Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 3TosawasPraPaisarn

3TosawasPraPaisarn

Published by ชมรมกัลยาณธรรม, 2021-03-11 07:29:27

Description: 3TosawasPraPaisarn

Search

Read the Text Version

150 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ในวันพฤหัส ซ่ึงเป็นวันหยุดเรียนของข้าพเจ้านอกเหนือจาก  วนั อาทติ ย ์ ดว้ ยเหตนุ จี้ งึ รเู้ สน้ ทางรถเมลแ์ ละถนนหนทางตา่ งๆ  ในกรงุ เทพฯ เปน็ อยา่ งด ี ความรดู้ งั กลา่ วเปน็ ประโยชนแ์ กข่ า้ พเจา้   เวลาเขา้ กรงุ เทพฯ จนทกุ วนั น ้ี แมเ้ สน้ ทางรถเมลจ์ ะเปลย่ี นไป  และกรงุ เทพฯจะขยายตวั เติบใหญไ่ ปมากแลว้ ก็ตาม โยมแมช่ อบสอนลกู ใหป้ ระหยดั  แตแ่ ทนทจี่ ะพดู  โยมแม ่ ทำ� ใหเ้ ราเหน็ เปน็ แบบอยา่ ง เสอ้ื ผา้ ของลกู ๆ รวมทง้ั ของโยมแม ่ เองนนั้  ซอื้ จากรา้ นนอ้ ยมาก ยกเวน้ ชดุ ไปเทย่ี ว นอกนน้ั โยมแม่  ตัดเอง แม้แรกๆ จะไม่มีความรู้พอ แต่ก็ไปเรียนจนชำ� นาญ  ขา้ พเจา้ ยงั จำ� ไดว้ า่ ตอนเยน็ ๆ เคยตามโยมแมไ่ ปโรงเรยี นสอน  ตดั เสอื้ อยชู่ ว่ งหนง่ึ  เสอ้ื ผา้ เหลา่ นลี้ กู ๆ จะใชไ้ ลก่ นั ลงมาจากคนโต  มายงั คนเลก็ ลำ� ดบั ถดั ไป มามปี ญั หากเ็ มอื่ ถงึ ลำ� ดบั ของขา้ พเจา้   เพราะข้าพเจ้ากับน้องชายน้ันแม้ห่างกัน ๒ ปี แต่ตัวเท่ากัน  เลยมกั มปี ญั หาวา่ ตอ้ งตดั หรอื หาซอื้ เสอื้ ใหท้ ง้ั  ๒ คนพรอ้ มกนั   เมื่อเสื้อผ้าขาด หากยังไม่ยุ่ย โยมแม่ก็เอามาตัดต่อกันเป็น  ผ้าห่ม ผ้าปทู ่นี อน หรือผา้ รองนัง่  สุดท้ายกท็ �ำเปน็ ผ้าขรี้ ว้ิ เวลาไปโรงเรยี น ลกู ๆ ตอ้ งรจู้ กั ประหยดั คา่ ขนม เพราะ  โยมแม่ให้เงินไม่มาก จ�ำได้ว่าตอนอยู่ ป. ๒ ข้าพเจ้าได้เงิน  ค่าขนมแค่วันละ ๕๐ สตางค์ (สมัยน้ัน ค่ารถเมล์เที่ยวละ  ๕๐ สตางค ์ กว๋ ยเตยี๋ วชามละ ๒ บาท) เวลาหยดุ พกั  เพอื่ นๆ 

151 โ ย ม แ ม่ ซง่ึ สว่ นใหญเ่ ปน็ ลกู คนรวยจะวง่ิ ไปซอ้ื ขนมตา่ งๆ ไดต้ ามใจชอบ  แถมยงั สามารถซอ้ื ของเลน่ ราคาแพงไดด้ ว้ ย แตข่ า้ พเจา้ ซอ้ื ได้  อย่างมากก็ไอศกรีมเพียงแท่งเดียวเท่านั้น หากต้องการมาก  กวา่ น ้ี กต็ อ้ งรอเวลาโยมแมห่ รอื พสี่ าวมารบั ตอนเยน็  จงึ จะได้  กนิ ขนมอนื่ เพมิ่ เตมิ  แตจ่ ะวา่ ไปแลว้  ทเี่ ปน็ เชน่ นกี้ เ็ พราะพวกเรา  เลอื กกนั เอง ตอนนนั้ โยมแมใ่ หเ้ ราตดั สนิ ใจวา่  จะนงั่ แทก็ ซไ่ี ป  โรงเรียนหรือข้ึนรถเมล์ พวกเราเลือกอย่างแรก ดังน้ันจึงถูก  ลดคา่ ขนมเพอ่ื เจยี ดไปจา้ งแทก็ ซ ่ี อยา่ งไรกต็ าม การทโ่ี ยมแม ่ ให้เงินใช้เพียงเล็กน้อย ก็ได้ช่วยฝึกฝนให้ข้าพเจ้ารู้จักอดทน  ต่อความต้องการ และไม่เรียกร้องจากชีวิตมากเกินจ�ำเป็น  พลอยใหเ้ กดิ นสิ ยั สนั โดษอยบู่ า้ งในเรอ่ื งการกนิ และการเทยี่ วเตร ่ สนุกสนาน แต่มีสิ่งหนึ่งที่โยมแม่ไม่สามารถสอนให้ข้าพเจ้า  สันโดษได้ ก็คือเร่ืองหนังสือหนังหา โยมแม่มักถามข้าพเจ้า  เสมอว่าซื้อหนังสือมากมายแล้วอ่านหมดหรือ แม้จะรู้ว่าอ่าน  ไม่มวี นั หมดดอก แต่ข้าพเจา้ ก็ยังซือ้ หามาได้ไมห่ ยดุ โยมแมเ่ ลยี้ งลกู แบบไมต่ ามใจ แมจ้ ะไมใ่ ชค่ นเจา้ ระเบยี บ  แตโ่ ยมแมเ่ ครง่ ครดั นกั ในเรอื่ งการกนิ การนอนและกจิ วตั รอน่ื ๆ  ลูกๆ ต้องรู้เวลา จะไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็ตาม ต้องกลับบ้าน  ตามก�ำหนด ย่ิงลูกสาวด้วยแล้ว ไปค้างคืนที่ไหนล�ำบากมาก  แมเ้ มอ่ื ขา้ พเจา้ เรยี นมหาวทิ ยาลยั แลว้ กต็ าม ใครฝา่ ฝนื อาจณิ  

152 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล เป็นต้องโดนไม้เรียว ดังนั้นเรื่องหนีเรียนจึงไม่ต้องพูดถึงเลย  เพราะไม่มีใครกล้าท�ำ จะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของข้าพเจ้า  ไมท่ ราบได ้ ทง้ั โรงเรยี นและทบี่ า้ นนยิ มใชไ้ มเ้ รยี วในการสงั่ สอน  พวกเราจงึ ตอ่ สขู้ บั เคยี่ วกบั ไมเ้ รยี วมาแตเ่ ลก็  เนอ้ื ตวั ของขา้ พเจา้   ปลอดพน้ จากรอยไมเ้ รยี วและเขม็ ขดั  ทง้ั จากโรงเรยี นและทบ่ี า้ น  อยา่ งส้ินเชิง กต็ ่อเมอ่ื อยูช่ ้นั  ม.ศ. ๓ คอื อายุ ๑๕ ปแี ล้ว การรู้จักประหยัดท่ีอดออมก็ดี และการมีระเบียบวินัย  ไมต่ ามใจตนเองกด็  ี โดยเนอ้ื แทแ้ ลว้  เขา้ ใจวา่ โยมแมค่ งมงุ่ หมาย  อบรมบ่มเพาะเพ่ือให้ลูกๆ รู้จักพ่ึงตนเองเป็นส�ำคัญ ตั้งแต่  ขา้ พเจา้ อยชู่ น้ั  ป. ๓ พวกเราทเี่ ปน็ ลกู ผชู้ ายทง้ั  ๓ คน กต็ อ้ ง  รจู้ กั ขนึ้ รถเมลไ์ ปโรงเรยี นกนั เองแลว้  ทง้ั ๆ ทบ่ี างรกั อยไู่ กลจาก  วดั สระเกศไมน่ อ้ ยเลย ตอ่ ตอนเยน็  โยมแมห่ รอื พส่ี าวจงึ มารบั   ครนั้ โตขน้ึ อกี หนอ่ ย เรากต็ อ้ งกลบั บา้ นกนั เอง เรอ่ื งการบา้ นก ็ เปน็ อกี เรอ่ื งทพี่ วกเราตอ้ งเอาใจใสก่ นั เอง มบี างครงั้ ทขี่ า้ พเจา้   ลมื เอาสมดุ การบา้ นมาโรงเรยี น หากเปน็ คนอนื่ พอ่ หรอื แมค่ ง  กลุ กี จุ อหาทางเอามาสง่ ใหท้ โี่ รงเรยี น แตโ่ ยมแมไ่ มเ่ คยทำ� เชน่ นน้ั   เลย หากปล่อยให้ลูกรับผิดชอบกับการกระท�ำของตนเอง  ทง้ั ๆ ทรี่ วู้ า่ โทษทล่ี กู อาจไดร้ บั คอื ไมเ้ รยี ว โยมแมท่ ำ� เฉยไดไ้ มน่ าน  เรอ่ื งทำ� นองนใ้ี นทส่ี ดุ กห็ มดไปเอง เพราะลกู ๆ ไมก่ ลา้ สะเพรา่   หลงลมื ในเรื่องการบ้านอีกตอ่ ไป

153 โ ย ม แ ม่ ชวี ติ ครอบครวั เราดจู ะไปไดด้ ใี นชว่ ง ๑๐ ปแี รก หลงั จาก  นนั้ กม็ เี หต ุ โยมแมป่ ระสบมรสมุ ชวี ติ แตง่ งาน ทบ่ี า้ นมปี ากเสยี ง  กนั เปน็ ประจำ�  จนลกุ ลามเปน็ ความรนุ แรงกห็ ลายครง้ั  อายแุ ค ่ ๕-๖ ขวบ ขา้ พเจา้ กค็ นุ้ กบั ภาพโยมแมร่ อ้ งไหใ้ นหอ้ ง บางครง้ั   โยมแมเ่ คยถงึ กบั จะคดิ สน้ั ดว้ ยซำ้�  แตเ่ พราะความรกั ลกู  โยมแม่  จึงกล�้ำกลืนฝืนทนมาได้ มานึกย้อนหลัง ก็อดใจหายไม่ได้ว่า  ชวี ติ ของพวกเราเมอื่ เลก็ ๆ นน้ั  ชา่ งหมน่ิ เหมต่ อ่ ความวบิ ตั เิ สยี   เหลือเกิน หากว่าโยมแม่คิดเอาอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง  เป็นส�ำคัญ ตัดช่องน้อยแต่พอตัว อนาคตของพวกเราคงจะ  มืดมนไปแล้ว การท่ีบา้ นไม่แตกสามารถประคับประคองเปน็   ครอบครัวมาได้โดยตลอด นับว่าเป็นเพราะความอดทนของ  โยมแมโ่ ดยแท ้ หากทนไมไ่ ดจ้ รงิ ๆ โยมแมก่ จ็ ะหนไี ปบา้ นญาติ  แต่ท่ีไปบ่อยคือบ้านเดิมท่ีอยุธยา โยมแม่หายไปทีไร บ้านก ็ ไมเ่ ปน็ บา้ น วนุ่ วายกนั ไปหมด ดงั นน้ั พอลว่ งเลยไปไดไ้ มก่ ว่ี นั   พวกเราทง้ั  ๕ คนกแ็ หก่ นั ไปตามโยมแมก่ ลบั มาบา้ น หรอื ไมก่ ็  ขอร้องวิงวอนให้โยมพ่อไปชวนกลับมา เร่ืองเช่นนี้เกิดข้ึน  เป็นอาจิณ จำ� ไดว้ า่ จวบจนเมอื่ ขา้ พเจา้ อายไุ ด ้ ๑๕ ป ี พวกเรา  ก็ยังนั่งรถไฟไปอยุธยา เพื่อขอร้องให้โยมแม่กลับมาอยู่กับ  พวกเราดังเดิม หลังจากครั้งนั้นแล้ว โยมแม่ก็ไม่ได้ประท้วง  ดว้ ยวิธกี ารน้อี ีกเลย

154 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ความไม่ราบรื่นในชีวิตครอบครัว ท�ำให้โยมแม่ต้อง  กระเหมด็ กระแหมแ่ ละอดออมมากขน้ึ  คนใชท้ เ่ี คยมกี ง็ ดเสยี   โยมแมร่ บั ทำ� งานบา้ นเองหมด พวกเรานอกจากเปน็ ลกู มอื ชว่ ย  โยมแม่แล้ว ยังต้องประหยัดเงินตามด้วย จ�ำได้ว่าตอนอายุ  ราวๆ ๑๑ หรอื  ๑๒ ป ี ขา้ พเจา้ เอาเงนิ ทอ่ี ดออมไดไ้ ปซอ้ื หนา้ กาก  ดำ� นำ�้ ราคา ๔๐ บาท กลบั มาบา้ นถกู พต่ี อ่ วา่  วา่ ไมร่ จู้ กั ประหยดั   อันที่จริงบ้านเราตอนนั้นใช่ว่าจะยากจน โยมพ่อหาเงินได้  แต่ละเดือนก็ไม่น้อยเม่ือเทียบกับคนท่ัวไป แต่เงินถูกระบาย  ออกไปทางอื่น โยมแม่จึงต้องท�ำหน้าที่รักษาผลประโยชน ์ ของครอบครวั อยา่ งเตม็ ท ่ี ทำ� ทกุ วถิ ที างทจ่ี ะถา่ ยเงนิ จากกระเปา๋   โยมพ่อมาสู่กระเป๋าโยมแม่ เพ่ือว่าเงินจะได้ใช้ในทางท่ีเป็น  ประโยชน์แก่ลูกๆ โดยเฉพาะในเร่ืองการศึกษาเล่าเรียน ลูก  ผูห้ ญิงนน้ั ไม่ส้อู ะไร แต่ลูกผูช้ ายสิ คา่ ใชจ้ า่ ยในเร่อื งนสี้ ูงมาก  เพราะอยู่โรงเรียนอัสสัมชัญท้ังสามคน โยมแม่เป็นก�ำลัง  ส�ำคัญทีเดียวที่ผลักดันให้พวกเราได้เรียนท่ีอัสสัมชัญจนจบ  โยมแม่ไม่ใช่คนท่ีมีการศึกษาสูง แต่กลับเห็นคุณค่าของการ ศกึ ษาอย่างมาก ไม่ว่าเงินจะกลายมาเป็นปัญหาในบ้านเพียงใด โยมแม ่ กถ็ อื คตพิ ง่ึ ตน ไมเ่ คยเอย่ ปากขอความชว่ ยเหลอื จากใคร โยมแม่  สอนลูกว่า อย่าไปเป็นหนี้ใคร มีน้อยก็ใช้น้อยและอดออม 

