป็นผู้มีความรู้ โดยเฉพาะผู้ที่ได้ รับปริญญาในสาขาต่างๆ กลายเป็นค่านิยมสำหรับนักการเมือง ทั้งระดับชาติและท้องถิ่น 3) การชูประเด็นความเป็นคนในพื้นที่หรือท้องถิ่น การถูกมองว่าด้อยกว่า เป็นคนบ้านนอก เป็นคนต่างจังหวัดที่มี การศึกษาน้อย ยังไม่ค่อยพัฒนา และด้อยในทางวัฒนธรรม การเผชิญกับสภาพเช่นนี้ทำให้คนอีสานมีแนวโน้มที่จะรวมกลุ่ม เนื่องจากมีความรู้สึกร่วมในเรื่องวัฒนธรรมย่อย ภาษาถิ่น รสนิยมเรื่องอาหาร ดนตรี และอื่นๆ เป็นที่มาของการเกิด แนวคิดท้องถิ่นนิยมหรือท้องถิ่นอีสานนิยม ผู้สมัคร ส.ส. ในอดีตมักนำประเด็นเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะในพื้นที่ ที่มีผู้สมัครต่างถิ่นเข้ามาแข่งขัน หรือคนที่ไม่มีภูมิลำเนาที่นั้นมา สมัครรับเลือกตั้งแข่งขันในพื้นที่ ในยุคปัจจุบัน การชูประเด็น ความเป็นคนในพื้นที่หรือเป็นคนในท้องถิ่นได้ลดความสำคัญลง เห็นได้จากกรณีการได้รับการเลือกตั้งของตระกูลนางสุนีย์ อินฉัตร 313
นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ 4) การสนับสนุนการศึกษา การกีฬาและกิจกรรมของ ชุมชน ในช่วง พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา นักการเมืองถิ่นจังหวัด ศรีสะเกษพยายามใช้กีฬาเป็นสื่อในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ตัวเองมากยิ่งขึ้น อาทิ นายบุญชง วีสมหมาย นายธเนศ เครือรัตน์ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายสรศาสตร์ ศรีธัญรัตน์ นายสมบัติ เกียรติสุรนนท์ เป็นต้น นอกจากการสนับสนุนด้านกีฬาและการศึกษาแล้ว นักการเมือง บางคนใช้วิธีการทำบุญบริจาคตามวัดและสถานปฏิบัติธรรม ต่างๆ เพื่อสร้างชื่อเสียงและความรู้จักมักคุ้น ก่อนจะลงสมัคร รับเลือกตั้ง อาทิ นางสุนีย์ อินฉัตร และนางมาลินี อินฉัตร 5) เน้นการแก้ปัญหาปากท้องของคนในพื้นที่ การ หาเสียงโดยการชูประเด็นการแก้ไขปัญหาปากท้องความอยู่ดี กินดีของประชาชนมีมาตั้งแต่สมัยอดีต ประเด็นเนื้อหาการ อภิปรายหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.มักเป็นประเด็นเรื่องปากเรื่อง ท้อง ความกินดีอยู่ดีของประชาชน การสร้างระบบชลประทาน การศึกษา การรักษาพยาบาล และระบบสวัสดิการสังคมต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนยากจน มาในยุค พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา การชู ประเด็นในการหาเสียงมีแนวโน้มที่จะอิงกับนโยบายของ พรรคการเมืองที่ตนเองสังกัดมากขึ้น โดยเฉพาะการอิงกับ นโยบายแนวประชานิยมของพรรคไทยรักไทย หรือพรรค พลังประชาชน 6) การจัดตั้งหัวคะแนน (แกนจัดตั้ง) ในยุคปัจจุบัน ระบบ“หัวคะแนน” หรือเรียกชื่อใหม่ว่า “แกนจัดตั้ง” ได้ เปลี่ยนแปลงรูปแบบจากที่เคยอาศัยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย 314
