251 ถ้าเจา้ ของพสิ ูจน์ได้วา่ สทิ ธขิ องตนตกอยู่ในภยันตราย ท่านวา่ จะเรยี กใหผ้ ้ทู รงสิทธเิ กบ็ กินหา ประกันใหก้ ็ได้ เวน้ แตใ่ นกรณีซง่ึ ผูใ้ ห้ทรพั ย์สนิ สงวนสทิ ธิเกบ็ กินในทรัพยส์ ินน้นั ไวเ้ พ่ือตนเอง ถ้าผ้ทู รงสทิ ธิเก็บกินละเลยไมห่ าประกนั มาใหภ้ ายในเวลาอนั ควรซ่งึ กำหนดให้เพอ่ื การนั้น หรอื ถา้ ผ้ทู รงสิทธเิ กบ็ กินมินำพาตอ่ คำคดั ค้านแหง่ เจ้าของ ยงั คงใชท้ รัพยส์ นิ นั้นในทางอันมชิ อบด้วยกฎหมาย หรอื มสิ มควรไซร้ ท่านว่าศาลจะตงั้ ผูร้ กั ษาทรพั ยเ์ พื่อจดั การทรัพยส์ ินแทนผทู้ รงสทิ ธเิ กบ็ กินก็ได้ แต่เมือ่ หา ประกันมาใหแ้ ล้ว ศาลจะถอนผรู้ กั ษาทรพั ยท์ ต่ี ง้ั ขึ้นไวน้ ้นั กไ็ ด้ มาตรา ๑๔๒๔ ผทู้ รงสิทธิเกบ็ กนิ จำตอ้ งสงวนภาวะแห่งทรพั ย์สินมใิ หเ้ ปลย่ี นไปใน สาระสำคัญ กับตอ้ งบำรุงรักษาปกติและซ่อมแซมเล็กน้อยดว้ ย ถา้ จำเป็นตอ้ งซ่อมแซมใหญ่ หรอื มกี ารสำคัญอันต้องทำเพอื่ รกั ษาทรพั ยส์ ินไซร้ ทา่ นวา่ ผ้ทู รง สิทธิเกบ็ กนิ ตอ้ งแจง้ แกเ่ จา้ ของทรพั ยส์ ินโดยพลัน และตอ้ งยอมใหจ้ ดั ทำการนนั้ ๆ ไป ถา้ เจ้าของทรพั ยส์ นิ ละเลยเสยี ทา่ นว่าผู้ทรงสทิ ธิเก็บกนิ จะจดั ทำการนัน้ ไปโดยใหเ้ จ้าของทรพั ยส์ ินออกคา่ ใช้จา่ ยกไ็ ด้ มาตรา ๑๔๒๕ คา่ ใชจ้ ่ายอนั เปน็ การจรน้นั ท่านวา่ เจ้าของตอ้ งเป็นผูอ้ อก แตเ่ พอื่ จะออก คา่ ใช้จา่ ยเชน่ ว่าน้ี หรือคา่ ใช้จ่ายตามความในมาตราก่อน เจา้ ของจะจำหน่ายทรัพยส์ นิ บางส่วนก็ได้ เว้นแตผ่ ู้ ทรงสทิ ธเิ ก็บกนิ จะเตม็ ใจทดรองเงนิ ตามทจี่ ำเปน็ โดยไมค่ ิดดอกเบ้ีย มาตรา ๑๔๒๖ ในระหวา่ งท่สี ทิ ธเิ กบ็ กินยังมอี ยู่ ผทู้ รงสทิ ธติ อ้ งออกค่าใช้จ่ายในการจดั การ ทรัพยส์ นิ ตลอดจนเสียภาษอี ากร กบั ท้ังตอ้ งใชด้ อกเบย้ี หนส้ี นิ ซึ่งติดพันทรัพยส์ ินน้ัน มาตรา ๑๔๒๗ ถา้ เจา้ ของทรพั ยส์ นิ ตอ้ งการ ผู้ทรงสทิ ธิเกบ็ กินจำตอ้ งเอาทรพั ยส์ ินประกัน วนิ าศภยั เพ่ือประโยชนแ์ กเ่ จา้ ของทรพั ย์สิน และถา้ ทรัพยส์ นิ นนั้ ไดเ้ อาประกันภัยไว้แลว้ ผทู้ รงสิทธเิ กบ็ กนิ ต้อง ตอ่ สัญญาประกันน้ันเมอื่ ถึงคราวตอ่ ผทู้ รงสทิ ธเิ กบ็ กนิ ต้องเสยี เบยี้ ประกนั ระหวา่ งทส่ี ทิ ธขิ องตนยังมอี ยู่ มาตรา ๑๔๒๘ คดีอนั เกี่ยวกับสทิ ธเิ ก็บกินในระหวา่ งเจ้าของทรพั ยส์ นิ กบั ผทู้ รงสทิ ธิเกบ็ กิน หรอื ผูร้ บั โอนน้ัน ทา่ นหา้ มมใิ ห้ฟ้องเมอ่ื เกนิ ปหี นงึ่ นับแต่วันสทิ ธิเกบ็ กินสดุ สนิ้ ลง แตใ่ นคดที ่ีเจา้ ของทรัพยส์ นิ เป็นโจทกน์ ั้น ถา้ เจา้ ของไมอ่ าจรู้ว่าสทิ ธิเกบ็ กินสุดสน้ิ ลงเมือ่ ใด ทา่ นให้นบั อายุความปหี นง่ึ นั้นตง้ั แตเ่ วลาท่ี เจา้ ของทรพั ยส์ นิ ไดร้ ู้ หรือควรรูว้ า่ สทิ ธเิ กบ็ กินสดุ สนิ้ ลง
252 ลักษณะ ๘ ภาระตดิ พนั ในอสงั หารมิ ทรัพย์ มาตรา ๑๔๒๙ อสังหารมิ ทรพั ยอ์ าจตอ้ งตกอยู่ในภาระตดิ พนั อนั เป็นเหตใุ หผ้ รู้ ับประโยชน์มี สทิ ธิได้รบั การชำระหนีเ้ ป็นคราว ๆ จากทรพั ยส์ ินน้ัน หรอื ไดใ้ ชแ้ ละถอื เอาซง่ึ ประโยชนแ์ หง่ ทรพั ย์สนิ ตามทีร่ ะบุ ไว้ มาตรา ๑๔๓๐ ภาระติดพันในอสงั หาริมทรัพย์น้ัน จะก่อใหเ้ กิดโดยมีกำหนดเวลา หรอื ตลอด ชีวติ แหง่ ผ้รู บั ประโยชนก์ ไ็ ด้ ถ้าไมม่ กี ำหนดเวลา ท่านใหส้ ันนษิ ฐานไว้กอ่ นว่าภาระตดิ พนั ในอสงั หารมิ ทรพั ย์มีอยู่ตลอด ชีวิตผรู้ บั ประโยชน์ ถ้ามีกำหนดเวลา ทา่ นใหน้ ำบทบญั ญัตมิ าตรา ๑๔๐๓ วรรค ๓ มาใช้บงั คับโดยอนุโลม มาตรา ๑๔๓๑ ถา้ มิได้กำหนดไวเ้ ป็นอยา่ งอืน่ ในนติ ิกรรมอันกอ่ ใหเ้ กิดภาระติดพนั ไซร้ ทา่ น ว่าภาระตดิ พันในอสังหาริมทรพั ย์น้ันจะโอนกันไมไ่ ดแ้ ม้โดยทางมรดก มาตรา ๑๔๓๒ ถ้าผูร้ บั ประโยชนล์ ะเลยไม่ปฏิบตั ติ ามเงอ่ื นไขอนั เป็นสาระสำคัญซงึ่ ระบุไวใ้ น นติ ิกรรมก่อตง้ั ภาระตดิ พันนั้นไซร้ ทา่ นวา่ คกู่ รณีอีกฝา่ ยหนง่ึ จะบอกเลกิ สทิ ธขิ องผู้รบั ประโยชน์เสียกไ็ ด้ มาตรา ๑๔๓๓ ถา้ เจา้ ของทรัพยส์ นิ มิไดช้ ำระหนี้ตามภาระตดิ พันไซร้ ทา่ นวา่ นอกจากทางแก้ สำหรบั การไมช่ ำระหนี้ ผรู้ ับประโยชนอ์ าจขอใหศ้ าลตัง้ ผรู้ ักษาทรพั ย์เพอื่ จัดการทรพั ยส์ ินและชำระหน้ีแทน เจ้าของ หรือสงั่ ให้เอาทรพั ยส์ ินออกขายทอดตลาด และเอาเงินทขี่ ายไดจ้ า่ ยใหผ้ ู้รบั ประโยชนต์ ามจำนวนท่คี วร ได้ เพราะเจา้ ของทรพั ยส์ ินไม่ชำระหนี้ กบั ทงั้ ค่าแหง่ ภาระตดิ พนั ดว้ ย ถ้าเจ้าของทรัพยส์ ินหาประกันมาใหแ้ ลว้ ศาลจะไมอ่ อกคำสงั่ ตง้ั ผรู้ กั ษาทรัพย์ หรือคำสงั่ ขาย ทอดตลาด หรือจะถอนผรู้ กั ษาทรัพยท์ ตี่ ง้ั ขึน้ ไวน้ ้ัน ก็ได้ มาตรา ๑๔๓๔ ทา่ นให้นำมาตรา ๑๓๘๘ ถึง ๑๓๙๕ และมาตรา ๑๓๙๗ ถึง ๑๔๐๐ มาใช้ บังคับถงึ ภาระติดพนั ในอสงั หารมิ ทรัพยโ์ ดยอนุโลม
253 พระราชบญั ญัติ ใหใ้ ช้บทบญั ญตั ิบรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมาย แพง่ และพาณิชย์ พุทธศกั ราช ๒๔๗๗ ในพระปรมาภไิ ธยสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั อานันทมหดิ ล คณะผู้สำเรจ็ ราชการแทนพระองค์ (ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงวันท่ี ๗ มีนาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๗) อนุวตั นจ์ าตุรนต์ อาทติ ยท์ ิพอาภา เจา้ พระยายมราช ตราไว้ ณ วนั ที่ ๒๗ พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๔๗๘ เปน็ ปที ่ี ๒ ในรัชชกาลปจั จบุ ัน โดยท่ีสภาผแู้ ทนราษฎรลงมติวา่ การประมวลกฎหมายแหง่ บ้านเมอื งไดด้ ำเนนิ มาถงึ คราวท่ี ควรใช้บรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ จึ่งมพี ระบรมราชโองการใหต้ ราพระราชบญั ญตั ขิ นึ้ ไวโ้ ดยคำแนะนำและยินยอมของสภา ผู้แทนราษฎร ดง่ั ต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตนิ ้ีใหเ้ รยี กวา่ “พระราชบญั ญตั ิให้ใชบ้ ทบัญญัตบิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๗” มาตรา ๒[๙๔] ให้ใช้พระราชบญั ญัตนิ ีต้ ัง้ แตว่ นั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ใหเ้ พิม่ บทบัญญตั ิบรรพ ๕ ต้งั แตม่ าตรา ๑๔๓๕ ถึงมาตรา ๑๕๙๘ ตามท่ีได้ตราไว้ ตอ่ ท้ายพระราชบัญญตั นิ ้ีเข้าเปน็ สว่ นหนึ่งแหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ และให้ใชบ้ ทบญั ญัตแิ ห่ง บรรพน้ตี ้งั แตว่ ันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘ เป็นต้นไป มาตรา ๔ บทบญั ญตั แิ ห่งบรรพนีไ้ ม่กระทบกระเทอื นถึง
254 (๑) การสมรส ซง่ึ ไดม้ ีอยกู่ อ่ นวนั ใช้ประมวลกฎหมายบรรพน้ี และทง้ั สมั พนั ธใ์ นครอบครัว อนั เกิดแตก่ ารสมรสนั้น ๆ (๒) การใชอ้ ำนาจปกครอง ความปกครอง การอนบุ าล การรบั บุตรบญุ ธรรม ซงึ่ มอี ยกู่ อ่ นวัน ใช้ประมวลกฎหมายบรรพน้ี หรือสทิ ธแิ ละหนี้อันเกิดแต่การน้นั ๆ มาตรา ๕ ฐานะของภริยาก่อนใชป้ ระมวลกฎหมายบรรพนี้ อาจพิสจู นไ์ ด้โดยบันทึกใน ทะเบยี นตามแบบทกี่ ฎหมายกำหนดไว้ มาตรา ๖[๙๕] (ยกเลกิ ) ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ นายพนั เอก พระยาพหลพลพยหุ เสนา นายกรฐั มนตรี
255 พระราชกำหนด แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ พระราชบญั ญัตไิ ห้ไช้บทบญั ญัติบัพ ๕ แห่งประมวนกดหมายแพง่ และพานิช พุทธสกั ราช ๒๔๗๗ พุทธสักราช ๒๔๘๖ ในพระปรมาภไิ ธยสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวอานันทมหดิ ล คณะผ้สู ำเรจ็ ราชการแทนพระองค์ (ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงวันท่ี ๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐ และวนั ที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๔) อาทิตย์ทิพอาภา ปรดี ี พนมยงค์ ตราไว้ ณ วันที่ ๑๙ มถิ นุ ายน พุทธศกั ราช ๒๔๘๖ เป็นปที ่ี ๑๐ ในรัชกาลปจั จบุ ัน โดยทเ่ี หน็ สมควรขยายการใชบ้ ทบัญญตั บิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ให้ ทัว่ ถึง เพื่อความมัน่ คงและวัฒนธรรมแหง่ ชาติ และโดยท่มี เี หตุฉุกเฉินซง่ึ จะเรยี กประชมุ สภาผู้แทนราษฎรใหท้ นั ทว่ งทีมิได้ จึงมพี ระบรมราชโองการให้ตราพระราชกำหนดขึน้ ไวโ้ ดยอาศยั อำนาจตามความในมาตรา ๕๒ ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ดงั ตอ่ ไปน้ี มาตรา ๑ พระราชกำหนดน้ใี หเ้ รียกวา่ “พระราชกำหนดแกไ้ ขเพิม่ เตมิ พระราชบญั ญตั ไิ ห้ไช้ บทบญั ญตั บิ ัพ ๕ แห่งประมวนกดหมายแพง่ และพานิช พทุ ธสักราช ๒๔๗๗ พทุ ธสกั ราช ๒๔๘๖” มาตรา ๒[๙๖] ให้ใชพ้ ระราชกำหนดนี้ตงั้ แตว่ นั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลกิ มาตรา ๖ แห่งพระราชบญั ญัตใิ ห้ใชบ้ ทบัญญัตบิ รรพ ๕ แหง่ ประมวล กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๗ แต่ไมใ่ ห้กระทบกระเทือนถึงการสมรสของบุคคลซง่ึ นบั ถอื ศาสนาอิสลาม ซึ่งไดม้ อี ยกู่ ่อนวนั ใช้พระราชกำหนดนี้ และทงั้ สัมพันธใ์ นครอบครัวอันเกดิ แตก่ ารสมรสน้นั ๆ
256 ผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม นายกรัฐมนตรี พระราชบญั ญัตอิ นมุ ัตพิ ระราชกำหนดแก้ไขเพมิ่ เตมิ พระราชบญั ญัตไิ หไ้ ชบ้ ทบญั ญัตบิ พั ๕ แหง่ ประมวนกดหมาย แพง่ และพานชิ พุทธสกั ราช ๒๔๗๗ พทุ ธสกั ราช ๒๔๘๖ พุทธสักราช ๒๔๘๖[๙๗] พระราชบญั ญัติ ให้ใช้บทบญั ญตั บิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมาย แพง่ และพาณชิ ย์ ทไี่ ด้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๙ ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันท่ี ๕ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๙ เปน็ ปที ี่ ๓๑ ในรชั กาลปจั จุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศวา่ โดยทเี่ ปน็ การสมควรปรบั ปรุงบทบญั ญัตบิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยเ์ สีย ใหม่ จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญัติข้ึนไว้โดยคำแนะนำและยนิ ยอมของ รัฐสภา ดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบัญญัตนิ เี้ รยี กว่า “พระราชบญั ญัตใิ ห้ใช้บทบญั ญตั บิ รรพ ๕ แหง่ ประมวล กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ท่ีไดต้ รวจชำระใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๙” มาตรา ๒[๙๘] พระราชบญั ญัตินใี้ หใ้ ช้บงั คับตง้ั แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เปน็ ตน้ ไป
257 มาตรา ๓ ให้ยกเลกิ บทบญั ญตั บิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ซ่งึ ได้ใช้ บงั คับโดยพระราชบญั ญตั ิใหใ้ ชบ้ ทบัญญตั บิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๗ และใหใ้ ช้บทบญั ญตั บิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ทไี่ ด้ตรวจชำระใหม่ ท้ายพระราชบัญญตั ิ นแี้ ทน เว้นแตใ่ นกรณีท่ีพระราชบญั ญตั นิ บ้ี ญั ญัตเิ ป็นอย่างอน่ื มาตรา ๔ บทบญั ญตั บิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ท่ีไดต้ รวจชำระใหม่ ทา้ ยพระราชบญั ญตั นิ ้ี ไมก่ ระทบกระเทือนถงึ บทบัญญตั มิ าตรา ๔ และมาตรา ๕ แหง่ พระราชบัญญตั ิให้ใช้ บทบญั ญัตบิ รรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ พุทธศักราช ๒๔๗๗ มาตรา ๕ บทบญั ญตั บิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ที่ไดต้ รวจชำระใหม่ ท้ายพระราชบญั ญตั นิ ี้ ไมก่ ระทบกระเทือนถึงความสมบรู ณข์ องการหมัน้ การสมรส สญั ญาก่อนสมรส การเป็น บดิ ามารดากบั บุตร การเป็นผปู้ กครอง การเป็นผ้อู นบุ าลหรอื ผูพ้ ทิ กั ษ์ และการรับบุตรบญุ ธรรมท่ีไดม้ อี ยู่แลว้ ใน วนั ใชบ้ งั คบั บทบัญญตั บิ รรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ท่ไี ด้ตรวจชำระใหม่ ทา้ ย พระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๖ การเปลีย่ นแปลงเพกิ ถอนสญั ญากอ่ นสมรส ซึ่งสญั ญากอ่ นสมรสน้ันไดท้ ำขึน้ ไว้ กอ่ นวันใชบ้ งั คับบทบญั ญตั ิบรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ทไี่ ด้ตรวจชำระใหมท่ ้าย พระราชบัญญัตินี้ ใหก้ ระทำได้โดยคู่สมรสนำหนังสอื สญั ญาก่อนสมรสพรอ้ มดว้ ยขอ้ ตกลงการเปลี่ยนแปลงเพิก ถอนไปยน่ื ต่อนายทะเบยี นสมรส ณ ท้องทที่ ตี่ นทำการสมรส และให้นายทะเบียนสมรสจดการเปล่ยี นแปลงเพิก ถอนสัญญาก่อนสมรสไวใ้ นทะเบียนสมรส และแนบหนังสอื สญั ญากอ่ นสมรส พรอ้ มดว้ ยข้อตกลงเปลย่ี นแปลง เพิกถอนไวท้ ้ายทะเบียนสมรสด้วย การเปลย่ี นแปลงเพกิ ถอนสญั ญาก่อนสมรสจะกระทำไดต้ อ่ เมอ่ื ไดร้ บั อนญุ าตจากศาลตาม เง่อื นไขและกรณีทร่ี ะบุไว้ในมาตรา ๑๔๖๗ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ท่ไี ด้ตรวจชำระใหม่ทา้ ย พระราชบญั ญตั นิ ้ี มาตรา ๗ บทบญั ญัตบิ รรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ที่ไดต้ รวจชำระใหม่ ทา้ ยพระราชบญั ญัตินี้ ไมก่ ระทบกระเทือนถึงอำนาจการจดั การสินบรคิ ณห์ทค่ี ู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนงึ่ ได้มีอยแู่ ลว้ ในวันใชบ้ ังคับบทบัญญัตบิ รรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ทไี่ ด้ตรวจชำระใหม่ ทา้ ย พระราชบญั ญัตนิ ้ี แต่ให้ถือว่าสนิ เดมิ ตามบทบัญญัตบิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยเ์ ดมิ ของ ฝา่ ยใดเป็นสินสว่ นตวั ตามบทบญั ญตั บิ รรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ทไ่ี ด้ตรวจชำระใหม่ ทา้ ย พระราชบญั ญตั นิ ้ขี องฝา่ ยน้นั
258 เพ่อื ประโยชนแ์ หง่ มาตรานี้ ถ้าคู่สมรสฝา่ ยใดเป็นผจู้ ดั การสนิ บรคิ ณห์แตฝ่ า่ ยเดียว ให้ถือว่าคู่ สมรสอกี ฝา่ ยหน่ึงไดย้ ินยอมใหค้ ู่สมรสฝา่ ยนนั้ จัดการสินสมรสและสินส่วนตัวตามวรรคหนึง่ ของตนดว้ ย ในกรณที ี่คสู่ มรสฝ่ายใดประสงคจ์ ะใชอ้ ำนาจจัดการสินสว่ นตัวตามวรรคหนึ่งท่ีเป็นส่วนของ ตน ถา้ ค่สู มรสนั้นมิไดเ้ ป็นผู้จดั การสินบริคณห์ให้แจง้ ใหค้ สู่ มรสอกี ฝ่ายหนงึ่ ทราบ และให้คู่สมรสทง้ั สองฝ่าย ร่วมกันจัดการแบง่ สนิ ส่วนตัวดงั กล่าวท่ีอย่ใู นสภาพทแ่ี บง่ ได้ใหแ้ กฝ่ ่ายทีป่ ระสงค์จะจดั การ แตถ่ า้ สนิ สว่ นตวั น้ัน ไม่อยู่ในสภาพท่แี บง่ ได้ให้ทั้งสองฝ่ายจัดการรว่ มกนั มาตรา ๘ บทบญั ญัตบิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยท์ ไ่ี ดต้ รวจชำระใหม่ ท้ายพระราชบญั ญัตินไี้ ม่กระทบกระเทอื นถึงการจดั การสนิ เดมิ ที่เปลี่ยนเป็นสินส่วนตวั ตามมาตรา ๗ ซ่ึงได้ กระทำไปแล้วกอ่ นวันที่พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ชบ้ ังคบั มาตรา ๙ บรรดาอายุความหรอื ระยะเวลาที่บทบญั ญตั ใิ นประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ไดก้ ำหนดไว้กอ่ นวนั ใช้บงั คับบทบัญญัตบิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยท์ ี่ไดต้ รวจชำระใหม่ ท้ายพระราชบญั ญัติน้ี ถ้าหากยงั ไมส่ ดุ สนิ้ ลงในวันที่ใช้บงั คบั บทบญั ญัตบิ รรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณชิ ยท์ ไี่ ด้ตรวจชำระใหมท่ า้ ยพระราชบญั ญตั ินี้ และอายุความหรอื ระยะเวลาทก่ี ำหนดข้นึ ใหม่นั้น แตกต่าง กบั อายุความหรอื ระยะเวลาท่ีกำหนดไวแ้ ตเ่ ดมิ ก็ให้นำอายุความหรือระยะเวลาทยี่ าวกว่ามาบงั คับ มาตรา ๑๐ คำวา่ “คา่ อุปการะเลีย้ งด”ู ในบรรดาบทกฎหมายซึ่งมีความหมายถึงคา่ อุปการะ เลย้ี งดูตามนัยของบทบญั ญัตมิ าตรา ๑๕๐๖ และมาตรา ๑๕๐๗ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์เดิมน้นั ให้ใชค้ ำว่า “คา่ เลี้ยงชีพ” แทน มาตรา ๑๑ บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายใดอ้างถงึ บรรพ ๕ หรอื บทบญั ญัติในบรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยเ์ ดมิ ใหถ้ อื วา่ บทบัญญตั ิแห่งกฎหมายนั้นอา้ งถงึ บรรพ ๕ หรือบทบัญญตั ิใน บรรพ ๕ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ทไี่ ดต้ รวจชำระใหม่ ท้าพระราชบัญญตั นิ ้ี ในบทมาตราทีม่ นี ยั เชน่ เดยี วกนั แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๒ ใหน้ ายกรัฐมนตรรี ักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ หม่อมราชวงศเ์ สนีย์ ปราโมชนายกรัฐมนตรี
259 บรรพ ๕[๙๙] ครอบครัว ลกั ษณะ ๑ การสมรส หมวด ๑ การหมั้น มาตรา ๑๔๓๕ การหมั้นจะทำไดต้ ่อเมื่อชายและหญิงมอี ายสุ ิบเจด็ ปบี ริบรู ณแ์ ลว้ การหมั้นทฝ่ี า่ ฝนื บทบญั ญัตวิ รรคหนง่ึ เปน็ โมฆะ มาตรา ๑๔๓๖[๑๐๐] ผเู้ ยาว์จะทำการหมั้นได้ตอ้ งไดร้ บั ความยินยอมของบคุ คลดังตอ่ ไปนี้ (๑) บิดาและมารดา ในกรณีทม่ี ที งั้ บดิ ามารดา (๒) บิดาหรอื มารดา ในกรณที มี่ ารดาหรือบิดาตายหรอื ถกู ถอนอำนาจปกครองหรอื ไม่อยู่ใน สภาพหรอื ฐานะทอ่ี าจใหค้ วามยนิ ยอม หรอื โดยพฤตกิ ารณผ์ เู้ ยาวไ์ ม่อาจขอความยนิ ยอมจากมารดาหรือบิดาได้ (๓) ผู้รบั บตุ รบญุ ธรรม ในกรณีทผี่ ูเ้ ยาว์เปน็ บตุ รบญุ ธรรม (๔) ผปู้ กครอง ในกรณที ีไ่ มม่ บี ุคคลซ่ึงอาจให้ความยนิ ยอมตาม (๑) (๒) และ (๓) หรือมแี ต่ บคุ คลดงั กลา่ วถูกถอนอำนาจปกครอง การหมน้ั ทผ่ี ้เู ยาวท์ ำโดยปราศจากความยินยอมดังกล่าวเปน็ โมฆียะ มาตรา ๑๔๓๗[๑๐๑] การหมั้นจะสมบรู ณ์เม่ือฝ่ายชายได้ส่งมอบหรอื โอนทรัพยส์ ินอันเป็นของ หมัน้ ให้แกห่ ญงิ เพอื่ เป็นหลกั ฐานวา่ จะสมรสกบั หญงิ นนั้ เม่อื หมัน้ แลว้ ใหข้ องหมน้ั ตกเป็นสิทธแิ ก่หญิง สนิ สอด เป็นทรัพยส์ นิ ซึ่งฝา่ ยชายใหแ้ กบ่ ิดามารดา ผรู้ บั บตุ รบุญธรรมหรือผปู้ กครองฝา่ ยหญงิ แลว้ แตก่ รณี เพ่ือตอบแทนการทหี่ ญิงยอมสมรส ถา้ ไมม่ กี ารสมรสโดยมเี หตุสำคัญอันเกิดแกห่ ญงิ หรอื โดยมี พฤตกิ ารณซ์ ึ่งฝา่ ยหญงิ ต้องรบั ผิดชอบ ทำใหช้ ายไม่สมควรหรือไม่อาจสมรสกับหญงิ นน้ั ฝ่ายชายเรียกสนิ สอด คนื ได้ ถ้าจะต้องคนื ของหมน้ั หรือสนิ สอดตามหมวดน้ี ให้นำบทบญั ญตั มิ าตรา ๔๑๒ ถึงมาตรา ๔๑๘ แห่งประมวลกฎหมายนี้วา่ ด้วยลาภมิควรไดม้ าใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม
260 มาตรา ๑๔๓๘ การหม้นั ไม่เป็นเหตทุ จี่ ะรอ้ งขอให้ศาลบงั คบั ใหส้ มรสได้ ถา้ ได้มีขอ้ ตกลงกนั ไว้ ว่าจะใหเ้ บีย้ ปรับในเมื่อผิดสญั ญาหม้นั ขอ้ ตกลงนน้ั เป็นโมฆะ มาตรา ๑๔๓๙[๑๐๒] เมอื่ มีการหม้นั แล้ว ถา้ ฝา่ ยใดผดิ สญั ญาหม้นั อกี ฝา่ ยหนงึ่ มสี ทิ ธเิ รียกใหร้ ับ ผิดใชค้ ่าทดแทน ในกรณีที่ฝ่ายหญงิ เปน็ ฝา่ ยผดิ สญั ญาหมัน้ ให้คนื ของหมัน้ แกฝ่ ่ายชายดว้ ย มาตรา ๑๔๔๐ ค่าทดแทนนั้นอาจเรยี กได้ ดังต่อไปนี้ (๑) ทดแทนความเสยี หายตอ่ กายหรือชอ่ื เสยี งแห่งชายหรอื หญิงนัน้ (๒) ทดแทนความเสียหายเน่อื งจากการทคี่ หู่ มัน้ บิดามารดา หรอื บุคคลผกู้ ระทำการในฐานะ เช่นบดิ ามารดาไดใ้ ชจ้ า่ ยหรือตอ้ งตกเป็นลกู หนเ้ี นื่องในการเตรยี มการสมรสโดยสจุ รติ และตามสมควร (๓) ทดแทนความเสียหายเนื่องจากการท่คี หู่ มั้นไดจ้ ดั การทรพั ยส์ ินหรือการอน่ื อนั เกย่ี วแก่ อาชีพหรือทางทำมาหาได้ของตนไปโดยสมควรด้วยการคาดหมายว่าจะได้มกี ารสมรส ในกรณที ่ีหญิงเป็นผู้มสี ิทธิไดค้ า่ ทดแทน ศาลอาจช้ขี าดวา่ ของหม้นั ที่ตกเป็นสทิ ธแิ ก่หญงิ นนั้ เป็นคา่ ทดแทนทง้ั หมดหรอื เป็นสว่ นหน่งึ ของคา่ ทดแทนทห่ี ญงิ พงึ ไดร้ บั หรอื ศาลอาจใหค้ ่าทดแทนโดยไม่ คำนึงถงึ ของหมนั้ ท่ีตกเป็นสทิ ธิแกห่ ญิงน้ันก็ได้ มาตรา ๑๔๔๑[๑๐๓] ถ้าคู่หมน้ั ฝา่ ยหนึง่ ตายกอ่ นสมรส อีกฝา่ ยหน่งึ จะเรียกรอ้ งค่าทดแทนมไิ ด้ สว่ นของหมั้นหรอื สินสอดน้นั ไม่ว่าชายหรือหญิงตาย หญิงหรอื ฝ่ายหญงิ ไมต่ อ้ งคืนใหแ้ ก่ฝา่ ยชาย มาตรา ๑๔๔๒ ในกรณมี เี หตสุ ำคญั อนั เกดิ แก่หญงิ คหู่ มั้นทำใหช้ ายไมส่ มควรสมรสกบั หญงิ นัน้ ชายมีสิทธบิ อกเลกิ สัญญาหมน้ั ไดแ้ ละใหห้ ญงิ คนื ของหมนั้ แกช่ าย มาตรา ๑๔๔๓ ในกรณมี เี หตสุ ำคญั อันเกดิ แก่ชายคู่หมน้ั ทำให้หญงิ ไมส่ มควรสมรสกบั ชายนั้น หญงิ มสี ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาหมน้ั ได้โดยมติ อ้ งคนื ของหมั้นแก่ชาย มาตรา ๑๔๔๔ ถา้ เหตอุ ันทำใหค้ ู่หม้ันบอกเลิกสญั ญาหมัน้ เป็นเพราะการกระทำช่ัวอยา่ ง รา้ ยแรงของคหู่ มั้นอีกฝ่ายหน่ึงซ่งึ ได้กระทำภายหลังการหมน้ั คูห่ มั้นผกู้ ระทำช่วั อยา่ งร้ายแรงนน้ั ตอ้ งรบั ผิดใช้ ค่าทดแทนแกค่ ู่หมน้ั ผ้ใู ชส้ ทิ ธิบอกเลิกสญั ญาหมนั้ เสมอื นเปน็ ผู้ผดิ สัญญาหมน้ั
261 มาตรา ๑๔๔๕[๑๐๔] ชายหรือหญิงคหู่ มนั้ อาจเรยี กค่าทดแทนจากผซู้ ่ึงไดร้ ่วมประเวณีกบั คหู่ มั้นของตนโดยร้หู รือควรจะรถู้ งึ การหม้นั นัน้ เมือ่ ไดบ้ อกเลิกสญั ญาหมัน้ แล้วตามมาตรา ๑๔๔๒ หรอื มาตรา ๑๔๔๓ แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๔๔๖[๑๐๕] ชายหรือหญิงคหู่ มัน้ อาจเรยี กคา่ ทดแทนจากผซู้ ง่ึ ไดข้ ม่ ขนื กระทำชำเรา หรอื พยายามขม่ ขนื กระทำชำเราคู่หมนั้ ของตนโดยรหู้ รอื ควรจะรถู้ ึงการหมน้ั นน้ั ไดโ้ ดยไมจ่ ำตอ้ งบอกเลกิ สัญญา หมัน้ มาตรา ๑๔๔๗[๑๐๖] คา่ ทดแทนอนั จะพึงชดใช้แก่กันตามหมวดนี้ให้ศาลวนิ จิ ฉัยตามควรแก่ พฤตกิ ารณ์ สิทธิเรยี กรอ้ งค่าทดแทนตามหมวดนี้ นอกจากคา่ ทดแทนตามมาตรา ๑๔๔๐ (๒) ไม่อาจโอน กนั ได้และไม่ตกทอดไปถึงทายาท เว้นแตส่ ทิ ธิน้นั จะไดร้ บั สภาพกันไวเ้ ปน็ หนงั สอื หรือผเู้ สียหายได้เรมิ่ ฟอ้ งคดี ตามสิทธนิ น้ั แลว้ มาตรา ๑๔๔๗/๑[๑๐๗] สิทธิเรียกร้องคา่ ทดแทนตามมาตรา ๑๔๓๙ ให้มีอายุความหกเดอื น นบั แต่วนั ท่ผี ิดสญั ญาหม้ัน สทิ ธิเรยี กรอ้ งค่าทดแทนตามมาตรา ๑๔๔๔ ใหม้ อี ายุความหกเดือนนับแตว่ ันรหู้ รอื ควรรถู้ ึง การกระทำชวั่ อย่างรา้ ยแรงอันเปน็ เหตใุ ห้บอกเลิกสัญญาหมนั้ แต่ต้องไม่เกนิ ห้าปีนับแตว่ ันกระทำการดงั กลา่ ว สทิ ธเิ รียกรอ้ งค่าทดแทนตามมาตรา ๑๔๔๕ และมาตรา ๑๔๔๖ ใหม้ ีอายุความหกเดอื นนับ แตว่ ันท่ีชายหรอื หญงิ ค่หู ม้นั รหู้ รอื ควรร้ถู ึงการกระทำของผอู้ นื่ อนั จะเป็นเหตใุ หเ้ รียกค่าทดแทนและร้ตู วั ผจู้ ะพงึ ใชค้ า่ ทดแทนน้นั แต่ตอ้ งไมเ่ กินห้าปีนับแต่วนั ทผี่ อู้ น่ื น้นั ไดก้ ระทำการดงั กลา่ ว[๑๐๘] มาตรา ๑๔๔๗/๒[๑๐๙] สทิ ธิเรียกคืนของหมนั้ ตามมาตรา ๑๔๓๙ ให้มอี ายุความหกเดอื นนับ แตว่ ันที่ผิดสญั ญาหมน้ั สิทธิเรยี กคนื ของหม้นั ตามมาตรา ๑๔๔๒ ใหม้ ีอายุความหกเดอื นนบั แตว่ ันที่ไดบ้ อกเลกิ สัญญาหมั้น
262 หมวด ๒ เงอื่ นไขแหง่ การสมรส มาตรา ๑๔๔๘ การสมรสจะทำไดต้ ่อเมื่อชายและหญงิ มีอายุสบิ เจ็ดปบี ริบรู ณ์แล้ว แต่ในกรณี ทีม่ ีเหตอุ นั สมควร ศาลอาจอนญุ าตใหท้ ำการสมรสกอ่ นนน้ั ได้ มาตรา ๑๔๔๙ การสมรสจะกระทำมิได้ถา้ ชายหรือหญิงเปน็ บคุ คลวิกลจริตหรอื เป็นบคุ คลซ่งึ ศาลสั่งให้เปน็ คนไรค้ วามสามารถ มาตรา ๑๔๕๐ ชายหญงิ ซ่งึ เปน็ ญาตสิ ืบสายโลหิตโดยตรงขนึ้ ไปหรือลงมาก็ดี เปน็ พ่นี ้องร่วม บิดามารดาหรือรว่ มแตบ่ ิดาหรือมารดาก็ดี จะทำการสมรสกนั ไมไ่ ด้ ความเปน็ ญาตดิ ังกลา่ วมานใ้ี หถ้ ือตาม สายโลหิต โดยไมค่ ำนึงว่าจะเปน็ ญาติโดยชอบด้วยกฎหมายหรอื ไม่ มาตรา ๑๔๕๑ ผรู้ บั บุตรบญุ ธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกนั ไม่ได้ มาตรา ๑๔๕๒ ชายหรอื หญงิ จะทำการสมรสในขณะที่ตนมคี ่สู มรสอย่ไู ม่ได้ มาตรา ๑๔๕๓ หญงิ ทสี่ ามีตายหรอื ทก่ี ารสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอืน่ จะทำการสมรสใหม่ ได้ต่อเมอ่ื การสน้ิ สดุ แหง่ การสมรสไดผ้ ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกวา่ สามรอ้ ยสบิ วัน เว้นแต่ (๑) คลอดบุตรแลว้ ในระหวา่ งนนั้ (๒) สมรสกบั คสู่ มรสเดมิ (๓) มีใบรับรองแพทย์ประกาศนยี บัตรหรือปริญญาซง่ึ เป็นผปู้ ระกอบการรกั ษาโรคในสาขาเวช กรรมไดต้ ามกฎหมายว่ามิได้มีครรภ์ หรอื (๔) มีคำสั่งของศาลให้สมรสได้ มาตรา ๑๔๕๔ ผู้เยาวจ์ ะทำการสมรสให้นำความในมาตรา ๑๔๓๖ มาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม มาตรา ๑๔๕๕ การใหค้ วามยินยอมใหท้ ำการสมรสจะกระทำได้แต่โดย (๑) ลงลายมือชอ่ื ในทะเบียนขณะจดทะเบยี นสมรส (๒) ทำเป็นหนงั สอื แสดงความยินยอมโดยระบุชือ่ ผจู้ ะสมรสทั้งสองฝ่ายและลงลายมอื ชอ่ื ของ ผ้ใู ห้ความยนิ ยอม
263 (๓) ถา้ มเี หตจุ ำเปน็ จะให้ความยนิ ยอมด้วยวาจาตอ่ หนา้ พยานอยา่ งน้อยสองคนกไ็ ด้ ความยินยอมนน้ั เม่ือให้แล้วถอนไม่ได้ มาตรา ๑๔๕๖ ถา้ ไม่มผี ้ทู ม่ี อี ำนาจให้ความยนิ ยอมตามมาตรา ๑๔๕๔ หรือมแี ตไ่ มใ่ หค้ วาม ยินยอมหรือไมอ่ ยู่ในสภาพทอ่ี าจใหค้ วามยินยอม หรือโดยพฤตกิ ารณ์ผูเ้ ยาวไ์ มอ่ าจขอความยนิ ยอมได้ ผเู้ ยาว์ อาจร้องขอต่อศาลเพ่อื อนญุ าตให้ทำการสมรส มาตรา ๑๔๕๗ การสมรสตามประมวลกฎหมายน้ีจะมไี ด้เฉพาะเมือ่ ไดจ้ ดทะเบยี นแล้วเท่านั้น มาตรา ๑๔๕๘ การสมรสจะทำไดต้ ่อเมอ่ื ชายหญิงยินยอมเปน็ สามีภริยากันและตอ้ งแสดง การยนิ ยอมนน้ั ใหป้ รากฏโดยเปดิ เผยต่อหน้านายทะเบยี นและให้นายทะเบยี นบันทกึ ความยินยอมน้ันไวด้ ว้ ย มาตรา ๑๔๕๙ การสมรสในต่างประเทศระหวา่ งคนท่ีมีสญั ชาติไทยดว้ ยกัน หรือฝ่ายใดฝ่าย หนง่ึ มสี ญั ชาตไิ ทย จะทำตามแบบทก่ี ำหนดไว้ตามกฎหมายไทยหรอื กฎหมายแห่งประเทศน้ันกไ็ ด้ ในกรณีท่ีคสู่ มรสประสงคจ์ ะจดทะเบยี นตามกฎหมายไทย ให้พนักงานทูตหรือกงสลุ ไทยเป็น ผ้รู บั จดทะเบยี น มาตรา ๑๔๖๐ เมอื่ มพี ฤติการณ์พเิ ศษซ่ึงไมอ่ าจทำการจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียนได้ เพราะชายหรอื หญงิ ฝ่ายใดฝ่ายหนง่ึ หรอื ทงั้ สองฝา่ ยตกอย่ใู นอันตรายใกล้ความตาย หรืออยู่ในภาวะการรบหรอื สงคราม ถา้ ชายและหญงิ นน้ั ได้แสดงเจตนาจะสมรสกันต่อหน้าบคุ คลซง่ึ บรรลุนติ ภิ าวะทอ่ี ยู่ ณ ที่นั้น แล้วให้ บคุ คลดังกล่าวจดแจง้ การแสดงเจตนาขอทำการสมรสของชายและหญิงน้นั ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน และตอ่ มาชายหญิง ได้จดทะเบียนสมรสกันภายในเกา้ สิบวันนบั แตว่ นั ท่ีอาจทำการจดทะเบยี นตอ่ นายทะเบียนได้ โดยแสดง หลักฐานตอ่ นายทะเบยี นและให้นายทะเบยี นจดแจง้ วัน เดอื น ปี สถานที่ท่ีแสดงเจตนาขอทำการสมรส และ พฤตกิ ารณ์พิเศษนัน้ ไวใ้ นทะเบียนสมรส ใหถ้ อื วา่ วันแสดงเจตนาขอทำการสมรสต่อบคุ คลดงั กลา่ วเป็นวนั จด ทะเบยี นสมรสตอ่ นายทะเบียนแล้ว ความในมาตราน้ีมใิ หใ้ ช้บงั คบั ถ้าหากจะมกี ารสมรสในวนั แสดงเจตนาขอทำการสมรส การ สมรสนน้ั จะตกเป็นโมฆะ
264 หมวด ๓ ความสมั พันธร์ ะหว่างสามีภรยิ า มาตรา ๑๔๖๑ สามภี ริยาต้องอย่กู ินด้วยกันฉันสามภี รยิ า สามีภริยาตอ้ งช่วยเหลอื อปุ การะเล้ยี งดูกนั ตามความสามารถและฐานะของตน มาตรา ๑๔๖๒[๑๑๐] ในกรณที ส่ี ามีภริยาไมส่ ามารถทจ่ี ะอยูก่ นิ ด้วยกันฉนั สามีภริยาโดยปกติ สุขได้ หรอื ถ้าการอยรู่ ว่ มกันจะเป็นอนั ตรายแก่กายหรอื จติ ใจหรอื ทำลายความผาสกุ อย่างมาก สามหี รอื ภรยิ า ฝ่ายทไ่ี มส่ ามารถทจี่ ะอยกู่ ินดว้ ยกันฉนั สามีภรยิ าโดยปกตสิ ุขไดห้ รือฝ่ายที่จะต้องรับอันตรายหรือถกู ทำลาย ความผาสุก อาจร้องต่อศาลเพอ่ื ใหม้ คี ำสง่ั อนุญาตใหต้ นอย่ตู า่ งหากในระหว่างทเี่ หตุนัน้ ๆ ยังมอี ยู่ก็ได้ ในกรณี เช่นนีศ้ าลจะกำหนดจำนวนคา่ อุปการะเลยี้ งดใู หฝ้ ่ายหนงึ่ จ่ายให้แกอ่ กี ฝา่ ยหนงึ่ ตามควรแก่พฤตกิ ารณก์ ็ได้ มาตรา ๑๔๖๓ ในกรณที ี่ศาลส่งั ใหส้ ามีหรอื ภรยิ าเป็นคนไรค้ วามสามารถหรอื เสมือนไร้ ความสามารถ ภรยิ าหรอื สามยี อ่ มเปน็ ผ้อู นบุ าลหรอื ผ้พู ทิ ักษ์ แต่เมื่อผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี หรอื อยั การร้องขอ และถ้ามี เหตสุ ำคญั ศาลจะตง้ั ผอู้ ื่นเปน็ ผอู้ นบุ าลหรอื ผู้พทิ กั ษก์ ไ็ ด้ มาตรา ๑๔๖๔[๑๑๑] ในกรณีทค่ี สู่ มรสฝ่ายใดฝ่ายหนง่ึ เปน็ คนวกิ ลจรติ ไม่วา่ ศาลจะได้สงั่ ให้ เป็นคนไรค้ วามสามารถหรือไม่ ถ้าคู่สมรสอีกฝ่ายหนงึ่ ไม่อปุ การะเลย้ี งดฝู ่ายท่วี กิ ลจริตตามมาตรา ๑๔๖๑ วรรค สอง หรือกระทำการหรือไมก่ ระทำการอย่างใด อันเปน็ เหตใุ หฝ้ า่ ยท่ีวิกลจริตอยู่ในภาวะอันน่าจะเกดิ อันตราย แก่กายหรอื จิตใจ หรอื ตกอยู่ในภาวะอนั นา่ จะเกิดความเสียหายทางทรัพยส์ นิ ถงึ ขนาด บคุ คลตามท่รี ะบุไวใ้ น มาตรา ๒๘ หรือผอู้ นบุ าลอาจฟ้องคูส่ มรสอกี ฝา่ ยหนึง่ เรยี กคา่ อปุ การะเลยี้ งดูใหแ้ กฝ่ ่ายทีว่ ิกลจริต หรอื ขอให้ ศาลมีคำสัง่ ใด ๆ เพ่อื คมุ้ ครองฝา่ ยท่ีวกิ ลจรติ นนั้ ได้ ในกรณฟี อ้ งเรียกคา่ อุปการะเลีย้ งดูตามวรรคหน่ึง ถา้ ยงั มไิ ดม้ ีคำส่ังของศาลวา่ คู่สมรสซง่ึ วกิ ลจรติ เป็นคนไร้ความสามารถกใ็ หข้ อตอ่ ศาลในคดีเดียวกนั ใหศ้ าลมีคำสง่ั วา่ คูส่ มรสซ่งึ วิกลจริตนน้ั เปน็ คนไร้ ความสามารถ โดยขอให้ตง้ั ตนเองหรอื ผอู้ น่ื ท่ีศาลเหน็ สมควรเปน็ ผอู้ นบุ าล หรอื ถ้าไดม้ คี ำสง่ั ของศาลแสดงว่าคู่ สมรสซง่ึ วิกลจรติ เปน็ คนไร้ความสามารถอยแู่ ล้ว จะขอใหถ้ อดถอนผู้อนุบาลคนเดมิ และแตง่ ต้ังผู้อนบุ าลคน ใหมก่ ็ได้ ในการขอใหศ้ าลมคี ำส่ังใด ๆ เพอ่ื คุ้มครองคสู่ มรสฝา่ ยทว่ี ิกลจรติ โดยมิไดเ้ รียกคา่ อปุ การะ เลยี้ งดูดว้ ยน้นั จะไม่ขอใหศ้ าลมคี ำส่ังให้คสู่ มรสฝา่ ยท่วี กิ ลจรติ นนั้ เปน็ คนไรค้ วามสามารถ หรือจะไมข่ อเปลย่ี น ผูอ้ นุบาลก็ได้ แตถ่ า้ ศาลเหน็ ว่าวธิ กี ารค้มุ ครองทข่ี อนน้ั จำต้องมผี อู้ นุบาลหรือเปลยี่ นผู้อนบุ าล ให้ศาลมีคำสง่ั ให้ จัดการทำนองเดียวกบั ทบี่ ัญญตั ไิ วใ้ นวรรคสอง แลว้ จงึ มคี ำสง่ั คุม้ ครองตามทเี่ หน็ สมควร
265 [เลขมาตรา ๒๘ แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบัญญตั ิให้ใชบ้ ทบญั ญัตบิ รรพ ๑ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยท์ ีไ่ ดต้ รวจชำระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕] มาตรา ๑๔๖๔/๑[๑๑๒] ในระหว่างการพจิ ารณาคดีตามมาตรา ๑๔๖๔ ถา้ มคี ำขอศาลอาจ กำหนดวธิ ีการชวั่ คราวเกย่ี วกับการอปุ การะเล้ียงดหู รอื การคมุ้ ครองคสู่ มรสฝา่ ยที่วกิ ลจรติ ไดต้ ามทเี่ ห็นสมควร และหากเป็นกรณฉี ุกเฉินให้นำบทบญั ญัตเิ รอื่ งคำขอในเหตุฉกุ เฉนิ ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพ่ง มาใช้บงั คบั หมวด ๔ ทรพั ยส์ ินระหวา่ งสามภี ริยา มาตรา ๑๔๖๕ ถา้ สามีภรยิ ามิได้ทำสัญญากนั ไวใ้ นเรื่องทรพั ย์สินเปน็ พเิ ศษก่อนสมรส ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสามีภรยิ าในเร่ืองทรพั ยส์ นิ น้ัน ใหบ้ ังคบั ตามบทบัญญตั ใิ นหมวดน้ี ถ้าข้อความใดในสัญญากอ่ นสมรสขัดตอ่ ความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน หรือระบใุ ห้ใชก้ ฎหมายประเทศอ่ืนบังคับเรอ่ื งทรพั ยส์ นิ น้ัน ขอ้ ความนน้ั ๆ เป็นโมฆะ มาตรา ๑๔๖๖ สญั ญาก่อนสมรสเป็นโมฆะ ถา้ มไิ ดจ้ ดแจ้งขอ้ ตกลงกันเป็นสญั ญาก่อนสมรส นน้ั ไวใ้ นทะเบียนสมรสพรอ้ มกบั การจดทะเบยี นสมรส หรอื มิได้ทำเป็นหนังสอื ลงลายมอื ชื่อคสู่ มรสและพยาน อย่างนอ้ ยสองคนแนบไว้ท้ายทะเบียนสมรสและไดจ้ ดไวใ้ นทะเบยี นสมรสพร้อมกับการจดทะเบยี นสมรสว่าไดม้ ี สัญญาน้นั แนบไว้ มาตรา ๑๔๖๗ เมื่อสมรสแล้วจะเปลยี่ นแปลงเพิกถอนสัญญากอ่ นสมรสนัน้ ไมไ่ ด้ นอกจากจะ ไดร้ ับอนญุ าตจากศาล เมอ่ื ได้มคี ำสง่ั ของศาลถึงทส่ี ดุ ใหเ้ ปลย่ี นแปลงเพกิ ถอนสญั ญาก่อนสมรสแลว้ ให้ศาลแจง้ ไปยงั นายทะเบียนสมรสเพอ่ื จดแจง้ ไวใ้ นทะเบียนสมรส มาตรา ๑๔๖๘ ขอ้ ความในสัญญากอ่ นสมรสไมม่ ผี ลกระทบกระเทือนถงึ สิทธิของ บคุ คลภายนอกผทู้ ำการโดยสจุ รติ ไม่วา่ จะไดเ้ ปล่ียนแปลงเพกิ ถอนโดยคำส่ังของศาลหรือไมก่ ต็ าม มาตรา ๑๔๖๙ สัญญาทเ่ี กี่ยวกับทรพั ยส์ ินใดทสี่ ามภี รยิ าไดท้ ำไวต้ อ่ กันในระหว่างเปน็ สามี ภรยิ ากนั นั้น ฝา่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ จะบอกล้างเสียในเวลาใดทเี่ ป็นสามีภริยากันอยหู่ รือภายในกำหนดหนง่ึ ปีนบั แต่ วนั ทข่ี าดจากการเปน็ สามีภริยากันก็ได้ แตไ่ ม่กระทบกระเทอื นถึงสิทธขิ องบคุ คลภายนอกผู้ทำการโดยสจุ ริต
266 มาตรา ๑๔๗๐ ทรพั ยส์ ินระหว่างสามีภรยิ า นอกจากท่ไี ดแ้ ยกไว้เป็นสนิ ส่วนตวั ย่อมเปน็ สินสมรส มาตรา ๑๔๗๑ สนิ สว่ นตวั ได้แก่ทรพั ย์สิน (๑) ท่ีฝ่ายใดฝา่ ยหนง่ึ มีอยกู่ อ่ นสมรส (๒) ทีเ่ ป็นเครอื่ งใชส้ อยส่วนตัว เครื่องแตง่ กาย หรอื เครอ่ื งประดับกายตามควรแกฐ่ านะ หรอื เครื่องมือเครอื่ งใชท้ จี่ ำเป็นในการประกอบอาชพี หรือวชิ าชพี ของคสู่ มรสฝ่ายใดฝา่ ยหนึง่ (๓) ทฝี่ า่ ยใดฝา่ ยหนงึ่ ได้มาระหว่างสมรสโดยการรบั มรดกหรอื โดยการใหโ้ ดยเสนห่ า (๔) ทีเ่ ป็นของหม้นั มาตรา ๑๔๗๒ สินสว่ นตัวนัน้ ถ้าไดแ้ ลกเปลี่ยนเปน็ ทรัพยส์ นิ อ่ืนก็ดี ซอ้ื ทรัพยส์ นิ อน่ื มาก็ดี หรือขายไดเ้ ป็นเงินมากด็ ี ทรพั ยส์ นิ อน่ื หรอื เงินที่ได้มานนั้ เปน็ สินส่วนตัว สนิ ส่วนตัวทีถ่ ูกทำลายไปทง้ั หมดหรอื แต่บางส่วน แตไ่ ด้ทรพั ย์สินอน่ื หรอื เงินมาทดแทน ทรัพยส์ นิ อืน่ หรอื เงินทีไ่ ด้มานั้นเปน็ สนิ สว่ นตวั มาตรา ๑๔๗๓ สนิ สว่ นตัวของคสู่ มรสฝ่ายใดใหฝ้ ่ายนั้นเปน็ ผ้จู ัดการ มาตรา ๑๔๗๔ สินสมรสไดแ้ ก่ทรัพย์สนิ (๑) ทีค่ ู่สมรสไดม้ าระหว่างสมรส (๒) ทีฝ่ ่ายใดฝ่ายหนงึ่ ไดม้ าระหว่างสมรสโดยพินยั กรรมหรอื โดยการใหเ้ ปน็ หนังสือเม่ือ พนิ ัยกรรมหรอื หนังสอื ยกให้ระบวุ า่ เป็นสนิ สมรส (๓) ทเ่ี ปน็ ดอกผลของสนิ ส่วนตวั ถ้ากรณเี ป็นทีส่ งสยั ว่าทรพั ยส์ นิ อยา่ งหน่ึงเปน็ สนิ สมรสหรอื มใิ ช่ ใหส้ ันนิษฐานไวก้ ่อนว่าเปน็ สนิ สมรส มาตรา ๑๔๗๕ ถ้าสนิ สมรสใดเป็นจำพวกทร่ี ะบุไวใ้ นมาตรา ๔๕๖ แห่งประมวลกฎหมายน้ี หรอื ท่ีมีเอกสารเป็นสำคญั สามหี รอื ภรยิ าจะร้องขอให้ลงชอ่ื ตนเปน็ เจา้ ของรวมกนั ในเอกสารนน้ั กไ็ ด้ มาตรา ๑๔๗๖[๑๑๓] สามแี ละภรยิ าต้องจดั การสนิ สมรสรว่ มกนั หรือไดร้ ับความยินยอมจากอกี ฝา่ ยหนง่ึ ในกรณดี ังต่อไปนี้
267 (๑) ขาย แลกเปล่ยี น ขายฝาก ใหเ้ ช่าซ้ือ จำนอง ปลดจำนอง หรอื โอนสทิ ธิจำนอง ซง่ึ อสังหารมิ ทรพั ยห์ รอื สงั หารมิ ทรัพยท์ อ่ี าจจำนองได้ (๒) กอ่ ตั้งหรอื กระทำใหส้ ดุ ส้นิ ลงท้งั หมดหรอื บางสว่ นซ่งึ ภาระจำยอม สิทธิอาศัย สทิ ธเิ หนอื พืน้ ดิน สทิ ธิเกบ็ กนิ หรอื ภาระตดิ พนั ในอสังหารมิ ทรพั ย์ (๓) ให้เชา่ อสงั หารมิ ทรัพยเ์ กินสามปี (๔) ให้กู้ยืมเงิน (๕) ใหโ้ ดยเสนห่ า เว้นแต่การใหท้ พี่ อควรแกฐ่ านานรุ ูปของครอบครัวเพื่อการกุศล เพ่อื การ สังคม หรือตามหนา้ ที่ธรรมจรรยา (๖) ประนปี ระนอมยอมความ (๗) มอบข้อพิพาทใหอ้ นญุ าโตตลุ าการวนิ จิ ฉัย (๘) นำทรัพยส์ ินไปเป็นประกนั หรือหลักประกนั ต่อเจา้ พนักงานหรือศาล การจดั การสนิ สมรสนอกจากกรณที บี่ ญั ญัตไิ ว้ในวรรคหนง่ึ สามีหรอื ภรยิ าจดั การได้โดยมติ อ้ ง ไดร้ บั ความยินยอมจากอกี ฝ่ายหนงึ่ มาตรา ๑๔๗๖/๑[๑๑๔] สามีและภรยิ าจะจดั การสินสมรสใหแ้ ตกต่างไปจากทบี่ ญั ญตั ิไว้ใน มาตรา ๑๔๗๖ ทง้ั หมดหรอื บางสว่ นไดก้ ต็ ่อเมื่อไดท้ ำสญั ญาก่อนสมรสไวต้ ามท่ีบัญญัติในมาตรา ๑๔๖๕ และ มาตรา ๑๔๖๖ ในกรณดี งั กล่าวน้ี การจัดการสนิ สมรสใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีระบไุ ว้ในสัญญากอ่ นสมรส ในกรณีทส่ี ญั ญากอ่ นสมรสระบกุ ารจัดการสินสมรสไวแ้ ตเ่ พียงบางสว่ นของมาตรา ๑๔๗๖ การจัดการสินสมรสนอกจากทร่ี ะบุไว้ในสญั ญากอ่ นสมรสใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรา ๑๔๗๖ มาตรา ๑๔๗๗[๑๑๕] สามีภรยิ าฝา่ ยใดฝา่ ยหนึ่งมสี ทิ ธิฟอ้ ง ตอ่ สู้ หรอื ดำเนนิ คดเี กยี่ วกับการ สงวนบำรุงรกั ษาสนิ สมรส หรอื เพอ่ื ประโยชนแ์ กส่ นิ สมรส หน้ีอันเกิดแต่การฟ้อง ตอ่ สู้ หรอื ดำเนินคดีดังกล่าว ให้ถอื ว่าเปน็ หน้ที ี่สามีภรยิ าเปน็ ลกู หนรี้ ่วมกนั มาตรา ๑๔๗๘ เมือ่ ฝา่ ยใดตอ้ งให้ความยนิ ยอมหรอื ลงชอ่ื กบั อกี ฝา่ ยหนงึ่ ในเร่ืองจัดการ ทรพั ยส์ ินแต่ไม่ใหค้ วามยนิ ยอมหรอื ไม่ยอมลงชอ่ื โดยปราศจากเหตผุ ล หรือไมอ่ ยู่ในสภาพทอี่ าจใหค้ วามยนิ ยอม ได้ อกี ฝ่ายหนงึ่ อาจรอ้ งขอต่อศาลใหส้ ั่งอนญุ าตแทนได้ มาตรา ๑๔๗๙ การใดทสี่ ามหี รือภริยากระทำ ซง่ึ ต้องรบั ความยินยอมรว่ มกัน และถา้ การน้นั มกี ฎหมายบัญญตั ใิ ห้ทำเป็นหนงั สอื หรือใหจ้ ดทะเบียนตอ่ พนักงานเจ้าหน้าท่ี ความยินยอมนั้นต้องทำเป็น หนังสือ
268 มาตรา ๑๔๘๐[๑๑๖] การจัดการสนิ สมรสซงึ่ ต้องจัดการร่วมกนั หรือตอ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอม จากอกี ฝ่ายหนงึ่ ตามมาตรา ๑๔๗๖ ถ้าคสู่ มรสฝ่ายหน่ึงไดท้ ำนิติกรรมไปแตเ่ พยี งฝ่ายเดียว หรือโดยปราศจาก ความยนิ ยอมของค่สู มรสอกี ฝา่ ยหนงึ่ คสู่ มรสอกี ฝ่ายหนงึ่ อาจฟอ้ งให้ศาลเพกิ ถอนนติ กิ รรมนัน้ ได้ เวน้ แต่ค่สู มรส อีกฝา่ ยหน่ึงไดใ้ หส้ ัตยาบนั แกน่ ติ กิ รรมน้นั แล้ว หรอื ในขณะทท่ี ำนิติกรรมนน้ั บคุ คลภายนอกได้กระทำโดยสจุ รติ และเสยี ค่าตอบแทน การฟอ้ งใหศ้ าลเพกิ ถอนนติ กิ รรมตามวรรคหนง่ึ ห้ามมใิ ห้ฟอ้ งเม่ือพ้นหนึ่งปี นบั แต่วนั ทไี่ ด้รู้ เหตุอันเปน็ มลู ใหเ้ พกิ ถอน หรือเม่ือพน้ สบิ ปนี บั แตว่ ันท่ไี ดท้ ำนติ ิกรรมนน้ั มาตรา ๑๔๘๑ สามหี รอื ภริยาไมม่ ีอำนาจทำพินัยกรรมยกสนิ สมรสทเ่ี กินกว่าส่วนของตน ใหแ้ ก่บคุ คลใดได้ มาตรา ๑๔๘๒[๑๑๗] ในกรณที ส่ี ามหี รือภริยามอี ำนาจจดั การสนิ สมรสแตฝ่ า่ ยเดยี วคสู่ มรสอกี ฝ่ายหนง่ึ ก็ยังมอี ำนาจจดั การบ้านเรอื นและจดั หาสง่ิ จำเป็นสำหรบั ครอบครวั ตามสมควรแก่อตั ภาพได้ ค่าใชจ้ ่าย ในการนย้ี อ่ มผกู พนั สนิ สมรสและสนิ ส่วนตัวของท้ังสองฝา่ ย ถา้ สามหี รอื ภริยาจัดการบา้ นเรือนหรือจดั หาสิง่ จำเปน็ สำหรบั ครอบครัวเปน็ ที่เสียหายถงึ ขนาด อีกฝ่ายหนึง่ อาจรอ้ งขอให้ศาลสง่ั ห้ามหรือจำกัดอำนาจนเ้ี สียได้ มาตรา ๑๔๘๓[๑๑๘] ในกรณีทส่ี ามีหรือภรยิ ามอี ำนาจจดั การสินสมรสแตฝ่ า่ ยเดยี ว ถ้าสามี หรือภริยาจะกระทำ หรอื กำลงั กระทำการอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ในการจัดการสินสมรสอนั พงึ เหน็ ได้ว่าจะเกิดความ เสยี หายถงึ ขนาด อีกฝ่ายหน่ึงอาจรอ้ งขอใหศ้ าลสง่ั หา้ มมิให้กระทำการนั้นได้ มาตรา ๑๔๘๔[๑๑๙] ถ้าสามหี รอื ภรยิ าฝ่ายซง่ึ มีอำนาจจดั การสนิ สมรส (๑) จดั การสินสมรสเป็นที่เสียหายถงึ ขนาด (๒) ไมอ่ ปุ การะเลย้ี งดอู ีกฝ่ายหนง่ึ (๓) มหี นสี้ ินลน้ พ้นตัว หรือทำหน้เี กนิ กง่ึ หนึง่ ของสินสมรส (๔) ขัดขวางการจัดการสนิ สมรสของอกี ฝา่ ยหนงึ่ โดยไมม่ เี หตผุ ลอันสมควร (๕) มพี ฤตกิ ารณป์ รากฏว่าจะทำความหายนะให้แกส่ นิ สมรส อีกฝา่ ยหนงึ่ อาจร้องขอใหศ้ าลสง่ั อนญุ าตให้ตนเป็นผูจ้ ดั การสนิ สมรสแต่ผเู้ ดียวหรือสงั่ ให้แยก สินสมรสได้ ในกรณตี ามวรรคหนึ่ง ถา้ มคี ำขอ ศาลอาจกำหนดวิธคี ้มุ ครองชั่วคราวเพื่อจัดการสินสมรสได้ ตามทเ่ี หน็ สมควร และหากเป็นกรณีฉุกเฉินให้นำบทบญั ญัตเิ ร่ืองคำขอในเหตุฉกุ เฉินตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพง่ มาใชบ้ ังคับ
269 มาตรา ๑๔๘๔/๑[๑๒๐] ในกรณที ศี่ าลไดม้ คี ำส่งั ห้ามหรอื จำกดั อำนาจในการจดั การสนิ สมรส ของสามหี รอื ภริยาตามมาตรา ๑๔๘๒ มาตรา ๑๔๘๓ หรอื มาตรา ๑๔๘๔ ถ้าต่อมาเหตแุ หง่ การนน้ั หรือ พฤติการณไ์ ดเ้ ปลีย่ นแปลงไป สามหี รือภริยาอาจรอ้ งขอตอ่ ศาลให้ยกเลกิ หรอื เปล่ยี นแปลงคำสงั่ ทีห่ ้ามหรือ จำกัดอำนาจจดั การสนิ สมรสนั้นได้ ในการนีศ้ าลจะมคี ำสั่งใด ๆ ตามท่เี ห็นสมควรกไ็ ด้ มาตรา ๑๔๘๕ สามหี รือภรยิ าอาจรอ้ งขอตอ่ ศาลใหต้ นเป็นผ้จู ดั การสินสมรสโดยเฉพาะอย่าง ใดอยา่ งหนงึ่ หรอื เขา้ รว่ มจัดการในการน้นั ได้ ถา้ การทจี่ ะทำเช่นนนั้ จะเปน็ ประโยชนย์ ิง่ กวา่ มาตรา ๑๔๘๖[๑๒๑] เม่ือศาลได้มีคำพิพากษาหรอื คำสงั่ ถึงทสี่ ดุ ตามความในมาตรา ๑๔๘๒ วรรคสอง มาตรา ๑๔๘๓ มาตรา ๑๔๘๔ มาตรา ๑๔๘๔/๑ หรอื มาตรา ๑๔๘๕ อนั เปน็ คุณแกผ่ รู้ ้องขอ หรอื ตามมาตรา ๑๔๙๑ มาตรา ๑๔๙๒/๑ หรอื มาตรา ๑๕๙๘/๑๗ หรอื เมือ่ สามีหรือภริยาพน้ จากการเปน็ บคุ คล ล้มละลาย ใหศ้ าลแจง้ ไปยังนายทะเบยี นเพอ่ื จดแจง้ ไวใ้ นทะเบียนสมรส มาตรา ๑๔๘๗[๑๒๒] ในระหวา่ งทเี่ ป็นสามีภริยากนั ฝ่ายใดจะยดึ หรืออายดั ทรพั ย์สนิ ของอกี ฝา่ ยหนึ่งไมไ่ ด้ เวน้ แตเ่ ปน็ การยึดหรืออายดั ทรัพย์สินในคดีทฟ่ี อ้ งรอ้ งเพอื่ การปฏบิ ตั หิ น้าทีห่ รอื รักษาสทิ ธิ ระหวา่ งสามภี รยิ าตามทบี่ ญั ญัติไวโ้ ดยเฉพาะในประมวลกฎหมายนี้หรอื ทปี่ ระมวลกฎหมายนบ้ี ญั ญัตไิ ว้ โดยเฉพาะใหส้ ามภี รยิ าฟอ้ งร้องกนั เองได้ หรือเปน็ การยึด หรอื อายดั ทรัพยส์ ินสำหรบั คา่ อุปการะเล้ียงดแู ละคา่ ฤชาธรรมเนยี มที่ยังมิไดช้ ำระตามคำพิพากษาของศาล มาตรา ๑๔๘๘ ถ้าสามหี รือภรยิ าต้องรบั ผดิ เป็นส่วนตวั เพ่ือชำระหนท้ี ก่ี ่อไว้กอ่ นหรอื ระหว่าง สมรส ใหช้ ำระหน้นี ั้นด้วยสนิ สว่ นตัวของฝ่ายน้ันกอ่ น เมอ่ื ไมพ่ อจึงให้ชำระด้วยสินสมรสทเี่ ป็นสว่ นของฝ่ายนน้ั มาตรา ๑๔๘๙ ถ้าสามภี ริยาเป็นลูกหนร้ี ว่ มกัน ให้ชำระหนน้ี ั้นจากสินสมรสและสินส่วนตวั ของทั้งสองฝ่าย มาตรา ๑๔๙๐ หนี้ทส่ี ามีภริยาเปน็ ลกู หนีร้ ว่ มกันนน้ั ใหร้ วมถึงหน้ที สี่ ามหี รอื ภรยิ ากอ่ ใหเ้ กดิ ข้ึนในระหว่างสมรส ดังตอ่ ไปนี้ (๑)[๑๒๓] หนเ้ี กี่ยวแกก่ ารจดั การบา้ นเรอื นและจัดหาสิง่ จำเป็นสำหรบั ครอบครัว การอุปการะ เลย้ี งดตู ลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครวั และการศกึ ษาของบตุ รตามสมควรแก่อตั ภาพ (๒) หน้ีทเ่ี ก่ียวข้องกบั สนิ สมรส (๓) หน้ีทเ่ี กิดขึน้ เน่อื งจากการงานซ่งึ สามภี ริยาทำดว้ ยกัน
270 (๔) หนที้ สี่ ามหี รือภรยิ ากอ่ ขึ้นเพอ่ื ประโยชน์ตนฝ่ายเดียวแตอ่ กี ฝ่ายหน่งึ ไดใ้ หส้ ตั ยาบนั มาตรา ๑๔๙๑ ถ้าสามีหรือภริยาตอ้ งคำพพิ ากษาใหล้ ม้ ละลาย สนิ สมรสย่อมแยกจากกนั โดย อำนาจกฎหมายนบั แต่วันที่ศาลพพิ ากษาใหล้ ม้ ละลายน้นั มาตรา ๑๔๙๒[๑๒๔] เมอื่ ไดแ้ ยกสนิ สมรสตามมาตรา ๑๔๘๔ วรรคสอง มาตรา ๑๔๙๑ หรอื มาตรา ๑๕๙๘/๑๗ วรรคสอง แลว้ ใหส้ ่วนทแ่ี ยกออกตกเปน็ สินสว่ นตัวของสามหี รอื ภริยา และบรรดา ทรพั ยส์ ินทฝี่ า่ ยใดได้มาในภายหลังไม่ให้ถอื เป็นสนิ สมรส แตใ่ หเ้ ปน็ สนิ สว่ นตัวของฝา่ ยนั้น และสินสมรสทค่ี ู่ สมรสไดม้ าโดยพนิ ยั กรรมหรอื โดยการให้เปน็ หนงั สอื ตามมาตรา ๑๔๗๔ (๒) ในภายหลงั ใหต้ กเป็นสินสว่ นตวั ของสามแี ละภรยิ าฝ่ายละคร่ึง ดอกผลของสินสว่ นตวั ทไ่ี ดม้ าหลงั จากทีไ่ ด้แยกสินสมรสแล้วใหเ้ ป็นสนิ ส่วนตัว มาตรา ๑๔๙๒/๑[๑๒๕] ในกรณีทีม่ กี ารแยกสนิ สมรสโดยคำสง่ั ศาล การยกเลกิ การแยก สินสมรสใหก้ ระทำไดเ้ มือ่ สามหี รือภรยิ าร้องขอตอ่ ศาล และศาลไดม้ คี ำสั่งให้ยกเลกิ แตถ่ ้าภริยาหรอื สามีคัดค้าน ศาลจะส่งั ยกเลกิ การแยกสินสมรสได้ต่อเม่ือเหตุแหง่ การแยกสนิ สมรสได้ส้ินสุดลงแลว้ เม่ือมกี ารยกเลกิ การแยกสนิ สมรสตามวรรคหนึ่ง หรอื การแยกสนิ สมรสส้ินสดุ ลงเพราะสามี หรือภริยาพน้ จากการเป็นบคุ คลลม้ ละลาย ใหท้ รัพยส์ นิ ทเ่ี ปน็ สินสว่ นตวั อยใู่ นวันท่ศี าลมคี ำส่ังหรอื ในวนั ที่พ้น จากการเปน็ บุคคลลม้ ละลาย ยงั คงเปน็ สินสว่ นตัวตอ่ ไปตามเดมิ มาตรา ๑๔๙๓ ในกรณีทีไ่ มม่ สี นิ สมรสแลว้ สามแี ละภริยาตอ้ งชว่ ยกนั ออกค่าใช้สอยสำหรบั การบา้ นเรอื นตามสว่ นมากและนอ้ ยแหง่ สินสว่ นตัวของตน หมวด ๕ ความเป็นโมฆะของการสมรส มาตรา ๑๔๙๔ การสมรสจะเป็นโมฆะก็แต่เฉพาะทบี่ ัญญัติไว้ในหมวดนี้ มาตรา ๑๔๙๕[๑๒๖] การสมรสทฝี่ า่ ฝืนมาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ มาตรา ๑๔๕๒ และ มาตรา ๑๔๕๘ เปน็ โมฆะ มาตรา ๑๔๙๖[๑๒๗] คำพิพากษาของศาลเท่านัน้ ทจี่ ะแสดงวา่ การสมรสท่ฝี า่ ฝืนมาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ และมาตรา ๑๔๕๘ เปน็ โมฆะ
271 คสู่ มรส บดิ ามารดา หรือผสู้ ืบสันดานของค่สู มรสอาจร้องขอให้ศาลพิพากษาวา่ การสมรสเป็น โมฆะได้ ถา้ ไมม่ บี ุคคลดงั กลา่ ว ผ้มู สี ่วนไดเ้ สยี จะรอ้ งขอใหอ้ ัยการเปน็ ผรู้ อ้ งขอตอ่ ศาลกไ็ ด้ มาตรา ๑๔๙๗[๑๒๘] การสมรสทเ่ี ป็นโมฆะ เพราะฝา่ ฝนื มาตรา ๑๔๕๒ บุคคลผมู้ สี ่วนไดเ้ สยี คนใดคนหนงึ่ จะกล่าวอา้ งขน้ึ หรือจะรอ้ งขอให้ศาลพพิ ากษาว่าการสมรสเปน็ โมฆะกไ็ ด้ มาตรา ๑๔๙๗/๑[๑๒๙] ในกรณีท่ศี าลมคี ำพพิ ากษาถึงทส่ี ดุ วา่ การสมรสใดเปน็ โมฆะ ใหศ้ าล แจง้ ไปยงั นายทะเบยี นเพอ่ื บันทกึ ความเปน็ โมฆะไวใ้ นทะเบยี นสมรส มาตรา ๑๔๙๘[๑๓๐] การสมรสทเ่ี ปน็ โมฆะ ไม่กอ่ ใหเ้ กดิ ความสัมพันธท์ างทรพั ยส์ ินระหว่าง สามีภรยิ า ในกรณีที่การสมรสเป็นโมฆะ ทรพั ยส์ นิ ท่ฝี า่ ยใดมหี รอื ได้มาไม่วา่ กอ่ นหรือหลงั การสมรส รวมทง้ั ดอกผลคงเป็นของฝ่ายนน้ั สว่ นบรรดาทรพั ยส์ นิ ทท่ี ำมาหาได้ร่วมกนั ให้แบง่ คนละครง่ึ เว้นแตศ่ าลจะ เห็นสมควรสง่ั เปน็ ประการอื่น เมอื่ ได้พเิ คราะห์ถึงภาระในครอบครวั ภาระในการหาเลี้ยงชพี และฐานะของ คกู่ รณที ั้งสองฝ่าย ตลอดจนพฤตกิ ารณ์อนื่ ทง้ั ปวงแล้ว มาตรา ๑๔๙๙[๑๓๑] การสมรสทเ่ี ปน็ โมฆะ เพราะฝา่ ฝืนมาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ หรอื มาตรา ๑๔๕๘ ไมท่ ำให้ชายหรอื หญิงผ้สู มรสโดยสจุ รติ เสอ่ื มสิทธิทีไ่ ดม้ าเพราะการสมรสกอ่ นมีคำพิพากษาถงึ ทีส่ ดุ ใหเ้ ปน็ โมฆะ การสมรสทเ่ี ปน็ โมฆะเพราะฝ่าฝนื มาตรา ๑๔๕๒ ไม่ทำใหช้ ายหรือหญงิ ผสู้ มรสโดยสจุ ริต เส่อื มสทิ ธิทไี่ ดม้ า เพราะการสมรสก่อนทีช่ ายหรือหญงิ นั้นรถู้ งึ เหตทุ ที่ ำใหก้ ารสมรสเปน็ โมฆะ แตก่ ารสมรสที่ เป็นโมฆะดงั กลา่ ว ไม่ทำให้คสู่ มรสเกิดสทิ ธิรบั มรดกในฐานะทายาทโดยธรรมของคสู่ มรสอกี ฝ่ายหน่ึง การสมรสทเี่ ป็นโมฆะเพราะฝา่ ฝนื มาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ หรอื มาตรา ๑๔๕๘ หรอื ฝา่ ฝืนมาตรา ๑๔๕๒ ถา้ คสู่ มรสฝ่ายใดไดส้ มรสโดยสจุ รติ ฝ่ายนนั้ มสี ิทธิเรียกค่าทดแทนได้ และถ้าการสมรสทเ่ี ปน็ โมฆะนน้ั ทำใหฝ้ า่ ยทไ่ี ดส้ มรสโดยสุจรติ ตอ้ งยากจนลงเพราะไม่มรี ายได้พอจากทรัพยส์ ิน หรอื จากการงานที่เคย ทำอยู่ก่อนมคี ำพพิ ากษาถงึ ทส่ี ดุ หรือก่อนทจี่ ะได้รู้ว่าการสมรสของตนเปน็ โมฆะ แล้วแตก่ รณี ฝ่ายน้ันมสี ิทธิ เรยี กค่าเลี้ยงชพี ไดด้ ้วย สทิ ธเิ รียกคา่ เล้ียงชพี ในกรณีนใ้ี หน้ ำมาตรา ๑๕๒๖ วรรคหนง่ึ และมาตรา ๑๕๒๘ มาใช้ บังคับโดยอนุโลม สิทธิเรียกรอ้ งค่าทดแทน หรือคา่ เล้ียงชพี ตามวรรคสาม มกี ำหนดอายคุ วามสองปนี บั แต่วันท่มี ี คำพิพากษาถึงท่ีสุด สำหรบั กรณีการสมรสเป็นโมฆะเพราะฝา่ ฝนื มาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ หรือมาตรา ๑๔๕๘ หรอื นบั แตว่ นั ทร่ี ถู้ งึ เหตุทท่ี ำใหก้ ารสมรสเป็นโมฆะ สำหรบั กรณีการสมรสเปน็ โมฆะเพราะฝา่ ฝืนมาตรา ๑๔๕๒
272 มาตรา ๑๔๙๙/๑[๑๓๒] ในกรณที ี่การสมรสเป็นโมฆะ ข้อตกลงระหว่างคสู่ มรสวา่ ฝ่ายใดจะ เปน็ ผูใ้ ช้อำนาจปกครองบุตรคนใด หรอื ฝา่ ยใดหรือทงั้ สองฝ่ายจะเปน็ ผอู้ อกเงินค่าอุปการะเล้ียงดูบตุ รเป็น จำนวนเท่าใด ใหท้ ำเปน็ หนงั สอื หากตกลงกันไมไ่ ด้ใหศ้ าลเปน็ ผู้ชข้ี าด ในการพจิ ารณาชี้ขาดถา้ ศาลเหน็ ว่ามีเหตุ ทถ่ี อนอำนาจปกครองของคู่สมรสน้ันได้ตามมาตรา ๑๕๘๒ ศาลจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสัง่ ให้ บุคคลภายนอกเป็นผปู้ กครองก็ได้ ท้งั นี้ ใหศ้ าลคำนึงถงึ ความผาสกุ และประโยชนข์ องบุตรนัน้ เป็นสำคญั และ ให้นำความในมาตรา ๑๕๒๑ มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม มาตรา ๑๕๐๐[๑๓๓] การสมรสทเี่ ปน็ โมฆะไมก่ ระทบถงึ สทิ ธขิ องบคุ คลภายนอกผู้กระทำการ โดยสจุ รติ ซงึ่ ไดม้ าก่อนมกี ารบนั ทกึ ความเป็นโมฆะไวใ้ นทะเบยี นสมรสตามมาตรา ๑๔๙๗/๑ หมวด ๖ การส้ินสดุ แหง่ การสมรส มาตรา ๑๕๐๑ การสมรสยอ่ มสนิ้ สดุ ลงด้วยความตาย การหยา่ หรอื ศาลพพิ ากษาให้เพิกถอน มาตรา ๑๕๐๒ การสมรสทเี่ ป็นโมฆียะสิ้นสดุ ลงเม่อื ศาลพิพากษาใหเ้ พกิ ถอน มาตรา ๑๕๐๓ เหตทุ ีจ่ ะขอใหศ้ าลพพิ ากษาเพกิ ถอนการสมรส เพราะเหตวุ ่าเป็นโมฆยี ะ มี เฉพาะในกรณที ่ีคู่สมรสทำการฝ่าฝนื มาตรา ๑๔๔๘ มาตรา ๑๕๐๕ มาตรา ๑๕๐๖ มาตรา ๑๕๐๗ และมาตรา ๑๕๐๙ มาตรา ๑๕๐๔ การสมรสทเี่ ปน็ โมฆยี ะเพราะฝ่าฝืนมาตรา ๑๔๔๘ ผมู้ สี ่วนไดเ้ สียขอใหเ้ พกิ ถอนการสมรสได้ แต่บดิ ามารดาหรือผูป้ กครองทีใ่ หค้ วามยินยอมแลว้ จะขอใหเ้ พิกถอนการสมรสไมไ่ ด้ ถ้าศาลมิได้สง่ั ให้เพกิ ถอนการสมรสจนชายหญงิ มอี ายคุ รบตามมาตรา ๑๔๔๘ หรือเม่ือหญิงมี ครรภก์ อ่ นอายคุ รบตามมาตรา ๑๔๔๘ ใหถ้ ือวา่ การสมรสสมบรู ณม์ าต้งั แตเ่ วลาสมรส มาตรา ๑๕๐๕ การสมรสที่ไดก้ ระทำไปโดยคูส่ มรสฝา่ ยหนึง่ สำคัญผิดตวั คู่สมรส การสมรส นัน้ เปน็ โมฆยี ะ สิทธิขอเพกิ ถอนการสมรสเพราะสำคญั ผิดตวั คู่สมรสเปน็ อนั ระงบั เมอื่ เวลาไดผ้ ่านพ้นไปแลว้ เก้าสบิ วันนบั แต่วนั สมรส
273 มาตรา ๑๕๐๖ ถา้ คสู่ มรสไดท้ ำการสมรสโดยถูกกลฉ้อฉลอนั ถึงขนาดซ่ึงถา้ มิได้มกี ลฉอ้ ฉลน้นั จะไม่ทำการสมรส การสมรสนั้นเปน็ โมฆียะ ความในวรรคหนงึ่ ไมใ่ ชบ้ งั คับในกรณที ก่ี ลฉอ้ ฉลนั้นเกดิ ขน้ึ โดยบุคคลทส่ี าม โดยค่สู มรสอีก ฝ่ายหนึง่ มิไดร้ เู้ หน็ ด้วย สทิ ธิขอเพกิ ถอนการสมรสเพราะถกู กลฉอ้ ฉลเปน็ อันระงบั เมอ่ื เวลาได้ผ่านพน้ ไปแล้วเกา้ สบิ วนั นบั แตว่ ันท่ีร้หู รือควรได้รู้ถงึ กลฉอ้ ฉล หรือเมือ่ เวลาได้ผ่านพน้ ไปแล้วหน่ึงปี นับแตว่ นั สมรส มาตรา ๑๕๐๗ ถ้าคสู่ มรสไดท้ ำการสมรสโดยถูกข่มข่อู ันถึงขนาดซึง่ ถ้ามไิ ด้มกี ารข่มขนู่ ัน้ จะไม่ ทำการสมรส การสมรสนัน้ เปน็ โมฆยี ะ สทิ ธขิ อเพกิ ถอนการสมรสเพราะถูกข่มขู่เปน็ อันระงบั เมอ่ื เวลาได้ผ่านพ้นไปแล้วหน่งึ ปนี ับแต่ วันท่พี น้ จากการขม่ ขู่ มาตรา ๑๕๐๘[๑๓๔] การสมรสทเ่ี ป็นโมฆยี ะเพราะคสู่ มรสสำคญั ผดิ ตัวหรอื ถูกกลฉ้อฉลหรือ ถูกขม่ ขู่ เฉพาะแต่คู่สมรสทส่ี ำคัญผดิ ตัวหรอื ถกู กลฉอ้ ฉลหรอื ถูกขม่ ขเู่ ท่าน้ันขอเพกิ ถอนการสมรสได้ ในกรณีที่ผมู้ ีสทิ ธิขอเพกิ ถอนการสมรสเปน็ บคุ คลท่ีถกู ศาลสงั่ ใหเ้ ป็นคนไร้ความสามารถ ให้ บุคคลซ่งึ อาจรอ้ งขอตอ่ ศาลใหส้ งั่ ใหบ้ ุคคลวกิ ลจรติ เป็นคนไรค้ วามสามารถ ตามมาตรา ๒๙ ขอเพกิ ถอนการ สมรสไดด้ ว้ ย แตถ่ ้าผมู้ สี ิทธขิ อเพกิ ถอนการสมรสเปน็ คนวิกลจรติ ทีศ่ าลยังไมไ่ ด้สงั่ ใหเ้ ป็นคนไร้ความสามารถ บคุ คลดังกลา่ วจะรอ้ งขอเพิกถอนการสมรสก็ได้ แต่ต้องขอให้ศาลสง่ั ใหค้ นวิกลจรติ เปน็ คนไรค้ วามสามารถ พรอ้ มกนั ดว้ ย ในกรณที ่ีศาลมคี ำส่ังให้ยกคำขอใหศ้ าลสง่ั เปน็ คนไรค้ วามสามารถ กใ็ ห้ศาลมคี ำสง่ั ยกคำขอเพกิ ถอนการสมรสของบุคคลดังกลา่ วนัน้ เสยี ด้วย คำส่ังศาลใหย้ กคำขอเพิกถอนการสมรสของบุคคลตามวรรคสองไมก่ ระทบกระเทือนสทิ ธกิ าร ขอเพกิ ถอนการสมรสของคสู่ มรส แตค่ ู่สมรสจะต้องใชส้ ิทธนิ น้ั ภายในกำหนดระยะเวลาท่ีคสู่ มรสมอี ยู่ ถา้ ระยะเวลาดงั กลา่ วเหลืออยูไ่ ม่ถึงหกเดอื นนบั แตว่ ันท่ศี าลมคี ำสง่ั ใหย้ กคำขอเพกิ ถอนการสมรสของบคุ คล ดังกล่าวหรือไมม่ ีเหลอื อย่เู ลย ก็ให้ขยายระยะเวลานั้นออกไปได้ให้ครบหกเดอื นหรอื อกี หกเดอื นนับแต่วนั ที่ศาล มคี ำสัง่ ใหย้ กคำขอเพกิ ถอนการสมรสของบุคคลดงั กล่าว แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๕๐๙ การสมรสทม่ี ิไดร้ ับความยินยอมของบคุ คลดงั กลา่ วในมาตรา ๑๔๕๔ การ สมรสนั้นเป็นโมฆียะ มาตรา ๑๕๑๐ การสมรสทเี่ ปน็ โมฆียะเพราะมไิ ดร้ บั ความยนิ ยอมของบคุ คลดงั กลา่ วใน มาตรา ๑๔๕๔ เฉพาะบุคคลทอ่ี าจให้ความยนิ ยอมตามมาตรา ๑๔๕๔ เทา่ น้นั ขอใหเ้ พกิ ถอนการสมรสได้
274 สิทธขิ อเพกิ ถอนการสมรสตามมาตรานเี้ ป็นอนั ระงบั เมอ่ื คสู่ มรสนัน้ มอี ายุครบยสี่ บิ ปีบรบิ รู ณ์ หรอื เมอ่ื หญงิ มีครรภ์ การฟ้องขอเพกิ ถอนการสมรสตามมาตราน้ใี หม้ ีอายคุ วามหน่ึงปนี บั แตว่ นั ทราบการสมรส มาตรา ๑๕๑๑ การสมรสที่ได้มีคำพพิ ากษาให้เพิกถอนน้นั ใหถ้ ือว่าสน้ิ สดุ ลงในวันท่ีคำ พิพากษาถึงทส่ี ุด แต่จะอ้างเปน็ เหตเุ สือ่ มสทิ ธิของบุคคลภายนอกผทู้ ำการโดยสุจริตไม่ได้ เวน้ แต่จะไดจ้ ด ทะเบยี นการเพกิ ถอนการสมรสน้ันแลว้ มาตรา ๑๕๑๒ ให้นำบทบัญญตั วิ ่าด้วยผลของการหย่าโดยคำพิพากษามาใช้บงั คบั แกผ่ ลของ การเพกิ ถอนการสมรสโดยอนุโลม มาตรา ๑๕๑๓ ถา้ ปรากฏว่าคู่สมรสท่ถี ูกฟอ้ งเพกิ ถอนการสมรสไดร้ เู้ หน็ เปน็ ใจในเหตแุ หง่ โมฆยี ะกรรม คู่สมรสน้นั จะตอ้ งรับผดิ ใชค้ ่าทดแทนความเสียหายซึ่งคสู่ มรสอกี ฝา่ ยหนง่ึ ไดร้ บั ต่อกาย ชอ่ื เสยี ง หรอื ทรัพยส์ ิน เนื่องจากการสมรสนัน้ และใหน้ ำมาตรา ๑๕๒๕ มาใช้บังคับโดยอนโุ ลม ถ้าหากการเพิกถอนการสมรสตามวรรคหนงึ่ ทำใหอ้ ีกฝา่ ยหนง่ึ ยากจนลง และไม่มีรายไดพ้ อ จากทรัพยส์ ินหรอื จากการงานตามทเ่ี คยทำอยรู่ ะหว่างสมรส คู่สมรสท่ถี กู ฟ้องนัน้ จะตอ้ งรบั ผดิ ในค่าเลี้ยงชพี ดงั ท่ีบญั ญัตไิ วใ้ นมาตรา ๑๕๒๖ ดว้ ย ของศาล มาตรา ๑๕๑๔ การหยา่ นัน้ จะทำได้แตโ่ ดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายหรอื โดยคำพิพากษา การหย่าโดยความยนิ ยอมต้องทำเป็นหนงั สือและมพี ยานลงลายมอื ช่อื อยา่ งนอ้ ยสองคน มาตรา ๑๕๑๕ เม่ือไดจ้ ดทะเบยี นสมรสตามประมวลกฎหมายนี้ การหยา่ โดยความยินยอม จะสมบรู ณต์ อ่ เมอื่ สามแี ละภริยาไดจ้ ดทะเบียนการหย่าน้นั แล้ว มาตรา ๑๕๑๖ เหตฟุ อ้ งหย่ามีดงั ตอ่ ไปนี้ (๑)[๑๓๕] สามหี รือภรยิ าอปุ การะเลี้ยงดหู รือยกยอ่ งผอู้ ื่นฉันภรยิ าหรือสามี เปน็ ชู้หรอื มชี ู้ หรอื รว่ มประเวณกี บั ผู้อน่ื เป็นอาจิณ อีกฝา่ ยหนึง่ ฟอ้ งหย่าได้ (๒) สามหี รอื ภริยาประพฤติช่วั ไม่ว่าความประพฤติชวั่ นั้นจะเปน็ ความผิดอาญาหรือไม่ ถ้า เป็นเหตใุ หอ้ กี ฝ่ายหนึ่ง (ก) ไดร้ ับความอบั อายขายหนา้ อยา่ งรา้ ยแรง
275 (ข) ได้รบั ความดถู กู เกลยี ดชงั เพราะเหตทุ ค่ี งเปน็ สามหี รือภรยิ าของฝ่ายทปี่ ระพฤตชิ ่วั อยู่ ตอ่ ไป หรือ (ค) ไดร้ ับความเสียหายหรือเดอื ดรอ้ นเกินควร ในเม่ือเอาสภาพ ฐานะและความเปน็ อยู่ ร่วมกนั ฉนั สามีภริยามาคำนงึ ประกอบ อกี ฝา่ ยหน่ึงน้นั ฟอ้ งหยา่ ได้ (๓) สามหี รอื ภริยาทำร้าย หรือทรมานรา่ งกายหรอื จติ ใจ หรอื หมน่ิ ประมาทหรอื เหยยี ดหยาม อีกฝ่ายหน่ึงหรือบพุ การีของอกี ฝา่ ยหน่งึ ทั้งนี้ ถา้ เป็นการรา้ ยแรง อีกฝ่ายหนึ่งนน้ั ฟอ้ งหย่าได้ (๔) สามหี รอื ภริยาจงใจละทง้ิ รา้ งอกี ฝ่ายหนึ่งไปเกนิ หนง่ึ ปี อกี ฝ่ายหนงึ่ น้นั ฟ้องหยา่ ได้ (๔/๑)[๑๓๖] สามีหรือภริยาต้องคำพพิ ากษาถึงทส่ี ดุ ใหจ้ ำคกุ และได้ถกู จำคกุ เกนิ หนงึ่ ปีใน ความผดิ ท่ีอกี ฝา่ ยหนงึ่ มไิ ด้มสี ว่ นก่อใหเ้ กิดการกระทำความผดิ หรอื ยินยอมหรอื รเู้ หน็ เป็นใจในการกระทำ ความผิดน้นั ด้วย และการเปน็ สามภี รยิ ากันตอ่ ไปจะเป็นเหตใุ หอ้ กี ฝ่ายหนง่ึ ไดร้ ับความเสียหายหรอื เดือนรอ้ น เกนิ ควร อีกฝา่ ยหนึ่งนัน้ ฟอ้ งหย่าได้ (๔/๒)[๑๓๗] สามีและภริยาสมัครใจแยกกนั อยเู่ พราะเหตทุ ไี่ มอ่ าจอยรู่ ่วมกันฉนั สามีภริยาไดโ้ ดย ปกตสิ ุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกนั อยตู่ ามคำสง่ั ของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝา่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ ฟอ้ งหยา่ ได้ (๕)[๑๓๘] สามหี รือภริยาถูกศาลสง่ั ให้เปน็ คนสาบสญู หรอื ไปจากภมู ิลำเนาหรือถน่ิ ท่ีอยู่เปน็ เวลาเกนิ สามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายรา้ ยดอี ย่างไร อีกฝา่ ยหนงึ่ ฟอ้ งหย่าได้ (๖) สามหี รอื ภริยาไมใ่ ห้ความช่วยเหลืออปุ การะเล้ยี งดอู กี ฝา่ ยหน่ึงตามสมควรหรือทำการเป็น ปฏปิ ักษต์ ่อการทเี่ ปน็ สามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทง้ั นี้ ถา้ การกระทำนั้นถึงขนาดที่อกี ฝ่ายหน่ึงเดือดร้อน เกนิ ควรในเมอ่ื เอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยรู่ ว่ มกนั ฉนั สามีภรยิ ามาคำนึงประกอบ อกี ฝา่ ยหนง่ึ น้ันฟ้องหย่า ได้ (๗) สามหี รอื ภริยาวิกลจรติ ตลอดมาเกนิ สามปี และความวกิ ลจริตนัน้ มลี ักษณะยากจะหายได้ กบั ทัง้ ความวกิ ลจรติ ถงึ ขนาดทจ่ี ะทนอยรู่ ่วมกันฉันสามีภริยาตอ่ ไปไมไ่ ด้ อีกฝ่ายหนงึ่ ฟ้องหยา่ ได้ (๘) สามหี รอื ภริยาผดิ ทัณฑบ์ นทที่ ำให้ไว้เป็นหนงั สือในเรื่องความประพฤติ อกี ฝ่ายหน่ึงฟ้อง หยา่ ได้ (๙) สามหี รอื ภรยิ าเป็นโรคตดิ ตอ่ อยา่ งรา้ ยแรงอันอาจเป็นภยั แกอ่ ีกฝา่ ยหนง่ึ และโรคมลี กั ษณะ เร้อื รงั ไมม่ ที างทจ่ี ะหายได้ อกี ฝ่ายหนึ่งน้ันฟอ้ งหยา่ ได้ (๑๐) สามหี รอื ภริยามสี ภาพแห่งกายทำใหส้ ามหี รอื ภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึง่ ฟ้องหย่าได้ มาตรา ๑๕๑๗ เหตุฟอ้ งหย่าตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑) และ (๒) ถา้ สามีหรือภรยิ า แล้วแต่กรณี ไดย้ ินยอมหรอื รเู้ ห็นเป็นใจในการกระทำทเี่ ปน็ เหตุหย่านนั้ ฝา่ ยทยี่ นิ ยอมหรือรเู้ หน็ เปน็ ใจน้ันจะยกเป็นเหตฟุ ้อง หย่าไม่ได้
276 เหตุฟ้องหย่าตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑๐) ถา้ เกดิ เพราะการกระทำของอีกฝ่ายหนงึ่ อีกฝา่ ยหนง่ึ นน้ั จะยกเป็นเหตฟุ อ้ งหย่าไม่ได้ ในกรณฟี อ้ งหย่าโดยอาศยั เหตุแหง่ การผดิ ทณั ฑบ์ นตามมาตรา ๑๕๑๖ (๘) นั้น ถา้ ศาลเห็นว่า ความประพฤตขิ องสามหี รือภรยิ าอันเป็นเหตุใหท้ ำทัณฑบ์ นเป็นเหตเุ ลก็ นอ้ ยหรอื ไมส่ ำคัญเกย่ี วแก่การอยู่ รว่ มกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุข ศาลจะไมพ่ พิ ากษาใหห้ ยา่ ก็ได้ มาตรา ๑๕๑๘ สทิ ธิฟ้องหย่าย่อมหมดไปในเมอ่ื ฝ่ายที่มสี ทิ ธฟิ ้องหยา่ ไดก้ ระทำการอนั แสดง ใหเ้ หน็ วา่ ไดใ้ หอ้ ภยั ในการกระทำของอกี ฝา่ ยหนึง่ ซึ่งเปน็ เหตใุ หเ้ กดิ สิทธฟิ อ้ งหย่านัน้ แล้ว มาตรา ๑๕๑๙ ในกรณีทีค่ สู่ มรสฝา่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ เป็นคนวิกลจริตและมเี หตหุ ยา่ เกิดข้นึ ไมว่ า่ เหตนุ น้ั จะไดเ้ กิดขนึ้ กอ่ นหรอื ภายหลงั การเป็นคนวกิ ลจริต ให้บุคคลซึ่งอาจรอ้ งขอตอ่ ศาลให้สงั่ ใหบ้ ุคคล วกิ ลจรติ เป็นคนไร้ความสามารถตามมาตรา ๒๘ มอี ำนาจฟอ้ งคสู่ มรสอีกฝา่ ยหนงึ่ ขอให้ศาลพพิ ากษาใหห้ ยา่ ขาดจากกันและแบ่งทรพั ยส์ นิ ได้ ในกรณีเช่นวา่ นี้ ถ้ายงั มไิ ดม้ คี ำสง่ั ของศาลแสดงวา่ คู่สมรสซง่ึ วกิ ลจรติ เป็นคนไร้ ความสามารถกใ็ ห้บคุ คลดงั กลา่ วขอร้องขอตอ่ ศาลในคดีเดยี วกันน้ันใหศ้ าลมีคำสง่ั ว่าคูส่ มรสซึง่ วกิ ลจริตนั้นเป็น คนไร้ความสามารถ เม่ือบคุ คลดังกลา่ วเห็นสมควร จะรอ้ งขอตอ่ ศาลให้มีคำสงั่ ตามมาตรา ๑๕๒๖ หรือมาตรา ๑๕๓๐ ดว้ ยก็ได้ ในกรณที ี่คสู่ มรสซงึ่ ถูกอา้ งวา่ เปน็ คนวิกลจรติ ยงั ไม่ไดถ้ กู สง่ั ใหเ้ ป็นคนไร้ความสามารถ หาก ศาลเห็นว่าคูส่ มรสน้ันยงั ไมเ่ ปน็ คนท่คี วรส่ังใหเ้ ป็นคนไรค้ วามสามารถก็ใหย้ กฟอ้ งคดีนนั้ เสีย ถ้าเหน็ ว่าเปน็ บุคคลทีค่ วรสั่งใหเ้ ป็นคนไร้ความสามารถ แต่ยงั ไม่สมควรจะใหม้ กี ารหย่า กใ็ หศ้ าลสงั่ ใหค้ สู่ มรสนน้ั เปน็ คนไร้ ความสามารถโดยไมจ่ ะสงั่ เรอ่ื งผอู้ นบุ าลหรอื จะตง้ั ผู้อื่นเปน็ ผอู้ นบุ าลตามมาตรา ๑๔๖๓ ก็ได้ คงพพิ ากษายกแต่ เฉพาะข้อหย่า ในกรณเี ช่นนศ้ี าลจะสงั่ กำหนดคา่ เลีย้ งชพี ดว้ ยก็ได้ ในกรณที ีศ่ าลเหน็ ว่าคู่สมรสนนั้ วิกลจริตอัน ควรส่งั ใหเ้ ปน็ คนไรค้ วามสามารถและทงั้ มเี หตุควรใหห้ ย่าดว้ ย ก็ใหศ้ าลสงั่ ในคำพิพากษาใหค้ ่สู มรสนน้ั เปน็ คนไร้ ความสามารถ ตั้งผอู้ นุบาลและให้หย่า ในกรณีนี้ ถา้ ศาลเห็นวา่ เหตุหย่าทีย่ กขึ้นอ้างในการฟอ้ งรอ้ งนน้ั ไม่เหมาะสมแก่สภาพของคู่ สมรสซงึ่ เป็นคนไร้ความสามารถที่จะหย่าจากคสู่ มรสอีกฝา่ ยหนงึ่ ก็ดี ตามพฤติการณไ์ มส่ มควรทจ่ี ะใหม้ กี ารหยา่ ขาดจากกันก็ดี ศาลจะพพิ ากษาไม่ใหห้ ยา่ ก็ได้ [เลขมาตรา ๒๘ แก้ไขเพมิ่ เติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบญั ญตั ใิ หใ้ ช้บทบญั ญัตบิ รรพ ๑ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ท่ีไดต้ รวจชำระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕] มาตรา ๑๕๒๐[๑๓๙] ในกรณีหย่าโดยความยนิ ยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเปน็ หนงั สอื ว่า ฝ่ายใดจะเป็นผใู้ ชอ้ ำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิไดต้ กลงกนั หรือตกลงกันไมไ่ ด้ ให้ศาลเป็นผชู้ ีข้ าด
277 ในกรณหี ยา่ โดยคำพิพากษาของศาล ใหศ้ าลซ่ึงพจิ ารณาคดฟี อ้ งหย่าน้ันชี้ขาดดว้ ยวา่ ฝ่ายใด จะเปน็ ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ในการพจิ ารณาชข้ี าดถ้าศาลเห็นว่ามเี หตทุ จี่ ะถอนอำนาจปกครองของคู่ สมรสนัน้ ได้ตามมาตรา ๑๕๘๒ ศาลจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสั่งใหบ้ ุคคลภายนอกเปน็ ผู้ปกครอง กไ็ ด้ ทง้ั น้ี ใหศ้ าลคำนึงถึงความผาสกุ และประโยชนข์ องบุตรนน้ั เป็นสำคญั มาตรา ๑๕๒๑[๑๔๐] ถา้ ปรากฏวา่ ผใู้ ช้อำนาจปกครองหรอื ผปู้ กครองตามมาตรา ๑๕๒๐ ประพฤติตนไมส่ มควร หรือภายหลังพฤติการณไ์ ดเ้ ปล่ยี นแปลงไป ศาลมีอำนาจสง่ั เปลี่ยนตวั ผู้ใช้อำนาจ ปกครองหรอื ผ้ปู กครองโดยคำนงึ ถงึ ความผาสกุ และประโยชนข์ องบุตรเป็นสำคัญ มาตรา ๑๕๒๒ ถา้ สามภี รยิ าหย่าโดยความยนิ ยอม ให้ทำความตกลงกันไว้ในสัญญาหยา่ ว่า สามีภริยาทงั้ สองฝา่ ย หรอื สามหี รอื ภรยิ าฝา่ ยใดฝ่ายหนงึ่ จะออกเงนิ คา่ อปุ การะเลีย้ งดบู ตุ รเปน็ จำนวนเงนิ เท่าใด ถ้าหย่าโดยคำพิพากษาของศาลหรอื ในกรณีทสี่ ญั ญาหยา่ มไิ ดก้ ำหนดเรอ่ื งคา่ อปุ การะเลี้ยงดู บตุ รไว้ ใหศ้ าลเปน็ ผกู้ ำหนด มาตรา ๑๕๒๓[๑๔๑] เมือ่ ศาลพิพากษาใหห้ ย่ากันเพราะเหตตุ ามมาตรา ๑๕๑๖ (๑) ภรยิ าหรอื สามีมสี ิทธไิ ดร้ บั คา่ ทดแทนจากสามหี รอื ภริยาและจากผูซ้ งึ่ ได้รับการอปุ การะเล้ยี งดูหรือยกยอ่ ง หรือผซู้ ง่ึ เป็น เหตแุ หง่ การหย่าน้ัน สามจี ะเรยี กค่าทดแทนจากผซู้ ง่ึ ล่วงเกนิ ภรยิ าไปในทำนองชสู้ าวกไ็ ด้ และภรยิ าจะเรียกค่า ทดแทนจากหญงิ อ่ืนที่แสดงตนโดยเปดิ เผยเพื่อแสดงว่าตนมคี วามสมั พันธก์ ับสามใี นทำนองช้สู าวก็ได้ ถ้าสามีหรอื ภรยิ ายนิ ยอมหรือรเู้ หน็ เปน็ ใจใหอ้ กี ฝ่ายหน่งึ กระทำการตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑) หรือใหผ้ ูอ้ น่ื กระทำการตามวรรคสอง สามหี รอื ภรยิ านั้นจะเรยี กคา่ ทดแทนไมไ่ ด้ มาตรา ๑๕๒๔ ถา้ เหตุแหง่ การหยา่ ตามมาตรา ๑๕๑๖ (๓) (๔) หรอื (๖) เกิดข้ึนเพราะฝ่ายผู้ ต้องรบั ผดิ ชอบก่อใหเ้ กดิ ข้ึนโดยมงุ่ ประสงค์ให้อกี ฝ่ายหน่งึ ไมอ่ าจทนได้ จงึ ตอ้ งฟ้องหย่า อกี ฝ่ายหนงึ่ มสี ทิ ธิไดร้ บั คา่ ทดแทนจากฝ่ายทีต่ ้องรับผดิ มาตรา ๑๕๒๕ ค่าทดแทนตามมาตรา ๑๕๒๓ และมาตรา ๑๕๒๔ นัน้ ใหศ้ าลวินิจฉัยตาม ควรแกพ่ ฤตกิ ารณ์ โดยศาลจะสงั่ ใหช้ ำระครง้ั เดียวหรอื แบง่ ชำระเป็นงวด ๆ มีกำหนดเวลาตามท่ศี าลจะ เหน็ สมควรก็ได้ ในกรณที ่ผี จู้ ะต้องชำระคา่ ทดแทนเปน็ คสู่ มรสของอีกฝา่ ยหนงึ่ ใหศ้ าลคำนงึ ถึงจำนวน ทรัพยส์ ินท่ีคสู่ มรสนนั้ ได้รบั ไปจากการแบ่งสนิ สมรสเพราะการหยา่ น้นั ดว้ ย
278 มาตรา ๑๕๒๖ ในคดีหยา่ ถา้ เหตแุ ห่งการหย่าเปน็ ความผดิ ของค่สู มรสฝ่ายใดฝา่ ยหนึ่งแต่ ฝา่ ยเดยี ว และการหย่านน้ั จะทำใหอ้ กี ฝ่ายหนงึ่ ยากจนลง เพราะไมม่ รี ายไดพ้ อจากทรัพยส์ ินหรอื จากการงาน ตามที่เคยทำอยรู่ ะหวา่ งสมรส อกี ฝา่ ยหน่ึงน้ันจะขอใหฝ้ า่ ยทตี่ อ้ งรบั ผิดจา่ ยค่าเล้ียงชพี ให้ได้ คา่ เลย้ี งชพี น้ศี าล อาจใหเ้ พยี งใดหรือไม่ให้ก็ได้ โดยคำนึงถงึ ความสามารถของผู้ให้และฐานะของผรู้ บั และใหน้ ำบทบญั ญัติมาตรา ๑๕๙๘/๓๙ มาตรา ๑๕๙๘/๔๐ และมาตรา ๑๕๙๘/๔๑ มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม สิทธิเรยี กรอ้ งคา่ เลี้ยงชีพเปน็ อันสนิ้ สดุ ถ้ามิไดฟ้ อ้ งหรอื ฟอ้ งแยง้ ในคดีหยา่ นั้น มาตรา ๑๕๒๗ ถ้าหยา่ ขาดจากกนั เพราะเหตุวกิ ลจริตตามมาตรา ๑๕๑๖ (๗) หรอื เพราะเหตุ เปน็ โรคติดต่ออย่างร้ายแรงตามมาตรา ๑๕๑๖ (๙) คูส่ มรสอกี ฝ่ายหนงึ่ ตอ้ งออกค่าเล้ียงชีพใหแ้ ก่ฝ่ายทว่ี กิ ลจรติ หรือฝ่ายทเี่ ปน็ โรคตดิ ต่อนน้ั โดยคำนวณคา่ เล้ยี งชีพอนโุ ลมตามมาตรา ๑๕๒๖ มาตรา ๑๕๒๘ ถา้ ฝา่ ยท่ีรบั ค่าเลย้ี งชีพสมรสใหม่ สทิ ธริ บั คา่ เล้ียงชพี ยอ่ มหมดไป มาตรา ๑๕๒๙ สิทธฟิ อ้ งร้องโดยอาศยั เหตใุ นมาตรา ๑๕๑๖ (๑) (๒) (๓) หรอื (๖) หรือ มาตรา ๑๕๒๓ ย่อมระงับไปเมอ่ื พน้ กำหนดหนง่ึ ปนี ับแตว่ ันผกู้ ลา่ วอ้างรู้หรือควรรู้ความจรงิ ซ่งึ ตนอาจยกข้นึ กลา่ วอ้าง เหตอุ ันจะยกขึน้ ฟอ้ งหย่าไมไ่ ด้แล้วนัน้ อาจนำสบื สนบั สนนุ คดฟี ้องหย่าซงึ่ อาศยั เหตอุ ย่างอ่ืน มาตรา ๑๕๓๐ ขณะคดีฟอ้ งหยา่ อยใู่ นระหว่างพิจารณา ถา้ ฝา่ ยใดร้องขอ ศาลอาจสัง่ ชว่ั คราวใหจ้ ัดการตามทเ่ี หน็ สมควร เชน่ ในเร่ืองสนิ สมรส ทพ่ี ักอาศัย การอปุ การะเลี้ยงดูสามีภรยิ า และการ พทิ ักษอ์ ปุ การะเลีย้ งดูบุตร มาตรา ๑๕๓๑ การสมรสทจี่ ดทะเบยี นตามกฎหมายนั้น การหย่าโดยความยนิ ยอมของคู่ สมรสทง้ั สองฝ่ายมผี ลนบั แต่เวลาจดทะเบยี นการหย่าเปน็ ต้นไป การหย่าโดยคำพพิ ากษามผี ลแต่เวลาทค่ี ำพิพากษาถึงทสี่ ดุ แตจ่ ะอา้ งเป็นเหตเุ ส่ือมสทิ ธขิ อง บคุ คลภายนอกผทู้ ำการโดยสจุ รติ ไมไ่ ด้ เว้นแตจ่ ะได้จดทะเบยี นการหย่าน้นั แล้ว มาตรา ๑๕๓๒ เมอ่ื หยา่ กันแลว้ ใหจ้ ัดการแบง่ ทรพั ยส์ นิ ของสามภี ริยา แต่ในระหว่างสามีภริยา (ก) ถ้าเป็นการหยา่ โดยความยนิ ยอมของทัง้ สองฝ่าย ให้จัดการแบ่งทรพั ยส์ ินของสามีภรยิ า ตามที่มอี ยูใ่ นเวลาจดทะเบยี นการหยา่
279 (ข) ถ้าเปน็ การหย่าโดยคำพพิ ากษาของศาล คำพพิ ากษาสว่ นที่บงั คบั ทรพั ยส์ นิ ระหวา่ งสามี ภริยานั้น มีผลยอ้ นหลังไปถึงวันฟอ้ งหย่า มาตรา ๑๕๓๓ เม่ือหย่ากันใหแ้ บ่งสินสมรสให้ชายและหญงิ ได้ส่วนเท่ากัน มาตรา ๑๕๓๔ สินสมรสทีค่ สู่ มรสฝา่ ยใดฝา่ ยหนึง่ จำหน่ายไปเพ่ือประโยชน์ตนฝา่ ยเดียวก็ดี จำหน่ายไปโดยเจตนาทำให้คู่สมรสอีกฝา่ ยหนงึ่ เสยี หายก็ดี จำหนา่ ยไปโดยมิได้รบั ความยนิ ยอมของคู่สมรสอกี ฝา่ ยหนง่ึ ในกรณที ก่ี ฎหมายบงั คบั ว่าการจำหนา่ ยน้ันจะตอ้ งได้รบั ความยินยอมของอีกฝ่ายหนงึ่ ดว้ ยก็ดี จงใจ ทำลายใหส้ ญู หายไปก็ดี ใหถ้ ือเสมอื นวา่ ทรัพยส์ ินนน้ั ยงั คงมอี ยู่เพ่ือจดั แบง่ สินสมรสตามมาตรา ๑๕๓๓ และถา้ คสู่ มรสอีกฝา่ ยหนง่ึ ได้รบั สว่ นแบง่ สินสมรสไมค่ รบตามจำนวนท่ีควรจะได้ ให้คู่สมรสฝา่ ยท่ีไดจ้ ำหน่ายหรอื จงใจ ทำลายสินสมรสนน้ั ชดใชจ้ ากสนิ สมรสส่วนของตนหรือสนิ สว่ นตวั มาตรา ๑๕๓๕ เม่ือการสมรสสิน้ สุดลง ใหแ้ บ่งความรบั ผิดในหนที้ จี่ ะต้องรับผิดด้วยกนั ตาม สว่ นเทา่ กนั ลกั ษณะ ๒ บดิ ามารดากบั บตุ ร หมวด ๑ บดิ ามารดา มาตรา ๑๕๓๖ เด็กเกิดแต่หญงิ ขณะเป็นภรยิ าชายหรอื ภายในสามร้อยสบิ วนั นบั แตว่ ันทก่ี าร สมรสสนิ้ สดุ ลง ใหส้ ันนิษฐานไวก้ ่อนวา่ เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผเู้ ปน็ สามี หรือเคยเป็นสามี แลว้ แต่ กรณี ให้นำความในวรรคหนง่ึ มาใชบ้ งั คบั แกบ่ ตุ รท่ีเกดิ จากหญงิ กอ่ นที่ไดม้ ีคำพพิ ากษาถึงทสี่ ุดของ ศาลแสดงวา่ การสมรสเปน็ โมฆะ หรอื ภายในระยะเวลาสามรอ้ ยสบิ วันนบั แต่วันนนั้ มาตรา ๑๕๓๗ ในกรณที ห่ี ญงิ ทำการสมรสใหมน่ นั้ เป็นการฝา่ ฝืนมาตรา ๑๔๕๓ และคลอด บตุ รภายในสามร้อยสิบวนั นับแตว่ ันทก่ี ารสมรสสนิ้ สดุ ลง ใหส้ ันนษิ ฐานไว้ก่อนวา่ เดก็ ที่เกดิ แต่หญงิ นั้นเปน็ บตุ ร ชอบดว้ ยกฎหมายของชายผเู้ ป็นสามีคนใหม่ และห้ามมิใหน้ ำข้อสันนิษฐานในมาตรา ๑๕๓๖ ทวี่ ่าเด็กเปน็ บตุ ร
280 ชอบด้วยกฎหมายของสามเี ดมิ มาใชบ้ งั คบั ทัง้ นี้ เว้นแตม่ ีคำพพิ ากษาของศาลแสดงวา่ เด็กมิใชบ่ ุตรชอบดว้ ย กฎหมายของชายผเู้ ป็นสามีคนใหมน่ น้ั มาตรา ๑๕๓๘[๑๔๒] ในกรณีทีช่ ายหรอื หญงิ สมรสฝา่ ฝืนมาตรา ๑๔๕๒ เดก็ ท่ีเกดิ ในระหวา่ ง การสมรสทฝ่ี า่ ฝนื น้นั ใหส้ นั นษิ ฐานไว้ก่อนวา่ เปน็ บุตรชอบดว้ ยกฎหมายของชายผเู้ ป็นสามีซง่ึ ได้จดทะเบียน สมรสครงั้ หลัง ในกรณีทีห่ ญงิ สมรสฝ่าฝืนมาตรา ๑๔๕๒ ถา้ มคี ำพพิ ากษาถงึ ท่สี ดุ แสดงวา่ เดก็ มใิ ช่บุตรชอบ ด้วยกฎหมายของชายผเู้ ป็นสามซี งึ่ ได้จดทะเบยี นสมรสครง้ั หลัง ใหน้ ำข้อสันนิษฐานในมาตรา ๑๕๓๖ มาใช้ บังคบั ใหน้ ำความในวรรคหนึง่ มาใช้บงั คับแก่เดก็ ทเี่ กิดภายในสามรอ้ ยสบิ วนั นบั แตว่ นั ท่ีศาลมีคำ พพิ ากษาถึงทส่ี ุดให้การสมรสเป็นโมฆะเพราะฝ่าฝืนมาตรา ๑๔๕๒ ด้วย มาตรา ๑๕๓๙ ในกรณที สี่ ันนิษฐานว่าเดก็ เป็นบตุ รชอบด้วยกฎหมายของชายผเู้ ปน็ หรอื เคย เป็นสามีตามมาตรา ๑๕๓๖ มาตรา ๑๕๓๗ หรอื มาตรา ๑๕๓๘ ชายผ้เู ปน็ หรือเคยเปน็ สามจี ะไมร่ บั เดก็ เปน็ บุตรของตนกไ็ ด้ โดยฟอ้ งเดก็ กบั มารดาเดก็ รว่ มกนั เป็นจำเลยและพสิ จู น์ได้ว่าตนไมไ่ ด้อย่รู ว่ มกบั มารดาเด็กใน ระยะเวลาต้ังครรภค์ อื ระหว่างหนงึ่ รอ้ ยแปดสบิ วันถึงสามรอ้ ยสบิ วนั กอ่ นเดก็ เกดิ หรอื ตนไมส่ ามารถเปน็ บิดา ของเด็กได้เพราะเหตอุ ย่างอื่น[๑๔๓] แตถ่ ้าในขณะยืน่ ฟ้องมารดาเดก็ ไมม่ ชี ีวิตอยู่ จะฟอ้ งเดก็ แตผ่ เู้ ดียวเป็นจำเลยกไ็ ด้ ถ้าเดก็ ไม่มี ชวี ิตอยไู่ ม่วา่ มารดาของเดก็ จะมชี ีวิตอยู่หรือไม่ จะยืน่ คำร้องขอใหศ้ าลแสดงวา่ เด็กนัน้ ไมเ่ ปน็ บุตรกไ็ ด้ ในกรณที ี่ มารดาของเดก็ หรอื ทายาทของเดก็ ยงั มชี ีวิตอยู่ ใหศ้ าลสง่ สำเนาคำร้องน้ไี ปใหด้ ว้ ย และถ้าศาลเห็นสมควร จะ ส่งสำเนาคำรอ้ งไปใหอ้ ัยการพิจารณาเพือ่ ดำเนินคดีแทนเด็กด้วยก็ได้ มาตรา ๑๕๔๐[๑๔๔] (ยกเลิก) มาตรา ๑๕๔๑ ชายผเู้ ป็นหรือเคยเป็นสามีจะฟ้องคดีไมร่ บั เด็กเป็นบตุ รตามมาตรา ๑๕๓๙ ไม่ได้ ถ้าปรากฏวา่ ตนเปน็ ผู้แจง้ การเกดิ ของเด็กในทะเบียนคนเกิดเองว่าเป็นบุตรของตน หรอื จัดหรอื ยอมใหม้ ี การแจง้ ดังกล่าว มาตรา ๑๕๔๒[๑๔๕] การฟอ้ งคดไี มร่ บั เด็กเป็นบตุ ร ชายผู้เปน็ หรือเคยเปน็ สามีตอ้ งฟอ้ ง ภายในหนึง่ ปนี บั แตว่ นั รถู้ งึ การเกดิ ของเดก็ แต่ห้ามมใิ ห้ฟอ้ งเมื่อพน้ สบิ ปนี บั แตว่ ันเกดิ ของเด็ก ในกรณีท่มี ีคำพิพากษาของศาลแสดงวา่ เด็กมิใช่บตุ รชอบดว้ ยกฎหมายของชายผเู้ ปน็ สามีคน ใหม่ตามมาตรา ๑๕๓๗ หรอื ชายผู้เปน็ สามีในการสมรสครัง้ หลงั ตามมาตรา ๑๕๓๘ ถา้ ชายผู้เป็นหรอื เคยเป็น
281 สามีซง่ึ ตอ้ งดว้ ยบทสนั นษิ ฐานว่าเด็กเปน็ บตุ รชอบดว้ ยกฎหมายของตนตามมาตรา ๑๕๓๖ ประสงค์จะฟ้องคดี ไม่รับเดก็ เปน็ บุตร ใหฟ้ อ้ งคดภี ายในหนงึ่ ปีนบั แต่วันที่รู้วา่ มีคำพิพากษาถงึ ทีส่ ุด มาตรา ๑๕๔๓[๑๔๖] ในกรณีที่ชายผเู้ ปน็ หรือเคยเป็นสามีไดฟ้ อ้ งคดีไม่รบั เดก็ เปน็ บตุ รแลว้ และตายก่อนคดนี ัน้ ถึงทส่ี ดุ ผู้มสี ทิ ธไิ ดร้ บั มรดกร่วมกบั เดก็ หรอื ผจู้ ะเสยี สทิ ธิรบั มรดกเพราะการเกดิ ของเดก็ น้นั จะขอเข้าเป็นคู่ความแทนทห่ี รอื อาจถกู เรยี กให้เขา้ มาเปน็ ค่คู วามแทนท่ีชายผ้เู ปน็ หรอื เคยเปน็ สามีกไ็ ด้ มาตรา ๑๕๔๔[๑๔๗] การฟ้องคดีไม่รบั เดก็ เปน็ บุตร ผมู้ สี ทิ ธิไดร้ บั มรดกรว่ มกบั เด็กหรือผจู้ ะ เสยี สทิ ธิรบั มรดกเพราะการเกดิ ของเดก็ อาจฟอ้ งได้ในกรณีดังต่อไปนี้ (๑) ชายผูเ้ ป็นหรือเคยเปน็ สามตี ายก่อนพน้ ระยะเวลาท่ีชายผูเ้ ปน็ หรอื เคยเปน็ สามีจะพึงฟอ้ ง ได้ (๒) เด็กเกดิ ภายหลงั การตายของชายผเู้ ปน็ หรือเคยเปน็ สามี การฟอ้ งคดไี ม่รบั เด็กเป็นบุตรในกรณี (๑) ต้องฟอ้ งภายในหกเดอื นนับแตว่ นั ทร่ี ถู้ งึ การตาย ของชายผูเ้ ปน็ หรือเคยเปน็ สามี การฟอ้ งคดีไม่รบั เดก็ เป็นบตุ รในกรณี (๒) ต้องฟ้องภายในหกเดือนนบั แตว่ ันทร่ี ู้ ถงึ การเกิดของเด็ก แต่ไม่ว่าเป็นกรณีใด หา้ มมใิ หฟ้ ้องเมื่อพ้นสิบปนี บั แตว่ นั เกิดของเด็ก ให้นำมาตรา ๑๕๓๙ มาใชบ้ งั คบั แก่การฟ้องคดไี มร่ ับเดก็ เปน็ บุตรตามวรรคหนง่ึ โดยอนโุ ลม มาตรา ๑๕๔๕[๑๔๘] เม่อื ปรากฏขอ้ เท็จจริงต่อเด็กว่าตนมิไดเ้ ปน็ บุตรสืบสายโลหติ ของชายผู้ เปน็ สามีของมารดาตน เด็กจะรอ้ งขอตอ่ อัยการให้ฟอ้ งคดปี ฏเิ สธความเปน็ บตุ รชอบด้วยกฎหมายของชายน้ันก็ ได้ การฟอ้ งคดีตามวรรคหน่ึง ถ้าเด็กไดร้ ขู้ อ้ เทจ็ จรงิ กอ่ นบรรลนุ ติ ิภาวะว่าตนมิไดเ้ ป็นบุตรของ ชายผูเ้ ปน็ สามีของมารดา หา้ มอัยการฟ้องคดเี มื่อพน้ หนึ่งปีนบั แต่วันทเ่ี ด็กบรรลนุ ิตภิ าวะ แตถ่ า้ เด็กรขู้ ้อเท็จจรงิ ดังกล่าวหลังจากบรรลนุ ิติภาวะแลว้ ห้ามอัยการฟอ้ งคดเี มือ่ พน้ หนึง่ ปนี บั แตว่ ันทเ่ี ดก็ รเู้ หตนุ น้ั ไม่วา่ กรณีใด ๆ หา้ มมิใหฟ้ อ้ งคดปี ฏเิ สธความเปน็ บตุ รเมื่อพน้ สิบปีนบั แต่วนั ท่ีเดก็ บรรลนุ ิติ ภาวะ มาตรา ๑๕๔๖[๑๔๙] เดก็ เกิดจากหญงิ ท่ีมิไดม้ กี ารสมรสกบั ชาย ให้ถือวา่ เป็นบุตรชอบดว้ ย กฎหมายของหญงิ นัน้ เว้นแต่จะมีกฎหมายบญั ญัตไิ วเ้ ปน็ อยา่ งอน่ื มาตรา ๑๕๔๗ เดก็ เกดิ จากบดิ ามารดาทม่ี ไิ ดส้ มรสกนั จะเปน็ บุตรชอบดว้ ยกฎหมายตอ่ เม่อื บิดามารดาได้สมรสกันในภายหลังหรือบิดาไดจ้ ดทะเบยี นวา่ เปน็ บตุ รหรอื ศาลพพิ ากษาวา่ เป็นบุตร
282 มาตรา ๑๕๔๘[๑๕๐] บดิ าจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายไดต้ ่อเมอ่ื ได้รับความ ยนิ ยอมของเดก็ และมารดาเดก็ ในกรณที เ่ี ดก็ และมารดาเดก็ ไม่ได้มาใหค้ วามยนิ ยอมต่อหนา้ นายทะเบียนให้นายทะเบยี นแจง้ การขอจดทะเบยี นของบดิ าไปยงั เด็กและมารดาเดก็ ถ้าเด็กหรอื มารดาเดก็ ไมค่ ัดคา้ นหรือไมใ่ หค้ วามยนิ ยอม ภายในหกสิบวันนบั แต่การแจง้ น้นั ถงึ เด็กหรอื มารดาเด็ก ใหส้ นั นิษฐานวา่ เดก็ หรอื มารดาเด็กไมใ่ หค้ วามยินยอม ถา้ เดก็ หรอื มารดาเด็กอยูน่ อกประเทศไทยใหข้ ยายเวลานัน้ เปน็ หนึ่งรอ้ ยแปดสบิ วนั ในกรณที ่ีเดก็ หรือมารดาเดก็ คัดค้านว่าผูข้ อจดทะเบียนไม่ใชบ่ ดิ า หรือไมใ่ ห้ความยนิ ยอม หรือไมอ่ าจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเดก็ เปน็ บตุ รตอ้ งมคี ำพพิ ากษาของศาล เมื่อศาลไดพ้ ิพากษาให้บิดาจดทะเบียนเด็กเปน็ บตุ รได้ และบดิ าได้นำคำพิพากษาไปขอจด ทะเบียนตอ่ นายทะเบยี น ใหน้ ายทะเบียนดำเนนิ การจดทะเบียนให้ มาตรา ๑๕๔๙ เม่อื นายทะเบยี นไดแ้ จ้งการขอจดทะเบยี นขอรับเดก็ เปน็ บุตรชอบด้วย กฎหมายไปยังเดก็ และมารดาเด็กตามมาตรา ๑๕๔๘ แลว้ ไมว่ า่ เด็กหรือมารดาเด็กจะคดั คา้ นการจดทะเบยี น รับเดก็ เปน็ บุตรตามมาตรา ๑๕๔๘ หรอื ไม่ ภายในกำหนดเวลาไมเ่ กินเก้าสิบวนั นบั แตว่ ันแจง้ การขอจด ทะเบียนถงึ เด็กหรอื มารดาเดก็ เด็กหรอื มารดาเดก็ อาจแจ้งใหน้ ายทะเบยี นจดบนั ทกึ ไว้ไดว้ ่าผูข้ อจดทะเบยี นไม่ สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบางสว่ นหรือทั้งหมด เมือ่ ไดม้ คี ำแจง้ ของเดก็ หรือมารดาเด็กดงั กลา่ วในวรรคหนง่ึ แล้ว แมจ้ ะได้มกี ารจดทะเบยี นรบั เดก็ เปน็ บุตรตามมาตรา ๑๕๔๘ บิดาของเด็กกย็ ังใชอ้ ำนาจปกครองบางส่วนหรอื ทง้ั หมดตามท่เี ดก็ หรอื มารดา เด็กแจง้ วา่ บิดาไมส่ มควรเปน็ ผูใ้ ชอ้ ำนาจปกครองนนั้ ไมไ่ ด้ จนกวา่ ศาลจะพพิ ากษาใหบ้ ิดาของเด็กใช้อำนาจ ปกครองบางส่วนหรอื ทง้ั หมด หรอื กำหนดเวลาเกา้ สบิ วนั นับแต่วันทเี่ ดก็ หรอื มารดาเด็กแจง้ ตอ่ นายทะเบียนว่า ผูข้ อจดทะเบียนรบั เดก็ เป็นบุตรไมส่ มควรใชอ้ ำนาจปกครองบางส่วนหรือทง้ั หมดนั้นไดล้ ว่ งพน้ ไปโดยเดก็ หรอื มารดาเดก็ มไิ ดร้ อ้ งขอตอ่ ศาลใหพ้ พิ ากษาวา่ ผูข้ อจดทะเบยี นรบั เดก็ เปน็ บตุ รไม่เป็นผสู้ มควรใช้อำนาจปกครอง บางส่วนหรือท้งั หมด ในคดีทีศ่ าลพิพากษาวา่ ผู้ขอจดทะเบียนรบั เดก็ เปน็ บตุ รเป็นผู้ไมส่ มควรใชอ้ ำนาจปกครอง บางส่วนหรอื ทง้ั หมด ศาลจะพิพากษาในคดเี ดียวกันนน้ั ใหผ้ ูใ้ ดเป็นผู้ใชอ้ ำนาจปกครองหรอื เปน็ ผปู้ กครองเพอ่ื การปกครองบางสว่ นหรือทง้ั หมดกไ็ ด้ มาตรา ๑๕๕๐[๑๕๑] (ยกเลกิ ) มาตรา ๑๕๕๑ ในกรณที ่ีมกี ารคัดคา้ นวา่ ผู้ซง่ึ ขอจดทะเบียนรบั เดก็ เปน็ บุตรมใิ ช่บดิ าของเดก็ เมื่อผ้ซู งึ่ ขอจดทะเบยี นรับเด็กเปน็ บตุ รนำคดีไปสศู่ าลขอใหศ้ าลพพิ ากษาว่าผู้ขอจดทะเบยี นรบั เด็กเปน็ บุตรเป็น บดิ าของเดก็ เด็กหรอื มารดาเด็กจะขอให้ศาลพิพากษาในคดเี ดยี วกนั นนั้ ก็ไดว้ ่าผขู้ อจดทะเบียนรบั เด็กเปน็ บุตร
283 แมจ้ ะเปน็ บิดาของเด็ก กเ็ ป็นผู้ไม่สมควรใชอ้ ำนาจปกครองบางส่วนหรือทง้ั หมด ในกรณีเชน่ ว่านใ้ี หน้ ำความใน วรรคสามของมาตรา ๑๕๔๙ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม มาตรา ๑๕๕๒[๑๕๒] ในกรณที เ่ี ด็กไม่มีมารดาหรอื มมี ารดาแตม่ ารดาถูกถอนอำนาจปกครอง บางส่วนหรือท้ังหมดและศาลได้ตั้งผู้อ่นื เป็นผปู้ กครองบางสว่ นหรอื ทง้ั หมดไวก้ ่อนมีการจดทะเบยี นรับเด็กเป็น บุตร บิดาซง่ึ จดทะเบยี นรบั เด็กเปน็ บุตรชอบดว้ ยกฎหมายแลว้ จะร้องขอต่อศาลใหม้ ีคำสง่ั ถอนความเป็น ผู้ปกครองบางสว่ นหรอื ท้ังหมดของผปู้ กครองและใหบ้ ดิ าเปน็ ผ้ใู ช้อำนาจปกครองก็ได้ ถา้ ศาลเห็นว่าบิดาอาจใช้ อำนาจปกครองเพอ่ื ความผาสุกและประโยชนข์ องเด็กได้ดยี ่งิ กว่าผู้ปกครอง ศาลจะมีคำสง่ั ถอนความเปน็ ผปู้ กครองบางสว่ นหรอื ทั้งหมดของผปู้ กครองและใหบ้ ดิ าเปน็ ผใู้ ชอ้ ำนาจปกครองก็ได้ มาตรา ๑๕๕๓[๑๕๓] (ยกเลกิ ) มาตรา ๑๕๕๔ ผมู้ สี ่วนไดเ้ สยี จะขอใหศ้ าลถอนการจดทะเบยี นเด็กรบั เป็นบตุ ร เพราะเหตุว่า ผขู้ อใหจ้ ดทะเบยี นนั้นมิใชบ่ ดิ าก็ได้ แตต่ อ้ งฟอ้ งภายในสามเดอื นนบั แตว่ ันทีร่ กู้ ารจดทะเบียนน้ัน อน่งึ ห้ามมใิ ห้ ฟอ้ งเม่ือพน้ สบิ ปนี บั แตว่ นั จดทะเบยี น มาตรา ๑๕๕๕ ในคดีฟอ้ งขอใหร้ ับเดก็ เปน็ บุตรชอบด้วยกฎหมาย ให้สันนษิ ฐานไว้กอ่ นว่าเดก็ เปน็ บตุ รชอบด้วยกฎหมายของชายเมอื่ ปรากฏขอ้ เทจ็ จริงอยา่ งหน่ึงอย่างใด ดังตอ่ ไปนี้ (๑) เมอ่ื มกี ารขม่ ขืนกระทำชำเรา ฉดุ ครา่ หรือหน่วงเหน่ยี วกักขังหญงิ มารดาโดยมชิ อบดว้ ย กฎหมายในระยะเวลาซึง่ หญิงนั้นอาจตง้ั ครรภไ์ ด้ (๒) เมือ่ มีการลักพาหญงิ มารดาไปในทางชสู้ าวหรอื มีการลอ่ ลวงรว่ มประเวณีกับหญงิ มารดา ในระยะเวลาซง่ึ หญงิ นัน้ อาจตง้ั ครรภ์ได้ (๓) เมื่อมีเอกสารของบดิ าแสดงว่าเดก็ นน้ั เปน็ บุตรของตน (๔) เมื่อปรากฏในทะเบยี นคนเกิดว่าเดก็ เปน็ บุตรโดยมีหลักฐานว่าบดิ าเป็นผแู้ จง้ การเกดิ หรือ รูเ้ หน็ ยนิ ยอมในการแจง้ นน้ั (๕) เม่ือบิดามารดาได้อยกู่ นิ ดว้ ยกันอย่างเปิดเผยในระยะเวลาซ่งึ หญงิ มารดาอาจตง้ั ครรภไ์ ด้ (๖) เมอ่ื ได้มกี ารรว่ มประเวณีกบั หญงิ มารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตง้ั ครรภไ์ ด้ และมี เหตอุ นั ควรเช่ือได้วา่ เดก็ นัน้ มิไดเ้ ป็นบตุ รของชายอื่น (๗) เมอ่ื มีพฤตกิ ารณท์ ่ีรูก้ นั ทัว่ ไปตลอดมาวา่ เป็นบุตร[๑๕๔] พฤติการณท์ ร่ี กู้ ันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบตุ รน้นั ใหพ้ จิ ารณาข้อเทจ็ จรงิ ท่ีแสดงความเกย่ี วข้อง ฉันบดิ ากับบุตรซง่ึ ปรากฏในระหวา่ งตวั เดก็ กบั ครอบครัวทเ่ี ดก็ อ้างวา่ ตนสงั กดั อยู่ เชน่ บดิ าใหก้ ารศึกษา ให้ ความอุปการะเลีย้ งดูหรอื ยอมใหเ้ ด็กนน้ั ใช้ชอ่ื สกลุ ของตนหรอื โดยเหตปุ ระการอนื่
284 ในกรณใี ดกรณหี นง่ึ ดงั กลา่ วข้างตน้ ถา้ ปรากฏวา่ ชายไม่อาจเปน็ บดิ าของเดก็ นัน้ ได้ ใหย้ กฟอ้ ง เสีย มาตรา ๑๕๕๖ การฟอ้ งคดีขอใหร้ บั เดก็ เป็นบุตรในระหว่างทีเ่ ดก็ เปน็ ผู้เยาว์ ถ้าเดก็ มีอายุยงั ไมค่ รบสบิ ห้าปบี ริบรู ณ์ ผ้แู ทนโดยชอบธรรมของเด็กเป็นผฟู้ อ้ งแทน ในกรณีทเี่ ดก็ ไม่มผี ูแ้ ทนโดยชอบธรรม หรอื มแี ต่ผูแ้ ทนโดยชอบธรรมไมส่ ามารถทำหน้าท่ีได้ ญาติสนิทของเด็กหรอื อัยการอาจรอ้ งขอตอ่ ศาลให้ตง้ั ผแู้ ทน เฉพาะคดีเพือ่ ทำหน้าทฟี่ อ้ งคดีแทนเดก็ กไ็ ด้ เมอ่ื เดก็ มอี ายสุ บิ ห้าปบี รบิ ูรณ์ เดก็ ต้องฟอ้ งเอง ทง้ั น้ี โดยไมจ่ ำตอ้ งไดร้ บั ความยินยอมของ ผู้แทนโดยชอบธรรม ในกรณที ่ีเดก็ บรรลนุ ิตภิ าวะแลว้ จะต้องฟอ้ งคดภี ายในหนง่ึ ปีนับแตว่ ันบรรลนุ ิติภาวะ ในกรณีท่เี ดก็ ตายในระหว่างทีเ่ ดก็ นัน้ ยงั มสี ิทธฟิ ้องคดขี อใหร้ บั เด็กเป็นบตุ รอยู่ ผสู้ บื สนั ดาน ของเด็กจะฟ้องคดีขอใหร้ บั เดก็ เปน็ บตุ รกไ็ ด้ ถา้ ผู้สืบสันดานของเดก็ ได้รเู้ หตทุ อี่ าจขอให้รบั เดก็ เป็นบตุ รมากอ่ น วนั ที่เดก็ น้ันตาย ผสู้ บื สนั ดานของเดก็ จะต้องฟ้องภายในหนง่ึ ปนี ับแตว่ นั ทีเ่ ด็กนน้ั ตาย ถ้าผสู้ บื สันดานของเด็กได้ รูเ้ หตุทีอ่ าจขอให้รบั เดก็ เป็นบตุ รภายหลงั ที่เดก็ นัน้ ตาย ผู้สบื สันดานของเดก็ จะตอ้ งฟ้องภายในหนึ่งปนี ับแต่วันที่ รู้เหตดุ งั กลา่ ว แตท่ ง้ั น้ี ตอ้ งไมพ่ น้ สบิ ปีนับแตว่ นั ทเี่ ดก็ น้ันตาย การฟอ้ งคดขี อให้รบั เด็กเป็นบตุ รในระหว่างทผี่ สู้ บื สนั ดานของเด็กเป็นผูเ้ ยาว์ ใหน้ ำความใน วรรคหนง่ึ และวรรคสองมาใชบ้ งั คับโดยอนุโลม มาตรา ๑๕๕๗[๑๕๕] การเป็นบตุ รชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๑๕๔๗ ใหม้ ีผลนบั แตว่ ันที่ เดก็ เกิด แตท่ ง้ั นจ้ี ะอา้ งเป็นเหตุเส่ือมสทิ ธขิ องบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจรติ ในระหวา่ งเวลาตง้ั แต่เด็กเกดิ จนถึงเวลาท่บี ิดามารดาไดส้ มรสกนั หรือบดิ าไดจ้ ดทะเบียนวา่ เปน็ บุตรหรอื ศาลพิพากษาถึงทส่ี ดุ ว่าเป็นบุตร ไมไ่ ด้ มาตรา ๑๕๕๘ การฟ้องคดีขอใหร้ ับเดก็ เป็นบุตรของผู้ตายท่ีได้ฟ้องภายในกำหนดอายุความ มรดก ถ้าศาลไดพ้ พิ ากษาว่าเด็กเปน็ บุตรชอบด้วยกฎหมายของผตู้ าย เด็กนน้ั มีสทิ ธริ บั มรดกในฐานะทายาท โดยธรรม ในกรณีท่ไี ด้มกี ารแบ่งมรดกไปแล้ว ใหน้ ำบทบญั ญัติแหง่ ประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยเรอ่ื งลาภมิ ควรไดม้ าใชบ้ ังคบั โดยอนุโลม มาตรา ๑๕๕๙ เมอื่ ไดจ้ ดทะเบียนเดก็ เปน็ บตุ รแลว้ จะถอนมไิ ด้
285 มาตรา ๑๕๖๐ บตุ รเกดิ ระหวา่ งสมรสซง่ึ ศาลพิพากษาใหเ้ พกิ ถอนภายหลังนนั้ ใหถ้ อื ว่าเป็น บตุ รชอบดว้ ยกฎหมาย หมวด ๒ สิทธแิ ละหนา้ ทขี่ องบดิ ามารดาและบุตร มาตรา ๑๕๖๑ บตุ รมสี ทิ ธใิ ชช้ ่อื สกลุ ของบิดา ในกรณที ่ีบดิ าไมป่ รากฏ บุตรมสี ิทธิใช้ชอื่ สกลุ ของมารดา มาตรา ๑๕๖๒ ผ้ใู ดจะฟอ้ งบพุ การีของตนเป็นคดแี พง่ หรอื คดอี าญามิได้ แต่เมอ่ื ผนู้ ้นั หรือ ญาตสิ นทิ ของผู้นัน้ ร้องขอ อัยการจะยกคดีขนึ้ ว่ากลา่ วก็ได้ มาตรา ๑๕๖๓ บตุ รจำตอ้ งอปุ การะเลีย้ งดบู ดิ ามารดา มาตรา ๑๕๖๔ บิดามารดาจำตอ้ งอุปการะเลยี้ งดแู ละใหก้ ารศกึ ษาตามสมควรแกบ่ ตุ รใน ระหวา่ งท่เี ป็นผเู้ ยาว์ บิดามารดาจำต้องอปุ การะเลี้ยงดบู ุตรซง่ึ บรรลุนติ ิภาวะแล้วแตเ่ ฉพาะผูท้ พุ พลภาพและหา เลีย้ งตนเองมไิ ด้ มาตรา ๑๕๖๕ การรอ้ งขอคา่ อปุ การะเลย้ี งดูบตุ รหรอื ขอใหบ้ ุตรได้รบั การอุปการะเลี้ยงดโู ดย ประการอนื่ นอกจากอัยการจะยกคดขี ้ึนว่ากล่าวตามมาตรา ๑๕๖๒ แลว้ บิดาหรือมารดาจะนำคดขี ้นึ วา่ กล่าว กไ็ ด้ มาตรา ๑๕๖๖[๑๕๖] บตุ รซงึ่ ยงั ไมบ่ รรลุนติ ภิ าวะตอ้ งอยู่ใต้อำนาจปกครองของบดิ ามารดา อำนาจปกครองอย่กู ับบิดาหรอื มารดาในกรณีดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) มารดาหรอื บิดาตาย (๒) ไมแ่ น่นอนวา่ มารดาหรอื บดิ ามีชวี ิตอย่หู รอื ตาย (๓) มารดาหรือบดิ าถูกศาลส่ังให้เป็นคนไรค้ วามสามารถหรอื เสมือนไร้ความสามารถ (๔) มารดาหรอื บดิ าต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะจติ ฟ่ันเฟือน (๕) ศาลสง่ั ให้อำนาจปกครองอย่กู ับบดิ าหรอื มารดา (๖) บดิ าและมารดาตกลงกันตามท่ีมกี ฎหมายบัญญัตไิ ว้ใหต้ กลงกนั ได้
286 มาตรา ๑๕๖๗ ผู้ใช้อำนาจปกครองมสี ทิ ธิ (๑) กำหนดทอ่ี ยูข่ องบตุ ร (๒) ทำโทษบตุ รตามสมควรเพ่อื ว่ากลา่ วสงั่ สอน (๓) ใหบ้ ตุ รทำการงานตามสมควรแก่ความสามารถและฐานานรุ ปู (๔) เรียกบุตรคืนจากบุคคลอน่ื ซง่ึ กกั บุตรไวโ้ ดยมชิ อบด้วยกฎหมาย มาตรา ๑๕๖๘ เมอื่ บคุ คลใดมบี ุตรตดิ มาไดส้ มรสกบั บคุ คลอนื่ อำนาจปกครองทม่ี ตี อ่ บตุ รอยู่ กบั ผทู้ ีบ่ ตุ รน้นั ตดิ มา มาตรา ๑๕๖๙ ผู้ใช้อำนาจปกครองเปน็ ผูแ้ ทนโดยชอบธรรมของบตุ ร ในกรณที บ่ี ุตรถูกศาล สงั่ ใหเ้ ป็นคนไร้ความสามารถหรอื เสมือนไร้ความสามารถ ผู้ใช้อำนาจปกครองย่อมเป็นผ้อู นบุ าลหรอื ผพู้ ทิ ักษ์ แลว้ แตก่ รณี มาตรา ๑๕๖๙/๑[๑๕๗] ในกรณที ผี่ ูเ้ ยาวถ์ ูกศาลสั่งใหเ้ ปน็ คนไร้ความสามารถและศาลมีคำสง่ั ตั้งบคุ คลอ่ืนซ่ึงมใิ ชผ่ ใู้ ชอ้ ำนาจปกครองหรอื ผปู้ กครองเป็นผู้อนบุ าลให้คำสัง่ นน้ั มผี ลเปน็ การถอนผูใ้ ชอ้ ำนาจ ปกครอง หรอื ผปู้ กครองทเี่ ป็นอยู่ในขณะนน้ั ในกรณที บี่ ุคคลซงึ่ บรรลุนิติภาวะและไมม่ คี ู่สมรสถูกศาลส่งั ให้เปน็ คนไรค้ วามสามารถหรือ เสมอื นไรค้ วามสามารถ ให้บิดามารดา หรือบิดาหรอื มารดาเป็นผู้อนบุ าลหรอื ผพู้ ทิ ักษ์ แล้วแตก่ รณี เวน้ แต่ศาล จะสง่ั เปน็ อย่างอื่น มาตรา ๑๕๗๐ คำบอกกล่าวทีผ่ ใู้ ช้อำนาจปกครองตามมาตรา ๑๕๖๖ หรือมาตรา ๑๕๖๘ แจ้งไปหรอื รับแจ้งมา ใหถ้ ือว่าเปน็ คำบอกกลา่ วทบ่ี ตุ รไดแ้ จ้งไปหรือรบั แจ้งมา มาตรา ๑๕๗๑ อำนาจปกครองนั้น รวมทั้งการจดั การทรพั ยส์ นิ ของบุตรด้วย และใหจ้ ัดการ ทรัพยส์ ินน้นั ด้วยความระมัดระวังเชน่ วญิ ญชู นจะพงึ กระทำ มาตรา ๑๕๗๒ ผใู้ ชอ้ ำนาจปกครองจะทำหนที้ ่บี ุตรจะต้องทำเองโดยมิไดร้ ับความยนิ ยอมของ บตุ รไม่ได้ มาตรา ๑๕๗๓ ถ้าบตุ รมเี งนิ ได้ ใหใ้ ชเ้ งนิ นั้นเป็นคา่ อปุ การะเล้ยี งดแู ละการศกึ ษากอ่ น ส่วนที่ เหลือผู้ใชอ้ ำนาจปกครองต้องเกบ็ รกั ษาไวเ้ พือ่ สง่ มอบแกบ่ ุตร แต่ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองไมม่ เี งินไดเ้ พยี งพอแก่
287 การครองชีพตามสมควรแกฐ่ านะ ผูใ้ ชอ้ ำนาจปกครองจะใช้เงินนนั้ ตามสมควรกไ็ ด้ เวน้ แตจ่ ะเปน็ เงินไดท้ ่ีเกิด จากทรพั ย์สนิ โดยการใหโ้ ดยเสนห่ าหรอื พินยั กรรมซึง่ มีเง่ือนไขว่ามใิ หผ้ ู้ใชอ้ ำนาจปกครองไดป้ ระโยชน์จาก ทรพั ยส์ ินน้ัน ๆ มาตรา ๑๕๗๔[๑๕๘] นติ กิ รรมใดอันเก่ยี วกบั ทรัพยส์ นิ ของผู้เยาว์ดังต่อไปนี้ ผใู้ ชอ้ ำนาจ ปกครองจะกระทำมไิ ด้ เว้นแตศ่ าลจะอนุญาต (๑) ขาย แลกเปลย่ี น ขายฝาก ใหเ้ ชา่ ซ้อื จำนอง ปลดจำนอง หรอื โอนสทิ ธิจำนอง ซง่ึ อสังหารมิ ทรพั ย์หรอื สังหาริมทรัพยท์ ่ีอาจจำนองได้ (๒) กระทำใหส้ ดุ สนิ้ ลงทั้งหมดหรอื บางส่วน ซง่ึ ทรพั ยสทิ ธิของผเู้ ยาวอ์ นั เกี่ยวกบั อสังหารมิ ทรพั ย์ (๓) กอ่ ตงั้ ภาระจำยอม สิทธิอาศยั สทิ ธิเหนือพน้ื ดิน สทิ ธิเกบ็ กิน ภาระติดพนั ใน อสงั หารมิ ทรพั ย์ หรอื ทรพั ยสทิ ธอิ ่นื ใดในอสงั หารมิ ทรัพย์ (๔) จำหนา่ ยไปท้ังหมดหรอื บางส่วนซ่ึงสิทธเิ รยี กร้องที่จะใหไ้ ด้มาซ่ึงทรัพยสทิ ธใิ น อสังหารมิ ทรพั ย์ หรอื สงั หารมิ ทรัพย์ทอ่ี าจจำนองได้ หรอื สทิ ธเิ รยี กรอ้ งทจ่ี ะใหท้ รพั ย์สินเช่นวา่ นน้ั ของผเู้ ยาว์ ปลอดจากทรัพยสทิ ธทิ ี่มอี ยู่เหนือทรัพยส์ ินนนั้ (๕) ให้เชา่ อสงั หารมิ ทรัพยเ์ กนิ สามปี (๖) ก่อข้อผกู พนั ใด ๆ ทีม่ งุ่ ให้เกิดผลตาม (๑) (๒) หรอื (๓) (๗) ให้กยู้ ืมเงนิ (๘) ให้โดยเสนห่ า เว้นแตจ่ ะเอาเงินไดข้ องผู้เยาว์ใหแ้ ทนผเู้ ยาว์เพอื่ การกศุ ลสาธารณะ เพ่อื การสงั คม หรอื ตามหน้าทีธ่ รรมจรรยา ทง้ั น้ี พอสมควรแกฐ่ านานรุ ปู ของผู้เยาว์ (๙) รบั การใหโ้ ดยเสนห่ าที่มีเงื่อนไขหรอื คา่ ภาระตดิ พนั หรือไม่รบั การให้โดยเสนห่ า (๑๐) ประกันโดยประการใด ๆ อันอาจมผี ลใหผ้ เู้ ยาวต์ อ้ งถูกบงั คบั ชำระหนห้ี รอื ทำนติ กิ รรม อน่ื ทมี่ ีผลให้ผเู้ ยาวต์ ้องรบั เปน็ ผรู้ ับชำระหนข้ี องบคุ คลอน่ื หรอื แทนบุคคลอ่นื (๑๑) นำทรัพยส์ ินไปแสวงหาผลประโยชน์นอกจากในกรณที บ่ี ัญญตั ิไว้ในมาตรา ๑๕๙๘/๔ (๑) (๒) หรือ (๓) (๑๒) ประนีประนอมยอมความ (๑๓) มอบขอ้ พิพาทให้อนุญาโตตลุ าการวนิ จิ ฉัย มาตรา ๑๕๗๕ ถา้ ในกจิ การใด ประโยชนข์ องผใู้ ชอ้ ำนาจปกครอง หรอื ประโยชนข์ องคสู่ มรส หรือบุตรของผู้ใช้อำนาจปกครองขดั กบั ประโยชน์ของผู้เยาว์ ผู้ใชอ้ ำนาจปกครองตอ้ งได้รบั อนุญาตจากศาลก่อน จงึ ทำกจิ การน้นั ได้ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ
288 มาตรา ๑๕๗๖ ประโยชน์ของผู้ใช้อำนาจปกครอง หรอื ของคู่สมรสหรอื บตุ รของผ้ใู ช้อำนาจ ปกครองตามมาตรา ๑๕๗๕ ใหห้ มายความรวมถึงประโยชนใ์ นกิจการดงั ตอ่ ไปนี้ด้วย คือ (๑) ประโยชนใ์ นกิจการทีก่ ระทำกับหา้ งหุ้นส่วนสามัญที่บุคคลดงั กลา่ วนัน้ เป็นหนุ้ สว่ น (๒) ประโยชน์ในกจิ การทีก่ ระทำกบั ห้างหุน้ สว่ นจำกดั ทีบ่ คุ คลดงั กล่าวนัน้ เป็นหนุ้ ส่วนจำพวก ไมจ่ ำกัดความรบั ผิด มาตรา ๑๕๗๗ บุคคลใดจะโอนทรัพยส์ ินใหผ้ ู้เยาว์โดยพินยั กรรมหรือโดยการให้โดยเสนห่ าซง่ึ มีเงื่อนไขใหบ้ ุคคลอ่นื นอกจากผู้ใช้อำนาจปกครองเปน็ ผ้จู ดั การจนกวา่ ผู้เยาวจ์ ะบรรลนุ ิติภาวะก็ได้ ผจู้ ัดการนัน้ ต้องเป็นผซู้ ง่ึ ผโู้ อนระบุชื่อไว้ หรือถา้ มิไดร้ ะบุไวก้ ใ็ หศ้ าลสง่ั แตก่ ารจัดการทรพั ยส์ ินนน้ั ต้องอย่ภู ายใตบ้ งั คบั มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐ [เลขมาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐ แกไ้ ขเพ่มิ เติมโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบัญญัติให้ ใชบ้ ทบัญญัตบิ รรพ ๑ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ท่ไี ดต้ รวจชำระใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๕] มาตรา ๑๕๗๘ ในกรณที ีอ่ ำนาจปกครองสิน้ ไปเพราะผเู้ ยาว์บรรลุนิติภาวะ ผ้ใู ชอ้ ำนาจ ปกครองตอ้ งรบี ส่งมอบทรัพยส์ ินทจ่ี ดั การและบญั ชีในการนนั้ ใหผ้ บู้ รรลนุ ิตภิ าวะเพื่อรบั รอง ถา้ มเี อกสาร เก่ียวกบั เร่ืองจัดการทรพั ยส์ ินน้นั กใ็ หส้ ง่ มอบพร้อมกบั บัญชี ในกรณีทอ่ี ำนาจปกครองส้ินไปเพราะเหตุอ่นื นอกจากทก่ี ลา่ วในวรรคหนึง่ ใหม้ อบทรัพยส์ นิ บญั ชี และเอกสารทเี่ กย่ี วกับเรอ่ื งจัดการทรพั ยส์ ินให้แกผ่ ูใ้ ชอ้ ำนาจปกครอง ถ้ามี หรอื ผปู้ กครอง แลว้ แตก่ รณี เพ่อื รบั รอง มาตรา ๑๕๗๙ ในกรณีทีค่ สู่ มรสฝา่ ยหนง่ึ ถงึ แกค่ วามตายและมบี ุตรที่เกิดดว้ ยกนั และคูส่ มรส อกี ฝ่ายหน่ึงจะสมรสใหม่ ถ้าคสู่ มรสนน้ั ได้ครอบครองทรพั ยส์ ินอนั เปน็ สัดส่วนของบุตรไว้อย่างถูกต้องแล้ว จะ สง่ มอบทรัพยส์ นิ ใหแ้ กบ่ ุตรในเม่ือสามารถจดั การกไ็ ด้ หรือมฉิ ะนนั้ จะเกบ็ รักษาไวเ้ พอ่ื มอบใหบ้ ตุ รเมือ่ ถึงเวลา อันสมควรกไ็ ด้ แต่ถา้ ทรัพยส์ ินใดเปน็ จำพวกทร่ี ะบไุ วใ้ นมาตรา ๔๕๖ หรอื ท่ีมเี อกสารเปน็ สำคญั ให้ลงชอ่ื บตุ ร เปน็ เจ้าของรวมในเอกสารนัน้ ก่อนทจี่ ะจัดการดังกลา่ วคูส่ มรสน้นั จะทำการสมรสมไิ ด้ ในกรณีท่ีมเี หตุอันสมควร ศาลจะมคี ำส่งั ให้คสู่ มรสดงั กล่าวทำการสมรสไปก่อนก็ได้ คำส่งั ศาล เชน่ วา่ น้ี ให้ระบไุ วด้ ว้ ยว่าใหค้ ่สู มรสปฏบิ ัติการแบง่ แยกทรัพยส์ นิ และทำบญั ชที รัพยส์ ิน ตามความในวรรคหนงึ่ ภายในกำหนดเวลาเท่าใดภายหลงั การสมรสนน้ั ด้วย ในกรณที ่กี ารสมรสไดก้ ระทำไปโดยมิไดป้ ฏบิ ตั ิตามวรรคหนึ่ง หรอื ในกรณที ี่คู่สมรสไมป่ ฏิบัติ ตามคำสงั่ ของศาลดังกลา่ วในวรรคสอง เม่ือความปรากฏแกศ่ าลเอง หรอื เมอ่ื ญาติของผเู้ ยาวห์ รอื อยั การรอ้ งขอ ศาลมอี ำนาจสัง่ ใหถ้ อนอำนาจปกครองจากค่สู มรสนนั้ หรือจะมอบให้บคุ คลหนง่ึ บคุ คลใดทำบญั ชีและลงชือ่ บุตรเป็นเจ้าของรวมในเอกสารดงั กล่าวแทนโดยให้คสู่ มรสเสยี คา่ ใช้จ่ายก็ได้
289 เพอื่ ประโยชน์แหง่ มาตราน้ี ใหถ้ อื วา่ บุตรบุญธรรมของคสู่ มรสทต่ี ายไปและทม่ี ชี วี ิตอยูท่ งั้ สอง ฝ่ายเปน็ บตุ รทีเ่ กดิ จากคสู่ มรส มาตรา ๑๕๘๐[๑๕๙] ผ้เู ยาว์ซงึ่ บรรลุนิตภิ าวะแลว้ ผใู้ ชอ้ ำนาจปกครองหรอื ผปู้ กครองจะให้ การรบั รองการจัดการทรัพยส์ นิ ของผูเ้ ยาว์ไดต้ อ่ เม่ือไดร้ บั มอบทรพั ย์สนิ บัญชแี ละเอกสารตามมาตรา ๑๕๗๘ แล้ว มาตรา ๑๕๘๑ คดเี กีย่ วกบั การจัดการทรพั ยส์ นิ ในระหวา่ งผเู้ ยาว์กับผู้ใช้อำนาจปกครองนั้น ห้ามมใิ ห้ฟ้องเมือ่ พน้ หนง่ึ ปีนับแตเ่ วลาทอี่ ำนาจปกครองสิ้นไป ถ้าอำนาจปกครองส้นิ ไปขณะบุตรยงั เป็นผู้เยาว์อยู่ ใหเ้ รมิ่ นบั อายุความในวรรคหน่ึงตง้ั แต่ เวลาทผี่ ูเ้ ยาว์บรรลุนติ ภิ าวะ หรือเมือ่ มีผู้แทนโดยชอบธรรมขน้ึ ใหม่ มาตรา ๑๕๘๒ ถา้ ผู้ใชอ้ ำนาจปกครองเปน็ คนไร้ความสามารถหรอื เสมือนไร้ความสามารถ โดยคำสั่งของศาลกด็ ี ใช้อำนาจปกครองเกย่ี วแก่ตัวผเู้ ยาว์โดยมิชอบกด็ ี ประพฤติชั่วร้ายก็ดี ในกรณีเหล่านี้ศาล จะสงั่ เอง หรือจะส่ังเมือ่ ญาติของผ้เู ยาว์หรอื อัยการรอ้ งขอใหถ้ อนอำนาจปกครองเสยี บางสว่ นหรอื ทง้ั หมดก็ได้ ถ้าผูใ้ ชอ้ ำนาจปกครองล้มละลายก็ดี หรอื จัดการทรัพยส์ ินของผเู้ ยาว์ในทางทผี่ ดิ จนอาจเปน็ ภัยกด็ ี ศาลจะสงั่ ตามวิธีในวรรคหนง่ึ ให้ถอนอำนาจจดั การทรพั ย์สินเสียกไ็ ด้ มาตรา ๑๕๘๓ ผ้ถู กู ถอนอำนาจปกครองบางส่วนหรอื ทั้งหมดนนั้ ถ้าเหตุดังกลา่ วไว้ในมาตรา ก่อนส้นิ ไปแล้ว และเม่อื ตนเองหรอื ญาติของผเู้ ยาวร์ อ้ งขอ ศาลจะส่ังให้มีอำนาจปกครองดงั เดิมกไ็ ด้ มาตรา ๑๕๘๔ การทผ่ี ู้ใชอ้ ำนาจปกครองถูกถอนอำนาจปกครองบางส่วนหรอื ทง้ั หมด ไม่ เป็นเหตใุ หผ้ ู้นั้นพน้ จากหนา้ ท่อี ปุ การะเลีย้ งดผู เู้ ยาวต์ ามกฎหมาย มาตรา ๑๕๘๔/๑[๑๖๐] บิดาหรือมารดายอ่ มมสี ทิ ธทิ จี่ ะตดิ ตอ่ กบั บตุ รของตนไดต้ ามควรแก่ พฤตกิ ารณ์ ไมว่ ่าบุคคลใดจะเปน็ ผูใ้ ช้อำนาจปกครองหรอื ผปู้ กครองก็ตาม
290 หมวด ๓ ความปกครอง มาตรา ๑๕๘๕ บุคคลทย่ี งั ไมบ่ รรลนุ ติ ิภาวะและไม่มบี ดิ ามารดาหรอื บิดามารดาถูกถอน อำนาจปกครองเสยี แล้วนัน้ จะจดั ใหม้ ผี ปู้ กครองขนึ้ ในระหวา่ งที่เป็นผเู้ ยาว์กไ็ ด้ ในกรณีทีผ่ ้ใู ชอ้ ำนาจปกครองถกู ถอนอำนาจปกครองบางสว่ นตามมาตรา ๑๕๘๒ วรรคหนง่ึ ศาลจะต้งั ผปู้ กครองในสว่ นทผี่ ใู้ ชอ้ ำนาจปกครองถูกถอนอำนาจปกครองน้นั ก็ได้ หรือในกรณที ่ผี ูใ้ ช้อำนาจ ปกครองถูกถอนอำนาจจดั การทรพั ย์สินตามมาตรา ๑๕๘๒ วรรคสอง ศาลจะตงั้ ผปู้ กครองเพ่ือจัดการทรพั ยส์ ิน ก็ได[้ ๑๖๑] มาตรา ๑๕๘๖[๑๖๒] ผูป้ กครองตามมาตรา ๑๕๘๕ นน้ั ใหต้ ั้งโดยคำสงั่ ศาลเม่ือมีการร้องขอ ของญาติของผู้เยาว์ อยั การ หรอื ผู้ซง่ึ บดิ าหรือมารดาท่ตี ายทหี ลงั ได้ระบชุ อื่ ไวใ้ นพินยั กรรมให้เป็นผปู้ กครอง ภายใตบ้ ังคบั มาตรา ๑๕๙๐ การตงั้ ผปู้ กครองนน้ั ถา้ มขี อ้ กำหนดพินัยกรรมกใ็ หศ้ าลตง้ั ตาม ข้อกำหนดพินยั กรรม เวน้ แตพ่ นิ ยั กรรมนนั้ ไม่มผี ลบงั คับหรอื บุคคลทรี่ ะบชุ ่ือไว้ในพินยั กรรมนน้ั เปน็ บุคคลท่ี ตอ้ งห้ามมิใหเ้ ป็นผู้ปกครองตามมาตรา ๑๕๘๗ มาตรา ๑๕๘๗ บคุ คลทบี่ รรลนุ ติ ภิ าวะแล้วอาจถกู ต้ังเปน็ ผู้ปกครองได้ เว้นแต่ (๑) ผู้ซง่ึ ศาลสัง่ ว่าเป็นคนไร้ความสามารถ หรอื เสมอื นไรค้ วามสามารถ (๒) ผู้ซง่ึ เป็นบคุ คลลม้ ละลาย (๓) ผู้ซง่ึ ไม่เหมาะสมทจ่ี ะปกครองผเู้ ยาว์หรอื ทรัพยส์ นิ ของผเู้ ยาว์ (๔) ผซู้ งึ่ มหี รือเคยมคี ดีในศาลกบั ผเู้ ยาว์ ผู้บุพการหี รอื พน่ี อ้ งรว่ มบิดามารดาหรือรว่ มแตบ่ ดิ า หรอื มารดากบั ผเู้ ยาว์ (๕)[๑๖๓] ผซู้ ึ่งบดิ าหรอื มารดาทตี่ ายไดท้ ำหนงั สอื ระบุช่ือหา้ มไว้มใิ หเ้ ปน็ ผปู้ กครอง มาตรา ๑๕๘๘[๑๖๔] หากปรากฏว่าบุคคลที่ศาลตัง้ ให้เป็นผปู้ กครองเปน็ ผู้ตอ้ งหา้ มมิให้เป็น ผู้ปกครองตามมาตรา ๑๕๘๗ อยู่ในขณะท่ีศาลตง้ั ใหเ้ ปน็ ผปู้ กครองโดยปรากฏแกศ่ าลเองหรือผ้มู สี ว่ นไดเ้ สีย หรอื อัยการรอ้ งขอ ให้ศาลสงั่ เพกิ ถอนคำสง่ั ตง้ั ผปู้ กครองนั้นเสียและมีคำสง่ั เกี่ยวกบั ผปู้ กครองตอ่ ไปตามที่ เหน็ สมควร การเพกิ ถอนคำส่ังตงั้ ผปู้ กครองตามวรรคหนงึ่ ไม่กระทบกระเทอื นสทิ ธิของบุคคลภายนอก ผกู้ ระทำการโดยสจุ ริต เว้นแต่ในกรณีการเพิกถอนคำสงั่ ตั้งผปู้ กครองที่ตอ้ งห้ามตามมาตรา ๑๕๘๗ (๑) หรือ (๒) การกระทำของผปู้ กครองไมผ่ กู พันผู้เยาว์ไม่ว่าบคุ คลภายนอกจะไดก้ ระทำการโดยสจุ ริตหรือไม่
291 มาตรา ๑๕๘๙[๑๖๕] (ยกเลกิ ) มาตรา ๑๕๙๐[๑๖๖] ผู้ปกครองมีไดค้ ราวหนง่ึ เพยี งคนเดียว แตใ่ นกรณมี ีข้อกำหนดพินัยกรรม ใหต้ ั้งผปู้ กครองหลายคนหรือเมอ่ื มผี รู้ ้องขอโดยมีเหตุผลอันสมควร ให้ศาลมีอำนาจตง้ั ผูป้ กครองได้ตามจำนวน ท่ีศาลเหน็ ว่าจำเปน็ ในกรณีทีต่ งั้ ผปู้ กครองหลายคนศาลจะกำหนดให้ผปู้ กครองเหลา่ น้ันกระทำการรว่ มกันหรือ กำหนดอำนาจเฉพาะสำหรบั คนหนงึ่ ๆ กไ็ ด้ มาตรา ๑๕๙๑[๑๖๗] ความเปน็ ผปู้ กครองน้ันเรม่ิ แตว่ นั ทราบคำสั่งตงั้ ของศาล มาตรา ๑๕๙๒[๑๖๘] ใหผ้ ปู้ กครองรบี ทำบญั ชที รัพย์สนิ ของผอู้ ยูใ่ นปกครองใหเ้ สรจ็ ภายในสาม เดือนนบั แต่วนั ที่ทราบคำสั่งตั้งของศาล แตผ่ ปู้ กครองจะร้องต่อศาลกอ่ นส้นิ กำหนดขอให้ยดื เวลากไ็ ด้ บญั ชนี น้ั ต้องมพี ยานรบั รองความถูกต้องอย่างนอ้ ยสองคน พยานสองคนนนั้ ต้องเปน็ ผบู้ รรลุ นิติภาวะและเป็นญาติของผอู้ ยู่ในปกครอง แตถ่ ้าหาญาตไิ ม่ไดจ้ ะใหผ้ ู้อนื่ เป็นพยานก็ได้ มาตรา ๑๕๙๓ ใหผ้ ปู้ กครองยนื่ สำเนาบญั ชที รพั ย์สนิ ที่ตนรบั รองว่าถูกต้องตอ่ ศาลฉบับหนึง่ ภายในสิบวันนบั แตว่ ันที่ไดท้ ำบัญชที รัพยส์ ินแล้ว และศาลจะส่งั ให้ผปู้ กครองชี้แจงเพมิ่ เตมิ หรอื ให้นำเอกสารมา ประกอบเพื่อแสดงใหเ้ ห็นว่าบญั ชีนน้ั ถกู ตอ้ งแล้วกไ็ ด้ ถา้ ศาลมไิ ดม้ คี ำสัง่ เป็นอย่างอ่นื ภายในสบิ หา้ วันนบั แต่วนั ย่ืนบัญชี หรือวนั ชแี้ จงเพมิ่ เตมิ หรือ วนั นำเอกสารยืน่ ประกอบ แลว้ แตก่ รณี ให้ถอื วา่ ศาลยอมรบั บญั ชีนัน้ แล้ว[๑๖๙] มาตรา ๑๕๙๔ ถ้าผู้ปกครองไมป่ ฏิบตั ิเกีย่ วแก่การทำบัญชีทรัพยส์ ินหรอื การย่นื บญั ชี ทรัพยส์ ินให้ถกู ตอ้ งครบถ้วนตามท่ีบัญญัตไิ วใ้ นมาตรา ๑๕๙๒ หรอื มาตรา ๑๕๙๓ หรือไมป่ ฏบิ ตั ติ ามคำสัง่ ศาล ซง่ึ สง่ั ตามมาตรา ๑๕๙๓ หรอื ศาลไมพ่ อใจในบัญชที รพั ยส์ ินเพราะทำขนึ้ ดว้ ยความเลินเลอ่ อย่างรา้ ยแรงหรือไม่ สจุ ริต หรอื เห็นได้ชัดวา่ ผู้ปกครองหยอ่ นความสามารถ ศาลจะสง่ั ถอนผูป้ กครองนนั้ เสียกไ็ ด้ มาตรา ๑๕๙๕ กอ่ นท่ีศาลยอมรบั บญั ชนี น้ั หา้ มมใิ หผ้ ปู้ กครองทำกจิ การใด เวน้ แตเ่ ปน็ การ เร่งรอ้ นและจำเปน็ แตจ่ ะยกข้อห้ามดงั กลา่ วขนึ้ เปน็ ขอ้ ต่อสบู้ ุคคลภายนอกผกู้ ระทำการโดยสจุ รติ และเสยี ค่าตอบแทนไมไ่ ด้ มาตรา ๑๕๙๖ ถ้ามหี นเี้ ป็นคณุ แก่ผปู้ กครองแตเ่ ปน็ โทษตอ่ ผอู้ ยใู่ นปกครองหรอื เปน็ คุณแกผ่ ู้ อยใู่ นปกครองแต่เปน็ โทษตอ่ ผู้ปกครอง ใหผ้ ้ปู กครองแจ้งข้อความเหลา่ น้ันต่อศาลก่อนลงมือทำบญั ชที รัพยส์ ิน
292 ถา้ ผปู้ กครองรวู้ า่ มีหนเ้ี ป็นคุณแกต่ นแต่เป็นโทษต่อผู้อยู่ในปกครอง และมไิ ดแ้ จง้ ขอ้ ความน้นั ตอ่ ศาล หนี้ของผู้ปกครองนน้ั ยอ่ มสญู ไป ถ้าผปู้ กครองรู้ว่ามหี นเี้ ป็นโทษตอ่ ตนแต่เปน็ คุณแกผ่ ูอ้ ยู่ในปกครอง และมิไดแ้ จ้งข้อความนัน้ ตอ่ ศาล ศาลจะสง่ั ถอนผปู้ กครองกไ็ ด้ มาตรา ๑๕๙๗ เมอ่ื ศาลเห็นสมควรโดยลำพงั หรือเม่ือผมู้ สี ว่ นได้เสียหรืออัยการรอ้ งขอ ศาล อาจสงั่ ใหผ้ ูป้ กครอง (๑) หาประกันอันสมควรในการจดั การทรพั ยส์ นิ ของผู้อยู่ในปกครอง ตลอดจนการมอบคืน ทรัพยส์ ินนั้น (๒) แถลงถึงความเป็นอยู่แหง่ ทรัพยส์ ินของผู้อย่ใู นปกครอง มาตรา ๑๕๙๘ ในระหวา่ งปกครอง ถา้ ผ้อู ยู่ในปกครองไดท้ รัพยส์ นิ อนั มีค่ามาโดยทางมรดก หรือการใหโ้ ดยเสนห่ า ให้นำมาตรา ๑๕๙๒ ถึงมาตรา ๑๕๙๗ มาใชบ้ ังคบั โดยอนุโลม มาตรา ๑๕๙๘/๑ ใหผ้ ปู้ กครองทำบัญชีทรัพยส์ นิ สง่ ตอ่ ศาลปีละครงั้ นบั แต่วันเป็นผู้ปกครอง แตเ่ มอื่ ศาลได้รบั บญั ชีปแี รกแล้วจะสงั่ ให้สง่ บญั ชีเช่นวา่ นน้ั ในระยะเวลาเกนิ หน่งึ ปกี ็ได้ มาตรา ๑๕๙๘/๒ ผูป้ กครองมสี ทิ ธิและหนา้ ทเี่ ชน่ เดียวกบั ผใู้ ชอ้ ำนาจปกครองตามมาตรา ๑๕๖๔ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๕๖๗ มาตรา ๑๕๙๘/๓ ผู้ปกครองเป็นผแู้ ทนโดยชอบธรรมของผอู้ ยใู่ นปกครอง ให้นำมาตรา ๑๕๗๐ มาตรา ๑๕๗๑ มาตรา ๑๕๗๒ มาตรา ๑๕๗๔ มาตรา ๑๕๗๕ มาตรา ๑๕๗๖ และมาตรา ๑๕๗๗ มาใช้บังคบั แกผ่ ปู้ กครองและผอู้ ยูใ่ นปกครองโดยอนุโลม มาตรา ๑๕๙๘/๔ เงินไดข้ องผอู้ ยใู่ นปกครองนน้ั ผปู้ กครองย่อมใช้ได้ตามสมควรเพอื่ การ อปุ การะเล้ยี งดูและการศกึ ษาของผอู้ ย่ใู นปกครอง ถา้ มเี หลอื ให้ใชเ้ พอื่ แสวงหาผลประโยชน์ เฉพาะในเรอ่ื ง ต่อไปน้ี (๑) ซือ้ พนั ธบตั รรฐั บาลไทยหรอื พนั ธบัตรทร่ี ฐั บาลไทยค้ำประกัน (๒) รับขายฝากหรอื รบั จำนองอสงั หาริมทรัพย์ในลำดบั แรก แตจ่ ำนวนเงินทรี่ บั ขายฝากหรอื รับจำนองตอ้ งไม่เกนิ ก่ึงราคาตลาดของอสังหารมิ ทรัพยน์ น้ั (๓) ฝากประจำในธนาคารทไ่ี ดต้ ัง้ ขนึ้ โดยกฎหมายหรอื ทีไ่ ดร้ บั อนญุ าตใหป้ ระกอบกิจการใน ราชอาณาจกั ร
293 (๔) ลงทุนอยา่ งอืน่ ซง่ึ ศาลอนุญาตเปน็ พเิ ศษ มาตรา ๑๕๙๘/๕ ถา้ ผูอ้ ยู่ในปกครองรจู้ กั ผิดชอบและมีอายไุ มต่ ำ่ กวา่ สบิ ห้าปบี รบิ รู ณ์เมอื่ ผ้ปู กครองจะทำกิจการใดทส่ี ำคัญ ใหป้ รกึ ษาหารอื ผู้อยูใ่ นปกครองกอ่ นเท่าท่ีจะทำได้ การทผ่ี ูอ้ ยูใ่ นปกครองไดย้ ินยอมดว้ ยน้นั หาคุม้ ผปู้ กครองให้พน้ จากความรบั ผิดไม่ มาตรา ๑๕๙๘/๖[๑๗๐] ความปกครองสน้ิ สดุ ลงเมือ่ ผูอ้ ยูใ่ นปกครองตายหรือบรรลุนิตภิ าวะ มาตรา ๑๕๙๘/๗[๑๗๑] ความเป็นผปู้ กครองส้นิ สุดลงเมอ่ื ผปู้ กครอง (๑) ตาย (๒) ลาออกโดยไดร้ บั อนุญาตจากศาล (๓) เปน็ คนไรค้ วามสามารถหรอื เสมอื นไรค้ วามสามารถ (๔) เปน็ บคุ คลล้มละลาย (๕) ถกู ถอนโดยคำสั่งศาล ปกครอง มาตรา ๑๕๙๘/๘[๑๗๒] ให้ศาลสั่งถอนผปู้ กครองในกรณดี ังตอ่ ไปน้ี (๑) ผู้ปกครองละเลยไม่กระทำการตามหนา้ ท่ี (๒) ผปู้ กครองประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในหน้าที่ (๓) ผู้ปกครองใช้อำนาจหนา้ ท่โี ดยมิชอบ (๔) ผู้ปกครองประพฤตมิ ชิ อบซงึ่ ไมส่ มควรแกห่ นา้ ที่ (๕) ผู้ปกครองหย่อนความสามารถในหน้าทจ่ี นน่าจะเป็นอันตรายแก่ประโยชน์ของผ้อู ยู่ใน (๖) มีกรณีดงั บญั ญตั ไิ วใ้ นมาตรา ๑๕๘๗ (๓) (๔) หรอื (๕) มาตรา ๑๕๙๘/๙ การรอ้ งขอให้ถอนผปู้ กครองตามมาตรา ๑๕๙๘/๘ น้นั ผูอ้ ยใู่ นปกครองซงึ่ มอี ายุไมต่ ำ่ กว่าสบิ หา้ ปบี รบิ รู ณ์ หรือญาติของผอู้ ยู่ในปกครองหรอื อยั การจะเปน็ ผู้รอ้ งขอก็ได้ มาตรา ๑๕๙๘/๑๐ ในระหว่างพจิ ารณาคำรอ้ งขอให้ถอนผปู้ กครอง ศาลจะตงั้ ผจู้ ดั การ ช่วั คราวให้จัดการทรัพยส์ ินของผอู้ ยใู่ นปกครองแทนผปู้ กครองกไ็ ด้ มาตรา ๑๕๙๘/๑๑ ถา้ ความปกครองหรือความเป็นผปู้ กครองสิ้นสดุ ลง ใหผ้ ู้ปกครองหรือ ทายาทรบี สง่ มอบทรพั ยส์ นิ ท่จี ดั การแกผ่ อู้ ยูใ่ นปกครอง หรือทายาทหรอื ผปู้ กครองคนใหม่ และใหท้ ำบญั ชีใน
294 การจดั การทรัพยส์ ินสง่ มอบภายในเวลาหกเดือน และถ้ามเี อกสารเกี่ยวกบั เรือ่ งจัดการทรพั ยส์ นิ นัน้ ก็ใหส้ ง่ มอบ พร้อมกับบญั ชี แตเ่ ม่ือผปู้ กครองหรอื ทายาทรอ้ งขอศาลจะสง่ั ให้ยืดเวลาก็ได้ ใหน้ ำมาตรา ๑๕๘๐ และมาตรา ๑๕๘๑ มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม มาตรา ๑๕๙๘/๑๒ นบั แต่วันสง่ มอบบญั ชี ให้เรม่ิ คดิ ดอกเบยี้ ในจำนวนเงินซง่ึ ผปู้ กครองหรอื ผอู้ ยู่ในปกครองจะตอ้ งคนื ให้แกก่ ัน ถ้าผปู้ กครองใช้เงนิ ของผอู้ ยู่ในปกครองนอกจากเพอื่ ประโยชนข์ องผอู้ ยู่ในปกครองแลว้ ให้ เสยี ดอกเบ้ยี ร้อยละสิบห้าตอ่ ปีในจำนวนเงนิ นนั้ ตัง้ แต่วนั ใช้เป็นต้นไป มาตรา ๑๕๙๘/๑๓ ผอู้ ย่ใู นปกครองมบี ุรมิ สิทธเิ หนอื ทรพั ยส์ ินท้งั หมดของผปู้ กครองเพอื่ ชำระหนีซ้ ง่ึ คา้ งอยูแ่ กต่ น บุริมสทิ ธนิ ใี้ หอ้ ยู่ในลำดับท่หี กถัดจากบรุ ิมสทิ ธสิ ามัญอยา่ งอน่ื ตามมาตรา ๒๕๓ แหง่ ประมวล กฎหมายน้ี มาตรา ๑๕๙๘/๑๔ ผปู้ กครองไม่มสี ทิ ธไิ ดร้ ับบำเหนจ็ เวน้ แต่ในกรณตี อ่ ไปน้ี (๑) มขี อ้ กำหนดไว้ในพนิ ัยกรรมใหผ้ ู้ปกครองได้รบั บำเหนจ็ ในกรณีเช่นว่านี้ ใหผ้ ปู้ กครอง ได้รบั บำเหนจ็ เท่าที่กำหนดในพนิ ยั กรรม (๒) ในกรณีทพ่ี นิ ัยกรรมไม่ได้กำหนดบำเหนจ็ ไว้ แตไ่ ม่มขี ้อกำหนดหา้ มผู้ปกครองรบั บำเหนจ็ ผู้ปกครองจะรอ้ งขอต่อศาลใหก้ ำหนดบำเหนจ็ ในภายหลงั กไ็ ด้ ศาลจะกำหนดให้หรอื ไมเ่ พยี งใดก็ได้ (๓) ในกรณีที่ไมม่ ีคำสง่ั ตง้ั ผปู้ กครองไว้ในพนิ ัยกรรม และไมม่ ีข้อกำหนดหา้ มผปู้ กครองรบั บำเหนจ็ ศาลจะกำหนดบำเหน็จใหแ้ ก่ผู้ปกครองในคำสง่ั ตง้ั ผู้ปกครองก็ได้ หรอื ถ้าศาลมไิ ด้กำหนด ผปู้ กครอง จะรอ้ งขอตอ่ ศาลให้กำหนดบำเหนจ็ ในภายหลังกไ็ ด้ ศาลจะกำหนดใหห้ รอื ไมเ่ พียงใดกไ็ ด้ ในการพิจารณากำหนดบำเหนจ็ ให้ศาลพิเคราะห์ถึงพฤตกิ ารณ์ รายไดแ้ ละฐานะความเปน็ อยู่ ของผู้ปกครองและผ้อู ย่ใู นปกครอง ถา้ ผู้ปกครองหรือผู้อยใู่ นปกครองแสดงไดว้ า่ พฤตกิ ารณ์ รายไดห้ รอื ฐานะความเป็นอยูข่ อง ผูป้ กครองหรอื ผ้อู ย่ใู นปกครองได้เปลย่ี นแปลงไปภายหลงั ทีไ่ ด้เขา้ รับหนา้ ทผี่ ้ปู กครอง ศาลจะสั่งใหบ้ ำเหนจ็ งด ลด เพมิ่ หรอื กลับใหบ้ ำเหนจ็ แกผ่ ปู้ กครองอกี ก็ได้ แลว้ แต่กรณี ทงั้ นี้ ให้ใช้บงั คบั แก่กรณีทีม่ ขี ้อกำหนดห้ามไว้ ในพนิ ัยกรรมมิให้ผปู้ กครองได้รับบำเหนจ็ ดว้ ย มาตรา ๑๕๙๘/๑๕[๑๗๓] ในกรณีทีศ่ าลสงั่ ใหส้ ามหี รอื ภริยาเป็นคนไรค้ วามสามารถและภริยา หรอื สามเี ป็นผูอ้ นบุ าล ให้นำบทบญั ญตั ิวา่ ดว้ ยสิทธแิ ละหน้าทขี่ องผ้ใู ช้อำนาจปกครองมาใชบ้ ังคบั โดยอนโุ ลม เวน้ แต่สิทธติ ามมาตรา ๑๕๖๗ (๒) และ (๓)
295 มาตรา ๑๕๙๘/๑๖[๑๗๔] คสู่ มรสซง่ึ เป็นผู้อนบุ าลของคสู่ มรสท่ีถูกศาลสง่ั ใหเ้ ปน็ คนไร้ ความสามารถมีอำนาจจัดการสนิ ส่วนตัวของค่สู มรสอกี ฝา่ ยหนงึ่ และมอี ำนาจจัดการสนิ สมรสแตผ่ เู้ ดยี ว แต่การ จัดการสินสว่ นตวั และสินสมรสตามกรณีทร่ี ะบุไวใ้ นมาตรา ๑๔๗๖ วรรคหนง่ึ คู่สมรสนนั้ จะจดั การไม่ได้ เวน้ แต่ จะได้รบั อนุญาตจากศาล มาตรา ๑๕๙๘/๑๗ ในกรณีทศ่ี าลสง่ั ใหส้ ามหี รือภริยาเป็นคนไรค้ วามสามารถและศาลเห็นไม่ สมควรให้คสู่ มรสเปน็ ผู้อนุบาล และตงั้ บิดาหรือมารดาหรือบคุ คลภายนอกเปน็ ผ้อู นบุ าล ในกรณเี ช่นวา่ นี้ ใหผ้ ู้ อนุบาลเป็นผ้จู ดั การสินสมรสรว่ มกันกบั คสู่ มรสอกี ฝ่ายหนึง่ เว้นแต่ถา้ มีเหตสุ ำคญั อันจะเกดิ ความเสยี หายแก่ คนไรค้ วามสามารถ ศาลจะสง่ั เปน็ อยา่ งอืน่ ก็ได้ อย่างไรกต็ าม เมอ่ื มกี รณดี ังกล่าวตามวรรคหน่ึง ค่สู มรสอีกฝา่ ยหน่งึ มสี ิทธิรอ้ งขอตอ่ ศาลใหส้ งั่ แยกสินสมรสได้ มาตรา ๑๕๙๘/๑๘[๑๗๕] ในกรณที บ่ี ดิ ามารดาเปน็ ผอู้ นบุ าลบตุ ร ถา้ บุตรน้นั ยงั ไม่บรรลนุ ิติ ภาวะ ให้นำบทบัญญตั ิวา่ ดว้ ยสทิ ธิและหนา้ ทีข่ องผ้ใู ชอ้ ำนาจปกครองมาใช้บังคบั โดยอนุโลม แต่ถา้ บตุ รน้ัน บรรลุนิตภิ าวะแลว้ ให้นำบทบัญญตั วิ ่าดว้ ยสิทธิและหนา้ ทีข่ องผปู้ กครองมาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม เว้นแตส่ ิทธิ ตามมาตรา ๑๕๖๗ (๒) และ (๓) ในกรณที ่บี คุ คลอ่ืนซง่ึ มิใช่บิดามารดาหรอื มิใชค่ ูส่ มรสเปน็ ผู้อนุบาล ให้นำบทบญั ญตั ิวา่ ดว้ ย สิทธแิ ละหนา้ ทขี่ องผปู้ กครองมาใช้บงั คบั โดยอนุโลม แต่ถา้ ผอู้ ยใู่ นความอนบุ าลบรรลนุ ติ ภิ าวะแล้วจะใชส้ ทิ ธิ ตามมาตรา ๑๕๖๗ (๒) และ (๓) ไม่ได้ หมวด ๔ บุตรบญุ ธรรม มาตรา ๑๕๙๘/๑๙[๑๗๖] บคุ คลทม่ี ีอายไุ ม่ต่ำกว่ายส่ี บิ หา้ ปีจะรับบุคคลอ่ืนเป็นบตุ รบญุ ธรรมก็ ได้ แต่ผนู้ ั้นตอ้ งมีอายุแก่กวา่ ผทู้ จี่ ะเปน็ บตุ รบุญธรรมอยา่ งนอ้ ยสิบหา้ ปี มาตรา ๑๕๙๘/๒๐ การรับบุตรบุญธรรม ถา้ ผ้ทู จ่ี ะเปน็ บุตรบุญธรรมมอี ายุไมต่ ่ำกว่าสบิ หา้ ปี ผ้นู น้ั ตอ้ งใหค้ วามยนิ ยอมด้วย
296 มาตรา ๑๕๙๘/๒๑[๑๗๗] การรับผูเ้ ยาว์เปน็ บุตรบญุ ธรรมจะกระทำได้ต่อเม่อื ได้รบั ความ ยินยอมของบิดาและมารดาของผจู้ ะเปน็ บตุ รบุญธรรม ในกรณีทบ่ี ิดาหรอื มารดาคนใดคนหนึ่งตายหรือถกู ถอน อำนาจปกครองตอ้ งไดร้ บั ความยินยอมของมารดาหรือบดิ าซง่ึ ยงั มีอำนาจปกครอง ถา้ ไม่มีผมู้ อี ำนาจให้ความยนิ ยอมดงั กล่าวในวรรคหนง่ึ หรอื มีแต่บดิ าหรือมารดาคนใดคนหน่ึง หรือทั้งสองคนไมส่ ามารถแสดงเจตนาใหค้ วามยนิ ยอมได้ หรอื ไม่ให้ความยนิ ยอมและการไมใ่ หค้ วามยินยอมนน้ั ปราศจากเหตผุ ลอนั สมควรและเป็นปฏปิ ักษ์ตอ่ สขุ ภาพ ความเจริญหรอื สวัสดิภาพของผเู้ ยาว์ มารดาหรือบดิ า หรอื ผปู้ ระสงคจ์ ะขอรบั บุตรบุญธรรมหรืออัยการจะรอ้ งขอตอ่ ศาลใหม้ คี ำสัง่ อนญุ าตแทนการให้ความยินยอม ตามวรรคหนง่ึ กไ็ ด้ มาตรา ๑๕๙๘/๒๒[๑๗๘] ในการรับผู้เยาวเ์ ป็นบตุ รบญุ ธรรม ถ้าผ้เู ยาวเ์ ปน็ ผถู้ ูกทอดท้งิ และอยู่ ในความดแู ลของสถานสงเคราะหเ์ ด็กตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะหแ์ ละคุ้มครองเดก็ ใหส้ ถานสงเคราะห์ เดก็ เป็นผใู้ ห้ความยินยอมแทนบิดาและมารดา ถา้ สถานสงเคราะห์เดก็ ไม่ใหค้ วามยินยอม ให้นำความในมาตรา ๑๕๙๘/๒๑ วรรคสอง มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม มาตรา ๑๕๙๘/๒๓[๑๗๙] ในกรณีทผ่ี ูเ้ ยาวม์ ิได้ถกู ทอดท้ิง แตอ่ ย่ใู นความอุปการะเลี้ยงดูของ สถานสงเคราะห์เดก็ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการสงเคราะห์และคุ้มครองเดก็ บดิ าและมารดา หรือบดิ าหรอื มารดา ในกรณีที่มารดาหรือบดิ าคนใดคนหนง่ึ ตายหรอื ถูกถอนอำนาจปกครอง จะทำหนงั สอื มอบอำนาจให้สถาน สงเคราะหเ์ ด็กดงั กลา่ วเปน็ ผมู้ ีอำนาจให้ความยนิ ยอมในการรับผู้เยาวเ์ ป็นบตุ รบญุ ธรรมแทนตนกไ็ ด้ ในกรณี เช่นนัน้ ให้นำความในมาตรา ๑๕๙๘/๒๒ มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม หนังสอื มอบอำนาจตามวรรคหนึง่ จะถอนเสยี มไิ ด้ตราบเท่าทผ่ี เู้ ยาว์ยังอย่ใู นความอปุ การะ เล้ยี งดูของสถานสงเคราะห์เดก็ นัน้ มาตรา ๑๕๙๘/๒๔[๑๘๐] ผมู้ อี ำนาจให้ความยินยอมแทนสถานสงเคราะหเ์ ดก็ ในการรบั บตุ ร บุญธรรมตามมาตรา ๑๕๙๘/๒๒ หรอื มาตรา ๑๕๙๘/๒๓ จะรับผู้เยาวซ์ งึ่ อยู่ในความดูแลหรืออยใู่ นความ อุปการะเลีย้ งดูของสถานสงเคราะหเ์ ดก็ นัน้ เปน็ บตุ รบญุ ธรรมของตนเองไดต้ ่อเมอ่ื ศาลได้มคี ำสง่ั อนญุ าตตามคำ ขอของผูน้ น้ั แทนการใหค้ วามยนิ ยอมของสถานสงเคราะห์เดก็ มาตรา ๑๕๙๘/๒๕[๑๘๑] ผจู้ ะรบั บตุ รบญุ ธรรมหรอื ผจู้ ะเป็นบตุ รบญุ ธรรม ถา้ มีค่สู มรสอยตู่ อ้ ง ได้รับความยินยอมจากคู่สมรสกอ่ น ในกรณที ี่คสู่ มรสไมอ่ าจให้ความยินยอมไดห้ รือไปเสยี จากภมู ลิ ำเนาหรือถน่ิ ทีอ่ ยูแ่ ละหาตัวไม่พบเปน็ เวลาไม่นอ้ ยกว่าหนง่ึ ปี ต้องร้องขอตอ่ ศาลให้มคี ำสง่ั อนญุ าตแทนการใหค้ วามยินยอม ของค่สู มรสน้ัน
297 มาตรา ๑๕๙๘/๒๖ ผเู้ ยาวท์ ่เี ปน็ บตุ รบุญธรรมของบคุ คลใดอยจู่ ะเปน็ บุตรบญุ ธรรมของ บุคคลอ่นื อีกในขณะเดียวกนั ไม่ได้ เว้นแต่เปน็ บุตรบุญธรรมของคสู่ มรสของผรู้ บั บุตรบญุ ธรรม ถา้ คูส่ มรสฝ่ายหน่งึ จะจดทะเบยี นรบั ผเู้ ยาว์ซ่ึงเป็นบตุ รบญุ ธรรมของคสู่ มรสอกี ฝา่ ยหนึ่งเปน็ บตุ รบญุ ธรรมของตนดว้ ยจะตอ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมของคสู่ มรสซ่งึ เป็นผรู้ บั บตุ รบญุ ธรรมอยแู่ ลว้ และมใิ ห้นำ มาตรา ๑๕๙๘/๒๑ มาใชบ้ ังคับ[๑๘๒] มาตรา ๑๕๙๘/๒๗[๑๘๓] การรับบตุ รบญุ ธรรมจะสมบรู ณ์ต่อเมอ่ื ได้จดทะเบยี นตามกฎหมาย แต่ถ้าผู้จะเปน็ บตุ รบญุ ธรรมนนั้ เปน็ ผเู้ ยาว์ต้องปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายว่าดว้ ยการรบั เดก็ เปน็ บตุ รบุญธรรมกอ่ น มาตรา ๑๕๙๘/๒๘ บุตรบุญธรรมยอ่ มมีฐานะอย่างเดียวกบั บุตรชอบด้วยกฎหมายของผรู้ บั บุตรบญุ ธรรมน้ัน แต่ไม่สญู สทิ ธแิ ละหนา้ ทใ่ี นครอบครัวทไี่ ด้กำเนดิ มา ในกรณเี ช่นนี้ ใหบ้ ดิ ามารดาโดยกำเนดิ หมดอำนาจปกครองนบั แต่วันเวลาทเ่ี ด็กเป็นบุตรบญุ ธรรมแลว้ ให้นำบทบญั ญัตใิ นลักษณะ ๒ หมวด ๒ แห่งบรรพนมี้ าใช้บงั คบั โดยอนุโลม มาตรา ๑๕๙๘/๒๙ การรบั บตุ รบุญธรรมไม่กอ่ ใหเ้ กิดสทิ ธริ บั มรดกของบตุ รบญุ ธรรมในฐานะ ทายาทโดยธรรมเพราะเหตกุ ารณร์ บั บุตรบญุ ธรรมนั้น มาตรา ๑๕๙๘/๓๐ ถ้าบุตรบญุ ธรรมซง่ึ ไม่มคี สู่ มรสหรือผสู้ บื สันดานตายกอ่ นผู้รบั บุตรบญุ ธรรม ผรู้ บั บุตรบุญธรรมมสี ิทธเิ รียกร้องเอาทรัพยส์ ินท่ีตนไดใ้ ห้แกบ่ ตุ รบุญธรรมคนื จากกองมรดกของบตุ รบุญ ธรรมเพยี งเทา่ ทท่ี รพั ยส์ ินนนั้ ยังคงเหลอื อยภู่ ายหลงั ทีช่ ำระหนีข้ องกองมรดกเสรจ็ ส้ินแล้ว ห้ามมใิ ห้ฟอ้ งคดเี รียกร้องสทิ ธิตามวรรคหนง่ึ เมอื่ พ้นกำหนดหนึ่งปนี บั แต่เวลาท่ีผรู้ ับบุตรบญุ ธรรมได้รหู้ รอื ควรไดร้ ถู้ ึงความตายของบตุ รบญุ ธรรมหรือเมือ่ พ้นกำหนดสบิ ปีนบั แต่วันท่บี ตุ รบญุ ธรรมตาย มาตรา ๑๕๙๘/๓๑ การเลกิ รบั บตุ รบุญธรรม ถา้ บุตรบญุ ธรรมบรรลนุ ิตภิ าวะแล้วจะเลกิ โดย ความตกลงกนั ในระหว่างผรู้ ับบตุ รบญุ ธรรมกบั บุตรบญุ ธรรมเมื่อใดก็ได้ ถา้ บุตรบญุ ธรรมยงั ไมบ่ รรลุนติ ภิ าวะ การเลิกรับบุตรบญุ ธรรมจะทำได้ต่อเม่อื ไดร้ บั ความ ยินยอมของบดิ าและมารดา และใหน้ ำมาตรา ๑๕๙๘/๒๐ และมาตรา ๑๕๙๘/๒๑ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม ในกรณที ไ่ี ด้รบั ผเู้ ยาว์เปน็ บุตรบุญธรรมตามมาตรา ๑๕๙๘/๒๑ วรรคสอง มาตรา ๑๕๙๘/๒๒ มาตรา ๑๕๙๘/๒๓ มาตรา ๑๕๙๘/๒๔ หรอื มาตรา ๑๕๙๘/๒๖ วรรคสอง ถา้ บตุ รบญุ ธรรมยงั ไมบ่ รรลนุ ติ ิ ภาวะ การเลิกรบั บตุ รบญุ ธรรมให้กระทำไดต้ ่อเมอ่ื มคี ำสง่ั ศาลโดยคำร้องขอของผูม้ สี ว่ นได้เสียหรืออัยการ[๑๘๔] การเลกิ รับบตุ รบญุ ธรรมจะสมบรู ณ์ตอ่ เมอ่ื ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย
298 มาตรา ๑๕๙๘/๓๒ การรบั บุตรบญุ ธรรมยอ่ มเปน็ อนั ยกเลกิ เมอ่ื มกี ารสมรสฝ่าฝืนมาตรา ๑๔๕๑ มาตรา ๑๕๙๘/๓๓ คดีฟอ้ งเลิกการรับบตุ รบุญธรรมน้ัน เมอื่ (๑)[๑๘๕] ฝ่ายหนง่ึ ทำการชั่วรา้ ยไมว่ า่ จะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ เป็นเหตใุ หอ้ ีกฝา่ ยหนงึ่ อับ อายขายหนา้ อย่างร้ายแรง หรอื ถูกเกลียดชัง หรอื ไดร้ ับความเสยี หายหรือเดอื ดร้อนเกนิ ควร อีกฝา่ ยหนงึ่ ฟ้อง เลิกได้ (๒)[๑๘๖] ฝ่ายหนึ่งหม่ินประมาทหรือเหยียดหยามอกี ฝ่ายหนึ่งหรือบพุ การีของอกี ฝ่ายหนึง่ อัน เปน็ การรา้ ยแรง อกี ฝา่ ยหนงึ่ ฟอ้ งเลกิ ได้ ถา้ บุตรบญุ ธรรมกระทำการดงั กล่าวต่อคสู่ มรสของผรู้ บั บตุ รบญุ ธรรม ใหผ้ รู้ บั บุตรบญุ ธรรมฟอ้ งเลิกได้ (๓)[๑๘๗] ฝ่ายหนงึ่ กระทำการประทษุ ร้ายอกี ฝ่ายหนึง่ หรือบพุ การหี รอื คสู่ มรสของอีกฝ่ายหนึ่ง เปน็ เหตใุ หเ้ กดิ อนั ตรายแก่กายหรือจิตใจอย่างร้ายแรงและการกระทำนน้ั เปน็ ความผดิ ทมี่ ีโทษอาญา อกี ฝ่าย หนึ่งฟอ้ งเลกิ ได้ (๔) ฝา่ ยหนงึ่ ไมอ่ ปุ การะเล้ยี งดอู ีกฝา่ ยหนึ่ง อกี ฝ่ายหนึง่ นน้ั ฟอ้ งเลิกได้ (๕) ฝา่ ยหนงึ่ จงใจละทงิ้ อีกฝา่ ยหนงึ่ ไปเกนิ หนงึ่ ปี อีกฝา่ ยหนง่ึ น้ันฟ้องเลกิ ได้ (๖) ฝ่ายหนงึ่ ต้องคำพพิ ากษาถงึ ทส่ี ุดใหจ้ ำคุกเกนิ สามปี เวน้ แตค่ วามผิดทีก่ ระทำโดยประมาท อกี ฝ่ายหนึ่งฟอ้ งเลิกได้ (๗) ผูร้ บั บตุ รบญุ ธรรมทำผดิ หน้าทบี่ ิดามารดา และการกระทำน้นั เป็นการละเมิด หรอื ไม่ ปฏบิ ัตติ ามมาตรา ๑๕๖๔ มาตรา ๑๕๗๑ มาตรา ๑๕๗๓ มาตรา ๑๕๗๔ หรือมาตรา ๑๕๗๕ เป็นเหตุใหเ้ กดิ หรืออาจเกดิ ความเสียหายอยา่ งรา้ ยแรงต่อบตุ รบญุ ธรรม บตุ รบุญธรรมฟอ้ งเลกิ ได้ (๘)[๑๘๘] ผรู้ บั บตุ รบุญธรรมผใู้ ดถูกถอนอำนาจปกครองบางสว่ นหรอื ทงั้ หมด และเหตุท่ีถูกถอน อำนาจปกครองนั้นมีพฤตกิ ารณแ์ สดงใหเ้ หน็ วา่ ผนู้ ้ันไมส่ มควรเป็นผ้รู บั บุตรบญุ ธรรมต่อไป บตุ รบุญธรรมฟ้อง เลกิ ได้ (๙)[๑๘๙] (ยกเลกิ ) มาตรา ๑๕๙๘/๓๔ ห้ามมใิ ห้ฟอ้ งขอเลิกการรบั บตุ รบญุ ธรรมเมอ่ื พ้นกำหนดหนงึ่ ปี นับแต่ วนั ที่ผูข้ อเลกิ การรบั บตุ รบญุ ธรรมรหู้ รอื ควรไดร้ ขู้ อ้ เทจ็ จรงิ อนั เปน็ เหตใุ หเ้ ลกิ การน้นั หรือเม่ือพ้นกำหนดสิบปี นบั แต่เหตนุ ั้นเกดิ ขึน้ มาตรา ๑๕๙๘/๓๕[๑๙๐] การฟอ้ งเลกิ การรบั บุตรบญุ ธรรม ถา้ บตุ รบญุ ธรรมมีอายไุ มค่ รบสิบ หา้ ปีบริบรู ณใ์ หบ้ ิดามารดาโดยกำเนิดเป็นผ้มู อี ำนาจฟ้องแทน แต่ถา้ บุตรบญุ ธรรมมอี ายุสบิ ห้าปบี รบิ รู ณ์แล้ว บตุ รบญุ ธรรมฟอ้ งได้โดยไม่ต้องได้รบั ความยนิ ยอมจากผู้ใด
299 ในกรณีตามวรรคหน่งึ อัยการจะฟอ้ งคดีแทนบุตรบญุ ธรรมกไ็ ด้ มาตรา ๑๕๙๘/๓๖ การเลกิ รบั บุตรบญุ ธรรมโดยคำพพิ ากษาของศาล ยอ่ มมผี ลแตเ่ วลาท่คี ำ พิพากษาถึงทส่ี ดุ แตจ่ ะอา้ งเปน็ เหตเุ สอ่ื มสทิ ธิของบคุ คลภายนอกผ้ทู ำการโดยสจุ ริตไม่ได้ เว้นแตไ่ ด้จดทะเบียน แลว้ มาตรา ๑๕๙๘/๓๗[๑๙๑] เมื่อผรู้ บั บตุ รบญุ ธรรมตายหรอื มกี ารเลิกรบั บตุ รบญุ ธรรม ถ้าบตุ ร บญุ ธรรมยังไมบ่ รรลุนติ ภิ าวะ ให้บดิ ามารดาโดยกำเนิดกลบั มีอำนาจปกครองนับแต่เวลาทผี่ ้รู บั บตุ รบุญธรรม ตาย หรอื นับแตเ่ วลาทจ่ี ดทะเบยี นเลิกการรบั บุตรบุญธรรมตามมาตรา ๑๕๙๘/๓๑ หรือนบั แตเ่ วลาทศ่ี าลมีคำ พิพากษาถงึ ทสี่ ดุ ให้เลิกการรบั บตุ รบญุ ธรรม เว้นแต่ศาลเหน็ สมควรสัง่ เปน็ ประการอืน่ ในกรณีท่มี ีการตัง้ ผปู้ กครองของผเู้ ป็นบุตรบุญธรรมไว้กอ่ นผรู้ บั บุตรบญุ ธรรมตาย หรอื กอ่ น การเลกิ รับบุตรบุญธรรม ใหผ้ ปู้ กครองยงั คงมอี ำนาจหนา้ ท่เี ช่นเดิมตอ่ ไป เว้นแต่บดิ ามารดาโดยกำเนดิ จะรอ้ ง ขอ และศาลมีคำสง่ั ใหผ้ ู้รอ้ งขอเป็นผมู้ ีอำนาจปกครอง การเปล่ียนผูใ้ ช้อำนาจปกครองตามวรรคหน่ึงหรอื ผปู้ กครองตามวรรคสองไมเ่ ปน็ เหตุเสอื่ ม สิทธิท่ีบุคคลภายนอกไดม้ าโดยสจุ ริตก่อนผู้รบั บตุ รบญุ ธรรมตายหรือกอ่ นจดทะเบียนเลกิ การรบั บุตรบญุ ธรรม ใหพ้ นักงานอัยการเปน็ ผมู้ ีอำนาจรอ้ งขอเพอ่ื ให้ศาลมคี ำสง่ั เปน็ ประการอ่ืนตามวรรคหนง่ึ ลักษณะ ๓ ค่าอุปการะเล้ยี งดู มาตรา ๑๕๙๘/๓๘ ค่าอปุ การะเลีย้ งดรู ะหวา่ งสามภี รยิ า หรือระหว่างบดิ ามารดากบั บตุ รนน้ั ยอ่ มเรียกจากกันไดใ้ นเมื่อฝา่ ยท่คี วรไดร้ ับอปุ การะเล้ียงดูไม่ได้รบั การอปุ การะเลย้ี งดูหรือได้รบั การอปุ การะ เล้ียงดูไมเ่ พียงพอแก่อตั ภาพ คา่ อุปการะเลย้ี งดูนศี้ าลอาจใหเ้ พยี งใดหรอื ไมใ่ หก้ ็ได้ โดยคำนงึ ถึงความสามารถ ของผมู้ หี นา้ ท่ีตอ้ งให้ ฐานะของผรู้ ับและพฤติการณแ์ ห่งกรณี มาตรา ๑๕๙๘/๓๙ เม่อื ผ้มู สี ่วนได้เสยี แสดงว่าพฤตกิ ารณ์ รายได้ หรือฐานะของคู่กรณไี ด้ เปลี่ยนแปลงไป ศาลจะสง่ั แกไ้ ขในเรอ่ื งคา่ อปุ การะเลย้ี งดโู ดยให้เพิกถอน ลด เพ่ิม หรอื กลับให้คา่ อุปการะเล้ียง ดอู ีกกไ็ ด้ ในกรณที ีศ่ าลไมพ่ พิ ากษาใหค้ ่าอปุ การะเล้ียงดู เพราะเหตุแตเ่ พยี งอกี ฝ่ายหนงึ่ ไม่อยใู่ นฐานะท่ี จะให้คา่ อปุ การะเลีย้ งดูไดใ้ นขณะน้ัน หากพฤตกิ ารณ์ รายได้ หรือฐานะของอีกฝ่ายหนงึ่ นัน้ ไดเ้ ปลี่ยนแปลงไป และพฤตกิ ารณร์ ายได้หรอื ฐานะของผูเ้ รียกร้องอยูใ่ นสภาพทคี่ วรได้รบั คา่ อปุ การะเล้ยี งดู ผูเ้ รยี กร้องอาจรอ้ ง ขอให้ศาลเปล่ยี นแปลงคำส่งั ในคดีน้ันใหม่ได้
300 มาตรา ๑๕๙๘/๔๐ ค่าอปุ การะเล้ียงดนู ั้นใหช้ ำระเป็นเงนิ โดยวธิ ชี ำระเป็นครัง้ คราวตาม กำหนด เวน้ แตค่ ่กู รณจี ะตกลงกนั ใหช้ ำระเปน็ อยา่ งอืน่ หรอื โดยวิธีอน่ื ถ้าไมม่ ีการตกลงกันและมีเหตพุ เิ ศษ เมือ่ ฝา่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ รอ้ งขอและศาลเหน็ สมควร จะกำหนดให้ค่าอปุ การะเลย้ี งดเู ปน็ อย่างอืน่ หรือโดยวิธอี ่นื โดยจะ ให้ชำระเป็นเงินดว้ ยหรอื ไม่ก็ได้ ในกรณขี อค่าอุปการะเลยี้ งดบู ตุ ร เม่อื มเี หตุพเิ ศษและศาลเหน็ เปน็ การสมควรเพอื่ ประโยชน์ แกบ่ ุตร จะกำหนดให้บุตรไดร้ ับการอปุ การะเลย้ี งดูโดยประการใด ๆ นอกจากท่คี กู่ รณตี กลงกัน หรอื นอกจากท่ี ฝา่ ยใดฝ่ายหนง่ึ รอ้ งขอกไ็ ด้ เชน่ ใหไ้ ปอยใู่ นสถานการศกึ ษาหรอื วิชาชพี โดยให้ผู้ทม่ี หี นา้ ท่ีต้องชำระค่าอุปการะ เล้ยี งดอู อกคา่ ใช้จ่ายในการน้ี มาตรา ๑๕๙๘/๔๑ สทิ ธทิ จ่ี ะไดค้ า่ อปุ การะเลี้ยงดนู ั้น จะสละหรอื โอนมไิ ดแ้ ละไม่อยใู่ นขา่ ย แหง่ การบงั คบั คดี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359