Chapter 1 41 ภาพที่ 1.33 แสดงหน้ำจอของแอพลิเคชนั Sciencestories นอกจำกนี้ Zheng and Motti (2017) ได้วิจัยเกี่ยวกับกำรสร้ำงแอพลิเคชัน WeLi ที่ใช้ควบคู่กับ Smartwatch ในกำรศกึ ษำพเิ ศษ เพือ่ พัฒนำกำรเรยี นรู้ในหอ้ งเรยี นของนกั เรียนทีบ่ กพร่องทำงสติปญั ญำ พบวำ่ นักเรยี นมคี วำมกระตือรอื รน้ ในกำรเรียนรู้มำกขน้ึ และนกั เรยี น (ภำพท่ี 1.34) ภาพท่ี 1.34 แสดงแอพลเิ คชัน WeLi และกำรทำงำนของ Smartwatch จำกตัวอย่ำงดังกล่ำวจะเห็นได้ว่ำ ควำมท้ำทำยคือกำรออกแบบและเลือกใช้เคร่ืองมือดังกล่ำวให้ เหมำะสมกบั บรบิ ทและผลลพั ธ์ท่ไี ด้ตัง้ ไว้ให้มำกทีส่ ุด 4.2 ประเด็นกระตนุ้ คิด: จดุ เริ่มต้นของ UTEL ด้วยระบบการเรยี นรตู้ า่ งๆ จะเห็นได้ว่ำกำรเรียนกำรสอนในสภำพแวดล้อมแบบยูบิควิตัส (Ubiquitous Learning Environment) นั้น จะประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ส่วนที่สำคัญได้แก่ (1) ยูบิควิตัสเทคโนโลยีท่ีส่งเสริมกำรเรียนรู้ (Ubiquitous Technology Environment Learning: UTEL) และ (2) สภำพแวดล้อมกำรเรียนรู้แบบยูบิควิตัส (Ubiquitous Learning Environment: ULE) ซ่ึงเป็นวิธีกำรเรียนรู้รูปแบบหน่ึง ทั้งนี้หลำยๆ งำนวิจัยได้มีกำรใช้ วิธีกำรสอนอื่นๆ เช่น กำรเรียนรู้แบบผสมผสำน (Blended Learning) กำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้ำน (Flipped Classroom) ห้องเรียนเสมือน (Virtual Learning) เพื่อตอบโจทย์และเป้ำหมำยกำรเรียนรู้ท่ีต่ำงกันไป องค์ประกอบข้ำงต้นได้ครอบคลุมกำรเรียนรู้และเทคโนโลยีในรูปแบบและมิติต่ำงๆ ได้แก่ กรอบแนวคิด เรื่องควำมสำมำรถในกำรเคล่ือนที่ (Mobility) เป็นแนวคิดหน่ึงท่ีสำคัญท่ีผู้สอนจะต้องให้ควำมสำคัญในกำรจัด สภำพแวดล้อมกำรเรียนรู้ที่มีควำมคล่องตัวสูง ไม่ว่ำจะเป็นในเรื่องของควำมคล่องตัวในเรื่องของเวลำ
42 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ควำมคล่องตัวในเรื่องสถำนที่ และควำมคล่องตัวในเรื่องของกำรใช้อุปกรณ์ใดก็ได้ (Any Mobile Device, at Anytime, Anywhere) ควำมสำมำรถในกำรโต้ตอบ (Interactivity) เน้นกำรจัดเทคโนโลยีและสภำพแวดล้อม ที่ผสมผสำนระหว่ำงอุปกรณ์เคล่ือนที่ เนื้อหำกำรเรียนรู้ ระบบกำรเรียนรู้ และโปรแกรมประยุกต์ต่ำง ๆ เพื่อผล กำรเรียนรู้ท่ีดีข้ึน โดยกระบวนกำรเรียนรู้จะเกิดขึ้นจำกกำรถูกแลกเปล่ียนและใช้ร่วมกันระหว่ำงผู้เรียน ผู้สอน ผ่ำนกำรใช้อุปกรณ์เคล่ือนท่ี และสุดท้ำยเรื่อง ควำมยืดหยุ่นในกำรเรียนรู้ (Flexibility) โดยให้ควำมสำคัญกับ ควำมสำมำรถในกำรปรบั ตัวและยดื หยนุ่ ต่อกำรเรียนรู้ท่ีมบี ริบทต่ำงกัน จำกเดิมท่ีผู้สอนเป็นผู้ให้ข้อมลู และผเู้ รียน จะต้องอยู่ในที่เดียวกันและเข้ำร่วมกิจกรรมเดียวกัน ซ่ึงกำรจัดกิจกรรมแบบ UL นั้นจะแตกต่ำงออกไป คือเน้น ในเร่ืองของกำรที่ผู้เรียนแต่ละคนอยู่ในสถำนที่และเวลำต่ำงกัน แต่ยังสำมำรถเข้ำร่วมกิจกรรมด้วยกันได้ อีกท้ัง ทรพั ยำกรกำรเรียนรขู้ องผู้สอนจะสำมำรถเขำ้ ถึงได้ตลอดเวลำผำ่ นอปุ กรณ์ใด ๆ ก็ได้ อย่ำงไรก็ตำม กำรใช้ UTEL ในสภำพแวดล้อมของ ULE ของผู้สอนแต่ละคนนั้น อำจมีควำมแตกตำ่ งกัน ทั้งในเร่ืองของบรบิ ท กลุ่มผู้เรียน ควำมพร้อม และประสบกำรณใ์ นกำรสอน เครื่องมือหน่ึงทีถ่ ือเป็นหัวใจสำคญั ใน กำรจัดกำรเรียนรู้รูปแบบดังกล่ำวคือระบบกำรเรียนรู้ (Learning System) ซ่ึงถือเป็นห้องเรียนเสมือนสำหรับ ผู้สอนในกำรออกแบบและนำเสนอเนื้อหำ กำรจัดกิจกรรม และกำรเก็บร่องรอยกำรประเมินผลในกำรเรียนใน สภำพแวดล้อมแบบ ULE ได้ ท้ังน้ีในปัจจุบันพบว่ำระบบกำรเรียนรู้มีหลำกหลำยแพลตฟอร์ม ซึ่งมีจุดเด่นและ ขอ้ จำกดั แตกตำ่ งกนั ไป จงึ ขอนำเสนอระบบกำรเรยี นรูส้ ำหรบั ผ้อู ่ำน เพ่ือเป็นจดุ เริ่มตน้ ในสภำพแวดลอ้ มกำรเรียนรู้ แบบยูบิควิตัส หรือบำงท่ำนอำจนำไปปรับใช้กับกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ กำรเรียนกำรสอนแบบผสมผสำน กำรเรียนอีเลิร์นนิง และอ่ืนๆ ได้ โดยกำรนำเสนอนัน้ จะขออิงจำกประสบกำรณผ์ สู้ อน ที่ผู้อ่ำนสำมำรถนำไปปรบั ใชใ้ นทุกระดับกำรเรยี นรู้ ประถม มัธยม อดุ มศึกษำ และกำรศึกษำตลอดชวี ิต ระบบกำรเรียนรู้หรือ Learning System (LS) เป็นที่นิยมนำมำใช้ประยุกต์ในกำรจัดกำรเรียนรู้ อีกทั้ง นักเ ทคโ นโ ล ยีกำร ศึกษำยังไ ด้ พยำยำมที่จะ เ พิ่มเ ติ มร ะ บบให้มีคุณ ส มบัติ เ พ่ือต อบโ จทย์ ผ ล ลัพธ์กำร เรียนรู้ (Outcomes) ท่ีได้ต้ังไว้ ตัวอย่ำงเช่น ระบบกำรเรียนรู้ Class Dojo, Edmodo, Google Classroom, Moodle หรือในบำงบริบทอำจพัฒนำระบบขึ้นมำใหม่ ดังตัวอย่ำงเช่น Smart GamI โดยกำรพัฒนำ Learning System ตำมแนวคิดเกมิฟิเคชัน จะครอบคลุมกำรใช้ UTEL ในระดับที่ 1 ได้แก่กำรใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่กับระบบที่มีอยูแ่ ล้ว สว่ นกำรใช้ Plug-ins หรอื Extensions เสริมน้ันจะครอบคลมุ UTEL ในระดับที่ 2 ได้แก่กำรใช้อปุ กรณ์เคล่อื นทก่ี บั ระบบที่ได้มีกำรพัฒนำต่อยอดหรือระบบที่ได้พัฒนำข้ึนใหม่เพื่อให้มีควำมเหมำะสมกับบริบทนั้น (Customized UTEL) ดังน้ันจึงขอนำเสนอระบบกำรเรียนรู้ (Learning System) ที่เป็นท่ีนิยมใช้ในปัจจุบัน มีรำยละเอียด ดังตอ่ ไปนี้
Chapter 1 43 Class Dojo จดุ เด่นของระบบ ควำมสำมำรถในกำรเชื่อมโยงผู้สอน ผู้เรียน และผู้ปกครองในห้องเรียนออนไลน์ ผู้สอนสำมำรถกระตุ้นให้ ผู้เรียนเกิดทักษะและคุณค่ำในด้ำนต่ำงๆ เช่นทักษะกำรทำงำน กำรช่วยเหลือผู้เรียนด้วยกัน ผู้เรียนสำมำรถ แสดงควำมเห็นและแชร์กำรเรียนรู้โดยกำรเพ่ิมรูปภำพและวีดิโอของตนเองลงใน Portfolios ผู้ปกครองมี ส่วนร่วมในกำรแชร์รูปภำพและวีดิโอเป็นกำรเพิ่มบรรยำกำศในห้องเรียนที่ดี และเป็นเครื่องมือท่ีช่วยใน กำรจัดกำรเรียนรู้ท่ีหลำกหลำย (Toolkit) เช่น กำรจัดกลุ่มแบบสุ่มให้กับนักเรียน กำรแสดงคำสั่งในแต่ละ กิจกรรม กำรแชรเ์ รือ่ งรำวของห้องเรยี นใหก้ ับผ้ปู กครองด้วยรปู ภำพ วดี ิโอ และประกำศต่ำงๆ บน Class Story หรือ ข้อควำมสว่ นตวั ของผู้ปกครอง (www.classdojo.com) การนาไปใช้ในการวิจัย ตัวอยา่ งงานวิจัยท่ี 1 ชื่ อ ง า น วิ จั ย : Use of a Technology-Enhanced Version of the Good Behavior Game in an Elementary School Setting กลุ่มตวั อย่าง: นกั เรยี นระดบั K-8 จำนวน 662 คน วัตถุประสงค์: เพื่อสำรวจประสิทธิภำพของควำมแตกต่ำงของ Good Behavior Game (GBG) ซ่ึงครูใช้ แอพพลเิ คชนั Class Dojo ในกำรจดั กำรควำมก้ำวหนำ้ ของนกั เรียนแตล่ ะกลุม่ เครื่องมือท่ีใช้ในการวจิ ยั : ผลการวิจัย : GBG ที่ใช้ร่วมกับ ClassDojo น้ันมีประสิทธิภำพในกำรลดพฤติกรรมรบกวนท่ีไม่เหมำะสม เพ่มิ ควำมมสี ว่ นร่วมในเร่ืองวิชำกำรมำกขน้ึ สำมำรถใชง้ ำนได้จริงในกำรลดพฤตกิ รรมรบกวนเกดิ ขนึ้ ในห้องเรียน จำกกำรลดเพิม่ จำนวนกำรชืน่ ชมตำมรปู แบบพฤตกิ รรมท่เี หมำะสมและไมเ่ หมำะสม รายการอ้างองิ
44 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL Lynne, S., Radley, K.C., Dart, E.H., Tingstrom, D.H., Barry, C.T., & Lum, J.D.K..(2017). Use of a technology-enhanced version of the good behavior game in an elementary school setting. Psychology in the Schools, 54 (9), pp. 1049-1063. DOI: 10.1002/pits.22043 ตัวอย่างงานวิจัยท่ี 2 ชื่องานวิจัย: กำรพัฒนำควำมสำมำรถกำรอ่ำนคำควบกล้ำ โดยใช้หนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนร่วมกับเทคโนโลยี ผสำนควำมจรงิ ทใี่ ช้กจิ กรรมกำรเรยี นรู้เทคนคิ เกมฟิ เิ คชันสำหรับนกั เรียนชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ 3 กลุ่มตัวอย่าง: นักเรียนชั้นประถมศึกษำปีท่ี 3/5 โรงเรียนวัดบำงปะกอก สำนักงำนเขตรำษฎร์บูรณะ กรงุ เทพมหำนคร ในภำคเรยี นที่ 2 ประจำปีกำรศึกษำ 2559 วัตถุประสงค์: (1) เพ่ือพัฒนำหนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนร่วมกับเทคโนโลยีผสำนควำมจริง โดยใช้เทคนิค เกมิฟิเคชันจัดกำรเรียนรู้ เรื่องคำควบกล้ำสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภำพตำมเกณฑ์ (2) เพ่อื วดั ควำมสำมำรถในกำรอ่ำนออกเสยี งคำควบกลำ้ ของนักเรยี น (3) เพ่อื ศึกษำผลสมั ฤทธิ์ของนกั เรยี นที่ใช้ หนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนร่วมกับเทคโนโลยีผสำนควำมจริง โดยใช้เทคนิคเกมิฟิเคชัน จัดกำรเรียนรู้ เร่ือง คำควบกล้ำสำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษำปีที่ 3 และ(4) เพ่ือศึกษำควำมพึงพอใจของนักเรียนที่ใช้หนังสือ ส่งเสริมกำรอ่ำนร่วมกับเทคโนโลยีผสำนควำมจริง โดยใช้เทคนิค เกมิฟิเคชันจัดกำรเรียนรู้เรื่องคำควบกล้ำ สำหรับนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี 3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย: (1) หนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนร่วมกับเทคโนโลยีผสำนควำมจริง โดยใช้เทคนิค เกมฟิ เิ คชันจดั กำรเรยี นรู้ เร่อื งคำควบกลำ้ สำหรบั นักเรียนช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 3 (2) แบบประเมนิ คุณภำพด้ำนเนื้อหำและด้ำนเทคนิคกำรผลิตสอ่ื ของหนงั สอื สง่ เสรมิ กำรอ่ำนรว่ มกับเทคโนโลยี ผสำนควำมจริง โดยใช้เทคนิคเกมิฟเิ คชันจดั กำรเรยี นรู้ เรื่องคำควบกลำ้ สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษำปที ่ี 3 (3) แบบประเมนิ ควำมสำมำรถในกำรอ่ำนออกเสยี งคำควบกลำ้ (4) แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ ำงกำรเรียนเรอื่ ง คำควบกล้ำ สำหรบั นกั เรียนช้ันประถมศึกษำปีท่ี 3 (5) แบบประเมนิ ควำมพงึ พอใจของนกั เรียนทีใ่ ช้หนังสอื สง่ เสรมิ กำรอ่ำนร่วมกับเทคโนโลยผี สำนควำมจรงิ โดยใช้ เทคนิคเกฟเิ คชนั จัดกำรเรยี นรู้ เรอื่ งคำควบกลำ้ สำหรบั นักเรียนชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี 3 ผลการวจิ ัย: (1) กำรพัฒนำหนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนร่วมกับเทคโนโลยีผสำนควำมจริงโดยใช้เทคนคิ เกมิฟิเคชันจัดกำรเรยี นรู้ เรื่องคำควบกล้ำ สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษำปีท่ี 3 มีคุณภำพด้ำนเน้ือหำอยู่ในระดับดี คุณภำพด้ำนสื่อ เทคโนโลยีอยู่ในระดับดีมำกและมีประสิทธิภำพเท่ำกับ 81.11/80.09 เป็นไปตำมเกณฑ์ท่ีต้ังไว้ 80/80 (2) ควำมสำมำรถในกำรอ่ำนออกเสียงคำควบกลำ้ ของนกั เรียนมคี ำ่ เฉลย่ี เท่ำกับ 32.05 อยู่ในเกณฑ์ระดบั ดีมำก (3) ผลสัมฤทธ์ิของนักเรียนที่ใช้หนังสือส่งเสริมกำรรักกำรอ่ำนร่วมกับเทคโนโลยีผสำนควำมจริงโดยใช้เทคนิค เกมฟิ เิ คชนั จัดกำรเรียนรู้ เร่อื งคำควบกล้ำสำหรบั นกั เรียนชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ 3 มีคะแนนเฉลยี่ หลงั เรียนสงู กว่ำ กอ่ นเรียน อย่ำงมนี ัยสำคญั ทำงสถติ ทิ ่ีระดบั .01 และ 4. ควำมพงึ พอใจของนักเรยี นที่ใชห้ นังสือส่งเสริมกำรอ่ำน
Chapter 1 45 ร่วมกับเทคโนโลยีผสำนควำมจริงโดยใช้เทคนิคเกมิฟิเคชันจัดกำรเรียนรู้ เรื่องคำควบกล้ำ สำหรับนักเรียน ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี 3 อยู่ในระดับมำกท่สี ุด รายการอา้ งองิ อดิศักด์ิ เมฆสมุทร สุรพล บุญลือ และ กีรติ ตันเสถียร . (2560). กำรพัฒนำควำมสำมำรถกำรอ่ำน คำควบกล้ำโดยใช้หนังสือ ส่งเสริมกำรอ่ำนร่วมกับเทคโนโลยีผสำนควำมจริงท่ีใช้กิจกรรมกำรเรียนรู้ เทคนิคเกมิฟิเคชัน สำหรับนักเรียนช้ัน ประถมศึกษำปีท่ี 3. Veridian e-Journal International Humanities, Social Sciences and arts, 10(1), 550-564. แนวทางในการนาไปใช้และการต่อยอด โปรแกรม Class Dojo มีกำรจัดเตรียม Extension ท่ีผู้ใช้สำมำรถติดต้ังเพ่ิมเติม เพื่อให้กำรใช้ระบบมี ประสิทธิภำพมำกยงิ่ ข้นึ และตอบโจทย์เป้ำหมำยเฉพำะในแตล่ ะบริบทได้ ตวั อย่ำงเช่น กำรเพิ่มศกั ยภำพของระบบ ในเรอื่ งของกำรเช็คช่ือเข้ำเรยี น ดังตวั อย่ำงในภำพท่ี 1.35 ภาพท่ี 1.35 ClassDojo Extension ท่ผี ู้ใชส้ ำมำรถตดิ ตัง้ เพม่ิ เติมได้ Edmodo
46 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL จุดเด่นของระบบ ระบบท่ีผู้สอนใช้สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ สำมำรถเช่ือมต่อกับผู้สอนคนอื่น ผู้เรียนและผู้ปกครอง มุ่งเน้น กำรสอนที่ไม่ใช้เอกสำร เน้นกำรใช้งำนง่ำยและสะดวกในกำรจัดเก็บข้อมูลไม่จำกัด เช่น กำรสร้ำงกลุ่ม กำรส่ัง กำรบ้ำน กำรสร้ำงแบบทดลอบท่ีมีกำรต้ังเวลำ กำรดูควำมคืบหน้ำ Edmodo ได้รับกำรออกแบบมำสำหรับ กำรจัดกำรช้ันเรียนดิจิทัลได้อย่ำงสมบูรณ์ Edmodo เป็นระบบที่มีกำรเช่ือมต่อกับแอพลิเคชัน Google ท่ี เก่ียวข้องกับกำรศึกษำได้แก่ Google Education และ Microsoft OneNote & Office นอกจำกน้ี Edmodo รองรับกำรใช้งำนผ่ำนทำงมือถือ ทำให้สำมำรถสนับสนุนกำรเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลำ ผู้ปกครองมีส่วนร่วมใน กำรเรียนรู้ แชร์งำนและวันที่กำหนดส่งท่ีประกำศในชั้นเรียน กิจกรรม กำรต้ังค่ำกำรแจ้งเตือน สำมำรถค้นหำ เนื้อหำต่ำงๆที่เก่ียวข้องกับกำรศึกษำทั้งแบบเปิดหรือแบบต้องเสียค่ำใช้จ่ำย แอพลิเคชัน เกม (www.edmodo.com) การนาไปใชใ้ นการวิจยั ตัวอยา่ งงานวิจัยที่ 1 ชื่องานวิจยั : The Impact of Edmodo-Assisted Project-Based Learning Applications on the Inquiry Skills and the Academic Achievement of Prospective Teachers กล่มุ ตวั อยา่ ง: นักศกึ ษำฝึกหัดครูจำนวน 72 คน วัตถุประสงค์: (1) เพ่ือศึกษำผลกระทบของกำรใช้ Edmodo ในกำรเรียนรู้แบบใช้โครงกำรเป็นฐำนท่ีมีต่อ ทักษะกำรสืบสอบและควำมสำเร็จด้ำนกำรเรียนรู้ของนักศึกษำฝึกหัดครู และ (2) เพื่อศึกษำควำมคิดเห็นของ นักศึกษำฝกึ หดั ครทู ่มี ีตอ่ Edmodo platform เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั : แบบสมั ภำษณค์ วำมคดิ เหน็ สำหรบั นกั ศกึ ษำฝึกหดั ครูที่มีต่อ Edmodo Platform ผลการวิจัย: (1) กำรเรียนรู้โดยใช้โครงกำรเป็นฐำนท่ีใช้ Edmodo Platform เป็นตัวช่วย สร้ำงผลกระทบ เชิงบวกต่อทักษะกำรสืบสอบและควำมสำเร็จด้ำนกำรเรียนรู้ให้กับนักศึกษำฝึกหัดครู (2) นักศึกษำฝึกหัดครูมี ควำมพึงพอใจกบั กิจกรรมทท่ี ำผำ่ น Edmodo Platform รายการอา้ งอิง Hursen, C. (2018). The impact of Edmodo-assisted project-based learning applications on the inquiry skills and the academic achievement of prospective teachers. TEM Journal, 7 (2), pp. 446-455. DOI: 10.18421/TEM72-29 ตวั อยา่ งงานวิจัยท่ี 2 ช่ืองานวิจัย: กำรพัฒนำกำรจัดกำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับทำงร่วมกับกำรคิดแก้ปัญหำผ่ำนสังคมเครือข่ำย Edmodo กลุ่มตัวอย่าง: นักเรียนในช่วงช้ันท่ี 4 (ช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 5) โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล สำนักงำนเขตพื้นที่ กำรศึกษำมัธยมศึกษำชัยภูมเิ ขต 30 ปกี ำรศกึ ษำ 2558 ภำคเรียนที่ 1
Chapter 1 47 วัตถุประสงค์: (1) เพื่อกำรพัฒนำกำรจัดกำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับทำงร่วมกับกำรคิดแก้ปัญหำผ่ำนสังคม เครือข่ำย (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของผู้เรียนท่ีได้รับกำรจัด กำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับทำงร่วมกับกำรคิดแก้ปัญหำผ่ำนสังคมเครือข่ำย Edmodo (3) เพ่ือศึกษำทักษะ กำรคิดแก้ปัญหำของผู้เรียนท่ีไดร้ ับกำรจัดกำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับทำงร่วมกับกำรคิดแก้ปญั หำผ่ำนสงั คม เครือข่ำย Edmodo และ(4) เพ่ือศึกษำควำมคิดเห็นของผู้เรียนท่ีมีต่อกำรจัดกำรเรียนรู้แบบห้องเรยี นกลบั ทำง รว่ มกับกำรคิดแก้ปัญหำผำ่ นสังคมเครือข่ำย Edmodo เครื่องมอื ท่ีใช้ในการวจิ ยั : (1) สังคมเครือขำ่ ย Edmodo และ(2) แบบวดั ทกั ษะกำรคดิ แก้ปัญหำ ผลการวิจัย: (1) แผนกำรจัดกำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับทำงร่วมกับกำรคิดแก้ปัญหำ และส่ือวีดิทัศน์ มีควำมเหมำะสมอยู่ในระดับเหมำะสมมำกที่สุดโดยมีค่ำเฉล่ียเท่ำกับ 4.69 และ 4.88 ตำมลำดับ (2) ผลกำรเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนของผู้เรียนที่ได้รับกำรจัดกำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับทำง ร่วมกับกำรคิดแก้ปัญหำผ่ำนสังคมเครือข่ำย Edmodo หลังเรียนสูงกว่ำก่อนเรียนอย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติท่ี ระดับ .01 (3) ผลคะแนนทักษะกำรคิดแก้ปัญหำของผู้เรียนท่ีได้รับกำรจัดกำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้ำน ร่วมกับกำรคดิ แก้ปญั หำ ผ่ำนสังคมเครือข่ำย Edmodo อยู่ในระดับดี โดยมีค่ำเฉลยี่ คะแนนเท่ำกับ 74.58 และ (4) ควำมคิดเห็นของผู้เรียนมีต่อกำรจัดกำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้ำนร่วมกับกำรคิดแก้ปัญหำผ่ำนสังคม เครือข่ำย Edmodo พบว่ำผู้เรียนมีควำมคิดเห็นโดยรวมอยู่ในระดับดี ซึ่งมีค่ำเฉล่ียเท่ำกับ 3.70 และ สว่ นเบย่ี งเบนมำตรฐำนเท่ำกบั 0.84 รายการอา้ งอิง ชลธิช ณ ลำปำง. (2015). กำรพัฒนำกำรจัดกำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้ำนร่วมกับกำรคิดแก้ปัญหำ ผ่ำนสงั คมเครือข่ำย Edmodo. Journal of Education KhonKaen University (Graduate Studies Research), 11(3), 48-58. แนวทางในการนาไปใช้และการต่อยอด โปรแกรม Edmodo มีกำรจัดเตรียม Extension ท่ีผู้ใช้สำมำรถติดต้ังเพ่ิมเติม เพื่อให้กำรใช้ระบบมี ประสิทธิภำพมำกยง่ิ ขึ้น และตอบโจทย์เปำ้ หมำยเฉพำะในแต่ละบริบทได้ ดังตวั อย่ำงในภำพที่ 1.36 ภาพท่ี 1.36 Edmodo Extension ทีผ่ ู้ใช้สำมำรถตดิ ตัง้ เพม่ิ เติมได้
48 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL Google Classroom จุดเด่นของระบบ Google Classroom เป็นเคร่ืองมือที่ช่วยในกำรจัดชั้นเรียน ช่วยให้ครูประหยัดเวลำ ทำให้ช้ันเรียนเป็น ระเบียบ และติดต่อส่ือสำรกับผู้เรียน โดยสำมำรถใช้งำนร่วมกับเคร่ืองมืออ่ืนของ Google ได้ เช่น Google Drive และ Google Application ต่ำงๆ Gmail ไดร์ฟ โดย Google Classroom เป็นเคร่ืองมือท่ีช่วยสำหรับ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนซึ่งเป็นกำรบริกำรส่วนหน่ึงของ Google Apps for Education ผู้สอนสำมำรถเพ่ิม ผู้เรียนโดยตรงหรือใช้รหัสเพ่ือให้ผู้เรียนเข้ำชั้นเรียนได้ Google Classroom ออกมำให้ใช้งำนได้ง่ำยโดยผู้สอน สำมำรถประกำศ มอบหมำยงำนให้กับผู้เรียน และสร้ำงแบบทดสอบ อีกท้ังผู้สอนยังสำมำรถให้คะแนนและ ผลตอบกลับกับผู้เรียนได้เปน็ รำยบคุ คล (classroom.google.com) การนาไปใชใ้ นการวิจยั ตวั อยา่ งงานวจิ ยั ท่ี 1 ชื่ อ ง า น วิ จั ย : Students Acceptance of Google Classroom: An Exploratory Study Using PLS-SEM Approach กล่มุ ตัวอย่าง: นกั เรียนใน Al Buraimi University College (BUC) ประเทศ Oman จำนวน 337 คน วตั ถุประสงค:์ เพ่อื ศกึ ษำปจั จยั ที่มผี ลกระทบตอ่ กำรยอมรับ Google Classroom ของนักเรียน เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการวิจัย: แบบสอบถำมออนไลน์ ผลการวิจยั : กำรรับร้ถู ึงควำมงำ่ ยในกำรใช้งำน (Perceived Ease Of Use: PEOU) และกำรรับร้วู ำ่ มีประโยชน์ (Perceived Usefulness: PU) มีอิทธิพลในเชิงบวกกับกำรปรับเปล่ียนพฤติกรรม (Behavioral Intention: BI) ของผเู้ รียน รายการอ้างองิ Al-Maroof, R. A. S., & Al-Emran, M. (2018). Students Acceptance of Google Classroom: An Exploratory Study using PLS-SEM Approach. International Journal of Emerging Technologies in Learning (iJET), 13(06), 112-123. ตวั อยา่ งงานวจิ ยั ที่ 2 ช่ืองานวิจัย: กำรพัฒนำรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบห้องเรียนกลับด้ำนโดยใช้กำรเรยี นรู้แบบรว่ มมอื ผำ่ นเครือข่ำยสงั คม กลุ่มตวั อยา่ ง: นักเรียนจำนวน 55 คน โดยเลอื กกลุ่มตัวอย่ำงดว้ ยวธิ กี ำรสุ่มอย่ำงง่ำย
Chapter 1 49 วัตถุประสงค์: (1) พัฒนำรูปแบบกำรจดั กำรเรียนกำรสอนแบบหอ้ งเรยี นกลบั ดำ้ นโดยใช้กำรเรียนรแู้ บบร่วมมอื ผ่ำนเครือข่ำยสังคม (2) ศึกษำผลกำรใช้รูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนท่ีพัฒนำขึ้น และ (3) ศึกษำควำมพึง พอใจของนกั ศึกษำท่ีเรียนโดยรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่พัฒนำข้ึน เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย: (1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ด้ำนสำรสนเทศ ส่ือและเทคโนโลยี (2) แบบสอบถำม ควำมพงึ พอใจของนกั เรยี นทม่ี ีตอ่ รูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ผลการวิจัย: นักศึกษำที่เรียนด้วยรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนท่ีพัฒนำขึ้น มีผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน ด้ำนสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยีหลังกำรจัดกำรเรียนกำรสอนสูงกว่ำก่อนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนอย่ำง มนี ัยสำคัญทำงสถิตทิ ่รี ะดับ .01 และควำมพึงพอใจของนกั ศึกษำทีเ่ รียนโดยรปู แบบท่ีพฒั นำข้นึ อยใู่ นระดับมำก รายการอ้างองิ อจั ฉรำ เชยเชิงวิทย์ และธรี พงษ์ วริ ิยำนนท์. (2560). กำรพฒั นำรปู แบบกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนแบบห้องเรียน กลับด้ำนโดยใช้กำรเรียนรู้แบบร่วมมือผ่ำนเครือข่ำยสังคม. วำรสำรเทคโนโลยีอุตสำหกรรม มหำวิทยำลัยรำชภัฏอุบลรำชธำนี, 2560 (1), 1-16. https://www.tci-thaijo.org / index. php/ jitubru/article/view/92123 แนวทางในการนาไปใชแ้ ละการตอ่ ยอด Google Classroom มีส่วนเสริม (Adds-on) ที่ผู้ใช้สำมำรถติดต้ังเพ่ิมเติม เพ่ือให้กำรใช้ระบบ มีประสิทธิภำพมำกย่ิงขึ้น และตอบโจทย์เป้ำหมำยเฉพำะในแต่ละบริบทได้ ดังตัวอย่ำงเช่น กำรใช้ส่วนเสริม (Adds-on) Pear Deck สำหรับ Google Presentation เพ่ือให้ผู้สอนสำมำรถสร้ำงกิจกรรมแบบมีปฏิสัมพันธ์ ระหวำ่ งกำรจดั กำรเรียนกำรสอนได้ ภาพที่ 1.37 ส่วนเสริม (Adds- on) Pear Deck สำหรับ Google Presentation เ พื่ อ ใ ห้ ผู้ ส อ น สำมำรถสร้ำงกิจกรรมปฏิสัมพันธ์ ได้หลำกหลำยรูปแบบระหว่ำงกำร จัดกำรเรยี นกำรสอน
50 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL Moodle จุดเด่นของระบบ Moodle เป็นแพลตฟอร์มกำรเรียนรู้แบบโอเพนซอร์สท่ีได้รับควำมไว้วำงใจจำกโรงเรียน มหำวิทยำลัย ท่ีทำงำน และภำคส่วนอ่ืนๆ ทั่วโลกกว่ำ 100 ภำษำ ด้วยศักยภำพของชุดเครื่องมือเต็มไปด้วยคุณลักษณะ ที่น่ำสนใจสำหรับผู้สอน ผู้ดูแลระบบ และผู้เรียน รวมถึงกำรพัฒนำแอพลิเคชันที่ใช้ร่วมกันสำหรับอุปกรณ์ เคล่ือนที่ โปรแกรมน้ีใชไ้ ดใ้ นสถำนกำรณ์ท่หี ลำกหลำย ไมว่ ำ่ เป็นกำรจัดกำรเรยี นรู้ กำรเรยี นรู้ หรอื กำรฝกึ อบรม ทม่ี ีโครงสร้ำงซบั ซ้อนไปจนถึงพื้นที่กำรทำงำนร่วมกนั ท่เี ปิดกว้ำง (moodle.org) การนาไปใชใ้ นการวิจยั ตวั อยา่ งงานวจิ ัยที่ 1 ชอ่ื งานวิจยั : Teaching using Moodle in Mathematics Education กลุ่มตัวอย่าง: ได้แก่ผู้เรียนในสำขำวิชำกำรศึกษำคณิตศำสตร์ทั้งหมดในมหำวิทยำลัย University of PGRI Semarang กลุม่ ตัวอย่ำงถกู คัดเลอื กแบบสุ่มมำจำกกลุ่มเรยี นที่แตกตำ่ งกนั จำนวน 5 กลมุ่ วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษำกำรตัดสินใจผลกระทบของ Learning Management System (LMS) Moodle ที่มี ต่อกำรเรยี นรู้ เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั : แบบสอบถำม ผลการวิจัย: ทัศนคติของผู้เรียนที่มีต่อกำรเรียนรู้ได้ถูกเก็บข้อมูลผ่ำนระบบบริหำรจัดกำรกำรเรียนรู้ (LMS) โดยผลกำรวิจัยพบว่ำทัศนคติของผู้เรียนเพ่ิมขึ้นอย่ำงมีนัยสำคัญในผลกำรทดสอบสุดท้ำยในช่วงปลำยภำค กำรศึกษำ อีกท้ังผลกำรวิจัยน้ีพบว่ำผู้เรียนมีควำมสนใจในกำรเรียนรู้เพ่ิมข้ึนเมื่อพิจำรณำคะแนนฉลี่ยหลังจำก กำรใช้ Moodle LMS รายการอา้ งองิ Handayanto, A., Supandi, S., Ariyanto, L. (2018) Teaching using moodle in mathematics education. Journal of Physics: Conference Series, 1013 (1), art. no. 012128. DOI: 10.1088/1742-6596/1013/1/012128
Chapter 1 51 แนวทางในการนาไปใชแ้ ละการต่อยอด Moodle มีส่วนเสริม (Plugins) ที่ผู้ใช้สำมำรถติดต้ังเพิ่มเติมเพื่อให้กำรใช้ระบบมีประสิทธิภำพย่ิงข้ึน และตอบโจทย์เป้ำหมำยเฉพำะในแต่ละบริบท ตัวอย่ำงเช่น กำรใช้ Plugins สำหรับกำรพัฒนำ Moodle ตำม แนวคิดเกมฟิ ิเคชั่นและกำรใช้ Plugins สำหรบั กำรพฒั นำ Moodle ในกำรพิมพป์ ระกำศนยี บตั รของตนเอง ภาพท่ี 1.38 ตัวอย่ำง Plugins สำหรับกำรพัฒนำ Moodle ตำมแนวคิดเกมิฟิเคชัน โดยค้นหำด้วยคำว่ำ Gamification จะพบ Plug-in ท่ีสำมำรถติดต้ังเพ่ิมเติมได้ เช่น Level Up และ Ranking Block ภาพท่ี 1.39 ตัวอย่ำง Plugins สำหรับกำรพัฒนำ Moodle เพ่ือให้ผู้เรียนสำมำรถพิมพ์ประกำศนียบัตร ของตนเองได้เมื่อเรียนจบและผ่ำนเกณฑ์ท่ีกำหนดในรำยวิชำ โดยค้นหำด้วยคำว่ำ Certification จะพบ Plugins ที่สำมำรถติดตั้งเพ่ิมเติมได้
หนังสือเล่มนี้ได้นำเสนอกำรใช้ Ubiquitous Technology Enhanced Learning (UTEL) และแนวทำง กำรจัดกำรเรียนรู้ในสภำพแวดล้อมยูบิควิตัส (Ubiquitous Learning Environment: ULE) โดยอิงแนวคิดเร่ือง Outcome-Based Learning Design (OBLD) ทั้งในส่วนของควำมรู้ในสำระวิชำหลักและทักษะในศตวรรษท่ี 21 ท่ีเป็นแนวคิดในระดับสำกล โดยแนวคิดทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ให้ควำมสำคัญกับกรอบแนวคิดที่เน้นผลลัพธ์ท่ี เกิดกับผู้เรียน (Student Outcomes) ทัง้ ในดำ้ นควำมร้สู ำระวิชำหลกั (Core Subjects) และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 (21st Century Skills) ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เตรียมควำมพร้อมรอบด้ำน โดยให้ควำมสำคัญกับระบบสนับสนนุ กำรเรียนรู้ ได้แก่มำตรฐำนและกำรวัดผลหลักสูตรและวิธีกำรสอน กำรพัฒนำวิชำชีพ และบรรยำกำศกำรเรียนรู้ท่ี เหมำะสมต่อกำรเรียนในศตวรรษที่ 21 (The Partnership for 21st Century Learning, 2002) ในบทนี้จึงขอกลำ่ วถงึ (1) Core concept แนวคิดหลกั ของ Outcome-Base Learning Design สำหรับ ผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 (2) Case studies กรณีตัวอย่ำงกล่ำวถึงกำรใช้ UTEL เพ่ือเสริมสร้ำงผลลัพธ์กำรเรียนรู้ ของผู้เรียน และ (3) Research works งำนวิจัยท่ีเก่ียวข้องและกำรประยุกต์ใช้ โดยเน้นท่ีงำนวิจัยและนวัตกรรม ของผู้เขียน เพื่อให้ได้สำมำรถยกตัวอย่ำงท่ีเป็นรูปธรรมได้ และ (4) Perspectives มุมมองของผู้เขียนต่อ กำรออกแบบ UTEL ทส่ี ่งเสรมิ ผลลพั ธก์ ำรเรยี นรขู้ องผู้เรยี นโดยเนน้ ผลลพั ธ์กำรเรยี นรูท้ ี่ตอบโจทยท์ ักษะในศตวรรษ ที่ 21 เน้นกำรนำเสนอ UTEL ใน 3 ระดับ ได้แก่ ระดับท่ี 1 กำรใช้อุปกรณเ์ คลอ่ื นทก่ี ับระบบที่มอี ยแู่ ลว้ ระดับที่ 2 กำรใช้อุปกรณ์เคล่ือนที่กับระบบท่ีได้มีกำรพัฒนำต่อยอดหรือระบบท่ีได้พัฒนำข้ึนใหม่เพื่อให้มีควำมเหมำะสมกับ บริบทนั้น (Customized UTEL) และระดับที่ 3 กำรใช้อุปกรณเ์ คลือ่ นท่ีร่วมกับอุปกรณ์เสริมเพื่อให้เกิดกำรใช้งำน ทม่ี ปี ระสิทธิภำพยงิ่ ขน้ึ (UTEL with Smart Tools) มีรำยละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้
54 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ภาพที่ 2.1 แนวคดิ หลกั ของ Outcome Base Learning Design 1. Core concept: แนวคิดหลักของ Outcome-Based Learning Design สาหรับผู้เรียนใน ศตวรรษที่ 21 ในส่วนของแนวคิดเร่ืองกำรออกแบบกำรเรียนรู้ท่ีเน้นผลลัพธ์ (Outcome-Base Learning Design: OBLD) สำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 น้ันจะขอกล่ำวถึง (1.1) ควำมหมำยของ UTEL ท่ีเน้นผลลัพธ์กำรเรียนรู้ ในศตวรรษท่ี 21 และ (1.2) กรอบแนวคิดเก่ียวกับกำรออกแบบ UTELท่ีเน้นผลลัพธ์ทำงกำรเรียนรู้ มีรำยละเอยี ด ดงั ต่อไปน้ี 1.1 ความหมายของ UTEL ทเ่ี นน้ ผลลัพธก์ ารเรยี นรูท้ ักษะในศตวรรษที่ 21 กำรเรียนรู้แห่งศตวรรษท่ี 21 น้ันกล่ำวถึงทักษะท่ีผู้เรียนจำเป็นต้องมีใน 4 มิติหลักๆ ได้แก่ (1) สาระหลัก (Core Subjects) ประกอบด้วย ภำษำแม่และภำษำสำคัญของโลก ศิลปะ คณิตศำสตร์ กำรปกครองและหน้ำท่ีพลเมือง เศรษฐศำสตร์ วิทยำศำสตร์ ภูมิศำสตร์ และประวัติศำสตร์ โดยวิชำแกนหลกั นจ้ี ะ นำมำสู่กำรกำหนดเป็นกรอบแนวคิดและยุทธศำสตรสำคัญต่อกำรจัดกำรเรียนรู้ในเน้ือหำเชิงสหวิทยำกำร (Interdisciplinary) หรือหัวข้อสำหรับศตวรรษที่ 21 โดยกำรส่งเสริมควำมเข้ำใจในเน้ือหำวิชำแกนหลัก และ สอดแทรกทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เข้ำไปในทุกวิชำแกนหลัก คือ ควำมรู้เก่ียวกับโลก (Global Awareness) ควำมรเู้ กี่ยวกบั กำรเงนิ เศรษฐศำสตร์ ธรุ กจิ และกำรเป็นผูป้ ระกอบกำร (Financial, Economics, Business and Entrepreneurial Literacy) ควำมรู้ดำ้ นกำรเป็นพลเมือง (Civic Literacy) ควำมรูด้ ้ำนสขุ ภำพ (Health Literacy) และควำมรู้ด้ำนสิ่งแวดล้อม (Environmental Literacy) (2) ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม จะเป็น ตัวกำหนดควำมพร้อมของผู้เรียนเข้ำสู่โลกกำรทำงำนที่มีควำมซับซ้อนมำกข้ึนในปัจจุบัน ได้แก่ ด้ำนควำมริเริ่ม สร้ำงสรรค์และนวัตกรรม คือ กำรคิดอย่ำงสร้ำงสรรค์ ทำงำนกับผู้อื่นอย่ำงสร้ำงสรรค์ และกำรสร้ำงนวัตกรรม
Chapter 2 55 ด้ำนกำรคิดอย่ำงมีวิจำรณญำณและกำรแก้ปัญหำคือ กำรให้เหตุผลอย่ำงมีประสิทธิผล กำรใช้กำรคิด อย่ำงเป็นระบบ และกำรพิจำรณำและกำรตัดสินใจ และด้ำนกำรสื่อสำรและกำรร่วมมือ คือ ส่ือสำร อย่ำงชัดเจน และกำรร่วมมือกับผู้อ่ืน (3) ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี เนื่องด้วยในปัจจุบัน มีกำรเผยแพร่ข้อมูลข่ำวสำรผ่ำนทำงสื่อและเทคโนโลยีมำกมำย ผู้เรียนจึงต้องมีควำมสำมำรถในกำรแสดงทักษะ กำรคิดอย่ำงมีวิจำรณญำณและปฏิบัติงำนได้หลำกหลำย โดยอำศัยควำมรู้ในหลำยด้ำน ได้แก่ ควำมรู้ ด้ำนสำรสนเทศ คือ กำรเข้ำถึงและกำรประเมินข้อมูลสำรสนเทศ และกำรใช้และกำรจัดกำรสำรสนเทศ ควำมรู้ เก่ียวกับส่ือคือ กำรวิเครำะห์ส่ือ กำรผลิตส่ือ กำรพิจำรณำและตัดสินใจ และกำรแก้ปัญหำ และควำมรู้ ด้ำนเทคโนโลยี คือ กำรประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่ำงมีประสิทธิภำพ (4) ทักษะด้านชีวิตและการทางาน ในกำรดำรงชีวิตและทำงำนในยุคปัจจุบันให้ประสบควำมสำเร็จ ผู้เรียนจะต้องพัฒนำทักษะชีวิตที่สำคัญ ได้แก่ ด้ำนควำมยืดหยุ่นและกำรปรับตัว คือ ควำมยืดหยุ่น กำรปรับตัวเพ่ือพร้อมรับกำรเปล่ียนแปลง ด้ำนกำรริเร่ิม สร้ำงสรรคแ์ ละเปน็ ตวั ของตวั เอง คือ กำรวเิ ครำะห์สื่อ กำรผลติ ส่อื กำรพิจำรณำและตดั สนิ ใจ ด้ำนทักษะสังคมและ สังคมข้ำมวัฒนธรรม คือ มีปฏิสัมพันธ์อย่ำงมีประสิทธิภำพกับผู้อ่ืน และทำงำนอย่ำงมีประสิทธิภำพในทีมท่ีมี ควำมหลำกหลำย ด้ำนกำรเปน็ ผสู้ ร้ำงหรอื ผู้ผลติ (Productivity) และควำมรับผดิ ชอบเชื่อถือได้ (Accountability) คือ กำรวเิ ครำะห์สอื่ กำรผลติ สอื่ ภำวะผู้นำและควำมรับผดิ ชอบ (Responsibility) แนะนำผู้อ่นื ได้ และรบั ผิดชอบ ต่ออ่ืน โดยผู้สอนจะเป็นผู้ออกแบบกำรเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เกิดกำรเรียนรู้จำกกำรบูรณำกำรทักษะต่ำงๆ เข้ำกับ สำระวิชำหลักดังท่ไี ด้กลำ่ วมำแลว้ (จนิ ตวรี ์ คล้ำยสังข,์ 2558; วจิ ำรณ์ พำนชิ , 2555; ไสว ฟกั ขำว, 2558; ถนอมพร เลำหจรสั แสง, 2556; Khlaisang, 2018; Bellanca & Brandt, 2010) ภาพที่ 2.2 กรอบแนวคิดในกำรจดั กำรเรียนรู้แห่งศตวรรษท่ี 21 (21st Century Learning Framework) ทแ่ี สดงผลลัพธ์ของผเู้ รียนและปจั จัยสง่ เสรมิ สนับสนุนในกำรจดั กำรเรยี นรเู้ พ่ือรองรับทักษะท่ีจำเป็น ในศตวรรษท่ี 21 (The Partnership for 21st Century Learning, 2011) อกี แนวคดิ ที่สำคญั ไดแ้ ก่ แนวคิดเรื่อง Thailand 4.0 ที่เป็นนโยบำยของประเทศทมี่ ุ่งเน้นให้คนไทยทุกคน พร้อมรบั และปรบั ตวั ใหท้ นั กับกำรใชเ้ ทคโนโลยีในโลกยคุ ดิจิทัล และสำมำรถออกแบบและพฒั นำนวตั กรรมได้ โดย คนไทย 4.0 จะได้รับโอกำสทำงกำรศึกษำที่มีคุณภำพตลอดทุกช่วงชีวิต เป็นคนทันโลก ทันเทคโนโลยี สำมำรถอยู่ บนเวทีโลกได้อย่ำงภำคภูมิใจ คนไทย 4.0 ควรมีส่วนร่วมกับนำนำชำติเพื่อทำให้โลกดีข้ึนน่ำอยู่ขึ้น และสำมำรถ
56 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL สร้ำงหรือใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี ควำมคิดสร้ำงสรรค์ โดยจะตอบโจทย์แผนกำรศกึ ษำแห่งชำติ พ.ศ. 2560-2579 เน้นพัฒนำกำรศึกษำของประเทศให้พร้อมรองรับประเทศไทยยุค 4.0 ท่ีเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะของประชำกรใน ศตวรรษที่ 21 (4Cs, 7Cs, 8Cs) เน้นทักษะกำรคิดเป็นหลัก ประกอบกับทักษะเสริมต่ำงๆ เน้นกำรสื่อสำรและ กำรทำงำนร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ และมีควำมสุข ซ่ึงแนวคิดดังกล่ำวยังสอดคล้องกับที่ World Economic Forum ได้เสนอแนะ 10 ทักษะท่ีจำเป็นสำหรับกำรทำงำนในอนำคตไว้ในรำยงำน Future of Jobs Report อกี ดว้ ย ภาพท่ี 2.3 เปรียบเทยี บทักษะท่ีเป็นจำเปน็ ต่อกำรทำงำนในปัจจุบันและอนำคต ดังน้ัน เป้ำหมำยของหนังสือเลม่ นี้ จึงเน้นกำรออกแบบสภำพแวดล้อมแบบยูบิควิตัสที่ให้ควำมสำคัญกบั ท้ังกำรใช้ยูบิควิตัสเทคโนโลยีเพื่อเสรมิ สร้ำงกำรเรยี นรู้ (Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL) และกำรใช้ศำสตร์กำรสอนท่ีสอดคล้องเพื่อเสริมสร้ำงกำรเรียนรู้แบบยูบิควิตัสควบคู่กันไป (Ubiquitous Pedagogy Enhanced Learning) โดยกำรออกแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนดังกล่ำว ใช้แนวคิดเรื่อง กำร ออกแบบยูบิควิตัสเลิร์นนิงท่ีส่งเสริมผลลัพธ์กำรเรียนรู้สำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (Outcome-Based Learning Design: OBLD) แนวคิดของ OBLD น้ันถือว่ำเป็นเครื่องมือที่ใช้ในกำรออกแบบกำรศึกษำแบบเน้นไปที่ผลลัพธ์ (Outcome-Based Education) โดย OBLD สำมำรถใช้ได้ต้ังแต่กำรออกแบบในหน่วยย่อยคือระดับรำยวิชำไป จนถึงหนว่ ยใหญ่คอื ระดับสถำบนั โดยกำรนำไปใช้ต้องคำนึงถึงควำมสอดคลอ้ งของแนวคิด ทฤษฎีและควำมเป็นไป ได้ในกำรนำไปใช้ ซึ่งจะแตกต่ำงกันออกไปในบริบทต่ำงๆ โดย OBLD มีต้นกำเนิดมำจำกทฤษฎีกำรเรียนรู้ แบบพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) ร่วมกับ Progressive Aspect และ Constructivist Aspect และแนวคิด ทำงกำรศึกษำต่ำงๆ เช่น กำรเรียนแบบรอบรู้ (Mastery Learning) (Block, 1971), กำรกำหนดจุดประสงค์เชิง พฤติกรรม (Behavioral Objectives) (Mager, 1984) แนวคิดหลักสูตรฐำนสมรรถนะ กำรออกแบบหลักสูตรและ กำรประเมิน (Competency-Based Approach) (Arguelles and Gonczi, 2000) โดยกำรรู้ในลักษณะน้ีจะเน้น ที่ควำมสำคัญในเร่ืองของประสิทธิภำพ วัดได้จำกกำรเรียนรู้ในรูปของผลลัพธ์กำรเรียนรู้ท่ีเป็นไปตำมท่ีได้ต้ังไว้
