ดวยพระนามแหง อลั ลอฮฺ ผูทรงกรณุ าปรานี ผทู รงเมตตาเสมอ มุฮมั มัด (ศ.) รัศมีนริ ันดร --------------- MUHAMMAD (S.A.W.) ETERNAL LIGHT จดั ทําโดย : สํานักพมิ พอลั -ฮุดา อินเตอรเ นชนั่ แนล PRINTED BY : AL-HODA INTERNATIONAL PUBLISHERS & DISTRIBUTORS
ISBN : 964 – 439 – 182 – 9 ชอ่ื หนังสือ : มุฮัมมดั (ศ.) รัศมีนิรนั ดร TITLE : MUHAMMAD (S.A.W.) ETERNAL LIGHT ช่ือผูเ ขยี น : อลั ลาละฮฺ ญะอฟฺ ร ซุบฮานี AUTOR : ALLAMAH JAFAR SOBHANI ผูอาํ นวยการผลิต โดย : คุณมฮุ มั มัด ตัมฮดี ี MANAGING DIRECTOR : MR.MOHAMMAD TAMHIDI คณะแปล : BOARD OF TRANSLATORS : เชคซยั นลุ อาบิดนี ฟน ด้ี (SHEIK ZAINUL ABIDEEN FINDY) เชคมุฮมั มดั ชะรีฟ เกตุสมบูรณ (SHEIK MUHAMMAD SHAREEF KETSOMBOON) เชคมฮุ ัมมัดนะอมี ประดบั ญาติ (SHEIK MUHAMMAD NA-EEM PRADABYAT) เชคฮเุ ซน บนิ ซาเล็ม (SHEIK HUSEIN BIN SALIM) เชคชะรีฟ ฮาดยี (SHEIK SHAREEF HADEE) คณะพิสจู นอ กั ษร EDITORIAL BOARD : ดร. ไรนา น อรุณรงั ษี DR. RAINAN ARUNRUNGSI เชคอับดุลมาลิก อาเมน SHEIK ABDULMALIK AMEN
คณุ สรุ พล พุมภักดี MR.SUPAROL POOMPAKDI คุณโสภณ แสงศรี MR.SOPHON SAENGSRI คณุ ประพาส แสงเงนิ MR.PRAPAST SANGNGONE จาํ นวนพิมพ : ๒,๐๐๐ เลม CIRCULATION : 2,000 เลม ปท ่ีพมิ พ : ครั้งแรก พฤศจิกายน ๒๕๔๙ YEAR OF PUBLICATION : NOVEMBER 2006 แบบปกและรปู เลม GRAPHIC DESIGNED : คุณสินสมุทร บินการมติ ร MR.SINSAMUT BINKAMIT คณุ สรุ นิ ทร นิลเชอ้ื วงศ : MR.SURIN NINCHUAWONG จัดพิมพโ ดย : สํานักพมิ พ อลั -ฮุดา อินเตอรเนชนั่ แนล PRINTED BY : AL-HODA INTERNATIONAL PUBLISHERS & DISTRIBUTORS www.al-hoda.org Email: [email protected]
สารบญั ๑๑ ๑๔ ๒๕ ชะตากรรมของนักเผยแพรอิสลาม ๒๒ ๒๖ สงคราม บนีอันนะฎีร้ ๔๙ ๒๗ เพื่อทําลายแบบแผนอนั ไมถูกตอง ๖๑ ๒๘ รงั จารกรรมสุดทา ย ๒๙ การจาริกบุญและการเมอื งสัญจร ๘๓ ๘๙ เหตุการณปท ่ี ๗ แหง ฮจิ ญเราะฮฺศักราช ๓๐ ทานศาสดา (ศ.) ประกาศสาสนสากล ๑๐๐ ๓๑ ศนู ยก ลางแหงอนั ตราย ๑๐๙ หรือปอ มปราการเหล็กแหงคอ็ ยบรั้ ๑๑๕ ความโชติชวงอันไมด ับสลาย ๓๒ ท่มี าของสวนฟะดกั ๓๓ อุมเราะฮเฺ กาะฎอ เหตกุ ารณใ นปท ี่ ๘ แหง ฮจิ ญเ ราะฮฺศกั ราช ๓๔ สงครามเมาตะฮฺ
35 การพชิ ติ มกั กะฮ ๑๒๕ ๓๖ สงครามฮนุ ยั นฺ ๑๕๖ ๓๗ สงครามฏออิฟ ๑๖๒ ๓๘ อะลีบนแผนดินชนเผา ฏียฺ ๑๖๗ ๓๙ สงครามตะบกู ๑๗๔ เหตุการณในปท ่ี ๙ แหงฮิจญเราะฮฺศกั ราช ๑๘๖ ๔๐ คาํ แถลงการณใ นวนั นิมา ๑๘๙ เหตกุ ารณใ นปท่ี ๑๐ แหง ฮจิ ญเราะฮศฺ กั ราช ๑๙๓ ๔๑ ความเศราโศกตอการจากไปของบุตร ๒๐๑ ๔๒ กลุมตัวแทนของนักฺรอนในมะดนี ะฮฺ ๔๓ ฮัจญะตลุ วะดาอฺ ๒๒๙ ๒๓๙ เหตุการณในปท ี่ ๑๑ แหงฮจิ ญเราะฮศฺ กั ราช ๒๔๑ ๔๔ พนิ ยั กรรมที่มิไดถ กู บนั ทึก ๔๕ วันเวลาสดุ ทา ยแหงชีวติ อันจาํ เรญิ เชิงอรรถ
คาํ นําผเู ขียน สุดยอดวีรกรรมแหงประวตั ศิ าสตร เร่ืองราวทางประวัติศาสตรอันทรงคุณคาที่สุดท่ีหนาประวัติศาสตรทั้งหลายไดบันทึกการ ดําเนินชีวิตของเหลาวีรบุรุษผูยิ่งใหญการดําเนินชีวิตของพวกเขาไดสรางคล่ืนชีวิต แบบพิเศษ มหัศจรรย และถูกจารกึ เปน เร่อื งราวในรูปแบบตา งๆ พวกเขาเปนผูยิ่งใหญ สิ่งที่เกี่ยวพันกับพวกเขา อยางเชน ชีวประวัติของพวกเขาก็ย่ิงใหญ และทรงพลัง เจิดจรัสสวางไสวเสียจนเราตองเรียนรู ศึกษาคนควาในส่ิงล้ีลับของบทเรียนชีวิตอัน ทรงคณุ คานนั้ พวกเขาเปนศิลปนผูเช่ียวชาญแหงการสรางสรรค การดําเนินชีวิตของพวกเขาเปนสุดยอด แหง ประวัตศิ าสตร ซึง่ ไดถ ูกจารึกเปน ขบวนการตางๆ อนั ทรงคณุ คา แหงการสรา ง ในหมูวีรบุรุษผูยิ่งใหญแหงประวัติศาสตรเหลาน้ี ไมมีใครที่มีการดําเนินชีวิตท่ีทรงพลัง เต็มเปยมไปดวยเรื่องราว และเหตุการณที่สรางการเปลี่ยนแปลงไดอยางมากมายเทากับ “มุฮัมมัด” ศาสดาแหงอสิ ลาม (ศ.) ไมมีผูใดในหมูพวกเขาเลยที่อยูทามกลางสังคมอันฟอนเฟะ ตกตํ่า ลาหลัง เปล่ียนให กลายเปนอารยธรรมอันสูงสง ลํ้าคาได ความเปนจริงอันนี้เปนท่ีรูจักกันดีในหมูผูบันทึก ประวตั ิศาสตรทงั้ ตะวันออกและตะวันตก การศึกษาชีวประวัติของบุรุษผูยิ่งใหญเชนน้ี จะสอนสิ่งตางๆ ใหแกเราอยางมากมาย ดัง เหตกุ ารณแ ละเรอ่ื งราวสอนใจตา งๆ ท่เี ราไดรับมา เรื่องราวเกี่ยวกับความมหัศจรรย เชน ชวงแรกของการกอสรางอาคารกะอฺบะฮฺ การต้ัง รกรากของบรรพบุรุษของทานศาสดาในมหานครมักกะฮฺ การโจมตีของกองทัพชางเพื่อทําลาย อาคารกะอบฺ ะฮฺ และการกําเนิดของทานศาสดา
เรื่องราวแหงความโศรกเศรา รันทด เชน การจากไปของ “อับดุลลอฮฺ” และ “อามินะฮฺ” บดิ าและมารดาของทานศาสดาตงั้ แตยังเยาวว ัย ในสภาวะแหงความเจบ็ ปวดรวดรา วใจ เรื่องราวแหงความล้ีลับและซอนเรน เชน ชวงแรกของการลงวะฮฺยู เหตุการณที่ถ้ํา “ฮิรออฺ” ตามตดิ ดวยการยนื หยดั อันยากลําบากและนาประหลาดใจของบรรดาสหายและสาวกของทานถึงสิบ สามปเ ตม็ ในเสนทางแหง การเผยแพรศ าสนาอิสลามในมักกะฮ รวมถึงการตอสูกบั เหลาผบู ูชาเจว็ด เร่ืองราวแหงปรากฏการณและเต็มไปดวยความนาสนใจ เชน เหตุการณในปแรกแหงการ อพยพ และปตอ ๆ มาหลังจากนั้น ซ่ึงในแตละเร่ืองเปนแบบอยางของการเสียสละอันสูงสงที่สุด ใน เสนทางของเปาหมายท่ีเลิศล้ําที่สุดในเสนทางของการสลายรูปแบบตางๆ ของการบูชาเจว็ดที่เปน รูปธรรม ในเสนทางการตอสูกับการแบงชนช้ัน เผาพันธุ หรือสีผิว ท่ีเกิดข้ึนจากการใชอํานาจและ การกดขจ่ี ากน้าํ มือของมนษุ ยด วยกนั จากมุมมองอนั น้ีเอง หากเรียกสงิ่ เหลา น้ันวา “สดุ ยอดแหงขบวนการทางประวตั ิศาสตร” ซึ่ง การดําเนินชีวิตของทานในจุดท่ีผูกรวมเอาโลกเกาและโลกใหมเขาดวยกันแลวละก็ คงไมเปนคํา กลาวที่เกินไป ทวาจนถึงปจจุบันหนังสือนับรอยๆ เลมในภาษาตางๆ จํานวนมากเก่ียวกับการดําเนินชีวิต ของทานศาสดา (ศ.) ไดถูกเขียนโดยนักรายงานประวัติศาสตรท้ังตะวันออกและตะวันตก ซึ่งในแต ละภาคสวนไดตีแผแงมุมท่ีแตกตางกันออกไป แตเปนท่ีนาเสียดายก็คือ สวนใหญแลวก็ยังไมพน จากขอบกพรอ งตา งๆ โดยเฉพาะอยางยิ่งงานเขียนของเหลานักบูรพาคดี บางครั้งสรางความเขาใจผิด บิดเบือน และหลอกลวงประชาชนอยา งโจงแจง อนึ่งหนังสือท่ีทานผูอานท่ีเคารพอานอยูขณะนี้ คือประวัติศาสตรท่ีชัดเจนเปนการดําเนิน ชีวิตของทานศาสดาแหงอิสลาม (ศ.) ผูย่ิงใหญที่สามารถกลาวไดวาอางอิงกับหลักฐานที่นาเช่ือถือ ทส่ี ุดของประวัตศิ าสตรอ ิสลาม และดว ยกับการประพนั ธท่ไี หลลนื่ กลมกลนื และถูกตรวจสอบอยาง สมบูรณ มุมมองหนึ่งที่สําคัญของหนังสือเลมนี้ก็คือ ไมเพียงแตเปนการกลาวถึงเหตุการณทาง ประวัตศิ าสตรเ พียงอยางเดียว แตไดพยายามแยกแยะและ
วิเคราะหสวนท่ีจําเปนเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณตางๆ และผลท่ีเกิดขึ้นของเหตุการณเหลาน้ัน ตามแนวทางดงั เชนนกั เขียนผูเปน นกั คนควา วจิ ัยไดทํากันจนถึงเปาหมายสุดทายซึ่งน่ันก็คือบทเรียน จากประวตั ิศาสตรใ นรปู แบบทส่ี มบูรณ จุดเดนที่สําคัญอีกจุดหน่ึงของหนังสอื เลมนี้ก็คือ อา งอิงกับหลักฐานทางประวัติศาสตรของ ชีอะฮอยางสมบูรณแบบ โดยปราศจากสิ่งแปดเปอน และการบิดเบือนปายสีของมือสกปรกตอ ประวัติศาสตรเกย่ี วกบั ผูนําอันสูงสงของอสิ ลาม เราไดศึกษาอยางละเอียดเก่ียวกับหนังสือเลมนี้ เพ่ือเปนวิทยาทานแกมุสลิมโดยท่ัวไปและ โดยเฉพาะอยางยิ่งเยาวชนคนหนุมสาวอันเปนท่ีรักของพวกเรา หวังเปนอยางยิ่งที่พ่ีนองมสุ ลิมของ เรา โดยเฉพาะฮุจญาจ ผูเดินทางไปยังมหานครมักกะฮอันย่ิงใหญ และมะดีนะฮอันเจิดจรัส จะได อานหนังสือเลมน้ีกอนเดินทาง เพื่อจะไดรูจัก เติมเต็ม รับรูถึงความคิดและความรูสึกในความ ยากลําบากของทานศาสดา (ศ.) และบรรดามุสลิมในยุคแรกของอิสลามตามจุดตางๆ ของแควน ฮิญาซ ในสมยั ของทานศาสดา (ศ.) จนกระทั่งถึงการทําฮจั ญในแผนดนิ แหงวะฮฺยู อลั ลามะฮฺ ญะอุฟร ซุบฮานี
คาํ นําผูจดั พมิ พ อายะตุลลอฮฺ อัลอุซมา ซัยยิด อะลี คาเมเนอี ผูนําสูงสุดทางจิตวิญญาณของการปฏิวัติ อิสลามแหงอิหรานไดประกาศใหป 2549 เปน “ปแหงทานศาสดาผูยิ่งใหญ (ศ.)” ซึ่งทานไดมอบ สาสน อันทรงคุณคา ยิ่ง ในชวงปใ หมของอิหรา นที่ผานมา เพื่อกระตุนเตือนผูศรัทธาใหต่ืนจากความ หลงงมงายตอส่ิงไรสาระ ทานยังเชื้อเชิญโลกอิสลามใหหันมาสนใจศึกษาหลักการดําเนินชีวิตของ ทานศาสดา (ศ.) ผูนําสารจากพระผูอภิบาลมาสูมนุษยชาติ ผูศรัทธาทุกคนทราบดีวา ความสมบูรณ และคุณคาของหลักการดําเนินชีวิต รวมทั้งเปนแบบอยางที่มิอาจมีผูใดเสมอเหมือนได ถูกกําหนด มายังทานศาสดาองคสุดทายเพ่ือปกปองคุณงามความดีของความเปนมนุษย บงช้ีถึงเอกภาพ ภราดร ภาพในหมูมนุษยทุกเผาพันธุและเชื้อชาติ เปนการสําแดงใหเห็นถึงวิถีการแสดงความเปนบาวอัน เปนที่รักของพระผูอภิบาลไดอยางชัดเจน มิใชบาวทาสของมารรายที่ชอบสรางความเสื่อมเสียบน หนา แผน ดิน ทานผูนําสูงสุดฯ ไดกลาวตอไปอีกวา ประเทศสาธารณรัฐอิสลามแหงอิหรานและ ประชาชาติอิสลามในวันนี้ จะตองใหความสนใจในการดําเนินชีวิตของทานศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ท่ี ไดสอนพวกทานในเร่ืองตางๆ ไมวาจะเปนเร่ืองกิริยามารยาท เอกภาพ สอนใหรูจักการอยูรวมกัน ความมีเมตตาซ่ึงกันและกนั อยา งรูร ักและสามคั คี ในปแหงศาสดาผูยิ่งใหญ (ศ.) นี้ทางคณะผูจัดทําหนังสืออัตชวี ประวัติของทานศาสดามุฮัม มดั (ศ.) จึงไดดํารจิ ัดทาํ หนงั สือเกี่ยวกับการดาํ เนินชีวิตของทาน (ศ.) เพ่ือเผยแพรตอ สาธารณชน ซ่ึง หนังสือที่อยูในมือของทานน้ีมีช่ือวา “มุฮัมมัด (ศ.) รัศมีนิรันดร” เขียนโดยทานอัลลามะฮฺ ญะอฺฟร ซุบฮานี ซ่ึงเปนผูรูทางศาสนาและผูทรงคุณวุฒิไดคนควา รวบรวมและนําเสนอการดําเนินชีวิตของ ทานศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ผูทรงเกียรติในแงมุมตางๆ ในเชิงวิเคราะหเพ่ือหาขอสรุปในการนํามาเปน บทเรียนอันทรงคณุ คา แกผ อู านอยางดีที่สุด
เนื่องในโอกาสงานเมาลิดกลางแหงประเทศไทย ฮ.ศ. 1427 ท่ีจัดขึ้นโดยพี่นองมุสลิมผู ศรัทธาในประเทศไทย ทางคณะผูจัดทําไดรับเกียรติจากบรรดานักการศาสนาของประเทศไทย ซ่ึง ศึกษาศาสนาจากเมืองกุม ประเทศอิหราน ไดรวมกันจัดแปลหนังสือชีวประวัติการดําเนินชีวิตของ ทา นศาสดา (ศ.) ขน้ึ เพ่ือเผยแพรต อบรรดาศรัทธาชนท่เี คารพรกั ทัง้ หลาย ขาพเจาในนามของคณะผูจัดทําหนังสือฯ หวังเปนอยางยิ่งวา หนังสือชีวประวัตกิ ารดําเนิน ชีวิตของทาศาสดาผูย่ิงใหญ (ศ.) เลมน้ีจะเปนประโยชนตอพ่ีนองผูศรัทธา ที่จะนําจริยวัตรของทาน ศาสดา (ศ.) มาเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิตบนหนทางของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) และประการสําคัญ ที่สุดก็ตองขอขอบคุณตอทานผูรูและนักการศาสนาคือ เชคซัยนุลอาบิดีน ฟนดี้, เชคมุฮัมมัด นะอีม ประดับญาติ, เชคชะรีฟ ฮาดี, เชคฮุเซน บินซาเล็ม, เชคมุฮัมมัดซะรีฟ เกตุสมบูรณ ที่ไดชวยกันจัด แปล ขอขอบคุณ ดร.ไรนาน อรณุ รงั ษี และคณะพสิ ูจนอกั ษร สุดทายนี้ขอขอบคุณผูรวมงานทุกทานท่ีไดรวมมือกัน ใหงานนี้สําเร็จลุลวงตาม กําหนดเวลาทีว่ างไว มุฮัมมดั ตมั ฮีดี 9 พฤศจิกายน 2549 กรุงเทพมหานคร
เหตุการณใ นปที่ 4 แหงฮิจญเราะฮศฺ ักราช 25 ชะตากรรมของ นักเผยแพรอสิ ลาม(๑) หลังจากสิ้นสุดสงคราม ผลของความพายแพของมุสลิมในสมรภูมิอุฮุดในทางการเมืองเร่ิม เหน็ เดน ชัดขึ้น ท้ังๆ ท่มี สุ ลิมไดส าํ แดงการยืนหยัดตอหนาศัตรูผูกําชัยชนะ และมียุทธวิธีในการสกัด กั้น การยอนรอยของพวกต้ังภาคี ดวยกับสภาพการณหลังสงครามอุฮุดเหลานี้ มีการเคล่ือนไหวท้ัง ภายในและภายนอกเพอ่ื กาํ ราบพวกมนุ าฟก ชาวยวิ ในมะดีนะฮฺ พวกมชุ ริกนอกเมือง และชนเผาผูตั้ง ภาคีท่ีอยูไกลออกไปตางก็มีความฮึกเหิม และไมปฏิเสธที่จะเขารวมรณรงคตอตานและความ พยายามรวบรวมกาํ ลัง เพ่อื จัดการกบั อสิ ลามอกี คร้ังหนง่ึ แผนการอนั แยบคายเพือ่ สังหารนักเผยแพร ทานศาสดาแหงอิสลาม (ศ.) ไดทําลายแผนการดังกลาวดวยการสงกองกําลังทหารออกไป ประกอบกับไดสงกลุมคนท่ีทําหนาทเี่ ผยแพรเชิญชวนสูอิสลาม ออกไปยังกลุมชนและชนเผาท่ีเปน กลางและไมฝก ใฝฝา ยใด นักเผยแพรซึ่งประกอบดวยนักทองจําอัลกุรอาน ผูเชี่ยวชาญดานศาสนบัญญัติ และนัก อรรถาธิบายวจนะของทานศาสดา ไดทําหนาท่ีอยางแข็งขันชนิดเอาชีวติ เขาแลก เผยแพรหลักความ เช่อื แบบอสิ ลามดวยการอธบิ ายอยา งกระจา งชดั สปู ระชาชน
แตช นเผา ลาหลังบางกลุม ไดท ําการตอตา นกลุมนกั เผยแพรซง่ึ เปนกองกําลังดานจติ วิญญาณ ท่ีทําหนาที่เชิญชวนผูคนสูการรูจักพระเจาองคเดียวและถอนรากถอนโคนการตั้งภาคีและปฏิเสธ การต้ังภาคีทั้งมวลถึงขนาดสังหารกลุมคนดังกลาว นักประวัติศาสตรบางคนเชนอิบนุฮิชาม(๒) บอก วาพวกเขา มีจํานวน 6 คน สวนอิบนุสะอัด(๓)บอกวามีจํานวน 10 คนถูกสังหารที่สถานที่แหงหนึ่งที่ มีชอื่ วา รอ ญีอฺ โศกนาฏกรรมแหง บอิ ฺรนุ มะอูนะฮฺ ในเดือนศอฟร ปทสี่ ่แี หงฮจิ ญเราะฮฺศักราช กอ นหนาทข่ี าวการสงั หารนักเผยแพรอสิ ลามใน รอญีอฺ จะมาถงึ ทานศาสดา อบูบ้ัรรออ อามีรี ไดเขามายังเมืองมะดีนะฮฺทานศาสดา (ศ.) เชิญชวนเขา ใหรับอิสลาม แตเขาปฏิเสธแตไดแจงใหทานศาสดาทราบวา ถาไดมีการสงนักเผยแพรไปที่เมือง นัจญดแลวอาจจะมีคนหันมายอมรับศาสนาอิสลาม เพราะผูคนแถบน้ันมีแนวโนมท่ีจะยอมรับแนว ความเช่ือเรื่องพระเจาองคเดียวอยูบางแลว ทา นศาสดาตอบเขาวา “ฉันกลัวการมีเลหเหล่ียม การคด โกง ความอาฆาตมาดรายและความเปนศัตรูของพวกนัจญด” อบูบ้ัรรออตอบทานศาสดาวา “กลุม คนท่ีทานจะสงออกไปน้ันจะอยูในความคุมครองของขาพเจาเองและขอรับประกันวาจะปกปอง กลุมคนดังกลาวไมใหไดรับอันตรายแตอยางใด กลุมคน 40 คนที่ประกอบไปดวยนักทองจําอัลกุ รอานและผูเชี่ยวชาญดานศาสนบัญญัติโดยการนําของมุนซุนจึงไดถูกสงออกไปยังเมืองนัจญดและ สรางที่พักอยูในบริเวณท่ีมีชื่อวา บิอรุมะอูนะฮฺ ทานศาสดาไดเขียนสารเชิญชวนสูอิสลามไปยังผูนํา คนหนึ่งของชนเผานัจญด ชื่ออามิ้ร บินฏฟยลฺ และมีบัญชาใหมุสลิมคนหนึ่งเปนผูนําสารไปมอบให อามิ้ร แตเขาไมเพยี งไมอ านสารดงั กลาวนั้น กลับไดสังหารผูนําสาร อีกทั้งยังไดชวนใหกลุมชนของ ตนเองสังหารนักเผยแพรเหลาน้ัน แตกลุมชนของเขาปฏิเสธท่ีจะทําเชนนั้นโดยกลาววา “ผู อาวุโสอบูบั้รรออไดใหความคุมครองพวกเขาไปแลว” ในท่ีสุดเขาก็หมดหวังท่ีจะไดรับความ รวมมอื จากกลุมชนของเขาโดยหนั ไปขอความ
รวมมือจากกลุมชนและเผาตางๆ ที่อยูรอบๆ บริเวณน้ัน ดวยวิธีการเชนน้ีที่กลุมนักเผยแพรถูกโอบ ลอมดวยกองกาํ ลังทีน่ ําโดยอามิร้ กลุมนักเผยแพรกลุมน้ีมิไดเปนนักเผยแพรที่ดีและมีความชํานาญเทานั้น ยังเปนผูที่ความ กลาหาญเด็ดเดี่ยวอีกดวย พวกเขาถือวาการยอมจํานนนั้นเปนความอดสูยิ่ง พวกเขาลุกข้ึนจับอาวุธ ข้ึนตอสูจนกลายเปนชะฮีดกันทุกคน เหลือเพียงกะอับบินเซดที่ไดรับบาดเจ็บสาหัสแตก็สามารถ กลับไปยงั เมืองมะดนี ะฮไฺ ดและแจง เร่อื งใหท านศาสดารบั ทราบ(๔) โศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญนี้ ตราตรึงอยูในความทรงจําของโลกอิสลามและมุสลิมตกอยูใน ความโศกเศราและทา นศาสดาไดรว มไวอาลยั จากการจากไปของพวกเขาเปนระยะเวลาหน่งึ
26 สงครามบนีอันนะฎรี้ พวกมนุ าฟก และพวกยวิ เมืองมะดีนะฮฺดีอกดีใจที่มุสลิมไดรับความปราชัย ในอุฮุดและกลุม ผูรูทางศาสนาถูกสังหารเปนจํานวนมาก พวกเขาไดฉกฉวยโอกาส ดวยการกอหวอดสรางความ วุนวายขึ้นในเมือง มะดีนะฮฺ และเพ่ือเปนการสื่อใหกลุมชนที่อยูนอกเมืองเขาใจวา เกิดความ ระสํ่าระสายและไรซึ่งความเปนเอกภาพในเมืองแลว อีกท้ังพวกศัตรูท่ีอยูนอกเมืองก็สามารถจะลม ลา งรฐั บาลอิสลามไดโดยสะดวก ทานศาสดา (ศ.) ตองการท่ีจะรับรูความคิดของพวกยิวบนี อันนะฎี้ร ทานจึงไดเดินทางไป ยังคายทหารของพวกเขาพรอ มกบั ผนู าํ ทางทหาร บางคนแตจุดมงุ หมายภายนอกของทา นทต่ี ิดตอกับ พวกบนีอันนะฎ้ีรก็คือตองการขอความรวมมือจัดการปญหาลางหน้ีเลือดของชาวอาหรับชน เผาบนีอามิ้รสองคนที่ถูกสังหารโดยอัมรวบินอุมัยยะฮฺ เพราะชนเผาบนีอันนะฎ้ีรไดทําสัญญาให ความคุมครองกับมุสลิมและชนเผาบนีอาม้ิร ซ่ึงลักษณะสัญญาความรวมมือก็คือตองใหความ ชวยเหลอื ซึง่ กันและกันเมื่อ ไดรับการรอ งขอ ทานศาสดาไดเดินทางไปถึงหนาคายทหารและบอกจุดประสงคของทานกับผูนําเผา พวก เขาตอบรับการรองขอของทานศาสดาดวยความยินดีและใหคํามั่นสัญญาวาจะชวยในเรื่องการจาย คาสนิ ไหมทดแทน และไดพ ดู คยุ กบั
ทานศาสดาโดยเรียกขานทานศาสดาดวยช่ือ อบุลกอซิม พวกเขาไดเ ชื้อเชิญใหทานศาสดาเขาไปใน คายทหารและพักผอนในชวงเวลากลางวัน แตทานศาสดาไมตอบรับคําเชิญ โดยนั่งคุยกับกลุมผูนํา ทีน่ อกคาย(๕) ทานศาสดารูสึกวาคําพูดเยินยอเหลานี้กับการเคลื่อนไหวที่ผิดปรกติเชนนี้ นาจะเปนการ บอกเหตุอะไรบางอยาง อีกฟากหนึ่งตรงขามกับท่ีทานน่ังอยูนั้นมีการเคลื่อนไหวผิดปรกติ มีการ พูดจากันท่ีสรางความเคลือบแคลงสงสัย ความจริงก็คือ ผูนําเผาบนีอันนะฎ้ีรไดตัดสินใจที่จะลวง ทานศาสดาใหตายใจ โดยไดมอบหมายใหบุคคลหน่ึงชื่ออัมรวฮิญาซขึ้นไปอยูบนหลังคา เตรยี มพรอ มทจี่ ะขวางกอนหนิ จากบนหลังคาหมายสงั หารทานศาสดาใหด บั ดิ้น โชคดีท่ีแผนการรายของพวกเขาไมเปนผล อันเนื่องจากการเคลื่อนไหวอยางผิดปรกติของ พวกเขาเอง ตามการรายงานของวากิดีกลาววา มะลาอิกะฮฺท่ีทําหนาที่ถายทอดวะฮฺยูเปนผูมาบอก ขาวใหทานศาสดารับทราบ ทานรีบลุกขึ้นจากท่ีนั่งและออกไปนอกวงประชุม ซ่ึงพวกยิวเขาใจวา ทานคงออกไปทําธุระบางอยางและจะกลับเขามา แตทานศาสดาเดินทางกลับเมือง มะดีนะฮฺ แต ไมไดบอกเรือ่ งน้ีใหสหายของทานรับทราบ พวกนั้นก็ยังรอคอยการกลับมาของทานศาสดา แตเปน การรอคอยทีไ่ รผล พวกยิวบนีอันนะฎี้รตกอยูในความวิตกกังวล ดานหน่ึงพวกเขาก็คิดวาทานศาสดาคงรู แผนการรายของพวกเขาแลว ซ่ึงถาเปนเชนน้ีเขาคงลงโทษพวกน้ันอยางสาสม สวนอีกดานหน่ึงก็ วางแผนวา ทานศาสดาคงเดินทางไปไกลแลว ฉะน้ันเราควรจัดการกับสหายของทานแทน แตก็มี เสียงคานขึ้นมาวาถา เปน เชน นั้นเร่อื งคงยุง เหยิงขนึ้ ทา นศาสดาตอ งกลบั มาลา งแคนเราแน พวกที่เดินทางมากับทานศาสดาจึงไดตัดสินใจรีบติดตามทานศาสดาไปและตองการรูวา ทานไปที่ไหน พวกเขาเดินออกไปไมไกลจากกําแพงคายสักเทาใด ก็พบคนๆหนึ่งท่ีเดินทางมาจาก มะดีนะฮฺและแจงขาววาทานศาสดาถึงเมืองมะดีนะฮฺแลว พวกเขาก็รีบมุงหนากลับสูมะดีนะฮฺ และ ไดรบั รแู ผนการรายของพวกยิวซ่ึงทานญิบรออลี กไ็ ดแจงขาวใหทา นรับทราบมากอนแลว (๖)
ตองจัดการอยางไรกบั แผนชัว่ รา ยดงั กลา ว ? ถงึ ตอนนี้ ทานศาสดาตองทําอยางไรกับกลุมคนชั่วรายเหลาน้ี? กลุมคนที่อยูภายใตการดูแล ของรัฐอิสลาม ทหารหาญของอิสลามไดทําหนาที่ปกปอง เกียรติยศและทรพั ยสินของพวกเขา พวก เขาเปนกลุมคนท่ีประจักษถึงบุคลิกลักษณะของการเปนศาสดาและสาสนท่ีทานนํามาท่ีฝงอยูในวิถี ชีวิตของทาน อีกท้ังพวกเขายังรับรูวา หลักฐานท่ีทานนํามาและขอเท็จจริงจากคําพูดของทานนั้นมี ปรากฏอยูในคัมภีรของพวกเขา แตพวกเขากลับคิดสังหารแขกผูมาเยือน ไมมีความเปนสุภาพบุรุษ ตามธรรมเนียมของอาหรับทั่วไป มันยุติธรรมแลวหรือท่ีพวกเขากลาทําเชนนี้ และเพื่อไมให เหตุการณเ หลานเ้ี กิดซ้าํ สอง ก็นาจะตองถอนรากถอนโคนแนวคดิ น้ีใหสิน้ ? วิธีการตอบโตท่ีพอสมเหตุสมผลที่ทานศาสดาเลือกก็คือ ทานไดส่ังใหทหารทั้งหมด เตรียมพรอม จากน้ันทานก็ไดเรียกมุฮัมมัด บินซัลมะฮฺเอาซีเขาพบ และมีบัญชาใหรีบนําสารไปให พวกหวั หนาเผา บนอี ันนะฎร้ี เขาเขาไปพบพวกหัวหนาเผาบนีอันนะฎี้รและกลาววา ทานผูนําสูงสุดของอิสลามมีสาร มาถึงพวกทานวา ใหพวกทานรีบอพยพออกไปภายใน 10 วัน เพราะพวกทานไดละเมดิ สนธิสัญญา และคิดปองรายทานศาสดา ถาหากภายใน 10 วันน้ีพวกเจายังไมยายไปไหน ก็ตองมีการหลั่งเลือด กัน สารน้ีสรางความตระหนกตกใจใหกับพวกเขาเปนอยางย่ิง ตางคนตางก็โทษกันไปมาวา เปนสาเหตุแหงความหายนะในคร้ังนี้ หัวหนาคนหนึ่งของพวกเขาแสดงความเห็นวา พวกเรานาจะ แสดงตนเขารับอิสลาม แตคนสวนใหญท่ียังคงดื้อดึงก็ออกความเห็นคาน เกิดความวุนวายอยาง หนัก พวกเขาหมดทางเลือกจึงหันไปพูดกับมุฮัมมัด บินซัลมะฮฺวา “มฮุ ัมมัด ทานก็เปนคนในเผาเอา ซฺ และกอนหนาที่ศาสดาแหงอิสลามจะมานั้นพวกเราก็ไดทําสัญญารวมกันปกปองกับเผาของทาน ไว แลวทําไมตอนน้ีตองมาบีบเราใหทําสงครามดวย?” เขาตอบดวยความรูสึกอันหาวหาญ ซึ่งมอี ยู ในตวั ตนของมุสลิมทกุ คนวา “ชวงเวลานั้นมันไดผานไปแลว ตอนน้หี วั ใจไดแปรเปลยี่ นไปแลว”
การตดั สนิ ใจดงั กลาวเปนไปตามพันธสัญญาที่ทานศาสดาไดกระทําไวกับพวกยิวเมืองมะดี นะฮฺในวันแรกท่ีทานเดินทางมาถึงเมืองมะดีนะฮฺ พันธสัญญาดังกลาวไดรับการลงนามรับรองโดย ฮุยยยั บนิ อัคฏอ็ บ เราไดยกขอ ความในพันธสัญญาน้มี ากลา วไวกอนหนาน้ี ตอไปนี้เปนขอความบาง ตอนของสัญญาดงั กลา ว “ทานศาสดาไดทําสัญญาเปนลายลักษณอักษรกับชนเผา สามกลุมน้ี (บนีอันนะฎี้ร บนีก็อย นุกออ และบนีกอรีเฎาะฮฺ) วา พวกเขาจะตองไมดําเนินการใดอันเปนปรปกษตอทานศาสดาและ ปวงสหายของทาน พวกเขาจะตองไมทําอันตรายทานทั้งคําพูดและการกระทําใดๆ หากชนกลุมใด ในสามกลุมน้ีกระทําการอันขัดแยงกับสัญญาฉบับนี้ ทานศาสดาก็มีสิทธิท่ีจะหล่ังเลือดพวกเขา ริบ ทรพั ยสนิ และนําสตรีและเด็กของพวกเขาไปเปน เชลยได” (๗) น้ําตาจระเข นักวิชาการดานตะวันออกกลางไดบีบน้ําตากลาวถึงเหตุการณดังกลาวอยางเสแสรง ดู ประหน่งึ วา เปนนํ้าตาจระเข และย่ิงกวา แมท ร่ี อ งไหฟูมฟายตอการจากไปของลูกอันเปนสุดท่ีรัก เมื่อ กลา วถงึ เรือ่ งราวของพวก บนกี อ รเี ฎาะฮฺ และพยายามบอกวา การกระทําของทา นศาสดานั้นเปนการ กระทําท่ไี รมนุษยธรรม การจับผิดเชนน้ีมิไดมีจุดมุงหมายเพ่ือแสวงหาขอเท็จจริง และพยายามทําความเขาใจ เรื่องราวในอดีต เพราะเมื่อเรายอนกลับไปพิจารณาขอความในพันธสัญญา เราก็จะพบขอเท็จจริงวา การลงโทษที่ทานศาสดาไดกระทําตอพวกเขานั้นยังเบากวาการลงโทษที่ระบุไวในพันธสัญญา ดังกลาวเสยี ดว ยซํ้าไป ทุกวันนีอ้ าชญากรรมและการกดขที่ างความคดิ หลายตอ หลายเร่อื งราวของพวกนักบูรพาคดี น้นั ระบาดไปท่วั ไมมใี ครในหมูพวกเขาสักคนเดียวท่ีปฏิเสธการกระทําของคนพวกน้ัน แตเมื่อทาน ศาสดาไดลงโทษพวกเขาซึง่ เปนโทษท่ีนอยกวาที่ระบุไวในพันธสัญญา พวกเขากลับเอะอะโวยวาย เรอ่ื งความ
ยตุ ธิ รรมข้ึนมาทนั ที แผนการของพวกกลบั กลอก อันตรายของพลพรรคของพวกกลับกลอกมีอันตรายมากกวาพวกยิวเสียอีก พวกเขาซอน ความจงเกลียดจงชังไวเบ้ืองหลังใบหนาอันเปนมิตร หัวหนากลุมของพวกเขาก็คืออับดุลลอฮฺ อุบัย และมาลิกบินอุบัย เปนตน พวกเขารีบสงจดหมายไปหาพวกหัวหนาของบนีอันนะฎ้ีรวา “พวกเรา พรอมท่ีจะสงทหาร 2000 คนไปชวยเหลือพวกทาน และชนเผาที่มีพันธสัญญาตอกันกับพวกทาน เชนเผาบนีกอรีเฎาะฮฺและฆ็อฏฟานก็ยอมจะไมนิ่งดูดายในกรณีดังกลาว” สัญญาเท็จดังกลาวสราง ความฮึกเหิมใหเกิดขึ้นในหมูชาวยิว ทําใหพวกเขาเปล่ียนใจจากตอนแรกท่ีไดตัดสินใจยอมจํานน และพรอมจะอพยพออกนอกพ้ืนที่แลว พวกเขาปดคายแลวเตรียมอาวุธพรอมทําสงคราม พวกเขา ตัดสินใจครั้งสุดทายวาจะตอสูเพ่ือปกปองอยางเต็มกําลัง โดยไมยอมมอบเรือกสวนไรนาใหกับ ทหารของอิสลามเปนอันขาด หัวหนาคนหนึ่งของพวกบนีอันนะฎี้คือซะลาม บินมัชกัม คิดวา สัญญาของอับดุลลอฮฺ นาจะมีเงื่อนงํา โดยพูดวา “เรานาจะลมเลิกความคิดน้ีดีกวา” แตฮุยยัย บินอัคฏอ็ บ ก็เรยี กรอ งใหผ ูคนยืนกรานความคิดที่จะลุกขน้ึ ตอสู ทา นศาสดาผูทรงเกยี รติรับทราบจดหมายของอบั ดลุ ลอฮฺ ทานไดมอบหมายใหอิบนุอุมมิมัก ตูมทําหนาท่ีเปนตัวแทนของทานในเมืองมะดีนะฮฺแลวก็เคลื่อนกําลังเขาปดลอมปอมของพวกบนี อันนะฎี้ร ทานไดตั้งคายทหารในชัยภูมิที่อยูค่ันกลางระหวางพวกบนีกอรีเฎาะฮฺและบนีอันนะฎี้ร โดยเปนการตัดขาดความสัมพันธของทั้งสองกลุมออกจากกัน ตามการรายงานของอิบนุฮิซามระบุ วา(๘) ทานปดลอมปอมของพวกเขาเปนเวลา 6 วัน 6 คืน แตตามการรายงานของนักประวัตศิ าสตร คนอื่นบอกวา ทานปดลอมเปนเวลา 15 วัน แตพวกยิวก็ไดยืนหยัดตอตานอยางแข็งขัน ทา นศาสดา จึงไดมีบัญชาใหตัดตนไมท่ีอยูรอบปอมออก เพ่ือใหพวกยิวหมดหวังที่จะใชประโยชนจากพื้นท่ี บรเิ วณนี้ มีเสยี งโวยวายของพวกยวิ ดังขนึ้ มาจากในปอมวา “อบุลกอซมิ ทาน
มักจะส่ังใหทหารของทานอยาไดตัดตนไมเปนอันขาด แลวทําไมคราวน้ีมาทําเชนนี้เลา” เหตุผลก็ เปนไปตามท่ีกลา วมาแลว ขางตน ในท่ีสุดพวกฝาฝนก็ยอมที่จะเจรจาดวย พวกเขาพูดวา “พวกเราพรอมท่ีจะออกนอกพื้นที่ แตม ีเง่ือนไขวา พวกเราตอ งสามารถนําทรพั ยสมบตั ิติดตัวไปดว ย” ทานศาสดาเหน็ ดวยที่จะใหพวกเขานําทรัพยสินที่มีอยูไปดวย ยกเวนอาวุธท่ีจะตองสงมอบ ใหก บั ทหารอิสลาม พวกยิวไดพยายามขนยายทรัพยสินอยางเต็มที่ แมกระทั่งประตูบานก็ยังร้ือถอนออกไป อีก ทั้งยังทําลายบานชองราบเปนหนากลองอีก บางพวกไดอพยพไปอยูท่ีค็อยบ้ัร สวนบางกลุมก็อพยพ ไปยงั เมอื งชาม แตม พี วกเขาสองคนท่ียอมรบั อิสลาม กลุม ชนทถ่ี ูกทาํ ลายและไรท างตอสูไดสรา งขวัญและกําลงั ใจใหกบั ตนเองดวยการรองรําทํา เพลงเดินทางออกจากเมืองมะดีนะฮฺ เพ่ือเปนการแสดงใหรูวา พวกเขาเต็มใจที่จะละท้ิงถ่ินฐานของ ตนเอง เรือกสวนของพวกบนอี นั นะฎ้รี ถูกจดั แบง ไปในกลมุ ผอู พยพ (มุฮาญริ นี ) ทรัพยเชลยซ่ึงทหารอิสลามไดมาโดยปราศจากการทําสงครามตอสูน้ัน ตามกฎเกณฑ ของอัลกุรอานระบุวา(๙) ตองเปนของทานศาสดาและทานก็มีสิทธิใชตามท่ีทานเห็นสมควร ทาน ศาสดาเห็นควรใหจัดแบงเรือกสวนดังกลาวใหกลุมผูอพยพ (มุฮาญิรีน) เพราะพวกเขาไดละท้ิง ทรัพยสมบัติทางโลกในคราวท่ีอพยพมารจากมักกะฮฺ ซ่ึงในความเปนจริงถือวาพวกเขาไดทําหนาท่ี เปนทหารคอยชวยเหลือกลุมผูชวยเหลือ (อันศอร) และเปนแขกของพวกเขา ซะอัด บินมะอาส และ ซะอัด บินอิบาดะฮฺ ก็เห็นดวยกับความคดิ น้ี ผืนแผนดินท้ังหมดท่ียึดมาไดจึงถูกแบงใหกลุมผูอพยพ (มุฮาญริ ีน) และทกุ คนในกลมุ ผูช วยเหลือ (อันศอร) กไ็ มมีใครไดร บั การจัดสรรพ้ืนท่ีนอกจาก ซะฮฺล บินฮะนฟี และอบดู ะญานะฮฺ ซ่ึงเปน ผูยากไร วธิ ีการน้เี ปน
ทางออกสําหรับมุสลิมท่ัวไป และไดมีการมอบดาบที่มีคาเลมหนึ่งของหัวหนาคนหนึ่งของพวกบนี อันนะฎร้ี ใหกับ ซะอดั มะอาส เหตุการณน้ีเกิดขึ้นในเดือนรอบีอุลเอาว้ัล ปฮิจญเราะฮฺศักราชที่ 4 และซูเราะฮอัลฮัซรฺก็ได ถกู ประทานลงมาบอกเลาเรื่องราวของเหตุการณนี้ เราขออนุญาตไมกลาวถึงความหมายของซูเราะฮฺ ดังกลาวเพ่ือเปนการกระชับนักบันทึกประวัติศาสตรอิสลามสวนใหญเชื่อวาไมมีการหล่ังเลือดใน เหตุการณคร้ังน้ี แตทานเชคมุฟดกลาววา “มีการจราจลเล็กๆ เกิดขึ้นในค่ําวันที่เปดคายเปนเหตุให พวกยิว 10 คนถูกสงั หาร และดว ยความตายของคนพวกนี้นน่ั เองทนี่ ํามาซึง่ การยอมจํานน บะดรั ครัง้ ทสี่ อง ในคราวส้ินสุดการตอสูท่ีอุฮุดน้ัน อบูซุฟยานหันไปทางมุสลิมแลวกลา วข้ึนวา “เราตองเจอ กันอีกในปหนาท่ีบะด้ัร เราตองลางแคนใหสาสมกวานี้” มุสลิมไดรับคําส่ังจากทานศาสดาให เตรียมพรอม หนึ่งปผานไป อบู ซุฟยาน ซ่ึงเปนหัวหนาของชนเผากุรเรซไดเผชิญกับปญหา นานับประการ จนทําอะไรไมได เมื่อนะอีม บินมัสอูด ซึ่งมีความสัมพันธกับทั้งสองฝายเดินทางเขา ไปเมอื งมักกะฮฺ อบูซฟุ ยานไดขอรองเขาวา ใหรีบกลับไปเมืองมะดีนะฮฺแลวชวยยับย้งั ไมใหมุฮัมมัด ตัดสินใจออกจากเมืองมะดีนะฮฺและยังระบุอีกวาปน้ีเรายังไมพรอมท้ิงเมืองมักกะฮฺ การท่ีกองกําลัง ของมุฮัมมัดมาปวนเปยนอยูบริเวณบะดัรซ่ึงถือวาเปนตลาดกลางของชาวอาหรับน้ัน จะทําใหพวก เราพายแพเ อาไดงา ยๆ นะอีมรีบกลับมายังเมืองมะดีนะฮฺ แตคําพูดของเขาไมมีผลอันใดตอการตัดสินใจของทาน ศาสดา ทา นศาสดาพรอมดว ยกองกําลังทหาร 2500 คน มา อาวุธยุทโธปกรณและสินคาจํานวนหนึ่ง ก็เดินทางมาถึงแผนดินบะดัรในชวงแรกของเดือนซุลเกาะอฺดะฮฺ ปท่ี 4 แหงฮิจญเราะฮฺศักราช และ ทา นก็ตั้งคายทหารอยทู ่ีนั่นเปนเวลา 8 วัน ซึ่งเปนชวงเวลาท่ีมีการเปดตลาดกลางของชาวอาหรบั ขึ้น ที่บะดัร มุสลมิ ไดเอาสนิ คา ของตนเองออกมาขาย
จากน้ันประชาชนก็คอยๆ แยกยายกันกลับไป แตทหารของมุสลิมยังคงอยูที่น่ัน เพื่อคอยกองกําลัง จากมักกะฮฺ มีการแจงขาวการมาถึงบริเวณบะดัรของกองกําลังของมุฮัมมัดไปยังมักกะฮพฺ วกผูครองมัก กะฮฺไมมีทางเลือกใดนอกจากตองละท้ิงเมืองมักกะฮฺเพื่อรักษาเกียรติของตนเอง อบูซุฟยานพรอม กับอาวุธจํานวนหนึ่งก็ไดเดินทางมาถึง มัรรุซเซะฮฺรอน แตไดอางเรื่องการขาดแคลนปจจัยจึง กลับไปในระหวางทาง การกลับไปของทหารผูต้ังภาคีสรางความไหวหว่ันใหเกิดข้ึนถึงขนาดท่ีศ็อฟวานกลาว กับอบูซฟุ ยานวา “การถอยหลงั กลบั เชนน้ีทาํ ลายเกียรตยิ ศซึ่งเราไดส ะสมมาโดยตลอด ถาทานไมไป ล่ันวาจาไวเมอื่ ปกอ น พวกเรากค็ งไมตองพบกบั ความอปั ยศเชนน้ี”(๑๑) ในวันท่ี 3 ของเดือนชะอฺบาน ปฮิจญเราะฮฺศักราชท่ี 4 นี่เองที่ทานอิมามฮุเซน บินอะลี(อ.) หลานคนท่สี องของทา นศาสดา (ศ.) ไดถ ือกาํ เนดิ มา(๑๒) เชน เดยี วกับทท่ี า นหญงิ ฟาฏิมะฮฺ บินติอะซัด มารดาของทานอิมามอะลี (อ.) ก็ไดจากโลกน้ีไป และในปนี้เองที่ทานศาสดา (ศ.) ไดมีบัญชาได ซยั ดฺบนิ ษาบติ เรียนอกั ษรซัร้ ยานีจากพวกยิว(๑๓)
เหตุการณในปท ี่ 5 แหง ฮิจญเราะฮศฺ ักราช 27 เพ่ือทาํ ลายแบบแผนอันไมถูกตอง เร่ืองราวทางประวัติศาสตรในปท่ี 5 แหงฮิจญเราะฮฺศักราชท่ีนาสนใจท่ีสุดก็คือ สงคราม อะฮฺซาบ และชะตากรรมของบนีกอรีเฎาะฮ(ฺ ๑๔) และการแตงงานของทานศาสดากับทานหญิงซัยนับ บินติญะฮฺช เหตุการณแรกตามการบันทึกของนักประวัติศาสตรอิสลามคือการแตงงานของทาน ศาสดากบั สตรีดงั กลา ว อัลกุรอานไดอธิบายเรื่องราวดังกลาวไวในอายะฮฺท่ี 4, 6 และ 36-40 ของซูเราะฮฺอัลอะฮฺ ซาบ ซ่ึงเปนการปดโอกาสพวกที่ชอบสรางเร่ืองราวเท็จของพวกนักบูรพาคดีและการเดาสงเดชของ พวกเขา เราจะไดทําการพิจารณาเรือ่ งราวเหลา น้ีโดยอาศยั หลักฐานท่นี า เช่อื ถอื ทส่ี ุดและถูกตองท่ีสุด ของ หลักฐานทางประวัติศาสตร (อัลกุรอาน) จากน้ันเราก็จะกลาวถึงคํากลาวของพวกนักบูรพาคดี ทพ่ี ูดถงึ เรอื่ งราวดงั กลา ว(๑๕) ซยั ดฺ บินฮาริษะฮฺ คอื ใคร ? ซัยดฺคือชายหนุมซ่ึงในวัยเด็กนั้นเขาถูกลักพาตัวไปขายในตลาดคาทาส อะกาซ จากน้ัน ฮะกมี บินฮซิ าม ไดซ อื้ ตัวเขามาใหก บั อาของเขาคอื ทานหญงิ คอดญี ะฮฺ และเม่ือทานหญิงแตง งานกับ ทานศาสดาแลว เธอกไ็ ดย กซัยดฺใหก ับทา นศาสดา
ความสูงสงทางจิตวิญญาณ ความโอบออมอารี และจรรยามารยาทอันงดงามของทานศาสดาทําให ซัยดฺประทับใจในตัวทานศาสดาเปนอยางมาก ถึงขนาดท่ีเมื่อบิดาของซัยดฺไดเดินทางมายังเมืองมัก กะฮฺเพ่ือตามหาเขาและกลาววิงวอนตอทานศาสดาใหปลอยตัวเขาเปนไท เพื่อเขาจะไดกลับไปหา แมแ ละครอบครัวของเขา ซยั ดไฺ มยอมกลับไปและเลือกท่จี ะอยูก บั ทานศาสดาตอไป โดยทานศาสดา ไดใหเ ขาเปนผูตดั สนิ ใจดว ยตวั เองวา จะอยกู ับทานหรอื กลบั ไปบานเกิดของตัวเอง พลังดึงดูดดานจิตวิญญาณและความผูกพันทางดานจิตใจเกิดข้ึนท้ังสองฝาย กลาวคือซัยดฺ ประทับใจในจรรยามารยาทและความผูกพันที่มีตอทานศาสดามากเพียงใด ทานศาสดาก็แสดงออก ซ่ึงความรักตอเขามากเทานั้น ถึงขนาดที่รับเอาเขาเปนบุตรบุญธรรม ประชาชนท่ัวไปก็จะเรียกขาน เขาวา ซัยดฺ บินมุฮัมมัด แทนท่ีจะเรียกวา ซัยดฺ บินฮาริษะฮฺ เพื่อประกาศเร่ืองนี้อยางเปนทางการ ใน วันหนึ่งทานศาสดาไดยกมือของเขาข้ึน และกลาวกับพวกกุเรชวา “น่ีคือลูกของฉัน และเรามีสิทธิท่ี จะรับมรดกของกันและกัน” ความผูกพันทางดานจิตใจนี้ดําเนินเร่ือยมา จนกระท่ังซัยดฺเสียชีวิตใน คราวสงครามเมาตะฮฺ ซ่ึงการเสียชีวิตของเขานั้นสรางความโศรกเศราเสียใจใหกับทานศาสดา เสมอื นหนง่ึ ทา นไดสญู เสียบตุ รของทานไป ซยั ดฺแตงงานกับลกู สาวของอาของทานศาสดา เปาหมายอันศักดิ์สิทธ์ิหน่ึงของทานศาสดาก็คือไมทําใหชองวางหางกันเกินควร ทาน เรียกรองใหมนุษยตองอยูภายใตรมธงแหงความเปนมนุษยและความยําเกรงตอพระเจา มาตรฐานท่ี จะแสดงถึงความสูงสงและความประเสริฐของมนุษยน้ันอยูท่ีศีลธรรมจรรยาและความเปนมนุษยผู สมบูรณ ดวยเหตุน้ีเองท่ีตองทําลายวัฒนธรรมอันเกาแกท่ีนารังเกียจของพวกอาหรับ (ท่ีวาลูกสาว ของชนชั้นสูงจะตองไมแตงงานกับคนระดับลาง) ใหเร็วท่ีสุด และจะย่ิงเปนการดีกวาถาไดเร่ิมตน งานดังกลาวท่ีครอบครัวของตนเองกอนทานศาสดาจึงไดจัดการแตงงานระหวางบุตรสาวของลุง ของทา นซงึ่ เปน
หลานสาวของทานอับดุลมุฏฏอลิบกับบุตรบุญธรรมท่ีไดรับการปลดปลอยใหเปนไท เพ่ือจะให ประชาชนทว่ั ไปรบั ทราบวา เสนแบง ทางวฒั นธรรมนตี้ อ งถูกขจัดใหหมดสิ้นไป และประชาชนตอง รูวา เม่ือทานศาสดาบอกกับประชาชนวา “มาตรฐานที่ทําใหผูคนสงู สงขึ้นคือการมีความยําเกรงตอ พระเจา ลูกสาวของมุสลิมก็อยูในฐานะเดียวกับผูชายมุสลิม” คนแรกท่ีปฏิบัติตามน้ันก็คือตัวทาน ศาสดาเอง เพื่อทําลายประเพณีท่ีไมถูกตอง ทานศาสดา (ศ.) ตรงไปยังบานของซัยนับและสูขอนาง ใหกับซัยดฺดวยตัวทานเอง ในตอนแรกนางและพ่ีชายของนางดูจะไมพอใจเทาใดนัก เพราะแนวคิด ตกยคุ ของสมัยญาฮลิ ียะฮยฺ ังไมไ ดถูกถอนรากถอนโคนออกไปจากสวนลึกของหัวใจของพวกเขา จะ ปฏิเสธคําขอของทานศาสดาก็ใชที่ เขาก็เลยตองอางวาซัยดฺเคยเปนทาสมากอนและเลี่ยงท่ีจะตอบ รบั คํารอ งขอของทานศาสดา มทิ ันใด กม็ ีวะฮยฺ ลู งมาตําหนิการกระทําของซยั นับและพช่ี ายของเขาวา “ผูศรัทธาชายและผูศรัทธาหญิงไมมีสิทธิที่จะเลือก ปฏิบัติในกิจการงานใดของพวกเขา เมื่ออัลลอฮฺและศาสดาของพระองคไดตัดสินเรื่องนั้นแลวและบุคคลใดก็ตามท่ีฝาฝนอัลลอฮฺและ ศาสดาของพระองค กเ็ ทากบั ผนู ้นั ไดห ลงทางอยา งชัดแจง แลว ” (อัลอะฮซฺ าบ / 36)(๑๖) ทานศาสดา (ศ.) รีบอานโองการดังกลาวใหพวกเขาฟง ความศรทั ธาอันบริสุทธิ์ของซัยนับ และพ่ีชายของนาง อับดุลลอฮฺ ที่มีตอสถานะอันศักดิ์สิทธิ์ของทานศาสดาและเปาหมายอันสูงสง ของทาน ทําใหบุตรีของญะอฺซประกาศความพึงพอใจท่ีจะแตงงานออกมา ในที่สุดบุตรีของสตรีผู สูงศักด์ิก็ไดแตงงานกับทาสของมุฮัมมัด ลักษณะเชนนเี้ องท่ีแนวปฏิบัติอันงดงามของอิสลามไดรับ การปฏบิ ตั ิตามและถอื วาประเพณอี ันไมถ กู ตอ งไดถูกทาํ ลายลงอยางสนิ้ เชงิ ซัยดฺหยาขาดจากภรรยาของเขา ในที่สดุ การแตง งานของคนู ก้ี ็มอี ันตองเลกิ รากนั ไป บางคนกลาววา
สาเหตุของมันก็คือความรูสึกของซัยนับที่มักจะแสดงออกมาในลักษณะท่ีไมอาจยอมรับความตํ่า ตอยทางชาติพันธุและวงศตระกูลของสามีของนาง และเธอกม็ ักจะกลาวขานถึงความสูงสงของวงศ ตระกลู ของเธอเองอยบู อยๆ จงึ ทําใหชีวติ คพู บกบั ความมืดมน แตมีความเปนไปไดวา สาเหตุของการหยารางอาจมาตัวซัยดฺเองก็ไดเพราะเขาชอบเปลี่ยน ภรรยาบอย ทุกคนท่ีเขาแตงงานดวยมักจะลงเอยดวยการหยาราง (นอกจากคนสุดทายที่เขาแตงงาน ดวยกอนที่เขาจะเสียชีวิตในสงครามท่ีฮุบาละฮฺ) การหยารางอยูเสมอบงบอกถึงลักษณะอันไมพึง ประสงคข องตัวซยั ดเฺ อง ยังมีหลักฐานอีกอยางหน่ึงวา ซัยดฺมีสวนในเร่ืองการหยารางน้ี กลาวคือคําพูดอันแข็งกราว ของทานศาสดาที่พูดกับเขาตอนที่ทานทราบวาบุตรบุญธรรมของทานไดตัดสินใจท่ีจะหยาจาก ภรรยาของเขา ทา นพูดอยา งมีอารมณวา “เจา ตองดแู ลภรรยาของเจา ใหดี และจงยําเกรงตออลั ลอฮฺ” ถาความผิดทั้งหมดเปนของภรรยาของเขา นั่นก็หมายความวาการแยกทางในคร้งั นี้ของเขา ก็ไมถือวาผิดวิสัยของบุคคลท่ีมีความยําเกรงตอพระเจา อยางไรก็ตาม ซัยดฺก็ไดหยาขาดจากภรรยา ของเขา โดยไมแ พรง พรายสาเหตทุ ่ีแทจ ริงใหผใู ดรูเลย แตง งานเพ่ือทาํ ลายประเพณอี ันไมถกู ตอ งอีกประการหน่ึง กอนที่จะไดมีการตรวจสอบถึงสาเหตุหลักของการแตงงานในคร้ังนี้เราคงจะตองมีการ กลาวถึงอิทธิพลของวงศตระกูลที่เปนตัวแปรหนึ่งในสังคมมนุษย และควรจะไดมีการทําความเขา ใจความแตกตางระหวางบุตรที่แทจริงกับบุตรบุญธรรมเสียกอน กลาวคือ บุตรท่ีแทจริงน้ันคือบุตร ที่มีการสืบสันดานจากบิดาโดยตรง มีการถายทอดทางพันธุกรรมและบุคลิกลักษณะจากบิดา และมี การสืบมรดกของกันและกันตามที่ปรากฏในรายละเอียดของหลักการศาสนาในเรื่องการแตงงาน และการหยารา ง ฉะน้นั อนั เน่อื งจากการเปนบตุ รในลกั ษณะนมี้ ที ่มี าจากการสบื
สันดานโดยตรง(๑๘) บุตรบุญธรรมจึงไมใชบุตรที่แทจริงของมนุษย อีกทั้งเมื่อพิจารณาในเรื่อง กฎเกณฑของการสืบมรดก การแตงงาน และการหยารางก็จะพบวามีความแตกตางอยางเห็นเดนชัด เชน บุตรที่แทจริงตองเปนผูสืบมรดกจากบิดาหรือกลับกันภรรยาของบุตรที่แทจริงน้ันเมื่อหยาขาด จากกันแลวก็ไมมีสิทธิแตงงานกับบิดาของชายคนน้ัน กลาวโดยสรุปก็คือไมมีสวนใดที่เหมือนกัน เลยระหวา งบตุ รทแี่ ทจรงิ กบั บุตรบุญธรรม เปนท่ีรับทราบกันวา ความพยายามท่ีจะทําใหเรื่องนี้เปนเร่ืองเดียวกันนั้นเปนเรื่องตบตา อยา งหนงึ่ ดวยเหตุน้ีเอง หากการรับเอาใครคนหน่ึงมาเปนบุตรบุญธรรมเพราะความเอ็นดูและความ ผูกพันนั้นก็ถอื วาเปน เรอื่ งท่ีนา ยกยองและเหมาะสมแตหากเปนไปเพื่อการเช่ือมโยงใหเกิดกฎเกณฑ หนึ่งในสังคมท่วี าทง้ั หมดนั้นเปนบุตรทแ่ี ทจริงของตนเองละกถ็ อื วา ไมเหมาะสมอยา งย่ิง ในสังคมอาหรับ ไดกําหนดใหบุตรบุญธรรมน้ันมีฐานะเดียวกับบุตรท่ีแทจริงของตนเอง ทานศาสดาจึงไดรับพระบัญชาใหทําลายประเพณีอันไมถูกตองน้ีดวยการแตงงานกับซัยนับซึ่งเคย เปนภรรยาของบุตรบุญธรรมของตนเอง ซ่ึงการกระทํายอมมีผลดีกวาการพูดถึงแนวปฏิบัติ การ แตงงาน ครั้งนี้ไมมีจุดประสงคอ่ืนใดนอกจากแนวคิดดังกลาว มีนอยคนนักในสมัยน้ันท่ีจะกลา ทําลายประเพณีการแตงงานของอาหรับในสมัยน้ัน แตอัลละฮฺไดเชิญชวนใหทานศาสดาประกาศ อยางเปนทางการวา “เมื่อซัยดฺไดทําการหยาขาดจากนางแลว เราไดแตงงานเจากับนางเพ่ือที่จะไมเปนความ ยากลําบากสําหรับบรรดาผูศรัทธาในเร่ืองภรรยาของบุตรบุญธรรมของพวกเขา เมอ่ื พวกเขาไดหยา ขาดจากนางแลว พระบญั ชาของอลั ลอฮยฺ อ มตองไดรบั การปฏิบตั ติ าม” (อัลอะฮซฺ าบ / 37-38)(๑๘) การแตงงานครั้งน้ีไมเ พียงเปนการทําลายประเพณีดั้งเดิมท่ีไมถูกตองเทานั้น มันยังเปนการ สําแดงความเทาเทียมกันและความเสมอภาคอยางดีท่ีสุด เพราะทานศาสดาผูสูงสงของอิสลามได แตงงานกับสตรีหมายที่ไดรับการหยาขาดแลวซ่ึงสมัยน้ันถือวาเปนการแตงงานในลักษณะขัดแยง กบั ธรรมเนียมปฏบิ ตั ิ
ยางกาวอันเปนไปดวยความกลาหาญน้ีกอใหเกิดคล่ืนแหงความไมพอใจและการตอตาน จากพวกกลับกลอกและพวกปญญานิ่มท้ังหลาย พวกเขามักจะพูดถากถางวา “มุฮัมมัดแตงงานกับ ภรรยาของบุตรบุญธรรม” อลั ลอฮฺไดทรงทําลายแนวคดิ น้ี ดวยการประจานอลั กรุ อานลงมาวา “มุฮมั มัดมิใชบิดาของคนใดในหมูพวกเจา แตเขาเปนศาสดาของอัลลอฮฺ และเปนศาสนทูต คนสุดทา ย อลั ลอฮทฺ รงรอบรูใ นทุกส่ิง” (อัลอะฮฺซาบ / 40)(๑๙) อัลกุรอานไมไดหยุดเพียงเทาน้ัน แตยังไดกลาวสรรเสริญทานศาสดาซ่ึงเปนผูปฏิบัติตาม พระบัญชาของพระเจา ผูมีความกลาหาญและไมหวาดหว่ันส่ิงใด ดวยการประทานโองการที่ 38 และ 39 ในซเู ราะฮฺ อลั อะฮฺซาบ ลงมา ซงึ่ มีใจความโดยสรุปดังน้ี “ไมใชเรื่องเสียหายแตประการใดสําหรับศาสนทูตในการทําสิ่งท่ี อัลลอฮฺทรงกําหนดให เปน แบบแผนในกรณีของบคุ คลผูซ่งึ มชี วี ิตอยกู อนหนา นก้ี ิจการงานของอัลลอฮฺไดรับการกาํ หนดไว แลว (คือ) บุคคลผูซึ่งเผยแพรสาสนของอัลลอฮฺ และไมกลัวเกรงผูหน่ึงผูใดนอกจากอัลลอฮฺ และ เพยี งพอแลว ทอี่ ลั ลอฮทฺ รงเปนผตู รวจสอบ” (อัลอะฮซฺ าบ / 37-39)(๒๐) สงครามค็อนดัก ดังท่ีเราไดกลาวมาแลววา ในปท่ี ๔ แหงฮิจญเราะฮฺศักราชนั้น ทานศาสดา (ศ.) ไดขับไล พวกยิวตระกูลบนีอันนะฎ้ีรออกจากเมืองมะดีนะฮฺ อันเน่ืองจากการที่พวกเขาไดละเมิดสนธิสัญญา และยังยึดทรัพยสินของพวกเขาใหเปนสมบัติของแผนดินพวกเขาจึงไมมีทางเลือกใดนอกจากตอง อพยพ ไปอยูท่ีค็อยบ้ัร หรือไมก็เดินทางไปยังเมืองชาม การกระทําการณในครั้งนี้ของทานศาสดา เปน ไปตามสญั ญาที่ระบุไวทุกประการ จึงเปนเหตุใหพวกผูนาํ ตระกูลบนีอันนะฎ้ีรกอการกบฏข้ึนท่ี เมืองมักกะฮฺ และยังไดพยายามลางสมองใหพวกกุเรชรวมทําสงครามกับมุฮัมมัด ตอไปน้ีคือ รายละเอียดของสงครามครั้งน้ี กองกาํ ลังอาหรบั มุชริกและยวิ ถูกเรยี กระดมพล พวกเขาไดเ คล่ือนยาย
กําลังพลมาโอบลอมเมืองมะดีนะฮฺเปนเวลาเกือบหนึ่งเดือนดวยกองกําลังท่ีจัดอยางเต็มกําลัง อัน เน่ืองจากสงครามในคร้ังนี้มีกองกําลังมาจากหลายภาคสวนดวยกัน มุสลิมไดรับบัญชาใหขุดสนาม เพลาะรอบเมืองมะดีนะฮฺเพ่ือปองกันไมใหลุกล้ําเขามา สงครามครั้งน้ีจึงมีชื่อ อะฮฺซาบ (พลพรรค) และ บางทกี เ็ รียกวา คอ็ นดัก (สนามเพลาะ) ดังท่ีเราไดกลาวมาแลววา ไฟแหงสงครามคร้ังนี้ถูกจุดขึ้นโดยพวกหัวหนาของยิว ตระกูลบนีอันนะฎ้ีรและตระกูลบนีวาอิ้ลบางกลุม พวกยิวตระกูลบนีอันนะฎ้ีรไดรับการตอบโต อยา งหนักจนตองถอยรน ออกจากเมืองมะดีนะฮแฺ ละไปตัง้ รบั อยูที่ค็อยบัร พวกเขาจงึ ไดว างแผนที่จะ โคนอิสลามลงใหได ตองพูดวาพวกเขาวางแผนอยางแยบคายที่สุด โดยที่มุสลิมตองเผชิญหนากับ กลุมคนหลายกลมุ ในเวลาเดยี วกนั ซึง่ ไมเ คยเกดิ ขึน้ ในประวัตศิ าสตรข องชาวอาหรบั เลย ชนกลมุ ตางๆ นับไมถวนของพวกอาหรับตางไดรับการสนับสนุนท้ังกําลังทรัพย และอื่นๆ จากพวกยิว ทงั้ หมดไดรบั อาวธุ อยา งเตม็ ท่ี ตามแผนการครั้งนี้กําหนดไววา พวกผูนําของบนีอันนะฎี้ร เชน ซะลาม บินอะบัลฮุก็อยกฺ และฮุยยัย บินอัคฏ็อบ ตองเปนหัวหนาคณะเขาไปเมืองมักกะฮฺเพ่ือติดตอกับผูนําของกุเรช และให บอกกับพวกเขาวา “มุฮัมมัดปองรายเราและพวกทาน และบีบบังคับใหพวกยิวบนีก็อยนกออฺ และบนีอันนะฎ้ีร ตองละท้ิงบานเรือนของตนเอง พวกทาน ชาวกุเรชตองลุกข้ึนสู ตองใหความ ชวยเหลือพันธมิตร เรามีมือดาบชั้นเย่ียมท่ีเปนชาวยิว ตระกูลบนีกอรีเซาะฮฺจํานวน 700 คนรออยูท่ี ปากทางเขาเมืองมะดีนะฮฺ คอยใหความชวยเหลือพวกทานอยู ถึงแมวาพวกยิวตระกูลบนีกอรีเฎาะฮฺ จะมีสนธิสัญญารวมปองกันกับมุฮัมมัดอยูก็ตาม แตเราก็ไดบีบใหพวกเขาแกลงทําเปนไมรับรู สญั ญาดังกลา ว และพวกเขากจ็ ะอยรู วมกบั พวกทานดวย”(๒๑) การคุยโตโออวดของพวกเขามีผลทําใหพวกหวั หนาของชาวกุเรชซ่ึงเข็ดเข้ียวกับการตอกร กับมุสลิมมาแลวเกิดยอมรับในแผนการดังกลาวและประกาศความรวมมือตอกัน และได กําหนดเวลาที่จะมงุ หนาสูเมืองมะดนี ะฮฺ
พวกจุดประกายไฟสงครามไดออกเดินทางจากเมืองมักกะฮฺสูเมืองนัจญดฺดวยหัวใจลิงโลด เพ่ือที่จะติดตอกับกลุมชนฆ็อฏฟานซ่ึงเปนศัตรูตัวฉกาจของอิสลาม ชนเผาฆ็อฏฟานประกอบดวย ตระกูลบนีฟะซาเราะฮฺ บนีมุรเราะฮฺ และบนีอัชญะอฺ ตางก็เห็นดวยตามคําขอของพวกเขา แตมี เงื่อนไขวา เม่ือไดรับชัยชนะแลว ผลประโยชน 1 ปของค็อยบัรตองตกเปนของพวกเขา แตเร่ืองยัง ไมจบลงเพียงเทาน้ี พวกกุเรชยังไดทําสัญญาไวกับพันธมิตรของเขาคือบนีซะลีม และชนเผาฆ็อฏ ฟานก็ทําสัญญาไวกับพันธมิตรของตนคือบนีอะซัดไวเชนกัน พวกเขาไดเชิญชวนใหคนพวกนี้เขา รวมสงครามในครั้งน้ี และพันธมิตรของพวกเขาก็ตอบรับเรียบรอยแลว พลพรรคเหลานี้ไดกําหนด วันออกเดินทางไวเรยี บรอ ยและมงุ หนา เขา ลอ มเมืองมะดนี ะฮฺ(๒๒) หนวยขา วกรองของมุสลมิ ในตอนท่ที านศาสดาพาํ นกั อยใู นเมอื งมะดีนะฮนฺ ัน้ ทา นไดวางเจาหนา ที่หาขาวฝมือเย่ียมไว รอบเมืองมะดีนะฮฺ เพื่อใหพวกเขาคอยสอดสองดูความเคลื่อนไหวของกลุมชนที่อยูรอบเมืองมะดี นะฮฺ พวกเขาไดสงขาวใหทานศาสดารับทราบวา ขณะนี้มีกองกําลังพันธมิตรไดถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อ ตอ กรกับอิสลามโดยตรง และรูวันเวลาการออกเดินทางเขาลอมเมืองมะดีนะฮฺของพวกเขาหมดแลว ทานศาสดาจึงรีบจัดต้ังสภาท่ีปรึกษาปองกันการโจมตีขึ้นเพื่อศึกษาบทเรียนอันขมข่ืนจากสมรภูมิอุ ฮุด พวกเขาเห็นดีดวยท่ีจะใหจัดต้ังกองกําลังไวตามเนินเขาและท่ีสูงนอกเมือง แตแคนี้คงไมพอ เพราะกองกําลังของชาวอาหรับท่ีมาในครั้งน้ีมีจํานวนหลายพันคนที่ตั้งใจทําลายอิสลามใหราบเปน หนา กลอง ดังนัน้ ตอ งทาํ อะไรสกั อยา งท่ไี มใหพวกเขาไดเขาใกลเ มอื งมะดนี ะฮฺ ทานซัลมาน ฟารซี ซ่ึงชํ่าชองในกลยุทธของพวกอิหรานไดกลาวข้ึนวา ในแผนดินฟารซี นั้น ยามใดก็ตามท่ีพวกเขาตองเผชิญหนากับศัตรูท่ีนากลัว พวกเขาก็จะทําค็อนดัก (คู) ไวรอบเมือง ซึ่งจะเปนการยับย้ังกองกําลังศัตรูไมใหรุกล้ําเขามาใกลได ตามทัศนะน้ี ตองขุดคูรอบสถานที่หรือ บริเวณจดุ
ยุทธศาสตรท่ีมีความสําคัญของเมืองมะดีนะฮฺ เพ่ือเปนการหยุดย้ังกองกําลังของศัตรูไวแลวเราก็จะ สรางสนามเพลาะไวรอบคูนั้น เอาไวปองกันตนเองและยิงธนูและกอนหินใสพวกน้ัน ซึ่งก็จะเปน การยับยั้งไมใ หคนพวกนัน้ ขา มคเู ขา มาได(๒๓) ความเห็นของซัลมานไดรับความเห็นชอบอยางเปนเอกฉันท และเชื่อวานาจะมีทางชวย ปกปองและรกั ษาอสิ ลามได มปี ระเด็นที่นาสนใจก็คือทานศาสดาพรอมดวยศอฮาบฺกลุมหน่ึงไดเดิน สํารวจบริเวณจุดยุทธศาสตรดวยตนเอง พรอมกับทําเคร่ืองหมายบริเวณท่ีจะขุดคูและทําสนาม เพลาะ โดยกาํ หนดวาใหขุดคูตั้งแตอุฮุดถึงรอติจญ ใชกําลังคน 10 คนตอ 40 ลูกบาศกเมตร (ขุดหนา ดินขึ้นมาโดยประมาณ) ทานศาสดาเปนบุคคลแรกที่ใชจอบขุดหนาดินและทานอะลี (อ.) เปนผูตัก ดนิ ออก ตามหนาผากจรดใบหนาของทา นศาสดาเต็มไปดว ยเหง่ือ ทา นกลา วประโยคตอ ไปน้ีซ้ําแลว ซ้ําเลาวา “ไมมีการดํารงชีวิตใดท่ีเปนสัจจะนอกจากการดํารงชีวิตในโลกหนา โออัลลอฮฺไดโปรด อภยั โทษใหก ับชาวอันศอรและชาวมฮุ าญิรดว ยเทอญ” ทานศาสดาไดแสดงใหเห็นแงมุมหน่ึงของหลักการอิสลาม ดวยการกระทําของทานใน คราวน้ี และตั้งใจใหความกระจางแกสังคมอิสลามวา ผูนําของสังคมอิสลามตองมีสวนรวมกับคน ในสังคมไมวาจะทุกขหรือสุขและตองแบกรับภาระความรับผิดชอบไปโดยตลอด จากงานคร้ังน้ี สรางความรูส กึ แปลกใจในหมูมุสลิม ทําใหพวกเขาตองเร่ิมตนงานของตนเองโดยไมรีรอแมกระท่ัง พวกยิวตระกูลบนีกอรีเฎาะฮฺซ่ึงเปนพันธมิตรกับมุสลิมก็ยังมีสวนรวมโดยใหเคร่ืองไมเคร่ืองมือมา ชวย(๒๔) มุสลิมในเวลาน้ันเม่ือพิจารณาตามปจจัยทางวัตถุแลวถือวาอยูในสภาพท่ีย่ําแยมาก ทหาร หาญอิสลามไดรับความชวยเหลือจากครอบครัวผูมีอันจะกิน เม่ือใดก็ตามท่ีพวกเขาขุดไปเจอหิน กอนใหญซ่ึงยากแกการขุดแลว พวกเขาก็จะรีบวิ่งไปพบทานศาสดา แลวทานก็จะใชฆอนทุบหิน เหลานั้นแตกออกเปน เสีย่ งๆ ความยาวของคูทข่ี ดุ ไดก็ขึน้ อยกู บั จาํ นวนของคนขดุ ดงั นน้ั เม่ือพิจารณาตามจํานวนของมุสลิมที่มีอยูในเวลาน้ันก็มีประมาณ 3000 คน(๒๕)ไดรับ คําส่ังใหคน 10 คน ตองขุดใหได 40 ศอก ฉะน้ัน ความยาวของคูก็นาจะไดประมาณ 12,000 ศอก หรือประมาณ 5 กโิ กเมตรครงึ่ ความ
กวางก็จะอยูในราวที่มาศึกไมอาจกระโจนขามผานไปได และความลึกก็ตองอยูในราว 5 เมตรเปน นอ ยกวา น้ัน ประโยคอนั ตราตรงึ ของทา นศาสดาทก่ี ลา วถึงทานซัลมาน ในตอนที่มีการแบงงานกันทําน้ัน ชาวอันศอรและชาวมุฮาญิรตางก็ถกเถียงกันท่ีจะได ทานซัลมานไปเปนผูรวมงานของตนเอง แตทานศาสดาไดตัดบทดวยประโยคที่วา “ซัลมานเปนคน ของเรา อะฮลฺ ลุ บยั ต”ฺ (๒๖) ทานศาสดาใชเวลาทั้งวันทั้งคืนอยูรอบคู เพ่ือใหงานขุดสําเร็จตามเปาแตพวกกลับกลอกก็ มักจะอางเหตุตางๆ นานาหลบเล่ียงงานท่ีไดรับมอบหมายและบางครั้งก็หลบกลับไปบาน แต สําหรับชายชาติทหารผูเปยมไปดวยศรัทธาน้ันตางก็ทํางานอยางขมักเขมนเมื่อใดท่ีพวกเขามีธุระ จําเปน พวกเขาก็ตองขออนุญาตจากจอมทัพเสียกอน และเม่ือทําภารกิจเสร็จแลวก็จะรีบกลับมา ทํางานตอ ทนั ที เร่อื งราวเหลา น้ถี กู กลา วอยา งละเอียดในซเู ราะฮอฺ ันนูร อายะฮฺท่ี 62-63 กองทหารอาหรบั และยิวเขาโอบลอมเมอื งมะดีนะฮฺ กองกําลังอาหรับและยิวเคลื่อนกําลังประหนึ่งฝูงมดเขามาประชิดคูท่ีถูกขุดข้ึนเมื่อหกวัน กอน พวกเขาคอยอยูรอบเชิงเขาอุฮุดเพ่ือเผชิญหนากับทหารหาญของอิสลาม แตเมื่อถึงบริเวณกลับ ไมพบทหารอิสลามสักคน พวกเขาเดินรุดหนามาเร่ือยจนถึงปากคู เมื่อพวกเขาพบคูที่ถูกขุดขึ้น ถึงกับทําใหพวกเขาตกตะลึง และกลาววา “นี่ตองเปนกลยุทธทางทหารท่ีมุฮัมมัดเรียนรูมาจากชาว อหิ รานเปน แน เพราะไมมอี าหรบั คนใดรเู รอ่ื งน้มี ากอนเลย” สํารวจกองกําลงั ทง้ั สองฝา ย กองกําลังของอาหรับมีประมาณกวา 10000 คน ประกายดาบของพวกเขาท่ีรายลอมอยูรอบ คูนั้นอาจทําใหสายตาฝาฟางได ตามการรายงานของมักรีซีในหนังสือ อัลอิมตาอฺ กลาววา มีทหาร กเุ รช 4,000 คน ทหารมา 300 คน
และอูฐอีก 1,500 ตัว ที่ต้ังกองกําลังอยูแถวคู และชนเผาบนีซะลีมซึ่งเปนพันธมิตรกับพวกกุเรชอีก 700 คนก็ยกกําลังมาสมทบที่ มัรรุซเซาะฮฺรอน ชนเผาบนีฟะรอเซาะฮฺมีกองกําลังอยู 1,000 คน และ ชนเผาบนีอัชญะอฺและบนีมุรเราะฮฺตางก็นํากําลังมาอยางละ 400 คน และยังมีเผาเล็กเผานอย ท่ีนํา กองกําลงั มาประมาณ 3,500 คน ทงั้ หมดก็นาจะไมเกนิ 10,000 คนท่ีตัง้ กองกําลังอยตู ามบริเวณตางๆ สวนจํานวนของมุสลิมน้ันก็ไมนาจะเกิน 3,000 คน ก็ต้ังม่ันอยูแถบเชิงเขาซะละอฺ ซึ่งเปน จุดท่ีอยูสูงกวาบริเวณท่ีพวกเขาต้ังคายกันอยูซ่ึงจุดยุทธศาสตรดังกลาวครอบครองบริเวณท่ีเปนคู ท้ังหมดและสามารถมองเห็นการเคล่ือนกําลังพลของพวกอาหรับไดเปนอยางดี พวกเขาใชอาวุธทุก อยา งเทาท่หี ามาไดคอยสกัดกัน้ คนพวกนั้นบนคู กองกําลังของพวกมุชริกต้ังกองกําลังเผชิญหนาอยูท่ีฟากหนึ่งของคูเปนเวลาเกือบหน่ึง เดือนเต็ม มีคนไมกี่คนท่ีสามารถกาวขามคูมาได และเม่ือใครก็ตามท่ีคิดจะกาวขามมาก็ตองลาถอย ไปเม่ือตองเจอกับกอนหินท่ีปาเขาใส มุสลิมประสบความสําเร็จอยางงดงามในการเผชิญหนากับ กองกาํ ลงั ของพวกอาหรับซง่ึ ถกู บันทึกไวในประวัตศิ าสตร ขาดแคลนปจ จัยและปวยเปนไขห วดั สงครามอะฮฺซาบเกิดขึ้นในหนาหนาว ในปน้ันในเมืองมะดีนะฮฺ ไมมีฝนตกและขาดแคลน อาหาร อีกทั้งกองกําลังของพวกตั้งภาคีน้ันไมไดคิดท่ีจะเผชิญหนาอยางยาวนานขนาดนั้น พวกน้ัน คดิ วาเพยี งการโจมตรี ะลอกเดียวก็นา จะไดร บั ชยั ชนะขัน้ เดด็ ขาดแลว ไมต อ งรอกวาหนึง่ เดอื น หลังจากน้นั ไมกีว่ ัน พวกกอไฟสงครามคร้ังน้ี (พวกยิว) ก็รูถึงปญหาดังกลาว พวกเขาเขาใจ วา หากเนิ่นนานไปมากกวาน้ี ความมุงมั่นของทหารท่ีจะรวมรบตอไปยอมลดนอยถอยลงและกําลัง ยอมตองออนแอลงเพราะการเจ็บไขไดปวยและการขาดแคลนอาหาร พวกเขาคิดไดวานาจะขอ ความชวยเหลอื จากบนกี อ รเี ฎาะฮฺท่อี ยูในเมืองมะดนี ะฮฺ เพื่อกอ ไฟสงครามจากภายใน
และเทากับเปดทางเขา เมืองมะดนี ะฮฺโดยสะดวกใหกับพวกอาหรบั ฮุยยยั บนิ อคั ฏ็อบ เขา มาถึงหนา คา ยของพวกบนีกอรเี ฎาะฮฺ บนีกอรีเฎาะฮฺเปนชนกลุมเดียวของยิวท่ียังคงอาศัยอยูอยางสงบกับชุมชนมุสลิมในเมืองมะ ดนี ะฮฺ และพวกเขาใหเ กยี รติตอสตั ยาบนั ทพี่ วกเขาทาํ ไวก ับทา นศาสดามฮุ ัมมัด บตุ รของอัคฏ็อบเหน็ วา หนทางท่จี ะไดรับชัยชนะก็คือตองไดรับความชวยเหลือจากภายใน เมอื งมะดีนะฮฺ เขาตองไปชวนใหพวกยิวบนีกอรีเฎาะฮลฺ ะเมิดสัตยาบันและกอหวอดขึ้นในเมืองเพื่อ สรา งความกงั วลใหกับมุสลมิ อันจะทาํ ใหพวกอาหรับมีโอกาสไดรับชัยชนะ ดวยแผนที่คิดไดตามน้ี เขาจึงมุงหนาสูปอมปราการของพวกบนีกอรีเฎาะฮฺ เขาแนะนําตัวเอง แตกะอับ ซึ่งหัวหนาของชน เผาบนีกอรีเฎาะฮฺไมอนุญาตใหเปดประตูรับเขา แตเขา ก็ยังคงยืนกรานท่ีจะเขาไปขางในใหได โดย ตะโกนขน้ึ วา “ที่เจา ไมเ ปด กเ็ พราะกลวั พวกเดียวกนั เองหรือ กะอับ ?” ประโยคนี้ทําใหกะอับตองสั่ง ใหเปดประตูรับ เขารีบเขามาแลวนั่งขางพวกเดียวกัน พรอมกับพูดวา “ขานําเกียรติยศและความ ย่ิงใหญมามอบใหทาน หัวหนาของกุเรช และชนเผาอาหรับอื่นๆ พรอมกับหัวหนาชนเผาฆ็อฏฟาน ไดระดมสรรพกําลังมาอยางพรอมมูล เพื่อโคนศัตรูรวมคือมุฮัมมัดใหได โดยต้ังกองกําลังอยูบริเวณ คเู มือง และไดใหสัญญากบั ขา วา ถามุฮัมมัดและมุสลิมไมถูกสังหารอยางสิ้นซากแลวละก็ พวกเขาก็ จะไมยอมกลับไปโดยเดด็ ขาด” กะอับตอบเขาวา “ขอสาบานตอพระเจา เจา ไดมาพรอ มกับความอปั ยศและความต่าํ ตอยเปน ท่สี ดุ กองทหารอาหรับในทศั นะของขาก็เหมือนกับเมฆอุมน้ําท่ีไรเม็ดฝน เฮย! บุตรอัคฏ็อบเอย! เจา ผูชอบกอไฟสงคราม ปลอยเราไปเถอะ บุคลิกลักษณะอันประเสริฐของมุฮัมมัดทําใหเราไมอาจ ละเลยตอพันธสัญญาที่ทําไวกับเขาได เราไมเคยมีทัศนะเปนอื่นนอกจากความจริงใจ บริสุทธ์ิใจ และเตม็ ใจกับเขา แลว ไฉนเราจะหกั หลงั เขาไดเลา ” บุตรของอคั ฏ็อบเปน เหมือนคนขี่อฐู ทมี่ คี วามชํ่าชองย่ิง อฐู ตวั น้ีบรรทกุ สมั ภาระ
อันมีคา แตกําลังแสดงอาการด้ือดึงออกมา เขาไดพูดหวานลอมจนกระทั่งกะอับเตรียมท่ีจะผิด สัญญา เขาไดใหคํามั่นวา หากกองกําลังของอาหรับไมอาจเอาชนะมุฮัมมัดได ตัวเขาเองก็สามารถ หลบเขา ปอมได กะอับไดเชญิ หัวหนา ชาวยวิ มาปรึกษาตอหนาฮยุ ยยั และตัง้ ทปี่ รึกษาขึ้นมา เขาไดขอ ความเหน็ จากคนพวกนน้ั ทง้ั หมดพูดวา “เห็นตามทาน ขอใหรบี ตดั สนิ ใจ เราพรอ มเสมอ”(๒๘) ซุบัยรฺ บอฏอ ชายชราคนหนึ่ง กลาวข้ึนวา “ฉันไดเคยอานคัมภีรเตารอตที่วา ในยุคสมัย สุดทายจะมีศาสดสคนหน่ึงถือกําเนิดมาที่แผนดินมักกะฮฺและจะอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮฺ ศาสนา ของเขาจะแผซานปกคลุมไปท่ัวโลก จะไมมีกองกําลังใดที่จะทัดทานเขาได หากมุฮัมมัดเปนศาสดา คนน้นั กองกาํ ลงั ดงั กลาวกไ็ มอาจมชี ยั เหนือเขาได” บุตรของอัคฏ็อบรีบพูดตัดบทขึ้นวา “ศาสดาตองเปนบนีอิสรออีล (ลูกหลานของอิซฮาก) เทานั้น มุฮัมมัดเปนลูกหลานของอิซมาอีล เขามาดวยวิธีการทางไสยศาสตรและมีเลหเหล่ียมและ ซองสุมกําลังคน” เขาพูดใหพวกน้ันตัดสนิ ใจอยางเด็ดขาดท่ีจะฉีกสนธิสัญญาทิ้ง ทันใดน้ันเขาก็ได เรียกหาสนธิสัญญาท่ีไดทําข้ึนระหวางพวกเขากับทานศาสดา เขาฉีกสัญญาน้ันท้ิงตอหนาคนพวก นัน้ และกลา วข้ึนวา “จบแลว เตรยี มทาํ สงครามไดแลว”(๒๙) ทานศาสดารบั ทราบขา วการละเมิดสัญญาของบนีกอ รีเฎาะฮฺ ทานศาสดาไดรับทราบขาวการละเมิดสัญญาของพวก บนีกอรีเฎาะฮฺ จากหนวยขาวกรอง ของทาน ทานรูสึกกังวลใจเปนอยางย่ิง ทานรีบออกคาํ สั่ง ใหซะอัด มะอาซ และซะอัด อิบาดะฮฺ ซ่ึง เปนผูนําเผาเอาซฺและค็อซร็อจญไปสืบขาวนี้ใหชัดเจน หากขาวการหักหลังของพวกเขาเปนจริง ก็ ใหสงสัญญาณดวยรหัส อัฎลฺวะกอริฮฺ(๓๐)ใหทานศาสดารับทราบ แตถาหากพวกเขายังคงยึดมั่นตอ สัญญา ขอเท็จจริงก็จะปรากฏชัดข้ึน เขาทั้งสองไดเดินทางมาปอมปราการของพวกบนีกอรีเฎาะฮฺ พรอมกับทหารสองนาย ตอนแรกท่ีเขาเจอ กะอับน้ัน เขาไดยินแตการกนดาทานศาสดาและตัวเขา เขาจึงพดู ขนึ้
มาอยางทรนงวา “ขอสาบานตอพระเจา กองกําลังของพวกอาหรับตองจากดินแดนน้ีไป และทาน ศาสดาก็จะเขาปดลอมปอมนี้ แลวหัวของเจาก็จะหลุดออกจากบา กลุมชนของเจาก็จะพบกับวันที่ เลวรา ยท่ีสดุ ในชีวิต” จากน้ันเขาก็รีบกลับ แลวสงสัญญาณใหทานรับทราบดวยรหัสท่ีวา อัฎลฺวะกอ รฮิ ฺ ทานศาสดาตะโกนดวยเสียงอันดังวา “อัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ มุสลิมทั้งหลาย จงมารับทราบ ขาวดีแหงชัยชนะท่ีกําลังมาถึง” ประโยคท่ีสรางขวัญและกําลังใจของผูนําอิสลามน้ีก็เพ่ือทําให มสุ ลิมไมเสยี ขวัญเม่ือไดยนิ ขา วการละเมดิ สญั ญาของพวกบนกี อ รีเฎาะฮฺ(๓๑) การลว งละเมดิ ข้นั ตน ของพวกบนีกอ รเี ฎาะฮฺ แผนการแรกของพวกบนีกอรีเฎาะฮฺก็คือ ข้ันแรกตองเขายึดเมืองมะดีนะฮฺใหไดเสียกอน และตองสรางความหวาดกลัวใหกับผูหญิงและเด็กหลบอยูแตในบาน พวกเขาคอยๆ สราง สถานการณเหลา น้ใี นเมืองมะดีนะฮฺ ตัวอยางเชน ...ของพวกบนีกอรีเฎาะฮฺเขาๆ ออกเมืองอยางผิดสังเกตทานหญิงศอฟยะฮฺ บุตรีของ ทานอับดุลมุฏฏอลิบ กลาวในเรื่องนี้ไววา ฉันอยูในบานของฮัซซาน บินษาบิต และเขาก็อยูกับ ภรรยาของเขาในบานนั้น ทันใดน้ันฉันก็เห็นชาวยิวคนหน่ึงกําลังขุดดินรอบๆ ตน...อยางผิดปรกติ ฉนั จึงพดู กับฮัซซานวา “ชายคนน้ีตอ งมเี จตนาท่ีไมบริสทุ ธ์เิ ปนแน ลุกขึ้นเถอะไลเขาไปซะ” ฮัซซาน ตอบวา “บตุ รขี องอบั ดุลมุฏฏอลิบ ฉันไมก ลาฆาเขาหรอก ฉนั กลวั วาถาออกไปขา งนอกแลว ฉันอาจ ไดร บั อันตราย” ฉนั จงึ ตอ งลุกขึน้ ถอื เหล็กไปทอนหนง่ึ และสงั หารยิวคนนัน้ ดว ยเหล็กทอ นนั้น หนว ยขาวกรองของมสุ ลมิ แจง ใหท านศาสดารบั ทราบวา บนกี อรเี ฎาะฮฺตองการทหาร 2000 นายจากพวกกุเรชและฆอฏฟาน เพ่ือเขาเมืองมะดีนะฮฺจากในปอมน้ัน และเขายึดเมืองใหได ขาวน้ี มาถึงตอนท่ีมุสลิมกําลังงวนอยูกับการรักษาเขตเอาไวไมใหพวกศัตรูผานไปได ทานศาสดารีบมี บญั ชาใหซัยดฺ บินฮาริษะฮฺ และมุซ้ัลละมะฮ บนิ อัซลัม นายทหารสองนายนํากองทหาร 500 นายเขา ลาดตระเวณในระหวางเมือง พรอ มกับสงเสียง ตกั บร้ี
ใหดังไปท่ัวเมืองเพื่อสกัดกั้นการบุกเขาเมืองของพวกบนีกอรีเฎาะฮฺ และใหพวกสตรีและเด็กรูสึก อบอุนใจเมือ่ ไดยินเสียงตักบีร้ (๓๒) การเผชญิ หนาระหวา งความศรทั ธาและการปฏเิ สธศรทั ธา กอนหนาท่ีจะเกิดสงครามอะฮฺซาบนี้ พวกมุชริกและพวกยิวตางก็เคยทําสงครามตอตาน อิสลามนับคร้ังไมถวน อันเปนสงครามเฉพาะกลุม แตไมเหมือนสงครามในคร้ังนี้ ที่มีความ หลากหลายอันประกอบดวยกลุมชนท่ีอยูในคาบสมุทรอาหรับแทบจะท้ังหมด ซึ่งถูกปลุกขึ้นมาเพ่ือ ตอตานอิสลามจากเม่ือกอนที่พวกเขาไมเคยประสบความสําเร็จในการสกัดก้ันการเจริญเตบิ โตของ รัฐนาวาท่ีเร่ิมทรงตัวไดของอิสลาม มาคร้ังน้ีพวกเขาจึงไดจัดตั้งกองกําลังผสมซึ่งประกอบไปดวย ชนเผา กลมุ ตางๆ มากมาย หวังเพียงอยา งเดียวคือทําลายอิสลามใหราบพนาสูร หรือกลาวอกี นัยหน่ึง ก็คือมันเปนธนูดอกสุดทายแลวท่ีจะมีโอกาสไดยิงออกจากคันธนู ซึ่งเปาหมายของมันคือมุสลิมท้ัง มวล เพ่ือการนี้เองพวกเขาไดระดมสรรพกําลังอยางพรอมสรรพไมวาจะเปนกําลังทหารและปจจัย อื่นท่ีจําเปนสําหรับทําสงครามในครั้งนี้ หากวามุสลิมไมมีการจัดการบังคับบัญชาสําหรับการ ปกปองตนเองใหดแี ลว แนนอนเหลอื เกินพวกเขาตองประสบความปราชยั อยา งยอยยับ พวกอาหรับไดเรียกตัวนักรบผูกลาของพวกเขาอยางเชน อัมรว บินอับดะวุด มาในสงคราม ครั้งน้ีดวย เพื่อทจ่ี ะปดบญั ชาแบบผูก าํ ชยั ชนะใหไ ดอยางรวดเร็วที่สุด ดังนั้น จึงอาจเรียกสงครามครั้งนี้ไดวาเปนการเผชิญหนา ระหวางวีรชนผูกลาของพวกตัว ภาคีและมสุ ลมิ และเปน การตอ สูระหวา งความศรัทธากบั การปฏิเสธศรทั ธา สาเหตุหนึ่งที่เปนอุปสรรคตอชัยชนะของกองกําลังของอาหรับก็คือคูที่ถูกขุดขึ้นอยางต้ังใจ กองกําลังของศัตรูพยายามท้ังกลางวันและกลางคืนที่จะขามคูเหลาน้ันไปใหได แตก็ตองเผชิญกับ การปองกันอยางเหนียวแนนของทหารท่ีรักษาคูเหลาน้ันกอปรกับการสั่งการโดยตรงจากตัวทาน ศาสดาเอง
ฤดหู นาวอนั หนาวเหน็บของปน้ัน ประกอบกับเสบียงท่ีกําลังหมดลง ทําใหพวกอาหรับเกิด ความวิตกกังวล ฮุยยัย บินอัคฏ็อบ (ผูจุดไฟสงคราม) ไดพยายามขอความชวยเหลือจากพวกยิวบนี กอรีเฎาะฮฺใหสงอินทผาลัมจํานวน 20 กูบอูฐ แตก็ไดรับการสกัดและยึดไวไดจากทหารของอิสลาม แลวมนั กถ็ กู นาํ มาแจกจายใหท หารหาญของอิสลาม(๓๓) วันหนึ่งอบูซุฟยานไดสงสารฉบับหน่ึงใหทานศาสดา ซ่ึงมีใจความวา ขามาพรอมกับกอง ทหารขนาดมหึมาก็เพ่ือทําลายศาสนาของเจาใหราบเปนหนากลอง แตจะใหขาทาํ อยางไรในเมื่อเจา ไมตองการเผชิญหนากับเรา เจาไดสรางคันคูกั้นพวกเราไว ขาไมรูวา เจาไดเรียนรูยุทธศาสตรน้ีมา จากผูใด อยางไรก็ตาม ขาจะบอกวา ขาจะไมกลับไปมือเปลาโดยไมมีการหลั่งเลือดเหมือนคราว สมรภมู ิอุฮดุ เปน อนั ขาด ทานศาสดาผูท รงเกยี รติไดตอบเขาดงั นี้ จากมุฮัมมดั ศาสดาของพระเจา ถึงอบซู ฟุ ยาน บนิ ฮั้รบฺ นานมากแลวท่ีเจาคาดเดาวา เจาสามารถทํารัศมีอันโชติชวงของอิสลามได แตจงรูไว เจา ออ นแอเกนิ กวา จะทาํ ใหส าํ เร็จได เจา ตองพบกับความปราชัยในไมชาน้ี และในอนาคตอันใกลขาจะ เปน ผูบดขย้เี จว็ดตัวใหญของพวกกุเรชตอหนาเจา (๓๔) สารตอบกลับซึ่งบงบอกถึงเจตนารมณของผูเขียนนี้เปนเสมือนลูกศรท่ีปกกลางหัวใจของ พวกผูนาํ กองกาํ ลงั ของพวกต้ังภาคี จากการที่พวกกเุ รชเองกเ็ ชอ่ื ในคาํ พูดของทา นศาสดา ทําใหจิตใจ ของพวกเขาย่ิงหวาดหว่ันมากขึ้น แตก็ยังไมยอมละความพยายาม คืนหน่ึง วะลีด บินวะลีด ได ตัดสินใจที่จะขามคูใหไดโดยใช... แตก็ตองลาถอยไปดวยการปองกันของทหาร 200 นายซึ่งนํา โดยอะซีด ฮูฏ็อยรฺ ทานศาสดาไมเคยละเลยที่จะปลุกขวัญและกําลังใจของทหารหาญอิสลาม ทานมักจะกลาว คําปราศรัยอยางเผ็ดรอนและกินใจเพื่อใหพวกเขาเตรียมพรอมเพื่อการปกปองเกียรติยศอันลวง ละเมิดมิไดข องพวกเขาเอง วันหนงึ่ ทามกลางกลุมชนจาํ นวนมากทา นหนั หนาไปยงั ทหารหาญและผู บัญชา
การหนว ยตางๆ ทานกลาวสรรเสริญตอ พระเจา แลว กลาวโอวาทดังมีใจความวา “มวลมนุษยทั้งหลาย เม่ือพวกทานไดเผชิญหนากับศัตรูนั้น ขอใหพวกทานมีความอดทน และโปรดรับรูไวดวยวา สวรรคอยูภายใตเงาของคมดาบ (ที่พวกทานใชกวัดแกวงมันไปในวิถีทาง แหงสจั ธรรม เท่ยี งธรรม และอสิ รภาพ)”(๓๕) นกั รบของกองกาํ ลังอาหรับกระโดดขามคไู ปได นักรบท้ังหาของชาวอาหรับ คือ อัมรว บินอับดะวุด, อักริมะฮฺ บินอะบีญะฮฺล, ฮุบัยเราะฮฺ บินวะฮับ, เนาฟล บินอับดุลลอฮฺ และฏิรอรบินค็อฏฏอบ ไดสวมชุดทหารและยืนกลาวอยางทระนง ตอหนากองทหาร บนีกินานะฮฺวา “เตรียมสูไดแลว วันน้ีพวกเจาจะไดรูเสียทีวา นักรบตัวจริงของ ชาวอาหรบั คือใครกนั แน” จากน้ันพวกเขาก็ไดควบมากระโจนขามผานคูชวงที่แคบที่สุด นักรบท้ังหาหลบหาธนูของ ฝายปองกันไปได แตก ็ถูกลอมอยูตรงบรเิ วณทีก่ ระโดดขา มมา อันเปนการสกัดไมใหค นอ่ืนกระโดด ขามตามมาได จุดท่ีคนทั้งหากระโดดขามมาไดนี้อยูระหวางคูกับเนินเขาซะละอฺ (ศูนยบัญชาการรบของ อิสลาม) นักรบของชาวอาหรับตางหยอกลอกับมาของตนเองดวยอาการลิงโลดเปนที่สุดและทํา ทา ทางกระหายท่จี ะตอส(ู ๓๖) ทามกลางนักรบท้ังหาน้ีมีผูกลาท่ีดูวาจะเด็ดเด่ียว กลาหาญ และช่ําชอง การรบที่สุดไดควบ มามาขางหนาและประกาสการตอสูอยางเปนทางการ เขาควงดาบพรอมกับตะโกนดวยเสียงอันดัง วา “จะมีใครกลาสูม๊ัย” เสียงของเขานั้นดังกึกกองไปท่ัวสมรภูมิ สรางความหว่ันไหวใหเกิดขึ้นใน เหลาทหารของอสิ ลาม ความเงียบของทหารมุสลิมยิ่งทําใหเขาฮึกเหิมข้ึน เขาพูดข้ึนวา “พวกท่ีชอบ กลาวอางเร่ืองสวรรคหายหัวไปไหนหมด พวกเจามิใชหรือที่ชอบพูดวา ผูที่ตายจากไปในหมูพวก เจาน้ันจะอยูในสวรรค สวนพวกเราที่ถูกสังหารนั้นจะไปอยูในไฟนรก ? ไมมีใครในหมูพวกเขาสัก คนเลยหรอื ทจี่ ะสงขา ไป
นรก หรอื ไมก็ขานน่ั แหละทจี่ ะสง เขาไปสวรรค” เขาไดข ับลํานําออกมาวา “ขา รูสกึ เหนอ่ื ยลาจากการตะโกนนแี้ ลว ใครบา งหาญกลามาตอ กร”(๓๗) มีแตความเงียบกริบในกองทหารอิสลาม ทานศาสดาผูทรงเกียรติจึงกลาวขึ้นวา “ใครก็ได ลุกขึ้นไปหยุดย้ังความชั่วของชายคนนี้ไมใหแผซานมาถึงมุสลิม” แตไมมีใครเลยท่ีกลาลุกข้ึน(๓๘) นอกจากทานอะลี บินอะบีฏอลิบ (อ.) ท่ีแสดงความพรอมในการตอกรครั้งนี้ ใชแลว ทานอะลีตอง เปนผูคลายปมปญหานี้ ทานศาสดาไดมอบดาบคูใจใหกับทานอะลี ทานบรรจงสวมผาโพกศีรษะ พิเศษใหกับเขา และกลาววิงวอนใหกับเขาวา “โออัลลอฮฺ ไดโปรดปกปกรักษาอะลีใหแคลวคลาด ดวยเทอญ ในวันวารแหงบะดั้รนั้นขาพระองคไดสูญเสียอุบัยดะฮฺ บินฮาริษไป และในวันวารแหงอุ ฮุด ขาพระองค ยังตองสูญเสียราชสีหแหงพระเจา ฮัมซะฮฺ ไปอีก โออัลลอฮฺ โปรดพิทักษใหพน เง้อื มมือของศัตรูดวย” จากนนั้ ทา นกอ็ านโองการตอไปนี้ “โอพระผูอภิบาล ขออยาไดปลอยใหขาพระองคอยูอยางเดยี วดาย พระองคทรงเปนทายาท ที่ดที ่สี ดุ ” (อัลอันบิยาอ / 89)(๓๙) ทานอะลีไมปลอยใหเวลาสูญเสียไปมากกวานี้ เขารีบรุดขึ้นไปขางหนา ทันใดนั้นเองทาน ศาสดาก็กลาวประโยคประวัติศาสตรข้ึนวา “ตัวตนแหงความศรัทธาทั้งปวงไดเผชิญหนากับตัวตน แหงการปฏิเสธศรทั ธาทง้ั ปวงแลว ” ทา นอะลไี ดก ลา วลํานาํ ออกมาวา “อยา รีบรอนไปขา มาหาเจา แลว ขา จะตอบเจาอยางเตม็ กําลงั เอง”(๔๐) ทั่วเรือนรางของทานอะลีปกคลุมไปดวยอาวุธ ดวงตาของเขาสองเปนประกาย อัมรว ตองการทําความรูจักกับคูตอสูของตนเอง เขาไดเอยปากถามวา “เจาเปนใครกัน ?” ทานอะลีซ่ึงเปน ท่ีรับรูกันวาพูดไดอยางชัดถอยชัดคํากลาวตอบวา “ขาคือบุตรของอบูฏอลิบ” อัมรวพูดวา “ขาจะไม หลงั่ เลือดเจา เพราะพอ ของเจา เคยเปน สหายของขา มากอ น ขา กาํ ลังคดิ วาลกู ของอาเจา มัน่
ใจอยางไรทีส่ ง เจา มาสสู มรภมู ิของขา ขา สามารถขย้ําเจาดวยปลายหอก และโยนเจาไปในทองฟาได โดยเจาอยูใ นสภาพคร่ึงเปน ครง่ึ ตายได” อิบนุอะบิ้ลฮะดีด กลาววา อาจารยประวัติศาสตรของขาพเจา (อะบุลค็อยรฺ) มักจะพูดใน ตอนทอี่ ธิบายถงึ เรอื่ งราวในชวงนวี้ า “จรงิ ๆ แลวอัมรวกลัวที่จะตองตอกรกับทานอะลี เพราะเขาเคย รวมอยูในสมรภูมิบะดั้รและอุฮุดไดเห็นความเด็ดเด่ียวของทานอะลีดวยสายตาของตนเองมาแลว เขาจึงตอ งการใหท านอะลถี อนตวั ออกจากสมรภมู ิ” ทานอะลีกลาวตอบวา “เจาอยาเพิ่งรีบกลัวตายเชนนั้น ขารูสึกเปนสุขที่สุดในสองสภาพ ดังกลา ว (ไมวาจะตายหรอื ไดสงั หาร) ทอ่ี ยขู องขา กค็ ือสวนสวรรค แตไมวาเจาจะมีสภาพเปนเชนไร ท่ีอยูข องเจากค็ อื ขุมนรก” อมั รวหวั เราะตอบแลวกลา ววา “อะลีเจา แบง ไมเปนธรรมเลยนะ ทัง้ สวรรคแ ละนรกเปน ของ เจาทัง้ หมด” ถึงตอนนี้ ทานอะลีไดเตือนใหเขานึกถึงคํามั่นสัญญา ซึ่งวันนั้นทานอะลีไดเกาะท่ีชาย ขอบอัลกะอฺบะฮฺและใหสัญญากับอัลลอฮฺ (ซ.บ.) วา เขาจะตองย่ืนขอเสนอใหกับนักรบทุกคนทอ่ี ยู ในสมรภูมิสามขอ และเขาคนน้ันตองเลือกเอาขอใดขอหนึ่ง ทานจึงเสนอใหเขาเขารับอิสลาม เขา ตอบวา “อะลีปลอยไปเถอะ มันเปนไปไมไดแลว” ทานอะลีจึงกลาวตอวา “ถาอยางน้ันก็ วางมือซะ ปลอยมุฮัมมัดไว ออกไปจากสมรภูมิน้ี” เขากลาวตอบวา “การยอมรับขอเสนอเชนนี้จะนํามาซ่ึง ความอัปยศอดสูเปนที่สุด ในภายภาคหนา พวกนักกวีของชาวอาหรับก็คงเลนกลอนดาขา พวกเขา ตองคิดวาขาทําเชนน้ันเพราะความขลาด” ทานอะลีกลาววา “ตอนนี้คูตอสูของเจาเดินเทาอยู เจาก็ ควรลงจากหลังมามาสูกัน” เขาตอบวา “ชางเปนขอเสนอท่ีไรคาอะไรเชนนั้น ขาไมคิดวาจะมีชาว อาหรบั คนใดรอ งขอเชน นี้จากขา”(๔๑) การตอสขู องนักรบทง้ั สองเร่ิมตน ข้ึน การตอสูระหวางนักรบท้ังสองไดเร่ิมตนขึ้น ฝุนตลบไปทั่วบริเวณ ไมมีใครเห็นอะไรเลย นอกจากเสียงดาบปะกนั และเสยี งทกี่ ระทบบนโลห และเสอ้ื
เกราะ อัมรวเง้ือดาบหมายฟนศีรษะของทานอะลี ทานใชโลปองกันทําใหเกิดบาดแผลที่ศีรษะของ ทาน แตทานก็รีบฉวยโอกาสฟนไปที่ขาของศัตรู ทําใหขาขางหน่ึงขางใดของเขา (หรือท้ังสองขาง) ขาดสะบัน้ แลว อัมรวก็ลม ลงกบั พืน้ เสียงตักบี้รดังกึกกองทามกลางฝุนตลบอบอวลนั่นเปนสัญญาณบงบอกถึงชัยชนะของ ทา นอะลี สภาพนอนกลิ้งคลกุ ฝุนของอมั รวสรางความขยาดกลัวใหเกิดขึ้นในหัวใจของเหลาทหารที่ ยนื อยขู างหลังของอมั รว พวกเขารีบขยับเชือกรัดมามุงหนาสูคูทันทีและจะกลับไปชัยภูมิของตนเอง ยกเวนเนาฟลเทานั้นที่เทาของเขาตกลงไปในคู เขาพยายามที่จะข้ึนจากคูใหได แตทหารที่อยูสนาม เพลาะกข็ วา งกอนหนิ ใสเขา เขารองตะโกนดวยเสยี งอันดงั วา “การลอบสังหารชายคนน้ี ดูไมสมชาย ชาตรเี ลย ลงมาสูกันขา งลา งดกี วา ” ทานอะลกี ระโจนลงไปในคแู ลว ปลดิ ชวี ิตเขา เกิดความระส่ําระสายไปท่ัวกองทหารของพวกมุชริก อบูซุฟยานตกอยูในการหมดสติ มากกวาใครเพ่ือน เขาคาดวามุสลิมคงฉีกรางของเนาฟลเปนช้ินๆ อันเปนการลางแคนใหทานฮัม ซะฮฺ เขาไดสงคนไปไถรางอนั ไรวญิ ญาณของเนาฟลดว ยเงิน 10,000 ดีนาร ทานศาสดา (ศ.) กลาววา “ใหรา งเขาไป เงนิ ทไ่ี ดจ ากศพนั้นถือเปนทต่ี อ งหาม (ฮะรอม)” คณุ คา ของการฟน หนง่ึ ครัง้ ภายนอกอาจดูเหมือนวา ทานอะลีไดสังหารนักรบไปหนึ่งคนเทาน้ัน แตในความเปนจริง เสียงรองโหยหวนของอัมรวนั้นสรางความขยาดกลัวไปทั่วกองทหารนับหม่ืนคนท่ีหมายขจัดรัฐ นาวาแหงอิสลามท่ีเพ่ิงเร่ิมออกเดินทางใหลมลง เมื่อใดก็ตามที่มีการพูดถึงชัยชนะท่ีมีตออัมรว เม่ือ น้ันเราก็จะรถู ึงคณุ คาของการเสียสละดงั กลา วไดเ ปนอยา งดี เม่ือทานอะลีไปพบทานศาสดา ทานไดยกยองคุณคาของการฟาดฟนของทานอะลีวา “คุณคาของการเสียสละเชนนี้มีคายิ่งกวาการงานของประชาชาติของฉันท้ังหมด เพราะการพายแพ ของนกั รบทยี่ ิง่ ใหญทสี่ ดุ ของชาวอาหรับน้ันไดสรางเกียรติยศใหบังเกิดขน้ึ กับมุสลิมและสรางความ ตา่ํ ตอ ยใหพวกปฏิเสธ”(๔๒)
ชายชาตรี เส้ือเกราะของอัมรวเปนเส้ือเกราะที่มีคาย่ิง แตทานอะลีก็ไมแตะตองมัน ทานอุมัรตําหนิ ทานอะลีวา ทําไมไมถอดเส้ือเกราะออกจากรางของอัมรว พอนองสาวของอัมรวรูเรื่องนี้ นางได กลาวข้ึนวา “ขาไมรูสึกเสียใจเลยที่พ่ีชายของขาถูกสังหาร เพราะเขาถูกสังหารดวยน้ํามือของบุคคล ทีม่ ีเกียรติมิเชนนั้นแลว ขาคงตอ งหลงั่ นาํ้ ตาจนกวาจะตาย”(๔๓) ตอไปเราจะมาดกู ันวา ในทสี่ ดุ แลว กองทหารของพวกปฏิเสธจะทําอยา งไรเม่ือนักรบผูกลา ถูกสังหารแลว กองทหารอาหรับเร่ิมแยกยา ยกันกลบั เหตุผลท่ีกองกําลังอาหรับและยิวรวมกันทําสงครามกับอิสลามนั้นมิไดมีเหตุผลเดียวกัน พวกยิวกลัวการเจริญเติบโตของรัฐอิสลาม สวนการเคลื่อนไหวของพวกกุเรชน้ีก็เปนไปตามความ อาฆาตมาดรายอันเกิดจากความเปนศัตรูตออิสลามและมุสลิมมาแตกอน และการท่ีชนเผาฆ็อฏฟาน และชนเผาฟะซาเราะฮฺ อีกทั้งกลุมชนอื่นไดเขารวมในสงครามครั้งน้ีเพราะตางก็มีความปรารถนา ผลผลิตของค็อยบ้ัรซึ่งพวกยิวที่น้ันสญั ญาวาจะใหพวกเขา ดังน้ันการเคล่ือนไหวของกลุมสุดทายจึง เปนเร่อื งของวตั ถุ ซึ่งถาพวกเขาไดร บั จากมสุ ลิมกน็ าจะบรรลุวัตถุประสงคของพวกเขาแลว พวกเขา คงจะกลับไปบานเรือนของตนเองดวยความปติดีใจ เฉพาะอยางยิ่งความหนาวเหน็บในปน้ันและ เสบียงท่ีรอยหรอลงทุกวันนับแตลอมเมืองมะดีนะฮฺไวนั้นทําใหพวกเขาหมดขวัญและกําลังใจ และ ใกลจ ะสนิ้ ลมกนั แลว จากลักษณะดังกลาวน้ันเอง ทานศาสดาจึงไดมีบัญชาใหคณะบุคคลกลุมหนึ่งไปราง ขอตกลงท่ีจะทํากับหัวหนาชนเผาตางๆ ที่ไดกลาวมาขางตนและใหบอกกับพวกเขาวา มุสลิมพรอม ที่จะมอบผลผลิตที่เปนผลไมของเมืองมะดีนะฮฺจํานวนหนึ่งในสามใหกับพวกเขา โดยมีขอแมวา พวกเขาตองแยกตัวออกมาจากกองทัพพันธมิตรและกลับไปยังถิ่นฐานของตนเอง ตัวแทนของทาน ศาสดาไดรางขอ ตกลงกับหวั หนาของชนเผา เหลานนั้ แลวนาํ ไปมอบให
ทา นศาสดาลงนาม แตทานศาสดาไดน าํ เร่อื งดงั กลาวไปปรกึ ากับผูบัญชาการทั้งสองคือซะอัด มุอาซ และซะอัด อิบาดะฮฺ ท้ังสองมีความเห็นตรงกันวา “หากสัญญาน้ีเปนไปตามคําสั่งของพระเจาละก็ เขาทั้งสองก็ยินดีที่จะยอมรับมัน แตหากเปนทัศนะสวนตัวของทานศาสดาและตองการขอความ คิดเห็นจากเราละก็ เราคิดวาจะยับย้ังสัญญานี้และไมอาจใหความเห็นชอบได เพราะเราจะไมยอม มอบ...ใหชนเผาเหลาน้ีเปนอันขาด ไมมีใครในหมูชนกลุมนั้นท่ีจะหาญกลามาบังคับเอาเมล็ดอินท ผาลัมเพียงหนึ่งเมล็ดจากเราได แลวไฉนในตอนน้ีท่ีเรารับอิสลามอยูภายใตการดูแลของพระเจา และการชี้นําของทาน และดวยกับศาสนาน้ีเองที่ทําใหพวกเรามีเกียรติและไดรับความเคารพยิ่งขึ้น ขอสาบานตอพระเจา เราจะตอบรับการรองขออันไรสาระของพวกเขาดวยคมดาบ จนกวาจะไดร ูถึง ขอกาํ หนดของพระองค”(๔๔) ทานศาสดากลาววา “สาเหตุที่ฉันคิดจะทําขอตกลงขึ้นนั้นก็เพราะฉันเห็นวาพวกทานเปน เปาของกองกําลังอาหรับ และพวกทานตองถูกจูโจมในทุกทิศทุกทาง ฉันจึงเห็นวา ตองตัดกําลัง ความรวมไมรวมมือของศัตรูดวยวิธีการเชนน้ี มาถึงตอนนี้ ความเสียสละอันยิ่งใหญของพวกทาน เปนท่ปี ระจักษแจงสําหรับฉันแลว ฉนั จะยบั ย้ังขอตกลงน้ันไวก อ น และจะบอกกับพวกทาน หรือจะ บอกวาเปนความเชื่อของฉันก็คือ อัลลอฮฺจะไมทรงปลอยใหศาสดาของพระองคตกอยูในสภาพตํ่า ตอย พระองคจะดําเนินตามสัญญาท่ีบอกถึงชัยชนะของความเปนเอกานุภาพ (เตาฮีด) ที่มีเหนือการ ตั้งภาคี (ชริ้ กฺ) ถึงตอนน้ี ซะอัด มะอาซ ไดขออนุญาตทานศาสดาลบรางขอสัญญาดังกลาวและพูด ข้ึนวา “พวกบูชาเจวด็ จะทาํ อยางไรกบั พวกเรากช็ างเถอะ แตพ วกเราไมใชประชาชาตทิ ”่ี (๔๕) ตัวแปรทท่ี าํ ใหก องกําลังของอาหรบั แตกออกเปน เส่ยี ง (1) ตัวแปรแหงชัยชนะแรกก็คือ การพูดคุยระหวางตัวแทนของทานศาสดากับหัวหนาของ ชนเผาฆ็อฏฟานและฟะซาเราะฮฺ เพราะรางขอตกลงน้ีถึงแมจะยังไมไดลงนามแตก็ยังไมมีการ ประกาศยกเลกิ ชนเผา ท้งั สองตา งกย็ งั
ลังเลกับวิธีการที่พวกเขาเห็นชอบไปแลว พวกเขาตางรอการลงนาม เม่ือใดก็ตามที่มีเสียงเรียกรอง ใหพวกเขาเขาจูโจม พวกเขาก็ยังมีความหวังกับรางขอตกลงดังกลาวอยู จึงตองปฏิเสธการรองขอ ดังกลา วนน้ั (2) การที่อัมรวนักรบผูเกงกลาสามารถของกองทหารอาหรับถูกสังหารลง ซ่ึงคนสวนใหญ มีความหวังที่เขาคงนําชัยชนะมาใหไดนั้นสรางความหวาดหว่ันใหเกิดขึ้นไปทั่ว เฉพาะอยางนักรบ คนอนื่ ตา งก็ทยอยหลบหนอี อกจากสมรภมู ิหลังการตายของเขา (3) นุอัยมฺ บินมัซอูด มุสลิมใหม ก็มีสวนในการทําลายความพันธมิตรอันเหนียวแนนของ พวกเขา เขาคือบุคคลท่ีไดดําเนินการสลายกําลังของกองทหารผูต้ังภาคีไดอยางเห็นผลงานที่สุด ผลงานของเขาเปนผลงานท่ีไมไดย่ิงหยอนไปกวาการจารกรรมในยุคสมัยของเราเลย แตเหนือชั้น กวา และมีคาความสําคัญยิง่ กวาเสยี อีก เขามาพบทานศาสดาแลวกลาวกับทา นวา “ขาพเจาเปนมุสลิมใหมคนหน่ึง มีความสนิทชิด ชอบกันดีกับชนเผาทั้งหลาย พวกเขาไมรูวาขาพเจารับอิสลาม ถาหากทานมีบัญชาประการใด ขา พเจา ก็พรอ มจะนอ มรับ” ทานศาสดาตอบเขาวา “ทําอยางไรก็ไดท่ีจะใหคนกลุมน้ีแตกออกเปนสวนๆ หมายความวา ทานจะดําเนินการอยางใดก็ได เพอื่ รักษาไวซงึ่ ผลประโยชนอนั สงู สง”(๔๖) นุมัยอฺคิดอยูช่ัวครู แลวก็มุงหนาสูชนเผาบนีกอรีเฎาะฮฺ ซ่ึงเปนหลักชัยท่ีหาของศัตรู พวก เขามักจะขูมุสลิมอยูเสมอๆ เขาเดินตรงไปที่ประตูปอมของพวกบนีกอ รีเฎาะฮฺ แลวแสดงความเปน มติ รและตสี นทิ พวกเขา ลกั ษณะทา ทางของเขาดูจะเปนคนท่ีเหน็ อกเห็นใจและปรารถนาดี ไมวาเขา จะพูดจาประการใด ก็สรางความไวเน้ือเช่ือใจจากคนพวกนั้นได จากนั้นเขาไดกลาวขึ้นวา “สถานะ ของพวกทานในกลุมพันธมิตรกุเรชและฆ็อฏฟานน้ันมีความแตกตางอยางเห็นเดนชัด เพราะมะดี นะฮฺเปนศูนยกลางการดํารงชีวิตของพวกทานและลูกเมีย ทรัพยสินเงินทองของพวกทานก็อยูที่นี่ สําหรับพวกทานแลวเปนไปไมไดเลยที่จะโยกยายไปอยูท่ีอื่น แตพวกพันธมิตรที่มาทําสงครามกับ มฮุ ัมมัดน้ัน ศนู ยก ลางการทํามาหากินของพวกเขาอยูนอก
เมืองมะดีนะฮแฺ ละไกลออกไป หากพวกเขามีโอกาสไดรับชัยชนะในสงครามก็ถือวาไดบรรลุเปาหมายตามท่ีวางไว แตถา พบกบั ความปราชัย เขาก็อาจหลบหนีออกไปนอกพน้ื ทีไ่ ดอยา งรวดเร็วและกลับไปยังศูนยกลางของ พวกเขาซ่ึงมุฮมั มดั ตามไปไมถ ึงได แตพวกทานตองคิดใหดี หากกลุมพันธมิตรไมป ระสบความสําเร็จในการทําสงครามคร้ังนี้ และกลับไปบานเรือนของตนเองแลว พวกทานก็จะตกอยูในกรงเล็บของมุสลิม ขาพเจาคิดวาดีที่สุด ในตอนนี้ก็คือพวกทานยังคงตองอยูกับกลุมพันธมิตรไวกอน แตเพ่ือเปนการไมใหกลุมพันธมิตร ตองปลอยใหพวกทานโดดเดี่ยวในระหวางการสูรบและกลับไปบานเรือนของตนเอง ขอใหพวก ทานจับผูอาวุโสและผูนําของพวกเขาไวในฐานะตัวประกัน เพ่ือที่ในชวงเวลาอันยุงยากพวกเขาจะ ไดไมปลอยพวกทานไวเพียงลําพังและทุกอยางก็จบลงไปแลว เพราะพวกเขาคงตองรวมสูรบกับ มฮุ มั มดั จนวนิ าทสี ดุ ทายเพอ่ื ปกปอ งผอู าวโุ สของพวกเขา” ทศั นะของนอุ ยั มฺไดร บั ความเห็นชอบอยา งเปน เอกฉันท และเขามั่นใจวาคําพูดของเขาน้ันมี อิทธิพลตอพวกผูนํา แลวเขาก็ออกมานอกปอม ตรงไปยังท่ีต้ังกองกําลังของพวกมุชริก เขาเคยเปน เพ่ือนกับพวกหัวหนาชาวกุเรชจึงสามารถติดตอขอพูดคุยไดโดยตรง เขาพูดกับพวกน้ันวา “พวกบนี กอรีเฎาะฮฺรูสึกเสียใจอยางหนักที่พวกเขาตัดละเมิดขอตกลงกับมุฮัมมัด ตอนน้ีพวกเขาตองการ ชดเชยบางสิ่งบางอยาง โดยตัดสินใจวา จะจับผูอาวุโสของพวกทานเปนตัวประกันมอบใหมุฮัมมัด เพ่ือเปนการแสดงความจริงใจของตนเอง แลวมุฮัมมัดก็จะสังหารผูอาวุโสเหลานั้นทันที ประเด็นน้ี ไดรับการปรึกษาหารือกับมุฮัมมัดเปนท่ีเรียบรอยแลว และพวกเขาใหคําม่ันสัญญาวา ตอไปน้ีพวก เขาจะรวมเปนกําลังหลักใหกับเขา และจะรวมตอสูกับพวกทานจนวินาทีสุดทาย มุฮัมมัดก็ยอมรับ ในขอตกลงครั้งน้ีแลว ดังนั้น หากพวกยิวตองการตัวผูอาวุโสบางคนเปนตัวประกันละก็ พวกทาน ตองปฏิเสธ เพราะมันตองจบลงแบบไมสวยเปนแน ขอใหพวกทานคอยดู ถาพรุงน้ีพวกทานขอรอง ใหพ วกเขาทาํ
สงครามและโหมกระหน่ําตกี องทหารของมุฮัมมัดละก็ พวกเขาตองปฏิเสธแนและเรื่องที่เราคุยกันก็ จะเปนไปตามน้ัน” จากน้ันเขาไดมุงหนาไปยังที่ตั้งของพวกฆ็อฏฟานและพูดคุยกับพวกเขาเปนการสวนตัววา “พวกทา นชาวฆ็อฏฟานมีรากเหงาเดียวกับขา ขาไมคิดวาพวกทานจะดูแคลนคําพูดของขา ขา มีเรื่อง ที่ตองคุยกับพวกทา น แตตองรองขอพวกทานวา อยาไดพูดเร่ืองน้ีใหใครฟง” ทั้งหมดยอมรับอยาง สนิทใจ จากนั้นเขาก็ไดพูดเรื่องราวท่ีไดเคยพูดกับพวกกุเรชใหคนพวกนั้นฟงและเตือนพวกเขาให ระวังการกระทําของพวกบนีกอรีเฎาะฮฺใหดี โดยกลาวเตือนวา “พวกทานจะตองไมตอบรับการรอง ขอของพวกเขานะ” เขาดําเนินงานตามที่ไดรับมอบหมายอยางดีเยี่ยม จากนั้นก็กลับไปยังที่ตั้งของมุสลิมอยาง ลับๆ ขาวปลอยท่ีวา พวกยิวจะจับเอาผูอาวุโสของกุเรชเปนตัวประกันและสงมอบใหกับมุสลิมน้ัน แพรกระจายไปอยางรวดเร็วในกองทหารของอิสลาม โดยมีจุดมุงหมายอยูที่ใหขาวน้ีไปถึงหูของ กองทหารอาหรบั ตัวแทนพวกกุเรชเดนิ ทางไปยงั ปอ มของพวกบนกี อ รเี ฎาะฮฺ ค่ําวันเสาร อบูซูฟยานไดตัดสินใจท่ีจะจัดการเร่ืองน้ีใหได เขาจึงไดสงพวกหัวหนาชาว กเุ รชและฆ็อฏฟานไปเปนตัวแทนเจรจากับพวกยิว บนีกอรีเฎาะฮฺ โดยบอกกับพวกเขาวา “ทน่ี ี่ไมใช ที่อยูของเรา สัตวของเราไดลมหายตายจากไปมากแลว ฉะนั้น พรุงน้ีพวกทานนาจะเร่ิมเขาโจมตี มุสลิมไดแลว เพ่ือจัดการเร่ืองทุกอยางใหจบลงซะที” ผูบัญชาการรบของพวกบนีกอรีเฎาะฮฺตอบ ผูแทนกองกําลังพันธมิตรวา “พรุงน้ีเปนวันเสาร ตามธรรมเนียมของพวกเราชาวยิวแลวจะไม ดําเนินการอะไรในวันน้ี เพราะอาจตองโทษจากภาคทัณฑข องพระเจา ได เอาอยา งนีด้ ีกวา เพื่อใหเรา ไดทําสงครามอยางสบายใจ ผูอาวุโสบางคนของกองกําลังพันธมิตรนาจะอยูท่ีปอมแหงนี้เพ่ือเปน หลักประกันวา พวกทานจะรวมตอสูจนวินาทีสุดทายเพื่อใหพวกเขาไดปลอดภัยและเพ่ือเปน หลกั ประกันวา พวกทา นจะไมโ ดดเด่ียวพวกเรา”
ผูแทนของพวกกุเรชกลับไปแจงขาวใหพวกพันธมิตรรับทราบ ทุกคนพูดเปนเสียงเดียวกัน วา “เปนไปตามที่นุอัยมฺเปนหวง พวกบนีกอรีเฎาะฮฺตองการใหเราหลงกล” พวกผแู ทนของพวกกุเร ชจึงตองสงตัวแทนไปพบกับพวกบนีกอรีเฎาะฮฺอีกคร้ังหนึ่ง โดยบอกพวกเขาวา ประเด็นที่จะให พวกเรามอบผูอ าวุโสของพวกเราใหเปนตัวประกันอยกู ับพวกทานนั้นคงเปนไปไมได เราจะไมยอม ใหใ ครสกั คนเดียวอยใู นอุงมอื ของพวกทาน หากพวกทา นตอ งการทจี่ ะเขารว มโจมตีในวันพรงุ นี้ เรา ก็ยนิ ดีจะใหค วามรวมมือ” คาํ กลาวของผูแทนพันธมิตรท่ีวา เราจะไมยอมใหใครสักคนเดียวอยูในอุงมือของพวกทาน ย่ิงเปนการตอกย้ําคําพูดที่นุอัยมฺไดพูดกับพวกเขา ทั้งหมดพูดเปนเสียงเดียวกันวา “นุอัยมฺพูดถูก พวกกุเรชเปนพวกเอาแตได หากพวกเขาไมชนะ พวกเขาก็จะไปตามทางของพวกเขา แลวเราก็ จะตองถกู ปลอยเกาะใหเ ผชญิ หนา กับมสุ ลิมตามลาํ พงั ”(๔๗) ตัวแปรสุดทา ย ในความเปนจริง ตัวแปรที่เรากลาวมาขางตนกอปรตัวแปรอื่นๆ ที่ทําใหพันธมิตรแตกเปน เสี่ยงๆ น้ันนาจะเรียกไดวาเปน ความชวยเหลือที่ไรตัวตน และยังมีตัวแปรอีกตัวหน่ึงคือเกิดมีลม มรสุมอยางฉับพลันในทะเลทราย เกิดภาวะอากาศหนาวจัด การเปล่ียนแปลงของสภาวะอากาศ รุนแรงถึงขนาดท่ีพัดพาเอาเตนทกระจุยกระจาย โคมไฟท่ีจุดอยูเกิดดับลง ไฟที่จุดอยูกลาง ทะเลทรายเกิดลุกลามไหมทุง ในชวงเวลาน้ันเองที่ทานศาสดาไดมีบัญชาใหฮุซัยฟะฮฺรีบขามคูไป สืบขาวของศัตรู เขากลาววา “ฉันสามารถแฝงกายเขาไปใกลอบูซุฟยาน เขากําลังปรึกษาหารือกับ พวกหัวหนาอยู เขาพูดข้ึนวา “ท่ีๆ เราอยูน้ีมิใชพ้ืนที่ของเรา สัตวของพวกเราลมหายตายจากเปน จํานวนมากแลว ลม พายุทะเลทราย และไฟลามทุงสรางความฉิบหายจนเราไมเหลืออะไรอีกแลว เรานาจะไปจากที่นี่ไดแลว” จากนั้น เขาก็รีบข้ึนอูฐโดยที่ยังไมปลดเชือก เขารีบลงแสไปท่ีอูฐของ เขาอยางลนลานโดยไมไ ดน ึกวา ยงั ไมไดปลดเชือกออก
ทองฟาในบริเวณฐานที่ม่ันของกองกําลังพันธมิตรยังไมสวางดี พวกกุเรชก็รีบตาลี ตาเหลอื กทงิ้ ฐานที่มนั่ ของตนเอง ไมเ หลือสักคนเดยี ว(๔๘) เรื่องราวของกองกําลังพันธมิตรจบลงในวันท่ี 24 เดือนซุลเกาะอฺดะฮฺ ปที่ 5 แหงฮิจญเราะฮ ศกั ราช
เหตุการณในปท ่ี 5 แหงฮจิ ญเราะฮศฺ กั ราช 28 รงั จารกรรมสดุ ทาย ในปแรกท่ีทานศาสดาอยูในเมืองมะดีนะฮฺนั้น ทานไดพยายามจัดระเบียบเมือง โดยการ สลายการถือพรรคถือพวกและความขัดแยงภายใน พวกเอาซฺและค็อซร็อจญโดยเฉพาะพวกยิวของ เผาท้ังสองตางก็ทําขอตกลงปกปองเมืองมะดีนะฮฺรวมกัน หลักฐานทางประวัติศาสตรช้ินน้ีไดผาน สายตาของทานผอู านไปบางแลว ยังมีขอตกลงรว มกันระหวางพวกยิวกับทานศาสดาอีกฉบับหน่ึง คือกลุมชาวยิวท้งั มวลตาง มขี อตกลงรว มกนั วา หากพวกเขาทาํ ใหทานศาสดาและสหายของทานไดรับความเดือดรอน หรือสง มอบอาวุธใหกับศัตรูละก็ ทานศาสดามีสิทธิที่จะส่ังประหารชีวิตพวกเขา และริบทรัพยสมบัติของ พวกเขา รวมทง้ั ยดึ เอาบรรดาผูหญิงและเดก็ เปน ทรพั ยเ ชลยได แตกลุมชนท้ังสามของพวกยิวตางก็ละเมิดขอตกลงและไมสนใจใยดีพวกบนีก็อยนฺกออได สังหารชาวมุสลิมเปนวาเลน พวกบนีอันนะฎ้ีรก็วางแผนที่จะลอบสังหารทานศาสดา ทานศาสดาผู ทรงเกียรติไดบีบบังคับใหพวกเขาละท้ิงบานเรือนของตนเองและออกไปจากเขตอิทธิพลของมุสลิม สวนพวกบนีกอรีเฎาะฮฺก็หันไปจับมือกับกองทหารอาหรับเพื่อบดขย้ีมุสลิมใหราบเปนหนากลอง ถึงตอนน้ีคงจะเห็นแลวทาน ทานศาสดาผูย่ิงใหญแหงอิสลามน้ันไดกระทําตอพวกบนีกอรีเฎาะฮฺ อยางมีมนุษยธรรมเพียงใด ?
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257