100 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล แกนน�ำของกลุ่มปากมูลหรือเอ็นจีโอท่ีท�ำงานด้านปัญหา ชาวบ้าน” หลังเหตุการณ์ความรุนแรงกลางกรุง อาจพบว่าแนว สันติวิธีถูกน�ำมาใช้ในการต่อสู้ และมีการน�ำมาใช้โดยไม่ได ้ เก่ียวข้อง หรือเคยอบรมกับกลุ่มของพระไพศาล “ในท่ามกลางวิกฤตแบบน้ี การอบรมส�ำคัญมาก แต ่ ของเราไม่ได้ท�ำวิธีการนี้มาอย่างต่อเนื่อง จริงจัง และจริงใจ กน็ า่ จะเปน็ เรอื่ งทตี่ อ้ งทำ� ขน้ึ มาใหม ่ ความจรงิ บางกลมุ่ เขากไ็ ม ่ ได้มาฝึกกับเราแต่ก็ท�ำ อย่างกรณีของ บก.ลายจุด ที่เป็น เส้ือแดง ความจริงท่ีเขาท�ำน้ันเป็นเร่ืองดีมากเลยนะ เป็น สันติวิธีแบบท้าทายรัฐบาล ข้อเรียกร้องของเขาเป็นอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ท่ีเห็นได้ก็คือ ส่ิงที่ทำ� น้ันเป็นวิถีทางท ่ี สันตมิ าก” สันติวิธีไม่ได้หมายถึงการไม่ท้าทาย หรือการไม่ทำ� ให้ เกดิ ฝักฝ่ายเชน่ นั้นหรอื “สันติวิธีใช้ได้กับทุกฝ่าย สันติวิธีใช้กับการท่ีคุณจะ เลือกข้างกันก็ได้ เช่นคุณเป็นกรรมกรคุณต้องสู้กับนายทุนก ็ ต้องใช้สันติวิธี คุณเป็นชาวบ้านคุณสู้เรื่องเข่ือน ก็ใช้สันติวิธี สรู้ ัฐบาล เจา้ หนา้ ที่รัฐกใ็ ช้สันตวิ ิธีสกู้ ับผปู้ ระทว้ ง” และหลงั ความรุนแรงกย็ งั ใชต้ ่อไปได้
101 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ “เครือข่ายสันติวิธีมีโครงการที่เรียกว่าโครงการเพื่อน รับฟัง เน้นไปที่ผู้เดือดร้อนในฝ่ายเสื้อแดงเพราะเขารู้สึกว่า เขาสูญเสยี เยอะ ก็กระจายไปรบั ฟงั ความทุกข์เขา การรับฟงั ความทกุ ข ์ เปน็ สว่ นหนึ่งของกระบวนการเยยี วยา “กอ่ นหนา้ นนั้ กไ็ ปตอนทเี่ ขาเจบ็ ปว่ ยทโ่ี รงพยาบาล กไ็ ด ้ เหน็ แงง่ ามของทง้ั สองฝา่ ย ทง้ั ตำ� รวจ ทหารแลว้ กค็ นเสอื้ แดง พวกน้ีเขาไม่โกรธกันเลยนะ เพราะเขายอมรับว่าเป็นหน้าท่ี ของอกี ฝา่ ยหน่ึง...” สัตตาหกรณียะ ก่อนเข้าพรรษาเพียงสองวัน เช้าวันนั้นพระไพศาล วิสาโล ไปปรากฏตัวร่วมเดินเพ่ือเป็นก�ำลังใจกับกลุ่มสันติ ปัตตานี ที่เริ่มต้นออกเดินเท้าจากศาลายาผ่านไปตามถนน พระราม ๒ จนถงึ มหาชยั เปน็ การรว่ มเดินในช่วงสนั้ ๆ... บา่ ยวนั เดยี วกนั ทา่ นกลบั เขา้ กรงุ เทพฯ มงุ่ หนา้ ไปทบ่ี า้ น พษิ ณโุ ลกเพอ่ื รว่ มประชมุ กบั คณะกรรมการปฏิรปู ประเทศ เมื่อสอบถามเอาจากตารางงานและกิจกรรมนัดหมาย แม้จะอยู่ในช่วงกลางพรรษาก็ยังมีภาระงานท่ีไม่อาจเลี่ยง หลายนัด คือกิจกรรมอบรมรับมือความตายอย่างสงบ ขณะ
102 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล เดียวกันงานประชุมของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ท่ีนัด หมายประชมุ ทกุ สปั ดาห ์ องั คารกบั พฤหสั ฯ กเ็ ปน็ เหตใุ หท้ า่ น ตอ้ งทำ� สตั ตาหกรณยี ะ ดว้ ยมธี รุ ะเปน็ เหตใุ หภ้ กิ ษอุ อกจากวดั ระหว่างพรรษาได้ ๗ วนั “มีเหตุให้ต้องสัตตาหะอยู่ประจ�ำในทุกพรรษายกเว้น ตอนบวชพรรษาแรก แตต่ อ่ มาในทกุ ๆ พรรษากแ็ ทบจะมเี หต ุ ให้ต้องออกมาตลอด” “พรรษานี้อาจจะถี่หน่อยเพราะมีประชุมกับคณะ กรรมการปฏิรูปฯ ทุกอาทิตย์ โดยเฉพาะในช่วงประชุมวาง กรอบ แตท่ ผี่ า่ นมาประชมุ สปั ดาหล์ ะ ๒ นดั อาตมายงั ไมเ่ คย ไปประชมุ ไดค้ รบเลย” “ป ี ๒๕๔๘ ทที่ ำ� กอส. กบั คณุ อานนั ทก์ ต็ อ้ งไปถเ่ี หมอื นกนั ช่วงนั้นแม้ประชุมสองอาทิตย์ครั้ง แต่ก็มีนัดหมายประชุม ประธานคณะอนกุ รรมการ เรยี กวา่ ประชมุ กนั ทุกอาทิตย”์ นี่ยังไมไ่ ดน้ บั รวมกิจนิมนต์อ่ืนๆ มีอยูต่ ลอดท้ังปี “เม่ือมีภาระมากก็อาจต้องใช้วิธีบริหารงาน บริหาร เวลา เช่นถ้ามีกิจกรรมอบรมความตาย ในวันเดียวกับการ ประชมุ สำ� คญั กใ็ ชว้ ธิ สี บั หลกี เอา เพราะเราทำ� งานเปน็ ทมี กใ็ ช้ หลักปรบั โปรแกรมเชา้ ให้อาตมาว่างตอนบา่ ย เพื่อไปประชมุ อีกงาน พอค�่ำก็กลับมาท�ำกิจกรรมในภาคค่�ำ ถ้างานอยู่ใน
103 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ กรงุ เทพฯ กส็ บายไม่มีปญั หา “สมัยก่อนหนักกว่าน้ีเยอะ ทางมันแย่กว่าน้ีมาก จาก ทน่ี ไ่ี ป อ. แกง้ ครอ้ สามสบิ กวา่ กโิ ล สองสามชวั่ โมง นห่ี มายถงึ วา่ ไมต่ กหลม่ นะ เดยี๋ วนไ้ี มม่ ปี ญั หาเทา่ ไหร ่ ถา้ รบี ๆ อาตมา กน็ ง่ั รถไปลงขอนแกน่ แลว้ กบ็ นิ ไปกรงุ เทพฯ กไ็ มเ่ หนอื่ ยมาก” มองย้อนกลับไปในหนหลัง สภาพวัดและชุมชนแห่งนี ้ ยงั ห่างไกลความสะดวกทีท่ า่ นพดู ถงึ เพราะกวา่ ถนนลาดยาง จะมาถึงให้เดินทางได้สะดวก ก็ล่วงเลยมาถึงช่วงปี ๒๕๔๐ แตก่ ระนน้ั จนปจั จบุ นั น ี้ วดั ปา่ มหาวนั ทที่ า่ นจ�ำพรรษา กต็ อ้ ง ขับรถฝ่าทางดินข้ึนเขากว่า ๑๕ กิโลเมตร การเดินทางไม่ สะดวกนักในหน้าฝน เพราะหล่มร่องลึก ส่วนในหน้าแล้งก ็ เต็มไปด้วยฝ่นุ ภาระงานมากมาย ท�ำให้ภิกษุสายปฏิบัติที่มุ่งแสวงหา ความสงบ กลบั มเี วลาอยวู่ ดั ในแตล่ ะปไี มม่ ากไปกวา่ การออก ไปรอนแรมเพ่ือประกอบกิจนิมนต์ในทต่ี า่ งๆ “ในชว่ งเขา้ พรรษาเปน็ ชว่ งปลอดการเดนิ ทาง แตก่ ม็ กี จิ ไม่คาดฝันเก่ียวข้องกับคนตายเยอะมาก เพราะเขาอยากให้ พระไปชว่ ยกต็ อ้ งไป เพราะความตายผอ่ นผนั ไมไ่ ด ้ เปน็ โอกาส สุดท้ายทจี่ ะช่วยเขา”
104 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ภิกษุรูปหน่ึงเดินทางเพียงล�ำพังโดยรถประจ�ำทาง สมั ภาระอาจมนี อ้ ยชนิ้ แตท่ ต่ี ดิ ตวั เสมอกค็ อื หนงั สอื หลายเลม่ ท่านเดินทางโดยไม่มีผู้ติดตาม หากแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่การ เดินทางส�ำหรบั ทา่ นก็กลับกลายมาเป็นการฝึกจิตทำ� สมาธิได ้ เฉกเชน่ อยูใ่ นวัด “ต้องฝึกให้จิตอยู่กับการเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถ เวลา นง่ั รถกค็ ลงึ นว้ิ ไป จติ กจ็ ะอยกู่ บั ตวั เอง หมน่ั ท�ำใหเ้ ปน็ กจิ วตั ร สตทิ สี่ ะสมไวก้ จ็ ะมกี ำ� ลงั คดิ อา่ นไดด้ ี ไมห่ ลดุ ไปกบั เรอื่ งอน่ื ๆ” พื้นฐานการฝึกฝนจนกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ จรยิ าวตั รนน้ั อาจกลา่ วไดว้ า่ มาจากการหมนั่ เพยี รปฏบิ ตั ิ และ ฝกึ ฝนดว้ ยตนเองเม่ือครง้ั บวชใหม่ๆ “ก็ฝึกสร้างจังหวะตามแบบหลวงพ่อเทียน เดินจงกรม และฝกึ สตใิ นทกุ อริ ยิ าบถไมว่ า่ อาบน�้ำ ถฟู นั กนิ ขา้ วปดั กวาด กุฏิ ให้มีสติในการท�ำงาน ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ใช่มีสติเฉพาะเวลา นง่ั หลับตา ต้องมีสติตลอดเวลา” การไดบ้ วชเปน็ พระมวี ตั ถปุ ระสงคใ์ ด ถา้ ไมใ่ ชเ่ พอื่ ภาวนา เพอ่ื ให้จิตใจสงบ มีสติ การเดนิ ทางรอนแรมแมใ้ นยามทส่ี มควรจะจำ� พรรษาอย ู่ ในทแี่ ห่งตน จะภาวนาไดล้ ะ่ หรอื
105 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ หากสำ� หรบั ทา่ น การภาวนาในทางพทุ ธนนั้ เปน็ เรอ่ื ง ของทงั้ ชวี ติ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งของการปลกี ตวั อยา่ งเดยี ว ฉะนนั้ แม้ จะตอ้ งเดนิ ทางไปถงึ แหง่ หนไหน แทท้ จ่ี รงิ กส็ ามารถฝกึ ฝน จติ ใจใหส้ งบรำ� งบั ได ้ เฉกเชน่ เดยี วกบั ภาวนาอยใู่ นโบสถว์ หิ าร อันสงดั ภาวนั รินใจ ไพศาล นอกจากงานในบทบาทของผู้น�ำการอบรม กรรมการ ผบู้ รรยาย อกี บทบาทหนงึ่ ทส่ี ำ� คญั กค็ อื การเขยี น ซงึ่ ปรากฏ แพร่หลายในนิตยสาร วารสาร หนังสือเล่มจ�ำนวนมากใน ปัจจบุ ันนี้ รวมทั้งเป็นผู้เขียนหนังสือทางวิชาการเล่มส�ำคัญที่ถูก กล่าวถึงอย่างชื่นชมไม่น้อย คือพุทธศาสนาไทยในอนาคต : แนวโนม้ และทางออกจากวิกฤต “ปกติก็เขียนหนังสือเกือบทุกวัน มีท้ังงานเขียนประจำ� งานตรวจแก้ต้นฉบับ งานแปล งานเรียบเรียงใหม่จากการ ถอดเทปบทสัมภาษณ์หรือคำ� บรรยาย เขียนคำ� น�ำอะไรต่างๆ ตามที่เขาขอมา”
106 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ตลอดหลายปกี อ่ นหนา้ นน้ั งานของพระไพศาล วสิ าโล จะตีพิมพ์อยู่เฉพาะในแวดวงคนท�ำงานพัฒนากลุ่มองค์กร เอกชน มไิ ดป้ รากฏเป็นทร่ี จู้ ักในวงกว้าง “งานเขยี นของอาตมาในชว่ งประมาณสบิ ปแี รกทบ่ี วช เปน็ ประเดน็ เชงิ สงั คม หมายถงึ เรอ่ื งสนั ตวิ ธิ ี สนั ตภิ าพ สงิ่ แวดลอ้ ม สิทธิมนุษยชนก็มีบ้าง เพราะอาตมาไม่ตั้งใจท่ีจะเขียนเรื่อง ธรรมะล้วนๆ หลังจากน้ัน พอครบสิบปีแล้วก็เริ่มเขียนเรื่อง เกยี่ วกบั ธรรมะในชวี ติ ประจำ� วนั มคี อลมั นป์ ระจำ� เรอื่ ง สขุ ใจ ในนาคร ลงในวารสารของโครงการสมุนไพร และก็น�ำมา รวมพมิ พเ์ ปน็ เลม่ ไดส้ ามเลม่ ชดุ คอื สขุ ใจในนาคร พรแหง่ ชวี ติ และ จติ แจม่ ใสดอกไมบ้ าน เรอื่ งแบบนเี้ ปน็ ธรรมในชวี ติ ประจำ� วนั ไม่มีเรื่องสังคม และก็เขียนท�ำนองน้ีเรื่อยมา แต่ก็ไม่มีงาน ออกมามากนกั … “ประมาณปี ๒๕๔๗ ทางสวนเงินมีมา เขารวบรวม คำ� บรรยายของอาตมาขณะบวชในปพี รรษาป ี ๒๕๔๗ ออกมา พิมพ์เป็นหนังสือได้ ๔ เล่ม และตอนน้ันเองก็เริ่มมีหนังสือ ออกมามาก เพราะใครตอ่ ใครเวลามาอบรมบางท ี ๕ วนั ๗ วนั เขาก็เอาเทปค�ำอบรมไปพิมพ์เป็นหนังสือมีอย่างน้ีอยู่เรื่อยๆ พกั หลงั กจ็ ะเปน็ หนงั สอื รวมค�ำบรรยาย สว่ นหนงั สอื บทความ รวมธรรมะท่เี ปน็ เรอ่ื งชวี ิตจติ ใจก็มีอยู่เรอื่ ยๆ”
107 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการถอดเทปเสียงค�ำบรรยาย แตพ่ ระไพศาลกไ็ มไ่ ดป้ ลอ่ ยผา่ น แตม่ กั จะเรยี บเรยี งขนึ้ ใหม ่ “เพราะอาตมารวู้ า่ ตวั เองนน้ั เวลาพดู มนั ไมด่ เี ลย ฉะนนั้ จึงเสียเวลาเยอะมาก บางทีพบว่าส�ำนวนยังไม่น่าพอใจก็ตัด ออก แล้วก็เอาขอ้ เขยี นอ่นื ที่ไมเ่ คยตีพิมพม์ าใสเ่ พมิ่ เข้าไป” “ท่ีเขียนให้บางฉบับนั้นก็ใช้นามปากกาด้วย อาตมาม ี นามปากกาเยอะนะ อยา่ งเขยี นใหน้ ติ ยสารอมิ เมจ จะเอาพระ ไปเขียนคงไม่น่าอ่าน พอใช้นามปากกาก็จะรู้สึกว่าเป็นอิสระ หน่อยท่ีจะเขียน เร่ืองสนุกสนานก็เขียนได้ บางคร้ังคนอ่าน ยังคดิ ว่าคนเขยี นเปน็ ผูห้ ญงิ กม็ ”ี นอกจากเขียนลงในนิตยสารต่างๆ ก็ยังมีในเว็บไซต ์ visalo.org และใน facebook: Phra Paisal Visalo กม็ ผี สู้ นใจ ติดตามอ่านเป็นจำ� นวนมาก งานเขียนโดยตั้งใจที่ไม่ใช่การถอดเทปค�ำบรรยายนั้น พระไพศาลมักหยิบยกเอาเรื่องราวต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนในสังคม มาเป็นตัวอย่างเสมอ เป็นเร่ืองแปลกๆ ที่น่าสนใจที่เกิดขึ้น ในสังคมไทยหรอื ตา่ งประเทศจนเปน็ เอกลักษณ์ เมือ่ เป็นพระ ท่านไดข้ ้อมลู เหล่านม้ี าจากแหล่งใด “คนที่มีหน้าที่ต้องเขียน เม่ืออ่านหนังสืออะไรก็ตาม ก็พยายามเก็บ พยายามถามตัวเองว่าท่ีอ่านไป จะน�ำไปใช้
108 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ประโยชนอ์ ะไรได้บา้ ง จะไม่ได้อา่ นแคผ่ ่านๆ ไป” “อาตมาไม่ได้ใช้จากแหล่งข้อมูลอื่นนอกจากหนังสือ ก็ มีท้ังแม็กกาซีนของฝรั่ง พวกดิอีโคโนมิสต์ นิตยสารไทย ไมไ่ ดใ้ ชเ้ ทา่ ไหร ่ เพราะกลวั วา่ จะไปซ้�ำกบั คนอนื่ สว่ นหนงั สอื เล่มภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยก็ใช้บ้าง เพราะว่าคนไทย ไมค่ อ่ ยได้เอาหนงั สอื เล่มมาใชอ้ า้ งองิ กนั สักเท่าไหร”่ การน�ำธรรมะมาท�ำให้งา่ ย เพื่อใหค้ นอา่ นเขา้ ถงึ ไดแ้ ละ นำ� ไปปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั นน้ั จะเปน็ ไปไดก้ บั จดุ หมายของ พทุ ธศาสนาท่มี งุ่ ไปสู่การหลุดพ้นอันยง่ิ ใหญ่กระนั้นหรอื “ก็ดังท่ีท่านอาจารย์พุทธทาสว่าไว้ หัวใจของศาสนาคือ การรกั ผอู้ นื่ บางทคี นไปนกึ ถงึ เรอ่ื งอทิ ปั ปจั จยตา ปฏจิ จสมปุ - บาท แตส่ งิ่ ทเ่ี ปน็ พนื้ ฐานส�ำคญั กค็ อื การนกึ ถงึ ตวั เองใหน้ อ้ ย นกึ ถงึ ผอู้ น่ื ใหม้ าก ซงึ่ กค็ อื วธิ ลี ดอตั ตาตวั ตนลงได ้ คนเราเมอ่ื นึกถึงผู้อืน่ แล้ว หลายๆ อย่างท่ีเคยยากก็กลายเปน็ งา่ ย” “ถ้าเราไปดูค�ำสอนของครูบาอาจารย์ ท่ีท่านมีความ ลมุ่ ลกึ สอนไวอ้ ยา่ งลกึ ซงึ้ จะพบวา่ เรยี บงา่ ยมาก อยา่ งหลวงพอ่ ชา หลวงปดู่ ลู ย ์ หลวงพอ่ เทยี น ศพั ทแ์ สงพวกปฏจิ จสมปุ บาท จะไมม่ หี รอก ทา่ นใชส้ ภาวะความจรงิ มาพดู ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ยๆ ซง่ึ เรอื่ งนจี้ ะช่วยสือ่ กับคนได้ดีกว่า”
109 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ “อาตมาสนใจงานประเภทถอดบทเรียน เป็นประสบ- การณข์ องคนในแงม่ มุ ตา่ งๆ พวกทเ่ี ปน็ ทฤษฎลี ว้ นๆ งานทฤษฎ ี มานุษยวิทยาหนักๆ ก็ไม่ค่อยได้อ่าน พวกประวัติศาสตร์ก็ อ่านมาก พวกเร่อื งเลา่ ตา่ งๆ กเ็ อามาใชเ้ ยอะ บางทกี ม็ าจาก การพดู คยุ อาตมามกี จิ กรรมอบรมเยอะ เจอคนเยอะกฟ็ งั เขา มาก ได้ฟังเรื่องแปลกๆ เสมอๆ แต่มาปีสองปีน้ีมีปัญหาคือ อา่ นมากแลว้ ลมื คอื ขดี เสน้ เอาไวย้ งั ไมพ่ อ กต็ อ้ งเขยี นบนั ทกึ ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วก็แสดงความเห็นเพิ่มเติมลงไป ในไฟล์ของตัวเองกนั ลืม...” และด้วยการบันทึกลงในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเคร่ือง ประจำ� นเ้ี อง ทไี่ ดก้ ลายเปน็ ขอ้ เขยี นสน้ั ๆ ใหมๆ่ ใน Facebook ส่ิงอนั ประเสรฐิ แห่งการเป็นสงฆ์ การท่ีพระภิกษุเข้ามามีบทบาทในเร่ืองการมองปัญหา เชิงสังคม รวมไปถึงการเข้าไปเป็นกรรมการแก้ปัญหาระดับ ชาติ จะท�ำให้เกิดผลดีกว่าปล่อยให้เป็นงานของฆราวาส หรอื ไม่ “เนอ่ื งจากภกิ ษสุ ว่ นใหญจ่ ะทำ� เรอ่ื งการศกึ ษา แตอ่ าตมา สนใจหลายเร่ือง และไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองใน
110 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล หลายประเด็น โดยเฉพาะเร่ืองสันติวิธี เขาเลยนิมนต์ให้ ไปช่วย” “การมีพระเข้าไปร่วมในคณะกรรมการต่างๆ ในแง่ดี ก็คือท�ำให้ได้ข้อมูลจากหลากหลายมุมมอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับ พระเองด้วยวา่ เขา้ ใจปัญหาหรอื ไม่เพียงใด “พระในสังคมไทยเรานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายน�ำ คือ เปน็ เจา้ อาวาส นำ� ในแงช่ นี้ วิ้ เพราะทา่ นถกู ฝกึ มาอยา่ งนนั้ คณะ สงฆถ์ กู ฝกึ มาอยา่ งนน้ั คอื ในระบบบนลงลา่ ง การทำ� งานรว่ มกนั แบบปรึกษาหารือจะไมค่ ่อยถนัด มแี ต่ผูใ้ หญ่สง่ั ผนู้ ้อย” “นย่ี งั ไมไ่ ดพ้ ดู ไปถงึ ความสนใจในประเดน็ ทางสงั คม ถา้ มคี วามสนใจไมม่ ากหรอื ศกึ ษามาไมพ่ อ สงิ่ ทพ่ี ดู สอนกจ็ ะเปน็ นามธรรม หรอื เปน็ หลกั การตายตวั แขง็ ทอื่ เชน่ พดู ถงึ ปญั หา ของสงั คมกเ็ ทศนว์ า่ มาจากรกั โลภโกรธหลง ความจรงิ มนั ไม ่ ได้จบแค่น้ัน บางทีคนเทศน์เองก็ยังมีเร่ืองพวกน้ีอยู่ แสดงว่า มนั ต้องมีอะไรมากกว่านน้ั ส่วนใหญ่พระเราไม่ค่อยมองมิติในด้านสังคม คือไม่ได ้ มองวา่ คนทที่ ำ� อยา่ งนเี้ ปน็ เพราะอะไร ไมใ่ ชแ่ ตร่ กั โลภโกรธหลง เท่าน้ัน แต่มีปัจจัยจากสภาพสังคมมาเก่ียวข้องด้วย ถ้าพระ เน้นเรื่องการเทศน์การสอน แต่ไม่ได้มองไปถึงการสร้างส่ิง- แวดลอ้ มทไี่ มเ่ ปน็ ปญั หา กเ็ หมอื นกบั สอนวา่ เมอื งไทยเราตอ้ ง
111 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ สามัคคี เทศน์ให้คนรักกัน ซึ่งคงไม่พอแล้วส�ำหรับขณะน ้ี มันคงรักกันได้ยากเพราะมีช่องว่างระหว่างกันมากเกินไป ท�ำให้ไม่เข้าใจกัน เกิดผิดใจกัน ครอบครัวเดียวกัน ผัวเมีย มีความรักเป็นส่ิงยึดเหนี่ยวก็ยังทะเลาะกันได้ด้วยเหตุปัจจัย หลายอย่าง อย่างนี้แสดงว่าเราต้องท�ำอะไรมากกว่าการบอก ใหค้ นรกั กนั ” ในภาวะของสังคมที่ซับซ้อนขึ้นด้วยปมเง่ือนแห่งปัญหา จะมที ท่ี างใหพ้ ระอยใู่ นต�ำแหนง่ ใดถงึ จะเกดิ คณุ อยา่ งเตม็ ทน่ี น้ั นอ่ี าจเป็นสิ่งทส่ี ำ� คัญ “คณุ ธรรมภายใน อนั นเ้ี ปน็ อนั ดบั แรกทตี่ อ้ งม ี พระตอ้ ง เป็นแบบอย่างได้ในการมีชีวิตเรียบง่ายสมถะ จากน้ันก็คือ ความสามารถในการเผยแผ่ การจะเผยแผ่ได้ก็ต้องมีความรู้ ความเข้าใจสังคมสมัยใหม่ว่าไม่เหมือนสังคมหมู่บ้านอีกต่อ ไปแลว้ ” “พระชอบเอาโมเดลหมู่บ้านมาใช้กับสังคมสมัยใหม่ ท่านสอนให้รักกันสามัคคีกัน ซึ่งมันก็ถูก แต่มันเป็นโมเดล แบบหมู่บ้านซึ่งต่างไปจากสังคมสมัยใหม่ หมู่บ้านเขามีอะไร ก็ช่วยเหลือกัน แต่สังคมสมัยใหม่นั้นเหินห่างกันมาก และ หมบู่ า้ นเองกเ็ ปลยี่ นไปจากทเ่ี ราเคยเหน็ แลว้ หมบู่ า้ นถกู ทงิ้ ไว ้ ให้มีแต่คนแก่กับเด็ก คนหนุ่มสาวไปท�ำงานในเมืองการ
112 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล หย่าร้างแยกทางในหมู่บ้านน้ันมีสูงมาก เด็กที่พ่อแม่ไม่ได้ อยดู่ ว้ ยกนั มมี ากถงึ ๓๐% มไี มน่ อ้ ยทอี่ ยกู่ บั พอ่ หรอื แม ่ หรอื ถกู ทงิ้ ไวก้ บั คนแก ่ สภาพเดก็ ในหมบู่ า้ นทเ่ี กดิ ขน้ึ เดยี๋ วนนี้ า่ หว่ ง กว่าเดก็ ในเมอื งมาก เพราะในเมืองสถติ จิ ะไม่สงู เทา่ น ้ี นีเ่ ปน็ สิ่งที่บ่งแสดงถึงความอ่อนแอหรือใกล้ล่มสลายของชุมชน หมบู่ า้ นของเรา ซง่ึ การจะเอาสภาพทเี่ คยเปน็ เมอ่ื สสี่ บิ หา้ สบิ ป ี ก่อนมาเสนอเปน็ ทางออกในสังคม อาตมากเ็ ห็นวา่ ยงั ไม่พอ” ดว้ ยเหตนุ ภี้ กิ ษรุ ปู หนง่ึ ผเู้ พยี งหวงั แคว่ า่ การไดเ้ ปน็ พระ ก็นับเป็นสิ่งอันประเสริฐท่ีสุดชีวิตแล้ว จึงเพียรเสาะแสวงหา ความรู้ใหม่ๆ ให้เท่าทันสังคมอยู่เสมอ เพ่ือจะได้ใช้ความ เท่าทันน้ันให้เกิดประโยชน์ สมกับเกียรติอันปราศจาก ข้อเคลือบแคลงใดๆ ที่สงั คมพุทธมอบถวายแดภ่ กิ ษเุ สมอมา กนิ ขา้ วกก็ นิ ขา้ ว อาบนำ�้ กอ็ าบนำ้� นอนกน็ อน หากมูลเหตุส�ำคัญท่ีท�ำให้ชายหนุ่มผู้หน่ึงต้องบวช ก็ เพราะวา่ ทำ� งานมาก เครยี ด จนชวี ติ เสยี สมดลุ มใิ ชห่ รอื หาก แต่สภาพของท่านดังเช่นท่ีเป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็น่าจะถือได้ว่า เปน็ พระทีท่ ำ� งานมากทสี่ ดุ รปู หนึง่
113 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ � อกี อิรยิ าบถหนงึ่ ระหวา่ งเดินธรรมยาตรา เชน่ นแ้ี ลว้ จะแตกตา่ งอะไรกบั ภาวะเสยี สมดลุ เมอ่ื กอ่ น มาบวชเลา่ “สมัยก่อนบวชน้ัน อาตมาอยู่เฉยๆ ไม่ได้ มันฟุ้งซ่าน มากกว่าท�ำงาน มีความเครียด คืออาบนำ�้ ก็คิด กินข้าวก็คิด นอนก็คิด แต่มาถึงตอนน้ี กินข้าวก็กินข้าว อาบน�้ำก็อาบน้�ำ นอนก็นอน ท�ำได้เป็นเวลา ในสมัยก่อนนั้นทนแบกงานไป ทุกหนทุกแห่ง แล้วก็แบกไปโดยท่ีไม่ได้ท�ำอะไรเลย คิดมาก จนถงึ จดุ ทหี่ ยดุ ความคดิ ไมไ่ ด ้ เมอื่ ความคดิ มนั หยดุ ไมไ่ ด ้ อย่ ู นงิ่ ไม่ได ้ ก็ต้องไปแลว้ ” “แต่ส�ำหรับอาตมาในขณะนี้ไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น อาตมาเขยี นหนงั สอื อยา่ งมากวนั ละ ๔ ชวั่ โมง ตงั้ แตห่ ลงั เทย่ี ง ถึงบ่ายสี่ ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ท�ำอะไร ตอนสายก็งีบเพราะ
114 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล มีปัญหาสุขภาพ พอฉันไปมันจะง่วง ฉะน้ันก็ไม่ได้หักโหม กลางคนื กไ็ มไ่ ดท้ ำ� อะไรมากนกั ตอบอเี มล ตอบจดหมายบา้ ง สามทมุ่ กน็ อน” แตค่ งไมอ่ าจปฏิเสธไดว้ า่ เดินทางมากจนอยู่ไม่ตดิ ท่ี “อยู่บนรถก็นอนหรืออ่านหนังสือไป อาตมานอนง่าย บางทีเวลาไปอบรม ถ้าไม่ใช่ช่วงท่ีต้องบรรยาย เราก็เอางาน มาท�ำ หรอื ไมก่ ็ฟงั เขาเล่าประสบการณ์ กไ็ ม่ได้เหน่อื ยอะไร” “แตก่ จ็ รงิ บางชว่ งกร็ สู้ กึ วา่ ทำ� งานเยอะ ความจรงิ ชว่ งหนงึ่ อาตมายดึ หลกั วา่ จะมหี นง่ึ วนั ในหนง่ึ อาทติ ยท์ ไ่ี มท่ ำ� งานเลย แต่
115 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ ระยะหลงั กไ็ มไ่ ดท้ ำ� แลว้ แตก่ พ็ ยายามหาเวลาในหนง่ึ ปไี ปเกบ็ อารมณไ์ ปปฏบิ ตั เิ ขม้ ๆ เจด็ หรอื สบิ วนั แตใ่ นชว่ งนถ้ี า้ ไปไมไ่ ด้ ก็ใช้วิธีปฏิบัติเข้มๆ เอาตอนที่อบรมญาติโยมเขาไปด้วยเลย เปน็ การเกิดประโยชนพ์ รอ้ มกัน” การไดเ้ กดิ มาเปน็ มนษุ ยน์ น้ั เปน็ เรอื่ งยากเยน็ ยากเยน็ เสียย่ิงกว่าเต่าตาบอดจะโผล่ข้ึนมาตรงกลางของแอกกลาง มหาสมุทรอันเว้งิ ว้าง ...เม่ือไดเ้ กิดมาแลว้ จึงนบั เป็นโชค และถึงแม้ไม่มีโอกาสได้เกิดร่วมสมัยกับพระพุทธองค์ แต่ว่าได้มาเกดิ ในยุคทีม่ พี ระพทุ ธศาสนา คนจำ� นวนมากเกดิ มากไ็ มไ่ ดเ้ กดิ ในถน่ิ ทมี่ พี ทุ ธศาสนา หรอื เกิดมาในถิน่ ทีม่ พี ทุ ธศาสนาแต่ไมไ่ ด้พบกับพุทธศาสนากม็ ี
116 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ด้วยเหตุน้ี เราจึงเป็นคนน้อยนิดที่ได้เกิดข้ึนในถ่ินท่ี พระพทุ ธศาสนาเจรญิ งอกงาม ไดพ้ บและมศี รทั ธา สมาทาน ศึกษาปฏิบัติ น่ีจึงย่ิงเป็นเรื่องที่ยากลำ� บากอย่างย่ิง อาจเป็น เพียงคนจ�ำนวนอันน้อยนิดที่มาถึงจุดนี้ได้จึงเป็นโชคอัน ประเสริฐ เมื่อเป็นโชคดีย่ิง ก็สมควรใช้ทุกๆ ลมหายใจนั้นอย่าง เต็มคุณค่า ให้สมกบั ทไ่ี ดเ้ กดิ มาอย่างยากเยน็ เขญ็ นกั และในเมื่อการมีชีวิตเป็นเรื่องยาก จึงต้องใช้ชีวิตให้ สมประโยชน์ให้มากที่สุด การใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์น้ัน พระพุทธองค์ทา่ นให้นึกถึงมรณสต…ิ “คนเราอยูอ่ ยา่ งไรกต็ ายอยา่ งนนั้ ถา้ คนเรารจู้ กั วธิ ีตาย เรากจ็ ะรวู้ ธิ ที จี่ ะอย ู่ การทคี่ นเรารำ� ลกึ ถงึ ความตายอยเู่ สมอ ก็ จะท�ำให้เราเห็นคุณค่าของชีวิต ความตายท�ำให้เราตระหนัก ไดว้ า่ เรามคี วามจำ� กดั ของเวลาในโลก ชวี ติ จงึ สมควรดำ� เนนิ ไป อยา่ งมคี ่าท่สี ดุ ” นค่ี อื ประโยคแรกทไี่ ดย้ นิ จากภกิ ษรุ ปู หนง่ึ ในเยน็ ยำ�่ ที ่ สายฝนพรา่ งพรูลงมาในความสงัดของราวปา่ ความหมายของความตาย คือความหมายของการ เรมิ่ ตน้ โดยไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งอรรถาธบิ ายอน่ื ใดอกี ถงึ สง่ิ ทดี่ ำ� เนนิ ต่อมาหลงั จากนน้ั
Facebook › ท่านอาจารยเ์ ข้ามาสูส่ ังคม Facebook ได้อยา่ งไร กเ็ รม่ิ มาจากมเี พอ่ื น invite มา เชญิ คณุ ไปรว่ ม ทกุ วนั น ้ี มีคนมา invite โน่นน่ีทางอีเมล์ คนนี้ขอเป็นสมาชิก คนน้ัน ขอเชญิ คณุ มารว่ ม hi 5 เตม็ ไปหมด ทแี รกอาตมากไ็ มเ่ คยเปดิ เลย เปน็ เมลข์ ยะไปหมด แตบ่ างคนเปน็ เพอื่ นทเ่ี ราคนุ้ ก ็ เอา้ ! เปดิ ดหู นอ่ ยกก็ ดไป กดไป ตามไปมนั กไ็ ปสรา้ ง account ขน้ึ มา ทันทีเลย › มันต้องอัพโหลดรปู ดว้ ยนะครบั รปู นไ่ี มย่ ากหรอก เพราะอาตมาอพั โหลดทง้ิ ไวเ้ ปน็ ปเี ลย คราวนก้ี เ็ รม่ิ ใสเ่ รอ่ื งเขา้ ไป เราไดย้ นิ อะไร หรอื เอาทจ่ี ดบนั ทกึ ไว้มาใส่ ก็ไม่ได้เสียเวลาอะไร เพราะปกติก็ท�ำอยู่แล้ว แต ่ พอทำ� ไปทำ� มา เอะ๊ ! คนสนใจเยอะ จากสบิ เปน็ รอ้ ยจากรอ้ ย เป็นพัน อย่างน้ีก็เลยเริ่มหาอะไรใหม่ๆ มาใส่ พอเข้าไปแล้ว บางทเี กดิ แรงจงู ใจทจ่ี ะเขยี น พอไดอ้ า่ นอะไร เรากเ็ ขยี นๆ แลว้ เอาไปลง แตว่ า่ สามสเี่ ดอื นทผ่ี า่ นมา ไมไ่ ดเ้ ขยี นเรอื่ งใหมเ่ ลย ความจริงเร่ืองทีจ่ ะเขียนนั้นมเี ยอะ แตว่ า่ ไม่มีเวลา
› เท่าท่ีดู ทา่ นอาจารย์กอ็ พั เดทสมำ่� เสมอน่คี รับ เปน็ ของทเี่ ราเขยี นเอาไวจ้ ากทอ่ี น่ื แลว้ เอามาลง เรยี กวา่ รีไซเคิล ส่วนใหญ่หลังๆ นี้เป็นงานรีไซเคิล ไม่ใช่ที่เขียนใหม่ เพอื่ เฟซบุ๊ก แต่ว่ากย็ งั ใชไ้ ด้ › ใน Facebook จะเป็น Wall บอกว่าคุณก�ำลังคิดอะไร หรอื อยากสือ่ อะไร ถงึ ขนาดนัน้ เลยไหม ต้องดูตามโอกาส ตอนหลังก็เอาลงตอนวันพระและวัน หยดุ กม็ เี รอ่ื งเลา่ เชา้ วนั พระ มขี �ำขนั วนั หยดุ เอา้ ! กใ็ สเ่ ขา้ ไป เทศกาลบางทเี ขา้ พรรษา ออกพรรษา วิสาขบูชากใ็ ส่เข้าไป › เหน็ ฟุตบอลโลกกย็ งั มี แต่บอลโลกน่ีไม่ได้เขียนใหม่ เป็นของเก่า คือท่ีอาตมา เขียนไว้เยอะ แต่มันอยู่ในวงจ�ำกัด คนไม่ค่อยได้อ่าน แม้จะ เคยถกู ตพี มิ พ ์ แต่คนอ่านน้อยมากหรอื ไมก่ ็ลมื หายไป › แง่มุมท่ีพูดถึงหรือต้องการเน้นเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่ครับ เมอื่ ใชใ้ นสอ่ื ใหม่ หลกั ๆ กไ็ มเ่ ปลยี่ น แตป่ ระเดน็ มเี ปลย่ี นไปบา้ ง การรบั ร ู้ ของเราตอ่ ขอ้ มลู ใหมๆ่ ทไี่ ดร้ ะยะหลงั มนั คอ่ นขา้ งจะลงตวั กค็ อื
127 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ เปน็ เรอ่ื งเกย่ี วกบั ความเมตตากรณุ า ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สว่ น รวม การมสี ตคิ วามรสู้ กึ ตวั การใหอ้ ภยั หรอื วา่ การใชส้ นั ตวิ ธิ ี ระยะหลังมีเวลาอ่านน้อยลงแต่ว่าข้อดีอันหนึ่งคือ อาตมา อบรมเยอะ มันจึงมีอะไรใหม่ๆ ข้อมูลที่ใช้มาจากคนโดยตรง ไม่ใช่อา่ นแล้ว › ติดหรือยงั ครบั ไมถ่ งึ ขน้ั เพราะอาตมาไมไ่ ดเ้ ลน่ เกม ไดอ้ า่ นบา้ งแตไ่ มม่ าก แต่ก็ได้กลายเป็นกิจวัตรอย่างหน่ึงคือต้องไปโพสต์เมื่อถึง โอกาส แตก่ อ่ นกส็ องสามวนั ทหี นง่ึ ตอนหลงั มขี อ้ มลู ใหโ้ พสต ์ ไดเ้ รอ่ื ยๆ กท็ ุกวันตอนเช้า อาตมามเี วลาเลน่ อนิ เตอรเ์ นต็ แคว่ นั ละชว่ั โมง เพราะวา่ ใชแ้ พก็ เกจแบบเดอื นละ ๓๐ ชว่ั โมง มนั เลยเลน่ มากไมไ่ ดอ้ ย่ ู แลว้ กต็ ้องสังวรวา่ ต้องคมุ เวลาใหด้ ี ไม่อยา่ งนนั้ ท้ายๆ เดือน จะส่งอีเมลท์ ำ� งานไมไ่ ด้
› ทำ� ไมคนมากมายตดิ เจ้าสอ่ื ชนดิ นี้ พวกทต่ี ดิ สว่ นหนงึ่ เพราะเลน่ เกมสป์ ลกู ผกั นค่ี อื เทา่ ทฟี่ งั จากเพอ่ื นๆ อกี สว่ นหนง่ึ กเ็ พราะวา่ อยากรอู้ ยากเหน็ แลว้ กอ็ ยาก แชร ์ คอื สมยั นคี้ นเราพอรสู้ กึ วา่ ตวั เองเปน็ ศนู ยก์ ลางมคี วาม เปน็ ปจั เจกสงู ฉะนน้ั พอคดิ อะไรกอ็ ยากประกาศใหค้ นอน่ื ไดร้ ู้ ยิ่งมีเฟซบุ๊กยิ่งต้องประกาศ ฉันไปไหนท�ำอะไร ท่ีติดเพราะ อยากประกาศให้โลกรู้ว่าตัวเองท�ำอะไร แล้วก็ยังเป็นเพราะ อยากรู้อยากเห็นว่าคนอื่นเขาท�ำอะไร เขาเป็นใคร เพราะใน ระบบมนั ตอ่ ไปไดเ้ รอื่ ยๆ เพอื่ นเราไปหาเพอื่ นของเพอื่ นไปถงึ เพื่อนของเพ่ือน ดูได้เร่ือยๆ บางทีก็ไปดูคนน้ีเพราะหน้าตาด ี กต็ ามไป แตค่ วามจรงิ ภาพทเี่ ขาเอามาโพสต ์ กไ็ มร่ วู้ า่ เปน็ ภาพ ของเขาจรงิ หรือเปล่า มนุษย์เรานั้นต้องการเช่ือมต่อถึงกัน มนุษย์เป็นสัตว ์ สังคมต้องการการสื่อสาร แต่ปัจจุบันชีวิตประจ�ำวันท�ำให้เรา อยู่ในโลกของตัวเอง สัมพันธ์กับผู้อ่ืนน้อย ก็เลยใช้เฟซบุ๊ก เพอื่ จะไปสอ่ื สารกบั ผอู้ น่ื เพอื่ ใหร้ วู้ า่ เรามตี วั ตน ถา้ คณุ ไมส่ อื่ สาร กับใคร คุณก็เป็นคนท่ีไร้ตัวตน (nobody) น่ีเป็นเรื่องของ อตั ตาเลยนะ อตั ตามนั ทำ� ใหค้ นตอ้ งการความเปน็ ตวั ตน เปน็ somebody วธิ ที จี่ ะฆา่ คนไดอ้ ยา่ งเลอื ดเยน็ ทสี่ ดุ กค็ อื การท�ำให้ เขาเป็นคนไร้ตัวตน ไม่สนใจไม่ยอมรับ ไม่เรียกช่ือ ให้แค ่
หมายเลข แต่การปลื้มที่สุดก็คือการเป็น somebody ต้องมี เพอ่ื นเยอะ เปน็ ทร่ี จู้ กั เฟซบกุ๊ มนั ไปตอบสนองตรงน ี้ ยงิ่ ถา้ ม ี คนมาเจ๊าะแจะ๊ ทกุ วนั ย่ิงรู้สึกอบอุน่ มีคุณค่า สมยั กอ่ นสังคม เราไมม่ ปี ัญหาเร่ืองน้ ี เพราะเขาเจา๊ ะแจ๊ะกนั ในชุมชนอยู่แลว้ แต่ทุกวันนี้ ชีวิตมันท�ำให้คนโหยหาสัมพันธภาพ จาก การทต่ี า่ งคนตา่ งอย ู่ ในสำ� นกั งานเดยี วกนั ไมค่ ยุ กนั ระแวงกนั เวลาเสพความบนั เทงิ ก็เสพเปน็ ส่วนตวั สมยั กอ่ น ดูลเิ กนง่ั ดู กันเป็นร้อย เด๋ียวน้ีฟังเพลงใส่หูฟังคนเดียว ดูดีวีดีคนเดียว วิถีชีวิตได้ท�ำให้แยกออกมาโดดเด่ียว ในแง่หน่ึงดูเหมือนจะ มีอสิ ระ แต่มนั กม็ ีราคาที่ตอ้ งเสยี คอื ความโดดเดี่ยวกบั ผคู้ น และลกึ ๆ ก็โหยหาการปฏิสัมพนั ธ์กบั คนอ่นื ยงิ่ เฟซบคุ๊ มนั ชว่ ยประกาศตวั ตนได ้ ตอบสนองความเปน็ somebody ได ้ คนกเ็ ลยตดิ เพราะมนั ตอบสนองความโหยหา ภายในไดน้ ั่นเอง
คลงั หนงั สอื และสิบเอด็ เล่มสำ� คญั ในกุฏิขนาดกะทัดรัดตรงขอบป่า หันหน้าประชิดไร่มัน ท่วมท้นไปด้วยหนังสือนับพันเล่ม จนล้นออกมานอกตู้เก็บ และหง้ิ ชน้ั กองซอ้ นกนั จวนเจยี นจะลม้ ครนื จากพทุ ธธรรม ถงึ The Art of Power ของทา่ น ตชิ นทั ฮนั ห ์ จาก อมุ แบรโ์ ต เอโก ้ ถึงนทิ าน แมเ่ ปน็ ปลา พ่อเป็นนำ้� ของ จอนิ โอโ่ ดเชา จากหนังสือชุด วิชาสุดท้ายท่ีมหาวิทยาลัยไม่ได้สอน ของ สฤณ ี อาชวานนั ทกลุ ไปจนถงึ เพลงดาบแมน่ ำ�้ รอ้ ยสาย หนงั สอื ภาษาองั กฤษปรชั ญาสงั คม-ศาสนาเลม่ หนา ไปจนถงึ เอกสาร ทางวชิ าการ นิตยสารแทบลอยด์ หนังสอื พมิ พ ์ ฯลฯ หากแต ่ ท้ังหมดนี้อะไรคือ ๑๐ เล่มท่ีมีความหมาย มีความส�ำคัญ ทั้งในแง่อิทธิพลทางความคิด และการเป็นหนังสือในดวงใจ ของภกิ ษรุ ูปหนงึ่
131 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ ๑ พุทธธรรม : นา่ ทง่ึ และอัศจรรยม์ าก พทุ ธธรรมของทา่ นพระพรหมคณุ าภรณ ์ (ป.อ. ปยตุ โต) เปน็ งานชนั้ เลศิ เปน็ หนงั สอื ทท่ี ำ� ใหเ้ ขา้ ใจพทุ ธศาสนา และสงั คม ไดด้ มี าก อา่ นทไี รกไ็ มเ่ คยเบอ่ื หรอื ไมเ่ คยพอใจเลยสกั ท ี ตอ้ ง ไปคน้ อยเู่ รือ่ ย พุทธธรรมนี้พิมพ์ครั้งแรกเม่ือปี ๒๕๑๔ เป็นเล่มเล็ก อาตมาอ่านคร้ังแรกตอนเรียนช้ันมัธยมแต่ไม่จบ มาอ่านจบ ตอนทเี่ ปน็ เลม่ ใหญแ่ ลว้ ตอนป ี ๒๕๒๕ กอ่ นมาบวช ตอ้ งกำ� หนด เป็นวินัยว่าต้องอ่านวันละ ๑๐ หน้า ได้เดือนละ ๓๐๐ หน้า จนจบได ้ “นา่ ทึ่งและอศั จรรย์มาก” “เมื่ออ่านได้เดือนหนึ่งก็จะไปหาท่าน ท่านก็ให้เวลาเรา ทั้งวัน ตลอดสามเดือนได้ความรู้มาก ท่านมีเมตตาและก็ม ี เวลาให้เราด้วย”
๒ ชวนอา่ นวิจารณห์ นังสือตา่ งๆ : ประตสู ่โู ลกกวา้ ง ชวนอา่ นวจิ ารณห์ นงั สอื ตา่ งๆ ของอาจารยส์ ลุ กั ษณ ์ ศวิ - รกั ษ ์ เปน็ ประตทู เ่ี ปดิ ไปสโู่ ลกกวา้ งของอาตมา ทำ� ใหเ้ กดิ สำ� นกึ ทางสังคมและการเมือง เพราะจากเล่มน้ีท�ำให้ก้าวไปสู่การ อ่านเลม่ อน่ื ๆ ไปจนถงึ สังคมศาสตรป์ รทิ ัศน์ ๓ ปาฐกถา ชุดพทุ ธธรรม : ใหค้ วามเขา้ ใจทถ่ี ูกต้อง เป็นค�ำบรรยายหรือปาฐกถาของท่านอาจารย์พุทธทาส ท่ีประกอบไปด้วยหลายเรื่องมาก ส�ำหรับหนังสือของท่าน พุทธทาส คนอ่ืนๆ อ่านจะเลือกคู่มือมนุษย์ หรือตัวกูของก ู แต่อาตมากลับรู้สึกว่าเล่มน้ีให้ความรู้ในเร่ืองตัวกูของกูด้วย ขณะเดยี วกนั กใ็ หค้ วามเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ งเกย่ี วกบั พทุ ธศาสนาวา่ เราควรจะนบั ถอื ศาสนาอย่างไร
133 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ ๔ ข้าพเจ้าทดลองความจรงิ : มิติแห่งอหงิ สาธรรม โดยมหาตมะ คานธ ี หนงั สอื เลม่ หนาทใ่ี หม้ ติ ดิ า้ นอหงิ สา สันติวธิ ี ๕ พุทธประวตั จิ ากพระโอษฐ ์ : หนงั สือส�ำคญั เป็นหนังสือเล่มส�ำคัญ ทแ่ี ปลโดย ทา่ นพุทธทาส ๖ มนุษย์ท่ีแท ้ : เร่ืองงา่ ยๆ ท่ีลุ่มลึก อาจารย์สุลักษณ์ แปลมาจากงานของโธมัส เมอร์ตัน ซง่ึ แปลมาจากงานภาษาจนี ของจวงจอ๊ื นกั ปรชั ญาเตา๋ ทม่ี คี วาม สำ� คัญรองจากเหลาจ๊อื เป็นหนังสือท่ีใกล้กับพุทธศาสนามาก สามารถอธิบาย ไปถึงเร่ืองจิตว่าง เรื่องการไม่มีตัวตนได้อย่างมีรสชาติและ เข้าใจง่าย เพราะเขาใช้เรื่องราวคล้ายกับนิทานมาถ่ายทอด
เป็นนิทานง่ายๆ แต่ลุ่มลึกมาก และอาจารย์สุลักษณ์ ก็แปล ได้อยา่ งมีอรรถรส ๗ ปาฏหิ ารยิ ์แหง่ การตน่ื อยเู่ สมอ : การเจรญิ สติในชีวิตประจ�ำวัน ท่านติช นัท ฮันห์ ท�ำให้เกิดความเข้าใจในเรื่องการ เจริญสติในชีวิตประจ�ำวัน เป็นงานเล่มแรกๆ ท่ีท�ำให้เห็นว่า การปฏิบัติธรรมกับชีวิตประจ�ำวันน้ันเป็นเรื่องเดียวกัน และ ท่านเขียนได้ดี เข้าใจง่าย ไม่มีเร่ืองปฏิจจสมุปบาทอะไร มากมาย แต่ถึงมีก็ไม่ส�ำคัญ เพราะว่าท้ังหมดท่ีอธิบายเป็น เร่ืองงา่ ยอยแู่ ล้ว อาตมาเป็นคนพิมพ์ดีดต้นฉบับ จากการแปลของพระ ประชา ปสนฺนธมฺโม ท่านเขียนตัวหนังสือแล้วก็ท�ำโรเนียว แจกอ่านกัน ตอนหลังโกมลคีมทองก็พิมพ์ออกมา เรียกว่า เปน็ เลม่ ทีท่ ำ� มากบั มอื
135 ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ ๘ เหย่อื อธรรม : สะเทอื นใจวัยหนมุ่ เหย่ืออธรรม หรือ Les Miserable ของวิกเตอร์ ฮูโก เปน็ วรรณกรรมทปี่ ลกุ มโนธรรมสำ� นกึ ไดด้ มี าก ตงั้ แตฉ่ ากแรก กช็ อบแลว้ ทฌี่ อง วาลฌอง ยากจนหวิ โหย หนตี ำ� รวจไปเจอ พระคุณเจ้าเบียงเวอนู ท่านก็เลี้ยงอย่างดี แต่วาลฌองก็ไป ขโมยเชงิ เทยี นเงนิ แตม่ าถกู จบั ได ้ ตำ� รวจพาตวั ไปใหพ้ ระคณุ เจา้ ยนื ยนั แตพ่ ระคณุ เจา้ กลบั ปกปอ้ ง บอกวา่ ไมไ่ ดข้ โมย อาตมา ให้ไปเอง เหตนุ ท้ี ำ� ใหฌ้ อง วาลฌอง เปลย่ี นไปเปน็ คนใหม ่ กลาย เป็นคนที่ท�ำความดีเพ่ือเพ่ือนมนุษย์แม้จะเจ็บตัวก็ยอม เรื่อง ความคิดท่ีว่าท�ำดีแม้จะเจ็บตัว นี่ถือว่าส�ำคัญมาก อาตมาได ้ อ่านตอนอายุ ๒๒ สะเทือนใจมาก ให้เรามีมโนธรรมกล้าที่ จะเสยี สละเพอื่ ผอู้ น่ื
๙ The Politics of Nonviolent Action : สนั ติวิธ ี คอื ยทุ ธวธิ ี The Politics of Nonviolent Action เปน็ งานวชิ าการ สำ� คญั ของ จนี ชารป์ เปน็ หนงั สอื ทเ่ี ปดิ หเู ปดิ ตาในเรอ่ื งสนั ต ิ วิธี และยงั เป็นต�ำราทตี่ ้องใช้ค้นคว้าอยู่จนทกุ วนั นี้ คนมักคิดว่าสันติวิธีเป็นเรื่องหน่อมแน้มไร้เดียงสา แต ่ ความจรงิ ไมใ่ ชเ่ ลย สนั ตวิ ธิ นี นั้ เปน็ ยทุ ธวธิ ใี นการตอ่ สทู้ างการ เมอื งทดี่ เุ ดอื ดมาก โคน่ ลม้ รฐั บาลไดเ้ ปน็ แถบๆ เลย เปน็ แนว ทางการตอ่ ส้ทู ร่ี ฐั บาลทม่ี ีอาวธุ ทุกรฐั บาลกลวั ๑๐ จุดเปล่ียนแห่งศตวรรษ : ใชก้ ระบวนทัศนเ์ ข้าใจอารยธรรม จดุ เปลยี่ นแหง่ ศตวรรษ หรอื The Turning Point ของ ฟรติ จอฟ คาปรา ทำ� ใหเ้ ราเหน็ โลกในภาพกวา้ ง ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจ
ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ ประวตั ิศาสตร์ เห็นอารยธรรมในมุมทเ่ี ขา้ ใจง่าย ชดั เจนมาก ย่ิงข้ึนว่าความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เราเห็นว่าวุ่นวายน้ัน มี รูปแบบของมัน และยังให้มิติด้านจิตวิญญาณว่าสัมพันธ์กับ วิทยาศาสตร์อย่างไรบา้ ง อาตมาร่วมแปลในบทท่ี 3 เป็นเร่ือง Paradigm หรือ กระบวนทศั น์ใหม่ เป็นการเช่อื มโยงระหวา่ งจิตวญิ ญาณ กับ ความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ว่าไม่ได้แยกกัน วิทยาศาสตร ์ เคยปฏเิ สธมติ ิในดา้ นนี้มากอ่ น ๑๑ A Buddhist History of the West : ยากแตล่ ึกซ้ึง A Buddhist History of the West เขยี นโดยเดวดิ ลอย เปน็ หนงั สอื รนุ่ ใหม่ทเ่ี ขยี นได้ดีมาก อา่ นยากแตล่ ึกซึง้
138 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ข้าวเหนียวในบาตร หมอกบางในตอนใกลร้ งุ่ ทำ� ใหส้ วนยคู าและไรม่ นั ดนู วลตา หากยิ่งท�ำให้ถนนดินแดงอิ่มช้ืนแดงสดขึ้นกว่าเดิม หลวงพ ่ี ไพศาลออกบณิ ฑบาตในเวลาเดมิ จากวดั ปา่ สคุ ะโต ไปยงั บ้าน กุดโง้งที่ห่างวัดราวยี่สิบห้านาทีเดิน ดูเหมือนท้ังหมู่บ้านยัง ไมฟ่ น้ื จากหลบั ใหล แนวแถวของบา้ นทก่ี อ่ ดว้ ยอฐิ บลอ็ กครอ่ มดนิ งา่ ยๆ ปิดเงยี บเป็นส่วนใหญ่ ข้าวเหนียวใส่บาตรปั้นแรก จากแม่ใหญ่ขาเสียที่ถัดตัว ออกมานง่ั รอพระทร่ี ิมถนนหนา้ บ้าน
ค ว า ม ห ม า ย แ ห่ ง ทุ ก ล ม ห า ย ใ จ 139
140 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล รถกระบะขายสนิ คา้ หอ้ ยแขวนถงุ พลาสตกิ ขาวเปน็ พวง มาจอดเทียบ นักเรียนสองสามคนออกมารอรถ ในทุ่งใกล้ๆ มีเงาคนก�ำลังฉีดยาฆ่าหญ้าแต่เช้า หลวงพ่ีไพศาลเดินบิณฑ- บาตผ่านไป แม่ใหญ่บึ่ง เขียวค�ำ อุ้มกระติบข้าวออกมารอใส่บาตร ตอนใกลห้ กโมงครงึ่ ปน้ั ขา้ วเหนยี วใหญก่ วา่ กำ� ปน้ั ใสล่ งบาตร หลวงพอ่ และลดหลนั่ ไปตามลำ� ดับพระออ่ นอาวุโส “ใสไ่ ดแ้ คน่ ลี้ ะ่ ลกู มแี ตข่ า้ วไมม่ เี งนิ ซอื้ กบั หรอก แมก่ ก็ นิ กะพรกิ กะเกลือ” แม่ใหญ่อายุได้ ๘๗ แล้ว ใส่บาตรทุกวันมาตั้งแต่หูตา ยังดีกว่านี้ ตอนนี้จะให้ต่ืนแต่มืดมาท�ำกับข้าวก็ไม่ไหวเพราะ แม่อยู่คนเดียว ไฟฟืนในบ้านทึบๆ ก็ไม่มี ลูกหลานแยกย้าย สลายหายไปท�ำงานกันหมด เงินจักบาทก็แทบไม่ส่งกลับมา ให้แม่ หลวงพไี่ พศาลยงั คงเดนิ ตอ่ ไปผา่ นถนนเสน้ กลางหมบู่ า้ น ตดั ออกถนนสายประธาน หญงิ วยั สามสบิ เศษรอ้ งบอกนมิ นต ์ ป้ันข้าวใส่บาตรพรอ้ มกับลกู ชายวยั สี่ขวบ ในบาตรท่านอาจารยเ์ พมิ่ ข้าวข้นึ มาอกี หลายปนั้
เคลด็ ลบั อยา่ งหนง่ึ ในการบวชใหไ้ ดน้ าน (สำ� หรบั ขา้ พเจา้ ) กค็ อื เหลยี วไปขา้ งหลงั บอ่ ยๆ และมองไปขา้ งหนา้ นอ้ ยๆ หนอ่ ย นค้ี งทำ� นองเดียวกับนกั โทษทีถ่ ูกจำ� คุกตลอดชีวติ เพราะขา้ งหนา้ นนั้ มองไมเ่ หน็ อนาคตวา่ เมอ่ื ไรจะไดอ้ อก หรอื ถงึ จะไดอ้ อก กค็ งอกี นาน คนเรายิง่ บวชได้นานเท่าไร เวลามองย้อนหลัง ก็อดยินดไี ม่ไดว้ า่ เราไดเ้ ดนิ ทางมาไกลแลว้
โ ย ม แ ม่ โ ย ม แ ม่ แมน่ นั้ ถอื กนั วา่ เปน็ พรหมและอรหนั ตข์ องลกู แตย่ งั มอี กี สงิ่ หนง่ึ ทโ่ี ยมแมเ่ ปน็ ในความรสู้ กึ ของขา้ พเจา้ นนั่ คอื แบบอยา่ งแหง่ การสชู้ วี ติ โยมแมเ่ ปน็ คนไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ โชคชะตา ไมว่ า่ จะลำ� บาก อยา่ งไร กถ็ อื คตพิ ง่ึ ตน จนสามารถลว่ งพน้ อปุ สรรคไดด้ ว้ ยขนั ติ และความเพยี รเสมอมา � (ภาพบน) ถา่ ยกบั โยมแมแ่ ละพนี่ อ้ ง ทบี่ า้ นไมร้ มิ คลองดาวคะนอง อนั เปน็ บา้ นโยมปา้ เมอ่ื สส่ี บิ ปกี อ่ น � (ซา้ ย) กบั โยมแม่และพ่ีน้องท่ีเขาดิน ราวพ.ศ. ๒๕๐๘
144 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ตงั้ แตเ่ ลก็ อายไุ ม่ถงึ ๘ ขวบด ี โยมแม่ก็ตอ้ งพลัดพราก จากมารดา เดนิ ทางมาอยกู่ บั บดิ าทเี่ มอื งไทย โยมแมเ่ คยเลา่ วา่ รอ้ งไหค้ ดิ ถงึ แมอ่ ยนู่ าน อนั ทจี่ รงิ ตาและยายนน้ั เปน็ คนร�่ำรวย บา้ นทเี่ มอื งจนี กใ็ หญโ่ ต แตต่ าตอ้ งการใหย้ ายซง่ึ เปน็ ภรรยาหลวง อยเู่ ฝา้ บา้ นและทรพั ยส์ นิ ทเ่ี มอื งจนี สว่ นโยมแมน่ น้ั ชะรอยตา คงต้องการเลี้ยงเองกระมัง จึงให้ยายส่งโยมแม่มาเมืองไทย โยมแมไ่ มม่ โี อกาสกลบั ไปเหน็ หนา้ แมบ่ งั เกดิ เกลา้ อกี เลย และ กว่าจะได้กลบั ไปเยือนบา้ นเกิดทเ่ี กาะไหหล�ำก ็ ๕๐ ปใี ห้หลัง ตาเป็นคหบดมี ีช่ือแห่งเมอื งอยุธยา สมัยหนึ่งอาจจดั ได ้ วา่ เปน็ คนรำ�่ รวยทสี่ ดุ ของจงั หวดั กจิ การทท่ี ำ� เปน็ ลำ�่ เปน็ สนั คอื โรงเลอื่ ย บา้ นของโยมแมท่ อ่ี ยธุ ยาเปน็ ตกึ หลงั ใหญ ่ ตงั้ โดดเดน่ เหน็ ไดช้ ดั เจน จากสะพานธำ� รง-ปรดี ี พจิ ารณาภมู หิ ลงั ในดา้ นนี้ แลว้ โยมแมน่ า่ จะมชี วี ติ ทสี่ ขุ สบายตง้ั แตเ่ ลก็ แตห่ าเปน็ เชน่ นนั้ ไม ่ ตาเปน็ คนทไี่ มใ่ ครส่ นใจลกู สาว ความเปน็ อยรู่ ะหวา่ งลกู ชาย กบั ลกู สาวจงึ ตา่ งกนั มาก ทงั้ ๆ ทต่ี ามลี กู สาวเพยี งแค ่ ๔ คนจาก จำ� นวนลกู ทงั้ หมด ๑๓ คนทเ่ี กดิ จากภรรยาทง้ั ๕ โยมแมต่ อ้ ง ทำ� งานหนกั ตงั้ แตเ่ ลก็ แมโ้ ตเปน็ สาวแลว้ โยมแมก่ บั พสี่ าวตา่ ง มารดาก็ยังมีหน้าท่ีแบกขนไม้ปลีกท่ีเหลือจากการแปรรูปใน โรงเลอื่ ย ไปเรยี งเปน็ กองเพอ่ื ขายทำ� ฟนื สภาพคงไมต่ า่ งไปจาก คนงานในโรงเลอื่ ยเทา่ ใดนกั ยงั ดที โี่ ยมแมม่ โี อกาสเรยี นหนงั สอื
โ ย ม แ ม่ 145
146 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล แมจ้ ะไมส่ งู เกนิ ม. ๓ (หรอื ป. ๗) แตค่ วามรทู้ ไี่ ดร้ บั กม็ ากพอ ท่ีจะใช้การได้ ส่วนภาษาจีนนั้นโยมแม่มีพื้นมาแต่เมืองจีน ภายหลังได้มาเรียนเพ่ิมเติมกับญาติผู้ใหญ่ในโรงเลื่อย จึง สามารถอ่านออกเขียนได้ ดังน้ัน ในเวลาต่อมา โยมแม่กับ พ่สี าวจงึ ไดเ้ ลอ่ื นมาท�ำงานธรุ การ โยมแม่มีพี่สาวร่วมอุทรอยู่คนหน่ึง แต่อายุห่างกันถึง ๑๖ ปี เม่ือโยมแม่เข้ามาเมืองไทยนั้น พี่สาวได้แต่งงานและ แยกเรอื นออกไปแลว้ ความทต่ี อ้ งอยหู่ า่ งแมแ่ ละพ ี่ โยมแมจ่ งึ ตอ้ งหดั ชว่ ยตนเองตง้ั แตเ่ ลก็ คงเพราะเหตนุ ้ี จงึ มนี สิ ยั อดออม กระเหมด็ กระแหมม่ าแตเ่ ยาวว์ ยั เมอื่ โตขน้ึ นอกจากงานแบก หามภายในโรงเล่อื ยแลว้ โยมแมย่ งั หารายไดพ้ ิเศษ ด้วยการ เก็บเศษไม้ท่โี รงเล่อื ยทงิ้ แลว้ ไปขายตามทา่ น�้ำ ตั้งแต่เล็กจนโตเป็นสาว ชีวิตของโยมแม่วนเวียนอยู่ใน โรงเลอื่ ยเปน็ สว่ นใหญ ่ ถงึ กระนนั้ กใ็ ชว่ า่ จะลำ� บากเสยี ทเี ดยี วนกั เพราะอย่างน้อยท่ีสุดก็มีพ่ีสาวต่างมารดาอยู่คนหนึ่งซ่ึงเป็น เสมอื นเพอื่ นเพราะวยั หา่ งแค ่ ๒ ป ี นอกจากทำ� งานดว้ ยกนั แลว้ ยงั เทยี่ วเตรด่ ว้ ยกนั อยบู่ อ่ ยๆ (แมเ้ มอ่ื ตา่ งแยกเรอื นออกไป ก ็ ยงั ไปมาหาส่กู ัน จนโยมแม่เปน็ ฝา่ ยจากไป) โยมแม่ออกจากโรงเลื่อยก็เมื่อมาได้กับโยมพ่อ ซ่ึงเป็น คนกรงุ เทพฯ นอกจากทรพั ยส์ นิ ของโยมแมท่ สี่ ะสมมาแตเ่ ลก็
147 โ ย ม แ ม่ � กบั ครอบครัว ราวปี พ.ศ. ๒๕๒๒
148 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล � กบั โยมพ่อ โยมแม่ และพชี่ าย ราวปี พ.ศ. ๒๕๒๕
149 โ ย ม แ ม่ แล้ว ก็ดูจะไม่มีสมบัติใดที่ตาให้ติดตัวมาเลย แต่ล�ำพังฐานะ และความสามารถของโยมพ่อ ชีวิตครอบครัวก็น่าจะด�ำเนิน ไปไดอ้ ยา่ งราบรนื่ เพราะโยมพอ่ จดั ไดว้ า่ เปน็ คนทม่ี วี ชิ าความร้ ู สงู ในสมยั นน้ั โดยไดค้ ะแนนดมี าจากโรงเรยี นอสั สมั ชญั พานชิ ย์ (ACC) อนั เปน็ ทตี่ อ้ งการอยา่ งยง่ิ ของหา้ งฝรง่ั ในเวลานนั้ นอก จากความเฉลียวฉลาดแล้ว โยมพ่อยังเป็นคนขยันขันแข็ง หลงั จากเปน็ ลกู จา้ งบรษิ ทั ฝรงั่ ไดไ้ มน่ านกต็ ง้ั เนอ้ื ตง้ั ตวั โดยมา เปิดกิจการสง่ ออกไม้ที่ถนนดำ� รงรกั ษ ์ ใกล้ๆ กับวัดสระเกศ ขา้ พเจา้ ซงึ่ เปน็ ลกู คนท ี่ ๔ เกดิ เมอ่ื โยมพอ่ โยมแมย่ า้ ยมา อยู่ถนนด�ำรงรักษ์ได้ ๒-๓ ปีแล้ว เป็นช่วงท่ีกิจการค้าไม้ของ โยมพ่อประสบความส�ำเร็จตามล�ำดับ ยังจ�ำได้ว่า ตอนเล็กๆ อายุยังไม่ถึง ๔-๕ ขวบดี โยมพ่อมักจะขับรถพาลูกๆ ท้ัง ๕ ไปกนิ ไอศกรมี หรอื กว๋ ยเตย๋ี วแถวสวนลมุ พนิ แี ละราชวงศต์ อน คำ�่ ๆ อยบู่ อ่ ยๆ ยงิ่ ภาพยนตรด์ ว้ ยแลว้ พวกเราไปดเู ปน็ ประจำ� ชว่ งไหนทบ่ี า้ นไมม่ รี ถเก๋งก็นั่งแทก็ ซี่ แตว่ ธิ เี ลย้ี งลกู ของโยมแมน่ น้ั ตา่ งจากโยมพอ่ เวลาโยมแม ่ พาลกู ๆ ไปเทย่ี ว จะนง่ั รถเมล ์ อนั ทจี่ รงิ แลว้ สว่ นใหญส่ ถานท ่ี ทโี่ ยมแมพ่ าลกู ไปเทยี่ วคอื บา้ นญาต ิ หรอื ไมก่ พ็ าหรุ ดั สะพาน- หัน ซ่ึงโยมแม่ชอบซื้อผ้าไปตัดเส้ือ ตอนเด็กๆ ข้าพเจ้ามัก ตดิ สอยหอ้ ยตามโยมแมไ่ ปตามทตี่ า่ งๆ เปน็ ประจำ� โดยเฉพาะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306