โ1 สขุ ใจท ี่ได อ าน อ าร ร ร ร ม เพ อ่ี ? โว ติ ท ่ดี ีงาม ๒
สขุ ใจทไี ดอ้ า่ นส า ร ธ ร ร ม เ ผ ื่อ ช วี ิต ก ดี่ งี า ม ^ฎ
สารบญ หนาเรอง ๑ ๔ความหวงั คือพลงั ของชวี ิต ๙แก้ปัญหาชวี ติ ด้วยธรรมะ ๑๕สวรรค!นบ้าน ๒๐คนเบรกแตก ๒๗พุทธศาสนากบั สุขภาพ ๓๐นํ้าใจ ๓๓ถนนชีวติ ๓๗ธรรมราชา ๔๑มนุษย์ที่สมบรู ณ์ ๔๔กาลเวลา ๔๔กฎแหง่ กรรม ในแง,ของวิทยาศาสตร์ (5:๒ความปรารถนาดขี องชวี ิตหนา้ ทีก่ บั คุณธรรม ๕๘ความรอ้ นคมั ภีร์ชีวติ ๖๒จุดศูนยร์ วมแหง่ สภาวธรรม ๖๖บญุ นำกรรมแตง่ ๗๑ธรรมะของผกู้ ล้า ๗๔ทางสายกลาง ๗๙ยันต์เกราะเพชร ๔๔หลักธรรมเพื่อความม่ันคงของชวี ติ ๔๙ประโยชนส์ งกรานต์ ๙๒
ความเมา ๙๖ความต้องการ ๑๐๒กรนิ ๑๐ความยุติธรรมอย่ทู ่ไี หน ๑๑๒พลังของมนุษย์ ๑๑๗ประพฤติสจุ รติ ธรรม งานประจำของชวี ิต ๑๒๑ประเพณีลอยกระทง ๑๒๔พลงั ธรรมนำชวี ิต ๑๒๙ความสุขทีไ่ มค่ วรเส่ยี ง ๑๓๓ศีลธรรมจำเปน็ อยา่ งไร ๑๓๗วงจรชวี ิต ๑๔๒การสำรวมอนิ ทรยี ์ ๑๔๗บคุ คล ๔ ประเภท ๑๔๒วิธรี ะงับความโกรธ ๑๔๖เก็บอาการ ๑๖๐บารมี : ความดีชนั้ พเิ ศษ ๑๖๔เงินปากผี ๑๗๐ผ้าบงั สุกลุ ๑๗๓อาบหรอื รดน้าํ ศพทำไม ๑๗๗บท นะโม 6)(๘ ๐คนขยนั ยอ่ มหาทรัพย์!ต้ 0 เนํ&ใใสขุ เลอื กไต้ศลี ธรรม ๑๘๕การสงเคราะห์ภรรยาตงั้ ใจ ๑๘ 0ใ1ปัญญาคอื ทรัพย์อนั ประเสริฐสามคิ คธรรมน่าสุข ๑ (๘(๙ ๑๙๕ ๒๐๐ ๒๐๖
ธรรมโอสถ ๒๑๑การสวดมนต์เพอื่ สุขภาพ ๒๑๔จุดเทียนแห่งชวี ิต ๒๒๑ความตระหนน่ี ำความวิบตั มิ าให้ ๒๒๔ความเชือ่ และหลักปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ใหถ้ งึ จุดมุ่งหมายของศาสนาตา่ ง ๆ ๒๒๖ความประหยดั ๒๒๙สวยได้ดว้ ยศีล ๒๓๓ความชอ่ื สัตย์ ๒๓๔ความกตัญณู ๒๔๓บญุ นำให้ดี ๒๔๔ผกู น้ําใจคน ๒๔๗แสงสว่างคอื ปัญญา ๒๔๙ธรรมนญู ขน้ั พนื้ ฐานของชวี ิต ๒๔๑ความรทู้ ว่ มหวั เอาตวั ไม่รอด ๒๔๖บุญ-บาป ๒๔๗ทำอย่างไรพระธรรมจึงจะชว่ ยเรา ๒๔๔แขง่ ดี ๒๖๐ความต้องการ ๒๖๒การดูหมน่ิ ๒๖๔อานภุ าพของโมรปรติ ร ๒๖๖ยศ ๒๗๐ข้อทไี่ ม่ควรประพฤติ ๒๗๒คณุ ธรรมผ้นู ำ ๒๗๔
สขุ ใจทไ่ี ดอ้ ่าน สารธรรมเพื่อชวี ิตที่ดงาม โดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก“ ความหวังคือพลังของชีวิต” คนเราส่วนมากตอ้ งการสิง่ ใด แลว้ คิดวา่ สิ่งนัน้ จะเป็นไปตามท่ีคิดหรอื ตอ้ งการ เรยี กว่า ความหวงั เช่น หวงั จะไดค้ นรัก หวงั จะมีโชค หวังจะรวย ซ้อื หวยกห็ วงั จะถูก มีทุกขก์ ็หวังจะสบาย สอบกห็ วังได้ ทำงานหวงัจะได้ขึน้ เงินเดอื น เจ็บป่วยกห็ วังจะหาย ค้าขายก็หวังจะไดก้ ำไร แม้ตายก็หวังจะไดืไปสวรรค์ ความ ห วงั ทำให้คนเรารู้สึกกระตอื รือรน้ พยายามสรา้ งตวัแมท้ หารทเี่ ขา้ ไปรบในสนามรบ อยา่ งไรเสียก็หวังว่าฝา่ ยตนจะชนะนกั มวยชกก็หวังจะเปน็ แซมป็ ความหวงั เป็นสงิ่ จำเป็นสำหรับสามญั ซนทั่วไปและไม,ใชเ่ ร่ืองเสยี หายอะไร หากแต่วา่ ผู้นนั้ ได้ต้ังความหวงั ไว่ในทางทถ่ี ูกทีค่ วร น่าเป็นหว่ งตรงทว่ี ่า ความหวังกับความผดิ หวัง มักจะเปน็ ของคู่กันความหวังมอี ยู่ทไ่ี หน ความผดิ หวังกม็ ีอยู่ท่ีนน่ั เหมอื นคนกับเงา คนไปไหนเงาก็ไปทน่ี ั่น ความหวังมีผลเปน็ ๒ อย่าง ดอื ๑. สมหวัง ๒. ผดิ หวังสมหวงั ทำให้ชีวิตสดชื่น เปน็ สง่ิ ทเ่ี ราชอบและต้องการ ผดิ หวัง ทำใหช้ ีวิตอบั เฉา ไม่สดชื่นร่นื เรงิ เปน็ สิง่ ที่เราเกสึยดไม,ต้องการ แตท่ กุ ส่ิงทกุ อยา่ งเกดิ จากเหตุ เหมอื นความผิดหวังก็เกิดจากความหวังเปน็ ต้นเหตุ ชนดิ ของความหวงั มี ๓ ชนดิ ดือ หวงั ยาก หวงั มากหวงั ไกล ๑. หวงั ยาก คอื ห วังใน สงิ่ ท เ่ี ปน็ ไปได้ยาก คอื ม ัน ม คี วามยากอยู่ในตัว เมอื่ เรานำมาลำดับเรยี งตามความยาก ไดด้ งั น้ีหวงั ยากทส่ี ดุ ดอื หวงั ในตวั คนหวังยากมาก ดือหวงั ในสิ่งของหวังยาก คือหวังในเหตกุ ารณ์
สขุ ใจท่ไี ดอ้ ่านสารธรรมเพอ่ี ชวี ิตทด่ี งี าม หวงั ในคน คอื หวงั จะให้ใครคนหน่ึงเป็นไปอยา่ งท่ีเราคดิ เซน่หวงั จะให้เขาชว่ ยเรา หวังจะให้เขารกั เรา หวังจะใหเ้ ขาดี ถ้าไม่เปน็ ไปตามท่ีเราหวัง กเ็ ปน็ ทกุ ข์ น่ีเริ่มผิดหวัง อนั ธรรมดาคนมอี ยู่ ๒ ฝา่ ย คือ กาย กบัใจ ควบคมุ ไม่ได้ทัง้ สองอย่าง หวงั ใน ส่ิงของ สำเร็จได้ยากนอ้ ยกว่าในคน เพราะของมันมีแต่ตัว ไม่มีหวั ใจ ความกลบั กลอกมันไม่มี หรือมกี เ็ พยี งหน้าเดยี ว หวังในของทว่ี า่ นี้ เซน่ หวงั ว่ามะม่วงจะดก มังคุดจะดี หวังวา่ ทเุ รยี นจะติดมาก หวังว่าขา้ วในนาจะดี เปน็ ตน้ นเ่ี ราไปหวังเอากบั มนั เฉย ๆ โดยทม่ี ันไม,รูเ้ ร่ิองกบั เราลักนดิ และเราจะบอกวา่ มันเปน็ ของเรา แตส่ ิงเหล่านน้ั มนั ก็ไม่เคยยินยอมว่ามันเป็นของเรา ดตู วั อยา่ งเชน่ เวลาไฟไหม้บา้ น เวลาเจ้าของบา้ นว่งิ ออกมาจากบา้ นนน้ั จำพวกโต๊ะ ตู้ แก้วแหวนเงนิ ทองเฟอร์นเิ จอร์ราคาแพง ๆ ท่ีเราหวงแหนนักหนา มนั วิง่ ตามเราออกมาหรอื เปลา่ กลับเขา้ ข้าง ปลอ่ ยใหไ้ ฟไหมหั มด รถยนต์ราคาเปน็ หลายแสนหลายลา้ น มีคนมาขโมยไป มนั กไ็ ม่บอกวา่ คนน้ีไมใชเ่ จ้าของ ไม,ไปด้วยหรอก แต่กไ็ ปกบั เขาตลอด นี่หวังในส่ิงของเอาแนไ่ ม่ได้ หวังในเหตกุ ารณ ์ เชน่ หวังจะสอบได้ เงนิ เดอื นจะขน้ึ ฝนจะตกนา้ํ จะไม่ทว่ ม เหตุการณ์อย่างนพี้ อจะทำนายได้ แตก่ อ็ าจผดิ พลาดได้ ท่านจงึ บอกว่า จะหวงั สิง่ ใด ใหต้ ง้ั ขีดความหวงั ไวด้ งั นี้หวังในคน มีโอกาสผิดหวัง ๗&0/0 สมหวัง ๒&0/0หวังในสง่ิ ของ ผิดหวงั สมหวัง ๕ ๐ 0 /0 เท่ากนัห วังใน เห ต กุ ารณ ์ สมหวงั ๗ ๕ 0 /0 ผิดหวงั ๒ ^ 0 /0 ถ้าตง้ั ความหวงั ไว้ดงั น้ี ความผิดหวงั จะนอ้ ยลง เพราะเราต้งังบประมาณความผิดหวงั ไว้ล่วงหน้าแลว้ นั่นเอง ๒. ความหวังมาก คือหวงั เกนิ เหตุ เชน่ หวังจะเป็นเศรษฐีเงินลา้ นหวงั จะเปน็ ใหญม่ อี ำนาจมากกว่าคนทั้งหลาย หวังจะให้ทำอะไรแลว้ มคี นซมทงั้ บา้ นทัง้ เมีอง เปน็ ต้น หวงั อย่างนี้ เรียกว่า หวงั มาก คนท่ีหวงั มากนั้น
สุขใจทไี่ ค้อา่ น สารธรรมเพ่อี ชีวติ ท่ดี งี ามยากนักท่จี ะสมหวงั เหมอื นหวงั ว่าอยากจะกนิ กับข้าวสักอยา่ งหนง่ึ อร่อย ๆไม่ถงึ นาทีกส็ ำเรจ็ แต่กว่าจะไดก้ นิ จริง ๆ คนทำกบั ขา้ วทำแทบตาย กว่าจะสำเรจ็ ทงั้ ลกุ ทั้งเดนิ เด๋ยี วซา้ ยหนั ขวาหัน นอกจากน้ี การหวงั ในสิ่งท่ีเขาไมม่ ใื ห้ก็ควรระวงั เพราะบางอยา่ งบางทีเขากไ็ ม่มืใหจั ริง ๆ เชน่ หวงั ความรกั ความเอ็นดู จากคนที่ไมม่ คี วามรกัอยูใ่ นหวั ใจเลย หวงั ความฉลาดในคนท่ไี มม่ ืปัญญา หวังความเมตตาในคนใจรา้ ย สำบากท้งั น้ัน เขากไ็ มไ่ ด้แกลง้ เรา แต่เขาก็ไมม่ จี ะให้ ฉะนนั้ เร่อื งน้ีตอ้ งดใู ห้ดิก1อนท่ีจะหวงั โดยปกตคิ นเรามักจะทำเป็นรา้ นแผงลอย คือตงั้ ราคาเผื่อตอ่ หมายความวา่ หวงั มากเกนิ ไป เอาเขา้ จริงไดน้ ิดเดียว หรือบางรายไมไ่ ดเ้ ลย ต. ความหวังไกล คอื ความหวังทห่ี า่ งไกลเกนิ ไป กว่าจะสมหวงั ได้ตอ้ งคอยแทบแย่ เชน่ หวงั จะสบายเมอ่ื แก่ หวงั จะไปสวรรคเ์ มอ่ื ตายแล้วหวงั ว่าถูกหวยรวยเบอร์แล้วจะทำบญุ จะเห็นได้ว่าความหวงั น้ัน นอกจากจะเป็นสุขแลว้ ยังเปน็ ทกุ ขอ์ ีกด้วย คือต้องทกุ ข์ท่ีรอนาน การท่รี อนานบางทีกเ็ ปน็ การยากทจ่ี ะสมหวงั หรือสำเร็จได้ เขา้ ตำราที่ว่า “ หวงั นั้าบ่อหนา้นา้ํ หน้าบ่ม”ี สุนทรภกู่ ็ว่าไวแ้ ล้ววา่ “ ทางไกลตา อปุ มาเหมอื นเสียเนตร”การหวงั อะไรทีเ่ กินไปนั้น เราต้องเสียเวลารอนานจนกว่าจะสมหวงั บางทีซวดไปเลยก็มี สรุปวา่ ทำอยา่ งไรเราจงึ จะไม,ผิดหวงั และถา้ ผิดหวงั เราจะทำอย่างไร การปอ้ งกันทจ่ี ะไมให้เกิดความผิดหวังขน้ึ น้ัน ต้องแก้ที่ตน้ เหตุ คือการตั้งความหวังเหมอื นความเศร้าโศกเกิดจากคนรักของรกั เราจะตอ้ งระวงัในเรือ่ งความหวงั ทย่ี าก หวังมาก และหวังไกล แล้วจะปลอดภยั ไปไดม้ ากถ ึงแ ม ้จ ะ ม ีผ ิด ห ว งั บ ้าง เล ก็ น ้อ ย แตจ่ ะไม1ให ้ผ ิด ห ว ังเล ย น น้ั เปน็ ไปไม1ไ ด ้แต่หวังทม่ี โี อกาสผิดหวังมากทีส่ ุดนนั้ คอื หวงั ในคน พ่อแมห่ วังในลูก ย่อมจะผิดหวงั ในลูก ครูอาจารยห์ วงั ในศษิ ย์ ย่อมผดิ หวงั ในศษิ ย์ เพอ่ื นยอ่ มผิดหวังเพราะเพ่ือน พ่อแมห่ วงั ว่าลูกจะกตัญณู เลีย้ งดเู มือ่ แก่เฒ่า อาจจะผิดหวงั ก็ได้ เพราะฉะนนั้ “ให ห้ วงั ใน สิ่งท่ีเปน็ ไปได้ จงึ จะมโี อกาสสมหวงั ” ๓
ส'ุ ยใจทไี่ ด้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชีวติ ทด่ี ปี า๋ มโดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก “ แก้ปัญหาชีวิตด้วยธรรมะ” ในยุคปจั จุบนั น้ีเดยเฉพาะยุคเศรษฐกจิ ทรงตวั น้ี คนไทยมีปญั หาชวี ิตดว้ ยกนั ทว่ั ทกุ คน มากบ้าง น้อยบา้ ง ตามแต่ว่าใครจะโซคดีโชคร้าย หรือแล้วแต่บญุ บารมีทตี่ นสร้างสมมา ปญั หาชีวติ เกิดข้ึนได้ ๒ ทาง คือ ๑ . ป ญั ห าช ีวิต เก ดิ จ าก ป ัจ จ ยั ภ าย น อ ก เชน่ เมอื่ เศรษฐกจิทรงตัวหรือซบเซา ทำใหร้ ายไดข้ องเราลดน้อยลง ยามเศรษฐกจิ เทเื่ องฟูทำให้รายได้เพิ่มมากกวา่ เดมิ เศรษฐกิจไม,ดมี กั จะมกี ารจี้การปล้น การลกั ขโมยมากกว่าปกติ ซงึ่ ก็มผี ลกระทบดา้ นความปลอดภยั ตอ่ ชวี ิตเรา ที่กลา่ วมาเป็นตวั อย่าง ปญั หาชีวิตทีเ่ กดิ จากปัจจยั ภายนอก ๒. ปญั หาชีวติ เกดิ จากปัจจัยภายใน ปัจจัยภายในคือตวั เราเองสิง่ ที่ทำใหต้ ัวเราเองเกดิ ปัญหา คือ กิเลส ซงึ่ มีกเิ ลสตัวใหญ่หรอื ตวั สำคญั๓ ตว กเิ ลสตวั แรก โลภ ะ ความอยากได้ ความอยากมี ความอยากเป็น มากข้ึนกวา่ เดมิ เม่อื มีความโลภ ก็ตอ้ งดนิ้ รนแสวงหาตอ่ ไปไมส่ ิ้นสดุไม่มีวันจบส้นิ ต้องเหน่อื ยยากลำบากตลอดกาล บางคนแสวงหาด้วยวิธีสุจริตไมไ่ ดผ้ ลเลยแสวงหาดว้ ยวธิ ที จุ รติ กิมี หาความสงบสุขในชีวติ ไม,ได้ จนกว่าเราจะลดความโลภลงได้ จึงจะพบความสงบสขุ กเิ ลสตวั ทีส่ อง โทสะ ความโกรธ ความคิดประทุษรา้ ยคนอ่นืความอาฆาตพยาบาทคนอ่ืน ความปองรา้ ยคนอน่ื การอยรู่ ว่ มกนั ย่อมมีการกระทบกระท่ังกนั บา้ ง เหมือนล้ินกับฟ้น เราต้องให้อภัยซึง่ กันและกันเพราะส่วนมากคนเราจะไมม่ เี จตนาในการทำความช่ัว ไมต่ ัง้ ใจทำผดิ พลาด0^
สขใจท่ไี ด้อ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ทดี่ งี ามทุกคนมีโอกาสทำผิดพลาดไดเ้ หมือนสภุ าษติ ที่วา่ “สีเ่ ท้ายงั รพู้ ลาด นกั ปราชญ์ยังรู้พล้งั ” เราจงึ ต้องใหโ้ อกาสแก่เขาเหล่าน้นั หากเป็นผูบ้ งั คบั บัญชาต้องแนะนำตักเตอื น เป็นพ่อแม่ครอู าจารย์ตอ้ งสงั่ สอน ตัวทสี่ าม โมหะ ความเขลา ความไมร่ ู้รไู ม่แจ่มชดั ภาษาพระเรยี กวา่ รไู ม่จรงิ รู้ไมช่ ดั รไู ม่แจง้ หรอื เขา้ ใจไมช่ ดั แจ้ง ซาวบ้านทวั่ ไปเรียกว่า ไมฉ่ ลาด ความเขลา ความไม่ฉลาดเป็นปัญหาตอ่ ชวี ิตคนเรามาก ถ้าแก้ไมห่ ายชีวิตนี้อาจไม,พบความสุขความเจรญิ ก้าวหนา้ เลย เป็นผู้ทต่ี 1้องปรบั ปรงุ พฒั นาตัวเองมาก การแก้ปัญหาชีวิตด้วยธรรมะตามหลกั ของพระพทุ ธศาสนานั้นพระพุทธเจา้ ตรัสสอนใหแ้ ก้ปัญหาชีวติ ตังนี้ แก่โลภะ ความโลภ ด้วยทานการใหก้ ารบริจาค การรูจ้ ักแบ่งปนัสงี่ ฃองใหแ้ ก,บุคคลอืน่ เปน็ การแบง่ ความสุขให้แก,คนอื่น พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า เนกาลี นะ ละภะเต สุขัง การบรโิ ภคคนเดยี ว ไม่มคี วามสุขหมายความว่า การทำใหต้ นมคี วามสุขคนเดยี ว ไม่ใช่ความสุขท่แี ทจ้ ริงการแบง่ ความสุขใหค้ นอนื่ เสวยสขุ ด้วย จงึ เป็นความสุขทแี่ ท้จรงิ นอกจากน้ีการให้เป็นการลดกเิ ลสคอื ความโลภใหน้ อ้ ยลง เมื่อกิเลสคอื ความโลภนอ้ ยลงความทกุ ข็ไจกล็ ดลง ปัญหาชวี ิตก็จะลดลง มีปัญหาชีวติ น้อยลง ความสขุก็จะเกิดขึ้น แกโ่ ทสะ ความโกรธดว้ ยเมตตา คิดช่วยให้คนอนื่ มีความสุขปรารถนาดตี อ่ คนอ่ืน มองคนอนื่ ในแงด่ ีเราควรคิดเสมอว่า ไม่มใี ครทำถูกทกุ อยา่ งโดยไม่ผดิ พลาด คนทท่ี ำอะไรไมผ่ ิดพลาด คอื คนทไ่ี ม่ทำอะไรเลยฉะน้นั เม ่อื ม ีการท ำงาน กต็ ้องม คี วาม ผดิ พ ลาด เราควรให้อภัยซงึ่ กันและกันคนข้ไี กรธ ขอ้ี จิ ฉารษิ ยา ชอบมองคนอนื่ ในแงร่ า้ ย มองไม่เห็นคุณงามความดีของคนอนื่ พระพทุ ธเจ้าเปรยี บเหมือนคนมไี ฟอยู่ในหวั ใจ โดยตรัสเปน็ ภาษาบาลีว่า โทสคั คิ กเิ ลสตวั โทสะนี้ทำให้เราร้อนรมุ่ อยตู่ ลอดเวลา บางคนมองเหน็ คนอ่นื เปน็ ศตั รูไปหมด หรือมองเห็นแตค่ วามผิดพลาดของคนอ่นื
สุขใจทไ่ี ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่อื ชวี ิตทีด่ งี ามการกระทำของตนถกู คนเดยี ว อยู่ร่วมกับใคร ทำงานกับใครไม่คอ่ ยไดไ้ มม่ ีความสขุในการทำงาน หากสร้างเมตตาจติ ให้เกดิ ขึน้ ได้ จะอยู่ท่ไี หน จะทำอะไรจะอยรู่ ่วมกบั ใคร ก็มีแตค่ วามสขุ เพราะเอาชนะโทสะได้ แกโมหะ ความเขลา ความไม,ฉลาดด้วยการเจรญิ จติ ภาวนาปฏบิ ัตธิ รรมเจรญิ กรรมฐาน หรอื การริเกสมาธิ ทา่ นท่รี กิ สมาธิเป็นประจำจะไดร้ ับผล ๓ อยา่ ง คือ ได้สติ สมาธิ ปัญญา ส่ิงแรกที่เราไดจ้ ากการริกสมาธิคือ ตัวสติ เปน็ คนมสี ติ ไมห่ ลงไมล่ ืมงา่ ยอยากทราบเรอื่ งอะไรระลึกไดเ้ สมอท่ีสำคญั คือเป็นคนรู้ตัวอยู่เสมอวา่ เรากำลงั ทำอะไร ต่อมา เกิดสมาธิ มคี วามตง้ั ใจแนว่ แนไ่ นสง่ิ ท่ีกำลังทำอยู่ แล้วเกิดปญั ญาวา่ สิ่งทีเ่ ราทำอยนู่ นั้ ผิดหรอืถูก เพราะฉะนัน้ การรกิ สมาธทิ ำให้เกดิ สติปญั ญา คนมสี ติปญั ญาย่อมไม่โง่ไมเ่ ขลา ยอ่ มแกไขปญั หาชีวติ ได้ การแกโมหะด้วยการรกิ สมาธิ หรือเจริญภาวนา จึงเป็นการแก้กิเลสตวั โมหะทีถ่ กู วธิ แี ละได้ผล การแก้ปญั หาชวี ิตด้วยธรรมะอีกนัยหนึ่ง คอื แกด้ ว้ ยหลักศลี แก้ด้วยหลักสมาธิ แก้ด้วยหลกั ปญั ญา การแก้ปญั หาชีวิตดว้ ยหลักศีล คอื เอาศีล ๕ มาชว่ ยตัดสนิ ปญั หาชีวติ ไม่ใชค้ วามรนุ แรงตดั สนิ ปญั หา ยามโกรธ ยามทะเลาะกับคนอื่น กไ็ ม่ทำร้ายเขา พยายามแกป้ ญั หาด้วยสนั ตวิ ิธี ยามยากจนก็ไมล่ ักขโมยสง่ิ ของคนอืน่ มาเลยี้ งชีพ หรือไมโ่ กหกหลอกลวงคนอื่น ทสี่ ำคญั คือ ไมแ่ ก้ปัญหาชวี ิตด้วยการดม่ื สรุ า ซ่ึงมหี ลายทา่ นชอบแก้ปญั หาด้วยสรุ า เสยี ใจดืม่ เหล้าผดิ หวงั กด็ ื่มเหลา้ เมาเหล้าแลว้ กลบั สร้างปญั หาเพม่ิ อกี การแกป้ ัญหาชีวิตดว้ ยการด่ืมสรุ ายาเมาหรอื ด่ืมเหล้า จึงเป็นการแก้ปัญหาทไ่ี มถ่ กู ต้องโดยเฉพาะคนเมาเหลา้ คือคนขาดสติ เมอื่ ขาดสตสิ มาธิปัญญาก็ไม่เกิด ไมม่ ีสตปิ ญั ญากแ็ ก้ปญั หาชวี ิตไม่ได้ ตอ้ งแกด้ ้วยหลกั ศีลคอื ไมด่ ่มื เหลา้ จะไต้มีสติปญั ญาไปแก้ปญั หาชีวติ แกป้ ญั หาชีวิตดว้ ยหลกั สมาธิ คอื การทำอะไรก็ตัง้ ใจทำ แนว่ แน่เที่ยงแท้ไม่มคี วามลังเลสงสัย มจี ิตใจทมี่ ัน่ คงไมเ่ ปลีย่ นแปลง ไมแ่ ปรเปลย่ี น๖
สุขใจทไี่ ด้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ทด่ี ีปา๋ มงา่ ยๆ ไม,โลเลเหลวไหลเป็นไมห้ ลักปกั เลน ทำอะไรทำจริง ไม่นงิ่ นอนใจที่กลา่ วมาน้เี ปน็ ผลของการริเกทำสมาธิทง้ั สิ้น คนที่ริเกสมาธเิ ปน็ ประจำจะเป็นคนลักษณะน้ี สมาธิจงึ สามารถช่วยแก้ปญั หาชีวติ ไดม้ าก เพราะคนไมม่ สี มาธิหรอื ไมเ่ คยร)ิ กสมาธิจะเปน็ คนเปล่ียนใจง่ายไม่มน่ั คง เปน็ คนลงั เลบางครงั้ ก็เหลวไหล นสิ ยั เหล่านเ้ี ป็นอุปสรรคตอ่ การดำเนนิ ชีวิต ทำให้ไม่ประสบความสำเรจ็ สมาธจิ งึ มคี วามสำคัญและจำเปน็ ต่อการแกป้ ัญหาชวี ติ การแก้ปัญหาชวี ติ ด้วยปญั ญา ปญั ญานน้ั มี ๓ ระดับ คอื ๑. สุตมยปัญญา ปญั ญาเกดิ จากการศึกษาเล่าเรยี น การไดย้ นิได้ฟงั มามาก จากประสบการณช์ วี ิต ๒. จนิ ตามยปญั ญา ปญั ญาเกดิ จากความคิด การวจิ ารณญาณเร่ืองทพ่ี บเห็น ๓. ภาวนามยปญั ญา ปัญญาเกดิ จากการริเกฝน การฟงั บอ่ ย ๆการทำใหช้ ำนาญหรอื การริเกฝนอบรมจนชำนาญ การทำบ่อย ๆ จนเกิดผลปรากฏเปน็ ปญั ญา ความรู้ทเี่ กิด1จากการทดลองหรอื ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว ปัญญาท่สี ามารถนำมาใช้แก้ปัญหาในชวี ติ ประจำวัน หมายถงึปัญญาช้อ ๓ ปัญญาท่เี กดิ จากการทดลองหรือผ่านการพสิ จู นม์ าแล้ว เป็นปญั ญาทเี่ กดิ ตอ่ จากการริเกสมาธินัน่ เอง เพราะก่อนท่ีปญั ญาจะเกดิ ขนึ้ ได้เราตอ้ งรเิ กสมาธิจนชำนาญหรอื ได้ผลเสียกอ่ น การร)ิ กสมาธิน้นั จะเกดิ ผลตามลำดบั ดงั กลา่ วมาแล้ว แต่ขอกลา่ วซ้ําอีก คอื อันดับแรก จะเกดิ สติ มีสติดี สติไมข่ าด เม่อื สตไิ มข่ าดสมาธจิ ะเกิดข้นึ ครน้ั สมาธิมีกำลังมากขนึ้ จนจิตสงบปัญญาก็จะเกิด ขณะทจ่ี ติ สงบ เราสามารถจะคดิ ด้นหรือคดิ แกป้ ญั หาอย่างใดอยา่ งหน่งึ ไดผ้ ลดกี วา่ ขณ ะทจ่ี ิตไม่สงบ ถ้าจติ ไม่สงบมกั จะคดิ ไมอ่ อกหรอื คดิ แกป้ ญั หาชีวติ ไมไ่ ด้ เรยี กตามภาษาพระวา่ ปัญญาไม่เกดิ เพราะฉะน้นัปญั ญาความรูค้ วามคดิ ดีๆ จะเกิดขึ้นหลงั จากจิตเปน็ สมาธิ คนทจ่ี ิตมีสมาธิจงึ เปน็ คนมเี หตมุ ผี ล มีหลกั การมหี ลกั เกณฑ์ ยดึ ความถูกต้องมากกว่าความ
สขุ ใจทีไ่ ด้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ิตที่ดงี ามถูกใจ เรยี กวา่ มปี ัญญา เพราะฉะนัน้ เมอ่ื มีปญั หาชีวิตหรอื อปุ สรรคชวี ติเกดิ ขึ้น เขายอ่ มสามารถแกป้ ัญหาชีวิตไดด้ ีกว่าคนอ่นื และการแกป้ ญั หาดว้ ยปญั ญาน้ันทางพระพทุ ธศาสนายดึ หลกั การทีว่ า่ “ปญั หาทุกอย่างท่ีเกิดขน้ึ ย่อมมสี าเหตหุ รอื ต้นเหตุ เราต้องตน้ หาต้นเหตุของปญั หานน้ั ใหพ้ บแลว้ แก้ปญั หาทตี่ ้นเหตนุ น้ั จงึ จะสามารถแก้ปัญหาไดถ้ กู ต้องและถกู จดุ ” น้ีเป็นลักษณะของการแก้ปญั หาแบบอรยิ สัจ๔ เป็นคุณธรรมระดบั ปญั ญา คอื ศกึ ษาให้รู้ขอ้ มูลและต้นเหตุแห่งทุกข์เสยี ก่อน จึงจะเวิธดี ับทุกข์ คือดบั ทีต่ ้นเหตุของมัน จงึ จะพน้ ทกุ ข์ การแก้ปญั หาแบบอริยสัจ ๔ สามารถนำมาประยกุ ตใ์ ช้แก้ปญั หาในชีวิตประจำวันได้เปน็ อยา่ งดี ลักษณะน้ีเป็นการแกป้ ัญหาดว้ ยปัญญา สรุปได้ว่า หากคนไทยสมยั ปจั จุบนั เช้าหาพระ ใกล้ชดิ พระศาสนาประพฤตปิ ฏิบตั ิธรรมมากกว่านี้ แลว้ นำเอาหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนามาชว่ ยแก้ปัญหาชวี ิต เป็นการ “แกป้ ญั หาชีวิตแบบพทุ ธ” หรอื “แก้ปัญหาชีวติ ดว้ ยธรรมะ” ดังกล่าวมาข้างต้น สงั คมไทยจะสงบสุขกว่าปัจจบุ นัอยา่ งแน่นอน ดังพระพทุ ธภาษติ ท่วี า่ ธมั มะจารี สขุ ัง เสติ แปลวา่ ผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยูอ่ ย่างมคี วามสขุ หมายความว่า ผ้ดู ำรงชีวิตด้วยธรรมะ แก้ปัญหาชีวติ ด้วยธรรมะ ยอ่ มอยอู่ ยา่ งมคี วามสขุ๘
สขุ 'ใจทใ่ี ต้อ่าน สารธรรมเพอื่ ชวี ิตทดี่ ีงาม โดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก “ สวรรค[นบ้าน” พดู ถงึ คำว่า สวรรค์ โดยความรสู้ กึ ของทุกคนก็คือ ดนิ แดนแหง่ความสขุ สบาย ดินแดนแหง่ ความรื่นรมย์ซ่งึ ใครๆ ต่างกป็ รารถนา ทำบญุทำทานครั้งใดก็อธษิ ฐานขอให่ไดม้ นุษยส์ มบัติ สวรรคส์ มบตั ิ นิพพานสมบตั ิกค็ ือหวังถึงความสุขสบาย หวงั ความรืน่ รมย์ให้แก่ชีวิตนนั่ เอง การจะหวงั สวรรค์ชั้นฟา้ หลงั จากตายไปแล้วดูเหมือนจะหวังไกลไปลักหน่อย จึงนา่ จะหันมาคดิ ว่า เราจะสร้างสวรรคบ์ นดินในขณะมชี วี ติเปน็ ๆ อยนู่ ี้จะไมด่ กี วา่ หรือ การท่ตี ัง้ หวั เร่อื งวา่ สวรรค์ไนบ้าน กเ็ พราะวา่ จดุ เริ่มต้นและจุดสนิ้ สดุ ของชีวิตประจำวันของมนุษยเ์ รา กค็ ือบ้าน หรอื พูดอกี อย่างหนึง่หลกั กโิ ลเมตรที่ ๐ (ศูนย์) ของชวี ิตเราก็คือบา้ น ถ้าเราออกจากบ้านไป ยงิ่ไกลออกไปเท่าไร หลกั กโิ ลเมตรของชีวติ ก็หา่ งออกไปมากเทา่ นน้ั และหลกักิโลเมตรหมายเลขศนู ย์ ซึง่ ถือว่าส้ินสดุ การเดนิ ทาง กค็ อื บา้ นน่ันแหละ ทนี ้บี ้านจะเปน็ วิมานไดถ้ ้าหากผ้อู ยอู่ าศยั เป็นเทวดา เพราะคำวา่วมิ าน ก็ดี, สวรรคก์ ็ดี เป็นท่อี ยขู่ องเทวดาท้ังน้ัน จงึ พอจะชี!้ หเ้ หน็ ในเบื้องต้นว่าสวรรค์ไนบา้ นจะเปน็ จริงขนมาไดก้ ต็ อ่ เม่ือผอู้ ยู่อาศยั เปน็ เทวดาหากบา้ นใหญโ่ ต, พนื้ ทก่ี วา้ งขวาง แตม่ พี วกอืน่ มาอยอู่ าศยั เชน่ มนุส.สเปโต คนเปรต, มนุส.สติรจ้ ฉาโน คนสัตว์, มนสุ สเนรยิโก คนผ,ี ถ้าพวกนม้ี าครอบครองอยใู่ นบา้ น บา้ นก็จะกลายเป็นแดนเถอ่ื นไป เปน็ ป่าชา้ ไป, เป็นชมุ นรกไปจะเหน็ ได้ว่า บ้านเล็กใหญไ่ ม1สำคัญ แตส่ ำคัญท่ีผู้อยอู่ าศัยที่จะบนั ดาลให้บา้ นเป็นสวรรค์ หรือเปน็ ชุมนรก เรามาพจิ ารณาถึงคนที่อย่ใู นบา้ นของเรา หันชา้ ย หนั ขวา มองหบ้า มองหลังไปดวู า่ มใื ครบ้าง ตัวเรา และคนรอบๆ ช้างนแี่ หละ คือผ้รู ว่ มบันดาลใหบ้ ้านเป็นวิมาน เปน็ สวรรคไ์ ด้ ๙
สขุ ใจทไี่ ด้อ่านสารธรรมเพอ่ื ขวี ิตที่ดีป๋'เม ลักษณะของครอบครวั ไทยมีองค์ประกอบท่สี ำคัญอยู่ ๗ ประการ คือ ๑. นบั ถอื พอ่ แม่ ปูยา่ ตายาย เป็นเหมือนเทวดา, เจดยี ป์ ระจำครอบครวั ๒. สามี ภรรยา เป็นหลักของครอบครวั ๓ . บุตร ธดิ า เป็นอนาคต, เป็นความหวังของครอบครวั ๔. ญาตพิ นี่ ้อง เปน็ ร่มเงาของครอบครัว ๕. เพ่ือนบา้ น เปน็ รวั้ , กำแพงของครอบครวั ๖. อาชีพ เป็นฐานะของครอบครัว ๗. ศีลธรรม เปน็ ทศิ ทางที่ถกู ตอ้ งของครอบครวั ก็พอจะมองเหน็ แลว้ ว่า ส่วนประกอบทจี่ ะทำให้เกดิ สวรรค์ในบา้ นน้นั มีใครบ้าง พ่อแม่ ปูยา่ ตายายหนง่ึ , สามภี รรยาหน่งึ , บตุ รธดิ าหนงึ่ , ญาติพ่นี ้องหนึง่ , เพื่อนบ้านหนง่ึ , อาชีพหนง่ึ และสดุ ทา้ ยสำคญั มากคอื ศีลธรรมส่งิ เหล่าน้แี หละจะบนั ดาลใหบ้ า้ นของเราเปน็ วิมานไต้ เพี่อจะใหท้ า่ นไต้เห็นภาพของบ้านและครอบครัวซดั เจนขึ้น คงตอ้ งพูดถึงผสู้ ร้างสวรรค์หลักของบา้ น คือ สามี-ภรรยา เสียก่อน ถอื เปน็จดุ เริ่มต้นของครอบครัวอยา่ งแทจ้ ริง เพราะสาม-ี ภรรยา มบี ุตรธดิ า ตวั เองก็กลายเป็นพ่อแม่, แก่เฒ่าชรา ก็เป็นปยู ่าตายาย, จงึ พูดไตว้ ่า บ้านเรม่ิ เป็นบ้านเป็นครอบครวั ข้ึนมา กเ็ รมิ่ จากมคี น ๒ คน คอื สามี-ภรรยา เปน็ หลกั เมื่อลามี-ภรรยาเปน็ หลกั สำคญั อยา่ งน้ี สังคมไทย ประเพณไี ทยจึงให ้ความ สำคญั แก' ก ารเล ือ กค ู'ค รองข องล ูก ห ลาน เป ็น พ ิเศ ษ หนมุ่ สาวแต่โบราณสมัยก่อนโนน้ จะรักชอบพอกันอย่างไร กต็ อ้ งพาไปใหผ้ ้ใู หญ่ไต้พิจารณาดกู ่อน บางทีบางรายกต็ ้องเอาวันเดอื นปเี กดิ ไปผกู ดวง ตรวจชะตาดูก่อนว่า จะไปกนั รอดไหม ถา้ เผื่อไมแ่ น่ไจก็ให้หมั้นกนั ไวก้ อ่ น ที่ใหห้ มัน้ กนัไว้ก่อนนั้น กไ็ มใช่อะไรหรอก เพอ่ี ใหม้ ีเวลาดูนิสัยใจคอกนั กอ่ นน่นั เอง เร่อื งน้ีคนไทยโบราณเราถอื เปน็ เรอ่ื งสำคญั สถติ ิการหยา่ รา้ งในยุคเก่าก่อนจึงมีน้อย๑๐
สุขใจท่ีได้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวิตทีด่ ีป๋าม กล่าวในฝา่ ยหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา วา่ หนุม่ สาวรกั กันจะครองรัก ครองคอู่ ยู่กนั ได้ตลอดน้ัน เกดิ จากการปรับตัวดว้ ยคณุ ธรรม ๔ประการ คอื ๑. สมสทั ธา แปลวา่ มศี รัทธา, ความเช่อื เหมอื นกนั หากจะแปลแบบสมัยใหม่ กต็ ้องว่ามรี สนิยมไปดว้ ยกนั ได้ เร่ืองของรสนยิ มเปน็ เรอ่ื งนานาจิตตัง คอื ตา่ งคนต่างคดิ ตา่ งคนตา่ งชอบ ความชอบทีไ่ ม่เหมอื นกนัย่อมนำมาซง่ึ ความขัดแย้ง จึงต้องปรับตัวปรบั ใจเพอ่ื ใหเ้ ข้ากนั ให้ได้ ซงึ่แนน่ อน หนมุ่ สาวยามรักชอบกนั ใหม่ ๆ มกั ไมม่ ีปญั หา ต่างโอนออ่ นให้แก่กันและกัน แตพ่ อนานๆ ไป พอรักเริ่มจาง ความโอนออ่ นผอ่ นตามก็ลดนอ้ ยลงไป ความเกรงอกเกรงใจซึ่งกนั และกนั กห็ ดหายไปดว้ ย รสนยิ มท่ีไม่เหมอื นกนั จะก่อใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ เมื่อเกิดความขัดแย้งบ่อยๆ เข้าก็จะเบ่อื แล้วสรปุ วา่ ทัศนะของเราไมต่ รงกัน ๒. สมสลี า แปลว่า มศี ีลเสมอกัน ความหมายก็คอื มีความประพฤติเหมือนกนั ข้อนไี้ มใช่ทศั นคติ แต่เป็นเรอ่ื งของการวางตัว เรื่องความประพฤติ ค่หู นุ่มสาวจะอยู่กันไดย้ ืด ถ้ามีความประพฤติเหมือนๆ กันเชน่ ชอบทำบญุ กช็ อบเหมอื นกันชอบเท่ยี ว ชอบเลน่ อะไรที่เหมือนๆ กันภาษาสมยั ใหมอ่ าจเรยี กว่า อยูว่ งการเดยี วกันเข้าใจกนั ง่าย เห็นใจกนั งา่ ยจึงครองค่กู ันราบรื่น ต. สมจาคา แปลว่า เลียสละเหมอื นๆ กนั , ไมเ่ ห็นแก,ตัวขอ้ นี้อยากจะแปลเอาความหมายว่า ใจถึงพอ ๆ กัน คำว่า ใจถึง ดเู ป็นนกั เลงดี เพราะการครองชวี ิตคู่ ก็คือหุ้นสว่ นชวี ิตของกนั และกนั ดังนน้ั จึงต้องมีการลงทนุ คือการเสยี สละใหพ้ อ ๆ กนั ฝ่ายใดฝ่ายหนง่ึ เอาเปรยี บกันเกนิ ไปก็นำไปสคู่ วามขดั แยง้ เช่นกัน ๔. สมปัญญา แปลวา่ มีปญั ญาเสมอกันหรอื จะพดู วา่ “พูดกนัรู้เรื่อง” ก็ได้ (5)(รฺ)
สุขใจทไี่ ด้อ่านสารธรรมเพ่ือชีวิตที่สืงาม คำว่า พูดกนั รเู้ ร่อื ง น้ีมคี วามหมายลกึ ซ้ึงมาก เม่ือเทยี บกบั คำวา่ -พูดกนั ไม่รู้เร่ือง - ปญั ญา แปลว่ารู้ ความรู้นมี้ ใิ ช่คณุ วฒุ ทิ างด้านปริญญาหรือประกาศนยี บตั ร แต่หมายถึงความเปน็ คนมเี หตุมผี ล ไมเ่ อาแต่ใจ, รู้จักควบคมุ อารมณ์ รจู้ ักกาลเทศะ, รู้จกั ผ่อนหนักผ่อนเบา - ความรู้อันนีแ้ หละทำให้การครองชีวิตคู่อยู่กนั ยดื มคี ำพดู วา่ คู่แต่งงาน หรอื ค่คู รองทีเ่ หมาะสมทสี่ ุดในโลก คอื หญงิเปน็ ให,้ ชายหูหนวก หมายความว่าอยา่ งไร หมายความวา่ สามี-ภรรยาน้นัเมือ่ ครองค่อู ยใู นบา้ นเป็นสวรรค์อยรู่ ะยะหนึง่ หลังจากน้นั อาจจะหลายปี ภรรยาบางคนอาจจะเร่มื พูดมากข้ึนและการพดู มาก พูดบ่อยๆ ในเร่ืองเดมิ ๆ เขาเรยี กวา่ ขบี้ ่น จู้จ้ถี ้าชายหดู ี ไดย้ นิ แลว้ กร็ ำคาญ จะเถียงกนั กเ็ สียบรรยากาศ บางทพี ดู แลว้ พดู อีก จนถึงขัน้ พูดกันไมร่ ูเ้ ร่อื งอย่างทีว่ ่าน่นั แหละดังน้นั หญงิ ให้ ชายหนวก จงึ เปน็ คู่ครองทเี่ หมาะสมท่สี ดุ แต่เรอื่ งอย่างนี้สามารถแก็ไขกันได ้ ไม,ใช่เปน็ เรอ่ื งที่เหลอื วิสยัเพยี งแต่หันหน้าเขา้ หากันและปรบั ปรงุ ดว้ ยการประพฤติธรรมใหเ้ สมอกนัในข้อข้างดน้ ทีพ่ ดู ถึงแล้ว คือ ๑. ตอ้ งปรับรสนิยม ใหไปด้วยกันได้ ๒. ต้องปรบั ความประพฤติ การวางตัวเสียใหม่ ถา้ มันยงั ไม่ดี ๓. ต้องปรบั หัดเป็นคนใจกวา้ ง อยา่ ใจคบั แคบ เอือ้ เพเ้ื อเผ่อื แผ่ ๔. ต้องปรับใจใหร้ จู้ กั ความสงบเยน็ มีเหตุมผี ล รูต้ น รปู้ ระมาณร้กู าลเวลา ถา้ ปรับได้อย่างน้ี ชวี ติ ในครอบครวั ก็สงบสขุมีผูข้ ยันทำข้อมูล เขาทำตารางค่สู ามี - ภรรยา วา่ มีลักษณะ ๔ คู่๑. สามี เปน็ เทวดา ภรรยา เป็นผี๒. สามี เปน็ ผี ภรรยา เปน็ เทวดา๓ . สามี เปน็ ผี ภรรยา เปน็ ผี๔. สามี เป็นเทวดา ภรรยา เปน็ เทวดา
สฃใจท่ีได้อ่าน สารธรรมเพ่ือชวี ิตทีด่ ีป๋าม จากคูท่ '่ี จบั 1ใว'้ นี้ จะเหน็ ได้ว่า สามเี ป็นเทวดา - คอื ดี, ภรรยาเป็นผี - คือเลว สามีเปน็ ผี และฝา่ ยภรรยาเป็นเทวดา - กค็ อื การมคี ณุ ธรรมไม,สม่าํ เสมอกนั นั่นเอง เม่ือคณุ ธรรมไมเ่ สมอเหมอื นกัน ก็ตอ้ งปรบั อยา่ งทีว่ ่าแลว้ มฉิ ะนนั้ ความขัดแย้งในเรอื่ งต่างๆ ย่อมเกิดขน้ึ ไดเ้ สมอ ย่ิงคูท่ ่ี ๓ทีว่ ่า สามเี ป็นผี ภรรยากเ็ ปน็ ผดี ว้ ย อนั น้ถี อื วา่ ไปกันได้ แตไ่ ปในทางวิบัติในทางไม่ดี, ภรรยาปากไว, สามีเท้าไว อยา่ งที่เขาพูดวา่ ผวั ดุ เมียรา้ ยตา่ งส่ายตา่ งซัด, ตีศอกตอกหมดั กันลา้ ละหว่นั , ผเี รอื นตกใจหนีไกลจากบาั นสาปแชง่ ใหม้ ันระยำอัปรยี ์, ทำมาหากินไม่มีวนั เจริญ ไอพ้ วกเพลดิ เพลินผัวผีเมียผ,ี ถึงมีลูก ลกู มันกพ็ ลอยไมด่ ี, เพราะพ่อแมม่ ันเป็นผตี ้งั แตย่ งั ไม่ตาย...สรุปวา่ บ้านเปน็ ปา่ ชา้ - ไมใชว่ ิมาน เพราะคนอยู่มนั เปน็ ผี สว่ นค่ทู ี่ ๔ ทวี่ า่ สามเี ปน็ เทวดา - ภรรยาเปน็ เทวดา คอื เป็นเทวดาทัง้ คู่ น่ีแหละบ้านจงึ จะเปน็ สวรรค์เป็นวมิ านขนึ้ มาได้ สรุปว่า สวรรคไ์ นบ้าน เกดิ ขน้ึ เป็นจรงิ ขน้ึ มาได้ด้วยคสู่ ามี-ภรรยาคนอาศยั อยใู่ นบา้ นประพฤติธรรม ที่ทำใหเ้ ป็นเทวดาคอื มหี ิริ ความละอายต่อความชัว่ โอตตปั ปะ เกรงกลัวต่อบาปกรรม และสามีภรรยาจะเปน็ เทวดาจริงขนาดไหน มจี ุดตรวจสอบ (0เา60^ เวอเกไ) อยู่ตรงทห่ี นา้ ท่ี พระพทุ ธศาสนาได้กำหนดหน้าท่ใี ห้สามภี รรยาปฏบิ ัติ ฝา่ ยละ ๕ ข้อ คอื วา่ ฝ่ายสามีก่อน ท่านว่าเปน็ คำกลอนไว้ตังนี้สามีดีมีหา้ ทา่ นวา่ ไว้ หนงึ่ เอาใจยกยอ่ งประคองขวัญสองไมด่ ูหมนิ่ ภรรยาให้จาบลั ย์ สามผกู พนั รักใครไ่ มจ่ ดื จางสี่มอบความเป็นใหญ่ภายในหับ ห้ามอบเคร่อื งประตบั สำหรับร่างสมบตั ิห้ามคี รบจบไมจ่ าง เป็นเย่ยี งอยา่ งยอดสามีดีนักเอยฝ่ายภรรยากม็ หี น้าท่ี ๕ อยา่ งเหมอื นกัน ท่านวา่ เปน็ คำกลอนไว้ ๑๓
สขุ ใจทไี่ ด้อา่ นสารธรรมเพื่อชีวิตทดี่ ปี า้ ม ภรรยาดีมีหา้ ทา่ นว่าไว้ หนึ่งเขา้ ใจจดั งานการเคหา สองสงเคราะห์เพือ่ นผัว - ตัวไปมา สามเสน่หาสามีไม่นอกใจ ลร่ี กั ษาทรพั ย็ไว้มใี ห้ขาด ห้าหม่ันปัดกวาดบ้านเรือนไม่เชอื นไถล สมบตั หิ า้ ถา้ มีสตรใี ด เธอทำไดน้ บั ว่าเลิศประเสริฐเอย จงึ เปน็ อนั ว่า ถ้าสามี - ภรรยาคใู ด ประพฤตธิ รรมะและทำหนา้ ที่ของตนให้สมบูรณ์แล้ว สามี - ภรรยาคู่นั้น ก็เหมือนกับเปน็ เทวดา คอืดีเยีย่ ม เมอ่ื ผูอ้ ยูบ่ า้ นเป็นเทวดา บ้านกเ็ ป็นสวรรค์ มแี ต่บรรยากาศแหง่ ความสขุ สบาย และรื่นรมย์
สุขใจทีไ่ ด้อา่ น สารธรรมเพื่อชวี ติ ทคี่ งี าม โดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ คบเบรกแตก” รถยนต์คันสวยๆ ยห่ี อ้ ดีๆราคาแพงๆ แตถ่ า้ ไม1มเี บรก เบรกแตกเบรกเสยี หรอื เบรกชำรดุ ใชก้ ารไม่ได้ ยอ่ มไม่มใี ครเขาต้องการขบั แม้จะให้ขับเลน่ เฉยๆ เปล่าๆ กค็ งไมม่ ีใครเขาเอาแน่ เพราะมันไมม่ คี วามปลอดภัยหม่นิ เหมต่ อ่ อันตราย ดังน้นั เคร่อื งยนต์กลไกตา่ งๆ ท่ีสรา้ งข้ึนมาดว้ ยวทิ ยาการแผนใหม่ อนั เป็นผลติ ผลของวิทยาศาสตร์ ซงึ่ มี'จำนวนมากมายหลายชนดิ จนนบั ไม่ถ้วน ลว้ นแตเ่ ปน็ ประดิษฐกรรมที่มนษุ ย์คดิ ขึ้นมา เพอ่ือำนวยความสะดวกในดา้ นต่าง ๆ เครื่องยนต์กลไกท่สี รา้ งกนั ขึ้นมานนั้ผู้สร้างผปู้ ระดิษฐก์ พ็ ากันคิดอย่างรอบคอบทส่ี ุด ในอนั ทจ่ี ะให้เกิดความปลอดภัยแกผ่ ู!้ ชใ้ หม้ ากที่สุดท่จี ะมากได้ ยวดยานพาหนะและเครอื่ งจกั รกลทกุ ประเภท เราจะสงั เกตเห็นวา่ ผสู รา้ งผ'้ ประดษิ ฐ์เขาคดิ ทำเครื่องห้าม'ไวใ้ ห้ชุ่ ‘บ่ 'บ่ 43ท้ังนั้น แม้กระทัง่ การเดินสายไฟฟ้า ประปา ก็มีเครือ่ งห้ามท่กี น้ั ท่ีเปดิ -ปดิเพ่อื ใช้ในกรณกี ารรั่วไหล การซ่อมแซม มีท้ังเครอื่ งห้ามโดยอัตโนมตั ิ และเครอ่ื งห้ามทผี่ ู้!ช้ด้องหา้ มในคราวจำเป็น ทัง้ นี้ กเ็ พ่ือใหเ้ กดิ ความปลอดภยันั่นเอง ตวั อย่างรถยนต์ เขากท็ ำเบรกไว่ให้ เพ่ือใชห้ า้ มรถไมให้ว็ง่ เถลไถลออกนอกเส้นทาง หรอื แล่นไมห่ ยุด จนเปน็ เหตุก่อให้เกิดอนั ตรายแก่คนใช้และสาธารณซน หรอื เพ่ือชะลอการวง่ิ ให้ชา้ ในท่ีควรช้า รถยนตท์ ุกชนดิทกุ ประเภทและทกุ ย่ีหอ้ ท่ีคนขบั กนั ขวกั ไขว่อยู่ตามถนนหนทางเหมือนกับมดกับปลวกนน้ั ถา้ หากไมม่ ีห้ามลอ้ กนั แลว้ กค็ งสนกุ กันนา่ ดู คงจะชนกนัและรถก็จะติดจนถนนไม่มีประโยชนอ์ ะไร ดซู ิ......... ขนาดมีหา้ มล้อไวใิ หแ้ ลว้วันหนงึ่ ๆ ก็ยังเกดิ อุบัตเิ หตุบนทอ้ งถนนจำนวนมากมาย คนตายเพราะเหตุรถควา รถซนกนั บนถนน วนั หนง่ึ ๆ ถา้ นับรวมกนั ท่ัวโลก อาจจะเป็นจำนวนพนัจำนวนหมนิ่ หรอื ไมก่ อ็ าจจะเปน็ จำนวนแสนก็ได้ เครอื่ งบินบนิ อยทู่ ้องฟ้าก็อตุ ส่าห์ชนกันได้ เพราะคนใช้ไม่ห้ามเคร่ือง หมดเปลืองชวี ติ กันคราวละหลาย
สุขใจทไ่ี ดอ้ า่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ติ ที่ดงี ามร้อยคน เรือชนกนั กลางทะเลลึกไม่นกึ ว่าจะเปน็ ไปได้ แตก่ ็เกิดขึน้ ไดเ้ พราะความประมาทของคน รวมความแลว้ อะไรๆ มันก็อยู่ท่ีคนทัง้ น้ัน ยวดยานพาหนะแม้จะมเี บรกดี แตล่ ้าคนขับคนข่ีเปน็ คนเบรกแตก มนั กแ็ หลกไมม่ ีช้นิ ดี ดว้ ยเหตุน้ี หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาลนา พระพุทธเจ้าจงึ ทรงสอนคนเราใหใ้ ชส้ ตใิ นทีท่ กุ สถาน และในกาลทุกเมอื่ ไมว่ ่าคนเราจะอย่ใู นฐานะภาวะและหนา้ ทอี่ ะไรกต็ าม ตอ้ งมีสติคอยกำกับควบคุมตลอดเวลา ขาดสติเมื่อไร น่ันคือความไม่ปลอดภัยในชวี ิต เครอ่ื งยนต์กลไกจะมคี วามปลอดภัยกอ็ ยทู่ หี่ า้ มล้อ ลา้ หากปราศจากหา้ มล้อคอื เบรกแลว้ เครื่องยนตก์ ลไกเหล่าน้นัก็ไมม่ คี วามหมาย เพราะมนั หม่นื เหมอ่ ันตรายเหลอื ทีจ่ ะพรรณนา เบรกหรอื ห้ามล้อมีความสำคญั ต่อเครอื่ งยนตก์ ลไกฉนั ใด สตกิ ็มคี วามสำคญั ตอ่คนเราฉนั นัน้ สตถิ ือเอาความงา่ ย ๆ กค็ อื เคร่ืองห้าม (เบรก) น่ันเอง “สติ เตส0นวิ ารณ”ํ สติ คอื เครอื่ งห้ามและเคร่อื งปอ้ งกัน มนษุ ย์เราเมอ่ื ธรรมชาตสิ รา้ งมาแลว้ ธรรมชาติกใ็ หเ้ ครือ่ งหา้ มมาด้วยโดยอตั โนมัติ น่นั คือ สติ ทัง้ นี้ ก็เพื่อใหม้ นษุ ยเ์ ราใช้สติเปน็ เครือ่ งมือในการดำเนนิ ชีวติ ชีวติ จะมคี วามปลอดภยัเดินไปด้วยความราบรนื่ กข็ ้นึ อยู่กับสติตวั เดียวเท่าน้ัน พระพทุ ธองค์ทรงเตือนภิกษทุ ้ังหลายวา่ “ภิกษุท้งั หลาย ธรรมะคำสอนของเราทัง้ หมด รวมลงทคี่ วามไมป่ ระมาท คอื สติ เม่ือมสี ติดีแล้ว ธรรมะอน่ื ๆ ทีย่ งั ไม่เกิดก็เกิดขึน้ ท่ีเกดิ แล้วกเ็ จรญิ ยิง่ ขึน้ ล้าประมาทขาดสติ ธรรมะทยี่ งั ไมเ่ กดิ ก็ไมเ่ กิดข้นึที่เกดิ แลว้ ก็เลอื่ มไป หมายความวา่ คนเราสำคญั อยูท่ ่ีสติ เม่อื คนเรามสี ติดแี ล้ว การทำ การพดู การคดิ ทีเ่ คยบกพร่องผดิ พลาดมาแต่กอ่ นก็หมดไปความผิดใหมก่ ็ไม่เกิดขน้ึ ส่วนความดีท่ียงั ไมเ่ กิดกเ็ กดิ ข้ึน ความดีที่มีอยแู่ ลว้กเ็ จริญ ยิ่งๆ ขึ้น สตเิ ปน็ หลักประกันชีวติ อนั แนน่ อนม่นั คง ดงั นั้น คนเราทุกคนไม่ว่าเดก็ หรอื ผูใ้ หญ่ อยใู่ นฐานะ ภาวะ หนา้ ทอ่ี ะไร ควรตง้ั ใจปลูกผงิสตใิ หม้ ขี น้ึ ในลันดาน จะได้เป็นเครอื่ งดา้ นทานปอ้ งกนั ไม่ให้ความชั่วรว่ั ไหลเขา้ ไปสู่จติ ชวี ิตจะพบกับความสว่าง ลา้ มีสติเปน็ เครื่องนำทาง
สุขใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพื่อชีวิตที่ดงี าม วิธีเพาะปลกู สติ ถือหลกั งา่ ยๆ วา่ กอ่ นจะทำ จะพดู จะคิด จะประกอบกิจอะไรลงไป ตอ้ งใช้สตอิ อกหน้า คือระวงั หน้า ระวังหลงั หยั่งถึงผลไต้ผลเสยี ใหร้ อบคอบ อย่าผลุนผลนั พลันแลน่ หรือวูว่ ามไปตามอารมณ์ก็เหมือนกับเราจะใชร้ ถ ใช้เรืออยา่ งนั้นแหละ ก่อนอน่ื เราก็ต้องตรวจตราดเู ครือ่ งใหด้ เี สยี กอ่ น โดยเฉพาะก็คือเบรก ถ้าเห็นวา่ ทุกอย่างเรยี บรอ้ ยดีจึงค่อยใช้ ถา้ พบวา่ สว่ นไหนบกพร่องก็ปรับเสยี ใหเ้ ชา้ ที่ หรอื เห็นว่ามนั จะไม่ปลอดภยั ก็เลิกใชเ้ สยี วิธเี พาะปลกู สตใิ ห้ดี ก็ตอ้ งใซวธิ ีสำรวจตรวจตราตัวเองตลอดเวลา ไมว่ า่ จะทำอะไรอยทู่ ีไ่ หน จะเคลือ่ นไหว จะนง่ั จะนอนจะยนื จะเดนิ ตอ้ งมืสตคิ อยกำกับควบคุมทุกอริ ยิ าบถ เมอ่ื แกหดั ใชส้ ตบิ อ่ ย ๆสมื่าเสมอ สติก็จะมีกำลงั กล้า สามารถสกัดนัน้ ไม่ให้เกดิ ความบกพรอ่ งผดิ พลาดข้ึนในชีวิต เปน็ อตั โนมตั ิ เหมอื นหางเสือควบคุมเรือให้แล่นตรงไปยังจุดหมายปลายทางดว้ ยความปลอดภัย จติ ใจของคนเราโดยธรรมชาติแลว้ มันกเ็ หมอื นกับรถกบั เรอื อย่างนั้นแหละ รถเรอื ถา้ ไม่มีเคร่อื งห้ามมันก็จะแล่นเตลิดเปดิ เปงิ ไปไมร่ จู้ ักหยดุ และไมม่ จื ดุ หมายปลายทางดว้ ย แล้วแตเ่ คร่ืองยนต์จะผลักดนั ไป จิตใจกเ็ หมือนกัน ถา้ 1ไมม่ สี ติเป็นเครือ่ งควบคุมแลว้ จติ ก็จะคิดเรอื่ ยเปีอยไปตามอารมณ์ชักจงู คดิ แลว้ หยุดไม่เปน็ จนกลายเป็นคนคิดมาก เร่อื งที่คดิ กล็ ้วนแล้วแตไ่ มม่ สี าระประโยชน์ มแื ต่เรอื่ งท่ใี ห้โทษเป็นพษิ เปน็ ภยั ตอ่ จิตใจ เร่ืองต้ังแต่เม่อื ไรก็เก็บเอามาคิด เข้าลักษณะ “คิดสรา้ งวิมานบนอากาศอันเป็นสมบัติบ้าพาตวั มัวหมอง\"บางคนก็คดิ เสียจนไดส้ มญานามวา่ “คนบา้ คดิ ” กลายเป็นคนเบรกแตกในด้านความคดิ เลยไปอยปู่ ราสาทโรคจติ กนั เปน็ แถว จิตของคนเรานนั้ มีลกั ษณะ - ดิ้นรน, กวัดแกว่ง, กลบั กลอก, - รกั ษายาก, หา้ มได้ยาก, ชอบคดิ ไปไกล, - ไม่มีขอบเขต, เป็นเอกเทศ, ชอบไปดวงเดยี ว, - ไม่มรี ูปร่างหนา้ ตา, อาศยั อย่ใู นถก คอื รา่ งกาย
สขุ ใจทีไ่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่อื ชวี ติ ทีด่ ีงาม ด้วยเหตุที่จติ มลี ักษณะดงั กล่าวน้ีแหละ จงึ จำเป็นต้องมสี ตคิ อยกำกับควบคมุ อยทู่ กุ ขณะ จิตกจ็ ะหายจากพยศหมดความดิ้นรนกวัดแกวง่กลับเปน็ จติ ท่ีหนกั แนน่ มน่ั คง ดำรงอยู่ในสภาพแหง่ ความสงบ อนั เปน็ลกั ษณะแห่งสมาธิ เม่อื จติ สงบกจ็ ะพบกับความสวา่ ง เป็นทางนำไปส่ปู ัญญาเปน็ การแกป้ ญั หาภายในจติ ใจใหห้ มดไป ปัญหาต่างๆ ซ่งึ เกดิ ขึน้ กบั คนเราส่วนใหญ่ก็มาจากจติ ใจทข่ี าดสตินัน่ เอง เพราะจติ มีหนัาท่ีในการรบั อารมณ์อารมณ์ทผี่ า่ นเข้ามาทาง ตา, หู, จมกู , ลนิ้ , กาย, ใจ, กถ็ กู ล่งรวมเขา้ ไปท่จี ติแห่งเดียวเมื่อจิตรบั อารมณ์มากๆ เข้าก็หวัน่ ไหวไปตามอารมณ์อารมณ์ฝ่ายไหนแรงก็ไหวไปตามอารมณ์ฝ่ายนั้น หนัก ๆ เข้าปญั หาต่าง ๆ ก็ตามมา เชน่อารมณท์ ่ยี ั่วใหโ้ กรธ ก็โกรธเปน็ ฟ้นเปน็ ไฟ อดกลิน้ ไมไ่ หวกป็ ระหัตประหารล้างผลาญซ่ึงกนั และกนั พอล้างผลาญกนั ปัญหาอน่ื กต็ ามมาเป็นลกู โซ่ เกดิกอ้ ยเป็นความเสียเงนิ เสียทองฟ้องรอ้ งกันตดิ คุกเข้าตะราง เดือดรอ้ นกนั ไมม่ ีวนั ล้นิ สดุ .....นดี่ อื ตัวอย่างจิตใจที่ขาดสตคิ วบคมุ เรอ่ื งเล็กก็กลายเป็นเร่อื งไมม่ เี รื่องก็แส่หาเร่อื ง ไมม่ ปี ญั หากส็ รา้ งปัญหาข้นึ มาเอง เป็นประเภทพวกอยไู่ ม่เปน็ สุข ชอบหาเหาใส่หัวตัวเอง และสร้างปญั หาผกู มดั ตัวเองเหมอื นใยแมงมมุ จนหาเง่ือนหาปมไมเ่ จอพอเผลอสรา้ งปัญหาใหแ้ กต่ วั เองมากๆเข้าก็น่งั เศร้านอนซมึ โทษโนน่ โทษน่ีโทษผโี ทษคน บ่นอะไรสารพัด ลืมถนดัวา่ ตัวเองผกู มัดตวั เอง.....? ถา้ หากคนเรามีสติเสยี อย่าง ปัญหาตา่ งๆ กย็ ากท่ีจะเกดิ ข้นึ ได้หรอื ถา้ เกิดขึ้นมาก็มีปญั ญาแกไ่ ขง่าย ไมถ่ ึงกบั กลายเปน็ ปญั หายงุ่ ยากจนแกไ่ ขไม่ไหว เพ ราะจติ ใจของคนท่ีมีสติคอยควบคมุ น ้นั ยอ่ มไม่หวั่นไหวไปตามเรือ่ งราวทเี่ ราประสบพบเหน็ เหมอื นศลิ าแท่งทึบไม่หวน่ั ไหวไปตามลมทีพ่ ัดมาจากทศิ ตา่ งๆ ฉะน้ัน ปจั จุบันทกุ วนั น้ี เราทา่ นทัง้ หลายจะสงั เกตเห็นวา่ ทกุ หนทกุ แห่งเกลื่อนกล่นไปด้วยคนเบรกแตก ขาดความยับยัง้ ชัง่ จติ อะไรนิดอะไรหนอ่ ยกค็ อยแตจ่ ะหาเร่ืองทะเลาะกัน ต่างฝ่ายตา่ งก็มที ฐิ ิมานะ เอาชนะกันด้วยกเิ ลส กอ่ เหตุวนุ่ วายกนั ไปทุกวงการ รถเบรกแตก เบรกเสยี แม้จะเป็นพษิ
สุขใจทไ่ี ด้อา่ น สารธรรมเพ่ือชวี ติ ท่ดี งี ามเปน็ ภัยอยา่ งไร กย็ ังไม่ร้ายเทา่ กบั คนเบรกแตก คนเบรกแตกเข้าท่ไี หนวุน่ วายที่น่นั การประชมุ ปรกึ ษาหารือกันเก่ียวกบั ปญั หาต่าง ๆ ถ้าผ้ทู ีเ่ 'ข้ารว่ มประชุมพจิ ารณาปญั หากันด้วยสตปิ ัญญา ความรอบคอบ ตอบข้อข้องใจกันด้วยเหตผุ ล ไมใชอ้ ารมณห์ รือเอาข้างเข้าถแู ลว้ การพิจารณาปัญหาตา่ งๆ กจ็ ะได้ขอ้ ยตุ อิ ันเปน็ ท่ีน่าพอใจของทุกฝา่ ย แตก่ ห็ ายากไม่ว่าในทไ่ี หนๆ สว่ นใหญ่มกั จะมีพวกเบรกแตกเข้าไปมบี ทบาทอยดู่ ้วยทกุ หนทุกแห่ง แม้แตใ่ นการประชุมขององคก์ ารโลก กม็ ีพวกเหลา่ นเ้ี ข้าไปปะปนอยู่ด้วย บางทถี ึงกับซกตีตอ่ ยกนั ในสภาพทท่ี รงเกยี รตกิ ็มี หรอื ไมก่ เ็ ดินหนีเอาดือ้ ๆ อย่างนัน้แหละ ใครจะทำไม ? น่ีแหละ คือฤทธ้ีของพวกเบรกแตกล่ะ ด้วยเหตุน้ี คำกล่าวทวี่ ่า ทกุ วนั นี้ ทกุ หนทุกแห่งเกลื่อนกลน่ ไปด้วยคนเบรกแตกน้นั จึงเปน็คำกลา่ วทไ่ี มเ่ กนิ ความจริงเทา่ ไรนกั เพอ่ื ความปลอดภัยในสังคมที่อย่รู ว่ มกัน ป้องกนั ความบกพรอ่ งผิดพลาดไมให้เกดิ ขึน้ ในการดำเนินชวี ติ เราทา่ นทัง้ หลายจึงควรใชส้ ติเป็นเครื่องนำทาง ประกอบกิจการทกุ อยา่ งด้วยความรอบคอบ “ไม1ควรดว่ นก็อยา่ ด่วนไม่ควรรอ้ นก็อย่ารอ้ น รอ้ นนกั มกั ไหม้ไวนักมกั พลาด ต้องฉลาดในการดำเนินชวี ิต” ผดิ แล้วเรียกคนื ไมไ่ ดข้ อมอบสตีใหแ้ ก่ทกุ ฝ่าย เพือ่ นำไปใชเ้ ตอื นใจให้เปน็ คนโดยสมบรู ณ์ฯ ๑๙
สุขใจท่ีได้อ่านสารธรรมเพอื่ ชีวิตท่ดี ง้ ามโดย....คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบก “ ผ ุทธศาสนากับสุขภาผ” ปญั หาของคนปัจจบุ ัน ซึ่งเป็นปญั หาใหญ่ปัญหาหน่ึง ไมแ่ พ้ปัญหาอน่ื ๆ เลย นน่ั คอื ปญั หาสุขภาพ พระพทุ ธเจา้ ตรัสว่า อาโรคยา ปรมา ลาภาความไมม่ ีโรค เป็นลาภอนั ประเสริฐ ซง่ึ เป็นสจั ธรรมท่ลี ามารถพสี ูจนไ็ ตท้ ุกยคุทกุ สมยั โรคทุกชนิดบนั่ ทอนสุขภาพของคน สุดทา้ ยทำลายชวี ิตให้สญู สน้ิ ไปกอ่ นเวลาอันสมควร ท่ีเปน็ ดงั นน้ั เพราะเราไมร่ ะวงั รักษาสขุ ภาพของตนเองแม้พระพุทธองค์จะตรัสยืนยันว่า นตถฺ ิ อตฺตสม0 เปมํ ความรกั เสมอด้วยรักตนไมม่ ี แต่อาจจะเป็นเพราะการรักตนนนั่ เอง กลับเป็นการทำลายชีวติของตนโดยรู้เท่าไม,ถงึ การณ์ ดงั นน้ั ผ้รู กั ตน จึงตอ้ งระมัดระวังมีสตเิ ตือนตนอยูในกฎระเบยี บวนิ ยั ผู้ด้องการสขุ ภาพตอ้ งมีกฎปฏบิ ตั ิในชวี ิตประจำวันสมาเสมอ ท่านผ้รู ู้กล่าววา่ สขุ ภาพของคนจะตไื ต้ตอ้ งประกอบด้วยหลักการ ๕ ประการ คืออาหาร, อารมณ,์ ออกกำลังกาย, อากาศ และอจุ จาระ กฎประการท่ี ๑ พระพุทธเจา้ ตรัสรบั รองว่า สพเฺ พ สตตา อาหารฏฐกิ าสตั วท์ กุ ชนดิ ดำรงตนอยู่ไต้ด้วยอาหาร แตไ่ มไ่ ต้หมายความว่า เรากินโดยไมเ่ ลือก ไม่ระมดั ระวัง ไม่สำรวมในการกนิ กินไต้แต่ตอ้ งมี โภชเน มตตุ ณฺณตุ ารจู้ ักประมาณในการกิน ถามวา่ พุทธศาสนามที ศั นะในการกินอย่างไร ตอบว่า ในหลักแห่งอปณั กปฏิปทา กลา่ ววา่ พุทธสาวกจะกินอาหารต้องมี โภชเน มตั ตัญณุตารจู้ ักประมาณในการกิน กินพอดี ๆ ไมอ่ ่มื เกินไป หลายคนสงสัยว่ากนิ ขนาดไหน จงึ จัดว่ากินพอประมาณ ข้อน้ี พระพุทธองค็ใหห้ ลกั การไว้ว่า ขณะที่กำลงั บรโิ ภคตง้ั สติ รตู้ วั ว่าเมอื่ เราบรโิ ภคอาหารอีกประมาณ ๔ - ๕ คำ กจ็ ะอมิ่ แล้ว ก็ให้หยุดเพียงแคน่ นั้ แล้วดม่ื นํา้ ตามไป ก็จะรู้สึกพอดี น่นั แหละคอื
สุขใจท่ไี ด้อา่ น สารธรรมเพ่อื ชวี ิตทดี่ ปี ๋ามโภชะเน มัตตัญณุตา ในเรื่องอนั ตรายของภกิ ษุใหม่ กลา่ วว่า อันตรายจะเกดิ แกภ่ ิกษใุ หม่ ๔ ประการ ประการหนึง่ คือ การเปน็ ผูเ้ ห็นแก,ปากแกท่ อ้ ง เห็นแก,กนิ กินทุกอยา่ งทข่ี วางหนา้ ไมม่ ีการสำรวมระวัง จนเปน็ อันตรายตอ่ พรหมจรรย์เป็นอนั ตรายต่อชีวิต ในปาริสุทธิ ๔ ระบุว่า ปัจจัยปัจเวกขณะ คอื การพจิ ารณาปจั จัย ๔ อยา่ งกอ่ นใชส้ อย เปน็ ทางแหง่ ความปลอดภยั บรสิ ุทธี้ปจั จยั ๔ คอื อะไร? คือ อาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ท่ีอยู่อาศัย และยารกั ษาโรคการพิจารณาที่กลา่ วถึงน้ี มีจุดประสงคใํ ห็ใชส้ อย กนิ ทค่ี ณุ คา่ ของอาหารไมใชค่ า่ นิยม โดยมีหลกั การสำรวมระวงั ไมใ่ ห้เกดิ เป็นพิษภยั ต่อสุขภาพ ต่อการประพฤติพรหมจรรย์ จงึ ตอ้ งมี ลญั ญโม จะ ภัตตสั สะมิง ความสำรวมในอาหารการกิน คือกินพอประมาณไมม่ ากไมน่ อ้ ย โดยมีหลักวา่ กนิ เพ่อื มีกำลงั ปฏิบตั ธิ รรม ไมใชเ่ พือ่ ความสุขสมบรู ณ์อว้ นพี สิกขาบทขอ้ วกิ าละใภชน้ ห้ามบริโภคในยามวกิ าล ทา่ นมีจุดประสงคอ์ ะไร? จงึ บัญญัตสิ กิ ขาบทขอ้ นี้ไวั สนั นิษฐานวา่ เพื่อไมให้เปน็ภาระในการจดั หาอาหาร และภิกษไุ มต่ อ้ งใชก้ ำลงั มากในการปฏบิ ตั ธิ รรมหากกินหลายมอ้ื จะเป็นอาหารสว่ นเกิน สุดทา้ ยเม่อื มีอาหารสว่ นเกนิ เกบ็ไวม้ ากจะอึดอัดปฏบิ ตั ิธรรมไมส่ ะดวก พระพุทธเจา้ ตรัสถึงประโยชนข์ องการกนิ อาหารม้อื เดียวว่า ภิกษุทัง้ หลาย เราเป็นผ้บู รโิ ภคอาหารมือ้ เดยี ว การบริโภคอาหารมื้อเดียวมีประโยชน์หลายอยา่ ง คือ -ไมค่ อ่ ยปว่ ยไข้ - มโี รคน้อย - เบากาย เบาใจ - เกิดกำลังเพม่ิ ข้นึ
สุขใจทีไ่ ดอ้ ่านสารธรรมเพ่อื ชีวติ ทีด่ ีงาม - ร้สู ึกสบาย ไมอ่ ดึ อัด มีความผาสุก แม้พวกเธอก็ควรฉนัอาหารมอื้ เดียวเถิด ทำไมพระพทุ ธเจา้ จึงเสวยกระยาหารมอ้ื เดยี ว ทำไมพระองค์จงึซกั ซวนสงฆใ์ ห้ฉันอาหารมอื้ เดยี ว เพราะพระองคต์ อ้ งการใหส้ ังคมสงฆ์เป็นตัวอย่างของวฒั นธรรมการรบั ประทานอาหารทเี่ หมาะสม เพราะพษิ ภยัจากการกนิ มมี ากมายเหลอื เกิน เรากินกนั จนเกินพอ อาหารเหลอื เทืเอ เกิดการสูญเปลา่ ทางเศรษฐทรัพย์ และการกินม้ือเดยี วเปน็ การกนิ เพ่ือสุขภาพด้วย นบั วา่ หลกั การกินของพระพุทธเจา้ ตรงกันโดยบงั เอญิ ระหวา่ งวิชาการโภชนาการปัจจบุ ันกบั พระพุทธองค์ อาหารจำพวกไขมนั หากกนิ เกนิ พอดี ก็ก่อโรคอว้ น คนอ้วนแลว้อะไรตอ่ มิอะไรก็เพื่มมากขึ้น แกม้ ก็ยยุ้ แขน ขา กโ็ ต ท้องก็ยีน่ โรคก็เยอะเชน่ ไขมนั ในเส้นเลือดสงู ทำใหเ้ สน้ เลือดตบี ตัน ก่อใหเ้ กดิ โรคหัวใจ หัวใจวายอาจถงึ ตาย ข้อสรปุ ตรงนกี้ ็คือ ผู้ทีก่ ินอยา่ งอิ่มหนำสำราญมากเกินไปอาจปว่ ยและตายไดเ้ ท่าๆ กบั ผทู้ ีอ่ ดอาหาร หากให้เกดิ สุขสำราญจากการกินอยา่ งจริงจงั ตอ้ งนง่ั ตรงกลางระหว่างมากมี มีมากไมม่ ี นน่ั คอื หลกั แหง่ความเป็นกลาง มชั ฌิมา ของพทุ ธศาสนา สิกขาบทขอ้ น้ีไดเ้ ปน็ ตัวล่งเสริมอยา่ งสำคญั กฎประการท่ี ๒ คอื อารมณร์ ่ืนเริง ไม่เครียด ต้องลดความเครยี ดความวติ กกงั วลลงใหม้ ากเพราะความเครียดเปน็ สาเหตุให้เกดิ โรคความดนัโลหิต และโรคหวั ใจได้ สาเหตุของความเครียดเกดิ จากหลายลาเหตุ คือผชู้ าย เกดิ การทำงาน การเงนิ ความผดิ หวัง สว่ นผู้หญิง เกิดจากการทำงานการเงนิ ปญั หาครอบครวั แตกแยก ปญั หาเรือ่ งสามี คาดหวังมากเกนิ ไป ลองสังเกตดู เมอ่ื ความเครียดมาเยือน จะเกดิ อาการดงั น้ี - กราดเกร้ียว ด่ากราด ทกุ ส่ิงท่ีขวางหน้า - สรา้ งปญั หาในหน่วยงาน - อิจฉาริษยา
สขุ ใจทีไ่ ด้อ่าน สารธรรมเพ่ือชวี ติ ท่ีดงี าม- ชงิ ดชี ิงเด่น- โยนความผิดใหผ้ ูอ้ น่ืวธิ ีแก้ความเครียด ๑ . พูดความอึดอดั คับข้องใจให้คนอน่ื ฟง้ หา้ ง ลองสงั เกตดู พดู ไปแล้วปลอดโปร่งใสเหมือนยกภเู ขาออกจากอก แตม่ ขี อ้ แมว้ ่าเรอ่ื งทพี่ ูดนนั้เปน็ เรอื่ งของเราเอง ไมใชน่ นิ ทาเพอ่ื น หากเปน็ การนนิ ทาเพอ่ื นกเ็ หมอื นจุดไฟเผาเรือนตวั เอง หรือไมก่ ็ทุ่มภเู ขาทบั อกตัวเอง ๒. อยา่ อยวู่ ่างๆ เฉยๆ หางานทำเสียหา้ ง อยา่ ทำตนเปน็ คนว่างงาน เมื่อว่างงานปากจะทำหนา้ ที่แทน นินทาคนอนื่ นะ กายว่างงานมาก จติ จะครุ่นคดิ เกิดความเครยี ดมากขน้ึ ระวังปลาหมอตายเพราะปาก ๓. ปรับความคดิ เสียใหม่ อยา่ เอาชนะดว้ ยเรื่องไม่เป็นเร่ืองตอ้ งคิดวา่ เปน็ ธรรมดาของโลก ชัว่ เจด็ ที ดีเจ็ดหนประเดีย๋ วโศก เด๋ยี วสขุ เด๋ยี วทกุ ข'์ หนก้ประเดีย๋ วรกั เด๋ียวหลง เด๋ียวสงสัยประเดี๋ยวโกรธ เด๋ยี วเกลียด เดี๋ยวเสยี ใจประเดี๋ยวอาลยั เดยี๋ วชัง ไม,ยง่ั ยนื ๔. ทำสมาธิผึเกจิตเสียห้างใจจะไมว่ า่ ง เปน็ อบุ ายคลายเครียดได้ใจจะหนกั แน่น มัน่ คง กลา้ หาญทางจรยิ ธรรม น่ายกยอ่ ง เพราะกล้าหาญทางสร้างสรรค์ ๕. ลรา้ งอารม ณ ใ์ ห ล้ ดช่ืน แจ่มใส อารมณ ์ดีเพ ราะใจดี อารม ณ ์สดชืน่ เพราะใจสดช่ืน อารมณ์แจ่มใสเพราะใจแจม่ ใส อารมณเ์ สียเพราะใจเสยี ใจทีเ่ สียทำให้คนเสียคนมากแล้ว ทำคนใจดใี ห้เปน็ คนใจดำ ทำคนใจสูงใหเ้ ปน็ คนใจตา ทำคนมีเสนห่ ้ใหเ้ ป็นคนมีเสนยี ด ทำคนใจมั่นคงให้เปน็คนใจโลเล
สุขใจทไ่ี ดอ้ ่านสารธรรมเพ่อื ชวี ติ ทด่ี ีงาม กฎประการท่ี 61 คอื การออกกำลงั กาย คนตอ้ งออกกำลังกายสมํา่ เสมอทกุ 1วัน อยา่ งน้อยวันละ ๒๐ นาที การออกกำลังกายเปน็ วถิ ีทางทด่ี ีท่ีสดุ ในการพฒั นาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง การเดินเรว็ เลน่ เตะฟตุ บอลตีเทนนสิ เตะตะกรอ้ ถีบจักรยาน กระโดดเชอื ก ฯลฯ ลว้ นแตม่ ีประโยชน์ตอ่รา่ งกายทั้งนน้ั พทุ ธทัศนะในการออกกำลงั กาย ไม,มปี รากฏเป็นหลักฐานให้พระภิกษุ สามเณรออกกำลังโดยวธิ นี ั้น เพราะมวี นิ ยั บงั คบั ไวั แตม่ พี ุทธประสงคใ์ ห้เดินจงกรมแทน มกี ล่าวไวใิ นพระไตรปิฎก อังคตุ ตรนกิ าย ปญั จกนิบาต ว่า พระพุทธองค์ตรัสสรรเสรญิ ประโยชนข์ องการเดินธดุ งค์ เดนิ จงกรมว่า มปี ระโยชนถ์ ึง ๕ ประการ คอื - เปน็ ผู้มีความอดทนต่อการเดนิ ทางไกล - เป็นผอู้ ดทนตอ่ การกระทำความเพียร - เป็นผมู้ ีอาพาธนอ้ ย - อาหารทบี่ รโิ ภคเข้าไปแลว้ ยอ่ ยไตง้ า่ ย - สมาธิที่ไต้จากการเดนิ จงกรมตั้งอยไู่ ตน้ าน กฎประการที่ ๔ อากาศ เปน็ สง่ิ ที่จำเปน็ แกร่ ่างกาย ตอ่ การมชี ีวิตตอ่ จติ ใจของเรามากมาย สุดประมาณการไต้ เราต้องการอากาศบริสทุ ธไปฟอกโลหิตดำให้เป็นโลหติ แดงเพ่อื หล่อเลย้ี งร่างกาย ดงั น้นั เราจงึ ตอ้ งงดอ าก าศ เส ีย อวกาศเป น็ พ ษิ ด้วยกๆร ๑. ไมส่ บู บุหร่ี หากผ!ู้ ดอดไมไ่ ต้ ก็ต้องพยายามสบู ให้นอ้ ยลง การสูบบุหรี่เปน็ สาเหตใุ หเ้ กดิ โรคหลายอยา่ ง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคมะเร็งเพราะในบุหรมี่ ีสารพิษทีก่ อ่ ทุกขใ็ หโ้ ทษหลายอยา่ ง เช่น
สุขใจท่ไี ด้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ทดี่ งี าม - นิโคตนิ มีโทษสมบัติ คอื กระตุ้นระบบการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด หากว่ามีนิโคตินในร่างกายมาก ๆ จะเกิดอาการใจสัน่ใจเต้นผดิ ปกติ ทอ้ งแน่นและเบ่อื อาหาร - คาร์บอนไดออกไซด์ มโี ทษสมบตั ิ คอื ทำใหัสมองขาดออกซิเจน ทำให้เกดิ อาการมีนงง ตัดสินใจชา้ - สารทาร์ สารน้ีคลา้ ยกนั กับน้ํามันดนิ อนั ตรายมาก มโี ทษสมบตั ิ คือก่อใหเ้ กิดมะเรง็ ในปอด ซงึ่ เป็นโรคทไ่ี ม่สามารถตรวจพบไดในระยะแรก ๆ ตามสถติ คิ นทีน่ ิยมสบู บหุ ร่ี๙๐ เปอร์เซน็ ต์ ตายด้วยมะเรง็ ปอด๗๕ เปอร์เซน็ ต์ ตายดว้ ยโรคหลอดลมอกั เสบ๒๕ เปอรเ์ ซน็ ต์ ตายเพราะโรคหวั ใจขาดเลอื ด โรคอืน่ ทเ่ี ปน็ กันมากในผ้ทู ี่สูบบหุ รี่ คือ มะเร็งริม‘ฝปื าก มะเรง็ในปาก มะเรง็ ท่ีลิน้ ท่ีคอหอย หลอดคอ หลอดลม กระเพาะปัสสาวะ แผลในกระเพาะอาหาร ฉะนนั้ ตอ้ งสำรวมระวงั อย่าพลง้ั เผลอสติ อยา่ ประมาทเป็นทาสของบุหร่ี จงหยดุ สบู บหุ ร่ีเสยี กอ่ น กอ่ นทบ่ี หุ รีจ่ ะหยดุ อนาคตหยุดชีวิต หยุดการทำงานของทา่ น ทำลายสุขภาพของท่าน ไมด่ ม่ื เครื่องดืม่ท่มี ีแอลกอฮอล์เจอื ปน ขอ้ นี'้ หมายเอาสุรา โทษของสุรามมี าก เป็นสาเหตุให้เกิดโรคตา่ งๆ มากมาย เช่น ความตนั เบาหวาน มะเรง็ เสน้ เลอื ดในสมองแตก อมั พาตพระพทุ ธองค์ตรัสสอนวา่ เป็นอบายมุข นำสู่ทกุ ข์โทษ ดง้ นี้ อันสุราเมรยั ใครเสพ ตดิ น ำชวี ิตใหม้ ดื มนจนฉิบหายหน่ึงทรพั ยส์ ินของตนนั้นพลันวอดวาย สองอาจตายด้วยทะเลาะเพราะความเมาสามอาจตายด้วยโรคโรคาพยาธิ สคี่ นตำหนินินทาพาอับเฉาท้าหนา้ ดา้ นหนักหนาเวลาเมา หก'โงเ่ ขลาปณ้ ณ'าหดหมดสน้ิ เอย
สุขใจทไี่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพอ่ื ชีวิตที่ดีปา้ ม ขอใหส้ ังเกตว่า หากดม่ื เหลา้ แล้วมักจะเกิดเร่อื งราวร้ายแรงเสมอจนเสยี ทรพั ย์เสียชวี ติ เปน็ เหตุของความชั่วร้ายต่างๆ ของสังคม ดงั ท่กี ลา่ วกันวา่ ถ้า ล เหลา้ เขา้ กอ่ นไมห่ ่อนเว้น ท้งั ล เล่น ล ลกั ปักตามหลงั อีกลสีมลหลงคงไม่ฟัง จนกระทั่งเลยตอ่ ถงึ ล เลว ท้ัง ล โลภ ล หลอก ล สกั ลว้ ง ล หลอกลวง เลยต่อถงึ ล เหลว ไมเ่ ลิก ล ละ ลด ปลดให้เรว็ ตัดไฟเปลวปลดปลงลง ล โลง กฎประการที่ ๕ คน'จะอยู่ดมี ีสุข ต้องกินอาหารจำพวกผัก ผลไม้จงึ จะถ่ายคลอ่ ง คนเราจะกนิ อยู่หรูหราอยา่ งไร หากถ่ายอุจจาระไมค่ ล่อง กจ็ ัดว่าแย่ ดงั นนั้ เพ่ือใหส้ ุขภาพดี ประการสุดท้ายจึงต้องถา่ ยอุจจาระคล่องด้วย สรุปวา่ คนจะมีความสขุ แท้จรงิ ตอ้ งยนื ตรงกลาง ตามหลักการมัชฌิมาปฏปิ ทาแห่งพระพทุ ธศาสนาเทา่ นน้ั จึงจะมีสขุ ภาพยนี ยาวยั่งยืนตลอดชวต๒๖
สขใจท่ีได้อ่าน สารธรรมเพ่อี ชีวติ ท่ดี ีงาม โดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ บาไจ” ในสงั คมมนษุ ย์ของเรานนั้ มนษุ ย์จำตอ้ งอยู่รวมกนั หลายหม่เู หล่าทัง้ กลุม่ ย่อยกลุ่มใหญ่นับตง้ั แต่ครอบครัวหมูบ่ ้านภมู ิภาคทุกระดบั ถงึ ระดับประเทศ มนษุ ย์เมื่ออยรู่ วมกันแล้วก็ต้องมคี วามสมั พนั ธท์ ี่ดีตอ่ กัน เพื่อเปน็ตวั เช่ือมประสานให้เกิดความสงบสขุ ในสังคม อะไรคือตัวเชื่อมประสานความสัมพนั ธท์ ด่ี ีระหวา่ งมนุษย์?“ ความมนี ้าํ ใจ ” ท่เี ปน็ ตัวเชื่อมประสานความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งมนุษย์ไห้สามารถอยรู่ ่วมกนั ไตด้ ว้ ยความรม่ เยน็ เป็นสุข “ความมนี ้าํ ใจ” คืออะไร? คือ ความเปน็ ผูท้ ำคณุ ประโยชนต์ ่อผอู้ ่นื ตรงกบั ธรรมะในทางพระพทุ ธศาสนาขอ้ “อตั ถจริยา” ในสังคห1วัตถุธรรม ๕ ประการ ซงึ่ แปลวา่ “การปฏบิ ตั ิตนใหเ้ ปน็ ประโยชน”์ หรือ “การบำเพญ็ ประโยชน์” ใครบา้ งทีค่ วรมีนาํ้ ใจต่อกัน ? ทกุ คนต้องมนี ํา้ 'ใจต่อกัน ไม1มยี กเว้น เพราะเปน็ คณุ ธรรมหรอืคุณสมบตั ทิ ี่สำคญั ยิง่ สำหรบั มวลมนุษย์ทกุ หมู่เหลา่ ไม1ว่าจะยากดมี 'ี จนหรอื คนรารวย ก็จำเปน็ ต้องใช้ทัง้ นั้น โดยเฉพาะในสังคมของกลุม่ บคุ คลท่ีตอ้ งอยคู่ ู่กันหรือทำงานด้วยกัน เชน่ พอ่ แม่กับลกู , สามกี ับภรรยา, ครูบาอาจารยก์ บั ศษิ ย์, มติ รสหายกบั มติ รสหายดว้ ยกัน, ผู้บังคับบญั ชากบั ผู้!ต้บงั คับบญั ชา ห รอื น ายกับ บ า่ ว - คนรับใช,้ ผู้รับบริการกบั ผIู้ หบ้ รกื าร และผใู้ ช้บรกิ ารรว่ มกัน แม้แตพ่ ระสงฆก์ ็ต้องมนี ้ํา'ใจตอ่ กนั และมีน้ํา'ใจตอ่ประชาชนด้วย ตงั ตวั อย่างเชน่
สุขใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพอื่ ชีวติ ทดี่ ีงาม คแู่ รก “พอ่ แม่กบั ลูก” เป็นคู่ทีส่ รา้ งโลก พอ่ แม่เป็นครคู นแรกของลูกจงึ ต้องแสดงความเป็นผู้มนี ้าํ ใจต่อลูกเปน็ อันดบั หนึ่งด้วยการให้ความอบอุ่นแกล่ กู อบรมสัง่ สอนลูกใหเ้ วน้ ส่ิงทีค่ วรเว้น ประพฤตสิ งิ่ ทคี่ วรประพฤติ ใหไ้ ต้รบั การศกึ ษาเลา่ เรยี นตามลมควรแก่วฒุ ภิ าวะ หรอื ตามความสามารถของตนใหล้ กู ไตม้ ีความมน่ั คงในชวี ติ ครอบครัว และใหล้ กู มหี ลักทรัพยเ์ ป็นลมปติของตนตามสมควร น้คี อื นาํ้ ใจของพ่อแมท่ มี่ ีตอ่ ลูก ส่วนลกู ก็ต้องมนี ้าํ ใจตอบแทนพระคณุ ของพ่อแม่เช่นกนั กลา่ วคือ ตอ้ งดูแลท่านให้ดี ชว่ ยรับภาระของทา่ นตามสมควร, ชว่ ยสบื ทอดวงศต์ ระกลู , ปฏิบัตติ นเปน็ ลกู ทดี่ ี และเมอื่ ท่านล่วงลับจากไปกต็ ้องจัดการศพ ทำบุญอุทิศให้ทา่ นเป็นอย่างดี คู่ทส่ี อง “สามกี บั ภรรยา” คูน่ ีก้ ็ย่ิงจำเป็นมาก ครอบครัวจะอยเู่ ย็นเปน็ สุขไตก้ ็ดว้ ยสามี - ภรรยามีน้ีาใจต่อกนั ไมท่ ะเลาะเบาะแว้งหรือประทุษรา้ ยกนั น้ําใจท่สี ามีตอ้ งแสดงต่อภรรยาของตนก็คอื ต้องให้เกียรติวา่ เป็นภรรยา, ตอ้ งไมห่ ม่ืนประมาทภรรยาตนเอง, ต้องให้ความอบอุ่นดว้ ยความบริสทุ ธ!จ, ต้องใหอ้ สิ ระพอสมควร และตอ้ งใหข้ องขวญั อนั ชนื่ ใจตามสมควร ส่วนภรรยากต็ ้องมนี ้ําใจตอ่ สามีเชน่ กนั กล่าวคือ ตอ้ งทำงานสว่ นตวัและครอบครัวใหด้ ี ต้อนรบั ญาติมติ รตามสมควร, ดแู ลสามีใหด้ ี, รกั ษาทรพั ย์สมบตั ใิ หไ้ ต้ และเอาใจใสต่ ่อกจิ การท้งั ปวง คทู่ ่ีสาม “ครอู าจารยก์ บั ศษิ ย์” คู่น้ีเปน็ ค่'ู จรรโลง,โลก ช่วยดำรงโลกให้ร่มเย็นดับเข็ญไตด้ ว้ ยคำสอน ครจู งึ ตอ้ งมนี ํ้าใจตอ่ ศิษยค์ อื ตอ้ งแนะนำพราํ่ สอนใหด้ ี ใหเ้ รียนดี มีความรคู้ รบครัน และชว่ ยผลกั ดันให้ไตด้ ี ส่วนศษิ ย์กต็ ้องมนี ํ้าใจต่อครู กลา่ วคือ ตอ้ งเคารพคร,ู รบั ใช้คร,ู เช่ือฟง้ คร,ู ดูแลครูและต้ังใจเรียน ค่ทู ีส่ ิ่ “ผูบ้ งั คบั บัญชากับผ้ใู ตบ้ งั คับบญั ชา” หรอื “นายกบั บ่าว-คนรบั ใช”้ คู่น้ีเปน็ คูก่ รรมคอื จะต้องทำงานดว้ ยกนั ยิ่งจำเป็นมากทจี่ ะต้องมนี า้ํ ใจตอ่ กัน หากฝ่ายใดฝา่ ยหนึ่งแลง้ นํ้าใจเสยี แลว้ งานคงสำเร็จไมไ่ ต้จะกลายเปน็ ลังคมยง่ เหยิงทนั ที ดังนน้ั ผบังคับบัณชาหรือนายจงึ ตอ้ งแสดงน้ําใจต่อ
สุขใจท่ีได้อ่าน สารธรรมเพ่ือชีวติ ทดี่ ีงามผใู้ ด้บังคับบัญชาหรือลูกน้องให้ปรากฏซดั คือ มอบงานให้เหมาะสม, ใหข้ วัญกำลังใจ, ยามเจบ็ ไข้ตอ้ งดแู ล แจกของขวัญและให้ไต้พักผ่อนบา้ งตามสมควรน้คี ือ นํา้ ใจนาย ส่วนนํา้ ใจลูกน้องกค็ อื มาทำงานก่อนนาย, เลกิ งานหลงั นาย,รบั เฉพาะของท่ีนายให,้ ทำงานใหด้ ขี นึ้ และยกย่องเชิดชูนาย ถ้าคนู่ ้มี นี ้ําใจตอ่ กนั ไต้เชน่ น้ี ภารกิจในหน่วยงานองคก์ ร หรอื องค์การตา่ งๆ กจ็ ะบรรลุผลสำเรจ็ ตามเป้าหมายทกี่ ำหนดไวเ้ ปน็ อย่างดีย่งิ แต่ที่ยุ่งยากหรอื ยุ่งเหยิงทุกวันนี้ เพราะนายและลกู น้อง หรอื ผ้ใู หญ่กับผู้น้อยไมค่ อ่ ยมนี ้าํ ใจตอ่ กัน คสู่ ุดท้ายคอื “ผู้ใข้บรกิ ารรว่ มกัน” คนู่ ี้ถา้ ไมม่ นี าํ้ ใจต่อกันจะทะเลาะกันไม่มวี นั ส้ินสุด เช่น ผใู้ ชถ้ นนด้วยกนั , ผู้ใช้บริการในสถานทรี่ าชการด้วยกนัหรอื ใช้บรกิ ารอื่นใดดว้ ยกัน วธิ ีปฏิบัตทิ ี่ดีทสี่ ุดก็คอื ใหต้ ้ังเมตตากายกรรมจะทำอะไรก็ฃอให้ทำด้วยเมตตา มมี ิตรไมตรีที่ดตี ่อกนั , เมตตาวจีกรรม -ขอใหเ้ จรจาปราศรัยหรอื พดู จาตอ่ กนั ด้วยความมเี มตตา และเมตตามโนกรรม - ให้มีจิตคดื ดีตอ่ กันและพยายามมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ เมือ่ ทกุ คนปฏบิ ัติไดเ้ ช่นน้ี โลกก็จะร่มเยน็ เป็นสขุ ทุกสถานและตลอดกาลทุกเมอ่ื จึงใครข่ อเชญิ ชวนทกุ ทา่ นไดโปรดนอ้ มนำเอา “นา'ใจ”มาใสต่ ัว ทำตวั ตนให้เปน็ คนมนี าํ้ ใจ อยา่ ไดแ้ ล้งน้าํ ใจเหมอื นบวั แล้งนํ้า จงมาทำชีวติ ให้สดใสด้วยความมืน้ําใจ มมี ติ รไมตรที ี่ดีต่อกัน จะข้นึ รถ ลงเรอืไปเหนือล่องใต้ ขอให้แผเ่ มตตาไปก่อนชีวติ จะอย่รู อดปลอดภัยไรเั วรไร้ภยัไร้อปุ ัทวนั ตรายทง้ั ปวง จะมแื ตค่ วามโซคดีและปลอดภยั ตลอดไป “มนี ํา้ ใจลกั นิด ชวี ิตจะปลอดภยั ”
สุขใจทีไ่ ดอ้ ่านสารธรรมเพ่ือชวี ิตทด่ี งี ามโดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ ถนนชวี ติ ” ส่ิงที่หาไดย้ ากมอี ยู่ ๔ อยา่ ง คอื ๑. กิจโฉ พุทูธานมปุ ปู าโท การเสด็จอุบตั ขิ น้ึ ของพระพทุ ธเจ้าท้ังหลายหาได้ยาก ๒. กจิ ฉํ มจุจานชวี ิต0 การไดช้ ีวิตของสัตวโ็ ลกหาไดย้ าก ๓. กจิ โฉ มนุสสปฏิลาโภ การไดเ้ กดิ มาเปน็มนุษยห์ ากไดย้ าก ๔. กิจฉู ํ สทธมมสุสวน0 การได้ฟงั พระสทั ธรรมหาไดย้ ากรวมเปน็ ว่า กว่าจะไดแ้ ตล่ ะอย่าง หรอื กว่าจะมีการเกดิ ขึ้นแต่ละอย่างที่กล่าวมานี้ หาได้ยากจริงๆ ต้องรอจังหวะโอกาส โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ตอ้ งอาศยัความเปน็ ผมู้ ีวาสนาบารมที ีไ่ ดส้ ร้างสมเอาไวแ้ ต่ซาตปิ างกอ่ น และท่กี ำลงัเพิ่มเตมิ เสรมิ บญุ วาสนาอยู่ในปจั จุบนั นีด้ ้วย การดำเนนิ ชวี ิตหรอื ถนนชีวติ ควรจะเป็นอย่างไร คอื ควรจะทำอยา่ งไร จงึ จะทำใหช้ ีวติ มคี วามสุขตราบเท่าจะหมดอายขุ ัย การทเ่ี ราได้เกิดมาเป็นคนน้ีกน็ ับวา่ ประเสรฐิ ทสี่ ุดแล้ว เราจึงไมค่ วรทำงานให้เป็นคนรกแผน่ ดนิ เราตอ้ งหม่นั หาความรคู้ วามดงี ามไวิใหม้ ากๆทงั้ ในทางโลกและทางธรรม เพราะถา้ หากเรารู้ทางโลก และทางธรรมมากๆ แลว้ จะทำให้เราไมเ่ สียรใู้ ครไม่เสียเปรียบใคร และท่สี ำคัญไม่เสียชาติเกดิ ทีไ่ ด้เกดิ มาเปน็ คนไมเ่ สยี รไู้ มเ่ สยี เปรียบ หมายความว่า จะดอ้ งเป็นผู้ชนะกิเลสไดอ้ ย่าให้กเิ ลสมาครอบครองจติ ใจของเรา อย่าให้ต้องมาทำจิตใจใหเ้ ศร้าหมองหรอื ชักนำไป ใน ท างเสอื่ ม เสีย การท เี่ ราม กี เิ ลสและถกู กเิ ลสชกั จงู ค รอบ งำเราไดอ้ ย่างง่ายดายอยูน่ ี้ ก็เพราะวา่ เรามมี ิจฉาทฏิ ฐิ คือมีความเหน็ ผดิ ความเกลยี ด โลภโกรธ หลง ความประพฤติปฏบิ ัตผิ ดิ นอกลนู่ อกทาง เสพยาเสพติด ลักเลก็ขโมยนอั ย หลอกลวง แม้กระทั่งการเอาตัวรอดเพอื่ ตวั เองทำผดิ สิ่งเหลา่ น้ีจะไหลท่วมเขา้ ตัวเราเพราะเรามมี ิจฉาทิฏฐิ หรอื อวิชชา คือความไม่รู้ ถนนทด่ี ที ่สี ดุ ของชวี ติ ตามทศั นะพระพุทธศาสนา ตัองเดนิ ตามทางอรยิ มรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฎฐิ เหน็ ชอบ๓๐
สขุ ใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพือ่ ชีวิตที่ดีงามสัมมาสงั กปั ปะ คิดชอบ สมั มาวาจา เจรจาชอบ สัมมากมั มนั ตะ การงานชอบสัมมาอาชีวะ เลยี้ งชีวิตชอบ สัมมาวายามะ พยายามชอบ สมั มาสติระลึกชอบ สมั มาสมาธิ จิตตั้งมนั่ ชอบ เปน็ ของประจำกายและใจ ถนนชวี ิตท่ีดีอีกประการหน่งึ ก็คอื ตวั ของเราจะตอ้ งมีคลื สมาธิและปญั ญา เปน็ หลกั เป็นฐานในการดำเนนิ ชวี ติ เพราะคนท่มี ศื ลี กเ็ หมอื นกันกบั ถนนลาดยางเรยี บ แบบมาตรฐานสากล คนมศี ลี ดสู ง่าผ่าเผย จะเขา้สังคมท่ไี หนก็ไมเ่ คอะเขนิ ยม้ิ แย้มแจ่มใสอยูเ่ สมอ สังคมไหนกย็ อมรับคนมศื ีลกเ็ หมอื นมีทรัพยส์ ิน แก้วแหวนเงนิ ทอง หามาได้คลอ่ ง ไมต่ อ้ งเบียดเบยี นใคร มีศีลกป็ ระดจุ มีเกราะป้องกนั ตัว สว่ นคนทุศีล คอื คนไม่มศี ีล ไม1มีธรรมประจำใจ กเ็ หมอื นถนน,ฃรๆุ ขระๆ ไมร่ าบเรยี บ มแี ตส่ งู ๆ ตั้าๆ เปน็ หลมุเปน็ บอ่ เดินเหยยี บเทา้ ตนเข้าจนหกลม้ เข้าสงั คมท่ีไหนกล็ บั ๆ ล่อๆ กลวัคนอื่นจะรู้ถึงความชั่วของตนเอง ถ้าใครทุศลี ก็รบี กลับตวั เสยี แต่เดย๋ี วน้ียังไมโ่ อกาส เดยี๋ วจะหาว่าไม่เตือน ศีลเหมอื นถนนอยา่ งดี สมาธกิ เ็ หมอื นรถยนต์ ถา้ เครือ่ งยนต์ขัดขอ้ ง กไ็ ม่สามารถว่ิงไปถงึ จดุ หมายปลายทางได้ คนเรากเ็ หมอื นกัน ถา้จัดประสาทไม่สมประกอบ กไ็ ม1สามารถหาเลย้ี งชพี ได้เหมอื นคนปกติ คนดีนั่งทไ่ี หนกไ็ ม่กระสบั กระส่าย ทำบุญทำทานกไ็ มเ่ สยี ดาย คน,ไม่มสี มาธิบางคนทำบุญสักหนง่ึ รอ้ ยบาทกค็ ดิ แล้วคดิ อกี ให้คนขอทานบาทเดียวกต็ ระหนี่อยู่น่ันแหละ คนมีสมาธดิ จี ิตใจผ่องใส ทำอะไรก็ไม่คอ่ ยผดิ พลาด มีแตค่ นอื่นโยนความผิดให้ จะพูดจะจากไ็ ม,เพ้อเจ้อ มกั จะเปน็ คนพดู จริงทำจริงเสมอ คนมีสมาธดิ ี มีแตค่ วามโอบออ้ มอารแี กค่ นทว่ั ไป เหมือนรถที,ดีวง่ิ เงียบ ไม,สำลกั น้ํามนั ไม,กระโซกกระชาก คนไม่มีสมาธิ คมุ สตขิ องตวั เองก็ไม,อยู่ คนที่มสี มาธิไม,ดี มกั จะยึดมัน่ ถอื มน่ั มากเกินไป ไมร่ ูจ้ ักปลอ่ ยวางกเิ ลสมนั กห็ วานหมู เขา้ ครอบงำไดง้ ่าย ๆ เวลาเราจะเบรกรถ เบรกก็จะทำงานท้งั ๔ ลอ้ ท่อเบรกจะทำงานหมด ไมใชท่ ีละลอ้ ชวี ติ ของคนเราก็เหมือนกนัเราตอ้ งเบรกท่ีกเิ ลส คอื ต้องเบรกทต่ี ัวตัณหาเพยี งตวั แตจ่ ะรวมไปถงึการเบรกความโลภ ความโกรธ ความหลง
สุขใจท่ไี ดอ้ า่ นสารธรรมเพอ่ื ชีวิตท่ดี ีงาม ทีน้ี'พดู ถงึ ปัญญา ในพระพุทธศาสนาน้ัน ปญั ญาเป็นธรรมชน้ั สงูคนเราจะทำอะไรใหล้ ุล่วงไดด้ ีกด็ ว้ ยปัญญา เปรยี บเหมอื นเมืองใหญ่ ๆ เซน่กรุงเทพฯ นแี้ หละ ทีว่ า่ เปรียบเหมอื นเมอื งใหญ่ ก็เพราะว่าคนท่สี รา้ งเมอื งใหญ่ ๆได้ กต็ ้องมปี ญั ญามาก การทจี่ ะไปทอ่ งเทยี่ วเมืองใหญ่ ๆ ได้ กต็ ้องมีโอกาส เงนิ และปญั ญา มปี ญั ญาแตไ่ ม่มเื งินก็ไมไ่ ด้ มีเงินแต่ไร้โอกาสก็เซน่ กนั ถา้ เปรยี บปญั ญาเหมอื นกับศาลฎกี า คงไม่แตกต่างกนั เทา่ ไรนกัศาลฎกี า ทำหน้าที่ปรึกษา วนิ จิ ฉัยคดีความจากศาลช้ันต้น ศาลอทุ ธรณ์ศาลฎีกาจงึ เป็นศาลสูงสดุ ปญั ญาก็เซ่นกนั เปน็ ของสูงสดุ สำหรบั คนเรา ใช้ตดั สินปญั หาตา่ งๆ เหตุการณ์ต่างๆ ท่เี กดิ ข้ึนในชวี ติ ให้หลดุ พ้นและลุล่วงไปได้โดยดี คนมีปัญญา ก็เหมือนมกี ลั ยาณมติ รอยรู่ อบด้าน และเหมือนมีทรัพยส์ นิ มากมาย จะปรกึ ษาอะไรกบั ใครก็มืคนเชือ่ ถือไวิใจ แกส้ ถานการณ์เลวรา้ ยได้ฉบั ไว ขออยา่ งเดียวอยา่ ไดใ้ ชป้ ญั ญาไปในทางท่ีผดิ จะใชป้ ญั ญาผดงุ ศลี ธรรม ใชป้ ญั ญาใหถ้ ูกต้อง คนเหาะเหนิ เดินอากาศได้อย่างนก ดำนา้ํได้อยา่ งปลา วงิ่ เร็วเหมือนม้า ไปโลกพระจนั ทร์ พระองั คารได้ กเ็ พราะมีปญั ญา มนษุ ยเ์ ราแต่ละคนกไ็ ด้มาคนละชวี ติ และในแต่ละชีวติ นัน้ ก็มืความม่งุ หวังอนั เดยี วกนั คอื ต้องการชีวิตท่เี ปน็ สุข เม่ือต้องการความสขุเราเองจะตอ้ งทำตนเองใหเ้ ป็นคนมืศีล มีสมาธิ และปัญญา สรุปกค็ อื ชีวิตตอ้ งมีธรรมะ จึงจะสามารถดำเนินไปตามถนนชวี ิตได้อยา่ งราบรน่ื เป็นสขุดังพทุ ธภาษติ ท่ีพระสมั มาส้มพุทธเจา้ ได้ตรัสไว้วา่ ธมโม สุจิณโณ สขุ มาวหาติธรรมดปี ระพฤตดิ แี ล้ว ย่อมนำสขุ มาให้
สุขใจทีไ่ ดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตท่ดี ปี ๋าม โดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ ธรรบราชา” อนั มคี วามหมายถงึ พระราชาผดู้ ำรงมั่นคงในธรรม คอื ทศพิธราชธรรม๑๐ ประการ ไดแ้ ก่ ทาน การให้, ศลี รกั ษากาย วาจา ใจ ใหบ้ รสิ ทุ ธ,้ิ บริจาคะเสียสละ, อาชวะ ความซ่อี ตรง, มทั วะ ความออ่ นโยน, ตปะ ความบำเพญ็ เพยี ร,ขนั ติ ความอดทน, อวหิ ิงสา ความไม1เบยี ดเบยี น, อกั โกธะ ความไมโกรธและอวโิ รธนะ การประพฤติไม่ผดิ จากธรรม เม่ือวันจันทร์ท่ี ๙ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๔(ร๙ อันเปน็ วันท่ีพระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร เสดจ็ ข้ึนครองราชสมบัติ ตอ่ จากสมเดจ็ พระเชษฐาอานนั ทมหิดล ซ่ึงเสดจ็ ส,ู สวรรคด์ ว้ ยเหตกุ ารณล์ อบปลงพระชนม์ เป็นกษตั รยิ ์องค์ท่ี ๙ แหง่ รตั นโกสินทร์ ต่อมาในพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก ณ วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒{๔๙๓พระองค์ไดต้ รสั ณ ท่ามกลางมหาสมาคม พระที่นง่ั ไพศาลทักษณิ ซึ่งจัดเป็นปฐมบรมราชโองการว่า “ เราจะครองแผ่นดนิ โดยธรรม เพ่ือประโยชนส์ ุขแห่งมหาชนชาวสยาม” แล้วทรงหลั่งน้าํ ทกั ษิโณทกทรงตงั้ พระราชสัตยาธิฐานวา่ตง้ั แต่น้ีตอ่ ไปพระองคจ์ ะทรงปกครองพระราชอาณาจักรโดยทศพธิ ราชธรรมพระราชจรยิ าวตั รอนั น่าช่ืนชมในการไม่มีขตั ตยิ มานะเม่ือทรงประทับท่ามกลางพสกนิกรของพระองค์ ไม1วา่ แควน้ ดินแดนถิ่นใด ด่ังจะเหน็ ได้ในครั้งหนึ่ง พระองคท์ รงโนม้ พระวรกายรับดอกบวั เหี่ยว ๆ จากหญิงชราชาวจังหวัดนครพนม ที่อตุ สาหะเดนิ ทางไกลเพอ่ื มาฟ้าชมพระบารมี และถวายดอกบวั อันเปน็ อภนิ นั ทนาการของคนยากไรแ้ ด,พระมหากษตั ริย์อนั เป็นทร่ี ักย่งิ ของเขา นค่ี ือนํา้ พระทยั แห่งความกรุณาปรานี ทหี่ ลง่ั จากฟากฟา้ ส,ู ดิน ก่อให้เกิดความสดชน่ื รื่นรมย์ตอ่ ด้นไม้ กอหญา้ ผืนแผ่นดนิดังทีว่ ,าไวใ่ นเวนสิ วานสิ ว่า “อันความกรณุ าปรานี จะมีใครบงั คบั กห็ าไม,หลงั่ มาเองเหมอื นฝนอนั ชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลยั สูแ่ ดนดนิ ” ๓๓
สขุ ใจทไี่ ดอ้ ่านสารธรรมเพอ่ื ชีวิตที่ดีงาม ตลอดระยะเวลาทเี่ สด็จขน้ึ ครองราชสมบัติ แทบจะหาเวลาสว่ นพระองค์ไม่ไดเ้ ลย พระองค์ทรงใช้เวลาเหล่าน้ัน เพ ือ่ เย่ยี มเยยี น เห ล่าพสกนกิ รของพระองค์ แก้ไขปัญหาของเขา ทรงเสด็จพระราชดำเนินสู่ถิน่ กนั ดาร เพื่อบำบัดทกุ ข์ เสริมสร้างสุข จนอาจกลา่ วไดว้ ่า ไม่มผี นื ดนิ ตรงไหนกอหญ้ากอใด กรวดทรายเม็ดใด ท่พี ระองค์!มท่ รงเหยียบย่ําเลย เพือ่ เสดจ็ เย่ียมพสกนิกรเหลา่ นน้ั ปแี ลว้ ปีเลา่ คร้งั แลว้ คร้ังเลา่ สายพระเนตรไม่เคยละจากพสกนิกร ๒ พระหัตถ!์ ม่เคยละเว้นโอบกอดโอบอมุ้ เม่ือพสกนิกรประสบภัยพระบาทนั้นเล่า ไม่เคยรังเกียจที่จะเหยยี บยาํ่ ไปบนพ้นื ท่ีสกปรก ไมก่ ลวั ภัยเจ็บปวด แม้เหยียบกรวดทราย หนามไหนท่ ่ีรกเรย้ี ว ดังท่ีกลา่ วว่า “สองพระกรรณคอยสดับรับฟังเหตุ สองพระเนตรคอยดูแลเพอ่ื แก้ไข สองพระหตั ถ์ทรงโอบอุ้มคุ้มผองภยั สองพระบาทดำเนินไปแมภ้ ัยมี” ดว้ ยน้าํ พระทยั มัน่ คง ในการบำบดั ทกุ ข์ บำรงุ นํ้าใจเหล่าพสกนกิ รเหน็ ได้จากพระเสาวนยี ต์ รัสเล่าของสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถในครง้ั หนง่ึ วา่ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวทรงตัง้ พระทยั จะไม,เสดจ็ประพาสต่างประเทศตราบใดทป่ี ระชาชนของพระองค์ ยังมีความยากไร้มีความทุกข์ ประสบเคราะหภ์ ยั นานาประการ พระองคจ์ ะใช้เวลาทั้งหมดนี้แก้ปัญหาของประชาชนจึงไม่แปลกใจเลยว่า ส่ือตา่ งประเทศได้พากนั ยกยอ่ งถวายพระเกยี รติคุณนีแ้ ผไ่ พศาลไปท่ัวโลกว่า บรรดาพระมหากษตั ริยท์ ม่ี ีอย่ใู นโลกปัจจบุ นั ไมม่ ีพระองค์ใดทที่ รงงานหนกั เท่ากบั พระเจา้ แผน่ ดินแหง่ ประเทศไทย ในพระราชวงั อันเป็นทีป่ ระทับของพระองค์ เต็มไปดว้ ยผลิตภัณฑ์ ผลติ ผลด้านการเกษตร โรงวัวนม แปลงนาสาธิต ปลูกพชื ผกั สวนครวัแปลงพชื ไม้สมุนไพร ฯลฯ หาพระราชวังที่ประทับของพระมหากษัตริย์องคใ์ ดในโลกไม,มอี ีกแลว้ ท่ีเป็นอย่างน้ีนอกจากกษตั รยิ ์ประเทศไทย
สขใจท่ืได้อ่าน สารธรรมเพือ่ ชวี ิตท่ดี งี าม พระองค์ดำรงมัน่ คงในพระศาสนา (โดยเฉพาะพระพทุ ธศาสนา)ทรงมที ศพิธราชธรรม ราชสงั คหวัตถุ จักรวรรดวิ ตั ร และธรรมพละ ของพระมหากษัตรยิ ์เจ้าอนั เป็นโบราณ ราชประเพณ ีส1วนพระองค์ และทรงมพี ระบรมราโชวาทด้านต่าง ๆ แก1เหล่าพสกนิกรทุกสาขาอาชพีในโอกาสต่างๆ ดงั ขออญั เชญิ มาพอเปน็ ตวั อย่าง ดงั นี้ พระบรมราโชวาทดา้ นศาสนาในโอกาสเสดจ็ ออกผนวช เมอื่ วนั ท่ี๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๙๙ วา่ “โดยทพ่ี ระพทุ ธศาสนา เปน็ ศาสนาประจำชาติของเรา ทั้งตามความศรัทธาเชอ่ื มั่นของขา้ พเจา้ เอง เห็นเป็นศาสนาทด่ี ีศาสนาหนงึ่ เนอื่ งในบรรดาสัจธรรมคำส่งั สอนอันชอบดว้ ยเหตผุ ล จงึ เคยคดิ อยูว่ ่า ถ้าโอกาสอำนวยขา้ พเจ้าจักได้บวชสกั เวลาหนง่ึ ตามราชประเพณีซงึ่ จดั เปน็ ทางสนองพระเดชพระคุณ พระราชบรู พการตี ามคตนิ ิยมดว้ ย และนบั ตง้ั แต่ข้าพเจา้ ได้ครองราชสมบตั ิ สบื สนั ตติวงศ์ ตอ่ จากสมเดจ็ พระเชษฐาธริ าซก็ลว่ งมากวา่ สบิ ปแี ล้ว เห็นวา่ นา่ จะถึงเวลาท่ีควรจะทำตามความต้ังใจไว้น้นั แลว้ ประการหนึ่ง อนง่ึ การทีอ่ งคส์ มเดจ็ พระสังฆราชหายประชวรมาได้ ในคราวประชวรครัง้ หลังน้ี กใ็ หเ้ กิดความปีติยินดี แกข่ า้ พเจ้ายง่ิ นกัไดม้ าคำนึง ถ้าในการอุปสมบทของขา้ พเจา้ ได้มีองค์สมเดจ็ พระสงั ฆราชเปน็ พระอุปัชฌาย์แล้ว ก็จกั เป็นการแสดงออกในความศรัทธาเคารพในพระองค์ท่าน ของข้าพเจา้ ไดอ้ ย่างเหมาะสมอกี ประการหน่ึง จงึ ไดต้ กลงใจทจ่ี ะบรรพซาอุปสมบทในวนั ท่ี ๒๒ เดอื นน้ี” นี้คอื พระบรมราโชวาท เมือ่ วันที่๑๔ ตลุ าคม พ.ศ.๒๔๙๙ ซ่ึงอาจนบั เน่ืองในหลกั ธรรมขอ้ อบุ าสกธรรมคือ ๑ . มศี รทั ธาเช่อื มน่ั ในพระรตั นตรยั ๒. มศล ๓. ไมถ่ อื มงคลตืน่ ขา่ ว ๔. ไมเ่ สาะแสวงหาทักฃิเณยยะบุคคลนอกศาสนา ๔. บำเพ็ณบณแตในทางพระพทธศาสนา
สุขใจทไ่ึ ด้อ่านสารธรรมเพือ่ ชวี ิตทดี่ งี าม อกี ประการหนึ่ง พระองคท์ รงตรสั ถงึ ภารกิจแหง่ ทหารของชาติซง่ึ ไดพ้ ระราชทานในวนั กองทัพบกวา่ หลกั สำคญั อันดับแรกทีท่ หารทุกคน ต้องระลึกถงึ อย่เู สมอคือความหมาย และหน้าท่ขี องทหาร ประเทศเราเปน็ ประเทศท่รี กั ความสงบ ไม่ชอบการรุกราน แม้กระนน้ั กด็ ี การมีกำลงั รบเป็นสิ่งจำเป็น ทง้ั นี้เพือ่ รกั ษาความสงบและอิสรภาพของประเทศ เมอ่ื ทหารมีไวัสำหรับประเทศชาติ ทหารกต็ อ้ งเป็นของประเทศชาติ หาใช่เปน็ ของบคุ คลหรือคณะบคุ คลใด ๆ โดยเฉพาะไม่ เมอ่ื ทหารเปน็ หน่วยสำคญั สำหรบัรักษาความสงบ และอิสรภาพของประเทศแล้ว ฯลฯ เม่อื ประชาชนมคี วามทุกขย์ ากเดอื ดรอ้ น หรอื ประสบภยั พิปติ ทหารต้องถอื เปน็ ภาระหน้าท่ีทีจ่ ะตอ้ งร่วมกนั ปฏิบัติชว่ ยเหลือ ใหป้ ระชาชนเกิดความรสู้ กึ อุน่ ใจ มน่ั ใจและภูมิใจไตว้ า่ แผน่ ดนิ ไทยน้นั เป็นทอี่ ยูอ่ าศัยอนั ประเสรฐิ สุด ทท่ี กุ คนจะต้องรว่ มกันหวงแหนรกั ษาไว้๓๖
สุขใจท่ีได้อ่าน สารธรรมเพ่อื ชวี ิตทีด่ ีงาม โดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก“มนษุ ยท์ ส่ี มบรู ณ”์ ธรรมะยอ่ มทำใหค้ นกา้ วหนา้ , ทำให้คนมีชีวติ ทส่ี มบูรณ์ตามแบบของคนด,ี มีจดุ มุ่งหมายของชีวติ ในทางท่ดี งี าม และมีหลกั ใจ, หลกั ใจทำให้คนเป็นคนทสี่ มบรู ณ์ มรี ะเบียบวนิ ัย มีกฎเกณฑท์ ีแ่ นน่ อน และศาสนาเป็นแนวปอ้ งกันมิให้คนไปส่หู ลม่ แหง่ ความช่ัว มีพทุ ธภาษติ บทหนึ่งว่า “กิจโฉ มนุสสปฎลิ าโภ การไดเ้ ป็นมนุษย์เป็นได้ยาก” ลตั ว่โลกทเ่ี กิดมามีลกั ษณะร่างกายครบ ๓๒ ประการ ได้ชื่อวา่“คน” น่ันคอื ธรรมชาตเิ ปน็ ผู้สรา้ ง เปน็ ผู้!ห้กำเนิดคน แตค่ นกต็ อ้ งพยายามยกตัวเองให้สงู ขน้ึ ให่ได้ซ่อื ว่าเป็น “มนษุ ย์” มนุษย์ คอื ใคร มนุษย์ หมายถงึ ผู้ม'ี ใจสูง เปน็ ผมู้ คี วามรู้และจรยิ ธรรมเพอ่ื ชวี ิตทด่ี ีงาม เปน็ ผ้ปู ระพฤตธิ รรมปฏบิ ัติตามทำนองคลองธรรมอยู่ตลอดเวลา พทุ ธทาสภกิ ขไุ ด้ประพนั ธเ์ ปน็ บทกวีเก่ยี วกบั มนษุ ยไ์ ว้วา่“เป็นมนษุ ยเ์ ป็นไดเ้ พราะใจสงู เหมือนหนึ่งยูงมีดีทแ่ี ววขนถ้าใจตา่ํ เป็นไดแ้ ต่เพียงคน ย่อมเสียทีทีต่ นไดเ้ กิดมาใจสะอาดใจสวา่ งใจสงบ กาั มีครบควรเรยี กมนุสสาเพราะทำถกู คดิ ถกู ทกุ เวลา เปรมปรดี าคนื วันสุขสนั ตจ์ รงิจิตสกปรกมีดมวั และรอ้ นเรา่ ใครมเี ขา้ ควรเรยี กว่าผีสงิเพ ราะทำผิดคิดผิดจติ ประวิง แต่ใน สงิ่ ท ี่ชัว่ กลัว้ อบ าย” เพราะฉะน้นั ถ้าเราสามารถทำใหก้ ิเลส ตณั หา อปุ าทาน อนั เป็นผลท่ีทำให้เกดิ ทุกขน์ นั้ เบาบางลงกส็ ามารถท่ีจะเปน็ มนุษยท์ ปี่ ระเสรฐิ ได้ และนำไปสูค่ วามเป็นมนุษย์ทสี่ มบูรณ์ จึงถอื ไดว้ า่ เป็นสมาชกิ ทดี่ มี คี ุณคา่ อยา่ งแท้จรงิ ตอ่ มนษุ ยชาติ จงึ ต้องมคี ุณธรรม หรอื คณุ สมบตั ิ ดังนี้ ๓๗
สุขใจท่ใี ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่อื ชีวติ ที่ดงี าม ๑. ร้หู ลกั และรจู้ ักเหตุ (ธมั มัญณตุ า) คือ ร้จู กั หลกั การและกฎเกณฑ์ของสงิ่ ทง้ั หลายท่ตี นเข้าไปเก่ยี วขอ้ งในการดำเนินชีวิต ในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ีและการดำเนนิ กิจกรรมตา่ ง ๆ ร้แู ละเข้าใจในสง่ิ ท่ีตนจะตอ้ งทำ และประพฤติปฏิบัตติ ามเหตุผล เซ่น ร้วู ่าตำแหนง่ ฐานะอาชพี การงานของตน มหี น้าท่ีและความรบั ผดิ ซอบอย่างไร มอี ะไรเป็นหลกั การ? และจะต้องทำอยา่ งไร?จงึ จะเป็นเหตใุ หบ้ รรลุถงึ ผลสำเร็จทเี่ ป็นไปตามหนา้ ที่ และความรบั ผิดชอบนนั้เพราะว่า หนา้ นอก บอกความงาม หนา้ ใน บอกความดี หนา้ ที่ บอกความสามารถ จรรยาและหนา้ ท่ี คือศักดศี้ รขี องมนุษย์ ๒. รู้ความมุง่ หมายและร้เู หตุผล (อตั ถัญณุตา) คอื ร้จู กั ความหมายและความมุ่งหมายของหลักการท่ตี นปฏบิ ัติ เข้าใจวตั ถปุ ระสงคข์ องกจิ การที่ตนกระทำ รู้วา่ หลกั การนัน้ ๆ มคี วามมงุ่ หมายอยา่ งไร? รูว้ ่าทีต่ นทำอย่นู นั้เพอื่ ประโยชนอ์ ะไร? กิจการท่ที ำอยู่นั้นจะเกิดผลดีผลเสียอยา่ งไร ๓. รู้จักตน (อัตตัญณุตา) คือ รูต้ ามความเป็นจรงิ วา่ ตัวเรานั้นโดยฐานะ ภาวะ เพศ กำลังความรู้ความถนดั คุณธรรม เปน็ ต้น ว่าบัดนีม้ เี ทา่ ไรเป็นอย่างไร แลว้ ประพฤติใหเ้ หมาะสม เพราะส่วนมากคนเราจะรู้จักแต่มองคนอ่นื แตไ่ มร่ ้จู ักมองตนเองเหมอื นคำพูดทวี่ ่า “โทษคนอนื่ มองเหน็ เซ่นภเู ขาโทษของเรามองเห็นเทา่ เส้นผม” ซงึ่ ในทางพระพทุ ธศาสนาสอนไว้วา่ “โลกภายนอกกว้างไกลใครใครรู้ โลกภายในลกึ ซงึ้ อยู่รแู้ คไ่ หน จะมองโลกภายนอกมองออกไป จะมองโลกภายในใหม้ องตน”๓๘
สขุ ใจท่ีได้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวิตทีด่ ปี ๋'าม ๔. รู้จักประมาณ (มัตตญั ณตุ า) คอื ร้จู ักความพอดี เชน่ รูจ้ กัประมาณในการบริโภค รู้จักประมาณในการใช้จา่ ยทรัพย์ รจู้ ักความพอเหมาะพอดีในการกระทำ พูด คิด มีมัชฒิมาปฏปิ ทาในการทกุ อย่าง ที่เรยี กวา่ - พอดี คอ ไมเ่ ดอื ดร้อน ไม่เป็นทุกข์ - พอมี คอ ไมเ่ ดอื ดร้อน ไมเ่ ป็นทกุ ข์ - พอกนิ คอ ไม่เดอื ดรอ้ น ไมเ่ ปน็ ทกุ ข์ - พออยู่ คอ ไมเ่ ดือดรอ้ น ไมเ่ ปน็ ทุกข์ - พอใช้ คอ ไมเ่ ดอื ดรอ้ น ไม่เป็นทุกข์ ๕. รู้จกั กาล (กาลัญณุตา) คอื รู้จกั เวลาอันเหมาะสมและระยะเวลาทีจ่ ะนำไปใซในการประกอบธรุ กิจ กระทำหน้าทกี่ ารงานและการเกี่ยวขอ้ งกบัผ้อู ่นื เชน่ รวู้ า่ เวลาไหนควรทำอะไร และทำใหต้ รงเวลา เป็นเวลา ทนั เวลาพอเวลา เหมาะเวลา ถกู เวลา เรยี กวา่ ทำอะไรถูกจงั หวะ วันเวลาเป็นตราวัดชีวิต เรามสี ิทธเิ ทา่ กันในวันหนึ่ง แต่ใครจะทำอะไรใหต้ ราตรงึ นน่ั แหละซ่ึงทำชวี ติ เราผิดกัน ๖. ร้จู กั ชุมชน (ปริสญั ณตุ า) คอื รู้จกั ถนิ่ ชุมนุม ชุมชน รกู้ ารอันควรประพฤติปฏิบตั ใิ นถิ่นน่นั ๆ ว่า ชุมชนนี้เมื่อเขา้ ไปแลว้ ควรปฏิบตั ิตนอย่างไรควรทำกิริยาอาการอยา่ งไร รู้ว่าชมุ ชนนม้ี ีประเพณีวฒั นธรรมอยา่ งน้ี เปน็ ต้น ๗. รจู้ ักบุคคล (ปุคคลญั ณตุ า) คือร้จู กั และเขา้ ใจความแตกต่างแหง่บุคคลว่าโดยอัธยาศยั ความสามารถ คุณธรรม รู้จักทีจ่ ะปฏิบัติตอ่ บุคคลอืน่ ๆรจ้ กั เดก็ ร้จกั ผใิ หณ่ ร้เฃารเ้ รา
สขุ ใจทไี่ ด้อา่ นสารธรรมเพ่ีอชวี ิตทีด่ ีงาม สรปุ ว่าธรรมทัง้ ๗ ประการน้ี เรียกวา่ สัปปุริสธรรม เปน็ ธรรมของคนแท้ ซงึ่ เปน็ คณุ สมบตั ขิ องความเป็นมนษุ ยท์ ีส่ มบรู ณ์ประพฤติดมี ีธรรมนำแตส่ ุข ไม่เกิดทุกข์ลำเค็ญเปน็ กศุ ลถา้ ไร้ธรรมนำโทษมาถงึ ตน จะรอ้ นรนกายใจเหมือนไฟลามจะทำความชว่ั ร้ายทำไมเลา่ เปรยี บเหมอื นเราหลับตาเข้าปาหนามหมั่นประพฤตศิ ีลธรรมอนั งดงาม ไมม่ ีหนามท่มิ แทงอย่าแคลงใจธม.มจารี ลขุ ํ เลติ ผูป้ ระพฤติธรรม ย่อมอยเู่ ปน็ สขุ
สุขใจทไี่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพื่อชวี ติ ที่ดีป๋าม โดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ กาลเวลา” เมอ่ื พูดถงึ กาลเวลา ในทางพระพทุ ธศาสนา พระพุทธเจา้ ได้ตรสัเก่ยี วกับเร่ืองกาลเวลาวา่ กาลเวลาย่อมกลนื กินสรรพสตั วพ์ ร้อมทงั้ ตวัมนั เอง แสดงใหเ้ ห็นว่าทกุ ส่งิ ทุกอยา่ งถกู กาลเวลากลืนกินไปทงั้ ส้ิน อาณาจักรอนั ยิง่ ใหญ่ พระเจา้ จักรพรรดิผ้เู กรยี งไกร พระบรมศาสดาผยู้ ิง่ ใหญท่ ง้ั หลายลว้ นถูกกาลเวลากลนื กนิ ไปแล้วทง้ั สน้ิ คงเหลอื แต่รอ่ งรอยใหไ็ ดล้ ืบคน้ ศกึ ษาคนโบราณจงึ ตัง้ เปน็ ปรศิ นา เพื่อทายกันเลน่ ๆ วา่ พญายกั ษ์ตนหนึ่งนา มีตาสองข้าง ขา้ งหน่ึงสวา่ งขา้ งหนึ่งรบิ หรี่ มปี าก ๑๒ ปาก มีพนี ไมม่ าก ปากละ๓๐ ซ่ี กลนื สตั วท์ ่วั ปฐพี พญายักษต์ นนี้มชี ือ่ วา่ อะไร ทา่ นแก้ว่า ยักษ์ตนนี้มีตา ๒ ข้าง ขา้ งหนง่ึ สว่าง คอื ตาวนั (กรอ่ นเป็นตะวนั ) ข้างหนงึ่ รบิ หรค่ี ือ ตาคืน, มีปาก ๑๒ปาก คือ ปีหนงึ่ มี ๑๒ เดือน,มฟี ้นไมม่ ากปากละ ๓๐ ซี่ คือเดือน ๑ มี ๓๐ วนั กลืนกนิ สรรพสตั ว์ท่ัวปฐพีพญายกั ษต์ นนม้ี ชี ่อื วา่ อะไร คำตอบสุดท้ายกค็ อื กาลเวลาน่นั เอง สรุปวา่ เราท่านทกุ คนถูกกาลเวลาคอื พญายักษต์ ามกลนื กนิอยู่ตลอดเวลา เพื่อใหเ้ ห็นชัดเจน ขอยกอุทาหรณ์เป็นข้อเปรยี บเทียบวา่พญายกั ษ์ทา่ นส่งบริวารมาติดตามเกบ็ เราอยู่ตลอดเวลา ดูเหมอื นจะมาคอยรับใชัเราอย่างวนั นี้ ต้ังแตเ่ ท่ียงคืนเป็นด้นมา ไมว่ า่ เราจะหลับบนเตียงนอนอนั แสนสบาย หรือจะยงั คงฉลองเทศกาลสง่ ท้ายปเี กา่ ต้อนรบั ปใี หมก่ ันอยู่ก็ตาม พญายกั ษท์ า่ นส่งบริวารของทา่ นตนหนงึ่ ซอ่ื อาทติ ยม์ าโค้งคำนับเราทป่ี ลายเตียง รายงานตวั ว่า ยินดรี บั ใชั จากนัน้ กต็ ดิ ตามเราตลอดท้งั วนั พอถึงเวลา ๒๔ นาฬิกา นายอาทิตย์กโ็ ค้งคำนบั อำลาจากไป จากน้ันนายจนั ทร์เข้ามาโค้งคำนับรบั ใช้เราต่อ จนถงึ ๒๙ นาฬิกา นายจันทรก์ ็โค้งคำนบั ลาจากไป นายองั คารกม็ าเข้าเวรแทน คอยรับใชเ้ รา จบจากนายองั คาร กเ็ ปน็ นายพุธ
สขุ ใจที่ได้อ่านสารธรรมเพื่อชีวติ ที่ดงี ามจบจากนายพธุ ก็เปน็ นายพฤหสั นายศกุ ร์ นายเสาร์ ตามลำดบั และดูๆกเ็ หมือน เปน็ คนใจดเี สยี เหลอื เกนิ มาอยคู่ อยรับใชเ้ ราท้งั วัน เราจะมอบของขวญั รางวัลอะไรให้ ก็บอกว่า ไม,ตอ้ งการ ขอไปมอื เปล่า แต่คิดดใู หด้ ีเถอะบริวารของพญายักษ์เขามาเกบ็ เอาสมบตั ิที่มีค่าทีส่ ุด,ของเรา1ใป ในหนังสือ หิโตปเทศ ท่านบอกว่าสมบัตขิ องมนษุ ย์มี๕ ประการ คือ ๑. อายุ ๒. กรรม ๓. ทรัพย์ ๔. วิทยา และ ๕. ความตาย อายุเป็นสมบตั ิประการแรกของมนุษย์และเปน็ สมบตั ทิ ่ีสำคญัมนษุ ยห์ วงแหนที่สดุ คราวคับขันอยใู่ นภา1วะอันตราย จมนํา้ ไฟไหม้ โจรปล้น ทรัพย์สมบัติชิน้ อนื่ ยอมสละทงิ้ หมดสนิ้ เพียงเพอื่ ตอ้ งการชวี ติ คืออายุ น่นั แหละเอาไว้ เพราะถา้ ส้นิ ชีวิตก็หมายความว่าหมดอายนุ ัน่ เองกเ็ พราะต้องการรกั ษาอายใุ ห้ยนื ยาว น่แี หละจึงต้องมโี รงพยาบาล ตอ้ งมีหมอ แม้ทส่ี ุดกเ็ พราะตอ้ งการรักษาอายุ จึงต้องมหี ้องครวั หงุ หาอาหารเพอ่ืตอ่ อายุ มองในแง่ยารกั ษาโรค ยายอดปรารถนาก็คือ ยาอายวุ ัฒนะ หรือยาที่ทำใหอ้ ายยุ นื แมีในที่สุดเมื่อคิดอะไรไมอ่ อก ถา้ อยากมอี ายุยนื กไ็ ปทำพิธีละเดาะเคราะห์ตอ่ ชะตา หรือทำบุญต่ออายุ ข้อยนื ยนั เรือ่ งอายเุ ป็นสมบตั สิ ำคัญของสัตวม์ ีชวี ติ แม่ในทางศาสนาท่านก็ยนื ยัน ดไู ตจ้ ากศีล. ศลี ทกุ ประเภทจะเรื่มตน้ ที่ช้อหา้ มฆา่ สตั ว์ตัดชวี ิต ทีว่ า่ ปาณาติปาตา เพราะถา้ ฆ่าสตั ว์ตดั ชวี ิตก็คือตัดอายุ เมื่อหมดอายแุ ล้ว คืลช้ออน่ื ๆ กไ็ ม,ตอ้ งพดู ถึง แมใ่ นทางธรรม เวลาพระลวดมนต์อำนวยพร ก็เริ่มที่อายุ เชน่ บทมงคลจกั รวาลวา่ อายวุ ฑั ฒโก ธนวฑั ฒโกสริ ิวฑั ฒโก ยล1วฑั ฒ่โก พลวฑั ฒโก วัณณวัฑฒโก สุขวัฑฒโก หรอื บทวา่อายโุ ท พลโท ธีโร วณั ณโท เปน็ ต้น ก็เร่ิมต้นท่อี ายุก่อน หรอื แม่ในโอกาสมงคลต่างๆ เช่นวันเกิด วันขึ้นปใี หม่ ถา้ จะอวยพรด้วยจตุรพิธพรชยั ท้ัง๕ ประการ ก็เรมิ่ ท่ี อายุ ก่อน แล้วจึง วรรณะ สุขะ พละ ท่านเชอื่ ไหมว่า ลมบัตฃิ องมนษุ ยค์ อื อายุ ทเี่ ราหวงแหนและมคี วามสำคญั มากมายขนาดน้ี พญายกั ษ์ท่านล่งบริวารมาตามเกบ็ ไปแล้ว
สุขใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพ่ือชวี ติ ทดี่ ีงามคนละเทา่ ๆ กนั นายอาทิตย์เกบ็ อายุของเราไป ๒๔ ชวั่ โมง นายจันทร์เอาไปอีก ๒๔ ชวั่ โมง นายอังคาร นายพธุ นายพฤหัส นายศุกร์ นายเสาร์ กเ็ อาไปอกี คนละ ๒๔ ชว่ั โมง หมุนเวยี นกันมาเกบ็ เอาสมบตั ิช้ินแรกท่เี ราหวงแหนท่สี ุดไปวนั แลว้ วนั เล่า ถา้ อายขุ องเราเป็นเหมือนเสน้ เชอื กยาว ๑๐๐ เมตรแลว้ มีคนมาตดั เอาไปทุกวัน วันละนิว้ ๆไมน่ านกค็ งหมด คดิ ในแง่มมุ นิ้ปเี ก่าทำให้เราหมดอายุไปอกี ปี หรอื ๓๖๕ วนั ปใี หม่เรากค็ งตอั งประคบั ประคองอายขุ องเราตอ่ ไปใหย้ ืนยาวทส่ี ดุ เทา่ ท่จี ะทำได้แต่แนน่ อน สดุ ท้ายพญายกั ษ์ท่านก็เกบ็ รวบยอดหมดทงั้ ตวั ท้ังชวี ิต น่นั คอืสมบัตปิ ระการสดุ ทา้ ยของมนุษยค์ อื ความตาย พระพทุ ธดำรัสเตอื นสติ ตรสั วา่ วันคืนลว่ งไป ๆ ขณะนเี้ ราทำอะไรอยู่ สรุปทา้ ยทรงเตือนว่า ท่านทงั้ หลาย จงยงั ประโยชนต์ น ประโยชนผ์ ้อู ืน่ให้ถึงพรอ้ มด้วยความไม่ประมาทเถดิ นนั่ ก็หมายความวา่ สาระของชวี ติคือการไดท้ ำประโยชน์ ชีวติ ที่ไรป้ ระโยชน์ ไร้คุณคา่ ทา่ นเรียกวา่ โมฆบรุ ุษ อยา่ งไรกต็ าม กาลเวลากเ็ ปน็ เรอ่ื งของกาลเวลา ปีใหม่ก็เปน็ เรอื่ งสมมติ ขอใหเ้ ราปรบั ตวั ปรับใจกับการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา รกั ษาอารมณ๊1ห้เป็นปกติ เรากจ็ ะอย่อู ย่างมีความสุข มคี ำประพันธบ์ อกวา่ วันพรงุ่ น้ี อยู่ไกล ยงั ไม่เกิด ช่างมันเถิด อยา่ ร้อน ไปก่อนไข้ วนั วานนี้ ผา่ นแล้ว ใหแ้ ลว้ ไป อย่าเอาใจ ไปข้อง ท้งั สองวนั ทำวนั น้ี ใหส้ ดชื่น ระร่ืนจติ อย่าไปคดิ หนา้ - หลงั มาคลงั่ ฝนื สิง่ ทแี่ ลว้ แล้วไป ให้แลว้ กัน สง่ิ ที่ฝนื ยงั ไม,มา อย่าอาวรณ์
โดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “กฎแหง่ กรรม โบแงข่ องวทิ ยาศาสตร”์ กฎแหง่ กรรม เปน็ หลกั สำคัญทางพระพุทธศาสนาวา่ “ทำดไี ดด้ ี ทำชัว่ ได้ช่วั ” น้นั คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกนั วา่ การทำดหี รอื การทำชั่ว จะมผี ลตอ่ สภาพชีวติ ความเปน็ อยขู่ องผู้กระทำ “กรรม” นั้น เชน่ มีผลให้ชวี ิตรงุ่ เรืองมชี อ่ี เสียง มีลาภ หรอื ตกตา ยากจน ด้องอับอายขายหน้า แลว้ แตช่ นิดของการกระทำหรือ “กรรม” เช่นกรรมดีหรอื กรรมชวั่ อันเปน็ เหตุ แต่จะมใี ครบ้างเชื่อว่า การทำดหี รอื ทำชว่ั จะมผี ลต่อร่างกายโดยตรง เหน็ ผลไดีในปัจจุบนั นี้ เช่นบุคคลทช่ี อบช่วยเหลอื ผ้อู ่นื จะมอี ายุยืน บุคคลทลี่ ะเวน้ จากการเบยี ดเบยี นสัตว์ด้วยการบริโภคอาหารจากพชื จะปลอดภยั จากโรคร้ายต่างๆ เชน่ โรคหัวใจโรคเบาหวานและมะเรง็ บุคคลท่ีเจริญสมาธิภาวนาเป็นประจำจะมภี มู คิ มุ้ กนั โรคสงู สขุ ภาพดี แก่ช้า บุคคลที่อยโู่ ดดเด่ยี ว ไมช่ อบคบหาลมาคมกับใคร มกั จะมอี ายสุ ้นั บคุ คลท่มี ีอารมณ์หงดุ หงดิ ง่าย มองคนในแงร่ ้าย คดิ ร้ายตอ่ ผู้อ่นื จะมภี ูมิคุ้มกนั โรคตา สขุ ภาพไม่ดี หรอื เคร่งเครยี ดเป็นประจำ มกั จะอายุสนั้ บุคคลท่ีนิยมบริโภคเนอ้ื สัตว์เป็นประจำ จะมีความเสยี่ งตอ่ การเปน็ โรครา้ ย เช่น โรคหวั ใจ เบาหวานมะเรง็ เปน็ ด้น บัดนก้ี ารศกึ ษาดน้ ควา้ วจิ ยั ตามแนวทางวทิ ยาศาสตร์ และวงการแพทยเ์ ริ่มปรากฏชดั ขนึ้ วา่ ไมใชเ่ รื่องเหลวไหล ไร้สาระ แต่เปน็ เรือ่ งจรงิ ท่ีเปน็ ไปแลว้ และพิสูจนไ์ ด้ นอกจากน้ียังพบวา่ “ความเครยี ด” เป็นตน้ เหตุให้เกดิ โรคตา่ ง ๆ ได้หลายชนดิ ที่พบกันเปน็ ประจำ เช่นความดันโลหิตสูง ไขมนัในเล้นเลอื ดสูง เสน้ เลอื ดหวั ใจตบี ตัน ทำใหห้ วั ใจล้มเหลวโรคเบาหวานกำเริบสงิ่ เสพติด เช่น สรา บหร่ิ ก็ทำให้เครียดไดเ้ ชน่ กัน
สุขใจทีไ่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื ชวี ิตทด่ี งี าม เม่ือเชอื้ โรคเข้าสู่ร่างกายเพราะความเครยี ดเหลา่ นี้ รา่ งกายของคนเราจึงไมอ่ าจต้านทานไวไดท้ ำให้เป็นโรคงา่ ย รา่ งกายจงึ อ่อนแอ อายุไม่ยนื ตัวอย่างทเ่ี หน็ กันบอ่ ย ๆ ระยะใกลจ้ ะสอบปลายปนี ้นั นกั เรียนนักศกึ ษามักจะเจบ็ ป่วยกันมากเพราะเครง่ เครียดกบั การเตรียมตัวสอบไล่ จึงเปน็ โรคแพอ้ ากาศกนั งา่ ย คนท่ีทำงานหนักสมอง แมว้ า่ จะเป็นงานเบาตอ่ ร่างกายแต่ก็ก่อให้เกดิ ความเครยี ดกันมาก ถา้ ไม่รูจ้ กั ปรบั จติ ใจก็มักจะเปน็ โรคเครียดอนั จะติดตามมาดว้ ยโรคหัวใจ เบาหวาน และโรคมะเรง็ การคน้ คว้าวิจยั อีกเร่อื งหนงึ่ ท่ีคน้ พบว่าความอิ่มเอบิ ปตี ิยินดีในจติ ใจ มีผลดีตอ่ รา่ งกายก็คือการ ออกกำลงั กายแบบไมร่ ุนแรง แตอ่ อกอย่างตอ่ เน่ืองนานพอสมควร ท่เี รยี กวา่ “แอโรบิก” เซ่น การเต้นเปน็ จังหวะประกอบเสียงเพลง การเดินเร็ว การวิงช้าๆ การขับขี่รถจักรยานไม่เร็วนักการวา่ ยนํ้าขา้ ๆ การกระโดดเชือก เปน็ ดน้ จะมสี ารชนดิ หนง่ึ เรียกว่า “เอ็นดอรพ็ น้ ”(&ฟอเๅวเาเก) อนั เป็นของเหลวกลนั่ ออกมาจากต่อมใต้สมอง ของมนุษย์หรือแมแ้ ตก่ าร ดูละครทีวเี รือ่ งชวื ติ ของผบู้ ำเพญ็ ความดี กจ็ ะเกดิ ความปตี ิเอบิ อมิ่ ถงึ แมต้ ัวเองมไิ ดท้ ำความดนี น้ั ๆ แตค่ วามชน่ื ชมยนิ ดกี ็ทำใหส้ ารชนดิ นี้หล่ังเข้าส่กู ระแสโลหติ ไต้ สาร “เอ็นดอเพน้ ”(&าช๐เใวห!ก) มคี วามสำคัญหรอื มคี ณุ สมบตั ิดีเดน่อยา่ งไร? การศึกษาวิจัยของวงการแพทยพ์ บว่าสารชนดิ นี้ เม่อื หลงั่ ออกมาจากท่อใต้สมองสูก่ ระแสเลือดจะมีผลใหร้ ่างกายรู้สึกสบายคลายเครยี ดเพราะร่างกายผลติ ข้ึนมาไต้เอง ทำใหห้ ายปวดเม่ือย คนที่ออกกำลงั กายดังกลา่ วขา้ งต้น จงึ มกั จะเกิดการ “ตดิ ” คืออยากกระทำซํ้า เซ่นนักว่ิง เมือ่ถงึ เวลากอ็ ยากไปว่ิง เพราะวิ่งเสร็จแลว้ กร็ ้สู ึกสบาย นอกจากนนั้ การออกกำลงั กาย ทำใหร้ ่างกายแข็งแรงอกี ดว้ ย แพทย์ยงั แนะนำว่าการออกกำลงั กายทเี่ หมาะสม เซ่น คนวยั อายุ ๕๐ ปี ออกกำลังใหห้ ัวใจเต้น ๑๒๐ ครงั้ ตอ่ นาทีจะมผี ลทำใหร้ า่ งกายกระฉับกระเฉง มีพละกำลงั ดีรา่ งกายจะแขง็ แรง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281