24 การปกปอ งอสิ รภาพ สงครามอุฮุดหรอื การปกปอ งอิสรภาพ ณ เทอื กเขาอุฮดุ เหตุการณใ นป ฮ.ศ. ที่ 3 น้ี ใชวาจะตื่นเตนนอยไปกวา ฮ.ศ. ท่ี 2 ไม กลาวคือ ในป ฮ.ศ. ท่ี 2 มีเหตุการณสมรภูมิบะดัรเกิดขึ้น พอปตอมา ก็เกิดเหตุการณสมรภูมิอุฮุด ซ่ึงทั้งสองเหตุการณถือ เปนการทําสงครามปกปองตนเองที่ย่ิงใหญของอิสลาม และในระหวางปดังกลาวน้ันก็มีสงคราม ยอ ยเกิดขึน้ อกี (๓๐๑) ณ ทีน่ ้ีเราจะตรวจสอบเหตกุ ารณสงครามอฮุ ุดดังนี้ กเุ รชรวบรวมกองทนุ สําหรบั ทาํ สงคราม เมล็ดพันธุแหงการปฏิวัติและการตอตานไดถูกฝงเอาไวในเมืองมักกะฮฺแลว การหาม รองไหทาํ ใหความรูสึกของการลางแคนข้ึนถึงขดี สุด การปดเสนทางการคาของชาวมักกะฮฺระหวาง มะดีนะฮฺและอิรักยิ่งสรางความเจ็บช้ําใหคนพวกน้ี กะอับอัชร็อฟก็ไดจุดไฟแหงการปฏิวัติเอาไว แลว ดวยเหตุนี้เองที่ศ็อฟวานบินอุมัยยะฮฺ และอักริมะฮฺ บินอบูญะฮัล ไดเสนอความเห็นไปยังอบู ซุฟยานวา “ผูนําชาวกุเรชและผูกลาของเราอีกหลายคนไดถูกสังหารไปในแนวทางแหงการปกปอง กองคาราวานคาขายของพวกเรา ฉะนั้นใครก็ตามท่ีมีกองคาราวานสินคาที่พรอมขายจะตองจายเงิน กอน
หน่งึ สมทบเปนกองทุนสาํ หรับการทําสงครามคร้งั ใหม” ความเห็นดงั กลาว ไดรับการรับรองจากอบู ซฟุ ยาน และเสนอวา ตองทําอยา งเรง ดว น หัวหนาเผากุเรชหลายคนท่ีไดเคยประจักษความแข็งแกรงของมวลมุสลิม เห็นความกลา หาญท่ีไดสําแดงออกในคราวสมรภูมิบะดัร ดวยตัวเอง พวกเขาจึงไดเสนอวา จะตองมีการเรียกกอง กาํ ลงั ที่พรอ มรบอนั ประกอบดว ยชนเผาตางๆ ของอาหรบั เพอ่ื การตอ กรกับมุฮมั มดั อัมรว อาศและอีกหลายคนไดรับหนาที่ใหไปรวบรวมกองกําลังจากชนเผากินานะฮฺ และษะกีฟ พรอมกับความชวยเหลืออ่ืน อีกทั้งเชิญชวนใหนักรบประจําเผาเตรียมอาวุธให พรอมสรรพสําหรับการทําสงครามกับมุฮัมมัด โดยใหสัญญาวา กองทุนสําหรับการทําสงครามและ คาใชจายสําหรับการเดินทางไปทําสงครามน้ันเปนหนาที่ของเผากุเรช ภายหลังจากที่ไดพยายาม อยางหนัก พวกเขาก็สามารถรวบรวมนักรบที่มาจากเผากินานะฮฺ และ ตุฮามะฮฺ ไดจํานวนหน่ึง ซึ่ง กองทหารท่รี วบรวมไดในคร้งั น้มี ีจํานวนประมาณ 4000 คนท่พี รอ มจะออกทาํ สงคราม(๓๐๒) จํานวนท่ีกลาวนี้เปนจํานวนของผูชายท่ีเขารวมในศึกครั้งนี้เทานั้น ซ่ึงถารวมผูหญิงเขาไป ดว ยแลว ตอ งมีจํานวนมากกวาน้ี ธรรมเนียมปฏิบตั ิของชาวอาหรับจะไมอ นุญาตใหผหู ญิงออกไปรบ แตพอมาครั้งนี้ผูหญิงชาวกุเรชท่ีบูชาเจว็ดกลับมายืนเคียงบาเคียงไหลกับผูชายเพื่อทําสงครามกับ มวลมุสลิม หนาที่พวกนางก็คือคอยล่ันกลองรบทามกลางกองทหารและคอยอานบทลํานําปลุกใจ ใหพ วกทหารลา งแคน ใหสาํ เร็จ พวกเขาไดเตรียมผูหญิงเอาไวเพื่อปดทางการหลบหนีจากสนามรบของพวกผูชาย เพราะ เม่อื พวกเขาหลบหนีออกจากสนามรบ พวกผูหญิงก็ตองถูกจับเปนเชลย ลักษณะเชนน้ีถือวาเปนการ หยามเกียรติอยางที่สดุ ในวฒั นธรรมอาหรับ พวกทาสของชาวกุเรชหลายคนก็มีสวนรวมในสงครามคร้ังนี้ดวย โดยมีความหวังหลาย ประการรออยู วะฮฺชี อิบนิฮัรบฺ ซึ่งเปนทาสชาวอบิสสิเนียของมุฏอิม ก็เปนทาสคนหน่ึงท่ีมี ความสามารถในการทําอาวธุ
ท่ีใชในการตอสู เชน ลูกดอก พวกเขาไดใหความหวังกับทาสคนนี้วา หากเขาสามารถสังหารผู ย่ิงใหญของอิสลามเพียงหนึ่งในสามคนนี้ (คือมุฮัมมัด อะลี และฮัมซะฮฺ) เขาก็จะไดรับการ ปลดปลอยใหเปนไท แลวในท่ีสุด หลังจากท่ีไดผานความยุงยากนานับประการ กองทหารของชาว กุเรชก็ถูกจัดต้ังข้ึนดวยจํานวนดังน้ี เกราะ 700 อูฐ 3000 ตัว ทหารมา 200 คน และพลเดินเทาอีก จํานวนหน่ึง สายขา วของทา นศาสดา ทานอับบาส ลุงของทานศาสดา (ศ.) ซึ่งเปนมุสลิมแทคนหน่ึง แตไมอาจเผยตัวตนวาได ยอมรับศาสนาอิสลามแลว ไดแจงขาวการเคล่ือนไหวการสะสมกองกําลังของพวกกุเรชใหทาน ศาสดา (ศ.) รับทราบ โดยทานอับบาสไดเขียนจดหมายดวยลายมือตัวเองพรอมลงตราประทับ มอบ จดหมายใหชายคนหน่ึงจากตระกูลบนูฆ็อฟฟารเปนผูถือจดหมายมามอบใหทานศาสดา (ศ.) โดย กําชับวาตองสงจดหมายใหถึงมือทานศาสดา (ศ.) ภายในสามวัน ผูถือจดหมายนําจดหมายมาสงใน ขณะท่ีทานศาสดา (ศ.) อยูในสวนนอกเมือง หลังจากท่ีทําความเคารพแลว ก็ไดมอบจดหมายปด ผนึกใหท านศาสดา (ศ.) ทานศาสดา (ศ.) รับรจู ดหมายดังกลาว แตไมไดบอกเรื่องราวในจดหมายให สาวกรบั ทราบแตประการใด(๓๐๓) อัลลามะฮฺมัจญลิซี รายงานจากทานอิมามศอดิก (อ.)(๓๐๔) ความวา ทานศาสดาผูทรงเกียรติ นั้นเขียนหนงั สอื ไมไ ด แตอ านจดหมายได อันท่จี ริงแลว ทานศาสดา (ศ.) ตองแจง ขาวคราวความเคล่ือนไหวของศัตรูใหสาวกของทาน รับทราบ ซ่ึงก็เปนไปตามนั้น กลาวคือ เมื่อทานกลับเขามาในเมืองแลว ทานก็ไดอานจดหมายให พวกเขารับทราบกนั การเคลื่อนไหวของทหารกุเรช กองทหารกุเรชเดินทางเรื่อยมาจนกระท่ังถึงบริเวณหนึ่งที่มีชื่อ เรียกวา อับวาอฺ ซ่ึงเปน บริเวณทท่ี า นหญงิ อามินะฮฺ มารดาของทานศาสดา (ศ.)
ถูกฝงอยูท่ีน่ัน มีชายหนุมปญญาออนบางคนของกุเรชชี้ชวนใหขุดหลุมฝงศพของทานหญิง แลว นําเอารางออกมา แตพวกท่ีคิดไดอีกหลายคนไดหามเอาไว โดยเตือนสติวา ตอไปอาจมีการบันทึก เอาไว แลวศตั รูของพวกเราก็ตองกระทาํ เยย่ี งน้ีกับหลมุ ฝง ศพของบรรพบรุ ษุ ของเราได ในค่ําพฤหสั บดที ี่ 5 เดือนเซาวา ล ฮ.ศ. 3 ทานศาสดา (ศ.) ไดสงอะนัซและมูนิซ บุตรทั้งสอง ของฟะฎอละฮฺ ออกไปนอกเมืองมะดีนะฮฺ เพ่ือหาขาวพวกกุเรช ทั้งสองแจงกลับมาวา กองทหาร กุเรชใกลถึงเมืองมะดีนะฮฺ แลว โดยปลอยสัตวพาหนะของพวกเขากินในทุงหญาเมืองมะดีนะฮฺ ฮับ บาบ บินมุนซิ้ร แจงขาววา กองทหารสวนหนาของกุเรชเขาใกลเมืองมะดีนะฮฺแลว ตอนสายของวัน พฤหสั บดมี ีการแจงขาวเพิ่มเติมวา กองทหารสวนหนาของกุเรชไดเ ขามาถงึ เมอื งมะดีนะฮฺแถบภูเขาอุ ฮุดแลว ชาวมุสลิมกลัววาชาวกุเรชจะลอบเขามาทํารายทานศาสดาในตอนกลางคืน จึงไดมีการ เตรียมกองกําลังของพวกเอาซฺและค็อซร็อจญใหถืออาวุธครบมือปองกันมัสญิดไวพรอมกับสงคน คมุ กันบานทา นศาสดาจากทกุ ประตเู มือง เมือ่ ถึงตอนเชาคอ ยมาวางแผนการตอ สูตอ ไป ภมู ปิ ระเทศแถบอุฮุด วาตีอลั กุรอ คือ ช่ือบริเวณหุบเขากวางยาวและใหญซึ่งเปนทางผานของกองคาราวานสินคา ท่ีเดินทางมาจากซีเรีย ในอาณาบริเวณนี้ถูกจับจองเปนท่ีอยูอาศัยของชนเผาตางๆ ทั้งที่เปนอาหรับ และยิว ตลอดเสนทางจึงเต็มไปดวยหมูบานเล็กๆ ซึ่งใชกอนหินเปนเสนแบงอาณาเขต ศูนยกลาง ของหมูบานเหลาน้ีก็คือยัษริบ ซึ่งภายหลังไดรับการขนานนามวา มะดีนะตุลรอซูล (เมืองของทาน ศาสดา) ทุกคนท่ีเดินทางมาจากมักกะฮฺเพ่ือเขาไปยังมะดีนะฮฺจําเปนตองเดินทางผานทางทิศใตของ เมืองนี้ แตเนื่องจากอาณาบริเวณดังกลาวเต็มไปดวยโขดหิน การเคลื่อนยายกองกําลังและสัมภาระ จะเต็มไปดว ยความยากลาํ บาก กองทหารของกุเรชเมือ่ เดนิ ทางมาใกลเ มอื งมะดนี ะฮฺ จึงตองเบีย่ ง
เสนทางออกไป โดยไปเขา เมืองจากทางดานทิศเหนือ ทเ่ี รียกวา วาดีอะกีก ซ่ึงต้ังอยูแถบบริเวณเขาอุ ฮุด อาณาบริเวณน้ีเหมาะสมสําหรับการเตรียมการทางทหาร (สําหรับการจูโจมตี) ซ่ึงสําหรับ ชาวเมืองมะดีนะฮฺ แลว ถือเปนชัยภูมิท่ีอันตรายยิ่งเพราะไมมปี อมปราการตามธรรมชาติ เชนตนไม ใหญเลย อกี ทัง้ เปน บริเวณโลง เตยี น กองกําลังของกุเรชเดินเทามาถึงบริเวณเขาอุฮุดในตอนสายของวันพฤหัสบดีที่ 5 เดือนเชา วาล ฮ.ศ. 3 ตลอดคํ่าวันศุกรนั้นทานศาสดา (ศ.) พํานักอยูในเมืองมะดีนะฮฺ พอรุงเชาของวันศุกร ทานจึงไดจดั ต้งั กองกําลงั ท่ปี รกึ ษาทางทหารข้นึ ซง่ึ ประกาศใหห ัวหนากองกําลังตางๆ และท่ีปรึกษา ทางทหารเพื่อรว มประชุมปรกึ ษาหารอื และวางแผนเกีย่ วกับการสรู บกับพวกกเุ รช การประชมุ วางแผนปองกนั ทานศาสดา (ศ.) ไดร ับพระบัญชาจากอัลลอฮ (ซ.บ.) ใหทําการปรึกษาหารือกับมิตรสหาย ของทานในเรื่องการทหารและอ่ืนๆ โดยใหรับฟงแนวคิดของพวกเขาเพ่ือการตัดสินใจของตัวทาน เอง จากวิธีการดังกลาวนี้เองท่ีถือเปนแนวปฏิบัติอันยิ่งใหญสําหรับผูปฏิบัติตามทานสรางวิญญาณ แหงการมีสวนรวมและรักษาสิทธิของตนเองใหบังเกิดข้ึนในหมูมิตรสหายของทาน สวนประเด็น ที่วา ทานศาสดา (ศ.) ไดประโยชนจากการปรึกษาหารือดังกลาวหรือไม ? ทานศาสดา (ศ.) ได แนวคิดจากการออกความคิดเห็นของพวกเขาหรือไม ? น้ันเปนประเด็นที่บรรดานักปราชญและ นกั การศาสนาดา นการตอบโตป ญหาหลักความเช่อื ไดใหค าํ ตอบไวอยา งพรอ มมลู แลว ผูใดสนใจหา คําตอบกส็ ามารถอา นจากหนงั สอื ดังกลาวได( ๓๐๕) การประชุมปรึกษาหารือเหลาน้ีเปนแนวทางและวิธีการท่ีมีอยูในยุคปจจุบันซ่ึงทําใหหวน รําลกึ ถงึ เกียรตปิ ระวตั ใิ นดา นนีข้ องทานศาสดา แนวทางดังกลาวสรางผลเปนเอนกอนันตถึงขนาดท่ี ผูปกครองอิสลาม ในยุคถัดมาลวนนําเอาวิธีการนี้ไปใช อีกท้ังไมอาจปฏิเสธแนวคิดอันทรงคุณคา ของ
ทานอะมีรุลมุอมินีนอะลี (อ.) ท่ีไดใหแงคิดในเร่ืองการทหารและการแกปญหาสังคมอ่นื ๆ ตลอดยุค สมยั ภายหลังทานศาสดา(๓๐๖) สภาที่ปรึกษาทางทหาร ทานศาสดา (ศ.) ไดกลาวทามกลางท่ีประชุมใหญซ่ึงประกอบดวยหัวหนากองกําลังและ ทหารหาญชั้นแนวหนาของอิสลามวา จงใหคาํ ชี้แนะแกฉัน ซ่ึงใหความหมายวา “โอบรรดาหัวหนา และทหารหาญโปรดแสดงความคิดเห็นของตนเอง เพ่ือการพิทักษปกปองความศักดิ์สิทธ์ิของ ศาสนาท่นี ับถือพระเจา องคเ ดยี วซ่ึงกําลงั ไดรบั การขม ขูค กุ คามจากทหารกุเรช” อับดุลลอฮฺ บินอุบัย ซ่ึงเปนพวกมุนาฟก (กลับกลอก) คนหน่ึงของเมืองมะดีนะฮฺ ไดเสนอ ความเห็นใหใชวิธีการหลบในท่ีกําบัง จุดมุงหมายของวิธีการน้ีก็คือ มุสลิมจะตองไมออกไปนอก เมืองมะดีนะฮฺ ใหใชบานเรือนและอาคารเปนเกราะกําบัง โดยใหพวกผูหญิงขึ้นไปบนหลังคา แลว หาทางขวางกอนหินใสศัตรู สวนผชู ายกใ็ หสกู ันตัวตอ ตวั กบั ศตั รู ตอไปน้ีเปนคําพูดของเขา “แตกอนนี้เราเคยใชวิธีหลบในที่กําบังโดยผูหญิงตองเขามามี สว นรว มชวยเราจากบนหลงั คา จากวธิ กี ารนช้ี าวเมืองทั่วไปก็ยงั คงปลอดภัยอยู ศตั รูซึง่ ยังไมรูจักทาง กไ็ มอ าจทําอะไรเราได และเมื่อเราจโู จมกลับในเวลาใด เราก็สามารถกําชัยชนะได แตถาเราออกไป นอกเมืองเรากต็ องพบกับอันตราย” พวกอาวุโสและคนชราที่เปนชาวอันศอรและมุฮาญ้ิรลวนเห็นดวยกับความคิดของเขา แต บรรดาคนหนุมโดยเฉพาะพวกท่ีไมไดออกรวมรบในสมรภูมิบะดัรลวนแสดงความเห็นแยง โดย พยายามโนมนาวใหท่ีประชุมเห็นความสําคัญของการออกไปสูรบ พวกเขายืนกรานความคิดของ ตนเองอยางเด็ดเด่ียว โดยพวกเขากลาววา “วิธีการสูเชนน้ีจะเปนเหตุใหเกิดความฮึกเหิมในหมูศัตรู เกียรติประวัติของมวลมุสลิมในสมรภูมิบะดัรยอมสูญส้ินไป มันมิไดเปนความนาอดสูดอกหรือท่ีผู กลาหาญและผูเสียสละของพวกเราจะนั่งจับเจาอยูแตในบาน แลวปลอยใหศัตรูของตนเองรุกล้ําเขา มาใน
บานของตน ในสมรภูมิบะดัรดวยกองกําลังอันนอยนิดของเราก็สามารถ กําชัยชนะได เราตางก็รอ คอยวันน้ีมใิ ชห รือตอนนีถ้ งึ เวลาแลว” ทา นฮัมซะฮฺ ผูบ งั คับบัญชาระดับสงู ของกองทหารหาญอสิ ลาม กลาววา “ขอสาบานตอพระ เจา ซง่ึ ประทานอลั กุรอานลงมา ฉันจะยังไมก ินอะไรจนกวา จะไดอ อกไปรบกับศตั รูนอกเมอื ง” นคี่ ือบทสรปุ ทีก่ องทหารหาญของอสิ ลามตอ งออกไปรบนอกเมอื ง(๓๐๗) จบั สลากเพอ่ื เปนชะฮีด ชายแกหัวใจแกรงคนหนึ่งนามวา คุษัยมะฮฺ ลุกขึ้นยืนแลวกลาววา “โอทานศาสดา พวก กเุ รชดาํ เนนิ การในเรอ่ื งน้เี ปนเวลาขวบปแ ลวและสามารถรวบรวมเผา อาหรับตางๆ มาได หากเราไม ออกไปรบนอกเมือง พวกมันก็อาจลอมเมืองมะดีนะฮฺไว และในท่ีสุดก็ตองลาถอยกลับไปมักกะฮฺ เอง แตวิธีการน้ีก็ย่ิงสรางความฮึกเหิมใหกับพวกมัน และเราก็ไมมั่นใจวาพวกมันจะไมยอนกลับมา อีก ขาพเจา เคยอดสูมาคร้ังหน่ึงแลวท่ีไมมีโอกาสไดเขารวมรบในสมรภูมิบะดัร ทั้งๆ ท่ีขาพเจา และลูกตางก็มีความประสงคที่จะออกรบใหได เราท้ังสองตางก็อางเหตุผลมาหักลางเพื่อจะได ออกไปรบ ในท่ีสุดเปนลูกชายของขาพเจาที่ประสบผล สวนขาพเจาน้ันไมไดไป ขาพเจากลาวกับ ลกู ชายของขา พเจา ในคร้งั นนั้ วา เจา ยงั หนมุ อยู ยังมีความตองการและความปรารถนาอีกมากมาย เจา นาจะใชความหนุมของเจาไปในวิถีทางของอัลลอฮฺ สวนอายุของพอนั้นก็มากแลว อนาคตจะเปน เชนไรก็ไมรู จึงจําเปนที่พอตองออกไปรบ (ในสมรภูมิบะดัร) แลวเจาก็เขามารับหนาที่ดูแลภารกิจ อน่ื ของพอ แตการรบเราและความปรารถนาอยางแรงกลาของลูกชายของขาพเจามีมากเสียจน เราตอง ตัดสนิ ใจใชวธิ ีจบั สลาก และแลว ช่อื ของเขาก็ถกู จับขนึ้ มา เขาออกไปรบและไดร ับตาํ แหนงชะฮีดใน ท่ีสดุ เมอ่ื คืนน้มี กี ารพดู ถงึ เร่อื งการลอ มเมอื งมะดีนะฮฺ ขา พเจาหลบั ไปพรอมกบั แนวคิดน้ี ขาพ
เจาเห็นลูกชายของขาพเจาในฝน เขากําลังเดินอยูในสวรรคพรอมกับ รับประทานผลไมหลากสีอยู เขาตะโกนดวยนํา้ เสียงอนั แสดงถงึ ความรกั ความปรารถนาดีมายังขาพเจาวา พอ จา ลกู รอพอ อยูนะ “ทานศาสดาครับ เคราของขาพเจาขาวโพลนแลว กระดูกก็ออนแรงเต็มที ขาพเจาขอรอง ทานใหข อตอ พระผอู ภิบาลวา ไดโ ปรดประทานตําแหนง ชะฮีดใหแกข า พเจาดว ย”(๓๐๘) พวกทานคงเคยเห็นเหลาผูหาญกลาเชนน้ีในหนาประวัติศาสตรอิสลาม แนวคิดท่ีไรซ่ึง ความเชื่อความศรัทธายอมไมอาจท่ีจะสรางคน เฉกเชน คุษัยมะฮฺได จิตวิญญาณอันหาญกลาและ ความเสียสละน่ีเองท่ีทําใหทหารของอิสลามแสวงหาตําแหนงชะฮีดดวยนํ้าตาเพื่อความสูงสงแหง แนวทางอันเปนสัจจะและศาสนาแหงเตาฮีด มันไมอาจหาสิ่งนี้ไดจากแหลงอื่น นอกจากตาม แนวทางคําสอนของทานศาสดาเทาน้ัน ในประเทศอุตสาหกรรมท้ังหลายเวลาน้ี ซึ่งใหความสําคัญ กบั สภาพความเปน อยูข องทหาร นายทหาร และกองกําลังของตน ดวยเหตุที่วาคนเหลาน้ีมีเปา หมาย ในการรบและการทําสงครามเพ่ือความเปนอยูที่ดียิ่งข้ึน แตตามแนวทางคําสอนของศาสดาแหง อิสลามนั้น การตอสูเพื่อความพึงพอพระทัยของพระเจา ซึ่งหากเปาหมายนี้ซอนอยูที่การพลีชีพใน วิถที างของศาสนาแลว ละกท็ หารหาญของอิสลาม ก็ไมล ังเลทจี่ ะแลกดว ยชวี ติ (๓๐๙) มติท่ปี ระชมุ ทา นศาสดา (ศ.) ยอมรับเสียงสวนใหญของท่ีประชุมท่ีมีมติใหออกไปรบนอกเมืองมากกวา ท่ีจะใหคอยตั้งรับอยูในเมืองและสูกันแบบตัวตอตัว คงเปนส่ิงที่ไมเหมาะสมหากที่ประชุมจะมีมติ เห็นดเี หน็ งามตามความเห็นของอับดลุ ลอฮฺอบุ ัยซึ่งเปนพวกมุนาฟก ท่ีอยูในเมืองมะดีนะฮฺ ก็ในเม่ือผู บญั ชาการกองกาํ ลังในสวนตา งๆ เชนทา นฮมั ซะฮฺและทานซะอัดอบิ าดะฮมฺ ีความเห็นสอดคลองกนั
ย่ิงไปกวาน้ัน การตอสูแบบตัวตอตัวในตรอกซอกซอยอันคบั แคบของเมืองมะดนี ะฮฺ การมี สว นรวมของสตรีที่ตองคอยปอ งกนั บุรุษ และการเปดทางสะดวกใหศัตรูรุกเขามาในเมืองน้ัน แสดง ใหเห็นถึงความออนแอของมุสลิมซึ่งเทียบไมไดเลยกับสภาพเหตุการณที่เคยเกิดข้ึนในสมรภูมิ บะดรั การปดลอมเมืองมะดีนะฮฺ การรุกเขามาของศัตรูตามตรอกซอกซอย การหลบอยูในท่ีมั่นของทหาร หาญอิสลามน้ันยอมบ่ันทอนวิญญาณแหงความกลาของเหลาบุรุษท่ีพรอมพลีตนในวิถีทางแหง อิสลาม อบั ดุลลอฮอฺ ุบยั นาจะมีเจตนาไมด ตี อ ทานศาสดา (ศ.) และต้งั ใจทจ่ี ะจัดการทาน (ศ.) ทา นศาสดา (ศ.) สวมชุดนกั รบ หลังจากที่ไดกําหนดวิธีการรบเปนท่ีเรียบรอยแลว ทานศาสดา (ศ.) ก็ไดกลับไปบาน จัดการสวมเสื้อเกราะ ถือดาบ แขวนโลไวขางหลัง สะพายคันธนู และถือหอกในมือ แลวออกจาก บานไป ภาพเชนนี้สรางความตกตะลึงใหกับมุสลิม บางคนคิดวา การรบเราของพวกเขาท่ีจะให ออกไปรบนอกเมืองน้ันอาจสรางความไมพอใจใหกับทานศาสดา (ศ.) และเปนการบีบบังคับทาน ทางออม พวกเขาเลยกลาวออกตัววา “พวกเราเชื่อตามความเห็นของทานในวิธีการรบเสมอ หาก ทานคิดวาไมเหมาะท่ีจะออกไปรบละก็ เราก็จะอยูท่ีนี่” ทานศาสดา (ศ.) ตอบพวกเขาวา “เมื่อศาสน ทูตคนใดไดสวมเสื้อเกราะแลว ก็เปนการไมบังควรที่เขาจะถอดมันออกจนกวาจะไดตอสูกับศัตรู เสียกอน”(๓๑๐) ทา นศาสดา (ศ.) ออกจากเมืองมะดนี ะฮฺ ทา นศาสดา (ศ.) ไดนมาซมุ อะฮฺแลว สั่งใหเคลื่อนกองกําลังซึ่งมีจาํ นวนประมาณ 1000 คน ไปยังอุฮุด ทาน (ศ.) ไมอนุญาตใหเยาวชนที่อายุยังนอยอยูเชนอุซามะฮฺ ซัยดฺบินฮาริษะฮฺ และอับ ดลุ ลอฮบฺ ินอุมัรออกไปรบ แตก็มีเยาวชนสองคนที่อายยุ ังไมค รบ 15 ปช ื่อ ซูมเราะฮฺ และ รอฟอ ไฺ ดมี
โอกาสเขารวมรบในคร้ังน้ี ก็เพราะวาถึงแมทั้งสองจะอายุยังนอยอยูแตมีฝมือในดานการยิงธนูเปน เย่ยี มนน่ั เอง ทามกลางสถานการณเชนน้ี ชาวยิวกลุมหน่ึงซ่ึงมีสัญญาลับอยูกับอุบัยไดตัดสินใจท่ีจะเขา รวมตอสูดวย แตเพื่อความเหมาะสมทานศาสดา (ศ.) จึงไมอนุญาตพวกเขา เม่ือกองทหารอิสลาม เดินทางไปไดคร่ึงทางถึงบริเวณท่ีชื่อวา เชาฏ (อยูระหวางมะดีนะฮฺกับอุฮุด) อับดุลลอฮฺบินอุบัยกไ็ ด ปฏิเสธที่จะเขารวมตอสูในครั้งนี้ดวยขอ อางที่วา ทานศาสดา (ศ.) ยอมรับความคิดเห็นของพวกคน หนุมโดยไมใสใจตอความเห็นของเขา เขาไดเดินทางกลับ จึงเปนอันวา ในการสูรบครั้งน้ีไมมี พวกยวิ และพวกมนุ าฟกเขา รวมเลย ทานศาสดา (ศ.) และสหายผูกลาของทานมีความประสงคท่ีจะเดินทางลัดที่ใกลท่ีสุดและ ใหไปถึงคายพัก แตไมมีทางเลือกนอกจากตองเดินทางผานสวนของยิวคนหน่ึงที่ช่ือวา มุร็อบบะอฺ เขาแสดงความไมพอใจท่ีทหารหาญของอิสลามจะเดินผานบริเวณที่เปนทรัพยสินของเขา เขาได แสดงมารยาททรามตอหนาทานศาสดา มิตรสหายของทานศาสดา (ศ.) ตองการท่ีจะสังหารเขา แต ทานศาสดา (ศ.) กลา ววา “อยา ไปยงุ กบั ชายใจมดื บอดคนนเี้ ลย”(๓๑๑) ทหารผูกลา สองนาย ทานศาสดาผูทรงเกียรติ (ศ.) มองดูทหารหาญของทานบุคลิก ลักษณะอันเต็มไปดวยความ เสียสละ และใบหนาอันเจิดจรัสของพวกเขาสองแสงประกายวาววับจับที่ปลายดาบของพวกเขา ทหารหาญซงึ่ ทา นศาสดา (ศ.) นาํ พวกเขามาถงึ ภูเขาอุฮุดเพ่ือปกปองศาสนาอิสลาม พวกเขาเปนกลุม ทหารที่มีความตางทางดานอายุอยูมาก มีท้ังคนท่ีอาวุโสมากและเด็กหนุมผูหาญกลาซึ่งอายุยังไมถึง สบิ หา ปล แรงขับดันของคนกลุมนี้มิใชอื่นใดเลย นอกจากเปนความปรารถนาอันแรงกลาท่ีจะไปให ถึงความสมบูรณสูงสุด ซึ่งมีอยูในสภาวะแหงการปกปองความเปนเอกานุภาพของพระเจาเทานั้น เพ่ือเปนการยืนยันเรื่องน้ี ขอนําทุกทาน ไปพบกับเร่ืองราวของผูอาวุโสคนหนึ่งและชายหนุมคน หน่งึ ซ่ึงเพิง่ ผา น
คนื วนั แตง งานไดค ืนเดียว ดงั นี้ (1) อัมรว บินุมูฮฺ คนแกหลังคอมคนหน่ึงซึ่งไมคอยแข็งแรงนัก อีกท้ังยังมีอาการบาดเจ็บ ท่ีขาขางหน่ึง เขาไดปลอยใหลูกชายทั้งส่ีของเขาออกสูสมรภูมิรบเพื่อปกปองศาสนาไปแลว ความ ปรารถนาแหงหัวใจของเขาท่ีลุกโชนอยูตลอดเวลาก็คือ ลูกชาวสุดที่รักของเขาไดเขารวมสูรบเพื่อ ปกปองสัจธรรม เขารําพันกับตัวเองวา ชางเปนความไมยุติธรรมเลยที่เขาตองปลีกตัวออกมาจากการสูรบ ทําไมตองปลอยใหโอกาสดีน้ีหลุดลอยไปดวย ? ญาติพ่ีนองของเขาไดพยายามหามเขา ไมให ออกไปรบ โดยบอกวา กฎเกณฑอิสลามไดผอนผันใหทานแลว ไมวาพวกเขาจะพูดอยางไรก็หาได ทําใหชายแกคนนี้ลมเลิกความตั้งใจ เขาไปพบทานศาสดา และกลาววา “ญาติพี่นองของขาพเจา พยายามท่ีจะหามขาพเจาไมใหออกรบ ทานจะวาอยางไร ?” ทานศาสดา (ศ.) ตอบเขาวา “อัลลอฮฺ ทรงผอนผันใหทานแลว และทานไมจําเปนตองออกรบแตประการใด”(๓๑๒) แตเขายังพยายามและ ยืนกรานตามเดิมจนทาน ศาสดา (ศ.) ตองเรียกญาติพ่ีนองของเขาเขาพบ ทาน (ศ.) หันหนาไปยัง ญาติ พ่ีนองของเขาพรอมกับกลาววา “พวกทานอยาไดหามเขาไมใหไดลิ้มรสชาติ แหงการเปน ชะฮีดเลย” เขารีบผลุนผลันออกจากบานพรอมกับลํานําปลุกใจวา “โอพระเจาไดโปรดใหขาไดถูก สังหารในวถิ ที างของพระองคดว ยเทอญ อยาไดน ําขา พระองคกลับมายังบานของขา อกี เลย”(๓๑๓) ชายขาพิการคนน้ีสูอยางไมคิดชีวิตในสมรภูมิอันระทึกแหงอุฮุดน้ี เขาจูโจมเขาหาศัตรูดวย ขาพิการของเขาพลางกลาววา “ขาปรารถนาสวรรค” โดยมีลูกชายคนหน่ึงของเขารวมรบเคียงบา เคยี งไหลกับเขา เขาทั้งสองสูอยางหาญกลาจนกระทั่งไดรับตําแหนงชะฮีด สวนนองชายอีกคนหน่ึง ของเขาที่ชื่ออบั ดลุ ลอฮกฺ ็เปน ชะฮีดดว ย(๓๑๔) (2) ฮันซอละฮฺ เปนชายหนุมอายุประมาณย่ีสิบกวาป เขาคือบุคคลที่เปนเสมือนตัวแทน ความหมายของโองการที่วา “พระองคทรงนําสิ่งมีชีวิตออกมาจากส่ิงไรชีวิต” (หมายถึงพระองค ทรงนําลกู ชายทบ่ี รสิ ุทธม์ิ าจากพอ
ทีโ่ สมม) กลา วคือ เขาเปน ลกู ชายของอบูอามีร ซ่ึงเปน ศัตรูตวั ฉกาจ คนหน่ึงของทานศาสดา (ศ.) พอ ของเขาไดเขารวมทําสงครามอุฮุดดวย และถือวาเปนตัวการคนหนึ่งไมหวังดีตออิสลามท่ีพยายามชี้ ชวนใหชาวกุเรชมาทําสงครามกับทานศาสดา (ศ.) เขาไมเคยลดละที่จะแสดงความเปนศัตรูตอ อิสลามเลย อกี ท้งั เขายังเปนตน เหตหุ น่ึงเรอื่ ง มสั ญดิ อันตราย ซง่ึ จะมีการกลาวถงึ เร่ืองนี้ในเหตุการณ ชว งฮจิ ญเราะฮศฺ ักราชท่ี 9 ความผูกพันในฐานะลูกมิไดทําใหฮันซอละฮฺหันเหออกจากการทําสงครามกับพอของ ตนเอง กลางคืนของวันซ่ึงเกิดการตอสูท่ีอุฮุดนั้นเปนคืนแตงงานของฮันซอละฮฺ เขาแตงงานกับบุตรี ของอบั ดุลลอฮอฺ บุ ัย ผกู วางขวางของชาวเอาซฺ คํา่ คืนนนั้ เองตอ งเปนค่ําคนื แหง การสงตวั เจา สาวอยา ง หลกี เล่ียงมไิ ด เม่ือเขาไดยินเสียงเรียกรวมพล หัวใจของเขารูสึกหว่ันไหว เขาไมรูจะตัดสินใจประการใด นอกจากตองไปพบจอมทัพแหงอิสลามเพื่อขออนุญาตใหเขาไดอยูคางคืนที่เมืองมะดีนะฮฺ แลวพอ รงุ เชา เขากจ็ ะรบี ไปยงั สมรภมู ิทันที ตามการรายงานของทา นอัลลามะฮมฺ ัจญลิซ(๓๑๕) โองการตอไปน้ี ถกู ประทานลงมา อนั เน่อื งจากเขาเปน สาเหตุ ดงั ทีว่ า “อันท่ีจริงบรรดาผูศรัทธาคือบุคคลซ่ึงมีศรัทธามั่นตออัลลอฮฺ และศาสดาของพระองคเม่ือ พวกเขาไดตกลงอยูรวมกับเขาในการงานอันเปนมติหน่ึง พวกเขายังไมไดออกไป จนกระทั่งไดขอ อนุญาตเขาแลว แทจริงบุคคลผูซึ่งขอ อนุญาตเจานั้นคือบุคคลผูซึ่งมีศรัทธาม่ันตออัลลอฮฺและ ศาสดาของพระองค ดังน้ันเมื่อเขาไดขออนุญาตเจาในกิจการงานหนึ่งของพวกเขาแลวละก็ จง อนุญาต ไปตามท่ีเจาประสงค” (อันนรู / 62)(๓๑๖) ทานศาสดา (ศ.) อนุญาตใหเขาไดเขาหอหนึ่งคืน เชาวันรุงข้ึน ฮันซอละฮฺ ก็รีบรุดไปยัง สมรภูมิรบทันทีโดยยังไมไดอาบนํ้าชําระรางกายจากมลทิน (ฆุซุลญินาบะฮฺ) ในตอนท่ีเขาจะออก จากบานนั้น นํ้าตาของเจาสาวไหลอาบแกมของเธอ มันเปนการแตงงานเพียงคืนเดียวเทานั้น เธอ วางมือของเธอลงบนตนคอของเขา และตองการใหเขารอสักครู โดยเธอเรียกชายสี่คนที่ยังมีเหตุตอง อยใู นเมอื งมะดีนะฮมฺ าเปนพยานเธอวา เมอ่ื คนื นเ้ี ธอ
และสามขี องเขาไดมโี อกาสรว มหลับนอนกันแลว ฮันซอละฮฺออกมานอกบาน ภรรยาของเขาหันหนาไปยังชายทั้งส่ีแลวกลาววา เมื่อคืนน้ีฉัน ฝนเห็นทองฟาแยกออก แลวสามีของฉันก็เขาไปในนั้น จากนั้นทองฟาก็ปดลง จากความฝนน้ีฉัน รูสึกวาสามีของฉันกําลังเดินทางขึ้นสูโลกเบ้ืองบนและตองไดล้ิมรสชาติแหงการเปนชะฮีดเปนแน แท ฮนั ซอละฮรฺ ีบเขาไปสมทบกับกองทหาร ทันใดน้ันเองทส่ี ายตาของเขาไปเจออบูซุฟยานซ่ึง กําลังข่ีมาตรวจแถวทหารอยู เขารีบพุงตัวออกไปประชิดดวยดาบท่ีมั่นอยูในมือดวยความกลาหาญ แตค มดาลพลาดไปโดนมา ของอบซู ุฟยาน เขาตกลงจากหลังมา เสียงรองตะโกนของอบูซุฟยานทําใหชาวกุเรชรีบมายังเสียงนั้น ชัดดาดลัยษี เขาจูโจม มายังฮันซอละฮฺ เลยทาํ ใหอ บซู ุฟยาน รอดพน จากเงือ้ มมือของฮนั ซอ ละฮไฺ ปได ทหารพลหอกของกุเรชคนหน่ึงไดพุงหอกไปปกท่ีรางของฮันซอละฮฺ เขาจึงจําเปนตองลา ถอยโดยใชด าบยนั พ้ืนไว แลวตวั เองกล็ มลงกับพนื้ ทานศาสดาผูท รงเกียรติกลาววา “ฉันเห็นมะลาอกิ ะฮกฺ ลุมหน่ึงทําการอาบน้าํ ชําระมลทิน (ฆุ ซุลญนิ าบะฮ)ฺ ใหก บั เขา” จากตรงนี้เองท่ีผูคนกลาวขานถึงเขาในชื่อวา ฆอซีลุลมะลาอิกะฮฺ (ผูท่ีมะลาอิกะฮฺอาบนํ้า ให) และเมื่อตอนที่กลุมชนเอาซฺนับจํานวนผูไดรับเกียรติสูงสุดจากการสูรบ พวกเขากลาวขึ้นวา “ฮนั ซอละฮฺ ผูท ม่ี วล มะลาอิกะฮอฺ าบนาํ้ ใหน ั้นคอื พวกเรา” อบูซุฟยานกลาววา “เมื่อพวกเขาสังหารลูกของขานามวา ฮันซอละฮในสมรภูมิบะดัร ขาก็ ไดสังหารฮันซอละฮทฺ ่เี ปน มุสลมิ ในสมรภูมิอุฮดุ ไดเ ชนกนั ” สภาพของเจา บาว-เจาสาวคูนี้มีเร่ืองที่ชวนใหคิด กลาวคือ คนท้ังคูถือวาเปนทหารหาญแหง อิสลาม แตพอของคนท้ังสองกลับเปนศัตรูตัวฉกาจของอิสลาม พอของเจาสาวคืออับดุลลอฮฺบิน อบุ ัย ซะลลุ หัวหนา พวกมนุ าฟก
ของเมืองมะดีนะฮฺ และพอของฮันซอละฮฺก็คืออบูอามีรเคยเปนนักบวช ในยุคญาฮิลียะฮฺ (กอนการ มาของอิสลาม) ซึ่งภายหลังการประกาศอิสลาม เขาก็ไดเขารวมกับพวกมุชริกในเมืองมักกะฮฺ และ เขายังเปน ผชู ักชวนให เฮอรก ลุ เขามาบดขยรี้ ฐั บาลอิสลาม(๓๑๗) การจัดทพั ของกองกาํ ลังท้ังสอง รุงเชาของวันที่ 7 เดือนเชาวาล ป ฮ.ศ. 3 กองกําลังอิสลามไดจัดทัพเผชิญหนากับผูรุกราน ชาวกุเรช กองทหารแหงเตาฮีด (ความเปนเอกานุภาพของพระเจา) ไดยึดเอาชัยภูมิโดยหันหลังให ภูเขาอุฮุดซึ่งเปนปราการตามธรรมชาติ แตตรงกลางหุบเขาจะมีชองแคบอยู ซ่ึงคาดการณไดวาศัตรู อาจใชก ลยทุ ธออ มไปหลงั เขา แลว เขา โจมตีมสุ ลิมจากทางดา นหลัง เพอ่ื การปองกันอันตรายดังกลาว ทานศาสดา (ศ.) จึงไดสั่งกําชับกองพลธนู 2 กองต้ังมั่นอยู เชิงเขา โดยการบังคับบัญชาของอับดุลลอฮฺ ุบัยรฺ ทาน (ศ.) ส่ังวา “พวกทานคอยยิงธนูเขาใสขาศึก จะตองไมปลอยใหพวกเขาออมไปดานหลังเปนอันขาด โดยเราไมรูตัว ในการตอสูนั้นไมวาเราจะ เปน ฝายชนะหรือแพ พวกทานกต็ องไมปลอ ยใหช ยั ภูมิน้วี างเปนอันขาด”(๓๑๘) ตอนจบของการสูรบที่อุฮุดน้ันแสดงใหเราเห็นวายุทโธปกรณอันมีคาของขาศึกน้ันชวนให หลงใหลย่ิงนัก ความพายแพของมุสลิมท่ีเกิดข้ึนภายหลังจากที่เกือบไดรับชัยชนะข้ันเด็ดขาดแลว น้ัน ก็เปนเพราะพลธนูไมยอมทําตามคําสั่ง ละทิ้งฐานที่ม่ันของตนเอง ศัตรูท่ีแตกพายไปแลวกลับ หวนมาโจมตีอยา งรวดเรว็ โดยมุสลิมกาํ ลังงวนอยกู ับการเก็บอาวธุ โดยไมรตู ัว คาํ สั่งอนั เดด็ ขาดของทานศาสดา (ศ.) ที่หามไมใหพลธนู ละทิ้งฐานที่มั่นของตนเองเปนอัน ขาดแสดงใหเห็นวาทานศาสดา (ศ.) มีความเชี่ยวชาญในดานกลศึก แตความชํ่าชองทางการทหาร ของจอมทัพ กใ็ ชว า จะสามารถเผด็จศกึ ได หากพลทหารไมฟง คําสั่งของผบู งั คับบัญชา
ปลุกใจทหารหาญ ในสมรภูมิตางๆ ทา นศาสดา (ศ.) ไมเคยละเลยที่จะใหขวัญกําลังใจกับทหารหาญของทาน ศึกครั้งน้ีท่ีมีมุสลิม 700 คนรวมตอสูกับพวกกุเรชจํานวน 3000 คนก็เชนกัน ทานศาสดา (ศอล.) ได กลาวเทศนา เพือ่ เปนการปลุกขวัญและกําลังใจของกองทหารของทานดังน้ี ตามการบันทึกของทาน วากิตี ดังน้ี ทานศาสดา (ศ.) สั่งใหพลธนู 50 คนต้ังม่ันอยูบนเนินอัยนัยนฺ โดยมีภูเขา อุฮุดเปนปราการ หลังและเมืองมะดีนะฮฺอยูดานหนา ทานเดินตรวจแถวทหารและกําหนดตําแหนงของหัวหนากอง กําลังฝายตางๆ วาใครจะอยูดานหนา ใครจะอยูดานหลัง ดวยตัวทานเอง ทานมีความละเอียดในการ จดั แถวทหารอยางมาก ถึงขนาดท่ีถามีทหารคนใดยื่นไหลออกมานอกแถวทานจะส่ังใหจัดแถวใหม ทันที หลังจากที่ทานจัดแถวทหารเปนท่ีเรียบรอยแลว ทานไดหันหนามายังกองทหารมุสลิมแลว กลาววา “ฉันขอเตือนพวกทาน ตามท่ีอัลลอฮฺไดทรงตักเตือนฉันไววา จงเชื่อฟงและปฏิบัติตามพระ บัญชาของพระเจา อยา ไดฝ า ฝน พระองคเ ปน อนั ขาด... การตอสูกับศัตรูนั้นเปนเร่ืองที่สาหัสสากรรจ มีนอยคนนักท่ีสามารถยืนหยัดตอกรกับพวกเขาได นอกจากตองเปนบุคคลที่พระเจาทรงชี้นําและ ประทานความแข็งแกรงใหแกพวกเขา พระเจาเทานั้นท่ีจะอยูกับผูที่เชื่อฟงและปฏิบัติตามพระ บัญชาของพระองค สวนชัยฏอนนัน้ จะอยเู คียงคกู บั บคุ คลทฝ่ี า ฝน พระบัญชาของพระองค ในการตอสูน้ันตองใชการยืนหยัดเปนประการแรก จากวิธีการนี้เองที่พวกทานจะไดรับ ความสมบูรณพูนสุขที่พระเจาไดทรงสัญญาไวกับพวกทาน(๓๑๙) ผูสื่อสาสนวะฮฺยูไดกลาวกับฉันวา ไมมีใครเสียชีวิตไปในวิถีทางแหงการตอสู นอกจากเขายังคงไดรับปจจัยยังชีพอยู...ถายังไมไดรับ คาํ สัง่ หามผูใดเรม่ิ ทาํ ศกึ เปนอันขาด”(๓๒๐)
ศัตรกู จ็ ดั แถวรบ อบูซุฟยานไดแบงกองกําลังทหารของตนเองออกเปน 3 สวน พลเดินเทาสวมเส้ือเกราะอยู ตรงกลาง กองกําลังปกขวานําโดยคอลิดบินวะลีด กองกําลังปกซายนําโดยอักรอมะฮฺ และมีกอง กาํ ลังพเิ ศษคอยถือธงรบอยูด านหนาของกองทหารทง้ั หมด จากนั้นเขาไดหันหนามายังผูถือธงรบซ่ึงเปนคนของเผา บนีอับดุดดาร และกลาววา “ชัย ชนะของกองทหารอยทู ีก่ ารยืนหยัด และความม่นั คงของผถู ือธงรบ เราพา ยในสมรภมู ิบะดั้รก็ตรงจุด นี้ หากชนเผาบนีอับดุดดารแสดงออกถึงการไรความสามารถที่จะพิทักษธงไวละก็ เราก็พรอมจะยก เกียรติยศนี้ไปใหกับชนเผาอื่น” คํากลาวเชนนี้เองท่ีทําใหฏ็อลฮะฮฺ บินอะบีฏ็อลฮะฮฺ ชายผูกลาและผูถือธงรบคนแรกของ กุเรชรบี รุกไปขา งหนา อยางหา วหาญ ปลุกใจ กอนที่การสูรบจะเร่ิมตนขึ้น ทานศาสดา (ศ.) จับดาบไวในมือและกลาวปราศรัยเพื่อเปน การปลุกขวัญและกําลังใจของทหารหาญแหงอิสลามวา “ใครจะเปนผูรับดาบเลมนี้ไป และปฏิบัติ ตามสิทธิของมัน?”(๓๒๑) มีคนกลุมหนึ่งลุกขึ้นยืน แตทานศาสดา (ศ.) ก็ยังไมมอบดาบใหกับผูใด จากน้ัน อบูดะญานะฮฺ ซึ่งเปนทหารผูกลาคนหนึ่งก็ลุกขึ้น แลวถามทานวา “ท่ีวาสิทธิของดาบเลมนี้ หมายถึงอะไร ? จะปฏิบัติตามสิทธิของมันไดอยางไร ?” ทานศาสดา (ศอล.) ตอบวา “สูจนดาบงอ” อบดู ะญานะฮฺ ตอบวา “ขา พเจา พรอ มทจ่ี ะเปนผูป ฏบิ ตั ติ ามสิทธิของดาบนั้น” แลว เขาก็หยิบผาสีแดง สด ซ่ึงเรียกกันวา ผาเช็ดหนาแหงความตาย ออกมาคาดไวท่ีศีรษะและรับดาบ จากทานศาสดา (ศ.) เมื่อใดก็ตามท่ีเห็นอบูดะญานะฮฺคาดศีรษะ ดวยผาผืนนั้น ก็เปนอันแสดงวาเขาจะตอสูจนวาระ สดุ ทายของชวี ติ (๓๒๒) เขาเดินอยางทะนงองอาจเชนราชสีหผูจองหอง จากเกียรติยศท่ีเขาไดรับนั้นทําใหเขาดีใจ เปนที่สุด ผาสีแดงผืนนน้ั ย่ิงทาํ ใหเ ขาดโู ดดเดนข้ึน
ไปอกี การปลุกใจกองทหารหาญซึ่งทําหนาที่ปกปองสัจธรรมและจิตวิญญาณอันสูงสง และมี เปาหมายอยูตรงท่ีความเชื่ออันอิสระและปรารถนาความสมบูรณแหงชีวิตน้ัน เปนการปลุกใจที่ดี เยี่ยมท่ีสุด จุดมุงหมายของทานศาสดา (ศ.) ไมไดอยูแคปลุกใจอบูดะญานะฮฺเทาน้ัน แตทานยัง ตองการปลุกการรับรูของบุคคลอื่นดวย ทานตองการใหคนอื่นเขาใจวา พวกเขาตองตัดสินใจและ แสดงความกลาหาญออกมาใหถ งึ ระดบั ทจ่ี ะไดรับเหรยี ญรางวลั ทางทหารเชนนี้ ซุบัยรฺอะวาม ก็เปนทหารผูกลาอีกคนหนึ่ง เขารูสึกเสียใจที่ทานศาสดา (ศ.) ไมไดมอบดาบ เลม น้ันใหกับเขา เขารําพันกับตัวเองวา “ขาตองคอยตามดูอบดู ะญานะฮฺ เพื่อใหเห็นระดับความกลา หาญของเขา” เขากลาววา “ขาพเจาคอยติดตามเขาในสมรภูมิรบ พบวาไมมีทหารกลาคนใดที่สามารถ ตอกรกับเขาไดเลย... ในหมูทหารกุเรชมีทหารที่รางกายกํายําคนหน่ึงซึ่งประทับบาดแผลไวท่ีราง ของมุสลิมไดอยางรวดเร็ว ขาพเจารูสึกขัดใจยิ่งนัก ชางโชคดีเหลือเกินท่ีชายคนน้ีเจอกับอบูดะญา นะฮฺ คนทงั้ คฟู าดฟนกันอยา งหนัก ในท่ีสดุ ชายรา งกาํ ยําคนนน้ั เปน ฝา ยพายใหก ับอบูดะญานะฮฺ อบูดะญานะฮฺรายงานวา ขาพเจาเห็นคนผูหน่ึงกําลังกลาวปลุกใจใหกองทหารของกุเรชลุก ขึ้นสู ขาพเจาจึงมุงตรงไปยังเขาผูนั้น เมื่อเขาเห็นดาบกวัดแกวงอยูเหนือศีรษะของเขา เขากรีดเสียง รองออกมา ขาพเจาเพ่ิงรูวาน่ีคือฮินดฺภรรยาของอบูซุฟยาน (จึงไมไดลงมือสังหารเพราะ) ขาพเจา เหน็ วา ดาบของทานศาสดา (ศ.) บรสิ ุทธ์ิเกินกวาท่ีจะประทับคมของมันลงบนศีรษะของคนเชนฮินด (๓๒๓) การตอสูไ ดเ ร่มิ ตนข้ึน สงครามเริ่มตน ข้ึนโดยนา้ํ มอื ของอบอู ามรี หน่ึงในกลุมบุคคลท่ีหลบหนีออกมาจากเมอื งมะ ดนี ะฮฺ เขาเปนคนของชนเผา เอาซฺ เน่อื งจากเขา
แสดงตนเปนปรปกษตออิสลามอยางเปดเผย จึงตองล้ีภัยไปอยูท่ีเมืองมักกะฮฺ เขามาพรอมกับทหาร ที่เปนชาวเอาซฺจํานวน 15 คน ในตอนแรกเขาเขาใจวาเม่ือพวกเอาซเห็นเขาแลว คงจะผละหนีจาก ทานศาสดา เขาจึงรีบรุดมาขางหนา แตเม่ือเขาไดเผชิญหนากับกองทหารมุสลิม เขากลับไดรับคํา ผรุสวาทจากมุสลิม หลังการเปดฉากตอสูผานไปเพียงเล็กนอย เขาก็หลบหนีออกจากสมรภูมิไป (๓๒๔) ความเสียสละของทหารหาญหลายตอหลายคนในสมรภูมิอุฮุดน้ันเปนที่รับรูกันในหมูนัก บันทกึ ประวัติท่มี ีชอื่ เสียงหลายคน ชอ่ื เสียงของทานอิมามอะลี (อ.) เปน ท่ีประจกั ษชดั ที่สุดในหมูคน เหลานั้น ทานอิบนุอับบาสกลาววา อะลีเปนผูถือธงชัยในทุกสมรภูมิ โดยปรกติผูถือธงชัยจะไดรับ เลือกมาจากคนท่ีมีความแข็งแกรงและกลายืนหยัด ในสมรภูมิอุฮุดธงชัยของพวกมุฮาญิรีนอยูในมือ ของอะลี สว นตามการรายงานของนักประวัตศิ าสตรส วนมากกลา ววา ภายหลงั จากท่ีมศุ อับบินอุมัยรฺ ซง่ึ เปนผถู อื ธงชัยของมุสลิมถูกสังหาร ทานศาสดา (ศ.) ไดมอบธงชัยน้ีใหกับทานอะลี สาเหตุถือมุศ อับเปนผูถือธงชัยคนแรกน้ันก็อาจเปนเพราะวา เขาเปนคนของเผาบนีอับดุดดาร ซ่ึงผูถือธงชัยของ พวกกุเรชกเ็ ปน คนของเผาบนีอบั ดดุ ดารเชน กัน(๓๒๕) ฏ็อลฮะฮฺ อะบีฏ็อลฮะฮฺ ซึ่งไดรับการขนานนามวา กับซุลกุตัยบะฮฺ (หมายถึง ทหารแถว หนา) ไดม ายังสนามรบพรอมกับตะโกนขึ้นวา “สหายของมุฮัมมัด พวกเจาใชไหมท่ีบอกวา คนของ พวกเราท่ถี กู สงั หารไปนนั้ ตองจมปลักอยใู นนรก สวนคนของพวกเจาที่ถูกสังหารไปน้ันจะไดอยูใน สวรรค ถาเปนเชนน้ี จะมีใครไหมท่ีขาจะไดนํามันเขาสูสวรรค หรือไมก็สงตัวขาไปนรกแทน” เสียงของเขาดังกังวาลไปทั่วสมรภูมิ ทานอะลี (อ.) รุดออมายืนขางหนา และหลังจากที่ไดประดาบ กนั ครหู นึง่ ฏอ็ ลฮะฮกฺ เ็ ปน ฝายลม กลง้ิ นอนตายจมกองเลือดโดยฝม ือดาบของทานอะลี หลังจากที่ฏ็อลฮะฮฺถูกสังหารแลว ธงชัยของพวกกุเรชก็ถูกมอบแกพี่นองสองคนของฏ็อล ฮะฮฺ และทงั้ สองกต็ ายดว ยฝมอื ธนขู องอาศิม ษาบติ น่ันเอง จากถอยคําของทา นอะมีรลุ มุอม นิ ีนอะลี (อ.) ในวันแหง การประชุม
เพ่ือเลือกผูนํา (ชูรอ) ภายหลังจากคอลีฟะฮฺท่ีสองเสียชีวิตแลวไดความกระจางวา ทหารของพวก กุเรชมีอยู 9 คนที่ทําหนาที่ถือธงชัย โดยมีการจัดลําดับกอนหลัง กลาวคือ ถาคนแรกถูกฆาคนที่สอง ตองเขามารับ หนาทถ่ี ือธงแทนเร่ือยไปจนคนสุดทาย และทั้งหมดเปนคนของเผาบนี อับดุดดาร ซ่ึง ในสมรภูมิอุฮุด ทั้งหมดถูกสังหารดวยน้ํามือของทานอะลี จากน้ันธงก็ตกมาอยูในมือของทาสชาว ฮะบะชีนามวาเศาอบั ซึ่งมหี นาตาที่ อปั ลักษณน ากลัว กเ็ ปน อกี ผหู นง่ึ ทีถ่ ูกสังหารโดยทานอะลี ทานอิมามอะลี (อ.) กลาวทามกลางการรวมชุมนุมของสาวกของทานศาสดาในคราวน้ันวา “พวกทา นยังจาํ ไดไหมในคราวที่ฉันเปนผูปดดาบจากศีรษะของพวกทาน ดวยการสังหารผูถือธงชัย ทั้งเกาคนของพวกกุเรชซึ่งเปนชาวบะนีอับดุดดารท่ีหาญกลา” ทั้งหมดท่ีรวมชุมนุมกันอยูตางตอบ รบั เปน เสียงเดียวกัน(๓๒๖) เขายังกลาวอีกวา “พวกทานคงจําไดเม่ือหมดวาระของคนช่ัวท้ังเกาแลว เศาอับ ทาสชาว ฮะบะชีก็เขามาในสนามรบ ซึ่งทุกคนก็รูดีวาเขามา เพื่อจุดประสงคเดียวคือสังหารทานศาสดา เขา แผดเสยี งพรอ มกับขบฟน ดวยความโกรธจัดดวงตาของเขาเปนสีแดงก่ํา เมื่อพวกทานเห็นนักรบผูน้ี ก็เกิดความขยาดและหันหลังกลับ สวนขาพเจานั้นเดินไปขางหนา แลวฟาดดาบไป ที่เอวของเขา แลวเขากล็ มลง มิใชหรือ ? คนท่ีรว มชมุ นุมอยูท น่ี ่ันตา งตอบรบั เปน เสยี งเดยี วกนั ผคู นซงึ่ สูร บเพ่ือสนองตัณหา จากบทลํานําที่ฮินดฺและพวกผูหญิงใชขับรองเพื่อการปลุกในทหารกุเรช รวมทั้งเสียงกลอง อันเรารอนที่เชิญชวนใหมีการหล่ังเลือดและแสดงความเปนศัตรูคูอาฆาตน้ันทําใหเปนท่ีประจักษ ชัดวา คนพวกนี้มิไดทําการสูรบเพ่ือความสูงสงทางจิตวิญญาณ ความสะอาดบริสุทธิ์ ความมี เสรีภาพและจรรยาอันงดงามเลย แตส่ิงท่ีพวกเขาใชนั้นกลับเปนการเลาโลม ในเร่ืองเพศและความ เปน ทาสของวัตถุ มบี ทกลอนอยบู ทหน่ึงซึง่ พวกผูห ญิง ไดนํามา
รองเพือ่ ปลกุ ใจทหารของพวกนาง ดังนี้ พวกเราคอื ลูกสาวของฏอรกิ เราเดนิ อยูบนพรมอนั ลํ้าคา หากพวกทานหนั หนา เขาหาศัตรู เรากจ็ ะไดเ คียงหมอนกัน แตหากพวกทา นหันหลังใหศตั รู เราก็จะแยกทางจากกนั ไมเ ปนทส่ี งสัยเลยวา ประชาชาตทิ ี่ตอสโู ดยมกี ามารมณเ ปน แกนหลกั และไมมีเปาหมายเพ่ือ สิ่งอ่ืนใดนอกจากความสุขทางโลกยและความปรารถนาเย่ียงสัตว ยอมมีความแตกตางอยางเห็น เดนชัดและเทยี บกันไมไดก ับประชาชาตทิ ี่ตอสูเพ่ือเปาหมายอันศักด์ิสิทธิ์ เชนเผยแผค วามมีเสรีภาพ ยกระดับความคิด และปลดปลอยมนุษยใหเปนอิสระจากทาสแหงการบูชาเจว็ด จากสาเหตุอัน แตกตางกันท่ีมีอยูในวิญญาณของกลุมท้ังสอง ผานไปเพียงไมเทาไรจากความหาวหาญของทหาร กลาแหงอิสลามเชนทานอะลี ทานฮัมซะฮฺ ทานอบูดะญานะฮฺ และซุเบร กองทหารของกุเรชก็ตอง ทงิ้ ดาบ และอาวุธ แลว เผน หนไี มคดิ ชวี ิต เกยี รติยศยง่ิ เพมิ่ สูงข้นึ ในกองทหารผกู ลาแหง อสิ ลาม(๓๒๗) พา ยหลังจากชนะ ทําไมถึงชนะ ? ก็เพราะวา ทหารหาญแหงอิสลามนั้น ตราบใดท่ียังไมชนะ พวกเขาไมเคย คดิ ถึงสิ่งอื่นใดนอกจากการตอสูในวิถีทางแหงพระเจาเพ่ือแสวงหาความพึงพอพระทัยของพระองค การเผยแผศ าสนาแหง เอกานภุ าพของพระองค และขจัดอปุ สรรคท่ีมาขัดขวางแนวทางดงั กลาว แลวทําไมจึงพายแพ ? ก็เพราะวาภายหลังไดรับชัยชนะแลวเปาหมายและเจตนารมณของ กองทหารมุสลมิ ทีเ่ คยแนวแนก ็แปรเปลีย่ นไป ความสนใจทรัพยเชลยทีท่ หารกเุ รชท้ิงไวกอนเผนหนี ทําใหความบรสิ ุทธข์ิ องคนกลุม นีเ้ กดิ ความมวั หมองและลมื คําบัญชาของทา นศาสดา (ศ.) นี่คือรายละเอียดของเหตุการณดังกลาว เราไดอ ธิบายถึงชัยภูมขิ องอฮุ ุดไปแลว ซึ่งขอกลาวยาํ้ อีกครัง้ วา ตรงกลางของภูเขาอุฮุดมีหุบ เขาเปนทางเฉพาะแหงหน่ึง ทา นศาสดา (ศ.) ไดม อบ
หมายใหพลธนู 50 คนโดยการบังคับบัญชาของอับดุลลอฮฺุเบร คอย สังเกตุการณอยูเชิงเขา พวก เขาไดรับบัญชาวาใหคอยยิงธนูสกัดก้ันมิใหพวกกุเรชผานหุบเขาใจกลางอุฮุดไปได และตองไมท้ิง จุดยทุ ธศาสตรด ังกลา ว เปนอันขาดไมวา กองทหารจะไดร บั ชยั ชนะหรือพายแพต อ ศัตรกู ต็ ามที ทามกลางการตอสูอยางพัลวันกันนั้น ไมวาศัตรูจะพยายามท่ีจะผานหุบเขานั้นไปคราใด พวกเขาก็ตอ งพบกับการสกัดกัน้ ดว ยพลธนู เหลา น้ันอยา งแนน หนา ในชวงเวลาน้ันเองท่ีทหารกุเรชทิ้งอาวุธและยุทธปจจัยทุกอยางไวกลางสมรภูมิ เพื่อว่ิงหนี เอาตัวรอดกัน กองทหารเพียงหยิบมือเดียวท่ีอยูในระดับนําของอิสลาม ซึ่งพวกเขาไดใหสัตยาบันที่ จะรวมสูจนเลือดหยาดสุดทาย ก็ยังคงทําหนาที่รุกไลศัตรูอิสลามอยางเอาเปนเอาตายอยูนั้น กลับมี ทหารมุสลมิ กลมุ ใหญเปลี่ยนใจที่จะรุกไลศัตรู โดยหันไปสนใจอาวุธและยุทธปจจัยท่ีกองเกล่ือนอยู ในสมรภมู ิ พวกเขางวนอยูกับการเกบ็ สิ่งเหลา นั้น โดยคดิ วา งานของพวกเขาสิ้นสดุ ลงแลว พลธนูซึ่งคอยรักษาฐานที่ม่ันเชิงเขาก็ไมปลอยใหโอกาสทองหลุดมือไป พวกเขากลาวข้ึน วา เราต้ังม่ันอยูที่น้ีก็ไรประโยชน นาจะไปรวมเก็บทรัพยเชลยเหลานั้นกันดีกวา แตผูบังคับบัญชา ของพวกเขาทักทว งขน้ึ วา ทา นศาสดาส่ังไวแลววา หามไปจากท่ีน่ีโดยเด็ดขาด ไมวาทหารอิสลามจะ แพหรอื ชนะ พลธนูสวนใหญกลับโตแยงคําสั่งของผูบังคับบัญชาโดยกลาววา “การหยุดอยูที่นี่ไมมี ประโยชนอันใดเลย จุดมุงหมายของทานศาสดา ก็คือใหเราตั้งม่นั อยูท่ีน่ีในตอนสูรบ แตตอนนี้การ สรู บจบสิน้ แลว ” จากความคิดดังกลาว พลธนู 40 คนที่ทําหนาท่ีคอยระวังภัยก็ลงมาจากฐานท่ีม่ัน เหลือไว เพยี ง 10 กวา คนเทา นน้ั คอลิดบนิ วะลีด นักรบท่ีกลาหาญ และชํานาญศึก ซึ่งในตอนเร่ิมตนการสูรบ น้ันเขารูอยูแกใจแลววาชองแคบกลางหุบเขาน้ันคือกุญแจแหงชัยชนะ โดยเขาไดพยายามหลายตอ หลายคร้ังท่ีจะผานบริเวณน้ันไปเพื่อโจมตีมุสลิมจากดานหลัง แตเขาก็ตองเผชิญกับหาธนูของพล ธนู ในตอนนีเ้ มอ่ื เขาเห็นพลธนูเหลอื เพียงไมก ี่คน
จึงเปนโอกาสดีที่เขาจะไดนําทหารของเขาฝาวงลอมเขาไปดานหลังเพ่ือโอบตีพวกมุสลิม จํานวน คนนอยที่คอยปองกันเพียงไมถึงสิบคน จึงไมอาจตานเขาไวได แลวพลธนูท้ังสิบคนก็ถูกสังหาร ทหารของคอลิด และอักรอมะฮฺบิน อะบีญะฮ้ัล จากนั้นไมนานมุสลิมท่ีไรอาวุธก็เปนฝายถูกรุกฆาต จากศัตรทู พ่ี รอ มอาวุธครบมือเม่อื คอลิดไดเขายึดพน้ื ที่ท่ีเปน เสมือน ชยั ภูมิไดแลว เขาไดพยายามรอง ตะโกนใหพวกทหารกุเรชที่กําลังหลบหนีนั้นกลับเขามายังสมรภูมิ ซึ่งมันไดสรางขวัญและกําลังใจ กลบั มาใหค นกลมุ น้ีอกี ครง้ั หนึง่ ผานไปไมเทาไร ผลจากการแตกกระสานซานเซ็นของมุสลิม ทหารกุเรชก็กลับเขามาสู สนามรบอีกครัง้ หนึง่ โดยเขา โอบลอ มทหารมุสลิมไว การตอ สูกไ็ ดเ รม่ิ ข้นึ อีกคาํ รบหน่ึง สาเหตุแหงความพายแพครั้งนี้มาจากความเขลาของบุคคลกลุมหนึ่งที่ละท้ิงฐานที่ม่ันของ ตนเองโดยแลกกับผลประโยชนทางวัตถุ พวกเขาไมรูวานั่นเปนการเปดทางสะดวกใหกับศัตรูที่นํา ทัพโดยคอลิดบินวะลดี เขา มาตีตลบหลังกองทพั มุสลิม การจูโจมของคอลิดบินวะลีดประสานเขากับการจูโจมของอักรอมะฮฺสรางความโกลาหล ใหเกิดข้ึนอยา งหนักในกองทัพมุสลิม พวกเขาไมมีทางเลือกนอกจากตองแยกปองกันตัวเอง แตทวา เมื่อคําบัญชาไมศักด์ิสิทธ์ิ พวกเขาก็ไมอาจประสบความสําเร็จได เหลือไวเพียงความเสียหายอัน ประเมินคา มไิ ด ทหารหาญของอิสลามตอ งสังเวยชวี ิตไปมใิ ชน อ ย การเขา จโู จมของคอลิดและอักรอ มะฮฺสรางความฮึกเหิมใหกับกองทหารกุเรช พวกท่ีหลบหนีไปแลวก็กลับเขามาในสนามรบตอและ ผนกึ กาํ ลังรว มสูกบั มุสลิมอกี ครง้ั มุสลิมถูกโอบลอมและถูกสงั หาร ขา วทา นศาสดาถกู สงั หารแพรไ ปอยางรวดเรว็ ลัยษีนักรบผูกลาของกุเรชไดเขาโจมตีมุศอับ บินอุมัยรฺ ผูถือธงชัยของอิสลาม หลังจากที่ได มีการโรมรันกันอยูพักใหญ ผูถือธงชัยของอิสลามก็เปนชะฮีด อันเน่ืองจากทหารของอิสลามคลุม หนา เขากเ็ ลยคดิ วา คนท่ีถูกสงั หารคอื
ทานศาสดา เขาจงึ รองตะโกนขน้ึ วา มุฮมั มัดถูกสังหารแลว ขาวกุดังกลาวถูกกระจายไปปากตอปากในหมูทหารกุเรช ความที่หัวหนาของกุเรชดีใจ อยา งสุดๆ พวกเขากต็ ะโกนกอ งไปทัว่ สนามรบวา มุฮมั มัดถูกสงั หารแลว มฮุ มั มัดถูกสังหารแลว การแพรกระจายขาวเทจ็ นที้ ําใหศ ัตรมู คี วามกลา ขน้ึ พวกเขารีบเคล่ือนไหว ทุกคนตองการมี สวนรวมในการตัดชิ้นสวนรางกายของทานศาสดา ทุกคนอยากไดเกียรติยศน้ีเพ่ือบันทึกไวในโลก วา ไดสังหารเขาแลว ขาวเท็จน้ีย่ิงสรางความฮึกเหิมใหเกิดข้ึนในหมูทหารของกเุ รชมากเทาใดก็ยิ่งสรางความหด หูใหเกิดขึ้นในกองทหารมุสลิมมากขึ้นเทานั้น ถึงขนาดที่มีมุสลิม กลุมหน่ึงผละหนีจากการสูรบ โดยหลบไปอยูตามเทือกเขาเหลือกลุม ทหาร เพยี งไมก ีค่ นทอ่ี ยูในสนามรบ สามารถปฏเิ สธการหลบหนีของคนบางคนไดห รอื ไม ? ไมอาจปฏิเสธเรื่องการหลบหนีของศอฮาบะฮฺบางคนได ความเปนศอฮาบะฮฺ (อัครสาวก) ของพวกเขา หรือการท่ีคนกลุมน้ีไดรับการสถาปนาใหมีตําแหนงใหญโตในหมูมุสลิม ก็ใชวาจะ เปนตัวการใหเ ราตองปฏิเสธประวัตศิ าสตรอ ันขมข่ืนน้ี ทานอิบนุฮิชาม นักบันทึกประวัตศิ าสตรผูย่ิงยงของอสิ ลามเขียนไววา อะนัส บินนะฏ็อร ผู เปนลุงของอะนัส บินมาลิก กลาววา ชวงเวลาที่กองทหารอิสลามอยูภายใตความกดดันอยางหนัก และขา วการเสยี ชีวติ ของ ทานศาสดา ถูกประโคมออกไปในสนามรบ มุสลิมสวนใหญคิดถึงแตชีวิต ของตนเอง ทุกคนตางหนเี อาตัวรอด... ขา พเจาเหน็ คนกลุมหน่ึงซงึ่ เปน มฮุ าญิรีนและอันศอรกําลังนั่ง เหมออยู หนึ่งในน้ันก็คือ อุมัร บินค็อฏฏอบ และฏ็อลฮะฮฺ บินอุบัยดิลลาฮฺ ขาพเจาจึงตะโกนมใส พวกเขาวา “พวกทา นมัวนั่งอยตู รงน้ที าํ ไม” พวกเขาตอบวา “ทา นศาสดาถูกสังหารแลว สูตอไปก็ไม มีประโยชน” ขา พเจาจึงกลาวตอบพวกเขาไปวา “หากทา นศาสดาถูกสังหารแลว การมีชีวิตอยูตอไป กไ็ รป ระโยชนก ระนน้ั หรือ ? รีบลกุ ข้นึ แลวไปเปนชะฮดี ตาม แนว
ทางทีเ่ ขาถูกสงั หาร”(๓๒๘) และตามคํากลาวของนักบันทึกประวัติศาสตรสวนใหญ เขากลาววา “หากมุฮัมมัดถูก สงั หาร พระเจาของมุฮมั มดั กย็ ังดํารงอย”ู แตเม่อื ขาพเจา เหน็ วา คําพดู ของขา พเจา ไรผ ล ขาพเจา กร็ ีบหยบิ อาวธุ ออกไปตอ สทู นั ที อบิ นฮุ ิชามกลาววา ในการสูรบครั้งน้ี อะนัสไดรับบาดเจ็บถึงเจ็ดสิบแผล ไมมีใครจํารางอัน ไรว ิญญาณของเขาไดนอกจากนองสาวของเขาเพียงคนเดยี ว มีมุสลิมกลุมหน่ึงแสดงความอดสูถึงขนาดวิ่งไปพบอับดุลลอฮฺ อุบัย ใหพาไปพบอบูซุฟ ยานเพื่อรอ งขอความคมุ ครองใหต นเองปลอดภัย(๓๒๙) โองการอลั กรุ อานไดเ ผยโฉมใหเ หน็ ความจรงิ แทห น่งึ โองการอัลกุรอานไดฉีกโฉมหนาความโงเขลาและความยึดติดโดยการบอกใหรูวา มีศอ ฮาบะฮฺกลุมหน่ึงซ่ึงคิดวา สัญญาของทานศาสดาในเรื่องชัยชนะน้ันเปนส่ิงที่ไรแกนสาร อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ไดตรัสเกี่ยวกบั คนกลมุ นี้ไววา “...และมีบางกลุม (ท่ี) ตัวของพวกเขาเองทําใหพวกเขามีความวิตกกังวล-คิดถึงเพียงรักษา ชีวิตในโลกนี้เอาไว โดยไมตองการการตอสูใดๆ ท้ังสิ้น- พวกเขาคาดเดาในเรื่องของอัลลอฮฺโดย ปราศจากความเปนจริงอันเปนการคาดเดาแบบอนารยชน พวกเขากลาววา เรามีสิทธิ์ (เลือก) ใน เร่อื งดังกลา ว-สงคราม-บางหรอื เปลา...” (อาลอิ ิมรอน/154)(๓๓๐) ทานสามารถท่ีตรวจสอบโองการอัลกุรอานจากซูเราะฮฺอาลิอิมรอน(๓๓๑) แลวทานก็จะพบ ความจริงเร่ืองการตอสูที่ถูกปดบังไว โองการ เหลานี้เปนหลักฐานยืนยันความเชื่อของชีอะฮฺใน ประเด็นที่เกี่ยวของ กับศอฮาบะฮฺของทานศาสดาที่วา ศอฮาบะฮฺ บางคนของทานศาสดาน้ัน ไมได กลาหาญ และมีจิตใจมุงม่ันอยูกับแนวทางแหงเอกานุภาพของพระเจา ในหมูพวกเขา มีคนที่ออน ศรทั ธา อกี ท้ังยงั มพี วกกลบั กลอกปะปนอยดู วย แตอยา งไรก็ตามใน
หมูพวกเขาก็ยังมีบุคคลที่เปนผูศรัทธาม่ัน ผูยําเกรงท่ีหัวใจบริสุทธิ์ และเปนผูบริสุทธ์ิใจตอศาสนา อยูเ ปน จํานวนมาก ทุกวันนี้ยังมีนักเขียนอะฮฺลุซซุนนะฮฺอยูกลุมหนึ่งตองการท่ีจะขจัดเร่ืองราวที่ไมเหมาะสม ในหนาประวัติศาสตรซึ่งทานไดยินตัวอยางเหลานี้จากสงครามในครั้งนี้ ดวยการอธิบายแบบเฉไฉ ไปจากความจริง เพียงเพื่อรักษาสถานภาพของศออาบะฮฺท้ังหมดไว อยางไรก็ตาม การอธิบายเฉไฉ และเต็มไปดวยความยึดติดดังกลาวก็ไมอาจเปนตัวหักลางการเห็นความจริงในหนาประวัติศาสตร ได จะมนี กั เขยี นคนใดเลา ที่กลา ปฏิเสธความหมายของโองการทีก่ ลาวอยา งชัดแจงวา “(จงรําลึกถึงเหตุการณ) เมื่อพวกเจาจาก (สมรภูมิรบ) ไปไกล และไมสนใจผูใดทั้งสิ้น และ ศาสดาเรียกพวกเจาคนแลวคนเลาจนถึงคนสุดทาย ทุกคนไดยินเสียงรองเรียกของทานศาสดา-...” (อาลอิ มิ รอน / 153)(๓๓๒) โองการเหลานี้อางถึงกลุมบุคคลซ่ีงอะนัส บินนัศรฺเห็นพวกเขานั่งหลบมุมอยูและกําลัง คิดถงึ อนาคตของตนเอง ยังมีโองการทชี่ ดั เจนยงิ่ กวา นน้ั กลาวคอื “แทจริงบรรดาบุคคลผูซึ่งหันหลังจากพวกเจา-หลบหนีจากสงครามในวันที่กลุมทั้งสอง- มุสลิมกับผูปฏิเสธ-ไดเผชิญหนากัน อันที่จริงชัยฏอนไดโนมนาวพวกเขา (ใหทําส่ิงผิดพลาด) (อัน เน่ือง) ดวยบางอยางที่พวกเขาไดขวนขวายไว-เชนความหลงผิดที่อยูในหัวใจและพฤติกรรม- แนนอนย่งิ อลั ลอฮฺทรงยกโทษใหพ วกเขา แทจ ริงอลั ลอฮทฺ รงเปย มไปดวยการใหอภัย ทรงขันติยิ่งไม รบี เรงในการเอาโทษ-” (อาลอิ ิมรอน / 155)(๓๓๓) อัลกุรอานไดกลาวตําหนิกลุมบุคคลท่ีกลาวแกตัวท่ีตองหนีทัพวาเปนเพราะไดยินขาวทาน ศาสดาถูกสังหาร และมีความคิดที่จะไปหาอับดุลลอฮฺอุบัยเพ่ือใหพาไปอยูในความอารักขาของอบู ซุฟยานวา “มุฮัมมัดคือศาสดาคนหนึ่ง กอนหนาเขาก็ไดมีบรรดาศาสดามากอนแลว ฉะน้ัน หากเขา เสียชีวิตหรือถูกสังหาร พวกเจาจะผินสนเทากลับออกนอกศาสนา-กระน้ันหรือ และผูใดผินสนเทา กลบั -ออกนอกศาสนา-กไ็ มอาจ
สรางความเสียหายอันใดตออัลลอฮฺไดเลย และอัลลอฮฺจะทรงตอบแทนรางวัลแกผูที่สํานึกในพระ มหากรุณาธคิ ุณ” (อาลอิ ิมรอน / 144)(๓๓๔) บทเรยี นอันขมขนื่ เมื่อพิจารณาตรวจสอบเหตุการณท่ีอุฮุดแลว ไดพบทั้งบทเรียนท่ีขมขื่นและหวานชื่น และ ยืนยันใหเห็นถึงการยืนหยัดอันม่ันคงของกลุมบุคคลหน่ึง และการไมยืนหยัดของอีกกลุมหน่ึง เมื่อ สนใจดูเหตุการณในหนาประวัติศาสตรแลว ก็จะไดประเด็นหนึ่งขึ้นมาวา ไมอาจใหการยอมรับได วามุสลิมทั้งหมดในฐานะท่ีเปนสาวกของทานศาสดาน้ันจําเปนตองเชื่อฟงมีความยําเกรง และรัก ความเที่ยงธรรมเสมอไป เพราะกลุมบุคคลที่ละทิ้งฐานที่ม่ันของตนเอง หรือวิ่งไปเก็บทรัพยสิน เชลยและไมส นใจเสยี งเรียกของทานศาสดา นั้นลว นเปน สาวกของทานทัง้ สน้ิ ทานวากิดี นักบันทึกประวัติศาสตรอิสลามบันทึกไววา ในวันสมรภูมิอุฮุดมีอยู 8 คนที่ได ใหสัตยาบันตอทานศาสดาวาจะรบเคียงบาเคียงไหลกับทานไปจนชีวิตหาไม สามคนเปนชาวมุฮาญิ รีนไดแก ทานอะลี ฏ็อลฮะฮฺและซูเบร สวนอีกหาคนเปนชาวอันศอร นอกจากท้ังแปดคนนี้แลว ท้งั หมดตางว่ิงหนีเอาตัวรอดกัน อิบนุอะบุลฮะดีด(๓๓๕) บันทึกไววา ในป ฮ.ศ. ๖๐๘ ขาพเจาไดอานหนังสือ มะฆอซี ของ ทา นวากิดีในที่ชุมนมุ ทางวิชาการของเมอื ง แบกแดด เมื่ออาน ไปถึงเร่อื งท่วี า มุฮัมมัด บนิ มัซละมะฮฺ ไดร ายงานไวอ ยาง ชัดเจนวาขาพเจาเหน็ มสุ ลมิ กลุมหนึ่งกําลงั ว่งิ ข้นึ ไปบนภเู ขาอฮุ ดุ และทานศาสดา (ศ.) ก็ได ตะโกนรองเรียกแตละคนวา “นาย ก. นาย ข. เอยฉันอยูน่ี ฉันอยูนี่ มาหาฉัน” แตไมมีใคร ตอบรบั เสียงรอ งเรยี ก ของทานศาสดาเลย เมื่อขาพเจาอานมาถึงตรงนี้ อาจารยของขาพเจาก็ไดกลาววา ที่วา นาย ก. นาย ข. นั้น ก็คือ บุคคลที่ไดรับตําแหนงภายหลังจากทานศาสดาแตนักรายงานไมยอมเอยชื่อของเขาเหลาน้ันเพราะ ตองการคงเกยี รติของบุคคลเหลาน้นั เอาไว
บคุ คลทั้งหาที่ใหส ัญญาตอ กนั วา ตองสังหารทา นศาสดาใหได ในชวงเวลาที่ทหารอิสลามแตกกระสานซานเซ็นอยูน้ัน ศัตรูอิสลามตางก็หันมาจูโจมทาน ศาสดา มที หารผกู ลาของกเุ รชหา คนที่ตดั สินใจวา ตองจบชวี ิตทานศาสดาใหไ ด บุคคลทั้งหาคือ 1) อบั ดลุ ลอฮฺ บนิ ชะฮาบ ซ่งึ ทาํ ใหท านศาสดาไดรับบาดเจ็บท่หี นา ผาก 2) อุตบะฮฺ บินอะบีวักกอศ ซึ่งไดข วางกอ นหนิ สกี่ อนทาํ ใหฟน หนาของทา นศาสดาหัก 3) อิบนุกอมีอะฮฺลัยษี เปนผูทําใหใบหนาของทานศาสดาเปนแผล บาดแผลน้ีฉกรรจถึง ขนาดทหี่ วงโซรอยหมวกของทานหักฝงบนแกมของทาน อบูอุบัยดะฮฺ ญัรรอฮฺ เปนผูใชฟน ของเขา ดึงมนั ออกมา จนทําใหฟน ของทานหกั ไปถงึ สี่ซี่ 4) อบั ดุลลอฮฺ บินฮะมดี ซ่ึงถกู สังหารโดยอบูดะญานะฮใฺ นขณะทเี่ ขา จโู จมทา นศาสดา 5) อุบัย บินคอลัฟ ซึ่งเปน อีกคนหนึ่งที่ทานศาสดาสังหารเขาดวยตัวทานเอง กลาวคือ เมื่อ เขาไดเ ผชิญหนากับทานศาสดาตอนทถี่ อยรน ไปอยูในท่ีแหงหนึ่ง โดยมีศอฮาบะฮฺกลุมหน่ึงรายลอม ตัวเขาอยู เขาวิ่งตรงมายังทานศาสดา ทานจึงหยิบหอกจากฮาริษ บินศุมมะฮฺปาเขาใสเขาท่ีตนคอ จนกระท่ังเขากลงิ้ ตกจากหลังมา ฃ บาดแผลที่อุบัย บินคอลัฟไดรับเปนบาดแผลธรรมดา แตความที่ เขากลัวจัด ตัวของเขาจะสั่นเทาอยูตลอด เม่ือมีใครมาเย่ียมเขา เขาก็จะเพอดวยประโยคที่วา “มุฮัม มดั อยทู ี่มักกะฮฺ เมื่อขา กลา วกับเขาวา ขาจะฆาเจา เขากลับตอบวา ฉันนั่นแหละที่จะฆาเจา เขาไมเคย พูดโกหกเลย” เขาไดรับบาดเจ็บจากบาดแผลพรอมท้ังมีการตัวสั่นอยูตลอดเวลาจนในที่สุดก็จบชีวิตลงใน ระหวางทาง(๓๓๖) ประเดน็ นี้เปน เร่อื งทีแ่ สดงใหเ หน็ ถึงความไรศ กั ด์ิศรีของชาวกเุ รช อยา ง
ถึงขีดสุด เพราะขนาดที่พวกเขาตางยอมรับเองวาทานศาสดาพูดจริงและไมเคยพูดโกหกเลยน้ัน พวกเขากลบั ไมว างมือจากความเปน ศตั รูกับทา นและพยายามอยางเต็มกาํ ลงั ที่หล่งั เลอื ดทานใหไ ด ทานศาสดาผูทรงเกียรติไดปกปองตนเองและความศักด์ิสิทธิ์ของอิสลามเฉกเชนภูผาท่ีไม หว่ันไหว ท้ังๆ ที่ทานกับความตายน้ันอยูไมไกลกันเลย พวกกุเรชตางโหมกระหนํ่าเพ่ือเอาชีวิตทาน ใหได แตทานกลับไมไดแสดงถึงความกลัวและความกังวลใดๆ แมแตนอยในทุกหวงแหงการ เคล่ือนไหวทั้งรางกายและคําพูด มีเพียงตอนท่ีทานปาดเลือดออกจากหนาผากของทานท่ีทานกลาว ขึ้นวา “บุคคลกลุมหน่ึงไดทําใหใบหนาของศาสดาของเขาอาบไปดวยเลือดของเขา ท้ังๆ ที่เขาได เชิญชวนคนพวกนั้นใหหันมาเคารพภักดีพระเจาองคเดียว แลวพวกเขาจะไดรับชัยชนะได อยา งไร”(๓๓๗) ทานอะมีรุลมุอมินีนอะลี (อ.) กลาววา ในสมรภูมิรบนั้นทานศาสดาคือบุคคลที่อยูใกลศัตรู ท่ีสุด เม่อื การสรู บทวีความรนุ แรงขึ้น ทานก็คอยปองกันเราสาเหตุหนึง่ ที่ทานยังคงปลอดภัยอยูน้ันก็ เปนเพราะตัวทานเองท่ียังคงปกปองความศักดิ์สิทธิ์แหงอิสลามดวยการยอมรับแลกกับชีวิต กับอีก สาเหตุหน่ึงกค็ ือ การมีชวี ติ อยูของทานศาสดานั้นเปนหลักประกันหนึ่งซึ่งสหายผูมีวิญญาณแหงการ เสยี สละของทานตอ งทาํ หนา ที่ปกปอ งตัวทา นใหได เพราะนี่คอื คบเพลิงที่ไมอาจดับมอดลงได ทานศาสดาตอสูอยางหาวหาญในสมรภูมิอุฮุด ทานยิงธนูทุกดอก ที่อยูในคันธนูจนคันธนู หัก(๓๓๘) ผูที่คอยปกปองทานศาสดานั้นมีอยูเพียงไมกี่คน(๓๓๙) แตตามหลักฐานทางประวัติศาสตรก็ ยังหาความแนนอนไมได แตสิ่งซ่ึงนักประวัติศาสตรยอมรับเปนเสียงเดียวกันก็คือมีกลุมบุคคลกลุม หนึง่ ที่ทําหนาท่ี ดงั กลา วอยางเขม แขง็ ซึง่ เราจะกลาวตอ ไป การปกปองท่ปี ระสบความสาํ เร็จพรอมกับชยั ชนะรอบใหม
หากเราจะกลาววา ชวงเวลาน้ีในประวัติศาสตรอิสลามถือวาเปนชัยชนะคร้ังใหม ก็คงเปน คําพูดที่ไมเกินเลยจากขอเท็จจริงนักที่วาเปนชัยชนะก็คือมุสลิมสามารถปกปองทานศาสดาจาก อันตรายท่ีอาจถึงแก ชีวิตได ซึ่งไมเปน ไปตามการคาดการณของพวกกุเรช และนี่ก็เปนชัยชนะ ครั้ง ใหมของทหารอสิ ลามนนั่ เอง หากชัยชนะครั้งนี้เรายกใหเปนของทหารอิสลามทั้งมวล นั่นก็หมายความวา เราใหเกียรติ ตอสถานะแหงการตอสูในวิถีทางของพระเจาของนักรบเหลาน้ัน มิเชน นั้นแลวก็ตองบอกวา มีกลุม คนเพียงหยิบมือเดียวเทานั้นที่แบกชัยชนะแหงความสําเร็จไวบนบาของพวกเขาโดยเอาชีวิตของ ตนเองแลกกับการปกปกษรักษาชีวิตของทานศาสดา อันที่จริงแลว การคงอยูของรัฐอิสลาม และ ประทปี ทยี่ ังไมด บั มอดไปนนั้ เปนผลจากการเสียสละของกลุม ชนผกู ลา เพียงไมก ี่คนน่นั เอง ตอไปเราจะไดนําเสนอบางแงม มุ ของการเสยี สละดวยชวี ิตของคนกลมุ นี้ ดงั น้ี (1) บุคคลแรกที่ยืนหยัดอยางม่ันคง ผูนําอันหาญกลาซ่ึงอายุยังไมผานพน 26 ป ต้ังแตเด็ก จนเตบิ ใหญกระท่ังทานศาสดาเสียชีวิต เขาผูน้ีอยูกับทานศาสดาโดยตลอด มิเคยท่ีจะวางมือจากการ เสียสละและใหค วามชวยเหลอื ทานเลย ผูนําทห่ี าวหาญ ผูเสียสละตัวจริง นายของบรรดาผูยําเกรง ทานอะมรี ุลมุอมินีนอะลี นั่นเอง ท่ีหนาประวัติศาสตรไดบันทึกเรื่องราวการรับใช และการเสียสละของเขาในวิถีทางแหงการเผยแผ อิสลามและปกปองศาสนาอันเที่ยงตรง ชัยชนะคร้ังใหมก็เปนดังเชนชัยชนะในคร้ังแรกท่ีเกิดข้ึน โดยชายผูเสียสละคนนี้ ก็เพราะวา สาเหตุหลักของการหนีทัพของพวกกุเรชในตอนเร่ิมตนการตอสู ก็คือผูถือธง คนแลวคนเลาถูกสังหารดวยนํ้ามือของอะลีผูน้ี ในท่ีสุดมันไดสรางความขยาดกลัวให เกดิ ขน้ึ ในหวั ใจของทหารกเุ รชจนไมอ าจสูตอ ไปได นักประวัติศาสตรรวมสมัยชาวอียิปตหลายคนท่ีทําการวิเคราะหประวัติศาสตรเหตุการณ ทงั้ หลาย ของอสิ ลามไมไดรกั ษาสทิ ธอิ นั ชอบธรรมตาม
ความเหมาะสมกับตําแหนงอันสูงสงของเขา หรืออยางนอยก็เปนไปตามท่ีประวัติศาสตรไดบันทึก เอาไว โดยพวกเขาไดวางตําแหนงของการเสียสละของทานอะลีไวในตําแหนงเดียวกับทหารหาญ คนอื่น ดวยเหตุน้ีเอง เราจึงคิดวาเปนความจําเปนที่เรา ตองพูดถึงภาพรวมของการเสียสละของ ทานอะลีใหท ุกคนไดร ับทราบดงั ตอ ไปนี้ 1) อิบนอุ ะษีร เขยี นไวใ หนงั สอื ประวัตศิ าสตรของเขาวา (๓๔๐) ทานศาสดา (ศ.) ถูกจูโจมจากทุกทิศทุกทาง ทุกกลุมท่ีถาโถมเขาใส ทานศาสดาก็จะไดรับ การรับมือจากทานอะลีตามคําบัญชาของทานศาสดาเมื่อทหารบางคนตาย พวกเขาก็จะถอยรนไม เปนขบวน เปนเชนน้ีอยูหลายตอหลายครั้ง จากความเสียสละอยางหาวหาญนี้เองท่ี ผูพิทักษวะฮฺยู (ญิบรออีล) ถูกประทานลงมาและกลาวสรรเสริญการเสียสละของทานอะลีใหทานศาสดารับทราบ โดยกลาววา น่ีเปนสุดยอดแหงการเสียสละซง่ึ ไดสําแดงออกมาจากทหารหาญของทาน ทานศาสดา (ศ.) ยืนยันคํากลาวดังกลาวดวยคําพูดที่วา “ฉันเปนสวนหน่ึงของอะลี และอะลีก็เปนสวนหนึ่งของ ฉัน” จากนั้นก็มีเสียงกังวาลหนงึ่ ดังขึ้น มีใจความวา “ไมม ีดาบใด (ที่รับใชอิสลามไดดีย่ิงกวา) นอก จากซุลฟก็อร และไมมีชายหนุมใด (ทส่ี าํ แดงความกลาหาญไดเ ทยี บเทา ) นอกจากอะลี” อบิ นุอะบล้ิ ฮะดีดไดร ายงานเรอื่ งราวเหลา นีด้ ว ยการขยานความวา มีทหารกลุมหน่ึงประมาณ 50 คนไดเขามาจูโจมทานศาสดาโดยหวังสังหารทาน ทานอะลี ไดเ ขา สกดั คนเหลา นี้ในสภาพทที่ านเปน พลเดินเทา จากนน้ั เขาก็ไดอางรายงานเร่ืองการลงมาของทานญบิ รออีล และกลาววา ไมเพียงแตเ ร่ืองน้ี เปนเรื่องยอมรับกันโดยทั่วไปตามหลักฐานทางประวัติศาสตรเทาน้ัน ขาพเจายังพบรายงานท่ีเปน ขอเขียนของหนังสอื เรื่องสมรภูมิตางๆ ของ มุฮัมมัด บินอิซฮาก ท่ีกลาวถึงการลงมาของทานญิบรอ อีล วนั หน่งึ ขา พเจา ไดถ ามอาจารยข องขาพเจา อบั ดลุ วะฮฺฮาบ ซะกนี ะฮฺ ถึงความถูกตอ งของเรือ่ งราว ดังกลาว เขาตอบวา ถูกตอง ขาพเจาไดถามเขาตอวา แลวทําไมนักรายงานฮะดีษทั้งหก (ศิฮาฮุซซิต ตะฮฺ) จึงไมบันทึก ฮะ
ดีษศอฮีฮฺ (ถูกตอง) น้ีลงในหนังสือของพวกเขา ? เขากลาวตอบวา ฉันเห็นฮะดีษศอฮีฮฺมากมายที่นัก รายงานฮะดีษศอฮฮี ทฺ ้งั หกไมใหค วามสนใจฮะดีษเหลา นัน้ (๓๔๑) 2) ตามคํากลาวของทานอะมีรุลมุอมินีนเองท่ีกลาวกับสหายของทานโดยอธิบายการ เสียสละของตวั ทา นเองดังนี้ “เม่ือทหารของพวกกุเรชจูโจมมาท่ีเรานั้น พวกอันศอรและ มุฮาญิรีน ไมรูหายไปไหน ฉัน ไดปกปองทานศาสดาพรอมกับบาดแผล 70 แหงทั่วเรือนราง จากนั้นทานศาสดา (ศ.) ไดนําเอาผา คลมุ ของทานมาปด บาดแผลแลวใชม อื ลบู ไปบนบาดแผลน้ัน”(๓๔๒) แมกระทั่งตามการรายงานของเชคศอดูกในหนังสือ อิละลุชชะรอเยียะอฺ ท่ีวาดาบของ ทานอะลีหกั ในขณะทไี่ ดทาํ การปกปองทา นศาสดาอยา งหา วหาญ แลวทานศาสดาก็ไดมอบดาบของ ทานท่ชี ่อื ซลุ ฟกอ็ ร ใหกับทานอะลี เพือ่ ใชมันตอ สูในวิถีทางของพระเจา ตอไป อิบนฮุ ชิ าม ไดบนั ทึกไวในหนังสืออันทรงคุณคาของเขาวา(๓๔๓) มีชาวกุเรชถูกสังหารไป 21 คน โดยเขาไดระบุช่ือเสียงเรียงนามและช่ือเผาของคนเหลานี้ไวอยางละเอียด และมีอยูถึง 12 คนท่ี ถูกสังหารโดยฝม ือของทา นอะลี สวนทเี่ หลอื เปน ฝม อื ของทหารมุสลิม เราขอยอมรับวา เราไมสามารถท่ีจะนําเร่ืองราวแหงการรับใชอิสลามของทานอะลีตามท่ีมี ปรากฏอยูในหนังสือของพ่ีนองอะฮลุซซุนนะฮฺ และชีอะฮฺ เชน บิฮารุลอันวาร(๓๔๔) มาบันทึกไวใน หนังสือเลมนี้ได ซ่ึงจากการทบทวนรายงานที่ปรากฏอยูในสายรายงานของแนวคิดทั้งสองใน เรื่องราวเหลา นี้ กไ็ ดบ ทสรุปวา ไมมีใครท่ีไดยนื หยดั ในสมรภมู อิ ฮุ ุดเฉกเชน ทานอะลี (อ.) เลย (2) อบูดะญานะฮฺ เขาคือนายทหารคนที่สองนับจากทานอะมีรุลมุอมินีน (อ.) ที่ไดทําการ ปกปองสถานะอันศักดิ์สิทธ์ิของทานศาสดา (ศ.) โดยเขาไดนําพาตัวเองเปนโลห...ใหกับทาน กลาวคือ เขาใชแผนหลังของเขารับลูกธนูของศัตรู ดวยวิธีการน้ีเองท่ีทานศาสดา (ศ.) ปลอดภัยจาก ลูกธนขู อง
ศตั รู มัรฮูม ซะพะฮฺร กลาวเกี่ยวกับทานอบูดะญานะฮฺไวประโยคหนึ่งในหนังสือ นาซิคุตตะ วารีค ซ่ึงเราไมพบตน ฉบบั ท่จี ะอางอิงได เขากลา ววา(๓๔๕) เม่ือทานศาสดา (ศ.) และทานอะลี (อ.) ตกอยูในวงลอมของพวกมุชริก ทานศาสดาหันไป เจออบูดะญานะฮฺ ทานกลาวขึ้นวา “อบูดะญานะฮฺ ฉันขอยกเลิกสัญญาสวามิภักด์ิที่ทานทําไวกับฉัน แตอะลีน้ันเปนสวนหน่ึงของฉัน และฉันก็เปนสวนหน่ึงของเขา” อบูดะญานะฮฺสะอึกสะอื้นรองไห แลวกลาววา “ขาพเจาจะไปไหนได จะไปหาภรรยาของขาพเจา กระนั้นหรือ เดี๋ยวเธอก็ตองจากไป จะกลบั ไปบานหรอื เด๋ียวบา นก็ตองพังสักวันหนึ่ง จะกลับไปหาทรัพยสมบัติของฉันหรือ เด๋ียวมันก็ ตองหมดไป ฉันกําลงั มงุ หนาสวู าระสดุ ทา ยซึ่งกําลังจะมาถงึ ” เมื่อทานศาสดา (ศ.) เห็นน้ําตาท่ีรินหลั่งมาจากเบาตาท้ังสองของ อบูดะญานะฮฺ ทานก็เลย อนุญาตใหเขาสูตอไป เขาและทานอะลีน่ันเองท่ีทําหนาท่ีปกปกรักษาทานศาสดา (ศ.) จากการเขาจู โจมอยางหนักของพวกมุชริก ในหนังสือประวัติศาสตรเลมอ่ืนๆ มีรายช่ือบุคคลอ่ืนปรากฏอยู อาทิ เชน อาศิม บินษาบติ , ซะฮฺร ฮะนีฟ, ฏ็อลฮะฮฺ บินอุบัยดิ้ลลาฮฺ และนักรบมุสลิมอีกประมาณ 36 คน อยางไรก็ตาม เม่ือพิจารณาตามมุมมองทางประวัติศาสตรที่แนชัดแลว ยืนยันวามีบุคคลทั้งส่ีคือ ทานอะมรี ุลมุอมินีน, ทานอบูดะญานะฮฺ, ทานฮัมซะฮฺ และสตรีผูทรงเกียรติอีกคนหนึ่งคือ อุมมุอา มิ้ร ซ่ึงเปนผูที่ยืนหยัดตอกรกับเหลาศัตรูซึ่งนอกจากบุคคลทั้งส่ีแลว ถือวายังมีความนาสงสัยและ บางคนกไ็ มน า เช่ือถือ (3) ทานฮัมซะฮฺ บนิ อบั ดลุ มุฏฏอลบิ คือ ลุงของทา นศาสดา (ศ.) ถอื ไดวา เปนผูกลาหาญของ ชาวอาหรบั อยา งแทจ ริงและเปนนายทหารท่ีเล่ืองลือของอิสลาม เขาคือบุคคลท่ีออกความคิดเห็นให ทหารอิสลามออกไปสูรบกับพวกกุเรชนอกเมืองมะดีนะฮฺเขาคือบุคคลท่ีปกปองชีวิตทานศาสดาให พนจากเง้ือมมืออันโสมม ของศัตรูในชวงเวลาอันนาประหวั่นพร่ันพรึงในเมือง มักกะฮฺอยาง สุดกําลังความสามารถ เขาคือบุคคลท่ีทําใหศีรษะของอบูญะฮัลแตกอันเปนการตอบแทนที่เขา พยายามดหู มิ่นทา นศาสดาในคราว
ประชุม คร้ังใหญของพวกกุเรช แลว กไ็ มม ีใครกลา ทีจ่ ะตอกรกบั เขาไดเ ลย เขาคือนายทหารระดับหัวหนาที่เปนผูปลิดชีพชะบีฮฺ นักรบของพวกกเุ รช ในสมรภูมิบะดัร และทําใหพวกทหารกุเรชบาดเจ็บเปนจํานวนมาก เขาไมมี เปาหมายอื่นใดนอกจากการปกปองสัจ ธรรม ความประเสริฐและสถาปนา อสิ รภาพใหเ กดิ ข้นึ ในชีวติ ของทกุ คน ฮินด ภรรยาของอบูซุฟยาน ลูกสาวของอุตบะฮฺ เกลียดทานฮัมซะฮฺ เขากระดูกดํา นาง ตัดสินใจอยางแนวแนวา ไมวาตองลงทุนมากมายสักเพียงใด นางก็ตองแกแคนมุสลิมแทนพอของ นางใหจงได วะฮฺชี นักสูแหงฮะบะชะฮฺ ทาสรับใชของ ุบัยร บินมุฏอิม (ุบัยรฺ คนน้ีก็มีลุงคนหนึ่งถูก สังหารในสมรภูมิบะดัร) ไดรับคําสั่งจากฮินดใหปดบัญชีความแคนของลูกสาวอุตบะฮฺใหไดไมวา จะใชกลวิธีในรูปแบบใด นางฮินด ไดแนะนําแกวะฮฺชีวา ใหเขาสังหารคนใดคนหน่ึงในสามคนนี้ (คือ ทานศาสดา, ทานอะลี และทานฮัมซะฮฺ) ใหไดเพื่อเปนการลางแคนหน้ีเลือดใหกับพอ ของนาง นักสูแหงฮะบะชีตอบนางวา “ขาคงไมอาจหาโอกาสสังหารมุฮัมมัดได เพราะมีสหายหลายคนคอย อยูใกลชิดเขา สวนอะลีน้ันเวลาเขาอยูในสมรภูมิแหงการตอสูน้ัน เขาจะต่ืนตัวอยูตลอดเวลา แต สําหรับฮมั ซะฮแฺ ลว ความโกรธและความโมโหของฮัมซะฮฺจะลกุ โพลงในทุกการตอ สู เมื่อเวลาสูกัน เขามกั จะไมระวังตัว ขาอาจสงั หารเขาไดดวยแผนการอนั แยบยล” นางฮินดพอใจคําตอบน้ี และใหสัญญาวา ถาเขาประสบความสําเร็จตามที่วา นางจะปลอย ใหเขาเปนไท มีบางกลุมเชื่อวา ุบัยรฺเปนคนใหสัญญากับทาสของเขา (วะฮฺชี) เพราะลุงของเขาก็ ถูกสังหารในสมรภูมบิ ะดรั ดวย ทาสชาวฮะบะชีกลา ววา ในคราวศึกอุฮุดน้ัน ตอนท่ีชาวกุเรชเริ่มเห็นชัยชนะแลว ขาไดออก ตามหาฮัมซะฮฺ พบเขากําลังทําศึกเฉกเชนราชสีหท่ีกระโดดเขาตะปบเหย่ือของตนเอง ใครก็ตามท่ี เขาประชิดตัวเขาตองปลิดชีวิตลงทันที ขาเขาไปหลบหลังตนไมพรอมกับกอนหินในมือ โดยท่ีเขา มองไมเห็น ขณะที่เขากําลังงวนอยูกับการตอสูนั้น ขาก็คอยๆ กาวออกมาโดยท่ีขาน้ันก็เปนชาว ฮะบะชีคนหนึ่ง ขาเคยขวา งอาวธุ ...ไดเหมือนกับพวกเขา
และมักจะไมคอยพลาดเปา คร้ังนี้ก็เชนกัน ขาขวางหอกใสเขา จากระยะท่ีหางพอสมควร หอกพุง เขาปกที่...ของเขา เขาทรุดลงกับพ้ืน และอยูในสภาพน้ันจนกระทั่งวิญญาณหลุดลอยออกจากราง จากน้ันเพ่ือความแนใจ ขาก็เดินเขาไปหาเขาแลวเอา...ออกมา พรอมกับเดินกลับไปพบกองทหาร กเุ รชเพอื่ รอรบั รางวัลการเปนไท ภายหลังจากสงครามที่อุฮุด ขาก็ยังคงอาศัยอยูในเมืองมักกะฮฺระยะหนึ่งจนกระทั่งมุสลิม พิชิตมักกะฮฺสําเร็จ ขาก็หนีไปอยูท่ีฏออิฟะฮฺ จากนั้นไมนานอิทธิพลของอิสลามก็แผไปถึงท่ีนั่น ขา ไดยินวา ใครก็ตามไมวาจะทําชว่ั ไวสกั ปานใด หากเขา มาสูศาสนาแหงเอกานุภาพแลว ทานศาสดาก็ พรอ มจะยกโทษให ขาจึงไปพบทา นศาสดาพรอมกับกลาวคําปฏิญาณยืนยันการเปนมุสลิม เมื่อทาน ศาสดาเห็นขา ทานถามขาวา “เจาคือวะฮฺชีชาวฮะบะชีคนน้ันใชไหม ?” ขาตอบวา “ขอรับ” ทาน กลาวถามขาวา “เจาสังหารลุงฮัมซะฮฺไดอยางไร ?” แลวขาก็เลาไปตามน้ัน ทานศาสดามีสีหนาสลด อยางเห็นไดชัด ทานกลาววา “ตราบท่ีเจายังมีชีวิตอยู ฉันจะไมมองเจาเปนอันขาด เพราะ โศกนาฏกรรมทีเ่ กิดกบั ลุงของฉันน้ันเกิดขน้ึ โดยนาํ้ มือของเจา”(๓๔๖) น่ีคือวิญญาณอันสูงสงของบุคคลท่ีเปนศาสดา มีความใจกวางซ่ึงเปนคุณลักษณะที่พระเจา ไดประทานใหกับทาน ทั้งๆ ที่ทานสามารถเอาผิดกับบุคคลที่สังหารลุงของทานไดในทุกกรณี แต ทา นกย็ อมปลอยเขาผูนัน้ ไว วะฮฺชีกลาววา ตราบท่ีทานศาสดายังมีชีวิตอยู ขาก็หลบทานมาโดยตลอด หลังจากท่ีทาน เสยี ชีวิตแลว ก็เกดิ สงคราม มซุ ยั ละมะฮฺ จอมลวงโลก ขาก็ไดเขารวมในการสูรบครั้งนั้น และขาก็ได มีสวนรวมสังหารมุซัยละมะฮฺ พรอมกับชาวอันศอรคนหนึ่งดวยกับ...หากขาไดสังหารคนท่ีดีที่สุด เชน ฮมั ซะฮดฺ ว ยกับ...น้ี น่ันกห็ มายความวาคนทเ่ี ลวที่สดุ ก็ไมพนจาก...ของขาไปได การเขารวมในสงคราม มุซัยละมะฮฺ นั้นเปนคํากลาวอางของเจาตัวเอง แตอิบนุ ฮิชามกลาว วา ในบ้ันปลายชีวิตนั้นวะฮฺชีเปน... ซึ่งผลจากการดื่มสุราเปนอาจิณ นั้นทําใหเขาเปนท่ีรังเกียจของ มสุ ลิม และไดรบั การลงโทษตามกฎ และถูกลบชื่อออกจากสารบบการเปนทหารของกองทัพมุสลมิ อนั เนอ่ื งจาก พฤติกรรมอันไมเหมาะสมของตวั เขาเอง ทา นอุมรั บนิ ค็อฏฏอบ
กลาววา “ผทู ี่สังหารฮัมซะฮไฺ มควรมชี ่อื อยใู นฐานะผรู วมออกรบ”(๓๔๗) (4) อุมมุอาม้ีร คงไมใชเรื่องท่ีเราจะมาพูดคุยกันวา การญิฮาดในลักษณะจูโจมกอน (ญิ ฮาดอบิ ตดิ าอี) น้นั สําหรับสตรแี ลว ถือวา เปนสิ่งตองหาม จากกรณีที่เม่ือมีตัวแทนของสตรีกลุมหนึ่ง ไดเขา พบทานศาสดา (ศ.) และสนทนากับทา นเก่ียวกับการหมดโอกาสในการออกสงครามของสตรี และยกขออางวา เราไดทํางานทุกอยางของสามีไมวาจะเปนการหาเลี้ยงชีพอยางเต็มท่ี อีกท้ังทําให ผูชายไดเขารวมรบอยางหมดหวงแลว แตสังคมของสตรีกลับไมไดรับความการุณอันย่ิงใหญ ดังกลาว ทานศาสดา (ศ.) ไดสงสารไปยังสังคมสตรีของเมืองมะดีนะฮฺโดยผานผูหญิงคนน้ีทาน กลาววา “ถึงแมวาเมือ่ พจิ ารณาตามเหตปุ จ จัยทางดานกายภาพอนั เปนธรรมชาติท่ีติดตัวมาและปจจัย ทางดานสังคมแลว พวกเธอหมดโอกาสท่ีจะไดรับความการุณดังกลาว แตทวา พวกเธอก็สามารถท่ี จะไดร ับความการุณเฉกเชน การตอ สูในวถิ ที างของอัลลอฮฺ หากพวกเธอไดทาํ หนาท่ขี องภรรยาทดี่ ี” และนี่ก็คือ โอวาททางประวัติศาสตรท่ีทานกลาววา “แทจริงการทําหนาที่ภรรยาที่ดีน้ัน เทยี บไดกบั การออกรบในวิถที างของอัลลอฮฺทุกประการ” แตในบางกรณีก็มีสตรีที่ความพรอมและไดรับการฝกฝน ไดรับอนุญาตใหออกไป ชวยเหลือนักรบอิสลามนอกเมืองมะดีนะฮฺโดยมีสวนรวมในชัยชนะของมุสลิมดวยการทําหนาท่ี แจกนาํ้ ใหก ับทหารผูก ระหาย ซกั ชดุ ทหารและพันแผลใหกับทหารท่ีไดรบั บาดเจ็บ ทานหญิงอุมมุอามีร หรือช่ือจริงคือ นะซีบะฮฺ ไดกลาววา “ขาพเจาไดเขารวมในสงครามอุ ฮุดเพ่ือบริการนํ้าดื่มแกทหารหาญอิสลาม ขาพเจาเห็นลางแหงชัยชนะของมุสลิมแลว แตทันใด น้ันเองการณกลับตาลปตร มุสลิมถูกตีแตกพายและว่ิงหนีเอาตัวรอด ชีวิตของทานศาสดาตกอยูใน อนั ตราย จิตสํานกึ บอกขา พเจา วา ตราบทย่ี ังมีชวี ติ อยู ตองทําหนาทปี่ กปองทา นศาสดาใหได ขา พเจา รบี ทิง้ ถงุ นาํ้ แลวฉวยดาบไวในมอื ฟาดฟนศัตรูไปเร่ือย บางชวงก็ตองยิงธนู” พอเลามาถึงตอนน้ี เธอ ก็หันไปเห็นรอยบาดแผลท่ีหัวไหล เธอเลยเลาถึงที่มาของบาดแผลดังกลาวน้ันวา “ในตอนนั้น มี ทหารกลุมหน่งึ
กําลังวิ่งหนีและหันหลังใหศัตรู ทานศาสดา (ศ.) หันไปเจอทหารคนหนึ่งท่ีกําลังวิ่งหนี ทานพูดกับ เขาวา “ถา เจา จะหนลี ะก็ ท้ิงอาวุธไวท่ีน่ีซะ” ทหารผูนั้นรีบทิ้งอาวุธทันที และขาพเจาก็รีบหยบิ อาวุธ น้นั มา ทันใดน้ันเองขาพเจา ก็เห็นชายคนหนงึ่ ท่รี ูจกั กันในนาม อิบนุกอ มีอะฮฺ ตะโกนขึ้นมาวา “มุฮัม มัดอยูไหน ?” เมื่อเขาเห็นทานศาสดา เขาก็รีบจูโจมไปยังทานดวยดาบอันคมกริบ ขาพเจาและมุศ อับเปนผูสกัดเขาไวไมใหเขาถึงตัวทา นศาสดา เขาก็ไดตอบโตขาพเจา ดว ยการฟนเขาท่ีหัวไหลของ ขาพเจา อยางไรก็ตามขาพเจาก็ยังฟนเขาไปหลายครั้ง แตความเจ็บปวดของบาดแผลท่ีถูกเขาฟนนั้น ยังมอี าการเจ็บอยนู านนับป การฟาดฟนของขาพเจาไมอาจสรางความเจ็บใหกับเขาไดเลย เพราะเขา ใสเสอ้ื เกราะสองชั้น รอยคมดาบท่ีอยูบนหัวไหลของขาพเจาน้ันเปนแผลฉกรรจ เมื่อทานศาสดาเห็นวาหัวไหล ของขาพเจามีเลือดพุงออกมา ทานไดตะโกนเรียกลูกชายคนหน่ึงของขาพเจา และบอกวา “รีบพัน แผลใหแมของเจาซ”ิ เม่อื เขาพนั แผลใหขา พเจาเสร็จเรยี บรอ ย ขา พเจา กอ็ อกไปรบอกี ครั้งหนงึ่ ในระหวางที่กําลังสูรบกันอยูนั้น ขาพเจาก็เหลือบไปเห็นลูกชายคนหนึ่งกําลังไดรับ บาดเจ็บ ขา พเจาก็รีบเอาผา พันแผลที่ติดตัวมาสําหรับพันแผลใหกับทหารท่ีไดรับบาดเจ็บ ขาพเจาก็ รีบเอาผาพันแผลท่ีติดตัวมาสําหรับพันแผลใหกับทหารท่ีไดรับบาดเจ็บออกมา แลวพันแผลใหเขา เม่ือเสร็จแลวก็ตะโกนบอกลูกเพราะเห็นวาทานศาสดาตกอยูในอันตราย “ลูกแม ลุกขึ้นไดแลว ออกไปสตู อ”(๓๔๘) ทานศาสดารูสึกฉงนถึงความกลาหาญ ความเด็ดเด่ียว และความเสียสละของสตรีผูนี้มาก เม่ือตอนท่ีทานเห็นคนที่ฟนลูกชายของเธอ ทานไดตะโกนบอกเธอวา “คนน้ีแหละคือคนท่ีฟนลูก ชายของเจา” แมที่รักลูกด่ังดวงใจรีบผละออกจากทานศาสดา เขาจูโจมชายคนนั้นเชนนางสิงโตที่ ตะครุบเหย่ือ เธอไดฟนไปที่ตนขาของเขา ทําใหชายคนน้ันลมลงกับพื้น เหตุการณดังกลาวยิ่งทําให ทา นศาสดาประจกั ษถ ึงความกลา แกรงของสตรีคนน้ี ทานศาสดาแยมยิ้มจนเห็นไรฟนของทาน แลว กลา ววา “เจา ไดคดิ บัญชีแทนลูก แลว”(๓๔๙)
วันรุงขึน้ ทานศาสดาไดเคลือ่ นกองทหารไปยัง ฮุมรออุลอะซัด, นะซีบะฮฺ ก็ตองการเดินทาง ไปพรอมกับกองทหารน้ันดวย แตทานศาสดา ไมอนุญาต เพราะเธอมีบาดแผลฉกรรจ และเม่ือทาน ศาสดากลับจาก ฮุมรออุลอะซัดแลว ทานรีบสงคนไปถามไถอาการของนะซีบะฮฺที่บาน ทานดีใจ มาก เมอ่ื รับทราบวา เธอปลอดภัย อันเน่ืองดวยความกลาหาญและเสียสละ สตรีคนน้ีไดวอนขอตอทานศาสดาใหทานชวยดุ อาอใหอลั ลอฮฺทรงประทานตําแหนงที่อยใู กลชดิ ทา นศาสดาใหกับเธอดวย ทานศาสดาก็ไดขอดุอาอ ใหกับเธอวา “โออัลลอฮฺขอพระองคไดโปรดประทานตําแหนงสหายผูใกลชิดของขาพระองคใน สวรรคใหกบั นางดว ยเทอญ”(๓๕๐) วีรกรรมแหงการปกปอ งของสตรีทานน้ี สรา งความยนิ ดใี หก ับทา นศาสดาอยา งมาก ซงึ่ ทา น ไดก ลาวถึงสตรที านน้ีวา “สถานภาพของนะซีบะฮฺ บินติกะอับในวันนั้น ดียิ่งกวาคนนั้น คนนั้น เสีย อกี ” อิบนุอะบิ้ลฮะดีด บันทึกไววา ผูรายงานฮะดีษบทนี้ลบหลูทานศาสดา โดยไมยอมเอยช่ือ ของบคุ คลสองคนทที่ า นศาสดาเอยถึงอยา งชัดเจน(๓๕๑) แตอยางไรก็ตาม ขาพเจาคาดวา บุคคลสองคนน้ันนาจะหมายถึง บุคคลผูย่ิงใหญท่ีไดรับ ตําแหนง ใหญในหมูมสุ ลมิ ภายหลงั ทา นศาสดาจากไปและผูรายงานฮะดีษดังกลาวก็จําตองปกปดชื่อ ดังกลา วไว เพอื่ เปนการรกั ษาเกยี รตแิ ละกลวั เกรงในอํานาจดงั กลา ว เหตุการณต อ มาที่อุฮดุ การตอสูอยางหาวหาญของทหารกลุมเล็กๆ เปนเหตุใหชีวิตของทานศาสดาที่ตกอยูใน วิกฤติน้นั ไดรับความปลอดภยั และเปนการโชคดที ่ีสวนใหญของศัตรูเขาใจวาทานศาสดาถกู สังหาร แลว จึงมัวแตคนหาศพของทาน ประกอบกับไดรับการโตกลับจากทหารกลุมเล็กๆ ที่รับทราบวา ทานศาสดายังปลอดภัยอยู โดยการนําของทานอะลี ทานอบูดะญานะฮฺ และอีกบางคน (ตามการ คาดการณ) จากสภาพการณดังกลาวจึงเปน การสมควรทจ่ี ะปลอย
ใหข า วดังกลาวกระพอื ตอ ไป โดยทท่ี านศาสดากับสหายบางคนของทานไดเดนิ ทางไปยัง... ในระหวางทาง เม่ือทานศาสดาเดินทางมาถึงหลุมเพลาะที่มุสลิมขุดไวรอบๆ อบูอามีร ทานอะลีรีบจับมือของทานศาสดาชูขึ้น มุสลิมคนแรกที่เห็นทานศาสดาก็คือ กะอับมาลิก เขาเห็น ดวงตาของทานศาสดาสองประกายอยูในหมวกคลุมหนา เขารีบตะโกนขึ้นทันทีวา “มุสลิมทั้งหลาย ทานศาสดาอยูที่นี่ ทานยังมีชวี ิตอยู พระเจาทรงรักษาทานจากเงื้อมมือของศัตรูแลว” เมื่อขาวการมี ชวี ติ อยูของทานศาสดาแพรอ อกไป กก็ อ ใหเ กดิ การโจมตีระลอกใหม ทานศาสดาจึงออกคําส่ังใหกะ อบั ปดขาวน้ีไวก อ น แลว เขาก็เงียบ ในท่ีสุดทานศาสดาก็เดินทางมาถึงหมูบาน...มุสลิมท่ีอยูบริเวณนั้นเมื่อรับทราบวาทาน ศาสดายังมีชีวิตอยูตางก็ปลาบปลื้มดีใจ และยืนกมหนาดวยความละอายตอหนาทานศาสดา อบูอุบัย ดะฮฺ ญ้ัรรอฮฺ ไดถอนหวงโซสองอันที่ฝงอยูบนใบหนาของทานศาสดาออก ทานอะมีรุลมุอมินีน อะ ลี ก็นําเอาโลหของตัวเองไปตักน้ําจนเต็มแลวนํามาเช็ดที่ศีรษะและใบหนาของทานศาสดา และ กลาวประโยคหน่ึงออกมาวา “ความกร้ิวโกรธของอัลลอฮฺทวีความรุนแรงข้ึนตอกลุมชนที่ทําให ใบหนาของทานศาสดาของเขาเปอ นโลหิต”(๓๕๒) ศัตรผู ฉู วยโอกาส ในหวงเวลาที่มุสลิมกําลังเผชิญกับความปราชัยอยูนั้น ศัตรูผูฉวยโอกาสก็อาศัยเวลา ดงั กลา วเพอื่ เผยแพรค วามเช่ือของตนเอง และกลาวคําขวัญที่ตอตานศาสนาแหงเอกานุภาพของพระ เจาออกมา ซ่ึงมันไดสรางความหวั่นไหวใหกับพวกความคิดต้ืนเขินบางคน ตามคํากลาวของ นักเรียนรวมสมัยที่บอกววา “ไมมีชวงเวลาใดสําหรับการเผยแพรความเช่ือ แนวคิด และอิทธิพลตอ ผูคน ไดดีย่ิงไปกวาชวงเวลาท่ีพวกเขาประสบกับความพายแพ ความยากลําบาก และภัยพิบัติอัน รายแรง ในชวงเวลาที่ตองเผชิญกับความเศราโศกเชนน้ัน จิตใจของกลุมชนผูถูกกดขี่น้ันจะออนแอ และไหวหวน่ั
ถึงขนาดที่ชนกลุมน้ันจะสูญเสียปญญาและการแยกแยะของตนเอง ในชวงเวลานี้เองท่ีการโฆษณา ชวนเชอื่ อนั เลวทรามสามารถเขาไป และมอี ทิ ธพิ ลอยใู นหวั ใจของกลุม ชนที่หัวใจแตกสลายไดอยาง งา ยดาย” อบูซุฟยานและอักรอมะฮฺตางแสดงความดีใจอยางลิงโลด ในสภาพที่ในมือกําเจว็ดเอาไว พวกเขาอาศัยจังหวะชวงเวลาดังกลาวตะโกนข้ึนวา “ฮุบั้ลจงเจริญ ฮุบ้ัลจงเจริญ” ซึ่งหมายความวา ชัยชนะครัง้ นข้ี องพวกเราเก่ียวของกบั การบชู าเจว็ดน้ี และหากมีพระเจาอื่นนอกจากเจว็ดเหลานี้และ การเคารพภกั ดีพระเจาองคเดยี วเปนความถกู ตอ งแลว ไซร พวกเจากต็ อ งไดรบั ชัยชนะซิ ทา นศาสดาเขาใจไดทันทวี า คนพวกน้ีกาํ ลังฉกฉวยโอกาสและกระทําการอันนาอันตรายย่ิง ทานลืมความเจ็บที่ทานกําลังประสบอยู ทานรีบออกคําส่ังไปยังทานอะลีและมุสลิมคนอ่ืนให ตะโกนกลับไปวา “อัลลอฮฺทรงสูงสงที่สุดและทรงจําเริญย่ิง อัลลอฮฺทรงสูงสงที่สุดและทรงจําเริญ ยิ่ง” ซึ่งใหความหมายวา อัลลอฮฺทรงย่ิงใหญและทรงเดชานุภาพ การพายแพคร้ังน้ีไมเก่ียวกับการ เคารพบชู าพระเจาองคเดยี วของพวกเรา แตเปน เพราะการฝาฝน คําส่งั เทา น้ัน อบูซุฟยานยังคงไมลดละที่จะเผยแพรแนวคิดอันเปนยาพิษของเขาโดยตะโกนตอวา “พวก เรามี อุซซา สวนพวกเจา ไมมี” ทานศาสดารีบฉวยโอกาสกลับ ดวยการสั่งใหมุสลิมตะโกนเปนเสียง เดียวกันวา “อัลลอฮฺคือเจาชีวิตของเรา สวนพวกเจานั้นไมมี” ซึ่งใหความหมายวา หากพวกเจายึด เหน่ียวอยูกับเจว็ด ซึ่งก็คือชิ้นสวนของหินและไมละก็ ท่ีพึ่งพิงของพวกเราคือพระเจาผูทรงยิ่งใหญ และทรงเดชานภุ าพ มีเสียงตะโกนออกมาจากกองทหารมุชริกวา “นี่คือวันลางแคนแทนบะดัร” มุสลิมไดรับ คําสั่งจากทานศาสดาใหตอบกลับไปวา “สองวันนั้นไมเหมือนกันอยางแนนอน ผูเสียชีวิตของพวก เราจะอยูในสวรรค สวนผูเสยี ชวี ติ ของพวกเจานั้นอยใู นนรก” อบูซุฟยานรูสึกเจ็บแคนท่ีไดรับการตอบกลับอันเจ็บปวด ซึ่งกูกองมาจากกองทหารมุสลิม เขาไดพูดประโยคหนง่ึ ออกมาวา “แลว เจอกันปห นา”
เขาเดนิ ทางออกจากสนามรบและกลบั ไปยงั เสน ทางมักกะฮ(๓๕๓) ตอนนี้ไดเวลาท่ีมุสลิมซ่ึงไดรับบาดเจ็บนับรอยคนและเสียชีวิตไป 70 คน ตองทําหนาท่ีตอ พระเจา คือ นมาซดุฮฺริและอัศริ และอันเนื่องจากทานศาสดาเหน่ือยลาอยางมาก ทานจึงนั่งนมาซ เมื่อเสร็จจากนมาซแลว พวกเขากจ็ ดั การฝงศพชฮุ ะดาอแหงอุฮุด สน้ิ สดุ สงคราม ไฟแหงสงครามดับมอดลง ท้ังสองฝายตางแยกยายกันไป มุสลิมสังหารพวกกุเรชไดเปน สามเทา และเม่ือจําเปนตองรีบฝงรางอันเปนที่รักย่ิงของพวกเขา พวกเขาจึงไดจัดพิธีกรรมทาง ศาสนาขึน้ กอนที่จะจากสมรภูมิรบไป ผูหญิงกุเรชก็ไมวายท่ีจะสรางความเลวรายท้ิงไว กลาวคือ กอนที่พวกมุสลิมจะไดทําการฝงรางของนักรบผูกลาของพวกเขาน้ัน ผูหญิงกุเรชไดประกอบกรรม ชั่วหน่ึงขึน้ มา อันเปนกรรมช่ัวซึ่งไมเ หมือนใครในหนาประวัติศาสตรมนุษยชาติเลย พวกนางไมยุติ บทบาทในฐานะผูชนะสงครามเพียงเทานั้น แตกลับแสดงการแกแคนออกมาดวยการตัดชิ้นสวน ของรางกาย จมูก และใบหูของรางมุสลิมอันไรวิญญาณที่นอนจมกองเลือดอยู วิธีการน้ีเองที่พวก นางไดสรางรอยดา งอนั ตํา่ ทรามขึน้ ทกุ ประชาชาติในโลกน้ีตา งก็ตอ งใหเกียรติตอรางอันไรวิญญาณ ของศัตรูซึ่งไมมีโอกาสลุกขึ้นมาตอสูและปองกันตัวเองได แตภรรยาของอบูซุฟยานกลับนําเอา ช้ินสวนรางอันไรวิญญาณของมุสลิมมาทําเปนตุมหูและสรอยคอ นางไดผาทองของผูบัญชาการ ทหารผูเสยี สละของอิสลาม เชน ทา นฮมั ซะฮฺ แลว นําเอาตับของเขาออกมาขบกดั นางอยากจะกินตับ น้ันแตท ําไมได การกระทําเชนน้ีตํ่าทรามยิ่งถึงขนาดท่ีอบูซุฟยานยังพูดวา “ขาไมยอมทําเชนน้ีเปนอันขาด และกไ็ มเ คยออกคําสัง่ ใหท าํ เชนนัน้ เลย แตกไ็ มรูสกึ เสยี ใจอะไร” พฤติกรรมอันเลวทรามอยางไรท่ีตินี้เองท่ีทําใหมวลมุสลิมขนานนาม ผูหญิงคนนี้วา นาง ฮนิ ดผ ูสวาปามตับคน และตอ มาลกู หลานของนาง
ก็ไดร ับการเรยี กขานตอ มาวา ลกู หลานของผสู วาปามตบั คน มุสลมิ ไดก ลับเขามาหาทานศาสดาในสมรภมู ิ และตองการทีจ่ ะนํารางอันไรวิญญาณ 70 ศพ ไปฝง ทันใดนั้นสายตาของทานศาสดาก็ไปเจอรางของทานฮัมซะฮฺ สภาพเชนน้ันสรางความ สะเทือนใจใหกับทานเปนอยางมาก สีหนาที่ทานแสดงออกมาน้ันบอกใหรูวา ทานโกรธอยางมาก ทานพูดวา “ความรสู ึกโมโหและโกรธท่ีถาโถมฉนั อยูในเวลานี้ ไมเคยเปน เชนน้มี ากอนเลย” นักบันทึกประวัติศาสตรและนักอรรถาธิบายอัลกุรอานตางก็บันทึกไวในลักษณะเดียวกัน วา มุสลิมตางมีสัญญารวมกันวา (อาจรวมถงึ ทานศาสดาดวย) เม่ือใดก็ตามท่ีพวกเขาพบมุชริก พวก เขาจะตองสังหารพวกนั้นในลักษณะฉีกรางเปนชิ้นๆ ใหไดอยางนอยหนึ่งตอสามสิบคน แตยังไม ทันไดล งมือปฏบิ ตั ติ ามการตัดสนิ ใจดงั กลา ว ทานผพู ทิ ักษวะฮฺยูก็นําโองการของพระเจาลงมาวา “หากพวกเจา จะลางแคน พวกเขา...” (อนั นะฮฺลุ / 126)(๓๕๔) อสิ ลามไดยึดถอื เอาโองการนี้เปนหลกั ในการตัดสินพิจารณาคดีความท่ัวไปของอิสลาม อัน เปนการแสดงใหเห็นโฉมหนาอันเต็มไปดวยความเอื้ออารีและจิตใจอันสูงสงของอิสลาม ซ่ึงไมมี ลกั ษณะของการลางแคน อยางไรความชอบธรรมหลงเหลืออยูเลย ไมวาจะอยูในหวงเวลาที่พายุแหง ความโกรธถาโถมเขามาในตัวพวกเขาจะรุนแรงสักปานใด พวกเขาก็จะตองไมละเลยคําบัญชาเร่ือง ความเทีย่ งธรรม และความพอดี ตามแนวทางท่วี า นั่นเอง รากเหงาแหงความเท่ียงธรรมจึงสถิตอยูได ตราบจนทกุ วนั นี้ นองสาวของทานฮัมซะฮฺ ศอฟยะฮฺ ตองการที่จะดูรางอันไรวิญญาณของพี่ชาย แตลูกชาย ของนาง ซุเบร ไดพยายามหามนางไวตามคําส่ังของทานศาสดา ทานหญิงศอฟยะฮฺไดพูดกับลูกชาย ของนางวา “แมไดยินวาพวกเขาฉีกรางพี่ชายของแมออกเปนชิ้นๆ ขอสาบานตออัลลอฮฺ หากแมได ไปอยูขางรางของเขาละก็ แมจะไมแสดงความรูสึกเสียใจใหมากเกินควร แมจะยอมรับตอการ ทดสอบในวิถีทางของพระเจาเชน นี”้ สตรีผูสูงศักด์ิท่ีไดรับการฝกฝนมาเปนอยางดีไดเดิน เขาไปดูรางอันไรวิญญาณดวยความ อดทนเปนทส่ี ดุ เธอนมาซตอ หนา รางนัน้ และขออภัยโทษ
ตอ อัลลอฮแฺ ทนสามีของนางตามสทิ ธทิ ีเ่ ขาควรไดรบั แลว ก็เดินกลบั แนนอน พลังแหงความศรัทธาน้ันตองสูงสงเหนือพลังทางดานกายภาพอ่ืน มันสามารถ จัดการคลื่นพายุแหงความยุงยากใหผานพนไปได และมันก็จะทําใหบุคคลท่ีไดรับการทดสอบน้ันมี แตความเยือกเย็นและสงบม่ัน จากนั้นทานศาสดาก็ไดรวมนมาซใหกับบรรดาชะฮีดแหงอุฮุด และ รวมฝงราง นักรบผูกลาท่ีละรางหรือสองรางลงในหลุม ทานมีบัญชาใหฝงรางทานอัมรวุมูฮฺ และ ทานอับดุลลอฮฺ อัมรว ในหลุมเดียวกัน เพราะเขาท้ังสองเปนเพื่อนรักกัน มันคงเปนการดีท่ีเขาท้ัง สองจะอยดู วยกันท้ังในตอนท่ไี ดเ สยี ชีวิตแลว(๓๕๕) คําพดู สุดทายของทา นซะอัด บินรอบอี ฺ ทานซะอัด บินรอบีอฺ เปนมิตรสหายท่ีซื่อสัตยของทานศาสดา (ศ.) หัวใจของเขาเต็มเปยม ไปดวยศรัทธาและความบริสุทธ์ิใจ ในตอนที่เขาไดรับบาดเจ็บถึง ๑๒ แหงและลมลงน้ัน มีชายคน หน่ึงผานไปที่เขา แลวพูดวา “มุฮัมมัด (ศ.) ถูกสังหารแลว” ซะอัดตอบชายคนน้ันวา “หากมุฮัมมัด (ศ.) ถูกสังหารแลวแตพระเจาของมุฮัมมัดก็ยังทรงดํารงอยูมิใชหรือ เราตอสูตามแนวทางแหงการ เผยแผสาสนของพระองค และรว มพทิ กั ษห ลกั การ แหงเอกานภุ าพของพระเจามิใชห รือ ?” เม่ือไฟสงครามดับมอดลง ทานศาสดา (ศ.) นึกถึงสะอัดขึ้นมา ทานพูดวา “มีใครจะไปหา ขาวเกี่ยวกับสะอัดใหฉันรูบางไดไหม ?” ซัยดฺ บินษาบิต อาสาไปหาขาวการมีชีวิตอยูหรือเสียชีวิต ไปแลว ของซะอัด ทถ่ี ูกตองใหทานศาสดารับทราบ (ศ.) เขาพบสะอัดนอนจมกองเลือดอยูทามกลาง รางอันไรวิญญาณทั้งหลาย เขาพูดกับซะอัดวา “ทานศาสดา (ศ.) ส่ังใหขามาหาขาวคราวเกี่ยวกับตัว ทาน แลวนําขาวที่แทจริงไปบอกทาน” สะอัดตอบวา “ขอสงสลามฝากไปถึงทานศาสดาดวย บอก ทานวาชีวิตของสะอัดคงเหลืออีกไมมาก ขออัลลอฮฺไดโปรดประทานรางวัลท่ีดีท่ีสุดท่ีศาสนทูตพึง ไดร ับใหก บั ทานดว ย โอศ าสดาของพระเจา ” และเขายังกลาวเพมิ่ เตมิ อีกวา “ขอสงสลามฝากไปยงั ชาวอนั ศอร
และชาวมุฮาญิ้รดวย บอกพวกเขาวา หากศาสดาไดรับอันตรายในขณะท่ีพวกทานยังมีชีวิตท่ีปรกติ สุขอยลู ะก็ พวกทา นจะไรซ่ึงขอ แกต ัวใดๆ ตอ หนา เบอื้ งพระพักตรข องอลั ลอฮเฺ ลย” คนท่ีทานศาสดาสงไปนั้นยังไมทันเดินจากรา งของสะอัดไปไกลสักเทาใด วิญญาณของสะ อดั ก็โบยบินออกจากรางของเขา(๓๕๖) ความรกั ตวั เองของมนษุ ยน น้ั มนั ฝงรากลกึ และมีพลงั อํานาจมากถึงขนาดท่ีมนุษยจะไมมีวัน ลืมตัวเอง และเขาจะยอมเสียสละทุกอยางเพ่ือส่ิงน้ัน แตพลังแหงความศรัทธา ความมุงม่ันที่จะไป ใหถึงเปาหมาย และความผูกพันทางจิตวิญญาณกลับสงผลยิ่งกวานั้น เพราะตามการรายงานทาง ประวัติศาสตรบอกเราวา หัวหนานักรบผูกลาของอิสลามน้ันกลับสําแดงอาการลืมตัวเองในหวง เวลาท่ียุงยากท่ีสุด กลาวคือ ตอนที่ความตายอยูแคเอื้อมดวยความหาวหาญยิ่ง พวกเขากลับคิดถึงแต ทานศาสดาอันเปนท่ีรักยิ่งของพวกเขา ซ่ึงการพิทักษทานน้ันถือวาเปนการสําแดงออกท่ีสูงสงที่สุด สําหรับการดํารงอยูของเปาหมายอันศักดิ์สิทธ์ิของพวกเขา สารเพียงประการเดียวท่ีเราไดรับผาน จากซัยดฺ บินษาบิต ก็คือ มิตรสหายของทานศาสดาไมเคยที่จะละวางหนาท่ีการปกปองและพิทักษ ผูนําของพวกเขาเลย ทานศาสดา (ศ.) กลบั มายังเมอื งมะดีนะฮฺ ดวงอาทิตยเคล่ือนคลอยไปยังทิศตะวันตก เพือ่ จะสาดสองแสงไปยังโลกอีกซีกหนึ่ง ความ เงียบและความสงบเขาแทนท่ีผืนแผนดนิ อุฮุด เพราะเหตุท่ีมุสลิมไดรับบาดเจ็บเปนจํานวนมิใชนอย ไมมีทางเลือกใดนอกจากตองกลับไปสูบานของพวกเขาเพ่ือฟนฟูกําลังและตบแตงบาดแผล คํา บัญชาใหเคลื่อนกําลังพลกลับเมืองมะดีนะฮฺถูกสงออกมาจากผูบัญชาการสูงสุด ทานศาสดา (ศ.) พรอมกับกองทหารท่ีประกอบไปดวยชาวอันศอรและชาวมุฮาญ้ิรเดินทางกลับถึงเมืองมะดีนะฮฺ เมอื งท่เี ต็มไปดว ยเสียงของแมที่ ตองสญู เสียลกู ภรรยาท่ตี อ งสญู เสียสามดี ังระงมออกมาจากทกุ บาน ทา นศาสดาเดินทางมาถึงบา นของตระกลู บนอี บั ดุลอชั ฮลั้
เสียงบทกลอนรําลึกของพวกผูหญิงสรางความหวั่นไหวใหกับทานศาสดา นํ้าตาไดไหลพราก ออกมาจากดวงตาอันเจิดจรัสของทาน ทานพูดดวย น้ําตาวา “ฉันรูสึกเศราย่ิงนักที่ไมมีใครรองไห ใหก ับฮมั ซะฮฺเลย”(๓๕๗) ซะอดั มะอาซ และคนกลมุ หน่งึ เขา ใจจดุ ประสงคข องทา นศาสดาจึงบอกใหพวกผูหญิงอาน บทกลอนรําลึกถึงทานฮัมซะฮฺ หัวหนานักรบผูรับใชอิสลาม เมื่อทานศาสดารับทราบเรื่องดังกลาว ทานไดขอดุอาอใหกับพวกนางและพูดวา “ฉันไดรับความชวยเหลือท้ังทางวัตถุและจิตวิญญาณจาก ชาวอันศอรดวยดีเสมอมา” และทานยังกลาวอีกตอไปวา “ขอใหพวกผูหญิงท่ีอานบทกลอนรําลึก กลบั ไปบา นไดแ ลว” ความทรงจาํ อนั นาสะเทือนใจของสตรผี เู ปยมไปดว ยแรงศรัทธา ประวัตศิ าสตรของสตรีผเู ปย มไปดว ยแรงศรัทธาไดร ับความสนใจและนาพิศวงเปนอยางย่ิง ในหนาประวัติศาสตรอิสลาม ที่ขาพเจากลาววาเปนที่นาพิศวงนั้นก็คือ เราไมคอยไดเห็นสิ่งเหลานี้ ในสตรยี คุ ปจ จุบนั (๓๕๘) สตรที านหน่งึ เปนคนในตระกลู บนีดนี าร ซ่ึงไดส ญู เสียสามแี ละนองชายของตนเองไป นั่งน้ําตาไหล พรากอยูทามกลางสตรีกลุมหน่ึงท่ีกําลังอานลํานํารําลึกอยู ทันใดน้ันทานศาสดาก็ไดเดินผานสตรี กลุมน้ี นางพยายามเขามาถามไถสุขภาพของทานศาสดาจากบุคคลท่ีรายลอมตัวทานศาสดา ทุกคน ตอบวา “ทา นสบายดี อัลฮัมดุลล้ิ ลาฮฺ” นางพดู วา “ขา พเจาปรารถนาทจี่ ะเห็นทานศาสดาใกลๆ” ทาน ศาสดาหยุดยืนอยู ณ มุมหนึ่งไมไกลจากบริเวณท่ีสตรีกลุมน้ันนั่งอยู พวกเขาไดชี้ใหนางเห็นทาน ศาสดา เม่อื สายตาของนางจับจองไปที่ใบหนาของทานศาสดา นางลืมความเศราที่มีอยูจนส้ิน กนบึ้ง แหง หัวใจของนางเรียกรองอะไรบางอยาง ท่ีอาจสรางความเปล่ียนแปลงบางอยางใหเกิดขึ้นได นาง เอยขึ้นวา “โอทานศาสดาของพระเจา ความเศราโศกและความยากลําบากท้ังหลายทั้งปวงตาม แนวทางของทา นน้ันมันชา งงา ยดายมากทจ่ี ะเผชญิ หนา กบั มนั ตราบเทาที่ทา นยังมีชีวิตอยู ไมวาจะมี เหตกุ ารณใดเกิดขนึ้ กับพวกเรา เราคดิ วามนั ชา งเล็กนอยเสียเหลอื เกนิ ”
ยอดเยีย่ มจรงิ ๆ สาํ หรับการยืนหยดั อยา งหาวหาญเชนนี้ ชางเยี่ยมจริงๆ สําหรับความศรัทธา ท่ีไดขับเคล่ือนนาวาแหงชีวิตเหลานี้ นาวาท่ีแลนผานคล่ืนลมทะเลอันบาคล่ัง แตกลับลอยตัวอยูได (๓๕๙) ตวั อยา งของสตรีผูเสียสละทา นอืน่ ๆ กอนหนาน้ีเราไดมีการกลาวถึงเร่ืองราวของทานอัมรว บินุมูฮฺ ท้ังๆ ที่เขาพิการและไม จําเปนตอ งออกไปรบแตอยางใด ทวาเขาไดรับการอนญุ าตเปนพเิ ศษจากทานศาสดาหลังจากท่ีไดรบ เราทาน เขาไดอยูแถวหนาในสมรภูมิรบรวมกับนักสูคนอื่นๆ บุตรชายของเขา คอลาด และนอง ภรรยา อับดุลลอฮฺ บินอัมรว ก็ไดเขารวมสมรภูมิอันศักด์ิสิทธิ์น้ีดวย และท้ังสามก็ไดลิ้มรสการเปน ชะฮดี (การถกู สงั หารในวถิ ีทางแหง อลั ลอฮฺ) ตามท่ไี ดต ัง้ ใจ ภรรยาของเขา ฮินดฺ ซ่ึงเปนลูกสาวของ อัมรว บินฮัซซาม และเปนปาของ ทานญาบิร บิน อับดลุ ลอฮฺ อันศอรี ไดเดินทางมายังอุฮุดเพ่ือรับรางอันไรวิญญาณของชะฮีดทั้งสามบรรทุกบนหลัง อฐู กลับไปยังเมืองมะดนี ะฮฺ ในเมืองมะดีนะฮฺเกิดกระแสขาววา ทานศาสดาถูกสังหารในสมรภูมิรบ ผูหญิงหลายคนไดเดินทาง มายงั อุฮดุ เพอ่ื ตรวจสอบขาวดังกลาว ฮนิ ดฺ ไดพบกับภรรยาของทานศาสดาในระหวางทาง พวกนาง ไดถามขาวคราวของทานศาสดาจากฮินดฺ นางไดกลาวตอบดวยสีหนาท่ีเปนปรกติ เสมือนหนึ่งวา ไมไดเกิดเรื่องราวอันเจ็บปวดใดๆ กับนาง ทั้งๆ ที่รางอันไรวิญญาณของสามีลูกชาย และนองชาย ของนางยังอยูบนหลังอูฐวา “ขาพเจาไดรับขาวดีวาทานศาสดายังมีชีวิตอยูและปลอดภัยดี ความ เจ็บปวดที่ไดร ับนีช้ างไรค าจรงิ ๆ เมือ่ เปรียบเทียบกบั ความโปรดปรานอนั ยิง่ ใหญน”้ี “ยังมีขาวอกี วา อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงไลพ วกปฏิเสธกลับไปมักกะฮฺ ในสภาพท่ีพวกเขาพกเอา ความเคยี ดแคน กลบั ไปดว ย”(๓๖๐) จากนั้น สตรีกลุมนั้นก็ไดถามนางวา “แลวรางเหลาน้ีเปนใครกัน?” นางตอบวา “ท้ังหมด เปนญาติขาพเจาเอง คนหน่ึงเปนสามี อีกคนหนึ่งเปนลูกชาย และคนท่ีสามก็เปนนองชายของ ขา พเจา ซ่งึ ขา พเจากําลงั นําพวกเขากลับไปฝง ท่ีเมอื งมะดีนะฮ”ฺ
หลายตอหลายครั้งในหนาประวัติศาสตรที่ไดสําแดงใหเห็นถึง ผลผลิตแหงความศรัทธา ท่ีวา ความเจ็บปวดและความเศราตรมมีคาเพียงนอยนิดเมื่อจําเปนตองแลกมันในวิถีทางอัน ศักดสิ์ ิทธิเ์ พื่อบรรลเุ ปาหมายแหง การปกปอ งอสิ ลาม แนวคิดวัตถุนิยมไมอาจที่จะสรางบุรุษและสตรีท่ีเสียสละเชนนี้ได เพราะประเด็นเดียวก็คือ คนพวกนีไ้ มไ ดมจี ดุ มุงหมายในการสรู บตรงที่การ ไดม าซ่งึ การใชชีวิตในโลกทางวัตถุหรือตําแหนง ทางโลก ยังมีเร่ืองเลาท่ีนาประหลาดใจยิ่งกวา ซ่ึงไมอาจอธิบายไดดวยมาตรฐานทางวัตถุหรือ กฏเกณฑซ่ึงพวกวตั ถนุ ยิ มใชเพือ่ การวเิ คราะหประวัติศาสตร มีเพียงบุรษุ และสตรีท่ีมีจิตวิญญาณอัน สงู สง ซ่งึ มคี วามเชือ่ ม่นั อยางมั่นคงที่สามารถเขาใจในประเด็นความมหัศจรรยและคุณวิเศษเหลาน้ัน ได พวกเขาสามารถเขาใจเรื่องราวและมีทัศนะตอเรื่องราวเหลาน้ันไดอยางถูกตอง ลองดูเร่ืองราว ตอ ไปนี้ ฮินดฺจับบังเหียนอูฐกระชับไวในมือ แลวมุงหนาสูเมืองมะดีนะฮฺ แตอูฐกาวเดินอยาง ยากลาํ บาก ภรรยาคนหน่งึ ของทา นศาสดาเอย ขน้ึ วา “มันคงบรรทุกหนักเกินไป” นางตอบวา “อูฐตัว นี้แขง็ แรงมาก มนั สามารถแบกน้าํ หนักไดเปนสองเทาของอูฐตวั อืน่ นา จะมีเหตุอื่น กลาวคือ เม่ือฉัน บังคับใหมันมุงหนาไปยังอุฮุด มันก็เดินอยางทะมัดทะแมง แตเม่ือฉันบังคับมันใหเดินทางไปยัง เมืองมะดีนะฮมฺ ันกลบั ไมค อ ยอยากเดนิ และบางครงั้ ถึงขนาดหยดุ น่ังเลย” ฮินดฺจึงไดตัดสินใจกลับไปยังอุฮดุ เพื่อเลาเรื่องราวนี้ใหทานศาสดารับทราบ นางพรอมกับ อูฐและรางของชะฮีดทั้งสามไดกลับมาถึงอุฮุด นางไดเลาเหตุการณการเดินทางใหทานศาสดา รับทราบ ทาน (ศ.) กลา ววา “เม่ือตอนท่ีสามีของเธอมุงหนาสูสมรภูมิรบน้ัน เขาไดขอดุอาอจากพระ เจาวาอยางไร ?” นางตอบวา “เขาไดวอนขอตอพระองควา โออัลลอฮฺ อยางไดนําขาพระองค กลับคืนสูมะดีนะฮฺอีกเลย” ทานศาสดา (ศ.) จึงกลาววา “ดุอาอของสามีของเธอไดรับการตอบรับ แลว อลั ลอฮฺ (ซ.บ.) ไมป ระสงคใหร า งของเขา
ไดกลับคืนสูมะดีนะฮฺดังนั้น จึงเปนหนาที่ที่เธอตองนํารางทั้งสามนี้ฝงอยูในอุฮุด ใหพวกเขาอยู รวมกนั ที่นแ่ี หละ” ฮินดฺวอนขอทานศาสดาทั้งน้ําตาวา ขอใหทานศาสดาวอนขอตอพระองคใหทางไดอยู รว มกับพวกเขาดว ย(๓๖๑) ทานศาสดา (ศ.) กลับถึงบานของทาน เมื่อสายตาของบุตรีอันเปนสุดท่ีรักยิ่งของทาน ฟาฏิ มะฮฺ พบกับใบหนาอันเต็มไปดวยบาดแผลของทานศาสดา น้ําตาของทานหญิงไดพร่ังพรูออกมา ทา นศาสดา (ศ.) ยนื ดาบใหทา นหญงิ เพอื่ นาํ ไปลาง อัรบะลี นักประวัติศาสตรชีอะฮฺ (ในราวศตวรรษที่ ๗) บันทึกไววาบุตรีของทานศาสดา (ศ.) นํานํ้ามาเช็ดใบหนาของบิดา ทานอะมีรุลมุอมินีน เอาน้ําไปทิ้ง ทานหญิงซะฮฺรออพยายามเช็ด เลือดรอบๆ บาดแผลน้ัน แตบาดแผลท่ีปรากฏนั้นฉกรรจมาก เลือดจึงไหลไมหยุด ไมมีทางเลือก นอกจากตองเอาเส่ือไปเผาแลว เอาเถา มาโรยบนบาดแผล เลอื ดจงึ หยุดไหล(๓๖๒) จาํ เปนตอ งติดตามศตั รู คืนน้ันหลังจากเหตกุ ารณอ ฮุ ดุ สน้ิ สดุ ลง มสุ ลิมก็กลับมายังบานของพวกเขา มันชางเปนคาํ่ คืนที่ทําใจ ไดย ากยง่ิ พวกมนุ าฟก ยิว และกลมุ ท่ีปฏบิ ัติตามอบั ดลุ ลอฮฺ อุบัย ตา งกแ็ สดงความดีอกดใี จอยา งออก นอกหนาตอเหตุการณท่ีเกิดข้ึน บานแตละหลังตางก็มีเสียงรองไหคร่ําครวญตอการสูญเสียบุคคล อันเปนท่ีรักย่ิงของพวกเขาเล็ดลอดออกมาเปนระยะๆ แตท่ีนากลัวยิ่งกวานั้นก็คือ พวกมุนาฟกและ พวกยิวอาจจะกอหวอดตอตานมุสลิมข้ึนมา มีคนกลุมเล็กๆ กลุมหน่ึงกําลังสรางความแตกแยกและ ทาํ ลายความเปนปก แผนของศูนยกลางอิสลามแหงน้ี ความแตกแยกในพื้นท่ีน้ันมอี ันตรายย่ิงกวาการเขาจูโจมของศัตรูภายนอกเสียอีก ดวยเหตุน้ี เองท่ีทานศาสดา (ศ.) ตองสําแดงใหศัตรูภายในเกิดเกรงขามข้ึนมา หรืออีกนัยหนึ่งตองสําแดงให พวกเขาไดรูวาอิทธิพลของกองกําลังเชื่อในพระเจาองคเดียวนั้น ยังเขมแข็งอยูและพรอมที่จะตอกร กบั
กลมุ ชนที่เปนฝายตอตานอยางเต็มที่วา อิสลามพรอมจะเขาบดขย้ีพวกเขาไดทุกเม่ือไมวาจะใชกําลัง มากมายสกั เพยี งใด ทา นศาสดาแหง อสิ ลามไดรับพระบญั ชาจากเอกองคอลั ลอฮฺ (ซ.บ.) วา วันรุงขึ้นให ติดตามศัตรูไป ทานศาสดาไดส่ังใหบุคคลหน่ึงออกไปปาวประกาศท่ัวเมืองวา ใครก็ตามที่ไดเขา รวมในสมรภูมิอุฮุดแลว วันพรุงนี้พวกเขาตองเตรียมตัวเพ่ือติดตามพวกศัตรู สวนบุคคลใดท่ีไมได เขา รว มในสมรภมู ดิ ังกลา ว พวกเขาก็ไมมสี ิทธเิ ขารวมในภารกจิ คร้งั นี้(๓๖๓) ขอ จาํ กดั ท่ีกาํ หนดไมใหคนกลมุ หนึ่งเขารวม ในภารกิจการตอสูครั้งใหมนี้ถือวาเปนยุทธวิธี ทส่ี าํ คัญทส่ี ดุ ซ่งึ สําหรบั นกั วางแผนทางยทุ ธศาสตรเขา ใจไดวาเปน เรอื่ งท่เี หมาะสมอยางยง่ิ ประการแรก ขอจํากัดดังกลาวนี้เปนวิธีการตอบโตกลุมบุคคลท่ีปฏิเสธการเขารวมใน สมรภูมอิ ฮุ ดุ วา พวกเขาไมมีความเหมาะสมทจ่ี ะทาํ หนาทป่ี กปอ งในครง้ั น๒้ี ๘๓ ประการท่ีสอง เปนการ… สําหรับบุคคลท่ีไดเขารวม เพราะผลจากการไมเชื่อฟงของพวก เขาน่ันเองท่ีเปนเหตุใหอิสลามตองประสบกับความเสียหายดังกลาว ฉะน้ัน พวกเขาตองเตรียมตัว สําหรบั การแกต ัวทจี่ ะตอ งไมใหเกิดเหตดุ ังกลา วซ้าํ สอง เสียงปาวประกาศของทานศาสดารูไปถึงหูของเยาวชนคนหน่ึงในตระกูลบะนีอับดุลอัชฮ้ัล ซ่ึงเขานอนบาดเจ็บอยูพรอมกับนองชายของเขา เสียงดังกลาวสรางความหวั่นไหวใหกับเขาท้ังสอง มาก เพราะพวกเขามีมาเพียงตัวเดียว และการที่ตองออกเดินทางอีกครั้งหน่ึงก็เปนอุปสรรคสําหรับ เขาทัง้ สองมิใชนอย พวกเขาพูดคุยกันวา “เปนเรื่องท่ีแยมาก ถาศาสดาตองเดินทางสูสมรภูมิรบโดย ท่ีเราตองอยูในแนวหลัง” พ่ีนองสองคนน้ีจึงตกลงกันท่ีจะผลัดกันขี่มา…และพาตัวเองเขารวมใน การตอ สคู รัง้ นีใ้ หไ ด( ๓๖๔) ฮัมรออลุ อะซดั (๓๖๕) ทา นศาสดาไดมีบญั ชาให อบิ นุอมุ มมิ ักตมู ทําหนา ทรี่ ักษาการแทน
ทานในเมืองมะดีนะฮฺ สวนตัวทานตั้งฐานที่ม่ันอยูที่ ฮัมรออุลอะซัด ซึ่งอยูหางจากเมืองมะดีนะฮฺ ประมาณ ๘ ไมล มะอฺบัด คอซาอี ซ่ึงเปนหัวหนาเผา คอซาอะฮฺ เปนชาวมุชริกมากอน ไดยอมเขา รวมสวามิภักด์ิตอทานศาสดาและนําคนทั้งหมดในเผาเขารวมสนับสนุนในการตอสูครั้งน้ี เม่ือมะอฺ บัดไดเดินทางจากรูฮาอเพ่ือไปพบทานศาสดาท่ีฮัมรออุลอะซัดศูนยกลาง การบัญชาการรบน้ัน เขา ไดพบกับอบูซุฟยาน ท่ีตัดสินใจเคล่ือนกําลังกลับเขาไปยังเมืองมะดีนะฮฺเพื่อจัดการกับกองกําลัง ของมุสลิมใหสูญสิ้นไป มะอฺบัด ไดพยายามทําใหเขาเปล่ียนเสนทางกลับไปยังมะดีนะฮฺ โดยกลาว วา “เฮย อบซู ฟุ ยาน มฮุ ัมมัดอยูที่อัมรออุลอะซัด โดยนํากองกําลังเต็มพิกดั เดินทางออกมานอกเมือง มะดนี ะฮแฺ ลว และบุคคลท่ีไมไ ดเขา รว มรบเมื่อวานน้ี ก็ตองเขารวมรบในวันน้ีดวย โออบูซุฟยาน ขา เห็นใบหนาของพวกเขาน้ัน ดุดันไปดวยความโกรธจัด ในชวงชีวิตของขาไมเคยเห็นใบหนาเชนนี้ มากอนเลย และมสุ ลิมทุกคนก็รูสึกสํานึกในความผิดพลาดทพ่ี วกเขาฝาฝน คําส่ัง” เขาพูดบรรยายให เห็นสภาพความแขง็ แกรงภายนอกและความแข็งแกรงทางดานจิตใจของมุสลิมจนทําใหอบซู ุฟยาน เปลยี่ นใจ ทานศาสดาไดคางคืนอยูฮัมรออุลอะซัดพรอมสหายของทานและทานไดออกคําสั่งใหจุด ไฟลอมรอบอาณาบริเวณดังกลาวไว เพื่อใหพวกศัตรูคิดวาทานมีกองกําลังท่ีพรอมรบมากกวาใน คราวทอี่ ุฮดุ ศ็อฟวาน อุมยั ยะฮฺ หันไปหาอบซู ุฟยานแลวกลาววา “มุสลมิ คงโกรธจัด ซึ่งขาคิดวา เราควร พอแคนก้ี อ น แลว กลบั ไปมกั กะฮจฺ ะดีกวา ”(๓๖๖) บุคคลซง่ึ เปย มไปดว ยศรัทธาน้ันตอ งไมถ ูกหลอกลวงถงึ สองครัง้ นีค่ อื บทสรปุ ของถอ ยคาํ ของทานศาสดาท่ีวา “ผูศรทั ธาตอ งไมถกู กัดจากรูเดียวกันสองครงั้ ” ทานศาสดาไดกลาวประโยคดังกลาวนี้ในตอนที่ อบูอัรเราะฮฺ ญัมฮี ไดวอนขอทาน ศาสดาปลอยตัว เขาใหเปนไท ซง่ึ เขาถูกจับเปนเชลยกอนหนาสมรภูมิบะดัร และ ทานศาสดาไดเอยปากปลอยเขาให เปนไทในคราวสงครามบะดัร แตไดตกลงเง่ือนไขกบั เขาไวว า เขาตองไมเ ขา รวมกับพวก
มุชริกมาตอตาน อิสลาม และเขาก็ยอมรับเงื่อนไขดังกลาว แตเขากลับผิดสัญญาโดยเขารวมใน สงครามอุฮุด และบงั เอญิ ที่มุสลิมจบั ตัวเขาไดในตอนกลับมาจาก ฮัมรออุลอะซัด คร้ังนเี้ ขาก็วอนขอ ทานศาสดาใหปลอยตัวเขาอีก แตทาน ก็ปฏิเสธคําขอของเขา และกลาวประโยคดังกลาวออกมา พรอมสั่งใหประหารเขาเหตกุ ารณทเ่ี ต็มไปดวยบทเรียนก็จบลง(๓๖๗) ในท่ีสุดสงครามอุฮุดก็ส้ินสุดลง ดว ยการพลชี ีพของนกั รบผพู ลีชีพถงึ ๗๐-๗๔ คน หรือบางรายงานกลา ววา ประมาณ ๘๑ คน ขณะที่ พวกมุชริกตายไป ๒๒ ศพ น่ีเปนผลจากเหตุการณอันไมคาดคิดที่เกิดจากการฝาฝนคําสั่งของคน กลมุ หน่งึ สงครามอุฮุดเริ่มตนเมื่อวันเสารที่ ๗ เดือนเชาวาล ป ฮ.ศ. ๓ และเหตุการณที่อัมรออุลอะซัด ซ่ึง ดาํ เนนิ เร่อื ยมาจนถึงวนั ศุกร และสน้ิ สุดลงเมื่อวนั ที่ ๑๔ เดอื นเชาวาล เหตุการณในปที่ ๓ แหงฮิจญเราะฮฺศักราชน้ี เปนปท่ีทานอิมามมุจญตะบา ทายาททาน ศาสดาผูดํารงตําแหนงอิมามไดถือกําเนิดข้ึนมาในวันที ๑๕ เดือนรอมะฎอน ขอความศานติ จากอลั ลอฮฺจงประสบแดท าน ในวนั ทีท่ า นถอื กาํ เนดิ ซ่งึ ในวันดังกลาวกม็ กี ารจดั งานเฉลิมฉลองดวย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322