Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 11599_E-book ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์(กลุ่มวณิตา)

11599_E-book ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์(กลุ่มวณิตา)

Published by pipe sawada, 2021-02-02 07:03:40

Description: 11599_E-book ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์(กลุ่มวณิตา)

Search

Read the Text Version

151 นายหนา้ มสี ทิ ธิจะไดร้ บั ชดได้ค่าใชจ้ ่ายที่ได้เสยี ไปก็ตอ่ เมอื่ ไดต้ กลงกนั ไวเ้ ช่นนน้ั ความขอ้ นี้ ทา่ นใหใ้ ช้บงั คบั แม้ถึงวา่ สญั ญาจะมิได้ทำกนั สำเร็จ มาตรา ๘๔๖ ถ้ากจิ การอนั ไดม้ อบหมายแก่นายหนา้ น้ัน โดยพฤติการณเ์ ป็นทคี่ าดหมายได้ว่า ย่อมทำให้แตเ่ พ่ือจะเอาค่าบำเหนจ็ ไซร้ ท่านใหถ้ อื วา่ ไดต้ กลงกันโดยปริยายวา่ มีค่าบำเหน็จนายหน้า ค่าบำเหนจ็ นน้ั ถ้ามไิ ดก้ ำหนดจำนวนกนั ไว้ ท่านให้ถือว่าไดต้ กลงกนั เปน็ จำนวนตามธรรม เนียม มาตรา ๘๔๗ ถ้านายหน้าทำการให้แก่บคุ คลภายนอกดว้ ยกด็ ี หรือไดร้ บั คำมัน่ แต่ บุคคลภายนอกเชน่ นั้นว่าจะให้ค่าบำเหน็จอันไมค่ วรแก่นายหน้าผกู้ ระทำการโดยสจุ รติ ก็ดี เป็นการฝ่าฝืนต่อ การท่ีตนเขา้ รบั ทำหนา้ ท่ไี ซร้ ท่านวา่ นายหน้าหามสี ทิ ธจิ ะไดร้ ับคา่ บำเหนจ็ หรือรบั ชดใช้ค่าใช้จ่ายทไี่ ดเ้ สียไปไม่ มาตรา ๘๔๘ ตวั นายหนา้ ไม่ต้องรบั ผดิ ไปถงึ การชำระหน้ีตามสัญญาซ่ึงไดท้ ำต่อกันเพราะตน เป็นสอื่ เวน้ แตจ่ ะมไิ ดบ้ อกชอ่ื ของฝา่ ยหนง่ึ ใหร้ ถู้ งึ อีกฝา่ ยหนง่ึ มาตรา ๘๔๙ การรบั เงนิ หรือรบั ชำระหนอ้ี นั จะพงึ ชำระตามสัญญานั้น ทา่ นใหส้ ันนษิ ฐานไว้ ก่อนว่านายหน้ายอ่ มไมม่ อี ำนาจทจ่ี ะรบั แทนผเู้ ปน็ คูส่ ญั ญา ลกั ษณะ ๑๗ ประนปี ระนอมยอมความ มาตรา ๘๕๐ อันวา่ ประนปี ระนอมยอมความน้ัน คอื สญั ญาซงึ่ ผเู้ ปน็ คสู่ ัญญาท้ังสองฝา่ ยระงบั ข้อพพิ าทอันใดอันหนง่ึ ซง่ึ มีอยหู่ รอื จะมีข้ึนนน้ั ใหเ้ สรจ็ ไปดว้ ยตา่ งยอมผอ่ นผนั ให้แกก่ ัน มาตรา ๘๕๑ อนั สญั ญาประนปี ระนอมยอมความนนั้ ถา้ มิได้มีหลกั ฐานเปน็ หนงั สืออยา่ งใด อย่างหนง่ึ ลงลายมอื ชอื่ ฝ่ายท่ตี อ้ งรบั ผิด หรอื ลายมือชอื่ ตวั แทนของฝา่ ยนั้นเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟอ้ งรอ้ งให้ บงั คบั คดีหาได้ไม่ มาตรา ๘๕๒ ผลของสญั ญาประนปี ระนอมยอมความนน้ั ยอ่ มทำใหก้ ารเรียกร้องซึ่งแตล่ ะ ฝ่ายไดย้ อมสละนนั้ ระงบั สนิ้ ไป และทำให้แต่ละฝ่ายไดส้ ิทธติ ามทแี่ สดงในสญั ญานน้ั วา่ เป็นของตน

152 ลกั ษณะ ๑๘ การพนนั และขนั ตอ่ มาตรา ๘๕๓ อันการพนันหรอื ขนั ตอ่ น้นั ทา่ นวา่ หาก่อใหเ้ กดิ หน้ไี ม่ ส่ิงท่ไี ดใ้ หก้ ันไปในการ พนันหรือขันตอ่ กจ็ ะทวงคนื ไมไ่ ด้ เพราะเหตหุ ามลู หนี้อยา่ งหนงึ่ อยา่ งใดมไิ ด้ ขอ้ บัญญตั ทิ ี่กลา่ วน้ี ทา่ นให้ใชต้ ลอดถึงข้อตกลงเปน็ มลู หนอี้ ย่างหนง่ึ อย่างใดอนั ฝ่ายขา้ งเสีย พนนั ขนั ต่อหากทำใหแ้ ก่อกี ฝา่ ยหนงึ่ เพอื่ จะใช้หนเี้ งินพนนั หรอื ขนั ตอ่ นั้นด้วย มาตรา ๘๕๔ อันการออกสลากกินแบ่งกด็ ี ออกสลากกนิ รวบก็ดี ทา่ นวา่ เป็นสญั ญาอนั จะ ผกู พันต่อเมื่อรัฐบาลไดใ้ หอ้ ำนาจหรอื ใหส้ ัตยาบันแกก่ ารนัน้ เฉพาะราย นอกน้นั ทา่ นใหบ้ ังคบั ตามบทบญั ญตั ิ มาตรา ๘๕๓ มาตรา ๘๕๕ ภายในบงั คับแหง่ บทบัญญัติมาตรา ๓๑๒ และ ๙๑๖ ตัว๋ เงินหรอื เอกสารอยา่ ง อื่นทกุ ฉบบั ซึ่งออกใหเ้ ตม็ จำนวน หรอื แตโ่ ดยส่วน เพื่อแทนเงนิ ใด ๆ อันได้แต่ชนะพนนั หรือขนั ต่อกด็ ี ออกให้ เพอ่ื ใช้เงนิ ที่ยืมมาใช้ในการพนันหรอื ขันต่อเช่นวา่ นน้ั กด็ ี ท่านว่าไม่สมบรู ณ์ เพ่อื ประโยชนแ์ หง่ บทบัญญตั ิน้ี เงินรายใดให้ยืมแกบ่ ุคคลกำลงั เล่นการพนนั หรอื ขันตอ่ ใน เวลาหรือ ณ สถานท่เี ลน่ เชน่ นนั้ ทา่ นใหส้ ันนษิ ฐานไว้ก่อนวา่ เงนิ น้ันได้ใหย้ มื ไปเพ่ือเลน่ การพนนั หรอื ขันตอ่ ลกั ษณะ ๑๙ บญั ชีเดินสะพดั มาตรา ๘๕๖ อนั วา่ สัญญาบญั ชีเดนิ สะพดั นัน้ คือสัญญาซึง่ บุคคลสองคนตกลงกันว่าสบื แต่ นน้ั ไป หรอื ในชว่ั เวลากำหนดอนั ใดอนั หนง่ึ ใหต้ ดั ทอนบญั ชหี นี้ท้ังหมดหรอื แตบ่ างส่วนอันเกิดข้ึนแตก่ จิ การใน ระหวา่ งเขาทัง้ สองน้ันหักกลบลบกนั และคงชำระแต่สว่ นทเี่ ป็นจำนวนคงเหลอื โดยดุลภาค มาตรา ๘๕๗ การนำตว๋ั เงนิ ลงเปน็ รายการในบญั ชเี ดินสะพดั น้นั ท่านใหส้ ันนิษฐานไวก้ ่อนว่า ไดล้ งด้วยเงื่อนไขวา่ จะมีผู้ชำระเงนิ ตามตั๋วน้นั ถา้ และต๋ัวนัน้ มไิ ด้ชำระเงนิ ไซร้ จะเพกิ ถอนรายการอันนน้ั เสยี กไ็ ด้ มาตรา ๘๕๘ ถ้าคสู่ ญั ญามิได้กำหนดกันไว้วา่ ให้หกั ทอนบญั ชโี ดยระยะเวลาอย่างไรไซร้ ท่าน ใหถ้ อื เอาเปน็ กำหนดหกเดอื น

153 มาตรา ๘๕๙ คสู่ ัญญาฝ่ายใดจะบอกเลกิ สญั ญาบัญชีเดินสะพัด และให้หกั ทอนบญั ชกี นั เสยี ในเวลาใด ๆ กไ็ ด้ ถ้าไมม่ อี ะไรปรากฏเป็นขอ้ ขัดกบั ที่กลา่ วมานี้ มาตรา ๘๖๐ เงินส่วนทผี่ ิดกันอย่นู ั้นถา้ ยงั มไิ ด้ชำระ ท่านใหค้ ิดดอกเบีย้ นบั แตว่ นั ทห่ี ักทอน บัญชีเสรจ็ เปน็ ตน้ ไป ลักษณะ ๒๐ ประกันภยั หมวด ๑ บทเบด็ เสรจ็ ท่ัวไป มาตรา ๘๖๑ อนั วา่ สญั ญาประกนั ภยั น้ัน คือสญั ญาซึง่ บุคคลคนหน่ึงตกลงจะใชค้ ่าสินไหม ทดแทน หรือใช้เงินจำนวนหนงึ่ ให้ในกรณวี ินาศภัยหากมีขึ้น หรอื ในเหตุอยา่ งอ่นื ในอนาคตดังไดร้ ะบไุ ว้ใน สัญญา และในการนบี้ คุ คลอกี คนหนง่ึ ตกลงจะส่งเงนิ ซงึ่ เรียกวา่ เบ้ียประกันภัย มาตรา ๘๖๒ ตามขอ้ ความในลักษณะนี้ คำวา่ “ผ้รู ับประกันภัย” ทา่ นหมายความว่า คู่สญั ญาฝ่ายซงึ่ ตกลงจะใช้ค่าสนิ ไหมทดแทน หรอื ใช้เงนิ จำนวนหนง่ึ ให้ คำวา่ “ผเู้ อาประกันภยั ” ทา่ นหมายความว่า ค่สู ัญญาฝ่ายซงึ่ ตกลงจะสง่ เบ้ียประกันภยั คำว่า “ผ้รู บั ประโยชน์” ท่านหมายความว่า บคุ คลผจู้ ะพงึ ไดร้ ับค่าสินไหมทดแทนหรอื รบั จำนวนเงินใชใ้ ห้ อนึ่ง ผเู้ อาประกันภัยและผรู้ บั ประโยชนน์ ัน้ จะเปน็ บุคคลคนหน่งึ คนเดียวกนั กไ็ ด้ มาตรา ๘๖๓ อันสญั ญาประกนั ภยั นนั้ ถา้ ผู้เอาประกันภยั มไิ ด้มสี ว่ นได้เสยี ในเหตทุ ปี่ ระกันภัย ไวน้ ้ันไซร้ ท่านวา่ ย่อมไมผ่ ูกพันคสู่ ัญญาแต่อยา่ งหนงึ่ อย่างใด มาตรา ๘๖๔ เมือ่ คสู่ ญั ญาประกันภยั ยกเอาภยั ใดโดยเฉพาะขน้ึ เปน็ ขอ้ พจิ ารณาในการวาง กำหนดจำนวนเบี้ยประกนั ภัย และภยั เชน่ นั้นสน้ิ ไปหามีไม่แลว้ ทา่ นวา่ ภายหน้าแต่นนั้ ไป ผู้เอาประกนั ภัยชอบ ที่จะไดล้ ดเบ้ยี ประกนั ภยั ลงตามส่วน

154 มาตรา ๘๖๕ ถ้าในเวลาทำสญั ญาประกนั ภยั ผู้เอาประกนั ภัยก็ดี หรือในกรณปี ระกนั ชวี ติ บคุ คลอันการใชเ้ งินย่อมอาศัยความทรงชพี หรือมรณะของเขานัน้ กด็ ี รอู้ ยแู่ ลว้ ละเว้นเสยี ไมเ่ ปดิ เผยข้อความจรงิ ซึง่ อาจจะไดจ้ งู ใจผู้รบั ประกนั ภัยใหเ้ รยี กเบยี้ ประกนั ภยั สงู ขน้ึ อีกหรือใหบ้ อกปัดไมย่ อมทำสัญญา หรอื ว่ารู้อยู่ แล้วแถลงข้อความนั้นเปน็ ความเทจ็ ไซร้ ทา่ นวา่ สญั ญาน้นั เปน็ โมฆียะ ถ้ามไิ ดใ้ ชส้ ทิ ธิบอกลา้ งภายในกำหนดเดอื นหนง่ึ นบั แตว่ ันทผ่ี รู้ บั ประกนั ภัยทราบมูลอันจะบอก ล้างได้กด็ ี หรอื มิได้ใชส้ ทิ ธนิ ้นั ภายในกำหนดหา้ ปนี บั แต่วนั ทำสัญญากด็ ี ท่านว่าสิทธินน้ั เป็นอนั ระงบั สนิ้ ไป มาตรา ๘๖๖ ถา้ ผ้รู บั ประกันภยั ได้รขู้ ้อความจริงดงั กล่าวในมาตรา ๘๖๕ นั้นกด็ หี รอื รู้ว่าขอ้ แถลงความเป็นความเท็จกด็ ี หรอื ควรจะไดร้ เู้ ชน่ นนั้ หากใช้ความระมัดระวังดังจะพึงคาดหมายไดแ้ ต่วญิ ญชู นก็ดี ท่านให้ฟังวา่ สญั ญานัน้ เป็นอันสมบูรณ์ มาตรา ๘๖๗ อนั สญั ญาประกนั ภยั น้ัน ถ้ามไิ ด้มีหลกั ฐานเปน็ หนังสืออย่างใดอย่างหนง่ึ ลง ลายมือชือ่ ฝา่ ยทต่ี อ้ งรบั ผดิ หรอื ลายมอื ช่ือตัวแทนของฝ่ายนนั้ เป็นสำคัญ ทา่ นวา่ จะฟอ้ งร้องใหบ้ ังคบั คดหี าได้ไม่ ให้ส่งมอบกรมธรรม์ประกนั ภัยอนั มเี นอ้ื ความตอ้ งตามสญั ญาน้นั แก่ผ้เู อาประกันภัยฉบับหน่ึง กรมธรรมป์ ระกันภยั ตอ้ งลงลายมอื ชอ่ื ของผู้รบั ประกนั ภัยและมรี ายการ ดงั ต่อไปน้ี (๑) วัตถทุ เ่ี อาประกนั ภยั (๒) ภยั ใดซงึ่ ผรู้ บั ประกันภยั รบั เส่ียง (๓) ราคาแห่งมูลประกนั ภยั ถา้ หากไดก้ ำหนดกันไว้ (๔) จำนวนเงนิ ซึ่งเอาประกนั ภัย (๕) จำนวนเบ้ียประกันภัย และวิธีสง่ เบย้ี ประกนั ภัย (๖) ถา้ หากสญั ญาประกนั ภัยมกี ำหนดเวลา ตอ้ งลงเวลาเรม่ิ ตน้ และเวลาสิน้ สุดไวด้ ว้ ย (๗) ชือ่ หรอื ยี่หอ้ ของผรู้ บั ประกนั ภัย (๘) ชือ่ หรอื ยหี่ อ้ ของผเู้ อาประกนั ภัย (๙) ชอ่ื ของผรู้ บั ประโยชน์ ถ้าจะพึงมี (๑๐) วันทำสญั ญาประกนั ภยั (๑๑) สถานท่ีและวนั ทไ่ี ด้ทำกรมธรรม์ประกันภยั มาตรา ๘๖๘ อนั สญั ญาประกันภัยทะเล ทา่ นให้บงั คับตามบทบญั ญตั ิแหง่ กฎหมายทะเล

155 หมวด ๒ ประกนั วินาศภยั ส่วนที่ ๑ บทเบ็ดเสรจ็ ทัว่ ไป มาตรา ๘๖๙ อนั คำว่า “วินาศภัย” ในหมวดนี้ ท่านหมายรวมเอาความเสยี หายอยา่ งใด ๆ บรรดาซ่ึงจะพงึ ประมาณเปน็ เงนิ ได้ มาตรา ๘๗๐ ถ้าไดท้ ำสัญญาประกันภยั เปน็ สองรายหรอื กวา่ น้ันพรอ้ มกนั เพอื่ ความวินาศภยั อันเดียวกนั และจำนวนเงินซง่ึ เอาประกันภัยรวมกนั ทงั้ หมดนน้ั ทว่ มจำนวนที่วนิ าศจรงิ ไซร้ ท่านวา่ ผ้รู บั ประโยชน์ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพียงเสมอจำนวนวนิ าศจรงิ เท่าน้นั ผู้รบั ประกนั ภัยแตล่ ะคนตอ้ งใช้ เงินจำนวนวินาศจรงิ แบง่ ตามส่วนมากน้อยทต่ี นไดร้ บั ประกนั ภยั ไว้ อันสัญญาประกนั ภยั ท้ังหลาย ถ้าลงวนั เดยี วกนั ท่านให้ถือวา่ ไดท้ ำพรอ้ มกนั ถ้าไดท้ ำสัญญาประกนั ภัยเป็นสองรายหรอื กว่านัน้ สบื เนอ่ื งเปน็ ลำดบั กนั ท่านว่าผรู้ บั ประกนั ภยั คนแรกจะตอ้ งรบั ผดิ เพื่อความวินาศภยั ก่อน ถา้ และจำนวนเงนิ ซง่ึ ผรู้ ับประกันภัยคนแรกไดใ้ ช้นน้ั ยัง ไมค่ ุ้มจำนวนวนิ าศภัยไซร้ ผู้รับประกันภัยคนถัดไปก็ตอ้ งรับผดิ ในสว่ นทีย่ งั ขาดอย่นู ั้นต่อ ๆ กนั ไปจนกว่าจะคมุ้ วนิ าศ มาตรา ๘๗๑ ถ้าได้ทำสญั ญาประกันภยั เป็นสองรายหรือกวา่ นัน้ พรอ้ มกันก็ดี หรอื สบื เนื่อง เป็นลำดับกนั ก็ดี ท่านว่าการทีย่ อมสละสิทธิอันมีตอ่ ผู้รบั ประกนั ภยั รายหนึ่งนน้ั ไม่กระทบกระทง่ั ถงึ สทิ ธแิ ละ หน้าทขี่ องผู้รบั ประกันภยั รายอนื่ ๆ มาตรา ๘๗๒ กอ่ นเรม่ิ เสยี่ งภยั ผูเ้ อาประกนั ภัยจะบอกเลิกสญั ญาเสียก็ได้ แตผ่ รู้ บั ประกนั ภยั ชอบทจ่ี ะไดเ้ บ้ยี ประกนั ภยั กึง่ จำนวน มาตรา ๘๗๓ ถา้ ในระหว่างอายสุ ัญญาประกนั ภยั น้นั มูลประกันภยั ได้ลดน้อยถอยลงไปหนกั ไซร้ ทา่ นวา่ ผ้เู อาประกันภยั ชอบทจี่ ะได้ลดจำนวนเงนิ ซึง่ เอาประกันภยั ไว้ และลดจำนวนเงินเบยี้ ประกันภัย การลดจำนวนเบยี้ ประกันภยั น้นั ให้เป็นผลตอ่ ในอนาคต

156 มาตรา ๘๗๔ ถา้ คสู่ ญั ญาไดก้ ำหนดราคาแหง่ มูลประกนั ภยั ไว้ ผู้รบั ประกันภัยชอบท่จี ะไดล้ ด จำนวนคา่ สนิ ไหมทดแทน ก็แต่เมือ่ พิสจู นไ์ ดว้ ่าราคาแหง่ มลู ประกนั ภยั ตามท่ีไดต้ กลงกันไวน้ ัน้ เปน็ จำนวนสูง เกินไปหนกั และคืนจำนวนเบี้ยประกนั ภัยให้ตามสว่ นกบั ทงั้ ดอกเบี้ยดว้ ย มาตรา ๘๗๕ ถ้าวตั ถุอนั ไดเ้ อาประกนั ภัยไว้น้นั เปลยี่ นมือไปจากผู้เอาประกันภัยโดย พินัยกรรมก็ดี หรอื โดยบัญญตั กิ ฎหมายก็ดี ท่านว่าสทิ ธอิ นั มอี ยใู่ นสัญญาประกนั ภยั กย็ ่อมโอนตามไปด้วย ถ้าในสัญญามไิ ดก้ ำหนดไวเ้ ป็นอยา่ งอื่น เม่ือผู้เอาประกันภัยโอนวัตถุท่เี อาประกนั ภยั และบอก กลา่ วการโอนไปยังผู้รบั ประกันภัยไซร้ ท่านว่าสิทธิอันมอี ยู่ในสญั ญาประกันภัยนนั้ ย่อมโอนตามไปด้วย อน่งึ ถ้า ในการโอนเช่นนี้ช่องแห่งภัยเปลยี่ นแปลงไปหรือเพม่ิ ขนึ้ หนกั ไซร้ ทา่ นวา่ สัญญาประกนั ภยั น้นั กลายเปน็ โมฆะ มาตรา ๘๗๖ ถา้ ผ้รู บั ประกนั ภัยต้องคำพิพากษาให้เปน็ คนลม้ ละลาย ผ้เู อาประกนั ภยั จะเรียก ให้หาประกันอนั สมควรใหแ้ กต่ นก็ได้ หรอื จะบอกเลิกสญั ญาเสียก็ได้ ถ้าผเู้ อาประกนั ภัยตอ้ งคำพิพากษาใหเ้ ป็นคนล้มละลาย ทา่ นให้ใช้วิธีเดียวกันนีบ้ ังคบั ตามควร แกเ่ รอ่ื ง แตก่ ระน้ันกด็ ี ถา้ เบี้ยประกนั ภัยไดส้ ง่ แลว้ เต็มจำนวนเพ่อื อายปุ ระกันภยั เปน็ ระยะเวลามากนอ้ ยเทา่ ใด ไซร้ ท่านหา้ มมใิ หผ้ ูร้ บั ประกนั ภัยบอกเลกิ สญั ญาก่อนระยะเวลาน้นั สุดลง มาตรา ๘๗๗ ผรู้ บั ประกนั ภยั จำต้องใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนดงั จะกลา่ วต่อไปน้ี คือ (๑) เพ่ือจำนวนวนิ าศภยั อันแทจ้ รงิ (๒) เพอื่ ความบบุ สลายอันเกดิ แกท่ รัพยส์ ินซงึ่ ได้เอาประกนั ภยั ไวเ้ พราะไดจ้ ัดการตามสมควร เพอ่ื ปอ้ งปัดความวนิ าศภยั (๓) เพ่ือบรรดาค่าใช้จา่ ยอนั สมควรซึง่ ไดเ้ สยี ไปเพื่อรักษาทรพั ย์สินซงึ่ เอาประกันภัยไว้นนั้ มิให้ วนิ าศ อนั จำนวนวินาศจริงนัน้ ทา่ นใหต้ รี าคา ณ สถานท่แี ละในเวลาซึ่งเหตวุ ินาศภัยนน้ั ไดเ้ กดิ ข้ึน อนึง่ จำนวนเงินซ่งึ ไดเ้ อาประกนั ภัยไว้นัน้ ทา่ นใหส้ ันนิษฐานไว้ก่อนว่าเปน็ หลักประมาณอนั ถูกตอ้ งในการตี ราคาเช่นวา่ นัน้ ทา่ นหา้ มมิให้คิดค่าสินไหมทดแทนเกินไปกว่าจำนวนเงินซง่ึ เอาประกันภัยไว้ มาตรา ๘๗๘ ค่าใชจ้ ่ายในการตรี าคาวนิ าศภยั น้ัน ทา่ นว่าผรู้ บั ประกนั ภัยต้องเป็นผอู้ อกใช้ มาตรา ๘๗๙ ผู้รบั ประกนั ภยั ไม่ตอ้ งรบั ผดิ ในเม่ือความวินาศภยั หรือเหตอุ ื่นซง่ึ ไดร้ ะบไุ วใ้ น สัญญานั้นไดเ้ กดิ ขึ้นเพราะความทจุ รติ หรอื ความประมาทเลนิ เล่ออยา่ งรา้ ยแรงของผเู้ อาประกันภยั หรือผ้รู บั ประโยชน์

157 ผู้รบั ประกนั ภัยไมต่ อ้ งรับผดิ ในความวนิ าศภัยอนั เปน็ ผลโดยตรงมาแต่ความไมส่ มประกอบใน เนื้อแห่งวตั ถทุ เ่ี อาประกันภัย เว้นแต่จะไดต้ กลงกันเปน็ อยา่ งอ่ืน มาตรา ๘๘๐ ถา้ ความวินาศภัยนน้ั ได้เกดิ ขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกไซร้ ผรู้ บั ประกันภัยได้ใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนไปเปน็ จำนวนเพยี งใด ผรู้ บั ประกนั ภัยยอ่ มเขา้ รบั ช่วงสิทธขิ องผเู้ อา ประกนั ภยั และของผูร้ บั ประโยชนซ์ ง่ึ มตี ่อบุคคลภายนอกเพียงน้ัน ถ้าผู้รับประกันภัยไดใ้ ช้ค่าสินไหมทดแทนไปแตเ่ พียงบางสว่ นไซร้ ท่านห้ามมิใหผ้ ูร้ บั ประกนั ภัยนนั้ ใชส้ ทิ ธขิ องตนใหเ้ สือ่ มเสยี สทิ ธิของผเู้ อาประกนั ภยั หรอื ผรู้ ับประโยชน์ ในการที่เขาจะเรยี กร้อง เอาคา่ สนิ ไหมทดแทนจากบคุ คลภายนอกเพ่ือเศษแหง่ จำนวนวนิ าศนัน้ มาตรา ๘๘๑ ถ้าความวินาศเกดิ ขึน้ เพราะภยั มีขึ้นดงั ผรู้ บั ประกันภัยตกลงประกนั ภัยไวไ้ ซร้ เมื่อผเู้ อาประกันภัยหรอื ผรู้ ับประโยชนท์ ราบความวินาศนัน้ แล้ว ต้องบอกกล่าวแกผ่ รู้ บั ประกันภัยโดยไม่ชักชา้ ถา้ มิไดป้ ฏิบตั ิตามบทบญั ญตั ิทีก่ ลา่ วมาในวรรคกอ่ น ผ้รู บั ประกนั ภยั อาจเรยี กร้องคา่ สนิ ไหม ทดแทนเพ่ือความเสียหายอย่างใด ๆ อนั เกดิ แตก่ ารนนั้ ได้ เวน้ แต่อกี ฝ่ายหนง่ึ จะพิสจู น์ได้วา่ ไม่สามารถท่จี ะ ปฏบิ ตั ไิ ด้ มาตรา ๘๘๒ ในการเรียกใหใ้ ช้ค่าสินไหมทดแทน ทา่ นหา้ มมใิ ห้ฟ้องคดเี มื่อพ้นกำหนดเวลา สองปนี บั แต่วันวินาศภัย ในการเรียกให้ใชห้ รอื ให้คืนเบย้ี ประกันภยั ทา่ นหา้ มมิใหฟ้ อ้ งคดเี ม่ือพน้ เวลาสองปีนบั แต่วัน ซึ่งสทิ ธจิ ะเรยี กให้ใชห้ รอื คืนเบย้ี ประกันภยั ถึงกำหนด สว่ นที่ ๒ วิธเี ฉพาะการประกนั ภยั ในการรบั ขน มาตรา ๘๘๓ อนั สัญญาประกันภยั ในการรบั ขนนน้ั ยอ่ มค้มุ ถงึ ความวนิ าศภัยทกุ อยา่ งซง่ึ อาจ เกิดแกข่ องที่ขนสง่ ในระหว่างเวลาตงั้ แตผ่ ขู้ นสง่ ได้รบั ของไป จนไดส้ ่งมอบของนน้ั แกผ่ รู้ ับตราสง่ และจำนวนคา่ สินไหมทดแทนนั้น ยอ่ มกำหนดตามทีข่ องซึ่งขนสง่ นน้ั จะไดม้ ีราคาเมอ่ื ถึงตำบลอนั กำหนดใหส้ ่ง มาตรา ๘๘๔ ถา้ ของซง่ึ ขนส่งนน้ั ได้เอาประกนั ภยั เมือ่ อยใู่ นระหว่างส่งเดนิ ทางไปท่านให้คิด มลู ประกันภัยในของน้ันนบั รวมทัง้ ราคาของ ณ สถานท่แี ละในเวลาทผี่ ูข้ นส่งไดร้ บั ของ และใหเ้ พ่มิ คา่ ระวางสง่ ของไปยงั สถานทีส่ ง่ มอบแกผ่ รู้ บั ตราส่ง กบั ทงั้ คา่ ใชจ้ ่ายอน่ื ๆ เน่อื งด้วยการส่งของไปนั้นเขา้ ด้วย

158 กำไรอนั จะพึงได้ในเวลาเม่ือส่งมอบของนน้ั ย่อมจะคิดรวมเข้าเปน็ มลู ประกนั ภัยได้ตอ่ เมอ่ื ได้มี ข้อตกลงกนั ไวเ้ ช่นน้นั ชัดแจ้ง มาตรา ๘๘๕ อนั สญั ญาประกนั ภยั ในการรบั ขนนน้ั ถงึ แม้การขนสง่ จะตอ้ งสะดุดหยดุ ลง ชัว่ ขณะหรือจะตอ้ งเปลี่ยนทางหรือเปลีย่ นวิธีขนสง่ อย่างหนง่ึ อย่างใดโดยเหตุจำเป็นในระหว่างส่งเดนิ ทางก็ดี ท่านว่าสัญญานัน้ กย็ ่อมคงเปน็ อันสมบูรณอ์ ยู่ เว้นแต่จะได้ระบไุ วใ้ นสัญญาเป็นอย่างอ่ืน มาตรา ๘๘๖ อันกรมธรรมป์ ระกนั ภัยในการรบั ขนนัน้ นอกจากท่ีได้ระบุไวแ้ ลว้ ในมาตรา ๘๖๗ ต้องมรี ายการเพม่ิ ข้ึนอีกดงั จะกลา่ วต่อไปนี้ คอื (๑) ระบทุ างและวธิ ขี นสง่ (๒) ชอ่ื หรอื ย่หี ้อของผ้ขู นสง่ (๓) สถานทซี่ ง่ึ กำหนดใหร้ บั และสง่ มอบของ (๔) กำหนดระยะเวลาขนสง่ ตามแต่มี สว่ นท่ี ๓ ประกนั ภัยคำ้ จนุ มาตรา ๘๘๗ อันวา่ ประกันภยั คำ้ จุนนนั้ คอื สัญญาประกันภยั ซ่ึงผรู้ บั ประกันภัยตกลงว่าจะใช้ คา่ สินไหมทดแทนในนามของผูเ้ อาประกนั ภัย เพ่ือความวินาศภยั อนั เกดิ ขน้ึ แก่บคุ คลอีกคนหนึ่ง และซึง่ ผเู้ อา ประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ บคุ คลผู้ต้องเสียหายชอบทจี่ ะไดร้ บั คา่ สนิ ไหมทดแทนตามทตี่ นควรจะไดน้ ัน้ จากผู้รบั ประกนั ภยั โดยตรง แต่คา่ สนิ ไหมทดแทนเช่นว่านี้หาอาจจะคดิ เกนิ ไปกว่าจำนวนอนั ผรู้ บั ประกันภยั จะพึงตอ้ งใช้ ตามสัญญานน้ั ไดไ้ ม่ ในคดีระหว่างบุคคลผตู้ อ้ งเสียหายกบั ผู้รบั ประกันภัยนั้น ท่านใหผ้ ตู้ อ้ งเสยี หายเรยี กตวั ผเู้ อา ประกันภัยเข้ามาในคดีด้วย อน่ึง ผูร้ บั ประกนั ภยั นั้นแมจ้ ะไดส้ ง่ ค่าสินไหมทดแทนให้แกผ่ เู้ อาประกนั ภยั แล้ว ก็ยังหาหลดุ พ้นจากความรบั ผดิ ตอ่ บุคคลผู้ตอ้ งเสียหายน้นั ไม่ เวน้ แตต่ นจะพสิ จู นไ์ ด้วา่ สินไหมทดแทนนั้นผู้เอาประกันภัยได้ ใชใ้ ห้แกผ่ ู้ตอ้ งเสยี หายแล้ว มาตรา ๘๘๘ ถ้าคา่ สินไหมทดแทนอนั ผรู้ บั ประกนั ภัยไดใ้ ช้ไปโดยคำพิพากษาน้ันยังไมค่ ุ้มคา่ วินาศภัยเต็มจำนวนไซร้ ทา่ นว่าผ้เู อาประกนั ภยั กย็ ังคงตอ้ งรบั ใชจ้ ำนวนท่ียงั ขาด เว้นไวแ้ ตบ่ ุคคลผู้ตอ้ งเสียหาย จะไดล้ ะเลยเสยี ไมเ่ รียกตัวผเู้ อาประกันภยั เขา้ มาสู่คดดี ้วยดงั กลา่ วไวใ้ นมาตรากอ่ น

159 หมวด ๓ ประกนั ชวี ิต มาตรา ๘๘๙ ในสญั ญาประกนั ชีวติ นนั้ การใชจ้ ำนวนเงนิ ยอ่ มอาศยั ความทรงชีพหรอื มรณะ ของบคุ คลคนหนงึ่ มาตรา ๘๙๐ จำนวนเงินอนั จะพงึ ใช้น้ัน จะชำระเป็นเงินจำนวนเดยี ว หรอื เปน็ เงนิ รายปกี ไ็ ด้ สดุ แล้วแต่จะตกลงกนั ระหว่างคู่สญั ญา มาตรา ๘๙๑ แมใ้ นกรณีทผ่ี ูเ้ อาประกนั ภัยมไิ ดเ้ ป็นผรู้ บั ประโยชน์เองก็ดี ผเู้ อาประกันภยั ย่อม มีสิทธทิ จี่ ะโอนประโยชนแ์ หง่ สัญญานัน้ ให้แกบ่ คุ คลอกี คนหนง่ึ ได้ เวน้ แต่จะได้ส่งมอบกรมธรรมป์ ระกันภัยใหแ้ ก่ ผรู้ บั ประโยชน์ไปแล้ว และผูร้ บั ประโยชนไ์ ด้บอกกล่าวเปน็ หนงั สอื ไปยงั ผรู้ ับประกนั ภยั แล้ววา่ ตนจำนงจะถือเอา ประโยชนแ์ ห่งสัญญานัน้ ถา้ กรมธรรมป์ ระกันภยั ได้ทำเป็นรูปให้ใช้เงินตามเขาสัง่ แล้ว ทา่ นให้นำบทบัญญตั ิมาตรา ๓๐๙ มาใชบ้ งั คับ มาตรา ๘๙๒ ในกรณีบอกลา้ งสญั ญาตามความในมาตรา ๘๖๕ ผรู้ บั ประกนั ภยั ต้องคนื ค่าไถ่ ถอนกรมธรรมป์ ระกนั ภยั ใหแ้ กผ่ ู้เอาประกันภัยหรอื ทายาทของผู้นน้ั มาตรา ๘๙๓ การใชเ้ งินอาศยั เหตุความทรงชพี หรือมรณะของบุคคลผใู้ ด แมไ้ ด้แถลงอายุ ของบคุ คลผ้นู ัน้ ไว้คลาดเคลอื่ นไมถ่ ูกต้องเปน็ เหตุให้ได้กำหนดจำนวนเบีย้ ประกันภัยไว้ตำ่ ไซร้ ท่านให้ลดจำนวน เงินอนั ผูร้ บั ประกันภยั จะพงึ ตอ้ งใช้น้ันลงตามสว่ น แตถ่ า้ ผู้รับประกันภยั พิสจู น์ไดว้ า่ ในขณะทท่ี ำสัญญาน้ันอายทุ ถ่ี กู ต้องแทจ้ รงิ อยนู่ อกจำกัด อตั ราตามทางคา้ ปกติของเขาแลว้ ท่านว่าสญั ญานน้ั เป็นโมฆยี ะ มาตรา ๘๙๔ ผูเ้ อาประกนั ภัยชอบทจ่ี ะบอกเลิกสัญญาประกันภยั เสียในเวลาใด ๆ กไ็ ดด้ ว้ ย การงดไมส่ ง่ เบ้ยี ประกันภยั ต่อไป ถา้ และได้สง่ เบย้ี ประกันภยั มาแลว้ อย่างน้อยสามปไี ซร้ ทา่ นว่าผเู้ อาประกนั ภยั ชอบท่ีจะไดร้ บั เงนิ ค่าเวนคนื กรมธรรมป์ ระกนั ภยั หรือรับกรมธรรมใ์ ชเ้ งินสำเรจ็ จากผรู้ ับประกนั ภัย

160 มาตรา ๘๙๕ เมอ่ื ใดจะตอ้ งใช้จำนวนเงินในเหตุมรณะของบคุ คลคนหนง่ึ คนใด ท่านว่าผู้รบั ประกันภัยจำต้องใชเ้ งินนัน้ ในเมอ่ื มรณภัยอนั น้นั เกดิ ขน้ึ เว้นแต่ (๑) บุคคลผนู้ ้ันได้กระทำอัตวินิบาตด้วยใจสมคั รภายในปหี นงึ่ นบั แต่วนั ทำสญั ญาหรอื (๒) บคุ คลผู้นนั้ ถกู ผรู้ บั ประโยชนฆ์ า่ ตายโดยเจตนา ในกรณที ี่ ๒ นี้ ทา่ นวา่ ผ้รู ับประกนั ภยั จำต้องใช้เงนิ ค่าไถถ่ อนกรมธรรมใ์ หแ้ ก่ผเู้ อาประกันภยั หรือให้แกท่ ายาทของผ้นู ัน้ มาตรา ๘๙๖ ถ้ามรณภัยเกดิ ขนึ้ เพราะความผดิ ของบุคคลภายนอก ผู้รบั ประกันภยั หาอาจจะ เรียกเอาค่าสนิ ไหมทดแทนจากบุคคลภายนอกนน้ั ไดไ้ ม่ แต่สทิ ธิของฝ่ายทายาทแห่งผูม้ รณะในอันจะได้ค่า สนิ ไหมทดแทนจากบคุ คลภายนอกนน้ั หาสญู ส้นิ ไปด้วยไม่ แมท้ ้ังจำนวนเงินอนั จะพงึ ใช้ตามสัญญาประกนั ชีวิต นั้นจะหวนกลับมาได้แก่ตนดว้ ย มาตรา ๘๙๗ ถา้ ผเู้ อาประกนั ภยั ไดเ้ อาประกันภัยไวโ้ ดยกำหนดวา่ เมื่อตนถึงซึง่ ความมรณะ ให้ใช้เงินแกท่ ายาททัง้ หลายของตนโดยมิได้เจาะจงระบุช่ือผหู้ นึ่งผใู้ ดไวไ้ ซร้ จำนวนเงินอันจะพงึ ใชน้ ้ัน ทา่ นให้ ฟงั เอาเปน็ สินทรพั ย์สว่ นหนึ่งแหง่ กองมรดกของผเู้ อาประกันภัย ซ่งึ เจา้ หน้ีจะเอาใช้หน้ไี ด้ ถา้ ไดเ้ อาประกนั ภัยไวโ้ ดยกำหนดว่าใหใ้ ช้เงินแกบ่ คุ คลคนใดคนหนง่ึ โดยเฉพาะเจาะจง ท่าน ว่าเฉพาะแตจ่ ำนวนเงนิ เบี้ยประกนั ภัยซึง่ ผ้เู อาประกนั ภัยไดส้ ง่ ไปแลว้ เท่านัน้ จกั เป็นสนิ ทรพั ยส์ ว่ นหน่ึงแห่งกอง มรดกของผเู้ อาประกันภัยอนั เจ้าหนจ้ี ะเอาใชห้ นไ้ี ด้ ลกั ษณะ ๒๑ ตัว๋ เงิน หมวด ๑ บทเบ็ดเสรจ็ ทั่วไป มาตรา ๘๙๘ อนั ต๋ัวเงินตามความหมายแหง่ ประมวลกฎหมายนม้ี สี ามประเภท ๆ หนง่ึ คือต๋วั แลกเงนิ ประเภทหนง่ึ คอื ตวั๋ สญั ญาใช้เงิน ประเภทหน่ึง คือเช็ค มาตรา ๘๙๙ ข้อความอันใดซง่ึ มไิ ด้มบี ัญญตั ไิ ว้ในประมวลกฎหมายลักษณะน้ี ถ้าเขียนลงใน ตัว๋ เงิน ท่านวา่ ข้อความอนั นนั้ หาเปน็ ผลอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดแก่ต๋ัวเงินน้นั ไม่

161 มาตรา ๙๐๐ บคุ คลผู้ลงลายมอื ชือ่ ของตนในตว๋ั เงนิ ย่อมจะต้องรบั ผดิ ตามเนื้อความในตวั๋ เงิน นัน้ ถ้าลงเพียงแตเ่ ครอ่ื งหมายอยา่ งหนงึ่ อยา่ งใด เช่น แกงไดหรอื ลายพิมพน์ วิ้ มอื อ้างเอาเป็น ลายมอื ชอื่ ในต๋ัวเงินไซร้ แมถ้ ึงว่าจะมีพยานลงชอ่ื รบั รองก็ตาม ท่านว่าหาใหผ้ ลเป็นลงลายมอื ชอื่ ในตว๋ั เงินน้ันไม่ มาตรา ๙๐๑ ถา้ บคุ คลคนใดลงลายมอื ชือ่ ของตนในตัว๋ เงนิ และมิไดเ้ ขียนแถลงวา่ กระทำการ แทนบคุ คลอีกคนหนง่ึ ไซร้ ท่านว่าบคุ คลคนนัน้ ย่อมเป็นผูร้ บั ผดิ ตามความในตวั๋ เงนิ น้ัน มาตรา ๙๐๒ ถา้ ตั๋วเงินลงลายมอื ชื่อของบุคคลหลายคน มีทง้ั บุคคลซงึ่ ไมอ่ าจจะเป็นคสู่ ญั ญา แหง่ ตั๋วเงนิ นนั้ ได้เลย หรอื เป็นได้แตไ่ มเ่ ตม็ ผลไซร้ ทา่ นวา่ การนี้ย่อมไมก่ ระทบกระทง่ั ถึงความรบั ผิดของบคุ คล อน่ื ๆ นอกน้นั ซงึ่ คงต้องรบั ผดิ ตามตั๋วเงนิ มาตรา ๙๐๓ ในการใชเ้ งินตามตวั๋ เงิน ทา่ นมิให้ให้วนั ผอ่ น มาตรา ๙๐๔ อันผู้ทรงนัน้ หมายความว่า บุคคลผมู้ ตี วั๋ เงินไวใ้ นครอบครอง โดยฐานเป็นผูร้ บั เงิน หรอื เปน็ ผรู้ ับสลกั หลงั ถา้ และเป็นตั๋วเงนิ สง่ั จ่ายใหแ้ ก่ผู้ถอื ๆ กน็ บั ว่าเปน็ ผู้ทรงเหมอื นกนั มาตรา ๙๐๕ ภายในบงั คับแหง่ บทบัญญัติมาตรา ๑๐๐๘ บคุ คลผูไ้ ด้ต๋ัวเงินไวใ้ นครอบครอง ถ้าแสดงให้ปรากฏสทิ ธดิ ้วยการสลกั หลงั ไม่ขาดสาย แมถ้ งึ ว่าการสลกั หลงั รายทีส่ ดุ จะเป็นสลักหลงั ลอยก็ตาม ท่านใหถ้ ือวา่ เปน็ ผูท้ รงโดยชอบด้วยกฎหมาย เมอ่ื ใดรายการสลกั หลงั ลอยมีสลกั หลงั รายอน่ื ตามหลงั ไปอกี ทา่ น ใหถ้ ือว่าบคุ คลผทู้ ีล่ งลายมอื ชอื่ ในการสลกั หลังรายทส่ี ุดนัน้ เปน็ ผู้ไดไ้ ปซง่ึ ต๋ัวเงินดว้ ยการสลักหลงั ลอย อนงึ่ คำ สลกั หลงั เมอ่ื ขีดฆ่าเสียแล้ว ท่านใหถ้ อื เสมอื นวา่ มิไดม้ ีเลย ถ้าบคุ คลผหู้ น่ึงผใู้ ดตอ้ งปราศจากตว๋ั เงินไปจากครอบครอง ท่านว่าผทู้ รงซง่ึ แสดงใหป้ รากฏ สทิ ธขิ องตนในตัว๋ ตามวธิ กี ารดังกล่าวมาในวรรคก่อนนนั้ หาจำตอ้ งสละตว๋ั เงนิ ไม่ เวน้ แต่จะไดม้ าโดยทุจริต หรอื ได้มาดว้ ยความประมาทเลนิ เลอ่ อย่างรา้ ยแรง อนึ่ง ขอ้ ความในวรรคก่อนน้ี ใหใ้ ช้บังคบั ตลอดถงึ ผู้ทรงต๋ัวเงนิ สงั่ จ่ายให้แกผ่ ้ถู ือด้วย มาตรา ๙๐๖ คำวา่ คูส่ ญั ญาคนก่อน ๆ นน้ั รวมทงั้ ผสู้ ั่งจ่าย หรือผอู้ อกตวั๋ เงินและผสู้ ลกั หลงั คนกอ่ น ๆ ด้วย มาตรา ๙๐๗ เมื่อใดไม่มที ใ่ี นตว๋ั เงินซง่ึ จะสลกั หลงั ได้ต่อไปไซร้ ท่านอนุญาตใหเ้ อากระดาษ แผ่นหน่ึงผนกึ ตอ่ เขา้ กบั ตวั๋ เงนิ เรียกวา่ ใบประจำต่อ นับเปน็ สว่ นหน่ึงแห่งต๋วั เงินนั้น

162 การสลักหลงั ในใบประจำตอ่ ครงั้ แรกตอ้ งเขียนคาบบนตวั๋ เงนิ เดิมบา้ ง บนใบประจำตอ่ บา้ ง หมวด ๒ ตั๋วแลกเงิน ส่วนท่ี ๑ การออกและสลกั หลงั ตั๋วแลกเงิน มาตรา ๙๐๘ อนั ว่าตว๋ั แลกเงินนัน้ คือหนงั สอื ตราสารซึง่ บุคคลคนหนง่ึ เรยี กว่าผสู้ ่ังจ่าย สั่ง บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผจู้ ่าย ให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งแกบ่ ุคคลคนหนงึ่ หรอื ใหใ้ ช้ตามคำส่งั ของบุคคลคนหนึ่งซง่ึ เรียกว่าผรู้ บั เงนิ มาตรา ๙๐๙ อนั ต๋วั แลกเงินน้นั ตอ้ งมรี ายการดงั กลา่ วต่อไปน้ี คอื (๑) คำบอกช่อื วา่ เปน็ ต๋วั แลกเงนิ (๒) คำส่งั อันปราศจากเงื่อนไขใหจ้ ่ายเงนิ เป็นจำนวนแนน่ อน (๓) ชอ่ื หรือยหี่ อ้ ผจู้ ่าย (๔) วนั ถึงกำหนดใชเ้ งนิ (๕) สถานท่ใี ช้เงิน (๖) ช่อื หรือยหี่ อ้ ผรู้ ับเงิน หรอื คำจดแจง้ วา่ ให้ใช้เงนิ แก่ผู้ถือ (๗) วันและสถานทอี่ อกตวั๋ เงิน (๘) ลายมอื ช่อื ผสู้ ั่งจ่าย มาตรา ๙๑๐ ตราสารอนั มรี ายการขาดตกบกพรอ่ งไปจากทที่ า่ นระบบุ งั คบั ไวใ้ นมาตราก่อนน้ี ย่อมไม่สมบรู ณเ์ ป็นต๋วั แลกเงนิ เว้นแตใ่ นกรณีดังจะกลา่ วต่อไปนี้ คอื ตั๋วแลกเงินซงึ่ ไมร่ ะบเุ วลาใช้เงิน ทา่ นให้ถือวา่ พึงใช้เงนิ เมอ่ื ได้เห็น ถ้าสถานท่ีใชเ้ งนิ มิได้แถลงไวใ้ นตัว๋ แลกเงิน ทา่ นใหถ้ ือเอาภูมลิ ำเนาของผจู้ า่ ยเป็นสถานท่ใี ช้ เงิน ถ้าตั๋วแลกเงินไมแ่ สดงใหป้ รากฏสถานที่ออกต๋วั ท่านให้ถือว่าตว๋ั เงนิ นัน้ ไดอ้ อก ณ ภูมิลำเนา ของผสู้ ่งั จา่ ย ถ้ามไิ ดล้ งวนั ออกต๋วั ท่านวา่ ผทู้ รงโดยชอบดว้ ยกฎหมายคนหนึง่ คนใดทำการโดยสจุ รติ จะจด วนั ตามทถี่ ูกตอ้ งแทจ้ รงิ ลงก็ได้

163 มาตรา ๙๑๑ ผ้สู งั่ จ่ายจะเขียนข้อความกำหนดลงไวว้ า่ จำนวนเงินอนั จะพึงใช้น้นั ให้คิด ดอกเบ้ียดว้ ยก็ได้ และในกรณีเช่นนัน้ ถ้ามิได้กลา่ วลงไว้เป็นอยา่ งอน่ื ท่านวา่ ดอกเบีย้ ย่อมคดิ แต่วนั ทล่ี งในตัว๋ เงิน มาตรา ๙๑๒ อนั ตัว๋ แลกเงนิ นนั้ จะออกสงั่ ใหใ้ ช้เงินตามคำสงั่ ของผู้สงั่ จา่ ยกไ็ ด้ อนง่ึ จะสง่ั จา่ ยเอาจากตวั ผสู้ ง่ั จ่ายเอง หรือสงั่ จ่ายเพอื่ บุคคลภายนอกกไ็ ด้ ตอ่ ไปนี้ คือ มาตรา ๙๑๓ อันวันถึงกำหนดของต๋วั แลกเงินนัน้ ทา่ นวา่ ย่อมเป็นอยา่ งใดอย่างหน่งึ ดังกลา่ ว (๑) ในวนั ใดวนั หนึง่ ทกี่ ำหนดไว้ หรอื (๒) เมื่อส้ินระยะเวลาอันกำหนดไว้นับแตว่ ันทลี่ งในตัว๋ นนั้ หรอื (๓) เม่อื ทวงถาม หรือเม่อื ได้เห็น หรอื (๔) เมื่อสนิ้ ระยะเวลาอนั กำหนดไวน้ ับแต่ได้เหน็ มาตรา ๙๑๔ บุคคลผูส้ ง่ั จ่ายหรือสลกั หลังตว๋ั แลกเงินยอ่ มเปน็ อนั สญั ญาว่า เมือ่ ต๋วั นน้ั ได้นำ ย่ืนโดยชอบแลว้ จะมผี รู้ บั รองและใชเ้ งนิ ตามเนื้อความแห่งตวั๋ ถา้ และต๋วั แลกเงินน้นั เขาไมเ่ ชือ่ ถือโดยไมย่ อม รับรองก็ดี หรอื ไม่ยอมจ่ายเงนิ ก็ดี ผู้สง่ั จ่ายหรือผสู้ ลักหลงั กจ็ ะใช้เงนิ แก่ผทู้ รง หรอื แก่ผสู้ ลกั หลงั คนหลงั ซึ่งตอ้ ง ถูกบงั คบั ให้ใช้เงินตามต๋วั นน้ั ถา้ หากวา่ ได้ทำถูกต้องตามวิธกี ารในข้อไมร่ บั รองหรอื ไม่จา่ ยเงินน้ันแลว้ มาตรา ๙๑๕ ผู้สงั่ จา่ ยตัว๋ แลกเงนิ และผสู้ ลักหลงั คนใด ๆ ก็ดี จะจดข้อกำหนดซ่ึงจะกลา่ ว ตอ่ ไปนล้ี งไวช้ ัดแจง้ ในต๋ัวนัน้ ก็ได้ คอื (๑) ขอ้ กำหนดลบลา้ งหรือจำกดั ความรบั ผิดของตนเองต่อผทู้ รงต๋ัวเงนิ (๒) ข้อกำหนดยอมลดละให้แกผ่ ทู้ รงตว๋ั เงนิ ซง่ึ หนา้ ทท่ี ้งั หลายอันผู้ทรงจะพึงตอ้ งมแี กต่ น บางอย่างหรอื ทั้งหมด มาตรา ๙๑๖ บคุ คลทงั้ หลายผู้ถูกฟ้องในมลู ต๋ัวแลกเงินหาอาจจะต่อสผู้ ทู้ รงด้วยข้อต่อสู้อนั อาศัยความเกยี่ วพนั กันเฉพาะบคุ คลระหวา่ งตนกบั ผสู้ ง่ั จา่ ยหรอื กบั ผทู้ รงคนก่อน ๆ น้นั ได้ไม่ เวน้ แตก่ ารโอนจะ ไดม้ ีขน้ึ ด้วยคบคดิ กนั ฉ้อฉล มาตรา ๙๑๗ อันตั๋วแลกเงนิ ทกุ ฉบับ ถึงแมว้ า่ จะมใิ ชส่ ่ังจ่ายใหแ้ ก่บคุ คลเพ่ือเขาสง่ั ก็ตาม ทา่ น วา่ ย่อมโอนให้กันได้ด้วยสลกั หลงั และสง่ มอบ

164 เม่อื ผ้สู งั่ จ่ายเขียนลงในด้านหน้าแห่งต๋วั แลกเงนิ วา่ “เปลย่ี นมอื ไม่ได้” ดงั น้กี ด็ ี หรอื เขียนคำ อน่ื อันได้ความเป็นทำนองเช่นเดียวกันนนั้ ก็ดี ท่านวา่ ตัว๋ เงินนน้ั ย่อมจะโอนใหก้ นั ได้แตโ่ ดยรูปการและด้วยผล อยา่ งการโอนสามัญ อนึง่ ตว๋ั เงินจะสลักหลงั ใหแ้ กผ่ ้จู ่ายกไ็ ด้ ไมว่ ่าผจู้ า่ ยจะไดร้ บั รองตัว๋ น้นั หรอื ไม่ หรือจะสลกั หลัง ใหแ้ กผ่ สู้ ง่ั จ่าย หรอื ใหแ้ ก่คู่สญั ญาฝ่ายอน่ื ใดแหง่ ตวั๋ เงนิ นน้ั ก็ได้ ส่วนบคุ คลทง้ั หลายเหล่านกี้ ็ย่อมจะสลกั หลังต๋วั เงนิ นั้นต่อไปอกี ได้ มาตรา ๙๑๘ ตั๋วแลกเงินอนั สงั่ ให้ใช้เงนิ แก่ผู้ถือน้นั ทา่ นว่ายอ่ มโอนไปเพยี งด้วยสง่ มอบใหก้ นั มาตรา ๙๑๙ คำสลักหลังนั้นตอ้ งเขียนลงในต๋ัวแลกเงนิ หรือใบประจำตอ่ และตอ้ งลงลายมือ ชอ่ื ผ้สู ลกั หลงั การสลักหลงั ยอ่ มสมบรู ณแ์ มท้ ัง้ มไิ ดร้ ะบชุ อื่ ผรู้ บั ประโยชนไ์ ว้ด้วย หรอื แม้ผสู้ ลกั หลงั จะมิได้ กระทำอะไรย่ิงไปกว่าลงลายมอื ชอ่ื ของตนท่ีด้านหลงั ตัว๋ แลกเงนิ หรือท่ใี บประจำตอ่ กย็ ่อมฟังเปน็ สมบรู ณด์ ุจกนั การสลกั หลงั เชน่ น้ีท่านเรียกวา่ “สลกั หลงั ลอย” มาตรา ๙๒๐ อนั การสลกั หลงั ยอ่ มโอนไปซ่ึงบรรดาสทิ ธิอนั เกดิ แต่ตว๋ั แลกเงนิ ถ้าสลักหลงั ลอย ผูท้ รงจะปฏิบัตดิ งั กลา่ วตอ่ ไปน้ปี ระการหนง่ึ ประการใดกไ็ ด้ คอื (๑) กรอกความลงในที่วา่ งด้วยเขยี นชื่อของตนเองหรือชื่อบคุ คลอืน่ ผ้ใู ดผหู้ นง่ึ (๒) สลักหลงั ตว๋ั เงนิ ต่อไปอกี เปน็ สลกั หลงั ลอย หรอื สลกั หลงั ให้แกบ่ ุคคลอืน่ ผใู้ ดผหู้ นง่ึ (๓) โอนตว๋ั เงนิ นนั้ ใหไ้ ปแกบ่ คุ คลภายนอกโดยไม่กรอกความลงในท่ีวา่ ง และไมส่ ลกั หลงั อย่าง หนึ่งอย่างใด มาตรา ๙๒๑ การสลักหลังตวั๋ แลกเงินซ่งึ ส่งั ใหใ้ ช้เงนิ แกผ่ ู้ถือนนั้ ย่อมเปน็ เพยี งประกัน (อาวลั ) สำหรบั ผสู้ ง่ั จา่ ย มาตรา ๙๒๒ การสลักหลังนัน้ ตอ้ งให้เป็นข้อความอันปราศจากเงือ่ นไข ถา้ และวางเงอื่ นไข บงั คับลงไว้อยา่ งใด ทา่ นให้ถือเสมือนวา่ ขอ้ เงอื่ นไขนนั้ มิได้เขียนลงไว้เลย อนง่ึ การสลกั หลังโอนแตบ่ างสว่ น ทา่ นว่าเปน็ โมฆะ มาตรา ๙๒๓ ผสู้ ลกั หลงั คนใดระบขุ ้อความหา้ มสลกั หลงั สืบไปลงไว้แล้ว ผสู้ ลักหลังคนน้ัน ย่อมไมต่ ้องรบั ผิดตอ่ บคุ คลอันเขาสลกั หลงั ตวั๋ แลกเงนิ นั้นให้ไปในภายหลงั

165 มาตรา ๙๒๔ ถา้ ต๋วั แลกเงนิ สลกั หลงั ต่อเม่ือสิ้นเวลาเพอื่ คดั คา้ นการไม่รบั รองหรือการไม่ใช้ เงนิ นนั้ แลว้ ไซร้ ท่านว่าผ้รู บั สลักหลงั ยอ่ มไดไ้ ปซ่ึงสทิ ธิแหง่ การรบั รองตามแต่มีต่อผจู้ า่ ย กับสทิ ธิไลเ่ บ้ยี เอาแก่ บรรดาผู้ซง่ึ สลักหลงั ตั๋วเงินน้ันภายหลงั ท่ีสิ้นเวลาเช่นนั้น แตถ่ า้ ตั๋วเงนิ นน้ั ไดม้ คี ดั ค้านการไม่รับรองหรอื การไมใ่ ชเ้ งนิ มาแต่ก่อนสลกั หลงั แล้วไซร้ ท่านวา่ ผู้รบั สลักหลงั ยอ่ มได้ไปแต่เพยี งสทิ ธขิ องผู้ซงึ่ สลกั หลงั ใหแ้ ก่ตนอันมตี ่อผรู้ ับรองตอ่ ผู้สั่งจ่าย และต่อบรรดาผ้ทู ่ี สลกั หลงั ต๋ัวเงินนนั้ มาก่อนย้อนข้นึ ไปจนถึงเวลาคัดคา้ นเท่านน้ั มาตรา ๙๒๕ เมือ่ ใดความทสี่ ลกั หลงั มขี ้อกำหนดว่า “ราคาอยู่ท่ีเรียกเก็บ” กด็ ี “เพื่อเรียก เก็บ” ก็ดี “ในฐานจดั การแทน” กด็ ี หรอื ความสำนวนอน่ื ใดอันเป็นปริยายวา่ ตัวแทนไซร้ ท่านวา่ ผทู้ รงต๋วั แลก เงนิ จะใช้สิทธทิ ง้ั ปวงอนั เกิดแต่ต๋ัวนั้นกย็ ่อมได้ทงั้ ส้นิ แต่วา่ จะสลกั หลงั ไดเ้ พยี งในฐานเปน็ ตัวแทน ในกรณเี ชน่ นี้ คู่สัญญาทั้งหลายซงึ่ ต้องรบั ผิดอาจจะต่อสผู้ ู้ทรงได้แต่เพยี งดว้ ยข้อต่อสอู้ นั จะพงึ ใช้ได้ต่อผสู้ ลักหลงั เทา่ นั้น มาตรา ๙๒๖ เม่ือใดความทสี่ ลกั หลงั มขี ้อกำหนดว่า “ราคาเป็นประกนั ” กด็ ี “ราคาเป็น จำนำ” กด็ ี หรอื ข้อกำหนดอยา่ งอ่ืนใดอนั เปน็ ปรยิ ายว่าจำนำไซร้ ท่านวา่ ผูท้ รงตั๋วแลกเงนิ จะใชส้ ิทธทิ งั้ ปวงอัน เกดิ แตต่ วั๋ น้นั ก็ยอ่ มได้ทงั้ สิ้น แตถ่ า้ ผ้ทู รงสลกั หลังตัว๋ น้ัน ทา่ นวา่ การสลักหลังยอ่ มใช้ไดเ้ พียงในฐานเปน็ คำสลัก หลงั ของตวั แทน คสู่ ญั ญาทงั้ หลายซง่ึ ต้องรับผิดหาอาจจะต่อสผู้ ทู้ รงดว้ ยขอ้ ตอ่ สู้อนั อาศัยความเกย่ี วพนั เฉพาะ บุคคลระหว่างตนกบั ผสู้ ลกั หลงั นน้ั ได้ไม่ เวน้ แต่การสลกั หลังจะได้มขี ึ้นด้วยคบคดิ กันฉ้อฉล สว่ นที่ ๒ การรบั รอง มาตรา ๙๒๗ อนั ตวั๋ แลกเงนิ นน้ั จะนำไปยื่นแกผ่ จู้ า่ ย ณ ทอี่ ยู่ของผจู้ า่ ย เพอื่ ใหร้ บั รองเมอื่ ไร ๆ กไ็ ด้ จนกว่าจะถึงเวลากำหนดใชเ้ งนิ และผทู้ รงจะเปน็ ผ้ยู นื่ หรือเพยี งแตผ่ ทู้ ไี่ ด้ต๋ัวนัน้ ไวใ้ นครอบครองจะเป็นผู้ นำไปยื่นกไ็ ด้ ในตั๋วแลกเงนิ นัน้ ผสู้ ง่ั จ่ายจะลงขอ้ กำหนดไว้ว่าใหน้ ำย่ืนเพอื่ รับรอง โดยกำหนดเวลาจำกดั ไว้ ให้ยื่น หรอื ไมก่ ำหนดเวลาก็ได้ ผสู้ งั่ จ่ายจะหา้ มการนำต๋วั แลกเงินยนื่ เพือ่ รับรองก็ได้ เวน้ แตใ่ นกรณที ีเ่ ป็นต๋ัวเงนิ อันได้ออกสง่ั ให้ใช้เงนิ เฉพาะ ณ สถานทีอ่ น่ื ใดอนั มิใช่ภมู ิลำเนาของผจู้ า่ ย หรอื ได้ออกสง่ั ใหใ้ ช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่งนบั แต่ ไดเ้ ห็น

166 อน่ึง ผสู้ งั่ จา่ ยจะลงข้อกำหนดไว้ว่ายังมิใหน้ ำตวั๋ ยนื่ เพ่ือให้รบั รองกอ่ นถงึ กำหนดวนั ใดวนั หนงึ่ ก็ ได้ ผู้สลักหลงั ทกุ คนจะลงข้อกำหนดไว้วา่ ใหน้ ำต๋วั เงนิ ยนื่ เพอื่ รบั รอง โดยกำหนดเวลาจำกดั ไว้ให้ ย่นื หรอื ไมก่ ำหนดเวลากไ็ ด้ เว้นแตผ่ ู้สัง่ จา่ ยจะได้หา้ มการรบั รอง มาตรา ๙๒๘ ผู้ทรงตวั๋ แลกเงนิ อนั สงั่ ใหใ้ ชเ้ งินเม่อื ส้นิ ระยะเวลากำหนดอย่างใดอยา่ งหนงึ่ นบั แต่ได้เหน็ นนั้ ต้องนำต๋ัวเงนิ ยน่ื เพ่อื ใหร้ บั รองภายในหกเดอื นนับแตว่ นั ที่ลงในต๋ัวเงิน หรอื ภายในเวลาชา้ เร็วกว่า น้ันตามแต่ผสู้ งั่ จ่ายจะได้ระบุไว้ มาตรา ๙๒๙ ภายในบงั คบั บทบญั ญัตมิ าตรา ๙๒๗ ผูท้ รงตวั๋ แลกเงนิ มสี ทิ ธทิ ่จี ะย่นื ตวั๋ เงินแก่ ผ้จู า่ ยได้ในทันใดเพอื่ ใหร้ ับรอง ถา้ และเขาไมร่ บั รองภายในเวลายส่ี บิ สี่ชว่ั โมงไซร้ ผทู้ รงก็มสี ทิ ธทิ จ่ี ะคดั ค้าน มาตรา ๙๓๐ ในการยื่นตวั๋ แลกเงนิ เพอ่ื ใหเ้ ขารบั รองนน้ั ผทู้ รงไมจ่ ำตอ้ งปลอ่ ยตัว๋ น้นั ใหไ้ ว้ใน มอื ผจู้ า่ ย อน่งึ ผ้จู า่ ยจะเรียกให้ยน่ื ตวั๋ แลกเงินแก่ตนอกี เป็นคร้งั ทีส่ องในวนั ร่งุ ขึน้ แตว่ ันทีย่ น่ื ครงั้ แรกนั้น กไ็ ด้ ท่านหา้ มมิใหค้ ู่กรณที มี่ สี ่วนได้เสียยกเอาการทม่ี ิได้อนุวัตตามคำเรียกอนั น้ีข้นึ เป็นขอ้ ต่อสู้ เว้นแต่การเรยี ก น้นั ไดร้ ะบุไว้ในคำคัดค้าน มาตรา ๙๓๑ การรบั รองนั้นพงึ กระทำด้วยเขยี นลงไวใ้ นด้านหนา้ แหง่ ต๋วั แลกเงินเป็นถ้อยคำ สำนวนวา่ “รบั รองแลว้ ” หรอื ความอย่างอ่นื ทำนองเช่นเดียวกนั นัน้ และลงลายมือชอื่ ของผจู้ ่าย อน่ึง แตเ่ พยี ง ลายมือชือ่ ของผจู้ ่ายลงไวใ้ นดา้ นหน้าแห่งตว๋ั แลกเงนิ ทา่ นก็จดั ว่าเป็นคำรบั รองแลว้ มาตรา ๙๓๒ ต๋ัวแลกเงนิ ฉบับใดเขียนสั่งให้ใช้เงินในกำหนดระยะเวลาอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ นบั แต่วันทล่ี งในตั๋วเงินน้นั แต่หากมิได้ลงวนั ไวก้ ด็ ี หรอื ต๋วั เงนิ ฉบับใดสงั่ ใหใ้ ช้เงินในกำหนดระยะเวลาอย่างใดอย่าง หนง่ึ นับแตไ่ ด้เหน็ แตห่ ากคำรบั รองต๋ัวน้ันมไิ ดล้ งวันไว้กด็ ี ตัว๋ แลกเงนิ เชน่ ว่ามานี้ ท่านวา่ ผู้ทรงจะจดวันออกตว๋ั หรือวนั รบั รองลงตามทแี่ ท้จริงกไ็ ด้ แล้วพงึ ใหใ้ ช้เงนิ ตามนัน้ อนึ่ง ทา่ นบัญญัตไิ ว้ว่า ในกรณีทีผ่ ู้ทรงทำการโดยสจุ ริตแต่ลงวนั คลาดเคลอื่ นไปดว้ ยสำคญั ผิด และในกรณลี งวนั ผดิ ทกุ สถาน หากวา่ ในภายหลงั ตว๋ั เงนิ นน้ั ตกไปยังมือผ้ทู รงโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ตวั๋ เงิน จะเสยี ไปเพราะเหตุนนั้ ก็หาไม่ ท่านใหค้ งเป็นตั๋วเงินทใี่ ชไ้ ด้ และพึงใชเ้ งินกันเสมอื นดงั ว่าวนั ทไ่ี ดจ้ ดลงนัน้ เปน็ วันทถี่ ูกต้องแท้จริง

167 มาตรา ๙๓๓ ถ้าการรบั รองมไิ ด้ลงวนั ท่านให้ถือเอาวนั สดุ ทา้ ยแห่งระยะเวลาอนั กำหนดไว้ เพือ่ รบั รองน้นั เปน็ วนั รบั รอง มาตรา ๙๓๔ ถา้ ผู้จา่ ยเขยี นคำรบั รองลงในต๋ัวแลกเงนิ แล้ว แตห่ ากกลบั ขีดฆ่าเสียกอ่ นตั๋วเงนิ น้นั หลุดพน้ ไปจากมอื ตนไซร้ ท่านใหถ้ อื เปน็ อนั ว่าได้บอกปดั ไม่รับรอง แต่ถา้ ผจู้ า่ ยไดแ้ จง้ ความเป็นหนงั สอื ไปยงั ผทู้ รง หรือคู่สญั ญาฝ่ายอนื่ ซงึ่ ไดล้ งนามในตวั๋ เงนิ วา่ ตนรบั รองต๋วั เงนิ นนั้ กอ่ นแลว้ จึงมาขดี ฆ่าคำรบั รองต่อ ภายหลังไซร้ ทา่ นวา่ ผจู้ า่ ยก็คงต้องผกู พนั อยตู่ ามเนอื้ ความทตี่ นได้เขยี นรับรองนัน้ เอง มาตรา ๙๓๕ อนั การรบั รองนน้ั ยอ่ มมไี ด้สองสถาน คือรบั รองตลอดไป หรือรับรองเบ่ยี งบา่ ย การรบั รองตลอดไป คือยอมตกลงโดยไม่แก้แยง้ คำสงั่ ของผ้สู งั่ จา่ ยแต่อย่างหน่ึงอย่างใดเลย ส่วนการรับรองเบีย่ งบ่ายน้นั กล่าวเปน็ เนอ้ื ความทำผลแหง่ ตวั๋ เงินให้แผกไปจากทเ่ี ขียนสง่ั ไว้ กลา่ วโดยเฉพาะก็คอื วา่ ถา้ คำรบั รองมเี งือ่ นไขกด็ ี หรอื รบั รองแต่เพยี งบางสว่ นกด็ ี ท่านวา่ เป็น รบั รองเบย่ี งบ่าย มาตรา ๙๓๖ คำรบั รองเบย่ี งบา่ ยนนั้ ผ้ทู รงตว๋ั แลกเงินจะบอกปัดเสยี ก็ได้ และถ้าไมไ่ ด้คำ รับรองอันไมเ่ บ่ียงบา่ ย จะถือเอาวา่ ตั๋วเงินน้ันเปน็ อันขาดความเช่ือถอื รบั รองก็ได้ ถา้ ผ้ทู รงรบั เอาคำรับรองเบี่ยงบ่าย และผสู้ งั่ จา่ ยหรอื ผสู้ ลกั หลังมิได้ใหอ้ ำนาจแกผ่ ทู้ รงโดย แสดงออกชดั หรือโดยปรยิ ายใหร้ บั เอาคำรบั รองเบ่ียงบ่ายเชน่ นนั้ ก็ดี หรือไมย่ นิ ยอมดว้ ยในภายหลงั กด็ ี ทา่ นว่า ผูส้ งั่ จ่ายหรือผสู้ ลกั หลังนนั้ ๆ ย่อมหลุดพ้นจากความรบั ผดิ ตามต๋ัวเงนิ นัน้ แตบ่ ทบัญญตั ทิ ั้งนที้ ่านมใิ หใ้ ชไ้ ปถึง การรบั รองแตบ่ างส่วนซง่ึ ได้บอกกล่าวก่อนแลว้ โดยชอบ ถา้ ผู้สัง่ จ่ายหรือผ้สู ลกั หลงั ตว๋ั เงินรับคำบอกกลา่ วการรบั รองเบยี่ งบ่ายแล้วไม่โต้แย้งไปยงั ผทู้ รง ภายในเวลาอันสมควร ทา่ นให้ถอื วา่ ผู้สงั่ จา่ ยหรอื ผสู้ ลกั หลังนัน้ เปน็ อันไดย้ นิ ยอมดว้ ยกบั การนนั้ แลว้ มาตรา ๙๓๗ ผ้จู ่ายได้ทำการรับรองต๋ัวแลกเงินแล้วยอ่ มต้องผกู พันในอันจะจา่ ยเงินจำนวนที่ รับรองตามเนอ้ื ความแหง่ คำรบั รองของตน ส่วนที่ ๓ อาวัล มาตรา ๙๓๘ ตั๋วแลกเงนิ จะมีผคู้ ำ้ ประกันรับประกันการใช้เงนิ ทงั้ จำนวนหรอื แต่บางส่วนก็ได้ ซง่ึ ทา่ นเรยี กว่า “อาวัล”

168 อันอาวลั น้นั บุคคลภายนอกคนใดคนหนง่ึ จะเป็นผรู้ บั หรอื แม้คสู่ ัญญาแห่งต๋ัวเงนิ น้ันฝา่ ยใด ฝา่ ยหนง่ึ จะเป็นผู้รบั กไ็ ด้ มาตรา ๙๓๙ อนั การรบั อาวลั ยอ่ มทำใหก้ ันด้วยเขียนลงในตว๋ั เงนิ นัน้ เอง หรอื ท่ีใบประจำตอ่ ในการนี้พงึ ใชถ้ อ้ ยคำสำนวนวา่ “ใช้ได้เปน็ อาวลั ” หรือสำนวนอืน่ ใดทำนองเดยี วกนั นัน้ และ ลงลายมอื ช่อื ผู้รบั อาวัล อน่งึ เพยี งแตล่ งลายมือชือ่ ของผรู้ บั อาวลั ในดา้ นหน้าแหง่ ต๋ัวเงนิ ท่านก็จัดว่าเปน็ คำรบั อาวัล แล้ว เว้นแตใ่ นกรณที ี่เป็นลายมอื ชือ่ ของผจู้ ่ายหรือผู้สงั่ จา่ ย ในคำรบั อาวลั ต้องระบวุ า่ รับประกันผใู้ ด หากมไิ ดร้ ะบุ ท่านใหถ้ อื วา่ รับประกันผสู้ ่ังจา่ ย มาตรา ๙๔๐ ผรู้ บั อาวลั ยอ่ มตอ้ งผกู พนั เป็นอยา่ งเดยี วกันกบั บุคคลซง่ึ ตนประกัน แมถ้ ึงวา่ ความรบั ผดิ ใช้เงนิ อันผรู้ บั อาวลั ได้ประกนั อยู่นั้นจะตกเป็นใชไ้ ม่ไดด้ ว้ ยเหตุใด ๆ นอกจากเพราะทำผิดแบบระเบยี บ ทา่ นว่าข้อทสี่ ญั ญารบั อาวลั น้ันกย็ ังคงสมบรู ณ์ เมอ่ื ผู้รบั อาวลั ไดใ้ ช้เงินไปตามตั๋วแลกเงนิ แล้ว ย่อมได้สทิ ธิในอันจะไลเ่ บยี้ เอาแกบ่ ุคคลซึ่งตน ได้ประกันไว้ กับทง้ั บคุ คลทง้ั หลายผูร้ บั ผิดแทนตวั ผู้นนั้ ส่วนที่ ๔ การใชเ้ งนิ มาตรา ๙๔๑ อนั ต๋ัวแลกเงินนั้น ยอ่ มจะพงึ ใชเ้ งินในวันถงึ กำหนด และถงึ กำหนดวนั ใดผ้ทู รง ตอ้ งนำตว๋ั เงินไปย่ืนเพอื่ ให้ใช้เงินในวันน้นั มาตรา ๙๔๒ อนั จะบงั คับให้ผทู้ รงตั๋วแลกเงินรบั เงนิ ใชก้ อ่ นต๋ัวเงินถึงกำหนดน้นั ท่านว่าหา อาจจะทำไดไ้ ม่ อน่ึง ผ้จู ่ายคนใดใช้เงินไปแต่กอ่ นเวลาต๋วั เงินถึงกำหนด ท่านว่าย่อมทำเชน่ นั้นดว้ ยเสยี่ ง เคราะห์ของตนเอง มาตรา ๙๔๓ อันการถงึ กำหนดแหง่ ต๋ัวแลกเงินซงึ่ สั่งใหใ้ ชเ้ งนิ เมื่อสิ้นระยะเวลาอนั ใดอันหนึ่ง นับแตว่ นั ไดเ้ หน็ นนั้ ท่านให้กำหนดนับแต่วนั รบั รอง หรอื วนั คัดคา้ น ถ้าไมม่ คี ำคดั คา้ น และคำรับรองมไิ ด้ลงวัน ทา่ นใหถ้ อื วา่ ผูร้ บั รองไดใ้ ห้คำรบั รองนั้นในวนั ทา้ ย แหง่ กำหนดเวลาซง่ึ จำกัดไวต้ ามกฎหมาย หรอื ตามสัญญาเพอื่ การยื่นต๋ัวน้นั

169 มาตรา ๙๔๔ อันตว๋ั แลกเงินซึง่ ให้ใชเ้ งินเมอ่ื ได้เห็นน้นั ทา่ นว่าย่อมจะพงึ ใชเ้ งินในวันเมื่อยน่ื ตั๋ว ทงั้ นี้ ตอ้ งยื่นให้ใช้เงินภายในกำหนดเวลา ซ่งึ บงั คบั ไว้เพอื่ การยน่ื ใหร้ บั รองตวั๋ เงนิ ชนดิ ให้ใชเ้ งินในเวลาใด เวลาหนง่ึ ภายหลงั ไดเ้ หน็ นน้ั มาตรา ๙๔๕ การใช้เงินจะเรยี กเอาไดต้ อ่ เมื่อได้เวนต๋วั แลกเงนิ ให้ ผใู้ ช้เงินจะให้ผทู้ รงลง ลายมือชอ่ื รบั รองในตัว๋ เงินน้นั กไ็ ด้ มาตรา ๙๔๖ อนั ตั๋วแลกเงินน้นั ถา้ เขาจะใชเ้ งินให้แตเ่ พยี งบางส่วน ท่านว่าผทู้ รงจะบอกปดั เสียไม่ยอมรบั เอากไ็ ด้ ถ้าและรับเอาเงนิ ทเี่ ขาใช้แต่เพียงบางส่วน ผทู้ รงตอ้ งบนั ทึกขอ้ ความนัน้ ลงไวใ้ นตัว๋ เงิน และสง่ มอบใบรบั ใหแ้ กผ่ ใู้ ชเ้ งนิ มาตรา ๙๔๗ ถ้าต๋วั แลกเงนิ มไิ ด้ย่นื เพ่อื ให้ใชเ้ งินในวนั ถึงกำหนดไซร้ ทา่ นว่าผรู้ ับรองจะ เปล้อื งตนใหพ้ ้นจากความรับผิดโดยวางจำนวนเงนิ ทค่ี า้ งชำระตามตว๋ั น้ันไว้กไ็ ด้ มาตรา ๙๔๘ ถ้าผู้ทรงตวั๋ แลกเงินยอมผ่อนเวลาให้แก่ผจู้ ่ายไซร้ ท่านวา่ ผทู้ รงสน้ิ สทิ ธิทจี่ ะไล่ เบีย้ เอาแก่ผเู้ ปน็ คสู่ ัญญาคนกอ่ น ๆ ซง่ึ มไิ ดต้ กลงในการผ่อนเวลาน้นั มาตรา ๙๔๙ ภายในบงั คบั แหง่ บทบญั ญตั ิมาตรา ๑๐๐๙ บคุ คลผใู้ ช้เงนิ ในเวลาถงึ กำหนด ย่อมเปน็ อันหลุดพน้ จากความรบั ผดิ เว้นแต่ตนจะได้ทำการฉ้อฉลหรอื มีความประมาทเลินเลอ่ อย่างร้ายแรง อนง่ึ บคุ คลซงึ่ กลา่ วนี้จำต้องพิสจู นใ์ หเ้ ห็นจรงิ ว่าไดม้ กี ารสลกั หลงั ติดต่อกนั เรียบร้อยไมข่ าดสาย แตไ่ มจ่ ำตอ้ ง พสิ จู นล์ ายมือชอื่ ของเหล่าผสู้ ลักหลงั ส่วนที่ ๕ การสอดเข้าแกห้ นา้ มาตรา ๙๕๐ ผูส้ งั่ จ่ายหรอื ผสู้ ลกั หลังจะระบบุ ุคคลผหู้ นึง่ ผใู้ ดไวก้ ็ได้ว่าเป็นผูจ้ ะรบั รอง หรือใช้ เงินยามประสงค์ ณ สถานที่ใชเ้ งิน ภายในเงอ่ื นบงั คบั ดังจะกลา่ วตอ่ ไปขา้ งหนา้ บุคคลผหู้ นึง่ ผ้ใู ดจะรบั รองหรอื ใช้เงินตามตัว๋ แลก เงินในฐานเป็นผสู้ อดเขา้ แก้หน้าบุคคลใดผลู้ งลายมือชือ่ ในตว๋ั นนั้ กไ็ ด้

170 ผสู้ อดเขา้ แก้หนา้ น้นั จะเปน็ บคุ คลภายนอกกไ็ ด้ แม้จะเปน็ ผจู้ ่ายหรอื บุคคลซึง่ ต้องรบั ผิดโดย ตัว๋ เงินนั้นอย่แู ลว้ ก็ได้ หา้ มแตผ่ ู้รบั รองเท่านั้น ผู้สอดเขา้ แกห้ นา้ จำตอ้ งใหค้ ำบอกกลา่ วโดยไมช่ กั ช้า เพ่อื ใหค้ ่สู ญั ญาฝ่ายซงึ่ ตนเข้าแกห้ นา้ น้ัน ทราบการทีต่ นเข้าแก้หนา้ (๑) การรับรองเพอื่ แกห้ น้า มาตรา ๙๕๑ การรบั รองด้วยสอดเขา้ แกห้ นา้ ย่อมมีไดใ้ นบรรดากรณีซง่ึ ผูท้ รงมีสทิ ธไิ ล่เบ้ียได้ กอ่ นถึงกำหนดตามตัว๋ เงนิ อันเป็นต๋ัวสามารถจะรบั รองได้ การรบั รองด้วยสอดเข้าแก้หน้านน้ั ผทู้ รงจะบอกปัดเสียกไ็ ด้ แมถ้ งึ ว่าบคุ คลผซู้ ่ึงบง่ ไวว้ า่ จะ เป็นผ้รู บั รอง หรอื ใช้เงินยามประสงคน์ ั้นจะเป็นผู้เสนอเข้ารบั รองก็บอกปดั ได้ ถ้าผู้ทรงยอมให้เขา้ รบั รองแล้ว ผทู้ รงยอ่ มเสยี สิทธิไลเ่ บย้ี กอ่ นถึงกำหนดเอาแกค่ ู่สญั ญา ท้ังหลายซงึ่ ต้องรบั ผิดต่อตน มาตรา ๙๕๒ อันการรบั รองด้วยสอดเข้าแกห้ น้าน้นั ย่อมทำด้วยเขียนระบคุ วามลงบนต๋ัว แลกเงนิ และลงลายมอื ชอื่ ของผสู้ อดเขา้ แกห้ น้าเป็นสำคญั อน่ึง ตอ้ งระบลุ งไว้วา่ การรบั รองน้ันทำใหเ้ พอ่ื ผใู้ ด ถ้ามิไดร้ ะบไุ วเ้ ช่นนนั้ ท่านใหถ้ ือวา่ ทำใหเ้ พ่อื ผู้สงั่ จ่าย มาตรา ๙๕๓ ผูร้ บั รองดว้ ยสอดเข้าแก้หนา้ ยอ่ มต้องรับผดิ ตอ่ ผทู้ รงตัว๋ เงินน้นั และรบั ผิดตอ่ ผู้ สลักหลังทงั้ หลายภายหลังคู่สญั ญาฝ่ายซงึ่ ตนเข้าแก้หนา้ อยา่ งเดียวกันกบั ท่ีคู่สญั ญาฝ่ายนน้ั ต้องรับผิดอยู่เอง (๒) การใชเ้ งนิ เพอื่ แกห้ น้า มาตรา ๙๕๔ อันการใช้เงนิ เพอื่ แก้หนา้ ย่อมมีได้ในบรรดากรณีซง่ึ ผทู้ รงมีสทิ ธิไล่เบย้ี เม่อื ตวั๋ เงนิ ถึงกำหนดหรอื กอ่ นถงึ กำหนด การใช้เงนิ นน้ั ทา่ นวา่ อยา่ งช้าทสี่ ดุ ต้องทำในวนั รุ่งขน้ึ แตว่ นั ทา้ ยแห่งกำหนดเวลาซ่ึงจำกดั อนญุ าตไว้ใหท้ ำคำคัดคา้ นการไม่ใช้เงิน มาตรา ๙๕๕ ถา้ ต๋วั แลกเงินไดร้ บั รองเพื่อแกห้ น้าแลว้ ก็ดี หรอื ไดม้ ีตวั บคุ คลระบวุ ่าเป็นผู้จะใช้ เงนิ ยามประสงคแ์ ล้วก็ดี ผูท้ รงตอ้ งย่นื ตว๋ั เงินนั้นต่อบคุ คลน้นั ๆ ณ สถานทใี่ ชเ้ งนิ และถ้าจำเปน็ กต็ ้องจัดการทำ คำคดั ค้านการไม่ใชเ้ งนิ อย่างช้าทส่ี ดุ ในวันรุ่งขึ้นแตว่ ันทา้ ยแห่งกำหนดเวลาอนั จำกดั ไวเ้ พือ่ ทำคำคดั คา้ น

171 ถ้าไม่คัดคา้ นภายในกำหนดเวลาน้นั ท่านวา่ คู่สญั ญาฝา่ ยที่ไดร้ ะบตุ วั ผู้ใชเ้ งินยามประสงค์ หรือคสู่ ญั ญาฝ่ายซงึ่ ได้มีผรู้ บั รองตวั๋ เงินให้แลว้ นัน้ กับทงั้ บรรดาผสู้ ลกั หลงั ในภายหลงั ย่อมเปน็ อนั หลุดพ้นจาก ความรบั ผิด มาตรา ๙๕๖ การใช้เงนิ เพ่อื แกห้ นา้ น้ัน ใช้เพ่ือคสู่ ญั ญาฝา่ ยใดตอ้ งใชจ้ งเตม็ จำนวนอนั คู่สัญญาฝา่ ยนั้นจะตอ้ งใช้ เวน้ แตค่ า่ ชกั ส่วนลดดังบญั ญตั ิไว้ในมาตรา ๙๖๘ (๔) ผทู้ รงคนใดบอกปดั ไม่ยอมรบั เงินอนั เขาใช้ให้ ทา่ นว่าผูท้ รงคนน้นั ย่อมเสยี สทิ ธิในอนั จะไลเ่ บี้ย เอาแก่บุคคลทง้ั หลายเหลา่ นัน้ ซง่ึ พอทจ่ี ะไดห้ ลดุ พ้นจากความรับผิดเพราะการใช้เงนิ นนั้ มาตรา ๙๕๗ การใช้เงินเพื่อแกห้ น้าต้องทำใหเ้ ป็นหลักฐานด้วยใบรับเขียนลงในตั๋วแลกเงิน ระบคุ วามวา่ ได้ใชเ้ งินเพอ่ื บุคคลผใู้ ด ถ้ามิไดร้ ะบตุ วั ไว้ดงั นั้น ท่านให้ถือว่าการใช้เงินนน้ั ได้ทำไปเพอื่ ผสู้ ั่งจา่ ย ตั๋วแลกเงนิ กับทง้ั คำคัดค้านหากวา่ ได้ทำคดั คา้ น ตอ้ งส่งให้แก่บคุ คลผใู้ ชเ้ งนิ เพอื่ แกห้ น้า มาตรา ๙๕๘ บคุ คลผู้ใชเ้ งินเพอ่ื แกห้ น้ายอ่ มรบั ช่วงสทิ ธิทงั้ ปวงของผ้ทู รงอันมตี อ่ คสู่ ญั ญาฝา่ ย ซ่ึงตนได้ใช้เงนิ แทนไป และต่อคสู่ ญั ญาทงั้ หลายผตู้ อ้ งรบั ผิดต่อคสู่ ัญญาฝา่ ยนน้ั แต่หาอาจจะสลกั หลังตัว๋ แลก เงนิ น้นั อีกตอ่ ไปได้ไม่ อนึ่ง บรรดาผซู้ ่งึ สลกั หลังภายหลังคสู่ ญั ญาฝา่ ยซงึ่ เขาได้ใชเ้ งนิ แทนไปนน้ั ย่อมหลดุ พ้นจาก ความรับผดิ ในกรณีแขง่ กนั เขา้ ใช้เงินเพ่อื แกห้ น้า ท่านว่าการใช้เงนิ รายใดจะใหผ้ ลปลดหน้ีมากรายทส่ี ุด พงึ นยิ มเอารายนั้นเป็นดยี ่ิง ถา้ ไมด่ ำเนินตามวธิ ีดงั กล่าวนี้ ท่านว่าผู้ใช้เงินทง้ั ทร่ี ู้เชน่ นัน้ ยอ่ มเสยี สทิ ธใิ นอนั จะไลเ่ บี้ยเอาแก่ บุคคลทั้งหลายซึง่ พอทจี่ ะได้หลดุ พน้ จากความรับผดิ สว่ นท่ี ๖ สทิ ธไิ ล่เบย้ี เพราะเขาไม่รบั รองหรือไม่ใชเ้ งนิ มาตรา ๙๕๙ ผทู้ รงตั๋วแลกเงินจะใชส้ ทิ ธิไล่เบ้ยี เอาแกบ่ รรดาผสู้ ลกั หลงั ผูส้ ง่ั จ่าย และบุคคล อื่น ๆ ซงึ่ ต้องรบั ผิดตามต๋วั เงินนัน้ กไ็ ด้ คือ ก) ไลเ่ บีย้ ไดเ้ มอ่ื ตั๋วเงินถงึ กำหนดในกรณไี มใ่ ช้เงนิ ข) ไลเ่ บี้ยไดแ้ ม้ทงั้ ตั๋วเงินยงั ไมถ่ งึ กำหนดในกรณีดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ (๑) ถา้ เขาบอกปัดไม่รบั รองต๋ัวเงนิ

172 (๒) ถ้าผู้จา่ ยหากจะได้รับรองหรือไมก่ ็ตาม ตกเป็นคนล้มละลาย หรอื ไดง้ ดเว้นการใชห้ นี้ แม้การงดเวน้ ใชห้ นน้ี ้นั จะมิไดม้ ีคำพิพากษาเปน็ หลักฐานก็ตาม หรือถ้าผ้จู ่ายถกู ยึดทรัพย์และการยึดทรพั ยน์ น้ั ไรผ้ ล (๓) ถา้ ผสู้ ง่ั จา่ ยตวั๋ เงินชนดิ ไม่จำเปน็ ตอ้ งใหผ้ ู้ใดรบั รองน้นั ตกเปน็ คนลม้ ละลาย มาตรา ๙๖๐ การท่ีต๋ัวแลกเงินขาดรบั รองหรอื ขาดใชเ้ งินนนั้ ต้องทำให้เปน็ หลกั ฐานตาม แบบระเบยี บด้วยเอกสารฉบบั หนึ่ง เรยี กว่าคำคดั ค้าน คำคัดค้านการไม่ใชเ้ งนิ ต้องทำในวนั ซง่ึ จะพึงใชเ้ งนิ ตามตว๋ั น้ัน หรอื วนั ใดวนั หนึ่งภายในสามวัน ต่อแตน่ ั้นไป คำคดั คา้ นการไม่รบั รองต้องทำภายในจำกดั เวลาซง่ึ กำหนดไว้เพ่ือการยน่ื ตวั๋ เงินใหเ้ ขารับรอง หรือภายในสามวนั ต่อแตน่ น้ั ไป เมื่อมีคำคัดค้านการไมร่ ับรองขนึ้ แล้วก็เป็นอันไมต่ ้องยนื่ เพอื่ ให้ใชเ้ งนิ และไม่ตอ้ งทำคำ คดั คา้ นการไมใ่ ชเ้ งิน ในกรณีทัง้ หลายซงึ่ กลา่ วไวใ้ นมาตรา ๙๕๙ (ข) (๒) น้นั ทา่ นว่าผู้ทรงยงั หาอาจจะใชส้ ิทธิไล่ เบ้ียไดไ้ ม่ จนกวา่ จะได้ยืน่ ต๋วั เงินใหผ้ ้จู า่ ยใช้เงนิ และไดท้ ำคำคดั คา้ นขนึ้ แล้ว ในกรณที ัง้ หลายดงั กลา่ วไวใ้ นมาตรา ๙๕๙ (ข) (๓) น้นั ท่านว่าถ้าเอาคำพิพากษาซึง่ สง่ั ใหผ้ สู้ งั่ จา่ ยเป็นคนลม้ ละลายออกแสดง ก็เปน็ การเพยี งพอทจี่ ะทำใหผ้ ้ทู รงสามารถใช้สิทธไิ ลเ่ บีย้ ได้ มาตรา ๙๖๑ คำคัดคา้ นนั้นใหน้ ายอำเภอ หรอื ผทู้ ำการแทนนายอำเภอ หรอื ทนายความผู้ ได้รับอนุญาตเพ่ือการนีเ้ ปน็ ผทู้ ำ รัฐมนตร*ี กระทรวงยุติธรรมมอี ำนาจออกกฎขอ้ บังคับเพอ่ื ปฏิบตั กิ ารใหเ้ ปน็ ไปตามบทบญั ญัติ แห่งประมวลกฎหมายน้ี อันว่าด้วยการออกใบอนญุ าตและการทำคำคัดค้าน รวมทั้งกำหนดอัตราคา่ ฤชาธรรม เนียมอันเก่ียวกบั การนั้น มาตรา ๙๖๒ ในคำคัดค้านนั้นนอกจากช่ือ ตำแหนง่ และลายมอื ชอ่ื ของผทู้ ำ ต้องมสี ำเนาต๋ัว เงินกบั รายการสลักหลงั ทงั้ หมดตรงถอ้ ยตรงคำกบั ระบคุ วามดังจะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ (๑) ชอื่ หรอื ยห่ี อ้ ของบุคคลผู้คดั คา้ นและผถู้ ูกคัดค้าน (๒) มลู หรือเหตุที่ตอ้ งทำคำคัดคา้ นตั๋วเงิน การทวงถามและคำตอบ ถ้ามี หรือข้อทวี่ า่ หาตวั ผู้ จ่ายหรือผรู้ บั รองไมพ่ บ (๓) ถ้ามีการรับรอง หรือใช้เงนิ เพอื่ แก้หนา้ ให้แถลงลกั ษณะแห่งการเขา้ แกห้ นา้ ทั้งชอ่ื หรอื ยี่หอ้ ของผ้รู บั รองหรือผ้ใู ชเ้ งินเพื่อแกห้ น้าและชอื่ บคุ คลซงึ่ เขาเขา้ แกห้ น้าน้นั ดว้ ย (๔) สถานทีแ่ ละวันทำคำคดั ค้าน

173 ให้ผูท้ ำคำคัดคา้ นสง่ มอบคำคัดค้านแก่ผ้รู ้องขอให้ทำ และใหผ้ ทู้ ำคำคดั ค้านรบี ส่งคำบอก กล่าวการคัดคา้ นนนั้ ไปยงั ผถู้ ูกคดั คา้ น ถา้ ทราบภูมลิ ำเนาก็ใหส้ ง่ โดยจดหมายลงทะเบียนไปรษณยี ์ หรือสง่ มอบ ไว้ ณ ภูมิลำเนาของผูน้ ้ันก็ได้ ถ้าไมท่ ราบภูมลิ ำเนาก็ให้ปิดสำเนาคำคดั ค้านไว้ยังทซ่ี ึ่งเห็นไดง้ ่าย ณ ทีว่ ่าการ อำเภอประจำทอ้ งทอี่ ันผถู้ กู คัดค้านมีถนิ่ ทอ่ี ยู่คร้งั หลงั ทส่ี ดุ มาตรา ๙๖๓ ผ้ทู รงต้องให้คำบอกกลา่ วการทเ่ี ขาไม่รบั รองตวั๋ แลกเงนิ หรือไม่ใช้เงนิ นนั้ ไปยัง ผู้สลักหลงั ถัดตนข้ึนไปกบั ทงั้ ผสู้ ่งั จา่ ยดว้ ยภายในเวลาสีว่ ันตอ่ จากวันคัดค้าน หรือต่อจากวันย่ืนตวั๋ ในกรณที ี่มี ขอ้ กำหนดว่า “ไม่จำตอ้ งมคี ำคัดคา้ น” ผู้สลกั หลงั ทกุ ๆ คนต้องใหค้ ำบอกกล่าวไปยังผสู้ ลกั หลงั ถดั ตนขนึ้ ไปภายในสองวัน ให้ทราบ คำบอกกล่าวอนั ตนได้รบั จดแจง้ ใหท้ ราบชอื่ และสำนักของผทู้ ไี่ ดใ้ ห้คำบอกกลา่ วมาก่อน ๆ นัน้ ดว้ ย ทำเชน่ น้ี ติดต่อกนั ไปโดยลำดบั จนกระทงั่ ถงึ ผู้สง่ั จ่าย อนึง่ จำกัดเวลาซงึ่ กลา่ วมาน้นั ท่านนบั แต่เมอ่ื คนหน่งึ ๆ ไดร้ บั คำ บอกกลา่ วแต่คนกอ่ น ถา้ ผู้สลกั หลงั คนหนึ่งคนใดมิไดร้ ะบสุ ำนกั ของตนไว้กด็ ี หรอื ได้ระบุแตอ่ ่านไมไ่ ด้ความกด็ ี ท่าน ว่าสดุ แต่คำบอกกลา่ วได้ส่งไปยังผสู้ ลกั หลงั คนกอ่ นกเ็ ป็นอนั พอแลว้ บคุ คลผจู้ ะต้องใหค้ ำบอกกลา่ ว จะทำคำบอกกลา่ วเป็นรปู อยา่ งใดกไ็ ด้ท้ังสน้ิ แมเ้ พียงแตด่ ว้ ย สง่ ตัว๋ แลกเงนิ คืนก็ใชไ้ ด้ อนงึ่ ต้องพิสจู น์ได้ว่าไดส้ ่งคำบอกกลา่ วภายในเวลากำหนด ถา้ สง่ คำบอกกล่าวเปน็ หนงั สอื จดทะเบยี นไปรษณีย์ หากวา่ หนังสอื นนั้ ได้ส่งไปรษณยี ภ์ ายใน เวลากำหนดดงั กล่าวมานัน้ ไซร้ ทา่ นใหถ้ ือว่าคำบอกกล่าวเปน็ อันได้สง่ ภายในจำกดั เวลาบงั คับแล้ว บคุ คลซงึ่ มไิ ด้ให้คำบอกกล่าวภายในจำกัดเวลาดังไดว้ า่ มาน้ันหาเสยี สิทธไิ ล่เบีย้ ไม่ แตจ่ ะต้อง รบั ผดิ เพือ่ ความเสียหายอยา่ งใด ๆ อนั เกิดแตค่ วามประมาทเลินเลอ่ ของตน แตท่ ่านมิให้คิดคา่ สนิ ไหมทดแทน เกนิ กว่าจำนวนในตัว๋ แลกเงนิ มาตรา ๙๖๔ ด้วยข้อกำหนดเขียนลงไวว้ า่ “ไม่จำต้องมีคำคดั ค้าน” กด็ ี “ไม่มคี ัดคา้ น” ก็ดี หรอื สำนวนอน่ื ใดทำนองนัน้ กด็ ี ผู้สง่ั จา่ ยหรอื ผสู้ ลกั หลงั จะยอมปลดเปลื้องผทู้ รงจากการทำคำคัดคา้ นการไม่ รบั รองหรือการไมใ่ ช้เงนิ ก็ได้ เพื่อตนจะไดใ้ ช้สิทธิไล่เบย้ี ข้อกำหนดอนั น้ี ย่อมไมป่ ลดผูท้ รงใหพ้ น้ จากหนา้ ที่นำตั๋วเงินย่ืนภายในเวลากำหนด หรอื จาก หน้าที่ให้คำบอกกลา่ วต๋ัวเงินขาดความเชอื่ ถือแกผ่ สู้ ลกั หลังคนก่อนหรือผสู้ ัง่ จ่าย อนงึ่ หนา้ ท่ีนำสบื ว่าไมป่ ฏิบัติ ใหเ้ ป็นไปตามกำหนดเวลาจำกัดนน้ั ยอ่ มตกอยูแ่ กบ่ ุคคลผูแ้ สวงจะใช้ความขอ้ น้นั เปน็ ขอ้ ต่อสผู้ ทู้ รงตว๋ั แลกเงนิ ขอ้ กำหนดอันนี้ ถ้าผสู้ งั่ จา่ ยเปน็ ผู้เขยี นลงไปแล้ว ย่อมเปน็ ผลตลอดถงึ คสู่ ัญญาทงั้ ปวงบรรดา ทีไ่ ดล้ งลายมอื ช่ือในต๋ัวเงนิ นนั้ ถ้าและทงั้ มขี อ้ กำหนดดังน้แี ลว้ ผูท้ รงยังขืนทำคำคัดคา้ นไซร้ ท่านว่าผู้ทรงตอ้ ง เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเพ่ือการน้นั หากว่าข้อกำหนดน้ันผสู้ ลักหลงั เปน็ ผเู้ ขียนลง และถ้ามคี ำคดั คา้ นทำข้นึ ไซร้ ท่านวา่ คา่ ใชจ้ ่ายในการคัดคา้ นนนั้ อาจจะเรยี กเอาใชไ้ ดจ้ ากคสู่ ัญญาอ่นื ๆ บรรดาท่ีไดล้ งลายมอื ชื่อในตวั๋ เงินนั้น

174 มาตรา ๙๖๕ ในกรณีตัว๋ เงินภายในประเทศ ถา้ ผู้จา่ ยบนั ทกึ ลงไวใ้ นตั๋วแลกเงินเป็นข้อความ บอกปดั ไมร่ บั รองหรอื ไมย่ อมใชเ้ งิน ทัง้ ลงวันทบี่ อกปดั ลงลายมอื ชอื่ ไว้ด้วยแล้วท่านว่าคำคดั คา้ นนนั้ กเ็ ป็นอนั ไม่ จำเป็นตอ้ งทำ และผ้ทู รงตอ้ งสง่ คำบอกกลา่ วขาดความเชอ่ื ถือไปยังบคุ คลซึง่ ตนจำนงจะไลเ่ บยี้ ภายในสีว่ นั ต่อ จากวนั เขาบอกปดั ไมร่ ับรองนนั้ มาตรา ๙๖๖ คำบอกกลา่ วขาดความเชือ่ ถือในกรณีไมร่ บั รองหรอื ไมใ่ ชเ้ งนิ นัน้ ตอ้ งมรี ายการ คือ วันทลี่ งในต๋วั แลกเงนิ ชื่อหรอื ยหี่ ้อของผสู้ ั่งจ่ายและของผจู้ ่าย จำนวนเงนิ ในตว๋ั เงนิ วนั ถึงกำหนดใช้เงิน ชอ่ื หรือยห่ี ้อและสำนกั ของผู้ทรงตวั๋ เงนิ วันที่คดั คา้ นหรอื วันทีบ่ อกปัดไม่รบั รองหรือไมใ่ ชเ้ งนิ กบั ข้อความวา่ เขาไม่ รับรองหรือไมใ่ ชเ้ งนิ ตามต๋ัวเงนิ นนั้ มาตรา ๙๖๗ ในเรอ่ื งต๋ัวแลกเงินนน้ั บรรดาบคุ คลผสู้ ่ังจา่ ยกด็ ี รบั รองกด็ ี สลักหลงั ก็ดี หรอื รบั ประกันด้วยอาวลั ก็ดี ย่อมต้องร่วมกนั รบั ผดิ ตอ่ ผูท้ รง ผู้ทรงย่อมมีสทิ ธวิ า่ กล่าวเอาความแกบ่ รรดาบุคคลเหลา่ น้เี รียงตัวหรอื รวมกนั กไ็ ด้ โดยมิพกั ต้องดำเนนิ ตามลำดับทีค่ นเหลา่ นน้ั มาตอ้ งผกู พัน สทิ ธเิ ช่นเดยี วกนั น้ี ยอ่ มมแี ก่บุคคลทุกคนซงึ่ ไดล้ งลายมอื ชื่อในตัว๋ เงินและเข้าถอื เอาต๋ัวเงินน้ัน ในการท่จี ะใชบ้ ังคับเอาแกผ่ ู้ท่ีมคี วามผกู พันอยู่แลว้ ก่อนตน การวา่ กล่าวเอาความแก่ค่สู ญั ญาคนหน่งึ ซงึ่ ต้องรับผดิ ยอ่ มไมต่ ดั หนทางท่จี ะว่ากล่าวเอา ความแกค่ สู่ ัญญาคนอืน่ ๆ แมท้ งั้ จะเปน็ ฝ่ายอยู่ในลำดบั ภายหลงั บคุ คลทไ่ี ดว้ ่ากลา่ วเอาความมากอ่ น มาตรา ๙๖๘ ผูท้ รงจะเรียกร้องเอาเงินใช้จากบุคคลซง่ึ ตนใช้สทิ ธไิ ล่เบย้ี นนั้ ก็ได้ คือ (๑) จำนวนเงนิ ในตว๋ั แลกเงนิ ซ่งึ เขาไม่รบั รองหรือไมใ่ ช้กบั ทั้งดอกเบ้ียดว้ ย หากว่ามีข้อกำหนด ไวว้ า่ ให้คดิ ดอกเบ้ยี (๒) ดอกเบี้ยอตั ราร้อยละห้าตอ่ ปีนับแตว่ นั ถงึ กำหนด (๓) คา่ ใชจ้ ่ายในการคดั ค้าน และในการสง่ คำบอกกลา่ วของผู้ทรงไปยังผสู้ ลกั หลงั ถดั จากตน ขน้ึ ไปและผสู้ ั่งจ่าย กบั ทง้ั คา่ ใชจ้ ่ายอื่น ๆ (๔) คา่ ชกั ส่วนลดซงึ่ ถ้าไม่มขี ้อตกลงกนั ไว้ ทา่ นใหค้ ดิ รอ้ ยละ ๑/๖ ในตน้ เงินอนั จะพงึ ใชต้ าม ตัว๋ เงิน และไมว่ า่ กรณจี ะเป็นอย่างไร ท่านมใิ ห้คิดสงู กว่าอัตรานี้ ถ้าใช้สทิ ธิไล่เบีย้ กอ่ นถึงกำหนด ท่านใหห้ กั ลดจำนวนเงินในต๋วั เงินลงใหร้ อ้ ยละห้า มาตรา ๙๖๙ คสู่ ญั ญาฝ่ายซง่ึ เข้าถือเอาและใช้เงนิ ตามตว๋ั แลกเงิน อาจจะเรียกเอาเงนิ ใช้จาก ค่สู ญั ญาทง้ั หลายซงึ่ ต้องรับผดิ ต่อตนได้ คือ

175 (๑) เงนิ เตม็ จำนวนซ่งึ ตนได้ใชไ้ ป (๒) ดอกเบ้ียในจำนวนเงินนน้ั คดิ อัตราร้อยละห้าตอ่ ปนี บั แตว่ ันท่ไี ดใ้ ชเ้ งินไป (๓) คา่ ใชจ้ า่ ยตา่ ง ๆ อนั ตนต้องออกไป (๔) คา่ ชักส่วนลดจากต้นเงินจำนวนในต๋ัวแลกเงินตามทกี่ ำหนดไวใ้ นมาตรา ๙๖๘ อนุมาตรา (๔) มาตรา ๙๗๐ คสู่ ญั ญาทกุ ฝ่ายซง่ึ ต้องรบั ผดิ และถกู ไลเ่ บ้ยี หรอื อยู่ในฐานะจะถูกไลเ่ บย้ี ไดน้ ั้น อาจจะใช้เงนิ แล้วเรียกให้เขาสละตวั๋ เงินให้แกต่ นได้ รวมทงั้ คำคัดค้านและบญั ชรี บั เงนิ ดว้ ย ผ้สู ลักหลงั ทุกคนซง่ึ เข้าถือเอาและใชเ้ งินตามตั๋วแลกเงนิ แล้ว จะขีดฆ่าคำสลกั หลงั ของตนเอง และของเหล่าผสู้ ลกั หลังภายหลังตนนัน้ เสียกไ็ ด้ มาตรา ๙๗๑ ผสู้ ง่ั จ่ายก็ดี ผรู้ บั รองกด็ ี ผสู้ ลกั หลงั คนกอ่ นก็ดี ซ่งึ เขาสลักหลงั หรอื โอนตั๋วแลก เงนิ ให้อกี ทอดหนง่ึ นน้ั หามสี ทิ ธจิ ะไลเ่ บย้ี เอาแกค่ สู่ ญั ญาฝา่ ยซง่ึ ตนย่อมตอ้ งรบั ผิดตอ่ เขาอยู่กอ่ นแลว้ ตามต๋วั เงิน น้ันไดไ้ ม่ มาตรา ๙๗๒ ในกรณีใช้สทิ ธไิ ลเ่ บ้ยี ภายหลังการรับรองแตบ่ างสว่ น ท่านวา่ คสู่ ญั ญาฝา่ ยซงึ่ ใช้ เงนิ อนั เป็นจำนวนเขาไม่รับรองน้นั อาจจะเรยี กใหจ้ ดระบุความที่ใช้เงนิ นล้ี งไวใ้ นตว๋ั เงิน และเรยี กใหท้ ำใบรบั ใหแ้ กต่ นได้ อนึ่งผู้ทรงตวั๋ เงินต้องใหส้ ำเนาตัว๋ เงนิ อันรับรองวา่ ถกู ตอ้ งแกค่ ูส่ ญั ญาฝ่ายนน้ั พร้อมทั้งคำคดั คา้ นด้วย เพ่อื ใหเ้ ขาสามารถใช้สิทธไิ ลเ่ บี้ยในภายหลังไดส้ บื ไป มาตรา ๙๗๓ เม่ือกำหนดเวลาจำกัดซึง่ จะกล่าวต่อไปน้ีไดล้ ว่ งพน้ ไปแล้ว คอื (๑) กำหนดเวลาสำหรบั ย่นื ตว๋ั แลกเงนิ ชนดิ ให้ใชเ้ งินเมอื่ ได้เหน็ หรือในระยะเวลาอย่างใด อยา่ งหนงึ่ ภายหลงั ไดเ้ ห็น (๒) กำหนดเวลาสำหรบั ทำคำคัดค้านการไมร่ ับรองหรอื การไมใ่ ชเ้ งิน (๓) กำหนดเวลาสำหรบั ยื่นตวั๋ เพอื่ ใหใ้ ช้เงนิ ในกรณที ่ีมีข้อกำหนดว่า “ไมจ่ ำต้องมคี ำคดั คา้ น” ท่านวา่ ผู้ทรงยอ่ มสิน้ สทิ ธทิ จ่ี ะไลเ่ บี้ยเอาแก่เหล่าผสู้ ลักหลงั ผ้สู งั่ จา่ ย และคสู่ ัญญาอื่น ๆ ผ้ตู อ้ ง รับผิด เวน้ แต่ผูร้ บั รอง อนง่ึ ถา้ ไม่ยนื่ ตว๋ั แลกเงนิ เพ่ือใหเ้ ขารบั รองภายในเวลาจำกัดดงั ผสู้ ่ังจ่ายไดก้ ำหนดไว้ ท่านว่าผู้ ทรงยอ่ มเสยี สทิ ธิทีจ่ ะไล่เบยี้ ทง้ั เพอื่ การทเ่ี ขาไม่ใช้เงนิ และเพอ่ื การทเ่ี ขาไม่รบั รอง เวน้ แตจ่ ะปรากฏจาก ข้อกำหนดวา่ ผู้สง่ั จา่ ยหมายเพียงแตจ่ ะปลดตนเองให้พน้ จากประกนั การรบั รอง ถ้าข้อกำหนดจำกัดเวลายืน่ ตว๋ั แลกเงินน้นั มอี ย่ทู ค่ี ำสลกั หลงั ท่านว่าเฉพาะแต่ผสู้ ลักหลงั เทา่ น้ันจะอาจเอาประโยชนใ์ นขอ้ กำหนดน้ันได้

176 มาตรา ๙๗๔ การย่ืนต๋วั แลกเงนิ กด็ ี การทำคำคดั ค้านกด็ ี ถา้ มเี หตจุ ำเปน็ อันมิอาจกา้ วล่วง เสียได้มาขัดขวางมิใหท้ ำไดภ้ ายในกำหนดเวลาจำกดั สำหรบั การนัน้ ไซร้ ทา่ นให้ยืดกำหนดเวลาออกไปอกี ได้ เหตจุ ำเปน็ อนั มิอาจกา้ วล่วงเสยี ไดด้ ังวา่ มานั้น ผทู้ รงตอ้ งบอกกล่าวแกผ่ ูส้ ลกั หลงั คนถัดตนขึ้น ไปโดยไม่ชักช้า และคำบอกกล่าวน้นั ต้องเขียนระบลุ งในต๋วั เงนิ หรอื ใบประจำตอ่ ตอ้ งลงวันและลงลายมือชื่อ ของผ้ทู รง การอืน่ ๆ นอกจากท่กี ล่าวน้ี ทา่ นให้บงั คบั ตามบทบัญญัติ มาตรา ๙๖๓ เมอื่ เหตุจำเป็นอันมอิ าจก้าวลว่ งเสียไดน้ นั้ สุดสนิ้ ลงแล้ว ผู้ทรงต้องยืน่ ตั๋วเงนิ ใหเ้ ขารบั รองหรอื ใช้เงินโดยไมช่ กั ช้า และถ้าจำเปน็ ก็ทำคำคดั ค้านขนึ้ ถ้าเหตจุ ำเป็นอนั มิอาจก้าวลว่ งเสยี ไดน้ ั้น ยงั คงมอี ยู่ตอ่ ไปจนเป็นเวลากวา่ สามสิบวนั ภายหลงั ตวั๋ เงนิ ถึงกำหนดไซร้ ท่านว่าจะใชส้ ทิ ธิไล่เบี้ยก็ได้ และถา้ เชน่ นนั้ การย่นื ต๋วั เงนิ กด็ ี การทำคำคดั คา้ นกด็ ี เปน็ อนั ไม่จำเปน็ ตอ้ งทำ ในส่วนตั๋วเงินชนดิ ที่ใหใ้ ชเ้ งนิ เมือ่ ไดเ้ ห็น หรอื ใหใ้ ชเ้ งินในระยะเวลาอย่างหน่งึ อย่างใดภายหลงั ได้เหน็ นั้น กำหนดสามสบิ วันเชน่ ว่ามานี้ ท่านใหน้ บั แต่วนั ทผี่ ้ทู รงได้ใหค้ ำบอกกลา่ วเหตจุ ำเปน็ อนั มอิ าจกา้ วล่วง เสยี ไดน้ น้ั แกผ่ สู้ ลักหลงั ถดั ตนขนึ้ ไป และถึงแมว้ ่าจะเป็นการกอ่ นลว่ งกำหนดเวลายืน่ ตั๋วเงนิ ก็ใหน้ บั เชน่ นน้ั สว่ นท่ี ๗ ตว๋ั แลกเงนิ เป็นสำรบั มาตรา ๙๗๕ อนั ต๋วั แลกเงนิ นน้ั นอกจากชนิดทส่ี ง่ั จ่ายแกผ่ ถู้ อื แล้ว จะออกไปเป็นคฉู่ กี ความ ตอ้ งกนั สองฉบบั หรอื กวา่ นั้นกอ็ าจจะออกได้ คฉู่ กี เหลา่ น้ีตอ้ งมหี มายลำดับลงไว้ในตวั ตราสารนน้ั เอง มฉิ ะนั้นคู่ฉกี แตล่ ะฉบบั ยอ่ มใชไ้ ดเ้ ป็น ต๋วั แลกเงนิ ฉบับหน่ึง ๆ แยกเป็นตัว๋ เงินต่างฉบับกัน บุคคลทุกคนซง่ึ เป็นผทู้ รงตัว๋ เงินอนั มไิ ด้ระบวุ ่าไดอ้ อกเป็นตั๋วเดย่ี วน้นั จะเรียกใหส้ ง่ มอบคู่ฉกี สองฉบับหรอื กว่าน้นั แก่ตนก็ได้ โดยยอมให้คิดค่าใชจ้ า่ ยเอาแกต่ น ในการนผี้ ทู้ รงตอ้ งวา่ กลา่ วไปยังผสู้ ลกั หลงั คนถัดตนขนึ้ ไป และผสู้ ลักหลงั คนนนั้ กจ็ ำตอ้ งช่วยผู้ทรงว่ากลา่ วไปยงั ผทู้ ส่ี ลกั หลงั ให้แกต่ นต่อไปอีก สบื เนื่อง กนั ไปเช่นนต้ี ลอดสายจนกระท่ังถึงผสู้ ัง่ จ่าย อนึ่งผสู้ ลกั หลังทง้ั หลายจำตอ้ งเขยี นคำสลกั หลงั ของตนเปน็ ความ เดยี วกนั ลงในฉบบั คูฉ่ ีกใหมแ่ หง่ ต๋วั สำรบั นนั้ อีกด้วย มาตรา ๙๗๖ ถ้าผทู้ รงตัว๋ แลกเงนิ สำรบั หนง่ึ สลักหลงั ค่ฉู กี สองฉบบั หรือกวา่ น้นั ให้แก่บุคคล ต่างคนกนั ท่านวา่ ผู้ทรงยอ่ มตอ้ งรบั ผดิ ตามคฉู่ กี เช่นว่านัน้ ทกุ ๆ ฉบับ และผูส้ ลักหลงั ภายหลงั ผทู้ รงทกุ ๆ คนก็ ตอ้ งรบั ผิดตามคฉู่ ีกอนั ตนเองไดส้ ลกั ลงไปน้ัน เสมือนดังว่าคฉู่ ีกท่ีวา่ น้ันแยกเปน็ ตวั๋ เงินต่างฉบบั กัน

177 มาตรา ๙๗๗ ถ้าคฉู่ ีกสองฉบบั หรอื กวา่ นน้ั ในสำรบั หนึง่ ไดเ้ ปลยี่ นมอื ไปยงั ผทู้ รงโดยชอบดว้ ย กฎหมายตา่ งคนกันไซร้ ในระหวา่ งผทู้ รงเหล่าน้นั ด้วยกัน คนใดได้เปน็ สทิ ธิกอ่ น ทา่ นให้ถอื วา่ คนน้ันเปน็ เจา้ ของ อันแท้จรงิ แหง่ ต๋ัวเงนิ น้ัน แต่ความใด ๆ ในบทมาตราน้ีไมก่ ระทบกระทง่ั ถงึ สทิ ธิของบคุ คลผทู้ ำการโดยชอบด้วย กฎหมายรบั รองหรอื ใชเ้ งินไปตามคูฉ่ ีกฉบบั ซงึ่ เขายนื่ แกต่ นกอ่ น มาตรา ๙๗๘ คำรบั รองน้นั จะเขยี นลงในค่ฉู กี ฉบบั ใดก็ได้ และจะต้องเขยี นลงในคู่ฉกี แต่เพยี ง ฉบบั เดยี วเทา่ นั้น ถ้าผูจ้ า่ ยรบั รองลงไปกว่าฉบบั หนงึ่ และคู่ฉกี ซงึ่ รบั รองเชน่ นน้ั ตกไปถึงมอื ผ้ทู รงโดยชอบดว้ ย กฎหมายต่างคนกันไซร้ ทา่ นว่าผจู้ า่ ยจะตอ้ งรบั ผดิ ตามคฉู่ กี น้ัน ๆ ทุกฉบับ เสมือนดงั ว่าแยกเป็นต๋วั เงินต่างฉบบั กนั มาตรา ๙๗๙ ถา้ ผรู้ บั รองตว๋ั เงนิ ซึ่งออกเปน็ สำรับใช้เงินไปโดยมไิ ด้เรียกใหส้ ง่ มอบคู่ฉกี ฉบับซงึ่ มีคำรับรองของตนนน้ั ใหแ้ กต่ นและในเวลาตว๋ั เงนิ ถึงกำหนด คฉู่ ีกฉบับน้นั ไปตกอยใู่ นมือผทู้ รงโดยชอบด้วย กฎหมายคนใดคนหน่งึ ไซร้ ท่านว่าผรู้ บั รองจะตอ้ งรบั ผดิ ต่อผทู้ รงคฉู่ กี ฉบับนัน้ มาตรา ๙๘๐ ภายในบงั คบั แหง่ บทบญั ญตั ทิ ั้งหลายซง่ึ กลา่ วมากอ่ นนั้น ถา้ ค่ฉู ีกฉบับใดแหง่ ตัว๋ เงินออกเปน็ สำรบั ไดห้ ลุดพ้นไปด้วยการใชเ้ งนิ หรือประการอน่ื ฉบับหนง่ึ แลว้ ทา่ นว่าตั๋วเงินทงั้ สำรับก็ยอ่ มหลดุ พ้นไปตามกัน มาตรา ๙๘๑ คสู่ ญั ญาซ่ึงส่งคฉู่ ีกฉบบั หนงึ่ ไปใหเ้ ขารบั รอง ตอ้ งเขยี นแถลงลงในคฉู่ ีกฉบบั อืน่ วา่ คฉู่ กี ฉบบั โนน้ อยู่ในมือบคุ คลชือ่ ไร สว่ นบคุ คลคนนั้นกจ็ ำตอ้ งสละต๋ัวให้แกผ่ ทู้ รงโดยชอบด้วยกฎหมายแหง่ คู่ ฉีกฉบับอื่นน้นั ถา้ บุคคลคนน้นั บอกปดั ไม่ยอมให้ ทา่ นว่าผทู้ รงยงั จะใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ียไม่ไดจ้ นกวา่ จะไดท้ ำ คดั คา้ นระบคุ วามดงั ต่อไปน้ี คือ (๑) วา่ ค่ฉู กี ฉบบั ซงึ่ ได้ส่งไปเพื่อรับรองนน้ั เขาไมส่ ละให้แก่ตนเม่อื ทวงถาม (๒) ว่าไมส่ ามารถจะใหเ้ ขารบั รองหรือใช้เงินด้วยคฉู่ ีกฉบบั อนื่ ได้

178 หมวด ๓ ตว๋ั สัญญาใชเ้ งิน มาตรา ๙๘๒ อันว่าตว๋ั สญั ญาใช้เงินน้นั คือหนังสือตราสารซงึ่ บคุ คลคนหนงึ่ เรยี กว่าผู้ออกตว๋ั ใหค้ ำม่นั สญั ญาวา่ จะใช้เงินจำนวนหนงึ่ ใหแ้ กบ่ ุคคลอกี คนหนงึ่ หรอื ใช้ให้ตามคำสั่งของบคุ คลอีกคนหนง่ึ เรยี กว่าผรู้ บั เงิน มาตรา ๙๘๓ ต๋ัวสญั ญาใช้เงินน้นั ต้องมรี ายการดงั จะกลา่ วตอ่ ไปนี้ คือ (๑) คำบอกช่อื ว่าเปน็ ตวั๋ สัญญาใช้เงิน (๒) คำม่นั สัญญาอันปราศจากเงอื่ นไขว่าจะใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน (๓) วนั ถึงกำหนดใช้เงิน (๔) สถานที่ใชเ้ งิน (๕) ชื่อ หรือยหี่ ้อของผรู้ บั เงนิ (๖) วนั และสถานทอี่ อกตว๋ั สญั ญาใช้เงนิ (๗) ลายมอื ช่อื ผูอ้ อกต๋วั มาตรา ๙๘๔ ตราสารอันมรี ายการขาดตกบกพร่องไปจากทที่ ่านระบบุ งั คบั ไวใ้ นมาตรากอ่ นนี้ ยอ่ มไม่สมบรู ณเ์ ป็นตว๋ั สัญญาใชเ้ งนิ เว้นแต่ในกรณดี ังจะกล่าวตอ่ ไปนี้ คอื ตัว๋ สญั ญาใชเ้ งนิ ซงึ่ ไมร่ ะบเุ วลาใชเ้ งิน ท่านใหถ้ อื วา่ พงึ ใช้เงนิ เมอื่ ไดเ้ ห็น ถ้าสถานทีใ่ ช้เงินมิไดแ้ ถลงไว้ในตว๋ั สญั ญาใชเ้ งนิ ทา่ นใหถ้ อื เอาภูมิลำเนาของผอู้ อกตราสารน้นั เปน็ สถานท่ีใชเ้ งิน ถา้ ต๋วั สัญญาใชเ้ งินไมร่ ะบสุ ถานทีอ่ อกต๋ัว ท่านใหถ้ อื ว่า ต๋วั นัน้ ไดอ้ อก ณ ภมู ิลำเนาของผอู้ อก ตวั๋ ถ้ามิได้ลงวนั ออกตวั๋ ท่านวา่ ผู้ทรงโดยชอบดว้ ยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสจุ ริตจะจด วนั ตามที่ถูกตอ้ งแทจ้ รงิ ลงก็ได้ มาตรา ๙๘๕ บทบญั ญัตทิ ้งั หลายในหมวด ๒ วา่ ดว้ ยตัว๋ แลกเงินดังจะกลา่ วต่อไปนี้ ท่านให้ ยกมาบงั คบั ในเรอ่ื งต๋วั สญั ญาใช้เงนิ เพียงเทา่ ทไี่ มข่ ัดกบั สภาพแหง่ ตราสารชนิดน้ี คือบทมาตรา ๙๑๑, ๙๑๓, ๙๑๖, ๙๑๗, ๙๑๙, ๙๒๐, ๙๒๒ ถึง ๙๒๖, ๙๓๘ ถึง ๙๔๗, ๙๔๙, ๙๕๐, ๙๕๔ ถงึ ๙๕๙, ๙๖๗ ถงึ ๙๗๑ ถ้าเป็นตัว๋ สญั ญาใช้เงนิ ทอ่ี อกมาแต่ตา่ งประเทศ ทา่ นให้นำบทบญั ญตั ติ ่อไปน้ีมาใช้บงั คับด้วย คอื บทมาตรา ๙๖๐ ถึง ๙๖๔, ๙๗๓, ๙๗๔

179 มาตรา ๙๘๖ ผูอ้ อกตวั๋ สญั ญาใชเ้ งินยอ่ มตอ้ งผกู พนั เป็นอยา่ งเดียวกนั กบั ผู้รับรองตว๋ั แลกเงนิ ตัว๋ สญั ญาใช้เงินซ่ึงใหใ้ ชเ้ งินในเวลาใดเวลาหน่ึงภายหลังได้เหน็ นน้ั ตอ้ งนำยืน่ ให้ผูอ้ อกตัว๋ จด รับรูภ้ ายในจำกดั เวลาดงั กำหนดไว้ในมาตรา ๙๒๘ กำหนดเวลาน้ใี ห้นับแตว่ นั จดรับรูซ้ ง่ึ ลงลายมอื ช่ือผู้ออกตว๋ั ถา้ ผู้ออกตัว๋ บอกปัดไม่ยอมจดรบั รแู้ ละลงวนั ไซร้ การทเี่ ขาบอกปัดเช่นนี้ทา่ นว่าตอ้ งทำใหเ้ ปน็ หลกั ฐานข้ึนด้วย คำคดั ค้าน และวันคัดคา้ นนนั้ ให้ถือเปน็ วันเรม่ิ ต้นในการนบั กำหนดเวลาแต่ไดเ้ ห็น หมวด ๔ เช็ค มาตรา ๙๘๗ อนั ว่าเชค็ น้นั คอื หนงั สอื ตราสารซงึ่ บคุ คลคนหน่ึงเรียกวา่ ผสู้ ่งั จา่ ย สั่งธนาคาร ให้ใชเ้ งินจำนวนหน่งึ เมอื่ ทวงถามใหแ้ กบ่ คุ คลอีกคนหนง่ึ หรอื ใหใ้ ชต้ ามคำสง่ั ของบคุ คลอกี คนหนึง่ อนั เรียกว่า ผรู้ บั เงิน มาตรา ๙๘๘ อันเช็คนนั้ ต้องมรี ายการดังกล่าวต่อไปน้ี คอื (๑) คำบอกชือ่ วา่ เปน็ เชค็ (๒) คำส่ังอันปราศจากเง่ือนไขให้ใชเ้ งินเปน็ จำนวนแน่นอน (๓) ชอื่ หรอื ยห่ี ้อและสำนกั งานของธนาคาร (๔) ชื่อ หรอื ยห่ี อ้ ของผรู้ บั เงนิ หรอื คำจดแจง้ วา่ ให้ใช้เงินแกผ่ ถู้ อื (๕) สถานที่ใช้เงิน (๖) วันและสถานทอ่ี อกเชค็ (๗) ลายมือชอ่ื ผสู้ งั่ จา่ ย มาตรา ๙๘๙ บทบญั ญตั ทิ ัง้ หลายในหมวด ๒ อนั วา่ ดว้ ยตว๋ั แลกเงนิ ดงั จะกลา่ วตอ่ ไปนี้ ท่าน ให้ยกมาบงั คบั ในเร่อื งเชค็ เพียงเท่าท่ไี ม่ขัดกบั สภาพแหง่ ตราสารชนดิ น้ี คือบทมาตรา ๙๑๐, ๙๑๔ ถงึ ๙๒๓, ๙๒๕, ๙๒๖, ๙๓๘ ถงึ ๙๔๐, ๙๔๕, ๙๔๖, ๙๕๙, ๙๖๗, ๙๗๑ ถ้าเป็นเช็คทอ่ี อกมาแต่ตา่ งประเทศ ท่านให้นำบทบญั ญตั ดิ งั ตอ่ ไปนม้ี าใช้บังคับด้วย คอื บท มาตรา ๙๒๔, ๙๖๐ ถึง ๙๖๔, ๙๗๓ ถงึ ๙๗๗, ๙๘๐ มาตรา ๙๙๐ ผทู้ รงเช็คตอ้ งย่ืนเชค็ แก่ธนาคารเพือ่ ใหใ้ ช้เงนิ คอื ว่าถ้าเป็นเชค็ ให้ใชเ้ งนิ ในเมอื ง เดยี วกนั กบั ทอ่ี อกเช็คต้องย่ืนภายในเดือนหนง่ึ นับแต่วันออกเชค็ นัน้ ถา้ เปน็ เช็คใหใ้ ชเ้ งินทอี่ นื่ ต้องยนื่ ภายในสาม

180 เดอื น ถา้ มิฉะนั้นทา่ นวา่ ผทู้ รงส้นิ สทิ ธิท่จี ะไล่เบ้ยี เอาแกผ่ สู้ ลกั หลงั ทง้ั ปวง ท้งั เสยี สทิ ธอิ นั มตี ่อผสู้ ่งั จา่ ยดว้ ยเพยี ง เทา่ ทจี่ ะเกดิ ความเสียหายอยา่ งหน่ึงอย่างใดแกผ่ สู้ ่งั จา่ ยเพราะการทล่ี ะเลยเสียไม่ย่นื เชค็ นั้น อนง่ึ ผู้ทรงเชค็ ซง่ึ ผสู้ ง่ั จา่ ยหลดุ พ้นจากความรบั ผดิ ไปแลว้ น้นั ทา่ นใหร้ ับชว่ งสิทธขิ องผู้สงั่ จา่ ย คนนั้นอนั มีต่อธนาคาร มาตรา ๙๙๑ ธนาคารจำต้องใช้เงนิ ตามเช็คซงึ่ ผเู้ คยคา้ กับธนาคารใหอ้ อกเบกิ เงนิ แก่ตน เวน้ แต่ในกรณดี งั กลา่ วต่อไปน้ี คอื (๑) ไมม่ ีเงินในบัญชีของผเู้ คยคา้ คนน้นั เป็นเจา้ หนพ้ี อจะจา่ ยตามเช็คนั้น หรือ (๒) เชค็ น้ันยนื่ เพือ่ ให้ใช้เงินเม่ือพ้นเวลาหกเดือนนบั แตว่ นั ออกเช็ค หรือ (๓) ไดม้ คี ำบอกกลา่ ววา่ เชค็ นน้ั หายหรอื ถูกลักไป มาตรา ๙๙๒ หนา้ ทแี่ ละอำนาจของธนาคารซ่งึ จะใชเ้ งนิ ตามเช็คอนั เบกิ แกต่ นนนั้ ท่านว่าเป็น อนั สุดสนิ้ ไปเมอื่ กรณเี ปน็ ดงั จะกลา่ วตอ่ ไปน้ี คอื (๑) มคี ำบอกห้ามการใช้เงนิ (๒) รู้ว่าผสู้ ั่งจา่ ยตาย (๓) รู้วา่ ศาลได้มคี ำสงั่ รักษาทรพั ยช์ ว่ั คราว หรือคำส่งั ใหผ้ สู้ ง่ั จ่ายเป็นคนล้มละลาย หรอื ไดม้ ี ประกาศโฆษณาคำสง่ั เช่นน้ัน มาตรา ๙๙๓ ถ้าธนาคารเขยี นข้อความลงลายมือช่อื บนเช็ค เช่นคำว่า “ใช้ได”้ หรอื “ใชเ้ งิน ได”้ หรอื คำใด ๆ อนั แสดงผลอยา่ งเดียวกัน ท่านว่าธนาคารต้องผูกพันในฐานเป็นลกู หน้ีชัน้ ต้นในอนั จะตอ้ งใช้ เงินแกผ่ ้ทู รงตามเชค็ น้นั ถ้าผูท้ รงเช็คเป็นผจู้ ดั การให้ธนาคารลงข้อความรับรองดังวา่ นน้ั ทา่ นวา่ ผ้สู ่ังจ่ายและผู้สลัก หลงั ท้งั ปวงเปน็ อันหลุดพ้นจากความรบั ผิดตามเช็คนน้ั ถา้ ธนาคารลงข้อความรับรองดังนน้ั โดยคำขอรอ้ งของผสู้ ง่ั จา่ ย ท่านวา่ ผสู้ งั่ จ่ายและปวงผสู้ ลัก หลงั ก็หาหลดุ พ้นไปไม่ มาตรา ๙๙๔ ถา้ ในเช็คมเี ส้นขนานค่ขู ดี ขวางไว้ขา้ งดา้ นหนา้ กับมีหรอื ไม่มคี ำวา่ “และ บริษัท” หรือคำยอ่ อยา่ งใด ๆ แห่งข้อความน้ีอย่ใู นระหว่างเสน้ ทงั้ สองนน้ั ไซร้ เช็คน้นั ชือ่ วา่ เปน็ เชค็ ขดี ครอ่ ม ทั่วไป และจะใชเ้ งินตามเช็คน้นั ได้แตเ่ ฉพาะใหแ้ กธ่ นาคารเทา่ นั้น ถ้าในระหว่างเสน้ ทงั้ สองนน้ั กรอกชอ่ื ธนาคารอันหนง่ึ อันใดลงไวโ้ ดยเฉพาะ เช็คเช่นน้นั ชื่อว่า เป็นเชค็ ขีดครอ่ มเฉพาะ และจะใชเ้ งนิ ตามเชค็ นั้นไดเ้ ฉพาะใหแ้ ก่ธนาคารอนั น้นั

181 มาตรา ๙๙๕ (๑) เช็คไม่มีขดี ครอ่ ม ผู้สงั่ จ่ายหรอื ผทู้ รงคนใดคนหน่ึงจะขดี คร่อมเสยี กไ็ ด้ และ จะทำเป็นขีดคร่อมทวั่ ไปหรอื ขีดคร่อมเฉพาะกไ็ ด้ (๒) เช็คขีดครอ่ มทัว่ ไป ผทู้ รงจะทำใหเ้ ป็นขดี ครอ่ มเฉพาะเสยี ก็ได้ (๓) เชค็ ขดี ครอ่ มทั่วไปกด็ ี ขดี คร่อมเฉพาะก็ดี ผทู้ รงจะเติมคำลงว่า “ห้ามเปลย่ี นมอื ” ก็ได้ (๔) เชค็ ขดี คร่อมเฉพาะให้แกธ่ นาคารใด ธนาคารนัน้ จะซ้ำขดี คร่อมเฉพาะให้ไปแกธ่ นาคาร อ่นื เพ่ือเรียกเกบ็ เงินกไ็ ด้ (๕) เช็คไม่มีขดี ครอ่ มกด็ ี เช็คขดี คร่อมท่วั ไปกด็ ี สง่ ไปยงั ธนาคารใดเพ่อื ใหเ้ รียกเกบ็ เงิน ธนาคารน้นั จะลงขดี ครอ่ มเฉพาะให้แก่ตนเองกไ็ ด้ มาตรา ๙๙๖ การขีดครอ่ มเชค็ ตามท่อี นญุ าตไว้ในมาตรากอ่ นนั้น ทา่ นว่าเปน็ ส่วนสำคญั อันหนง่ึ ของเชค็ ใครจะลบลา้ งยอ่ มไม่เปน็ การชอบดว้ ยกฎหมาย มาตรา ๙๙๗ เช็คขีดครอ่ มเฉพาะใหแ้ ก่ธนาคารกวา่ ธนาคารหนง่ึ ขึน้ ไป เมอ่ื นำเบกิ เอาแก่ ธนาคารใด ทา่ นใหธ้ นาคารนนั้ บอกปดั เสียอย่าใชเ้ งินให้ เวน้ แต่ท่ีขดี ครอ่ มให้แก่ธนาคารในฐานเปน็ ตัวแทนเรียก เก็บเงนิ ธนาคารใดซ่งึ เขานำเช็คเบกิ ขนื ใชเ้ งนิ ไปตามเช็คทข่ี ีดครอ่ มอย่างวา่ มาน้ันก็ดี ใชเ้ งนิ ตามเช็ค อนั เขาขดี ครอ่ มท่ัวไปเป็นประการอ่ืนนอกจากใชใ้ หแ้ ก่ธนาคารอนั ใดอันหนงึ่ กด็ ี ใชเ้ งินตามเชค็ อันเขาขดี คร่อม เฉพาะเป็นประการอ่ืนนอกจากใชใ้ หแ้ กธ่ นาคารซง่ึ เขาเจาะจงขีดครอ่ มใหโ้ ดยเฉพาะ หรอื แก่ธนาคารตวั แทน เรยี กเก็บเงินของธนาคารน้นั กด็ ี ทา่ นวา่ ธนาคารซง่ึ ใช้เงินไปดงั กลา่ วนีจ้ ะต้องรับผดิ ตอ่ ผเู้ ปน็ เจ้าของอนั แทจ้ รงิ แหง่ เช็คน้นั ในการทเี่ ขาจะต้องเสียหายอยา่ งใด ๆ เพราะการทต่ี นใชเ้ งนิ ไปตามเชค็ ดังนั้น แต่หากเชค็ ใดเขานำยืน่ เพื่อใหใ้ ชเ้ งิน และเมอ่ื ย่นื ไม่ปรากฏว่าเปน็ เชค็ ขีดคร่อมกด็ ี หรอื ไม่ ปรากฏวา่ มรี อยขีดคร่อมอนั ไดล้ บลา้ งหรอื แกไ้ ขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเตมิ เปน็ ประการอนื่ นอกจากทอ่ี นุญาตไว้โดย กฎหมายกด็ ี เช็คเช่นนถ้ี า้ ธนาคารใดใช้เงนิ ไปโดยสจุ ริตและปราศจากประมาทเลินเลอ่ ทา่ นว่าธนาคารน้ันไม่ ต้องรบั ผิดหรือตอ้ งมหี นา้ ทร่ี บั ใชเ้ งนิ อยา่ งใด ๆ มาตรา ๙๙๘ ธนาคารใดซงึ่ เขานำเชค็ ขดี คร่อมเบกิ เงนิ ใช้เงนิ ไปตามเชค็ น้ันโดยสจุ ริตและ ปราศจากประมาทเลินเลอ่ กล่าวคือวา่ ถา้ เป็นเช็คขดี ครอ่ มทวั่ ไปก็ใช้เงินให้แกธ่ นาคารอนั ใดอันหน่ึง ถา้ เปน็ เชค็ ขดี ครอ่ มเฉพาะกใ็ ชใ้ หแ้ กธ่ นาคารซ่ึงเขาเจาะจงขีดครอ่ มใหโ้ ดยเฉพาะ หรอื ใช้ใหแ้ กธ่ นาคารตัวแทนเรยี กเกบ็ เงนิ ของธนาคารน้ันไซร้ ทา่ นว่าธนาคารซงึ่ ใช้เงินไปตามเชค็ นนั้ ฝ่ายหนง่ึ กับถา้ เช็คตกไปถงึ มอื ผรู้ บั เงินแล้ว ผู้สงั่ จ่ายอกี ฝา่ ยหน่งึ ต่างมสี ทิ ธเิ ปน็ อย่างเดียวกัน และเขา้ อยใู่ นฐานะอนั เดยี วกันเสมือนดงั วา่ เชค็ นนั้ ได้ใชเ้ งินใหแ้ ก่ผู้ เปน็ เจ้าของอันแท้จริงแลว้

