86 ด้านผู้เรียน การจัดสิ่งแวดล้อมศึกษา โรงเรียนมีการเน้นให้ความสาคัญกับเด็กในนักเรียนโดยเฉพาะ อย่างย่ิงกับนักเรียนประถมศึกษา เพราะหากมีการปลูกฝังเรื่องสิ่งแวดล้อมศึกษาอย่างจริงจังแล้ว เม่ือเด็กเหล่าน้ีเติบโตขึ้น จะทาให้เกิดความตระหนักและจิตสานึกที่ดีในการร่วมป้องกันและรักษา สง่ิ แวดล้อม 4) ปัจจัยด้านการบริหารงานสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน โดยจัดให้มีการส่งเสรมิ สนับสนุนใน การเผยแพร่ขา่ วสาร การประชาสัมพันธด์ ้านส่ิงแวดล้อมให้แก่ครนู ักเรียนผู้ปกครองชุมชนในท้องถ่ิน 5) ปัจจัยด้านกิจกรรมรณรงค์และรักษาสิ่งแวดล้อม โรงเรียน โดยการจัดให้มีกิจกรรมการอนุรักษ์ สง่ิ แวดล้อมของโรงเรียนและชมุ รมอนรุ ักษ์สิ่งแวดล้อมขึ้นมีการสอดแทรกกจิ กรรมในโรงเรียนให้กบั ครู นักเรียน รวมทั้งการสง่ เสริมการใช้สง่ิ ของหรอื วัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาและเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม 6) ปัจจัยด้านความรว่ มมอื โรงเรียนกบั ชุมชน โดยโรงเรยี นฯ มกี ารให้บรกิ ารด้านข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ดา้ นส่งิ แวดล้อมผ่านครูนักเรียน ไปสชู่ ุมชนในทอ้ งถ่นิ และทางโรงเรยี นและนักเรียนได้มีการออกเยยี่ ม ชุมชนในท้องถ่ินเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารด้านสิ่งแวดล้อม 7) ปัจจัยด้านบรรยากาศและสภาพแวดล้อม ของโรงเรยี น มีการจดั เตรยี มสถานทตี่ า่ งๆเชน่ ห้องเรียน ห้องสมุดแหล่งการเรยี นรภู้ ายในโรงเรียนให้ดู สะอาดเรียบรอ้ ย มีระเบียบ โดยมีการจัดสถานทใี่ หเ้ ออ้ื อานวยตอ่ การเรียนการสอนและ 8) ปัจจยั ดา้ น สัมพันธภาพระหว่างบุคคลในโรงเรียน มีการจัดตั้งชุมนุมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยสร้างเครือข่ายให้ เกิดขึ้นระหว่างโรงเรียนกับชุมชนในท้องถ่ิน ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยมีการเปิดโอกาสให้ครู นกั เรยี น ผปู้ กครอง และชุมชนในท้องถิ่น ไดม้ กี ารแสดงออกในกจิ กรรมรว่ มกัน สุมาลี ท่าฉลาด (2557, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “ความสัมพันธ์ระหว่าง บรรยากาศองค์การกับความพึงพอใจกับการปฏิบัติงานของครูผดู้ ูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัด องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี” ผลการวิจัยพบว่า 1) บรรยากาศองค์การในศูนย์ พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดกาญจนบุรี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านท่ีมีบรรยากาศองค์การระดับมากเรียงตามค่าเฉลี่ย คือ ด้านสภาพ และขวัญ ด้านการเน้นการบรรลุถึงเป้าหมาย ด้านความสามารถและการคล่องตัวท่ัวไปขององค์การ ด้านความมั่นคงและความเส่ียง ด้านการยอมรับ และการย้อนกลับของข้อมูล ด้านความสัมพันธ์ ระหวา่ งรางวลั กับการลงโทษ ด้านการเน้นการฝึกอบรมและพฒั นา ดา้ นโครงสร้างของงาน ส่วนดา้ น ท่ีมีบรรยากาศองค์การในระดับปานกลาง คือการตัดสินใจและด้านความเปิดเผยและการป้องกัน ตนเอง 2) ด้านความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของครูผู้ดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ิน จังหวัดกาญจนบรุ ีโดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากเรียงตามค่าเฉลี่ยคือ ด้านลักษณะของงานท่ีทา ด้านลักษณะท่ีทางานและการดาเนินงาน ด้านการติดต่อสส่ือสาร ด้าน ลักษณะทางสังคม ด้านการบังคับบัญชา/การนิเทศ ด้านความมั่นคงปลอดภัย ด้านสภาพการทางาน ดา้ นค่าจา้ ง ดา้ นประโยชน์เกอ้ื กูลต่าง ๆ ส่วนด้านท่ีมีค่าเฉล่ียน้อยที่สุด คือด้านโอกาสก้าวหน้าในการ ทางานและ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างบรรยากาศองค์การกับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของครู ผู้ดแู ลเดก็ เลก็ ในศูนย์พฒั นาเด็กเล็ก สังกัดองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ จงั หวัดกาญจนบุรี ในภาพรวม มีความสัมพันธ์ทางบวกอยู่ในระดับสูง (r = 0.81) อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ส่วนราย ด้านพบวา่ บรรยากาศองค์การกับความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน มีความสัมพันธท์ างบวกระดับปาน กลางทุกด้าน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติทีระดับ 0.01 เรียงตามลาดับค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์จาก มากไปหาน้อยคอื ด้านความมัน่ คงปลอดภัย ด้านลักษณะที่ทางานและการดาเนินงาน ด้านการบังคับ
87 บัญชา/นิเทศ ด้านโอกาสก้าวหน้าในการทางาน ด้านลักษณะทางสังคม ด้านการติดต่อสื่อสาร ด้าน ประโยชนเ์ ก้ือกลู ตา่ ง ๆ ด้านลักษณะของงานทา ด้านสภาพการทางาน ส่วนดา้ นท่ีมีความสมั พันธน์ ้อย ทีส่ ุดคือ ดา้ นค่าจ้าง เกริกเกียรติ ต่อกิจไพบูลย์ (2558, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเร่ือง ความสัมพันธ์ระหว่าง ภาวะผู้นาการเปลย่ี นแปลง ความพึงพอใจในงานกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกทด่ี ีขององค์การ โดยมี ทุนทางจิตวิทยาด้านบวกเป็นตัวแปรกากับ ผลการวิจัยพบว่า 1) ค่าเฉลยี่ ภาวะผู้นาการเปล่ียนแปลง เท่ากับ 3.83 ความพึงพอใจในงานเท่ากับ 3.80 พฤติกรรมการเป็นสมาชิกท่ีดีขององค์การเท่ากับ 3.88 และทุนทางจิตวิทยาด้านบวกเท่ากับ 3.75 2) ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงและความพึงพอใจใน งานมีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤตกิ รรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การ และ3) ทุนทางจิตวิทยาด้าน บวกไม่เป็นตัวแปรกากับความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นาการเปล่ียนแปลง ความพึงพอใจในงานกับ พฤติกรรมการเปน็ สมาชิกทีด่ ีขององค์การ สีพล จนฺทธมฺโม (2558, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง “บรรยากาศองค์การใน สถานศึกษาท่ีส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ของครูสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ประถมศกึ ษานนทบุรีเขต 2” ผลการวิจยั พบว่า 1) บรรยากาศองค์การในสถานศึกษา สังกัดเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษานนทบรุ ี เขต 2 อยู่ในระดับมากเมื่อพจิ ารณาเป็นรายด้านพบว่า ในระดับมาก ทุกด้าน โดยมีค่ามัชฌิมเลขคณิตเรียงลาดับจากมากไปหาน้อยได้แก่ ความเอ้ืออาทรต่อกัน การผนึก กาลัง ความเติบโตทางวิชาการและสังคมอย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงสถานศึกษา การมีโอกาสในการ ทางาน ความยอมรับนับถือ ความไว้วางใจและการมีขวัญสูง 2) แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครู สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก เม่ือ พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยมีค่ามัชฌิมเลขคณิตเรยี งลาดับจากมากไป หาน้อย ได้แก่ ด้านที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน และด้านการสร้างแรงจูงใจ ตามลาดับ และ3) บรรยากาศองค์การในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 กับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโดยมีค่าสัมพันธ์กันในทางบวก เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า บรรยากาศองค์การในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 ทุกด้านมีความสมั พันธ์กนั ทางบวกในระดับสงู ทกุ คูอ่ ย่างมนี ยั สาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดบั 0.05 ปฐมชนก ศิริพัชระ (2558, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเรื่อง ความผูกพันต่อองค์การของอาจารย์ มหาวทิ ยาลัย พบว่า 1)การวิเคราะห์ความสัมพันธร์ ะหว่างตัวแปรพบวา่ ตัวแปรอสิ ระ ได้แก่ ความพึงพอใจ ในงาน บรรยากาศองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์เป็นอิสระต่อกัน แต่ภาวะผู้นา ความไว้วางใจมี ความสัมพันธ์กันกับตัวแปรอื่นจึงตัดตัวแปรน้ีออกไป 2) การวิเคราะห์ถดถอย พหุพบวา่ ความพึงพอใจในงาน บรรยากาศองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์เชิงบวก ต่อความผูกพันต่อองค์การ และความพึงพอใจในงานมีความ สัมพันธเ์ ชิงบวกต่อ บรรยากาศองค์การ 3) การวิเคราะห์เส้นทางพบว่า ความพึงพอใจในงาน บรรยากาศองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้ มีผลกระทบทางตรงต่อความผูกพันต่อองค์การและ ความพึงพอใจในงานมีผลกระทบทางอ้อมต่อ ความผกู พันต่อองค์การโดยผา่ นบรรยากาศองค์การ สานักการศึกษา (2558, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง แนวทางการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการเรียนการสอนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครพบว่า 1) ผลการศึกษาการบริหารจัดการใช้
88 ส่ือการเรียนรู้ ที่สานักการศึกษาผลิตและจัดสรร ให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครเพื่อใช้ ประกอบการเรียนการสอน ผู้บริหารสถานศึกษาส่วนใหญ่มีการบริหารจัดการใช้เทคโนโลยีเพ่ือการ เรียนการสอน ในด้านการติดตามการใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อการเรยี นการสอนอยู่ในระดับมากคือ ผบู้ ริหาร สถานศึกษา ติดตามการใช้เทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอน โดยมีการติดตามการพัฒนา การผลิต/ การใช้สื่อ เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนของครูอย่างต่อเนื่อง สาหรับครูผู้สอนส่วนใหญ่มีความ คดิ เห็น เกี่ยวกับการบริหารจดั การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรยี นการสอนในโรงเรียนอยู่ในระดบั มากคือ ดา้ นการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพือ่ การเรียนการสอนพบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีการสนับสนุน ใหม้ กี ารใชเ้ ทคโนโลยีเพือ่ การเรียนการสอนในสถานศกึ ษาในดา้ นสภาพของสื่อเทคโนโลยีเพ่ือการเรยี น การสอนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครพบว่า สื่อเทคโนโลยปี ระเภทสิ่งพิมพ์สื่อวีดิทศั น์ บทเรียน CAI multimedia และส่ือประเภท Application เป็นส่ือที่ช่วยเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้ นักเรียนมีพัฒนาการด้านการเรียนดีขึ้น โดยสื่อวีดิทัศน์ บทเรียน CAI multimedia และส่ือประเภท Application มีรปู แบบที่ทันสมัย น่าสนใจ แตส่ ื่อสิ่งพิมพ์ยังไม่มีความหลากหลาย และตรงตามความ ต้องการของครูผู้สอนน้อยที่สุด และส่ือวีดิ ทัศน์ บทเรียน CAI multimedia สื่อ ประเภท Application มีเพียงพอต่อความต้องการในการใช้และมีความสะดวกต่อการใช้ในการ จัดการเรียน การสอนอยู่ในระดบั น้อยที่สุด 2) ผลการศึกษาการบริหารงบประมาณตามโครงการส่งเสริมสนับสนุน ให้สถานศึกษา ผลิตสื่อในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครท่ีได้รับการสนับสนุนจากสานักการศึกษา งบประมาณที่สานักการศึกษาจัดสรรให้ตามโครงการส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษา ผลิตส่ือฯ ได้มี การจัดสรรงบประมาณให้แก่โรงเรียนตามขนาดของโรงเรียนอย่างเหมาะสม ซง่ึ โรงเรียน ทั้ง 3 ขนาด มีความเพียงพอในการได้รับจัดสรรงบประมาณในการผลิตส่ือ โดยสถานศึกษามี ความต้องการให้ สานักการศึกษาจัดสรรงบประมาณตามโครงการฯ ต่อไป และสถานศึกษาได้มีการรายงานผลการใช้ งบประมาณ และมีนโยบายในการส่งเสริมสนับสนุนการผลิตสื่อเทคโนโลยี เพ่ือการเรียนการสอนทั้ง โรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ และ 3) ผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยี เพ่ือการเรียนการสอนในโรงเรียน สังกดั กรุงเทพมหานคร ผ้บู ริหารสถานศึกษา และครผู ู้สอนมคี วาม คิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒ นา เทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอนในโรงเรียนสังกัด กรุงเทพมหานครอยู่ในระดับมากคือ ด้านแนวทางการพัฒนาด้านเคร่ืองมือ (Hardware) โดยท้ัง ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนมีความต้องการ อุปกรณ์ท่ีสนับสนุนการใช้สื่อเทคโนโลยี เพื่อการเรียนการสอน เช่น เคร่ืองคอมพิวเตอร์ เครื่องฉาย LCD เป็นต้น ให้เพียงพอต่อการใช้สื่อใน การจัดการเรียนรู้ด้านแนวทางการพัฒนาด้านเทคนิค/ วิธีการ (Techniques/Methods) ผู้บริหาร สถานศึกษามีความต้องการส่งเสริมครูให้มีเจตคติที่ดี และเห็นความจาเป็นในการนาเทคโนโลยี เพ่อื การเรียนการสอนมาใช้ในการจดั การเรยี นรู้ ด้านแนวทางการพัฒนาด้านบคุ ลากร (Peopleware) ผบู้ ริหารสถานศึกษามีความต้องการใหค้ รใู ช้ส่ือ เทคโนโลยีเพอ่ื การเรียนการสอนท่สี ่งเสรมิ /พัฒนาการ เรยี นรู้ของนักเรียนให้ดีข้นึ ดา้ นแนวทางการพัฒนาด้านวสั ดุ (Software) ผู้บริหารสถานศึกษามคี วาม ต้องการสื่อเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอนที่ออกแบบเพ่ือให้นักเรียนเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหามากขึ้น สาหรับครูผู้สอนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทาง การพัฒ นาเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอน พบว่า แนวทางการพัฒนาด้านเทคนิค/วิธีการ (Techniques/Methods) ครูผู้สอนมีความต้องการ พัฒนาด้านวิธีการสอนโดยนาเทคโนโลยีเพื่อการ
89 เรียนการสอนมาใช้เพ่ือพัฒนานักเรียนในด้านความรู้ ทักษะ และกระบวนการคิดด้านแนวทางการ พัฒนาด้านบุคลากร (Peopleware) ครูผู้สอนมีความต้องการเพิ่มพูนประสบการณ์ความสามารถ ความชานาญในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนดา้ นแนวทางการพัฒนาด้านวัสดุ (Software) ครผู ู้สอนมีความต้องการส่ือเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอนท่ีมีความคงทน แข็งแรง ดูแลรักษาง่าย มกี ารออกแบบเพอ่ื ให้นกั เรียนเกิดทักษะการคิด วิเคราะห์การคิดสร้างสรรค์และการแกป้ ญั หามากขึ้น และนาเสนอเน้อื หาไดน้ ่าสนใจและทันสมยั เพม่ิ ขนึ้ ปกิตตา อเนกบุญทิพย์และคณะ (2559, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง บรรยากาศ องค์การในโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาพระนครศรีอยุธยาเขต 1 ผลการวิจัยพบว่า 1) โรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยาเขต 1 มีบรรยากาศแบบปลดเปลื้องสูงทีส่ ุด รองลงมาคือ บรรยากาศแบบเปิดกว้าง บรรยากาศแบบผูกมัด และบรรยากาศแบบปิดกั้นตามลาดับและ 2) ผู้บริหารโรงเรียนและครูหัวหน้าฝ่ายวิชาการมีความ คิดเห็นต่อบรรยากาศองค์การในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษา พระนครศรีอยุธยา เขต 1 แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในด้านบรรยากาศแบบ เปดิ กว้างด้านบรรยากาศแบบผกู มดั และดา้ นบรรยากาศแบบปลดเปล้ืองโดยผู้บริหารโรงเรยี นมีความ คดิ เห็นในทศิ ทางบวกกวา่ ครหู ัวหน้าฝ่ายวิชาการ ส่วนดา้ นบรรยากาศแบบปิดก้ัน ท้งั ผู้บริหารโรงเรยี น และครหู ัวหน้าฝา่ ยวิชาการมีความคิดเห็นไมแ่ ตกต่างกัน ฉวีวรรณ เอ่ยี มพญา (2559, บทคดั ย่อ) ได้ศึกษาวจิ ยั เรอ่ื ง บรรยากาศองค์การท่ีส่งผล ตอ่ คุณภาพชีวติ การทางานของครใู นโรงเรียนเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษาเขต 8 ผลการวิจัยพบว่า 1) บรรยากาศองค์การสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 โดยรวมและโดยรายด้าน อยู่ในระดับมาก โดยเรียงค่ามัชฌิมเลขคณิตจากมากไปหาน้อยดังนี้ ด้านความเป็นหนึ่งเดียว ในองค์การ ด้านโครงสร้างองค์การ ด้านการสนับสนุน ด้านรับผิดชอบ ด้านการให้รางวัล ด้านมารตร ฐานในการปฏิบัติงาน ด้านความอบอุ่น ด้านความเสี่ยงของงานและด้านการยอมรับความขัดแย้ง ตามลาดับและ 2) คุณภาพชีวิตการทางานของครูในโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา มธั ยมศึกษาเขต 8 โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงค่ามัชฌิมเลขคณิตจากมากไป หานอ้ ยดังน้ี ดา้ นการพัฒนาความสามารถของบคุ คล ด้านความเจริญก้าวหนา้ และความม่ันคงในงาน ดา้ นบรู ณาการดา้ นสงั คม ด้านประชาธิปไตยในการทางาน ดา้ นสภาพแวดล้อมท่ีปลอดภัยและสง่ เสริม สุขภาพ ด้านจังหวะชีวิต ด้านการให้สิ่งตอบแทนที่เหมาะสมและยุติธรรม และด้านการเก่ียวข้องกับ สังคมตามลาดับ 3) บรรยากาศองค์การโดยภาพรวมส่งผลต่อคุณภาพชีวิตการทางานของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 โดยภาพรวม อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ระดับ .01 ฐาปนี บุญยเกียรติ (2559, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “การรับรู้บรรยากาศ องค์ การท่ี มีอิทธิพ ลต่อความผู กพั นขอ งองค์ก ารและพ ฤติก รรม เป็นสมาชิกที่ ดีของพ นักงา นต่ อ องค์การ” ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับความคิดเห็นด้านความผูกพันต่อองค์การ ด้านพฤติกรรมการ เป็นสมาชิกท่ีดีของพนักงานต่อองค์การและด้านการรับรู้บรรยากาศองค์การโดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) การรับรู้บรรยากาศองค์การมีความสัมพันธ์กับความผกู พันต่อองค์การทั้งในภาพรวมและรายด้าน อยู่ในระดับมาก และมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีของพนักงานองค์การทั้งใน
90 ภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากและ 3) บรรยากาศองค์การด้านโครงสร้างของงาน ด้านความ รับผิดชอบและด้านการยอมรับมอี ิทธพิ ลต่อความผูกพันตอ่ องค์การ และบรรยากาศองค์การด้านการ สนับสนนุ ด้านโครงสร้างของงาน และด้านความรบั ผิดชอบมีอิทธิพลตอ่ พฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดี ของพนักงานตอ่ องค์การ วรวรรณ ชื่นพินิจกุล (2559, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง “ภาวะผู้นาและรูปแบบ บรรยากาศองค์การท่ีส่งผลกระทบต่อลักษณะวฒั นธรรมองค์กรขององค์กรในเขตกรุงเทพมหานคร” ผลการวิจยั พบว่า จานวนบุคคลภายในองค์กรท้ังภาครัฐบาลและภาคเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครที่ ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีอายุ 20 - 30 ปี สถานภาพสมรส/อยู่ด้วยกัน ระดับ การศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี มีระยะเวลาในการทางาน 4 – 6 ปี และมีตาแหน่งงานเป็น เจ้าหน้าที่/พนักงาน โดยสามารถสรุปการวิจัยได้ดังนี้ 1) บุคลากรที่มีเพศ สถานภาพสมรส และ ระยะเวลาในการทางานแตกต่างกัน มีความสัมพันธ์กับลักษณะวัฒนธรรมองค์การแตกต่างกัน ส่วน บคุ ลากรที่มีอายุ ระดบั การศึกษา และตาแหนง่ งานแตกต่างกนั มีความสัมพันธ์กบั ลักษณะวัฒนธรรม องค์กรไม่แตกต่างกัน ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05 2) ปัจจัยด้านภาวะผู้นาการเปล่ียนแปลง ได้แก่ การ สร้างแรงบันดาลใจและการกระตุ้นทางปัญญา มีความสัมพันธ์กับลักษณะวัฒนธรรมองค์กรของ บุคลากรภายในองค์การทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร และ 3) ปัจจัยด้าน รูปแบบบรรยากาศองค์กร ได้แก่บรรยากาศที่เน้นความเป็นกันเอง บรรยากาศท่ีเน้นความสาเร็จใน การทางานและบรรยากาศที่สาคัญต่อผู้ปฏิบัติงานมีความสัมพันธ์กับลักษณะวัฒนธรรมองค์กรของ บุคคลในภายองค์กรทัง้ ภาครฐั และภาคเอกชนในเขตกรงุ เทพมหานคร มนตรี ศรีจนั ทร์อนิ ทร์ (2559, บทคัดยอ่ ) ได้ศกึ ษาวจิ ัยเร่ือง “บรรยากาศองค์การของ โรงเรียนขนาดใหญ่ สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 17 (จันทบุรี – ตราด)” ผลการวิจัยพบว่า บรรยากาศองค์การของโรงเรียนขนาดใหญ่ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มัธยมศึกษา เขต 17 (จันทบุรี – ตราด) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ผลการเปรียบเทียบพบว่า บรรยากาศองค์การของโรงเรียนขนาดใหญ่ จาแนกตามตาแหน่ง โดยรวมและรายด้านแตกต่างกัน อย่างไม่มีนัยสาคัญทางสถิติ ยกเว้นด้านเป็นแบบอย่าง แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 และเม่ือจาแนกตามประสบการณ์การทางานโดยรวมและรายด้านแตกตา่ งกันอย่างไมม่ ีนัยสาคัญ ทางสถติ ิ ยกเวน้ ด้านเปน็ แบบอยา่ ง แตกต่างกันอยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถติ ทิ ี่ระดบั .05 วรางคณา ซับซ้อน (2559, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “อิทธิพลคุณลักษณะ บุคลิกภาพ บรรยากาศองค์กร ความพึงพอใจในการทางาน ท่ีมีต่อการปรับตัวในการทางานของครู ต่างชาติในโรงเรียนสองภาษา” ผลการวจิ ยั พบว่า ระดับความคดิ เห็นของปัจจัยบคุ ลิกภาพ บรรยากาศ องค์กร ความพึงพอใจในงาน และการปรับตัวในการทางานท้ังหมดอยู่ในระดับสูง ส่วนความสัมพันธ์ ของปัจจัย พบว่า ทุกปัจจัยมีความสัมพันธ์กันในระดับปานกลาง นอกจากน้ันยังพบว่า ปัจจัย บุคลิกภาพแบบแสดงตัวและบุคลิกภาพแบบปรับรับสถานการณ์มีอิทธิพลการปรับตัวในการทางาน ตามลาดบั และสามารถพยากรณ์ไดถ้ ึงร้อยละ 30.30 ณ ระดบั นัยสาคัญท่ี 0.05 สว่ นปจั จยั บรรยากาศ องค์การเกือบทุกตัวแปร ได้แก่ ตัวแปรสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา การสนับสนุนจากเพ่ือนในกลุ่ม ทางาน ทรัพยากรที่พอเพียงมีอิทธิพลต่อการปรับตัวในการทางานตามลาดับ ณ ระดับนัยสาคัญท่ี
91 0.05 ตลอดจนปัจจัยความพงึ พอใจในงานมีตัวท่านชอบปฏิบตั งิ านในปัจจุบัน และท่านชอบปฏิบตั งิ าน กบั โรงเรียนมีอทิ ธพิ ลตอ่ การปรับตวั ณ ระดับนัยสาคัญทางสถิติท่ี 0.05 จิราวัลย์ พิมพ์บาล (2559, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “การศึกษาบรรยากาศ องค์การของกล่มุ โรงเรยี นบางละมุง 2 สังกดั สานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3” ผลการวิจัยพบว่า 1) บรรยากาศองค์การของกลุ่มโรงเรียนบางละมุง สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 โดยรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมากและ 2) ผลการ เปรียบเทียมบรรยากาศองค์การของกลุ่มโรงเรียนบางละมุง สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 จาแนกตามเพศพบว่า โดยรวมและรายด้าน ได้แก่ ด้านมิติห่างเหิน แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่น ๆ แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสาคัญทาง สถติ ิ จาแนกตามประสบการณ์ ในการปฏิบตั งิ านพบวา่ โดยรวมและรายดา้ นทุกด้านแตกต่างกันอย่าง ไม่มีนัยสาคัญ ทางสถิติ จาแนกตามขนาดโรงเรียนพบว่า โดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างไม่มี นัยสาคญั ยกเว้นดา้ นมิติกรุณาปราณี แตกตา่ งกนั อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติท่รี ะดับ .05 ธนนท์ วีรธนนท์ (2559, บทคัดย่อ) ไดศ้ ึกษาเรอ่ื ง การพัฒนาระบบองค์การเพือ่ ความ มีประสิทธิผลของศูนย์การศึกพิเศษสังกัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความมีประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา การบริหาร สถานศึกษา และการปฏิบัติการมีส่วนร่วมของชุมชน การจัดการเรียนรู้และสภาพแวดล้อมเพ่ือการ เรียนรู้และภาวะผ้นู าของผบู้ รหิ าร สาหรับประสทิ ธิผลของศนู ย์การศึกษาพเิ ศษ ประกอบด้วย คุณภาพ การปฏิบัติงานของครู ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของครู และความเจริญงอกงามของนักเรียน หรือพัฒนาการของนักเรียนตามลาดับ องค์ประกอบของระบบองค์การเพื่อความมีประสิทธิผลของ ศูนย์การศึกษาพิเศษในแต่ละองค์ประกอบ ประกอบด้วยปัจจัยนาเข้า (Input) ระบบองค์การเพ่ือ ความมีประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษ สังกัดนักบรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ มีปัจจัยด้านครูและ บุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วย ความรู้/ประสบการณ์วิชาชีพ และคุณลักษณะครู ด้านการ บริหารสถานศึกษาและการปฏิบัติ ประกอบด้วยงบประมาณ การติดต่อสื่อสารและระบบบริหาร สถานศึกษา ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชนประกอบด้วย การมีส่วนร่วมของชุมชน การมีส่วนร่วมใน การบรหิ ารในรูปแบบคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน ดา้ นการจัดการเรยี นรูแ้ ละสภาพแวดล้อม เพ่ือการเรียนรู้ประกอบด้วยแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษา วัสดุอุปกรณ์ ส่ือ เทคโนโลยี และอาคาร สถานท่ี และดา้ นภาวะผู้นาของผูบ้ ริหาร ประกอบด้วยความมีคณุ ธรรมจรยิ ธรรมเป็นแบบอยา่ งท่ดี ีของ ผู้บริหารและคุณลักษณะของผู้บริหารกระบวนการ ส่งผ่าน (Transformation process)ของศูนย์ การศึกษาพิเศษ สังกัดสานักงานบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีปัจจัย ด้านครูและบุคลากรทางการ ศึกษา ประกอบด้วย ทักษะ/ความสามารถและแรงจูงใจ ด้านการบริหารสถานศึกษาและการปฏิบัติ ประกอบด้วยการบริหารเชิงกลยุทธ์และการบริหารการเปลี่ยนแปลง ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชน ประกอบด้วยการมสี ่วนร่วมในการระดมทรัพยากร ด้านการจัดการเรยี นรู้และสภาพแวดล้อมเพื่อการ เรียนรู้ประกอบด้วยการ บูรณาการสาระในหลักสูตรการใช้เทคโนโลยีการศึกษาการใช้แหล่งเรียนรู้ ภมู ิปัญญาท้องถ่ินภายนอกสถานศึกษาและด้านภาวะผู้นาของผู้บรหิ าร ประกอบด้วย ความสามารถ ในการนานโยบายไปสู่การปฏิบัติทักษะการบริหารและพฤติกรรมผู้นาผลผลิต (Outputs) ได้แก่ ความมปี ระสทิ ธผิ ลของศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ สงั กดั สานกั งานบริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษ ประกอบดว้ ย
92 คุณภาพการปฏิบัติงานของครู ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของครู และความเจริญงอกงามของ นกั เรยี นหรอื พฒั นาการของนักเรยี น ดาวิษา สังคหะ (2559, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “ความสัมพันธ์ระหว่าง บรรยากาศองค์การกับการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสานักงานศึกษาธิการภาค 1 - 13” ผลการวิจัยพบวา่ บคุ ลากรมีการรบั รู้บรรยากาศองคก์ ารและความเปน็ องคก์ ารแห่งการเรียนรู้โดยรวม อยูใ่ นระดับสงู เมอ่ื ศกึ ษาความสัมพันธ์พบว่า บรรยากาศองค์การกับความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ มคี วามสัมพันธ์ทางบวกอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ 0.05 เขียนเปน็ สมการพยากรณ์คือ องค์การ แห่งการเรยี นรู้ = 1.320 +0.206 (การสอื่ สารและการตดิ ต่อประสานงาน) +0.174 (การเปดิ โอกาสให้ เรียนรู้และพัฒนาตนเอง) +0.196 (การกาหนดโครงสร้างองค์การและอานาจหน้าท่ี) +0.084 (การทางานเป็นทมี และความสามัคค)ี ร่วมพยากรณ์ความเป็นองค์การแห่งการเรียนรูไ้ ดร้ ้อยละ 52.10 สามารถเสนอแนวทางในการพัฒนาองค์การได้โดยผู้บริหารและบุคลากรควรให้ความสาคัญกับการ พัฒนาบรรยากาศองค์การในด้านส่งผลต่อความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ ควรกระตุ้นให้เกิดการ เรียน รู้ทั่วท้ังองค์การ อย่างต่อเนื่อง เสม่าเสมอและจัดกิจก รรมแลก เปล่ี ยน เรียน รู้ร่วมกัน ร ะหว่าง หนว่ ยงานเพ่ือถ่ายทอดกระบวนการในการทางาน สาลี เฉลียวเกรียงไกร (2559, บทคัดย่อ) ได้ศึกษา เร่ือง อิทธิพลของภาวะผู้นาแบบ เปลยี่ นสภาพของหัวหนา้ งานและการรับรู้ความยตุ ิธรรมในองค์การตอ่ ความพงึ พอใจในงาน และความ ผูกพันตอ่ องค์การของพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สานักงานใหญ่ พบว่า 1) ภาวะผนู้ าแบบเปลย่ี นสภาพของหวั หนา้ งานมอี ทิ ธพิ ลทางบวกตอ่ ความพึงพอใจในงานของพนกั งาน 2) ภาวะผู้นาแบบเปล่ียนสภาพของหัวหน้างานมีอิทธิพลทางบวกต่อความผูกพันต่อองค์การ 3) การรับรู้ความยุติธรรมด้านการจัดสรรผลประโยชน์มีอิทธิพลทางบวกต่อความพึงพอใจในงาน 4) การรับรู้ความยุติธรรมด้านกระบวนการมีอิทธิพลทางบวกต่อความพึงพอใจในงาน 5) การรับรู้ ความยตุ ิธรรมด้านการปฏิสัมพันธ์ไม่มีอิทธพิ ลต่อความพึงพอใจในงาน 6) การรับรู้ความยุตธิ รรมด้าน การจัดสรรผลประโยชน์มีอิทธิพลทางบวกต่อความผูกพันต่อองค์การ 7) การรับรู้ความยุติธรรมด้าน กระบวนการไมม่ ีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อองค์การ 8) การรบั รู้ความยุติธรรมด้านการปฏิสัมพันธไ์ ม่มี อทิ ธิพลต่อความผูกพันต่อองค์การและ 9) ความพึงพอใจในงานมีอิทธิพลทางบวกต่อความผูกพันต่อ องคก์ าร ณัฐนันท์ทร เอี่ยมแทน (2559, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง “ภาวะผู้นาเชิงกลยุทธ์ ของผู้บริหารกับบรรยกาศโรงเรียน สังกัดเทศบาล กลุ่มการศึกษาท้องถิ่นที่ 5” ผลการวิจัยพบ 1) ภาวะผู้นาเชิงกลยทุ ธข์ องผู้บริหาร สังกัดเทศบาล กลุ่มการศกึ ษาท้องถิ่นที่ 5 โดยภาพรวมและราย ด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลาดับค่ามัชฌิมเลขคณิตจากมากไปหาน้อย ดังนี้ การระบุกลยุทธ์ท่ีมี อนาคตไกล การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ระยะยาวและการจัดลาดับความสาคัญ การให้ผู้อื่นมีส่วนรว่ มใน การคัดเลอื กกลยุทธ์ การประเมินความจาเป็นในการเปลี่ยนแปลงด้านกลยุทธ์การประเมินจุดอ่อนจุด แข็งในปัจจุบัน กาหนดสมรรถนะหลักและการประเมินกลยุทธ์ที่คาดว่าจะได้รับและ 2) บรรยากาศ โรงเรียน สังกัดเทศบาล กลุ่มการศึกษาท้องถ่ินท่ี 5 โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดย เรยี งลาดับค่ามชั ฌิมเลขคณิตจากมากไปหานอ้ ย ดงั นี้ ความเติบโตทางวชิ าการและสงั คมอยา่ งต่อเนื่อง ความเคารพ การปรับปรุงสถานศึกษา ความไว้วางใจ ความสามคั คี ความเอ้ืออาทรต่อกัน การมีขวัญ
93 สงู และการมีโอกาสในการทางาน 3) ภาวะผู้นาเชงิ กลยุทธข์ องผู้บรหิ ารมีความสัมพันธ์กบั บรรยากาศ โรงเรยี นกลุ่มการศกึ ษาทอ้ งถิ่นท่ี 5 อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติทร่ี ะดับ .01 นิยม กิมานุวัตน์ (2559, บทคัดย่อ) ได้ศึกษา เรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนเพ่ือ พัฒนากระบวนการคิดเชิงระบบสาหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาพบว่า 1) ได้รูปแบบการสอนเพ่ือ พัฒนากระบวนการคิดเชิงระบบสาหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ท่ีมี 4 องค์ประกอบ คือ (1) ข้ันตอนการจัดกิจกรรม นาเสนอเป็น 6 ข้ันตอน ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 นาเสนอสถานการณ์ ขั้นตอนที่ 2 พัฒนาแนวทางการคิด ข้ันตอนท่ี 3 พิจารณาปัญหา ขั้นตอนที่ 4 สนทนาแลกเปลี่ยน ข้ันตอนท่ี 5 เรียนรู้ผลงานกลุ่ม ขั้นตอนท่ี 6 สรุปรว่ มกัน (2) ระบบทางสงั คม (3) หลักการตอบสนอง และ (4) ระบบที่นามาสนับสนุนและ 2) รูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 81.15/ 85.95 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ท่ีตั้งไว้ คือ 80/80 กระบวนการคิดเชิงระบบของนักเรียนหลังใช้รูปแบบการสอน มีคะแนนสูงกวา่ ก่อนใช้รูปแบบการสอนเพอ่ื พัฒนากระบวนการคิดเชงิ ระบบ อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิติ ที่ระดบั .05 ประจวบ หนูเล่ียง (2559, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเร่ือง การศึกษาองค์ประกอบรูปแบบ การจัดการศึกษาแบบมสี ่วนร่วมของจังหวัดพัทลุง พบว่า องค์ประกอบรปู แบบการจัดการศึกษาแบบ มีส่วนร่วมของจังหวัดพัทลงุ มี 6 องคป์ ระกอบคือ องคป์ ระกอบที่ 1 การร่วมคดิ องค์ประกอบที่ 2 การ ร่วมวางแผน องค์ประกอบท่ี 3 การรว่ มดาเนินการ องค์ประกอบท่ี 4 การร่วมติดตาม องค์ประกอบ ที่ 5 การร่วมประเมินผลและองคป์ ระกอบท่ี 6 การร่วมในผลประโยชน์ 2) ผลการสร้างรูปแบบการจัด การศึกษาแบบมีส่วนร่วมของจังหวัดพัทลุงพบว่า การจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของจังหวัดพัทลุง ประกอบด้วย 6 ด้าน โดยแต่ละด้านมีกระบวนการข้ันตอนและวิธีการในการมีส่วนร่วมของการจัด การศึกษา ดังต่อไปนี้ (1) ด้านการร่วมคิด ต้องมีกระบวนการข้ันตอนด้านการมสี ่วนร่วมด้านการรว่ ม คิด คือ 1.การวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการ 2.การศึกษานโยบายการจัดการศึกษา 3.การกาหนดวิสัยทัศน์ 4.การกาหนดพันธกิจ 5.การกาหนดกลยุทธ์ และ 6.การกาหนดเป้าหมาย ความสาเร็จ (2) ด้านการวางแผน ต้องมีกระบวนการขั้นตอนด้านการมีส่วนร่วมในการวางแผนคือ 1.การแต่งต้ังคณะทางาน 2.การกาหนดบทบาทหน้าท่ี 3.การกาหนดโครงการหรือกิจกรรม 4.การกาหนดแนวทางการดาเนินงาน 5.การจัดทาคู่มือการปฏิบัตงิ าน และ 6.การกาหนดปจั จัยในการ ดาเนนิ งาน (3) ดา้ นการดาเนินงานตอ้ งมกี ระบวนการขนั้ ตอนดา้ นการมีสว่ นร่วมในการร่วมดาเนนิ งาน คอื 1.การประชุมชี้แจงคณะทางาน 2.การมอบหมายหน้าท่ีการดาเนินงาน 3.การประชาสัมพันธ์การ ดาเนินงาน 4.การปฏิบัติงานตามแผน 5.การนิเทศ ติดตามการดาเนินงาน และ 6.การสรุปผล การดาเนินงาน (4) ด้านการติดตามต้องมีกระบวนการข้ันตอนด้านการมีส่วนร่วมในการติดตามคือ 1.การกาหน ดมาตรฐานตัวชี้วัดของปัจจัย 2 .การกาหนดมาตรฐาน ตัวช้ีวัดของผลผลิต 3.การเปรยี บเทียบผลงานที่เกิดข้ึนกับมาตรฐานท่ีกาหนด 4.การสรุปวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคในการ ดาเนนิ งาน 5.การเสนอแนะแนวทางในการแก้ปญั หา และ 6.การรายงานความก้าวหน้า (5) ดา้ นการ ร่วมประเมนิ ผล ต้องมีกระบวนการข้ันตอนด้านการมสี ว่ นร่วมในการร่วมประเมนิ ผล คือ 1.ด้านบริบท 2.ด้านปัจจัย 3.เมินด้านกระบวนการ 4.ด้านผลผลิต 5.ด้านผลกระทบ และ 6.การรายงานผลการ ประเมิน (6) ด้านการร่วมในผลประโยชน์ ต้องมีกระบวนการข้ันตอนด้านการมีส่วนร่วมในการร่วม ในผลประโยชน์ คือ 1.การรับรู้ผลการดาเนินงาน 2.การร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3.การเป็นเจ้าของ
94 ผลงานร่วมกัน 4.การจัดสรรผลประโยชน์ 5.การร่วมช่ืนชมผลงาน และ 6.การรับผิดชอบในผลงาน ร่วมกนั ปารวัณ รัตนทองคง (2560, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง “ภาวะผู้นาของผู้บริหาร กับบรรยากาศองค์การของสถานศกึ ษา สานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 9” ผลการวิจัย พบว่า 1) ภาวะผู้นาของผู้ของผู้บริหาร สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 โดยภาพรวมและรายด้านอยใู่ นระดับมาก เรียงลาดับตามคา่ มชั ฌมิ เลขคณติ จากมากไปน้อย คอื ภาวะ ผูน้ าแบบมีส่วนร่วม ภาวะผู้นาแบบสนับสนุน ภาวะผู้นาแบบมุ่งเน้นความสาเร็จ และภาวะผู้นาแบบ บงการ 2) บรรยากาศองค์การของสถานศึกษา สังกัดสานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 9 โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เรียงลาดับตามค่ามัชฌิมเลขคณิตจากมากไปน้อย คือ การผนึกกาลัง การมขี วัญกาลงั ใจสงู การปรับปรงุ สถานศึกษา การไว้วางใจ การมีโอกาสในการทางาน การยอมรับนับถือ ความเอื้ออาทรต่อกัน และการเติบโตทางวิชาการและสงั คมอยา่ งต่อเน่อื ง 3) ภาวะ ผู้นาของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับบรรยากาศองค์การของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษา เขตการศึกษา 9 มีความสัมพันธ์ในทางบวกในระดับมากอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ทรี่ ะดบั .01 เสวภา เมืองแก่น (2560, บทคัดย่อ) ได้ศึกษา เรอื่ ง ต้นแบบการจัดการองค์การแห่ง ความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัยเอกชนไทย พบว่า 1) ต้นแบบการจัดการองค์การแห่งความเป็นเลิศ ของมหาวิทยาลัยเอกชนไทย มีองค์ประกอบสาคัญ 6 มิติ ประกอบด้วย (1) มิติด้านการปฏิบัติงาน ที่เป็นเลิศในส่วนของการจัดการองค์การท่ีมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดตามภารกิจหลัก ของการอุดมศึกษา (2) มิติด้านภาวะผู้นาผู้บริหารเกี่ยวกับลักษณะของผู้นาเชิงคุณลักษณะ ผู้นาเชิง พฤติกรรม ผู้นาเชิงบริหารจัดการ (3) มิติดา้ นการบริหารทรัพยากรมนุษยเ์ ก่ียวกับการคัดเลอื กสรรหา บุคลากร การพัฒนาบุคลากร การธารงรักษาบุคลากร (4) มิติด้านวัฒนธรรมองค์การในส่วนของ วัฒนธรรมองคก์ ารทางการคิด วัฒนธรรมองค์การทางพฤติกรรม วฒั นธรรมองค์การทางวัตถุ (5) มิติ ด้านการจัดการความรูเ้ ก่ียวกับการกาหนดทศิ ทางเป้าประสงค์ของการจัดการความรู้ และมิติท่ี (6) มิติ ดา้ นการจัดการเทคโนโลยใี นสว่ นของโครงสรา้ งพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศ การยอมรบั และการ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และนโยบายเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2) ต้นแบบการจัดการ องค์การแห่งความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัยเอกชนไทยต้องมีองค์ประกอบข้างต้นทั้ง หกมิติเป็นหลัก และมุ่งเสริมสร้างความเป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่งที่เป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะให้โดดเด่น ความเป็นเลิศมา จากการมเี ครือข่าย การแสวงหาพันธมติ ร เพอื่ สนบั สนนุ งานวิชาการ การบรกิ ารวชิ าการและมุง่ พัฒนา งานวิจัย การสร้างนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเอกชนในไทยก้าวไปสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล ต้องสามารถจัดหาและบริหารแหล่งทุน บริหารทรัพยากรที่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม จึงจะสร้างความมี ศักยภาพ สร้างชื่อเสียงในระดับสากล ดังมหาวิทยาลัยเอกชนต้นแบบที่มีความเป็นเลิศเชิงประจักษ์ พรอ้ มการพัฒนาท่ยี งั่ ยนื รุ่งทิวา ปุณะตุง (2560, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเรอื่ ง การพัฒนาหลกั สูตรเพ่ือเสรมิ สร้าง ความสามารถในการเรียนรู้สารสนเทศตามแนวคิดการเรียนรู้แบบผสมผสานและการเรียนรู้โดยใช้ สมองเป็นฐาน สาหรับนักเรียนรับมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า 1) มาตรฐานและตัวชี้วัดของการรู้ สารสนเทศพัฒนาข้ึนประกอบด้วย 6 มาตรฐาน 18 ตัวช้ีวัด 2) หลักสูตรเสริมเพ่ือเสริมสร้าง
95 ความสามารถในการรสู้ ารสนเทศตามแนวคดิ การเรียนรู้แบบผสมผสานและการเรียนรู้โดยใชส้ มองเป็น ฐาน สาหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประกอบด้วย 9 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ที่มาและ ความสาคัญ 2) แนวคิดและทฤษฎีพ้ืนฐาน 3) หลักการ 4) จุดมุ่งหมาย 5) มาตรฐานและตัวชี้วัดของ การรู้สารสนเทศ 6) โครงสร้างเน้ือหา 7) กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งมีขั้นตอน ดังน้ี (1) กระตุ้นการเรียนรู้ (2) เลือกประเด็นศึกษา (3) วางแผนค้นคว้า (4) มุ่งม่ันเรียนรู้ (5) ระดมพลัง สมอง (6) สร้างสรรค์ผลงาน (7) นาผลงานกลุ่มและประเมินผล (8) ส่ือและการเรยี นรู้ และ (9) การ วัดและประเมินผล วิทยา ทัศมี (2560, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเร่ือง การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพ่ือเสริม สมรรถนะด้านการจัดการเรียนการสอนท่ีเสริมสร้างความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของผู้เรียน สาหรับครปู ระดับประถมศึกษา พบวา่ หลักสูตรฝึกอบรมท่ีพัฒนาขึ้น 8 องค์ประกอบ คือ 1) เหตุผล และความเป็นมา 2) หลักการ 3) จุดมุ่งหมาย 4) สมรรถนะสาคัญ 5) โครงสร้างเน้ือหา 6) กิจกรรม 7) สอ่ื และการเรียนรู้ 8) การวัดและการประเมินผล ส่วนโครงสรา้ งเนื้อหา มี 8 หน่วยการเรียนรู้ รวม ท้ังส้ิน 44 ชัว่ โมง ได้แก่ หน่วยท่ี 1 สร้างแรงบนั ดาลใจ 3 ชั่วโมง หน่วยที่ 2 มารเู้ รื่องการคิดวิเคราะห์ กันเถอะ 3 ชวั่ โมง หน่วยท่ี 3 สอนคิดวิเคราะห์น้ันทาอย่างไร 6 ชั่วโมง หน่วยที่ 4 คิดก่อนทาจาเป็น หรือไม่ 3 ช่ัวโมง หน่วยท่ี 5 ตัวช่วยในการสอนคิดวิเคราะห์ 3 ช่ัวโมง หน่วยที่ 6 การเรียนรู้การวัด และการประเมินผลการคดิ วเิ คราะห์ 3 ชั่วโมง หน่วยที่ 7 ออกแบบไดใ้ ช้สอนจรงิ 3 ช่ัวโมง และหนว่ ย ที่ 8 สอนได้ในห้องเรียน 20 ชั่วโมง โดยกิจกรรมการฝึกอบรม ประกอบด้วย 4 ข้ันตอนได้แก่ 1) ขนั้ กระตนุ้ เพื่อให้เกิดการแบง่ ปนั ประสบการณ์ 2) ข้นั สะท้อนและการอภิปราย 3) ขั้นความคดิ รวบ ยอด 4) ข้ันประยุกต์ใช้ ผลการทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรมพบว่า สมรรถนะด้านความรู้ของครูหลัง การฝึกอบรมสงู อย่างมีนัยสาคญั ทางสถติ ิท่รี ะดบั .05 อนงค์ศิริ โรจนโสดม (2561, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพัน ต่อองค์การของครูโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี พบว่าผลการวจิ ัยพบวา่ 1) ความ ผูกพันต่อองค์การของครู ปัจจัยบรรยากาศองค์การของโรงเรียน ปัจจัยวัฒนธรรม องค์การของ โรงเรยี นและแรงจูงใจในการทางานของครูโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี โดยรวม และรายด้านอยู่ในระดบั มาก 2) ปัจจัยบรรยากาศองค์การของโรงเรียน ปัจจยั วฒั นธรรมองคก์ ารของ โรงเรียนปัจจัยแรงจูงใจในการทางานของครู มีความสัมพันธ์ทางบวกกบั ความผูกพันต่อองคก์ ารของ ครู โรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี โดยรวมอยู่ในระดับสูงอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ท่ีระดับ .01 3) ปัจจยั บรรยากาศองค์การของโรงเรียน ปัจจัยวัฒนธรรมองค์การของโรงเรียน ปัจจัย แรงจูงใจในการทางานของครู ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์การของครูโรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดชลบุรี อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติทีระดับ .05 4) สมการพยากรณ์ความผูกพันต่อองค์การ ของครูโรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดชลบุรีปัจจัยนโยบายและการบริหารงานองค์การ (X44) ปัจจัยวัฒนธรรมแบบสร้างสรรค์ (X22) ปัจจัยคณุ ภาพของการควบคุมบังคับบัญชา (X43) ปัจจัย บรรยากาศแบบมุ่งผลงาน (X13) ปัจจัย วัฒนธรรมแบบลาดับชัน (X23) และปัจจัยสัมพันธภาพกับ บคุ ลากรในองค์การ (X42) มีความสามารถ พยากรณ์รว่ มกนั ได้ร้อยละ .10
96 2.8.2 งานวิจยั ในต่างประเทศ ลอนดอน (London, 1977, Abstract) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจต่อ งานความพึงพอใจนอกเหนืองานและคุณภาพชีวิตในการทางานโดยสัมภาษณ์พนักงาน ประมาณ 1,300 คน ให้แต่ละคนตอบคาถาม 3 ประเด็น ประเด็นที่ 1 ความพึงพอใจต่องาน ประเด็นที่ 2 ความพึงพอใจ นอกเหนือจากงาน และประเด็นที่ 3 คือคุณภาพชีวิตในการทางานความพึงพอใจต่องานนี้รวมถึง ความพึงพอใจต่อส่ิงต่าง ๆ คือ พอใจต่อทุก ๆ สิ่งที่ พนักงานและครอบครัวเก่ียวข้องด้วย ส่วนคุณภาพ ชีวิตหมายถึงความรู้เก่ียวกับชีวิตโดยรวม ผลการวิจัยพบว่า ท้ังความพึงพอใจต่องานและ ความพึงพอใจนอกเหนืองานมีอิทธิพลต่อบุคคลในการมองคุณภาพชีวีตของตน และพบรายละเอียด เพ่ิมเติมอีกวา่ ความพึงพอใจต่องาน พนักงานได้รบั มาจากส่วนประกอบ 4 ประการ คือ ลักษณะหรือ เนื้อของงานอัตราค่าจ้าง ผลประโยชน์ท่ีได้รับนอกเหนือจากค่าจ้างและความมั่นคง ท้ัง 4 ประการ ดังกล่าวสามารถใช้ทานายคณุ ภาพชีวิตของบคุ คล ทอสกี้ (Tausky, 1982, Abstract) ได้ศึกษาเร่ืองผลผลิต แรงจูงใจ และคุณภาพชีวิต การทางานแสดงให้เห็นว่า การเพิ่มผลผลิตน้ันต้องได้รับสิ่งจูงใจด้านความมั่นคงในการทางานและ ค่าตอบแทนซ่ึงรวมทั้งค่าตอบแทนที่ได้จากผลกาไรของบริษัทที่ผู้ใช้แรงงานมีส่วนร่วมในการทางาน นอกจากนส้ี ิ่งจงู ใจด้านความท้าทายในงาน รายได้และค่าตอบแทนท่ีเพียงพอรวมทั้งคา่ ตอบแทนท่ีได้ จากการมีสว่ นร่วมในผลกาไร และความม่ันคงในการทางานจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวติ ในการทางาน อกี ดว้ ย แฮดแดด (Haddad, 1986, Abstract) ได้ทาการศึกษาคุณภาพชีวิตของนักศึกษา ในวิทยาลัยจอร์แดน โดยศึกษาถึงการรับรู้เก่ียวกับปัจจัย 16 ประการ ท่ีส่งผลต่อคุณภาพชีวิตกลุ่ม ตัวอย่าง 300 คน พบว่า นักศึกษาท่ีมีการรับรู้ว่าตัวเองมีความพึงพอใจในเรื่องสุขภาพ รายได้ สัมพันธภาพในหมู่เพื่อนและสภาพชีวติ ในครอบครัวของตน จะมีความพึงพอใจในชีวิตครอบครัวของ ตนเองจะเป็นตัวพยากรณ์ที่มีค่าสูงสุด ในการพยากรณ์ความพึงพอใจในชีวิตนักศึกษาถึงร้อยละ 50 และนักศึกษาท่ีมีอายุต่างกันมีความพึงพอใจในชีวิตแตกต่างกัน นักศึกษาที่มีเพศต่างกันพึงพอใจใน ชวี ิตตา่ งกนั กิลชิงเกอร์ (Gilsinger, 1998, Abstract) ทาการศึกษาบรรยากาศโรงเรียนและการ ขาดงานของครูในโรงเรียนประถมศึกษาของอรโิ ซนาพบวา่ ภาวะผู้นาของครูใหญ่มีสว่ นสาคัญในการ ขาดงานของครูโดยใช้เครื่องมือแบบสอบถาม (OCDQ - RE) ใช้ให้เป็นประโยชน์เพ่ือประเมิน บรรยากาศองค์การการสารวจการขาดงานของครู การประเมินตนเอง ผลการศึกษาวิจัยพบว่ามี ความพันธ์กันอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถติ ิระหว่างพฤตกิ รรมครผู ู้สอน และพฤตกิ รรมปล่อยปะละเลยของ ผบู้ ริหารสถานศึกษากบั อตั ราการขาดงานของครผู สู้ อน แฮม (Ham, 1999, Abstract) ได้ศึกษาวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมผ้นู าของ ผู้บริหารและบรรยากาศองค์การในโรงเรียนมัธยมศึกษาในโครีน (Koream) ใช้แบบสอบถาม พฤติกรรม ผู้บริหาร (PTLQ) โดยการสุ่มตัวอย่างจากโรงเรยี นมัธยมศึกษา จานวน 44 โรงเรียน และ จานวนครู 1,570 คน ผลการวิจัย พบว่า พฤติกรรมผู้นาของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับบรรยากาศ โรงเรียนแบบเปิดอยา่ งมีนัยสาคัญทางสถติ ิโดยมีความสัมพนั ธอ์ ยูใ่ นระดบั 0.841
97 อัลท์แมน (Altman, 2000, Abstract) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการพยากรณ์บรรยากาศ องคก์ ารพบวา่ การสารวจบรรยากาศองค์กรจะทาใหเ้ กิดประโยชนม์ ากมาย ไดแ้ ก่ ดา้ นความผกู พันต่อ องค์กร พนักงานที่มีความผูกพันต่อองค์กรจะมีความพึงพอใจในงานมาก บรรยากาศองค์กรมี ความสัมพันธ์กับด้านแรงจูงใจของพนักงาน ด้านความต้ังใจท่ีจะลาออกจากงาน ด้านผลการ ปฏิบัติงานและด้านผลิตผลขององค์กร การสารวจบรรยากาศองค์กรจะช่วยให้รู้จักจุดบกพร่องและ สามารถแกไ้ ขปญั หาได้ทันท่วงที สตริงเกอร์ (Stringer, 2002, Abstract) ได้ศึกษาเร่ือง ความสัมพันธ์ระหว่าง บรรยากาศองค์กรกับภาวะผู้นาของครูใหญ่และครูระดับหัวหน้าสาย กรณีศึกษา 2 โรงเรียนมัธยม ปลายในเครือรัฐบาลในเขตมิดเวส (Midwest) ปี ค.ศ. 1997 กลุ่มตัวอย่างคือ ครูใหญ่และครูหัวหน้า สายทุกวิชา จานวน 20 คน ตัวแปรที่ศึกษา ได้แก่ บรรยากาศองค์กร 6 มิติ คอื โครงสร้าง มาตรฐาน งาน ความรบั ผดิ ชอบ การยอมรับการใหร้ างวลั การสนับสนนุ และความผูกพันต่อองค์กร ส่วนตัวแปร ตามที่ศึกษา ได้แก่ ภาวะผู้นาสู่การปฏิบัติ (Leadership practices) โดยมีความมุ่งหมาย คือ เพ่ือ ศึกษาบรรยากาศองค์กรและเพ่ือศึกษาบรรยากาศองค์กรท่ีส่งผลต่อพฤติกรรมการทางานของครูใน โรงเรียนซ่ึงความสาคัญของงานวิจัยคือ เพ่ือช่วยในการทาความเข้าใจ และเพื่อจัดการพัฒนา บรรยากาศภายในโรงเรียนให้มีประสทิ ธิภาพ เพ่ือเอ้ือต่อการปฏิบัติงานของบุคลากรครูและเพื่อการ เพิ่มผลผลิตของงาน พบว่าปัจจัยด้านบรรยากาศองค์กรมีส่วนสัมพันธ์กับระดับของการปฏิบัติงาน กล่าวคือ ครูที่มีระดับของความรับผิดชอบสูง แสดงว่า ผลการปฏิบัติงานอยู่ในระดับสูงเช่นกัน ส่วน ปจั จัยด้านภาวะ ผนู้ าสู่การปฏิบัติ (Leadership practices) มีส่วนสมั พันธ์ต่อการปรับปรุงบรรยากาศ องค์การในด้านต่าง ๆอีกท้ังยังมีส่วนในการกระตุ้นเพื่อให้ผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในโรงเรยี น มีการเพ่ิมผลผลิตที่ดีขึ้น นอกจากน้ียังพบว่า หัวหน้าสายวิชาต่าง ๆ ของทั้ง 2 โรงเรียนสามารถเป็น ศูนยก์ ลางในการปรบั ปรงุ บรรยากาศโรงเรยี นใหด้ ีขน้ึ ได้ เดวิสสนั (Davidson, 2003, Abstract) ได้การศกึ ษาเกยี่ วกบั พนกั งานโรงแรมจานวน 1,443 คน ในออสเตรียพบความสัมพันธ์ระหว่างบรรยากาศองค์การ การรับร้ขู องพนักงาน ส่งผลต่อ ความพึงพอใจของลูกค้า การท่มี ีบรรยากาศองค์การทด่ี ีจะส่งผลใหเ้ กิดคุณภาพในการบริการ โดยการ สารวจผลกระทบของการรวมกลุ่มของคนที่มีความคิดริเริ่มท่ีมีคุณภาพ ซ่ึงอยู่ในรูปแบบด้าน บรรยากาศองค์การและคุณภาพให้บริการและประสิทธิภาพการทางานได้นาเสนอโดยอธิบายการ เช่ือมโยงระหว่างบรรยากาศองค์การมีผลต่อคุณภาพการให้บริการ และหากมีคุณภาพในการบริการ ทดี่ ีก็จะส่งผลทาให้ลูกคา้ เกิดความพึงพอใจ และส่งผลให้เกิดประสทิ ธิภาพการปฏิบัติงานของโรงแรม ได้อีกด้วย และก่อนหน้านี้เขาได้ทาการศึกษาเก่ียวกับโรงพยาบาลซึ่งได้พบการเชื่อโยงของสาเหตุ ระหว่างบรรยากาศองค์การมอี ทิ ธพิ ลต่อคณุ ภาพการให้บรกิ าร และสง่ ผลตอ่ ความพงึ พอใจของลกู ค้า เอลเลน (Allen, 2003, Abstract) ได้ศึกษาแนวคิดเก่ียวกับบรรยากาศและ ความสัมพันธ์ของบรรยากาศที่เช่ือมโยงกับการเปล่ียนแปลงเชิงกลยุทธขององค์การในช่วงที่ สภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สถาบันอุดมศึกษาต้องปรับเปลี่ยนวิธีการ ดาเนินในเชิงรุกมากขึ้น งานวิจัยนี้เน้นการศึกษาการบริหารจัดการที่ทาให้เกิดบรรยากาศของความ ม่ันคงและไม่มั่นคงในการทางานของมหาวิทยาลัย 9 แห่งในประเทศอังกฤษ โดยแบง่ มหาวทิ ยาลัยท่ี เป็นกลมุ่ ตัวอย่างออกเปน็ สามกลุ่มไดแ้ ก่ กลมุ่ ทีม่ เี ก่าแก่ มชี ื่อเสยี งและมคี วามมัน่ คงสูง กลุ่มทีส่ องเป็น
98 กลุ่มมหาวิทยาลัยท่ีกลางเก่ากลางใหม่ กาลังเร่ิมมีการเปล่ียนแปลงและค่อนข้างมีความมั่นคง กลุ่มท่ี สามเป็นมหาวิทยาลัยที่เริ่มก่อต้ังได้ไม่นาน มีการเปลี่ยนแปลงสูงและความมั่นคงในการทางาน คอ่ นข้างน้อย ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าบรรยากาศของความม่ันคงหรือไม่มั่นคงในการทางานมีผล จากระดับการรับรู้ของบุคลากร ในปัจจัย 6 ประการได้แก่ การบริหารการเปลี่ยนแปลงและความถ่ี ของการเปลี่ยนแปลง ความสามารถในการคาดการณ์ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลง ความเปิดเผย ระดับการมีส่วนร่วม ความต่อเน่ืองของการเปล่ียนแปลง การตัดสนิ ใจแบบมีส่วนร่วมหรือแบบบังคับ สง่ั การหรือเปลี่ยนแปลงสามารถสร้างบรรยากาศแบบปิดที่บุคลากรมีความสัมพันธท์ ี่ดีตอ่ กัน ยอมรับ ความเห็นท่ีแตกต่างมีการแลกเปล่ียนข่าวสารร่วมกัน การศึกษาเสนอแนะให้สถาบันอุดมศึกษาใช้ เทคนิควธิ ีการเปล่ียนแปลงทไ่ี ม่ทาใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิงานรู้สกึ ถึงความไมม่ ่ันคงในการทางานและขณะเดยี วกัน กส็ ร้างความร้สู ึกของการเป็นสว่ นหนึง่ ของสังคมภายในสถาบัน เค เค เจน และคณะ (K.K. Jain and others, 2007, Abstract) ได้ศึกษาเก่ียวกับความ พงึ พอใจในงานโดยการทาการศึกษาปจั จยั ทเี่ กี่ยวข้อง 2 ปัจจัย คือ บรรยากาศองค์การ และความเครียด ของงาน โดยใช้เคร่ืองมือเป็นแบบสอบถามจานวน 3 ฉบับ และกลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานในกลุ่ม ตาแหนง่ ผูจ้ ัดการและวิศวกรจานวน 158 คน จากบริษัทน้ามนั ในประเทศอินเดีย ผลการศึกษาพบว่า บรรยากาศองค์การมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในงานโดยที่ระดับการรับรู้บรรยากาศองค์การ ที่แตกตา่ งกนั ของพนักงานในกลุ่มตาแหนง่ ผจู้ ัดการและวิศวกร มีระดับความพึงพอใจที่ไม่แตกตา่ งกนั แฮคคอนสัน (Haakonsson et al., 2008, Abstract) ได้ศกึ ษาการใชแ้ บบภาวะผู้นาที่ ไม่สอดคล้องกับบรรยากาศองค์การส่งผลในทางลบกับผลการดาเนินงานขององค์การอย่างไร โดย สารวจการรับรู้ของผู้บริหารระดับสูงของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กจานวน 252 บริษัท ในประเทศเดนมารค์ ท่ีมีผลต่อบรรยากาศและแบบภาวะผู้นา ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าบรรยากาศ องค์การและแบบภาวะผูน้ าท่ไี ม่สอดรับกันเป็นปัญหาต่อผลการดาเนินงานขององค์การ การแกไ้ ขควร ปรับเปลย่ี นบรรยากาศองค์การหรอื ปรับแบบภาวะผู้นา การวจิ ัยแสดงแบบภาวะผู้นาที่เหมาะสมกับ บรรยากาศ แต่ละแบบ กล่าวคือ ภาวะผู้นาแบบจัดการ (Manager) เหมาะกับบรรยกาศแบบเน้น กระบวนการภายใน (Internal Process) ภาวะผู้นาแบบผูส้ ร้าง (Producer) เหมาะสมกบั บรรยากาศ แบบเน้นเป้าหมาย (Rational Goal) ภาวะผู้นาแบบผู้นา (Leader) เหมาะกับบรรยากาศแบบพัฒนา (Developmental) และภาวะผนู้ าแบบผ้สู อน (Maestro) เหมาะสมกบั บรรยากาศแบบกลุ่ม (Group) เพมเบอร์ตัน (Pemberton, 2008, Abstract) ได้ศึกษาบรรยากาศองค์การตามการ รบั ร้ขู องผู้นาสถาบันอุดมศึกษาในสหรัฐอเมริกาท่ีเข้าร่วมในโปรแกรมการปรับปรุงคุณภาพการศึกษา (Academic Quality Improvement Program) ท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่าง จานวน 45 สถาบันโดยใช้ แบบสอบถามที่พัฒนาโดย Van der Post de Coning and Smit (1997) ท่ีผู้วิจัยเห็นว่ามีความ สอดคล้องกับองค์ประกอบคุณภาพและหลักการของโปรแกรมการปรับปรุงคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วยข้อรายการ 101 ข้อ ใช้มาตรวัด 7 ระดับ คือ เห็นด้วยอย่างยิ่ง เห็นด้วยมาก ค่อนข้าง เห็นดว้ ยไม่สามารถตัดสินใจได้ คอ่ นขา้ งไม่เห็นดว้ ย ไม่เหน็ ด้วยมาก ไม่เห็นด้วยอย่างยิง่ ผลการศึกษา พบว่าองค์ประกอบบรรยากาศท่ีผู้นาสถาบันอุดมศึกษาท่ีเป็นสมาชิกในโปรแกรมน้ีให้ความสาคัญ ได้แก่ การให้ความสาคัญกับลูกค้าและผู้ท่ีเกี่ยวข้อง วิสัยทัศน์ร่วม ความสาคัญของบุคลากร ผลกระทบของการยกระดับคณุ ภาพท่มี ีต่อบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์การ
99 ซารอส (Sarros et al., 2008, Abstract) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นาการ เปลีย่ นแปลงและวัฒนธรรมองคก์ ารกับบรรยากาศนวตั กรรม (Innovative) ขององค์การจากผูจ้ ดั การ จานวน 1,158 คน ในองคก์ ารเอกชนในออสเตรเลีย ผลการศกึ ษาพบว่าองค์การในปัจจบุ ันควรมีความ ยืดหยุ่น มีความกล้าเสี่ยงที่จะทดลองส่ิงใหม่ และมีการสร้างนวัตกรรมเพ่ือตอบสนองความต้องการ ของสภาพแวดล้อมและเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งที่ จาเป็น ควบคู่ไปกับการเปล่ียนแปลงองค์ประกอบหลักอ่ืนที่สัมพันธ์กันได้แก่ กลยุทธ์ วัฒนธรรม องค์การซ่ึงเป็นองค์ประ กอบที่เช่ือมโยงภาวะผู้น าการเปล่ียน แปลงกับการขับเค ล่ือนบรรยากาศ องคก์ ารแหง่ นวัตกรรม โคเฮนและคณะ (Cohen and Other, 2009, Abstract) ไดศ้ กึ ษาบรรยากาศโรงเรียน กล่าวโดยสรุปได้ว่า คุณภาพและลักษณะของชีวิตในโรงเรียน ซ่ึงข้ึนอยู่กับรปู แบบประสบการณ์ของ คนทอ่ี ยู่ในโรงเรียนท่สี ่งผลต่อบรรทัดฐาน เปา้ หมาย ค่านิยม ความสมั พันธ์ของบุคคล การจัดการเรยี น การสอนและโครงสร้างขององค์การในโรงเรียน นอกจากนี้ ชีวิตในโรงเรียนยังรวมไปถึงระดับความ ปลอดภัยท่ีโรงเรียนต้องดูแลประเภทของความสัมพันธ์ท่ียังคงมีอยู่ในโรงเรียนและสิ่งแวดล้อมทาง ภายภาพในการทจี่ ะแลกเปล่ยี นทัศนะและการมีสว่ นร่วมในโรงเรียน กล่าวโดยสรุปได้ว่า จากทัศนะความหมายท่ีกล่าวมาผู้วิจัยสรุปนิยามคาว่า “รูปแบบ บรรยากาศองค์การ” หมายถึง คุณภาพของสภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ในการปฏิบัติงานโดยรวม ของสมาชกิ ในองคก์ ารที่มหี ลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบส่งผลตอ่ ประสทิ ธภิ าพความสาเร็จ เปา้ หมาย ขององค์การ 2.9 สรุป จากการศึกษาวรรณกรรมและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับงานวิจัย เร่ือง รูปแบบบรรยากาศ องค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ซึ่งมีเน้ือหาสาระประกอบ 23 ตัวแปร ดังน้ี 1) ภาวะผู้นา 2) แรงจูงใจ 3) การติดต่อส่ือสาร 4) ควบคุม 5) ความยุติธรรมในการให้รางวัล 6) มีส่วนร่วม 7) การสนับสนุน 8) ความสนิทสนม 9) การไม่ให้ความร่วมมือ 10) การจัดองค์การและการบริหาร 11) สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ 12) การมีส่วนร่วมในความเส่ียงและการใหร้ างวลั 13) ความขัดแย้ง 14) มาตรฐานความรบั ผดิ ชอบใน การปฏิบัติงาน 15) ขวัญกาลังใจ 16) เน้นผลงาน 17) โครงสร้างการทางาน 18) ความเป็นอิสระ 19) ความอบอุ่น 20) การจัดสภาพแวดล้อมขององค์การ 21) สภาพแวดล้อมทางอารมณ์ความรู้สึก 22) การเปลี่ยนแปลงในองค์การด้านเทคโนโลยีและ 23) ปญั ญา
100 บทท่ี 3 วธิ ีดำเนินกำรวจิ ยั การวิจัยเร่ือง รูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพ่ือศึกษาองค์ประกอบของ บรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน 2) เพ่ือสร้างรูปแบบบรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐานและ 3) เพือ่ ประเมินและรับรองรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของ โรงเรียนสงั กดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน ในการวิจยั ครัง้ น้ีใชว้ ิธีการวจิ ัยแบบผสมผสาน วิธี (Mixed Methods Research) คือ ผสมผสานวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) กับวิธีวิจัย เชิงปริมาณ (Quantitative Research) ผู้วิจัยได้กาหนดวิธีการดาเนินการวิจัย ขั้นตอนการวิจัยและ ระเบยี บวิธีวิจยั โดยมีรายละเอียดในการดาเนนิ การวจิ ยั ดังนี้ 3.1 วธิ ีการและขนั้ ตอนการวิจัย 3.2 ระเบียบวธิ ีวจิ ยั 3.3 ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 3.4 เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวจิ ัย 3.5 การสร้างและการพัฒนาเคร่ืองมอื 3.6 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 3.7 การวิเคราะห์ข้อมูลและสถติ ทิ ใ่ี ช้การวิจยั 3.8 สรุป 3.1 วิธกี ำรและขัน้ ตอนกำรดำเนนิ กำรวจิ ยั เพ่ือให้การวิจัยดาเนินไปตามระเบียบวิธีวิจัย และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย ที่กาหนดไว้ ผู้วจิ ัยจึงไดก้ าหนดขน้ั ตอนดาเนินการวิจยั ไว้ 3 ข้ันตอน ดงั น้ี ขนั้ ตอนที่ 1 กำรจดั เตรยี มโครงกำรวจิ ยั ผู้วิจยั ได้จัดเตรยี มโครงการวิจยั อย่างเป็นระบบตามระเบียบวิธกี ารดาเนนิ การวิจยั เริ่มดว้ ย การศึกษาสภาพปัญหาและความจาเป็นของ รูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของ โรงเรยี นสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ด้วยการศกึ ษาวเิ คราะห์ สังเคราะห์ แนวคดิ ทฤษฎี และวรรณกรรมท่เี กย่ี วขอ้ งต่าง ๆ เอกสารทางวิชาการ ขอ้ มลู สารสนเทศ งานวิจยั ตา่ ง ๆ ทั้งใน ปร ะ เทศ และ ต่ าง ปร ะ เทศจาก สื่ อ ส่ิ ง พิ มพ์ และ ส่ื อ อิ เล็ ก ทร อ นิ ก ส์ อ ย่างหลาก หลาย เพ่ื อ น ามาเป็น กรอบแนวคิดในการวจิ ัย จัดทาโครงร่างการวจิ ัยนาเสนออาจารยท์ ีป่ รกึ ษา
101 ขนั้ ตอนท่ี 2 กำรดำเนนิ กำรวิจัย การดาเนินการวิจัยเพื่อตอบคาถามการวิจัยในข้อ 1 องค์ประกอบของบรรยากาศองค์การ บูรณาการเชิงปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีปัจจัยใดบ้าง ข้อ 2 รูปแบบบรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้ืนฐานเป็นอย่างไรและข้อ 3 การประเมินและรับรองรูปแบบบรรยากาศองค์การ เชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานเป็นอย่างไร ซ่งึ ประกอบด้วยขนั้ ตอนและวิธีดาเนินการวิจัย 4 ขัน้ ตอน ดงั น้ี ข้ันท่ี 1 วิเคราะห์ตัวแปรองค์ประกอบของบรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของ โรงเรยี นสังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ผวู้ ิจัยกาหนดวธิ ีการดาเนนิ การวิจัย ดังนี้ 1.1 ศึกษา วิเคราะห์และสรุปวรรณกรรมที่เกี่ยวกับบรรยากาศองค์การบูรณาการ เชงิ ปัญญาของโรงเรยี นสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ 1.2 ศึกษา วิเคราะห์ งานวิจัยบรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของโรงเรียน สังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานทั้งในประเทศและตา่ งประเทศ 1.3 สัมภาษณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับบรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของ โรงเรยี นสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน 1.4 นาข้อมูลท่ีได้มาสรุปและสังเคราะห์ (content synthesis) เป็นองค์ความรู้ เก่ียวกับบรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานเพื่อใช้เป็นกรอบแนวคิดในการสร้างแบบสอบถาม (questionnaire) เกี่ยวกับบรรยากาศ องคก์ ารบูรณาการเชิงปญั ญาของโรงเรียน ข้ันที่ 2 การศึกษาองค์ประกอบของบรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของโรงเรียน สงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน ผวู้ จิ ัยกาหนดวิธกี ารดาเนินการวิจยั ดงั น้ี 2.1 นาตัวแปรองค์ประกอบของบรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของ โรงเรียน สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาเป็นเครื่องมือการวิจัยในลักษณะ แบบสอบถาม (opinionnaire) 2.2 ตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือการวิจัย (แบบสอบถาม) โดยตรวจสอบ ความเทีย่ งตรงเชิงเน้ือหา (content validity) ด้วยดัชนีความสอดคล้องทเี่ รียกว่า IOC (index of item - objective congruence) ซ่ึงพิจารณาค่า IOC ซึ่งพิจารณาค่าที่มีมากกว่า 0.5 ข้ึนไปโดยผู้เช่ียวชาญ จานวน 5 คน 2.3 ทดลองใช้ (try out) กับกลุ่มตัวอย่างท่ีไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างเดียวกับการวิจัย ครั้งน้ี โรงเรียนละ 4 คน จานวน 8 โรงเรียน รวมผู้ให้ข้อมูล จานวน 32 คน รวบรวมข้อมูลทั้งหมด วิเคราะห์หาค่าความเช่ือมั่น (reliability) ของแบบสอบถามด้วยการคานวณค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า (α- coefficient) ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient ) ได้ค่าความเช่ือม่ัน 0.991 2.4 นาแบบสอบถามทไี่ ด้ จดั ทาแบบสมบูรณ์แล้วไปเก็บข้อมูลกบั หน่วยวิเคราะห์ (unit of analysis) คือ โรงเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเป็นโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสทาง การศึกษา จานวน 100 โรงเรียนและโรงเรียนมัธยมศึกษา 100 โรงเรียน รวม 200 โรงเรียน
102 โดยแบ่งพื้นที่เก็บข้อมูลเป็น 4 ภาค ตามประเภทโรงเรียนในแต่ละภาคโดยภาคละ 25 โรงเรียน โดยผู้ให้ข้อมูลโรงเรียนละ 4 คน คือ ผู้อานวยการโรงเรียน 1 คน รองผู้อานวยการโรงเรียน 1 คน ครู 2 คน รวมโรงเรียนมัธยมศึกษา 400 คน โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสทางการศึกษา 400 คน รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งหมด 800 คน เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามเพ่ือการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถ่ี คา่ ร้อยละ ค่าเฉล่ยี และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน 2.5 การวิเคราะห์องค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของ โรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้วิจัยกาหนดวิธีการดาเนินการวิจัย โดยรวบรวม ข้อมูลที่ได้จากการแบบสอบถามแล้วนามาวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสารวจ (exploratory factor analysis) เพื่อให้ได้ร่างรูปแบบองค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียน สังกัดคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน ข้ันท่ี 3 นาร่างรูปแบบรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยหาค่าความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของรูปแบบ โดย ศึกษาจากแนวคิด ทฤษฎแี ละงานวิจยั ทีเ่ กย่ี วข้อง แลว้ นารา่ งรปู แบบเข้าโปรแกรมสาเร็จรปู เพ่ือศึกษา ดูความสอดคล้องของข้อมูลเชิงประจักษ์และโมเดลท่ีได้จากการศึกษาของผู้วิจัย โดยได้รูปแบบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ขั้นท่ี 4 ประเมินและรับรองรูปแบบเพ่ือเป็นการประเมินและรับรองก่อนนารูปแบบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกดั คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานไปใช้ ในสถานการณ์จริงตามวตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั ข้อท่ี 3 โดยมีรายละเอียดดงั น้ี 4.1 การประเมินและรับรองรูปแบบ ผู้วิจัยนารูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการ ปัญญาของโรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมาประเมินและรบั รองความน่าเช่ือถอื ในการสร้างรูปแบบท่ีเหมาะสมโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิคือผู้บริหาร จานวน 17 คน ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวฒุ ไิ ด้พจิ ารณาประเมนิ รูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบรู ณาการปัญญาของ โรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ตามประเด็นดังนี้ คือ ประเมินความถูกต้อง (Accuracy Standard) ความเหมาะสม (Propriety Standard) ความเป็นไปได้ (Feasibility Standard) และความเป็นประโยชน์ (Utility Standard) พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะเพ่ือปรับปรุงให้ได้ รูปแบบท่ีเหมาะสมต่อไป โดยคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิแบบเฉพาะเจาะจงเป็นผู้ที่มี คุณสมบัติและคว ามมีรู้คว ามสามารถเช่ียว ชาญก ารบริหาร สถาน ศึกษา โดยเป็นโรงเรียน ใน สัง กั ด คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน 4.2 การสรุปผลการประเมนิ และรับรองรูปแบบบรรยากาศองคก์ ารเชิงบรู ณาการ ปัญญาของโรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยนาผลการสรุปการประเมินและ รับรองรูปแบบมาใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข แล้วสรุปข้อค้นพบท่ีได้จากการวิจัยเป็น รปู แบบที่สมบรู ณ์เพ่อื สามารถนาไปใช้ประโยชนข์ องรปู แบบบรรยากาศองคก์ ารเชิงบูรณาการปัญญา ของโรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐานในโอกาสตอ่ ไป
103 ข้นั ตอนท่ี 3 รำยงำนผลกำรวจิ ยั ดาเนนิ การรวบรวมผลการวิเคราะห์ข้อมูล สรุปขอ้ ค้นพบทไ่ี ด้จากการวิจัย อภิปรายผลและ ข้อเสนอแนะ หลังจากน้ันจัดทาร่างรายงานผลการวิจัยฉบับสมบูรณ์นาเสนอคณะกรรมการควบคุม ดษุ ฎีนพิ นธต์ รวจสอบความถกู ต้อง ปรบั ปรุงแกไ้ ขตามทค่ี ณะกรรมการเสนอแนะ จัดพมิ พ์และรายงาน ผลการวิจัยฉบับสมบูรณ์เพ่ือขออนุมัติให้เป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลักสูตรศึกษาศาสตรดุษฎี บัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา
104 ขน้ั ตอนกำรดำเนินกำรวจิ ัย ขน้ั ตอนกำรดำเนนิ กำรวจิ ยั ขัน้ กำรวจิ ัย ขัน้ ดำเนนิ กำรวจิ ยั ผลลัพธ์ ข้นั ตอนที่ 1 ศึกษา วเิ คราะห์ สังเคราะหแ์ ละสรปุ ตัวแปร วเิ คราะห์ วรรณกรรมและงานวจิ ัยท่ีเก่ยี วข้อง องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ รปู แบบบรรยากาศ โดยใชก้ ารวิเคราะห์เอกสาร องคก์ ารเชงิ (Content Analysis) บรู ณาการปัญญา ของโรงเรียนสงั กัด สัมภาษณผ์ ู้เชยี่ วชาญ สานกั งาน (Structured Interview) จานวน 8 คน คณะกรรมการ การศกึ ษาขน้ั ข้ันตอนท่ี 2 สร้างแบบสอบถามองค์ประกอบรูปแบบ พ้ืนฐาน การรา่ งรูปแบบ บรรยากาศองคก์ ารเชงิ บรู ณาการปญั ญาของ องค์ประกอบ โรงเรยี นสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการ บรรยากาศองค์การ การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน เชิงบูรณาการ ปญั ญาของ ตรวจสอบเคร่อื งมือ (แบบสอบถาม) โรงเรยี นสงั กัด - Content Validity โดยใชว้ ิธี IOC สานักงาน -Try out และหาคา่ Reliability จานวน 32 คน คณะกรรมการ การศึกษา สอบถามความคดิ เหน็ จากกลุม่ ตัวอย่าง ขั้นพื้นฐาน จานวน 200 โรงเรยี น จานวน 800 คน วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบเชิงสารวจ (Exploratory Factor Analysis) ขัน้ ตอนท่ี 3 วเิ คราะห์ความสมั พันธ์ รปู แบบบรรยากาศองคก์ ารเชิงบูรณาการ สรา้ งรูปแบบ เชงิ สาเหตุ (Path Analysis) ปญั ญาของโรงเรียนสงั กัดสานกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ขัน้ ตอนท่ี 4 ประเมนิ และรบั รองรูปแบบโดย ตรวจสอบ ผเู้ ชีย่ วชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ รูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบรู ณาการ รปู แบบ ปัญญาของโรงเรยี นสังกดั สานักงาน ท่เี หมาะสม จานวน 17 คน คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน แผนภำพที่ 3.1 สรุปข้นั ตอนและวธิ ีดาเนนิ การวิจยั
105 3.2 ระเบียบวิธวี ิจัย เพ่ือให้การวิจัยคร้ังนี้ดาเนินไปตามวัตถุประสงค์งานวิจัย ผู้วิจัยจึงกาหนดรายละเอียดต่าง ๆ เกย่ี วกับระเบยี บวิธีวิจัย ซง่ึ ประกอบดว้ ย ประชากร และกลมุ่ ตวั อยา่ ง ตวั แปรท่ศี กึ ษา เคร่ืองมือการวิจัย การสร้างเครื่องมือ การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และสถิติท่ีใช้ในการวิจัยตาม รายละเอยี ดดงั นี้ 3.2.1 กำรออกแบบกำรวจิ ยั การวิจัยคร้ังนี้เป็น การวิจัยเชิงพรรณนา (descriptive research) และการวิจัย เชิงคุณภาพ (qualitative research) มีแผนแบบการวิจัยในลกั ษณะการศึกษาแบบกลุ่มตวั อย่างเดียว ตรวจสอบสภาวการณ์แบบไม่มีการทดลอง (the one shot, non - experimental design) ซึง่ สามารถเขยี นเป็นแผนผัง (diagram) ไดด้ งั นี้ O RX เมอ่ื R หมายถึง กล่มุ ตวั อย่างทีไ่ ดจ้ ากการสุม่ X หมายถึง ตวั แปรต่างๆทนี่ ามาศึกษาตามกรอบแนวคดิ ของการวจิ ัย O หมายถึง ข้อมูลที่ไดจ้ ากการศึกษากลุม่ ตวั อยา่ ง แผนภำพท่ี 3.2 แสดงแผนผังของการออกแบบการวิจยั 3.2.2 ตัวแปรท่ีใชใ้ นกำรวิจัย จากการศึกษาเก่ียวกับรปู แบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียน สังกดั คณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน ผู้วิจยั ไดก้ าหนดตัวแปรท่ีใช้ในการวิจยั ครัง้ น้ี มรี ายละเอียด ดงั น้ี 1. ตวั แปรพ้ืนฐาน ประกอบด้วย สถานภาพทั่วไปของผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ เพศ อายุ ระดับ การศึกษาสูงสุด ตาแหน่ง ประสบการณ์ในการทางานในตาแหน่ง และประเภทโรงเรียนของผู้ให้ข้อมูล ในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานโดยกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรยี นและครู 2. ตัวแปรทใ่ี ชศ้ ึกษารูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการวิจัยครั้งน้ี ผู้วิจัยได้แบ่งเป็น 23 ตัวแปร ดังน้ี 1) ภาวะผู้นา 2) แรงจูงใจ 3) การติดต่อสื่อสาร 4) ควบคุม 5) ความยุติธรรมในการให้รางวัล 6) มีสว่ นร่วม 7) การสนบั สนนุ 8) ความสนิทสนม 9) การไมใ่ ห้ความร่วมมือ 10) การจัดองค์การและ
106 การบริหาร 11) สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ 12) การมีส่วนร่วมในความเสี่ยงและการให้รางวัล 13) ความขดั แย้ง 14) มาตรฐานความรับผิดชอบในการปฏิบตั ิงาน 15) ขวญั กาลงั ใจ 16) เน้นผลงาน 17) โครงสร้างการทางาน 18) ความเป็นอิสระ 19) ความอบอุ่น 20) การจัดสภาพแวดล้อมของ องค์การ 21) สภาพแวดล้อมทางอารมณ์ความรู้สึก 22) การเปล่ียนแปลงในองค์การด้านเทคโนโลยี และ 23) ปญั ญา 3.3 ประชำกรและกล่มุ ตัวอยำ่ ง ด้านกลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการศึกษาคร้ังนี้ กาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยวิธีสุ่มแบบหลาย ข้นั ตอน (multistage random sampling) โดยมีวิธีการสุม่ ดังนี้ 1. ใช้จงั หวดั เป็นเขตพ้ืนท่ีในการวจิ ยั 2. การส่มุ เลอื กจังหวัด โดยการใชก้ ารสุ่มอย่างงา่ ย (Simple random sampling) 3. การสุม่ เลอื กสถานศึกษา โดยใชก้ ารส่มุ อยา่ งง่าย (Simple random sampling) การสุ่ม เลือกโดยวิธีจับฉลากเป็นโรงเรียนในระดับประถมศึกษาขยายโอกาส จานวน 100 โรงเรียนและ โรงเรยี นในระดับมธั ยมศึกษา จานวน 100 โรงเรียน รวมท้ังหมด 200 โรงเรยี น 4. ผู้ให้ข้อมูลสถานศึกษาละ 4 คน คือ ผู้อานวยการโรงเรียน 1 คน รองผู้อานวยการ โรงเรียน 1 คน ครู 2 คน จากโรงเรยี นทงั้ หมด 200 โรงเรียน รวมผใู้ หข้ อ้ มลู ทั้งสิ้น 800 คน 5. ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ กลุ่มท่ี 1 กลุ่มผู้เชี่ยวชาญในการให้ความคิดเห็นเก่ียวกับ แนวคิดองค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดคณะกรรมการ การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน จานวน 8 คน กล่มุ ท่ี 2 กลุ่มผ้เู ชีย่ วชาญและผู้ทรงคณุ วฒุ เิ พ่ือประเมนิ และรับรอง รปู แบบ จานวน 17 คน ตำรำงท่ี 3.1 ประชากรและกลุม่ ตัวอย่าง จาแนกตามภาคและเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษา ภำค จำนวน จำนวนโรงเรียน รวม รวมผู้ให้ข้อมลู โรงเรยี น ประถมศึกษำ ทงั้ ส้นิ เหนอื มัธยมศึกษำ ขยำยโอกำส กลาง (โรงเรียน) (โรงเรยี น) (โรงเรียน) (คน) ตะวันออกเฉียงเหนือ 50 200 ใต้ 25 25 50 200 รวม 50 200 25 25 50 200 25 25 200 800 25 25 100 100 ทีม่ า : สานักนโยบายและแผนการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน, ระบบสารสนเทศเพ่อื การศกึ ษา, ขอ้ มูลโรงเรยี น, ขอ้ มูล ณ วันท่ี 20 มกราคม 2563
107 กลุ่มตวั อยำ่ งและผูใ้ หข้ อ้ มลู ในการศึกษาคร้ังนี้ผู้วิจัยใช้โรงเรียนเป็นหน่วยวิเคราะห์ (unit of analysis) คานวณหา ขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยการใช้สูตรการคานวณของยามาเน่ (Yamane) ที่ระดับความเช่ือมั่น 93 % และให้ความคลาดเคล่ือนของผลการสุม่ ไมเ่ กนิ ร้อยละ 7 (+7%) ซ่ึงเปน็ ท่ียอมรับได้ โดยไดข้ นาดกลุ่ม ตัวอย่างเท่ากับ 199.763 = 200 โรงเรียน โดยผู้วิจัยสุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษา จานวน 100 โรงเรียน และสุ่มโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสทางการศึกษา จานวน 100 โรงเรียน สังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน รวมเปน็ 200 โรงเรยี น สูตรการคานวณของยามาเน่ (Yamane) โดยที่ n : คอื ขนาดของกลุม่ ตัวอย่าง หรือ ขนาดของกลุ่มประชากรตัวอยา่ ง N : คือ ขนาดของประชากร e : คอื คา่ ความคลาดเคล่อื นทย่ี อมรบั ได้ (ร้อยละ หรอื เปอร์เซนต)์ ทีม่ า : Taro Yamane, Statistics : An Introductory Analysis (New York University, 1967), อา้ งถึงใน ปราณี นลิ กรณ์ และวรี านนั ท์ พงศาภักดี, สถิติสาหรบั การวจิ ยั ทางการศึกษา (Statistics For Educational Research), พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1 (นครปฐม: มหาวทิ ยาลัยศิลปากร วทิ ยาเขตพระราชวังสนามจนั ทร,์ 2544), 5 – 15 3.4 เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในกำรวจิ ยั ในการวจิ ัยคร้งั น้ี ผวู้ ิจยั ได้ใชเ้ คร่อื งมอื แตล่ ะขัน้ ตอน 3 ฉบับ คอื 1. แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured Interview) ผู้วิจัยสร้างแบบ สัมภาษณ์น้ีโดยนาผลการวิเคราะห์ สังเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มาเป็นแนวทางประกอบการจัดทาแบบสัมภาษณ์โดยสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการบริหาร การศึกษาของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จานวน 8 คน โดยแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Random Sampling) 2. แบบสอบถามความคิดเห็น (opinionnaire) เพอ่ื ศึกษาวเิ คราะห์ขอ้ มลู และสร้างรปู แบบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้นั พ้ืนฐาน ซ่ึงแบบสอบสอบนี้ประกอบดว้ ย 2 ตอน คือ
108 ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทว่ั ไปประกอบด้วย สถานภาพท่วั ไปของผู้ให้ขอ้ มูล ไดแ้ ก่ เพศ อายุ ระดับ การศึกษาสูงสดุ ตาแหนง่ ประสบการณใ์ นการทางานในตาแหน่ง และประเภทโรงเรียน โดยกาหนดให้ เปน็ การตอบแบบเลือกตอบ (check list) ตอนท่ี 2 การถามความคิดเหน็ เก่ียวกบั องค์ประกอบบรรยากาศองคก์ ารในสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน โดยใช้มาตราส่วนประเมินค่า (rating scale) ตามแบบของ ลิเคิร์ท (Likert, 1967, p.90) ซึ่ง เป็น การ วัดคว า ม คิด เ ห็น ท่ีแ ส ดง ออก เกี่ ยว กับ บร ร ย าก า ศอง ค์ กา ร เ ชิง บู ร ณ าก าร ปัญ ญ า ข อ ง สถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน มี 5 ระดบั ดังนี้ ระดับที่ 5 หมายถึง บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียน ในระดับมากท่ีสุด มีค่านา้ หนกั คะแนนเทา่ กบั 5 คะแนน ระดับที่ 4 หมายถึง บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียน ในระดบั มาก มีค่านา้ หนกั คะแนนเท่ากบั 4 คะแนน ระดับที่ 3 หมายถึง บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียน ในระดับปานกลาง มีค่านา้ หนกั คะแนนเท่ากับ 3 คะแนน ระดับท่ี 2 หมายถึง บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียน ในระดับน้อย มคี ่านา้ หนกั คะแนนเทา่ กบั 2 คะแนน ระดับท่ี 1 หมายถึง บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียน ในระดบั นอ้ ยทส่ี ุด มีค่าน้าหนกั คะแนนเท่ากบั 1 คะแนน 3. แบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิใช้สาหรับการประเมินและรับรองรูปแบบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน ประกอบด้วย ด้านความถูกต้อง ด้านความเหมาะสม ด้านความเป็นไปได้และด้าน ความเป็นประโยชน์ โดยผเู้ ชีย่ วชาญและผทู้ รงคณุ วุฒิ จานวน 17 คน 3.5 กำรสร้ำงและกำรพัฒนำเครอ่ื งมือ เพ่ือให้การวิจัยในคร้ังน้ีสามารถวัดได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย ผู้วิจัยจึงกาหนด ขนั้ ตอนการสร้างและพัฒนาเครื่องมอื ดังน้ี 1. แบบสัมภาษณ์แบบก่ึงโครงสร้าง (Semi - structured Interview) เพ่ือใช้เก็บข้อมูลโดย ผู้ให้ขอ้ มลู มีข้ันตอนในการสร้างและพฒั นา ดังนี้ 1.1 นาข้อมูลท่ีได้จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยทาการสังเคราะห์เพ่ือให้ได้ปัจจัย ที่เกี่ยวข้องกับบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนในสังกดั สานกั งานคณะกรรมการ การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน 1.2 นาปจั จยั ทไ่ี ด้มาสร้างเป็นแบบสัมภาษณก์ งึ่ โครงสร้าง 2. แบบสอบถามความคิดเห็น (opinionnaire) ได้จัดสร้างและพัฒนาแบบสอบถามแบบ มาตราส่วนประเมินค่า (rating scale) ตามแบบของ ลิเคิร์ท (Likert, 1967, p. 90) ซ่ึงเป็นการวัด ความคิดเห็นที่แสดงออกเก่ียวกบั บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน มี 5 ระดับโดยมขี นั้ ตอน ดงั น้ี
109 2.1 ประมวลความรู้เกี่ยวกับบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน จากการศึกษาและวิเคราะห์เอกสาร (content analysis) การสังเคราะห์องค์ความรู้ (content systhesis) แลว้ ประมวลผลนามาสรา้ งแบบสอบถามความคิดเหน็ (opinionnaire) 2.2 ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวจิ ยั โดยตรวจสอบความเทย่ี งตรงเชงิ เนือ้ หา (content validity) ของแบบสอบถามนาแบบสอบถามไปให้ผู้เช่ียวชาญ จานวน 5 คน ปรับปรุงแก้ไขเน้ือหา ภาษา ความสอดคล้อง เพื่อให้ข้อคาถามมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ นิยามและตัวแปร และ นามาหาค่าดัชนีความสอดคล้องของเคร่ืองมือด้วยเทคนิค IOC (Index of item - objective congruence) (พวงรัตน์ ทวีรัตน์, 2543, หน้า 117) โดยผู้เช่ียวชาญแต่ละคนพิจารณาลงความเห็น ใหค้ ะแนนดงั น้ี + 1 เม่ือแน่ใจว่าข้อคาถามน้ันเป็นตัวแทนลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรมนั้นหรือ เม่ือแนใ่ จวา่ ข้อคาถามนัน้ มคี วามตรง สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ และนยิ ามศัพท์ในการวิจัย 0 เมือ่ ไม่แนใ่ จว่าข้อคาถามนัน้ เป็นตัวแทนลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรมน้ันหรือไม่ หรือเมอื่ ไม่แนใ่ จวา่ ขอ้ คาถามนน้ั มคี วามตรง สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และนยิ ามศพั ท์ ในการวจิ ัยหรอื ไม่ - 1 เม่ือแน่ใจว่าข้อคาถามน้ันไม่เป็นเป็นตวั แทนลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรมน้นั หรอื เมอ่ื แนใ่ จว่าขอ้ คาถามนั้นไมม่ ีความตรง สอดคลอ้ งกับวัตถปุ ระสงค์ และนิยามศัพท์ในการวิจยั นาคะแนนการตรวจสอบของผู้เช่ียวชาญมาคานวณค่าดชั นีความสอดคลอ้ งจากสูตร เม่ือ IOC หมายถึง คา่ ดัชนคี วามสอดคล้อง ระหว่างข้อคาถามกับวัตถุประสงค์และ นยิ ามศัพท์ ∑R หมายถึง ผลรวมของคะแนนพจิ ารณาของผ้เู ช่ียวชาญ N หมายถึง จานวนผูเ้ ชีย่ วชาญ ผู้วิจัยนาแบบสอบถามท่ีได้รับการตรวจสอบจากผู้เช่ียวชาญมาวิเคราะห์ความ สอดคล้องและความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) หากค่าดัชนี IOC ท่ีคานวณได้มากกวา่ หรือเท่ากับ 0.5 ข้อคาถามน้ันมีความสอดคล้องและความเท่ียงตรงเชิงเน้ือหา หากข้อคาถามใดมีค่า ดัชนตี า่ กว่า 0.5 ข้อคาถามนนั้ ก็ถกู ตดั ออกไป หรือต้องนามาแก้ไขใหม่ ได้คา่ ดชั นี IOC = 1 2.3 การทดลองใช้ (try out) เคร่ืองมือการวิจัย ผู้วิจัยนาไปทดลองใช้กับโรงเรียน ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง แต่มีลักษณะเหมือนกลุ่มตัวอย่างทุกประการ จานวน 8 โรงเรียน โรงเรียนละ 4 คน รวมผ้ใู ห้ขอ้ มลู 32 คน เพ่ือหาค่าความเช่อื ม่นั (reliability) ของเครื่องมือวิจัย โดยการรวบรวม แบบสอบถามท่ีได้กลับคืนมาทั้งหมด นามาหาค่าความเชื่อม่ัน โดยใช้ค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟา (α - coefficient) ตามวิธีการของ ครอนบาค (Cronbach 1951, อ้างถึงใน ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2538) ได้ค่าความเชื่อม่ัน 0.991 ซ่ึงค่าความเช่ือมั่นที่เหมาะสมควรอยู่ระหวา่ ง 0.60 - 1.00 สาหรับการวิเคราะห์หาค่าอานาจจาแนกรายข้อ (item analysis) โดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ แบบเพียร์สัน (Pearson’s Product Monent Correlation) ระหว่างคะแนนรายข้อกับคะแนนรวม (item - Total Correlation) ซึ่งข้อคาถามมีอานาจจาแนก ตั้งแต่ 0.20 ข้ึนไปถือว่าใช้ได้ (ปุญยวีร์ อวยชยั สวัสดิ์, 2561) แล้วปรับปรุงเคร่ืองมือวจิ ัยเป็นแบบสอบถามฉบับสมบรู ณ์นามาใช้กับ กลมุ่ ตวั อย่างในการวิจยั ต่อไป
110 2.4 ปรับปรุงเคร่ืองมือวิจัย เป็นแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์สาหรับนาไปใช้กับกลุ่ม ตัวอยา่ งต่อไป 3. แบบสัมภาษณ์แบบก่ึงโครงสร้าง (Semi - structured Interview) ใช้ประกอบการ สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิท่ีมีความเชี่ยวชาญ เพ่ือประเมินและรับรองรูปแบบบรรยากาศองค์การ เชงิ บรู ณาการปัญญาของโรงเรียนในสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ประกอบดว้ ย ด้านความถูกต้อง ด้านความเหมาะสม ด้านความเป็นไปได้และด้านความเป็นประโยชน์ โดยผเู้ ชี่ยวชาญและผูท้ รงคณุ วุฒิ จานวน 17 คน 3.6 กำรเก็บรวบรวมข้อมลู ผู้วิจัยดาเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มูลตามขนั้ ตอน คอื 1. ขอหนังสือจากคณะศึกษาศาสตร์เพื่อแจ้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ สถานศึกษา ทีเ่ ป็นกล่มุ ตวั อยา่ งในทกุ ข้นั ตอน 2. การเก็บข้อมูลแบบสอบถามความคิดเห็น ผู้วิจัยจัดส่งและรับคืนแบบสอบถามทั้ง ดว้ ยตนเอง ทางไปรษณีย์โดยวธิ กี ารลงทะเบยี น และเก็บขอ้ มลู โดยใช้แบบสอบถามจากระบบ Google Forms แล้วนาข้อมูลแบบสอบถาม (Opinionnaire) จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดมาทาการวิเคราะห์หา คา่ ทางสถติ ิ และทดสอบสมมตฐิ านทีต่ ้งั ไวต้ ่อไป 3. สัมภาษณ์เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการ ปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยวิธีสัมภาษณ์ผู้เช่ียวชาญ และผู้ทรงคณุ วฒุ ิ จานวน 17 คน โดยผวู้ จิ ยั ดาเนนิ การเก็บขอ้ มลู จากการสมั ภาษณด์ ว้ ยตนเอง 3.7 กำรวิเครำะหข์ ้อมูลและสถิติที่ใช้กำรวจิ ัย เพ่ือให้การวิจัยคร้ังน้ีเป็นไปอย่างถูกต้องตามระเบียบวิธีวิจัย ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูล ทุกขน้ั ตอน และนามาวเิ คราะห์ โดยใช้สถติ ใิ นการวิจัยดงั น้ี 1. วิเคราะห์ข้อมูลทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม (กลุ่มตัวอย่าง) ได้แก่ เพศ อายุ ระดับ การศึกษาสงู สดุ ตาแหน่ง ประสบการณใ์ นการทางานในตาแหนง่ และประเภทโรงเรียนกาหนดให้เป็น การตอบแบบเลอื กตอบ (check list) โดยใชค้ า่ ความถ่ี (frequency) และคา่ ร้อยละ (percentage) 2. วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ค่าสถิติมัชฌิมเลขคณิต (mean) และส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน (standard deviation) สาหรับเกณฑ์วิเคราะห์ขอ้ มูลด้านองค์ประกอบบรรยากาศองค์การ เชงิ บูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน วเิ คราะห์ข้อมูล ตามแนวคดิ ของ เบสท์ (Best) ซึง่ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี
111 คา่ เฉลย่ี 4.50 - 5.00 หมายถงึ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปญั ญาของโรงเรยี น ในระดบั มากที่สดุ มากท่สี ุด ค่าเฉลี่ย 3.50 - 4.49 หมายถงึ บรรยากาศองคก์ ารเชิงบรู ณาการปญั ญาของโรงเรียน ในระดับมาก คา่ เฉลยี่ 2.50 - 3.49 หมายถงึ บรรยากาศองคก์ ารเชงิ บูรณาการปัญญาของโรงเรยี น ในระดับปานกลาง คา่ เฉลี่ย 1.50 - 2.49 หมายถงึ บรรยากาศองค์การเชงิ บูรณาการปัญญาของโรงเรียน ในระดับน้อย ค่าเฉล่ยี 1.00 - 1.49 หมายถงึ บรรยากาศองค์การเชงิ บรู ณาการปญั ญาของโรงเรียน ในระดบั นอ้ ยทส่ี ดุ 3. การวิเคราะห์บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ใช้สถิติการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสารวจ (Exploratory Factor - Analysis) และคา่ สหสัมพนั ธร์ ะหว่างตัวแปร (correlation) โดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป 4. การวิเคราะห์รูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ใช้ค่าสถิติทดสอบ (t - test) ค่าความคลาดเคล่ือน (standard error) และการวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเส้น (path analysis) ซึ่งพิจารณาจากค่า Chi - squareคา่ Goodjness of fit indices : GFI คา่ Adjusted Goodjness of fit indices : AGFI ค่า Relative fit Index (RFI) ค่า Root Mean Squared Residual (RMR) ค่า Largest Standardized Residual คา่ Root Mean Squared Error of Approximation (RMSEA) เพือ่ ศกึ ษาความสอดคล้อง ของขอ้ มลู เชงิ ประจักษ์ และโมเดลท่ีได้จากการศึกษา โดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป 5. การวิเคราะหข์ อ้ มูลเก่ยี วกับความคิดเห็นของผเู้ ชย่ี วชาญและผู้ทรงคุณวฒุ ิ จานวน 17 คน มีความคิดเห็นต่อรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยใช้แบบตรวจสอบรายการ (Check list) สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ คือ ค่าร้อยละ โดยมีการประเมิน 4 ด้านและผลการประเมินทุกองค์ประกอบ ทั้ง 8 องค์ประกอบ ซึ่งใช้หลักเกณฑ์การตัดสินระดับคุณภาพของการประเมินคุณภาพของสานักงาน รับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. โดยใช้เกณฑ์รับรอง 5 ระดับ คือ ดีเย่ียม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง โดยใช้เกณฑ์การรับรองในระดับดีขึ้นไป คือ ต้ังแต่ ร้อยละ 75 ขึ้นไปจะถือว่า รับรองหรือผ่านเกณฑ์การประเมินในแต่ละองค์ประกอบทุกด้านทั้ง 4 ด้าน คือ 1) ด้านความถูกต้อง (Accuracy) 2) ด้านความเหมาะสม (Propriety) 3) ด้านความเป็นไปได้ (Feasibility) และ 4) ความเป็นประโยชน์ (Utility) การนาเสนอข้อมูลจากผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผวู้ ิจัยนาเสนอในรูปของตารางแผนภูมแิ ละการพรรณนาตามลกั ษณะของขอ้ มูลท่วี เิ คราะห์ได้
112 3.8 กำรนำเสนอข้อมลู การนาเสนอผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล ผวู้ จิ ยั นาเสนอในรปู แบบของตาราง แผนภมู ิและการพรรณนา ตามลกั ษณะของขอ้ มลู 3.9 สรุป การวิจัยครั้งน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบของบรรยากาศองค์การเชิง บูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 2) สร้างรูปแบบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน และ3) ประเมินและรับรองรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียน สังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน ประชากรประกอบดว้ ย โรงเรียนมัธยมศกึ ษาและ โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ในปีการศึกษา 2563 จานวน 9,441 โรงเรียน โดยตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (content validity) ด้ว ยดัชนีคว ามสอ ด ค ล้อ ง ที่ เรียก ว่ า IOC (index of item – objective congruence) ซ่ึงพิจารณาค่า IOC มีมากกว่า 0.5 ขึ้นไปโดยผู้เช่ียวชาญ จานวน 5 คน ท้ัง 220 ข้อ ได้ดาเนินการทดลองใช้ (try out) กับกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างเดียวกับการวิจัยคร้ังน้ีจานวน 8 โรงเรียน โรงเรียนละ 4 คน รวมผู้ให้ข้อมูล จานวน 32 คน แล้วรวบรวมข้อมูลท้ังหมดวิเคราะห์ หาค่าความเช่ือม่ัน (reliability) ของแบบสอบถาม ด้วยการคานวณค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า (α - coefficient) ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) กาหนดขนาดกลุ่ม ตัวอย่างโดยใช้การคานวณจากสูตรของ Taro Yamane ได้กลุ่มตัวอย่างโดยผู้วิจัยสุ่มโรงเรียน มัธยมศึกษา จานวน 100 โรงเรียน และสุ่มโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสทางการศึกษา จานวน 100 โรงเรียน สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมเป็น 200 โรงเรียนเคร่ืองมือ ที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi structured Interview) แบบสอบถามความคิดเห็น (opinionnaire) แบบสัมภาษณ์ผู้เช่ียวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ (check list) การเก็บข้อมูลแบบสอบถามความคิดเห็น ผู้วิจัยจัดส่งและรับคืนแบบสอบถามทั้งด้วยตนเอง ทางไปรษณีย์โดยวิธีการลงทะเบียน และเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากระบบ Google Forms ผู้วิจัยดาเนินการสัมภาษณ์ด้วยตนเอง สถิติท่ีใช้ค่าความถี่ (frequency) ค่าร้อยละ (percentage) มัชฌิมเลขคณิต (mean) ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (standard deviation) วิเคราะห์องค์ประกอบ เชงิ สารวจ (exploratory factor analysis) และวิเคราะหค์ วามสัมพันธเ์ ชิงเส้น (path analysis) และ วเิ คราะหเ์ นื้อหา
113 บทที่ 4 การวิเคราะหข์ ้อมูล ก า ร วิ จั ย เ รื่ อ ง รู ป แ บ บ บ ร ร ย า ก า ศ อ ง ค์ ก า ร เ ชิ ง บู ร ณ า ก า ร ปั ญ ญ า ข อ ง โ ร ง เ รี ย น สั ง กั ด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ในการวิจัยคร้ังน้ีใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Methods Research) โดยใช้การวิจัยทั้งเชิงคุณภาพ (qualitative research) และเชิง ปริมาณ (quantitative research) ซ่ึงผู้วิจัยใช้แบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยส่งแบบสอบถามไปให้โรงเรียน 200 โรงเรียน จานวนแบบสอบถาม 800 ฉบับ ได้รับคืนจานวน ทง้ั สิน้ 182 โรงเรยี น 728 ฉบับ คดิ เป็นรอ้ ยละ 91.00 จาแนกการนาเสนอข้อมูลออกเปน็ 3 ตอน ดังน้ี ตอนท่ี 1 การวเิ คราะหเ์ อกสารงานวจิ ัยและการสมั ภาษณผ์ ู้เช่ียวชาญเกี่ยวกับแนวคิดทฤษฎี ของบรรยากาศองค์การการเชงิ บรู ณาการปัญญาของโรงเรียนสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขนั้ พ้นื ฐาน 1.1 การวิเคราะหเ์ อกสารงานวจิ ยั 1.2 การสมั ภาษณผ์ ู้เช่ียวชาญ ตอนที่ 2 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู จากแบบสอบถาม 2.1 สถานภาพทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 2.2 การวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับบรรยากาศองค์การการเชิงบูรณาการ ปัญญาของโรงเรยี นสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน 2.3 การวิเคราะห์องคป์ ระกอบเชิงสารวจ (Exploratory Factor Analysis) ด้วยวิธีการ สกัดปัจจัย (Principal Component Analysis) สาหรับบรรยากาศองค์การการเชิงบูรณาการปญั ญา ของโรงเรยี นสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน 2.4 การวิเคราะห์ความสัมพันธข์ ององค์ประกอบบรรยากาศองค์การการเชิงบูรณาการ ปัญญาของโรงเรยี นสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน ตอนที่ 3 การวิเคราะหข์ อ้ มูลจากแบบประเมิน ตอนท่ี 1 การวิเคราะห์เอกสาร และผลงานวิจัยเก่ียวกับแนวคิดทฤษฎีของบรรยากาศ องค์การการเชงิ บูรณาการปญั ญาของโรงเรียนสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษา ขัน้ พ้นื ฐาน 1.1 การวิเคราะหเ์ อกสารและผลงานวจิ ยั เกี่ยวกบั แนวคดิ ทฤษฎีของบรรยากาศองค์การ ข้อมูลจากการวิเคราะห์เอกสารและงานวิจัย โดยการศึกษาจากแนวคิด ทฤษฎีเป็น แนวทางในการวิเคราะห์องค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ผู้วิจัยยึดแนวทางการศึกษาตามแนวคิดของ ลิเคิร์ท (Likert), เดวิส (Davis), ฮอยและคณะ (Hoy, et al), สเทิร์นและสไตน์ฮอฟฟ์ (Stern and Steinhoff), แพสซิเออร์ดิส (Pashiardis), เรฟฟอร์ต้ี (Raffierty), เทเบิลแมน (Tebleman), ยูไลน์ (Uline),
114 วิไล กวางคีรี, พัทธนันท์, พัชรสวัสดิ์, ภารดี อนันต์นาวี, อัลวี จารงค์, สุพัตรา เพชรมุนีและคณะ, สัมฤทธ์ิ ผิวนิ่ม, กฤตินันท์ เงางาม, ฟิงค์และคณะ (Fink and others), กอนเดอร์และไฮเมส (Gonder and Hymes), สโนว์ (Snow), เคลล่ี (Kelly), คีสท์ เจ ซูลลิค (Keith J. Zullig), สิริมา จันทร์หอมกุล, แอลแด็กและบรีฟ (Aldag and Beef), ลอเลอร์และคนอ่ืน ๆ (Law and others), สเตียร์ส (Steers), พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต), พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช), หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ซ่งึ สรปุ สาระสาคญั ไดด้ ังน้ี ตารางท่ี 4.1 แนวคดิ และทฤษฎีทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับบรรยากาศองคก์ ารเชงิ บูรณาการปญั ญาของโรงเรียนสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน ข้อ องค์ประกอบ แนวคดิ และทฤษฎีทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับบรรยากาศองค์การเชงิ บูรณาการปัญญา บรรยากาศ ของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน องคก์ าร Likert (1967) Davis (1981) Hoy, et al (1991) Stern an Steinhoff (1994) Pashiardis (2000) Raffierty (2003) Tebleman (2004) Uline (2008) ิวไล กวางคีรี (2556) พัทธนัน ์ท พัชรส ัวสดิ์ (2562) ภารดี อนันต์นา ีว (2553) อัล ีว จารงค์ (2551) ุสพัตรา เพชรมุนี (2538) ัสมฤท ิ์ธ ิผวนิ่ม (2552) กฤตินัน ์ท เงางาม (2551) Fink and others (1996) Gonder and Hymes (1994) Snow (2002) Kelly (1980) Keith J. Zullig (2010) ิสริมา จันทร์หอม ุกล (2552) Aldag and Brief 1981) Lawler and others (1975) Steers (1979) พระธรรมปิฎก (2546) พระธรรม ิกตติวงศ์ (2548) หลวงพ่อจรัญ ฐิตธ ฺมโม (2539) 1 ภาวะผ้นู า √ √√ √ √√ √√ 2 แรงจงู ใจ √ √ √ 3 การตดิ ตอ่ √ √ √√ √ √ ส่อื สาร √ √√ 4 การปฏิสมั พันธ์ √ และอิทธพิ ล ทมี่ ตี ่อกัน 5 การตัดสนิ ใจ √ 6 การกาหนด √ เปา้ หมาย 7 การควบคุม √ √ 8 การฝึกอบรม √ 9 คณุ ภาพผู้นา √ 10 ความไว้วางใจ √ 11 ความรู้สกึ วา่ √ งานเป็น ประโยชน์
ตารางที่ 4.1 (ต่อ) 115 ข้อ องค์ประกอบ แนวคิดและทฤษฎที ี่เกยี่ วข้องกบั บรรยากาศองค์การเชิงบรู ณาการปัญญา บรรยากาศ ของโรงเรียนสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน องค์การ Likert (1967) Davis (1981) Hoy, et al (1991) Stern an Steinhoff (1994) Pashiardis (2000) Raffierty (2003) Tebleman (2004) Uline (2008) ิวไล กวางคีรี (2556) พัทธนัน ์ท พัชรส ัวสดิ์ (2562) ภารดี อนันต์นา ีว (2553) อัล ีว จารงค์ (2551) ุสพัตรา เพชรมุนี (2538) ัสมฤท ิ์ธ ิผวน่ิม (2552) กฤตินัน ์ท เงางาม (2551) Fink and others (1996) Gonder and Hymes (1994) Snow (2002) Kelly (1980) Keith J. Zullig (2010) ิสริมา จันทร์หอม ุกล (2552) Aldag and Brief 1981) Lawler and others (1975) Steers (1979) พระธรรม ิปฎก (2546) พระธรรม ิกตติวงศ์ (2548) หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม (2539) 12 ความ √ √ √ รับผดิ ชอบ √√ 13 ความยุติธรรม √ √ ในการให้รางวัล √√ 14 ความไดร้ บั √ √ √ ความกดดัน จากงานอยา่ ง เหมาะสม 15 โอกาส √ 16 มสี ว่ นรว่ ม √ √√ 17 การสนับสนุน √ √ √√ 18 ความเคร่งครดั √ 19 ความเปน็ มติ ร √ 20 ความสนิทสนม √√ √√ 21 การไมใ่ ห้ √ √ √ ความร่วมมือ 22 การผลักดัน √ 23 ตัวถ่วง √ 24 การจัดการ √√ องคก์ รและการ บรหิ าร 25 นักเรียน √ 26 การท้อแท้ √ 27 ต้นไม้ √ 28 ความสัมพนั ธ์ √ 29 การปฏิบัติ √
30 การมีวนิ ัย √ ตารางที่ 4.1 (ต่อ) 31 สภาพแวดล้อม ขอ้ องคป์ ระกอบ การเรียนรู้ บรรยากาศ องค์การ 32 ทัศนคตแิ ละ วัฒนธรรม Likert (1967) Davis (1981) 33 เกณฑด์ า้ น Hoy, et al (1991) วชิ าการ Stern an Steinhoff (1994) Pashiardis (2000) 34 ความเป็น Raffierty (2003) มอื อาชีพ Tebleman (2004) Uline (2008) 35 นโยบายและ วไิ ล กวางครี ี (2556) การปฏิบตั ขิ อง พัทธนันท์ พัชรสวัสด์ิ (2562) ฝ่ายบรหิ าร ภารดี อนนั ตน์ าวี (2553) อัลวี จารงค์ (2551) 36 การเพ่มิ สัดส่วน สุพัตรา เพชรมนุ ี (2538) นักเรียนและ สัมฤทธ์ิ ผวิ นม่ิ (2552) มิตรภาพ กฤตนิ ันท์ เงางาม (2551) Fink and others (1996) 37 การมีส่วนร่วม Gonder and Hymes (1994) ในความเสี่ยง Snow (2002) และรางวัล Kelly (1980) Keith J. Zullig (2010) 38 ความเข้มแขง็ สริ ิมา จนั ทรห์ อมกุล (2552) ของสถาบนั Aldag and Brief 1981) และการช่วยกัน Lawler and others (1975) แกป้ ัญหา Steers (1979) พระธรรมปฎิ ก (2546) 39 ความขดั แยง้ พระธรรมกติ ตวิ งศ์ (2548) หลวงพ่อจรญั ฐิตธมฺโม (2539) 40 การเต็มใจ ช่วยเหลอื เพ่อื น ร่วมงาน √ 116 √√ √ √ √√ แนวคดิ และทฤษฎีท่เี ก่ียวขอ้ งกบั บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปญั ญา √√ √ ของโรงเรยี นสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน √ √ √ √√ √ √
ตารางท่ี 4.1 (ตอ่ ) 117 ขอ้ องค์ประกอบ แนวคิดและทฤษฎที ่ีเก่ยี วขอ้ งกบั บรรยากาศองค์การเชงิ บรู ณาการปญั ญา บรรยากาศ ของโรงเรยี นสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน องค์การ Likert (1967) Davis (1981) Hoy, et al (1991) Stern an Steinhoff (1994) Pashiardis (2000) Raffierty (2003) Tebleman (2004) Uline (2008) ิวไล กวางคีรี (2556) พัทธนัน ์ท พัชรส ัวสดิ์ (2562) ภารดี อนันต์นา ีว (2553) อัล ีว จารงค์ (2551) ุสพัตรา เพชรมุนี (2538) ัสมฤท ิ์ธ ิผวน่ิม (2552) กฤตินัน ์ท เงางาม (2551) Fink and others (1996) Gonder and Hymes (1994) Snow (2002) Kelly (1980) Keith J. Zullig (2010) ิสริมา จันทร์หอม ุกล (2552) Aldag and Brief 1981) Lawler and others (1975) Steers (1979) พระธรรม ิปฎก (2546) พระธรรม ิกตติวงศ์ (2548) หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม (2539) 41 การทางานตาม √ ระเบยี บ √√ √ √√ 42 หน้าท่ีและระบบ การให้รางวัล √√ 43 มาตรฐานความ √√ √ √√√√ รบั ผิดชอบใน √√√ การปฏิบัตงิ าน √ √√√ 44 การสนบั สนุน รับผดิ ชอบตอ่ √ กฎเกณฑ์ √√ 45 อุปสรรค √√ √ 46 ขวญั กาลังใจ √√ 47 หา่ งเหิน √ 48 เน้นผลงาน √√ √ 49 เอาใจใส่ 50 โครงสรา้ ง การทางาน 51 รวมอานาจ 52 การยนิ ยอมให้มี ความขัดแย้ง ในองคก์ าร 53 ความยืดหยนุ่ 54 ประสบ ผลสาเร็จของ องคก์ าร 55 ความเป็นอิสระ
56 อบอนุ่ ตารางท่ี 4.1 (ต่อ) 57 ความสามัคคี ขอ้ องค์ประกอบ เปน็ อนั หนึง่ บรรยากาศ อนั เดยี วกนั องคก์ าร 58 การแบ่งสาย บงั คบั บญั ชา ในองคก์ าร 59 สภาพ ของวุฒิภาวะ 60 การเนน้ ผลงาน 61 อิทธพิ ลจาก ภายนอก 62 การรวมอานาจ และการ ตดั สินใจ 63 ขนาดและ สถานทต่ี ้ัง องคก์ าร 64 การจัดสภาพ ทางกายภาพ ขององคก์ าร 65 กฎท่ไี ม่เป็น แบบแผน 66 สง่ิ แวดล้อม ทางสังคม √ √ √√ √ √ Likert (1967) 118 √ Davis (1981) √√√ √√ Hoy, et al (1991) แนวคิดและทฤษฎที ่ีเก่ียวขอ้ งกบั บรรยากาศองค์การเชงิ บูรณาการปญั ญา √ Stern an Steinhoff (1994) ของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน Pashiardis (2000) √ Raffierty (2003) Tebleman (2004) √ √√ Uline (2008) √√ วไิ ล กวางครี ี (2556) √√ พัทธนันท์ พัชรสวัสด์ิ (2562) ภารดี อนนั ตน์ าวี (2553) อัลวี จารงค์ (2551) สุพัตรา เพชรมนุ ี (2538) สัมฤทธ์ิ ผวิ นม่ิ (2552) กฤตนิ ันท์ เงางาม (2551) Fink and others (1996) Gonder and Hymes (1994) Snow (2002) Kelly (1980) Keith J. Zullig (2010) สริ ิมา จนั ทรห์ อมกุล (2552) Aldag and Brief 1981) Lawler and others (1975) Steers (1979) พระธรรมปฎิ ก (2546) พระธรรมกติ ตวิ งศ์ (2548) หลวงพ่อจรญั ฐิตธมฺโม (2539)
ตารางที่ 4.1 (ต่อ) 119 ขอ้ องค์ประกอบ แนวคิดและทฤษฎีที่เก่ยี วข้องกบั บรรยากาศองค์การเชงิ บรู ณาการปัญญา บรรยากาศ ของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน องคก์ าร Likert (1967) Davis (1981) Hoy, et al (1991) Stern an Steinhoff (1994) Pashiardis (2000) Raffierty (2003) Tebleman (2004) Uline (2008) ิวไล กวางคีรี (2556) พัทธนัน ์ท พัชรส ัวสดิ์ (2562) ภารดี อนันต์นา ีว (2553) อัล ีว จารงค์ (2551) ุสพัตรา เพชรมุนี (2538) ัสมฤท ิ์ธ ิผวน่ิม (2552) กฤตินัน ์ท เงางาม (2551) Fink and others (1996) Gonder and Hymes (1994) Snow (2002) Kelly (1980) Keith J. Zullig (2010) ิสริมา จันทร์หอม ุกล (2552) Aldag and Brief 1981) Lawler and others (1975) Steers (1979) พระธรรม ิปฎก (2546) พระธรรม ิกตติวงศ์ (2548) หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม (2539) 67 สภาพแวดลอ้ ม √√ √ ทางอารมณ์ ความรสู้ ึก √ √ 68 โปรง่ ใส √ √√ 69 ทางานเปน็ ทีม √√√ 70 การเปล่ียนแปลง ในองคก์ าร ด้านเทคโนโลยี 71 ปญั ญา 1.2 การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิเก่ียวกับบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการ ปัญญาของโรงเรียนสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน ผลการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 8 คน เกี่ยวกับบรรยากาศ องค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน มีความ คดิ เห็นสอดคลอ้ งกันเก่ียวกับองคป์ ระกอบทใ่ี ชใ้ นการวิจัยที่ไดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัย ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 23 ตวั แปร ดังน้ี ภาวะผู้นา ครูและบุคลากรต้องให้ความเช่ือถือไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าท่ีซึ่งกันและกัน ผู้บริหารเก้ือหนุนส่งเสริมการปฏิบัติงาน ให้อิสระครูและบุคลากรในการปฏิบัติหน้าที่ รวมท้ังรับฟังความ คิดเห็นของครูและบุคลากร ผู้บริหารมีความเป็นผู้นาในการบริหารจัดการองค์การ สามารถเป็นผู้นาทีมให้ ครูและบุคลากรในการปฏิบัติงาน จนบรรลุเป้าหมายความสาเร็จขององค์การมีการตัดสินใจและ การแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เข้าใจภาพรวมของสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ท่ีมีผลกระทบต่อ องค์การ และมสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาศักยภาพของครแู ละบคุ ลากร แรงจูงใจ ผู้บริหารสร้างแรงจูงใจให้กับครูและบุคลากรในการปฏิบัติหน้าที่จนมี ทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน องค์การ และวัตถุประสงค์ขององค์การ มีแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน มีความรบั ผิดชอบตอ่ หน้าทตี่ ามโครงสรา้ งงานท่ีกาหนด มคี วามพงึ พอใจตอ่ สถานภาพของตน พึงพอใจ ในงาน และความสาเรจ็ ของตน ผบู้ ริหารใหก้ ารสนบั สนุนโดยการใหร้ างวลั เปน็ แรงจูงใจ
120 การติดต่อสื่อสาร ครูและบุคลากรมีปฏิสัมพันธ์ และการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ โรงเรียนหรือองค์การมีทิศทางของข่าวสารที่ชัดเจน มีการติดต่อสื่อสารอย่างเปิดเผยเข้าใจซึ่งกันและกัน จากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง เป็นไปตามสายบังคับ บัญชา ครูและบุคลากรยอมรับการติดต่อส่ือสารจากผู้บริหาร และพึงพอใจในการรับข้อมูลข่าวสาร ทีเ่ ก่ียวกับการปฏิบัติงานของโรงเรยี นอย่างถกู ต้องและทนั เหตุการณ์ โดยขา่ วสารทส่ี ่งไปถงึ กันและกัน มีความเพยี งพอ ถูกต้อง สมบรู ณ์ การสือ่ สารของครูและบคุ ลากรกับผนู้ เิ ทศเป็นไปในเชิงบวก สามารถ สอื่ สารกับผู้บริหารในความเหน็ ทีแ่ ตกต่างออกไป ผบู้ รหิ ารกับครแู ละบคุ ลากรมีความใกล้ชิดกนั รับฟงั รบั ร้แู ละเขา้ ใจปญั หา อุปสรรคของครูและบุคลากรทงั้ ในการปฏบิ ตั ิงาน และปญั หาสว่ นตวั การควบคุม ในองค์การมีการควบคุมการปฏิบัติงานของบุคลากรอย่างเป็นระบบ ข้อมูล และมาตรการท่ีใช้ตรวจสอบควบคุมงานสมบูรณ์ถูกต้อง ขอบเขตของการตรวจสอบและควบคุมภายใน องค์การมีประสิทธิภาพ ผู้บริหารใช้ข้อมูลมาเป็นเกณฑ์การควบคุม มีความเข้มงวดในการบริหารและ สั่งการ ตรวจสอบก่อนลงนามทุกคร้ัง กาหนดตารางการปฏิบัติงานให้แก่ครูและบุคลากรอย่างชัดเจน มกี ารแกไ้ ขตรวจสอบข้อผิดพลาดในการปฏิบตั ิงานให้แก่ครูและบุคลากร มีการนเิ ทศครูและบุคลากรอย่าง ใกล้ชดิ ครแู ละบุคลากรมีความคาดหวังจากการนิเทศและมาตรฐานความตอ้ งการของโรงเรียน ยอมรับได้ กบั ผ้บู ริหารที่มคี วามเป็นเผด็จการ ระดับขอ้ มลู การรายงานต่าง ๆ ถูกนาไปใชใ้ นการควบคุมการปฏบิ ัติงาน ความยุติธรรมในการให้รางวัล ผู้บริหารมีความยุติธรรมในการบริหารจัดการ การให้ รางวัล และการรับโทษ การเลื่อนขั้นเงินเดือนมีความยุติธรรมเป็นไปตามความสามารถและผลงานครูและ บุคลากรยอมรบั ได้กบั ความยุติธรรมของผู้บรหิ ารผู้บริหารใหร้ างวัลครูและบุคลากรเม่ือปฏบิ ัติงานได้ดีและ เหมาะสมกับระดับผลงาน ชมเชยให้กาลังใจครูและบคุ ลากรในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี การมีส่วนร่วม ครูและบุคลากรมีพฤติกรรมในการให้ความร่วมมือและส่วนร่วมในการ ปฏิบัติงานตามโครงสร้างภาระงาน รู้สึกว่าได้รับโอกาสในการทางานกับเพื่อนร่วมงาน ได้รับการสนับสนนุ ร่วมมือจากเพ่ือนร่วมงาน มีความพึงพอใจกับความมุ่งมั่นท่ีจะทางานร่วมกัน ร่วมมือกันในการตัดสินใจ แก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ มีโอกาสเสนอแนวคิดใหม่ ๆ ให้กับองค์การ รู้สึกว่าได้รับการยอมรับและ มีคุณค่าต่อองค์การ มีความภาคภูมิใจในองค์การของตน ผู้บริหารยอมให้ครูและบุคลากรมีส่วนร่วมในการ ทางาน ใช้การวจิ ารณอ์ ย่างสร้างสรรค์ในการบรหิ ารจดั การองคก์ ารด้วยเหตุผล การสนับสนุน จัดหาสวัสดิการให้แก่ครูและบุคลากรอย่างเหมาสม สนับสนุนด้านวิชาการ อบรมและพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรให้กับครูและบุคลากร ในการพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพเป็น ท่ียอมรบั ความสนิทสนม ผู้บริหารปฏิบัติต่อครูและบุคลากรอย่างเท่าเทียม เห็นคุณค่าของครูและ บุคลากรในองค์การ ครูและบุคลากรเข้าถึงได้ง่าย ผู้บริหารให้ความสนิทสนมกับครูและบุคลากรในองค์การ มีการสร้างระบบมนุษย์สัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน ครูและบุคลากรมีความสนิทสนมระหว่างกันภายในองค์การ มีการสังสรรค์กันอย่างใกล้ชิด ให้การสนับสนุนทางสังคมแก่เพ่ือนร่วมงานอย่างเข้มแข็ง ไว้วางใจ เชื่อมัน่ ซ่ึงกนั และกนั ในการทางาน จนร้สู กึ ว่าตนน้นั เปน็ สมาชกิ หรอื ผู้รว่ มงานในองค์การ การไม่ให้ความร่วมมือ มีครูและบุคลากรส่วนน้อยท่ีไม่เห็นด้วยการมติท่ีประชุม หรือไม่เห็นดว้ ยกับครูและบุคลากรสว่ นใหญ่ มกี ารใช้พลงั กลุ่มกดดันเพือ่ นรว่ มงานทปี่ ฏบิ ัติแตกต่างไป จากคนอื่น ๆ และมีบางสว่ นมกั พูดไม่ตรงประเดน็ ในการประชุม
121 การจัดองค์การและการบริหาร ผู้บริหารต้องมีนโยบายและการปฏิบัติงานท่ีชัดเจน เหมาะสมในการบริหารงานด้านบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ สถานที่ สิ่งอานวยความสะดวก งบประมาณ และเทคโนโลยี อยา่ งเหมาะสม ทาใหค้ รูและบคุ ลากรรูส้ ึกว่ากฎระเบียบและนโยบายของโรงเรยี นช่วย ในการทางาน ผลตอบกลับจากการนิเทศมีประโยชน์ตอ่ ครแู ละบุคลากร และรู้สกึ ว่าการตัดสนิ ใจด้าน การศกึ ษามคี วามเหมาะสม การเรียนการสอนในหอ้ งเรียนยึดนกั เรียนเป็นศนู ยก์ ลาง มสี ่อื และอปุ กรณ์ เทคโนโลยีพร้อมใช้ คุณภาพการศึกษาสามารถพัฒนานักเรียนให้คนดีมีคุณภาพ ช่วยพัฒนาพ้ืนฐาน อาชพี พัฒนาทักษะตา่ ง ๆ ใหเ้ กดิ ข้ึนกับผเู้ รียน ครปู ระเมินนักเรียนตามความเปน็ จริง สภาพแวดล้อมการเรยี นรู้ โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมทางสังคมทางวชิ าการส่งเสรมิ การสร้าง นวัตกรรม การวิจัย เพื่อเพ่ิมศักยภาพผู้เรียนอย่างเหมาะสม มีปัจจัยที่สนับสนุนด้านความสาเร็จของ นักเรียนทุกด้าน มีอาคารเรียนเพียงพอ และเหมาะสมกับจานวนนักเรียน มีสภาพแวดล้อมท่ีปลอดภัย สะดวกในทกุ ๆ ทภี่ ายในโรงเรยี น หอ้ งเรยี นสะอาด เรียบรอ้ ย สวยงามเป็นระเบยี บ มีส่ือสง่ เสรมิ ทางวชิ าการ ท่ีหลายหลาย ทันสมัย เพียงพอ มีวัสดุ อุปกรณ์ เทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมใช้งาน มีบรรยากาศท่ีส่งเสริม การเรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย ตรงตามทค่ี รูและบคุ ลากรมคี วามคาดหวังเกย่ี วกับมาตรฐานการจัดการห้องเรยี น การมสี ่วนร่วมในความเส่ยี งและการให้รางวัล ครแู ละบคุ ลากรได้รบั รางวัลเมือ่ มีผลงานดี และถูกลงโทษเม่ือทาผิด ทาให้เกิดความรู้สึกท่ีดีต่อการทางานกับองค์การ ซ่ึงเม่ือได้รับรางวัลจะมีความ รับผิดชอบเพิ่มมากขน้ึ ทางานได้บรรลเุ ปา้ หมายเพราะได้อานาจและมกี ารเลอ่ื นตาแหน่งหนา้ ที่ท่สี งู ข้ึนและ ประเภทของรางวลั ที่แตกต่างกันยอ่ มมีความรู้สึกกับองค์การท่แี ตกตา่ งกนั ความขัดแย้ง ผู้บริหารกับครูและบุคลากรมีความขัดแย้งที่ยอมรับได้ ซึ่งเป็นการรับรู้ เก่ียวกับความไม่เข้าใจกันเองของบุคลากรในหน่วยงาน ทุกคนยอมรับว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมดา ที่เกิดขึ้นได้ จึงมีการเผชิญหน้าหรือแสดงออกซ่ึงความขัดแย้งที่เปิดเผย ผู้บริหารบริหารจัดการ ความขัดแยง้ ไดอ้ ย่างเหมาะสม มาตรฐานความรับผิดชอบในการปฏิบัติงาน โรงเรียนมีมาตรฐานการปฏิบัติงาน ผู้บริหาร ครูและบุคลากรมีความรับผิดชอบ ตามมาตรฐานในการปฏิบัติงานและความคาดหวังสูง มีการปรับปรุงการปฏิบัติงานอย่างสม่าเสมอ จนทาให้สามารถปฏิบัติงานให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ ขวัญกาลังใจ ผู้บริหารส่งเสริมสร้างขวัญกาลังใจในการทางานให้กับครูและบุคลากร ทาให้ครูและบุคลากรมีพฤติกรรมในการปฏิบัติงานที่มีศักยภาพ รักในทีมงาน มีการตอบสนองของ สังคมที่ดี จนประสบความสาเร็จในหน้าท่ี องค์การสร้างขวัญและกาลังใจท่ีดี จนรู้สึกว่าองค์การ มีสภาพทนี่ า่ อยู่ นา่ ทางาน ทาใหท้ างานได้อย่างมีความสุข มีความรสู้ ึกว่ามีขวัญกาลงั ใจสูงในการทางาน เน้นผลงาน ผู้บริหารมีการส่ังการบังคับบัญชาและติดตามผลการปฏิบัติงานอย่าง เคร่งครัด บริหารจัดการศึกษาโดยมุ่งประสิทธิภาพและเน้นผลงาน ครูและบุคลากรปฏิบัติตามคาสั่ง อย่างเคร่งครัด โดยปราศจากปฏิกิริยาโต้แย้ง ได้รับการยกย่องเมื่อมีผลงานดีเด่น เม่ือปฏิบัติหน้าที่ อย่างเตม็ ศกั ยภาพ โดยมงุ่ เน้นผลงาน โครงสรา้ งการทางาน ผูบ้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรมีการกาหนดโครงสรา้ งขึน้ เองภายใน องค์การ ทาให้มีบรรยากาศท่ีเป็นแบบแผน โดยผู้บริหารมีการกาหนดเป้าหมายและวิธีในการทางาน ให้แก่ครแู ละบุคลากรเพ่ือใหบ้ รรลุเปา้ หมายขององค์การ
122 ความเป็นอิสระ ผู้บริหารให้อิสระกับครูและบุคลากรในการปฏิบัติงานตามสายงาน ครูและบุคลากรมีความเป็นอิสระในการตัดสินใจ ในการทางาน ในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น ในการสรา้ งสรรคส์ ิง่ ใหม่ ๆ ได้ โดยการแสดงออกน้นั ไม่มีผลกระทบต่อชีวิตการทางานในทางลบ ความอบอุ่น ผู้บริหารสร้างความอบอุ่น และสนับสนุนการทางานให้แก่บุคลากร มากกวา่ การลงโทษ ชว่ ยเหลอื ครูและบุคลากรท้งั ในเรื่องงานและเรอื่ งสว่ นตัว รวมทัง้ ครูและบุคลากร ท่ีสร้างความอบอุ่นและสนับสนุนการทางานซึ่งกันและกัน โรงเรียนมีบรรยากาศแห่งการสนับสนุน ชว่ ยเหลอื ทาใหเ้ กิดความอบอ่นุ ในการทางานร่วมกัน การจัดสภาพแวดล้อมขององค์การ โรงเรียนมีการจัดสภาพทางกายภาพที่รู้สึกเป็น อิสระเปิดกว้าง ขนาด แผนผัง การตกแต่งอาคารสถานท่ี ห้องเรียนเหมาะสม มีการจัดแบบจากัด จานวนนักเรียนทาให้ไม่แออัด ห้องเรียน อาคารเรียน สะอาด สะดวกสบายในการใช้งาน มีความ ปลอดภยั ไมม่ ีความเสยี่ ง มพี ้นื ทีส่ าหรบั การจัดการเรียนการสอนและกจิ กรรมทเ่ี หมาะสม สภาพแวดล้อมทางอารมณ์ความรู้สึก นักเรียนได้รับการเอาใจใส่ ตอบสนอง การสนับสนุนจากครูและบุคลากร จนมีความไว้วางใจครูและบุคลากรในโรงเรียน มีความเป็น กัลยาณมิตรต่อกันโรงเรียนเปิดรับความหลากหลายและยอมรับทุกวัฒนธรรมด้วยความยินดี ครูและ บคุ ลากรรู้สึกวา่ พวกเขาเปน็ พวกสนับสนนุ ความสาเร็จของโรงเรยี น จงึ ให้ความสาคญั และความเอาใจ ใส่โรงเรยี น ชุมชนมีความตระหนกั เอาใจใส่สนับสนนุ โรงเรียนทุกด้าน ผปู้ กครองรบั ร้วู ่าโรงเรยี นอบอุ่น น่าเรียน และใหค้ วามสนบั สนุนช่วยเหลอื การเปล่ียนแปลงในองค์การด้านเทคโนโลยี โรงเรียนมีการนาเทคโนโลยีสมัยใหม่มา ปรับใช้ในองค์การมีความยืดหยุ่นรองรับการเปลี่ยนแปลงจากวิทยาการสมัยใหม่ มีวัสดุ อุปกรณ์ อินเตอร์เน็ตประสิทธิภาพสูงพร้อมใช้สาหรับงานสานักงาน ห้องเรียนมีวัสดุ อุปกรณ์ อินเตอร์เน็ต ประสิทธิภาพสูงพร้อมใช้งานในการสืบค้นของนักเรียน ครูและบุคลากรมีความรู้ความสามารถในการ ใช้เทคโนโลยี วิทยาการสมัยใหม่ ผ้บู รหิ ารบริหารจัดการศึกษาโดยการใช้เทคโนโลยีที่ทนั สมัยเพื่อเพ่ิม ประสิทธภิ าพงาน ปัญญา โรงเรียนมีจุดเน้นท่ีชัดเจนท่ีส่งเสริมการบูรณาการปัญญามาใช้ในการจัด การเรียนรู้ และการบริหารจัดการ ผู้บริหาร มีความรู้ความเข้าใจในขอบเขตและที่มาของปัญญาคือ สุตมยปัญญ จินตามยปัญญา และภาวนามยปัญญามีทักษะด้านการบูรณาการปัญญา การคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ทักษะการปฏิบัติ ทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณบนพ้ืนฐานของ ข้อมูลรอบด้าน โดยใชป้ ญั ญามาใช้ในการบรกิ ารจดั การศกึ ษาใชห้ ลักธรรมาภบิ าล และหลกั ธรรมอิทธิ บาท 4 บูรณาการร่วมกับหลักปัญญาในการบริหาร ครู จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามระดับการเรียนรู้ จากปัญญา ผ่านการอ่าน การฟัง การคิด ไปจนถึงการปฏิบัติ เป็นผู้จัดกิจกรรมด้านส่งเสริมการอา่ น เก็บรวบรวมข้อมูลด้านการอ่านอย่างเป็นระบบ ศึกษาพัฒนาการด้านการอ่านของผู้เรยี น ส่งเสริมให้ นักเรยี นมีทักษะ การคิดอยา่ งมีเหตุผล แยกแยะสง่ิ ตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสมดว้ ยการบูรณาการปัญญา และนาหลักปัญญามาใช้กบั นกั เรียนแต่ละช่วงวยั ท่ีแตกต่างกันอย่างเหมาะสม โรงเรียน มีบรรยากาศ ส่งเสริมบูรณาการจินตมยปัญญาด้านกระบวนการคิดสร้างสรรค์ คิดเชิงวิเคราะห์ คิดเชิงวิพากษ์ คิดเชิงกลยุทธ์ คิดเปรียบเทียบ คิดเชิงบวก คิดเชิงนวัตกรรม คิดเชิงระบบ รับฟังความคิดเห็น ความคิด ประชุม อภิปราย การส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ ตามหลักกาลามสูตรร่วมกับการบูรณาการ
123 ปัญญา ให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเหตุอันควรเช่ือหรือไม่เช่ือ นอกจากน้ีมีบรรยากาศส่งเสริม บูรณาการสุตมยปัญญา กิจกรรมด้านทักษะการอ่าน การฟัง ท่ีหลากหลาย มีบรรยากาศส่ิงแวดล้อม ท่ีเหมาะกับการสืบค้น มีสื่อ เทคโนโลยีที่ส่งเสริมด้านปัญญา ด้านการคิด การฟัง และการปฏิบัติ จดั การเรยี นรู้การปฏิบตั ิจากข้ันตอนการสังเกต รับรู้ เพอ่ื ให้เกิดความเข้าใจและสรุปความคิดรวบยอด จัดกระบวนการเรียนร้จู ากการปฏิบัติโดยการทาตามตวั อยา่ ง จากขนั้ ตอนที่ไมซ่ ับซ้อนไปจนถงึ ขั้นตอน ท่ีซับซ้อน การทาโดยไม่มีแบบต้ังแต่ขั้นตอนแรกจนงานเสร็จสมบูรณ์ ปฏิบัติด้วยตนเองจนเกิดความ ชานาญ หรือทาได้โดยอัตโนมัติ ซ่ึงจะเกิดงานชิ้นใหม่ ได้เรียนรู้ตามความถนัดและแตกต่างของ แต่ละคน ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ส่งเสริมปัญญาที่เกิดจากการฝึกฝนและลงมือปฏิบัติตามหลัก ปัญญาด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย มีบรรยากาศเชิงบูรณาการปัญญา ทางกายภาพ จิตวิทยา จิตภาพ ส่งเสริมความรู้ ความคิด ความฉลาดด้านความรู้และอารมณ์ ส่งเสริมการแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างมี เหตุผลดว้ ยปญั ญาและนาความรไู้ ปใช้ในการปฏิบัติจริง ส่งเสริมบรรยากาศการศกึ ษาเล่าเรียน ฝกึ การ ฟังอย่างมสี มาธิ และวเิ คราะห์แยกแยะขอ้ มลู จรงิ หรอื เทจ็ อย่างถูกตอ้ ง สง่ เสริมด้านคุณธรรมจรยิ ธรรม ด้วยการบูรณาการปัญญา นาแนวทางบูรณาการปัญญามาพัฒนาประสิทธิภาพขององค์การ มีหลกั สตู รท่สี ่งเสรมิ ด้านบรู ณาการปัญญาใหก้ บั ผู้เรยี น มีการบรู ณาการปญั ญามาใชท้ ัง้ ในระดบั บริหาร และปฏิบัติการ กลุ่มสาระการเรียนรู้นาแนวทางบูรณาการปัญญามาใช้ในการจัดการเรยี นรู้ ผู้เรียนมี ความรู้ความสามารถเต็มศักยภาพมีบุคลกิ ลกั ษณะใฝ่เรียนดว้ ยตนเองโดยสามารถบรู ณาการปญั ญาคือ สุตมยปญั ญา จนิ ตามยปญั ญา และภาวนามยปญั ญาได้ สรุปผลการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิในการคัดกรององค์ประกอบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน พบว่าผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิมีความคิดเห็นต่อองค์ประกอบท้ัง 23 องค์ประกอบ มีความเหมาะสมและเป็นไปแนวทางท่สี อดคล้องกนั คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ตอนที่ 2 การวเิ คราะหข์ ้อมลู จากแบบสอบถาม การวิจัยน้ี ผู้วิจัยเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่าง จานวน 800 คน ซึ่งมีข้อ คาถามจานวน 220 ข้อ ส่งไปสอบถามไปยังสถานศึกษาท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่าง จานวน 200 โรงเรียน เปน็ โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสทางการศึกษา จานวน 100 โรงเรียน โรงเรียนมธั ยมศกึ ษา 100 โรงเรยี น โรงเรยี นละ 4 ฉบบั ได้รบั คนื จานวน 182 โรงเรียน ทัง้ สิ้น 728 ฉบับ คดิ เป็นร้อยละ 91.00 ข้อมลู สถานภาพทวั่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม เม่อื แยกพจิ ารณาตามเพศ อายุ ระดบั การศึกษา สูงสุด ตาแหน่ง ประสบการณ์ในการทางานในตาแหน่ง และประเภทโรงเรียน โดยการแจกแจงความถ่ี (Frequency) และหาค่าร้อยละ (percentage) เน่ืองจากข้อมูลที่ได้จากการสังเคราะห์เอกสารมีความ สอดคล้องกันหลายประการ ผู้วิจัยจึงนามาบูรณาการเข้าด้วยกัน และนามาจัดทาข้อคาถามเก่ียวกับ รูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน ได้จานวน 220 ข้อ และเมื่อตรวจสอบความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา โดยผู้เช่ียวชาญหรือ ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ จานวน 5 คน และหาคา่ ดัชนีความสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ (index of item - objective congruence : IOC ) ของเคร่ืองมือวิจัยแล้วพบว่า ได้ค่าดัชนีความสอดคล้อง 1.00 ทุกข้อ จากน้ันนา
124 แบบสอบถามไปทดลองใช้ (Try out) กับประชากรที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จานวน 8 โรงเรียน โดยแบ่งเป็น โรงเรียนมัธยมศึกษา จานวน 4 โรงเรียน โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสทางการศึกษา จานวน 4 โรงเรียน ในแต่ละโรงเรียนมีผู้ให้ข้อมูลโรงเรียนละ 4 คน ประกอบด้วย ผู้อานวยโรงเรียน 1 คน รองผู้อานวยการโรงเรียน 1 คน ครู 2 คน รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น 32 คน จากน้ันได้นาข้อมูลท่ีได้จาก แบบสอบถามมาวิเคราะห์หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม (reliability) ด้วยการคานวณค่า สัมประสิทธ์ิแอลฟ่า (α- coefficient) ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach’ alpha coefficient) ได้ค่าความ เชื่อม่ันเท่ากับ 0.991 ดังน้ัน แบบสอบถามดังกล่าวนี้ จึงมีความเหมาะสมสาหรับการนาไปใช้เก็บข้อมูล การวิจยั จากกลุ่มตวั อย่าง 2.1 สถานภาพทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตารางท่ี 4.2 สถานภาพทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ข้อมูลสว่ นบคุ คลของผ้ตู อบแบบสอบถาม ความถี่ ร้อยละ 1. เพศ 447 61.0 ชาย 281 39.0 728 100 หญิง รวม 49 6.7 104 14.3 2. อายุ 98 13.5 95 13.0 ต่ากวา่ 30 ปี 120 16.5 30 – 35 ปี 262 36.0 728 100 36 - 40 ปี 41 – 45 ปี 177 24.3 46 – 50 ปี 506 69.5 45 6.2 51 ปีข้ึนไป 728 100 รวม 3. ระดบั การศกึ ษา ปริญญาตรี ปริญญาโท ปรญิ ญาเอก รวม
125 ตารางที่ 4.2 (ตอ่ ) ข้อมูลส่วนบุคคลของผตู้ อบแบบสอบถาม ความถี่ รอ้ ยละ 4. ตาแหนง่ หนา้ ที่ 182 25.0 182 25.0 ผู้อานวยการโรงเรยี น 364 50.0 รองผ้อู านวยการโรงเรยี น 728 100 ครู รวม 5. อายกุ ารทางาน 124 17.0 ต่ากวา่ 5 ปี 168 23.1 5 – 10 ปี 144 19.8 56 7.7 11- 15 ปี 72 9.9 16 – 20 ปี 164 22.5 728 100 21 – 25 ปี มากกว่า 25 ปีข้นึ ไป 364 50 364 50 รวม 728 100 6. ประเภทโรงเรยี น ระดบั มัธยมศึกษา ระดับประถมศึกษาขยายโอกาส รวม จากตารางที่ 4.2 พบวา่ ผตู้ อบแบบมจี านวนท้ังสิ้น 728 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย 447 คน คิดเป็นร้อยละ 61.0 เป็นเพศหญิง จานวน 281 คน คิดเป็นร้อยละ 39.0 เป็นผู้ที่มีอายุ 51 ปีขึ้นไป จานวน 262 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 36.0 รองลงมาเปน็ ผูท้ ีม่ ีอายุ 46 – 50 ปี จานวน 120 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 16.5 คนท่ีมีอายุ 30 – 35 ปี จานวน 104 คน คิดเป็นร้อยละ 14.3 คนท่ีมีอายุ 36 - 40 ปี จานวน 98 คน คิดเป็นร้อยละ 13.5 คนท่ีอายุ 41 – 45 ปี จานวน 95 คน คิดเป็นร้อยละ 13.0 สว่ นคนท่ตี ่ากว่า 30 ปมี ีจานวน 49 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 6.7 ตามลาดับ ผตู้ อบแบบสอบถามสว่ นใหญม่ ีการศึกษาสูงสุดอยู่ในระดบั ปรญิ ญาโท จานวน 506 คดิ เป็น ร้อยละ 69.5 รองลงมามีการศึกษาอยูร่ ะดับปริญญาตรี จานวน 177 คิดเป็น ร้อยละ 24.3 และน้อย ทส่ี ดุ คอื ผู้มีการศึกษาอย่รู ะดับปริญญาเอกมจี านวน 45 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 6.2 สาหรับข้อมูลการดารงตาแหน่งในสถานศึกษาของผู้ตอบแบบสอบถาม ตาแหน่งครู จานวน 364 คน คิดเป็นร้อยละ 50.0 รองลงมาเป็นตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียน จานวน 182 คน คดิ เป็นร้อยละ 25.0 และตาแหน่งผู้รองอานวยการโรงเรียน มจี านวน 182 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 25.0
126 ท้ังน้ีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดพบว่า ส่วนใหญ่มีประสบการณ์การทางานในตาแหน่ง ปัจจุบัน 5 - 10 ปีจานวน 168 คน คิดเป็นร้อยละ 23.1 รองลงมาเป็นผู้ท่ีมีประสบการณ์การทางาน มากกว่า 25 ปีข้ึนไปจานวน 164 คนคิดเป็นร้อยละ 22.5 เป็นผู้ท่ีมีประสบการณ์การทางาน 11 - 15 ปี จานวน 144 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 19.8 เป็นผูท้ มี่ ปี ระสบการณก์ ารทางานต่ากว่า 5 ปี จานวน 124 คน คิดเป็นร้อยละ 17.0 เป็นผู้ที่มีประสบการณ์การทางาน 21 - 25 ปี จานวน 72 คิดเป็นร้อยละ 9.9 เป็นผู้ท่ีมีประสบการณ์การทางานท่ีตอบแบบสอบถามจานวนน้อยท่ีสุดคือ 16 - 20 ปี มีจานวน 56 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 7.7 ตามลาดับ ส่วนประเภทของโรงเรียน พบว่า เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาที่เป็นโรงเรียนท่ีมีผู้ตอบ แบบสอบถามจานวน 364 คน คิดเป็นร้อยละ 50 เป็นโรงเรียนระดับประถมขยายโอกาสทางการศึกษา ทีเ่ ปน็ โรงเรียนท่ีมีผตู้ อบแบบสอบถามจานวน 364 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 50 ซึง่ เปน็ สดั สว่ นท่ีเท่ากนั 2.2 การวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นเก่ียวกับบรรยากาศองค์การการเชิงบูรณาการ ปญั ญาของโรงเรยี นสังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน การวิเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของ โรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ค่ามัชฌิมเลขคณิต ( ������̅ ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยนาค่ามัชฌมิ เลขคณติ ทไ่ี ด้มาเทียบกับเกณฑ์ตามแนวคิด ของเบสท์ (Best) ปรากฏดังตารางท่ี 4.3 ตารางที่ 4.3 ค่าเฉล่ียส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และระดับของแต่ละตัวแปรท่ีเป็นองค์ประกอบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพ้นื ฐานในภาพรวม บรรยากาศองคก์ ารเชิงบูรณาการปัญญาของ โรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน ������̅ S.D. ระดบั 1. ผบู้ รหิ ารใหค้ วามเชอ่ื ถือไวว้ างใจตวั ครแู ละบุคลากรในการปฏบิ ัติหน้าท่ี 4.36 .627 มาก .656 มาก 2. ครูและบุคลากรใหค้ วามเชื่อถือไว้วางใจในตวั ผูบ้ รหิ ารในฐานะผู้นาองคก์ าร 4.33 .715 มาก .726 มาก 3. ผู้บริหารใหค้ วามเกื้อหนุนครูและบคุ ลากรในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี 4.40 .740 มาก 4. ครแู ละบคุ ลากรมอี สิ ระในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานในหนา้ ท่ี 4.31 .677 มาก .690 มาก 5. ผู้บรหิ ารรับฟังความคดิ เห็นของครแู ละบคุ ลากร 4.30 .671 มาก .677 มาก 6. ผูบ้ รหิ ารมีพฤตกิ รรมเปน็ ผู้นาในการสง่ เสริมการปฏบิ ัติงานของครู และบคุ ลากร 4.41 7. ผู้บรหิ ารมีการตัดสนิ ใจและการแกป้ ญั หาทเี่ หมาะสมกบั สถานการณ์ 4.33 8. ผู้บริหารมีภาวะผู้นาในการบริหารจดั การองค์การ 4.40 9. ผูบ้ รหิ ารเขา้ ใจภาพรวมของสภาวะแวดลอ้ มต่าง ๆ ที่มีผลกระทบตอ่ องค์การ 4.34
127 ตารางที่ 4.3 (ตอ่ ) บรรยากาศองค์การเชิงบรู ณาการปัญญาของ โรงเรยี นสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ������̅ S.D. ระดับ 10. ผบู้ ริหารมีส่วนรว่ มในการพฒั นาศกั ยภาพของครแู ละบุคลากร 4.46 .652 มาก 11. ผู้บรหิ ารสามารถเป็นผ้นู าทีมให้ครูและบุคลากรในการปฏิบัตงิ าน ไดบ้ รรลุเปา้ หมายความสาเร็จขององคก์ าร 4.44 .648 มาก 12. ครูและบคุ ลากรในองคก์ ารมีแรงจูงใจในการปฏิบัตงิ าน 4.22 .736 มาก 13. ผ้บู ริหารสรา้ งแรงจงู ใจให้กบั ครแู ละบุคลากรในการปฏบิ ัตหิ น้าท่ี 4.28 .758 มาก 14. ครแู ละบุคลากรมีทัศนคตทิ ีด่ ตี ่อองค์การและวตั ถปุ ระสงคข์ ององคก์ าร 4.33 .666 มาก 15. ครแู ละบุคลากรใหก้ ารยอมรบั วธิ ีการจงู ใจของผบู้ ริหาร 4.15 .746 มาก 16. ครแู ละบคุ ลากรมีความรบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ทต่ี ามโครงสรา้ งงานทก่ี าหนด 4.38 .633 มาก 17. ครแู ละบคุ ลากรมีทัศนคติทดี่ ตี อ่ เพอื่ นร่วมงาน 4.28 .673 มาก 18. ครูและบุคลากรมีความพงึ พอใจตอ่ สถานภาพของตน 4.30 .668 มาก 19. ครแู ละบุคลากรมคี วามพงึ พอใจในความสาเร็จของตน 4.34 .663 มาก 20. ผูบ้ รหิ ารใหก้ ารสนบั สนุนโดยการให้รางวัลเป็นแรงจูงใจ 4.16 .812 มาก 21. ผบู้ รหิ ารใชแ้ รงจงู ใจกบั ครูและบคุ ลากรเพื่อให้เกิดความพึงพอใจในงาน 4.19 .752 มาก 22. ครแู ละบคุ ลากรมีปฏิสัมพนั ธ์และการตดิ ต่อสื่อสารซง่ึ กันและกนั เพือ่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ขององคก์ าร 4.30 .703 มาก 23. โรงเรียนมีทศิ ทางของขา่ วสารที่ชดั เจน 4.31 .676 มาก 24. การส่อื สารในองคก์ ารจากเบ้อื งบนสเู่ บื้องลา่ ง 4.22 .728 มาก 25. ผู้บริหารจงใจให้ครแู ละบคุ ลากรรบั ร้ขู ่าวสาร 4.38 .667 มาก 26 .ครแู ละบุคลากรมียอมรับการติดต่อสื่อสารจากผู้บริหาร 4.37 .655 มาก 27. การตดิ ตอ่ สอ่ื สารจากผูบ้ ริหารถงึ ครแู ละบุคลากรเปน็ ไปตาม สายบงั คบั บัญชา 4.40 .641 มาก 28 .ครแู ละบุคลากรตระหนกั ถึงความถูกต้องของขา่ วสารท่สี ่งไปยังผู้บริหาร 4.40 .612 มาก 29. มแี รงผลกั ดนั ทม่ี ผี ลตอ่ ความถูกต้องสมบรู ณ์ของข่าวสาร 4.32 .622 มาก 30. ขา่ วสารทส่ี ่งไปจากครแู ละบุคลากรถึงผูบ้ ริหารมคี วามถูกตอ้ ง 4.34 .639 มาก 31. องค์การมกี ารสนับสนุนการติดตอ่ สื่อสารจากครแู ละบุคลากร 4.37 .641 มาก 32 .ในองค์การมกี ารติดต่อสือ่ สารกันภายในฝา่ ยต่าง ๆ เพยี งพอและถูกตอ้ ง 4.38 .642 มาก 33. ผ้บู รหิ ารกับครแู ละบคุ ลากรมคี วามใกล้ชดิ กัน 4.26 .749 มาก 34 .ผู้บริหารรับร้แู ละเขา้ ใจปัญหาของครูและบุคลากรในการปฏิบตั ิงาน 4.28 .722 มาก 35. ผู้บริหารกับครูและบุคลากรมีความเขา้ ใจซ่ึงกนั และกนั ในการปฏิบตั ิหน้าที่ 4.29 .710 มาก 36. ครแู ละบคุ ลากรมกี ารรบั ร้แู ละพงึ พอใจในการรับข้อมูลข่าวสารทเ่ี กย่ี วกบั การปฏิบัตงิ านของโรงเรียนอยา่ งถกู ตอ้ งและทันเหตุการณ์ 4.34 .654 มาก
128 ตารางท่ี 4.3 (ต่อ) บรรยากาศองค์การเชงิ บูรณาการปัญญาของ โรงเรยี นสังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ������̅ S.D. ระดับ 37. ครูและบคุ ลากรมีความคาดหวังจากการนเิ ทศและมาตรฐานความต้องการ ของโรงเรยี นมาก 4.18 .671 มาก 38. ครูและบคุ ลากรมีความคาดหวังเกย่ี วกบั มาตรฐานการจดั การห้องเรียน 4.33 .630 มาก 39. การสื่อสารของครูและบุคลากรกับผ้นู ิเทศเป็นไปในเชงิ บวก 4.33 .650 มาก 40. องคก์ ารมกี ารติดต่อสอื่ สารอยา่ งเปิดเผยซึง่ กนั และกัน 4.37 .669 มาก 41. ครแู ละบคุ ลากรมีความเชอื่ ว่าแนวคดิ ของตนมีอทิ ธพิ ลตอ่ โรงเรียน 4.04 .808 มาก 42. ครูและบุคลากรสามารถสื่อสารกับผ้บู รหิ ารเกี่ยวกับอุปสรรคในการทางาน 4.23 .702 มาก 43. ครูและบุคลากรสามารถสื่อสารกบั ผูบ้ รหิ ารในความเหน็ ท่แี ตกตา่ งออกไป 4.10 .772 มาก 44. ผู้บรหิ ารรบั ฟังครูและบุคลากรในเรอ่ื งงานและปัญหาสว่ นตัว 4.20 .735 มาก 45. ในองค์การมกี ารควบคุมการปฏิบัตงิ านของบคุ ลากรอยา่ งเป็นระบบ 4.26 .651 มาก 46. ข้อมูลและมาตรการที่ใชต้ รวจสอบควบคมุ งานสมบรู ณ์ถกู ต้อง 4.25 .647 มาก 47. ขอบเขตของการตรวจสอบและควบคุมภายในองค์การมปี ระสิทธิภาพ 4.24 .643 มาก 48. ผูบ้ ริหารใช้ขอ้ มลู มาเป็นเกณฑก์ ารควบคุม 4.30 .667 มาก 49. ผบู้ รหิ ารมีกฎเกณฑอ์ ยา่ งเขม้ งวดในการบรหิ ารและส่ังการ 4.13 .709 มาก 50. ผู้บรหิ ารมีการตรวจสอบกอ่ นลงนามทุกครง้ั 4.42 .665 มาก 51. ผบู้ รหิ ารกาหนดตารางการปฏบิ ตั ิงานให้แก่ครูและบุคลากรอย่างชัดเจน 4.32 .668 มาก 52 .ผ้บู รหิ ารมกี ารแก้ไขตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดในการปฏบิ ัติงาน ใหแ้ กค่ รูและบุคลากร 4.30 .690 มาก 53. ครูและบุคลากรมีการยอมรับได้กบั ผู้บรหิ ารทม่ี คี วามเป็นเผดจ็ การ 2.54 .697 ปานกลาง 54. ผ้บู รหิ ารมีการนิเทศครแู ละบุคลากรอยา่ งใกลช้ ดิ 4.15 .752 มาก 55. ระดบั ขอ้ มูลการรายงานตา่ ง ๆ ถกู นาไปใชใ้ นการควบคุมการปฏิบตั งิ าน 4.17 .695 มาก 56. ผบู้ ริหารมีความยตุ ธิ รรมในการบริหารจดั การและการใหร้ างวลั 4.26 .737 มาก 57. .ผ้บู รหิ ารมคี วามยตุ ธิ รรมระหวา่ งการให้รางวัลและการรับโทษ 4.22 .722 มาก 58. ผบู้ ริหารให้รางวัลครแู ละบุคลากรเมื่อปฏบิ ัติงานไดด้ แี ละเหมาะสม กับระดับผลงาน 4.27 .679 มาก 59. การเล่อื นข้ันเงินเดอื นมีความยุตธิ รรมเปน็ ไปตามความสามารถและผลงาน 4.28 .662 มาก 60. ครูและบคุ ลากรยอมรบั ไดก้ ับความยุติธรรมของผู้บรหิ าร 4.41 .651 มาก 61. ครแู ละบุคลากรมสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ัตงิ านตามโครงสรา้ งภาระงาน 4.35 .645 มาก 62. ครแู ละบุคลากรร้สู ึกวา่ ไดร้ บั โอกาสในการทางานกบั เพ่ือนร่วมงาน 4.35 .635 มาก 63. ครูและบุคลากรมีความพึงพอใจกบั ความมงุ่ มั่นทีจ่ ะทางานรว่ มกัน 4.32 .622 มาก 64. ครูและบุคลากรร่วมมือกนั ในการตัดสนิ ใจแกป้ ัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ 4.32 .668 มาก
129 ตารางท่ี 4.3 (ต่อ) บรรยากาศองค์การเชงิ บรู ณาการปญั ญาของ โรงเรยี นสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน ������̅ S.D. ระดบั 65. ครแู ละบุคลากรมโี อกาสเสนอแนวคดิ ใหม่ ๆ ให้กบั องคก์ าร 4.30 .690 มาก 66. ครูและบุคลากรรู้สกึ วา่ ไดร้ ับการยอมรับและมีคุณค่าตอ่ องคก์ าร 2.54 .697 4.15 .752 ปานกลาง 67. ผู้บรหิ ารยอมให้ครแู ละบคุ ลากรมีสว่ นร่วมในการทางาน 4.17 .695 68. ครูและบุคลากรมพี ฤติกรรมในการใหค้ วามรว่ มมอื 4.26 .737 มาก 69. ครแู ละบคุ ลากรมคี วามภาคภมู ใิ จในองคก์ ารของตน 4.22 .722 มาก 4.27 .665 มาก 70. ครแู ละบคุ ลากรไดร้ ับการสนับสนุนร่วมมือจากเพอื่ นรว่ มงาน 4.24 .702 มาก 71. ผู้บริหารใช้การวิจารณ์อยา่ งสร้างสรรคใ์ นการบรหิ ารจดั การองค์การ 4.17 .761 มาก 4.31 .659 มาก 72. ผบู้ ริหารวจิ ารณ์ครูและบุคลากรดว้ ยเหตผุ ล 4.28 .668 มาก 73. ผู้บริหารจัดหาสวัสดกิ ารให้แกค่ รูและบคุ ลากรอยา่ งเหมาสม 4.27 .723 มาก 74. ผบู้ ริหารชมเชยใหก้ าลังใจครแู ละบุคลากรในการปฏบิ ัติหนา้ ที่ 4.36 .683 มาก 4.34 .709 มาก 75. ผ้บู ริหารยอมรบั และรบั ฟงั คาแนะนาจากครูและบคุ ลากร 4.41 .662 มาก 76. ผบู้ รหิ ารปฏบิ ตั ติ อ่ ครแู ละบคุ ลากรอยา่ งเทา่ เทยี ม 4.45 .655 มาก 4.40 .652 มาก 77. ผบู้ ริหารเห็นคณุ ค่าของครูและบคุ ลากรในองคก์ าร 4.29 .645 มาก 78. ผบู้ ริหารเป็นคนทค่ี รแู ละบคุ ลากรเขา้ ถึงไดง้ ่าย 4.22 .688 มาก 79. ผู้บรหิ ารมกี ารสนบั สนนุ ด้านวิชาการให้กับครแู ละบุคลากร 4.26 .651 มาก 4.41 1.991 มาก 80. ผบู้ ริหารสนบั สนนุ ให้มีการอบรมและพฒั นาศักยภาพครูและบคุ ลากร 4.30 .727 มาก 81. ผบู้ รหิ ารมีการสนบั สนนุ ในการพฒั นาองค์กรให้มปี ระสทิ ธภิ าพเป็นทยี่ อมรบั 4.23 .712 มาก 4.24 .726 มาก 82. ครแู ละบุคลากรมคี วามสนทิ สนมระหวา่ งกันภายในองคก์ าร 3.87 1.088 มาก 83. ครูและบคุ ลากรมีการสังสรรคก์ ันในองคก์ ารอย่างใกล้ชดิ 2.50 .867 มาก 84. ครูและบคุ ลากรให้การสนับสนุนทางสงั คมแก่เพือ่ นร่วมงานอยา่ งเข้มแขง็ มาก 2.36 1.074 นอ้ ย 85. ครูและบคุ ลากรมีความรู้สกึ เป็นสมาชกิ หรอื ผ้รู ว่ มงานในองค์การ 2.29 1.026 86. ครแู ละบคุ ลากรมกี ารสรา้ งระบบมนษุ ยส์ มั พันธ์ทีด่ ตี ่อกัน นอ้ ย 4.04 .828 นอ้ ย 87. ครูและบุคลากรมีความไวว้ างใจ เชอื่ ม่ันซ่งึ กนั และกันในการทางาน 88. ผู้บริหารให้ความสนทิ สนมกบั ครูและบคุ ลากรในองค์การ มาก 89. ครแู ละบุคลากรส่วนน้อยไม่เหน็ ดว้ ยการมติทปี่ ระชมุ 90. ครแู ละบคุ ลากรสว่ นนอ้ ยไม่เหน็ ด้วยกับครูและบุคลากรสว่ นใหญ่ 91. ครูและบุคลากรใช้พลงั กลุ่มกดดนั เพอ่ื นร่วมงานท่ีปฏิบตั แิ ตกตา่ ง ไปจากคนอน่ื ๆ 92. ครแู ละบุคลากรมบี างส่วนมกั พูดไมต่ รงประเดน็ ในการประชมุ 93. ครูและบคุ ลากรรูส้ ึกวา่ กฎระเบียบและนโยบายของโรงเรยี น ช่วยในการทางาน
130 ตารางที่ 4.3 (ตอ่ ) บรรยากาศองค์การเชงิ บรู ณาการปญั ญาของ โรงเรียนสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ������̅ S.D. ระดับ 94. ผลตอบกลบั จากการนเิ ทศมีประโยชนต์ ่อครแู ละบุคลากรในการทางาน 4.24 .700 มาก มาก 95. ครูและบุคลากรมโี อกาสในการปฏิบตั งิ านและรบั ผดิ ชอบงานในโรงเรียน 4.36 .628 มาก 96. ครแู ละบุคลากรรู้สกึ วา่ การตดั สินใจด้านการศกึ ษามคี วามเหมาะสม 4.26 .656 มาก มาก 97. การเรียนการสอนในหอ้ งเรยี นยดึ นักเรยี นเปน็ ศนู ย์กลางมสี ่อื และอุปกรณ์ มาก มาก เทคโนโลยีพรอ้ มใช้ 4.23 .746 มาก มาก 98. คุณภาพการศกึ ษาสามารถพัฒนานกั เรยี นให้คนดมี คี ุณภาพ 4.38 .647 มาก 99. ครปู ระเมินนักเรยี นตามความเปน็ จรงิ 4.38 .635 มาก 100. ครแู ละบุคลากรเหน็ วา่ การศึกษาชว่ ยพัฒนาพ้ืนฐานอาชีพใหก้ ับนกั เรียน 4.44 .642 มาก มาก 101. ครูเหน็ วา่ การศกึ ษาชว่ ยพฒั นาทักษะตา่ ง ๆ ให้เกดิ ขึน้ กับผู้เรียน 4.49 .618 มาก มาก 102. ผบู้ รหิ ารมีนโยบายและการปฏบิ ตั ิงานทชี่ ดั เจนเหมาะสม 4.37 .673 มาก มาก 103. ผู้บริหารมกี ารบรหิ ารงานด้านบคุ ลากร วัสดุอปุ กรณ์ สถานท่ี มาก ส่ิงอานวยความสะดวก งบประมาณ และเทคโนโลยี อย่างเหมาะสม 4.33 .632 มาก มาก 104. โรงเรียนมสี ภาพแวดล้อมทางสังคมของนักเรียนเหมาะสม 4.33 .653 มาก มาก 105. โรงเรยี นมีสภาพแวดลอ้ มทางวิชาการสง่ เสริมการสร้างนวัตกรรม มาก มาก การวจิ ัยเพ่อื เพมิ่ ศกั ยภาพผเู้ รยี น 4.24 .681 มาก 106. โรงเรียนมีปจั จยั ทีส่ นบั สนุนด้านความสาเรจ็ ของนกั เรียนทกุ ด้าน 4.17 .726 มาก 107. โรงเรยี นมีสภาพแวดล้อมทางสังคมทเ่ี หมาะสม 4.26 .677 108. อาคารเรยี นมเี พียงพอและเหมาะสมกบั จานวนนักเรยี น 4.18 .808 109 .โรงเรยี นมสี ภาพแวดล้อมท่ปี ลอดภยั สะดวกในทุก ๆ ทใี่ นโรงเรียน 4.30 .686 110. หอ้ งเรียนสะอาด เรียบร้อย สวยงามเป็นระเบียบ 4.20 .710 111. หอ้ งเรยี นมสี อ่ื ส่งเสรมิ ทางวิชาการทหี่ ลายหลาย ทนั สมัย เพียงพอ พรอ้ มใช้ 4.06 .755 112. ห้องเรียนมีวสั ดุ อปุ กรณ์ เทคโนโลยที ่ีทันสมยั พร้อมใชง้ าน 4.04 .778 113. โรงเรียนมีบรรยากาศทีส่ ง่ เสรมิ การเรยี นร้ทู ี่หลากหลาย 4.21 .720 114. ครูและบุคลากรมสี ่วนร่วมในความเสี่ยงและรางวลั 4.00 .822 115. ครแู ละบคุ ลากรมีการไดร้ ับรางวัลเม่อื มีผลงานดีและถูกลงโทษเม่ือทาผิด 4.11 .764 116. ครูและบคุ ลากรมคี วามรสู้ ึกทดี่ ตี อ่ การทางานกบั องคก์ าร 4.27 .621 117. ครแู ละบุคลากรทไ่ี ด้รับรางวัลจะมีความรบั ผิดชอบเพิม่ มากขนึ้ 4.10 .738 118. ครแู ละบคุ ลากรที่ทางานได้บรรลุเป้าหมายจะไดอ้ านาจ และการเล่อื นตาแหนง่ ท่ีสูงขึน้ 3.96 .911 119. ประเภทของรางวลั ที่แตกต่างกนั ย่อมมีความร้สู ึกกับองค์การที่แตกต่างกนั 3.99 .859
131 ตารางที่ 4.3 (ต่อ) บรรยากาศองคก์ ารเชงิ บรู ณาการปญั ญาของ โรงเรยี นสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ������̅ S.D. ระดับ 120. ผู้บริหารกบั ครูและบุคลากรมคี วามขัดแยง้ ที่ยอมรับได้ 2.62 .605 ปานกลาง 121. ครแู ละบุคลากรมคี วามขดั แยง้ ซง่ึ เปน็ การรับร้เู ก่ียวกับความไม่เข้าใจ .695 ปานกลาง กนั เองของบุคลากรในหนว่ ยงาน 2.53 .521 ปานกลาง .738 ปานกลาง 122. ครแู ละบคุ ลากรมีลกั ษณะทยี่ อมรบั วา่ ความขดั แยง้ เปน็ เรือ่ งธรรมดา .766 มาก .794 มาก ท่ีเกดิ ข้นึ ได้ 2.73 .663 มาก .645 มาก 123. ครูและบุคลากรมีการเผชญิ หน้าหรือแสดงออกซึง่ ความขัดแย้งท่ีเปิดเผย 2.53 .705 มาก .692 มาก 124. ครูและบคุ ลากรสามารถบริหารจัดการความขัดแยง้ ได้อย่างเหมาะสม 4.06 .673 มาก .651 มาก 125. ผูบ้ รหิ ารสามารถบรหิ ารจัดการภายใตค้ วามขดั แย้งที่ยอมรับได้ 4.06 .682 มาก .660 มาก 126. โรงเรียนมีมาตรฐานความรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั งิ าน 4.28 .718 มาก .737 มาก 127. ครูและบุคลากรมีมาตรฐานความรบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิงาน 4.30 .693 มาก .710 มาก 128. ผบู้ ริหารมีมาตรฐานความรับผิดชอบในการปฏบิ ัติงาน 4.33 .644 มาก .694 มาก 129. โรงเรียนมมี าตรฐานการปฏิบัตงิ านและความคาดหวังสงู 4.22 .686 มาก .715 มาก 130. ครูและบคุ ลากรมีการปรบั ปรุงการปฏบิ ตั งิ านสม่าเสมอ 4.22 .687 มาก .653 มาก 131. ครแู ละบุคลากรสามารถปฏบิ ัติงานใหบ้ รรลตุ ามเปา้ หมายทว่ี างไว้ 4.26 .650 มาก .696 มาก 132. ครแู ละบุคลากรมพี ฤติกรรมในการปฏบิ ัตงิ านโดยมีขวญั กาลังใจดี 4.22 .702 มาก 133. ครแู ละบคุ ลากรมีความรักในทีมงานเพราะมกี ารตอบสนองของสงั คมท่ีดี 4.29 134. ครูและบคุ ลากรมีความสาเรจ็ ในหน้าทีเ่ น่ืองจากมีขวญั กาลังใจดี 4.16 135. ผบู้ รหิ ารส่งเสรมิ สร้างขวัญกาลังใจในการทางานใหก้ ับครูและบคุ ลากร 4.28 136. ครูและบคุ ลากรมีความร้สู กึ เห็นวา่ องค์การมสี ภาพทนี่ า่ อยู่ น่าทางาน 4.24 137. ครแู ละบคุ ลากรทางานอย่างมคี วามสขุ ในองค์การทส่ี รา้ งขวัญกาลงั ใจดี 4.23 138. ครูและบคุ ลากรมขี วญั กาลงั ใจดสี ง่ ผลใหเ้ พ่มิ ศกั ยภาพในการปฏบิ ตั ิงาน 4.30 139. ผบู้ รหิ ารมีการสั่งการบังคับบญั ชาและติดตามผลการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครดั 4.21 140. ครแู ละบคุ ลากรตอ้ งปฏบิ ตั ิตามคาส่ังผูบ้ รหิ ารอย่างเคร่งครดั 4.20 141. ครแู ละบคุ ลากรปฏบิ ตั ติ ามคาส่ังผ้บู รหิ ารโดยปราศจากปฏกิ ริ ิยาโต้แยง้ 4.09 142. ครแู ละบคุ ลากรได้รบั การยกยอ่ งเมอื่ มีผลงานดเี ด่น 4.31 143. ผู้บริหารบรหิ ารจัดการศึกษามุ่งประสิทธิภาพและเน้นผลงาน 4.33 144. ครูและบุคลากรปฏิบัติหน้าทอ่ี ยา่ งเต็มศักยภาพโดยมุง่ เนน้ ผลงาน 4.28 145. ผ้บู รหิ ารครูและบุคลากรมกี ารกาหนดโครงสร้างขน้ึ เองภายในองคก์ าร 4.25 146. ผู้บริหารมีการกาหนดโครงสรา้ งท่เี ป็นแบบแผนจงึ ทาให้มีบรรยากาศ ทเี่ ป็นแบบแผน 4.21
132 ตารางท่ี 4.3 (ตอ่ ) บรรยากาศองคก์ ารเชิงบรู ณาการปัญญาของ โรงเรียนสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน ������̅ S.D. ระดับ 147. ผบู้ รหิ ารมีการกาหนดเปา้ หมายและวธิ ีในการทางานใหแ้ กค่ รู และบุคลากรเพอื่ ให้บรรลุเปา้ หมายขององค์การ 4.09 .715 มาก 148. ครูและบคุ ลากรมีความเปน็ อิสระในการตดั สินใจ 4.31 .687 มาก 149. ครแู ละบคุ ลากรมีความเปน็ อิสระในการทางาน 4.33 .653 มาก 150. ครูและบคุ ลากรมีความเป็นอิสระในการแสดงออกซ่ึงความคดิ เห็น 4.28 .650 มาก 151. ครแู ละบคุ ลากรแสดงออกได้โดยไมม่ ีผลกระทบต่อชวี ิตการทางานในทางลบ 4.25 .696 มาก 152. ครูและบคุ ลากรมอี ิสระในการสรา้ งสรรคส์ ่งิ ใหม่ ๆ ได้ 4.21 .702 มาก 153. ผู้บริหารให้อสิ ระกบั ครูและบคุ ลากรในการปฏิบัตงิ านตามสายงาน 4.29 .700 มาก 154. ผูบ้ ริหารสร้างความอบอนุ่ และสนบั สนนุ การทางานใหแ้ ก่บคุ ลากร 4.26 .733 มาก 155. ผู้บรหิ ารมุง่ สร้างความอบอุ่นใหก้ ับครแู ละบุคลากรมากกวา่ การลงโทษ 4.31 .683 มาก 156. ครูและบคุ ลากรสรา้ งความอบอุ่นและสนบั สนนุ การทางานซงึ่ กนั และกัน 4.30 .657 มาก 157.ผูบ้ ริหารให้ความอบอ่นุ ชว่ ยเหลือครูและบุคลากรทงั้ ในเรอื่ งงาน และเรือ่ งส่วนตวั 4.16 .696 มาก 158. โรงเรียนมบี รรยากาศแหง่ การสนบั สนนุ ช่วยเหลือทาให้เกดิ ความอบอนุ่ ในการทางานรว่ มกนั 4.27 .686 มาก 159. โรงเรียนมกี ารจดั สภาพทางกายภาพทร่ี ู้สกึ เป็นอสิ ระเปิดกวา้ ง 4.26 .677 มาก 160. โรงเรียนมกี ารจดั สภาพทางกายภาพ ขนาด แผนผงั การตกแตง่ เหมาะสม 4.24 .671 มาก 161. โรงเรยี นมกี ารจัดสภาพทางกายภาพ อาคารสถานที่ ห้องเรยี นเหมาะสม 4.26 .692 มาก 162. ห้องเรียนมกี ารจัดแบบจากัดจานวนนกั เรยี นทาให้ไม่แออัด 4.26 .719 มาก 163. หอ้ งเรยี น อาคารเรยี น สะอาด สะดวกสบายในการใชง้ าน 4.25 .699 มาก 164. หอ้ งเรยี น อาคารเรียน มีความปลอดภยั ไมม่ คี วามเสีย่ ง 4.27 .678 มาก 165. โรงเรยี นมพี ื้นท่สี าหรบั การจดั การเรียนการสอนและกจิ กรรมทเี่ หมาะสม 4.29 .708 มาก 166. นักเรียนไดร้ ับการเอาใจใส่ ตอบสนอง การสนับสนุนจากครูและบคุ ลากร 4.34 .641 มาก 167. นักเรยี นมคี วามไวว้ างใจครูและบุคลากรในโรงเรียน 4.35 .609 มาก 168. ครูและบุคลากรมคี วามรสู้ ึกว่ามขี วญั กาลงั ใจสงู ในการทางาน 4.22 .666 มาก 169. นักเรยี น ครแู ลบคุ ลากรมีความเป็นกัลยาณมิตรตอ่ กนั 4.38 .621 มาก 170. โรงเรยี นเปิดรบั ความหลากหลายและยอมรับทกุ วัฒนธรรมดว้ ยความยินดี 4.46 .599 มาก 171. ครแู ละบคุ ลากรรู้สึกวา่ พวกเขาเปน็ พวกสนบั สนนุ ความสาเร็จของโรงเรยี น 4.36 .628 มาก 172. ชุมชนมีความตระหนกั เอาใจใส่ สนับสนุนโรงเรยี นทกุ ด้าน 4.27 .659 มาก 173. ครูและบคุ ลากรทางานให้ความสาคัญและความเอาใจใส่โรงเรียน 4.37 .598 มาก 174. ผู้ปกครองรบั รู้วา่ โรงเรยี นอบอนุ่ น่าเรียน และให้ความสนบั สนุนช่วยเหลอื 4.28 .607 มาก
133 ตารางท่ี 4.3 (ต่อ) บรรยากาศองคก์ ารเชิงบูรณาการปญั ญาของ โรงเรยี นสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน ������̅ S.D. ระดับ 175. โรงเรียนมีการนาเทคโนโลยสี มัยใหมม่ าปรับใช้ในองค์การ 4.30 .649 มาก 176. โรงเรียนมีความยดื หยุ่นรองรบั การเปลย่ี นแปลงจากวทิ ยาการสมัยใหม่ 4.30 .652 มาก 177. โรงเรียนมีวัสดุ อปุ กรณ์ อนิ เตอร์เน็ตประสทิ ธภิ าพสูงพรอ้ มใช้ สาหรบั งานสานักงาน 4.21 .807 มาก 178. หอ้ งเรยี นมีวัสดุ อปุ กรณ์ อนิ เตอร์เน็ตประสิทธิภาพสงู พรอ้ มใช้งาน ในการสืบค้นของนกั เรียน 4.07 .807 มาก 179. ครูและบุคลากรมคี วามรูค้ วามสามารถในการใช้เทคโนโลยี วทิ ยาการสมัยใหม่ 4.18 .710 มาก 180. ผบู้ ริหารบรหิ ารจัดการศึกษาโดยการใชเ้ ทคโนโลยีที่ทนั สมัย เพอ่ื เพิ่มประสทิ ธภิ าพงาน 4.25 .700 มาก 181. โรงเรียนมีจุดเนน้ ทชี่ ัดเจนที่สง่ เสริมการบรู ณาการปญั ญามาใช้ ในการจัดการเรยี นรู้ 4.24 .696 มาก 182. การบรหิ ารจดั การมีจดุ เนน้ ท่ชี ัดเจนท่สี ง่ เสรมิ การบรู ณาการปัญญา มาใช้ในการบรหิ ารจดั การ 4.24 .698 มาก 183. ผู้บรหิ ารมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในขอบเขตและทมี่ าของปญั ญา คอื สตุ มยปญั ญ จนิ ตามยปญั ญา และภาวนามยปัญญา 4.25 .703 มาก 184. ผบู้ รหิ ารมีทักษะดา้ นการบูรณาการปญั ญา การคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ ทักษะการปฏิบัติ มาใช้ในการบรกิ ารจัดการศกึ ษา 4.24 .706 มาก 185. ครจู ัดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามระดบั การเรียนรจู้ ากปัญญา จากการอา่ น การฟัง การคิด ไปจนถึงการปฏบิ ัติ 4.21 .807 มาก 186. นกั เรียนมคี วามรู้ความสามารถเตม็ ศกั ยภาพมีบคุ ลิกลักษณะใฝ่เรยี น ด้วยตนเองโดยสามารถบูรณาการปัญญาคอื สตุ มยปญั ญ จินตามยปัญญา และภาวนามยปญั ญาได้ 4.07 .807 มาก 187. ผูบ้ รหิ ารมที ักษะการคิดวเิ คราะหอ์ ย่างมีวิจารณญาณบนพน้ื ฐาน ของขอ้ มูลรอบดา้ นโดยใชป้ ัญญา 4.29 .710 มาก 188. ครสู ่งเสรมิ ใหน้ ักเรยี นมที ักษะ การคดิ อยา่ งมเี หตผุ ล แยกแยะสิ่งต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมด้วยการบูรณาการปัญญา 4.24 .667 มาก 189. โรงเรยี นมีบรรยากาศรบั ฟังความคิดเหน็ ความคดิ ประชมุ อภิปราย 4.25 .673 มาก 190. โรงเรยี นสง่ เสริมการคิดวเิ คราะหต์ ามหลักกาลามสตู รร่วมกบั การบูรณาการ ปัญญา ใหเ้ กิดความเข้าใจอยา่ งถอ่ งแท้ในเหตอุ ันควรเชอื่ หรือไมเ่ ชอื่ 4.20 .674 มาก 191. โรงเรยี นมบี รรยากาศสง่ เสรมิ บรู ณาการจินตมยปัญญาด้านกระบวนการ คดิ สรา้ งสรรค์ 4.18 .673 มาก
134 ตารางที่ 4.3 (ตอ่ ) บรรยากาศองคก์ ารเชิงบรู ณาการปญั ญาของ โรงเรียนสงั กดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ������̅ S.D. ระดบั 192. โรงเรยี นมบี รรยากาศส่งเสรมิ บรู ณาการจินตมยปญั ญาดา้ นกระบวนการ คดิ เชงิ วิเคราะห์ 4.17 .700 มาก 193. โรงเรยี นมีบรรยากาศสง่ เสริมบรู ณาการจนิ ตมยปัญญาดา้ นกระบวนการ คิดเชิงวิพากษ์ 4.10 .725 มาก 194. โรงเรียนมบี รรยากาศสง่ เสรมิ บรู ณาการจินตมยปัญญาดา้ นกระบวนการ คิดเชงิ กลยทุ ธ์ 4.13 .722 มาก 195. โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจินตมยปญั ญาดา้ นกระบวนการ คิดเชงิ มโนทัศน์ 4.13 .690 มาก 196. โรงเรยี นมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจนิ ตมยปัญญาดา้ นกระบวนการ คดิ เปรยี บเทยี บ 4.15 .696 มาก 197.โรงเรยี นมีบรรยากาศสง่ เสรมิ บรู ณาการจินตมยปญั ญาด้านกระบวนการ คดิ เชิงบวก 4.24 .675 มาก 198.โรงเรียนมบี รรยากาศสง่ เสริมบรู ณาการจินตมยปญั ญาด้านกระบวนการ คิดเชงิ นวตั กรรม 4.13 .721 มาก 199.โรงเรียนมีบรรยากาศสง่ เสรมิ บรู ณาการจินตมยปัญญาด้านกระบวนการ คดิ เชงิ ระบบ 4.17 .680 มาก 200.โรงเรยี นมบี รรยากาศส่งเสริมบูรณาการสุตมยปัญญากจิ กรรม ดา้ นทักษะการอา่ น การฟงั ทหี่ ลากหลาย 4.18 .676 มาก 201. ครูผูจ้ ดั กจิ กรรมด้านสง่ เสริมการอ่านเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลดา้ น การอ่านอย่างเปน็ ระบบและศึกษาพัฒนาการด้านการอ่านของผู้เรียน 4.25 .644 มาก 202. โรงเรยี นมีบรรยากาศสิ่งแวดลอ้ มที่เหมาะกับการสืบคน้ มสี อื่ เทคโนโลยี ทสี่ ง่ เสรมิ ดา้ นปัญญาดา้ นการ คดิ การฟัง และการปฏิบัติ 4.21 .681 มาก 203. โรงเรยี นมีการจัดกระบวนการเรยี นรู้จากการปฏิบตั จิ ากขัน้ ตอนการสังเกต รับรู้ เพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจและสรุปความคดิ รวบยอด 4.20 .648 มาก 204. โรงเรียนมีการจัดกระบวนการเรียนรูจ้ ากการปฏิบตั โิ ดยการทาตามตวั อยา่ ง จากขนั้ ตอนทไี่ มซ่ บั ซอ้ นไปจนถงึ ขน้ั ตอนท่ีซับซ้อน 4.11 .653 มาก 205. โรงเรยี นมีการจดั กระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติจากการทา โดยไมม่ ีแบบตง้ั แตข่ ัน้ ตอนแรกจนงานเสรจ็ สมบรู ณ์ 4.04 .763 มาก 206. โรงเรียนมกี ารจดั กระบวนการเรยี นรู้จากการปฏบิ ตั ิดว้ ยตนเอง จนเกดิ ความชานาญ หรือทาได้โดยอัตโนมัติ ซง่ึ จะเกดิ งานชิน้ ใหม่ 4.10 .690 มาก
135 ตารางที่ 4.3 (ต่อ) บรรยากาศองค์การเชงิ บรู ณาการปญั ญาของ โรงเรียนสังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน ������̅ S.D. ระดับ 207. โรงเรยี นมีบรรยากาศส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนไดเ้ รียนร้จู ากการปฏิบัตจิ รงิ ตามความถนดั และแตกตา่ งของแตล่ ะคน 4.18 .677 มาก 208. โรงเรยี นมีบรรยากาศให้ผูเ้ รยี นเรียนรู้จากปฏิบตั ิดว้ ยประสาทสัมผสั ทง้ั 5 4.26 .648 มาก 209. โรงเรียนสง่ เสรมิ ปัญญาทเี่ กดิ จากการฝกึ ฝนและลงมอื ปฏิบตั ิตาม หลกั ปัญญาด้วยกิจกรรมท่หี ลากหลาย 4.21 .638 มาก 210. โรงเรียนมีบรรยากาศเชิงบรู ณาการปัญญา ทางกายภาพ จิตวทิ ยา จิตภาพ เพื่อสง่ เสริมความรู้ ความคิด ความฉลาดด้านความรแู้ ละอารมณ์ 4.19 .673 มาก 211. โรงเรยี นส่งเสรมิ การแสวงหาข้อเท็จจริงอยา่ งมเี หตผุ ลดว้ ยปญั ญา และนาความรไู้ ปใชใ้ นการปฏิบตั ิจริง 4.22 .648 มาก 212. กลุ่มสาระการเรยี นรนู้ าแนวทางบรู ณาการปญั ญา มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ 4.15 .642 มาก 213. โรงเรยี นสง่ เสรมิ บรรยากาศการศกึ ษาเลา่ เรยี น ฝกึ การฟังอยา่ งมีสมาธิ และวเิ คราะหแ์ ยกแยะข้อมลู จริงหรือเท็จอย่างถกู ต้อง 4.16 .683 มาก 214. โรงเรยี นสง่ เสรมิ ด้านคุณธรรมจริยธรรมดว้ ยการบูรณาการปญั ญา 4.22 .647 มาก 215. โรงเรยี นนาแนวทางบูรณาการปัญญามีพัฒนาประสทิ ธภิ าพขององค์การ 4.19 .650 มาก 216. ผบู้ รหิ ารใชห้ ลกั ธรรมาภบิ าลบรู ณาการร่วมกบั หลักปญั ญาในการบริหาร 4.26 .662 มาก 218. ครนู าหลักปัญญามาใชก้ บั นักเรยี นแตล่ ะชว่ งวยั ทแ่ี ตกต่างกันอยา่ งเหมาะสม 4.22 .655 มาก 219. โรงเรียนมหี ลักสตู รที่สง่ เสริมดา้ นบรู ณาการปญั ญาใหก้ บั ผู้เรยี น 4.18 .693 มาก 220. โรงเรยี นมีการบูรณาการปญั ญามาใช้ทั้งในระดับบรหิ ารและปฏบิ ัติการ 4.21 .689 มาก จากตารางที่ 4.3 พบว่าตัวแปรในภาพรวมทั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาและประถมศึกษา ขยายโอกาสทางการศึกษา พบว่า ตัวแปรบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรยี นสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน มีค่า ������̅ อยู่ระหว่าง 2.29 – 4.49 ส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน (S.D.) อยู่ระหว่าง .598 - 1.991 แสดงว่าผู้ให้ข้อมูลมีความคิดเห็นเก่ียวกับค่าระดับของ ตัวแปรต้ังแต่ระดับน้อยถึงระดับมาก เมื่อพิจารณาคาตอบของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า ระดับมาก คือ 211 ตัวแปร คิดเป็นร้อยละ 95.91 ระดับปานกลาง 6 ตัวแปร คิดเป็นร้อยละ 2.73 ระดับน้อย 3 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 1.36 ตัวแปรท่ีมีระดับการปฏิบัติมากที่สุด คือ ครูเห็นว่าการศึกษาช่วยพัฒนา ทักษะต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน (������̅ = 4.49, S.D. = .618) รองลงมาคือ โรงเรียนเปิดรับความ หลากหลายและยอมรับทุกวัฒนธรรมด้วยความยินดี (������̅ = 4.46, S.D. = .599) และน้อยที่สุดคือ ครแู ละบุคลากรมีบางสว่ นมักพดู ไม่ตรงประเดน็ ในการประชุม (������̅ = 2.29, S.D. = 1.026)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286