Chapter 2 57 (Expected Learning Outcomes) และประสิทธิภำพของผู้เรียนท่ีมีต่อกำรประเมินงำนที่มีลักษณะเฉพำะ (Student Performance on a Specific Assessment Task) มักจะถกู นำไปใช้เปน็ ตวั วดั กำรเรยี นรู้นั้นๆ โดยเน้น ฐำนกำรคิดที่ว่ำ กำรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับกำรเรียนรู้น้ัน “เร่ิมต้นจำกกำรสันนิษฐำนว่ำผู้เรียนทุกคน สำมำรถท่จี ะเรียนร้แู ละประสบควำมสำเร็จได้” ภาพที่ 2.4 ฐำนแนวคิดและทฤษฎที ่ีเกยี่ วข้องกบั กำรออกแบบกำรเรียนรู้ทส่ี ่งเสรมิ ผลลัพธก์ ำรเรียนรู้ (Outcome-Based Learning Design: OBLD) นักพฤติกรรมนิยม (Behaviorist) ช้ีให้เห็นว่ำ OBLD น้ันจะให้ควำมสำคัญกับประสิทธิภำพ ที่สำมำรถสังเกตได้และแนวทำงกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลำง (Student-Centredness) กำรสร้ำง สภำพแวดล้อมสำหรับกำรเรียนกำรสอนท่ีจะช่วยเหลอื ผเู้ รียนให้สำมำรถที่จะไปถึงกำรเรียนร้ทู ี่ต้องกำรได้ รวมไป ถึ ง ก ำ ร ใ ช้ ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ท่ี ส ำ ม ำ ร ถ ท่ี จ ะ ใ ห้ ผ ล ส ะ ท้ อ น ก ลั บ เ กี่ ย ว กั บ ร ะ ดั บ ข อ ง ก ำ ร เ รี ย น รู้ ที่ ไ ด้ รั บ เ ป็ น ส ำ คั ญ โดย Outcome-Based Learning (OBL) เร่ิมข้ึนในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีควำมแตกต่ำงจำก กำรเรยี นรูแ้ บบด้ังเดมิ ทเี่ นน้ เนื้อหำ กำรใช้หนงั สอื เปน็ หลกั และผสู้ อนเป็นศนู ยก์ ลำง OBL เกดิ ขนึ้ ในปี 1950 โดยมี จุดมุ่งหมำยท่ีจะต้ังวัตถุประสงค์ของกำรเรียนรู้ให้มีควำมชัดเจน โดยในปี 1949 Ralph Tyler ได้ระบุควำมสำคัญ ของกำรตง้ั วัตถุประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เพอ่ื ท่จี ะสำมำรถวำงแผนกำรจดั ประสบกำรณ์เรียนร้ไู ดอ้ ยำ่ งเป็นระบบ โดยเน้น ในเรื่องของกำรที่ผู้เรียนมีควำมสำมำรถอะไรเม่ือผ่ำนกระบวนกำรเรียนรู้และเนื้อหำน้ัน ๆ ไปแล้ว หลังจำกน้ันใน ปี 1956 โดย Bloom และคณะ ได้พัฒนำ Bloom’s taxonomy ท่ีให้แนวคิดในเร่ืองของกำรเขียนวัตถุประสงค์ ทีม่ งุ่ เน้นขยำยกำรเรียนรู้ด้ำนพทุ ธิพสิ ัย (Cognitive Domain) ท่เี กดิ ข้ึนในกระบวนกำรเรยี นรู้และต่อมำในปี 1960 ได้เกิดแนวคิดในเร่อื งของกำรศึกษำท่ีเน้นสมรรถนะเปน็ ฐำน (Competency Based Education) ด้วยวตั ถปุ ระสงค์ ท่ีต้องกำรให้แน่ใจว่ำมีกำรเตรียมพร้อมผู้เรียนในกำรทำงำนในอนำคตได้อย่ำงเพียงพอ โดยมุ่งเน้น ในเรื่องของผลลัพธ์ ประสบกำรณ์ท่ีได้รับ และกำรวัดผลที่เอื้อต่อกำรพัฒนำผู้เรียนได้เต็มศักยภำพที่มี โดยเฉพำะ ในเร่อื งของทกั ษะท่ีจำเปน็ ในกำรประกอบอำชีพในอนำคต (Schalkwyk, 2015)
58 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL แนวคิดสำคัญเกี่ยวกับ Outcome Based Education (OBE) มี 2 ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ (1) ผลลัพธ์ กำรเรียนรู้ (Learning Outcomes) และ (2) หน่วยกำรเรียนรู้ท่ีมีผลลัพธ์กำรเรียนรู้เป็นฐำน (Outcome-Based Unit of Learning) โดย 1. ผลลัพธ์กำรเรียนรู้ (Learning Outcomes) หมำยถึง ผลกำรเรียนรู้ท่ีได้รับหมำยถึงส่ิงท่ีผู้เรียนรับรู้ เข้ำใจ และสำมำรถที่จะทำไดเ้ ม่ือเสร็จส้ินกระบวนกำรกำรเรียนรู้อย่ำงสมบูรณ์ ครอบคลุมเร่ืองของควำมรู้ ทักษะ และควำมสำมำรถที่ผู้เรียนควรจะได้รับเม่ือเรียนจบหน่วยกำรเรียนรู้นั้นๆ โดยผลลัพธ์กำรเรียนรู้ประกอบด้วย 3 ดำ้ นหลกั ๆ ไดแ้ ก่ ควำมรู้ (Knowledge) หมำยถึงผลท่ีได้ออกมำจำกำรดูดซึมข้อมูล (Assimilation of Info though Learning) ผ่ำนกำรเรียนรู้ โดยควำมรู้ถือเป็นเน้ือแท้ของข้อเท็จจริง หลักกำร ทฤษฎี และกำรนำไปใช้ ยกตัวอยำ่ งเชน่ ผู้เรยี นสำมำรถท่จี ะแจกแจงและอธบิ ำยกฎหลักแปดขอ้ ของกำรออกแบบหนำ้ จอเว็บไซต์ได้ ทักษะ (Skill) หมำยถึงควำมสำมำรถที่จะนำควำมรู้ไปใช้และกำรใช้ควำมรู้เพ่ือแก้ปัญหำต่ำงๆ ยกตวั อย่ำงเช่น ผูเ้ รียนสำมำรถที่จะออกแบบเวบ็ ไซตแ์ บบมปี ฏิสมั พนั ธ์ ทเี่ ป็นไปตำมหลกั เกณฑ์ที่ใชใ้ นกำรออกแบบ เว็บไซต์ (Web Accessibility Guidelines) ท้ังน้ีในกำรที่ผู้เรียนจะได้รับทักษะดังกล่ำวนี้ ผู้เรียนจำเป็นท่ีจะต้องมี ควำมรู้ในเร่ืองของกำรเขียนโปรแกรม (Web Programming) และควำมรู้เก่ียวกับกำรออกแบบเว็บให้สำมำรถใช้ งำนได้ (Web Usability) เสียกอ่ น พวกเขำสำมำรถทจี่ ะนำควำมรู้เกย่ี วกับควำมรู้แนวคิดดังกลำ่ วไปประยกุ ต์ใชง้ ำน ได้ นน่ั ก็คอื ทักษะน่นั เอง ควำมสำมำรถ (Competence) หมำยถึงกำรพิสูจน์ให้เห็นถึงควำมสำมำรถในกำรนำควำมรู้ และทักษะไปใช้ในสถำนกำรณ์ต่ำงๆ ท้ังที่เป็นกำรทำงำนหรือในกำรเรียนรู้ รวมไปถึงในกำรพัฒนำควำมสำมำรถ ในกำรทำงำนหรือควำมสำมำรถสว่ นตวั ได้ องค์ประกอบท่สี ำคญั องค์ประกอบหน่งึ ของควำมสำมำรถกค็ ือระดับของ ควำมเป็นอิสระ (Autonomy) และควำมรับผิดชอบ (Knowledge Responsibility) ท่ีผู้เรียนสำมำรถท่ีจะนำ ควำมรู้และทักษะไปใช้ได้ ยกตัวอย่ำงเช่น ผู้เรียนสำมำรถทีจ่ ะตรวจสอบกำรออกแบบและกำรใช้งำนอย่ำงง่ำยของ ระบบตำมโจทย์ที่ไดร้ ับ และสำมำรถให้ข้อเสนอแนะสำหรบั กำรพัฒนำโดยอำ้ งอิงจำกแนวคดิ ทฤษฎี และเมทริกซ์ ของกำรออกแบบท่ีเกี่ยวข้องและจำกข้อแนะนำของผู้สอน จะเห็นได้ว่ำผลกำรเรียนรู้ท่ีได้รับน้ีจำเป็นจะต้องมี ทั้งควำมรู้และทักษะ โดยจะต้องใช้ควำมร้เู ก่ยี วกับกำรออกแบบหนำ้ จอ และเมทริกซ์เร่ืองของกำรใช้งำนอยำ่ งง่ำย อกี ท้ังผ้เู รียนจะตอ้ งมีทักษะทั้งในด้ำนกำรวจิ ำรณก์ ำรออกแบบทีใ่ ช้งำนง่ำย 2. หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่มีผลลัพธ์เปน็ ฐำน (Outcome-Based Unit of Learning) หน่วยกำรเรียนรู้ (Unit of Learning) เป็นองค์ประกอบสำคัญในกำรพำผู้เรียนให้ประสบผลสำเร็จไปสู่ เป้ำหมำยท่ีตั้งไว้ โดยในแต่ละหนว่ ยกำรเรียนรู้จะมีเปำ้ หมำยในกำรให้ผเู้ รียนได้รับกำรเรียนรู้ท่ีชัดเจนไม่ว่ำจะเปน็
Chapter 2 59 ทักษะหรือควำมชำนำญในด้ำนใดด้ำนหน่ึง โดยจะเป็นหน่วยที่อยู่ในตัวของมันเอง (Self-Contained Unit) และ ปรับเปลี่ยนไปตำมบริบท (Contextualized) โดย OBUL มีองค์ประกอบหลัก คือ วิธีกำรสอนและเน้ือหำที่ เกี่ยวข้อง อำจมีหลำยขนำดเช่น รำยวิชำสำหรับกำรเรียนระยะไกลเวลำสำมเดือนหรือรำยวิชำหน่ึงชั่วโมงสำหรับ กำรเรียนรู้โดยเห็นหน้ำกันแบบตัวต่อตัว ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ำช่วงเวลำของหน่วยกำรเรียนรู้อำจมีควำมแตกต่ำงกัน ขึน้ อยู่กับปจั จยั ต่ำงๆ ไดแ้ ก่ ระยะเวลำในกำรเรียน และควำมซับซ้อนของกิจกรรม จำกคำนยิ ำมดงั กลำ่ วได้ชี้ใหเ้ ห็นถงึ องคป์ ระกอบที่สำคัญของหน่วยกำรเรียนรู้ ได้แก่ กำรปรบั เปล่ยี นตำม บริบท (Contexturize) หมำยถึงหน่วยของกำรเรียนรู้นั้นตั้งอยู่ในบริบทเฉพำะตัวของวิชำนั้นๆ มีควำมสมบูรณ์ (Complete) และเป็นหน่วยที่อยู่ในตัวของมันเอง (Self-Contain) โดยประกอบไปด้วยข้อมูลและทรัพยำกร ทั้งหมดที่จำเป็น ได้แก่ วัตถุประสงค์ เน้ือหำ กำรประเมิน คำอธิบำยเกี่ยวกับกิจกรรมกำรเรียนและกำรสอน และ อืน่ ๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ทงั้ น้ี หน่วยกำรเรยี นรู้ทอ่ี อกแบบมำอย่ำงดีน้ันมักจะมีกลวิธีหรือวิธกี ำรสอนที่ดี อันจะสง่ ผลตอ่ ผล กำรเรียนรู้ทีไ่ ดร้ บั กล่มุ ของกจิ กรรมท่ีเนน้ ไปในเรอ่ื งของผลกำรเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) กำรท่ีให้ผ้เู รียนน้นั ได้ลงมือปฏิบัติโดยมีผู้สอนเป็นผู้สนับสนุนกำรเรียนรู้ (Lixun, 2011) โดยกลยุทธ์สำหรับกำรเรียนเชิงรุกน้ัน ตัวอย่ำงเช่น กลยุทธ์หมวก 6 ใบ (Six Thinking Hats) กลยุทธ์ Think-Pair-Share/Write-Pair-Share กลยุทธ์ Team-Pair-Solo กลยุทธ์ Catch-Up กลยุทธ์ One Minute Pause กลยุทธ์ Minute Paper กลยุทธ์ Fish Bowl กลยทุ ธ์ Jigsaw กลยุทธ์ Pairs Check กลยทุ ธ์ Team Games Tournament กลยทุ ธ์ Solve-Pair-Share เปน็ ตน้ Outcome-Based Learning (OBL) เป็นแนวคิดท่ีได้รับควำมสนใจท่ัวโลกและเป็นท่ีทรำบกันดีว่ำเป็น กำรออกแบบโดยอ้ำงอิงจำกวิธีกำรเชิงระบบ (Systematic Approach) ตัวอย่ำงเช่น กำรปฏิรูปหลักสูตรภำยใน โรงเรียนในประเทศต่ำงๆ เช่น สหรัฐอเมริกำ ออสเตรเลยี และแอฟริกำใต้ ในกำรศึกษำระดับสูง โดยกำรนำ OBL ไปใช้อย่ำงกวำ้ งขวำงนั้นเร่ิมจำกกำรใช้ในระดบั มหำวิทยำลัยในกล่มุ สหภำพยโุ รป (European Union) (Kennedy, 2009) โดย Driscoll and Wood (2007) ได้กล่ำวว่ำกำรศึกษำแบบมุ่งผลลัพธ์ (Outcome-Based Education) เป็นกระบวนกำรกำรศึกษำท่ีได้รับควำมสนใจอย่ำงต่อเนื่องโดยให้ควำมสำคัญในเร่ืองของควำมรับผิดชอบของ สถำบันท่ีมีต่อกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ดังนั้นท้ังหลักสูตร วิธีกำรสอน และกำรประเมินผล จะต้องเน้นไปท่ีผล กำรเรียนรู้ของผู้เรียน สอดคล้องกับที่ Kudlas (1994) ได้ยกย่อง OBE ว่ำเป็นกระบวนกำรท่ีเน้นควำมสนใจไปท่ี สิ่งท่ีผู้เรียนจะต้องทำได้ นั่นก็คือผลกำรเรียนรู้ โดยกระบวนกำรดังกล่ำวควรมีกำรติดตำมผลอย่ำงต่อเนื่องและ ฝึกฝนจนกวำ่ ผู้เรียนจะประสบควำมสำเรจ็ Spady (1998) ชี้ว่ำผลกำรเรียนรู้ท่ีได้ออกมำน้ันจะไม่ใช่คะแนน เกรด หรือเปอร์เซ็นต์ที่แนบมำกับกำร นำเสนอ แต่หมำยถึงลักษณะท่ำทำงของผูเ้ รียนทีไ่ ดแ้ สดงออกมำจำกกำรเรยี นรรู้ ะบุถึงส่ิงทผ่ี เู้ รียนสำมำรถทีจ่ ะทำได้ เม่ือพวกเขำออกจำกระบบไป สำหรับ Spady แล้ว ผลกำรเรียนรู้ได้อธิบำยถึงควำมสำคัญของกำรเรียนรู้ท่ีต้องให้ ควำมสำคัญกับบทบำทของชีวิตท่ีผู้เรียนจะต้องประสบหลังจำกท่ีพวกเขำจบจำกกำรศึกษำในระบบ
60 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ส่วน Tavner (2005) นิยำมถึงคุณลักษณะของผลกำรเรียนรู้ว่ำ ควรประเมินผลท่ีเกิดขึ้นได้ โดยกำรสอนควรสรำ้ ง ควำมแตกต่ำงให้เกิดข้ึน ควรมีควำมโปร่งใสและมีควำมยุติธรรม สำมำรถบ่งชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ผู้เรียนประสบ ควำมสำเร็จและยังไม่ประสบควำมสำเร็จได้ และสะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ของกำรเรียนรู้ไม่ใช่กระบวนกำร กำรเรียนรู้ จำกที่กล่ำวมำข้ำงต้นนั้น หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของ OBL คือผลลัพธ์กำรเรียนรู้ (Outcome) ผลกำรเรียนรู้ท่ีได้ออกมำนั้นจะเป็นส่ิงท่ีกล่ำวถึงควำมคำดหวังเกี่ยวกับส่ิงที่ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ โดยจะต้อง มีกำรวำงแผนต้ังแต่ระดับหลักสูตร กำรจัดกำรเรียนกำรสอน และกำรประเมินอย่ำงมีประสิทธิภำพ โดย Driscoll and Wood (2007) ขยำยควำมต่อว่ำ OBL เป็นกระบวนกำรแบบ “Designing Down” สำหรับ กำรพัฒนำหลักสูตร ซงึ่ นน่ั หมำยควำมว่ำ ผลลพั ธ์กำรเรยี นรู้ (Outcome) ระยะยำวจะถูกกำหนดและเป็นจุดเรม่ิ ตน้ สำหรับกำรออกแบบหลักสูตรน่ันเอง กล่ำวคือ ผลลัพธ์กำรเรียนรู้เป็นส่ิงท่ีระบุถึงในหลักสูตร นั่นหมำยควำมว่ำ ผลลพั ธ์กำรเรียนรู้ (Outcome) ท่ีได้รบั ได้จะเปน็ หลักแห่งกำรชี้นำในกำรออกแบบหลักสูตร กำรออกแบบหลกั สตู ร นั้นเริ่มต้นจำกส่ิงท่ีผู้เรียนคำดหวังว่ำจะได้เรียนรู้ ตำมด้วยกำรออกแบบกำรสอนและกิจกรรมกำรเรียนรู้ท่ีจะช่วย สนับสนุนผู้เรียนให้ได้ประสบกับผลกำรเรียนรู้ท่ีคำดหวังและจบด้วยกำรใช้กำรประเมินท่ีจะให้ผลสะท้อนกลับ เก่ยี วกับระดับกำรเรียนรู้ทีไ่ ด้รับ (Killen, 2007) ภาพที่ 2.5 กระกวนกำรกำรออกแบบกำรเรียนรู้ทส่ี ่งเสรมิ ผลลัพธ์ กำรเรยี นรู้ (Outcome-Based Learning Design: OBLD) ในส่วนต่อไปน้จี ะขอแสดงตำรำงเปรยี บเทยี บวัตถุประสงคร์ ำยวิชำระหว่ำงกำรเขียนวัตถุประสงค์รำยวิชำ แบบปกติและวัตถุประสงค์รำยวิชำแบบเน้นผลลัพธ์กำรเรียนรู้ โดยในกำรเขียนวัตถุปร ะสงค์ที่เน้นผลลัพธ์ กำรเรียนรู้นั้นจะเน้นกำรระบุควำมสำมำรถท่ีคำดหวังของผู้เรียนอย่ำงชัดเจนท้ังในด้ำนควำมรู้ ทักษะ และ สมรรถนะ ดงั รำยละเอยี ดแสดงในตำรำงต่อไปน้ี
Chapter 2 61 ตารางท่ี 2.1 กำรเปรยี บเทียบวัตถปุ ระสงค์รำยวชิ ำ วตั ถปุ ระสงค์รายวชิ า วตั ถปุ ระสงคร์ ายวิชา แบบปกติ แบบเน้นผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ เมื่อเรียนจบรำยวิชำแล้วผ้เู รยี นสำมำรถ เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นสำมำรถ 1. ระบ…ุ (เนอื้ หำท่ีต้องกำรให้ผเู้ รียนเกิดกำรเรียนรู้) 2. อธิบำย …(เนอ้ื หำทีต่ ้องกำรใหผ้ ู้เรียนเกดิ กำรเรียนรู้) 1. มีควำมรคู้ วำมเขำ้ ใจเกยี่ วกับ…(เน้อื หำในบทเรยี น) 3. กำรประยุกต์…(เนอื้ หำทีต่ อ้ งกำรให้ผ้เู รียนเกดิ กำรเรียนรู้) 2. มคี วำมรคู้ วำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั …(เนอ้ื หำในบทเรยี น) 4. วเิ ครำะห์…(เน้ือหำท่ตี อ้ งกำรให้ผู้เรยี นเกิดกำรเรยี นรู้) 3. มคี วำมรคู้ วำมเขำ้ ใจเกี่ยวกบั …(เน้อื หำในบทเรยี น) 5. ประเมิน…(เนอ้ื หำท่ีต้องกำรให้ผู้เรียนเกดิ กำรเรียนรู้) 6. สร้ำงสรรค์…(เนอื้ หำทต่ี อ้ งกำรให้ผู้เรียนเกิดกำรเรยี นรู้) กำรประเมินผล ตัวอยำ่ งเช่น กำรประเมินผล ตัวอย่ำงเช่น 1. กำรเขียนเรยี งควำม…(เนอื้ หำในบทเรยี น) 1. กำรเขยี นเรยี งควำม…(เนอื้ หำท่ีตอ้ งกำรให้ผเู้ รียนเกิด 2. กำรทำงำนกล่มุ …(เน้อื หำในบทเรียน) กำรเรยี นรู้) 2. กำรทำงำนกลุ่ม…(เน้ือหำทตี่ อ้ งกำรใหผ้ ู้เรยี นเกดิ กำรเรยี นรู้) 3. กำรนำเสนอผลงำน 4. กำรทดสอบรำยสัปดำห์ Outcome-Based Learning (OBL) ได้ถูกนำมำใช้เป็นแนวคิดพ้ืนฐำนในกำรเชื่อมโยงระหว่ำงวิสัยทัศน์ และพันธกิจของมหำวิทยำลัย วัตถุประสงค์ทำงกำรศึกษำระยะยำวในหลักสูตร และวัตถุประสงค์ในรำยวิชำ โดยเป้ำหมำยสำหรับกำรศึกษำในระบบนั้นควรจะเป็นกำรทำให้ผู้เรียนสำเร็จกำรศึกษำและนำพำชีวิตไปสู่ ควำมสำเร็จได้ ด้วยมุมมองของแนวคิดเก่ียวกับคุณสมบัติของกำรจบกำรศึกษำ (Graduate Attributes: GAs) โดยคุณสมบัติของกำรจบกำรศึกษำเป็นคุณสมบัติที่จะช่วยให้บัณฑิตได้เตรียมควำมพร้อมและปรับตัวให้เข้ำกับ กำรเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึน จะวัดและประเมินผลระหว่ำงท่ีผู้เรียนกำลังศึกษำอยู่ในหลักสูตร และมีกำรติดตำมผล หลังจบกำรศึกษำ (Program Outcomes: POs) โดย GAs จะเป็นกำรมองภำพใหญ่ในระดับหลักสูตรซึ่งจะ ประกอบด้วยหลำยวิชำ ซ่ึงในแต่ละวิชำน้ันก็จะมีผลลัพธ์ทำงกำรเรียนรู้ที่แตกต่ำงกันไป (Course Outcomes: COs) โดย COs จะต้องสอดคล้องกบั GAs สำหรับผลลัพธ์กำรเรียนรู้ท่ีได้รับควำมนิยมในกำรนำมำใช้น้ัน ได้แก่ Bloom’s Taxonamy โดย ครอบคลุม 3 โดเมนหลัก ได้แก่ ด้ำนพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) ทักษะด้ำนพิสัย (Affective Domain) และ เจตพิสัย (Psyshomotor Domain) นอกจำกนี้ในบำงสถำบันหรือหลักสูตรยังได้มีกำรตั้งเป้ำหมำยในเรื่องของ ผลลพั ธก์ ำรเรยี นรู้ทสี่ อดคล้องกับแนวคิดในระดับชำติและระดับสำกล ดังตวั อย่ำงเชน่ ในปัจจุบันประเทศไทยได้ให้ ควำมสำคัญกับแนวคิดในเร่ืองของ Thailand 4.0 แผนกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2560-2579 และทักษะของ
62 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ประชำกรในศตวรรษท่ี 21 (3Rs + 8Cs) จำกเป้ำหมำยดังกล่ำวจึงสำมำรถออกแบบ GAs และ POs, COs ได้ดัง ตัวอยำ่ งตอ่ ไปนี้ Graduate Attributes (GAs): คนไทย 4.0 จะได้รับโอกำสทำงกำรศึกษำที่มีคุณภำพ ตลอดทุกช่วง ชีวิต เป็นคนทันโลก ทันเทคโนโลยี สำมำรถอยู่บนเวทีโลกได้อย่ำงภำคภูมิใจ และสำมำรถมีสว่ นร่วมกับนำนำชำติ เพ่ือทำให้โลกดีข้ึนน่ำอยู่ข้ึน และสำมำรถสร้ำงหรือใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี ควำมคิดสร้ำงสรรค์ แนวคิดดังกล่ำว ตอบโจทย์แผนกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2560-2579 เน้นกำรพัฒนำกำรศึกษำของประเทศ อำทิเช่น กำรปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจและสังคมของไทยให้พร้อมรองรับประเทศไทยยุค 4.0 โดยเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะของ ประชำกรในศตวรรษที่ 21 Program Outcomes (POs): คุณสมบัติของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ใน 4 ด้ำนได้แก่ (1) ด้ำนสำระ หลัก (2) ด้ำนทักษะอำชีพและทักษะชีวิต (3) ด้ำนทักษะกำรเรียนรู้นวัตกรรม และ (4) ด้ำนทักษะสำรสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี Course Outcomes (COs): มุ่งเน้นเร่ืองของกำรกำหนดเป้ำหมำยในระดับรำยวิชำ โดยใน กำรกำหนดเป้ำหมำยน้ีจะใช้ Bloom’s Cognitive Domain (วัตถุประสงค์เชิงพุทธิพิสัย) ประกอบด้วย 6 ระดับ ได้แก่ (1) จำ (2) เข้ำใจ (3) นำไปใช้ (4) วเิ ครำะห์ (5) ประเมินคำ่ และ (6) สร้ำงสรรค์ โดยผสู้ อนสำมำรถ ออกแบบวัตถปุ ระสงค์กำรเรยี นรู้ให้สอดคลอ้ งไปกับ POs ดังตัวอย่ำงตอ่ ไปนี้ ตารางที่ 2.2 แสดงควำมสอดคลอ้ งของ GAs และ POs ในภำพรวมของหลกั สตู ร Program Outcomes: POs ด้านสาระหลกั ดา้ นทักษะ ด้านทักษะการ ด้านทักษะ (ทกั ษะในศตวรรษที่ 21) อาชพี และ ทกั ษะชวี ติ เรียนรูแ้ ละนวตั กรรม สารสนเทศ ส่ือ และ รายวชิ าบงั คบั รำยวชิ ำ 1 เทคโนโลยี รำยวิชำ 2 รำยวชิ ำ ….. รายวชิ าเลอื ก รำยวิชำ 1 รำยวชิ ำ 2 รำยวชิ ำ …..
Chapter 2 63 ตารางท่ี 2.3 แสดงควำมสอดคล้องของ Program Outcomes (POs), Course Outcomes (COs) และกำรวัดและ ประเมินผล Program Outcomes: POs Course Outcomes: COs การวดั และประเมินผล (ทักษะในศตวรรษที่ 21) (วตั ถุประสงคเ์ ชิงพุทธิพสิ ัยเป็น (คุณสมบตั ิของผเู้ รียน ฐำนตำมแนวคิด Bloom’s 1. ดำ้ นสำระหลัก โดยเนน้ เป้ำหมำย Cognitive Domain) ทใ่ี ช้ในวชิ ำชพี ) 2. ด้ำนทักษะอำชพี และ 1.1 ระบุ … ทกั ษะชีวติ 1.2 อธิบำย … 1.3 ประยุกต์ … 3. ด้ำนทักษะกำรเรยี นร้แู ละ 1.4 วิเครำะห์ … นวัตกรรม 1.5 ประเมินคำ่ … 1.6 สรำ้ งสรรค์ … 2.1-2.6 ดงั รำยละเอียด เชน่ เดียวกบั 1.1-1.6 3.1-3.6 ดงั รำยละเอียด เชน่ เดยี วกบั 1.1-1.6 4. ดำ้ นทักษะสำรสนเทศ ส่ือ และ 4.1-4.6 ดังรำยละเอยี ด เทคโนโลยี เช่นเดยี วกับ 1.1-1.6 ทั้งนใ้ี นแต่ละรำยวชิ ำอำจมกี ำรเนน้ ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 เพยี งบำงด้ำน เช่น ในรำยวิชำหนงึ่ อำจจะเน้น เร่ืองของทักษะกำรเรียนรู้และนวัตกรรม ในขณะท่ีบำงรำยวิชำอำจจะเน้นย้ำในเรื่องของทักษะกำรเรียนรู้และ นวัตกรรม และทักษะสำรสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี นอกจำกน้ีระดับกำรเรียนรู้ท้ัง 6 ระดับของ Bloom อำจ สอดคล้องกับเน้ือหำกำรเรียนรู้เพียงบำงระดับเท่ำนั้น ดังตัวอย่ำงเช่น รำยวิชำระดับอุดมศึกษำชั้นปีท่ี 1-2 มักจะ เน้นย้ำกำรกำหนดวัตถุประสงค์ตำมแนวคิดของ Bloom ในระดับท่ี 1-3 (จำ เข้ำใจ ประยุกต์ใช้) ในขณะท่ีรำยวิชำ ในระดับอุดมศึกษำปีที่ 3-4 ส่วนใหญ่จะเน้นย้ำผลลัพธ์กำรเรียนรู้ในระดับท่ีสูงข้ึน ได้แก่ ระดับ 4-6 (วิเครำะห์ ประเมินค่ำ สร้ำงสรรค์) โดยในภำพรวมของ โปรแกรมจะทำให้เห็นภำพใหญ่ของกำรออกแบบโปรแกรม (หรือหลกั สูตร) รำยวิชำและผลลพั ธท์ ่สี อดคล้องและตอบสนองผลลพั ธก์ ำรเรยี นรทู้ ีไ่ ดต้ ัง้ ไวอ้ ยำ่ งชดั เจน ดงั นนั้ จงึ ขอ เสนอตำรำงกำรกำหนดผลลัพธ์กำรเรียนรู้ในแตล่ ะรำยวชิ ำทีส่ อดคล้องกบั ผลลพั ธ์กำรเรียนรู้ในระดับโปรแกรมหรือ หลักสตู ร ดงั ตวั อยำ่ งต่อไปน้ี
64 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ตารางท่ี 2.4 แสดงควำมสอดคลอ้ งของ Course Outcomes (Cos) และ กำรวัดและประเมินผล Course (Bloom’s Cognitive Domain) Program Outcomes: ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ 6 ระดบั Outcomes: POs (21st century skills) COs ผูเ้ รียนสำมำรถ 2 1 1. บอก/รวบรวม/ระบุ/ใหค้ วำมหมำย/ช้ี เน้อื หำหรอื สำระกำรเรยี นรู้ท่ีผู้เรียนต้อง ศึกษำ (Remembering: ควำมรู้ ควำมจำ) 2, 4 2 อธิบำย/เปรียบเทียบ/แสดงควำมคิดเหน็ /ตีควำมหมำย เนอ้ื หำหรือสำระกำรเรยี นรู้ที่ 3 3 ผเู้ รยี นต้องศึกษำ (Understanding: ควำมเขำ้ ใจ) 1, 3 4 ประยุกต์/ปรบั ปรงุ /แก้ปญั หำ/แสดง/ปฏิบตั /ิ สำธติ สำระกำรเรียนรทู้ ่ีผเู้ รียนศึกษำ (Applying: กำรนำไปใช)้ 1, 2, 3 5 เปรยี บเทยี บ/จำแนกแยกแยะ/หำควำมสัมพนั ธ/์ ตรวจสอบ/จัดกลุ่ม ขอ้ มลู เหตกุ ำรณ์ องคป์ ระกอบ ควำมคิดเหน็ หรือกระบวนกำรทีไ่ ดจ้ ำกสำระกำรเรียนรู้ท่ี 1, 2, 3, 4 6 ผเู้ รยี นศกึ ษำ (Analyzing: กำรวเิ ครำะห)์ สร้ำง/ปรบั ปรงุ /แก้ไข/ตั้งสมมติฐำน/ต้งั จุดมงุ่ หมำย/แจกแจงรำยละเอยี ด/ทำนำย ควำมคิด กำรศึกษำคน้ ควำ้ สมมติฐำน แบบแผน ทฤษฎี หลักกำร โครสร้ำง ที่ เกีย่ วขอ้ งกับสำระกำรเรยี นรู้ที่ผเู้ รียนไดศ้ กึ ษำ (Create: กำรสรำ้ งสรรค)์ วิพำกษ/์ ประเมินคำ่ /สรุป/จดั อนั ดบั /ให้เหตผุ ล/เปรียบเทยี บ ขอ้ มลู ข้อเทจ็ จริง หลักกำร ทฤษฎี คุณภำพ ประโยชน์ ของสำระกำรเรยี นรทู้ ี่ผู้เรยี นไดศ้ ึกษำ (Evaluation: กำรประเมินค่ำ) ในขณะที่ทำงกำรศึกษำและทำงธุรกิจต่ำงมองหำบัณฑิตที่สำมำรถแสดงให้เห็นถึงควำมชำนำญในทักษะ ในศตวรรษท่ี 21 ดังนั้นกำรเปลี่ยนแปลงในโครงสร้ำงของสถำบันกำรศึกษำและงบประมำณสำหรับเครื่องมือท่ีมี ควำมจำเป็นในกำรสร้ำงสภำพกำรเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จึงมีควำมจำเป็นอย่ำงยิ่ง ผู้บริหำรและครูได้มี กำรปรบั เปลย่ี นเก่ยี วกับกำรเตรยี มควำมพรอ้ มสำหรบั ผเู้ รยี นในศตวรรษที่ 21 ซ่งึ เป็นโลกที่ผสมผสำนกับเทคโนโลยี โดยบำงสถำบนั ได้มกี ำรมอบแล็ปทอ็ ปใหก้ บั นักเรยี นแต่ละคน น่เี ป็นจุดเร่ิมต้นสำหรับกำรเดนิ ทำงสกู่ ำรจัดกำรเรยี น กำรสอนและกำรสร้ำงสภำพแวดล้อมแบบ UL ที่ส่งผลลัพธ์กำรเรียนรู้ได้อย่ำงชัดเจน (Christman, 2014) นอกจำกน้ี Stefl-Mabry, Radlick, Doane (2010 อ้ำงถึงใน Christman, 2014) ได้เสนอผลกำรสำรวจควำมเห็น ของนักเรียนเกย่ี วกับกำรใช้ UT ในกำรเรียนร้โู ดยเปรียบเทียบกันระหว่ำงกำรใช้ UT ภำยนอกและภำยในโรงเรียน พบว่ำ ผู้เรียนพบข้อจำกัดน้อยกว่ำเม่ือใช้อุปกรณ์ดังกล่ำวภำยนอกโรงเรียน โดยพบว่ำผู้สอนขำดกำรเตรียม ควำมพร้อมจงึ ทำให้กำรใชอ้ ุปกรณด์ ังกล่ำว ไมป่ ระสบผลสำเรจ็ เท่ำทคี่ วร อีกทง้ั ผเู้ รยี นยังเสนอว่ำพวกเขำยินดีท่ีจะ มีส่วนร่วมในกำรช่วยผสู้ อนบูรณำกำรณก์ ำรใช้แทคโนโลยีเข้ำไปในบทเรียน จำกกรณีตัวอย่ำงดังกลำ่ วแสดงให้เห็น ถึงควำมพร้อมของผู้เรียนและควำมพร้อมในกำรที่จะปรับเปล่ียนบทบำทจำกผู้เรียนเชิงรับ (Passive Learnesr) เป็นผู้เรยี นเชิงรุก (Active Learners) ไดเ้ ปน็ อย่ำงดี
Chapter 2 65 ดังน้ันอำจกล่ำวได้ว่ำ กำรบูรณำกำรณ์กำรใช้เทคโนโลยีเข้ำไปในกำรเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เน้นกิจกรรมท่ีมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลำงและกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 มีควำมสำคัญยิ่งใน กำรจดั กำรเรยี นกำรสอนในปจั จุบัน อย่ำงไรก็ตำมในกำรที่จะใช้ UL และ UT ใหป้ ระสบควำมสำเร็จ ไมเ่ พยี งแตก่ ำร ใช้ฮำร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และขั้นตอนกำรจัดกำรท่ีเป็นระบบเท่ำนน้ั แต่ยังจะต้องมีกำรวำงแผนงำนท่ีรอบคอบจำก ผเู้ กย่ี วขอ้ งทุกภำคส่วนโดยเน้นผลลัพธก์ ำรเรยี นร้ทู ่ีชดั เจน เพือ่ ใหเ้ กดิ ผลท่สี ูงสดุ ตอ่ ไป ภาพที่ 2.6 แสดงเครอื่ งมอื และแนวทำงกำรจัดกำรเรียนรตู้ ำมแนวคิดยบู ิควิตัสเลริ น์ นิง 1.2 กรอบแนวคดิ เกยี่ วกับการออกแบบ UTEL ท่ีเน้นผลลัพธ์ทางการเรยี นรู้ ในศตวรรษที่ 21 จำกกำรศกึ ษำงำนวจิ ัยตำ่ งๆ ทม่ี กี ำรใช้ UL ในศตวรรษที่ 21 นั้นพบว่ำ UT มีอิทธิพลต่อควำมสำเร็จและ กำรเรียนรู้และแรงจูงใจในกำรเรียนรู้ของผู้เรียน โดย UT ท่ีพบว่ำมีกำรใช้อย่ำงแพร่หลำยน้ันได้แก่ กำรใช้ Ubiquitous Game (กำรเรียนรู้แบบยูบิควิตัส ที่มีเกมเป็นฐำน และอุปกรณ์ UT ที่สำมำรถใช้ได้อย่ำงมี ประสิทธิภำพ ได้แก่ อุปกรณ์โมบำย (Mobile Device) เนื่องจำกเป็นอุปกรณ์ที่ผู้เรียนมีติดตัวอยู่แล้วจึงใช้งำนได้ อย่ำงสะดวก ไม่ว่ำจะเป็นกำรเข้ำถึงข้อมูลและกำรเข้ำร่วมกิจกรรมท่ีอุปกรณ์สำมำรถตอบสนองได้อย่ำงรวดเร็ว โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อกำรใช้อุปกรณ์โมบำยในกำรจัดกำรเรียนรู้ตำมแนวคิดยูบิควิตัสเลิร์นนิง ได้แก่ (1) ควำมชอบ ส่วนบุคคล (Individual’s Preference) (2) ควำมสนใจ (Interest) และ (3) กำรสร้ำงแรงจูงใจด้วยตนเอง (Self-Motivation) ดงั มีรำยละเอยี ดดงั ต่อไปนี้ Liu and Chu (2010) ได้ศึกษำเร่ือง Using Ubiquitous Games in an English Listening and Speaking Course: Impact on Learning Outcomes and Motivation ซ่ึงผลกำรวิจัย พบว่ำ Ubiquitous Game มีอิทธิพลต่อควำมสำเร็จในกำรเรียนรู้และแรงจูงใจผ่ำน ULE กำรเรียนรู้ทุกแห่งหนแบบรู้บริบทหลักสูตร วิชำภำษำอังกฤษได้ถูกจัดทำในพ้ืนที่โรงเรียน โดยใช้ ULE ที่เรียกว่ำ Handheld English Language Learning Organization (HELLO) ช่วยนักเรียนในกำรมีส่วนร่วมในกิจกรรมกำรเรียนรู้ที่มีฐำนมำจำกทฤษฎีแรงจูงใจแบบ ARCS รวมไปถึงกลยุทธ์ทำงกำรศึกษำท่ีหลำกหลำย ประกอบไปด้วยกำรเรียนรู้ทุกแห่งหนที่มีเกมเป็นฐำน
66 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL กำรเรียนรู้แบบร่วมมือกัน และกำรเรียนรู้แบบรู้บริบท นักเรียนจำนวนสองกลุ่มได้เข้ำร่วมในกิจกรรมกำรเรียนรู้ ตำมท่ีได้กำหนดไว้ในหลักสูตรโดยแบ่งออกเป็นกำรเรียนรทู้ ุกแห่งหนที่มีเกมเป็นฐำน และกำรเรียนรู้แบบไม่มเี กม หลักสูตรดังกล่ำวมีชื่อว่ำ ‘My Campus’ ซ่ึงประกอบไปด้วยกิจกรรมกำรเรียนรู้สำมกิจกรรมหลักๆ ที่มีช่ือว่ำ ‘Campus Environment’ ‘Campus Life’ และ ‘Campus Story’ ผู้เข้ำร่วมกำรทดลองประกอบไปด้วยคุณครู โรงเรียนมัธยมปลำยและน้องใหม่ ระหว่ำงกำรทดลองนั้นได้มีกำรเก็บข้อมูลกับผู้เรียนในรูปแบบของแบบทดสอบ แบบสอบถำม และกำรสัมภำษณ์ของผู้เรียนพบว่ำ ผลกำรประเมินผลกำรเรียนรู้และแรงจูงใจ Ubiquitous Gamses ร่วมกับกระบวนกำรกำรเรียนรูภ้ ำษำอังกฤษนั้นส่งผลให้ผ้เู รียนประสบผลกำรเรียนรู้และแรงจูงใจท่ีดีกวำ่ กำรเรยี นแบบไม่ใช้เกมเลย อีกทัง้ ยังพบควำมสมั พนั ธเ์ ชงิ บวกระหว่ำงผลกำรเรยี นรแู้ ละแรงจงู ใจอีกด้วย Ch’ng and Samsudin (2013) ศึ ก ษ ำ เ รื่ อ ง Integration of Mobile Devices into Ubiquitous Learning by the 21st Century Teenagers ผลกำรวิจัยพบว่ำอุปกรณ์สื่อสำรพกพำเป็นสิ่งท่ีมีอยู่ทุกแห่งหน สำมำรถซื้อหำได้ง่ำย และเข้ำถึงได้ง่ำยสำหรับวัยรุ่นในศตวรรษที่ 21 ด้วยเหตุนี้เองวัยรุ่นเหล่ำนี้มีโอกำสท่ีจะทำ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ผ่ำนกำรใช้อุปกรณ์สือ่ สำรพกพำโดยไม่มีข้อจำกัดในเรือ่ งเวลำและสถำนท่ีอย่ำงไรกต็ ำม งำนวิจัย เชิงปริมำณหลำยๆ งำนได้ทำกำรศึกษำเก่ียวกับกำรควำมเข้ำใจในเร่ืองกำรใช้เทคโนโลยีในกำรศึกษำ และพบว่ำ กำรศึกษำเหลำ่ นนั้ ไม่ได้ให้ควำมสนใจในเรื่องของกำรใช้อุปกรณส์ ื่อสำรพกพำในกำรเรียนรูแ้ บบยูบวิ ควิตัสเลิรน์ นงิ โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงในมำเลเซีย ดังนั้น กำรวิจัยนี้จึงเป็นกำรทดลองที่ทำข้ึนเพ่ือให้เกิดควำมเข้ำใจเชิงลึกเก่ียวกับ รูปแบบกำรใช้อุปกรณ์สื่อสำรพกพำของวัยรุ่นเหล่ำนั้น และเพ่ือสร้ำงควำมกระจ่ำงเก่ียวกับระดับกำรใช้อุปกรณ์ ส่ือสำรพกพำในกำรทำกิจกรรมกำรเรียนรู้ กำรศึกษำนี้ยังได้วิเครำะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อวัยรุ่นจำกกำรใช้ อุปกรณ์ส่อื สำรพกพำไปยงั กำรสรำ้ งกำรเรียนรู้ และนำเสนอภำพรวมเกีย่ วกบั แนวทำงท่ีวยั รนุ่ รับรถู้ งึ กำรใช้อุปกรณ์ ส่ือสำรพกพำในเชิงปริมำณ กำรศึกษำดังกล่ำวแสดงให้เห็นว่ำวัยรุ่นมีทัศนคติในเชิงบวกต่อกำรใช้อุปกรณ์ส่ือสำร พกพำสำหรับกำรเรียนรู้แบบทุกแห่งหน (Ubiquitous Learning Environment: ULE) เพรำะพวกเขำเห็นว่ำ อุปกรณ์ส่ือสำรพกพำน้ันมีควำมสะดวกสบำย ตอบสนองได้อย่ำงรวดเรว็ และเข้ำถึงได้ควำมร้เู กี่ยวกับข้อมลู ต่ำงๆ ได้อย่ำงง่ำยดำย แต่อย่ำงไรก็ตำม กำรใช้อุปกรณ์สื่อสำรพกพำในกำรสร้ำงกำรเรียนรู้ทุกแห่งหนน้ันข้ึนอยู่กับ ควำมชอบส่วนบุคคล ควำมสนใจ และกำรสร้ำงแรงจูงใจด้วยตนเองเปน็ สำคัญ Farisi (2016) กลำ่ ววำ่ บทบำทของเทคโนโลยีท่ีเก่ยี วข้องกับกำรพัฒนำทักษะในศตวรรษท่ี 21 โดยจำกที่ Partnership Forum for 21st Century Skills ได้ยืนยันว่ำ “ทุกวันนี้ไม่มีองค์กรไหนสำมำรถท่ีจะประสบ ควำมสำเร็จได้โดยไม่นำเทคโนโลยีไปปรับใช้ ถึงเวลำแล้วสำหรับโรงเรียนที่จะต้องทำให้ผลกระทบของเทคโนโลยี เกิดขึ้นอย่ำงเต็มท่เี ช่นกัน” ผู้สอนท่ีจะเลือกใช้เทคโนโลยีสำหรับกำรเรียนรขู้ องนกั เรยี นและในกำรพัฒนำทักษะใน ศตวรรษท่ี 21 ให้เหมำะสมน้ันจำเปน็ ท่ีจะต้องยึดถือวิสยั ทัศน์และเป้ำหมำยของนักเรียนเป็นหลัก โดยครูจำเปน็ ท่ี จะต้องทำหน้ำที่เป็นผู้อำนวยควำมสะดวกและผู้สร้ำงสรรค์สื่อ (Rose & Fernlund, 1997; Shiveley & VanFossen, 2009) Parr and Ward (2011) แนะนำและสนับสนุนแนวคิกเกี่ยวกับกำรให้ครูมี “แล็ปท็อป สว่ นตัว” เป็น “ศนู ย์กลำงกจิ กรรม” สำหรับผู้เรียนในกำรใช้เทคโนโลยแี บบดจิ ิทลั ท่ีหลำกหลำยและใชค้ ณุ สมบตั ิใน เรอื่ งของ Ubiquitous (ที่เกิดขึ้นไดท้ กุ หนทุกแห่ง) ให้เปน็ ประโยชน์
Chapter 2 67 เมื่อพิจำรณำในเรื่องของประเภทของเคร่ืองมือที่ใช้ในกำรเรียนแบบ UL เพื่อส่งเสริมทักษะ ในศตวรรษท่ี 21 ของผู้เรียนน้ัน ส่วนใหญ่จะมีพื้นฐำนของแนวคิดเร่ือง Constructivist Learning ซ่ึงจะ ประกอบด้วยเครื่องมือ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ (1) เทคโนโลยีสำหรับกำรใช้งำนท่ัวไปท่ีจะเข้ำมำเสริมในกำรเรียน กำรสอนที่มีควำมยดื หยุ่นในเร่อื งของเวลำ สถำนท่ี และอุปกรณ์มำกย่ิงข้นึ และ (2) เทคโนโลยีเคร่ืองมือเฉพำะทำง ที่มีลักษณะพิเศษเน้นกำรพัฒนำเพื่อตอบโจทย์ผลลัพธ์กำรเรียนรู้ท่ีชัดเจน กล่ำวคือ จำกกำรศึกษำเคร่ืองมือและ เทคโนโลยีหลำยๆชนิดท่ีตอบโจทย์แนวคิดของกำรเรียนแบบยูบิควิตัส และเหมำะสมต่อกำรพัฒนำทักษะ ในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนและยังช่วยสนับสนุนกำรสร้ำงสรรค์ช้ันเรียนให้เป็นกำรเรียนรู้เป็นแบบ คอนสตัคติวิสท์ โดยเทคโนโลยีสำหรบั กำรใช้งำนทั่วไป (Generalist Technologies) นั้นประกอบไปด้วยยบู ิควติ ัส ซอฟต์แวร์ที่นำไปใช้เพ่ือเพ่ิมพูนประสิทธิภำพกำรเรียนกำรสอนให้กับผู้นักเรียนแล้ว อำจนำมำใช้สำหรับกิจกรรม แบบไม่มีกำรเรียนกำรสอน (Non-Instructional Activities) ซอฟต์แวร์ชนิดนี้ประกอบไปด้วย อีเมล WebCT/Blackboard เคร่ืองมือสำหรับกำรสนทนำผ่ำนเว็บไซต์ SMART Boards, Clickers, ทรัพยำกรทำงกำร เรียนรู้แบบออนไลน์ที่อ้ำงอิงจำกเว็บไซต์ WebQuests Video iPods YouTube Wikis เอกสำรดิจิทัลระบบ ภูมิศำสตร์สำรสนเทศที่มีเทคโนโลยีเป็นฐำน และ เทคโนโลยีเฉพำะทำง นั้นประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้ถูก สร้ำงมำสำหรับผู้เรียน แต่ทว่ำมีกำรนำไปใช้แบบเฉพำะทำงสำหรับกำรเรียนกำรสอน มีลักษณะเฉพำะตัวท่ีพิเศษ และผู้เรียนต้องมีทักษะเฉพำะทำง นอกจำกน้ีซอฟต์แวร์เหล่ำนี้ถูกพัฒนำมำเพ่ือจุดประสงค์ในกำรสอนโดยเฉพำะ ซอฟต์แวร์เหล่ำนี้ประกอบไปด้วย กำรประชุมทำงไกล หน้ำเว็บเพจสำหรับกำรเรียนรู้ แผนกำรสอนที่ใช้ Spreadsheets / Databases สื่อดิจิทลั ฮำร์ดแวร์ที่ช่วยในกำรนำเสนอ ซอฟต์แวรแ์ ละเกม กระทูส้ นทนำออนไลน์ และเกมออนไลน์ เป็นต้น Individual’s preference Ubiquitous Learning Environment (ULE) Interest Self- motivation ภาพท่ี 2.7 แสดงปจั จัยทสี่ ่งผลต่อกำรใช้โมบำยเทคโนโลยี ภาพท่ี 2.8 กำรใช้ UTEL สำหรับกำรเรยี นรู้แบบ ในกำรจดั กำรเรียนร้ตู ำมแนวคิดยบู ิควติ สั เลิร์นนิง Constructivist แบ่งเครอื่ งมอื ไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื 1) เทคโนโลยีสำหรบั กำรใช้งำนทั่วไป และ 2) เทคโนโลยีเฉพำะทำง ตำมแนวคิดของ Farisi (2016)
68 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL เมื่อพิจำรณำถึงเรื่องของกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ตำมแนวคิด ULE นั้นพบว่ำ มีจุดเด่น ใน 2 รปู แบบหลักๆ ไดแ้ ก่ (1) กำรส่ือสำรและกำรทำงำนร่วมกันกับผู้อ่ืน โดย UTEL จะเออื้ ใหผ้ ู้เรยี นได้มีโอกำสใน กำรฝึกทักษะดังกล่ำว ทั้งจำกกำรทำงำนคู่กับเพื่อน (Peer to Peer) กำรทำงำนกลุ่มย่อย (Small Group) หรือ แม้กระทั่งกำรติดต่อกับผู้เชี่ยวชำญในด้ำนต่ำงๆ (Experts) และ (2) โอกำสในกำรเรียนรู้ที่ต่อเน่ือง (Continue Long After the Class) โดยกำรเรียนในรูปแบบนี้น้ันจะขยำยโอกำสในกำรเรียนรู้ท่ีไม่ได้ถูกจำกัดเฉพำะเวลำใน ห้องเรียน แต่ผู้เรียนยงั สำมำรถเรียนร้ไู ดอ้ ย่ำงต่อเนือ่ ง จำกจุดเด่นของ UL ใน 5 ด้ำน ได้แก่ (1) ทุกคน (Anyone) (2) ทุกเวลำ (Anytime) (3) ทุกแห่ง (Anywhere) (4) ทุกอุปกรณ์ (Any Device) (5) ทุกส่ิง (Anything) โดยท้ัง 2 แนวคิดนี้ จะเป็นกำรปูพื้นฐำนที่ดีและนำผู้เรียนไปสู่กำรเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตในชุมชนแห่งกำรเรียนรู้ได้ อยำ่ งยัง่ ยืนต่อไป ACOT2 (2008) กล่ำวถึงควำมสำคัญของยูบิควิตัสเทคโนโลยีตอ่ กำรใช้ชีวิตและกำรทำงำนในศตวรรษที่ 21 ได้แก่กำรท่ีผู้เรียนเข้ำถึงข้อมูล ทรัพยำกร และเทคโนโลยีท่ีจะช่วยในกำรมีส่วนร่วมอยู่ตลอดเวลำ และ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับให้ผู้เรียนศึกษำหำข้อมูล กำรรวบรวมข้อมูลและทรัพยำกร รวมไปถึงกำรวิเครำะห์ ข้อมูล เพื่อสร้ำงสรรค์องค์ควำมรู้ออกไปในวงกว้ำง เพ่ือสื่อสำรกับเพ่ือนร่วมงำนและผู้เช่ียวชำญ และเพ่ือเรียนรู้ ประสบกำรณ์และควำมเชี่ยวชำญในกำรทำงำนแบบร่วมกันกับผู้อ่ืน ดังตัวอย่ำงเช่นโมเดลกำรเรียนรู้แบบใหม่ใน ปัจจุบันที่ผู้สอนได้ใช้ Blogs และ Wikis ทำให้ผู้เรียนสำมำรถเกิดกำรเรียนรู้นอกห้องเรียน รวมไปถึงกำรทำงำน ร่วมกันในกลุ่มเพ่ือนรว่ มงำนหรอื กล่มุ เครือขำ่ ยกำรเรยี นรตู้ ่ำงๆ ภาพที่ 2.9 สรุปแนวคิดของ UTEL ที่ส่งผลต่อกำรทำหน้ำท่ี ในกำรใชช้ ีวติ และกำรทำงำนในศตวรรษท่ี 21 2. Case Studies ในส่วนของแนวคิด Case Studies กรณีตัวอย่ำงนั้น จะขอกล่ำวถึง กรณีตัวอย่ำงกำรใช้ UTEL ท่ีเน้น ผลลพั ธ์กำรเรยี นรูท้ กั ษะในศตวรรษท่ี 21 มีรำยละเอียดดังต่อไปนี้
Chapter 2 69 กรณตี ัวอยา่ งการใช้ UTEL ทเี่ นน้ ผลลัพธก์ ารเรียนรูท้ ักษะในศตวรรษท่ี 21 จำกกำรสืบค้นกรณีตัวอย่ำงท่ีน่ำสนใจพบเรื่องกำรใช้อุปกรณ์ส่ือสำรแบบพกพำที่มีควำมเหมำะสมกับ กำรเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในต่ำงประเทศและกรณตี ัวอย่ำงของไทย นอกจำกน้ี เมื่อศึกษำวรรณกรรมในประเทศ ไทยท่ีมีกำรศึกษำกำรเรียนรู้แบบยูบิควิตัสที่ส่งผลต่อผลลัพธ์กำรเรยี นรู้ท่ีสอดคลอ้ งกับทักษะในศตวรรษที่ 21 น้ัน พบผลงำนที่น่ำสนใจ โดยในงำนที่พบของไทยน้ันจะให้ควำมสำคัญกับวิธีกำรสอน (เช่น กำรใช้ปัญหำเป็นฐำน) แนวคิดกำรจัดกำรเรียนรู้ (เช่น Flipped Classroom) มำใช้ร่วมกับ Ubiquitous Technology (UT) และกำร เรียนรู้สภำพแวดล้อมยบู ิควิตัส (Ubiquitous Learning Environment : ULE) มรี ำยละเอยี ดดงั ตอ่ ไปน้ี Kee and Samsudin (2014) ทำกำรศึกษำเร่ือง Mobile Devices: Toys or Learning Tools For The 21st Century Teenagers พบว่ำ กำรเรียนรู้น้ันสำมำรถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลำและสำมำรถที่จะเกิดขึ้นได้ทุกท่ีทกุ เวลำผ่ำนกำรใช้อุปกรณ์ส่ือสำรพกพำ ในศตวรรษท่ี 21 น้ี อุปกรณ์ส่ือสำรพกพำน้ันกลำยเป็นส่ิงที่อยู่ทุกแห่งหน สำมำรถหำซ้ือได้ง่ำย และเข้ำถึงได้ง่ำยและเพ่ิมโอกำสที่จะกระทำกิจกรรมกำรเรียนรู้ผ่ำนกำรใช้อุปกรณ์ส่ือสำร พกพำ อย่ำงไรก็ตำม งำนวิจัยหลำยๆ งำนวิจัยได้ทำกำรศึกษำเกี่ยวกบั กำรควำมเข้ำใจเก่ียวกับกำรใช้เทคโนโลยใี น กำรศึกษำ โดยในงำนวิจัยนี้เป็นกำรทดลองเชิงลึกท่ีเกี่ยวกับรูปแบบกำรใช้อุปกรณ์ส่ือสำรพกพำของวัยรุ่น และ เพื่อสร้ำงควำมกระจ่ำงเก่ียวกับระดับกำรใช้อุปกรณ์สื่อสำรพกพำในกำรทำกิจกรรมกำรเรียนรู้ กำรศึกษำนี้ยังได้ วิเครำะห์ปัจจัยท่ีมีผลกระทบต่อวัยรุ่นจำกกำรใช้อุปกรณ์สื่อสำรพกพำไปยังกำรสร้ำงกำรเรียนรู้ และนำเสนอ ภำพรวมเกี่ยวกับแนวทำงท่ีวัยรุน่ รับร้ถู ึงกำรใช้อุปกรณ์สื่อสำรพกพำในเชิงปริมำณ กำรศึกษำดงั กล่ำวแสดงให้เห็น ว่ำวยั รุ่นมีทศั นคตใิ นเชิงบวกต่อกำรใช้อุปกรณ์ส่ือสำรพกพำให้เป็นกำรเรยี นรทู้ เ่ี กิดข้ึนได้ทุกแห่งหน เพรำะพวกเขำ เห็นว่ำอุปกรณ์ส่อื สำรพกพำนัน้ มคี วำมสะดวกสบำย ตอบสนองไดอ้ ยำ่ งรวดเรว็ และเข้ำถึงได้ควำมรู้เกยี่ วกับขอ้ มลู ต่ำงๆได้อย่ำงง่ำยดำย แต่อย่ำงไรก็ตำม กำรใช้อุปกรณส์ ่อื สำรพกพำในกำรสร้ำงกำรเรียนรทู้ ุกแห่งหนน้ันข้นึ อยู่กับ ควำมชอบส่วนบุคคล, ควำมสนใจ และกำรสร้ำงแรงจูงใจด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ แต่กระน้ัน ข้อเท็จจริงเก่ียวกับ กำรเรยี นรู้, ภำษำตำ่ งๆ และทกั ษะในกำรใช้อุปกรณ์ส่อื สำรพกพำน้ันถือเป็นกิจกรรมท่เี ปน็ ทนี่ ่ำสนใจในหมวู่ ัยรนุ่ อกี ผลงำนทนี่ ำ่ สนใจไดแ้ ก่ งำนวจิ ัยเรื่องผลกำรใช้คอร์สแวรแ์ บบกำรใช้ปญั หำเปน็ ฐำนเพื่อกำรเรยี นรูแ้ บบ ยบู ิควิตัสท่สี ง่ ผลตอ่ กำรแก้ปัญหำและผลงำนของนักศึกษำระดับอดุ มศึกษำ (ธนะรัตน์ ธนำกจิ เจรญิ สุข และ เกียรติ ศักด์ิ พนั ธ์ลำเจยี ก, 2560) ศึกษำผลกำรพฒั นำรูปแบบคอร์สแวร์แบบกำรใชป้ ญั หำเป็นฐำนเพื่อกำรเรียนรแู้ บบยูบิค วิตัส พบว่ำ รูปแบบคอร์สแวร์แบบกำรใช้ปัญหำเป็นฐำนเพ่ือกำรเรียนรู้แบบยูบิควิตัสมี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) คอรส์ แวร์ มี 5 องค์ประกอบยอ่ ย คือ ซอฟตแ์ วร์ ฮำร์ดแวร์ กำรเรียนกำรสอน ปฏิสัมพนั ธ์ และกำรประเมินผล 2) กำรเรียนรู้แบบยูบิควิตัส หรือ กำรเรียนกำรสอนแบบทุกที่ทุกเวลำ มี 5 องค์ประกอบย่อย คือ ผู้เรียน ผู้สอน เคร่ืองมือกำรจัดกำรเรียนรู้ และบริบท 3) กำรใช้ปัญหำเป็นฐำน มี 6 กระบวนกำร ได้แก่ กำหนด ปัญหำ ทำควำมเข้ำใจกับปัญหำ ดำเนินกำรศึกษำค้นคว้ำ สังเครำะห์ควำมรู้ สรุปและประเมินค่ำของคำตอบ นำเสนอและประเมินผลงำน 4) กำรแก้ปัญหำและผลงำน โดยพบว่ำผลกำรใช้คอรส์ แวร์แบบกำรใช้ปัญหำเปน็ ฐำน เพื่อกำรเรียนรู้แบบยูบิควิตัสท่ีส่งผลต่อกำรแก้ปัญหำและผลงำนของนักศึกษำระดับอุดมศึกษำ พบว่ำ นักศึกษำท่ี
70 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL เรียนจำก คอร์สแวรแ์ บบแก้ปัญหำเปน็ ฐำนเพื่อกำรเรยี นรู้แบบยูบิควติ สั ฯ ท่ีพัฒนำข้ึน นักศึกษำมีควำมสำมำรถใน กำรแก้ปัญหำโดยรวมอยู่ในระดับดี (x̄= 3.18, S.D. = .68) และผลงำนโดยรวมของนักศึกษำอยู่ในระดับดี (x̄ = 3.24, S.D. = .19) สำหรับผลกำรศึกษำควำมพึงพอใจของนักศึกษำที่เรียนจำกคอร์สแวร์แบบกำรใช้ปัญหำ เป็นฐำนเพ่ือกำรเรียนรู้แบบยูบิควิตัสที่ส่งผลต่อกำรแก้ปัญหำและผลงำนของนักศึกษำระดับอุดมศึกษำพบว่ำ ผู้เรียนมีควำมพึงพอใจท่ีมีต่อคอร์สแวร์แบบกำรใช้ปัญหำเป็นฐำนเพ่ือกำรเรียนรู้แบบยูบิควิตัสที่ส่งผลต่อ กำรแกป้ ญั หำและผลงำนของนักศกึ ษำระดับอดุ มศกึ ษำ โดยภำพรวมอยใู่ นระดบั มำก (x̄ = 4.11, S.D. = .53) และอีกงำนวิจยั ท่ีน่ำสนใจ ได้แก่ กำรพัฒนำคอร์สแวรเ์ พ่ือกำรเรียนรแู้ บบยูบคิ วติ ัสตำมแนวคิด Flipped Classroom เพ่ือส่งเสริมทักษะปฏบิ ัติสำหรับนักศึกษำระดับปรญิ ญำตรี (กัลยำณี เจริญช่ำง นุชมี และเกียรติศกั ด์ิ พันธ์ลำเจียก, 2560) ผลกำรวิจัยพบว่ำ (1) คอร์สแวร์เพ่ือกำรเรียนรู้แบบยูบิควิตัส ตำมแนวคิด Flipped Classroom เพ่ือส่งเสริมทักษะปฏิบัติสำหรับนักศึกษำระดับปริญญำตรี มีประสิทธิภำพเท่ำกับ 80.67/80.22 ซง่ึ เป็นไปตำมเกณฑ์ 80/80 (2) ผลสมั ฤทธิท์ ำงกำรเรยี นหลังเรยี นมีค่ำสูงกวำ่ ก่อนเรยี น อย่ำงมีนยั สำคญั ทำงสถิติที่ ระดับ 0.05 และ (3) ทักษะปฏิบัติของผู้เรียนที่เรียนด้วยคอร์สแวร์เพ่ือกำรเรียนรู้แบบ ubiquitous ตำมแนวคิด Flipped Classroom เพ่ือส่งเสริมทักษะปฏบิ ัติ สำหรับนักศึกษำระดับปริญญำตรี โดยกำรประเมนิ ตำมสภำพจริง โดยรวมอยูใ่ นระดับดี มีคำ่ เฉลย่ี เท่ำกับ 3.22 3. Research Works งำนวจิ ยั ท่เี ก่ียวข้องและกำรประยุกตใ์ ชจ้ ะขอนำเสนองำนวจิ ยั ของผู้เขยี น ที่ไดอ้ อกแบบและพัฒนำ UTEL ท่ีเน้นผลลัพธ์กำรเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับทักษะในศตวรรษที่ 21 ขอนำเสนอผลจำกงำนวิจัยและนวัตกรรม 3 ชิ้น ไดแ้ ก่ ระบบ TCU-OBL Plugins, ระบบ TCU-EPMS Plugin, และงำนวจิ ัยเรือ่ งระบบกำรเรียนดว้ ยอีเลริ ์นนิงแบบ ผสมผสำนเพอื่ เสรมิ สรำ้ งทกั ษะทำงปัญญำของผู้เรยี นในระดบั อุดมศึกษำ โดยงำนวจิ ยั และนวตั กรรมทั้ง 3 ช้นิ น้ันได้ พัฒนำขึ้นบนฐำนของกรอบมำตรฐำนคุณวุฒิระดับอุดมศึกษำแห่งชำติ (Thai Qualifications Framework For Higher Education; TQF: HEd) ได้แก่ (1) ด้ำนคุณธรรม จริยธรรม (2) ด้ำนควำมรู้ (3) ด้ำนทักษะทำงปัญญำ (4) ด้ำนทักษะควำมสัมพันธ์ระหว่ำงบุคคลและควำมรับผิดชอบ และ (5) ด้ำนทักษะกำรวิเครำะห์เชิงตัวเลข กำรส่ือสำร และกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ ซ่ึงถือว่ำเป็นผลลัพธ์กำรเรียนรู้ท่ีสำคัญของไทย อีกทั้งเมื่อพิจำรณำ แล้วมคี วำมสอดคล้องกบั ทักษะในศตวรรษท่ี 21 เป็นอย่ำงดี ดงั รำยละเอียดตอ่ ไปน้ี 3.1 งานวิจยั ที่เกีย่ วขอ้ งและการประยุกต์ใช้: TCU-OBL Plugins ในปี พ.ศ. 2559 ผ้เู ขียน ร่วมกบั รศ.ดร. ประกอบ กรณีกิจ ได้ออกแบบและพัฒนำโปรแกรมเสริมสำหรบั ระบบจัดกำรเรียนรู้ท่ีเน้นผลลัพธ์กำรเรียนรู้ในสภำพแวดล้อมอีเลิร์นนิงแบบผสมผสำนศำสตร์กำรสอนสำหรับ ผู้เรียนระดับอุดมศึกษำ หรือ TCU Outcome Based Learning Plug-in (TCU-OBL Plugin) โดยระบบท่ี พัฒนำขึ้นน้ีมีคุณสมบัติเป็น Plugin เช่ือมต่อกับระบบจัดกำรเรียนรู้ Moodle ทั้งน้ี TCU-OBL Plugin พัฒนำข้ึน
Chapter 2 71 บนฐำนของกรอบมำตรฐำนคณุ วฒุ ริ ะดบั อดุ มศกึ ษำแหง่ ชำติ (TQF) และได้ตอ่ ยอดมำจำก Plugin ตำ่ งๆ ของระบบ Moodle LMS version 2.9 โดยนักวิจัยเพิ่มควำมสำมำรถให้มีกำรจัดหมวดหมู่ของ Plugin ต่ำงๆ เพื่อเป็น เคร่ืองมือกำรเรียนรู้ที่ได้พัฒนำตำมกรอบของ TQF พร้อมนำเสนอศำสตร์กำรสอนท่ีเหมำะสมกับเคร่ืองมือกำร เรยี นรู้ในแต่ละด้ำนของ TQF มี 3 เครอื่ งมือย่อย ได้แก่ (1) TQF Plugin Tools (2) TQF Pedagogy Tools และ (3) TQF Plugin Tools & TQF Pedagogy Tools (Add-on tools) โดยมีรำยละเอยี ดดงั ภำพที่ 2.10-2.12 ภาพท่ี 2.10 แผนผงั ของโปรแกรมเสรมิ สำหรบั ระบบจัดกำรเรียนรู้ทเ่ี น้นผลลพั ธ์กำรเรยี นรู้ ในสภำพแวดลอ้ มอเี ลริ น์ นงิ แบบผสมผสำนศำสตร์กำรสอนสำหรบั ผู้เรียนระดบั อุดมศกึ ษำ หรือ TCU-OBL Plugin (Outcome Based Learning Plug-in) ภาพท่ี 2.11 คูม่ อื กำรใชง้ ำน
72 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ภาพท่ี 2.12 หนำ้ จอของระบบ
Chapter 2 73 ทั้งนี้ TCU-OBL Plugin มีลักษณะเด่น 4 ประกำรคือ (1) TCU-OBL Plugin เป็นโปรแกรมเสริมสำหรับ ระบบจัดกำรเรียนรู้แบบรหัสเปิด (Opensource) ซึ่งอนุญำตให้ผู้ใช้นำไปใช้ แบ่งปัน หรือปรับปรุงเพ่ือใช้งำนตำม ตอ้ งกำร (2) TQF Plugin Tools & TQF Pedagogy Tools (Basic tools) สำมำรถช่วยให้อำจำรยจ์ ัดกจิ กรรมกำรเรยี นรบู้ น Moodle โดยสำมำรถเลือกใช้ Plugin และ ศำสตร์กำรสอน (Pedagogy) ที่เหมำะสมกับกรอบมำตรฐำนคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษำแหง่ ชำตไิ ด้ ประกอบด้วย plugin 2 ประเภท ได้แก่ Build - In Core Plugin ทมี่ ำพร้อมกบั กำรตดิ ตง้ั ระบบ Moodle และ Additional Plugin ที่ติดตั้งเพิ่มเติมในระบบ Moodle เพ่ือกำรใช้ในกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ที่มี ประสทิ ธภิ ำพยิง่ ขน้ึ (3) TQF Plugin Tools & TQF Pedagogy Tools (Add-on tools) เป็นเครือ่ งมือท่ชี ่วยให้อำจำรยห์ รอื ผู้ดูแลระบบสำมำรถเพ่ิมเติม Plugin และ ศำสตร์กำรสอน (Pedagogy) ที่เหมำะสมกับกรอบมำตรฐำนคุณวุฒิ ระดับอดุ มศึกษำแห่งชำติทม่ี ีควำมเฉพำะทำงในสำขำวิชำชีพต่ำง ๆ ได้ ทำให้ผใู้ ช้สำมำรถต่อยอดกำรจดั กำรเรยี นกำรรตู้ ำม กรอบของ TQF ในศำสตร์สำขำของตนให้มีประสิทธิภำพได้ดียิ่งข้ึน Add-on tools และ(4) TQF-OBL Syllabus tools อำจำรยส์ ำมำรถพิมพป์ ระมวลรำยวชิ ำในรปู แบบของ มคอ. 3 ท่ไี ด้ออกแบบกจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกรอบมำตรฐำนคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษำแห่งชำติโดยใช้ TQF Plugin Tools & TQF Pedagogy Tools ซึ่งเป็นแนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้ของทุก สถำบนั อดุ มศกึ ษำ ดงั น้ันจึงสำมำรถเผยแพร่สกู่ ำรปฏบิ ัติในกำรจดั กำรเรียนกำรสอนในสถำบนั อุดมศกึ ษำตำ่ ง ๆ ในวงกว้ำง ต่อไป โดย Plugin ทใ่ี ชม้ ีทัง้ ส้นิ 17 ตัว แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ (1) Plugin ทม่ี ำพรอ้ มกบั ระบบ Moodle เรยี กวำ่ Build - In Core Plugin และ (2) Plugin ทตี่ อ้ งตดิ ต้ังเพมิ่ เตมิ เรียกว่ำ Additional Plugin จึงเห็นได้ว่ำระบบดังกล่ำว ได้ออกแบบตำมผลลัพธ์กำรเรียนรู้ตำมกรอบมำตรฐำนคุณวุฒิ ระดบั อุดมศกึ ษำแห่งชำติท่ีวดั ไดอ้ ย่ำงเปน็ รปู ธรรม ทั้งน้ี ผอู้ ำ่ นสำมำรถศกึ ษำเพิม่ เติมไดจ้ ำก จินตวีร์ คลำ้ ยสังข์ และ ประกอบ กรณีกิจ (2560) โปรแกรมเสริมสำหรับระบบจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นผลลัพธ์กำรเรียนรู้ในสภำพแวดล้อม อีเลิร์นนิงแบบผสมผสำนศำสตร์กำรสอน: ทฤษฎีสู่กำรปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : โครงกำรมหำวิทยำลัยไซเบอร์ไทย, สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอุดมศึกษำ กระทรวงศึกษำธิกำร. โดยในหนังสือได้กล่ำวถึงแนวคิด หลักกำร ผลงำนวจิ ัย และวธิ ีกำรใช้งำนโปรแกรมเสรมิ สำหรบั ระบบจัดกำรเรยี นรู้ ทง้ั ในระดบั ผู้ดแู ลระบบ ผูส้ อน และผู้เรยี น ท่ีเข้ำใจง่ำยสู่กำรปฏิบัติไว้อย่ำงครบถ้วน โดยโปรแกรมเสริมท่ีนำมำใช้ร่วมกับระบบจัดกำรเรียนรู้ (Learning Management System: Moodle) อนั จะช่วยเพิ่มคุณสมบัตติ ่ำงๆ ทเ่ี อื้อต่อกำรเรียนร้ทู ่เี นน้ ผลลพั ธ์เป็นฐำนไดเ้ ปน็ อย่ำงดี ศึกษาเพิม่ เติม bit.ly/utel2018_4
74 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL 3.2 งานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องและการประยุกตใ์ ช้: TCU-EPMS Plugin ตัวอย่ำงงำนวิจัยที่ 2 คือ ระบบจัดกำรแฟ้มสะสมงำนอิเล็กทรอนิกส์ตำมกรอบมำตรฐำนคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษำแห่งชำติ หรือ TCU-EPMS Plugin โดยในปี พ.ศ. 2559 ผู้เขียนร่วมกับ รองศำสตรำจำรย์ ดร. ประกอบ กรณีกิจ ได้ออกแบบ และพัฒนำ TCU-EPMS Plugin มีจุดเด่นคือ ระบบจัดกำรแฟ้มสะสมงำน อิเล็กทรอนิกส์ตำมกรอบมำตรฐำนคุณวุฒิระดับอุดมศึกษำแห่งชำติ หรือ TCU-EPMS Plugin น้ี เป็น Plugin สำหรับระบบจัดกำรเรียนรู้ Moodle ซึ่งพัฒนำต่อยอดมำจำก Mahara ePortfolio System มีโครงสร้ำงท่ี ออกแบบและพัฒนำใหม่เพ่ือให้ตอบโจทย์ควำมต้องกำรของบริบทกำรศึกษำไทย โดยประกอบด้วย 2 ระบบย่อย และ 1 หน้ำอ้ำงอิง ได้แก่ ระบบแฟ้มสะสมงำนอิเล็กทรอนิกส์ (EPMS) และระบบสร้ำงเกณฑ์ประเมินแบบรูบริค (Rubrics Creator) และแนวทำงกำรประเมินตำมสภำพจริงกรอบมำตรฐำนคุณระดับอุดมศึกษำแห่งชำติ (TQF Guideline) ดังภำพที่ 2.21 โดยแผนผังของระบบแฟ้มสะสมงำนอิเล็กทรอนิกส์ (EPMS) ดังแสดงในภำพที่ 2.13-2.14 ตัวอยำ่ งภำพหนำ้ จอของระบบแฟ้มสะสมงำนอเิ ล็กทรอนิกส์ (EPMS) นำเสนอดงั ภำพที่ 2.15-2.21 ภาพที่ 2.13 แผนผงั ระบบ TCU-EPMS Plugin และ TQF Guideline ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ bit.ly/utel2018_5
Chapter 2 75 ภาพที่ 2.14 แผนผงั ระบบแฟม้ สะสมงำนอเิ ล็กทรอนิกส์ ภาพที่ 2.15 หน้ำจอเมื่อ log in เขำ้ สู่ระบบ TCU EPMS ภาพที่ 2.16 หนำ้ จอ Profile ในเมนู Content ภาพที่ 2.17 กำรเกบ็ สะสมผลงำนตำมกรอบมำตรฐำนคุณวุฒิ ระดับอุดมศกึ ษำแหง่ ชำติ
76 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ภาพที่ 2.18 กำรสะทอ้ นคิดตอ่ ผลงำนของตนเอง ภาพที่ 2.19 หน้ำจอเมนู Rubrics Creator ภาพที่ 2.20 ตัวอยำ่ งเกณฑ์รูบรคิ จำก Rubrics ภาพที่ 2.21 แนวทำงกำรประเมินตำมสภำพจรงิ กรอบ Creator มำตรฐำน คุณระดบั อุดมศึกษำแห่งชำติ (TQF Guideline) โดยระบบ TCU-EPMS มีควำมแปลกใหม่คือ โดยปรกติ Mahara ePortfolio System เดิมน้ัน แม้จะ สำมำรถเช่ือมโยงกับระบบจัดกำรเรียนรู้ Moodle แต่ไมส่ ำมำรถเชอ่ื มโยงหลกั ฐำนจำกระบบจัดกำรเรียนรู้ดังกล่ำว นกั พฒั นำจงึ นำมำปรับปรุงทำให้ระบบ TCU-EPMS สำมำรถทำใหผ้ สู้ อนจัดกิจกรรมกำรเรียนบน Moodle และทำ ให้ผู้เรียนอ้ำงอิงหลักฐำนกำรเรียนรู้จำกระบบจัดกำรเรียนรู้ Moodle มำสะสมในระบบจัดกำรแฟ้มสะสมงำน อิเล็กทรอนิกส์ TCU-EPMS ตลอดจนมีเครื่องมือท่ีช่วยให้ผู้สอนหรือผู้เรียนสร้ำงเกณฑ์ประเมินแบบรูบริคสำหรับ ผลงำน (Rubrics Creator) สะทอ้ นควำมคิด ประเมินตนเอง และประเมนิ เพือ่ นรว่ มชั้น ตลอดจนเผยแพรผ่ ลงำนไป ยงั เพือ่ น กลุ่มเพื่อน หรอื สำธำรณะได้
Chapter 2 77 3.3 งานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องและการประยุกต์ใช้: ระบบการเรียนด้วยอีเลิร์นนิงแบบ ผสมผสานเพื่อเสรมิ สรา้ งทกั ษะทางปัญญา อีกตัวอย่ำงที่น่ำสนใจได้แก่ งำนวิจัยเรื่องระบบกำรเรียนด้วยอีเลิร์นนิงแบบผสมผสำนเพื่อเสริมสร้ำง ทักษะทำงปัญญำของผู้เรียนในระดับอุดมศึกษำ (ผู้วิจัย จินตวีร์ คล้ำยสังข์ และมณีรัตน์ ลิขิตดำรงเกียรติ ทุนสำนักงำนคณะกรรมกำรวิจัยแห่งชำติ ดำเนินกำรระหว่ำงปี พ.ศ. 2555-2557) โดยงำนวิจัยนี้เป็นงำนวิจยั และ พฒั นำ (Research & Development) ออกแบบโดยมีกำรต้งั เป้ำหมำยเป็นผลลัพธ์กำรเรียนรูท้ ชี่ ัดเจน (Outcome- Based Learning Design) ซึ่งได้แก่ กำรออกแบบตำมกรอบมำตรฐำนกำรอุดมศึกษำ (Thailand Qualifications Framework for Higher Education) ในด้ำนทักษะทำงปัญญำ โดยให้ควำมสำคัญกับกำรเสริมสร้ำงทักษะ ทำงปัญญำของผู้เรียนในทั้ง 3 ศำสตร์ ได้แก่ สำยวิทยำศำสตร์สุขภำพ สำยวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี และสำย สังคมศำสตร์และมนุษยศำสตร์ และจำกกำรสังเครำะห์กรอบมำตรฐำนคุณวุฒิระดับอุดมศึกษำแห่งชำติใน ด้ำนทักษะทำงปัญญำพบว่ำทักษะทำงปัญญำท่ีสำคัญสำหรับผู้เรียนสำขำวิทยำศำสตร์สุขภำพได้แก่ กำรคิด แก้ปัญหำกำรคิดวิเครำะห์ กำรคดิ เป็นระบบ และกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ ทกั ษะกำรคิดท่ีสำคญั สำหรบั ผ้เู รยี น สำขำวิชำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีได้แก่ กำรคิดแก้ปัญหำ กำรคิดอย่ำงมีวิจำรณญำณ กำรคิดสร้ำงสรรค์ และ กำรคิดวิเครำะห์ และทักษะกำรคิดท่ีสำคัญสำหรับผู้เรียนกลุ่มสำขำวิชำมนุษยศำสตร์และสังคมศำสตร์ ได้แก่ กำรคดิ แก้ปญั หำ กำรคิดวเิ ครำะห์ และกำรคดิ สร้ำงสรรค์และกำรประยุกตใ์ ช้ วัตถุประสงคห์ ลกั ของงำนวจิ ัยน้ีคือระบบกำรเรียนด้วยอีเลริ น์ นิงแบบผสมผสำนเพ่ือเสริมสร้ำงทกั ษะ ทำงปัญญำของผ้เู รียนในระดับอุดมศกึ ษำ และกำรศกึ ษำผลกำรใชร้ ะบบฯ เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในกำรวิจัยคือ แบบสังเกต พฤติกรรมแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ และแบบทดสอบ กลุ่มตัวอย่ำงท่ีใช้ในกำรวิจัย ได้แก่ ผู้เรียนซึ่งเป็นตัวแทนจำก ท้ัง 3 ศำสตร์ที่ได้กล่ำวมำแล้วข้ำงต้น กลุ่มละ 40 คนรวม 120 คน โดยผลกำรวิจัยพบว่ำระบบกำรเรียนด้วย อีเลิร์นนิงแบบผสมผสำนเสรมิ สรำ้ งทักษะทำงปัญญำของผ้เู รียนในระดับอุดมศึกษำ โดยพบว่ำคะแนนหลงั เรยี นสงู กว่ำก่อนเรียนอยำ่ งมีนัยสำคญั ท่ี .05 โดยระบบสำมำรถนิยำมและระบุองค์ประกอบทสี่ ำคัญได้ดังตอ่ ไปนี้ ระบบกำรเรียนกำรสอน หมำยถึง กำรนำเอำวิธีกำรจัดระบบมำใช้ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ทั้งด้ำนทรัพยำกรและกระบวนกำรอย่ำงเป็นระบบและมีควำมสัมพันธ์กัน เพ่ือส่งเสริมให้กำรเรียนกำรสอน มีประสิทธิภำพ ประกอบดว้ ย 4 องคป์ ระกอบทส่ี ำคญั ได้แก่ 1. ส่วนนำเข้ำ ได้แก่ (1) บทบำทผู้เรียน (2) บทบำทผู้สอน (3) สภำพแวดล้อม (4) ทรัพยำกรและ แหล่งข้อมูล (5) กำรเสริมกำลังใจและกำรจูงใจแก่ผู้เรียน และ (6) องค์ประกอบตำมบริบท ส่วนเครื่องมือทำง เทคโนโลยีท่ใี ชใ้ นกำรจัดกำรเรียนรู้ ได้แก่ โซเชียลมเี ดียโดยคิดเปน็ รอ้ ยละ 50 ส่วนเครอ่ื งมอื ทีใ่ ชใ้ นกำรจัดกำรเรียน
78 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL กำรสอน คอื ระบบกำรจดั กำรเรียนกำรสอน โดยคิดเป็นร้อยละ 25 และเทคโนโลยสี นับสนุนอ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ e-Book และสตรีมมงิ วีดิโอคิดเป็นรอ้ ยละ 25 2. กระบวนกำร ได้แก่ (1) สำขำวิชำวิทยำศำสตร์สุขภำพ ได้แก่ กระบวนกำรคิดอย่ำงเป็นระบบ กระบวนกำรคิดวเิ ครำะห์และกระบวนกำรคดิ เชงิ ประยกุ ต์ (2) สำขำวิชำวิทยำศำสตร์เทคโนโลยี ไดแ้ ก่ กระบวนกำร คิดทำงวิทยำศำสตร์กระบวนกำรคิดอย่ำงเป็นระบบและกระบวนกำรคิดวิเครำะห์และ (3) สำขำวิชำมนุษยศำสตร์ และสังคมศำสตร์ ได้แก่ กระบวนกำรคิดสรำ้ งสรรคก์ ระบวนกำรคดิ วเิ ครำะห์ และกระบวนกำรคิดอยำ่ งเป็นระบบ 3. ผลลัพธ์ ได้แก่ (1) สำขำวิชำวิทยำศำสตรส์ ขุ ภำพ ได้แก่ กำรคิดอย่ำงเป็นระบบ กำรคิดวิเครำะห์ และกำรคดิ เชิงประยุกต์ (2) สำขำวิชำวิทยำศำสตร์เทคโนโลยี ไดแ้ ก่ กำรคิดทำงวทิ ยำศำสตร์กำรคิดอยำ่ งเป็นระบบ และกำรคิดวิเครำะห์ และ (3) สำขำวิชำมนุษยศำสตร์และสังคมศำสตร์ ได้แก่ กำรคิดสร้ำงสรรค์กำรคิดวิเครำะห์ และกำรคดิ อยำ่ งเปน็ ระบบ 4. ผลป้อนกลบั ไดแ้ ก่ กำรประเมินผลย่อยและกำรประเมนิ ผลรวม ภาพท่ี 2.22 องคป์ ระกอบของระบบกำรเรียนกำรสอน ข้อมูลอีกส่วนหน่ึงซ่ึงเป็นผลกำรวิจัยและจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่ำนได้แก่ กำรให้คำนิยำม ทกั ษะทำงปัญญำในงำนวิจัยนี้ ซ่ึงได้วเิ ครำะหแ์ ละสงั เครำะหม์ ำจำกกรอบมำตรฐำนคุณวุฒิระดับอดุ มศกึ ษำแหง่ ชำติ (TQF: HEd) (มคอ.) มุ่งเน้นท่ีผลลัพธ์กำรเรียนรู้ (Learning Outcomes) ท่ีเป็นมำตรฐำนข้ันต่ำเชิงคุณภำพ เพ่ือประกันคณุ ภำพบณั ฑิต โดยในปี 2554 เดอื นมิถุนำยน กระทรวงศกึ ษำธิกำรไดป้ ระกำศกรอบมำตรฐำนคุณวุฒิ ระดับ อุดมศึกษำแห่งชำติของ 7 สำขำวิชำ ส่วนในสำขำวิชำอื่นๆ กระทรวงศึกษำธิกำรยังอยู่ในระหว่ำงกำรวิจัย และพฒั นำ โดยจำกกำรศกึ ษำกรอบมำตรฐำนคณุ วุฒริ ะดับอดุ มศึกษำแห่งชำติในส่วนของกำรเสรมิ สรำ้ งทกั ษะทำง ปัญญำของ 7 สำขำวิชำดังกล่ำว ผสำนกับผลกำรวิเครำะห์ข้อมูลกำรสัมภำษณ์ผู้เชี่ยวชำญ และกำรสังเครำะห์ วรรณกรรมจำนวน 86 เรือ่ ง พบว่ำ ทกั ษะทำงปญั ญำที่ในแตล่ ะสำขำวชิ ำใหค้ วำมสำคัญ 3 อันดบั แรก ได้แก่ กลุ่มสำขำวิทยำศำสตร์สุขภำพ ได้แก่ คณะวิชำแพทยศำสตร์ ทันตแพทยศำสตร์ เทคนิคกำรแพทย์ เภสัชศำสตร์ สหเวชศำสตร์ พยำบำลศำสตร์ สำธำรณสุขศำสตร์ วิทยำศำสตร์กำรกีฬำ พลศึกษำและสุขศึกษำ ประกอบด้วย (1) กำรคดิ อยำ่ งเปน็ ระบบ (2) กำรคดิ วิเครำะห์ และ (3) กำรคดิ เชิงประยกุ ต์
Chapter 2 79 กลุ่มสำขำวิชำวิทยำศำสตร์เทคโนโลยี ได้แก่ คณะวิชำวิทยำศำสตร์กำยภำพชีวภำพ วิศวกรรมศำสตร์ สถำปัตยกรรมศำสตร์ เกษตรศำสตร์ ประกอบด้วย (1) กระบวนกำรคดิ ทำงวทิ ยำศำสตร์ (2) กำรคดิ อยำ่ งเปน็ ระบบ และ (3) กำรคดิ วเิ ครำะห์ กลุ่มสำขำวิชำมนุษยศำสตร์และสังคมศำสตร์ ได้แก่ คณะวิชำบริหำร พำณิชยศำสตร์ กำรบัญชี กำรจัดกำร กำรท่องเที่ยว เศรษฐศำสตร์ ครุศำสตร์/ศึกษำศำสตร์ ศิลปกรรม วิจิตรศิลป์ ประกอบดว้ ย (1) กำรคดิ สร้ำงสรรค์ (2) กำรคิดวิเครำะห์ และ (3) กำรคดิ อยำ่ งเป็นระบบ โดยกำรสำมำรถสรุปได้ว่ำมีทักษะกำรคิดท่ีสำคัญรวมและ 5 ทักษะกำรคิดได้แก่ (1) กำรคิดวิเครำะห์ (2) กำรคิดอย่ำงเป็นระบบ (3) กำรคิดสร้ำงสรรค์ (4) กำรคิดเชิงประยุกต์ (5) กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ มรี ำยละเอียดดงั นี้ 1. กำรคิดวเิ ครำะห์ จำกกำรศึกษำงำนของ Bloom (1974); Good (1973) ฆนัท ธำตุทอง (2554); นวลเสน่ห์ วงศ์เชิดธรรม (2548); พงษ์พิพัฒน์ ชุ่มสีดำ (2549); ศรินธร วิทยะสิรินันท์ (2544); ทิศนำ แขมมณี และคณะ(2544); เพ็ญศรี จันทร์ดวง (2545); สุวิทย์ มูลคำ (2547); สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน (2549) Stanovich, (2011) สรุปได้ว่ำกำรคิดวิเครำะห์คือกำรแยกแยะสิ่งที่จะพิจำรณำออกเป็นส่วนย่อยที่มีควำมสัมพันธ์กัน เพื่อทำ ควำมเข้ำใจแต่ละส่วน รวมท้ังกำรสืบค้นควำมสัมพันธ์ของส่วนต่ำง ๆ เพ่ือดูว่ำส่วนประกอบปลีกย่อยน้ันสำมำรถ เข้ำกันได้หรือไม่ สัมพันธ์เกี่ยวเน่ืองกันอย่ำงไร ซ่ึงจะช่วยให้เกิดควำมเข้ำใจต่อส่ิงหนง่ึ สิ่งใดอย่ำงแท้จรงิ มีข้ันตอน กระบวนกำรคิดวิเครำะห์ ประกอบไปด้วย (1) ข้ันกำหนดส่ิงท่ีต้องกำรวิเครำะห์ เป็นกำรกำหนดวัตถุส่ิงของ เร่ืองรำว หรือเหตุกำรณ์ต่ำง ๆ ขึ้นมำ เพ่ือเป็นต้นเรื่องท่ีจะนำมำทำกำรวิเครำะห์ (2) ข้ันกำหนดปัญหำหรือ วัตถุประสงค์ เป็นกำรกำหนดประเด็นข้อสงสัยจำกปัญหำของส่ิงท่ีต้องกำรวิเครำะห์เพ่ือค้นหำควำมจริง สำเหตุ หรือควำมสำคญั (3) ขัน้ กำหนดหลกั กำรหรอื กฎเกณฑ์ เป็นกำรกำหนดขอ้ ควำมสำหรบั ใชแ้ ยกส่วนประกอบของส่ิง ท่ีกำหนดให้ เช่น เกณฑ์ในกำรจำแนกส่ิงที่มีควำมเหมือนหรือแตกต่ำงกัน หลักเกณฑ์ในกำรหำลักษณะ ควำมสัมพันธ์เชิงเหตุผลอำจเป็นลักษณะท่ีมีควำมคล้ำยคลึงกันหรือขัดแย้งกัน (4) ขั้นพิจำรณำแยกแยะ เป็น ข้ันตอนกำรพนิ ิจ พิเครำะห์ทำกำรแยกแยะ กระจำยส่งิ ทกี่ ำหนดให้ออก เปน็ สว่ นยอ่ ย ๆ โดยใช้เทคนคิ เช่น เทคนคิ คำถำม 5W1H ประกอบด้วย What (อะไร) What (อะไร) Where (ที่ไหน) When(เม่ือไร) Why (ทำไม) Who (ใคร) และ How (อย่ำงไร) เพอื่ ให้เกดิ กระบวนกำรคดิ วเิ ครำะห์ 2. กำรคดิ อยำ่ งเปน็ ระบบ จำกกำรศึกษำของ ทิศนำ แขมณี (2545); ฉิมพลี วิมลธรรม (2547); เอกฉัท จำรุเมธีชน (2539); บุญเลี้ยง ทุมทอง (2552); พรรณิภำ ทองณรงค์ (2551); Marquardt (1997); Sauser (2008) สรุปได้ว่ำกำรคิด อย่ำงเป็นระบบ (System Thinking) หมำยถึงกำรคิดและทำงำนอย่ำงเป็นข้ันตอน สำมำรถเข้ำใจเร่ืองต่ำงๆ ได้ อย่ำงบูรณำกำร และเชือ่ มโยงควำมสมั พันธต์ ่ำงๆ ที่มคี วำมซับซอ้ นไดเ้ ป็นอย่ำงดี กำรคิดอยำ่ งเปน็ ระบบ จะช่วยให้
80 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL เรำสำมำรถเรียนรู้ และศึกษำสิง่ ทค่ี ำดวำ่ จะเกดิ ขึ้นในอนำคตได้เป็นอยำ่ งดี และเห็นแนวทำงในกำรป้องกันกำรเกิด หรือกำรหำมำตรกำรในกำรรับมือกับปัญหำหรือเร่ืองรำวต่ำงๆ ล่วงหน้ำได้ โดยข้ันตอนกระบวนกำรคิดอย่ำงเป็น ระบบประกอบไปด้วย (1) ขัน้ คดิ และวำงแผน เปน็ กำรคิดและวำงแผน เตรยี มข้ันตอนกำรดำเนนิ กำรไว้ล่วงหน้ำว่ำ จะมีวิธีกำรดำเนินกำรอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งอย่ำงไร เป็นกระบวนกำรเก่ียวกับกำรคิดและกำรตัดสินใจที่ละเอียดอ่อน และต้องกระทำใหเ้ สร็จสิ้น ก่อนจะมีกำรดำเนินกิจกรรม (2) ดำเนินกำรลงมือทำตำมแผน เป็นกำรดำเนินงำนตำม ขั้นตอนในแผนงำนอย่ำงเป็นระบบและต่อเนื่อง (3) ตรวจสอบ เป็นกำรประเมิน ตรวจสอบข้ันตอนกำรดำเนินงำน และกำรประเมินผลของกำรดำเนินงำน ว่ำเป็นไปตำมแผนท่ีได้ต้ังไว้หรือไม่ และ (4) ข้ันดำเนินกำรแก้ไขปรับปรุง เป็นกำรนำผลท่ีได้จำกกำรประเมินมำดำเนินกำรแก้ไข ปรับปรุงอำจประกอบด้วย กำรนำผลกำร ประเมินมำ วิเครำะหว์ ่ำมีโครงสรำ้ ง หรือข้ันตอนกำรปฏิบัตงิ ำนใดที่ควรปรับปรุงหรอื พัฒนำส่งิ ท่ดี ีอยู่แล้วให้ดยี ่ิงข้ึนไปอีก และ สังเครำะหร์ ูปแบบกำรดำเนนิ กำรใหม่ที่เหมำะสมสำหรบั กำรดำเนนิ กำรในครงั้ ต่อไป 3. กำรคิดสร้ำงสรรค์ จำกกำรศึกษำของ Ma (2009) ,Wallach and Kogan (1965), กระทรวงศึกษำธิกำร (2551), บรรจง อมรชีวิน (2554), Divito (1971), สถำบันสง่ เสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี (2545), Reilly and Lewis (1983), Torrance (1962), Roberta B. Ness (2012) และ Fox and Schirrmacher (2010) สรุปได้ว่ำควำมคิด สร้ำงสรรค์เป็นกระบวนกำรคิดของสมอง ซ่ึงมีควำมสำมำรถในกำรคิดเช่ือมโยงได้หลำกหลำยและแปลกใหม่จำก เดิม โดยสำมำรถนำไปประยุกต์ทฤษฎี หรือหลักกำรได้อย่ำงรอ บคอบและมีควำมถูกต้อง จนนำไปสู่ กำรคิดค้นและสร้ำงสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่หรือรูปแบบควำมคิดใหม่ นอกจำกน้ี ยังสำมำรถมองควำมคิด สร้ำงสรรค์ในแง่ท่ีเป็นกระบวนกำรคิดมำกกว่ำเนื้อหำกำรคิด โดยท่ีสำมำรถใช้ลักษณะกำรคิดสร้ำงสรรค์ในมิติที่ กว้ำงขึ้น ขั้นตอนกระบวนกำรคดิ สรำ้ งสรรค์ ประกอบไปดว้ ย 2 ข้ันตอนหลกั ได้แก่ (1) ข้ันค้นหำควำมจรงิ เร่ิมจำก กำรเกิดควำมรู้สึก เดือดร้อน กังวล หรือสับสนวุ่นวำยในจิตใจ ซึ่งมำจำกควำมรู้สึกนกึ คิดท่ีระดับต้น และระดบั ลึก ภำยในตัวเรำ และเร่ืองบำงเร่ืองเป็นลักษณะร่วมกันระหว่ำงส่ิงเร้ำภำยนอกกับควำมรู้สึกหรือควำมคิดจำกภำยใน ผสมกัน และ (2) ขนั้ ทำควำมเข้ำใจในปัญหำ เป็นขั้นกำรทำใจให้กระจ่ำงในขนั้ น้ี เป็นกำรมสี ติสมั ปชญั ญะทสี่ มบรู ณ์ ในกำรคดิ พจิ ำรณำเข้ำใจปญั หำ 4. กำรคดิ เชงิ ประยุกต์ จำกกำรศึกษำของ พงษ์พิพัฒน์ ช่มุ สีดำ (2549); เกรียงศกั ดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2548); สวุ ทิ ย์ มูลคำ (2547); นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ (2549); Ennis (1985); เพ็ญพิศุทธ์ิ เนคมำนุรักษ์ (2537); นิพนธ์ วงศ์เกษม (2534); และ Austin and David (2009) สรุปได้ว่ำกำรคิดเชิงประยุกตห์ มำยถึง กำรนำบำงส่ิงมำใช้ประโยชน์ โดยปรับใช้อย่ำง เหมำะสมกับสภำวะท่ีเฉพำะเจำะจง โดยอำจเป็นทฤษฎี หลักกำร แนวคิด ควำมรู้เก่ียวกับเร่ืองใดเรื่องหน่ึง และ นำมำใช้ประโยชน์ในภำคปฏิบัติ โดยปรับให้เข้ำกับบริบทแวดล้อมที่เป็นอยู่อย่ำงเหมำะสม มีขั้นตอนได้แก่ (1) ข้ันระดมควำมคิด เป็นกำรแสวงหำควำมคิดต่อเร่ืองใดเรื่องหนึ่งให้ได้มำกที่สุดภำยในเวลำท่ีกำหนดเพ่ือปรับ แนวควำมคิดร่วมกันระหว่ำงสมำชิกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกัน เพื่อเป็นแนวทำงที่จะนำไปสู่กำรแก้ปัญหำ
Chapter 2 81 (2) ข้ันพิจำรณำควำมเป็นไปได้ เป็นกำรคิดพิจำรณำถึงควำมเหมำะสมในด้ำนต่ำง ๆ ของวิธีท่ีได้จำกกำรช่วยกัน ระดมควำมคิดจำกข้ันตอนที่ 1 ว่ำมีควำมเหมำะสมสำหรับกำรนำมำใช้มำกน้อยเพียงใดเพ่ือทำให้แนวทำงปฏิบัติ สอดคลอ้ งกับวัตถุประสงคท์ ตี่ งั้ ไว้ และเปน็ ส่ิงที่ผปู้ ฏิบัตเิ ข้ำใจ และสำมำรถกระทำตำมได้ และ (3) ขน้ั นำไปใช้อย่ำง เหมำะสม โดยนำวิธีกำรมำดำเนินกำรใช้ โดยใช้ประโยชน์อย่ำงเต็มศักยภำพ เช่น จะปรับเปล่ียนอย่ำงไร ควรนำ สว่ นใดมำใช้ได้บ้ำง 5. กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ จำกกำรศึกษำของ Kuslan และ Stone (1969) Klopfer (1971) Nelson and Abraham (1973) Dickman (1996) Dunbar (1999) Mittlefehldt and Grotzer (2003) อำนำจ เจรญิ ศลิ ป์ (2544) ไพฑูรย์ สุขศรี งำม (2551) รอยพิมพ์ใจ ชนะปรำชญ (2551) และ จีรวรรณ ขุริรัง (2553) สรุปได้ว่ำเป็นกระบวนกำรทำงำนของ นักวิทยำศำสตรท์ ่ีมรี ะเบียบแบบแผน นำไปใช้ในกำรคน้ หำควำมรู้ใหมห่ รอื ใช้ในกำรทดสอบควำมรู้เดิมท่ไี ดม้ ำแล้ว ตลอดจนนำไปใช้ในกำรแก้ปัญหำใหส้ ำเรจ็ ซึ่งประกอบด้วย (1) วิธีกำรแสวงหำควำมรูท้ ำงวิทยำศำสตร์หรือวธิ ีกำร ทำงวิทยำศำสตร์ (Scientific Method) (2) ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ (Scientific Skill) และ (3) เจตคตทิ ำงวทิ ยำศำสตร์ (Scientific Attitude) มขี น้ั ตอนกระบวนกำรไดแ้ ก่ (1) ขั้นกำหนดปญั หำ โดยเม่อื พบ ปัญหำ มีเรื่องสงสัยใคร่รู้ หรือมีควำมต้องกำรในด้ำนต่ำง ๆ จะต้องกำหนดปัญหำ ให้ชัดเจนก่อนว่ำต้องกำร หำคำตอบในเร่ืองอะไรบำ้ ง มีขอบเขตเพียงใด จงึ วิเครำะหแ์ ยกประเดน็ ตำ่ ง ๆ ท่ตี ้องกำรตอ่ ไป (2) ขนั้ ตั้งสมมติฐำน จำกกำรคำดคะเนคำตอบเก่ียวกับสิ่งท่ีเป็นปัญหำ โดยอำศัยข้อมูลท่ีมีกำรสังเกต กำรคิดอย่ำงเป็นเหตุเป็นผล เพ่ือเป็นแนวทำงในกำรตรวจสอบ ซ่ึงควรคำดคะเนไว้หลำยๆ คำตอบ ทักษะกำรคิดหรือลักษณะกำรคิดที่ใช้ใน ข้ันตอนนี้ ได้แก่ กำรคิดอย่ำงมีเหตุผล กำรคิดวิเครำะห์ กำรคิดริเริ่ม เป็นต้น (3) ขั้นทดสอบสมมติฐำน เป็น กำรดำเนินกำรเพือ่ พิสูจน์ ยนื ยันควำมเชื่อทไี่ ด้ตั้งไว้เปน็ สมมติฐำน เริม่ จำกกำรรวบรวมขอ้ มลู ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับปัญหำ ให้มำกท่ีสุด นำมำจัดระเบียบวิเครำะห์ดูว่ำข้อมูลใดควรจะนำมำใช้ มีควำมสอดคล้องหรือขัดแย้งกันอย่ำงไร และวิเครำะห์หำคำตอบต่อไป และ (4) ขั้นสรุป ข้อสรุปมำจำกกำรทดสอบสมมติฐำนท่ีต้ังไว้ว่ำถูกต้องหรือไม่ หรอื จะต้องปรับเปลีย่ นสมมตฐิ ำนใหม่หรอื ไมแ่ ละอย่ำงไร จำกนนั้ จัดทำเป็นข้อสรุปเพือ่ ดำเนินกำรแก้ปญั หำต่อไป จำกรำยละเอียดข้ำงต้นสำมำรถนำมำเสนอเป็นตัวอย่ำงแผนกำกับกิจกรรมเพ่ือพัฒนำทักษะ ทำงปัญญำ โดยขอยกตัวอย่ำงแผนกำกับกิจกรรมท่ีพัฒนำทักษะกำรคิดวิเครำะห์ โดยทักษะกำรคิดวิเครำะห์ ประกอบด้วยกระบวนกำรทั้งส้ิน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำหนดหรือระบุสิ่งที่ต้องกำร (2) กำหนดหรือระบุ วัตถุประสงค์/ปัญหำ (3) กำหนดหลักกำรหรือกฎเกณฑ์ และ (4) กำรพิจำรณำแยกแยะ โดยตัวอย่ำงแผนกำร จัดกำรเรียนกำรสอนเพื่อเสริมสร้ำงกำรคิดวิเครำะห์ โดยในตัวอย่ำงแผนกำกับกิจกรรมท่ีเน้นกำรพัฒนำทักษะ ทำงปัญญำต่ำงๆ น้ัน ขอชี้แจงควำมหมำย และคำย่อต่ำงๆ ท่ีใช้คำอธิบำยรูปแบบกำรเรียนกำรสอน โดย Online หมำยถึง กำรเรียนกำรสอนออนไลน์ F2F (Face to Face) หมำยถึง กำรเรียนกำรสอนในช้ันเรียน และ OCA (Outside Class Activity) หมำยถงึ กำรเรยี นกำรสอนเพ่ิมเตมิ นอกเรยี น
82 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ในส่วนของสอื่ และเทคโนโลยีที่ใช้ แบ่งออกเป็น 2 กลมุ่ ใหญ่ และ 5 ประเภทได้แก่ กลุ่มที่ 1 Community Tools ประกอบดว้ ยสอื่ 2 ประเภท ได้แก่ LMS : Moodle สำหรบั บริหำรจดั กำร เรียนกำรสอน และ Open Simulator โลกเสมือน 3 มิติใช้สำหรับกำรติดต่อส่ือสำร กลุ่มท่ี 2 Resource Tools เน้นสื่อในรูปแบบท่ีผู้เรียนสำระศึกษำหำควำมรู้ได้ด้วยตนเอง (Self-Paced) ประกอบด้วยส่ือ 3 ประเภท ได้แก่ (1) e-Book เน้นกำรนำเสนอเน้ือหำที่เป็นทฤษฎีหลักกำร ท่ีจำเป็นต่อกำรเรียนรู้ (2) Social Media ในรูปแบบ (1) Presentation Sharing สำหรับกำรเผยแพร่เนื้อหำจำกผู้สอน โดยใช้ประโยชน์ของ Social Media ใน กำรปรับ PowerPoint ที่ผู้สอนใช้สอนอยู่เป็นประจำในชั้นเรียน สู่รูปแบบท่ีเหมำะสำหรับกำรเรียนกำรสอน ออนไลน์ และ ในรูปแบบ Document Sharing สำหรับเป็นพื้นที่ในกำรให้ผู้เรียนในแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนข้อมูล และทำงำนร่วมกนั ในเอกสำรนี้ และ (3) Streaming Video เน้นกำรนำเสนอเน้อื หำในรปู แบบของทฤษฎี หลกั กำร ที่ต้องอำศัยกำรอธิบำยจำกผู้สอนเพ่ือกำรเรียนรู้ของผู้เรียน และเน้นกำรนำเสนอสถำนกำรณ์ ปัญหำกรณีศึกษำ เพ่ือเสริมสร้ำงทักษะทำงปัญญำด้ำนต่ำงๆ ของผู้เรียน มีคำอธิบำยระดับกำรใช้สื่อ ได้แก่ หมำยถึง กำรใช้สอ่ื อยใู่ นระดบั มำก หมำยถงึ กำรใช้สอ่ื อยู่ในระดับปำนกลำงและ หมำยถงึ กำรใช้สอื่ อยู่ในระดบั น้อย โดยแผนกำกับกิจกรรมในรูปแบบของ Blended Learning Environment นั้นมีควำมโดดเด่นในเร่ืองของ กำรระบุสัดส่วนจำนวนชั่วโมง ทั้งในส่วนของของกำรเรียนแบบบรรยำยในห้องเรียน กำรเรียนรู้ด้วยตนเอง และ กิจกรรมออนไลน์ ในสัดสว่ นท่ชี ัดเจน อันถอื เปน็ จุดเด่นของกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้รูปแบบนี้ ตารางที่ 2.5 ตวั อย่ำงแผนกำกบั กจิ กรรมหวั ขอ้ : ภำวะกำรณ์ถูกทำลำยล้ำงของรังสี (2 ชว่ั โมง)
Chapter 2 83 จำกตัวอยำ่ งแผนกำกบั กจิ กรรมดังกล่ำว มตี ัวอยำ่ งภำพบรรยำกำศของกจิ กรรม ดังรำยละเอียดตอ่ ไปน้ี ภาพท่ี 2.23 ตวั อยำ่ งหน้ำจอรำยวิชำสำหรับใหผ้ ูเ้ รยี นได้ศกึ ษำออนไลนเ์ พิ่มเตมิ นอกชน้ั เรียน
84 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ภาพท่ี 2.24 หน้ำจอหลกั ของบทเรียน (เปิดด้วย ภาพท่ี 2.25 หนำ้ จอแสดงผลประมวล โทรศัพท์มอื ถือและแทบ็ เลต็ ในระบบ iOS รำยวิชำในรูปแบบของอบี ุ๊ค เชน่ iPhone/iPad) สำหรับกำรประเมินผลทักษะทำงปัญญำ สำมำรถวัดได้จำกท้ังกำรประเมินแบบด้ังเดิม ปรนัย และอัตนัย โดยมีกำรกำหนดโครงสร้ำงของข้อคำถำมที่สอดคล้องกับผลลัพธ์ด้ำนกำรคิดวิเครำะห์อย่ำงชัดเจน (Blueprint) และกำรประเมินตำมสภำพจริงจำกกำรสังเกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้ของผู้เรียนและให้คะแนนตำม รบู ริคท่ไี ด้กำหนดไว้ ดังตัวอย่ำงตอ่ ไปนี้ 1. การคิดวิเคราะห์ ตำรำงวิเครำะห์ข้อสอบกำรคิดวิเครำะห์ประกอบด้วย (1) ควำมสำมำรถในกำรตีควำม (2) ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และ (3) กำรหำควำมสัมพนั ธ์เชงิ เหตผุ ล อธบิ ำยในรำยละเอยี ดไดด้ งั น้ี ตารางท่ี 2.6 กำรวเิ ครำะหข์ ้อสอบกำรคดิ วิเครำะห์ การคิดวิเคราะห์ ขอ้ สอบปรนัย ข้อสอบอตั นัย ช้นิ งานและแนว พรอ้ มเฉลย (คาถามและ ทางการประเมนิ แนวคาตอบ) องค์ประกอบความสามารถในการตีความ แปรควำมหมำยของสิ่งน้ัน อธิบำยประสบกำรณ์ทเ่ี คยพบ เจอ
Chapter 2 85 การคดิ วิเคราะห์ ขอ้ สอบปรนัย ขอ้ สอบอตั นยั ชิน้ งานและแนว พร้อมเฉลย (คาถามและ ทางการประเมนิ แนวคาตอบ) แปรควำมหมำยทีไ่ ม่ปรำกฏ ของสิ่งนัน้ องคป์ ระกอบความรูค้ วามเข้าใจ กำรจำและกำรระลึกได้ถึง ควำมคดิ วัตถุ และ ปรำกฏกำรณต์ ำ่ ง ๆ กำรลองผิดลองถูก คิดรวบยอด องค์ประกอบการหาความสมั พนั ธเ์ ชิงเหตผุ ล จำแนก แยกแยะ เชือ่ มโยงควำมสัมพันธ์ สรุปผล แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเรียนรขู้ องผูเ้ รียนเพอ่ื เสริมสร้ำงทกั ษะทำงปญั ญำ มรี ำยละเอียดดังนี้ 1. การคดิ วิเคราะห์ ประเด็น เกณฑก์ ารให้คะแนน คะแนน ในการ ประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) ขั้นกาหนดสิ่ง กำหนด (วตั ถสุ ิง่ ของ กำหนด (วตั ถสุ ิง่ ของ เรอ่ื งรำว กำหนด (วตั ถุส่งิ ของ เรื่องรำว ทตี่ ้องการ เร่อื งรำว หรอื เหตุกำรณ์ หรอื เหตกุ ำรณ์ต่ำงๆ) ข้ึนมำ หรอื เหตุกำรณต์ ่ำงๆ) ข้ึนมำ วิเคราะห์ ต่ำงๆ) ขนึ้ มำ เพื่อเป็นต้น เพื่อเปน็ ตน้ เร่อื งทจี่ ะนำมำทำ เพอื่ เปน็ ตน้ เรือ่ งท่จี ะนำมำทำ เรื่องท่ีจะนำมำทำกำร กำรวเิ ครำะห์ไดบ้ างสว่ นและ กำรวิเครำะห์ได้บางส่วนแต่ ขั้นกาหนด วเิ ครำะหไ์ ด้ชดั เจนและ ชดั เจน ไม่ชัดเจน ปัญหาหรือ ครอบคลุม วตั ถปุ ระสงค์ กำหนดประเดน็ ขอ้ สงสัยจำก กำหนดประเดน็ ข้อสงสัยจำก กำหนดประเดน็ ข้อสงสัยจำก ปัญหำ หรอื วัตถุประสงค์ของ ปญั หำ หรือวตั ถุประสงคข์ อง ปัญหำ หรอื วัตถุประสงคข์ อง ส่งิ ที่ต้องกำรวิเครำะห์ สิ่งท่ีตอ้ งกำรวิเครำะห์ได้ ส่งิ ทีต่ อ้ งกำรวิเครำะห์ได้ ได้ชดั เจนและครอบคลุม บางสว่ นและชดั เจน บางสว่ นและไม่ชดั เจน
86 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL ประเดน็ เกณฑ์การให้คะแนน คะแนน ในการ ประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) ขั้นกาหนด กำหนดขอ้ ควำมสำหรับใช้ กำหนดขอ้ ควำมสำหรับใช้ กำหนดขอ้ ควำมสำหรับใช้ หลักการหรอื แยกส่วนประกอบของส่ิงท่ี แยกส่วนประกอบของส่ิงท่ี แยกสว่ นประกอบของส่งิ ที่ กฎเกณฑ์ กำหนด ให้อยา่ งเหน็ ไดช้ ัด กำหนด ให้ไดบ้ างส่วนและ กำหนด ให้ได้บางสว่ นและไม่ และครบ ถว้ นเช่น เกณฑใ์ น ชัดเจนเชน่ เกณฑ์ในกำร ชดั เจนเชน่ เกณฑใ์ นกำร ขั้นพิจารณา กำรจำแนกสิง่ ท่ีมีควำม จำแนกสง่ิ ทมี่ ีควำมเหมอื น จำแนกส่ิงทม่ี ีควำมเหมือน แยกแยะ เหมือนหรอื แตกต่ำงกนั หรือแตกต่ำงกนั หรอื แตกต่ำงกัน มีกำรพินิจ พเิ ครำะห์ มีกำรพนิ ิจ พเิ ครำะห์ มกี ำรพินิจ พิเครำะห์ แยกแยะ และกระจำยสิ่งท่ี แยกแยะ และกระจำยส่ิงที่ แยกแยะ และกระจำยส่ิงท่ี กำหนดให้ออกเป็นส่วนย่อย กำหนดใหอ้ อกเปน็ ส่วนยอ่ ย กำหนดใหอ้ อกเปน็ ส่วนยอ่ ย ตำ่ งๆ ไดอ้ ย่างครบถ้วน ตำ่ งๆ ได้บางส่วนและชัดเจน ตำ่ งๆ ชดั เจน ได้บางส่วนและไม่ชัดเจน 4. Perspectives จำกงำนวิจยั ตำ่ งๆ ท่ีได้เรียบเรยี ง วิเครำะห์ สังเครำะหม์ ำนี้ พบว่ำยูบิควิตัสเทคโนโลยีเพ่ือเสริมสรำ้ งกำร เรียนรู้ในสภำพแวดล้อมยูบิควิตัส (Ubiquitous Learning Environment : ULE) และกำรใช้ Ubiquitous Technology Enhanced Learning (UTEL) เรยี นรู้แบบยูบคิ วิตัสน้นั สำมำรถนำมำใช้ให้เขำ้ กับหลำกหลำยบริบท (Context) ไม่ว่ำจะเป็น บริบทกำรเรียนรู้แบบผสมผสำน (Blended Learning Environment) บริบทกำรเรียนรู้ เสมือน (Virtual Learning Environment) บริบทกำรเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้ำน (Flipped Learning Environment) บรบิ ทกำรเรยี นรู้โมบำย (Mobile Learning Environment) บริบทกำรเรียนรู้บนคลำวด์ (Cloud- Based Learning Environment) สอดคลอ้ งกบั ท่ชี ยั ยงค์ พรหมวงศ์ ที่ให้ควำมสำคญั กบั กำรใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ใน ปัจจุบันเพ่ือมำตอบโจทย์กำรศกึ ษำในกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนให้มีประสิทธภิ ำพย่ิงขนึ้ ในบริบทของกำรอุดมศึกษำ ไทยใน 5 มิติ ได้แก่ กำรจัดกำรระบบ วิธีกำรออกแบบกำรเรยี นกำรสอน พฤติกรรมผู้สอนและผู้เรียน กำรประเมิน และบรบิ ท (ชัยยงค์ พรหมวงศ์, 2527, 2557) โดยขอบข่ำยดังกลำ่ วจะสะทอ้ นบริบทของกำรอุดมศกึ ษำในประเทศ ไทยได้เป็นอย่ำงดี อีกท้ังยังสอดคล้องกับกรอบ AECT (2012) ท่ีสะท้อนบริบทของวิชำชีพเทคโนโลยีและสื่อสำร กำรศึกษำในระดับสำกลต่อไป โดยพบว่ำรูปแบบทั้ง 5 น้ีเหมำะกับบริบทอุดมศึกษำมำกท่ีสุด ดังน้ันจึงขอเล่ำถึง รำยละเอียดของรูปแบบท้งั 5 น้ี ดงั ตอ่ ไปน้ี
Chapter 2 87 4.1 การประยุกต์ใช้ UTEL ในบริบทการเรียนร้แู บบผสมผสาน (Blended learning Environment) กำรเรียนกำรสอนแบบผสมผสำน (Blended Learning) ให้ควำมสำคัญกับกำรออกแบบกิจกรรม กำรเรียนรู้ในห้องเรียนและออนไลน์ในสัดส่วนท่ีผสมผสำนลงตัว โดยดึงคุณสมบัติเด่นของกำรจัดกิจกรรมแต่ละ รูปแบบออกมำเพื่อออกแบบกิจกรรมให้เหมำะสม เน้นกำรผสมผสำนเป็นกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ โดยใช้เทคโนโลยีท่ีทันสมัยเช่น ระบบบริหำรจัดกำรเรียนกำรสอน (Learning Management System) ส่ือวิดีโอท้ังแบบถ่ำยทอดสดและแบบออนดีมำนด์ (Video Broadcasting and On Demand) กำรประชุมทำง อินเทอร์เน็ต (Desktop Video Conference) และเคร่ืองมือติดต่อส่ือสำรแบบมีปฏิสัมพันธ์ต่ำง ๆ (Interactive Communication Tools) ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกำรเรียนรู้ รวมท้ังกำรแลกเปลี่ยนควำมรู้ ควำมคิดระหว่ำงกนั ผสมผสำนกับจัดกำรศึกษำแบบดั้งเดิม (Traditional Classroom) โดยเวลำท่ีมีค่ำในชั้นเรยี น น้ัน ผู้สอนจะใช้สำหรับกำรเสริมสร้ำงเจตคติทำงกำรเรียนที่จำเป็น และกำรพัฒนำทักษะกำรคิดของผู้เรียน โดย กำรออกแบบกำรเรียนกำรสอนในรูปแบบนี้ โดยสัดส่วนของกำรเรียนกำรสอนในรูปแบบน้ีจะนำเสนอเน้ือหำวิชำ โดยผสมผสำนวิธีออนไลน์ในสัดส่วนประมำณ 1-2 ใน 3 ของวิชำ 30-79% เช่นเดียวกับวิธีพบปะในชั้นเรียนใน สัดส่วน 21-70% ประกอบด้วยองค์ประกอบท่ีสำคัญในลักษณะคู่ขนำนห้องเรียนแบบดั้งเดิม และห้องเรียน แบบเสมอื น ได้แก่ บริบทหอ้ งเรยี น รูปแบบเนอ้ื หำ รูปแบบกิจกรรม และรปู แบบกำรประเมินผล (Graham, 2006; Rochester, 2004; Dam, 2003; Thorne, 2003; Carman, 2002) โดยกำรเรียนแบบผสมผสำนเป็นระบบกำรเรียนท่ีผสมผสำนจุดเด่นของกำรเรียนกำรสอนในช้ันเรียน ในเรื่องของปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงผู้เรียนกับผู้สอน และระหว่ำงผู้เรียนกับผู้เรียนด้วยกันเองเข้ำกับกำรเรียนกำรสอน ด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ผ่ำนเครือข่ำยอินเทอร์เน็ตท่ีมีจุดเด่นในเรื่องของกำรเรียนกำรสอนท่ีไม่มีข้อจำกัด ทำงด้ำนเวลำและสถำนที่ ให้ควำมสำคัญของกำรมีปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงกัน ซึ่งจะนำไปสู่กำรแลกเปล่ียนเรียนรูแ้ ละ กำรเป็นสังคมแห่งกำรเรียนรู้ออนไลน์ ผู้เรียนสำมำรถเข้ำถึงเน้ือหำและข้อมูลต่ำงๆได้ทุกที่ ทุกเวลำ เน้นกำรให้ ผู้เรียนมสี ่วนรว่ มในกำรทำงำนและกำรแลกเปล่ียนควำมคดิ เหน็ รว่ มกัน กำรเรียนแบบผสมผสำนมีควำมยดื หย่นุ สงู สำหรบั ผู้สอนในกำรบูรณำกำรเทคโนโลยเี ข้ำไปในกระบวนกำรเรยี นกำรสอนทัง้ ด้ำนกำรนำเสนอเนอ้ื หำและกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม โดยผู้สอนสำมำรถกำหนดกำรเรียนกำรสอนท่ีมีประสทิ ธิภำพมำกข้ึน เช่น กำรใช้วิธีสอนที่เหมำะสม สอดคล้องกับเน้อื หำและลกั ษณะของผ้เู รียน เน้นกำรเรียนกำรสอนโดยให้ผเู้ รยี นเป็นศูนย์กลำงกำรให้ผู้เรยี นมีส่วน ร่วมในกำรเรียนรู้ท้ังในห้องเรยี นและในสังคมกำรเรียนรอู้ อนไลน์ โดยเวลำในชั้นเรยี นผ้สู อนสำมำรถฝึกทักษะและ กระบวนกำรคิดต่ำงๆ รวมถึงกำรให้คำแนะนำแก่ผู้เรียนระหว่ำงกำรทำกิจกรรม นำไปสู่กำรสร้ำงองค์ควำมรู้ ของผู้เรียน (จินตวีร์ คล้ำยสังข์, 2553; Khlaisang, 2012; Khlaisang & Likhitdamrongkiat, 2015; Songkram et al.,2015) สอดคล้องกับท่ี ประกอบ กรณีกิจ และ จินตวีร์ คล้ำยสังข์ (2556) ได้กล่ำวถึงควำมหมำยของ
88 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL อีเลิร์นนิงแบบผสมผสำนว่ำ เป็นกำรเรียนท่ีผสมผสำนระหว่ำงกำรเรยี นในช้ันเรียนผำ่ นเครือข่ำย โดยใช้เทคโนโลยี ของเว็บในกำรช่วยสนบั สนุนกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ เพอ่ื ให้องคป์ ระกอบของกำรเรยี นทง้ั 2 แบบเตมิ เตม็ ช่องว่ำง ของกำรเรียนซึ่งกันและกัน ซึ่งตอบสนองต่อควำมต้องกำรของผู้เรียน ทำให้เกิดผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนสูงสุด นอกจำกนี้อีเลิร์นนิงแบบผสมผสำนยังมีจุดเด่นในเรื่องกำรขยำยโอกำสทำงกำรเรียนรู้ให้กับผู้เรียน ท้ังโอกำส ทำงด้ำนเวลำ สถำนที่ และปฏิสัมพันธ์ที่เพ่ิมมำกขึ้น จำกกำรผสมผสำนกำรเรียนรู้ในชั้นเรียนและกำรเรียนรู้ ออนไลน์ นำไปสู่ควำมสำมำรถในกำรศึกษำตลอดชีวิตจำกกำรเกิดควำมรู้และกำรพัฒนำตนเองอย่ำงยั่งยืนต่อไป (Khlaisang, 2012; จินตวรี ์ ม่ันสกลุ และประกอบ กรณีกิจ, 2552) กำรเรยี นแบบผสมผสำนสำมำรถแบง่ ไดต้ ำมระดับของกำรผสมผสำน ไดแ้ ก่ ระดบั กจิ กรรม ระดบั รำยวิชำ ระดับโครงกำร ระดับสถำบัน และแบ่งตำมรูปแบบกำรผสมผสำน เช่น กำรผสมผสำนกิจกรรม และกำรผสมผสำน ส่ือ (ประกอบ กรณีกิจ และ จินตวีร์ คล้ำยสังข์, 2556) ซ่ึงกำรออกแบบกำรเรียนกำรสอนแบบผสมผสำน ประกอบด้วย 6 ข้ันตอน คือ 1) กำรวิเครำะห์ควำมต้องกำรจำเป็น 2) กำรกำหนดวัตถุประสงค์ของหลักสูตร 3) กำรออกแบบหลักสูตรแบบผสมผสำน 4) กำรออกแบบกำรเรียนกำรสอนแบบผสนมผสำนในรำยวิชำต่ำงๆ 5) กำรทดลองใช้หลักสูตร และ 6) กำรประเมินผลหลักสูตร (จินตวีร์ ม่ันสกุล และประกอบ กรณีกิจ, 2552) เช่นเดียวกับ Kintu, Zhu & Kagambe (2017) ได้ศึกษำควำมสัมพันธ์ระหว่ำงลักษณะของผู้เรียน และ กำรออกแบบคุณลักษณะต่ำงๆ ในกำรเรียนแบบผสมผสำน ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนของผู้เรียน ผลกำรศึกษำพบวำ่ ในดำ้ นกำรออกแบบกำรเรยี นกำรสอนแบบผสมผสำน ซ่ึงประกอบด้วย คุณภำพของเทคโนโลยี เคร่ืองมือในกำรเรียนออนไลน์และกำรเรียนแบบเผชิญหน้ำ และด้ำนลักษณะของผู้เรียน เช่น ทัศนคติ และ กำรควบคุมตนเองของผ้เู รยี น กำรจัดกำรเวลำท่ีมีประสิทธิภำพ เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อผลสัมฤทธ์ทิ ำงกำรเรียน กำรสร้ำงควำมรู้และทักษะในกำรวิเครำะห์ของผู้เรียนในกำรเรียนแบบผสมผสำน สำหรับกระบวนกำรเรียนแบบ ผสมผสำน ควรเริ่มจำกกำรหำวิธีสอน รูปแบบกำรสอน หรือส่ือต่ำงๆ ท่ีนำมำผสมผสำนกัน จำกน้ันกำหนดให้ ผู้เรียนดำเนินกิจกรรมกำรเรียนรู้ เพ่ือให้เกิดกำรยอมรับกระบวนกำรสอนน้ี อำจมีกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบ เผชิญหน้ำและแบบออนไลน์ควบคกู่ ัน โดยผู้สอนกำหนดภำระงำนและกำรทำกิจกรรมตำ่ งๆ บนเว็บ เพื่อให้ผ้เู รยี น ไดม้ ีปฏสิ ัมพนั ธผ์ ำ่ นกำรเรยี นในรปู แบบผสมผสำน (ประกอบ กรณีกิจ และจินตวีร์ คล้ำยสังข์, 2556) จินตวีร์ คล้ำยสังข์ (2553) ได้กล่ำวถึงองค์ประกอบของบทเรียนผสมผสำน ประกอบด้วย (1) เน้ือหำ บทเรยี น (Courseware) ซึ่งอำจอยใู่ นรูปของสอ่ื มลั ตมิ ีเดยี หรอื สื่ออเิ ลก็ ทรอนกิ สต์ ำ่ ง ๆ เช่น e-Book และ Podcast ที่สอดคคลอ้ งกับวตั ถปุ ระสงค์ของบทเรยี น เอ้อื ตอ่ กำรเรยี นร้ทู ีใ่ ห้ผเู้ รยี นศึกษำด้วยตนเอง และสรำ้ งควำมรูใ้ หมผ่ ่ำน กำรศึกษำบทเรยี น ค้นคว้ำเพิม่ เติม และกำรวิเครำะหอ์ ย่ำงมหี ลักกำรและเหตุผล (2) ระบบบรหิ ำรจัดกำรกำรเรียน กำรสอน (Learning Management System) ทำหน้ำท่ีเป็นศูนย์กลำงของกำรเรียนรู้ส่งบทเรียนผ่ำนเครือข่ำย คอมพิวเตอร์ไปยังผู้เรียน กำหนดลำดับเน้ือหำ ประเมินผล ติดตำมและบันทึกควำมก้ำวหน้ำของผู้เรียน (3) กำร
Chapter 2 89 ติดต่อส่ือสำร (Communication) และกำรมีปฏิสัมพันธ์ในกำรเรียน เพิ่มควำมสนใจและต่ืนตัวของผู้เรียนในกำร เรียนออนไลน์ท่ีมีต่อบทเรียนมำกขึ้น เป็นเครื่องมือช่วย ในกำรติดต่อ ปรึกษำ และแลกเปลี่ยน ควำมคิดเห็นระหวำ่ งผเู้ รียนกบั ผู้สอน และระหวำ่ งผูเ้ รยี นดว้ ยกัน ซงึ่ อำจใช้เครื่องมือในกำรส่ือสำรท้ังแบบประสำน เวลำ เชน่ กระดำนสนทนำสด และไม่ประสำนเวลำ เช่น กระดำนข่ำว อเี มล์ เป็นตน้ และ (4) กำรวดั และประเมนิ ผล กำรเรียน รวมถึงกำรสอบท้ำยบท หรือกำรประเมินผลระหว่ำงกำรเรียนกำรสอน สอดคล้องกับองค์ประกอบของ กำรเรียนกำรสอนแบบผสมผสำนของ ประกอบ กรณีกิจ และ จินตวีร์ คล้ำยสังข์ (2556) ท่ีประกอบด้วย (1) กำรผสมผสำนระหว่ำงรูปแบบกำรเรียนรู้ 2 รูปแบบ คือ แบบเผชิญหน้ำและแบบออนไลน์ (2) กำรเข้ำถึง ทรัพยำกรและสิ่งอำนวยควำมสะดวก (3) ควำมอิสระของผู้เรียนในกำรควบคุมกำรเรียนรู้ของตน 4) กำรมี ปฏิสัมพันธ์หรือกำรเรียนรู้รว่ มกับผอู้ ื่น และ (5) กำรประเมิน โดยสัดส่วนของกำรเรียนกำรสอนแบบผสมผสำนจะ ใช้กำรเรียนรู้แบบออนไลน์ ประมำณ 30-79% และใช้กำรเรียนรู้ในห้องเรียนประมำณ 21-70% (Khlaisang, 2012; Khlaisang & Likhitdamrongkiat, 2015) เมื่อพิจำรณำถึงกำรประยุกต์ใช้ในกำรเรียนกำรสอน มีงำนวิจัยที่ได้นำเสนอแนวทำงกำรประยุกต์ ดังกล่ำวไว้ได้น่ำสนใจ ดังตัวอย่ำงเช่น ประกอบ กรณีกิจ และจินตวีร์ คล้ำยสังข์ (2556) ได้พัฒนำรูปแบบ อีเลิร์นนิงแบบผสมผสำนโดยใช้บันทึกสะท้อนกำรเรียรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์ออนไลน์ท่ีส่งเสริมควำมใฝ่รู้ และควำมคงทนในกำรจำของนิสิตคณะครุศำสตร์ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย โดยแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มท่ี 1 จำนวน 20 คน ได้รับมอบหมำยให้เขียนบันทึกสะท้อนกำรเรยี นแบบมีปฏสิ มั พันธ์ออนไลน์ โดยไม่มีผู้สอนสังเกตกำรณ์ ไม่มีกำรเสริมแรงทำงบวก และไม่ให้ข้อเสนอแนะทั้งในกำรเขียนบันทึกสะท้อน กำรเรียนและกำรค้นคว้ำของนิสิต และกลุ่มทดลองที่ 2 จำนวน 20 คน ท่ีได้รับมอบหมำยให้เขียนบันทึกสะท้อน กำรเรียนแบบมีปฏิสัมพันธ์ออนไลน์ โดยมีผู้สอนสังเกตกำรณ์ ให้กำรเสริมแรงทำงบวก และให้ข้อเสนอแนะใน กำรเขยี นบันทึกสะทอ้ นกำรเรยี นและกำรค้นควำ้ ของนสิ ติ ซ่งึ องคป์ ระกอบของรปู แบบอเี ลิรน์ นิงแบบผสมผสำนโดย ใช้บันทึกสะท้อนกำรเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์ออนไลน์ ประกอบด้วย (1) บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่ือประสม ท่กี ระตุ้นใหผ้ เู้ รยี นเกิดกำรเรียนรูต้ ำมวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ (2) ระบบจดั กำรเรียนรู้ซงึ่ ทำหน้ำท่ีเป็นศนู ย์กลำงใน กำรจัดกำรเรียนรู้ สนับสนนุ ใหเ้ กิดปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่ำงผเู้ รยี นกบั ผสู้ อน ผเู้ รยี นกบั ผู้เรียน และผู้เรียนกบั แหล่งขอ้ มูล (3) แหล่งข้อมูลหรือแหล่งกำรเรียนรู้ โดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตมำใช้เป็นเคร่ืองมือใน กำรสืบค้นข้อมูล แสวงหำและเผยแพร่ควำมรู้ (4) กิจกรรมกำรเขียนบันทึกสะท้อนกำรเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์ โดยใช้บล็อกในระบบจัดกำรเรียนรู้ออนไลน์ ให้ผู้เรียนเขียนบันทึกสะท้อนกำรเรียนรู้อย่ำงมีโครงสร้ ำงและมี ปฏสิ มั พนั ธ์ร่วมกัน (5) กำรตดิ ตอ่ สอื่ สำร เป็นเครือ่ งมือท่ีช่วยให้ผเู้ รียนไดป้ รกึ ษำหำรือและแลกเปลยี่ นควำมคิดเห็น ร่วมกัน ทั้งแบบประสำนเวลำและไม่ประสำนเวลำ และ (6) กำรประเมินผลกำรเรียน ทั้งกำรทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน กำรทดสอบซ้ำหลังเรยี น 2 สัปดำห์ เพื่อวัดควำมคงทนในกำรจำ ผลกำรศึกษำพบว่ำ ผู้เรียนมผี ลสมั ฤทธิ์ ทำงกำรเรียนก่อนเรียน แตกต่ำงจำกหลังเรียนของผู้เรียนท้ัง 2 กลุ่มกำรทดลอง อย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติที่ระดบั .05
90 Ubiquitous Technology Enhanced Learning: UTEL อีกหนึ่งงำนท่ีน่ำสนใจได้แก่ งำนของ Sergis, Sampson, and Pelliccione (2018) ท่ีได้ศึกษำผลของ กำรนำ Flipped Classroom Model ร่วมกับ Self-Determination Theory ในกำรเรียนแบบผสมผสำน ที่มีต่อ ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งกำรนำ Flipped Classroom Model มำใช้เพื่อส่งเสริมกำรเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) กำรเรยี นแบบร่วมมือ และกำรใหค้ ำปรึกษำแก่ผู้เรยี นขณะทำกจิ กรรมต่ำงๆ สนับสนนุ ผเู้ รยี นท่ี มีผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนที่ต่ำงกัน รวมถึงช่วยเพ่ิมขีดควำมสำมำรถในกำรควบคุมกำรเรียนรู้ให้มีประสิทธิภำพ สูงข้ึน ผลกำรศึกษำพบว่ำ กำรเรียนรู้แบบผสมผสำนในรูปแบบดังกล่ำวช่วยเพ่ิมประสิทธิภำพในกำรตอบสนอง ควำมต้องกำร ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ และผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนของผู้เรียน โดยเฉพำะผู้เรียนท่ีมีผลสัมฤทธ์ิ ทำงกำรเรียนต่ำ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ำกำรนำแนวคิดกำรเรียนกำรสอนแบบผสมผสำนทั้งในแบบท่ีเน้นกำรผสมผสำน ศำสตรก์ ำรสอนรว่ มกบั เทคโนโลยใี นแบบท่ี 1 และกำรนำ Flipped Classroom Model ซึง่ เปน็ โมเดลกำรสอนบน พ้ืนฐำนของกำรเรียนแบบผสมผสำนมำใช้ดังตัวอย่ำงท่ี 2 นั้น ล้วนส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนของผู้เรียนได้ เป็นอย่ำงดี และนอกจำกผลสัมฤทธิ์ที่ได้ถูกพัฒนำไปแล้วนั้น ในตังอย่ำงงำนท่ี 1 ยังแสดงให้เห็นถึงทักษะกำรคิด อืน่ ๆ ไดด้ ว้ ย ซึ่งในท่นี คี้ อื ทักษะกำรใฝ่รู้ของผเู้ รียนน่นั เอง จำกกำรทบทวนวรรณกรรมท้ังในส่วนของบทควำมวิชำกำรและงำนวิจัยต่ำง ๆ จึงขอสรุปเป็น องค์ประกอบท่ีสำคัญในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบผสมผสำนในรปู แบบตำรำงสังเครำะห์ เพ่ือสำมำรถนำไปใช้ ในกำรกำหนดแนวทำงได้ต่อไป โดยจำกตำรำงสังเครำะห์งำนวิจัยของ Kintu & Zhu (2016) Yong (2016) จินตวีร์ คล้ำยสังข์ (2557) จินตวีร์ มั่นสกุล และประกอบ กรณีกิจ (2552) สำมำรถสรุปองค์ประกอบของกำรเรยี น แบบผสมผสำน ไดด้ ังนี้ สรุปการสงั เคราะหอ์ งค์ประกอบของการจัดการเรียนร้ตู ามแนวคิดการเรยี นแบบผสมผสาน 1. บทบำทของผู้เรยี นและผู้สอน ในกำรออกแบบกิจกรรมใหส้ อดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเนือ้ หำและลกั ษณะของผู้เรยี น 2. กำรผสมผสำนระหว่ำงกำรเรยี นรู้แบบเผชญิ หน้ำและกำรเรยี นแบบออนไลน์ โดยผูส้ อนสำมำรถกำหนดสัดสว่ นของกรปู แบบกำรเรียนร้ทู งั้ สอง ใหส้ อดคล้องกับกิจกรรมทีก่ ำหนดข้ึน 3. แหล่งเรียนรู้ อำจอยูใ่ นรูปของสือ่ มัลติเมยี เดยี ตำ่ งๆ และผู้เรยี นสำมำรถควบคุมกำรเรียนร้ขู องตนเองได้ 4. ระบบบริหำรจัดกำรเรียนกำรสอน เปน็ ศูนยก์ ลำงของกำรเรยี นรู้ ท่ีผู้เรียนสำมำรถเข้ำถึงแหลง่ เรยี นรู้ หรอื แหลง่ ขอ้ มลู ต่ำง ๆ รวมท้ังกำรสื่อสำร มี ปฏิสัมพันธ์ร่วมกันในชั้นเรยี น โดยมเี คร่อื งมือและเทคโนโลยีที่สนบั สนุนกำรทำกิจกรรมอย่ำงเหมำะสม 5. กำรติดต่อสือ่ สำร/ กำรมีปฏิสัมพันธ์ในกำรเรียน กำรทำงำนร่วมกันระหว่ำงผเู้ รียนกบั ผเู้ รยี นหรือกำรแลกเปล่ยี นควำมคิดเหน็ ร่วมกันระหวำ่ งผู้เรียนกับผเู้ รียน และผเู้ รยี นกับผ้สู อนทั้งแบบประสำนเวลำและไม่ประสำนเวลำ 6. กำรวดั และประเมินผลผเู้ รียน อยูใ่ นรปู แบบของกำรประเมินตำมสภำพจรงิ เน้นกำรตรวจสอบทง้ั ในสว่ นของผลลัพธก์ ำรเรียนรูท้ ี่ได้กำหนดไว้ และกระบวนกำรทีส่ อดคลอ้ ง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335