เฉลยใบงานท่ี 1.6 เรื่อง การบวกจานวนเต็มบวกและการบวกจานวนเตม็ ลบ คาช้แี จง : ให้นักเรียนตอบคา้ ถามแต่ละข้อตอ่ ไปนี้ 1) 13 + 12 = ...............2..5.............................. 2) 15 + 34 = ...............4..9.............................. 3) 29 + (31 + 46) = .............1...0..6............................. 4) (-10) + (-8) = ...............-..1..8............................ 5) (-8) + (-15) = ...............-.2...3............................ 6) (-26) + (-82) = ...............–..1..0...8......................... 7) (-8) + [(-3) + (-6)] = ..............-.1..7.............................. 8) [(-32) + (-17)] + (-23) = ..............-.7..2.............................. 9) (-6) + (-3) + (-5) = ..............-.1..4.............................. 10) (-200) + (-80) + (-5) = ..............-.2..8..5............................
ใบงานท่ี 1.7 เร่ือง การบวกจานวนเตม็ คาชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค้าถามแต่ละข้อตอ่ ไปน้ี 1. จงเตมิ ตัวเลขลงในช่องวา่ งให้ถูกต้อง 1) 2 + (-5) = ............ 2) ............ + (-7) = -15 3) 6 + (-10) = ............ 4) ............ + 9 = 12 5) (-13) + ............ = 0 6) (-18) + 9 = ............ 2. จงจบั คู่ผลลพั ธ์ท่ีตรงกบั ประโยคสญั ลกั ษณ์ทางซ้ายมือ 1) 7 + (-3) = □ ก. -10 7 2) (-1) + (-9) = □ ข. 4 -4 3) (-12) + 8 = □ ค. 4) (-10) + 17 = □ ง.
เฉลยใบงานท่ี 1.7 เร่ือง การบวกจานวนเตม็ คาช้แี จง : ให้นักเรียนตอบคา้ ถามแตล่ ะข้อตอ่ ไปนี้ 1. จงเติมตัวเลขลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1) 2 + (-5) = ...-.3........ 2) ...(.-..8..).... + (-7) = -15 3) 6 + (-10) = ....-.4....... 4) ......3...... + 9 = 12 5) (-13) + ...1...3...... = 0 6) (-18) + 9 = ...-..9....... 2. จงจับคูผ่ ลลพั ธท์ ีต่ รงกับประโยคสัญลกั ษณ์ทางซา้ ยมือ 1) 7 + (-3) = □ ก. -10 7 2) (-1) + (-9) = □ ข. 4 -4 3) (-12) + 8 = □ ค. 4) (-10) + 17 = □ ง.
ใบงานที่ 1.8 เร่ือง การลบจานวนเต็ม คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นตอบค้าถามแตล่ ะข้อต่อไปน้ี 1. จงเติมตัวเลขลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง 1) 1 - (-1) = ............ 2) (-3) - ............ = -10 3) ............ - (-8) = 14 4) (-9) - ............ = 0 5) (-16) - (-1) = ............ 6) ............ - (-17) = 9 2. จงจับคูข่ ้อที่มผี ลลัพธเ์ ท่ากัน ก. 2 - 2 1) (-9) - 2 ข. (-8) - 6 2) (-11) - 3 ค. 20 - 7 3) (-1) - (-1) ง. 0 - 11 4) 6 - (-7)
เฉลยใบงานท่ี 1.8 เร่อื ง การลบจานวนเต็ม คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคา้ ถามแตล่ ะข้อตอ่ ไปนี้ 1. จงเตมิ ตวั เลขลงในชอ่ งว่างใหถ้ กู ต้อง 1) 1 - (-1) = .....2....... 2) (-3) - .....7....... = -10 3) .....6....... - (-8) = 14 4) (-9) - ...(.-.9...).... = 0 5) (-16) - (-1) = ...-.1..5...... 6) ....(.-.8..).... - (-17) = 9 2. จงจบั คู่ข้อท่ีมีผลลัพธ์เทา่ กัน ก. 2 - 2 1) (-9) - 2 ข. (-8) - 6 2) (-11) - 3 ค. 20 - 7 3) (-1) - (-1) ง. 0 - 11 4) 6 - (-7)
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 รายวชิ าคณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน รหสั วชิ า ค21101 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ชอื่ หน่วย ระบบจานวนเต็ม เวลารวม 14 ช่วั โมง เร่ือง การคูณและการหารจานวนเต็ม เวลา 4 ชวั่ โมง ครูผ้สู อน นางสาวกรรณิกา ลกิ ัลตา 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจ้านวน ระบบจ้านวน การดา้ เนนิ การของจ้านวน ผลท่ี เกิดข้ึนจากการด้าเนินการ สมบัติของการด้าเนินการ และน้าไปใช้ ตวั ช้วี ัด ค 1.1 ม.1/1 เข้าใจจา้ นวนตรรกยะและความสมั พันธ์ของจา้ นวนตรรกยะ และใช้สมบัติของจา้ นวนตรรก ยะในการแก้ปัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปญั หาในชวี ติ จริง 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การคูณจ้านวนเต็มด้วยจ้านวนเต็มท่ีมีเครื่องหมายเหมือนกัน ให้น้าค่าสัมบูรณ์ของจ้านวนเต็มท้ังสองมาคูณกัน ผลคูณท่ีได้จะเป็นจ้านวนเต็มบวก ส่วนการคูณจ้านวนเต็มด้วยจ้านวนเต็มที่มีเคร่ืองหมายต่างกัน ให้น้าค่าสัมบูรณ์ ของจ้านวนเต็มทั้งสองมาคณู กัน ผลคูณทีไ่ ดจ้ ะเปน็ จ้านวนเต็มลบ การหารจา้ นวนเตม็ ดว้ ยจ้านวนเต็มทม่ี ีเครือ่ งหมายเหมอื นกันในกรณีทเ่ี ปน็ การหารลงตัว ให้น้าค่าสัมบูรณ์ของ จ้านวนเต็มทั้งสองมาหารกัน ผลหารที่ได้จะเป็นจ้านวนเต็มบวก ส่วนการหารจ้านวนเต็มด้วยจ้านวนเต็มที่มี เครื่องหมายตา่ งกันในกรณที ่ีเป็นการหารลงตัว ให้น้าค่าสัมบูรณ์ของจ้านวนเต็มท้ังสองมาหารกัน ผลหารที่ได้จะเป็น จ้านวนเต็มลบ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 นักเรียนสามารถหาหาผลคณู ของจา้ นวนเตม็ ได้ (K) 3.2 นกั เรยี นสามารถหาผลหารของจ้านวนเต็มได้ (K) 3.3 นกั เรียนสามารถเขยี นอธิบายข้นั ตอนวิธีการหาผลคูณและผลหารของจ้านวนเต็มได้ (P) 3.4 รบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย (A) 4. สาระการเรยี นรู้ จา้ นวนเตม็ 5. สมรรถนะสาคญั ตองผเู้ รยี น 5.1. ความสามารถในการส่ือสาร 5.2. ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตผุ ล การสรปุ ความรู้ การปฏบิ ตั ิ 5.3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 5.4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 6.1. มวี นิ ยั 6.2. ใฝเ่ รยี นรู้ 6.3. มุ่งม่นั ในการท้างาน
7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 7.1 ตัน้ นาเตา้ ส่บู ทเรยี น 1. ครูเกร่ินนา้ เร่ืองทน่ี ักเรยี นจะไดเ้ รยี นรวู้ ่า การคณู และการหารจ้านวนเตม็ ทนี่ ักเรียนจะได้เรียนรู้นนั้ แบ่ง ออกเป็น 4 กรณี 2. ครทู บทวนความรเู้ รื่องการคูณทน่ี กั เรยี นเคยเรียนมาแล้วในช้นั ประถมศึกษา (โดยครูอาจใหน้ ักเรียนท่องสตู รคูณ) 3. ครอู ธิบายการคณู จ้านวนเตม็ กรณีท่ี 1 คอื การคูณจ้านวนเตม็ บวกด้วยจา้ นวนเตม็ บวก โดยอธบิ ายวา่ “เราสามารถหาผลคูณไดโ้ ดยใชก้ ารบวกจ้านวนเต็มบวกซ้า ๆ” แล้วยกตัวอย่างโจทย์การคณู ใน หนงั สอื เรยี น หนา้ 18 เชน่ 3 4 = 4 + 4 + 4 =12 4. ครูใหน้ ักเรยี นหาผลคูณของ 4 3 โดยใช้การบวกจ้านวนเตม็ บวกซ้า ๆ (แนวตอบ 3 + 3 + 3 + 3 = 12) 5. ครูเขียนโจทยก์ ารคณู จา้ นวนเตม็ บวกด้วยจ้านวนเตม็ บวก ให้นักเรยี นจับคแู่ ลว้ ชว่ ยกันหาค้าตอบ เพือ่ เปน็ การทบทวนการคณู จ้านวนเต็มบวก ตวั อยา่ งโจทยก์ ารคณู จานวนเตม็ บวกด้วยจานวนเตม็ บวก 1) 2 8 2) 5 6 3) 4 7 4) 8 2 5) 6 5 6) 7 4 คาตอบโจทย์การคูณจานวนเตม็ บวกด้วยจานวนเต็มบวก 1) 8 + 8 = 16 2) 6 + 6 + 6 + 6 + 6 = 30 3) 7 + 7 + 7 + 7 = 28 4) 2 + 2 + 2 + 2 + 2 + 2 + 2 + 2 = 16 5) 5 + 5 + 5 + 5 + 5 + 5 = 30 6) 4 + 4 + 4 + 4 + 4 + 4 + 4 = 28 7.2 ตน้ั สอน 1. ครูติดรูปวงกลมที่แบง่ เปน็ 3 กลมุ่ กล่มุ ละ 2 รูป บนกระดาน จากนน้ั ครูถามคา้ ถาม ดังนี้ จากรูปบนกระดานเขยี นเปน็ ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวกไดอ้ ย่างไร (แนวตอบ 2 + 2 + 2 = □ ) สามารถเขียนเป็นประโยคสญั ลักษณ์แสดงการคูณได้อย่างไร (แนวตอบ 3 2 = □ ) ผลคูณของ 3 2 เทา่ กบั เท่าไร (แนวตอบ 6) 2. ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ ว่า “นักเรยี นจะสังเกตเหน็ วา่ มีรปู วงกลมทั้งหมด 6 รูป ซึ่งเท่ากบั ผลคูณของ 32” และกลา่ วยา้ ให้นักเรยี นฟงั วา่ “เราสามารถหาผลคูณของจา้ นวนเตม็ บวกกบั จา้ นวนเต็มบวกไดโ้ ดยใช้ การบวกจ้านวนเตม็ บวกซ้า ๆ แตเ่ พือ่ ความรวดเร็วเราจะใช้การคูณแทนการบวกซ้า ๆ” 3. ครใู ห้นักเรียนสังเกตผลคูณของจา้ นวนเต็มบวกกบั จ้านวนเต็มบวก ในตวั อยา่ งจากหนงั สือเรยี น หน้า 18 จากนั้นครูถามคา้ ถาม ดังน้ี การคณู จ้านวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเต็มบวก ผลคูณท่ีได้เป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลคูณท่ีไดเ้ ปน็ จ้านวนเต็มบวก) 4. ครูอธิบายการคูณจ้านวนเต็มกรณีท่ี 2 คือ การคูณจ้านวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเต็มลบ โดยอธิบายว่า “เราสามารถหาผลคูณได้โดยใช้การบวกจ้านวนเต็มลบซ้า ๆ” แล้วยกตัวอย่างโจทย์การคูณใน หนงั สือเรียน หนา้ 18 บนกระดาน เช่น 3 (-4) = (-4) + (-4) + (-4) = -12
จากน้นั ใหน้ กั เรยี นสังเกตผลคูณของตวั อย่างบนกระดาน แลว้ ถามคา้ ถาม ดังนี้ การคณู จ้านวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเตม็ ลบ ผลคูณท่ไี ด้เปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลคณู ที่ได้เปน็ จ้านวนเตม็ ลบ) 5. ครูยกตวั อย่างโจทย์ 3 (-4) = □ บนกระดาน แลว้ ถามค้าถาม ดังนี้ ค่าสัมบรู ณ์ของ 3 และค่าสัมบูรณข์ อง -4 เทา่ กับเทา่ ไร (ใหเ้ ขียนคา้ ตอบโดยใช้สัญลักษณ์คา่ สัมบูรณ์) (แนวตอบ |3| = 3 และ |-4| = 4) ค่าสมั บรู ณ์ของ 3 คูณกับค่าสัมบูรณ์ของ -4 เท่ากบั เท่าไร (แนวตอบ |3| |-4| = 12) ถา้ เขยี นผลคูณทไ่ี ด้เปน็ จา้ นวนเต็มลบ จะไดจ้ ้านวนใด (แนวตอบ -12) 6. ครอู ธิบายเพิ่มเติมวา่ “หลังจากน้าค่าสมั บูรณข์ อง 3 คูณกับค่าสมั บูรณ์ของ -4 แลว้ เขยี นผลคูณท่ไี ด้เปน็ จา้ นวนเต็มลบ จะได้ผลคูณเท่ากบั -12 ซ่งึ เท่ากบั การหาผลคูณโดยใชก้ ารบวกจา้ นวนเต็มลบซ้า ๆ” แลว้ ให้นกั เรยี นตรวจสอบผลคูณท่ีได้ว่าเท่ากับการหาผลคูณโดยใชก้ ารบวกจ้านวนเตม็ ลบซ้า ๆ หรือไม่ จาก หนงั สือเรียน หนา้ 18 7. ครยู กตวั อย่างโจทย์การคูณจา้ นวนเตม็ บวกดว้ ยจา้ นวนเต็มลบเพ่มิ เติม แลว้ ให้นกั เรียนหาผลคูณโดยใช้ การบวกจ้านวนเต็มลบซา้ ๆ และโดยใช้คา่ สมั บูรณ์ แลว้ เปรียบเทียบผลคูณท่ีได้จากทัง้ สองวิธีว่าเท่ากนั หรอื ไม่ (ถ้านักเรยี นหาค้าตอบไดถ้ ูกตอ้ ง จะได้วา่ ผลคูณท่ีได้จากทง้ั สองวธิ มี คี า่ เท่ากัน) 8. ครูอธิบายเพ่ิมเติม ดังนี้ “นอกจากการคูณจ้านวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเต็มลบโดยใช้การบวก จา้ นวนเต็มลบซา้ ๆ แล้ว เรายังสามารถหาผลคูณ โดยใช้ความรู้เรื่องค่าสัมบูรณ์มาช่วยในการค้านวณได้ อกี ดว้ ย โดยใช้หลักการ “การคณู จา้ นวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเต็มลบ ให้น้าค่าสัมบูรณ์ของจ้านวนทั้งสอง มาคูณกนั แล้วเขยี นผลคณู เป็นจา้ นวนเตม็ ลบ” 9. ครใู ห้นกั เรยี นจบั คู่ศึกษาตวั อยา่ งท่ี 7 ในหนงั สอื เรียน หนา้ 19 แลว้ แลกเปล่ยี นความร้กู ับคขู่ องตนเอง จากนน้ั ให้นกั เรียนแตล่ ะคนท้า “ลองทา้ ดู” แลว้ ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคา้ ตอบ 10.ครสู รุปการคณู จ้านวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเตม็ ลบเปน็ กรณีท่ัวไปดังกรอบ “คณติ นา่ รู้” ในหนังสอื เรยี น หนา้ 19 ใหน้ กั เรียนไดส้ ังเกต 11.ครแู จกใบงานท่ี 1.9 เร่อื ง การคูณจา้ นวนเตม็ บวกด้วยจา้ นวนเตม็ ลบ ให้นกั เรยี นทา้ จากนน้ั ครูและ นกั เรยี นร่วมกนั เฉลยค้าตอบใบงานท่ี 1.9 ช่วั โมงท่ี 2 12.ครูถามคา้ ถามเพื่อทบทวนความรู้ ดงั น้ี การคณู จ้านวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเตม็ บวก ผลคูณท่ีไดเ้ ป็นจา้ นวนอะไร (แนวตอบ จา้ นวนเต็มบวก) การคูณจา้ นวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเต็มลบ ผลคณู ทไี่ ด้เปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ จา้ นวนเตม็ ลบ) นักเรียนคดิ วา่ การคูณจ้านวนเตม็ ลบด้วยจา้ นวนเตม็ บวกและการคณู จา้ นวนเตม็ ลบด้วยจ้านวนเตม็ ลบ ผลคูณทีไ่ ดจ้ ะเปน็ จา้ นวนชนดิ ใด และนักเรียนจะหาผลคูณได้อยา่ งไร หรือใชว้ ิธีการเช่นเดียวกนั กบั การคณู จ้านวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเตม็ บวก และการคณู จ้านวนเต็มบวกดว้ ยจา้ นวนเตม็ ลบหรอื ไม่ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดห้ ลากหลายตามพ้ืนฐานความรู้ และให้อยู่ในดุลพินจิ ของครูผู้สอน) 13.ครอู ธิบายการคณู จา้ นวนเต็มกรณที ่ี 3 คอื การคณู จ้านวนเตม็ ลบด้วยจา้ นวนเต็มบวก โดยอธิบายวา่ “เราไม่สามารถหาผลคูณโดยใช้การบวกจา้ นวนซา้ ๆ ได้ ดังนนั้ เราจึงใชส้ มบัตกิ ารสลบั ท่ีส้าหรับการคณู มาช่วยในการหาผลคูณ” แลว้ ยกตัวอยา่ งโจทย์การคณู ในหนังสอื เรียน หน้า 19 บนกระดาน ดงั น้ี (-3) 4 = 4 (-3) = (-3) + (-3) + (-3) + (-3) = -12 จากนั้นให้นักเรยี นสงั เกตผลคูณของตวั อยา่ งบนกระดาน แลว้ ถามค้าถาม ดังนี้ การคูณจา้ นวนเต็มลบดว้ ยจ้านวนเต็มบวก ผลคณู ท่ีได้เป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลคูณท่ีไดเ้ ปน็ จ้านวนเต็มลบ)
14. ครูยกตวั อยา่ งโจทย์ (-3) 4 = □ บนกระดาน แลว้ ถามค้าถาม ดังนี้ ค่าสมั บรู ณข์ อง -3 และคา่ สัมบรู ณ์ของ 4 เทา่ กับเทา่ ไร (ใหเ้ ขยี นคา้ ตอบโดยใช้สัญลักษณ์คา่ สัมบรู ณ์) (แนวตอบ |-3| = 3 และ |4| = 4) คา่ สัมบรู ณ์ของ -3 คูณกับคา่ สัมบูรณ์ของ 4 เท่ากบั เท่าไร (แนวตอบ |-3| |4| = 12) ถา้ เขียนผลคูณท่ีได้เป็นจ้านวนเตม็ ลบ จะได้จา้ นวนใด (แนวตอบ -12) 15.ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมวา่ “หลังจากนา้ ค่าสมั บูรณ์ของ -3 คูณกับค่าสมั บูรณ์ของ 4 แลว้ เขียนผลคูณทไี่ ด้เป็น จ้านวนเตม็ ลบ จะไดผ้ ลคูณเท่ากับ -12 ซึ่งเท่ากับการหาผลคณู โดยใชส้ มบตั กิ ารสลับท่สี า้ หรับการคณู มา ชว่ ย” แลว้ ใหน้ ักเรยี นตรวจสอบผลคูณท่ีได้วา่ เท่ากับการหาผลคณู โดยใช้สมบตั กิ ารสลบั ท่ีส้าหรบั การคูณ หรอื ไม่ จากหนงั สือเรียน หน้า 19 16.ครูยกตวั อยา่ งโจทยก์ ารคูณจ้านวนเต็มลบด้วยจ้านวนเตม็ บวกเพิม่ เติม แล้วให้นักเรียนหาผลคณู โดยใช้ สมบัตกิ ารสลับที่สา้ หรับการคูณ และโดยใชค้ า่ สมั บรู ณ์ แล้วเปรยี บเทยี บผลคูณท่ีไดจ้ ากท้ังสองวธิ ีวา่ เทา่ กนั หรือไม่ (ถา้ นักเรยี นหาคา้ ตอบได้ถูกต้อง จะได้วา่ ผลคูณท่ีได้จากทัง้ สองวธิ มี คี ่าเท่ากัน) 17.ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ดังนี้ “การคูณจา้ นวนเต็มลบด้วยจา้ นวนเตม็ บวก ให้นา้ คา่ สมั บรู ณ์ของ จา้ นวนทง้ั สองมาคูณกนั แลว้ เขยี นผลคูณเป็นจ้านวนเตม็ ลบ” 18.ครใู ห้นกั เรยี นจับคู่ศึกษาตวั อย่างท่ี 8 ในหนังสือเรียน หน้า 20 แลว้ แลกเปลยี่ นความรูก้ ับคูข่ องตนเอง จากนน้ั ให้นกั เรยี นแต่ละคนท้า “ลองทา้ ดู” แล้วครแู ละนักเรยี นรว่ มกันเฉลยค้าตอบ 19.ครสู รปุ การคูณจ้านวนเต็มลบดว้ ยจ้านวนเตม็ บวกเป็นกรณีทว่ั ไปดงั กรอบ “คณติ นา่ รู้” ในหนังสือเรียน หนา้ 20 ให้นักเรียนไดส้ งั เกต 20.ครูอธิบายการคูณจ้านวนเต็มกรณที ี่ 4 คือ การคูณจา้ นวนเต็มลบดว้ ยจา้ นวนเต็มลบ โดยใช้สมบตั ิ การแจกแจง จากตวั อย่างโจทย์การคูณในหนงั สือเรียน หนา้ 21 บนกระดาน จากนั้นใหน้ ักเรยี นสังเกต ผลคูณของตวั อยา่ งบนกระดาน แล้วถามคา้ ถาม ดงั น้ี การคูณจา้ นวนเต็มลบดว้ ยจา้ นวนเตม็ ลบ ผลคูณท่ีได้เปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลคูณทีไ่ ดเ้ ปน็ จ้านวนเต็มบวก) 21. ครูยกตวั อย่างโจทย์ (-3) (-4) = □ บนกระดาน แลว้ ถามค้าถาม ดังนี้ คา่ สัมบรู ณ์ของ -3 และคา่ สัมบรู ณ์ของ -4 เท่ากับเทา่ ไร (ใหเ้ ขียนค้าตอบโดยใช้สัญลักษณ์คา่ สัมบูรณ์) (แนวตอบ |-3| = 3 และ |-4| = 4) ค่าสมั บูรณข์ อง -3 คูณกับคา่ สัมบูรณข์ อง -4 เท่ากับเทา่ ไร (แนวตอบ |-3| |-4| = 12) 22. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมวา่ “หลังจากนา้ ค่าสมั บรู ณ์ของ -3 คณู กับค่าสัมบูรณ์ของ -4 นกั เรยี นจะเห็นวา่ ผลคูณ ทีไ่ ด้เป็นจ้านวนเตม็ บวก เท่ากับ 12 ซึง่ เท่ากับการหาผลคูณโดยใชส้ มบัติการแจกแจงมาช่วย” แล้วให้ นักเรียนตรวจสอบผลคูณท่ีได้วา่ เท่ากับการหาผลคูณโดยใช้สมบัติการแจกแจงหรอื ไม่ จากหนงั สือเรยี น หนา้ 21 23. ครูยกตวั อยา่ งโจทยก์ ารคูณจา้ นวนเต็มลบดว้ ยจา้ นวนเตม็ ลบเพิ่มเติม แล้วให้นักเรยี นหาผลคณู โดยใช้ สมบัติการแจกแจง และโดยใชค้ ่าสมั บรู ณ์ แลว้ เปรยี บเทยี บผลคูณทไี่ ด้จากท้ังสองวิธีว่าเท่ากันหรือไม่ (ถ้านักเรยี นหาค้าตอบได้ถูกต้อง จะได้ว่าผลคูณท่ีไดจ้ ากท้งั สองวิธีมคี า่ เท่ากัน) 24. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุป ดังนี้ “การคูณจ้านวนเตม็ ลบด้วยจ้านวนเตม็ ลบ ให้นา้ ค่าสัมบูรณ์ของจา้ นวน ท้ังสองมาคูณกนั จะได้ผลคณู เป็นจ้านวนเตม็ บวก” 25.ครูให้นักเรยี นจับคู่ศึกษาตวั อย่างที่ 9 ในหนังสือเรียน หน้า 21-22 แลว้ แลกเปลีย่ นความรกู้ บั คขู่ อง ตนเอง จากนนั้ ให้นักเรียนแต่ละคนท้า “ลองท้าดู” แลว้ ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยคา้ ตอบ
26.ครสู รปุ การคูณจ้านวนเต็มลบด้วยจ้านวนเตม็ ลบเป็นกรณีท่ัวไปดงั กรอบ “คณติ นา่ รู้” ในหนงั สือเรียน หน้า 20 ใหน้ กั เรยี นไดส้ ังเกต 27.ครูยกตวั อย่างที่ 10 ในหนงั สือเรียน หน้า 22 พรอ้ มทั้งอธิบายวธิ ีการหาผลคูณ 2 ข้ันตอน หลงั จากนั้นครู ถามค้าถาม “Thinking Time” ให้นกั เรยี นช่วยกนั หาคา้ ตอบพร้อมทั้งหาเหตผุ ล (แนวตอบ ผลคณู เหมือนกับผลคณู ในตวั อยา่ งที่ 10 เพราะการหาผลคูณ 2 ขัน้ ตอน ทา้ ได้โดยน้าสอง จา้ นวนใด ๆ คณู กนั ก่อนก็ได้ แลว้ น้าผลคูณท่ีได้ไปคูณกับจ้านวนทเ่ี หลอื สว่ นเคร่อื งหมายของผลคูณอาจ ใช้หลกั การพจิ ารณาทจ่ี ้านวนของเคร่ืองหมายลบ ถ้ามีเคร่ืองหมายลบเปน็ จา้ นวนคู่ ผลคูณทไี่ ดจ้ ะเปน็ จ้านวนบวก แตถ่ า้ มีเครื่องหมายลบเป็นจา้ นวนคี่ ผลคูณที่ได้จะเป็นจา้ นวนลบ) 28.ครใู หน้ ักเรียนใหน้ ักเรียนทา้ “ลองทา้ ดู” และใบงานที่ 1.10 เรื่อง การคูณจา้ นวนเตม็ จากน้นั ครแู ละ นกั เรียนร่วมกันเฉลยค้าตอบ “ลองท้าดู” และใบงานที่ 1.10 29.ใหน้ กั เรียนทา้ Exercise 1.5 ขอ้ 1 ในแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ และแบบฝกึ ทกั ษะ 1.5 ข้อ 1 เป็น การบา้ น ช่วั โมงที่ 3 30.ครถู ามค้าถามเพ่ือทบทวนความรู้ ดงั นี้ การคณู จ้านวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเต็มบวก ผลคูณท่ีไดเ้ ปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ จ้านวนเตม็ บวก) การคณู จา้ นวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเต็มลบ ผลคณู ท่ีได้เปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ จ้านวนเต็มลบ) การคูณจ้านวนเต็มลบด้วยจา้ นวนเตม็ บวก ผลคณู ท่ีได้เปน็ จา้ นวนอะไร (แนวตอบ จ้านวนเต็มลบ) การคูณจ้านวนเต็มลบดว้ ยจ้านวนเตม็ ลบ ผลคูณทีไ่ ด้เป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ จ้านวนเต็มบวก) 31.ครูกล่าววา่ “ในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ี เราจะเรียนการหารจ้านวนเตม็ ด้วยจา้ นวนเตม็ ทเ่ี ปน็ การหารลงตัว เท่านนั้ ” จากนั้นครทู บทวนความรูเ้ รือ่ งความสัมพันธข์ องการคูณและการหารท่นี ักเรยี นไดเ้ รียนมาแล้ว ในระดบั ชัน้ ประถมศึกษา ดังนี้ ตวั ตง้ั = ตัวหาร ผลหาร 32. จากนั้นครูยกตัวอย่างโจทย์กตารวั หตางั้ ร=กรตณวั หีท่ีา1ร คือผลกหาราหรารจ้านวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเต็มบวก ใน หนังสอื เรยี น หนา้ 23 แสดงให้นกั เรียนเหน็ ถงึ ความสัมพนั ธข์ องการคณู และการหารจากทกี่ ล่าวไว้ขา้ งต้น หาผลหารของ 12 4 = □ เน่ืองจาก 12 = 4 3 จงึ ไดว้ า่ 12 4 = 3 33. ครูเขียนโจทยก์ ารหารจ้านวนเตม็ บวกดว้ ยจ้านวนเต็มบวก ให้นักเรียนจบั คู่กนั แล้วชว่ ยกันหา คา้ ตอบเพ่ือเปน็ การทบทวนการหารจ้านวนเตม็ บวก ตวั อยา่ งโจทย์การหารจานวนเต็มบวกด้วยจานวนเต็มบวก 1) 9 3 2) 14 7 3) 24 6 คาตอบโจทย์การหารจานวนเตม็ บวกด้วยจานวนเต็มบวก 1) 9 3 = 3 2) 14 7 = 2 3) 24 6 = 4 จากน้นั ใหน้ ักเรยี นสังเกตผลหารของตวั อยา่ งบนกระดาน แลว้ ถามคา้ ถาม ดงั น้ี การหารจ้านวนเตม็ บวกด้วยจ้านวนเต็มบวก ผลหารท่ีไดเ้ ป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลหารท่ไี ดเ้ ปน็ จ้านวนเต็มบวก) 34.ครูอธิบายการหารจ้านวนเต็มกรณีที่ 2 คอื การหารจา้ นวนเต็มลบด้วยจา้ นวนเต็มลบ โดยอธิบายว่า “เราสามารถหาผลหารได้โดยใชค้ วามสัมพนั ธ์ของการคณู และการหาร” แล้วยกตวั อยา่ งโจทยก์ ารหารใน หนงั สอื เรยี น หนา้ 23 บนกระดาน ดังน้ี
หาผลหารของ (-12) (-4) = □ เน่ืองจาก -12 = (-4) 3 จงึ ได้ว่า (-12) (-4) = 3 จากน้นั ให้นักเรียนสงั เกตผลหารของตวั อยา่ งบนกระดาน แล้วถามคา้ ถาม ดังน้ี การหารจา้ นวนเตม็ ลบดว้ ยจา้ นวนเตม็ ลบ ผลหารทไี่ ดเ้ ปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลหารทไ่ี ด้เป็นจา้ นวนเตม็ บวก) 35.ครยู กตัวอย่างโจทย์ (-12) (-4) = □ บนกระดาน แลว้ ถามค้าถาม ดังนี้ คา่ สมั บูรณ์ของ -12 และคา่ สัมบูรณข์ อง -4 เท่ากับเทา่ ไร (ให้เขียนคา้ ตอบโดยใชส้ ญั ลักษณ์ ค่าสัมบรู ณ์) (แนวตอบ |-12| = 12 และ |-4| = 4) ค่าสมั บูรณ์ของ -12 หารดว้ ยคา่ สัมบรู ณ์ของ -4 เท่ากบั เท่าไร (แนวตอบ |-12| |-4| = 3) 36.ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ ว่า “หลงั จากน้าค่าสมั บูรณ์ของ -12 หารดว้ ยค่าสมั บรู ณข์ อง -4 นกั เรยี นจะเหน็ วา่ ผลหารทไ่ี ดเ้ ทา่ กบั 3 ซึง่ เทา่ กับการหาผลหารโดยใช้ความสัมพันธข์ องการคณู และการหาร” แลว้ ให้ นักเรยี นตรวจสอบผลหารที่ได้วา่ เทา่ กบั การหาผลหารโดยใช้ความสมั พนั ธ์ของการคูณและการหาร หรอื ไม่ จากหนงั สือเรียนหน้า 23 37.ครยู กตวั อย่างโจทย์การหารจ้านวนเตม็ ลบด้วยจา้ นวนเตม็ ลบเพ่มิ เติม แลว้ ให้นักเรยี นหาผลหารโดยใช้ ความสมั พันธ์ของการคูณและการหาร และโดยใช้ค่าสัมบูรณ์ แล้วเปรยี บเทยี บผลหารท่ีไดจ้ ากท้งั สองวธิ ี ว่าเทา่ กันหรอื ไม่ (ถ้านักเรียนหาคา้ ตอบไดถ้ ูกต้อง จะไดว้ ่าผลหารทไ่ี ดจ้ ากทั้งสองวิธมี ีค่าเท่ากนั ) 38.ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ดังนี้ “การหารจ้านวนเตม็ ลบด้วยจา้ นวนเต็มลบ ใหน้ ้าคา่ สมั บรู ณม์ าหารกนั จะไดผ้ ลหารเปน็ จา้ นวนเต็มบวก” 39.ครใู หน้ กั เรียนจับคู่ศึกษาตัวอยา่ งที่ 11 ในหนังสอื เรยี น หนา้ 24 แลว้ แลกเปลย่ี นความรู้กับคู่ของตนเอง จากน้ันใหน้ ักเรียนแต่ละคนท้า “ลองท้าดู” แล้วครูและนักเรียนร่วมกนั เฉลยค้าตอบ 40.ครสู รุปการหารจา้ นวนเต็มลบด้วยจ้านวนเตม็ ลบเปน็ กรณที ั่วไปดงั กรอบ “คณิตนา่ รู้” ในหนังสือเรียน หนา้ 24 ให้นกั เรยี นได้สงั เกต 41.ครใู หน้ ักเรยี นจบั ค่ชู ว่ ยกนั ท้า “Thinking Time” แลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกันเฉลยค้าตอบ ช่วั โมงที่ 4 42.ครถู ามค้าถามเพ่ือทบทวนความรู้ ดงั นี้ การหารจา้ นวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเตม็ บวก ผลหารทีไ่ ดเ้ ป็นจา้ นวนอะไร (แนวตอบ ผลหารทไ่ี ดเ้ ป็นจา้ นวนเต็มบวก) การหารจ้านวนเตม็ ลบดว้ ยจา้ นวนเตม็ ลบ ผลหารทไี่ ดเ้ ปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลหารทไ่ี ด้เป็นจา้ นวนเต็มบวก) 43.ครอู ธิบายการหารจ้านวนเต็มกรณที ่ี 3 คอื การหารจ้านวนเต็มลบดว้ ยจา้ นวนเตม็ บวก โดยอธิบายว่า “เราสามารถหาผลหารได้โดยใชค้ วามสมั พันธ์ของการคูณและการหาร” แลว้ ยกตวั อย่างโจทยก์ ารหารใน หนงั สอื เรยี น หนา้ 24 บนกระดาน ดงั นี้ หาผลหารของ (-12) 4 = □ เน่ืองจาก -12 = 4 (-3) จงึ ไดว้ า่ (-12) 4 = -3 จากน้ันใหน้ ักเรยี นสงั เกตผลหารของตวั อย่างบนกระดาน แล้วถามคา้ ถาม ดงั นี้ การหารจา้ นวนเต็มลบด้วยจา้ นวนเตม็ บวก ผลหารที่ได้เปน็ จา้ นวนอะไร (แนวตอบ ผลหารทีไ่ ด้เปน็ จ้านวนเตม็ ลบ) 44.ครูยกตัวอย่างโจทย์ (-12) 4 = □ บนกระดาน แลว้ ถามคา้ ถาม ดังนี้
คา่ สมั บรู ณ์ของ -12 และค่าสัมบูรณ์ของ 4 เท่ากบั เทา่ ไร (ใหเ้ ขยี นคา้ ตอบโดยใช้สญั ลักษณ์ค่าสมั บรู ณ์) (แนวตอบ |-12| = 12 และ |4| = 4) ค่าสัมบูรณข์ อง -12 หารดว้ ยค่าสัมบูรณข์ อง 4 เท่ากับเท่าไร (แนวตอบ |-12| |4| = 3) ถ้าเขียนผลหารท่ีได้เป็นจ้านวนเตม็ ลบ จะได้จ้านวนใด (แนวตอบ -3) 45.ครอู ธิบายเพ่ิมเติมวา่ “หลงั จากน้าค่าสัมบูรณ์ของ -12 หารด้วยค่าสัมบูรณข์ อง 4 แล้วเขียนผลหารเป็น จา้ นวนเตม็ ลบ จะได้ผลหารเท่ากบั -3 ซ่งึ เท่ากบั การหาผลหารโดยใช้ความสมั พันธ์ของการคูณและ การหาร” แล้วใหน้ ักเรยี นตรวจสอบผลหารท่ไี ด้ว่าเทา่ กับการหาผลหารโดยใช้ความสัมพันธข์ องการคูณ และการหารหรือไม่ จากหนงั สอื เรยี น หน้า 24 46.ครยู กตัวอยา่ งโจทย์การหารจ้านวนเตม็ ลบดว้ ยจ้านวนเต็มบวกเพมิ่ เติม แล้วใหน้ ักเรยี นหาผลหารโดยใช้ ความสมั พนั ธ์ของการคูณและการหาร และโดยใชค้ า่ สมั บูรณ์ แลว้ เปรียบเทยี บผลหารที่ไดจ้ ากท้ังสองวธิ ี วา่ เท่ากนั หรือไม่ (ถา้ นกั เรยี นหาคา้ ตอบไดถ้ ูกต้อง จะไดว้ ่าผลหารท่ไี ดจ้ ากท้ังสองวิธมี ีค่าเทา่ กัน) 47.ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุป ดังน้ี “การหารจ้านวนเตม็ ลบด้วยจ้านวนเต็มบวก ให้น้าคา่ สัมบูรณข์ อง จา้ นวนท้ังสองมาหารกนั แล้วเขียนผลหารเปน็ จา้ นวนเต็มลบ” 48.ครอู ธิบายการหารจา้ นวนเต็มกรณีที่ 4 คอื การหารจา้ นวนเตม็ บวกด้วยจ้านวนเต็มลบ โดยอธิบายว่า “เราสามารถหาผลหารได้โดยใช้ความสัมพนั ธข์ องการคณู และการหาร” แลว้ ยกตวั อยา่ งโจทย์การหารใน หนงั สอื เรยี น หนา้ 25 บนกระดาน ดังนี้ หาผลหารของ 12 (-4) = □ เนอ่ื งจาก 12 = (-4) (-3) จึงไดว้ ่า 12 (-4) = -3 จากนนั้ ให้นักเรียนสังเกตผลหารของตัวอย่างบนกระดาน แล้วถามคา้ ถาม ดงั นี้ การหารจ้านวนเตม็ บวกดว้ ยจ้านวนเต็มลบ ผลหารที่ไดเ้ ป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลหารทีไ่ ด้เปน็ จ้านวนเต็มลบ) 49.ครยู กตัวอย่างโจทย์ 12 (-4) = □ บนกระดาน แล้วถามค้าถาม ดังนี้ คา่ สัมบูรณ์ของ 12 และค่าสัมบูรณข์ อง -4 เทา่ กับเทา่ ไร (ให้เขยี นคา้ ตอบโดยใช้สญั ลกั ษณค์ า่ สัมบรู ณ์) (แนวตอบ |12| = 12 และ |-4| = 4) คา่ สัมบรู ณ์ของ 12 หารด้วยค่าสัมบูรณข์ อง -4 เทา่ กบั เท่าไร (แนวตอบ |12| |-4| = 3) ถา้ เขยี นผลหารที่ได้เปน็ จา้ นวนเตม็ ลบ จะไดจ้ า้ นวนใด (แนวตอบ -3) 50.ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมวา่ “หลังจากนา้ ค่าสมั บรู ณ์ของ 12 หารดว้ ยค่าสมั บรู ณข์ อง -4 แลว้ เขียนผลหารเปน็ จ้านวนเตม็ ลบ จะได้ผลหารเทา่ กบั -3 ซึง่ เท่ากบั การหาผลหารโดยใช้ความสัมพนั ธ์ของการคูณและ การหาร” แลว้ ให้นักเรยี นตรวจสอบผลหารท่ไี ดว้ า่ เทา่ กับการหาผลหารโดยใชค้ วามสัมพนั ธ์ของการคณู และการหารหรือไม่ จากหนังสอื เรียน หน้า 25 51. ครยู กตัวอยา่ งโจทยก์ ารหารจ้านวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเต็มลบเพิม่ เติม แลว้ ให้นักเรยี นหาผลหารโดยใช้ ความสมั พันธ์ของการคูณและการหาร และโดยใช้ค่าสัมบูรณ์ แล้วเปรยี บเทียบผลหารท่ีได้จากทงั้ สองวธิ ี วา่ เท่ากนั หรือไม่ (ถ้านักเรยี นหาค้าตอบได้ถูกต้อง จะได้ว่าผลหารที่ได้จากท้ังสองวิธีมคี ่าเทา่ กัน) 52. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุป ดังนี้ “การหารจา้ นวนเต็มบวกดว้ ยจา้ นวนเตม็ ลบ ใหน้ า้ คา่ สมั บรู ณ์ของ จ้านวนทง้ั สองมาหารกัน แลว้ เขยี นผลหารเปน็ จา้ นวนเตม็ ลบ”
7.3 ตนั้ สรุป 1. ครใู ห้นักเรยี นเขียนสรุปความรู้รวบยอดเร่อื ง การบวกและการลบจา้ นวนเต็ม ลงในสมุด 2. ครูถามค้าถามเพื่อประเมนิ ความร้รู วบยอดของนักเรียน ดังน้ี การคณู จ้านวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเต็มบวก ผลคณู ที่ได้เป็นจา้ นวนอะไร (แนวตอบ ผลคณู ทไ่ี ดเ้ ปน็ จ้านวนเต็มบวก) การคูณจ้านวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเต็มลบ ผลคณู ท่ีได้เป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลคณู ท่ีไดเ้ ปน็ จ้านวนเตม็ ลบ) การคณู จา้ นวนเต็มลบดว้ ยจา้ นวนเต็มบวก ผลคูณท่ีได้เปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลคณู ทไี่ ด้เปน็ จ้านวนเตม็ ลบ) การคูณจ้านวนเต็มลบดว้ ยจ้านวนเต็มลบ ผลคณู ทไ่ี ด้เปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลคณู ทไ่ี ดเ้ ป็นจ้านวนเตม็ บวก) การหารจ้านวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเต็มบวก ผลหารทีไ่ ดเ้ ป็นจา้ นวนอะไร (แนวตอบ ผลหารทีไ่ ดเ้ ปน็ จ้านวนเตม็ บวก) การหารจ้านวนเต็มลบด้วยจ้านวนเตม็ ลบ ผลหารทไ่ี ดเ้ ป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลหารท่ไี ด้เป็นจ้านวนเตม็ บวก) การหารจ้านวนเต็มลบดว้ ยจา้ นวนเตม็ บวก ผลหารที่ได้เป็นจา้ นวนอะไร (แนวตอบ ผลหารทีไ่ ดเ้ ป็นจา้ นวนเต็มลบ) การหารจา้ นวนเตม็ บวกดว้ ยจ้านวนเตม็ ลบ ผลหารท่ไี ดเ้ ป็นจา้ นวนอะไร (แนวตอบ ผลหารทไ่ี ด้เปน็ จา้ นวนเตม็ ลบ) 8. สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรยี นรู้ 8.1.1. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 ระบบจ้านวนเตม็ 8.1.2. แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ระบบจา้ นวนเตม็ 8.1.3. ใบงานท่ี 1.9 เร่อื ง การคูณจา้ นวนเตม็ บวกด้วยจา้ นวนเตม็ ลบ 8.1.4. ใบงานที่ 1.10 เรอื่ ง การคูณจา้ นวนเตม็ 8.1.5. ใบงานท่ี 1.11 เรอื่ ง การหารจ้านวนเต็ม 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 8.2.1 หอ้ งเรียน 8.2.2 ห้องสมดุ 8.2.3 อินเทอรเ์ น็ต 9. การวัดและประเมินผล ส่งิ ทตี่ ้องการวัด วธิ ีการวัด เคร่ืองมือที่ใช้วัด เกณฑ์การวัด ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 1.นักเรียนสามารถหาหาผลคูณของ ตรวจใบงาน/แบบฝกึ หดั แบบประเมินผลงาน จา้ นวนเต็มได้ (K) ใบงาน/แบบฝกึ หดั 2.นักเรียนสามารถหาผลหารของ ตรวจใบงาน/แบบฝึกหัด แบบประเมินผลงาน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 จา้ นวนเตม็ ได้ (K) ใบงาน/แบบฝึกหัด 3.นกั เรียนสามารถเขียนอธิบาย ตรวจใบงาน/แบบฝกึ หดั แบบประเมินผลงาน ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 ข้ันตอนวธิ กี ารหาผลคูณและผลหาร ใบงาน/แบบฝึกหดั ของจ้านวนเตม็ ได้ (P)
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน คาช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 เน้ือหาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ข้าใจง่าย 4 ประโยชนท์ ่ีได้จากการน้าเสนอ 5 วิธีการน้าเสนอผลงาน รวม ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา้่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาช้แี จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทต่ี รงกับระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ นื่ 3 การท้างานตามหน้าท่ีทีไ่ ด้รับมอบหมาย 4 ความมนี ้าใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม้่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่้ากว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ กษตั รยิ ์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทีส่ ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็น ประโยชน์ ตอ่ โรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนับถือ ปฏบิ ตั ิตามหลัก ศาสนา 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมที่เกยี่ วกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามท่ี โรงเรียนจดั ขึ้น 2. ซ่อื สัตย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ ูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ใิ นส่ิงทถ่ี กู ตอ้ ง 3. มวี ินัย รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของ ครอบครวั มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ใน ชีวติ ประจา้ วัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รูจ้ ักใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และน้าไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชื่อฟังค้าสง่ั สอนของบิดา - มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรัพย์สนิ และส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คณุ ค่า 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงนิ 6. มุ่งมน่ั ในการ 6.1 มคี วามตัง้ ใจและพยายามในการทา้ งานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ทา้ งาน 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออปุ สรรคเพื่อให้งานส้าเร็จ 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ติ ส้านกึ ในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู า้ งาน 8.2 ร้จู ักการดแู ลรกั ษาทรัพย์สมบัตแิ ละสง่ิ แวดล้อมของห้องเรยี น และโรงเรียน ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมิน (นางสาวกรรณิกา ลิกลั ตา) ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ดั เจนและสม้่าเสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตบิ างคร้งั ให้ 1 คะแนน
10. บนั ทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ ผลการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….....……… ปญั หา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ต้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………........…………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ……………………………………………. (นางสาวกรรณกิ า ลกิ ัลตา) ตา้ แหนง่ ครู ความคดิ เหน็ หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...………………………………………………………………………………………………………………………………........... ลงชอ่ื ……………………………………………. (นายคมสนั มณีศรี) หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ความคิดเห็นรองผู้อานวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชอื่ ……………………………………………. (นายไพฑูรย์ มณจี ันทร์) รองผู้อา้ นวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ความคิดเหน็ ผู้อานวยการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวพรณภัทร์ พงษว์ รชั ญพ์ ร) ผู้อ้านวยการโรงเรียนเทพสถติ วิทยา วันท่ี............เดือน........................พ.ศ................
ใบงานที่ 1.9 เรื่อง การคูณจานวนเตม็ บวกด้วยจานวนเตม็ ลบ คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคา้ ถามแตล่ ะข้อต่อไปนี้ 1) 2 (-30) = ………………………. 2) 3 (-21) = ……………….……… 3) 4 (-25) = ………………………. 4) 5 (-18) = ………………………. 5) 6 (-15) = ………………………. 6) 6 (-28) = ………………………. 7) 7 (-45) = ………………………. 8) 8 (-52) = ………………………. 9) 9 (-31) = ………………………. 10) 15 (-63) = ……………………….
เฉลยใบงานท่ี 1.9 เรื่อง การคูณจานวนเตม็ บวกด้วยจานวนเตม็ ลบ คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นตอบค้าถามแต่ละข้อตอ่ ไปน้ี 1) 2 (-30) = ………-…60……………. 2) 3 (-21) = ………-…63…….……… 3) 4 (-25) = ………-…10…0…………. 4) 5 (-18) = ………-…90……………. 5) 6 (-15) = ………-…90……………. 6) 6 (-28) = ………-…16…8…………. 7) 7 (-45) = ………-…31…5…………. 8) 8 (-52) = ………-…41…6…………. 9) 9 (-31) = ………-…27…9…………. 10) 15 (-63) = ……-9…4…5…………….
ใบงานที่ 1.10 เรอื่ ง การคณู จานวนเตม็ คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นตอบค้าถามแต่ละข้อต่อไปนี้ 1. จงเตมิ ตัวเลขลงในช่องวา่ งให้ถูกต้อง 1) 4 (-6) = ............ 2) ............ 2 = -10 3) 3 (-7) = ............ 4) ............ (-8) = 48 5) (-4) ............ = -52 6) (-3) ............ (-9) = 54 2. จงจับค่ผู ลลพั ธท์ ีต่ รงกบั ประโยคสญั ลักษณ์ทางซา้ ยมือ ก. -30 1) (-2) (-3) = □ ข. -4 2) 4 (-1) = □ ค. 6 3) 9 3 = □ ง. 27 4) (-6) 5 = □
เฉลยใบงานที่ 1.10 เรอ่ื ง การคูณจานวนเตม็ คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นตอบค้าถามแต่ละข้อตอ่ ไปน้ี 1. จงเตมิ ตัวเลขลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง 1) 4 (-6) = ...-..2..4..... 2) ...(.-.5...).... 2 = -10 3) 3 (-7) = ....-.2..1..... 4) ....(.-.6..).... (-8) = 48 5) (-4) ....1..3...... = -52 6) (-3) .....2....... (-9) = 54 2. จงจบั คูผ่ ลลัพธ์ทต่ี รงกับประโยคสัญลักษณท์ างซ้ายมือ ก. -30 1) (-2) (-3) = □ ข. -4 2) 4 (-1) = □ ค. 6 3) 9 3 = □ ง. 27 4) (-6) 5 = □
ใบงานท่ี 1.11 เร่อื ง การหารจานวนเต็ม คาชี้แจง : ให้นกั เรียนตอบคา้ ถามแต่ละข้อตอ่ ไปน้ี 1. จงเตมิ ตัวเลขลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ต้อง 1) 1 (-1) = ............ 2) 45 ............ = 5 3) ............ (-4) = 48 4) 49 ............ = -7 5) (-84) (-4) = ............ 6) (-117) 9 = ............ 2. จงจบั คขู่ อ้ ท่ีมผี ลหารเท่ากัน ก. 15 5 1) (-14) (-7) ข. 6 3 2) 20 (-4) ค. (-20) 10 3) (-3) (-1) ง. 5 (-1) 4) 18 (-9)
เฉลยใบงานท่ี 1.11 เรอื่ ง การหารจานวนเต็ม คาช้แี จง : ใหน้ กั เรียนตอบค้าถามแต่ละข้อตอ่ ไปน้ี 1. จงเติมตวั เลขลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง 1) 1 (-1) = ....-.1....... 2) 45 .....9....... = 5 3) (..-.1..9..2...).. (-4) = 48 4) 49 ...(.-.7...).... = -7 5) (-84) (-4) = ..2...1....... 6) (-117) 9 = .-..1..3....... 2. จงจบั คู่ข้อท่ีมีผลหารเทา่ กัน ก. 15 5 1) (-14) (-7) ข. 6 3 2) 20 (-4) ค. (-20) 10 3) (-3) (-1) ง. 5 (-1) 4) 18 (-9)
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 5 รายวิชาคณิตศาสตรพ์ ื้นฐาน รหัสวชิ า ค21101 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 ช่ือหน่วย ระบบจานวนเต็ม เวลารวม 14 ชั่วโมง เร่ือง สมบัติตองจานวนเต็ม เวลา 1 ชัว่ โมง ครผู ู้สอน นางสาวกรรณิกา ลกิ ลั ตา 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ัด มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจ้านวน ระบบจ้านวน การดา้ เนนิ การของจ้านวน ผลที่ เกิดข้ึนจากการด้าเนนิ การ สมบัตขิ องการด้าเนินการ และน้าไปใช้ ตวั ช้วี ัด ค 1.1 ม.1/1 เขา้ ใจจา้ นวนตรรกยะและความสัมพันธข์ องจ้านวนตรรกยะ และใช้สมบตั ิของจา้ นวนตรรก ยะในการแก้ปัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปัญหาในชีวติ จรงิ 2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด สมบัตขิ องจ้านวนเต็มทเี่ ก่ยี วกบั การบวกและการคณู ได้แก่ สมบัตกิ ารสลับท่ี สมบตั กิ ารเปลย่ี นหมู่ และสมบัติการ แจกแจง และเน่ืองจาก 0 เป็นจ้านวนเต็มท่ีเมื่อด้าเนินการบวกแล้วได้จ้านวนเดิม และ 1 เป็นจ้านวนเต็มที่เมื่ อ ดา้ เนนิ การคูณแลว้ ได้จ้านวนเดิม ดงั นั้น เราจงึ ตอ้ งศกึ ษาสมบัติของจ้านวนเตม็ ท้งั สองน้เี พิ่มเตมิ ดว้ ย 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3.1 นกั เรยี นเขา้ ใจและใช้สมบัติของจ้านวนเต็มในการบวก การลบ การคณู และการหารได้ (K) 3.2 นักเรียนสามารถอธบิ ายขนั้ ตอนการดา้ เนินการของจา้ นวนเต็มตา่ ง ๆ โดยใช้สมบัตขิ องจา้ นวนเต็มได้ (P) 3.3 รบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีทไี่ ด้รับมอบหมาย (A) 4. สาระการเรียนรู้ สมบัตขิ องจา้ นวนเต็ม 5. สมรรถนะสาคญั ตองผูเ้ รียน 5.1. ความสามารถในการส่ือสาร 5.2. ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตผุ ล การสรุปความรู้ การปฏบิ ตั ิ 5.3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 5.4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 6.1. มีวินัย 6.2. ใฝเ่ รยี นรู้ 6.3. มุง่ ม่ันในการท้างาน 7. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 7.1 ตัน้ นาเตา้ สู่บทเรียน 1. ครูทบทวนการหาผลบวกของจ้านวนเตม็ บวกสองจา้ นวน โดยยกตัวอยา่ งต่อไปนี้ 6 + 2 = □ และ 2 + 6 = □ จากนนั้ ถามค้าถาม ดงั น้ี ประโยคสญั ลักษณ์ 6 + 2 = □ และประโยคสัญลกั ษณ์ 2 + 6 = □ มีผลบวกเทา่ กันหรือไม่ (แนวตอบ เทา่ กัน)
จากนัน้ ครูและนักเรยี นช่วยกันสรปุ วา่ “เมอื่ สลบั ทร่ี ะหว่างตวั ต้งั และตวั บวก ผลบวกท่ีได้ยังคงเท่ากนั ” 2. ครูทบทวนการหาผลคูณของจ้านวนเตม็ บวกสองจา้ นวน โดยยกตัวอย่างต่อไปนี้ 6 2 = □ และ 2 6 = □ จากน้นั ถามค้าถาม ดงั น้ี ประโยคสัญลกั ษณ์ 6 2 = □ และประโยคสญั ลักษณ์ 2 6 = □ มผี ลคูณเทา่ กนั หรอื ไม่ (แนวตอบ เท่ากนั ) จากนน้ั ครแู ละนกั เรียนช่วยกันสรปุ วา่ “เม่อื สลบั ที่ระหวา่ งตัวต้ังและตัวคูณ ผลคูณที่ไดย้ ังคงเทา่ กัน” 7.2 ต้นั สอน 1. ครอู ธบิ ายสมบัติของศนู ย์ ข้อ (1) โดยการยกตวั อยา่ งโจทย์การหาผลบวกของ 3 + 0 คู่กบั 0 + 3 และ (-5) + 0 คูก่ ับ 0 + (-5) บนกระดาน แลว้ ถามค้าถาม ดงั นี้ ผลบวกของ 3 + 0 และ 0 + 3 เท่ากบั เท่าไร (แนวตอบ เท่ากับ 3) ผลบวกของ (-5) + 0 และ 0 + (-5) เท่ากบั เท่าไร (แนวตอบ เท่ากับ -5) แล้วให้นักเรยี นสงั เกตผลบวกท่ไี ด้ของแต่ละตวั อย่าง 2. ครอู ธิบายเพ่ิมเติม ดังน้ี “นักเรยี นจะสังเกตเห็นว่า การบวกจา้ นวนเตม็ ใด ๆ ด้วยศูนย์ หรือศนู ย์บวกดว้ ย จา้ นวนเตม็ ใด ๆ จะไดผ้ ลบวกเท่ากบั จ้านวนนัน้ ” จากน้ันครูสรปุ เปน็ กรณีทั่วไปเหมือนหนังสือเรียน หนา้ 28 สมบัตขิ องศนู ย์ ข้อ (1) 3. ครยู กตวั อยา่ งโจทย์การบวกจ้านวนเตม็ ต่าง ๆ ด้วยศูนย์ และการบวกศนู ยด์ ว้ ยจ้านวนเตม็ ตา่ ง ๆ เพิม่ เติมแล้วให้นกั เรยี นหาผลบวก ตัวอย่างโจทยก์ ารบวกจานวนเตม็ ต่าง ๆ ด้วยศนู ย์ และการบวกศูนยด์ ว้ ยจานวนเต็มตา่ ง ๆ 1) 7 + 0 2) (-9) + 0 3) 0 + (-13) 4) 0 + 11 คาตอบโจทยก์ ารบวกจานวนเต็มตา่ ง ๆ ด้วยศูนย์ และการบวกศนู ยด์ ้วยจานวนเต็มตา่ ง ๆ 1) 7 2) -9 3) -13 4) 11 4. ครยู กตัวอยา่ งโจทยก์ ารหาผลคณู ของ 3 0 ค่กู ับ 0 3 และ (-5) 0 คู่กบั 0 (-5) บนกระดาน จากน้นั ครถู ามคา้ ถาม ดงั นี้ ผลคูณของ 3 0 และ 0 3 เทา่ กบั เท่าไร (แนวตอบ เทา่ กับ 0) ผลคณู ของ (-5) 0 และ 0 (-5) เทา่ กบั เทา่ ไร (แนวตอบ เทา่ กับ 0) แลว้ ให้นกั เรยี นสงั เกตผลคูณที่ไดข้ องแต่ละตัวอย่าง 5. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ ดังนี้ “นกั เรียนจะสงั เกตเห็นวา่ การคูณจา้ นวนเต็มใด ๆ ด้วยศนู ย์ หรือศูนย์คูณด้วย จา้ นวนเต็มใด ๆ จะไดผ้ ลคูณเทา่ กบั ศนู ย์” จากน้ันครูสรปุ เปน็ กรณีทว่ั ไปเหมอื นหนังสอื เรยี น หนา้ 28 สมบตั ิของศนู ย์ ข้อ (2) 6. ครยู กตวั อย่างโจทย์การคูณจา้ นวนเตม็ ตา่ ง ๆ ดว้ ยศนู ย์ และการคณู ศูนย์ดว้ ยจ้านวนเต็มต่าง ๆ เพิม่ เติม แล้วให้นักเรียนหาผลคูณ ตัวอย่างโจทย์การคณู จานวนเตม็ ตา่ ง ๆ ด้วยศนู ย์ และการคณู ศูนย์ดว้ ยจานวนเตม็ ต่าง ๆ 1) 7 0 2) (-9) 0 3) 0 (-13) 4) 0 11 คาตอบโจทยก์ ารคูณจานวนเต็มต่าง ๆ ด้วยศูนย์ และการคณู ศนู ยด์ ว้ ยจานวนเต็มต่าง ๆ 1) 0 2) 0 3) 0 4) 0
7. ครูยกตัวอยา่ งโจทย์การหาผลหารของ 0 และ 0 บนกระดาน จากนน้ั ครถู ามคา้ ถาม ดังน้ี 3 (-7) 0 ผลหารของ 3 เท่ากับเทา่ ไร (แนวตอบ เทา่ กับ 0) 0 ผลหารของ (-7) เท่ากับเทา่ ไร (แนวตอบ เทา่ กบั 0) แล้วให้นกั เรียนสงั เกตผลหารท่ีไดข้ องแต่ละตัวอย่าง 8. ครอู ธิบายเพิ่มเติม ดังน้ี “นกั เรียนจะสงั เกตเหน็ ว่า ศูนย์หารด้วยจา้ นวนเตม็ ใด ๆ ทไ่ี ม่ใชศ่ ูนย์ จะได้ ผลหารเทา่ กบั ศูนย์” จากน้ันครูสรุปเปน็ กรณที ่วั ไปเหมือนหนังสือเรยี น หน้า 28 สมบตั ขิ องศนู ย์ ข้อ (3) a และครูกล่าวเน้นยา้ อีกครัง้ ว่าตัวหารตอ้ งไมเ่ ปน็ ศูนย์ เพราะ 0 ไมม่ ีความหมายทางคณติ ศาสตร์ แล้วให้ นกั เรียนอา่ นกรอบ “คณิตน่ารู้” 9. ครยู กตวั อย่างโจทยก์ ารหาผลคูณต่อไปนี้บนกระดาน 6 ….. = 0 และ ….. (-8) = 0 จากนนั้ ถามค้าถาม ดังนี้ 6 คณู กับจ้านวนใดแลว้ ไดผ้ ลคณู เท่ากบั 0 (แนวตอบ 6 0 = 0) จา้ นวนใดคูณกับ -8 แลว้ ได้ผลคณู เท่ากับ 0 (แนวตอบ 0 (-8) = 0) แลว้ ให้นกั เรยี นสงั เกตค้าตอบทีไ่ ด้ของแตล่ ะตวั อย่าง 10. ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ ดังนี้ “นกั เรียนจะสังเกตเหน็ วา่ การคณู จ้านวนเตม็ สองจ้านวนใด ๆ ถ้าผลคณู ของ จ้านวนเต็มสองจา้ นวนใด ๆ เท่ากบั ศนู ย์ แล้วจา้ นวนใดจ้านวนหนึง่ ตอ้ งเท่ากบั ศูนย์” จากนัน้ ครสู รปุ เปน็ กรณีท่วั ไปเหมือนหนังสือเรียน หน้า 28 สมบัติของศนู ย์ ข้อ (4) 11. ครใู หน้ กั เรยี นจับคู่ศกึ ษาสมบัตขิ องหน่งึ ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 28-29 แลว้ แลกเปล่ียนความรู้กบั คู่ของ ตนเอง จากนั้นครูถามค้าถาม ดงั นี้ ผลคณู ของ 1 3 และ 3 1 เทา่ กับเท่าไร (แนวตอบ เทา่ กบั 3) ผลคณู ของ 1 (-5) และ (-5) 1 เท่ากับเท่าไร (แนวตอบ เท่ากับ -5) แล้วครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปเป็นกรณีทว่ั ไปว่า “การคณู จา้ นวนเต็มใด ๆ ด้วยหนงึ่ หรอื หนึง่ คูณดว้ ย จา้ นวนเต็มใด ๆ จะไดผ้ ลคูณเท่ากบั จ้านวนนัน้ ” จากน้ันครูถามค้าถาม ดังน้ี ผลหารของ 3 1 เทา่ กบั เทา่ ไร (แนวตอบ เทา่ กบั 3) ผลหารของ (-5) 1 เท่ากับเท่าไร (แนวตอบ เทา่ กบั -5) แลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปเป็นกรณีทั่วไปวา่ “การหารจา้ นวนเต็มใด ๆ ดว้ ยหน่งึ จะได้ผลหาร เทา่ กบั จา้ นวนเต็มนนั้ ” 7.3 ตน้ั สรปุ ครถู ามค้าถามเพื่อสรุปความรู้รวบยอดของนกั เรยี น ดังนี้ จ้านวนเต็มใด ๆ บวกด้วยศนู ย์ หรอื ศูนย์บวกดว้ ยจา้ นวนเต็มใด ๆ จะไดผ้ ลบวกเท่ากบั (แนวตอบ ผลบวกเทา่ กบั จา้ นวนนน้ั ๆ)
จ้านวนเตม็ ใด ๆ คูณด้วยศนู ย์ หรือศูนย์คูณด้วยจา้ นวนเตม็ ใด ๆ จะได้ผลคูณเท่ากบั (แนวตอบ ผลคูณเท่ากบั ศนู ย์) ศนู ย์หารด้วยจา้ นวนเต็มใด ๆ ทไ่ี ม่ใช่ศนู ย์ จะได้ผลหารเทา่ กับ (แนวตอบ ผลหารเท่ากบั ศูนย์) จ้านวนเตม็ ใด ๆ คณู ด้วยหนึง่ หรือหนง่ึ คณู ด้วยจ้านวนเต็มใด ๆ จะไดผ้ ลคูณเท่ากบั (แนวตอบ ผลคณู เท่ากบั จ้านวนนั้น ๆ) จ้านวนเตม็ ใด ๆ หารด้วยหน่ึง จะได้ผลหารเท่ากับ (แนวตอบ ผลหารเทา่ กบั จา้ นวนน้นั ๆ) สมบัตเิ กีย่ วกับการบวกและการคณู จา้ นวนเต็มทีน่ กั เรยี นได้เรียนรู้ ไดแ้ ก่อะไรบ้าง (แนวตอบ สมบตั ิการสลบั ที่ สมบตั ิการเปลย่ี นหมู่ และสมบัตกิ ารแจกแจง) 8. ส่อื และแหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 8.1.1. หนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน คณิตศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 ระบบจา้ นวนเต็ม 8.1.2. แบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ระบบจา้ นวนเต็ม 8.1.3. ใบงานที่ 1.9 เรือ่ ง การคณู จ้านวนเตม็ บวกดว้ ยจา้ นวนเต็มลบ 8.1.4. ใบงานที่ 1.12 เร่ือง สมบตั ิของจา้ นวนเตม็ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 8.2.1 ห้องเรยี น 8.2.2 หอ้ งสมุด 8.2.3 อินเทอรเ์ น็ต 9. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวัด เครอื่ งมอื ที่ใช้วัด เกณฑ์การวัด ตรวจใบงาน/แบบฝึกหัด แบบประเมนิ ผลงาน ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 สง่ิ ท่ตี ้องการวัด ใบงาน/แบบฝกึ หดั ตรวจใบงาน/แบบฝึกหดั ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 1.นกั เรียนเขา้ ใจและใช้สมบตั ิของ แบบประเมนิ ผลงาน จา้ นวนเตม็ ในการบวก การลบ การ สังเกตพฤตกิ รรมกลมุ่ ใบงาน/แบบฝึกหัด อยูใ่ นระดบั ดขี ้ึนไป คณู และการหารได้ (K) 2.นักเรยี นอธิบายขั้นตอนการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ดา้ เนนิ การของจ้านวนเต็มต่าง ๆ การท้างานกลุ่ม โดยใชส้ มบตั ขิ องจ้านวนเต็มได้ (P) 3. รบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีท่ีได้รับ มอบหมาย (A)
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 เน้ือหาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ข้าใจง่าย 4 ประโยชนท์ ่ีได้จากการน้าเสนอ 5 วิธีการน้าเสนอผลงาน รวม ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต้่ากว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ นื่ 3 การท้างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมนี า้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม้่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่้ากว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ กษตั รยิ ์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทีส่ ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็น ประโยชน์ ตอ่ โรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏบิ ตั ิตามหลัก ศาสนา 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมที่เกยี่ วกับสถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ามท่ี โรงเรยี นจดั ขึ้น 2. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ ูกตอ้ ง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ใิ นส่ิงท่ถี ูกต้อง 3. มวี ินัย รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของ ครอบครวั มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ใน ชีวติ ประจา้ วัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 ร้จู ักใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และน้าไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชื่อฟังค้าสง่ั สอนของบิดา - มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรัพย์สนิ และส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คณุ ค่า 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมีการเก็บออมเงิน 6. มุ่งมน่ั ในการ 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทา้ งานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ทา้ งาน 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อให้งานส้าเร็จ 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ติ ส้านกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู ้างาน 8.2 รู้จักการดูแลรกั ษาทรัพย์สมบัติและสง่ิ แวดล้อมของห้องเรยี น และโรงเรียน ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน (นางสาวกรรณิกา ลิกลั ตา) ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ดั เจนและสม้า่ เสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตบิ างคร้งั ให้ 1 คะแนน
10. บันทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ ผลการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….....……… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ต้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………........…………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ……………………………………………. (นางสาวกรรณกิ า ลิกลั ตา) ต้าแหน่ง ครู ความคิดเห็นหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...………………………………………………………………………………………………………………………………........... ลงชอื่ ……………………………………………. (นายคมสนั มณศี รี) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ความคดิ เหน็ รองผู้อานวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชอ่ื ……………………………………………. (นายไพฑรู ย์ มณจี นั ทร์) รองผอู้ ้านวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ความคิดเหน็ ผูอ้ านวยการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงช่ือ……………………………………………. (นางสาวพรณภัทร์ พงษว์ รชั ญพ์ ร) ผอู้ า้ นวยการโรงเรยี นเทพสถิตวิทยา วันท่.ี ...........เดือน........................พ.ศ................
ใบงานท่ี 1.12 เรอ่ื ง สมบัตติ องจานวนเตม็ คาชี้แจง : จงเติมสมบัติของจ้านวนเตม็ แต่ละขอ้ ต่อไปนีใ้ หถ้ ูกต้อง 1) 4 + (-2) = (-2) + 4 สมบัติ .................................................................................................. 2) 5 [(-6) (-2)] = [5 (-6)] (-2)] สมบตั ิ .................................................................................................. 3) 3 [2 + (-5)] = [3 2] + [3 (-5)] สมบัติ .................................................................................................. 4) (-6) (-7) = (-7) (-6) สมบัติ .................................................................................................. 5) (2 + 7) + (-1) = 2 + [7 + (-1)] สมบัติ .................................................................................................. 6) [(-9) + 3] (-8) = [(-9) (-8)] + [3 (-8)] สมบตั ิ ..................................................................................................
เฉลยใบงานที่ 1.12 เรอื่ ง สมบตั ติ องจานวนเตม็ คาชี้แจง : จงเติมสมบตั ิของจ้านวนเต็มแตล่ ะขอ้ ต่อไปน้ใี ห้ถูกตอ้ ง 1) 4 + (-2) = (-2) + 4 สมบัติ ..........ก...า..ร..ส..ล..ับ...ท...ส่ี ..า..ห...ร..ับ..ก...า..ร..บ..ว..ก................................................. 2) 5 [(-6) (-2)] = [5 (-6)] (-2)] สมบตั ิ ..........ก...า..ร..เ.ป..ล...ี่ย..น...ห..ม...่สู ..า..ห...ร..ับ..ก...า..ร..ค..ณู............................................. 3) 3 [2 + (-5)] = [3 2] + [3 (-5)] สมบัติ ..........ก...า..ร..แ..จ..ก..แ...จ..ง...................................................................... 4) (-6) (-7) = (-7) (-6) สมบตั ิ ..........ก...า..ร..ส..ล..ับ...ท...่ีส..า..ห...ร..บั ..ก...า..ร..ค..ูณ................................................... 5) (2 + 7) + (-1) = 2 + [7 + (-1)] สมบตั ิ ..........ก...า..ร..เ.ป..ล...่ยี ..น...ห..ม...่สู ..า..ห...ร..ับ..ก...า..ร..บ..ว...ก.......................................... 6) [(-9) + 3] (-8) = [(-9) (-8)] + [3 (-8)] สมบัติ ..........ก...า..ร..แ..จ..ก..แ...จ..ง......................................................................
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 6 บูรณาการหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งและบูรณการภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ รายวิชาคณิตศาสตร์พนื้ ฐาน รหัสวชิ า ค21101 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ชือ่ หน่วย ระบบจานวนเต็ม เวลารวม 14 ช่วั โมง เร่ือง การนาความรู้เก่ยี วกบั จานวนเต็มไปใช้ในชีวติ จรงิ เวลา 2 ช่วั โมง ครูผสู้ อน นางสาวกรรณิกา ลิกลั ตา 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจ้านวน ระบบจ้านวน การดา้ เนินการของจ้านวน ผลที่ เกิดข้ึนจากการด้าเนินการ สมบตั ิของการด้าเนินการ และน้าไปใช้ ตวั ชี้วดั ค 1.1 ม.1/1 เข้าใจจา้ นวนตรรกยะและความสัมพันธ์ของจ้านวนตรรกยะ และใช้สมบัติของจา้ นวนตรรก ยะในการแก้ปัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปัญหาในชวี ิตจริง 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ในชีวิตประจ้าวนั เราได้น้าความรูเ้ ก่ียวกับจา้ นวนเต็มและสมบัตขิ องจา้ นวนเต็มไปใช้ เชน่ การซอ้ื ขายสง่ิ ของต่าง ๆ และการแสดงจา้ นวนเงินที่ขาดทนุ จากการค้าขาย โดยใช้จ้านวนเต็มลบ เป็นตน้ การบรู ณาการกับหลกั แนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียง ความพอประมาณ นกั เรียนใชห้ ลักแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงในการสรางโจทยปญั หาท่ีเกยี่ วข้อง กับ ชวี ติ ประจา้ วัน ความมเี หตุผล นกั เรยี นคดิ วเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบ เชือ่ มโยงแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งสมเหตสุ มผล ความมภี ูมิคุ้มกันในตวั ที่ดี นักเรยี นใช้ หลักความคิดเศรษฐกิจพอเพยี งในการพอประมาณ การมเี หตุผล ในการ แกปญั หาต่างๆเปน็ แกตนิ ิสยั เงือ่ นไตความรู นักเรยี นสามารถนา้ ความรูเรื่องระบบจจา้ นวนเต็มไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจา้ วันได เงือ่ นไตคณุ ธรรม นกั เรยี นมีความรบั ผิดชอบ ตรงตอ่ เวลา ท้างานอย่างมีระบบ มรี ะเบียบวนิ ยั มีการชว่ ยเหลอื ซึ่ง กันและกัน 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 นักเรียนเข้าใจการนา้ ความร้เู กี่ยวกับจา้ นวนเตม็ ไปใชแ้ ก้ปญั หาคณิตศาสตรแ์ ละปัญหาในชวี ติ จริง (K) 3.2 นักเรยี นเขียนอธิบายขัน้ ตอนวิธกี ารแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตรเ์ ก่ียวกบั จ้านวนเต็มได้ (P) 3.3 รับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย (A) 4. สาระการเรยี นรู้ การนา้ ความรู้เกีย่ วกับจ้านวนเต็มไปใช้ในการแกป้ ัญหา 5. สมรรถนะสาคญั ตองผูเ้ รียน 5.1. ความสามารถในการสือ่ สาร 5.2. ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตุผล การสรุปความรู้ การปฏิบัติ 5.3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1. มวี นิ ยั 6.2. ใฝเ่ รียนรู้ 6.3. ม่งุ มัน่ ในการท้างาน 7. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 7.1 ตน้ั นาเต้าส่บู ทเรยี น 1. ครูยกตัวอยา่ งส่งิ ท่เี กีย่ วข้องในชีวิตประจา้ วัน เช่น การที่นกั เรียนไมมีเงนิ แล้วต้องไปยืมเงนิ มาใช้ ซึ่งถือวา่ นักเรยี นตดิ ลบอยู่ ยิ่งไปยมื มาอกี ก็คือติดลบเพ่ิมมากขน้ึ ท้าใหฐ้ านนะ ทางเศรษฐกจิ ของนักเรยี น เปน็ หน้ี หรือ มเี งนิ นอ้ ย เชน่ ติดหน้ี แลว 100 บาท (-100) ไปยืม เงนิ มาอีก 200 บาท (-200) สรุปแล้วก็คอื ตอนนน้ี ักเรียนติดหนี้อยู่ ทง้ั หมด 300 บาท ซ่งึ ได มา จาก (-100) + (-200) = -300 ซง่ึ ถือว่าเปน็ สง่ ท่ีไมดี ( ครอู ธิบายสอดแทรกถงึ หลัก เศรษฐกจิ พอเพียง และยกตัวอยา่ งหลาย ๆ ตวั อย่าง ) ครยู กตวั อย่างกรณีให้นกั เรียนศึกษาดู 2 กรณีดังน้ี - ครยู กตวั อย่างการทน่ี ักเรียนมหี น้สี ินแลว้ เงินมาชา้ ระหน้ี เชน่ ติดหนี้อยู่ 400 บาท (-400) ทา้ งานหาเงนิ ได 300 บาท และนา้ เงินไปชา้ ระหนี้ สดุ ท้ายแลว้ เรยี นก็ยงั เหลอื เงินอยู่ 100 บาท เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณไ์ ด้เปน็ (-400)+500 = 100 - ครูยกตวั อย่างการทน่ี ักเรียนมหี น้ีสนิ แลว้ เงินมาช้าระหนี้ เช่น ติดหนี้อยู่ 400 บาท (-400) ทา้ งานหาเงินได 500 บาท และน้าเงนิ ไปช้าระหนี้ สดุ ทา้ ยแล้วเรยี นก็ยังตดิ หนี้ หรอื ติดลบอยู่ 100 บาท (-100) เขยี นเป็นประโยค สัญลักษณ์ได้เปน็ (-400)+300 = -100 2. ครใู ห้นกั เรียนอภิปรายร่วมกันท้งั 2 กรณีและใหน้ กั เรียนสรปุ ให้ไดว้ า่ ในการด้าเนินชวี ติ ถา้ เราใช้อย่าง พอเพยี ง มนี ้อยใชน้ อ้ ย มมี ากก็เก็บออม ชีวติ เรากจ็ ะมีความสขุ และไมต่ ดิ หนี้ (ติดลบ) 3. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั ทบทวนสมบตั กิ ารบวกจา้ นวนเต็ม และสมบตั ิการคูณจ้านวนเต็มท่เี รียนมาแล้ว 7.2 ตนั้ สอน 4. ครยู กตัวอย่างที่ 17 ในหนงั สือเรียน หน้า 32 พร้อมแสดงวธิ ีทา้ อย่างละเอยี ดบนกระดาน และเน้นย้าวา่ ในแต่ละข้นั ใช้สมบตั ขิ องจา้ นวนเต็มอะไร 5. ใหน้ ักเรียนแลกเปล่ยี นความรู้กัน แลว้ ท้า “ลองทา้ ดู” ในหนงั สือเรียน หนา้ 32 โดยครูคอยตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง จากน้นั ครูและนักเรยี นรว่ มกันเฉลยค้าตอบ “ลองท้าดู” 6. ครยู กตัวอย่างที่ 18 ในหนังสอื เรยี น หน้า 32 บนกระดาน จากนัน้ ครถู ามคา้ ถาม ดังน้ี จากประโยคท่ีกลา่ ววา่ “ขายมะมว่ งขายทนุ ” นกั เรยี นคดิ ว่าต้องเกยี่ วข้องกบั จา้ นวนเต็มชนดิ ใด (แนวตอบ เก่ียวข้องกับจา้ นวนเตม็ ลบ) การหาผลลัพธ์ของโจทยข์ อ้ นี้ เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์ไดอ้ ยา่ งไร (แนวตอบ พ่อค้าขายผลไมท้ ้งั สีช่ นดิ น้ีไดก้ า้ ไร เทา่ กบั 242 + 256 + 268 + (-246)) จากน้นั ครูแสดงวธิ ีท้าอย่างละเอียดบนกระดาน 7. ใหน้ ักเรียนแลกเปลยี่ นความรู้กนั แลว้ ทา้ “ลองทา้ ดู” ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 33 โดยครคู อยตรวจสอบ ความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรยี นรว่ มกันเฉลยค้าตอบ “ลองท้าดู” 8. ครูยกตวั อยา่ งที่ 19 ในหนังสอื เรยี น หนา้ 33 พรอ้ มแสดงวิธีทา้ อยา่ งละเอียดบนกระดาน ท้ัง 2 วธิ ี จากน้ันครูถามคา้ ถาม ดงั น้ี วิธที ี่ 1 ใชส้ มบัติใดบา้ ง (แนวตอบ สมบตั ิการสลบั ทสี่ ้าหรับการคูณ และสมบัติการแจกแจง) วิธที ี่ 2 ใช้สมบตั ิใดบา้ ง (แนวตอบ สมบตั ิการสลบั ที่ส้าหรบั การคูณ และสมบัติการแจกแจง) นักเรยี นคดิ วา่ วธิ ใี ดหาผลลัพธไ์ ด้งา่ ยกวา่ กัน เพราะเหตุใด
(แนวตอบ นกั เรยี นอาจตอบว่าวธิ ที ี่ 1 เพราะการหาผลคูณของ 179100 ง่ายกว่าการหาผลคณู ของ 18095 หรือนกั เรียนอาจตอบว่าวิธีที่ 2 เพราะการหาผลคูณของ 195 งา่ ยกว่าการหาผลคูณของ 179 5) จากนัน้ ครสู รุปว่า “ไม่วา่ นกั เรียนจะเลอื กทา้ วิธีใดก็ตาม ขนึ้ อยูก่ บั ความสะดวกของแตล่ ะคน ผลลพั ธ์ท่ไี ด้ จะเท่ากัน” 9. ให้นกั เรียนจับคูแ่ ลกเปลี่ยนความรู้กนั แลว้ ท้า “ลองทา้ ดู” ในหนังสอื เรยี นหนา้ 33 โดยครูคอย ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนั้นครูและนกั เรียนร่วมกันเฉลยคา้ ตอบ “ลองท้าดู” 10.ครูยกตัวอยา่ งท่ี 20 ในหนงั สือเรียน หน้า 34 พร้อมแสดงวธิ ที ้าอย่างละเอยี ดบนกระดาน จากนน้ั นักเรียนจับค่ชู ว่ ยกนั หาผลลพั ธข์ องโจทยข์ ้อนโี้ ดยใช้วิธคี ดิ ค้านวณอืน่ ๆ แลว้ สง่ ตวั แทนออกมาแสดงวธิ ี ทา้ บนกระดาน (แนวตอบ นักเรยี นอาจคิดจาก ประโยคสัญลักษณ์ (15795) + (106 90) = □ หรอื ประโยคสญั ลกั ษณ์ [157(100 - 5)] + [(100 + 6) 90] = □ ) หมายเหตุ* ถา้ นกั เรยี นหาผลลัพธ์ของโจทย์ปัญหาน้โี ดยใช้วิธคี ดิ คา้ นวณอื่นท่หี ลากหลายกวา่ น้ี ให้ ออกมาเขยี นแสดงวธิ ีทา้ บนกระดานทุกวิธี 11. ให้นกั เรียนท้า “ลองทา้ ดู” ในหนังสือเรยี น หน้า 34 เป็นการบา้ น ช่วั โมงท่ี 2 12. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยค้าตอบ “ลองท้าดู” ในหนงั สือเรียน หน้า 34 13. ให้นกั เรยี นแบ่งเปน็ 4 กล่มุ เท่า ๆ กัน จากนั้นรว่ มกันวเิ คราะห์ “H.O.T.S. คา้ ถามท้าทายการคิดข้ัน สงู ” ในหนังสือเรยี น หน้า 34 แล้วเขียนค้าตอบจากการวิเคราะหล์ งในสมุดตนเอง จากนั้นส่งตัวแทน กลมุ่ ละ 2 คน มานา้ เสนอหน้าชั้นเรียน 14. ครูแจกใบงานท่ี 1.13 เรอ่ื ง การน้าความรเู้ ก่ียวกับจ้านวนเตม็ ไปใช้ในชวี ิตจรงิ ใหน้ ักเรยี นทา้ จากนน้ั ครู และนกั เรียนร่วมกนั เฉลยค้าตอบใบงานท่ี 1.13 15. ครูทบทวนวธิ ีการแกโ้ จทยป์ ัญหา โดยยกตวั อย่างแบบฝึกทกั ษะ 1.7 ขอ้ 5 ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 35 มา อธิบายขน้ั ตอนการแสดงวิธีทา้ อยา่ งละเอยี ดบนกระดาน 16. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนท้าแบบฝึกทกั ษะ 1.7 ขอ้ 6-7 ในหนังสือเรียน หน้า 35 เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจ โดยครคู อยเดินดูเพื่อตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 17. ครูให้นักเรยี นท้าแบบฝกึ ทกั ษะ 1.7 (ข้อท่ีเหลือ) ในหนงั สือเรียน หน้า 35 จากนั้นครูและนกั เรียน รว่ มกันเฉลยคา้ ตอบแบบฝึกทักษะ 1.7 18.ครใู หน้ ักเรียนจัดกลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน คละความสามารถทางคณติ ศาสตร์ แลว้ ท้ากจิ กรรม ดังนี้ - ใหแ้ ต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนมาตกลงกันว่าจะเลือกแกป้ ญั หาสถานการณใ์ ดจาก “คณิตศาสตรใ์ นชีวิตจรงิ ” ในหนังสือเรยี น หน้า 36 - นกั เรยี นแตล่ ะคนวิเคราะหว์ า่ สถานการณ์ท่กี ลมุ่ ของตนเองเลอื กมีวธิ ีการแก้ปัญหาอยา่ งไร จากน้นั แลกเปลยี่ นคา้ ตอบกนั ภายในกลุ่ม สนทนาซกั ถามจนเปน็ ที่เข้าใจรว่ มกนั - นักเรียนแตล่ ะคนเขียนขัน้ ตอนแสดงวธิ คี ิดของกลุ่มตนเองอย่างละเอยี ดลงในสมุดของตนเอง - ครคู อยตรวจสอบความถูกต้อง 19.ครใู หน้ กั เรยี นทา้ Exercise 1.7 (เฉพาะข้อคู่) ในแบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ เป็นการบ้าน 7.3 ตนั้ สรุป 20.ใหน้ กั เรยี นอ่านและศึกษา “สรุปแนวคดิ หลกั ” ในหนงั สือเรียน หน้า 37-38 แลว้ เขียนผงั มโนทศั น์ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบจ้านวนเต็ม ลงในกระดาษ A4 21.ครถู ามคา้ ถามเพื่อสรปุ ความรู้รวบยอดของนกั เรยี น ดังน้ี จา้ นวนเต็มประกอบด้วยอะไรบา้ ง (แนวตอบ จ้านวนเต็มบวก จา้ นวนเตม็ ลบ และศูนย์) จ้านวนตรงขา้ มของ a คืออะไร (แนวตอบ จา้ นวนตรงข้ามของ a คือ -a)
คา่ สมั บูรณ์ของจา้ นวนเต็ม คืออะไร (แนวตอบ คา่ สัมบรู ณข์ องจ้านวนเตม็ คือ ระยะหา่ งระหวา่ งจ้านวนเตม็ นนั้ กับศนู ย์บนเสน้ จา้ นวน) การบวกจ้านวนเตม็ ลบด้วยจ้านวนเต็มลบ ผลบวกที่ได้เปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลบวกท่ีไดเ้ ป็นจา้ นวนเตม็ ลบ) การบวกจา้ นวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเตม็ ลบ และการบวกจ้านวนเต็มลบดว้ ยจ้านวนเตม็ บวก จะได้ ผลบวกเป็นจา้ นวนอะไร (แนวตอบ จะไดผ้ ลบวกเปน็ จ้านวนเตม็ ตามจา้ นวนทีม่ ีคา่ สัมบูรณ์มากกวา่ ) ขอ้ ตกลงของการลบจา้ นวนเต็มโดยอาศยั การบวก เปน็ อยา่ งไร (แนวตอบ ตัวตั้ง ลบ ตวั ลบ เทา่ กับ ตวั ตั้ง บวก จา้ นวนตรงข้ามของตัวลบ) การคูณจ้านวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเตม็ บวก และการคูณจา้ นวนเตม็ ลบด้วยจ้านวนเต็มลบ ผลคณู ท่ไี ด้ เป็นจา้ นวนอะไร (แนวตอบ จ้านวนเต็มบวก) การคูณจา้ นวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเตม็ ลบ และการคูณจ้านวนเต็มลบดว้ ยจา้ นวนเต็มบวก ผลคูณทไ่ี ด้ เป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ จ้านวนเต็มลบ) การหารจา้ นวนเตม็ บวกด้วยจ้านวนเตม็ บวก และการหารจ้านวนเตม็ ลบด้วยจา้ นวนเตม็ ลบ ผลหารที่ ไดเ้ ปน็ จา้ นวนอะไร (แนวตอบ จ้านวนเต็มบวก) การหารจา้ นวนเตม็ ลบด้วยจา้ นวนเต็มบวกหรอื การหารจ้านวนเตม็ บวกดว้ ยจ้านวนเตม็ ลบ ผลหารที่ ไดเ้ ปน็ จา้ นวนอะไร (แนวตอบ จา้ นวนเตม็ ลบ) จา้ นวนเต็มใด ๆ บวกด้วยศนู ย์ หรอื ศนู ยบ์ วกดว้ ยจ้านวนเต็มใด ๆ จะได้ผลบวกเทา่ กับ (แนวตอบ ผลบวกเทา่ กับจา้ นวนน้นั ๆ) จา้ นวนเตม็ ใด ๆ คูณด้วยศูนย์ หรือศนู ยค์ ูณดว้ ยจา้ นวนเตม็ ใด ๆ จะไดผ้ ลคูณเท่ากบั (แนวตอบ ผลคูณเท่ากบั ศูนย์) ศนู ย์หารดว้ ยจ้านวนเต็มใด ๆ ทไี่ ม่ใช่ศูนย์ จะได้ผลหารเทา่ กับ (แนวตอบ ผลหารเท่ากบั ศนู ย์) จา้ นวนเตม็ ใด ๆ คูณดว้ ยหน่งึ หรอื หนึ่งคณู ด้วยจ้านวนเตม็ ใด ๆ จะไดผ้ ลคูณเท่ากับ (แนวตอบ ผลคูณเทา่ กับจ้านวนน้ัน ๆ) จ้านวนเตม็ ใด ๆ หารด้วยหน่ึง จะได้ผลหารเท่ากบั (แนวตอบ ผลหารเท่ากบั จา้ นวนน้นั ๆ) สมบัติเก่ยี วกับการบวกและการคณู จา้ นวนเต็มท่ีนักเรียนได้เรียนรู้ ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง (แนวตอบ สมบัติการสลบั ท่ี สมบตั ิการเปล่ยี นหมู่ และสมบัตกิ ารแจกแจง) 22. ครใู หน้ กั เรยี นทา้ แบบฝึกทักษะประจา้ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เปน็ การบ้าน 23. ให้นักเรยี นทา้ แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ระบบจา้ นวนเต็ม 8. สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 8.1.1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ระบบจา้ นวนเตม็ 8.1.2. แบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ระบบจา้ นวนเตม็ 8.1.3. ใบงานที่ 1.13 เรื่อง การน้าความร้เู ก่ียวกับจ้านวนเต็มไปใชใ้ นชีวติ จริง 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 8.2.1 หอ้ งเรียน 8.2.2 ห้องสมดุ 8.2.3 อนิ เทอร์เน็ต
9. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เครื่องมอื ทใ่ี ช้วดั เกณฑ์การวัด ตรวจใบงาน/แบบฝกึ หัด แบบประเมินผลงาน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 ส่ิงทีต่ ้องการวัด ใบงาน/แบบฝึกหัด ตรวจใบงาน/แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 1.นักเรยี นเขา้ ใจการนา้ ความรู้ สงั เกตพฤติกรรมกลุม่ แบบประเมนิ ผลงาน อยใู่ นระดับดีขน้ึ ไป เก่ยี วกับจา้ นวนเต็มไปใช้แก้ปัญหา ใบงาน/แบบฝึกหัด คณิตศาสตร์และปัญหาในชวี ิตจรงิ (K) แบบสังเกตพฤติกรรม 2.นักเรยี นเขยี นอธบิ ายขั้นตอน การทา้ งานกลุ่ม วธิ ีการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เกี่ยวกบั จ้านวนเต็มได้ (P) 3. รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ทท่ี ี่ได้รับ มอบหมาย (A)
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 เน้ือหาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ข้าใจง่าย 4 ประโยชนท์ ่ีได้จากการน้าเสนอ 5 วิธีการน้าเสนอผลงาน รวม ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต้่ากว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ นื่ 3 การท้างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมนี า้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม้่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่้ากว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ กษตั รยิ ์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทีส่ ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็น ประโยชน์ ตอ่ โรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏบิ ตั ิตามหลัก ศาสนา 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมที่เกยี่ วกับสถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ามท่ี โรงเรยี นจดั ขึ้น 2. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ ูกตอ้ ง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ใิ นส่ิงท่ถี ูกตอ้ ง 3. มวี ินัย รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของ ครอบครวั มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ใน ชีวติ ประจา้ วัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 ร้จู ักใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และน้าไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชื่อฟังค้าสง่ั สอนของบิดา - มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรัพย์สนิ และส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คณุ ค่า 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเก็บออมเงนิ 6. มุ่งมน่ั ในการ 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทา้ งานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ทา้ งาน 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อให้งานส้าเร็จ 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ติ ส้านกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู ้างาน 8.2 รู้จักการดแู ลรกั ษาทรัพย์สมบัติและสง่ิ แวดล้อมของห้องเรยี น และโรงเรียน ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน (นางสาวกรรณิกา ลิกลั ตา) ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ดั เจนและสม้า่ เสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตบิ างคร้งั ให้ 1 คะแนน
10. บันทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ ผลการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….....……… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ต้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………........…………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ……………………………………………. (นางสาวกรรณกิ า ลิกลั ตา) ต้าแหน่ง ครู ความคิดเห็นหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...………………………………………………………………………………………………………………………………........... ลงชอื่ ……………………………………………. (นายคมสนั มณศี รี) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ความคดิ เหน็ รองผู้อานวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชอ่ื ……………………………………………. (นายไพฑรู ย์ มณจี นั ทร์) รองผอู้ ้านวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ความคิดเหน็ ผอู้ านวยการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงช่ือ……………………………………………. (นางสาวพรณภัทร์ พงษว์ รชั ญพ์ ร) ผอู้ า้ นวยการโรงเรยี นเทพสถิตวิทยา วันท่.ี ...........เดือน........................พ.ศ................
ใบงานท่ี 1.13 เร่อื ง การนาความรู้เก่ียวกบั จานวนเตม็ ไปใชใ้ นชีวิตจริง คาชี้แจง : จงแสดงวธิ ีทา้ 1. พรฟ้าซื้อขา้ วสาร 62 กิโลกรมั ราคากิโลกรมั ละ 35 บาท ซ้ือน้าตาล 28 กิโลกรัม ราคากิโลกรมั ละ 24 บาท ใหธ้ นบตั รหนึง่ พนั บาทจา้ นวน 3 ฉบบั กบั แม่คา้ จงหาว่าพรฟา้ จะได้รับเงินทอนกบี่ าท 2. โตะ๊ ราคาตัวละ 1,675 บาท เก้าอี้ราคาถูกกวา่ โต๊ะตวั ละ 240 บาท นงนุชซ้ือโต๊ะและเกา้ อ้ีอยา่ งละ 4 ตวั จะต้องจา่ ยเงินทัง้ หมดเท่าไร
เฉลยใบงานท่ี 1.13 เรอ่ื ง การนาความร้เู ก่ยี วกับจานวนเตม็ ไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ คาชแี้ จง : จงแสดงวธิ ีท้า 1. พรฟา้ ซ้ือขา้ วสาร 62 กโิ ลกรมั ราคากิโลกรมั ละ 35 บาท ซื้อน้าตาล 28 กโิ ลกรัม ราคากิโลกรัมละ 24 บาท ใหธ้ นบัตรหนงึ่ พันบาทจา้ นวน 3 ฉบบั กบั แม่คา้ จงหาวา่ พรฟา้ จะได้รับเงินทอนกีบ่ าท วิธที า ประโยคสญั ลักษณ์ (31,000) - [(6235) + (2824)] = พรฟา้ ซื้อข้าวสาร 62 กโิ ลกรมั ราคากิโลกรัมละ 35 บาท ซือ้ ขา้ วสารเป็นเงิน 6235 = 2,170 บาท ซอื้ นา้ ตาล 28 กิโลกรมั ราคากิโลกรัมละ 24 บาท ซ้อื นา้ ตาลเปน็ เงิน 2824 = 672 บาท พรฟา้ ซื้อข้าวสารและน้าตาลรวมกนั เปน็ เงิน 2,170 + 672 = 2,842 บาท ใหธ้ นบัตรหนงึ่ พนั บาทจานวน 3 ฉบบั เปน็ เงิน 31,000 = 3,000 บาท ดังนน้ั พรฟา้ จะได้รับเงนิ ทอน 3,000 - 2,842 = 158 บาท 2. โต๊ะราคาตัวละ 1,675 บาท เก้าอ้รี าคาถูกกวา่ โต๊ะตัวละ 240 บาท นงนชุ ซ้ือโต๊ะและเก้าอี้อย่างละ 4 ตัว จะต้องจา่ ยเงนิ ท้ังหมดเท่าไร วธิ ที า ประโยคสัญลักษณ์ [1,675 + (1,675 - 240)]4 = โต๊ะราคาตวั ละ 1,675 บาท เก้าอีร้ าคาถูกกว่าโตะ๊ ตวั ละ 240 บาท เก้าอร้ี าคาตวั ละ 1,675 - 240 = 1,435 บาท โต๊ะ 1 ตวั และเกา้ อี้ 1 ตวั ราคารวมกนั เป็น 1,675 + 1,435 = 3,110 บาท นงนชุ ซอื้ โต๊ะและเกา้ อ้ีอยา่ งละ 4 ตวั ดงั นั้น จะต้องจ่ายเงนิ ทั้งหมด 3,1104 = 12,440 บาท
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 รายวชิ าคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค21101 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ชอื่ หน่วย จานวนตรรกยะ เวลารวม 20 ชัว่ โมง เรอ่ื ง เศษสว่ นและการเปรยี บเทียบเศษส่วน เวลา 2 ชวั่ โมง ครูผสู้ อน นางสาวกรรณกิ า ลิกัลตา 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชี้วัด ค 1.1 ม.1/1 เข้าใจจานวนตรรกยะและความสัมพันธ์ของจานวนตรรกยะ และใช้สมบัติของจานวนตรรกยะใน การแกป้ ัญหาคณติ ศาสตร์และปัญหาในชวี ติ จริง 2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด ������ ������ เศษสว่ น คอื จานวนท่ีไม่เต็มหน่วย ซ่ึงสามารถเขียนได้ในรูป เม่ือ a และ b เป็นจานวนเต็มใด ๆ ที่ b 0 เรียก a ว่า ตัวเศษ และเรียก b ว่า ตัวส่วน เศษส่วนมี 3 ชนิด ได้แก่ เศษส่วนแท้ เศษเกิน และจานวนคละ การ เปรียบเทยี บเศษส่วน จะต้องทาตวั สว่ นให้เท่ากันกอ่ นซึ่งอาจใชห้ ลักการคณู หรอื หลักการหารด้วยจานวนเดียวกันที่ไม่ เทา่ กับ 0 แล้วพจิ ารณาทต่ี ัวเศษ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) ระบุหรอื จาแนกเศษส่วนได้ (K) 2) เปรียบเทยี บและเรียงลาดับเศษสว่ นได้ (K) 3) ใช้ความรู้ ทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตรใ์ นการแก้ปัญหาได้ (P) 4) รับผิดชอบตอ่ หน้าท่ีทีไ่ ด้รบั มอบหมาย (A) 4. สาระการเรยี นรู้ ทศนยิ มและเศษส่วน 5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 5.1. ความสามารถในการสื่อสาร 5.2. ความสามารถในการคิด - การใหเ้ หตผุ ล การสรปุ ความรู้ การปฏบิ ตั ิ 5.3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1. มีวินยั 6.2. ใฝ่เรยี นรู้ 6.3. มุ่งมน่ั ในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชัว่ โมงที่ 1 7.1 ข้ันนาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1. ครกู ล่าวทักทายกบั นักเรยี น แลว้ แจง้ ผลการเรียนรู้ให้นักเรยี นทราบ 2. ครกู ระตุ้นความสนใจของนักเรยี น โดยใหน้ ักเรียนดภู าพหน้าหน่วย จากนน้ั ครถู ามคาถามในหนังสอื เรียน หนา้ 40 แล้วให้นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็
หมายเหตุ* ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคาถามในหนังสอื เรียน หน้า 40 หลงั เรยี นหนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 3. ครทู บทวนความรเู้ ร่ืองเศษสว่ นทเ่ี คยเรยี นมาแล้วในชน้ั ประถม โดยให้นกั เรยี นดภู าพแสดงเศษส่วนท่ี เท่ากัน ในหนงั สือเรยี น หนา้ 41 แลว้ ถามคาถาม ดังนี้ 48, 8 12 รูปแสดงเศษส่วน 10 และ 15 ส่วนท่ีระบายสีของแต่ละรปู มีพื้นที่เทา่ กนั หรือไม่ (แนวตอบ เทา่ กัน) 6 รปู แสดงเศษสว่ น1224 12 3 , และ 6 สว่ นท่รี ะบายสีของแตล่ ะรูปมีพืน้ ที่เทา่ กันหรือไม่ (แนวตอบ เทา่ กัน) การทาเศษส่วนให้เท่ากนั ทาไดโ้ ดยวิธีใด (แนวตอบ นักเรียนอาจตอบว่า นาจานวนที่เทา่ กนั ท่ไี ม่เป็นศูนย์มาคูณหรือหารทัง้ ตวั เศษและตัวส่วน) 4. ครใู หน้ ักเรียนศึกษาการเขยี นเศษเกินในรปู จานวนคละ และศกึ ษาหลักและคา่ ประจาหลักของทศนิยม ในหนงั สือเรียน หน้า 41 จากน้นั ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เกยี่ วกบั “การเขยี นจานวนคละในรปู เศษเกนิ ” จจาากนนวน้ันคคลรยูะก���ต���วั ������อ������ ยเมา่ งือ่ กcารเขีย0นเจขายี นนวในนครลปู ะเศ2ษเ53กินใไนดร้เปูป็นเศ���ษ���เก������������นิ =บน(ก���ร���×ะด������������า)น+���ด���ังนี้ 3 (2×5)+3 10+3 13 2 5 = 5 = 5 = 5 7.2 ข้ันสอน 1. ครูกล่าวทบทวนเศษส่วนแท้ เศษเกิน และจานวนคละท่เี ป็นจานวนบวก จากนั้นบอกนักเรียนวา่ ใน ระดับชัน้ น้ีนักเรียนจะได้เรยี นรู้เศษสว่ นท่ีเป็นจานวนลบ แลว้ ยกตวั อยา่ งเศษส่วนแท้ เศษเกนิ และ จานวนคละทเ่ี ป็นจานวนลบตามหนงั สือเรียน หน้า 42 ใหน้ ักเรียนดู เช่น 1 เศษสว่ นแท้ − 3 อ่านว่า ลบเศษหนงึ่ ส่วนสาม อ่านวา่ ลบเศษสามส่วนสอง เศษเกิน − 3 อา่ นวา่ ลบหนึง่ เศษหนงึ่ สว่ นสอง จานวนคละ 2 1 −1 2 2. ครูทบทวนเรื่องเส้นจานวน ดังน้ี “บนเส้นจานวนประกอบด้วยศูนย์ จานวนลบ และจานวนบวก ซึ่ง นักเรียนทราบแล้วว่าจานวนเต็มสามารถแสดงได้ด้วยจุดบนเส้นจานวน และในทานองเดียวกันเราก็ สามารถแสดงเศษส่วนด้วยจุดบนเส้นจานวนได้เช่นเดียวกัน ทาได้โดยแบ่งความยาวใน 1 หน่วยของ เส้นจานวนให้เท่า ๆ กัน ซ่ึงในการแบ่งความยาวใน 1 หน่วยน้ันจะพิจารณาจากตัวส่วนของเศษส่วนที่ กาหนดให้” จากนัน้ ครูยกตัวอยา่ งเส้นจานวน -1 0 1 3. ครูถามคาถาม ดังน้ี 1 3 ถ้าตอ้ งการแสดงเศษส่วน ด้วยจุดบนเส้นจานวน จะต้องแบ่งความยาว 1 หนว่ ยของเส้นจานวน ออกเป็นกส่ี ่วนเทา่ ๆ กัน (แนวตอบ 3 ส่วนเทา่ ๆ กัน)
เศษส่วน 1 อยูท่ ต่ี าแหน่งใดเม่ือเทียบกบั 0 บนเสน้ จานวน 3 1 (แนวตอบ เมื่อแบง่ ความยาว 1 หนว่ ย ออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กนั 3 จะอยู่ทข่ี ีดแรกถัดจาก 0 ไป ทางขวา) 1 3 เศษสว่ น − อย่ทู ีต่ าแหนง่ ใดเม่ือเทียบกับ 0 บนเส้นจานวน (แนวตอบ เม่ือแบง่ ความยาว 1 หน่วย ออกเปน็ 3 ส่วนเทา่ ๆ กนั − 1 จะอยู่ท่ีขดี แรกถดั จาก 0 ไป 3 ทางซ้าย) 4. ให้นกั เรยี นศึกษาการแสดงเศษสว่ นด้วยจดุ บนเส้นจานวนตามตัวอย่างในหนังสอื เรียน หนา้ 42 5. ครูทบทวนจานวนคละว่า “จานวนคละ คือจานวนที่เขยี นในรปู การบวกของจานวนเตม็ กบั เศษสว่ นแท้ จ-(าก1น+น้ั ยก54ต)วั อหยรา่ืองจ(า−นว1น)คล+ะท(ี่เป−น็ ล45บ)−ด45ังตเัวขอียยน่าใงนในรปูหกนางั รสบอื วเรกียขนองหจนาา้นว4น3เตม็ กบั เศษส่วนแท้ได้ ได”้ เป็น 6. ครูกลา่ วทบทวนจานวนตรงข้ามของจานวนเต็ม ดงั นี้ “เม่อื a เปน็ จานวนเต็มใด ๆ จะมี -a เป็นจานวน ������ ตรงข้ามของ a เราสามารถหาจานวนตรงข้ามของเศษสว่ นได้ในทานองเดียวกนั คือ “เมื่อ ������ เป็น เศษสว่ นใด ๆ ท่ี b 0 จะมี − ������ เป็นจานวนตรงขา้ มของ ������������” ������ 7. ให้นักเรยี นศึกษาการแสดงเศษส่วนและจานวนตรงข้ามของเศษสว่ นน้นั ด้วยจุดบนเส้นจานวนตาม ตวั อย่างในหนังสือเรียน หนา้ 43 8. ครแู จกใบงานท่ี 2.1 เรื่อง จานวนตรงข้ามของเศษสว่ น ให้นกั เรยี นทา จากนนั้ ครแู ละนักเรียนรว่ มกัน เฉลยคาตอบใบงานท่ี 2.1 9. ครใู หน้ ักเรียนทา Exercise 2.1A ขอ้ 1-2 ในแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ เปน็ การบ้าน ชว่ั โมงที่ 2 10.ครูและนกั เรียนรว่ มกันเฉลยคาตอบ Exercise 2.1A ขอ้ 1-2 11.ครูทบทวนเศษสว่ นท่เี ท่ากนั จาก “ควรรกู้ อ่ นเรยี น” ในหนังสือเรยี น หน้า 41 วา่ จากเศษส่วนที่เปน็ ตัวอย่าง สามารถหาเศษสว่ นที่เทา่ กบั เศษสว่ นท่ีกาหนดให้ได้โดยนาจานวนเตม็ ใด ๆ ที่ไม่เทา่ กบั ศนู ย์คณู ทั้งตัวเศษและตวั สว่ น จงึ ไดว้ ่า 4 4×2 8 และ 54 = 54××32 = 1102 5 = 5×3 = 15 จากนั้นครสู รปุ เป็นกรณที ว่ั ไปตามกรอบในหนงั สือเรียน หน้า 44 12.ครยู กตวั อย่างที่ 1 ในหนังสือเรยี น หน้า 44 การหาเศษสว่ นทเี่ ทา่ กบั เศษส่วนที่กาหนดให้ (เม่ือเศษส่วน นนั้ เป็นจานวนลบ) โดยการคูณ พร้อมทงั้ แสดงวิธีทาอยา่ งละเอยี ดบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนทา “ลองทาดู” จากน้ันครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยคาตอบ “ลองทาดู”
13.ครูทบทวนเศษสว่ นทีเ่ ทา่ กันจาก “ควรรกู้ ่อนเรียน” ในหนงั สือเรียน หนา้ 41 วา่ จากเศษส่วนทเี่ ปน็ ตัวอยา่ ง สามารถหาเศษส่วนท่เี ทา่ กับเศษสว่ นที่กาหนดให้ได้โดยนาจานวนเตม็ ใด ๆ ทไ่ี ม่เท่ากับศูนย์หาร ทัง้ ตัวเศษและตวั ส่วน จึงได้วา่ 12 12÷2 6 และ 2142 = 2142÷÷23 = 412 24 = 24÷3 = 8 จากน้นั ครูสรปุ เป็นกรณที วั่ ไปตามกรอบในหนงั สือเรียน หน้า 45 14.ครูยกตัวอยา่ งท่ี 2 ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 46 การหาเศษสว่ นทีเ่ ท่ากบั เศษสว่ นท่ีกาหนดให้ (เม่อื เศษส่วน นน้ั เปน็ จานวนลบ) โดยการหาร พรอ้ มทง้ั แสดงวิธีทาอยา่ งละเอยี ดบนกระดาน จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นทา “ลองทาดู” และทาแบบฝึกทักษะ 2.1 ก ขอ้ 1พมิ พ์สมการทนี่ ่ี 15.ครูและนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยคาตอบ “ลองทาดู” และแบบฝึกทักษะ 2.1 ก ข้อ 1 16.ครใู หน้ ักเรยี นจับคู่ศกึ ษา “การหาเศษสว่ นอยา่ งต่า” จากตัวอยา่ งในหนังสอื เรยี น หน้า 46 แลว้ แลกเปล่ยี นความรูก้ ับคูข่ องตนเอง จากน้นั ครูกลา่ วเพิ่มเตมิ ว่า “จานวนเต็มทนี่ ามาหารทั้งตัวเศษและ 120 ตวั ส่วน อาจเปน็ จานวนเต็มท่ีมากท่ีสุดท่ีหารท้ังตัวเศษและตวั ส่วนลงตัวก็ได้ เชน่ 150 จานวนเต็มท่ี มากท่สี ดุ ทห่ี าร 120 และ 150 ไดล้ งตัวคือ 30 เราสามารถนา 30 หารทั้งตวั เศษและตัวส่วนได้เป็น 120 120÷30 4 150 = 150÷30 = 5 จะไดว้ า่ 4 เป็นเศษสว่ นอย่างต่าของ 120 “จากนั้นให้นักเรยี นทา “Thinking Time” และทาแบบฝกึ 5 150 ทกั ษะ 2.1 ก ข้อ 17.ครูและนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยคาตอบ “Thinking Time” และแบบฝึกทกั ษะ 2.1 ก ขอ้ 5 18.ครอู ธบิ ายข้อตกลงของการเขียนเศษสว่ นทีเ่ ปน็ จานวนลบวา่ สามารถเขยี นได้ 3 รปู แบบ ดังตวั อยา่ งใน หนังสือเรยี น หนา้ 47 และครูอธบิ ายหลกั ในการเปรยี บเทยี บเศษสว่ นทเ่ี ปน็ บวก 19. ครอู ธิบายหลักการเปรียบเทยี บเศษส่วนทม่ี ตี วั ส่วนเท่ากันที่เปน็ จานวนลบว่า “ตอ้ งทาตัวสว่ นใหเ้ ปน็ จานวนเต็มบวกก่อน แลว้ จึงเปรียบเทียบท่ีตวั เศษ โดยเศษสว่ นใดมตี ัวเศษมากกว่า เศษส่วนนัน้ จะมคี า่ มากกว่าอีกเศษส่วนหนง่ึ ” 20. ครูใหน้ กั เรยี นจบั คู่ศกึ ษาตัวอยา่ งที่ 3 ในหนงั สือเรยี น หน้า 47 แลว้ แลกเปลี่ยนความรู้กับคู่ของตนเอง จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนทา “ลองทาดู” แลว้ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยคาตอบ “ลองทาดู” 7.3 ข้ันสรุป ครูถามคาถามเพื่อสรปุ ความรู้รวบยอดของนักเรียน ดังนี้ การเปรียบเทียบเศษสว่ นท่ีมตี ัวส่วนเทา่ กันทเ่ี ป็นจานวนลบ สามารถทาได้อย่างไร (แนวตอบ ต้องทาตวั สว่ นให้เปน็ จานวนเต็มบวกก่อน แล้วจงึ เปรยี บเทียบทีต่ ัวเศษ โดยเศษสว่ นใดมีตวั เศษมากกวา่ เศษส่วนนน้ั จะมีค่ามากกวา่ อีกเศษสว่ นหน่ึง) การเปรยี บเทียบเศษส่วนทีม่ ีตัวสว่ นไมเ่ ทา่ กนั สามารถทาได้อย่างไร (แนวตอบ ต้องใชค้ วามร้เู ร่ืองการคูณ การหาร และตัวคูณร่วมนอ้ ยเพื่อทาให้ตวั ส่วนเท่ากัน แลว้ จงึ เปรยี บเทียบที่ตวั เศษ โดยเศษสว่ นใดมตี ัวเศษมากกวา่ เศษสว่ นนัน้ จะมคี ่ามากกวา่ อกี เศษสว่ นหนึง่ )
8. สอื่ และแหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 8.1.1. หนังสอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 จานวนตรรกยะ 8.1.2. แบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 จานวนตรรกยะ 8.1.3. ใบงานที่ 2.1 เรอื่ ง จานวนตรงข้ามของเศษส่วน 8.1.4. ใบงานท่ี 2.2 เรอ่ื ง การเปรียบเทยี บเศษส่วน 8.1.5. ใบงานท่ี 2.3 เรอื่ ง การเรยี งลาดบั เศษส่วน 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 8.2.1. ห้องเรียน 8.2.2. ห้องสมดุ 8.2.3. อินเทอร์เน็ต 9. การวดั และประเมนิ ผล วิธีการวดั เครื่องมือท่ใี ช้วดั เกณฑก์ ารวดั สิง่ ที่ต้องการวดั ตรวจใบงาน/แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 แบบประเมินผลงาน ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 1.ระบุหรือจาแนกเศษส่วนได้ (K) ใบงาน/แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 แบบประเมนิ ผลงาน 2.เปรียบเทยี บและเรยี งลาดับ ตรวจใบงาน/แบบฝกึ หัด ใบงาน/แบบฝกึ หดั อยู่ในระดับดขี ้นึ ไป เศษส่วนได้ (K) แบบประเมนิ ผลงาน กลมุ่ /รายบุคคล 3.ใชค้ วามรู้ ทักษะ และกระบวนการ ผลงานกลมุ่ /รายบคุ คล ทางคณิตศาสตรใ์ นการแก้ปญั หาได้ แบบสังเกตพฤติกรรม (P) การทางานกลมุ่ 4. รับผดิ ชอบตอ่ หน้าทที่ ่ีได้รับ สงั เกตพฤติกรรมกล่มุ มอบหมาย (A)
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 เนื้อหาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา 3 ภาษาทีใ่ ช้เขา้ ใจง่าย 4 ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากการนาเสนอ 5 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน รวม ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351