และในขณะน้ันฟรอูนแหงมักกะฮฺ (อบูละฮับ) ไดรูถึงการเคล่ือนไหวและเห็นวามุฮัมมัด ไดไปอยู ในหัวใจของชาวอาหรับไปเกือบหมดแลว และมีเผาตางๆหลั่งเขาหาทานศาสดา พวกหัวหนากุเรช ไดตัดสินใจไปหาทานอบูฏอเล็บอีกครั้ง เพ่ือจะบอกใหรูวาอิสลามเปนอันตรายตอชาวมักกะฮฺ ดวย เหตุนีพ้ วกเขาไดพ ดู กับอบูฏอเลบ็ วา ....... “โออบูฏอเล็บ ทานเปนผูอาวุโส มีอายุมากกวาพวกเราแตทวาเราเคยกลาวกับกับทานมา กอนแลววาใหทานหาม หลานของทาน (มุฮัมมัด) จากการเผยแพรศาสนาแตทานไมสนใจเลย แต ตอนน้ีความอดทนของพวกราหมดแลว เราไมสามรถจะทนไปไดมากกวาน้ีอีก จงดูซิ เขา (มุฮัมมัด) ไดดูถูกพระเจาของเราแลวบอกวาพวกเราไมสมองไรปญญา และจําเปนที่ตองหามเขาจากการการ เผยแพรเดียวน้ีถาไมใชเชนน้ัน เราจะทําสงครามกับเขาและกับทานดวย และจะไดรูไปเลยการวา ตอ งพนิ าศไปขา งหนง่ึ ” ทานอบูฏอเล็บ ผูป กปองศาสดา ดวยกับความฉลาดและมีไหวพริบรูวาควรจะเผชิญหนากับ พวกกุเรชอยา งไรท่ีจะไมเ กิดปญหา จึงไดใชการพูดคุยแบบสนั ติวิธีและใหสัญญาวาจะนําคําพูดของ พวกกุเรชไปบอกแก มุฮัมมัด แตทวานี่คือวิธีการเจรจาเทาน้ันเพื่อจะดับไฟแคนของพวกอาหรับ หลังจากนน้ั จะหาวิธที ี่ดีทสี่ ดุ ในการแกป ญ หา หลงั จากทบ่ี รรดาหวั หนา ชาว กุเรชไดกลับออกไป ทานอบูฏอเล็บไดเขาพบทานศาสดา และนําคําพูดชาวกุเรชบอกแกมุฮัมมัด โดยมีนับยะจะทดสอบความมั่นใจคงในการยืนหยัดทานศาสดาดวย ทานศาสดาไดตอบกลับอบูฏอ เล็บ เปนประโยคท่ีกินใจที่สุดก็วาไดของชีวประวัติทานศาสดาวา.... “โอลุงที่รัก มาตแมวาพวกเขา ไดนําดวงอาทิตยไวในมือมือขวาแบะดวงจันทรในมือซายของฉัน(ใหฉันเปนประมุขแหงพ้ืนพิภพ) แลวใหฉันละท้ิงจากการการเผยแพรศ าสนาแนนอนฉันไมละทิ้งอยางเด็ดขาด และฉันจะกาวตอไป ถงึ เปาหมายจนกระทง่ั ไดรบั ชยั ชนะ หรอื ไมก จ็ ะยอมตายในหนทางแหง เปาหมายนี”้ (๑๓๐) หลังจากน้ันนํ้าตาของศาสดาไดไหลออกมาดวยกับการยึดม่ันในอุดมการณและเดินจากลุง ของทานไป คําพูดอันทรงพลังและหนักแนนน้ีไดมีผลสะทอนตอผูนําแหงมักกะฮฺของทาน ทันใด
นั้นโดยไมไดตั้งตัวอบูฏอเล็บไดกลาวกับศาสดาวา “ขอสาบานตอพระเจา ฉันจะไมละท้ิงการ ปกปอ งเจา และเจาจงทาํ ภารกจิ ใหบรรลุเถดิ ”(๑๓๑) พวกกุเรชไดมาหาอบฏู อเล็บครงั้ ทส่ี าม จากพลังแหงอิสลามไดขยายไปในหมูชาวกุเรชอยางตอเน่ืองทําใหกุเรชตองรวมตัวประชุม อีกครั้งเพ่ือหาทางสกัดข้ัน จึงไดกลาววาการปกปองกัน อบูฏอเล็บ ตอ มุฮัมมัด อาจเปนเพระวา มุฮัมมัดเ ปนลุกบุญธรรม ดังน้ัน เราจะนําเด็กหนุมที่สวยงามที่สุดใหกับเขา แลวจะกลาววาขอแลก กับลูกบุญธรรมนั้น ดวยเหตุนี้พวกเขาจึงนํา อัมมาเราะฮ บินวะลีด บินมุฆีเราะฮ เด็กหนุมท่ีนาตาดี ของมักกะฮฺ หาอบฏู อเลบ็ และเปน การไปหาคร้ังท่สี ามดวยกับการขมขวู า “โออบฏู อเลบ็ บุตรของวะ ลีด เปนเด็กหนุมเปนท้ังนักกวีและนักพูดที่เกง และนาตาดีอีกทั้งฉลาด เราพรอมท่ีจะมอบใหกับ ทาน เพ่ือจะแลกกับลูกบุญธรรม (มุฮัมมัด) และใหทานเลิกการปกปองเขาเสีย “อบูฏอเล็บไดโมโห อยางมากจากการพดู ของพวกกเุ รชน้ันเขากลาววา “มันชา งเปน ธรุ กิจทเ่ี ลวรา ยสําหรับฉัน ฉันไดดูแล เลี้ยงดูลูกฉันมา แลวฉันจะใหพวกทานไปประหารชีวิตกระน้ันหรือ ? ของสาบานเปนไปไมได” (๑๓๒) มุฎอิม บินอิดดีย ไดยืนขึ้นแลวกลาววา “ขอเสนอพวกกุเรชยุติธรรมท่ีสุดแลวนะและทาน ไมยอมรับมันเอง”อบูฏอเล็บกลา วตอ วา “พวกเจา อยา ไดพูดกบั ฉนั เร่อื งยตุ ิธรรมเลย ฉนั รดู วี า พวกเจา จะฆา และทาํ ลายฉนั ซ่งึ พวกเจา จะปกุ ระดมใหก เุ รชตอตา นฉนั เอาเถอะ ถาพวกเจามีความสามารถก็ เอาเลย.” พวกกเุ รชวางแผนใหท า นศาสดาเกดิ ความลุมหลง พวกกุเรชมีความมั่นใจแลววา เปนไปไมไดอยางแนนอนที่จะให อบูฏอเล็บ พอใจพวกเขา ถงึ แมว าอบฏู อเลบ็ จะไมเ ปดเผยการยอมรบั อิสลามก็ตาม แตใ นหัวใจของเขาน้นั เติมไปดวยพลังแหง
ศรทั ธาทมี่ ีตอ ทานศาสดาดังนนั้ พวกเขาจงึ ตดั สินใจไมไปเจรจากับอบูฏอเล็บอีกตอไป และแผนของ พวกกุเรชคือ ตองการจะพบกับมุฮัมมัด โดยจะเสนอตําแหนงเงินทองและผูหญิงท่ีสวยงามของ อาหรับใหทานศาสดา เพื่อที่จะใหเขาหยุดการเผยแพรศาสนา ดังนั้นพวกกุเรชจึงไดรวมตัวไปยังบา นอบูฏอเล็บ ในขณะนั้นมุฮัมมัดน่ังติดอยูกับอบูฏอเล็บ พวกเขาไดเริ่มสนทนาดังน้ี “โออบูฏอเล็บ มุฮัมมัด ไดทําลายการเปนเอกภาพของพวกเรา สรางความแตกแยกใหเกิดกับหมูพวกเรา เขาได หัวเราะเยาะพวกเรา ไดดูถกู รปู ปน ทีเ่ ราบูชา ถา หากวาเราลําบาก ไมมีเงินทอง จะแตงต้ังเขาเปนผูนํา เรา เราจะฟงคําพูดของเขาและถาเขาไมสบาย เราจะนาํ หมอทด่ี มี ารักษาเขาและ...ฯลฯ อบูฏอเล็บไดหันไปยังศาสดากลาววา “พวกหัวหนาชาวกุเรชมาหาตองการใหเจาเลิกการดู ถูกเหยียดหยามเจร็ดพวกเขา และพวกเขาจะเลิกรังแกเจา” ทานศาสดาไดหันมายังลุงของเขาแลว กลาววา “ฉันไมตองการอะไรจากพวกเขาเลย และสิ่งท่ีพวกเขาเสนอมาฉันตองการ เพียงอยางเดียว คอื ใหย อมรบั ฟง คําพดู ของฉัน พวกเขาตองเช่ือฟงฉันในถอยคําหนึ่ง ดวยถอยคํานั้นเองพวกเขาจะไดปกครอง อาหรับและทําใหคนอื่นไมใชอาหรับมาตามพวกเขา”(๑๓๓) และในขณะนั้นอบูละฮับไดลุกข้ึนแลว กลาววา “เราพรอมท่ีจะฟงคําพูดของเจาถึงสิบคําพูด” ทานศาสดากลาววา “สิ่งแรกคือใหยอมรับ ความเปน เอกะของพระเจา”(๑๓๔)คําพูดทานศาสดาเหมือนกับน้ําเย็นท่ีลาดลงมาบนความหวังอันเดือดพลาน ของพวกเขา ความเงียบท่ีแฝงดวยความส้ินหวังเขามาแทนท่ีพวกเขาจึงกลาวโดยไมไดตั้งใจวา “จะ ใหเราละท้งิ รูปปน ท้ัง ๓๖๐ รปู แลวมาภักดพี ระเจาองคเดยี วกระน้นั หรอื ?”(๑๓๕) พวกกุเรชไดโมโหเลอื ดขึ้นหนา เดินออกจากบานอบูฏอเล็บ และสุดทายพวกขําดนําไปคิด แผนการใหม ท่ปี รากฏในซเู ราะฮศฺ ็อด อายะฮทฺ ี่ ๔-๗ (๑๓๖) บางตัวอยางการกล่นั แกลงของกเุ รชตอมุสลิม
วันหนึ่งจาการที่พวกกุเรชไดยินคําพูดทานศาสดาที่วา.. “โอลุงท่ีรักมาตรแมนวาพวกเขาได นําดวงอาทิตยไวในมือขวาและดวงจันทรในมือซายของฉัน(ใหฉันเปนประมุขในพ้ืนพิภพ) แลวให ฉันละท้ิงการเผยแพรศาสนา แนนอนฉันไมละทิ้งอยางเด็ดขาด และฉันจะกาวตอไปถึงเปาหมาย จนกระทั่งไดร ับชัยชนะ หรืกไมกจ็ ะยอมตายใหห นทางแหง เปาหมายน้ี” ทําใหพวกเขาหมดหวังจาก ภากิจนั้น และหนึ่งจากเหตุการณตางๆ ท่ีลําบายที่สุดของทานศาสดาไดเร่ิมข้ึน เพราะวากอนหนา นั้น ชาวกุเรชไดใหเกียรติทานศาสดา และพวกเขาไดวางแผนตางๆนานาในการจะหยุดมานศาสดา แตเม่ือเห็นวาการวางแผนนนั้ เหมือนกับการวาดรูปบนผิวน้ํา พวกเขาไดคิดแผนใหม โดยที่พวกเขา จะสกัดกั้นการลุมลามของอิสลามทุกรูปแบบ พวกเขาจะใหทุกวิธีการในการสกัดกั้น และพวกกุเรช ไดประชุมตกลงวา จะทาํ การสกดั กน้ั ศาสดามฮุ มั มดั ทุกรปู แบบ ทานศาสดามุฮัมมัดดวยกับพลังแหงจิตวิญญาณที่สูงสง ท่ีสงผลชวยขับเคล่ือนงานเผยแพร ของทานและตัวแปรอีกประการคือการไดรับการปกปองจากบนีฮาซิม ซ่ึงอบูฏอเล็บเปนหัวหนา ใหญในการปกปองครั้งน้ันเพราะวาเม่ืออบูฏอเล็บไดเห็นวาพวกกุเรชไดตัดสินใจอยางเด็ดขาดแลว วาจะสกัดก้ันทานศาสดาโดยการกล่ันแกลงตางๆ ทานอบูฏอเล็บก็เรียกบนีฮาซิมประชุมทันที และ ทัง้ หมดลงมติกันวา จะปกปอ งศาสดา ดานหน่งึ ของผูปกปองคือแนวรวมอันทรงพลังแหงศรัทธาตอศาสดา อีกดานหนึ่งตระกูลของทานเองมี เพียงอบูละฮับและอีคนสองคนเทาน้ันท่ีไมไดรวมงานนี้และอยูฝายศัตรู แตทวาก็ยังไมสามารถจะ ยับยั้งหรือสกัดก้ันแผนการทํารายของพวกกุเรชไดท้ังหมด เพราะเมือไรก็ตามท่ีพวกเขาเห็นทาน ศาสดาไปเผยแพรคนเดียว พวกมันจะเขาทําลายหรือกั่นแกลง เราจะนําบางเหตุการณของการก้ัน แกลง พวกกุเรชตอทานศาสดา ดังนี้ ๑.) วันหน่ึงอบูละฮับไดเห็นทานศาสดาอยู ณ ภูเขาชอฟา เขาก็ไดกลาวประมาณพูดจาที่ หยาบคายใสท านศาสดา แตทานศาสดาไมโตตอบอะไร แลว ไดเ ดนิ กลบั บาน และ อบูละฮับได
มุงไปที่ศูนยประชุมของชาวกุเรช อยูขางกะอฺบะฮฺ ทานฮัมซะฮฺลุงทานหน่ึงของทานศาสดา ซึ่งเขา ไดก ลับมาจากการลาสัตวส ภาพที่ ออนเพลีย ซ่ึงปกติของเขาคือหลังจากท่ีเขาไปยังกะอฺบะฮฺเขาจะเขาไปเยี่ยมลูกหลาน เครือญาติกอน ทําอยางอ่ืนหลังจากน้ันจึงเยือนกะอฺบะฮฺและเวียนรอบ แลวจึงไปเย่ียมเยียมกลุมตางๆท่ีชุมนุมกัน ใกลกะอฺบะฮฺ และในวันเดียวกันน้ัน ทานฮัมซะฮฺก็ไดเดินกลับบาน หลังจากท่ีไดประกอบพิธีเสร็จแลว ทนั ใดนั้นไดพ บกบั ทาสของอับดุลลอฮฺ ลินยัคยานซง่ึ เห็นการรังแกที่อบูญะฮั้ลทํากับทานศาสดา เขา ไดเดินมาหาทานฮัมซะฮฺ กลาววา “โออะบาอัมาเราะฮ ( สรอยนามทานฮัมซะฮ ) ทานนาจะอยูที่น่ี เม่ือสิบนาทที ผี่ า นมา จะไดเ ห็นส่ิงที่ฉันไดเห็น นั่นก็คืออบูละฮับไดกล่ันแกลงตอมุฮัมมัด และพูดจา ไมดีตอเขาดว ย และยังขมขตู างๆนานา” จากคาํ บอกเลา ของทาสผนู ั้น ทําใหท านฮัมซะฮโฺ มโห เปนอ ยางมาก จึงตดั สินใจท่จี ะไปเอาเรื่องกบั อบลู ะฮบั ฮัมซะฮฺเดินทางยอนกลับไปทางเดิม แลวไดเห็นอบูละฮับ อยูกับฝูงชนนั้น เขาไดมุงไป ยังอบูละฮับทันที่ โดยท่ีไมพูดจากับใครมุงหนาเขาไปแลวกลาววา “เจาพูดอะไรไมดีตอมุฮัมมัดใช ไหม? ฉันไดศรัทธาตอเขานะหนทางท่ีมุฮัมมัดเดินไปน้ัน ฉันก็เดินตามดวย ถามีปญหาอะไร จงทํา สงครามกับฉัน” ในขณะนัน้ มปี ระชาชนกลุมหนึง่ จากเผา บนีมคั ซูม ไดลุกขึ้นยืน ปกปองเขาขางอบูละฮับ แตอบูละฮับ เปนผูอาวุโสและนักการเมืองกหามการปกปองของประชา ชนกลุมนั้นแลวกลาววา “ ฉนั ไดพูดจาดูถูกมุฮัมมัด ปฏิบัติตัวไมดีกับเขา ฮัมซะฮฺ มีสิทธิ์ที่ไมพอใจ” (๑๓๗) น่ีคือประวัติศาสตรท่ีไดกลาวอยางชัดเจนวา มีวีรบุรุษ ดังฮัมซะฮฺ ซึ่งตอมาเขาเปนผูท่ี ปกปองเกียรติแหงทานศาสดา และเสริมกําลังใหแกมุสลิม ดังที่ทานอิบนุอะษรีไดกลาววา........ “
ชาวกุเรชถือวาทานฮัมซะฮฺเปนตัวแปรสําคัญในการปกปองและสรางความกาวหนาแกอิสลาม และ ทําใหม ุสลมิ มพี ลัง” (๑๓๘) อลูญะฮัลไดน ่งั รอจะทํารายทา ศาสดา จากความกาวหนาของอสิ ลามไดพ ุงขน้ึ ตอ วน ทําใหพวกกุเรชเพ่ิมความโกรธแคนยิ่งขึ้น ซ่ึง ไมเคยมีชวงใดท่ีเลวรายมากสําหรับพวกเขาเทากับชวงเวลานั้น ดวยเหตุนี้มันไดเพิ่มไฟแหงความ เคียดแคน จนพวกเขาตองระเบิดมันออกมาดวยคําพูด ดังที่ฟรอูนแหงมักกะฮฺ อบูละฮับ วันหน่ึงได อยใู นทามกลางของชาวกุเรชในวันหน่งึ วา “ พวกทา นเปน ชาวกุเรช อีกรหรือเปลาดูซิมุฮัมมัด ไดพูด ไมดีตอศาสนาเราเชนไร และยังดูถูกตอศาสนา และพระเจาของเราอีกดวย และกลาววาราไรสมอง ไรปญญา (๑๓๙) ขอสาบานตอพระเจาของเรา พรุงนี้เราจะอดทนสักนิด แลวเอากอนหินน้ันตีไปทัหัว ของมุฮัมมัด” เมื่อถึงวันรุงขึ้นศาสดาไดเขามสั ญิดเพ่ือนมาซ ไดยินนมาซระหวางหินดํากบั รุกนุลยะ มานี ชาวกุเรชกลุมหน่ึงรูเจตนาของอบูญะฮัล พวกเขาไดคิดในเรื่องนี้วา รกระทําของอบูญะฮัล จะ ประสบสําเรจ็ หรทอไม ครั้นเมือ่ ทา นศาสดาไดลงไปซูยูดศัตรูตัวฉกาจไดเขามาหมายจะเอากอนหิน ทุบหัวทานศาสดา แตทันใดน้ันไดเกิดสิ่งประหลาดในหัวใจของเขาคือมือไมส่ัน ไมสามารถจะ กระทําการนน้ั ได เขารบี กลับไปยังพวกตัวเองทนั ที ละคนอ่นื ๆว่งิ ตามกันไปแลว กลา ววา “ เกิดอะไร ขึ้น โอพอของฮะกัม” เขากลาวตอบดวยเสียงที่แผวซ่ึงบงบอกความหวาดกลัววา “ ฉันไดเห็นราง หนึ่งยนื ตอหนาฉัน ซึ่งชวี ิตฉนั ไมเ คยเหน็ มากอ นเลย ดว ยเหตเุ ชนนีฉ้ ันจึงไดเปล่ยี นใจทันที” ไมใชเรื่องแปลกท่ีมีพลังร้ีลับ ตามพระบัญชาของพระเจาเขามาชวยเหลือ ทานศาสดาโดย จาํ แลงเปน สิง่ ท่เี ขาเหน็ การมีอยทู านศาสดานัน้ เปน คาํ มั่น สัญญาจากพระองคที่ปกปองววา “แทจริง เราไดปกปองเจา จากผกู ล่นั แกลง และจากการมุง รายของศตั รู”
และยังมีตัวอยางอ่ืนอีกมากของประวัติศาสตรเกยวกับการถูกกล่ันแกลงของทานศาสดา จากพวกกุเรช แมแตทานอิบนุอะษีรยังไดนําเรื่องน้ีกลาวไวเปนบทเฉพาะ นํารายช่ือพวกกุเรชคน สําคัญท่ีเปนศัตรูตอทานศาสดาในมักกะฮฺและวิธีการทํารายและรูปตางๆมากมาย เชนอีกตัวอยาง หน่ึง วันหน่ึงทานอุตบะฮ บินอะบีมุอีฎ ไดเห็นทานศาสดากําลังเวียนรอบกะอฺบะฮฺเขาไดกลาวคํา หยาบและคาํ เสยี ดสีใสทา นศาสดา ไดน ําผาโพกศรีษะ ( อะมามา ) มารัดที่คอทานศาสดาแลวดึงทาน ออกมาจากมัสญิด มีกลุมหน่ึงยังเกรงบารมีของบนีฮาชิมอยู รีบเขามาดึงตัวทานศาสดาออกจากเขา (๑๔๐) หรือแมกระทั่งการถูกกลั่นแกลงของทานศาสดาจากลุงของทานเองอบูละฮับและภรรยา ของเขาคือ อุมมุญะมี้ล ซ่ึงเปนการทรมานท่ีไมเคยมีมากอน น่ันก็คือบานของทานศาสดาไดอยูรวม ชายคากบั เพื่อนบานอื่นๆ พวกเขาน้นั ไดน าํ ส่งิ สกปรก ขยะเทใสศรีษะทานศาสดาทุกวัน วนั หนึ่งได นํารกของแกะเทใสศรีษะทานศาสดา จนในท่ีสุดทานฮัมซะฮไดรูขาวและเอาเรื่องกับอบูละฮับ โดย ปฏบิ ตั ติ ออบลู ะฮบั เหมือนทมี่ นั ทาํ กับทานศาสดา การทรมานมุสลมิ ความเจริญกาวหนาของอิสลามในชวงตนๆของการแตงตั้งทานศาสดามีปจจัยหลาย ประการ หน่ึงจากปจ จัยนัน้ คอื ความอดทนและการยนื หยัดตอสูของทานศาสดาและบรรดาสาวก ซ่ึง จะไดเห็นตัวอยางของสาวกของศาสดาวาไดอดทนกับการทรมานนั้นเปนอยางไร ดังนั้นเราจะนํา ความอดทนและการเสียสละของสาวกของทา นมากลาววิเคราะห ดงั น้ี ๑) ทา นบลิ าล ฮะบาชี พอแมของเขาเปนชาวเอธิโอเปย เปนทาสถูกขายมายังคาบสมุทรอาหรับ บิลาลตอมาเขา เปน ผูอะซานของทาน และเขาเปนทาสของ อุมัยยะฮ บินคดลัฟ และอุมัยยะฮเปนบุคคลท่ีเคียดแคน ตอมุสิลิมอยางมากเพราะวาตระกูลของศาสดาไดปกปองทานศาสดา ดังน้ันอุมัยยะฮไดคิดลางแคน
นี้ดวยการ ทรมานทาสมุสลิมผูนี้(บิลาล)อยางทารุณ โดยที่ไดใหบิลาลถอดเสื้อ ทามกลางอากาศที่ รองระอุ แลวใหนอนท่ีพื้นทรายท่ีรอนนั้น แลวเอากอนหินขนาดใหญวางบนทองของบิลาล ดวย ความรอนของพื้นดินทําใหรางเขาไหม แลวมันไดกลาวกับบิลาลวา “เราจะไมเอาหินออกจากอก ของเจา จนกวา เจา จะตาย หรอื ใหเปล่ียนการยอมรับในพระเจาของมฮุ ัมมัดเสีย แลวมาบูชาเจร็ดของ เราคือ อัลลาตและอุซซา แตทวาบิลาลผูมีความหนักแนนตอพลังศรัธทา ไมพูดอะไรเลยนอกจากคํา วา “อะฮัด อะฮัด พระเจาองคเดียวเทาน้ัน พระเจาองคเดียวเทานั้น “จากความอดทนและการยืน หยัดในศรัธทาของบิลาล ทําใหเกิดผลสะทอนตอบุคคลอื่นอยางนาทึ้งที่เดียว แมแตทานวะรอเกาะฮ บินนูฟล ถึงกับรองไหออกมา แลวกลาวตออุมัยยะฮวา “ขอสาบานตอพระเจา ถาทานจะฆาเขาใน สภาพเชน นี้ ฉนั ก็จะสรางสถานฝง ศพท่ยี ิ่งใหญแกเ ขา”(๑๔๑) บางคร้ังอุมัยยะฮยังไดทรมานบิลาลย่ิงกวานี้เสียอีก เชนเอาเชือกมาลามที่คอ แลวใหเด็กๆ ลากไปตามมมุ ตามซอยตางๆ(๑๔๒) ในสงครามบะดัร อุมัยยะฮและผูของเขาถูกจับเปนเชลย มีมุสลิมบางคนไดเสนอวาอยาฆา เขาเลย แตบิลาลกลาววา เขาคือหัวหนาท่ีปฏิบัติเสธจําเปนตอ งถูกฆา” และดวยกับการรบราวของบิ ลาล ทําใหท ้งั สองคนถูกฆา ๒.) ทา นอมั มาร บนิ ยาซีรและพอแมข องเขา ทานอัมมารและพอแมของเขาถือวาเปนสาวกของทานศาสดาท่ียอมรับอิสลามในสมัยตนๆ พวกเขาไดรับอิสลามในชวงการเผยแพรของทานศาสดาซ่ึงศูนยกลางเผยแพรอยูท่ีบานของอัรกอม บินอะบีอัรกอม วันหน่ึงพวกมุชริกรูการรับอิสลามพวกเขา พวกมันไดจับอัมมารและพอแมของเขา ไปทรมาน อยางทารุณ ดงั ที่ทานอบิ นุอะษีร(๑๔๓)ไดกลา ววา “พวกมุชริกไดทรมานอยางทารุณตอบุคคลท้ังสาม โดยบีบบังคับใหพวกเขาใหออก ทิ้ง บา นออกไปอยใู นทะเลทรายอนั รอนระอุ ซึ่งพวกมันไดท รมานซาํ้ แลวซํ้าอีก จนทําใหทานยาซีรตอง จบชีวิตลง วันหน่ึงซุมัยยะฮภรรยาของยาซีรไดเดินเขาไปหาอบูญะฮัลดวยกับการโฉดช่ัว และ
อํามหิตของมัน มันไดเอาหอกแทงซุมัยยะฮทะลุหัวใจ จนขาดใจตายในที่สุดจากสภาพอันนาเศรา สลดท่ีเกิดข้ึนกับสามีภรรยาคูนั้นทําใหทานศาสดารูสึกปวดราว เมื่อทานศาสดาเห็นสภาพสามี ภรรยาคูน้ันนํ้าตาของทานไดไหลออกมา แลวกลาววา โอลูกหลานของยาซีร พวกเจาจงอดทนจาก การทรมานนเ้ี ถิด ซึง่ สถานพาํ นกั เจา อยบู นสวรรค” หลังจากยาซีรและภรรยาของเขาไดเสียชีวิต พวกมุริกยังไดทรมานลูกของพวกเขาอีกตอ คือทานอัมมาร ซึ่งไดทรมานกับท่ีบิลาลไดรับดังน้ันทานอัมมารไดปกปองชีวิตของดวยการเปดเผย ในการยอมรับอิสลาม แตทวาเขารูสึกไมสบายใจ ก็เลยมาหาทานศาสดา แลวเลาเรื่องราวตางๆให ศาสดาฟงดังน้ันทานศาสดาไดกลาววา “ความศรัธทาของเจาส่ันครอนหรือเปลา?” เขากลาววา “หัวใจของฉันเต็มไปดวยอีหมาน” ทานศาสดากลาวอีกวา “อยาใหความกลัวเกิดในหัวใจของทาน เด็ดขาดและเพ่ือไมใหเจาถูกทรมานจากมุชริก จงปกปดอิหมานของเจาไวกอน” ดังน้ันโองการ จึง น้ีนไดล งใหทานอมั มาร ดงั น้ี “ยกเวนผูที่ถูกบีบบังคับ แตหัวใจของเขามีความมั่นคงและเต็มไปดวยศรัธทา”(อันนะฮลุ/ ๑๐๖)(๑๔๔) เปนที่รับรูกันวา อบูญะฮั้ลตั่งใจท่ีจะทรมานครอบครัวยาซิ้รซ่ึงเปนครอยครัวที่ไรที่พ่ึง เขา ไดส่ังใหทุกคนเตรียมแสและไฟเอาไว จากน้ันพวกเขาก็ลากยาช้ิร ซุมัยยะฮ และอัมมารไปตามทาง เอาแผนเหล็กเผาไฟและแสท่ีเตรียมไวฟาดไปท่ีคนทั้งสาม พวกทําอยางน้ีอยูหลายตอหลายครั้ง จน ยาซร้ิ และซมุ ัยยะฮไดสนิ้ ชีวติ ลง (โดยปากของเขาทัง้ สองยังคงกลาววา ประสาทพรแดทานศาสดา) พวกเด็กหนุมกุเรชเห็นการทารุณอันโหดเห้ียมน้ีดดยตลอด พวกเขาไดรวมตัวกันเปนหน่ึงเพ่ือ ปกปองอิสลาม ดวยการเขาไปชวยเหลืออัมมารใหพนจากการทรมานนั้น แลวสามารถนํารางอันไร วญิ ญาณของชะฮีดทัง้ สองกลับสแู ผนดินได ๓.)อับดุลลอฮ บนิ มัสอดู
บรรดาสาวกทีไ่ ดร บั อิสลามอยางลับๆ ตางก็ไดปรึกษาหารือวา ทําอยางไรท่ีจะใหพวกกุเรช ไดฟงอุลกุรอาน และเปนสิ่งท่ีเหมาะสมคือ ใหคนใดคนหนึ่งลุกข้ึนยืนอานอัลกุรอานในมัสญิดอัล ฮะรอม ดวยเายงไพเราะ ดังน้ัน อับดุลลอฮ บินมัสอูด ไดเสนอตัวในการรับงานน้ี ดังน้ันเม่ือเขาเห็น วาบรรดาหัวหนาพวกกุเรชไดเดินเขามา ณ กะอบะฮ เขาไดเริ่มอานโองการท่ีกินใจและท่ีนาท่ึงให พวกเขาฟง คือ ซูเราะฮอัรเราะฮมาน จากประโยคที่ทรงพลังและเต็มไปดวยความมีโวหารของซูเราะฮน้ีทําใหหัวหนาของพวก กุเรชรูสึกซึ้งและรูสึกคลายตาม แตมีผูหน่ึงไดเขามาคัคคานการอานกุรอานน้ัน จนทําใหพวกกุเร ชยืนขน้ึ แลว ตีไปที่อบั ดุลลอฮ บินมสั อดู อยา งแรง ทาํ ใหเ ลอื ดไหลออกมาทวมรา ง เขาไดก ลับไปกับ สาวกของทานศาสดาในสภาพเชนนั้น แตทวาพวกเขารูสึกดีใจ ในทีสอุอัลกุรอานไดถูกอานใหพวก มชุ รกิ ฟง แลว (๑๔๕) และน่ีคือการยืนหยัดและยึดมั่นในอุดมการณของสาวกทานศาสดาที่มีตออิสลาม ซึ่งยังมี เหตุการณอื่นๆอกี มากมาย ๔.)ทา นอบซู รั มอ็ ฟฟารี เปนบคุ คลที่สี่หรือหาจากสาวกที่รับอิสลาม(๑๔๖)ดังน้ีเขาเปนบุคคลหนึ่งท่ีรับอิสลามในสมัย ตนๆ จากคํากลาวยืนยันอัลกุรอาน ถือวาบุคคลท่ีรับอิสลามในสมัยแรกๆน้ัน จัดอยูในกลุมสาวกที่ ยิ่งใหญ(๑๔๗)กลาวคือบุคคล ท่ีรับอิสลามกอนชัยชนะเหนือมักกะฮฺกับผูรับอิสลามหลังชัยชนะเหนือ มกั กะฮฺ มีฐานะภาพเทากนั ดงั ที่กรุ อานไดก ลาวไววา “ไมเทาเทียมกันหรอดในหมูพวกเจาระหวา งบุคคลท่ีไดรับบริจาคไปกอนที่จะพิชิตมักกะฮฺ และรวมตสูน้ัน พวกเขาจะไดรับลาํ ดบั ขั้นท่ยี ่ิงใหญากวาบุคคลผูซ่ึงบริจาคภายหลังจากนั้นและรวม ตอส.ู ..” (อัลฮะดีด / ๑๐) (๑๔๘) เสียงรองเรียกสอู สิ ลามครงั้ แรก
ในขณะท่ีอบูซัรไดรับอิสลาม ทานศาสดา (ศ.) ไดเผยแพรอิสลามในลักษระท่ีลับๆอยู และ ในตอนนั้นพื้นฐานของการเผยแพรแบบเปดเผยยังไมพรอม ดังนั้นแนวรวมตออิสลามมีจํานวนที่ จํากัดน่ันคือทานศาสดาพรอมกับสาวอีกหาคนเทานั้น ดวยการพิจารณาตอเงื่อนไขน้ี ทานอบูซัร เพยี งคนเดียวทีจ่ ะพอมีหนทางในการสงเขาไปเผยแพรศาสนาตอเผาของเขาอยางลบั ๆ แตทวาอบูซัร มีบุคลิกท่ีเรารอนเปนนักตอสู ไดถูกสรางมาอยางน้ันเขาจะผจญกับศัตรูท่ีตอตานความอธรรม และ เปนผูที่ตอสูกับความหลงผิดและการบิดเบือนท้ังหลาย แลวจะมีอะไรเปนความหลงผิดท่ียิ่งใหญ มากเปน การกราบไหวทอ นไมแ ละกอนหินแลวถือวามันเปนพระเจา? ทานอบูซัรไมสามารถจะทนดูสภาพเชนนั้นได ดังนั้นหลังจากท่ีเขาไดพํานักอยู ณ นครมัก กะฮฺชวงหน่ึงแลว วันหน่ึงเขาไปหาทานศาสดาแลวกลาววา “ฉันจะตองทําไรบาง และทานจงบอก หนา ท่ีใหฉนั มาเถิด” ทานศาสดากลาววา “เจาสามารถจะไปเผยแพรศาสนาตอเผาของเจา ดังน้ันจงกลับยังเผา ของเจา เถิด แลวทาํ ตามคําส่งั ของฉัน” อบูซรั กลาววา “ขอสาบานตอ พระเจา กอ นทีฉ่ นั จะกลบั ไปเผา ของฉัน ฉันของเรียกรองชาวมักกะฮฺสู อิสลามสกั ครั้ง เพอื่ จะทําลายพิธกี รรมของชาวมกั กะฮทฺ ่พี วกเขายดื ถอื ปฏบิ ตั ิ” เขาก็ไดดําเนินในส่ิงท่ีไดตัดสินใจ เมือเขาเห็นชาวมักกะฮฺเขามายังมัสญดิ อัลฮะรอมแลวได ทําการพูดคุยกัน เขาก็ไดเขาไปในมัสญิดทันที แลวไดตะโกนดวยเสียงดังวา “ขาขอปฏิญาณวาไมมี พระเจาอืน่ ใดนอกจากอลั ลอฮแฺ ละขอปฏิญาณวามฮุ มั มดั คือศาสนทตู ของอัลลอฮ”ฺ น่ีคือการเรียกรองคร้ังแรกท่ีเปนการรองเรียกอยางเปดเผย เปนการตอสูกับพวกกุเรชท่ีทรง พลังในขณะนั้น และเสียงเรียกรองน้ีเปนเสียงเรียกรองของผูท่ีไมไดอยูในมักกะฮฺ ไมมีทั้งผูปกปอง ในมกั กะฮฺ และไมมญี าตใิ กลช ดิ เปนท่ีทานศาสดาไดพยากรณไว น่ันก็คือเม่ือเสียงเรียกรองของอบูซัรไดดังข้ึน บรรดาพวก กุเรชก็ไดเขาตะลุมบอนทานอบูซัรแลวไดตบตีเขาอยางไรความเมตตา ถึงกับทําใหอบูซัรตองหมด
สติไป เรื่องน้ีรูถึงหูของอับบาสท่ีเปนลุงศาสดา อับบาสจึงรีบมุงหนาไปยังมัสญิด อัลฮะรอม ทันที แลว ไดไปรางของอบซู รั ทน่ี อนอยหู มดสติ และสามารถพาอบูซัรออกจากเอ้ือมมือของพวกมุชริกมา ได ดวยกับการใชวาทศิลปของอับบาส ดังน้ีวา.... “พวกเจาเปนพอคานายทุน ซ่ึงพวกเจาตองทํา การคากับเผาฆ็อฟฟารี และชายหนุมผูน้ีมาจากเผา ฆ็อฟฟารี ถาเขาเปนอะไรไป (หรือเสียชีวิต) แนนอนการคาของพวกเจาตกอยูในอนั ตรายแน และไมม กี ารคา ใดที่จะผานมือของเผาน้ี” ทาทีของอับบาสเปนผลทําใหพวกกุเรชไดปลอยอบูซัรแตอบูซัรเปนเด็กหนุมท่ีมีไฟแรง และเต็มไปดวยอุดมการณเกินพิกัด เปนนักสู ทําใหเขาไดปฏิบัติเชนนั้นอีกในมัสญิดอัลฮะรอม ทํา ใหคนท้ังสองคนเผากุเรชไดมาตีบท่ีศรีษะของเขาอยางแรง ทําใหเขาเกือบตาย(๑๔๙)และอับบาสอีก นั้นแหละไดเขามาพูดกับพวกกุเรช จึงทําใหอบูซัรปลอดภัย ซึ่งถาอับบาสไมอยูไมรูวาอบูซัรจะ ไดรับการปลอดภัยอยางน้ีหรือเปลา แตเขาไมใชคนท่ียอมใครงายๆในเรื่องวิถีแหงชัยชนะของ อิสลาม หลังจากน้ันเขาไดเร่ิมวิธีการตอสูวิธีใหม คือวันหนึ่งเขาไดเห็น ผูหญิงคนหน่ึง ไดกําลัง เวียนรอบกะอฺบะฮฺอยู และรูปปนสองรูปคือ “อะสาฟ และนาอิละฮ”ซึ่งผูหญิงคนนั้นแสดงความโง เขลาออกมาทําใหเกิดความโมโหมาก และตองการบอกใหนางรูวา รูปปนทั้งสองไรซึ่งการรับรูใดๆ เขากลาววา “เจา จงนาํ สองรปู ปน ไปแตงงานอกี องคไดมั๊ย ? ผูหญิงคนนั้นโมโหจากคําพูดของอบูซัร ไดต ะโกนวา “เจา เปนพวกบูชาดวงดาว” จากการตะโกนของผูหญิงผูน น้ั ทําใหเ ด็กหนุม กุเรชมุงเขา มาทุบตีอบูซัรอยางหยัก แตไดคนหน่ึงจากเผาบนีบักร เขามาชวยอบูซัรไวทัน จึงนําตัวเขาออกจาก พวกกุเรชไดด ว ยความปลอดภัย (๑๕๐) เผาฆอ็ ฟฟารไี ดร ับอสิ ลาม
ทานศาสดา (ศ.) รูจักความสามารถและความเกงของสาวกของทานแตละคนดีวาพวกเขาจะ ตอ สกู ับความเท็จตา งๆไดอ ยางไร แตทวาเวลาการตอ สยู ังไมม าถึง ดังนัน้ ทา นศาสดาจงึ มีคําสั่งใหอ บู ซัร กลับไปยังเผาของเขาและใหเขาเรียกรองเชิญชวนสูอิสลาม ดังน้ัน อบูซัร ไดกลับไปยังเผาของ เขาเขากเ็ ร่มิ พูดถึงทา นศาดามุฮมั มดั วา เปน ทูตของพระเจาไดถ กู แตงต้ังมาและเรียกรองใหประชาชน สูการภักดีตอ พระองคเพียงผูเดียว และไดเ รยี กรองใหประชาชนสกู ารมมี ารยาททด่ี ี ในชวงแรก พี่ชายและแมของเขาไดรับอิสลาม ตอมาเผาฆ็อฟฟารีคร้ังหน่ึงไดเปนมุสลิม และหลังจากนั้นทานศาสดาไดอพยบไปยังมะดีนะฮฺอีกครั้งหนึ่งท่ีเหลือไดรับอิสลาม และเผาอัสลัม ไดยอมรบั อิสลามตามเผา ฆ็อฟฟารีในเวลาตอมา หลังจากสงครามบะดัรและอุฮุด อบูซัรไดมาอยูกับ ทา นศาสดา ณ มะดีนะฮฺ และไดต้ังถ่ินฐานอยูทนี่ ่นั (๑๕๑) บรรดาศัตรูอนั รา ยกาจของศาสดา (ศ.) การรูจักศัตรูบางคนของผูนําผูย่ิงใหญของอิสลาม (ศ.) เปนการนําใหสามารถวิเคราะห เหตุการณตางๆท่ีจะเกิดขึน้ ในอนาคตหลังจากฮิจญเราะฮฺดังน้ันเราจะนํารายชื่อของสัตรุเหลาน้ันมา กลา ว ดงั นี้ อบูละฮับ เขาเปนผูอยูรวมชายคาเดียวกับทานศาสดาไมเคยวางมือจากการทํารายและกล่ัน แกลงบรรดามุสลมิ เลย อัซวัด บิน อับดุยะฆูส เขาเปนคนหนึ่งท่ีชอบลอเลือนทานศาสดาเม่ือใดท่ีเขาเห็นมุสลิม หรือทานศาสดาไมมผี ูใดเขา มาปกปอง เขาจะเขาไปพูดจากเสียดและลอเลียน เชนกลาววา “พวกส้ิน ทาเหลาน้ีคืดวาตัวเองเปนกษัตริยใหญโตและคิดวาในไมชาจะไดสวมมงกุฎปกครองอาณาจักร เปอรเ ซยี ” แตความตายไมปลอยใหเขาไดเห็นดวยตาของเขาเองวา มุสลิมไดสืบทอดอํานาจของ อาณาจกั รโรมและเปอรเ ซยี อยางไร 3.) วะลีด บินมุฆีเราะฮ เปนคนแกคนหนึ่ง ซ่ึงเราจะนําเรื่องราวของเขามากลาวในตอน ตอ ไป
๔.) อุมัยยะฮ และอุบัย เปนลูกหลานของคอลัฟ วันหน่ึงอุบัยไดเอากระดูกที่ตายมาใสแลว ไดมองไปยังศาสดาพลางกลาววา “แทจริงพระผูอภิบาลของเจาจะชุบชีวิตบรรดากระดูก(คนตาย เหลานี)้ กระน้ันหรือ? ดังนน้ั ไดม วี ะฮยฺ ลู งมาวา ... “จงกลาวเถิดโอมุฮัมมัด ผูท่ีชุบกระดูกที่ตายไปแลวเหลานั้น คือผูท่ีไดทําใหเขาเกิดมาแต ครง้ั แรก” (๑๕๒) สองพน่ี อ งนไ้ี ดถ กู ฆา ตายในสงครามบะดรั ๕.) อบูฮะกัม บินฮิชาม เปนบุคคลที่มีทิฐิตออิสลาม อยางมากมุสลิมไดใหฉายาวา “อบูยะ เฮล” เขาไดถกู ฆา ในสงครามบะดรั เชน กัน ๖.) อาศ บินวาอลิ เขาเปน พอ ของอัมรุอาศ ซึ่งศาสดาเรียกเขาวา “อบั ตัร” ผูไรบตุ รสืบสกลุ ๗.) อะกอบะฮฺ บินอะบีมุอีฏ เปนท่ีต้ังตนเปนศัตรูท่ีรายกาจตอศาสดาเลยทีเดียว จากความ ช่ัวของเขา ไมส ามารถทําใหม ุสลมิ อยไู ดอยา งสงบเลย(๑๕๓) และยงั มกี ลุมอน่ื ๆอกี มาก เชนอบูซุฟยาน และอ่ืนๆ ซึ่งตําราประวัติศาสตรไดบันทึกรายช่ือ พวกเขาได ทานผอู านสามารถยอยกลบั ไปดเู องได. สาเหตุของการแข็งขืนของหวั หนา พวกกุเรชตอทานศาสดา ในประเด็นนี่ถือวาเปนประเด็นทางประวัติศาสตรที่นานํามาเสนออยางย่ิง เพราะวามนุษย ทกุ คนขบคิดวา แทจรงิ พวกกเุ รชท้งั หมดถือวาทา นมฮุ ัมมัดเปน ผูท ีพ่ ูดจริง ไววางใจได ซ่ึงไมเคยมีสัก ชวงหน่ึงท่ีเห็นถึงความบกพรองของมุฮัมมัด พวกกุเรชไดฟงคําพูดและคําปราศรัยท่ีทรงพลังและมี ความนา ทึง่ นนั้ หรือแมกระท่งั บางครง้ั พวกเขายังไดเหน็ สิ่งทีเ่ ปน ปาฏหิ าริย ซ่ึงมฮุ มั มัดไดสําแดงใหพ วกเขาดุ แลวทําไมพวกเขาจงึ ตองตอ ตา นทา นศาสดาขนาดนน้ั สาเหตุท่ีตอ ตานทานศาสดา ๑.) การอจิ ฉาริษยาตอ ทา นศาสดา
กลาวคือมีกลุมหนึ่งที่ไดมีความอิจฉาริษยาตอทานศาสดา จึงไมปฏิบัติและยอมรับคําสอน ของศาสดา ถงึ กับใหมีความหวังวา ตาํ แหนง ศาสดานน้ั นา จะเปนของพวกเขาไมใชของศาสดา นกั ตัฟซรี ฺทง้ั หลายไดก ลา วถงึ โองการนี้ “และพวกเขาไดกลาววา ทําไมอัลกุรอานไมไดถูกประทานลงมายังผูที่ย่ิงใหญ(มีฐานะ ร่าํ รวย) แหง เมืองทั้งสองนี”้ (๑๕๔) วา “ทานวะลีด บินมุฆีเราะฮ ไดมาหาทานศาสดาแลวกลาววา ขามี ความเหมาะสมมากกวาทานอีกในการทีจะไดรับตําแหนงศาสดานั้น เพราะวาขานั้นมีฐานะและ ตาํ แหนงความรํา่ รวยและวงศตระกูลทส่ี ุงกวา ทา น” (๑๕๕) อุมัยยะฮ บินอะบิศศิลัต ถือวาเปนบุคคลหนึ่งท่ีไดกลาวถึงเร่ืองตําแหนงศาสดากอนการมา ของอสิ ลาม ถงึ กบั คิดและหวงั วา ตําแหนงนั้นจะตกมาถึงเขา ดังน้ันจนกระท่ังหายใจเฮอื กสุดทา ยเขา กย็ งั ไมศ รัธทาและเจรญิ รอยตามทา นศาสดามุฮมั มัด อัดนัส เปนศัตรูหมายเลขหนึ่งของทานศาสดา เขาไดถามตอ อบูญะฮัล วา “ทานมีทัศนะ อยา งไรตอมุฮัมมัด? อบูญะฮัลตอบวา “เราและอับดุมะนาฟเคยโตเถียงกันในเร่ืองความมีเกียรติและ ความยิ่งใหญ เราไดแขงขันกับพวกเขามาโดยตลอด และจะสามารถสรางความเทาเทียมกับพวกเขา ในหลายวิถีทางดวยกัน ซ่ีงในตอนน้ีเราก็เทาเทียมกับพวกเขาแลว” พวกเขากลาววา “สําหรับคนท่ี เผาเราทบ่ี อกวาไดร ับการวะฮฺยนู ัน้ ขอสาบานตอพระเจา เราไมย อมศรทั ธาเปนอนั ขาด” นี่คือบางตัวอยางของผูท่ีมีความอิจฉาริษยาตอทานศาสดาและความถือดีตอตระกูลและ เผา พนั ธขุ องพวกเขา และยังมีตัวอยางอีกมากในประวัติศาสตร ๒.) กลวั ความสขุ สบาย(ทม่ี มี านาน)จะหมดไป น่ีคือตัวแปรหน่ึงที่ทําใหพวกกุเรชไมยอมรับศาสดา มุฮัมมัดเพราะวาพวกเขาไดเคยชินอยู กับการเปนอยูท่ีสุขสบาย อยูอยางสําราญไรกกไรขอบังคับ แตการเรียกรองของมุฮัมมัด ไดตอตาน
การเปนอยูอยางสุขสาํ ราญเปน ประเพณยี าวนานของพวกเขา ดังนั้นการละทิง้ ความสขุ ทางดา นโลกีย ตา งๆนนั้ เปน ส่ิงทย่ี ากและทาํ ใหพ วกเขามคี วามลําบาก ๓.) กลวั ตอทบลงโทษทจี่ ะเกดิ การไดยินคําบอกกลาวของโองการตางๆเก่ียวกับบทลงโทษตอผูกดขี่และผูเสพสุขทําให พวกเขาหวัน่ วติ ก เมอ่ื ทานศาสดาไดอ านโองการเกยี่ วกบั ทบลงโทษตา งๆทจ่ี ะเกดขึน้ กับสังคมทั่งไป ของกุเรช ทําใหเขาขนลุกและเกิดความหว่ันวิตก ตอการดําเนินชีวิต ซึ่งพวกอาหรับเมอ่ื ไหรก็ตามที่ พวกเขารูวาจะมีภัยอันตราย พวกเขาจะเตรียมพรอม และสําหรับการนํามาซ่ึงความปลอดภัยและ ความมั่นคงในการดําเนินชีวิต และยิงธนูเปนการเส่ียงทาย หรือขวางกอนหิน หรือดูการบินไปมา ของนกเปนเครื่องหมาย การเกิดเหตุการณตางๆและจะไมพรอมท่ีจะทําหากไมมีความปลอดภัย เสียกอน จากคําบอกลวงหนาถึงการลงโทษแกผูกระทําบาปจาก คําสอนของมุฮัมมัด ทําใหพวกเขา เงียบสงบ ดังน้ันพวกเขาจึงตัดสินใจในการตอสูกับศาสดา เพื่อจะไมใหไดยินคําเตือนของศาสดา ซึ่งเราจะนําบางโองการที่กลาวถึงการอยูอยางสุขสบายพวกกุเรช เมื่อไดยินคําสอของศาสดาเกิด ความหว่ันวิตกดงั น้ี “เม่ือเสียงกัมปนาทดังข้ึน (มันเปน) วันซ่ึงมีผูคนวิ่งหนีจากพี่นองขงเขาจากแมของเขาและ แมข องเขา จากภรรยาของเขาและลูกนอยของเขาสําหรับทุกคนในหมูพวกเขา มนั เปนวันท่ีเร่ืองราว ทาํ ใหเ ขาตอ งหมกมนุ (อะบะซะ /๓๓-๓๗) (๑๕๖) “ทุกครั้งท่ีผิวหนังของเขาไหมเกรียม เราก็จะเปล่ียนผิวหนังใหมใหพวกเขา เพื่อใหเพื่อเขา ไดล ิ้มรสการลงทณั ฆ” (อันนิซาอ / ๕๖) (๑๕๗) ๔.)กลัวสังคมอาหรบั
ฮาริษ บินเนาฟล บินอับดุมะนาฟ มาพบทานศาสดา และกลาวข้ึนวา “เรารูดีวาที่เจาเตือน พวกเราน้ันเปนความจริงและตองเกิดข้ึน แตเม่ือใดก็ตามท่ีเราเกิดศรัทธาข้ึนมา พวกอาหรับมุชริกก็ คลขบั ไลพ วกเขาออกไปจากถิ่นฐานของพวกเรา” คาํ ตอบสาํ หรบั คนพวกนค้ี ือโองการที่วา “พวกเรากลาววา หากเราปฏิบัติตามทางนําพรอมกับเจา เราก็จะถูกขับไลออกจากแผนดิน ของเรา (จงกลาวแกพวกเขาเถิดวา) เรามิไดใหพวกเขาไดอาศัยอยูในแผนดินท่ีปลอดภัยดอกหรือ มี ผลติ ผลทกุ สงิ่ ทกุ อยางท่ีเปนปจจัยยังชีพอนั มาจากเราถกู จดั สรรไวใ ห....” (กอศ็อศ / ๕๗)” (๑๕๘) ๑๒
การฮิจญเราะฮคฺ รงั้ แรก การอพยพของมุสลิมกลุมหนึ่งไปยังประเทศเอธิโอเปย เปนการบงบอกถึงความศรัทธาอัน หนักแนนและม่ันคงของพวกเขาที่มีตออิสลาม ซ่ึงพวกเขาไดหนีจากการถูกกล่ันแกลงและการ ทรมานของพวกกุเรชและเพื่อตองการจะหาสถานท่ีหน่ึงที่สงบตอการทําอิบาดะฮฺตอพระผูเปนเจา องคเดียว และปฏิบัติศาสนกิจตามแนวทางของศาสนาอยางอิสระ ดังนั้นพวกเขาจึงไดตัดสินใจละ ทิ้งเมืองมักกะฮฺโดยละทิ้งการงานและการคาขายตางๆของพวกเขา แตพวกเขาก็ยังกังวลอยูวาจะทํา อยา งไรและจะไปท่ีไหนเพราะวาทุกมมุ เมืองของคาบสมทุ รอาหรบั มีแตผคู นท่ีเคารพบูชาเจว็ดซ่ึงไม มีชองทางท่ีจะเรียกรองความเอกะของพระเจาไดเลย หรือจะปฏิบัติตามศาสนกิจแหงศาสนาของ พระเจาองคเดียว ดังนั้น พวกเขาคิดวาดีท่ีสุดคือนําเร่ืองนี้ไปปรึกษากับทานศาสดา ศาสดาผูซึ่ง ศาสนาของเขาวางอยูบ นหลกั การทีว่ า “แทจริงแผนดินของขากวางใหญไพศาล ดังนั้นพวกเจาตองเคารพภักดีขาเพียงองคเดียว เทาน้ัน” (อลั อันกะบูต / ๕๖) สภาพความคับแคน ทีบ่ งั เกดิ ขึน้ กับมุสลิมนั้นเปน ท่รี ับทราบของทา นอยางชัดเจนแลว ถึงแมว า ศาสดาจะไดรบั การปกปอ งจาก บนฮี าชิม ก็ตาม ซึ่งบรรดาเด็กหนุมของบนีฮาชิมจะคอยปกปองศาสดาตอภัยอันตรายตางๆแตทวาสาวกของทาน ก็ ยงั มบี างคนที่เปนทาส เปนเชลยอยอู กี จํานวนมากดังน้นั บรรดาหัวหนาพวกกุเรชมีชองทางในการจะ
กลั่นแกลง จึงไมสามารถอยูอยางสงบไดสําหรับการ จะหยุดย้ังท่ีจะไมใหเกิดสงครามระหวาง เผาพันธุดวยกัน ดังน้ันบรรดาหัวหนา เผาอาหรับจะนําผูยอมรับอิสลามมาทรมานซึ่งตัวอยางการ ทรมานของมุสลมิ ดังท่ีไดก ลาวมาแลว จากเหตุผลตางๆเหลาน้ี เม่ือสาวกไดมาหาทานศาสดาเพื่อที่จะช้ีแจงถึงการอพยพ ทาน ศาสดาไดกลาวแกพวกเขาวา “พวกทานจงเดินทางไปยังเอธิโอเปยเถิดนาจะเปนผลดีอยางมากตอ พวกเจา เพราะมีกษัตริยท่ีทรงอํานาจและยุติธรรม ซ่ึงไมมีผูใดเคยถูกกดข่ี และที่น้ันเปนแผนดินท่ี สะอาด พวกเขาสามารถจะพักพิงที่น้ันได จนกวาพระเจาจะทรงใหการปลดปลอยพวกทาน (จาก การกลนั่ แกลง ของพวกอาหรบั )” (๑๕๙) ใช การมีชีวิตอยูในสภาพแวดลอมท่ีดีและมีผูนําท่ียุติธรรมถือวาเปนเหมือนสรรคบนดิน ทีเดียว และสาวกทั้งหมดหวังเปนเชนนี้วา คงมีสักแผนดินหน่ึงท่ีเต็มไปดวยความปลอดภัยและอยู อยางสงบในการประกอบศาสนาพิธที างศาสนา คําแนะนําของศาสดามีอิทธิพลตอสาวกกลุมน้ัน จึงทําใหพวกเขาเตรียมสัมภาระในการ อพยพ โดยท่ีพวกเขาไมไดใหพวกมุชริกในเร่ืองนี้เมื่อตกคํ่าบางคนไดเดนิ เทา บางคนทไี่ ดขี่อูฐ มุงสู ถนนหนทาง จนมารวมตัวกนั ไดสิบถึงสบิ หาคน(๑๖๐) ซึง่ ในผูอพยพเหลา นนั้ มมี ุสลีมะฮฺ(สตรี)ส่คี น ตรงนี้มีคําถามหนึ่งวา ทําไมทานศาสดาไมแนะนําใหสาวกอพยพไปยังประเทศอ่ืนๆ คําตอบก็คือ เมื่อวเิ คราะหแลวแผน ดนิ แถบคาบสมุทรอาหรับเอธิโอเปยเปนทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะ ในสถานท่ีอื่นๆ ชาวอาหรับท้ังหมดไดกราบไหวรูปปน ซึ่งเปนอันตราย บรรดาพวกมุชริกไดสกัด ก้ันการยอมรับอิสลามของชาวอาหรับ แตจะสนับสนุนใหอยูในศาสนาแหงบรรพบุรุษของพวกเขา สวนในพ้ืนที่ที่ชาวยิวและชาวคริสตอาศัยอยู ก็ไมเหมาะสมท่ีมุสลิมจะอพยพไป เพราะพวกเขาไม ปรารถนาดตี อศานาอิสลาม สักเทาไร และพวกเขาไดทําสงครามทางดานจิตวิทยากับมุสลิมอยู และยังถือวาชนอาหรับเปน เผาพนั ธุท ตี่ กตา่ํ
สวนเยเมน เปนแผนดินภายใตภายใตการการปกครองของอิหราน อาณาจักรเปอรเซียใน สมัยนั้น นักการเมืองและผูอาวุโสของอิหรานในสมัยน้ันไมพอใจท่ีจะใหมุสลิมอพยพยังเยเมน แมกระทั่งเม่อื สาสน ทานศาสดาไดม าถึงมอื จกั พรรด์ิ เขาก็ไดส งสาสนใหกบั ผูปกครองเยเมนทนั ทีวา “ศาสดาอิสลามไดน าํ ศาสนาใหมม า และจะมาขยายอิทธพิ ลในอาณาจกั รของอิหรา น” เมืองฮัยเราะฮ ก็เหมือนกับเยเมนอยูภายใตการปกครองของอิหรานสวนซีเรียอยูใกลกับมัก กะฮฺ ถงึ แมวาเยเมนและซเี รียจะเปน ตลาดการคาของกุเรชในสมยั ก็ตาม และชาวกเุ รชก็มีความผูกพัน สนิทสนมกับประชาชนในแถบน้ันดี ถามุสลิมไดอพยพไปน้ันแนนอนพวกกุเรชตองขอรองใหขับ ไลม ุสลมิ แตก ษัตรยิ ไมทรงยอมรบั คําเรียกรอ งนั้น การเดินทางระยะไกลโดยมีเด็กและสตรีรวมเดินทางดวยน้ันถือวาเปนการดินทางที่ ยากลําบากมาก ดังนั้นการอพยพในคร้ังเปนการถือวาเปนการเอาชีวิตเขาแลก และเปนการยืนยันถึง ความศรัทธาและพลังอันแรงกลาของความศรัทธา แตทวาพวกมุชริกไมละเลยในการติดตามมุสลิม พวกเขาไดรวมตัว ท่ี ดารุลนัดวะฮฺ เพื่อปรึกษาหารือสาเหตุการเดินทางของมุสลิมครั้งนั้น และไดมี ขอ ตกลงกันที่เปนนยั ซง่ึ เราจะนํามากลาวในตอนตอไป จํานวนการอพยพที่นอยนิดนี้ ไมไดมาจากเผาเดียว แตมาจากตางเผาพันธุกันและกันมีอีก กลุมหนึ่งตามมาดวยการนําของทานญะอฺฟร บินอบีฏอลิบ และดวยความอิสระทําใหมุสลิมจํานวน หน่ึง/ดเห็นดวยกับการนําพาเด็กๆและสตรีรวมอพยพไปดวยจํานวนมุสลิมที่ไดอพยพไปยัง เอธิโอเปย มีมากถึง ๘๓ คน มุสลิมท่ีไดอพยพไปยังเอธิโอเปยน้ันมีความพอใจมาก ดังทีทานศาสดาไดบอกลวงหนาไว วา เปน แผนดนิ ท่มี คี วามปลอดภัย เปนบานเมืองท่ีสงบสุขสบายและมีความเปนอิสรภาพ ผูอพยพคน หนึ่งคอื อุมมุซะลามะฮเปน ภรรยาของทานอบีซะละมะฮฺ ซงึ่ หลังจากน้ันทา นไดม าเปน ภรรยา คนหนึ่งของทานศาสดา ไดก ลาวถงึ เรอื่ งนี้วา... “เม่ือเรามาถึงประเทศเอธิโอเปย ไดอาศัยอยูที่น้ัน เรา ไดร บั การคุมครองปกปอง ไมมีใครมากลัน่ แกลงเราเลยและไมไดยินใครที่จะพูดจาหยาบคายเสียดสี ตอ พวกเราเลย”
ทานอิบนุอะษีรฺไดบันทึกไววา... “การอพยพของมุสลิมกลุมนี้มายังเอธิโอเปย เกิดข้ึนใน เดือนรอญับ ปที่หาของการประกาศการเปนศาสนทูตพวกเขาไดอยูในประเทศเอธิโอเปยในเดือน ชะอฺบานและเดือนรอมะฎอนและเม่ือพวกเขาเห็นวาพวกกุเรชไมไดกล้ันแกลงทําลายมุสลิมแลว พวกเขาก็เดินทางกลับในเดือน เชาวาล และเมื่อพวกเขากลับไปมักกะฮฺการณกับตอกันขามกับท่ี พวกเขาไดขอมูล พวกเขาจงึ ไดอ พยพไปเอธิโอเปย เปนคร้งั ท่สี อง” (๑๖๑) พวกกุเรชไดส ง ตัวแทนมายังประเทศเอธโิ อเปย เมื่อขาวการเปนอยูสุขสบายและมีความเปนอิสระของมุสลิมท่ีอพยพมาไดไปถึงหูของพวก กุเรชมักกะฮฺ ย่ิงเพ่ิมความแคนและความเจ็บปวดย่ิงขึ้นตอพวกเขา และเกิดความกังวลตอพลังและ อิทธิพลของมุสลิมจะแพรกระจายไปในเอธิโอเปย เพราะมุสลิมอาจจัดตั้งฐานทัพอยางเขมแข็งและ ท่ีพวกเขากลัว เกิดความวิตกมากนั้นก็คือ กลัววากษัตริยนะญาชีแหงเอธิโอเปยจะไดรับอิทธิพล อิสลาม แลวนําอิสลามมาเผยแพร และกลัววากษัตริยจะคลอยตามอิสลาม ในที่สุดก็เปนกองทัพท่ี ย่ิงใหญข ้ึนมาได และยกทัพมาทําสงครามหรือทาํ ลายชาวอาหรบั พวกบูชาเจวด็ ในคาบสมทุ รอาหรบั บรรดาหัวหนาชาวกุเรชไดม ารวมตัวกันอีกคร้ัง ณ ดารุลนัดวะฮฺ(๑๖๒)และไดลงความเห็นวา จะสงตัวแทนของพวกเขาไปพบกับองครักษของกษัตริยและพวกเขาไดเตรียมของกํานัลที่จะมอบ ใหกับกษตั รยิ องครักษ หรือเสนาบดเี พื่อท่ีจะใหการเปดทางแกพวกเขา จะไดพูนกับกษัตริยใหทรงรู วา กลมุ มสุ ลมิ ทอ่ี พยพเปนผโู งเ ขลา ไดส รางศาสนาข้นึ มาใหม ซงึ่ การเจรจาน้ันไดเกิดขึ้นเร็วเทาใดก็ จะเปนผลดีแกพ วกเขาเทา น้ัน พวกเขาไดเ ลือกผูชายสองคนที่มีความฉลาดแกมโกง เปนนักการเมือง นกั เจรจาแลวนํามาจับฉลากจงึ ไดช ่อื ของ อัมรอู าศ และอับดุลลอฮ บนิ รอบอี ะฮ ดังนั้นหัวหนากลุมพวกเขาไดส่ังแกคนทั้งสองวา “กอนท่ีพวก เจาจะไปพบกษัตริย จงมอบของกํานัลนั้นใหแกองครักษเสียกอน และจงพูดคุยกับเขาดวยการโนม
นาวเขาใหไดกอนเขาจะไดไปทูลกับกษัตริย เขาจึงไดเช่ือพวกเจา “เมื่อท้ังสองไดฟงคําสั่งน้ันแลว ไดจัดเตรยี มสัมภาระเดินทางไปยังเอธโิ อเปยทันที บรรดาองครักษของกษัตริยไดพบกับตัวแทนของกุเรช เมื่อทั้งสองไดมอบของกํานัลให แลว ก็กลาววา “มีกลุมพวกเราไดเดินมายังท่ีนี้โดยที่พวกเขาละทิ้งศาสนาของเราและของทาน และ ในตอนน้ีพวกเขาอยูในประเทศของเขา บรรดาหัวหนากุเรชไดมีความมุงหวังและตองการอยางย่ิง ตอทานและขอรอง ที่จะใหไลพวกเขาออกจากแผนดินของทาน และขอใหเราไดเขาเฝากษัตริยดวย เถดิ เพือ่ เราจะไดบ อกถึงความชว่ั และความไมด ขี องมุสลิมกลุม น้นั ” พวกอารักขาและทหาร สัญญาวาจะชวยโดยกลาววาพรุงน้ีไปหาองครักษของกษัตริย เม่ือ ทั้งสองไดมาแลวไดมอบของท่ีระลึกและของบรรณาการใหแกกษัตริย ไดกลาวสาสนของหัวหนา กเุ รชแกเขาวา .. “ผปู กครองที่เคารพ มีกลมุ หนุมสาวที่เพิ่งจะเติบโตขึ้นมาไดปฏิบัติตัวคัดคานกับบรรพบุรุษ ของเราและไมใหความสําคัญตอเราดวยการเผยแพรศาสนาใหม ซ่ึงเปนศาสนาท่ีไมเหมือนกับ ศาสนาของประชาชนชาวเอธิโอเปยและเปนศาสนาที่ไมเหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเขา กลุมนี้ เม่ือไมนานมาน้ีไดอพยพมายังประเทศน้ีและไดใชประโยชนจากความมีอิสรภาพในทางที่ไมดีของ พวกเขา บรรดาหัวหนาพวกเรา ตองการจะรอรองตอพระองคใหไลพวกเขาออกจากประเทศ แลว กลับไปยังมกั กะฮ”ฺ คําพูดของตัวแทนกุเรชยังไมจบลงก็มี เสียงกระโกนขององครักษดังขึ้น เพ่ือแจงใหรูวา กษัตริยไดข้ึนประทับบัลลังคแลวใหทุกคนท่ีอยู ณ น้ันไดลุกขึ้นยืนเพ่ือทําการเคารพ แตทวากษัตริย เปนผูที่มีความฉลาดและเปนผูทรงธรรม และยุติธรรมไดแสดงการคัดคาน(ในส่ิงท่ีตัวแทนกุเรชก ลาว) กลา วขึน้ วา “เปน ไปไมไดทจ่ี ะทําเชน น้ัน ขา จะไมก ระทําการใดๆกับผูที่ไดอพยพมา ยังแผนดินและประเทศของเรากอนท่ีจะตรวจสอบหรือสอบสวน ดังน้ันตองตรวจสอบสภาพของผู อพยพและแยกแยะหาผลสรปุ จากคํากลาวหาของบุคคลสองคนนี้ ถาส่ิงท่ีสองคนน้ีพูดเปน ความจริง
เราจะสงมุสลิมกลุมน้ีกลับทันทีแตถาไมจริงอยางท่ีท้ังสองคนกลาว เราจะใหการปกปองพวกเขา แบะจะใหการชว ยเหลอื แกพ วกเขา” หลังจากน้ันกษัตริยไดรับสงใหองครักษไปเชิญมุสลิมที่ไดอพยพมาซ่ึงกษัตริยไมเคยทรงรู ขอมูลใดๆมากอนเลย ทานญะอฺฟร บินอะบีฏอลิบ ไดถูกแนะนําใหเปนผูกลาว มุสลิมบางคนเกิด ความวิตกกังวนวาตัวแทนของเขาจะทูตตอหนากษัตริยคริสเตียนอยางไร เพ่ือขจัดความหวาดวิตก ดังกลาวทานญะอฺฟร บินอะบีฏอลิบจึงพูดข้ึนวา “ฉันจะกลาวในส่ิงที่เปนทางนําและไดยินจากทาน ศาสดาโดยตรง โดยไมเพมิ่ เติมหรือตดั ทอนเปนอันขาด” กษัตริยไดหันไปยังญะอฺฟรแลวกลาววา “ทําไมเจาจึงไดละท้ิงศาสนาของบรรพบุรุษของ พวกเจาละ? แลวไดยึดศาสนาใหม ท่ีไมเหมือนกับศาสนาของบรรพบุรุษและไมเหมือนกับศาสนา ของเรา ?”ญะอฺฟร กลาวตอบวา ... “เราเปนกลุมชนท่ีไดกราบไหวรูปปน และไมไดออกจากการกินซากศพ ไดยึดวิถีท่ีนา รังเกียจย่งิ เราไมเ คยใหเกยี รตเิ พือ่ นบานของเราผอู อ นแออยภู ายใตผ ูมีอํานาจเราไดทําสงครามกับเผา ของเราดวยกัน เราไดมีวิถีชีวิตอยางน้ีมายาวนานทีเดียว จนกระทั่งไดมีบุคคลหนึ่งจากเผาของเรา เปนผูท่ีสะอาดและเปนผูท่ีมีวาจาสัตย ไดลุกขึ้นยืนแลวรองเรียกเชิญชวนเราสูการอิบาดะฮฺพระเจา องคเดียว และถือวาการกราบไหวรูปปนเปนส่ิงที่ผิดพลาดและไดสอนเราใหรักษาสัญญา ใหเรา ออกจากสิง่ ที่ไมดีท้ังหลาย ใหเราปฏิบัติตอเพื่อนบานและตอญาติอยางดีงาม ใหเราออกหางจากการ ยึดครองทรพั ยส ินลกู กาํ พรา ” “สั่งใหเรานมาซตอพระเจาใหถือศิลอดใหแบงทรัพยสินบางสวนแกผูยากไร ดังน้ันเราจึง ศรทั ธาตอ เขาและไดล ุกขนึ้ ยึดถอื ปฏบิ ตั อิ บิ าดะฮตอ พระเจาองคเดียว สิง่ ที่เขาวาเปน ส่ิงตองหามเราก็ ไมป ฏบิ ตั สิ ิง่ ที่เขาถือวา เปน สิง่ ท่อี นมุ ตั ิเรากจ็ ะถอื ตามนั้น แตพ วกกเุ รชไดตอ ตานพวกเรา ไดทรมานกล้ันแกลวพวกเราท้ังกลางวันและกลางคืน เพื่อท่ีจะใหเราเลิกการยึดมั่นตอศาสนาของ เรา และใหเรากลับมากราบไหวรูปปนและเจว็ด และเราไดยืนยึดตอสูกับพวกเขาอยูชวงหนึ่ง
จนกระทั่งเราหมดกําลัง เราจึงตัดสินใจละท้ิงบานเรือน และนําเนินชีวิตที่มักกะฮฺ มุงสูเอธิโอเปย เพอื่ ปกปองศาสนาและตวั เอง และเรียกรอ งหาความเปน ธรรมจากกษตั ริยแ หงเอธโิ อเปย ” จากคําปราศรัยอันทรงพลังและนาประทับใจของทานญะอฺฟรสงผลตอหัวใจของกษัตริย ถงึ กับใหชลนยั นของพระองคไ ดไหลรินออกมาและพระองคประสงคใหทานญะอฺฟร อานคัมภีรรท่ี ไดถูกประทานมายังทานศาสดา ดังนั้นทานญะอฺฟร ไดอานโองการซูเราะฮมัรยัม ซ่ึงเปน โองการท่ี กลาวถึงความบริสุทธิ์ของทานหญิงมัรยัม และทานศาสดาอีซาซ่ึงเปนจุดยืนของศาสนาอิสลาม ทานญะอฺฟรอานไมทันไดจบซูเราะฮฺ เสียงรองใหของกษัตริยไดดังข้ึน และเสียงนั้นไดดังเพ่ิมขึ้น ทําใหช ลนัยนไ ดไหลหยดลงตําราท่ีไดต ัง้ อยตู รงทป่ี ระทบั ของพระองคจ นเปยก หลังจากน้ัน เสียงผูที่นั่งในหองประชุมเงียบลง ทันใดนั้นกษัตริยไดตรัสวา “คําพูดของ ศาสดา (อิสลาม)กับคําพูดของศาสดาอีซา เปนสิ่งเดยี วกันมาจากรัศมีเดียวกันพวกเจาจงไปเสียเถอะ ขาไมย อมรบั ขอ เสนอพวกเจา แนน อน” การประชุมคร้ังน้ันแตกตางไปจากท่ีตัวแทนของกุเรชไดคาดการณไวอยางสิ้นเชิง เพราะ เปนผลลบและเปนผลรายตอพวกเขา ความหวังท่ไี ดตัง้ ไวก ็ลม สลายลง อัมรวอาศ เปนนักการเมือง มีเลหเหลี่ยมจัด พอตกกลางคืนเขาไดพูดกับเพ่ือนอีกคนหน่ึง คอื อบั ดุลลอฮฺ บนิ รอบอี ะฮวฺ า “พรุงน้เี ราตอ งใชกลอุบายอ่ืนเสยี แลว ซ่งึ เปนวิธีท่ีอาจจะทําใหผูอพยพ มสุ ลิมน้ันตองหมดคา ฉันจะพูดกบั กษตั รยิ ว า พวกมุสลิมมีความเชื่อตอเรื่องศาสดาอีซาเปนอยางอ่ืน และไมเหมาะสมกับหลักการของชาวคริสตเลย “อับดุลลอฮฺ ไดเสนอใหยุติงานน้ันโดยกลาววา “มี บางคนในกลุมพวกเขาญาติดีกับเราอยู” แตคําพูดของเขาไมเปนผล ดังนั้นทั้งสองไดไปเฝากษัตริย อีกคร้ังพรอมกับองครักษ ในครั้งนี้พวกเขาไดแสดงความเปนหวงที่จะปกปองศาสนาประจําชาติ ของเอธิโอเปย ซ่ึงเปนความเชื่อของมุสลิมที่ผิดๆตอศาสดาอีซา ไดกลาววา “มุสลิมกลุมนี้ ไดมีความเช่ือที่เฉพาะ (อยางผิดๆ)ตอศาสดาอีซา ซ่ึงไมตรงตามหลักความเช่ือพื้นฐานของชาวคริสตทั่วโลก ดังน้ันบุคคล
เชนนี้ถือวาเปนอันตรายตอประเทศของทาน ทานสามารถจะตรวจสอบถึงพฤติกรรมและความเชื่อ ของพวกเขาได” กษัตริยผูชาญฉลาดจึงไดตรวจสอบโดยสั่งใหกลุมผูอพยพนั้นมาบรรดามุสลิมที่ไดอพยพ มา เม่ือไดยินคําสั่งใหไปเขาเฝากษัตริยอีกครั้ง เกิดกังวนและคิดวาคงจะเรียกเราไปถามเก่ียวกับ ความเช่ือตอเร่ืองศาสดาอีซาอยางแนนอนพวกเขาไดเลือกทานญะอฺฟร เปนผูกลาวปราศรัยเชนเคย ซึ่งญะอฺฟรไดสญั ญาวา ทกุ ส่งิ ท่ีเขาไดยนิ จากทานศาสดา( ศ. ) เขาจะกลา วใหหมด กษตั รยิ นะญาชี ไดหนั ไปยัง ญะอฟฺ ร แลวตรสั ถามวา “ทา นมีความเชื่อตอเรือ่ งทา นศาสดาอี ซาอยางไร เหมือนกับทศี่ าสดาของเราไดกลาวสอนแกเราคือ ทานอีซาเปนบาวของพระเจาและเปน ศาสดาคนหนงึ่ ซง่ึ เปน พจนารถและจติ วญิ ญาณแหงพระเจาทรงประทานใหก ับทานหญงิ มรั ยัม” กษัตริยรูสึกสบายใจและยินดีกับการไดยินส่ิงท่ีญะอฺฟร กลาว แลวกลาววา “ขอสาบานตอ พระเจา ศาสดาอัซาไมมีฐานะภาพใดอีกแลว นอกเหนือจากที่ญะอฺฟรไดกลาว แตทวากษัตริยได ปฏิบัติที่ดีตอมุสลิมและใหเสรีภาพแกมุสลิมเต็มรูปแบบ กษัตริยไดเทของขวัญและขอกํานัลของ กุเรช ทิ้งตอหนาตอตาพวกเขาแลวกลาววา พระเจาไดใหอํานาจ (เปนกษัตริย) น้ี แลวฉันจะรับของ กํานลั นน้ั อีกหรอื ? ดว ยเหตุนีไ้ มเ หมาะสมสาํ หรับขา เลยท่จี ะใชประโยชนจ ากวิธีน้ี” (๑๖๓) การกลับจากเอธิโอเปย ของกลุมอพยพมุสลิม ดังที่ไดก ลา วมาแลววา กลมุ มุสลิมที่อพยพไปเอธิโอเปย ไดกลับมายังมักกะฮฺอกี คร้ัง เนื่องจ กไดรับขาววาพวกกุเรชไมกลั้นแกลง และทรมานมุสลิม แตเม่ือเขาไปถึงเมืองฮิยาซ ก็รูทันทีวาขาว นน้ั เปนขาวลวง ซ่งึ การ กล่ันแกลงและการทรมาน การประทุษรายตอมุสลิมยังมีอยูอยางตอเนื่อง และยังรุนแรงกวาเดิม ทํา ใหกลุมใหญที่กลับมา ไดหันหลังกลับไปยังประเทศเอธิโอเปยทันที เหลือไมก่ีคนไดเดินทางมายัง มกั กะฮฺยา งปกปดดว ยอาศัยบารมีผหู ลักผใู หญน้ัน
อุษมาน บินมัฎอูน ไดอาศัยบารมีของวะลีด บินมุฆีเราะฮฺเขามายังเมืองมักกะฮฺ(๑๖๔) จึง ปลอดภัยจากการปองรายของพวกกุเรช แตเขาเห็นบรรดามุสลิมคนอื่นยังไดร ับการทรมานและการ กลั่นแกลงอยูอีก ทําใหเขารูสึกไมสบายใจกับการลําเอียงท่ีเดิดข้ึนระหวางมุสลิมดวยกัน จึงได ขอรอ งตอ ทานวะลดี ใหป ระกาศทุกคนรูวาลุกหลานของมัฏอูนไมมีความปลอดภัยอีกตอไปเพื่อที่วา เขาจะไดเทาเทียมกับมุสลิมคนอ่ืนๆท่ีไดรับการทรมานจากพวกกุเรชดังน้ันวะลีดจึงไดลุกขึ้น ประกาศในมัสญิดวา ตอไปนี้ลูกหลานตระกูลมัฏอูนจะไมมีความปลอดภัยอีกตอไป อุษมานได กลา วดว ยเสยี งวา ดงั วา “ฉันเช่อื เชนนัน้ ” ไมนานนัก ไดมีกวีชื่อดัง (ช่ือวาลุบัยด) ไดเดินเขามาในมัสญิดและเขาไปยังชมรมของพวก กเุ รช ไดอ า นบทกวบี ทหน่งึ วา “ จงรูเถิดวา ทกุ ๆสง่ิ ทน่ี อกเหนอื จากอัลลอฮฺ จะเปน โมฆะแนนอน” อุษมานกลาววา “ เจาพดู ถกู ตอ ง” กวีผูนน้ั ไดกลา วทอนทีส่ องวา “ทกุ ๆความโปรดปราน จะไมอยคู งทนสูญสลาย” อุษมานรูสกึ แปลกใจจึงกลาววา “ เจาพุดผิดแลว บรรดาความโปรดปรานท้ังหลายจะคงอยู ตอไป “จาการคัดคานของอุษมาน ทําให ลุบัยด ถือวาเปนปรากฏการณคร้ังสําคัญ เขาไดกลาววา “ โอกุเรช สภาพพวกเจาเปลีย่ นแปลงไปแลว บคุ คลน้คี ือใคร? คนหน่งึ ทีน่ ั่งทน่ี ัน่ ลุกขึ้นกลา ววา “ เขาผู นั้นคือเปนพวกนอกคอก ไดออกจากศาสนาของเราไปแลว เขาไดยึดถือปฏิบัติตามคนหนึ่งที่ เหมือนกับเขาแหละ อยาไปฟงคําพดู เขาเลย” หลงั จากนั้นเขาไดลุกขึ้นยืน แลวเดินมาตบหนาอามาน อยางแรง ทําใหหนาเขาแดงชํ้า วะลีดกลาววา “อุษมาน ถาเจายังอยูภายใตบารมีของขาอยูอีกเจาจะ ไมไดร ับอนั ตรายเชนน้ี” อษุ มาน กลา ววา “ฉนั ขอความคมุ ครอง ตอ พระเจา ผูท รงยิ่งใหญ” วะลีดกลาววา” ตอไปฉันจะใหความคุมครองตอเจาเอง” เขาตอบวา “ ฉัน ไมยอมรบั เด็ดขาด” (๑๖๕)
กลุมนัดคน ควา ขาวครสิ ตไ ดเ ขาสูเมอื งมักกะฮฺ ผลจากการเผยแพรของมสุ ลมิ ที่อพยพไปยงั ประเทศเอธิโอเปย ซึงเปนศูนยกลางของศาสนา คริสต ทําใหนักวิจัยและนักคนควากลุมหน่ึงประมาณ ๒๐ คนเนทางมายังเมืองมักกะฮฺ และไดเขา พบทานศาสดามุฮัมมัด ไดมีคําถามมากมายถามทานศาสดา ทานศาสดาไดตอบคําถามเหลาน้ัน ทั้งหมด และเรียกรองเชิญชวนพวกเขาสูศาสนาอิสลาม และทานศาสดายังไดอานดองการหนึ่งให พวกเขาฟง ดองการแหงคัมภีรอัลกุรอานทําใหหัวใจของพวกเขามีการเปล่ียนแปลงถึงกับทําใหน้ําตา พวกเขาไดไ หลรินออกมา และพวกเขายังไดพบสัญลักษณตางๆท่ีกลาวไวในคัมภีรอินญีลถงึ การมา ของศาสดามฮุ มั มดั อีกดวย การประชุมของกลุนนักคนควาน้ัน สรางความสนใจแกอบูญะฮัลมากเขาไดพูดดวยทิฐิท่ี รนุ แรงวา “ ชาวเมอื งเอธิโอเปยไดสงพวกทานมา เพ่ือคนควาและวิจัย ไมใชสงพวกทานมาใหละท้ิง ศาสนาบรรพบรุ ุษของพวก ทานขาไมค ดิ วาโลกน้ีจะมคี นโงยง กวาพวกทานอยอู กี ” พวกเขาเหลานน้ั ไดตอบกับฟรอูนแหงอาหรับซึ่งไดแทงใจดําแกเ ขาวา “ เรายึดศาสนาของ เรา สวนทานยึดศาสนาของทานซิ แตทวาส่ิงวด ที่เราวิเคราะหแลววามีประโยชนและคุณคาตอเรา เราจะไมละวางแน” การโตต อบทง้ั สองฝา ยจงึ ไดย ุติลง (๑๖๖) คณะเจรจาของพวกกเุ รช คณะวิจัยชาวคริสตที่เดินทางมาเยือนมักกะฮฺนั้น สรางความต่ืนตัวใหกับพวกกุเรช พวกเขา จึงไดต้ังกลุมบุคคลหนึ่งเขามประกอบไปดวย ฮาริษ บินนัศรฺ และอะกอบะฮฺ บินอะบีมุอีฏ และ บคุ คลอื่นเปน ตัวแทนของพวกกเุ รชเดินทาง ไปยังเมืองยาริบเพ่ือพูดคุยเร่ืองสาสนเชิญชวนของมุฮัม มดั
กับนักปราชญชาวยิวที่อยูในเมืองน้ัน นักปราชญชาวยิวไดกลาวกับคณะบุคคลกลุมนั้นวา “ใหพวก ทานถามมุฮมั มัดในสามประเด็นตอ ไปนค้ี ือ ๑) แกน แทข องวญิ ญาณคอื อะไร ๒) ชวี ประวตั ิของชาวถา เปน อยางไร ๓) การมชี วี ิตของทา นซุลกัรนัย หากมุฮัมมัดตอบคําถามเหลานี้ได ก็ใหพวกทานเชื่อไดเลยวา เขาคือผูไดรับการเลือกจาก พระเจา แตถ า ไมเปน เชน น้ัน แสดงวา เขาพดู เทจ็ จึงตองทําลายเขาอยางดวนทีส่ ดุ ” บรรดาตัวแทนเหลาน้ันไดเขาไปยังเมืองมักกะฮฺดวยความยินดีและสบายใจ และไดมอบ คําถามท้ังสามใหกับพวกกุเรช และใหพวกเขาจัดประชุมขึ้นแลวเชิญมุฮัมมัดมา เพื่อตอบคําถาม เหลา น้ัน ทานศาสดากลาววา “ฉันกาํ ลังรอวะฮยฺ ู สําหรับคาํ ตอบของคําถามท้งั สาม”(๑๑๗) วะฮยูไดป ระทานใหก บั ทานศาสดาในเรอ่ื งวญิ ญาณ อยูใน ซูเราะฮ อัลอิสรอฮฺ อายะฮที่ ๘๕ และอีกสองคําถามอยูในซูเราะฮอัล-กะฮฟอายะฮ ท่ี ๙-๒๘ และโองการท่ี ๘๓-๙๘ ซึ่งรายละเอียด อยูในตําราตัฟซรี ท้งั หลาย และกอนจะจบในบทนี้ ขอกลาวเปนขอสังเกตสักเร่ืองหนึ่ง คือคําถามชาวยิวในเร่ือง วญิ ญาณ (รูฮ )ไมใ ชวญิ ญาณของมนุษย แตเปนความหมายของญิบรออลี . ๑๓
เสยี งระฆังแหง สงครามไดด ังขน้ึ บรรดาหัวหนาผา กุเรชไดจ ัดทัพต้ังแถวเตียมตอสกู ับพรรคแหง พระผูเปน เจา ซงึ่ ไดวางแผนอยางเปน ระบบเร่ิมดวยแผนการโนมนาวใหขอเสนอทางดานทรัพยสินเงินทองมหาศาลกับทานศาสดาและ ตําแหนงผูนํา เพ่ือใหศาสดาเปลี่ยนอุดมการณและยกเลิกงานดานการเผยแพรศาสนา แตพวกเขาก็ ลมเหลว ดวยกับคําพูดอันทรงพลังของทานศาสดาทวี่ า “ขอสาบานตอพระเจา มาตรแมนวาพวกเจา จะนําตะวันไวมือขวาและดวงเดือนไวมือขางซายของขา ขาก็ไมมีวันลมเลิกการเผยแพรศาสนา (อิสลาม) นี้อยางเด็ดขาด” หลังจากน้ันพวกกุเรซไดใชแผนกดดันทานศาสดา ดวยการทรมานและ กลั่นแกลงประทุษรายตอบรรดาสาวกแตก็ไมมีผลอะไร แตกลับกันบรรดาสาวกน้ันไดลุกขึ้นตอสู ยืนหยดั ดว ยกับอุดมการณ ทําใหบรรดาสาวกไดรับชัยชนะเหนือพวกกุเรช ถึงกับไดแสดงใหเห็นถึง คุณคาของศาสนาอิสลาม พวกเขาไดอพยพละท้ิงบานเรือนและทรัพยสินไปยังประเทศ เอธิโอเปย แตทวาแผนการรายพวกกุเรชที่ตองการจะขุดรากถอนโคนศาสนาแหงเตาฮีดใหหมดไปยัง ดําเนินการตอ ไป ดังนัน้ พวกเขาไดเตรียมแผนตอไป คือการทาํ สงครามและการสงั หารทานศาสดา สงครามไดอุบัตขิ ้ึนในรูปของการโฆษณาชวนเช่อื ใหชาวอาหรับเกียจชังและตอตานศาสดา มุฮมั มัด เพราะวาเปนเหตุผลหนึง่ ทีจ่ ะทาํ
ใหชาวอาหรับท่ีอาศัยในมักกะฮฺไดกดดันและสกัดก้ันการเผยแพรของอิสลาม แมแตชาวอาหรับ หรือผูท่ีไดเดินทางมาเย่ียมกะอุบะฮฺในเดือนตองหามตางๆและผูท่ีอยูในแวดลอมท่ีปลอดภัย ได ตดิ ตอกับทา นศาสดา และไดรับผลสะทอนท่ีดีจากคําสอนของทานศาสดา ซึ่งถาไมส ามารถสกัดกั้น พวกเขาได อยา งนอ ยพวกเขาจะไมศ รัทธาตอศาสดามุฮมั มัด และยังคงดํารงศาสนาเดิมกราบไหวรูป ปน และดวยกระแสการปรากฏของศาสนาใหมมุฮัมมัดไดขยายไปท่ัวสารทิศ และอิทธิพลของ อิสลามน้ี ทําใหศาสนาแหงการบูชาเจว็ดไดรับการจองจํา แตกลับศาสนาแหงพระเจาไดรับการ เผยแพรและมีแนวรวมเพิ่มมากข้ึน บรรดาหวั หนา เผาชาวกุเรชจึงไดค ิดแผนการใหมเพื่อทาํ ลายลางอิสลาม พวกเขาตองการจะ สกัดก้ันการเผยแพรศาสนามุฮัมมัดทุกรูปแบบและใหชาวอาหรับทุกเผาตัดความสัมพันธกับทาน ศาสดา และเราจะขอกลาวาแผนการทาํ ลายลางอสิ ลามของพวกกเุ รช ดังนี้ ๑)การกลา วดูถกู เหยยี ดหยามทา นศาสดาอยา งรนุ แรง การทําลายบุคคลสําคัญดวยกับวิธีการกลาวดูถูกและเหยียดหยามนั้นถือวาเปนที่มาของการ สรางศัตรู ดังน้ันศัตรูไดพยายามท่ีจะใหประชาชนเขาใจอยางผิดๆและบิดเบือนตอทานศาสดาถูก ทาํ ลาย หรืออยา งนอยสุดก็ทําใหประชาชนทําลายเกยี รตยิ ศของทาน (ศ) พวกศัตรูเหลานน้ั ฉลาดดวย การยุแหยดวยการพาดพิงสิ่งไมดีตางๆแกศาสดา เพื่อที่จะใหชาวอาหรับไดเช่ือส่ิงที่พวกเขากุเรื่อง ข้ึนมา หรืออยางนอยก็เกิดความสงสัยกับสิ่งที่มุฮัมมัดไดนํามาเผยแพร แตสิ่งที่พวกกุเรชไดใสไคร ทานศาสดาเปนเร่ืองไมท่ีไมเปนความจริงและไมเหมาะสมกับฐานนะภาพของทานศาสดามุฮัมมัด ดังนัน้ ส่งิ ที่พวกกเุ รชไดพ ดู ดูถูกทา นศาสดาจึงไรผ ล ในประเดน็ น้ี นักคนควาและนักวิจัยทางดานประวัติศาสตร สามารถจะเขาใจเบื้องหลังของ การใสไครแ ละการดูถูกเหยียมทานศาสดาไดอยางดีและประเด็นทางสังคมและจิตวิญญาณของทาน ศาสดาจากมุมมองของศตั รู
เพราะศัตรูพวกเขาไมไ ดตอ งการท่ีจะใหแ ผนการของพวกเขา ในการทําลายทานศาสดาบกพรอง ซ่ึง จากการเปดสงครามดวยการโฆษณาชวนเช่ือใสไครทานศาสดา ทําใหเขาใจและวิเคราหถึงตัวของ ทา นศาสดาไดอยางดเี ยยี่ ม แตถา สงั คมหรือศตั รไู มไ ดพดุ อะไรเก่ยี วกับทานศาสดาเลย กไมจําเปนจุด ขายท่ีดีนั่นเอง ถาเราเปดดูเรื่องราวในประวัติศาสตรอิสลาม จะพบวาพวกกุเรชไดมีความเกียจแคนและ เปนศัตรูกับทานศาสดาอยางเกินคําอธิบาย ถึงกับพวกเขาตองการที่จะทําลายระบบโครงสรางของ อิสลาม แมจะเสียคาใชจายมหาศาลเทาไหรก็ตาม ไดพยายามดึงบุคคลสําคัญและมีชื่อเสียงมาสกัด กั้นทานศาสดา แตวิธีการทั้งหมดนั้นไมเปนผลบวกแกพวกเขาเลย จนกระทั่งไดประชุมวาระพิเศษ เรงดวนหลายตอหลายคร้ังวาจะทําอยางไรดีกับมุฮัมมัดวาเปนผูฉอโกงเงินทองของประชาชน ก็ เปนไปไมไดอีก เพราะวาทรัพยสินเงินทองของประชาชนอยูครบในบานเรือนพวกเขา และวิถีชีวิต ของทา นศาสดาในอายสุ ีส่ บิ ป เต็มไปดวยชือ่ เสยี งดา นความซื่อสตั วและความไววางใจ หรือใสรายมุฮัดมัดวา เปนผูเสพกามหลงใหลนารี ก็เปนไปไมได อยูดีเพราะวาในชวงวัย หนมุ ของทานศาสดามีภรรยาเพียงคนเดียว ซึ่งไมเคยมีผูหญิงใดอ่ืนเลยท่ีจะมาเปนขออางได ตั้งแตที่ พวกกุเรชไดคิดแผนวาจําอยางไรดี อยางนอยสุดใหประชาชนวาระเรงดวนอีกครั้ง ณ ดารุลนัดวะฮ วา พวกเราจะไปยังสํานักของผูอาวุโส กุเรชและกลาวถึงคาจางในงานทําลายศาสดา การประชุมจึง ไดถ กู จดั ขน้ึ วะลีดไดห นั ไปยังพวกกเุ รชแลวกลา ววา เทสกาลฮัจญใกลมาถึงแลวและพลังประชาชน จะมายังมักกะฮฺมหาศาลเพื่อประกอบพิธีกรรมศาสนาและแนนอนมุฮัมมัดจะใชประโยชนชวงเวลา แหงอิสรภาพนั้นดวยในการเผยแพร ดังนั้นถือวาเปนการดีท่ีเราจะโจมตีกลาวถึงศาสนาใหมท่ีมุฮัม มดั นาํ มา ทกุ คนลงความเหมือนกนั มเี พียงสองคนคัดคาน ก็ไดรับความสนใจ
ปราชญแ หง อาหรับไดคดิ แลวกลา ววา เราจะพูดวามุฮมั มัด เปนผูท่ีมีญิณ* สิงในรางซึ่งสิ่งที่ เขาพูดนั้นไมใชคําพูดของเขาแตเปนคําพูดของ ญิณไดมีผูคัดคานวา แตส่ิงท่ีมุฮัมมัดพูดไม เหมือนกับผูญิณสิงในราง อีกคนเสนอวา ใหกลาววามุฮัมมัด เปนคนบา ขอเสนอนี้ก็ถูกปฏิเสธอีก วะลีด กลาววา “ไมมีสัญญาณการเปนบาหรือคนบาในตัวของมุฮัมมัด เลย” ดังพวกกุเรช ไดมี ความเหน็ เหมอื นกันวา ใหก ลาววามฮุ มั มดั เปนผูเลน ไสยศาสตร ซ่งึ เคร่อื งมือนั้นคืออัลกุรอาน (๑๖๘) นกั ตัฟซีรฺท้ังหลายไดอรรถาธิบายถึงซูเราะฮฺอัลมุดดัษษีร เปนอยางอ่ืนและพวกเขาไดกลาว วา เม่ือวะลีดไดยินโองการตางๆที่ศาสดา ไดอานในซูเราะฮฟุศศิลัต เกิดผลสะทอนตอเขาถึงมือไม ส่ันและผมตั้ง เนื้อตัวสั่นไดรีบว่ิงกลับบานทันที และไมออกจากบานอยูหลายวันทีเดียว จนทําให พวกกุเรชกลาวเยาะเยยแกเขาวา “วะลีดถูกไศยศาสตรมุฮัมมัดเสียแลว” และพวกกุเรชกลุมหน่ึงได เดินทางไปยังบานของวะลีด และพวกกุเรชขอรองใหวะลีดเลาเรื่องโองการอัลกุรานอานของมุฮัม มัด เม่ือพวกเขาไดยินคําพูดของวะลีด ก็ไดเสนอแนะและกลาวโตตอบ สุดทายเขาใหท ัศนะวา มุฮัม มัดเปนผูสรางความแตกแยกใหหมูอาหรับวาเปนนักไสยศาสตร และกลาววาเขาเปนนักเลน ไสยศาสตรท่ีเกง ในเรอื่ งการพดู ” การใสไ คลทา นศาสดาวาเปน คนบา จากการยืนทางประวัติศาสตรอิสลามวา แทจริงศาสดาอิสลามจาก ชวงสมัยหนุม เปนที่รูจักในนาม ของผูมีความซื่อสัตยและเปนผูท่ีถูกไววางใจ แมกระทั่งศัตรูอิสลามยังตองยอมรับในเร่ืองมารยาท และดา นจรยิ ธรรมอนั ดงี ามของศาสดาอยางหลีกเลี่ยงไมได และคุณลักษณะหน่ึงของศาสดาท่ีเปนท่ี รูจักในสังคมอาหรับคือความซื่อสัตยและผูมีสัจจะ จนกระท่ังบรรดาพวกมุชริกยังไดนําทรัพยสิน เงินทองของมีคาไปฝากกับศาสดา และ --------- *ญิน คือสง่ิ ถกู สรางหนงึ่ ของพระเจา ไมป รากฏรปู
เมื่อการกดดันตอทานศาสดามากย่งิ ขึ้น พวกเขาจึงนําทรัพยสินน้ันไปเก็บไวจึงไมม ีผลอะไรสําหรับ พวกกุเรชเลย จนกระท่ังไดคิดแผนการทําลายทานศาสดาแบบใหม นั่นกต็ ือกลาววาทานศาสดาเปน คนบา ไรสติ หรือสติไมสมบูรณซึ่งการใสรายในเรื่องน้ีไมเปนเหตุใหประชาชนตองสงสัยในเร่ือง การมีวาจาสัตยห รอื การอยอู ยางเรียบงายของศาสดา จึงเปนขอ กลาวหาท่ีไดก ลา วขึ้นแกศ าสดา จากความโออวดอยางรุนแรง เปนจุดที่มาของการใสรายตออากรมีหนาตาท่บี ริสุทธิ์ จึงอาจ ทาํ ใหพวกอาหรับเกดิ ความสงสัยในเน้อื หาตา งๆไดดังทีม่ กี ุรอานไดก าวถงึ เรอื่ งน้ีวา “พวกเขาไดใ สร า ยตอ อลั ลอฮฺ หรือกลา ววา ศาสดาเปน บา “(ซะบะอ/๘) น่ีคือวิธีของนางมารรายซ่ึงเนื้อแทของศัตรูคือ การใสรายในเรื่องท่ีไมเปนจริงตอบุคคล สําคัญระดับสูงของสังคมหรือนักปฏิรูป และอัลกุรอานยังไดกลาวถึงวิธีของมารรา ยนี้ไมไดเกิดข้ึน แคสมัยของศาสดาแตสมัยกอนหนาอิสลามก็มีใหเห็นอยู และน่ีคือการประกาศทําสงครามทางดาน จิตวทิ ยาตอ สาสดา ดงั ทอ่ี งั กรุ อานไดก ลา วถงึ เรือ่ งนี้ในซูเราะฮอฺ ัซซาริยาต อายะฮฺที่ ๕๒ – ๕๓ (๑๖๙) หรือแมกระท่ังในคัมภีรไบเบิล ก็ไดกลาวถึงเร่ืองน้ีไวเชนกัน ดูไดจากไบเบิล จอหน บทที่ ๑๐ วรรคท๒ี่ ๐ และบทท๗ี่ วรรค ๔๘ และ ๕๒ และดว ยกับความจริงอยูอยางหน่งึ คือ เมือ่ ไหรที่พวกกุเรซไดเห็นวาพวกเขาสามสารถจะใส รายอื่นๆอีก พวกเขาก็จะทํา แตเนื่องจากวิถีชีวิตวัยสี่สิบเต็มเปยมไปดวยความดีงามและความ ไววางใจ จึงทําใหการใสรายเหลานั้นไมมีผล ละพวกศัตรูไมละเวนในการทําลายทานศาสดา แมวา จะเปนส่ิงท่ีเล็กนอยก็ตาม ตัวอยางเชนบางครั้งทานศาสดาไดเขามานั่งขางเด็กรับใชชาวคริสตคน หนึ่งใกลกับมัรวะฮฺ ศัตรูในชวงเวลานั้นสบโอกาสท่ีเห็นอยางน้ัน พวกเขากลาวขึ้นวา เด็กรับใช ชาวครสิ ตรค นนีเ้ องทสี่ อนอลั กุรอานใหม ฮุ มั มดั อลั กรุ อานไดตอบโตคาํ พูดอันไรแกนสารของเขาวา “เรารวู า พวกเขา
กลาววา มนุษยคนหน่ึงเปนผูสอนส่ิงน้ัน (อัลกุรอาน) ภาษาของผูที่เขาอางอิงมันนั้นเปนภาษา ตา งชาติ และนี่คือภาษาอาหรบั ท่ีชดั เจา (อันนะฮฺล/ุ ๑๐๓) (๑๗๐) ๒) การคดิ ทจ่ี ะประจนั หนากบั อลั กุรอาน การเปดศึกสงครามทางจิตวิทยาพวกกุเรชกับทานศาสดาดวยการใสราย กลาวเท็จ ดูจะไม ไดผลสักเทาไหร เพราะวาประชาชนไดมีความรูสึกที่ดีดวยตัวของเขาเองตออัลกุรอานวามีผลตอ วิญญาณพวกเขา ซึ่งไมเคยไดยินถอยคําใดที่มีความไพเราะมากทกับอัลกุรอานมากอนเลย และ คําพูดอันทรงพลังของศาสดาเองซ่ึงมีพลังดูด ดว ยเหตผุ ลน้กี ารใสร ายหรือการกลาวเท็จตอศาสดาไม มีผลอะไรเลย ดังนั้นพวกกุเรชไดคิดคนแผนการใหม ซ่ึงพวกเขาคิดวาใชไดกับพวกอาหรับท่ีจะ ปฏเิ สธตอทา นศาสดา นฏั ร บินฮารษิ เปนคนทีฉ่ ลาดและมีความชาํ นาญในการวางแผนของกเุ รช และเขาเคยอาศัย อยูในเมืองฮัยเราะฮฺและอิรัก ไดรับรูถึงวรรณกรรมของกษัตริยแหงเปอรเซียยิ่งใหญ เชนทานรุสตัม ทานอิสฟนดิยาร และเร่ืองความเชื่อเก่ียวกับความดีความช่ัวของชาวเปอรเซีย ดังนั้นพวกกุเรชได เลือดเขามาตอสูประจันหนากับทานศาสดา โดยพวกกุเรชไดมีแผนวาใหนัฏ บินฮาริษเปดศึก สงครามกับศาสดาดวยการไปตามซอดซอยแลวนําเร่ืองราววรรณคดีที่นาทึ่งของชาวเปอรเซียอาน ใหประชาชนรับฟงหรือประวัติของกษัตริยเปอรเซียและทําใหฐานนะภาพของทานศาสดาจะได ตํา่ ลง และทําใหถอยคาํ แหงอลั กรุ อานเปนสง่ิ ไรค า การวางแผนน้ี ถือวาเปนสิ่งโงเขลาเสียเหลือเกิน เขาไดดําเนินการไปไดไมกี่วัน เพราะวา พวกกุเรชรูสึกเบื่อหนายตอเนื้อหาและไมเปนสิ่งทนี่ าประทับใจเลย ทําใหพวกกุเรชกระจัดกระจาย หายไปคนสองคนจนหมด จึงมโี องการไดถ ูกประทานเกย่ี วกับเรือ่ งน้มี าวา “พวกเขากลาววา น่ีคือนิยายของคนรุนกอนที่เขียนข้ึนมา แลวทุกฝายมาอานทั้งเชาและสาย จงกลาววา พระองคคือผูซ่ึงรอบรูความเรนลับ ในชั้นฟาและผืนแผนดินเปนผูประทานมันลงมา แทจริงพระองคทรงเปน ผใู หอ ภยั
ทรงเมตตา” (อัลฟรุ กอน/๕-๖)(๑๗๑) ๓. พวกกุเรชหา มประชาชนฟงเสียงอานอลั กุรอาน พวกกุเรชไดมีแผนการทําลายหลายวิธีตอศาสนาอิสลาม และจะตอสูกับศาสนาแหงเตาฮีด พระผูเปนเจา หลังจากท่พี วกเขาเห็นวา แผนทหี่ นึง่ ไมไดผลก็จะนําแผนที่สองมาปฏิบัติทันที แตก็ไม มีผลอะไรตอ การเผยแพรข องศาสดาเลย พวกเขาไมประสบความสําเร็จเอาเสียเลย เหมือนกันวาดรูป บนผวิ นาํ้ ในชวงหนึ่งไดทําการโฆษณาชวนเช่ือตานศาสดา แตก็ไมประสบความสําเร็จ ทานศาสดา ยังไดยืนหยดั ดําเนินงานเผยเพรตอไปอยางม้ันคงซ่ึงมีแนวรวมผูยอมรับในศาสดาแหงเตาฮีดเพิ่มขึ้น ทกุ วนั ดังน้ันพวกกุเรชไดคิดแผนใหม หามประชาชนฟงเสียงอานของอัลกุรอาน เพ่ือท่ีจะ ประชาชนไมรูแ ละไมเขาใจตอ ความหมายของกรุ อาน พวกเขาไดวางสายลับอยางมากในมักกะฮฺ จะ ไมไปหาศาสดามุฮัมมัด และพวกเขาจะพยายามทกุ วิถีทางท่ีจะไมใหประชาชนไดยินหรือไดฟงอัลกุ รอาน ดงั โองการอัลกุรอานไดก ลาววา “บรรดาผูซ่ึงปฏิเสธกลาววา พวกทานอยาไดฟงอัลกุรอานน้ี จงทําเสียงดังกลบ(เม่ือไดยิน) หวงั วาพวกเจา พวกจะมีชยั ” (ฟศศิลตั / ๒๖) ชยั ชนะที่ยง่ิ ใหญของศาสดากับการเปด ศึกสงครามทางดานจิตวิทยาของพวกมุชริก คือพวก มุชริกมีความหวั่นกลัวท่ีเกิดขึ้นในหัวใจของพวกเขาอยางนาแปลกประหลาดตอศาสดา น่ันก็คือ ความมหัศจรรยของอัลกุรอาน ซึ่งแมแตหัวหนาทั้งหลายของกุเรชท่ีต้ังตนเปนศัตรูตอศาสดาอยาง หนัก เม่ือไดฟงอัลกุรอาน ทําใหพวกไมสามารถควบคุมความรูสึกไดมือไมสั่น ดังนั้นพวกมุชริกจึง ไดตัดสินใจส่งั หา มการฟง อลั กุรอานและหามการฟง คําปราศรัยของมุฮัมมัด ( ศ. )
ผวู างกฎไดล ะเมดิ กฎเสียเอง ดังที่กลาวมาแลวพวกมุชริกไดมีความแคนศาสดาอยางหนักถึงกับไดมีคําสั่งหามไมให ประชาชนฟงคําปราศรัยของมุฮัมมัดและอัลกุรอานถาใครไดฝาฝนแอบไปฟงจะไดรับการลงโทษ หลายวนั ตอมาผูท่ไี ดวางกฎนด้ี วยการลงมติกลับไดท ําลายกฎเสียเอง(คือแอบฟง อลั กุรอานเสยี เอง) น่ันก็คือ อบูซุฟยาน อบูยะฮัล และอัฆนัสบินชะรีค คืนหนึ่งพวกเขาไมไดบอกใหใครรู ได ออกจากบานไป แลวไปยังบานของศาสดา มุฮัมมัด แตละคนไดแอบกันไป โดยไมใครรู เปาหมาย คือตองการจะฟงอัลกุรอานเมื่อศาสดาจะนมาซ เพราะในนมาซทานจะอานอัลกุรอานดวยเสียงที่ ไพเราะ ทั้งสามมาที่บา นศาสดาโดยไมไดน ับหมายกันไดอยูจนถึงอรุณรุงนมาซซุบฮ และไดฟงอัลกุ รอานท้ังคืน เม่ือก็ตองกลับไปบานของพวกเขา ทั้งสามไดมาพบกันระหวางทาง ตางก็ไดกลาว ประณามกนั และกนั และกลาววา ถาประชาชนธรรมดาไดรูวาเราท้ังสามไดแอบมาฟงอัลกุรอานของ มฮุ ัมมดั พวกเขาจะกลา วตําหนิตอ เราอยา งไร? คืนตอมาท้ังสามคนก็ไดแอบมายังบานศาสดาอีกเพื่อจะฟง อัลกุรอานแลวเจอกันระหวาง ทาง ตางคนก็ตางไดกลาวตําหนิกันและกัน และสัญญากันวาจะไมกระทํากันอีก แตทวาดวยความ มหัศจรรยของอัลกุรอานและความไพเราะของอัลกุรอานและความหมายที่งดงามน้ันทําใหพวกท้ัง สามตองมาแอบมาฟงอลักุรอานกันอีก และไดฟงอัลกุรอานจนถึงเชา และก็ไดมาเจอกันอีก แลว พวกเขากลาววา เม่ือไหรก็ตามที่คําสัญญาของมุฮัมมัดเปนจริงมากเทาไหร พวกเขาจะไดรับความ เสยี หายในการดาํ เนินชีวติ มากเทา นนั้ เมอ่ื ฟาสวาง พวกเขารีบออกจากบานทานศาสดา เพราะกลัววาความจะแตก คร้ังนี้ก็เหมือน คร้ังท่ีผานมา พอขากลับพวกเขาก็พบกันอีกและออกปากวา พวกเขาไมมีกําลังพอที่จะตอตาน พลัง ดึงดูดของการเชิญชวนของอัลกุรอาน แตเพื่อเปนการหยุดยั้งไมใหลุกลามกลายเปนเร่ืองใหญ ท้ังหมดใหสัญญาตอกนั วา พวกเขาตอ งลม เลิกการกระทาํ นี้ (๑๗๓)
14 การปดลอมทางเศรษฐกจิ ตอทานศาสดา ( ศ. ) หนทางท่ีงายที่สุดในการทําลายกลุมชนนอยของสังคม นั่นคือการตอสูดวยการรวมตัวกันเปนหนึ่ง ของกลมุ ใหญ และควํ่าบาตรทางดานความเปนอยูและเศรษฐกิจ สวนการตอสูในรูปแบบการเผชิญหนา ตองใชสื่อและรูปแบบตางๆมากมาย เพราะตอง พึ่งพากลุมท่ีมีพละกําลังและรูเร่ืองดานอาวุธ และดวยกับการเสียสละชีวิตและเลือดเน้ือ ทรัพยสิน พรอมกับการสรางเสียงเรียกรองท่ีดังและคําพูดท่ีหยาบ ถึงจะไปถึงเปาหมาย และการตอสูประเภท น้ีตองประสบกับความยากลําบากตางๆและควบคูกับผูนําทัพที่ฉลาด และพรอมกับการบริหารที่ จําเปนและความพรอมอยางสมบูรณ ก็จะตอสูในรูปแบบน้ีไดอยางดีและถายังไมถึงกับการตองเสีย เลือดเนื้อ ก็คือวาจะไมปฏิบัติการน้ันไดแตการตอสูเชิงลบ ไมจําเปนตองเตรียมการขนาดนั้น แต สวนมากไดตกลงรวมกันและไดตัดสินใจเหมือนกัน ตกลงใหสัญญาเหมือนกัน โดยการควํ่าบาตร และตักความสมั พันธด า นการชอื้ การขาย และวางแผนนโยบาย โดยไมม สี วนรวมกันพวกเขาในดาน สังคมและตัดความสัมพันธ การชวยเหลือกิจการงานตางๆของพวกเขา จนทําใหความเปนอยูของ ชนกลมุ นอยนน้ั เหมอื นกับพวกเขาไดอยูในคุก พรอมกับไดร ับการทรมานและการกดดนั ตา งๆนานา
การไดรับสิ่งตางๆเหลานั้น บางคร้ังทําใหชนกลุมนอยตองยอมรับและจากการขมขู พวก เขาอาจจะเปลยี่ นวถิ คี ิดและแนวปฏบิ ตั แิ ละยอมรับการปกครองของชนสวนมากในทสี่ ุด แตทวาสําหรับกลุมชนหน่ึง ไดยืนหยัดกับการตอตานตอพวกเขาดวยกับพลังแหงศรัทธา อันแรงกลา โดยที่ไมมีมรสุมใดจะพัดพาพวกเขาไปไดการกดดันทางดานเศรษฐกิจย่ิงทําใหพลัง แหงอิหมานของพวกเขาเขมแข็งย่ิงข้ึนและชนกลุมนี้จะยืนหยัดดวยความอดทนเพื่อเปนคําตอบตอ ศัตรู เหตุการณในหนาประวัติศาสตรแหงมนุษยชาติไดยืนหยัดถึงพลังที่แข็งแกรงท่ีสุดของการ ยืนหยัดตอสูของชนกลุมนอยตอฝายศัตรูที่มีจํานวนมาก คือพลังแหงอิหมานและความศรัทธา ซ่ึง บางครั้งการยืนหยัดนั้นอาจตองหลั่งเลือดเนื้อ เพ่ือเปนการปกปองรักษาจุดยืนอันมั่นคงไว เราจะนํา ตัวอยางแหง เสียงยนื ยนั นบั รอยของผคู น ตอเหตุการณห น่ึงในหนาประวตั ิศาสตรอิสลามดงั น้ี คาํ ประกาศของชาวกุเรช บรรดาหวั หนาเผาของกเุ รชไดร ูสกึ โกรธเคอื งอยางมาก จากการท่ศี าสนาอสิ ลามไดกาวหนา และมีอทิ ธิพลไปทั่ว พวกเขาเหลานั้นไดคิดหากลอุบายวิธีการเพื่อตานอิสลาม แตไรผล และดวยกับ การยอมรบั อสิ ลามของทา นฮัมซะฮฺ และหนมุ สาวชาวกเุ รชจํานวนมาก อีกทั้งไดรับการชวยเหลือให อสิ รภาพแกม สุ ลิมผอู พยพมายังเอธโิ อเปย และดวยอํานาจรฐั ที่เอื้ออาํ นวยใหกบั มุสลิม ทําใหมุกมุช ริกไมรับประโยชนอะไรเลยจากปผนการทลายอิสบมนั้น พวกเขาจึงไดคิดแผนการใหมขึ้นมา น่ันก คอื พวกเขาตอ งการจะปดชอมทางดา นเศรษฐกิจ ซ่ึงเปนการตัดเสนเลือดของมุสลิมและอิทธิพลของ อสิ ลาม และทาํ ใหผทู ีห่ ลงใหลตอ อศาสนาแหง เตาฮีด เกิดความกดดันในการเปนอยู ดว ยเหตุนี้บรรดาหัวหนาเผาชาวกุเรชดร างสนธิสัญญาขึ้น โดยการเขียนของ มันศูร บินอัก รอ มะฮ และใหกลุมของหัวหนาเผา กเุ รชลงนาม
พรอมกัน และไดทําสัญญาน้ีข้ึนมาในกะอฺบะฮฺ และไดสาบานกันวา ในนามของเผากุเรช จะปฏิบัติ ขอ ตกลงนีจ้ นกวา ชวี ติ จะหาไม คือ ๑) พวกเราจะคว่ําบาตรรในเรอ่ื งการซ้อื และการขายตอมฮุ มั มัดและสาวกของเขา ๒) กาตดิ ตอ สัมพนั ธตอพวกมุสลิมถือเปน สิง่ ตองหาม ๓) ทกุ คนมสี ทิ ธจิ์ ะเชื่อมสมั พนั ธทางดานการแตง งานกับมสุ ลิม ๔) รายไดตา งๆที่ไดมาตองนํามาใชส อยในการตอตา นมุฮมั มัด รางสัญญาน้ีไดรับการลงนามจากพวกกุเรชท้ังหมด ยกเวนมุฎอับ บินอะดี และถูกกําชับวา ตองปฏิบัติตามนี้อยางเครงครัด ผูปกปองทานศาสดาอบูอะลิบไดเชิญชวนญาติสนิท (ลูกหลานของ ฮาชิมและมกุฏฏอลิบ)ใหรับหนาที่ชวยดูแลทานศาสดา ทานไดสั่งใหคนในครอบครัวทุกคนอพยพ ไปอยูในบริเวณหุบเขาที่มีช่ือวา ชิอฺบุบีฏอลิบ และใหอยูหางจากอาราบริเวณของพวกมุชริก และยัง ไดมีการมอบหมายใหมียามกลุมหนึ่งคอยระวังภัยอยูบนท่ีสูง เอแจงขาวหากมีการรุกรานจากพวก กุเรซ(๑๗๔) การปดลอมน้ีไดผา นไปสามป ทําใหมุสลิมและทานศาสดาไดรับการทรมานและเจ็บปวดท่ี ไมสามารถจะอภิบายได บรรดาชาวบนีฮาชิมไดตะโกนเรียกรองใหพอคามักกะฮฺมาช้ือสินคาหรือ ขายสินคา แตพวกเขาไมไดยินเสียงรอง และไมไ ดสนใจในเสีงรองนั้น บรรดาหนุมสาวและผูใหญ ไดกินอินทผาลัมเพื่อเม็ดเดียวเอทังชีวิตแตวัน และบางครั้งอินทผาลัมเม็ดหน่ึง ตองแบงครึ่ง และ ชวงสามปแหงการทรมานนั้นมีเพียงเดียนท่ีตองหาม บรรดาบะนีฮาชิมสามารถออกมาขางนอกได และไดมาเรียกรองความเปนธรรมเพียงเล็กนอย หลังจากน้ันคองถูกขับกลับไปยังท่ีชิอฺบุอบีฏอลิบ ทานศษสดามุฮัมมดั กย็ ังมโี อกาสเพยี งเดือนท่ตี องผา นเทาน้ันท่ีพอจสามารถเผยแพรศาสนาแหงพระ เจาไดบาง บรรดาพวกมุชริกกุเรชไดเตรียมพรอมและวิถีการ ตางๆในการกลั่นแกลงกดดันมุสลิม ดว ยการปด ทางการช้ือขายและดานเศรษฐกิจ ในขณะท่ีตลาดไดเปดและมีสินคาตางๆนานามากมาย แตเม่ือพวกมันเห็นวามุสลิมจะไปชื้อจะขึ้นราคาสินคาใหแพงลิ่ว เพื่อมุสลิมไมสามารถช้ือสินคา เหลา นั้นได
อบูละฮับอีกคนหนึ่งท่ีไดกดดันมุสลิม เขาไดเรียกรองใหพอคา แมขายในตลาดวา “โอ ประชาชนท้ังหลาย จงเพ่ิมราคาสินคาใหสูงไปอีก เพอื่ ท่ีจะไมใหพรรคพวกของมุฮัมมัดช้ือสินคาได และใหตรี าคาใหแ พง” สภาพความเปน อยูบนีฮาชิมในชะอบฺ ุอบีฏอลิบ ความทรมานของความหิวของมุสลิม ถึงกับทานสะอัด บินวักกอสไดกลาววา “คืนหน่ึงฉัน ไดเดินออกจากหุบเขาน้ัน ในสภาพที่ฉันรูสึกหมดเร่ียวหมดแรง ทันใดน้ันก็ใหหนังอูฐท่ีแหง ฏได หยิบมาลางและเผาทําใหมันละเอียดและนํามาปรุงเติมนํ้า ฉันไดนํามากินอยูสามวันเพื่อปะทังชีวิต ไว” บรรดาสายลับของพวกกุเรชไดคอยติดตามอยูตลอดเวลา วามีใครแอบเอาอาหารมาใหกับ บรรดามุสลิม ณ ชิอฺบุอบูฏอลิบบางม้ัย แตทวาทามกลางการควบคุมที่หนาแนนนั้น ทานฮะกีม บินญัซซาม เปนลูกพี่ลูกนองกับทานหญิงคอดีญะฮและทานอะบุลอาศ บินรอบี้ และทานฮิชาม บิน อุมรั ไดนําขาวสาลีและอนิ ทผาลัมมาใหใ นยามเที่ยงคืนมาใหท ่หี มบู าน ชิอบฺ ุ อะบีฏอิบหลังจากน้ันก็ สง สัญญาณใหกับมุสลิมน้ันเอาออกมา และบางครั้ง การชวยเหลือน้ีเกิดปญหาและอุปสรรคแกพวก เขาเชนกัน วันหน่ึงอบูละฮับ ไดเห็นทานฮะกีมไดนําสัมภาระบรรทุกหลังอูฐ และมุงหนาไปตาม เนินเขา (ชะอฺบุอบีฏอเล็บ) ทําใหอบูละฮับโกรธเคืองฮะกีมอยางหนัก เขากลาววา ขาตองนําเจาไป หาหัวหนา เผากุเรชแลว และจะฝองพวกเขาก็ไดเดินไปพอดี เจอกับ อบลุ บัคตี ซ่ึงเปนศัตรูหมายเลข หน่ึงคนหน่ึงอิสลาม เขาก็ไดกลาว ประณามตออบูญะฮัลแลวกลาววา เขาไดนําอาหารไปใหอาของ เขาคอดญี ะฮเฺ จา ไมม ีสิทธ์ิมาหา มเขาและเขาไดหา มอบูญะฮลั ในการน้นั ความยงุ ยากและลําบาก ความทรมานของการกระทําพวกกุเรชในการปฏิบัติตอสนธิสัญญา จนในท่สี ดุ เสียงรอ งโอดโอยของเด็กสตรแี ละประชาชนไดอุบตั ขิ ึน้ เนอื่ งจากความทรมานและความ หวิ โหย และทําใหบา งคนเกดิ ความเสยี ใจตอสญั ญาทไ่ี ดร า งข้นึ ในการคว่ําบาตรทางดา น
เศรษฐกิจตอ มสุ ลมิ จงึ มคี วามคิดจะแกป ญ หาในเรอ่ื งนี้อยา งไร วันหนึ่งฮิชาม บินอุมัร ไดมาหาทานซุฮัรร บินอบีอุมัยยะฮฺ เปนหลานคนหนึ่งของลูกสาว อับดุลมุฏฏอเล็บ ไดกลาววา “เปนสิ่งท่ีเหมาะสมแลวกระนั้นหรือที่เจาไดกินดื่มอาหารอยาง เอร็ดอรอย ไดสวมเส้ือผาที่ดีแตทวาลูกหลานของเจา(ที่เปนมุสลิม)ไดอยูในสภาพท่ีหิวโหยและอยู อยางไรเครื่องนุงหม? ขอสาบานตอพระเจา หากเจาตัดสินใจทําเชนน้ีกับลูหลานของอบูญะฮัลแลว ชวนเขาใหปฏิบัติตามขอตกลงน้ี แนนอนเขาจะไมยอมทําตามเจาอยางแนนนอน” ซูฮัรรกลาววา “ขาคนเดียวไมสามารถทําอะไรไดท่ีจะทําลายสัญญาของพวกกุเรช แตทวาถามีใครรวมกับขาดวย ขาก็จะฉีกและทําลายสัญญาน้ันเสีย “ฮิชามกลาววา”ขาจะรวมกับเจา “เขากลาวตอวา”จงหาอีกสัก คนเปนสามคนในการน”้ี เขาก็ไดลกุ ข้นึ มงุ ไปยงั ทา นมุฏอิม บินอิดดี ปละกลาววา “ฉันคงไมคิดวาจะ เปนไปไดวาเจาจะยินยอมที่จะใหสองเผา ทั้งบนีฮาชิมและบนีอับดุลมุฏฏอลิบ ซึ่งมาจากลูกหลาน ของอับดุลมะนาฟ ซ่ึงเจาก็มีความภาคภูมิใจตอวงคตระกูลนั้นอยูแลว แลวจะใหพวกเขาไดรับความ ตาย “เขากลา ววา ”จะทาํ ไงไดแ คเ พียงขา คนเดียว”เขากลา วตอบวา”ยงั มีอีกสองคนท่จี ะรวมกบั เจา คอื ขา และทา นซุฮยั ร” มฎุ อมิ ตอบวา “จะเปน ตอ งมคี นอนื่ อีกท่รี วมกบั ขา ในการน้ี”จากทศั นะนนั้ ทานฮิ ชามไดเตรียมการในการหาแนวรว มเพิ่มใหกบั มฏุ อมิ เขาไดเ ชญิ ทานอบุลบัคตะรีและซัมอะฮมาเปน แนวรว มอีกสอง และไดตกลงกันวาเชา มดื วนั รงุ ขึน้ จะไปรวมตวั ที่ ณ มสั ญดิ การประชุมของกุเรช ดวยกับการเขารวมของทานซุฮัยรและกลุมที่เปนแนวรวมกับเขา ได ถูกจัดต้ังข้ึน เขาไดทําลายสัญญาขอตกลงน้ันแลวกลาววา “วันนี้ชาวกุเรช ตองขจัดความเลวราย ออกไปจากตัก เพื่อใหมีความสะอาด เราจําเปนตองทําลายสัญญาอันโหดรายและกดขี่น้ันออกไป เพราะทําใหส ภาพการเปนอยูของบนฮี าชมิ ไดรบั การทรมาน และไมพอใจ” อบูญะฮัลไดกลาวในท่ีประชุมวา “ส่ิงที่เจาเสนอไมสามารถจะทําไดเพราะวาขอตกลงของ ชาวกุเรชถือวาทุกคนตองเคารพ “ในขณะน้ันซัมอะฮฺไดลุก ข้ึนชวยทานซุฮัยรกลาวา “ถือวา จําเปน ตองทาํ ลายสญั ญานั้น เราไม พอใจ
ต้ังแตแรกอยูแลว” อีกมุมหน่ึงไดดังข้ึนมาวา จําเปนตองยกเลิกสัญญานั้นเสียและสวนมากได สนับสนุนขอสนอของซุฮัยร ดังน้ันอบูญะอัลไดรูสึกวา น่ีเปนเรื่องใหญ และพวกเขาก็จะเอาจริง และเปนเสียงของประชาชน และกลุมที่เงียบน้ันก็สบับสนุนดวย ดังนั้นอบูญะฮัลจึงไดเงียบ และ ทานมุฎอิมไดใชสถานการณน้ันเปนประโยชนดวยการยกเลิกสัญญาน้ัน ก็ไดไปหยิบกระดาษน้ัน และจะฉีกทําลายสัญญาน้ัน แตเมื่อหยิบมาดูไดเห็นกรดาษเปนรูๆปลวกไดกัดกินไปแลว เหลือเพียง คําวา “มิสมกิ ะอลั ลอฮุมมา” อบูฏอลิบไดดูเหตุการณณอยูหาง และมีเปาหมายจะใหเร่ืองนั้นจบเขาไดเหนวาทุกคนจะ เปนเสียงเดียว กไดนําเร่ืองราวน้ันเสนอตอหลานของทาน (มุฮัมมัด) และดวยกับการตัดสินใจและ การปรึกษากบั อบูฏอลบิ ทําใหก ลมุ ที่ถกู ปด ลอ มอยูหมูบานชอิ บฺ อุ บีฏอลิบ ไดกลับไปยังบานพวกเขา ทนั ที นักประวัติศาสตรบางทานดับันทึกไววาทานศาสดาและทานอบูฏอลิบและทานหญิงคอ ดีญะฮฺ ในชวงการปดลอมทางดานเศรษฐกิจไมมีอํานาจอะไรท่ีจะทําอะไรไดเลย จนกระท่ังไดมี วิวรณถูกประทานมาบอกขาววา “มดและปลวกไดกัดกินขอตกลงสัญญาของพวกกุเรช ที่พวกเขาด รวมกัน ลงนามควํ่าบาตรเศรษฐกิจมุสลิม ยกเวนประโยคหนึ่งท่ีเหลืออยูคือ “มิสมิกะ อัลลอฮมุ มา” ทานศาสดาไดสงขาวเร่ืองนี้ใหอบูฏอลิบรู และไดส่ังใหทุกๆสองคนออกเดินทางจากหมูบานชิอฺบุอ บีฏอลิบ และใหไปนั่งอยูท่ีกะอุบะฮฺ และพวกเขาไดอยูหางจากอบูฏอลิบ และพวกเขาไดกลาว กับอบูฏอลิบวา ยังไมถึงเวลาอีกหรือที่จะใหเครือญาติมานึกถึงเรา และทานจะวางมือการปกปอง หลานของทาน (คือมุฮัมมดั )” อบูฏอลิบไดมองไปยังพวกเขาแลวกลาววา “จงนําสัญญาน้ันมาซิ” พวกเขาไดไปหยิบ สญั ญานน้ั มา ในสภาพท่ีลายเซน็ คงอยู อบูฏอลบิ กลาววา น่คี อื สัญญาทถี่ กู เขียนไวเหมือนเดิมกระน้ัน หรือ? พวกเขากลาววา “ใชแลวอบูฏอลิบ กลาววา” ใครไปแตะหรือหยิบมาเลนบาง? พวกเขากลาว วาไมมีอบฏู อลบิ กกลา ววา หลานของฉนั มุฮมั มดั ไดรับวิวรณจากพระผูเปนเจา ของเขาถาคําพูดของ เขาเปน จริง พวกเจา จะลมเลิกงานนหี้ รือเปลา พวกเขากลา ววา
ไดซิ อบูฏอลิบกกลาวอีกวา “ถาส่ิงท่ีเขาพุดเปนส่ิงโกหก ฉันจะมอบมุฮัมมัดใหกับพวกเจาทันที เพื่อใหพวกเจาขาเขา อบูฏอลิบกลาววา หลานของฉันไดกลาววา ไดมีปลวก มด กัดกินสัญญาน้ัน หมดแลว “ดังน้ัน พวกเขา ไดไปหยิบขอตกลงสัญญาน้ัน ไดเห็นวากระดาษนั้นไดถูกปลวกกัดกิน ยกเวนประโยคที่กลาวถึงพระนามของพระเจา งานครั้งนี้เปนเหตุใหเกิดการตอตานโดยท่ัวไป ใน ท่ีสดุ บนฮี าชมิ กก ลบั ไปชิอฺบุอบฏี อลบิ อกี คร้ังหนึ่ง และอยทู น่ี น่ั จนการปด ลอมส้ินสดุ ลง (๑๗๕) หลังจากการทาํ ลายสญั ญาน้นั ทา นอบูฏอลิบไดแตบ ทกวีหน่ึงเพื่อยกยองผูทําลายสญั ญานั้น ซ่ึงทา นอิบนิฮิชามยงั ไดน ํามาบนั ทกึ ในหนังสอื ประวตั ิศาสตรข องเขาดว ย (๑๗๖) นี่คือตัวอยางท่ีความกังวลของผูกดขี่พวกกุเรช ในการเผยแพรของทานศาสดามุฮัมมัด แนนอนไมสามารถจะอางไดอยางเต็มปากวานี่คือความกังวลที่เกิดผลสะทอนอยางนี้ ซ่ึงไดนํามา บันทึกไว แตจากการยอ นกลบั ไปดตู ําราประวัตศิ าสตรส ามารถจะเรียบเรียงเหตกุ ารณๆไดวา แทจริง จดุ จบของารปดลอ มทางดานเศรษฐกจิ เกดิ ขึ้นในชว งกลางเดือนรอยับ แตทวาการกลั่นแกลงและการทรมานของพวกกุเรชทมีตอมุสลิมไมใชแคเพียงเหตุการณนี้เทาน้ัน แทว าพวกมสุ ลมิ เหลา นัน้ ไดย ืนหยัดครงั้ แลว ครงั้ เลา ดงั เชน การดุถูกกับทานศาสดาวาเปนผูที่อับโชค อัลอับตัร ดังทราอาซบินวอิลไดกลาวกับทานศาสดาวา “ปลอยมุฮัมมัด ไปเถอะ เขาเปนผูไมมี ทายาทเปนหมัน ถาเขาตายเมื่อไหร ทายาทก็ไมมี การเผยแพรน้ันก็จบไปดวย” แลวซูเราะฮอัล เกาษรั กไ ดถ กู ประทานลงมาวา แทจริงอลั ลอฮฺทรงประทานทายาทใหอ ยา งมากมายแกศาสดามุฮัมมัด (๑๗๗)
15 การอสัญกรรมของทา นอบูฏอลิบ การปดลอมทางดานเศรษฐกิจของพวกกุเรชตอศาสดาและสาวกไดถูกทําลายดวยกลุมผูไมหวังดี และมีใจเปนธรรมของพวกเขาเองทานศาสดาและบรรดาสาวกไดหลุดพนจากความเลวรายและ ความทรมานในตาํ บลชิอฺบอุ บีฏอลิบเปนเวลาสามป และพวกสาวกจึงไดกลบั บานเกิดเมืองนอนของ พวกเขาอีกครั้ง ไดซื้อขายสินคาอยางอิสระ และทําใหสภาพการเปนอยูของมุสลิมไดมีความคึกคัก อีกครั้ง แตทันใดนั้นไดเกิดความเสราโสกและระทมทุกขตอทานศาสดา และความเศราโศกนี้เปน การสูญเสียผูปกปองมุสลิมและอิสลาม ซ่ึงเปนเหตุการณที่ไมสามารถจะเปรียบเทียบกับเหตุการณ ใดๆได เพราะวาอิสลามไดพ ัฒนาละกาวหนามาสององคป ระกอบหลกั หนงึ่ ความอิสระทางการเผยแพรและพลังของการไดรับการปกปองจากการโจมตีและกล่ัน แกลง ของศัตรู ดังน้ันเมื่อมุสลิมไดมีโอกาสในการองคประกอบแรกคือ การมีโอกาสในการเผยแพร และอภิบายหลักสาสนายางอิสระน้ัน ทําใหมุสลิมตองสูญเสียองคประกอบที่สอง คือผูปกปอง อสิ ลามทีม่ ีอาํ นาจซึง่ ศตั รไู มกลาจะทาํ อะไร วันน้ันทานศาสดาไดสูญเสียบุคคลสําคัญท่ีปกปองานและอิสลามซ่ึงทานศาสดาไดอยูกับเขามา ตั้งแตอายุแปดขวบ จนกระทั่งเมื่อทานอายุไดหาสิบป เขาผูน้ันตองจากไป โดยที่เขาไดปกปองทาน ศาสดาและอิสลามมาตลอดชวงที่เขามีชีวิตอยู ดว ยกับการอยขู องเขาทําใหแสงจรัสของอสิ ลาม
และจนกระทั่งวันหน่ึงที่ทานศาสดาไดมีอํานาจเขมแข็ง และเขาผุน้ันยังยกทานศาสดาเหนือกวาลูก เองเสยี อกี การสญู เสยี บุคคลสําคัญรี้ ซงึ่ ทานอับดุลมกุฏฏอลิบ (ปูทานศาสดา) ไดมอบมุฮัมมัดใหเขาผูนั้นดูแล และเขาได กลาวบทกวหี น่งึ วา “ ขอสั่งเสียเจา โออับดุลมันัฟ หลังจากนั้น ใหดูแลและปกปองเขาหลังจากที่บิดาของเขา ไดจ ากไป” อบูฏอลิบไดตอบตออับดุลมกุฏฏอลิบ “โอบิดา สําหรับมุฮัมมัดแลวไมจําเปนตอ งสั่งเสียใด อีกแลว เพราะวาเขาคือลูกของฮันคนหนง่ึ และเขากค็ ือลกู ของพ่ชี ายของฉนั ” เปนไปไดจากชวงเวลาหนึ่งท่ีบทบาทของอบูฏอลิบตองปดฉากลงทานศาสดาไดระลึกถึง เหตุการณท่ขี มขืน่ และหวานช่นื (ชวงที่อบฏู อลิบยงั มีอยู) ไดก ลาวกับตัวเองวา ๑) บุคคลท่ียิ่งใหญน้ีไดลวงลับ คือลุงของฉันที่มีเปยมไปดวยความเมตตา ซ่ึงทานไดอยู รวมกับเราในชว งทเี่ ราถูกปดลอมเศรษฐกิจในตําบลชิอฺบุอบีฏอลิบ ซ่ึงทานไดปลุกฉันจากที่นอนให ต่ืน และไดจับมือฉันและทานยังไดเตรียมท่ีนอนใหฉันไดพักผอนอยางสบาย และทานยังไดใหลูก ของทานคืออะลีมานอนที่นอนกับฉัน ทานมีทัศนะยูอยางหนึ่งวา เมื่อไหรท ี่เห็นพวกกุเรชจะทําลาย การนอนหลับของฉัน เขาจะมุงไปท่ีพวกกุเรชทันทีและสงอะลีมานอนอยูกับฉันทันที่เพื่อปกปอง แมกระทั่งคืนหนึ่งที่ลูกของเขาคืออะลี ไดกลาวกับบิดาของเขาวา โอบิดาท่ีรัก ในท่ีสุดแลวฉันคงจะ ไดนอนบนเตียงนน้ั สกั ครง้ั หนง่ึ เพ่ือจะถูกถูกสงั หาร “อบฏู อลบิ ไดตอบกับลุกชายวา “โอลูกรัก การ กระทําทุกอยางคือเครื่องหมายของผูมีปญญา ส่ิงมีชีวิตทุกอยางตองตายท้ังนั้นแหละ ฉันขอมอบ ภารกจิ นใ้ี หก ับเจา ดแุ ล และจงรูวา ส่ิงที่ถูกทดสอบนั้นลําบากและทรมานยิ่ง เจาตองเสียสละดวยการ มีชีวิตอยูท่ีดี เพื่อจะไดดูแลลูกของฉัน (มุฮัมมัด)” และทานอบูฏอลิบไดพุดกับลุกของทานคืออิ มามอะลีดวยคําพูดที่ไพเราะ และใหถือวาคามตายที่ไดอยูเคียงบาเคียงไหลปกปองศาสดา นั่นคือ ความภาคภูมิใจ 2) นี่คือรางท่ีไรว ญิ ญาณผูนี้ คือรา งของลุงของฉนั ทรงเกยี รติย่ิง
และเปน ผูรกั ษาสัญญาน้นั ซึ่งเขาไดย ืนหยดั ปกปองฉนั ถงึ สามปใ น (การปด ลอมเศรษฐกิจ) เขาไดละ ท้ิงความสุขและการอยูอยางสุขสบายกับลูกๆของเขา เขาส่ังใหทุกคนดุแลฉันเม่ือฉัน เขาไดละทิ้ง ตําแหนงความเปนผูยิ่งใหญท้ังหมด คือท้ังหมดของตําแหนงทางโลกไดหมดไปจากตัวเขา และเขา ไดดแู ลฉนั และยังไดสงสาสนท่ีทรงพลังใหพวกกุเรช โดยประกาศใหพวกกุเรชรูวา“เปนไปไมไดท่ี ฉันจะละท้ิงการดูแลเขา(มุฮัมมดั )” คาํ พูดของอบูฏอลบิ ดงั นี้ “โอศัตรูทั้งหลายของมุฮัมมัดพวกเจาอยาคิดเลยวา เราจะปลอยใหมุฮัมมัด(อยูอยางโดด เดียว)ไม เขาจะอยูภายใตวงลอมของเรา และจะอยูกับเราอยางมีเกียรติ และมุฮัมมัดจะถูกปกปอง ดวยอํานาจทรงพลังของบนีฮาชิม” เมื่อความตายของอบูฏอลิบไดอุบัติขึ้น เสียงรอง เสียงรํ่าไหไดดังข้ึนมาจากบานอบูฏอลิบ ไดมีทงั้ มติ รและศตั รไู ดอยูรอบๆบา นของอบฏู อลิบและไดรว มฝง ศพอบูฏอลิบกันทั่วหนา บางตวั อยางจากความดีงามของอบูฏอลบิ ในประวัติศาสตรไดบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับความดีและความเมตตาของอบูฏอลิบไวอยาง เดนชัด ซึ่งไดเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ทานนั้นจะมีจุดยืนหางจากเปาหมายที่เปนวัตถุหรือทรัพยสิน เงนิ ทอง แตทวาไฟแหงความเมตตาและความดีของทานอบูฏอลิบไดตั้งอยูบนพ้ืนฐานที่มีความอี หมานและความบริสุทธิ์ตอการดําเนินชีวิตท่ีดีและความสมบูรณทางดานจิตวิญญาณเกิดขึ้นในตัว ของเขา ดวยกับส่ิงนี้ก็จะจบไปอยางงายๆหรือจบไปเร็ว และดวยกับความดีน้ันก็จะไมสามารถ ทาํ ลายใหหมดไปได แนนอนความเมตตาท่ีอบูฏอลิบ มีตอมุฮัมมัด สามารถวิเคราะหไดสองประเด็นคือ ความอี หรานความสรัทธาของทานอบูฏอลิบ ที่มีตอทานศาสดาซ่ึงถือวาเปนมนุษยที่สมบูรณ และยังเปส หลานของทา นอีกดวยและถอื วาทานศาสดาเปน ลูกของทานคนหนง่ึ จึงมคี วามรักเปน พเิ ศษขึน้ อีก
ทานอบูฏอลิบไดมีความศรัทธาท่ีสะอาดที่จิตใจของทานมีความสะอาดตอทานศาสดา ในชวงเหตุการณท่ีแหงแลง ทานอบูฏอลิบยังไดพาทานศาสดาไปยังสถานท่ีนมาซ และไดมีการ สาบานตอพระเจาในตําแหนงของทานศาสดา แตในทามกลางประชาชนไมไดเห็นภาพเชนนี้ และ ประชาชนไดหางจากความเมตตาน้ัน แมแตทานไดดุอาขอฝน ดุอาของทานไดถูกตอบรับซ่ึงเรื่อง ตําราประวัติศาสตรไดบ ันทึกเรอื่ งนีไ้ วอ ยา งนาทึ้งทีเดยี วดงั นี้ “ในปหนึ่งของชาวมักกะฮฺและประชาชนรอบมักกะฮฺไดรับความแหงแลงที่แปลก ประหลาดมาก ไมมีฝนตกจากฝากฟา และพ้ืนดินแหงแลงพวกกุเรชทุกคนทุกสายตาไดเพงมอง มายังทานอบูฏอลิบ และไดขอรองตอทานอบูฏอลิบอยางจริงใจใหทานไปยังสถานที่นมาซ และให ทา นขอพรจากพระเจาเพื่อใหฝนตกลงมา ดังน้ันทานอบูฏอลิบไดจูงมือมักกะฮฺไปดวยในขณะท่ีอายุ ของทา นศาสดายงั เยาววัย ไดไปแตะท่ตี วั อาคารของกะอฺบะฮฺ และไดยกมอื ข้ึนเงยบนทอ งฟากลา ววา “โอพระผูอภิบาลผูทรงเมตตา ดวยสิทธิ์ของเด็กนอยผูน้ี(ซ่ึงทานไดช้ีไปยังทานศาสดา)ไดโปรด ประทานนํ้าฝนใหกับพวกเราดวยเถิด อยาใหพวกเราไดรับทรมานและความรอนระอุตอไปนี้อีก เลย” บรรดานกั ประวัติศาสตรไดร ับความเห็นเปนเอกฉันทในเร่อื งน้ีวา “ทานอบูฏอลิบในขณะท่ี ไดขอฝนจากพระผูเปนเจา ในทองฟาไมมีเมฆมืดเลยสักกอน แตผานไปไมนาน จะเห็นกลุมเมฆได เคลื่อนกันเขามาเปนกอน และไดปกคลุมดวยเมฆทั่วทองฟาของมักกะฮฺ และไดเกดเสียงฟารอง ฟา แล็บ ฟาฝา น้ําฝนไดตกลงมาอยางไมขาดคิดทั่วท้ังเมืองมักกะฮฺและสถานที่ไกลเคียง ทําใหทุกคน พอใจและมคี วามสขุ กันทัว่ หนา ทา นอบฏู อลิบไดก ลา วบทกวสี รรเสรญิ (๑๗๘) ทานอบูฏอลิบไดมีความลําบากใจและทรมานที่สุดของชวงที่ทานมีชีวิตคือเรื่องของการ ขอรองชาวกุเรชใหนําตัวศาสดามุฮัมมัดใหแกพวกเขา ซ่ึงทานอบูฏอลิบไดรําพันเรื่องนี้เปนบทกวี ดังที่ทานอิบนุฮิชามไดกลาวไวในหนังสือ” เลม ๒ หนา ๒๘๖ เขาไดนําบทกวีและบทรําพันมา บนั ทกึ ไวถึงส่ีบท ในขณะที่อบิ นกุ ะษีร ไดนําลทกวมี าบนั ทึกไวแค
เพยี งสองบท ในหนังสือประวัติศาสตร ของเขา เลม ๓ หนา ๕๒ – ๕๗ และบลกวีของอบูฏอลบิ นั้น มีความไพเราะนา ฟงมาก บางคนถึงกับกลาววามีความไพเราะมากกวาบทกวีของอาหรับในยุคกอน เสยี อกี ไดมีนักเขียนชื่อ อบูฮัฟฟานอับดีไดรวบรวมบทกวีของทานอบูฏอลิบไวในนามของ ดี วานอบูฏอลบิ ถึงสร่ี อ ยยส่ี บิ เอ็ดบท และหนงบทกวีท่ีนาทึ่งคือเหตุการณณการขอดุอาอขอฝน โดยท่ี ทานไดนําศาสดาไปดวย ซ่ึงไดชี้ใหเห็นถึงความศรัทธาของอบูฏอลิบที่มีตอศาสดาและทานยังได กลา วถงึ รศั มีของศาสดามฮุ มั มัดอีกดว ย. มุมหนงึ่ ของการเสยี สละของอบฏู อลิบ บรรดาผูหนาเผาชาวกุเรช ไดมารวมตัวประชุมกันท่ีบานของอบูฏอลิบ ซ่ึงในคร้ังนั้นทาน ศาสดาอยูด ว ย ทา นอบฏู อลบิ ไดกลา วโตต อบพวกกุเรชในการปกปอ งทา นศาสดา อยงหนักแนน ทําใหหัวหนาของพวกกุเรชตองลุกออกจากบานไปท้ังๆท่ียังไมไดผลสรุปของการ เจรจา ทาํ ใหทานอุกบะฮฺ บนิ อบีมุอีฎ ไดพูดข้ึนเสียงดังวา “ ปลอยใหอบูฏอเล็บอยูสภาพอยา งน้ันไป เถอะ เตือนขอเสนอแนะของเราไมมีผลอะไรหรอก ดังน้ันจําเปนตองฆามุฮัมมัดเสีย เพื่อจะใหทุกๆ อยางจะไดจ บลง” เมอื่ อบฏู อลิบไดย ินประโยคน้ัน ทานโมโหอยางหนัก แตจะทําอยางไรได พวกกุเรชที่มาคือ แขกของทาน ทานศาสดาจึงออกจากบานอบูฏอลิบทันที และไมกลับมาบานอีก ไดเดินไปทาง ตะวนั ตก และบันดาลุงของทานศาสดาไดมุงไปยังอบฏู อลิบ แตไมมีรอยรอยของทานศาสดา ทันใด น้ันอบูฏอลิบ ไดพูดถึงคําพูดของอุกบะฮฺ เขาไดพูดกับตัวเองวา แนนอนพวกกุเรชตองไปฆาหลาน ของฉันอยางแนน อน ดวยกับความคิดเชนน้ัน อบูฏอลิบจึงกลาววา ถาเปนเชนนั้นฉันจะลางแคนกับฟรอูนแหง มักกะฮฺ เขาจึงเชิญลูกหลานของบนีฮาชิมและอับดุลมุฏฏอลิบมา และไดส่ังใหทุกคนเตรียมอาวุธให พรอม โดยซอนไวใตเส้ือและเขาไปมัสญิดฮะรอมพรอมกัน โดยใหแตละคนไปนั่งประกบกับ หัวหนา
ของพวกกุเรช และเมือไดยนิ เสียงของทานอบูฏอลิบท่ีวา “โอพวกกุเรชเราตองการมุฮัมมัดคืน” ให ทุกคนลุกข้ึนมาจากสถานที่ของตนทันที และใหสังหารคนที่น่ังอยูใกล จนกระท่ังพวกเขาถูกฆา ท้ังหมด” ทานอบูฏอลิบไดเตรียมพรอมจะปฏิบัติการทันใดที่ทานซัยด บินฮาริษะฮฺ ไดเขามาในบาน ไดเห็นบนฮี าชิมเตรียมพรอมกันทุกคน ดวยความแลกใจมาก ไมกลาจะปริปากพูดอะไร จึงกลาววา ไมมีใครพบมุฮัมมัดเลยหรือ? ในขณะเดียวกันท่ีศาสดาไดทําการเผยแพรศาสนาท่ีบานมุสลิม คน หนึ่งมีคนว่ิงไปสงขาวใหทานศาสดารู ทานไดรับขาวถึงการตัดสินใจที่เปนอันตรายของอบูฏอลิบ ดังนน้ั ทา นไดร บี ขีม่ า มายังบา นทนั ที ดวงตาของอบูฏอลิบได มองมายังศาสดาอยางเปน หว ง ถึงกบั นํ้าตาไหลจากนั้นทานอบูฏอลิบกลาววา “เจาไปไหนมาโอหลานรัก เจาสบายดีหรือเปลา?” ทาน ศาสดาไดต อบลงุ ของทานวา “ไมม ีใครไดรบั การกดข่ีหรือทาํ รายเลย” ตลอดท้ังคืนอบูฏอลิบไดครุนคิดวา ต้ังแตพรุงน้ีเปนตนไปขาจะไมใหมุฮัมมัดเปนเปาของ ศัตรูอยางเด็ดขาด แตทวาพวกกุเรชตราบเทาที่ยังไมไดฆามุฮัมมัด พวกเขาจะไมหยุดแน ดัง นั้นอบูฏอลิบจึงตัดสินใจวาพรุงน้ีจะเขาไปรวมกลุมประชุมกับชาวกุเรช ที่มัสญิดฮะรอม พรอมกับ นําเด็กหนุมบนีฮาชิมและลูกหลานของอับดุลมุฏฏอลิบไปดวย พรอมจะประกาศใหพวกกุเรชรูถึง การตัดสินใจของลูกหลานอับดุลมุฏฏอลิบ เพ่ือพวกน้ันจะไดรูสํานึกเสียบาง จะไดลมเลิกการ วางแผนสังหารทานศาสดา เมื่อแสงอาทิตยคลอยลง เปนเวลาที่ชาวกุเรชจะมารวมตัวกัน จึงเดินไป ยังสถานที่ชุมนุมในขณะนั้นการพูดคุยยังไมไดเริ่มข้ึนชาวกุเรชเห็นใบหนาของอบูฏอลิบมาแตไกล พรอมเด็กหนุมลูกหลานของอับดุลมุฏฏอลิบรวมมาดวย พวกกุเรชไดเปดทางใหกับบนีฮาชิม และ เฝามองดุวา อบูฏอลิบจะพดู อะไร? และมาเพื่ออะไร? อบูฏอลิบไดยินตอหนาฝูงชนชาวกุเรชแลวกลาววา “เมื่อวานมุฮัมมัดไดหายไปจากสายตา เราหลายช่ัวโมง ขาคิดวาพวกเจาจะปฏิบัติตาม คําพูดของอุกบะฮฺและจะฆามุฮัมมัด ดังน้ันเราได ตัดสินใจพรอมกับเด็กหนุมเหลานี้จะเขามายังมัสญิด และขายงั ไดส่ังใหแตละคนไปนั่งใกลกับพวก ทา น
เม่ือใดท่ีเสียงของขาไดดังข้ึน พวกเด็กหนุมจะลุกขึ้น และฆาพวกเจาทันทีดวยกับดาบที่ซอนมาใต เส้ือ แตทวาโชคดีที่มุฮัมมัดยังมีชีวิตอยูและเขาไดรับการกล่ันแกลงจากพวกเจาแตอยางใด หลังจาก น้ันขาไดส่ังใหเด็กหนุมเหลานั้นปลดอาวุธ และขาจะขอพุดแคนี้และขอกลาวคําสุดทายวาขอ สาบานตอพระเจา ถาพวดเจา ฆา มุฮมั มดั ขาจะไมใหพวกเจามีชีวิตเหลือสักคน และขาจะทําสงคราม กบั พวกเจาจนชีวิตจะหาไม. ...” โอผ อู านทีเ่ คารพ ถาหาดทา นไดพ จิ ารณาเรื่องรางในหนาประวตั ศิ าสตรเรื่อง ชีวประวัติของ ทานอบูฏอลิบทานจะพบวาทานอบูฏอลิบไดชวยเหลือปกปองทานศาสดาเปนเวลาถึงสี่สิบสองป โดยเฉพาะอยางยิ่งสิบปสุดทายของชีวิตอบูฏอลิบ ซึ่งตรงกับชวงแตงต้ังศาสดา มุฮัมมัด(มับอัษ)ได แสดงใหเห็นถึงความเสียสละและการอุทิศตนในการชวยเหลือ ทานศาสดาซึ่งถือไดวาเปนปจจัย สําคัญอันหน่ึงที่ทําใหทานศาสดามีความมั่นคงและเขมแข็งสามารถยืนหยัดอยูได ซึ่งดวยกับพลัง แหงศรัทธาและอิหมานของอบูฏอลิบท่ีมีตอตําแหนงศาสดาและเปนการศาสดาของมุฮัมมัดถานํา การเสียสละและความชวยเหลือของทานอะลี ซึ่งเปนบุตรมารวมกับผูเปนบิดาท่ีมีตอทานศาสดา มุฮัมมัดแลวพบวา บทกวีท่ีทานอิบนิอะบิลฮะดีดไดนํามาบันทึกไวชางย่ิงใหญและเปนจริงเสีย เหลอื เกนิ ซง่ึ ขอนาํ บทกวนี ้นั มากลา วบางบทดังน้ี หากไรอ บูฏอลบิ กับบุตรแลวไซร ก็จะไรศ าสนาเชนศาสดาท่ยี นื เดน น่นั มกั กะฮเฺ ขาปกปอ งเกือ้ หนุนอยางชดั เจน ยัษรบิ นีก้ ็เหน็ ลูกชายยอมตายแทน(๑๗๙) หลกั ฐานความมีศรทั ธาของอบูฏอลิบ สามารถจะวิเคราะหแ นวคดิ และความเชอื่ ของคนใดคนหนง่ึ ดวยสามวิธีดังน้ี ๑.วิเคราะหผ ลงานทางดา นวิชาการทไี่ ดจารกึ ไว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322