ไอออนลบดงึ ดดู กันดว้ ยแรงดงึ ดูดทางไฟฟ้าสถิตดว้ ยสัดสว่ นทที ำให้อะตอมมเี วเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนเท่ากับ 8 ซงึ่ เปน็ ไปตาม กฎออกเตต C2H4, PCl3, CCl4, BeCl2, และ PF3 เกิดจากอะตอมอโลหะกับอโลหะ มีการใช้อิเล็กตรอน ร่วมกนั ในการสร้างพนั ธะดงั น้นั จึงเป็นสารประกอบท่ีเกิดจากพนั ธะโคเวเลนต์ 6. ข้อความตอ่ ไปนีข้ ้อใดผดิ จ. สารประกอบไอออนกิ มกั จะเกิดระหว่างโลหะท่ีมีค่าพลงงั านไอออไนเซชนั ต่ำกับอโลหะที่ มีคา่ พลงั งานไอออไนเซชันชันลำดบั ที่ 1 สงู ฉ. สารประกอบไอออนกิ มีจดุ เดือดสงู ช. สารประกอบไอออนิกเสถียรมากเพราะมแี รงดึงดูดไฟฟ้าสถิตระหวา่ งไอออนตา่ งชนิดกนั ซ. โครงสร้างของสารประกอบไอออนกิ มลี ักษณะเป็นโครงผลึกรา่ งตาข่าย แตล่ ะไอออนจะมี ไอออนตา่ งชนิดลอ้ มรอบอยู่ดว้ ยจำนวนทีเ่ ท่ากนั เสมอ เพราะเหตุใดจึงตอบข้อน้ัน อธบิ าย: โครงสร้างของสารประกอบไอออนิกมลี กั ษณะเปน็ โครงผลึกรา่ งตาขา่ ย แต่ละไอออน จะมีไอออนต่างชนิดล้อมรอบอยู่ด้วยจำนวนที่ไมเ่ ท่ากนั เสมอไป แต่จะรวมตัวกันดว้ ยสดั ส่วนที่ทำให้ อะตอมมเี วเลนซ์ อิเล็กตรอนเท่ากับ 8 ตามกฎออกเตต ซึ่งเป็นสภาพทเ่ี สถยี รทสี่ ุด ดงั นั้นจากขอ้ ความ ทว่ี า่ โครงสร้างของสารประกอบไอออนิกมีลักษณะเปน็ โครงผลึกร่างตาข่าย แต่ละไอออนจะมีไอออน ตา่ งชนิดลอ้ มรอบอยู่ด้วยจำนวนทเี่ ทา่ กนั เสมอจึงไม่ถกู ต้อง 7. สารประกอบโซเดียมคลอไรด์และแคลเซียมคลอไรด์มีสัดส่วนจำนวนไอออนบวกต่อไอออนลบ อย่างไร ตามลำดับ จ. 6:6 และ 8:4 ฉ. 6:6 และ 4:8 ช. 8:4 และ 6:6 ซ. 4:8 และ 6:6 เพราะเหตุใดจึงตอบข้อนน้ั คำอธิบาย: โซเดยี มคลอไรด์ ประกอบด้วย โซเดยี มไอออน (Na+)และ คลอไรดไ์ อออน (Cl-)ซ่ึง จำนวนไอออนบวกจะเท่ากับจำนวนไอออนลบเพื่อให้เกิดความสมดุลของประจุและเกิดเป็น สารประกอบที่เป็นกลาง ดังนั้นสำหรับสารประกอบนี้ สัดส่วนของไอออนบวกต่อไอออนลบ จึงควร เปน็ 6:6 แคลเซียมคลอไรด์ ประกอบด้วย แคลเซียมไอออน (Ca2+)และ คลอไรด์ไอออน (Cl-) ซ่ึง จำนวนไอออนลบจะตอ้ งเปน็ สองเท่าของจำนวนไอออนบวกเพ่ือให้เกิดความสมดุลของประจุและเกิด เป็นสารประกอบที่เป็นกลาง ดังนั้นสำหรับสารประกอบนี้ สัดส่วนของไอออนบวกต่อไอออนลบ จึง ควรเป็น 4:8 8. จากโครงสร้างของสารประกอบไอออนิกทกี่ ำหนดให้ มจี ำนวนไอออนลบเท่าใดท่ลี อ้ มรอบไอออน บวก (กำหนดให้ ไอออนลบคอื สเี หลอื ง และไอออนบวกคอื สีเขียว)
จ. 1 ฉ. 4 ช. 8 ซ. 9 เพราะเหตุใดจึงตอบข้อนัน้ คำอธบิ าย: นบั จำนวนไอออนลบสีเหลอื งทีล่ อ้ มรอบไอออนบวกสเี ขยี วพบวา่ มจี ำนวนท้ังหมด 8 ไอออนจำนวนไอออนตรงข้ามที่มาล้อมรอบอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เลขโคออร์ดิเนชัน (Coordination number)
บนั ทกึ หลงั การสอน ผลการจัดการเรียนการสอน ด้านความรู้ จากแบบฝึกหัด 3.2.1 การเกดิ พนั ธะไอออนกิ พบวา่ นกั เรียนส่วนใหญ่สามารถอธบิ ายการเกดิ ไอออน และการเกิดพนั ธะไอออนกิ โดยใชแ้ ผนภาพหรือสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอสิ และโครงสร้างของสารประกอบ ไอออนิกได้อยา่ งถูกตอ้ งร้อยละ 60 ขนึ้ ไป ด้านทักษะกระบวนการ จากแบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบวา่ นกั เรียนส่วนใหญ่มีทักษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ (การตคี วามหมายขอ้ มลู และการลงข้อสรุป) ในระดับดีขน้ึ ไป ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ จากแบบประเมินพฤตกิ รรมระหว่างจัดการเรียนรู้ พบว่านักเรียนส่วนใหญ่มีความกระตือรือรน้ ในการ เรียน ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดขี นึ้ ไป ปัญหา/อปุ สรรค ด้านความรู้ นกั เรียนบางส่วนยังไม่สามารถอธบิ ายการเกิดไอออนและการเกดิ พนั ธะไอออนกิ โดยใช้แผนภาพหรอื สัญลกั ษณแ์ บบจุดของลิวอิส และโครงสรา้ งของสารประกอบไอออนกิ ได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ นักเรยี นบางส่วนยงั มีทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป) ตำ่ กวา่ ระดับดี ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรยี นบางสว่ น (28.57%) มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรยี น ต่ำกว่าระดบั ดี แนวทางแก้ไข อธบิ ายโดยการยกตวั อย่างเพมิ่ เตมิ และพยายามวาดภาพให้เปน็ 3 มิตมิ ากขนึ้ เพื่อใหน้ กั เรียนเข้าใจ บทเรียนเพมิ่ ขนึ้ ลงชอ่ื .................................................... (นางสาวปยี ว์ รา ผาล)ี .........../................../..............
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 18 รหัสวิชา ว30221 วิชา เคมี1 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 จำนวน 1 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 พนั ธะเคมี เรื่อง สตู รเคมแี ละชอ่ื ของสารประกอบไอออนกิ ********************************************************************************** 1. ผลการเรยี นรู้ เขยี นสูตรและเรียกชือ่ สารประกอบไอออนกิ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระเคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบตั ิ ของสาร แก๊สและสมบัตขิ องแกส๊ ประเภทและสมบัติของสารประกอบอนิ ทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้ง การนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 3. สาระสำคญั สารประกอบไอออนกิ เขียนแสดงสตู รเคมีโดยให้สัญลกั ษณ์ธาตทุ ีเ่ ปน็ ไอออนบวกไวข้ ้างหนา้ ตามด้วยสญั ลักษณ์ธาตุทีเ่ ป็นไอออนลบ โดยมตี ัวเลขแสดงอตั ราสว่ นอยา่ งตำ่ ของจำนวนไอออนที่เป็น องคป์ ระกอบ การเรียกชอ่ื สารประกอบไอออนิก ทำไดโ้ ดยเรียกชื่อไอออนบวก แล้วตามดว้ ยชอื่ ไอออนลบ สำหรบั สารประกอบไอออนิกทเ่ี กิดจากโลหะทม่ี เี ลขออกซิเดชนั ได้หลายค่า ตอ้ งระบุเลขออกซเิ ดชนั ของโลหะดว้ ย 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ เขียนสูตรและเรียกช่อื สารประกอบไอออนกิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรปุ ) ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ นักเรียนมีความกระตอื รอื รน้ ในการเรียน 5. สาระการเรยี นรู้ - การเขียนสูตรสารประกอบไอออนกิ - การเรียกชือ่ สารประกอบไอออนกิ 6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 6.1 ความสามารถในการสือ่ สาร (รู้ เข้าใจ การพูดคุย ร่วมสนทนา รับฟังความเห็นของผอู้ ่นื ) 6.2 ความสามารถในการคดิ (คิดวเิ คราะห์ คิดสร้างสรรค์ สร้างองคค์ วามรู้ แสดงความคดิ เห็นกับผู้อื่น) 6.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา (นำเสนอแนวความคิดเห็นในการแกป้ ัญหา คดิ วิธีแกป้ ัญหา) 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต (การทำงานร่วมกบั ผอู้ ่นื ได้อยา่ งมคี วามสุข) 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใช้เทคโนโลยีในการศึกษา คน้ ควา้ เพิ่มเติม) 7. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 มวี ินัย 7.2 ใฝ่เรียนรู้
7.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 8. ขนั้ ตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1. ครูนําเข้าสู่การศึกษาเรื่องสูตรเคมีของสารประกอบไอออนิกโดยให้นักเรียนพิจารณารปู แลว้ ต้ังคําถามวา่ ประจุของไอออนสัมพันธก์ บั เลขหมู่ของธาตุในตารางธาตหุ รอื ไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ : ประจุของไอออนมีความสัมพันธ์กับเลขหมู่ของธาตุ โดยธาตุหมู่ IA IIA และ IIIA เมื่อเป็นไอออนจะเป็นไอออนบวกที่มีประจุตามเลขหมู่ ส่วนธาตุหมู่ VA VIA และ VIIA เมื่อเป็น ไอออน จะเป็นไอออนลบท่ีมีประจุ X-8 เมอื่ X คอื เลขหมู่ของธาตอุ โลหะ) 2. ครูตงั้ คำถามใหน้ ักเรียนชวนคดิ ดงั น้ี 1) ในสารประกอบหลายชนิด ธาตุไฮโดรเจนเกิดเป็นไอออน H+ การเกิดไอออนนี้ ของธาตุไฮโดรเจนสอดคล้องกับการเกดิ ประจุของธาตุหมใู่ ด (แนวคำตอบ : หมู่ IA) 2) ในสารประกอบไอออนิกบางชนิด ธาตุไฮโดรเจนอาจเป็นไอออน H- การเกิด ไอออนนี้ของธาตไุ ฮโดรเจนสอดคล้องกบั การเกิดประจขุ องธาตุหม่ใู ด (แนวคำตอบ : หมู่ VIIA) 3) จากสมบตั ิการเกิดประจุในข้อ 1 และ 2 ควรจัดธาตุไฮโดรเจนให้อยูใ่ นตาํ แหน่งใด ของตารางธาตุ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : ธาตุไฮโดรเจนควรอยู่ในตําแหน่งกึ่งกลางและมีเส้นปะเชื่อมระหว่างหมู่ IA และหมู่ VIIA เนื่องจากการเกิดเปน็ ไอออนคล้ายกับการเกิดไอออนของธาตหุ มู่ IA และหมู่ VIIA) 3. ครูตั้งคําถามนําว่า เมื่อทราบประจุของไอออนบวกและไอออนลบแล้ว ไอออนดังกล่าว รวมตัวกันดว้ ยอัตราสว่ นเทา่ ใดในการเกิดเปน็ สารประกอบไอออนกิ ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (15 นาท)ี 1. ให้นกั เรยี นแบ่งกลุม่ ๆ ละ 5-6 คน ทํากิจกรรมเพอ่ื ศึกษาอตั ราสว่ นการรวมตัวของไอออน ในสารประกอบไอออนิก ดังน้ี 2. ใหน้ กั เรยี นทาํ กิจกรรมโดยนาํ กระดาษสีที่เป็นไอออนบวกและไอออนลบที่ครูจัดให้ ต่อกัน ให้เกิดเป็นรูปสี่เหลี่ยมตามธาตุที่ครูกำหนดให้ เช่น สารประกอบที่เกิดจาก Na+ กับ S2- จะต้องใช้ กระดาษที่เขยี น Na+ 2 แผน่ และกระดาษทเ่ี ขยี น S2- 1 แผน่ ผลการทาํ กจิ กรรม คือ ผลรวมของประจุไอออนบวกกับผลรวมของประจุไอออนลบเม่ือนํามา รวมกนั แลว้ ไดเ้ ท่ากับศูนย์ เชน่ สารประกอบที่เกิดจาก Na+ กับ S2- จะตอ้ งใชก้ ระดาษที่เขียน Na+ 2 แผ่น และกระดาษทเ่ี ขียน S2- 1 แผน่ ทาํ ให้มีผลรวมประจขุ องไอออนบวกเท่ากับ +2 และผลรวมของ
ไอออนลบเทา่ กบั -2 เมอื่ รวมประจทุ ง้ั สองจะได้เปน็ 0 ดังนน้ั อตั ราสว่ นของจาํ นวน Na+ ตอ่ S2- เป็น 2:1 3. ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ 3.2.2 สูตรเคมีและชื่อของสารประกอบไอออนิก โดย พิจารณาตาราง ตาราง แสดงการเขียนสูตรสารประกอบไอออนิกบางชนดิ ไอออน ไอออน อตั ราส่วน สตู รสารประกอบไอออนกิ บวก ลบ ประจุ Na+ Cl- 1:1 NaCl Li+ O2- Ca2+ F- 1:2 Li2O Mg2+ O2- 2:1 CaF2 2:2 MgO Al3+ S2- 3:2 Al2S3 NH4+ SO42- Fe3+ OH- 1:2 (NH4)2SO4 3:1 Fe(OH)3 K+ PO43- 1:3 K3PO4 แล้วอธิบายว่า จากการที่โครงสร้างของสารประกอบ ไอออนิกมีไอออนบวกและไอออนลบอยู่ ต่อเนื่องกันไปทั้งสามมิติ ไม่สามารถแยกเป็นโมเลกุลได้ ดังนั้น จึงใช้สูตรเอมพิริคัลแสดงอัตราส่วน อยา่ งต่ำของจาํ นวนไอออนที่เปน็ องคป์ ระกอบ โดยการเขียนสูตรมวี ิธีการดงั น้ี 1. เขียนสญั ลักษณข์ องธาตหุ รอื กลุ่มธาตุท่เี ป็นไอออนบวกไวข้ ้างหนา้ ตามด้วยไอออนลบ 2. แสดงอัตราส่วนอย่างต่ำของไอออนทีเ่ ปน็ องค์ประกอบโดยเขียนตัวเลขอารบกิ ห้อยทา้ ยไอออนนนั้ ในกรณีที่จํานวนไอออนเป็น 1 ไม่ต้องเขียน โดยอัตราส่วนอย่างต่ำของไอออนต้องทําให้ผลรวมของ ประจเุ ป็นศนู ย์ 4. ครูยกตัวอยา่ งการเขยี นสตู รสารประกอบไอออนิก ดงั น้ี 1) Cs+ รวมกบั S2- ดว้ ยอัตราสว่ นอย่างต่ำ 2:1 จึงเขยี นสตู รได้เปน็ Cs2S 2) Ba2+ รวมกับ I- ดว้ ยอตั ราส่วนอย่างต่ำ 1:2 จงึ เขยี นสตู รได้เปน็ Bal2 3) Ca2+ รวมกับ O2- ดว้ ยอตั ราส่วนอยา่ งต่ำ 1:1 จึงเขียนสูตรได้เปน็ CaO 4) Al3+ รวมกบั O2- ดว้ ยอตั ราส่วนอย่างต่ำ 2:3 จงึ เขยี นสตู รไดเ้ ปน็ AI2O3 5. ครูให้นักเรียนสังเกตว่า การเขียนสูตรสารประกอบไอออนิก เช่น AI2O3 ได้จากการไขว้ ตวั เลขประจขุ อง O2- มาเป็นตัวเลขห้อยของ Al3+ และตัวเลขประจุของ Al มาเปน็ ตัวเลขห้อยของ O Al กบั O Al3+ O2- Al2O3 6. กรณีที่การไขว้ตัวเลขแล้วทําให้ได้ตัวเลขห้อยที่ยังไม่เป็นอัตราส่วนอย่างต่ำ ต้องปรับให้ เป็นอัตราส่วนอยา่ งต่ำก่อน เช่น Ca2+ รวมกับ O2- เมื่อไขว้ตัวเลขจะได้เป็น 2 : 2 ซึ่งต้องปรับให้เปน็ อตั ราสว่ นอยา่ งตำ่ 1: 1 จึงไดส้ ตู รสารประกอบเป็น CaO Ca กบั O Ca2+ O2- CaO 7. ครอู ธิบายกรณีถ้ากลุ่มไอออนบวกหรอื ไอออนลบมมี ากกว่า 1 กล่มุ ใหใ้ สว่ งเลบ็ ( ) และใส่ จำนวนกลุ่มไวท้ ่ีมุมขวาล่าง เช่น NH4+ รวมกบั SO42- ด้วยอัตราส่วนอย่างต่ำ 2:1 จงึ เขียนสูตรได้เป็น
(NH4)2SO4 และ Al3+ รวมกับ NO3- ดว้ ยอตั ราสว่ นอย่างต่ำ 3 : 1 จงึ เขียนสูตรได้เปน็ Al(NO3)3 เขียน การไขว้ตวั เลขไดด้ ังนี้ Al กบั NO3 Al3+ NO3- Al(NO3)3 8. ครตู งั้ คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจว่า สารประกอบไอออนกิ ทเ่ี กดิ จากธาตุ X ซง่ึ อยู่หมู่ IIA กับธาตุ Y ซ่ึงอยหู่ มู่ VA จะมสี ูตรเอมพริ คิ ัล เปน็ อย่างไร (แนวคำตอบ : X อยู่หมู่ IIA เมื่อเป็นไอออนจะมีประจุเป็น +2 และ Y อยู่หมู่ VA เมื่อเป็น ไอออนจะมีประจุ เป็น -3 ดังนน้ั สูตรเอมพิรคิ ลั จึงเป็น X3Y2) 9. ครูอธิบายการเรียกชื่อสารประกอบไอออนิกซึ่งจําเป็นต้องทราบชื่อของไอออนบวกและ ไอออนลบ โดยชใี้ ห้เห็นดังน้ี - ชอ่ื ของไอออนบวก เรยี กตามชอ่ื ธาตุแลว้ ลงท้ายดว้ ยคาํ วา่ ไอออน ตัวอย่างเช่น ไอออนบวก ลิเทียมไอออน Li+ แคลเซยี มไอออน Ca2+ ซิลเวอร์ไอออน Ag+ H+ ไฮโดรเจนไอออน คอปเปอร์ไอออน Cu+ - ชื่อไอออนลบ เรียกชื่อธาตุโดยเปลี่ยนท้ายเสียงเป็นไนด์ (-ide) แล้วลงท้ายด้วยคําว่า ไอออน ตัวอยา่ งเชน่ ไอออนลบ ฟลอู อไรด์ไอออน F- Cl- คลอไรดไ์ อออน ออกไซดไ์ อออน O2- S2- ซลั ไฟด์ไอออน Al3+ อะลูมิเนยี ม ไฮไดด์ไอออน H- - ไอออนทเี่ ปน็ กลุ่มอะตอมจะมีชือ่ เรียกเฉพาะ โดยกลุม่ อะตอมท่ีเป็นไอออนบวก ลงท้ายด้วย (-ium) ส่วนกลุ่มอะตอมที่เป็นไอออนลบ อาจลงท้ายเสียงด้วย ไ-ด์ (-ide) ไ-ต์ (-ite) หรือ เ-ต (-ate) ตวั อยา่ งเชน่ กลมุ่ อะตอม แอมโมเนยี ม NH4+ ซลั เฟต SO42- CO32- SO32- คาร์บอเนต CrO42- ซลั ไฟต์ NO3- โครเมต ไนเตรต ไดโครเมต Cr2O72- ไนไตรต์ NO2- MnO42- ClO3- แมงกาเนต คลอเรต ฟอสเฟต PO43- คลอรสั ClO2- ไซยาไนต์ CN- เปอร์คลอเรต ClO4-
10. ครูอธิบายการเรียกชื่อสารประกอบไอออนิก โดยเรียกชื่อไอออนบวกแล้วตามด้วยชื่อ ไอออนลบโดยตดั คําวา่ ไอออนออก ตัวอยา่ งเช่น NaCl อา่ นวา่ โซเดียมคลอไรด์ MgO อา่ นวา่ แมกนเี ซยี มออกไซด์ Al2O3 อ่านว่า อะลมู เิ นยี มออกไซด์ 11. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกชื่อสารประกอบไอออนิกของธาตุโลหะที่เกิดเป็น ไอออนบวกได้หลายคา่ ซึ่งส่วนใหญพ่ บในกรณีทเี่ ป็น สารประกอบไอออนิกของโลหะแทรนซชิ นั ดังนนั้ ชื่อสารประกอบที่เกิดจากโลหะที่มีเลขออกซิเดชัน มากกว่า 1 ค่า ต้องระบุตัวเลขประจุหรือเลข ออกซิเดชันของไอออนโลหะน้ันเปน็ เลขโรมันในวงเล็บ ตัวอยา่ งเชน่ FeCl3 อา่ นวา่ ไอออน(III)คลอไรด์ AgNO3 อ่านวา่ ซลิ เวอร(์ I)ไนเตรท CuSO4 อา่ นว่า คอปเปอร(์ II)ซลั เฟต ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (10 นาที) ครูและนักเรียนอภปิ รายรว่ มกนั เพ่ือสรุปความรู้เกี่ยวกับการเกดิ พนั ธะไอออนกิ สูตรเคมี และ ช่ือของสารประกอบไอออนกิ ดังน้ี - ไอออนบวกส่วนใหญเ่ กดิ จากธาตโุ ลหะเสยี อิเลก็ ตรอน สว่ นไอออนลบสว่ นใหญ่เกดิ จาก ธาตุ อโลหะรับอิเล็กตรอน เมื่อไอออนบวกและไอออนลบยดึ เหนี่ยวกันด้วยแรงดึงดูดระหว่าง ประจุไฟฟ้า เรียกการยดึ เหนีย่ วนีว้ ่า พันธะไอออนิก และเรียกสารท่ีเกิดจากพันธะไอออนิกว่า สารประกอบไอออ นกิ - สารประกอบไอออนิกในสถานะของแข็งอยู่ในรูปผลึกที่มีไอออนบวกและไอออนลบ ยึด เหนย่ี วกันดว้ ยพนั ธะไอออนกิ อย่างต่อเนอ่ื งกันไปทง้ั สามมติ ิเป็นโครงผลกึ และไมอ่ ยู่ในรูปโมเลกุล - สูตรเคมีของสารประกอบไอออนิกเปน็ สูตรเอมพิริคัลท่ีแสดงอัตราสว่ นอย่างตา่ํ ของ ไอออน ทที่ าํ ให้ผลรวมของประจุเปน็ ศูนย์ โดยแสดงสญั ลักษณ์ธาตุท่ีเป็นไอออนบวกไว้ข้างหน้าและ ตามด้วย ไอออนลบ - ชื่อของสารประกอบไอออนิกจะเรียกชื่อไอออนบวกแล้วตามด้วยชื่อไอออนลบ ถ้า ไอออน บวกเป็นโลหะท่ีมีเลขออกซิเดชนั ไดห้ ลายค่า ตอ้ งระบุเลขออกซิเดชันดว้ ย ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที) 1. ครูใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายและเขยี นสูตรเอมพริ ิคัลของสารประกอบไอออนิกที่เกิดจาก ธาตุหมู่ IA IIA และ IIIA กับธาตุหมู่ VA โดยให้ M แทนธาตุหมู่ IA IIA หรือ IIIA และ X แทนธาตุหมู่ VA (แนวตอบ : M3X M3X2 และ MX) 2. ครตู ้ังคำถามใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเรอ่ื ง การเขียนสูตรและเรยี กช่อื สารประกอบโคเว เลนต์ เชน่ 1) จงเขียนสูตรของสารทเี่ กิดจากการรวมตัวระหวา่ งธาตุหรือไอออนคตู่ ่อไปน้ี ก. โพแทสเซียมกบั ไอโอดีน ข. แบเรียมกับกำมะถนั ค. อะลูมิเนียมกบั ออกซเิ จน ง. โซเดยี มกบั ไนเตรตไอออน จ. แมกนเี ซยี มกบั ซัลเฟตไอออน ฉ. ลเิ ทยี มกบั ฟอสเฟตไอออน (แนวตอบ : ก.KI ข. BaS ค. Al2O3 ง. NaNO3 จ. MaSO4 ฉ. Li3PO4) 2) จงเรียกช่อื สารประกอบไอออนกิ ต่อไปน้ี Al(OH)3 CuSO4 NH4NO3 CoCl2 Na3O2 และ CaF2
(แนวตอบ : Al(OH)3 = อะลมู ิเนยี มไฮดรอกไซด์ CuSO4 = คอปเปอร์ (II) ซลั เฟต NH4NO3 = แอมโมเนียมไนเตรต CoCl2 =โคบอลต์ (II) คลอไรด์ Na3O2 = โซเดียมออกไซด์ CaF2 = แคลเซยี มฟลูออไรด์) 3. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยในเนื้อหา เรื่อง การเขียนสูตรและเรียกชื่อ สารประกอบไอออนิก ว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ และให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น เพื่อจะใช้เป็น ความรูเ้ บ้ืองต้นสำหรับการเรยี นในเนอ้ื หาตอ่ ๆ ไป ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (15 นาที) นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั 3.2.2 สูตรเคมแี ละชือ่ ของสารประกอบไอออนกิ แล้วรว่ มกันเฉลย 9. การวัดและประเมนิ ผล/หลกั ฐานหรอื ร่องรอยของการเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีวดั เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารวัด ด้านความรู้ ผ่านเกณฑ์รอ้ ย เขยี นสูตรและเรยี กช่อื สารประกอบไอ ตรวจจากแบบฝึกหดั แบบฝึกหดั 3.2.2 ละ 60 ข้นึ ไป ออนิก 3.2.2 สตู รเคมแี ละ สูตรเคมีและชอ่ื ผา่ นเกณฑ์ ด้านทักษะกระบวนการ ชื่อของสารประกอบ ของสารประกอบ ระดับดี ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ไอออนิก ไอออนิก ข้ึนไป (การตีความหมายข้อมูลและการลง ขอ้ สรุป) ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑใ์ น กระบวนการทาง ระดบั ดีขน้ึ ไป ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ วทิ ยาศาสตร์ ทักษะ นกั เรยี นมีความกระตอื รือรน้ ในการเรียน กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมิน ระหว่างจดั การเรียนรู้ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 10. ส่อื และแหลง่ เรียนรู้ สือ่ การเรียนรู้ แบบฝึกหดั 3.2.2 สูตรเคมแี ละชอื่ ของสารประกอบไอออนิก แหล่งการเรยี นรู้ - หนังสือเรียนรายวิชาเคมี 1 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ โดยสถาบนั สง่ เสริมการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ - ห้องสมดุ โรงเรยี น
แบบฝึกหัด 3.2.2 สตู รเคมีและชือ่ ของสารประกอบไอออนกิ 1. จงเขยี นสตู รของสารประกอบไออนกิ ต่อไปนี้ NaCl ตวั อย่าง Na กบั Cl Na+ Cl- 1. K กบั Cl ………………………………………………………………………………………………………… 2. Li กบั F ………………………………………………………………………………………………………… 3. Li กบั O ………………………………………………………………………………………………………… 4. Al กบั O ………………………………………………………………………………………………………… 5. Al กบั Cl ………………………………………………………………………………………………………… 6. Mg กับ Cl ………………………………………………………………………………………………………… 7. Ca กับ Cl ………………………………………………………………………………………………………… 8. Ba กับ O ………………………………………………………………………………………………………… 9. Al กบั NO3 ………………………………………………………………………………………………………… 10. K กับ NO3 ………………………………………………………………………………………………………… 11. Mg กับ SO4 ………………………………………………………………………………………………………… 12. Ca กับ OH ………………………………………………………………………………………………………… 13. NH4 กบั Cl ………………………………………………………………………………………………………… 14. Na กับ PO4 ………………………………………………………………………………………………………… 15. Li กบั CO3 ………………………………………………………………………………………………………… 16. Be กับ Cl ………………………………………………………………………………………………………… 17. Al กับ OH ………………………………………………………………………………………………………… 18. K กบั Cr2O7 ………………………………………………………………………………………………………… 19. K กับ MnO4 ………………………………………………………………………………………………………… 20. K กับ CrO4 …………………………………………………………………………………………………………
2. จงอา่ นช่อื ของสารประกอบไออนกิ ตอ่ ไปน้ี ตวั อย่าง NaCl อ่านวา่ โซเดยี มคลอไรด์ 1. NaF ………………………………………………………………………………………………… 2. KCl ………………………………………………………………………………………………………… 3. BaF2 ………………………………………………………………………………………………………… 4. CaCl2 ………………………………………………………………………………………………………… 5. Na2CO3 ………………………………………………………………………………………………………… 6. Mg3(PO4)2 ………………………………………………………………………………………………………… 7. Cu(NO3)2 ………………………………………………………………………………………………………… 8. FeCl3 ………………………………………………………………………………………………………… 9. KClO3 ………………………………………………………………………………………………………… 10. AgNO3 ………………………………………………………………………………………………………… 11. KMnO4 ………………………………………………………………………………………………………… 12. K2Cr2O7 ………………………………………………………………………………………………………… 13. CuSO4 ………………………………………………………………………………………………………… 14. Al(OH)3 ………………………………………………………………………………………………………… 15. NaSCN ………………………………………………………………………………………………………… 3. ธาตุ X Y และ Z เป็นธาตุท่อี ยใู่ นหมู่ IA VIA และ VIIA ตามลำดับ จงเขียนสูตรสารประกอบไอ ออนิกท่เี กดิ จากธาตุต่อไปนี้ ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. เรยี กชอ่ื สารประกอบไอออนกิ ตอ่ ไปนี้ 1. NH4CN ………………………………………………………………………………………………………… 2. Na2HPO4 ………………………………………………………………………………………………………… 3. Al2(CO3)3 ………………………………………………………………………………………………………… 4. Ca3(PO4)2 ………………………………………………………………………………………………………… 5. Fe2O3 …………………………………………………………………………………………………………
5. เขียนสูตรและเรียกชือ่ ของสารประกอบไอออนกิ ทเี่ กดิ จากไอออนบวกและไอออนลบตอ่ ไปน้ี ข้อ ไออออนบวก ไอออนลบ สตู รของสารประกอบ ชื่อของสารประกอบ 1 Ba2+ S2- 2 Na+ SO42- 3 Ca2+ CO32- 4 NH4+ PO43- 5 Pb2+ Cl- 6 Pb4+ Cl 7 Mn2+ O2- 8 Mn4+ O2- 9 Sn2+ SO42- 10 Sn4+ SO42- 6. เขยี นสตู รสารประกอบไอออนกิ ทีก่ ำหนดใหต้ อ่ ไปนี้ 1. ลิเทียมคารบ์ อเนต ……………………………………………………………………………………………. 2. ไอรอ์ อน(III)ไนทรต ……………………………………………………………………………………………. 3. คอปเปอร(์ II)ซัลเฟต ……………………………………………………………………………………………. 4. อะลมู ิเนยี มฟอสเฟต ……………………………………………………………………………………………. 5. แอมโมเนยี มไฮดรอกไซด์ …………………………………………………………………………………
เฉลย แบบฝกึ หัด 3.2.2 สูตรเคมีและชอ่ื ของสารประกอบไอออนกิ 1. จงเขียนสูตรของสารประกอบไออนิกตอ่ ไปน้ี NaCl ตวั อย่าง Na กับ Cl Na+ Cl- 1. K กับ Cl K+ Cl- KCl LiF 2. Li กับ F Li+ F- Li2O Li+ O2- 3. Li กับ O Al2O3 AlCl3 4. Al กับ O Al3+ O2- Al3+ Cl- MgCl2 5. Al กบั Cl CaCl2 BaO 6. Mg กบั Cl Mg2+ Cl- Ca2+ Cl- Al(NO3)3 7. Ca กับ Cl KNO3 8. Ba กบั O Ba2+ O2- MgSO4 Ca(OH)2 9. Al กับ NO3 Al3+ NO3- NH4Cl K+ NO3- 10. K กับ NO3 Na3PO4 Li2CO3 11. Mg กับ SO4 Mg2+ SO42- Ca2+ OH- BeCl2 12. Ca กับ OH NH4+ Cl- Al(OH)3 K2Cr2O7 13. NH4 กบั Cl KMnO4 14. Na กบั PO4 Na+ PO43- K2CrO4 Li+ CO32- 15. Li กับ CO3 16. Be กับ Cl Be2+ Cl- Al3+ OH- 17. Al กบั OH K+ Cr2O72- 18. K กับ Cr2O7 19. K กบั MnO4 K+ MnO4- K+ CrO42- 20. K กับ CrO4 2. จงอา่ นชือ่ ของสารประกอบไออนกิ ต่อไปน้ี ตัวอย่าง NaCl อ่านว่า โซเดียมคลอไรด์ 16. NaF อา่ นวา่ โซเดียมฟลอู อไรด์ 17. KCl อา่ นวา่ โพแทสเซยี มคลอไรด์ 18. BaF2 อ่านวา่ แบเรยี มฟลูออไรด์ 19. CaCl2 อา่ นวา่ แคลเซยี มคลอไรด์ 20. Na2CO3 อ่านว่า โซเดยี มคารบ์ อเนต 21. Mg3(PO4)2 อ่านว่า แมกนีเซียมฟอสเฟต 22. Cu(NO3)2 อา่ นว่า คอปเปอร(์ II)ไนเตรท 23. FeCl3 อ่านวา่ ไอออน(III)คลอไรด์ 24. KClO3 อ่านวา่ โพแทสเซียมคลอเรต 25. AgNO3 อา่ นว่า ซิลเวอร(์ I)ไนเตรท 26. KMnO4 อา่ นว่า โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต
27. K2Cr2O7 อ่านว่า โพแทสเซยี มไดโครเมต 28. CuSO4 อ่านว่า คอปเปอร(์ II)ซัลเฟต 29. Al(OH)3 อ่านว่า อลูมเิ นียมไฮดรอกไซด์ 30. NaSCN อา่ นวา่ โซเดียมไทโอไซยาเนต 3. ธาตุ X Y และ Z เปน็ ธาตุทอ่ี ยู่ในหมู่ IA VIA และ VIIA ตามลำดบั จงเขยี นสูตรสารประกอบไอ ออนกิ ทีเ่ กดิ จากธาตุต่อไปน้ี X กบั Y เนื่องจาก X+ และ Y2- สูตรสารประกอบไอออนิก คือ X2Y X กับ Z เนือ่ งจาก X+ และ Z- สูตรสารประกอบไอออนิก คอื XZ 4. เรยี กชอ่ื สารประกอบไอออนิกตอ่ ไปน้ี 1. NH4CN อ่านวา่ แอมโมเนยี มไซยาไนด์ 2. Na2HPO4 อา่ นวา่ โซเดียมไฮโดรเจนฟอสเฟต 3. Al2(CO3)3 อา่ นว่า อะลมู เิ นยี มคารบ์ อเนต 4. Ca3(PO4)2 อา่ นว่า แคลเซยี มฟอสเฟต 5. Fe2O3 อ่านวา่ ไอรอ์ อน(III)ออกไซด์
5. เขียนสตู รและเรียกชอ่ื ของสารประกอบไอออนกิ ท่เี กดิ จากไอออนบวกและไอออนลบตอ่ ไปน้ี ขอ้ ไออออนบวก ไอออนลบ สูตรของสารประกอบ ช่อื ของสารประกอบ แบเรียมซลั ไฟด์ 1 Ba2+ S2- BaS โซเดียมซัลเฟต 2 Na+ SO42- NaSO4 แคลเซยี มคาร์บอเนต แอมโมเนียมฟอสเฟต 3 Ca2+ CO32- CaCO3 เลด(II)คลอไรด์ 4 NH4+ PO43- (NH4)3 PO4 เลด(IV)คลอไรด์ แมงกานสี (II)ออกไซด์ 5 Pb2+ Cl- PbCl2 แมงกานสี (IV)ออกไซด์ ทนิ (II)ซลั เฟต 6 Pb4+ Cl PbCl4 ทิน(IV)ซลั เฟต 7 Mn2+ O2- MnO 8 Mn4+ O2- MnO2 9 Sn2+ SO42- SnSO4 10 Sn4+ SO42- Sn(SO4)2 6. เขยี นสูตรสารประกอบไอออนิกทก่ี ำหนดใหต้ อ่ ไปนี้ 1. ลเิ ทยี มคารบ์ อเนต Li2CO3 2. ไอร์ออน(III)ไนทรต Fe(NO3)3 3. คอปเปอร(์ II)ซลั เฟต CuSO4 4. อะลมู ิเนียมฟอสเฟต AlPO4 5. แอมโมเนยี มไฮดรอกไซด์ NH4OH
บันทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ดา้ นความรู้ จากแบบฝกึ หัด 3.2.2 สตู รเคมแี ละชื่อของสารประกอบไอออนิก พบวา่ นักเรยี นส่วนใหญ่สามารถ เขยี นสตู รและเรยี กช่ือสารประกอบไอออนกิ ได้อยา่ งถกู ต้องร้อยละ 60 ขน้ึ ไป ด้านทกั ษะกระบวนการ จากแบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ พบวา่ นกั เรยี นสว่ นใหญม่ ีทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ (การตีความหมายข้อมลู และการลงขอ้ สรปุ ) ในระดบั ดขี น้ึ ไป ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จากแบบประเมนิ พฤติกรรมระหว่างจัดการเรียนรู้ พบวา่ นกั เรียนส่วนใหญ่มีความกระตือรือรน้ ในการ เรียน ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดขี ึน้ ไป ปญั หา/อุปสรรค ดา้ นความรู้ นักเรยี นบางส่วนยงั ไม่สามารถเขียนสตู รและเรียกช่อื สารประกอบไอออนกิ ได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ นักเรียนบางส่วนยังมีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การตคี วามหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป) ตำ่ กวา่ ระดับดี ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรยี นบางสว่ น (23.81%) มีความกระตอื รือร้นในการเรียน ต่ำกวา่ ระดับดี แนวทางแก้ไข อธิบายใหต้ วั อย่างเพิ่มเตมิ เพอื่ ให้นกั เรียนเขา้ ใจการเขียนสูตรและการอ่านชอื่ สารประกอบไอออนิก เพม่ิ ขน้ึ ลงชอ่ื .................................................... (นางสาวปียว์ รา ผาล)ี .........../................../..............
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 19 รหสั วชิ า ว30221 วชิ า เคมี1 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 จำนวน 2 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 พนั ธะเคมี เรอื่ ง พลังงานกับการเกดิ สารประกอบไอออนกิ ********************************************************************************** 1. ผลการเรียนรู้ คำนวณพลงั งานที่เก่ียวข้องกับปฏกิ ริ ยิ าการเกิดสารประกอบไอออนกิ จากวฏั จกั รบอร์น- ฮาเบอร์ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระเคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบตั ิ ของสาร แก๊สและสมบัตขิ องแกส๊ ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรียแ์ ละพอลิเมอร์ รวมทง้ั การนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ 3. สาระสำคัญ ปฏกิ ิรยิ าการเกิดสารประกอบไอออนกิ จากธาตเุ กย่ี วขอ้ งกับปฏิกิรยิ าเคมีหลายขน้ั ตอน มที ง้ั ท่ี เป็นปฏิกริ ยิ าดดู พลงั งานและคายพลงั งาน ซึง่ แสดงได้ดว้ ยวฏั จักรบอร์น-ฮาเบอร์ และพลังงานของ ปฏิกิริยาการเกดิ สารประกอบไอออนกิ เป็นผลรวมของพลงั งานทุกขั้นตอน 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ คาํ นวณพลงั งานที่เกยี่ วข้องกบั ปฏิกริ ิยาการเกดิ สารประกอบไอออนกิ จากวัฏจกั รบอร์น-ฮา เบอร์ ดา้ นทักษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (การใชจ้ ำนวน) ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ นักเรียนมคี วามกระตือรอื รน้ ในการเรยี น 5. สาระการเรยี นรู้ - วัฏจักรบอร์น-ฮาเบอร์ (Born-Haber cycle) - การคำนวณพลงั งานพลงั งานการเกดิ โดยวธิ อี อ้ มตามข้นั ตอนวัฏจักรบอรน์ -ฮาเบอร์ - พลังงานการระเหิด - พลังงานการสลายพันธะ - พลังงานไอออไนเซชัน - พลงั งานสัมพรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน - พลงั งานการระเหิด - พลงั งานแลตทิซ 6. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น 6.1 ความสามารถในการส่อื สาร (รู้ เข้าใจ การพดู คุย รว่ มสนทนา รบั ฟงั ความเห็นของผู้อนื่ ) 6.2 ความสามารถในการคิด (คิดวเิ คราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ สร้างองคค์ วามรู้ แสดงความคดิ เหน็ กับผู้อ่ืน) 6.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา (นำเสนอแนวความคดิ เห็นในการแก้ปญั หา คิดวิธแี กป้ ัญหา)
6.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ (การทำงานรว่ มกบั ผู้อ่นื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ) 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใช้เทคโนโลยใี นการศกึ ษา ค้นควา้ เพิ่มเตมิ ) 7. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.1 มีวนิ ัย 7.2 ใฝเ่ รยี นรู้ 7.3 มุง่ ม่ันในการทำงาน 8. ขนั้ ตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี 1. ครูให้นักเรยี นดูภาพประกอบการเกิดสารประกอบโซเดียมคลอไรด์ แล้วต้งั คําถามว่า การ เกิดสารประกอบโซเดียมคลอไรด์มีการเปลี่ยนแปลงพลังงานหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ : คายพลังงาน) โดยครไู ม่เน้นคำตอบท่ีถูกตอ้ งเป็นคำถามชวนคิดเพือ่ นําเข้าสู่การศึกษา เรื่องพลังงานกับการเกดิ สารประกอบไอออนกิ 2. ครูให้นักเรียนดูสมการของปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบโซเดียมคลอไรด์และพลังงาน ของการเกดิ สารประกอบโซเดียมคลอไรด์ จากนนั้ ให้นักเรยี นตอบคําถามชวนคิด Na+ (g) + Cl- (g) → NaCl(s) Hlattº = -787 kJ/mol Na(s) + ½ Cl2(g) ⎯→ NaCl(s) Hfº = - 412 kJ/mol พลังงานที่เกิดจากการรวมตัวกันของโซเดียมไอออนและคลอไรด์ไอออนมีค่าเหมือนหรือต่างจากค่า พลังงานการเกดิ สารประกอบโซเดยี มคลอไรด์ เพราะเหตุใด ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) (30 นาท)ี 1. นกั เรยี นศึกษาใบความรู้ 3.2.3 เรือ่ ง พลังงานกับการเกดิ สารประกอบไอออนกิ จากน้ันครู อธิบายว่าพลังงานของปฏิกิริยาใด ๆ อาจได้จากการทดลองโดยตรง หรือคํานวณจาก ปฏิกิริยาอื่นที่ เกี่ยวข้อง ในกรณีของสารประกอบไอออนิกสามารถอธิบายได้โดยอาศัยขั้นตอนการเกิด ปฏิกิริยา ยอ่ ยๆ หลายขั้นตอนเรียกว่า วฏั จกั รบอร์น-ฮาเบอร์ ซงึ่ นํามาใช้ในการคํานวณพลงั งานท่ี เก่ียวข้องใน ปฏิกริ ยิ าการเกิดสารประกอบได้ 2. ครูอธิบายปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบโซเดียมคลอไรด์ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอน 5 ขน้ั ตอน โดยแสดงปฏิกริ ิยาและพลังงานทเ่ี ก่ียวข้อง รวมท้งั เครื่องหมายบวกและลบหน้าค่าพลังงานท่ี แสดงการดูดพลงั งานและคายพลังงาน ขนั้ ท่ี 1 การเปลีย่ นสถานะของอะตอม Na จากของแขง็ ใหเ้ ป็นแก๊ส ซึ่งเปน็ ปฏิกิริยาดูดความ รอ้ น เรยี กว่า พลงั งานการระเหดิ (sublimation, Hsub) Na(s) → Na(g) Hsub = 107 kJ/mol ……..(1) ข้ันที่ 2 การสลายพันธะโมเลกุลแก๊ส Cl2 เป็นอะตอม Cl ซึ่งแป็นปฏิกิริยาดูดความร้อน เรยี กว่า พลังงานการสลายพันธะ ของโมเลกุลแก๊ส (dissociation, Hdis) Cl2 (g) + 242.6 kJ → 2Cl (g) แต่การเกิด NaCl (s) 1 โมล ใช้ Cl(g) 1 โมล ดังนนั้ พลังงานท่ดี ูดเขา้ ไปจะเป็นครึง่ หนงึ่ ½ Cl2(g) → Cl(g) Hdis = 121 kJ/mol ……..(2) ข้ันที่ 3 การเปลี่ยนอะตอม Na ในสถานะแก๊สให้เป็น Na+ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาดูดความร้อน เรยี กวา่ พลังงานไอออไนเซชนั (ionization energy, IE) Na(g) → Na+ (g) + e- IE = 495.9 kJ/mol ……..(3)
ขั้นที่ 4 การเปลี่ยนอะตอม Cl เป็น Cl- เป็นปฏิกิริยาคายความร้อน เรียกวา พลังงานสัม พรรคภาพอิเลก็ ตรอน (electron affinity, EA) Cl(g) + e- → Cl- (g) EA = -349 kJ/mol ……..(4) ขั้นที่ 5 การรวมตัวของ Na+ และ Cl- เกิดเป็นผลึก NaCl ซึ่งเป็นปฏิกิริยาคายความร้อน พลงั งานทค่ี ายออกมาเรยี กวา่ พลงั งานแลตทิซ ( Hlatt) Na+ (g) + Cl- (g) → NaCl(s) Hlatt ……..(5) 3. ครูให้นักเรยี นรวมสมการและคํานวณพลังงานแลตทิซ ซึ่งควรเขยี นสมการแสดงปฏิกิริยา ได้ดังน้ี (แนวคำตอบ : Na(s) + ½ Cl2(g) ⎯→ NaCl(s) และคาํ นวณคา่ พลังงานแลตทิซได้เท่ากับ -787 กิโล จูลตอ่ โมล) ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (20 นาที) 1. ครูให้นักเรียนตอบคําถามวา่ เพราะเหตุใดพลังงานทีใ่ ช้ในการสลายพนั ธะระหว่างไอออน บวกและไอออนลบในสารประกอบไอออนิกจึงเรียกว่า พลังงานแลตทิซ แทนที่จะเรียกว่า พลังงาน พันธะ (แนวคำตอบ : เนื่องจากสารประกอบไอออนิกมีโครงสร้างที่ประกอบด้วยไอออนบวกและไอออนลบ ยดึ เหน่ยี วกันด้วยพันธะไอออนิกอยา่ งต่อเน่อื งเปน็ โครงผลึก ดังน้ันพลงั งานที่ใชใ้ นการ สลายพันธะจึง เป็นค่าเฉลี่ยต่อพันธะทัง้ หมดในโครงผลกึ ไมใ่ ช่เป็นของไอออนคใู่ ดคู่หน่งึ ) 2. ครูใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 5 – 6 คน โดยใช้เทคนิคการแบ่งกลุ่มผลสมั ฤทธ์ิ (STAD) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีสมาชิก ที่มีระดับสติปัญญาแตกต่างกัน คือ เก่ง 1 คน ปานกลาง 2–3 คน และอ่อน 1-2 คน และให้นักเรียนช่วยกันเขียนแสดงปฏิกิริยาการเกิดของสารประกอบ โพแทสเซยี มโบรไมด์ (KBr) ซ่ึงประกอบด้วยข้ันตอน 5 ขั้นตอน จากนนั้ เฉลยคำตอบรว่ มกนั ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครูใหน้ ักเรียนพจิ ารณารปู แลว้ ใหน้ ักเรยี นตอบคาํ ถามดังนี้ Na+(g) + Cl(g) + e- Na(g) + Cl(g) 3 +121 kJ -349 kJ 4 Na+(g) + Cl-(g) 2 Na(g) +1/2Cl2(g) +496 kJ พลงั งาน 5 -787 kJ 1 Na(s) + 1/2 Cl2(g) +107 kJ - 412 kJ NaCl(s) ขั้นตอนหมายเลขใดสมั พันธ์กับพลงั งานท่ีกาํ หนดใหต้ อ่ ไปน้ี ก. พลังงานพนั ธะ CI-CI (แนวคำตอบ : ขน้ั ตอน 3) ข. พลงั งานแลตทซิ ของ NaCI (แนวคำตอบ : ขัน้ ตอน 5)
ค. พลังงานการระเหิดของโลหะ Na (แนวคำตอบ : ขั้นตอน 1) ง. สมั พรรคภาพอิเลก็ ตรอนของ CI (แนวคำตอบ : ขั้นตอน 4) จ. พลังงานไอออไนเซชนั ของ Na (แนวคำตอบ : ข้ันตอน 2) 2. ครูอธิบายเพิม่ เติมโดยชีใ้ ห้นกั เรยี นสังเกตรูปว่าในแต่ละขัน้ ตอนจะแสดงสารทั้งที่เกิดการ เปลี่ยนแปลงและไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากต้องการแสดงระดับพลังงานรวมของสารท่ี เกี่ยวข้องทกุ สาร 3. ครูให้นักเรียนตอบคําถามว่า แผนภาพวัฏจักรบอร์น-ฮาเบอร์ของการเกิดสารประกอบ โซเดียมคลอไรด์สามารถเขียนโดยสลบั ขั้นตอนใหต้ า่ งจากรูปไดห้ รือไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ : แผนภาพวฏั จกั รบอรน์ -ฮาเบอร์ของการเกดิ สารประกอบโซเดียมคลอไรด์สามารถ สลับ ขั้นตอนได้โดยเขยี นขั้นท่ี 3 การสลายพนั ธะ CI-Cl กอ่ นขน้ั ท่ี 2 การให้อิเล็กตรอน ของ Na ในสถานะ แกส๊ กลายเปน็ Na+ เรียงลาํ ดบั ใหม่ได้เป็นขน้ั ท่ี 1 3 2 4 5) 4. ครูใหน้ กั เรียนตอบคําถามจากตวั อยา่ งคําถามท่กี ําหนดให้ จากนน้ั เฉลยคาํ ตอบร่วมกนั ตัวอยา่ ง จงคาํ นวณพลังงานการเกิดสารประกอบแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) จากค่าพลังงาน ทกี่ ําหนดใหต้ ่อไปน้ี ชนดิ ของพลงั งาน คา่ ของพลังงาน (kJ/mol) พลังงานการระเหิดของ Ca 178 พลงั งานไอออไนเซชนั ลําดบั ท่ี 1 ของ Ca 590 พลังงานไอออไนเซชนั ลําดบั ที่ 2 ของ Ca 1145 242 พลังงานพนั ธะของ Cl2 349 สัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอนของ CI 2258 พลังงานแลตทิซของ CaCl2 (แนวคำตอบ : พลังงานรวม = พลงั งานการระเหดิ + พลงั งานไอออไนเซชัน + พลังงานพันธะ + (-สัมพรรคภาพอิเลก็ ตรอน) + (-พลังงานแลตทซิ ) = 178 + (590 + 1145) + 242 +[2 x (-349)] + (-2258) = - 801 kJ ดังนั้นการเกิดสารประกอบแคลเซียมคลอไรด์เป็นปฏิกิริยาคายพลังงานและมีพลังงานรวมของ ปฏิกริ ิยาเทา่ กับ 801 กิโลจลู ตอ่ โมล) ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (30 นาที) นักเรียนทำแบบฝึกหดั 3.2.3 พลงั งานกับการเกิดสารประกอบไอออนกิ แล้วเฉลยร่วมกัน
9. การวดั และประเมินผล/หลักฐานหรือร่องรอยของการเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธวี ัด เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ ารวัด ด้านความรู้ ผ่านเกณฑ์รอ้ ย คํานวณพลงั งานทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ปฏิกิริยา ตรวจจากแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด 3.2.3 ละ 60 ขน้ึ ไป การเกดิ สารประกอบไอออนกิ จากวฏั จกั รบอรน์ -ฮาเบอร์ 3.2.3 พลงั งานกบั พลงั งานกับการ ผา่ นเกณฑ์ ระดบั ดี ดา้ นทกั ษะกระบวนการ การเกดิ สารประกอบ เกิดสารประกอบ ขนึ้ ไป ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การใชจ้ ำนวน) ไอออนกิ ไอออนิก ผา่ นเกณฑใ์ น ระดบั ดขี ึน้ ไป ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมิน นักเรียนมีความกระตือรือรน้ ในการเรยี น กระบวนการทาง ทกั ษะ วทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ สังเกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ระหวา่ งจดั การเรียนรู้ คณุ ลกั ษณะอนั พึง ประสงค์ 10. สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ แบบฝึกหัด 3.2.3 พลังงานกับการเกดิ สารประกอบไอออนิก แหล่งการเรียนรู้ - หนังสอื เรียนรายวิชาเคมี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ โดยสถาบนั สง่ เสริมการสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร - ห้องสมดุ โรงเรยี น
แบบฝึกหดั 3.2.3 พลงั งานกบั การเกดิ สารประกอบไอออนกิ 1. จงเตมิ ขน้ั ตอนในการเกิด KBr (s) จาก K (s) กับ Br2 (l) ตอ่ ไปน้ีใหส้ มบูรณ์ สมการการเปล่ียนแปลง ชือ่ พลังงาน ประเภทพลังงาน คา่ ของ พลังงาน (ดูดหรอื คาย) (kJ/mol) พลงั งานการระเหย ดูด 15.0 พลังงานการระเหิด 69.6 89.9 สมั พรรคภาพอิเลก็ ตรอน คาย 418.4 พลงั งานของการเกดิ สาร 341.4 668.4 2. จงเขียนแผนภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงพลงั งานในการเกดิ สารประกอบไอออนกิ จากธาตุท่กี ำหนดให้ ตอ่ ไปนี้ โพแทสเซยี ม (K) กบั ฟลอู อรนี (F) 3 4 2 พลงั งาน 1 5 K(s) + 1/2 F2(g) KF(s) 3. ปฏกิ ริยาในขอ้ ใดใชพ้ ลงั งานเทา่ กบั พลังงานแลตทซิ ของสารประกอบลเิ ทยี มฟลูออไรด์ (LIF) ก. LiF(s) Li(g) + F(g) ข. LIF(s) Li(g) + 1/2F(g) ค. LiF(s) Li+(g) + F-(g)
4. กําหนดคา่ พลงั งานท่เี ก่ียวข้องกับซเี ซียมและฟลูออรีนดังนี้ ชนิดของพลงั งาน คา่ ของพลงั งาน (kJ/mol) พลงั งานแลตทซิ ของ CsF 759 สัมพรรคภาพอเิ ล็กตรอนของ F 328 พลังงานการระเหดิ ของ Cs 76 พลงั งานพันธะของ F2 159 พลงั งานไอออไนเซชนั ลําดบั ที่ 1 ของ Cs 376 จากข้อมลู ตอบคําถามตอ่ ไปน้ี 4.1 เขียนสมการของปฏิกิริยาและสมการของปฏิกิริยาย่อยของการเกิดสารประกอบพร้อมท้ังระบุว่า แตล่ ะขนั้ ตอนดดู พลงั งานหรือคายพลงั งาน ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.2 คํานวณพลังงานการเกิดสารประกอบซีเซียมฟลูออไรด์ พร้อมทั้งระบวุ ่าเป็นปฏิกิริยาดูดพลังงาน หรอื คายพลงั งาน ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4.3 เขียนแผนภาพวฏั จกั รบอรน์ -ฮาเบอรข์ องการเกดิ สารประกอบซีเซียมฟลอู อไรด์
เฉลย แบบฝึกหดั 3.2.3 พลังงานกบั การเกิดสารประกอบไอออนกิ 1. จงเตมิ ขั้นตอนในการเกิด KBr (s) จาก K (s) กบั Br2 (l) ต่อไปนีใ้ หส้ มบูรณ์ สมการการเปลยี่ นแปลง ช่ือพลงั งาน ประเภทพลงั งาน ค่าของ พลังงาน (ดดู หรือคาย) (kJ/mol) Br2(l) ------> Br (g) พลงั งานการระเหย ดดู 15.0 พลังงานสลายพนั ธะ ดูด 69.6 1/2 Br2(g) ------> Br (g) พลังงานการระเหดิ ดูด 89.9 พลังงานไอออไนเซชัน ดูด 418.4 K (s) ------> K (g) สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน คาย 341.4 K (g) ------> K+ (g)+e คาย 668.4 Br (g) + e- ------> Br- (g) พลังงานแลตทชิ คาย -451.7 K+ (g) + Br-(g) ----> KBr (s) พลงั งานของการเกดิ สาร K(s) +1/2Br2(g) ---> KBr (s) 2. จงเขยี นแผนภาพแสดงการเปล่ียนแปลงพลังงานในการเกิดสารประกอบไอออนกิ จากธาตุที่กำหนดให้ ตอ่ ไปน้ี โพแทสเซียม (K) กับฟลอู อรีน (F) K+(g) + F(g) + e- K(g) + F(g) 3 4 K+(g) + F-(g) 2 พลังงาน K(g) +1/2 F2(g) 1 5 K(s) + 1/2 F2(g) KF(s) 3. ปฏิกรยิ าในข้อใดใชพ้ ลงั งานเท่ากับพลงั งานแลตทิซของสารประกอบลเิ ทียมฟลอู อไรด์ (LIF) ก. LiF(s) Li(g) + F(g) ข. LIF(s) Li(g) + 1/2F(g) ค. LiF(s) Li+(g) + F-(g)
4. กาํ หนดคา่ พลังงานทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั ซเี ซยี มและฟลูออรีนดงั นี้ ชนิดของพลังงาน ค่าของพลงั งาน (kJ/mol) พลังงานแลตทิซของ CsF 759 สมั พรรคภาพอิเลก็ ตรอนของ F 328 พลงั งานการระเหดิ ของ Cs 76 พลังงานพันธะของ F2 159 พลงั งานไอออไนเซชนั ลําดบั ที่ 1 ของ Cs 376 จากขอ้ มลู ตอบคําถามตอ่ ไปน้ี 4.1 เขียนสมการของปฏิกิริยาและสมการของปฏกิ ิรยิ าย่อยของการเกิดสารประกอบพร้อมท้ังระบุว่า แตล่ ะขนั้ ตอนดูดพลังงานหรือคายพลังงาน สมการของปฏิกริ ยิ าเป็นดงั นี้ Cs(s) + 1/2F(g) CsF(s) ชนิดของพลังงาน สมการของปฏิกริ ิยา ดูดหรือคายพลงั งาน ดดู พลงั งาน พลงั งานการระเหดิ Cs(s) Cs(g) ดดู พลังงาน ดูดพลังงาน พลงั งานไอออไนเซชัน Cs(g) Cs+(g) + e- คายพลังงาน พลงั งานพันธะ 1/2F2 (g) F(g) สัมพรรคภาพอิเลก็ ตรอน F(g) + e- F-(g) พลังงานแลตทิซ Cs+(g) + F-(g) CsF(s) คายพลงั งาน 4.2 คํานวณพลังงานการเกิดสารประกอบซีเซยี มฟลูออไรด์ พร้อมทั้งระบวุ ่าเป็นปฏิกิริยาดูดพลังงาน หรือคายพลังงาน พลงั งานรวม = 76 + 376 + 79.5 + (-328) + (-759) = -555.5 kJ ดังนั้น การเกิดสารประกอบซีเซียมฟลูออไรด์เป็นปฏิกิรยาคายพลังงาน และมีพลังงานรวมของ ปฏกิ ริ ยิ าเทา่ กับ 555.5 กโิ ลจลู ต่อโมล 4.3 เขียนแผนภาพวฏั จักรบอรน์ -ฮาเบอรข์ องการเกิดสารประกอบซีเซียมฟลูออไรด์ Cs+ (g) + F(g) + e- Cs(g) + F(g) +79.5 kJ -328 kJ Cs+ (g) + F-(g) +376 kJ พลังงาน Cs(g) +1/2 F2(g) +76 kJ -759 kJ Cs(s) + 1/2 F2(g) CsF(s)
ใบงานที่ 11 เรื่อง สารกำหนดปรมิ าณ ชื่อ – นามสกุล ..............................................................................................ชั้น..........................เลขท่.ี ............. 1. จงอธบิ ายความหมายของสารกำหนดปรมิ าณ พร้อมยกตวั อยา่ งสารกำหนดปรมิ าณในชีวติ ประจำวนั 2. จากปฏกิ ิรยิ า 2H2S(g) + SO2(g) 3S(s) + 2H2O(l) ถ้าผสมแกส๊ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) และ แกส๊ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) อย่างละ 5.00 กรัม เมือ่ ปฏกิ ิริยาเกิดอย่างสมบูรณ์แลว้ จะเหลอื สารใด และ เหลอื อยู่ก่ีกรัม 3. จงคำนวณหามวลของอะลูมเิ นียมคลอไรด์ (AlCl2) เมือ่ นำผงอะลมู เิ นียม (Al) จำนวน 0.150 กรัม ทำ ปฏกิ ิรยิ ากับแกส๊ คลอรีน (Cl2) จำนวน 1.00 กรมั 4. ถ้านำแก๊สไฮโดรเจน (H2) 25.0 กรมั มาทำปฏิกริ ิยากบั แกส๊ ไนโตรเจน (N2) 35.0 กรมั จะเกดิ แก๊ส แอมโมเนยี (NH3) มากทสี่ ุดกี่กรัม
5. แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ทำปฏิกริ ิยากับกรดไฮโดรคลอริก (HCl) ดงั สมการ CaCO3(s) + HCl(aq) CaCl2(aq) + H2O(l) + CO2(g) (สมการยงั ไมด่ ุล) จงหาวา่ จะเกดิ แคลเซยี มคลอไรด์ (CaCl2) กี่กรัม เม่อื ใช้แคลเซยี มคารบ์ อเนต 50 กรัม ทำปฏกิ ริ ิยากับกรดไฮโดรคลอริก 0.500 โมล 6. ปฏกิ ริ ยิ าการผลติ ปยุ๋ แอมโมเนียมซัลเฟต ทำได้ดงั สมการ 2NH3(g) + H2SO4 (g) (NH4)2SO4(aq) ถ้าให้ NH3 28.2 กรมั ทำปฏิกิริยากับ H2SO4 45.3 กรัม ก. สารใดเปน็ สารกำหนดปริมาณ ข. (NH4)2SO4 ที่เกิดขนึ้ มมี วลเทา่ ใด 7. การผลติ แก๊สไฮโดรเจนไซยาไนด์ (HCN) ในอุตสาหกรรม จะใช้แก๊สแอมโมเนยี (NH3) แก๊สออกซเิ จน (O2) และแกส๊ มเี ทน (CH4) เป็นสารต้ังต้น เกดิ ปฏิกิรยิ าดงั สมการ NH3(g) + O2(g) + CH4(g) HCN(g) + H2O(g) (สมการยังไมด่ ุล) ถ้าใช้แก๊สแอมโมเนีย แก๊สออกซิเจน และแกส๊ มีเทน อย่างละ 5.00 x 103 กิโลกรัม ทำปฏกิ ริ ยิ ากนั อย่าง สมบรู ณ์ จะเกดิ ไฮโดรเจนไซยาไนดก์ ีก่ ิโลกรมั และเกดิ ไอนำ้ กล่ี กู บาศกเ์ ดซเิ มตรท่ี STP
บนั ทกึ หลงั การสอน ผลการจัดการเรยี นการสอน ด้านความรู้ จากแบบฝกึ หดั 3.2.3 พลงั งานกบั การเกดิ สารประกอบไอออนิก พบว่านักเรียนสว่ นใหญ่สามารถ คาํ นวณพลังงานท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั ปฏกิ ริ ิยาการเกดิ สารประกอบไอออนกิ จากวัฏจกั รบอรน์ -ฮาเบอร์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง รอ้ ยละ 60 ขึ้นไป ด้านทักษะกระบวนการ จากแบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ พบวา่ นักเรยี นสว่ นใหญม่ ีทกั ษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ (การใชจ้ ำนวน) ในระดับดขี ึน้ ไป ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ จากแบบประเมินพฤติกรรมระหว่างจดั การเรยี นรู้ พบวา่ นักเรียนส่วนใหญ่มีความกระตอื รือรน้ ในการ เรยี น ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดขี ึ้นไป ปัญหา/อปุ สรรค ดา้ นความรู้ นกั เรียนบางสว่ นยงั ไม่สามารถคํานวณพลังงานทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับปฏิกริ ิยาการเกดิ สารประกอบไอออนิก จากวัฏจักรบอรน์ -ฮาเบอร์ได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ นกั เรียนบางส่วนยังมีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การใช้จำนวน) ต่ำกวา่ ระดบั ดี ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ นกั เรียนบางสว่ น (23.81%) มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรียน ตำ่ กวา่ ระดบั ดี แนวทางแก้ไข ใหต้ วั อยา่ งท่ีหลากหลายแก่ผูเ้ รยี น ลงชื่อ .................................................... (นางสาวปียว์ รา ผาล)ี .........../................../..............
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 20 รหสั วิชา ว30221 วิชา เคมี1 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 จำนวน 2 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 พันธะเคมี เรื่อง สมบัติของสารประกอบไอออนกิ ********************************************************************************** 1. ผลการเรยี นรู้ อธบิ ายสมบตั ิของสารประกอบไอออนิก 2. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระเคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบตั ิ ของสาร แก๊สและสมบัติของแกส๊ ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทง้ั การนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 3. สาระสำคัญ สารประกอบไอออนกิ ส่วนใหญม่ ีลกั ษณะเป็นผลึกของแข็ง เปราะ มจี ุดหลอมเหลว และจุด เดือดสูง ละลายน้ำแลว้ แตกตัวเป็นไอออน เรียกว่า สารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์ เมื่อเปน็ ของแข็งไม่นำ ไฟฟ้า แต่ถา้ ทำใหห้ ลอมเหลวหรือละลายในน้ำจะนำไฟฟา้ สารละลายของสารประกอบไอออนิกแสดงสมบัติความเปน็ กรด–เบสต่างกัน สารละลายของ สารประกอบคลอไรดม์ ีสมบัติเป็นกลาง และสารละลายของสารประกอบออกไซดม์ ีสมบตั เิ ปน็ เบส 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ อธบิ ายสมบตั ิบางประการของสารประกอบไอออนกิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการทำงานกล่มุ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ นักเรยี นมคี วามกระตือรือรน้ ในการเรยี น 5. สาระการเรียนรู้ - สมบัตขิ องสารประกอบไอออนกิ - พลงั งานกับการละลายสารประกอบไอออนิก 6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 6.1 ความสามารถในการสือ่ สาร (รู้ เขา้ ใจ การพดู คุย รว่ มสนทนา รับฟงั ความเหน็ ของผอู้ ่นื ) 6.2 ความสามารถในการคดิ (คิดวเิ คราะห์ คิดสร้างสรรค์ สร้างองค์ความรู้ แสดงความคดิ เห็นกบั ผอู้ ื่น) 6.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา (นำเสนอแนวความคดิ เหน็ ในการแก้ปญั หา คดิ วธิ แี ก้ปัญหา) 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ (การทำงานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ได้อยา่ งมีความสุข) 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใชเ้ ทคโนโลยีในการศกึ ษา ค้นคว้าเพิ่มเติม) 7. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 7.1 มวี นิ ัย 7.2 ใฝเ่ รียนรู้ 7.3 มุ่งม่ันในการทำงาน
8. ขัน้ ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี ครูนำสารส้ม[Al2(SO4)3] ให้นักเรียนดูเมื่อทําการทุบผลึกของสารส้ม ซึ่งเป็นสารประกอบไอ ออนิกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จากนั้นครูตั้งคําถามนําว่า เพราะเหตุใดเมื่อทุบผลึกของ สารประกอบไอออนิกแล้วผลึกของสารประกอบไอออนิกจึงแตก เพื่อนําเข้าสู่การศึกษาสมบัติของ สารประกอบไอออนกิ ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (40 นาที) 1. นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ 3.2.4 สมบตั ิของสารประกอบไอออนิก และอภปิ รายร่วมกันโดย ใช้รูปประกอบการอภปิ รายเพ่อื ลงข้อสรุปว่า การที่ผลึกแตกเนื่องจากการเลื่อนตาํ แหน่งเพียงเล็กน้อย ของไอออนเม่อื มแี รงกระทํา อาจทาํ ใหไ้ อออนชนดิ เดียวกนั เลอื่ นไถลไปอยู่ตําแหนง่ ตรงกนั จึงเกิดแรง ผลกั ระหวา่ งกนั สารประกอบไอออนิกจงึ มสี มบัติเปราะและแตกหกั ไดง้ า่ ย การจดั เรียงไอออนใน ไอออนในผลึกเล่อื น ผลึกแตกออกเน่ืองจากแรง ผลึกของสารประกอบไอ ตำแหน่งเม่อื มแี รง ผลักระหว่างไอออนชนดิ ออนิก กระทำ เดียวกัน รูป แสดงการจัดเรยี งไอออน ในผลกึ ของสารประกอบไอออนิกเม่อื มแี รงกระทำ 2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 5 – 6 คน พิจารณาตารางและนำเสนอเกี่ยวกับสมบัติของ สารประกอบไอออนกิ ในรูปแบบใดก็ได้ทนี่ ่าสนใจกล่มุ ละ 5 นาที สารประกอบ สถานะ จดุ จุด สภาพการละลายได้ สมบัติความเปน็ หลอมเหลว เดอื ด ในนำ้ ณ อณุ หภูมิ กรด-เบส เมือ่ เป็น (ºC) (ºC) 20 C (g/น้ำ100g) สารละลายในน้ำ CaO ของแขง็ 2572 2850 - เบส NaCl ของแข็ง 801 1465 35.9 กลาง CaCl2 ของแข็ง 772 1600 74.5 กลาง - Al2O3 ของแขง็ 2054 2980 ไม่ละลายนำ้ ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (10 นาท)ี อภิปรายร่วมกนั เพ่ือใหไ้ ด้ ขอ้ สรปุ เกย่ี วกับสมบตั ิของสารประกอบไอออนกิ ว่า 1) สารประกอบไอออนกิ สถานะของแขง็ ไม่นําไฟฟ้า เนื่องจากไอออนทเี่ ปน็ องค์ประกอบยึด เหน่ยี วกนั อยา่ งแข็งแรงไม่สามารถเคลื่อนทไี่ ด้ 2) เมอ่ื หลอมเหลวหรอื ละลายในนำ้ จะนาํ ไฟฟา้ ได้ เนอ่ื งจากไอออนสามารถเคล่ือนท่ไี ด้ 3) สารประกอบไอออนกิ ท่ีมีสถานะเปน็ ของแข็ง มีจุดหลอมเหลวและจุดเดอื ดสูง 4) สารประกอบไอออนกิ สว่ นใหญล่ ะลายน้ำได้
5) สารละลายของสารประกอบไอออนิกในน้ำส่วนใหญ่มีสมบัติเป็นเบสหรือกลาง โดย สารละลายของสารประกอบออกไซด์มีสมบัติเป็นเบส และสารละลายของสารประกอบคลอไรด์มี สมบัตเิ ป็นกลาง ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับการละลายน้ำของสารประกอบไอออนิกจากรูป ควรสรปุ สาระสำคัญไดว้ า่ การละลายของสารประกอบไอออนิกในน้ำประกอบด้วย 2 ข้นั ตอน ดังนี้ ข้ันท่ี 1 ผลึกของสารประกอบไอออนกิ สลายตัวออกเปน็ ไอออนบวกและไอออนลบในสภาวะ แก๊ส ขั้นนี้ต้องใช้พลังงานเพื่อสลายผลึก โดยพลังงานที่ใช้นี้ เรียกว่า พลังงานโครงร่างผลึก หรือ พลังงานแลตทิซ (lattices energy; E1) NaCl (s) + พลังงานแลตทซิ Na+(g) + Cl-(g) Hlatt ขั้นที่ 2 ไอออนบวกและไอออนลบในสภาวะแก๊สรวมตัวกบั น้ำ ขั้นนี้มีการคายพลังงาน โดย พลังงานที่คายออกมา เรียกวา่ พลังงานไฮเดรชัน (hydration energy; E2) Na+(g) + Cl-(g) ⎯H⎯⎯2O→ Na+(aq) + Cl-(aq) Hhyd การละลายน้ำของสารประกอบไอออนิก อาจเปน็ การเปลยี่ นแปลงประเภทดูดความรอ้ น หรือ คายความร้อนกไ็ ด้ ขึน้ อยกู่ ับคา่ พลงั งานแลตทิซและพลงั งานไฮเดรชนั ซึ่งสามารถพิจารณาได้ ดงั นี้ - ถา้ E1 > E2 จัดเป็นการเปล่ยี นแปลงประเภทดูดความร้อน - ถา้ E1 < E2 จดั เปน็ การเปล่ียนแปลงประเภทคายความรอ้ น - ถา้ E1 = E2 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพลงั งาน - ถ้า E1 >> E2 แสดงให้เห็นว่าสารประกอบไอออนิกนั้นละลายน้ำได้น้อยมาก จนถือว่าไม่ ละลาย เนื่องจากแรงยึดเหนี่ยวระหว่างไอออนบวกกับไอออนลบแข็งแรงมาก โมเลกุลของน้ำจึงไม่ สามารถดงึ ใหแ้ ยกออกจากกนั ได้ 2. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่ากระบวนการคายพลังงาน จะทําให้อุณหภูมิของสารละลายสูงขึ้น และสารจะละลายได้ดที ีอ่ ุณหภูมิต่ำ ในทางกลบั กันถ้าการละลายเป็นกระบวนการดูดพลงั งาน จะทํา ใหอ้ ุณหภมู ขิ องสารละลายลดลง และสารจะละลายไดด้ ีทอ่ี ุณหภมู สิ งู 3. ครูให้นักเรียนตอบคําถามโดยพิจารณาแผนภาพการละลายน้ำของสารประกอบไอออนกิ ต่อไปนี้ 1) พลงั งานแลตทซิ และพลงั งานไฮเดรชนั คอื คา่ ใดในแผนภาพ (แนวคำตอบ : พลงั งาน E1 เปน็ พลงั งานแลตทซิ และพลงั งาน E2 เปน็ พลังงานไฮเดรชนั ) 2) การละลายน้ำในแผนภาพใดเป็นกระบวนการดูดพลังงาน และแผนภาพใดเป็นกระบวนการคาย พลงั งาน เพราะเหตุใด
7. A+(g) + B-(g) 13. C+(g) + D-(g) 8. E1 14. E1 E2 9. AB(s) 15. CD(s) 10. E2 11. A+(aq) + B-(aq) 16. C+(aq) + D- aq) 12. (ก) 17. (ข) (แนวคำตอบ : แผนภาพ (ข) เป็นกระบวนการดูดพลังงาน เนื่องจากพลังงานแลตทิซ มากกว่า พลังงานไฮเดรชัน และแผนภาพ (ก) เป็นกระบวนการคายพลังงาน เนื่องจากพลังงานแลตทิซ น้อย กว่าพลงั งานไฮเดรชัน) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (30 นาท)ี นักเรยี นทําแบบฝกึ หดั 3.2.4 สมบัตขิ องสารประกอบไอออนกิ แลว้ เฉลยร่วมกนั และทำ แบบทดสอบด้วยโปรแกรม Kahoot! 9. การวดั และประเมนิ ผล/หลักฐานหรือรอ่ งรอยของการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ วี ัด เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารวัด ดา้ นความรู้ อธบิ ายสมบัติบางประการของ 1. ตรวจจาก 1. แบบฝึกหัด 3.2.4 ผา่ นเกณฑ์ร้อย สารประกอบไอออนิก แบบฝกึ หัด 3.2.4 สมบัตขิ อง สมบัติของ ละ 60 ขึน้ ไป สารประกอบไอออนิก สารประกอบไอออนิก 2. แบบทดสอบด้วย 2. ตรวจจาก โปรแกรม Kahoot! แบบทดสอบดว้ ย โปรแกรม Kahoot! ดา้ นทักษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการทำงานกลุม่ ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมนิ ทกั ษะ ผา่ นเกณฑ์ กระบวนการทำงาน กระบวนการทำงาน ระดับดี กลุ่ม กลมุ่ ขน้ึ ไป ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ นกั เรียนมคี วามกระตือรือรน้ ในการ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ใน เรยี น ระหว่างจดั การเรียนรู้ ระดบั ดขี ้นึ ไป คุณลกั ษณะอนั พึง ประสงค์
10. สื่อและแหล่งเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้ แบบฝึกหดั 3.2.4 สมบตั ขิ องสารประกอบไอออนกิ แหล่งการเรียนรู้ - หนงั สอื เรียนรายวชิ าเคมี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยสถาบันสง่ เสริมการสอน วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ - หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
แบบฝึกหดั 3.2.4 สมบัติของสารประกอบไอออนิก 1. จงบอกสมบัติของสารประกอบไอออนกิ อยา่ งน้อย 5 ข้อ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงเขยี นสมการแสดงการละลายของ NaOH และหาพลังงานในการละลาย (กำหนด∆Hlatt= +662.4 KJ/mol และ ∆Hhyd= -816.8 KJ/mol ) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นำโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) 2 g ใส่ลงในบีกเกอร์ที่มีน้ำบรรจุอยู่ 100 cm3 เมื่อ NaOH ละลายหมด พบว่าสารละลาย และบีกเกอรร์ อ้ นขึ้นอยา่ งรวดเรว็ การละลายของ NaOH เป็นการเปล่ียนแปลงพลังงานแบบ ใด เพราะเหตุใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ทดลองละลายสาร A B และ C อย่างละ 3 g ในน้ำ 50 cm3 แล้ววัดอุณหภูมิที่เปล่ียนไปของสารละลาย ไดผ้ ลการทดลอง ดังตาราง สาร อณุ หภมู ขิ องน้ำ (oC) อุณหภมู ขิ องสารละลาย (oC) A 29.0 57.0 B 29.0 29.0 C 29.0 24.0
4.1 การละลายของสาร A B C เป็นการเปล่ยี นแปลงพลังงานแบบใด เพราะเหตใุ ด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. 4.2 เพราะเหตุใดอุณหภูมขิ องสารละลาย B จึงไมเ่ ปลี่ยนแปลง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. 5. การละลายน้ำของซิลเวอร์ไนเทรต (AgNO3) มีค่าพลังงานแลตทิซเปน็ 822 กิโลจูลตอ่ โมล และมีคา่ พลังงานไฮเดรชันเป็น 799 กโิ ลจูลต่อโมล 5.1 เขียนแผนภาพแสดงการเปล่ยี นแปลงพลงั งานในการเกิดสารละลายซลิ เวอร์ไนเทรต 5.2 การละลายน้ำของซลิ เวอร์ไนเทรตเปน็ กระบวนการดดู พลงั งานหรือคายพลงั งานปริมาณเท่าใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………….
เฉลย แบบฝึกหัด 3.2.4 สมบัตขิ องสารประกอบไอออนิก 1. จงบอกสมบัติของสารประกอบไอออนกิ อย่างน้อย 5 ขอ้ 1. สารประกอบไอออนิกทกุ ชนิดมสี ถานะของแข็งทีอ่ ุณหภูมหอ้ ง เปราะ แตกหกั ง่าย 2. สภาวะปกติสารประกอบไอออนิกเป็นของแข็งไม่นําไฟฟ้า เมื่อหลอมเหลวหรืออยูในสภาพของ สารละลายสามารถนําไฟฟา้ ได้ดี 3. สารประกอบไอออนกิ มจี ดุ เดอื ด จุดหลอมเหลวสงู 4. สารประกอบไอออนิกละลายไดด้ ใี นตัวทําละลายมขี ัว้ 5. ปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนิกใดๆ เกิดขน้ึ ไดอ้ ย่างรวดเรว็ เช่น การละลาย และการตกตะกอน 6. สารละลายของสารประกอบไอออนิกในนำ้ สว่ นใหญ่ มสี มบตั เิ ป็นเบสหรอื เป็นกลาง โดยสารละลาย ของสารประกอบออกไซด์เปน็ เบส และสารละลายของสารประกอบคลอไรด์เปน็ กลาง 2. จงเขียนสมการแสดงการละลายของ NaOH และหาพลังงานในการละลาย (กำหนด∆Hlatt= +662.4 KJ/mol และ ∆Hhyd= -816.8 KJ/mol ) การละลายของ NaOH (s) มี 2 ขนั้ ตอน คอื ขัน้ ท่ี 1 NaOH(s) -----> Na+ (g) + OH- (g) พลงั งานแลตทิช = +662.4 KJ/mol ข้ันท่ี 2 Na+ (g) + OH- (g) -----> Na+ (aq) + OH- (aq) พลังงานไฮเดรชนั = -816.8 KJ/mol พลังงานของการละลาย ∆Hsoln= 662.4 – 816.8 = -154.4 kJ 3. นำโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) 2 g ใส่ลงในบีกเกอร์ที่มีน้ำบรรจุอยู่ 100 cm3 เมื่อ NaOH ละลายหมด พบวา่ สารละลาย และบีกเกอร์รอ้ นขึ้นอยา่ งรวดเรว็ การละลายของ NaOH เปน็ การเปลย่ี นแปลงพลังงานแบบ ใด เพราะเหตใุ ด การละลายของ NaOH เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบคายพลังงาน เพราะพลังงานไฮเดรชัน > พลังงาน แลตทชิ สารละลายจงึ มอี ณุ หภมู สิ ูงขนึ้ 4. ทดลองละลายสาร A B และ C อย่างละ 3 g ในน้ำ 50 cm3 แล้ววัดอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปของสารละลาย ได้ผลการทดลอง ดังตาราง สาร อณุ หภูมิของนำ้ (oC) อุณหภมู ขิ องสารละลาย (oC) A 29.0 57.0 B 29.0 29.0 C 29.0 24.0 4.1 การละลายของสาร A B C เปน็ การเปลย่ี นแปลงพลงั งานแบบใด เพราะเหตใุ ด การละลาย A มีพลังงานแลตทิช < พลงั งานไฮเดรชนั เพราะเปน็ การละลายแบบคายความรอ้ น การละลาย C มพี ลังงานแลตทิช > พลงั งานไฮเดรชัน เพราะเป็นการละลายแบบดูดความรอ้ น การละลาย B ไม่มกี ารเปลย่ี นแปลงพลังงาน 4.2 เพราะเหตุใดอุณหภมู ิของสารละลาย B จึงไม่เปล่ียนแปลง เพราะ พลงั งานแลตทิชเท่ากบั พลังงานไฮเดรชัน จึงมกี ารเปลีย่ นแปลงพลังงาน
บันทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ดา้ นความรู้ จากแบบฝึกหัด 3.2.4 สมบัติของสารประกอบไอออนิก พบวา่ นักเรียนสว่ นใหญ่สามารถอธิบายสมบตั ิ บางประการของสารประกอบไอออนกิ ได้อย่างถูกต้องร้อยละ 60 ขนึ้ ไป ด้านทกั ษะกระบวนการ จากแบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบวา่ นกั เรียนสว่ นใหญ่มีทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ (การตคี วามหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป) ในระดับดขี ึ้นไป ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ จากแบบประเมนิ พฤติกรรมระหวา่ งจัดการเรยี นรู้ พบว่านกั เรียนสว่ นใหญ่มคี วามกระตือรือรน้ ในการ เรียน ผา่ นเกณฑ์ในระดับดขี ้ึนไป ปัญหา/อปุ สรรค ดา้ นความรู้ นักเรียนบางส่วนยังไม่สามารถอธิบายสมบตั ิบางประการของสารประกอบไอออนกิ ได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ นักเรยี นบางส่วนยังมีทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (การตคี วามหมายข้อมูลและการลงขอ้ สรุป) ต่ำกว่าระดับดี ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ นักเรยี นบางสว่ น (23.81%) มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรยี น ตำ่ กว่าระดับดี แนวทางแกไ้ ข อธิบายเพ่มิ เตมิ ในสว่ นท่ีมีความเขา้ ใจคลาดเคล่อื น ลงชอื่ .................................................... (นางสาวปียว์ รา ผาลี) .........../................../..............
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 21 รหสั วิชา ว30221 วชิ า เคมี1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 3 ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 พนั ธะเคมี เรอ่ื ง สมการไอออนกิ และสมการไอออนกิ สุทธิ ********************************************************************************** 1. ผลการเรยี นรู้ เขียนสมการไอออนกิ และสมการไอออนิกสทุ ธขิ องปฏิกิรยิ าของสารประกอบไอออนิก 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระเคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบตั ิ ของสาร แก๊สและสมบัตขิ องแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลเิ มอร์ รวมท้ัง การนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 3. สาระสำคัญ ปฏกิ ิริยาของสารประกอบไอออนิก สามารถเขยี นแสดงดว้ ยสมการไอออนกิ หรอื สมการไอ ออนิกสุทธิ โดยทสี่ มการไอออนกิ แสดงสารตง้ั ต้นและผลิตภัณฑ์ทกุ ชนดิ ทแี่ ตกตัวได้ในรปู ของไอออน ส่วนสมการไอออนิกสุทธิแสดงเฉพาะไอออนท่ีทำปฏกิ ริ ิยากนั และผลติ ภัณฑ์ทเี่ กดิ ขึ้น 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ เขียนสมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิของปฏิกริ ิยาของสารประกอบไอออนกิ ดา้ นทักษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (การทดลอง) ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นกั เรยี นมคี วามกระตอื รือรน้ ในการเรียน 5. สาระการเรยี นรู้ - สมการไอออกนกิ - สมการไอออนกิ สทุ ธิ - การเกดิ ตะกอนของสารละลายของสารประกอบไอออนิก - สารประกอบที่ละลายนำ้ - สารประกอบทไี่ ม่ละลายนำ้ 6. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 6.1 ความสามารถในการส่อื สาร (รู้ เขา้ ใจ การพูดคยุ ร่วมสนทนา รับฟงั ความเห็นของผอู้ น่ื ) 6.2 ความสามารถในการคดิ (คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ สร้างองคค์ วามรู้ แสดงความคดิ เห็นกับผูอ้ ่ืน) 6.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา (นำเสนอแนวความคิดเหน็ ในการแก้ปญั หา คดิ วธิ ีแกป้ ญั หา) 6.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ (การทำงานร่วมกบั ผอู้ นื่ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข) 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใชเ้ ทคโนโลยใี นการศึกษา ค้นคว้าเพม่ิ เติม) 7. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 มวี นิ ยั 7.2 ใฝเ่ รยี นรู้
7.3 มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 8. ขนั้ ตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี 1-2 (เวลา 2 ชว่ั โมง) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (10 นาที) 1. นกั เรยี นร่วมกนั ทบทวนความรู้เกย่ี วกบั สมบัติของสารประกอบไอออนิก ดังนี้ 1) สารประกอบไอออนิกทุกชนิดมีสถานะของแขง็ ทอ่ี ณุ หภูมิห้อง เปราะ แตกหักง่าย 2) สารประกอบไอออนิกสถานะของแข็ง ไมน่ ําไฟฟา้ เนือ่ งจากไอออนท่เี ป็นองคป์ ระกอบยึดเหน่ียว กันอยา่ งแข็งแรงไม่สามารถเคล่ือนท่ีได้ 3) เมือ่ หลอมเหลวหรอื ละลายในน้ำจะนําไฟฟ้าได้ เนื่องจากไอออนสามารถเคล่อื นท่ไี ด้ 4) สารประกอบไอออนิกทีม่ สี ถานะเป็นของแขง็ มีจดุ หลอมเหลวและจุดเดือดสูง 5) สารประกอบไอออนกิ สว่ นใหญล่ ะลายน้ำได้ 6) สารละลายของสารประกอบไอออนกิ ในน้ำส่วนใหญ่มีสมบัติเป็นเบสหรือกลาง โดยสารละลาย ของสารประกอบออกไซด์มสี มบัติเปน็ เบส และสารละลายของสารประกอบคลอไรด์มสี มบตั เิ ปน็ กลาง 2. ครูตั้งคําถามว่า สารประกอบไอออนิกส่วนใหญ่ละลายน้ำได้ เมื่อนำไปละลายน้ำจะเกิด เป็นสารละลายไอออนิก ถ้าหากผสมสารละลายไอออนิกสองชนิดทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ สังเกตไดอ้ ยา่ งไร เพือ่ นาํ เข้าสู่กจิ กรรม 3.1 ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) (40 นาที) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน แล้วทำกิจกรรม 3.1 การทดลองการ เกิดปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนกิ เพื่อศึกษาปฏิกิรยิ าการตกตะกอนเมื่อทําการผสมสารละลาย ของสารประกอบไอออนกิ สองชนดิ เขา้ ด้วยกัน แลว้ สงั เกตการเปลีย่ นแปลงท่เี กิดขน้ึ 2. ครูใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค LT มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยกำหนดให้ สมาชกิ แตล่ ะคนภายในกลมุ่ มบี ทบาทหน้าท่ขี องตนเอง ดงั น้ี สมาชกิ คนที่ 1 : ทำหนา้ ที่เตรยี มอุปกรณ์ตา่ ง ๆ สมาชกิ คนที่ 2 : ทำหนา้ ท่อี ่านวธิ กี ารทดลอง ทำความเข้าใจ และอธบิ ายใหส้ มาชกิ ภายในกลุ่มฟัง สมาชกิ คนที่ 3 : ทำหนา้ ท่ีบนั ทึกผลการทดลอง สมาชิกคนท่ี 4 และ 5 : ทำหน้าท่นี ำเสนอผลการทดลอง ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (20 นาท)ี ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทน (สมาชิกคนที่ 4 และ 5 ของกลุ่ม) มานำเสนอผลการ ทดลอง หลังจากนัน้ ให้นักเรียนทุกคนร่วมกันอภปิ รายผลการทดลองจนมีความเข้าใจทตี่ รงกัน ดังนี้ เมื่อผสมสารละลายสองชนิดเข้าด้วยกันแล้วมีตะกอนเกิดขึ้น แสดงว่าไอออนในสารละลาย รวมตัวกันเกิดเป็นสารใหมท่ ี่ไม่ละลายในน้ำ หรือมีปฏกิ ิรยิ าเคมีเกิดข้ึน โดยสารละลายที่ผสมกนั แล้ว ทาํ ใหเ้ กิดตะกอน ได้แก่ - สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) กับสารละลายโซเดยี มคาร์บอเนต (Na2CO3) ตะกอน ทเ่ี กิดข้ึน คือ CaCO3 - สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) กับสารละลายโซเดียมซัลเฟต (Na2SO4) ตะกอนที่ เกดิ ขึ้น คอื CaSO4 - สารละลายแมกนีเซียมคลอไรด์ (MgCl2) กับสารละลายโซเดียมคาร์บอเนต (Na2CO3) ตะกอนทเี่ กดิ ขนึ้ คอื MgCO3
ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเกิดตะกอนเมื่อผสมสารประกอบไอออนิกสองชนิดเข้า ด้วยกันว่า สารประกอบไอออนิกเม่ือละลายน้ำไอออนบวกและไอออนลบจะแยกออกจากกัน ถ้าการ ผสมสารละลายของสารประกอบไอออนิกทําให้เกิดตะกอน แสดงว่าไอออนในสารละลายผสมทํา ปฏิกิริยากันเกิดเป็นสารใหม่ที่ไม่ละลายน้ำ ดังตะกอนซิลเวอร์คลอไรด์ (AgCl) ซึ่งได้จากการผสม สารละลายซิลเวอรใ์ นเทรต (AgNO3) กับสารละลายโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) 2. ครูอธิบายวิธีการเขียนสมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิ โดยยกตัวอย่างการผสม สารละลายแคลเซียมไฮดรอกไซด์ (Ca(OH)2) และ โซเดียมคารบ์ อเนต (Na2CO3) ได้ตะกอนสีขาว ของ แคลเซียมเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) สมการไอออกนกิ Ca2+(aq) + 2OH- (aq) + 2Na+(aq) + CO32-(aq) ---> CaCO3(s) + 2Na+ (aq) + 2OH-(aq) สมการไอออกนกิ สทุ ธิ Ca2+(aq) + CO32-(aq) ---> CaCO3 (s) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (20 นาท)ี ครูให้นักเรียนตอบคําถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ จงเขียนสมการไอออนิกและสมการไอ ออนกิ สทุ ธขิ องปฏกิ ริ ิยาของสารละลายคู่ที่ทําให้ เกิดตะกอนในกิจกรรม 3.1 และพจิ ารณาว่าสมการที่ เขียนมจี าํ นวนอะตอมของธาตุแต่ละชนิด ทางด้านซา้ ยและขวาของสมการเท่ากนั หรือไม่ ในกรณีท่ีไม่ เทา่ กันใหเ้ ติมตัวเลขสมั ประสิทธิ์ ข้างหนา้ สารเพอื่ ทําใหเ้ ท่ากนั (แนวคำตอบ : 1) CaCl2 กบั Na2CO3 สมการไอออนิก Ca2+(aq) + 2Cl-(aq) + 2Na+(aq) + CO32-(aq) ---> CaCO3(s) + 2Cl-(aq) + 2Na+(aq) สมการไอออนิกสุทธิ Ca2+(aq) + CO32-(aq) ---> CaCO3(s) 2) CaCl2 กับ Na2SO4 สมการไอออนิก Ca2+(aq) + 2Cl-(aq) + 2Na+(aq) + SO42-(aq) ---> CaSO4(s) + 2Cl-(aq) + 2Na+(aq)
สมการไอออนิกสุทธิ Ca2+(aq) + SO42-(aq) ---> CaSO4(s) 3) MgCl2 กบั Na2CO3 สมการไอออนิก Mg2+(aq) + 2Cl-(aq) + 2Na+(aq) + CO32-(aq) ---> MgCO3(s) + 2Cl-(aq) + 2Na+(aq) สมการไอออนกิ สทุ ธิ Mg2+(aq) + CO32-(aq) ---> MgCO3(s) ) ชัว่ โมงที่ 3 (เวลา 1 ช่วั โมง) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (5 นาท)ี ครูตงั้ คำถามเกี่ยวกบั การทดลองการเกิดปฏิกิรยิ าของสารประกอบไอออนกิ ทไ่ี ด้ศึกษามาแล้ว ว่าจากสมการแสดงการเกิดปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนิกจะทราบได้อย่างไรว่า สารใดเกิดเป็น สารใหม่ท่ไี มล่ ะลายนำ้ (เกิดตะกอน) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (10 นาท)ี นักเรียนศึกษาใบความรู้ 3.2.5 สมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิ และครูให้ความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับสารประกอบที่ละลายน้ำและสารประกอบท่ีไมล่ ะลายน้ำ โดยสามารถพิจารณาไดจ้ ากสมบตั ิ การละลายนำ้ ตามหลักการเบื้องต้นดังนี้ 1) สารประกอบทลี่ ะลายน้ำ 1.1) สารประกอบของโลหะหมู่ 1 และแอมโมเนยี (NH4+) ทกุ ชนดิ 1.2) สารประกอบไนเตรท (NO3-) คลอเรต (ClO3-) เปอร์คลอเรต (ClO4-) และแอซีเตด (CH3COO-) 1.3) สารประกอบของคลอไรด์ (Cl-) โบรไมด์ (Br-) ไอโอไดด์ (I-) (ยกเว้น Ag+ Pb2+ Hg2+ ไม่ ละลาย สว่ น PbCl2 ละลายไดน้ ้อย) 1.4) สารประกอบซัลเฟต (SO42-) (ยกเว้น Pb2+ Sr2+ Ba2+ สว่ นสารประกอบ Ca2+และ Ag2+ ละลายได้เล็กนอ้ ย) 2) สารประกอบท่ไี ม่ละลายน้ำ 2.1) สารประกอบออกไซดข์ องโลหะ (ยกเว้นออกไซดข์ องโลหะหมู่ 1 และออกไซดข์ อง Ca2+ Sr2+ Ba2+) 2.2) สารประกอบไฮดรอกไซด์ (ยกเวน้ ไฮดรอกด์ของโลหะหมู่ 1 แอมโมเนยี และ Sr2+ Ba2+ ส่วนของ Ca2+ ละลายได้น้อย) 2.3) สารประกอบคาร์บอเนต (CO32-) ฟอสเฟต (PO43-) ซัลไฟด์(S-) และซัลไฟด์(SO32-) (ยกเวน้ ของโลหะหมู่ 1 แอมโมเนีย) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (15 นาท)ี ครตู งั้ คำถามให้นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเรื่อง สมการแสดงการเกิดปฏกิ ริ ยิ าของสารประกอบ ไอออนิก เช่น ผสมสารละลาย AlCl3 กับสารละลาย NaOH จะเกิดปฏิกิริยาหรือไม่ ถ้าเกิดให้เขียน สมการไอออนกิ แสดงการเกดิ ปฏิกิรยิ า
(แนวตอบ : ขั้นที่ 1 หาไอออนบวกและไอออนลบในสารละลายทั้ง 2 ชนิด เพื่อใช้เขียนสูตรของสาร ใหม่ AlCl3 (aq) Al3+ (aq) + 3Cl- (aq) NaOH (aq) Na+ (aq) + OH- (aq) เพราะฉะนนั้ สารใหมท่ ่ีจะเกิดจากไอออนบวกและไอออนลบคู่ใหม่ คือ Al3++ OH- Na++ Cl- Al(OH)3 NaCl ข้ันที่ 2 วเิ คราะห์การละลายในนำ้ ของสารใหม่ NaCl ละลายนำ้ ได้ สว่ น Al(OH)3 ไม่ละลายนำ้ ขนั้ ที่ 3 เขียนสมการไอออนกิ ได้ ดงั นี้ Al3+ (aq) + OH- (aq) Al(OH)3 (s) ) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาท)ี ครแู ละนกั เรียนอภปิ รายรว่ มกนั เพ่ือสรุปความร้เู ก่ียวกับการเขยี นสมการไอออนกิ และสมการ ไอออนกิ สุทธิแสดงการเกิดปฏกิ ริ ิยาของสารประกอบไอออนกิ ดงั น้ี - สมการไอออนกิ แสดงปฏกิ ิรยิ าของสารประกอบไอออนิกท่ีแสดงไอออนในสารละลาย ครบ ทกุ ชนดิ - สมการไอออนกิ สุทธิแสดงเฉพาะไอออนทท่ี ําปฏกิ ิรยิ ากันได้เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ แลว้ สรปุ หลักการเขียนสมการไอออนิกสำหรับสารประกอบไอออนกิ ดงั นี้ 1) หาไอออนในสารละลายที่นำมาผสมกนั เพื่อใช้เป็นสูตรของสารใหม่ที่เกิดจากการรวมตัว ระหวา่ งไอออนบวกกบั ไอออนลบ 2) ต้องทราบว่าไอออนบวกกับไอออนลบคู่ใด ได้สารประกอบที่ไม่ละลายในน้ำ ซึ่งจะทำให้ ไอออนในนำ้ กลายเป็นไอออน หรือผลกึ ตะกอน 3) นำไอออนคู่ท่ีทำปฏิกริ ยิ ากันได้สารไมล่ ะลายน้ำ มาเขยี นสมการและดุลสมการใหถ้ ูกต้อง ขั้นประเมิน (Evaluation) (20 นาที) นักเรียนทําแบบฝึกหัด 3.2.5 สมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิ แล้วร่วมกันเฉลย คำตอบ
9. การวดั และประเมนิ ผล/หลกั ฐานหรือรอ่ งรอยของการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธวี ัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารวัด ดา้ นความรู้ เขยี นสมการไอออนกิ และสมการไอ 1. ตรวจจากใบ 1. ใบกจิ กรรม 3.1 ผา่ นเกณฑร์ ้อย ออนิกสุทธขิ องปฏกิ ิริยาของ กจิ กรรม 3.1 การ การทดลองการ ละ 60 ข้ึนไป สารประกอบไอออนิก ทดลองการ เกิดปฏกิ ริ ิยาของ ด้านทักษะกระบวนการ เกดิ ปฏกิ ิรยิ าของ สารประกอบไอออ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สารประกอบไอออ นิก (การทดลอง) นกิ 2. แบบฝกึ หัด 3.2.5 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 2. ตรวจจาก สมการไอออนิกและ นักเรยี นมีความกระตอื รือรน้ ในการ เรียน แบบฝกึ หดั 3.2.5 สมการไอออนิกสทุ ธิ สมการไอออนกิ และ สมการไอออนกิ สุทธิ ประเมินทักษะ แบบประเมินทักษะ ผ่านเกณฑ์ กระบวนการทาง กระบวนการทาง ระดับดี วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ขนึ้ ไป สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ผ่านเกณฑใ์ น ระหว่างจัดการเรยี นรู้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ระดบั ดขี ึน้ ไป ประสงค์ 10. ส่ือและแหล่งเรยี นรู้ สอื่ การเรียนรู้ แบบฝึกหดั 3.2.5 สมการไอออนกิ และสมการไอออนกิ สทุ ธิ แหลง่ การเรยี นรู้ - หนังสือเรียนรายวิชาเคมี 1 กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ โดยสถาบันสง่ เสริมการสอน วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร - ห้องสมุดโรงเรียน
แบบฝึกหัด 3.2.5 สมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิ 1. จงเขียนสมการไอออนกิ และสมการไอออนกิ สทุ ธิจากสารประกอบไอออนกิ ตอ่ ไปน้ี 1.1 BaCl2 + Na2CO3 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.2 Zn(NO3)2 + HCl …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.3 Na2CO3 + CaCl2 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.4 AgNO3 + Na3PO4 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.5 Pb(NO3)2 + NaBr …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. สารละลายทกี่ ําหนดให้คใู่ ดท่ีผสมกนั แล้วเกดิ ตะกอน เขยี นสมการไอออนิกและสมการ ไอออนิกสุทธิ พรอ้ มทง้ั ระบุชือ่ ของตะกอนทเ่ี กดิ ข้นึ 2.1 LiCI กบั AgNO3 2.2 KI กบั Pb(NO3)2 2.3 NH4CI กับ Ca(OH)2 2.4 Na3PO4 กับ MgCl2 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. จากสารท่กี ําหนดให้ต่อไปนี้ KCI Na2SO4 CaSO4 BaCO3 Mg(OH)2 MgSO4 AgNO3 BaCl2 NaHCO3 3.1 สารชนดิ ใดไมล่ ะลายน้ำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………… ………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3.2 สารละลายคู่ใดทผ่ี สมกนั แล้วได้ตะกอนแบเรียมซลั เฟต (BaSO4) และเขยี นสมการไอออนกิ สุทธิ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
4. ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะหว์ า่ จะต้องนำสารละลายชนิดใดมาผสมเข้าด้วยกนั จงึ จะไดต้ ะกอนต่อไปนี้ ก. Ag3PO4 ข. PbBr2 ค. MgCO3 ง. Fe(OH)2 จ. BaSO4 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342