155 เอาวิถีชีวิตและค�ำสอนของโยมแม่ ท�ำให้ข้าพเจ้านึกค�ำโคลง  โลกนติ ทิ ่ีวา่ ถงึ จนทนสูก้ ัด กินเกลอื โ ย ม แ ม่ อยา่ เท่ยี วแลเ่ นื้อเถอื พวกพอ้ ง อดอยากเยยี่ งอย่างเสือ สงวนศักดิ์ โซก็เสาะใสท่ ้อง จับเนอ้ื กินเองฯ แต่ก็นับว่าเป็นโชคของพวกเราท่ีไม่เคยล�ำบากถึงกับ  ยากจน ตวั ขา้ พเจา้ เอง เทยี บกบั เพอ่ื นนกั เรยี นอสั สมั ชญั หลาย  คนกย็ งั นบั วา่ สบายกวา่ มาก เพราะอยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ  กม็ คี า่ เลา่ เรยี น  สง่ ใหไ้ มเ่ คยขาดหรอื ลา่ ชา้  อปุ กรณอ์ ำ� นวยความสะดวกในบา้ น  เรากใ็ ชว่ า่ จะขาดแคลน แตถ่ า้ เทยี บกบั ลกู ๆ ของนา้ แลว้  เปน็   อกี เรอื่ งหนง่ึ  กระนนั้ พวกเรากไ็ มร่ สู้ กึ เดอื ดรอ้ นหรอื เปน็ ทกุ ขท์ ี ่ มกี นิ มใี ชส้ ะดวกสบายนอ้ ยกวา่ เขา อนั ทจี่ รงิ  เรอ่ื งสนกุ สนาน  เทย่ี วเตรข่ องลกู ๆ นน้ั  โยมพอ่ ใชจ้ า่ ยอยา่ งเตม็ ท ่ี โยมแมต่ า่ งหาก  ทรี่ ะวงั ในเรอ่ื งนม้ี าก เงนิ แตล่ ะบาทใชแ้ ตล่ ะทตี อ้ งมคี า่  จนบางท ี กลายเป็นคนขี้เหนียวในสายตาของญาติๆ แต่ส�ำหรับลูกๆ  โยมแมเ่ ปน็ คนเขยี มทร่ี คู้ า่ ของเงนิ  วา่ อะไรควรจา่ ย ไมค่ วรจา่ ย  อะไรควรจ่ายก่อนและจ่ายหลัง ระหว่างการมีเงินเที่ยวเตร ่

156 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล สนกุ สนาน กบั การมบี า้ นเปน็ หลกั แหลง่  โยมแมเ่ หน็ วา่  ประการ  หลงั มคี วามสำ� คญั มากกวา่  ในเมอื่ เงนิ ทใ่ี ชจ้ า่ ยภายในครอบครวั   ของเรามีจ�ำกัด โยมแม่จึงเล้ียงลูกโดยถือคติ “อดเปร้ียวกิน หวาน” คือให้ล�ำบากช่ัวคราวเพื่อความสุขในภายภาคหน้า  ดงั นน้ั แทนทจ่ี ะใชจ้ า่ ยเงนิ เพอ่ื ความสขุ ชวั่ ครงั้ ชวั่ คราวของลกู ๆ  โยมแมเ่ ลอื กทจ่ี ะสะสมเงนิ ไวจ้ นมากพอทจี่ ะซอื้ บา้ นและทด่ี นิ   เปน็ สมบตั ขิ องครอบครวั ได ้ โยมแมเ่ ปน็ คนมองการณไ์ กล และ  รู้ว่าการมีบ้านของตนเองเป็นพื้นฐานส�ำคัญส�ำหรับครอบครัว  โยมแมร่ เู้ รอ่ื งนดี้ เี พราะนบั แตแ่ ตง่ งาน พอ่ แมล่ กู ตอ้ งยา้ ยบา้ น  ครง้ั แลว้ ครง้ั เลา่  จากถนนเดโช ไปวดั แขกสลี ม แลว้ กข็ า้ มไป  บางย่ขี นั  อยู่นานทส่ี ุดกท็ ่ีถนนดำ� รงรักษก์ วา่  ๒๐ ป ี จากน้ัน  กต็ อ้ งยา้ ยไปเชงิ สะพานซงั ฮ ี้ ในซอยวดั ภคนิ นี าถ และกอ่ นจะ  ลงเอยทบี่ างโพ อนั เปน็ บา้ นท ี่ ๗ กต็ อ้ งไปเชา่ บา้ นแถบนนั้ อย ู่ แรมป ี นา่ แปลกตรงท ี่ โยมแมเ่ ปน็ เพยี งแมบ่ า้ นธรรมดา ไมไ่ ด้  มอี าชพี หรอื ทำ� ธรุ กจิ ใดๆ แตก่ ลบั มเี งนิ เปน็ กอ้ น สามารถซอื้ บา้ น  และทด่ี นิ หลายแปลง ไวเ้ ปน็ สมบตั ขิ องลกู ๆ ทกุ คนได ้ เปน็ อนั   ว่าที่ลูกๆ ยอมล�ำบากตามที่โยมแม่สอนน้ัน ในท่ีสุดก็ได้รับ  รางวลั ตอบแทนจากโยมแมแ่ ล้ว โยมแมเ่ องกไ็ ดร้ บั รางวลั จากความเพยี รและความรกั ลกู   เชน่ กนั  คอื ไดเ้ หน็ ลกู ทย่ี งั มชี วี ติ อยทู่ กุ คน มคี วามเจรญิ กา้ วหนา้  

157 โ ย ม แ ม่ ในชีวิต มีหลักมีฐานม่ันคงตามสมควร ครอบครัวมีความสุข  จะยกเวน้ กแ็ ตข่ า้ พเจา้ เทา่ นนั้ ทโ่ี ยมแมม่ คี วามหว่ งใยเปน็ พเิ ศษ  เพราะมีวิถีชีวิตผิดแปลกจากใครๆ ท่ีโยมแม่กังวลมากที่สุด  คอื กลวั ว่าหากข้าพเจ้าแก่ตวั ลงไป จะล�ำบาก บางทีข้าพเจา้ ก็  ตะแบงตอบไปว่า ข้าพเจ้าอาจไม่มีโอกาสได้แก่ก็ได้ อย่างไร  กต็ ามโยมแมไ่ มเ่ คยขอรอ้ งใหข้ า้ พเจา้ สกึ  เพราะเหน็ วา่ ขา้ พเจา้   มคี วามสขุ ดแี ลว้ ในเพศสมณะ นึกย้อนไปแล้วคงไม่มีลูกคนใดที่ผิดจากความคาดหวัง  ของโยมแมเ่ หมอื นขา้ พเจา้  ตอนเดก็ ๆ นนั้ ขา้ พเจา้ เปน็ ความหวงั   ของโยมพ่อโยมแม่มากทีเดียว เพราะเป็นเด็กเรียนดี โยม พ่อโยมแม่มักกล่าวชมให้ญาติพี่น้องฟังเสมอ จัดได้ว่าเป็น คนโปรดทง้ั ของโยมพอ่ และโยมแม ่ เวลาโยมแมไ่ ปไหนมกั พา  ขา้ พเจา้ ตดิ ตามไปดว้ ยเสมอ แมก้ ระทงั่ เวลาไปหาลำ� ไพพ่ เิ ศษท่ ี บา้ นญาต ิ ขา้ พเจา้ กต็ ดิ ไปดโู ยมแมเ่ ลน่ ไพด่ ว้ ย (เงนิ ของโยมแม่  คงไดจ้ ากทางนี้ส่วนหนึ่งดว้ ย แต่เมอื่ ลูกโตกง็ ดเรอ่ื งนีห้ มด) ข้าพเจ้าแต่เดิมก็เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย มาเริ่มออก  นอกลู่นอกทางที่โยมแม่หวัง ก็เมื่ออายุ ๑๕ ขณะเรียนชั้น  ม.ศ. ๓ การทไี่ ดอ้ า่ นไดฟ้ งั เรอ่ื งราวตา่ งๆ นอกเหนอื จากวชิ าท ี่ เรียนในห้อง ท�ำให้เกิดความสนใจและห่วงใยในความเป็นไป  ของบ้านเมือง ดังนั้นท่ีเคยคิดจะเรียนเพื่อมีอาชีพการงาน 

158 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล มน่ั คง กเ็ ปลยี่ นไป โดยคำ� นงึ ควบคไู่ ปดว้ ยวา่  จะเปน็ ประโยชน ์ แกส่ งั คมวงกวา้ งเพยี งใด ในระหวา่ งทเี่ รยี น จงึ ทำ� กจิ กรรมอาสา  พฒั นาในโรงเรยี นไปดว้ ย ชว่ งนเี้ องทข่ี า้ พเจา้ เรม่ิ รจู้ กั กลบั บา้ น  เยน็  และภายหลงั กร็ น่ มาเปน็ ดกึ  วนั แรกทกี่ ลบั บา้ นคำ่� โดยไมไ่ ด ้ บอกล่วงหน้านั้น ที่บ้านนึกเป็นห่วง แต่ตอนหลังก็คุ้นและ  ยอมใหท้ ำ�  เพราะเชอื่ ใจวา่ ขา้ พเจา้ คงไมไ่ ปทำ� อะไรไมด่ ไี มง่ าม  อย่างไรก็ตาม เม่ือข้าพเจ้าท�ำกิจกรรมมากขึ้น โยมแม่ก็ชัก  จะไม่เห็นด้วย มีคราวหน่ึงข้าพเจ้าขอไปค่ายยุวชนสยามที ่ จ. นครสวรรค ์ หลงั ปดิ เทอมชน้ั  ม.ศ. ๓ โยมแมไ่ มอ่ ยากใหไ้ ป  เพราะเห็นว่าข้าพเจ้าเพ่ิงกลับจากค่ายของโรงเรียนอัสสัมชัญ  มาไดไ้ มก่ ว่ี นั  ขา้ พเจา้ เกดิ แขง็ ขนื ขน้ึ มา เลยเกดิ การโตเ้ ถยี งกนั   เร่อื งน้ภี ายหลังเพ่อื นตอ้ งมาเตอื นขา้ พเจ้าให้เพลาลงบา้ ง โยมพอ่ โยมแมอ่ ยากใหข้ า้ พเจา้ เรยี นแพทย ์ แตย่ ง่ิ นานวนั   ใจข้าพเจ้าก็โน้มไปทางสังคมศาสตร์ ย่ิงมาเกิดเหตุการณ์  ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ช้ัน ม.ศ. ๔ ก็เลยคิด  เบนเข็มไปเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผอิญปีต่อมา  พชี่ ายของขา้ พเจา้ เกดิ สอบตดิ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล มโี อกาสเรยี น  แพทยไ์ ด ้ ขา้ พเจา้ ซง่ึ ขนึ้ ชนั้  ม.ศ. ๕ ไดไ้ มถ่ งึ เดอื น จงึ ขออนญุ าต  ทบี่ า้ น ยา้ ยจากหอ้ งวทิ ยม์ าหอ้ งศลิ ปก์ ลางคนั  คงเพราะทบี่ า้ น ดีใจในผลสอบของพช่ี ายกระมัง จึงไมม่ ใี ครคดั ค้านขา้ พเจ้า

159 โ ย ม แ ม่ หลงั จากทเี่ ขา้ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรไ์ ดใ้ นป ี ๒๕๑๘  คงมีคร้ังเดียวกระมังท่ีข้าพเจ้าสร้างความภูมิใจให้แก่โยมพ่อ  โยมแม่ นั่นคือได้ทุนภูมิพลโดยรับพระราชทานรางวัลจาก  พระหตั ถใ์ นหลวง นน่ั เปน็ ครง้ั สดุ ทา้ ยส�ำหรบั ประวตั กิ ารเรยี น  ด ี นบั แตน่ นั้ ขา้ พเจา้ กไ็ มต่ า่ งจากนกั ศกึ ษาทว่ั ไปในเรอื่ งผลสอบ  ถึงตอนนั้น ข้าพเจ้าคงมิได้เป็นความหวังของที่บ้านสักเท่าใด  แลว้  แตส่ ง่ิ หนงึ่ ทโ่ี ยมแมย่ งั มอี ยอู่ ยา่ งเตม็ เปย่ี มกค็ อื ความหว่ งใย  ในตวั ขา้ พเจา้  ดว้ ยขา้ พเจา้ ไปคลกุ คลกี บั กจิ กรรมมากขนึ้ ทกุ ที  และกลบั บา้ นไมเ่ ปน็ เวลา แถมยงั ออกตา่ งจงั หวดั เสมอๆ ตอนนนั้   ขา้ พเจา้ ทำ�  ปาจารยสาร และชว่ ยงานกลมุ่ กลั ยาณมติ รเตม็ ตวั   แลว้  อยา่ งไรกต็ าม ขา้ พเจา้ โชคดกี วา่ นกั กจิ กรรมรนุ่ เดยี วกนั ตรงท่ี ไม่ค่อยมีปัญหาจากทางบ้าน โยมแม่แม้จะไม่สบายใจ และไม่เข้าใจว่าท�ำไมข้าพเจ้าถึงวุ่นวายอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได ้ ขดั ขวาง เพราะลึกๆ กว็ างใจในขา้ พเจ้าวา่ รูจ้ กั ผิดชอบชั่วดี แตไ่ มว่ า่ ขา้ พเจา้ จะระวงั ตวั เพยี งใด ในทสี่ ดุ กท็ ำ� ใหโ้ ยมแม่  ทกุ ขร์ อ้ นจนได ้ เมอ่ื เกดิ เหตกุ ารณ ์ ๖ ตลุ าคม ๒๕๑๙ ขา้ พเจา้   หายไปไม่กลับบ้าน โยมแม่ร้อนใจเป็นอย่างย่ิงเพราะกลัวว่า  ข้าพเจ้าอาจถูกฆ่าตายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท้ังๆ ท่ี  โยมแม่เป็นคนกลัวศพ แต่วันน้ันโยมแม่ไปหาข้าพเจ้าตาม  โรงพยาบาลต่างๆ และขอดูศพของผู้ที่ตายในเหตุการณ์ มา 

160 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ดใี จกเ็ มอื่ พบชอ่ื ขา้ พเจา้ ในรายชอ่ื ผถู้ กู คมุ ขงั ทโ่ี รงเรยี นพลตำ� รวจ  ชลบรุ  ี เมอ่ื รบั ตวั ขา้ พเจา้ กลบั มาบา้ นแลว้  โยมแมอ่ กี นน่ั แหละ  ท่ีพาข้าพเจ้าไปให้หมอตรวจเช็คร่างกายว่า บุบสลายบอบช้�ำ  หรอื ไม ่ จากการฝา่ ดงเทา้ ของเหลา่ ประชาชนผรู้ กั ชาตทิ สี่ นาม  ฟตุ บอลธรรมศาสตร์ หลงั จากวนั นนั้  ขา้ พเจา้ กถ็ กู โยมแมข่ อรอ้ งแกมควบคมุ   ใหอ้ ยแู่ ตใ่ นบา้ น แมจ้ ะไปดหู นงั  โยมแมก่ ต็ ามไปดว้ ย แตข่ า้ พเจา้   ก็ยังหาช่องหลบหลีกไปจนได้ ต่อเม่ือสถานการณ์คล่ีคลาย  โยมแมจ่ งึ เลกิ จบั ตา กระนนั้  ขา้ พเจา้ กย็ งั มเี รอื่ งใหโ้ ยมแมเ่ ปน็ หว่ ง  อยเู่ สมอ จำ� ไดว้ า่ วนั หนงึ่ ตอนปลายเดอื นตลุ าคม ๒๕๒๐ โยม  แมพ่ าขา้ พเจา้ ไปหาหมอทถ่ี นนราชดำ� เนนิ  ขากลบั ขณะรอรถเมล ์ ขา้ พเจา้ ซอ้ื หนงั สอื พมิ พฉ์ บบั หนงึ่  แตไ่ มไ่ ดใ้ หโ้ ยมแมด่  ู โยมแม ่ มารภู้ ายหลงั วา่  ขา้ พเจา้ เปน็ ขา่ วหนา้ หนง่ึ ในหนงั สอื พมิ พฉ์ บบั   นั้น เนื่องจากก่อนหน้าน้ันวันหน่ึงข้าพเจ้าได้ร่วมเป็นตัวแทน  นักศึกษาประชาชนกว่า ๖๐๐ คน ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ  คณะปฏิวัติให้นิรโทษกรรมนักโทษการเมืองทั้งหมด โยมแม ่ อา่ นข่าวแล้วก็อดเปน็ ห่วงขา้ พเจ้าไม่ได้ ดงั ไดก้ ลา่ วแลว้ วา่  ตอนเดก็ ๆ นน้ั ขา้ พเจา้ ใกลช้ ดิ กบั โยม  แมย่ งิ่ กวา่ ลกู คนใด ครนั้ โตขน้ึ มโี ลกของตวั เอง กเ็ หนิ หา่ งโยมแม ่ มากขึ้น แต่ก็เบาใจท่ีลูกคนสุดท้องมาใกล้ชิดกับโยมแม่แทน 

161 โ ย ม แ ม่ ถาวรเปน็ คนทไ่ี มว่ นุ่ อยา่ งขา้ พเจา้  ทงั้ ยงั อยใู่ นโอวาท ชว่ ยงาน  บา้ นแขง็ ขนั กวา่ ขา้ พเจา้ มากนกั  แถมยงั เอาอกเอาใจโยมแมเ่ กง่   ชว่ งนน้ั โยมแมเ่ รม่ิ มชี วี ติ ทผี่ าสกุ  สว่ นหนง่ึ กเ็ พราะนอกจากลกู   จะโตเปน็ หนมุ่ เปน็ สาว เรม่ิ ทำ� งานทำ� การกนั บา้ งแลว้  โยมพอ่   เองกส็ ามารถปลดเปลอื้ งพนั ธะจากทอี่ นื่  และหนั มาอยใู่ กลช้ ดิ   กับพวกเรามากข้ึน แต่ก็เป็นคราวเคราะห์ของพวกเราทุกคน  ในป ี ๒๕๒๑ ถาวรกจ็ ากพวกเราไป นบั เปน็ ความสญู เสยี ครงั้   สำ� คญั ทส่ี ดุ ในชวี ติ ของโยมแม ่ โยมแมเ่ ฝา้ พยาบาลถาวรอยนู่ าน  จนร่างกายผา่ ยผอม แลว้ ในทส่ี ดุ ก็ต้องมาจดั งานศพให้แก่ลกู   ของตน ขา้ พเจา้ สงสารโยมแมจ่ บั ใจ เมอ่ื เหน็ ลกู ทโ่ี ยมแมเ่ คย  อมุ้ ชแู ละเลย้ี งดแู ตเ่ ลก็ จนเตบิ ใหญ ่ บดั นคี้ งเหลอื แตอ่ ฐั  ิ อยใู่ น  ห่อผ้าขาวที่โยมแม่ถือ เพื่อน�ำไปโปรยท่ีปากน้�ำเจ้าพระยา  ขา้ พเจา้ รดู้ วี า่  เราเรยี กรอ้ งอะไรไมไ่ ดจ้ ากมจั จรุ าช แตจ่ ากเหตุ  การณ์คร้ังนั้น ข้าพเจ้าอดไม่ได้ท่ีจะตั้งจิตอธิษฐานว่า หาก  ถึงคราวที่ข้าพเจ้าจะต้องมีอันเป็นไป ก็ขอให้เกิดขึ้นหลังจาก  ที่โยมแม่หาชีวิตไม่แล้วเถิด ข้าพเจ้าเชื่อว่า ไม่ว่าลูกจะทุกข์  เพราะการจากไปของโยมแม่เพียงใดก็ตาม ก็ไม่อาจเทียบได้  กบั ความทุกขข์ องโยมแม่ทต่ี ้องเห็นลูกคนหน่ึงตายจากไปอีก กว่าโยมแม่จะสร่างจากความเศร้าโศกก็เป็นเวลานาน  ระหว่างน้ันได้อาศัยบุญกุศลเป็นท่ีพ่ึง โดยไปวัดมหาธาตุฯ 

162 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล เป็นประจ�ำ หน่ึงปีหลังจากน้ัน ครอบครัวของเราก็ย้ายมาที ่ ฝง่ั ตรงขา้ มตลาดบางโพ ปกั หลกั บนทๆี่  เปน็ ของเราอยา่ งแทจ้ รงิ   จะเรียกว่าเป็นการเร่ิมต้นชีวิตใหม่หลังจากถาวรจากไปก็ได ้ ยกเวน้ ชว่ งทไี่ ปเมอื งนอกแลว้  ระยะนน้ั ขา้ พเจา้ ซงึ่ ลด (หรอื เลอื่ น)  ฐานะมาเป็นลูกคนสุดท้อง ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับโยมแม่  มากกวา่ ลกู คนอน่ื ๆ เพราะพสี่ าวไมน่ านกแ็ ตง่ งานออกเรอื นไป  สว่ นพชี่ ายกอ็ ยโู่ รงพยาบาลตา่ งจงั หวดั  นานๆ จะเขา้ มากรงุ เทพฯ  ท ี ตอ่ เมอื่ พช่ี ายยา้ ยมาท�ำงานทกี่ ระทรวงสาธารณสขุ  ขา้ พเจา้   จงึ สบโอกาสทจ่ี ะลาบวช โยมแมอ่ อกจะดใี จทขี่ า้ พเจา้ ตดั สนิ ใจ  เชน่ นนั้ สาเหตปุ ระการหนง่ึ กเ็ พราะโยมแมเ่ ชอ่ื วา่ การบวชจะทำ�   ใหข้ า้ พเจา้ ไมไ่ ปเกย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมทางสงั คมดงั แตก่ อ่ น แต ่ โยมแมค่ งไมค่ ดิ มากอ่ นวา่  ขา้ พเจา้ จะบวชนานเปน็ สบิ ป ี แถมยงั   ยุ่งเกี่ยวกับกจิ กรรมต่างๆ มากมายผดิ กบั พระท่วั ไป การบวชทำ� ใหข้ า้ พเจา้ เหนิ หา่ งจากโยมแมย่ ง่ิ กวา่ แตก่ อ่ น  เพราะข้าพเจ้าย้ายไปอยู่ที่วัดในชนบท ทำ� ให้โยมแม่เป็นห่วง  เป็นใยมากข้ึน ท้ังในแง่สภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน และ  ความเปน็ ไปในอนาคต มานกึ ยอ้ นดแู ลว้  ขา้ พเจา้ เปน็ ลกู ทมี่ เี หต ุ ใหโ้ ยมแมเ่ ปน็ หว่ งตงั้ แตเ่ ล็กจนโต คงเป็นเพราะชีวิตข้าพเจ้า  โลดโผนกวา่ ลกู คนอนื่ ๆ ตง้ั แตส่ มยั เดก็ กม็ เี รอ่ื งแปลกๆ มากมาย  เช่น ไหนจะตกจากรถแท็กซ่ขี ณะไปเทย่ี ว ไหนจะกนิ น�ำ้ มัน- 

163 โ ย ม แ ม่ ก๊าดเข้าไปเพราะพี่เล้ียงส�ำคัญว่าเป็นน�้ำเปล่า แถมยังขี้โรค  เลี้ยงเท่าไรก็ไม่รู้จักโตไม่รู้จักอ้วนเหมือนคนอ่ืนเขา นับเป็น  ลูกท่ีผลาญเงินของพ่อแม่มากท่ีสุดในเร่ืองการบ�ำรุงร่างกาย  และเมื่อโตแล้วก็ยังมีชีวิตไม่เหมือนใคร นอกจากไม่รู้จัก  ตั้งเน้ือต้ังตัวมีเหย้ามีเรือนเสียที แล้วยังมีเร่ืองให้ตื่นเต้น  อยู่เรื่อย คราวเกิดเหตุการณ์พฤษภาคมอ�ำมหิต โยมแม่  เป็นห่วงข้าพเจ้าคงไม่น้อยกว่ากรณี ๖ ตุลาคม ตามหาตัว  ขา้ พเจา้ จ้าละหว่ัน จนในท่ีสุดได้เบอร์โทรศัพท์สามารถติดต่อ  กับขา้ พเจ้าได้ จงึ คอ่ ยโล่งใจทีข่ ้าพเจา้ ปกติสุขดี เวลาข้าพเจ้าเข้ากรุงเทพฯ ก็มักแวะไปเยี่ยมบ้านโยม  มีบางช่วงเข้ามาบ่อย จนโยมแม่สงสัยว่าข้าพเจ้ามีงานมาก  อะไรนักหนา แต่มาทุกครั้ง โยมแม่ก็ดีใจ มาไต่ถามพูดคุย  อยเู่ สมอ แตข่ า้ พเจา้ กม็ กั จะมเี รอ่ื งอน่ื ดงึ ความสนใจไปเสยี  ทง้ั ท่ ี เป็นสาระและไม่เป็นสาระ ไม่ได้ให้เวลากับโยมแม่เท่าท่ีควร  โยมแมม่ ารเู้ รอ่ื งราวของขา้ พเจา้ มากทส่ี ดุ กจ็ ากเพอื่ นๆ ดงั นน้ั เวลาเพอ่ื นๆ ขา้ พเจา้ แวะมาเยยี่ มเยยี นโยมแมท่ บี่ า้ น โยมแม ่ จึงดีใจและกระตือรืนร้นท่ีจะได้ฟังข่าวคราวเก่ียวกับข้าพเจ้า  ช่วยให้คลายความกังวลไปได้ นับว่าข้าพเจ้าเป็นหน้ีบุญคุณ  เพือ่ นๆ มาก ความหา่ งเหนิ ของข้าพเจ้าตอ่ โยมแม ่ ไมใ่ ชเ่ ป็น  เพราะความหา่ งไกลทางภมู ศิ าสตรห์ รอื เพราะระยะหา่ งอนั เนอื่ ง 

164 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล จากผ้ากาสาวพัสตร์ แต่เป็นเพราะข้าพเจ้ามีโลกส่วนตัวของ  ตนเอง ที่ท�ำให้เกิดช่องว่างในการสื่อสาร เวลาพบโยมแม่  ขา้ พเจา้ จงึ ประสงคเ์ ปน็ ฝา่ ยฟงั มากกวา่  แตโ่ ยมแมก่ ลบั อยาก  ฟังข้าพเจ้าพดู ชีวิตของโยมแม่เป็นชีวิตที่ลุ่มๆ ดอนๆ บางครั้งท�ำท่า วา่ จะมคี วามสขุ กบั เขาเสยี ท ี แตแ่ ลว้ กย็ งั มเี หตบุ นั ดาลใหท้ กุ ข์  อกี  เปน็ เชน่ นห้ี ลายครง้ั  อยา่ งไรกต็ ามในชว่ ง ๗-๘ ปสี ดุ ทา้ ย  ชีวิตของโยมแม่ก็เข้าสู่สมัยแห่งความสุข บ้านกลับมีชีวิตชีวา  เพราะนอกจากจะมลี กู ชายและลกู สาวอยใู่ กลแ้ ลว้  ยงั มหี ลาน  แสนซนคอยตามตดิ ยาย สว่ นโยมพอ่ กไ็ ดม้ าเปน็ เพอื่ นโยมแม ่ ที่บ้าน ชีวิตไม่เหงาเงียบดังแต่ก่อน นอกจากนั้น เพื่อนบ้าน  ในซอยก็ล้วนสนิทสนมเอ้ือเฟื้อกันดี ถึงวันหยุด ลูกๆ ท่ีแยก  เรอื นออกไป กม็ ารบั ไปเทย่ี วกนิ อาหารกลางวนั  โยมแมย่ งั ตดิ   นสิ ยั ประหยดั  ไมอ่ ยากกนิ อาหารแพงๆ ลกู ๆ ตอ้ งคะยน้ั คะยอ  ไมใ่ หเ้ ปน็ หว่ ง บางทกี เ็ ปลย่ี นบรรยากาศออกไปคา้ งแรมกบั ลกู ๆ  ในทไี่ กลๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ชายทะเล เกาะแกง่ และภเู ขาสงู  โยมแม่  ดูจะไม่ระย่อเลย โยมแม่เป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยวทั้ง  ใกลแ้ ละไกล ตอนทพี่ วกเรายงั เดก็ ๆ โยมแมช่ อบไปทอดกฐนิ   ตา่ งจงั หวดั  แลว้ กร็ า้ งราไปนาน ชว่ งหลงั นเ้ี อง กระเปา๋ เดนิ ทาง  ของโยมแมไ่ ดใ้ ชง้ านอกี  บางคราวไปกบั โยมพอ่ ไกลถงึ ประเทศ 

165 โ ย ม แ ม่ จนี  ไดเ้ ยอื นบา้ นเกดิ ทไี่ หหลำ� อกี  โยมแมไ่ ปเมอื งจนี ไมน่ อ้ ยกวา่   ๓ ครง้ั  ครน้ั ลกู สาวขอเปน็ เจา้ มอื พาแมไ่ ปเทยี่ วญปี่ นุ่  โยมแม ่ กลับเสียดายเงิน แก้เกี้ยวไปว่า เมืองไทยยังเท่ียวไม่หมดจะ  ไปเท่ียวเมืองนอกท�ำไม แต่ลูกๆ ก็รู้ว่า โยมแม่เตรียมจะไป  เมอื งจนี อกี คำ� รบหนงึ่  โดยชวนขา้ พเจา้ ไปดว้ ย แตข่ า้ พเจา้ ตดิ ขดั   เนื่องจากหนังสือเดินทางเพ่ิงหมดอายุ คร้ันจะท�ำใหม่ก็ไม่ใช่  เรื่องง่ายเลย โยมแมเ่ คยไปเยย่ี มขา้ พเจา้ ถงึ วดั ปา่ สคุ ะโต และเตรยี ม  จะมาเยี่ยมที่วัดป่ามหาวันเม่ือเดือนธันวาคมท่ีแล้วกับกลุ่ม  ศกึ ษาและปฏบิ ตั ธิ รรม แตข่ า้ พเจา้ ไดท้ ดั ทานไวว้ า่ อากาศหนาว  นกั จงึ งดเสยี  แตก่ อ่ นหนา้ นน้ั  ขา้ พเจา้ กบั พสี่ าวกไ็ ดพ้ าโยมแม่  ไปเทย่ี วนครวดั  การเดนิ ทางทลุ กั ทเุ ลยงิ่ นกั  แตโ่ ยมแมไ่ มย่ ห่ี ระ  และดูไม่กระเทือนเลย เพราะเม่ือกลับมาบ้าน วันรุ่งข้ึนก็ลุก  มาท�ำงานแต่เช้ามืด ขณะที่ลูกๆ ยังนอนเพลียไม่หาย แถม  เคล็ดขดั ยอกอีกต่างหาก เม่ือข้าพเจ้ากลับมาเย่ียมบ้านคร้ังหลังๆ สิ่งหนึ่งที่เห็น  อย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของโยมแม่ก็คือรอยย้ิม โยมแม ่ เรมิ่ ใสแ่ วน่ ตาเปน็ ประจำ� ตงั้ แตเ่ มอื่ ไรขา้ พเจา้ ไมท่ นั สงั เกต แต่  ทกุ ครงั้ ทมี่ าบา้ นจะเหน็ รอยยม้ิ ของโยมแมเ่ ดน่ ชดั กวา่ อยา่ งอนื่   ยม้ิ ของโยมแมเ่ ปน็ ยม้ิ ทแี่ จม่ ใสอยา่ งคนอารมณด์ แี ละมคี วามสขุ  

166 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล กบั ชวี ติ  เปน็ ยมิ้ ทลี่ กู ๆ ไมส่ ไู้ ดเ้ หน็ จนกระทง่ั  ๕-๖ ปหี ลงั นเ้ี อง  แมว้ า่ โยมแมย่ งั คงทำ� งานมาก และเปน็ หลกั ของบา้ นเหมอื นเดมิ   แถมยงั ตอ้ งมภี าระเลย้ี งดหู ลาน ๒ คนอกี ดว้ ยกต็ าม กอ่ นหนา้   นนั้  ขา้ พเจา้ เคยตดิ ตอ่ หาเดก็ ๆ จากหมบู่ า้ นใกลว้ ดั มาชว่ ยงาน  โยมแม ่ แตร่ ะยะหลงั กเ็ หลวเพราะหาเดก็ ยาก ชาวบา้ นสนใจ  เปน็ กรรมกรโรงงานมากกวา่ ท�ำงานบา้ น ไปๆ มาๆ โยมแมก่  ็ ตอ้ งทำ� เองอกี  แตค่ ราวนโ้ี ยมแมไ่ มต่ อ้ งเหนอ่ื ยกบั งานบา้ นมาก  เพราะมีเครื่องทุ่นแรงหลายอย่าง รวมท้ังเครื่องซักผ้า งานท ่ี จะท�ำให้โยมแม่เหนื่อย เห็นจะได้แก่การเลี้ยงดูหลานนั่นเอง  โยมแมม่ กั ปรารภวา่  เดก็ สมยั นซี้ นกวา่ สมยั กอ่ นมาก แตก่ าร  เลี้ยงหลานก็มีส่วนท�ำให้โยมแม่เพลินไม่น้อย อดคิดเข้าข้าง  ตวั เองไมไ่ ดว้ า่  ตอนทเ่ี ลย้ี งพวกเรา โยมแมก่ ค็ งจะเพลนิ เชน่ กนั   จะแตกต่างก็ตรงท่ีโยมแม่ไม่เข้มงวดกับหลานอย่างท่ีเคยท�ำ  กบั พวกเรา อยากจะกนิ อะไรโยมแมก่ ไ็ มข่ ดั  นบั วา่ อยสู่ บายกวา่   พวกเรามาก ถงึ อยา่ งไรกต็ าม หากหลานเฮย้ี วเกนิ ไปเปน็ ตอ้ ง  เจอไมเ้ รียวจนได้ ครั้งสุดท้ายที่ข้าพเจ้าพบโยมแม่ก็คือ ช่วงเทศกาล  ตรุษจีน ข้าพเจ้าเพ่ิงเสร็จจากการปฏิบัติธรรมเนื่องในงาน  พระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อชา สุภทฺโท จ. อุบลราชธาน ี พอถึงกรุงเทพฯ เช้าตรู่ก็แวะมาท่ีบ้าน ต้ังใจว่าจะกลับวัดป่า 

167 โ ย ม แ ม่ มหาวนั คนื นน้ั เลย แตไ่ ดต้ วั๋ กำ� หนดเดนิ ทางวนั รงุ่ ขน้ึ  คนื นน้ั จงึ   พกั ทบี่ า้ นโยม วนั นน้ั โยมแมไ่ ดป้ รารภวา่  ระยะหลงั นมี้ อี าการ  วิตกกังวลอยู่บ่อยๆ จะท�ำอะไร ก็ให้วิตกไปหมด ตื่นขึ้นมาก ็ ฟุ้งซ่าน พลอยให้ไม่อยากจะท�ำอะไร ข้าพเจ้าแนะว่าให้ลอง  ฝกึ สมาธดิ ู หรอื ไมก่ ็ท�ำวัตรสวดมนต์ตามเสียงเทป โยมแมก่  ็ บอกวา่ หา้ มความคดิ ไมอ่ ย ู่ สดุ ทา้ ยเลยแนะใหโ้ ยมแมห่ างานทำ�   เพลินๆ โดยไม่ต้องใช้ความคิดหรือใช้แรงมากไป ข้าพเจ้ามี  ความคิดในภายหลังว่า หากน�ำโยมแม่ท�ำสมาธิหรือท�ำวัตร  สวดมนต์ คงจะดีกว่าให้โยมแม่ท�ำคนเดียวที่บ้าน แต่โยมแม ่ ไมค่ นุ้ กบั การอยวู่ ดั ปา่  ขา้ พเจา้ จงึ ตง้ั ใจทจ่ี ะชวนโยมแมไ่ ปคา้ งแรม  ท่ีสวนของเพื่อนรุ่นพ่ีผู้หน่ึง ซ่ึงคุ้นเคยกับโยมแม่ดี แต่แล้ว  ความคดิ นก้ี ็ตอ้ งเป็นหมนั ไปในทสี่ ดุ เช้าวันรุ่งข้ึน ๒๒ มกราคมเป็นวันไหว้ ท่ีบ้านท�ำการ  เซน่ ไหวเ้ จา้ ทแ่ี ละบรรพบรุ ษุ ตามธรรมเนยี ม นบั เปน็ ครั้งแรก  ตง้ั แตบ่ วชทข่ี า้ พเจา้ ไดม้ าอยบู่ า้ นในชว่ งเทศกาลตรษุ จนี  ชวน  ให้ย้อนระลึกถึงตอนเด็กๆ ท่ีเคยช่วยโยมแม่จัดเตรียมเคร่ือง  เซ่นไหว้ แต่มาเวลาน้ีได้แต่เฝ้าดูเท่านั้น พอสาย ข้าพเจ้าก็  เดินทางกลับวัด ไม่เฉลียวใจเลยว่า นั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายท ี่ ไดพ้ บและพดู คยุ กบั โยมแม่

168 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล วนั ทโี่ ยมแมเ่ กดิ อบุ ตั นิ นั้  ขา้ พเจา้ กำ� ลงั อยทู่ ป่ี ราสาทพนม-  รงุ้  โดยเพงิ่ เสรจ็ จากการไปบรรยายแกพ่ ระเขมรท ่ี จ. สรุ นิ ทร์  และไปฟังการตัดสินคดีหลวงพ่อประจักษ์ คุตฺตจิตฺโต ท่ีศาล  จังหวัดบรุ รี ัมย์ คนื นน้ั ขา้ พเจ้าได้เดนิ ทางเข้ากรงุ เทพฯ โดยม ี กำ� หนดแวะไปทบ่ี า้ นตอนกลางวนั  แตเ่ ชา้ ตรวู่ นั รงุ่ ขนึ้ กไ็ ดท้ ราบ  ขา่ วรา้ ยจากเพอ่ื น แทนทจ่ี ะไดพ้ บโยมแมท่ บ่ี า้ น กก็ ลบั เปน็ ท ่ี หอ้ งไอซียูเสยี แล้ว โยมแมไ่ ดร้ บั ความกระทบกระเทอื นทสี่ มอง อาการหนกั   มาก หมดสต ิ ไรค้ วามรสู้ กึ ตวั ตงั้ แตแ่ รกเกดิ เหต ุ แมจ้ ะปลอดภยั   จากการผ่าตัดสมอง เอาเลือดคั่งออกมาได้ แต่อาการก็ไม่ดี  ข้ึนเลย การเต้นของหัวใจและความดันเลือดอ่อนลงเรื่อยๆ  หมอทกุ คนพยากรณโ์ รคไปในทางลบหมด พวกเราไดฟ้ งั แลว้   กใ็ จหาย ขา้ พเจา้ แมจ้ ะไดเ้ จรญิ มรณสต ิ นกึ ถงึ ความตายทจี่ ะ  บงั เกดิ แกค่ นรจู้ กั อยเู่ นอื งๆ แตก่ ไ็ มค่ ดิ วา่  โยมแมจ่ ะเหลอื เวลา  อยกู่ บั เราเพยี งนอ้ ยนดิ  นกึ แลว้ กส็ งสารโยมแม ่ ทมี่ ามอี นั เปน็ ไป  ในช่วงท่ีก�ำลังจะมีความสุขหลังจากที่ทุกข์ยากมานาน ความ  พากเพียรอุตสาหะและความอดทนของโยมแม่ก�ำลังผลิดอก  ออกผลอยา่ งเตม็ ทใี่ นชว่ งน ี้ แตโ่ ยมแมเ่ สวยผลไดไ้ มน่ านกก็ ลบั   ถกู ตดั รอนเสยี อกี  นกึ ดกู ม็ เี หตผุ ลอกี มากมายทโ่ี ยมแมไ่ มส่ มควร  จากเราไปในชว่ งน ี้ แตค่ วามตายนนั้ ไมเ่ คยมเี หตผุ ลเลย ปว่ ยการ 

169 โ ย ม แ ม่ ทจ่ี ะเรียกร้องเหตผุ ลหรอื ความถูกต้องจากความตาย แงห่ นง่ึ   โยมแมก่ ็ยังโชคดีกว่าคนอนื่ ๆ ทีไ่ ม่ตอ้ งทนทกุ ขท์ รมานเพราะ  โรคเรอ้ื รงั อยา่ งมะเรง็  และมไิ ดป้ ระสบเหตสุ ยดสยอง สะเทอื น  ขวัญอย่างน่าสมเพชเวทนา นอกไปจากนั้นกิจใดท่ีโยมแม่พึง  กระท�ำ โดยเฉพาะในฐานะมารดา ก็ได้ท�ำจนแล้วเสร็จทุก  ประการ ไมม่ เี รอื่ งใดทคี่ งั่ คา้ ง หรอื ชวนใหก้ งั วล สว่ นพวกเราเอง  ก็ยังนับว่าโชคดี ท่ีโยมแม่ให้เวลาลูกๆ ค่อยๆ ท�ำใจทีละนิด  มิใชว่ ่าจะไปอย่างปุบปับจนต้ังตวั ไมท่ ัน ตลอดเวลาทอ่ี ยโู่ รงพยาบาล ระบบประสาทของโยมแม ่ ไมม่ ปี ฏกิ ริ ยิ าตอบสนองใดๆ แตพ่ วกเราเชอื่ วา่  จติ ของโยมแม่  ยงั สามารถรบั รบู้ างสง่ิ บางอยา่ งได ้ แมไ้ มค่ รบถว้ นเตม็ รปู อยา่ ง  คนปกติ พวกเราจึงเปิดเทปธรรมะและท�ำวัตรสวดมนต์ให้  โยมแมฟ่ งั  ตลอดจนสวดโพชฌงคแ์ ละทำ� สมาธแิ ผเ่ มตตาไปให้  รวมทง้ั พดู คยุ กบั โยมแมเ่ สมอื นคนปกต ิ จะเปน็ เพราะสง่ิ เหลา่ นี ้ หรือเปล่าไม่ทราบ ได้ช่วง ๓-๔ วันหลัง โยมแม่จึงมีสีหน้า  เหมือนคนนอนหลบั ปกติ โยมแมน่ อนอยโู่ รงพยาบาลได ้ ๗ วนั แลว้ กจ็ ากไปอยา่ ง  สงบ ๒๐ นาทีสุดท้ายน้ัน ข้าพเจ้าได้มีโอกาสอยู่กับโยมแม ่ การเตน้ ของหวั ใจขนึ้ ลงเรว็ มาก แลว้ ในทสี่ ดุ เสน้ กรา๊ ฟกแ็ บนราบ  เปน็ เสน้ ตรง วนิ าทนี น้ั  คอื วนิ าทที เี่ ราไมต่ อ้ งการใหเ้ กดิ  แตก่ ็ 

170 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ไมส่ ามารถปฏเิ สธได ้ ขา้ พเจา้ ตงั้ สตแิ ละบอกกบั โยมแมใ่ นชว่ ง  นน้ั เองวา่  บดั นว้ี ญิ ญาณของโยมแมล่ ะสงั ขารแลว้  ตอ่ นไ้ี ปอยา่   ได้เป็นห่วงกังวลกับสังขาร ทรัพย์สมบัติและลูกหลานอีกเลย  มีแต่บุญกุศลเท่านั้นที่จะเป็นท่ีพึ่งของโยมแม่ และตามติด  โยมแม่ไป แล้วข้าพเจ้าก็ต้องประคองจิตไม่ให้ตก เพื่อจะได้  บอกขา่ วร้ายแกโ่ ยมพอ่ และพๆ่ี  ทอ่ี ยนู่ อกหอ้ ง ขา้ พเจา้ กลบั เขา้ ไปยงั หอ้ งไอซยี อู กี ครง้ั  พยาบาลและลกู ๆ  ได้เปลี่ยนเคร่ืองแต่งตัวให้โยมแม่เสร็จแล้ว โยมพ่อรวมท้ัง  ญาติพี่น้องและลูกๆ อยู่รายรอบเตียง เบ้ืองหน้าข้าพเจ้าน้ัน  คอื รา่ งทนี่ อนสงบนง่ิ  โยมแมใ่ นความรสู้ กึ ของขา้ พเจา้ ตอนนนั้   เหมอื นนกั รบอาชาไนย ทกี่ รำ� ศกึ ในสมรภมู ชิ วี ติ อยา่ งไมร่ ะยอ่   ทอ้ ถอยมาโดยตลอด บดั นไี้ ดส้ ำ� เรจ็ เสรจ็ สนิ้ ภารกจิ  และทอดรา่ ง  ลงอยา่ งสงา่  ในยามน ี้ ลูกชายของโยมแมจ่ ึงมแี ตร่ อยยิม้ ด้วย  นำ�้ ตาคลอเบา้ เทา่ นน้ั  ทจ่ี ะใหแ้ กโ่ ยมแม ่ ยม้ิ เพราะชนื่ ชมและ  ภูมิใจในโยมแม่ ท่ีแม้ทุกข์จะย�่ำยีเพียงใดแต่ก็ไม่เคยเป็นอ่ืน  นอกจากการอทุ ศิ ตนเพอ่ื ความผาสกุ ของลกู ๆ อยา่ งถกู ทำ� นอง  คลองธรรม ย้ิมเพราะดีใจที่โยมแม่ได้มีความสุขในชีวิต  บั้นปลาย หลังจากท่ีล�ำเค็ญมาหลายสิบปี และได้เห็นลูกๆ  เจรญิ กา้ วหนา้ ตามวถิ ที างของตน ขา้ พเจา้ ยม้ิ ดว้ ยความซาบซง้ึ   เพราะบุคคลเบ้ืองหน้านั้น ให้แต่ความรักและความอบอุ่น 

171 โ ย ม แ ม่ มาตลอดชวี ติ  เปน็ ผทู้ ใี่ หแ้ ตค่ ณุ  ไมม่ โี ทษ แตแ่ ลว้ นำ�้ ตากต็ อ้ ง  คลอเบ้าด้วยความเศร้า ที่บัดน้ีโยมแม่ได้จากพวกเราไป  ตลอดกาล เมอื่ นกึ ยอ้ นถงึ ครง้ั โยมแมย่ งั อยกู่ บั พวกเรา กใ็ หอ้ าลยั ยง่ิ นกั  ไดแ้ ตอ่ าศยั ธรรมะเปน็ เครอื่ งกำ� กบั ใจใหร้ วู้ า่  ความตาย นนั้ กไ็ มต่ า่ งกบั การกลายสถานะจากดกั แดเ้ ปน็ ผเี สอื้  ไมม่ เี หตุ อนั ใดใหค้ วรเสยี ใจเศรา้ โศก เราเองอกี ไมน่ านกจ็ ะเปน็ เชน่ นน้ั จึงควรขวนขวายท�ำความเพียรให้เกิดท้ังประโยชน์ตนและ ประโยชนท์ า่ น เพอ่ื วา่ เมอื่ ถงึ วนั นน้ั  จะไดโ้ บยบนิ สอู่ สิ ระเสรี มสี คุ ตเิ ปน็ ทหี่ มาย โดยทสี่ มั ปรายภพของโยมแม ่ ขา้ พเจา้ ก็ เชอื่ วา่ อยู่ทน่ี นั่ เช่นกัน พระไพศาล วสิ าโล ๑๘ กุมภาพันธ ์ ๒๕๓๖



ทําไมข้าพเจ้า ทํ า  ไ  ม  ข  ้ า  พ  เ  จ  ้ า   จึ ง  (    ยั ง  )  ไ   ม  ่ สึ ก  จึ ง ( ยั ง ) ไ ม่ สึ ก พระไพศาล วสิ าโล บวชมาตงั้ แตใ่ ครตอ่ ใครส�ำคญั ผดิ คดิ วา่ เปน็ เณร จนกระทงั่ เดยี๋ วนช้ี าวบา้ นเรยี กวา่ หลวงพอ่ แลว้  กระนน้ั กย็ งั มบี างคราวท ่ี เวลาเผลอลบู หวั ตวั เองแลว้ กอ็ ดประหลาดใจไมไ่ ดว้ า่  เราเปน็ พระ  หรอื น ่ี เวลาสิบสองปี หากมองไปข้างหน้าก็รู้สึกว่านานย่ิงนัก  ครน้ั เหลยี วไปขา้ งหลงั  กลบั รสู้ กึ วา่ เวลาชา่ งผา่ นไปเรว็ แท ้ เรว็   จนบางทคี ดิ วา่ ขา้ พเจา้ เพงิ่ สละเพศฆราวาสไปเมอ่ื ไมน่ านมานเี้ อง  มาถึงบัดนี้ แม้สมณสัญญาจะฝังลึกในกมลสันดานยิ่งกว่า  แต่ก่อน ที่จะเผลอว่ิง หรือเผลอรับของจากสีกาด้วยมือตน  เหน็ จะไมม่ อี กี แลว้  แตบ่ างครง้ั กร็ สู้ กึ วา่ ตนเปน็ คนสองโลกไมต่ า่ ง 

174 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล จากคนสองสญั ชาตคิ อื แมจ้ ะสำ� นกึ ในความเปน็ พระ แตก่ ไ็ มร่ สู้ กึ   แปลกแยกกบั โลกของฆราวาส มบี า้ งทเ่ี วลาฝนั  กเ็ หน็ ตนเปน็   ฆราวาส แตเ่ มอ่ื ใดทอี่ ยกู่ บั ความเปน็ จรงิ  โดยเฉพาะยามเดนิ   บนทอ้ งถนนในกรงุ เทพฯ หรอื คอยรถเมลใ์ นชว่ งชว่ั โมงเรง่ ดว่ น  สำ� นกึ ในความเปน็ พระจะชดั เจนแจม่ แจง้ ทเี ดยี ว เพราะคงไมม่  ี อะไรอีกแล้วท่ีจะท�ำให้ข้าพเจ้าประจักษ์แก่ใจว่า ตนน้ันเป็น  ส่วนเกินของโลกฆราวาส ได้เท่ากับตอนที่ถูกเบียด จนต้อง  อาศัยไหล่ถนนเป็นทางเดิน หรือต้องคอยเฝ้ามองใครต่อใคร  กรูขน้ึ รถเมล์คันแลว้ คนั เลา่  โดยตนไมม่ สี ิทธิขึ้น

175 ทํ า  ไ  ม  ข  ้ า  พ  เ  จ  ้ า   จึ ง  (    ยั ง  )  ไ   ม  ่ สึ ก  การครองเพศบรรพชิตมานานกว่าทศวรรษ เป็นเร่ือง  ที่ข้าพเจ้าไม่เคยนึกฝันมาก่อน มิตรสหายก็คงไม่คิดเช่นกัน  ข่าวลือว่าข้าพเจ้าสึกแล้วหรือก�ำลังจะสึก จึงเข้าหูข้าพเจ้ามา ตงั้ แตพ่ รรษาแรกๆ เลยทเี ดยี ว จะวา่ ไปเพอ่ื นๆ พดู ถงึ การสกึ   ของขา้ พเจา้ กอ่ นทข่ี า้ พเจา้ จะบวชเสยี อกี  เรอ่ื งนที้ จ่ี รงิ กเ็ ขา้ ใจได ้ เพราะข้าพเจ้าเองแต่เดิมก็ตั้งใจว่าจะบวชเพียงแค่สามเดือน  เทา่ นน้ั  ขนื บวชนานกวา่ นน้ั ดจู ะเปน็ การเอาเปรยี บเพอ่ื นรว่ มงาน  เกินไป แต่ครั้นครบก�ำหนดบวช ข้าพเจ้ากลับรู้สึกอาลัยใน  เพศบรรพชิตย่ิงนัก เป็นความอาลัยไม่แพ้กับตอนอ�ำลาเพศ  ฆราวาสด้วยอาหารเย็นรสอร่อยในคืนสุดท้ายก่อนบวช ใน  ท่ีสุดข้าพเจ้าก็ต้องไปเจรจาขออนุญาตเพ่ือนร่วมงานบวชต่อ  อกี สกั ระยะหนงึ่  ตอ่ มากข็ อยดื ไปจนออกพรรษา แลว้ กเ็ จรจา  ตอ่ จนบวชครบป ี จากนน้ั กไ็ มม่ กี ารเจรจาอกี แลว้  เพอื่ นๆ คง  ท�ำใจได ้ หรอื อาจคดิ ว่าอีกไมน่ านข้าพเจา้ ก็คงจะกลับมา มีหลายเหตุหลายปัจจัยที่ท�ำให้ข้าพเจ้าไม่รีบสึก ขอ  สารภาพว่าอาจารย์ยันตระเป็นผู้หนึ่ง ที่มีส่วนท�ำให้ข้าพเจ้า บวชต่อหลังจากครบก�ำหนดสามเดือนแล้ว ท่านว่าอย่าเพ่ิง  รีบสึก เพราะข้าพเจ้ามีราศีนักบวช ความศรัทธาในตัวท่าน  ทำ� ใหข้ า้ พเจา้ ถอื วา่ นเ้ี ปน็ พรและก�ำลงั ใจอนั ประเสรฐิ  แมบ้ ดั นี ้ ศรทั ธาดงั กลา่ วจะสน้ิ ไป แตข่ า้ พเจา้ กย็ งั รสู้ กึ ขอบคณุ ทม่ี สี ว่ น 

176 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ชว่ ยรง้ั ไมใ่ หข้ า้ พเจา้ ทำ� ตามทตี่ งั้ ใจไว ้ ทง้ั ๆ ทขี่ า้ พเจา้ หมายมน่ั   ปั้นมือแล้วว่า จะไปดูหนังเรื่อง “คานธี” และ “อีที” ทันทีท ่ี สกึ ออกไป สว่ น “The Postman Always Rings Twice” นน้ั   น่าเสียดายท่ีออกไปต้ังแต่เดือนแรกที่บวช ข้าพเจ้าเป็นแฟน  แจ๊ค นิโคลสนั เสียดว้ ย  คงไม่ใช่เพราะ “ราศีนักบวช” ดอกที่ทำ� ให้ข้าพเจ้าบวช  ได้นานกว่าเพ่ือนๆ รุ่นเดียวกัน มานึกดูก็เห็นจะเป็นเพราะ  ความเขด็ ขยาดในชวี ติ ฆราวาสนนั่ เองเปน็ ประการสำ� คญั  ทวี่ า่   เข็ดขยาดน้ันไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าอกหัก ผิดหวังกับชีวิต หรือ  สนิ้ หวังกบั สังคม ชวี ติ ไมม่ ีอะไรใหผ้ ดิ หวงั  (สว่ นหนึง่ กเ็ พราะ  ไม่ค่อยหวังอะไรกับชีวิตอยู่แล้ว) ส่วนสังคมน้ันก็ยังมีอะไร  ตอ่ อะไรทเ่ี ราสมควรทำ� อกี มาก แตเ่ มอื่ ถงึ จดุ หนง่ึ ขา้ พเจา้ กพ็ บวา่   ตนเองเหนอื่ ยลา้ เตม็ ทแี ลว้  เปน็ ความเหนอ่ื ยลา้ ชนดิ ทไี่ มย่ อม 

177 ทํ า  ไ  ม  ข  ้ า  พ  เ  จ  ้ า   จึ ง  (    ยั ง  )  ไ   ม  ่ สึ ก  คดิ หาความสงบนง่ิ  แถมยงั สงบนง่ิ ไมไ่ ดด้ ว้ ย เพราะใจรอ้ นรน  ไม่อยู่สุข ต้องวิ่งวุ่นกระเซอะกระเซิง นับวันคุณภาพชีวิตยิ่ง  ตกตำ�่  หงดุ หงดิ งา่ ย จนพาลมเี รอื่ งมรี าวกบั คนไปทว่ั  แถมยงั   นอนไม่หลบั  กินไมอ่ ร่อยเพราะความเครียดรุมเรา้ สภาพชวี ติ ดง่ั คนหนเี งาเชน่ นแี้ หละ ทผี่ ลกั ไสใหข้ า้ พเจา้   เข้าหาร่มเงาแห่งผ้ากาสาวพัสตร์ แต่กว่าจะบวชก็ต้องท�ำใจ  อยนู่ าน เพราะรดู้ วี า่ จะตอ้ งไปเจอกบั ความทกุ ขแ์ น ่ แตก่ เ็ ชอื่ วา่   เปน็ ทกุ ขท์ จ่ี ะนำ� ไปสคู่ วามสงบและความสขุ  เมอื่ บวชไดไ้ มน่ าน  ชวี ติ กฟ็ น้ื คนื สภาพ การไดอ้ ยสู่ งบ และมโี อกาสเพง่ พนิ จิ จติ ใจ  ของตนเองท�ำให้แลเห็นได้ว่า ชีวิตฆราวาสน้ันเป็นชีวิตที่เสีย  สมดุลได้ง่าย เพราะวุ่นจนยากที่จะว่าง จิตแล่นออกนอกจน  ยากจะสงบนงิ่ อยภู่ ายใน ยงิ่ นกั กจิ กรรมดว้ ยแลว้  การจะประคอง  ชวี ติ จติ ใจใหล้ งตวั  มใิ ชเ่ รอื่ งงา่ ยเลย เพราะชวี ติ แทบจะกลายเปน็   ของสาธารณะไปเสยี แลว้  จงึ ไมค่ อ่ ยมเี วลาใหก้ บั ตวั เองเทา่ ใดนกั   ชวี ติ ทดี่ คี อื ชวี ติ ทจี่ ดั สมดลุ ใหแ้ กต่ นเองไดง้ า่ ย ไมว่ า่ จะเปน็ กาย  กับใจ ภายนอกกับภายใน ส่วนตัวกับส่วนรวม ในความเห็น  ของขา้ พเจา้  ชวี ติ บรรพชติ เปน็ ชวี ติ ทเ่ี ออ้ื ตอ่ ดลุ ยภาพดงั กลา่ ว  จัดเป็นชีวิตที่ลงตัว อย่างน้อยก็กินนอนและต่ืนเป็นเวลา แค ่ ประการหลงั เพยี งประการเดยี ว ชวี ติ ฆราวาสสมยั ใหมก่ ท็ �ำได้  ยากเสยี แลว้

178 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล แต่ถ้าชีวิตพระราบรื่นเป็นสุขไปเสียหมด ผู้คนก็คงจะ  บวชกนั ไมส่ กึ  และถา้ ชวี ติ พระไมม่ ปี ญั หาเสยี เลย บางคำ�่ บางคนื   ข้าพเจ้าก็คงไม่ฝันดอกว่า ได้จับพลัดจับผลูเข้าไปในโรงหนัง  ด้วยความประหว่ันพร่ันพรึงว่าเมื่อหนังฉายจบและเปิดไฟ  คนในโรงจะจับได้วา่ มีพระเขา้ มาดหู นัง แน่ละปัญหาของพระ  มีมากกว่าความอยากดูหนัง ข้าพเจ้าออกจะโชคดีท่ีตอนเป็น  ฆราวาสหาแฟนกับเขาไม่ได้ (ถึงแม้จะพยายามหา แต่ที่สุด  กล็ งทา้ ยดว้ ยความรสู้ กึ ดงั ฝนุ่ ธลุ บี นทอ้ งถนนทหี่ าคา่ อะไรไมไ่ ด)้   ดงั นนั้ จงึ สามารถบวชไดน้ าน ขณะทเี่ พอ่ื นพอ้ งหลายคนจำ� ตอ้ ง  สกึ หาลาเพศไปเพราะมพี นั ธะกอ่ นบวช แต่ไม่ว่าจะมีแฟนหรือไม่ เมื่อบวชแล้วเร่ืองผู้หญิงหรือ  ทพ่ี ระเรยี กวา่ มาตคุ าม กย็ อ่ มตอ้ งเขา้ มาพวั พนั อยา่ งนอ้ ยกใ็ น  ทางจิตใจ เพียงแค่การแสดงความเคารพด้วยวาจาและท่าที  อันสุภาพอ่อนน้อมของผู้หญิงก็อาจถูกแปรเป็นความฝันฟุ้ง  ปรงุ แตง่ ในใจของพระไดง้ า่ ยๆ เพราะบอ่ ยครง้ั  ฉนั ทาคตกิ ท็ ำ� ให ้ แยกไมอ่ อกระหว่างความเคารพนับถือกับความรัก เร่ืองราวของพระจ�ำนวนไม่น้อยท่ีสึกหาลาเพศออกไป  เพอื่ จะแตง่ งานแลว้ กลบั  “วดื ” นน้ั  นบั เปน็ ขอ้ เตอื นใจทช่ี ว่ ยให้  บวชได้นานข้ึน แต่เม่ือได้รับรู้ข่าวคราวของพระหลายรูปท่ี  ต้องปฐมปาราชิก บางทีก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลับมาตั้งค�ำถาม 

179 ทํ า  ไ  ม  ข  ้ า  พ  เ  จ  ้ า   จึ ง  (    ยั ง  )  ไ   ม  ่ สึ ก  กบั เสน้ ทางชวี ติ ในปจั จบุ นั ของตน เพราะพระเหลา่ นนั้  บางรปู   เทา่ ทรี่ จู้ กั กม็ ใิ ชพ่ ระเลว หากเปน็ ผปู้ รารถนาความเจรญิ งอกงาม  ในชวี ติ พรหมจรรย ์ แตแ่ ลว้ กก็ ลบั พลง้ั พลาด ถา้ คดิ วา่ เราเปน็   มนษุ ยค์ นละประเภทกบั พระเหลา่ นนั้  และไมม่ วี นั จะทำ� กรรม  อนั อกุ ฤษฏเ์ ชน่ นน้ั ได ้ นนั่ กแ็ สดงวา่ เราหลงตนเกนิ ไปแลว้ (เวน้   เสียแตอ่ รยิ ผลบงั เกิดแกเ่ ราแลว้ เทา่ นน้ั ) คราใดทนี่ กึ ถงึ เสน้ ทางทที่ อดยาวเบอื้ งหนา้  แลว้ ระลกึ ถงึ   เรอื่ งราวของผพู้ ลง้ั พลาดเหลา่ นน้ั  กอ็ ดประหวน่ั ไมไ่ ด ้ บางครง้ั   ก็ให้ท้อถอยว่า สักวันหนึ่งเราคงจะพ่ายแพ้ต่อกามราคะแน่  ยิ่งมาไดย้ ินค�ำของทา่ นอาจารย์พุทธทาสทีก่ ล่าวเตือนลกู ศษิ ย ์ ผใู้ กลช้ ดิ วา่  สำ� หรบั พระทบ่ี วชแตย่ งั หนมุ่  ชว่ งทตี่ อ้ งระมดั ระวงั   ตัวอย่างยิ่งก็คือช่วงอายุ ๔๐-๖๐ ปี ข้าพเจ้าเลยพาลจะยก  ธงขาวเอาดอ้ื ๆ เพราะนก่ี ใ็ กลจ้ ะถงึ  “วยั อนั ตราย” แลว้  อปุ ชั ฌาย์  อาจารย์และสหธรรมิกรุ่นพี่ก็เคยเตือนหลายคร้ังหลายหนว่า  ถา้ ไมค่ ดิ จะบวชตลอดชวี ติ กค็ วรจะสกึ เสยี แตต่ อนน ้ี บางทา่ น  หว่ งวา่ ขา้ พเจา้ จะทำ� มาหากนิ ไมท่ นั เขา บางทา่ นกเ็ กรงวา่ ศรทั ธา  ของญาตโิ ยมจะฝงั รากลกึ จนท�ำใจไมไ่ ดห้ ากขา้ พเจา้ จะสกึ เสยี แต่การประพฤติพรหมจรรย์มิใช่การท�ำศึกสงครามดัง  ตรสั ไวใ้ นพระบาลดี อกหรอื  คนทเี่ พยี งแตเ่ หน็ ยอดธงหรอื ไดย้ นิ   เสยี งกกึ กอ้ งของกองทพั ขา้ ศกึ  กย็ อมแพเ้ สยี แลว้  จะถอื วา่ เปน็  

180 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล นกั รบประเภทใด เสนามารนน้ั มกี องทพั อนั ยงิ่ ใหญ ่ แตเ่ ราจะ  สมควรลา่ ถอยกต็ อ่ เมอื่ ไดป้ ระดาบกนั แลว้ มใิ ชห่ รอื  คดิ เชน่ นแ้ี ลว้   ก็เลยมีความกล้าท่ีจะลุกข้ึนสู้ แม้ไม่แน่ใจว่าจะผ่านไปได้อีก  กี่ศึกก็ตาม ยังดีท่ีข้าพเจ้าพอรู้เท่ารู้ทันในเรื่องจิตใจอยู่บ้าง  ทำ� ใหร้ จู้ กั อบุ ายหลอกลอ่ หลบหลกี ออกจากกามไปได ้ จงึ รกั ษา  ตวั รอดมาไดจ้ นทุกวันนี้ แต่หากว่าถึงคราวทจ่ี ะต้องเผชิญกบั   มนั ซง่ึ ๆ หนา้  กห็ วงั วา่ จะไมห่ วั หด หากพรอ้ มจะเขา้ ไป “แลก  หมัด” กับมันอย่างพระอาจารย์ทองรัตน์ซ่ึงเป็นอาจารย์ของ  หลวงพอ่ ชา มเี รอื่ งเลา่ วา่  ทา่ นเคยคดิ จะสกึ ไปแตง่ งาน ใครหา้ ม  กไ็ มฟ่ งั  แตใ่ นทสี่ ดุ ทา่ นกข็ อขวานจากชาวบา้ น ตง้ั หนา้ ตง้ั ตาฟนั   ขอนไมอ้ ยสู่ ามวนั สามคนื จนกระทงั่ มอื แตก รา่ งกายออ่ นเพลยี   เต็มที่ เสร็จแล้วท่านก็ถามใจตัวเองว่า “รู้จักพ่อมึงไหมน่ี”  สดุ ทา้ ยทา่ นกบ็ วชตอ่ จนไดเ้ ปน็  “จอมทพั ธรรม” คนส�ำคญั ของ  ภาคอสี าน ประสบการณท์ ผี่ า่ นมาทำ� ใหร้ วู้ า่  เคลด็ ลบั อยา่ งหนงึ่   ในการบวชใหไ้ ดน้ าน (อยา่ งนอ้ ยกส็ ำ� หรบั ขา้ พเจา้ ) กค็ อื เหลยี ว  ไปขา้ งหลงั บอ่ ยๆ และมองไปขา้ งหนา้ นอ้ ยๆ หนอ่ ย นค้ี งทำ� นอง  เดียวกับนักโทษที่ถูกจำ� คกุ ตลอดชีวิต เพราะขา้ งหน้านั้นมอง  ไมเ่ หน็ อนาคตวา่ เมอ่ื ไรจะไดอ้ อก หรอื ถงึ จะไดอ้ อก กค็ งอกี นาน  คนเรายงิ่ บวชไดน้ านเทา่ ไร เวลามองยอ้ นหลงั  กอ็ ดยนิ ดไี มไ่ ด ้ วา่  เราไดเ้ ดนิ ทางมาไกลแลว้  แตค่ รนั้ มองไปขา้ งหนา้  เหน็ เสน้ ทาง 

ทํ า  ไ  ม  ข  ้ า  พ  เ  จ  ้ า   จึ ง  (    ยั ง  )  ไ   ม  ่ สึ ก  181

182 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ทอดยาวเหยียดจนมองไม่เห็นจุดส้ินสุดการเดินทางแล้ว ก ็ พาลจะทอ้ ใจ เพราะคงอกี นานกวา่ จะถงึ  และไมแ่ นใ่ จวา่ จะไป  ถงึ หรอื ไม ่ (เวน้ เสยี แตค่ ณุ บวชเมอ่ื อาย ุ ๖๐ หรอื  ๗๐ ปแี ลว้ ) แต่ข้าพเจ้ามิได้มองย้อนหลังไปสุดท่ีวันแรกบวชเท่านั้น  หากบ่อยคร้ังก็มองเลยไปกว่านั้น นึกถึงชีวิตร้อนรนกระวน  กระวายสมยั เปน็ ฆราวาส โดยเฉพาะปสี ดุ ทา้ ยกอ่ นบวชคราใด  ความคิดท่ีจะสึกก็ฝ่อลงไปทันที ราวดอกไม้ที่เจอนำ้� ร้อน แม้  เวลาสบิ กวา่ ปจี ะทำ� ใหค้ วามทรงจำ� เลอื นลางลงไปบา้ ง แตช่ วี ติ   อนั เหนื่อยลา้ ของผู้คนทพ่ี บเห็นและรู้จกั  กช็ ่วยเตือนความจำ�   ไดไ้ มน่ ้อย ข้าพเจ้าเป็นปุถุชน มิได้มีคุณวิเศษมากไปกว่าคฤหัสถ ์ แม้จะรู้สึกซาบซงึ้ ในบุญคุณของผ้าเหลืองทช่ี ่วยคุ้มกายคุ้มจิต  ของตนมใิ หท้ กุ ขภ์ ยั แผว้ พานมากนกั  พอๆ กบั ทเี่ หนย่ี วรงั้ มใิ ห ้ ตนเองลแุ กต่ ณั หาและโทสะ จนเทยี่ วกอ่ ปญั หาหรอื สรา้ งความ  เดอื ดเนอื้ รอ้ นใจใหแ้ กผ่ อู้ นื่  กระนน้ั กต็ ามบางครง้ั กอ็ ดลงั เลใจ  ไมไ่ ดว้ า่  ตนเองเหมาะกบั ชวี ติ เชน่ นหี้ รอื ไม ่ เพราะใจมไิ ดด้ มื่ ดำ�่   แน่วแน่ในชีวิตพระเสียทีเดียวนัก แม้จะบวชมานานนับสิบปี  แลว้ กต็ าม แตม่ วี ันหนง่ึ ไดอ้ ่าน เถรคี าถา เมอ่ื ถึงบทของพระ  อญั ญตราสามาเถรแี ลว้  กเ็ กดิ กำ� ลงั ใจขนึ้ มา เพราะทา่ นเลา่ วา่   ไม่เคยได้รับความสงบใจแม้ขณะเดียว ท้ังๆ ท่ีบวชมานานถึง 

� กบั พระที่จำ� พรรษาดว้ ยกนั พ.ศ. ๒๕๓๑

184 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ๒๕ ป ี ตง้ั  ๒๕ ป ี แถมยงั ไมป่ ระสบความสงบจติ แมแ้ ตน่ อ้ ย  ขา้ พเจา้ ตอ้ งอทุ านในใจทน่ี า่ ประหลาดใจกค็ อื ทา่ นหาไดท้ อ้ ถอยไม่  หากเพียรพยายามบวชต่อไป จนในที่สุดความเพียรก็ส่งผล  ทา่ นได้บรรลธุ รรมในท่สี ุด ถงึ ตรงนข้ี า้ พเจา้ กพ็ อจะอวดอา้ งไดว้ า่  ชวี ติ การบวชของ  ข้าพเจ้าใช่ว่าจะเลวร้ายเสียทีเดียวนัก เพราะอย่างน้อยก็ได ้ มโี อกาสสมั ผัสกับความสงบสขุ ในจิตใจเนอื งๆ ถงึ จะดีๆ ช่ัวๆ  อย่างไร ก็ไม่เคยถูกความทุกข์รุมเร้าทั้งวันทั้งคืนตลอดเจ็ดปี  จนถงึ กบั ลงมอื ฆา่ ตวั ตายอยา่ งพระสหี าเถร ี ซง่ึ เปน็ พระเถรอี กี   รปู หนง่ึ ทม่ี ชี อื่ จารกึ ในพระไตรปฎิ ก แตข่ า้ พเจา้ กค็ งจะอวดอา้ ง  ได้เพียงแค่น้ันกระมัง เพราะในบ้ันปลายชีวิตท่านก็ได้บรรลุ  อรหตั ตผลเชน่ เดยี วกบั พระอญั ญตราสามาเถรี ปถุ ชุ นอยา่ งขา้ พเจา้ หากสามารถดำ� รงเพศพรหมจรรย์ ไปจนตลอดชวี ติ  โดยไมถ่ ว่ งพระศาสนาใหท้ รดุ ตำ่� ลงไปกวา่ นี้ กน็ บั ว่าเปน็ ความสำ� เร็จในชวี ติ แล้ว

185 ทํ า  ไ  ม  ข  ้ า  พ  เ  จ  ้ า   จึ ง  (    ยั ง  )  ไ   ม  ่ สึ ก  แตถ่ า้ ชวี ิตพระราบรน่ื เป็นสขุ ไปเสียหมด ผู้คนก็คงจะบวชกนั ไมส่ กึ   และถา้ ชวี ติ พระไมม่ ปี ญั หาเสยี เลย  บางคำ�่ บางคนื ขา้ พเจา้ ก็คงไมฝ่ นั ดอกว่า  ได้จับพลดั จบั ผลูเข้าไปในโรงหนงั ดว้ ยความประหว่นั พรัน่ พรึงว่า เมื่อหนงั ฉายจบและเปดิ ไฟ คนในโรงจะจบั ไดว้ ่ามพี ระเข้ามาดูหนงั   แนล่ ะ ปญั หาของพระ มีมากกว่าความอยากดูหนงั



๓๐ ปี ๓ ๐  ปี  ใ น วิ ถี ส ม ณ ะ ใ น วิ ถี ส ม ณ ะ พระไพศาล วสิ าโล ในชีวิตการบวชของข้าพเจ้า มีห้วงอารมณ์หน่ึงซึ่งตอนนั้น เป็นแค่ความรู้สึกธรรมดาของพระนวกะรูปหน่ึง แต่บัดนี้เม่ือ  มองย้อนหลัง กลับพบว่ามีความส�ำคัญอย่างมาก อีกท้ังยัง  สง่ ผลมาจนทกุ วนั นี้ หว้ งอารมณด์ งั กลา่ วเกดิ เมอ่ื  ๓๐ ปที แ่ี ลว้  ตอนนน้ั เปน็   ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ขณะท่ีข้าพเจ้าน่ังรถเมล์ใกล้ถึงวัด  ทองนพคณุ  อนั เปน็ วดั ทขี่ า้ พเจา้ ไดอ้ ปุ สมบทกอ่ นไปเขา้ กรรมฐาน  ที่วัดสนามในเป็นเวลากว่าสองเดือน ความรู้สึกอย่างหน่ึงท่ ี ท่วมท้นใจคือความอาลัยในสมณเพศ ท่ีมีความรู้สึกเช่นน้ัน  กเ็ พราะขา้ พเจา้ ใกลถ้ งึ กำ� หนดลาสกิ ขาแลว้  เนอื่ งจากตงั้ ใจวา่   จะบวชเพียงสามเดอื นเทา่ น้นั

188 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ความจริงข้าพเจ้าไม่มีพันธะอะไร เป็นแต่ห่วงงานและ  หว่ งเพือ่ นท่ที �ำงานมาด้วยกนั มาหลายปี (ท่กี ลุ่มประสานงาน  ศาสนาเพอ่ื สงั คม) อกี ทงั้ เกรงใจเพอื่ นดว้ ยทต่ี อ้ งรบั ภาระแทน  ขา้ พเจา้ ขณะทขี่ า้ พเจา้ มาบวช กวา่ จะปลกี ตวั มาบวชไดก้ ไ็ มใ่ ช่  เรื่องง่าย ต้องเตรียมการเป็นปี และเม่ือบวชแล้ว เพ่ือนๆ ก ็ ให้โอกาสแก่ข้าพเจ้าอย่างเต็มท่ี ไม่มารบกวนหรือขอร้องให้  ชว่ ยงานแตอ่ ยา่ งใด ดงั นนั้ เมอ่ื บวชครบกำ� หนด ขา้ พเจา้ กค็ วร  ลาสิกขา กลบั ไปชว่ ยเพ่อื นแต่โดยดี ควรกลา่ วดว้ ยวา่  ตอนทบ่ี วชใหมๆ่  นน้ั  ขา้ พเจา้ ยงั คดิ ถงึ   ชีวิตฆราวาสอยู่เนืองๆ ระหว่างที่เข้ากรรมฐาน ก็ยังนึกถึง  หนงั บางเรอ่ื งทกี่ ำ� ลงั ดงั  เปน็ ทกี่ ลา่ วขานไปทว่ั  (เชน่  “คานธ”ี   และ “อที ”ี ) ถงึ กบั ตงั้ ใจวา่  เมอ่ื สกึ แลว้ จะตอ้ งไปดใู หไ้ ด ้ อกี ทง้ั   ระหวา่ งบวชนน้ั  กม็ คี วามทกุ ขจ์ ากการทำ� กรรมฐานมาก มที งั้   ความเครยี ด ความหงดุ หงดิ  ความทอ้ แท ้ และความเจบ็ ปวด  ทางกาย เวลาเหน็ พระใหมท่ ยอยลาสกิ ขา กน็ กึ อจิ ฉาเขา ใคร  ทเี่ จอแบบนี้ก็น่าจะดีใจเม่ือวนั สึกใกล้เขา้ มา แตจ่ ะเรยี กวา่ เปน็ โชคกไ็ ด ้ ทง้ั ๆ ทม่ี นั ไมไ่ ดเ้ กดิ ขนึ้ มาเอง  ในชว่ งเดอื นทสี่ ามของการบวช การท�ำกรรมฐานของขา้ พเจา้   เร่มิ ถูกทาง วางใจได้ดขี ้ึน มคี วามผ่อนคลายเพราะปล่อยวาง  สตแิ ละความรสู้ กึ ตวั คอ่ ยๆ เพม่ิ พนู  ทำ� ใหร้ ทู้ นั ความรสู้ กึ นกึ คดิ  

189 ๓ ๐  ปี  ใ น วิ ถี ส ม ณ ะ ได้เร็วข้ึน และหลุดจากความฟุ้งซ่านได้ไว ท�ำให้ใจสงบ และ  วา่ งจากความคดิ ไดน้ านขนึ้  นบั เปน็ ประสบการณท์ ไี่ มค่ าดคดิ   มากอ่ นวา่ จะเกดิ กบั ตนเอง เปน็ ครงั้ แรกทเ่ี ขา้ ใจวา่ การอยอู่ ยา่ ง  มสี ตนิ น้ั หมายถงึ อะไร และอดไมไ่ ดท้ จี่ ะซาบซง้ึ ในพลงั แหง่ สติ  ทั้งๆ ทส่ี ติของข้าพเจ้ายงั จดั วา่ อย่ใู นระดับต้นๆ เทา่ นัน้  แต่ก็  ช่วยทำ� ให้หายทุกขแ์ ละวนุ่ วายใจไปได้มาก ประสบการณจ์ ากการเจรญิ สตทิ ว่ี ดั สนามใน ทำ� ใหข้ า้ พเจา้   มีก�ำลังใจปฏิบัติธรรม และอยากให้เวลากับเร่ืองนี้มากข้ึน  จึงอยากบวชต่อเพราะโอกาสแบบนี้มีไม่บ่อย หากสึกไปแล้ว  คงจะหาโอกาสบวชใหม่ได้ยาก อีกทั้งการปฏิบัติคงขาดช่วง  ยงั ไมต่ อ้ งพดู ถงึ ความสบายใจระหวา่ งทบี่ วช เมอื่ เทยี บกบั กอ่ น  บวช ซง่ึ ขา้ พเจา้ อยใู่ นภาวะใกล ้ “เสยี ศนู ย”์  แลว้  นบั วา่ ตา่ งกนั   ไกลมาก ดว้ ยเหตนุ เ้ี องขา้ พเจา้ จงึ รสู้ กึ อาลยั เพศบรรพชติ  และ  ลังเลใจที่จะลาสิกขา ความรสู้ กึ ดงั กลา่ วนเ้ี องมสี ว่ นสำ� คญั ทำ� ใหข้ า้ พเจา้ เปลย่ี น  ใจ ไม่ลาสิกขาในเดือนนั้น และขออนุญาตเพื่อนๆ ขอบวช  ตอ่ ไปจนถงึ ออกพรรษา นน่ั คอื บวชตอ่ ไปอกี หา้ เดอื น ปรากฏวา่   เพ่ือนๆ ใจดี ต่อใบอนุญาตให้ ส่วนโยมพ่อโยมแม่น้ัน ก็ไม่  ขัดข้องเช่นกัน ท่ีจริงอาจยินดีด้วยซ�้ำ เพราะคิดว่าข้าพเจ้า  อยู่ในผ้าเหลือง คงปลอดภัยกว่า (หรือไกลคุกไกลตะราง

190 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล มากกวา่ ) การกลบั ไปทำ� งานทเ่ี ดมิ  ซง่ึ มกั มเี รอ่ื งประทว้ งรฐั บาล  อยู่เนืองๆ  อย่างไรก็ตามใช่ว่าเม่ือบวชต่อแล้ว จะมีความราบร่ืน  ปัญหาหนึ่งท่ีรบกวนจิตใจอยู่เป็นระยะๆ คือ ข้าพเจ้าจะบวช  นานเท่าไร ค�ำถามน้ีไม่ได้มาจากใคร แต่มาจากตัวเอง แม้  ขา้ พเจา้ มคี วามสขุ พอประมาณระหวา่ งทบ่ี วช (จะล�ำบากบา้ ง  กต็ อนจำ� พรรษาแรกทวี่ ดั ปา่ สคุ ะโต ซง่ึ กนั ดารและอตั คดั มาก  ในตอนนน้ั  ทงั้ ในดา้ นอาหารและทพี่ กั ) แตก่ ร็ สู้ กึ วา่ ไมง่ า่ ยเลย  ทจ่ี ะบวชไปเรอ่ื ยๆ แคน่ กึ เลน่ ๆ วา่ ตนเองบวชนานสบิ พรรษา  ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที เพราะในส่วนลึกข้าพเจ้ายังอยากใช้  ชีวิตแบบฆราวาส นึกไม่ออกว่าตนเองจะบวชพระไปนานๆ  ได้อย่างไร เพราะมีหลายอย่างในชีวิตที่อยากท�ำ และมีแต ่ ฆราวาสเทา่ นัน้ ที่ทำ� ได้ ที่จริงการบวชหน่ึงปีหรือสองปีไม่ใช่เร่ืองยาก ย่ิงได้วัด  และครูบาอาจารย์ที่ดีแล้ว ก็ง่ายมาก ข้าพเจ้าโชคดีท่ีได้มา  จ�ำพรรษาแรกกับหลวงพ่อค�ำเขียน สุวัณโณ ซึ่งข้าพเจ้ารู้จัก  ตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ หรือสามปีก่อนบวช ท่านเป็นพระเถระท่ีมี  เมตตา ใจกว้างและเข้าใจคนหนุ่มสาว อีกท้ังยังเห็นว่าการ  ชว่ ยเหลอื สงั คมหรอื ผทู้ กุ ขย์ ากเปน็ สงิ่ ทพ่ี ระพงึ กระทำ�  ดงั ทา่ น  เปน็ แบบอยา่ ง แตข่ า้ พเจา้ กไ็ มเ่ คยคดิ หรอื แมแ้ ตฝ่ นั วา่ จะใชช้ วี ติ  

191 ๓ ๐  ปี  ใ น วิ ถี ส ม ณ ะ � กลับจากบณิ ฑบาต ทีบ่ า้ นตาดรินทอง พ.ศ. ๒๕๓๖

192 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล เปน็ สบิ ปที ว่ี ดั ปา่ สคุ ะโตในฐานะพระ สว่ นหนงึ่ เปน็ เพราะขา้ พเจา้   ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอย่างน้ันตั้งแต่แรก การมาบวชก็ไม่ใช ่ เพราะมีใจรักในชีวิตพรหมจรรย์ แม้จะเห็นคุณค่าก็ตาม แต ่ เปน็ เพราะความทกุ ขใ์ นชวี ติ ฆราวาสผลกั ดนั ใหม้ าบวชเพอื่ จะ  ได้มเี วลาทำ� สมาธภิ าวนาให้ใจสงบเย็น ไมร่ ่มุ รอ้ นเหมอื นเก่า เพอื่ นๆ กร็ ดู้ เี รอ่ื งน ี้ จงึ ไมม่ ใี ครเปน็ หว่ งหรอื ทกั ทว้ งเมอื่   ขา้ พเจา้ ขอบวชตอ่  เพราะคดิ วา่ ไมน่ านกค็ งสกึ  แตก่ ม็ หี ลายคน  อยากให้ข้าพเจ้าบวชนานๆ หน่ึงในนั้นไม่ใช่เพื่อน แต่เป็น  ครูบาอาจารย์ท่ีข้าพเจ้านับถือ คือ อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์  อาจารย์สุลักษณ์ เป็นผู้ที่คอยชักชวนและทวงถามข้าพเจ้า 

193 ๓ ๐  ปี  ใ น วิ ถี ส ม ณ ะ ตง้ั แตอ่ ายยุ งั ไมถ่ งึ  ๒๐ วา่ เมอื่ ไหรจ่ ะบวช เมอ่ื ขา้ พเจา้ บวชแลว้   ท่านก็พยายามกระตุ้นและส่งเสริมให้ข้าพเจ้าบวชนานกว่า  สามเดือนตามที่ต้ังใจไว้ ครั้นข้าพเจ้ายืดเวลาสึกออกไปเพ่ือ  บวชเอาพรรษา ท่านก็ทำ� หลายอย่างเพื่อให้ข้าพเจ้าบวชนาน  กวา่ นั้น วธิ หี นึง่ กค็ อื หางานชน้ิ ใหญ่ใหข้ า้ พเจา้ ท�ำระหวา่ งบวช  นน่ั คอื  เป็นองค์ปาฐกในงานประจ�ำปขี องมูลนิธโิ กมลคีมทอง ปาฐกถาโกมลคมี ทองนนั้ เปน็ งานใหญข่ องมลู นธิ  ิ ปาฐก  และองคป์ าฐกกอ่ นหนา้ นนั้ ลว้ นเปน็ ผใู้ หญซ่ งึ่ เปน็ ทเี่ คารพนบั ถอื   ม ี อ. ปว๋ ย อง๊ึ ภากรณ ์ เปน็ ปาฐกคนแรก ตามมาดว้ ย อ. เสนห่  ์ จามริก ส่วนพระภิกษุนั้นท่านหนึ่งก็ได้แก่พระราชวรมุน ี

194 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล � (บนสุด)ทส่ี วนโมกข์ พ.ศ. ๒๕๓๑ กับทา่ นอาจารย์พุทธทาส พระราชปญั ญาเมธี (สมชยั กสุ ลจติ โต) และพระดษุ ฎี เมธังกโุ ร (บน) กับกรรมการมูลนิธโิ กมลคีมทอง ระหว่างต้อนรับอาจารยป์ ว๋ ย พ.ศ. ๒๕๓๐

195 ๓ ๐  ปี  ใ น วิ ถี ส ม ณ ะ (หรอื พระพรหมคณุ าภรณใ์ นปจั จบุ นั ) แมต้ อนหลงั จะเนน้ คน  รุ่นใหม่ เช่น พระประชา ปสันนธัมโม แต่ก็ยังถือว่าเป็นผู้ท่ี  มีช่ือเสียงจากงานคิดงานเขียนมาก่อนแล้ว ส่วนพระนวกะ  อย่างข้าพเจ้าน้ันเทียบไม่ได้เลยกับท่านท่ีเอ่ยนามมาทั้งหมด  อาจารยส์ ลุ กั ษณย์ อ่ มทราบด ี แตค่ งเพราะปรารถนาใหข้ า้ พเจา้   บวชต่อไปอีก จึงหว่านล้อมกรรมการมูลนิธิโกมลคีมทองให ้ เลอื กขา้ พเจา้ เปน็ องคป์ าฐก ซงึ่ จะตอ้ งแสดงปาฐกถาในเดอื น  กมุ ภาพนั ธป์ ถี ดั ไป จำ� ไดว้ า่ กอ่ นทขี่ า้ พเจา้ จะไปจำ� พรรษาทวี่ ดั   ปา่ สคุ ะโต ไดพ้ บอาจารยส์ ลุ กั ษณท์ สี่ ำ� นกั งานกลมุ่ ประสานงาน  ศาสนาเพอ่ื สงั คม อาจารยส์ ลุ กั ษณไ์ ดม้ ากระซบิ วา่ หากมลู นธิ  ิ โกมลคีมทองนิมนต์อาตมาให้เป็นองค์ปาฐก ก็อย่าปฏิเสธ  เขานะ ภาระดังกล่าวมีส่วนทำ� ให้ข้าพเจ้าไม่มีความคิดท่ีจะสึก  เม่ือบวชครบปีในเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดมา เพราะในหัวนึกถึง  แต่การเตรียมต้นร่างปาฐกถา (ซ่ึงท�ำมาต้ังแต่ ๓-๔ เดือน  ก่อนหน้าน้ันแล้ว และนับเป็นงานใหญ่ท่ีทำ� ให้ข้าพเจ้าท้อแท ้ ในบางครง้ั  แตใ่ นทส่ี ดุ กท็ ำ� ไดส้ ำ� เรจ็ ) ครน้ั แสดงปาฐกถาเสรจ็   จะสกึ เลยกด็ กู ระไรอย ู่ อยา่ งนอ้ ยกค็ วรเหน็ แกค่ รบู าอาจารยท์ ่ ี พยายามหาอบุ ายสนบั สนนุ ใหข้ า้ พเจา้ บวชนานๆ ประกอบกบั   หลงั จากบวชครบปแี ลว้  เรม่ิ มงี านการตา่ งๆ ทงั้ งานเขยี นและ 

196 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล งานบรรยายเข้ามา ก็ท�ำให้ข้าพเจ้ารู้สึกสบายใจที่บวชแล้วยัง  สามารถทำ� กจิ กรรมอนั เปน็ ประโยชนต์ อ่ ผอู้ นื่ ไดบ้ า้ ง โดยเฉพาะ  การชกั ชวนผคู้ นใหเ้ หน็ คณุ คา่ ของการฝกึ จติ พฒั นาตน ซง่ึ เปน็   สง่ิ ทขี่ าดหายไปในหมฆู่ ราวาส โดยเฉพาะคนทท่ี ำ� งานเพอื่ สงั คม  อนั เป็นแวดวงท่ขี า้ พเจ้าคนุ้ เคย ประสบการณ์การบวชนั้นท�ำให้ข้าพเจ้าเห็นคุณค่าของ  สมาธิภาวนามากข้ึน และอยากชักชวนให้ผู้คนหันมาใส่ใจ  กับการท�ำกรรมฐาน แต่ก็ยังไม่มีความคิดท่ีจะอุทิศชีวิตเพ่ือ  ประโยชน์ตนล้วนๆ แม้จุดหมายสูงสุดคือพระนิพพานก็ตาม  ข้าพเจ้าเห็นว่าตนเองควรทำ� ประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน  ไปพรอ้ มๆ กนั  หากวา่ ชวี ติ สมณะท�ำไดแ้ ตเ่ พยี งประโยชนต์ น  เทา่ นน้ั  ขา้ พเจา้ กค็ งจะบวชไดไ้ มน่ าน เพราะยงั อยากทำ� ประโยชน์  ให้แก่สังคมอยู่ ข้อนี้อาจเป็น “วาสนา” ของข้าพเจ้าด้วยก็ได ้ ที่มใี จมาทางนตี้ ั้งแตเ่ ล็กแลว้  (จ�ำไดว้ ่า ตอนเด็กๆ อยากเปน็   ต�ำรวจ จะได้ช่วยเหลือประเทศชาติ ทั้งๆ ท่ีพ่อแม่อยากให ้ ตั้งเป้าหมายชีวิตที่ดีกว่านั้นเพราะข้าพเจ้าเป็นคนเรียนเก่ง)  ดงั นน้ั เมอ่ื บวชแลว้  ยงั สามารถท�ำประโยชนใ์ หแ้ กส่ งั คมไดอ้ ย่ ู ข้าพเจ้าจึงไม่รู้สึกอึดอัดกับผ้าเหลืองมากนัก ในเร่ืองน้ีก็ต้อง  ขอบคณุ หลวงพอ่ คำ� เขยี นดว้ ย ทท่ี า่ นเขา้ ใจนสิ ยั ใจคอของขา้ พเจา้   จงึ อนญุ าตใหข้ า้ พเจา้ ไปทำ� กจิ ในทต่ี า่ งๆ ได ้ แมแ้ วดวงทข่ี า้ พเจา้  

197 ๓ ๐  ปี  ใ น วิ ถี ส ม ณ ะ � รดน้�ำหลวงพ่อคำ� เขยี น วันสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๕๕ เก่ียวข้อง (คือองค์กรพัฒนาเอกชน หรือที่เรียกในปัจจุบัน  NGO) จะเปน็ ทจี่ บั ตามองหรอื ถงึ กบั หวาดระแวงของเจา้ หนา้ ท ี่ รฐั ในเวลานนั้  แตห่ ลวงพอ่ คำ� เขยี นกไ็ มเ่ คยระแวงหรอื หวาดกลวั   ขา้ พเจา้ เลย (ผดิ กบั พระกรรมฐานหลายรปู ทไี่ มเ่ ขา้ ใจคนหนมุ่   สาว) ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะท่านเองก็เคยถูกเจ้าหน้าที่รัฐ  หวาดระแวง จนถงึ กบั กลา่ วหาวา่ ทา่ นเปน็ แนวรว่ มคอมมวิ นสิ ต ์ เพราะจดั ตง้ั ศนู ยเ์ ดก็ ขน้ึ ในปา่ เขาอนั ทรุ กนั ดารตงั้ แตป่  ี ๒๕๒๑  (โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือศูนย์เด็กแห่งแรกของจังหวัดชัยภูมิเลย  ทีเดยี ว) การทำ� กจิ กรรมดงั กลา่ วอยา่ งตอ่ เนอื่ ง รวมทง้ั การมงี าน  เขียนงานแปลอย่างสม�่ำเสมอ มีส่วนท�ำให้ข้าพเจ้า “เพลิน”  ในการบวช (ซ่ึงคงไม่ต่างจากพระป่าจ�ำนวนไม่น้อยท่ีบวชได ้

198 ๓ ท ศ ว ร ร ษ พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล

199 ๓ ๐  ปี  ใ น วิ ถี ส ม ณ ะ นาน เพราะม ี “ของเลน่ ” นอกเหนอื จากการทำ� กรรมฐาน เชน่   การทำ� กลด หรอื ถกั ถลกบาตร) อยา่ งไรกต็ ามขา้ พเจา้ กย็ งั ไม่  คดิ วา่ จะฝากชวี ติ นไ้ี วก้ บั ผา้ เหลอื ง เพราะมองไมอ่ อกวา่ ตนเอง  จะทำ� เชน่ นนั้ ไดอ้ ยา่ งไร แคบ่ วชไดน้ านถงึ สบิ พรรษากถ็ อื วา่ เปน็   ปาฏหิ ารยิ แ์ ลว้  แตค่ รน้ั จะสกึ  กใ็ ชว่ า่ จะทำ� ไดง้ า่ ย เพราะสวนทาง  กบั ความคาดหวงั ของครบู าอาจารยอ์ ยา่ งอาจารยส์ ลุ กั ษณ ์ และ  อกี หลายคนทเ่ี หน็ วา่  ขา้ พเจา้ นา่ จะทำ� ประโยชนไ์ ดม้ ากกวา่ หาก  อยใู่ นสมณเพศ อยา่ งนอ้ ยสง่ิ ทข่ี า้ พเจา้ ทำ� อยนู่ น้ั ไมค่ อ่ ยมคี นทำ�   คือการชี้ชวนให้ผู้คนเห็นความสำ� คัญของมิติด้านจิตวิญญาณ  รวมทัง้ การน�ำเอาธรรมะมาใชก้ ับชวี ติ และสงั คมสมัยใหม่ เมอ่ื จะเดนิ ตอ่ กม็ องไมเ่ หน็ วา่ จะเดนิ ตอ่ ไปไดน้ านสกั เทา่ ใด  คร้ันจะหยุด ก็ไม่รู้ว่าจะหยุดอย่างไร ความรู้สึกของข้าพเจ้า  ในบางครงั้ จงึ ไมต่ า่ งจากคนตดิ คกุ  อาจจะแยก่ วา่ ดว้ ยซำ�้  เพราะ  ตดิ คกุ นน้ั ยงั มวี นั ออก สว่ นขา้ พเจา้ นน้ั มองไมเ่ หน็ วนั ออกเลย  คอื ไมร่ วู้ า่ จะสกึ ไดเ้ มอื่ ใด คดิ แลว้ กอ็ ดึ อดั  ทางออกกค็ อื  ไมต่ อ้ ง  คิดถงึ อนาคตทีย่ าวไกลมากนกั  แค่ตง้ั เป้าว่าบวชตอ่ อีกหนงึ่ ปี  แล้วกัน เม่ือครบปีแล้วก็มาถามใจตนเองว่าบวชต่ออีกหน่ึงป ี ไดไ้ หม ทกุ ปคี ำ� ตอบทไี่ ดก้ ค็ อื  “บวชได”้  วธิ นี ท้ี ำ� ใหข้ า้ พเจา้ บวช  ต่อได้เรื่อยๆ จนครบห้าปี ทีนี้มีความมั่นใจมากข้ึน อีกทั้ง  คุ้นเคยกับชีวิตพระแล้ว ก็เลยต้ังใจบวชต่ออีกห้าปีไปเลย 


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook