Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ตัวชี้วัดต้องรู้และควรรู้ หลักสูตรฯ 2551 สำหรับสถานการณ์ Covid-19-1

ตัวชี้วัดต้องรู้และควรรู้ หลักสูตรฯ 2551 สำหรับสถานการณ์ Covid-19-1

Description: ตัวชี้วัดต้องรู้และควรรู้ หลักสูตรฯ 2551 สำหรับสถานการณ์ Covid-19-1

Search

Read the Text Version

ช้ัน ท่ี รหัสตวั ช้ีวดั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ๔๗ รูปเรขาคณิตสองมติ ิ ต้องรู้ ควรรู้ ป.๕ 15 ค 2.2 ป.5/2 จำแนกรปู ส่ีเหลย่ี ม โดยพิจำรณำ - ชนดิ และสมบัติของรปู สเี่ หล่ียม - กำรสรำ้ งรูปสเ่ี หล่ยี ม 11 8 จำกสมบัติของรปู รูปเรขาคณติ สามมติ ิ 16 ค 2.2 ป.5/3 สร้ำงรปู สีเ่ หล่ยี มชนดิ ต่ำง ๆ - ลกั ษณะและส่วนต่ำง ๆ ของปรซิ มึ การนาเสนอขอ้ มลู เมื่อกำหนดควำมยำวของด้ำน - กำรอ่ำนกรำฟเส้น - กำรอ่ำนและกำรเขียนแผนภูมิแทง่ และขนำดของมมุ หรือเมื่อกำหนด ควำมยำวของเส้นทแยงมุม 17 ค 2.2 ป.5/4 บอกลักษณะของปริซึม 18 ค 3.1 ป.5/1 ใชข้ ้อมลู จำกกรำฟเส้น ในกำรหำ คำตอบของโจทย์ปญั หำ 19 ค 3.1 ป.5/2 เขยี นแผนภูมิแท่งจำกข้อมลู ทเี่ ปน็ จำนวนนับ รวม 19 ตัวชว้ี ัด สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พืน้ ฐำน รว่ มกับ สถำบันส่งเสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๔๘ ชัน้ ท่ี รหสั ตัวช้ีวัด ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.๖ 1 ค 1.1 ป.6/1 เปรียบเทียบ เรียงลำดบั เศษสว่ น เศษส่วน และจำนวนคละ จำกสถำนกำรณ์ - กำรเปรียบเทยี บและเรียงลำดบั เศษสว่ น ตำ่ ง ๆ และจำนวนคละโดยใช้ควำมรู้เร่ือง ค.ร.น. 2 ค 1.1 ป.6/2 เขยี นอตั รำสว่ นแสดงกำรเปรียบเทียบ อัตราส่วน ปริมำณ ๒ ปรมิ ำณ จำกข้อควำม - อัตรำส่วน อตั รำสว่ นท่เี ทำ่ กัน หรือสถำนกำรณ์ โดยท่ีปรมิ ำณ และมำตรำส่วน แตล่ ะปริมำณเปน็ จำนวนนับ 3 ค 1.1 ป.6/3 หำอัตรำส่วนท่ีเทำ่ กบั อัตรำสว่ น ที่กำหนดให้ 4 ค 1.1 ป.6/4 หำ ห.ร.ม. ของจำนวนนับไมเ่ กิน จานวนนบั และ ๐ ๓ จำนวน - ตัวประกอบ จำนวนเฉพำะ ตัวประกอบ 5 ค 1.1 ป.6/5 หำค.ร.น. ของจำนวนนบั ไมเ่ กิน เฉพำะและกำรแยกตัวประกอบ ๓ จำนวน - ห.ร.ม. และ ค.ร.น. 6 ค 1.1 ป.6/6 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทย์ปัญหำ - กำรแกโ้ จทย์ปัญหำเก่ยี วกบั ห.ร.ม. และ โดยใชค้ วำมรเู้ ก่ียวกับ ห.ร.ม. ค.ร.น. และ ค.ร.น. 7 ค 1.1 ป.6/7 หำผลลัพธ์ของกำรบวก ลบ คูณ การบวก การลบ การคูณ การหาร หำรระคนของเศษส่วนและ เศษสว่ น จำนวนคละ - กำรบวก กำรลบเศษส่วนและจำนวน 8 ค 1.1 ป.6/8 แสดงวิธีหำคำตอบของโจทย์ปญั หำ คละโดยใช้ควำมรเู้ ร่ือง ค.ร.น. เศษสว่ นและจำนวนคละ - กำรบวก ลบ คูณ หำรระคนของเศษสว่ น ๒ -๓ ข้นั ตอน และจำนวนคละ - กำรแก้โจทยป์ ัญหำเศษสว่ นและจำนวนคละ 9 ค 1.1 ป.6/9 หำผลหำรของทศนยิ มทต่ี วั หำร ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ และผลหำร เปน็ ทศนิยมไมเ่ กิน การหาร ๓ ตำแหนง่ - ควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ งเศษสว่ นและ 10 ค 1.1 ป.6/10 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทย์ ทศนยิ ม ปัญหำกำรบวก กำรลบ กำรคูณ - กำรหำรทศนยิ ม กำรหำรทศนยิ ม ๓ ขัน้ ตอน - กำรแก้โจทย์ปญั หำเก่ยี วกบั ทศนยิ ม (รวมกำรแลกเงนิ ต่ำงประเทศ) 11 ค 1.1 ป.6/11 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทย์ปัญหำ อัตราส่วนและรอ้ ยละ อตั รำส่วน - กำรแก้โจทยป์ ัญหำอัตรำสว่ น 12 ค 1.1 ป.6/12 แสดงวิธีหำคำตอบของโจทยป์ ญั หำ และมำตรำสว่ น ร้อยละ ๒ - ๓ ข้ันตอน - กำรแก้โจทยป์ ัญหำร้อยละ 13 ค 1.2 ป.6/1 แสดงวิธคี ิดและหำคำตอบของ แบบรูป ปญั หำเก่ยี วกบั แบบรปู - กำรแก้ปัญหำเก่ยี วกับแบบรูป สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พน้ื ฐำน รว่ มกบั สถำบนั สง่ เสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๔๙ ชัน้ ที่ รหสั ตวั ชี้วัด ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.๖ 14 ค 2.1 ป.6/1 15 6 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทย์ปญั หำ ปรมิ าตรและความจุ 15 ค 2.1 ป.6/2 16 ค 2.1 ป.6/3 เก่ียวกบั ปรมิ ำตรของรปู เรขำคณติ - ปริมำตรของรปู เรขำคณิตสำมมิติ 17 ค 2.2 ป.6/1 สำมมติ ทิ ปี่ ระกอบดว้ ยทรงส่เี หล่ียม ท่ีประกอบดว้ ยทรงสเ่ี หลยี่ มมุมฉำก 18 ค 2.2 ป.6/2 19 ค 2.2 ป.6/3 มมุ ฉำก - กำรแกโ้ จทย์ปญั หำเกี่ยวกบั ปริมำตร 20 ค 2.2 ป.6/4 21 ค 3.1 ป.6/1 ของรปู เรขำคณติ สำมมิติท่ปี ระกอบด้วย ทรงสีเ่ หล่ยี มมมุ ฉำก แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทย์ปญั หำ รูปเรขาคณติ สองมิติ เกยี่ วกบั ควำมยำวรอบรปู และ - ควำมยำวรอบรปู และพื้นที่ของรปู พน้ื ท่ขี องรปู หลำยเหลยี่ ม สำมเหล่ียม แสดงวธิ หี ำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ - มมุ ภำยในของรปู หลำยเหลีย่ ม เก่ยี วกับควำมยำวรอบรปู และ - ควำมยำวรอบรูปและพื้นที่ของรปู หลำยเหลย่ี ม พ้ืนทข่ี องวงกลม - กำรแกโ้ จทย์ปัญหำเก่ียวกับควำมยำว รอบรูปและพืน้ ที่ของรปู หลำยเหลี่ยม - ควำมยำวรอบรปู และพ้นื ที่ของวงกลม - กำรแกโ้ จทยป์ ัญหำเก่ียวกับควำมยำว รอบรปู และพนื้ ที่ของวงกลม จำแนกรปู สำมเหลย่ี มโดยพจิ ำรณำ รูปเรขาคณิตสองมิติ จำกสมบตั ขิ องรูป - ชนิดและสมบตั ิของรูปสำมเหล่ียม สร้ำงรปู สำมเหลยี่ มเม่ือกำหนด - กำรสร้ำงรูปสำมเหลย่ี ม ควำมยำวของดำ้ นและขนำดของมมุ - ส่วนต่ำง ๆ ของวงกลม - กำรสรำ้ งวงกลม บอกลักษณะของรูปเรขำคณิต รปู เรขาคณติ สามมติ ิ สำมมิตชิ นิดตำ่ ง ๆ - ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย พรี ะมดิ ระบรุ ูปเรขำคณติ สำมมิติ - รูปคลี่ของทรงกระบอก กรวย ปรซิ ึม ทปี่ ระกอบจำกรปู คลี่ และระบุ พรี ะมิด รูปคลีข่ องรูปเรขำคณิตสำมมิติ ใช้ขอ้ มลู จำกแผนภูมริ ูปวงกลม การนาเสนอข้อมลู ในกำรหำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ - กำรอำ่ นแผนภูมริ ูปวงกลม รวม 21 ตวั ช้วี ดั สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พ้นื ฐำน รว่ มกบั สถำบนั ส่งเสริมกำรสอนวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๕๐ ชน้ั ท่ี รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชีว้ ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.1 ๑ ค 1.1 ม.1/1 เข้ำใจจำนวนตรรกยะและ จานวนตรรกยะ ควำมสัมพนั ธ์ของจำนวนตรรกยะ - จำนวนเต็ม และใช้สมบัตขิ องจำนวนตรรกยะ - สมบตั ขิ องจำนวนเต็ม ในกำรแก้ปัญหำคณิตศำสตร์และ - ทศนยิ มและเศษส่วน ปัญหำในชีวติ จริง - จำนวนตรรกยะและสมบัติของ ๒ ค 1.1 ม.1/2 เข้ำใจและใช้สมบตั ขิ องเลขยกกำลัง จำนวนตรรกยะ ท่มี ีเลขชก้ี ำลงั เปน็ จำนวนเต็มบวก - เลขยกกำลงั ท่ีมเี ลขชกี้ ำลัง ในกำรแก้ปญั หำคณิตศำสตร์และ เป็นจำนวนเต็มบวก - กำรนำควำมรเู้ กี่ยวกับจำนวนเตม็ ปัญหำในชวี ิตจริง จำนวนตรรกยะ และเลขยกกำลงั ไปใช้ ในกำรแกป้ ญั หำ ๓ ค 1.1 ม.1/3 เข้ำใจและประยุกต์ใชอ้ ัตรำส่วน อัตราสว่ น สดั สว่ นและรอ้ ยละ ในกำรแก้ปญั หำ - อัตรำส่วนของจำนวนหลำย ๆ จำนวน คณติ ศำสตร์และปญั หำในชวี ติ จรงิ - สัดสว่ น - กำรนำควำมรเู้ กยี่ วกับอตั รำส่วน สัดสว่ น และร้อยละไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ ๔ ค 1.3 ม.1/1 เข้ำใจและใชส้ มบัติของกำรเท่ำกัน สมการเชิงเส้นตัวแปรเดยี ว และสมบตั ิของจำนวน เพอื่ วเิ ครำะห์ - สมกำรเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี ว และแกป้ ัญหำโดยใชส้ มกำรเชิงเส้น - กำรแก้สมกำรเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว ตัวแปรเดยี ว - กำรนำควำมรูเ้ กี่ยวกับกำรแกส้ มกำร เชงิ เส้นตวั แปรเดยี วไปใช้ในชีวิตจริง ๕ ค 1.3 ม.1/2 เข้ำใจและใช้ควำมรู้เกี่ยวกับกรำฟ สมการเชิงเส้นสองตวั แปร ในกำรแกป้ ญั หำคณติ ศำสตร์และ - กรำฟของควำมสัมพนั ธเ์ ชงิ เส้น ปญั หำในชีวิตจรงิ - สมกำรเชิงเสน้ สองตัวแปร ๖ ค 1.3 ม.1/3 เขำ้ ใจและใช้ควำมร้เู กีย่ วกบั - กำรนำควำมรู้เกย่ี วกับสมกำรเชงิ เส้น ควำมสมั พนั ธ์เชิงเสน้ ในกำรแกป้ ญั หำ สองตวั แปรและกรำฟของควำมสัมพนั ธ์ คณติ ศำสตร์และปัญหำในชวี ิตจริง เชิงเสน้ ไปใช้ในชีวติ จริง ๗ ค 2.2 ม.1/1 ใช้ควำมรทู้ ำงเรขำคณิต การสรา้ งทางเรขาคณิต และเครื่องมือ เช่น วงเวียน - กำรสร้ำงพ้ืนฐำนทำงเรขำคณติ และสันตรง รวมทั้งโปรแกรม - กำรสร้ำงรูปเรขำคณิตสองมิติ The Geometer’s Sketchpad โดยใช้กำรสรำ้ งพ้ืนฐำนทำงเรขำคณิต หรือโปรแกรมเรขำคณิตพลวัตอ่นื ๆ - กำรนำควำมรู้เกี่ยวกับกำรสร้ำงพืน้ ฐำน เพือ่ สร้ำงรปู เรขำคณติ ตลอดจน ทำงเรขำคณิตไปใชใ้ นชวี ติ จริง นำควำมร้เู กี่ยวกบั กำรสรำ้ งน้ี ไปประยุกตใ์ ชใ้ นกำรแก้ปัญหำ ในชวี ิตจริง สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พนื้ ฐำน รว่ มกบั สถำบนั สง่ เสริมกำรสอนวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๕๑ ช้นั ท่ี รหัสตวั ชี้วดั ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 8 ค 2.2 ม.1/2 เข้ำใจและใช้ควำมรทู้ ำงเรขำคณิต มติ ิสมั พันธ์ของรูปเรขาคณติ ในกำรวิเครำะห์หำควำมสมั พันธ์ - หนำ้ ตดั ของรูปเรขำคณติ สำมมิติ ระหวำ่ งรปู เรขำคณิตสองมิติ - ภำพท่ไี ด้จำกกำรมองด้ำนหน้ำ และรปู เรขำคณิตสำมมติ ิ ดำ้ นขำ้ งด้ำนบนของรปู เรขำคณติ สำมมติ ิ ทปี่ ระกอบขนึ้ จำกลกู บำศก์ 9 ค 3.1 ม.1/1 เข้ำใจและใช้ควำมรูท้ ำงสถติ ิ สถิติ ในกำรนำเสนอขอ้ มลู และแปล - กำรตัง้ คำถำมทำงสถติ ิ ควำมหมำยข้อมลู รวมทั้งนำสถิติ - กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ไปใช้ในชีวิตจริงโดยใชเ้ ทคโนโลยี - กำรนำเสนอข้อมูล ท่เี หมำะสม o แผนภมู ริ ปู ภำพ o แผนภมู แิ ทง่ o กรำฟเส้น o แผนภมู ริ ปู วงกลม - กำรแปลควำมหมำยขอ้ มลู - กำรนำสถิตไิ ปใชใ้ นชวี ิตจรงิ รวม 9 ตัวชว้ี ัด 9- สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขนั้ พ้นื ฐำน รว่ มกบั สถำบันส่งเสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๕๒ ช้ัน ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.๒ ๑ ค 1.1 ม.2/1 เข้ำใจและใช้สมบัตขิ องเลขยกกำลงั จานวนตรรกยะ ท่ีมเี ลขช้ีกำลังเปน็ จำนวนเต็ม - เลขยกกำลงั ทมี่ ีเลขชกี้ ำลังเปน็ จำนวนเต็ม ในกำรแกป้ ญั หำคณติ ศำสตร์และ - กำรนำควำมรูเ้ กีย่ วกับเลขยกกำลังไปใช้ ปญั หำในชวี ติ จริง ในกำรแก้ปญั หำ ๒ ค 1.1 ม.2/2 เขำ้ ใจจำนวนจริงและควำมสัมพันธ์ จานวนจริง ของจำนวนจริง และใชส้ มบัติของ - จำนวนอตรรกยะ จำนวนจรงิ ในกำรแก้ปัญหำ - จำนวนจรงิ คณติ ศำสตร์และปัญหำในชีวติ จรงิ - รำกทีส่ องและรำกท่สี ำมของจำนวน ตรรกยะ - กำรนำควำมรู้เกย่ี วกับจำนวนจรงิ ไปใช้ ๓ ค 1.2 ม.2/1 เขำ้ ใจหลกั กำรกำรดำเนินกำร พหนุ าม ของพหุนำม และใช้พหุนำม - พหุนำม ในกำรแก้ปญั หำคณิตศำสตร์ - กำรบวก กำรลบ และกำรคูณของพหนุ ำม - กำรหำรพหุนำมด้วยเอกนำมทีม่ ผี ลหำร เปน็ พหุนำม ๔ ค 1.2 ม.2/2 เขำ้ ใจและใช้กำรแยกตัวประกอบ การแยกตัวประกอบของพหุนาม ของพหุนำมดกี รสี องในกำรแกป้ ญั หำ - กำรแยกตัวประกอบของพหุนำมดีกรีสอง คณติ ศำสตร์ โดยใช้ o สมบัติกำรแจกแจง o กำลงั สองสมบรู ณ์ o ผลตำ่ งของกำลงั สอง ๕ ค 2.1 ม.2/1 ประยกุ ตใ์ ช้ควำมรเู้ รอ่ื งพื้นท่ผี ิว พน้ื ทผี่ ิว ของปริซึมและทรงกระบอก - กำรหำพ้นื ทผ่ี ิวของปริซมึ และ ในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์และ ทรงกระบอก ปัญหำในชวี ิตจริง - กำรนำควำมร้เู กย่ี วกับพ้ืนท่ีผวิ ของปริซึม และทรงกระบอกไปใชใ้ นกำรแกป้ ัญหำ ๖ ค 2.1 ม.2/2 ประยกุ ตใ์ ช้ควำมรเู้ ร่ืองปริมำตร ปรมิ าตร ของปรซิ ึมและทรงกระบอก - กำรหำปรมิ ำตรของปรซิ ึมและ ในกำรแกป้ ญั หำคณติ ศำสตร์และ ทรงกระบอก ปัญหำในชวี ติ จริง - กำรนำควำมรูเ้ กย่ี วกับปรมิ ำตรของปริซึม และทรงกระบอกไปใชใ้ นกำรแกป้ ัญหำ ๗ ค 2.2 ม.2/1 ใช้ควำมรทู้ ำงเรขำคณิตและเครอ่ื งมอื การสร้างทางเรขาคณติ เชน่ วงเวียนและสนั ตรง รวมทง้ั - กำรนำควำมรเู้ ก่ียวกับกำรสร้ำง โปรแกรม The Geometer’s ทำงเรขำคณติ ไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ Sketchpad หรอื โปรแกรม เรขำคณิตพลวัตอื่น ๆ เพ่อื สร้ำง รปู เรขำคณิต ตลอดจนนำควำมรู้ เกีย่ วกับกำรสร้ำงน้ีไปประยุกต์ใช้ ในกำรแก้ปญั หำในชีวติ จรงิ สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พนื้ ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๕๓ ชัน้ ที่ รหสั ตวั ช้ีวดั ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.๒ ๘ ค 2.2 ม.2/2 นำควำมรูเ้ กี่ยวกับสมบัติของ เสน้ ขนาน เสน้ ขนำน และรูปสำมเหลี่ยม - สมบัตเิ กย่ี วกบั เส้นขนำนและรูปสำมเหลี่ยม ไปใช้ในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์ ๙ ค 2.2 ม.2/3 เขำ้ ใจและใชค้ วำมรเู้ กย่ี วกับ การแปลงทางเรขาคณิต กำรแปลงทำงเรขำคณติ - กำรเลื่อนขนำน ในกำรแก้ปัญหำคณติ ศำสตร์ - กำรสะท้อน และปัญหำในชีวิตจรงิ - กำรหมุน - กำรนำควำมรู้เก่ยี วกับกำรแปลง ทำงเรขำคณิตไปใช้ในกำรแก้ปญั หำ ๑๐ ค 2.2 ม.2/4 เข้ำใจและใชส้ มบตั ิของรูปสำมเหลยี่ ม ความเทา่ กันทกุ ประการ ทเี่ ท่ำกนั ทุกประกำรในกำรแก้ปญั หำ - ควำมเท่ำกนั ทกุ ประกำรของรูปสำมเหล่ียม คณติ ศำสตร์และปัญหำในชีวิตจริง - กำรนำควำมรเู้ กย่ี วกับควำมเท่ำกัน ทกุ ประกำรไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ ๑๑ ค 2.2 ม.2/5 เขำ้ ใจและใชท้ ฤษฎบี ทพีทำโกรัส ทฤษฎบี ทพีทาโกรสั และ บทกลับในกำรแกป้ ญั หำ - ทฤษฎบี ทพีทำโกรัสและบทกลบั คณติ ศำสตร์ และปญั หำในชวี ิตจรงิ - กำรนำควำมรูเ้ กี่ยวกับทฤษฎีบทพีทำโกรัส และบทกลับไปใช้ในชีวิตจริง 12 ค 3.1 ม.2/1 เขำ้ ใจและใชค้ วำมรู้ทำงสถติ ิ สถติ ิ ในกำรนำเสนอขอ้ มลู และวิเครำะห์ - กำรนำเสนอและวเิ ครำะห์ข้อมลู ขอ้ มูลจำกแผนภำพจุด แผนภำพ o แผนภำพจดุ ต้น - ใบ ฮสิ โทแกรม และคำ่ กลำง o แผนภำพตน้ – ใบ ของขอ้ มูล และแปลควำมหมำย o ฮิสโทแกรม ผลลพั ธ์ รวมทั้งนำสถติ ิไปใช้ o ค่ำกลำงของขอ้ มลู ในชีวติ จรงิ โดยใช้เทคโนโลยี - กำรแปลควำมหมำยผลลพั ธ์ ท่ีเหมำะสม - กำรนำสถิตไิ ปใชใ้ นชวี ิตจริง รวม 12 ตัวชี้วัด 12 - สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพืน้ ฐำน รว่ มกบั สถำบนั ส่งเสรมิ กำรสอนวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๕๔ ชั้น ที่ รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.3 ๑ ค 1.2 ม.3/1 เขำ้ ใจและใชก้ ำรแยกตัวประกอบ การแยกตัวประกอบของพหุนาม ของพหุนำมท่ีมดี ีกรสี งู กว่ำสอง - กำรแยกตัวประกอบของพหุนำม ในกำรแก้ปัญหำคณติ ศำสตร์ ดกี รสี งู กวำ่ สอง ๒ ค 1.2 ม.3/2 เขำ้ ใจและใช้ควำมรู้เก่ียวกบั ฟังกช์ ัน ฟงั กช์ นั กาลังสอง กำลงั สองในกำรแก้ปัญหำ - กรำฟของฟงั กช์ นั กำลังสอง คณติ ศำสตร์ - กำรนำควำมร้เู กี่ยวกับฟังก์ชนั กำลงั สอง ไปใช้ในกำรแก้ปญั หำ ๓ ค 1.3 ม.3/1 เข้ำใจและใชส้ มบตั ิของกำรไม่เท่ำกัน อสมการเชิงเส้นตวั แปรเดียว เพอ่ื วเิ ครำะห์และแก้ปัญหำ โดยใช้ - อสมกำรเชิงเสน้ ตัวแปรเดยี ว อสมกำรเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว - กำรแกอ้ สมกำรเชงิ เส้นตวั แปรเดยี ว - กำรนำควำมรู้เกี่ยวกับกำรแกอ้ สมกำร เชิงเส้นตัวแปรเดียวไปใชใ้ นกำรแกป้ ัญหำ ๔ ค 1.3 ม.3/2 ประยกุ ต์ใชส้ มกำรกำลงั สอง สมการกาลงั สองตัวแปรเดียว ตวั แปรเดียวในกำรแก้ปัญหำ - สมกำรกำลังสองตัวแปรเดยี ว คณติ ศำสตร์ - กำรแกส้ มกำรกำลังสองตัวแปรเดยี ว - กำรนำควำมรเู้ กยี่ วกบั กำรแก้สมกำร กำลังสองตัวแปรเดยี วไปใช้ ในกำรแกป้ ญั หำ ๕ ค 1.3 ม.3/3 ประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบสมกำรเชงิ เส้น ระบบสมการ สองตัวแปรในกำรแก้ปัญหำ - ระบบสมกำรเชงิ เสน้ สองตวั แปร คณติ ศำสตร์ - กำรแก้ระบบสมกำรเชงิ เส้นสองตัวแปร - กำรนำควำมรเู้ กย่ี วกับกำรแก้ระบบ สมกำรเชงิ เสน้ สองตวั แปรไปใช้ ในกำรแก้ปญั หำ ๖ ค 2.1 ม.3/1 ประยุกต์ใช้ควำมรู้เร่อื งพ้นื ท่ผี ิว พน้ื ทผี่ วิ ของพรี ะมดิ กรวย และทรงกลม - กำรหำพ้ืนทผ่ี วิ ของพีระมดิ กรวย และ ในกำรแก้ปญั หำคณิตศำสตร์และ ทรงกลม ปัญหำในชวี ิตจริง - กำรนำควำมร้เู กีย่ วกับพืน้ ที่ผิวของ พีระมิดกรวย และทรงกลมไปใช้ ในกำรแกป้ ัญหำ ๗ ค 2.1 ม.3/2 ประยกุ ตใ์ ช้ควำมร้เู รอื่ งปรมิ ำตร ปรมิ าตร ของพรี ะมิด กรวย และทรงกลม - กำรหำปรมิ ำตรของพีระมิด กรวย และ ในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์และ ทรงกลม ปญั หำในชวี ติ จรงิ - กำรนำควำมร้เู ก่ยี วกับปริมำตรของ พีระมิดกรวย และทรงกลมไปใช้ ในกำรแกป้ ัญหำ สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พ้ืนฐำน รว่ มกับ สถำบนั สง่ เสรมิ กำรสอนวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๕๕ ชั้น ท่ี รหสั ตัวชี้วัด ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ 12 - ม.3 ๘ ค 2.2 ม.3/1 เขำ้ ใจและใชส้ มบัติของรูปสำมเหลี่ยม ความคลา้ ย ทคี่ ลำ้ ยกนั ในกำรแก้ปญั หำ - รปู สำมเหลย่ี มที่คลำ้ ยกนั คณติ ศำสตร์ และปัญหำในชวี ิตจริง - กำรนำควำมรเู้ กยี่ วกับควำมคล้ำยไปใช้ ในกำรแกป้ ญั หำ ๙ ค 2.2 ม.3/2 เขำ้ ใจและใช้ควำมรู้เกี่ยวกับ อัตราส่วนตรโี กณมติ ิ อัตรำส่วนตรโี กณมิติ - อตั รำสว่ นตรีโกณมติ ิ ในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์ - กำรนำคำ่ อัตรำสว่ นตรีโกณมิติของมุม และปญั หำในชีวิตจรงิ ๓๐ องศำ ๔๕ องศำ และ ๖๐ องศำ ไปใช้ในกำรแกป้ ัญหำ ๑๐ ค 2.2 ม.3/3 เขำ้ ใจและใช้ทฤษฎีบทเกีย่ วกับ วงกลม วงกลมในกำรแกป้ ญั หำคณติ ศำสตร์ - วงกลม คอรด์ และเส้นสัมผสั - ทฤษฎีบทเกี่ยวกับวงกลม ๑๑ ค 3.1 ม.3/1 เขำ้ ใจและใชค้ วำมร้ทู ำงสถติ ิ สถติ ิ ในกำรนำเสนอและวเิ ครำะหข์ ้อมูล - ข้อมลู และกำรวเิ ครำะห์ข้อมูล จำกแผนภำพกล่องและแปล o แผนภำพกลอ่ ง ควำมหมำยผลลพั ธร์ วมท้งั นำสถิติ - กำรแปลควำมหมำยผลลพั ธ์ ไปใช้ในชีวติ จรงิ โดยใชเ้ ทคโนโลยี - กำรนำสถิตไิ ปใช้ในชีวติ จริง ท่เี หมำะสม ๑๒ ค 3.2 ม.3/1 เขำ้ ใจเกี่ยวกบั กำรทดลองสมุ่ ความนา่ จะเปน็ และนำผลทีไ่ ด้ไปหำควำมน่ำจะเปน็ - เหตกุ ำรณ์จำกกำรทดลองสุ่ม ของเหตุกำรณ์ - ควำมน่ำจะเป็น - กำรนำควำมรู้เกย่ี วกับควำมน่ำจะเป็น ไปใชใ้ นชีวิตจริง รวม 12 ตัวชี้วัด สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพน้ื ฐำน ร่วมกบั สถำบนั สง่ เสรมิ กำรสอนวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๕๖ ช้นั ที่ รหัสตัวชี้วัด ตัวชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.๔-๖ 1 ค 1.1 ม.4/1 เข้ำใจและใช้ควำมรเู้ กย่ี วกับเซต เซต และตรรกศำสตร์เบอ้ื งตน้ ในกำร - ควำมรเู้ บ้ืองต้นและสญั ลกั ษณ์พื้นฐำน สื่อสำรและส่ือควำมหมำยทำง เก่ียวกับเซต คณติ ศำสตร์ - ยเู นยี น อนิ เตอร์เซกชัน และคอมพลีเมนต์ของเซต ตรรกศาสตรเ์ บอ้ื งต้น - ประพจนแ์ ละตัวเชอ่ื ม (นิเสธ และ หรือถำ้ ...แลว้ ... กต็ อ่ เม่ือ) 2 ค 3.2 ม.4/1 เขำ้ ใจและใช้หลักกำรบวก หลักการนับเบื้องต้น และกำรคูณกำรเรยี งสับเปลี่ยน - หลักกำรบวกและกำรคูณ และกำรจัดหมใู่ นกำรแกป้ ัญหำ - กำรเรยี งสบั เปลยี่ นเชงิ เสน้ กรณที ี่สงิ่ ของแตกต่ำงกันท้งั หมด - กำรจดั หม่กู รณีทส่ี ิง่ ของแตกต่ำงกนั ทงั้ หมด 3 ค 3.2 ม.4/2 หำควำมน่ำจะเปน็ และนำควำมรู้ ความนา่ จะเป็น เก่ียวกบั ควำมน่ำจะเป็นไปใช้ - กำรทดลองส่มุ และเหตุกำรณ์ - ควำมนำ่ จะเปน็ ของเหตุกำรณ์ ๔ ค 1.1 ม.5/1 เข้ำใจควำมหมำยและใช้สมบัติ เลขยกกาลงั เก่ียวกบั กำรบวก กำรคูณ - รำกที่ n ของจำนวนจริง เม่ือ n กำรเท่ำกนั และกำรไม่เท่ำกัน เป็นจำนวนนบั ทม่ี ำกกวำ่ ๑ ของจำนวนจรงิ ในรปู กรณฑ์และ - เลขยกกำลงั ที่มเี ลขชกี้ ำลังเปน็ จำนวน จำนวนจริงในรปู เลขยกกำลงั ตรรกยะ ทม่ี ีเลขช้ีกำลงั เปน็ จำนวนตรรกยะ ๕ ค 1.2 ม.5/1 ใช้ฟังกช์ ันและกรำฟของฟังก์ชัน ฟงั กช์ นั อธบิ ำยสถำนกำรณ์ท่ีกำหนด - ฟังกช์ นั และกรำฟของฟงั ก์ชัน (ฟงั กช์ ันเชงิ เส้น ฟังก์ชนั กำลังสอง ฟังก์ชนั ขนั้ บันได ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล) ๖ ค 1.2 ม.5/2 เขำ้ ใจและนำควำมรู้เกีย่ วกับลำดับ ลาดับและอนุกรม และอนุกรมไปใช้ - ลำดับเลขคณิตและลำดับเรขำคณิต - อนกุ รมเลขคณิตและอนุกรมเรขำคณิต ๗ ค 1.3 ม.5/1 เข้ำใจและใชค้ วำมรูเ้ กีย่ วกบั ดอกเบ้ีย ดอกเบ้ยี และมูลค่าของเงนิ และมลู คำ่ ของเงินในกำรแกป้ ัญหำ - ดอกเบี้ย - มลู ค่ำของเงนิ - ค่ำรำยงวด สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน ร่วมกับ สถำบนั ส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๕๗ ช้นั ที่ รหัสตวั ช้ีวัด ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.๔-๖ ๘ ค 3.1 ม.6/1 เขำ้ ใจและใช้ควำมรทู้ ำงสถิติ สถติ ิ 8- 123 34 ในกำรนำเสนอข้อมลู และแปล - ขอ้ มูล ควำมหมำยของคำ่ สถิติ - ตำแหน่งที่ของข้อมลู เพ่อื ประกอบกำรตดั สินใจ - คำ่ กลำง (ฐำนนิยม มธั ยฐำน ค่ำเฉลี่ยเลขคณิต) - ค่ำกำรกระจำย (พิสัย สว่ นเบีย่ งเบนมำตรฐำน ควำมแปรปรวน) - กำรนำเสนอข้อมลู เชงิ คุณภำพ และเชงิ ปริมำณ - กำรแปลควำมหมำยของค่ำสถติ ิ รวม 8 ตัวชีว้ ัด รวมท้ังหมด 157 ตวั ชีว้ ดั สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พ้ืนฐำน ร่วมกับ สถำบนั สง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

58 สรุปตัวชี้วัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลางตอ้ งรแู้ ละควรรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั ชัน้ ตัวช้วี ัดทง้ั หมด ตอ้ งรู้ ควรรู้ หมายเหตุ ป.1 15 9 7 ว 1.2 ป.1/1 เปน็ ท้งั ตอ้ งรู้และควรรู้ ป.2 16 11 6 ว 2.1 ป.2/1 เป็นทั้งต้องรแู้ ละควรรู้ ป.3 25 19 7 ว 2.3 ป.3/2 เป็นทั้งต้องรู้และควรรู้ ป.4 21 16 6 ว 2.1 ป.4/1 เป็นท้งั ตอ้ งรูแ้ ละควรรู้ ป.5 32 24 8 ป.6 30 20 11 ว 2.1 ป.6/1 เป็นท้ังตอ้ งรู้และควรรู้ ม.1 52 35 17 ม.2 63 48 15 ม.3 59 41 18 ม.4-6 102 85 18 ว 3.1 ม.6/4 เป็นทั้งต้องร้แู ละควรรู้ รวม 415 308 113 ข้อมูล ณ วนั ที่ 19 พฤษภำคม 2564 สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน รว่ มกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๕๙ ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลางต้องรู้และควรรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ชั้น ที่ รหสั ตัวชี้วัด ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.1 1 ว 1.1 ป.1/1 ระบุชอื่ พืชและสัตว์ทอ่ี ำศยั อยู่ • บริเวณต่ำง ๆ ในท้องถ่ิน เช่น สนำมหญ้ำ บรเิ วณต่ำง ๆ จำกข้อมลู ใต้ต้นไม้ สวนหย่อม แหลง่ นำ้ อำจพบพชื ท่รี วบรวมได้ และสตั ว์หลำยชนิดอำศยั อยู่ 2 ว 1.1 ป.1/2 บอกสภำพแวดล้อมท่เี หมำะสม • บรเิ วณที่แตกต่ำงกนั อำจพบพชื และสตั ว์ กับกำรดำรงชวี ิตของสตั ว์ แตกต่ำงกนั เพรำะสภำพแวดล้อม ในบริเวณที่อำศยั อยู่ ของแตล่ ะบริเวณจะมคี วำมเหมำะสมต่อ กำรดำรงชวี ติ ของพืชและสัตวท์ อี่ ำศยั อยู่ ในแตล่ ะบริเวณ เช่น สระนำ้ มีนำ้ เปน็ ที่อยู่ อำศัยของหอย ปลำ สำหร่ำย เป็นทหี่ ลบภัย และมแี หลง่ อำหำรของหอยและปลำ บริเวณต้นมะม่วงมีตน้ มะม่วงเปน็ แหล่งท่ีอยู่ และมีอำหำรสำหรบั กระรอกและมด • ถ้ำสภำพแวดล้อมในบริเวณทพี่ ชื และสตั ว์ อำศยั อยมู่ ีกำรเปลีย่ นแปลง จะมผี ลตอ่ กำรดำรงชวี ติ ของพชื และสัตว์ 3 ว 1.2 ป.1/1 ระบุชอ่ื บรรยำยลักษณะและ • มนุษย์มสี ว่ นตำ่ ง ๆ ทีม่ ลี ักษณะและหนำ้ ท่ี บอกหน้ำท่ขี องสว่ นต่ำง ๆ แตกต่ำงกัน เพ่ือให้เหมำะสมในกำร ของร่ำงกำยมนุษย์ สตั ว์ และพืช ดำรงชีวติ เช่น ตำมีหนำ้ ทไ่ี ว้มองดู รวมทั้งบรรยำยกำรทำหน้ำท่ี โดยมหี นงั ตำและขนตำ เพ่ือปองกัน ร่วมกันของส่วนต่ำง ๆ ของ อันตรำยให้กับตำ หมู ีหน้ำท่ีรับฟงั เสียง รำ่ งกำยมนุษย์ในกำรทำกจิ กรรม โดยมีใบหูและรหู ู เพ่ือเป็นทำงผ่ำนของเสียง ตำ่ ง ๆ จำกข้อมูลทร่ี วบรวมได้ ปำกมหี นำ้ ท่ีพดู กนิ อำหำร มีช่องปำกและ 4 ว 1.2 ป.1/2 ตระหนักถึงควำมสำคัญของ มีริม ปี ำกบนลำ่ ง แขนและมือมีหน้ำที่ยก สว่ นต่ำง ๆ ของรำ่ งกำยตนเอง หยบิ จับ มที อ่ นแขนและนิ้วมือท่ีขยบั ได้ สมองมีหน้ำทค่ี วบคุมกำรทำงำนของ โดยกำรดูแลสว่ นตำ่ ง ๆ อย่ำงถูกต้อง ให้ปลอดภยั ส่วนต่ำง ๆ ของร่ำงกำยอยู่ในกะโหลกศีรษะ และรักษำควำมสะอำดอยู่เสมอ โดยสว่ นต่ำง ๆ ของร่ำงกำยจะทำหนำ้ ท่ี รว่ มกนั ในกำรทำกิจกรรมในชีวติ ประจำวัน • สัตว์มหี ลำยชนิด แตล่ ะชนดิ มสี ่วนต่ำง ๆ ทม่ี ลี ักษณะและหน้ำที่แตกต่ำงกัน เพื่อให้ เหมำะสมในกำรดำรงชวี ติ เช่น ปลำมคี รบี เป็นแผน่ สว่ นกบ เต่ำ แมว มีขำ ๔ ขำ และมีเท้ำสำหรับใช้ในกำรเคลือ่ นท่ี สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพน้ื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๖๐ ชนั้ ท่ี รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.1 • พืชมสี ว่ นต่ำง ๆ ที่มลี กั ษณะและหนำ้ ที่ แตกตำ่ งกนั เพ่ือให้เหมำะสมในกำร ดำรงชวี ติ โดยทวั่ ไป รำกมลี ักษณะเรยี วยำว และแตกแขนงเป็นรำกเลก็ ๆ ทำหนำ้ ท่ี ดูดน้ำ ลำตน้ มีลกั ษณะเปน็ ทรงกระบอก ตัง้ ตรงและมกี ่งิ กำ้ น ทำหน้ำที่ชูก่งิ กำ้ น ใบและดอก ใบมีลักษณะเปน็ แผ่นแบน ทำหนำ้ ทสี่ รำ้ งอำหำร นอกจำกนพี้ ชื หลำยชนิด อำจมดี อกทม่ี ีสี รูปรำ่ งต่ำง ๆ ทำหน้ำท่ีสืบพนั ธ์ุ รวมทัง้ มผี ลทมี่ ีเปลอื ก มเี นือ้ ห่อหุม้ เมลด็ และมเี มล็ดซึง่ สำมำรถงอก เปน็ ต้นใหม่ได้วะั ก • มนุษยใ์ ช้ส่วนตำ่ ง ๆ ของร่ำงกำย ในกำรทำกิจกรรมตำ่ ง ๆ เพื่อกำรดำรงชีวติ มนษุ ยจ์ งึ ควรใชส้ ่วนตำ่ ง ๆ ของรำ่ งกำย อย่ำงถูกต้อง ปลอดภยั และรกั ษำควำม สะอำดอย่เู สมอ เชน่ ใช้ตำมองตวั หนงั สือ ในท่ีทม่ี ีแสงสวำ่ งเพยี งพอ ดูแลตำ ให้ปลอดภยั จำกอนั ตรำย และรักษำ ควำมสะอำดตำอยู่เสมอ 5 ว 2.1 ป.1/1 อธิบำยสมบตั ทิ ่สี ังเกตไดข้ องวสั ดุ • วัสดุทใี่ ชท้ ำวตั ถทุ เ่ี ป็นของเล่น ของใช้ ทใ่ี ชท้ ำวัตถุซ่ึงทำจำกวสั ดชุ นิด มหี ลำยชนดิ เชน่ ผ้ำ แก้ว พลำสติก ยำง เดยี วหรอื หลำยชนดิ ประกอบกนั ไม้ อิฐ หนิ กระดำษ โลหะ วสั ดแุ ตล่ ะชนิด โดยใชห้ ลกั ฐำนเชิงประจกั ษ์ มสี มบตั ิทสี่ งั เกตได้ตำ่ ง ๆ เช่น สี น่มุ แข็ง 6 ว 2.1 ป.1/2 ระบุชนิดของวัสดุและจัดกลุ่ม ขรุขระ เรียบ ใส ข่นุ ยืดหดได้ บิดงอได้ • สมบัตทิ ี่สังเกตได้ของวสั ดุแต่ละชนิด วัสดุตำมสมบัติท่สี ังเกตได้ อำจเหมือนกนั ซงึ่ สำมำรถนำมำใช้เปน็ เกณฑ์ ในกำรจัดกลุ่มวัสดุได้ • วสั ดบุ ำงอยำ่ งสำมำรถนำมำประกอบกัน เพือ่ ทำเป็นวตั ถตุ ำ่ ง ๆ เชน่ ผ้ำและกระดุม ใชท้ ำเสือ้ ไม้และโลหะ ใช้ทำกระทะ 7 ว 2.3 ป.1/1 บรรยำยกำรเกิดเสยี งและทิศ • เสยี งเกดิ จำกกำรส่นั ของวตั ถุ วตั ถทุ ท่ี ำให้ ทำงกำรเคล่อื นท่ีของเสยี ง เกดิ เสยี งเป็นแหล่งกำเนดิ เสียง จำกหลกั ฐำนเชิงประจักษ์ ซ่งึ มีทัง้ แหลง่ กำเนิดเสียงตำมธรรมชำติ และแหลง่ กำเนิดเสยี งท่มี นุษย์สร้ำงขึ้น เสียงเคลื่อนที่ออกจำกแหลง่ กำเนิดเสยี ง ทกุ ทิศทำง สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พน้ื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๑ ชั้น ที่ รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.1 8 ว 3.1 ป.1/1 ระบุดำวทป่ี รำกฏบนท้องฟำ • บนท้องฟำมีดวงอำทิตย์ ดวงจันทร์ และดำว ในเวลำกลำงวนั และกลำงคืน ซึง่ ในเวลำกลำงวนั จะมองเหน็ ดวงอำทิตย์ จำกข้อมูลท่รี วบรวมได้ และอำจมองเหน็ ดวงจนั ทรบ์ ำงเวลำ 9 ว 3.1 ป.1/2 อธบิ ำยสำเหตุทม่ี องไมเ่ หน็ ดำว ในบำงวนั แตไ่ ม่สำมำรถมองเห็นดำว สว่ นใหญใ่ นเวลำกลำงวัน • ในเวลำกลำงวนั มองไมเ่ หน็ ดำวสว่ นใหญ่ จำกหลักฐำนเชงิ ประจักษ์ เน่ืองจำกแสงอำทติ ย์สวำ่ งกว่ำจงึ กลบแสง ของดำว ส่วนในเวลำกลำงคืนจะมองเหน็ ดำวและมองเห็นดวงจนั ทรเ์ กือบทุกคืน 10 ว 3.2 ป.1/1 อธบิ ำยลกั ษณะภำยนอกของหิน • หินท่อี ยู่ในธรรมชำตมิ ลี ักษณะภำยนอก จำกลักษณะเฉพำะตวั ที่สังเกตได้ เฉพำะตัวทีส่ งั เกตได้ เช่น สี ลวดลำย น้ำหนัก ควำมแขง็ และเนอ้ื หนิ 11 ว 4.2 ป.1/1 แกป้ ัญหำอย่ำงง่ำย โดยใช้ • กำรแกป้ ัญหำให้ประสบควำมสำเร็จ กำรลองผดิ ลองถูกกำรเปรียบเทียบ ทำไดโ้ ดยใชข้ ้นั ตอนกำรแก้ปัญหำ • ปญั หำอย่ำงง่ำย เช่น เกมเขำวงกต เกมหำจุดแตกตำ่ งของภำพ กำรจัดหนังสือ ใส่กระเปำ 12 ว 4.2 ป.1/2 แสดงลำดับขนั้ ตอนกำรทำงำน • กำรแสดงข้นั ตอนกำรแกป้ ัญหำ ทำได้โดย หรอื กำรแกป้ ญั หำอย่ำงง่ำย กำรเขยี น บอกเลำ่ วำดภำพ หรือใช้ โดยใชภ้ ำพ สัญลักษณ์ หรอื สัญลักษณ์ ขอ้ ควำม • ปญั หำอยำ่ งงำ่ ย เช่น เกมเขำวงกต เกมหำจดุ แตกต่ำงของภำพ กำรจัดหนังสือใสก่ ระเปำ 13 ว 4.2 ป.1/3 เขยี นโปรแกรมอยำ่ งง่ำย โดยใช้ • กำรเขียนโปรแกรมเป็นกำรสร้ำงลำดับของ ซอฟต์แวร์หรอื สอื่ คำสง่ั ใหค้ อมพวิ เตอร์ทำงำน • ตวั อยำ่ งโปรแกรม เช่น เขยี นโปรแกรม ส่งั ใหต้ วั ละครย้ำยตำแหน่ง ย่อขยำยขนำด เปลี่ยนรปู รำ่ ง • ซอฟตแ์ วร์หรือส่ือที่ใชใ้ นกำรเขยี นโปรแกรม เช่น ใช้บัตรคำสัง่ แสดงกำรเขียนโปรแกรม, Code.org 14 ว 4.2 ป.1/4 ใช้เทคโนโลยใี นกำรสร้ำง จดั เกบ็ • กำรใช้งำนอปุ กรณ์เทคโนโลยเี บ้อื งตน้ เรยี กใชข้ ้อมูลตำมวัตถุประสงค์ เช่น กำรใชเ้ มำส์ คยี บ์ อรด์ จอสัมผสั กำรเปด-ปด อปุ กรณ์เทคโนโลยี • กำรใชง้ ำนซอฟต์แวร์เบ้ืองต้น เชน่ กำรเขำ้ และออกจำกโปรแกรม กำรสรำ้ งไฟล์ กำรจัดเกบ็ กำรเรียกใช้ไฟล์ ทำไดใ้ นโปรแกรม เชน่ โปรแกรมประมวลคำ โปรแกรมกรำฟก โปรแกรมนำเสนอ • กำรสรำ้ งและจัดเกบ็ ไฟลอ์ ย่ำงเปน็ ระบบ จะทำให้เรยี กใช้ คน้ หำข้อมูลได้งำ่ ยและรวดเร็ว สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พนื้ ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๒ ช้นั ที่ รหัสตัวช้ีวัด ตัวช้วี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.1 15 ว 4.2 ป.1/5 ใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ • กำรใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศอย่ำงปลอดภยั อย่ำงปลอดภัย ปฏบิ ัตติ ำม เช่น รจู้ กั ขอ้ มลู สว่ นตวั อนั ตรำยจำก ข้อตกลงในกำรใช้คอมพวิ เตอร์ กำรเผยแพร่ข้อมูลสว่ นตวั และไม่บอก ร่วมกัน ดแู ลรักษำอปุ กรณ์ ขอ้ มลู สว่ นตวั กบั บุคคลอน่ื ยกเวน้ ผปู้ กครอง เบอ้ื งต้น ใช้งำนอย่ำงเหมำะสม หรอื ครู แจ้งผู้เกย่ี วข้องเมือ่ ต้องกำร ควำมชว่ ยเหลอื เกย่ี วกบั กำรใช้งำน • ข้อปฏิบัตใิ นกำรใชง้ ำนและกำรดแู ลรักษำ อุปกรณ์ เชน่ ไมข่ ดี เขียนบนอุปกรณ์ ทำควำมสะอำดใช้อุปกรณอ์ ย่ำงถกู วธิ ี • กำรใชง้ ำนอย่ำงเหมำะสม เช่น จดั ทำ่ นัง่ ให้ถกู ต้อง กำรพกั สำยตำเมื่อใช้อุปกรณ์ เปน็ เวลำนำนระมดั ระวงั อบุ ตั ิเหตุ จำกกำรใชง้ ำน รวม 15 ตัวชี้วดั 97 หมายเหตุ: ตวั ช้ีวดั ว 1.2 ป.1/1 มีลักษณะเฉพำะคอื เปน็ ทง้ั ตัวชว้ี ัดต้องร้แู ละควรรู้ รำยละเอียดดังนี้ ต้องรู้ : ลกั ษณะและหน้ำท่ีของส่วนต่ำง ๆ ของสัตว์และพชื ควรรู้ : ลักษณะและหนำ้ ที่ของส่วนตำ่ ง ๆ ของมนษุ ย์ สำมำรถบรู ณำกำรกบั วิชำสขุ ศึกษำได้ สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขนั้ พ้นื ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๓ ชั้น ที่ รหัสตัวช้ีวัด ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.2 1 ว 1.2 ป.2/1 ระบุว่ำพืชตอ้ งกำรแสงและน้ำ • พืชตอ้ งกำรนำ้ แสง เพื่อกำรเจรญิ เตบิ โต เพ่ือกำรเจริญเตบิ โต โดยใช้ข้อมลู จำกหลกั ฐำนเชิงประจักษ์ 2 ว 1.2 ป.2/2 ตระหนกั ถึงควำมจำเป็นท่พี ชื ต้องไดร้ บั นำ้ และแสง เพ่ือกำร เจริญเติบโต โดยดแู ลพชื ใหไ้ ด้รับ ส่งิ ดังกลำ่ วอย่ำงเหมำะสม 3 ว 1.2 ป.2/3 สร้ำงแบบจำลองทบ่ี รรยำย • พืชดอกเมื่อเจริญเติบโตและมีดอก วฏั จักรชวี ติ ของพชื ดอก ดอกจะมีกำรสืบพนั ธุเ์ ปลีย่ นแปลงไปเป็นผล ภำยในผลมเี มล็ดเมอ่ื เมล็ดงอก ต้นอ่อน ทอี่ ยู่ภำยในเมลด็ จะเจรญิ เติบโตเปน็ พืช ตน้ ใหม่ พชื ต้นใหม่จะเจริญเติบโตออกดอก เพื่อสืบพนั ธ์มุ ีผลต่อไปได้อกี หมุนเวียน ต่อเนื่องเป็นวัฏจกั รชวี ิตของพืชดอก 4 ว 1.3 ป.2/1 เปรียบเทียบลกั ษณะของสิง่ มีชวี ติ • ส่ิงทอ่ี ยูร่ อบตัวเรำมีท้ังท่ีเป็นส่งิ มชี ีวิต และสิ่งไมม่ ีชวี ติ จำกข้อมลู และสิ่งไมม่ ชี ีวิต ส่งิ มชี ีวิตตอ้ งกำรอำหำร ทร่ี วบรวมได้ มีกำรหำยใจเจริญเติบโต ขบั ถ่ำย เคล่ือนไหว ตอบสนองตอ่ สิ่งเร้ำและสืบพันธไุ์ ด้ลกู ทมี่ ี ลักษณะคลำ้ ยคลงึ กบั พอ่ แม่ ส่วนสิ่งไม่มชี ีวิต จะไม่มลี ักษณะดงั กลำ่ ว 5 ว 2.1 ป.2/1 เปรียบเทียบสมบตั กิ ำรดดู ซับนำ้ • วัสดุแตล่ ะชนดิ มีสมบตั ิกำรดูดซับนำ้ ของวัสดุโดยใช้หลกั ฐำน แตกตำ่ งกันจึงนำไปทำวัตถุเพ่ือใช้ เชงิ ประจักษ์ และระบุกำรนำ ประโยชน์ได้แตกต่ำงกัน เชน่ ใช้ผำ้ สมบัติกำรดดู ซบั น้ำของวสั ดุ ที่ดดู ซับน้ำได้มำกทำผำ้ เชด็ ตวั ใชพ้ ลำสตกิ ไปประยุกต์ใชใ้ นกำรทำวตั ถุ ซ่ึงไม่ดูดซบั นำ้ ทำร่ม ในชวี ติ ประจำวัน 6 ว 2.1 ป.2/2 อธิบำยสมบัตทิ ส่ี งั เกตได้ของวัสดุ • วัสดบุ ำงอย่ำงสำมำรถนำมำผสมกัน ท่ีเกิดจำกกำรนำวสั ดุมำผสมกัน ซ่งึ ทำให้ไดส้ มบัติที่เหมำะสม เพื่อนำไปใช้ โดยใชห้ ลกั ฐำนเชิงประจกั ษ์ ประโยชน์ตำมตอ้ งกำร เชน่ แปงผสม นำ้ ตำลและกะทิ ใช้ทำขนมไทย ปูนปลำสเตอร์ผสมเยอื่ กระดำษใช้ทำ กระปุกออมสนิ ปนู ผสมหนิ ทรำย และน้ำ ใช้ทำคอนกรีต 7 ว 2.1 ป.2/3 เปรยี บเทียบสมบัตทิ ส่ี ังเกตได้ • กำรนำวสั ดุมำทำเป็นวัตถใุ นกำรใชง้ ำน ของวัสดุ เพ่ือนำมำทำเป็นวตั ถุ ตำมวตั ถุประสงคข์ นึ้ อยกู่ ับสมบตั ขิ องวสั ดุ ในกำรใช้งำนตำมวตั ถุประสงค์ วสั ดทุ ่ใี ชแ้ ล้วอำจนำกลับมำใชใ้ หม่ได้ และอธิบำยกำรนำวสั ดทุ ใ่ี ชแ้ ล้ว เชน่ กระดำษใชแ้ ล้วอำจนำมำทำเปน็ กลบั มำใช้ใหม่โดยใช้หลักฐำน จรวดกระดำษ ดอกไม้ประดิษฐ์ ถุงใส่ของ เชิงประจักษ์ สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พืน้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๔ ชนั้ ที่ รหัสตัวช้ีวดั ตัวชี้วดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.2 8 ว 2.1 ป.2/4 ตระหนักถึงประโยชนข์ องกำรนำ วัสดทุ ี่ใช้แล้วกลับมำใชใ้ หม่ โดย กำรนำวสั ดทุ ่ีใชแ้ ลว้ กลับมำใช้ใหม่ 9 ว 2.3 ป.2/1 บรรยำยแนวกำรเคลอื่ นท่ีของแสง • แสงเคลอื่ นที่จำกแหลง่ กำเนดิ แสงทกุ ทศิ ทำง จำกแหล่งกำเนิดแสง และอธิบำย เปน็ แนวตรง เมอ่ื มีแสงจำกวตั ถมุ ำเข้ำตำ กำรมองเหน็ วตั ถุจำกหลักฐำน จะทำให้มองเห็นวตั ถนุ ั้น กำรมองเห็นวตั ถุ เชิงประจกั ษ์ ทเ่ี ปน็ แหลง่ กำเนิดแสง แสงจำกวัตถุน้ัน 10 ว 2.3 ป.2/2 ตระหนกั ในคุณค่ำของควำมรู้ จะเขำ้ สตู่ ำโดยตรง สว่ นกำรมองเห็นวตั ถุ ของกำรมองเห็นโดยเสนอแนะ ท่ีไม่ใช่แหลง่ กำเนิดแสง ต้องมีแสงจำก แนวทำงกำรปองกันอนั ตรำยจำก แหล่งกำเนิดแสงไปกระทบวัตถุแล้วสะท้อน กำรมองวัตถุที่อย่ใู นบรเิ วณท่ีมี เข้ำตำ ถ้ำมีแสงทสี่ วำ่ งมำก ๆ เข้ำสตู่ ำ แสงสว่ำงไม่เหมำะสม อำจเกิดอันตรำยต่อตำได้ จงึ ต้องหลกี เลย่ี ง กำรมองหรือใช้แผ่นกรองแสงท่มี ีคณุ ภำพ เมอื่ จำเป็น และตอ้ งจดั ควำมสวำ่ ง ให้เหมำะสมกบั กำรทำกิจกรรมตำ่ ง ๆ เชน่ กำรอ่ำนหนังสือ กำรดูจอโทรทัศน์ กำรใช้โทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ีและแทบ็ เล็ต 11 ว 3.2 ป.2/1 ระบุสว่ นประกอบของดนิ และ • ดนิ ประกอบดว้ ยเศษหิน ซำกพืช ซำกสตั ว์ จำแนกชนดิ ของดนิ โดยใช้ ผสมอยู่ในเนื้อดิน มีอำกำศและนำ้ แทรกอยู่ ลกั ษณะเนือ้ ดินและกำรจับตัว ตำมชอ่ งวำ่ งในเนื้อดิน ดนิ จำแนกเปน็ เป็นเกณฑ์ ดนิ ร่วน ดนิ เหนยี ว และดินทรำย 12 ว 3.2 ป.2/2 อธิบำยกำรใช้ประโยชนจ์ ำกดิน ตำมลกั ษณะเนื้อดินและกำรจับตวั ของดนิ จำกข้อมูลทีร่ วบรวมได้ ซง่ึ มผี ลต่อกำรอุ้มน้ำท่ีแตกตำ่ งกนั • ดินแต่ละชนดิ นำไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ แตกตำ่ งกนั ตำมลักษณะและสมบตั ิของดิน 13 ว 4.2 ป.2/1 แสดงลำดบั ขน้ั ตอนกำรทำงำน • กำรแสดงขัน้ ตอนกำรแก้ปญั หำ ทำไดโ้ ดย หรือกำรแก้ปญั หำอย่ำงงำ่ ยโดยใช้ กำรเขียน บอกเลำ่ วำดภำพ หรอื ใช้ ภำพ สญั ลักษณ์ หรือข้อควำม สัญลกั ษณ์ • ปัญหำอย่ำงง่ำย เชน่ เกมตวั ตอ่ ๖ - ๑๒ ช้นิ กำรแต่งตวั มำโรงเรียน 14 ว 4.2 ป.2/2 เขยี นโปรแกรมอย่ำงง่ำย โดยใช้ • ตัวอย่ำงโปรแกรม เชน่ เขียนโปรแกรม ซอฟตแ์ วร์หรือสอื่ และตรวจหำ ส่งั ให้ตวั ละครทำงำนตำมท่ีต้องกำร ข้อผิดพลำดของโปรแกรม และตรวจสอบข้อผิดพลำด ปรับแก้ไข ใหไ้ ด้ผลลพั ธ์ตำมท่กี ำหนด • กำรตรวจหำข้อผดิ พลำด ทำไดโ้ ดย ตรวจสอบคำสัง่ ท่ีแจง้ ขอ้ ผิดพลำด หรือ หำกผลลัพธไ์ ม่เป็นไปตำมที่ต้องกำร ใหต้ รวจสอบกำรทำงำนทลี ะคำสัง่ • ซอฟตแ์ วร์หรอื สื่อที่ใชใ้ นกำรเขียน โปรแกรม เชน่ ใชบ้ ตั รคำสง่ั แสดง กำรเขยี นโปรแกรม, Code.org สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๖๕ ชน้ั ท่ี รหัสตวั ช้ีวัด ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.2 15 ว 4.2 ป.2/3 ใชเ้ ทคโนโลยใี นกำรสร้ำง • กำรใชง้ ำนซอฟต์แวรเ์ บื้องต้น เช่น กำรเขำ้ จดั หมวดหมู่ ค้นหำ จดั เก็บ และออกจำกโปรแกรม กำรสรำ้ งไฟล์ เรยี กใช้ขอ้ มูลตำมวตั ถุประสงค์ กำรจดั เกบ็ กำรเรยี กใช้ไฟล์ กำรแกไ้ ข ตกแต่งเอกสำร ทำได้ในโปรแกรม เชน่ โปรแกรมประมวลคำ โปรแกรมกรำฟก โปรแกรมนำเสนอ • กำรสร้ำง คัดลอก ย้ำย ลบ เปล่ียนชื่อ จดั หมวดหมู่ไฟล์ และโฟลเดอรอ์ ย่ำงเป็นระบบ จะทำใหเ้ รยี กใช้ คน้ หำข้อมลู ได้ง่ำยและ รวดเรว็ 16 ว 4.2 ป.2/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ • กำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศอย่ำงปลอดภัย อยำ่ งปลอดภยั ปฏิบัติ เชน่ รู้จักข้อมูลสว่ นตัว อันตรำยจำก ตำมข้อตกลงในกำรใช้ กำรเผยแพร่ขอ้ มลู สว่ นตัว และไม่บอก คอมพวิ เตอรร์ ว่ มกัน ดแู ล ข้อมลู ส่วนตวั กบั บุคคลอืน่ ยกเว้น รกั ษำอปุ กรณ์เบอื้ งต้น ใชง้ ำน ผู้ปกครองหรือครู แจ้งผเู้ ก่ยี วขอ้ ง อยำ่ งเหมำะสม เมอ่ื ต้องกำรควำมช่วยเหลอื เก่ียวกบั กำรใชง้ ำน • ข้อปฏิบัติในกำรใชง้ ำนและกำรดแู ลรักษำ อุปกรณ์ เช่น ไมข่ ีดเขียนบนอุปกรณ์ ทำควำมสะอำดใชอ้ ุปกรณอ์ ย่ำงถูกวิธี รวม 16 ตัวชี้วดั 11 6 หมายเหตุ: ตวั ช้วี ดั ว 2.1 ป.2/1 มีลักษณะเฉพำะคือเป็นท้งั ตวั ชว้ี ดั ตอ้ งรแู้ ละควรรู้ รำยละเอียดดังน้ี ตอ้ งรู้ : สมบัติกำรดูดซบั น้ำ ควรรู้ : กำรนำสมบตั กิ ำรดดู ซับนำ้ ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั เป็นเนื้อหำทน่ี กั เรียนสำมำรถ สืบคน้ ข้อมูลหรือศึกษำเพื่อทำควำมเขำ้ ใจได้ด้วยตนเอง สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพนื้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๖๖ ชนั้ ที่ รหัสตวั ช้ีวดั ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 1 ว 1.2 ป.3/1 บรรยำยส่งิ ทีจ่ ำเป็นตอ่ กำร • มนษุ ยแ์ ละสัตว์ตอ้ งกำรอำหำร น้ำ ดำรงชีวิต และกำรเจรญิ เตบิ โต และอำกำศ เพ่ือกำรดำรงชวี ิตและ ของมนุษย์และสัตว์ โดยใชข้ ้อมูลที่ กำรเจริญเตบิ โต รวบรวมได้ • อำหำรชว่ ยใหร้ ่ำงกำยแข็งแรงและ 2 ว 1.2 ป.3/2 ตระหนักถึงประโยชน์ของอำหำร เจรญิ เตบิ โต นำ้ ช่วยใหร้ ่ำงกำยทำงำนได้ นำ้ และอำกำศ โดยกำรดูแลตนเอง อยำ่ งปกติ อำกำศใช้ในกำรหำยใจ และสัตวใ์ หไ้ ดร้ ับสิง่ เหลำ่ น้ี อย่ำงเหมำะสม 3 ว 1.2 ป.3/3 สรำ้ งแบบจำลองที่บรรยำย • สัตวเ์ มอื่ เป็นตัวเต็มวยั จะสืบพันธุ์มลี กู วัฏจักรชีวติ ของสัตวแ์ ละปรียบ เมอ่ื ลกู เจริญเตบิ โตเป็นตวั เต็มวยั กส็ ืบพนั ธุ์ เทียบวฏั จักรชวี ติ ของสตั วบ์ ำงชนิด มีลกู ต่อไปได้อีก หมนุ เวยี นตอ่ เนื่อง 4 ว 1.2 ป.3/4 ตระหนกั ถึงคุณค่ำของชีวติ สัตว์ เปน็ วัฏจกั รชีวติ ของสัตว์ซ่ึงสัตวแ์ ต่ละชนดิ โดยไม่ทำใหว้ ฏั จักรชวี ิตของสัตว์ เช่น ผเี ส้ือ กบ ไก่ มนุษย์ จะมีวฏั จักรชวี ิต ที่เฉพำะและแตกตำ่ งกัน เปลี่ยนแปลง 5 ว 2.1 ป.3/1 อธบิ ำยว่ำวัตถปุ ระกอบข้ึนจำก • วัตถอุ ำจทำจำกชิ้นส่วนย่อย ๆ ซ่ึงแตล่ ะชน้ิ ชน้ิ ส่วนยอ่ ย ๆ ซ่ึงสำมำรถ มีลกั ษณะเหมือนกันมำประกอบเข้ำดว้ ยกัน แยกออกจำกกนั ไดแ้ ละประกอบกัน เมอื่ แยกชิ้นสว่ นย่อย ๆ แต่ละชน้ิ ของวตั ถุ เปน็ วัตถชุ ้นิ ใหมไ่ ด้ โดยใชห้ ลกั ฐำน ออกจำกกนั สำมำรถนำชิ้นสว่ นเหลำ่ นน้ั เชิงประจักษ์ มำประกอบเปน็ วตั ถชุ ้ินใหมไ่ ด้ เช่น กำแพงบำ้ นมีก้อนอฐิ หลำย ๆ ก้อน ประกอบเขำ้ ดว้ ยกนั และสำมำรถนำ กอ้ นอิฐจำกกำแพงบ้ำนมำประกอบเปน็ พ้นื ทำงเดินได้ 6 ว 2.1 ป.3/2 อธบิ ำยกำรเปลีย่ นแปลงของวสั ดุ • เมื่อใหค้ วำมร้อนหรือทำใหว้ ัสดุร้อนขนึ้ เมื่อทำใหร้ อ้ นขนึ้ หรอื ทำใหเ้ ย็นลง และเม่ือลดควำมร้อนหรือทำใหว้ ัสดุเยน็ ลง โดยใชห้ ลักฐำนเชิงประจักษ์ วสั ดจุ ะเกิดกำรเปล่ยี นแปลงได้ เชน่ สีเปลยี่ น รูปร่ำงเปลีย่ น 7 ว 2.2 ป.3/1 ระบุผลของแรงท่ีมตี อ่ • กำรดงึ หรอื กำรผลกั เปน็ กำรออกแรง กำรเปลี่ยนแปลงกำรเคลอ่ื นท่ี กระทำตอ่ วัตถุ แรงมีผลต่อกำรเคลอ่ื นที่ ของวัตถุจำกหลักฐำนเชงิ ของวตั ถุ แรงอำจทำให้วัตถุเกิดกำรเคลอื่ นท่ี ประจกั ษ์ โดยเปลีย่ นตำแหน่งจำกทหี่ นง่ึ ไปยังอกี ทหี่ นึง่ • กำรเปลย่ี นแปลงกำรเคล่ือนทข่ี องวตั ถุ ไดแ้ ก่ วัตถุท่อี ยนู่ ่ิงเปล่ยี นเปน็ เคลื่อนท่ี วตั ถทุ กี่ ำลังเคลื่อนทีเ่ ปลีย่ นเปน็ เคล่อื นท่ี เร็วขึ้นหรือช้ำลงหรอื หยุดนงิ่ หรือเปลี่ยน ทิศทำงกำรเคล่ือนที่ สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พื้นฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๗ ชน้ั ที่ รหสั ตวั ชี้วัด ตัวชี้วดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.3 8 ว 2.2 ป.3/2 เปรยี บเทยี บและยกตัวอยำ่ ง • กำรดงึ หรอื กำรผลักเป็นกำรออกแรง แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส ทีเ่ กดิ จำกวตั ถุหนงึ่ กระทำกบั อกี วตั ถุหนึง่ ท่มี ีผลตอ่ กำรเคล่อื นทข่ี องวัตถุ โดยวตั ถทุ ง้ั สองอำจสัมผสั หรอื ไม่ต้อง โดยใชห้ ลกั ฐำนเชิงประจักษ์ สมั ผสั กัน เช่น กำรออกแรงโดยใช้มือดึง หรือกำรผลกั โตะ๊ ให้เคลื่อนท่ี เปน็ กำร ออกแรงทว่ี ัตถุตอ้ งสมั ผสั กนั แรงนีจ้ ึงเปน็ แรงสมั ผสั ส่วนกำรทีแ่ ม่เหล็กดงึ ดดู หรอื ผลกั ระหวำ่ งแมเ่ หล็กเปน็ แรงทเ่ี กิดขึ้น โดยแมเ่ หลก็ ไมจ่ ำเป็นตอ้ งสมั ผสั กัน แรงแมเ่ หล็กน้จี ึงเปน็ แรงไม่สัมผสั 9 ว 2.2 ป.3/3 จำแนกวตั ถโุ ดยใชก้ ำรดึงดดู กับ • แมเ่ หล็กสำมำรถดึงดูดสำรแม่เหล็กได้ แม่เหลก็ เป็นเกณฑจ์ ำกหลกั ฐำน • แรงแมเ่ หลก็ เป็นแรงทเ่ี กิดขึ้นระหวำ่ ง เชิงประจกั ษ์ แมเ่ หล็กกบั สำรแม่เหลก็ หรอื แม่เหล็กกับ 10 ว 2.2 ป.3/4 ระบขุ ั้วแมเ่ หล็กและพยำกรณ์ แมเ่ หล็กแม่เหลก็ มี ๒ ขัว้ คือ ขัว้ เหนอื ผลท่เี กิดขึน้ ระหวำ่ งข้วั แมเ่ หล็ก และขวั้ ใต้ขวั้ แม่เหล็กชนิดเดียวกนั เมื่อนำมำเขำ้ ใกล้กันจำกหลกั ฐำน จะผลกั กัน ต่ำงชนดิ กนั จะดึงดูดกนั เชิงประจักษ์ 11 ว 2.3 ป.3/1 ยกตัวอยำ่ งกำรเปล่ียนพลังงำนหนึง่ • พลงั งำนเปน็ ปริมำณทีแ่ สดงถึงควำมสำมำรถ ไปเป็นอีกพลงั งำนหนง่ึ ในกำรทำงำน พลงั งำนมหี ลำยแบบ เช่น จำกหลักฐำนเชิงประจักษ์ พลงั งำนกล พลังงำนไฟฟำ พลงั งำนแสง พลงั งำนเสียง และพลังงำนควำมร้อน โดย พลังงำนสำมำรถเปลย่ี นจำกพลังงำนหน่ึง ไปเป็นอีกพลงั งำนหนึง่ ได้ เช่น กำรถมู ือ จนรู้สกึ ร้อนเปน็ กำรเปล่ียนพลงั งำนกล เป็นพลงั งำนควำมรอ้ น แผงเซลลส์ ุริยะ เปล่ียนพลงั งำนแสงเป็นพลังงำนไฟฟำ หรือเครอ่ื งใช้ไฟฟำเปลยี่ นพลังงำนไฟฟำ เป็นพลงั งำนอนื่ 12 ว 2.3 ป.3/2 บรรยำยกำรทำงำนของ • ไฟฟำผลติ จำกเครื่องกำเนิดไฟฟำ ซึ่งใช้ เครอ่ื งกำเนิดไฟฟำและระบุ พลังงำนจำกแหลง่ พลงั งำนธรรมชำติ แหลง่ พลงั งำนในกำรผลิตไฟฟำ หลำยแหลง่ เช่น พลังงำนจำกลม พลังงำน จำกข้อมูลท่ีรวบรวมได้ จำกนำ้ พลังงำนจำกแก๊สธรรมชำติ 13 ว 2.3 ป.3/3 ตระหนกั ในประโยชนแ์ ละโทษ • พลงั งำนไฟฟำมคี วำมสำคัญต่อชวี ิตประจำวนั ของไฟฟำ โดยนำเสนอวิธกี ำรใช้ กำรใชไ้ ฟฟำนอกจำกต้องใช้อยำ่ งถกู วธิ ี ไฟฟำอย่ำงประหยัด และปลอดภัย ประหยัดและคุม้ คำ่ แลว้ ยงั ต้องคำนงึ ถึง ควำมปลอดภยั ด้วย 14 ว 3.1 ป.3/1 อธบิ ำยแบบรปู เสน้ ทำงกำรข้ึน • คนบนโลกมองเหน็ ดวงอำทิตย์ปรำกฏขึ้น และตกของดวงอำทติ ย์ ทำงด้ำนหน่ึงและตกทำงอีกด้ำนหนึ่งทุกวนั โดยใชห้ ลกั ฐำนเชงิ ประจกั ษ์ หมนุ เวียนเป็นแบบรปู ซำ้ ๆ • โลกกลมและหมุนรอบตัวเองขณะโคจร รอบดวงอำทติ ย์ ทำใหบ้ ริเวณของโลก สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พน้ื ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๖๘ ช้ัน ท่ี รหัสตัวชี้วัด ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 15 ว 3.1 ป.3/2 อธิบำยสำเหตกุ ำรเกดิ ได้รบั แสงอำทติ ย์ไมพ่ ร้อมกนั โลกดำ้ นท่ีไดร้ ับ ปรำกฏกำรณ์กำรขนึ้ และตก แสงจำกดวงอำทิตย์จะเปน็ กลำงวนั ของดวงอำทติ ย์ กำรเกดิ กลำงวนั ส่วนด้ำนตรงขำ้ มท่ีไม่ได้รบั แสงจะเป็น กลำงคืนและกำรกำหนดทิศ กลำงคืน นอกจำกนี้คนบนโลกจะมองเห็น โดยใชแ้ บบจำลอง ดวงอำทติ ย์ปรำกฏขึ้นทำงดำ้ นหนง่ึ 16 ว 3.1 ป.3/3 ตระหนักถึงควำมสำคัญของ ซ่งึ กำหนดใหเ้ ปน็ ทิศตะวนั ออก และ ดวงอำทิตย์ โดยบรรยำยประโยชน์ มองเห็นดวงอำทติ ย์ตกทำงอีกดำ้ นหนงึ่ ของดวงอำทิตย์ต่อสง่ิ มีชวี ติ ซ่ึงกำหนดใหเ้ ป็นทศิ ตะวันตกและเมื่อให้ ด้ำนขวำมืออยทู่ ำงทิศตะวันออก ดำ้ นซำ้ ยมืออยู่ทำงทิศตะวนั ตก ด้ำนหนำ้ จะเปน็ ทศิ เหนือ และด้ำนหลังจะเป็นทศิ ใต้ • ในเวลำกลำงวนั โลกจะได้รับพลงั งำนแสง และพลังงำนควำมร้อนจำกดวงอำทติ ย์ ทำใหส้ ง่ิ มีชวี ติ ดำรงชวี ิตอยู่ได้ 17 ว 3.2 ป.3/1 ระบสุ ่วนประกอบของอำกำศ • อำกำศโดยท่วั ไปไมม่ สี ี ไม่มีกลิ่น บรรยำยควำมสำคญั ของอำกำศ ประกอบด้วยแก๊สไนโตรเจน แก๊สออกซิเจน และผลกระทบของมลพิษ แกส๊ คำร์บอนไดออกไซด์ แกส๊ อนื่ ๆ ทำงอำกำศต่อสิ่งมีชวี ิต จำกข้อมูล รวมทัง้ ไอน้ำ และ นุ ละออง อำกำศ ท่รี วบรวมได้ มคี วำมสำคญั ตอ่ ส่งิ มชี วี ิต หำกสว่ นประกอบ 18 ว 3.2 ป.3/2 ตระหนกั ถงึ ควำมสำคัญของอำกำศ ของอำกำศไมเ่ หมำะสม เน่ืองจำกมแี ก๊ส โดยนำเสนอแนวทำงกำรปฏบิ ตั ิ บำงชนดิ หรอื นุ ละอองในปริมำณมำก อำจเป็นอันตรำยตอ่ สิ่งมชี ีวิตชนดิ ตำ่ ง ๆ ตนในกำรลดกำรเกิดมลพิษ จัดเปน็ มลพษิ ทำงอำกำศ ทำงอำกำศ • แนวทำงกำรปฏบิ ตั ติ นเพอื่ ลดกำรปลอ่ ย มลพิษทำงอำกำศ เชน่ ใชพ้ ำหนะรว่ มกัน หรือเลอื กใชเ้ ทคโนโลยที ่ลี ดมลพิษทำงอำกำศ 19 ว 3.2 ป.3/3 อธิบำยกำรเกิดลม จำกหลกั ฐำน • ลม คอื อำกำศท่ีเคล่อื นท่ี เกิดจำก เชงิ ประจักษ์ ควำมแตกตำ่ งกันของอุณหภูมิอำกำศบรเิ วณ ท่ีอยู่ใกลก้ ัน โดยอำกำศบรเิ วณที่มีอุณหภูมิสงู จะลอยตัวสงู ขึน้ และอำกำศบริเวณทีม่ ี อุณหภูมิต่ำกวำ่ จะเคลื่อนเข้ำไปแทนที่ 20 ว 3.2 ป.3/4 บรรยำยประโยชน์และโทษของลม • ลมสำมำรถนำมำใชเ้ ป็นแหล่งพลังงำน จำกข้อมลู ที่รวบรวมได้ ทดแทนในกำรผลติ ไฟฟำ และนำไปใช้ ประโยชน์ในกำรทำกิจกรรมต่ำง ๆ ของ มนษุ ย์ หำกลมเคลอ่ื นท่ีด้วยควำมเร็วสงู อำจทำให้เกิดอันตรำยและควำมเสยี หำย ตอ่ ชวี ิตและทรัพย์สินได้ สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพื้นฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๖๙ ช้นั ท่ี รหสั ตัวชี้วดั ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 21 ว 4.2 ป.3/1 แสดงอลั กอรทิ ึมในกำรทำงำน • อัลกอริทึมเป็นข้นั ตอนท่ใี ช้ในกำรแก้ปญั หำ หรอื กำรแก้ปัญหำอย่ำงง่ำย • กำรแสดงอลั กอริทึม ทำได้โดยกำรเขยี น โดยใช้ภำพ สญั ลักษณ์ หรือ บอกเลำ่ วำดภำพ หรือใช้สัญลกั ษณ์ ข้อควำม • ตัวอย่ำงปัญหำ เช่น เกมเศรษฐี เกมบันไดงู เกม Tetris เกม OX กำรเดนิ ไปโรงอำหำร กำรทำควำมสะอำดหอ้ งเรียน 22 ว 4.2 ป.3/2 เขยี นโปรแกรมอย่ำงง่ำย โดยใช้ • กำรเขียนโปรแกรมเป็นกำรสรำ้ งลำดับ ซอฟตแ์ วรห์ รือส่อื และตรวจหำ ของคำส่งั ใหค้ อมพวิ เตอร์ทำงำน ขอ้ ผดิ พลำดของโปรแกรม • ตัวอย่ำงโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรม ท่สี ัง่ ให้ตวั ละครทำงำนซำ้ ไมส่ ้ินสดุ • กำรตรวจหำข้อผดิ พลำด ทำได้โดย ตรวจสอบคำสง่ั ทแ่ี จง้ ขอ้ ผิดพลำด หรือ หำกผลลัพธ์ไม่เปน็ ไปตำมทต่ี ้องกำร ให้ตรวจสอบกำรทำงำนทีละคำสั่ง • ซอฟต์แวรห์ รือส่ือทใี่ ช้ในกำรเขยี นโปรแกรม เชน่ ใช้บตั รคำส่งั แสดงกำรเขียนโปรแกรม , Code.org 23 ว 4.2 ป.3/3 ใช้อนิ เทอรเ์ นต็ คน้ หำควำมรู้ • อินเทอรเ์ น็ตเป็นเครือขำ่ ยขนำดใหญ่ ช่วยให้กำรติดต่อส่ือสำรทำได้สะดวก และรวดเร็วและเปน็ แหล่งข้อมูลควำมรู้ ทชี่ ว่ ยในกำรเรยี นและกำรดำเนนิ ชวี ติ • เวบ็ เบรำวเ์ ซอร์เปน็ โปรแกรมสำหรับอำ่ น เอกสำรบนเวบ็ เพจ • กำรสบื ค้นขอ้ มลู บนอนิ เทอร์เน็ต ทำได้โดย ใช้เว็บไซต์สำหรับสบื ค้น และตอ้ งกำหนด คำคน้ ทเี่ หมำะสมจึงจะได้ขอ้ มูลตำมต้องกำร • ข้อมูลควำมรู้ เชน่ วิธที ำอำหำร วธิ ีพบั กระดำษเป็นรปู ตำ่ ง ๆ ข้อมลู ประวัติศำสตร์ ชำตไิ ทย (อำจเป็นควำมรู้ในวชิ ำอ่ืน ๆ หรอื เรือ่ งทีเ่ ป็นประเดน็ ท่ีสนใจในชว่ งเวลำนัน้ ) • กำรใชอ้ นิ เทอร์เนต็ อย่ำงปลอดภยั ควรอยใู่ นกำรดแู ลของครู หรือผปู้ กครอง 24 ว 4.2 ป.3/4 รวบรวม ประมวลผล และ • กำรรวบรวมขอ้ มูล ทำไดโ้ ดยกำหนดหัวข้อ นำเสนอข้อมูล โดยใช้ ที่ต้องกำร เตรยี มอปุ กรณใ์ นกำรจดบันทึก ซอฟต์แวร์ตำมวตั ถุประสงค์ • กำรประมวลผลอย่ำงง่ำย เชน่ เปรียบเทียบ จดั กลมุ่ เรียงลำดับ • กำรนำเสนอข้อมลู ทำได้หลำยลกั ษณะ ตำมควำมเหมำะสม เชน่ กำรบอกเล่ำ กำรทำเอกสำรรำยงำน กำรจัดทำปำยประกำศ สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๗๐ ชัน้ ที่ รหัสตัวช้ีวัด ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 • กำรใช้ซอฟต์แวร์ทำงำนตำมวตั ถุประสงค์ เชน่ ใชซ้ อฟตแ์ วรน์ ำเสนอ หรอื ซอฟตแ์ วร์ กรำฟก สร้ำงแผนภมู ริ ปู ภำพ ใช้ซอฟต์แวร์ ประมวลคำ ทำปำยประกำศหรอื เอกสำรรำยงำน ใช้ซอฟตแ์ วร์ตำรำง ทำงำนในกำรประมวลผลขอ้ มูล 25 ว 4.2 ป.3/5 ใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ • กำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศอยำ่ งปลอดภยั อย่ำงปลอดภยั ปฏบิ ัตติ ำม เชน่ ปกปองข้อมลู ส่วนตัว ข้อตกลงในกำรใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต • ขอควำมช่วยเหลอื จำกครหู รือผู้ปกครอง เม่ือเกดิ ปัญหำจำกกำรใช้งำน เมอื่ พบ ขอ้ มลู หรือบคุ คลทท่ี ำให้ไม่สบำยใจ • กำรปฏบิ ตั ติ ำมข้อตกลงในกำรใช้ อินเทอรเ์ น็ตจะทำให้ไมเ่ กิดควำมเสียหำย ตอ่ ตนเองและผู้อ่นื เชน่ ไม่ใช้คำหยำบ ล้อเลยี น ด่ำทอ ทำใหผ้ ู้อื่น เสียหำยหรอื เสียใจ • ข้อดีและขอ้ เสยี ในกำรใชเ้ ทคโนโลยี สำรสนเทศและกำรส่อื สำร รวม 25 ตัวช้ีวัด 19 7 หมายเหตุ: ตัวช้ีวัด ว 2.3 ป.3/2 มลี ักษณะเฉพำะคอื เป็นทั้งตวั ชว้ี ัดต้องรู้และควรรู้ รำยละเอียดดังนี้ ตอ้ งรู้ : กำรทำงำนของเครื่องกำเนิดไฟฟ้ำ ควรรู้ : แหล่งพลังงำนในกำรผลิตไฟฟ้ำ เป็นเนอ้ื หำทน่ี ักเรียนสำมำรถสบื คน้ ข้อมูลหรือศึกษำ เพอ่ื ทำควำมเขำ้ ใจไดด้ ว้ ยตนเอง และครอู ำจชว่ ยสรุปให้ภำยหลัง สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พื้นฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๗๑ ชน้ั ที่ รหัสตวั ช้ีวัด ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.4 1 ว 1.2 ป.4/1 บรรยำยหน้ำท่ีของรำก ลำต้น • สว่ นต่ำง ๆ ของพืชดอกทำหน้ำทแี่ ตกต่ำงกัน ใบ และดอกของพืชดอก โดยใช้ - รำกทำหนำ้ ทีด่ ดู น้ำและธำตุอำหำรขึน้ ไปยัง ขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ ลำตน้ - ลำต้นทำหนำ้ ที่ลำเลยี งน้ำต่อไปยงั สว่ นต่ำง ๆ ของพืช - ใบทำหนำ้ ทส่ี รำ้ งอำหำร อำหำรทีพ่ ชื สร้ำงข้ึน คือ นำ้ ตำลซ่ึงจะเปลย่ี นเป็นแปง - ดอกทำหนำ้ ท่ีสบื พันธุ์ ประกอบด้วย ส่วนประกอบต่ำง ๆ ได้แก่ กลีบเล้ียง กลีบ ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี ซึง่ สว่ นประกอบแตล่ ะส่วนของดอก ทำหน้ำที่แตกตำ่ งกัน 2 ว 1.3 ป.4/1 จำแนกส่งิ มีชีวิตโดยใชค้ วำมเหมือน • ส่ิงมชี วี ติ มีหลำยชนิด สำมำรถจดั กลุ่มได้ และควำมแตกตำ่ งของลักษณะ โดยใชค้ วำมเหมือนและควำมแตกตำ่ งของ ของสงิ่ มีชีวิตออกเป็นกลุ่มพชื ลกั ษณะตำ่ ง ๆ เช่น กล่มุ พืชสรำ้ งอำหำรเองได้ กลุ่มสัตว์ และกล่มุ ท่ไี มใ่ ชพ่ ืชและ และเคลื่อนทด่ี ้วยตนเองไม่ได้ กล่มุ สตั ว์ สตั ว์ กนิ ส่ิงมีชวี ติ อื่นเปน็ อำหำรและเคลอื่ นท่ไี ด้ กลุ่มท่ีไมใ่ ช่พืชและสตั ว์ เชน่ เห็ด รำ จุลนิ ทรีย์ 3 ว 1.3 ป.4/2 จำแนกพืชออกเปน็ พืชดอก • กำรจำแนกพืช สำมำรถใชก้ ำรมดี อกเป็นเกณฑ์ และพชื ไม่มดี อก โดยใช้ ในกำรจำแนกไดเ้ ป็นพชื ดอกและพชื ไม่มดี อก กำรมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ 4 ว 1.3 ป.4/3 จำแนกสตั วอ์ อกเป็นสตั ว์มีกระดูก • กำรจำแนกสตั ว์ สำมำรถใชก้ ำรมกี ระดูกสนั หลงั สนั หลงั และสตั ว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั เป็นเกณฑใ์ นกำรจำแนกไดเ้ ป็นสัตวม์ ีกระดูก โดยใช้กำรมีกระดูกสันหลังเปน็ เกณฑ์ สนั หลงั และสัตวไ์ มม่ ีกระดูกสันหลงั โดยใช้ขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ • สตั วม์ ีกระดกู สันหลงั มีหลำยกลมุ่ ไดแ้ ก่ 5 ว 1.3 ป.4/4 บรรยำยลักษณะเฉพำะทส่ี ังเกตได้ กลุม่ ปลำ กล่มุ สัตวส์ ะเทนิ น้ำสะเทนิ บก ของสตั ว์มีกระดูกสนั หลัง กลุม่ สัตวเ์ ลอ้ื ยคลำน กลมุ่ นก และกลมุ่ สัตว์ ในกลุม่ ปลำ กล่มุ สัตว์สะเทินน้ำ เลี้ยงลูกด้วยนำ้ นม ซึง่ แต่ละกลมุ่ จะมีลกั ษณะ สะเทนิ บก กลมุ่ สตั ว์เลอื้ ยคลำน เฉพำะท่สี ังเกตได้ กลุม่ นก และกล่มุ สัตวเ์ ลยี้ งลูก ดว้ ยนำ้ นม และยกตวั อยำ่ ง สง่ิ มชี ีวติ ในแตล่ ะกลุ่ม สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๗๒ ช้ัน ที่ รหสั ตัวชี้วดั ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.4 6 ว 2.1 ป.4/1 เปรียบเทียบสมบตั ิทำงกำยภำพ • วสั ดแุ ตล่ ะชนดิ มีสมบตั ทิ ำงกำยภำพแตกต่ำงกนั ด้ำนควำมแข็ง สภำพยดื หยุ่น วสั ดุที่มีควำมแข็งจะทนตอ่ แรงขดู ขดี วัสดทุ ี่มี กำรนำควำมร้อน และกำรนำ สภำพยืดหยนุ่ จะเปล่ียนแปลงรูปรำ่ งเมอ่ื มแี รง ไฟฟำของวสั ดุ โดยใชห้ ลกั ฐำน มำกระทำและกลับสภำพเดิมได้ วัสดุทน่ี ำ เชิงประจกั ษจ์ ำกกำรทดลองและ ควำมรอ้ น จะร้อนไดเ้ รว็ เมอื่ ไดร้ บั ควำมรอ้ น ระบกุ ำรนำสมบัติเรือ่ งควำมแข็ง และวสั ดุทน่ี ำไฟฟำได้ จะใหก้ ระแสไฟฟำผำ่ นได้ สภำพยืดหย่นุ กำรนำควำมร้อน ดังนัน้ จึงอำจนำสมบตั ิตำ่ ง ๆ มำพิจำรณำ และกำรนำไฟฟำของวสั ดุไปใช้ เพือ่ ใชใ้ นกระบวนกำรออกแบบชิน้ งำน ในชีวติ ประจำวนั ผ่ำนกระบวนกำร เพ่ือใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจำวัน ออกแบบช้ินงำน 7 ว 2.1 ป.4/2 แลกเปลี่ยนควำมคิดกับผู้อื่น โดยกำรอภิปรำยเกี่ยวกับสมบัติ ทำงกำยภำพของวัสดอุ ย่ำงมี เหตุผลจำกกำรทดลอง 8 ว 2.1 ป.4/3 เปรยี บเทยี บสมบัติของสสำร • วัสดุเปน็ สสำรเพรำะมีมวลและต้องกำรท่ีอยู่ ท้ัง ๓ สถำนะ จำกขอ้ มูลที่ได้จำก สสำรมีสถำนะเป็นของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส กำรสังเกตมวล กำรตอ้ งกำรท่ีอยู่ ของแขง็ มีปรมิ ำตรและรปู ร่ำงคงท่ี ของเหลวมี รปู รำ่ งและปริมำตรของสสำร ปรมิ ำตรคงที่ แต่มรี ูปรำ่ งเปล่ียนไปตำมภำชนะ 9 ว 2.1 ป.4/4 ใชเ้ ครอ่ื งมือเพ่ือวดั มวล และ เฉพำะส่วนทบ่ี รรจุของเหลว ส่วนแก๊สมี ปรมิ ำตรของสสำรทั้ง ๓ สถำนะ ปริมำตรและรูปรำ่ งเปลยี่ นไปตำมภำชนะ ทีบ่ รรจุ 10 ว 2.2 ป.4/1 ระบผุ ลของแรงโน้มถ่วงท่ีมีต่อวัตถุ • แรงโน้มถว่ งของโลกเปน็ แรงดึงดดู ทโ่ี ลกกระทำ จำกหลักฐำนเชิงประจักษ์ ตอ่ วตั ถุ มีทิศทำงเข้ำสูศ่ นู ย์กลำงโลก และเป็น 11 ว 2.2 ป.4/2 ใช้เคร่อื งช่งั สปริงในกำรวดั นำ้ หนัก แรงไมส่ มั ผัส แรงดึงดูดที่โลกกระทำกับวตั ถุ ของวตั ถุ หน่งึ ๆทำใหว้ ัตถุตกลงสู่พืน้ โลก และทำให้วัตถุ มนี ำ้ หนกั วดั นำ้ หนกั ของวตั ถุไดจ้ ำกเคร่ืองช่ัง สปรงิ น้ำหนกั ของวตั ถุขึน้ กบั มวลของวตั ถุ โดยวัตถุที่มีมวลมำกจะมนี ้ำหนกั มำก วัตถุทีม่ ี มวลน้อยจะมีนำ้ หนกั นอ้ ย 12 ว 2.2 ป.4/3 บรรยำยมวลของวตั ถุทม่ี ีผลต่อ • มวล คอื ปรมิ ำณเน้ือของสสำรทัง้ หมด กำรเปลี่ยนแปลงกำรเคลอื่ นที่ของ ทป่ี ระกอบกนั เป็นวตั ถุ ซงึ่ มีผลตอ่ ควำมยำกง่ำย วตั ถุจำกหลกั ฐำนเชิงประจักษ์ ในกำรเปล่ยี นแปลงกำรเคล่ือนที่ของวตั ถุ วตั ถุทม่ี ีมวลมำกจะเปล่ยี นแปลงกำรเคลือ่ นที่ ไดย้ ำกกวำ่ วตั ถุที่มีมวลน้อย ดังนน้ั มวลของ วัตถนุ อกจำกจะหมำยถึงเน้ือท้งั หมดของ วตั ถุน้ันแล้ว ยังหมำยถึงกำรต้ำนกำรเปลยี่ นแปลง กำรเคล่ือนทขี่ องวัตถุนั้นด้วย สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พ้ืนฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๗๓ ชนั้ ท่ี รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.4 13 ว 2.3 ป.4/1 จำแนกวตั ถุเปน็ ตัวกลำงโปร่งใส • เมื่อมองสงิ่ ต่ำง ๆ โดยมีวตั ถุตำ่ งชนิดกนั ตัวกลำงโปรง่ แสง และวตั ถุทบึ แสง มำกัน้ แสงจะทำใหล้ ักษณะกำรมองเห็นส่งิ นน้ั ๆ จำกลกั ษณะกำรมองเหน็ สิ่งต่ำง ๆ ชัดเจนตำ่ งกัน จงึ จำแนกวัตถุทมี่ ำก้ันออกเปน็ ผ่ำนวัตถุนั้นเปน็ เกณฑ์ โดยใช้ ตัวกลำงโปรง่ ใส ซงึ่ ทำให้มองเหน็ สิง่ ต่ำง ๆ ได้ ชดั เจน ตัวกลำงโปรง่ แสงทำให้มองเหน็ ส่งิ ต่ำง ๆ หลกั ฐำนเชิงประจกั ษ์ ไดไ้ มช่ ดั เจน และวตั ถุทบึ แสงทำใหม้ องไม่เหน็ สิ่งต่ำง ๆ นน้ั 14 ว 3.1 ป.4/1 อธบิ ำยแบบรูปเส้นทำงกำรขึ้น • ดวงจันทร์เปน็ บรวิ ำรของโลก โดยดวงจนั ทร์ หมุนรอบตวั เองขณะโคจรรอบโลก ขณะทโี่ ลก และตกของดวงจันทร์ โดยใช้ ก็หมุนรอบตวั เองดว้ ยเช่นกัน กำรหมนุ รอบตวั เอง หลกั ฐำนเชงิ ประจักษ์ ของโลกจำกทิศตะวนั ตกไปทิศตะวนั ออกในทิศทำง ทวนเขม็ นำฬกิ ำ เม่อื มองจำกขั้วโลกเหนือ ทำใหม้ องเห็นดวงจันทรป์ รำกฏขนึ้ ทำงด้ำน ทิศตะวนั ออกและตกทำงดำ้ นทิศตะวันตก หมนุ เวียนเป็นแบบรูปซำ้ ๆ 15 ว 3.1 ป.4/2 สร้ำงแบบจำลองท่ีอธบิ ำยแบบรูป • ดวงจนั ทรเ์ ป็นวัตถุทเี่ ปน็ ทรงกลม กำรเปล่ียนแปลงรูปร่ำงปรำกฏ แตร่ ปู รำ่ งของดวงจันทรท์ ี่มองเห็นหรือรปู ร่ำง ปรำกฏของดวงจันทรบ์ นท้องฟำแตกต่ำงกันไป ของดวงจนั ทร์และพยำกรณ์ ในแตล่ ะวัน โดยในแต่ละวนั ดวงจันทร์จะมี รูปรำ่ งปรำกฏของดวงจนั ทร์ รปู ร่ำงปรำกฏเป็นเสย้ี วที่มีขนำดเพ่ิมขึ้น อย่ำงต่อเนือ่ งจนเตม็ ดวงจำกนั้นรูปร่ำงปรำกฏ ของดวงจันทร์จะแหวง่ และมขี นำดลดลง อย่ำงต่อเนื่องจนมองไมเ่ หน็ ดวงจนั ทร์ จำกนั้น รปู ร่ำงปรำกฏของดวงจนั ทร์จะเป็นเสี้ยวใหญ่ ข้ึนจนเต็มดวงอีกครั้งกำรเปล่ียนแปลงเชน่ น้ี เป็นแบบรปู ซำ้ กนั ทุกเดือน 16 ว 3.1 ป.4/3 สรำ้ งแบบจำลองแสดง • ระบบสุริยะเปน็ ระบบทีม่ ีดวงอำทติ ย์ องคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะ เปน็ ศูนย์กลำงและมีบรวิ ำรประกอบดว้ ย ดำวเครำะหแ์ ปดดวงและบริวำร ซ่ึงดำวเครำะห์ และอธบิ ำยเปรียบเทียบคำบ กำรโคจรของดำวเครำะหต์ ่ำง ๆ แต่ละดวงมีขนำดและระยะหำ่ งจำกดวงอำทิตย์ แตกต่ำงกนั และยังประกอบด้วย ดำวเครำะห์ จำกแบบจำลอง แคระ ดำวเครำะหน์ ้อย ดำวหำง และวัตถุ ขนำดเล็กอืน่ ๆ โคจรอยรู่ อบดวงอำทติ ย์ วัตถุ ขนำดเลก็ อนื่ ๆ เมือ่ เขำ้ มำในช้นั บรรยำกำศ เน่อื งจำกแรงโนม้ ถ่วงของโลกทำใหเ้ กดิ เป็น ดำวตกหรือผพี ุ่งไต้และอุกกำบำต สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขนั้ พ้นื ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๔ ชั้น ท่ี รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.4 17 ว 4.2 ป.4/1 ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในกำรแก้ปัญหำ • กำรใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะเป็นกำรนำกฎเกณฑ์หรือ กำรอธบิ ำยกำรทำงำน กำรคำดกำรณ์ เง่อื นไขท่ีครอบคลุมทุกกรณีมำใชพ้ จิ ำรณำ ในกำรแกป้ ัญหำ กำรอธบิ ำย ผลลัพธ์ จำกปัญหำอยำ่ งงำ่ ย กำรทำงำน หรือกำรคำดกำรณผ์ ลลัพธ์ • สถำนะเร่มิ ต้นของกำรทำงำนทแ่ี ตกตำ่ งกนั จะใหผ้ ลลพั ธท์ ่แี ตกตำ่ งกัน • ตัวอยำ่ งปัญหำ เช่น เกม OX โปรแกรม ทม่ี กี ำรคำนวณ โปรแกรมทม่ี ีตัวละครหลำยตัวและ มกี ำรสง่ั งำนทแี่ ตกต่ำงหรอื มีกำรสื่อสำร ระหวำ่ งกัน กำรเดินทำงไปโรงเรียน โดยวิธกี ำร ต่ำง ๆ 18 ว 4.2 ป.4/2 ออกแบบ และเขยี นโปรแกรม • กำรออกแบบโปรแกรมอย่ำงงำ่ ย เชน่ อยำ่ งง่ำย โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รอื กำรออกแบบโดยใช้ storyboard หรือกำรออกแบบอลั กอรทิ ึม สื่อ และตรวจหำข้อผดิ พลำด • กำรเขียนโปรแกรมเปน็ กำรสรำ้ งลำดบั ของ และแก้ไข คำสงั่ ใหค้ อมพวิ เตอรท์ ำงำน เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ ตำมควำมต้องกำร หำกมีขอ้ ผิดพลำด ให้ตรวจสอบกำรทำงำนทลี ะคำส่ัง เมอ่ื พบจดุ ทท่ี ำให้ผลลพั ธ์ไม่ถกู ตอ้ ง ให้ทำกำรแก้ไข จนกว่ำจะได้ผลลพั ธท์ ี่ถกู ต้อง • ตวั อยำ่ งโปรแกรมท่ีมีเร่ืองรำว เชน่ นิทำนทีม่ ีกำรโตต้ อบกับผูใ้ ช้ กำรต์ นู สนั้ เลำ่ กจิ วตั รประจำวนั ภำพเคลื่อนไหว • กำร กตรวจหำขอ้ ผดิ พลำดจำกโปรแกรมของ ผู้อ่ืนจะช่วยพั นำทักษะกำรหำสำเหตุของ ปญั หำได้ดีย่ิงขึน้ • ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใช้ในกำรเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch, logo 19 ว 4.2 ป.4/3 ใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตคน้ หำควำมรู้ และ • กำรใชค้ ำคน้ ท่ตี รงประเดน็ กระชับ จะทำให้ ประเมนิ ควำมนำ่ เชอ่ื ถือของข้อมูล ได้ผลลัพธ์ท่รี วดเร็วและตรงตำมควำมต้องกำร • กำรประเมินควำมน่ำเชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล เชน่ พจิ ำรณำประเภทของเวบ็ ไซต์ (หน่วยงำน รำชกำร สำนกั ข่ำว องคก์ ร) ผู้เขียน วันที่ เผยแพรข่ ้อมลู กำรอ้ำงองิ • เมื่อได้ขอ้ มูลท่ตี ้องกำรจำกเว็บไซตต์ ่ำง ๆ จะต้องนำเนื้อหำมำพิจำรณำ ปรยี บเทยี บ แลว้ เลอื กข้อมูลที่มีควำมสอดคลอ้ งและ สัมพนั ธก์ ัน สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๗๕ ชนั้ ท่ี รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.4 • กำรทำรำยงำนหรือกำรนำเสนอขอ้ มูล รวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมลู จะตอ้ งนำข้อมูลมำเรยี บเรียง สรปุ 20 ว 4.2 ป.4/4 และสำรสนเทศโดยใช้ซอฟต์แวร์ เปน็ ภำษำของตนเองทเี่ หมำะสมกบั ทห่ี ลำกหลำย เพ่ือแก้ปัญหำ กล่มุ เปำหมำยและวธิ ีกำรนำเสนอ 21 ว 4.2 ป.4/5 ในชวี ิตประจำวนั (บรู ณำกำรกบั วิชำภำษำไทย) • กำรรวบรวมข้อมูล ทำได้โดยกำหนดหวั ข้อ ใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศ ที่ตอ้ งกำร เตรียมอุปกรณ์ในกำรจดบนั ทึก อยำ่ งปลอดภยั เขำ้ ใจสิทธิและ • กำรประมวลผลอย่ำงงำ่ ย เชน่ เปรยี บเทยี บ หนำ้ ทข่ี องตน เคำรพในสทิ ธขิ อง จดั กลุ่ม เรยี งลำดับ กำรหำผลรวม ผู้อืน่ แจง้ ผเู้ กยี่ วข้องเมื่อพบข้อมูล • วเิ ครำะหผ์ ลและสร้ำงทำงเลือกที่เปน็ ไปได้ หรือบคุ คลที่ไมเ่ หมำะสม ประเมินทำงเลอื ก (เปรียบเทียบ ตดั สนิ ) • กำรนำเสนอข้อมลู ทำไดห้ ลำยลักษณะ ตำมควำมเหมำะสม เชน่ กำรบอกเลำ่ เอกสำรรำยงำน โปสเตอร์ โปรแกรม นำเสนอ • กำรใชซ้ อฟต์แวรเ์ พื่อแก้ปญั หำ ในชีวติ ประจำวนั เช่น กำรสำรวจ เมนูอำหำรกลำงวนั โดยใช้ซอฟตแ์ วร์ สร้ำงแบบสอบถำมและเก็บข้อมูล ใชซ้ อฟตแ์ วรต์ ำรำงทำงำน เพ่ือประมวลผล ขอ้ มลู รวบรวมข้อมูลเก่ยี วกบั คุณค่ำ ทำงโภชนำกำรและสร้ำงรำยกำรอำหำร สำหรบั ๕ วัน ใช้ซอฟตแ์ วร์นำเสนอ ผลกำรสำรวจรำยกำรอำหำรทเี่ ป็นทำงเลือก และข้อมลู ดำ้ นโภชนำกำร • กำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศอยำ่ งปลอดภยั เข้ำใจสิทธิและหนำ้ ท่ขี องตน เคำรพ ในสิทธขิ องผู้อ่นื เชน่ ไมส่ รำ้ งขอ้ ควำมเท็จ และสง่ ให้ผอู้ ่นื ไม่สร้ำงควำมเดอื ดรอ้ นตอ่ ผอู้ ่นื โดยกำรสง่ สแปมขอ้ ควำมลกู โซ่ สง่ ตอ่ โพสต์ท่ีมีข้อมลู สว่ นตัวของผอู้ นื่ ส่งคำเชญิ เลน่ เกม ไมเ่ ข้ำถงึ ข้อมูลสว่ นตัว หรือกำรบ้ำนของบคุ คลอื่นโดยไมไ่ ดร้ ับ อนญุ ำต ไมใ่ ช้เครื่องคอมพวิ เตอร์/ชื่อ บญั ชีของผู้อน่ื สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๖ ชน้ั ท่ี รหัสตวั ช้ีวัด ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.4 16 6 • กำรสื่อสำรอยำ่ งมีมำรยำทและรู้กำลเทศะ • กำรปกปองข้อมูลส่วนตัว เชน่ กำรออก จำกระบบเม่อื เลิกใชง้ ำน ไมบ่ อกรหัสผำ่ น ไม่บอกเลขประจำตวั ประชำชน รวม 21 ตัวชี้วัด หมายเหตุ: ตัวชี้วดั ว 2.1 ป.4/1 มีลักษณะเฉพำะคือเปน็ ทง้ั ตัวชวี้ ดั ตอ้ งรูแ้ ละควรรู้ รำยละเอียดดังน้ี ตอ้ งรู้ : สมบัตขิ องวัสดดุ ำ้ นควำมแขง็ สภำพยดื หยนุ่ กำรนำควำมรอ้ น กำรนำไฟฟ้ำ ควรรู้ : กำรนำสมบตั ิของวสั ดุไปใชป้ ระโยชนผ์ ่ำนกระบวนกำรออกแบบช้ินงำน เปน็ เน้ือหำที่ประยุกต์ใช้ควำมรู้จำกท่ีเรยี นมำแลว้ ไปแก้ปัญหำ ครูอำจจัดเปน็ กิจกรรมเสริม เพ่ือใหน้ ักเรยี นได้นำควำมรู้ทเี่ รียนมำแลว้ มำใช้ สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พืน้ ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๗ ชั้น ท่ี รหัสตวั ชี้วัด ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.5 1 ว 1.1 ป.5/1 บรรยำยโครงสร้ำงและลกั ษณะ • สิง่ มีชีวิตท้งั พชื และสตั วม์ โี ครงสรำ้ งและ ของสง่ิ มชี ีวิตทีเ่ หมำะสมกบั ลกั ษณะที่เหมำะสมในแตล่ ะแหลง่ ท่ีอยู่ กำรดำรงชวี ิต ซง่ึ เป็นผลมำจำก ซึ่งเป็นผลมำจำกกำรปรบั ตวั ของส่งิ มีชวี ิต กำรปรับตวั ของสงิ่ มชี ีวิตในแต่ละ เพอื่ ให้ดำรงชวี ิตและอยรู่ อดได้ในแต่ละ แหล่งทอ่ี ยู่ แหลง่ ท่อี ยู่ เชน่ ผักตบชวำมีชอ่ งอำกำศ ในก้ำนใบ ช่วยให้ลอยนำ้ ได้ ต้นโกงกำง ทีข่ ้ึนอยู่ในปำชำยเลนมีรำกค้ำจุนทำให้ ลำต้นไม่ล้ม ปลำมีครีบชว่ ยในกำรเคล่ือนท่ี ในน้ำ 2 ว 1.1 ป.5/2 อธิบำยควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ ง • ในแหลง่ ที่อย่หู นึง่ ๆ สง่ิ มชี วี ิตจะมี สงิ่ มีชีวิตกบั ส่ิงมีชวี ติ และ ควำมสัมพันธ์ซ่งึ กนั และกนั และสมั พนั ธก์ ับ ควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงสิ่งมชี ีวิต ส่ิงไมม่ ชี วี ิต เพื่อประโยชน์ต่อกำรดำรงชีวิต กบั สง่ิ ไม่มีชีวติ เพือ่ ประโยชน์ เชน่ ควำมสมั พันธก์ นั ด้ำนกำรกนิ กนั ต่อกำรดำรงชวี ติ เปน็ อำหำร เปน็ แหลง่ ที่อยู่อำศัยหลบภยั 3 ว 1.1 ป.5/3 เขยี นโซอ่ ำหำรและระบบุ ทบำท และเล้ียงดลู ูกออ่ น ใช้อำกำศในกำรหำยใจ หนำ้ ท่ขี องส่ิงมชี ีวิตท่ีเป็นผ้ผู ลติ • สิ่งมีชีวิตมกี ำรกินกันเป็นอำหำร โดยกินต่อกัน และผบู้ ริโภคในโซอ่ ำหำร เปน็ ทอด ๆ ในรูปแบบของโซ่อำหำร 4 ว 1.1 ป.5/4 ตระหนกั ในคณุ คำ่ ของสงิ่ แวดลอ้ ม ทำให้สำมำรถระบบุ ทบำทหน้ำทข่ี อง ที่มีตอ่ กำรดำรงชวี ิตของสง่ิ มีชีวิต ส่งิ มชี วี ิตเป็นผู้ผลติ และผู้บริโภค โดยมีส่วนร่วมในกำรดแู ลรักษำ ส่งิ แวดลอ้ ม 5 ว 1.3 ป.5/1 อธบิ ำยลักษณะทำงพนั ธุกรรม • สิ่งมีชีวิตทง้ั พชื สตั ว์ และมนษุ ย์ เมือ่ โตเต็มที่ ท่มี ีกำรถำ่ ยทอดจำกพ่อแม่สลู่ ูก จะมีกำรสบื พันธ์เุ พื่อเพ่ิมจำนวนและ ของพืช สัตว์ และมนษุ ย์ ดำรงพนั ธ์ุ โดยลกู ทีเ่ กิดมำจะได้รบั กำร 6 ว 1.3 ป.5/2 แสดงควำมอยำกรู้อยำกเห็น ถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธกุ รรมจำกพ่อแม่ โดยกำรถำมคำถำมเกี่ยวกับ ทำให้มีลักษณะทำงพนั ธกุ รรมทเ่ี ฉพำะ ลกั ษณะทีค่ ลำ้ ยคลึงกันของ แตกต่ำงจำกสิ่งมีชวี ิตชนิดอื่น ตนเองกับพ่อแม่ • พชื มกี ำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุกรรม เชน่ ลกั ษณะของใบ สีดอก • สตั ว์มกี ำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธกุ รรม เช่น สขี น ลักษณะของขน ลกั ษณะของหู • มนุษย์มีกำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุกรรม เช่น เชงิ ผมที่หน้ำผำก ลักย้มิ ลักษณะหนงั ตำ กำรหอ่ ลิ้น ลักษณะของตง่ิ หู สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๗๘ ช้ัน ท่ี รหสั ตัวชี้วัด ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.5 7 ว 2.1 ป.5/1 อธบิ ำยกำรเปลี่ยนสถำนะของ • กำรเปลย่ี นสถำนะของสสำรเป็นกำร สสำร เม่ือทำให้สสำรร้อนขนึ้ หรอื เปลย่ี นแปลงทำงกำยภำพ เม่อื เพ่ิมควำมร้อน ให้กบั สสำรถึงระดบั หนึ่งจะทำใหส้ สำร เย็นลง โดยใชห้ ลกั ฐำน ท่ีเป็นของแข็งเปลยี่ นสถำนะเปน็ ของเหลว เชงิ ประจักษ์ เรียกวำ่ กำรหลอมเหลว และเมือ่ เพ่ิม ควำมรอ้ นต่อไปจนถงึ อีกระดับหนึ่ง ของเหลวจะเปล่ียนเป็นแก๊ส เรยี กว่ำ กำรกลำยเปน็ ไอ แต่เมื่อลดควำมร้อนลง ถงึ ระดบั หนึง่ แกส๊ จะเปล่ยี นสถำนะ เปน็ ของเหลว เรยี กว่ำ กำรควบแน่น และ ถำ้ ลดควำมร้อนต่อไปอกี จนถึงระดับหนง่ึ ของเหลวจะเปลยี่ นสถำนะเป็นของแขง็ เรียกวำ่ กำรแข็งตัว สสำรบำงชนดิ สำมำรถ เปลยี่ นสถำนะจำกของแข็งเป็นแก๊ส โดยไม่ผำ่ นกำรเป็นของเหลว เรยี กว่ำ กำรระเหิด สว่ นแก๊สบำงชนดิ สำมำรถ เปล่ยี นสถำนะเปน็ ของแขง็ โดยไมผ่ ำ่ น กำรเปน็ ของเหลว เรียกว่ำ กำรระเหิดกลบั 8 ว 2.1 ป.5/2 อธิบำยกำรละลำยของสำรในน้ำ • เม่อื ใสส่ ำรลงในนำ้ แลว้ สำรน้ันรวมเปน็ เน้ือเดยี วกันกับน้ำท่วั ทุกสว่ น แสดงวำ่ โดยใช้หลกั ฐำนเชงิ ประจักษ์ สำรเกดิ กำรละลำย เรียกสำรผสมท่ไี ด้ ว่ำสำรละลำย 9 ว 2.1 ป.5/3 วเิ ครำะห์กำรเปลย่ี นแปลงของ • เมอื่ ผสมสำร ๒ ชนดิ ข้นึ ไปแลว้ มีสำรใหม่ สำรเม่ือเกิดกำรเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นซงึ่ มสี มบัติต่ำงจำกสำรเดมิ หรอื เมอ่ื สำรชนิดเดยี วเกดิ กำรเปล่ียนแปลง ทำงเคมี โดยใชห้ ลกั ฐำน แล้วมสี ำรใหม่เกดิ ขนึ้ กำรเปล่ียนแปลงน้ี เชิงประจกั ษ์ เรยี กวำ่ กำรเปลี่ยนแปลงทำงเคมี ซง่ึ สงั เกตไดจ้ ำกมสี ีหรือกลน่ิ ตำ่ งจำกสำรเดมิ หรอื มฟี องแกส๊ หรือมีตะกอนเกิดขึ้น หรือ มีกำรเพมิ่ ข้นึ หรือลดลงของอุณหภูมิ 10 ว 2.1 ป.5/4 วิเครำะหแ์ ละระบกุ ำรเปลย่ี นแปลง • เมอ่ื สำรเกดิ กำรเปลีย่ นแปลงแล้ว ทผี่ ันกลับได้และกำรเปล่ยี นแปลง สำรสำมำรถเปล่ยี นกลับเป็นสำรเดิมได้ เปน็ กำรเปลยี่ นแปลงทีผ่ นั กลบั ได้ ทีผ่ ันกลบั ไม่ได้ เช่น กำรหลอมเหลว กำรกลำยเป็นไอ กำรละลำย แต่สำรบำงอยำ่ งเกดิ กำร เปลย่ี นแปลงแล้วไม่สำมำรถเปลย่ี นกลบั เป็นสำรเดิมไดเ้ ป็นกำรเปล่ียนแปลง ท่ผี ันกลบั ไม่ได้ เชน่ กำรเผำไหม้ กำรเกิด สนิม สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗๙ ชนั้ ท่ี รหสั ตัวชี้วัด ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.5 11 ว 2.2 ป.5/1 อธบิ ำยวธิ กี ำรหำแรงลัพธข์ อง • แรงลพั ธเ์ ปน็ ผลรวมของแรงทกี่ ระทำตอ่ วัตถุ แรงหลำยแรงในแนวเดียวกนั โดยแรงลัพธข์ องแรง 2 แรงท่ีกระทำต่อ ทกี่ ระทำต่อวัตถุในกรณีทวี่ ตั ถุ วตั ถเุ ดยี วกัน จะมีขนำดเท่ำกับผลรวมของ อยูน่ ง่ิ จำกหลักฐำนเชงิ ประจักษ์ แรงทง้ั สองเม่ือแรงทั้งสองอยู่ในแนว 12 ว 2.2 ป.5/2 เขียนแผนภำพแสดงแรงท่ีกระทำ เดียวกันแตม่ ที ิศทำงตรงขำ้ มกัน สำหรบั ต่อวัตถทุ ่ีอยู่ในแนวเดียวกันและ วตั ถุทอ่ี ยนู่ ิง่ แรงลพั ธท์ กี่ ระทำต่อวตั ถุ มีคำ่ เปน็ ศูนย์ แรงลัพธ์ทกี่ ระทำต่อวตั ถุ 13 ว 2.2 ป.5/3 ใชเ้ คร่ืองชัง่ สปรงิ ในกำรวดั แรง • กำรเขยี นแผนภำพของแรงทกี่ ระทำตอ่ วตั ถุ สำมำรถเขียนได้โดยใชล้ ูกศร โดยหัวลกู ศร ท่กี ระทำต่อวัตถุ แสดงทศิ ทำงของแรง และควำมยำวของ ลกู ศรแสดงขนำดของแรงที่กระทำต่อวัตถุ 14 ว 2.2 ป.5/4 ระบุผลของแรงเสียดทำนที่มตี ่อ • แรงเสยี ดทำนเปน็ แรงท่ีเกิดขึน้ ระหวำ่ ง กำรเปลี่ยนแปลงกำรเคล่อื นท่ีของ ผิวสัมผัสของวตั ถุ เพื่อตำ้ นกำรเคลอ่ื นท่ี วตั ถจุ ำกหลกั ฐำนเชิงประจักษ์ ของวตั ถนุ น้ั โดยถ้ำออกแรงกระทำต่อวัตถุ 15 ว 2.2 ป.5/5 เขียนแผนภำพแสดงแรงเสยี ดทำน ท่ีอยูน่ ิง่ บนพนื้ ผิวหน่ึงใหเ้ คล่ือนที่ แรงเสยี ดทำนจำกพนื้ ผิวนั้นก็จะต้ำน และแรงที่อยใู่ นแนวเดียวกนั กำรเคลื่อนที่ของวตั ถุ แต่ถ้ำวัตถุกำลงั ที่กระทำต่อวตั ถุ เคลอื่ นท่ี แรงเสยี ดทำนกจ็ ะทำให้วัตถุน้นั เคลื่อนทีช่ ้ำลงหรือหยุดนิ่ง 16 ว 2.3 ป.5/1 อธิบำยกำรไดย้ ินเสยี ง • กำรไดย้ ินเสยี งต้องอำศัยตวั กลำง ผ่ำนตัวกลำงจำกหลักฐำน โดยอำจเปน็ ของแข็ง ของเหลว หรือ เชงิ ประจักษ์ อำกำศ เสยี งจะส่งผำ่ นตัวกลำงมำยังหู 17 ว 2.3 ป.5/2 ระบตุ ัวแปร ทดลอง และอธบิ ำย • เสยี งท่ไี ด้ยนิ มีระดบั สูงตำ่ ของเสยี งตำ่ งกนั ลกั ษณะและกำรเกิดเสียงสงู ข้ึนกับควำมถ่ีของกำรสั่นของแหล่งกำเนิดเสยี ง เสียงต่ำ โดยเมือ่ แหล่งกำเนิดเสียงสนั่ ด้วยควำมถต่ี ำ่ 18 ว 2.3 ป.5/3 ออกแบบกำรทดลองและอธบิ ำย จะเกดิ เสยี งต่ำ แตถ่ ้ำสน่ั ด้วยควำมถ่สี งู จะเกดิ เสยี งสูง สว่ นเสยี งดงั ค่อยท่ไี ด้ยิน ลักษณะและกำรเกิดเสยี งดงั เสียงค่อย ข้ึนกบั พลังงำนกำรส่ันของแหล่งกำเนิดเสียง 19 ว 2.3 ป.5/4 วัดระดบั เสยี งโดยใช้เครือ่ งมือ โดยเม่ือแหล่งกำเนิดเสียงสัน่ ด้วยพลังงำนมำก จะเกิดเสียงดัง แต่ถ้ำแหลง่ กำเนดิ เสียง วดั ระดับเสยี ง 20 ว 2.3 ป.5/5 ตระหนกั ในคุณคำ่ ของควำมรู้ ส่ันดว้ ยพลังงำนน้อยจะเกิดเสียงคอ่ ย เรื่องระดับเสียง โดยเสนอแนะ • เสียงดังมำก ๆ เปน็ อนั ตรำยตอ่ กำรไดย้ ิน และเสยี งที่กอ่ ใหเ้ กิดควำมรำคำญ แนวทำงในกำรหลีกเลย่ี ง เปน็ มลพิษทำงเสียง เดซเิ บลเปน็ หนว่ ย และลดมลพิษทำงเสยี ง ท่ีบอกถงึ ควำมดังของเสียง สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พืน้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๐ ชนั้ ท่ี รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.5 21 ว 3.1 ป.5/1 เปรียบเทยี บควำมแตกต่ำง ของดำวเครำะหแ์ ละดำวฤกษ์ • ดำวทมี่ องเห็นบนท้องฟำอยู่ในอวกำศ 22 ว 3.1 ป.5/2 จำกแบบจำลอง ซึง่ เป็นบริเวณที่อยนู่ อกบรรยำกำศของโลก 23 ว 3.2 ป.5/1 ใช้แผนทดี่ ำวระบตุ ำแหน่ง และเส้นทำงกำรขน้ึ และตก มีทั้งดำวฤกษ์และดำวเครำะห์ ดำวฤกษ์ 24 ว 3.2 ป.5/2 ของกลุม่ ดำวฤกษ์บนท้องฟำ และอธบิ ำยแบบรปู เส้นทำง เปน็ แหล่งกำเนิดแสงจึงสำมำรถมองเห็นได้ กำรข้นึ และตกของกล่มุ ดำวฤกษ์ บนทอ้ งฟำในรอบปี สว่ นดำวเครำะห์ไม่ใชแ่ หลง่ กำเนดิ แสง เปรียบเทียบปรมิ ำณน้ำ แต่สำมำรถมองเห็นได้เน่ืองจำกแสงจำก ในแต่ละแหล่ง และระบุ ปริมำณนำ้ ท่ีมนุษย์สำมำรถ ดวงอำทิตยต์ กกระทบดำวเครำะห์แลว้ นำมำใชป้ ระโยชนไ์ ด้ จำกขอ้ มูล ท่รี วบรวมได้ สะทอ้ นเขำ้ สู่ตำ ตระหนักถึงคณุ คำ่ ของน้ำ • กำรมองเห็นกล่มุ ดำวฤกษ์มีรูปรำ่ งตำ่ ง ๆ โดยนำเสนอแนวทำงกำรใชน้ ำ้ อย่ำงประหยดั และกำรอนุรักษ์น้ำ เกิดจำกจนิ ตนำกำรของผสู้ ังเกต กลุ่มดำวฤกษ์ตำ่ ง ๆ ที่ปรำกฏในทอ้ งฟำ แตล่ ะกลมุ่ มีดำวฤกษ์แต่ละดวงเรยี งกนั ทีต่ ำแหนง่ คงที่ และมีเส้นทำงกำรขึน้ และ ตกตำมเส้นทำงเดิมทุกคนื ซึง่ จะปรำกฏ ตำแหนง่ เดิม กำรสงั เกตตำแหน่งและ กำรขน้ึ และตกของดำวฤกษ์และกลุม่ ดำวฤกษ์สำมำรถทำไดโ้ ดยใช้แผนท่ีดำว ซงึ่ ระบุมุมทศิ และมุมเงยท่ีกลุ่มดำวนน้ั ปรำกฏ ผู้สังเกตสำมำรถใชม้ ือในกำร ประมำณคำ่ ของมุมเงยเมอื่ สังเกตดำว ในทอ้ งฟำ • โลกมที งั้ น้ำจืดและนำ้ เคม็ ซ่ึงอยใู่ นแหล่งน้ำ ตำ่ ง ๆ ท่ีมที งั้ แหล่งนำ้ ผิวดนิ เชน่ ทะเล มหำสมุทร บงึ แมน่ ้ำ และแหลง่ น้ำใตด้ นิ เช่น นำ้ ในดิน และน้ำบำดำล น้ำทงั้ หมด ของโลก แบง่ เป็นน้ำเค็มประมำณร้อยละ 97.5 ซึง่ อยใู่ นมหำสมุทรและแหลง่ น้ำอื่น ๆ และท่เี หลืออกี ประมำณร้อยละ 2.5 เปน็ น้ำจดื ถำ้ เรียงลำดบั ปริมำณน้ำจดื จำกมำกไปน้อยจะอยทู่ ่ี ธำรน้ำแข็ง และพืดน้ำแข็ง นำ้ ใตด้ นิ ช้ันดินเยือกแขง็ คงตัวและน้ำแขง็ ใต้ดนิ ทะเลสำบ ควำมช้ืนในดิน ควำมชนื้ ในบรรยำกำศ บงึ แมน่ ำ้ และน้ำในสงิ่ มีชีวติ • นำ้ จืดท่ีมนุษยน์ ำมำใช้ไดม้ ีปรมิ ำณน้อยมำก จึงควรใช้นำ้ อย่ำงประหยัดและรว่ มกัน อนุรักษ์น้ำ สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พ้ืนฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๑ ชนั้ ท่ี รหสั ตวั ช้ีวดั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.5 25 ว 3.2 ป.5/3 สร้ำงแบบจำลองที่อธบิ ำย • วฏั จกั รนำ้ เปน็ กำรหมนุ เวยี นของนำ้ กำรหมนุ เวยี นของน้ำในวัฏจักรน้ำ ทม่ี ีแบบรูปซ้ำเดิม และต่อเน่ืองระหวำ่ งน้ำ ในบรรยำกำศ นำ้ ผิวดนิ และนำ้ ใต้ดิน โดยพฤติกรรมกำรดำรงชวี ิตของพืชและ สัตว์สง่ ผลต่อวฏั จักรนำ้ 26 ว 3.2 ป.5/4 เปรียบเทียบกระบวนกำรเกิดเม • ไอน้ำในอำกำศจะควบแน่นเป็นละอองนำ้ หมอก น้ำค้ำง และน้ำค้ำงแข็ง เล็ก ๆ โดยมีละอองลอย เชน่ เกลอื จำกแบบจำลอง นุ ละออง ละอองเรณูของดอกไม้ เปน็ อนุภำคแกนกลำง เม่ือละอองน้ำ จำนวนมำกเกำะกลุ่มรวมกนั ลอยอยูส่ ูง จำกพ้นื ดินมำก เรยี กว่ำ เม แตล่ ะอองน้ำ ที่เกำะกลุ่มรวมกนั อยู่ใกล้พน้ื ดนิ เรียกวำ่ หมอก ส่วนไอนำ้ ที่ควบแนน่ เปน็ ละอองนำ้ เกำะอยู่บนพ้นื ผวิ วตั ถใุ กลพ้ ืน้ ดิน เรียกว่ำ น้ำคำ้ ง ถ้ำอุณหภูมิใกล้พน้ื ดินตำ่ กว่ำจดุ เยอื กแขง็ น้ำค้ำงก็จะกลำยเป็นนำ้ ค้ำงแข็ง 27 ว 3.2 ป.5/5 เปรียบเทยี บกระบวนกำรเกิด น • น หิมะ ลูกเห็บ เปน็ หยำดน้ำฟำซ่ึงเป็นน้ำ หมิ ะ และลูกเหบ็ จำกข้อมลู ทม่ี สี ถำนะต่ำง ๆ ที่ตกจำกฟำถงึ พื้นดนิ ที่รวบรวมได้ นเกดิ จำกละอองน้ำในเม ท่ีรวมตวั กัน จนอำกำศไม่สำมำรถพยุงไว้ได้จึงตกลงมำ หิมะเกิดจำกไอนำ้ ในอำกำศระเหิดกลับ เป็นผลึกน้ำแข็ง รวมตวั กันจนมนี ้ำหนักมำกขึน้ จนเกินกวำ่ อำกำศจะพยุงไวจ้ ึงตกลงมำ ลกู เห็บเกิดจำกหยดน้ำที่เปลย่ี นสถำนะ เปน็ นำ้ แข็ง แล้วถูกพำยุพัดวนซ้ำไปซำ้ มำ ในเม นฟำคะนองทมี่ ีขนำดใหญแ่ ละอยู่ ในระดบั สูงจนเป็นก้อนน้ำแขง็ ขนำดใหญ่ ขึ้นแล้วตกลงมำ 28 ว 4.2 ป.5/1 ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในกำรแกป้ ัญหำ • กำรใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะเปน็ กำรนำกฎเกณฑ์ กำรอธิบำย กำรทำงำน กำรคำดกำรณ์ หรอื เงอื่ นไขท่คี รอบคลมุ ทุกกรณี ผลลัพธ์จำกปญั หำอย่ำงงำ่ ย มำใช้พิจำรณำในกำรแกป้ ัญหำ กำรอธิบำย กำรทำงำน หรือกำรคำดกำรณผ์ ลลัพธ์ • สถำนะเร่มิ ต้นของกำรทำงำนท่ีแตกตำ่ งกัน จะใหผ้ ลลพั ธ์ท่ีแตกต่ำงกนั • ตัวอย่ำงปัญหำ เช่น เกม Sudoku โปรแกรมทำนำยตัวเลข โปรแกรมสรำ้ ง รูปเรขำคณิตตำมค่ำข้อมลู เข้ำ กำรจัดลำดับ กำรทำงำนบ้ำนในช่วงวนั หยุด จดั วำงของ ในครวั สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พืน้ ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๘๒ ชนั้ ที่ รหัสตัวชี้วัด ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.5 29 ว 4.2 ป.5/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรม • กำรออกแบบโปรแกรมสำมำรถทำได้โดย ท่ีมีกำรใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะอยำ่ งงำ่ ย เขยี นเปน็ ข้อควำมหรือผังงำน ตรวจหำข้อผดิ พลำดและแกไ้ ข • กำรออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมี กำรตรวจสอบเง่ือนไขที่ครอบคลมุ ทุกกรณี เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ท่ีถูกต้องตำมควำมต้องกำร • หำกมีข้อผิดพลำดใหต้ รวจสอบกำรทำงำน ทลี ะคำสง่ั เมื่อพบจุดท่ีทำใหผ้ ลลัพธ์ ไมถ่ ูกต้องให้ทำกำรแก้ไขจนกวำ่ จะได้ ผลลพั ธท์ ถี่ ูกต้อง •กำร กตรวจหำข้อผดิ พลำดจำกโปรแกรม ของผอู้ ่ืน จะชว่ ยพั นำทักษะกำรหำสำเหตุ ของปัญหำไดด้ ยี ่ิงขนึ้ • ตัวอย่ำงโปรแกรม เชน่ โปรแกรม ตรวจสอบเลขคเู่ ลขค่ี โปรแกรมรับข้อมูล น้ำหนกั หรือส่วนสูง แลว้ แสดงผลควำม สมสว่ นของร่ำงกำย โปรแกรมสั่งใหต้ ัวละคร ทำตำมเง่ือนไขที่กำหนด • ซอฟต์แวร์ท่ีใชใ้ นกำรเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, Logo 30 ว 4.2 ป.5/3 ใช้อินเทอรเ์ น็ตค้นหำขอ้ มูล • กำรค้นหำข้อมลู ในอินเทอรเ์ นต็ ติดต่อส่อื สำรและทำงำนร่วมกัน และกำรพิจำรณำผลกำรค้นหำ ประเมินควำมน่ำเช่ือถือของข้อมูล • กำรติดตอ่ ส่ือสำรผำ่ นอินเทอร์เนต็ เช่น อีเมล บลอ็ ก โปรแกรมสนทนำ • กำรเขียนจดหมำย บรู ณำกำรกบั วิชำ ภำษำไทย) • กำรใชอ้ ินเทอร์เนต็ ในกำรติดต่อสือ่ สำร และทำงำนรว่ มกัน เช่น ใชน้ ัดหมำย ในกำรประชมุ กลมุ่ ประชำสมั พนั ธ์ กิจกรรมในห้องเรยี น กำรแลกเปลี่ยน ควำมรู้ ควำมคดิ เห็นในกำรเรียนภำยใต้ กำรดูแลของครู • กำรประเมินควำมนำ่ เช่ือถอื ของขอ้ มูล เชน่ เปรียบเทยี บควำมสอดคลอ้ ง สมบรู ณ์ของข้อมูลจำกหลำยแหลง่ แหลง่ ต้นตอของข้อมูล ผู้เขียน วนั ท่ี เผยแพร่ข้อมูล • ข้อมลู ทีด่ ตี ้องมรี ำยละเอียดครบทุกด้ำน เช่น ข้อดแี ละขอ้ เสีย ประโยชน์และโทษ สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขนั้ พ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๘๓ ชน้ั ที่ รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.5 31 ว 4.2 ป.5/4 รวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมูล • กำรรวบรวมข้อมลู ประมวลผล และสำรสนเทศตำมวัตถุประสงค์ สร้ำงทำงเลอื ก ประเมนิ ผล จะทำให้ โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือบริกำร ไดส้ ำรสนเทศเพอื่ ใชใ้ นกำรแก้ปัญหำ บนอินเทอร์เน็ตทหี่ ลำกหลำย หรือกำรตัดสนิ ใจได้อย่ำงมีประสทิ ธภิ ำพ เพือ่ แกป้ ัญหำในชีวิตประจำวนั • กำรใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รอื บริกำรบน อนิ เทอรเ์ นต็ ทหี่ ลำกหลำยในกำรรวบรวม ประมวลผล สรำ้ งทำงเลอื ก ประเมนิ ผล นำเสนอ จะช่วยให้กำรแกป้ ญั หำทำได้ อยำ่ งรวดเร็ว ถกู ต้องและแม่นยำ • ตวั อยำ่ งปญั หำ เชน่ ถ่ำยภำพและสำรวจ แผนท่ีในท้องถน่ิ เพื่อนำเสนอแนวทำง ในกำรจัดกำรพืน้ ทวี่ ำ่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ ทำแบบสำรวจควำมคิดเห็นออนไลน์ และ วิเครำะหข์ ้อมลู นำเสนอข้อมูลโดยกำรใช้ blog หรอื web page 32 ว 4.2 ป.5/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ • อันตรำยจำกกำรใช้งำนและอำชญำกรรม อยำ่ งปลอดภยั มีมำรยำท ทำงอินเทอรเ์ นต็ เขำ้ ใจสิทธิและหน้ำทขี่ องตน • มำรยำทในกำรติดต่อสื่อสำรผ่ำน เคำรพในสิทธขิ องผู้อ่นื อนิ เทอรเ์ น็ต บรู ณำกำรกับวชิ ำท่ีเก่ียวข้อง) แจ้งผเู้ กี่ยวขอ้ งเมื่อพบขอ้ มูลหรอื บคุ คลที่ไม่เหมำะสม รวม 32 ตัวชี้วดั 24 8 สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๘๔ ชั้น ที่ รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 1 ว 1.2 ป.6/1 ว 1.2 ป.6/2 ระบุสำรอำหำรและบอกประโยชน์ • สำรอำหำรท่อี ยใู่ นอำหำรมี 6 ประเภท 2 ว 1.2 ป.6/3 3 ของสำรอำหำรแตล่ ะประเภทจำก ไดแ้ ก่ คำรโ์ บไฮเดรต โปรตนี ไขมนั ว 1.2 ป.6/4 4 ว 1.2 ป.6/5 อำหำรทตี่ นเองรับประทำน เกลือแร่ วิตำมิน และนำ้ 5 บอกแนวทำงในกำรเลอื ก • อำหำรแตล่ ะชนดิ ประกอบด้วยสำรอำหำร รับประทำนอำหำร ให้ไดส้ ำรอำหำร ทีแ่ ตกต่ำงกนั อำหำรบำงอยำ่ งประกอบด้วย ครบถว้ น ในสัดสว่ นทีเ่ หมำะสมกบั สำรอำหำรประเภทเดยี ว อำหำรบำงอยำ่ ง เพศและวัย รวมท้ังควำมปลอดภัยต่อ ประกอบดว้ ยสำรอำหำรมำกกว่ำหนึ่งประเภท สขุ ภำพ • สำรอำหำรแตล่ ะประเภทมีประโยชนต์ อ่ ตระหนกั ถึงควำมสำคญั ของ ร่ำงกำยแตกต่ำงกัน โดยคำรโ์ บไฮเดรต สำรอำหำร โดยกำรเลอื ก โปรตนี และไขมันเป็นสำรอำหำรทใี่ ห้ รบั ประทำนอำหำรท่ีมสี ำรอำหำร พลงั งำนแก่รำ่ งกำย สว่ นเกลอื แร่วติ ำมนิ ครบถ้วนในสัดส่วนท่เี หมำะสม และน้ำ เป็นสำรอำหำรทไ่ี มใ่ ห้พลังงำน กบั เพศและวัย รวมทัง้ ปลอดภัยตอ่ แก่รำ่ งกำย แตช่ ่วยให้ร่ำงกำยทำงำน สุขภำพ ไดเ้ ป็นปกติ • กำรรับประทำนอำหำร เพื่อให้รำ่ งกำย เจริญเติบโต มกี ำรเปลย่ี นแปลงของ ร่ำงกำยตำมเพศและวยั และมสี ขุ ภำพดี จำเป็นตอ้ งรับประทำนให้ได้พลังงำน เพยี งพอกับควำมต้องกำรของร่ำงกำย และให้ได้สำรอำหำรครบถว้ น ในสดั สว่ น ทเ่ี หมำะสมกบั เพศและวยั รวมท้ังต้อง คำนึงถงึ ชนดิ และปริมำณของวตั ถเุ จอื ปน ในอำหำรเพือ่ ควำมปลอดภัยต่อสุขภำพ สรำ้ งแบบจำลองระบบย่อยอำหำร • ระบบย่อยอำหำรประกอบดว้ ยอวยั วะตำ่ ง ๆ และบรรยำยหน้ำท่ีของอวยั วะ ได้แก่ ปำก หลอดอำหำร กระเพำะอำหำร ในระบบย่อยอำหำร รวมทั้ง ลำไส้เลก็ ลำไสใ้ หญ่ ทวำรหนัก ตบั และ อธิบำยกำรย่อยอำหำรและ ตับอ่อน ซึ่งทำหนำ้ ท่รี ว่ มกนั ในกำรยอ่ ย กำรดดู ซึมสำรอำหำร และดูดซมึ สำรอำหำร - ปำกมฟี นั ชว่ ยบดเคย้ี วอำหำรใหม้ ขี นำด ตระหนกั ถึงควำมสำคัญของ ระบบย่อยอำหำรโดยกำรบอก เล็กลงและมลี ิน้ ชว่ ยคลุกเคล้ำอำหำร แนวทำงในกำรดแู ลรกั ษำอวัยวะ กับน้ำลำย ในนำ้ ลำยมเี อนไซม์ย่อยแปง ในระบบย่อยอำหำรใหท้ ำงำน ใหเ้ ปน็ น้ำตำล เป็นปกติ - หลอดอำหำรทำหนำ้ ท่ีลำเลียงอำหำร จำกปำกไปยงั กระเพำะอำหำร ภำยในกระเพำะอำหำรมกี ำรย่อยโปรตนี โดยกรดและเอนไซมท์ ส่ี ร้ำงจำก กระเพำะอำหำร สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๕ ช้นั ที่ รหัสตัวช้ีวัด ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 - ลำไส้เลก็ มีเอนไซม์ท่ีสร้ำงจำก อธิบำยและเปรียบเทียบ ผนงั ลำไสเ้ ล็กเองและจำกตับอ่อนทช่ี ว่ ย 6 ว 2.1 ป.6/1 กำรแยกสำรผสม โดยกำรหยิบออก ยอ่ ยโปรตีน คำรโ์ บไฮเดรตและไขมัน กำรร่อน กำรใช้แม่เหล็กดึงดดู โดยโปรตนี คำร์โบไฮเดรต และไขมนั กำรรินออก กำรกรอง และ ทผี่ ่ำนกำรยอ่ ยจนเป็นสำรอำหำรขนำด กำรตกตะกอน โดยใช้หลกั ฐำน เลก็ พอท่จี ะดูดซมึ ได้ รวมถึงน้ำ เกลือแร่ เชงิ ประจกั ษ์ รวมทั้งระบุวธิ ี และวิตำมนิ จะถูกดดู ซมึ ทีผ่ นงั ลำไสเ้ ล็ก แก้ปญั หำในชวี ติ ประจำวัน เขำ้ สู่กระแสเลอื ดเพ่อื ลำเลยี งไปยัง เก่ียวกบั กำรแยกสำร ส่วนต่ำง ๆ ของร่ำงกำย ซึ่งโปรตีน คำรโ์ บไฮเดรต และไขมัน จะถกู นำไปใช้ เป็นแหล่งพลังงำนสำหรบั ใช้ในกจิ กรรม ตำ่ ง ๆ ส่วนนำ้ เกลือแร่ และวิตำมิน จะชว่ ยให้ร่ำงกำยทำงำนได้เป็นปกติ - ตับสรำ้ งน้ำดแี ลว้ สง่ มำยงั ลำไสเ้ ล็ก ชว่ ยให้ไขมันแตกตัว - ลำไส้ใหญ่ทำหน้ำทีด่ ูดน้ำและเกลือแร่ เป็นบรเิ วณท่มี ีอำหำรทยี่ ่อยไม่ได้ หรือยอ่ ยไม่หมดเป็นกำกอำหำร ซ่ึงจะถูกกำจดั ออกทำงทวำรหนกั • อวัยวะต่ำง ๆ ในระบบย่อยอำหำร มคี วำมสำคญั จึงควรปฏบิ ัตติ น ดแู ลรกั ษำ อวยั วะใหท้ ำงำนเปน็ ปกติ • สำรผสมประกอบดว้ ยสำรต้ังแต่ 2 ชนิด ขน้ึ ไปผสมกัน เช่น นำ้ มนั ผสมนำ้ ขำ้ วสำรปนกรวดทรำย วธิ กี ำรทีเ่ หมำะสม ในกำรแยกสำรผสมขน้ึ อยู่กบั ลักษณะและ สมบตั ิของสำรทผ่ี สมกนั ถ้ำองคป์ ระกอบ ของสำรผสมเป็นของแขง็ กับของแข็ง ที่มขี นำดแตกต่ำงกนั อย่ำงชดั เจน อำจใช้ วธิ กี ำรหยิบออก หรือกำรร่อนผำ่ นวสั ดุทีม่ รี ู ถำ้ มสี ำรใดสำรหนึ่งเปน็ สำรแมเ่ หล็ก อำจใช้วธิ กี ำรใชแ้ มเ่ หล็กดึงดูด ถ้ำองค์ประกอบเป็นของแข็งท่ีไม่ละลำย ในของเหลว อำจใชว้ ธิ ีกำรรนิ ออก กำรกรอง หรือกำรตกตะกอน ซ่ึงวิธีกำรแยกสำร สำมำรถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นวิตประจำวนั ได้ สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พ้ืนฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๘๖ ชั้น ท่ี รหัสตัวชี้วัด ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 7 ว 2.2 ป.6/1 อธบิ ำยกำรเกดิ และผลของ แรงไฟฟำซึ่งเกดิ จำกวตั ถุ • วัตถุ 2 ชนดิ ท่ีผำ่ นกำรขัดถูแลว้ 8 ว 2.3 ป.6/1 ทผี่ ำ่ นกำรขดั ถู โดยใช้หลกั ฐำน เมือ่ นำเข้ำใกล้กันอำจดึงดูดหรอื ผลักกนั 9 ว 2.3 ป.6/2 เชงิ ประจักษ์ แรงทเี่ กดิ ขึน้ นีเ้ ปน็ แรงไฟฟำ ซง่ึ เปน็ แรงไม่สัมผสั เกดิ ขึ้นระหว่ำงวัตถทุ มี่ ี 10 ว 2.3 ป.6/3 ระบสุ ่วนประกอบและบรรยำย ประจไุ ฟฟำ ซ่ึงประจุไฟฟำมี 2 ชนดิ คือ 11 ว 2.3 ป.6/4 หน้ำทขี่ องแตล่ ะสว่ นประกอบของ ประจไุ ฟฟำบวกและประจุไฟฟำลบ 12 ว 2.3 ป.6/5 วงจรไฟฟำอย่ำงง่ำย จำกหลกั ฐำน วัตถทุ ่ีมีประจุไฟฟำชนดิ เดียวกนั ผลักกัน 13 ว 2.3 ป.6/6 เชงิ ประจักษ์ ชนดิ ตรงขำ้ มกนั ดงึ ดดู กนั เขียนแผนภำพและต่อวงจรไฟฟำ อยำ่ งง่ำย • วงจรไฟฟำอยำ่ งง่ำยประกอบดว้ ย แหลง่ กำเนดิ ไฟฟำ สำยไฟฟำ และ ออกแบบกำรทดลองและทดลอง เครือ่ งใช้ไฟฟำหรอื อุปกรณ์ไฟฟำ ด้วยวิธที ีเ่ หมำะสมในกำรอธบิ ำย แหลง่ กำเนดิ ไฟฟำ เช่น ถ่ำนไฟฉำย วธิ กี ำรและผลของกำรต่อ หรอื แบตเตอร่ี ทำหน้ำท่ใี ห้พลังงำนไฟฟำ เซลล์ไฟฟำแบบอนุกรม สำยไฟฟำเป็นตวั นำไฟฟำ ทำหน้ำท่ี ตระหนกั ถึงประโยชน์ของควำมรู้ เชือ่ มตอ่ ระหว่ำงแหล่งกำเนิดไฟฟำและ ของกำรต่อเซลล์ไฟฟำแบบอนกุ รม เครื่องใช้ไฟฟำเข้ำด้วยกัน เครื่องใชไ้ ฟฟำ โดยบอกประโยชนแ์ ละกำรประยุกต์ใช้ มีหนำ้ ทีเ่ ปลี่ยนพลงั งำนไฟฟำเป็นพลังงำนอนื่ ในชวี ิตประจำวัน ออกแบบกำรทดลองและทดลอง • เม่ือนำเซลล์ไฟฟำหลำยเซลล์มำต่อเรียงกัน ด้วยวธิ ที เ่ี หมำะสมในกำรอธิบำย โดยใหข้ วั้ บวกของเซลลไ์ ฟฟำเซลลห์ นึง่ กำรตอ่ หลอดไฟฟำแบบอนุกรม ต่อกบั ขัว้ ลบของอีกเซลล์หนงึ่ เป็นกำรตอ่ และแบบขนำน แบบอนกุ รม ทำให้มพี ลงั งำนไฟฟำเหมำะสม ตระหนักถึงประโยชน์ของควำมรู้ กบั เคร่ืองใช้ไฟฟำ ซ่ึงกำรต่อเซลล์ไฟฟำ ของกำรตอ่ หลอดไฟฟำแบบ แบบอนกุ รมสำมำรถนำไปใช้ประโยชน์ อนกุ รมและแบบขนำน ในชีวติ ประจำวนั เช่น กำรต่อเซลลไ์ ฟฟำ โดยบอกประโยชน์ ข้อจำกัด และ ในไฟฉำย กำรประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจำวนั • กำรตอ่ หลอดไฟฟำแบบอนุกรม เมอื่ ถอดหลอดไฟฟำดวงใดดวงหนึ่งออก ทำใหห้ ลอดไฟฟำที่เหลือดับท้ังหมด สว่ นกำรตอ่ หลอดไฟฟำแบบขนำน เมื่อถอดหลอดไฟฟำดวงใดดวงหน่งึ ออก หลอดไฟฟำที่เหลอื ก็ยังสว่ำงได้ กำรต่อหลอดไฟฟำแต่ละแบบสำมำรถ นำไปใช้ประโยชนไ์ ด้ เชน่ กำรต่อหลอด ไฟฟำหลำยดวงในบำ้ นจงึ ต้องต่อหลอด ไฟฟำแบบขนำน เพ่ือเลอื กใช้หลอดไฟฟำ ดวงใดดวงหนึ่งได้ตำมต้องกำร สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพนื้ ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๗ ช้นั ท่ี รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 14 ว 2.3 ป.6/7 อธิบำยกำรเกิดเงำมืดเงำมัว • เมื่อนำวตั ถุทึบแสงมำกน้ั แสงจะเกิดเงำ จำกหลักฐำนเชิงประจักษ์ บนฉำกรับแสงท่ีอยดู่ ำ้ นหลงั วัตถุ 15 ว 2.3 ป.6/8 เขยี นแผนภำพรงั สีของแสง โดยเงำมีรูปร่ำงคล้ำยวัตถุที่ทำให้เกดิ เงำ 16 ว 3.1 ป.6/1 แสดงกำรเกิดเงำมืดเงำมวั เงำมัวเปน็ บริเวณทม่ี ีแสงบำงสว่ นตกลง บนฉำก ส่วนเงำมดื เป็นบริเวณทีไ่ มม่ ีแสง 17 ว 3.1 ป.6/2 สรำ้ งแบบจำลองที่อธิบำย ตกลงบนฉำกเลย กำรเกิด และเปรียบเทยี บ • เมอื่ โลกและดวงจันทร์โคจรมำอยใู่ น ปรำกฏกำรณ์สรุ ยิ ุปรำคำ แนวเส้นตรงเดยี วกนั กับดวงอำทิตย์ และจันทรุปรำคำ ในระยะทำงที่เหมำะสม ทำให้ดวงจันทร์ บงั ดวงอำทิตย์ เงำของดวงจันทร์ทอดมำยงั อธิบำยพั นำกำรของเทคโนโลยี โลก ผู้สงั เกตทีอ่ ยู่บรเิ วณเงำจะมองเห็น อวกำศ และยกตวั อย่ำงกำรนำ ดวงอำทิตย์มดื ไป เกดิ ปรำกฏกำรณ์ เทคโนโลยีอวกำศมำใช้ประโยชน์ สรุ ยิ ปุ รำคำ ซงึ่ มีทั้งสรุ ิยุปรำคำเต็มดวง ในชวี ติ ประจำวนั จำกข้อมลู สุรยิ ุปรำคำบำงส่วน และสรุ ิยุปรำคำวงแหวน ที่รวบรวมได้ • หำกดวงจันทรแ์ ละโลกโคจรมำอย่ใู น แนวเส้นตรงเดยี วกันกับดวงอำทิตย์ แลว้ ดวงจนั ทร์เคลอ่ื นทผ่ี ่ำนเงำของโลก จะมองเหน็ ดวงจันทร์มดื ไปเกิด ปรำกฏกำรณจ์ นั ทรปุ รำคำ ซึ่งมที งั้ จันทรุปรำคำเต็มดวง และจันทรุปรำคำ บำงส่วน • เทคโนโลยอี วกำศเรมิ่ จำกควำมต้องกำร ของมนุษย์ในกำรสำรวจวตั ถุท้องฟำ โดยใช้ตำเปลำ่ กล้องโทรทรรศน์ และได้พั นำไปส่กู ำรขนส่งเพื่อสำรวจ อวกำศ ดว้ ยจรวดและยำนขนส่งอวกำศ และยงั คงพั นำอย่ำงต่อเนื่อง ปจั จุบัน มีกำรนำเทคโนโลยีอวกำศบำงประเภท มำประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน เช่น กำรใชด้ ำวเทียมเพอื่ กำรสือ่ สำร กำรพยำกรณ์อำกำศ หรอื กำรสำรวจ ทรัพยำกรธรรมชำติ กำรใชอ้ ุปกรณ์วดั ชพี จรและกำรเต้นของหัวใจ หมวกนิรภัย ชดุ กีฬำ สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้นื ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๘ ชั้น ที่ รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 18 ว 3.2 ป.6/1 เปรียบเทียบกระบวนกำรเกิด • หนิ เปน็ วสั ดุแขง็ เกดิ ขนึ้ เองตำมธรรมชำติ หินอคั นี หินตะกอน และ ประกอบด้วย แรต่ ัง้ แตห่ นงึ่ ชนดิ ขึน้ ไป หนิ แปร และอธิบำยวฏั จักรหิน สำมำรถจำแนกหินตำมกระบวนกำรเกิด จำกแบบจำลอง ไดเ้ ปน็ 3 ประเภท ได้แก่ หินอคั นี หนิ ตะกอน และหินแปร 19 ว 3.2 ป.6/2 บรรยำยและยกตัวอย่ำง • หินอคั นเี กิดจำกกำรเย็นตัวของแมกมำ กำรใช้ประโยชนข์ องหนิ และแร่ เนอ้ื หินมีลักษณะเปน็ ผลึก ท้ังผลกึ ขนำด ในชวี ิตประจำวนั จำกขอ้ มูล ใหญ่และขนำดเลก็ บำงชนดิ อำจเปน็ ที่รวบรวมได้ เนื้อแก้วหรือมรี ูพรนุ • หินตะกอน เกดิ จำกกำรทับถมของตะกอน เมอ่ื ถูกแรงกดทบั และมีสำรเชื่อมประสำน จึงเกิดเป็นหนิ เนอ้ื หนิ กลมุ่ น้สี ่วนใหญ่ มลี กั ษณะเป็นเม็ดตะกอน มที ้ังเน้ือหยำบ และเนอื้ ละเอียด บำงชนดิ เป็นเนือ้ ผลึก ทย่ี ึดเกำะกนั เกิดจำกกำรตกผลกึ หรือ ตกตะกอนจำกนำ้ โดยเฉพำะน้ำทะเล บำงชนิดมีลักษณะเปน็ ชนั้ ๆ จึงเรียก อกี ชือ่ ว่ำ หนิ ช้นั • หนิ แปร เกิดจำกกำรแปรสภำพของหินเดิม ซึง่ อำจเป็นหินอัคนีหินตะกอน หรือหินแปร โดยกำรกระทำของควำมร้อน ควำมดนั และปฏิกริ ิยำเคมเี น้อื หินของหนิ แปร บำงชนิดผลกึ ของแรเ่ รยี งตวั ขนำนกัน เป็นแถบ บำงชนดิ แซะออกเป็นแผ่นได้ บำงชนิดเป็นเนือ้ ผลึกท่ีมคี วำมแขง็ มำก • หนิ ในธรรมชำติท้ัง 3 ประเภท มกี ำรเปลีย่ นแปลงจำกประเภทหน่งึ ไปเป็นอีกประเภทหนึ่ง หรือประเภทเดิมได้ โดยมแี บบรปู กำรเปลย่ี นแปลงคงท่ีและ ตอ่ เน่ืองเปน็ วฏั จักร • หนิ และแร่แต่ละชนิดมีลักษณะและสมบตั ิ แตกต่ำงกัน มนษุ ย์ใชป้ ระโยชนจ์ ำกแร่ ในชวี ิตประจำวนั ในลักษณะต่ำง ๆ เชน่ นำแรม่ ำทำเคร่ืองสำอำง ยำสีฟัน เครอื่ งประดบั อุปกรณ์ทำงกำรแพทย์ และนำหินมำใช้ในงำนก่อสรำ้ งต่ำง ๆ เป็นตน้ สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พ้นื ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘๙ ช้ัน ท่ี รหสั ตัวชี้วดั ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 20 ว 3.2 ป.6/3 สร้ำงแบบจำลองทอี่ ธิบำย • ซำกดกึ ดำบรรพเ์ กิดจำกกำรทับถม 21 ว 3.2 ป.6/4 หรือกำรประทับรอยของสิ่งมีชีวติ ในอดตี 22 ว 3.2 ป.6/5 กำรเกิดซำกดึกดำบรรพ์และ จนเกดิ เป็นโครงสร้ำงของซำกหรอื ร่องรอย ของส่ิงมชี วี ิตทป่ี รำกฏอยู่ในหนิ คำดคะเนสภำพแวดลอ้ ม ในประเทศไทยพบซำกดึกดำบรรพ์ ในอดีตของซำกดึกดำบรรพ์ ทหี่ ลำกหลำย เช่น พชื ปะกำรงั หอย ปลำ เต่ำ ไดโนเสำร์ และรอยตีนสัตว์ • ซำกดึกดำบรรพส์ ำมำรถใช้เป็นหลักฐำนหน่งึ ทชี่ ว่ ยอธบิ ำยสภำพแวดลอ้ มของพื้นที่ ในอดตี ขณะเกิดสิง่ มชี ีวติ นนั้ เช่น หำกพบซำกดึกดำบรรพ์ของหอยนำ้ จดื สภำพแวดล้อมบริเวณน้ันอำจเคยเป็น แหลง่ น้ำจืดมำก่อน และหำกพบซำก ดกึ ดำบรรพ์ของพชื สภำพแวดล้อมบริเวณ นั้นอำจเคยเปน็ ปำมำก่อน นอกจำกนี้ ซำกดึกดำบรรพย์ ังสำมำรถใช้ระบุอำยุ ของหิน และเป็นข้อมูลในกำรศึกษำ วิวั นำกำรของสิ่งมีชวี ติ • ลมบก ลมทะเล และมรสุม เกิดจำกพ้ืนดิน เปรยี บเทยี บกำรเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสุม รวมทั้งอธิบำย และพ้ืนน้ำ ร้อนและเยน็ ไมเ่ ท่ำกันทำให้ ผลที่มีต่อสิง่ มชี ีวิตและสิง่ แวดล้อม อุณหภูมิอำกำศเหนือพน้ื ดินและพ้ืนน้ำ แตกตำ่ งกนั จงึ เกิดกำรเคล่ือนทข่ี อง จำกแบบจำลอง อำกำศจำกบรเิ วณทม่ี ีอุณหภูมิต่ำไปยงั บริเวณท่ีมีอุณหภูมสิ งู • ลมบกและลมทะเลเปน็ ลมประจำถ่ิน ท่พี บบริเวณชำย งั โดยลมบกเกิดในเวลำ กลำงคืน ทำให้มลี มพัดจำกชำย ังไปสู่ ทะเล ส่วนลมทะเลเกดิ ในเวลำกลำงวัน ทำให้มลี มพัดจำกทะเลเขำ้ สูช่ ำย งั อธบิ ำยผลของมรสมุ ต่อกำรเกิดฤดู • มรสมุ เปน็ ลมประจำฤดเู กดิ บริเวณเขตร้อน ของโลก ซง่ึ เปน็ บริเวณกว้ำงระดบั ภมู ิภำค ของประเทศไทย จำกข้อมูล ประเทศไทยไดร้ ับผลจำกมรสุม ตะวันออกเฉียงเหนอื ในช่วงประมำณ ทีร่ วบรวมได้ กลำงเดือนตลุ ำคมจนถึงเดือนกุมภำพันธ์ ทำให้เกิดฤดูหนำว และได้รับผลจำกมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใตใ้ นชว่ งประมำณ กลำงเดอื นพฤษภำคมจนถงึ กลำงเดอื น ตุลำคมทำใหเ้ กิดฤดู น สว่ นชว่ งประมำณ กลำงเดือนกุมภำพนั ธ์จนถงึ กลำงเดือน พฤษภำคมเปน็ ช่วงเปลีย่ นมรสุมและ ประเทศไทยอยใู่ กล้เสน้ ศนู ยส์ ูตร สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๙๐ ช้นั ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 แสงอำทติ ย์เกือบตงั้ ตรงและต้ังตรง ประเทศไทยในเวลำเท่ียงวัน ทำใหไ้ ดร้ ับ ควำมรอ้ นจำกดวงอำทติ ย์อย่ำงเต็มท่ี อำกำศจงึ รอ้ นอบอ้ำวทำให้เกิดฤดูร้อน 23 ว 3.2 ป.6/6 บรรยำยลักษณะและผลกระทบ • น้ำท่วม กำรกดั เซำะชำย งั ดินถลม่ ของนำ้ ท่วมกำรกัดเซำะชำย งั ดนิ แผ่นดนิ ไหวและสนึ ำมิ มผี ลกระทบต่อชีวติ ถล่ม แผน่ ดินไหว สึนำมิ และสิ่งแวดล้อมแตกต่ำงกัน 24 ว 3.2 ป.6/7 ตระหนกั ถึงผลกระทบของภยั • มนษุ ยค์ วรเรียนร้วู ิธีปฏิบัติตนใหป้ ลอดภยั ธรรมชำติและธรณีพิบตั ิภัย เช่น ตดิ ตำมข่ำวสำรอยำ่ งสม่ำเสมอ โดยนำเสนอแนวทำงในกำร เตรียมถงุ ยงั ชีพใหพ้ ร้อมใช้ตลอดเวลำ เ ำระวงั และปฏิบัติตนให้ และปฏิบตั ิตำมคำสงั่ ของผปู้ กครอง ปลอดภัยจำกภยั ธรรมชำติ และเจำ้ หนำ้ ท่ีอยำ่ งเครง่ ครัดเมื่อเกิดภยั และธรณีพบิ ัติภัยที่อำจเกดิ ธรรมชำติและธรณีพิบัติภัย ในท้องถิน่ 25 ว 3.2 ป.6/8 สรำ้ งแบบจำลองทีอ่ ธบิ ำยกำรเกิด • ปรำกฏกำรณเ์ รอื นกระจกเกิดจำก 26 ว 3.2 ป.6/9 ปรำกฏกำรณ์เรือนกระจก และผล แกส๊ เรอื นกระจกในช้ันบรรยำกำศของโลก ของปรำกฏกำรณ์เรอื นกระจก กักเก็บควำมร้อนแล้วคำยควำมร้อน ต่อสิ่งมชี วี ิต บำงสว่ นกลับสผู่ ิวโลก ทำให้อำกำศบนโลก มอี ณุ หภมู เิ หมำะสมตอ่ กำรดำรงชวี ติ ตระหนกั ถึงผลกระทบของ • หำกปรำกฏกำรณ์เรือนกระจกรนุ แรงมำกขึน้ ปรำกฏกำรณเ์ รือนกระจก จะมผี ลตอ่ กำรเปลี่ยนแปลงภูมอิ ำกำศโลก โดยนำเสนอแนวทำงกำรปฏิบัตติ น มนุษย์จงึ ควรร่วมกันลดกิจกรรมที่ก่อใหเ้ กิด เพอื่ ลดกิจกรรมทีก่ ่อใหเ้ กิดแก๊ส แกส๊ เรือนกระจก เรอื นกระจก 27 ว 4.2 ป.6/1 ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ • กำรแกป้ ัญหำอยำ่ งเปน็ ข้ันตอนจะชว่ ยให้ ในกำรอธิบำยและออกแบบวิธีกำร แกป้ ัญหำไดอ้ ย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพ แกป้ ัญหำท่ีพบ • กำรใช้เหตุผลเชิงตรรกะเปน็ กำรนำ ในชวี ิตประจำวัน กฎเกณฑ์ หรือเง่ือนไขท่ีครอบคลมุ ทกุ กรณี มำใช้พจิ ำรณำในกำรแก้ปัญหำ • แนวคิดของกำรทำงำนแบบวนซำ้ และ เง่อื นไข • กำรพิจำรณำกระบวนกำรทำงำน ทีม่ ีกำรทำงำนแบบวนซำ้ หรือเงื่อนไข เปน็ วธิ ีกำรทจ่ี ะช่วยใหอ้ อกแบบวิธกี ำร แก้ปัญหำเป็นไปอย่ำงมปี ระสิทธิภำพ • ตัวอย่ำงปัญหำ เชน่ กำรคน้ หำเลขหน้ำท่ี ตอ้ งกำรให้เรว็ ท่สี ดุ กำรทำยเลข 1 - 1,000,000 โดยตอบใหถ้ กู ภำยใน 20 คำถำม กำรคำนวณเวลำในกำรเดินทำง โดยคำนงึ ถึงระยะทำง เวลำ จดุ หยดุ พัก สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พื้นฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๙๑ ชน้ั ที่ รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 28 ว 4.2 ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรม • กำรออกแบบโปรแกรมสำมำรถทำไดโ้ ดย 29 ว 4.2 ป.6/3 อย่ำงง่ำย เพอ่ื ใชแ้ ก้ปญั หำ เขียนเปน็ ข้อควำมหรือผังงำน ในชวี ิตประจำวัน ตรวจหำ • กำรออกแบบและเขยี นโปรแกรมทีม่ ีกำรใช้ 30 ว 4.2 ป.6/4 ขอ้ ผิดพลำดของโปรแกรมและแกไ้ ข ตวั แปร กำรวนซำ้ กำรตรวจสอบเง่ือนไข • หำกมขี ้อผดิ พลำดให้ตรวจสอบกำรทำงำน ทีละคำส่งั เมื่อพบจุดท่ีทำใหผ้ ลลพั ธ์ ไมถ่ ูกต้อง ใหท้ ำกำรแก้ไขจนกว่ำจะได้ ผลลพั ธท์ ถี่ ูกต้อง • กำร กตรวจหำขอ้ ผิดพลำดจำกโปรแกรม ของผู้อ่ืนจะช่วยพั นำทักษะกำรหำ สำเหตุของปัญหำได้ดียิ่งข้ึน • ตัวอย่ำงโปรแกรม เชน่ โปรแกรมเกม โปรแกรมหำคำ่ ค.ร.น. เกม กพมิ พ์ • ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใช้ในกำรเขียนโปรแกรม เช่น Scratch, Logo ใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ในกำรคน้ หำข้อมลู • กำรค้นหำอย่ำงมีประสทิ ธิภำพ อยำ่ งมีประสิทธภิ ำพ เปน็ กำรค้นหำขอ้ มูลทไ่ี ด้ตรงตำม ควำมตอ้ งกำรในเวลำท่รี วดเร็วจำก แหล่งขอ้ มลู ทนี่ ่ำเชอื่ ถอื หลำยแหลง่ และ ขอ้ มูลมีควำมสอดคลอ้ งกัน • กำรใช้เทคนคิ กำรคน้ หำขัน้ สงู เช่น กำรใชต้ วั ดำเนนิ กำร กำรระบุรปู แบบ ของข้อมูล หรอื ชนดิ ของไฟล์ • กำรจัดลำดบั ผลลัพธจ์ ำกกำรคน้ หำ ของโปรแกรมคน้ หำ • กำรเรียบเรยี ง สรปุ สำระสำคัญ บูรณำกำรกับวชิ ำภำษำไทย) ใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ • อนั ตรำยจำกกำรใชง้ ำนและอำชญำกรรม ทำงำนรว่ มกนั อย่ำงปลอดภยั ทำงอินเทอร์เนต็ แนวทำงในกำรปองกนั เขำ้ ใจสิทธแิ ละหน้ำท่ขี องตน • วิธีกำหนดรหัสผำ่ น เคำรพในสิทธิของผู้อน่ื • กำรกำหนดสทิ ธกิ ำรใช้งำน สิทธิในกำรเขำ้ ถงึ ) แจง้ ผูเ้ กี่ยวขอ้ งเม่ือพบขอ้ มูลหรือ • แนวทำงกำรตรวจสอบและปองกันมลั แวร์ บคุ คลท่ีไมเ่ หมำะสม • อันตรำยจำกกำรติดตง้ั ซอฟต์แวร์ ท่อี ยูบ่ นอินเทอรเ์ นต็ รวม 30 ตัวช้ีวัด 20 11 หมายเหตุ: ตวั ช้วี ัด ว 2.1 ป.6/1 มีลกั ษณะเฉพำะคอื เป็นทั้งตัวช้วี ัดต้องร้แู ละควรรู้ รำยละเอยี ดดังนี้ ต้องรู้ : กำรหยิบออก กำรร่อน กำรใชแ้ มเ่ หล็กดึงดดู กำรรินออก กำรกรอง กำรตกตะกอน ควรรู้ : วิธแี กป้ ญั หำในชวี ติ ประจำวนั เก่ียวกบั กำรแยกสำร เป็นเนอ้ื หำที่ประยุกตใ์ ช้ควำมรูจ้ ำกท่เี รยี นมำแล้ว ไปแกป้ ัญหำ ครอู ำจจดั เป็นกิจกรรมเสรมิ เพื่อให้นักเรียนได้นำควำมรทู้ ีเ่ รยี นมำแล้วมำใช้ สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พนื้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๙๒ ตวั ชีว้ ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลางต้องรู้และควรรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ช้ัน ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 1 ว 1.2 ม.1/1 เปรียบเทียบรปู ร่ำง ลักษณะ • เซลล์เปน็ หน่วยพืน้ ฐำนของส่งิ มีชวี ิต และโครงสรำ้ งของเซลล์พชื และ สง่ิ มชี ีวิตบำงชนดิ มีเซลล์เพียงเซลล์เดียว เซลล์สัตว์ รวมทั้งบรรยำยหนำ้ ท่ี เชน่ อะมีบำ พำรำมีเซยี ม ยสี ต์ บำงชนดิ มี ของผนังเซลล์ เย่ือห้มุ เซลล์ หลำยเซลล์ เชน่ พชื สัตว์ ไซโทพลำสซึม นวิ เคลียส • โครงสรำ้ งพน้ื ฐำนท่ีพบทั้งในเซลลพ์ ชื และ แวคิวโอล ไมโทคอนเดรีย และ สัตว์และสำมำรถสงั เกตได้ด้วยกลอ้ ง คลอโรพลำสต์ จุลทรรศนใ์ ช้แสง ได้แก่ เย่ือหุ้มเซลล์ ไซโทพลำสซึม และนิวเคลียส โครงสรำ้ งที่ 2 ว 1.2 ม.1/2 ใชก้ ล้องจลุ ทรรศน์ใชแ้ สงศึกษำ พบในเซลล์พืชแตไ่ ม่พบในเซลล์สัตว์ ได้แก่ เซลล์และโครงสร้ำงต่ำง ๆ ผนังเซลลแ์ ละคลอโรพลำสต์ ภำยในเซลล์ • โครงสร้ำงต่ำง ๆ ของเซลล์มีหน้ำที่ แตกต่ำงกนั - ผนังเซลล์ ท หนำ้ ทีใ่ ห้ควำมแขง็ แรงแก่ เซลล์ - เยอื่ หุม้ เซลล์ ท หน้ำท่ีห่อหมุ้ เซลล์และ ควบคมุ กำรล เลยี งสำรเขำ้ และออกจำก เซลล์ - นิวเคลียส ท หนำ้ ทคี่ วบคุมกำรท งำน ของเซลล์ - ไซโทพลำสซึม มีออร์แกเนลล์ทท่ี หน้ำที่ แตกต่ำงกนั - แวควิ โอล ท หน้ำท่ีเก็บน้ และสำรต่ำง ๆ - ไมโทคอนเดรีย ท หน้ำทีเ่ กย่ี วกบั กำรสลำยสำรอำหำรเพื่อให้ได้พลังงำน แก่เซลล์ - คลอโรพลำสต์ เป็นแหล่งท่เี กิด กำรสังเครำะห์ด้วยแสง ส หรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

๙๓ ชนั้ ที่ รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 3 ว 1.2 ม.1/3 อธิบำยควำมสัมพันธ์ระหว่ำง • เซลลข์ องส่ิงมชี วี ติ มีรปู รำ่ ง ลักษณะ รปู ร่ำงกับกำรท หนำ้ ท่ีของเซลล์ ท่ีหลำกหลำยและมีควำมเหมำะสมกบั หน้ำทข่ี องเซลล์นนั้ เชน่ เซลล์ประสำท ส่วนใหญ่ มีเส้นใยประสำทเป็นแขนงยำว น กระแสประสำทไปยงั เซลล์อ่ืน ๆ ท่ีอยไู่ กลออกไป เซลลข์ นรำก เป็นเซลลผ์ ิว ของรำกทม่ี ผี นังเซลล์และเย่ือหุม้ เซลลย์ ืน่ ยำวออกมำลกั ษณะคลำ้ ยขนเสน้ เลก็ ๆ เพ่อื เพ่ิมพื้นท่ผี ิวในกำรดูดน้ และธำตุ อำหำร 4 ว 1.2 ม.1/4 อธิบำยกำรจดั ระบบของสงิ่ มีชีวิต • พืชและสตั ว์เป็นส่งิ มีชีวิตหลำยเซลล์ โดยเร่มิ จำกเซลล์ เนอื้ เย่ือ มกี ำรจัดระบบ โดยเรม่ิ จำกเซลล์ไปเปน็ อวัยวะ ระบบอวยั วะ จนเป็น เน้อื เยื่อ อวยั วะ ระบบอวัยวะ และ สง่ิ มชี วี ิต ส่งิ มชี วี ิตตำมล ดบั เซลลห์ ลำยเซลล์ มำรวมกันเปน็ เนื้อเยอื่ เน้ือเย่ือหลำยชนิด มำรวมกนั และท งำนร่วมกนั เปน็ อวัยวะ อวัยวะตำ่ ง ๆ ท งำนร่วมกันเป็นระบบ อวยั วะ ระบบอวยั วะทกุ ระบบท งำน ร่วมกนั เป็นสิง่ มีชีวิต 5 ว 1.2 ม.1/5 อธิบำยกระบวนกำรแพร่และ • เซลลม์ กี ำรน สำรเข้ำส่เู ซลล์ เพื่อใช้ใน ออสโมซสิ จำกหลักฐำน กระบวนกำรต่ำง ๆ ของเซลล์ มีกำรขจัด เชิงประจักษ์ และยกตวั อย่ำง สำรบำงอย่ำงทเี่ ซลลไ์ มต่ ้องกำรออกนอก กำรแพร่และออสโมซิส เซลล์ กำรน สำรเข้ำและออกจำกเซลล์ ในชีวติ ประจ วนั มหี ลำยวธิ ี เช่น กำรแพร่ เป็นกำรเคล่อื นท่ี ของสำรจำกบริเวณท่ีมีควำมเข้มขน้ ของ สำรสงู ไปสบู่ ริเวณท่ีมีควำมเข้มขน้ ของ สำรต่ ส่วนออสโมซสิ เป็นกำรแพร่ของน้ ผ่ำนเย่อื หุ้มเซลล์ จำกด้ำนทีม่ ีควำมเขม้ ข้น ของสำรละลำยต่ ไปยังด้ำนท่ีมี ควำมเข้มข้นของสำรละลำยสูงกว่ำ 6 ว 1.2 ม.1/6 ระบปุ ัจจัยทจ่ี เปน็ ในกำร • กระบวนกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสงของพืช สงั เครำะหด์ ว้ ยแสงและผลผลติ ท่ี ท่เี กดิ ขนึ้ ในคลอโรพลำสต์ จ เป็นต้องใช้ เกิดข้นึ จำกกำรสังเครำะหด์ ว้ ยแสง แสง แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์ คลอโรฟลล์ โดยใช้หลกั ฐำนเชงิ ประจกั ษ์ และน้ ผลผลิตทีไ่ ดจ้ ำกกำรสังเครำะห์ ด้วยแสง ไดแ้ ก่ น้ ตำลและแก๊สออกซเิ จน ส หรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน ร่วมกบั สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๙๔ ชน้ั ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.1 7 ว 1.2 ม.1/7 อธิบำยควำมส คัญของ • กำรสงั เครำะห์ดว้ ยแสง เปน็ กระบวนกำร กำรสังเครำะห์ดว้ ยแสงของพืช ท่ีส คัญต่อส่ิงมีชีวติ เพรำะเป็น ต่อสิง่ มีชีวิตและส่งิ แวดล้อม กระบวนกำรเดียวท่ีสำมำรถน พลังงำนแสง มำเปล่ยี นเปน็ พลงั งำนในรูปสำรประกอบ 8 ว 1.2 ม.1/8 ตระหนกั ในคณุ ค่ำของพชื ท่มี ีตอ่ อนิ ทรยี แ์ ละเกบ็ สะสมในรูปแบบตำ่ ง ๆ สิ่งมชี ีวิตและสงิ่ แวดลอ้ ม ในโครงสร้ำงของพชื พชื จงึ เป็นแหล่ง โดยกำรรว่ มกนั ปลกู และดแู ล อำหำรและพลังงำนท่ีส คญั ของส่ิงมีชวี ิตอ่ืน รกั ษำตน้ ไมใ้ นโรงเรยี นและชุมชน นอกจำกนี้กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง ยงั เปน็ กระบวนกำรหลกั ในกำรสร้ำงแก๊ส ออกซิเจนให้กบั บรรยำกำศเพ่ือให้ส่งิ มชี วี ิต อ่ืน ใชใ้ นกระบวนกำรหำยใจ 9 ว 1.2 ม.1/9 บรรยำยลักษณะและหน้ำท่ีของ • พชื มีไซเล็มและโฟลเอ็ม ซงึ่ เป็นเน้ือเยือ่ ไซเลม็ และโฟลเอ็ม มีลักษณะคลำ้ ยท่อ เรียงตวั กันเป็น กลุ่มเฉพำะที่ โดยไซเล็มท หน้ำทีล่ เลียงน้ 10 ว 1.2 ม.1/10 เขียนแผนภำพท่ีบรรยำย และธำตุอำหำร มีทิศทำงล เลียงจำกรำก ทศิ ทำงกำรล เลียงสำรในไซเล็ม ไปสูล่ ต้น ใบ และส่วนตำ่ ง ๆ ของพชื และโฟลเอ็มของพชื เพ่ือใช้ในกำรสังเครำะห์ด้วยแสง รวมถงึ กระบวนกำรอ่ืน ๆ สว่ นโฟลเอม็ ท หนำ้ ท่ี ล เลยี งอำหำรท่ีไดจ้ ำกกำรสงั เครำะหด์ ้วยแสง มที ิศทำงล เลยี งจำกบริเวณท่ีมี กำรสงั เครำะหด์ ้วยแสงไปสู่สว่ นต่ำง ๆ ของพืช 11 ว 1.2 ม.1/11 อธบิ ำยกำรสบื พันธุ์แบบ • พชื ดอกทุกชนดิ สำมำรถสบื พันธุ์แบบ อำศยั เพศ และไมอ่ ำศยั เพศของ อำศัยเพศได้ และบำงชนิดสำมำรถสืบพนั ธ์ุ พชื ดอก แบบไม่อำศยั เพศได้ ส หรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๙๕ ช้นั ท่ี รหัสตัวชี้วัด ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 12 ว 1.2 ม.1/12 อธิบำยลักษณะโครงสร้ำง • กำรสืบพันธุแ์ บบอำศัยเพศเป็นกำรสืบพนั ธ์ุ ของดอกที่มสี ว่ นท ใหเ้ กิด ที่มีกำรผสมกนั ของสเปร์มกบั เซลล์ไข่ กำรถ่ำยละอองเรณู รวมทั้ง กำรสบื พันธุ์แบบอำศยั เพศของพชื ดอก บรรยำยกำรปฏสิ นธขิ องพชื ดอก เกิดข้ึนท่ีดอก โดยภำยในอบั เรณูของ กำรเกิดผลและเมลด็ กำรกระจำย สว่ นเกสรเพศผ้มู เี รณู ซ่ึงท หนำ้ ทส่ี รำ้ งสเปรม์ เมลด็ และกำรงอกของเมล็ด ภำยในออวุลของสว่ นเกสรเพศเมยี มีถงุ เอ็มบรโิ อ ท หน้ำท่ีสรำ้ งเซลลไ์ ข่ 13 ว 1.2 ม.1/13 ตระหนักถึงควำมส คญั ของสัตว์ • กำรสบื พันธแ์ุ บบไม่อำศัยเพศ ทช่ี ่วยในกำรถ่ำยละอองเรณูของ เป็นกำรสืบพันธท์ุ ี่พืชตน้ ใหม่ ไมไ่ ด้เกดิ จำก พชื ดอก โดยกำรไม่ท ลำยชวี ิต กำรปฏสิ นธิระหวำ่ งสเปรม์ กับเซลลไ์ ข่ ของสัตวท์ ี่ช่วยในกำรถำ่ ยเรณู แต่เกิดจำกส่วนตำ่ ง ๆ ของพชื เช่น รำก ล ต้น ใบ มกี ำรเจริญเติบโตและพั นำขนึ้ มำ เป็นตน้ ใหม่ได้ • กำรถ่ำยเรณู คอื กำรเคลื่อนย้ำยของเรณู จำกอบั เรณไู ปยงั ยอดเกสรเพศเมยี ซ่งึ เกยี่ วข้องกับลักษณะและโครงสรำ้ งของ ดอก เชน่ สขี องกลบี ดอก ต แหน่งของ เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมีย โดยมสี ิ่งที่ ช่วยในกำรถ่ำยเรณู เช่น แมลง ลม • กำรถ่ำยเรณูจะน ไปสกู่ ำรปฏิสนธิ ซ่ึงจะเกิดข้ึนท่ีถุงเอม็ บรโิ อภำยในออวุล หลงั กำรปฏสิ นธิจะได้ไซโกต และ เอนโอสเปรม์ ไซโกตจะพั นำตอ่ ไปเปน็ เอม็ บริโอ ออวลุ พั นำไปเปน็ เมลด็ และ รังไข่พั นำไปเป็นผล • ผลและเมล็ดมกี ำรกระจำยออกจำกต้นเดิม โดยวธิ กี ำรตำ่ ง ๆ เมื่อเมลด็ ไปตก ในสภำพแวดลอ้ มที่เหมำะสมจะเกิด กำรงอกของเมล็ด โดยเอ็มบริโอภำยใน เมล็ดจะเจริญออกมำ โดยระยะแรกจะ อำศยั อำหำรที่สะสมภำยในเมล็ด จนกระท่งั ใบแท้พั นำ จนสำมำรถ สังเครำะห์ด้วยแสงได้เต็มที่ และสรำ้ ง อำหำรไดเ้ องตำมปกติ ส หรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

๙๖ ชน้ั ท่ี รหัสตวั ช้ีวดั ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.1 14 ว 1.2 ม.1/14 อธบิ ำยควำมส คัญของธำตุ • พชื ตอ้ งกำรธำตอุ ำหำรท่ีจ เป็นหลำยชนิด อำหำรบำงชนดิ ที่มีผลต่อ ในกำรเจริญเตบิ โตและกำรด รงชวี ิต กำรเจริญเตบิ โตและ • พชื ตอ้ งกำรธำตอุ ำหำรบำงชนิดในปริมำณ กำรด รงชีวติ ของพชื มำก ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส 15 ว 1.2 ม.1/15 เลือกใชป้ ุยที่มีธำตอุ ำหำร โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนเี ซียม และ เหมำะสมกบั พชื ในสถำนกำรณ์ ก มะถัน ซง่ึ ในดินอำจมไี ม่เพียงพอส หรบั ที่ก หนด กำรเจริญเติบโตของพชื จึงตอ้ งมีกำรให้ ธำตอุ ำหำรในรูปของปยุ กับพืช อยำ่ งเหมำะสม 16 ว 1.2 ม.1/16 เลอื กวธิ กี ำรขยำยพนั ธุ์พชื • มนุษยส์ ำมำรถน ควำมรู้เร่ืองกำรสืบพนั ธุ์ ใหเ้ หมำะสมกับควำมต้องกำร แบบอำศยั เพศและไม่อำศัยเพศ มำใช้ ของมนษุ ย์ โดยใช้ควำมรู้เกีย่ วกับ ในกำรขยำยพันธ์พุ ืชเพ่อื เพม่ิ จ นวนพชื กำรสบื พนั ธ์ขุ องพืช เชน่ กำรใชเ้ มล็ดท่ีได้จำกกำรสืบพันธ์แุ บบ 17 ว 1.2 ม.1/17 อธบิ ำยควำมส คัญของ อำศัยเพศมำเพำะเลีย้ ง วิธกี ำรนจี้ ะได้พชื เทคโนโลยีกำรเพำะเลี้ยงเน้ือเยือ่ ในปรมิ ำณมำก แต่อำจมีลักษณะที่ พชื ในกำรใช้ประโยชนด์ ำ้ นตำ่ ง ๆ แตกต่ำงไปจำกพ่อแม่ สว่ นกำรตอนกง่ิ 18 ว 1.2 ม.1/18 ตระหนกั ถึงประโยชน์ของ กำรปกั ช กำรต่อก่ิง กำรติดตำ กำรขยำยพนั ธ์พุ ืช กำรทำบกงิ่ กำรเพำะเลี้ยงเนื้อเยอ่ื โดยกำรน ควำมรู้ไปใช้ เป็นกำรน ควำมร้เู ร่ืองกำรสบื พนั ธแ์ุ บบ ในชีวิตประจ วัน ไม่อำศยั เพศของพืชมำใช้ในกำรขยำยพนั ธ์ุ เพ่ือใหไ้ ด้พชื ท่ีมลี ักษณะเหมือนตน้ เดมิ ซึง่ กำรขยำยพนั ธแ์ุ ตล่ ะวิธี มขี นั้ ตอน แตกตำ่ งกนั จงึ ควรเลือกใหเ้ หมำะสมกับ ควำมต้องกำรของมนุษย์ โดยตอ้ งค นึงถึง ชนดิ ของพชื และลักษณะกำรสบื พันธข์ุ อง พชื • เทคโนโลยกี ำรเพำะเลยี้ งเนื้อเยื่อพชื เป็นกำรน ควำมรูเ้ กี่ยวกับปัจจยั ทีจ่ เปน็ ต่อกำรเจริญเตบิ โตของพชื มำใช้ในกำรเพ่ิม จ นวนพชื และท ให้พืชสำมำรถ เจรญิ เตบิ โตได้ในหลอดทดลอง ซง่ึ จะได้ พืชจ นวนมำกในระยะเวลำส้ัน และ สำมำรถน เทคโนโลยกี ำรเพำะเลี้ยง เน้อื เยอ่ื มำประยุกตเ์ พอื่ กำรอนรุ ักษ์ พนั ธุกรรมพืช ปรบั ปรงุ พันธ์พุ ืชที่มี ควำมส คัญทำงเศรษฐกิจ กำรผลติ ยำและ สำรส คญั ในพชื และอ่ืน ๆ ส หรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี