Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนพร้อมบันทึกหลังแผนครูปีย์วรา1-2564

แผนพร้อมบันทึกหลังแผนครูปีย์วรา1-2564

Published by Peewara Phalee, 2021-09-14 07:07:04

Description: แผนพร้อมบันทึกหลังแผนครูปีย์วรา1-2564

Search

Read the Text Version

สุด เรยี กว่า เวเลนซอ์ ิเล็กตรอน ใชบ้ อกหมูข่ องธาตใุ นตารางธาตุ ซึ่ง Na อยู่หมู่ 1A และระดับพลงั งาน ของธาตใุ ช้บอก คาบของธาตุในตารางธาตุ ซ่ึง Na อยู่คาบ 3 จากนั้นให้นักเรียนจดั เรยี งอิเลก็ ตรอน และบอกหมูแ่ ละคาบในตารางธาตุ (5 คะแนน) ของธาตดุ ังตอ่ ไปน้ี 1) Mg มเี ลขอะตอม 12 (มกี ารจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนในระดบั พลงั งานหลัก คือ 2,8,2) 2) Cl มีเลขอะตอม 17 (มีการจดั เรียงอิเล็กตรอนในระดบั พลงั งานหลกั คือ 2,8,7 3) Br มีเลขอะตอม 35 (มีการจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนในระดบั พลังงานหลัก คือ 2,8,18,7 4) K มเี ลขอะตอม 19 (มีการจัดเรยี งอิเล็กตรอนในระดบั พลังงานหลัก คือ 2,8,8,1 ไม่ใช่ 2,8,9) 5) Ca มีเลขอะตอม 20 มกี ารจดั เรียงอเิ ล็กตรอนในระดบั พลงั งานหลกั คือ 2,8,8,2 ไมใ่ ช่ 2,8,10) ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (10 นาท)ี 1. ครูต้ังคาํ ถามว่า จากสูตร 2n2 จาํ นวนอิเลก็ ตรอนสูงสดุ ในระดับพลังงานท่ี 3 ควรเป็น 18 อิเล็กตรอน เพราะเหตุใดอิเลก็ ตรอนในระดบั พลังงานที่ 3 ของธาตุ K และ Ca จงึ มีเพียง 8 อเิ ลก็ ตรอนเพ่อื นาํ เข้าสู่เรื่อง ระดับพลังงานหลกั และระดบั พลงั งานยอ่ ยของอิเล็กตรอนในอะตอม 2. ครูให้ความรู้ในเรื่องระดับพลงั งานหลกั และระดบั พลังงานย่อยของอเิ ล็กตรอนในอะตอม ซึ่งสาระสาํ คัญดงั น้ี 2.1 ในระดับพลังงานหลักแบ่งเป็นระดบั พลงั งานยอ่ ย คือ s p d f ตามลําดบั 2.2 ในระดบั พลังงานหลักที่ 1–4 มีจํานวนระดบั พลงั งานยอ่ ยตา่ ง ๆ ดังน้ี พลงั งานหลักท่ี 1 (n=1) มรี ะดบั พลงั งานยอ่ ยคือ 1s พลงั งานหลักท่ี 2 (n=1) มรี ะดบั พลงั งานยอ่ ยคอื 2s 2p พลังงานหลกั ที่ 3 (n=1) มีระดบั พลงั งานยอ่ ยคอื 3s 3p 3d พลงั งานหลกั ท่ี 4 (n=1) มรี ะดบั พลงั งานย่อยคือ 4s 4p 4d 4f 2.3 ระดับพลังงานย่อย (s p d f) ในระดบั พลังงานหลักเดียวกัน (n=1, 2, 3, 4,…) มีคา่ พลังงานแตกต่างกนั เช่น 2p มีพลงั งานมากกว่า 2s 2.4 ลําดบั ระดบั พลงั งานที่บรรจอุ เิ ลก็ ตรอนไม่จาํ เป็นต้องเรยี งตามพลังงานหลกั เสมอ เชน่ 4s มพี ลังงานต่ำกวา่ 3d ดงั นนั้ จึงบรรจอุ เิ ลก็ ตรอนใน 4s กอ่ น 3d จงึ เปน็ คำตอบท่วี ่าทำไม พลงั งานท่ี 3 ของธาตุ K และ Ca จงึ มเี พียง 8 อิเล็กตรอน ดังนนั้ วธิ กี ารจดั เรียงอเิ ล็กตรอนของธาตุ ตอ้ งบรรจอุ เิ ล็กตรอนในออรบ์ ทิ ัลทมี่ ีพลงั งานต่ำสุดและวา่ งกอ่ นเสมอ โดยการบรรจอุ ิเล็กตรอนในออร์ บทิ ัลมีลาํ ดบั เป็นดังน้ี

1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 3d10 4s2 4p6 4d10 4f14 5s2 5p6 5d10 5f14 6s2 6p6 6d10 6f14 7s2 7p6 7d10 7f14 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาท)ี ครูอธบิ ายความหมายของคาํ วา่ ออร์บทิ ัล จากนั้นใหน้ กั เรียนศกึ ษาและรว่ มกันอภปิ รายว่าใน แตล่ ะระดบั พลงั งานยอ่ ยมจี าํ นวนออรบ์ ิทัลเท่ากันหรอื ไม่ อยา่ งไร และจํานวนอิเล็กตรอนสงู สุดใน ระดับพลงั งานยอ่ ยมเี ท่าไร ซึ่งควรไดค้ าํ ตอบว่า ในแตล่ ะระดบั พลงั งาน ยอ่ ยมีจํานวนออร์บิทัลแตกตา่ งกัน และในแต่ ละออรบ์ ทิ ัลมจี ํานวนอเิ ลก็ ตรอนสงู สดุ 2 อเิ ลก็ ตรอน โดยที่ ระดบั พลังงานย่อย s มี 1 ออร์บทิ ลั มีจํานวนอเิ ลก็ ตรอนสูงสดุ 2 ระดับพลงั งานย่อย p มี 3 ออร์บทิ ลั มีจาํ นวนอเิ ล็กตรอนสูงสดุ 6 ระดับพลังงานยอ่ ย d มี 5 ออร์บทิ ัล มีจาํ นวนอิเลก็ ตรอนสูงสดุ 10 ระดับพลงั งานยอ่ ย f มี 7 ออรบ์ ิทลั มจี ํานวนอิเลก็ ตรอนสูงสดุ 14 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (10 นาท)ี นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั 2.3 การจดั เรยี งอิเลก็ ตรอนในอะตอม ในข้อ 1 และ 2 แล้วรว่ มกนั เฉลยคำตอบ ชว่ั โมงที่ 2-3 (เวลา 2 ชว่ั โมง) ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี ครูทบทวนเกยี่ วกบั การจัดเรียงอเิ ล็กตรอนของธาตุ ดงั น้ี 1) จำนวนอเิ ล็กตรอนท่มี ีได้มากท่ีสดุ ในแต่ละระดับพลังงานคือเทา่ ใด (2n2) 2) จดั เรียงอิเล็กตรอนในระดบั พลงั งานหลักของธาตุตอ่ ไปนี้ สัญลกั ษณ์ของธาตุ เลขอะตอม การจดั เรียงอิเล็กตรอน ในระดับพลังงานหลัก 1273Al 13 283 49Be 4 22 2400Ca 20 2 8 8 2 15237I 53 2 8 18 18 7 3805Br 35 2 8 18 7

ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (20 นาที) 1. ครูให้นักเรียนดูรูป และอธิบายว่า สัญลักษณ์แสดงการจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม ให้ เขียนตัวเลขแสดงระดับพลังงานหลักตามด้วยตัวอักษรแสดงระดับพลังงานย่อย และจํานวน อเิ ล็กตรอนในออร์บทิ ลั ดว้ ยเลขยกกําลงั บนตัวอักษร เช่น 2s2 มีความหมายดงั นี้ 2 คือพลังงานหลัก s คือพลังงานย่อย และ 2 ที่เขียนเป็นเลขยก กําลงั คือจาํ นวนอิเล็กตรอนท่ีบรรจอุ ยู่ในออร์บทิ ัล 2s แสดงระดบั พลงั งาน 1s2 จำนวนอิเล็กตรอนในออร์บิทัล สัญลักษณแ์ ทนออร์บทิ ลั 2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน ศึกษาหลักการจัดอิเล็กตรอนตามหลักการกีดกัน ของเพาลี หลกั ของอาฟบาว กฎของฮุนด์ การบรรจอุ ิเลก็ ตรอนแบบเต็มและบรรจุครึ่ง ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (20 นาที) ครตู ง้ั คำถามให้นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ียวกบั การจดั เรียงอเิ ลก็ ตรอนในอะตอม 1) การจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนแต่ละหลกั การมสี าระสำคัญใดบ้าง (แนวตอบ: หลกั การกดี กันของเพาลี กล่าวว่า ในการจัดเรียงอิเล็กตรอนลงในแตล่ ะออรบ์ ิทัล สามารถจัดเรียงอเิ ลก็ ตรอนไดม้ ากทส่ี ุด 2 อเิ ล็กตรอน และทงั้ 2 อิเลก็ ตรอน จะตอ้ งมีสมบัตทิ แี่ ตกต่าง กัน หลกั ของอาฟบาว กล่าวว่า การบรรจุอเิ ลก็ ตรอนลงในออร์บทิ ัลตอ้ งจดั เรยี งลงในออร์บิทัลที่มี พลังงานต่ำสดุ กอ่ น แลว้ จงึ บรรจลุ งในออรบ์ ทิ ลั ถดั ไปทม่ี ีพลงั งานสูงขึน้ กฎของฮนุ ด์ กลา่ วว่า การบรรจอุ ิเลก็ ตรอนลงในออรบ์ ทิ ลั ที่มีระดับพลงั งานเทา่ กนั จะตอ้ ง บรรจุให้อยู่ในลกั ษณะเด่ยี วใหม้ ากท่ีสุด) 2) เพราะเหตใุ ดการจดั เรียงอิเล็กตรอนคูต่ ามหลกั การกีดกนั ของเพาลจี ึงตอ้ งจดั เรียง ดงั น้ี (แนวตอบ: เนอ่ื งจากตามหลกั การกีดกันของเพาลี อิเลก็ ตรอน 2 อิเลก็ ตรอนที่นำมาจดั เรียง ต้องมสี มบตั ิตา่ งกัน คอื อเิ ลก็ ตรอนคนู่ ั้นตอ้ งมีทศิ ทางของอเิ ลก็ ตรอนท่ีต่างกนั ถา้ ตัวหนง่ึ ช้ีข้นึ อีกตัว หน่งึ ต้องชี้ลง) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครใู ห้ความรเู้ พิ่มเตมิ ว่า การจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนในอะตอมอาจเขยี นแบบย่อ โดยแทนการ จดั เรียงอิเลก็ ตรอนบางสว่ นดว้ ย แกนแกส๊ มสี กุล (noble gas core) ซง่ึ ใชส้ ัญลักษณ์ของแกส๊ มีสกุลที่ อยู่ ในคาบก่อนหน้าไวใ้ นวงเล็บเหลย่ี ม ตามด้วยสัญลกั ษณแ์ สดงการบรรจอุ เิ ลก็ ตรอนในระดบั พลังงาน ย่อยทอ่ี ยู่ชนั้ ถัดออกไป เชน่ โซเดยี ม จดั เรียงอิเลก็ ตรอนเปน็ 1s2 2s2 2p6 3s1 เขียนโดยใช้แกนแก๊ส มี สกุลเป็น [Ne] 3s1 โดย [Ne] (Ar เลขอะตอม 10) แทนการจัดเรียงอิเล็กตรอน 1s2 2s2 2p6 [Ar] (Ar เลขอะตอม 18) แทนการจดั เรยี งอิเลก็ ตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 [Kr] (Kr เลขอะตอม 36) แทนการจัดเรียงอเิ ลก็ ตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d10 4p6 [Xe] (Xe เลขอะตอม 54) แทนการจัดเรียงอเิ ล็กตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d10 4p6 5s2 4d105p6

ตวั อยา่ ง 1) ธาตุ Ge เขยี นยอ่ เป็น [Ar] 4s22 3d10 4p2 2) ธาตุ P เขยี นย่อเปน็ [Ne] 3s2 3p3 จากน้นั ให้แตล่ ะกลุม่ ช่วยกนั จัดเรยี งอิเล็กตรอนในระดับพลงั งานยอ่ ย โดยเขยี นแบบยอ่ ของธาตุ ตอ่ ไปน้ี (5 คะแนน) 1) ธาตุ Cl (เขียนแบบย่อเปน็ [Ne] 3s2 3p5) 2) ธาตุ Se (เขียนแบบยอ่ เป็น [Ar] 3d10 4s2 4p4) 3) ธาตุ Sr (เขยี นแบบย่อเป็น [Kr] 5s2) 4) ธาตุ Ga (เขยี นแบบย่อเป็น [Ar] 3d10 4s2 4p1) 5) ธาตุ Cs (เขยี นแบบยอ่ เป็น [Xe] 6s1) 2. ครูใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาการจัดเรียงอเิ ล็กตรอนของธาตุ แลว้ ให้ความร้วู ่าอิเลก็ ตรอน ช้นั นอกสุดของอะตอมเรยี กวา่ เวเลนซ์อเิ ล็กตรอน เช่น โซเดยี ม จดั เรยี งอิเลก็ ตรอนเปน็ 1s2 2s2 2p6 3s1 มจี ํานวนเวเลนซอ์ ิเล็กตรอนเทา่ กับ 1 แสดงวา่ โซเดยี มอยู่หมู่ 1A คาบท่ี 3 3. ครูตั้งคําถามว่า การท่ีธาตุเกิดเปน็ ไอออน มกี ารเปล่ียนแปลงจาํ นวนอนุภาคชนิดใดของ อะตอม (แนวคำตอบ : อิเลก็ ตรอน ซ่งึ ไอออนลบเกดิ จากอะตอมรับอเิ ล็กตรอนเพมิ่ เข้ามา สว่ น ไอออนบวกเกดิ จากอะตอมเสียอิเล็กตรอนออกไป) 4. ใหค้ วามรูเ้ กี่ยวกบั การจดั เรยี งอเิ ล็กตรอนของธาตทุ ่ีมีประจุ ดังน้ี 4.1) กรณที ี่ธาตุไดร้ บั อเิ ล็กตรอน ใหบ้ รรจอุ เิ ลก็ ตรอนปกตริ วมกบั อเิ ลก็ ตรอนท่รี ับเข้ามา ตามลาํ ดบั ระดับพลังงานโดยอาศยั แผนภาพตามหลักเอาฟบาว เชน่ N : 1s2 2s2 2p3 N3- : 1s2 2s2 2p6 (รับเพิม่ 3 อเิ ลก็ ตรอน) 4.2) กรณีทธ่ี าตเุ สยี อเิ ล็กตรอน ใหบ้ รรจุอเล็กตรอนตามปกตกิ ่อน จากนนั้ จึงนำอิเล็กตรอนท่ี อย่ชู ้นั นอกสุดออก เช่น Al : 1s2 2s2 2p6 3s2 3p1 Al3+: 1s2 2s2 2p6 (เสีย 3 อิเลก็ ตรอน) Fe : 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d6 Fe2+ : 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 3d6 (เสยี 2 อเิ ล็กตรอนที่ชนั้ นอกสดุ ) ไมใ่ ช่ 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d4 จากนัน้ ให้แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั จัดเรียงอิเล็กตรอนในระดบั พลังงานย่อยของธาตุที่เกดิ เป็นไอออนต่อไปนี้ (5 คะแนน) 1) Zn2+ (จดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 3d10 หรือเขยี นย่อเปน็ [Ar] 3d10) 2) Cu+ (จัดเรียงอเิ ล็กตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 3d10 หรือเขยี นยอ่ เป็น [Ar] 3d10) 3) Cl - (จัดเรยี งอิเล็กตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 เขียนแบบย่อเป็น [Ne] 3s2 3p6) 4) Cu2+ (จัดเรียงอเิ ล็กตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 3d9 หรอื เขยี นย่อเปน็ [Ar] 3d9)

5) S2- (จัดเรียงอิเลก็ ตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 หรอื เขียนยอ่ เป็น [Ne] 3s2 3p6) จากนนั้ รวมคะแนนทัง้ หมดกลมุ่ ใดไดค้ ะแนนมากทสี่ ุดเป็นฝ่ายชนะ ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (30 นาท)ี นักเรียนทำแบบฝึกหดั 2.3 การจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม ในข้อ 3 - 6 แล้วร่วมกันเฉลย คำตอบ 9. และประเมินผล/หลักฐานหรอื ร่องรอยของการเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ วี ดั เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารวัด ดา้ นความรู้ 1. บอกความแตกต่างของระดบั พลงั งาน ตรวจจากแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หัด 2.3 การ ผา่ นเกณฑร์ ้อย 2.3 การจัดเรยี ง จัดเรียงอเิ ล็กตรอนใน ละ 60 ขึน้ ไป หลกั พลงั งานยอ่ ย และออร์บิทลั อิเล็กตรอนในอะตอม อะตอม 2. จัดเรียงอเิ ล็กตรอนในระดบั พลงั งาน ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมนิ ทักษะ ผ่านเกณฑ์ หลัก และระดบั พลงั งานยอ่ ย กระบวนการทาง กระบวนการทาง ระดบั ดี ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (การ วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ขึ้นไป ตคี วามหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป) สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมิน ผา่ นเกณฑใ์ น ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระหวา่ งจดั การเรยี นรู้ คุณลกั ษณะอนั พึง ระดับดขี ้ึนไป นกั เรยี นมคี วามกระตือรอื รน้ ในการเรียน ประสงค์ 10. สือ่ และแหลง่ เรยี นรู้ สอื่ การเรียนรู้ แบบฝกึ หดั 2.3 การจัดเรยี งอิเลก็ ตรอนในอะตอม แหล่งการเรยี นรู้ - หนังสือเรียนรายวิชาเคมี 1 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ โดยสถาบนั ส่งเสรมิ การสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ - หอ้ งสมดุ โรงเรียน

แบบฝึกหดั 2.3 การจดั เรยี งอิเลก็ ตรอนในอะตอม 1. จงนำข้อมลู ต่อไปน้เี ติมลงในแผนภาพใหถ้ ูกต้อง Orbitals Shell Subshells ทม่ี า : https://chemistry.stackexchange.com 2. จงเติมขอ้ มูลลงในตารางให้ถูกต้อง ธาตุ เลขอะตอม การจัดเรยี งอเิ ลก็ ตรอนในระดับ คาบ หมู่ พลงั งานหลกั K Be Ge Ca Kr Cs As I

3. ธาตวุ าเนเดียมและแคดเมียม มีเลขอะตอม 23 และ 48 ตามลำดบั จงแสดงการจดั เรียงอเิ ล็กตรอน ในระดับพลงั งานย่อยและจำนวนอเิ ลก็ ตรอนในระดับพลังงานหลักของธาตทุ ัง้ สอง …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… 4. ถา้ ธาตุ A B และ C มีการจดั เรยี งอเิ ล็กตรอนดังน้ี ธาตุ A 1s2 2s2 2p6 3s2 3p2 ธาตุ B 1s2 2s2 2p6 3s2 ธาตุ C 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4.1 ธาตุ A B และ C มเี ลขอะตอมเทา่ ใด …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… 4.2 ธาตแุ ต่ละชนดิ มีอเิ ลก็ ตรอนอยู่ในระดับพลังงานใดบ้าง และมจี ำนวนเทา่ ใด …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………

5. จงระบสุ ัญลักษณ์ของธาตทุ ม่ี ีการจัดเรียงอเิ ล็กตรอนดงั ตอ่ ไปน้ี 5.1 [Ar] 4s22 3d10 4p2 5.2 [Ne] 3s2 3p3 5.3 [Kr] 5s2 4d5 …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………… …………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… 6. จงเขียนการจัดเรยี งอิเล็กตรอนในระดับพลังงานย่อยของ Zn2+ Cu+ S2- …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………… …………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………..………………………………………………………………………………………………………

เฉลย แบบฝกึ หดั 2.3 การจดั เรียงอิเล็กตรอนในอะตอม 1. จงนำข้อมูลต่อไปนี้เติมลงในแผนภาพใหถ้ กู ต้อง Orbitals Shell Subshells ทม่ี า : https://chemistry.stackexchange.com 2. จงเตมิ ข้อมูลลงในตารางให้ถกู ตอ้ ง ธาตุ เลขอะตอม การจดั เรยี งอิเลก็ ตรอนในระดบั คาบ หมู่ พลงั งานหลกั 4 1 2 2 K 19 2, 8, 8, 1 4 4 4 2 Be 4 2, 2 4 8 6 1 Ge 32 2, 8, 18, 4 453 5 5 7 Ca 20 2, 8, 8, 2 Kr 36 2, 8, 18, 8 Cs 55 2, 8, 18, 18, 8, 1 As 33 2, 8, 18, 5 I 53 2, 8, 18, 18, 7

3. ธาตวุ าเนเดยี มและแคดเมียม มเี ลขอะตอม 23 และ 48 ตามลำดับ จงแสดงการจัดเรยี ง อเิ ล็กตรอนในระดบั พลงั งานยอ่ ยและจำนวนอเิ ล็กตรอนในระดับพลังงานหลักของธาตทุ ้งั สอง - ธาตวุ าเนเดียมมเี ลขอะตอม 23 จดั เรียงอเิ ลก็ ตรอนในระดับพลงั งานยอ่ ย คอื 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d3 หรือ [Ar] 4s2 3d3 จำนวนอิเล็กตรอนในระดบั พลังงานหลกั คือ 2 8 11 2 - ธาตแุ คดเมยี มมีเลขอะตอม 48 จดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอนในระดับพลังงานย่อย คอื 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d10 4p6 5s2 4d10 หรอื [Kr] 5s2 4d10 จำนวนอเิ ลก็ ตรอนในระดับพลงั งานหลัก คือ 2 8 18 18 2 4. ถ้าธาตุ A B และ C มกี ารจัดเรียงอเิ ล็กตรอนดงั นี้ ธาตุ A 1s2 2s2 2p6 3s2 3p2 ธาตุ B 1s2 2s2 2p6 3s2 ธาตุ C 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4.1 ธาตุ A B และ C มีเลขอะตอมเท่าใด ธาตุ A มีเลขอะตอม = 2 + 2 + 6 + 2 + 2 = 14 ธาตุ B มเี ลขอะตอม = 2 + 2 + 6 + 2 = 12 ธาตุ C มีเลขอะตอม = 2 + 2 + 6 + 2 + 6 = 18 4.2 ธาตุแตล่ ะชนดิ มอี เิ ลก็ ตรอนอย่ใู นระดบั พลังงานใดบา้ ง และมีจำนวนเทา่ ใด ธาตแุ ต่ละชนดิ มีจำนวนอเิ ลก็ ตรอนในแตล่ ะระดับพลังงานดงั นี้ ธาตุ จำนวนอเิ ลก็ ตรอนในระดับพลงั งานตา่ ง ๆ n=1 n=2 n=3 A284 B282 C288 5. จงระบุสัญลกั ษณข์ องธาตุที่มีการจัดเรียงอเิ ลก็ ตรอนดังต่อไปนี้ 5.1 [Ar] 4s22 3d10 4p2 5.2 [Ne] 3s2 3p3 5.3 [Kr] 5s2 4d5 - ธาตุ Ar มเี ลขอะตอม 18 มี 18 อเิ ล็กตรอน เม่อื รวมจำนวนอิเล็กตรอนท้ังหมดจะได้ 18 + 2 + 10 + 2 = 32 อเิ ลก็ ตรอน ธาตนุ ี้มเี ลขอะตอมเปน็ 32 น่ันคือ ธาตุ Ge - ธาตุ Ne มเี ลขอะตอม 10 มี 10 อิเลก็ ตรอน เม่ือรวมจำนวนอิเล็กตรอนท้ังหมดจะได้ 10 + 2 + 3 = 15 อิเลก็ ตรอน ธาตุนี้มีเลขอะตอมเปน็ 15 นน่ั คือ ธาตุ P - ธาตุ Kr มีเลขอะตอม 36 มี 36 อเิ ลก็ ตรอน เมื่อรวมจำนวนอเิ ล็กตรอนท้ังหมดจะได้ 36 + 2 + 5 = 43 อเิ ลก็ ตรอน ธาตุนีม้ เี ลขอะตอมเปน็ 43 นนั่ คือ ธาตุ Tc

6. จงเขียนการจัดเรยี งอเิ ลก็ ตรอนในระดับพลังงานย่อยของ Zn2+ Cu+ S2- Zn2+ จดั เรียงอเิ ลก็ ตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 3d10 หรอื เขียนยอ่ เปน็ [Ar] 3d10 Cu+ จัดเรยี งอเิ ล็กตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 3d10 หรือเขียนยอ่ เป็น [Ar] 3d10 S2- จัดเรียงอเิ ลก็ ตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 หรือเขียนย่อเปน็ [Ne] 3s2 3p6 หมายเหตุ กรณี S2- ถ้านักเรียนเขียนคำตอบเป็น [Ar] ครูอธิบายนักเรียนว่าการเขียน [Ar] ไม่ สอดคล้องตามหลักการเขยี น เพราะ Ar ไม่ใช่แกส๊ มีสกุลทอ่ี ยูใ่ นคาบก่อนหน้า S



บันทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน ดา้ นความรู้ จากแบบฝึกหัด 2.3 การจัดเรียงอิเลก็ ตรอนในอะตอม พบว่านกั เรียนสว่ นใหญ่สามารถบอกความ แตกต่างของระดับพลังงานหลกั พลงั งานยอ่ ย ออรบ์ ทิ ัล จัดเรียงอิเลก็ ตรอนในระดบั พลังงานหลกั และระดบั พลงั งานยอ่ ยได้อย่างถกู ต้องรอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป ด้านทักษะกระบวนการ จากแบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบวา่ นักเรยี นสว่ นใหญ่มีทักษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ (การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป) ในระดบั ดีข้ึนไป ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ จากแบบประเมินพฤตกิ รรมระหวา่ งจดั การเรียนรู้ พบวา่ นักเรียนสว่ นใหญ่มคี วามกระตอื รอื รน้ ในการ เรียน ผา่ นเกณฑ์ในระดับดขี น้ึ ไป ปัญหา/อุปสรรค ดา้ นความรู้ นักเรยี นบางส่วนยงั ไม่สามารถบอกความแตกต่างของระดับพลังงานหลกั พลังงานยอ่ ย ออร์บทิ ลั จดั เรียงอเิ ลก็ ตรอนในระดบั พลังงานหลัก และระดับพลงั งานย่อยได้ เนือ่ งจากอาจจะเรยี นไม่ทนั แล้วไมก่ ลา้ พดู ไม่กล้าถาม ด้านทักษะกระบวนการ นักเรยี นบางส่วนยังมีทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (การตคี วามหมายขอ้ มูลและการลงขอ้ สรุป) ตำ่ กวา่ ระดับดี อาจจะไมก่ ลา้ เปิดกลอ้ งหรือเปดิ ไมค์ในการตอบคำถามระหว่างการเรยี นการสอน ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ นักเรยี นบางส่วน (19.01%) มีความกระตอื รือร้นในการเรยี น ต่ำกวา่ ระดับดี แนวทางแก้ไข สมุ่ ถามนักเรยี นเพื่อตรวจสอบความเข้าใจและเพิม่ เติมความรู้ ลงช่อื .................................................... (นางสาวปีย์วรา ผาล)ี .........../................../..............

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 9 รหสั วชิ า ว30221 วิชา เคมี1 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 อะตอมและสมบัติของธาตุ เรื่อง ตารางธาตุ ********************************************************************************** 1. ผลการเรียนรู้ ระบุหมู่ คาบ ความเปน็ โลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ ของธาตเุ รพรเี ซนเททีฟ และธาตุ แทรนซชิ ันในตารางธาตุ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระเคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบตั ิ ของสาร แก๊สและสมบัตขิ องแก๊ส ประเภทและสมบตั ิของสารประกอบอนิ ทรีย์และพอลเิ มอร์ รวมทัง้ การนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 3. สาระสำคัญ การค้นพบธาตจุ ำนวนมากท่ีมีสมบัตแิ ตกตา่ งกัน ทำให้ยากตอ่ การศกึ ษา นักวิทยาศาสตร์จึง ได้จดั จำแนกหมวดหม่ขู องธาตุ โดยจกั ธาตุทีม่ สี มบัตคิ ลายคลึงกันใหอ้ ยใู่ นกลุม่ เดียวกัน โดยนำเสนอใน รูปแบบของตารางธาตทุ ี่แสดงสมบัตทิ างเคมี และสมบตั ิทางกายภาพของธาตุไวอ้ ย่างชดั เจน ซ่ึง สามารถนำมาใช้อธิบายเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ของธาตใุ นการเกดิ ปฏิกิริยาเคมขี องสารได้ ตารางธาตุในปัจจุบันจัดเรยี งธาตตุ ามเลขอะตอมและสมบตั ิท่ีคล้ายคลึงกนั เปน็ หมแู่ ละคาบ โดยอาจแบง่ ธาตุในตารางธาตุเป็นกลมุ่ ธาตโุ ลหะ ก่งึ โลหะ และอโลหะ นอกจากน้ีอาจแบ่งเป็นกล่มุ ธาตเุ รพรเี ซนเททฟี และกลมุ่ ธาตุแทรนซิชนั 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ จำแนกธาตเุ ปน็ กลมุ่ โลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะ หรือเปน็ กลมุ่ ธาตุเรพรเี ซนเททีฟหรอื ธาตหุ มู่ หลกั ธาตแุ ทรนซชิ นั หรือตามการจดั เรียงอเิ ล็กตรอนเม่อื ทราบเลขอะตอม ดา้ นทักษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การจำแนกประเภท และการตคี วามหมายขอ้ มูลและ การลงขอ้ สรุป) ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นักเรยี นมีความกระตอื รือรน้ ในการเรียน 5. สาระการเรยี นรู้ - ววิ ฒั นาการของการสรา้ งตารางธาตุ - กลมุ่ ของธาตใุ นตารางธาตุ 6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 6.1 ความสามารถในการส่อื สาร (รู้ เขา้ ใจ การพดู คุย ร่วมสนทนา รบั ฟังความเหน็ ของผู้อ่ืน) 6.2 ความสามารถในการคดิ (คิดวเิ คราะห์ คิดสร้างสรรค์ สรา้ งองคค์ วามรู้ แสดงความคิดเห็นกบั ผู้อื่น) 6.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา (นำเสนอแนวความคิดเหน็ ในการแกป้ ัญหา คิดวิธแี กป้ ญั หา) 6.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ (การทำงานร่วมกับผอู้ ืน่ ไดอ้ ยา่ งมีความสุข)

6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใช้เทคโนโลยใี นการศึกษา ค้นควา้ เพม่ิ เติม) 7. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.1 มวี ินัย 7.2 ใฝเ่ รยี นรู้ 7.3 ม่งุ มน่ั ในการทำงาน 8. ขน้ั ตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี 1. ครตู ง้ั คำถามใหน้ ักเรียนรว่ มกันอภิปราย เพ่ือนำเขา้ สู่เร่ืองววิ ฒั นาการของการสร้างตาราง ธาตุ ดังน้ี 1) เพราะเหตุใดจึงต้องจัดธาตุเป็นหมวดหมู่ (แนวคำตอบ: เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา และจดจำ) 2) ถ้าใช้เกณฑ์การจัดกลุ่มแตกต่างกันจะได้ธาตุในกลุ่มเหมือนกันหรือไม่ (แนว คำตอบ: การจดั กลมุ่ ด้วยเกณฑ์ท่ีแตกต่างกนั จะไดธ้ าตุในกลุม่ ไม่เหมือนกัน) ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (15 นาท)ี 2. นักเรียนแบง่ เป็น 6 กลุม่ ให้แต่ละกลุ่มศึกษาแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์แต่ละคนที่ใช้จัด ธาตุเป็นหมวดหมู่จากเรื่อง ตารางธาตุ แล้วนำเสนอผลการศกึ ษาในรูปแบบตา่ ง ๆ ตามความคิดของ กลุม่ ใหเ้ พ่ือนรับฟังและซกั ถาม ซึ่งควรไดส้ าระสำคญั ว่า เดอเบอไรเนอร์ จัดธาตุเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3 ธาตุตามสมบัติที่คลา้ ยกัน และพบว่าธาตกุ ลางจะมมี วลอะตอมเป็นคา่ เฉล่ยี ของมวลอะตอมของอีกสองธาตุ ดงั ภาพ นิวแลนด์ จัดกลุ่มธาตุตามมวลอะตอมจากน้อยไปมากและพบว่าธาตุที่ 8 จะมีสมบัติ เหมือนกบั ธาตทุ ี่ 1 เสมอ (ทัง้ นี้ไม่รวม H กับ แกส๊ มสี กลุ ) ไมเออร์ ดิมิทรี และเมนเดเลเอฟ จัดเรียงธาตุเป็นกลุ่มตามมวลอะตอมจากนอ้ ยไปมากและ สมบัติที่คล้ายกันเป็นช่วง ๆ รวมทั้งเว้นช่องว่างไว้ โดยคิดว่าน่าจะเปน็ ตำแหน่งของธาตุท่ียังไม่มกี าร คน้ พบ ดังตาราง

โมสลีย์ จัดเรียงธาตุเป็นกลุม่ ตามเลขอะตอม เนื่องจากสมบัติตา่ ง ๆ ของธาตุมคี วามสัมพันธ์ กับประจบุ วกในนิวเคลียสหรือเลขอะตอม ดังตาราง 3. ครูให้นักเรียนศึกษาตารางธาตุจากปกหนังสือเรยี นเคมี 1 (สสวท) จากนั้นตั้งคำถามเพือ่ การอภปิ รายดงั น้ี 1) แถวของธาตุในแนวตั้งและแนวนอนมีก่ีแถว (แนวคำตอบ: ธาตุในแนวตัง้ เรียวา่ “หม่”ู ตารางธาตุแบ่งออกเป็น 18 แถว และธาตุในแนว เรียกวา่ “คาบ” แบง่ ได้ 7 คาบ) 2) ในกรอบสีเ่ หลีย่ มทลี่ ้อมรอบธาตุไฮโดรเจน ธาตุฮเี ลียมหรือธาตุอ่นื ๆ มีขอ้ มูลเร่อื ง ใดบ้าง และมีข้อมูลนั้นเหมือนกันทุกกรอบหรือไม่ (แนวคำตอบ: มีสัญลักษณ์ธาตุ เลขมวล และเลข อะตอม และทกุ กรอบมขี ้อมลู ต่าง ๆ ดังกล่าว) 3) ธาตใุ นตารางธาตุจากซ้ายไปขวาเรียงลำดับตามสง่ิ ใด (แนวคำตอบ: เรยี งตามเลข อะตอม)

ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (15 นาท)ี ครูใหค้ วามรูเ้ กย่ี วกับตารางธาตปุ ัจจุบนั โดยใชร้ ูปประกอบ โดยอธบิ ายวา่ ตารางธาตุเรียงตาม เลขอะตอมจากซา้ ยไปขวา แถวธาตุในแนวตง้ั เรยี กวา่ หมู่ มีจำนวน 18 หมู่ นอกจากน้ียงั แบง่ ไดเ้ ป็นหมู่ A และ หมู่ B โดยธาตุบางหมู่มีช่ือเรียกเฉพาะ เช่น ธาตุหมู่ 1 หรอื IA ยกเวน้ H คือโลหะแอลคาไลน์ ธาตุหมู่ 18 หรือ VIIIA ยกเว้น Og คือแก๊สมีสกุล ส่วนธาตุในแนวนอนเรียกว่าคาบ มีทั้งหมด 7 คาบ ธาตุในกรอบส่เี หลี่ยมมีข้อมูลต่าง ๆ เช่น สญั ลกั ษณธ์ าตุ เลขอะตอม มวลอะตอม และสมบัติความเป็น โลหะ ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) 1. ครูตั้งคำถามเพ่ือการอภิปรายว่า ถ้านำความรู้เรือ่ งการจัดเรยี งอิเลก็ ตรอนในอะตอมมาใช้ เป็นเกณฑ์แบ่งกลุม่ ธาตุ จะได้ธาตุกี่กลุ่ม ในแต่ละกลุ่มมีธาตุใดบ้าง (แนวคำตอบ: แบ่งกลุ่มในตาราง ธาตุเปน็ 4 กลมุ่ คือกลมุ่ s p d และ f) 2. ครูใหน้ ักเรยี นยกตัวอย่างธาตทุ ีเ่ ป็นโลหะ ก่งึ โลหะ อโลหะ (นกั เรยี นอาจยกตวั อยา่ ง Fe Ca Si F) จากนน้ั ตัง้ คำถามจากสง่ิ ทน่ี ักเรียนยกตวั อย่างว่าธาตุเหล่านีม้ ีการจดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอนเป็นอย่างไร มเี วเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนอยู่เทา่ ใด อย่ตู ำแหน่งใดของตารางธาตุ (แนวคำตอบ : Fe และ Ca อยู่ด้านซ้าย ของตารางธาตุ Si อยตู่ รงขัน้ บนั ได ส่วน F อยู่ดา้ นขวาของตารางธาต)ุ

3. ครูใหน้ กั เรียนพิจารณาตารางธาตุและตง้ั คำถามดังน้ี 1) ธาตุที่มีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอน 1 หรือ 2 นำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดี ธาตุ กลุ่มน้คี วรอยสู่ ่วนใดของตารางธาตุ (แนวคำตอบ : อยู่ทางดา้ นซา้ ย) 2) ธาตุตรงขั้นบนั ได (เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอน 3–7) นำไฟฟ้าได้ไม่ดที อี่ ุณหภูมิห้องแต่นำ ไดด้ ขี ึ้นเมื่ออณุ หภมู สิ ูงขน้ึ อยู่ส่วนใดของตารางธาตุ (แนวคำตอบ : อยูต่ รงกลางตารางธาตุ) 3) ธาตุที่มีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอน 4 5 6 7 หรือ 8 นำไฟฟ้าได้ไม่ดี บางธาตุมี สถานะแกส๊ ธาตุกล่มุ นี้ควรอยสู่ ่วนใดของตารางธาตุ (แนวคำตอบ : อยทู่ างด้านขวา) 4. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับสมบัติความเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะของธาตุ รวมถึงตำแหน่ง ของกลุ่มธาตุเหล่านั้นในตารางธาตุ ทั้งนี้นำตารางธาตุที่มีการจำแนกกลุ่มธาตุด้วยสีต่าง ๆ กันมาใช้ ประกอบการอธิบาย ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (10 นาท)ี นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั 2.4.1 ตารางธาตุ แลว้ รว่ มกนั เฉลยคำตอบ 9. การวัดและประเมนิ ผล/หลักฐานหรือร่องรอยของการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑ์การวัด ดา้ นความรู้ จำแนกธาตุเป็นกล่มุ โลหะ อโลหะ และกงึ่ ตรวจจาก แบบฝึกหดั 2.4.1 ผา่ นเกณฑร์ ้อย โลหะ หรอื เปน็ กลมุ่ ธาตุเรพรีเซนเททฟี หรอื แบบฝึกหัด 2.4.1 ธาตหุ มู่หลัก ธาตแุ ทรนซิชัน หรือตามการ ตารางธาตุ ตารางธาตุ ละ 60 ขน้ึ ไป จัดเรียงอเิ ล็กตรอนเมอื่ ทราบเลขอะตอม ด้านทักษะกระบวนการ ประเมินทกั ษะ แบบประเมนิ ทกั ษะ ผ่านเกณฑ์ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (การ กระบวนการทาง จำแนกประเภท และการตีความหมาย วิทยาศาสตร์ กระบวนการทาง ระดบั ดี ขอ้ มูลและการลงข้อสรปุ ) สงั เกตพฤติกรรม วทิ ยาศาสตร์ ขน้ึ ไป ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระหวา่ งจดั การ เรยี นรู้ แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์ใน นักเรียนมีความกระตอื รือรน้ ในการเรยี น คุณลกั ษณะอนั พึง ระดบั ดขี ึน้ ไป ประสงค์

10. สอื่ และแหลง่ เรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ แบบฝกึ หัด 2.4.1 ตารางธาตุ แหล่งการเรียนรู้ - หนังสอื เรยี นรายวิชาเคมี 1 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ โดยสถาบันส่งเสริมการสอo วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร - หอ้ งสมุดโรงเรียน

แบบฝึกหดั 2.4.1 ตารางธาตุ 1. ปัจจุบันใช้สง่ิ ใดเป็นเกณฑ์ในการจัดเรียงธาตใุ นตารางธาตุ …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ธาตุทีก่ ําหนดให้ต่อไปนี้ มกี ารจดั เรยี งอเิ ล็กตรอนในระดับพลังงานหลกั อยา่ งไร อยใู่ นหม่ใู ด คาบใดในตาราง ธาตุ และมสี มบตั ิเป็นโลหะ ก่งึ โลหะ หรืออโลหะ 2.1 ธาตุ A มเี ลขอะตอม 11 …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 ธาตุ B มจี าํ นวนโปรตอน 20 …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ธาตุ C มจี าํ นวนอเิ ลก็ ตรอนเทา่ กับ 35 …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.4 ธาตุ D มเี ลขมวล 31 และมีจาํ นวนนวิ ตรอน 16 …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.5 ธาตุ E มีเลขมวล 72 และมีเลขอะตอม 32 …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. Li K Cr Fe Cd Pt As Si S F I Ar Xe C Mg Ni Cl P Ca Ne จากธาตุที่กาํ หนดให้ ใชต้ อบคำถามตอ่ ไปนี้ 3.1 ธาตุเรพรีเซนเททีฟ (representative element) หรือหมู่หลัก (main group element) ได้แก่ ธาตใุ ดบา้ ง …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.2 ธาตุแทรนซชิ ัน (transition element) ไดแ้ กธ่ าตใุ ดบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3.3 โลหะแอลคาไล (alkaline metal) ได้แก่ธาตใุ ดบ้าง …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.4 โลหะแอลคาไลเอริ ์ท (alkaline earth metal) ไดแ้ กธ่ าตใุ ดบ้าง …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.5 ธาตุแฮโลเจน (halogen) ได้แกธ่ าตุใดบา้ ง …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.6 แกส๊ มสี กุล (noble gas) ได้แกธ่ าตุใดบา้ ง …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลย แบบฝึกหดั 2.4.1 ตารางธาตุ 1. ปัจจบุ ันใชส้ ่งิ ใดเป็นเกณฑ์ในการจัดเรยี งธาตใุ นตารางธาตุ เลขอะตอม และสมบตั ิทางเคมี 2. ธาตทุ ี่กําหนดให้ตอ่ ไปนี้ มีการจดั เรยี งอิเลก็ ตรอนในระดับพลังงานหลกั อยา่ งไร อยูใ่ นหม่ใู ด คาบใด ในตารางธาตุ และมีสมบัติเป็นโลหะ ก่ึงโลหะ หรอื อโลหะ 2.1 ธาตุ A มีเลขอะตอม 11 ธาตุ A มจี ดั เรยี งอเิ ล็กตรอนเปน็ 2 8 1 จงึ อยู่ในหมู่ IA คาบ 3 เปน็ ธาตโุ ลหะ 2.2 ธาตุ B มจี าํ นวนโปรตอน 20 ธาตุ A มีจัดเรยี งอิเลก็ ตรอนเป็น 2 8 8 2 จงึ อยใู่ นหมู่ IIA คาบ 4 เป็นธาตโุ ลหะ 2.3 ธาตุ C มจี ํานวนอิเลก็ ตรอนเท่ากับ 35 ธาตุ C มีจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนเป็น 2 8 18 7 จงึ อยใู่ นหมู่ VIIA คาบ 4 เป็นธาตอุ โลหะ 2.4 ธาตุ D มเี ลขมวล 31 และมีจํานวนนิวตรอน 16 ธาตุ D มจี ํานวนโปรตอนเทา่ กบั 31 – 16 = 15 ธาตุ D จัดเรียงอเิ ล็กตรอนเป็น 2 8 5 จงึ อยใู่ นหมู่ VA คาบ 3 เปน็ ธาตอุ โลหะ 2.5 ธาตุ E มีเลขมวล 72 และมีเลขอะตอม 32 ธาตุ E จัดเรียงอิเลก็ ตรอนเปน็ 2 8 18 4 อยใู่ นหมู่ IVA คาบ 4 เปน็ ธาตุกง่ึ โลหะ 3. Li K Cr Fe Cd Pt As Si S F I Ar Xe C Mg Ni Cl P Ca Ne จากธาตทุ ีก่ ําหนดให้ ใช้ตอบคำถามต่อไปนี้ 3.1 ธาตุเรพรีเซนเททีฟ (representative element) หรือหมู่หลัก (main group element) ได้แก่ ธาตุใดบา้ ง Li K As Si S F I Ar Xe C Mg Cl P Ca Ne 3.2 ธาตแุ ทรนซิชัน (transition element) ได้แกธ่ าตุใดบ้าง Cr Fe Cd Pt Ni 3.3 โลหะแอลคาไล (alkaline metal) ไดแ้ กธ่ าตใุ ดบ้าง Li K 3.4 โลหะแอลคาไลเอิร์ท (alkaline earth metal) ได้แก่ธาตใุ ดบ้าง Mg Ca 3.5 ธาตแุ ฮโลเจน (halogen) ได้แก่ธาตใุ ดบ้าง F I Cl 3.6 แกส๊ มีสกุล (noble gas) ได้แกธ่ าตใุ ดบ้าง Ar Xe Ne



บันทกึ หลงั การสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ดา้ นความรู้ จากแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด 2.4.1 ตารางธาตุ พบว่านกั เรยี นส่วนใหญ่สามารถจำแนกธาตุเป็นกล่มุ โลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ หรอื เป็นกลุม่ ธาตุเรพรีเซนเททฟี หรือธาตหุ มู่หลกั ธาตแุ ทรนซิชัน หรอื ตามการ จดั เรียงอเิ ลก็ ตรอนเมอื่ ทราบเลขอะตอมได้อย่างถูกต้องร้อยละ 60 ขึ้นไป ด้านทกั ษะกระบวนการ จากแบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบว่านกั เรยี นส่วนใหญ่มีทกั ษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ (การตีความหมายขอ้ มูลและการลงขอ้ สรปุ ) ในระดับดีขน้ึ ไป ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ จากแบบประเมินพฤตกิ รรมระหว่างจัดการเรียนรู้ พบว่านกั เรียนส่วนใหญ่มคี วามกระตือรอื รน้ ในการ เรียน ผ่านเกณฑใ์ นระดับดีขน้ึ ไป ปัญหา/อุปสรรค ดา้ นความรู้ นกั เรยี นบางส่วนยังไม่สามารถจำแนกธาตเุ ป็นกลุ่มโลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ หรือเปน็ กลุ่มธาตุเรพรี เซนเททฟี หรอื ธาตหุ มู่หลกั ธาตแุ ทรนซชิ ัน หรอื ตามการจดั เรยี งอิเลก็ ตรอนเมือ่ ทราบเลขอะตอมได้ เนื่องจาก ความร้พู ้นื ฐานเรื่องตารางธาตไุ ม่เทา่ กนั หรอื อาจะมปี ัญหากบั สัญญาณอินเทอรเ์ นต็ จงึ ทำให้ขาดช่วงในการ เรยี นรไู้ ปบ้าง ด้านทักษะกระบวนการ นกั เรียนบางสว่ นยังมีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การตคี วามหมายข้อมูลและการลงขอ้ สรุป) ตำ่ กว่าระดับดี เนื่องจากไม่เปดิ กลอ้ งหรอื เปดิ ไมค์ในการตอบคำถามระหว่างการเรียนการสอน ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ นักเรยี นบางสว่ น (14.29%) มีความกระตอื รือร้นในการเรยี น ต่ำกวา่ ระดับดี (โดยพบวา่ มีนักเรยี น 1 คนทข่ี าดเรียนโดยไม่ทราบเหตุผลเปน็ ประจำ และมนี กั เรียน 2 คนทไ่ี ม่ตดิ ตามส่งงานเลย) แนวทางแก้ไข สอบถามนักเรียนเพิ่มเติม และอธบิ ายหรอื หลักการวดั และประเมนิ ผลรวมถึงความสำคญั ในการเข้า ชนั้ เรียนและการส่งงาน ลงชอ่ื .................................................... (นางสาวปียว์ รา ผาลี) .........../................../..............

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 10 รหสั วชิ า ว30221 วิชา เคมี1 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 2 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 อะตอมและสมบตั ิของธาตุ เร่อื ง การเตรยี มขนาดอะตอมและขนาดไอออน ********************************************************************************** 1. ผลการเรยี นรู้ วเิ คราะหแ์ ละบอกแนวโน้มสมบัตขิ องธาตุเรพรีเซนเททีฟตามหมู่และตามคาบ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระเคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบตั ิ ของสาร แก๊สและสมบัตขิ องแกส๊ ประเภทและสมบัติของสารประกอบอนิ ทรียแ์ ละพอลิเมอร์ รวมท้งั การนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 3. สาระสำคัญ ธาตุเรพรเี ซนเททฟี ในหมู่เดียวกันมีจำนวนเวเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอนเท่ากัน และธาตุทีอ่ ยใู่ นคาบ เดยี วกนั มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนในระดบั พลงั งานหลักเดยี วกัน ธาตุเรพรเี ซนเททีฟ มีสมบัติทางเคมี คล้ายคลงึ กนั ตามหมู่ และมแี นวโน้มสมบตั บิ างประการเปน็ ไปตามหมูแ่ ละตามคาบ เชน่ ขนาดอะตอม รัศมีไอออน พลงั งานไอออไนเซชัน อิเลก็ โทรเนกาติวติ ี สัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอน ตามแบบจำลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอก อเิ ล็กตรอนที่อยรู่ อบนิวเคลยี สจะเคลอ่ื นท่ีตลอดเวลา ดว้ ยความเร็วสูงและไม่สามารถบอกตำแหนง่ ทีแ่ น่นอนรวมท้งั ไม่สามารถกำหนดขอบเขตที่แนน่ อน ของอิเล็กตรอนได้ นอกจากนี้อะตอมโดยทั่วไปไมอ่ ยเู่ ป็นอะตอมเด่ยี วแตจ่ ะมแี รงยดึ เหนย่ี วระหว่าง อะตอมไว้ด้วยกัน จงึ เปน็ เร่อื งยากทจ่ี ะวัดขนาดของอะตอมท่อี ยใู่ นภาวะอิสระหรอื เปน็ อะตอมเดี่ยว ในทางปฏิบตั จิ งึ บอกขนาดอะตอมดว้ ยรัศมีอะตอม ซ่งึ มีคา่ เท่ากบั ครงึ่ หนง่ึ ของระยะระหวา่ งนวิ เคลียส ของอะตอมท้งั สองทีม่ แี รงยดึ เหนย่ี วระหว่างอะตอมไวด้ ้วยกนั หรอื ท่อี ยชู่ ดิ กนั รัศมอี ะตอมมหี ลายแบบ ซง่ึ ข้นึ อย่กู ับชนิดของแรงที่ยดึ เหน่ียวระหวา่ งอะตอม และเมือ่ ธาตุเกิดเป็นไอออนอิเล็กตรอนในระดบั พลงั งานชน้ั นอกสุดเปล่ยี นแปลงไป ขนาดของไอออนจึงต่างจากขนาดอะตอมเดิม 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ วิเคราะห์และสรุปแนวโน้มสมบัตขิ องธาตุตามหมู่และคาบ เกีย่ วกับขนาดอะตอม ขนาด ไอออน พรอ้ มทงั้ อธบิ ายเหตผุ ลประกอบ ด้านทกั ษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การตีความหมายข้อมลู และการลงข้อสรุป)) ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ นักเรียนมคี วามกระตอื รอื รน้ ในการเรียน 5. สาระการเรียนรู้ สมบตั ขิ องธาตุในตารางธาตุ - ขนาดอะตอม - ขนาดไอออน

6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร (รู้ เข้าใจ การพูดคยุ ร่วมสนทนา รบั ฟังความเหน็ ของผู้อืน่ ) 6.2 ความสามารถในการคิด (คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ สรา้ งองค์ความรู้ แสดงความคดิ เห็นกับผู้อื่น) 6.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา (นำเสนอแนวความคดิ เห็นในการแกป้ ัญหา คิดวธิ แี กป้ ัญหา) 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต (การทำงานรว่ มกับผอู้ ่นื ได้อยา่ งมคี วามสขุ ) 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใชเ้ ทคโนโลยใี นการศึกษา ค้นคว้าเพมิ่ เตมิ ) 7. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 7.1 มวี นิ ยั 7.2 ใฝ่เรียนรู้ 7.3 มุง่ ม่ันในการทำงาน 8. ขน้ั ตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1. ครูใหน้ ักเรยี นยกตวั อยา่ งสมบัตติ า่ ง ๆ ของธาตุจากความรู้ เรอ่ื ง ตารางธาตุ (แนวคำตอบ : สมบัติความเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ จำนวนระดับพลังงานหลักและ พลังงานยอ่ ย จำนวนเวเลนซ์อิเลก็ ตรอน) 2. ครูตั้งคำถามว่า ถ้าสมมติให้อะตอมของธาตุต่าง ๆ เป็นลูกบาสเก็ตบอล ลูกปิงปอง หรือ วตั ถทุ รงกลมอ่ืน ๆ เราจะหาขนาดอะตอมของธาตุหรอื วตั ถุทรงกลมต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งไร (แนวคำตอบ : หาได้จากการวัดเส้นรอบวง และเมื่อได้เส้นรอบวงแล้วอาจนำมาคำนวณหา รัศมหี รอื เส้นผ่านศูนย์กลางได)้ ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration) (20 นาท)ี 1. นกั เรียนแบ่งเปน็ 6 กลุ่มศกึ ษาเรื่องขนาดอะตอมของธาตุ ซงึ่ บอกเป็นคา่ รัศมีอะตอม มีค่า เทา่ กับครงึ่ หนึง่ ของระยะระหว่างนิวเคลยี สของอะตอมท้งั สองอะตอมท่ีอยู่ชิดกัน จากใบความรู้ 2.4.2 ขนาดอะตอมและขนาดไอออน จากหนังสือเรียนเคมี (สสวท) และแหล่งข้อมลู อื่น ๆ 2. ครตู ง้ั คำถามวา่ จำนวนระดับพลงั งานหลกั และพลงั งานยอ่ ยมีผลตอ่ ขนาดอะตอมของธาตุ หรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ : มีผลต่อขนาดอะตอมของธาตุ โดยอะตอมที่มีจำนวนระดับพลังงานหลักมาก จะเสมอื นมฉี ากหลายชัน้ มากำบัง ทำให้แรงดึงดดู ของโปรตอนกับเวเลนซ์อิเล็กตรอนลดลง อะตอมจึง มีขนาดเพ่ิมขึน้ ถา้ อย่ใู นระดับพลงั งานเดียวกันจำนวนโปรตอนทเ่ี พม่ิ ขนึ้ จะดึงดดู เวเลนซอ์ เิ ล็กตรอนได้ มากขึน้ อะตอมจะมขี นาดเลก็ ลง) ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (30 นาท)ี ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำความรู้จากการตอบคำถามที่ผ่านมา มาใช้อภิปรายเพื่อทำนาย แนวโน้มขนาดอะตอมของธาตุตามคาบและตามหมู่ แล้วนำผลการอภิปรายมาเปรียบเทียบกับรูป จากนน้ั สุ่มกลมุ่ นำเสนอ 2 กลมุ่

ซึ่งควรสรุปได้ว่า ธาตุในคาบเดียวกันมีขนาดลดลงเมื่อเลขอะตอมเพิ่มขึ้น ส่วนธาตุในหมู่ เดียวกันมขี นาดอะตอมใหญ่ขนึ้ เม่ือเลขอะตอมเพิ่มขนึ้ ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครูตั้งคำถามว่า เมื่อธาตุเกิดเป็นไอออน อิเล็กตรอนในระดับพลังงานใดที่เปลี่ยนแปลง ขนาดของไอออนต่างจากขนาดอะeตอมเดมิ หรอื ไม่ อยา่ งไร โดยให้พจิ ารณารปู ประกอบ e (แนวคำตอบ : การเกิดไอออนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงจำนวนอิเล็กตรอนในระดับ พลังงานชั้นนอกสุด หรือเวเลนซ์อิเล็กตรอน โดยที่ไอออนบวกจะมีขนาดเล็กกว่าอะตอมเดิมส่วน ไอออนลบมีขนาดใหญก่ ว่าอะตอมเดมิ ) 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายแนวโน้มของขนาดไอออนตามหมู่ แล้วนำผลการอภิปราย มาเปรยี บเทียบกับรูป จากนนั้ สุม่ กลุ่มนำเสนอ 2 กลมุ่

(แนวคำตอบ : ขนาดไอออนของธาตุตามหมู่ส่วนใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากบนลงล่าง เช่นเดยี วกบั ขนาดของอะตอม) ขั้นประเมิน (Evaluation) (20 นาที) นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั 2.4.2 ขนาดอะตอมและขนาดไอออน แล้วรว่ มกนั เฉลยคำตอบ 9. การวดั และประเมนิ ผล/หลักฐานหรือร่องรอยของการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารวัด ดา้ นความรู้ วิเคราะห์และสรปุ แนวโนม้ สมบัตขิ องธาตุ ตรวจจาก แบบฝึกหัด 2.4.2 ผ่านเกณฑร์ ้อย ตามหมแู่ ละคาบ เก่ียวกบั ขนาดอะตอม แบบฝึกหดั 2.4.2 ขนาดอะตอมและ ละ 60 ข้ึนไป ขนาดไอออน พร้อมท้ังอธิบายเหตผุ ล ขนาดอะตอมและ ขนาดไอออน ประกอบ ขนาดไอออน ผา่ นเกณฑ์ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ แบบประเมนิ ทกั ษะ ระดับดี ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (การ ประเมินทักษะ กระบวนการทาง ข้นึ ไป ตีความหมายข้อมูลและการลงขอ้ สรุป) กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์ใน ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ แบบประเมนิ ระดบั ดขี ึ้นไป นกั เรยี นมีความกระตอื รือรน้ ในการเรียน สงั เกตพฤตกิ รรม คณุ ลกั ษณะอนั พึง ระหว่างจัดการ ประสงค์ เรยี นรู้

10. ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ ส่อื การเรยี นรู้ แบบฝึกหดั 2.4.2 ขนาดอะตอมและขนาดไอออน แหลง่ การเรียนรู้ - หนงั สือเรยี นรายวิชาเคมี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยสถาบนั ส่งเสริมการสอน วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ - หอ้ งสมุดโรงเรยี น

แบบฝกึ หัด 2.4.2 ขนาดอะตอมและขนาดไอออน 1. ธาตแุ ต่ละคู่ตอ่ ไปนี้ ธาตุใดมีขนาดใหญ่กวา่ 1.1 K กบั Ca 1.4 Rb กบั Cs 1.7 N กับ P 1.2 F กับ Na 1.5 Ca กบั Sr 1.8 B กับ C 1.3 Mg กบั Ca 1.6 S กับ C 1.9 Cl กบั O 2. ไอออนแต่ละคู่ตอ่ ไปน้ี ไอออนใดมีขนาดใหญก่ วา่ 1.1 Mg2+ กบั Ca2+ 1.3 F - กับ Na+ 1.2 S2- กับ Cl- 1.4 Ca2+ กับ Al3+

เฉลย แบบฝึกหดั 2.4.2 ขนาดอะตอมและขนาดไอออน 1. ธาตแุ ตล่ ะคู่ตอ่ ไปนี้ ธาตุใดมีขนาดใหญ่กว่า 1.1 K กับ Ca 1.4 Rb กับ Cs 1.7 N กบั P K ใหญก่ ว่า Ca Cs ใหญ่กวา่ Rb P ใหญ่กวา่ N 1.2 F กบั Na 1.5 Ca กบั Sr 1.8 B กบั C Na ใหญก่ วา่ F Sr ใหญก่ ว่า Ca B ใหญก่ วา่ C 1.3 Mg กับ Ca 1.6 S กับ C 1.9 Cl กบั O Ca ใหญ่กวา่ Mg S ใหญก่ วา่ C Cl ใหญ่กวา่ O 2. ไอออนแต่ละคู่ต่อไปนี้ ไอออนใดมีขนาดใหญก่ วา่ 1.1 Mg2+ กบั Ca2+ 1.3 F - กบั Na+ Ca2+ ใหญ่กวา่ Mg2+ F - ใหญก่ วา่ Na+ 1.2 S2- กับ Cl- 1.4 Ca2+ กบั Al3+ S2- ใหญ่กวา่ Cl- Ca2+ ใหญก่ วา่ Al3+



บันทึกหลงั การสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ดา้ นความรู้ จากแบบฝกึ หดั 2.4.2 ขนาดอะตอมและขนาดไอออน พบวา่ นักเรียนสว่ นใหญ่สามารถวเิ คราะหแ์ ละ สรปุ แนวโนม้ สมบัตขิ องธาตุตามหมู่และคาบ เกย่ี วกบั ขนาดอะตอม ขนาดไอออน พร้อมทัง้ อธิบายเหตุผล ประกอบไดอ้ ยา่ งถูกต้องร้อยละ 60 ข้นึ ไป ด้านทกั ษะกระบวนการ จากแบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบวา่ นกั เรียนสว่ นใหญ่มีทกั ษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ (การตีความหมายขอ้ มูลและการลงข้อสรปุ ) ในระดบั ดขี น้ึ ไป ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จากแบบประเมินพฤตกิ รรมระหวา่ งจัดการเรยี นรู้ พบวา่ นักเรยี นส่วนใหญ่มคี วามกระตอื รือรน้ ในการ เรียน ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดขี ึน้ ไป ปญั หา/อุปสรรค ดา้ นความรู้ นกั เรยี นบางส่วนยงั ไม่สามารถวเิ คราะหแ์ ละสรปุ แนวโนม้ สมบตั ิของธาตุตามหมู่และคาบ เกีย่ วกับ ขนาดอะตอม ขนาดไอออน พร้อมท้งั อธบิ ายเหตผุ ลประกอบได้ เน่ืองจากไมไ่ ดเ้ ข้าเรียนออนไลน์ในชว่ งเวลาท่มี ี การเรยี นการสอน ดา้ นทักษะกระบวนการ นักเรยี นบางสว่ นยงั มีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การตคี วามหมายขอ้ มูลและการลงขอ้ สรุป) ต่ำกวา่ ระดบั ดี เน่ืองจากไม่เปดิ ไมค์ในการตอบคำถามระหว่างการเรียนการสอน ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรยี นบางสว่ น (14.29%) มีความกระตือรือรน้ ในการเรยี น ต่ำกวา่ ระดับดี (โดยพบวา่ มีนกั เรียนคน เดิม 1 คนกย็ งั คงขาดเรยี นโดยไม่ทราบเหตุผล และตดิ ตามสง่ งานเลย) แนวทางแกไ้ ข มกี ารถ่ายภาพหน้าจอสว่ นเนอื้ หาทส่ี ำคญั ลงชอ่ งสนทนา เพอ่ื ให้ผ้เู รียนสามารถทบทวนเนือ้ หาได้ด้วย ตนเองได้ ลงชือ่ .................................................... (นางสาวปีย์วรา ผาล)ี .........../................../..............

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 รหสั วชิ า ว30221 วชิ า เคมี1 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 3 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 อะตอมและสมบตั ขิ องธาตุ เรือ่ ง IE EN และ EA ********************************************************************************** 1. ผลการเรยี นรู้ วเิ คราะห์และบอกแนวโนม้ สมบัตขิ องธาตเุ รพรเี ซนเททฟี ตามหมู่และตามคาบ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระเคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบตั ิ ของสาร แก๊สและสมบัติของแกส๊ ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรียแ์ ละพอลิเมอร์ รวมท้ัง การนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 3. สาระสำคัญ แนวโน้มสมบตั ิบางประการเป็นไปตามหมแู่ ละตามคาบ นอกจากขนาดอะตอมและขนาด ไอออนแลว้ ยังมสี มบัตบิ างประการ เช่น พลงั งานไอออไนเซชัน อิเลก็ โทรเนกาติวติ ี สัมพรรคภาพ อิเลก็ ตรอน พลงั งานไอออไนเซชนั (IE) คอื พลังงานท่ใี ช้ดงึ อิเล็กตรอนหลดุ ออกจากอะตอมในสถานะแก๊ส อิเลก็ โทรเนกาตวิ ิตี (EN) คือ ความสามารถในการดงึ ดดู อเิ ล็กตรอนคูร่ ว่ มพนั ธะของอะตอมใน โมเลกลุ ของสารประกอบ สมบัติของอะตอมอกี ประการหน่งึ คือ อะตอมของธาตสุ ่วนใหญส่ ามารถรับอิเล็กตรอนเพิม่ ได้ อย่างน้อย 1 อิเล็กตรอน ความสามารถในการับอิเลก็ ตรอนแสดงได้ดว้ ยค่าสมั พรรคภาพอิเล็กตรอน เขียนยอ่ เป็น EA ซึ่งเปน็ พลังงานทีค่ ายออกมา เมื่ออะตอมที่เปน็ กลางในสถานะแกส๊ รับอเิ ล็กตรอน 1 ตวั กลายเปน็ ไอออนลบในภาวะแกส๊ 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ วิเคราะหแ์ ละสรุปแนวโนม้ สมบตั ิของธาตตุ ามหมู่และคาบ เก่ยี วกับพลังงานไอออไนเซชัน อเิ ลก็ โทรเนกาติวติ ี และสัมพรรคภาพอิเล็กตรอน พรอ้ มทั้งอธิบายเหตุผลประกอบ ดา้ นทักษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การตีความหมายขอ้ มลู และการลงขอ้ สรุป) ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรียนมีความกระตือรือรน้ ในการเรียน 5. สาระการเรยี นรู้ - พลงั งานไอออไนเซชนั (Ionization Energy ;IE) - อเิ ลก็ โทรเนกาติวิตี (Electronegativity ;EN) - สัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอน (Electron Affinity ;EA) 6. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 6.1 ความสามารถในการส่อื สาร (รู้ เข้าใจ การพดู คยุ ร่วมสนทนา รบั ฟังความเห็นของผู้อ่ืน) 6.2 ความสามารถในการคดิ (คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ สรา้ งองค์ความรู้ แสดงความคดิ เห็นกบั ผู้อ่ืน)

6.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา (นำเสนอแนวความคิดเห็นในการแกป้ ญั หา คดิ วิธีแกป้ ัญหา) 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ (การทำงานร่วมกบั ผูอ้ ื่นได้อยา่ งมีความสขุ ) 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใช้เทคโนโลยีในการศกึ ษา ค้นควา้ เพิม่ เติม) 7. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 มวี นิ ยั 7.2 ใฝ่เรยี นรู้ 7.3 ม่งุ มั่นในการทำงาน 8. ขนั้ ตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชวั่ โมงท่ี 1 (เวลา 1 ชวั่ โมง) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี ครูตง้ั คำถามจากการทดลองการศึกษาเส้นสเปกตรมั ของธาตุทีผ่ ่านมา ดังนี้ 1) ขณะสังเกตเหน็ สเปกตรัมของธาตุ ธาตุนัน้ อยู่ในสถานะใด และอเิ ล็กตรอนของธาตุนั้นดูด หรือคายพลังงาน (แนวคำตอบ : ธาตอุ ยใู่ นสถานะแก๊ส และเปน็ การคายพลังงานของอิเลก็ ตรอน) 2) การทำให้อิเล็กตรอนเปลี่ยนแปลงระดับพลังงานกับการทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกจาก อะตอม การกระทำใดจะใชพ้ ลงั งานมากกวา่ กัน (แนวคำตอบ : เส้นสเปกตรัมเกดิ จากอิเล็กตรอนคายพลังงานออกมาเม่ือเปล่ียนจากสภาวะ กระตุ้นไปสู่สภาวะพน้ื แตอ่ ิเล็กตรอนไมใ่ ดห้ ลุดออกจากอะตอม ดังนั้นการทำใหอ้ ิเล็กตรอนหลุดออก จากอะตอมในสถานะแกส๊ ต้องใช้พลังงานสูงกวา่ การท่ีอิเล็กตรอนเปล่ยี นระดบั พลงั งาน) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (15 นาที) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ใบความรู้ 2.4.3 พลังงานไอออไนเซชัน อิเล็กโทรเนกาติวิตี และสัมพรรคภาพอิเล็กตรอน และให้ความรู้เรื่อง พลังงานไอออไนเซชัน เป็นพลังงานปริมาณน้อย ที่สุดทท่ี ำให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอมในสถานะแก๊ส ถ้ามีค่าน้อยแสดงวา่ ทำให้เป็นไอออนบวก ไดง้ ่าย แตถ่ า้ มีค่ามากแสดงวา่ ทำให้เป็นไอออนบวกได้ยาก 2. ให้นักเรียนศึกษาและร่วมกันอภิปราย ค่าพลังงานไอออไนเซชันของธาตุคาร์บอน ซึ่งมี 6 อิเล็กตรอน จงึ มคี ่า IE1 ถึง IE6 ดังน้ี C (g) C+ (g) + e- ; IE1 = 1093 kJ/mol C+ (g) C2+ (g) + e- ; IE2 = 2395 kJ/mol C2+ (g) C3+ (g) + e- ; IE3 = 4627 kJ/mol C3+ (g) C4+ (g) + e- ; IE4 = 6229 kJ/mol C4+ (g) C5+ (g) + e- ; IE5 = 37838 kJ/mol C5+ (g) C6+ (g) + e- ; IE6 = 47285 kJ/mol ซ่ึงควรได้ข้อมลู วา่ คาร์บอนมีคา่ พลงั งานไอออไนเซซนั 6 ค่า แต่ละคา่ มีค่าไม่เท่ากันและมีค่า เพิ่มข้นึ ตามลำดับท่ขี องพลังงานไอออไนเซชัน จากนนั้ ให้นกั เรียนตอบคำถาม เพราะเหตใุ ด IE4 กับ IE5 ของธาตคุ าร์บอนจึงมีคา่ แตกต่างกันมาก

ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (15 นาท)ี ครูให้นักเรียนศึกษาข้อมูลค่าพลังงานไอออไนเซชันของธาตุ 20 ธาตุในตาราง จากนั้นตั้ง คำถามเพ่ืออภิปรายรว่ มกนั ดังนี้ 1) คา่ IE1 ของแต่ละธาตุต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ : ต่างกนั โดยค่า IE1 ของธาตุในคาบเดียวกันจะเพมิ่ ขน้ึ ตามเลขอะตอม) 2) ธาตุเดยี วกันจะมีลำดับ IE เปน็ อย่างไร (แนวคำตอบ : เพ่มิ ข้นึ ตามลำดับ เชน่ IE3 > IE2 > IE1) 3) ถา้ จดั กลุ่มค่า IE ของธาตุ F เปน็ กลุม่ จะจัดได้อยา่ งไร (แนวคำตอบ : จัดได้ 2 กลมุ่ ตามคา่ IE ทใ่ี กล้เคยี งกัน คอื IE1– IE7 และ IE8 – IE9) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) ครูให้นักเรียนตอบคำถาม นักเรียนคิดว่าค่าพลังงานไอออไนเซชันของธาตุใช้เป็นข้อมูล สำหรับการจัดกลมุ่ อิเลก็ ตรอนทอ่ี ยู่รอบนวิ เคลียสของแตล่ ะธาตุได้หรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ : ได้ โดยพิจารณาจากค่า IE ที่ใกล้เคียงกันของธาตุนั้น ๆ เช่น K สามารถจัด กลมุ่ ตามค่า IE ทใ่ี กลเ้ คยี งกนั ได้เป็น 4 กล่มุ โดยเรียงจากค่า IE น้อยไปมาก กล่มุ ที่ 1 คอื IE1 กล่มุ ที่ 2 คอื IE2 - IE9 กลมุ่ ที่ 3 คอื IE10 - IE17 และ กล่มุ ที่ 4 คอื IE18 - IE19 ซง่ึ สมั พนั ธก์ ับการจดั เรยี งอเิ ล็กตรอน 2 8 8 1) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) ให้นักเรียนรว่ มกันอภิปรายเพื่อทำนายแนวโน้มของค่าพลังงานไอออไนเซชนั ลำดับที่ 1 ของ ธาตุตามคาบและตามหมู่ รวมทั้งเหตุผลสนบั สนุน จากนั้นสุ่มกลุม่ นำเสนอ 2 กลุ่ม แล้วเปรียบเทียบ ผลการอภิปรายกบั รปู

ควรสรุปได้ว่าค่า IE1 มีความสัมพันธ์กับขนาดอะตอมโดยค่า IE1 จะมีค่าเพิ่มขึ้นเมื่อขนาด อะตอมลดลง ช่ัวโมงท่ี 2-3 (เวลา 2 ชั่วโมง) ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1. ครูทบทวนว่าค่าพลงั งาน IE1 หมายความว่าอย่างไร (แนวคำตอบ : เปน็ พลงั งานท่ีนอ้ ยทสี่ ดุ ทท่ี ำให้อิเลก็ ตรอนหลุดออกจากอะตอมในสถานะแก๊ส เกดิ เปน็ ไอออนบวก ซง่ึ เปน็ การเปล่ียนแปลงแบบดดู พลังงาน) จากนั้นถามว่าถ้าอะตอมของธาตุมกี ารรับอิเล็กตรอนจะมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานอย่างไร เพ่ือนำเข้าสู่หวั ข้อสัมพรรคภาพอิเลก็ ตรอน 2. ครูทบทวนเรื่องการเกดิ ไอออน โดยตงั้ คำถามเพื่อให้นกั เรยี นอภิปรายรว่ มกันดงั นี้ 1) ในการเกิดเป็นไอออนของธาตุ ธาตุท่รี บั อเิ ล็กตรอนได้ดจี ะอยู่ส่วนใดของตารางธาตุ (แนวคำตอบ : ทางดา้ นขวา) 2) การรับอเิ ล็กตรอนเปน็ การดูดหรอื คายพลังงาน (แนวคำตอบ : เป็นการคายพลังงาน) ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) (20 นาท)ี 1. ครใู หค้ วามรเู้ ร่ืองสมั พรรคภาพอเิ ลก็ ตรอนว่า เปน็ พลังงานท่ีคายออกเมอื่ อะตอมในสถานะ แกส๊ ไดร้ ับอิเลก็ ตรอน 1 อิเลก็ ตรอน อะตอมท่ีสามารถรับอิเลก็ ตรอนไดด้ ีจะมสี ัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอน สูงกว่าอะตอมท่ีรบั อิเล็กตรอนได้ยาก 2. ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ใบความรู้ 2.4.3 พลังงานไอออไนเซชัน อิเล็กโทรเนกาติวิตี และสัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอน แลว้ เปรียบเทยี บสัมพรรคภาพอิเลก็ ตรอนกบั พลังงานไอออไนเซชันของ ธาตเุ หมอื นและต่างกันอยา่ งไร (แนวคำตอบ : ท้ังสองคา่ ใช้อธบิ ายอะตอมในสถานะแก๊สเหมอื นกัน แตท่ ตี่ า่ งกันคือสัมพรรค ภาพอิเล็กตรอนเป็นการคายพลงั งานออกมา ส่วนพลงั งานไอออไนเซชันเปน็ การดดู พลงั งาน)

ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (20 นาท)ี ใหน้ ักเรยี นพิจารณารูป เพ่อื ศกึ ษาแนวโนม้ ของค่าสัมพรรคภาพอิเล็กตรอนของธาตุในตาราง ธาตุ แลว้ ร่วมกนั สรปุ สาระสำคัญ โดยสรุปได้ว่า เมื่อพิจารณาธาตุตามคาบ ธาตุโลหะ หมู่ IA IIA และ IIIA มีแนวโน้มที่จะรับ อเิ ล็กตรอนยาก โดยเฉพาะธาตใุ นหมู่ IIA จะรบั อเิ ลก็ ตรอนยากทส่ี ุด ส่วนธาตใุ นหมู่ IVA VA VIA และ VIIA มีแนวโน้มที่จะรับอิเล็กตรอนสูงโดยเฉพาะหมู่ VIIA จะรับอิเล็กตรอนได้ดีที่สุด สำหรับธาตุหมู่ VIIIA มีค่า EA เป็นลบซึ่งได้จากการคำนวณ แสดงให้เห็นว่าถ้าต้องการให้ธาตุหมู่นั้นรับอิเล็กตรอน นอกจากจะไม่คายพลงั งานแลว้ ยงั ตอ้ งใส่พลงั งานแกอ่ ะตอมเพิ่มด้วย ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมวา่ สารประกอบบางชนิด เช่น HCl มีการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน แล้ว ถามนักเรียนว่าอิเล็กตรอนที่ใช้ร่วมกันอยู่ตำแหน่งใดของโมเลกุล (อยู่ใกล้ H หรือ Cl) เพื่อนำเข้าสู่ เรือ่ งอิเลก็ โทรเนกาติวติ ี 2. ครูให้ความหมายของค่าอิเล็กโทรเนกาติวีตีว่าเป็นความสามารถของอะตอมในการดึงดูด อเิ ล็กตรอนทีใ่ ชร้ ่วมกนั ในโมเลกุลของสาร จากนัน้ ใหน้ กั เรียนศกึ ษารปู

แลว้ ร่วมกันสรุปแนวโน้ม คา่ อิเลก็ โทรเนกาติวิตีของธาตุในตารางธาตุ ซงึ่ ควรไดว้ ่าธาตุในคาบเดียวกัน มคี ่าเพม่ิ ขึน้ เมื่อเลขอะตอมเพ่ิมข้นึ เน่ืองจากขนาดของอะตอมเล็กลง ธาตุในหมเู่ ดยี วกันส่วนใหญ่มีค่า ลดลง เนื่องจากขนาดของอะตอมใหญข่ นึ้ 3. ครูใหน้ ักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเพ่ือกลับไปตอบคำถามว่าในสารประกอบ HCl อิเล็กตรอน ท่ใี ชร้ ่วมกันน่าจะอย่ตู ำแหน่งใด (แนวคำตอบ : อเิ ลก็ ตรอนอยู่ใกล้อะตอมของคลอรีนมากกว่าไฮโดรเจน เนือ่ งจากมีคา่ EN สูง กว่าอะตอมของไฮโดรเจน) ข้ันประเมิน (Evaluation) (30 นาที) ให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั 2.4.3 พลงั งานไอออไนเซชัน อเิ ลก็ โทรเนกาติวติ ี และสัมพรรคภาพ อิเลก็ ตรอน แล้วเฉลยร่วมกนั

9. การวดั และประเมนิ ผล/หลักฐานหรือรอ่ งรอยของการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธวี ดั เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การวัด ดา้ นความรู้ วิเคราะหแ์ ละสรุปแนวโนม้ สมบัติของธาตตุ าม ตรวจจาก แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑร์ อ้ ย หมู่และคาบ เกยี่ วกบั พลังงานไอออไนเซชนั แบบฝกึ หัด 2.4.3 2.4.3 พลงั งาน ละ 60 ขนึ้ ไป อเิ ลก็ โทรเนกาตวิ ิตี และสัมพรรคภาพ อเิ ล็กตรอน พรอ้ มทงั้ อธบิ ายเหตผุ ลประกอบ พลังงานไอออไน ไอออไนเซชนั เซชนั อเิ ลก็ โทร อิเล็กโทรเนกาติ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ เนกาติวติ ี และสัม วติ ี และสัมพรรค ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การ ตคี วามหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป) พรรคภาพ ภาพอิเล็กตรอน อิเล็กตรอน ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ นกั เรยี นมีความกระตอื รอื รน้ ในการเรยี น ประเมินทักษะ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์ กระบวนการทาง ทกั ษะ ระดับดี วิทยาศาสตร์ กระบวนการทาง ข้นึ ไป วทิ ยาศาสตร์ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์ใน ระหว่างจัดการ คุณลกั ษณะอัน ระดับดีขนึ้ ไป เรยี นรู้ พึงประสงค์ 10. สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้ แบบฝกึ หัด 2.4.3 พลังงานไอออไนเซชัน อเิ ล็กโทรเนกาติวติ ี และสัมพรรคภาพอิเลก็ ตรอน แหล่งการเรยี นรู้ - หนงั สอื เรียนรายวชิ าเคมี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ โดยสถาบันสง่ เสริมการสอน วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ - ห้องสมดุ โรงเรียน

แบบฝึกหัด 2.4.3 พลงั งานไอออไนเซชนั อิเล็กโทรเนกาตวิ ิตี และสมั พรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน 1. จงใหค้ วามหมายของคำตอ่ ไปน้ี Ionization Energy : Electron Affinity : Electronegativity : 2. เตมิ คำในชอ่ งว่างใหถ้ ูกต้อง IE , EA , EN มีแนวโน้ม ……….. (เพิ่มขึ้นหรือลดลง) จากล่างขึ้นบนในตารางธาตุ และมีแนวโน้ม ……….. (เพม่ิ ขึน้ หรอื ลดลง) จากซา้ ยไปขวาในตารางธาตุ 3. จงวงกลมธาตุที่สอดคล้องกับคำถาม 3.1 ธาตุใดมคี ่า EN มากกวา่ Na Rb 3.2 ธาตใุ ดมีค่า IE นอ้ ยกว่า Ga Se 3.3 ธาตุใดมีค่า EN น้อยกว่า P Cl 3.4 ธาตุใดมีค่า EA นอ้ ยกว่า Rb Sr 3.5 ธาตุใดมคี ่า EA มากกว่า Li F 4. ธาตุ X Y และ Z เป็นธาตุหมู่ IA IIA และ VIIA ตามลําดับ และอยู่ในคาบเดียวกัน จงเปรียบเทียบสมบัติ ตอ่ ไปน้ี 4.1 พลังงานไอออไนเซชนั ลําดับที่ 1 4.2 อเิ ล็กโทรเนกาตวิ ิตี

เฉลย แบบฝกึ หดั 2.4.3 พลงั งานไอออไนเซชนั อเิ ลก็ โทรเนกาติวิตี และสมั พรรคภาพอิเล็กตรอน 1. จงใหค้ วามหมายของคำต่อไปน้ี Ionization Energy : พลังงานปรมิ าณน้อยทีส่ ดุ ท่ีทำใหอ้ ิเล็กตรอนหลุดจากอะตอมในสถานะแก๊ส Electron Affinity : พลังงานท่คี ายออกมาเม่อื อะตอมในสถานะแกส๊ ได้รบั อเิ ลก็ ตรอน 1 อเิ ลก็ ตรอน Electronegativity : ความสามารถของอะตอมในการดึงดดู อเิ ล็กตรอน 2. เติมคำในช่องว่างให้ถกู ตอ้ ง IE , EA , EN มแี นวโน้ม เพ่มิ ขน้ึ (เพมิ่ ขน้ึ หรอื ลดลง) จากลา่ งข้นึ บนในตารางธาตุ และมแี นวโนม้ เพม่ิ ขน้ึ (เพมิ่ ขน้ึ หรือลดลง) จากซ้ายไปขวาในตารางธาตุ 3. จงวงกลมธาตุทส่ี อดคล้องกับคำถาม 3.1 ธาตุใดมีคา่ EN มากกวา่ Na Rb 3.2 ธาตุใดมีคา่ IE น้อยกว่า Ga Se 3.3 ธาตใุ ดมีค่า EN นอ้ ยกวา่ P Cl 3.4 ธาตใุ ดมีค่า EA น้อยกว่า Rb Sr 3.5 ธาตใุ ดมีคา่ EA มากกวา่ Li F 4. ธาตุ X Y และ Z เป็นธาตหุ มู่ IA IIA และ VIIA ตามลาํ ดับ และอยูใ่ นคาบเดยี วกนั จงเปรียบเทยี บสมบตั ิ ตอ่ ไปน้ี 4.1 พลงั งานไอออไนเซชนั ลําดบั ที่ 1 พลังงานไอออไนเซชันลาํ ดับท่ี 1 ของธาตุเรยี งลาํ ดับจากสูงไปตำ่ ดังนี้ ธาตุ Z สูงที่สุด รองลงมาคอื ธาตุ Y และตำ่ ท่สี ดุ คอื ธาตุ X เน่ืองจากเลขอะตอมเพิม่ ข้นึ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างนิวเคลยี สกับเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอนจึง เพ่ิมขึ้นตามคาบ อิเล็กตรอนจงึ หลุดจากอะตอมได้ยาก IE1 จงึ มีคา่ สูงข้ึนตามคาบ 4.2 อเิ ล็กโทรเนกาติวติ ี ธาตุ Z สูงที่สุด รองลงมาคอื ธาตุ Y และตำ่ ที่สุดคือธาตุ X เน่ืองจากเลข อะตอมเพ่ิมข้ึนตามคาบ ขนาดอะตอมจะเลก็ ลง ความสามารถในการดึงดูด อเิ ลก็ ตรอนจงึ เพมิ่ ข้นึ EN จงึ มคี า่ สูงข้ึนตามคาบ



บนั ทกึ หลังการสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ดา้ นความรู้ จากแบบฝกึ หดั 2.4.3 พลงั งานไอออไนเซชนั อเิ ลก็ โทรเนกาตวิ ิตี และสัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอน พบว่า นกั เรียนส่วนใหญ่สามารถวเิ คราะหแ์ ละสรปุ แนวโนม้ สมบัตขิ องธาตตุ ามหมู่และคาบ เกย่ี วกับพลังงานไอออไน เซชนั อิเลก็ โทรเนกาติวติ ี และสมั พรรคภาพอิเลก็ ตรอน พร้อมทั้งอธิบายเหตผุ ลประกอบไดอ้ ย่างถกู ต้องร้อยละ 60 ขน้ึ ไป ด้านทกั ษะกระบวนการ จากแบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ พบว่านกั เรยี นส่วนใหญม่ ีทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ (การตคี วามหมายข้อมูลและการลงข้อสรปุ ) ในระดบั ดขี ึ้นไป ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ จากแบบประเมินพฤตกิ รรมระหวา่ งจัดการเรียนรู้ พบว่านักเรยี นส่วนใหญ่มคี วามกระตอื รอื รน้ ในการ เรยี น ผ่านเกณฑ์ในระดับดีข้ึนไป ปัญหา/อุปสรรค ด้านความรู้ นักเรียนบางสว่ นยังไม่สามารถวิเคราะหแ์ ละสรปุ แนวโน้มสมบัตขิ องธาตุตามหมู่และคาบ เก่ียวกบั พลงั งานไอออไนเซชัน อิเลก็ โทรเนกาติวติ ี และสมั พรรคภาพอเิ ล็กตรอน พรอ้ มทง้ั อธิบายเหตผุ ลประกอบได้ เน่อื งจากเนอ้ื หาค่อนข้างเป็นนามธรรมนกั เรยี นอาจจะตอ้ งใชเ้ วลาในการศกึ ษาเพ่มิ เติม ด้านทักษะกระบวนการ นกั เรยี นบางส่วนยังมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การตีความหมายข้อมูลและการลงขอ้ สรุป) ตำ่ กวา่ ระดบั ดี ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นักเรยี นบางส่วน (9.52%) มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรยี น ตำ่ กวา่ ระดบั ดี (โดยพบว่ามนี กั เรียนคน เดิม 1 คนกย็ งั คงขาดเรียนโดยไม่ทราบเหตผุ ล และตดิ ตามสง่ งานเลย) แนวทางแก้ไข มกี ารเฉลยแบบฝกึ หัดและอธบิ าย เพื่อเพม่ิ เติมและทบทวนเนื้อหาให้ผเู้ รียน ลงช่อื .................................................... (นางสาวปยี ว์ รา ผาลี) .........../................../..............

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 12 รหสั วชิ า ว30221 วชิ า เคมี1 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 จำนวน 3 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 อะตอมและสมบตั ขิ องธาตุ เรอื่ ง ธาตแุ ทรนซิชัน ********************************************************************************** 1. ผลการเรียนรู้ บอกสมบตั ขิ องธาตโุ ลหะแทรนซชิ นั และเปรียบเทียบสมบัตกิ บั ธาตโุ ลหะในกล่มุ ธาตุเรพรีเซน เททีฟ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระเคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบตั ิ ของสาร แก๊สและสมบัตขิ องแกส๊ ประเภทและสมบตั ิของสารประกอบอนิ ทรียแ์ ละพอลิเมอร์ รวมทัง้ การนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 3. สาระสำคัญ ธาตุโลหะแทรนซชิ ันทกุ ธาตุจะเปน็ โลหะ แต่มคี วามเปน็ โลหะน้อยกวา่ ธาตหุ มู่ IA และ IIA มี สถานะเปน็ ของแขง็ ทีอ่ ณุ หภมู หิ อ้ ง ยกเว้นปรอทที่เปน็ ของเหลว มีจดุ หลอมเหลว จุดเดอื ด และความ หนาแน่นสูง นำไฟฟ้าไดด้ ี ธาตุแทรนซชิ นั ท้ังหมดมีเวเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอนเทา่ กับ 2 ยกเวน้ ธาตโุ ครเมยี ม และทองแดง ที่มเี วเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนเป็น 1 สารประกอบของธาตุเหล่านี้จะมีสสี ัน เกิดปฏกิ ิรยิ ากับน้ำ ได้ชา้ กว่าธาตโุ ลหะในกลมุ่ ธาตเุ รพรเี ซนเททฟี มพี ลงั งานไอออไนเซชันลำดบั ท่ี 1 และมีคา่ พลังงานอิ เล็กโทรเนกาติวติ ตี ่ำ ขนาดอะตอมจะมีขนาดไม่แตกตา่ งกนั มาก โดยทใ่ี นคาบเดียวกนั จะเลก็ จากซา้ ย ไปขวา ในหม่เู ดยี วกันจะใหญจ่ ากบนลงล่าง และธาตเุ หล่าน้ีมีออกซิเดชันหลายคา่ 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ เปรียบเทยี บสมบตั ิบางประการของโลหะเรพรีเซนเททีฟหรือโลหะหมูห่ ลัก และโลหะแทรนซิชัน ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การทดลอง และการตคี วามหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป) ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรียนมีความกระตือรือรน้ ในการเรยี น 5. สาระการเรยี นรู้ - สมบัติของธาตแุ ทรนซชิ นั 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร (รู้ เขา้ ใจ การพูดคยุ รว่ มสนทนา รับฟังความเห็นของผอู้ ่นื ) 6.2 ความสามารถในการคิด (คิดวิเคราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ สรา้ งองค์ความรู้ แสดงความคดิ เหน็ กับผูอ้ ่ืน) 6.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา (นำเสนอแนวความคิดเหน็ ในการแก้ปัญหา คดิ วธิ ีแก้ปัญหา) 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต (การทำงานรว่ มกบั ผู้อืน่ ได้อยา่ งมคี วามสขุ ) 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใช้เทคโนโลยใี นการศกึ ษา ค้นคว้าเพ่ิมเตมิ ) 7. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 มวี ินัย

7.2 ใฝเ่ รียนรู้ 7.3 มุง่ มั่นในการทำงาน 8. ขัน้ ตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่ัวโมงที่ 1 (เวลา 1 ชว่ั โมง) ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี ครทู บทวนเกย่ี วกบั การแบ่งกลุม่ ธาตุในตารางธาตุและสมบัติของกลุ่มธาตุ หมู่หลักท่ีได้ศึกษา มาแล้วว่ามอี ะไรบ้าง ให้นกั เรยี นพิจารณารูป - ตารางธาตุแบง่ ออกเป็น 18 หมู่ 7 คาบ - ตารางธาตทุ ี่ใชอ้ ยูใ่ นปัจจุบนั แบง่ ธาตุในแนวตั้งออกเป็น 18 แถว โดยเรียกแถวในแนวต้ังว่า “หมู่” และธาตใุ นแนวตง้ั ยังแบง่ ออกเป็นธาตุกลุม่ A และธาตุกล่มุ B จากน้นั คำถามดังนี้ 1) ธาตุแทรนซิชนั อยูบ่ ริเวณใตของตารางธาตุ (แนวคำตอบ : อยูร่ ะหวา่ ง IIA กบั IIIA (หมู่ 2 กับ 13) 2) เพราะเหตุใดจึงจัดธาตแุ ทรนซิชันแยกเป็นอีกหนึ่งกลุ่ม เพื่อนําเขา้ สู่การศึกษาสมบัตขิ อง ธาตุแทรนซชิ ัน (แนวคำตอบ : เพราะมสี มบัติบางอยา่ งท่แี ตกตา่ งออกไปจากโลหะหมู่หลกั ) 3) นักเรยี นคดิ วา่ ธาตุแทรนซชิ นั ทกุ ธาตจุ ะมีสมบัติเหมือนหรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร (แนวตอบ : มที ั้งเหมอื นและแตกตา่ งกนั เช่น ทกุ ธาตใุ นกลมุ่ B จะเป็นโลหะ ส่วนใหญ่จะมีมี เวเลนซอ์ ิเล็กตรอนเท่ากบั 2 ยกเว้นธาตุโครเมยี ม และทองแดง ท่ีมเี วเลนซ์อิเล็กตรอนเปน็ 1 เป็นตน้ ) ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) (10 นาที) ให้นักเรียนศึกษาข้อมูลในตารางแสดง สมบัติบางประการของธาตุแทรนซิชันในคาบที่ 4 เปรียบเทียบกับ K และ Ca จากใบใบความรู้ 2.5 เรื่อง ธาตุแทรนซิชัน แล้วอภิปรายในกลุ่มเพ่ือ เปรียบเทียบ สมบัติบางประการของธาตุโพแทสเซียมและแคลเซียมที่เป็นธาตุหมู่ IA และ IIA กับ ธาตแุ ทรนซิชนั ในคาบที่ 4 ซึง่ อยู่ในคาบเดยี วกนั ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (10 นาที) 1. ครกู บั นกั เรยี นรว่ มกันสรปุ อีกครัง้ ซง่ึ ควรได้สาระสําคัญดงั น้ี - รัศมีอะตอมของโลหะหมู่หลักจะมีขนาดใหญ่กว่าโลหะแทรนซิชันในคาบเดียวกันโดย โลหะแทรนซชิ ันในคาบเดยี วกันมีขนาดใกล้เคยี งกัน

- ธาตุแทรนซิชันมีจุดหลอมเหลว จุดเดือด ความหนาแน่น สูงกว่าธาตุโพแทสเซียมและ แคลเซียม - ทั้งธาตโุ พแทสเซียมและแคลเซียมและธาตุแทรนซิชันมีคา่ พลังงานไอออไนเซชันลําดับที่ 1 และคา่ อิเล็กโทรเนกาติวิตีต่ำ - อิเล็กตรอนตัวสุดท้ายในการจัดเรียงอิเล็กตรอนของธาตุโพแทสเซียมและแคลเซียมจะถกู บรรจุในระดับพลังงานย่อย 4s ส่วนธาตุแทรนซิชันในคาบที่ 4 อิเล็กตรอนตัวสุดท้ายจะถูกบรรจุใน ระดับพลังงานย่อย 3d เพราะว่าระดับพลังงานย่อย 3d สูงกว่า 4s ตามแผนภาพลำดับของการ จดั เรียงอิเล็กตรอนท่ีได้ศกึ ษามาแล้ว - ธาตุแทรนซิชันในคาบที่ 4 ส่วนใหญ่มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 2 เช่นเดียวกับ ธาตุ แคลเซียมยกเว้นธาตุโครเมียมและทองแดงมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 1 เช่นเดียวกับธาตุ โพแทสเซียม 2. ครใู หน้ ักเรยี นรว่ มกันตอบคําถามวา่ เหตุใดขนาดอะตอมของธาตแุ ทรนซิชนั ในคาบที่ 4 จึง มีคา่ ใกล้เคียงกนั (แนวคำตอบ : เมอื่ ธาตแุ ทรนซซิ ันมีเลขอะตอมเพม่ิ ขึ้น จํานวนอเิ ล็กตรอนที่เพ่ิมข้ึนจะเข้าไป อย่ทู ่อี อร์บิทัล 3d ซงึ่ ไม่ไดม้ ีผลต่อการขยายขนาดกลุ่มหมอกอิเล็กตรอน (เพราะ ไม่ใช่ระดับพลังงาน ชั้นนอกสุด) และแม้จํานวนโปรตอนจะเพิ่มขึ้นตามเลขอะตอม แต่เนื่องจากมีอเิ ล็กตรอนในออร์บิทัล 3d ทําหน้าที่กําบัง ดังนั้นแรงดึงดูดของโปรตอนในนิวเคลียสต่ออิเล็กตรอนใน ออร์บิทัล 4s จึงมีค่า นอ้ ยทําให้ขนาตอะตอมไม่เปลยี่ นแปลงมากนกั ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที) 1. ครถู ามคาํ ถามว่านอกจากสมบัตติ ่าง ๆ ทไี่ ดศ้ ึกษาแล้ว โลหะแทรนซชิ นั และโลหะหมู่หลัก ยังมสี มบัติใดแตกต่างกันอกี บ้าง เพือ่ นาํ เข้าสูก่ ิจกรรม 2. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 6 คน ทํากิจกรรมดงั น้ี คำชี้แจง : 1 นักเรียนจะได้บัตรภาพกลุ่มละ 1 ชุด ซึ่งเป็นบัตรภาพแสดงสารประกอบของโลหะหมู่ หลักและโลหะแทรนซิชัน ดงั นี้

2. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาสารประกอบแตกตา่ งกนั อย่างไร 3. นักเรยี นออกแบบตารางบันทึกผล อภปิ รายและสรปุ กจิ กรรม ซงึ่ ควรได้ขอ้ สรุปดงั นี้ 1. สีของสารประกอบเป็นสมบัติทางกายภาพ ซ่งึ สามารถสังเกตได้ด้วย ตาเปลา่ 2. สารประกอบของโลหะหมู่หลักส่วนใหญ่เป็นสีขาว สว่ นสารประกอบของโลหะ แทรนซิชัน มักจะมีสี เช่น CuSO, H0 มีสีฟ้า ZnSO, มีสีเหลืองอ่อน ดังนั้น สารประกอบของโลหะหมู่หลักส่วน ใหญเ่ ป็นสีขาว ส่วนสารประกอบของโลหะ แทรนซซิ ันส่วนใหญ่มีสี ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (15 นาที) แต่ละกล่มุ นำเสนอในรปู แบบท่ีนา่ สนใจและเข้าใจได้ง่าย แล้วนำไปแปะทบี่ อรด์ หน้าหอ้ งเรยี น เพอ่ื ใหน้ ักเรียนกลุม่ อ่ืนไดศ้ ึกษา ชั่วโมงท่ี 2-3 (เวลา 2 ชัว่ โมง) ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) (15 นาที) 1. ครทู บทวนเกย่ี วกบั สมบตั ิบางประการของธาตุแทรนซิชนั ดงั นี้ - เป็นโลหะ - มคี ่า IE1 และ EN ต่ำ - ขนาดอะตอมในคาบเดียวกันใกล้เคียงกัน - พลงั งานสงู สุดของอิเล็กตรอนทีบ่ รรจุสว่ นใหญอ่ ยู่ใน d-orbital - สารประกอบสว่ นใหญ่มสี ี จากนั้นต้ังคำถามว่า นักเรียนคิดว่า KMnO4 K2CrO4 และ Na2CoCl4 เป็นสารประกอบที่มสี ี หรือไม่เพราะเหตใุ ด (แนวคำตอบ : สารประกอบทั้ง 3 ชนิดมีสีโดย KMnO4 มีสีม่วง K2CrO4 มีสีเหลือง และ Na2CoCl4 มสี นี ้ำเงนิ การทส่ี ารประกอบท้งั หมดมสี ี เนือ่ งจากมธี าตุแทรนซิชนั เปน็ องคป์ ระกอบ) 2. ครูถามคําถามเพ่ือให้นักเรียนอภิปรายว่า นอกจากการมีสีของสารประกอบแล้ว โลหะแท รนซิชนั ยังมสี มบัติใดท่ีแตกต่างโลหะหมูห่ ลกั อกี บา้ ง เพ่ือนาํ เขา้ สู่กจิ กรรม 2.5 ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (50 นาท)ี 1. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาเก่ยี วกบั สารประกอบของธาตุแทรนซชิ ัน โดยใหน้ กั เรยี นแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 5-6 คน โดยใชเ้ ทคนิคการแบ่งกลมุ่ ผลสัมฤทธิ์ (STAD) คือ การจดั กิจกรรมการเรียนร้ทู ีม่ สี มาชิก ท่ี มีระดับสติปัญญาแตกต่างกัน คือ เก่ง 1 คน ปานกลาง 2–3 คน และอ่อน 1 คน พร้อมทั้งเลือก ประธานกลุ่ม รองประธานกลุ่ม เลขานุการกลุ่ม และสมาชิกกลุ่ม โดยสับเปลี่ยนหน้าที่ในการทำ กจิ กรรมกลุม่

2. ครูให้นักเรียนแต่ละกล่มุ ทำกิจกรรม 2.3 การทดลองการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมีกบั น้ำ โดยย้ำให้ นักเรียนศึกษาวิธกี ารทดลองอยา่ งละเอยี ด และท่สี ำคญั ตอ้ งทราบสารและอุปกรณ์ที่ใช้ทำการทดลอง รวมถงึ ศึกษาขอ้ มูลความปลอดภยั และขอ้ ควรระวงั ของสารเคมตี ่าง ๆ 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทดลองตามขั้นตอนการทดลองที่กำหนดให้ในใบกิจกรรมและ บนั ทกึ ผลการทดลอง ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (20 นาท)ี แต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทดลอง เพื่ออภิปรายและสรุปผลร่วมกัน ซึ่งควรได้ข้อสรุปดังนี้ 1) เมื่อหยดสารละลายนอล์ฟทาลีนลงใน 0.3 M HCl สารละลายจะใสไม่มีสี แต่เมื่อหยดลง ใน 0.1 M NaOH พบว่าสารละลายเปลี่ยนเป็นสีชมพู แสดงว่าสารละลายฟีนอล์ฟทาลีนในสภาวะที่ เปน็ กรดจะใส ไม่มีสี แต่ในสภาวะที่เปน็ เบสจะเป็นสีชมพู 2) แมกนีเซียมเกดิ ปฏิกิริยาเคมีกับน้ำที่อุณหภมู ิหอ้ งไดช้ า้ แต่เกิดปฏกิ ิริยากับนำ้ ร้อนได้เร็ว กว่า ได้สารละลายมสี มบตั เิ ปน็ เบส เนือ่ งจากมีสีชมพจู ากฟีนอล์ฟทาลนี เกดิ ข้ึน 3) ปฏิกิริยาของทองแดงและสังกะสีกับน้ำที่อุณหภูมิห้องและในน้ำร้อน สังเกตไม่เห็นการ เปล่ยี นแปลง 4) ความสามารถในการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้ำของธาตุทั้ง 4 ชนิดพบว่า โลหะโซเดียม เกดิ ปฏิกิรยิ าไดร้ วดเรว็ ท่สี ุด รองลงมาคือแมกนเี ซยี ม ส่วนทองแดงและสังกะสไี มท่ ำปฏิกิรยิ ากับน้ำ ดังนั้น โลหะหมู่หลักเกิดปฏิกิริยากับน้ำได้ดีกว่าโลหะแทรนซิชัน และเมื่อโลหะหมู่หลักทำ ปฏกิ ิรยิ ากบั นำ้ จะได้สารละลายทมี่ สี มบตั เิ ปน็ เบส ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาท)ี 1. ครูให้ความรเู้ พิ่มเติมต่างๆ ดังน้ี - เลขออกซเิ ดชนั ของธาตแุ ทรนซชิ ัน ซงึ่ สีของสารประกอบกบั เลขออกซิเดชนั ของธาตุแทรนซิ ชันจะมีความสัมพันธ์กัน โดยการที่ธาตุแทรนซิชันมีเลขออกซิเดชันได้หลายค่า เพราะการจัดเรียง อเิ ลก็ ตรอนมีลักษณะพเิ ศษ ซงึ่ ตา่ งจากการจดั เรียงอิเลก็ ตรอนของธาตกุ ลุ่ม A - สารประกอบเชิงซ้อนของธาตแุ ทรนซิชัน 2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง สมบัติและสารประกอบของธาตุแทรนซิชัน จน นักเรยี นเกดิ ความเขา้ ใจที่ตรงกัน ข้ันประเมนิ (Evaluation) (20 นาท)ี นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั 2.5 ธาตุแทรนซิชนั แลว้ เฉลยรว่ มกัน

9. การวัดและประเมนิ ผล/หลกั ฐานหรือร่องรอยของการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ วี ัด เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ ารวัด ด้านความรู้ ผา่ นเกณฑ์รอ้ ย เปรียบเทียบสมบัติบางประการของ 1. ตรวจจากใบ 1. ใบกิจกรรม 2.3 ละ 60 ข้ึนไป โลหะเรพรเี ซนเททฟี หรือโลหะหมูห่ ลกั กจิ กรรม 2.3 การ การทดลองการ และโลหะแทรนซิชนั ทดลองการ เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมกี บั ผ่านเกณฑ์ เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีกับนำ้ น้ำ ระดับดี ดา้ นทกั ษะกระบวนการ 2. ตรวจจาก 2. แบบฝึกหัด 2.5 ขนึ้ ไป ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การ แบบฝึกหัด 2.5 ธาตุแทรนซิชัน ผา่ นเกณฑใ์ น ทดลอง และการตีความหมายข้อมลู และ ธาตแุ ทรนซชิ นั ระดบั ดีข้ึนไป การลงข้อสรปุ ) แบบประเมินทกั ษะ ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ประเมนิ ทกั ษะ กระบวนการทาง นักเรยี นมีความกระตือรอื รน้ ในการเรยี น กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ แบบประเมิน สังเกตพฤตกิ รรม คณุ ลกั ษณะอันพึง ระหวา่ งจดั การเรยี นรู้ ประสงค์ 10. สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ ส่อื การเรียนรู้ แบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั 2.5 ธาตุแทรนซชิ ัน แหล่งการเรียนรู้ - หนงั สอื เรียนรายวิชาเคมี 1 กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ โดยสถาบนั สง่ เสริมการสอน วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ - หอ้ งสมุดโรงเรยี น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook