136 2.3 ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสารวจ ( Exploratory Factor Analysis) ด้วยวิธีการสกัดปจั จยั (Principal Component Analysis) การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสารวจ (exploratory factor analysis) โดยใช้ โปรแกรมสาเร็จรูป ข้อตกลงเบ้ืองต้นท่ีสาคัญคือ การตรวจสอบความเหมาะสมของข้อมูลในการ วิเคราะห์องค์ประกอบนั้น เรย์และลี (Comrey and Lee) เสนอแนวทางในการพิจารณาจานวน ที่เพียงพอต่อการวิเคราะห์ จานวนตัวอย่าง 50 (ไม่เหมาะสมอย่างย่ิง) ตัวอย่าง 100 (ไม่เหมาะสม) ตัวอย่าง 300 (ดี) ตัวอย่าง 500 (ดี) ตัวอย่าง 1,000 (ดีที่สุด) ซึ่งตัวอย่างงานวิจัยน้ีเก็บแบบสอบถาม ได้จานวน 728 ฉบับ จึงมคี วามเหมาะสมที่จะวเิ คราะห์ตอ่ ไป นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ตรวจสอบโดยใช้สถิติ ตรวจสอบตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กัน โดยพิจารณาจากคา่ Kaiser-Meyer-Oklin measure of Sample Adequacy : KMO statistic อยรู่ ะหว่าง 0 ถึง 1 และทดสอบสถิติ Bartlett's Test of Sphericity ใช้ทดสอบตัวแปรต่าง ๆ ว่ามีความสัมพันธ์ กันหรือไม่ จากการวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบ ไดผ้ ลดังตารางท่ี 4.4 ตารางท่ี 4.4 แสดงผลการทดสอบความเหมาะสมของเมตรกิ ซใ์ นการวิเคราะหอ์ งค์ประกอบ KMO and Bartlett's Test Kaiser-Meyer-Olkin Measure of Sampling Adequacy. .970 Bartlett's Test of Approx. Chi-Square 158671.920 Sphericity df 24090 Sig. .000 จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลตาราง 4.4 พบว่า KMO (Kaiser-Meyer-Olkin Measure of Sampling Adequacy.) มีค่าเท่ากับ 0.970 แสดงให้เห็นถึงความเหมาะสมและเพียงพอของข้อมูล สามารถนาไปใช้วิเคราะห์องค์ประกอบได้ระดับดีมาก(ค่า KMO ควรมีค่าเกินกว่า 0.5) และ จาก Bartlett's Test of Sphericity ยังพบว่ามีค่า Chi-Square เท่ากับ 158671.920 มีนัยสาคัญ ทางสถิติระดับน้อยกว่า 0.05 (Sig.< 0.05) แสดงว่าแมทริกซ์สหสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กันหรือข้อมูลจากตัวแปรชุดน้ีมีความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรเหมาะสมท่ีจะทาการ วเิ คราะห์องค์ประกอบต่อไปได้
137 ตารางท่ี4.5 ค่าไอแกน ร้อยละ ของความแปรปรวน ค่าร้อยละของความแปรปรวนสะสม ในองค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน Total Variance Explained Component Initial Eigenvalues Extraction Sums Rotation Sums of Squared Loadings of Squared Loadings % of Cumulative % of Cumulative % of Cumulative Total Variance % Total Variance % Total Variance % 1 85.035 38.652 38.652 85.035 38.652 38.652 25.333 11.515 11.515 2 11.547 5.249 43.901 11.547 5.249 43.901 19.779 8.990 20.505 3 6.057 2.753 46.654 6.057 2.753 46.654 17.871 8.123 28.628 4 4.279 1.945 48.599 4.279 1.945 48.599 8.925 4.057 32.685 5 3.693 1.679 50.278 3.693 1.679 50.278 6.719 3.054 35.739 6 3.392 1.542 51.820 3.392 1.542 51.820 6.653 3.024 38.764 7 3.092 1.405 53.225 3.092 1.405 53.225 6.452 2.933 41.696 8 2.798 1.272 54.497 2.798 1.272 54.497 6.426 2.921 44.617 9 2.602 1.183 55.680 2.602 1.183 55.680 5.462 2.483 47.100 10 2.575 1.171 56.850 2.575 1.171 56.850 5.290 2.405 49.504 11 2.319 1.054 57.904 2.319 1.054 57.904 4.128 1.876 51.381 12 2.074 .943 58.847 2.074 .943 58.847 4.037 1.835 53.216 13 1.929 .877 59.724 1.929 .877 59.724 3.853 1.751 54.967 14 1.900 .864 60.588 1.900 .864 60.588 3.505 1.593 56.560 15 1.850 .841 61.429 1.850 .841 61.429 3.130 1.423 57.983 16 1.716 .780 62.209 1.716 .780 62.209 2.970 1.350 59.332 17 1.670 .759 62.968 1.670 .759 62.968 2.773 1.261 60.593 18 1.603 .729 63.696 1.603 .729 63.696 2.300 1.045 61.638 19 1.505 .684 64.380 1.505 .684 64.380 2.001 .909 62.548 20 1.385 .629 65.010 1.385 .629 65.010 1.812 .824 63.371 21 1.334 .606 65.616 1.334 .606 65.616 1.768 .804 64.175 22 1.321 .600 66.216 1.321 .600 66.216 1.670 .759 64.934 23 1.311 .596 66.812 1.311 .596 66.812 1.661 .755 65.689 24 1.273 .579 67.391 1.273 .579 67.391 1.598 .726 66.416 25 1.247 .567 67.957 1.247 .567 67.957 1.579 .718 67.133 26 1.216 .553 68.510 1.216 .553 68.510 1.544 .702 67.835 27 1.195 .543 69.053 1.195 .543 69.053 1.390 .632 68.467
138 ตารางที่ 4.5 (ตอ่ ) Total Variance Explained Component Initial Eigenvalues Extraction Sums Rotation Sums of Squared Loadings of Squared Loadings % of Cumulative % of Cumulative % of Cumulative Total Variance % Total Variance % Total Variance % 28 1.155 .525 69.578 1.155 .525 69.578 1.347 .612 69.079 29 1.112 .506 70.083 1.112 .506 70.083 1.335 .607 69.686 30 1.087 .494 70.577 1.087 .494 70.577 1.329 .604 70.290 31 1.047 .476 71.054 1.047 .476 71.054 1.303 .592 70.882 32 1.044 .474 71.528 1.044 .474 71.528 1.251 .569 71.451 33 1.016 .462 71.990 1.016 .462 71.990 1.186 .539 71.990 Extraction Method : Principal Component Analysis. จากตารางท่ี 4.5 พบว่า องค์ประกอบท่ีมีค่าแกนมากกว่า 1 ขององค์ประกอบบรรยากาศ องค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีทั้งหมด 33 องค์ประกอบ เม่ือหมุนแกนแล้วอธิบายความแปรปรวนได้ทั้งหมดร้อยละ 71.990 แต่เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์การคัดเลือกองค์ประกอบท่ีมีค่าน้าหนักองค์ประกอบต้ังแต่ 0.6 ข้ึนไป มีค่าไอแกน (eigenvalues) มากกว่า 1 และมีตัวแปรอธิบายองค์ประกอบมากกว่า 3 ตัวแปรข้ึนไป พบวา่ มี 8 องค์ประกอบท่ีมีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑท์ ่ีกาหนด
139 ตารางท่ี 4.6 ค่าน้าหนักองค์ประกอบและตัวแปรที่อธิบายในแต่ละองค์ประกอบหลังหมุนแกนของ องค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขนั้ พื้นฐาน ตัวแปร คา่ น้าหนักองค์ประกอบ กลุม่ ท่ี กลมุ่ ที่ กลุ่มที่ กลุม่ ท่ี กลุ่มท่ี กลุม่ ท่ี กลมุ่ ที่ กลมุ่ ท่ี a209 a210 1 2345678 a215 0.757 a213 0.753 a211 0.748 a212 0.743 a220 0.739 a219 0.73 a218 0.729 a214 0.725 a207 0.724 a203 0.714 a206 0.713 a216 0.686 a205 0.676 a208 0.663 a196 0.646 a198 0.636 a201 0.633 a200 0.629 a194 0.623 a204 0.619 a195 0.614 a197 0.613 a11 0.607 a8 0.605 a6 a13 0.713 0.709 0.701 0.696
140 ตารางที่ 4.6 (ต่อ) ตวั แปร คา่ น้าหนักองคป์ ระกอบ กลมุ่ ท่ี กลุ่มท่ี กลมุ่ ท่ี กลุ่มท่ี กลมุ่ ที่ กล่มุ ที่ กลุ่มที่ กล่มุ ที่ a12 a7 1 2345678 a9 0.69 a15 0.666 a10 0.664 a5 0.657 a21 0.652 a20 0.65 a137 0.643 a130 0.603 a136 0.657 a133 0.637 a138 0.629 a132 0.626 a135 0.623 a185 0.621 a180 0.607 a181 0.696 a186 0.669 a182 0.668 a179 0.664 a184 0.663 a183 0.642 a188 0.642 a112 0.635 a111 0.614 a113 0.714 a163 0.687 a165 0.62 a164 0.669 0.668 0.643
141 ตารางท่ี 4.6 (ต่อ) ตัวแปร คา่ น้าหนกั องคป์ ระกอบ กลุม่ ท่ี กลุม่ ท่ี กลมุ่ ที่ กลุ่มที่ กลมุ่ ที่ กลมุ่ ท่ี กลุม่ ท่ี กลมุ่ ท่ี a162 a161 1 2345678 a101 0.635 a100 0.631 a99 0.738 a98 0.722 a18 0.643 a19 0.613 a17 0.634 0.615 0.602 จากตาราง 4.6 พบว่า ค่าน้าหนักองค์ประกอบ (Factor Loading) ของแต่ละตัวแปรมีค่า มากกว่า 0.60 มีทั้งหมด 67 ตัวแปร มีตัวแปรร่วมกันในแต่ละองค์ประกอบต้ังแต่ 3 ตัวแปรข้ึนไป มีองค์ประกอบเข้าเกณฑ์ทั้งหมด 8 องค์ประกอบ องค์ประกอบท่ี 1 มีจานวนตัวแปรสูงสุด จานวน 24 ตัวแปร องคป์ ระกอบที่ 5 และ 8 จานวนตัวแปรน้อยที่สุด จานวน 3 ตวั แปร
142 ตารางท่ี 4.7 องค์ประกอบและตวั แปรทีอ่ ธิบายในแต่ละองคป์ ระกอบหลังหมนุ แกนขององคป์ ระกอบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพน้ื ฐาน ลาดบั ที่ องค์ประกอบ ค่าน้าหนกั จานวน องคป์ ระกอบ 1 องคป์ ระกอบท่ี 1 กระบวนการทางปัญญา ตัวแปร (factor 2 องคป์ ระกอบที่ 2 ภาวะผนู้ า 3 องค์ประกอบที่ 3 ขวญั กาลังใจ loading) 4 องค์ประกอบท่ี 4 การเรยี นรู้ 24 0.605 - 0.757 5 องค์ประกอบที่ 5 เทคโนโลยที างการศกึ ษา 12 0.603 - 0.713 6 องค์ประกอบท่ี 6 สิง่ แวดลอ้ ม 7 0.607 - 0.657 7 องค์ประกอบที่ 7 การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา 9 0.614 - 0.696 8 องค์ประกอบที่ 8 ความพึงพอใจในองค์การ 3 0.620 - 0.714 5 0.631 - 0.669 รวม 4 0.613 - 0.738 3 0.602 - 0.634 67 0.602 - 0.757 จากตารางที่ 4.7 พบว่า องค์ประกอบทั้งหมดมี 67 ตัวแปร มีค่าน้าหนักองค์ประกอบ (factor loading) ระหว่าง 0.602 - 0.757 ดังมีรายละเอียดดังนี้ องค์ประกอบท่ี 1 กระบวนการทางปัญญา มีจานวนตัวแปร 24 ตัวแปร มีค่าน้าหนัก องคป์ ระกอบ (factor loading) ระหว่าง 0.605 - 0.757 องค์ประกอบที่ 2 ภาวะผู้นา มีจานวนตัวแปร 12 ตัวแปร มีค่าน้าหนักองค์ประกอบ (factor loading) ระหวา่ ง 0.603 - 0.713 องค์ประกอบที่ 3 ขวัญกาลังใจ มีจานวนตัวแปร 7 ตัวแปร มีค่าน้าหนักองค์ประกอบ (factor loading) ระหวา่ ง 0.607 - 0.657 องค์ประกอบที่ 4 การเรียนรู้ มีจานวนตัวแปร 9 ตัวแปร มีค่าน้าหนักองค์ประกอบ (factor - loading) ระหว่าง 0.614 - 0.696 องค์ประกอบท่ี 5 เทคโนโลยีทางการศึกษา มีจานวนตัวแปร 3 ตัวแปร มีค่าน้าหนัก องคป์ ระกอบ (factor loading) ระหว่าง 0.620 - 0.714 องค์ประกอบที่ 6 สิ่งแวดล้อม มีจานวนตัวแปร 5 ตัวแปร มีค่าน้าหนักองค์ประกอบ (factor loading) ระหวา่ ง 0.631 - 0.669 องค์ประกอบท่ี 7 การพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีจานวนตัวแปร 4 ตัวแปร มีค่าน้าหนัก องคป์ ระกอบ (factor loading) ระหว่าง 0.613 - 0.738 องค์ประกอบที่ 8 ความพึงพอใจในองค์การ มีจานวนตัวแปร 3 ตัวแปร มีค่าน้าหนัก องค์ประกอบ (factor loading) ระหว่าง 0.602 - 0.634
143 ตารางที่ 4.8 องค์ประกอบท่ี 1 กระบวนการทางปัญญา ตัวแปร ข้อความ น้าหนกั องคป์ ระกอบ a209 โรงเรียนสง่ เสรมิ ปญั ญาท่ีเกดิ จากการฝึกฝนและลงมอื ปฏิบัตติ ามหลัก ปญั ญาด้วยกจิ กรรมท่หี ลากหลาย 0.757 a210 โรงเรียนมบี รรยากาศเชงิ บูรณาการปญั ญา ทางกายภาพ จติ วทิ ยา จติ ภาพ เพ่ือสง่ เสริมความรู้ ความคิด ความฉลาดด้านความรู้และอารมณ์ 0.753 a215 โรงเรียนนาแนวทางบูรณาการปัญญามีพัฒนาประสิทธิภาพของ องคก์ าร 0.748 a213 โรงเรยี นสง่ เสรมิ บรรยากาศการศกึ ษาเล่าเรยี น ฝกึ การฟงั อยา่ งมีสมาธิ และวเิ คราะห์แยกแยะขอ้ มูลจริงหรอื เทจ็ อย่างถูกต้อง 0.743 a211 โรงเรยี นส่งเสริมการแสวงหาขอ้ เท็จจริงอย่างมีเหตุผลด้วยปัญญาและ นาความร้ไู ปใชใ้ นการปฏบิ ตั ิจริง 0.739 a212 กลมุ่ สาระการเรียนร้นู าแนวทางบรู ณาการปัญญามาใชใ้ นการจัดการเรยี นรู้ 0.73 a220 โรงเรียนมกี ารบูรณาการปญั ญามาใช้ท้ังในระดับบริหารและปฏบิ ัติการ 0.729 a219 โรงเรยี นมหี ลักสตู รท่สี ง่ เสรมิ ดา้ นบรู ณาการปญั ญาให้กับผู้เรยี น 0.725 a218 ครนู าหลักปญั ญามาใชก้ ับนักเรยี นแตล่ ะชว่ งวัยท่ีแตกต่างกันอยา่ ง เหมาะสม 0.724 a214 โรงเรยี นส่งเสริมด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรมด้วยการบูรณาการปญั ญา 0.714 a207 โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ตามความถนัดและแตกต่างของแต่ละคน 0.713 a203 โรงเรียนมีการจัดกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติจากข้ันตอนการ สังเกต รบั รู้ เพอื่ ให้เกดิ ความเข้าใจและสรุปความคดิ รวบยอด 0.686 a206 โรงเรียนมกี ารจดั กระบวนการเรียนร้จู ากการปฏิบตั ิดว้ ยตนเองจนเกิด ความชานาญ หรอื ทาไดโ้ ดยอัตโนมัติ ซ่งึ จะเกิดงานช้ินใหม่ 0.676 a216 ผูบ้ รหิ ารใช้หลกั ธรรมาภบิ าลบูรณาการรว่ มกับหลักปัญญาในการบรหิ าร 0.663 a205 โรงเรยี นมกี ารจัดกระบวนการเรียนรู้จากการปฏบิ ัติจากการทาโดยไม่ มีแบบตง้ั แต่ขนั้ ตอนแรกจนงานเสรจ็ สมบรู ณ์ 0.646 a208 โรงเรยี นมีบรรยากาศให้ผู้เรยี นเรียนรู้จากปฏิบัตดิ ้วยประสาทสัมผัสท้ัง 5 0.636 a196 โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจินตมยปัญญาด้าน กระบวนการคดิ เปรยี บเทยี บ 0.633 a198 โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจินตมยปัญญาด้าน กระบวนการคิดเชงิ นวัตกรรม 0.629 a196 โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจินตมยปัญญาด้าน กระบวนการคดิ เปรียบเทียบ 0.633
144 ตารางท่ี 4.8 (ต่อ) ตวั แปร ขอ้ ความ นา้ หนัก องค์ประกอบ โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการสุตมยปัญญากิจกรรมด้าน a200 ทกั ษะการอา่ น การฟัง ทห่ี ลากหลาย 0.619 a194 โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจินตมยปัญญาด้าน กระบวนการคิดเชิงกลยุทธ์ 0.614 a204 โรงเรียนมีการจัดกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติโดยการทาตาม ตัวอย่างจากขั้นตอนทีไ่ มซ่ ับซ้อนไปจนถงึ ขน้ั ตอนท่ซี บั ซอ้ น 0.613 a195 โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจินตมยปัญญาด้าน กระบวนการคดิ เชงิ มโนทศั น์ 0.607 a197 โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจินตมยปัญ ญาด้าน กระบวนการคิดเชิงบวก 0.605 ค่าความแปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) 85.035 ค่าร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) 11.515 จากตารางท่ี 4.8 พบว่า องค์ประกอบที่ 1 อธิบายตัวแปรสาคัญจานวน 24 ตัวแปร มีค่าน้าหนักตัวแปรในองค์ประกอบ (factor loading) อยู่ระหว่าง 0.605 – 0.757 มีค่าความ แปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) เท่ากับ 85.035 ค่าร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 11.515 ซ่ึงเม่ือเทียบค่าความแปรปรวนของตัวแปรองค์ประกอบอื่นแล้วพบว่า องค์ประกอบน้ีมีความสาคัญเป็นอันดับ 1 ตัวแปรท้ัง 24 ตัวแปร เป็นตัวแปรท่ีร่วมกันอธิบาย องค์ประกอบได้ดีที่สุด มีค่าน้าหนักมากท่ีสุดและเมื่อแยกพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าตัวแปร “โรงเรียนส่งเสริมปัญญาที่เกิดจากการฝึกฝนและลงมือปฏิบัติตามหลั กปัญญาด้วยกิจกรรม ท่ีหลากหลาย” มีค่าน้าหนักองค์ประกอบมากท่ีสุดคือ 0.757 สาหรับตัวแปร “โรงเรียนมีบรรยากาศ สง่ เสรมิ บรู ณาการจินตมยปัญญาด้านกระบวนการคดิ เชงิ บวก” พบวา่ มีองคป์ ระกอบน้าหนักน้อยที่สุด คอื 0.605 ผ้วู ิจยั จึงตั้งชือ่ องค์ประกอบน้ีว่า “กระบวนการทางปญั ญา”
145 องคป์ ระกอบที่ 1 กระบวนการทางปญั ญา ประกอบด้วย 24 ตวั แปร a209 a210 a215 a213 a211 a212 a220 a219 a218 a214 a207 a203 a206 กระบวนการทางปญั ญา a216 a205 a208 a196 a198 a201 a200 a194 a204 a195 a197 แผนภาพท่ี 4.1 โครงสรา้ งองคป์ ระกอบท่ี 1 กระบวนการทางปัญญา
146 ตารางท่ี 4.9 องค์ประกอบที่ 2 ภาวะผู้นา ตวั แปร ขอ้ ความ นา้ หนัก องคป์ ระกอบ a11 ผู้บริหารสามารถเป็นผู้นาทีมให้ครูและบุคลากรในการปฏิบัติงานได้บรรลุ 0.713 เป้าหมายความสาเรจ็ ขององคก์ าร a8 ผู้บริหารมภี าวะผู้นาในการบรหิ ารจดั การองคก์ าร 0.709 a6 ผู้บริหารมีพฤติกรรมเป็นผู้นาในการส่งเสริมการปฏิบัติงานของครูและ 0.701 บคุ ลากร a13 ผบู้ รหิ ารสรา้ งแรงจงู ใจให้กบั ครแู ละบุคลากรในการปฏบิ ตั ิหน้าท่ี 0.696 a12 ครูและบุคลากรในองคก์ ารมแี รงจงู ใจในการปฏบิ ตั ิงาน 0.69 a7 ผบู้ รหิ ารมกี ารตดั สนิ ใจและการแก้ปัญหาท่เี หมาะสมกบั สถานการณ์ 0.666 a9 ผู้บริหารเขา้ ใจภาพรวมของสภาวะแวดลอ้ มตา่ ง ๆ ที่มผี ลกระทบตอ่ องคก์ าร 0.664 a15 ครแู ละบคุ ลากรใหก้ ารยอมรับวิธีการจงู ใจของผ้บู ริหาร 0.657 a10 ผู้บรหิ ารมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของครแู ละบคุ ลากร 0.652 a5 ผู้บรหิ ารรับฟงั ความคิดเห็นของครูและบุคลากร 0.65 a21 ผู้บรหิ ารใชแ้ รงจูงใจกบั ครแู ละบคุ ลากรเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความพงึ พอใจในงาน 0.643 a20 ผู้บริหารใหก้ ารสนับสนุนโดยการให้รางวลั เปน็ แรงจูงใจ 0.603 คา่ ความแปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) 11.547 คา่ ร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) 8.990 จากตารางท่ี 4.9 พบว่า องค์ประกอบที่ 2 อธิบายตัวแปรสาคัญจานวน 12 ตัวแปร มีค่าน้าหนักตัวแปรในองค์ประกอบ (factor loading) อยู่ระหว่าง 0 .603 – 0.713 มีค่าความ แปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) เท่ากับ 11.547 ค่าร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 8.990 ซ่ึงเมื่อเทียบค่าความแปรปรวนของตัวแปรองค์ประกอบอื่นแล้วพบว่า องคป์ ระกอบน้มี คี วามสาคญั เปน็ อนั ดับ 2 ตวั แปรทงั้ 12 ตัว เป็นตวั แปรที่ร่วมกนั อธิบายองค์ประกอบ ได้ดีท่สี ุด มีคา่ นา้ หนกั มากทสี่ ุดและเมื่อแยกพิจารณาเป็นรายขอ้ พบวา่ ตวั แปร “ผบู้ รหิ ารสามารถเป็น ผู้นาทีมให้ครูและบุคลากรในการปฏิบัติงานไดบ้ รรลุเป้าหมายความสาเรจ็ ขององค์การ” มีค่าน้าหนัก องค์ประกอบมากที่สุดคือ 0.713 สาหรับตัวแปร “ผู้บริหารให้การสนับสนุนโดยการให้รางวัลเป็น แรงจูงใจ” พบว่ามีองค์ประกอบน้าหนักน้อยที่สุดคือ 0.603 ผู้วิจัยจึงตั้งช่ือองค์ประกอบน้ีว่า “ภาวะผู้นา”
องคป์ ระกอบที่ 2 ภาวะผ้นู า ประกอบดว้ ย 12 ตวั แปร 147 ภาวะผ้นู า a11 a8 a6 a13 a12 a7 a9 a15 a10 a5 a21 a20 แผนภาพที่ 4.2 โครงสรา้ งองคป์ ระกอบที่ 2 ภาวะผูน้ า
148 ตารางที่ 4.10 องค์ประกอบท่ี 3 ขวัญกาลังใจ ตัวแปร ขอ้ ความ นา้ หนกั องค์ประกอบ a137 ครแู ละบุคลากรทางานอยา่ งมคี วามสขุ ในองคก์ ารที่สร้างขวญั กาลงั ใจดี 0.657 a130 ครแู ละบุคลากรมกี ารปรับปรุงการปฏบิ ตั งิ านสมา่ เสมอ 0.637 a136 ครแู ละบุคลากรมีความรู้สึกเห็นว่าองค์การมีสภาพที่นา่ อยู่ นา่ ทางาน 0.629 a133 ครูและบุคลากรมคี วามรกั ในทมี งานเพราะมีการตอบสนองของสังคมทีด่ ี 0.626 a138 ครแู ละบุคลากรมขี วญั กาลงั ใจดีสง่ ผลให้เพ่ิมศักยภาพในการปฏิบัติงาน 0.623 a132 ครูและบคุ ลากรมีพฤตกิ รรมในการปฏิบตั งิ านโดยมขี วัญกาลังใจดี 0.621 a135 ผู้บรหิ ารส่งเสรมิ สรา้ งขวัญกาลงั ใจในการทางานใหก้ ับครูและบุคลากร 0.607 คา่ ความแปรปรวนของตวั แปร (eigenvalues) 6.057 คา่ ร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) 8.123 จากตารางท่ี 4.10 พบว่า องค์ประกอบที่ 3 อธิบายตัวแปรสาคัญจานวน 7 ตัวแปร มีค่าน้าหนักตัวแปรในองค์ประกอบ (factor loading) อยู่ระหว่าง 0.607 – 0.657 มีค่าความ แปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) เท่ากับ 6.057 ค่าร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 8.123 ซึ่งเมื่อเทียบค่าความแปรปรวนของตัวแปรองค์ประกอบอื่นแล้วพบว่า องค์ประกอบน้ีมีความสาคัญเป็นอันดับ 3 ตัวแปรท้ัง 7 ตัวแปร เป็นตัวแปรที่ร่วมกันอธิบาย องค์ประกอบได้ดีที่สุด มีค่าน้าหนักมากท่ีสุด และ เม่ือแยกพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ตัวแปร “ครูและบุคลากรทางานอย่างมีความสุขในองค์การที่สร้างขวญั กาลังใจดี” มีค่าน้าหนักองค์ประกอบ มากท่ีสุดคือ 0.657 สาหรับตัวแปร “ผู้บริหารส่งเสริมสร้างขวัญกาลังใจในการทางานให้กับครูและ บุคลากร” พบว่ามีองค์ประกอบน้าหนักน้อยที่สุดคือ 0.607 ผู้วิจัยจึงต้ังช่ือองค์ประกอบนี้ว่า “ขวัญกาลังใจ”
149 องคป์ ระกอบท่ี 3 ขวัญกาลงั ใจ ประกอบดว้ ย 7 ตัวแปร ขวัญกาลงั ใจ a137 a130 a136 a133 a138 a132 a135 แผนภาพที่ 4.3 โครงสร้างองคป์ ระกอบท่ี 3 ขวัญกาลังใจ
150 ตารางท่ี 4.11 องค์ประกอบท่ี 4 การเรยี นรู้ ตัวแปร ข้อความ นา้ หนัก องค์ประกอบ a185 ครจู ดั กิจกรรมการเรียนรตู้ ามระดับการเรยี นรู้จากปัญญา จากการอา่ น 0.696 การฟัง การคดิ ไปจนถึงการปฏบิ ตั ิ a180 ผู้บริหารบริหารจัดการศึกษาโดยการใช้เทคโนโลยีท่ีทันสมัยเพื่อเพิ่ม 0.669 ประสิทธภิ าพงาน a181 โรงเรียนมีจุดเน้นที่ชัดเจนที่ส่งเสริมการบูรณาการปัญญามาใช้ในการจัดการ 0.668 เรยี นรู้ a186 นกั เรยี นมคี วามร้คู วามสามารถเต็มศกั ยภาพมีบคุ ลกิ ลกั ษณะใฝเ่ รยี น 0.664 ดว้ ยตนเองโดยสามารถบรู ณาการปัญญาคือ สตุ มยปัญญา จินตามยปัญญา และภาวนามยปัญญาได้ a182 การบริหารจัดการมจี ุดเนน้ ท่ีชัดเจนท่ีส่งเสริมการบูรณาการปัญญามาใชใ้ น 0.663 การบรหิ ารจดั การ a179 ครูและบุคลากรมีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี วิทยาการสมัยใหม่ 0.642 a184 ผ้บู ริหารมีทกั ษะด้านการบูรณาการปญั ญา การคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ 0.642 ทักษะการปฏิบัติ มาใช้ในการบริการจดั การศกึ ษา a183 ผูบ้ รหิ ารมคี วามรูค้ วามเข้าใจในขอบเขตและทม่ี าของปญั ญา 0.635 คอื สตุ มยปญั ญา จนิ ตามยปญั ญา และภาวนามยปญั ญา a188 ครูส่งเสรมิ ใหน้ กั เรียนมีทกั ษะ การคิดอยา่ งมเี หตผุ ล แยกแยะสง่ิ ต่างๆ 0.614 ได้อย่างเหมาะสมดว้ ยการบูรณาการปญั ญา ค่าความแปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) 4.279 คา่ ร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) 1.945 จากตารางที่ 4.11 พบว่า องค์ประกอบที่ 4 อธิบายตัวแปรสาคัญจานวน 9 ตัวแปร มีค่าน้าหนักตัวแปรในองค์ประกอบ (factor loading) อยู่ระหว่าง 0.614 – 0.696 มีค่าความ แปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) เท่ากับ 4.279 ค่าร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 1.945 ซ่ึงเมื่อเทียบค่าความแปรปรวนของตัวแปรองค์ประกอบอื่นแล้วพบว่า องค์ประกอบนี้มีความสาคัญเป็นอันดับ 4 ตัวแปรท้ัง 9 ตัวแปร เป็นตัวแปรท่ีร่วมกันอธิบาย องค์ประกอบได้ดีท่ีสุด มีค่าน้าหนักมากท่ีสุดและเมื่อแยกพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าตัวแปร “ครูจัด กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามระดบั การเรยี นรูจ้ ากปญั ญา จากการอ่าน การฟัง การคิด ไปจนถึงการปฏบิ ตั ิ” มีค่าน้าหนักองค์ประกอบมากที่สุดคือ 0.696 สาหรับตัวแปร “ครูส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะการคิด อย่างมีเหตุผล แยกแยะส่ิงต่างๆได้อย่างเหมาะสมด้วยการบูรณาการปัญญา” พบว่ามีองค์ประกอบ นา้ หนักนอ้ ยท่ีสุดคือ 0.614 ผ้วู จิ ัยจึงตั้งช่อื องคป์ ระกอบนีว้ า่ “การเรียนรู้ ”
151 องค์ประกอบท่ี 4 การเรียนรู้ ประกอบด้วย 9 ตวั แปร a185 a180 a181 a186 การเรียนรู้ a182 a179 a184 a183 a188 แผนภาพท่ี 4.4 โครงสรา้ งองค์ประกอบท่ี 4 การเรยี นรู้ ตารางที่ 4.12 องค์ประกอบที่ 5 เทคโนโลยีทางการศึกษา ตวั แปร ข้อความ น้าหนัก องค์ประกอบ a112 หอ้ งเรยี นมีวัสดุ อุปกรณ์ เทคโนโลยที ีท่ ันสมัยพร้อมใชง้ าน a111 หอ้ งเรยี นมสี ่อื สง่ เสรมิ ทางวิชาการท่ีหลายหลาย ทันสมัย เพียงพอ พรอ้ มใช้ 0.714 a113 โรงเรยี นมบี รรยากาศทสี่ ง่ เสริมการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย 0.687 0.62 ค่าความแปรปรวนของตวั แปร (eigenvalues) 3.092 คา่ ร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) 1.405 จากตารางท่ี 4.12 พบว่า องค์ประกอบท่ี 5 อธิบายตัวแปรสาคัญจานวน 3 ตัวแปร มคี ่าน้าหนักตัวแปรในองค์ประกอบ (factor loading) อยรู่ ะหว่าง 0.62 – 0.714 มีคา่ ความแปรปรวน ของตัวแปร (eigenvalues) เท่ากับ 3.692 ค่าร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 1.405 ซึ่งเม่ือเทียบค่าความแปรปรวนของตัวแปรองค์ประกอบอืน่ แล้วพบวา่ องค์ประกอบน้ี มีความสาคัญเป็นอันดับ 5 ตัวแปรทั้ง 3 ตัวแปร เป็นตัวแปรที่ร่วมกันอธิบายองค์ประกอบได้ดีท่ีสุด
152 มีค่าน้าหนักมากที่สุด และเม่ือแยกพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าตัวแปร “ห้องเรียนมีวัสดุ อุปกรณ์ เทคโนโลยีท่ีทันสมัยพร้อมใช้งาน” มีค่าน้าหนักองค์ประกอบมากที่สุดคือ 0.714 สาหรับตัวแปร “โรงเรียนมีบรรยากาศท่ีส่งเสรมิ การเรียนรู้ท่ีหลากหลาย” พบว่ามีองค์ประกอบน้าหนกั น้อยท่ีสุดคอื 0.62 ผวู้ จิ ยั จึงตง้ั ช่ือองคป์ ระกอบนีว้ ่า “เทคโนโลยีทางการศกึ ษา องคป์ ระกอบท่ี 5 เทคโนโลยกี ารศึกษา ประกอบดว้ ย 3 ตวั แปร a112 a111 เทคโนโลยีทางการศึกษา a113 แผนภาพท่ี 4.5 โครงสร้างองค์ประกอบที่ 5 เทคโนโลยที างการศกึ ษา ตารางท่ี 4.13 องคป์ ระกอบที่ 6 สิ่งแวดล้อม ตัวแปร ข้อความ นา้ หนัก องค์ประกอบ a163 ห้องเรยี น อาคารเรียน สะอาด สะดวกสบายในการใช้งาน 0.669 a165 โรงเรยี นมพี นื้ ที่สาหรบั การจดั การเรยี นการสอนและกิจกรรมทีเ่ หมาะสม 0.668 a164 หอ้ งเรียน อาคารเรยี น มคี วามปลอดภัยไม่มีความเส่ยี ง 0.643 a162 หอ้ งเรยี นมีการจดั แบบจากดั จานวนนกั เรยี นทาให้ไมแ่ ออดั 0.635 a161 โรงเรยี นมกี ารจดั สภาพทางกายภาพ อาคารสถานที่ หอ้ งเรยี นเหมาะสม 0.631 คา่ ความแปรปรวนของตวั แปร (eigenvalues) 2.798 ค่ารอ้ ยละของความแปรปรวน (percent of variance) 1.272 จากตารางที่ 4.13 พบวา่ องค์ประกอบที่ 6 อธิบายตวั แปรสาคัญจานวน 5 ตวั แปร มีค่าน้าหนัก ตัวแปรในองค์ประกอบ (factor loading) อยู่ระหว่าง 0.631 – 0.669 มีค่าความแปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) เท่ากับ 2.798 ค่าร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 1.272 ซึ่งเมื่อเทียบค่าความแปรปรวนของตัวแปรองค์ประกอบอื่นแล้วพบว่า องค์ประกอบนี้มีความสาคัญเป็น อันดับ 6 ตัวแปรท้ัง 5 ตัวแปร เป็นตัวแปรที่ร่วมกันอธิบายองค์ประกอบได้ดีท่ีสุด มีค่าน้าหนักมากท่ีสุด และเมื่อแยกพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าตัวแปร “ห้องเรียน อาคารเรียน สะอาด สะดวกสบายในการ ใช้งาน” มีค่าน้าหนักองค์ประกอบมากที่สุดคือ 0.669 สาหรับตัวแปร “โรงเรียนมีการจัดสภาพ ทางกายภาพ อาคารสถานท่ี ห้องเรียนเหมาะสม” พบว่ามีองค์ประกอบน้าหนักน้อยท่ีสุดคือ 0.631 ผู้วจิ ัยจึงตงั้ ชือ่ องคป์ ระกอบนีว้ า่ “สิ่งแวดล้อม
153 องคป์ ระกอบที่ 6 สงิ่ แวดล้อม ประกอบดว้ ย 5 ตวั แปร a163 a165 a164 ส่ิงแวดล้อม a162 a161 แผนภาพท่ี 4.6 โครงสรา้ งองคป์ ระกอบท่ี 6 ส่ิงแวดลอ้ ม ตารางท่ี 4.14 องค์ประกอบท่ี 7 การพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตัวแปร ขอ้ ความ น้าหนกั องคป์ ระกอบ a101 ครูเห็นวา่ การศึกษาชว่ ยพฒั นาทกั ษะต่าง ๆ ให้เกดิ ข้ึนกับผเู้ รียน 0.738 a100 ครแู ละบุคลากรเห็นวา่ การศึกษาชว่ ยพัฒนาพน้ื ฐานอาชพี ใหก้ บั นักเรยี น 0.722 a99 ครปู ระเมินนักเรยี นตามความเปน็ จรงิ 0.643 a98 คณุ ภาพการศึกษาสามารถพฒั นานกั เรียนใหค้ นดมี คี ณุ ภาพ 0.613 คา่ ความแปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) 2.602 คา่ รอ้ ยละของความแปรปรวน (percent of variance) 1.183 จากตารางที่ 4.14 พบว่า องค์ประกอบที่ 7 อธิบายตัวแปรสาคัญจานวน 4 ตัวแปร มีค่าน้าหนักตัวแปรในองค์ประกอบ (factor loading) อยู่ระหว่าง 0.613 – 0.738 มีค่าความ แปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) เท่ากับ 2.602 ค่าร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 1.183 ซึ่งเมื่อเทียบค่าความแปรปรวนของตัวแปรองค์ประกอบอื่นแล้วพบว่า องค์ประกอบนี้มีความสาคัญเป็นอันดับ 7 ตัวแปรท้ัง 4 ตัวแปร เป็นตัวแปรที่ร่วมกันอธิบาย องคป์ ระกอบไดด้ ีท่ีสุด มีคา่ น้าหนกั มากที่สุดและเม่ือแยกพิจารณาเป็นรายขอ้ พบวา่ ตวั แปร “ครเู ห็น ว่าการศึกษาช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน” มีค่าน้าหนักองค์ประกอบมากท่ีสุดคือ 0.738 สาหรับตัวแปร “คุณภาพการศึกษาสามารถพัฒนานักเรียนให้คนดีมีคุณภาพ” พบว่า มีองค์ประกอบน้าหนักน้อยที่สุดคือ 0.613 ผู้วิจัยจึงต้ังชื่อองค์ประกอบน้ีว่า “การพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษา ”
154 องคป์ ระกอบท่ี 7 การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา ประกอบด้วย 4 ตัวแปร a101 a100 การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา a99 a98 แผนภาพท่ี 4.7 โครงสรา้ งองค์ประกอบที่ 7 การพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ตารางที่ 4.15 องค์ประกอบท่ี 8 ความพึงพอใจต่อองคก์ าร น้าหนกั องคป์ ระกอบ ตวั แปร ขอ้ ความ 0.634 a18 ครูและบุคลากรมีความพงึ พอใจตอ่ สถานภาพของตน 0.615 a19 ครแู ละบคุ ลากรมีความพงึ พอใจในความสาเร็จของตน 0.602 a17 ครแู ละบคุ ลากรมีทศั นคตทิ ดี่ ตี อ่ เพ่อื นร่วมงาน 1.716 0.780 ค่าความแปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) ค่ารอ้ ยละของความแปรปรวน (percent of variance) จากตารางที่ 4.15 พบว่า องค์ประกอบที่ 8 อธิบายตัวแปรสาคัญจานวน 3 ตัวแปร มีค่าน้าหนักตัวแปรในองค์ประกอบ (factor loading) อยู่ระหว่าง 0.602 – 0.634 มีค่าความ แปรปรวนของตัวแปร (eigenvalues) เท่ากับ 1.716 ค่าร้อยละของความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 0.780 ซึ่งเม่ือเทียบค่าความแปรปรวนของตัวแปรองค์ประกอบอื่นแล้วพบว่า องค์ประกอบนี้มีความสาคัญเป็นอันดับ 8 ตัวแปรทั้ง 3 ตัวแปร เป็นตัวแปรท่ีร่วมกันอธิบาย องค์ประกอบได้ดีที่สุด มีค่าน้าหนักมากที่สุดและเมื่อแยกพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าตัวแปร “ครูและบคุ ลากรมีความพึงพอใจตอ่ สถานภาพของตน” มีค่าน้าหนักองค์ประกอบมากท่ีสดุ คอื 0.634 สาหรับตัวแปร “ครูและบุคลากรมีทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน” พบว่ามีองค์ประกอบน้าหนักน้อย ท่สี ุดคือ 0.602 ผู้วิจัยจึงต้งั ช่อื องคป์ ระกอบน้ีวา่ “ความพงึ พอใจตอ่ องคก์ ร
155 องคป์ ระกอบที่ 8 ความพงึ พอใจต่อองค์การ ประกอบด้วย 3 ตัวแปร a18 a19 ความพงึ พอใจต่อองค์การ a17 แผนภาพที่ 4.8 โครงสรา้ งองคป์ ระกอบที่ 8 ความพงึ พอใจตอ่ องคก์ าร จากการวิเคราะห์องคป์ ระกอบเชิงสารวจ (exploratory factor analysis) เพอื่ สกดั ตัวแปร ให้เหลือตัวแปรองค์ประกอบที่สาคัญโดยการวิเคราะห์ด้วยวิธีวิเคราะห์ภาวะความน่าจะเป็นสูงสุด (Maximum Likelihood) ซึ่งปรากฏได้ว่า ได้องค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญา ของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ทั้งหมด 8 องค์ประกอบ สรปุ องคป์ ระกอบไดด้ ังแผนภาพที่ 4.9 1. กระบวนการ 2. ภาวะผูน้ า ทางปัญญา 8. ความพงึ พอใจ องคป์ ระกอบบรรยากาศองค์การ 3. ขวญั กาลังใจ ในองค์การ เชงิ บูรณาการปญั ญาของโรงเรียน 4. การเรยี นรู้ สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน 7. การพัฒนา คณุ ภาพการศึกษา 6. สง่ิ แวดล้อม 5. เทคโนโลยี ทางการศึกษา แผนภาพท่ี 4.9 องค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชงิ บรู ณาการปัญญาของโรงเรยี น สงั กัดสานกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน
156 2.4 การวิเคราะห์ความสมั พนั ธ์เชิงเสน้ (path analysis) ขององค์ประกอบบรรยากาศ องค์การการเชิงบรู ณาการปัญญาของโรงเรียนสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน เพื่อให้ได้รูปแบบองค์ประกอบของบรรยากาศองค์การการเชิงบูรณาการปัญญาของ โรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ผู้วิจัยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ องค์ประกอบรูปแบบบรรยากาศองค์การการเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน โดยพิจารณาความสอดคล้องของโมเดล ดังน้ี 1. Chi-square : ตรวจความกลมกลนื ของโมเดล 2. Goodjness of fit indices : GFI และ AGFI 3. Root Mean Squared Residual : คา่ ดชั นรี ากของคา่ เฉลย่ี กาลงั สองของส่วนเหลอื (RMR) 4. Root Mean Squared Error of Approximation 5. Comparative fit : ดัชนเี ปรยี บเทยี บโมเดลพนื้ ฐานกับโมเดลตามทฤษฎ/ี สมมติฐาน ตารางที่ 4.16 ค่าสถิติวดั ความคลาดเคล่ือนสอดคล้องกลมกลนื ระหว่างโมเดลกับข้อมูลเชงิ ประจักษ์ ค่าสถิติ ค่า เกณฑค์ วามสอดคล้อง 1. Chi - square .007 P = .931 ไม่แตกตา่ งทางสถติ ิ ยอมรบั สมมตุ ิฐาน 2. Goodjness of fit indices : GFI หลกั ว่า โมเดลตามทฤษฎมี ีความ 1.00 สอดคลอ้ งกบั ข้อมลู เชงิ ประจกั ษ์ 3. Adjusted Goodjness of fit มคี า่ เข้าใกล้ 1 สอดคลอ้ งกับขอ้ มูลเชิง indices : AGFI 1.00 ประจักษ์ 4. Relative fit Index (RFI) .007 มคี ่าเข้าใกล้ 1 สอดคลอ้ งกบั ข้อมูลเชงิ 5. Root Mean Squared Residual ประจกั ษ์ (RMR) 0.00 6. Largest Standardized Residual มีคา่ เข้าใกล้ 1 สอดคล้องกบั ข้อมูลเชิง 0.00 ประจกั ษ์ 7. Root Mean Squared Error of Approximation (RMSEA) 0.00 มีค่าระหวา่ ง 0 - 1 สอดคล้องกับขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษ์ คา่ ไมเ่ กนิ 0.08 โมเดลจึงมีความ สอดคลอ้ งกับข้อมูลเชิงประจกั ษ์ มีคา่ ระหว่าง 0-0.05 โมเดลมีความ สอดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษ์ระดับ ดีมาก จากผลการวิเคราะห์สถิติที่ได้นาเสนอแล้วข้างต้นแสดงให้เห็นว่า รูปแบบบรรยากาศ องค์การการเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภายหลังการวเิ คราะห์องคป์ ระกอบ (Exploratory Factor Analysis) ซ่งึ ประกอบดว้ ย 8 องค์ประกอบ
157 ย่อย 67 ตัวแปร ซึ่งองค์ประกอบย่อย ได้แก่ กระบวนการทางปัญญา (COM1) ภาวะผู้นา (COM2) ขวัญกาลังใจ (COM3) การเรียนรู้ (COM4) เทคโนโลยีทางการศึกษา (COM5) สิ่งแวดล้อม (COM6) การพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา (COM7) ความพึงพอใจในองคก์ าร (COM8) องค์ประกอบบรรยากาศองค์การการเชิงบูรณาการปญั ญาของโรงเรยี นสงั กัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน COM 1 หมายถงึ กระบวนการทางปัญญา (Cognitive process) COM 2 หมายถึง ภาวะผนู้ า (Leadership) COM 3 หมายถึง COM 4 หมายถงึ ขวญั กาลงั ใจ (morale) COM 5 หมายถงึ การเรียนรู้ (Learning) COM 6 หมายถงึ เทคโนโลยที างการศกึ ษา (Educational technology) COM 7 หมายถงึ ส่งิ แวดล้อม (Environment) COM 8 หมายถึง การพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา (Education quality improvement) ความพงึ พอใจในองค์การ (Satisfaction in the organization) แนวคดิ ทฤษฎที ส่ี นับสนุนความสัมพนั ธเ์ ชงิ ตรรกะขององคป์ ระกอบท่ีมอี ทิ ธิพลตอ่ กนั 1. ความสัมพันธร์ ะหวา่ งองคป์ ระกอบด้านภาวะผนู้ ากับดา้ นขวัญกาลงั ใจ ภาวะผนู้ า ขวัญ กาลงั ใจ แผนภาพท่ี 4.10 แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบด้านภาวะผ้นู ากบั ด้านขวัญกาลงั ใจ ข้อสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบด้านภาวะผู้นากับด้านขวัญกาลังใจ นักวิชาการหลายท่าน ได้แสดงทัศนะท่ีสนบั สนนุ ความสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผู้นากับด้านขวัญกาลังใจ ได้แก่ นพรัตน์ นาคบาง (2556, หน้า 94) พบว่า ภาวะผู้นามีผลต่อขวัญกาลังใจการปฏิบัติงานของ บุคลากรโดยภาพรวมของภาวะผู้นาอยู่ระดับปานกลาง ซ่ึงภาวะผู้นาแบ่งออกเป็น 4 แบบ คือ ภาวะ ผู้นาแบบสั่งการ ภาวะผู้นาแบบขายความคิด ภาวะผู้นาแบบมีส่วนร่วม และภาวะผู้นาแบบมอบ อานาจ ดงั นนั้ เพอื่ ศกั ยภาพในการทางาน ควรมีการเพิ่มการอบรมให้ความรู้ และทักษะในการเป็นผนู้ า
158 ที่ดี มีประสิทธิภาพ สามารถปรับแนวคิดและมุมมองให้กว้าง เพื่อท่ีจะสามารถจัดการกับการ เปล่ียนแปลงต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน และสามารถนาความรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ มาถ่ายทอดให้แก่ผู้รว่ มงาน เพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญกาลังใจในการปฏิบัติงานให้กับผู้ร่วมงานให้มีความม่ันใจในตนเองและ สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธภิ าพ สอดคล้องกับ ดวงกมล เนตรสวัสดิ์ (2558) พบว่า ปัจจัย ความผูกพันต่อองค์การด้านความภูมิใจและเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรส่งผลต่อขวัญกาลังใจในการ ปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครมากท่ีสุด รองลงมาคือ ปัจจัยการรับรู้ บรรยากาศองคก์ รดา้ นคา่ ตอบแทน ปัจจัยการรบั รบู้ รรยากาศองค์กร ดา้ นโครงสรา้ งองคก์ ร ปจั จยั การ รับรู้บรรยากาศองค์กร ด้านบริหารของผู้บังคับบัญชา ปัจจัยความผูกพันต่อองค์กร ด้านบรรทัดฐาน ปัจจัยสมรรถนะหลัก ด้านการส่ังสมความเชี่ยวชาญในสายอาชีพ ปัจจัยความผูกพันต่อองค์กร ด้านความปรารถนาที่จะอยู่กับองค์กร และปัจจัยความผูกพันต่อองค์กร ด้านจิตใจตามลาดับ โ ด ย ร่ ว ม กั น พ ย า ก ร ณ์ ข วั ญ แ ล ะ ก า ลั ง ใ จ ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ข อ ง พ นั ก ง า น บ ริ ษั ท เ อ ก ช น ใ น เ ข ต กรุงเทพมหานคร และสอดคล้องกับ ปารวัณ รัตนทองคง (2560 หน้า 1) พบว่า การผนึกกาลัง การมีขวัญกาลังใจสูง การปรับปรุงสถานศึกษา การไว้วางใจ การมีโอกาสในการทางาน การยอมรับ นับถือ ความเอื้ออาทรต่อกัน และการเติบโตทางวิชาการและสังคมอย่างต่อเน่ือง ภาวะผู้นาของ ผ้บู รหิ ารมีความสมั พันธก์ ับบรรยากาศองค์การของสถานศึกษา สรุปจากข้อสนับสนุนข้างต้น แสดงให้เห็นความสาคัญของภาวะผู้นาที่มอี ิทธพิ ลโดยตรงตอ่ ขวญั กาลังใจ ผวู้ จิ ัยจงึ ได้กาหนดสมมตฐิ านความสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะผนู้ ามีอิทธพิ ลตอ่ ขวญั กาลังใจใน การศกึ ษาครงั้ นี้ 2. ความสมั พันธ์ระหวา่ งองค์ประกอบด้านภาวะผนู้ ากับด้านความพึงพอใจในองคก์ าร ภาวะผ้นู า ความ พงึ พอใจ ในองคก์ าร แผนภาพที่ 4.11 แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบด้านภาวะผู้นากับด้านความพงึ พอใจในองค์การ ข้อสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบด้านภาวะผู้นากับด้านความพึงพอใจใน องค์การ นักวิชาการหลายท่าน ได้แสดงทัศนะที่สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นากับด้าน ความพงึ พอใจในองคก์ าร ได้แก่ เกรกิ เกียรติ ต่อกจิ ไพบูลย์ (2558) พบวา่ ภาวะผ้นู าการเปล่ยี นแปลง และ ความพึง พอใจในง าน มีความสัมพันธ์ทาง บวกกับพฤติกรร มการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การ สาหรับรตั นาวรรณ เวชนานนท์ (2552) พบว่า ภาวะผู้นาเชิงปฏริ ปู ของผูจ้ ัดการสาขามีความสัมพันธ์
159 ต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของพนักงานสาขา และภาวะผู้นาเชิงปฏิรูปมีความสัมพันธ์ต่อ ประสิทธิภาพการทางานของพนักงานสาขา และสมมติฐานสุดท้ายพบว่า ภาวะผู้นาเชิงปฏิรูปมี ความสัมพันธ์ในการตัดสินใจไม่ลาออกของพนักงานสาขา และสาลี เฉลียวเกรียงไกร (2559) พบว่า (1) ภาวะผู้นาแบบเปล่ียนสภาพของหัวหน้างานมีอิทธิพลทางบวกต่อความพึงพอใจในงานของ พนักงาน (2) ภาวะผู้นาแบบเปลีย่ นสภาพของหวั หน้างานมอี ิทธิพลทางบวกตอ่ ความผูกพันต่อองค์การ (3) การรับรู้ความยุติธรรมด้านการจัดสรรผลประโยชน์มีอิทธิพลทางบวกต่อความพึงพอใจในงาน (4) การรับรู้ความยุติธรรมด้านกระบวนการมีอิทธิพลทางบวกต่อความพึงพอใจในงาน (5) การรับรู้ ความยุตธิ รรมด้านการปฏิสมั พนั ธ์ไม่มีอิทธิพลตอ่ ความพงึ พอใจในงาน (6) การรับรคู้ วามยตุ ธิ รรมด้าน การจัดสรรผลประโยชน์มีอิทธพิ ลทางบวกต่อความผูกพันต่อองค์การ (7) การรับรู้ความยุติธรรมด้าน กระบวนการไมม่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ ความผกู พันตอ่ องคก์ าร (8) การรับรูค้ วามยุติธรรมดา้ นการปฏิสมั พนั ธไ์ ม่มี อิทธิพลต่อความผูกพนั ต่อองค์การและ (9) ความพึงพอใจในงานมอี ิทธิพลทางบวกต่อความผูกพนั ต่อ องคก์ าร สรุปจากข้อสนับสนนุ ข้างต้น แสดงให้เห็นความสาคัญของภาวะผู้นาที่มีอิทธพิ ลโดยตรงต่อ ความพึงพอใจในองค์การ ผู้วิจัยจึงได้กาหนดสมมติฐานความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นามีอิทธิพลต่อ ความพงึ พอใจในองค์การในการศกึ ษาคร้งั นี้ 3. ความสมั พันธ์ระหวา่ งองคป์ ระกอบด้านขวัญกาลังใจกบั ด้านความพงึ พอใจในองคก์ าร ขวญั ความ กาลังใจ พงึ พอใจ ในองค์การ ภาพท่ี 4.12 แสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบด้านขวัญกาลงั ใจกับด้านความพึงพอใจในองค์การ ข้อสนับสนุนความสัมพัน ธ์ระ หว่างอง ค์ประกอบด้าน ขวัญ กาลัง ใจกับความพึงพอใ จ ใน องค์การ นักวิชาการหลายท่าน ได้แสดงทัศนะที่สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างด้านขวญั กาลังใจกบั ความพึงพอใจในองค์การ ได้แก่ อนงค์ศิริ โรจนโสดม (2561) พบว่า ความผูกพันต่อองค์การของครู เป็นปัจจัยบรรยากาศองคก์ ารของโรงเรียน ปัจจยั วัฒนธรรมองคก์ ารของโรงเรยี น และแรงจูงใจในการ ทางาน ของครูโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ชลบุรีเป็น ปัจจัยบรรย ากาศองค์ก าร ขอ ง โรงเรียน ปจั จยั วัฒนธรรมองคก์ ารของโรงเรียนเป็นปจั จยั แรงจูงใจในการทางานของครูมีความสัมพันธ์ ทางบวกกับความผูกพันต่อองค์การของครูโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีเป็นปัจจยั บรรยากาศองค์การของโรงเรียน ปัจจัยวัฒนธรรมองค์การของโรงเรียนเป็นปัจจัยแรงจูงใจในการ ทางานของครูส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์การของครโู รงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี
160 เป็นสมการพยากรณ์ความผูกพันต่อองค์การของครูโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุ รี ปัจจัยนโยบายและการบริหารงานองค์การ สาหรับดลฤดี เกตุรุ่ง (2556) พบว่า ความสัมพันธ์เชิง สาเหตุระหว่างแรงจูงใจในการทางานกับความผูกพันองค์การของครูในโรงเรียนเอกชน สังกัดสานัก บริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จังหวัดสงขลา ส่วนสุจินต์ พูลปัน (2553) ได้พบว่า บุคลากรเทศบาลนครในภาคตะวันออก มีความผูกพันต่อองค์การ ด้านความเชื่อมั่นและ การยอมรับเป้าหมายขององค์การ และความผูกพันต่อองค์การด้านความทุ่มเทเพ่ือความสาเร็จของ องคก์ าร อยู่ในระดับมาก ความผูกพันต่อองคก์ ารด้านความตัง้ ใจที่จะคงความเป็นสมาชกิ ขององค์การ อยู่ในระดับน้อย ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์การ เรียงตามลาดับ คือ วัฒนธรรมองค์การ ความพึงพอใจในการปฏิบตั งิ าน คณุ ภาพชีวิตในการทางาน และแรงจงู ใจในการปฏิบัตงิ าน โดยปัจจัย ทั้งหมดมีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อองค์การ และสอดคล้องกับอาพร อัศวโรจนกุลชัย (2553) ไดศ้ ึกษา เรื่อง ความสมั พันธเ์ ชิงสาเหตขุ องปัจจัยกบั ประสิทธภิ าพกบั การปฏิบัตงิ านของครใู นโรงเรียน เอกชนสอนภาษาจนี พบว่า 1) ปัจจัยประสทิ ธิภาพการปฏบิ ัตงิ านของครูโรงเรยี นเอกชนสอนภาษาจีน ทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ 1) ความร่วมมือของครู 2) การรับรู้ความสามารถของตน 3) สุขภาพจิตครู 4) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ 5) ความรู้ของครู 6) การแสวงหาสารสนเทศ 7) วัฒนธรรมโรงเรียนและ 8) โครงสร้างองค์การ เรียงลาดับความสาคัญ ปัจจัยแต่ละด้านมีความสอดคล้องกันดีกับข้อมูล เชิงประจักษ์ สรุปจากข้อสนับสนุนข้างต้น แสดงให้เห็นถึงความสาคัญระหว่างขวัญกาลังใจกับ ความพึงพอใจในองค์กร ส่งผลซึ่งกันและกัน ผู้วิจัยจึงได้กาหนดสมมติฐานระหว่าง ขวัญกาลังใจกับ ความพึงพอใจในองคก์ ร ส่งผลซง่ึ กนั และกนั ในการศกึ ษาคร้งั นี้ 4. ความสัมพันธร์ ะหว่างองค์ประกอบด้านขวญั กาลงั ใจกับกระบวนการทางปัญญา ขวญั กระบวนการ กาลังใจ ทางปัญญา แผนภาพท่ี 4.13 แสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างองค์ประกอบดา้ นขวญั กาลงั ใจกบั ดา้ นกระบวนการทางปัญญา ข้อสนับสนุนความสัมพันธ์ระ หว่างอง ค์ประ กอบด้าน ขวัญกาลัง ใจกับกระ บวน กา รท าง ปัญญา นักวิชาการหลายท่าน ได้แสดงทัศนะที่สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างด้านขวัญกาลังใจกับ กระบวนการทางปัญญา ไดแ้ ก่ วันทนี ยตระกูล (2553) พบวา่ แนวคิดยนื ยนั ตามความสมั พนั ธ์ได้แก่ แรงจูงใจกับการเรียนการสอน การเรียนการสอนจะเกิดผลสมบูรณ์ต่อเม่ือ ผู้เรียนมีความต้ังใจและ
161 สนใจทางานที่ผู้สอนกาหนดอย่างกระตือรือร้น พฤติกรรมเหล่าน้ีควรจะเกิดข้ึนอย่างสม่าเสมอ ตลอดเวลาการสอนที่ดาเนินอยู่ แต่เท่าท่ีปรากฏอยู่เสมอก็คือ ผู้เรียนไม่ต้องการที่จะเรียน ขาดความ พยายามในการทางานด้วยตนเองอย่างจริงจัง ซ่ึงผู้สอนจะต้องใช้เวลาไม่น้อยในการตรวจสอบการ ทางานของผู้เรียนตลอดเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ผู้สอนจะมีความรู้และความสามารถในการถ่ายทอด เพียงไรก็ตามก็ยากท่ีจะเอาชนะอุปสรรค ท่ีเกิดจากสภาพการณ์ท่ีผู้เรียนไม่สนใจ นอกจากน้ียังมีผล ที่ทาให้ผู้สอนต้องเหนื่อยและหน่ายต่อการทางานที่ดาเนินไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้น เพ่ือขจัดปัญหาน้ี ผู้สอนจึงมีความจาเป็นจะต้องหาเทคนิค ท่ีจะทาให้ผู้เรียนสนใจการเรยี นสม่าเสมอ นั่นก็คือ เทคนิคการจูงใจผู้เรียนสนใจการเรียน หลักและวิธีการเพ่ิมแรงจูงใจให้เกิดขึ้นในการจัดการ เรียนการสอน การจูงในเป็นกระบวนการท่ีผู้เรียนถูกกระตุ้นให้แสดงพฤติกรรมไปยังเป้าหมาย ที่ต้องการ แรงจูงใจจะกระตุ้นและผลัก ให้ผู้เรียนตอบสนองอย่างกระตือรือร้น และสามารถทาให้ ผู้เรียนร่วมกิจกรรมอย่างต้ังใจสม่าเสมอ แรงจูงใจท่ีผลักดันนี้ อาจจะเกิดขึ้นจากแรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motives) ไดแ้ ก่ ความตอ้ งการ ทัศนคติ ความทะเยอทะยาน ความสนใจ และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิ เป็นต้น หรือแรงจูงใจภายนอก (Extrinsic Motives) อันได้แก่ ความมุ่งหวังและความต้องการของบิดา มารดา หรอื เครอ่ื งล่อ และบรรยากาศในการเรียน เปน็ ต้น แรงจงู ใจจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดแนวทาง เกิดพลัง ช่วยกระตุ้นความสนใจ พัฒนาความสนใจ และการใฝ่หาความรู้ ตลอดจนการเลือกพฤติกรรมท่ีแสดงออก เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามเรื่องแรงจูงใจเป็นเร่ืองที่ซับซ้อนและลึกซ้ึงเกินกว่าท่ีคิด ดังนั้นการศึกษาทฤษฎี ต่างๆ ของแรงจงู ใจ จงึ เป็นเร่ืองที่ผู้สอนควรให้ความสนใจเปน็ อย่างมากในการทากิจกรรมใดๆ ของมนุษย์ ย่อมมีสิ่งเร้าและแรงจูงใจเป็นส่ิงผลักดันให้มีความกระฉับกระเฉง จริงจัง ต้ังใจ “การจูงใจ” มีอิทธิพลให้ พฤตกิ รรมมีความเข้มข้นแข็งขัน สู่ความสาเร็จ อย่างไมเ่ บ่ือหน่าย การศกึ ษาเรื่องการจงู ใจ กค็ อื การศึกษา หาสาเหตุที่อยู่เบ้ืองหลังของพฤติกรรมนั่นเอง การจูงใจมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้อย่างย่ิง กล่าวคือ ทาให้ การเรียนรู้มีผลเต็มที่ การจูงใจยิ่งสูงเพียงใด การเรียนรู้จะย่ิงเกิดในระดับสูงเพียงน้ันที่คนเรามีกิจกรรม ทาอะไร ๆ ตลอดเวลาไม่อยูน่ ิ่งกเ็ พราะว่าแรงจงู ใจนนั่ เอง สรปุ จากข้อสนบั สนุนข้างต้น แสดงใหเ้ หน็ ความสาคัญของขวญั กาลังใจสง่ ผลตอ่ กระบวนการทาง ปญั ญา ผู้วิจัยจึงได้กาหนดสมมตฐิ านขวัญกาลังใจมอี ิทธพิ ลตอ่ กระบวนการทางปัญญาในการศกึ ษาคร้งั น้ี 5. ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบด้านความพึงพอใจในองค์การกับด้านเทคโนโลยี ทางการศกึ ษา ความ เทคโนโลยี ทางการ พึงพอใจ ศึกษา ในองค์การ แผนภาพท่ี 4.14 แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบด้านความพึงพอใจในองคก์ ารกับด้านเทคโนโลยี ทางการศึกษา
162 ข้อสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบด้านความพึงพอใจในองค์การกับเทคโนโลยี ทางการศึกษานกั วิชาการหลายท่าน ได้แสดงทัศนะที่สนับสนุนความสัมพันธร์ ะหว่างด้านความพึงพอใจ ในองค์การกบั เทคโนโลยีทางการศึกษา ได้แก่ เสวภา เมอื งแกน่ (2560) พบวา่ 1) ต้นแบบการจดั การ องค์การแห่งความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัยเอกชนไทย มีองค์ประกอบสาคัญ 6 มิติ ประกอบด้วย (1) มิติด้านการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศในส่วนของการจัดการองค์การที่มีประสิทธิภาพและเกิด ประสิทธิผลสูงสุดตามภารกจิ หลักของการอุดมศึกษา (2) มิติด้านภาวะผู้นาผู้บริหารเกย่ี วกับลักษณะ ของผู้นาเชิงคุณลักษณะ ผู้นาเชิงพฤติกรรม ผู้นาเชิงบริหารจัดการ (3) มิติด้านการบริหารทรัพยากร มนุษย์เกี่ยวกับการคัดเลือกสรรหาบุคลากร การพัฒนาบุคลากร การธารงรักษาบุคลากร (4) มิติด้าน วัฒนธรรมองค์การในส่วนของวัฒนธรรมองค์การทางการคิด วัฒนธรรมองค์การทางพฤติกรรม วฒั นธรรมองคก์ ารทางวตั ถุ (5) มติ ดิ า้ นการจัดการความรู้เก่ียวกับการกาหนดทิศทางเป้าประสงค์ของ การจัดการความรู้ และ มิติที่ (6) มิติด้านการจัดการเทคโนโลยีในส่วนของโครงสร้างพ้ืนฐานทาง เทคโนโลยีสารสนเทศ การยอมรับและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และนโยบายเก่ียวกับการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ 2) ต้นแบบการจัดการองค์การแห่งความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัยเอกชนไทย ตอ้ งมีองคป์ ระกอบข้างต้น ทง้ั หกมิติเปน็ หลกั และมงุ่ เสริมสร้างความเปน็ เลิศในด้านใดด้านหน่งึ ท่ีเป็น เอกลกั ษณ์เฉพาะใหโ้ ดดเดน่ ความเป็นเลิศมาจากการมีเครอื ข่าย การแสวงหาพันธมิตร เพ่อื สนบั สนุน งานวิชาการ การบริการวิชาการ และมุ่งพัฒนางานวิจัย การสร้างนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเอกชนใน ไทยก้าวไปสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล ต้องสามารถจัดหา และบริหารแหล่งทุน บริหารทรัพยากร ท่กี อ่ ให้เกดิ มูลค่าเพิ่ม จึงจะสรา้ งความมีศกั ยภาพ สร้างชอ่ื เสียงในระดับสากล ดังมหาวิทยาลัยเอกชน ต้นแบบท่ีมคี วามเป็นเลิศเชงิ ประจกั ษ์พร้อมการพฒั นาท่ยี ่ังยนื สรุปจากข้อสนับสนุนข้างต้น แสดงให้เห็นความสาคัญของความพึงพอใจในองค์การส่งผล กับเทคโนโลยีทางการศึกษา ผู้วิจัยจึงได้กาหนดสมมติฐานความพึงพอใจในองค์การมีอิทธิพลต่อ เทคโนโลยที างการศึกษาในการศกึ ษาคร้งั น้ี 6. ความสมั พันธ์ระหว่างองค์ประกอบด้านความพงึ พอใจในองคก์ ารกบั ดา้ นการเรียนรู้ ความ การ เรียนรู้ พงึ พอใจ ในองค์การ แผนภาพท่ี 4.15 แสดงความสมั พันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบด้านความพึงพอใจในองค์การกับด้านการเรียนรู้
163 ข้อสนับสนนุ ความสมั พนั ธ์ระหว่างองคป์ ระกอบดา้ นความพึงพอใจในองค์การกับการเรียนรู้ นักวิชาการหลายท่าน ได้แสดงทัศนะท่ีสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างด้านความพงึ พอใจในองค์การ กบั การเรยี นรู้ ได้แก่ ปฐมชนก ศิริพัชระ (2558) พบว่า 1) การวิเคราะหค์ วามสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร พบว่าตัวแปรอิสระ ได้แก่ ความพึงพอใจในงาน บรรยากาศองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์เป็นอิสระต่อกัน แต่ภาวะผู้นา ความไว้วางใจ มีความสัมพันธ์กันกับตัวแปรอื่นจึงตัด ตัวแปรน้ีออกไป 2) การวเิ คราะหถ์ ดถอยพหุพบวา่ ความพงึ พอใจในงาน บรรยากาศองคก์ าร องค์การ แห่งการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อความผูกพันต่อองค์การ และความพึงพอใจในงานมีความ สัมพันธ์เชิงบวกต่อ บรรยากาศองค์การ 3) การวิเคราะห์เส้นทางพบว่า ความพึงพอใจในงาน บรรยากาศองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้ มีผลกระทบทางตรงต่อความผูกพันต่อองค์การและ ความพงึ พอใจในงานมีผลกระทบทางออ้ มตอ่ ความผูกพนั ต่อองค์การโดยผา่ นบรรยากาศองคก์ าร สรุปจากข้อสนับสนุนข้างต้น แสดงให้เห็นความสาคัญของความพึงพอใจในองค์การ ส่งโดยตรงต่อการเรยี นรู้ ผวู้ จิ ัยจึงไดก้ าหนดสมมติฐานความสมั พนั ธร์ ะหว่างความพึงพอใจในองค์การ มีอทิ ธิพลตอ่ การเรียนรู้ ในการศึกษาครั้งน้ี 7. ความสัมพันธร์ ะหว่างองค์ประกอบดา้ นความพึงพอใจในองค์การกบั ด้านส่ิงแวดลอ้ ม ความ ส่งิ แวดล้อม พึงพอใจ ในองค์การ ภาพที่ 4.16 แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบด้านความพึงพอใจในองคก์ ารกับด้านสงิ่ แวดล้อม ข้อสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบด้าน ความพึงพอใจในองค์การกับ สิ่งแวดล้อม นกั วชิ าการหลายทา่ น ได้แสดงทศั นะท่ีสนับสนนุ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างด้านความพงึ พอใจ ในองคก์ ารกบั สิ่งแวดล้อม ได้แก่ ธนนท์ วีรธนนท์ (2559) พบว่า ปัจจัยทส่ี ง่ ผลต่อความมีประสิทธิผล ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา การบริหารสถานศึกษาและการปฏิบัติ การมีส่วนร่วมของชุมชน การจัดการเรียนรู้และสภาพแวดล้อมเพ่ือการเรียนรู้ และภาวะผู้นาของ ผู้บริหาร สาหรับประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประกอบด้วย คุณภาพการปฏิบัติงานของครู ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของครู และความเจริญงอกงามของนักเรียนหรือพัฒนาการของ นักเรียน ตามลาดับ องค์ประกอบของระบบองค์การเพ่ือความมีประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษ ในแต่ละองค์ประกอบ ประกอบด้วยปัจจัยนาเข้า (Input) ระบบองค์การเพื่อความมีประสิทธิผลของ ศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ สังกัดนักบรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษ มีปจั จัย ดา้ นครูและบุคลากรทางการศึกษา
164 ประกอบด้วย ความรู้/ประสบการณ์วิชาชีพ และคุณลักษณะครู ด้านการบริหารสถานศึกษาและ การปฏิบัติ ประกอบด้วยงบประมาณ การตดิ ตอ่ สื่อสาร และระบบบริหารสถานศึกษา ดา้ นการมีส่วน ร่วมของชุมชนประกอบด้วย การมีส่วนร่วมของชุมชน การมีส่วนร่วมในการบริหารในรูปแบบ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้านการจัดการเรียนรู้และสภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ ประกอบด้วยแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษา วัสดุอุปกรณ์ ส่ือ เทคโนโลยี และอาคารสถานที่ และด้าน ภาวะผู้นาของผู้บริหาร ประกอบด้วย ความมีคุณธรรมจริยธรรมเป็นแบบอย่างท่ีดีของผู้บริหารและ คุณลกั ษณะของผู้บริหารกระบวนการ ส่งผ่าน (Transformation process) ของศนู ย์การศึกษาพิเศษ สงั กัดสานักงานบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีปจั จยั ด้านครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ประกอบด้วย ทักษะ /ความสามารถ และแรงจูงใจ ด้านการบริหารสถานศึกษาและการปฏิบัติประกอบด้วย การบริหารเชิงกลยุทธ์และการบริหารการเปลี่ยนแปลง ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชน ประกอบด้วย การมีส่วนร่วมในการระดมทรัพยากร ด้านการจัดการเรียนรู้และสภาพแวดล้อมเพ่ือการเรียนรู้ ประกอบด้วยการบูรณาการสาระในหลักสูตร การใช้เทคโนโลยีการศึกษาการใช้แหล่งเรียนรู้/ ภูมิปัญญาท้องถ่ินภายนอกสถานศกึ ษา และด้านภาวะผู้นาของผู้บรหิ าร ประกอบด้วย ความสามารถ ในการนานโยบายไปสู่การปฏิบัติ ทักษะการบริหารและพฤติกรรมผู้นาผลผลิต (Outputs) ได้แก่ ความมปี ระสิทธิผลของศูนย์การศกึ ษาพิเศษ สังกดั สานกั งานบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ ประกอบด้วย คุณภาพการปฏิบัติงานของครู ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของครู และ ความเจริญงอกงามของ นักเรียนหรือพัฒนาการของนักเรียนและพรรณิกา สุวรรณอาไพ (2551) พบว่า ระบบการจัดการ ด้านสง่ิ แวดลอ้ มของโรงเรียนที่สง่ เสริมให้นักเรยี นมพี ฤติกรรมการมีส่วนรว่ มในการอนรุ กั ษ์ส่งิ แวดล้อม ประกอบดว้ ยการจัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ การจัดหลกั สตู รการเรยี นการสอนสิ่งแวดลอ้ มศึกษา การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรและกิจกรรมในวถิ ีชีวิตของโรงเรียน และการจัดกิจกรรมร่วมกับชมุ ชน โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน มีท้ังปัจจัยด้านโรงเรียน ดา้ นนักเรยี น ดา้ นครอบครวั และด้านชมุ ชน สรุปจากข้อสนับสนุนข้างต้น แสดงให้เห็นความสาคัญของความพึงพอใจในองค์การส่งผล โดยตรงต่อส่ิงแวดล้อม ผู้วิจัยจึงได้กาหนดสมมติฐานความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจในองค์การ มีอทิ ธิพลตอ่ ส่ิงแวดล้อมในการศกึ ษาครัง้ นี้
165 8. ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบด้านกระบวนการทางปัญญากับด้านการพัฒนา คุณภาพการศกึ ษา กระบวนการ การพฒั นา ทางปญั ญา คุณภาพ การศกึ ษา แผนภาพท่ี 4.17 แสดงความสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบด้านกระบวนการทางปญั ญากับด้านการพฒั นา คณุ ภาพการศึกษา ข้อสนับสนุนความสัมพนั ธ์ระหว่างองค์ประกอบด้านกระบวนการทางปัญญากับการพฒั นา คุณภาพการศึกษา นักวิชาการหลายท่าน ได้แสดงทัศนะท่ีสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างด้าน กระบวนการทางปัญญากับด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษา ได้แก่ นิยม กิมานุวัฒน์ (2559) พบว่า 1) ได้รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนากระบวนการคิดเชิงระบบสาหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา มี 4 องค์ประกอบ คือ (1) ขั้นตอนการจัดกิจกรรม นาเสนอเป็น 6 ข้ันตอน ประกอบด้วยข้ันตอนท่ี 1 นาเสนอสถานการณ์ ขั้นตอนที่ 2 พัฒนาแนวทางการคิด ข้ันตอนที่ 3 พิจารณาปัญหา ข้ันตอนที่ 4 สนทนาแลกเปล่ียน ขั้นตอนท่ี 5 เรียนรู้ผลงานกลุ่ม ขั้นตอนท่ี 6 สรุปร่วมกัน (2) ระบบทางสังคม (3) หลักการตอบสนองและ (4) ระบบทน่ี ามาสนบั สนุน 2) รูปแบบการสอนทพี่ ัฒนาขึ้นมปี ระสทิ ธิภาพ 81.15/ 85.95 ซ่ึงสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 80/80 3) กระบวนการคิดเชิงระบบของนักเรียนหลังใช้ รูปแบบการสอนมีคะแนนสูงกว่าก่อนใช้รูปแบบการสอนเพ่ือพัฒนากระบวนการคิดเชิงระบบ อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิติทรี่ ะดับ .05 และประจวบ หนูเล่ยี ง (2559) พบวา่ 1) องคป์ ระกอบรูปแบบ การจดั การศกึ ษาแบบมีส่วนรว่ มของจงั หวัดพัทลงุ มี 6 องคป์ ระกอบคือ องค์ประกอบที่ 1 การรว่ มคิด องค์ประกอบที่ 2 การร่วมวางแผน องค์ประกอบที่ 3 การร่วมดาเนินการ องค์ประกอบที่ 4 การร่วม ติดตาม องค์ประกอบที่ 5 การร่วมประเมินผล และองค์ประกอบที่ 6 การร่วมในผลประโยชน์ 2) ผลการสร้างรูปแบบการจัดการศกึ ษาแบบมีส่วนร่วมของจงั หวัดพัทลุงพบว่า การจัดการศกึ ษาแบบ มีส่วนร่วมของจังหวัดพัทลุง ประกอบด้วย 6 ด้าน โดยแต่ละด้านมี กระบวนการขั้นตอนและวิธีการ ในการมีส่วนร่วมของการจัดการศึกษา ดังต่อไปน้ี 2.1 ด้านการร่วมคิด ต้องมีกระบวนการขั้นตอน ด้านการมีส่วนร่วมด้านการร่วมคิด คือ 1) การวเิ คราะห์สภาพปัญหาและความต้องการ 2) การศึกษา นโยบายการจัดการศกึ ษา 3) การกาหนดวิสยั ทัศน์ 4) การกาหนดพันธกจิ 5) การกาหนดกลยทุ ธ์และ 6) การกาหนดเป้าหมายความสาเร็จ 2.2 ด้านการวางแผน ต้องมีกระบวนการข้ันตอนด้านการมสี ่วน ร่วมในการวางแผนคือ 1) การแต่งตั้งคณะทางาน 2) การกาหนดบทบาทหน้าท่ี 3) การกาหนด โครงการหรือกิจกรรม 4) การกาหนดแนวทางการดาเนินงาน 5) การจัดทาคู่มือการปฏิบัติงานและ
166 6) การกาหนดปัจจัยในการดาเนินงาน 2.3 ด้านการดาเนินงาน ต้องมีกระบวนการขั้นตอน ด้านการมีสว่ นร่วมในการรว่ มดาเนนิ งาน คอื 1) การประชุมช้ีแจงคณะทางาน 2) การมอบหมายหนา้ ท่ี การดาเนนิ งาน 3)การประชาสัมพันธ์การดาเนนิ งาน 4) การปฏิบัติงานตามแผน 5) การนเิ ทศ ตดิ ตาม การดาเนินงาน และ 6) การสรุปผลการดาเนินงาน 2.4 ด้านการติดตาม ต้องมีกระบวนการข้ันตอน ด้านการมีส่วนร่วมในการติดตามคือ 1) การกาหนดมาตรฐานตัวชี้วัดของปัจจัย 2) การกาหนด มาตรฐานตัวช้ีวัดของผลผลิต 3) การเปรียบเทียบผลงานท่ีเกิดข้ึนกับมาตรฐานท่ีกาหนด 4) การสรุป วิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคในการดา เนินงาน 5) การเสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหาและ 6) การรายงานความก้าวหน้า 2.5 ด้านการรว่ มประเมนิ ผล ตอ้ งมีกระบวนการขั้นตอนด้านการมีส่วน ร่วมในการร่วมประเมินผล คือ 1) ด้านบริบท 2) ด้านปัจจัย 3) เมินด้านกระบวนการ 4) ด้านผลผลติ 5) ด้านผลกระทบ และ 6) การรายงานผลการประเมิน 2.6 ด้านการร่วมในผลประโยชน์ต้องมี กระบวนการข้ันตอนด้านการมีส่วนร่วมในการร่วมในผลประโยชน์ คือ 1) การรับรู้ผลการดาเนนิ งาน 2) การร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้ 3) การเป็นเจ้าของผลงานร่วมกัน 4) การจัดสรรผลประโยชน์ 5) การร่วมชนื่ ชมผลงาน และ 6) การรบั ผิดชอบในผลงานรว่ มกนั สรุปจากข้อสนับสนุนข้างต้น แสดงให้เห็นความสาคัญของกระบวนการทางปัญญาส่งผล โดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ผู้วิจัยจึงได้กาหนดสมมติฐานความสัมพันธ์ระหว่าง กระบวนการทางปญั ญามีอิทธิตอ่ การพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาในการศึกษาคร้งั นี้ 9. ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบด้านเทคโนโลยีทางการศึกษากับด้านพัฒนาคุณภาพ ทางการศกึ ษา เทคโนโลยี การพัฒนา ทางการ คุณภาพ ศึกษา การศกึ ษา ภาพท่ี 4.18 แสดงความสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบด้านเทคโนโลยที างการศกึ ษากับด้านการพัฒนา คุณภาพการศกึ ษา ข้อสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบด้าน เทคโนโลยีทางการศึกษากับ ด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษา นักวิชาการหลายท่าน ได้แสดงทัศนะที่สนับสนุนความสัมพันธ์ ระหว่างด้านเทคโนโลยีทางการศึกษากับด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษา ได้แก่ สานักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (2558) พบวา่ 1) ผลการศกึ ษาการบริหารจัดการใช้สอ่ื การเรียนรู้ที่สานักการศึกษา ผลิตและจัดสรรให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครเพ่ือใช้ประกอบการเรียนการสอน ผู้บริหาร สถานศกึ ษาสว่ นใหญม่ ีการบริหารจัดการใช้เทคโนโลยีเพอ่ื การเรียนการสอน ในด้านการติดตามการใช้
167 เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนอยู่ในระดับมาก คือ ผู้บริหารสถานศึกษา ติดตามการใช้เทคโนโลยี เพ่ือการเรียนการสอน โดยมีการติดตามการพัฒนา การผลิต/การใช้ส่ือ เทคโนโลยีเพื่อการเรียน การสอนของครูอย่างต่อเนื่อง สาหรับครูผู้สอนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นเก่ียวกับการบริหารจัดการใช้ เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนในโรงเรียนอยู่ในระดับมากคือ ด้านการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี เพ่ือการเรียนการสอนพบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีการสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีเพ่ือการเรียน การสอนในสถานศึกษาในด้านสภาพของสื่อเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนในโรงเรียนสังกัด กรุงเทพมหานครพบว่า สื่อเทคโนโลยีประเภทส่ิงพิมพ์สื่อวีดิทัศน์ บทเรียน CAI multimedia และสือ่ ประเภท Application เปน็ ส่อื ท่ีชว่ ยเสริมสร้างความรู้ ความเขา้ ใจให้นักเรยี นมพี ฒั นาการด้าน การเรียนดีขึ้น โดยส่ือวีดิทัศน์ บทเรียน CAI multimedia และสื่อประเภท Application มีรูปแบบ ท่ีทันสมัย น่าสนใจ แต่สื่อสิ่งพิมพ์ยังไม่มีความหลากหลาย และตรงตามความต้องการของครูผู้สอน น้อยที่สุด และส่ือวีดิทัศน์ บทเรียน CAI multimedia ส่ือ ประเภท Application มีเพียงพอต่อ ความต้องการในการใช้และมีความสะดวกต่อการใช้ในการจัดการเรียนการสอนอยู่ในระดับน้อยทสี่ ดุ 2) ผลการศึกษาการบริหารงบประมาณตามโครงการส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษา ผลิตส่ือ ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครท่ีได้รับการสนับสนุนจากสานักการศึกษา งบประมาณท่ีสานัก การศึกษาจัดสรรให้ตามโครงการส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษา ผลิตสื่อฯ ได้มีการจัดสรร งบประมาณให้แก่โรงเรียนตามขนาดของโรงเรียนอย่างเหมาะสม ซึ่งโรงเรียน ท้ัง 3 ขนาด มีความ เพียงพอในการได้รับจัดสรรงบประมาณในการผลิตสื่อ โดยสถานศึกษามี ความต้องการให้สานัก การศึกษาจัดสรรงบประมาณตามโครงการฯ ต่อไป และสถานศึกษาได้มีการรายงานผลการใช้ งบประมาณ และมีนโยบายในการส่งเสริมสนับสนุนการผลิตส่ือเทคโนโลยี เพื่อการเรียนการสอนท้ัง โรงเรยี นขนาดเลก็ ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ 3) ผลการศึกษาแนวทางการพฒั นาเทคโนโลยี เพื่อการ เรียนการสอนในโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอนมีความคิดเห็น เกย่ี วกบั แนวทางการพัฒนา เทคโนโลยีเพอ่ื การเรียนการสอนในโรงเรียนสงั กดั กรุงเทพมหานครอยู่ใน ระดับมากคือ ด้านแนวทาง การพัฒนาด้านเครื่องมือ (Hardware) โดยท้ังผู้บริหารสถานศึกษาและ ครูผู้สอนมีความต้องการ อุปกรณ์ท่ีสนับสนุนการใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน เช่น เครื่อง คอมพิวเตอร์ เครื่องฉาย LCD เป็นต้น ให้เพียงพอต่อการใช้ส่ือในการจัดการเรียนรู้ด้านแนวทาง การพัฒนาด้านเทคนิค/ วิธีการ (Techniques/Methods) ผู้บริหารสถานศึกษามีความต้องการ ส่งเสริมครูใหม้ ีเจตคติที่ดี และเหน็ ความจาเปน็ ในการนาเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนการสอนมาใช้ในการ จัดการเรียนรู้ ด้านแนวทางการพัฒนาด้านบุคลากร (Peopleware) ผู้บริหารสถานศึกษามีความ ต้องการให้ครูใช้ส่ือ เทคโนโลยีเพือ่ การเรียนการสอนท่ีส่งเสริม/พฒั นาการเรียนรู้ของนกั เรียนใหด้ ีข้ึน ด้านแนวทางการพัฒนาด้านวัสดุ (Software) ผู้บริหารสถานศึกษามีความต้องการส่ือเทคโนโลยี เพ่ือการเรียนการสอนท่ีออกแบบเพ่ือให้นักเรียนเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์การคิดสร้างสรรค์และ การแก้ปัญหามากขึ้น สาหรับครูผู้สอนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการ เรียนการสอนพบว่า แนวทางการพัฒนาด้านเทคนิค/วิธีการ (Techniques/Methods) ครูผู้สอน มีความต้องการ พัฒนาด้านวิธีการสอนโดยนาเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอนมาใช้เพื่อพัฒนา นักเรียนในด้านความรู้ ทักษะ และกระบวนการคิดด้านแนวทางการพัฒนาด้านบุคลากร (Peopleware) ครูผู้สอนมีความต้องการเพิ่มพูนประสบการณ์ความสามารถ ความชานาญในการใช้
168 เทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอนด้านแนวทางการพัฒนาด้านวัสดุ (Software) ครูผู้สอนมีความ ต้องการส่ือเทคโนโลยีเพื่อการเรยี น การสอนที่มีความคงทน แข็งแรง ดูแลรักษาง่าย มีการออกแบบ เพ่ือให้นักเรียนเกิดทักษะการคิด วิเคราะห์การคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหามากข้ึน และนาเสนอ เน้ือหาได้นา่ สนใจและทนั สมัยเพ่ิมขนึ้ สรุปจากข้อสนับสนุนข้างต้น แสดงให้เห็นความสาคัญของเทคโนโลยีทางการศึกษาส่งผล โดยตรงตอ่ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา ผู้วจิ ัยจงึ ไดก้ าหนดสมมตฐิ านความสัมพนั ธร์ ะหว่างเทคโนโลยี ทางการศกึ ษามอี ิทธิพลตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาในการศึกษาครงั้ น้ี 10. ความสัมพันธร์ ะหวา่ งองคป์ ระกอบดา้ นการเรียนรู้กบั ด้านพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา การเรยี นรู้ การพัฒนา คุณภาพ การศึกษา ภาพที่ 4.19 แสดงความสมั พันธร์ ะหว่างองค์ประกอบดา้ นการเรยี นรูก้ บั การพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ข้อสนับสนุนความสัมพันธ์ระหวา่ งองค์ประกอบด้านการเรียนรู้กับด้านการพฒั นาคุณภาพ การศึกษา นักวิชาการหลายท่าน ได้แสดงทัศนะท่ีสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างด้านการเรียนรูก้ บั พฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ไดแ้ ก่ จรญู จบั บัง (2555) พบวา่ รปู แบบการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาตาม ยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม สังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ตาม 4 ยทุ ธศาสตร์หลัก คอื 1) การพัฒนาระบบ วางแผนและการบริหารจัดการ 2) การพัฒนาระบบการเรียนการสอนและการประกันคุณภาพ การศึกษา 3) การเสริมสร้างความพร้อมและความเข้มแข็งของโรงเรียน 4) การสง่ เสรมิ การมีส่วนร่วม จากทกุ ภาคสว่ นในการจัดการศกึ ษา โดยมีรปู แบบคือ การพฒั นาคนในด้านความชานาญในทักษะด้าน สารสนเทศ การสร้างขวัญและกาลังลังใจ และพัฒนาโครงสร้างการทางานท่ีเหมาะสม การพัฒนา ระบบงานในด้านการผลิตสื่อ การใช้แผนการสอนคละช้ัน การนิเทศ และการส่งเสริมให้ครูได้เข้ารับ การอบรม การมีส่วนร่วมในด้านเครือข่ายชุมชน และทรัพยากร และการเสริมสร้างศักยภาพในด้าน การหมุนเวียนการสอนของครู หมุนเวียนสถานท่ี และระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน จากรูปแบบ ท่ีพัฒนาขึ้นจะนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก 4 ด้าน คือคุณภาพครู คุณภาพการบริหารจัดการ คุณภาพนักเรียน และคุณภาพการเรียนการสอน ประสิทธิผลของรูปแบบทาให้โรงเรยี นเกดิ การพัฒนาในด้านความรู้ความสามารถของครู ความเข้าใจ พัฒนาการทางาน มีระบบการบริหารจัดการที่ดี มีการใช้ทรัพยากรทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน อยา่ งมีประสิทธภิ าพ และนกั เรียนมีโอกาสได้เรียนรูอ้ ย่างหลากหลายเพ่ิมมากขึ้นตามศักยภาพของตน และได้เรียนรู้อย่างมีความสุข และเกิดความรัก และความผูกพนั โรงเรียนมากยิ่งขึน้ และไมตรี รัตนา (2551) ได้ศึกษาเร่ือง ความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างของปัจจัยการบริหารยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้
169 และปฏบิ ัติตามมาตรฐานการศกึ ษาชาติ พบว่า 1) ปจั จยั การบรหิ ารยุทธศาสตรก์ ารจัดการเรียนรู้และ ปฏิบัติตามมาตรฐานการศึกษาชาติ สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ในระดับสูง 2) การปฏิบัติตามมาตรฐาน การศกึ ษาชาตใิ นสถานศึกษาสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ในระดับสูง 3) ปัจจัยการบริหารยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างกับและปฏิบัติตามมาตรฐานการศึกษาชาติ สังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ ารในสามจังหวดั ชายแดนภาคใต้ สรุปจากข้อสนับสนุนข้างต้น แสดงให้เห็นความสาคัญของการเรียนรู้ส่งผลโดยตรงต่อด้าน การพัฒนาคุณภาพการศึกษา ผู้วิจัยจึงได้กาหนดสมมติฐานความสัมพนั ธ์ระหวา่ งการเรยี นรู้มีอทิ ธิพล ต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในการศกึ ษาคร้งั น้ี 11. ความสมั พนั ธ์ระหว่างองคป์ ระกอบด้านสง่ิ แวดล้อมกับด้านการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ส่งิ แวดลอ้ ม การพัฒนา คุณภาพ การศกึ ษา แผนภาพที่ 4.20 แสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งองค์ประกอบดา้ นส่ิงแวดล้อมกับด้านการพฒั นาคุณภาพการศึกษา ข้อสนับสนุนความสัมพนั ธ์ระหว่างองค์ประกอบด้านสงิ่ แวดลอ้ มกับด้านการพฒั นาคุณภาพ การศึกษา นักวิชาการหลายท่าน ได้แสดงทัศนะท่ีสนับสนุนความสัมพันธร์ ะหวา่ งด้านส่ิงแวดล้อมกับ ด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษา ได้แก่ สุทธิพงศ์ นิพัทธนานนท์ (2557) พบว่า ปัจจัยท่ีสนับสนุน การเป็นโรงเรียนส่ิงแวดล้อมศึกษาเพอื่ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ในเขตภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย ปัจจัยที่สาคัญท้ังหมด 8 ด้าน ดังรายละเอียดต่อไปน้ี 1) ปัจจัยด้านหลักสูตรในโรงเรียนส่ิงแวดล้อม ศึกษา โรงเรียนฯ มีลักษณะเป็น Cross-Curriculum คือทุกวิชาต้องการบูรณาการแนวคิดเก่ียวกับ สงิ่ แวดลอ้ มศึกษาเข้าไปในเน้อื หาวิชานน้ั ๆ นอกจากนก้ี ระบวนการเรียนการสอน มกี ารเน้นผเู้ รยี นเป็น ศนู ย์กลางและจดั กิจกรรมทเี่ น้นประสบการณ์ให้ผู้เรียนสร้างความรดู้ ้วยตนเอง 2) ปัจจัยด้านกิจกรรม เสริมหลักสูตร โรงเรียนฯ มีการจัดชมรมเก่ียวกับส่ิงแวดล้อมจัดกิจกรรมต่างๆเพอ่ื ส่งเสริมการเรียนรู้ เพ่ิมขึ้น 3) ปัจจัยด้านผู้เรียน การจัดสิ่งแวดล้อมศึกษา โรงเรียนมีการเน้นให้ความสาคัญกับเด็ก ในนักเรียนโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ กับนกั เรยี นประถมศกึ ษา เพราะหากมกี ารปลูกฝงั เร่ืองสิง่ แวดล้อมศึกษา อย่างจริงจังแล้ว เม่ือเด็กเหล่าน้ีเติบโตข้ึน จะทาให้เกิดความตระหนักและจิตสานึกท่ีดีในการร่วม ป้องกันและรักษาสิ่งแวดล้อม 4) ปัจจัยด้านการบริหารงานส่ิงแวดล้อมในโรงเรียน โดยจัดให้มีการ ส่งเสริมสนับสนุนในการเผยแพร่ข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ด้านส่ิงแวดล้อมให้แก่ครูนักเรียน ผปู้ กครองชมุ ชนในทอ้ งถิ่น 5) ปจั จยั ดา้ นกิจกรรมรณรงคแ์ ละรกั ษาสงิ่ แวดล้อมโรงเรยี น โดยการจัดให้
170 มีกิจกรรมการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมของโรงเรียน และชุมรมอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมข้ึน มีการสอดแทรก กิจกรรมในโรงเรียนให้กับครู นักเรียน รวมท้ังการส่งเสริมการใช้ส่ิงของหรอื วัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหา และเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม 6) ปัจจัยด้านความร่วมมือโรงเรียนกับชุมชน โดยโรงเรียนฯ มีการ ให้บริการด้านข้อมูลข่าวสาร ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมผ่านครูนักเรียน ไปสู่ชุมชนในท้องถิ่นและ ทางโรงเรียน และนักเรียนได้มีการออกเย่ียมชุมชนในท้องถิ่นเพ่ือให้ข้อมูลข่าวสารด้านสิ่งแวดล้อม 7) ปจั จัยดา้ นบรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มของโรงเรยี น มีการจดั เตรียมสถานท่ีตา่ ง ๆ เชน่ ห้องเรียน ห้องสมุดแหล่งการเรียนรู้ภายในโรงเรียนให้ดูสะอาดเรียบร้อย มีระเบียบ โดยมีการจัดสถานท่ีให้ เอ้ืออานวยต่อการเรียนการสอน 8) ปัจจัยด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคลในโรงเรียน มีการจัดต้ัง ชุมนุมอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมโดยสร้างเครือข่ายให้เกิดขึ้นระ หว่างโรงเรียนกับชุมชนในท้องถิ่น ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยมีการเปิดโอกาสให้ครูนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนในท้องถิ่น ได้มกี ารแสดงออกในกจิ กรรมรว่ มกนั สรุปจากข้อสนบั สนุนข้างต้น แสดงให้เห็นความสาคัญของสิ่งแวดล้อมส่งผลโดยตรงตอ่ การ พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ผู้วิจัยจึงได้กาหนดสมมติฐานความสัมพนั ธ์ระหว่างส่งิ แวดล้อมมีอิทธิพลต่อ การพฒั นาคุณภาพการศึกษาในการศึกษาคร้งั นี้ ภาวะผู้นา ขวญั กาลงั ใจ กระบวนการทาง ปัญญา ความพึงพอใจ การพัฒนาคณุ ภาพ ในองค์การ เทคโนโลยี การศกึ ษา ทางการศกึ ษา การเรียนรู้ สิ่งแวดลอ้ ม แผนภาพท่ี 4.21 แสดงความสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบท้งั 8 องค์ประกอบ จากแผนภาพท่ี 4.21 พบว่า 1) องค์ประกอบด้านภาวะผู้นา มีความสัมพันธ์กับด้านขวัญ กาลังใจ และด้านความพึงพอใจในองค์การ 2) องค์ประกอบด้านขวัญกาลังใจ มีความสัมพันธ์กับ ด้านควาพึงพอใจในองค์การและด้านกระบวนการทางปัญญา 3) องค์ประกอบด้านความพึงพอใจ ในองค์การมีความสัมพันธ์กับด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา ด้านการเรียนรู้ และด้านส่ิงแวดล้อม 4) องค์ประกอบด้านกระบวนการทางปัญญา มีความสัมพันธ์กับ ด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5) องค์ประกอบด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา มีความสัมพันธ์กับ ด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษา
171 6) องค์ประกอบด้านการเรียนรู้ มคี วามสัมพนั ธก์ ับ ด้านพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาและ 7) องค์ประกอบ ดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม มคี วามสมั พันธ์กบั ด้านพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา ตารางท่ี 4.17 คา่ สมั ประสทิ ธ์ิอทิ ธิพล ค่าความคลาดเคลอ่ื นมาตรฐาน (standard error, SE) ค่าสถติ ิ ทดสอบ t - test ขององค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน ตวั แปร ตัวแปร เมทรกิ ซนา้ หนกั องคประกอบ องค สัมประสิทธ์ิ ตน ตาม B SE t ประกอบ พยากรณ (R 2) COM2 COM3 0.56 0.034 18.14*** COM8 0.30 COM8 0.55 0.033 17.58*** COM3 0.31 COM3 COM1 0.83 0.048 15.97*** COM6 - 0.00 COM8 COM5 0.60 0.085 8.64*** COM4 - 0.13 COM4 0.86 0.071 11.90*** COM5 - 0.06 COM6 0.74 0.075 10.85*** COM1 0.38 COM1 COM7 0.79 0.369 2.16* COM7 0.21 COM5 COM7 - 0.03 0.045 - 0.55 COM4 COM7 - 0.11 0.215 - 0.49 COM6 COM7 0.03 0.074 0.30 *** P < .001 * P < .05 จากตารางที่ 4.17 พบว่า 1) องค์ประกอบด้านภาวะผู้นา (COM2) มีความสัมพันธ์กับด้าน ขวัญกาลังใจ (COM 3) และด้านความพึงพอใจในองค์การ (COM 8) 2) องค์ประกอบด้านขวัญกาลังใจ (COM 3) มคี วามสัมพนั ธ์กบั ดา้ นกระบวนการทางปญั ญา (COM 1) 3) องค์ประกอบดา้ นความพึงพอใจ ในองค์การ (COM 8) มคี วามสัมพนั ธ์กับด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา (COM 5) ดา้ นการเรียนรู้ (COM 4) และด้านสิ่งแวดล้อม (COM 6) 4) องค์ประกอบด้านกระบวนการทางปัญญา (COM 1) มีความสัมพันธ์กับด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษา (COM 7) 5) องค์ประกอบด้านเทคโนโลยี ทางการศึกษา (COM 5) มีความสัมพันธ์กับด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษา (COM 7) 6) องค์ประกอบด้านการเรียนรู้ (COM 4) มีความสัมพันธ์กับด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษา (COM 7) และ7) องค์ประกอบด้านส่ิงแวดล้อม (COM 6) มีความสัมพันธ์กับด้านการพฒั นาคุณภาพ การศกึ ษา (COM 7)
172 ตารางท่ี 4.18 แสดงคาสหสมั พันธขององคประกอบท้ัง 8 ประกอบ COM1 COM2 COM3 COM4 COM5 COM6 COM7 COM8 COM Pearson 1 .464** .646** .775** .562** .640** .518** .356** 1 Correlation . .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 Sig. (2-tailed) 728 728 728 728 728 728 728 1 .558** .469** .330** .402** .317** .546** N . .000 .000 .000 .000 .000 .000 COM Pearson 728 728 728 728 728 728 2 Correlation 1 .675** .499** .645** .555** .434** Sig. (2-tailed) . .000 .000 .000 .000 .000 728 728 728 728 728 N 1 .598** .658** .504** .354** COM Pearson . .000 .000 .000 .000 3 Correlation 728 728 728 728 1 .570** .364** .254** Sig. (2-tailed) . .000 .000 .000 N 728 728 728 COM Pearson 4 Correlation 1 .443** .368** Sig. (2-tailed) . .000 .000 728 728 N 1 .243** COM Pearson . .000 5 Correlation 728 1 Sig. (2-tailed) . N COM Pearson 6 Correlation Sig. (2-tailed) N COM Pearson 7 Correlation Sig. (2-tailed) N COM Pearson 8 Correlation Sig. (2-tailed) N ** Correlation is significant at the 0.01 level (2 - tailed). จากตารางพบว่า โดยภาพรวมคาสหสัมพันธของรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการ ปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เป็ นพหุตัวแปรที่มี ความสัมพันธ์กันทั้ง 8 องคประกอบ โมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ระดับดีมาก อยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดบั .01 โดยมีค่าความสัมพนั ธ์กนั ในทางบวก
173 ตอนท่ี 3 การวิเคราะหก์ ารประเมนิ และรับรองรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการ ปญั ญาของโรงเรยี นสงั กดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากการตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบจากการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยได้นาร่างองค์ประกอบรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานให้ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 17 คน ท่ีเป็น ผู้บริหารสถานศึกษาท่ีมีประสบการณ์การบริหารมาประเมินและรบั รองเพ่ิมความเชื่อถือในการสรา้ ง รูปแบบ โดยผ้เู ช่ยี วชาญและผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณา 4 ดา้ น ได้แก่ 1) ดา้ นความถูกตอ้ ง (Accuracy) 2) ด้านความเหมาะสม (Propriety) 3) ด้านความเป็นไปได้ (Feasibility) 4) ความเป็นประโยชน์ (Utility) และขอ้ เสนอแนะ เพือ่ ปรบั ปรงุ ใหไ้ ดร้ ูปแบบทเี่ หมาะสม ดงั มีรายละเอียดดังนี้ ตารางท่ี 4.19 แสดงค่าความถี่และร้อยละจากผู้เช่ียวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิที่มีต่อองค์ประกอบของ รูปแบบบรรยากาศองคก์ ารเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรยี นสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษา ขัน้ พ้ืนฐาน ความคิดเหน็ ข้อ รายการองคป์ ระกอบ ความ ความ ความ การใช้ ของรูปแบบ ถูกตอ้ ง เหมาะสม เปน็ ไปได้ ประโยชน์ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ คน คน คน คน 1 กระบวนการทางปัญญา 17 100 17 100 17 100 17 100 2 ภาวะผ้นู า 17 100 17 100 17 100 17 100 3 ขวัญกาลงั ใจ 17 100 17 100 17 100 17 100 4 การเรยี นรู้ 17 100 17 100 17 100 17 100 5 เทคโนโลยที างการศึกษา 17 100 17 100 17 100 17 100 6 สงิ่ แวดล้อม 17 100 17 100 17 100 17 100 7 การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา 17 100 17 100 17 100 17 100 8 ความพึงพอใจในองค์การ 17 100 17 100 17 100 17 100 ค่าเฉลี่ย 17 100 17 100 17 100 17 100 จากตารางที่ 4.19 พบว่าผู้เช่ียวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 17 คน มีความคิดเห็นต่อ องค์ประกอบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยมีการประเมิน 4 ด้าน ผลการประเมินทุกองค์ประกอบ ท้ัง 8 องค์ประกอบ ทั้ง 4 ด้าน คือ1) ด้านความถูกต้อง (Accuracy) 2) ด้านความเหมาะสม (Propriety) 3) ด้านความ เป็นไปได้ (Feasibility) 4) ความเป็นประโยชน์ (Utility) จากจานวน ผู้เช่ียวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 17 คน ผา่ นการประเมนิ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ท้งั 8 องคป์ ระกอบและในแต่ละด้านทงั้ 4 ด้านของ การประเมินจากผู้เช่ียวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิที่มีต่อองค์ประกอบของรูปแบบ บรรยากาศองค์การ เชงิ บูรณาการปัญญาของโรงเรยี นสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
174 บทที่ 5 สรปุ อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ จากการวิจัยคร้ังนี้ วัตถุประสงค์เพื่อสร้างรูปแบบรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการ ปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพ่ือศึกษาองค์ประกอบของบรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 2) เพ่ือสร้างรูปแบบบรรยากาศองค์การบูรณาการเชิงปัญญาของ โรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและ 3) เพื่อประเมินและรับรองรูปแบบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยมีวิธีการดาเนินการ 4 ขั้นตอนคือ 1) การศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์และสรุปวรรณกรรมงานวิจัย ที่เก่ียวข้องและสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเก่ียวกับบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 2) การร่างรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญา ของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 3) การสร้างรูปแบบท่ีเหมาะสมของ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 4) ตรวจสอบรูปแบบที่เหมาะสมของรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ประชากรทใี่ ช้ในการวิจยั คอื โรงเรยี นมธั ยมศึกษา จานวน 2,358 โรงเรียน โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสทางการศึกษา จานวน 7,083 โรงเรียน รวม 9,441 โรงเรียน การเลือกกลุม่ ตัวอย่างใชว้ ธิ ีสุ่มอย่างงา่ ยดว้ ยวธิ ีจับฉลาก กล่มุ ตวั อยา่ งคือ โรงเรยี นประถมศกึ ษา ขยายโอกาสและโรงเรียนมธั ยมศึกษา จานวน 200 โรงเรียน เป็นโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส จานวน 100 โรงเรียน โรงเรียนมัธยมศึกษา 100 โรงเรียน ผู้ให้ข้อมูลโรงเรียนละ 4 คน คือ ผู้อานวยโรงเรียน 1 คน รองผู้อานวยการโรงเรียน 1 คน ครู 2 คน รวม 800 ฉบับ ได้รับคืนจานวน ท้ังส้ิน 728 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 91.00 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์แบบ กึ่งโครงสร้าง (semi - structured Interview) 2) แบบสอบถามเกี่ยวกับระดับปฏิบัติการเป็น แบบสอบถามความคิดเห็น (opinionnaire) 3) แบบสัมภาษณ์ สาหรับผู้เช่ียวชาญ จานวน 17 คน เป็นการเลือกแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อประเมิน และรบั รองรูปแบบสถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใช้ค่าความถ่ี(frequency) คา่ รอ้ ยละ (percentage) ค่ามัชฌิมเลขคณิต (mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard devition) การวิเคราะห์องค์ประกอบ (exploratory factor analysis) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเส้น (path analysis) โดยใช้โปรแกรม สาเร็จรปู การวิเคราะหเ์ นือ้ หา (content analysis) 5.1 สรุปผลการวิจัย จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็น ได้ข้อค้นพบสรุปผลการวิจัยตาม วตั ถุประสงคข์ องการวิจัยดังนี้
175 1. องค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ 67 ตัวแปร ดังน้ี 1) การบูรณาการ เชิงปัญญา 2) ภาวะผู้นา 3) ขวัญกาลังใจ 4) การเรียนรู้ 5) เทคโนโลยีการศึกษา 6) ส่ิงแวดล้อม 7) การพัฒนาคุณภาพการศึกษาและ 8) ความพึงพอใจในองค์การ ค่า MSA ตามวิธี Kaiser - Meyer - Olkin (KMO) มีค่าเท่ากับ .970 ซึ่งมากกว่า 0.5 และผลการทดสอบด้วย Bartlett’s Test พบว่า มีความสาคัญทางสถิติเท่ากับ .000 จากค่าไอแกนขององค์ประกอบท่ีมากกว่า 1.00 การคัดเลือก องค์ประกอบทมี่ ีค่าน้าหนกั องค์ประกอบตง้ั แต่ 0.6 ขึน้ ไป มคี า่ ไอแกน (eigenvalues) มากกวา่ 1 และมีตัว แปรอธิบายองค์ประกอบมากกว่า 3 ตัวแปรข้นึ ไป พบว่ามี 8 องค์ประกอบ ไดจ้ ัดเรยี งลาดับตวั แปรตามค่า นา้ หนกั องคป์ ระกอบ (Factor Loading) ดงั นี้ องค์ประกอบท่ี 1 “กระบวนการทางปัญญา” ประกอบด้วย 24 ตัวแปร ดังนี้ 1) โรงเรียน ส่งเสริมปญั ญาท่เี กิดจากการฝึกฝนและลงมือปฏบิ ัติตามหลักปญั ญาด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย 2) โรงเรยี น มีบรรยากาศเชิงบูรณาการปัญญา ทางกายภาพ จิตวิทยา จิตภาพเพื่อส่งเสริมความรู้ ความคิด ความฉลาดด้านความรู้และอารมณ์ 3) โรงเรียนนาแนวทางบูรณาการปัญญามีพัฒนาประสิทธิภาพของ องค์การ 4) โรงเรียนส่งเสริมบรรยากาศการศึกษาเล่าเรียน ฝกึ การฟงั อย่างมีสมาธิ และวิเคราะห์แยกแยะ ข้อมูลจริงหรือเท็จอย่างถูกต้อง 5) โรงเรียนส่งเสริมการแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างมีเหตุผลด้วยปัญญาและ นาความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติจริง 6) กลุ่มสาระการเรียนรู้นาแนวทางบูรณาการปัญญามาใช้ในการจัดการ เรียนรู้ 7) โรงเรียนมีการบูรณาการปัญญามาใช้ท้ังในระดับบริหารและปฏิบัติการ 8) โรงเรียนมีหลักสูตร ท่สี ่งเสริมด้านบูรณาการปัญญาให้กับผู้เรียน 9) ครูนาหลักปัญญามาใช้กับนักเรยี นแต่ละช่วงวยั ท่ีแตกต่าง กันอย่างเหมาะสม 10) โรงเรียนส่งเสริมด้านคุณธรรมจริยธรรมด้วยการบูรณาการปัญญา 11) โรงเรียน มีบรรยากาศส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงตามความถนัดและแตกต่างของแต่ละคน 12) โรงเรยี นมีการจัดกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบตั ิจากขั้นตอนการสงั เกต รบั รู้ เพอื่ ใหเ้ กิดความเข้าใจ และสรปุ ความคิดรวบยอด 13) โรงเรยี นมีการจัดกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติด้วยตนเองจนเกิดความ ชานาญ หรือทาได้โดยอัตโนมัติซึ่งจะเกิดงานช้ินใหม่ 14) ผู้บริหารใช้หลักธรรมาภิบาลบูรณาการร่วมกับ หลกั ปัญญาในการบริหาร 15) โรงเรียนมีการจัดกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติจากการทาโดยไม่มีแบบ ต้ังแต่ข้ันตอนแรกจนงานเสร็จสมบูรณ์ 16) โรงเรียนมีบรรยากาศให้ผู้เรียนเรียนรู้จากปฏิบัติด้วยประสาท สัมผัสทั้ง 5 17) โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจินตมยปัญญาด้านกระบวนการคิดเปรียบเทียบ 18) โรงเรยี นมีบรรยากาศส่งเสรมิ บูรณาการจนิ ตมยปญั ญาด้านกระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม 19) ครูผู้จัด กิจกรรมด้านส่งเสริมการอ่านเก็บรวบรวมข้อมูลด้านการอ่านอย่างเป็นระบบและศึกษาพัฒนาการ ด้านการอ่านของผู้เรียน 20) โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการสุตมยปัญญากิจกรรมด้านทักษะ การอ่าน การฟงั ทห่ี ลากหลาย 21) โรงเรยี นมีบรรยากาศสง่ เสริมบูรณาการจินตมยปญั ญาด้านกระบวนการ คิดเชงิ กลยุทธ์ 22) โรงเรียนมีการจัดกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติโดยการทาตามตวั อย่างจากข้ันตอน ที่ไม่ซับซ้อนไปจนถึงข้ันตอนท่ีซับซ้อน 23) โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจินตมยปัญญาด้าน กระบวนการคิดเชิงมโนทัศน์และ 24) โรงเรียนมีบรรยากาศส่งเสริมบูรณาการจินตมยปัญญาด้าน กระบวนการคดิ เชงิ บวกตามลาดับ องค์ประกอบที่ 2 “ภาวะผู้นา ”ประกอบด้วย 12 ตัวแปร ดังน้ี 1) ผู้บริหารสามารถ เป็นผู้นาทีมให้ครูและบุคลากรในการปฏิบัติงานได้บรรลุเป้าหมายความสาเร็จขององค์การ 2) ผู้บริหาร
176 มีภาวะผู้นาในการบริหารจัดการองค์การ 3) ผู้บริหารมีพฤติกรรมเป็นผู้นาในการส่งเสริมการปฏิบัติงาน ของครูและบุคลากร 4) ผู้บริหารสร้างแรงจูงใจให้กับครูและบุคลากรในการปฏิบัติหน้าที่ 5) ครูและ บุคลากรในองค์การมีแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน 6) ผู้บริหารมีการตัดสินใจและการแก้ปัญหาที่เหมาะสม กบั สถานการณ์ 7) ผบู้ ริหารเข้าใจภาพรวมของสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ที่มีผลกระทบตอ่ องค์การ 8) ครูและ บุคลากรให้การยอมรับวิธีการจูงใจของผู้บริหาร 9) ผู้บริหารมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของครูและ บคุ ลากร 10) ผู้บริหารรับฟงั ความคิดเหน็ ของครูและบุคลากร 11) ผู้บริหารใช้แรงจูงใจกับครูและบุคลากร เพ่ือใหเ้ กดิ ความพึงพอใจในงาน และ12 ผูบ้ รหิ ารใหก้ ารสนับสนุนโดยการให้รางวัลเปน็ แรงจูงใจ ตามลาดบั องค์ประกอบท่ี 3 “ ขวัญกาลังใจ” ประกอบด้วย 7 ตัวแปร ดังน้ี 1) ครูและบุคลากร ทางานอย่างมีความสุขในองค์การที่สร้างขวัญกาลังใจดี 2) ครูและบุคลากรมีการปรับปรุงการปฏิบัติงาน สม่าเสมอ 3) ครูและบุคลากรมีความรู้สึกเห็นว่าองค์การมีสภาพที่น่าอยู่ น่าทางาน 4) ครูและบุคลากร มีความรักในทีมงานเพราะมีการตอบสนองของสังคมที่ดี 5) ครูและบุคลากรมีขวัญกาลังใจดีส่งผลให้เพ่ิม ศักยภาพในการปฏิบัติงาน 6) ครูและบุคลากรมีพฤติกรรมในการปฏิบัติงานโดยมีขวัญกาลังใจดี และ 7) ผบู้ ริหารส่งเสริมสรา้ งขวญั กาลังใจในการทางานใหก้ ับครูและบุคลากร ตามลาดับ องคป์ ระกอบที่ 4 “การเรยี นรู้ ” ประกอบดว้ ย 9 ตวั แปร ดังนี้ 1) ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามระดับการเรียนรู้จากปัญญา จากการอ่าน การฟัง การคิด ไปจนถึงการปฏิบัติ 2) ผู้บริหารบริหารจัด การศกึ ษาโดยการใช้เทคโนโลยที ่ีทนั สมัยเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพงาน 3) โรงเรยี นมีจุดเน้นท่ีชัดเจนท่ีส่งเสริม การบูรณาการปัญญามาใช้ในการจัดการเรียนรู้ 4) นักเรียนมีความรู้ความสามารถเต็มศักยภาพ มีบุคลิกลักษณะใฝ่เรียนด้วยตนเองโดยสามารถบูรณาการปัญญาคือ สุตมยปัญญ จินตมยปัญญาและ ภาวนามยปัญญาได้ 5) การบริหารจัดการมีจุดเน้นที่ชัดเจนที่ส่งเสริมการบูรณาการปัญญามาใช้ในการ บริหารจัดการ 6) ครูและบุคลากรมีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี วิทยาการสมัยใหม่ 7) ผู้บรหิ ารมีทักษะด้านการบูรณาการปัญญา การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ทกั ษะการปฏิบัติ มาใช้ในการ บริการจัดการศึกษา 8) ผู้บริหารมีความรู้ความเข้าใจในขอบเขตและที่มาของปัญญาคือ สุตมยปัญญ จินตมยปญั ญา และภาวนามยปัญญา และ9) ครสู ง่ เสรมิ ให้นักเรียนมีทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล แยกแยะ สิ่งต่าง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสมดว้ ยการบูรณาการปัญญา ตามลาดับ องคป์ ระกอบท่ี 5 “เทคโนโลยีการศึกษา” ประกอบดว้ ย 3 ตัวแปร ดงั น้ี 1) ห้องเรยี นมีวัสดุ อุปกรณ์ เทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมใช้งาน 2) ห้องเรียนมีสื่อส่งเสริมทางวิชาการท่ีหลายหลาย ทันสมัย เพยี งพอ พรอ้ มใช้และ 3) โรงเรียนมีบรรยากาศที่สง่ เสริมการเรียนร้ทู ี่หลากหลาย ตามลาดบั องค์ประกอบท่ี 6 “สิ่งแวดล้อม” ประกอบด้วย 5 ตัวแปร ดังนี้ 1) ห้องเรียน อาคารเรียน สะอาด สะดวกสบายในการใช้งาน 2) โรงเรียนมีพ้ืนท่ีสาหรับการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรม ท่ีเหมาะสม 3) ห้องเรียน อาคารเรียน มีความปลอดภัยไม่มีความเส่ียง 4) ห้องเรียนมีการจัดแบบจากัด จานวนนักเรยี นทาใหไ้ ม่แออัด 5) โรงเรยี นมกี ารจัดสภาพทางกายภาพ อาคารสถานท่ี หอ้ งเรียนเหมาะสม ตามลาดบั องค์ประกอบท่ี 7 “การพัฒนาคุณภาพการศึกษา” ประกอบด้วย 4 ตัวแปร ดังนี้ 1) ครูเห็นว่าการศึกษาช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน 2) ครูและบุคลากร เห็นว่าการศึกษาช่วยพัฒนาพื้นฐานอาชีพให้กับนักเรียน 3) ครูประเมินนักเรียนตามความเป็นจริง 4) คุณภาพการศึกษาสามารถพัฒนานกั เรียนให้คนดมี คี ณุ ภาพ ตามลาดับ
177 องค์ประกอบท่ี 8 “ความพึงพอใจในองค์การ” ประกอบด้วย 3 ตัวแปร ดังน้ี 1) ครูและบุคลากรมีความพึงพอใจต่อสถานภาพของตน 2) ครูและบุคลากรมีความพึงพอใจใน ความสาเรจ็ ของตนและ 3) ครูและบคุ ลากรมที ัศนคตทิ ดี่ ีตอ่ เพ่ือนร่วมงาน 2. รูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นพหุตัวแปรท่ีมีความสัมพันธ์กัน จากการวิเคราะห์เส้นทาง (path analysis) ค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบโมเดล คือ ค่า Chi - square .007 P = .931 ไม่แตกต่าง ทางสถิติ ยอมรับสมมุติฐานหลักว่า โมเดลตามทฤษฎีมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ค่า Goodjness of fit indices : GFI 1.00 มีค่าเข้าใกล้ 1 สอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจัก ษ์ ค่ า Adjusted Goodjness of fit indices : AGFI 1.00 มี ค่ า เ ข้ า ใ ก ล้ 1 ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ข้อ มูล เชิงประจักษ์ ค่า Relative fit Index (RFI) .007 มีค่าเข้าใกล้ 1 สอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ค่า Root - Mean Squared Residual (RMR) 0.00 มีค่าระหว่าง 0 - 1 สอดคล้องกับข้อ มูล เชิงประจักษ์ คา่ Largest- Standardized Residual 0.00 คา่ ไม่เกิน 0.08 โมเดลจงึ มีความสอดคล้อง กับข้อมูลเชิงประจักษ์ ค่า Root Mean Squared Error of Approximation (RMSEA) 0.00 มีค่า ระหว่าง 0 - 0.05 โมเดลมีความสอดคลอ้ งกับข้อมูลเชงิ ประจกั ษร์ ะดับดีมาก โดยพบว่า 1) องค์ประกอบด้านภาวะผู้นา มีความสัมพันธ์กับด้านขวัญกาลังใจและดา้ น ความพงึ พอใจในองค์การ 2) องคป์ ระกอบด้านขวัญกาลังใจ มคี วามสัมพนั ธก์ บั ด้านกระบวนการทาง ปญั ญา 3) องคป์ ระกอบด้านความพึงพอใจในองคก์ ารมีความสัมพนั ธก์ ับด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา ด้านการเรียนรู้และด้านส่ิงแวดล้อม 4) องค์ประกอบด้านกระบวนการทางปัญญามีความสัมพันธ์กบั ดา้ นพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา 5) องคป์ ระกอบด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา ด้านการเรยี นรู้และด้าน สิ่งแวดล้อมมีความสัมพันธ์กับด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 โดยมีคา่ ความสมั พันธก์ ันในทางบวก 3. ตรวจสอบรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน จากการพิจารณาตรวจสอบความเป็นไปได้ ความถูกต้อง ความสอดคล้องและการ นาไปใช้ประโยชน์ของร่างรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยใช้วิธีสมั ภาษณ์ผู้เชย่ี วชาญและผู้ทรงคุณวฒุ ิ จานวน 17 คน พบวา่ ผูเ้ ชีย่ วชาญและผทู้ รงคณุ วฒุ มิ ีความเหน็ สอดคลอ้ งกันท้ังหมด 17 คน โดยมคี วามเห็นว่า รปู แบบบรรยากาศองคก์ ารเชงิ บรู ณาการปัญญาของโรงเรยี นสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพื้นฐาน ประกอบด้วยองค์ประกอบ จานวน 8 องค์ประกอบคือ 1) การบูรณาการเชิงปัญญา 2) ภาวะผู้นา 3) ขวัญกาลังใจ 4) การเรียนรู้ 5) เทคโนโลยีการศึกษา 6) สิ่งแวดล้อม 7) การพัฒนา คุณภาพการศึกษา และ8) ความพึงพอใจในองค์การ ซง่ึ เป็นรปู แบบท่ีมีความเป็นไปได้ ถกู ต้องมคี วาม สอดคล้องกนั และสามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการสร้างบรรยากาศองค์การเชงิ บูรณาการปญั ญาของ โรงเรียนสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานไดต้ อ่ ไป ดังแผนภาพที่ 5.1
178 ภาวะผู้นา ขวัญกาลังใจ ความพึงพอใจ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา ในองค์การ ส่งิ แวดลอ้ ม แผนภาพท่ี 5.1 แสดงรปู แบบความสมั พันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบบรรยากาศองค์การเชงิ บูรณาการปญั ญา ของโรงเรยี นสังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน องค์ประกอบบรรยากาศองค์การเชงิ บรู ณาการปัญญาของโรงเรียน สังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน COM 1 หมายถึง กระบวนการทางปญั ญา (Cognitive process) COM 2 หมายถงึ ภาวะผูน้ า (Leadership) COM 3 หมายถงึ ขวญั กาลังใจ (morale) COM 4 หมายถงึ การเรยี นรู้ (Learning) COM 5 หมายถึง เทคโนโลยีทางการศึกษา (Educational technology) COM 6 หมายถงึ ส่งิ แวดลอ้ ม (Environment) COM 7 หมายถึง การพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา (Education quality improvement) COM 8 หมายถึง ความพึงพอใจในองคก์ าร (Satisfaction in the organization)
179 5.2 อภปิ รายผล ผลการวิจัยครง้ั นี้มปี ระเดน็ สาคัญท่ีค้นพบจากองค์บรรยากาศองค์การเชงิ บูรณาการปัญญา ของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน สามารถนามาอภิปรายผลตาม วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั ดงั นี้ 1. องค์ประกอบของรูปแบบบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จากข้อค้นพบเก่ียวกับองค์ประกอบของรูปแบบ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพื้นฐานโดยภาพรวมแล้วอยู่ในระดับมาก เป็นพหุตัวแปร จึงเป็นไปตามสมมุติฐานท่ีต้ังไว้ มีองค์ประกอบสาคัญถึง 8 องค์ประกอบ ซึ่งได้แก่ 1) การบูรณาการเชิงปัญญา 2) ภาวะผู้นา 3) ขวัญกาลังใจ 4) การเรียนรู้ 5) เทคโนโลยีการศึกษา 6) สิ่งแวดล้อม 7) การพัฒนาคุณภาพ การศึกษาและ 8) ความพึงพอใจในองค์การ ตามลาดับ ทงั้ น้เี พราะบรรยากาศองคก์ ารเป็นสง่ิ สาคัญย่ิง ต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เน่อื งจากบรรยากาศองค์การเปน็ ภาพสะท้อนขององค์การ ผ้บู รหิ าร สถานศึกษาจึงมีความจาเป็นต้องตระหนักถึงความสาคัญในการสร้างบรรยากาศองค์การให้มี บรรยากาศองค์การทีส่ ่งเสริมด้านการเรียนร้ขู องผู้เรียน บรรยากาศองคก์ ารเปน็ สิ่งทจี่ ะบอกถงึ ลักษณะ ทแี่ ตกต่างกันขององคก์ ารหรือของโรงเรียนได้ (วโิ รจน์ สารรัตนะ, 2555, หนา้ 152) ท้ังผบู้ ริหารและ ผู้ปฏิบัติงานต่างต้องการบรรยากาศองค์การท่ีดีเพ่ือท่ีจะทาให้ท้ังสองฝ่ายได้ปฏิบัติตามหน้าท่ีของตน อยา่ งสมบรู ณ์ เดวสิ (Davis, 1981, p. 105) ผบู้ ริหารสถานศึกษาจึงต้องมภี าวะผู้นาในการขับเคลื่อน องค์การให้บรรลุเป้าหมายขององค์การด้วยการการบูรณาการเชิงปัญญา ด้วยคุณสมบัติของปัญญา เปรียบได้กับแสงสว่างส่องทางช้ีบอกทางให้แก่บุคคล (พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต), 2549) เพราะผู้มีปัญญาย่อมมีวิถีทางดาเนินชีวิตที่ดีที่ถูกต้อง เป็นผู้ที่พร้อมจะรับฟังคาสั่งสอนแนะนาจาก ผู้อื่น รวมถึงผู้บริหารต้องมกี ารสร้างขวญั กาลังใจให้กบั ครูและบุคลากรให้มีขวัญที่ดีในการปฏิบัติงาน อย่างเต็มกาลังความรู้ความสามารถเต็มศักยภาพ เมื่อมีขวัญและกาลังใจดี ความรักในทีมงานเพราะ ได้รบั ความพงึ พอใจจากการตอบสนองของสังคมก็ย่อมเกิดความสาเร็จในหน้าท่ีการงาน (อลั วี จารงค,์ 2551) จนมีความรู้สึกท่ีเห็นว่าองค์การมีสภาพน่าอยู่ น่าทางาน (สุพัตรา เพชรมุนี และคณะ, 2538, หน้า 30 - 32) รวมถึงการได้รบั การส่งเสรมิ สนับสนุนการเรียนรู้ เข้ารับการอบรมด้านการปฏบิ ัตงิ าน ตรงตามความต้องการ (Likert, 1967, pp. 197 - 211) ผู้บรหิ ารยังมคี วามจาเป็นต้องสร้างบรรยากาศ แห่งการเรียนรู้ สภาพแวดล้อมท่ีเอ้ืออานวยต่อการเรียนรู้ สื่อ อุปกรณ์ อาคารสถานที่เทคโนโลยีที่ เหมาะสมและทันสมัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพราะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อโรงเรียน 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยที่สนับสนุนการเรียน (supports learning) และปัจจัยที่ขัดขวางการเรียน (impedes learning) จึง ต้อง ส่ง เสริมบร ร ยาก าศ ทั้ง สิ่ง แว ดล้อ มทาง ก ายภาพ ( physical environment) ใหม้ สี ภาพทีน่ า่ เรยี นก็จะนาไปสกู่ ารเรยี นรู้ที่ดีได้ รวมทัง้ ส่งิ แวดลอ้ มทางสงั คม (social environment) ซึ่งสนับสนุนการส่ือสารและการปฏิสัมพันธ์ สภาพแวดล้อมด้านอารมณ์ความรู้สึก (affective environment) ซ่ึงสนับสนุนความรู้สึกเป็นเจ้าของและความเคารพในตัวเองและ ส่ิงแวดล้อมด้านวิชาการ (academic environment) ซึ่งสนับสนุนการเรียนและการบรรลุผลสาเร็จ ด้วยตนเอง (Gonder, P. O., & Hymes, D., 1994) อีกท้ังต้องส่งเสริมการทางานเป็นทีมเพื่อให้ครู
180 และบุคลากรมีความรักและทุ่มเทให้กับองค์การรู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งขององค์การในการรว่ มมือ กันเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษาในการรับรู้หรือรู้สึกถึงสิ่งแวดล้อมท่ีมีส่วนร่วมในการทางานหรือ บรรยากาศในสถานที่ทางานท่ีประกอบไปด้วยการผสมผสานระหว่างบรรทัดฐาน คุณค่า ความคาดหวัง นโยบาย และแนวทางการทางานที่มีผลต่อพฤติกรรมของบุคลและกลุ่ม จึงเป็นปัจจัย ท่ีส่งเสริมให้สามารถทางานเป็นทีมได้ ผ่านมิติท้ัง 6 คือ ความยืดหยุ่น (Flexibility) ความรับผิดชอบ (Responsibility) มาตรฐาน (Standard) ระบบรางวัล (Rewards) ความโปร่งใส (Clarity) และความ ยดึ มนั่ ในทีม (Team Commitment) สโนว์(Snow, 2002, pp. 393 - 397) จนเกดิ เป็นความพึงพอใจ ในองค์การ เมื่อผู้บริหารเปิดโอกาสให้บุคลากรสามารถแสดงความคิดเห็นหรือใช้อานาจได้อย่าง อิสระในการทางาน และมีโอกาสในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ปัญหาท่ีเกิดขึ้นในการ ทางาน ครูและบคุ ลากรรู้สึกความอบอ่นุ เมื่อได้รบั การสนับสนุน เกิดความรสู้ กึ ท่ีเปน็ มิตร การยอมรับ ให้ความร่วมมือ และช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการทางาน ทั้งจากผู้บังคับบัญชาและเพ่ือนร่วมงาน (สิมาภา จนั ทรห์ อมกุล, 2552, หน้า 121) ดงั นั้น ผู้บริหารและภาวะผู้นาของผบู้ ริหารจงึ มคี วามสาคัญ ยิ่งต่อการสร้างบรรยากาศองค์การ ให้เป็นบรรยากาศองค์การที่เหมาะสม เพื่อการพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษาใหม้ ีคุณภาพและเกิดประสิทธิผลตามความคาดหวงั ของสังคม สอดคลอ้ งกบั สัมฤทธิ์ ผวิ น่ิม (2552) ท่ีกล่าวว่า องค์ประกอบบรรยากาศองค์การในสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน น้ันประกอบด้วย 9 องค์ประกอบ คือ 1) การสนบั สนุน 2) การไม่ให้ความรว่ มมือ 3) ขวญั 4) สภาพแวดลอ้ ม 5) อิทธิพล ภายนอก 6) ความอิสระ 7) ความสนิทสนม 8) การเน้นผลงาน 9) การควบคุม ยังสอดคล้องกับ วิไล กวางคีรี (2556) ได้กล่าวว่า การพัฒนาเครื่องมือตรวจวัดบรรยากาศองค์การของสถานศึกษา ขน้ั พ้นื ฐาน ประกอบดว้ ย 6 องค์ประกอบ คอื ภาวะผนู้ าของผบู้ ริหาร การจดั องค์การและการบริหาร ความเป็นมืออาชีพของครูสนับสนุนด้านวิชาการ นโยบายและการปฏิบัติของฝ่ายบริหาร และ สภาพแวดล้อมการเรยี นรู้ สอดคลอ้ งกับแนวคดิ ของ อลั ทแ์ มน (Altman, 200) ท่ีได้ศกึ ษาเก่ียวกับการ พยากรณ์บรรยากาศองค์การ พบว่า การสารวจบรรยากาศองค์กร จะทาให้เกิดประโยชน์มากมาย ได้แก่ ด้านความผูกพันต่อองค์กร พนักงานที่มีความผูกพันต่อองค์กรจะมีความพึงพอใจในงานมาก บรรยากาศองค์กรมีความสัมพันธ์กับด้านแรงจูงใจของพนักงาน ด้านความต้ังใจที่จะลาออกจากงาน ด้านผลการปฏิบัติงาน และด้านผลิตผลขององค์กร การสารวจบรรยากาศองค์กรจะช่วยให้รู้จัก จดุ บกพรอ่ งและสามารถแกไ้ ขปญั หาไดท้ นั ท่วงที และสอดคลอ้ งกับแนวคิดของเอลเลน (Allen, 2003) ได้ศึกษาแนวคิดเก่ียวกับบรรยากาศและความสัมพันธ์ของบรรยากาศที่เชื่อมโยงกับการเปล่ียนแปลง เ ชิ ง ก ล ยุ ท ธ์ ข อ ง อ ง ค์ ก า ร ใ น ช่ ว ง ที่ ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม มี ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง อ ย่ า ง ร ว ด เ ร็ ว ส่ ง ผ ล ใ ห้ สถาบันอุดมศึกษาต้องปรบั เปล่ียนวิธกี ารดาเนนิ ในเชิงรุกมากข้ึน งานวิจัยนเ้ี น้นการศึกษาการบรหิ าร จัดการท่ีทาให้เกิดบรรยากาศของความม่ันคงและไม่มั่นคงในการทางานของมหาวิทยาลัย 9 แห่ง ในประเทศอังกฤษ โดยแบ่งมหาวิทยาลัยท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่างออกเป็นสามกลุ่มได้แก่ กลุ่มท่ีมีเก่าแก่ มีช่ือเสียงและมีความม่ันคงสูง กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยท่ีกลางเก่ากลางใหม่ กาลังเริ่มมี การเปล่ียนแปลงและค่อนข้างมีความมั่นคง กลุ่มท่ีสามเป็นมหาวิทยาลัยที่เร่ิมก่อต้ังได้ไม่นาน มีการเปลี่ยนแปลงสูงและความม่ันคงในการทางานค่อนข้างน้อย ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า บรรยากาศของความมั่นคงหรือไม่ม่ันคงในการทางานมีผลจากระดับการรับรู้ของบุคลากรในปัจจัย 6 ประการ ได้แก่ การบริหารการเปล่ียนแปลงและความถ่ีของการเปลี่ยนแปลงความสามารถในการ
181 คาดการณ์ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ความเปิดเผย ระดับการมีส่วนรว่ มความต่อเน่อื งของการ เปลี่ยนแปลง การตัดสินใจแบบมีส่วนร่วมหรือแบบบังคับส่ังการหรือเปลี่ยนแปลงวด หรือสามารถ สร้างบรรยากาศแบบปิดท่ีบุคลากรมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง มีการแลกเปล่ียนข่าวสารร่วมกัน การศึกษาเสนอแนะให้สถาบันอุดมศึกษาใช้เทคนิควิธีการ เปล่ียนแปลงท่ีไม่ทาให้ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกถึงความไม่ม่ันคงในการทางานและขณะเดียวกันก็สร้าง ความรู้สึกของการเป็นส่วนหน่ึงของสังคมภายในสถาบัน นอกจากน้ีผู้วิจัยได้แนวคิดของผู้เช่ียวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิมาใช้ในการศึกษาวิจัยในครั้งน้ี และจากแนวคิด ทฤษฎีดังกล่าว สามารถนามาเป็น กรอบแนวคิดในการศึกษาวิจยั โดยนาเสนอเปน็ แผนภมู ิ ผู้วิจยั อภปิ รายผลการวิจยั ครั้งนีเ้ ป็นหัวข้อ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1. องค์ประกอบกระบวนการทางปญั ญา เป็นองค์ประกอบที่มีความสาคัญเป็นอันดับแรก ที่มีต่อบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรยี นสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้ืนฐานมากที่สุด เม่ือพิจารณาข้อคาถามของแบบสอบถามความคิดเห็น ประกอบด้วยลักษณะ ต่าง ๆ 24 ตวั แปร โดยตวั แปรที่มีคา่ สงู สุดคือ ตัวแปรที่ 1 โรงเรียนสง่ เสรมิ ปัญญาที่เกดิ จากการฝึกฝน และลงมือปฏิบัติตามหลักปัญญาด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย และน้อยท่ีสุดคือ ตัวแปรที่ 24 โรงเรยี น มีบรรยากาศสง่ เสริมบูรณาการจนิ ตมยปญั ญาด้านกระบวนการคดิ เชิงบวก องคป์ ระกอบนีป้ ระกอบดว้ ยตวั แปรมีค่าน้าหนักอยู่ระหวา่ ง 0.605 - 0.757 มีค่ารอ้ ยละของ ความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 11.515 ซ่ึงอธิบายถึงความสอดคล้องหรือ ความสัมพันธ์ของตัวแปรท้ัง 24 ตัวแปรในองค์ประกอบท่ี 1 แสดงให้เห็นว่า ผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้ น พ้ืนฐานไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน แสดงว่าตัวแปรท้ัง 24 ตัวแปรสามารถจัดอยู่ในกลุ่ม ขององค์ประกอบที่ 1 คือ กระบวนการทางปัญญา ซงึ่ สง่ ผลสาคญั ตอ่ บรรยากาศองค์การเชงิ บูรณาการ ปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระบวนการทางปัญญา ควรมสี ง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รียนไดฝ้ ึกฝนและลงมือปฏบิ ัติจรงิ โรงเรียนควรสง่ เสริมด้านปัญญาในแต่ละช่วงวัยท่ี มีความแตกต่างกันอย่างเหมาะสม โดยเริ่มจากพัฒนาด้านทักษะการอ่าน การฟัง การคิดและการลง มือปฏิบัติ จากตัวอย่างที่ไม่ซับซ้อนไปจนถึงการทาตามตัวอย่างที่ซับซ้อนมากขึ้น อีกท้ังส่งเสริมให้ ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิดในรปู แบบที่หลากหลายเพ่ือให้เกิดการเรียนรู้จากกระบวนการทางปัญญา ซ่ึงกระบวนการทางปัญญา มีความสาคัญมากท่ีสุด เน่ืองจากกระบวนการทางปัญญาเป็นการ พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนหากผู้เรียนจะพัฒนาการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล อย่างแท้จริงจาเป็นต้องพัฒนากระบวนการทางปัญญาเป็นอันดับแรก ซ่ึงสอดคล้องกบั แนวคิดของรุง่ ทิวา ปุณะตุง (2560) ได้ศึกษา การพัฒนาหลักสูตรเพ่ือเสริมสร้างความสามารถในการเรียนรู้ สารสนเทศตามแนวคิดการเรียนรู้แบบผสมผสานและการเรียนรูโ้ ดยใช้สมองเปน็ ฐาน สาหรบั นักเรียน รบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายพบว่า 1) มาตรฐานและตวั ชีว้ ดั ของการรสู้ ารสนเทศพฒั นาขน้ึ ประกอบด้วย 6 มาตรฐาน 18 ตวั ชี้วัด 2) หลักสตู รเสริมเพื่อเสรมิ สรา้ งความสามารถในการรู้สารสนเทศตามแนวคิด การเรียนรู้แบบผสมผสานและการเรยี นรโู้ ดยใชส้ มองเป็นฐาน สาหรับนักเรียนระดบั มัธยมศึกษาตอน ปลาย ประกอบด้วย 9 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ที่มาและความสาคัญ 2) แนวคิดและทฤษฎีพ้ืนฐาน 3) หลักการ 4) จุดมุ่งหมาย 5) มาตรฐานและตัวชี้วัดของการรู้สารสนเทศ 6) โครงสร้างเนื้อหา
182 7) กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ซ่ึงมีขั้นตอน ดังนี้ 7.1 ) กระตุ้นการเรยี นรู้ 7.2) เลือกประเด็น ศึกษา 7.3) วางแผนค้นคว้า 7.4) มุ่งม่ันเรียนรู้ 7.5) ระดมพลังสมอง 7.6) สร้างสรรค์ผลงาน 7.7) นาผลงานกลุ่มและ 7.8) ประเมินผล 8) ส่ือและการเรียนรู้และ 9) การวัดและประเมินผล สอดคล้องกับแนวคิดของ วิทยา ทัศมี (2560) ได้ศึกษา การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเสริม สมรรถนะ ด้านการจัดการเรียนการสอนท่ีเสริมสร้างความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของผู้เรียน สาหรับครูประดับประถมศึกษาพบว่า หลักสูตรฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้น 8 องค์ประกอบ คือ 1) เหตุผล และความเป็นมา 2) หลักการ 3) จุดมุ่งหมาย 4) สมรรถนะสาคัญ 5) โครงสร้างเน้ือหา 6) กิจกรรม 7) สื่อและการเรียนรู้ 8) การวัดและการประเมินผล ส่วนโครงสร้างเน้ือหา มี 8 หน่วยการเรียนรู้ รวมท้ังส้ิน 44 ชั่วโมง ได้แก่ หน่วยท่ี 1 สร้างแรงบันดาลใจ 3 ชั่วโมง หน่วยที่ 2 มารู้เร่ืองการคิด วิเคราะห์กันเถอะ 3 ชั่วโมง หนว่ ยที่ 3 สอนคดิ วิเคราะหน์ นั้ ทาอยา่ งไร 6 ช่วั โมง หนว่ ยที่ 4 คิดกอ่ นทา จาเป็นหรือไม่ 3 ชั่วโมง หน่วยท่ี 5 ตัวช่วยในการสอนคิดวิเคราะห์ 3 ช่ัวโมง หน่วยที่ 6 การเรียนรู้ การวดั และการประเมนิ ผลการคิดวิเคราะห์ 3 ช่วั โมง หน่วยท่ี 7 ออกแบบได้ใช้สอนจรงิ 3 ช่ัวโมงและ หน่วยท่ี 8 สอนได้ในห้องเรียน 20 ชั่วโมง โดยกิจกรรมการฝึกอบรม ประกอบด้วย 4 ข้ันตอน ได้แก่ 1) ขั้นกระตุ้นเพื่อให้เกิดการแบ่งปันประสบการณ์ 2) ขั้นสะท้อนและการอภิปราย 3) ข้ันความคิด รวบยอด 4) ขั้นประยุกต์ใช้ จากท่ีกล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้วา่ องค์ประกอบ กระบวนการทางปัญญา มีความสาคัญย่งิ ต่อการพัฒนาบรรยากาศองค์การแหง่ การเรยี นรู้ 2. องค์ประกอบภาวะผู้นา เป็นองค์ประกอบท่ีมีความสาคัญเป็นอันดับท่ี 2 เม่ือพิจารณา ข้อคาถามของแบบสอบถามความคิดเห็น ประกอบด้วยลักษณะต่าง ๆ 12 ตัวแปร โดยตัวแปรที่มี ค่าสูงสุดคือ ตัวแปรท่ี 1 ผู้บริหารสามารถเป็นผู้นาทีมให้ครูและบุคลากรในการปฏิบัติงานได้บรรลุ เป้าหมายความสาเร็จขององคก์ าร และตวั แปรที่มีคา่ ต่าสุดคือ ตัวแปรท่ี 12 ผู้บรหิ ารใหก้ ารสนับสนุน โดยการให้รางวลั เป็นแรงจงู ใจ องค์ประกอบน้ีประกอบด้วยตัวแปรมีค่าน้าหนักอยู่ระหว่าง 0.603 - 0.713 ค่าร้อยละ ของความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 8.990 ซ่ึงอธิบายถึงความสอดคล้องหรือ ความสัมพันธ์ของตัวแปรท้ัง 12 ตัวแปรในองค์ประกอบที่ 2 แสดงให้เห็นว่า ผู้ให้ข้อมูลเก่ียวกับ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพน้ื ฐานไปในทิศทางเดยี วกนั และสอดคล้องกัน แสดงว่าตวั แปรทง้ั 12 ตัวแปรสามารถจดั อย่ใู นกลุ่ม ขององค์ประกอบที่ 2 คือ ภาวะผู้นา ซึ่งส่งผลสาคัญต่อบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของ โรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ องค์การจะบรรลุเป้าหมาย ความสาเร็จขององค์การหรือไม่น้ันสว่ นสาคญั ยิง่ คอื ภาวะผู้นาของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา เพราะผู้บริหาร ที่มีพฤติกรรมท่ีมีภาวะผู้นาจะสามารถส่งเสริม สร้างแรงจูงใจ ขวัญกาลังใจให้กับครูและบุคลากร ในการปฏบิ ัติงาน ผู้บรหิ ารทม่ี ภี าวะผู้นาจะสามารถแก้ปญั หาท่เี หมาะสมกบั สถานการณ์ เขา้ ใจสภาวะ แวดลอ้ มสามารถวเิ คราะห์จุดออ่ น จดุ แขง็ โอกาส อปุ สรรคขององคก์ ารและบรหิ ารความเสี่ยงได้อย่าง เหมาะสมกับทันต่อสถานการณ สามารถนาทีมให้ครูและบุคลากรปฏิบัติงานได้บรรลุตามเป้าหมาย ความสาเร็จที่วางไว้ได้ ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดของแฮคคอนสัน (Haakonsson et al., 2008) ไ ด้ ศึ ก ษ า ก า ร ใ ช้ แ บ บ ภ า ว ะ ผู้ น า ท่ี ไ ม่ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ บ ร ร ย า ก า ศ อ ง ค์ ก า ร ส่ ง ผ ล ใ น ท า ง ล บ กั บ ผ ล การดาเนินงานขององค์การอย่างไร โดยสารวจการรับรู้ของผู้บริหารระดับสูงของบริษัทขนาดกลาง
183 และขนาดเล็กจานวน 252 บริษัทในประเทศเดนมาร์คท่ีมีผลต่อบรรยากาศและแบบภาวะผู้นา ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าบรรยากาศองค์การและแบบภาวะผู้นาท่ีไม่สอดรับกันเป็นปัญหาต่อผล การดาเนินงานขององค์การ การแก้ไขควรปรับเปล่ียนบรรยากาศองค์การหรือปรับแบบภาวะผู้นา การวิจัยแสดงแบบภาวะผู้นาท่ีเหมาะสมกับบรรยากาศแต่ละแบบ กล่าวคือ ภาวะผู้นาแบบจัดการ (Manager) เหมาะกับบรรยากาศแบบเน้นกระบวนการภายใน (Internal Process) ภาวะผู้นาแบบ ผู้สร้าง (Producer) เหมาะสมกับบรรยากาศแบบเน้นเป้าหมาย (Rational Goal)ภาวะผู้นาแบบผ้นู า (Leader) เหมาะกบั บรรยากาศแบบพัฒนา (Developmental) และภาวะผูน้ าแบบผูส้ อน (Maestro) เหมะสมกับบรรยากาศแบบกลุ่ม (Group) สอดคล้องกับแนวคิดของเพมเบอร์ตัน (Pemberton, 2008) ไดศ้ กึ ษาบรรยากาศองค์การตามการรับรู้ของผู้นาสถาบนั อุดมศึกษาในสหรัฐอเมรกิ าท่ีเข้าร่วม ในโปรแกรมการปรับปรุงคุณภาพการศึกษา (Academic Quality Improvement Program) ที่เป็น กลุ่มตัวอย่าง จานวน 45 สถาบันโดยใช้แบบสอบถามที่พัฒนาโดย Van der Post de Coning and Smit (1997) ทีผ่ วู้ ิจัยเหน็ วา่ มีความสอดคล้องกบั องค์ประกอบคุณภาพและหลกั การของโปรแกรมการ ปรบั ปรุงคุณภาพการศึกษา ประกอบดว้ ยข้อรายการ 101 ข้อ ใช้มาตรวัด 7 ระดบั คือ เห็นดว้ ยอย่าง ยิ่ง เห็นด้วยมาก คอ่ นขา้ งเห็นด้วย ไมส่ ามารถตัดสนิ ใจได้ คอ่ นข้างไม่เหน็ ด้วย ไมเ่ หน็ ดว้ ยมาก ไมเ่ ห็น ด้วยอย่างย่ิง ผลการศึกษาพบว่า องค์ประกอบบรรยากาศที่ผู้นาสถาบันอุดมศึกษาท่ีเป็นสมาชิก ในโปรแกรมนี้ให้ความสาคัญได้แก่ การให้ความสาคัญกับลูกค้าและผู้ที่เก่ียวข้อง วิสัยทัศน์ร่วม ความสาคัญของบุคลากร ผลกระทบของการยกระดับคุณภาพที่มีต่อบรรยากาศและวัฒนธรรม องค์การสอดคล้องกับแนวคิดของแฮม (Ham, 1999) ได้ศึกษาวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรม ผนู้ าของผบู้ ริหารและบรรยากาศองค์การในโรงเรยี นมธั ยมศึกษาในโครีน (Koream) ใช้แบบสอบถาม พฤติกรรม ผู้บริหาร (PTLQ) โดยการสุ่มตัวอย่างจากโรงเรียนมัธยมศึกษา จานวน 44 โรงเรียนและ จานวนครู 1,570 คน ผลการวิจัย พบว่า พฤติกรรมผู้นาของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับบรรยากาศ โรงเรยี นแบบเปิดอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถติ ิโดยมีความสมั พนั ธ์อยู่ในระดบั 0.841 สอดคลอ้ งกับแนวคิด ของกิลชิงเกอร์ (Gilsinger, 1998) ทาการศึกษาบรรยากาศโรงเรียนและการขาดงานของครู ในโรงเรยี นประถมศกึ ษาของอริโซนา พบวา่ ภาวะผู้นาของครูใหญม่ ีสว่ นสาคัญในการขาดงานของครู โดยใชเ้ ครอื่ งองมอื แบบสอบถาม (OCDQ-RE) ใช้ให้เป็นประโยชนเ์ พือ่ ประเมนิ บรรยากาศองคก์ ารการ สารวจการขาดงานของครู การประเมินตนเอง ผลการศึกษาวิจัยพบว่า มีความพันธ์กันอย่าง มนี ัยสาคัญทางสถิติระหา่ งพฤตกิ รรมครผู ูส้ อน และพฤติกรรมปลอ่ ยปะละเลยของผ้บู ริหารสถานศึกษา กับอัตราการขาดงานของครูผู้สอนสอดคล้องกับแนวคิดของวิไล กวางคีรี (2556) ได้ศึกษาวิจัยเรอื่ ง “การพัฒนาเครื่องมือตรวจวัดบรรยากาศองค์การของสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน” ผลการวิจัยพบว่า 1) องค์ประกอบบรรยากาศองค์กรของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ คือ ภาวะผู้นาของผู้บริหาร การจัดองค์การและการบริหาร ความเป็นมืออาชีพของครูสนับสนุนด้าน วชิ าการ นโยบายและการปฏิบัติของฝา่ ยบริหาร และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การเปรียบเทียบความ คิดเหน็ ของผ้ใู หข้ อ้ มลู จากโรงเรียนมธั ยมศึกษาและโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาพบวา่ แตกต่าง กันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบบรรยากาศองค์การของ สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานพบว่า องค์ประกอบทุกตัวมีความสัมพันธ์กับองค์ประกอบด้านนโยบายและ การปฏิบัติงานฝ่ายบริหารโดยที่ ภาวะผู้นาของผู้บริหารนอกจากนี้ภาวะผู้นาของผู้บริหาร
184 ความเป็นครูมืออาชีพของครู การสนับสนุนด้านวิชาการและสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ยังมี ความสัมพันธ์โดยอ้อมกับนโยบายและการปฏิบัติของฝ่ายบริหารโดยส่งผ่านการจัดองค์การและการ บริหาร 3) ผลการพฒั นาเครื่องมอื ตรวจวัดบรรยากาศองคก์ ารของสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน คือ ตวั แปร ท่สี งั เกตได้ขององค์ประกอบ การจัดองคก์ ารและการบริหาร ความเปน็ มอื อาชพี ของครู และภาวะผนู้ า ของผู้บริหาร ส่งผลต่อนโยบายและการปฏิบัติของฝ่ายบริหาร อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สอดคล้องกับแนวคิดของ ชนิดา ทองมณโฑ (2552) ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง “รูปแบบการไกล่เกลี่ยของ ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) พฤติกรรมการไกล่เกล่ียของผู้บริหารมี 4 องค์ประกอบคือ ทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ไกล่เกล่ีย การจัดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทักษะการไกล่เกลี่ย การคิดแก้ไขปัญหา โดยภาพรวมและรายด้านมีความเหมาะสมในระดับมาก 2) ประสิทธิผลการไกล่เกลี่ยของผู้บริหาร มี 4 องค์ประกอบคือ การบรรลุเป้ามายทางสังคม การก่อให้เกิดความชอบธรรม การเยียวยารักษาโดยมิติของการไกล่เกลี่ย การลดความเป็นปรปักษ์ ระหว่างคู่ขัดแยง้ โดยภาพรวมและรายด้านมคี วามเหมาะสมในระดบั มาก 3) รูปแบบการไกล่เกล่ียของ ผู้บริหารสถานศึกษาข้ันพื้นฐานเป็นรูปแบบท่ีประกอบด้วยองค์ประกอบด้านพฤติกรรมการไกล่เกล่ยี 4 องค์ประกอบเป็นตัวแปรต้น โดยองค์ประกอบทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ไกล่เกลี่ยและ องค์ประกอบการคิดแก้ไขปัญหา ส่งผลต่อองค์ประกอบประสิทธิผลการไกล่เกลี่ยในภาพรวม โดยผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นว่า มีความเหมาะสม ถูกต้อง เป็นไปได้ และสามารถนาไปใช้ได้จริง สอดคลอ้ งกบั กรอบแนวคิดเชงิ ทฤษฎขี องการวิจยั 3. องค์ประกอบขวัญกาลังใจ เป็นองค์ประกอบท่ีมีความสาคัญเป็นอันดับท่ี 3 เมื่อพิจารณาข้อคาถามของแบบสอบถามความคิดเห็น ประกอบด้วยลกั ษณะต่าง ๆ 7 ตัวแปร โดยตัว แปรที่มีค่าสูงสุดคือ ตัวแปรที่ 1 ครูและบุคลากรทางานอย่างมีความสุขในองค์การที่สร้างขวัญกาลังใจดี และตัวแปรที่มีคา่ ต่าสุดคือ ตวั แปรท่ี 7 ผบู้ รหิ ารสง่ เสริมสร้างขวญั กาลงั ใจในการทางานให้กับครูและ บคุ ลากร องค์ประกอบนี้ประกอบด้วยตัวแปรมีค่าน้าหนักอยู่ระหว่าง 0.607 - 0.657 ค่าร้อยละ ของความแปรปรวน (percent of variance) เท่ากับ 8.123 ซ่ึงอธิบายถึงความสอดคล้องหรือ ความสัมพันธ์ของตัวแปรทั้ง 7 ตัวแปรในองค์ประกอบที่ 3 แสดงให้เห็นว่า ผู้ให้ข้อมูลเก่ียวกับ บรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพน้ื ฐานไปในทิศทางเดยี วกันและสอดคล้องกัน แสดงว่าตวั แปรทัง้ 7 ตัวแปรสามารถจัดอยู่ในกลุ่ม ขององคป์ ระกอบที่ 3 คือ ขวัญกาลังใจ ซึ่งสง่ ผลสาคัญต่อบรรยากาศองค์การเชิงบูรณาการปัญญาของ โรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน คือขวัญกาลังของครูและบุคลากร หรือของผปู้ ฏิบัติงาน มคี วามสาคญั ย่งิ ทจ่ี ะกอ่ ให้เกิดความร่วมมือกัน การสรา้ งความผกู พนั ตอ่ องค์การ ช่วยควบคุมพฤติกรรมของคนในองคก์ ารให้อยใู่ นระเบียบวินยั อยา่ งเตม็ ใจ อีกทง้ั เปน็ การสรา้ งความรัก และความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่คณะ ทาให้เกิดทีมงานท่ีเข้มแข็ง ทาให้เกิดทัศนคติท่ีดีต่อองค์การ ทาใหบ้ รรยากาศในการทางานน่าอยู่ น่าทางาน เกิดพลงั แหง่ ความสรา้ งสรรค์สง่ ผลทาใหเ้ พม่ิ ศกั ยภาพ ในการปฏิบัติงานในองค์การท่ีมีขวัญกาลังใจที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของอัลท์แมน (Altman, 2000) ได้ศึกษาเก่ียวกับการพยากรณ์บรรยากาศองค์การ พบว่า การสารวจบรรยากาศองค์กรจะทา ให้เกิดประโยชน์มากมาย ได้แก่ ด้านความผูกพันต่อองค์กร พนักงานท่ีมีความผูกพันต่อองค์กรจะมี
185 ความพึงพอใจในงานมาก บรรยากาศองค์กรมีความสัมพันธก์ ับดา้ นแรงจูงใจของพนกั งาน ด้านความ ต้ังใจที่จะลาออกจากงาน ด้านผลการปฏิบัติงาน และด้านผลิตผลขององค์กร การสารวจบรรยากาศ องคก์ รจะช่วยใหร้ จู้ กั จุดบกพร่องและสามารถแก้ไขปญั หาได้ทันทว่ งที สอดคล้องกบั แนวคดิ ของทอสก้ี (Tausky, 1982) ได้ศึกษาเร่ืองผลผลิต แรงจูงใจ และคุณภาพชีวิตการทางานแสดงให้เหน็ ว่าการเพิม่ ผลผลติ นั้นต้องไดร้ ับส่งิ จูงใจดา้ นความม่ันคงในการทางานและค่าตอบแทน ซ่งึ รวมทัง้ คา่ ตอบแทนที่ได้ จากผลกาไรของบริษัทท่ีผู้ใช้แรงงานมีส่วนร่วมในการทางาน นอกจากน้ีสิ่งจูงใจด้านความท้าทายใน งาน รายได้และค่าตอบแทนที่เพียงพอรวมทัง้ คา่ ตอบแทนทไี่ ดจ้ ากการมีส่วนรว่ มในผลกาไร และความ ม่ันคงในการทางานจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตในการทางานอีกด้วย สอดคล้องกับแนวคิดของ ลอนดอน (London, 1977) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจต่องาน ความพึงพอใจ นอกเหนอื งานและคณุ ภาพชวี ติ ในการทางานโดยสัมภาษณ์พนักงาน ประมาณ 1,300 คน ใหแ้ ต่ละคน ตอบคาถาม 3 ประเด็น ประเด็นท่ี 1 ความพงึ พอใจตอ่ งาน ประเดน็ ท่ี 2 ความพงึ พอใจนอกเหนือจาก งาน และประเด็นที่ 3 คือคุณภาพชีวิตในการทางาน ความพึงพอใจต่องานนร้ี วมถึงความพึงพอใจต่อ สิ่งต่าง ๆ คือ พอใจต่อทุก ๆ สิ่งท่ีพนักงานและครอบครัวเกี่ยวข้องด้วย ส่วนคุณภาพชีวิตหมายถึง ความรู้เก่ียวกับชีวิตโดยรวม ผลการวิจัยพบว่าทั้งความพึงพอใจต่องานและความพึงพอใจนอกเหนือ งานมีอิทธิพลต่อบุคคลในการมองคุณภาพชีวิตของตน และพบรายละเอียดเพ่ิมเติมอีกว่าความพึง พอใจต่องาน พนกั งานได้รับมาจากส่วนประกอบ 4 ประการ คือ ลกั ษณะหรือเนือ้ ของงานอตั ราค่าจา้ ง ผลประโยชน์ท่ีได้รับนอกเหนือจากค่าจ้างและความม่ันคง ทั้ง 4 ประการดังกล่าวสามารถใช้ทานาย คุณภาพชีวิตของบุคคลสอดคล้องกับแฮดแดด (Haddad, 1986) ได้ทาการศึกษาคุณภาพชีวิตของ นักศึกษาในวิทยาลัยจอร์แดน โดยศึกษาถึงการรับรู้เก่ียวกับปัจจัย 16 ประการ ที่ส่งผลต่อคุณภาพ ชวี ติ กล่มุ ตวั อยา่ ง 300 คน พบวา่ นักศกึ ษาท่มี กี ารรับรู้ว่าตวั เองมคี วามพงึ พอใจในเรอ่ื งสุขภาพ รายได้ สัมพันธภาพในหมู่เพอื่ นและสภาพชีวิตในครอบครัวของตน จะมีความพึงพอใจในชีวติ ครอบครัวของ ตนเองจะเป็นตัวพยากรณ์ท่ีมีค่าสูงสุด ในการพยากรณ์ความพึงพอใจในชีวิตนักศึกษาถึงร้อยละ 50 และนักศึกษาท่ีมีอายุต่างกันมีความพึงพอใจในชีวิตแตกต่างกัน นักศึกษาท่ีมีเพศต่างกันพึงพอใจใน ชีวิตต่างกัน สอดคล้องกับสุมาลี ท่าฉลาด (2557) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “ความสัมพันธ์ระหว่าง บรรยากาศองค์การกับความพงึ พอใจกับการปฏบิ ัติงานของครูผู้ดูแลเด็กในศูนย์พฒั นาเด็กเล็ก สังกัด องค์การปกครองส่วนท้องถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี” ผลการวิจัยพบว่า 1) บรรยากาศองค์การในศูนย์ พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถ่ิน จังหวัดกาญจนบุรี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านท่ีมีบรรยากาศองค์การระดับมากเรียงตามค่าเฉลี่ย คือ ด้านสภาพ และขวัญ ด้านการเน้นการบรรลุถึงเป้าหมาย ด้านความสามารถและการคล่องตัวท่ัวไปขององค์การ ด้านความม่ันคงและความเสี่ยง ด้านการยอมรับ และการย้อนกลับของข้อมูล ด้านความสัมพันธ์ ระหว่างรางวัลกบั การลงโทษ ด้านการเน้นการฝึกอบรมและพัฒนา ดา้ นโครงสรา้ งของงาน ส่วนด้าน ที่มีบรรยากาศองค์การในระดับปานกลาง คือการตัดสินใจและด้านความเปิดเผยและการป้องกัน ตนเอง 2) ด้านความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของครูผู้ดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์กร ปกครองส่วนท้องถน่ิ จังหวัดกาญจนบุรโี ดยภาพรวมและรายดา้ นอยู่ในระดับมากเรียงตามค่าเฉลี่ยคือ ด้านลักษณะของงานที่ทา ด้านลักษณะที่ทางานและการดาเนินงาน ด้านการติดต่อสื่อสาร ด้านลักษณะทางสังคม ด้านการบังคับบัญชา/การนิเทศ ด้านความมั่นคงปลอดภัย ด้านสภาพ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286