Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore UTEL : Ubiquitous Technology Enhanced Learning: The Outcome-Based Learning Design

UTEL : Ubiquitous Technology Enhanced Learning: The Outcome-Based Learning Design

Published by jinmonsakul, 2020-05-06 03:42:33

Description: หนังสือ UTEL : Ubiquitous Technology Enhanced Learning:
The Outcome-Based Learning Design for 21* Century Learners
ยูบิควิตัสเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการเรียนรู้:การออกแบบที่เน้นผลลัพธ์การเรียนรู้สำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21

Keywords: Ubiquitous,UTEL,Technology,Learning,Learners

Search

Read the Text Version

Chapter 6 241 (Critical Understanding Comprtence) ความเข้าใจและการตีความ การแยกแยะ และการสื่อสาร (Communicative) ตลอดจนความสามารถในการสรา้ งความสัมพันธ์ผา่ นสือ่ จากคุณลักษณะในวรรณกรรมต่างๆ ข้างต้นสามารถสรุปคุณลักษณะของการรู้ส่ือได้ดังน้ี (1) การเข้าถึง สามารถรบั รู้และเขา้ ใจเนือ้ หาของสอ่ื ประเภทต่าง ๆ สามารถแสวงหาขา่ วสารไดจ้ ากส่ือหลายประเภทและไม่จากัด อยู่กับสื่อใดส่ือหน่ึง มีความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์และทาความเข้าใจความหมายได้ อย่างมีประสิทธิภาพ และกล่ันกรองข้อมูลประเภทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ท่ีต้องการได้ (2) การวิเคราะห์ สามารถแยกแยะ และตีความนัยยะที่แฝงอยู่ในสาร รวมถึงการทบทวนผลดี ผลเสีย และ ผลกระทบท่ีมีต่อตนเองและผู้อื่นจากการเลือกรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ (3) การประเมิน สามารถตัดสินใจ คุณค่า และพิจารณาความน่าเช่ือถือของข้อมูล และเลือกรับหรื อปฏิเสธข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่างๆ ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ และ (4) การสร้างสรรค์ สามารถออกแบบเพ่ือนาเสนอสารสนเทศ องค์ความรู้ และ ความคิดเห็นของตนผ่านสื่อที่ผ่านการเลือกอย่างเหมาะสมและหลากหลายรูปแบบได้อย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา และอยบู่ นพื้นฐานความรบั ผดิ ชอบและจรยิ ธรรมตอ่ สงั คม (จินตวีร์ คล้ายสังข์ และประกอบ กรณีกจิ , 2561) จากความหมายและแนวคิดของทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี คุณลักษณะของการรู้สารสนเทศ สามารถสรุปเป็นนิยามและคุณลักษณะของการรู้ส่ือ (Media Literacy) เพื่อ การนาไปใชต้ ่อไปได้ดงั ต่อไปน้ี การรสู้ อ่ื (Media Literacy) นยิ าม ความสามารถในการเข้าถงึ วเิ คราะห์ ประเมิน และสรา้ งสรรคเ์ น้อื หาในหลากหลายบริบท และ ตระหนกั ถึงผลกระทบทเี่ กิดจากการเปดิ รบั สือ่ รวมถงึ การเลือกเปิดรับเนอ้ื หาทม่ี ปี ระโยชนแ์ ละหลกี เลยี่ งเนอื้ หา ที่ไม่พงึ ประสงค์ทสี่ อ่ื นาเสนอได้ โดยมีคณุ ลักษณะสาคัญ ได้แก่ การเข้าถึง การวิเคราะห์ การประเมนิ และการสรา้ งสรรค์ คณุ ลักษณะ คณุ ลกั ษณะ คาอธบิ าย 1. การเข้าถงึ สามารถรับรแู้ ละเขา้ ใจเนอ้ื หาของส่อื ประเภทต่าง ๆ สามารถแสวงหาข่าวสารได้จาก สอื่ หลายประเภทและไมจ่ ากัดอยู่กบั สอ่ื ใดส่ือหน่งึ มีความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มี 2. การวเิ คราะห์ ประโยชนแ์ ละทาความเข้าใจความหมายไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ และกลั่นกรองข้อมลู ประเภท 3. การประเมิน ตา่ ง ๆ ทเ่ี กยี่ วข้องใหส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ตอ้ งการได้ สามารถแยกแยะ และตีความนยั ที่แฝงอยใู่ นสาร รวมถึงการทบทวนผลดี ผลเสยี และ ผลกระทบท่ีมตี ่อตนเองและผ้อู ่ืนจากการเลอื กรบั ข้อมลู ขา่ วสารจากสือ่ ตา่ ง ๆ สามารถตัดสนิ คณุ ค่า และพิจารณาความน่าเชอื่ ถอื ของขอ้ มลู และเลือกรับหรอื ปฏิเสธข้อมูล ขา่ วสารจากสอื่ ต่าง ๆ ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ

242 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL คุณลกั ษณะ คาอธบิ าย 4. การสร้างสรรค์ สามารถออกแบบเพื่อนาเสนอสารสนเทศ องค์ความรู้ และความคิดเห็นของตนผา่ นส่ือที่ผา่ น การเลือกอย่างเหมาะสมและหลากหลายรปู แบบไดอ้ ยา่ งเปดิ เผย ตรงไปตรงมา และอยู่บน พน้ื ฐานความรับผิดชอบและจรยิ ธรรมตอ่ สงั คม ที่มา: จินตวีร์ คล้ายสังข์ และประกอบ กรณีกิจ (2561); European Association for Viewers Interests, (2015); The London School of Economics and Political Science (2004); Austrian Federal Ministry of Education and Woman’s Affairs (2014); Khlaisang and Koraneekij, (2018) 3. การรเู้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร คุณลักษณะของการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารหรือการรู้ไอซีที (ICT: Information, Communication and Technology Literacy) น้ันครอบคลุมประสิทธิผลของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (Apply Technology Efficiency) โดยมีคุณลักษณะคือ (1) สามารถใช้เทคโนโลยีเป็นเคร่ืองมือเพ่ือการวิจัย การจัดการ การประเมินและการสื่อสารทางสารสนเทศ (2) สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต, สมาร์ทโฟน) ในการสื่อสารและการสร้างเครือข่าย รวมท้ังการเข้าถึงส่ือทางสังคม (Social Media) ได้อย่าง เหมาะสม (3) มคี วามรพู้ ื้นฐานในการประยุกตใ์ ช้ ICT ได้ตามกรอบแห่งคณุ ธรรมจรยิ ธรรมทีม่ ขี อ้ มูลหลากหลายรอบ ด้าน โดย California Emerging Technology Fund (2008) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของการรู้เทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารไว้ดังน้ี (1) การเข้าถึง (Access) รู้ถึงวิธีการเก็บรวบรวมและ/หรือการดึงข้อมูล (2) การจัดการ (Manage) สามารถใช้เครื่องมื่อในการจัดการโครงการขององค์กรหรือการจัดหมวดหมู่ที่มีอยู่ (3) การบูรณาการ (Integrate) การตีความและการนาเสนอข้อมูล สามารถสรุป เปรียบเทียบข้อมูลได้ (4) การประเมิน (Evaluate) สามารถตัดสินใจเก่ียวกับคุณภาพ ความสัมพันธ์ ประโยชน์หรือประสิทธิภาพ ของขอ้ มูลได้ (5) การสรา้ งสรรค์ (Create) สามารถสรา้ งขอ้ มูลโดยการปรับประยกุ ต์ใช้ ออกแบบ ประดิษฐ์ได้ และ (6) การสื่อสาร (Communicate) สามารถสื่อสารข้อมลู เชิญชวนเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชมผา่ นการใช้ ส่อื ทเ่ี หมาะสม ในขณะที่ The International ICT Literacy Panel (2007) ได้กล่าวถึง องค์ประกอบของการรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารไว้ได้แก่ (1) การเข้าถึง (Access) การเก็บรวบรวมและดึงข้อมูล (2) การจัดการ (Manage) การจัดการโครงการหรือการจัดหมวดหมู่ท่ีมีอยู่ (3) การบูรณาการ (Integrate) การ ตีความนาเสนอ สามารถสรุป เปรียบเทียบข้อมูลได้ (4) การประเมิน (Evaluate) การตัดสินใจเก่ียวกับคุณภาพ ความสัมพันธ์ ประโยชน์และประสิทธิภาพของข้อมลู ได้ และ (5) การสร้างสรรค์ (Create) การสร้างข้อมลู โดยการ ปรบั ประยุกต์ ออกแบบ และประดษิ ฐ์ได้ Khalkhali, Moradi and Amuie (2008) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การส่ือสารไว้ได้แก่ (1) การเข้าถึงข้อมูล (Data accessing) รู้วิธีการเก็บและเรียกข้อมูล (2) การจัดการข้อมูล

Chapter 6 243 (Data Manage) สามารถจัดการข้อมุลและจัดหมวดหมู่ท่ีมีอยู่ (3) การบูรณาการข้อมูล (Data Integration) สามารถตีความและนาเสนอข้อมูล สามารถสรุปเปรียบเทียบความแตกต่างได้ (4) การประเมินข้อมูล (Data Evaluation) สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับคุณภาพ ความสัมพันธ์ ประโยชน์หรือประสิทธิภาพของข้อมูลได้ และ (5) การสร้างสรรคข์ อ้ มูล (Data Creation) สามารถสรา้ งขอ้ มลู และออกแบบในสภาพแวดล้อมแบบดิจทิ ลั ได้ Katz and Macklin (2007) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไว้ ได้แก่ (1) กาหนด (Define) การใช้เคร่ืองมือดิจิทัลเพ่ือระบุและแสดงข้อมูลความจาเป็น (2) การเข้าถึง (Access) การจัดเก็บและ/หรือการดึงข้อมูลในสภาพแวดล้อมดิจิทัล (3) การจัดการ (Manage) การใช้เครื่องมือดิจิทัล ในการจาแนกประเภทข้อมูล การตคี วามและการนาเสนอขอ้ มูล (4) การประเมิน (Evaluate) การตดั สินใจเกยี่ วกบั ข้อมูลดิจิทัลที่สามารถตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาข้อมูลได้ (5) การสร้างสรรค์ (Create) การปรับ ประยุกต์ใช้ การออกแบบหรือการสร้างข้อมูลในสภาพแวดล้อมดิจิทัล และ (6) การสื่อสาร (Communicate) การเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารที่เก่ยี วข้องกบั ผู้ชม โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ในรปู แบบดจิ ิทัลอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ จาการทบทวนวรรณกรรมตา่ งๆ จงึ สามารถสรุปคณุ ลักษณะการรูเ้ ทคโนโลยไี ดว้ ่า (1) การเขา้ ถึง สามารถ ค้นหา รวบรวม และค้นคืนสารสนเทศในสภาพแวดล้อมดิจิทัลได้ (2) การจัดการ สามารถใช้เคร่ืองมือ ทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการจัดระบบหรือจาแนกสารสนเทศได้ (3) การบูรณาการ สามารถ ตีความและนาเสนอสารสนเทศโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการสังเคราะห์สรุปผล เปรียบเทยี บ และเสนอข้อโต้แย้งจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย (4) การประเมิน สามารถตัดสินเก่ียวกับคุณภาพ ความสัมพันธ์ ความมปี ระโยขน์ และประสิทธิภาพของสารสนเทศได้ (5) การสรา้ งสรรค์ สามารถปรบั เปล่ียน ประยุกต์ ออกแบบ ประดิษฐ์ หรือสร้างสรรค์สารสนเทศด้วยสภาพแวดล้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่ออธิบาย เหตุการณ์ หรือแสดงความคิดเห็นหรือแสดงจุดยืนได้ และ (6) การส่ือสาร สามารถ ปรับเปล่ียน และนาเสนอ สารสนเทศในรูปแบบดจิ ิทัลใหผ้ อู้ ื่นรบั รไู้ ด้ (จินตวีร์ คล้ายสังข์ และประกอบ กรณีกิจ; 2561) จากความหมายและแนวคิดของทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ด้านสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี คุณลักษณะของการรู้สารสนเทศ สามารถสรุปเป็นนิยามและคุณลักษณะของการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสอ่ื สาร (ICT Literacy) เพือ่ การนาไปใชต้ อ่ ไปได้ดงั ตอ่ ไปนี้ การรูเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร (ICT Literacy) นิยาม ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เครื่องมือการติดต่อส่ือสาร และ/หรือเครือข่ายใน การเข้าถึง จัดการ บูรณาการ ประเมิน และสร้างสรรค์สารสนเทศเพื่อทาหน้าท่ีในสังคมแห่งความรู้ โดย ประกอบด้วยคณุ ลกั ษณะสาคัญ ได้แก่ การเข้าถงึ การจัดการ การบูรณาการ การประเมนิ การสร้างสรรค์ และการ สอ่ื สาร

244 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL คณุ ลกั ษณะ คณุ ลกั ษณะ คาอธบิ าย 1. การเขา้ ถงึ สามารถค้นหา รวบรวม และค้นคืนสารสนเทศในสภาพแวดล้อมดจิ ิทัลได้ 2. การจัดการ สามารถใช้เคร่ืองมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการจดั ระบบหรอื จาแนก สารสนเทศได้ 3. การบูรณาการ สามารถตีความและนาเสนอสารสนเทศโดยใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร 4. การประเมิน ในการสงั เคราะห์สรุปผล เปรียบเทียบ และเสนอขอ้ โต้แย้งจากแหล่งข้อมูลทีห่ ลากหลาย 5. การสร้างสรรค์ สามารถตัดสนิ เกย่ี วกบั คณุ ภาพ ความสมั พันธ์ ความมีประโยขน์ และประสทิ ธิภาพ ของสารสนเทศได้ สามารถปรับเปลีย่ น ประยกุ ต์ ออกแบบ ประดิษฐ์ หรือสรา้ งสรรค์สารสนเทศ ด้วยสภาพแวดล้อมดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารเพื่ออธบิ ายเหตกุ ารณ์ หรอื แสดงความคิดเห็นหรอื แสดงจุดยืนได้ 6. การสื่อสาร สามารถสือ่ สาร ปรับเปลีย่ น และนาเสนอสารสนเทศในรปู แบบดจิ ทิ ัลให้ผู้อน่ื รับรู้ได้ ที่มา:จินตวีร์ คล้ายสังข์ และประกอบ กรณีกิจ, (2561); California Emerging Technology Fund, (2008); The International ICT Literacy Panel, (2007); Khalkhali, Moradi and Amuie, (2008); Katz and Macklin, (2007); Khlaisang and Koraneekij, (2018) 1.2 วธิ ีการประเมนิ ทกั ษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 ด้านสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยี ในการประเมินทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี (Information, Media and Technology Skills) น้ี ไดน้ าผลการวจิ ัยจากงานวิจยั เร่ืองระบบแบบวัดและเกณฑ์ประเมนิ แบบรบู รคิ ออนไลน์ด้านการรู้สารสนเทศ การรู้ส่ือ และการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร สาหรับผู้เรียน ระดบั อุดมศกึ ษา (Development of Online Testing and Rubric Scoring System for Information, Media, and ICT Literacies for Higher Education Learners) ผวู้ ิจยั จนิ ตวรี ์ คลา้ ยสงั ข์ และประกอบ กรณกี จิ ได้รบั ทนุ สนับสนุนจากโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย สานักงาคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2559) โดยคุณสมบัติเฉพาะของแบบวัดน้ีคือเป็นแบบวัดท่ีได้มาตรฐานโดยใช้การวิเคราะห์ด้วยสถิติวิจัยข้ันสูง ประกอบด้วย (1) การรู้สารสนเทศ (Information Literacy) (2) การรู้ส่ือ (Media Literacy) และ (3) การรู้ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร (ICT Literacy) ซึ่งเป็น1 ใน 4 ด้านสาคัญสาหรบั การเรยี นรูใ้ นศตวรรษท่ี 21 ระบบฯ จะเผยแพร่แบบวัดที่ประเมินผู้เรียนใน 3 มิติดังที่ได้กล่าวมาแล้ว โดยในแต่ละมิติประกอบด้วย เครื่องมือ 2 ประเภท ได้แก่ แบบวัดการรู้เพ่ือประเมินตนเองใช้วัดความรู้และเจตคติของผู้เรียน และแบบประเมินรูบริค เพื่อตรวจสอบคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละสมรรถนะตอ่ ไป

Chapter 6 245 โดยผูเ้ ขยี นหวังวา่ ชดุ แบบวัดนี้จะเปน็ แนวทางสาหรบั อาจารย์มหาวทิ ยาลยั และสถาบันการศกึ ษาตา่ งๆ ใน การที่จะนาแบบวัดนี้ในการนาไปใช้ ปรับปรุง หรือต่อยอดองค์ความรู้ที่มีอยู่เดิม และเผยแพร่สู่การปฏิบัติ ในการพัฒนาระบบแบบวัดออนไลน์ท่ีมีประสิทธิภาพต่อไป ผู้เขียนจึงขอนาคู่มือการดาเนินการวัดข้ึนเพื่อให้ ผู้นาไปใช้ได้ศึกษา และนาไปปฏิบัตเิ ป็นมาตรฐานเดยี วกันตอ่ ไป โดยในคู่มือนี้แบ่งการรายงานผลออกเป็น 5 ตอน ได้แก่ (1) ลักษณะของแบบวัด (2) การดาเนินการวัด (3) คุณภาพของแบบวัด (4) แบบวัดการรู้สารสนเทศ การรสู้ อื่ และการรู้เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสอื่ สาร และ (5) แบบประเมินรบู รคิ สว่ นที่ 1 ลกั ษณะของแบบวัด 1. แบบวดั การรสู้ ารสนเทศ (Information Literacy: IL) แบง่ ออกเป็น 2 ตอน ได้แก่ ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลทวั่ ไปและตอนท่ี 2 แบบวดั การรู้สารสนเทศ (Information Literacy: IL) มีลกั ษณะเป็นมาตรประมาณค่า 5 ระดับ มีจานวนทั้งหมดรวมจานวน 49 ข้อ โดยแบบวัดความรู้สารสนเทศจาแนกออกเป็น 5 ด้าน มีรายละเอียดดังนี้ (1) ดา้ นความสามารถในการประยุกตใ์ ชส้ ารสนเทศ ประกอบดว้ ยข้อคาถาม 6 ขอ้ (2) ดา้ นความสามรถในการมจี ริยธรรม ประกอบดว้ ยข้อคาถาม 13 ข้อ (3) ดา้ นความสามารถในการประเมินและจัดการสารสนเทศ ประกอบดว้ ยข้อคาถาม 9 ขอ้ (4) ด้านความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศ ประกอบดว้ ยขอ้ คาถาม 3 ข้อ (5) ด้านความสามารถในการกาหนดความต้องการสารสนเทศ ประกอบดว้ ยข้อคาถาม 6 ขอ้ 2. แบบวดั ด้านการรู้สอื่ (Media Literacy: ML) แบ่งออกเป็น 2 ตอน ตอนท่ี 1 ข้อมูลทัว่ ไป ตอนท่ี 2 แบบวัดด้านการรู้ส่ือ (Media Literacy: ML) มีลักษณะเป็นมาตรประมาณค่า 5 ระดับ มีจานวนทั้งหมดรวมจานวน 63 ขอ้ จาแนกออกเป็น 6 ด้าน มีรายละเอยี ดดงั น้ี (1) ดา้ นความสามารถในการวเิ คราะห์สอ่ื ประกอบด้วยข้อคาถาม 22 ขอ้ (2) ดา้ นความสามารถในการเข้าถงึ สื่อ ประกอบดว้ ยข้อคาถาม 15 ขอ้ (3) ดา้ นความสามารถในการสรา้ งสรรคส์ ือ่ ประกอบดว้ ยข้อคาถาม 14 ขอ้ (4) ด้านความสามารถในการประเมินส่ือประกอบด้วยขอ้ คาถาม 6 ขอ้ (5) ด้านความสามารถในการใชป้ ระโยชน์สอ่ื สรา้ งสรรค์ประกอบดว้ ยขอ้ คาถาม 3 ขอ้ (6) ด้านความสามารถในการเข้าถงึ ส่ือจากแหลง่ หลากหลายประกอบดว้ ยขอ้ คาถาม 3 ขอ้ 3. แบบวดั การร้เู ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (ICT Literacy: ICTL) แบ่งออกเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 ข้อมลู ทวั่ ไป

246 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ตอนที่ 2 แบบวัดการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (ICT Literacy: ICTL)มีลักษณะเป็นมาตร ประมาณคา่ 5 ระดับ มจี านวนท้งั หมดรวมจานวน 69 ขอ้ จาแนกออกเป็น 6 ดา้ น มรี ายละเอยี ดดงั น้ี (1) ด้านความสามารถในการประเมนิ ICT ประกอบดว้ ยข้อคาถาม 23 ขอ้ (2) ด้านความสามารถในการสรา้ งสรรค์ ICT ประกอบด้วยขอ้ คาถาม 22 ขอ้ (1) ดา้ นความสามารถในการบูรณาการ ICT ประกอบด้วยข้อคาถาม 6 ข้อ (3) ดา้ นความสามารถในการจัดการ ICT ประกอบดว้ ยขอ้ คาถาม 6 ขอ้ (4) ดา้ นความสามารถในการสอ่ื สาร ICT ประกอบดว้ ยขอ้ คาถาม 7 ขอ้ (5) ด้านความสามารถในการเขา้ ถึง ICT ประกอบด้วยขอ้ คาถาม 5 ข้อ สว่ นที่ 2 การดาเนนิ การวัด 1. ผู้ใช้แบบวัด ได้แก่ ผู้เรียนระดับอุดมศึกษาครอบคลุมผู้เรียน 3 สาขาวิชา ได้แก่ (1) วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (2) วทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ และ (3) มนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ 2. การดาเนนิ การวัด 2.1 กาหนดวัน เวลา ท่ีจะทาการวัดการรู้สารสนเทศ การรู้ส่ือ และการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารสาหรบั ผู้เรียนระดับอดุ มศึกษา 2.2 เตรยี มการวดั ผ่านระบบออนไลน์ 2.3 ผู้ดาเนินการสอบต้องศกึ ษาคาช้แี จง 2.4 วิธีดาเนินการสอบด้วยระบบออนไลน์ให้เขา้ ใจ เพอื่ ที่จะไดด้ าเนินการให้ถูกต้อง 2.5 ดาเนินการวัดผา่ นระบบออนไลน์ 2.6 ดาเนนิ การรวบรวมคะแนนและแปลความหมายต่อไป 3. วธิ ีการให้คะแนน แบบวัดทั้ง 3 ฉบับ มีลักษณะเป็นมาตรประมาณค่า 5 ระดับโดยกาหนดความหมายของคาตอบแบบวัด 5 ระดับ ดงั น้ี 1 หมายถึง มพี ฤตกิ รรม/ความสามารถตรงตามขอ้ คาถามนอ้ ยทส่ี ุด 2 หมายถึง มีพฤตกิ รรม/ความสามารถตรงตามขอ้ คาถามน้อย 3 หมายถึง มีพฤติกรรม/ความสามารถตรงตามข้อคาถามปานกลาง 4 หมายถงึ มีพฤตกิ รรม/ความสามารถตรงตามขอ้ คาถามมาก 5 หมายถงึ มีพฤติกรรม/ความสามารถตรงตามข้อคาถามมากทีส่ ดุ 4. การแปลความหมายคะแนน

Chapter 6 247 ตารางท่ี 6.1 การแปลความหมายคะแนนมาตรวดั การรสู้ ารสนเทศ (Information Literacy) คะแนนดิบ คะแนนมาตรฐานทปี กติ ระดบั ความสามารถ ตัง้ แต่ 246 ขึน้ ไป ตงั้ แต่ 62.68 ข้นึ ไป มากทีส่ ุด 209-245 51.26-62.67 มาก 168-208 39.84-51.25 ปานกลาง 131-167 28.42-39.83 น้อย ตงั้ แต่ 130 ลงมา ตั้งแต่ 28.41 ลงมา น้อยทสี่ ดุ ตารางที่ 6.2 การแปลความหมายคะแนนมาตรวัดการรู้ส่อื (Media Literacy) คะแนนดบิ คะแนนมาตรฐานทีปกติ ระดับความสามารถ ตง้ั แต่ 296 ขึ้นไป ตั้งแต่ 62.68 ขึ้นไป มากทสี่ ุด 255-295 51.26-62.67 มาก 203-254 39.84-51.25 ปานกลาง 159-202 28.42-39.83 น้อย ตงั้ แต่ 158 ลงมา ตงั้ แต่ 28.41 ลงมา น้อยที่สุด ตารางที่ 6.3 การแปลความหมายคะแนนมาตรวัดการร้เู ท่าทันเทคโนโลยี สารสนเทศ และการสอ่ื สาร (ICT Literacy) คะแนนดบิ คะแนนมาตรฐานทปี กติ ระดับความสามารถ ต้ังแต่ 323 ข้ึนไป ต้ังแต่ 63.01 ขึน้ ไป มากทีส่ ุด 278-322 51.51-63.00 มาก 226-277 40.01-51.50 ปานกลาง 177-225 28.51-40.00 น้อย ตง้ั แต่ 176 ลงมา ตง้ั แต่ 28.50 ลงมา น้อยทส่ี ดุ สว่ นท่ี 3 คณุ ภาพของแบบวัด ผลการตรวจสอบคุณภาพด้านความตรงตามเนื้อหาของแบบวัดทั้ง 3 ฉบับพบว่า มีค่าความสอดคล้อง ระหวา่ งข้อคาถามกบั พฤตกิ รรมท่ีต้องการวัดอยรู่ ะหวา่ ง .67-1.00 ผลการวิเคราะห์ค่าอานาจจาแนกของแบบสอบถามเป็นรายข้อในการทดสอบคร้ังที่ 1 พบว่า ตัวแปร การรเู้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (ICT) มีคา่ อานาจจาแนกอยู่ระหว่าง .387 ถงึ .778 และเมอื่ พจิ ารณาคา่

248 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL สัมประสิทธิ์ความเที่ยงที่ได้ พบว่า มีค่าอยู่ระหว่าง .900 ถึง .953 เมื่อทาการทดสอบครั้งท่ี 2 ผลการวิเคราะห์ ค่าอานาจจาแนกของแบบสอบถามเป็นรายข้อ พบว่า ตัวแปรการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (ICT) มีค่าอานาจจาแนกอยู่ระหว่าง .516 ถึง .846 และเมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์ความเที่ยงที่ได้ พบว่า มีค่าอยู่ ระหวา่ ง .947 ถึง .972 ผลการวิเคราะห์ค่าอานาจจาแนกของแบบสอบถามเป็นรายข้อในการทดสอบคร้ังท่ี 1 พบว่า ตัวแปร การร้สู ารสนเทศมคี า่ อานาจจาแนกอยู่ระหวา่ ง .332 ถึง .805 และเม่อื พจิ ารณาค่าสัมประสิทธ์คิ วามเท่ียงทีไ่ ด้ พบวา่ มีค่าอยู่ระหว่าง .923 ถึง .952 เมื่อทาการทดสอบครั้งท่ี 2 ผลการวิเคราะห์ค่าอานาจจาแนกของแบบสอบถาม เป็นรายข้อ พบว่า ตัวแปรการรู้สารสนเทศมีค่าอานาจจาแนกอยู่ระหว่าง .675 ถึง .846 และเมื่อพิจารณา ค่าสมั ประสิทธ์คิ วามเที่ยงทไี่ ด้ พบว่า มีค่าอย่รู ะหว่าง .966 ถึง .974 ผลการวิเคราะห์ค่าอานาจจาแนกของแบบสอบถามเป็นรายข้อในการทดสอบคร้ังท่ี 1 พบว่า ตัวแปร การรู้ส่ือมีค่าอานาจจาแนกอยู่ระหว่าง .310 ถึง .816 และเม่ือพิจารณาค่าสัมประสิทธ์ิความเท่ียงที่ได้ พบว่า มีค่าอยรู่ ะหวา่ ง .951 ถึง .968 เม่อื ทาการทดสอบครง้ั ท่ี 2 ผลการวิเคราะหค์ า่ อานาจจาแนกของแบบสอบถามเป็น รายข้อ พบว่า ตัวแปรการรู้ส่ือมีค่าอานาจจาแนกอยู่ระหว่าง .673 ถึง .851 และเม่ือพิจารณาค่าสัมประสิทธ์ิ ความเทย่ี งทไ่ี ด้ พบว่า มีคา่ อยูร่ ะหว่าง .972 ถึง .981 ความตรงเชิงโครงสร้างขององค์ประกอบการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (ICT) ด้วย การวเิ คราะหอ์ งค์ประกอบเชงิ ยนื ยัน (Confirmation Factor Analysis: CFA) ของการร้เู ทคโนโลยสี ารสนเทศและ การส่ือสาร (ICT) พบว่าโมเดลมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจกั ษ์พิจารณาได้จากค่า Chi-Square = .059, df = 2, P-value = .971, GFI = 1.000, AGFI = 1.000, RMR = .000 และ RMSEA = .000 ความตรงเชิงโครงสร้างขององค์ประกอบการรู้สารสนเทศ (INFORMATION) ด้วยการวิเคราะห์ องค์ประกอบเชิงยืนยันของการรู้สารสนเทศ (INF) พบว่าโมเดลมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ พิจารณาได้จากค่า Chi-Square = 5.415, df = 2, P-value = .067, GFI = 0.998, AGFI = 0.984, RMR = .003 และ RMSEA = .041 ความตรงเชิงโครงสร้างขององค์ประกอบการรู้ส่ือ (MEDIA) ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบ เชิงยืนยันของการรู้ส่ือ (MED) พบว่าโมเดลมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์พิจารณาได้ จากค่า Chi-Square = 11.914, df = 6, P-value = .064, GFI = 1.000, AGFI = 1.000, RMR = .000, RMSEA = .031

Chapter 6 249 สว่ นที่ 4 แบบวดั การรู้สารสนเทศ การรู้สอ่ื และการรเู้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร คาช้ีแจง โปรดพิจารณาว่าขอ้ ความต่อไปน้ีเป็นจริง ตรงกับตัวท่านมากน้อยเพียงใด/โดยทาเครือ่ งหมาย  ลงในชอ่ งเพียง 1 ช่อง ซงึ่ มเี กณฑก์ ารพจิ ารณาดังน้ี 1 หมายถึง มีพฤติกรรม/ความสามารถตรงตามข้อคาถามนอ้ ยท่ีสุด 2 หมายถึง มพี ฤติกรรม/ความสามารถตรงตามขอ้ คาถามน้อย 3 หมายถึง มพี ฤติกรรม/ความสามารถตรงตามขอ้ คาถามปานกลาง 4 หมายถึง มพี ฤติกรรม/ความสามารถตรงตามขอ้ คาถามมาก 5 หมายถงึ มพี ฤติกรรม/ความสามารถตรงตามข้อคาถามมากที่สุด 1. แบบวดั การรสู้ ารสนเทศ (Information Literacy) รายการข้อคาถาม 54321 1. ทา่ นสามารถเลือกแหล่งสืบค้นขอ้ มลู สารสนเทศไดด้ ว้ ยตนเอง 2. ทา่ นสามารถกาหนดคาค้นหาข้อมูลสารสนเทศได้ดว้ ยตนเอง 3. ทา่ นตดิ ตามแหลง่ สารสนเทศตา่ งๆ สมา่ เสมอ 4. ท่านสามารถจาแนกประเภทของแหล่งข้อมูลสารสนเทศได้ 5. ทา่ นกาหนดวธิ ีการก่อนการสืบค้นสารสนเทศ 6. ท่านกาหนดระยะเวลาในการสืบค้นข้อมลู สารสนเทศ 7. ท่านเข้าใจถงึ สว่ นประกอบของแหล่งข้อมลู สารสนเทศ 8. ท่านดาเนินการสืบค้นข้อมูลได้ตามเปา้ หมายที่วางไว้ 9. ทา่ นพิจารณาข้อมลู ที่ไดร้ ับก่อนนาไปใช้ 10. ท่านสามารถจัดระบบข้อมูลที่รบั มาได้ 11. ท่านพิจารณาขอ้ มูลสารสนเทศที่ได้รบั กอ่ นตัดสินใจเช่อื 12. ท่านสามารถอธิบายความแตกต่างของแหลง่ สารสนเทศได้ 13. ท่านสามารถประเมินคณุ ค่าของแหล่งสารสนเทศแตล่ ะประเภทได้ 14. ท่านสามารถวิเคราะหถ์ งึ ผลดี-ผลเสยี ของขอ้ มูลสารสนเทศได้ 15. ท่านสามารถนาขอ้ มูลสารสนเทศมาจดั เป็นหมวดหม่ไู ด้ 16. แหล่งสารสนเทศมีข้อมูลท่ีตรงตามความตอ้ งการของท่าน 17. ท่านทราบวา่ แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศใดเป็นแหล่งขอ้ มลู ทีม่ ีคุณภาพ 18. ท่านพัฒนาตนเองให้รู้เทา่ ทันขอ้ มูลสารสนเทศเสมอ 19. ทา่ นทาความเขา้ ใจกบั ขอ้ มูลสารสนเทศทีส่ บื ค้นได้ 20. ทา่ นรูว้ ่าสารสนเทศมีประโยชน์อย่างไร 21. ท่านสามารถบอกไดว้ า่ สารสนเทศลกั ษณะใดทไี่ มส่ ามารถสืบคน้ จากแหลง่ ใดได้ 22. ท่านตระหนักวา่ เมือ่ ใดจาเปน็ ตอ้ งใชส้ ารสนเทศ

250 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL 54321 54321 รายการขอ้ คาถาม 23. ทา่ นสามารถสรา้ งระบบและโครงสร้างเพ่อื จัดการขอ้ มูลสารสนเทศได้ 24. ทา่ นสามารถนาขอ้ มูลสารสนเทศไปใชเ้ ป็นประโยชน์ได้ 25. ท่านสามารถนาข้อมลู สารสนเทศมาใช้กบั การทางานได้ 26. ท่านสามารถสรปุ ความคิดจากขอ้ มูลสารสนเทศได้ 27. ทา่ นสามารถนาข้อมลู สารสนเทศมาปรับใชเ้ พอ่ื พัฒนาตนเองได้ 28. ท่านสามารถสรา้ งแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศขึ้นใหมด่ ้วยตนเองได้ 29. ทา่ นสามารถตงั้ คาถามจากขอ้ มูลสารสนเทศที่สืบค้นมาได้ 30. ท่านสามารถกาหนดกลยุทธ์ในการเข้าถงึ สารสนเทศได้ 31. ท่านเขา้ ใจถึงกระบวนการเผยแพรข่ อ้ มลู สารสนเทศ 32. ทา่ นสามารถอภปิ รายข้อมูลสารสนเทศทไี่ ด้รับมาได้ 33. ทา่ นสามารถเขียนรูปแบบการอ้างองิ แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศได้ 34. ทา่ นสามารถบรู ณาการแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศเพ่ือเขา้ ถงึ ขอ้ มูลที่ตอ้ งการได้ 35. ท่านสามารถตดั สินใจในการนาข้อมลู สารสนเทศไปใชไ้ ด้ด้วยตนเอง 36. ทา่ นสืบค้นข้อมลู สารสนเทศทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ละความรู้เทา่ นั้น 37. ทา่ นไม่สง่ ตอ่ ขอ้ มูลสารสนเทศท่ีผิดกฎหมาย 38. ทา่ นไม่ใชแ้ หลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศทไ่ี ด้มาเพอ่ื การค้า 39. ท่านไม่ใชแ้ หลง่ ข้อมูลที่ไดม้ าเพอื่ การกระทาผดิ กฎหมาย 40. เม่อื พบขอ้ มูลทผ่ี ดิ กฎหมายท่านจะแจง้ ตอ่ เจา้ หน้าที่ของรฐั 41. ทา่ นสามารถแนะนาแหลง่ ขอ้ มลู ทถ่ี ูกตอ้ งใหก้ บั ผู้อื่นได้ 42. ทา่ นคานงึ ถงึ หลักศีลธรรมในการเข้าถึงขอ้ มูลสารสนเทศ 43. ทา่ นเคารพสิทธสิ ่วนบุคคลในการเข้าถึงขอ้ มูลสารสนเทศของบุคคลน้ัน 44. ทา่ นตระหนกั ถึงบริบททางวัฒนธรรมก่อนการเผยแพร่ข้อมลู สารสนเทศ 45. ท่านตระหนักถงึ บริบททางสงั คมก่อนการเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศ 46. ท่านคานึงถงึ ผลกระทบทางเศรษฐกิจในการเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศ 47. ทา่ นไม่ทาให้ทรัพยากรสารสนเทศเสยี หายในระหว่างการใชง้ าน 48. ทา่ นมีความระมัดระวังไม่ให้มีการแพร่ไวรัสทางคอมพิวเตอร์ 49. ท่านปฏบิ ัตติ ามข้อกาหนด กฎหมาย และพระราชบัญญัติในการเข้าถึงสารสนเทศ 2. แบบวดั การรูส้ ่ือ (Media Literacy) รายการขอ้ คาถาม 1. ทา่ นเปน็ ผู้เขา้ ถึงสอื่ ดว้ ยตนเอง 2. ทา่ นได้รับขอ้ มูลในการเขา้ ถึงสื่อจากครอบครัว 3. ท่านไดร้ ับข้อมูลในการเข้าถึงสอ่ื จากเพอ่ื น

Chapter 6 251 รายการข้อคาถาม 54321 4. ทา่ นได้รับข้อมลู ในการเขา้ ถึงสือ่ จากโรงเรียน มหาวิทยาลยั / 5. ทา่ นศกึ ษาคณุ สมบตั ิของสอ่ื ทุกคร้ังก่อนการเขา้ ถึง 6. ท่านสามารถเข้าถึงส่ือตา่ งๆ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว 7. ทา่ นสามารถใช้สือ่ ต่างๆ ได้อย่างคลอ่ งแคล่ว 8. สอื่ ท่ีทา่ นเลอื กเขา้ ถงึ มคี วามทนั สมยั และเปน็ สากล 9. ทา่ นเปดิ รับสอ่ื ในเวลาที่เหมาะสม 10. ท่านอยใู่ นพื้นที่ ๆ เข้าถงึ ส่ือได้อย่างสะดวก 11. ท่านเขา้ รว่ มส่ือสังคมออนไลน์มากกวา่ 1 ชนดิ 12. ทา่ นเขา้ ใจความหมายของคาศพั ทต์ ่างๆ จากสือ่ 13. ทา่ นเข้าใจกลไกหรอื เทคนิคของสือ่ ท่ีใช้ในการนาเสนอ 14. ท่านจดั สรรเวลาของตนเองในการใช้ส่ือ 15. ท่านสามารถเขา้ ถึงแรงจูงใจของผูผ้ ลิตสื่อได้ 16. ท่านสามารถแยกประเภทของสื่อได้ 17. ทา่ นสามารถตีความนัยยะทีแ่ ฝงอย่ใู นสอื่ ได้ 18. ท่านสามารถลาดับเหตุการณข์ องเนอ้ื หาจากส่ือได้ 19. ทา่ นทาความเขา้ ใจเน้ือหาจากส่ือ 20. ท่านได้รับข้อคิดจากการเปดิ รบั ส่อื ต่างๆ 21. ทา่ นสามารถแยกแยะความแตกตา่ งระหวา่ งเร่ืองทีแ่ ต่งข้ึนหรอื สรา้ งจากจินตนาการ ในส่อื ได้ 22. ทา่ นสามารถให้คาวิจารณเ์ นื้อหาจากสื่อได้ 23. ท่านใช้พ้นื ฐานความรเู้ ดมิ ประกอบในการเขา้ ถงึ สอ่ื ต่าง ๆ 24. ท่านมีการเปรยี บเทยี บขอ้ มลู ทไ่ี ดร้ บั จากสือ่ ตา่ ง ๆ เสมอ 25. ทา่ นสามารถวเิ คราะห์ได้ว่าสง่ิ ใดเปน็ โฆษณาแฝงในสอ่ื 26. ทา่ นทราบวา่ ผผู้ ลิตตอ้ งการสอ่ื สารอะไรกบั ผชู้ ม 27. ท่านวเิ คราะหไ์ ด้วา่ สือ่ นั้นเหมาะสมกับกลมุ่ ผู้ชมหรอื ไม่ 28. ท่านสามารถวิเคราะห์ได้วา่ ส่ือนั้นนาเสนอบนพื้นฐานของความเป็นประชาธิปไตยหรอื ไม่ 29. ท่านสามารถวิเคราะหค์ ่านยิ มทางสงั คมท่ีสะท้อนออกมาจากส่อื ได้ 30. ทา่ นสามารถวเิ คราะห์องค์ประกอบของส่อื ได้ 31. ทา่ นสามารถต้งั คาถามจากสือ่ ทเี่ ขา้ ถงึ ได้ 32. ท่านสามารถวิเคราะห์ได้ว่าใครหรอื อะไรทีส่ ือ่ ไม่ได้นาเสนอในครัง้ น้ใี ห้ครบถว้ น 33. ท่านคิดวา่ สอื่ อินเทอรเ์ นต็ สามารถเขา้ ถงึ ไดง้ า่ ย 34. ทา่ นคิดว่าทกั ษะทางภาษามคี วามจาเป็นในการเขา้ ถงึ สือ่ 35. ท่านคิดวา่ ทักษะในการใช้ส่ือต่างๆ มีความสาคัญในการเขา้ ถงึ ส่อื

252 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL 54321 54321 รายการข้อคาถาม 36. ทา่ นสามารถทาความเขา้ ใจความหมายเนอ้ื หาของขอ้ มลู ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 37. ทา่ นคิดวา่ อายเุ ป็นปัจจยั สาคัญในการเข้าถงึ ส่ือ 38. ท่านคิดว่าระดบั การศกึ ษาเป็นปัจจยั สาคญั ในการเขา้ ถึงส่ือ 39. ทา่ นพจิ ารณาเนือ้ หาจากส่อื ก่อนตัดสนิ ใจปฏบิ ัตติ าม 40. ทา่ นคิดว่าทักษะการอา่ นและการตีความมีความจาเปน็ ในการบรโิ ภคส่อื 41. ทา่ นกลัน่ กรองสื่อให้สอดคล้องกับความตอ้ งการของทา่ น 42. ท่านสามารถใช้ประโยชนจ์ ากสื่อเพื่อตนเองได้ 43. ท่านสามารถใชป้ ระโยชน์จากสื่อเพอ่ื ผ้อู ่นื ได้ 44. ท่านใช้ภาษาตามหลักการเขียนที่ถูกต้องในการนาเสนอข้อมูล 45. ท่านนาความรู้ท่ีได้จากสือ่ มาพัฒนาตนเอง 46. ท่านใชข้ ้อความเสยี งเพือ่ สรา้ งสรรคเ์ นอ้ื หาของสาร 47. ท่านเปิดโอกาสให้ผู้อ่ืนเข้ามามสี ่วนรว่ มในการสร้างสรรค์สื่อ 48. ท่านคานึงถึงหลักจรยิ ธรรมในการใช้ส่อื 49. ท่านสามารถสร้างความสมั พันธ์กบั ผู้อนื่ ผา่ นสื่อได้ 50. ทา่ นสามารถจัดระบบของขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากส่ือ 51. ทา่ นสรา้ งแรงจงู ใจใหก้ ับตนเองจากส่อื 52. ทา่ นใช้สอื่ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ของท่าน 53. ทา่ นปอ้ งกนั ตนเองจากการละเมิดสิทธสิ ่วนบุคคลทางอนิ เทอร์เน็ต 54. ทา่ นเคยชว่ ยเหลือสงั คมผ่านทางช่องทางของส่ือตา่ งๆ 55. ทา่ นใชส้ อ่ื สังคมออนไลน์ในการสื่อสารและถา่ ยทอดความรรู้ ะหวา่ งกลุ่มเพอ่ื น 56. ท่านใชเ้ ทคโนโลยกี ารสอื่ สารในการวางโครงสรา้ งของเน้ือหา 57. ท่านสามารถสรา้ งสอ่ื ในแบบฉบับของตนเองขึ้นมาได้ 58. ท่านสรา้ งส่ือทีส่ ามารถมีปฏิสัมพันธโ์ ตต้ อบกับผอู้ นื่ ได้ 59. ทา่ นสามารถสร้างสอื่ ทส่ี ่งเสรมิ การเรียนรู้ต่างๆ ได้ 60. ท่านเคยปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมของตนเองจากส่อื 61. ท่านสามารถใช้ประโยชน์จากสือ่ ในทางสร้างสรรค์ได้ 62. ทา่ นสามารถเชือ่ มโยงเน้ือหาของสารกับประสบการณส์ ่วนบุคคลได้ 63. ทา่ นสามารถบอกถงึ ข้อจากดั ของสื่อแต่ละชนิดได้ 3. แบบวดั การรู้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร (ICT Literacy) รายการขอ้ คาถาม 1. ทา่ นสามารถค้นหาขอ้ มลู จากแหล่งเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารได้ 2. ท่านสามารถรวบรวมข้อมลู จากแหลง่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารได้

Chapter 6 253 รายการข้อคาถาม 54321 3.ท่านสามารถค้นคืนขอ้ มูลจากแหล่งเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารได้ 4.ท่านสามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารหลากหลายรปู แบบได้ 5.เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารท่ที ่านใช้มีความรวดเรว็ ในการเขา้ ถึงข้อมูล 6.ท่านเขา้ ใจถงึ ระบบการทางานตา่ งๆ ของเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารแต่ละชนิด 7.ท่านเข้าใจภาษาและสัญลกั ษณต์ ่างๆ ที่ใช้ในเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร 8.ท่านสามารถอธิบายการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารให้กับผู้อ่ืนได้ 9. ท่านทราบถึงพระราชบญั ญัตแิ ละกฏหมายเก่ยี วกับการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการ สือ่ สาร 10.ท่านใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการทาธรุ กรรมอเิ ล็คทรอนิกส์ 11.ท่านสามารถจัดทาคู่มอื การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารได้ 12. ทา่ นใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารเพีอ่ แก้ปญั หาในการเรียนการทางาน/ 13.ทา่ นคดิ ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารทาให้เกิดการหลอมรวมสอื่ หลายประเภทเข้า ดว้ ยกนั 14.ท่านสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเปรียบเทยี บขอ้ มูลได้ 15.ทา่ นสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเสนอข้อโต้แย้งของขอ้ มูลได้ 16.ท่านสามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารเพื่อการวจิ ัยได้ 17.ท่านสามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารเพอ่ื การประเมินขอ้ มูลได้ 18.ท่านสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการบรหิ ารองค์กรได้ 19.ท่านสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเพอ่ื การประสานขอ้ มลู ให้เป็นระบบได้ 20. ท่านสามารถใชร้ ะบบ e-learning สาหรับการเรียนรเู้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารได้ 21. ท่านคิดวา่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีความจาเป็นในสังคมยุคปัจจบุ นั 22. ท่านคิดว่าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารทาใหเ้ ขา้ ถงึ ข้อมลู ได้อย่างกว้างขวาง 23. ทา่ นคิดวา่ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารทาใหก้ ระจายข่าวสารไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 24.ท่านคิดวา่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารทาใหเ้ กดิ การมีสว่ นรว่ มในเนื้อหาข้อมูลและ สารสนเทศ 25.ท่านสามารถบอกถึงประโยชนข์ องเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารได้ 26.ท่านคิดวา่ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารทาให้ลดค่าใช้จ่ายในการเดนิ ทางได้ 27.ท่านคิดว่าเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารเป็นปจั จัยสาคญั ในการเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกจิ 28. ทา่ นนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารไปใช้ประกอบการตดั สินใจในการทากิจกรรมใด กิจกรรมหนึ่ง 29.ท่านใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารเพ่อื วิเคราะหค์ วามสมั พันธข์ องขอ้ มูลได้ 30.ท่านสามารถใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ิทัลและการส่ือสารเช่ือมโยงขอ้ มลู ท่เี ปน็ ประโยชนไ์ ด้ 31.เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารช่วยพัฒนาทกั ษะทางความคิดของทา่ น

254 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL รายการขอ้ คาถาม 54321 32.ทา่ นคดิ ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารเปน็ ปจั จยั สาคัญในการพฒั นาเศรษฐกจิ 33.ทา่ นคิดวา่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารเป็นปจั จัยสาคัญในการพฒั นาการศึกษาของ ประเทศ 34.เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารทาใหก้ ารสอ่ื สารไร้พรมแดน 35.เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารทาให้เกิดการเรยี นร้นู อกช้ันเรยี น 36. เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารทาใหล้ ดคา่ ใชจ้ ่ายและประหยัดเวลาในการเดนิ ทาง 37. ทา่ นสามารถแยกแยะโลกเสมอื นจริงและโลกแห่งความเป็นจริงในขณะทใ่ี ชส้ อื่ เทคโนโลยี สารสนเทศและการสือ่ สารได้ 38. ท่านทาความเขา้ ใจกบั ผลลัพธ์ทเี่ กดิ ขนึ้ จากส่ิงท่ีได้เรยี นรแู้ ละการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและ การสือ่ สาร 39. ท่านคิดวเิ คราะห์ ประเมินค่า และผลกระทบท่ีไดร้ ับจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและ การสื่อสาร 40. ทา่ นคิดว่าเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารช่วยเพิ่มประสทิ ธิภาพในการผลติ สารสนเทศและ ข้อมูลขา่ วสาร 41. ท่านสามารถปรบั เปลย่ี นรูปแบบของเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารได้ 42.ทา่ นสามารถออกแบบเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารดว้ ยตนเองได้ 43.ทา่ นสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารสนองต่อความแตกตา่ งในเชงิ วัฒนธรรม อยา่ งรอบด้านได้ 44.ท่านสามารถประดษิ ฐเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารด้วยตนเองได้ 45.ท่านสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารแสดงจดุ ยืนของตนเองได้ 46.ท่านสามารถพฒั นาระบบหรอื โปรแกรมของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ 47. ทา่ นสามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการพัฒนาตนเองได้ 48. ท่านสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการพัฒนาองค์กรได้ 49.ท่านสามารถพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้ตรงตามความต้องการ ของผู้ใช้งานได้ 50. ทา่ นสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเหมาะสมตามคุณลักษณะเฉพาะของตัวส่อื ประเภทน้ันๆ 51. ท่านสามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารเพอ่ื ตอบสนองต่อความแตกต่างของแต่ละ บุคคลได้ 52. ท่านสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารสรา้ งจุดเดน่ ให้ข้อมูลมคี วามนา่ สนใจได้ 53.ทา่ นใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารนาเสนอขอ้ มูลท่ีมีความแตกต่างจากผู้อนื่ ได้ 54.ทา่ นสามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารนาเสนอขอ้ มลู โฆษณาชวนเช่ือได้

Chapter 6 255 รายการขอ้ คาถาม 54321 55.ท่านสามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารเช่อื มโยงอปุ กรณต์ า่ งๆใหม้ ีประสิทธภิ าพการ ใชง้ านเพิ่มขน้ึ ได้ 56.ทา่ นใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารมาประยุกต์ใชใ้ นงานของท่านได้ 57. ท่านสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารเพอ่ื การออกแบบได้ 58. ทา่ นสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารเพ่อื พัฒนาโปรแกรมสาเรจ็ รปู ได้ 59. ท่านมีความสามารถในการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารตามคุณลกั ษณะ เฉพาะไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 60. ท่านสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสรา้ งแหล่งเรยี นร้ชู ุมชนหรือขอ้ มูล ของทอ้ งถน่ิ ได้ 61. ทา่ นสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการนาเสนอขอ้ มลู ไปยงั ผอู้ น่ื ได้ 62.ท่านสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแสดงความคิดเห็นของตนเองได้ 63. ทา่ นเข้าใจวิธกี ารใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารผลติ สือ่ ให้ตรงกบั เปา้ ประสงค์ที่กาหนด 64. ทา่ นสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารและสร้างเครือขา่ ยทางสังคมได้ 65. ทา่ นสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารนาเสนอข้อมลู ที่เขา้ ใจไดง้ า่ ย 66.ทา่ นเขา้ ใจเร่อื งกฎกติกาและจรรยามารยาทในการติดตอ่ สอื่ สารผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 67. ท่านตระหนกั ถึงผลกระทบที่มีต่อบคุ คลและสังคมเมอ่ื ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในการส่อื สาร 68. ทา่ นเปดิ โอกาสใหผ้ ู้อ่ืนแลกเปลีย่ นข้อมลู ขา่ วสารเกย่ี วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร 69.เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารทาให้ท่านทากจิ กรรมหลายอยา่ งไดเ้ วลาเวลาเดียวกัน เช่น สมารท์ โฟน หรือ Tablet ทส่ี ามารถโทร ถา่ ยภาพ รับสง่ อีเมล และบนั ทึกตารางการทางาน เป็นต้น สว่ นที่ 5 แบบประเมินรบู ริคดา้ นการรู้สารสนเทศ การร้สู ื่อ และการรเู้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร 1. เกณฑ์ประเมินแบบรูบริคดา้ นการรู้สารสนเทศ (Information Literacy) จากการประเมินโดยผเู้ ช่ียวชาญและข้อเสนอแนะจากกลุม่ ผูท้ ดลองใช้ระบบฯ ผู้วิจัยได้นาเกณฑป์ ระเมนิ แบบรูบริคด้านการรู้สารสนเทศ (Information Literacy) ที่สร้างขึ้นมาปรับแก้ไขเพื่อนาไปทดสอบประสิทธิภาพ แบบวดั ออนไลนฉ์ บับมาตรฐานต่อไป สรุปไดด้ งั น้ี เ ก ณ ฑ์ ป ร ะ เ มิ น นี้ ใ ช้ วั ด ผ ล ลั พ ธ์ ท่ี เ กิ ด ข้ึ น จ า ก ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ แ ล ะ ค า อ ธิ บ า ย นิ ย า ม ของการรู้สารสนเทศ โดยจัดทาในรูปแบบเกณฑ์การประเมินแบบรูบริค 3 ระดับ โดยเกณฑ์การแปลผลคะแนน มดี งั นี้ ค่าเฉลย่ี ระหว่าง 2.51-3.00 หมายถึง อยใู่ นระดบั ดี ค่าเฉล่ียระหว่าง 1.51-2.50 หมายถงึ อยใู่ นระดบั พอใช้ คา่ เฉลีย่ ระหว่าง 1.00-1.50 หมายถงึ อยใู่ นระดับควรปรับปรงุ

256 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ตารางท่ี 6.4 เกณฑ์การประเมนิ แบบรูบริคสาหรบั ประเมินการรู้สารสนเทศ (Information Literacy) คณุ ลักษณะ คาอธบิ าย 1. ความสามารถในการกาหนด สามารถเลือกแหลง่ สืบค้นขอ้ มลู สารสนเทศได้ดว้ ยตนเอง ทราบแหล่ง ความตอ้ งการสารสนเทศ สารสนเทศท่ตี รงตามข้อมูลทตี่ อ้ งการต้องสืบค้น และเลือกแหลง่ สืบค้น ขอ้ มูลที่มีประสิทธิภาพได้ 2. ความสามารถในการเขา้ ถึงสารสนเทศ สามารถกาหนดหัวขอ้ และขอบเขตของข้อมลู กอ่ นการเขา้ ถงึ สามารถเข้าถงึ แหลง่ สารสนเทศไดอ้ ยา่ งหลากหลายและได้ขอ้ มลู ตามที่ต้องการ 3. ความสามารถในการประเมนิ และ จดั การสารสนเทศ สามารถวิเคราะห์แหล่งท่ีมา และความน่าเช่อื ถือของขอ้ มลู ได้ รวมถึง 4. ความสามารถในการประยกุ ต์ใช้ สามารถจดั ระบบและอธิบายที่มา ความสาคญั และประโยชน์ของข้อมูลได้ สารสนเทศ สามารถใชเ้ คร่อื งมอื ต่างๆ ในการเขา้ ถึงขอ้ มลู ได้ สามารถนาขอ้ มูล สารสนเทศมาปรับใช้ในชวี ิตประจาวัน รวมถงึ นาขอ้ มูลมาใช้ประโยชนก์ บั 5. ความสามารถในการมจี รยิ ธรรมในการ ตนเองและผอู้ ืน่ ได้ ใช้สารสนเทศ สามารถสืบค้นขอ้ มูลสารสนเทศทีเ่ ป็นประโยชน์และความรู้ และทราบว่า การกระทาเปน็ การละเมิดกฎหมายและสิทธสิ ่วนบคุ คลในการเขา้ ถงึ ขอ้ มูล สารสนเทศ องคป์ ระกอบ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน การประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) ความสามารถในการกาหนดความตอ้ งการสารสนเทศ 1.1 แสวงหาและ สามารถเลือกแหลง่ สืบค้น สามารถเลือกแหลง่ สืบค้น สามารถเลอื กแหลง่ สืบค้น สารสนเทศได้ ประเภทและ 1 สารสนเทศไดแ้ ต่ยังไม่ สืบค้น สารสนเทศไดม้ ากกว่า 1 สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ สอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงค์ ทต่ี ้องการ ที่ตอ้ งการ ประเภทและสอดคล้องกบั สามารถเลือกแหล่งสารสนเทศ ไม่สามารถเลือกแหลง่ ท่มี ขี อ้ มูลตรงตามความ สารสนเทศที่มขี อ้ มูลตรงตาม วตั ถุประสงค์ที่ตอ้ งการ ตอ้ งการได้ แต่ไม่มี ความต้องการได้ ประสิทธิภาพ 1.2 ตรงตามความ สามารถเลือกแหลง่ สารสนเทศ ไม่สามารถกาหนดหวั ข้อและ สามารถกาหนดหัวข้อและ ขอบเขตของข้อมูลกอ่ นการ ต้องการและมี ทมี่ ีขอ้ มูลตรงตามความ ขอบเขตของข้อมูลก่อนการ เข้าถึงสารสนเทศได้ เขา้ ถงึ สารสนเทศไดบ้ างครั้ง ประสทิ ธิภาพ ต้องการและมปี ระสทิ ธภิ าพได้ ความสามารถในการเขา้ ถงึ สารสนเทศ 2.1 กาหนดขอบเขต สามารถกาหนดหัวข้อและ ของขอ้ มูล ขอบเขตของข้อมูลก่อนการ เข้าถึงสารสนเทศทุกครง้ั

Chapter 6 257 องค์ประกอบ เกณฑ์การใหค้ ะแนน การประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) 2.2 การเข้าถงึ ข้อมลู สามารถเขา้ ถึงแหลง่ สามารถเขา้ ถึงแหลง่ สามารถเข้าถึงแหล่ง สารสนเทศได้อย่าง สารสนเทศได้ แต่ได้ข้อมูล สารสนเทศได้อยา่ ง หลากหลายแต่ได้ข้อมลู ไม่ตรงตามความตอ้ งการ ไมค่ รบถว้ น หลากหลายและไดข้ อ้ มูล ไม่สามารถวิเคราะหท์ ี่มาและ สามารถวิเคราะห์ท่ีมาและ ความนา่ เชื่อถอื ของแหล่ง ครบถ้วน ความน่าเชอื่ ถือของแหล่ง สารสนเทศได้ สารสนเทศได้ถูกตอ้ ง 1-2 ความสามารถในการประเมินและจัดการสารสนเทศ ประเภท 3.1 วเิ คราะหแ์ หลง่ สามารถวิเคราะหท์ ี่มาและ ที่มาและความ ความน่าเช่ือถอื ของแหล่ง น่าเชอื่ ถือ สารสนเทศ 3 ประเภทข้ึนไป ได้ถูกต้อง แม่นยา 3.2 จัดระบบข้อมูล สามารถจัดระบบขอ้ มูล สามารถจัดระบบข้อมลู ไมส่ ามารถจัดระบบข้อมูล สารสนเทศได้ สารสนเทศและนาไปใช้ สารสนเทศและนาไปใช้ สามารถใช้เคร่อื งมอื ใน ประโยชนไ์ ดต้ รงตาม ประโยชนไ์ ด้ แต่ไม่ครอบคลมุ การเขา้ ถงึ ข้อมูลได้ แต่ไม่ตรง ตามวัตถุประสงค์ทตี่ ้องการ วัตถปุ ระสงค์ วัตถุประสงค์ นาสารสนเทศไปใชใ้ นเชงิ ความสามารถในการประยุกต์ใชส้ ารสนเทศ สรา้ งสรรค์ เหมาะสม แต่ไมส่ ามารถนาเสนอได้ 4.1 การเข้าถึงข้อมลู สามารถใช้เครอื่ งมือมากกว่า 2 สามารถใชเ้ ครื่องมอื ได้ 1-2 ประเภทในการเข้าถึงขอ้ มูลได้ ประเภทเข้าถึงขอ้ มูลไดต้ รง ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ ตามวัตถปุ ระสงค์ทตี่ อ้ งการ ต้องการ 4.2 การใชข้ อ้ มลู สามารถนาสารสนเทศไปใชใ้ น สามารถนาสารสนเทศไปใช้ใน เชงิ สร้างสรรค์ เหมาะสม และ เชิงสรา้ งสรรค์ เหมาะสม และ นาเสนอได้หลากหลายรปู แบบ นาเสนอได้ ความสามารถในการมจี ริยธรรมในการใชส้ ารสนเทศ สบื ค้นข้อมูลสารสนเทศท่เี ป็น ไมส่ ามารถสบื คน้ ข้อมูลได้ 5.1 การสืบคน้ สบื ค้นข้อมลู สารสนเทศทเ่ี ป็น ประโยชน์ ได้ความรู้ และ ขอ้ มูล ประโยชน์ ได้ความร้แู ละ คานงึ ถึงจริยธรรมในการใช้ คานงึ ถึงผลดี-ผลเสยี สารสนเทศ แตย่ ังไมส่ อดคลอ้ ง แต่ไม่ทราบขอ้ กาหนด สอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์ที่ กบั วัตถปุ ระสงค์ทต่ี อ้ งการ พระราชบญั ญัติในการเขา้ ถึง ตอ้ งการ และคานงึ ถึง คานงึ ถึงผลดีผลเสียในการใช้- สารสนเทศ จริยธรรมในการใชส้ ารสนเทศ สารสนเทศ และปฏบิ ัติตาม 5.2 การใช้ข้อมลู คานงึ ถึงผลดีผลเสียในการใช้- พระราชบญั ญัติในการเขา้ ถงึ สารสนเทศ และปฏิบัตติ าม สารสนเทศได้ไมค่ รบทุกข้อ พระราชบัญญัติในการเขา้ ถงึ สารสนเทศอย่างครบถว้ น

258 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL 2. เกณฑป์ ระเมนิ แบบรบู ริคด้านการรู้สื่อ (Media Literacy) จากการประเมินโดยผูเ้ ชี่ยวชาญและขอ้ เสนอแนะจากกลุ่มผู้ทดลองงใช้ระบบฯ ผู้วจิ ัยได้นาเกณฑ์ประเมนิ แบบรูบรคิ ดา้ นการรสู้ ่ือ (Media Literacy) ท่ีสรา้ งขึ้นมาปรับแกไ้ ขเพือ่ นาไปทดสอบประสิทธภิ าพแบบวดั ออนไลน์ ฉบับมาตรฐานต่อไป สรุปไดด้ ังนี้ เกณฑ์ประเมินน้ีใช้วัดผลลัพธ์ท่ีเกิดข้ึนจากการวิเคราะห์คุณลักษณะและคาอธิบายนิยามของการรู้ส่ือ โดยจดั ทาในรูปแบบเกณฑก์ ารประเมินแบบรบู ริค 3 ระดับ โดยเกณฑ์การแปลผลคะแนนมดี ังน้ี ค่าเฉลี่ยระหวา่ ง 2.51-3.00 หมายถึง อยู่ในระดบั ดี ค่าเฉลย่ี ระหวา่ ง 1.51-2.50 หมายถึง อยู่ในระดบั พอใช้ ค่าเฉล่ยี ระหวา่ ง 1.00-1.50 หมายถึง อยใู่ นระดับควรปรบั ปรงุ ตารางที่ 6.5 เกณฑ์การประเมินแบบรบู ริคสาหรบั ประเมนิ การรู้สือ่ (Media Literacy) คุณลักษณะ คาอธบิ าย 1. การเขา้ ถงึ สามารถรบั รูแ้ ละเข้าใจเน้อื หาของสื่อประเภทตา่ งๆ สามารถแสวงหาข่าวสารไดจ้ ากสอ่ื หลายประเภทและไม่จากัดอยกู่ บั สอ่ื ใดสื่อหนึ่ง มีความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มี ประโยชนแ์ ละทาความเข้าใจความหมายได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และกลน่ั กรองขอ้ มูล ประเภทตา่ งๆ ที่เกีย่ วขอ้ งใหส้ อดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์ทต่ี ้องการได้ 2. การวิเคราะห์ สามารถแยกแยะ และตคี วามนัยยะทแี่ ฝงอยู่ในสาร รวมถงึ การทบทวนผลดี ผลเสีย 3. การประเมิน และผลกระทบท่ีมีต่อตนเองและผอู้ น่ื จากการเลือกรับขอ้ มลู ข่าวสารจากสอื่ ตา่ งๆ 4. การสร้างสรรค์ สามารถตัดสินใจคุณค่า และพิจารณาความนา่ เชอ่ื ถอื ของข้อมลู และเลือกรบั หรือปฏเิ สธ ขอ้ มูลข่าวสารจากส่อื ต่างๆ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ สามารถออกแบบเพ่อื นาเสนอสารสนเทศ องคค์ วามรู้ และความคิดเหน็ ของตนผ่านส่ือที่ ผา่ นการเลอื กอยา่ งเหมาะสมและหลากหลายรปู แบบไดอ้ ย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา และอยู่ บนพื้นฐานความรับผดิ ชอบและจรยิ ธรรมต่อสงั คม องคป์ ระกอบ ดี (3) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ควรปรบั ปรงุ (1) การประเมิน พอใช้ (2) การเข้าถึง แสวงหาขา่ วสารได้จากสอื่ แสวงหาขา่ วสารจากสือ่ เพียงส่ือ 1.1 แสวงหาและ หลายประเภทและเขา้ ใจ แสวงหาขา่ วสารจากส่ือ เดียวและเข้าใจเนอื้ หาท่ี ตคี วาม เนื้อหาทน่ี าเสนอในสอื่ ได้ เพียงส่ือเดียวแต่เขา้ ใจ นาเสนอในสอ่ื ได้ไมถ่ กู ตอ้ ง อยา่ งถกู ตอ้ ง เนอ้ื หาทนี่ าเสนอในสือ่ ได้ อยา่ งถูกตอ้ ง

Chapter 6 259 องคป์ ระกอบ ดี (3) เกณฑ์การใหค้ ะแนน ควรปรับปรุง (1) การประเมนิ รวบรวมข้อมูลไดอ้ ยา่ งมี พอใช้ (2) ข้อมลู ท่ีได้กระจดั กระจายและ 1.2 รวบรวมและ ประสทิ ธิภาพและกล่นั กรอง ไม่สามารถกล่ันกรองข้อมลู ได้ กลนั่ กรองขอ้ มลู ขอ้ มลู ทเ่ี กี่ยวข้องให้ รวบรวมข้อมูลไดอ้ ยา่ งมี สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงคท์ ี่ ประสทิ ธภิ าพแตไ่ มส่ ามารถ ไม่สามารถจาแนกและตีความ การวิเคราะห์ ต้องการได้ กล่นั กรองขอ้ มลู ท่เี กย่ี วข้อง นยั ทแ่ี ฝงอยู่ในข้อมลู ได้ 2.1 จาแนกและ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ตคี วามหมาย สามารถจาแนกและตีความ วตั ถุประสงค์ทีต่ ้องการได้ ไม่สามารถทบทวนผลดี ผลเสีย นัยที่แฝงอยใู่ นข้อมลู ได้ รวมถึงผลกระทบทม่ี ตี ่อตนเอง 2.2 ทบทวนและ ถกู ต้องครบถว้ นทกุ ประการ สามารถจาแนกและตีความ และผู้อ่ืนจากการเลือกรบั ขอ้ มลู เลอื กรบั ข้อมูล ทบทวนผลดี ผลเสีย รวมถงึ นัยท่แี ฝงอยใู่ นข้อมลู ไดเ้ พยี ง ข่าวสารจากสือ่ ได้ ผลกระทบท่ีมตี ่อตนเองและ บางข้อ การประเมนิ ผู้อื่นจากการเลอื กรบั ขอ้ มูล ทบทวนผลดี ผลเสีย รวมถึง ไมส่ ามารถตดั สนิ คุณคา่ และ 3.1 ตัดสินคณุ ค่า ขา่ วสารจากสอื่ หลาย ผลกระทบท่ีมีตอ่ ตนเองและ พจิ ารณาความน่าเชื่อถือของ และพจิ ารณาขอ้ มลู ประเภทได้ ผูอ้ นื่ จากการเลอื กรับขอ้ มลู ข้อมลู ข่าวสารได้ ข่าวสารได้เพยี งส่ือเดยี ว 3.2 เลอื กรบั ขอ้ มูล ตดั สนิ คุณค่าและพิจารณา ไมส่ ามารถเลือกรับหรือปฏิเสธ ความน่าเช่ือถือ ขอ้ มูล ตัดสนิ คณุ ค่าและพิจารณา ข้อมูลขา่ วสารได้ด้วยตนเอง ขา่ วสารได้อย่างถูกต้อง ความน่าเช่อื ถือ ข้อมลู ชัดเจน ขา่ วสารได้ถูกต้องประมาณ รอ้ ยละ 50 ขึ้นไป สามารถเลอื กรับหรอื ปฏิเสธ ข้อมูลข่าวสารได้ด้วยตนเอง สามารถเลอื กรับหรอื ปฏเิ สธ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ ขอ้ มลู ขา่ วสารไดโ้ ดยได้รบั คาแนะนาจากผู้อ่นื 4. การสร้างสรรค์ 4.1 ออกแบบและ สามารถเลือกใช้ส่ือในการ สามารถเลือกใช้ส่อื ในการ ไมส่ ามารถเลือกใช้สอื่ ในการ เลอื กสือ่ ได้เหมาะสม ออกแบบข้อมลู ได้หลาย ออกแบบข้อมูลที่สอดคล้อง ออกแบบขอ้ มลู ให้สอดคล้องกบั ประเภทและสอดคล้องกับ กับวตั ถปุ ระสงค์ไดเ้ พียงสอ่ื วตั ถปุ ระสงค์ท่ตี อ้ งการได้ วัตถปุ ระสงค์ที่ตอ้ งการได้ เดียว 4.2 นาเสนอและมี สามารถใช้สอ่ื ในการนาเสนอ สามารถใช้สือ่ ในการนาเสนอ สามารถใช้สื่อในการนาเสนอ ความรับผดิ ชอบ ขอ้ มลู ได้อยา่ งถูกต้อง ข้อมลู ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ข้อมลู ได้ แต่ยังขาดความ เหมาะสม และตรงตาม เหมาะสม แตย่ ังไม่ตรงตาม ถูกต้องเหมาะสม เป้าหมายทต่ี ้องการได้ เป้าหมายท่ตี อ้ งการ

260 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL 3. เกณฑ์ประเมนิ แบบรูบริคสด์ ้านการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Literacy) จากการประเมินโดยผ้เู ชี่ยวชาญและข้อเสนอแนะจากกลุ่มผ้ทู ดลองงใชร้ ะบบฯ ผวู้ ิจยั ไดน้ าเกณฑป์ ระเมนิ แบบรูบริคด้านการรู้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร (ICT Literacy) ทส่ี ร้างข้นึ มาปรับแกไ้ ขเพอื่ นาไปทดสอบ ประสิทธิภาพแบบวัดออนไลน์ฉบบั มาตรฐานตอ่ ไป สรปุ ไดด้ งั น้ี เ ก ณ ฑ์ ป ร ะ เ มิ น น้ี ใ ช้ วั ด ผ ล ลั พ ธ์ ท่ี เ กิ ด ข้ึ น จ า ก ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ แ ล ะ ค า อ ธิ บ า ย นิ ย า ม ของการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารโดยจัดทาในรูปแบบเกณฑ์การประเมินแบบรูบริค 3 ระดับ โดยเกณฑก์ ารแปลผลคะแนนมดี ังนี้ คา่ เฉล่ียระหว่าง 2.51-3.00 หมายถงึ อยู่ในระดับดี คา่ เฉล่ยี ระหว่าง 1.51-2.50 หมายถงึ อยู่ในระดบั พอใช้ ค่าเฉลีย่ ระหวา่ ง 1.00-1.50 หมายถงึ อยใู่ นระดับควรปรบั ปรงุ ตารางที่ 6.6 เกณฑ์การประเมนิ แบบรูบริคสาหรบั ประเมินการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร (ICT Literacy) คุณลักษณะ คาอธิบาย 1. การเขา้ ถึง ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เคร่ืองมือการติดต่อส่ือสาร และ/หรือ เครือข่ายในการเข้าถึง จัดการ บูรณาการ ประเมิน และสร้างสรรค์สารสนเทศ เพื่อทาหน้าที่ในสังคมแห่งความรู้ สามารถค้นหา รวบรวม และค้นคืนสารสนเทศ ในสภาพแวดลอ้ มดจิ ทิ ลั ได้ 2. การจดั การ สามารถใช้เคร่ืองมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการจดั ระบบหรือ 3. การบรู ณาการ จาแนกสารสนเทศได้ 4. การประเมิน สามารถตีความและนาเสนอสารสนเทศโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ 5. การสร้างสรรค์ ส่ือสารในการสังเคราะหส์ รุปผล เปรียบเทยี บ และเสนอขอ้ โต้แยง้ จากแหล่งขอ้ มูล ท่ีหลากหลาย 6. การส่ือสาร สามารถตัดสินเกีย่ วกบั คณุ ภาพ ความสมั พนั ธ์ ความมปี ระโยชน์ และประสิทธภิ าพ ของสารสนเทศได้ สามารถปรับเปล่ียน ประยุกต์ ออกแบบ ประดิษฐ์ หรือสร้างสรรค์สารสนเทศดว้ ย สภาพแวดล้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพ่ืออธิบายเหตุการณ์ หรือแสดงความคิดเหน็ หรือแสดงจุดยนื ได้ สามารถสื่อสาร ปรับเปล่ียน และนาเสนอสารสนเทศในรูปแบบดิจิทัลให้ผู้อื่นรับรู้ ได้

Chapter 6 261 องค์ประกอบการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) 1.การเข้าถงึ 1.1 การเข้าถึง ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารในการ การสอ่ื สารในการเข้าถึง และการสอ่ื สารในการ 1.2 การใชง้ าน เข้าถงึ ขอ้ มูลขา่ วสารได้ ขอ้ มูลข่าวสารและบรรลุ เข้าถงึ ขอ้ มลู ข่าวสาร แตไ่ ม่ บรรลเุ ป้าหมายท่ตี อ้ งการ เปา้ หมายร้อยละ 50 ข้ึนไป บรรลุเปา้ หมายท่ีตอ้ งการ 2.การจดั การ 2.1 การใชง้ าน ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและ ไม่สามารถใชเ้ ทคโนโลยี และการส่อื สารเข้าถงึ ข้อมูล การสื่อสารเข้าถงึ ขอ้ มลู สารสนเทศและการส่อื สาร 3.การบรู ณาการ ข่าวสารไดอ้ ย่างรวดเร็ว ข่าวสารได้อย่างรวดเรว็ เขา้ ถงึ ข้อมลู ขา่ วสารได้ 3.1 การใชง้ าน ทนั สมยั และสอดคล้องกบั ทนั สมัย แตย่ งั ไมส่ อดคลอ้ ง อยา่ งตามเวลาที่กาหนด วัตถปุ ระสงค์ท่ตี อ้ งการได้ กับวัตถปุ ระสงค์ทีต่ ้องการ และข้อมูลไมเ่ ป็นไปตาม 3.2 การนาเสนอ วัตถุประสงค์ท่ตี อ้ งการ ขอ้ มลู สามารถใช้เทคโนโลยี สามารถใชเ้ ทคโนโลยี ไมส่ ามารถใช้เทคโนโลยี 4.การประเมิน สารสนเทศและการสื่อสาร สารสนเทศและการสอื่ สาร สารสนเทศและการสื่อสาร 4.1 การใช้งาน จาแนก และจดั ระบบขอ้ มลู จาแนกและจัดระบบ แต่ไม่ จาแนก และจัดระบบ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สามารถกล่ันกรองข้อมลู ให้ ข้อมูลให้สอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงค์ที่ตอ้ งการได้ สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ได้ วัตถปุ ระสงค์ทีต่ ้องการได้ สามารถใช้เทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยี ไม่สามารถใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสอื่ สาร สารสนเทศและการสื่อสาร สารสนเทศและการส่ือสาร ตีความ สงั เคราะห์ สรปุ ผล ตคี วาม แตย่ ังไมส่ ามารถ ตคี วาม สังเคราะห์ สรปุ ผล และเปรียบเทียบข้อมูลท่ี สงั เคราะห์ สรุปผล และ และเปรียบเทยี บขอ้ มูลได้ หลากหลายได้ เปรียบเทียบข้อมลู ท่ี หลากหลายได้ ไมส่ ามารถนาจุดเดน่ ของ สามารถนาจดุ เด่นของ เทคโนโลยีสารสนเทศและ เทคโนโลยสี ารสนเทศและ สามารถนาจุดเด่นของ การสือ่ สารมาใช้ในการ การสอ่ื สารมากกวา่ 1 เทคโนโลยสี ารสนเทศและ นาเสนอข้อมูลได้ ประเภทมาผสมผสานเพ่ือ การสอื่ สารเพยี ง 1 ประเภท การนาเสนอขอ้ มูลได้ ในการนาเสนอขอ้ มูล สามารถวเิ คราะหแ์ ละ สามารถวเิ คราะหแ์ ละ สามารถวเิ คราะห์และ เลอื กใชแ้ หล่งเทคโนโลยี เลอื กใช้แหล่งเทคโนโลยี เลือกใช้แหลง่ เทคโนโลยี

262 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL องค์ประกอบการ ดี (3) เกณฑก์ ารให้คะแนน ควรปรับปรุง (1) ประเมนิ สารสนเทศและการส่ือสาร พอใช้ (2) สารสนเทศและการส่อื สาร ได้อย่างถกู ตอ้ ง มี ได้ แต่ไม่ตรงตามความ 5.การสรา้ งสรรค์ ประสทิ ธิภาพ และตรงตาม สารสนเทศและการสอ่ื สารได้ ตอ้ งการ 5.1 การใช้งาน ความตอ้ งการได้ทกุ คร้งั อย่างถกู ตอ้ ง มีประสทิ ธิภาพ และตรงตามความตอ้ งการได้ 5.2 การนาเสนอ บางคร้งั 6.การสือ่ สาร ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและ ไม่สามารถใช้เทคโนโลยี 6.1 การใช้ขอ้ มูล และการส่ือสารประยุกต์ การส่ือสารประยุกต์ สารสนเทศและการส่ือสาร ปรับเปล่ียน และสร้างสรรค์ ปรับเปลีย่ น และสรา้ งสรรค์ ประยกุ ต์ ปรับเปลยี่ น และ 6.2 การนาเสนอ ขอ้ มลู ได้อย่างแตกต่างและ ขอ้ มูลได้อยา่ งแตกต่าง สรา้ งสรรค์ข้อมูลได้ ขอ้ มูล มีความน่าสนใจ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและ ไม่สามารถใชเ้ ทคโนโลยี และการสอ่ื สารนาเสนอ การส่ือสารนาเสนอข้อมลู สารสนเทศและการสอื่ สาร ขอ้ มูล เพ่ืออธิบายเหรือ เพ่ืออธิบายเหรือแสดงความ นาเสนอข้อมลู เพอ่ื อธิบาย แสดงความคิดเห็นของ คดิ เห็นของตนเองได้ เหรือแสดงความคิดเห็น ตนเองไดอ้ ย่างน่าสนใจ ของตนเองได้ สามารถใชเ้ ทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร สารสนเทศและการส่ือสาร สารสนเทศและการสื่อสาร นาเสนอขอ้ มลู ได้ถกู ต้อง นาเสนอข้อมูลได้ถูกตอ้ ง นาเสนอข้อมลู ได้ แต่ยงั ไม่ ท่วั ถงึ และตรงตาม ท่ัวถงึ และตรงตาม ตรงตามกลมุ่ เป้าหมาย กล่มุ เปา้ หมายทต่ี ้องการ กล่มุ เปา้ หมายได้ร้อยละ 50 ไม่สามารถใช้เทคโนโลยี สามารถใชเ้ ทคโนโลยี สามารถใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศและการสอ่ื สาร สารสนเทศและการสอ่ื สาร สารสนเทศและการสือ่ สาร นา เสนอขอ้ มลู ผา่ นสอ่ื ได้ นาเสนอข้อมูลผา่ นส่ือได้ นาเสนอขอ้ มูลผา่ นสื่อได้ หลายรูปแบบ และมคี วาม รวดเรว็ ทนั สมยั รวดเรว็ ทนั สมัย 2. Case Studies ในส่วนน้ีจะขอนาเสนอกรณีตัวอย่างการใช้ UTEL เพ่ือพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี โดยพบว่างานส่วนใหญ่ใช้ระบบการเรียนการสอนบนห้องเรียนเสมือน บนคลาวด์เปน็ เครอ่ื งมือ และใช้แนวคิดการเรียนรู้คอนเนค็ ตวิ สิ ม์ กระบวนการเรยี นรแู้ บบสบื สอบ และกระบวนการ

Chapter 6 263 คิดวิเคราะห์และการประเมินสถานการณ์เป็นวิธีสอน ดังน้ันจึงเห็นได้ว่ากรณีศึกษาและงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับ การใช้ UTEL เพ่อื เสริมสรา้ งผลลัพธ์การเรียนรใู้ นดา้ นน้ยี ังมีอยอู่ ย่างจากดั ตารางท่ี 6.7 งานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวข้องกบั การพัฒนาทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ดา้ นสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยี 21st Century Skills Outcomes ชอื่ งานวิจัย Information Literacy กุลชัย กุลตวนิช. (2557) ระบบการเรียนบนห้องเรียนเสมือนแบบ ค ล า ว ด์ ต า ม แ น ว คิ ด ก า ร เ รี ย น รู้ ค อ น เ น็ ค ติ วิ ส ม์ เ พื่ อ ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร รู้ Information Literacy สารสนเทศและการรับรู้ความสามารถของตนเองด้านการรู้สารสนเทศ สาหรับนิสิตนักศึกษาปริญญาตรี (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎี Media Literacy บณั ฑติ , จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ). อุทุมพร ชื่นวิญญา. (2554). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่ ผสมผสานรูปแบบ INFOHIO DIALOGUE และกระบวนการการเรียนรู้ แบบสืบสอบเพ่ือเสริมสร้างการรู้สารสนเทศของนักเรียนมัธยมศึกษา ปีที่ 1. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต), จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั .) วิสุทธิวัฒน์ ต๊ะผัด และ จินตนา สรายุทธพิทักษ์. (2560) ผลของ การจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาโดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์และ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ส ถ า น ก า ร ณ์ ที่ มี ต่ อ ผ ล สั ม ฤ ท ธิ์ ท า ง ก า ร เ รี ย น เ ร่ื อ ง การรู้เท่าทันส่ือของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น. Journal of Education Studies, 45(4), 177-189. จากตารางที่ 6.7 มีรายละเอียดของงานวิจัยสรุปได้ดังต่อไปนี้ กุลชัย กุลตวนิช ได้พัฒนาระบบการเรียน บนห้องเรียนเสมือนแบบคลาวด์ตามแนวคิดการเรียนรู้คอนเน็คติวิสม์เพ่ือส่งเสริมการรู้สารสนเทศและการรับรู้ ความสามารถของตนเองด้านการรู้สารสนเทศและการรับรู้ความสามารถของตนเองด้านการรู้สารสนเทศสาหรับ นิสิตนักศึกษาปริญญาตรี โดยการวิจัยในครั้งน้ีมวี ัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเรียนฯ เพ่ือศึกษาผลของการใช้ ระบบการเรียนฯและเพ่ือนาเสนอระบบการเรียนฯ โดยจุดเด่นของงานน้ีคือ การใช้เคร่ืองมือแบบคลาวด์ใน ห้องเรียนเสมอื นเพื่อผเู้ รยี นจะได้สามารถรวบรวมสารสนเทศ ประยกุ ตใ์ ช้ตลอดจนการแบง่ ปันระหวา่ งกันได้สะดวก และมีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน ตอบโจทย์คุณลักษณะของ UTEL ในด้านความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ (Flexibility) ให้กับผู้เรียนได้เป็นอย่างดี สามารถสรุปเป็น5 องค์ประกอบและ 4 ขั้นตอนเพ่ือการนาไปใช้เป็นแนวทางใน การจัดการเรยี นการสอนไดด้ งั น้ี รูปแบบท่ีพฒั นาขึ้น ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบและ 4 ข้ันตอน องคป์ ระกอบ ขนั้ ตอน (1) ห้องเรยี นเสมือน (1) การรวบรวม (2) เครอ่ื งมือแบบคลาวด์ (2) การผสมผสาน

264 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL รปู แบบท่ีพัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 5 องคป์ ระกอบและ 4 ข้ันตอน (3) บทบาทผสู้ อน (3) การประยกุ ต์ใช้ (4) แหล่งความรู้ (4) การแบ่งปัน (5) การวัดและประเมินผล ตัวอย่างหนา้ จอระบบฯ ท่ีได้พัฒนาดังแสดงในภาพท่ี 6.2 – 6.5 ทัง้ นี้สามารถอ่านรายละเอียดเพ่ิมเติมได้ จาก กุลชัย กุลตวนชิ . (2557) ระบบการเรียนบนห้องเรยี นเสมอื นแบบคลาวดต์ ามแนวคิดการเรียนร้คู อนเนค็ ติวิสม์ เพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศและการรับรู้ความสามารถของตนเองด้านการรู้สารสนเทศสาหรับนิสิตนักศึกษา ปรญิ ญาตรี (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดษุ ฎีบณั ฑติ , จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ). ภาพที่ 6.2 หน้าจอระบบห้องเรียนเสมอื น ภาพที่ 6.3 เครื่องมือระบุคาค้น ภาพท่ี 6.4 เคร่ืองมอื บันทกึ และจัดเก็บหน่วยความรู้ ภาพที่ 6.5 แบบฟอรม์ ในการประเมินคณุ ภาพ สารสนเทศ อุทุมพร ช่ืนวิญญา ได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนการเรียนการสอนท่ีผสมผสานรูปแบบ INFOHIO DIALOGUE และกระบวนการเรียนรู้แบบสืบสอบเพื่อเสริมสร้างการรู้สารสนเทศ ของนักเรียน มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยการวิจัยในครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่ผสมผสานรูปแบบ INFOHIO DIALOGUE และกระบวนการเรยี นรแู้ บบสบื สอบเพอ่ื เสริมสรา้ งการรสู้ ารสนเทศของนักเรยี นมธั ยมศกึ ษา ปีท่ี 1 และเพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนท่ีผสมผสานรูปแบบ INFOHIO DIALOGUE และ

Chapter 6 265 กระบวนการเรยี นรแู้ บบสบื สอบเพ่ือเสริมสร้างการรูส้ ารสนเทศของนักเรียนมัธยมศึกษาปีท่ี 1 สามารถสรุปเป็น 6 องคป์ ระกอบและ 7 ขน้ั ตอนเพ่อื การนาไปใช้เป็นแนวทางในการจดั การเรยี นการสอนได้ดังน้ี รปู แบบทพี่ ัฒนาข้ึน ประกอบด้วย 6 องคป์ ระกอบ และ 7 ข้ันตอน องค์ประกอบ ข้ันตอน (1) การกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าที่ทาให้ผู้เรียนสนใจ (1) สรา้ งความสนใจ (2) การแสวงหาสารสนเทศอย่างมรี ะบบ (2) สารวจและคน้ หา (3) การขยายความรดู้ ้วยการสร้างสรรค์ผลงาน (3) สร้างความรู้ (4) การสะทอ้ นความรเู้ พ่ือสรา้ งความเข้าใจ (4) สร้างสรรค์ความรหู้ รอื ผลงาน (5) การประเมนิ กระบวนการและผลงาน (5) ขยายความรู้ 6) ครูเป็นผูอ้ านวยความสะดวกเพ่อื ใหผ้ เู้ รียนบรรลุ (6) ความความเข้าใจ เปา้ หมาย (7) การประเมินเพื่อตรวจสอบความรใู้ นแตล่ ะข้นั ตอน สามารถอ่านรายละเอียดเพ่ิมเติมได้จาก Chuenvinya, U. (2011). The Development of an Instruction Integrating INFOHIO DIALOGUE Model and Inquiry-Based Learning Process to Enhance Information Literacy of Seventh Grade Students. Doctoral Dissertation, Chulalongkorn University, Thailand. และ อุทุมพร ชื่นวิญญา (2554) การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่ผสมผสานรูปแบบ INFOHIO DIALOGUE และกระบวนการการเรียนรู้แบบสืบสอบเพ่ือเสริมสร้างการรูส้ ารสนเทศ ของนักเรียนมัธยมศึกษาปที ่ี 1. (วทิ ยานิพนธป์ ริญญาครศุ าสตรดษุ ฎีบัณฑิต), จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . อีกงานวิจัยทนี่ ่าสนใจได้แก่งานวิจัยของ สุทธิวัฒน์ ต๊ะผัด ได้ศึกษาผลของการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศกึ ษา โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์และการประเมินสถานการณ์ที่มีต่อผลสัมฤทธ์ิทาง การเรียนดร่ืองการรู้เท่าทันส่ือ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศกึ ษาตอนต้น โดยการวิจยั ในครงั้ น้ีมวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อเปรียบเทียบคา่ เฉลี่ยของคะแนน ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนและหลังการทดลองของนักเรียนกลุ่มทดลองและของนักเรียนกลุ่มควบคุม และเพ่ือ เปรยี บเทยี บคา่ เฉล่ยี ของคะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หลงั การทดลองระหว่างนักเรยี นกลุ่มทดลองและนักเรียน กลุ่มควบคุม สามารถสรุปเป็นเครื่องมือท่ีใช้ในการพัฒนางานวิจัยเพ่ือนาไปทดลอง ดังสรุปได้ดังกรอบแนวคิด ต่อไปนี้

266 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL แนวคดิ การจดั การเรียนรูโ้ ดยใช้ การจัดการเรยี นร้วู ิชาสุข ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนเรอื่ ง กระบวนการคดิ วิเคราะห์และ ศกึ ษาเรยี นรู้โดยใช้ การร้เู ทา่ ทันสอ่ื การประเมินสถานการณ์ กระบวนการคิดวเิ คราะหก์ าร 1.1 ความรู้ ขั้นที่ 1 ทาความเขา้ ใจกบั ประเด็น ประเมินสถานการณ์ 1.2 เจตคติ ปัญหา 1.3 การปฏิบัติ ข้ันท่ี 2 รวบรวมขอ้ มูลที่เกยี่ วขอ้ ง ขนั้ ท่ี 3 พิจารณาความนา่ เชื่อถอื ข้ันท่ี 4 การจัดขอ้ มลู เข้าเปน็ ระบบ ข้ันที่ 5 ตัง้ สมมติฐาน ขั้นที่ 6 การสรปุ ข้นั ท่ี 7 การประเมินขอ้ สรุป ภาพที่ 6.6 กรอบแนวคิดของวจิ ัยเร่อื ง ผลของการจัดการเรียนรูว้ ชิ าสขุ ศึกษาโดยใช้กระบวนการคิดวเิ คราะห์และ การประเมนิ สถานการณ์ท่ีมีต่อผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนดรอ่ื งการรู้เทา่ ทันสื่อ ของนักเรยี นระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ สามารถอ่านรายละเอียดเพ่ิมเติมได้จาก วิสุทธิวัฒน์ ต๊ะผัด, & จินตนา สรายุทธพิทักษ์. ผลของ การ จัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาโดย ใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ และการประเมินสถานการณ์ท่ีมีต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเร่ืองการรู้เท่าทันสื่อของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น. Journal of Education Studies, 45(4), 177-189. 3. Research Works ในส่วนของงานวิจัยที่เก่ียวข้องและการประยุกต์ใช้น้ัน จะขอกล่าวถึง (1) งานวิจัยของผู้เขียน เน้น การนาเสนอผลวิจัยเพ่ือเป็นแนวทางในการประยุกต์ใช้ UTEL ในการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ในศตวรรษท่ี 21 ด้านสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยีและ (2) ทศิ ทางในอนาคต มรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปนี้ 3.1 การนาเสนองานวจิ ัยของผู้เขยี นเพือ่ เปน็ แนวทางในการประยุกตใ์ ช้: TCU-AMS ในบทน้ีจะขอยกตัวอย่างงานวิจัยเรื่องระบบแบบวัดและเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์ด้านการรู้ สารสนเทศ การรู้ส่ือ และการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร สาหรับผู้เรียนระดับอุดมศึกษา ( Development of Online Testing and Rubric Scoring System for Information, Media, and ICT Literacies for Higher Education Learners) ผู้วจิ ัย จินตวีร์ คล้ายสังข์ และประกอบ กรณกี ิจ ไดร้ ับทุนสนบั สนนุ จากโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (2559) โดยผลของการวิจัยมีอยู่ 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ ส่วนท่ี 1 คือแบบวัดมาตรฐานซ่ึงได้ให้รายละเอียดไปแล้วในตอนท่ี 1 เร่ืองวิธีการประเมินทักษะ การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ด้านสารสนเทศสื่อและเทคโนโลยี ผลของงานวิจัยส่วนที่ 2 น้ันคือ ระบบแบบวัดและ

Chapter 6 267 เกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์ซึง่ เป็นระบบท่ีสามารถใช้งานร่วมกับ Open edX platform ได้ ในส่วนน้ีจึงขอ เป็นการนาเสนอกระบวนการวจิ ยั โดยงานวจิ ัยน้ี ดาเนินงานตามขั้นตอนกระบวนการวิจัยและพฒั นา (Research & Development: R&D) มขี ัน้ ตอนในการดาเนนิ การ 3 ข้นั ตอนหลักไดแ้ ก่ ข้ันตอนที่ 1 การพัฒนากรอบแนวคิด นิยาม และคุณลักษณะของการรู้สารสนเทศ การรู้ส่ือ และ การรเู้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารสาหรบั ผู้เรยี นระดบั อุดมศกึ ษา ในข้ันตอนนี้เป็นการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี งานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับ IL, ML, ICTL for Higher Education Learners (HEL) เพ่ือสังเคราะห์เป็นกรอบแนวคิด นิยาม และคุณลักษณะของ IL, ML, ICTL for HEL จากน้ันนา กรอบแนวคิด นิยาม และคุณลักษณะให้ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบความตรงเชิงเน้ือหาแล้วนามาปรับปรุงแก้ไขตาม ขอ้ เสนอแนะ ข้ันตอนท่ี 2 การพัฒนาระบบแบบวัดและเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์ด้านการรู้สารสนเทศ การรู้ส่ือ และการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสาหรับผู้เรียนระดับอุดมศึกษา โดยข้ันตอนน้ี แบ่งการดาเนินงานเป็น 2 ขั้นตอนย่อยได้แก่ (1) การพัฒนาแบบวัดมาตรฐาน และ (2) การพัฒนาระบบแบบวัด และเกณฑ์ประเมนิ แบบรูบริค ออนไลนฯ์ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 2.1 การพัฒนาแบบวัด (Likert) เริ่มจากการสร้างข้อคาถามตามคุณลักษณะที่ต้องการวัด ของแบบวัดทั้งสามให้ครอบคลุม นาไป ตรวจสอบความเหมาะสมของการใช้ภาษา จากน้ันนาไปให้ HEL จานวน 6 คน ทดลองทาแบบวัด และให้แสดงความคิดเห็นในประเด็นท่ีไม่เข้าใจ และประเด็นอ่ืน ๆ แล้วนา ความเห็นนั้นมาปรับปรุงแก้ไข จึงนาไปตรวจสอบ Content Validity จากการคานวณค่าความสอดคล้อง (IOC) แล้วเลือกข้อคาถามท่ีมีค่าความสอดคล้องมากกว่าหรือเท่ากับ 0.60 พร้อมทั้งปรั บปรุงตามคาแนะนา และขอ้ เสนอแนะของผู้เช่ยี วชาญ ในส่วนของการพัฒนาเกณฑ์ประเมินแบบรูบริค (Rubric) นั้น เร่ิมจากการกาหนดองค์ประกอบย่อย และคาอธิบายของระดับคะแนนของเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคท้ังสาม (IL, ML, ICTL) นาไป ตรวจสอบ ความเหมาะสมของการใช้ภาษา จากนั้นนาไปให้ HEL จานวน 6 คน ทดลองทาแบบวัด และให้แสดงความคดิ เหน็ และไดน้ าไปตรวจสอบ Content Validity เชน่ เดยี วกันกบั การพัฒนาแบบวัด (Likert) 2.2 การพัฒนาระบบแบบวัดและเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์ ร่างคุณสมบัติของระบบ แบบวัดและเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์ Site Structure และตัวอย่าง Wireframe ของหน้าจอ และคู่มือ การใช้งาน จากน้ันนาไปให้ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบ ปรับปรุงแก้ไขตามคาแนะนา ตัวอย่างดังแสดงในภาพที่ 6.7 และ 6.8 ศึกษาเพิ่มเตมิ bit.ly/utel2018_6 bit.ly/utel2018_3

268 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ภาพที่ 6.7 แสดงแผนผังของระบบ AMS ภาพที่ 6.8 แสดงตัวอยา่ ง TCU AMS wireframe (Login Page) ขั้นตอนที่ 3 การตรวจสอบคุณภาพของแบบวัดออนไลน์ IL, ML, ICTL for Higher Education Learners (HEL) นาแบบวัดท้ังสามไปทดสอบครั้งที่ 1 กับผู้เรียนระดับอุดมศึกษา 3 สาขาวิชา ได้แก่ (1) วิทยาศาสตร์สุขภาพ (2) วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และ (3) มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวม 150 คน โดยเป็นการทดสอบออนไลน์ผ่านระบบ AMS จากน้ันจับเวลาเพ่ือนามากาหนดเวลาท่ีเหมาะสมในการทาแบบวดั ตรวจสอบคุณภาพของแบบวัดรายข้อเบื้องต้นด้วยการหาค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนของข้อคาถามแต่ละข้อ กบั คะแนนรวมแต่ละดา้ นของแบบวัด (Item Total Correlation (IOC) โดยเลอื กขอ้ ทีม่ คี า่ IOC ตง้ั แต่ .20 ข้นึ ไป

Chapter 6 269 นาแบบวดั ท้งั สามไปทดสอบครง้ั ที่ 2 กบั ผู้เรียนระดับอุดมศึกษา 3 สาขาวิชา รวม 150 คนโดยเป็น การทดสอบออนไลน์ผ่านระบบแบบวัดออนไลน์ แล้วทาการตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากการทดสอบ ได้แก่ การตรวจสอบคุณภาพของแบบวดั รายข้อเบื้องต้นดว้ ยการหาค่าสหสมั พันธ์ระหว่างคะแนนของข้อคาถามแต่ละข้อ กับคะแนนรวมแตล่ ะด้านของแบบวดั IOC และการตรวจสอบคา่ ความเทีย่ งแต่ละด้านเบอ้ื งตน้ ดว้ ยสูตรสัมประสิทธิ์ แอลฟาของครอนบาค สุดท้ายจะเป็นการนาแบบวัดทั้งสามไปทดลองใช้กับผู้เรียนระดับอุดมศึกษาใน 3 สาขาวิชา รวมเป็น 1,000 แลว้ นาข้อมูลที่ไดม้ า Exploratory Factor Analysis (EFA) และนาแบบวัดทั้งสามไปทดลองใช้อีก ครั้งกับผู้เรียนจานวน 1,000 คนเพ่ือวิเคราะห์ Confirmation Factor Analysis (CFA) อันดับที่สองด้วยโปรแกรม LISREL รวม 2,300 คน ผลจากงานวิจัยดังกล่าว ได้ผลลัพธ์ใน 2 ส่วนท่ีสาคัญได้แก่ (1) แบบวัดและเกณฑ์ประเมินแบบรูบริค ออนไลน์สาหรับการรู้สารสนเทศ การรู้สื่อ และการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร และ (2) ระบบ Assessment Management System (AMS) มีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี แบบวัดและเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์: การรู้สารสนเทศ (Information Literacy : IL) แบบวัด และเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์ ได้ออกแบบตามนิยามที่ได้จากกระบวนการวิจัย ดังนี้ นิยาม ระดับความรู้ และความเข้าใจในการใช้สารสนเทศท่ีมีอยู่ได้อย่างถูกต้องและตรงความต้องการ โดยประกอบด้วยคุณลักษณะ สาคัญได้แก่ (1) ความสามารถในการกาหนดความต้องการสารสนเทศ (2) ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศ (3) ความสามารถในการประเมินและจัดการสารสนเทศ (4) ความสามารถในการประยุกต์ใช้สารสนเทศ และ (5) ความสามารถในการมีจริยธรรมในการใช้สารสนเทศ (The Association of College and Research Libraries : ACRL, 2000; The Australian and New Zealand Information Literacy Framework Cited in Bundy, 2004; Swain, Sundre, and Clarke, 2014) โดยจากกระบวนการพัฒนาแบบวัดมาตรฐาน แบบวัด IL ประกอบด้วยข้อคาถามจานวน 49 ข้อ แบ่งออกเป็น 5 Sub-Areas ได้แก่ (1) การประยุกต์ใช้ INF (INF1) จานวน 6 ข้อ (2) การมีจริยธรรมในการใช้ INF (INF2) จานวน 13 ข้อ (3) การประเมินและจัดการ INF (INF3) จานวน 9 ข้อ (4) การเข้าถึง INF (INF4) จานวน 3 ขอ้ และ (5) การกาหนดความตอ้ งการ INF (INF5) จานวน 6 ขอ้

270 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ภาพที่ 6.9 ผลการวเิ คราะห์องค์ประกอบเชงิ ยนื ยนั การรสู้ ารสนเทศ (INF) แบบวดั และเกณฑป์ ระเมนิ แบบรูบริคออนไลน์ : การรู้ส่อื (Media Literacy: ML) แบบวัดและเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์ ได้ออกแบบตามนิยามที่ได้จากกระบวนการวิจัย ดังนี้ นิยามความสามารถในการเข้าถึง วิเคราะห์ประเมิน และสร้างสรรค์เนื้อหาในหลากหลายบริบท และตระหนักถึง ผลกระทบทเ่ี กิดจากการเปิดรบั สอื่ รวมถงึ การเลอื กเปิดรับเน้อื หาที่มีประโยชน์และหลกี เลีย่ งเนอื้ หาท่ีไมพ่ ึงประสงค์ ที่สื่อนาเสนอได้ โดยมีคุณลักษณะสาคัญ ได้แก่ (1) การเข้าถึง (2) การวิเคราะห์ (3) การประเมิน และ (4) การสร้างสรรค์ โดยจากกระบวนการพัฒนาแบบวัดมาตรฐาน แบบวัด ML ประกอบด้วยข้อคาถามแบบวัดด้านการรสู้ ่ือ (Media Literacy) จานวน 63 ข้อ แบ่งออกเป็น 6 Sub-Areas ได้แก่ (1) การวิเคราะห์ MED (MED1) จานวน 22 ข้อ (2) กา ร เ ข้า ถึง MED (MED2) จ า นวน 15 ข้อ (3) กา ร ส ร้ า งส ร รค์ MED (MED3) จ า นวน 14 ข้อ (4) การประเมิน MED (MED4) จานวน 6 ข้อ (5) การใช้ประโยชน์ MED สร้างสรรค์ (MED5) จานวน 3 ข้อ และ (6) การเขา้ ถงึ MED จากแหลง่ หลากหลาย (MED6) จานวน 3 ข้อ ภาพที่ 6.10 ผลการวิเคราะหอ์ งค์ประกอบเชิงยนื ยันการรูส้ ือ่ (MED)

Chapter 6 271 แบบวัดและเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์ : การรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Literacy: ICTL) แบบวัดและเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์ ได้ออกแบบตามนิยามท่ีได้จากกระบวนการวิจัย ดังนี้ นิยาม ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เคร่ืองมอื การตดิ ต่อส่อื สาร และ/หรอื เครือขา่ ยในการเข้าถึง จดั การ บรู ณาการ ประเมิน และสรา้ งสรรคส์ ารสนเทศเพอื่ ทาหน้าท่ีในสังคมแหง่ ความรู้โดยประกอบด้วยคณุ ลกั ษณะสาคญั ไดแ้ ก่ (1) การเข้าถงึ (2) การจดั การ (3) การบรู ณาการ (4) การประเมนิ (5) การสรา้ งสรรค์ และ (6) การส่ือสาร โดยจากกระบวนการพัฒนาแบบวัดมาตรฐาน แบบวัด ICTL ประกอบด้วยข้อคาถามแบบวัดการรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (ICT Literacy) จานวน 69 ข้อ แบ่งออกเป็น 6 Sub-Areas ได้แก่ (1) การประเมิน ICT (ICT1) จานวน 23 ข้อ (2) การสร้างสรรค์ ICT (ICT2) จานวน 22 ข้อ (3) การบูรณาการ ICT (ICT3) จานวน 6 ข้อ (4) การจัดการ ICT (ICT4) จานวน 6 ข้อ (5) การสื่อสาร ICT (ICT5) จานวน 7 ข้อ (6) การเขา้ ถงึ ICT (ICT6) จานวน 5 ขอ้ . ภาพท่ี 6.11 ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชงิ ยืนยนั การรู้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร (ICT) 3.2 ทิศทางในอนาคต การสร้างระบบประเมินออนไลน์เป็นองค์ประกอบสาคัญในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ และ เป็นความท้ายทายอย่างยิ่งท่ีจะหาเคร่ืองมือประเมินท่ีนอกเหนือไปจากคาถามปรนัยแบบเดิม และสามารถให้ คะแนนได้โดยอัตโนมตั ิ (Thompson and Braude, 2016) นอกจากนี้ในการเรยี นผู้เรียนจะมีระดับความแตกตา่ ง ในความก้าวหน้าในการเรียน การพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบัน จะช่วยให้เกิดระบบการเรียนและการทดสอบ ท่ีเหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน ผลการทดสอบของผู้เรียนจะสามารถประเมิน และเปรียบเทียบผลได้แบบทันที (Shin and Hashimoto, 2014) สอดคล้องกับ Liu et al. (2010) ท่ีทาการศึกษาระบบการสารวจตนเอง แบบออนไลน์ โดยกล่าวถึงการสารวจตนเอง (Self-Testing) ว่าเป็นวิธีการท่ีมีประสิทธิภาพในการประเมิน

272 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL การเรียนรู้ของผู้เรียน ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ได้ดีขึ้น การสารวจตนเองแบบด้ังเดิมใช้แบบสอบที่เป็นเอกสาร ในการทดสอบและเปรียบเทียบคาตอบของแต่บคุ คลเพอ่ื นามาวเิ คราะหผ์ ลและปรบั ปรุงการเรยี น แม้จะมปี ระโยชน์ แตก่ ารประเมินตนเองแบบออฟไลนม์ ีข้อจากัด เน่อื งจากต้องใช้เวลาในการจัดเตรยี มการทดสอบเพ่ือวเิ คราะห์ผลที่ นาน นอกจากนี้ความนิยมของการศึกษาทางไกลที่ผเู้ รียนนิยมใช้มากขึ้น ทาให้ระบบการทดสอบแบบออนไลน์เข้า มามีบทบาทสาคัญอย่างยิ่ง ช่วยให้ผู้เรียนสามารถตอบคาถาม ได้รับคะแนน และคาแนะนาที่เป็นประโยชน์ แบบอัตโนมัติภายในเวลาอันสั้น สอดคล้องกับ Stratling (2017) ท่ีกล่าวถึงประโยชน์ของการทดสอบออนไลน์ว่า ช่วยในการประเมินและให้ผลป้อนกลับเก่ียวกับได้ทันที ช่วยลดภาระของผู้สอนได้ และสามารถสร้างประเภท คาถามได้หลากหลาย จากประโยชน์ของการทดสอบออนไลน์ข้างต้น จึงมีนักการศึกษาและนักวิชาการท่ีมี ความสนใจในการสร้างระบบการทดสอบออนไลน์ เช่น Koong and Wu (2010) ทาการศึกษาการสร้าง แบบทดสอบออนไลน์ โดยใช้ข้อสอบที่มีลักษณะปฏิสัมพันธ์ (Interactive) พบว่าแบบทดสอบออนไลน์สามารถ ประเมินความสามารถท่ีแท้จรงิ ของผเู้ รียนได้ โดยผวู้ จิ ยั ไดท้ าการสรา้ งระบบแบบทดสอบออนไลน์ ซึง่ มีคุณลกั ษณะ ในการให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขแบบทดสอบ ทดสอบการใช้งาน การให้เกรดอัตโนมัติ การแชร์เทมเพลต และ ข้อสอบได้ จุดเด่นของระบบเน้นไปท่ีข้อสอบแบบปฏิสัมพันธ์เพ่ือให้ผู้สอนสามารถสร้างและนาไปใช้งานได้ตาม ความต้องการโดยไม่จาเป็นต้องแกไ้ ขเคร่อื งมอื ภายในระบบ ทาให้ใช้งานได้ง่าย และ Lee, Park and Kim (2012) ทาการสร้างระบบแบบทดสอบแบบปรับเหมาะ (Web-Based Adaptive Testing System) เพื่อจาแนก ความสามารถทางการเรียนของผู้เรียน โดยในระบบประกอบไปด้วย (1) ฟังก์ชันผู้ดูแลระบบ (Administrator Mode) สาหรับทาการจัดรายการแบบทดสอบ ข้อมูลผู้เรียน และข้อมูลผู้สอน (2) ฟังก์ชันผู้สอน (Instructor Mode) สาหรับการจัดการผู้เรียน และวิเคราะห์แนวโน้มแบบทดสอบ และ (3) ฟังก์ชันผู้เรียน (Student Mode) สาหรบั การทดสอบออนไลน์และการรายงานผลการเรียน ทิศทางในอนาคตของการวัดความรูค้ วามเขา้ ใจดา้ น Literacy เป็นสิ่งที่ท้าทายและท่ีผา่ นมาได้มีการวิจัย และพัฒนาทาให้เกิดเคร่ืองมือจานวนมาก Rosman, Mayer and Krampen (2015) กล่าวว่ามีความพยายามใน การสร้างแบบประเมินการรู้สารสนเทศตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน (Objectively) เช่นความรู้เก่ียวกับส่ิงพิมพ์ การพิจารณาความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล นอกจากน้ีมีการประเมินโดยใช้ผลการค้นหาข้อมูล เช่น การหา ฐานข้อมูลบรรณานุกรม และมีการวัดการรู้สารสนเทศโดยการประเมินตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป โดย มุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการค้นหาข้อมูล และประสิทธิภาพในการทางาน การประเมินตนเองช่วยทาให้เห็น สาเหตุที่ผู้เรียนไม่ประสบความสาเร็จในการเรียนแต่ละวัตถุประสงค์ สะท้อนให้เห็นความสามารถ กลยุทธ์ในการ เรียน และติดตามความคืบหน้าในการเรียนรไู่ ด้ นอกจากนี้การประเมินตนเองยังช่วยให้ผู้เรียนเป็นอิสระเนื่องจาก ผู้เรียนจะมสี ่วนรว่ มในการวางแผนและการจดั การเรยี นรู้ของตนเอง กระตุ้นความสามารถของผู้เรยี นด้านการรูค้ ิด (Meta Cognitive) การประเมินตนเองในด้านการรู้สารสนเทศทาให้ผู้เรียนเกิดความตระหนักในพฤติกรรม ความสามารถของตนเองในแงม่ ุมทเี่ ป็นรูปธรรมและเฉพาะเจาะจงมากขนึ้ นอกจากแบบประเมินแล้ว รูบริคเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยประเมินความรู้ด้าน Literacy ต่างๆ เช่น Edwards (2017) ทาการศึกษาเรือ่ งการสร้างรูบรคิ เพ่ือประเมนิ Literacy สาหรับครฝู กึ สอนในประเทศนิวซีแลนด์

Chapter 6 273 ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่ารูบรคิ เป็นการประเมินท่ีมีประโยชน์และสามารถจาแนกศกั ยภาพของผเู้ รียน ส่งเสริมให้ เกดิ การปฏิบัตแิ ละพัฒนาตนเองได้ เนอ่ื งจากมเี กณฑท์ ี่อธิบายไว้ชดั เจน ชว่ ยใหเ้ ข้าใจพฤตกิ รรรมหรอื ความสามารถ ในแต่ละมิติได้ดีข้ึน ท้ังน้ีได้เสนอแนะว่าเครื่องมือประเมินจึงต้องออกแบบให้เหมาะ และปรับโครงสร้างข้อมูลให้ เฉพาะเจาะจงกับแต่ละประเทศทน่ี าไปใช้ จากประโยชน์ของการทดสอบออนไลน์ข้างต้น จึงมีนักการศึกษาและนักวิชาการท่ีมีความสนใจในการ สร้างระบบการทดสอบออนไลนก์ ันอย่างกวา้ งขวางและไดป้ รับให้มีความเหมาะสมตามแต่ละบริบทไป (Lee, Park and Kim, 2012) ในส่วนของงานวิจัยของผู้เขียนท่ีได้กล่าวถึงนวัตกรรมการเรียนรทู้ ี่ตอบโจทย์ ผลลัพธ์การเรียนรู้ ในดา้ นสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยนี น้ั ผูเ้ ขยี นได้ยกตัวอย่างระบบ Assessment Management System (AMS) ซึ่งมีคุณสมบัติท่ีโดดเด่นคือมีลักษณะเป็น Plugin เป็นระบบสร้างแบบประเมินสาหรับ Open edX ซ่ึงเป็น แพลตฟอรม์ ที่ใช้สาหรบั การเรยี นการสอนออนไลนใ์ นระบบเปิดสาหรบั มหาชน Massive Open Online Courses (MOOCs) ทีก่ าลังไดร้ ับความนิยมอย่างแพร่หลายในปจั จบุ นั 4. Perspectives ในส่วนของมุมมองของผู้เขียนน้ันจะขอนาเสนอและวิเคราะห์ UTEL ท่ีช่วยพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี แบ่งออกเป็น 2 ตอนได้แก่ (1) จากแนวคิดสู่ทฤษฎี สู่การปฏิบตั ิและ (2) แนวทางในการนาไปใชแ้ ละการตอ่ ยอดมรี ายละเอบี ดดงั ต่อไปนี้ 4.1 จากแนวคิดสกู่ ารปฏบิ ตั ิ การใช้ UTEL ในการเรียนการสอน: กรณีศึกษา ระบบ Assessment Management System (AMS) สาหรับแบบวัดและเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคออนไลน์สาหรับการรู้สารสนเทศ การรู้สื่อ และการรู้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสอ่ื สารที่ได้มาจากกระบวนการวิจัยและพฒั นา AMS เป็นระบบที่พัฒนาข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาองค์ความรู้ใน 2 ส่วน ได้แก่ องค์ความรดู้ า้ น เทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา ได้แก่ การพัฒนาระบบซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะคือ เป็นระบบสร้างแบบประเมิน สาหรับ Open edX Platform โดยผู้สอนสามารถสร้าง แบ่งปัน คัดลอก หรือต่อยอดแบบประเมินได้ทั้งแบบ ลิเคิร์ทสเกล (Likert scales) และรูบริค (Rubrics) ซึ่งผู้สอนสามารถนาไปใช้รว่ มกับรายวิชาอ่ืนๆ ได้ต่อไป ในส่วน ขององค์ความรู้ด้านการวัดและประเมินผลน้ัน ในระบบฯ ได้มีการพัฒนาและเผยแพร่แบบวัดเร่ิมต้นไว้ 3 แบบวดั โดยท้ัง 3 แบบวัดนี้เป็นแบบวัดท่ีได้มาตรฐานโดยใช้การวิเคราะห์ด้วยสถิติวิจัยข้ันสูง ประกอบด้วย (1) Information Literacy (2) Media Literacy และ (3) ICT Literacy ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ด้านสาคัญสาหรับการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ระบบฯ จะเผยแพร่แบบวัดท่ีประเมินผู้เรียนใน 3 มิติดังท่ีได้กล่าวมาแลว้ โดยในแต่ละมิติ ประกอบด้วย เครื่องมือ 2 ประเภท ได้แก่ แบบวัดการร้เู พ่ือประเมนิ ตนเองใช้วัดความรู้และเจตคติของผู้เรยี นและ แบบประเมนิ รูบริคเพ่อื ตรวจสอบคุณลกั ษณะของผ้เู รียนในแต่ละสมรรถนะต่อไป

274 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL อีกท้ังผู้สอนยังสามารถใช้สาหรับการประเมนิ แบบดั้งเดิม (Traditional Tssessment) และการประเมนิ ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ท้ังการประเมินตนเอง การประเมินโดยเพื่อน และการประเมิน โดยผูส้ อน และด้วยระบบฯ พัฒนาดว้ ยภาษา PHP และฐานข้อมูล MySQL โดยออกแบบการติดตอ่ กบั ผใู้ ช้งานดว้ ย Responsive UI Framework สามารถสร้างรายงาน (Report) ได้ทั้งในรูปแบบไฟล์ CSV และไฟล์ PDF ตัวอย่าง ระบบฯ ดงั แสดงในภาพท่ี 6.12 ระบบ TCU-AMS (TCU–Assessment Management System) เป็นนวัตกรรมท่ีได้รับการออกแบบ และพัฒนามาจากงานวิจัยเร่ือง ระบบแบบวัดและเกณฑ์ประเมนิ แบบรบู ริคออนไลน์ดา้ นการรสู้ ารสนเทศ การรสู้ ื่อ และการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาหรับผู้เรียนระดับอุดมศึกษา (Development of Online Testing and Rubric Scoring System for Information, Media, and ICT Literacies for Higher Education Learners) ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (2559) โดยจากการวเิ คราะห์ระบบฯพบวา่ มีคณุ สมบตั เิ ฉพาะ 2 ส่วน ได้แก่ ภาพท่ี 6.12 แสดงการทางานของ TCU AMS รว่ มกับ Open edX TCU-AMS มีคุณสมบัติเฉพาะเป็นระบบสร้างแบบประเมินสาหรับ Open edX Platform โดยสามารถ สร้าง แบ่งปัน คัดลอก หรือต่อยอดแบบประเมินได้ท้ังแบบลิเคิร์ทสเกล (Likert Scales) และรูบริค (Rubrics) ซง่ึ ผู้สอนสามารถนาไปใช้ร่วมกับรายวิชาอ่ืนๆ ได้ต่อไป อีกท้ังยงั สามารถสามารถใชส้ าหรับการประเมินแบบด้ังเดิม (Traditional Assessment) และการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ทั้งการประเมินตนเอง การประเมินโดยเพื่อน และการประเมินโดยผู้สอน ระบบฯ พัฒนาด้วยภาษา PHP และฐานข้อมูล MySQL โดยออกแบบการติดต่อกับผู้ใช้งานด้วย Responsive UI Framework คุณสมบัติเด่นอีกอย่างคือสามารถสร้าง รายงาน (Report) ได้ท้งั ในรปู แบบไฟล์ CSV และไฟล์ PDF

Chapter 6 275 ในส่วนของคุณสมบัติเฉพาะของแบบวัดฯ ในระบบนั้น ได้มีการพัฒนาและเผยแพร่แบบวัดเร่ิมต้นไว้ 3 แบบวัด โดยท้ัง 3 แบบวัดนี้เป็นแบบวัดที่ได้มาตรฐานโดยใช้การวิเคราะห์ด้วยสถิติวิจัยข้ันสูง ประกอบด้วย 1) การรู้สารสนเทศ (Information Literacy) 2) การรู้สื่อ (Media Literacy) และ 3) การรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ICT Literacy) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ด้านสาคัญสาหรบั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ระบบฯ จะเผยแพร่ แบบวัดที่ประเมินผู้เรียนใน 3 มิติดังที่ได้กล่าวมาแล้ว โดยในแต่ละมิติประกอบด้วย เคร่ืองมือ 2 ประเภท ได้แก่ แบบวัดการรู้เพ่ือประเมินตนเองใช้วัดความรู้และเจตคติของผู้เรียน และแบบประเมินรูบริคเพ่ือตรวจสอบ คณุ ลักษณะของผู้เรยี นในแตล่ ะสมรรถนะต่อไป ผลท่ไี ดจ้ ากงานวิจัยนี้จะเป็นแนวทางสาหรับมหาวิทยาลยั และสถาบันการศกึ ษาตา่ งๆ ในการทจี่ ะนาแบบ ประเมินออนไลน์สาหรับประเมินการรู้สารสนเทศ การรู้สื่อ และการรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ไปใช้ ปรับปรงุ หรอื ต่อยอดสาหรบั จดั การจัดการเรยี นการสอนออนไลน์ ทั้งในรูปแบบอเี ลริ ์นนิง การเรยี นแบบผสมผสาน การเรียนแบบยูเลิร์นนิง และมูคส์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนออนไลน์เบ็ดเสร็จ ครบวงจร ท้ังในสว่ นของจัดการเรยี นรู้ เน้อื หา และการวดั ประเมินผล อันจะเปน็ ตวั ขบั เคล่ือนให้สถาบนั อดุ มศึกษา กา้ วไปสกู่ ารจดั การจดั การเรียนการสอนได้อย่างมีประสทิ ธิภาพต่อไป ภาพท่ี 6.13 แสดง TCU-AMS (Login Page)

276 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ภาพท่ี 6.14 แสดงหนา้ จอ AMS สาหรับ Instrutors & Admin 4.2 แนวทางในการนาไปใชแ้ ละการต่อยอด ผู้เขียนอยู่ในระหว่างการดาเนินการจัดทาคอร์สฝึกอบรมออนไลน์สาหรับการเรียนรู้ การใช้งาน และ การต่อยอดระบบฯ ให้แก่คณาจารย์ผู้สอนใน Thai MOOCs ท่ัวประเทศ รายละเอียดรายวิชาและตัวอย่างวิดีโอ การฝึกอบรมดังภาพ ภายใต้โครงการ Thai MOOC (https://thaimooc.org) โดยความร่วมมือของสานักงาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงดิจิทัล เพอื่ เศรษฐกิจและสงั คม กลุ่มเปา้ หมายคือ (1) กล่มุ เป้าหมายหลัก พนักงาน ผูป้ ระกอบการ นกั เรียน นิสิต นกั ศกึ ษา ครู อาจารย์ และ (2) กลุม่ เปา้ หมายรอง ประชาชนท่ัวไป

Chapter 6 277 รายวชิ า: TCU002 คอร์สฝึกอบรมการใช้งาน TCU-AMS: ระบบบริหารจัดการแบบวัดออนไลน์เพ่ือเสริมศักยภาพ ด้านการวัดและประเมินผลสาหรับการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ในระบบเปิดสาหรับมหาชน (MOOCs) ( Professional Development on) TCU AMS: Assessment Management System to Enhance an Evaluation for Massive Open Online Courses (MOOCs) ผ้สู อน : รองศาสตราจารย์ ดร. จนิ ตวีร์ คลา้ ยสังข์ (Assoc. Prof. Jintavee Khlaisang, Ed.D) รองศาสตราจารย์ ดร. ประกอบ กรณกี ิจ (Assoc. Prof. Prakob Koraneekij, Ph. D) ภาพท่ี 6.15 โครงสรา้ งรายวิชา ภาพท่ี 6.16 VDO การใชง้ าน TCU-AMS สาหรบั ผสู้ อน (Thai Version)

278 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ภาพท่ี 6.17 VDO การใชง้ าน TCU-AMS สาหรบั ผู้เรียน (Thai Version) ภาพท่ี 6.18 VDO การใชง้ าน TCU-AMS สาหรับผ้ดู ูแลระบบ (Thai Version)

Chapter 6 279 เม่ือพิจารณาในประเด็นของการนาแนวคิดน้ีไปต่อยอดและการพิจารณานิยามของ UTEL ที่ครอบคลุม เทคโนโลยีใน 3 ระดับได้แก่ ระดับท่ี 1 การใช้อุปกรณ์เคลื่อนท่ีกับระบบท่ีมีอยู่แล้ว (UTEL) ระดับท่ี 2 การใช้ อุปกรณ์เคล่ือนที่กับระบบท่ีได้มีการพัฒนาต่อยอดหรือระบบที่ได้พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมกับบริบท นั้น (Customized UTEL) และระดับที่ 3 การใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ร่วมกับอุปกรณ์เสริมเพื่อให้เกิดการใช้งานที่มี ประสิทธิภาพยิ่งข้ึน (UTEL with Smart Tools) จากการสืบค้นงานวิจัยพบตัวอย่างงานวิจัยใน 2 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 พบงานวิจัยท่ีใช้อุปกรณ์กับระบบท่ีมีอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น กุลชัย กุลตวนิช ประกอบ กรณีกิจ และ ใจทพิ ย์ ณ สงขลา (2557) ไดพ้ ัฒนาระบบการเรยี นบนห้องเรียนเสมอื นแบบคลาวดต์ ามแนวคดิ การเรียนรคู้ อนเน็ค ติวิสม์เพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศและการรับรู้ความสามารถของตนเองด้านการรับรู้สารสนเทศสาหรับนิสิต นักศึกษาปริญญาตรี ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้จากอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยผลงานวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยการรู้ สารสนเทศและการรับรู้ความสามารถของตนเองด้านการรู้สารสนเทศหลงั ทดลองของตัวอย่างกลุ่มทดลองสูงกวา่ คะแนนเฉลี่ยก่อนทดลองอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 สามารถศึกษารายละเอียดงานวิจัยในหัวข้อ 2.1 กรณตี วั อยา่ งการใช้ UTEL เพือพัฒนาทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ด้านสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี ตัวอย่างงานวิจัยระดับที่ 2 เป็นงานวิจัยท่ีพัฒนาสภาพแวดล้อมเสมือนแล้วนาไปใช้ในการจัดการเรียน การสอน เพื่อสารวจทักษะการรู้สารสนเทศของผู้เรียนในประเทศอังกฤษ Merchant (2010) ได้สารวจทักษะ การรู้สารสนเทศของผู้เรียนพบว่า ผู้เรียนท่ีอยู่ในสภาพแวดล้อมเสมือนมีทักษะการรู้สารสนเทศ แต่ยังไม่สามารถ ระบุระดับได้อย่างชัดเจนเน่ืองจากงานวิจยั นี้เป็นเพียงแค่การสารวจพฤติกรรมจากอวตาร (Avatar) ในโลกเสมือน ท่ีผู้เรียนใช้สื่อสารในสภาพแวดล้อมเสมือนเท่านั้น แต่การค้นพบดังกล่าวสามารถนาไปคาดการณ์ทักษะ การรู้สารสนเทศของผเู้ รยี นในโลกแห่งความเปน็ จริงได้ ดงั ตวั อยา่ งภาพท่ี 6.19 ภาพท่ี 6.19 แสดงโลกเสมอื นจริงทใ่ี ชเ้ ป็นเคร่ืองมอื ในการสังเกตทกั ษะการร้สู ารสนเทศของผเู้ รยี น

280 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ความทา้ ทายของการทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 ด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยีน้ันนา่ จะเป็น ในส่วนของการเปล่ียนแปลงท่ีรวดเร็วของเทคโนโลยีและการเตรียมพร้อมผู้สอนที่จะต้องเท่าทันทักษะดังกล่าว เพ่ือที่จะได้สามารถช้ีนา และคอยจัดเตรียมสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เหมาะสมให้กับผู้เรียนได้ ท้ังนี้จะพบว่า งานวิจัยในขอบขา่ ยของทกั ษะน้นี นั้ ส่วนใหญ่จะเปน็ การพฒั นาแบบวัดเพือ่ ประเมนิ ทกั ษะของผูเ้ รยี นในมติ ิต่างๆ ทัง้ 3 มิติ หากแต่ยังขาดข้อมลู เก่ียวกับข้อแนะนาในการจดั เตรยี มบรบิ ท ประสบการณ์การเรยี นรู้ ตลอดจนการเตรยี ม ตัวของผู้สอน ให้สามารถเตรยี มพรอ้ มรับมอื กบั การเปลยี่ นแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยนี ้ีได้ จึงถือว่าเปน็ ความท้า ทายอย่างยิ่งของผู้สอนในการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนแบบ Ubiquitous Learning และการเลือกอุปกรณ์ เคลื่อนที่และการใช้งานระบบร่วมกบั อุปกรณ์และนวตั กรรมการเรียนรู้ตา่ ง ๆ ที่เหมาะสมตามกรอบของ UTEL ท้ัง 3 ระดับ เพื่อให้ส่งผลต่อผลลัพธ์การเรียนรู้ในมิติต่างๆ ที่ได้ตั้งไว้และเพ่ือให้เกิดการเรียนรู้ท่ีลึกซึ้ง (Deep Learning) ตอ่ ไป

ในบทนี้จะขอแลกเปลี่ยนมุมมองของผู้เขียนในการวิเคราะห์ยูบิควิตัสเทคโนโลยีท่ีส่งเสริมการเรียนรู้ ทีไ่ ด้ออกแบบเน้นผลลัพธ์การเรียนรู้สาหรับผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 โดยหนังสือเล่มนี้ฉายภาพยูบิควิตัสเทคโนโลยี ท่สี ง่ เสรมิ การเรียนรู้ (Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL) ในบรบิ ทการเรยี นรู้แบบยูบคิ วติ ัส (Ubiquitous Learning Environment: ULE) ท่ีตอบ โจทย์ผลลัพธ์การเรียนรู้ในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ น แผนการศึกษาแห่งชาติฉบับปัจจุบัน พ.ศ. 2560-2579 ท่ีมีวิสัยทัศน์ว่า “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดารงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ การเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21”ตลอดจนแนวคิด Thailand 4.0 ที่เน้นความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารแบบก้าวกระโดดท่ีส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้พร้อมรองรับประเทศไทย ยคุ 4.0 โดยเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะของประชากรในศตวรรษท่ี 21 ดังนั้น UTEL จึงได้มีการออกแบบที่ตอบโจทย์ แนวคิดข้างต้น อีกท้ังยังสะท้อนแนวคิดในระดับสากล ได้แก่ กรอบของ Association for Educational Communications and Technology หรือ AECT (2012) และขอบข่ายทางเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ใน 7 มิติของ ศาสตราจารย์ ดร. ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2527) ที่สะท้อนบริบทของวิชาชีพเทคโนโลยีและสื่อสาร การศึกษาไดเ้ ป็นอยา่ งดี โ ด ย Association for Educational Communications and Technology ห รื อ AECT (2012) ไดก้ าหนดขอบข่ายเพื่อให้เป็นกรอบมาตรฐานในการจดั การเรียนรู้ 5 มาตรฐาน 11 ตัวบ่งชี้ ไดแ้ ก่ (1) ด้านความรู้ (Standard 1 Content Knowledge) (2 ) ด้ า น ศ า ส ต ร์ ก า ร ส อ น (Standard 2 Content Pedagogy) (3) ด้านสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ (Standard 3 Learning Environments) (4) ด้านความรู้และทักษะขั้นสูง (Standard 4 Professional Knowledge & Skills) และ (5) ด้านการวิจัย (Standard 5 Research) และตัวบ่งช้ี ในมาตรฐานแต่ละด้านรวม 11 ตัวบ่งชี้ ได้แก่ ด้านการสร้างสรรค์ผลงาน (Creating) การนาไปใช้ (Using) การ ประเมินผล (Assessing/ Evaluating) การจัดการ (Managing) จรรยาบรรณ (Ethics) ความหลากหลายของ ผู้เรียน (Diversity of Learners) ทักษะการทางานร่วมกัน (Collaborative Practice) ภาวะความเป็นผู้นา (Leadership) ผลสะท้อนจากทักษะ (Reflection on Practice) ทฤษฎีพ้ืนฐาน (Theoretical Foundations) และหลกั การ (Method)

282 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ภาพท่ี 1 กรอบมาตรฐานงานทางเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาของ Association for Educational. Communications and Technology หรอื AECT (2012) ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2527) กล่าวถึงขอบข่ายเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาใน 7 มิติ ได้แก่ การจัดระบบ พฤติกรรม วิธีการ ส่ือสาร สภาพแวดล้อม การจัดการ และการประเมิน โดยขอบข่ายดังกล่าว จะสะท้อนการใช้เทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษาในบริบทของการศึกษาทั้งในการศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบโรงเรียน การฝึกอบรม และการศกึ ษาทางไกล อกี ทง้ั ยงั ครอบคลมุ ขอบขา่ ยงานในด้านบริหาร ด้านวิชาการ และดา้ นบรกิ าร ภาพที่ 2 ขอบข่ายตามแนวตั้ง แนวนอน และแนวลกึ ของเทคโนโลยแี ละสือ่ สารการศึกษา (ชัยยงค์ พรหมวงศ์, 2527) จากแนวคิดดังกล่าว ในหนงั สือเลม่ น้ีจึงไดฉ้ ายภาพยูบิควิตสั เทคโนโลยีท่ีส่งเสริมการเรียนรู้ (UTEL) โดย เนน้ ทกี่ ารออกแบบทีเ่ น้นผลลัพธ์การเรียนรสู้ าหรับผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 แบ่งออกเปน็ 8 บท ได้แก่ บทนา การฉายภาพยูบิควิตัสเทคโนโลยีท่ีส่งเสริมการเรียนรู้: การออกแบบท่ีเน้นผลลัพธ์การเรียนรู้ สาหรบั ผูเ้ รยี นในศตวรรษที่ 21

Summary 283 บทที่ 1 ยูบิควิตัสเทคโนโลยีท่ีส่งเสริมการเรียนรู้ (Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL) บทท่ี 2 แนวคิดเก่ียวกับการออกแบบที่เน้นผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ (Outcome-Based Learning Design) บทท่ี 3 ยบู ิควิตสั เทคโนโลยที ี่ส่งเสริมผลลพั ธ์การเรยี นรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ดา้ นสาระหลกั บทที่ 4 ยบู ิควิตัสเทคโนโลยีทส่ี ง่ เสริมผลลพั ธ์การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ดา้ นทกั ษะอาชีพและทักษะชีวิต บทที่ 5 ยูบิควิตัสเทคโนโลยีท่สี ่งเสรมิ ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม บทท่ี 6 ยูบิควติ ัสเทคโนโลยีท่ีส่งเสริมผลลพั ธ์การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ด้านทกั ษะการรู้สารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี บทสรุป มุมมองของผู้เขียนท่ีมีต่อยูบิควิตัสเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการเรียนรู้: การออกแบบท่ีเน้นผลลัพธ์ การเรียนรสู้ าหรบั ผ้เู รยี นในศตวรรษที่ 21 โดยในบทสรุปมุมมองของผู้เขียนน้ีจะขอฉายภาพของ UTEL ดังที่หนังสือเล่มนี้ได้กาหนดนิยามไว้ว่า UTEL ครอบคลุมเทคโนโลยีใน 3 ระดับได้แก่ ระดับท่ี 1 การใช้อุปกรณ์เคล่ือนท่ีกับระบบท่ีมีอยู่แล้ว ระดับที่ 2 การใช้อุปกรณ์เคลื่อนท่ีกับระบบท่ีได้มีการพัฒนาต่อยอดหรือระบบท่ีได้พัฒนาข้ึนใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมกับ บริบทน้ัน (Customized UTEL) และระดับที่ 3 การใชอ้ ุปกรณ์เคลื่อนท่ีร่วมกับอุปกรณเ์ สริมเพ่อื ให้เกิดการใช้งาน ท่ีมีประสิทธิภาพย่ิงขึ้น (UTEL with Smart Tools) โดยความท้าทายคือการออกแบบและเลือกใช้เคร่ืองมือ ดังกล่าวให้เหมาะสมกับบริบทและผลลัพธ์ท่ีได้ตั้งไว้ให้มากที่สุด โดยเม่ือวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างงานวิจัย เก่ียวกับ UTEL ที่ตอบโจทย์ผลลัพธ์การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 และ UTEL ระดับ 1 ระดับ 2 และระดับ 3 พบความเช่ือมโยงของผลงานวิจัยกับ UTEL ในท้ัง 3 ระดับและผลลัพธ์การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในทั้ง 4 มิติ มีรายละเอยี ดดังต่อไปน้ี ตารางท่ี 8.1 ความเช่ือมโยงระหว่างงานวิจัยเก่ียวกับ UTEL ที่ตอบโจทย์ผลลัพธ์การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 และ UTEL ระดบั 1 ระดบั 2 และระดบั 3 งานวจิ ัยเก่ยี วกบั UTEL UTEL UTEL UTEL ทีต่ อบโจทย์ผลลัพธ์ Level 1 Level 2 Level 3 UTEL Customized UTEL with Smart Tools การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 1. การควบคมุ การเรยี น 1. การนาโลกเสมือนจริงมา 1. การใช้ QR Code ทางไกลผ่านการใช้ IoT ใชศ้ ึกษาการเกดิ อุบตั ิเหตุ ร่วมกับสมารท์ โฟน บทที่ 1 ยบู ิควติ ัส ขณะขับรถยนต์ เทคโนโลยีทส่ี ง่ เสริม 2. การประเมินผลงานของ 2. การนาโลกเสมือนจริง 2. การใชเ้ ซ็นเซอรเ์ ชื่อมโยง การเรยี นรู้ ผ้เู รียนระหว่างการเรียน มาใช้ศกึ ษาเรอื่ งส่งิ แวดล้อม กบั สมาร์ทโฟน โดยการเก็บขอ้ มลู ผา่ น ในปา่

284 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL งานวจิ ยั เก่ยี วกบั UTEL UTEL UTEL UTEL ทต่ี อบโจทย์ผลลพั ธ์ Level 1 Level 2 Level 3 UTEL Customized UTEL with Smart Tools การเรยี นร้ใู นศตวรรษที่ 21 IoT Sensors และสง่ ไปยัง ระบบบริหารจดั การเรยี นรู้ 3. การจดั การเรยี นรู้โดย 3. การนาโลกเสมือนจริง 3. Google Cardboard บรู ณาการโมบายเลริ ์นนงิ ในการตรวจสอบสมรรถนะ ใช้ร่วมกับ TV และ VR โดยการใชง้ านผ่าน ของเคร่อื งยนต์อากาศยาน ในหอ้ งปฏิบตั ิการทดลอง Moodle Mobile Application 4. การสร้างเครือข่าย IoT 4. การใช้ส่ือในรูปแบบ 4. ระบบจัดการเรียนรู้ ในมหาวิทยาลัย ซงึ่ จะชว่ ย สามมิตริ ว่ มกบั Moodle on Mobile ใหผ้ เู้ รยี นสามารถเขา้ สกู่ าร Google Glasses บรรยายในห้องเรียนได้จาก 5. การใชแ้ อพลเิ คชนั ระยะไกล 5. STEAM LAB with IoT ClassDojo 5. แอพลเิ คชัน System โดยการเช่ือมโยง BiMMA อปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ 6. การใช้แอพลเิ คชนั ในหอ้ งแลปเข้ากับเซ็นเซอร์ Edmodo 6. แอพลิเคชัน Smart ตา่ งๆ และการประยุกตใ์ ช้ Location-based Mobile API 7. การใชแ้ อพลิเคชัน 6. การใช้ Annotation Google Classroom 7. Multicultural Virtual ร่วมกบั อุปกรณส์ ่ือสาร World แบบไรส้ าย 7. การใชเ้ ทคโนโลยี API 8. ระบบวดิ ีโอสตรีมมงิ แบบ เพ่อื การเช่อื มโยงของ ปฏิสัมพันธ์ตามแนวคิด หนุ่ ยนต์ (Agency Robot) กบั โซเชยี ลมเี ดยี (Social Networking Service: SNS) 8. การใช้ Smartwatch ร่วมกบั แอพลเิ คชัน

Summary 285 งานวจิ ยั เกีย่ วกบั UTEL UTEL UTEL UTEL ทตี่ อบโจทยผ์ ลลัพธ์ Level 1 Level 2 Level 3 UTEL Customized UTEL with Smart Tools การเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 1. Open Simulator หรอื เกมฟิ เิ คชัน ScienceStories โลกเสมอื น 3 มิติ 9. หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 9. การใช้ Smart Watch บทที่ 2 การออกแบบ 2. เทคโนโลยคี ลาวด์ แบบมีปฏิสัมพันธ์บน ร่วมกับแอพลเิ คชัน WeLi ทเ่ี น้นผลลัพธ์ทาง 3. การใช้ YouTube แท็บเลต็ การเรียนรู้ 10. เลิรน์ นงิ ออบเจ็คบน 1. การใช้ Virtual Reality 4. แอพลิเคชัน UIC แทบ็ เล็ตโดยใชเ้ กมเปน็ ฐาน (VR) ผา่ นอุปกรณ์ German ที่มกี ารชว่ ยเสริมศักยภาพ Cardboard 5. LMS : Moodle สาหรับ 11. ชดุ กิจกรรมการเรียน บรหิ ารจดั การเรียนการสอน ดว้ ยแทบ็ เล็ต 6. การเรยี นผ่าน 12. Edmodo Extension M-learning ของ 13. Adds-on for Google มหาวิทยาลยั ตา่ งๆ Classroom 14. Moodle Plug-in 1. การใช้อุปกรณโ์ มบาย 2. การใช้คอรส์ แวรแ์ บบ การใชป้ ัญหาเป็นฐาน 3. คอร์สแวรเ์ พ่ือการเรยี นรู้ แบบยูบคิ วิตัสตามแนวคิด Flipped Classroom 4. TCU-OBL Plugin 5. TCU-EPMS Plugin 6. โปรแกรมเสริมสาหรับ ระบบจดั การเรยี นรทู้ ่ีเน้น ผลลัพธ์การเรยี นรู้ใน สภาพแวดล้อมอีเลริ ์นนงิ

286 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL งานวิจยั เกี่ยวกบั UTEL UTEL UTEL UTEL ท่ตี อบโจทย์ผลลัพธ์ Level 1 Level 2 Level 3 UTEL Customized UTEL with Smart Tools การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 แบบผสมผสาน ศาสตรก์ ารสอน 1. CU Deep Smart บทท่ี 3 ทักษะในศตวรรษที่ 1. การใช้ Word Cloud 7. ระบบการเรียนด้วย Tool Kit ประกอบดว้ ย 21 ดา้ นสาระหลกั ในการระดมสมอง อเี ลริ น์ นงิ แบบผสมผสาน CU Deep Smart และ ด้วยโปรแกรม เพอ่ื เสรมิ สร้างทกั ษะ แอพลิเคชัน i Journey AnswerGarden ทางปญั ญา และ Mentimeter 8. ระบบการเรยี นบน 2. การใชโ้ ปรแกรม Linoit หอ้ งเรยี นเสมือนแบบคลาวด์ ตามแนวคิดการเรียนรู้ คอนเนค็ ติวสิ ม์ 9. แอพลเิ คชันการเรยี นรูบ้ น อปุ กรณเ์ คลือ่ นท่เี กย่ี วกับ ผลการเรียนรู้ของนกั ศึกษา ระดบั อุดมศึกษา 1. บทเรยี นภาษาองั กฤษ โดยใช้การเรยี นการสอน แบบผสมผสานด้วยการ เรยี นการสอนแบบร่วมมือ 3. โปรแกรม Padlet 2. อีเลริ ์นนิงแบบผสมผสาน 4. โปรแกรม Coggle ศาสตร์การสอนตามแนวทาง คอนสตรคั๊ ติวิสต์ด้วย เคร่อื งมอื ทางปญั ญา 3. หนังสือวรรณคดีไทย อิเลก็ ทรอนิกส์แบบเชื่อมโยง ร่วมกบั โซเชียล 4. ระบบการเรยี นรูบ้ น คลาวดต์ ามแนวคดิ วิศวกรรมผันกลับ

Summary 287 งานวิจัยเกยี่ วกบั UTEL UTEL UTEL UTEL ทีต่ อบโจทย์ผลลัพธ์ Level 1 Level 2 Level 3 UTEL 5. โปรแกรม Quizlet Customized UTEL with Smart Tools การเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 6. การใช้ Simulation Game 1. เว็บเชิงบรู ณาการระหวา่ ง 1. การใช้ Smart Watch บทที่ 4 ทกั ษะในศตวรรษที่ 1. การใช้แอพลิเคชันเพ่ือ การเรียนแบบรว่ มมอื กับการ ร่วมกบั Smart Phone 21 ด้านทกั ษะอาชพี และ การศึกษาบนอุปกรณส์ ื่อสาร เรยี นรว่ มกนั ในการกากบั ตนเองในเรื่อง ทักษะชวี ิต เคลอ่ื นที่ กาหนดการนดั หมายต่างๆ 2. ระบบวิดีโอสตรีม ดา้ นสุขภาพของผสู้ ูงอายุ บทที่ 5 ทกั ษะในศตวรรษที่ 2. โมบายเลริ ์นนิงแบบ มงิ แบบปฏสิ ัมพันธ์ตาม 21 ดา้ นการเรียนรู้และ ร่วมมอื รว่ มกับการใช้เหรียญ แนวคิดเกมมฟิ ิเคชันร่วมกบั 1. Smart Sensors Tool นวัตกรรม ตราดจิ ิทัลใน Edmodo การเรียนแบบรอบรู้ และแอพลิเคชัน Smart 3. ระบบ CU Flipped GamI 1. การใช้ Google Drawing Smart (Responsive Design Website) 4. การใช้ WordPress รว่ มกับ Plugin H5P 1. ระบบ ATTM VCOI พัฒนาจากโปรแกรม Open Simulator 2. ระบบการเรียนรแู้ บบ เสรมิ แรงทางบวก 3. รปู แบบการจัดการความรู้ ด้วยการเรยี นจาก ประสบการณ์บนเครอื ขา่ ย 4. ระบบการสอนเสริม ทางไกลอิเลก็ ทรอนิกส์ 5. Multicultural Virtual World (MVW) ระบบ

288 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL งานวจิ ัยเกี่ยวกบั UTEL UTEL UTEL UTEL ท่ีตอบโจทยผ์ ลลพั ธ์ Level 1 Level 2 Level 3 UTEL Customized UTEL with Smart Tools การเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ เสมอื นจริงเพ่ือเสริมสร้าง บทท่ี 6 ทักษะใน ทักษะในศตวรรษที่ 21 ศตวรรษที่ 21 ดา้ น ด้านการสื่อสารและ การรู้สารสนเทศ การทางานร่วมกนั สอ่ื และเทคโนโลยี 6. เทคโนโลยีความเปน็ จรงิ เสมอื น Immersive Virtual Reality (IVR) 1. ระบบการเรยี นบน ห้องเรยี นเสมอื นแบบคลาวด์ ตามแนวคิดการเรียนรู้คอน เนค็ ติวิสม์ 2. ระบบ TCU Assessment Management System (TCU-AMS) จากตารางที่ 8.1 ตารางแสดงความเชื่อมโยงระหว่างงานวิจัยเก่ียวกับ UTEL ท่ีตอบโจทย์ผลลัพธ์ การเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 และ UTEL ระดับ 1 ระดับ 2 และระดับ 3 นนั้ พบว่า พบยบู ิควิตัสเทคโนโลยที ่สี ่งเสริม การเรียนรู้ในภาพกว้างๆ จานวน 32 กรณีศึกษา/งานวิจัย แบ่งออกเป็นระดับ 1 จานวน 7 เรื่อง ระดับ 2 จานวน 14 เร่ือง และระดับ 3 จานวน 11 เรื่อง จึงสรุปได้ว่าในปัจจุบันมีงานวิจัยและกรณีศึกษาท่ีเก่ียวข้องกับ UTEL ทั้ง 3 ระดับ ความท้าทายคือการตอบโจทย์ผู้เรียนในบริบทของผู้สอนแต่ละท่านให้ไปสู่ผลลัพธ์การเรียนรู้ใน ด้านต่างๆ ให้ได้มากท่ีสุด โดยการนา UTEL ในระดับ 2 และ 3 นั้น จะเอ้ือให้ผู้เรียนได้สามารถพัฒนาตนเองได้ เต็มศักยภาพด้วยการปรับปรุง ต่อเติมระบบ ตลอดจนการหาเครื่องมือ (Smart Tools) ที่จะเอ้ือให้การเรียนรู้ มีความน่าสนใจและเกดิ กระบวนการเรียนรูไ้ ด้ลึกซ้ึงยิ่งข้นึ (Deep Learning) ต่อไป เมื่อพิจารณายูบิควิตัสเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การออกแบบท่ีเน้นผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ พบยูบิควิตัส เทคโนโลยีที่สง่ เสริมการเรียนรู้ในท้ัง 3 ระดับจานวนทั้งส้ิน 16 กรณีศึกษา/งานวิจยั แบ่งออกเป็นระดับ 1 จานวน 6 เรื่อง ระดับ 2 จานวน 9 เรื่อง และระดับ 3 จานวน 1 เร่ือง จึงสรุปได้ว่ากรณีศึกษา/งานวิจัยส่วนใหญ่ท่ีพบจะ อยู่ในขอบข่ายของการใช้ UTEL ในระดับที่ 1-2 อาจเนื่องมาจากส่วนใหญ่น้ัน การออกแบบท่ีเน้นผลลัพธ์

Summary 289 ทางการเรียนรู้จะเป็นงานท่ีผู้สอนในหลากหลายสาขาวิชาต้องให้ความสาคัญและมีความเร่งด่วน UTEL 1-2 จึงมี ความเหมาะสมกับบรบิ ทน้ีมากท่สี ดุ และเมื่อพิจารณาในรายด้านตามทักษะในศตวรรษที่ 21 ท้ัง 4 ด้าน พบยูบิควิตัสเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ ผลลัพธ์การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ด้านสาระหลักในท้ัง 3 ระดับจานวนทั้งส้ิน 10 กรณีศึกษา/งานวิจัย แบง่ ออกเปน็ ระดบั 1 จานวน 6 เร่ือง ระดับ 2 จานวน 4 เรอ่ื ง และกรณศี กึ ษา/งานวจิ ัยในระดับ 3 จานวน 1 เร่อื ง ความท้าทายจึงอยู่ท่ผี ้สู อนทีจ่ ะนาระบบท่มี ีอยแู่ ลว้ มาปรับใชใ้ หเ้ หมาะกบั บริบทของตน (UTEL ระดบั 2) หรือย่งิ ไป กว่าน้ันคือการนา Smart Tools ที่มีความเหมาะสมมาปรับใช้ ดังตัวอย่างเช่นที่ได้ยกตัวอย่างในบทนี้คือการนา CU Deep Smart Tool Kit ซ่ึงประกอบด้วยแอพลิเคชัน CU iJourney และ CU Deep Smart Lens Set ซ่ึงถือ เป็น Smart Tool ที่นามาส่งเสริมการทางานชองแอพลิเคชันที่ได้พัฒนาขึ้น เน้นการเสริมสร้างผู้เรียนให้เกิด การเรียนรู้ด้านสาระหลกั ตามแนวคิดของ Bloom’s Taxonomy ได้เป็นอยา่ งดตี ่อไป ยูบิควิตัสเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผลลัพธ์การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะอาชีพและทักษะชีวิต ในทั้ง 3 ระดับจานวนท้ังสิ้น 7 กรณีศึกษา/งานวจิ ัย แบ่งออกเป็นระดับ 1 จานวน 2 เรือ่ ง ระดบั 2 จานวน 4 เรอ่ื ง และระดับ 3 จานวน 1 เรื่อง สิ่งที่น่าสนใจท่ีพบคือการใช้ Smart Watch ร่วมกับ Smart Phone ในการกากับ ตนเองในเรอ่ื งกาหนดการนัดหมายต่างๆ ด้านสุขภาพของผสู้ ูงอายุ ซึง่ ถือเปน็ การตอบโจทย์คุณลักษณะของ UTEL ในทั้ง 3 มิติได้แก่ (1) ความสามารถในการเคลื่อนท่ี (Mobility) (2) ความสามารถในการโต้ตอบ (Interactivity) และ (3) ความยดื หยุ่น (Flexibility) ได้เป็นอยา่ งดี สาหรับยูบิควิตัสเทคโนโลยีทตี่ อบโจทย์ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ดา้ นการเรยี นรู้และนวตั กรรม ในท้ัง 3 ระดับจานวนท้ังสิ้น 7 เร่ือง แบ่งออกเป็นระดับ 1 จานวน 2 เร่ือง ระดับ 2 จานวน 4 เรื่อง และระดับ 3 จานวน 1 เร่ือง ความท้าทายจึงอยู่ท่ีผู้สอนที่จะสามารถนาระบบท่ีมีอยู่แล้วมาปรับใช้ให้เหมาะกับบริบทของตน (UTEL ระดบั 2) ดงั ตวั อยา่ งเช่นระบบ CU Flipped Smart ที่ได้มีการนาเอาแนวคิดเกมิฟเิ คชันมาใช้เพ่ือให้ผเู้ รียน เกิดความท้าทายในการเรยี นรู้ และความทา้ ทายเรื่องการนา Smart Tools ทีม่ คี วามเหมาะสมมาปรบั ใชต้ อ่ ไปจาก การท่ีในปัจจุบันเทคโนโลยี IoT และ Wearable Devices ได้เข้ามามีบทบาททางการศึกษามากข้ึน ดังตัวอย่าง ต่างๆ ที่พบในบทที่ 1 ผู้สอนจึงควรตระหนักถึงเทคโนโลยีดังกล่าวและเลือกประเภทที่เหมาะมาปรับใช้ ดังตัวอย่างเช่นในงานวิจัยน้ีได้นาเซ็นเซอร์ต่างๆ ได้แก่ เซ็นเซอร์ตรวจวัดความเป็นกรด-เบส เซ็นเซอร์ตรวจวัด ความชน้ื และเซ็นเซอรว์ ัดอุณหภูมิ นามาใชร้ ว่ มกบั แอพลิเคชัน CU Smart Gami เพ่ือพัฒนาทกั ษะการเรยี นร้แู ละ นวัตกรรมของผู้เรียน โดยได้นามาใช้ในห้องเรียนวิทยาศาสตร์ เพ่ือเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้ของผู้เรียนดังที่ได้ นาเสนอไวใ้ นบทท่ี 5 หัวขอ้ ประเดน็ กระตุน้ คิดเกี่ยวกับการต่อยอดงานวิจยั สู่นวัตกรรมการเรยี นรู้ สาหรบั ยูบิควติ ัสเทคโนโลยที ต่ี อบโจทย์ผลลพั ธ์การเรียนร้ใู นศตวรรษท่ี 21 ดา้ นการรู้สารสนเทศ ส่อื และ เทคโนโลยีในท้ัง 3 ระดับนั้น พบกรณีศึกษา/งานวิจัย จานวนท้ังสิ้น 2 เรื่อง ซึ่งทั้ง 2 งานนี้จาแนกอยู่ใน UTEL ประเภทท่ี 2 (Customized UTEL) โดยทั้ง 2 งานได้เน้นการเพิ่มศักยภาพของระบบท่ีมีอยู่แล้ว มาปรับให้เหมาะ กับบริบทของผู้เรียนและผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ได้กาหนดไว้ย่ิงข้ึน ท้ังนี้พบว่าใน 2 งานท่ีพบน้ัน งานแรกจะเป็น

290 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL การนาเสนอกระบวนการพัฒนาการรู้สารสนเทศของผู้เรียน ส่วนอีกงานหน่ึงคือการพัฒนาแบบวัดเพื่อประเมิน ทักษะของผู้เรียนในมิติต่างๆ ของทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยีใน 3 มิติ แต่พบว่ายังขาดข้อมูลเก่ียวกับกระบวนการพัฒนาการรู้สื่อและเทคโนโลยีของผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถ เตรียมพร้อมรบั มือกับการเปล่ียนแปลงท่รี วดเรว็ ของสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยีไดต้ อ่ ไป ทัง้ นี้ เมอ่ื พจิ ารณาในมิติของการจาแนกตามผลลัพธก์ ารเรียนรตู้ ามกรอบการเรียนร้ใู นศตวรรษท่ี 21 ทีใ่ ห้ ความสาคญั กับกรอบแนวคิดที่เน้นผลลัพธ์ท่ีเกิดกับผเู้ รียน (Student Outcomes) ทั้งในด้านความรูส้ าระวิชาหลัก (Core Subjects) และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 (21st Century Skills) ท่ีจะช่วยให้ผู้เรียนได้เตรียมความพร้อม รอบด้าน การเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมยูบิควิตัสเลิร์นนิง ซึ่งจาแนกได้ใน 5 บริบทได้แก่ บริบทการเรียนรู้แบบ ผสมผสาน (Blended Learning) บรบิ ทการเรียนรู้บนคลาวด์ (Cloud Based Learning) บรบิ ทการเรยี นรู้เสมอื น (Virtual Learning) บริบทการเรียนรู้โมบาย (Mobile Learning) บริบทการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) ดังท่ีได้กล่าวไว้ข้างต้น สามารถวิเคราะห์ความสอดคล้องของทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เครือ่ งมือและวธิ ีการสอนแบบยบู คิ วติ ัส ท่ีอิงจากผลของงานวจิ ัยต่างๆ สรุปได้ดังต่อไปน้ี ตารางท่ี 8.2 ความเช่ือมโยงระหว่างผลลัพธ์การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ยูบิควิตัสเทคโนโลยี การเรียนการสอนในบริบท ยูบิควติ สั และรายการอ้างองิ 21st Century Skills Ubiquitous Ubiquitous References Pedagogy Outcomes Technology การเรยี นการสอน วไิ ลพร พรมตา และจนิ ตวีร์ ม่นั สกุล. (2008). แบบผสมผสานและ ผลของการเรียนการสอนแบบผสมผสานด้วยการ ดา้ นสาระหลกั (Key Subjects) การเรียนการสอน เรียนการสอนแบบรว่ มมือในบทเรียนภาษาองั กฤษท่ี แบบรว่ มมือ มีต่อผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนกั เรียน English Learning เวบ็ การเรียนการ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ที่มบี ุคลิกภาพแตกต่างกัน. ทฤษฎีการตอบสนอง Online Journal of Education วารสาร Achievement สอน ของผอู้ ่าน อิเลก็ ทรอนกิ ส์ทางการศึกษา, 3(2), 164-177. Kumnuansin, J., & Khlaisang, J. (2015). ผลสัมฤทธิ์ทางการ (Web-Based แนวคิดวศิ วกรรมผัน Development of a Model of Thai Literature Hypermedia Electronic Books with Social เรยี นของนักเรยี น Instruction) Media Based on the Reader-response Theory to Enhance Reading Comprehension มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 of Elementary School Students. Procedia - Social and Behavioral Sciences, 174, 1700- ความเข้าใจใน รูปแบบหนังสือ 1706. การอา่ น วรรณคดีไทย สุธิวัชร ศุภลกั ษณ์ จนิ ตวีร์ คลา้ ยสงั ข์ และเนาวนิตย์ อิเล็กทรอนกิ ส์แบบ เชอ่ื มโยงร่วมกับ โซเชยี ลมีเดยี ความคดิ เชงิ ระบบการเรยี นรูบ้ น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook