คำนำ ชุดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ (CS media Learning) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ภาคเรียน ที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ประกอบไปด้วยชุดกิจกรรมการเรียนการสอนออนไลน์วิชาต่าง ๆ ในรายวิชา บังคบั รายวิชาเลือกบงั คบั และรายวิชาเลอื กเสรี ตามปฏิทนิ การพบกลุ่มของนักศกึ ษา แผนการจัดการเรียนรู้ เป็นเครื่องมอื สำคัญสำหรับครูที่จะทำให้การจัดการเรียนรู้บรรลุเป้าหมายท่ี ต้องการ เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าโดยศึกษาในเรื่อง สาระพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๔๕) หมวด ๓ ระบบการศึกษา และ หมวด ๔ แนวการจัดการศึกษาทุก มาตรากรอบของการจัดการศึกษาตาม หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เอกสารเกี่ยวกับการประกันคุณภาพ การศึกษา โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ สอดคล้องกับมาตรฐานเอกสารเกี่ยวกับเนื้อหาในรายวิชาที่จัดการเรียนรู้ และ ศึกษาหาข้อมูลจากแหล่ง เรียนรู้ต่าง ๆ วิธีการจัดการเรียนรู้แบบต่าง ๆ ซึ่งเน้นผู้เรียนเป็นสําคัญและรูปแบบการเรียนรู้ โดย กําหนดใหใ้ ชร้ ปู แบบการจัดกระบวนการเรยี นรู้ กศน. (ONIE MODEL) ซึง่ มี ๔ ข้นั ตอน ได้แก่ ข้ันตอนที่ ๑ การ กําหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้(O : Orientation) ขั้นตอนที่ ๒ การแสวงหาข้อมลู และจัดการ เรียนรู้ (N : New ways of learning) ขั้นตอนท่ี ๓ การปฏิบัติและนําไปประยุกต์ใช้ (1 : Implementation) ขน้ั ตอน ท่ี ๔ การประเมินผล (E : Evaluation) แผนการเรยี นรจู้ ะทําให้ครูไดค้ ู่มือการ จัดการเรยี นรู้ ทาํ ใหด้ ําเนินการจัดการ เรยี นรไู้ ดค้ รบถว้ นตรงตามหลกั สูตรและจัดการเรียนรู้ได้ตรงเวลาใน การจัดทาํ แผนการเรียนรู้ดงั กลา่ ว สําเรจ็ ลงได้ด้วยความรว่ มมือจากข้าราชการ ผบู้ ริหาร และครู กศน. ท่ไี ด้ เสนอแนะความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการพัฒนาเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ ขอขอบคุณในความ รว่ มมือมา ในโอกาสน้ี กศน.อำเภอชมุ แสง สำนกั งาน กศน.จังหวดั นครสวรรค์
ปฏิทินการเรยี นรู้แบบพบกลุ่มระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 คร้ัง แผนการเรียนรู้ที่ วชิ า ว/ด/ป ทพี่ บกลุ่ม ท่ี 1 ปฐมนเิ ทศ ปฐมนิเทศ 2 แผนการเรยี นรู้ที่ 1 ทักษะการเรียนรู้ ลงช่ือเขา้ เรียนครงั้ ที่ 2 คลก๊ิ 3 แผนการเรียนรทู้ ่ี 2 ทกั ษะการเรียนรู้ ลงชื่อเขา้ เรยี นครงั้ ท่ี 3 คลก๊ิ 4 แผนการเรยี นรู้ที่ 3 ทักษะการเรยี นรู้ ลงช่ือเขา้ เรยี นครง้ั ที่ 4 คลิ๊ก 5 แผนการเรยี นรู้ท่ี 4 ทักษะการเรียนรู้ ลงชื่อเขา้ เรยี นคร้ังที่ 5 คลิก๊ 6 แผนการเรียนรู้ท่ี5 ภาษาไทย ลงช่อื เข้าเรยี นคร้ังท่ี 6 คลิ๊ก 7 แผนการเรยี นรทู้ ่6ี ภาษาไทย ลงชอ่ื เข้าเรียนคร้งั ที่ 7 คลิ๊ก 8 แผนการเรยี นรทู้ ี่7 ภาษาไทย ลงชือ่ เขา้ เรยี นครง้ั ท่ี 8 คลก๊ิ 9 แผนการเรยี นรู้ท8ี่ ภาษาไทย ลงชอ่ื เข้าเรยี นครง้ั ที่ 9 คลิ๊ก 10 แผนการเรียนรู้ท9่ี ช่องทางการขยายอาชีพ ลงชื่อเข้าเรยี นครัง้ ท่ี 10 คลกิ๊ 11 แผนการเรียนรู้ท1่ี 0 ชอ่ งทางการขยายอาชพี ลงชื่อเข้าเรยี นครงั้ ที่ 11 คลกิ๊ 12 แผนการเรยี นรทู้ ี1่ 1 เศรษฐกิจพอเพียง ลงชื่อเข้าเรียนครัง้ ที่ 12 คลิ๊ก 13 แผนการเรยี นรู้ท่1ี 2 การเงนิ เพ่ือชวี ิต 2 ลงชื่อเขา้ เรยี นคร้ังท่ี 13 คลก๊ิ 14 แผนการเรยี นรทู้ ี่13 การเงนิ เพื่อชีวติ 2 ลงช่ือเขา้ เรียนครงั้ ท่ี 14 คล๊กิ 15 แผนการเรียนรู้ที1่ 4 การเงนิ เพ่ือชวี ติ 2 ลงชื่อเขา้ เรียนครั้งท่ี 15 คลก๊ิ 16 แผนการเรยี นรู้ท่ี15 การทำการเกษตรผสมผสาน ลงช่อื เข้าเรยี นครงั้ ท่ี 16 คลกิ๊ 17 แผนการเรยี นรทู้ ี่16 การทำการเกษตรผสมผสาน ลงชื่อเขา้ เรยี นครงั้ ที่ 17 คลิก๊ 18 แผนการเรียนรทู้ ี่17 บัญชีครัวเรือนเพ่ือความพอเพียง ลงชื่อเขา้ เรียนครง้ั ที่ 18 คลิ๊ก 19 แผนการเรียนรทู้ ี่18 บัญชีครัวเรอื นเพื่อความพอเพียง ลงช่ือเข้าเรียนคร้ังที่ 19 คลกิ๊ 20 สอบปลายภาค สอบปลายภาค หมายเหตุ : ตางรางการพบกลมุ่ อา้ งองิ จากข้อมูลปฏทิ นิ การพบกลมุ่ นักศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ของสถานศกึ ษา ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563
คำแนะนำการใชร้ ะบบการเรยี นรู้ ชดุ การเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ (CS media Learning) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น เป็นการเรียนรทู้ ี่ นักศึกษาสามารถใช้เรยี น ศึกษาหาความรู้ในรายวิชาดังกล่าวดว้ ยตนเอง ตามจำนวนครง้ั ของการพบกลมุ่ ตามปฏทิ ิน การพบกลุ่ม ขอใหน้ กั ศึกษาอ่านคำแนะนำการใชร้ ะบบการเรียนรู้ และทำตามคำแนะนำแต่ละข้ันตอนตัง้ แตต่ ้นจนจบ แลว้ นักศกึ ษาจะไดร้ ับความรู้อย่างครบถว้ นและหลากหลาย ดงั นี้ 1. นกั ศกึ ษาต้องคลิกลงทะเบียนเขา้ เรียนตรงหน้าเมนู “ปฏทิ ินการพบกล่มุ ” เริ่มเรยี นในครง้ั ที่ 1 ,2,3 และ 4 ตามลำดับ โดยในการลงทะเบยี นนกั ศกึ ษาต้องระบุข้อมลู ดังนี้ - ช่อื -สกลุ - รหสั นกั ศึกษา - กศน.ตำบล - วนั ท/่ี เวลา ที่เขา้ เรยี น 2. นกั ศกึ ษาอ่านตัวช้ีวัดการเรียนรู้ในแผนการเรียนรู้ ในแตล่ ะครง้ั 3. นกั ศกึ ษาเริม่ กระบวนการศกึ ษาหาความร้ดู ว้ ยตนเองแผนการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์ การพบกลุ่มวชิ า วทิ ยาศาสตร์คร้ังท่ี 1,2,3,4 ตามลำดบั โดยนกั ศึกษาต้องเริม่ ศกึ ษาเรียนรู้และปฏิบัติต้ังแต่ขั้นตอนแรก ของการเรียนการสอนแบบ ONIE MODEL ข้นั ที่ 1 ,2,3,4 ตามลำดับ โดยปฏิบตั ิตามไปทีละขน้ั ตอน ของแผนการเรยี นรู้ โดยจะมีกิจกรรมดงั นี้ ขั้นท่ี 1 กำหนดสภาพปญั หาความต้องการในการเรียนรู้ -แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ขั้นท่ี 2 การแสวงหาข้อมลู และจัดการเรยี นรู้ -ศึกษาขอ้ มลู เพม่ิ เติมจากคลปิ วดี โี อ/อนิ เตอรเ์ นต็ ขัน้ ท่ี 3 ปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้ -ใบความรู้ รูปภาพ ข้นั ที่ 4 ประเมนิ ผลการเรียนรู้ -ใบงาน -แบบทดสอบหลงั เรยี น 4. ในขัน้ ที่ 4 ประเมินการเรียนรู้ เม่อื นักศึกษาทำแบบทดสอบหลงั เรียนแลว้ สามารถทราบผลคะแนนของ ตนเองไดท้ นั ที 5. เม่ือสิ้นสดุ กระบวนการเรียนรู้ในข้นั ที่ 4 นกั ศึกษาต้องลงช่ือและเวลาออก ผ่าน Google Form ทุกครง้ั 6. ผสู้ อนสามารถทราบผลคะแนนของนักศึกษาจากข้อมลู การทำแบบทดสอบ ผลคะแนนของนกั ศึกษาได้ จาก Google form และสามารถรายงานผลออกมาเปน็ Excel ได้ 7. นักศกึ ษาจะต้องทำแบบสอบถามความพงึ พอใจของแผนการจัดการเรียนรู้ (Medias Book) หลังเรยี น เสร็จในแตล่ ะครง้ั ของจำนวนการพบกล่มุ ในรายวิชาดังกลา่ ว เพ่ือครูจะได้นำผลการประเมินมาปรบั ปรงุ แก้ไข ในการจัดการเรยี นรู้ในครัง้ ถดั ไป ซ่งึ จะคลา้ ยกับการบันทกึ หลังสอนของผู้สอนในการเรียนการสอน ปกตแิ ตเ่ ปล่ียนมาเป็นนกั ศึกษาเป็นผปู้ ระเมนิ ความพงึ พอใจของแผนการจดั การเรยี นรู้ของผ้สู อนแทน
ชดุ วิชา ทักษะการเรยี นรู้ CS media Learning รหสั วิชา ทร21001 รายวชิ าบงั คบั ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ตามหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอชมุ แสง สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดนครสวรรค์ สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
กลมุ สาระการเรียนรู วิทยาศาสตร แผนการเรยี นรรู ายสปั ดาห รหัสวชิ า ทร 21001 รายวชิ า ทกั ษะการเรยี นรู เร่อื ง การเรยี นรูด ว ยตนเอง ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนตน จำนวน 6 ชั่วโมง วนั ที่จดั การเรยี นการสอน...................................................การพบกลุม ครั้งท.่ี ...................... 1............................ 1. ตวั ชว้ี ดั 1. บอกความหมาย ความสำคญั ของการเรียนรดู ว ยตนเองได 2. สามารถวเิ คราะหค วามรจู ากการอาน การฟง การสังเกต และสรุปไดถ ูกตอง 2. เนอื้ หา 1. ความหมาย ความสำคัญ ของการเรียนรูดวยตนเอง 2. ปจ จยั ท่ีทำใหการเรยี นรูด วยตนเองประสบความสำเรจ็ ขน้ั จดั กระบวนการเรยี นรู ขน้ั ท่ี 1 กำหนดสภาพปญหาความตอ งการในการเรยี นรู - ครูใหน ักศกึ ษาทำแบบทดสอบกอ นเรยี น ขน้ั ที่ 2 การแสวงหาขอ มลู และจดั การเรยี นรู - ครใู หผ เู รียนศกึ ษาขอมูลเรอ่ื ง ความหมายและความสำคญั ของการเรยี นรูดว ยตนเอง ใบความรู ข้ันที่ 3 ปฏบิ ตั ิและนำไปประยุกตใ ช - ครใู หผ ูเ รยี นทำใบงาน เรอื่ ง บณั ฑิตสูงวยั ใบงาน
ข้ันที่ 4 ประเมนิ ผลการเรยี นรู - ผเู รยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน 3. สอื่ ประกอบการเรยี นรู 1. ใบความรู เรื่อง ความหมายและความสำคัญของการเรยี นรูดว ยตนเอง 2. ใบงาน เร่ือง บัณฑติ สูงวยั 4. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1 แบบทดสอบกอนเรยี น-หลังเรียน 2. แบบประเมนิ ใบงาน ลงชือ่ .........................................................ผสู อน (....................................................) ตำแหนง ครู กศน.ตำบล
แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี น ครง้ั ท่ี 1 1. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ความสำคญั ของการเรียนรูด้ ้วยตนเอง ก. มรี ะเบยี บวนิ ยั ในตนเองสงู ข. มีเหตผุ ลและทำงานร่วมกับผู้อืน่ ได้ ค. ทำใหเ้ ปน็ คนมีความคดิ ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ ง. ทำใหผ้ ้เู รียนมีความต้ังใจและมีแรงใจสงู 2.อันดับแรกสดุ ของการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง คือข้อใด ก. การออกแบบแผนการเรยี น ข. การแสวงหาแหลง่ วิทยาการ ค. การกำหนดจุดมุ่งหมายในการเรียน ง. การวิเคราะห์ความตอ้ งการในการเรียน 3. “ นวตั กรรมใหม่ของการผลติ หลอดไฟฟา้ LED นอกจากจะให้ความสวา่ งเทยี บเท่ากับหลอดไฟแบบนีออน แล้ว ยังกินกระแสไฟฟา้ ตำ่ กว่าเดมิ 20 เปอร์เซน็ อีกทั้งราคาจำหนา่ ยยังถูกกว่าดว้ ย”จากข้อความขา้ งต้น นกั ศกึ ษาจะ นำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวนั ได้อย่างไร ก. เปลีย่ นมาใช้หลอดไฟฟ้า LED แทนหลอดนีออน ข. รณรงค์ให้ทุกคนใชห้ ลอดไฟฟา้ LED ค. ขอเป็นตัวแทนจำหน่ายหลอดไฟฟา้ LED ง. วจิ ัยหาคำตอบวา่ หลอดไฟฟ้า LED ลดกระแสไฟฟ้าไดจ้ รงิ หรือไม่ 4.”นายอนกุ ลู อาศยั ในชุมชนแหง่ หนง่ึ ซึ่งชุมชนแห่งนีม้ ีปัญหายาเสพติด” ถา้ นกั เรยี นเป็นนายอนกุ ลู มีวธิ กี าร แก้ไข ปัญหาอย่างไรเหมาะสม ก. แจง้ เบาะแสทางการ ข. ตา่ งคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกีย่ ว ค. ย้ายท่อี ยอู่ าศัยเพือ่ ความปลอดภัย ง. ให้ความร่วมมือกบั ชุมชนในการใหค้ วามรแู้ ละหาแนวทางป้องกนั ปญั หา
5.ปัจจัยภายนอกในข้อใดท่ชี ่วยให้เดก็ ๆ ที่อาศยั อย่บู ้านริมคลองว่ายน้ำเป็น ก. พ่อแม่บงั คบั ข. เล่นน้ำตามอยา่ งเด็กโต ค. ต้องเดินทางไปโรงเรยี นทุกวนั ง. เป็นข้อบังคับของผอู้ าศัยบ้านรมิ คลอง 6. ถา้ หากวา่ แดง ต้องการเรียนรู้เรอื่ งดนิ แดงจะเร่มิ วางแผนเรียนร้ดู ว้ ยตนเองอยา่ งไร ก. กำหนดจดุ มุ่งหมาย ข. เลือกแหลง่ เรยี นรู้ ค. วิเคราะห์เน้อื หา ง. กำหนดบทบาทตัวผชู้ ่วย 7. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ดว้ ยตนเองหลังส้นิ สุดการเรียนรู้ มวี ัตถุประสงค์ใด ก. เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาการเรียน ข. เพื่อทราบความก้าวหน้าของการเรยี น ค. เพ่ือจดั ทำผลการเรยี นร้สู ง่ ให้ครูไดท้ นั ตามกำหนด ง. เพอ่ื ใหท้ ราบวา่ การเรียนรูบ้ รรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ 8. นกั ศกึ ษาอ่านค่มู อื การเรียนทางไกล แล้วไมเ่ ข้าใจ จงึ โทรสอบถามครูผู้สอน ซงึ่ ไดแ้ นะนำความรู้ โดยให้อา่ น ทบทวนอีก 2 รอบ แล้วจดบันทกึ ไว้ เปน็ การจัดทำแผนการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง ดว้ ยเทคนิคใด โดยเรียง ตามลำดบั ก. อ่าน - พดู - ฟัง - เขยี น ข. อา่ น – ฟงั - พดู – เขียน ค.อา่ น - เขียน - พูด - ฟัง ง.อ่าน - พูด - เขยี น - ฟัง
9. บุคคลใดเรียนรู้ดว้ ยตนเองจนประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ ก. กรกช ศึกษาการทำขนมไทยจากยูทูปแล้วนำมาผลติ สนิ ค้าขายทางออนไลน์ ข. กรวรรณ ศกึ ษาการทำขนมเคก้ จากรา้ ยขายขนม แลว้ ฝึกปฏบิ ตั อิ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ ค. กมลทิพย์ ศกึ ษาการทำขนมไข่จากยูทปู แล้วนำไปเสนอหน้าชน้ั เรยี น ง. กมลกานต์ ศึกษาการทำขนมครกจากคุณยายข้างบ้าน 10. ส่ิงหนง่ึ ทีน่ ำไปใช้ในการประเมินผลการเรียนแบบการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง คือข้อใด ก. การสังเกต ข. การมสี ่วนรว่ ม ค. แฟ้มสะสมงาน ง. พฤตกิ รรมกลุ่ม
ใบงานท่ี 1 เรื่อง “บณั ฑิตสงู วยั ” วตั ถุประสงค์ 1. เพือ่ ให้ผู้เรียนทราบและเข้าใจในแนวคิดการเรยี นรู้ด้วยตนเอง และความพร้อมในการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง 2. เพอ่ื นำไปสลู่ กั ษณะการเรียนรดู้ ว้ ยตนเองทีใ่ ฝ่เรยี นร้เู หน็ คณุ ค่าของการเรยี นรูค้ วามสามารถท่ีจะเรียน ร้ดู ว้ ย ตนเองความรบั ผดิ ชอบในการเรียนรกู้ ารมองอนาคตในแงด่ ี ของสมาชิก รวมทง้ั สมาชิกเห็นความสำคญั และ ตระหนักในความพร้อมในการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง แนวคิด คุณลักษณะพิเศษในการท่ีจะเรยี นรู้และพัฒนาตนเองอยางตอเน่อื งโดยมจิ ำเป็นต้องรอคอยจาก การศกึ ษา หรอื การเรยี นรอู้ ย่างเป็นทางการเพียงอย่างเดียว คณุ ลักษณะพิเศษ ดังกลา่ วคอื “ความพร้อมในการ เรียนรู้โดยการ ชี้นำตนเอง” ซึ่งเปน็ ความคิดเห็น ว่า ตนเองมีเจตคติ ความรู้ความสามารถทจ่ี ะเรียนรโู้ ดยมติ ้อง ให้คนอืน่ กำหนด หรอื สัง่ การ พร้อมท่จี ะเรียนรวู ธิ ีการเรยี นรู้และประเมนิ การเรยี นรทู ั้งอาจด้วยความชวยเหลือ จากผูอ้ น่ื หรือไม่กต็ าม การทบี่ ุคคลสามารถช้ีนำตนเองทีจ่ ะเรยี นรยู้ อมเปน็ โอกาสทบ่ี ุคคลจะเรยี นรู้ที่จะพัฒนา ตนเองอยางตอเน่ืองและ เรียนรูต้ ลอดชีวิต การพฒั นาการเรยี นรโู ดยการชน้ี ำตนเอง ยอมเปน็ หนทางที่ทำให้ บคุ คลเรียนรู้อยา่ งไม่สิน้ สดุ
คำช้แี จง ใหผ้ ู้เรียนศึกษาภาพขาว การสำเรจ็ การศึกษาจากภาพ ของ “บัณฑติ สงู วัย” พร้อมอธิบายในประเด็น (1) “ความรู้สึกของทา่ นต่อภาพท่ีไดเ้ หน็ ” ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (2) “ทำไมบุคคลในภาพ ถึงประสบความสำเร็จในการเรียนรู้” ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 1 วชิ าทกั ษะการเรยี นรู ทร 21001 เรอ่ื ง บณั ฑติ สงู วยั คำชแี้ จง ใหน กั ศกึ ษาตอบคำตอบตอ ไปนีใ้ หถ ูกตอ ง (10 คะแนน) วัตถปุ ระสงค 1. เพื่อใหผเู รยี นทราบและเขาใจในแนวคิดการเรียนรูดว ยตนเอง และความพรอมในการเรยี นรูดวยตนเอง 2. เพือ่ นำไปสลู ักษณะการเรียนรูดวยตนเองท่ีใฝเรียนรูเห็นคุณคา ของการเรยี นรูความสามารถทีจ่ ะเรียน รูดว ย ตนเองความรับผิดชอบในการเรยี นรูก ารมองอนาคตในแงดี ของสมาชิก รวมทั้งสมาชกิ เห็นความสำคัญ และ ตระหนักในความพรอมในการเรยี นรูดว ยตนเอง คำช้ีแจง ใหผ ูเรยี นศกึ ษาภาพขาว การสำเรจ็ การศึกษาจากภาพ ของ “บัณฑติ สูงวยั ” พรอมอธบิ ายในประเดน็ (1) “ความรสู ึกของทานตอภาพที่ไดเ ห็น” ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (2) “ทำไมบุคคลในภาพ ถงึ ประสบความสำเรจ็ ในการเรียนรู” ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แผนการเรยี นรรู ายสปั ดาห กลุมสาระการเรียนรู ทักษะการเรยี นรู รายวชิ า ทักษะการเรยี นรู รหัสวชิ า ทร 21001 เร่ือง การใชแ หลง เรยี นรู ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน จำนวน 6 ชว่ั โมง วนั ที่จดั การเรยี นการสอน...................................................การพบกลมุ ครง้ั ท่ี.........................2......................... 1. ตวั ชว้ี ดั 1.มคี วามรู ความเขาใจเห็นความสำคัญของแหลง เรียนรแู ละหอ งสมุดประชาชน 2.สามารถใชแหลง เรยี นรูและหองสมุดประชาชนได 2. เนอ้ื หา 1.1 ความหมาย ความสำคัญ ของแหลงเรียนรู 1.2 หอ งสมุด : แหลง เรยี นรู 1.3 แหลงเรยี นรสู ำคัญในชุมชน ขน้ั จดั กระบวนการเรยี นรู ขั้นท่ี 1 กำหนดสภาพปญหาความตอ งการในการเรยี นรู - นำเขา สูบ ทเรียนโดยการเปด คลปิ วดี ีโอ เรอ่ื ง 5 หอ งสมดุ สดุ ฮปิ ปญ ญากลางกรงุ https://www.youtube.com/watch?v=vkcUuujSrRo&fea ture=youtu.be - จากนั้นนกั ศึกษาทำแบบทดสอบกอ นเรยี น ขัน้ ที่ 2 การแสวงหาขอ มลู และจดั การเรยี นรู - นกั ศึกษาศึกษาขอมลู เร่ือง ความหมาย ความสำคญั ของแหลง เรยี นรู จากใบความรู และอนิ เตอรเ นต็ CLIK HERE !https://sites.google.com/a/cri4.go.th/aum/haelng-reiyn-ru- 1?tmpl=%2Fsystem%2Fapp%2Ftemplates%2Fprint%2F&showPrintDialog=1
ขนั้ ที่ 3 ปฏบิ ตั ิและนำไปประยุกตใ ช - ครใู หผูเรียนทำใบงาน เรือ่ ง การใชแหลง เรยี นรู ทำใบงาน.. ข้นั ที่ 4 ประเมนิ ผลการเรยี นรู - ผูเ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน 3. สอื่ ประกอบการเรยี นรู 1. ใบความรู เรอ่ื ง ความหมาย ความสำคญั ของแหลง เรยี นรู 2. ใบงาน เรอ่ื ง การใชแ หลง เรยี นรู 4. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1 แบบทดสอบกอนเรยี น-หลังเรียน 2. แบบประเมินใบงาน ลงชอื่ .........................................................ผสู อน (………………………………………………) ตำแหนง ครู กศน.ตำบล
แบบทดสอบก่อนหลงั เรียน เร่ือง การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ คำช้แี จง ผูเ้ รยี นอา่ นคำถามทล่ี ะข้อ แล้วตอบคำถามโดยกาเครื่องหมาย X ทับ ตัวอกั ษร ก ข ค ง ทอ่ี ยู่หนา้ คำตอบทผ่ี ู้เรียนเหน็ ว่าถูกตอ้ งทส่ี ุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดให้ความหมายแหลง่ เรยี นรู้ ดีทสี่ ุด ก เปน็ แหลง่ ความรู้ทางวชิ าการ ข เปน็ แหล่งสารสนเทศใหค้ วามรู้อยา่ งกว้างขวาง ค เปน็ แหล่งภมู ิปัญญาให้ศึกษาค้นคว้า ง เป็นแหลง่ ข้อมูลขา่ วสาร และประสบการณ์ท่สี ง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียนหาความรู้ด้วยตนเองตามอธั ยาศยั อย่างตอ่ เน่ือง 2. แหลง่ เรียนรู้มคี วามสำคัญกับนักศึกษาในข้อใดมากทส่ี ุด ก. การศึกษาตามอธั ยาศัย ข. สร้างเสรมิ ประสบการณ์ภาคปฏิบัติ ค. แหล่งส่งเสรมิ ความรู้ ความคิด วทิ ยาการ ง. แหลง่ ปลกู ฝงั รกั การอ่าน การศกึ ษาคน้ ควา้ แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 3. หลังจากศกึ ษาเล่าเรยี นแล้ว ถา้ ต้องการศกึ ษาคน้ ควา้ เพ่ิมเติม ควรใช้วิธใี ด ก. ถามเพื่อน ข. ศกึ ษาจากผ้ปู กครอง ค. ยืมหนงั สือจากเพ่ือนคนอ่นื มาอา่ น ง. ศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรู้ ทางอินเทอร์เน็ต 4. ขอ้ ใดคือการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองจากแหลง่ เรียนรู้ในทอ้ งถ่นิ ก. ปัญญาไปอา่ นหนงั สือฟิสิกส์ที่ศูนย์วทิ ยาศาสตร์ ข. เรยาไปเรยี นทำขนมจากกลุ่มแม่บ้านวดั คำสว่าง ค. คุณใหญ่ไปสืบค้นข้อมลู จากห้องคอมพิวเตอร์ ง. เอมจติ ไปศึกษาข้อมูลความร้ดู ้านสมนุ ไพรที่สวนสมุนไพรของโรงเรียน
5. หอ้ งสมดุ ประเภทใดทใ่ี ห้ความรู้ ไม่จำกดั เพศ วัย เป็นแหล่งศึกษาขอ้ มูลตลอดชีวิต ก. ห้องสมุดเฉพาะ ข. ห้องสมดุ โรงเรยี น ค. หอ้ งสมุดประชาชน ง. ห้องสมดุ มหาวิทยาลัย 6. ห้องสมดุ ประเภทใดทใี่ ห้ความรคู้ ้นคว้าวิจยั มากท่สี ุด ก. หอ้ งสมุดเฉพาะ ข. หอ้ งสมุดโรงเรยี น ค. หอ้ งสมดุ ประชาชน ง. ห้องสมดุ มหาวทิ ยาลยั 7. ข้อใดคือความหมาย www ก. Word wide web ข. Work wide web ค. Word widk web ง. Word walk web 8. แหล่งเรียนรูใ้ นทอ้ งถนิ่ ข้อใดใหข้ ้อมูลเพ่ือการศกึ ษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก. หอศลิ ป์ ข. พิพธิ ภัณฑส์ ยาม ค. พิพธิ ภณั ฑส์ ถานแห่งชาติ ง. องค์การพิพิธภัณฑว์ ิทยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ จ. 9.หากตอ้ งการลงทะเบยี นของ E-mail ฟรแี ละ Hotmail ใหค้ ลิกไปทีใ่ ด ก. Login ข. Sing Up ค. สง่ จะหมาย ง. สมัครสมาชิก
10. ช่องทางใด ทส่ี ามารถเช่ือมโยงไปแหล่งข้อมูลอื่นได้ในเวบ็ ไซต์ ก. Link ข. Restore ค. Connect ง. Download
ใบงานที่ 2 เรอื่ ง การใช้แหล่งเรยี นรู้ ใหน้ กั ศึกษาเขียนความแตกตา่ งระหว่างห้องสมดุ กบั แหล่งเรยี นรู้ผ่านเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ต และบอก ขอ้ ดี – ข้อเสีย ของอนิ เทอร์เนต็ 1.ความแตกต่างระหวา่ งห้องสมุดกบั แหล่งเรียนรูผ้ ่านเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต …………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 2.ขอ้ ดี – ข้อเสยี ของอินเทอรเ์ นต็ …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………
แผนการเรยี นรรู ายสปั ดาห กลมุ สาระการเรียนรู ทกั ษะการเรียนรู รายวชิ า ทักษะการเรียนรู รหัสวชิ า ทร 21001 เร่อื ง การจัดการความรูและการคดิ เปน ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน จำนวน 6 ชั่วโมง วนั ทจ่ี ัดการเรียนการสอน...................................................การพบกลมุ คร้งั ท.่ี ........................3.......................... 1. ตวั ชว้ี ดั 1. อธบิ ายความหมาย ความสำคญั หลกั การ กระบวนการจัดการความรู 2.อธิบายความหมาย ความสาํ คญั ของการคิดเป็น และปฏิบตั ิการรวบรวมสภาพปัญหา ของ ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และการคิดวิเคราะห์ โดยใชข้ อ้ มลู ดา้ นตนเอง ดา้ นวิชาการ และดา้ นสงั คม ส่ิงแวดลอ้ ม รวมทงั้ การกาํ หนดแนวทางทางเลือกท่หี ลากหลายในการแกป้ ัญหา 2. เนอื้ หา 1. ความหมาย ความสำคัญ หลกั การ กระบวนการจดั การความรู 2. . ความหมาย ความสาํ คญั ของการคิดเป็น และการรวบรวมสภาพปัญหา ของตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และการคิดวเิ คราะห์ โดยใชข้ อ้ มลู ดา้ นตนเอง ดา้ นวิชาการ และดา้ นสงั คมส่ิงแวดลอ้ ม รวมทงั้ การ กาํ หนดแนวทางทางเลือกท่ีหลากหลายในการแกป้ ัญหาอยา่ งมีเหตผุ ล มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และ มี ความสขุ ขน้ั จดั กระบวนการเรยี นรู ขน้ั ที่ 1 กำหนดสภาพปญ หาความตอ งการในการเรยี นรู - นำเขา สบู ทเรียนโดยการเปดคลปิ วดี โี อ เรอื่ ง การจดั การความรู https://youtu.be/X6ZZtR_tFPg - จากนน้ั นักศกึ ษาทำแบบทดสอบกอ นเรยี น คลกิ เพอื่ ทำแบบทดสอบ ! ขัน้ ที่ 2 การแสวงหาขอ มลู และจดั การเรยี นรู - นักศึกษาศึกษาขอมูล จากคลิปวดี โี อ เร่อื ง โมเดลปลาทู https://youtu.be/e3X3foQK-Os - นกั ศึกษาศึกษาขอ มูล จากคลิปวีดีโอ เร่ือง การคิดเปน https://northnfe.blogspot.com/2018/10/blog-post.html
ข้ันท่ี 3 ปฏบิ ตั ิและนำไปประยกุ ตใ ช - ครูใหผ เู รียนทำใบงาน เรอื่ ง การจัดการความรู - ครูใหผ ูเรยี นทำใบงาน เรอื่ ง กรณตี วั อยา ง สไู หม ข้ันท่ี 4 ประเมนิ ผลการเรยี นรู - ผเู รยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน 3. สอ่ื ประกอบการเรยี นรู 1. คลิปวดี ีโอ เร่อื ง การจดั การความรู และ โมเดลปลาทู 2. คลิปวดี โี อ เรื่อง การคดิ เปน 3. ใบงาน เร่ือง การจัดการความรู 4. ใบงาน เรอ่ื ง กรณตี วั อยา ง สูไหม 4. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1 แบบทดสอบกอนเรยี น-หลังเรยี น 2. แบบประเมนิ ใบงาน ลงชื่อ.........................................................ผสู อน (......................................................) ตำแหนง ครู กศน.ตำบล
แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรยี น เรอ่ื ง การจดั การความรู้ ให้เลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพยี งคำตอบเดียว 1. ข้อใด คือ ความหมายของการจดั การความรู้ ก. กระบวนการถ่ายทอดความรู้ ข. กระบวนการเข้าถึงความรู้และนำมาปฏบิ ตั ิ ค. การเช่อื มโยงความรู้และบูรณาการความคิด ง. กระบวนการจดั การความรู้และประสบการณแ์ ลว้ นำมาแบง่ ปันให้เกดิ ประโยชน์ 2. การสง่ เสริมให้เกดิ ชุมชนแหง่ การเรยี นร้คู วรเร่ิมที่ใครเป็นอันดบั แรก ก. ตัวบุคคล ข. ตัวองค์กร ค. กลุ่มทป่ี ระกอบด้วยสมาชิก ง. กลุ่มท่ีประกอบด้วยคณะกรรมการ 3. ขอ้ ใดคือประโยชน์ของการจัดการความรู้ในชมุ ชน ก. การแสวงหาความรู้ ข. การนำความรไู้ ปใช้ ค. การจัดเก็บคลงั ความรู้ ง. เพ่ือแยกข้อเทจ็ จรงิ ออกจากความคิดเหน็ 4. การเผยแพรค่ วามรู้ของกลุ่ม นกั ศกึ ษาคิดวา่ วิธไี หนท่ีได้รับความนิยมอยา่ งแพร่หลายมากขึ้น ก. ทวี ี ข. วิทยุ ค. อนิ เตอรเ์ นต็ ง. ปา้ ยประกาศ 5. การจัดเวทปี ระชาคมหมบู่ ้านมีปญั หาในการจดั เกบ็ ข้อมูลเปน็ จํานวนมากควรปฏิบตั อิ ยา่ งไร ก. ตดั ข้อมลู ทไี่ มจ่ ำเปน็ ทิง้ ข. หาผชู้ ่วยทส่ี ามารถแบง่ เบาหนา้ ท่ี ค. จดั เก็บในแฟม้ เอกสารและจดั เกบ็ เขา้ ตู้ ง. นำใจความสำคัญและใจความรองมาจัดเรยี งข้อมูล 6. บคุ คลในขอ้ ใดนำกระบวนการจัดการความรไู้ ปใช้ในชุมชนได้ ก. สชุ าติร่วมขายผักในตลาดของชมุ ชน ข. สมพรทาํ บัญชเี งินก้ขู องลุกหนใี้ นชุมชน
ค. สุมลทาํ เอกสารเผยแพร่เรื่องของกองทนุ หมบู่ ้าน ง. สุดารตั น์ร่วมทำเวทีชาวบ้านการสรา้ งประปาประจำหม่บู ้าน 7. ข้อใดคือความหมายของการจดั การความรู้ ก. กระบวนการถา่ ยทอดความรู้ ข. กระบวนการเข้าถึงความรู้และนาํ มาปฏิบัติ ค. การเชอ่ื มโยงความรู้และบูรณาการความคดิ ง. กระบวนการจัดการความรู้และประสบการณแ์ ลว้ นาํ มาแบง่ ปนั ใหเ้ กดิ ประโยชน์ 8.ความหมาย ของชมุ ชนนักปฏบิ ตั ิ คอื อะไร ก. การจดั การความรู้ ข. เปา้ หมายของการจดั การความรู้ ค. วธิ ีการหน่งึ ของการจดั การความรู้ ง. แนวปฏิบตั ิของการจดั การความรู้ 9. รูปแบบการจัดการความรู้ตามโมเดลปลาทู ส่วน “หัวปลา” หมายถงึ อะไร ก. การกําหนดเป้าหมาย ข. การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ค. การจดั เกบ็ เป็นคลงั ความรู้ ง. ความรู้ที่ชัดเจน 10. ข้อใด คอื ความหมายของคาํ ว่า “สารสนเทศ” ก. ขอ้ มูลดบิ ท่เี ป็นข้อเทจ็ จรงิ หรอื เหตุการณ์ ข. ข้อมลู ทีผ่ ่านกระบวนการประมวลผลแลว้ ค. ข้อมูลทส่ี ามารถวัดคา่ ได้ ง. ขอ้ มูลท่บี อกลักษณะของตัวแปร
ใบงานท่ี 3 เร่ือง การจัดการความรู้ ให้ผู้เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ใี ห้ถูกต้อง (5 คะแนน) 1.การจดั การความรู้ หมายถึง (1 คะแนน) ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 2.กระบวนการจดั การความรู้ คอื (1 คะแนน) ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 3.การจัดการความรู้มีความสําคญั อย่างไร(1 คะแนน) ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 4.การเข้าถึงความรตู้ ามความเขา้ ใจของผูเ้ รยี น คือ(1 คะแนน) ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 5.ให้ผเู้ รยี นบอกถึงปจั จัยทท่ี ําให้การจดั การความรูด้ ว้ ยการรวมกลุม่ ปฏบิ ตั ิการประสบความสาํ เรจ็ ว่ามีอะไรบา้ ง (1 คะแนน) ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. .......................................................
ใบงานที่ 2 กรณีตัวอยา่ ง “สไู้ หม” ผมตกใจสะดุ้งต่นื ขึ้นเม่ือเกิดเสียงเอะอะ พอลืมตาขนึ้ มา เห็นทุกคนยนื กนั เกือบหมดรถ “ทุกคนนั่งลงอยู่ นิ่ง ๆ อยา่ เคลื่อนไหวไมง่ ันยงิ ตายหมด” เสยี งตวาดลน่ั ออกมาจากปากของเจา้ ชายหน้าเหี้ยม คอสนั้ ทีย่ ืนอยู่หน้ารถ กำลังใช้ปนื จ่ออยทู่ ี่คอของคนขับผมรู้ทันทีวา่ รถทัวร์ที่ผมโดยสารคันนถี้ ูกเลน่ งานโดยเจา้ พวกวายร้ายแน่ หันไปดู ดา้ นหลัง เหน็ ไอว้ ายรา้ ยอกี คนหน่ึงถอื ปนื จงั กา้ อยู่ ผมใชม้ ืออนั สน่ั เทาลว้ งลงไปในกระเป๋ากางเกง คลำ .38 เหา่ ไฟ ของผมซง่ึ ซื้อออกมาจากร้านเมอ่ื บ่ายน้เี อง นกึ ในใจว่า “โธ่เพ่ิงซื้อเอามายงั ไม่ทันยิงเลย เพียงใสล่ กู เต็มเท่าน้นั เองก็ จะถกู คนอนื่ เอาไปเสียแลว้ ”เสียงเจา้ ตาพองหนา้ รถตะโกนขู่บอกคนขบั รถ “หยดุ รถเดีย๋ วน้ี มงึ อยากตายโหงหรอื ไง” ผมนกึ ในใจว่า เดี๋ยวพอรถหยุดมนั คงต้องใหเ้ ราลงจากรถแลว้ กวาดกนั เกล้ยี งตวั แต่ผมต้องแปลกใจแทนที่รถจะ หยุดมันกลับย่งิ เรว็ ขนึ้ ทุกที ทุกที ยง่ิ ไปกวา่ น้นั รถกลบั ส่ายไปมาเสยี ดว้ ย ไอ้พวกมหาโจรเซไปเซมา แตเ่ จา้ ตาพอยัง ไม่ลดละ แม้จะเซออกไปมนั ก็กลับว่ิงไปยืนประชิดคนขบั อกี พร้อมตะโกนอยตู่ ลอดเวลา “หยดุ โว้ย หยดุ ไอน้ ่ี กลู ง ไปไดล้ ะมงึ จะเหยียบใหค้ าสน้ ทีเดียว” รถคงตะบึงไปต่อ คนขับบ้าเลอื ดเสยี แล้ว ผมไมแ่ นใ่ จว่าเขาคดิ อย่างไร ขณะน้ันผมกวาดสายตาเห็นผู้ชายทน่ี ง่ั ถดั ไปทางมา้ นั่งด้านซ้าย เป็นตำรวจยศจ่ากำลังจ้องเขม็งไปท่ีไอว้ ายร้ายและ ถดั ไปอีกเป็นชายผมสัน้ เกรยี นอกี 2 คน ใส่กางเกงสีกากี และสขี ี้มา้ ผมเขา้ ใจว่าคงจะเป็นตำรวจหรือทหารแน่ กำลังเอามอื ลว้ ง กระเป๋ากางเกงอยู่ทั้งสองคนบรรยากาศตอนน้นั ชา่ งเครียดจรงิ ๆ ไหนจะกลวั ปล้น ถูกยิง ไหนจะ กลัวรถคว่ำ ทกุ คนเกร็งไปหมด ทกุ สงิ่ ทุกอย่างถงึ จดุ วิกฤตแล้ว ประเดน็ : ท่านจะสูห้ รือจะยอม เพราะอะไร ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................
แบบบันทกึ การจาแนกข้อมูลประกอบการตดั สินใจ ข้อมูลทางวชิ าการ ข้อมูลเกยี่ วกบั ตนเอง ข้อมูลเกย่ี วกบั สังคมส่ิงแวดล้อม
แผนการเรยี นรรู ายสปั ดาห กลมุ สาระการเรียนรู ทกั ษะการเรียนรู รายวชิ า ทักษะการเรียนรู รหัสวชิ า ทร 21001 เรือ่ ง การวิจัยอยา งงาย ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนตน จำนวน 6 ชว่ั โมง วันทีจ่ ัดการเรยี นการสอน...................................................การพบกลุมคร้งั ที่.........................4........................... 1. ตวั ชวี้ ดั 1. อธิบายความหมาย ความสำคัญการวจิ ัยอยา งงา ย กระบวนการและข้นั ตอนของการดำเนินงานได 2. มีทักษะในการใชส ถิติ งา ย ๆ เพ่ือการวิจัยและจัดทำเคร่ืองมือในการเกบ็ รวบรวมขอมูล 2. เนอ้ื หา 1. ความหมาย ความสำคัญการวิจัยอยางงา ย กระบวนการและขน้ั ตอนของการดำเนินงาน 2. ฝก ทกั ษะ สถิตงิ าย ๆ เพ่ือการวจิ ยั เครอื่ งมือการวจิ ัย ขนั้ จดั กระบวนการเรยี นรู ข้นั ท่ี 1 กำหนดสภาพปญ หาความตอ งการในการเรยี นรู - นำเขาสูบทเรียนโดยใหน ักศึกษาดูใน https://www.stou.ac.th/Schools/Shs/booklet/2_2552/Research.htm - จากนน้ั นักศึกษาทำแบบทดสอบกอ นเรยี น คลกิ เพอื่ ทำแบบทดสอบ ! ข้ันที่ 2 การแสวงหาขอ มลู และจดั การเรยี นรู - เมื่อนกั ศึกษาศึกษาจากใบความรู เรอื่ ง การทำวจิ ยั อยา งงา ย CLIK HERE ! ขนั้ ที่ 3 ปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยุกตใ ช - ครูใหน ักศึกษาทำใบงาน เรอื่ ง การทำวจิ ยั อยา งงาย ทำใบงานคลกิ ..... หรอื แสกน QRcode
ขน้ั ที่ 4 ประเมนิ ผลการเรยี นรู - - นกั ศกึ ษาทำแบบทดสอบหลังเรยี น 3. สอ่ื ประกอบการเรยี นรู 1. .ใบความรู เรอ่ื ง การวจิ ยั อยา งงา ย 2. ใบงาน เรอื่ ง การทำวจิ ยั อยา งงา ย 4. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1 แบบทดสอบกอ นเรียน-หลังเรยี น 2. แบบประเมินใบงาน ลงช่อื .........................................................ผสู อน (.................................................) ตำแหนง ครู กศน.ตำบล
แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน 1.ข้อใดเป็นความหมายของการวจิ ัยอยา่ งง่าย ก. ทำงานอย่างเข้าใจ ข. การวางแผนงานอย่างเปน็ ระบบ ค. การคาดเดาคำตอบอย่างมีระบบ ง. การศกึ ษาคน้ ควา้ เรื่องทส่ี นใจท่ีไม่ซบั ซ้อนมากนัก 2. ขอ้ ใดเป็นประโยชนข์ องการวจิ ยั ต่อตัวผวู้ ิจยั เอง ก. ฝึกการทำงานอย่างมีระบบ ข. เกิดการทำงานและนวัตกรรม ค. เกิดนวตั กรรมส่ิงประดษิ ฐใ์ หม่ ๆ ง. ช่วยวางแผนและตัดสนิ ใจ 3.ข้อใดเรยี งลำดับขั้นตอนการทำวิจยั ได้ถูกตอ้ ง ก.กำหนดปญั หา , แก้ไขโครงการ , เขียนรายงาน ข.เขียนโครงการ , เขียนรายงาน , กำหนดปัญหา , เผยแพร่ ค.กำหนดปัญหา , เขียนโครงการ , ดำเนินตามแผน , เขียนรายงาน , เผยแพร่ ง. เขยี นโครงการ , เขียนรายงาน 4.ข้อมูลทางสถิตมิ ีประโยชน์ตอ่ งานวจิ ยั อย่างไร ก.เพ่ือใหท้ ราบความถี่ รอ้ ยละ และค่าเฉลีย่ ของข้อมูลทต่ี ้องการทำวจิ ัย ข.เพ่อื ง่ายต่อการเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีตอ้ งการสรุปเชิงเปรยี บเทยี บทางสถิติ วชิ าทักษะการเรยี นรู้ (ทร21001) ค.เพือ่ แจกแจงข้อมูลท่ตี ้องทำวจิ ยั ให้ไดข้ อ้ เทจ็ จริง ง.ถกู ทุกข้อ 5.ข้อใดมใิ ช่คา่ สถิติพ้นื ฐานของงานวจิ ยั อย่างง่าย ก.ค่าร้อยละ ข.ค่าความถ่ี ค.ค่าไคร์สแควส์ ง.คา่ เฉลีย่ 6.ขอ้ ใดเป็นเคร่ืองมอื การวจิ ยั ทแ่ี พรห่ ลายที่สดุ ก.แบบสอบถาม ข.แบบสมั ภาษณ์ ค.แบบสงั เกต ง.ไม่ใชท่ ้งั ข้อ ก ข และ ค
7.นกั ศกึ ษาคดิ ว่า การเรยี นรูเ้ รื่องวิจยั อย่างง่าย ก่อให้เกดิ ประโยชนท์ ่เี ปน็ ไปได้ท่สี ดุ คือข้อใด ก.ช่วยใหม้ องเห็นแก่นทข่ี องสังคมชัดเจนข้ึน ข.ช่วยใหเ้ ปน็ นักวิจยั ทด่ี ีในอนาคต ค.ชว่ ยใหร้ ู้จกั วธิ ีการหาคำตอบท่เี ชือ่ ถือได้ ง.ช่วยให้รจู้ ักการแยกคนดแี ละคนเลวในสังคมได้ 8.ส่วนใหญ่ครูสายสอนทําวิจัย เพือ่ วตั ถุประสงค์ใด ก.ตาํ แหนง่ ทางวชิ าการ ข.หาขอ้ เท็จจรงิ เพ่ือแสดงต่อสังคมข ค.เพื่อพัฒนาหลักสูตรและปรับปรงุ การเรยี นการสอน ง.นาํ ผลการวจิ ัยไปเปน็ ข้อมูลของโรงเรียน 9. ขอ้ ใดไมใ่ ชข่ ้นั ตอนการวจิ ัย ก.วตั ถปุ ระสงค์ในการวิจยั ข.ประโยชนใ์ นการวจิ ัย ค.ขอบเขตของการวิจยั ง. รายชือ่ ผู้วจิ ัย 10.ขอ้ ใดเป็นองคป์ ระกอบของการเขียนรายงานการวิจัย ก.ช่อื เร่ืองวิจัย วัตถปุ ระสงค์ การวิเคราะห์ข้อมลู ข.ช่อื เรอื่ งวิจัย ประโยชนท์ ่คี าดว่าจะไดร้ ับ แนวทางการเผยแพร่ ค.ชื่อเร่อื งวจิ ยั กลมุ่ เปา้ หมาย ความคาดหวงั ง.ชอื่ เรื่องวจิ ัย สถติ กิ ารวิจัย งบประมาณการวจิ ัย
ใบงาน เร่ืองการวิจัยอย่างงา่ ย กจิ กรรมที่ 1 ให้ผู้เรียนตอบคำถามตอไปน้ี 1. การวจิ ยั อยา่ งงา่ ย คืออะไร ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................ 2. จงบอกความสำคัญของการวจิ ัยอย่างงา่ ย ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ................ 3. จงบอกข้ันตอนและกระบวนการของการวิจยั อย่างง่ายมาใหเ้ ข้าใจ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................. 4. กศน.ตำบลแห่งหนึ่ง มีผลคะแนนสอบของผู้เรียนในรายวชิ าทักษะการเรยี นรู้จำนวน 10 คน ดงั น้ี 20 15 17 16 13 12 18 16 15 15 จงตอบคำถาม ตอ่ ไปน้ี 4.1 ความถีห่ รอื จำนวนผเู้ รยี นที่มคี ะแนน ต่ำกว่า 15 คะแนน ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................ 4.2 ความถ่หี รือจำนวนผู้เรียนทม่ี ีคะแนน ตั้งแต่ 15 คะแนนขึน้ ไป ......................................................... ................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ........................... 4.3 ในการสอบคร้งั นี้ หากมีการกำหนดเกณฑ์การสอบผ่านไว้ท่ี 15 คะแนนอยากทราบว่า มผี ้เู รยี นท่ี สอบไมผ่านจำนวน ก่ีคน คิดเปน็ ร้อยละเท่าใด จงแสดงวธิ ีทำ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ...................................................................... 5. จงหาความถข่ี องผู้เรยี นใน กศน.ตำบลทศี่ ึกษาอยู่ เปน็ เพศหญงิ กคี่ น เป็นเพศชายกค่ี น เพศ | การแจงนับ | ความถี่ (คน) เพศ การแจงนบั ความถ่(ี คน) หญิง ชาย
กจิ กรรมที่ 2 ให้ผู้เรียนเขยี นโครงการวจิ ัยอย่างงาย มา 1 เร่ือง ตามหัวข้อ ตอไปน้ี 1. ชือ่ เรื่อง ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................ ผู้วจิ ัย ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ความเปน็ มาและความสำคัญ .............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. .................................................................................. ............................................................................................ 2. วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................... ..................... .................................................................................. ............................................................................................ วธิ ดี ำเนินการวจิ ัย -ประชากร และกลุ่มตวั อย่าง ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................ -วิธีเก็บรวบรวมขอ้ มูล ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................................................. ............................................................................................ -เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัย ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .................................................................................. ............................................................................................ -สถติ ทิ ใ่ี ช้ในการบันทกึ ขอ้ มลู .............................................................................................................................. ................................................ .................................................................................................................................. ............................................ .................................................................................. ............................................................................................
3. ปฏิทินในการปฏบิ ตั ิงาน วนั /เดือน/ปี กิจกรรม สถานที่ดำเนนิ การ งบประมาณ 1. ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะไดร้ บั ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................
ชดุ วชิ า ภาษาไทย CS media Learning รหัสวชิ า พท21001 รายวชิ าบงั คบั ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ตามหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอชมุ แสง สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวดั นครสวรรค์ สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ
แผนการเรยี นรรู ายสัปดาห กลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา พท 21001 เรื่อง ภาษาไทย ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาตอนตน จำนวน 6 ชั่วโมง การพบกลมุ ครัง้ ท่ี 5
แผนการเรียนรรู ายสปั ดาห รหสั วชิ า พท 21001 กลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย รายวชิ า ภาษาไทย เร่อื ง การฟง การดู ระดับช้ัน มัธยมศึกษาตอนตน จำนวน 6 ชว่ั โมง วนั ท่ีจดั การเรียนการสอน...................................................การพบกลุมครงั้ ท.่ี ......................5............................ 1. ตัวชวี้ ดั 1. รแู ละขาใจหลกั การ ความสำคัญและจุดมุงหมายของการฟงและการดู 2. จับใจความสำคญั และสรุปความจากเร่ืองท่ีฟง และดู 2. เนอ้ื หา 1. หลกั การความสำคญั และจุดมงุ หมายของการฟงและดู 2. การจับใจความสำคญั จากการฟงและดู ขัน้ จัดกระบวนการเรียนรู ขัน้ ท่ี 1 กำหนดสภาพปญหาความตองการในการเรียนรู - ครใู หน กั ศึกษาทำ แบบทดสอบกอนเรียน Q - ครูกระตุนและนำเขา สูบ ทเรยี นโดยครูนาํ ยกตัวอยา งการฟงและการดูมาใหผูเรียนดูแลว ครูและผเู รียนรว มกนั สนทนาเกีย่ วกับใจความสำคญั ของหลักการพดู และการดู การฟง และการดู
ขัน้ ท่ี 2 การแสวงหาขอมลู และจัดการเรียนรู - ครูใหผเู รียนศกึ ษาขอมูลเรอื่ งการฟงการดจู าก จากใบความรู เร่ือง การฟง และการดู -และศึกษาหาขอมลู เพิ่มเติมเรอื่ งการฟง และการดู จากคลิปวีดโี อดงั แนบ https://www.youtube.com/watch?v=8fzJV5UE3jk ข้ันที่ 3 ปฏิบตั ิและนำไปประยกุ ตใช - ครใู หผูเรียนทำใบงาน เรื่อง การฟง การดู ข้นั ท่ี 4 ประเมนิ ผลการเรยี นรู - ผูเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน
3. สื่อประกอบการเรยี นรู 1. ใบความรู เรอื่ ง การฟง การดู 2. ใบงาน การฟง การดู 4. การวัดผลและประเมินผล 1 แบบทดสอบกอ นเรยี น-หลังเรยี น 2. แบบประเมินใบงาน 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม 4. แบบประเมนิ ดานจติ พสิ ยั ลงช่อื .........................................................ผูสอน (........................................................) ตำแหนง ครู กศน.ตำบล
คาํ ช้ีแจง ใหนักศกึ ษาเลอื กคําตอบท่ีถูกท่ีสดุ เพยี งขอเดียว 1. การฟงท่ีมปี ระสิทธภิ าพ คือการฟง ในขอ ใด ก. จับสาระสําคญั ได ข. จดบนั ทึกไดทัน ค. ปราศจากอคติ ง. มีสมาธิในการฟง 2. ขอ ใดคือลักษณะของการฟงที่ดี ก. แสดงสหี นาเมอื่ สงสัยและรอถามเม่ือผูพูดพูดจบ ข. ดวงตาจบั จอ งอยูทผ่ี พู ูดแสดงความใสใ จในคาํ พูดอยา งจริงจงั ค. กวาดสายตาไปมาพรอมกับจอ งหนาและทกั ทว งข้นึ เมื่อไมเ ห็นดวย ง. สบตากับผูพ ดู เปน ระยะๆอยางเหมาะสมและเสรมิ หรือโตแยงตามความเหมาะสม 3. การฟงทที่ าํ ใหผ ฟู ง เกดิ สติปญ ญา หมายถึงการฟง ลกั ษณะใด ก. ฟงดวยความอยากรู ข. ฟง ดว ยความตงั้ ใจ ค. ฟงแลว วิเคราะหสาร ง. ฟง เพ่ือจบั ใจความสาํ คัญ 4. ความสามารถในการฟง ขอใดสาํ คญั ทีส่ ุดสาํ หรบั ผเู รียน ก. จดสง่ิ ท่ฟี ง ไดค รบถว น ข. จบั สาระสําคัญของเรื่องได ค. ประเมินคาเร่ืองทีฟ่ ง ได ง. จับความมงุ หมายของผูพดู ได 5. บคุ คลในขอ ใดขาดมารยาทในการฟงมากท่ีสุด ก. คุยกับเพ่ือนขณะที่ฟงผูอืน่ พดู ข. ฟงไปทานอาหารไปขณะท่ีผูพดู พดู ค. ไปถึงสถานทฟี่ งหลังจากผูพูดเริ่มพดู แลว ง. จดบนั ทึกขณะท่ีฟงโดยไมมองผพู ูดเลย
ใบงานที่ 1 วิชาภาษาไทย พท 21001 เรือ่ ง การฟง การดู คำช้ีแจง ใหน กั ศกึ ษาตอบคำตอบตอไปนใี้ หถูกตอ ง (10 คะแนน) ๑ ความหมายของการฟงและการดู (5 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. นอกจุดมุงหมายของการฟง และการดู มา 3 ขอ (2 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ใหผเู รยี นใชวจิ ารณญาณใหรอบคอบวา เมื่อฟงขอความโฆษณานีแ้ ลว นาเชอ่ื ถือหรอื เปน ความจริง มากนอย เพียงไร (3 คะแนน) ครมี ถนอมผิว ชวยใหผ วิ น่ิม ผวิ ท่ีมรี ิว้ รอยเห่ียวยนจะกลับเตงตึง เปลงปลัง่ ผวิ ทอ่ี อนเยาว ในวัยเด็กจะกลับคืนมา คณุ สภุ าพสตรี ไปวาดไวกงใน และเรยี กใชครมี ถนอมเนื้อ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบความรทู ี่ 1 วชิ า ภาษาไทย พท 21001 เรื่อง การฟง การดู เรอื่ งที่ 1 หลักเบ้อื งตนของการฟง และการดู 1. หลกั เบอ้ื งตน ของการฟง และการดู 1.1 ความหมายของการฟง และการดู การฟง และการดหู มายถึง การทม่ี นษุ ยรับรเู รื่องราวตางๆ จากแหลง ของเสยี งหรือภาพ หรือ เหตกุ ารณ ซ่ึงเปน การฟง จากผพู ูดโดยตรง หรือฟง และดผู า นอุปกรณ หรอื ส่งิ ตา งๆแลวเกดิ การรบั รู และนาํ ไปใชป ระโยชนไ ด โดย ตอ งศึกษาจนเกิดความถูกตอ ง วองไว ไดป ระสทิ ธิภาพ 1.2 หลักการฟง และการดทู ีด่ ี 1. ตองรูจุดมุงหมายของการฟงและตู และตองจดบันทึกเพื่อเตือนความจํา 2. ตองฟงและดู โดยปราศจากอคติ เพอ่ื การวิเคราะหว ิจารณท ตี่ รงประเด็น 3. ใหความรว มมือในการฟง และดดู วยการรวมกจิ กรรม 2. จุดมงุ หมายของการฟง และการดู 2.การฟงมจี ดุ มงุ หมายทส่ี าํ คัญดังนี้ 1. ฟงเพื่อจับใจความสําคัญไดวาเรื่องที่ฟงนั้นเปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร เกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร หรือใคร ทาํ อะไร ทีไ่ หน เมอื่ ไหร 2. ฟงเพื่อจับใจความโดยละเอียด ผูฟงตองมีสมาธิในการฟง และอาจตองมีการบันทึกยอเพื่อชวย ความจํา 3. ฟงเพื่อหาเหตุผลมาโตแยงหรือคลอยตาม ผูฟงตองตั้งใจฟงเปนพิเศษ และตองใชวิจารณญาณ พิจารณาวา เรอ่ื งที่ฟงนน้ั มีอะไรเปน ขอเท็จจริง อะไรเปน ขอ คิดเหน็ และมีความถกู ตอ ง มเี หตผุ ลนาเชอ่ื ถือ มาก นอ ยเพียงใด ซึง่ ผฟู งควรพิจารณาเรือ่ งราวทฟี่ ง ดว ยใจเปน ธรรม 4. ฟงเพื่อเกิดความเพลิดเพลิน และซาบซึ้ง ในคุณคาของ วรรณคดี คติธรรม และดนตรี ผูฟงตอง มี ความรูในเรื่องที่ฟง เขาใจเรื่องศัพท สัญลักษณตางๆ และมีความสามารถในการดีความ เพื่อใหเกิดความ ไพเราะซาบซึ้งในรสของภาษา 5. ฟงเพื่อสงเสริมจินตนาการ และความคิดสรางสรรค เปนความคิดที่เกิดขึ้นขณะที่ฟง หรือหลังจาก การฟง ซงึ่ อาจจะออกมาในรปู ของงานประพนั ธ งานศิลปะ หรอื การพดู การดูมีจดุ มุงหมายท่สี ําคัญดงั นี้ 1. ดูเพอ่ื ใหรู เปนการดเู พอื่ ใหเ ปน คนทันโลกทนั เหตุการณ 2. ดูเพื่อศึกษาหาความรู เปนการดูที่ชวยสงเสริมการอาน หรือการเรียนใหมีความรูมากขึ้น หรือมี ความชดั เจนลุม ลึกข้นึ 3. ดูเพ่ือความเพลิดเพลนิ เชน ละคร เกมโชว มิวสิควดี โี อ 4. ดูเพื่อยกระดับจิตใจ เปนการดูที่จำทำใหจิตใจเบิกบานและละเอียดออน เขาถึงธรรมชาติ และสัจ ธรรม ไดแก การชมธรรมชาติ การชมโขน ละคร การดูรายการเกยี่ วกบั ธรรมะ การดูกีฬา 3. การฟง และดูเพอ่ื วเิ คราะหเ รื่องจากสาร เปนทักษะตอจากการฟงและดู แลวสรุปและจับใจความสําคัญ แลววิเคราะหวาสิ่งใดเปนขอเท็จจริง สิ่งใดเปนขอ คิดเห็น สงิ่ ใดเปน เหตุส่ิงใดเปนผล เพอ่ื จะใชขอมูลในการประเมนิ คาและการตดั สินใจ
แผนการเรยี นรรู ายสัปดาห กลมุ สาระการเรียนรู ภาษาไทย รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา พท 21001 เร่อื ง หลกั การใชภ าษา ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนตน จำนวน 6 ชั่วโมง การพบกลมุ ครัง้ ที่ 6
แผนการเรียนรรู ายสัปดาห กลมุ สาระการเรยี นรู ภาษาไทย รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา พท 21001 เร่ือง หลกั การใชภ าษา ระดับชั้น มธั ยมศกึ ษาตอนตน จำนวน 6 ชัว่ โมง วันที่จัดการเรยี นการสอน...................................................การพบกลุมครงั้ ท.่ี ........................6......................... 1. ตวั ชี้วดั 1. อธบิ ายการใชเ สยี ง และรูปอักษรไทย อักษร 3 หมู และการผันวรรณยุกตได 2. เน้อื หา 1. เสียงและรปู อกั ษรไทย(พยญั ชนะ สระ และวรรณยุกต) ข้ันจัดกระบวนการเรยี นรู ข้นั ท่ี 1 กำหนดสภาพปญ หาความตองการในการเรียนรู - นำเขาสูบทเรยี นโดยการเปดคลิปวดี โี อการทดลอง เรอื่ ง เสียงและรปู อักษรไทย (พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต) https://www.youtube.com/watch?v=Wa8_Y1oZeBA - จากน้นั นกั ศึกษาทำแบบทดสอบกอนเรียน สแกนเพ่ือทำแบบทดสอบ ! ข้ันที่ 2 การแสวงหาขอมูลและจัดการเรียนรู - นักศึกษาศึกษาขอมลู เรื่อง เสยี งและรูปอกั ษรไทย จากใบความรู และอนิ เตอรเนต็ https://sites.google.com/site/thvoiceandalphabet/seiyng- dntri-hrux-seiyng-wrrnyukt CLIK HERE !
-และศึกษาหาขอมูลเพม่ิ เติมเรื่อง รูปอกั ษรไทย CLIK HERE ! CLIK HERE ! ทำใบงาน.. https://www.silpathai.net/tag ขั้นท่ี 3 ปฏิบตั ิและนำไปประยกุ ตใช - ครใู หผ เู รียนทำใบงาน เร่อื ง เสยี งและรูปอกั ษรไทย ขั้นที่ 4 ประเมินผลการเรยี นรู - ครูและผเู รียนชวยกนั สรปุ สาระสาํ คัญทกุ หวั ขอแลว อภิปรายหนา ช้นั เรยี น - ผูเ รยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 3. สือ่ ประกอบการเรยี นรู 1. ใบความรู เรือ่ ง เสียงและรูปอกั ษรไทย 2. ใบงาน เรอ่ื ง เสียงและรูปอกั ษรไทย
4. การวดั ผลและประเมินผล 1 แบบทดสอบกอ นเรียน-หลังเรียน 2. แบบประเมนิ ใบงาน 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ 4. แบบประเมนิ ดานจิตพสิ ัย ลงชื่อ.........................................................ผูสอน (......................................................) ตำแหนง ครู กศน.ตำบล
คาํ ชี้แจง ใหน กั ศกึ ษาเลือกคาํ ตอบท่ีถูกท่สี ดุ เพยี งขอเดียว ๑. เสยี งในภาษาหมายถึงอะไร ก. เสียงทใี่ ชในการสือ่ สารเฉพาะภาษาไทย ข. เสียงทม่ี นษุ ยเ ปลง ออกมาเพือ่ สื่อความหมาย ระหวางมนุษยด วยกัน ค. เสยี งทีเ่ กดิ จากธรรมชาติ มนษุ ย และสัตว ง. เสยี งทีเ่ กิดจากการสอื่ ภาษา ๒. “เสียงไฟในเตาแตกดังเปรียะๆ” จากขอความขางตน ใชแทนเสยี งอะไร ก. ใชแ ทนเสียงธรรมชาติ ข. ใชแ ทนเสยี งรอ งของสตั ว ค. ใชแ ทนค าทีม่ าจากภาษาอ่ืน ง. ใชแทนค าทีม่ าจากภาษาเดยี วกนั ๓. เสียงสระในภาษาไทยมีก่ีเสียง ก. ๒๑ เสยี ง ข. ๒๓ เสียง ค. ๒๒ เสียง ง. ๒๔ เสียง ๔. เสยี งที่เปลงจากปอด ผานหลอดลม ผา น กลอง เสียง ผานอวัยวะตา ง ๆในชองปากโดยไมส กดั กั้น เรียกวา เสยี งใด ก. เสียงสระ ข. เสยี งพยญั ชนะ ค. เสยี งวรรณยกุ ต ง. เสยี งดนตรี ๕. “แมของฉนั ปลูกตนพริกโดยยึดหลักเศรษฐกิจ พอเพยี งของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูห วั ” ค าที่ขีด เสน ใต ใชร ูปสระใด ก. ออ ข. อุ ค. อะ ง. อิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263