หน้ า๒๓๔ และยังมีอีกฮาดีษหนึ่งท่ีคลายคลึงกันน้ี ซ่ึงรายงานมาจากทานบัซซาซ ไดกลาววา “แทจริงทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดจับมือของทานอาลีแลวกลาววา “แทจริงนบีมูซานั้นทานได วิงวอนตอพระผูอภิบาลของทานเพ่ือท่ีจะใหมัสญิดของทานนั้นสะอาด โดยการมีสวนรวมของฮา รูน และแทจริงฉันก็ไดวิงวอนขอตอพระผูอภิบาลของฉันวา ใหมัสญิดของฉันน้ีไดสะอาดโดยการ มสี ว นรวมของเจา ” หลังจากนนั้ ทานไดออกคาํ สง่ั ใหอาบูบกั รฺทาํ การปดประตขู องเขาเสีย อาบูบักรฺ ไดแสดงความฉงนใจ หลังจากน้ันทานก็ไดกลาววา “ฉันเปนผูเชื่อฟงและฉันเปนผูปฏิบัติตาม” แลวทา นศาสดากไ็ ดออกคําสง่ั นไ้ี ปยังทา นอุมัร ถดั จากน้ันกอ็ อกคาํ สัง่ ไปยังทาน (188) ทานอาบูอิสฮาก ษะลาบียไดรายงานฮาดีษบทนี้มาจากทานอาบูซัร ฆ็อบฟารียในตอน อธิบายโองการท่ีวา (แทจริงผูปกครองของสูเจานั้นมีเพียงอัลลอฮฺและศาสนทูตของ พระองคและบรรดาผูซึ่งศรัทธา...) ในซูเราะฮฺมาอิดะฮฺ หนังสือ “ดัฟสีร อัล-กาบีร และ นกั ปราชญบ ะลาคยี ก ไ็ ดอ า งไวอกี ดงั มีปรากฎอยูจากมุสนัดอมิ ามอะหมฺ ดั อับบาสในลกั ษณะเดียวกนั และแลวทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแด บรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “ฉันมิไดสั่งปดประตูท้ังหลายของพวกทานแลวส่ังใหเปด ประตูของอาลี โดยพละการของฉัน แตทวาอัลลอฮฺตางหากที่พระองคไดเปดประตูของเขาและปด ประตทู ้งั หลายของพวกทาน”(189) ขอมูลตา ง ๆ เหลานี้คงจะเปน ทเี่ พียงพอสาํ หรับส่งิ ที่เราไดเสนอไปแลววาทานอาลีกบั นบีฮา รนู นั้นมลี กั ษณะทเี่ สมอเหมอื นกันในทกุ ๆ มาตรการและคุณลกั ษณะ (ยกเวนการเปน นบ)ี วสั ลาม (ช) อลั -มรุ อญอิ ะฮฺ 35 27 ซุล-ฮจิ ญะฮ 1329 • ขอพิสจู นห ลักฐานอื่น ๆ ท่ียังเหลืออยู
ขอใหอัลลอฮฺไดทรงประทานความโปรดปรานใหแกทานตามท่ีทานไดใหความกระจาง แจงโดยหลักฐานตาง ๆ ของทาน และโดยที่การอธิบาย การยกหลักฐานตาง ๆ เหลานั้น ทานได ดําเนินไปอยางนาประทับใจ ดังนั้นขอใหทานไดโปรดขยายความสวนท่ียังเหลืออยูจากบรรดา หลักฐานตาง ๆ ของทานอันถายทอดมาจากสายสืบท่ีสอดคลองตองกันอีกเถิด ขอใหเกียรติยศเปน ของทา น วสั ลาม (ช) อัล-มุรอญอิ ะฮฺ 36 29 ซลุ -ฮิจญะฮฺ 1329 1. ฮาดีษของทานอบิ นุ อบั บาส 2. ฮาดษี ที่รายงานโดยทา นอมิ รอน 3. ฮาดษี ท่รี ายงานโดยทา นบุรยั ดะฮฺ 4. ฮาดีษที่ระบุถึงคุณสมบตั ิ 10 ประการ 5. ฮาดษี ท่รี ายงานโดยทานอาลี 6. ฮาดีษที่รายงานโดยทานวะฮับ 7. อาดษี ท่ีรายงานโดยทานอิบนุ อาบูอาศิม 1. ขอทานไดโปรดพิจารณาเนื้อหาฮาดีษท่ีรายงานโดยทานอาบู ดาวูดอัฏ-ฏอยาลิสียที่ได กลาวถึงเร่ืองราวตาง ๆ ของทานอาลีจากหนังสือ “อัล-อิสตีอาบ” ดวยสายสืบท่ีรายงานไปถึง ทานอิบนุอับบาส ซง่ึ ทานไดกลาววา ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญ
และความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวแกทานอาลี บิน อาบิฏอลีบวา “เจา คอื ผูป กครองของผูศรทั ธาทุกคนหลงั จากฉัน”(190) (190) ทานอาบู ดาวูดและนักปราชญฝายอะฮฺลิซซุนนะฮฺคนอ่ืน ๆ ไดบันทึกฮาดีษนี้มาจาก อาบู อิวานะฮฺ อัล-วะฎอห บิน อับดุลลอฮฺ ยัชการีย ผูซึ่งไดรับรายงานมาจากอาบูบาลัจญ ยะห ยา บิน สาลีม อัล-ฟะซารีย ซ่ึงเปนผูบันทึกมาจาก อุมัร บิน มัยมูน อัล-เอาดียที่ไดรับ รายงานสบื ทอด 2. ฮาดีษทํานองเดียวกันน้ี ยังเปนฮาดีษท่ีมีสายสืบศอฮี้ฮฺ ซ่ึงรายงานมาจากทานอิมรอน บิน ฮุซัยน คอื ฮาดีษทีท่ า นไดก ลา ววา ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบ รรดาลูกหลานของทาน) ไดตั้งกองทหารข้ึนกองหน่ึงแลวไดสั่งใหพวกเขาเหลานั้น อยูภายใต การบงั คับบัญชาของทานอาลี บนิ อาบีฏอลบิ ดงั นัน้ ทา นจงึ ไดจัดการเลือกมาจาก อลั คุมส ซึ่งหญิง รับใชคนหน่ึง เพื่อตัวของทานเอง เร่ืองนี้เปนเหตุใหพรรคพวกบางคนของทานแสดงความไมพึง พอใจขึ้น และบุคคลจํานวน 4 คน ในหมูพวกเขาเหลานั้น ก็ไดนําเรื่องนี้ไปรองเรียนเพ่ือฟองทาน อาลตี อทา นนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลาน ของทาน) ครั้งเมื่อพวกเขาเหลานั้นไดไปถึงยังทานศาสดาแลวบุคคลหน่ึงจากจํานวน 4 คนก็ไดลุก ข้ึนยนื แลวกลา ววา “โอท า นศาสนทตู แหง อลั ลอฮฺ ทา นไดท ราบหรือไมวา แทจริงอาลีนั้นเขาไดทํา อยา งน้ัน ๆ และทําอยางนี้ ๆ ?” ทานศาสนทูตไดเบือนหนาหนีจากเขาคนน้ัน ตอมาชายคนท่ีสองก็ ไดลุกขึ้นยืน แลวกลาวเชนเดียวกัน ทานศาสนทูตก็ยังเบือนหนาของทานหนีไปจากเขาผูน้ันอีก ชายคนท่สี ามกย็ ังลุกข้ึนยนื แลวกลา วเชนเดียวกันกบั ที่พรรคพวกของเขาไดก ลาวไปแลว ทา นศาสน ทตู ก็ยงั คงเบือนหนาหนีจากเขาคนนน้ั จนถึงคน ไปถึงทานอิบนุอับบาส นักปราชญเหลานี้หลักฐานตาง ๆ ของพวกเขาเปนที่ถูกยอมรับกัน มาโดยตลอดและโดยเฉพาะอยางย่ิงผูอาวุโสท้ังสอง (บุคอรี-มุสลิม) ก็ไดเคยรับหลักฐาน ตาง ๆ จากบุคคลเหลานั้นบันทึกไวในตําราศอฮ้ีฮฺของทานทั้งสองเลม ยกเวนคนชื่อยะหยา บิน สาลิมถึงแมวาบุคคลทั้งสองน้ีมิไดทําการบันทึกฮาดีษบทนี้ไวก็ตาม แตทวาบรรดาอิ มามผูมีคุณวุฒิและมีมาตรการท่ียุติธรรมั้งหลายตางก็ไดยืนยันถึงความสําคัญและมี หลกั ฐานท่แี ข็งแรงของฮาดีษบทน้ีและแทจริงเขาก็เปนบุคคลหนึ่งท่ีเปนผูรําลึกถึงอัลลอฮฺอ ยา งมากมาย ซึ่งทานซะฮะบียไดอธิบายถึงเขาไวในหนังสือมีซาน โดยระบุวา ทานอิบนุมุ
อีน ทานนะสาอียทานดาเราะ กุฎนีย, ทานมุฮัมมัด บิน สะอีย และอาบูฮาติม ตลอดจนถึง บคุ คลอ่นื ๆ ตา งไดใ หก ารยอมรับในความสําคญั ของเขา ท่ี 4 ก็ไดลุกข้ึนยืนกลาวเชนเดียวกันกับท่ีพรรคพวกไดกลาวไปแลวทานศาสนทูต แหง อัลลอฮฺ (อลั ลอฮฺทรงประทานความจาํ เรญิ และความสนั ติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของ ทาน) ไดห ันหนา ตรงมายงั พวกเขาเหลา นั้นดวยความโกรธ ซงึ่ สามารถมองเห็นไดชัดในสีหนา ของ ทาน พลางกลาววา “พวกทานประสงคอะไรจากอาลีหรือ ? แทจริงอาลีน้ันมาจากฉันและฉันก็มา จากเขา และเขาคอื ผูปกครองของผศู รทั ธาทุกคนหลงั จากฉนั ”(191) 3. ในทํานองเดียวกันนี้ก็ยังมีฮาดีษซึ่งรายงานโดยทานบุรัยดะฮฺซ่ึงสํานวนประโยคฮาดีษ ของทานน้นั มีปรากฏอยูหนา ๓๕๖ จากุซอทฺ ี่ 5 ของหนงั สือมสุ นดั อะหมฺ ัดซึ่งมีขอความที่ทานได กลาววา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺไดทําการสงทหารสองกลุม ไปยังเมืองยะมัน โดยท่ีกลุมหนึ่ง อยูภายใตการบังคับบัญชาของอาลี บิน อาบีฏอลิบ สวนอีกกลุมหนึ่งอยูภายใตการบังคับบัญชา ของ คอลิด บิน วะลีด ซึ่งทานดสั่งวา “อาลีนั้นคือ ผูทําหนาที่บังคับบัญชาสูงสุดของกองทหาร ท้งั สอง ดังนนั้ ทกุ ๆ คนท่เี ปน ทหาร (191) จํานวนไมนอ ยจากบรรดานกั ปราชญของฝายซุนนะฮฺไดทําการบันทึกฮาดีษบทน้ี เชนอิมิม นะสาอยี ท่ไี ดบ ันทกึ ไวในหนังสือ “เคาะศอิศ อลุ วุ ียะฮฺ” ทานอะหฺมัดบิน ฮันบัล ก็ไดบันทึกฮาดีษ บทนี้โดยอางรายงานมาจากทานอิมรอน ซ่ึงมีบันทึกอยูในตอนแรกของหนา 438 ุซอฺที่ 4 หนังสือ “มุสนัด” ทานฮากิมก็ไดบันทึกไวมีปรากฏในหนา 111 ุซอฺท่ี 3 หนังสือ “มุสตัดร็อก” ทานซะฮะบียไดบันทึกไวในหนังสือตัลคีศมุสตัดร็อกโดยระบุวาศอฮ้ีฮฺตรง ตามมาตรฐานของทานมุสลิม ทานอิบนุอาบียชัยบะฮฺ และทานอิบนุญะรีรก็ไดบันทึกไว โดยระบุวาเปนฮาดีษศอฮี้ฮฺ ทานมุตตากีย อัลฮินดียไดยืนยันวาเปนฮาดีษศอฮี้ฮฺในตอนตน ของหนา 400 ุซอฺที่ 6 หนังสือกันซุลอะมาล ทานติรมีซียก็ไดบันทึกฮาดีษบทนี้ไว เชนเดยี วกนั โดยระบถุ ึงสายสบื ของฮาดีษท่แี ข็งแรง ดวยการท่ีฮาดีษนี้ไดถูกนํามากลาวถึง โดยทานอัสก็อลลานีย ในหัวขอเร่ือง “ทานอาลี” จากหนังสืออะศอบะฮฺ ทานอัลลามะฮฺ
อัล-มุอฺตะซิละฮฺไดอางฮาดีษบทน้ีไวในหนา 450 เลม 2 หนังสือชะรออฺ นะุลบะลา เฆาะฮฺ แลวกลาววา “อาบูอับดุลลอฮฺอะหฺมัด ไดร ายงานฮาดีษบทนี้ไวในหนังสือ มุสนัด ไวหลายแหงโดยไดรายงานไวในหมวดวาดวยเกียรติยศของทานอาลี และบรรดา นักปราชญฮาดีษจาํ นวนมากก็ไดท าํ การบนั ทึกฮาดษี บทน้ี ของสองกองนี้จะตอ งอยภู ายใตการบังคับบัญชาของเขา”(192) ทานไดกลาววา “เมื่อเราไดเผชิญหนากับกลุมของบะนีสุนัยดะฮฺชาวยะมันและเราไดสูรบ กันอยางสุดกําลังและฝายมุสลิมก็ไดมีชัยชนะเหนือฝายมุสลิมก็ไดมีชัยชนะเหนือฝายศัตรู และเรา ไดริบทรัพยส นิ เชลยศึก รวมทัง้ บรรดาสตรีและเดก็ ๆ อีกเปน จาํ นวนมากจากการทําสงคราม แลว ทา นอาลกี ็ไดเ ลือกเอาสภุ าพสตรเี ชลยศึกสงครามคนหน่งึ ไวแกต ัวของทานเอง” ทานบุรัยดะฮฺไดกลาวตอไปอีกวา “ดังน้ันทานคอลิดจึงไดเขียนจนหมายใหฉันพาไปแจง จาวแกศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแด บรรดาลูกหลานของทาน) โดยไดแจงใหทานไดทราบถึงกรณีนี้ ครั้นเมื่อฉันไดนําจนหมายไปถึง ทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดพทานและแดบรรดาลูกหลานของ ทา น) แลว ฉันกไ็ ดม อบสง จนหมายฉบับนน้ั ดังนั้นจดหมายดังกลาวก็ไดถูกอานข้ึนใหทานฟง ฉัน ไดเ ห็นอาการโกรธปรากฏอยูในใบหนาของทาน แลว ฉันจงึ ได (192) ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แด บรรดาลูกหลานของทาน) ไมเ คยไดม ีบญั ชาใหค นหนึ่งคนใดมอี ํานาจหนาที่เหนือทานอาลี เลยตลอดชั่วชวี ติ ของทา นหากแตวาคําส่ังที่ปรากฏอยูเสมอนั้น คือ ตองการใหทานอาลีเปน ผูมีอํานาจบังคับบัญชาบุคคลอ่ืน ๆ ทานคือผูทําหนาท่ีถือธงของทานศาสดาในทุกสมรภูมิ ซ่ึงแตกตงกับคนอื่น ๆ แทจริงสําหรับทานอาบูบักรฺ และทานอุมั้รน้ัน เขาอยูในกองทหาร ภายใตการบังคับบัญชาของทานอุสามะฮฺ โดยการอนุมัติที่ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺมีแก เขา คือใหทานอุสามะฮฺเปนผูทําหนาที่ถือธง ซ่ึงทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺ ทรง ประทานความจําเรญิ และความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดเกณฑ ใหบคุ คลท้งั สองอยกู ับทหารของอุสามะฮฺ โดยตัวของทา นเอง ซ่งึ เปนท่ีรูกันอยางเอกฉันท ของบรรดานักประวัติศาสตร และบางคร้ังทานก็เคยไดแตงต้ังใหบุคคลทั้งสองเปนทหาร
ของทาน อุมัร บิน อาศ ในการทําสงคราม ดังท่ีทานฮากิมไดบันทึกไวในหนา 43 ของุซอฺที่ 3 หนังสือ “อัลมุสตัดร็อก” และทานซะฮะบียก็ไดอธิบายไวเปนรายละเอียด ในหนังสือ “ตัลคีศ” โดยทานไดระบุวาเรื่องน้ีมีหลักฐานศอฮี้ฮฺทางฮาดีษยืนยัน ฉะนั้น ทานอาลีจึงไมเคยมีผูใดมีอํานาจสั่งการและไมเคยมีผูใดควบคุมเหนือตัวทานเลยนอกจาก ทานนบี ยอมเปนสิ่งท่ีแสดงใหเห็นถึงการประกาศอยางเปดผยในความสําคัญของทาน โดยทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อลั ลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) กลา วขึน้ “โอท า นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ ฐานะของขาพเจา น้คี อื ผหู วงั ไดร ับความคุมคอง ทา นไดส ง ใหฉันทํางานรวมกับบุรุษหน่ึง และทานไดออกคําส่ังใหฉันเชื่อฟงปฏิบัติตามเขา ดังนั้นฉันก็ไดทํา ตามสง่ิ ท่เี ขาไดม อบหมาย โดยนาํ จดหมายของเขาสง มายังทา น” ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวขึ้นวา “พวกเจาอยาไดวากลาวตําหนิ ในเร่ืองของอาลีเลย เพราะแทจริงเขามาจากฉันและฉันเองก็มาจากเขา และเขาคือผูปกครองของพวกเจาหลังจากฉัน” “และแทจริงเขามากจากฉัน และฉนั มาจากเขา และเขาคอื ผูปกครองของพวกเจา ภายหลงั จากฉัน” (193) (193) น่ีคือฮาดีษท่ีไดบันทึกโดยทานอะหฺมัด ในหนา 356 โดยสายสืบทางดานการรายงานของ ทานอบั ดุลลอฮฺ บิน บุรัยดะฮฺ ซ่ึงเขาไดรับรายงานฮาดีษนี้มาจากบิดาของทาน และยังมีการ บันทึกไวอีกตอนหนึ่งในหนา 347 ของุซอฺที่ 5 จากหนังสือ “มุสนัด” ของทาน คือ สายสืบซ่ึงรายงานโดยทานสะอีด บิน ซุบัยร ซึ่งไดรับรายงานมาจากทานอิบนุอับบาส ผู ซ่งึ ไดร บั ฮาดีษนม้ี าจากทา น บุรัยดะฮฺไดกลาววา “ฉันไดเขารวมทําสงครามที่เมืองยะมันพรอมกับทานอาลี ฉันได ประจักษถึงพฤติกรรมท่ีรุนแรงของทาน ฉะน้ันเม่ือฉันไดกลับมาฉันก็ไดบอกเลาแก ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ โดยที่ฉันไดกลาวฟองรองทานอาลีกับทาน ฉันไดสังเกตเห็น ใบหนาของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺเปลี่ยนไป แลวไดกลาวข้ึนวา “โอบุรัยดะฮฺเอย ฉัน
มิไดเปนผูบัญชาการสูงสุดของบรรดาผูศรัทธาท้ังหลายโดยมีอํานาจเหนือตัวพวกเขาเอง ดอกหรอื ?” ฉนั ไดต อบวา “โอทานศาสนทูตแหง อลั ลอฮฺ ทานอยูในฐานะอ้ันน้ันแนนอน” ทานไดกลวอีกวา “ผูใดก็ตามที่ฉันไดเปนผูปกครองของเขาแลว ดังน้ันอาลีคนนี้ก็คือ ผปู กครองของเขาดว ย” ทานฮากมิ ไดบ ันทึกฮาดษี บทนี้ไวในหนา 110 ุซอฺที่ 3 หนังสือ “มุสตัดร็อก” และบรรดานักปราชญฮาดีษอื่น ๆ อีกจํานวนไมนอย ฮาดีษน้ีไดรับการ พิจารณาตรวจสอบกันอยางละเอียดถี่ถวนดังท่ีทาน สังเกตุเห็นไดอยางชัดเจนถึงถอยคําท่ี ทานศาสดาไดกลาววา “ฉันมิไดเปนผูบัญชาการของผูศรัทธาท่ีมีอํานาจเหนือตัวของพวก เขาเองดอกหรือ? นั้นเปนการยืนยันที่ชี้ใหเห็นถึงความหมายของคําวา “เมาลา” วา แทจริงเปนคําที่มีความหมายไดเพียงแตวา “ผูมีอํานาจ ผูปกครอง” เทาน้ันอยางไมมีขอ สงสัยใด ๆ ฮาดีษน้ีไดรับการพิจารณาอยางละเอียดโดยไดบันทึกไวจากบรรดานักปราชญ ฮาดีษจํานวนไมนอย เชนทานอิมาม อะหฺมัด ซึ่งไดบันทึกอยูในตอนทายของหนา 483 ุซอฺที่ 3 จากหนังสือ “มัสนัด” ของทานโดยเปนรายงานที่มาจากอุมัร บิน ชาส อัลอัส ลามยี ผูเปนทหารของกองรบในสงคราม สําหรับสํานวนประโยคที่บันทึกโดยทานสะสาอีย ในหนา 17 ของหนังสือ “เคราะศออิส อัลอุลุวียะฮ” นั้นมีวา “โอบัยดะฮฺเอย เจาอยาพยายามที่จะฟองฉันในเรื่องของอาลีเลย เพราะวา แทจ รงิ อาลีนั้นมาจากฉัน และฉนั เองก็มาจากเขา และเขาคือผปู กครองของพวกเจา หลังจากฉัน” ทานฏ็อบรอนีย ก็ไดบันทึกฮาดีษบทนี้ไวโดยละเอียดซึ่งตามท่ีทานไดบันทึกไวนั้นมี ใจความวา “แทจริงเม่ือบุรัยดะฮฺไดกลับมาจากเมืองยะมันและไดเขาไปในมัสญิด เขาก็ไดพบกับ บรรดาพรรคพวกตรงท่ปี ระตหู องของทา นนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุข แดท า นและแดบรรดาลูกหลานของทาน) พวกเขาเหลา น้นั ไดย ืนขึน้ กลาว ฮุดัยบียะฮฺ คนหน่ึงไดกลาววา ฉันไดออกไปทําสงครามท่ีเมืองยะมัน พรอมกับทานอาลี แลว เขาได กระทําการรุนแรงกับฉัน ในการเดินทางคร้ังนั้น จนฉันเกิดความรูสึกสดุดใจตอเขาเปน อยางยิ่ง คร้ังเมื่อฉันไดกลับมาฉันก็ไดทําการอุธรณ ฟองรองเร่ืองราวของเขาในมัสญิด จนกระทั่งเรื่องนี้ไดเปนขาวไปถึงทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความ
จําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) กําลังวิสาสะอยูกับ บรรดาสาวกของทา น ครง้ั เม่ือทานไดม องเหน็ ฉนั ทานก็ไดม องมาดว ยสายตาท่ีเต็มไปดว ย ความโกรธ จนเม่อื ฉันไดน่ังลงแลวทานไดเอยข้ึนวา “โออุมัร ฉันขอสาบานดวยพระนาม ของอัลลอฮฺวา แทจริงเจาไดทํารายตอฉันเสียแลว” ฉันไดกลาววา “ฉันขอความคุมครอง จากอัลลอฮฺใหพนจากการท่ีฉันเปนผุทํารายทานดวยเถิด โอทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ” ทา นไดกลาววา “จงรูไวเถดิ ผูใดทีก่ ลาวรา ยตอ อาลีกเ็ ทา กับเขาไดกลาวรา ยตอ ฉัน” ในเนื้อหาของฮาดีษบทน้ี ทานมุตตากีย อัล-ฮินดียไดอางเอาไวในหนา 398 ุซอฺท่ี 6 หนังสอื กัลซุลอมุ าล และทานยังไดอางฮาดษี บทนเ้ี อาไวอีกในหนังสือ “มุนตาค็อบกันซ” สลามใหแ กทาน และไตถ ามทา น (บรุ ยั ดะฮฺ) วา “ผลปรากฏขางหลังทานเปนอยางไร ?” ทานตอบ วา “ดีมาก อัลลอฮฺ ไดประทานชัยชนะใหแกฝายมุสลิม” พวกเขาเหลานั้นไดถามอีกวา “แลว ทา นไดน ําอะไรมาบา ง ?” ทานตอบวา “เชลยหญิงคนหน่ึง แตอาลเี ขาไดยดึ นางเอาไวเสยี เอง โดย ถือวาเปนสวนท่ีมาจาก “คุมส” ฉะนั้นฉันจึงมาเพ่ือบอกเรื่องนี้แกทานนบี” พวกเขาเหลาน้ันจึง กลาววา “บอกทา นเถอะ....บอกทา นเถอะ เรื่องนจ้ี ะทาํ ใหอาลตี กตาํ่ ในสายตาของทา นเปน แน” ทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลูกหลานของทาน) ไดยินถอยความของพวกเขาเหลานั้นจากทางดานหลังประตู ทานจึงไดออกมา อยา งมคี วามโกรธแลวกลา ววา “มเี หตอุ ะไรเกิดข้ึนกับประชาชนจนถึงกับพวกเขาตองตําหนิติเตียน อาลีหรือ ? ผูใดที่โกรธอาลีแลวแนนอนเทากับเขาโกรธฉัน ผูใดที่แตกแยกกับอาลีก็เทากับเขาได แตกแยกกับฉันแทจริงอาลีนั้นมาจากฉัน และฉันก็มาจากเขา เขาถูกสรางมาจากเนื้อดินสวน เดียวกับฉันและฉันไดถูกสรางมาจากเนื้อดินสวนเดียวกันกับอิบรอฮีม และฉันมีเกียรติจากเกียรติ ของอิบรอฮีม(195) สวนหนึ่งของพวกเขาเหลานั้นคือ เชื้อสายของอีกสวนหน่ึง และอัลลอฮฺเปนผู ทรงไดย ินผูทรงรอบรูเสมอ โอบุรยั ดะฮฺเอย เจายังไมร ูด อกหรือวา แทจรงิ สทิ ธิสําหรับอาลี (195) ในเม่ือทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแด ทา นและ แดบ รรดาลูกหลานของทา น) ไดประกาศวาแทจริงทานอาลีน้ันถูกสรางมาจากเน้ือดินสวน เดียวกันกับทาน ก็ยอมถือไดวาเปนหลักฐานที่สําคัญอยางย่ิงที่ช้ีใหเห็นเกียรติยศของทาน อาลี และถอยคําท่ีทานไดพูดวา “และฉันไดถูกสรางมาจากเน้ือดินสวนเดียวกันกับนบีอิบ
รอฮีมน้ันก็เปนการยืนยันใหเห็นวา ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความ จําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ก็ไดรับเกียรติพิเศษมา จากทานนบีอิบรอฮีม สํานวนประโยคท่ีคลายคลึงกันน้ียังมีอีกมากมายซึ่งทาน อะหฺมัด บิน ฮันบัล ได บันทกึ มาจากรายงานฮาดษี ของทานอบั ดลุ ลอฮฺ บนิ อมุ ัร หนา 26 ุซอฺที่ 2 จากหนังสือ “มุสนดั ” ของทาน นักปราชญผูทรงคุณวุฒิจํานวนไมนอยไดรับรายงานฮาดีษบทน้ีมาจาก ทานอมุ ัร และทานอับดลุ ลอฮฺ บตุ รของทานดว ยสายสืบทม่ี ีสํานวนแตกตา งกัน นั้นยังมีมากมาย ยิ่งกวาการไดรับผูหญิงคนหน่ึงท่ีเขาไดยึดเอาไว และแทจริงเขาคือผูปกครองของ พวกเจา ภายหลงั จากน้ัน” (196) ฮาดีษบทน้ีมีความหมายปรากฏอยูในตัวอยางสมบูรณซ่ึงไมมีอะไรที่นาเปนขอสงสัย และ สายสืบฮาดษี บทนท้ี ีม่ าจากทา นบรุ ัยดะฮฺนัน้ มมี ากมาย ดว ยสํานวนสายสืบทแี่ ตกตา งกันไป 4. ทาํ นองเดียวกันนี้ ก็ยังมีรายงานฮาดีษซ่ึงทานฮากิมไดบันทึกมาจากสายสืบท่ีรายงานมา โดยทานอิบนุ อับบาสอันเปนฮาดีษท่ีกลาวถึง “เกียรติยศที่ดีเดนเปนพิเศษ 10 ประการ” ท่ีมี เฉพาะสําหรับทานอาลี(197) ซ่ึงทานไดกลาววา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทาน ความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “เจาคือ ผูปกครองของผูศ รทั ธาทกุ คนหลังจากฉนั ” 5. ยังมีฮาดีษทํานองเดียวกันนี้ จากรายงานของบุคคลอื่นๆ อีกเปนจํานวนมากท่ีไดอางถึง คํากลาวของทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแด บรรดาลกู หลานของทาน) เชนฮาดีษที่ไดกลา ววา “โออาลีเอย ฉนั ไดวิงวอนขอตออัลลฮฺ ในเร่ืองท่ี เกี่ยวกับเจา 5 ประการ ดังน้ันพระองคไดประทานให 4 ประการและยับยั้งไวหน่ึงประการ.... จนถึงคําที่ทานไดกลาววา “ประการหน่ึงที่พระองคไดประทานใหแกฉัน ก็คือ ใหเจาเปน ผูปกครองของบรรดาผูศรัทธาภายหลังจากฉัน”(198) (196) ฮาดีษนี้มีปรากฏอยูในตอนแรก ๆ ของหนา 17 จากุซอฺท่ี ๓ “หนังสือมุสตัดร็อก” และฮา ดีษบท น้ีก็ไดมีปรากฏอยูในตําราศอฮ้ีฮฺสุนันเปนจํานวนมาก นักปราชญผูทรงคุณวุฒิท่ีมีความ พถิ พี ิถนั ของฝายซนุ นะฮฺจํานวนไมนอยทไ่ี ดบ นั ทึกรายงานของฮาดีษบทน้ี
(197) เปนรายงานฮาดีษท่ีไดบันทึกโดยทานอะหฺมัด ในหนา ๓๖๙ จากุซอฺที่ ๔ หนังสือ “มุ สนดั ” ทานฎิยาก็ไดบันทึกไวอีกเชนกัน ดังท่ีมีปรากฏอยูในหนังสือ “กันซุลอุมาล” และใน หนังสือ “มุนตาค็อบ” โปรดพจิ ารณา “มุนตาค็อบ” ไดในภาคผนวก หนา 29 ุซอฺท่ี 5 หนังสอื “มสุ นัด” (198) ทานมุตตากีย ฮินดียไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวในตอนทายของภาคผนวกตามหมายเลขหนา ดงั ทเี่ ราไดก ลาวถงึ ไปแลว 6. ทํานองเดียวกันน้ี ก็ยังมีรายงานฮาดีษซ่ึงไดถูกบันทึกโดยทานอิบนุ สะอัดจากสายสืบ ซึ่งรายงานมาจาก ทานวาฮับ บิน ฮัมซะฮฺไดกลาวไวตามที่มีปรากฏในหัวขอเรื่องที่อธิบายถึงช่ือ ของทานวาฮับ ในหนังสือ “อัล-อิศอบะฮฺ” กลาววา “ฉันไดออกเดินทางพรอมกับทานอาลีในคร้ัง หน่ึง แลวฉันไดเห็นความประพฤติท่ีรุนแรงของทาน ฉันจึงบอกกับตัวเองวา แนนอนถาหากวา ฉันไดกลับไป ฉันจะฟองเรื่องราวของเขา คร้ังเมื่อฉันไดกลับมาแลว ฉันก็ไดพูดถึงเร่ืองของอาลี แกทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ แลวฉันก็ไดรับคําตักเตือนจากทานวา “พวกเจาอยาไดกลาวเร่ือง ทํานองนี้แกอาลีอีกอยางเด็ดขาด เพราะแทจริงเขาคือ ผูปกครองของพวกเจาหลังจากฉัน” ทานฏ็บรอนยี ไ ดบ นั ทึกฮาดีษบทน้ีในหนงั สือ “อัลกาบิร” จากรายงานของทานงาฮับ โดยที่ทานได ใชสํานวนประโยควา “เจาอยาไดกลาวอยางนี้กับอาลี เพราะวาเขาคือผูปกครองของประชาชนใน หมพู วกเจา หลังจากฉัน”(199) 7. รายงานฮาดีษท่ีเลาโดยทา นอบิ นุ อาบูอาศิม ซึ่งเปนฮาดีษท่ีอางไปถึงทาน อาลีวา “ฉัน มิไดเปนผูปกครองของผูศรัทธาท้ังหลายที่มีอํานาจเหนือตัวของพวกเขาดอกหรือ ?” พวกเขา เหลานั้นกลาววา “ใชแลว ทานเปนอยางน้ันแนนอน” ทานไดกลาวอีกวา “ผูใดที่ฉันไดเปน ผูปกครองของเขาไซร ดังนั้นเขา (อาลี) ก็คือผูปกครองของตัวเขาดวย”(200) ในบรรดาฮาดีษที่มี สายสืบสอดคลอ งตรงกันมากมายเหลา น้ีมสี าย (199) เปนฮาดีษท่ีทานติรมีซียไดบันทึกเอาไวในหนังสือ ศอฮ้ีฮฺของทาน และทานมุตตากียฮินดีย ก็ไดอ าง ฮาดีษน้ีไวดวย ในหนังสือ “มุนตาค็อบ” ตามท่ีเราไกลาวไปแลวทานบัซซาซไดบันทึกฮา ดีษบทนี้จากสายสืบของทานสะอัด ตามท่ีปรากฏอยูในฮาดีษท่ี 13 ของจํานวนฮาดีษตาง
ๆ ทท่ี านอิบนุ ฮะญรั ไดเสนอเปน รายละเอียดสําหรบั เรอ่ื งนีไ้ วในเร่ืองท่ีสองของบาบที่ 9 หนังสือ “เศาวาอกิ ” โปรดพจิ ารณาดไู ดใ นหนา ท่ี 73 (200) ทานมตุ ตากียฮนิ ดยี ไดบันทึกฮาดษี บทนีม้ าจากรายงานของ อบิ นุ อาบูกาซมิ ในหนา ๓๙๗ ซุ อฺท่ี 6 หนังสอื “กนั ซ” สืบท่ีศอฮี้ฮฺมาจากบรรดาอิมาม ผูสืบเช้ือสายท่ีบริสุทธิ์อีกดวย ขอมูลตาง ๆ ตามที่เราไดทําการ เสนอรายละเอียดตาง ๆ ไปแลวนี้ คงจะเปนที่เพียงพอสําหรับการยืนยันโดยโองการวิลายะฮฺใน คมั ภีรแ หงอลั ลอฮฺ ผทู รงอานุภาพสูงสุด ตามท่ีเราไดกลาวไปแลว มวลการสรรเสริญเปนสิทธิของ พระผูอภิบาลแหง สากลโลก วสั ลาม (ช) อัล-มรุ อญิอะฮฺ 37 29 ซุล-ฮิจญะฮฺ 1329 • คําวา “วะลีย” ที่อยูในประโยคน้ันเปนคําท่ีมีความหมายรวมกันมาก ดังนั้นขอ พิสจู นทช่ี ดั แจง นัน้ อยทู ี่ไหน ? คําวา “วะลีย” เปนคําที่มีความหมายรวมอยูระหวาง ความหมายของ “ผูชวยเหลือ มิตร คนรัก ผูเก่ียวดอง ผูติดตาม พันธมิตร เพื่อนบาน ฯลฯ” และ “บุคคลใดก็ตามท่ีเขารับผิดชอบ กิจการของคนใดคนหน่ึงแลวเขาก็คือ “วะลีย” ของคนผูน้ันดวย” อาจจะเปนไปไดวาสําหรับ ความหมายของคําวา “วะลีย” ในบรรดาฮาดีษตาง ๆ ตามที่ทานไดอธิบายไปแลวนั้น คงจะ หมายถึงวา “อาลีจะเปนผูชวยเหลือ หรือเปนมิตรหรือเปนท่ีรักของพวกทานหลังจากฉัน (ทาน ศาสดา)” ก็ได ถาเปนเชนน้ันแลว หลักฐานจากขอมูลใดที่พอจะใหขอพิสูจนอยางชัดแจง ตาม ขอ เสนอทท่ี า นไดกลา วไปแลว ? วัสลาม (ซ)
อลั -มรุ อญอิ ะฮฺ 38 30 ซลุ -ฮิจญะฮฺ 1329 1. การอธิบายความหมายของคําวา “วะลยี ” 2. มีคํายนื ยนั ทอ่ี ธิบายความหมายของคําน้ี 1. ตามท่ีทานไดกลาวถึงเรื่องของความหมายในคําวา “วะลีย” น้ัน ระบุวา “บุคคลใดก็ ตามที่เขารับผิดชอบกิจการของคนใดคนหน่ึงแลวเขาก็คือ “วะลีย” ของคนผูนั้นดวย” นี่คือ ความหมายของคําวา “วะลีย” ตามท่ีมีปรากฏอยูในฮาดีษเหลานั้นและนั่นคือการยอมรับท่ีเกิดข้ึน โดยสติปญญาตอความหมายของคําวา “วะลีย” ในฮาดีษเลานั้นเราขอกลาววา “วะลีย” ของผูเยาว น้ันไดแก “บิดาของเขาและปูของเขานั้น คือ “วะลีย” ของบิดา ฉะน้ันเขาก็คือทายาทของบุคคล ทง้ั สองที่ถกู ตอ งตามกฎหมาย” ฉะน้ันความหมายของคําวา “วะลีย” ก็คือบุคคลผูซึ่งบริหารกิจการ ตาง ๆ ของเขาและดาํ เนนิ การปฏบิ ตั ติ าง ๆ ของเขานน่ั เอง 2. เชน เดยี วกัน สาํ หรบั คําอธิบายความหายของฮาดีษเหลาน้ีท่ีมีคําวา “วะลีย” อยูในฮาดีษ เปนคําที่แทบจะถือไดวาไมมีขอสงสัยกันเลยในหมูปญญาชนโดยสังเกตถอยคําของทานศาสนทูต แหง อลั ลอฮฺ (อัลลอฮทฺ รงประทานความจาํ เรญิ และความสนั ตสิ ขุ แดท านและแดบ รรดาลูกหลานของ ทาน) ที่กลาววา “และเขาคอื ผูปกครองพวกเจาภายหลงั จากฉัน” เปนความหมายที่จํากัดอยางเห็น ไดชัดวา ทา นอาลีอยูในฐานะของผูดําเนินการในดานใชอํานาจปกครองแทนทานภายหลังจากทาน นนั่ คือ ความหมายของฮาดษี บทน้ี(201) และน่ีคือส่ิงท่ีจําเปนอยางย่ิง ที่ตองใหความสําคัญกับความหมายในคําวา “วะลีย” ไป อยางที่เราไดกลาวไปแลว โดยเหตุวาคําวา “วะลีย” ในฮาดีษนี้ไมสามารถที่จะตีความรวมไปกับ ความหมายอ่ืน ๆ และเปนไปไมไดอีกดวยที่จะใหตีความไปอยางนั้น ทั้งน้ีก็เน่ืองจากวา คําวา “ผูชวยเหลือ คนรักหรือมิตรสหาย ฯลฯ” นั้น เปนสิทธิท่ีมิไดถูกจํากัดลงแกบุคคลเพียงคนเดียว เพราะบรรดาผูศรัทธาท้ังหมด ไมวาจะเปนบุรุษหรือสตรี สวนหน่ึงของพวกเขาเหลานั้นก็คือ พันธมิตรของอีกสวนหน่ึงอยูแลว ฉะนั้นถาหากวา ความหมายของคําวา “วะลีย” ในประโยคน้ีมี เพยี งเปนผูชว ยเหลือ พันธมิตร ฯลฯ นอกเหนือจากท่ีเราไดกลาวแลวก็เทากับวาทานศาสดา ไดทํา การซอนเรนความหมายท่ีแทจริงไวในฮาดีษของทานบทน้ี ซึ่งถาหากทานมีจุดประสงคท่ีจะให
ตีความคําวา “วะลีย” เปนเพียง “ผูชวยเหลือ” หรือ “มิตรรัก” หรือความหมายอื่น ๆ แลว แนนอนที่สุดทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ ก็ยอมท่ีจะระบุใหอยาวชัดเจน ดวยการอธิบายท่ีชัดแจงได เพราะวิทยปญญาของทานน้ันสูงสงยิ่ง คุณสมบัติตาง ๆ ของทานน้ันเปนบทบัญญัติ ความเปน ศาสดาของทานนั้น หมายถึงความสมบูรณทั้งหมด ทานมีความย่ิงใหญในคุณสมบัติมากมาย เกินไปจากการที่จะใหบุคคลหน่ึงบุคคลใดสงสัยได ฉะน้ันโดยขอเท็จจริงของบรรดาฮาดีษเหลาน้ี ยอมมีคําอธิบายอันชัดแจงอยูแลววา ในความหมายของคําวา “วะลีย” น้ันก็คือ หมายถึง เพียงแต ฐานะของผูมี (201) เนื่องจากความหมายในคําพูดของทานท่ีวา “และเขาคือ (วะลีย) ผูปกครองของพวกเจา ภายหลังจากฉัน” ก็คือ ไมใหบุคคลอ่ืน ๆ นอกเหนือจากเขาเปน (วะลีย) ผูปกครองของ พวกเจา ภายหลงั จากฉัน” นน่ั เอง. อํานาจ อันมีไวเฉพาะสําหรับทานอาลี ภายหลังจากทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรง ประทานความจาํ เรญิ และความสันตสิ ุขแดทา นและแดบรรดาลกู หลานของทา น) และก็นี่อีกเชนกันถือวาเปนส่ิงจําเปนอยางยิ่งที่ตองใหความสําคัญกับความหมายในคําวา “วะลีย” ไปอยางที่เราไดกลาวแลวและไมอาจท่ีจะรวมใหเขากับความหมายของคําวา ผูชวยเหลือ พันธมิตรหรืออื่น ๆ ท้ังนี้ก็เนื่องจากวา ไมเคยมีขอสงสัยกันเลยถึงคุณสมบัติของทานอาลี ที่อยูใน ฐานะของผูท่ีใหความชวยเหลือตอบรรดามุสลิมทั้งหลาย และเปนท่ีรักของมิตรสหายของพวกเขา ทั้งหลายอยูแลวนับมาตั้งแตทานยังอยูในการอุปการะเลี้ยงดูของทานศาสดา เปนผูสนับสนุนกําลัง ของทานศาสดาในการผดุงรักษาหลักการของศาสนาซ่ึงเปนเหตุผลท่ีตัดสินไดอยูแลวสําหรับเพียง การทเี่ ราจะตอ งรกั ทา น (อาลัยอิสลาม) เพราะฉะน้ันการเปนผูชวยเหลือของทานก็ดี จึงมิใชเปนสิ่ง ทตี่ องถกู จาํ กัดความลงดว ยความหมายตามฮาดีษของทา นนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและ ความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ณ ท่ีน้ีอยางชนิดที่ไมมีส่ิงซ่ึงนาสงสัยอีก แลว หลักฐานที่ยืนยันถึงความหมายท่ีแนชัดของคําวา “วะลีย” ตามท่ีเราไดกลาวไปแลวนั้น ตามท่ีมีบันทึกอยูในหนา 347 ุซอฺท่ี 5 โดยทานอิมามอะหฺมัด ในหนังสือ “มุสนัด” ของทาน ดวยสายสืบรายงานฮาดีษที่ศอฮ้ีฮฺจากทาน สะอีด บิน ุบัยร อันเปนรายงานที่ทานอิบนุ อับบาส ไดร ับฟง มาจากทานบุรัยดะฮฺวา “ฉันไดรวมเขาทําสงครามท่ีเมืองยะมันพรอมกับทานอาลี แลวฉัน
ไดเหน็ ความบกพรองทร่ี ุนแรงของทาน ครั้งเมื่อฉันไดเดินทางกลับมาหาทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ แลวฉันก็ไดพูดเรื่องของทานอาลี อันเปนการบ่ันทอดเกียรติคุณของทาน ฉันไดสงเกตเห็นสีหนา ของทาน ศาสนทูตแหงอัลลอฮฺเปล่ียนแปลงไป แลวทานไดกลาวขึ้นวา “โฮบุรัยดะฮฺเอย ฉันมิได เปนผูปกครองของบรรดาผูศรัทธา ที่มีอํานาจเหนือตัวของพวกเขาท้ังหลายดอกหรือ ?” ทานได กลาวอีกวา “ผูใดทฉ่ี ันเปน ผปู กครองของเขาแลวไซร ดังนน้ั อาลีกค็ ือ ผปู กครองของเขาดวย” ทานฮากิมก็ยังไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวในหนา 110 ุซอฺที่ 3 หนังสือมุสตัดร็อกโดยระบุ วา เปน ฮาดษี ทีม่ มี าตรฐานทางดา นสายสืบตรงตามเงือ่ นไขของทานมสุ ลมิ ทานซะฮะบียก็ไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวในหนังสือตัลคีศมุสลิมดวยอาศัยมาตรฐานที่ศอฮ้ีฮฺ ตามเงื่อนไขของทานมุสลิมดวยเชนกันทานเองก็ทราบดีอยูแลวถึงความหมายท่ีปรากฏในถอยคํา ของทานศาสดาที่วา “ฉันมิไดเปนผูปกครองของบรรดาผูศรัทธาที่มีอํานาจเหนือตัวของพวกเขา ทั้งหลายดอกหรือ” ซึ่งน่ันคือสวนหน่ึงที่มาจากหลักฐานอันถือเปนเหตุผลของสิ่งที่เราไดกลาวไป แลวในความหมายของคําวา “วะลยี ” ....และใครก็ตามทีเ่ ขาศึกษาฮาดีษตาง ๆ เหลานี้ และติดตามตรวจสอบอยา งละเอยี ดถถ่ี วนก็ ยมิ่ จะประจกั ษเ ปน ท่ีกระจางชัดอยางม่ันใจไดในความหมายตาง ๆ ดังที่เราไดกลาวไปแลวมวลการ สรรเสรญิ เปน สิทธิของอัลลอฮฺ วัสลาม (ช) อลั -มุรอญอิ ะฮฺ 39 30 ซุล-ฮจิ ญะฮฺ 1329 • คาํ ขอรองเพอ่ื ประสงคจ ะทราบถึงโองการ “อัล-วิลายะฮ”ฺ ขา พเจา ขอยืนยนั วา แทจ รงิ ทานนนั้ เปนผูทม่ี เี หตผุ ลที่เฉยี บขาดอยา งนาพิศวงวิชาการตาง ๆ ของทานนั้นชางปราดเปรื่องเสียยิ่งนักคูสนทนาท่ีมีความคิดเห็นตรงกันขามกับทานยอมประสบกับ ความลําบากใจอันเน่ืองมาจากเหตุผลของทาน ซ่ึงคูตอสูไมมีกําลังใด ๆ เหลืออยูเพ่ือการตอสูดวย เลย บัดนี้ขาพเจาขอยอมรับกับหลักฐานฮาดีษตาง ๆ ตามท่ีทานไดกลาวไปแลวอยางม่ันใจ ถาหาก
วาไมจําเปนดวยเพราะการผูกมัดใหเราตองเชื่อถือในจุดยืนของบรรดาสาวกและผูปฏิบัติตาม แนวทางเหลา นัน้ แลว ขาพเจาจะยอมจาํ นนตอการตัดสินของทานในเรื่องนั้น แตทวาเราไมยินยอม ท่ีจะใหเปนไปในหนทางที่ไขวเขวไปจากทางเดินท่ีปรากฏชัดเจนของพวกเขาเหลาน้ันตอการแปล ความหมายฮาดีษหรือความเขาใจในคําวา “วะลีย” และ “เมาลา” ในแงท่ีแตกตางไปจากความ เขาใจท่ีพวกเขาเหลาน้ันมีอยูเราจําเปนท่ีจะตองปฏิบัติตามการช้ีนําของบรรพชนผูทรงคุณธรรม ทัง้ หลายของเรา ผซู ง่ึ อัลลอฮไฺ ดทรงมคี วามโปรดปรานตอพวกเขาทัง้ มวล สําหรับในเรอ่ื งของโองการอันชดั แจง ตามท่ที า นไดย นื ยนั ไวใ นตอนทายของอัล-มุรอญิอะฮฺ ที่ 36 วา เปนโองการที่ยืนยันถึงสิ่งท่ีพวกทานไดกลาวถึงซึ่งเกี่ยวของกันกับฮาดีษทั้งหลายเหลานี้ แตเรายังไมไดพบโองการน้ันเลย ขอไดโปรดขยายความโองการนั้นเพ่ือเราจะไดพิจารณาโดย ละเอียดในโองการนน้ั ๆ ดว ยเถดิ อินชาอัลลอฮฺ วัสลาม (ซ) อลั -มุรอญอิ ะฮฺ 2 อัล-มุฮัรรอ็ ม 1330 1. โองการท่เี กยี่ วกับ “อัล-วิลายะฮฺ” (ผูมีอํานาจในการปกครอง) และสาเหตุการประทาน โองการในเรื่องของทา นอาลี 2. หลักฐานตาง ๆ เก่ยี วกบั สาเหตกุ ารประทานโองการน้ี 3. เหตผุ ลสําหรบั การอา งหลักฐานสาํ หรบั โองการน้ี 1. ขาพเจาขอนอบรับดวยความยินดี ในอันท่ีจะขยายความโองการท่ีชัดแจงโองการหนึ่ง จากหลาย ๆ โองการของอัลลอฮฺ ผทู รงสูงสดุ ใหแ กท า นตามที่ปรากฏอยูในพระคัมภีรอันทรงเกียรติ ของพระองค ซง่ึ ในโองการนั้น อลั ลอฮผฺ ูทรงสงู สุดไดต รัสไวในซูเราะฮฺ “อลั -มาอิดะฮฺ” วา “แทจริง ผูปกครองของสูเจานั้นมีเพียงอัลลอฮฺ และศาสนทูตของพระองค และบรรดาผู ซึ่งศรัทธา ซ่ึงพวกเขาดํารงนมาซและบริจาคซะกาตและพวกเขาเปนผูโคง และผูใดท่ีไดยอมรับ
ตออัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค และบรรดาผูซึ่งศรัทธาท้ังหลายใหเปนผูปกครอง(202) ดังนั้น แทจริงพรรคแหงอลั ลอฮฺน้ัน คอื เหลา บรรดาพวกเขาทง้ั หลายที่ไดรับชยั ชนะ” (5:55-56) ไมม่ีขอสงสัยแตประการใด ในเร่ืองสาเหตุของการประทานมาซึ่งโองการน้ีวา เปน โองการที่เก่ียวของในเร่ืองของทานอาลี ขณะท่ีทานไดบริจาคแหวนของทานวงหนึ่ง ในขณะท่ี ทานเปนผูโคง ในนมาซ 2. มีหลักฐานฮาดีษท่ีศอฮี้ฮฺ ซึ่งเปนสายสืบท่ีสอดคลองตองกันจากบรรดาอิมามผูสืบเช้ือ สายอันบริสุทธ์ิวา สาเหตุของการประทานโองกานี้เก่ียวกับในตอนที่ทานอาลีไดบริจาคแหวนของ ทาน ขณะทท่ี านโคง ในการทํานมาซ ทานสามารถทจี่ ะคน ควาหาหลกั ฐานโดยละเอียดในเร่ืองน้ีได จากสายสืบอื่น ๆ นอกเหนือจากพวกเขาเหลาน้ันเชนฮาดีษของทานอิบนุสลามที่มีรายงานอางถึง ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ “อลั -มาอดิ าฮฺ” จากหนังสือ “ญัมอ-บัยน- อศั -ศหิ าหสุ -สติ ตะฮ” (รวบรวม หลักฐานศอฮ้ีฮฺ (202) ขอความนี้เปนสิ่งที่ถือปฏิบัติกันอยูในซีเรีย ดูหนังสือ อัล-มุตวาลีย เก่ียวกับซีอะฮฺ เน่ืองจากเขาไดยอมรับ ในความเปนผูปกครองหรืออํานาจสูงสุดของอัลลอฮฺและศาสนทูต แหงพระองคและผูซึ่งมีความศรัทธา บรรดาผูซึ่งโองการน้ีไดถูกประทานลงมาเกี่ยวกับ พวกเขา และซีอะฮฺอีกนั่นเองที่รูถึงความหมายในตอนนี้วาเปน “วาฮิบ อัล-มุตาวีละฮฺ” ท่ี พวกเขาไดขนานนามไวอยางน้ันก็เพราะวาพวกเขามีความเช่ือถือตอทานอาลี และอะหฺ ลุลบัยตฺวาเปน ผูนําทถ่ี ูกตองของพวกเขา ระหวาง 6 นักปราชญ) และทํานองเดียวกันนี้ ก็ยังมีฮาดีที่รายงานโดยทานอิบนุอับบาสและทาน อาลีอีกดวย ขอไดโปรดพิจารณาฮาดีษของทานอิบนุอับบาสไดในตํารา “ตัฟสีร” ของทาน ท่ี อธิบายถึงโองการนี้โดยหนังสือ “อัซบาบุน-นุซูล” (สาเหตุของการประทานโองการ) ในหนังสือ “อลั -มุตตาฟก ”(203) และโปรดพจิ ารณากับฮาดษี ของทานอาลใี น “มุสนดั ” ของทานอิบนุ มัรดุวียะฮฺ และอาบูชัยค และถาหากทานยังมีความประสงคที่จะคนควานอกเหนือจากนี้ก็โปรดดูในหนังสือ “กัล- ซุลอุมาล”(204) ตางก็ระบุโดยนักปราชญ “มุฟซซีรีน” วา แทจริงโองการนี้ไดถูกประทานมาในเรื่อง ของทานอาลี และกลุมนักปราชญจากบรรดานักปราชญผูทรงคุณวุฒิของฝายอะฮฺลิซซุนนะฮฺ อีก จํานวนไมน อ ยทไี่ ดอา งไวใ นเร่ืองนี้ เชน ทา นอิมาม “อัล-กูชะญีย” ซ่ึงไดอธิบายเก่ียวกับเรื่องน้ีอยู ในหนงั สือ “ชะเราะฮฺตัจญรี” อันเปนหนังสือท่ีรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ “อิมามัต” และในบาบท่ี
18 ของหนังสือ “ฆอยะตุล-มะรอม” 24 ฮาดีษ อันเปนสายสืบของกลุมนักปราชญตาง ๆ ที่ยืนยัน ถึงสาเหตขุ องประทานโองการนี้ ดังทีเ่ ราไดก ลาวไปแลว แตเร่ืองนี้เปนประเด็นท่ีสามารถเขาใจไดในชวงระยะเวลาอันส้ัน เพราะเปนเรื่องราวหรือ ปญหาทช่ี ัดเจนเปรียบเสมือนมองหาดวงอาทิตยในเวลากลางวัน ซ่ึงเราสามารถท่ีจะประจักษชัดได อยางเต็มที่กับทุกสิ่งทุกอยางที่มีปรากฏอยูในเร่ืองเหลาน้ีโดยตํารับตําราที่ศอฮี้ฮฺของบรรดา นักปราชญท งั้ หลาย ซึ่งเรอ่ื งเหลาน้ไี มมกี ารถก (203) เปน ฮาดษี ที่ 5991 จากหนงั สอื ประมวลฮาดษี “กัลซุลอุมาล” หนา 391 ุซอฺท่ี 6 และยัง ไดมีการอธิบายไวในหนังสือ “มุนตาค็อบ อัล-กันซ” อีกดวย ขอไดพิจารณาดูท่ีหนา 38 ซุ อฮที่ 5 หนังสือ “มุสนดั ” ของทานอะหมฺ ดั (204) เปนฮาดษี ที่ 6137 ของหนงั สือฮาดษี กันซ หนา 405 ซุ อฺท่ี 6 เถียงกันยืดเยือ้ ในประเดน็ ท่วี า โองการนถี้ กู ประทานมาในเร่อื งของทา นอาลหี รือไม ขอสรรเสริญตออัลลอฮฺ เร่ืองเหลาน้ีไมมีบุคคลใดท่ียังความสงสัยหรือคลางแคลง และ พรอมกันนี้เราก็มิไดหยิบยกรายละเอียดมากลาวถึงในเน้ือท่ีจดหมายของเรา จากสิ่งตาง ๆ ท่ีมี ปรากฏอยูแลวจากฮาดีษท่ีรวบรวมโดยนักปราชญท้ังหลาย จึงขอสรุปใหสั้นลงกับการอรรถาธิบาย โองการนี้ของทา นอิมาม อาบูอิสฮาก อะหฺมัด บินมุฮัมมัด บิน อิบรอฮีม อันนัยสาบูรีย อัษ-ษะอ ละบยี ( 205) ซง่ึ เราจะขอกลาวตามท่ีทานไดรวบรวมบันทึกถึงสาเหตุท่ีมาขอโองการน้ีไวในหนังสือ “ตัฟสีร อัล-กะบีร” ดวยรายงานฮาดีษที่มาจากทานอาบูซัร อัล-ฆ็อฟฟารีย ท่ีไดกลาววา “หูของ ฉนั ทีไ่ ดยินน้ันคงจะหนวกไปเสยี แลว และตาของฉันท้ังสองทไ่ี ดเ ห็นนนั้ ก็คงจะบอดไปดว ย ถาฉัน กลา วในส่ิงท่ไี มเปนความจริง คือ ฉันไดฟงทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความ จําเรญิ และความสันติสขุ แดทานและแดบ รรดาลูกหลานของทาน) ไดก ลาววา “อาลนี ้ันเปนหัวหนา ของบรรดาผูมีคุณธรรม เปนผูพิฆาตบรรดาคนทรยศผูใดท่ีชวยเหลือสนับสนุนตอเขาแลวก็จะได ถูกชวยเหลือสนับสนุนดวย ผูใดที่บ่ันทอนเขาแลวก็จะเปนผูถูกบ่ันทอนดวย สําหรับฉันเคยได นมาซรวมกบั ทา นศาสนทตู แหงอัลลอฮฺ (อลั ลอฮฺทรงประทานความจําเรญิ และความสนั ติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ในวันหนึ่ง ขณะนั้นมีคนขอทานคนหน่ึงเขาไดเขาไปขอ ในมัสญิด แลวไมมีบุคคลใดใหส่ิงของอันใดแกเขาเลย ขณะนั้นทานอาลีอยูในลักษณะโคง (รูกูอ) ทา นจึงช้นี ิว้ ท่ีทานไดใสแหวนน้ันใหบุคคลน้ันเห็น ทันใดน้ันชายผูขอก็จึงไดรับโดยถอดเอาแหวน ออกไปจากนิ้วกอ ยของทา นอาลี ขณะนัน้ ทา นนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความ
(205) ทานเสียชีวิตเม่ือป ฮ.ศ. 337 ทานอิบนุด็อลกานไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ไวในหนังสือ “วุฟยาต” วา เปนนักปราชญท่ีมีความรอบรูในการตัฟสีร เปนเลิศในสมัยของทานเปนผูรวบรวม ตัฟสีร “อัล-กะบีร” ทานอับดุลฆอฟร บิน อิสมาอีล อัล-ฟาริซีย ไดสดุดียกยองบุคคลผูนี้ไวใน หนังสือของทานวา “เขาเปนบุคคลที่อางหลักฐานฮาดีษท่ีมีมาตรฐานศอฮ้ีฮฺถูกตอง และเปนบุคคล ทถ่ี กู ยอมรบั โดยทั่วไป...” จําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) จึงไดออนวอนขอตออัลลอฮฺผู ทรงอานุภาพสูงสุด ดวยการกลาววา “โออัลลอฮฺ แทจริงนบีมูซาผูเปนพี่นองของฉันน้ันเขาไดขอ ความชวยเหลือจากพระองควา “โอพระผูอภิบาลของฉัน ขอไดโปรดใหความปลอดโปรงแกทรวง อกของฉัน และขอไดทรงประทานความสะดวกใหแกภารกิจของฉัน และขอไดทรงคล่ีคลายเงื่อน ปมที่ลิ้นของฉัน (เพ่ือฉันจะไดพูดจาคลองแคลว) ใหเขาทั้งหลายไดเขาใจคําพูดของฉัน และขอได ทรงแตงต้ังผูชวยเหลือท่ีมาจากครอบครัวของฉันใหแกฉันนั่นคือ ฮารูนพ่ีนองของฉัน และขอได ทรงทําใหภารกิจการของฉันเพื่อเราจะไดสดุดี สรรเสริญตอพระองคอยางมากมาย และเราจะได รําลึกถึงพระองคอยางมากมาย แทจริงพระองคเปนผูทรงมองเห็นเราอยูเสมอ” แลวพระองคก็ได ประทานคาํ ตอบแกเขา (มูซา) วา “แนนอนย่ิงฉันไดตอบแทนใหตามคําขอของเจาแลว โอมูซาเอย” “โออัลลอฮฺ แทจริงฉันก็เปนบาวและนบีของพระองคขอไดโปรดใหความปลอดโปรงแกทรวงอก ของฉัน และขอไดทรงประทานความสะดวกใหแกภารกิจของฉัน และขอไดทรงแตงต้ังผูชวย เหลือท่ีมาจากครอบครัวของฉันใหแกฉัน น่ันคืออาลีดวยเถิด และขอไดทรงทําใหภารกิจของฉัน ไดแข็งแกรง มน่ั คงเพราะเขาดว ยเถดิ ” ทา นอาบซู รั ไดก ลาววา “ขอสาบานดวยนามของอัลลอฮฺ วา ทานศาสนทูตของอัลลอฮฺ ยัง มิทันไดจบถอยคําอยางสมบูรณลงเทาไหรนัก ทันใดนั้นมะลาอีกะฮฺญิบรีลผูซื่อสัตยก็ไดลงมา พรอมกับแจงโองการนีใ้ หแกทา น ความวา “แทจริงผูมีอํานาจทารงการปกครองสูเจาน้ัน คือ อัลลอฮฺและศาสนทูตของ พระองคและบรรดาผูซ่ึงศรัทธา ซ่ึงพวกเขาดํารงการนมาซและจายซะกาต และพวกเขาเปนผูโคง และผูใดท่ีเขาไดยอมรับอํานาจการปกครองของอัลลอฮฺและศาสนทูตแหงพระองคและบรรดาผูซึ่ง ศรทั ธาแลว ดงั นน้ั แนน อนพรรคแหง อลั ลอฮฺนน้ั คอื เหลาบรรดาผูมีชยั ” (5 : 55 – 56)
3. หวังวาอัลลอฮฺจะไดทรงชวยเหลือตอทานเพื่อความเขาใจในสัจธรรมเปนแน ทานเองก็ ยอมประจักษอยูแลววา ความหมายของคําวา “วะลีย” ณ ที่น้ีนั้นมีเพียงความหมายแตวา “ผูมี อํานาจเหนือ” โดยเขากันกับคําพูดท่ีเราไดกลาวไปแลวท่ีวา “หมายถึงบุคคลท่ีมีอํานาจในการ บริหารธุรกิจหน่ึง ๆ” และบรรดานักภาษาท้ังหลายก็ไดอธิบายวาแทจริงผูมีอํานาจควบคุมกิจการ หนึ่งกิจการใดน้ัน ก็ไดช่ือวา เขาเปน “วะลีย” ของกิจการน้ัน ๆ ฉะน้ันความหมายในที่ตรงนี้ก็คือ วา ผูซ่ึงบริหารกิจการตาง ๆ ของพวกทานน้ัน ก็คือผูท่ีมีอํานาจตอกิจการน้ัน ๆ กับพวกทาน นั้น คือมีเพียงอัลลอฮฺ ผูทรงอานุภาพสูงสุด และศาสนทูตแหงพระองคและรวมถึงทานอาลีดวย โดย เหตุท่ีทานมีคุณสมบัติรวมอยูตามความหมายในวรรคของโองการนี้ น่ันคือมีความศรัทธา ดํารง การนมาซ และจายซะกาต ในขณะโคง และโองการนี้ก็ไดถูกประทานลงมาในขณะนั้นดวยและ แนน อนท่สี ดุ อล ลอฮไฺ ดทรงกําหนดฐานะแหง การเปน ผุมีอาํ นาจทางดานการปกครอง (อัล-วิลายะฮฺ) ไวเปนฐานะท่ีมีสําหรับพระองคเอง และแดนบีของพระองคและแดผูปกครองท่ีพระองคไดแตงตั้ง โดยอยูในความหมายอันเดียวกัน เม่ือเปนฐานะทางดานของการมีอํานาจปกครองแหงอัลลอฮฺผูทรง สูงสุด เปนฐานะที่มีความหมายสําหรับเหตุการณท่ัวไปโดยตลอดฉันใด ฉะนั้นฐานะของการมี อํานาจทางการปกครองของทานนบี และผูปกครองที่พระองคทรงแตงต้ังก็ยอมมีความหมายดุจ เดยี วกบั ตามเงื่อนไขของมนั ดว ย คําวา “วะลีย” ที่ปรากฏ ณ ท่ีน้ี จึงไมเปน ทอ่ี นุมัติสําหรับการตีความหรือใหความหมายวา “ผูชวยเหลือ มิตรรัก หรืออ่ืน ๆ” เน่ืองจากวาไมมีขอแมใด ๆ หลงเหลือยูสําหรับเงื่อนไขเหลาน้ี โดยไมมีส่ิงหน่ึงส่ิงใดซอนเรนในความหมายอีกเลย และขาพเจาหวังวา ขอพิสูจนเหลาน้ีจะเปนที่ ใหค วามกระจา งแจง เขาใจไดมวลการสรรเสริญเปนสิทธิของอัลลอฮฺ พระผูอภบิ าลแหงสากลโลก วสั ลาม (ช) อลั -มรุ อญอิ ะฮฺ ๔๑ 3 อัล-มุฮัรร็อม ๑๓๓๐
• คําวา “บรรดาผูศรัทธาน้ัน” เปนรูปนามท่ีระบุในลักษณะพหูพจน ฉะน้ันจะ ตคี วามในลักษณะพหูพจน ฉะน้นั จะตคี วามในลักษณะเอกพจนไ ดอยางไร ? ในเหตุผลตามท่ีทานไดอางไปแลวนั้น ไดมีขอสังเกตที่กลาวถึงกันวา แทจริง คําวา “บรรดาผูศรัทธา บรรดาผูซึ่งดํารงการนมาซและจายซะกาตและพวกเขาโคง” น้ัน เปนหลักการ ตายตัวทางดานภาษาที่กลา วในเร่อื งพหูพจน ฉะนัน้ จะจํากัดความหมายน้ีแกทานอิมามอาลี (อัลลอ ฮฺทรงยกยองเกียรติคุณของทาน) ไดอยางไร ในเม่ือทานเปนเพียงบุคคลเดียว ฉะนั้นขออางเหลานี้ เมอ่ื ไดเ สนอมาแกทานแลว ทานจะตอบไดฉ ันใดอีก ? วสั ลาม (ช) อลั -มรุ อญิอะฮฺ 42 4 อัล-มุฮรั รอ็ ม 1330 1. สํานวนของภาษาอาหรับที่กลาวถึงเอกพจน แตใชรูปประโยคพหูพจนน้ัน เปนที่ถือ ปฏบิ ตั กิ นั ไดเ สมอ 2. เหตผุ ลและหลักฐานเกยี่ วกบั ขอ น้ี 3. ทา นอิมาม ฏ็อบรอซยี ไ ดกลา วถึงเร่อื งน้ี 4. ทาน ซะมัคชารีย ไดกลา วถึงเรือ่ งน้ไี วเชน กัน 5. ทัศนะของขาพเจา ทจ่ี ะขอกลา วถึงเรอ่ื งนี้ 1.คําตอบสําหรับขอถามของทานคือวา แทจริงในสํานวนภาษาอาหรับน้ันบางคร้ังไดถือ ปฏิบัติกันโดยใชสํารวนประโยคในรูปพหูพจนตอบุคคลเพียงคนเดียว นี่คือส่ิงปลีกยอย สําหรับที่ จะมาเปน ประเด็นในปญหานี้
2. มีหลักฐานท่ียืนยันเก่ียวกับเรื่องทํานองดังกลาวน้ี โดยโองการของอัลลอฮฺ ผูทรงสูงสุด ซงึ่ ปรากฏอยใู นซเู ราะฮฺ อลิ อิ ิมรอนวา “บรรดาผูซ ่งึ ไดม ปี ระชาชนกลา วแกพวกเขาเหลาน้ันวา แทจริงประชาชนไดทําการรวมตัว กัน (เพ่ือปะทะ) กับพวกทานทั้งหลาย ดังนั้นพวกทานจงยําเกรงตอพวกเขาเถิด แตพระองคได เพิม่ พนู ความอีมานใหแ กพวกเขา และพวกเขาไดกลา ววา อัลลอฮฺทรงเปน ทเี่ พียงพอแกพ วกเราแลว และเปน ทยี่ ังความประเสริฐสําหรบั การใหความอารักขา” (3:173) ซ่ึงโดยแทจริงแลวบุคคลท่ีไดกลาวในโองการน้ีก็คือ นะอีม บินมัสอูด อัล-อัชญะอีย เพียงคนเดียวเทาน้ัน โดยมติทางดานวิชาการท้ังมวลตางไดระบุวา อัลลอฮฺ มหาบริสุทธ์ิยิ่งแด พระองคไ ดท รงมีอายะฮฺที่กลาวถึงบุคคลเพียงคนเดียวดวยสํานวนภาษาวา “บรรดามนุษย” ซึ่งคําน้ี ไดมาใชสําหรับบุคคลเพียงคนเดียว ทั้ง ๆ ที่ลักษณะของมันเปนคําท่ีตองใชแทนกลุมบุคคลผู ปฏิเสธกลุมหน่ึงท่ีไดใหนะอีก อัล-อัชญะอีย มาแจงแกบรรดามุสลิม แตพวกเขาก็มิไดหวั่นไหว หรือตกใจไปกับคําพูดของเขากลาวคือ อาบูซุฟยานไดมอบอูฐจํานวน 10 ตัว ใหแกนะอีม อัล- อชั ญะอยี ก ็ไดทาํ ตามนัน้ โดยเขาไดก ลา วแกบ รรดามสุ ลมิ ในวันนั้นวา “แทจริงประชาชน ไดมีการ รวมตัวกัน (เพื่อปะทะ) กับพวกทานท้ังหลาย... ดังนั้นขอใหพวกทานจงยําเกรงตอพวกเขาเถิด” ดังนั้นมุสลิมจํานวนมากจึงไมสูเต็มใจนักท่ีจะออกไปเพ่ือทําสงคราม แตทวาทานศาสดา (อัลลอฮฺ ทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) จึงไดออกไป พรอมกบั ทหารรว มรบ 70 คน และไดเดนิ ทางกลับมาดวยความปลอดภัยโองการของอัลลอฮฺจึงได ประทานลงมาเพ่ือยกยองบุคคลจํานวน 70 คน ซึ่งไดออกไปทําการรวมรบกับทานศาสนทูต แหงอัลลอฮฺ (อลั ลอฮทฺ รงประทานความจาํ เรญิ และความสันติสขุ แดท า นและแดบรรดาลูกหลานของ ทาน) วามิไดเปนผูมีความประหว่ันพร่ันพรึงตอเหตุการณที่นากลัวแดอยางใด จึงขอใหสังเกตถึง สํานวนในรูปประโยคของคําวา “บรรดามนุษย” ณ ที่ใชกับบุคคลเพียงคนเดียว ซึ่งถาหากวาใน โองการนี้สํานวนประโยคใหเปนไปตามลักษณะของเหตุการณแลวก็จะมีโองการท่ีมีใจความวา “บรรดาผซู ึ่งไดม ีคน ๆ หนงึ่ กลาวแกพ วกเขาเหลา น้ันวาแทจรงิ ประชาชนไดท าํ การรวมตัวกนั (เพอื่ ปะทะ) กับพวกทานทั้งหลาย” อยางไมตองสงสัยและยังมีโองการท่ีมีเรื่องราวปรากฏเปดเผยอยาง เหน็ ไดชัดอยูในอัล-กุรอานและในตําราซุนนะฮฺ ตลอดจนถึงเปนถอยคําท่ีใชกันตามสํานวนอาหรับ นั่นก็คืออีกโองการหนึง่ ท่อี ัลลอฮผฺ ทู รงสูงสดุ ไดกลา ววา
“โอบรรดาผูศรัทธาท้ังหลายจงราํ ลึกถงึ ความโปรดปรานที่อัลลอฮฺไดทรงประทานแกพ วกสู เจา ในขณะท่ีพวกเขาเหลานั้นกลุมหน่ึงไดบุกเขามาเพื่อท่ีจะแผอํานาจแกพวกสูเจาโดยกําลังของ พวกเขา แตอลั ลอฮไฺ ดทรงหยดุ ยง้ั อํานาจของพวกเขาออกไปจากสเู จา” (5:11) เปนท่ีรูกันดีในหมูนักปราชญถึงความหมายของโองการน้ีวาผูท่ีจะทําการแผอํานาจของเขา ตอบรรดาพวกมุสลิมนั้นก็คือชายคนหนึ่งที่เปนคนมาจากนะบีมะฮาริบ และมีบางกระแสก็บอกวา บุคคลผูน้ันคืออุมัร บิน ญาฮัชซ่ึงเปนบุคคลท่ีมาจากนะบีนะฎีร และมีบางกระแสท่ีรายงานวา คํา วา “พวกเขา” ในที่น้ีก็คือ ผูที่ตองการจะโจมตีตอทานรอซูลุลลอฮฺ แตอัลลอฮฺผูทรงอานุภาพสูงสุด ไดทรงยับย้ังเขาผูน้ันไวเสียจากการกระทําเชนน้ัน ซ่ึงในเร่ืองนี้มีประวัติที่ไดบันทึกไวโดย นักปราชญฮาดีษ นักวิชาการ และนักปราชญมุฟซซิรีนทั้งหลาย ทั้งอิบนุฮิชามไดบันทึกเร่ืองนี้ไว ในหนังสือ “ฆ็อซวะตุลซาตุรริกออฺ” ุซอฺท่ี 3 วา เปนโองการท่ีอัลลอฮฺไดทรงดํารัสเกี่ยวกับ บุคคลคนหนึ่ง ซ่ึงเปน บุคคลเพยี งคนเดียวดว ยสาํ นวนในประโยควา “เกาม” หมายถึง “พวกหนึ่ง” ซึ่งเปนคําที่โดยทั่วไปแลวจะตองใชสําหรับพหูพจน และอีกคร้ังหน่ึงตามที่มีปรากฏอยูในโองการ “อัล-มุบาฮิละฮฺ” ในประโยคท่ีใชคําวา “อัล-อับนาอฺ-อัน-นิสาอฺ-อัล-อันฟุส” ซ่ึงมีความหมายวา “บรรดาลูก ๆ บรรดาสตรี ตัวตน” น้ันไดมีหลักฐานยืนยันเปนที่แนชัดกันโดยท่ัวไปแลววา หมายถึงทานฮาซัน ทานฮุเซน ทานหญิงฟาฏิมะฮิและทานอาลีตามลําดับ เปนการเฉพาะซึ่งเปน เร่ืองท่ีมีหลักฐานสอดคลองตรงกัน และมีถอยคํากลาวเปนเสียงเดียวกันวา หมายถึงโองการที่ระบุ ถึงเร่ืองราวของพวกเขาเหลาน้ัน (อาลัยฮิมุสสลาม) เหตุผลเหลาน้ีมีมากมายเหลือคณานับ และไม ไกลเกินไปจากการศึกษาคนควาได และน่ีคือสวนหนึ่งจากหลักฐานที่แสดงใหเห็นวาสํานวนใน ประโยคท่ีเปนพหูพจนนั้นยอมไดรับการอธิบายสําหรับบุคคลเดียวก็ไดในเม่ือตองการท่ีจะแสดง เหตุผลเพอ่ื เรยี กรอ งความสนใจ 3. ทานอิมาม ฏ็อบรอซียไดกลาวถึงเรื่องนี้ในตอนท่ีอธิบายความหมายของโองการนี้ไวใน หังสือตัฟสีร “มัจญมูอฺ อัล-บะยาน” วาเปนโองการท่ีใชสํานวนประโยคในรูปของพหูพจนท่ีระบุ ถึงทานอาลี อามีรุล มุมีนีน ผูมีเกียรติและมีคุณสมบัติสูง ดวยเหตุน้ีเปนท่ีรูกันในหมู นักภาษาศาสตรท้ังหลายวา สํานวนประโยคที่เปนพหูพจนน้ันยอมใชสําหรับบุคคลเดียวก็ได เพ่ือ เปน ลกั ษณะที่แสดงใหเห็นโดยเนนถึงความสําคัญของเร่ือง ทานไดกลาวอีกวา เร่ืองเหลานี้เปนท่ีรู กนั ดีในถอยคําของพวกเขาเหลา น้ันวาเปน หลกั ฐานทยี่ นื ยนั ถึงเรื่องของทานอาลี
4.ทานซะมัคชารีย ไดกลาวไวในหนังสือตัฟสีร “กิชาฟ” ของทานโดยต้ังขอสังเกตไวใน คาํ กลา วของทา นวา ถาหากทานกลาววา “จะถูกตองไดอยงไรสําหรับในกรณีท่ีจะถือวาสํานวนประโยคในรูป พหูพจน นัน้ เปนเรือ่ งราวทร่ี ะบสุ าํ หรบั ทานอาลี (อลั ลอฮฺทรงชนื่ ชมยินดตี อทาน)” ขาพเจาก็จะบอก วา “ถอยคําที่ปรากฏเปนสํานวนพหูพจนตามโองการน้ีเปนเร่ืองเกี่ยวกับทานอาลีโดยแทและเปน คน ๆ เดียว” สาเหตุท่ีจะอางวาเปนเรื่องของบุคคลคนเดียวนั้นก็เพื่อท่ีจะใหประชาชนทั้งหลายมีความ สนใจตอพฤติกรรมของเขา และเปนการแสดงใหเห็นวา บรรดาผูศรัทธาทั้งหลายจําเปนท่ีจะตอง รักษาวิธกี ารปฏิบัตขิ องเขาใหส อดคลองกันกบั ความมคี ุณธรรมและดีงาม โดยใหทานแกคนยากจน แมกระทงั่ ในยามที่พวกเขาจาํ เปน อยา งทีส่ ุดในการปฏิบตั หิ นาทเี่ ขากจ็ ะไมรีรอในอนั ท่ีจะดํารงรักษา สภาพเหลานั้น แมวาเขาจะอยูในการนมาซ แตเขาก็จะไมปลอยโอกาสแหงการบริจาคนั้นใหผาน ไปจนสําเร็จจากการนมาซเสยี กอ น 5. สําหรับทัศนะของขาพเจาที่มีในเรื่องนี้ก็คือวา การที่อัลลอฮฺไดประทานโองการในรูป ประโยคพหูพจนโดยมิใชรูปประโยคเปนเอกพจนน้ัน เปนดวยเหตุผลของความเมตตาในอันที่จะ ใหม นุษยทําการศึกษา และอีกเหตุผลหน่ึงก็เพราะวาไดมีบุคคลจํานวนหนึ่งที่เปนศัตรูของทานอาลี และเปนปรปกษที่รายแรงของตระกูลบะนีฮาชิม และมีบรรดาผูกลับกลอก ตลอดจนถึงผูอิจฉา รษิ ยาและพวกที่ดือ้ รัน้ ที่ไมสามารถจะทําความเขาใจหรือยอมรับตอ ฐานะของทานอาลีได เน่ืองจาก เปนเพราะวา ในกรณีนั้นพวกเขายังอยูในยุคเร่ิมตนสําหรับการมาของอิสลาม ตอเม่ือพวกเขาได หมดกเิ ลสทแ่ี ฝงอยใู นจิตใจและไมดําเนินชีวิตอยูในความหลงแลว นั่นแหละคอยจึงใหเปนท่ีเขาใจ แกพวกเขา ดังนั้นโองการนี้จึงไดถูกประทานลงมาในรูปของพหูพจนสําหรับบุคคลเพียงคนเดียวก็ เพอ่ื ท่ีจะปดก้ันการแสดงความอาฆาตมาดรายของพวกเขาเหลา นั้นอาไวกอนน่ันเอง หลังจากท่ีไดมี เหตผุ ลอนื่ ๆ เขา มาประกอบเปน เง่ือนไขตาง ๆ ทบ่ี ง บอกถงึ คุณลกั ษณะอ่นื ๆ แลว เมอ่ื นน้ั เองอลั ลอ ฮฺจึงไดทรงกําหนดหนาทีทท่ีจะตองยอมรับอํานาจการปกครองใหแกพวกเขาเหลาน้ัน (อัล-วิลา ยะฮฺ) เพือ่ เปน การประกาศความสมบูรณของศาสนาและความครบถวนแหงความโปรดปรานตาง ๆ ตามท่ีทานศาสนทูตไดถือปฏิบัติมาจากคําส่ังของพระองค ถาหากวาพระองคจะทรงประทาน โองการมาในรูปของเอกพจนเปนการเฉพาะแลวไซร แนนอนพวกเขาเหลาน้ันจะตองเอานิ้วมือปด
หูเพ่ือไมใหยอมรับฟง และจะพากันคลุมหัวเสียดวยผาเพื่อปดการรับรูและจะแสดงตัวเปนความ โอหังบังอาจ วิทยปญญาในขอนี้มักจะมีปรากฏอยูเสมอในทุก ๆ โองการท่ีอัล-กุรอานอันทรง เกยี รตกิ ลวถึงทานอาลี อามีรลุ มุมีนีน และบรรดาอะหลฺ ุลบัยตฺ ผูบรสิ ทุ ธิท์ ง้ั หลายโดยตลอด แนนอนท่ีสุดเราไดอรรถาธิบายถึงเรื่องราวขอนี้โดยขอพิสูจนอันชัดเจนที่ถือวาเปนจุดยืน ของเราเกี่ยวกับหลักฐานในขอนั้น อันเปนหลักฐานท่ีชัดแจงท่ีเสนอไวในมาตรการของเราคือ หนังสอื “ซะบีลุล มุมีนีน” และหนังสือ “ตัลซีลุล-อายาต” มวลการสรรเสริญเปนสิทธิของอัลลอฮฺ ผปู ระทานทางนําที่ถกู ตอง วสั ลาม (ช) อลั -มุรอญิอะฮฺ 43 3 อัล-มฮุ รั ร็อม 1330 • แนวความคิดที่อรรถาธิบายคํา “วะลีย” วา “มิตรรัก” หรือ “ผูชวยเหลือ” หรือ อืน่ ๆ ขอใหอัลลอฮฺทรงมีความโปรดปรานแกทาน ที่ทานไดทําการปดเปา คลี่คลายปญหาขอ สงสัยของขาพเจา และไดทําใหความกระจางเกิดข้ึนในความคลางแคลงของขาพเจา โดยไดชวย อธบิ ายถงึ ขอเท็จจรงิ ตาง ๆ เกยี่ วกับเหตุผลในขอนั้นไดอยางใสสะอาด แตยังมีอยูอีกประการหน่ึงท่ี ยังคงตองการหาความกระจาง เพราะมีบุคคลบางกลุมไดกลาววา ความหมายของคําวา “วะลีย” ยอมหมายถึง “มิตร” ในประเด็นที่ไดมีโองการหามมิไดยึดเอาพวกปฏิเสธศาสนามาเปนพันธมิตร พวกเขาไดอางเหตุผลเหลานี้โดยอาศัยขอมูลแหงโองการที่มีท้ังกอนและหลังของโองการน้ัน และ ทศั นะเหลา นีเ้ ขาไดย ืนยันวา ความหมายของคําวา “วะลีย” ในโองการน้ี ท่ีแทจริงแลวก็คือ “ผูชวย เหลอื ” “พนั ธมิตร” หรือ “คนทร่ี ักใครตอ กัน” ทา นจะสามารถใหคําตอบ ในเร่ืองน้ีไดอยางไรบาง ขอทา นไดโปรดตอบเรอ่ื งน้ีดวย วัสลาม
(ซ) อลั -มุรอญอิ ะฮฺ 44 5 อัล-มุฮัรรอ็ ม 1330 1. แนวความคิดซ่ึงเปนขอสังเกตท่ีแสดงวา คํานี้มิไดมีความหมายวา “ผูชวย เหลอื ” หรอื “พนั ธมติ ร” แตอยา งใด 2. แนวความคิดอ่นื นนั้ ไมมนี ้ําหนกั พอทีจ่ ะเปนหลกั ฐาน 1. คําตอบสาํ หรบั ประเดน็ น้ีจะขอกลาววา “แทจริงโองการน้ีใหบทเรียนท่ียืนยันถึงเหตุผล อยางละเอียดท่ีสืบเน่ืองมาจากบรรดาโองการกอน ๆ หลายโองการ ท่ีไดหามมิใหยึดเอาผูปฏิเสธอ ทางศาสนามาเปนพันธมิตรเปนการแสดงออกของโครงการท่ีจะนําไปสูการยกยองคุณสมบัติของ ทานอามีรุลมุมีนีน อาลี ในฐานะท่ีจะตองเปนผูนําสูงสุด และมีฐานะเปน “อิมามัต” โดยชี้นําวา ผูปฏิเสธหรือกลับกลอกตอศาสนาน้ัน ยอมเปนผูที่กอเหตุรายใหแกทาน” และเนื่องจากโองการ กอนหนาน้ันเปนโองการท่อี ัลลฮฺไดท รงประทานมาวา “โอบรรดาผูศรัทธาทั้งหลาย ผูใดในหมูสูเจาท่ีปฏิเสธออกจากศาสนาของพวกเขา ดังน้ัน อัลลอฮฺก็จะทรงนําพวกหน่ึงมาโดยที่พระองคจะทรงรักพวกเขาและพวกเขาก็จะรักพระองค พวก เขามคี วามถอมตนตอ บรรดาผูศรทั ธา มีความองอาจตอบรรดาพวกปฏิเสธ พวกเขาไดตอสูเสียสละ ในหนทางของอัลลอฮฺ และพวกเขาไมหวาดกลัวตออุปสรรคภัยอันตรายใด ๆ เหลาน้ีอัลลอฮฺจะ ทรงประทานความดีงาม พระองคจะทรงมอบมันใหแกผูที่พระองคทรงประสงค แนอนนอัลลอฮฺ เปน ผูทรงอานุภาพเกรียงไกร ผทู รงรอบรเู สมอ (5:54) นี่ก็คืออีกโองการหนึ่งท่ีระบุถึงทานอามีรุล มุมีนีน และผูกอการท่ีสรางความคับแคน ใหแกทาน(206) และสรางความคับแคนแกบรรดาสหายของทาน ตามที่ทานอามีรุล มุมีนีน (อาลี) ไดย กข้ึนมาเปน ขอ อา งในการทาํ สงครามอูฐ และทานอิมามบากิร กับทานอิมามศอดิก ก็ไดทําการ อธิบายใหความกระจา งเกีย่ วกบั เรอ่ื งนี้ ทา น ษะอ- (206) ขอใหสังเกตวจนะของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความ จําเริญแกทานและแกบรรดาลูกหลานของทาน) วา พวกเจาไมอาจท่ีจะหยุดย้ังกลุมชนชาวกุรอยช
จนกวาอัลลอฮฺจะไดทรงแตงตั้งใหแกพวกทานซึ่งบุคคลคนหนึ่งท่ีอัลลอฮฺไดทรงทดสอบหัวใจของ เขาดว ยความศรัทธา เขาจะเปน ผคู วบคุมตนคอของพวกเจาและพวกเจาจะเปนผูมีความเกรงกลัวตอ เขาเชน เดยี วกบั ฝงู แกะท่กี ลวั เจา นายของมัน” ทนั ใดนั้นทา นอาบูบกั รจฺ งึ ไดกลาวขึ้นวา “คนผูน้ันคือ ฉนั ใชไ หม โอทา นศาสนทตู แหงอลั ลอฮฺ ?” ทานศาสดาไดกลาววา “มิใช” ทานอุมัรจึงไดกลาวข้ึน วา “บุคคลผูนั้นคือฉันใชหรือไม” โอทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ ?” ทานศาสดาไดกลาววา “มิใช แตเขาคือบุคคลท่ีปะรองเทา” ทานไดกลาวในขณะเดียวกันกับที่ทานอาลีไดปะรองเทาเสร็จในมือ ของทาน แลวไดมอบใหแกทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน)” ฮาดีษบทนี้ไดบันทึกโดยนักปราชญฝายซุนนะฮฺจํานวนมาก และเปนฮาดีษที่ 610 หนา 393 ุซอฺที่ 6 หนังสือ “กันซ” และฮาดีษนี้ยังมีปรากฏอยูในรายงาน ของทานอาบู สะอีด ซ่ึงบันทึกโดยทานอิมาม อะหฺมัด บิน ฮันบัล และยังมีในหนังสือ “มุสตัด รอ็ ก” ซง่ึ บนั ทึกโดยทานฮากมิ และในหนังสอื “มสุ นัด” ท่ีบนั ทกึ โดย อาบูยะอล า ทา น มุตตากีย อลั -ฮินดยี ก็ไดอา งไวในหนา 155 ซุ อทฺ ่ี 6 ละบยี ก็ไดก ลาวถึงเรือ่ งนไี้ วเ ชน กัน ในหนังสอื “ตัฟสีร” ของทานผูรวบรวมหนังสือมัจญมุอฺ อัล- บะยาน ก็ไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวโดยอางวา เปนรายงานที่มาจาก ทานอัมมาร ทานฮุซัยฟะฮฺ ทานอิบนุ อับบาส และฮาดีษน้ีไดเปนท่ียอมรับกันอยางเอกฉันทของหมูนักปราชญฝายชีอะฮฺวา เปนรายงานฮาดีษท่ีศอฮ้ีฮฺทางดานสายสืบที่สอดคลองตรงกันมาจากบรรดาอิมามแหงอะหฺลุลบัยตฺผู บริสทุ ธิ์ ฉะนั้นอายะฮฺ อัล-วิลายะฮฺ (โองการที่ระบุถึงผูมีอํานาจทางดานการปกครอง) จึงเปนที่ เขาใจอยางแจมแจงตามความหมายในขอนี้วา เปนขอกําหนดที่ตองถือวาเปนความจําเปน ให ยอมรับตอผูนํา (อิมาม) ที่พระองคไดแตงต้ัง อันเปนขอเสนอที่ไดถูกระบุลงหลังจากประโยคที่วา “โอบรรดาผูศรัทธาทั้งหลาย” เม่ือรายละเอียดท่ีไดถูกอธิบายขึ้นอยางกระจางแจงในโองการถัดมา ซ่ึงการชี้แจงและอธิบายเหตุผลเชนน้ันแลว เขาจะสามารถกลาวไดอยางไรวาความหมายของ โองการนี้ชี้นําไปในทางอ่ืน หลังจากที่ไดประจักษวาเปนโองการที่ชี้นําไปสูการหามมิใหยอมรับ บรรดาผูป ฏิเสธมาเปนพันธมิตร ? 2. โดยเหตุท่วี า ทานศาสนทตู แหงอลั ลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติ สุขแดท านและแดบ รรดาลกู หลานของทา น) ไดกาํ หนดใหบรรดาอิมามแหงเชื้อสายของทานน้ันอยู ในระดับฐานะของอัล-กุรอาน โดยทานไดแ จงใหทราบวาทัง้ เชื้อสายอขงทานกับอลั -กุรอานนัน้ จะ
ไมแตกแยกออกจากัน ทานไดระบุวาพวกเขาเลาน้ันคือมาตรฐานสําหรับความเที่ยงธรรมใน บทบัญญัติแหงอัล-กุรอานพวกเขาเหลาน้ันไดทําใหความถูกตองเปนที่ปรากฏใหรูจัก ซึ่งพวกเขา เหลานั้นไดทําใหความถูกตองเปนที่ปรากฏใหรูจัก ซึ่งพวกเขาเหลานั้นตางไดมีความเห็น สอดคลองตรงกันโดยหลักฐานตาง ๆ ของพวกเขาที่ยอมรับตอความหมายของโองการนี้ การ อรรถาธิบายโองการที่วาดวย “วะลีย” นั้นก็ไดรับยืนยันรายละเอียดตาง ๆ ในเรื่องน้ีตามที่เราได กลาวมาจากพวกเขาเหลา นนั้ ทั้งสน้ิ โดยถือวาไมมมี าตรการใด ๆ ท่ีจะนอ มนําความเขาใจใหปฏิเสธ ตอหลักฐาน และรายละเอียดของพวกเขาเหลานั้น เพราะแทจริงบรรดามุสลิมทั้งหลายน้ันมี ความเห็นพอ งตองกนั ตอเหตผุ ลทฝ่ี กใฝไปในทางที่ชอบตอ หลักฐาน ดงั นัน้ เมอื่ ประสบกับหลกั ฐาน ทเ่ี ปน นัย และหลกั ฐานท่ีมคี วามเหน็ คัดคานกนั ในเรื่องของหลักฐาน พวกเขาก็จะตองละทิ้งเหตุผล ท่ถี ูกอา งขึน้ มาอยา งเลอ่ื นลอยและจะตอ งยอมรับกับกฎเกณฑอ ันเปนหลกั ฐานอยา งแทจ ริง ซึ่งความ มดื มนนน้ั เกดิ ขนึ้ เนอื่ งจากความไมยอมรับในความสําคัญของสาเหตแหงการประทานโองการจึงได มีทัศนะอยางนี้เกิดข้ึน ฉะนั้นบรรดามุสลิมทั้งหลายจึงไมอาจท่ีจะไดรับการอรรถาธิบายโองการ ตาง ๆ ของพระคัมภีรใหสอดคลองตรงกันอยางเปนเอกฉันทไดก็เพราะ เนื่องจากพวกเขามิได ดาํ เนินอรรถาธิบายโองการนั้น ๆ ใหเปนไปตามเคาโครงของสาเหตุแหงการประทานโองการน้ัน ๆ ยังมีโองการตาง ๆ อกี เปนจาํ นวนมากที่รายละเอียดแหงความหมายในแตล ะโองการไดเปนท่ีขัดแยง กันในดานของการตีความ เชน โองการที่กลาวถึง “ความบริสุทธิ์” (อายะตุต-ตัฏ-ฮีร) โดยได ตีความคลุมไปถึงบรรดาภรรยาของทานศาสนทูต (ศ) ดวย ทั้ง ๆ ท่ีความหมายที่แนนอนของ โองการน้ี มเี ฉพาะแกบุคคลหาคนทถ่ี กู คลุมดวยผาหม (กสิ าอฺ) เทา นน้ั จึงขอกลาวโดยสรปุ วา ความหมายในโองการท่ีวา... “แทจริงผูมีอํานาจทางดานการปกครองสูเจานั้นมีเพียง อลั ลอฮฺ และ....” ตา งมีความเขาใจในดา นของความหมายโดยละเอียดท่ีแตกตงกัน ในดานของการ อรรถาธิบายที่เหมือนกัน มีความเห็นขัดแยงตรงกันขาม อันแสดงใหเห็นถึงความย่ิงใหญของ คัมภีรอัล-กุรอาน ซ่ึงไมไดเปนผลรายแตประการใดตอโวหารท่ีสูงสง และมิไดเปนความมัวหมอง แกก ารท่ีจะมคี วาเขาใจยอนไปสูแนวทางของมัน ซึง่ ความหมายของคาํ วา “วะลีย” โดยไดป ระจกั ษ อยางเดนชัดถึงความหมายและเหตุผลตลอดจนถึงหลักฐานตาง ๆ ท่ีระบุไวในความหมายของคําวา “วะลยี ” ตามโองการนี้ วสั ลาม
(ช) อลั -มรุ อญิอะฮฺ 45 6 อัล-มฮุ รั ร็อม 1330 • ขอยึดการตีความตามคําอธิบายปญหาน้ีตอหลักฐานอันชัดแจงของบรรพชน เพราะเปนสิง่ ท่ถี กู ตอ งอยางแนน อน ถาหากวาคําอธิบายตามเหตุผลของทาน ท่ีมีตอโองการ...ภาษาอิสลาม “แทจริงผุมีอํานาจ ทางดา นการปกครองของพวกสเู จา ...” มิไดตีความโดยตัดขาดความเช่ือถือของบรรดาคอลีฟะฮฺ อัร รอชดิ ีน แลวไซร เราจะมมที างเลือกอ่ืนนอกจากจะคลอยตามไปสแู นวทางความเหน็ ของทาน และ จะมีความเขาใจตอ โองการน้ีโดยสอดคลองกันกับเหตุผล การตัดสินของทานแตทวาในความหมาย แหงการตีความของทานนั้นไดทําใหเราเกิดความคลางแคลงสงสัยตอความถูกตองของตําแหนงคอ ลีฟะฮฺทั้งหลาย (อัลลอฮฺทรงมีความปติชื่นชมกับพวกเขาเหลานั้น) โดยเหตุท่ีวาไมมีทางอื่นท่ีจะ ขัดแยงเหตุผลเหลา นั้นได อีกท้ังมันเปนการอธิบายที่คอนขางจะกระทบกระเทือนตอเกียรติภูมิของ พวกเขาเหลาน้ัน และของผูที่สนับสนุนพวกเขาเหลาน้ันขึ้นเปนหัวหนา โดยที่เราถือวาพวกเขา เหลา น้ันก็ถือหลกั การแหง ความถูกตองอยแู ลว วัสลาม (ซ) อัล-มรุ อญอิ ะฮฺ 46 6 อลั -มฮุ ัรร็อม 1330 1. ทัศนะของบรรพชนท่ีไดอธิบายโดยถือหลักแหงความถูกตองนั้นไมจําเปนสําหรับการ ตคี วามอกี 2. การอธิบายในรายละเอียดของเรอ่ื งน้ีมอี ุปสรรคอยา งยง่ิ
แทจริงบรรดาคอลีผะฮฺท้ังสามทาน (อัลลอฮฺทรงมีความปติช่ืนชมตอทานท้ังหลาย) น้ันคือ หัวขอเรื่องที่สําคัญยิ่งสําหรับการอรรถาธิบายของเรา และบุคคลเหลาน้ันตางก็อยูในปญหาที่ไดรับ การถกเถียงกันอยูโดยตลอด ทั้งนี้ก็มิใชเพ่ือนอ่ืนใดนอกจากเพ่ือจะหาเหตุผลและหลักฐานที่ แข็งแรงมาพสิ จู นกนั เทา น้นั เอง 1. ความจรงิ แลว ถาทัศนะของพวกเขาเหลานัน้ และทัศนะของบรรดาผทู ่สี นบั สนุนพวกเขา ไดยืนหยัดอยูกับความถูกตอง ตามที่ไดกลาวไปแลวก็ไมจําเปนที่จะตองทําการอธิบายถึงหลักฐาน ท่ีเดนชัดเกี่ยวกับการเปนคอลีฟะฮฺของพวกเขาเหลานันอีกเพราะถือวาเปนความถูกตองที่สมบูรณ ทุกประการแลว แตส าํ หรับทา นนัน้ ไดเลอื กเอาปญ หานี้มาสูแนวทางการอรรถาธิบาย ซึ่งเราก็จะได ทาํ การชีแ้ จงใหก ระจางในเรอื่ งน้ีสําหรับโอกาสตอ ไป 2. ขอทานไดโปรดพิจารณาแนวทางการอรรถาธิบายท่ีเราไดกลาวถึงเรื่องนี้กับทานโดย ละเอียดเถิดและกับส่ิงที่เรายังมิไดทําการอธิบาย เชน หลักฐานฮาดีษในเร่ือง “ฆอดีร” หรือ หลักฐานฮาดีษของเรื่อง “ทายาท” โดยเฉพาะอยางยิ่งหลักฐานตาง ๆ เหลานี้ตางไดอางโดย ตํารับตําราของฝายซุนนะฮฺท่ีประกอบเขามาสนับสนุนจํานวนไมนอย ซึ่งจะไมทําใหทานสามารถ ตัดทอนจากรายละเอียดที่ชัดเจนเหลานั้นได ดังนั้นถาผูใดไดยืนหยัดไปตามหลักฐานตาง ๆ เหลา นั้นก็จะไดร บั ความถูกตอง และเขาจะไดเห็นวาหลักฐานตาง ๆ ที่ไดแสดงออกมานั้นลวนเปน สัจธรรมทเ่ี ดด็ ขาด และเปน ขอ พิสจู นท่สี มบรู ณโดยแทจ ริง วัสลาม (ช) อัล-มรุ อญิอะฮฺ 47 7 อลั -มุฮัรรอ็ ม 1330 • ขอพสิ ูจนหลักฐานอนื่ ๆ อกี ขอทานไดโปรดเสนอหลักฐานตาง ๆ ที่เปนรายงานฮาดีษซึ่งอางอิงโดยนักปราชญฝายซุน นะฮฺใหแ กเ ราเถิด เพ่ือเราจะไดพิสูจนกับมนั ตามทเี่ รามคี วามปรารถนา.
วสั ลาม (ซ) อลั -มุรอญิอะฮฺ 48 8 อัล-มฮุ ัรรอ็ ม 1330 • หลักฐานฮาดีษ ที่อางอิงสนับสนุนโดยนักปราชญฝายซุนนะฮฺน้ัน จะขอหยิบยก มา 40 ฮาดีษ คงจะเปนที่เพียงพอสําหรับทาน ดวยการที่เราจะทําการอางหลักฐานฮาดีษจากตําราของ ฝา ยซนุ นะฮฺ จํานวน 40 ฮาดษี ดงั ตอ ไปน้ี 1. คํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติ สุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ในขณะท่ีทานไดจับตัวทานอาลีวา “นี่คือ ผูนํา (อิ มาม) ของผูมีคุณธรรม ผูพิฆาตคนมิจฉาทิฐิ ผูสนับสนุนเขายอมเปนผูถูกสนับสนุนผูบ่ันทอนเขา ยอมเปนผูถูกบั่นทอน และแลวเสียงของทานก็ไดเปลงขึ้นเสียงสูง” รายงานฮาดีษบทนี้โดยทานฮา กิม จากสํานวนฮาดีษที่เลามาจากทาน ญาบิร หนา 129 ุซอฺท่ี 3 จากหนังสือ “ศอฮ้ีฮฺมุสตัด ร็อก”(207) โดยทานไดกลาวเพ่ิมเติมวาน่ีคือ ฮาดีษที่มีสายสืบถูกตอง แตผูอาวุโสท้ังสองมิไดบันทึก ไว 2. คาํ กลา วของทา นศาสนทตู แหงอัลลอฮฺ (อลั ลอฮฺทรงประทาน (207)เปนฮาดีษท่ี 2527 หนังสือ “กันซ” หนา 153 ุซอฺท่ี 6 ทานษะละบียไดบันทึกฮา ดีษบทนจ้ี ากรายงานของอาบูซัร โดยอธบิ ายโองการวิลายะฮฺในหนงั สอื “ตฟั สรี อลั -กะบรี ” ความจําเริญและความสันตสิ ขุ แดบ รรดาลกู หลานของทาน) ท่ีวา “ฉันไดรับวะฮฺยูในเรื่องที่เกี่ยวกับ อาลี 3 ประการ นัน่ คอื เขาจะตอ งเปนประมขุ ของบรรดามสุ ลิม และหวั หนา ของบรรดาผสู าํ รวมตน และเปนผูนําที่มั่นคงของผูที่มีความเครงครัดทั้งหลาย” ทานฮากิมไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวในหนา 138 ุซอฺท่ี 3 ของหนังสือ “อัล-มุสตัดร็อก”(208) หลังจากนั้นทานไดกลาวอีกวา นี่คือฮาดีษที่มี สายสืบถกู ตอง แตผอู าวุโสทั้งสองมไิ ดบันทึกไว 3. คํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติ สุขแดท านและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ที่มีตอทานอาลีวา “ขอแสดงความยินดีกับประมุขของ
บรรดามุสลิมและหัวหนาของบรรดาผูสํารวมตน” ทานอาบูนะอีมไดบันทึกฮาดีษนี้ไวในหนังสือ “ฮลุ ียะตลุ เอาลยิ าอ”ฺ (209) 4. คํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติ สุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ท่ีไดกลาววา “ฉันไดรับวะฮฺยูเก่ียวกับในเรื่องของอาลี วา แทจริงเขาคือประมุขของบรรดามุสลิมทั้งหลาย เปนผูปกครองของผูสํารวมตนทั้งหลาย เปน ผูนําท่ีมีเกียรติของบรรดาผูเครงครัดท้ังหลาย” ทานอิบนุนัจญารและบรรดานักปราชญฝายซุนนะฮฺ คนอน่ื ๆ ได ทําการบันทึกฮาดษี บทน(้ี 210) 5. คํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติ สุขแดท า นและแดบ รรดาลูกหลานของทา น) ทไี่ ดก ลา ววา (208) ทานบารูดีย ทานอิบนุ กอนิอฺ ทานอาบู นะอีม และทานบัซซาร ไดทําการบันทึกฮาดีษ บทนแี้ ละเปนฮาดีษที่ 2628 จากหนังสอื “กันซ” หนา 157 ซุ อฺที่ 6 (209) เปนหัวขอท่ี 11 ในจํานวนหัวขอตาง ๆ ท่ีทานอิบนุ อาบู ฮะดีดไดรายงานเอาไวในหนา 450 เลม 2 ของหนังสือ “ซะเราะฮฺ-นะชฺุลบะลาเฆาะฮฺ” เปนฮาดีษท่ี 2627 จากหนังสือ “ซะเราะฮฺ-นะชฺุลบะลาเฆาะฮฺ” เปนฮาดีษที่ 2627 จากหนังสือ “กันซ” หนา 157 ุซอฺ ที่ 6 (210) เปนฮาดีษที่ 2630 หนา 157 ุซอทฺ ่ี 6 หนังสอื “กันซ” “บุคคลแรกทีจ่ ะไดเ ขาประตูน้ี คือ ผูนาํ ของผูสาํ รวมตนจากความชั่ว ผูเปนประมุขของบรรดามุสลิ มนี ผูซ ง่ึ ใหก ารอุปถมั ภแ กศาสนา ผซู ่งึ เปนผูประกาศความสมบรู ณของบรรดาทายาททั้งหลายและผู ซึง่ เปนหวั หนา ทีม่ ีเกยี รติยศของหมชู มผเู ครงครดั ทั้งหลาย” ครงั้ แลว ทานอาลีกไ็ ดเขาไป ทานศาสน ทูตไดยืนข้ึนแสดงความยินดีกับทานโดยไดตอนรับทานและไดทําการเช็ดเหง่ือท่ีหนาผากของทาน แลวทานไดกลาววา “เจาคือผูท่ีจะทําหนาท่ีชําระหน้ีสินของฉันและเจาเปนผูประกาศใหผูคน ท้ังหลายไดยินเสียงของฉัน และเจาเปนผูทําหนาที่อธิบายใหความแจมแจงแกประชาชนท้ังหลาย ในสง่ิ ท่ีพวกเขาไดข ัดแยง กนั หลังจากฉัน”(211) 6. คํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติ สุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ที่ไดกลาววา “แทจริงอัลลอฮฺไดทรงสัญญาตอฉันใน เร่ืองของอาลีวา เขาไดเปนหัวหนาของผูอยูในทางนํา เปนผูนําของบรรดามิตรสหายของฉัน เปน แสงแสวางใหแกผูปฏิบัติตามฉัน และเขาเปนสัญลักษณหน่ึงซึ่งฉันไดกําหนดเอาไวสําหรับบรรดา
ผูสํารวมตน”(212) ทานสามารถจะพิจารณาฮาดีษตาง ๆ ทั้งหกนี้ไดอยางชัดเจนทีเดียววา เปนการ อธิบายในดานของความเปนผูนํา (อิมามะฮฺ) ของทานและมีความจําเปนท่ีจะตองปฏิบัติตามทาน อาลี (อาลยั อสิ สลาม) 7. คํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญแดทานและแด บรรดาลูกหลานของทา น) ท่ไี ดก ลา ว โดยไดชไ้ี ปยงั (211) ทานอาบูนะอีมไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวในหนังสือ “ฮุลียะตุล-เอาลิยาอฺ” โดยไดอางรายงาน มาจากทานอานัส ทานอิบนุ อาบูฮะดีด ไดอางฮาดีษบทนี้ไวอยางละเอียดในหนา 450 ของเลม ๒ หนงั สอื “ซะเราะฮ-ฺ นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮฺ” ขอไดพจิ ารณาในหัวขอ ท่ี ๙ จากหนัง ดังกลาว (212) ทานอาบู นะอีมไดบันทึกฮาดีษบทนี้ไวในหนังสือ “ฮุลลียะตุล-เอาลิยาอฺ” โดยอางวาเปน อาดีษที่รายงานมาจากอาบู บัรซะฮฺ อัล-อัสละมีย และทานอานัส บินมาลิก ทาน อัล-ลา มะฮฺ อัล-มุอฺตะซิละฮฺ หนา 449 จากเลม 2 หนังสือ “ซะเราะฮฺ-นะฮฺุละบะลาเฆาะฮฺ” ดังนั้นขอใหท านพิจารณาถงึ หวั ขอที่ 3 ในหนา น้ี ทานอาลวี า “แทจริงบคุ คลผนู ค้ี อื บุคคลแรกทีไ่ ดความศรทั ธาตอฉนั เปนบคุ คลแรกท่ีจะได เขาไปคกํานับฉันในวันกียามัต และน่ีคือมิตรผูย่ิงใหญ และน่ีคือมาตรการท่ีจะจําแนกบุคคลตาง ๆ สาํ หรับประชาชาติน้ี เขาเปน ผูทําการจาํ แนกระหวา งสจั ธรรมและความผิดพลาดและเขาคือผูใหการ อปุ ถมั ภค าํ้ จนุ แกม วลผูศรทั ธา”(213) 8. คํากลาของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติ สุขแดทานและแดบรรดาลกู หลานของทาน) ที่วา “โอชนชาวอันศอรเอย พวกเจาจะเอาไหมกับส่ิง ท่ีถาพวกเจาไดยึดมั่นตอเขาแลว พวกเจาก็จะไมหลงผิด หลังจากนี้ไปโดยตลอดนี่และคือาลี ดังนน้ั พวกเจาจงรกั เขาเชน เดียวกบั รกั ฉัน และพงึ ใหเกยี รติเชนเดียวกบั การใหเกยี รตแิ กฉันเพราะวา แทจ ริงญิบรออลี ไดมีบัญชาใหฉ นั ไดประกาศแกพวกเจาจากขอความตาง ๆ ที่มาจากอัลลอฮฺ ผูทรง อานุภาพสูงสุด”(214) 9. คํากลา วของทานศาสนทตู แหง อัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติ สขุ แดทานและแดบ รรดาลูกหลานของทา น) ทวี่ า “ฉันคอื
(213) ทานฏ็อบรอนียไดบันทึกฮาดีษน้ีในหนังสือ “อัล-กะบีร” โดยรายงานของทานซัลมานและ อาบูซัร ทานบัยฮะกียไดบันทึกฮาดีษนี้ไวในหนังสือ “สุนัน” ของทาน ทานอิบนุ อะดีย ไดบ ันทึกไวในหนังสือ “อัล-กาบีร” จากรายงานของทานฮุซัยฟะฮฺ เปน ฮาดษี ท่ี 2608 จาก หนังสอื “กันซ” หนา 156 ซุ อฺที่ 6 (214) ทานฏ็อบรอนียไดบันทึกฮาดีษบทนี้ในหนังสือ “อัล-กะบีร” เปนฮาดีษที่ ๒๖๒๕ หนังสือ “กันซ” หนา 157 ุซอฺท่ี 6 เปนหัวขอท่ี 10 หนา 450 เลม 2 หนังสือ “ซะเราะฮฺ- นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮ”ฺ ของทานอิบนุ อาบู ฮะดีดขอใหทานพิจารณาดูวา การท่ีจะไมหลง ผิดน้ันหมายถึงการยึดทั่นตอทานอาลี เปนหลักฐานท่ีแสดงใหเห็นวา ความหลงผิดน้ันจะ เกิดข้ึนแกผูที่มิไดยึดมั่นตอทาน และโปรดพิจารณาถึงคําส่ังท่ีไดระบุใหพวกเขาเหลาน้ัน รักทานโดยใชความหมายของความรักที่พวกเขาใหความรักตอทานนบี และพวกเขา จะตองใหเกียรติแกทานโดยความหมายของเกียรติท่ีพวกเขาไดใหเกียรติแกทานนบี เหตุผลในขอนี้มิไดมุงหมายไปในทางอ่ืนนอกจากเพ่ือเปนการแสดงวาทานอาลีคือ “วะ ลีย” ในสมัยของทาน และเปนผูบัญชากิจการตาง ๆ ภายหลังจากทาน และขอใหทานได พจิ ารณาถึงคาํ กลา วในตอนทายที่วา ญบิ รออลี มีบญั ชาใหฉันกลาวอยางนี้ตอพวกเจาวาเปน เรอ่ื งทีม่ าจากอัลลอฮฺ คงจะเปน ทีป่ ระจกั ษใหแ กท านซึ่งขอพิสูจนท่ีแทจ รงิ ไดแลว นครแหง ความรู สวนอาลคี ือประตขู องมันผูใ ดประสงคต อความรู เขากต็ อ งเขาทางประตู”(215) 10. คํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความ สันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ท่ีวา “ฉันคือบานแหงวิทยปญญา สวนอาลีคือ ประตขู องมนั ”(216) 11. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน แดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอีกวา “อาลีคือประตูแหงวิชาการของฉัน และเปนผูทํา หนา ท่ีอธิบายใหแ กประชาชาติของฉนั เกยี่ วกบั สิ่งตาง ๆ ภายหลังจากฉนั ความรกั ท่มี ีตอเขานนั้ เปน ความศรัทธา ความโกรธที่มตี อเขานน้ั เปนละเมิด”(217) (215) ทานฎ็อบรอนียไดบันทึกฮาดีษบทน้ีในหนังสือ “อัล-กะบีร” จากรายงานของทานอิบนุ อับบาสดังที่มีปรากฎอยูทํานองเดียวกันกับประโยคนี้ ในหนา 107 หนังสือ “ญามิอศ- ศอฆีร” ของทาน ซะยูฎีย ทานฮากิมไดบันทึกไวในหมวดวาดวย “เกียรติยศของอาลี” หนา 226 ุซอฺท่ี 3 หนังสือ “ศอฮี้ฮฺมุสตัดร็อก” ดวยสายสืบท่ีมาจาก 2 กระแสรายงาน
คือ รายงานหน่ึงนั้นเปนรายงานของทานอิบนุอับบาส สวนอีกรายงานหน่ึงน้ันเปน รายงานของทานญาบรี บินอับอลุ ลอฮฺ อัล-อันศอร ซ่ึงลว นแตเปนหลักฐานท่ีมีสายสืบตาง ๆ ที่แสดงไวอยางถูกตองโดยเฉพาะอยางยิ่งทานอิมาม อะหฺมัด บินมุฮัมมัด บินศอดิก แหงมอรอ็ กโค ผไู ดม าตั้งรกรางท่เี มอื งไคโร ก็ไดกลาวยืนยันฮาดีษบทน้ีวามีหลักฐานศอฮี้ ฮฺถูกตองไวในหนังสือของทานเลมหน่ึงท่ีช่ือวา “ฟตฮุล-มุลากุอาลี” เปนหนังสือท่ีพิมพ โดยสํานักพิมพอิสลามียะฮฺแหงประเทศอียิปต อันเปนขอเท็จจริงท่ีไดประจักษแลวโดย บรรดาผูทรงคุณวุฒิที่ไดยืนหยัดอยูบนแนวทางอันน้ีวา แทจริงในตัวของทานอาลีนั้นมี วชิ าการอยา งสมบูรณ (216) ทานติรมีซียไดบันทึกฮาดีษบทนี้ไวในหนังสือศอฮ้ีฮฺของทาน ทานอิบนุ ญะรีร ก็ได บันทึกไวเชนเดียวกัน นักปราชญจํานวนไมนอยตางก็ไดอางฮาดีษนี้จากบุคคลทั้งสอง เชน ทานมุตฺตากีย อัล-ฮินดียซึ่งไดบันทึกไวในหนา 401 ญซอฺท่ี 6 หนังสือ “กันซ” ทานอิบนุ ญะรีรไดกลาววา “ฮาดีษบทนี้มีสายสืบที่ถูกตองจากเรา.... ทานญะลาลุดดีน ซะยูฎียไดอางฮาดีษบทน้ีจากทานติรมีซียไวในหนังสือ “ญามีอุล-ญะวามิอฺ” และหนังสือ “ญามิอุศ-ศอฆีร” หนา 170 ุซอทฺ ่ี 1 (217) ทานอัดดัยละมียไดบันทึกฮาดีษบทนี้ โดยเปนรายงานฮาดีษของอาบูซัร ซ่ึงเปนฮาดีษที่มี ปรากฏอยูในหนา ๑๕๖ ซุ อทฺ ่ี ๖ หนังสือ “กัลซุลอมุ าล” 12. ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแกทาน และแกบ รรดาลูกหลานของทาน) ไดก ลา วแกท านอาลวี า “เจาคือผูทําหนาที่อธิบายใหความกระจาง แจง แกประชาชาติของฉันเก่ียวกับส่ิงตาง ๆ ท่ีพวกเขาไดขัดแยงกันภายหลังจากฉัน” ทานฮากิมได บันทึกฮาดีษบทนี้ไวในหนา 122 ุซอฺที่ 3 หนังสือ “มุสตัดร็อก”(218) อันเปนฮาดีษที่รายงานโดย ทานอะนัส โดยทานไดกลาวเพ่ิมเติมวาฮาดีษบทน้ีมีมาตรฐานทางดานสายสืบที่ศอฮี้ฮฺตรงตาม เง่อื นไขของผูอาวโุ สท้งั สอง (บุคอรี-มุสลิม) แตทานทั้งสองมิไดบันทึกไว ถาหากไดทําการสังเกต อยางละเอียดถี่ถวนกับฮาดีษนี้ก็จะเห็นไดอยางชัดเจนวา วิชาความรูท่ีมีอยูกับทานอาลีน้ันก็คือวิชา ความรูที่มาจากศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ โดยที่ฐานะของศาสนทูตนั้นมาจากอัลลอฮฺผูทรงสูงสุด ดวย เหตุน้อี ัลลอฮฺ ผูทรงสงู สุดจึงไดม ีโองการแกนบขี องพระองควา
“เรามิไดประทานอันใดใหแกเจา นอกจากเพ่ือจะไดเปนท่ีอธิบายใหความกระจางแจงแก พวกเขาเหลานั้น ซ่ึงพวกเขามีความขัดแยงกันในสิ่งน้ัน และเปนทางนําและเปนความเมตตาแก บรรดาผศู รทั ธาท้ังหลาย” (16:64) (218) ทานดัยละมียไดรายงานฮาดีษน้ีมาจากอานัสอีกเชนกัน ตามท่ีปรากฏอยูในหนา 156 ภาร ที่ 6 หนงั สอื กนั ซุล-อุมมาล 13. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ยังไดกลาวไวตามที่มีปรากฏอยูในบันทึกของทานอิบนุ สิมาก อันเปนรายงานฮาดีษท่ีอางอิงถึงทานอาบูบักรฺวา “อาลีกับฉัน โดยอยูในฐานะเชนฉันกับพระผู อภบิ าล”(219) 14. ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบ รรดาลูกหลานของทาน) ยังไดกลาวไวตามท่ีมีปรากฏอยูในบันทึกของทาน ดาเราะกุฏนีย โดยอางถึงทานอิบนุ อับบาสวา “อาลี บิน อาบีฏอลิบ น้ัน เปนประตูแหงเมตตา ผูใดที่ไดเขาสู ประตนู ัน้ หมายถงึ ผศู รัทธา และผูใดทไ่ี ดอ อกจากมันกห็ มายถงึ ผูปฏิเสธ”(220) 15. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลกู หลานของทาน) ไดกลาวในวันอะรอฟาตเม่ือคร้ังทําฮัจญญะตุล-วิดาอฺวา “อาลีมา จากฉันและฉันมาจากอาลี และไมมีผูใดชําระสะสางภาระหนาท่ีตาง ๆ จากฉันไดนอกจากฉันและ อาลีเทา นนั้ ”* และยงั มโี องการของอลั ลอฮฺทีไ่ ดท รงมีไวว า (219) ทานอิบนุ ฮะญัร ไดอางฮาดีษบทน้ีบันทึกไวในหัวขอที่ 5 ของหัวขออายะฮฺที่ 14 จาก หลาย ๆ โองการท่ีทานไดอธิบายไวใน บาบท่ี 11 หนังสือเศาะวาอิก โปรดพิจารณาดูใน หนา 106 (220) ทานฮาดีษท่ี 2528 จากหนังสือประมวลฮาดีษ “กันซ” หนา 153 ุซอฺท่ี 6 ทานอิบนุ มาญะฮฺไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวในหมวดที่วาดวย “ฟะฏออิลุศ-ศอฮาบาฮฺ” หนา 92 ุซอฺ ท่ี 1 หนา หนังสือ “สุนัน” ของทาน ทานติรมีซียและทานนะซาอียก็ไดบันทึกไวใน หนังสือ “ศอฮ้ีฮฺ” ของทานทั้งสอง เปนฮาดีษท่ี 2531 ซ่ึงอยูในหนา 153 ุซอฺที่ 6 หนังสือ “กันซ” ทานอิมาม อะหมัด ไดรายงานฮาดีษบทนี้ไวในหนา 164 ุซอฺท่ี 4 หนังสือ “มุสนัด” ของทาน ซ่ึงเปนฮาดีษที่รายงานโดย ฮะบะชีย บิน ญนาดะฮฺ ดวย สายสืบจํานวนมาก ซึ่งลวนแตเปนสายสืบที่ศอฮี้ฮฺ คงจะเปนที่เพียงพอสําหรับทาน ดวย
หลักฐานฮาดีษบทน้ีที่รายงานโดย ยะฮยา บิน อาดัม ที่ไดรับรายงานมาจากอิสรออีล บิน ยูนุส ซึ่งไดรับรายงานมาจากปูของทาน คือ อาบู อิสฮาก ซะบีอีย อันไดรับรายงานมาจาก ฮะบะชีย ซึ่งพวกเขาเหลานี้แตละทานลวนเปนมาตรฐานที่ยอมรับของผูอาวุโสทั้งสอง (บุ คอร-ี มสุ ลิม) โดยท่บี คุ คลทง้ั สองได “แทจริงมันเปนคําพูดของทูตผูทรงเกียรติ (ญิบรีบ) ผูมีพลัง ณ พระผูเปนเจาแหงบัลลังก อนั สูงสง เปน ที่ถกู เช่ือฟงอกี ทัง้ มีความซอ่ื สตั ยเปนยิง่ และมติ รของสูเจานน้ั หาใชผูวิกลจรติ ไม” (81 : 19-22) และมอี กี ตอนหนึ่งที่มีโองการวา ยอมรับหลักฐานฮาดีษตาง ๆ ของพวกเขาเหลานั้นมาบันทึกไวในหนังสือ “ศอฮ้ีฮฺท้ังสอง เลม” ขอไดพิจารณาฮาดีษน้ีในหนังสือ “มุสนัด” ของทานอะหฺมัด ซึ่งทานไดระบุว ใจความของฮาดีษนี้วาไดปรากฏข้ึนในเทศกาลของการบําเพ็ญอัจญวิดาอฺ ซ่ึงเปนครั้งที่ ทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญ และความสันติสุขแดทานและบรรดาลูกหลาน ของทาน) ไดรวมดวย เหตุการณในคร้ังน้ีนับวามีความสําคัญอยางใหญหลวง ซึ่งกอน หนาน้ีทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแก ทานและแกบรรดาลูกหลานของทาน) ทานไดมอบหมายใหอาบักรฺนําประกาศ 10 โองการจากซูเราะฮฺบะรออะฮฺ เพื่อไปอานใหชาวมักกะฮฺมุชริกีนฟง แตแลวทานก็ไดเรียก ใหทานอาลีทาํ หนา ทีเ่ องตามท่ที านอิมาม อะหมฺ ัดไดบนั ทึกไวใ นหนา 151 ุซอฺที่ 1 จาก หนังสือ “มุสนัด” ของทานซึ่งทานไดบันทึกไววา ทานษสนทูตไดกลาวแกทานอาลีวา “จงตามอาบบู กั ร ไปเถิด ครั้นเม่ือเจาไดต ามไปทนั เขาแลวก็จงเอาคําประกาศนั้นมาจากเขา เสีย” ครั้นเม่ือทานอาบูบักรฺ ไดกลับมายังทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและ ความสันตสิ ุขแกทานและแกบรรดาลูกหลานของทาน) แลวก็ไดกลาวข้ึนวา “โอศาสนทูต แหงอัลลอฮฺไดมีสิ่งใดถูกประทานลงมาอีกหรือ ?” ทานตอบวา “ไมมีหรอก แตทวาทาน ญบิ รออีลไดเ สด็จลงมายังฉันแลวกลาววา ไมควรจะมีใครทาํ หนา ท่ีของเจา นอกจากเจาและ บุคคลหน่ึงซึ่งเขามาจากเจา” สวนในตอนทายของอีกฮาดีษหนึ่ง ตามท่ีทานอะหฺมัด ได บันทกึ ไวในหนา 510 หนังสอื “มุสนดั ” อันเปนรายงานจากทา นอาลวี า เมือ่ ตอนทที่ า นน
บี ไดสง ทานใหทาํ หนาทอ่ี า นประกาศซูเราะฮฺบะรออะฮฺนั้นทานไดกลาววา “คําประกาศนี้ ไมควรท่ีจะใหใครดําเนินการนอกจากฉันและเจาตองเปนผูดําเนินการ” ทานอาลีไดกลาว วา “ถาเปนเชนนั้นฉันก็ควรที่จะตองไปเด๋ียวนี้” ทานศาสนทูต (ศ) ไดกลาววา “ถูกตอง แลว เพราะแทจริงอัลลอฮฺไดทรงประทับความถูกตองไวท่ีล้ินของเจา และทรงนําทาง ใหแ กหัวใจของเจา ” “และเขามิไดกลาวถอยคําจากอารมณ หากแตที่เขากลาวน้ันคือการดล (ของพระผูอภิบาล) ท่ไี ดดลมายงั เขา” (53 : 5) ฉะน้ันทานจะมีทัศนะไปทางใดอีก ? และทานจะกลาวหาอยางไรในหลักฐานอันชัดแจงท่ี เปนจริยวัตรเหลานี้ของทานศาสดาอันเปนหลักฐานรายละเอียดท่ีไดอธิบายอยางแจมแจง ? และถา หากทา นไดพ ิจารณาโดยมีความเขา ใจในเหตกุ ารณข องสมยั ดงั กลาวดวยการพิจารณาอยางละเอียดถี่ ถว นในเหตผุ ลท่ที านไดเ รยี กรองประกาศแกบ รรดาประชาชนทง้ั หลายท่อี ยูในอารอฟะฮฺ เมอ่ื คร้ังทํา ฮัจญโดยเปนการประกาศแกบรรดาหัวหนาระดับสูงของประชาชนความเขาใจที่จริงยอมจะเกิดขึ้น แกทานไดอยางเต็มที่ในเหตุการณน้ัน โดยท่ีทานไดพิจารณาถึงประโยคคําพูดตามที่ทานไดกลาว ไปและพิจารณาตอความหมายท่ีแฝงอยู และเหตุผลในถอยคําน้ัน ทานจะสามารถเห็นวาเปนเรื่อง ใหญที่มีความสําคัญอยางใหญหลวง โดยที่ทานไดเรียกประชุมกันอยางพรอมเพรียง แลวจึง ประกาศตามความประสงคของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺน่ันคือการประกาศท่ีแสดงใหเห็นวาอาลี มิใชเพียงแตเปนบุคคลในครอบครัวที่มีความหมายเพียงแคระดับนั้น และไมถูกประกาศจากทานน บีวาเปนอื่น นอกจากเปนทายาทของทาน ฐานะของเขายอมไมมีสภาพที่เหมาะสมตอส่ิงอื่นใด นอกจากเขาจะตองดํารงอยูในฐานะตัวแทนของทานศาสดาและเปนผูปกครองที่ทานศาสดาไดแต ตั้งมวลการสรรเสริญเปนสิทธิแหงอัลลอฮฺ ผูซึ่งไดนําเรามาเขาใจกับสิ่งน้ี และไดประทานใหเรา ไดร ับทางนาํ และเราไมมผี ูใดนําทางไดเลยถาหากอลั ลอฮไฺ มทรงนาํ ทางแกเรา 16. คํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความ สันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ท่ีมีใจความวา “ผูใดเช่ือฟงปฏิบัติตามฉัน โดย แนนอนยิ่งเทากับเขาไดเช่ือฟงปฏิบัติตามอัลลอฮฺ ผูใดทรยศตอฉันก็เทากับเขาไดทรยศตออัลลอฮฺ และผูใดที่เชื่อฟงปฏิบัติตามอาลี ก็เทากับเช่ือฟงปฏิบัติตามฉัน และผูใดทรยศตออาลีก็เทากับทรยศ ตอฉัน” ทานฮากิมไดบันทึกฮาดีษนี้ไวในหนา 121 ุซอฺท่ี 3 หนังสือมุสตัดร็อก ทานซะฮะบียก็ได
บนั ทกึ ไวใ นหนังสือตลั คีศของทาน คําชแ้ี จงของบคุ คลท้งั สองน้ันระบุวาเปนฮาดีษที่มีหลักฐานศอฮี้ ฮฺ ตรงตามเงอื่ นไขของทานชยั คทงั้ สอง 17. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอีกวา “โออาลี ผูใดท่ีเขาไดแตกแยกจากฉัน ดังน้ัน แนน อนเทากับเขาแตกแยกจากอัลลอฮฺและผูใดที่แตกแยกจากเจา ดังนั้นแนนอนเทากับเขาแตกแยก จากฉัน” ทานฮากิมไดบันทึกฮาดีษบทนี้ไวในหนา 124 ุซอฺที่ 3 จากหนังสือศอฮ้ีฮฺของทาน โดย ทานไดก ลาววา “ฮาดีษบทนี้มสี ายสบื ทีศ่ อฮฮ้ี ฺ แตผ ูอ าวุโสทัง้ สองมิไดบ ันทึกไว” 18. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอีกวา “ผูใดท่ีประณามอาลี ดังนั้นเทากับเขาไดประณาม ฉัน” รายงานโดยทานหญิงอุมมุสะละมะฮฺ ทานฮากิมไดบันทึกฮาดีษน้ีไวในตอนแรกของหนา 121 ุซอฺท่ี 3 หนังสือมุสตัดร็อกและไดระบุวา เปนฮาดีษศอฮ้ีฮฺตรงตามมาตรฐานของผูอาวุโสทั้งสอง ทานซะฮะบียไดอธิบายฮาดีษบทนี้ไวในหนังสือตัลคีศโดยยืนยันวาเปนฮาดีษศอฮ้ีฮฺ ทานอะหฺมัด ไดรับรายงานฮาดีษบทนี้มาจากรายงานฮาดีษของทานหญิงอุมมุสะละมะฮฺ ซึ่งบันทึกไวในหนา 323 ุซอฺที่ 6 หนังสือมุสนัดของทาน ทานนะสาอียก็ไดบันทึกไวในหนา 17 จากหนังสือ “อัล-เคาะ ศออศิ ุล-อลุ วุ ยี ะฮ”ฺ และมีนักปราชญผูบันทึกรายงานฮาดีษอีกจํานวนไมนอยท่ีไดบันทึกสํานวนฮาดีษทํานอง เดียวกันนี้ของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแด ทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) อันเปนฮาดีษท่ีรายงานโดยทานอุมัร บิน ชาช(221) วา “ผูใดท่ี ใสร า ยอาลเี ทา กบั เขาใสร า ยฉนั ” 19. คํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความ สันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวไวอีกวา “ผูใดรักอาลี แนนอนยิ่งเทากับ เขารักฉัน ผูใดโกรธอาลีแนนอนย่ิงเทากับเขาโกรธฉัน” ทานฮากิมไดบันทึกฮาดีษบทนี้แลวระบุวา เปนฮาดีษศอฮ้ีฮฺ ตรงตามเงื่อนไขของผูอาวุโสทั้งสอง ไวในหนา 130 ุซอฺท่ี 3 หนังสือมุสตัดร็อก ทานซะฮะบยี ไดบ นั ทกึ ฮาดีษบทนี้ไวในหนังสือตัลคีศโดยจํากัดความไววา เปนฮาดีษศอฮี้ฮฺตรงตาม เง่ือนไขเหลา น้ี ทํานองเดียวกันก็ยังไดมีคํากลาวของทานอาลี(222) วา “ดวยพระนามของผูซึ่งไดทําใหเมล็ด พันธุพ ืชงอกเงย และทรงผอ งแผวบรสิ ุทธิจ์ ากความรุมรอนใด ๆ แทจริงสําหรับสมยั ของทานนบอี ลั -
อุมมียน้ัน (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของ ทา น) นน้ั ไมมผี ใู ดรกั ฉันนอกจากผศู รัทธา และไมม ผี ูใดโกรธฉนั นอกจากคนกลบั กลอก” (221) ขอใหทานพิจารณาฮาดีษของอุมัร บิน ชาช ในเร่ืองน้ีดังท่ีเราไดกลาวถึงไปแลวในมุ รอญอิ ะฮฺท่ี 36 (222) เปนฮาดีษท่ีทานมุสลิมไดบันทึกไวใน (กิตาบ) “อัล-อีมาน” หนา 46 ุซอฺท่ี 1 หนังสือศอฮี้ฮฺของทาน ทานอิบนุ อับดุรบัรไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวโดยละเอียดในหัวขอ ของเรื่อง “ทานอาลี” หนังสือ “อัล-อิสติอาบ” โดยรายงานจากบรรดาสาวกกลุมหน่ึง และ ทานไดผานฮาดษี น้ีไปแลวในอัล-มุรอิญอะฮฺที่ 36 อันเปนรายงานฮาดีษของบุรัยดะฮฺ โปรด พิจารณาดูได และแนนอนมีฮาดีษอีกบทหนึ่งซ่ึงเปนฮาดีษท่ีมีสายสืบสอดคลองตรงกันวา ทานศาสนทูต (ศ) ไดกลาววา “โออัลลอฮฺขอไดทรงคุมครองผูท่ีจงรักภักดีตอเขา (อาลี) และทรงเปนศัตรูตอผูท่ีเปนศัตรูตอเขา” ดังที่เปนท่ีรูกันดีของบรรดานักปราชญเชน ศอฮิบ อลั -ฟะดาวีย อลั -ฮามดิ ยี ะฮฺ ในหนังสอื “รซิ าละฮเฺ มาซูมะฮ”ฺ 20. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอีกวา “โออาลี เจาคือประมุขสูงสุดของมนุษยโลกและ เปนประมขุ สงู สุดในวนั ปรโลก บุคคลอนั เปนทร่ี ักของเจา นนั้ คอื ท่ีรักของฉนั บุคคลอนั เปนที่รักของ ฉนั น้นั คือที่รักของอัลลอฮฺ ศัตรูของเจาน้ันคือศัตรูของฉัน ศัตรูของฉันนั้นคือศัตรูของอัลลอฮฺ ความ วิบัติมีแตผูโกรธเกลียดเจาภายหลังจากฉัน” ทานฮากิมไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวในตอนแรกของหนา 128 ุซอฺท่ี 3 หนังสือมุสตัดร็อกโดยระบุวาเปนหนังสือศอฮ้ีฮฺตรงตามเง่ือนไขของผูอาวุโสทั้งสอง (223) (223) นักปราชญสายอัล-อัซฮัร ไดบันทึกฮาดีษบทน้ีจากทานอับดุรเราะซาก ซึ่งบันทึกจาก ทานมุอัมมัร ซ่ึงบันทึกจากทานซุฮีรีย ซ่ึงบันทึกจากทานอุบัยติลละฮฺ บิน อับดุลลอฮฺ ซึ่ง บันทึกจากทา นอิบนอุ ับบาส บุคคลท้ังหมดเหลา นล้ี วนเปนท่ียอมรับวา เปนมาตรฐานฮาดีษ ท่ีเชื่อถือไดทั้งส้ิน ดวยเหตุนี้ทานฮากิมจึงไดบันทึกยืนยันวา ฮาดีษบทน้ีศอฮ้ีฮฺ ตามเงื่อนไข ของผูอาวุโสทั้งสองทาน โดยกลาววา “ทั้งอาบูอัล-อัซฮัร และกลุมนักปราชญกลุมนั้นตาง เปนผูมีความสําคัญอยางย่ิง ฉะนั้นเม่ือบุคคลที่มีความสําคัญเชนน้ีรายงานฮาดีษก็ถือวา มาตรฐานของพวกเขาเหลานั้นเปนที่ถูกตอง หลังจากนั้นทานไดกลาววา “ขาพเจาไดยิน ทานอาบูอับดุลลอฮฺ อัล-กุรชีย ไดกลาววา “ฉันไดยินทานอะหมัด บิน ยะอยา อัล-ฮุลวานีย
ไดกลาววา “ทานอาบูอัซฮัรไดบันทึกมาจากบรรดานักปราชญและผูทรงคุณวุฒิท่ีไดจดจํา ฮาดีษบทนี้อันเปนนักปราชญชาวแบกแดด ซ่ึงทานยะหยา บิน มุอีนไดปฏิเสธซึ่งปรากฏวา ในวันประชุมคร้ังหน่ึงทานไดกลาวในที่ประชุมวา “หนังสือของนัยซาบูรียเลมนี้ที่ได กลาวถึงรายงานฮาดีษบทนี้ของทานอับดุลเราะซากมาจากไหน? ทานอาบูอัซฮัร ไดลุกขึ้น ยืนแลวกลาววา “ก็มันมาจากฉันนี้ไง” ทานยะหยา บิน มุอีนไดหัวเราะเยาะคํากลาวของ อาบูอัซฮัรในท่ีประชุมแลวไดเขามายืนใกลอาบูอัซฮัรพลางกลาววา “ไฉนอับดุลเราะซาก จึงบอกเลาฮาดีษบทนี้ใหแกทาน แตม ไิ ดบ อกเลาฮาดษี บทน้แี กค นอื่นเลย” ทานกลา ววา “จง รูไวเถิดทานอาบูซะกะรียาเอย แทจริงฉันไดนําฮาดีษบทน้ีมาจากบรรดานักปราชญและ ทานอับดุลเราะซากที่เขาเปนผูปลีกตนอยูในเมืองของเขาอันไกลแสนไกล ฉันไดออก เดินทางไปหาเขาจนฉันออนเพลีย คร้ันเม่ือฉันไดไปถึงยังเขาแลว เขาก็ไดถามฉันเก่ียวกับ เร่ืองราวของเมืองคุรอซาน ดงั นั้นฉนั จงึ ไดเลาเหตกุ ารณตาง ๆ ใหท า นฟง และฉันไดบันทึก รายงานของเขา และฉันไดเผยแพรไปยังกลุมนักปราชญตาง ๆ โดยทานไดกลาววา “เปน หนา ท่ีท่ฉี นั จะตอ งสนองตอบความพยายามของทา น ฉนั 21. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลกู หลานของทา น) ไดกลา วอีกวา “โออาลี คนทด่ี ีทส่ี ดุ สาํ หรับฉัน ไดแกผ ูที่รกั เจา และ มีความซื่อสัตยในเร่ืองของเจา และความวิบัติยอมมีแตผูโกรธเกลียดเจาและกลาวเท็จในเรื่องของ เจา ” ทานฮากมิ ไดบ นั ทกึ ฮาดีษบทนีไ้ วใ นหนา 135 ุซอฺท่ี 3 หนังสอื มัสตัดร็อก หลังจากนั้นทานได กลา ววา “ฮาดษี บทนมี้ ีสายสบื ทศ่ี อฮีฮ้ ฺ แตผูอาวโุ สท้งั สองมไิ ดบันทึกไว” 22. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอีกวา “ผูใดประสงคท่ีจะมีชีวิตเหมือนกับชีวิตของฉัน และตายเชนการตายของฉัน และพํานักอยูในสวรรคอันนิรันดร ซ่ึงพระผูอภิบาลของฉันไดสัญญา ไว เขาก็ตองจงรักภักดีตออาลี บิน อาบีฏอลิบ เพราะวาเขาจะไมทําใหพวกเจาออกจากทางนําของ ฉนั และไมท ําใหพวกเจาเขา สูใ นความหลง”(224) จะบอกฮาดีษหนึ่งแกทานซึ่งเปนฮาดีษท่ีบุคคลอ่ืนไมเคยไดรับฟงจากฉันมากอนเลย” “ดังนน้ั ทานจึงไดเ ลา ฮาดษี บทน้ใี หแกฉ นั ” ดว ยพระนามของอลั ลอฮฺ น่ีคือฮาดีษบทน้ัน ดวย เหตุนเี้ องทานยะหยา บนิ มอุ ีน จงึ เชือ่ ทานอัซฮรั และไดขออภยั ท่ไี ดแ สดงกิริยาท่ไี มสมควร ตอ เขา
สาํ หรับทานซะฮะบยี ก ็ไดบันทึกไวใ นหนังสือตัลคีศ โดยไดระบุไวอยางชัดเจนวาฮาดีษบท นี้เปนริวายะฮฺท่ีมีสายสืบท่ีแข็งแรง โดยเปนสายสืบท่ียืนยันมาอยางแข็งแรงโดยทาน อาบูอัล-อัซฮัร โดยเฉพาะไดมีการสงสัยกันในความถูกตองทางหลักฐานท่ีศอฮี้ฮฺของบทน้ี แตทวาเขาไมเคยเปนบุคคลท่ีนําหลักฐานที่มีปญหามารายงานเพื่อเปนหลักการศึกษาแก ผูใดมากอนเลย เพียงแตวาสาเหตุที่อับดุลเราะซากตองไดปดบังเร่ืองนี้ก็เปนเพราะวา เขามี ความหวาดกลัวตออํานาจของผูอธรรมที่ปกครองอยู เชนเดียวกับที่สะอีด บนิ ุบัยรไดเคย หวาดกลัวมากอนแลวเม่ือตอนท่ีมาลิก บิน ดีนาร ในตอนท่ีไดถามเขาวา “ใครเปนผูถือ ธงชัยของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ ? “ทานไดเลาวาเขาไดจองมองมายังฉันแลวกลาววา “ทานชางเปนคนกลาหาญและกลาเสี่ยงเสียจริง ๆ” มาลิกไดกลาวอยางเดือดดาลแก ซะอีด เพราะการท่ีเขากลาววา “ผูที่ถือธงชัยของทานศาสนทูตน้ัน คือทานอาลี บิน อาบีฏอลิบ” ทา นฮากิมไดบ นั ทึกเร่ืองนไ้ี วใ นหนา 137 ซุ อทฺ ี่ 3 หนงั สือ “มุสตัดร็อก” และทานไดกลาว วา “ฮาดษี นีม้ ีสายสบื ที่ศอฮ้ฮี ฺ แตผอู าวโุ สท้ังสองมิไดบ ันทกึ ไว” (224) ฮาดษี นี้เราไดก ลา วถงึ ไปแลว ใน อลั -มรุ อญอิ ะฮทฺ ี่ 10 23. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอีกวา “ฉันจะขอส่ังผูท่ีศรัทธาตอฉัน และเช่ือฉันวา ให ยอมรับในอํานาจการปกครองของอาลี บิน อาบีฏอลิบ เพราะผูใดที่จงรักภักดีตอเขาก็เทากับ จงรักภักดีตอฉัน ผูใดท่ีจงรักภักดีตอฉันแลวก็เทากับจงรักภักดีตออัลลอฮฺ ผูที่รักเขาก็เทากับรักฉัน และผูใดรักฉันก็เทากับรักอัลลอฮฺ ผูใดโกรธเขาเทากับโกรธฉัน ผูใดโกรธฉันเทากับโกรธอัลลอฮฺ ผู ทรงอานภุ าพสงู สดุ (225) 24. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “ผูใดที่ปรารถนาจะไดใชชีวิต เชนชีวิตของฉัน และ ตายอยา งการตายของฉัน และพํานกั อยใู นสวรรคอ ันบรมสุขภายใตบ ลั ลังกข องพระผูอภิบาลของฉัน เขาก็จะตองจงรักภักดีตออาลีภายหลังจากฉัน และตองใหความเปนผูนําแกอะหฺลุลบัยตฺของฉันภาย หลังจากฉัน เพราะแทจริงพวกเขาเหลาน้ันเปนเชื้อสายของฉัน พวกเขาถูกสรางขึ้นมาจากเน้ือดิน สวนเดียวกับฉัน และไดรับปจจัยแหงความรูและวิชาการของฉัน ดังนั้นความวิบัติพึงมีแดผูมุสา ทั้งหลายจากประชาชาติของฉันท่ีปฏิเสธตอเกียรติยศของพวกเขา การตัดขาดความสัมพันธของฉัน จะมีแดพ วกเขา อลั ลอฮฺจะไมท รงใหพ วกเขาเหลานน้ั ไดร บั การอนเุ คราะหชวยเหลือของฉนั ”
25. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “ผูใดท่ีชอบจะใชชีวิตเชนเดียวกับชีวิตของฉัน และ ตายเชนการตายของฉัน และเขาสวรรคซึ่งพระผูอภิบาลของฉันไดสัญญาไวนั่นคือสวรรคแหงนิ รันดร เขาก็ตองจงรักภักดีกับอาลีและเชื้อสายของเขาหลังจากเขาเพราะแทจริงพวกเขาเหลาน้ันจะ ไมทาํ ใหพ วกเจาออกจากประตูแหงทางนาํ และไมท าํ ใหพ วกเจาเขา ประตแู หง ความหลง”(226) (225) เราไดกลาวถึงฮาดีษน้ีไปแลวใน อัล-มุรอญิอะฮฺที่ 10 เชนกัน โปรดพิจารณาดูหมาย เหตุของฮาดษี นท้ี น่ี นั่ ได 26. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบ รรดาลูกหลานของทา น) ไดกลา วอกี วา “โอ อัมมารเอย เมื่อเจาเห็นอาลีดําเนินการในกิจการ หนึ่ง ๆ สวนประชาชนทั้งหลายเขาไดดําเนินการไปในทางอื่นที่แตกตางไปก็ขอใหเจาดําเนินการ ในทางเดียวกับอาลี และหลีกเล่ียงจากทางเดินของประชาชนเหลาน้ัน เพราะวาเขาจะไมทําใหเจา พลาดไปสคู วามหลงผิดและจะไมทําใหเ จา ออกนอกทางนํา”(227) 27. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวในฮาดีษท่ีรายงานโดยทานอาบูบักรฺวา “มือของฉันและ มือของอาลีนั้นตา งอยใู นความยตุ ธิ รรมท่เี ทาเทยี มกัน”(228) 28. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอีกวา “โอฟาฏิมะฮฺเอยเจาจะภูมิใจไหมหนอตอการ ท่ีอัลลอฮฺ ผูทรงสูงสุด ไดทรงสําแดงบุรุษสองคนที่ประเสริฐย่ิงใหแกชาวโลกทั้งผองปรากฏขึ้นมา คนหน่งึ นน้ั คอื บิดาของเจา สว นอกี คนน้ันคือสามขี องเจา ”(229) 29. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอีกวา “ฉันคือผูตักเตือนสวนอาลีคือผูนําทาง กับเจาน่ี แหละอาลเี อยท่ีผรู บั ทางนําทงั้ หลายไดเจริญรอยสบื ไปหลังจากฉัน”(230) (226) โปรดดหู มายเหตุของฮาดีษนีท้ เี่ ราไดอางไวแลว ใน อัล-มุรอญอิ ะฮทฺ ่ี 10 (227) บันทึกโดยอัต-ตัยละมีย จากรายงานของอัมมารและอาบูอัยยูบ ในหนา 156 ุซอฺที่ 6 หนงั สอื “กันซ” (228) นค่ี อื ฮาดษี ท่ี 2539 หนา 153 ุซอฺที่ 6 หนงั สอื “กันซ”
(229) รายงานโดยทานฮากิม ในหนา 129 จาก ุซอฺท่ี 3 ในหนังสือ “ศอฮ้ีฮฺ อัลมุสตัดร็อก” นักปราชญฝายซุนนะฮฺเปนจํานวนมากท่ีไดทําการบันทึกฮาดีษบทน้ีโดยกลาววา “เปนฮา ดีษท่มี ีสายสืบศอฮีฮ้ ฺ” 30. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบ รรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอีกวา “โออาลีเอยไมเปนท่ีอนุมัติแกผูใดท่ีเขามีสภาพ “ู นบุ ” ในมสั ญดิ นอกจากฉนั กบั เจา ”(231) และทํานองเดียวกันนี้ทาน ฏ็อบรอนียก็ยังไดบันทึกฮาดีษท่ีมาจากรายงานของทานหญิงอุม มุซะละมะฮฺ ทานบัซซาร จากรายงานของทานสะอัด อันเปนรายงานที่มาจากทานศาสนทูต แหง อลั ลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจาํ เริญและความสนั ตสิ ขุ แดท า นและแดบ รรดาลกู หลานของ ทาน) ไดก ลา วอีกวา “ไมเปนทอี่ นมุ ัตแิ ดผูใดที่จะอยใู นสภาพน้ี “นุ บุ ” ในมสั ญดิ นี้นอกจากฉันและ อาลี”(232) 31. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลกู หลานของทา น) ไดกลา ววา “ฉันและบุคคลผูนี้หมายถึงอาลีเปนขอพิสูจนที่ชัดแจง สําหรับประชาชาติของฉันในวันกียามัต” ทานคอฏีบไดรายงานฮาดีษบทน้ีไวจากสายสืบที่มาจาก ทานอานัส(233) วา “จะดวยเหตุผลใดท่ีบิดาของฮาซันเปนขอพิสูจนท่ีชัดแจง เชนเดียวกับทานนบีอีก เลา ถาหากไมเปน เพราะวา เขาคอื ผูปกครอง (วะลยี ) ในยุคสมัยของทา น และเปนผบู ญั ชาการกิจการ ตา ง ๆ ภายหลงั จากทาน 32. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “ถอยคําท่ีถูกบันทึกไว ณ ประตูสวนสวรรคนั้นคือ ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ (ไมมีพระเจาอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ) มุฮัมมะดุรเราะซูลุลลอฮฺ (มูฮัมมัดเปนศา สนทูตแหง อลั ลอฮฺ) อาลีอะคู รอซูลุลลอฮฺ (อาลเี ปนพน่ี องของศาสนทูตแหง อลั ลอฮ)ฺ ”(234) (230) ทา นอัต-ตยั ละมียไดบนั ทกึ จากรายงานฮาดษี ของทานอิบนุ อับบาส เปนฮาดีษที่ 2631 ในหนา157 จาก ซุ อทฺ ี่ 6 จากหนังสือ “กนั ซ” (231) โปรดพิจารณาหมายเหตุของฮาดีษบทน้ี ตามท่ีเราไดกลาวไปแลวใน อัล-มุรอญิอะฮฺ ท่ี 34 ซ่ึงทานสามารถพิสูจนไดวาในการอางอิงแตละครั้งของเรานั้นไดเสนอหลักฐานท่ี เสนอมาจากฝายซนุ นะฮดฺ วยเสมอ
(232) ทานอิบนุ ฮะญัรไดบันทึกฮาดีษบทนี้ในหนังสือ “เศาะวาอิก” โปรดพิจารณาฮาดีษที่ 13 จาก 40 ฮาดีษที่ทานบันทึกไวในบาบที่ 9 (233) เปนฮาดีษท่ี 2632 หนา 157 ซุ อฺท่ี 6 หนงั สอื “กนั ซ” 33. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบ รรดาลูกหลานของทาน) ไดก ลาวอกี วา “ผใู ดประสงคท ่ีจะมองเห็นความตั้งใจอยางแนวแน ของศาสดานูห และประสงคที่จะมองเห็นความหยั่งรูของศาสดาอาดัม และความเฉลียวฉลาดของ ศาสดาอิบรอฮีม และความมีปญญาของศาสดามูซา และความมักนอยของศาสดาอีซาแลว เขาก็จง มองดูอาลี บิน อาบีฏอลิบ” รายงานโดยทานบัยฮะกียในหนังสือ “ศอฮ้ีฮฺ” ของทาน และทานอิมาม อะหมฺ ัด บนิ ฮันบลั ในหนังสอื “มุสนดั ” ของทา น” (235) 34. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบ รรดาลกู หลานของทาน) ไดก ลาววา “ขอ ความทีถ่ ูกบนั ทึกไว ณ เบ้ืองบัลลังก (ของอัลลอฮฺ) น้ันคือ ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ (ไมมีพระเจาอ่ืนใดนอกจากอัลลอฮฺ) มุฮัมมะดุรเราะซูลุลลอฮฺ (มุฮัมมัด เปนศาสนทูตของอัลลอฮฺ) ฉันไดยืนหยัดตามถอยคําน้ีโดยอาลี และฉันไดรับการอุปถัมภโดยอาลี” (236) (234) ทานฏ็อบรอนียบันทึกไวในหนังสือ “อัล-เอาซัฏ” ทานคอฏีบบันทึกไวในหนังสือ “อัล-มุตตาฟก วัล-มุฟตะร็อก” มีปรากฏอยูในตอนแรกของหนา 159 ุซอฺท่ี 6 หนังสือ “กันซ” โปรดดูอัล-มุรอญิอะฮฺที่ 34 ซ่ึงหมายเหตุของฮาดีษน้ีเปนประโยชนสําหรับผู ทําการคนควาศึกษา (235) ทานอิบนุ อาบู ฮะดีดไดอางจากบุคคลท้ังสอง ไปบันทึกไวในหัวขอที่ 4 จากหัวขอ เรือ่ งตาง ๆ ทีท่ า นไดอ ธบิ ายไวใ นหนา 449 ุซอฺท่ี 2 ของหนังสือ “ชะเราะฮฺ นะฮฺุล-บะลา เฆาะฮฺ” ทานอิมามรอซียไดอธิบายไวในการใหความหมายโองการ อัล-มุบาฮิละฮฺ ใน หนังสือ “ตัฟสีร อัล-กะบีร” หนา 288 ุซอฺท่ี 2 หนังสือ “อิรซาลุล-มุสลิมาต” ไดทําการ รวบรวมฮาดีษบทนี้ไวโดยสํานวนที่ตรงกันและทั้งสํานวนที่แตกตางกัน ฮาดีษบทนี้ยังได บันทกึ โดยทา นอิบนบุ ัฏเฏาะ จากรายงานฮาดีษของทานอิบนุ อับบาส ตามท่ีมีปรากฏอยูใน หนา 34 หนังสือ “ฟตฮุล-มุลกุล-อาลี” โดยสายสืบฮาดีษท่ีศอฮ้ีฮฺ ในบาบท่ีวาดวยนครแหง ความรูของอาลีโดยอิมามอะหฺมัด บิน ศอดิก อัล-ฮุซนีย ชาวมอร็อกโคที่มาพํานักอยูในกรุง ไคโร และผูท่ีใหการยอมรับวาทานอาลี คือผูท่ีมีคุณสมบัติตาง ๆ ของบรรดานบีทั้งหลาย
น้ันก็คอื ทา นมะฮฺยดุ ดีน บนิ อรั บีย ซงึ่ ทานอาริฟ ชะอรฺ อนียฺ ไดอางถอยคําของเขาบันทึกไว ในหมวดที่ 32 หนงั สือ “อัล-ยวุ ากตี วัล-ญะวาฮิร” หนา 172 35. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “โออาลีเอย แทจริงอุปมาเร่ืองของเจากับเร่ืองของ ศาสดาอีซานั้น มีเหมือนกันอยูประการหนึ่ง คือ พวกยะฮูดีโกรธเกลียดเขานับต้ังแตเขาอยูในครรภ มารดา แตพวก นะศอรอนี (คริสเตียน) รักเขา จนกระทั่งเสนอตําแหนงใหแกเขาท้ัง ๆ ที่ตําแหนง นั้นมใิ ชเปน ของเขา (ตําแหนงบุตรพระเจา )”(237) 36. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “บุคคลสามคนท่ีไดรับสิทธิพิเศษลํ้าหนานั่นคือ ผูที่มี ความศรัทธากอนใครอ่ืนในสมัยศาสดามูซา นั่นคือ ยูชะฮฺ บิน นูน ผูท่ีศรัทธากอนใครอ่ืนตอศาสดา อีซา นน่ั คอื ศอฮบิ ยาซีน สว นผูท ศี่ รัทธากอ นใครอื่นของมฮู ัมมดั น้นั คือ อาลี บิน อาบีฏอลิบ”(238) 37. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “บรรดาผูซ่ือสัตยน้ันมีสามพวก อันไดแก ฮะบีบ อัน- นัจญาร ผูศรัทธาตออาลิยาซีน ผูซ่ึงไดกลาววา “โอประชาชนของฉัน จงปฏิบัติตามบรรดาศาสนทูต เถิด” และฮิซกีล ผูศรัทธาตออาลฟรอูนผูซ่ึงไดกลาววา “พวกทานจะฆาคนท่ีเขากลาววา อัลลอฮฺ คือ พระผูอภิบาลกระนั้นหรือ ?” และอาลี บิน อาบีฏอลิบ ผูซึ่งมีเกียรติยศดีเดนเหนือพวกเขาเหลาน้ัน” (239) (236) ทาน ฏ็อบรอนีย ไดบันทึกฮาดีษนี้ไวในหนังสือ “อัล-กะบีร” ทานอิบนุอะซากิร ได บนั ทึกไวเชน เดยี วกันตามทีม่ ีปรากฏอยูในหนา 158 ุซอทฺ ี่ 6 หนงั สือ “กนั ซ” (237) ทานฮากบิ ไดบันทกึ ไวในหนา 122 จาก ซุ อทฺ ี่ 3 หนงั สือ “มุสตัดรอ็ ก” (238) ทานฏ็อบรอนีย และทานอิบนุ มัรดุวียะฮฺ ไดบันทึกฮาดีษบทนี้จากรายงานของ ทา นอิบนุ อบั บาส ทา นอตั -ตัยละมยี ไ ดบ ันทึกฮาดษี บทนี้จากรายงานของทานหญิงอาอีซะฮฺ ซึ่งเปน ฮาดษี ทีถ่ กู บนั ทึกไวใ นตําราของฝา ยซนุ นะฮอฺ ยา งเตม็ ท่ี 38. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวแกทานอาลีวา “แทจริงประชาชาติของฉันจะมีคนทรยศ ตอเจาภายหลังจากฉัน และเจาไดดํารงชีวิตอยูตามศาสนาของฉัน (อิสลาม) และเจาจะถูกสังหารลง เพราะมั่นคงอยูตามแบบฉบับแหงชีวิตของฉัน ฉะน้ันผูใดที่รักเจาก็เทากับรักฉัน และผูใดโกรธ
เกลียดเจาก็เทากับโกรธเกลียดฉัน และจากตรงน้ีไปถึงตรงน้ี (ทานไดชี้ตั้งแตเคราไปถึงศีรษะของ ทา นอาลี) จะหลง่ั ไหลไปดว ยเลอื ด”(240) และทานอาลีเองก็ไดกลาววา “จากส่ิงท่ีทานนบีไดสัญญาไวกับฉันนั้นก็คือวา ประชาชาติ ภายหลังจากทานจะทําการทรยศตอฉัน”(241) จากรายงานของทานอิบนุ อับบาสไดกลาววา “ทานศา สนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลูกหลานของทา น) ไดก ลา วแกท านอาลีวา “ภายหลงั จากฉันแลวประชาชาตทิ ้งั หลายจะเปล่ียนแปลง แทจริงเจาจะไดพบกับการตอสูที่รุนแรง” ทานอาลีกลาววา “ในอิสลามอันเปนศาสนาของฉันใช ไหม ?” ทานศาสนทูตตอบวา “ใชแลว ในอิสลามอันเปน ศาสนาของเจา” (239) ทานอาบู นะอีม และทานอิบนุ อะซากิรไดบันทึกฮาดีษบทนี้มาจากรายงานของ อาบูลัยลา เปนฮาดีษมัรฟูอฺ ทานอิบนุนัจญารไดบันทึกฮาดีษบทนี้จากทานอิบนุ อับบาส เปนฮาดีษ มัรฟูอฺ โปรดพิจารณาฮาดีษที่ 30 และ 31 จาก 40 ฮาดีษ ซ่ึงทานอิบนุ ฮะญัรได บันทึกไวในตอนที่ 2 ของ บาบที่ 9 หนังสือ “เศาะวาอิก” ตอนทายของหนา 74 และหนา ถดั ไป (240) ทานฮากิมไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวในหนา 147 ุซอฺท่ี 3 หนังสือ “มุสตัดร็อก” โดย ระบุวาเปนฮาดีษศอฮี้ฮฺ ทานซะฮะบียก็ไดบันทึกไวในหนังสือ “ตัดคีศ” โดยจํากัด ความหมายของฮาดีษนว้ี า “เปนฮาดีษศอฮฮ้ี ”ฺ (241) ฮาดีษน้ีและฮาดีษท่ีถัดไปน้ีเปนรายงานฮาดีษของทานอิบนุ อับบาส ซึ่งทั้งสองฮาดีษ ทานฮากิมไดบันทึกไว ในหนา 140 ุซอฺท่ี 3 หนังสือ “มุสตัดร็อก” ทานซะฮะบียก็ได บันทึกท้ังสองฮาดีษไวในหนังสือ “ตัดคีศ” โดยที่บุคคลทั้งสองไดกลาวยืนยันวาฮาดีษทั้ง สองนีศ้ อฮีฮ้ ฺ ตรงตามเง่ือนไขของผูอาวุโสท้งั สองทาน 39. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบ รรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “แทจริงในหมูพวกเจาท้ังหลายน้ีจะมีผูที่ถูกสังหารใน ขณะที่กําลงั อานคัมภีรอัล-กุรอาน ซ่ึงเปนเสมือนกับการถูกสังหาร ณ สถานที่ซ่ึงเปนแหลงประทาน คมั ภีรลงมา” ดังนั้นถอยคําดังกลาวจึงเปนท่ีสนใจเปนพิเศษของบรรดากลุมสาวกท้ังหลาย ซึ่งในบุคคล กลุมนั้นมีทานอาบูบักรฺและทานอุมัรรวมอยูดวย ทานอาบูบักรฺไดกลาวข้ึนวา “ฉันไดเปนบุคคลคน
นั้นใชหรือไม ?” ทานศาสดาตอบวา “ไม” ทานอุมัร ถามวา “ฉันเปนบุคคลผูนั้นใชหรือไม ?” ทาน ศาสดาตอบวา “ไม! แตทวาเปน ผทู ่ีปะซอมรองเทา อยูน ไ่ี ง” (หมายถึงทานอาล)ี ทา นอาบู สะอีด อลั -คดุ รียไ ดก ลา ววา “ดังนัน้ พวกเราจึงไดเ ขาไปหาเขาแลวแสดงความยินดี ตอเขา โดยที่เขามิไดยกศีรษะของเขาข้ึนเลยเสมือนหน่ึงวา เขาไดฟงเรื่องน้ีจากทานศาสนทูต แหง อัลลอฮฺ (อลั ลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสขุ แดท านและแดบ รรดาลูกหลานของ ทาน)(242) มากอ นแลว” และในทํานองเดยี วกนั นก้ี ็ยงั มรี ายงานฮาดษี ของทา นอาบู อยั ยบู อัล-อนั ศอรีย ท่ีกลาวแกคอ ลีฟะฮฺอุมัร โดยท่ีทานไดกลาววา(243) “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญ และความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดออกคําสั่งใหทานอาลีทําการตอสู และสังหารผรู ุกรานตอ บรรดามุสลิมและบรรดาคนทรยศ” (242) ทานฮากิมไดบันทึกฮาดีษบทนี้ไวในหนา 122 ุซอฺท่ี 3 หนังสือ “มุสตัดร็อก” และ ไดกลาววา “ฮาดีษน้ีศอฮี้ฮฺตรงตามเง่ือนไขของผูอาวุโสทั้งสอง แตทานท้ังสองมิไดบันทึก ไว ทานซะฮะบียก็ไดระบุวา ฮาดีษน้ีศอฮ้ีฮฺตรงตามเงื่อนไขของผูอาวุโสท้ังสอง และดวย เหตุนี้ทานจึงไดบันทึกไวในหนังสือตัลคีศทานอิมามอะหฺมัดไดบันทึกฮาดีษบทน้ีจาก รายงานของอาบู ดาอีด ในหนา 82 และในหนา 33 จาก ุซอฺท่ี 3 หนังสือ “มุสนัด” ของ ทาน ทานบัยฮะกียไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวในหนังสือ “ชุอฺบุล-อีมาน” ทาน สะอีด บิน มนั ศรู ไดบนั ทึกไวในหนังสือ “สุนนั ” ของทา น ทานอาบูนะอีมไดบันทึกไวในหนังสือ “ฮุล ลียะฮฺ” และทานอาบู ยะอลาก็ไดบันทึกไวในหนังสือ “สุนัน” เปนฮาดีษที่ 2585 มีปรากฏ อยูใ นหนา 155 ซุ อทฺ ี่ 6 หนงั สือ “กันซ” (243) เปนฮาดีษท่ีทานฮากิมไดบันทึกมาจากสองกระแสรายงานในหนา 139 และหนา ถดั ไปจากซุ อฺที่ 3 หนังสือ “มสุ ตัดร็อก” ฮาดีษทํานองเดียวกันนี้ทานอัมมาร บิน ยาซิรก็ไดกลาวอีกวา ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ได กลาววา “โออาลีเอย กลุมบุคคลผูละเมิดกลุมหน่ึง จะทําการสังหารเจา โดยท่ีเจาน้ันอยูบนหลักสัจ ธรรม ฉะนั้นผูใดทเ่ี ขามไิ ดชวยเหลอื เจาในวนั นน้ั เขากม็ ใิ ชพวกของฉัน”(244) ทานอาบูซัรก็ไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งวา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรง ประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “ดวย
พระนามของผูซึ่งชีวิตของฉันอยูในพระหัตถของพระองค ในหมูพวกเจาน้ีจะมีบุรุษหน่ึงท่ี ประชาชนในยคุ หลังจากฉันจะสังหารเขา ขณะท่ีเขายึดมั่นอยูกับอัล-กุรอาน เสมือนกับท่ีฉันไดสูรบ ตอบรรดาผตู ง้ั ภาคโี ดยมีตําแหนง เชนเดียวกนั ”(245) และยังมีรายงานฮาดีษของทานมุฮัมมัด บิน อุบัยดิลลาฮฺ บิน อาบู รอฟอฺ ไดกลาววา “เปน รายงานจากบิดาและปูของทานท่ีช่ืออาบู รอฟอฺเลาวา ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺไดกลาววา “โอ อา บูรอฟอฺเอย ประชาชนกลุมหนึ่งภายหลังจากฉันนี้จะสังหารอาลี ฉะน้ันเปนกฎแหงอัลลอฮฺท่ีจะตอง ตอสูพวกเขา ฉะน้ันผูใดท่ีไมสามารถตอสูกับพวกเขาดวยมือได ดังนั้นก็ใหตอสูดวยลิ้นของเขา สวนผใู ดที่ไมส ามารถตอสูดว ยลน้ิ ไดก ใ็ หเ ขาตอ สดู วยหวั ใจ”(246) (244) เปนฮะดีษที่ทานอิบนุ อะซากิรไดบ ันทึกไว และเปนฮาดีษท่ี 2588 หนา 155 ุซอฺท่ี 6 หนงั สอื “กันซ” (245) เปนฮาดีษที่ทานอัด-ดัยละมียไดบันทึกไว ทํานองเดียวกันนี้ก็มีอยูในตอนทายของ หนา 155 จากซุ อทฺ ่ี 6 หนงั สือ “กนั ซ” (246) ทานฏ็อบรอนียไดบันทึกฮาดีษบทน้ีไวในหนังสือ “อัล-กะบีร” เชนเดียวกันที่มี ปรากฏอยูใ นหนา 155 จากุซอฺท่ี 6 หนงั สือ “กันซ” ยังมรี ายงานฮาดีษทีเ่ ลา โดยทานอัล-อคั ฎ็อร อลั -อันศอรยี กลา ววา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอ ฮฺไดกลาววา “ฉันถูกตอตาน ถูกทํารายในฐานะเปนท่ีถูกประทานมาของคัมภีรอัล-กุรอาน สวนอาลี ถกู สังหารในฐานะทสี่ าธยายคมั ภรี นั้น”(247) 40. ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบ รรดาลูกหลานของทา น) ไดกลาววา “โออาลีเอย ฉันลํ้าหนาเจาดวยตําแหนงของนบี เพราะ ไมม ีนบีภายหลงั จากฉนั อีกแลว แตเจาลํา้ หนา มนษุ ยท ั้งหลายเจ็ดประการ กลา วคือ เจา เปนบคุ คลแรกในหมพู วกเขาทีม่ ีความศรัทธาตออลั ลอฮฺ เจา เปน ผทู าํ หนา ทท่ี ่ีมตี ออลั ลอฮฺไดสมบรู ณท ี่สุดในหมพู วกเขา เจาเปนหลกั ยึดเหนีย่ วใหพ วกเขาเหลานัน้ ดํารงไวซ่งึ คําสัง่ ของอลั ลอฮฺ เจาเปนผูเ ท่ยี งธรรมทสี่ ุดในหมพู วกเขาในดา นการรักษาหนาท่ี เจาเปนผูมีเกียรติยศท่สี ดุ ในหมูพวกเขาทอ่ี ลั ลอฮทฺ รงเลือกสรร เจาเปน ผูจําแนกทีด่ ที ส่ี ุดในดา นของการจาํ แนกช่ัวดี เจา เปน ผมู ีดุลยพินิจทด่ี ที ี่สุดในการตดั สนิ ใจในหมูพ วกเขา”(248)
รายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งของทานอาบู สะอีด อัล-คุดรียไดกลาววาทานศาสนทูตแหงอัลลอ ฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ได กลาววา “โอ อาลี เอย คุณสมบัติของเจานั้นมีพิเศษอยูเจ็ดประการ ที่ไมมีใครบรรลุถึงคุณสมบัตินั้น ของเจา ได กลาวคอื (247) เขาคือบุตรของอาบู อัคฎ็อร ตามท่ีทานอิบนุ ซุกน ไดกลาวไว ฮาดีษบทน้ีไดรับ รายงานมาจากทานโดยสายสืบของ ฮาริษ บิน ฮะศีเราะฮฺ จากทานญาบีร อัล-ุอฺฟย จากอิ มาม บาฮิร จากบิดาของทาน “ซัยนุล อาบีดีน” ท่ีไดรับรายงานจากทานอัคฎ็อรซึ่งไดรับฟง มาจากทานนบี ทานอิบนุ ซุกนไดกลาววา “บุคคลผูนี้เปนซอฮาบะฮฺ ท่ีไมคอยปรากฏ ชื่อเสียงนัก รายงานของเขามักจะถูกตั้งขอสังเกตทานอัสก็อลลานียก็ไดอางไวอยางนี้ ใน หนงั สอื อศิ อบะฮฺ ทานดาเราะกตุ นยี ไดบนั ทกึ ฮาดษี น้ีไวในหนงั สือ “อฟิ รอด” (248) ทานอาบู นะอีม ไดบันทึกฮาดีษนี้จากรายงานของทานมุอาซ และไดบันทึกฮาดีษถัด มา นั่นคือฮาดีษท่ีรายงานโดยทานอาบู สะอีดดวย ในหนังสือ “ฮุลลียะตุลเอาลิยาอฺ และฮา ดษี ท้งั สองนมี้ ีปรากฏอยใู นหนา 156 จาก ซุ อฺท่ี 6 หนังสือ “กนั ซ” เจาเปน บคุ คลแรกของบรรดาผูศรัทธาท่ศี รทั ธาตอ อัลลอฮฺ เจาคือผูท ําหนาที่ตออัลลอฮฺไดอ ยา งสมบรู ณท สี่ ดุ เจาคือผทู าํ หนาทด่ี าํ รงรกั ษาคาํ ส่งั ตาง ๆ ของอัลลอฮฺไดด ีทสี่ ุด และเปน ผทู ําหนาท่รี ับผดิ ชอบไดดีทส่ี ุด และเปน ผูท่ีมีความรอบรูในการตดั สินใจไดด ที ีส่ ดุ และเปนผูที่มีเกยี รตยิ ศเปน พเิ ศษอยางดที ี่สุด” ยังมอี ีกมากมาย ซ่งึ เนื้อท่ีมีไมกวางพอท่ีจะบันทึกฮาดีษเหลานี้ ซึ่งบรรดานักปราชญฝายซุน นะฮฺไดเอื้อเฟอเก็บรักษารวบรวมทุกสิ่งทุกอยางไวใหเปนหลักฐานซึ่งแสดงใหเห็นถึงความหมาย อันหนึง่ นั่นคือทานอาลี เปนบุรุษหมายเลขสองรองลงมาจากทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺ ทรงประทานความจําเริญและความสันตสิ ุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ในประชาชาติ น้ีและโดยท่ีฐานะอันนั้นที่ถัดจากทานนบีเปนฐานะของทาน และน่ันคือความหมายตามนัยแหง บรรดาฮาดีษท่ีรายงานมาจากสายสืบท่ีสอดคลองตรงกันของฝายซุนนะฮฺ เพราะถาหากวาไมมี ประโยคฮาดษี ทีส่ อดคลอ งตรงกันแลว ทา นกจ็ ะยบั ยั้งไมยอมรับหลกั ฐานอนั ชดั แจงตา ง ๆ เหลานไ้ี ด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317