บทสรุปและข้อเสนอแนะ ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าอาวาส ครู นักการภารโรง หรือผู้นำชุมชนที่มี ตำแหน่ง เปลี่ยนมาเป็นบุคคลในหมู่บ้านที่ไม่จำเป็นต้องมี ตำแหน่ง เช่น อาจจะเป็นหัวหน้าคุ้มประจำหมู่บ้าน ชาวบ้าน ธรรมดา หัวหน้าครอบครัวที่สามารถรวบรวมสมาชิกได้ครบ ตามจำนวน สมาชิกสภา อบต. สมาชิก อสม. หัวหน้าเยาวชน กลุ่มเยาวชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง เป็นต้น กล่าวได้ว่า ระบบหัวคะแนนสมัยใหม่ไม่จำเป็นต้องผ่าน นายหน้าที่เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอีกต่อไป แม้ว่าในบางพื้นที่จะ ยังคงให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวคะแนนอยู่ ทั้งนี้ นับตั้งแต่มี การกระจายอำนาจให้มีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โดย เฉพาะในระดับองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) พบว่าในชุมชน ระดับหมู่บ้านโดยส่วนใหญ่มักจะมีขั้วอำนาจที่สำคัญ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มนายก อบต. และสมาชิก อบต. ซึ่งทั้งสองกลุ่มมักคานอำนาจกัน โดยส่วนใหญ่ทั้งสอง กลุ่มจะเป็นหัวคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส.คนละพรรคกัน ยกเว้นว่า ในบางพื้นที่ที่ทั้งสองกลุ่มเป็นเครือข่ายเดียวกันหรือในการ เลือกตั้งครั้งนั้นมีผู้สมัครคนเดียวที่จัดตั้งระบบหัวคะแนน ระบบหัวคะแนนหรือระบบแกนนำเหล่านี้จะคอยทำ หน้าที่รวบรวมรายชื่อสมาชิกในกลุ่มเพื่อจูงใจให้เลือก ส.ส.ที่ตน เป็นหัวคะแนนให้ การไปรับเงินจากแกนนำระดับบนเพื่อนำมา แจกให้กับประชาชนในหมู่บ้านที่ตนเองรับผิดชอบ รวมทั้งการ เป็นผู้ประสานงานการจัดเวทีปราศรัย การประสานงานให้ ผู้สมัคร ส.ส.ได้พบปะกับประชาชน เป็นต้น จำนวนของ หัวคะแนน หรือแกนจัดตั้งในแต่ละหมู่บ้านถ้าเป็นหมู่บ้านขนาด 315
นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ เล็กแกนนำจะมีประมาณ 15 คน หมู่บ้านขนาดกลางประมาณ 20-25 คน หมู่บ้านขนาดใหญ่ประมาณ 25-40 คน ส่วนแกนนำ ระดับตำบล ถ้าเป็นตำบลขนาดใหญ่ที่มี 18 หมู่บ้านขึ้นไป จะแบ่งแกนนำระดับตำบลออกเป็น 3-4 กลุ่ม ถ้าเป็นตำบล ขนาดเล็กที่มี 10-11 หมู่บ้าน จะแบ่งแกนนำเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะมีแกนนำประมาณ 3-5 คน แกนนำระดับตำบลจะ ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน 7) การปราศรัยหาเสียง นับตั้งแต่การเกิดปรากฎการณ์ ทักษิณ ชินวัตรในจังหวัดศรีสะเกษขึ้นมา นักการเมืองที่สังกัด กลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องออกปราศรัยหาเสียง เพื่อนำเสนอ นโยบายและผลงานของพรรค ซึ่งชาวบ้านเองก็เริ่มให้ความ สำคัญกับพรรคและนโยบายของพรรคมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็น ปัจจัยชี้ขาดอย่างหนึ่งที่จะทำให้ชนะหรือแพ้การเลือกตั้งในครั้ง นั้นๆ ส่วนวิธีลงพื้นปราศรัยตามหมู่บ้านหรือตำบลต่างๆ นั้น จะเริ่มตั้งแต่เวลา 7.00 น. ถึงเวลา 23.00 น. ทำติดต่อกันทุกวัน ไม่ได้พัก โดยจะเริ่มหาเสียงตั้งแต่วันลงรับสมัคร จนถึงก่อนวัน เลือกตั้ง 8) การลงพื้นที่ของผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดศรีสะเกษ โดยส่วนใหญ่ นักการเมืองที่จะได้รับการเลือกตั้งในจังหวัด ศรีสะเกษ จะต้องลงพื้นที่พบปะชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอ ผ้สู มัคร ส.ส. จะใชโ้ อกาสในช่วงเวลาทีช่ ุมชนมงี านบุญ งานบวช งานศพ งานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงต่างๆ ลงพื้นที่พบปะสร้าง ความคุ้นเคย ความเป็นกันเองกับชาวบ้าน โดยเจ้าภาพมักจะ เชิญ ส.ส.และนักการเมืองท้องถิ่นมาเป็นประธานในงานเพื่อ 316
บทสรุปและข้อเสนอแนะ เป็นเกียรติแก่เจ้าภาพจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอด กันมาในสังคมยุคปัจจุบัน 9) การหาเสียงรูปแบบวิธีการอื่นๆ ที่สำคัญได้แก่ การใช้ สื่อโฆษณาหาเสียงรูปแบบต่างๆ อาทิ การใช้รถแห่เป็นขบวน ยาวหลายสิบคันรถในลักษณะขบวนคาราวานโดยมีการโชว์ ตัวผู้สมัครและทีม ส.ส.ของพรรคเพื่อปลุกเร้าความสนใจจาก ประชาชน การจัดตั้งทีมงานแจกแผ่นป้ายโฆษณา แจกเสื้อทีม กีฬาโดยมีชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปักไว้ที่เสื้อ ส่งรถมาช่วยขนศพ ส่งเครื่องดื่มและน้ำแข็งมาช่วยงาน ทำป้ายโฆษณาตามถนน ใช้สื่ออินเตอร์เน็ต สื่อวิทยุชุมชน ฯลฯ 1.4 เครือข่ายและความสัมพันธ์ของนักการเมืองใน จังหวัดศรีสะเกษทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น 1.4.1 การสบื ทอดตระกลู หรือกลมุ่ ทางการเมือง เครือข่ายและความสัมพันธ์ของนักการเมืองใน จังหวัดศรีสะเกษมีลักษณะสำคัญ คือ การสืบทอดเป็นตระกูล และกลุ่มทางการเมือง การสืบทอดเป็นตระกูล สานต่อจาก บิดามายังบุตร จากพี่มายังน้อง จากสามีมายังภรรยา จาก อามาสู่หลาน และในเครือญาติ สาเหตุสำคัญในการสร้าง ทายาททางการเมือง คือ เพื่อสานต่ออุดมการณ์ทางการเมือง ขยายฐานทางการเมืองและธุรกิจของกลุ่มเครือข่าย เป็นต้น ใช้วิธีการสานต่อด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งคู่กัน หรือบิดา เลิกเล่นการเมืองแล้วให้บุตรมาลงสมัครรับเลือกตั้งแทน 317
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ ในด้านวิธีการเข้าสู่วงการเมืองระดับชาติ (ส.ส., ส.ว.) นักการเมืองยุคใหม่ของจังหวัดมักลงสมัครรับเลือกตั้งใน ระดับท้องถิ่นก่อน เช่น เป็นสมาชิกสภาจังหวัด ยกเว้นกลุ่ม ตระกูลที่กุมฐานเสียงในระดับท้องถิ่นอยู่แล้วจะส่งบุตรหลาน หรือสามีภรรยาลงสมัครในเวทีระดับชาติทันทีโดยใช้ฐานเสียง ในระดับท้องถิ่นของกลุ่มตนช่วยสนับสนุน โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ เชอ้ื สายจนี ขา้ ราชการบำนาญ เจา้ ของโรงเรยี น และทนายความ ตระกูลทางการเมืองที่มีการสืบทอดและมีบทบาทสำคัญของ จังหวัดศรีสะเกษ นับตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ที่สำคัญ ประกอบด้วย ตระกูลวัชราภรณ์ ตระกูลวีสมหมาย ตระกูล เครือรัตน์ ตระกลู ไตรสรณกุล และตระกูลอังคสกุลเกียรติ ตระกูลวัชราภรณ์ เครือข่ายประกอบด้วย นาย สง่า วัชราภรณ์ นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ และนายดนัยฤทธิ์ วัชราภรณ์ ตระกูลวีสมหมาย เครือข่ายประกอบด้วย นาย บุญชง วีสมหมาย ทันตแพทย์หญิงกรองกาญจน์ วีสมหมาย และ นายธีระชัย วีสมหมาย ตระกูลเครือรัตน์ เครือข่ายประกอบด้วย นาย ไพโรจน์ เครือรัตน์ นายธเนศ เครือรัตน์และนายณรงค์สิทธิ์ เครือรัตน์ ตระกูลไตรสรณกุล เครือข่ายประกอบด้วย นาย ฮวด ไตรสรณกุล นายวีระ ไตรสรณกุล นายธีระ ไตรสรณกุล นายวชิ ติ ไตรสรณกลุ นางสณุ สิ า ไตรสรณกลุ นางอดุ มลกั ษณ์ 318
บทสรุปและข้อเสนอแนะ เพ็งนรพัฒน์ และนายแพทย์จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ตระกูลอังคสกุลเกียรติ เครือข่ายประกอบด้วย นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ และนางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ 1.4.2 ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองระดับชาติ กับนกั การเมอื งระดับทอ้ งถน่ิ ตง้ั แต่ พ.ศ. 2540 เปน็ ตน้ มา กลมุ่ การเมอื งทอ้ งถน่ิ จังหวัดศรีสะเกษเริ่มขยายกลุ่มเครือข่ายเข้าไปแข่งขันใน การเมืองระดับชาติมากขึ้น โดยส่งบุตรหลาน สามี ภรรยา ญาติพี่น้องหรือพรรคพวกของกลุ่มลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา โดยเฉพาะ ตระกูล “อังคสกุลเกียรติ” และ “ไตรสรณกุล” ซึ่งกำลังขยายตัว ไปสู่การเมืองระดับชาติโดยอาศัยฐานเสียงเดิมในเวทีการเมือง ระดับท้องถิ่น การเริ่มขยายเครือข่ายของกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ไปแข่งขันกับกลุ่มการเมืองระดับชาติของกลุ่มตระกูลข้างต้น สะท้อนนัยยะทางการเมืองของจังหวัดศรีสะเกษที่สำคัญ 2 ด้าน คือ ความอ่อนแอของกลุ่มการเมืองระดับชาติ และความ เข้มแข็งของกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ด้านแรก ความอ่อนแอของกลุ่มการเมือง ระดบั ชาต ิ ความอ่อนแอของกลุ่มการเมืองระดับชาติ แบ่ง เป็น 2 กลุ่มสาเหตุ 319
นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ 1) ปัจจัยภายนอก ได้แก่ สถานการณ์และ โครงสร้างทางการเมืองที่ไม่เอื้อให้กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรในจังหวัดศรีสะเกษมีความเข้มแข็ง เกิดขึ้นจากความ ไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองนับตั้งแต่การเกิด เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ผลกระทบจาก การยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย ส่งกระทบโดยตรงต่อ ส.ส.จังหวัดศรีสะเกษซึ่งส่วนใหญ่เคย สังกัดพรรคการเมืองเหล่านี้ โดยเฉพาะส.ส.จังหวัดศรีสะเกษ หลายคนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเพราะกระแสพรรค ที่ตนเองสังกัด โดยเฉพาะกระแสพรรคไทยรักไทย พรรค พลังประชาชน ดังนั้น หากเกิดปัญหาขึ้นกับพรรคการเมือง เหล่านี้ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงทางการเมืองของ ส.ส.คนนั้น 2) ปัจจัยภายใน ปัจจัยของกลุ่มสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรในจังหวัดศรีสะเกษที่เป็นอุปสรรคต่อความ เข้มแข็ง กล่าวคือ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา พบว่า กลุ่ม ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งมักเป็น ส.ส.หน้าใหม่ แม้ว่า ส.ส.บางท่านอาจเคยได้รับการเลือกตั้งมา 2 - 3 สมัย หรือเคย ลงสมัครรับเลือกตั้งมานานหลายสิบปีแล้ว แต่เมื่อวิเคราะห์ ระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง ส.ส. กลับพบว่าส่วนใหญ่มี ประสบการณ์ไม่เกิน 10 ปี ถือว่ายังมีประสบการณ์ทางการเมือง น้อยเมื่อเทียบกับนายบุญชง วีสมหมาย และนายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ สถานการณ์และโครงสร้างทางการเมืองที่ไม่เอื้อ ประกอบกับการเป็น ส.ส.หน้าใหม่ซึ่งยังขาดประสบการณ์ 320
บทสรุปและข้อเสนอแนะ ทางการเมืองที่มากพอ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเข้มแข็ง ทางการเมือง ดังนั้น กลุ่มการเมืองระดับท้องถิ่นจึงใช้โอกาสนี้ สอดแทรกขึ้นมาในเวทีการเมืองระดับชาติโดยใช้ฐานเสียงใน ระดับท้องถิ่นช่วยสนับสนุน ด้านท่ีสอง ความเข้มแข็งของกลุ่มการเมือง ท้องถ่ิน เกิดจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ ประการแรก เกิดจากการผูกขาดชัยชนะในการ เลือกตั้งในเวทีการเมืองระดับท้องถิ่นของจังหวัดศรีสะเกษ แบ่งเป็น 2 ระดับคือ ระดับเทศบาลเมือง และองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด ระดับเทศบาลเมือง ผูกขาดชัยชนะโดยนาย ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ หัวหน้ากลุ่มมิตรประชา ที่ดำรง ตำแหนง่ นายกเทศมนตรเี ทศบาลเมอื งศรสี ะเกษมานานกวา่ 30 ปี การผูกขาดอำนาจทางการเมืองมาหลายยุคสมัยได้สร้างฐาน เสียงของกลุ่มให้มีความเข้มแข็ง ในขณะที่คู่แข่งขันไม่มี ศักยภาพมากพอที่จะต่อสู้กับกลุ่มอำนาจเดิมได้ องค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยกลุ่มนายวิชิต ไตรสรณกุล ชนะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ศรีสะเกษหลายสมัยเช่นเดียวกัน ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2551 สามารถเอาชนะนางสุนีย์ อินฉัตร อดีต สมาชิกวุฒิสภาได้ และล่าสุดการเลือกตั้งนายก อบจ.และ สมาชิกสภา อบจ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปรากฎว่านายวิชิตชนะการเลือกตั้งอย่างขาดลอย เพราะคู่แข่ง 321
นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ ขันทั้งหมดของนายวิชิต ล้วนเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ ยังไม่มี ฐานเสียงและผู้สนับสนุนมากพอที่จะสามารถแข่งขันกับ นายวิชิตได้อย่างสสู ี การผูกขาดชัยชนะที่ต่อเนื่องยาวนานของกลุ่ม นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ และนายวิชิต ไตรสรณกุล ส่งผลให้ทั้งสองกลุ่มมีอำนาจทางการเมืองที่เข้มแข็ง ประการที่สอง เกิดจากความเป็นพันธมิตร ทางการเมือง ระหว่างตระกูล “ไตรสรณกุล” และ “อังคสกุล เกียรติ” โดยน้องชายของนายฉัฐมงคล คือ นายมานะพันธ์ เป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จากเงื่อนไข 2 ประการดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่ม การเมืองระดับท้องถิ่นมีความเข้มแข็งมากขึ้น และกลายเป็น ปรากฏการณ์ใหม่ของการเมืองจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวคือ การ กระจายอำนาจทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ โดยให้มีองค์การ บริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล และองค์การบริหารส่วน ตำบล (อบต.) ท้ายที่สุดแล้ว หากกลุ่มการเมืองระดับ ท้องถิ่นเข้มแข็ง และกลุ่มการเมืองระดับชาติอ่อนแอเพราะ โครงสร้างโอกาสทางการเมืองไม่เอื้อ เครือข่ายของกลุ่ม การเมืองระดับท้องถิ่นจะเริ่มมีบทบาทขยายตัวเข้ามาในเวที การเมืองระดับชาติมากขึ้น แทนที่การเมืองระดับชาติจะขยาย ตัวเข้าไปครอบคลุมเวทีระดับท้องถิ่นมากขึ้น ดังเช่นกรณี จังหวัดศรีสะเกษ 322
บทสรุปและข้อเสนอแนะ ความแตกต่างของนักการเมืองจังหวัดศรีสะเกษกับ จังหวดั อื่นๆ โครงสร้างและลักษณะเฉพาะของนักการเมืองถิ่นจังหวัด ศรีสะเกษที่มีความโดดเด่น มีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจาก จังหวัดอื่นๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ ได้แก่ ประการแรก นักการเมืองจังหวัดศรีสะเกษในระยะเริ่ม แรกมีสัดส่วนของผู้ที่ประกอบอาชีพด้านกฎหมาย อาทิ ทนายความ ผู้พิพากษา ในสัดส่วนที่สูงกว่าวิชาชีพอื่นๆอย่างมี นัยยะสำคัญ สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งเป็นเพราะ วิชาชีพทาง ด้านกฎหมายสามารถเป็นที่พึ่งพาอาศัยของชาวบ้านได้ โดย เฉพาะชาวบ้านที่มีข้อพิพาทในด้านที่ดินทำกิน การถูกเอารัด เอาเปรียบ ปัญหาหนี้สิน และคดีความต่างๆ ส่งผลให้วิชาชีพ เหล่านี้ได้รับการยอมรับและมีบทบาทสำคัญในสังคมที่มีความ หลากหลายทางชาติพันธุ์และข้อพิพาทในที่ดินทำกิน ประการที่สอง นักการเมืองเกือบทั้งหมดของจังหวัด ศรีสะเกษตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่น มักจะมีเชื้อสายพ่อค้าจีน โดยใน ระยะแรกๆ ที่เปิดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. นักการเมืองถิ่นอาจมี กลุ่มข้าราชการบำนาญในพื้นที่หรือกลุ่มเจ้าของโรงเรียนอยู่บ้าง แต่ในยุคต่อมาจนถึงปัจจุบัน นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ เกือบทั้งหมดมีเชื้อสายจีน หรือ “คนผิวขาว” ซึ่งแตกต่างจาก ชาวบ้านพื้นถิ่นเดิมที่เป็นเผ่าพันธุ์ส่วย(กวย) ลาว เขมร เยอ ที่มี ผิวคล้ำ 323
นักการเมืองถ่ินจังหวัดศรีสะเกษ ตระกูลนักการเมืองศรีสะเกษที่สืบทอดจากพ่อค้าชาวจีน หรือสืบทอดจากเชื้อชาติจีนที่สำคัญได้แก่ ตระกูล “วัชราภรณ์” “วีสมหมาย” “เครือรัตน์” “ไตรสรณกุล” “อังคสกุลเกียรติ” “เจริญประเสริฐ” “แซ่จึง” เป็นต้น ประการที่สาม ความแตกต่างในด้านวัฒนธรรมทาง การเมืองของประชาชนจังหวัดศรีสะเกษกับจังหวัดอื่นๆ พบว่า ในจังหวัดศรีสะเกษ ประชาชนมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตชนบทแบบสังคมเกษตรกรรม ยึดมั่น ในระบบเครือญาติ ระบบอุปถัมภ์ มีความฝักใฝ่ในทางศาสนา พุทธ สืบทอดประเพณีวัฒนธรรม และมีลักษณะนิสัยเฉพาะ ตามกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ชาวส่วย (กูย) เขมร เยอ พบว่ามี ลักษณะนิสัยเจียมเนื้อเจียมตัว มองว่าตัวเองเป็นคนด้อย เคารพผู้มีอำนาจและคนมีทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งถือเป็น เอกลักษณ์เฉพาะของชาวชนบทในจังหวัดศรีสะเกษ ลักษณะ อุปนิสัยดังกล่าวส่งผลต่อพฤติกรรมทางการเมือง ดังนั้น นักการ เมืองในจังหวัดศรีสะเกษที่จะได้รับการเลือกตั้งจะต้องเป็น บุคคลที่ประชาชนรู้สึกว่าสามารถพึ่งพาอาศัยได้ สามารถเข้าถึง ได้ ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ในสังคม ประการที่สี่ พัฒนาการของการตัดสินใจเลือกตั้งของ ประชาชนจังหวัดศรีสะเกษเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ผู้สมัคร พยายามแจกเงินซื้อเสียงเป็นหลัก เปลี่ยนมาเป็นการแข่งขัน กันลงพื้นที่ การหาพรรคสังกัดที่ประชาชนถูกใจ การสร้าง ผลงานให้ได้รับการยอมรับ การจัดตั้งระบบหัวคะแนนที่ เปลี่ยนแปลงทางกลยุทธ์ให้เข้ากับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ สังคม 324
บทสรุปและข้อเสนอแนะ และการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่เงินซื้อเสียงกลายเป็น เพียงปัจจัยส่วนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงปัจจัยเดียว ตามที่สังคมโดยทั่วไปเข้าใจ ประการที่ห้า นับตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา การ ตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษ มีแนวโน้ม เปลี่ยนแปลงจากการยึดติดอยู่กับตัวบุคคลมาให้ความสำคัญ กับปัจจัยเรื่องพรรคที่สังกัดมากขึ้น ผู้ที่เคยผูกขาดชัยชนะมา อย่างยาวนานอาจจะพ่ายแพ้หากสังกัดพรรคที่ประชาชน ไม่สนับสนุน กระแสความนิยม พ.ต.ท.ทักษิณ ชนิ วัตร นับตั้งแต่ พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา ประชาชนจังหวัด ศรีสะเกษส่วนใหญ่มีความนิยม พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร สูงมาก ส่งผลให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่สังกัดพรรคไทยรักไทย พรรค พลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงที่จะได้รับการ เลือกตั้ง ในขณะที่ผู้สมัครพรรคการเมืองอื่นต้องต่อสู้แข่งขัน อย่างหนักหากต้องการได้รับชัยชนะ โดยเฉพาะการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(แบบแบ่งเขต)เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 พบวา่ จากจำนวน ส.ส.ทง้ั หมด 9 เขต พรรคไทยรกั ไทย ชนะการเลือกตั้ง 8 เขต ยิ่งการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 ก่อนที่จะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เป็นโมฆะ พบว่า ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคไทยรักไทย ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครบทั้ง จังหวัด 9 คน จากทั้งหมด 9 เขต 325
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383