182 มาตรา ๙๙๙ บคุ คลใดไดเ้ ช็คขดี ครอ่ มของเขามาซงึ่ มีคำว่า “ห้ามเปล่ียนมอื ” ทา่ นว่าบุคคล นั้นไม่มสี ทิ ธใิ นเช็คนัน้ ย่งิ ไปกวา่ และไม่สามารถใหส้ ิทธใิ นเชค็ น้ันตอ่ ไปไดด้ ีกวา่ สิทธิของบุคคลอันตนได้เชค็ ของ เขามา มาตรา ๑๐๐๐ ธนาคารใดไดร้ บั เงนิ ไวเ้ พือ่ ผเู้ คยคา้ ของตนโดยสุจรติ และปราศจากประมาท เลินเล่อ อนั เปน็ เงินเขาใชใ้ ห้ตามเช็คขดี ครอ่ มท่วั ไปก็ดี ขีดคร่อมเฉพาะให้แกต่ นก็ดี หากปรากฏวา่ ผเู้ คยค้าน้นั ไมม่ สี ทิ ธหิ รือมีสทิ ธิเพียงอย่างบกพรอ่ งในเชค็ นนั้ ไซร้ ท่านวา่ เพียงแต่เหตทุ ไ่ี ดร้ บั เงินไวห้ าทำให้ธนาคารน้นั ต้อง รบั ผดิ ต่อผเู้ ป็นเจ้าของอนั แทจ้ รงิ แหง่ เชค็ นนั้ แต่อยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดไม่ หมวด ๕ อายุความ มาตรา ๑๐๐๑ ในคดีฟ้องผรู้ บั รองตว๋ั แลกเงนิ ก็ดี ผอู้ อกตว๋ั สญั ญาใชเ้ งินกด็ ี ท่านหา้ มมใิ ห้ฟ้อง เมือ่ พน้ เวลาสามปนี บั แตว่ ันตวั๋ นั้น ๆ ถึงกำหนดใช้เงนิ มาตรา ๑๐๐๒ ในคดีทผี่ ทู้ รงตวั๋ เงินฟ้องผสู้ ลกั หลังและผสู้ ัง่ จา่ ย ทา่ นห้ามมิใหฟ้ อ้ งเมื่อพน้ เวลาปหี น่ึงนบั แตว่ ันท่ไี ดล้ งในคำคัดคา้ นซงึ่ ได้ทำข้ึนภายในเวลาอันถกู ตอ้ งตามกำหนด หรอื นับแต่วนั ตั๋วเงินถงึ กำหนด ในกรณที ีม่ ีข้อกำหนดไว้ว่า “ไมจ่ ำตอ้ งมีคำคัดคา้ น” มาตรา ๑๐๐๓ ในคดผี ู้สลักหลงั ทัง้ หลายฟอ้ งไล่เบี้ยกนั เองและไลเ่ บ้ียเอาแก่ผสู้ ง่ั จา่ ยแหง่ ต๋ัว เงนิ ทา่ นหา้ มมิใหฟ้ อ้ งคดเี ม่อื พ้นเวลาหกเดือนนบั แต่วนั ที่ผสู้ ลักหลังเขา้ ถอื เอาตวั๋ เงนิ และใช้เงิน หรือนับแต่วันท่ี ผสู้ ลักหลงั นน้ั เองถูกฟอ้ ง มาตรา ๑๐๐๔ เมื่ออายคุ วามสะดดุ หยดุ ลงเพราะการอนั หนง่ึ อนั ใด ซ่ึงกระทำแก่คสู่ ัญญา แหง่ ตัว๋ เงินฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทา่ นวา่ ยอ่ มมผี ลสะดุดหยุดลงเพยี งแต่แก่ค่สู ญั ญาฝา่ ยนัน้ มาตรา ๑๐๐๕ ถา้ ตัว๋ เงินได้ทำขึน้ หรอื ไดโ้ อนหรอื สลักหลงั ไปแล้วในมลู หนีอ้ นั หนงึ่ อันใด และ สิทธิตามตั๋วเงนิ นน้ั มาสญู ส้ินไปเพราะอายคุ วามก็ดี หรอื เพราะละเวน้ ไม่ดำเนินการใหต้ ้องตามวิธีใด ๆ อนั จะพงึ ตอ้ งทำก็ดี ทา่ นว่าหนเี้ ดิมน้ันก็ยงั คงมอี ยู่ตามหลกั กฎหมายอนั แพร่หลายทว่ั ไป เทา่ ที่ลูกหนี้มไิ ด้ตอ้ งเสียหายแต่ การนน้ั เว้นแตจ่ ะไดต้ กลงกันไว้เป็นอยา่ งอ่นื

183 หมวด ๖ ต๋ัวเงินปลอม ตว๋ั เงินถูกลัก และตัว๋ เงนิ หาย มาตรา ๑๐๐๖ การทลี่ ายมือช่อื อันหนงึ่ ในต๋ัวเงนิ เปน็ ลายมอื ปลอม ยอ่ มไม่กระทบกระทง่ั ถงึ ความสมบรู ณ์แหง่ ลายมือช่ืออน่ื ๆ ในตวั๋ เงนิ นั้น มาตรา ๑๐๐๗ ถา้ ข้อความในตวั๋ เงินใด หรือในคำรับรองตวั๋ เงนิ รายใด มผี ู้แก้ไขเปล่ยี นแปลง ในขอ้ สำคญั โดยทค่ี สู่ ญั ญาทง้ั ปวงผู้ตอ้ งรบั ผดิ ตามตัว๋ เงินมไิ ดย้ นิ ยอมด้วยหมดทกุ คนไซร้ ท่านว่าตว๋ั เงนิ น้ันกเ็ ป็น อนั เสยี เว้นแต่ยงั คงใชไ้ ดต้ ่อค่สู ญั ญาซงึ่ เป็นผทู้ ำการแกไ้ ขเปล่ียนแปลงนั้น หรอื ไดย้ ินยอมด้วยกับการแก้ไข เปลย่ี นแปลงนน้ั กับทั้งผสู้ ลักหลงั ในภายหลงั แต่หากต๋ัวเงนิ ใดไดม้ ผี แู้ ก้ไขเปลยี่ นแปลงในขอ้ สำคญั แตค่ วามเปลีย่ นแปลงนน้ั ไมป่ ระจักษ์ และตว๋ั เงนิ น้ันตกอยู่ในมือผูท้ รงโดยชอบดว้ ยกฎหมายไซร้ ทา่ นวา่ ผทู้ รงคนนัน้ จะเอาประโยชนจ์ ากตว๋ั เงินน้นั ก็ ได้ เสมือนดังว่ามไิ ด้มีการแกไ้ ขเปลี่ยนแปลงเลย และจะบงั คบั การใช้เงนิ ตามเนอื้ ความแหง่ ต๋ัวน้ันก็ได้ กลา่ วโดยเฉพาะ การแก้ไขเปล่ียนแปลงเช่นจะกล่าวต่อไปนี้ ทา่ นถือว่าเปน็ การแก้ไข เปล่ยี นแปลงในขอ้ สำคญั คอื การแก้ไขเปลี่ยนแปลงอยา่ งใด ๆ แก่วันทีล่ ง จำนวนเงนิ อันจะพงึ ใช้ เวลาใช้เงิน สถานท่ใี ช้เงนิ กบั ทัง้ เม่ือต๋วั เงินเขารบั รองไว้ทั่วไปไมเ่ จาะจงสถานทีใ่ ชเ้ งนิ ไปเตมิ ความระบสุ ถานทีใ่ ชเ้ งนิ เข้า โดยที่ผรู้ ับรองมิได้ยนิ ยอมด้วย มาตรา ๑๐๐๘ ภายในบงั คบั แหง่ บทบญั ญัติทง้ั หลายในประมวลกฎหมายนี้ เมือ่ ใดลายมือชอ่ื ในตัว๋ เงินเปน็ ลายมือปลอมกด็ ี เป็นลายมอื ชื่อลงไวโ้ ดยทีบ่ คุ คลซึ่งอา้ งเอาเป็นเจ้าของลายมอื ชือ่ นัน้ มิไดม้ อบ อำนาจใหล้ งกด็ ี ท่านว่าลายมือชือ่ ปลอมหรอื ลงปราศจากอำนาจเช่นน้นั เป็นอันใชไ้ มไ่ ดเ้ ลย ใครจะอ้างองิ อาศัย แสวงสทิ ธิอยา่ งหนงึ่ อยา่ งใดเพื่อยดึ หนว่ งตว๋ั เงนิ ไวก้ ด็ ี เพอ่ื ทำให้ตัว๋ นน้ั หลุดพน้ กด็ ี หรอื เพอื่ บงั คบั การใช้เงินเอา แกค่ ู่สญั ญาแห่งตวั๋ น้นั คนใดคนหนง่ึ ก็ดี ทา่ นวา่ ไมอ่ าจจะทำได้เป็นอนั ขาด เว้นแตค่ สู่ ัญญาฝ่ายซงึ่ จะพึงถูกยึด หน่วงหรือถกู บงั คบั ใชเ้ งนิ นน้ั จะอยใู่ นฐานเปน็ ผ้ตู ้องตดั บทมใิ ห้ยกข้อลายมือชื่อปลอม หรอื ขอ้ ลงลายมือชื่อ ปราศจากอำนาจนั้นขึ้นเป็นขอ้ ตอ่ สู้ แตข่ ้อความใด ๆ อันกลา่ วมาในมาตรานี้ ท่านมิให้กระทบกระท่งั ถึงการใหส้ ตั ยาบันแกล่ ายมือ ชือ่ ซ่งึ ลงไวโ้ ดยปราศจากอำนาจแตห่ ากไมถ่ งึ แกเ่ ป็นลายมอื ปลอม มาตรา ๑๐๐๙ ถา้ มผี ้นู ำตว๋ั เงนิ ชนิดจะพงึ ใชเ้ งนิ ตามเขาสั่งเมอื่ ทวงถามมาเบกิ ตอ่ ธนาคารใด และธนาคารนนั้ ได้ใช้เงินใหไ้ ปตามทางคา้ ปกติโดยสจุ รติ และปราศจากประมาทเลนิ เลอ่ ไซร้ ทา่ นวา่ ธนาคารไม่มี หนา้ ทจี่ ะต้องนำสืบว่าการสลักหลงั ของผูร้ บั เงิน หรือการสลกั หลงั ในภายหลงั รายใด ๆ ไดท้ ำไปดว้ ยอาศัยรับ

184 มอบอำนาจแต่บคุ คลซ่ึงอา้ งเอาเปน็ เจ้าของคำสลกั หลงั นน้ั และถึงแม้วา่ รายการสลกั หลงั นั้นจะเป็นสลกั หลงั ปลอมหรือปราศจากอำนาจก็ตาม ทา่ นใหถ้ อื ว่าธนาคารไดใ้ ชเ้ งินไปถกู ระเบยี บ มาตรา ๑๐๑๐ เมื่อผ้ทู รงตว๋ั เงนิ ซึ่งหายหรือถูกลกั ทราบเหตแุ ล้ว ในทันใดนน้ั ตอ้ งบอกกล่าว เป็นหนงั สอื ไปยงั ผอู้ อกตว๋ั เงนิ ผจู้ า่ ย ผสู้ มอา้ งยามประสงค์ ผู้รบั รองเพอื่ แก้หนา้ และผู้รบั อาวลั ตามแตม่ ี เพ่ือให้ บอกปดั ไมใ่ ช้เงินตามตัว๋ เงนิ น้ัน มาตรา ๑๐๑๑ ถา้ ตั๋วเงินหายไปแต่ก่อนเวลาลว่ งเลยกำหนดใช้เงนิ ทา่ นวา่ บคุ คลซึ่งไดเ้ ป็นผู้ ทรงตว๋ั เงินน้ันจะรอ้ งขอไปยงั ผู้สงั่ จ่ายให้ ๆ ตั๋วเงินเป็นเนอ้ื ความเดยี วกนั แกต่ นใหมอ่ กี ฉบับหนึ่งก็ได้ และในการ นถ้ี ้าเขาประสงค์กว็ างประกันใหไ้ วแ้ ก่ผสู้ งั่ จ่าย เพือ่ ไว้ทดแทนทเ่ี ขาหากจะตอ้ งเสียหายแกผ่ หู้ นงึ่ ผู้ใดในกรณีทีต่ ๋ัว เงนิ ซงึ่ ว่าหายนั้นจะกลบั หาได้ อน่งึ ผสู้ ง่ั จา่ ยรบั คำขอรอ้ งดงั ว่ามานั้นแล้ว หากบอกปดั ไม่ยอมใหต้ ั๋วเงนิ ค่ฉู บบั เช่นนั้น อาจจะ ถูกบังคับให้ออกให้ก็ได้ ลักษณะ ๒๒ ห้นุ ส่วนและบริษัท หมวด ๑ บทเบ็ดเสรจ็ ทั่วไป มาตรา ๑๐๑๒ อันวา่ สญั ญาจัดตัง้ ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนนั้ คือสัญญาซงึ่ บคุ คลตง้ั แต่สองคน ขน้ึ ไปตกลงเข้ากันเพอื่ กระทำกจิ การรว่ มกนั ด้วยประสงค์จะแบ่งปนั กำไรอนั จะพึงได้แตก่ จิ การทท่ี ำนั้น มาตรา ๑๐๑๓ อนั หา้ งหนุ้ สว่ นหรือบรษิ ทั นั้น ท่านกำหนดเป็นสามประเภท คอื (๑) หา้ งหนุ้ ส่วนสามญั (๒) หา้ งหุน้ ส่วนจำกัด (๓) บริษทั จำกดั มาตรา ๑๐๑๔ บรรดาสำนกั งานสำหรบั จดทะเบียนหา้ งห้นุ สว่ นและบรษิ ัททง้ั หลายนน้ั ให้ รัฐมนตร*ี เจ้ากระทรวงซึ่งบญั ชาการจดทะเบยี นห้างหุน้ ส่วนและบริษทั เปน็ ผอู้ อกกฎข้อบงั คบั จดั ตัง้ ข้ึน

185 มาตรา ๑๐๑๕ ห้างห้นุ สว่ นหรือบรษิ ัทเมื่อไดจ้ ดทะเบียนตามบัญญัตแิ หง่ ลักษณะนแี้ ลว้ ทา่ น จัดว่าเป็นนิตบิ คุ คลต่างหากจากผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นหรือผถู้ อื หนุ้ ทัง้ หลายซง่ึ รวมเขา้ กันเป็นหุ้นส่วนหรือบรษิ ทั นน้ั มาตรา ๑๐๑๖ การจดทะเบยี นนั้น ห้างหนุ้ สว่ นหรอื บรษิ ัทตงั้ สำนักงานแห่งใหญท่ ำกจิ การ อยู่ ณ ตำบลใดในพระราชอาณาจกั ร ทา่ นใหจ้ ดทะเบยี น ณ หอทะเบยี นสำหรบั ตำบลนัน้ การแก้ไขขอ้ ความที่ได้จดทะเบียนประการหน่งึ ประการใดในภายหลังก็ดี กบั ท้ังแก้ไขการอ่นื อยา่ งหน่ึงอย่างใดอนั บทบญั ญัตแิ ผนกนบ้ี งั คบั หรืออนญุ าตใหจ้ ดทะเบยี นก็ดี กต็ อ้ งจด ณ หอทะเบยี นแหง่ เดยี วกันนน้ั มาตรา ๑๐๑๗ ถ้าขอ้ ความทจ่ี ะจดทะเบียน หรอื ประกาศโฆษณาเกดิ ขนึ้ ในต่างประเทศไซร้ ท่านใหน้ บั กำหนดเวลาสำหรบั การจดทะเบียนหรอื ประกาศโฆษณาข้อความนน้ั ตัง้ แตเ่ วลาเม่ือคำบอกกลา่ ว การนั้นมาถึงตำบลทจ่ี ดทะเบียนหรือตำบลทจ่ี ะประกาศโฆษณาน้นั เป็นต้นไป มาตรา ๑๐๑๘ ในการจดทะเบียน ท่านใหเ้ สียค่าธรรมเนยี มตามกฎข้อบังคบั ซึง่ รัฐมนตรี*เจา้ กระทรวงต้ังไว้ มาตรา ๑๐๑๙ ถา้ คำขอจดทะเบยี นหรือเอกสารซง่ึ ตอ้ งจดทะเบยี นไมม่ ีรายการบรบิ รู ณ์ ตามทบ่ี ังคบั ไว้ในลกั ษณะน้ี ว่าให้จดแจง้ กด็ ี หรอื ถ้ารายการอนั ใดซง่ึ จะแจ้งในคำขอหรือในเอกสารนนั้ ขัดกบั กฎหมายก็ดี หรอื ถา้ เอกสารใดซ่งึ กำหนดไวว้ ่าใหส้ ่งด้วยกนั กบั คำขอจดทะเบียนยงั ขาดอยูม่ ิได้สง่ ใหค้ รบก็ดี หรือถ้าไมป่ ฏบิ ตั ติ ามเง่อื นไขข้ออืน่ ซง่ึ กฎหมายบังคบั ไว้ก็ดี นายทะเบยี นจะไมย่ อมรบั จดทะเบยี นกไ็ ด้ จนกว่า คำขอจดทะเบียนหรือเอกสารนนั้ จะไดท้ ำใหบ้ รบิ ูรณ์หรือแกไ้ ขให้ถูกตอ้ ง หรือไดส้ ่งเอกสารซึง่ กำหนดไวน้ ้นั ครบ ทุกสงิ่ อนั หรือได้ปฏบิ ัติตามเงอื่ นไขข้อนน้ั แล้ว มาตรา ๑๐๒๐[๓๕] บุคคลทกุ คนเมอื่ ไดเ้ สยี ค่าธรรมเนียมตามท่กี ำหนดในกฎกระทรวง แลว้ ชอบทจี่ ะตรวจเอกสารซึ่งนายทะเบยี นเกบ็ รกั ษาไว้ได้ หรือจะขอให้คัดสำเนาหรือเนอื้ ความในเอกสารฉบับ ใด ๆ พร้อมดว้ ยคำรับรองวา่ ถูกตอ้ งมอบให้กไ็ ด้ ผมู้ สี ว่ นได้เสียของหา้ งหนุ้ สว่ นหรอื บริษทั ใด ๆ เมอ่ื ได้เสยี ค่าธรรมเนียมตามทก่ี ำหนดใน กฎกระทรวงแล้ว ชอบทจ่ี ะขอให้นายทะเบียนทำใบสำคญั แสดงการจดทะเบยี นห้างหนุ้ ส่วนหรอื บริษทั นัน้ ใหก้ ็ ได้ มาตรา ๑๐๒๑ นายทะเบียนทกุ คนจะต้องแตง่ ย่อรายการซง่ึ ไดล้ งทะเบยี นสง่ ไปลงพมิ พ์ โฆษณาในหนงั สือราชกิจจานุเบกษาเปน็ คราว ๆ ตามแบบซง่ึ รัฐมนตรี*เจา้ กระทรวงจะได้กำหนดให้

186 มาตรา ๑๐๒๒ เมือ่ ได้พมิ พ์โฆษณาดงั น้นั แลว้ ท่านให้ถอื วา่ บรรดาเอกสารและข้อความซง่ึ ลงทะเบียนอันได้กล่าวถงึ ในย่อรายการน้ัน เป็นอนั รู้แก่บคุ คลทัง้ ปวงไมเ่ ลอื กว่าเป็นผูเ้ กีย่ วข้องดว้ ยหา้ งหนุ้ สว่ น หรอื ด้วยบรษิ ัทน้นั หรอื ท่ไี มเ่ กย่ี วข้อง มาตรา ๑๐๒๓[๓๖] ผเู้ ป็นหนุ้ ส่วนก็ดี หา้ งห้นุ ส่วนก็ดี หรอื บรษิ ัทก็ดี จะถือเอาประโยชน์แก่ บุคคลภายนอกเพราะเหตทุ มี่ สี ญั ญาหรือเอกสาร หรอื ข้อความอนั บงั คบั ใหจ้ ดทะเบยี นตามลักษณะน้ียงั ไม่ได้ จนกวา่ จะไดจ้ ดทะเบียนแลว้ แตฝ่ ่ายบุคคลภายนอกจะถือเอาประโยชนเ์ ชน่ วา่ นั้นได้ แต่ถึงกระน้นั ก็ดี ผเู้ ป็นหนุ้ สว่ น ผูถ้ อื ห้นุ หา้ งหุ้นส่วน หรอื บรษิ ทั ซึ่งได้รบั ชำระหนีก้ อ่ นจด ทะเบยี นนน้ั ย่อมไมจ่ ำตอ้ งคนื มาตรา ๑๐๒๓/๑[๓๗] หา้ งห้นุ ส่วนหรือบรษิ ัทจะยกมาตรา ๑๐๒๓ ขน้ึ ต่อสบู้ ุคคลภายนอกผู้ สจุ ริตเพื่อไมใ่ ห้ต้องรบั ผดิ โดยอ้างวา่ ผเู้ ป็นหนุ้ ส่วน ห้างห้นุ สว่ น บริษัทหรอื กรรมการไมม่ อี ำนาจกระทำการมิได้ มาตรา ๑๐๒๔ ในระหวา่ งผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นด้วยกันก็ดี หรอื ในระหว่างผู้ถอื หุน้ ด้วยกนั กด็ ี ใน ระหวา่ งผู้เป็นหุ้นสว่ นกบั หา้ งห้นุ ส่วนก็ดี ในระหวา่ งผถู้ อื หุ้นกับบริษัทกด็ ี ท่านใหส้ ันนิษฐานไว้กอ่ นว่าบรรดา สมุดบญั ชเี อกสารของห้างหุ้นสว่ นหรือบรษิ ทั หรือของผู้ชำระบญั ชีห้างหนุ้ สว่ นหรอื บรษิ ัทใด ๆ น้นั ย่อมเป็น พยานหลกั ฐานอันถูกตอ้ งตามข้อความที่ไดบ้ ันทกึ ไว้ในนน้ั ทกุ ประการ หมวด ๒ หา้ งหุ้นสว่ นสามญั ส่วนที่ ๑ บทวิเคราะห์ มาตรา ๑๐๒๕ อนั ว่าห้างหนุ้ ส่วนสามัญน้นั คอื ห้างหุน้ สว่ นประเภทซงึ่ ผเู้ ปน็ หุน้ สว่ นหมดทกุ คนต้องรับผดิ ร่วมกนั เพอ่ื หนี้ทงั้ ปวงของหุ้นสว่ นโดยไมม่ จี ำกดั

187 สว่ นที่ ๒ ความเก่ียวพันระหว่างผเู้ ป็นหนุ้ ส่วนดว้ ยกันเอง มาตรา ๑๐๒๖ ผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นทุกคนตอ้ งมสี ิง่ หนงึ่ สง่ิ ใดมาลงห้นุ ดว้ ยในห้างหนุ้ สว่ น สิ่งท่ีนำมาลงด้วยนน้ั จะเป็นเงนิ หรอื ทรัพยส์ นิ สิง่ อื่น หรอื ลงแรงงานก็ได้ มาตรา ๑๐๒๗ ในเมื่อมกี รณเี ป็นขอ้ สงสัย ทา่ นใหส้ ันนษิ ฐานไวก้ ่อนว่าส่ิงซ่งึ นำมาลงหนุ้ ด้วยกนั น้นั มคี ่าเทา่ กนั มาตรา ๑๐๒๘ ถ้าผู้เปน็ หุ้นสว่ นคนใดไดล้ งแตแ่ รงงานของตนเขา้ เปน็ หนุ้ และในสญั ญาเขา้ หนุ้ ส่วนมิได้ตรี าคาคา่ แรงไว้ ท่านให้คำนวณสว่ นกำไรของผทู้ ีเ่ ปน็ หุ้นสว่ นดว้ ยลงแรงงานเชน่ นัน้ เสมอดว้ ยส่วน ถัวเฉลยี่ ของผเู้ ป็นหนุ้ ส่วนซงึ่ ไดล้ งเงินหรอื ลงทรัพยส์ ินเขา้ หนุ้ ในการน้นั มาตรา ๑๐๒๙ ถา้ ผเู้ ปน็ หุ้นส่วนคนหนึ่งเอาทรัพย์สินมาให้ใช้เปน็ การลงหุ้นดว้ ยไซร้ ความ เก่ยี วพนั ระหว่างผู้เป็นหนุ้ ส่วนคนน้ันกบั หา้ งหนุ้ สว่ นในเรอ่ื งส่งมอบและซ่อมแซมกด็ ี ความรับผดิ เพ่ือชำรุด บกพรอ่ งก็ดี ความรบั ผิดเพ่อื การรอนสทิ ธิก็ดี ข้อยกเวน้ ความรับผดิ ก็ดี ท่านใหบ้ งั คบั ตามบทบญั ญตั ิแห่ง ประมวลกฎหมายน้ี ว่าดว้ ยเช่าทรัพย์ มาตรา ๑๐๓๐ ถ้าผเู้ ป็นหุน้ ส่วนคนหน่งึ ใหก้ รรมสทิ ธใิ์ นทรัพย์สินอันใดอนั หนงึ่ เป็นการลงห้นุ ดว้ ยไซร้ ความเกี่ยวพนั ระหว่างผเู้ ปน็ หุ้นส่วนคนนน้ั กับหา้ งหนุ้ ส่วนในเร่ืองสง่ มอบและซ่อมแซมก็ดี ความรบั ผิด เพื่อชำรดุ บกพรอ่ งก็ดี ความรบั ผดิ เพอ่ื การรอนสทิ ธกิ ็ดี ขอ้ ยกเว้นความรับผดิ ก็ดี ทา่ นใหบ้ งั คับตามบทบัญญตั ิ แห่งประมวลกฎหมายนี้ วา่ ดว้ ยซ้อื ขาย มาตรา ๑๐๓๑ ถา้ ผเู้ ป็นห้นุ สว่ นคนใดละเลยไมส่ ่งมอบสว่ นลงห้นุ ของตนเสียเลย ท่านว่าต้อง สง่ คำบอกกล่าวเปน็ จดหมายจดทะเบยี นไปรษณียไ์ ปยงั ผู้เปน็ หุ้นส่วนคนน้ัน ใหส้ ง่ มอบส่วนลงหนุ้ ของตนมา ภายในเวลาอันสมควร มฉิ ะนน้ั ผู้เป็นห้นุ สว่ นคนอ่นื ๆ จะลงเนื้อเห็นพร้อมกนั หรอื โดยเสยี งขา้ งมากดว้ ยกนั สุดแตข่ ้อสญั ญา ใหเ้ อาผ้เู ป็นหุน้ ส่วนคนน้ันออกเสยี ได้ มาตรา ๑๐๓๒ หา้ มมิใหเ้ ปลย่ี นแปลงข้อสญั ญาเดิมแหง่ ห้างหนุ้ สว่ นหรือประเภทแห่งกจิ การ นอกจากดว้ ยความยนิ ยอมของผเู้ ป็นห้นุ สว่ นหมดด้วยกนั ทกุ คน เว้นแต่จะมีขอ้ ตกลงกันไวเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน

188 มาตรา ๑๐๓๓ ถ้าผเู้ ปน็ ห้นุ สว่ นมไิ ดต้ กลงกันไวใ้ นกระบวนจัดการห้างห้นุ สว่ นไซร้ ทา่ นว่าผู้ เปน็ หุ้นสว่ นย่อมจัดการหา้ งห้นุ ส่วนนน้ั ได้ทกุ คน แต่ผ้เู ปน็ หนุ้ สว่ นคนหน่งึ คนใดจะเข้าทำสญั ญาอนั ใดซง่ึ ผู้เปน็ หนุ้ สว่ นอกี คนหนึง่ ทกั ทว้ งนนั้ ไม่ได้ ในกรณเี ช่นนี้ ทา่ นใหถ้ อื ว่าผเู้ ปน็ หุน้ ส่วนยอ่ มเปน็ หุ้นสว่ นผู้จดั การทุกคน มาตรา ๑๐๓๔ ถา้ ได้ตกลงกันไวว้ า่ การงานของหา้ งหุ้นส่วนนั้นจักใหเ้ ปน็ ไปตามเสยี งขา้ งมาก แหง่ ผเู้ ป็นหุ้นสว่ นไซร้ ท่านใหผ้ ้เู ป็นหุ้นสว่ นคนหนงึ่ มเี สียงเปน็ คะแนนหนึง่ โดยไม่ตอ้ งคำนงึ ถงึ จำนวนทลี่ งหุน้ ดว้ ยมากหรอื นอ้ ย มาตรา ๑๐๓๕ ถ้าไดต้ กลงกันไว้ว่าจะใหผ้ ้เู ป็นหนุ้ สว่ นหลายคนจัดการห้างหุ้นส่วนไซร้ หุ้นส่วนผจู้ ัดการแตล่ ะคนจะจัดการห้างหุ้นส่วนนน้ั กไ็ ด้ แตห่ นุ้ สว่ นผจู้ ัดการคนหนงึ่ คนใดจะทำการอันใดซ่ึง หุ้นสว่ นผจู้ ดั การอกี คนหนง่ึ ทกั ทว้ งนน้ั ไม่ได้ มาตรา ๑๐๓๖ อนั หนุ้ ส่วนผ้จู ัดการนัน้ จะเอาออกจากตำแหน่งไดต้ ่อเมอื่ ผเู้ ป็นหุ้นส่วน ท้งั หลายอ่ืนยนิ ยอมพรอ้ มกัน เว้นแตจ่ ะไดต้ กลงกันไว้เปน็ อยา่ งอนื่ มาตรา ๑๐๓๗ ถึงแม้ว่าผู้เปน็ ห้นุ สว่ นท้ังหลายได้ตกลงใหผ้ เู้ ป็นหนุ้ สว่ นคนเดียวหรือหลายคน เป็นผจู้ ัดการหา้ งหุน้ สว่ นกด็ ี ผูเ้ ปน็ หุ้นส่วนทุกคนนอกจากผู้จดั การยอ่ มมีสทิ ธทิ ่ีจะไตถ่ ามถงึ การงานของห้าง หุน้ สว่ นทจ่ี ดั อยนู่ ้ันไดท้ กุ เม่อื และมีสทิ ธทิ จี่ ะตรวจและคัดสำเนาสมดุ บัญชี และเอกสารใด ๆ ของหุน้ สว่ นได้ ด้วย มาตรา ๑๐๓๘ หา้ มมใิ ห้ผเู้ ปน็ หุน้ สว่ นประกอบกจิ การอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดซ่งึ มสี ภาพดจุ เดยี วกนั และเป็นการแขง่ ขนั กบั กจิ การของหา้ งห้นุ สว่ นน้นั ไม่ว่าทำเพื่อประโยชนต์ นหรือประโยชนผ์ ูอ้ ื่น โดย มไิ ดร้ บั ความยินยอมของผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นคนอน่ื ๆ ถ้าผูเ้ ป็นหนุ้ สว่ นคนใดทำการฝ่าฝนื ต่อบทบญั ญตั มิ าตรานีไ้ ซร้ ผเู้ ป็นหุ้นส่วนคนอน่ื ๆ ชอบที่ จะเรยี กเอาผลกำไรซึ่งผู้น้นั หาไดท้ งั้ หมด หรือเรียกเอาคา่ สนิ ไหมทดแทนเพ่อื การทห่ี า้ งหุ้นสว่ นไดร้ ับความ เสียหายเพราะเหตุนน้ั แตท่ า่ นหา้ มมิให้ฟอ้ งเรยี กเมือ่ พ้นเวลาปหี นงึ่ นบั แตว่ ันทำการฝ่าฝนื มาตรา ๑๐๓๙ ผ้เู ปน็ หนุ้ ส่วนจำต้องจัดการงานของห้างหนุ้ สว่ นด้วยความระมัดระวงั ใหม้ าก เสมอื นกบั จัดการงานของตนเองฉะนั้น

189 มาตรา ๑๐๔๐ ห้ามมใิ หช้ ักนำเอาบุคคลผอู้ ื่นเขา้ มาเป็นหุ้นสว่ นในห้างหนุ้ ส่วนโดยมไิ ดร้ บั ความยนิ ยอมของผเู้ ปน็ หุน้ ส่วนหมดด้วยกนั ทุกคน เวน้ แต่จะไดต้ กลงกันไว้เปน็ อย่างอ่นื มาตรา ๑๐๔๑ ถา้ ผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนใดคนหนงึ่ โอนส่วนกำไรของตนในห้างหุ้นส่วนทง้ั หมดกด็ ี หรือแตบ่ างสว่ นก็ดี ให้แกบ่ คุ คลภายนอกโดยมไิ ดร้ บั ความยนิ ยอมของผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นทง้ั หลายอ่นื ไซร้ ทา่ นวา่ บคุ คลภายนอกนนั้ จะกลายเปน็ เข้าห้นุ สว่ นด้วยก็หามไิ ด้ มาตรา ๑๐๔๒ ความเก่ยี วพนั ระหวา่ งหุน้ สว่ นผจู้ ดั การกบั ผเู้ ป็นหุน้ สว่ นทั้งหลายอื่นน้ัน ทา่ น ให้บงั คบั ด้วยบทบญั ญัติแห่งประมวลกฎหมายน้วี ่าด้วยตัวแทน มาตรา ๑๐๔๓ ถา้ ผเู้ ปน็ หนุ้ ส่วนอันมไิ ด้เป็นผจู้ ดั การเอ้ือมเขา้ มาจดั การงานของหา้ งหนุ้ สว่ นก็ ดี หรอื ผเู้ ปน็ หนุ้ ส่วนซ่งึ เป็นผ้จู ดั การกระทำลว่ งขอบอำนาจของตนกด็ ี ท่านใหบ้ งั คบั ดว้ ยบทบญั ญตั ิแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ ว่าด้วยจัดการงานนอกส่งั มาตรา ๑๐๔๔ อนั ส่วนกำไรกด็ ี สว่ นขาดทุนก็ดี ของผเู้ ป็นหนุ้ ส่วนทกุ ๆ คนนั้น ยอ่ มเปน็ ไป ตามส่วนทลี่ งหนุ้ มาตรา ๑๐๔๕ ถา้ ห้นุ สว่ นของผูใ้ ดได้กำหนดไว้แตเ่ พยี งขา้ งฝา่ ยกำไรวา่ จะแบง่ เอาเท่าไร หรอื กำหนดแต่เพยี งขา้ งขาดทนุ ว่าจะยอมขาดเท่าไรฉะนไี้ ซร้ ท่านให้สนั นิษฐานไวก้ ่อนว่าหนุ้ สว่ นของผู้น้นั มสี ว่ น กำไรและสว่ นขาดทุนเป็นอย่างเดียวกนั มาตรา ๑๐๔๖ ผู้เป็นหุน้ ส่วนไมว่ า่ คนหน่ึงคนใดหามสี ิทธจิ ะไดร้ ับบำเหนจ็ เพอื่ ที่ไดจ้ ดั การงาน ของหา้ งหุน้ สว่ นน้ันไม่ เวน้ แตจ่ ะไดม้ ีความตกลงกนั ไวเ้ ป็นอย่างอืน่ มาตรา ๑๐๔๗ ถ้าชอ่ื ของผู้เปน็ หนุ้ สว่ นซง่ึ ออกจากห้นุ ส่วนไปแลว้ ยังคงใชเ้ รียกขานตดิ เป็นชอื่ หา้ งหุ้นส่วนอยู่ ทา่ นว่าผเู้ ปน็ หนุ้ ส่วนน้นั ชอบทจี่ ะเรยี กให้งดใชช้ ื่อของตนเสยี ได้ มาตรา ๑๐๔๘ ผูเ้ ป็นหุ้นส่วนคนหน่งึ จะเรยี กเอาส่วนของตนจากหุ้นสว่ นอื่น ๆ แมใ้ นกิจการ คา้ ขายอนั ใดซ่งึ ไมป่ รากฏชือ่ ของตนกไ็ ด้

190 สว่ นท่ี ๓ ความเก่ียวพนั ระหวา่ งผเู้ ป็นหุ้นส่วนกบั บุคคลภายนอก มาตรา ๑๐๔๙ ผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นจะถือเอาสิทธิใด ๆ แก่บุคคลภายนอกในกจิ การค้าขายซ่งึ ไม่ ปรากฏชอ่ื ของตนน้ันหาได้ไม่ มาตรา ๑๐๕๐ การใด ๆ อันผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นคนใดคนหน่งึ ไดจ้ ดั ทำไปในทางทเ่ี ปน็ ธรรมดา การค้าขายของห้างหุน้ สว่ นนั้น ท่านวา่ ผเู้ ปน็ หุ้นส่วนหมดทกุ คนยอ่ มมีความผกู พนั ในการน้ัน ๆ ด้วย และ จะตอ้ งรับผดิ ร่วมกนั โดยไม่จำกดั จำนวนในการชำระหนี้ อนั ไดก้ ่อให้เกดิ ขนึ้ เพราะจดั การไปเชน่ นนั้ มาตรา ๑๐๕๑ ผเู้ ปน็ หุน้ ส่วนซึง่ ออกจากหุ้นสว่ นไปแลว้ ยังคงตอ้ งรบั ผิดในหน้ซี งึ่ ห้างหนุ้ ส่วน ได้ก่อให้เกดิ ข้นึ กอ่ นทีต่ นได้ออกจากหุ้นส่วนไป มาตรา ๑๐๕๒ บคุ คลผ้เู ข้าเปน็ หุ้นส่วนในหา้ งหุ้นสว่ นยอ่ มตอ้ งรับผิดในหน้ใี ด ๆ ซงึ่ หา้ ง หุน้ ส่วนไดก้ ่อใหเ้ กิดขึ้นกอ่ นท่ีตนเขา้ มาเปน็ ห้นุ ส่วนด้วย มาตรา ๑๐๕๓ หา้ งหุ้นส่วนซง่ึ มิได้จดทะเบียนนั้น ถึงแม้จะมขี อ้ จำกัดอำนาจของหุ้นส่วนคน หนง่ึ ในการทจี่ ะผกู พนั ผเู้ ป็นหุน้ สว่ นคนอนื่ ๆ ท่านว่าขอ้ จำกดั เช่นนัน้ กห็ ามผี ลถงึ บคุ คลภายนอกไม่ มาตรา ๑๐๕๔ บคุ คลใดแสดงตนว่าเปน็ ห้นุ สว่ นดว้ ยวาจากด็ ี ดว้ ยลายลกั ษณ์อกั ษรก็ดี ดว้ ย กริ ยิ าก็ดี ดว้ ยยนิ ยอมใหเ้ ขาใชช้ ื่อตนเปน็ ช่ือหา้ งหุ้นสว่ นก็ดี หรือรูแ้ ลว้ ไม่คัดคา้ นปลอ่ ยใหเ้ ขาแสดงว่าตนเปน็ ห้นุ สว่ นก็ดี ท่านว่าบุคคลนนั้ ย่อมต้องรบั ผิดตอ่ บคุ คลภายนอกในบรรดาหนขี้ องหา้ งหนุ้ สว่ นเสมือนเปน็ หุน้ ส่วน ถ้าผู้เป็นหุน้ สว่ นคนหนงึ่ คนใดตายไปแลว้ และห้างห้นุ ส่วนนนั้ ยังคงคา้ ตอ่ ไปในชื่อเดิมของหา้ ง ทา่ นวา่ เหตเุ พียงทคี่ งใชช้ ่ือเดมิ น้ันกด็ ี หรือใชช้ ่ือของห้นุ ส่วนผู้ตายควบอย่ดู ว้ ยก็ดี หาทำใหค้ วามรับผดิ มีแก่กอง ทรพั ย์มรดกของผู้ตายเพ่อื หนี้ใด ๆ อนั หา้ งหุ้นส่วนได้ก่อใหเ้ กิดขน้ึ ภายหลังมรณะนน้ั ไม่

191 สว่ นท่ี ๔ การเลิกและชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามญั มาตรา ๑๐๕๕ ห้างหุ้นส่วนสามญั ย่อมเลกิ กนั ด้วยเหตุดังกลา่ วตอ่ ไปน้ี (๑) ถา้ ในสัญญาทำไว้มีกำหนดกรณอี ันใดเป็นเหตุท่ีจะเลิกกนั เม่ือมกี รณีน้นั (๒) ถา้ สัญญาทำไวเ้ ฉพาะกำหนดกาลใด เมื่อสน้ิ กำหนดกาลน้ัน (๓) ถา้ สญั ญาทำไว้เฉพาะเพอ่ื ทำกจิ การอยา่ งหนงึ่ อย่างใดแตอ่ ยา่ งเดยี ว เมื่อเสรจ็ การนน้ั (๔) เม่ือผู้เปน็ หุน้ ส่วนคนใดคนหนง่ึ ให้คำบอกกล่าวแก่ผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนอ่นื ๆ ตามกำหนดดงั บัญญตั ไิ วใ้ นมาตรา ๑๐๕๖ (๕) เมื่อผเู้ ป็นหุน้ ส่วนคนใดคนหนงึ่ ตาย หรอื ลม้ ละลาย หรอื ตกเป็นผูไ้ รค้ วามสามารถ มาตรา ๑๐๕๖ ถ้าห้างหนุ้ สว่ นไดต้ ั้งข้นึ ไม่มีกำหนดกาลอยา่ งหน่งึ อย่างใดเปน็ ยุติ ทา่ นวา่ จะ เลกิ ได้ต่อเมอ่ื ผูเ้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนใดคนหนึ่งบอกเลิกเม่อื สน้ิ รอบปีในทางบญั ชีเงนิ ของห้างหนุ้ สว่ นน้นั และผเู้ ปน็ หุ้นส่วนนนั้ ตอ้ งบอกกล่าวความจำนงจะเลกิ ล่วงหนา้ ไมน่ อ้ ยกว่าหกเดือน มาตรา ๑๐๕๗ ถ้าผเู้ ปน็ หุน้ ส่วนคนใดรอ้ งขอเมื่อมีกรณอี ย่างใดอยา่ งหนง่ึ ดังจะกลา่ วต่อไปน้ี ศาลอาจส่งั ใหห้ ้างหนุ้ สว่ นสามัญเลกิ กนั เสยี ก็ได้ คือ (๑) เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหน่ึงนอกจากผ้รู อ้ งฟ้องนั้น ลว่ งละเมดิ บทบังคบั ใด ๆ อนั เป็น ขอ้ สาระสำคัญซง่ึ สญั ญาหุน้ สว่ นกำหนดไว้แกต่ น โดยจงใจหรือเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรง (๒) เมอ่ื กจิ การของหา้ งหนุ้ สว่ นนน้ั จะทำไปก็มีแตข่ าดทุนอยา่ งเดยี ว และไม่มหี วังจะกลบั ฟ้นื ตัวได้อีก (๓) เม่ือมีเหตุอ่นื ใด ๆ ทำให้หา้ งห้นุ สว่ นน้ันเหลือวสิ ยั ทจี่ ะดำรงคงอยู่ตอ่ ไปได้ มาตรา ๑๐๕๘ เมอ่ื เหตอุ ันใดอนั หนงึ่ เกิดขน้ึ เก่ียวด้วยผเู้ ปน็ หุน้ สว่ นคนหนง่ึ ซง่ึ ตามความใน มาตรา ๑๐๕๗ หรอื มาตรา ๑๐๖๗ เป็นเหตุใหผ้ ู้เปน็ หุ้นสว่ นทั้งหลายนอกนั้นมสี ทิ ธิจะเรยี กใหเ้ ลกิ ห้างหุน้ ส่วน ไดไ้ ซร้ ในเมื่อผเู้ ป็นหุ้นสว่ นเหลา่ นัน้ ยื่นคำร้อง ท่านว่าศาลจะสั่งให้กำจัดหุ้นส่วนผู้ต้นเหตุคนนนั้ ออกเสยี จาก ห้างหนุ้ สว่ นแทนสัง่ ใหเ้ ลกิ หา้ งหนุ้ ส่วนกไ็ ด้ ในการแบง่ ทรัพยส์ นิ ระหว่างห้างห้นุ ส่วนกบั ผเู้ ป็นหุ้นส่วนซ่งึ ถกู กำจดั นนั้ ท่านให้ตรี าคา ทรพั ยส์ นิ ของห้างหุน้ ส่วนตามราคาท่เี ปน็ อยูใ่ นเวลาแรกยน่ื คำร้องขอให้กำจดั มาตรา ๑๐๕๙ ถา้ เมอ่ื สิ้นกำหนดกาลซ่ึงไดต้ กลงกันไว้ และผเู้ ป็นห้นุ สว่ นทงั้ หลายหรอื ผเู้ ปน็ หุ้นส่วนซงึ่ เคยได้จดั การอยใู่ นระหว่างกำหนดนั้น ยังคงดำเนนิ การคา้ ของห้างห้นุ ส่วนอยตู่ ่อไปโดยมไิ ดช้ ำระ

192 บญั ชีหรือชำระเงินกันให้เสรจ็ ไปไซร้ ทา่ นให้ถอื วา่ ผเู้ ป็นหนุ้ สว่ นทั้งปวงได้ตกลงคงทำการเปน็ หุ้นสว่ นกนั สืบไป โดยไม่มกี ำหนดกาล มาตรา ๑๐๖๐ ในกรณีอยา่ งใดอย่างหนงึ่ ซึ่งกลา่ วไวใ้ นมาตรา ๑๐๕๕ อนุมาตรา ๔ หรือ อนุมาตรา ๕ นัน้ ถา้ ผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นท่ียงั อยรู่ บั ซอ้ื ห้นุ ของผทู้ อ่ี อกจากหนุ้ สว่ นไปไซร้ ท่านวา่ สัญญาหนุ้ สว่ นน้ันก็ ยังคงใชไ้ ดต้ อ่ ไปในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนทยี่ ังอยดู่ ้วยกนั มาตรา ๑๐๖๑ เม่ือห้างหนุ้ สว่ นเลิกกนั แล้วกใ็ หจ้ ดั การชำระบญั ชีเว้นแต่จะได้ตกลงกนั ให้ จัดการทรัพยส์ ินโดยวธิ อี ืน่ ในระหวา่ งผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นด้วยกนั หรอื ว่าหา้ งหนุ้ ส่วนน้ันศาลได้พพิ ากษาใหล้ ม้ ละลาย ถ้าการเลกิ ห้างหุน้ สว่ นนนั้ ได้เป็นไปโดยท่ีเจ้าหนเ้ี ฉพาะตวั ของผู้เป็นหนุ้ ส่วนคนใดคนหนง่ึ ได้ให้ คำบอกกลา่ วกด็ ี หรือโดยทผ่ี เู้ ป็นหนุ้ ส่วนคนใดคนหนึ่งลม้ ละลายกด็ ี ทา่ นวา่ จะงดการชำระบญั ชีเสยี ได้ตอ่ เมอื่ เจา้ หนค้ี นน้ัน หรือเจา้ พนกั งานรกั ษาทรพั ย์ยินยอมดว้ ย การชำระบัญชนี ้นั ใหผ้ เู้ ป็นหนุ้ ส่วนทง้ั หมดด้วยกันจดั ทำ หรอื ให้บุคคลอ่นื ซ่งึ ผเู้ ปน็ หุน้ สว่ นได้ ตั้งแตง่ ข้ึนนนั้ เป็นผู้จัดทำ การแตง่ ตั้งผชู้ ำระบัญชี ให้วินจิ ฉยั ชีข้ าดโดยคะแนนเสยี งข้างมากของผ้เู ปน็ หุ้นสว่ น มาตรา ๑๐๖๒ การชำระบัญชี ใหท้ ำโดยลำดับดงั นี้ คอื (๑) ใหช้ ำระหนี้ทั้งหลายซง่ึ ค้างชำระแกบ่ คุ คลภายนอก (๒) ให้ชดใช้เงนิ ทดรองและคา่ ใชจ้ ่ายซง่ึ ผเู้ ปน็ ห้นุ สว่ นไดอ้ อกของตนไปเพอ่ื จัดการคา้ ของหา้ ง (๓) ใหค้ นื ทนุ ทรพั ยซ์ งึ่ ผเู้ ป็นหุ้นสว่ นแตล่ ะคนไดล้ งเป็นหนุ้ ถา้ ยงั มที รพั ย์เหลืออยู่อกี เทา่ ไร กใ็ หเ้ ฉลยี่ แจกเปน็ กำไรในระหวา่ งผเู้ ป็นหนุ้ ส่วน มาตรา ๑๐๖๓ ถา้ เมื่อไดช้ ำระหนี้ซงึ่ คา้ งชำระแกบ่ ุคคลภายนอกและชดใช้เงนิ ทดรองและ ค่าใช้จา่ ยแลว้ สินทรัพยท์ ี่ยงั อยูไ่ ม่พอจะคืนแกผ่ เู้ ป็นหุ้นสว่ นใหค้ รบจำนวนทีล่ งหนุ้ ไซร้ สว่ นทข่ี าดน้ีคอื ขาดทนุ ซงึ่ ต้องคดิ เฉลีย่ ชว่ ยกันขาด

193 สว่ นที่ ๕ การจดทะเบยี นห้างหุ้นสว่ นสามญั มาตรา ๑๐๖๔ อันหา้ งห้นุ สว่ นสามัญนั้น จะจดทะเบยี นก็ได้ การลงทะเบยี นนน้ั ท่านบังคบั ให้มรี ายการดงั น้ี คอื (๑) ชอ่ื ห้างหนุ้ ส่วน (๒) วัตถทุ ปี่ ระสงค์ของห้างหนุ้ ส่วน (๓) ทีต่ ั้งสำนักงานแหง่ ใหญ่และสาขาทง้ั ปวง (๔) ช่ือและทส่ี ำนกั กบั ทง้ั อาชีวะของผเู้ ปน็ ห้นุ ส่วนทกุ ๆ คน ถา้ ผ้เู ปน็ หุ้นส่วนคนใดมีช่ือยี่หอ้ ก็ใหล้ งทะเบยี นทัง้ ชอื่ และยห่ี ้อดว้ ย (๕) ช่อื หุ้นสว่ นผจู้ ดั การ ในเมอื่ ไดต้ งั้ แตง่ ใหเ้ ปน็ ผ้จู ัดการแตเ่ พียงบางคน (๖) ถ้ามีขอ้ จำกัดอำนาจของหุ้นสว่ นผจู้ ดั การประการใดใหล้ งไวด้ ว้ ย (๗) ตราซงึ่ ใช้เปน็ สำคญั ของห้างห้นุ ส่วน ข้อความซงึ่ ลงทะเบยี นน้นั จะลงรายการอื่น ๆ อีกอนั คสู่ ญั ญาเหน็ สมควรจะใหป้ ระชาชน ทราบดว้ ยกไ็ ด้ การลงทะเบียนน้ัน ต้องลงลายมอื ช่ือของผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นทกุ คน และตอ้ งประทบั ตราของหา้ ง หุ้นส่วนนนั้ ดว้ ย ใหพ้ นกั งานทะเบยี นทำใบสำคัญแสดงการจดทะเบยี นสง่ มอบให้แกห่ า้ งหุ้นส่วนนนั้ ฉบบั หนง่ึ มาตรา ๑๐๖๔/๑[๓๘] หนุ้ ส่วนผจู้ ัดการคนใดในหา้ งหุ้นสว่ นจดทะเบียนจะลาออกจาก ตำแหนง่ ใหย้ น่ื ใบลาออกตอ่ ห้นุ สว่ นผูจ้ ดั การอนื่ คนหนึ่งคนใด การลาออกมผี ลนบั แตว่ นั ที่ใบลาออกไปถึง หุ้นส่วนผจู้ ดั การอน่ื น้ัน ในกรณีทห่ี ้างหนุ้ สว่ นจดทะเบยี นมหี ุ้นสว่ นผจู้ ดั การคนเดยี ว ให้หุ้นสว่ นผจู้ ดั การทจ่ี ะลาออก จากตำแหนง่ แจง้ เปน็ หนงั สือใหผ้ ้เู ปน็ หุน้ ส่วนคนหนง่ึ คนใดทราบเพือ่ นัดประชุมและพจิ ารณาตง้ั ผจู้ ัดการคนใหม่ พร้อมกบั แนบใบลาออกไปดว้ ย การลาออกมผี ลนับแตว่ ันทใ่ี บลาออกไปถงึ หุน้ ส่วนผู้นนั้ หุน้ ส่วนผจู้ ัดการซึ่งลาออกตามวรรคหนึง่ หรอื วรรคสอง จะแจง้ การลาออกของตนให้นาย ทะเบียนทราบด้วยก็ได้ มาตรา ๑๐๖๔/๒[๓๙] เมอื่ มกี ารเปล่ยี นแปลงหนุ้ สว่ นผจู้ ัดการ ใหห้ ้างห้นุ ส่วนจดทะเบียนนำ ความไปจดทะเบียนภายในสิบส่วี ันนบั แต่วันทม่ี กี ารเปลี่ยนแปลง

194 มาตรา ๑๐๖๕ ผเู้ ป็นหุ้นสว่ นอาจถอื เอาประโยชนแ์ กบ่ ุคคลภายนอกในบรรดาสิทธิอันหา้ ง หุ้นส่วนจดทะเบียนนน้ั ได้มา แมใ้ นกิจการซง่ึ ไม่ปรากฏช่อื ของตน มาตรา ๑๐๖๖ หา้ มมใิ หผ้ เู้ ป็นห้นุ สว่ นคนหนึ่งคนใดในหา้ งหนุ้ ส่วนจดทะเบียนประกอบ กจิ การอยา่ งหนง่ึ อย่างใดอนั มสี ภาพเปน็ อยา่ งเดียวกนั และเปน็ การแข่งขนั กบั กจิ การของหา้ งหนุ้ สว่ นนั้น ไมว่ า่ ทำเพอ่ื ประโยชนต์ นหรอื เพื่อประโยชนผ์ ้อู ่นื หรือไปเข้าเป็นหนุ้ ส่วนไม่จำกดั ความรับผิดในหา้ งหุ้นสว่ นอืน่ ซ่ึง ประกอบกจิ การอันมสี ภาพเปน็ อยา่ งเดียวกัน และแขง่ ขันกบั กิจการของห้างหนุ้ ส่วนจดทะเบียนนั้น เว้นไวแ้ ต่ จะไดร้ ับคำยนิ ยอมของผูเ้ ปน็ หนุ้ สว่ นอน่ื ทั้งหมด แต่ข้อหา้ มเชน่ ว่ามาน้ี ท่านวา่ จะไมพ่ งึ ใช้ได้ ถา้ หากผูเ้ ปน็ หุ้นส่วนทงั้ หลายไดร้ อู้ ย่แู ล้วในเวลา เมอื่ ลงทะเบียนหา้ งหุ้นสว่ นนั้นวา่ ผเู้ ป็นหนุ้ สว่ นคนหนงึ่ ได้ทำกจิ การ หรอื เข้าเปน็ หุน้ สว่ นอยู่ในหา้ งหุ้นส่วนอ่นื อนั มวี ตั ถทุ ่ปี ระสงค์อยา่ งเดยี วกนั และในสัญญาเขา้ หุ้นส่วนทท่ี ำไวต้ อ่ กันน้นั กไ็ ม่ไดบ้ ังคบั ให้ถอนตัวออก มาตรา ๑๐๖๗ ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดกระทำการฝ่าฝืนต่อบทบัญญตั ใิ นมาตรากอ่ นนไี้ ซร้ ทา่ นวา่ หา้ งหุน้ สว่ นซงึ่ จดทะเบียนนั้นชอบทจี่ ะเรยี กเอาผลกำไรอนั ผ้นู ้ันหาไดท้ ้งั หมดหรอื เรียกเอาค่าสินไหม ทดแทนเพอื่ ความเสยี หายซึ่งห้างหุน้ ส่วนไดร้ บั เพราะเหตนุ นั้ แต่ท้ังนีท้ ่านห้ามมใิ หฟ้ ้องเรยี กเมอ่ื พน้ เวลาปหี นง่ึ นบั แต่วันทำการฝ่าฝืน อน่ึง บทบญั ญตั มิ าตรานไ้ี มล่ บลา้ งสิทธขิ องผู้เปน็ หนุ้ ส่วนทง้ั หลายนอกนั้น ในอันจะเรียกให้ เลิกห้างหุ้นส่วน มาตรา ๑๐๖๘ ความรับผิดของผู้เปน็ ห้นุ ส่วนในห้างห้นุ สว่ นจดทะเบยี น อนั เกี่ยวแกห่ นซ้ี งึ่ หา้ งหนุ้ ส่วนได้กอ่ ใหเ้ กิดข้ึนก่อนที่ตนออกจากหุน้ สว่ นน้นั ยอ่ มมจี ำกดั เพยี งสองปีนบั แตเ่ มอ่ื ออกจากหุ้นสว่ น มาตรา ๑๐๖๙ นอกจากในกรณีทง้ั หลายทบ่ี ญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา ๑๐๕๕ ท่านว่าห้างห้นุ ส่วนจด ทะเบียนยอ่ มเลกิ กนั เมอ่ื หา้ งห้นุ ส่วนนั้นลม้ ละลาย มาตรา ๑๐๗๐ เม่อื ใดหา้ งหุ้นส่วนซงึ่ จดทะเบียนผิดนัดชำระหนี้ เมื่อนนั้ เจา้ หน้ีของห้าง หนุ้ ส่วนน้ันชอบทจี่ ะเรยี กให้ชำระหน้เี อาแตผ่ เู้ ป็นหนุ้ ส่วนคนใดคนหนึง่ กไ็ ด้ มาตรา ๑๐๗๑ ในกรณที ่กี ล่าวไวใ้ นมาตรา ๑๐๗๐ นัน้ ถา้ ผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นนำพสิ จู นไ์ ดว้ ่า (๑) สนิ ทรพั ย์ของหา้ งหนุ้ สว่ นยงั มพี อทีจ่ ะชำระหนไี้ ดท้ ง้ั หมดหรือบางส่วน และ (๒) การทจ่ี ะบงั คับเอาแกห่ ้างหนุ้ ส่วนนน้ั ไม่เปน็ การยากฉะนไี้ ซร้ ศาลจะบงั คับใหเ้ อาสนิ ทรพั ย์ของหา้ งหนุ้ สว่ นนน้ั ชำระหนี้ก่อนกไ็ ด้ สดุ แต่ศาลจะเห็นสมควร

195 มาตรา ๑๐๗๒ ถา้ หา้ งหุ้นสว่ นซง่ึ จดทะเบียนยงั มไิ ด้เลกิ กันตราบใด เจา้ หน้ขี องผเู้ ปน็ หุ้นสว่ น เฉพาะตวั ย่อมใชส้ ทิ ธไิ ด้แต่เพียงในผลกำไรหรอื เงนิ ซึง่ ห้างหนุ้ ส่วนค้างชำระแกผ่ ้เู ป็นหุน้ สว่ นคนนนั้ เท่านั้น ถ้า ห้างหนุ้ สว่ นน้ันเลิกกนั แลว้ เจ้าหนี้ยอ่ มใช้สทิ ธไิ ดต้ ลอดจนถงึ ห้นุ ของผเู้ ป็นหุ้นส่วนคนนัน้ อนั มีในสนิ ทรัพยข์ อง ห้างหนุ้ ส่วน ส่วนที่ ๖ การควบหา้ งหนุ้ สว่ นจดทะเบยี นเข้ากัน มาตรา ๑๐๗๓ หา้ งห้นุ สว่ นจดทะเบียนหา้ งหนง่ึ จะควบเข้าเป็นอันเดยี วกบั ห้างหุ้นสว่ นจด ทะเบียนอีกหา้ งหนงึ่ ก็ได้ โดยความยินยอมของผู้เป็นหุน้ ส่วนท้งั หมด เวน้ แตจ่ ะไดต้ กลงกันไวเ้ ป็นอย่างอ่ืน มาตรา ๑๐๗๔ เม่อื หา้ งหุ้นสว่ นจดทะเบยี นห้างใดปลงใจจะควบเข้ากันกับหา้ งอืน่ ห้าง หนุ้ ส่วนน้นั ต้องโฆษณาในหนังสอื พิมพ์แหง่ ทอ้ งท่ีน้ันสองครง้ั เปน็ อยา่ งนอ้ ย และส่งคำบอกกล่าวความประสงค์ ทจ่ี ะควบเขา้ กันน้นั แก่บรรดาผู้ซง่ึ ห้างห้นุ ส่วนรู้วา่ เป็นเจ้าหนี้ และขอใหเ้ จ้าหนผี้ มู้ ีข้อคดั คา้ นอย่างหนง่ึ อยา่ งใด ในการทจี่ ะทำนน้ั สง่ คำคัดคา้ นไปภายในสามเดือนนบั แตว่ นั บอกกลา่ ว ถ้าไม่มใี ครคัดค้านภายในกำหนดเวลาเชน่ วา่ นนั้ ก็ให้พงึ ถอื วา่ ไมม่ คี ัดคา้ น ถา้ มคี ัดคา้ นไซร้ ท่านมิให้หา้ งห้นุ สว่ นจดั การควบเขา้ กนั เวน้ แต่จะได้ใชห้ น้ที ี่เรยี กรอ้ งหรอื ให้ ประกนั เพ่อื หน้ีนัน้ แล้ว มาตรา ๑๐๗๕ เมอ่ื หา้ งไดค้ วบเขา้ กนั แล้ว ต่างหา้ งก็ตา่ งมหี น้าทจ่ี ะต้องนำความนนั้ จด ลงทะเบยี น วา่ ได้ควบเขา้ กันเป็นหา้ งหุ้นส่วนขนึ้ ใหม่ มาตรา ๑๐๗๖ ห้างหนุ้ ส่วนใหมน่ ี้ย่อมไดไ้ ปทงั้ สิทธิ ทง้ั ต้องอย่ใู นความรบั ผิดของหา้ งหนุ้ สว่ น เดมิ ที่ไดค้ วบเขา้ กันนั้นทงั้ สนิ้

196 หมวด ๓ ห้นุ สว่ นสว่ นจำกัด มาตรา ๑๐๗๗ อันห้างหุ้นสว่ นจำกดั น้ัน คือห้างหนุ้ ส่วนประเภทหนงึ่ ซึ่งมผี ู้เปน็ หนุ้ ส่วนสอง จำพวก ดังจะกล่าวต่อไปนี้ คอื (๑) ผ้เู ป็นหนุ้ ส่วนคนเดยี วหรอื หลายคนซงึ่ มีจำกัดความรับผดิ เพยี งไมเ่ กินจำนวนเงินทต่ี นรบั จะลงหนุ้ ในหา้ งหุน้ สว่ นนนั้ จำพวกหนึ่ง และ (๒) ผเู้ ป็นหุ้นสว่ นคนเดียวหรอื หลายคนซงึ่ ตอ้ งรบั ผิดร่วมกันในบรรดาหน้ีของหา้ งห้นุ ส่วนไมม่ ี จำกดั จำนวนอกี จำพวกหนง่ึ มาตรา ๑๐๗๘ อันหา้ งหุ้นสว่ นจำกดั นนั้ ทา่ นบงั คับว่าต้องจดทะเบยี น การลงทะเบียนนน้ั ต้องมีรายการดงั ตอ่ ไปนี้ คือ (๑) ชื่อหา้ งหุ้นสว่ น (๒) ข้อแถลงความวา่ เป็นหา้ งหนุ้ สว่ นจำกัด และวัตถุท่ปี ระสงค์ของห้างหนุ้ สว่ นน้นั (๓) ทีต่ ง้ั สำนักงานแหง่ ใหญ่และสำนักงานสาขาทง้ั ปวง (๔) ชอ่ื ย่หี อ้ สำนกั และอาชีวะของผู้เปน็ หุ้นสว่ นจำพวกจำกดั ความรบั ผิด และจำนวนเงนิ ซง่ึ เขาเหล่านั้นได้ลงหนุ้ ด้วยในห้างหนุ้ ส่วน (๕) ชือ่ ยีห่ ้อ สำนกั และอาชีวะของผเู้ ปน็ หนุ้ ส่วนจำพวกไมจ่ ำกดั ความรบั ผิด (๖) ชอ่ื หุ้นสว่ นผู้จัดการ (๗) ถ้ามขี อ้ จำกัดอำนาจหุ้นส่วนผจู้ ัดการอนั จะผูกพันห้างหนุ้ สว่ นน้นั ประการใดใหล้ งไวด้ ว้ ย ขอ้ ความซ่ึงลงทะเบียนนัน้ จะลงรายการอน่ื ๆ อกี อนั คสู่ ญั ญาเหน็ สมควรจะใหป้ ระชาชน ทราบด้วยกไ็ ด้ การลงทะเบยี นนน้ั ตอ้ งลงลายมอื ชื่อของผเู้ ปน็ หนุ้ ส่วนทกุ คน และต้องประทบั ตราของห้าง หนุ้ ส่วนนนั้ ด้วย ใหพ้ นกั งานทะเบียนทำใบสำคัญแสดงการจดทะเบยี นสง่ มอบให้แกห่ ้างหุน้ ส่วนนนั้ ฉบบั หนึง่ มาตรา ๑๐๗๘/๑[๔๐] หนุ้ ส่วนผจู้ ัดการคนใดจะลาออกจากตำแหนง่ ให้ย่ืนใบลาออกตอ่ หุ้นสว่ นผจู้ ดั การคนหน่งึ คนใด การลาออกมผี ลนบั แต่วันทีใ่ บลาออกไปถงึ หุ้นส่วนผจู้ ัดการอนื่ นนั้ ในกรณที ่ีห้างหุ้นส่วนจำกดั มหี นุ้ สว่ นผจู้ ดั การคนเดยี ว ใหห้ ุน้ สว่ นผจู้ ัดการทจี่ ะลาออกจาก ตำแหนง่ แจง้ เป็นหนังสือใหผ้ เู้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนหนงึ่ คนใดทราบเพอื่ นัดประชมุ และพจิ ารณาตัง้ หุ้นส่วนผจู้ ดั การคน ใหม่ พร้อมกับแนบใบลาออกไปดว้ ย การลาออกมผี ลนบั แตว่ นั ที่ใบลาออกไปถงึ หนุ้ ส่วนผู้นั้น

197 ห้นุ ส่วนผจู้ ดั การซ่ึงลาออกตามวรรคหนึ่งหรอื วรรคสอง จะแจ้งการลาออกของตนใหน้ าย ทะเบียนทราบดว้ ยก็ได้ มาตรา ๑๐๗๘/๒[๔๑] เมื่อมกี ารเปลย่ี นแปลงหนุ้ สว่ นผจู้ ดั การ ใหห้ า้ งหุ้นส่วนจำกัดนำความ ไปจดทะเบยี นภายในสบิ ส่ีวนั นับแต่วันทมี่ ีการเปลย่ี นแปลง มาตรา ๑๐๗๙ อนั ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ถ้ายังมไิ ดจ้ ดทะเบยี นอยู่ตราบใด ท่านให้ถือวา่ เปน็ หา้ งหุน้ ส่วนสามญั ซงึ่ ผเู้ ปน็ ห้นุ สว่ นท้งั หมดยอ่ มตอ้ งรบั ผดิ รว่ มกันในบรรดาหน้ีของห้างห้นุ ส่วนโดยไมม่ จี ำกดั จำนวน จนกวา่ จะไดจ้ ดทะเบียน มาตรา ๑๐๘๐ บทบญั ญตั ิวา่ ด้วยหา้ งห้นุ ส่วนสามญั ข้อใด ๆ หากมิไดย้ กเว้นหรอื แก้ไข เปลี่ยนแปลงไปโดยบทบญั ญตั แิ ห่งหมวด ๓ นี้ ท่านให้นำมาใช้บงั คบั แกห่ า้ งหนุ้ ส่วนจำกัดดว้ ย ถา้ ผู้เปน็ หนุ้ ส่วนจำพวกไม่จำกดั ความรับผดิ น้ันมีอยหู่ ลายคนด้วยกัน ทา่ นใหใ้ ช้บทบญั ญัติ สำหรบั ห้างหุ้นสว่ นสามัญเปน็ วธิ บี ังคบั ในความเก่ียวพนั ระหว่างคนเหล่าน้ันเอง และความเกี่ยวพันระหวา่ งผู้ เปน็ หนุ้ สว่ นเหลา่ นนั้ กบั ห้างหนุ้ ส่วน มาตรา ๑๐๘๑ หา้ มมใิ ห้เอาชอื่ ของผเู้ ป็นหุน้ ส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดมาเรียกขานระคน เปน็ ช่อื ห้าง มาตรา ๑๐๘๒ ถา้ ผู้เปน็ หุ้นสว่ นจำพวกจำกดั ความรับผดิ คนใดยินยอมโดยแสดงออกชดั หรือ โดยปรยิ ายใหใ้ ชช้ ่อื ของตนระคนเป็นชือ่ หา้ งไซร้ ท่านว่าผเู้ ปน็ ห้นุ ส่วนคนนน้ั จะตอ้ งรบั ผิดตอ่ บุคคลภายนอก เสมอื นดังว่าเปน็ หุ้นส่วนจำพวกไมจ่ ำกดั ความรบั ผิดฉะนัน้ แต่ในระหว่างผ้เู ปน็ หุ้นส่วนกันเองน้นั ความรบั ผดิ ของผู้เปน็ หนุ้ สว่ นเชน่ น้ี ทา่ นให้คงบังคบั ตามสัญญาหุ้นสว่ น มาตรา ๑๐๘๓ การลงห้นุ ของผ้เู ปน็ หุน้ ส่วนจำพวกจำกดั ความรบั ผดิ นั้น ท่านวา่ ต้องใหล้ ง เป็นเงินหรอื ทรพั ยส์ ินอยา่ งอื่น ๆ มาตรา ๑๐๘๔ หา้ มมใิ ห้แบง่ เงินปันผลหรือดอกเบี้ยใหแ้ กผ่ ูเ้ ป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรบั ผดิ นอกจากผลกำไรซงึ่ ห้างหนุ้ ส่วนทำมาค้าได้ ถา้ ทนุ ของหา้ งหนุ้ ส่วนลดนอ้ ยลงไปเพราะคา้ ขายขาดทนุ ท่านห้ามมิให้แบง่ เงนิ ปันผลหรือ ดอกเบ้ียใหแ้ กผ่ ู้เป็นหุ้นสว่ นจำพวกจำกัดความรับผดิ จนกวา่ ทนุ ซงึ่ ขาดไปน้นั จะได้คืนมาเตม็ จำนวนเดิม

198 แตถ่ า้ ผูเ้ ปน็ หุน้ ส่วนจำพวกจำกดั ความรับผิดคนใดไดร้ ับเงินปนั ผลหรือดอกเบ้ยี ไปแลว้ โดย สุจริต ทา่ นวา่ หาอาจจะบงั คับใหเ้ ขาคืนเงินนัน้ ไดไ้ ม่ มาตรา ๑๐๘๕ ถา้ ผ้เู ป็นหนุ้ สว่ นจำพวกจำกัดความรับผดิ ไดแ้ สดงด้วยจดหมายหรือใบแจง้ ความหรือดว้ ยวิธีอยา่ งอื่นใหบ้ คุ คลภายนอกทราบว่าตนได้ลงหุน้ ไว้มากกว่าจำนวนซง่ึ ไดจ้ ดทะเบยี นเพียงใด ทา่ นว่าผนู้ ้นั จะต้องรบั ผิดเท่าถงึ จำนวนเพยี งนัน้ มาตรา ๑๐๘๖ ข้อซ่งึ ตกลงกนั ในระหว่างผเู้ ป็นหุ้นสว่ นทงั้ หลาย เพอ่ื จะเปลี่ยนแปลงประเภท ทรพั ยส์ นิ ทลี่ งห้นุ หรือเพื่อจะลดจำนวนลงหุน้ แห่งผูเ้ ปน็ หนุ้ สว่ นจำพวกจำกดั ความรบั ผดิ คนหนึง่ คนใดนนั้ ทา่ น วา่ ยงั ไมเ่ ป็นผลแกบ่ ุคคลภายนอกจนกว่าจะไดจ้ ดทะเบียน เมือ่ ไดจ้ ดทะเบยี นแลว้ ไซร้ ข้อตกลงนั้น ๆ กย็ ่อมมผี ลแตเ่ พียงเฉพาะแกห่ นีอ้ ันหา้ งหนุ้ สว่ นได้ ก่อใหเ้ กดิ ข้ึนภายหลงั เวลาทีไ่ ดจ้ ดทะเบยี นแล้วเทา่ น้นั มาตรา ๑๐๘๗ อันหา้ งห้นุ สว่ นจำกัดนน้ั ทา่ นวา่ ต้องให้แตเ่ ฉพาะผเู้ ปน็ หุ้นส่วนจำพวกไม่ จำกดั ความรบั ผดิ เท่าน้นั เปน็ ผจู้ ดั การ มาตรา ๑๐๘๘ ถ้าผเู้ ปน็ หุน้ สว่ นจำพวกจำกัดความรบั ผิดผู้ใดสอดเขา้ ไปเกย่ี วข้องจัดการงาน ของหา้ งหุ้นส่วน ท่านว่าผู้นน้ั จะตอ้ งรบั ผิดร่วมกนั ในบรรดาหนท้ี ัง้ หลายของห้างหุ้นส่วนน้ันโดยไมจ่ ำกัดจำนวน แตก่ ารออกความเห็นและแนะนำกด็ ี ออกเสยี งเป็นคะแนนนบั ในการต้ังและถอดถอน ผู้จดั การตามกรณที ี่มบี ังคบั ไว้ในสญั ญาห้นุ ส่วนน้ันก็ดี ท่านหานบั ว่าเป็นการสอดเข้าไปเกีย่ วข้องจดั การงานของ หา้ งหุ้นส่วนนน้ั ไม่ มาตรา ๑๐๘๙ ผู้เปน็ ห้นุ สว่ นจำพวกจำกดั ความรบั ผิดนนั้ จะตั้งใหเ้ ป็นผู้ชำระบญั ชขี องหา้ ง หุน้ ส่วนก็ได้ มาตรา ๑๐๙๐ ผู้เปน็ หุ้นสว่ นจำพวกจำกัดความรบั ผิดจะประกอบการคา้ ขายอยา่ งใด ๆ เพ่ือ ประโยชน์ตนหรอื เพอ่ื ประโยชนบ์ คุ คลภายนอกกไ็ ด้ แมว้ า่ การงานเชน่ นน้ั จะมสี ภาพเป็นอยา่ งเดียวกันกับ การค้าขายของห้างหนุ้ สว่ นกไ็ มห่ ้าม มาตรา ๑๐๙๑ ผูเ้ ป็นห้นุ ส่วนจำพวกจำกดั ความรบั ผดิ จะโอนหนุ้ ของตนปราศจากความ ยินยอมของผเู้ ปน็ หนุ้ ส่วนอื่น ๆ ก็โอนได้

199 มาตรา ๑๐๙๒ การทผ่ี ูเ้ ป็นห้นุ ส่วนจำพวกจำกัดความรบั ผดิ ตายกด็ ี ล้มละลายหรือตกเปน็ คนไร้ความสามารถก็ดี หาเป็นเหตุใหห้ ้างหนุ้ ส่วนจำกดั ตอ้ งเลกิ กนั ไม่ เวน้ แต่จะได้มีขอ้ สญั ญากนั ไว้เป็นอย่างอน่ื มาตรา ๑๐๙๓ ถ้าผูเ้ ปน็ หนุ้ สว่ นจำพวกจำกดั ความรับผิดผใู้ ดตาย ทา่ นวา่ ทายาทของผ้นู ้ัน ย่อมเขา้ เป็นหุ้นส่วนแทนทผี่ ตู้ าย เว้นแต่จะได้มีขอ้ สญั ญากันไว้เปน็ อย่างอ่ืน มาตรา ๑๐๙๔ ถา้ ผู้เปน็ หนุ้ ส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดล้มละลาย ทา่ นว่าต้องเอาห้นุ ของผนู้ ้นั ในหา้ งหนุ้ ส่วนออกขายเปน็ สนิ ทรพั ย์ในกองล้มละลาย มาตรา ๑๐๙๕ ตราบใดห้างหุ้นสว่ นจำกัดยงั มิไดเ้ ลิกกนั ตราบนัน้ เจา้ หน้ขี องห้างย่อมไมม่ ี สทิ ธจิ ะฟอ้ งร้องผูเ้ ปน็ ห้นุ สว่ นจำพวกจำกดั ความรบั ผิดได้ แตเ่ มอ่ื หา้ งหนุ้ สว่ นนน้ั ได้เลกิ กันแล้ว เจ้าหน้ีของห้างมสี ทิ ธิฟอ้ งรอ้ งผเู้ ป็นหุน้ สว่ นจำพวกจำกัด ความรับผดิ ได้เพียงจำนวนดังน้ี คอื (๑) จำนวนลงหนุ้ ของผเู้ ปน็ หุน้ สว่ นเท่าทย่ี งั ค้างส่งแกห่ า้ งหนุ้ สว่ น (๒) จำนวนลงหุ้นเท่าทผ่ี ้เู ป็นหนุ้ ส่วนได้ถอนไปจากสนิ ทรัพยข์ องหา้ งห้นุ สว่ น (๓) จำนวนเงนิ ปันผลและดอกเบีย้ ซึ่งผู้เป็นหนุ้ ส่วนไดร้ บั ไปแลว้ โดยทุจรติ และฝ่าฝืนตอ่ บท มาตรา ๑๐๘๔ หมวด ๔ บริษัทจำกดั ส่วนท่ี ๑ สภาพและการต้ังบรษิ ทั จำกดั มาตรา ๑๐๙๖[๔๒] อนั วา่ บรษิ ัทจำกดั นัน้ คอื บรษิ ัทประเภทซ่ึงต้ังขนึ้ ดว้ ยแบ่งทุนเปน็ หนุ้ มี มลู คา่ เท่า ๆ กนั โดยผู้ถือหนุ้ ตา่ งรบั ผิดจำกดั เพยี งไม่เกนิ จำนวนเงินท่ีตนยังสง่ ใชไ้ มค่ รบมลู ค่าของหุน้ ทตี่ นถอื มาตรา ๑๐๙๖ ทวิ[๔๓] (ยกเลิก) มาตรา ๑๐๙๗[๔๔] บคุ คลใด ๆ ต้งั แต่สามคนข้นึ ไปจะเริม่ ก่อการและตง้ั เป็นบรษิ ัทจำกดั ก็ ได้ โดยเขา้ ชื่อกนั ทำหนงั สือบริคณหส์ นธิ และกระทำการอยา่ งอืน่ ตามบทบญั ญตั แิ หง่ ประมวลกฎหมายนี้

200 มาตรา ๑๐๙๘ หนงั สือบรคิ ณหส์ นธนิ น้ั ตอ้ งมรี ายการดงั ต่อไปนี้ คือ (๑) ชื่อบริษัทอนั คิดจะตงั้ ขึ้น ซง่ึ ตอ้ งมคี ำว่า “จำกัด” ไวป้ ลายช่ือน้ันด้วยเสมอไป (๒) ทส่ี ำนกั งานของบริษัทซ่งึ บอกทะเบยี นนัน้ จะตงั้ อยู่ ณ ทใ่ี ดในพระราช อาณาเขต (๓) วตั ถุทีป่ ระสงค์ทงั้ หลายของบริษทั (๔) ถ้อยคำสำแดงวา่ ความรับผดิ ของผู้ถอื หนุ้ จะมจี ำกัด (๕) จำนวนทุนเรอื นหนุ้ ซง่ึ บริษทั คดิ กำหนดจะจดทะเบยี นแบ่งออกเปน็ หุ้นมมี ลู ค่ากำหนดหุ้น ละเท่าไร (๖) ชื่อ สำนกั อาชวี ะ และลายมอื ชือ่ ของบรรดาผเู้ รม่ิ กอ่ การ ท้งั จำนวนหนุ้ ซึง่ ต่างคนตา่ ง เข้าชอ่ื ซอ้ื ไวค้ นละเท่าใด มาตรา ๑๐๙๙ หนงั สือบริคณหส์ นธินัน้ ทา่ นใหท้ ำเปน็ ตน้ ฉบับไว้ไม่น้อยกวา่ สองฉบบั และ ให้ลงลายมอื ชอื่ ของบรรดาผเู้ ร่มิ กอ่ การ และลายมือช่ือทั้งปวงนัน้ ให้มพี ยานลงชอ่ื รบั รองด้วยสองคน หนงั สือบรคิ ณหส์ นธิซึ่งไดท้ ำนั้น ทา่ นบงั คับให้นำฉบับหน่งึ ไปจดทะเบยี นและมอบไว้ ณ หอ ทะเบยี นในสว่ นพระราชอาณาเขตซงึ่ บง่ ไว้วา่ จะบอกทะเบียนตั้งสำนกั งานของบรษิ ทั น้ัน มาตรา ๑๑๐๐ ผเู้ รม่ิ ก่อการทกุ คนตอ้ งลงชอ่ื ซอื้ หุ้น ๆ หนึ่งเปน็ อยา่ งน้อย มาตรา ๑๑๐๑ บคุ คลซงึ่ เปน็ กรรมการของบริษัทจำกัดจะรบั ผิดโดยไมจ่ ำกัดกไ็ ด้ ถา้ กรณเี ปน็ เช่นน้ันไซร้ ทา่ นว่าต้องจดแถลงความรบั ผดิ เช่นนน้ั ลงไว้ในหนังสอื บรคิ ณหส์ นธิดว้ ย อันความรบั ผิดโดยไมจ่ ำกดั ของผเู้ ป็นกรรมการน้นั ยอ่ มถงึ ทสี่ ุดเมอ่ื ล่วงเวลาสองปีนับแต่วันที่ ตัวเขาออกจากตำแหนง่ กรรมการ มาตรา ๑๑๐๒[๔๕] ห้ามมใิ ห้ชช้ี วนประชาชนใหซ้ ้อื หุน้ มาตรา ๑๑๐๓[๔๖] (ยกเลิก) มาตรา ๑๑๐๔ จำนวนหุ้นทงั้ หมดซ่ึงบริษัทคดิ จะจดทะเบียนนั้น ต้องมีผเู้ ขา้ ช่อื ซอ้ื หรอื ออก ให้กนั เสรจ็ ก่อนการจดทะเบยี นของบรษิ ทั มาตรา ๑๑๐๕ อันหนุ้ นั้น ท่านห้ามมใิ หอ้ อกโดยราคาตำ่ ไปกวา่ มลู คา่ ของหุ้นท่ีตง้ั ไว้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook