Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 61 รายงานผลการวิจัย

61 รายงานผลการวิจัย

Published by วิจัย แม่โจ้, 2022-06-10 04:13:33

Description: 61 รายงานผลการวิจัย

Search

Read the Text Version

๒๘๙ ดว้ ย ดงั ตอ่ ไปน้ี ทุกฐานเท่ากนั หมด ปัจจยั เก้ือหนุนเป็นเหตุอาศยั กนั และกนั เกิดชวั่ คราว การเชื่อมโยงเป็ น วงกลม การเร่ิมตน้ อาจต่างกนั แต่สภาวธรรมเหมือนกนั ปัญญาจากฐานเวทนา ตอ้ งสร้างโดย ๑) เขา้ ใจ รูปแบบความหมายและลกั ษณะเวทนาจากที่ปรากฎจากพระไตรปิ ฎก ๒) ปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมสนบั สนุน ฐานเวทนา ตามองคธ์ รรม คือ อาตาปี สัมปชาโน สติมา ๓) เชื่อมโยงหลกั พระไตรปิ ฎกและเทียบเคียงเป็น ภาคทฤษฎีสู่การปฏิบตั ิ ๔) เรียนรู้วธิ ีการปฏิบตั ิตามคาสอนครูบาอาจารยเ์ พ่ือกาหนดพิจารณาเวทนา ๕) ฝึก ดูสภาวะจิตเสวยอารมณ์ตามความรู้สึกเวทนา วางจิตใหถ้ ูกตอ้ งเพ่ือเฝ้าดู วางอุเบกขาขณะตามเวทนาต่าง ๆ ฐานเวทนาเป็ นฐานสาคญั ต่อการปฏิบตั ิเร่ืองมหาสติปัฏฐาน ๔ แตด่ ว้ ยงานทบทวนวรรณกรรม ท้งั จากงาน วทิ ยานิพนธ์และงานบทความวชิ าการกล่าวถึงจานวนนอ้ ยมากเม่ือเทียบกบั ฐานอ่ืน ๆ จาการสารวจท้งั หมด ท้งั จากงานวิทยานิพนธ์และงานบทความวจิ ยั เนื่องจากเป็ นฐานท่ีนามธรรมสูงและเชื่อมโยงไปยงั ฐานอ่ืน ๆ แสดงใหเ้ ห็นวา่ ฐานเวทนาเนน้ การฝึกปฏิบตั ิเป็ นส่วนมากอาจเขา้ ถึงปัญญาฐานเวทนา ในความคิดเห็นผู้ ศึกษาฐานเวทนาคือ การฝึกใชค้ วามรู้สึกที่มีตอ่ ฐานกาย ฐานจิต และฐานธรรม และเนื่องดว้ ยความรู้สึกเป็ น เรื่องละเอียดมาก จึงทาให้เขียนอธิบายเป็นตวั หนงั สือยากมาก ดงั น้นั รูปแบบการเขา้ ถึงปัญญาเร่ืองมหาสติ ปัฏฐาน ๔ จึงตอ้ งใชค้ วามรู้สึกในการฝึกฝน นาอายตนะกระทบ นาสติจบั ลมหายใจเขา้ ออก สัญญาประเมินค่าทนั ที ส่ิงดีเลวดว้ ยการประเมิน ค่าสัญญาเกิดเวทนา ปฏิกิริยาโตต้ อบทาให้เกิดทุกข์ ฝึ กปัจจุบนั อารมณ์อุเบกขาต่อสภาวธรรม อายตนะ ภายในนอก เวทนาอาศยั ท้งั รูปนาม เกิด มีสติกาหนดรู้ วางอุเบกขา ถา้ ไม่มีเวทนาไม่มีสัมปชญั ญะ ไม่มี ปัญญา ไม่มีวิปัสสนา ผสั สะกระทบอารมณ์ เวทนาจึงมีจิตวญิ ญาณ มีสติพิจารณากายให้สงบ เป็ นพ้ืนฐาน มีสติรู้เท่าทนั เวทนา อุเบกขารู้ถึงกระแสความส่ันสะเทือนเป็ นคล่ืนภายใตค้ วามรู้สึกเจ็บปวดเฝ้าดูเฉย ๆ ฐานสติต้งั มน่ั สติกากบั ความรู้สึกตวั มีมาก พฒั นาอุเบกขา อายตนะ คือ ทวารรับรู้ความรู้สึกมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทวารท้งั ๖ อยใู่ นร่างกาย ความรู้และเขา้ ใจเวทนาดว้ ยสัมปชญั ญะโดยตลอด จนอยเู่ หนือเวทนา ได้ เวทนา ความรู้สึกทางกาย จิตกาหนดรู้เหตุ ฝึ กสมถกรรมฐาน อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงจิตน่ิง ปล่อยวางจิตจาก การยดึ มนั่ ถือมน่ั วางอุเบกขาไปกบั เวทนา เฝ้าดูเวทนาไป ธรรมช่วยให้หลุดพน้ เวทนาเป็ นเพียงความรู้สึก ไม่สัญญา ไม่กาหนดประเมินค่า ให้สติต้งั มน่ั รับรู้เวทนา รับรู้ไดด้ ้วยตนเอง จิตไม่ดีไม่ชั่ว อารมณ์ที่มา กระทบจิต เวทนาเกิด อาตาปี สัมปชาโน สติมา เวทนากาหนดเฝ้าดู เวทนาวางจิตอุเบกขา สังขารการปรุง แต่งท้งั หลายมีสาเหตุจากความรู้สึกทางกาย ประเมินสัญญา ความรู้สึกเวทนาเปล่ียนสุขทุกขเวทนา รู้แจง้ ในทุกขเ์ จริญสติสัมโพชฌงค์ สติต้งั มนั่ อยู่กบั ความจริง ขนั ธ์ ๕ บรรลุรูปนาม หลกั สังโยชน์คือตวั วดั ผล เขา้ ใจประจกั ษ์ สภาวะดว้ ยตนเอง สญั ญาเป็นอยา่ งไร ความเกิดดบั แห่งสัญญา เวทนาเป็นอยา่ งไรความเกิด ดบั แห่งเวทนา เวทนาทาใหป้ ระจกั ษใ์ นอนิจจงั คือ การเกิดข้ึนและดบั ไป อยา่ งชดั เจน มีความรู้สึกสุขดว้ ย ลมหายใจ สมาธิเป็ นข้นั ตอนสาคญั ย่ิงต่อการปฏิบตั ิ ฝึ กหดั อดทนเวทนา จงสังเกตความจริงจากเวทนาใน กาย เพื่อพิจารณาเห็นเวทนา บาเพญ็ เผากิเลสและมีสมั ปชญั ญะอยตู่ ลอดเวลา คือ ผรู้ ู้เวทนาท้งั ปวง เบี่ยงเบน ความสนใจเมื่อเกิดทุกขเวทนา แลว้ ปล่อยวาง ความมงั่ คงทางอารมณ์จนเกิดปัญญาเขา้ ใจธรรม วิเนยฺย โลเก อภิชฌา โทมนสฺส กาหนดเวทนาจะเห็นอาการเวทนาต่าง ๆ ปรุงแต่งตลอดเวลา ปฏิบตั ิต่อเรื่องท่ี เกิดข้ึนดว้ ยความเป็ นจริงท่ีปรากฎ มีสติรู้เวทนาไม่ปรุงแต่งตอบโต้ เวทนา การเกิดข้ึนตามเหตุปัจจุบนั รู้

๒๙๐ แจง้ ธรรมชาติชีวิต กาหนดทวาร ๖ เป็ นกลางตามธรรมชาติ เฝ้าสังเกต การกระทบอายตนะภายนอกใน เช่ือมโยงสรรพสิ่งใหม้ ากข้ึน มีสัมปชญั ญะทุกขณะ พยายามรู้เวทนาไมว่ า่ ทากิจกรรมใด ตระหนกั รู้การเกิด ดบั เวทนา กาหนดตามอาการที่จิตเสวยอารมณ์ ให้สติไปรู้อารมณ์อย่างต่อเนื่อง อาศยั ความรู้สึกตวั ที่กาย (เวทนา) เป็ นสื่อ กาหนดปัจจุบนั อารมณ์ ตามรู้เวทนา ฝึ กสติให้เขม้ ขน้ เพื่อให้หยุดความรู้สึก ทุกอยา่ ง การ สวนมนตต์ อ้ งมีสติรู้เวทนา พร้อมท้งั รู้ อนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา ชดั เจน สมาธิมากพอกาหนดเวทนา เวทนา หายไปเองดว้ ยสมาธิ เวทนาประจกั ษ์ความจริงจากความรู้สึกทางกาย ไม่ใช่จินตนาการคิดเอาเอง ธรรม ท้งั หลายมีเวทนาเป็ นศูนยร์ วม สิ่งท้งั หลายท่ีใจนึกคิดจะไหลรวมไปกบั เวทนา ความรู้สึกทางกาย รู้แจง้ ใน ธรรมชาติท่ีเป็นของจริงพจิ ารณาอารมณ์ ท่ีเกิดข้ึน อุเบกขากบั ความชอบความชงั เม่ือประสบเวทนา ตามรู้ เวทนาตลอดทว่ั ร่าง เวทนามีความสาคญั ยิ่ง เป็ นความรู้สึกทางกาย ทุกเส้นทางการปฏิบตั ิธรรมรวมอยูท่ ี่ เวทนา กาจดั ความยนิ ดียินร้าย สติปัฏฐาน ๔ ตอ้ งมีเวทนาเป็ นรากฐาน ถา้ ไม่มีความรู้สึกทางกาย(เวทนา) เกิดข้ึน ความยนิ ดียนิ ร้ายจะไมเ่ กิดข้ึน เวทนาเมื่อสารวจจิตและส่ิงที่จิตนึกคิด คือ อารมณ์ทางใจ หรือธรรม ๕.๓ ) บทสรุปรูปแบบการเข้าถงึ ปัญญาด้านจิตตานุปัสสนาสตปิ ัฏฐาน (ฐานจิต) จิตส่ังกาย กายเป็ นตวั กลางของจิตรับรู้ ตวั ผูร้ ู้คือจิต จิตรับรู้ทุกอยา่ ง จิตกาหนดจิต คือ ตวั รู้อารมณ์ ฝึ กจิตแยกสุขทุกขแ์ ยกจิตออกจากกาย สติตวั ควบคุมจิต ตดั อารมณ์ ไม่มีอารมณ์ เอาจิตไปไวต้ รงกาหนดกาย ฝึ กอุเบกขา คือ วางเฉย“ตถาตา”เป็ นเช่นน้นั เอง จิตอิสระ คือ จิตอุเบกขา เป็ นกลางความดีและความชวั่ ฝึ กจิต ทาตัวเป็ นผู้ปฏิบัติธรรมเต็มตัว จิตภาวนา ฝึ กจิตทาได้ตลอดเวลาให้จิตต้ังมั่น สร้างพลังสมาธิจาก ประสบการณ์ทางจิต จิตน่ิงถอดจิตเม่ือถึงฌาน ๔ เนน้ จิตบริสุทธ์ ปัจจุบนั ดว้ ยจิตรับรู้ตวั จิตโดยมีสติตามจิต ไม่มีความหวน่ั ไหว ไม่มีกิเลสครอบงา เอาจิตไปกาหนดรู้อารมณ์ ตวั ประสบการณ์จิต กาหนดต่อเน่ืองจิต ทางานเองอตั โนมตั ิ รู้จิตตลอดเวลา ส่ิงที่พิจารณาไปแลว้ สามารถรู้สภาวะจิตของตวั เอง อาศยั คาบริกรรม “พทุ โธ” เอาจิตเขา้ ไปดูตามร่างกาย จิตผูกกายเห็นรูปนาม ไดส้ ภาวธรรม แยกรูปนามคาบริกรรมเหน่ียวนาจิตให้ จิตสงบสวา่ ง ภาวนาอยูท่ ่ีจิตดูจิตตนเอง สร้างดว้ ยจิตศรัทธาไดป้ ัญญา มองดว้ ยปัญญาความคิด กาหนดจิต ตน้ จิต สติตามทนั จิตนิ่งกาหนดละเอียด ต้งั จิต การเขา้ ถึงธรรมใชจ้ ิตเห็น จิตทาให้เขา้ ถึงปัญญา สติควบคุมจิต ใหต้ ดั อารมณ์ เมื่อไม่มีอารมณ์จิตอิสระ จิตอุเบกขาเป็ นกลางจากความดีความชวั่ วธิ ีการกาหนดจิต หาตน้ จิต ให้สติตามทนั ต้งั จิตให้เขา้ ถึงธรรม อาศยั คาบริกรรมเหน่ียวนาจิต จึงเป็ นภาวนาจิต ฝึ กให้จิตรู้ตลอดเวลา อาศยั สัมปชญั ญะ ดูสภาวจิตของตวั เอง ฝึ กจิตให้มีความเป็ นกลาง ความรู้สึกจากอุเบกขา ฝึ กจิตใหน้ ิ่งสงบ ถึง ฌาน ๔ เนน้ จิตบริสุทธ์ิ จิตรับรู้ มีสติตามจิต วางอุเบกขา คือ “ตถาตา” ประสบการณ์ทางจิต เอาไวก้ าหนดที่ กาย ฝึกจิตใหอ้ ยกู่ บั คาบริกรรม เป็นอุบายทาใหจ้ ิตเป็นปัจจุบนั มีสติไปรับรู้อารมณ์ บริกรรมเป็นเคร่ืองมือให้ จิตเกาะเก่ียว ใหจ้ ิตเป็ นหน่ึง ทาลมหายใจให้ละเอียด ให้จิตสงบมองเห็นความเป็ นจริงพ้ืนฐานทุกอยา่ ง ฌาน ๔ เป็ นอารมณ์เดียวกบั สิ่งที่ปรากฏ จึงมีพลงั จิตสงบมีพลงั สติเป็ นพลงั ปัญญาทาอยา่ งต่อเนื่อง ฝึ กจิตใหส้ งบ จากความคิด พิจารณาจิตให้พร้อมกบั ฐานกาย จิตมองเห็นด้วยตาใจ คือ ตาปัญญา ตวั รู้ภายใน พฒั นาจิต บริสุทธ์ิ เป็ นเครื่องมือเป้าหมายฝึ กจิต จิตประสานกาย ส่งกระแสความรู้สึกเวียนไปดูกาย สร้างความเขม้ แข็ง พลงั จิต ไมค่ ิดปรุงแตง่ มีคลื่นแห่งความดี

๒๙๑ นาทางการฝึ กฝน ทาให้จิตสงบ จิตสงบ ยกสติข้ึนพิจารณากาย จิต ธรรม นาจิตออกจากทุกข์ ให้ กาหนดรู้สภาวธรรมปัจจุบนั อยู่จดจ่อสมถะดูให้เป็ นจริงตามสภาวธรรม ตอ้ งดูสภาพจิตตามความเป็ นจริง รู้เท่าทนั จิตสงบยกเหตุการณ์ข้ึนพิจารณา ปัญญาพิจารณาอารมณ์ต่าง ๆ ภายในจิต จิตมีพฤติกรรม เกิดดบั อยู่ ตลอดเวลา นาจิตพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ฝึ กดูจิตให้ดูอารมณ์ที่กระทบจิต ฝึ กจิตให้สติไดท้ นั ตวั ปรุง แต่งนึกคิด ดูอารมณ์ กายเช่ือมโยงจิต รู้กายรู้จิต ฐานกายต้งั จิต พิจารณากายหยาบไปสู่กายละเอียด จิตส่วน วิญญาณรับรู้วา่ มีอะไรเกิดข้ึน ฐานกายหยาบสุด เจริญสติ ให้จิตสงบ สติสัมปชญั ญะตามรู้ทุกอิริยาบถ สติ ส่วนรู้ของจิต ฝึกจิตใหล้ ะเอียดมากที่สุด เกิดญาณหยงั่ รู้ เอาฌานเป็ นบาทฐานเจริญวปิ ัสสนา จิตเป็นสมาธิอยู่ ในฌาน สมถะผูกจิตไวก้ บั อารมณ์ ฐานจิตละเอียด ใส่ใจใหม้ าก เห็นการเกิดดบั ของจิตเร็ว ปัญญาเกิด จิตเขา้ ไปเป็นผรู้ ู้เกิดดบั จิตฝึกอยปู่ ระจาอายตนะเกิดจิตรู้เท่าทนั ดี ผกู จิตดว้ ยสติ รู้แจง้ อาการของจิต มีสติตามรู้ท่ีจิต เห็นอาการจิต สุดทา้ ยรวมอยจู่ ิต สญั ญา เป็นความกาหนดหมาย วติ ก ความตรึกในสิ่งที่มากระทบ จิตใตส้ านึก ดูชาระ จากกิเลส ต่าง ๆ จิตจะบริสุทธ์ิตอ้ งอาศยั การฝึ กกรรมฐาน ฝึ กจิตรู้เท่าทนั จิต นิ่ง สะอาด สงบ พิจารณา วางจิตอุเบกขาธรรมชาติ จิตเป็นท่ีแสดงออกของอารมณ์ ฝึกจิตมีความอ่อนโยนละเอียดอ่อน จิตสงบเตม็ ท่ี จิต จะถอนออกมาโดยอตั โนมตั ิ ดูจิตเพื่อรู้ทนั ความคิด มีกาลงั สติ ความละเอียดของจิต รู้ทนั จิตท่ีมากระทบ อายตนะ จิตเป็ นสมาธิอยูใ่ น ฌาน อารมณ์กรรมฐาน ยกระดบั จิตข้ึนสู่วปิ ัสสนาพิจารณาไตรลกั ษณ์ ผูกจิตไว้ กบั อารมณ์กรรมฐาน ๔๐ แนวโยนิโสมนสิการ กบั การเรียนรู้อยา่ งมีวจิ ารณญาณ วญิ ญาณ คือ การรับรู้ที่ทวาร หรืออายตนะ ภายใน ก่อนกระทบถึงสมั ผสั อายตนะภายนอก สัมมาทิฏฐิตวั นาเห็นสภาวธรรม สร้างแรงจูงใจ ให้จิตมีกาลงั ใจ สภาวะความเป็ นจริงสูงสุด โดยปรมตั ถ์ สัมมาทิฏฐิตอ้ งมีวิปัสสนา ใช้สติสัมปชญั ญะไป กาหนด จิต กาย เวทนา ธรรม การปฏิบตั ิวปิ ัสสนากรรมฐานเพ่ือให้ไดต้ ระหนกั ไม่ยึดขนั ธ์ ๕ วา่ ตวั ตน การ คิดเอาตรรกะเหตุผลบรรลุธรรมไม่ได้ จิตจดจ่ออยู่ในสภาวปัจจุบนั เป็ น จิตตวิสุทธิ วิญญาณเป็ นอย่างไร ความเกิดดบั แห่งวิญญาณ วิถีจิตเกิดดบั ตลอดเวลา สืบเนื่องกนั มีการรับรู้อารมณ์ตลอดเวลา ประสบกับ อารมณ์อนั ไม่เป็ นที่รัก พลดั พรากจากอารมณ์อนั เป็ นที่รักโศก เศร้า คร่าครวญ ทุกขใ์ จ กาหนดเพ่งจิตภายใน ตวั เอง สมดุลร่างกายกบั จิตเป็ นกระบวนการเก้ือหนุน ปรับสมาธิสมดุลวิริยะ ปรับปัญญาสมดุลกบั ศรัทธา กาหนดตาแหน่งจุดตา่ ง ๆ ของร่างกาย โดยใชจ้ ิตกาหนดไปยงั จุดต่าง ๆ รักษาอุเบกขาในจิตไวก้ าหนดรู้ เจริญ สติแบบเคลื่อนไหวทาให้อยกู่ บั ปัจจุบนั ฝึกสติตามรู้การเคลื่อนไหวกายและจิต วญิ ญาณขนั ธ์ คือ จิตใจ นาจิต ไปพิจารณาสภาวธรรมจนเกิดรู้แจง้ เห็นจริง สังขารขนั ธ์ คือ การปรุงแต่ง ความคิด รู้เท่าทนั ความคิดตนเอง อยู่เหนือความโศกเศร้า คร่าครวญ การทางานของจิตและอารมณ์ความรู้สึก จิตใจผ่องในสะอาดสว่างสงบ ชาระจิตใหบ้ ริสุทธ์ิอยา่ งแทจ้ ริง จิตส่วนท่ีรับรู้ เรียกวา่ วญิ ญาณ จิตคือสารที่เป็ นนามธรรม คือ ความคิด สมาธิ แปลวา่ ความมน่ั คงของจิต สติมีอยตู่ อ้ งรู้ชดั วา่ สติมีอยูใ่ นจิตใจ สติยบั ย้งั ไม่ใหจ้ ิตปรุงแต่งดว้ ยอกุศลกรรม รู้สุ ภาวะจิตกาลงั อยใู่ นภาวะกุศล อกุศล ภวงั คจิต เกิดดบั วิธีแห่งการเรียนรู้ การใคร่ครวญความเป็ นจริง ทาให้ เกิดพลงั งานความส่ันสะเทือน สัญญาประเมินค่า จิตมีพลงั ควบคุมกาย จิต ทางานแบบอาศยั ซ่ึงกนั และกนั เกิดวิปัสสนาญาณ ปัญญาดว้ ยวิปัสสนาจนถึงรากเหงา้ ของกิเลส ภาวะจิตเขา้ ถึง ฌาน ทาฌานให้คล่องตอ้ ง กาหนดรูปนาม ฌานอนั วิสัยของโลก ยงั เวียนวา่ ยตายเกิดอยู่ในโลกต่าง ๆ ใชว้ ิปัสสนาญาณ ๑๖ เป็ นกรอบ การตรวจสอบความกา้ วหน้าทางจิต วิปัสสนา ลึกลงไปถึงท่ีสุด ของจิต และรากเหงา้ กิเลสถูกถอนออกไป

๒๙๒ ขจดั กิเลสในส่วนท่ีลึกท่ีสุดของจิตใจ จิตไม่ปรุงต่างไม่ว่า ราคะ โทสะ โมหะ เมื่อปฏิบตั ิสมาธิส่วนลึก จิตมี วิญญาณขนั ธ์ พิจารณากาหนดอาการต่าง ๆ ของ จิต ส่ิงท้งั หลายภายในจิต อารมณ์ทุกชนิดเกิดข้ึนในจิต ลว้ น ปรากฎออกมาเป็ น เวทนา หรือ ความรู้สึกทางกาย ส่ิงท่ีจิตนึกคิด คือ อารมณ์ทางใจ (ธรรม) หยดุ ความคิดคือ สติอยกู่ บั ปัจจุบนั จิตปรุงแต่งสังขารดว้ ยความชอบไม่ชอบ ชาระจิตส่วนลึกตอ้ งเฝ้าดูสังเกตดูความจริงท่ีเกิด ข้นั กายและใจ กายอย่างเดียวไม่อาจรับรู้เวทนาได้ ตอ้ งอาศยั จิตเป็ นตวั รับรู้ จิตรับรู้ความรู้สึกที่เกิดข้ึนท่ี ร่างกาย การเฝ้าดูความไม่บริสุทธ์ิกิเลสต่าง ๆ อยโู่ ดยกฎธรรมชาติ ทนั ทีท่ีรู้ตวั ขอให้นาจิตกลบั มาจดจ่ออยูท่ ่ี ลมหายใจใหม่ ยอมรับความจริงว่า จิตล่องลอยไป ให้เร่ิมตน้ ใหม่ ขนั ธ์ ๕ ประกอบดว้ ยตวั เรา รูปขนั ธ์(รูป) นามขนั ธ์ ไดแ้ ก่ วญิ ญาณขนั ธ์(การรับรู้) สัญญาขนั ธ์(กาหนดหมาย) เวทนาขนั ธ์ (ความรู้สึก) สงั ขารขนั ธ์ (การ ปรุงแต่ง) จิตประจกั ษค์ วามจริงภายในจิต ความสุขเป็นอนิจจงั เกิดข้ึนแลว้ ดบั ไป เป็นเพียงกระแสคล่ืนเลก็ ๆ ฟองอากาศเกิดข้ึนแลว้ ดบั ไป ลกั ษณะจิตเดียว คือ ผูร้ ู้เวทนาทุกชนิด มีความเขา้ ใจเวทนาอยา่ งครบถว้ นยอ่ มา บรรลุธรรม จิตเป็ นอุเบกขาต่อความรู้สึก หรือเวทนาทุกชนิดท่ีไดพ้ บ ส่ิงที่ใจนึกคิดเป็ นธรรม ส่ิงที่อยใู่ นจิต การสารวจจิตใจตอ้ งใช้ ธรรม จิต ตอ้ งไปดว้ ยกนั ๕.๔ บทสรุปรูปแบบการเข้าถงึ ปัญญาด้านธรรมานุปัสสนาสตปิ ัฏฐาน(ฐานธรรม) การไม่ทาบาปท้งั ปวง ทากุศลให้ถึงพร้อม การชาระจิตของตน ศีล สมาธิ ปัญญา คือธรรมชาติ กฎ แห่งไตรลกั ษณ์ การปฏิบตั ิธรรมข้ึนอยกู่ บั ตวั เอง ควรฝึกในรูปแบบก่อนแลว้ เป็ นไปโดยอตั โนมตั ิ ตอ้ งปฏิบตั ิ แบบมอบกายถวายชีวิตเต็มร้อย เรื่องจริต ๖ สัมพนั ธ์กบั การปฏิบตั ิกรรมฐาน ๔๐ สมถะ คือ อารมณ์ของ กรรมฐาน และจริตไม่สาคญั เท่ากบั ชอบรูปแบบการปฏิบตั ิแบบไหนให้ผูป้ ฏิบตั ิตามแบบน้นั สร้างความคิด ดว้ ยจิตศรัทธานาทาง อดทน พากเพียร สร้างปัญญา ต้งั เป้าหมายไวก้ ่อน ตอ้ งอาศยั ความอยากความฝันให้ถึง ตอ้ งมีหลกั การ ปฏิบตั ิธรรมตรงธรรม ตอ้ งเรียนรู้ใหเ้ ขา้ ใจ ฝึกปฏิบตั ิควบคูไ่ ป เขา้ ถึงแก่นแท้ เอาพระไตรปิ ฎก สาคญั แกนพฒั นาทุกอยา่ ง ต่อเน่ืองไป สติปัฏฐาน ๔ อย่างตอ้ งฝึ กไปพร้อมกนั รูปนามตอ้ งอาศยั และไป ดว้ ยกนั วปิ ัสสนาคือการเห็นไตรลกั ษณ์ รูปนามมาจากขนั ธ์ ๕ ญาณตวั รู้ปัญญา ตอ้ งพิจารณาเห็นรูปนามตาม สภาวธรรม ลึกซ้ึงไตรลกั ษณ์ กระแสธรรมอาศยั วิปัสสนา สมถะ ร่วมกนั ควบคู่กนั สลบั กนั พิจารณาไตร ลกั ษณ์ รูปนามไม่เที่ยง กระแสธรรมตอ้ งอาศยั วิปัสสนา ปฏิบตั ิมาก่อนปริยตั ิ การรับรู้ปัญญาเกิดเองเม่ือการ ปฏิบตั ิไดผ้ ล วิธีปฏิบตั ิดูเกิดดบั เห็นไตรลกั ษณ์ สภาวธรรมเทียบญาณ ความคิด คือ ตวั จิต อยากตลอดเวลา ระงบั ไดต้ อ้ งมี สติ ฝึกจิตสม่าเสมอตอ่ เนื่องสมาธิรูปแบบตา่ ง ๆ เป็นประโยชน์ ธรรมเกิดเมื่อจิตมีสมาธิปัญญา ถอดปัญญา สติสมาธิรู้ธรรมเห็นความคิด ภาษาธรรมบริสุทธ์ิเขา้ ถึงกากบั จิตโดยธรรมชาติ เป็นปัญญาจิตอาศยั สมาธิเบ้ืองตน้ การคน้ หาสภาวธรรมปัจจุบนั ตามแต่ละฐานเป็ นเร่ืองเฉพาะตวั อาศยั การฝึ กฝน ความเพียร ความศรัทธาความเช่ือมน่ั ต่อเน่ืองสะสม มองสรรพส่ิงตามความเป็ นจริง อาศยั กฎไตรลกั ษณ์ เขา้ ใจนิยาม ความหมายลกั ษณะการเกิดปัญญา ระดบั ภาวนามยปัญญา รู้แจง้ ไตรลกั ษณ์ กาหนดรู้เทา่ ทนั กายเวทนาจิตธรรม รู้เห็นตามความเป็ นจริง สติปัฏฐาน ๔ ทาใหค้ รบและสม่าเสมอ ดู ลมหายใจเขา้ สติไปกาหนดยกพิจารณาไตรลกั ษณ์ ใชห้ ลกั การอานาปานสติเป็ นฐาน สาคญั สญั ญาทาให้รู้แจง้ ในใจ แจง้ หลกั ธรรมยอมรับเวทนาท่ีเกิดข้ึนเชื่อมโยง กายเวทนา จิตธรรม เสวยเวทนาจิตเขา้ ไปรับรู้ เกิดการ

๒๙๓ ปล่อยวางอยา่ งมีปัญญา พจิ ารณาใหเ้ ห็นจริงตามสภาวะ แตล่ ะคนเร่ิมตน้ ต่างกนั พอถึงเวทนาจิตธรรม ตอ้ งเห็น สภาวะเหมือนกนั หมด เฝ้าสังเกตปรากฎการณ์ที่เกิดข้ึน โดยไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ พฒั นาสติสัมปชญั ญะ เป็ น ปัญญาช่วยให้เกิดอุเบกขา ตอ้ งปฏิบตั ิตอ้ งเท่ากนั ในทุกอารมณ์ที่เกิดข้ึนใส่ใจทุกอาการ อายตนะเป็ นตวั เช่ือมโยง ตัวธรรมเป็ นแนวทางเดียวกับพระไตรปิ ฎกทุกฐานมีความสาคญั ให้เริ่มปฏิบัติจากฐานกาย ธรรมชาติเกิดจากการสารวมอินทรีย์ กายเป็ นฐานแรกสุดมองเห็นไดง้ ่ายเป็ นพ้ืนฐาน กายหยาบใหญ่กาหนด สติง่าย รู้เห็นตามความเป็ นจริง การทาความเขา้ ใจกระบวนการอายตนะภายในท่ีอยูใ่ นร่างกาย ตวั รู้ คือ ตวั ปัญญา ญาณ ๑๖ อาศยั สัมโพชฌงค์ เกิดปัญญาตามเป็ นจริง ถา้ ไม่มีวปิ ัสสนา ก็ไม่มีสติปัฏฐาน สติกาหนด พิจารณาเห็นจิต สมถะสร้างจิตนิ่งเป็ นสมาธิเกิดพลงั การเฝ้าสังเกตส่ิงที่เกิดข้ึนในส่งที่ใจกาลงั นึกคิดอยู่ ขณะน้นั อยา่ งต่อเน่ือง สมาธิอบรมปัญญา ยกจิตสู่วปิ ัสสนา เห็นไตรลกั ษณ์ ไดส้ มาธิพลงั หนุนพฒั นาปัญญา เห็นไตรลกั ษณ์ มีประสบการณ์โดยตรงกบั จิต จิตไม่ใช่การใช้จิตนาการ ตาใจ คือ ตาปัญญา ตวั รู้ภายใน พัฒนาจิตให้บริสุทธ์ิต้องอาศัย มหาสติปัฏฐาน เห็นกฎไตรลักษณ์ตามอริยสัจ เป็ นแก่นธรรมหัวใจ พระพทุ ธศาสนา ใหค้ วามสาคญั กบั สัญญา จิตเป็นตวั เขา้ ถึงปัญญาระดบั ภาวนามยปัญญา มองเห็นลกั ษณะจิต ตามความเป็ นจริง รู้เท่าทนั ความเป็ นจริง เกิดวิปัสสนาญาณ ปัญญารอบรู้ตกผลึกตามความเป็ นจริง เป้าหมาย พน้ ทุกข์ รู้แจง้ นิพพาน ฝึ กปฏิบตั ิเขา้ ถึงวปิ ัสสนาญาณ ประจกั ษน์ ิยมการปฏิบตั ิเป็ นปัญญา เขา้ ถึงธรรมตาม ความเป็นจริง กายเวทนาจิตธรรมเป็ นเร่ืองเดียวกนั ความศรัทธาต่อหลกั มหาสติปัฏฐาน ๔ เจริญใหม้ าก ธรรม วจิ ยั เลือกเฟ้นธรรม ตอ้ งสังเกตดู และรู้ชดั ระดบั เชาวน์ปัญญาร่างกายถูกแยกออกเป็ นธาตุ ๔ สารวจขอบเขต ของความทุกข์ อยเู่ หนือความทุกขเ์ ป็ นการหยง่ั รู้ในอริยสัจ ฐานธรรมสาคญั ที่สุด พจิ ารณากายเวทนาจิตธรรม ฐานธรรมปัญญาเห็นการเกิดดบั เพียงแค่รู้ รู้อะไรน้นั ไม่สาคญั ใครคือผูร้ ู้ก็ไม่สาคญั มีแต่เพียงความเขา้ ใจ เท่าน้ัน สัมมาทิฏฐินาไปสู่มรรค ๘ ตวั นาเห็นชอบความถูกตอ้ ง ความเป็ นจริงในอริยสัจ ๔ มีปัญญาใช้ ชีวติ ประจาวนั ตามจริง รักษาศีล เจริญสมาธิ เจริญมรรค ๘ นาจิตต้งั มนั่ แน่วแน่ ตวั ปัญญา เป็นปัจจตั ตงั พฒั นา ปัญญาจาก ต้องปฏิบตั ิเองการอ่านพระสูตรทาให้ไม่เข้าใจอย่างแท้จริง พิจารณาเห็นธรรมเห็นเหตุเกิด พิจารณาเห็นธรรม เป็ นเหตุดบั ในธรรม ปัญญาเขา้ ใจความเป็ นจริงชีวิต ปล่อยวางตามความเป็ นจริง ปัญญา พิจารณาธรรมขนั ธ์ ๕ อริยสัจ ๔ พิจารณาธรรม อยา่ งไร ความเกิด แก่ ตาย เป็ นทุกข์ ปัญญาบนพ้ืนฐานของ สติ ใช้ความคิดตรึกตรองทาความเขา้ ใจ ไม่ทาให้หยงั่ เห็นธรรม หรือ หลุดพน้ กิเลสได้ สร้างตวั ช้ีวดั เพื่อ วิเคราะห์ อินทรีย์ ๕ มีความสมดุลอินทรีย์ ๕ ฝึ กสติต่อเนื่อง ปรับอินทรียใ์ ห้สมดุลในการปฏิบตั ิวิปัสสนา กรรมฐาน มีสติเห็นขนั ธ์ ๕ เป็ นปัจจุบนั ธรรมในใจ อิริยาบถมีความส่วนช่วยให้เพิ่มสติ ปรับอิริยาบถให้ เหมาะสม ญาณ ตวั ช้ีวดั เพือ่ ความเป็ นอินทรีย์ ๕ ฝึกสติแบบเคลื่อนไหว ทาใหร้ ู้เวทนา กาย จิต ธรรม อิริยาบถ ยนื เดินนง่ั เป็ นการปฏิบตั ิเพื่อใหเ้ กิดปัญญา พฒั นาสติทาให้มีบุคลิกภาพท่ีมน่ั คง นาไปสู่ความพน้ ทุกข์ หยดุ ความคิด ทุกขท์ างใจ มีวธิ ีคิดเพอื่ บรรเทาทุกข์ คือ วธิ ีคิดเม่ือพลดั พรากจากสิ่งท่ีรัก วธิ ีคิดเม่ือประสบกบั ส่ิงไม่ เป็ นท่ีรัก วธิ ีคิดเม่ือไม่ไดส้ ่ิงท่ีปรารถนา การประจกั ษ์ความจริงแทส้ ติปัฏฐาน คือ สติที่ประกอบดว้ ยปัญญา เป็ น ความคิดประกอบดว้ ยปัญญาคือ หนทางแห่งการพน้ ทุกข์ ความรอบรู้เร่ืองที่กาลงั ปฏิบตั ิ กาลงั ใจจาก ภายในคือ โยนิโสมนสิการ ความสงบทางจิตภายใต้ การสอนประยกุ ตใ์ ชส้ ติในชีวติ ประจาวนั จงต้งั สติมน่ั คง อยดู่ ว้ ยปัญญา กระบวนการฝึกอบรมจิตเจริญวปิ ัสสนา โดยสมถะเป็ นบาท จิตภาวนาสัมพนั ธ์ทางบวกกบั สติ

๒๙๔ เตรียมจิตใหอ้ ยใู่ นสภาพพร้อมทาปัญญาพิจารณา คลายความยดึ มนั่ ถือมนั่ ให้เกิดปัญญาเห็นแจง้ ความความ เป็ นจริง ของรูปนาม โดยพิจารณา กายเวทนาจิตธรรม ปัญญาภาวนาเขา้ ใจชีวิตตามหลกั ไตรสิกขา ลกั ษณะ อนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา จะคิดไดเ้ ม่ือเห็นดว้ ยตนเอง การเกิดข้ึนของรูป ดบั ไปของรู้ ประจกั ษก์ บั ปรากฎการณ์ ท้งั หมดดว้ ยตนเอง คล่ืนท่ีเกิดจากจิตสร้างสอดแทรก คล่ืนท่ีอยูใ่ นอนุภาคได้ ปรากกฎการณ์ทาใหอ้ วกาศเกิด คลื่นท่ีมีความถี่ อุปทาน คือ ความยึดมน่ั ถือมน่ั อุปทานขนั ธ์ ๕ คือ ความยึดมนั่ ถือมน่ั กบั ขนั ธ์ ๕ ท่ีต้งั แห่ง อุปทาน ฌานหรือสมาธิอนั แน่วแน่เป็ นโลกิยฌาน นารูปนามมาปฏิบตั ิ วปิ ัสสนาเป็ นอารมณ์เจริญสติในกาย เวทนา จิต ธรรม เกิดความหยง่ั เห็นปัญญาญาณ ปัญญาเห็นจริง ทาใหก้ ิเลสถูกขจดั ออกไปเร่ือย ๆ จนข้นั มีแต่ ความสงบภายใน ครอบคลุมสติปัฏฐาน สูตร เจริญสมถะนาหนา้ กาหนดรูปนามโดยการบริกรรม สมถะช่วย ฝึ กสติหนกั แน่น ไม่วา่ ฐานกาย เวทนา จิต ธรรม เมื่อปฏิบตั ิกา้ วหนา้ ไปเร่ือย ๆ ท้งั ๔ ส่วนมารวมเขา้ ด้วยกนั เอง สติเป็ นหัวใจพระพุทธศาสนา กรรมฐานเป็ นหวั ใจพระพุทธศาสนา สติรู้การเกิดดบั ของเวทนารู้อนิจจงั ตลอดเวลา ปัญญินทรีย์ คือ ปัญญาในการรู้ตามความเป็ นจริงของอารมณ์ กรรมฐาน วปิ ัสสนาสติอยกู่ บั การ เกิดดบั อยกู่ บั อนิจจงั ทุกเวลา ปัญญาแทงทะลุความจริงท่ีสมมติกนั ข้ีนมา เขา้ สู่ความจริงแท้ เริ่มกาย เวทนา จิต ธรรม เขา้ สู่จุดหมายคือ พระนิพพาน สารวจสาเหตุแห่งความยดึ มนั่ ท้งั หลาย ๑)รูปคือร่างกาย ๒)จิตคือนาม จิตใจของเรา กฎธรรมชาติเป็ นสากลประจกั ษ์ เขา้ ใจ ดว้ ยตนเอง คาสอนตอ้ งไดร้ ับการพิสูจน์ไดด้ ว้ ยตนเอง ประจกั ษร์ ู้แจง้ เห็นจริง เฝ้าสังเกต กาย เวทนา จิต ธรรม ตอ้ งไปพร้อมดว้ ย “อาตาปี สัมปชาโน สติมา” สร้าง แรงบนั ดาลใจในการปฏิบตั ิอยา่ งจริงจงั ภาวนามยปัญญา เป็ นปัญญาที่เกิดจากการประจกั ษก์ บั ความจริงดว้ ย ตวั เอง ทา่ นไดป้ ระจกั ษค์ วามจริงดว้ ยตนเอง ซ้าแลว้ ซ้าเล่า เป็นการพฒั นาปัญญาจากประสบการณ์โดยตรง ๕.๕ บทสรุปรูปแบบการเข้าถึงปัญญา รูปแบบ ๑ ปฏิบตั ินาทาง ปัญญาตามมา แสวงหาครูบาอาจารย์ เรียนรู้ฝึกฝน พากเพยี รตอ่ เน่ือง รูปแบบ ๒ สืบทอดคาสอนครูบาอาจารยเ์ ป็นพ้นื ฐาน“บริกรรมพทุ โธ”ผสานความเป็นปัจจุบนั รูปแบบ ๓ ศีล สมาธิ ปัญญา ฝึ กสร้างสติตดั อารมณ์ ฝังรูปแบบภาวนา “พุทโธ” เร่งทาเพียร ต่อเน่ือง ตลอดเวลา รูปแบบ ๔ ฝึกจิตเป็นปัจจุบนั ขณะ สติผสานกายจิต ต้งั ใจปฏิบตั ิทุกขณะจิต อยา่ งต่อเนื่อง รูปแบบ ๕ การปฏิบตั ิตอ้ งตามรูปแบบข้นั ตอน ใหเ้ รียนรู้แนวทฤษฎี ปฏิบตั ิใหอ้ ยกู่ บั ปัจจุบนั รูปแบบ ๖ พุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจา้ สมถะนา รูปแบบ ๗ เรียนรู้พระพุทธศาสนา จิตอาสาประโยชน์สาธารณะ รูปแบบ ๘ ดูขนั ธ์ ๕ ฝึกแยกรูปนาม สู่ไตรลกั ษณ์ เทียบเคียง ทฤษฏีและปฏิบตั ิ รูปแบบ ๙ กาย เวทนา จิต ธรรม เชื่อมโยงนามรูป ขนั ธ์ ภาวนาพองยุบ กาหนดอนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา ภาวนาจิตพจิ ารณาปัญญา รูปแบบ ๑๐ ความเป็นธรรมชาติธรรมหลกั คาสอน รูปแบบ ๑๑ ปริยตั ิ เปรียบเหมือนเขม็ ทิศ คือ ตอ้ งศึกษาธรรมปริยตั ิก่อน ปฏิบตั ิตอ้ งเดินสุดทา้ ย รูปแบบ ๑๒ ทุกอยา่ งอยทู่ ี่ “พุทโธ” สะสมไวเ้ หตุถึงปัญญาตามมา

๒๙๕ รูปแบบ ๑๓ ปริยตั ิกบั ปฏิบตั ิตอ้ งคูก่ นั ใหค้ วามสาคญั กบั อานาปานสติ รูปแบบ ๑๔ สติ คือ การฝึ กรู้ เอาไปรู้อาการเวทนา สภาวธรรมที่เป็ นจริง ปัญญาเขา้ ถึงวิปัสสนา เร่ืองรูปนาม รูปแบบ ๑๕ กรรมฐานกบั สติปัฏฐาน ๔ เป็นเรื่องเดียวกนั การเขา้ ถึงธรรม รูปแบบ ๑๖ การเรียนรู้การปฏิบตั ิ ยกระดบั ความรู้ต่อเนื่อง มีเป้าหมาย ทุ่มเท รูปแบบ ๑๗ คาบริกรรมไมม่ ี มีสติหายใจเขา้ ออก จิตไปรับรู้ลมหายใจ การเกิดดบั ตามอริยสัจ ๔ รูปแบบ ๑๘ ปฏิบตั ิแบบไมม่ ีคาบริกรรม ใหไ้ ปรู้ “มโน” รูปแบบ ๑๙ ปัญญาวปิ ัสสนา คือ ปัญญาเขา้ ถึงไดจ้ ากการปฏิบตั ิและประสบการณ์ตรง รูปแบบ ๒๐ ตามสายครูบาอาจารยส์ ติปัฏฐานเอาปัจจุบนั รูปแบบ ๒๑ สืบถอดคาสอนครูบาอาจารย์ ลมหายใจภาวนา พุทโธ แลกธรรมะเพือ่ ความหลุดพน้ รูปแบบ ๒๒ สติเป็นความจาเป็น ทุกสถานการณ์ ตวั ไหนเด่นชดั เอาตวั น้นั มากาหนดปัจจุบนั รูปแบบ ๒๓ สติสาคญั ท่ีระลึกได้ ปัญญาสิ่งรู้ทุกสิ่ง ธรรมะเป็ นส่ิงละเอียดเขา้ ถึงธรรมจิตตอ้ งไม่ หยาบ รูปแบบ ๒๔ เทคนิคการฝึก คือ การปฏิบตั ิ เป็นกิจวตั รประจาวนั ทุก ๆ วนั รูปแบบ ๒๕ มีสติตลอดเวลาตอ้ งภาวนาพุทโธ ฝึกฝนประจาเป็นมหาสติปัฏฐาน ๔ รูปแบบ ๒๖ ธรรมพ้ืนฐาน คือ การมีสติ ฝึกสติ คือฝึกความรู้สึกตวั รูปแบบ ๒๗ การปฏิบตั ิตอ้ งอาศยั ความรู้ปริยตั ิท่ีถูกตอ้ ง และเป็นไปตามข้นั ตอน รูปแบบ ๒๘ ฐานกายเป็นที่ต้งั ความรู้สึก มีความสาคญั รูปแบบ ๒๙ คาบริกรรม จะมีก็ได้ ไม่มีคาบริกรรมกไ็ ด้ ข้ึนอยกู่ บั ผปู้ ฏิบตั ิเลือก รูปแบบ ๓๐ ใหค้ วามสาคญั กบั อานาปานสติ รูปแบบ ๓๑ วธิ ีปฏิบตั ิฝึกตามแบบแผนเทคนิควธิ ี กาหนดสมถะเป็นบาทฐานวปิ ัสสนา รูปแบบ ๓๒ กาหนดฐานเวทนาเชื่อมโยงอายตนะปฏิบตั ิวางสติรู้เท่าทนั อารมณ์ รูปแบบ ๓๓ วธิ ีการฝึกจิตชานาญในสมถกรรมฐาน อาการเกิดดบั จิต รูปแบบ ๓๔ วธิ ีการใชจ้ ิตดูลมหายใจ อาตาปี มีความเพียรเผากิเลส รูปแบบ ๓๕ ความบริสุทธ์ิแห่งจิต อาศยั การฝึกกรรมฐาน รูปแบบ ๓๖ สร้างสติ ใชเ้ คร่ืองมือสติปัฏฐาน ๔ ใหค้ รบ ตอ่ เน่ือง สม่าเสมอ รูปแบบ ๓๗ การฝึกจิต เป็นการปฏิบตั ิธรรมสร้างสติและความรู้สึก รูปแบบ ๓๘ ฝึกรู้ทนั ความคิด ฝึกเจริญสติสมั ปชญั ญะ รูปแบบ ๓๙ เป้าหมายพน้ ทุกข์ เป็นทางเดียวทาใหแ้ จง้ พระนิพพาน คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ รูปแบบ ๔๐ มหาสติปัฏฐาน ๔ เป็นปัญญาระดบั ภาวนามยปัญญา ตอ้ งปฏิบตั ิ รูปแบบ ๔๑ เขา้ ใจนิยามความหมายลกั ษณะเกิดปัญญาระดบั ภาวนามยปัญญา รูปแบบ ๔๒ พิจารณาปัญญารู้เทา่ ทนั เกาะกนั เป็นลูกโซ่ รูปแบบ ๔๓ สมั มาทิฏฐิเป็นประธานตวั นาเห็นแจง้ ทางปัญญาดว้ ย อริยสัจ ๔ มรรค ๘

๒๙๖ รูปแบบ ๔๔ พฒั นาปัญญา เขา้ ใจในไตรลกั ษณ์ดว้ ยตนเอง รูปแบบ ๔๕ ตวั รู้ ตวั ปัญญา คือ วปิ ัสสนาญาณ รูปแบบ ๔๖ ควบคุมการฝึกประสาทสมั ผสั ท้งั ๖ ไดแ้ ก่ ตา หู จมูก ลิ้น สมั ผสั และการเคลื่อนไหว รูปแบบ ๔๗ ฝึกตามอานาปานสติ วปิ ัสสนากรรมฐาน และองคค์ วามรู้ท่ีเป็นการฝึกการเคล่ือนไหว รูปแบบ ๔๘ สะสมองคค์ วามรู้ในแตล่ ะเทคนิค มีการลองผดิ ลองถูกเคร่ืองมือ รูปแบบ ๔๙ รูปแบบแตกต่างตามสภาพกาย ตามจริต ข้ึนอยกู่ บั ผปู้ ฏิบตั ิ รูปแบบ ๕๐ สร้างกระบวนการส่ือสารกบั ตวั เอง รูปแบบ ๕๑ ฝึกพูดคุยกบั จิตใตส้ านึก พูดในส่ิงท่ีตอ้ งการ รูปแบบ ๕๒ สร้างความละเอียดของลมหายใจ รูปแบบ ๕๓ สร้างความรู้สึกตวั ใหช้ ดั เจน การฝึกสติ รูปแบบ ๕๔ การไมใ่ ชค้ าบริกรรม เทคนิคเป็นรูปแบบเฉพาะตน รูปแบบ ๕๕ การฝึกฝนวธิ ีการจดั การ เฝ้าดูความจริงระดบั หยาบ (สมมติสจั จะ) รูปแบบ ๕๖ ฝึกการแยกกายออกจากจิต การปฏิบตั ิโดยมีเวทนาเป็นเครื่องช่วย รูปแบบ ๕๗ สร้างสติฝึกสติปัฏฐาน สติ แปลวา่ ระลึกรู้ รูปแบบ ๕๘ เรียนรู้วธิ ีการฝึกควบคุมความคิด รูปแบบ ๕๙ ฝึกเห็นจิตในจิต ตามความเป็นจริง โดยสภาวธรรมเป็นปัจจุบนั รูปแบบ ๖๐ เรียนรู้การฝึกควบคุมความคิดอาศยั ธรรม ตามธรรมชาติ รูปแบบ ๖๑ กาหนดวิธีอานาปานสติ ปรากฏความจริงต่อร่างกายและจิตใจ คือลมหายใจเขา้ ออก เฝ้าสงั เกตความจริงของขนั ธ์ ๕ อายตนะ ๖ รูปแบบ ๖๒ เวทนาปรากฏท่ีกายรับรู้ท่ีจิต ให้สังเกตเวทนาเด่นชดั บริเวณใดกาหนดบริเวณน้ัน ตามรู้เท่าทนั รูปแบบ ๖๓ เวทนาอาศยั รูปนาม เป็ นตวั เช่ือมเป็ นรูปธรรม ประสบการณ์เกิดดบั ทางเวทนา (ความรู้สึกทางกาย) เช่ือมโยงรูปนาม รูปแบบ ๖๔ กาหนดพิจารณาเวทนาในเวทนาสภาวะจริงอาการที่ปรากฎ รูปแบบ ๖๕ เบ้ืองตน้ ปฏิบตั ิฐานกาย ตอ้ งผา่ นฐานกาย ส่งไปฐาน เวทนา จิต ธรรม รูปแบบ ๖๖ ฐานกายเป็ นรูป มีอานาปานสติ ๑๖ หยาบไปถึงละเอียด กายมีสติพิจารณาอาการ รูปแบบ ๖๗ วปิ ัสสนาญาณ เป็นภาวนามยปัญญา วปิ ัสสนานาสู่จุดหมาย รูปแบบ ๖๘ สติเป็นพลงั กาลงั พฒั นาสติมา สติเป็นใหญป่ กครองกายจิต เป้าหมายคือ จิตสงบ รูปแบบ ๖๙ ฝึกรู้ทนั ความคิด เอาฐานสติอาศยั เวทนา ความรู้สึกเกิดดบั ของเวทนา รูปแบบ ๗๐ ฐานจิตคือธรรมชาติ ดูตามธรรมชาติของจิต จิตเป็นฐานแห่งปัญญาโดยธรรมชาติ รูปแบบ ๗๑ สร้างจิตดว้ ยปัญญา ฝึกจิตใหเ้ ห็นปัญญาความเป็นจริงคือไตรลกั ษณ์ รูปแบบ ๗๒ ฝึกจิตพิจารณาขอ้ ธรรมไดป้ ัญญา รูปแบบ ๗๓ ฝึกจิตเป็นปัจจุบนั ใชจ้ ิตกาหนดรู้สภาวธรรมตามธรรมชาติ

๒๙๗ รูปแบบ ๗๔ พิจารณาซากศพ ตวั เราเองจะตอ้ งตกอยูใ่ นสภาพเดียวกนั น้ี ในที่สุด เห็นความดบั ส สายแห่งสงั ขาร รูปแบบ ๗๕ สัมมาทิฏฐิเห็นความจริงได้ ต้งั สติฝึกสัมมาทิฏฐิเป็นตวั นาการปฏิบตั ิ พากเพียร รูปแบบ ๗๖ ธรรมเกิดจากขนั ธ์ ๕ ฐานธรรมเป็ นพ้ืนฐานตอ้ งนาจากสัมมาทิฏฐิ สังเกตกายเพียง กาย สติต้งั มนั่ หมดความยดึ ติดในโลกแห่งรูปนาม รูปแบบ ๗๗ ตวั วดั ผล คือ วิปัสสนาญาณ ปัจจตั ตงั เวทิตพั โพ คือ รู้เฉพาะตน ตอ้ งประสบด้วย ตนเอง รูปแบบ ๗๘ สติ คือ ความระลึกรู้ ความรู้ตวั กบั ส่ิงปัจจุบนั ต้งั สติปรากฏอยเู่ ฉพาะหนา้ เจริญสติ รูปแบบ ๗๙ รู้ทนั ธรรม ความเป็ นจริง วา่ ทุกข์ สมุทยั นิโรธ มรรค และนอ้ มนาความคิด อาตาปี สมั ปชาโน สติมา รูปแบบ ๘๐ สารวจอินทรีย์ ๕ สภาวธรรมกาหนดรู้วธิ ีกาหนดลมหายใจเขา้ ออกตามแบบที่กาหนด รูปแบบ ๘๑ ฝึ กสารวมอินทรีย์ เพื่อเจริญสติทุกอิริยาบถ ฝึ กรู้สติสัมปชัญญะกาหนดรู้การ เคล่ือนไหว รูปแบบ ๘๒ ตอ้ งไมข่ าดสัมปชญั ญะ แมล้ กั ษณะจิตเดียว มีสติรู้ การเกิดดบั ของเวทนาทุกขณะ รูปแบบ ๘๓ รู้ทนั อารมณ์ คือ สิ่งที่เขา้ มากระทบกบั บุคคล ผา่ นอายตนะ ตา จมูก ลิ้น กาย ใจโดย รู้จกั และเขา้ ใจอารมณ์ รูปแบบ ๘๔ การสื่อสารเพือ่ บริหารจดั การอารมณ์ โดยตรง พดู คุยกบั ตนเองดว้ ยความเมตตา รูปแบบ ๘๕ การระลึกรู้ในอารมณ์ที่เป็นไปในสติปัฏฐาน ตอ้ งมีสมั ปชญั ญะทุกขณะข้นั ตอน รูปแบบ ๘๖ สติ มีความสาคญั ให้มีสติด้วยการฝึ กจิตภาวนา พิจารณา สติเฝ้าดูความจริงท่ีเป็ น กลาง เจริญสติอยา่ งตอ่ เนื่อง อยตู่ ลอดทุก ๆ ขณะ รูปแบบ ๘๗ ฝึกกสินเป็นกรรมฐาน ฝึกจิตใหถ้ ึงฌานไดเ้ ร็ว วปิ ัสสนากรรมฐานเป็นเหตุเกิดปัญญา รูปแบบ ๘๘ ฝึ กจิตใหเ้ กิดอภิญญา ผูน้ าจิตวิญญาณ มีความกา้ วหนา้ สูงจะรับรู้ความรู้สึกของผูอ้ ่ืน กระแสความสัน่ สะเทือน รูปแบบ ๘๙ สร้างการเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงภายใน ระดบั ฝังลึก รูปแบบ ๙๐ อานาปานสติเขา้ ออกฌาน ชานาญเป็นกาลงั เจริญวปิ ัสสนา รูปแบบ ๙๑ อานาปานสติ เป็นเครื่องมือรวบรวมสติ ใหจ้ อ่ ดจอ่ แน่วแน่ถึงสมาธิ ข้นั ลึกมาก ๆ ฌาน ๑-๔ รูปแบบ ๙๒ กรรมฐานมีผลต่อการทางานของอวยั วะ ต่าง ๆ ของร่างกาย รูปแบบ ๙๓ ฝึกทาจิตเป็นผดู้ ูเท่าน้นั ต้งั สติใหต้ รงสภาวะปัจจุบนั รูปแบบ ๙๔ สอบทานระหวา่ งปริยตั ิและปฏิบตั ิ เชื่อมโยงรูปแบบการปฏิบตั ิเป็ นแนวทางเดียวกนั รูปแบบ ๙๕ กาหนดพฒั นาสภาวธรรม คือ กาหนดสติปัฏฐาน รู้ชดั ความจริงจากทวารการรับรู้ รูปแบบ ๙๖ สภาวธรรมเป็นสัญญาขนั ธ์ และสังขารขนั ธ์ตามสภาวธรรม

๒๙๘ รูปแบบ ๙๗ ฝึกหดั ควบคุมจิต ฝึกสมาธิใหถ้ ูกตอ้ ง พฒั นาสมาธิทาจิตใหอ้ ยกู่ บั ความจริงท่ีปรากฏ ต่อตวั เอง รูปแบบ ๙๘ ลมหายใจคือธรรมชาติของส่ิงมีชีวติ ท่ีตอ้ งประจกั ษด์ ว้ ยตนเอง รูปแบบ ๙๙ อานาปานสติคือ การเฝ้าสังเกตดูความจริง จาก ลมหายใจ คือ สติ รูปแบบ ๑๐๐ วปิ ัสสนาคือสติปัฏฐาน ความหมายเหมือนกนั อภปิ รายผลการวจิ ัย จากการทบทวนวรรณกรรมจากบทความวิจยั ที่เก่ียวขอ้ ง จานวน ๙๘ บทความวิจยั พบว่า มีความ สอดคลอ้ งกนั เพียงแต่วา่ บทความวิจยั เป็ นเพียงแต่การอธิบายความหรือแยกระดบั รูปนามนามธรรมมีความ แตกต่างไปตามประเด็นเร่ือง การเขา้ ถึงธรรมสามารถเขา้ ถึงทางใดก็ได้ เพียงแต่มีแกนเรื่องบางอยา่ งที่มีความ ซ้ากนั จดั กลุ่มประเด็นสาระ ๔ ฐาน จากบทความวจิ ยั ไดผ้ ลการศึกษาวา่ ฐานกาย ๑.๑) ฐานกายสู่การปฏิบตั ิฐานเพ่ือพฒั นาคุณภาพชีวติ ๑.๒) ฐานกายกบั การพฒั นาคุณภาพ ชีวติ ของผสู้ ูงอายุ ๑.๓) ความสัมพนั ธ์ฐานกายกบั การรักษาโรค กระบวนการภายในกาย คือ พิจารณาเห็น กายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ กาจดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสียได้ พิจารณากายเป็น ปฏิกูลมนสิการ พิจารณาส่วนประกอบอนั ไม่สะอาดท้งั หลายที่ประชุมเขา้ เป็ นร่างกายน้ี พิจารณากายเป็ น ธาตุมนสิการ พิจารณาเห็นร่างกายของตนโดยสักวา่ เป็ นธาตุแต่ละอยา่ งๆ พิจารณาเห็นกายต้งั แต่ฝ่ าเทา้ ข้ึน ไปเบ้ืองบน ต้งั แต่ปลายผมลงมาเบ้ืองล่าง มีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยสิ่งท่ีไม่สะอาดชนิดต่าง ๆ เชื่อมโยง กระบวนการนอกกาย คือ พิจารณาเห็นกายภายนอกอยู่ เห็นธรรมเป็ นเหตุเกิดดบั ในกายนอกกาย อยู่ สรุปมองฐานกายจากภายในเชื่อมโยงต่อภายนอก แลว้ นาศาสตร์ความรู้จากภายนอกเพ่ือเขา้ ใจฐานกาย ภายใน นาไปสู่การพฒั นาองค์รวมแห่งชีวิต และคุณภาพชีวิต สังคมภายนอก แลว้ ยอ้ นกลบั มาสู่ชีวิตเกิดแก่ เจบ็ ตาย โดยส่วนมากบทความวจิ ยั ที่ศึกษาเป็ นการนาไปใชป้ ระโยชน์โดยมองภายนอกกาย ฐานเวทนา ๒.๑)ความสุขจากเวทนา ๒.๒)ความทุกข์จากเวทนา ๒.๓)รูปแบบการเขา้ ถึงเวทนา กระบวนการรูปแบบ คือ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาท้งั หลายภายในภายนอกอยู่ เห็นธรรมเป็ นเหตุเกิด เหตุดบั ในเวทนาท้งั หลายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ กาจดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสียได้ สติ ปรากฏอยเู่ ฉพาะหนา้ วา่ ‘เวทนามีอย’ู่ เพื่ออาศยั เจริญญาณ เจริญสติเท่าน้นั และไม่ยดึ มน่ั ถือมนั่ อะไรๆ ใน โลกพิจารณาเวทนา เสวยสุขเวทนา ก็รู้ชดั วา่ ‘เราเสวยสุขเวทนา’ เมื่อเสวยทุกขเวทนา ก็รู้ชดั วา่ ‘เราเสวย ทุกขเวทนา เป็นตน้ สรุปฐานเวทนา ตอ้ งใชค้ วามรู้จกั เวทนาจากความรู้สึกสุขทุกข์ ไปเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ ลกั ษณะของเวทนา เมื่อเขา้ ใจภายในของเวทนาเรา ยอ่ มเห็นรูปแบบการเขา้ ถึงเวทนาแลว้ ปล่อยวางด้วย ความเป็นอุเบกขาไปเชื่อมโยงกบั อริยสจั ๔ ในฐานธรรมตอ่ ไป ฐานจิต ๓.๑)แนวทางการพฒั นาฐานจิตนาทาง ๓.๒)จิตปัญญาศึกษา ๓.๓)ฐานจิตกบั พุทธจิตวิทยา ๓.๔)ฐานจิตกับความฉลาดทางธรรม ๓.๕)ฐานจิตกับผูส้ ูงอายุ ๓.๖)ฐานจิตกับการละคร รูปแบบ กระบวนการ คือ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ กาจดั อภิชฌาและโทมนสั ใน

๒๙๙ โลกเสียได้ การต้งั สติกาหนดพิจารณาจิต ใหร้ ู้เห็นตามเป็ นจริงวา่ เป็ นแต่เพียงจิต ไม่ใช่สัตวบ์ ุคคลตวั ตน เราเขา คือ มีสติรู้ชดั จิตของตนท่ีมีราคะ ไมม่ ีราคะ มีโทสะ ไม่มีโทสะ มีโมหะ ไมม่ ีโมหะ เศร้าหมองหรือ ผ่องแผว้ ฟุ้งซ่านหรือเป็ นสมาธิ ฯลฯ อย่างไรๆ ตามที่เป็ นไปอยู่ในขณะน้ัน ๆ โดยสรุปฐานจิต เป็ น การศึกษาแนวทางศาสตร์ทางจิตวทิ ยาซ่ึงเป็ นหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ เพือ่ นาไปสู่การฝึกฝนสร้างความเขา้ ใจ ฐานจิตให้นาไปสร้างประโยชน์ต่อตนเอง ผสานกบั แนวทางทางสติปัฏฐาน คือ ความรู้จกั และความเข้าใจ ลกั ษณะอาการของจิตภายในตน เพือ่ เช่ือมโยงทาความเขา้ ใจจิตภายนอกของตน ตามกระบวนการต่าง ๆ ฐานธรรม ๔.๑) ลกั ษณะความหมายฐานธรรม ๔.๒) การนาโยนิโสมนสิการเพื่อฝึ กสติสาหรับ เยาวชน ๔.๓) การพฒั นาปัญญาจากสถานที่ปฏิบตั ิธรรม ๔.๔) ฐานธรรมเพ่ือการพฒั นาคุณภาพชีวิต ๔.๕) ฐานธรรมบูรณาการกบั การพฒั นาการท่องเที่ยวและหลกั เศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบกระบวนการ คือ การต้งั สติกาหนดพิจารณาธรรม ใหร้ ู้เห็นตามเป็ นจริงวา่ เป็ นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่สัตวบ์ ุคคลตวั ตนเราเขา มีสติรู้ชดั ธรรมท้งั หลาย ไดแ้ ก่ นิวรณ์ ๕ ขนั ธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ โพชฌงค์ ๗ อริยสัจ ๔ วา่ คืออะไร เป็นอยา่ งไร มีในตน หรือไม่ เกิดข้ึน เจริญบริบูรณ์ และดบั ไปไดอ้ ยา่ งไร ตามที่เป็ นจริงของมนั อยา่ งน้นั ๆ.พิจารณาเห็นธรรมใน ธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะมีสติ กาจดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสียได้ โดยแต่ละฐาน กาย เวทนาจิตธรรม ประกอบดว้ ย ๑)ที่อยู่ภายใน ๒)ที่อยู่ภายนอก ๓)ท่ีอยู่ท้งั ภายในภายนอก ๔)ท่ีมีความ เกิดข้ึนเป็ นธรรมดา ๕)ท่ีมีความเส่ือมไปเป็ นธรรมดา ๖)ท่ีมีความเกิดข้ึนและเส่ือมไปเป็ นธรรมดา ซ่ึง หมายความวา่ นาธรรมเป็ นหลกั การนาไปสู่การพิจารณา โดยสรุปฐานธรรม ตอ้ งเขา้ ใจในบญั ญตั ิท้งั หลาย เป็ นทางบญั ญตั ิตามทฤษฎี ลกั ษณะความหมาย ทาโยนิโสมนสิการ เพื่อเข้าสู่ปัญญาทางบญั ญตั ิทางโลก นาไปสู่ปัญญาทางธรรม นาไปสู่การออกแบบสังคมใหอ้ ยูก่ นั ดว้ ยความสงบสุขภายในตนเอง และภายนอกท่ี ถูกการออกแบบดว้ ยสิ่งแวดลอ้ มให้เป็ นที่อยู่เหมาะสม อาศยั จิต และเวทนานาทางต่อไป การสร้างความคิด ตามบญั ญตั ิสร้างไดเ้ พื่อนาไปสู่การพฒั นาคุณภาพชีวิตภายในและสงั คมภายนอก อาศยั ฐานธรรม เพอื่ ทาความ เขา้ ใจ ออกแบบ สร้างความคิดท่ีถูกตอ้ งตามหลกั การอริยสัจ ๔ เพ่ือเขา้ ถึงความจริงไตรลกั ษณ์ต่อไป เพ่ือ ความบริสุทธ์ิ เพื่อล่วงโสกะและปริเทวะ เพ่ือดบั ทุกขแ์ ละโทมนสั เพ่ือบรรลุญายธรรม เพื่อทาให้แจง้ นิพพาน ข้อสรุปจากการต้ังข้อสมมติฐานงานวจิ ัยของงานวจิ ัย อภิปรายผลการศึกษา ดงั ตอ่ ไปน้ี ยอมรับสมมติฐานท่ีว่า (๑) แนวทางการปฏิบตั ิตามสติปัฏฐาน ๔ ฐานซ่ึงท้งั ๔ ฐานอาจไม่มี กฎเกณฑก์ ่อนหลงั จะกาหนดอิริยาบถอยา่ งเดียว หรือกาหนดเฝ้าจิตความคิดอยา่ งเดียว จะพิจารณาธรรม อย่างเดียว ควรไดพ้ ฒั นาสติให้สามารถรู้ตวั ทวั่ พร้อม ให้รู้ทุกอย่างท้งั กายเวทนาจิตธรรม กาหนดให้รู้ หลายๆอย่างพฒั นาให้มาก ๆ รู้แบบทว่ั ถึงกายเวทนาจิตธรรม ในพระไตรปิ ฎกพระพุทธเจา้ ตรัสไวอ้ ย่าง กวา้ งๆ เป็ นทฤษฏี ไม่แตกต่างจากอรรถกถา มีองค์ ๓ ไดแ้ ก่ (๑) อาตาปี ความเพียร (๒)สติมา ความมีสติ ระลกึ เสมอ (๓) สัมปชาโน ความรู้ตัวทว่ั พร้อม การปฏิบตั ิจะเป็นอยา่ งตามข้นั ตอนก็ได้ หรือจะปฏิบตั ิอยา่ ง ไม่มีข้นั ตอนก็ได้ แล้วให้หาจุดกลางเช่ือมโยงให้พบว่า ตนเองมีความเหมาะสมอย่างไรหรือจึงทาให้ สภาวธรรมมีความกา้ วหนา้

๓๐๐ เหตุผลอ้างอิง การฝึ กสติปัฏฐาน ๔ ตอ้ งทาให้ครบต่อเน่ืองและสม่าเสมอ ตอ้ งมีความเพียรปฏิบตั ิ แลว้ พิจารณาด้วยปัญญาย่อมรู้ชัด ครอบคลุมการปฏิบตั ิทุกดา้ น ๔ ฐานเป็ นปัจจยั การปฏิบตั ิ ทุกฐานมี ความสาคญั เสมอกนั กาหนดฐานเชื่อมโยง เป็ นปัจจยั เก้ือหนุนกนั กายเวทนาจิตธรรมเกาะเกี่ยวกนั เป็ น ลูกโซ่ แตล่ ะฐานยกข้ึนพิจารณาแลว้ เกิดปัญญา รู้ตามความเป็นจริง การปฏิบตั ิทุกคร้ังตอ้ งเชื่อมโยงกนั รู้เท่า ทนั แลว้ วางปล่อย เป็ นรูปแบบทางเดิน เป็ นไปตามข้นั ตอน ลาดบั แบบแผน เช่น ลาดบั ข้นั สมถกรรมฐาน ให้พิจารณาเป็ นไปตามลาดบั ก่อนปฏิบตั ิตอ้ งศึกษาทฤษฏี ภาคปฏิบตั ิจึงถูกตอ้ ง เบ้ืองตอ้ งอาศยั ปริยตั ินา ทาง ปฏิบตั ิจึงถูกตอ้ งตาม ตอ้ งศึกษาแจ่งแจง้ ในหลกั การก่อนการปฏิบตั ิจึงถูกตอ้ ง ปริยตั ิ ปฏิบตั ิ ปฏิเวธ แยกกนั ไม่ออก มีความสัมพนั ธ์กนั สาคญั ต่อกนั ปริยตั ิ ปฏิบตั ิ ตอ้ งควบคู่กนั ให้สุตมยปัญญาเป็ นเบ้ืองตน้ ภาวนามยปัญญาตอ้ งเกิดจากการปฏิบตั ิ ปริยตั ิ ปฏิบตั ิ ปฏิเวธ เป็นไปตามลาดบั และตอ้ งทาตามลาดบั ตอ้ ง รู้ไดด้ ว้ ยตนเองลงมือปฏิบตั ิเอง ยอมรับสมมติฐานท่ีวา่ (๒) การศึกษาปริยตั ิอยา่ งเดียวจะทาให้เกิดความสงสัยในคาสอน เป็ นเหตุ ใหเ้ ขา้ ไม่ถึงธรรมได้ ตอ้ งปฏิบตั ิควบคู่กนั ไป หรือ การทาความเขา้ ใจเรื่องสติปัฏฐานอยูต่ รงฐาน ๔ ฐาน อาจตอ้ งมีหลกั เกณฑก์ ่อนหลงั ซ่ึงอาจทาใหเ้ ขา้ ถึงการบรรลุธรรมไดโ้ ดยง่ายตามลาดบั เพื่อใหข้ ้นั ตอนมีผล แต่ละตอนการเขา้ ถึงเป็ นไปตามลาดบั เพ่ือความเขา้ ใจการฝึ กฝนโดยการวดั ความกา้ วหน้าหนทางบรรลุ ธรรมจาตอ้ งมีนิยามการเรียกชื่อใหเ้ ขา้ ใจตรงกนั เหตุผลอ้างอิง มหาสติปัฏฐาน ๔ ชดั เจนเน้ือหาสมบูรณ์ หลกั การและวิธีการปฏิบตั ิ มีรูปแบบ ปฏิบตั ิชดั เจน การปฏิบตั ิสมถะและวปิ ัสสนา ปฏิบตั ิใหม้ ากกวา่ ปริยตั ิ ภาวนามมยปัญญาเกิดข้ึนเอง ทาตาม รูปแบบตอ้ งมีคาบริกรรม วิธีการตามแบบแผนเทคนิคท่ีครูบาอาจารยแ์ ต่ละสานกั กาหนดข้ึน เขา้ คอร์ส อบรมท้งั สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ให้ฝึ กฝนแลว้ จะเขา้ ใจเอง ทาอยา่ งต่อเน่ือง อยา่ งคนปกติ ในชีวิตประจาวนั ส่วนการพิจารณาฐานธรรม มีอยู่ในตารา คมั ภีร์ ต่าง ๆ การเรียนพระพุทธศาสนา เป็นไปตามหลกั ธรรม ปริยตั ิ ปฏิบตั ิ ปฏิเวธ ยอมรับสมมติฐานที่วา่ (๓) รูปแบบการเขา้ ถึงปัญญาเรื่องมหาสติปัฏฐานเป็ นเร่ืองไม่มีอะไรถูก และอะไรผดิ งานวิจยั เป็ นเรื่องวชิ าการ ทางสมมติบญั ญตั ิไปทางปัญญาความเขา้ ใจทางโลกวชิ าการ ส่วน แนวทางปฏิบตั ิอาจเป็นอีกเรื่องราวเป็ นคาอธิบายอีกรูปแบบ ดงั คาถามท่ีวา่ ทาไมครูบาอาจารยส์ อนปฏิบตั ิ ภาวนาชื่อเสียงเป็ นท่ียอมรับในการปฏิบตั ิกรรมฐานในสมยั ก่อนก็ไม่ไดม้ ีการศึกษางานวทิ ยานิพนธ์ หรือ งานวิชาการแต่สามารถอธิบายการปฏิบตั ิดว้ ยการเรียนรู้ด้วยจากการฝึ กปฏิบตั ิดว้ ยประสบการณ์เป็ นท่ี เขา้ ใจไดง้ ่ายเขา้ ถึงไดง้ ่ายกวา่ การการยึดติดนิยามความหมายหรือเชิงอรรถหรือติดรูปแบบการปฏิบตั ิจน กลายเป็นการยดึ มนั่ ถือมนั่ ไปเป็นอุปสรรคการเขา้ ถึงปัญญา เหตุผลอ้างอิง มหาสติปัฏฐานเขา้ ถึงดว้ ยวิธีการปฏิบตั ิรู้แจง้ ในจิต ธรรมชาติเทคนิครวมเห็นไตร ลกั ษณ์ สติรู้สึกชดั จากการปฏิบตั ิในอิริยาบถ ปริยตั ินาทาง ปฏิบตั ิ เขา้ ถึงสภาวะท่ีแทจ้ ริงได้ จิตสงบต้งั มน่ั ยกข้ึนสู่วิปัสสนาพิจารณาไตรลกั ษณ์ ทาจิตให้สงบตอ้ งรู้ตามสภาวะตามความเป็ นจริง ตอ้ งมีสตินา จิต สงบน่ิงตอ้ งมีสติ กาหนดรู้ตลอดเวลา มีสติระลึกรู้ สติรู้ลกั ษณะอาการต่าง ๆ สติเขม้ แข็ง กาหนดธรรม ทุก ลมหายใจเขา้ ออก ใช้ “สติ” ตัวสติ คือ ตัวปัญญา มีสติอาศยั กายเวทนาจิตธรรม สติตอ้ งมีทุกฐาน สติ

๓๐๑ เกิดข้ึนไดพ้ ร้อมกนั ผปู้ ฏิบตั ิกาหนดฐานใดชดั เจนเท่าน้นั สติ และ รู้ตวั อาตาปี สัมปชาโน สติมา สตินา ความยนิ ดียนิ ร้ายออกจากจิตใจ ปัญญาเกิดภายในจิต ชดั แจง้ จากจิตผปู้ ฏิบตั ิ ยอมรับสมมติฐานที่วา่ (๔)มหาสติปัฏฐาน ๔ ไป ดงั น้นั แนะนาหลกั การสายกลาง คือ ศึกษาทาง ตาราหนงั สือเขา้ ใจปริยตั ิแลว้ ไม่ติดใหป้ ล่อยวา่ ง และศึกษาแนวทางไมย่ ดึ ติดปริยตั ิตามพระไตรปิ ฎก หรือ คาสอนครูบาอาจารยใ์ ห้ถูกกบั จริตตนและวดั ผลความกา้ วหน้าทางการบรรลุธรรมตามหลกั ปริยตั ิแลว้ ปล่อยวา่ ง หาทางสายกลางเป็ นหนทางเขา้ สู่การปฏิบตั ิมหาสติปัฏฐาน ๔ หาทางสายกลางระหวา่ งแนวคิด ทฤษฎี ปริยตั ิ และมุง่ สู่ทางปฏิบตั ิ ผลปัญญาเรื่องมหาสติปัฏฐาน ๔ จะเกิดข้ึน เหตุผลอ้างอิง เป็ นทางสายเดียว เอกายมรรค รูปแบบครบ ๓ อยา่ ง ปริยตั ิ ปฏิบตั ิ ปฏิเวธ ฐานกาย เวทนา จิต ธรรม เสมอภาคกนั ทุกฐานเก่ียวเน่ืองเช่ือมโยงกนั ลกั ษณะปัญญา คือ เห็นไตรลกั ษณ์ ปัญญา เกิดข้ึนภายใน มีความละเอียดลึกซ้ึง ปัญญาเขา้ ถึงไตรลกั ษณ์ ปัญญาเกิดข้ึนเป็ นลกั ษณะ “วปิ ัสสนาญาณ ๑๖” วธิ ีการเขา้ ถึง ใช้ “อาตาปี สมั ปชาโน สติมา” เจริญสติอยา่ งต่อเนื่อง เรียนรู้ดว้ ยปัญญาตามลาดบั เจริญ สติสัมปชญั ญะ หยง่ั รู้ฌานเห็นไตรลกั ษณ์ เห็นการเกิดดบั การเคล่ือนไหวรูปนาม รู้เท่าทนั รูปนาม การ เข้าถึงปัญญาโดยอาศัยทุกข์ ปัญญาฐานธรรม คือ การเขา้ ถึงความจริงไตรลกั ษณ์ ปัญญาเขา้ ถึงความจริง ไตรลกั ษณ์ ภาวนามยปัญญา เกิดจากรู้เห็นจริงดว้ ยตนเอง ปฏิบตั ิ ปัญญาภาวนามยปัญญารู้แจง้ ไตรลกั ษณ์ รูปนาม ขนั ธ์ ๕ ฝึกจิตเป็นสมถกรรมฐานยกจิตกา้ วสู่วปิ ัสสนากรรมฐานอยา่ งต่อเนื่อง สมถกรรมฐานดูจิต ให้เป็ นสมาธิ อยูใ่ นอารมณ์เดียว สมถะและวิปัสสนา แยกกนั ไม่ได้ เพียงแต่ขณะน้นั มีอะไรเด่นกว่ากนั สมถะไดฌ้ าน วปิ ัสสนาไดญ้ าณ ตวั วดั ผลทางปัญญาเรื่องมหาสติปัฏฐาน ๔ คือ ตวั รู้ ตวั ละ ตวั ปัญญา เห็นตามความเป็นจริงเกิดดบั ของรูปนาม ความบริสุทธ์ิอาศยั ปัญญา รู้แจง้ นามธรรมวดั ผลไดย้ าก กล่าวถึง และบอกไมไ่ ด้ ความวา่ งตวั วดั ผล เห็นไดด้ ว้ ยตนเองเป็นปัจจตั ตงั ยอมรับสมมติฐานท่ีวา่ (๕) กรณีศึกษาแนวคดิ สอนของครูบาอาจารย์เนน้ สายการปฏิบตั ิวปิ ัสสนา ภาวนาไดร้ ับการยกยอ่ งการปฏิบตั ิเป็ นสายสานกั ปฏิบตั ิธรรมในประเทศไทย การขยายความคาสอนโดย ครูบาอาจารยก์ ารอธิบายความของสติปัฏฐาน ๔ ขอ้ คน้ พบวา่ กายเวทนาจิตธรรม อธิบายเร่ืองเช่ืองโยงไป โดยอาศยั แกนหลกั อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ไม่วา่ จะอธิบายแกนหลกั จากกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน วา่ ฐานกายจะ เป็ นฐานดีที่สุด ตนเห็นไดช้ ดั เป็ นรูปกายหยาบแลว้ ถอนนามธรรมไปเรื่อย ๆ เป็ นเวทนาเป็ นจิตเป็ นธรรม จากฐานกายแลว้ เชื่อมโยงไปหลกั เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน และจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ไดเ้ ช่นกนั ไม่ วา่ จะเริ่มตน้ อยา่ งไรตามความคิดเห็นผศู้ ึกษาเสนอแนะวา่ กอ็ ยกู่ บั จริตหรือตวั ผปู้ ฏิบตั ิ แลว้ วนั หน่ึงคนเรามี จริตไดห้ ลายหลายท้งั ความโลภ ความโกรธ ความหลง บางคร้ังก็ไม่แน่ชดั วา่ มีกิเลสอย่างไรตวั ใด สาคญั คือสร้างด้วยความเพียรและความต่อเน่ืองอย่างไม่ ย่อทอ้ จะนาสติไปปัก บนฐานใด เพ่ือให้สติมีความ ต่อเนื่องจนกิเลสไม่อาจเขา้ ไปได้ ก็ถือว่า เป็ นการเจริญสติปัฏฐานได้เช่นกนั แนวคิดครูบาอาจารยห์ รือ สานกั ปฏิบตั ิเป็ นกรอบแนวทาง โดยไม่มีการยึดติดสายปฏิบตั ิหรือรูปแบบการปฏิบตั ิหรือวา่ ยึดมน่ั ถือมน่ั วา่ สายครูบาอาจารยใ์ ดจะดีกวา่ กนั หรือคมั ภีร์ใด เหตุผลอ้างอิง มหาสติปัฏฐาน ๔ ไม่มีคาบริกรรม มีสติอยู่กบั ลมหายใจเขา้ ออกกบั สิ่งที่เกิดข้ึน กาหนดระลึกรู้ลมหายใจเขา้ ออกไม่ตอ้ งมีคาบริกรรมใด คาบริกรรมจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขอเพียงสติอยู่กบั

๓๐๒ กาย แต่พระวิปัสสนาจารย์ นาคาบริกรรม พุทโธ หรือ คาอ่ืน ๆ อาจไม่จาเป็ นตอ้ งใช้ “พุทโธ” ใชค้ าอื่นได้ “ยบุ หนอ พองหนอ” มาใชป้ ฏิบตั ิ และความหลายหลายครูบาอาจารย์ เทคนิคการบริกรรมมีมากแลว้ แต่จะ เลือกใช้ กรรมฐานหลกั การภายใตก้ ารควบคุมวปิ ัสสนาจารย์ ดงั น้นั การบริกรรมใหถ้ ูกตอ้ งกบั สภาวธรรม ความจริง สิ่งที่เกิดข้ึน สมาธิอบรมปัญญาตอ้ งมีคาบริกรรมให้จิตสงบ คาบริกรรมเพ่ือให้เกิดสมาธิเป็ น เบ้ืองตน้ เมื่อจิตต้งั มนั่ เป็ นสมาธิ จิตสงบ คาบริกรรมหายไป โดยอาศยั คาบริกรรม จิตเกาะเก่ียวกับคา บริกรรม คาบริกรรมคอยเตือนจิตใหก้ าหนดสติ จิตละเอียดคาบริกรรมหายไป ดูลมหายใจพร้อมบริกรรม พุทโธ บริกรรมพุทโธเป็ นสมถภาวนาเป็ นสมถกรรมฐาน แบบพุทธานุสติ ไม่ใช้ เพง่ แต่เป็ นการตามรู้ มี วธิ ีอ่ืนดีกวา่ การใชค้ าบริกรรมใหจ้ ิตสงบได้ คาบริกรรมเป็นเพยี งอารมณ์บญั ญตั ิ ยงั มีขอ้ อ่ืน ๆ อีก หลกั การ สมาธิทาใหเ้ กิดพลงั อานาจ ยอมรับสมมติฐานที่ว่า (๖) เรื่องมหาสติปัฏฐาน ๔ ข้ึนกบั ว่า เราจะศึกษาเอาอะไรเป็ นจุดแก่น หลกั หรือจุดยนื ที่มองออกไป ณ ขณะเส้ียวของเวลาน้นั ปักไว้ กาย เวทนา จิต ธรรม แลว้ ขยายความเขา้ ใจ จบั สติใหท้ นั ถา้ จุดเนน้ ตา่ งกนั ความหมายไม่เหมือนกนั ข้นั ตอนต่างกนั แต่แทจ้ ริงเรื่องกายเวทนาจิตธรรม แยกส่วนกนั ไม่ไดเ้ ป็ นเรื่องเดียวกนั เพียงแต่ผสมผสานกนั อย่างไรข้ึนกบั มุมมองอยา่ งไรให้เขา้ ใจท้งั หมด การเขา้ ใจทฤษฎีเรื่องมหาสติปัฏฐาน ทาใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิเขา้ ถึงการบรรลุธรรมไดด้ ีตอ้ งอยบู่ นฐานความไม่ยดึ มน่ั ถือมน่ั สิ่งใดในโลก ดงั คากล่าวในพระไตรปิ ฎก เหตุผลอ้างอิง การเขา้ ถึงปัญญาอาจแตกต่างกนั ข้ึนอยูก่ บั อุบายวิธีการตามจริตแต่ละคน ไม่มีฐาน ใดสาคญั ไปกวา่ กนั ข้ึนอยูก่ บั จริต ตามอุปนิสัยที่ผปู้ ฏิบตั ิจะเขา้ ถึง กระบวนการอยูท่ ่ีรูปแบบผูป้ ฏิบตั ิ อาจ ยึดฐานใดฐานหน่ึงเป็ นตวั นาทางตามจริต ในชีวิตประจาวนั แบบหยาบ ๆ ตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล ทุกฐานเชื่อมโยงเป็ นวงจร การเห็นธรรมดว้ ยประสบการณ์ของตนเอง ไม่ใช้มาจากจินตนาการ หรือการ คาดเดา คาดการณ์ โดยอาศยั สติเป็ นศูนยก์ ลาง สาคญั ทุกฐานมีปัญญารู้เท่าทนั เจริญภาวนามยปัญญา ปฏิบตั ิจิตไดส้ มาธิ เรียนรู้สู่ปัญญารู้แจง้ ปัญญาเห็นทุกอยา่ งอยใู่ นกฎไตรลกั ษณ์ ปัญญาเป็นตวั รู้จบั แน่น จิต กบั ฐานกาย เวทนา ปัญญาเกิดรู้เท่าทนั ความเป็ นไป วิธีการปฏิบตั ิมีความต่างกนั ให้ตามพ้ืนฐานภูมิหลงั ความสามารถกบั จริตของแตล่ ะคน ในท่ีสุดการปฏิบตั ิไดแ้ ลว้ ไปถึงจุดเดียวกนั ข้อเสนอแนะ งานวิจยั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน ๔ มีหลายหลายมุมมองมาก ถา้ อธิบายให้เป็ นเรื่องราวทางวิชาการ อยา่ งเป็นงานวิจยั โดยตอ้ งมีระเบียบวธิ ีการวจิ ยั ตอ้ งอาศยั ระยะเวลาและความต่อเน่ือง มุมมองหลายศาสตร์ การนาไปสู่การบรูณาการศาสตร์สมยั ใหม่ไดต้ อ้ งมีความแมน่ ย่าในพระสูตร รูปแบบการเขา้ ถึงปัญญาเรื่อง มหาสติปัฏฐาน พบวา่ ความหลากหลายแนวทางปฏิบตั ิ ท้งั หลกั การและรายละเอียดปลีกยอ่ ย แสดงให้เห็น วา่ รูปแบบการเขา้ ถึงปัญญาเร่ืองมหาสติปัฏฐาน ๔ ฐานกาย ฐานเวทนา ฐานจิต ฐานธรรม ตอ้ งกลบั อาศยั หลกั จากพระไตรปิ ฎกตามสาระพระสูตรเป็ นหลกั การพิจารณา และเทียบเคียง แนวทางการปฏิบตั ิ ส่วน การขยายความเพื่อสร้างรูปแบบเทคนิคการปฏิบตั ิเป็ นรายละเอียดเติมเขา้ มาเป็ นเทคนิควิธีการของครูบา

๓๐๓ อาจารย์ หรือตามสายสานกั ปฏิบตั ิธรรมแลว้ สร้างรูปแบบ ความหลากหลายรูปแบบสู่แก่นแทเ้ ร่ืองมหาสติ ปัฏฐาน เดียวกนั ความเป็นขอ้ มูลอธิบายความในความหลากหลาย รูปแบบการเขา้ ถึงปัญญาจึงเป็นเสมือน เส้นทางไปสู่สุดทา้ ยลงสู่จุดเดียวกนั แต่เส้นทางไปสู่หนทางพน้ ทุกขโ์ ดยอาศยั หลกั เวทนาเป็ นฐานอธิบาย ใหเ้ ขา้ ใจไดต้ อ้ งเขา้ ใจทุกรูปแบบเป็ นความยากจะอธิบายเร่ืองนามธรรมระดบั สูงใหไ้ ด้ ใชค้ วามสามารถ เขา้ ใจระดับเชาวปัญญา สมองคิด ทาความเขา้ ใจ และประสบการณ์ในการฝึ กปฏิบตั ิให้มาก ให้เป็ น ประโยชน์ ดงั น้นั งานวิจยั เร่ืองน้ี จึงใชพ้ ระสูตรในพระไตรปิ ฎกเป็ นแกนหลกั เพ่ือทาการศึกษา วิเคราะห์และ สังเคราะห์ เหมือนท่ีวา่ เมื่อมีความจาเป็ นตอ้ งทาความเขา้ ใจตอ้ งอาศยั แนวคิดทฤษฎี แตเ่ ม่ือถึงฝ่ังบรรลุธรรม แลว้ ตอ้ งทิ้งแนวคิดทฤษฎีใหห้ มด คือตอ้ งทิง้ เรือที่อาศยั มา ถา้ เอาไปดว้ ยมนั ก็จะหนกั ท่ีจะถือไปทาไม ดงั น้นั เรากาลงั พายเรือลาน้ี ขา้ มฝั่ง เรือลาน้ีจึงมีความจาเป็ นที่จะช่วยเราให้ถึงฝั่งและขา้ มฝ่ังไปไดเ้ พ่ือหนทางไปสู่ ทางพน้ ทุกขจ์ ากเร่ืองมหาสติปัฏฐาน ๔ ข้อเสนอแนะการวจิ ัยคร้ังต่อไป เร่ืองมหาสติปัฏฐาน ๔ ในทุกมิติมุมมอง ทาให้การตีความหมายในเร่ืองวิชาการสมมติบญั ญตั ิ ท้งั หลายเรียกช่ือตามกนั มา ตลอดการนาไปสู่การบูรณาการพระพุทธศาสนากบั ศาสตร์สมยั ใหม่ การ เชื่อมโยงจะแม่นยาโดยแทห้ ลกั ตอ้ งแม่นยา หลกั การ คือ คาสอนของพระพุทธเจา้ ไม่มีสิ่งใดเป็ นหลกั ได้ นอกจากพระไตรปิ ฎกและคมั ภีร์อรรถต่าง ๆ ดว้ ย การเขา้ ใจ เขา้ ถึง และนาไปใชไ้ ดใ้ นทุกมุม จึงสามารถทา ให้งานวิชาการพระพุทธศาสนามีคุณค่า เป็ นประโยชน์ต่อเพ่ือนมนุษยโ์ ดยแท้ และเหนือสิ่งอ่ืนใดเป็ น หนทางแห่งการหลุดพน้ จากความทุกขโ์ ดยแทเ้ ป็ นตวั ช้ีวดั ผลการวิเคราะห์ จาแนกตามรูปแบบการเขา้ ถึง ปัญญาแต่ละฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม จากผลการศึกษา เร่ือง รูปแบบการเขา้ ถึงปัญญาเรื่องมหาสติปัฏฐาน ๔ ผูศ้ ึกษา มีงานสนใจ ถึงความรู้ความเขา้ ใจเรื่องมหาสติปัฏฐาน ๔ ประเด็นสาหรับการศึกษาวิจยั เรื่อง ตอ่ ไปน้ี ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑.การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวขอ้ ง เห็นไดว้ า่ งานวิจยั เกี่ยวกบั เร่ือง “สติ” มีหลายงานบทความ วจิ ยั ที่นามาใชศ้ ึกษา แต่ความท่ีมีหลายลกั ษณะ จึงควรศึกษา เรื่องการทบทวนวรรณกรรมเรื่องสติปัฏฐาน ๔ นาไปสู่การสงั เคราะห์เพ่ือสร้างองคค์ วามรู้ใหม่ และการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวขอ้ ง ระเบียบวธิ ีการ วิจยั เรื่องการศึกษาสติ เห็นไดว้ ่า ความหลากหลาย การจดั การความรู้ “สติ” เพ่ือเป็ นการสร้างองคค์ วามรู้ ใหมจ่ ากการสงั เคราะห์วรรณกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งต่อไป นาบทความมาสังเคราะห์เพอ่ื สร้างองคค์ วามรู้ใหม่ ๒.การสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฏฐาน ๔ จาก ช่องทาง Youtube เพื่อคน้ หาความแนวทางคา สอนตามครูบาอาจารย์ ยุคต่าง ๆ ท่ีไดฟ้ ังธรรมจากน้าเสียงท่าน เป็ นการศึกษาจากการถอดคาบรรยายเรื่อง มหาสติปัฏฐาน ๔ นาไปสู่การสร้างหลกั คาสอนจากครูบาอาจารย์ เม่ืองานวจิ ยั ไดศ้ ึกษาจากงานวทิ ยานิพนธ์ แลว้ ศึกษาจากวรรณกรรมแลว้ ศึกษาในสภาวะปัจจุบนั จาการลงพ้ืนท่ีจริงแลว้ ตอ้ งยอ้ นไปศึกษาจากครูบา

๓๐๔ อาจารย์ ซ่ึงในการเผยแพร่ผา่ นช่องทาง สารสนเทศ Youtube มีจานวนมากมาย หากไดร้ ับการต่อเนื่องไป ถือวา่ ครบวงจรการทางานวจิ ยั อีกดา้ นหน่ึงต่อไป เป็นกระบวนการตอ่ เน่ือง ๓. ศึกษาการเขียนคู่มือเร่ืองมหาสติปัฏฐาน ๔ จากงานวิจยั ที่ได้รับรวบรวมผลการศึกษาเป็ น ประเด็นต่าง ๆ โดยนาหลกั พระสูตรเป็ นแกนหลกั แลว้ นาผลงานวิจยั ท่ีไดม้ าอธิบายความหลากหลาย เพิ่มเติม อธิบายขยายความ เขา้ ไป คลา้ ยกบั การตีความกฎหมายต่าง ๆ เรียบเรียงตามศาสตร์ท่ีผวู้ ิจยั ไดเ้ คย เล่าเรียนมา เป็ นหนงั สือคู่มือเฉพาะยุคคนปัจจุบนั ทาความเขา้ ใจ ไม่ยาก ไม่สูงส่งจนเอ้ือมไม่ถึง แต่เขา้ ถึง ไดโ้ ดยง่าย การเห็นความจริงเพียงดา้ นเดียวย่อมเพียงมุมเดียวทาให้เห็นความจริงเพียงส่วนเดียว ยอ่ มไม่ สมบูรณ์และอาจไม่ใช่ความจริงแท้ เมื่อเวลาผา่ นไป ๔. ผูศ้ ึกษาวิจยั เปรียบพระสูตร มหาสติปัฏฐาน ๔ เหมือนใบไมใ้ นกามือ พระสูตรที่สาคญั มาก เป็ นหนทางนาไปสู่การพ้นทุกข์ คือ รู้พระสู ตรเร่ื องมหาสติปัฏฐาน ๔ อย่างเดียว ก็เข้าใจแก่น พระพุทธศาสนาได้ การอ่านการท่องจาพระสูตรทาความเขา้ ใจ ทาใหเ้ กิดแรงบนั ดาลใจ ความรู้สึกมน่ั ใจ เส้นทางการปฏิบตั ิ แต่ต้องอาศยั การปฏิบตั ิควบคู่กนั ไปกบั แนวทางพระสูตร คือ การท่องจาบ่นและ สาธยายได้ ตามหลกั การวชิ าการ ศึกษาเชื่อมโยงความเป็ นสากลของจกั รวาล ธรรมเป็ นกฎธรรมชาติ เป็ น สากล กฎธรรมชาติมีอยแู่ ลว้ โดยอาจตอ้ งศึกษาเกี่ยวกบั ความเป็นวทิ ยาศาสตร์ ความเขา้ ใจของผคู้ นบนโลก ใบน้ี โดยใชภ้ าษาองั กฤษเป็ นสื่อกลางทาความเขา้ ใจ ผา่ นช่องทางเครือข่าย หลากหลาย ถา้ ไดร้ ับการทุน วจิ ยั ต่อไป ส่ิงเหล่าน้ีช่วยให้ตวั เราพน้ จากความทุกข์ และผูค้ นภายนอกมีความสุข เพียงเราทาความเขา้ ใจ ผา่ นการเผยแพร่ตามช่องทาง Youtube ของตวั เองตอ่ ไป ๕. ศึกษาเก่ียวกบั คาสาคญั หรือนิยามคาสาคญั โดยอาศยั งานวจิ ยั แต่ละเรื่องประเด็นสาคญั มาเรียง ร้อยและอธิบายความสาคญั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง เพ่ือนาไปสู่วิธีการปฏิบตั ิให้เป็ นที่เขา้ ใจ โดยพระสูตรมหาสติปัฏ ฐาน ๔ เป็นพ้ืนฐานทาความเขา้ ใจ และการตีความหมายเพ่อื เป็นนิยามในการทาความเขา้ ใจเร่ืองมหาสติปัฏ ฐาน ๔ หรือคาสาคญั ที่ใช้ในการอธิบายมีความซ้ากันในการอธิบายความหลายคร้ัง แสดงว่า ย่อมมี ความสาคญั ท่ีตอ้ งทาความเขา้ ใจ เปรียบเหมือนการต่อภาพจิ๊กซอ เร่ืองมหาสติปัฏฐาน ๔ โดยการอธิบาย ความตอ้ งเป็ นท่ีเขา้ ใจโดยง่ายสาหรับคนทวั่ ไปเป็ นภาษาธรรมท่ีเป็ นธรรมดาสาหรับคนทว่ั ไปทาความ เขา้ ใจ เหมาะสมกบั ยคุ ปัจจุบนั ดว้ ย

๓๐๕ บรรณานุกรม ก. ขอ้ มูลปฐมภูมิ มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระไตรปิ ฎกภาษาไทย. ฉบบั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจา้ สิริกิต์ิพระบรมราชินีนาถ. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลยั จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙. ข. ขอ้ มูลทุติยภูมิ หนังสือ คณาจารยม์ หาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ธรรมะภาคปฏิบัติ ๑ (Buddhist Meditation 1) พิมพ์คร้ังที่ ๑ ปี พิมพ์ ๒๕๕๑ สานกั พิมพม์ หาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั : จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา คณาจารยม์ หาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . ธรรมะภาคปฏิบัติ ๒ (Buddhist Meditation II ) พิมพค์ ร้ังท่ี ๑ ปี พิมพ์ ๒๕๕๑ สานกั พิมพม์ หาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั : จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา คณาจารยม์ หาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ธรรมะภาคปฏิบัติ ๓ (Buddhist Meditation III) พิมพค์ ร้ังท่ี ๓ ปี พมิ พ์ ๒๕๕๕ สานกั พิมพ์ มหาวทิ ยาลยั จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั : จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา คณาจารยม์ หาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ธรรมะภาคปฏบิ ัติ ๔ (Buddhist Meditation IV). พมิ พค์ ร้ังที่ ๒ ปี พมิ พ์ ๒๕๕๔ สานกั พิมพม์ หาวทิ ยาลยั จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั : จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา คณาจารยม์ หาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ธรรมะภาคปฏบิ ตั ิ ๕ (Buddhist Meditation V) มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั พิมพค์ ร้ังท่ี ๑ ปี พิมพ์ ๒๕๕๖ สานกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั : จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา คณาจารยม์ หาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั ธรรมะภาคปฏิบัติ ๖ (Buddhist Meditation VI) ผู้เขียน พิมพ์คร้ังท่ี ๑ ปี พิมพ์ ๒๕๕๖ สานักพิมพ์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั : จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา คณาจารยม์ หาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั ธรรมะภาคปฏบิ ัติ ๗ (Buddhist Meditation VII). พิมพค์ ร้ังท่ี ๑ ปี พิมพ์ ๒๕๕๖ สานกั พิมพ์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั : จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา

๓๐๖ ดารงเกียรติ อาจหาญ. ๒๕๕๗. หลวงป่ มู นั่ ภูริทตั โต พุทโธ ผ้รู ู้ ผ้ตู ื่น ผู้เบิกบาน. สานกั พมิ พด์ ีเอม็ จี : กรุงเทพมหานคร พระมหายทุ ธนา นรเชฏฺโฐ.๒๕๕๗. การปฏบิ ัตวิ ปิ ัสสนากรรมฐานตามแนวของ หลวงป่ ูมั่น ภูริทตฺโต. ผูเ้ ขียน พิมพ์คร้ังท่ี ๒ ปี พิมพ์ ๒๕๕๗ โรงพิมพ์ บริษัทสหธรรมิกจากัด : กรุงเทพมหานคร พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยตุ ฺโต). ๒๕๕๓. พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบบั ประมวลศัพท์. พิมพค์ ร้ังที่ ๑๔ . ธนธชั การพิมพ์ : กรุงเทพฯ . พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยตุ ฺโต). ๒๕๕๓. พจนานุกรมพทุ ธศาสตร์ ฉบบั ประมวลธรรม. พิมพค์ ร้ังที่ ๑๘ . โรงพมิ พเ์ พิม่ ทรัพยก์ ารพิมพ.์ นนทบุรี. เพ็ญอลงกรณ์ ผู้เรียบเรียง. ๒๕๕๘. หลวงป่ ูม่ัน. ผูเ้ ขียน พิมพ์คร้ังที่ ๒ ปี พิมพ์ ๒๕๕๘ สานกั พิมพ์ บริษทั อมรินทร์พริ้นติ้งแอนดพ์ บั ลิชช่ิง จากดั (มหาชน) : กรุงเทพมหานคร สมพร กนั ทรดุษฎี เตรียมชยั ศรี. ๒๕๕๔. การปฏิบัติสมาธิ เพื่อการเยยี วยาสุขภาพ. ภาควิชาการ พยาบาลสาธารณสุข มหาวทิ ยาลยั มหิดล. พิมพค์ ร้ังท่ี ๑๑ . สิงหาคม ๒๕๕๔. พิมพท์ ี่ บริษทั เพชรเกษมพริ้นติ้ง กรุ๊ป จากดั . นครปฐม. สุชีพ ปุญญานุภาพ. ๒๕๕๐.พระไตรปิ ฏกสาหรับประชาชน .โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั พิมพค์ ร้ังที่ ๑๗ . กรุงเทพ . สุทธี ชโยดม แปล. มหาสติปัฏฐาน ๔ ทางสู่ความหลุดพ้น. เรียบเรียงจากธรรมบรรยาย ใน หลกั สูตรสติปัฏฐานของท่านอาจารยโ์ กเอ็นกา้ . โดย แพ็ททริค กิฟเวน-วิลสัน .พิมพ์โดยมูลนิธิส่งเสริม วปิ ัสสนากรรมฐานในพระสังฆราชูปถมั ภ.์ บริษทั พมิ พด์ ี จากดั . สุทธี ชโยดม. แปลและเรียบเรียง. มหาสติปัฏฐาน ๔ แปล. จากตน้ ฉบบั คาแปลภาษาองั กฤษของ สถาบนั วปิ ัสสนาวจิ ยั แห่งธรรมคีรี หนงั สือประกอบการอบรมวปิ ัสสนากรรมฐานหลกั สูตรสติปัฏฐานสูตร ของท่านอาจารยโ์ กเอน็ กา้ . บริษทั พิมพด์ ี จากดั . สานกั งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.๒๕๕๔.สานักปฏิบัติธรรมประจาจังหวัดดีเด่น ๔๕ สานัก พุทธศกั ราช ๒๕๕๔.(๒๕๕๔). โรงพิมพส์ านกั พระพุทธศาสนาแห่งชาติ. กรุงเทพมหานคร. บทความประชุมวชิ าการ สรัญญา โชติรัตน์ และพระราชเขมากร (ประยทุ ธ ภูริทตั โต). ๒๕๕๙. การสังเคราะห์องค์ความรู้ เร่ืองมหาสติปัฏฐาน ๔ ว่าด้วยด้านธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในวทิ ยานิพนธ์ของมหาวทิ ยาลยั มหาจุฬา ลงกรณราชวิทยาลัย . การประชุมวิชาการระดบั ชาติ “มศว วิจยั ” คร้ังที่ ๙ . วนั ท่ี ๒๘-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ . บทความวจิ ยั .

๓๐๗ สรัญญา โชติรัตน์.๒๖๖๐. การสารวจวรรณกรรมปัจจุบันเรื่องมหาสติปัฏฐาน ๔. การประชุม วิชาการระดับชาติ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบูรณ์ คร้ังท่ี ๔ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบูรณ์ วนั ท่ี ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๐. สรัญญา โชติรัตน์.๒๕๖๐. การวเิ คราะห์เรื่องมหาสติปัฏฐาน ๔ จากวรรณกรรมประเภทนักเขียน คิดค้น. การประชุมวิชาการระดบั ชาติทางศิลปศาสตร์ คร้ังท่ี ๖ คณะศิลปศาสตร์ สถาบนั เทคโนโลยีพระ จอมเกลา้ เจา้ คุณทหารลาดกระบงั วนั ที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. สรัญญา โชติรัตน์. ๒๕๖๐. มหาสติปัฏฐาน ๔ : กรณศี ึกษาจากวรรณกรรมปัจจุบันประเภทแนว คาสอนครูบาอาจารย์.การประชุมวิชาการระดบั ชาติ คร้ังท่ี ๑ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตแพร่ วนั เสาร์ท่ี ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐. สรัญญา โชติรัตน์. ๒๕๖๐. มหาสติปัฏฐาน ๔ ว่าด้วยด้านจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน : กรณศี ึกษา จากงานวรรณกรรมปัจจุบนั ประเภทนักเขียนคิดค้น. การประชุมวชิ าการและนาเสนอผลงานวจิ ยั ระดบั ชาติ ทางจิตวิทยา ประจาปี ๒๕๖๐ : ชีวิตดี เปล่ียนได้ ด้วยศาสตร์แห่งใจ. จดั โดย ภาควิชาจิตวิทยา คณะ มนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง. วนั ที่ ๖- ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. สรัญญา โชติรัตน์. ๒๕๖๐. การวเิ คราะห์เรื่องมหาสติปัฏฐาน ๔ จากวรรณกรรมปัจจุบันประเภท แนวคาสอนครูบาอาจารย์.การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ “มศว วิจยั ”คร้ังท่ี ๑๐ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิ โรฒ วนั ที่ ๒๐-๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ บทความวจิ ัย กรรณิกา คาดี. ๒๕๕๘. วดั และศาสนสถานในมิติของการท่องเท่ียว.ว.ภาษา ศาสนา และ วฒั นธรรม. ๔(๒) : ๑๗๕-๑๙๑. ไกรฤกษ์ ศิลาคม และหสั ดิน แกว้ วชิ ิต. ๒๕๖๐. ผลของการเจริญสติแบบเคล่ือนไหวตอ่ สุขภาพจิต และความฉลาดทางอารมณ์ ของนกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี. ว.มหาวทิ ยาลัยนครพนม. ๗ (๑) : ๑๖-๒๔. จินดา เฮงสมบูรณ์. ๒๕๖๑ . เวทนากบั ชีวติ . ว. พทุ ธปัญญาปริทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั มหา จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๓ (๑) : ๔๕-๕๔. จกั รพรรณ วงศพ์ รพวณั และคณะ. ๒๕๕๙. การพฒั นาปัญญาตามแนวพุทธจริยศาสตร์ของสานกั ปฏิบตั ิธรรมวดั โพธ์ิบา้ นโนนทนั ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จงั หวดั ขอนแก่น. ว.วิชาการธรรมทรรศน์ . ๑๖(๓) : ๑๔๓-๑๕๔. จงลกั ษณ์ เผอื กผิววงศ์ และคณะ. ๒๕๖๑. การประยุกตใ์ ชส้ ติในการดาเนินชีวิตประจาวนั : ศึกษา กรณีผปู้ ฏิบตั ิธรรมวดั คูบ้ อน . ว.สันติศึกษาปริทรรศน์ ๖(๑) : ๑๔๖-๑๕๘.

๓๐๘ จุฑาภรณ์ หินซุย และ สถาพร มงคลศรีสวสั ด์ิ. ๒๕๕๗. แนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธ กรณีศึกษาวดั ประชาคมวนาราม อาเภอศรีสมเด็จ จงั หวดั ร้อยเอ็ด. ว.วิชาการการท่องเที่ยวไทยนานาชาติ. ๑๐ (๑) : ๕๐-๕๘ จาเนียร แสงสิน และ วีรชาติ น่ิมอนงค์. ๒๕๕๖. แนวคิดเร่ือง “จิตว่าง” ของพระพุทธทาสภิกขุ: ศึกษาวิเคราะห์. ว.วิจัย (ฉบับบัณฑิตวิทยาลัย) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. มหาวิทยาลัย ขอนแก่น.๑ (๑) : ๑-๑๓. จาเนียร แสงสิ น และ วีรชาติ นิ่มอนงค์. ๒๕๕๖. การใช้กระบวนวิชาจิตตปัญญาศึกษา (CONTEMPLATIVE STUDIES) หมวดวิชาศึกษาทว่ั ไปพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม อนั พึง ประสงคแ์ ก่นกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงใหม.่ ว.พฆิ เนศวร์สาร. ๙ ( ๑) : ๑-๙ จนั จิรา ผ้ึงพงษ์ ศิริวรรณ วณิชวฒั นวรชัย.๒๕๖๐. การพัฒนาความสามารถในการดูอย่างมี วิจารณญาณด้วยการจดั การเรียนรู้ตามแนวโยนิโสมนสิการ สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๖ . ว.ศิลปากรศึกษาศาสตร์วจิ ัย มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. ๙(๑) : ๑๕๙-๑๗๑ . ฉลอง พนั ธ์จนั ทร์. การจดั การการท่องเท่ียวเชิงวปิ ัสสนากรรมฐาน ในพ้ืนที่อีสานตอนกลาง กรณี จงั หวดั ขอนแก่นและ จงั หวดั มหาสารคาม. ว.วเิ ทศศึกษา . ๘(๑) : ๑๒๕-๑๔๖. ฉลอง พนั ธ์จนั ทร์. ๒๕๖๑ . รูปแบบการท่องเท่ียวเชิงวิปัสสนากรรมฐานของนักท่องเที่ยวใน พ้ืนที่อีสานตอนกลาง กรณีจงั หวดั ขอนแก่นและจงั หวดั มหาสารคาม . ว.ภาษา ศาสนา และวฒั นธรรม . ๗ (๑) : ๒๔๓-๒๖๗. ชมพู โกติรัมย์ และคณะ. ๒๕๖๑. การวิเคราะห์องค์ประกอบหลกั สติปัฏฐาน เพื่อสร้างสุขภาวะ ทางปัญญาสาหรับนักศึกษาสาขาอุตสาหกรรมบริการ สถาบนั อุดมศึกษาเอกชน . ว.มหาจุฬาวิชาการ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๕ (ฉบบั พิเศษเน่ืองในวนั ประสาทปริญญา) : ๒๘๒-๒๙๓ ชูชีพ โพชะจา. ๒๕๖๐. การเจริญสติเพื่อพฒั นาพฤติกรรมสุขภาพของผูท้ ี่เป็ นเบาหวาน ชนิดที่ ๒ โรงพยาบาลล้ี จงั หวดั ลาพูน . ว.พยาบาลสาธารณสุข. สานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข . ๒๗(๑) : ๑๓๕-๑๔๕. ชัญญาภัค พงศ์ชยกร. ๒๕๖๑. เกณฑ์ตดั สินการปฏิบัติอานาปานสติในสังคมไทยตามหลัก พระพุทธศาสนาเถรวาท. ว.ศึกษาปริทรรศน์ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . ๑๔(๒) : ๑๓๘- ๑๔๘. ชนาธิป ศรีโท. ๒๕๖๑. การปฏิบตั ิจิตภาวนาโดยใช้สติเป็ นฐานตามแนวเทศนาของพระโสภณวิ สุทธิคุณ (หลวงป่ ูบุญเพ็ง กปฺปโก). ว.แสงอีสาน มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลยั วิทยาเขตอีสาน. ๑๕ (๑): ๘๙-๑๐๐. ชลลดา ทองทวี. ๒๕๕๗. ละคร: เคร่ืองมือเพ่ือการเรียนรู้เปล่ียนแปลงภายใน แนวจิตตปัญญา ศึกษา . ว.ศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. ๖ (๑) : ๑๑๒-๑๒๙.

๓๐๙ ฐิติมา ต้งั จิตเมธี. ๒๕๖๐. การพฒั นาคุณภาพชีวิตตามองค์ธรรม พละ ๕ ดว้ ยการเจริญสติแบบ เคล่ือนไหว. ว.มนุษยศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๓ (๒) : ๗๐-๗๗. ณอภยั พวงมะลิ (๒๕๖๑) การพฒั นาทรัพยากรมนุษยโ์ ดยการปฏิบตั ิวปิ ัสสนากรรมฐานตามแนว สติปั ฏฐานส่ี .ว.วิชาการ Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย มนุ ษยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศิลปะ. ๑๑(๓) : ๑๕๘๘-๑๖๐๔. ณฐั ธิดา พระสวา่ ง และคณะ. ๒๕๖๑. ผลของสมาธิบาบดั นง่ั ผอ่ นคลาย ประสานกายประสานจิต ร่วมกบั การรักษาแบบเดิมต่อ ความดนั โลหิตในผูป้ ่ วยความดนั โลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุในหน่วย บริการปฐมภูมิ . ว.การพยาบาลและการดูแลสุขภาพ สมาคมพยาบาล สาขาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ. ๓๖ (๑) : ๓๓-๔๒. ดรุณี ญาณวฒั นา และ สุบิน ยุระรัช. ๒๕๕๙. การพฒั นากระบวนการคิดตามหลกั ธรรมโยนิโส มนสิการโดยวิธีการปฏิบตั ิวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน๔ของครูผูส้ อนในสถานศึกษา สังกดั สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. ว.ศรีปทุมปริทศั น์ ฉบบั มนุษยศ์ าสตร์และสังคมศาสตร์. ๑๖ (๑) : ๗-๑๙ ประยงค์ จนั ทร์แดง. ๒๕๖๑. การดูแลผสู้ ูงอายตุ ามแนวพุทธ: กรณีศึกษาโรงเรียนผสู้ ูงอายุในวดั เขตตาบลแม่กา อ.เมือง จ.พะเยา .ว.วิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. มหาวิทยาลยั บูรพา. ๒๖ (๕๒): ๒๘-๔๘. ประภาส จิบสมานบุญ และอุบล สุทธิเนียม . ๒๕๕๖. สมาธิบาบดั SKT ๒ ต่อระดบั ความดนั โลหิตและตวั บง่ ช้ีทางเคมี. ว.วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี . ๒๙ (๒) : ๑๒๒-๑๓๓. ทศั นีย์ เจนวถิ ีสุข. ๒๕๕๗. การส่ือสารเพือ่ บริหารจดั การอารมณ์ตามแนวทางพระพทุ ธศาสนา. ว. ครุศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๑ (๑) : ๑๔-๒๖. ธนัชพร กิตติกอ้ ง. ๒๕๖๑. การขยายประสบการณ์ภายในของตวั ละครดว้ ยวธิ ีปฏิบตั ิภาวนาทาง พระพุทธศาสนากรณีศึกษา ตวั ละคร นาก จาก Land & Skin: The Ballad of Nak Phra Khanong .ว.วิจิตร ศิลป์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ . ๙(๑) : ๓๔๕-๓๙๒. ธนนั ต์ชยั พฒั นะสิงห์. ๒๕๖๑. โมเดลของความสัมพนั ธ์ในครอบครัวท่ีส่งผลต่อสุขภาวะทาง ปัญญาของวยั รุ่น . ว.สันติศึกษาปริทรรศน์ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . ๖(ฉบบั พิเศษ) : ๔๐๖-๔๑๗ ธารา ชยากโร และ วริ ัช วิรัชนิภาวรรณ. ๒๕๕๙. การบริหารจดั การเพื่อส่งเสริมการปฏิบตั ิธรรม ของวดั ในจังหวดั ปทุมธานี ตามแนวคิดตะวนั ออก.ว.วิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์ นเอเชีย ฉบับ สงั คมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. ๖(๓) : ๑๖๒-๑๗๒ ธเนศ ปานหวั ไผ.่ ๒๕๕๗. การศึกษาวเิ คราะห์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพทุ ธ: กรณีศึกษา พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมโม). ว.มนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. ๒๑(๒) : ๑๙๓- ๒๑๖

๓๑๐ นรวฒั น์ เจริญรัชต์ภาคย์ และสุดาวรรณ สมใจ. ๒๕๖๑. รูปแบบการปฏิบตั ิธรรม การบริหาร จดั การ และลกั ษณะสถานปฏิบตั ิธรรม ที่มีผลต่อผลสัมฤทธ์ิในการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน. ว.วิชาการ มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพธนบุรี. ๗(๑) : ๑๖๘-๑๗๙ บวรสรรค์ เจ่ียดารง. ๒๕๖๑. การเจริญสติสมั โพชฌงค์ : การส่ือสารภายในบุคคลกบั การรักษาใจผู้ ติดเช้ือเอชไอว/ี เอดส์จากตราบาป. ว.ร่มพฤกษ์ มหาวทิ ยาลยั เกริก. ๓๖(๑) : ๑๑๒-๑๓๓. พระสุนันท์ สุมงคฺโล (วิลามาศ). ๒๕๕๙. ศึกษาการพฒั นารูปแบบการฝึ กอบรมเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพชีวิต ผูเ้ ข้าปฏิบตั ิธรรมในสานักปฏิบัติธรรมประจาจังหวดั พิษณุโลก แห่งที่ ๔. ว.ราชภัฏพิบูล สงคราม. ๑๗(๒) : ๓๕๓-๓๖๑. พระภาวนาพิศาลเมธี วิ. (ประเสริฐ มนฺตเสว)ี และคณะ. ๒๕๖๑. การเจริญสติปัฏฐานในอิริยาบถ เดินจงกรมตามหลกั อนุปัสสนา ๗. ว.บัณฑติ ศึกษาปริทศั น์. ๑๔( ๑) : ๗๓-๘๒. พระครูปลดั ไพรัช จนฺทสโร (กาญจนแกว้ ) และคณะ. ๒๕๖๑. การแกป้ ัญหาโรคความเครียดดว้ ย พุทธปรัชญาว่าด้วยมหาสติปัฏฐาน ๔. ว.มหาจุฬานาครทรรศน์. มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลยั วทิ ยาเขตนครราชสีมา. ๕(๒) : ๓๗๗-๓๙๓. พระครูธรรมธร ครรชิต คุณวโร. ๒๕๕๖ . การพฒั นาความสุขในพุทธธรรม. ว.ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. ๑๕ (๑ ) : ๙๑-๙๙. พระมหาวนสั กตสาโร(ทิมนิ่ม). ๒๕๖๑. รูปแบบการจดั การความทุกขท์ ี่เกิดจากความปวดตาม แนวพระพทุ ธศาสนา. ว.สันติศึกษาปริทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๖ (ฉบบั พิเศษ) : ๓๑๐-๓๒๑. พระวรศกั ด์ิ จนฺทโชโต (โมกขสุทธิวงค์). ๒๕๕๔. การศึกษาจริต ๖ กับการรับรู้ความตาย : กรณีศึกษาผปู้ ฏิบตั ิวปิ ัสสนากรรมฐาน วดั ระฆงั โฆสิตาราม. ว.พฤตกิ รรมศาสตร์เพื่อการพฒั นา . ๓ (๑ ) : ๑๒๐-๑๓๓. พระชุมพล ฐิตธมฺโม (แกว้ นวน) . ๒๕๕๙. วธิ ีการพฒั นาจิตตามแนวกสิณในพระพุทธศาสนาเถร วาท. ว.มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พิบูลสงคราม ๑๖(๒) : ๒๔๑-๒๕๐. พระมหาประธาน ปริชาโณ. ๒๕๕๙. การศึกษาเปรียบเทียบแนวคิดเรื่องจิตกับกาย ในพุทธ ปรัชญาเถรวาทกบั ปรัชญาของเรเน เดส์การ์ตส์. ว.ธรรมนิทรรศน์ . ๑๖(๓) : ๓๙-๔๖. พสั มณฑ์ คุม้ ทวพี และ ประกอบ ผวู้ บิ ูลยส์ ุข. ๒๕๕๖. เทปเสียงสู่จิตใตส้ านึกเพื่อลดอาการนอน ไมห่ ลบั ของผสู้ ูงอายุ การวจิ ยั เชิงทดลองแบบสุ่มชนิดมีกลุ่มควบคุม .ว.พยาบาลทหารบก.๑๔(๓) : ๕๙-๖๖. พระเทพสิทธิมุนี และคณะ . ๒๕๖๑. วิเคราะห์หลกั จิตนิยามในฐานะมโนสานึกทางศีลธรรม สากล. ว.บณั ฑติ ศึกษาปริทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๑๔( ๒) : ๒๙-๔๒. พระครูปลดั มารุต วรมงฺคโล. ๒๕๖๑. การศึกษาวเิ คราะห์พทุ ธจิตวทิ ยาในพระไตรปิ ฎก. ว.สันติศึกษาปริทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๖ (ฉบบั พิเศษ) : ๒๕-๓๔ .

๓๑๑ พระสมพร กิตฺติโสภโณ (โพธ์ิสุ วรรณ) และ นันทนา อริยสัจจะธรรม. ๒๕๖๐.วิปัสสนา กมั มฏั ฐาน : ความหมายและแนวปฏิบตั ิ. ว.ครุศาสตร์ปริทรรศน์. ๔(๑) : ๑๑๗-๑๒๖. พระเรืองเดช โชติธมฺโม (เสียงเพราะ) และคณะ. ๒๕๖๐. วิเคราะห์หลักไตรลักษณ์ในเชิง สุนทรียศาสตร์ . ว.ภาษา ศาสนา และวฒั นธรรม. ๖(๑) : ๑๑๘-๑๓๐. พระมหาซิ ต ฐานชิโต. (๒๕๖๑). การปฏิบัติและการสอบอารมณ์ กรรมฐานตามหลัก พระพุทธศาสนาเถรวาท ในประเทศไทย. ว.สันติศึกษาปริทรรศน์ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลยั . ๖(๓) : ๑๒๐๑-๑๒๑๑. พระพิทักษ์ อริยปุตฺโต (บุญทอง) และคณะ. ๒๕๖๑. การสอนแบบโยนิโสมนสิ การวิชา พระพทุ ธศาสนา นกั เรียนมธั ยมศึกษาตอนตน้ โรงเรียนวดั แม่เฉย จงั หวดั อุตรดิตถ.์ ว.ครุศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๕(๑) : ๑๑๕-๑๒๑. พระมาวิน กาญฺจโน (โทแกว้ ) และคณะ. ๒๕๖๑. การพฒั นาการจดั การเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการ ปฏิบตั ิ เรื่อง การปฏิบตั ิวปิ ัสสนา กรรมฐาน สาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ ๖ โรงเรียนบา้ นหวั บึงทุ่ง “เขตการทางนครราชสีมาสงค์เคราะห์ ๓” จงั หวดั นครพนม . ว.ครุศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวิทยาลยั มหา จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๕(๑) : ๘๐-๘๘ พระมหาสมร อาวธุ ปญฺโญ. ๒๕๕๘. พุทธวิธีสร้างกาลงั ใจแก่ผปู้ ฏิบตั ิธรรมของสานกั ปฏิบตั ิธรรม สายวดั ป่ าของไทย. ว.ปณธิ าน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ . ๑๑(๑) : ๑๑๘-๑๒๙ พระไพศาล พหุสุตฺโต (สุมาลี). ๒๕๕๘. วธิ ีการสร้างศาสนทายาทของพระสายปฏิบตั ิ ในจงั หวดั สกลนคร. ว.ปณิธาน ภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่. ๑๑(๑๖) : ๑๓๐-๑๔๖ Phramaha Rungrueang Pamakha Pisit Boonchai and Kosit Pangsoi . ๒ ๕ ๕ ๙ . Meditation Centers : Developing a Model of Meditation Practice In Four places in the Northeastern Region . ว.มหาวทิ ยาลยั นครพนม. ๖(๒) : ๑๖-๒๔. พีระพงษ์ กล่ินลออ. ๒๕๕๘. รูปแบบนวตั กรรมการสื่อสารแนวพุทธ เพ่ือการพฒั นาเกษตรกรสู่ เศรษฐกิจพอเพยี ง. ว.บริหารธุรกจิ เศรษฐศาสตร์และการส่ือสาร มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. ๑๐(๒) : ๒๒-๓๙ พระครูสมุห์เดือน ปุญฺญจาโร และ กรรมาธิการ จิตตะมาก. สญั ญาขนั ธ์ : หน่ึงในความสาคญั ของ การศึกษาและการพฒั นาชีวติ . ว.ครุศาสตร์ปริทรรศน์ฯ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๔(๑) : ๓๓-๔๔. ภุชงค์ ฝูงชมเชย. ๒๕๕๙.การปฏิบตั ิวิปัสสนากรรมฐานเป็ นการฟ้ื นฟูสมรรถภาพร่างกายดีท่ีสุด. ว.มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ลาปาง. ๕(๑) : ๑๒๔-๑๓๐. ภทั รภรณ์ วงษกรณ์ และคณะ. ๒๕๖๑. ผลของโปรแกรมการฝึกสติต่อความเครียดในผตู้ อ้ งขงั . ว.พยาบาลทหารบก . ๑๙ (ฉบบั พเิ ศษ) : ๒๖๙-๒๗๘.

๓๑๒ มนตรี เพชรนาจกั ร.๒๕๕๗.แนวคิดเร่ืองการขา้ มพน้ ความเป็ นศาสนาของพุทธทาสภิกขุ. ว.วจิ ัย และพฒั นา วไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปภมั ภ์ . ๙(๑) : ๑๒๐-๑๒๘ โยง่ ศรีเวียน และคณะ. ๒๕๖๑. การพฒั นาแบบประเมินเจตสิกปัจจยั เชิงทานายบุคลิกภาพของผู้ ปฏิบตั ิธรรม. ว.สันติศึกษาปริทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . ๖ (ฉบบั พิเศษ) : ๓๖๑- ๓๗๑. รพีพร ฤาเดช และคณะ.๒๕๖๑. ผลของโปรแกรมสมาธิบาบดั ตามวิถีพุทธต่อความสุขในชีวิต ของผสู้ ูงอายุ ท่ีป่ วยดว้ ยโรคความดนั โลหิตสูง ที่ชุมชนแห่งหน่ึงในจงั หวดั เพชรบุรี. ว.ทหารบก . ๑๙ (ฉบบั พเิ ศษ) : ๒๘๙-๒๙๘. รุ่ งทิพย์ เลิศนิ ทัศน์. ๒ ๔๖๐. การเปรี ยบเทียบรู ปแบบ และวิถีการปฏิบัติภาวนาของ พทุ ธศาสนิกชนในกรุงเทพฯ . ว.วจิ ัยสังคม สถาบนั วจิ ยั จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๔๐ (๒) : ๑๓๓-๑๕๔. ลาพู กันเสนาะ. ๒๕๕๖. ความสมบูรณ์ทางใจอนั เป็ นที่มาแห่งความสุข. ว. อิเล็กทรอนิกส์ (Veridian E-Journal) บณั ฑิตศึกษา มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. ๔ ( ๑ ) : ๑๙๒-๒๐๓. ลลิดา ภู่ทอง. ผลของการฝึ กสติของนักศึกษาสาขาภาษาองั กฤษ มหาวิทยาลยั แม่โจ.้ ว.วิชาการ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั แม่โจ.้ ๕(๒) : ๘๕-๙๘ วิชัย นภาพงศ์. ๒๕๕๙. ผลของการฝึ กสมาธิบาบดั แบบ SKT๒ ต่อระดบั ความดนั โลหิตของ ผูร้ ับบริการในแผนกงาน แพทยแ์ ผนไทยและการแพทยผ์ สมผสาน โรงพยาบาลปัตตานี. ว. AL-NUR บัณฑติ วทิ ยาลยั . ๑๑( ๑) : ๔๗-๖๐. วลิ าวณั ผลจนั ทร์ และ พระครูสังฆรักษเ์ อกภทั ร อภิฉนฺโท. ๒๕๕๙. การเสริมสร้างสุขภาวะแบบ องคร์ วมของผูส้ ูงอายุ ในสานักปฏิบตั ิธรรมกรุงเทพมหานคร . ว.มนุษยศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๒(๑) : ๑๖-๒๓. วิมลมาลย์ ศรีรุ่งเรือง และคณะ. ๒๕๖๑. ผลของการเจริญสติต่อการพฒั นาตนเองของนกั ศึกษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์. ว.ปาริชาต E-Journal มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ. ๓๑(๓) : ๓๔-๔๐ ศุภณฐั รัตนปกรณ์ และ วายุ กาญจนศร . ๒๕๖๐. ผลของโปรแกรมการฝึกยงิ ประตูและ สมาธิอานาปานสติ ที่มีต่อความสามารถในการเล้ียงและความ แม่นยาในการยิงประตูของนกั กีฬาฟุตบอล โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล. ว.ศึกษาศาสตร์ ฉบบั บณั ฑติ ศึกษา มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. ๑๑ (๑) : ๑๘๙-๑๙๖. ศรีเรือน แกว้ กงั วาล. ๒๕๕๐. การพฒั นาบุคลิกภาพแนวพทุ ธ: สติปัฏฐาน ๔ และสมาธิ . ว.ศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. ๗ (๒): ๕๔-๗๗. ศุกร์ใจ เจริญสุข และคณะ. ๒๕๕๘. ความหมายและปัจจยั บ่มเพาะสติ จากประสบการณ์ของ สตรีไทย ที่ปฏิบตั ิธรรม. ว.พยาบาลกระทรวงสาธารณสุข . ๒๕(๓) : ๑๗๐-๑๘๓ ศุภกาญจน์ วิชานาติ. ๒๕๕๖. การประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั โยนิโสมนสิการในการแกป้ ัญหา การเรียนของ นกั ศึกษาระดบั อุดมศึกษา . ว.วชิ าการ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนคร ๔(๑) : ๓๔-๔๙

๓๑๓ สมจิตร เสริมทองทิพย์ และคณะ ๒๕๖๐ ผลของโปรแกรมการบาบดั ทางปัญญาบนพ้ืนฐานของ สติตอ่ ภาวะซึมเศร้าในผเู้ ป็นเบาหวาน. ว.คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา. ๒๕(๓) : ๖๖-๗๕. สุภาพรรณ กล่ินนาค. ๒๕๖๑. การสร้างสุขภาวะของชีวิตตามแนวโพชฌงค์ในพระพุทธศาสนา. ว.สถาบันวชิ าการป้องกนั ประเทศ. ๙ (๒) : ๙๙-๑๑๐. สมบูรณ์ วฒั นะ. ๒๕๖๐. เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาการฝึ กสมาธิตามแนว พระพุทธศาสนา. ว.บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ.์ ๑๑(๑) : ๑๓๒-๑๔๔. สุมนา เลียบทวี และ นพพร จนั ทรนาชู. ๒๕๕๕. การเจริญวิปัสสนาตามแนวทางสติปัฏฐาน ๔ ที่ ส่งผลต่อการพฒั นาทางดา้ นพฤติกรรม และอารมณ์ของมนุษย:์ กรณีศึกษาหลกั สูตรวปิ ัสสนาเบ้ืองตน้ ยุว พุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถมั ภ.์ ว.ศิลปากรศึกษาและวิจัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. ๔ (๒): ๒๓๗-๒๕๐. สุภาภรณ์ น้อยทรงค์. ๒๕๕๘. การพฒั นาคู่มือจดั การเรียนรู้โดยสร้างศรัทธาและฝึ กคิดแบบ โยนิโสมนสิการ ร่วมกบั การทาสมาธิ ท่ีมีต่อความอดทน การคิดวิเคราะห์ และผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี ๕. ว.บณั ฑิตศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฎั สกลนคร. ๑๒(๕๖) : ๗๕-๘๔. สุมนา เลียบทวี และ นพพร จนั ทรนาชู. ๒๕๕๕. การเจริญวปิ ัสสนาตามแนวทางสติปัฏฐาน ๔ ท่ี ส่งผลต่อการพฒั นาทางดา้ นพฤติกรรม และอารมณ์ของมนุษย:์ กรณีศึกษาหลกั สูตรวิปัสสนาเบ้ืองตน้ ยุว พุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถมั ภ์. ว.ศิลปากรศึกษาและวิจัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. ๔ (๒): ๒๓๗-๒๕๐. สมศรี สัจจะสกุลรัตน์ และคณะ . ๒๕๖๑. รูปแบบการจดั การสุขภาพของผสู้ ูงอายุเชิงพุทธบูรณา การ : กรณีศึกษาเทศบาลตาบลบา้ นต๋อม จงั หวดั พะเยา. ว.การพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี จงั หวดั พะเยา. ๑๙ (๒) : ๑๒๐-๑๓๒. สมบูรณ์ วัฒนะ . ๒๕๕๙. แนวคิดการดูแลผู้สู งอายุ ตามแนวพระพุทธศาสนาเถรวาท. วารสารวิชาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ . ว.วิชาการและมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา. ๒๔ (๔๔) : ๑๗๓-๑๙๓. สุชาติ หล้าอภยั และคณะ. การประยุกต์ใช้มหาสติปัฏฐานเพื่อพฒั นาคุณภาพชี วิตผูส้ ูงอายุ . ว.วชิ าการธรรมทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น . ๑๖(๒) : ๗๕-๙๒. โสภาพรรณ อินต๊ะเผอื ก และพงษภ์ ทั ร์ รัตนสุวรรณ. ๒๕๖๑. การปฏิบตั ิสมาธิแบบอานาปานสติ ตอ่ ภาวะสุขภาพของหญิงวยั หมดประจาเดือน. ว.พยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. ๔๑ (๑) : ๖๖-๗๔. อรวรรณ จันทร์มณี. ๒๕๕๗. ผลของการฝึ กสมาธิแบบอานาปานสติร่วมกับการฝึ กสร้าง จินตนาการต่อระดบั สมาธิของเดก็ ที่มีความเส่ียงสมาธิส้ัน. ว.พยาบาลตารวจ. ๖ (๑) : ๕๖-๗๐.

๓๑๔ อมรรัตน์ แกว้ โพนเพก็ . ๒๕๖๑. ผลของการออกกาลงั กายร่วมกบั สมาธิบาบดั ในผสู้ ูงอายุกลุ่มติด บา้ นท่ีเป็ นโรคเบาหวาน ชนิดที่ไม่พ่ึงอินซูลินตาบลวงั สวาบ จงั หวดั ขอนแก่น. ว.วิชาการมหาวิทยาลัย อสิ เทริ ์นเอเชีย ฉบบั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี ๑๒( ๒) : ๒๖๕-๒๗๒. อนุรุทธ เปรมนิรันดร และ อภิชาติ พลประเสริฐ. ๒๕๕๙. รูปแบบการสอนการวาดภาพลายไทย โดยใช้กิจกรรมการฝึ กสมาธิด้วยหลักกายานุปัสสนา สาหรับนักเรี ยนช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น . ว.อเิ ลก็ ทรอนิกส์ทางการศึกษา มหาวทิ ยาลยั จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ๑๑ (๓) : ๒๓๖-๒๘๐. เอกสารแผ่นพบั กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก และ ภาควชิ าอาชีวอนามยั และความ ปลอดภยั คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล. สร้างเสริมสุขภาพด้วยสมาธิบาบดั แบบ SKT 1-7 . เอกสารแผน่ พบั รายงานผลการวจิ ัย สรัญญา โชติรัตน์. ๒๕๕๙. การสังเคราะห์วทิ ยานิพนธ์เร่ืองมหาสติปัฏฐาน ๔ ของมหาวทิ ยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยระหว่างปี พุทธศักราช ๒๕๔๐-๒๕๕๕. วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตร มหาบณั ฑิต (สาขาพระพุทธศาสนา) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, บทคดั ย่อ ๙ มีนาคม ๒๕๕๙. สรัญญา โชติรัตน์. ๒๕๖๑. การสังเคราะห์วรรณกรรมเร่ืองมหาสติปัฏฐาน ๔. รายงาน ผลการวจิ ยั ฉบบั สมบูรณ์. งบประมาณสนบั สนุนจากคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.) มหาวทิ ยาลยั แม่โจ.้ เชียงใหม่ . บทคดั ยอ่ (๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑) . ดลฤดี สุวรรณคีรี.๒๕๕๔. การสังเคราะห์ว่าด้วยความคิดเร่ืองความสุขของนักคิดและนักปรัชญา ตะวันออกและตะวันตก. รายงานผลการวิจยั . งบประมาณเงินรายได้ คณะสังคมศาสตร์ : มหาวทิ ยาลยั ศรี นครินทรวโิ รฒ. พระราชสิทธิมุนี (ว.ิ ). ๒๕๕๗.ศึกษาวเิ คราะห์รูปแบบและวธิ ีการสอบอารมณ์ตามแนวสติปัฏฐาน ๔. รายงานผลการวิจยั . คณะพทุ ธศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระนครศรีอยธุ ยา. วทิ ยานิพนธ์ พระสุวรรณ สุวณฺ โณ (เรืองเดช). ๒๕๕๓. ศึกษาผลการเจริญตามแนวปฏิบัติของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ : กรณีศึกษาผู้ปฏิบัติธรรมในสานักปฏิบัติธรรมมหาสติปัฏฐาน ๔ บ้านเหล่าโพนทอง. วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต. บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั .

๓๑๕ พระทนงศกั ด์ิ ปภาโต (ปิ ยะสุข). ๒๕๕๔. ศึกษารูปนามตามท่ีปรากฏในไตรลักษณ์ในการปฏิบัติ วปิ ัสสนาภาวนา. วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต.บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลยั . พระชยั พร จนฺทวโส (จนั ทวงษ)์ . ๒๕๕๔. ศึกษาศรัทธาในการปฏบิ ตั ิวปิ ัสสนาภาวนา ตามแนวสติ ปัฏฐาน ๔. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต.บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลยั . พระมหาพิสูตน์ จนฺทวโส (พะนิรัมย)์ .๒๕๔๖. การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปฏิจจสมุปบาท กับขันธ์ ๕ ในการเจริญวิปัสสนาภาวนา. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต.บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระมหากฤช ญาณาวุโธ (ใจปล้ืมบุญ). ๒๕๔๗. การศึกษาวเิ คราะห์ความสัมพนั ธ์ระหว่างญาณ และปัญญาในพระพุทธศาสนา. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต . บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหา จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระปลดั พงคศ์ กั ด์ิ ธมฺมวโร (อภยั โส). ๒๕๕๒. ศึกษาสังขารุเปกขาญาณในการปฏิบัติวิปัสสนา ตามหลักสติปัฏฐาน ๔ เฉพาะกรณีการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา ๗ เดือน. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตร มหาบณั ฑิต. บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระครูพิสิฐสรภาณ (นิรันดร์ ศิริรัตน์). ๒๕๔๖. การศึกษาวิเคราะห์หลักการปฏิบัติธรรมในภัท เทกรัตตสูตร. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต. บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลยั . พระศรศักด์ิ สงฺ วโร (แสงธง). ๒ ๕ ๕ ๕ .การวิเคราะห์ จริต ๖ กับการปฏิบัติธรรมใน พระพุทธศาสนา. วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต. บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลยั . พระอนุชา อนุชาโต (นามจนั ทร์).๒๕๕๕. การเจริญเวทนานุปัสสนาในคัมภีร์พระพทุ ธศาสนาเถร วาท. วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต. บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระมหาญาณทสั น์ ฉฬภิญฺโญ (วงศก์ าภู). ๒๕๕๔.ศึกษาสภาวะรูปนามในการปฏิบัติในหมวด สัมปชัญญะบรรพ ในสติปัฏฐานสูตร. วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต. บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระครูสมุห์เกิด ปุญฺกาโม (ดานขนุ ทด). ๒๕๕๔. ศึกษาเวทนาในการปฏบิ ตั ิวปิ ัสสนาภาวนาตาม หลกั สติปัฏฐาน ๔. วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต. บณั ฑิตวทิ ยาลยั : มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณ ราชวทิ ยาลยั . พระมหาบุญเลิศ ธมมทสสี /โอฐสู . ๒๕๕๖. การสร้ างตัวชี้วัดเพื่อวิเคราะห์ อินทรีย์ ๕ เปรียบเทียบกับญาณ ๑๖ ในผู้ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบณั ฑิต สาขา พระพทุ ธศาสนา .บนั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั .

๓๑๖ ภาวนีย์ บุญวรรณ . ๒๕๕๒. การศึกษาอาการวิปลาสที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติกรรมฐาน . วทิ ยานิพนธ์พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต. บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . สุเมธ โสฬศ. ๒๕๕๔. การศึกษาเคร่ืองมือจาแนกจริตที่เหมาะสมในการเจริญสติปัฏฐาน . วทิ ยานิพนธ์พทุ ธศาสตรดุษฎีบณั ฑิต. บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . อรภัคภา ทองกระจ่างเนตร. ๒ ๕๕๕. การศึกษาวิเคราะห์ สมาธิกับการบรรลุธรรมใน พระพทุ ธศาสนา. วทิ ยานิพนธ์พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต. บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลยั . อุทยั สติมนั่ .๒๕๕๕. การพัฒนารูปแบบการจัดการความรู้สาหรับสานักปฏิบัติธรรมในประเทศ ไทย. วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต.บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . เสถียร ทง่ั ทองมะดนั .๒๕๕๕.สมถกัมมัฏฐานในฐานะเป็ นบาทฐานของวิปัสสนากัมมัฏฐาน. วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต.บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ http://www.thaidhamma.net/index.php?option=com_thaidhamma&Itemid=26#M012018 . คาแนะนาในการเขา้ อบรมเกี่ยวกบั แนวทางปฏิบตั ิท่านโกเอน็ กา้ . คน้ เมื่อวนั ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒. https://www.youtube.com/watch?v=lPAPUhVqMHQ . ประสาทวทิ ยาศาสตร์การปฏิบตั ิสมาธิ เพอ่ื การเยยี วยาหรือสมาธิบาบดั SKT. คน้ เม่ือวนั ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑

๓๑๗ รายช่ือผ้ใู ห้ข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ พระครูประทุมธรรมรักษ์. วดั ปทุมธรรมานุสิฐตาราม อาเภอหนองมว่ งไข่ จงั หวดั แพร่. สัมภาษณ์ เมื่อวนั ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๑. พระครูสังฆรักษ์ไชยา สิริธัมโม. เจา้ อาวาสวดั ถ้าสบาย บา้ นหนองถอ้ ย ตาบลนาครัว อาเภอแมท่ ะ จงั หวดั ลาปาง . สมั ภาษณ์เมื่อวนั ท่ี ๕ สิงหาคม ๒๕๖๑. พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ (พระครูวสิ ุทธิศีลคุณ). เจา้ อาวาสวดั วดั คีรีสุบรรพต (วดั สามคั คี บุญญาราม) บา้ นทุ่งสามคั คี ตาบลพระบาท อาเภอเมือง จงั หวดั ลาปาง. สมั ภาษณ์เมื่อวนั ท่ี ๖ สิงหาคม ๒๕๖๑. พระสมุห์สมชาย จีรปญฺ ฺโญ (แสงสิน). เจา้ สานกั ปฏิบตั ิธรรมวดั คุม้ ตะเภา ตาบลคุง้ ตะเภา อาเภอ เมือง จงั หวดั อุตรดิตถ.์ สัมภาษณ์เม่ือวนั ที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑. พระสมุห์สมชาย จีรปฺญฺโญ (แสงสิน) และพระมหาเทวประภาส วชิรญาณเมธี (มากคล้าย) พระ มหาปิ ยะ ปิ ยธมฺโม (ยมิ้ ภู่) พระครูสุจิตพฒั นพธิ าน. สานกั ปฏิบตั ิธรรมวดั คุม้ ตะเภา ตาบลคุง้ ตะเภา อาเภอ เมือง จงั หวดั อุตรดิตถ.์ สมั ภาษณ์เม่ือวนั ท่ี ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑. พระศรศักด์ิ สงฺวโร (แสงธง) .วดั วงั ธง อาเภอเมือง จงั หวดั แพร่. สัมภาษณ์เม่ือวนั ที่ ๑๖ กนั ยายน ๒๕๖๑. พระทนงศักด์ิ ปภาโต (ปิ ยะสุข). วดั ท่าเรือ จงั หวดั ระยอง. สมั ภาษณ์เม่ือวนั ท่ี ๙ กนั ยายน ๒๕๖๑. พระครูโสภิตปุญญาคม (บุญหา สิกขาสโภ) . เจา้ อาวาสวดั ช้างรอง จงั หวดั ลาพูน สัมภาษณ์เมื่อ วนั ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๑. พระอธิการบุญส่ง โสภณจิตฺโต. เจา้ อาวาสวดั เสาหิน บา้ นขวั แคร่ ตาบลศรีบวั บาน อาเภอเมือง จงั หวดั ลาพนู .สัมภาษณ์เม่ือวนั ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๑. พระมหาอดิสรณ์ อคฺควุฒโฒ .วดั พระเจดียซ์ าว ๒๖๘ หมู่ ๑๒ ต.ตน้ ธงชยั อาเภอเมือง จงั หวดั ลาปาง. สัมภาษณ์เมื่อ วนั ท่ี ๗ ตุลาคม ๒๕๖๑ . พระราชวสิ ุทธิญาณ(ฤทธิรงค์ ญาณวโร) เจา้ อาวาสวดั ป่ าดาราภิรมย์ วดั ป่ าดาราภิรมย์ จงั หวดั เชียงใหม่ สมั ภาษณ์เมื่อวนั ท่ี ๖ ตุลาคม ๒๕๖๑. พระสุธรรมมุนี (สมบูรณ์ ปัญญาวฺโธ) รองคณะจงั หวดั พิษณุโลก /รองเจา้ อาวาสวดั พระศรีรัตนม หาธาตุ วรมหาวหิ าร ๒๑๗ หมู่ ๖ ตาบลบึงพระ อาเภอเมือง จงั หวดั พิษณุโลก สัมภาษณ์เมื่อวนั ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ . พระครูสมุห์ณรงค์ โฆสิตธฺมโม (แฉ่งอุทิศ). เจา้ อาวาสวดั เทพนิมิตโฆสิตาราม ตาบลปากน้าโพ อาเภอเมือง จงั หวดั นครสวรรค.์ สมั ภาษณ์เมื่อวนั ท่ี ๒ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒ . พระครูสุวรรณวจิ ิตร (สมจิตต์ คุ้มสมบตั ิ) . เจา้ อาวาสวดั สามชุก ตาบลสามชุก อาเภอสามชุก จงั หวดั สุพรรณบุรี. สัมภาษณ์เมื่อวนั ที่ ๔ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒.

๓๑๘ พระครูใบฎกี าสุรเวช ปภสฺสโร. วดั ไชนาวาส ๒๑๙ ถ.ประชาธิปไตย ตาบลท่าพ่ีเล้ียง อาเภอเมือง จงั หวดั สุพรรณบุรี . สัมภาษณ์เม่ือวนั ท่ี ๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๒. พระครูสมุห์สุพจน์ พุทฺธธมฺโม และคณะ . สานกั ปฏิบตั ิธรรมประจาจงั หวดั สุพรรณบุรี แห่งที่ ๑ วดั พยคั ฆาราม บา้ นกระพุง้ -หวั วงั ตาบลศรีประจนั ต์ อาเภอศรีประจนั ต์ จงั หวดั สุพรรณบุรี. สัมภาษณ์เม่ือ วนั ท่ี ๔ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒. พระอธิการทองแบน ปนาโท . เจา้ อาวาสวดั ไทรงามธรรมธราราม วดั ไทรงาม จงั หวดั สุพรรณบุรี ตาบลดอนสงั ข์ อาเภอเมือง จงั หวดั สุพรรณบุรี . สัมภาษณ์เมื่อวนั ที่ ๗ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒ . พระภาวนาธรรมาภิรัช. เจา้ อาวาส วดั ร่าเปิ ง (ตโปทาราม) . เลขที่ ๑ หมู่ ๕ ถนนคนั คลอง ชลประทาน ตาบลสุเทพ อาเภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่ . สัมภาษณ์เม่ือวนั ที่ ๑๓ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๒. พระยทุ ธนา อริโย . ผอู้ านวยการศูนยป์ ฏิบตั ิธรรมเวฬุวนั . ศูนยป์ ฏิบตั ิธรรมสวนเวฬุวนั จงั หวดั ขอนแก่น (สาขาวดั อมั พวนั จงั หวดั สิงห์บุรี) ๖ หมู่ ๑๕ บา้ นเนินทอง ตาบลบา้ นคอ้ อาเภอเมือง จงั หวดั ขอนแก่น. สมั ภาษณ์เมื่อ วนั ที่ ๒๖ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒. พระครูสิทธิจิตติมงคล (จิตตพิ งษ์ ฉนฺทโก). วดั ป่ าวิเวกธรรม จงั หวดั ขอนแก่น. สมั ภาษณ์เม่ือ วนั ท่ี ๒๗ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๒. พระครูภาวนาโพธิคุณ (สมชาย กนฺตสีโล) . มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขต ขอนแก่น ผอู้ านวยการหลกั สูตรพุทธศาสตรดุษฎีบณั ฑิต (ปรัชญา). สมั ภาษณ์วนั ท่ี ๒๗ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒ พระอาจารย์หลอ นาถกโร .วดั ถ้าอภยั ดารงธรรม บา้ นท่าวดั ตาบลปทุมวาปี อาเภอส่องดาว จงั หวดั สกลนคร . สมั ภาษณ์เม่ือวนั ที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๒ . ไม่ระบุนาม. วดั ธาตุฝ่ นุ บา้ นคาเจริญ ตาบลคอ้ ใต้ อาเภอสวา่ งดินแดน จงั หวดั สกลนคร. สัมภาษณ์ เมื่อวนั ท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๖๒. พระครูพชั รปัญญาพสิ ุทธ์ิ. วดั ป่ าสุทธาวาส บา้ นคาสะอาด ตาบลธาตุเชิงชุม อาเภอเมือง จงั หวดั สกลนคร. สัมภาษณ์เม่ือวนั ท่ี ๕ มีนาคม ๒๕๖๒ . ไม่ระบุนาม .ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดา้ นจิตวทิ ยาการศึกษา . สัมภาษณ์ ณ โรงแรมท๊อปแลน์ พิษณุโลก เม่ือวนั ท่ี ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒. พระมหายุทธนา นรเชฎโฐ (ศิริวรรณ). คณะพทุ ธศาสนา มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลยั ตาบลลาไทร อาเภอวงั นอ้ ย จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา. สัมภาษณ์เมื่อวนั ที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒.

๓๑๙ รายชื่อผ้ใู ห้ข้อมูลโดยตอบแบบสอบถาม รหัสแบบสอบถาม รหสั คาตอบ และรายช่ือพระอาจารย์ สถานทอ่ี ยู่ รหัส รายชื่อผู้ตอบแบบสอบถาม สถานทอี่ ยู่ รหัส คาตอบ แบบสอบถาม อาเภอสวา่ งดินแดน จงั หวดั สกลนคร ๐๑ พระอาจารยส์ อน ชีวสุทโธ A ๐๒ พระอาจารยห์ นูเพรช ปัญญาวโร อาเภอสวา่ งดินแดน จงั หวดั สกลนคร A (หลวงป่ ูท่านใหไ้ ปฟังเอง ไมต่ อบแบบสอบถาม) ๐๓ พระมหายทุ ธนา นรเชฏโฐ ,ดร. จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา B (ศิริวรรณ)* ๐๔ เจา้ อาวาสวดั ถ้าสบาย* อาเภอแม่ทะ จงั หวดั ลาปาง J1 (ลูกศิษยห์ ลวงป่ ูแหวน่ ) ๐๕ ไมร่ ะบุท่ีมา ๐๖ เจา้ อาวาสวดั ป่ าปทีปาราม จงั หวดั อุตรดิตถ์ B ๐๗ เจา้ อาวาสวดั ทบั ใหม่ จงั หวดั อุตรดิตถ์ B ๐๘ ไมร่ ะบุที่มา A ๐๙ ไมร่ ะบุท่ีมา A ๑๐ พระอาจารย์หลอ นาถกโร* อาเภอส่องดาว จังหวดั สกลนคร A ๑๑ พระราชวสิ ุทธินายก อาเภอเมือง จงั หวดั สกลนคร A ๑๒ พระครูโสภิตปุญญาคม* อาเภอเมือง จังหวดั ลาพนู MC๔ (บุญหา สิกขาสโภ) ๑๓ พระครูพสิ ิฐสรภาณ เขตคลองสาน กรุงเทพฯ Ts ๒๖ (นิรันด์ ศิริรัตน์) ๑๔ พระปลดั พงคศ์ กั ด์ิ ธมมวโร อาเภอเมือง จงั หวดั ลพบุรี Ts ๑๔ (อภยั โส) ๑๕ พระสมบตั ร ฐิตญาโณ อาเภอหนองกงู ศรี จงั หวดั กาฬสินธ์ิ Ts ๖ (สุขประเสริฐ) ๑๖ ภาวนีย์ บุญวรรณ อาเมือง จงั หวดั นนทบุรี Ts ๑๕ ๑๗ พระมหาสิงห์หน สิรินธโร อาเภอเมือง จงั หวดั สุพรรณบุรี Ts ๑๗ (ฉิมพาส) ๑๘ เสถียร ทงั่ ทองมะดนั จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา Ts ๕๔

รหัส รายชื่อผ้ตู อบแบบสอบถาม สถานทอี่ ยู่ ๓๒๐ คาตอบ รหสั แบบสอบถาม ๑๙ ภชั รบถ ฤทธ์ิเตม็ อาเภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่ Tss ๕๘ ๒๐ บรรณสิทธ์ิ บรรณสารประสิทธ์ิ แขวงลาดพร้าว กรุงเทพ Tss ๑๙ Tss ๒๗ ๒๑ พระครูอุดมกิจจานุยตุ อาเภอกนั ทรลกั ษณ์ จงั หวดั ศรีสะเกษ MC ๕ ฐานุตตโร (เพง็ พนั ธ์) MC ๑๐ ๒๒ พระครูสมุห์ณรงค์ อาเภอเมือง จังหวดั นครสวรรค์ MC ๑๒ โฆสิตธมโม(แฉ่งอุทศิ )* MC ๒๖ ๒๓ พระสุธรรมมุนี อาเภอเมือง จังหวดั พษิ ณโุ ลก MC ๒๙ Ts ๑๙ (สมบูรณ์ ปญญาวโุ ธ)* Ts ๒๕ ๒๔ พระมหานิพนธ์ มหาธมมรกชิโต อาเภอเมือง ขอนแก่น Tss ๓๐ (แสงแกว้ ) J๓๙ MC๒๗ ๒๕ พระบูรกรณ์ วรี สาโร อาเภอธาตุพนม จงั หวดั นครพนม T๔๒ ๒๖ พระสมภาร สมภาโร จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา MC๑๑ ๒๗ พระสุวรรณ สุวรรณโน อาเภอเมือง จงั หวดั ขอนแก่น J๓๔ J๓๘ ๒๘ พระมหาพสิ ูตน์ จนทวโส อาเภอบางบงั ทอง จงั หวดั นนทบุรี J๘ Mc๑๓ (พระนิรัมย)์ ๒๙ พระมหาวรี วงศ์ ปุญญาวฒุ โฒ กรุงเทพมหานคร (โกยรัมย)์ ๓๐ พระครูเมธีวฒั นานุยตุ อาเภอเมือง จงั หวดั สุราษฏร์ธานี ๓๑ พระปริยตั ิติวโรปการ อาเภอวงั นอ้ ย พระนครศรีอยธุ ยา (ประศกั ด์ิ อคคปญโญ) ๓๒ สุเมธ โสฬส อาเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทุมธานี ๓๓ พระครูใบฎีกาหสั ดี กิตตินนโท อาแภอเมือง จงั หวดั นครราชสีมา ๓๔ พระมหาอดิสรณ์ อคควฒุ โฒ* อาเภอเมือง จังหวดั ลาปาง ๓๕ พระครูสมุห์สุพจน์ พทุ ธธมโม* ตาบลศรีประจันต์ จังหวดั สุพรรณบุรี ๓๖ พระครูจนั ทนิภากร อาเภอพาน จงั หวดั เชียงราย ๓๗ พระมหาสุภวชิ ญ์ ปภสสโร อาเภอเมือง จงั หวดั เลย (วริ าม)

๓๒๑ รหัส รายช่ือผู้ตอบแบบสอบถาม สถานทอ่ี ยู่ รหสั คาตอบ แบบสอบถาม ๓๘ พระครูสุวรรณ จังหวดั สุพรรณบุรี Ts๔๙ (สมจิตต์ คุ้มสมบตั ิ) ๓๙ พระราชสิทธิมุนี อาเภอวงั นอ้ ย พระนครศรีอยุธยา Mc๓๐ ๔๐ พระครูทนงศักด์ิ ปภาโต อาเภอเมือง จังหวดั ระยอง Ts๒๐ (ปิ ยะสุข) ความหมายรหสั Ts หมายถึง กลุ่มตวั อยา่ งจากเจา้ ของผลงานวทิ ยานิพนธ์ของ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั เล่มท่ี ๑-๕๕ Tss หมายถึง กลุ่มตวั อยา่ งจากเจา้ ของผลงานงานวทิ ยานิพนธ์ของมหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั เล่มที่ ๕๖-๙๐ แบบบนั ทึกขอ้ มูลงานวทิ ยานิพนธ์ ปี ๒๕๔๐-๒๕๕๕ MC หมายถึง กลุ่มตวั อยา่ งเจา้ ของผลงานงานวรรณกรรมปัจจุบนั ผเู้ ขียนหนงั สือ ธรรมะภาคปฏิบตั ิ เล่ม ๑-๗ A หมายถึง กลุ่มตวั อยา่ งเจา้ ของผลงานวรรณกรรมปัจจุบนั จากหนงั สือหลวงป่ ูมนั่ B หมายถึง กลุ่มตวั อยา่ งเจา้ ของผลงานหนงั สือวรรณกรรมทวั่ ไป J หมายถึง กลุ่มตวั อยา่ งพระวปิ ัสสนาจารยท์ วั่ ไป และกลุ่มตวั อยา่ งสายศูนยป์ ฏิบตั ิธรรมทวั่ ไป สรุป เจา้ ของผลงานวจิ ยั นิพนธ์ จานวน ๑๖ รูป/คน เจา้ ของวรรณกรรมปัจจุบนั จานวน ๑๐ รูป/คน พระอาจารยร์ ายช่ือจากหนงั สือสายหลวงป่ ูมน่ั จานวน ๘ รูป/คน พระวปิ ัสสนาจารยท์ ว่ั ไป (ศูนยป์ ระจาจงั หวดั ) จานวน ๖ รูป/คน

๓๒๒ แบบสอบถามโครงการวิจัยเรื่อง “รูปแบบการเข้าถงึ ปัญญาเรอ่ื งมหาสตปิ ฏั ฐาน ๔” คาชีแ้ จง แบบสอบถามเพื่อการวิจัยเรอื่ งมหาสตปิ ฏั ฐาน ๔ ด้านกาย เวทนา จติ ธรรม ขอความกรุณาทา่ นแสดงความคิดเหน็ เป็นประการใดกับข้อความ โปรดเขยี นตอบแบบสอบถาม โดย ลกั ษณะเป็น ๑) ขอ้ โต้แย้ง ๒) ข้อความเหน็ ดว้ ย ๓) เพิ่มเตมิ ข้อมูล หรอื เปน็ ประการใด ท่ปี รึกษาโครงการวิจัย พระราชเขมากร (ประยทุ ธ ภูริทตฺโต) ผศ.ดร., มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตแพร่ ผ้วู ิจยั สรัญญา โชติรัตน์ ตาแหนง่ นกั วิจยั ชานาญการ มหาวิทยาลยั แม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ คาถามทวั่ ไป ๑) พระสูตรเรื่องมหาสตปิ ัฏฐาน ๔ มคี วามสาคัญต่อการฝึกปฏบิ ัติสมาธิภาวนา รปู แบบ ……………………………………………………………………………………..……………………………………………………..………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒) การเข้าถงึ ปัญญาเรื่องมหาสตปิ ัฏฐาน ๔ เป็นปัญญาระดบั ภาวนามยปญั ญา ควรฝกึ เข้าถงึ ด้วย วธิ กี ารปฏิบัติมากกวา่ แนวคิดทฤษฎี หรอื ปรยิ ัติ ตารา คัมภรี ์ พระไตรปิฎก รูปแบบ ……………………………………………………………………………………..……………………………………………………..………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓) นยิ ามความหมายปญั ญา ที่เกิดจากระดบั ปัญญาภาวนามยปัญญา มีวธิ กี ารเข้าถึงอย่างไร และมลี ักษณะ ของปญั ญา สาหรบั เรื่องมหาสติปฏั ฐาน ๔ เปน็ อย่างไร รปู แบบ ……………………………………………………………………………………..……………………………………………………..………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔) ฐานกาย ฐานเวทนา ฐานจิต ฐานธรรม วิธกี ารเข้าถงึ ปัญญาอยา่ งไร และฐานใดมคี วามสาคัญกว่ากัน รูปแบบ ……………………………………………………………………………………..……………………………………………………..………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๓๒๓ กายานุปัสสนาสตปิ ฏั ฐาน (กาย) ๕) กายเปน็ ท่ีต้ังของความร้สู กึ เป็นท่ีปฏิบตั ิธรรม เป็นทีป่ ระชมุ แห่งความจริง เพง่ กายตามรกู้ าย วธิ กี ารนาลม หายใจเอาสติมาต้ังไว้ ทาความรู้ตัว ฝึกอิริยาบถใหญ่ ย่อย และเคลื่อนไหว เป็นอุปกรณ์กรรมฐานสร้างความ รู้สกึ ตัว สรปุ ว่า กายเป็นฐานหยาบดีที่สุด สาหรับปฏิบตั ิการเข้าถงึ ปัญญาเรอ่ื งมหาสตปิ ัฏฐาน รปู แบบ ……………………………………………………………………………………..……………………………………………………..………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๖) หลักการเร่ืองมหาสติปฏั ฐาน ๔ สาระสาคัญปฏบิ ัติเน้นภาวนาบริกรรม “พุทโธ” ถ้าไม่มีคาบริกรรมไม่ได้ เมื่อปฏิบัติจิตสงบต้ังมั่นแล้วยกขึ้นพิจารณาองค์ธรรม คาบริกรรมจะหายไปเอง ดังนั้น ต้องฝึกโดยอาศัยคา บรกิ รรม “พุทโธ” เปน็ เบอ้ื งต้น รูปแบบ ........................................................................................................................ ....................................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………........… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๗) เจริญอานาปานสติกาหนดลมหายใจ ทาให้เกิดสติเกิดปัญญา จิตปีติปราโมทย์ทุกลมหายใจเข้าออก เป็น การฝึกจติ ตามกายใหส้ มาธเิ ป็นฐานกาหนดจิต พิจารณากายอิริยาบถยนื เดินนั่งนอน ใหจ้ ิตใส่ใจในอริ ิยาบถ รปู แบบ ............................................................................................................................. ...............................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๘) วิธกี ารปฏบิ ัตลิ ักษณะ ๑)วธิ กี ารเจริญสมาธิแบบธรรมชาติ หรอื ๒)ตามแบบแผนเทคนิควิธเี พ่ือเปน็ อุบายให้ เกิดสมาธิ เดนิ จงกรม กาหนดลมหายใจ ใช้คาภาวนา กาหนดลมหายใจพร้อม “พทุ โธ”ใชป้ ญั ญาปฏบิ ัติธรรม จติ มสี มาธิ คือ เปน็ ผดู้ ู ผูร้ ู้ ผู้รู้สึกตัว จติ เป็นกาลังพัฒนาอริยสัจ หยั่งรู้ในฌาณ เห็นไตรลกั ษณ์ รูปแบบ ............................................................................................................................. ...............................…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………......... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

๓๒๔ เวทนานุปสั สนาสติปฏั ฐาน : ฐานเวทนา ๙) เน้นอารมณ์ปัจจุบัน ทาความรู้สึกตัว ผัสสะกระทบอายตนะภายในภายนอก มีสติตามรู้เวทนา เวทนา อาศัยรูปเกิด ปรุงแต่งเวทนาท่ีไหนกาหนดที่นั้นให้รู้ทุกข์ที่ตั้งไว้ กาหนดอาการนามลักษณะต่าง ๆ สุข ทุกข์ อุเบกขา ต้องวางเป็นกลางให้มีสัมปชัญญะควบคุม สติกาหนดชัดจะเห็นอารมณ์ชัด สรุปว่า ฐานเวทนาเป็น จุดศนู ย์กลางเชอื่ มโยงระหวา่ งฐานกาย ฐานจิต และฐานธรรม รปู แบบ ............................................................................................................................. ...............................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… จติ ตานปุ ัสสนาสติปัฏฐาน : ฐานจิต ๑๐) การฝึกภาวะจติ ใหส้ งบ เพง่ จิตให้นงิ่ ดจู ติ ตง้ั จิต พัฒนาจติ ยกจติ ขน้ึ สวู่ ิปสั สนาใหจ้ ติ เหน็ ไตรลักษณ์ นา ธรรมมาพจิ ารณาสรา้ งปัญญาญาณ ยกระดบั จิตไปสภู่ าวะจิตดง้ั เดิมที่ไม่ปรงุ แตง่ รปู แบบ ............................................................................................................................. ...............................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๑) วธิ ีการดูลมหายใจให้ถกู วิธโี ดยฝึกจติ มสี ติอยูก่ บั กาย ความรูส้ ึก จิต ปรากฎการณ์ นาฌานสญู่ าณใช้จติ ตามดู สูจ่ ติ วา่ ง อาศัยฐานกาย เวทนา จิต และธรรม และสร้างการรตู้ ัว พจิ ารณารูปนาม วางจิตเป็นอุเบกขา ต่อทุกสภาวธรรม ปรากฏการณ์ท่เี ขา้ มากระทบ เขา้ ใจรู้จักสงิ่ ทีเ่ กิดขึน้ ตามความเปน็ จรงิ กฎของไตรลกั ษณ์ รูปแบบ ............................................................................................................................. ...............................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๑๒) ความบริสุทธิ์แห่งจิต จิตเดิมแท้ไม่ปรุงแต่ง สติกาหนดจิตตามรู้จิต ท่ีต้ังแห่งการทางานจิตคือกรรมฐาน จิตตภาวนาเครื่องมือพัฒนาจิตให้สูงฝึกฝนจิตให้จิตต้ังม่ัน จิตมองเห็นด้วยตาใจ ตื่นตระหนักรู้ สร้างดวงจิต ด้วยปัญญา สรุปว่า จติ เป็นการเขา้ ถึงปญั ญาระดบั ภาวนามยปญั ญา รูปแบบ ........................................................................................................................ ....................................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๓๒๕ ๑๓) การพัฒนาจิตบริสุทธิ์ สะอาด ใช้โดยเครื่องมือคือมหาสติปัฏฐาน ๔ พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม นาไปสู่กระบวนการเปล่ียนแปลงทางจิต เปา้ หมายการฝึกจติ บรสิ ุทธ์ิ คือเจรญิ สมาธวิ ปิ ัสสนาโดยสร้างพ้ืนฐาน สติ คอื ใช้กาหนดลมหายใจต้งั จติ พิจารณาทุกสง่ิ ตามความเปน็ จรงิ ให้รูถ้ ึงความไม่เท่ยี งตามกฎไตรลกั ษณ์ รูปแบบ ............................................................................................................................. ...............................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๑๔) การผกู สติอยู่บนฐานจิต สร้างสติบนกายด้วยความรู้สึกตัวชัดเจน สติตามร้ทู นั จิต ฝึกจติ ปฏบิ ัตจิ ิตให้มี ความสงบ ให้จิตเท่าทันความคิดอารมณ์ โดยสติและความรู้สึกตัวดึงจิตอยู่กับปัจจุบัน จิตปรุงแต่งอารมณ์ จากอายตนะ ฝึกฝนจนเกิดความนิ่งของจิต หลักการฝึกจิตคือการปฏิบัติธรรม ดูการเปล่ียนแปลงจิต การ สร้างสตแิ ละความรสู้ กึ ตัวให้รู้ทันความคิด และการเคลื่อนไหวของจติ ร้เู ห็นอาการของจิต รูปแบบ ............................................................................................................................. ...............................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๕) การฝึกรู้ทันความคิด วิธีการฝึกเจริญสติสัมปชัญญะ ๑)วิธีการแบบสมถะกรรมฐาน คือ การเพ่งจิต อบรมจิต จติ แน่วแน่ ใหฝ้ ึกจิตใหพ้ จิ ารณาข้อธรรม ๒) วิธีการแบบวปิ สั สนากรรมฐาน คือ การอบรมจติ ข้ึนสู่ อบรมปัญญา ฝึกต้งั สตดิ ูจติ จติ ต้ังมัน่ เกดิ ปัญญา ฝกึ ฝนสร้างปญั ญา สติทาให้คณุ ภาพจติ ตระหนักรู้ความจริง เพยี รสอนจติ ดว้ ยปัญญา รปู แบบ ............................................................................................................................................................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ธรรมานุปัสสนาสตปิ ัฏฐาน : ฐานธรรม ๑๖) ความเห็นแจ้งทางปัญญา มรรค ๘ อริยสัจ ๔ คือทางดับทุกข์ สัมมาทิฐิเป็นประธานได้ปัญญารู้ตาม ความเปน็ จรงิ วิปสั สนาญาณ คือ ความเหน็ แจง้ ในรปู นาม เคร่อื งพจิ ารณาแจม่ แจ้งรู้เข้าใจในเหตปุ จั จัยทั้งปวง เขา้ ใจสภาวะธรรมตามความเปน็ จริง พจิ ารณาไตรลักษณ์ สรปุ วา่ ฐานธรรมควรให้สัมมาทฐิ เิ ปน็ ตัวนาทาง รปู แบบ ............................................................................................................................. ...............................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๓๒๖ ๑๗) สมาธิสร้างเกิดพลังอานาจเหนือ ความรู้สึกตัวกูของกู ว่างจากตัวตน ใช้การเรียนรู้โดยวิธีการปฏิบัติ เข้าถึงความเป็นจริง จุดเร่ิมต้นการภาวนาอยู่ที่ใจนาจิตไปสู่การปฏิบัติ สร้างความสงบภายใน เห็นอย่าง ลึกซง้ึ สรุปว่า ปญั ญาของฐานธรรมของเรื่องมหาสติปัฏฐาน ๔ คือ ปญั ญาการเขา้ ถึงความจรงิ ไตรลกั ษณ์ รูปแบบ ............................................................................................................................. ...............................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๘) ตัววัดผล คือ ตัวรู้ ตัวละ ตัวปัญญา มีสติตามทันทุกความคิดของจิต ที่รู้เท่าทันความเป็นจริง อยู่กับ ปัจจุบนั ปญั ญาเกดิ เหนอื จิต เหนือกาย เหนอื ประสาทการรบั รู้ เหน็ ด้วยตนเอง รปู แบบ ............................................................................................................................. ...............................…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… กราบขอบพระคุณเปน็ อย่างสงู จาก สรัญญา โชติรตั น์ หวั หน้าโครงการวจิ ยั มหาวิทยาลยั แม่โจ้ วทิ ยาเขตแพร่

๓๒๗

๓๒๘

๓๒๙

๓๓๐

๓๓๑

๓๓๒

๓๓๓

๓๓๔

๓๓๕

๓๓๖

๓๓๗ รปู ภาพ โครงการอบรมเรือ่ ง รูปแบบการเขา้ ถึงปญั ญาของสมาธิบาบัดแบบ SKT รกั ษาโรคได้ดว้ ยตนเอง วิทยากรโดย : รองศาสตราจารย์ ดร. สมพร กนั ทรดษุ ฎี เตรียมชัยศรี วันที่ ๑๘-๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ณ อาคารหอประชุมสริ ิราชานสุ รณ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตแพร่

1. ช่ือ (ภาษาไทย) ๓๓๘ (ภาษาองั กฤษ) ประวตั ผิ ู้วจิ ัย 2. ตาแหน่งปัจจุบนั นางสาวสรัญญา โชติรัตน์ 3. หน่วยงานและท่ีอยทู่ ่ีตดิ ต่อ Miss . Saranyar Chotirat ตาแหน่ง นกั วจิ ยั ชานาญการ สงั กดั งานวจิ ยั และบริการวชิ าการ มหาวทิ ยาลยั แม่โจ-้ แพร่เฉลิมพระเกียรติ ต.แม่ทราย อ. ร้องกวาง จ.แพร่ 54140 E-mail : [email protected] [email protected] มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ-้ แพร่เฉลิมพระเกียรติ 17 หมู่ 3 ต.แมท่ ราย อ. ร้องกวาง จ.แพร่ 54140 โทรศพั ท์ 054-648593-5 ตอ่ 6060 โทรสาร 054-648596 หรือ โทรศพั ทม์ ือถือ 099-636-6263 ID Line : saranyarchotirat Line ID saranyarchotirat Face book Bar Bar ประวตั ิการทางาน ตาแหน่ง เจา้ หนา้ ท่ีบริหารงานทวั่ ไป ระดบั 4 ปี 2539-2540 งานโครงการจดั ต้งั วทิ ยาเขตชุมพร สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจา้ คุณทหารลาดกระบงั ปี 2540-2545 ตาแหน่ง เจา้ หนา้ ที่วเิ คราะห์นโยบายและแผน ระดบั 5-6 ปี 2546 ถึง ปัจจุบนั งานวจิ ยั สถาบนั กองแผนงาน มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ จงั หวดั เชียงใหม่ ตาแหน่ง นกั วจิ ยั ชานาญการ งานวจิ ยั มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ-้ แพร่เฉลิมพระเกียรติ ตาบลแม่ทราย อาเภอร้องกวางจงั หวดั แพร่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook