นยิ ามของสมรรถนะของผู้ประกอบวิชาชพี การพยาบาลและการผดุงครรภ์
นยิ ามของสมรรถนะของผู้ประกอบวิชาชพี การพยาบาลและการผดุงครรภ์
นยิ ามของการพยาบาล
นยิ ามของการพยาบาล
สว่ นที่ 2 การทำหัตถการ
สว่ นที่ 2 การทำหัตถการ
สว่ นท่ี 3 การรกั ษาโรคเบื้องตน้
สว่ นท่ี 3 การรกั ษาโรคเบื้องตน้
การประกอบวชิ าชีพการผดุงครรภ์
การประกอบวชิ าชีพการผดุงครรภ์
การประกอบวชิ าชีพการผดุงครรภ์
การประกอบวชิ าชีพการผดุงครรภ์
การประกอบวชิ าชีพการผดุงครรภ์
การประกอบวชิ าชีพการผดุงครรภ์
การประกอบวชิ าชีพการผดุงครรภ์
การประกอบวชิ าชีพการผดุงครรภ์
การประกอบวชิ าชีพการผดุงครรภ์
หวั ขอ้ ในการเรยี นรู้ แนวทางการพฒั นาสมรรถนะ ของผ้ปู ระกอบวชิ าชพี การ พยาบาลและการผดงุ ครรภ์
Nurses’ Role in Preparedness
หวั ข้อในการเรียนรู้ ข้อเสนอแนะในการพัฒนา สมรรถนะของผปู้ ระกอบ วิชาชพี การพยาบาลและการ ผดงุ ครรภ์
ข้อเสนอแนะในการพฒั นาสมรรถนะของผ้ปู ระกอบวิชาชพี การพยาบาลและการผดุงครรภ์ Example of COVID-19 Frontier Nurses analysis to emergency preparedness in COVID-19
ทฤษฎกี ารเรยี นรแู้ ละ การประยกุ ตใ์ ช้ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญนภา แดงดอ้ มยทุ ธ์ คณะพยาบาลศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ คอื การศกึ ษาถงึ กระบวนการทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง จากพฤตกิ รรมเดมิ ไปเป็ นพฤตกิ รรมใหมท่ คี่ อ่ นขา้ งถาวร เป็ นผลมาจากการฝึกฝนหรอื การมปี ระสบการณ์ •การเปลยี่ นแปลงทไ่ี มจ่ ัดวา่ เกดิ จากการเรยี นรู ้ ไดแ้ ก่ พฤตกิ รรมทเ่ี ป็ นการเปลยี่ นแปลงชวั่ คราว และการ เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมทเี่ นอ่ื งมาจากวฒุ ภิ าวะ
ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ (Theory of Learning) มอี ทิ ธพิ ลตอ่ การจัดการเรยี นการสอนมาก เพราะจะเป็ น แนวทางในการกาหนดปรัชญาการศกึ ษาและการจัด ประสบการณ์ เนอื่ งจากทฤษฎกี ารเรยี นรเู ้ ป็ นสงิ่ ทอี่ ธบิ ายถงึ กระบวนการ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทจ่ี ะทาใหเ้ กดิ การเรยี นรู ้ และตรวจสอบวา่ พฤตกิ รรมของมนุษย์ มกี ารเปลยี่ นแปลง ไดอ้ ยา่ งไร
ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ เป็ นการศกึ ษาถงึ กระบวนการทที่ าใหก้ ารเรยี นรู ้ เกดิ ขน้ึ และสถานการณท์ มี่ ผี ลตอ่ การเรยี นรนู ้ ัน้ ทฤษฎกี ารเรยี นรมู ้ หี ลายทฤษฎี ซงึ่ จะมสี มมตฐิ านท่ี แตกตา่ งกนั ไป
ความหมายของการเรยี นรู้ -การเรยี นรู ้ เป็ นการเปลย่ี นแปลงคอ่ นขา้ งถาวร ในพฤตกิ รรม อนั เป็ นผลมาจากการฝึกทไ่ี ดร้ บั การเสรมิ แรง (Kimble, 1964)
แผนภมู กิ ารเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น 10% Tell Show 20% 70% Do • I hear………..I forget (David Kolb,1984) • I see………….I remember • I do……………I understand
จดุ มงุ่ หมายของการเรยี นรู้ มงุ่ พัฒนาผเู ้ รยี นใน 3 ดา้ น ดงั น้ี (Bloom et al, ) 1. ดา้ นพทุ ธพิ สิ ยั (Cognitive Domain) คอื ผลของการเรยี นรทู ้ เ่ี ป็ น ความสามารถทางสมอง ความรู ้ จา ความเขา้ ใจ การนาไปใช ้ การวเิ คราะห์ การสงั เคราะหแ์ ละประเมนิ ผล 2. ดา้ นเจตพสิ ยั (Affective Domain ) คอื ผลของการเรยี นรทู ้ ี่ เปลยี่ นแปลงดา้ นความรสู ้ กึ ความสนใจ ทศั นคตแิ ละคา่ นยิ ม 3. ดา้ นทกั ษะพสิ ยั (Psychomotor Domain) คอื ผลของการเรยี นรทู ้ ี่ เป็ นความสามารถดา้ นการปฏบิ ตั ิ การกระทา การปฏบิ ตั งิ าน การมที กั ษะ และความชานาญ
องคป์ ระกอบสาคญั ของการเรยี นรู้ 1. แรงขบั (Drive) เป็ นความตอ้ งการทเี่ กดิ ขน้ึ ภายในตวั บคุ คล เป็ นความ พรอ้ มทจ่ี ะเรยี นรขู ้ องบคุ คลทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าหรอื พฤตกิ รรมทน่ี าไปสกู่ าร เรยี นรตู ้ อ่ ไป 2. สงิ่ เรา้ (Stimulus) กอ่ นทจ่ี ะเรยี นรู ้ ตอ้ งมสี ง่ิ เรา้ ทน่ี ่าสนใจ ทาใหบ้ คุ คล ขวนขวายและใฝ่ ใจทจ่ี ะเรยี นรใู ้ นสงิ่ ทน่ี ่าสนใจนัน้ 3. การตอบสนอง (Response) เป็ นปฏกิ ริ ยิ า หรอื พฤตกิ รรมทแี่ สดงออกมา เมอ่ื บคุ คลไดร้ ับการกระตนุ ้ จากสงิ่ เรา้ ทงั้ สว่ นทส่ี งั เกตเห็นไดแ้ ละสว่ นทไี่ ม่ สามารถสงั เกตเห็นได ้ 4. การเสรมิ แรง (Reinforcement) เป็ นการใหส้ งิ่ ทมี่ ผี ลในการเพมิ่ พลงั ใหเ้ กดิ การเชอ่ื มโยง ระหวา่ งสงิ่ เรา้ กบั การตอบสนองเพมิ่ ขน้ึ การเสรมิ แรง มที งั้ ทางบวกและทางลบ ซงึ่ มผี ลตอ่ การเรยี นรขู ้ องบคุ คล
กฎการเรยี นรู้ • 1. กฎแหง่ ความพรอ้ ม -ความพรอ้ มทางรา่ งกาย หมายถงึ ความพรอ้ มทาง วฒุ ภิ าวะและอวยั วะตา่ งๆของรา่ งกาย -ความพรอ้ มทางดา้ นจติ ใจ หมายถงึ ความพรอ้ มที่ เกดิ จากความพงึ พอใจเป็ นสาคญั ถา้ เกดิ ความพอใจ ยอ่ มนาไปสกู่ ารเรยี นรู ้ ถา้ เกดิ ความไมพ่ อใจจะทาใหไ้ ม่ เกดิ การเรยี นรู ้
กฎการเรยี นรู้ • 2. กฎแหง่ การฝึ กหดั การทาซ้าบอ่ ยๆยอ่ มทาใหเ้ กดิ การเรยี นรทู ้ นี่ านและคงทน 2.1 กฎแหง่ การใช ้ (Law of Used) 2.2 กฎแหง่ การไมใ่ ช ้ (Law of Disused)
กฎการเรยี นรู้ • 3. กฎแหง่ ผลทไ่ี ดร้ บั (Law of Affect) ถา้ ไดผ้ ลทพ่ี งึ พอใจผเู ้ รยี นจะอยากเรยี นรอู ้ กี ดงั นัน้ ถา้ จะทาใหก้ ารเชอ่ื มโยงระหวา่ งสง่ิ เรา้ กบั การ ตอบสนองม่ันคงถาวร ตอ้ งทาใหผ้ เู ้ รยี นไดร้ ับผลทพ่ี งึ พอใจทงั้ นขี้ น้ึ อยกู่ บั ความพงึ พอใจของแตล่ ะคน
กระบวนการ เรยี นรู้ 5 ขน้ั ตอน 1.สงิ่ เรา้ 2.ประสาทสมั ผสั 3.การรบั รู้ 5.ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนอง 4.ความคดิ รวบยอด
การแบง่ กลมุ่ ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ แบง่ ออกเป็ น 3 กลมุ่ ไดแ้ ก่ 1. ทฤษฎเี ชอ่ื มโยงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ เรา้ และ การตอบสนอง 1.1 ทฤษฎกี ารเรยี นรตู้ อ่ เนอื่ งของธรอนไดร์ “การเรยี นรเู ้ กดิ จากการลองผดิ ลองถกู ” “การเรยี นรเู ้ กดิ จากความสมั พันธร์ ะหวา่ งสง่ิ เรา้ และการตอบสนอง”
(ตอ่ ) 1.2 ทฤษฎกี ารเชอ่ื มโยงของกทั ธรี “การเรยี นรเู ้ กดิ จากการกระทา” “การเรยี นรคู ้ วรเกดิ จากการจงู ใจมากกวา่ การเสรมิ แรง” 1.3 ทฤษฎกี ารเรยี นรขู้ องฮลั ล์ “การเรยี นรเู ้ กดิ จากการเสรมิ แรงมากกวา่ การจงู ใจ ซง่ึ ไดแ้ ก่ การเสรมิ แรงทางรา่ งกายและจติ ใจ”
2. ทฤษฎกี ารวางเงอ่ื นไข 2.1 ทฤษฎกี ารวางเงอื่ นไขแบบคลาสสคิ ของพาฟลอฟและวตั สนั พาฟลอฟ = “การเรยี นรขู ้ องสง่ิ มชี วี ติ เกดิ จากการวางเงอื่ นไข” วตั สนั = “การเกดิ อารมณ์จากการวางเงอ่ื นไข” 2.2 ทฤษฎกี ารวางเงอ่ื นไขแบบการกระทา สกนิ เนอร์ = “การเรยี นรเู ้ กดิ จากการทบ่ี คุ คลไดม้ กี ารกระทาแลว้ ไดร้ ับ การเสรมิ แรง”
3. ทฤษฎสี นามหรอื กลมุ่ เกสตลั ท์ (Gestalt) 3.1 ทฤษฎสี นาม โคหเ์ ลอรแ์ ละเลวนิ “การเรยี นรจู ้ ะพจิ ารณาสง่ิ เรา้ โดยสว่ นรวมกอ่ นแลว้ จะแยกเป็ นสว่ นยอ่ ยเพอื่ หาความสมั พันธจ์ นใน ทส่ี ดุ เห็นชอ่ งทางทาใหเ้ กดิ การหยง่ั เห็น” 3.2 ทฤษฎกี ารเรยี นรขู้ องเลวนิ “การเรยี นรเู ้ กดิ จากการเปลย่ี นแปลง จากความรเู ้ ดมิ โดยการจงู ใจทาใหเ้ กดิ ความรอู ้ ยา่ งแจม่ แจง้ ” 3.3 ทฤษฎกี ารเรยี นรเู้ ครอื่ งหมายของทอลแมน “การเรยี นรเู ้ กดิ จาก การทบี่ คุ คลตอบสนองตอ่ สงิ่ เรา้ โดยใชเ้ ครอื่ งหมายหรอื สญั ลกั ษณน์ าไปสู่ เป้าหมายทาใหเ้ กดิ การเรยี นรดู ้ ว้ ยความเขา้ ใจ”
ทอลแมน “การเสรมิ แรงหรอื รางวลั นัน้ ไมม่ คี วามจาเป็ น การเสรมิ แรงทงั้ ทางบวกและทางลบมผี ลตอ่ การเรยี นรแู ้ ต่ ไมจ่ าเป็ นเสมอไปทจี่ ะตอ้ งใหร้ างวัลผเู ้ รยี นเพอ่ื ใหเ้ กดิ การ เรยี นร”ู ้ ประสบการณ์ทส่ี รา้ งความพอใจและไมพ่ งึ พอใจเป็ นตัวเรง่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรเู ้ ปรยี บเสมอื นรางวลั และลงโทษในตัวมันเอง
การนาทฤษฎกี ารเรยี นรไู้ ปใช้ ในการเรยี นการสอน ทฤษฎกี ารเรยี นรแู ้ บบตอ่ เนอ่ื งของธรอนไดร์ นาไปใชใ้ นการเรยี น การสอน 1.ผสู ้ อนจะตอ้ งเตรยี มตวั ใหพ้ รอ้ มกระตนุ ้ ใหผ้ เู ้ รยี นพรอ้ มทจี่ ะเรยี น 2.ผสู ้ อนมอบหมายงาน กจิ กรรม แบบฝึกหดั และการบา้ น เพอื่ ฝึก ใหค้ ดิ เป็ น ทาเป็ น และแกป้ ัญหาเป็ น 3.ผสู ้ อนใชห้ ลกั การใหร้ างวลั และการลงโทษ เพอ่ื ใหร้ วู ้ า่ ทาดไี ดด้ ี ทาชวั่ ไดช้ วั่
ทฤษฎกี ารเชอ่ื มโยงของกทั ธรี นาไปใชใ้ นการเรยี นการสอน 1.ผสู ้ อนตอ้ งจงู ใจใหผ้ เู ้ รยี นสนใจทจี่ ะเรยี น 2.ผสู ้ อนดาเนนิ การสอนตามเนอื้ หาสาระเพอ่ื ใหเ้ กดิ การ เรยี นรู ้ 3.ผสู ้ อนฝึกใหผ้ เู ้ รยี นไดเ้ รยี นรดู ้ ว้ ยการกระทา 4.กอ่ นจบบทเรยี นควรใหผ้ เู ้ รยี นชว่ ยกนั สรปุ บทเรยี นให ้ ถกู ตอ้ ง
ทฤษฎกี ารเรยี นรขู ้ องฮลั ล์ นาไปใชใ้ นการเรยี นการสอน 1.ผสู ้ อนพยายามจัดการศกึ ษา โดยคานงึ ถงึ ความตอ้ งการของ ผเู ้ รยี น 2.ผสู ้ อนพยายามเสรมิ แรงทกุ ขนั้ ตอน 3.ผสู ้ อนจดั การเรยี นการสอนจากงา่ ยไปหายาก 4.ผสู ้ อนจัดชว่ งเวลาเรยี นใหพ้ อเหมาะแกว่ ยั ของผเู ้ รยี น 5.ผสู ้ อนเปลย่ี นกจิ กรรมการสอน เมอ่ื พบวา่ ผเู ้ รยี นออ่ นลา้ หรอื งว่ งนอน
ทฤษฎกี ารวางเงอ่ื นไขแบบคลาสสคิ ของพาฟลอฟและวตั สนั นาไปใช ้ ในการเรยี นการสอน 1.ผสู ้ อนสรา้ งบรรยากาศทดี่ ใี นการเรยี นจะเป็ นการวางเงอ่ื นไขทด่ี ี 2.ผสู ้ อนวางตวั ใหผ้ เู ้ รยี นศรทั ธาและรัก เพอ่ื ผเู ้ รยี นจะรกั วชิ าทผ่ี สู ้ อน ไดส้ อน 3.ผสู ้ อนจดั บทเรยี นใหน้ ่าสนใจและเกดิ ความสนุกสนาน 4.ผสู ้ อนไมใ่ หค้ วามสนใจในพฤตกิ รรมทไี่ มด่ ขี องผเู ้ รยี นในทสี่ ดุ พฤตกิ รรมดงั กลา่ วจะหายไป
(ตอ่ ) 5.ผเู ้ รยี นจัดบทเรยี นใหส้ มั พันธก์ บั บทเรยี นทผ่ี เู ้ รยี นไดเ้ รยี นรู ้ แลว้ 6.ผสู ้ อนใหผ้ เู ้ รยี นไดท้ บทวนบทเรยี นทไ่ี ดเ้ รยี นรไู ้ ปแลว้ จะ ไดเ้ รยี นรเู ้ หมอื นเดมิ 7.ผสู ้ อนใหผ้ เู ้ รยี นรจู ้ ักวธิ กี ารจาแนกหรอื วเิ คราะห์ 8.ผสู ้ อนใชท้ ฤษฎกี ารวางเงอ่ื นไขแบบคลาสสกิ มาใชใ้ นการ เปลย่ี นทศั นคตทิ ไี่ มด่ ตี อ่ วชิ าตา่ งๆ
ทฤษฎกี ารวางเงอ่ื นไขแบบการกระทาของสกนิ เนอร์ นาไปใช ้ ในการเรยี นการสอน 1.ผสู ้ อนสรา้ งนสิ ยั ทด่ี ใี หผ้ เู ้ รยี นเพอ่ื การสรา้ งคณุ ภาพแหง่ ชวี ติ 2.ผสู ้ อนลบนสิ ยั ทไ่ี มด่ อี อกจากผเู ้ รยี นโดยวธิ กี ารปรับ พฤตกิ รรม 3.ผสู ้ อนใหก้ ารเสรมิ แรงแกผ่ เู ้ รยี นทก่ี ระทาความดี 4.นามาใชส้ รา้ งบทเรยี นสาเร็จรปู 5.นามาใชใ้ นการสอนวธิ กี ารพดู เป็ นการใหแ้ รงเสรมิ ในการ ฝึ กพดู
ทฤษฎสี นามของกลมุ่ เกสตลั ท์ นาไปใชใ้ นการเรยี นการสอน 1.ผสู ้ อนชใี้ หเ้ ห็นวตั ถปุ ระสงคห์ รอื ความมงุ่ หมายของ บทเรยี น 2.ผสู ้ อนอธบิ ายใหผ้ เู ้ รยี นเห็นภาพรวมหรอื โครงสรา้ งของ บทเรยี นกอ่ นสอน 3.ผสู ้ อนแนะนากจิ กรรมทผี่ เู ้ รยี นควรฝึกปฏบิ ตั เิ พอ่ื นาไปสู่ ความเขา้ ใจ 4.สอนใหผ้ เู ้ รยี นแกป้ ัญหาดว้ ยตนเองเพอ่ื นาไปสกู่ ารคดิ เป็ น ทาเป็ นและแกป้ ัญหาเป็ น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329