Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สุขใจที่ได้อ่าน ๒

สุขใจที่ได้อ่าน ๒

Description: สุขใจที่ได้อ่าน ๒

Search

Read the Text Version

สุขใจที่ไดอ้ าน,ฬๆร&รรมเพือ่ ?โวติ พื่๑ งาม ๒ กองอนศุ าสนาจารยํ กรมยุทธศกษาทหารบก



สุขไจกี่ได้อ่านส า ร ธ ร ร ม เ ผ ่อื ช ีว ติ ก ี่ด งี า บ \ฐ ]



คานา กองทัพบก ได้อนุมตั งิ บประมาณเพีอ่ จดั พิมพ์เอกสารเผยแผ่ธรรมะให้กรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก โดยกองอนศุ าสนาจารย์ฯ จัดพิมพ์เอกสารเผยแผ่ธรรมะแจกจ่ายใหก้ ับหนว่ ยตา่ ง ๆ ถงึ ระดบั กองรอ้ ยทกุ ๆ ปีโดยในปนี ีไ้ ดพ้ จิ ารณาจดั พมิ พ์บทความธรรมะที่ไมย่ าวมาก และบางบทความก็สั้นๆ ผสมผสานกนั เพ่ีอใหอ้ ่านเข้าใจงา่ ยและมคี วามสุขใจที่ได้อา่ น ซ่งึ เป็นสารธรรมเพือ่ ชวี ติ ทีง่ ดงาม โดยไดค้ ัดเลอื กบทความธรรมะที่คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบกไดช้ ว่ ยกันเรียบเรยี งไว้ และได้พิจารณาคดั เลือกเพ่ิมเติมบทความธรรมะ จากรายการสยามานสุ สติ ท่ีคณะอนุศาสนาจารย็ได้ผลดั เปลยี่ นหมนุ เวยี นกันไปดำเนนิ รายการทกุ เช้าวันอาทติ ย์ ทางสถานวี ิทยใุ นเครือกองทัพบก ณ ศูนย์'ปฏิบัติการกองทัพบกใหซอ่ึ หนังสือเหมือนกบั ชุดกอ่ นๆ ว่า “สขุ ใจทไี่ ด้อ่าน” ซึ่งจัดอยใู นชดุ สารธรรมเพ่อี ชวี ิตทง่ี ดงาม กรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก หวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ ว่า หนังสอื สุขใจทไ่ี ดอ้ า่ นเลม่ นจี้ ะเป็นประโยชนต์ อ่ การเผยแผธ่ รรมะแก'กำลงั พลกองทพั บกและประซาซนโดยท่ัวไป ทั้งสง่ เสรมิ ให้จติ ใจของผู้อ่านไดม้ ีความสุข มสี ตปิ ัญญาและมีชวี ิตทีง่ ดงามตามสมควร และจะเปน็ ค่มู อื เบ้ืองต้นแบบบทบรรยายธรรมะในที่รวมพลของหน่วยลำหรบั คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบกต่อไป หากมืขอ้ บกพรอ่ งประการใดซงึ่ ควรแกไ้ ข หรือมขี อ้ เสนอแนะใด ๆท่ีจะเป็นประโยชน์ขอความกรณุ าแจง้ ให้ทราบด้วย จะเปน็ พระคณุ ย่ิง (ณฐพนธ์ ศรีสวสั ด) เจา้ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก พฤษภาคม ๒๕๖๑



สารบณ หนาเริอง ๑ความหวังคือพลังของชีวติ ๔แกป้ ญั หาชวี ิตดว้ ยธรรมะสวรรคในบ้าน ๙คนเบรกแตกพุทธศาสนากับสขุ ภาพ ๑๕น้ําใจถนนชวี ติ ๒๐ธรรมราชา ๒๗มนษุ ย์ท่สี มบรู ณ์ ๓๐กาลเวลา ๓๓กฎแห่งกรรม ในแงข่ องวิทยาศาสตร์ ๓๗ความปรารถนาดขี องชวี ิตหน้าทีก่ บั คุณธรรม ๔๑ความร้อน ๔๔คมั ภรี ์ชีวติ ๔๘จุดศูนย์รวมแห่งสภาวธรรม ๕๒บุญนำกรรมแต่งธรรมะของผูก้ ลา้ ๕๘ทางสายกลางยันต์เกราะเพชร ๖๒หลกั ธรรมเพ่อื ความม่นั คงของชีวิต ๖๖ประโยชน์สงกรานต์ ๗๑ ฝ๔ ๗๙ ๘๔ ๘๙ ๙๒

ความเมา ๙๖ความตอ้ งการ ๑๐๒กฐนิ ๑๐6ะความยุตธิ รรมอยทู่ ่ีไหน ๑๑๒พลังของมนษุ ย์ ๑๑๑!ประพฤติสุจรติ ธรรม งานประจำของชีวิต ๑๒๑ประเพณีลอยกระทง ๑๒๕พลงั ธรรมนำชวี ิต ๑๒๙ความสขุ ที่ไม่ควรเสย่ี ง ๑๓๓ศลี ธรรมจำเป็นอยา่ งไร ๑๓๗วงจรชวี ติ ๑๔๒การสำรวมอนิ ทรีย์ ๑๔๗บคุ คล ๔ ประเภท ๑๕:๒วิธรี ะงับความโกรธ ๑๕:๖เกบ็ อาการ ๑๖๐บารมี ะ ความดีชน้ั พเิ ศษ ๑๖๕:เงนิ ปากผี ๑๗๐ผา้ บังสกุ ุล ๑๗๓อาบหรือรดนาํ้ ศพทำไม ๑๗๗บท นะโม ๑๐คนขยันยอ่ มหาทรัพย์ไต้ ๑๔๓สขุ เลอื กไต้ ๑๔๕:ศลี ธรรม ๑๔๗การสงเคราะห์ภรรยา ๑๔๙ตง้ั ใจ ๑๙๕:ปัญญาคอื ทรพั ยอ์ ันประเสรฐิ ๒๐๐สามัคคธี รรมนำสุข ๒๐๖

ธรรมโอสถ ๒๑๑การสวดมนตเ์ พ่อื สขุ ภาพ ๒๑๕:จดุ เทียนแห่งชีวิต ๒๒๑ความตระหน่นี ำความวิบตั มิ าให้ ๒๒®:ความเชอ่ื และหลักปฏบิ ัติ เพื่อใหถ้ งึ จดุ มุ่งหมายของศาสนาต่าง ๆ ๒๒๖ความประหยัด ๒๒๙สวยไดดวยศล ๒๓๓ความชอ่ื สตั ย์ เอ๓๘ความกตญั ณู ๒®:๓บญุ นำใหด้ ี ๒®:๕ผูกน้ําใจคน ๒®:๗แสงสว่างคอื ปญั ญา ๒®:๙ธรรมนูญขน้ั พน้ื ฐานของชีวิต ๒๕:๑ความรู้ทว่ มหัวเอาตวั ไม่รอด ๒๕:๖บญุ -บาป ๒๕:๗ทำอยา่ งไรพระธรรมจึงจะช่วยเรา ๒๕:๘แชง่ ดี ๒๖๐ความตอ้ งการ ๒๖๒การดหู มนิ่ ๒๖®:อานุภาพของโมรปริตร ๒๖๖ยศ ๒๗๐ขอ้ ทไี่ มค่ วรประพฤติ ๒๗๒คุณธรรมผู้นำ ๒๗®:



สขุ ใจที่ไดอ้ ่าน สารธรรมเพึอ่ ชวี ติ ท่ีดีงาม โดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก“ ความหวงั คอื ผลงั ของชวี ติ ” คนเราสว่ นมากต้องการสิง่ ใด แล้วคิดวา่ สิงน้นั จะเปน็ ไปตามทคี่ ิดหรือตอ้ งการ เรยี กวา่ ความหวัง เซ่น หวังจะได้คนรัก หวังจะมโี ชค หวังจะรวย ซื้อหวยก็หวังจะถูก มีทกุ ข์กห็ วงั จะสบาย สอบก็หวงั ได้ ทำงานหวงัจะได้ข้นึ เงนิ เดือน เจบ็ ปว่ ยก็หวงั จะหาย ค้าขายก็หวังจะไดก้ ำไร แม้ตายกห็ วังจะไดไื ปสวรรค์ ความ ห วัง ทำใหค้ นเรารสู้ กึ กระตือรอื รน้ พยายามสร้างตัวแมท้ หารทเ่ี ข้าไปรบในสนามรบ อย่างไรเสียกห็ วังวา่ ฝ่ายตนจะชนะนกั มวยชกก็หวงั จะเป็นแชมป็ ความหวงั เป็นสง่ิ จำเป็นสำหรบั สามัญซนทว่ั ไปและไมใช่เร่ืองเสียหายอะไร หากแตว่ า่ ผู้นั้นไดต้ ้งั ความหวังไว่ในทางที่ถกูที่ควร นา่ เป็นหว่ งตรงที่ว่า ความหวงั กับความผิดหวัง มกั จะเป็นของคู่กันความหวังมีอยู่ท่ีไหน ความผดิ หวงั กม็ ีอยู่ท่ีน่นั เหมือนคนกบั เงา คนไปไหนเงาก็ไปทน่ี น่ั ความหวงั มีผลเป็น ๒ อยา่ ง คอื ๑. สมหวัง ๒. ผิดหวงัสมหวัง ทำให้ชีวิตสดชืน่ เป็นสิง่ ทีเ่ ราชอบและตอ้ งการ ผดิ หวงั ทำให้ชวี ติ อบั เฉา ไม,สดช่นื รน่ื เรงิ เป็นสิงท่เี ราเกลียดไม'ตอ้ งการ แตท่ ุกสง่ิ ทุกอยา่ งเกิดจากเหตุ เหมือนความผิดหวังกเ็ กดิ จากความหวังเป็นต้นเหตุ ชนิดของความหวงั มี ๓ ชนิด คือ หวงั ยาก หวังมากหวังไกล ๑. ยากห ว ัง คือหวงั ในสงิ ท่ีเป็นไปไดย้ าก คอื มนั มคี วามยากอยู่ในตัว เมอ่ื เรานำมาลำดับเรยี งตามความยาก ไดต้ งั น้ีหวงั ยากท่ีสดุ คอื หวังในตวั คนหวงั ยากมาก คอื หวังในสงิ่ ของหวงั ยาก คือหวังในเหตกุ ารณ์ ๑

สุขใจท่ีได้อา่ นสารธรรมเพอ่ื ชวติ ทีด่ งี าม หวังในคน คอื หวังจะใหใ้ ครคนหน่งึ เป็นไปอยา่ งท่เี ราคิด เช่นหวังจะใหเ้ ขาชว่ ยเรา หวังจะใหเ้ ขารกั เรา หวังจะใหเ้ ขาดี ถ้าไมเ่ ป็นไปตามที่เราหวัง กเ็ ปน็ ทุกข์ น่ีเร่มิ ผดิ หวงั อนั ธรรมดาคนมีอยู่ ๒ ฝ่าย คือ กาย กับใจ ควบคุมไม่ไถท้ ้งั สองอยา่ ง หวงั ใน สิ่งของ สำเรจ็ ไถย้ ากนอ้ ยกวา่ ในคน เพราะของมนั มีแตต่ วั ไม่มหี ัวใจ ความกลบั กลอกมันไมม่ ี หรือมีก็เพียงหนา้ เดียว หวงั ในของทว่ี ่านี้ เชน่ หวงั ว่ามะม่วงจะดก มังคดุ จะดี หวงั ว่าทุเรียนจะติดมาก หวังว่าข้าวในนาจะดี เปน็ ต้น นี่เราไปหวังเอากบั มันเฉย ๆ โดยทม่ี นั ไมร่ ้เู ร่อื งกบั เราลกั นิด และเราจะบอกวา่ มนั เป็นของเรา แต่สง่ิ เหล่านน้ั มันก็ไมเ่ คยยนิ ยอมว่ามนั เป็นของเรา ดูตัวอย่างเซ่น เวลาไฟไหมบ้ ้าน เวลาเจ้าของบา้ นว่งิ ออกมาจากบา้ นนน้ั จำพวกโตะ๊ ตู แกว้ แหวนเงินทองเฟอรน์ เิ จอร์ราคาแพง ๆ ทเ่ี ราหวงแหนนักหนา มนั ว่งิ ตามเราออกมาหรือเปลา่ กลับเขา้ ข้าง ปล่อยให้ไฟไหมห้ มด รถยนต์ราคาเปน็ หลายแสนหลายลา้ น มีคนมาขโมยไป มนั ก็ไมบ่ อกวา่ คนน้ไี มใชเ่ จ้าของ ไมไ่ ปถว้ ยหรอก แตก่ ็ไปกับเขาตลอด นห่ี วังในส่ิงของเอาแนไ่ มไ่ ถ้ หวงั ในเหตกุ ารณ ์ เช่น หวงั จะสอบไถ้ เงนิ เดือนจะข้ึน ฝนจะตกนา้ํ 'จะ1ไม่ท่วม เหตกุ ารณอ์ ย่างนพ้ี อจะทำนายไถ้ แต่ก็อาจผิดพลาดไถ้ ท่านจึงบอกว่า จะหวังส่งิ ใด ใหต้ ง้ั ขดี ความหวงั ไวด้ งั น้ีหวังในคน มโี อกาสผิดหวงั ๗๕^0 ลมหวัง ๒๕^0หวงั ในสิ่งของ ผดิ หวงั สมหวัง ๕๐^0 เท่ากนัหวงั ในเห ตุการณ ์ สมหวัง ๗๕:'96 ผิดหวัง ๒๕: 0/0 ถา้ ต้ังความหวงั ไว้ดงั นี้ ความผิดหวังจะน้อยลง เพราะเราตั้งงบประมาณความผิดหวงั ไวล้ ว่ งหนา้ แลว้ นั่นเอง ๒. ความหวงั มาก คอื หวงั เกนิ เหตุ เชน่ หวังจะเปน็ เศรษฐีเงินล้านหวังจะเปน็ ใหญม่ ีอำนาจมากกวา่ คนทง้ั หลาย หวงั จะให้ทำอะไรแลว้ มีคนซมทงั้ บ้านทั้งเมือง เปน็ ตน้ หวงั อย่างน้ี เรียกวา่ หวังมาก คนทหี่ วงั มากน้นั

สขุ ใจที่ไดอ้ า่ น สารธรรมเพอื่ ชีวติ ทด่ี งี ามยากนักท่จี ะสมหวงั เหมอื นหวังว่าอยากจะกินกับขา้ วสักอย่างหน่ึงอร่อย ๆไมถ่ งึ นาทีกส็ ำเรจ็ แต่กวา่ จะไดก้ ินจริง ๆ คนทำกบั ขา้ วทำแทบตาย กวา่ จะสำเร็จท้งั ลุกท้ังเดิน เดี๋ยวซา้ ยหัน ขวาหนั นอกจากน้ี การหวงั ในสงิ่ ท่เี ขาไมม่ ีใหกั ็ควรระวงั เพราะบางอย่างบางทีเขากไ็ ม่มใี หัจริง ๆ เช่น หวังความรักความเอน็ ดู จากคนที่ไม่มีความรักอยใู่ นหวั ใจเลย หวงั ความฉลาดในคนท่ีไม่มปี ญั ญา หวงั ความเมตตาในคนใจร้าย สำบากทัง้ น้ัน เขาก็ไมไ่ ด้แกล้งเรา แต่เขากไ็ ม่มจี ะให้ ฉะนน้ั เร่อื งน้ีต้องดใู หัดีกอ่ นที่จะหวงั โดยปกติคนเรามักจะทำเปน็ ร้านแผงลอย คือตัง้ ราคาเผือ่ ต่อ หมายความว่าหวังมากเกนิ ไป เอาเข้าจริงไดน้ ิดเดยี ว หรอืบางรายไมไ่ ด้เลย ต . ความหวงั ไกล คือความหวงั ท ห่ี า่ งไกลเกินไป กว่าจะสมหวงั ได้ตอ้ งคอยแทบแย่ เซน่ หวังจะสบายเม่ือแก่ หวงั จะไปสวรรค์เม่ือตายแลว้หวังวา่ ถูกหวยรวยเบอรแ์ ล้วจะทำบญุ จะเหน็ ไดว้ า่ ความหวังนั้น นอกจากจะเปน็ สุขแล้ว ยังเป็นทกุ ข์อึกดว้ ย คอื ต้องทุกขท์ ีร่ อนาน การท่รี อนานบางทีก็เป็นการยากท'ี จะสมหวัง หรือสำเร็จได้ เข้าตำราท่วี า่ “หวังนาํ้ บ่อหนา้นา้ํ หน้าบ’ม”ี สุนทรภู่ก็ว่าไวแ้ ล้วว่า “ทางไก ล ตา อปุ มาเหมือนเสียเนตร”การหวังอะไรท่ีเกนิ ไปนน้ั เราตอ้ งเสยี เวลารอนานจนกว่าจะสมหวงั บางทีซวด1ไปเลยก็มื สรุปว่า ทำอยา่ งไรเราจงึ จะไม่ผดิ หวงั และถา้ ผดิ หวงั เราจะทำอย่างไร การปอ้ งกันทจี่ ะไมใ่ หเ้ กดิ ความผดิ หวังขึ้นนน้ั ตอ้ งแถ้ทต่ี น้ เหตุ คอืการตั้งความหวังเหมอื นความเศร้าโศกเกดิ จากคนรกั ของรัก เราจะต้องระวังในเรือ่ งความหวังท่ยี าก หวงั มาก และหวงั ไกล แล้วจะปลอดภัยไปได้มากถ ึงแ ม ้จ ะ ม ีผ ิด ห ว งั ป าั งเล ็ก น อ้ ย แ ต ่จ ะไม ่ให ผั ดิ ห วงั เล ย น ้ัน เป ็น ไป ไม ่ได ้แตห่ วงั ทีม่ โี อกาสผดิ หวังมากที่สดุ น้นั คือหวงั ในคน พ่อแม่หวังในลกู ย่อมจะผดิ หวังในลกู ครอู าจารย์หวงั ในศษิ ย์ ยอ่ มผิดหวงั ในศษิ ย์ เพือ่ นย่อมผิดหวงั เพราะเพ่ือน พ่อแม่หวังวา่ ลูกจะกตญั ญู เลยี้ งดเู มอ่ื แก่เฒา่ อาจจะผดิ หวงั ก็ได้ เพราะฉะน้นั “ให้หวงั ในสงิ่ ทเ่ี ป็นไปได้ จึงจะมโื อกาสสมหวัง” ๓

สขุ ใจท่ีไดอ้ ่านสารธรรมเพอ่ื ชีวติ ท่ดี ีงามโดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ แกป้ ญั หาชวี ติ ตวั ยธรรบะ” ในยุคปัจจบุ ันน้!ี ดยเฉพาะยคุ เศรษฐกจิ ทรงตวั นี้ คนไทยมปี ญั หาชวี ิตด้วยกนั ท่วั ทกุ คน มากบ้าง น้อยบา้ ง ตามแตว่ ่าใครจะโชคดโี ชครา้ ย หรือแล้วแตบ่ ุญบารมที ่ตี นสร้างสมมา ปัญหาชีวติ เกดิ ข้ึนได้ ๒ ทาง คือ ๑. ป ญั ห าช ีวติ เก ิด จ าก ป จั จยั ภ าย น อ ก เชน่ เม่ือเศรษฐกจิทรงตัวหรือซบเซา ทำให้รายได้ของเราลดน้อยลง ยามเศรษฐกจิ เทื่เองฟูทำใหร้ ายไดเ้ พิ่มมากกว่าเดิม เศรษฐกิจไม,ดมี ักจะมกี ารจ้ีการปล้น การลกั ขโมยมากกว่าปกติ ซงึ่ ก็มผี ลกระทบด้านความปลอดภัยตอ่ ชีวติ เรา ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่าง ปัญหาชวี ติ ท่เี กดิ จากปัจจัยภายนอก ๒. ปญั หาชวี ติ เกิดจากปัจจยั ภายใน ปัจจยั ภายในคอื ตวั เราเองส่งิ ทที่ ำให้ตวั เราเองเกดิ ปัญหา คอื กิเลส ซงึ่ มกี ิเลสตัวใหญห่ รอื ตัวสำคญั๓ ตวั กิเลสตัวแรก โลภะ ความอยากได้ ความอยากมี ความอยากเปน็ มากข้ึนกว่าเดิมเมือ่ มีความโลภ ก็ตอ้ งดิ้นรนแสวงหาต่อไปไม,ลิน้ สดุไม่มีวันจบลนิ้ ต้องเหนือ่ ยยากลำบากตลอดกาล บางคนแสวงหาด้วยวธิ สี จุ ริตไมไ่ ตผ้ ลเลยแสวงหาดว้ ยวิธีทจุ รติ ก็มี หาความสงบสุขในชวี ิตไม่ไต้ จนกวา่เราจะลดความโลภลงได้ จงึ จะพบความสงบสุข กเิ ลสตวั ทส่ี อง โทสะ ความโกรธ ความคิดประทุษร้ายคนอ่นืความอาฆาตพยาบาทคนอื่น ความปองร้ายคนอ่ืน การอยรู่ ว่ มกนั ย่อมมีการกระทบกระท่งั กันบา้ ง เหมือนลนิ้ กบั ฟ้น เราตอ้ งใหอ้ ภยั ซ่ึงกนั และกนัเพราะส่วนมากคนเราจะไม่มเื จตนาในการทำความชว่ั ไม่ตงั้ ใจทำผดิ พลาด

สขุ ใจทไี่ ดอ้ ่าน สารธรรมเพือ่ ชีวติ ท่ีดงี ามทุกคนมโี อกาสทำผดิ พลาดได,้เหมือนสุภาษิตทีว่ ่า “สเ่ี ทา้ ยังรู้พลาด นักปราชญ์ยงั รพู้ ลั้ง” เราจึงต้องใหโ็ อกาสแกเ่ ขาเหลา่ นัน้ หากเป็นผูบ้ งั คับบัญชาตอ้ งแนะนำตกั เตอื น เป็นพ่อแมค่ รูอาจารยต์ ้องสัง่ สอน ตวั ทีล่ าม โมหะ ความเขลา ความไมร่ ู้ รไู้ ม่แจม่ ซดั ภาษาพระเรยี กว่า ร้ไู ม่จริง รู้ไมซ่ ดั รู้ไม,แจ้ง หรีอเขา้ 'ไจ1ไม,1ซดั แจง้ ชาวบ้านท่วั ไปเรียกวา่ ไม่ฉลาด ความเขลา ความไม่ฉลาดเป็นปัญหาต่อชวี ิตคนเรามาก ถา้ แก้ไม1หายชีวติ น้อี าจไม,พบความสขุ ความเจริญกา้ วหน้าเลย เป็นผูท้ ีต่ อ้ งปรับปรุงพฒั นาตัวเองมาก การแกป้ ัญหาชวี ติ ด้วยธรรมะตามหลักของพระพทุ ธศาสนานั้นพระพุทธเจา้ ตรสั ลอนให้แกป้ ญั หาชวี ติ ดงั นี้ แก่โลภะ ความโลภ ดว้ ยทานการให้การบริจาค การรูจ้ กั แบง่ ปนัส่งิ ของใหแ้ ก,บุคคลอืน่ เป็นการแบ่งความสุขให้แก'คนอ่นื พระพุทธเจา้ตรสั สอนว่า เนกาลี นะ ละภะเต สุขงั การบริโภคคนเดียว ไม่มีความสขุหมายความว่า การทำให้ตนมคี วามสุขคนเดียว ไมใชค่ วามสุขทีแ่ ทจ้ รงิการแบ่งความสุขใหค้ นอ่นื เสวยสขุ ดว้ ย จงึ เปน็ ความสขุ ทแ่ี ท้จริง นอกจากนี้การให้เป็นการลดกิเลสคอื ความโลภให้น้อยลง เมอ่ื กิเลสคือความโลภน้อยลงความทกุ ข์'ไจก็ลดลง ปญั หาชีวติ ก็จะลดลง มีปัญหาชีวติ นอ้ ยลง ความสขุกจ็ ะเกิดข้ึน แก่โทสะ ความโกรธดว้ ยเมตตา คิดชว่ ยใหค้ นอนื่ มีความสุขปรารถนาดตี อ่ คนอน่ื มองคนอืน่ ในแง่ดีเราควรคดิ เสมอว่า ไม,มีใครทำถูกทกุ อยา่ งโดยไม่ผิดพลาด คนท่ีทำอะไรไม่ผดิ พลาด คือคนทไ่ี มท่ ำอะไรเลยฉะน้นั เมอ่ื ม ีการท ํๆงๆน ก็ตอ้ งม คี วาม ผิดพ ลาด เราควรใหอ้ ภัยซงึ่ กันและกันคนข้โี กรธ ขีอ้ จิ ฉารษิ ยา ชอบมองคนอน่ื ในแง่รา้ ย มองไม่เหน็ คุณงามความดีของคนอื่น พระพทุ ธเจ้าเปรียบเหมอื นคนมีไฟอยู่ในหวั ใจ โดยตรสัเปน็ ภาษาบาลีวา่ โทลคั คิ กิเลสตัวโทสะน้ที ำให้เรารอ้ นร่มุ อยูต่ ลอดเวลา บางคนมองเห็นคนอ่ืนเปน็ ศตั รไู ปหมด หรอื มองเห็นแต่ความผดิ พลาดของคนอื่น ๕

ส'ุ ยใจทไี่ ดอ้ ่านสารธรรมเพอื่ ชวี ติ ทีด่ ปี ๋ามการกระทำของตนถูกคนเดียว อย่รู ว่ มกับใคร ทำงานกับใครไมค่ อ่ ยได้ไม่มีความสุขในการทำงาน หากสรา้ งเมตตาจติ ให้เกิดขึ้นได้ จะอยทู่ ่ไี หน จะทำอะไรจะอยู่ร่วมกบั ใคร ก็มีแตค่ วามสขุ เพราะเอาชนะโทสะได้ แกโมหะ ความเขลา ความไมฉ่ ลาดด้วยการเจริญจติ ภาวนาปฏิบตั ิธรรมเจรญิ กรรมฐาน หรอื การ!]กสมาธิ ท่านท!่ี เกสมาธเิ ป็นประจำจะไดร้ ับผล ๓ อย่าง คอื ได้สติ สมาธิ ปัญญา สิง่ แรกท่เี ราได้จากการ!เกสมาธิคือตัวสติ เปน็ คนมีสติไม่หลงไม่ลมื งา่ ยอยากทราบเรอื่ งอะไรระลกึ ไดเ้ สมอทสี่ ำคัญคือเป็นคนรูต้ วั อยเู่ สมอว่าเรากำลังทำอะไร ตอ่ มา เกดิ สมาธิ มคี วามต้ังใจแน่วแน่ในสง่ิ ทกี่ ำลังทำอยู่ แลว้ เกิดปญั ญาว่า ส่งิ ทีเ่ ราทำอยนู่ ้ันผดิ หรอืถูก เพราะฉะน้ัน การ!เกสมาธิทำใหเ้ กดิ สตปิ ัญญา คนมีสติปญั ญาย่อมไมโ่ ง่ไม,เขลา ยอ่ มแกไขปัญหาชวี ติ ได้ การแกโมหะด้วยการ!เกสมาธิ หรอื เจรญิภาวนา จงึ เปน็ การแกก้ ิเลสตัวโมหะทถ่ี ูกวิธีและได้ผล การแกป้ ญั หาชวี ิตด้วยธรรมะอกี นยั หนี่ง คือแก้ดว้ ยหลักศลี แก้ดว้ ยหลักสมาธิ แกด้ ว้ ยหลักปญั ญา การแก้ปัญหาชวี ติ ดว้ ยหลกั ศีล คอื เอาศลี ๕ มา,ชว่ ยตดั สนิ ปัญหาชวี ิต ไมใช้ความรุนแรงตดั สนิ ปญั หา ยามโกรธ ยามทะเลาะกับคนอน่ื ก็ไม่ทำร้ายเขา พยายามแก้ปัญหาดว้ ยสันตวิ ธิ ี ยามยากจนก็ไม,ลักขโมยส่ิงของคนอ่นื มาเลยี้ งชีพ หรอื ไมโ่ กหกหลอกลวงคนอ่ืน ทสี่ ำคัญคือ ไม่แก้ปญั หาชวี ติ ด้วยการด่ืมสรุ า ซง่ึ มีหลายทา่ นชอบแก้ปญั หาดว้ ยสรุ า เสียใจดื่มเหล้าผดิ หวังกด็ ่ีมเหลา้ เมาเหล้าแลว้ กลับสรา้ งปญั หาเพมิ่ อีก การแกป้ ญั หาชวี ติ ด้วยการดมื่ สรุ ายาเมาหรอื ด่ืมเหลา้ จงึ เป็นการแกป้ ญั หาทไี่ ม่ถูกต้องโดยเฉพาะคนเมาเหลา้ คือคนขาดสติ เม่ือขาดสติ สมาธิปญั ญากไ็ มเ่ กิดไมม่ ีสติปญั ญากแ็ กป้ ัญหาชวี ิตไม,ได้ ตอ้ งแก้ดว้ ยหลกั ศีลคือไม,ดื่มเหลา้ จะได้มสี ติปญั ญาไปแก้ปัญหาชีวติ แก้ปัญหาชีวิตด้วยหลกั สมาธิ คือการทำอะไรกต็ งั้ ใจทำ แน่วแน่เท่ยี งแทไ้ ม่มีความลงั เลสงสยั มีจติ ใจท่มี น่ั คงไม่เปล่ียนแปลง ไม่แปรเปล่ยี น๖

สุขใจท่ไี ด้อ่าน สารธรรมเพื่อชีวิตทดี่ ีงามง่ายๆ ไม่โลเลเหลวไหลเป็นไมห้ ลกั ปักเลน ทำอะไรทำจริง ไม,นงิ่ นอนใจท่ีกลา่ วมาน้เี ป็นผลของการ‘ปกั ทำสมาธิท้งั ส้นิ คนทั้ปักสมาธเิ ปน็ ประจำจะเป็นคนลักษณะนี้ สมาธจิ งึ สามารถช่วยแก้ปัญหาชวี ิตได้มาก เพราะคนไม่มีสมาธิหรือไม่เคย‘ปักสมาธจิ ะเปน็ คนเปลย่ี นใจงา่ ยไมม่ ่ันคง เปน็ คนลังเลบางครั้งก็เหลวไหล นสิ ยั เหล่านีเ้ ปน็ อุปสรรคต่อการดำเนนิ ชีวิต ทำ'ไหใม,ประสบความสำเรจ็ สมาธิจงึ มคี วามสำคัญและจำเป็นต่อการแกป้ ญั หาชวี ติ การแก้ปัญหาชีวิตด้วยปญั ญา ปญั ญานั้นมี ๓ ระดับ คอื ๑. สตุ มยปัญญา ปัญญาเกดิ จากการศึกษาเล่าเรยี น การไดย้ นิไดฟ้ งั มามาก จากประสบการณ์ชีวติ ๒. จนิ ตามยปัญญา ปญั ญาเกิดจากความคดิ การวจิ ารณญาณเร่อื งทพี่ บเหน็ ๓. ภาวนามยปัญญา ปญั ญาเกดิ จากการ‘ปกั ฝน การฟังบ่อย ๆการทำให้ชำนาญหรอื การ‘ปกั ฝนอบรมจนชำนาญ การทำบ่อย ๆ จนเกดิ ผลปรากฏเป็นปัญญา ความรู้ท่ีเกิดจากการทดลองหรอื ผ่านการพิสจู น์มาแลวั ปญั ญาท่ีสามารถนำมาใช้แก้ปญั หาในชวี ิตประจำวนั หมายถงึปญั ญาขอ้ ๓ ปัญญาท่เี กิดจากการทดลองหรือผา่ นการพิสจู นม์ าแลว้ เปน็ปัญญาท่ีเกดิ ต่อจากการ'ปกั สมาธิน่นั เอง เพราะก่อนท,ี ปัญญาจะเกดิ ขน้ึ ได้เราตอ้ ง‘ปกั สมาธิจนชำนาญหรอื ไดผ้ ลเสียก่อน การ'ปกั สมาธินั้นจะเกดิ ผลตามลำดบั ดังกล่าวมาแล้ว แต่ขอกลา่ วซํ้าอกี คือ อนั ดับแรก จะเกดิ สติ มีสตดิ ี สตไิ มข่ าด เม่ือสตไิ มข่ าดสมาธิจะเกดิ ขนึ้ ครัน้ สมาธมิ ีกำลงั มากข้ึนจนจิตสงบปัญญากจ็ ะเกดิ ขณะทจ่ี ติ สงบ เราสามารถจะคดิ ดนั หรอื คิดแก้ปญั หาอย่างใดอยา่ งหน่งึ ไดผ้ ลดีกวา่ ขณ ะทจี่ ิตไมส่ งบ ถา้ จติ ไม่สงบมักจะคิดไม่ออกหรือคดิ แกป้ ญั หาชีวิตไม่ได้ เรียกตามภาษาพระว่าปญั ญาไม่เกิด เพราะฉะนน้ัปญั ญาความรคู้ วามคดิ ดๆี จะเกดิ ขน้ึ หลังจากจิตเป็นสมาธิ คนทีจ่ ติ มีสมาธิจงึ เปน็ คนมเี หตุมผี ล มหี ลักการมีหลกั เกณฑ์ ยดึ ความถูกตอ้ งมากกวา่ ความ

สุขใจทไี่ ด้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ิตท่ีดปี า่ มถกู ใจ เรยี กว่ามีปัญญา เพราะฉะนน้ั เมอ่ื มปี ัญหาชีวิตหรอื อปุ สรรคชีวติเกิดข้ึน เขาย่อมสามารถแกป้ ัญหาชีวติ ไดด้ ีกวา่ คนอนื่ และการแก้ปญั หาดว้ ยปัญญานนั้ ทางพระพุทธศาสนายึดหลกั การท่ีว่า “ปญั หาทุกอยา่ งท่เี กดิ ขนึ้ ย่อมมสี าเหตุหรือตน้ เหตุ เราต้องด้นหาตน้ เหตขุ องปัญหานน้ั ใหพ้ บแลว้ แกป้ ัญหาท่ตี ้นเหตนุ ้นั จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ถกู ตอ้ งและถูกจดุ ” น้เี ป็นลกั ษณะของการแกป้ ญั หาแบบอริยสจั๔ เปน็ คุณธรรมระดับปัญญา คือ ศกึ ษาให้รูข้ อ้ มลู และตน้ เหตแุ ห่งทกุ ข์เสียกอ่ น จึงจะรวู้ ธิ ีดับทุกข์ คือดบั ที่ต้นเหตขุ องมนั จึงจะพ้นทกุ ข์ การแก้ปญั หาแบบอริยสจั ๔ สามารถนำมาประยกุ ตไ์ ซ้แก้ปัญหาในชีวติ ประจำวันได้เปน็ อยา่ งดี ลักษณะนเี้ ป็นการแก้ปัญหาดว้ ยปัญญา สรุปได้ว่า หากคนไทยสมัยปัจจุบนั เข้าหาพระ ใกลช้ ิดพระศาสนาประพฤติปฏิบตั ิธรรมมากกวา่ นี้ แล้วนำเอาหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนามาชว่ ยแก้ปญั หาชีวิต เป็นการ “แก้ปญั หาชวี ติ แบบพทุ ธ” หรอื “แก้ปญั หาชีวติ ดว้ ยธรรมะ” ด้งกล่าวมาขา้ งดน้ ลังคมไทยจะสงบสขุ กวา่ ปจั จบุ นัอยา่ งแนน่ อน ด้งพระพทุ ธภาษติ ท่วี ่า ธัมมะจารี สขุ ัง เสติ แปลวา่ ผปู้ ระพฤติธรรม ยอ่ มอยอู่ ยา่ งมคี วามสุข หมายความว่า ผดู้ ำรงชวี ติ ดว้ ยธรรมะ แก้ปัณหาชีวติ ด้วยธรรมะ ย่อมอย่อยา่ งมีความสข

สุขใจท่ีได้อ่าน สารธรรมเพือ่ ชีวิตท่ีดีงาม โดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ สวรรค!นบา้ น” พดู ถึงคำว่า สวรรค์ โดยความร้สู ึกของทุกคนก็คือ ดินแดนแหง่ความสุขสบาย ดนิ แดนแห่งความรื่นรมย์ซ่ึงใครๆ ต่างกป็ รารถนา ทำบุญทำทานครงั้ ใดกอ็ ธษิ ฐานขอให่ได้มนุษยส์ มบัติ สวรรคส์ มบตั ิ นิพพานสมบัติกค็ อื หวงั ถงึ ความสุขสบาย หวังความร่นื รมย์ไห้แก,ชีวิตนัน่ เอง การจะหวงั สวรรคช์ ้นั ฟ้าหลังจากตายไปแล้วดูเหมือนจะหวังไกลไปสกั หนอ่ ย จึงนา่ จะหันมาคดิ วา่ เราจะสรา้ งสวรรคบ์ นดนิ ในขณะมีชีวิตเป็นๆ อยู่น้ี จะไมด่ ีกวา่ หรอื การทตี่ ัง้ หวั เร่อื งวา่ สวรรค์ในบาั น ก็เพราะว่าจุดเรมิ่ ตน้ และจุดสนิ้ สุดของชวี ิตประจำวันของมนุษย์เรา กค็ ือบา้ น หรือพดู อกี อยา่ งหน่งึหลกั กโิ ลเมตรที่ ๐ (ศนู ย์) ของชวี ติ เรากค็ อื บา้ น ถ้าเราออกจากบา้ นไป ยิ่งไกลออกไปเทา่ ไร หลกั กิโลเมตรของชวี ติ กห็ ่างออกไปมากเท่านั้น และหลกักโิ ลเมตรหมายเลขศนู ย์ ซ่ึงถอื วา่ สน้ิ สดุ การเดินทาง กค็ อื บา้ นน่นั แหละ ทีนบ้ี า้ นจะเปน็ วิมานไดถ้ า้ หากผูอ้ ยูอ่ าศยั เป็นเทวดา เพราะคำวา่วิมาน ก็ดี, สวรรคก์ ็ดี เปน็ ทอ่ี ย่ของเทวดาท้ังนนั้ จงึ พอจะชี!้ หเ้ หน็ ในเบอื้ งด้นว่าสวรรค์ไนบ้านจะเป็นจริงขนึ้ มาไต้ก็ตอ่ เมือ่ ผูอ้ ยู่อาศยั เป็นเทวดาหากบ้านใหญ่โต, พื้นทก่ี วา้ งขวาง แตม่ พื วกอน่ื มาอยูอ่ าศัย เชน่ มนุสฺสเปโต คนเปรต, มนุส.สตริ จั ฉาโน คนสัตว์, มนุสสเนรยิโก คนผี, ถ้าพวกนม้ี าครอบครองอยู่ในบา้ น บา้ นก็จะกลายเป็นแดนเถอ่ื นไป เปน็ ป่าชา้ ไป, เป็นขมุ นรกไปจะเห็นได้วา่ บ้านเลก็ ใหญ่ไม,สำคญั แตส่ ำคัญทผ่ี อู้ ยู่อาศัยที่จะบนั ดาลให้บา้ นเป็นสวรรค์ หรือเป็นขุมนรก เรามาพิจารณาถึงคนท่อี ยูใ่ นบา้ นของเรา หนั ช้าย หนั ขวา มองหน้า มองหลงั ไปด1ูว่ามี'ใครบ้าง ตัวเรา และคนรอบ ๆ ช้างนีแ่ หละ คือผู้ร่วมบันดาลให้บ้านเปน็ วมิ าน เป็นสวรรค์ได้ ๙

สุขใจทไ่ี ด้อ่านสารธรรมเพ่ือชวี ิตที่ดงี าม ลักษณะของครอบครวั ไทยมอี งคป์ ระกอบทีส่ ำคญั อยู่ ๗ ประการ คอื ๑ . นบั ถือพอ่ แม่ ปูย่า ตายาย เป็นเหมือนเทวดา, เจดียป์ ระจำครอบครัว ๒. สามี ภรรยา เป็นหลกั ของครอบครวั ๓. บตุ ร ธดิ า เป็นอนาคต, เป็นความหวังของครอบครัว ®โ. ญาติพน่ี อั ง เป็นรม่ เงาของครอบครัว ๕. เพือ่ นบ้าน เปน็ รั้ว, กำแพงของครอบครัว ๖. อาชีพ เป็นฐานะของครอบครัว ๗. ศีลธรรม เป็นทศิ ทางทถ่ี กู ต้องของครอบครวั ก็พอจะมองเห็นแลว้ ว่า ส่วนประกอบท่จี ะทำใหเ้ กิดสวรรคใ์ นบา้ นนั้น มีใครบา้ ง พ่อแม่ ปยู ่า ตายายหนง่ึ , สามภี รรยาหนง่ึ , บุตรธดิ าหนงึ่ , ญาติพนื่ อั งหนึ่ง, เพื่อนบ้านหนึ่ง, อาชีพหนง่ึ และสุดหา้ ยสำคญั มากคือ ศลี ธรรมสง่ิ เหลา่ น้แี หละจะบนั ดาลใหบ้ ้านของเราเปน็ วิมานไต้ เพ่ือจะให้ท่านไต้เห็นภาพของบา้ นและครอบครัวชดั เจนขน้ึ คงตอ้ งพูดถึงผูส้ ร้างสวรรคห์ ลกั ของบ้าน คอื สาม-ี ภรรยา เลียก่อน ถอื เปน็จุดเรม่ิ ตน้ ของครอบครวั อยา่ งแหจ้ ริง เพราะสามี-ภรรยา มบี ุตรธดิ า ตวั เองก็กลายเป็นพ่อแม,่ แกเ่ ฒา่ ชรา ก็เป็นปูย่าตายาย, จงึ พดู ไต้ว่า บา้ นเรมิ่ เปน็บ้านเป็นครอบครวั ข้นึ มา กเ็ รม่ิ จากมีคน ๒ คน คือ สามี-ภรรยา เป็นหลัก เมื่อสามี-ภรรยาเป็นหลกั สำคญั อย่างนี้ สงั คมไทย ประเพณไี ทยจ ึงให ค้ วๆม ส ำค ัญ แก ่ ก ารเล ือ กค ู'ค รองข องล กู ห ลาน เป ็น พ ิเศ ษ หน ุ่มสาวแตโ่ บราณสมัยกอ่ นโน้น จะรักชอบพอกันอยา่ งไร ก็ตอ้ งพาไปให้ผู้!หญไ่ ต้พจิ ารณาดกู อ่ น บางทบี างรายก็ตอ้ งเอาวันเดอื นปีเกดิ ไปผกู ดวง ตรวจชะตาดูกอ่ นว่า จะไปกนั รอดไหม ถ้าเผอื่ ไมแ่ น่ไจก็ใหห้ มั้นกันไวก้ อ่ น ทใี่ ห้หมน้ั กนัไว้กอ่ นน้นั กไ็ ม่ใชอ่ ะไรหรอก เพ่อื ให้มเี วลาดนู ิสัยใจคอกันก่อนนั่นเอง เรื่องนี้คนไทยโบราณเราถอื เป็นเรือ่ งสำคัญ สถิติการหย่ารา้ งในยุคเกา่ ก่อนจงึ มีนอ้ ย

สขุ ใจท่ีไดอ้ า่ น สารธรรมเพอี่ ชวี ติ ท่ดี งี าม กลา่ วในฝา่ ยหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ว่าหนุ่มสาวรกั กันจะครองรกั ครองค่อู ย่กู นั ไดต้ ลอดนนั้ เกดิ จากการปรับตัวด้วยคุณธรรม ๔ประการ คือ ๑. สมสัทธา แปลวา่ มีศรทั ธา, ความเชื่อเหมือนกนั หากจะแปลแบบสมัยใหม่ กต็ อ้ งวา่ มรี สนิยมไปดว้ ยกนั ได้ เรื่องของรสนยิ มเปน็ เรอื่ งนานาจติ ตงั คอื ตา่ งคนตา่ งคดิ ต่างคนตา่ งชอบ ความชอบท,ีไมเ่ หมอื นกันยอ่ มนำมาซึ่งความขัดแยง้ จงึ ตอ้ งปรบั ตวั ปรับใจเพื่อใหเ้ ข้ากนั ใหไ้ ด้ ซ่งึแน่นอน หนุ่มสาวยามรกั ชอบกนั ใหม่ ๆ มกั ไม่มีปัญหา ตา่ งโอนออ่ นให้แกก่ ันและกนั แตพ่ อนานๆ ไป พอรักเริม่ จาง ความโอนออ่ นผอ่ นตามก็ลดนอ้ ยลงไป ความเกรงอกเกรงใจซงึ่ กันและกนั กห็ ดหายไปดว้ ย รสนยิ มท่ไี มเ่ หมอื นกนั จะกอ่ ให้เกิดความขัดแย้ง เมื่อเกดิ ความขดั แย้งบ่อยๆ เขา้ก็จะเบือ่ แล้วสรุปว่า ทศั นะของเราไม่ตรงกนั ๒. สมสลี า แปลวา่ มีศลี เสมอกัน ความหมายก็คือ มีความประพฤตเิ หมือนกัน ขอ้ นีไ้ มใชท่ ัศนคติ แตเ่ ปน็ เรื่องของการวางตัว เรอื่ งความประพฤติ ค่หู นุ่มสาวจะอยู่กันได้ยดื กาั มีความประพฤติเหมอื นๆ กนัเชน่ ชอบทำบุญ กช็ อบเหมือนกนั ชอบเท่ยี ว ชอบเล่นอะไรทเ่ี หมือนๆ กันภาษาสมัยใหม่อาจเรยี กว่า อยวู่ งการเดยี วกนั เข้าใจกันง่าย เหน็ ใจกนั งา่ ยจงึ ครองคกู่ นั ราบรน่ื (ท. สม จาคา แปลว่า เสยี สละเหมือนๆ กัน, ไม,เหน็ แก,ตวัขัอนอ้ี ยากจะแปลเอาความหมายวา่ ใจถงึ พอ ๆ กัน คำวา่ ใจถึง ดเู ป็นนักเลงดี เพราะการครองชีวติ คู' กค็ ือห้นุ ส่วนชีวติ ของกันและกัน ตงั นั้น จงึ ตอ้ งมีการลงทนุ คือการเสยี สละใหพ้ อ ๆ กัน ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงเอาเปรยี บกันเกนิ ไปก็นำไปสูค่ วามขัดแย้งเซน่ กนั ๔. สมปญั ญา แปลวา่ มีปัญญาเสมอกนั หรอื จะพดู ว่า “พูดกันรเู้ รอื่ ง” กไ็ ด้ ( ช ุ้) ( ร ิ)

ส'ุ ยใจท่ีไดอ้ ่านสารธรรมเพ่ือชีวติ ที่ด้ปา๋ ม คำว่า พดู กันรู้เร่อื ง นมี้ ีค'วามหมายลึก'ซงึ้ มาก เมื่อเทียบกับคำว่า-พูดกันไม่รู้เร่อื ง - ปญั ญา แปลว่ารู้ ความรูน้ ม้ี ใี ชค่ ุณวุฒิทางด้านปริญญาหรือประกาศนียบตั ร แตห่ มายถงึ ความเปน็ คนมเี หตมุ ีผล ไม่เอาแต่ใจ, รูจ้ กัควบคุมอารมณ์ รูจ้ ักกาลเทศะ, ร้จู กั ผ่อนหนักผ่อนเบา - ความรอู้ นั นแี้ หละทำใหก้ ารครองชวี ติ คู่อย่กู ันยืด มีคำพดู ว่าคแู่ ต่งงาน หรอื คคู่ รองทเ่ี หมาะลมทีส่ ุดในโลกคือหญิงเปน็ ใบ,้ ชายหูหนวก หมายความวา่ อยา่ งไร หมายความวา่ สามี-ภรรยาน้ันเมือ่ ครองคอู่ ยูใ่ นบา้ นเปน็ สวรรค์อยูร่ ะยะหนึง่ หลงั จากน้ัน อาจจะหลายปี ภรรยาบางคนอาจจะเร่ิมพดู มากขนึ้ และการพดู มาก พูดบ่อยๆ ในเรือ่ งเดิมๆ เขาเรยี กวา่ ขี้บน่ จ้จู ้ี ถา้ ซายหูดิไดย้ ินแล้วก็รำคาญ จะเถียงกันกเ็ สยีบรรยากาศ บางทีพดู แลว้ พดู อีก จนถงึ ข้ัน พดู กนั ไมร่ เู้ ร่อื งอยา่ งที่ว่านัน่ แหละดงั น้ัน หญงิ ใบ้ ชายหนวก จงึ เป็นคคู่ รองทเ่ี หมาะสมทส่ี ดุ แตเ่ ร่อื งอยา่ งนส้ี ามารถแกไขกนั ได้ ไมใ่ ชเ่ ป็นเรื่องท่ีเหลอื วสิ ัยเพียงแตห่ นั หนา้ เข้าหากนั และปรับปรุงดว้ ยการประพฤตธิ รรมใหเ้ สมอกนัในขอ้ ขา้ งด้นทพี่ ดู ถึงแลว้ คอื ๑. ตอ้ งปรบั รสนยิ ม ใหไ้ ปด้วยกนั ได้ ๒. ตอ้ งปรับความประพฤติ การวางตวั เสยี ใหม่ ถา้ มันยังไมด่ ิ ๓. ตอ้ งปรบั หดั เป็นคนใจกวา้ ง อย่าใจดับแคบ เอ้ือเพ้ืเอเผ่ือแผ่ ๔. ตอ้ งปรับใจให้ร้จู กั ความสงบเย็น มเี หตุมีผล รตู้ น รปู้ ระมาณรู้กาลเวลา ถา้ ป รับ ได้อยา่ งน ้ี ชวี ติ ในครอบครัวก็สงบสุข มีผ้ฃู ยนั ทำข้อมลู เขาทำตารางคสู่ ามี - ภรรยา ว่ามีลกั ษณะ ๔ คู่ ๑ . สามี เปน็ เทวดา ภรรยา เป็นผี ๒. สามี เป็นผี ภรรยา เป็นเทวดา ๓. สามี เป็นผี ภรรยา เปน็ ผี ๔. สามี เปน็ เทวดา ภรรยา เป็นเทวดา๑๒

สุขใจที่ได้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตทด่ี ้งาม จากคู่ท'่ี จบั 1ไวน้ ้ี จะเหน็ ได้วา่ สามีเปน็ เทวดา - คือด,ี ภรรยาเปน็ผี - คือเลว สามเี ป็นผี และฝ่ายภรรยาเป็นเทวดา - ก็คือการมีคณุ ธรรมไม่สมาเสมอกนั นนั่ เอง เมือ่ คุณธรรมไม่เสมอเหมอื นกัน ก็ตอ้ งปรบั อยา่ งท่ีวา่ แลว้ มฉิ ะนัน้ ความขัดแยง้ ในเรื่องต่างๆ ยอ่ มเกิดข้นึ ไดเ้ สมอ ยง่ิ คูท่ ี่ ๓ทว่ี า่ สามีเป็นผี ภรรยาก็เป็นผีด้วย อนั นีถ้ ือวา่ ไปกนั ได้ แตไ่ ปในทางวบิ ตั ิในทางไม่ดี, ภรรยาปากไว, สามเี ทา้ ไว อยา่ งทเ่ี ขาพดู วา่ ผวั ดุ เมยี รา้ ยตา่ งส่ายตา่ งซัด, ตศี อกตอกหมดั กนั ลา้ ละหว่นั , ผเี รือนตกใจหนไี กลจากบา้ นสาปแช่งให้มันระยำอัปรยี ,์ ทำมาหากินไมม่ วี ันเจริญ ไอพ้ วกเพลิดเพลนิ ผัวผีเมียผ,ี ถงึ มลี ูก ลกู มนั กพ็ ลอยไมด่ ,ี เพราะพ่อแมม่ นั เปน็ ผีตง้ั แต่ยงั ไมต่ าย...สรุปวา่ บ้านเปน็ ปา่ ชา้ - ไมใช่วิมาน เพราะคนอยู่มันเปน็ ผี สว่ นคทู่ ่ี๕ ท1ี่วา่ สามีเป็นเทวดา-ภรรยาเปน็ เทวดาคอื เป็นเทวดาท้ังคู่ นี่แหละบา้ นจงึ จะเป็นสวรรค์เปน็ วมิ านขนึ้ มาได้ สรปุ วา่ สวรรคใ์ นบา้ น เกดิ ขนึ้ เปน็ จรงิ ขนึ้ มาไดด้ ว้ ยคู่สาม-ี ภรรยาคนอาศยั อยใู่ นบา้ นประพฤติธรรม ทีท่ ำให้เป็นเทวดาคือ มีหริ ิ ความละอายต่อความช่วั โอตตัปปะ เกรงกลัวต่อบาปกรรม และสามีภรรยาจะเป็นเทวดาจรงิ ขนาดไหน มจี ุดตรวจลอบ (๙160^ เว๐!กเ) อย่ตู รงท่หี น้าท่ี พระพุทธศาสนาไดก้ ำหนดหน้าที่ใหส้ ามภี รรยาปฏิบตั ิ ฝา่ ยละ ๕ ขอ้ คือวา่ ฝ่ายสามีกอ่ น ท่านวา่ เปน็ คำกลอนไวด้ ังน้ีสามดี ีมีหา้ ทา่ นวา่ ไว้ หนึง่ เอาใจยกยอ่ งประคองขวัญสองไม่ดหู ม่นื ภรรยาให้จาบัลย์ สามผกู พันรักใครไ่ ม่จดื จางส่มี อบความเป็นใหญภ่ ายในหบั ห้ามอบเครอ่ื งประดับสำหรับรา่ งสมบตั ิห้ามคี รบจบไมจ่ าง เปน็ เยี่ยงอย่างยอดสามดี ีนกั เอยฝา่ ยภรรยากม็ หี นา้ ท่ี ๕ อย่างเหมือนกัน ทา่ นว่าเป็นคำกลอนไว้

สุขใจท่ีไดอ้ ่านสารธรรมเพ่ือชีวติ ทีด่ ีงาม ภรรยาดีมหี า้ ท่านว่าไว้ หน่ึงเขา้ ใจจัดงานการเคหา สองสงเคราะหเ์ พ่อื นผัว - ตัวไปมา สามเสน่หาสามไี ม่นอกใจ สร่ี กั ษาทรัพย!์ ว้มใิ ห้ขาด หา้ หมน่ั ปดกวาดบ้านเรอื นไม่เชอื นไถล สมบตั ิห้า ถ้ามีสตรใี ด เธอทำไดน้ บั ว่าเลศิ ประเสริฐเอย จึงเปน็ อันว่า ถ้าสามี - ภรรยาคู่ใด ประพฤติธรรมะและทำหนา้ ท่ีของตนให้ลมบรู ณแ์ ลว้ สามี - ภรรยาคู่นนั้ กเ็ หมือนกบั เป็นเทวดา คอืดเี ยีย่ ม เมอ่ื ผ้อู ย่บู า้ นเป็นเทวดา บา้ นก็เปน็ สวรรค์ มีแต่บรรยากาศแห่งความสุขสบาย และรน่ื รมย์

สุขใจทีไ่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพื่อชีวิตทีด่ ีงาม โดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ คนเบรกแตก” รถยนต์คันลวยๆ ยหี่ ้อดๆี ราคาแพงๆ แต่ถา้ ไม่มเี บรก เบรกแตกเบรกเสียหรอื เบรกชำรุดใชก้ ารไม,ได้ ยอ่ มไม่มีใครเขาตอ้ งการขบั แมจ้ ะให้ขับเล่นเฉยๆ เปล่าๆ กค็ งไมม่ ใี ครเขาเอาแน่ เพราะมันไม่มคี วามปลอดภยัหมิ่นเหมต่ อ่ อันตราย ดังนนั้ เครอ่ื งยนตก์ ลไกตา่ งๆ ทสี่ ร้างขนึ้ มาด้วยวิทยาการแผนใหม่ อนั เปน็ ผลิตผลของวิทยาศาสตร์ ซงึ่ มีจำนวนมากมายหลายชนิดจนนับไม่ถ้วน ลว้ นแต่เป็นประดิษฐกรรมท่ีมนษุ ยค์ ิดขน้ึ มา เพอ่ือำนวยความสะดวกในดา้ นต่าง ๆ เคร่อื งยนตก์ ลไกที่สรา้ งกนั ขน้ึ มาน้ันผูส้ ร้างผู้ประดิษฐก์ ็พากันคิดอยา่ งรอบคอบท่ีสุด ในอันท่ีจะใหเ้ กดิ ความปลอดภัยแกผ่ ู้ใ'ซ้ใหม้ ากทส่ี ุดที'่ จะมาก1ได้ ยวดยานพาหนะและเครอื่ งจกั รกลทุกประเภท เราจะสังเกตเห็นวา่ ผสู้ รา้ งผู้ประดษิ ฐเ์ ขาคิดทำเคร่อื งหา้ มไวิให้ทงั้ นน้ั แม้กระทงั้ การเดนิ สายไฟฟ้า ประปา ก็มเี ครื่องหา้ มทก่ี ัน้ ท่ีเปดิ -ปดิเพอ่ื ใชใ้ นกรณกี ารร่ัวไหล การซอ่ มแซม มีทั้งเครือ่ งห้ามโดยอัตโนมัติ และเคร่อื งห้ามทีผ่ ู้ใช้ตอ้ งห้ามในคราวจำเป็น ทง้ั น้ี กเ็ พ่ือใหเ้ กิดความปลอดภัยนน่ั เอง ตัวอยา่ งรถยนต์ เขากท็ ำเบรกไวใิ ห้ เพ่ือใช้ห้ามรถไม่ให้วง่ิ เถลไถลออกนอกเสน้ ทาง หรอื แลน่ ไม่หยดุ จนเป็นเหตุกอ่ ใหเ้ กิดอันตรายแก่คนใช้และสาธารณชน หรือเพือ่ ชะลอการวง่ิ ใหช้ ้าในที่ควรช้า รถยนตท์ ุกชนดิทกุ ประเภทและทกุ ย่ีหอ้ ทคี่ นขบั กันฃวักไขวอ่ ยู่ตามถนนหนทางเหมือนกบัมดกบั ปลวกน้นั ถา้ หากไม่มหี ้ามลอ้ กันแล้วกค็ งสนกุ กันนา่ ดู คงจะชนกนัและรถกจ็ ะติดจนถนนไม่มปี ระโยชน์อะไร ดซู ิ..........ขนาดมหี ้ามลอ้ ไวใิ ห้แล้ววันหนึง่ ๆ กย็ ังเกดิ อบุ ตั เิ หตบุ นท้องถนนจำนวนมากมาย คนตายเพราะเหตุรถควํา่ รถชนกันบนถนน วนั หน่งึ ๆ ถ้านบั รวมกนั ท่วั โลก อาจจะเป็นจำนวนพันจำนวนหม่ืน หรือไมก่ อ็ าจจะเป็นจำนวนแสนก็ได้ เครอื่ งบินบนิ อยู่ท้องฟ้าก็อุตสา่ ห์ชนกันได้ เพราะคนใซไมห่ า้ มเคร่อื ง หมดเปลืองชีวติ กันคราวละหลาย ๑๕

สุขใจทีใ่ ด้อ่านสารธรรมเพื่อชีวิตท่ีดงี ามร้อยคน เรอื ซนกันกลางทะเลลกึ ไมน่ ึกวา่ จะเปน็ ไปได้ แตก่ เ็ กิดขึ้นไดเ้ พราะความประมาทของคน รวมความแล้ว อะไรๆ มันกอ็ ยทู่ ี่คนทง้ั นั้น ยวดยานพาหนะแม้จะมีเบรกดี แต่ถา้ คนขับคนฃเ่ี ปน็ คนเบรกแตก มนั ก็แหลกไม่มีชิน้ ดี ดว้ ยเหตนุ ี้ หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา พระพุทธเจา้ จึงทรงสอนคนเราไหใชส้ ตใิ นทที่ กุ สถาน และในกาลทุกเมอื่ ไม่วา่ คนเราจะอย่ใู นฐานะภาวะและหน้าทอ่ี ะไรกต็ าม ตอ้ งมสี ตคิ อยกำกับควบคมุ ตลอดเวลา ขาดลติเมือ่ ไร นั่นคือความไม,ปลอดภัยในชีวิต เครื่องยนต์กลไกจะมคี วามปลอดภัยกอ็ ยทู่ ่ีห้ามลอ้ ถ้าหากปราศจากห้ามล้อคือเบรกแล้ว เคร่อื งยนต์กลไกเหลา่ นัน้กไ็ ม,มคี วามหมาย เพราะมันหมิ่นเหมอ่ ันตรายเหลือทจ่ี ะพรรณนา เบรกหรอื ห้ามล้อมีความสำคัญตอ่ เครือ่ งยนตก์ ลไกฉันใด สตกิ ม็ คี วามสำคญั ตอ่คนเราฉันน้ัน สติถอื เอาความงา่ ย ๆ ก็คอื เครอ่ื งหา้ ม (เบรก) นั้นเอง “สติ เตส0นิวารณ”ํ สติ คอื เครอื่ งห้ามและเครอื่ งปองกนั มนษุ ย์เราเมือ่ ธรรมชาตสิ รา้ งมาแลว้ ธรรมชาติกใ็ ห้เครือ่ งหา้ มมาด้วยโดยอัตโนมตั ิ น่นั คอื สติ ท้ังนี้ ก็เพอ่ืให้มนุษย์เราใชส้ ตเิ ป็นเคร่อื งมือในการดำเนนิ ชวี ิต ชวี ติ จะมคี วามปลอดภัยเดนิ ไปด้วยความราบรนื่ กข็ ึ้นอยูก่ ับสติตวั เดียวเทา่ น้นั พระพุทธองค์ทรงเตือนภิกษุท้ังหลายวา่ “ภกิ ษุท้งั หลาย ธรรมะคำลอนของเราทัง้ หมด รวมลงทีค่ วามไม่ประมาท คอื สติ เม่ือมสี ติดีแล้ว ธรรมะอื่นๆ ที่ยงั ไม่เกิดกเ็ กิดขน้ึ ที่เกิดแล้วก็เจรญิ ย่งิ ข้นึ ถา้ ประมาทขาดสตธิ รรมะท่ยี ังไม่เกดิ ก็ไม่เกดิ ข้นึทเ่ี กดิ แลว้ ก็เส่ือมไป หมายความวา่ คนเราสำคญั อยู่ที่สติ เมือ่ คนเรามสี ติดีแลว้ การทำ การพดู การคดิ ทีเ่ คยบกพร่องผิดพลาดมาแต่กอ่ นก็หมดไปความผิดใหมก่ ็ไม่เกดิ ข้ึน ส่วนความดีทย่ี ังไมเ่ กดิ กเ็ กดิ ข้นึ ความดที ี่มอี ยแู่ ล้วก็เจริญ ยิง่ ๆ ขึ้น สตเิ ปน็ หลกั ประกนั ชวี ิตอนั แนน่ อนมั่นคง ตังน้นั คนเราทุกคนไมว่ ่าเด็กหรอื ผูใหญ่ อยู่ในฐานะ ภาวะ หนา้ ทีอ่ ะไร ควรต้ังใจปลูกผิงสติให้มีข้นึ ในลันดาน จะได้เปน็ เครือ่ งต้านทานป้องกนั ไม่ให้ความช่ัวร่ัวไหลเขา้ ไปสจู่ ิต ชีวิตจะพบกับความสวา่ ง ถา้ มลี ตเิ ปน็ เครอื่ งนำทาง

สขุ ใจท่ไึ ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื ชีวิตที่ดงี าม วธิ เี พาะปลกู สติ ถือหลกั งา่ ยๆ ว่า กอ่ นจะทำ จะพูด จะคดิ จะประกอบกจิ อะไรลงไป ตอ้ งใชส้ ติออกหน้า คือระวงั หน้า ระวงั หลัง หยงั่ ถึงผลไตผ้ ลเสยี ให้รอบคอบ อยา่ ผลนุ ผลันพลนั แลน่ หรอื ววู่ ามไปตามอารมณ์ก็เหมอื นกบั เราจะใช้รถ ใชเ้ รืออย่างนั้นแหละ ก่อนอนื่ เรากต็ อ้ งตรวจตราดเู ครือ่ งให้ดีเสยี กอ่ น โดยเฉพาะกค็ อื เบรก ถา้ เห็นวา่ ทุกอยา่ งเรียบรอ้ ยดีจงึ ค่อยใช้ ถ้าพบว่าส่วนไหนบกพร่องกป็ รับเสยี ให้เช้าที่ หรือเหน็ ว่ามนั จะไมป่ ลอดภัย กเ็ ลกิ ใช้เสีย วธิ ีเพาะปลกู สตใิ หด้ ี ก็ตอ้ ง'ใชว้ ิธสี ำรวจตรวจตราตัวเองตลอดเวลา ไมว่ ่าจะทำอะไรอยู่ท่ีไหน จะเคล่อื นไหว จะนั่ง จะนอนจะยนื จะเดนิ ต้องมสื ตคิ อยกำกบั ควบคมุ ทกุ อิรยิ าบถ เม่ือ!เกหดั ใชส้ ติบอ่ ย ๆสมืา่ เสมอ สติกจ็ ะมีกำลังกล้า สามารถสกดั กั้นไม่ใหเ้ กดิ ความบกพรอ่ งผิดพลาดขนึ้ ในชีวติ เป็นอตั โนมัติ เหมอื นหางเสือควบคมุ เรอื ให้แล่นตรงไปยังจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย จติ ใจของคนเราโดยธรรมชาติแลว้ มนั กเ็ หมอื นกับรถกบั เรืออย่างนนั้ แหละ รถเรอื ถา้ ไม่มีเครื่องห้ามมนั ก็จะแลน่ เตลดิ เปิดเปงิ ไปไมร่ ูจ้ กั หยุด และไม่มจี ุดหมายปลายทางด้วย แลว้แต่เคร่ืองยนตจ์ ะผลกั ดันไป จติ ใจก็เหมอี นกัน ถ้าไม่มสื ติเปน็ เครอ่ื งควบคุมแล้ว จิตกจ็ ะคิดเรอ่ื ยเปอี ยไปตามอารมณ์ซักจูง คิดแลว้ หยุดไมเ่ ปน็ จนกลายเปน็ คนคดิ มาก เรอื่ งทค่ี ดิ ก็ล้วนแล้วแตไ่ มม่ ีสาระประโยชน์ มีแต่เรื่องท่ใี ห้โทษเป็นพิษเปน็ ภัยต่อจิตใจ เรอื่ งตั้งแต่เมื่อไรก็เกบ็ เอามาคดิ เขา้ ลกั ษณะ “คดิสร้างวมิ านบนอากาศ อนั เป็นสมบตั บิ ้าพาตวั มวั หมอง ” บางคนก็คดิ เสียจนไต้สมญานามว่า “คนบ้าคดิ ” กลายเป็นคนเบรกแตกในต้านความคิด เลยไปอยปู่ ราสาทโรคจติ กันเป็นแถว จิตของคนเรานั้น มีลักษณะ - ดนิ้ รน, กวัดแกวง่ , กลบั กลอก, - รักษายาก, หา้ มไต้ยาก, ชอบคิดไปไกล, - ไม่มืขอบเขต, เป็นเอกเทศ, ชอบไปดวงเดยี ว, - ไมม่ รี ปู รา่ งหนา้ ตา, อาศัยอยู่ในถ้าํ คอื รา่ งกาย

สขุ ใจทไ่ี ด้อ่านสารธรรมเพ่ึอชีวิตที่ดีงาม ด้วยเหตทุ ่จี ิตมลี ักษณะดงั กลา่ วน้ีแหละ จงึ จำเป็นตอ้ งมสี ตคิ อยกำกบั ควบคุมอยูท่ ุกขณะ จิตกจ็ ะหายจากพยศหมดความดิ้นรนกวดั แกวง่กลบั เปน็ จิตทีห่ นักแนน่ มน่ั คง ดำรงอยูใ่ นสภาพแหง่ ความสงบ อนั เปน็ลักษณะแหง่ สมาธิ เม่ือจิตสงบกจ็ ะพบกบั ความสวา่ ง เป็นทางนำไปสูป่ ัญญาเป็นการแกป้ ญั หาภายในจติ ใจให้หมดไป ปญั หาตา่ งๆ ซง่ึ เกดิ ข้ึนกับคนเราส,วนใหญ่ก็มาจากจิตใจทีข่ าดสตนิ นั่ เอง เพราะจติ มีหนำทใี่ นการรบั อารมณ์อารมณท์ ่ผี า่ นเข้ามาทาง ตา, ห,ู จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ, กถ็ ูกลง่ รวมเขา้ ไปที่จิตแหง่ เดยี วเมอ่ื จิตรับอารมณ์มากๆเขา้ กห็ วน่ั ไหวไปตามอารมณอ์ ารมณ์ฝา่ ยไหนแรงก็ไหวไปตามอารมณฝ์ า่ ยน้นั หนกั ๆ เข้าปญั หาตา่ งๆ กต็ ามมา เซ่นอารมณท์ ยี่ ่ัวให้โกรธ กโ็ กรธเปน็ ฟนิ เปน็ ไฟ อดกลั้นไม่ไหวก็ประหตั ประหารลา้ งผลาญซึง่ กนั และกัน พอลา้ งผลาญกนั ปญั หาอน่ื ก็ตามมาเปน็ ลกู โซ่ เกดิถอ้ ยเปน็ ความเสียเงนิ เสียทองฟ้องรอ้ งกันติดคุกเขา้ ตะราง เดือดรอ้ นกนั ไม่มีวันล้ินสุด.....นคี่ อื ตัวอย่างจติ ใจท่ขี าดสติควบคมุ เรือ่ งเลก็ กก็ ลายเป็นเร่อื งไมม่ เี รือ่ งก็แล่หาเร่อื ง ไม่มีปัญหาก็สร้างปัญหาข้ึนมาเอง เปน็ ประเภทพวกอยไู่ ม่เปน็ สขุ ชอบหาเหาใสห่ วั ตัวเอง และสรา้ งปญั หาผูกมัดตวั เองเหมอื นใยแมงมมุ จนหาเงอ่ื นหาปมไม่เจอพอเผลอสร้างปญั หาให้แก่ตัวเองมากๆเข้ากน็ ง่ั เศรา้ นอนซึม โทษโน่นโทษนี่ โทษผโี ทษคน บ่นอะไรสารพัด สิมถนดัว่าตัวเองผกู มัดตวั เอง.....? ถา้ หากคนเรามีสติเสยี อยา่ ง ปญั หาตา่ งๆ กย็ ากท่ีจะเกิดข้นึ ได้หรอื ถ้าเกดิ ขึ้นมาก็มีปัญญาแกไขง่าย ไม่ถึงกับกลายเปน็ ปัญหายงุ่ ยากจนแกไขไม่ไหว เพ ราะจติ ใจของคนท่มี ีลตคิ อยควบคุมน นั้ ย่อมไม่หวัน่ ไหวไปตามเร่ืองราวท่ีเราประสบพบเหน็ เหมอื นศิลาแท่งทบึ ไม่หวน่ั ไหวไปตามลมท่พี ัดมาจากทศิ ต่าง ๆ ฉะนนั้ ปัจจบุ ันทกุ วันน้ี เราทา่ นทง้ั หลายจะสงั เกตเห็นว่า ทุกหนทุกแห่งเกลือ่ นกล่นไปดว้ ยคนเบรกแตก ขาดความยบั ยง้ั ชั่งจิต อะไรนิดอะไรหน่อยก็คอยแตจ่ ะหาเรื่องทะเลาะกนั ตา่ งฝา่ ยตา่ งกม็ ีทิฐมิ านะ เอาชนะกันดว้ ยกิเลส ก่อเหตุวุ่นวายกันไปทุกวงการ รถเบรกแตก เบรกเสยี แมจ้ ะเป็นพษิ ( ร )ิ ( ฬ ึ่

สขใจทไ่ี ดอ้ า่ น สารธรรมเพื่อชีวติ ทดี่ ีงามเปน็ ภยั อย่างไร ก็ยงั ไม่รา้ ยเท่ากับคนเบรกแตก คนเบรกแตกเข้าท่ีไหนวนุ่ วายทนี่ ่นั การประชุมปรกึ ษาหารอื กันเก่ียวกบั ปัญหาต่าง ๆ ถ้าผู้ท่ีเ'ข้าร่วมประชมุพจิ ารณาปญั หากนั ด้วยสตปิ ญั ญา ความรอบคอบ ตอบขอ้ ข้องใจกันดว้ ยเหตุผล ไมใ่ ชอ้ ารมณห์ รอื เอาขา้ งเข้าถูแลว้ การพจิ ารณาปัญหาตา่ งๆ ก็จะได้ข้อยุติอนั เปน็ ท่ีนา่ พอใจชองทุกฝา่ ย แต่กห็ ายากไม่ว่าในท่ีไหนๆ ส่วนใหญ่มักจะมีพวกเบรกแตกเข้าไปมบี ทบาทอยูด่ ว้ ยทกุ หนทกุ แห่ง แมแ้ ต่ในการประชุมขององค์การโลก กม็ ีพวกเหลา่ นเ้ี ข้าไปปะปนอย่ดู ้วย บางทถี งึ กับซกตตี ่อยกันในสภาพทที่ รงเกยี รตกิ ม็ ี หรอื ไม่ก็เดนิ หนเี อาดือ้ ๆ อย่างนัน้แหละ ใครจะทำไม ? นแ่ี หละ คอื ฤทธข๋ี องพวกเบรกแตกละ่ ด้วยเหตนุ ้ี คำกล่าวทวี่ ่า ทกุ วันนี้ ทุกหนทกุ แหง่ เกลื่อนกลน่ ไปดว้ ยคนเบรกแตกนน้ั จึงเป็นคำกลา่ วทไ่ี ม่เกนิ ความจรงิ เทา่ ไรนัก เพ่ือความปลอดภยั ในสังคมทอี่ ยู่รว่ มกนั ปอ้ งกันความบกพรอ่ งผดิ พลาดไมใหเ้ กิดขน้ึ ในการดำเนินชีวติ เราทา่ นท้งั หลายจงึ ควรใชส้ ติเปน็เคร่ืองนำทาง ประกอบกจิ การทุกอย่างด้วยความรอบคอบ “ไม่ควรดว่ นกอ็ ย่าดว่ นไม่ควรรอ้ นก็อยา่ ร้อน รอ้ นนกั มักไหม้ไวนักมักพลาด ต้องฉลาดในการดำเนนิ ชีวติ ” ผดิ แลว้ เรียกคืนไม่ไดข้ อมอบสตใิ ห้แก่ทุกฝ่าย เพ่อื นำไปใช้เตอื นใจให้เปน็ คนโดยสมบูรณฯ์

สขุ 'ใจทีไ่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ติ ทด่ี ีป่ามโดย....คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบก “ ผ ุกรศาสนากบั สขุ ภาผ” ปญั หาของคนปจั จบุ ัน ซึ่งเป็นปญั หาใหญป่ ญั หาหน่ึง ไม่แพ้ปัญหาอนื่ ๆ เลย น่นั คอื ปัญหาสขุ ภาพ พระพทุ ธเจา้ ตรัสว่า อาโรคยา ปรมา ลาภาความไมม่ โี รค เปน็ ลาภอันประเสริฐ ซง่ึ เปน็ สจั ธรรมทส่ี ามารถพสี ูจนิไตท้ ุกยุคทุกสมยั โรคทุกชนดิ นัน่ ทอนสุขภาพของคน สุดท้ายทำลายชวี ติ ให้สญู สนิ้ ไปกอ่ นเวลาอนั สมควร ท่ีเปน็ ดังนัน้ เพราะเราไมร่ ะวังรกั ษาสขุ ภาพของตนเองแมพ้ ระพทุ ธองคจ์ ะตรสั ยืนยันว่า นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ ความรักเสมอด้วยรกั ตนไม่มี แตอ่ าจจะเป็นเพราะการรกั ตนนนั่ เอง กลับเปน็ การทำลายชวี ติของตนโดยรูเ้ ท่าไม่ถงึ การณ์ ดงั นั้น ผรู้ ักตน จึงด้องระมดั ระวงั มสี ติเตอื นตนอยู่ในกฎระเบียบวน0^ยั ผI/ู้ต1/่องการสุขภาพต่อ1 / 4 ง= ม1 กฎปเฏ^ ิบ( Iตั Xเิ (นะ ซจ ุ ว^ ติ ปIระจ0าว©Xันสม0าเสมอ ทIา่ นผ9Xรู้ 3^ูกล่าวว่า สุขภาพของคนจะดไี ดด้ ้องประกอบด้วยหลักการ ๕ ประการ คืออาหาร, อารมณ์, ออกกำลังกาย, อากาศ และอุจจาระ กฎประการท่ี ๑ พระพทุ ธเจา้ ตรสั รบั รองว่า ลพ.เพ สตฺตา อาหารฏฐิกาสตั ว์ทกุ ชนดิ ดำรงตนอยไู่ ดด้ ว้ ยอาหาร แต่ไม่ไดห้ มายความว่า เรากนิ โดยไมเ่ ลือก ไมร่ ะมัดระวัง ไม่สำรวมในการกนิ กินไดแ้ ตต่ ้องมี โภชเน มตฺตณณฺ ตุ ารู้จกั ประมาณในการกิน ถามวา่ พุทธศาสนามีทัศนะในการกนิ อย่างไร ตอบวา่ ในหลกั แห่งอปณั กปฏิปทา กลา่ ววา่ พทุ ธสาวกจะกนิ อาหารตอ้ งมี โภชเน มัตตญั ณตุ ารู้จักประมาณในการกนิ กินพอดี ๆ ไมอ่ ิ่มเกินไป หลายคนลงลยั วา่ กนิ ขนาดไหน จึงจัดว่ากนิ พอประมาณ ขอ้ นี้ พระพทุ ธองคืไห้หลกั การไว้วา่ ขณะท่ีกำลังบริโภคตัง้ สติ รู้ตัววา่ เมอื่ เราบรโิ ภคอาหารอีกประมาณ ๔ - ๕ คำ ก็จะอม่ิ แล้ว กใ็ หห้ ยดุ เพียงแคน่ ้ัน แล้วดม่ื น้าํ ตามไป ก็จะรูส้ ึกพอดี น่นั แหละคือ

สขุ ใจที่ไดอ้ า่ น สารธรรมเพอื่ ชวี ติ ทด่ี ีงามโภชะเน มัตตัญณตุ า ในเรื่องอนั ตรายของภิกษใุ หม่ กลา่ วว่า อนั ตรายจะเกดิ แก่ภิกษใุ หม่ ๔ ประการ ประการหนงึ่ คือ การเป็นผู้เหน็ แก,ปากแก่ท้อง เหน็ แก,กิน กนิทกุ อยา่ งท่ีขวางหนา้ ไม่มกี ารสำรวมระวัง จนเปน็ อันตรายต่อพรหมจรรย์เปน็ อนั ตรายตอ่ ชวี ติ ในปารสิ ุทธิ ๔ ระบุวา่ ปจั จัยปจั เวกขณะ คือการพจิ ารณาปัจจยั ๔ อยา่ งก่อนใช้สอย เปน็ ทางแหง่ ความปลอดภยั บรสิ ทุ ธ้ีปจั จัย ๕ คอื อะไร? คือ อาหาร เคร่อื งนงุ่ ห่ม ท่ีอยอู่ าศัย และยารักษาโรคการพจิ ารณาที่กล่าวถงึ น้ี มจี ุดประสงค็ให่ใชส้ อย กนิ ทีค่ ณุ คา่ ของอาหารไมใชค่ า่ นยิ ม โดยมีหลักการสำรวมระวงั ไม่ใหเ้ กิดเป็นพษิ ภัยต่อสขุ ภาพ ต่อการประพฤติพรหมจรรย์ จงึ ต้องมี ลญั ญโม จะ ภตั ต้สสะมีง ความสำรวมในอาหารการกิน คือกินพอประมาณไม่มากไมน่ ้อย โดยมหี ลกั ว่า กินเพือ่ มีกำลังปฏิบตั ธิ รรม ไม่ใชเ่ พื่อความสุขสมบรู ณอ์ ว้ นพี สกิ ขาบทข้อ วิกาละโภชน์ หา้ มบริโภคในยามวิกาล ท่านมีจุดประสงคอ์ ะไร? จึงบัญญตั ิสิกขาบทขอ้ นไ้ี ว้ สนั นิษฐานว่า เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ปน็ภาระในการจดั หาอาหาร และภกิ ษไุ ม,ต้องใชก้ ำลงั มากในการปฏบิ ตั ธิ รรมหากกนิ หลายมอ้ื จะเปน็ อาหารส่วนเกิน สดุ ท้ายเม่ือมอี าหารสว่ นเกินเกบ็ไวม้ ากจะอดึ อดั ปฏิบตั ิธรรมไมส่ ะดวก พระพุทธเจ้าตรสั ถงึ ประโยชน์ของการกินอาหารมอ้ื เดยี วว่า ภกิ ษุท้ังหลาย เราเป็นผบู้ รโิ ภคอาหารม้อื เดียว การบริโภคอาหารม้อื เดียวมีประโยชน์หลายอย่าง คือ -ไมค่ ่อยป่วยไข้ - มีโรคน้อย - เบากาย เบาใจ - เกดิ กำลังเพิ่มขนึ้

สขุ ใจที่ได้อ่านสารธรรมเพือ่ ชีวิตทีด่ ีงาม - รสู้ ึกสบาย ไม,อึดอัด มีความผาสุก แม้พวกเธอก็ควรฉันอาหารมื้อเดียวเถดิ ทำไมพระพทุ ธเจา้ จงึ เสวยกระยาหารมอื้ เดียว ทำไมพระองค์จงึซกั ชวนสงฆไ์ ห้ฉนั อาหารม้อื เดียว เพราะพระองคต์ ้องการให้สังคมสงฆเ์ ป็นตวั อย่างของวฒั นธรรมการรับประทานอาหารท่ีเหมาะสม เพราะพษิ ภัยจากการถนิ มมี ากมายเหลือเกิน เรากินกันจนเกินพอ อาหารเหลือเฟอิ เกดิการสญู เปล่าทางเศรษฐทรพั ย์ และการกนิ มอื้ เดียวเป็นการกินเพื่อสุขภาพด้วย นับวา่ หลักการกนิ ของพระพุทธเจา้ ตรงกันโดยบังเอญิ ระหว่างวิชาการโภชนาการปจั จบุ ันกบั พระพุทธองค์ อาหารจำพวกไขมนั หากกนิ เกนิ พอดี กก็ อ่ โรคอ้วน คนอว้ นแล้วอะไรต่อมอิ ะไรก็เพม่ื มากข้นึ แกม้ กย็ ุย้ แขน ขา กโ็ ต หอ้ งกย็ ื่น โรคก็เยอะเชน่ ไขมนั ในเลน้ เลือดสูง ทำใหเ้ ส้นเลอื ดตีบตนั ก่อใหเ้ กดิ โรคหัวใจ หัวใจวายอาจถึงตาย ข้อสรุปตรงนี้กค็ อื ผู้ทก่ี นิ อย่างอม่ิ หนำสำราญมากเกนิ ไปอาจปว่ ยและตายไตเ้ ท่าๆ กับผู้ทอ่ี ดอาหาร หากใหเ้ กิดสขุ สำราญจากการกินอย่างจริงจงั ต้องน่ังตรงกลางระหว่างมากมี มีมากไมม่ ี นั่นคือหลกั แหง่ความเปน็ กลาง มัช๓มา ของพุทธศาสนา สิกขาบทข้อน้ีได้เป็นตัวส่งเสริมอยา่ งสำคัญ กฎประการที่ ๒ คืออารมณร์ ื่นเริง ไมเ่ ครยี ด ต้องลดความเครยี ดความวิตกกงั วลลงให้มากเพราะความเครยี ดเปน็ สาเหตใุ ห้เกดิ โรคความดันโลหิต และโรคหวั ใจได้ สาเหตขุ องความเครียดเกดิ จากหลายสาเหตุ คอืผู้ชาย เกิดการทำงาน การเงิน ความผดิ หวงั ส่วนผหู้ ญงิ เกดิ จากการทำงานการเงนิ ปัญหาครอบครวั แตกแยก ปัญหาเรอื่ งสามี คาดหวงั มากเกนิ ไป ลองสังเกตดู เมอื่ ความเครยี ดมาเยอื น จะเกิดอาการดังน้ี - กราดเกรีย้ ว ดา่ กราด ทุกสงิ่ ทข่ี วางหนา้ - สรา้ งปญั หาในหนว่ ยงาน - อจิ ฉารษิ ยา

สขใจท่ีไดอ้ ่าน สารธรรมเพื่อชีวิตท่ดี ีงาม- ชงิ ดีชิงเดน่- โยนความผิดให้ผูอ้ ื่นวิธีแกค้ วามเครยี ด ๑. พูดความอึดอัด คบั ข้องใจ ใหค้ นอืน่ ฟงั บ้าง ลองสังเกตดู พูดไปแลว้ ปลอดโปรง่ ใสเหมือนยกภเู ขาออกจากอก แต่มขี อ้ แม้วา่ เรื่องที่พดู นนั้เปน็ เรอื่ งของเราเอง ไม่ใช่นนิ ทาเพอ่ื น หากเปน็ การนินทาเพือ่ นกเ็ หมือนจุดไฟเผาเรือนตวั เอง หรือไมก่ ็ทมุ่ ภเู ขาทับอกตวั เอง ๒. อยา่ อยูว่ า่ งๆ เฉยๆ หางานทำเสียบา้ ง อย่าทำตนเปน็ คนว่างงาน เมอ่ื วา่ งงานปากจะทำหน้าทแี่ ทน นนิ ทาคนอน่ื นะ กายวา่ งงานมาก จิตจะครุ่นคิด เกิดความเครียดมากขึ้น ระวังปลาหมอตายเพราะปาก ๓ . ปรบั ความคดิ เสยี ใหม่ อย่าเอาชนะดว้ ยเร่อื งไม1เปน็ เรื่องต้องคดิ ว่าเปน็ ธรรมดาของโลก ชวั่ เจด็ ที ดเี จ็ดหนประเด๋ียวโศก เดยี๋ วสขุ เดย๋ี วทุกข์หนัก เดบยี วหลง เดียวสงสัยประเด๋ยี วรักประเด๋ยี วโกรธ เด๋ยี วเกลียด เดี๋ยวเสียใจประเดย๋ี วอาลัย เด๋ียวชงั ไมย่ ่งั ยนื ๔. ทำสมาธ‘ิฝืกจติ เสยี บ้างใจจะไม่วา่ ง เป็นอุบายคลายเครยี ดได้ใจจะหนกั แน่น ม่ันคง กล้าหาญทางจรยิ ธรรม นา่ ยกยอ่ ง เพราะกลา้ หาญทางสรา้ งสรรค์ ๕ . ลร้างอารม ณ !ห ้สดชืน่ แจม่ ใส อารม ณ ์ด เี พ ราะใจด ี อ ารม ณ ์สดชน่ื เพราะใจสดช่นื อารมณแ์ จ่มใสเพราะใจแจ่มใส อารมณเ์ สียเพราะใจเสีย ใจที่เสยี ทำใหค้ นเสียคนมากแล้ว ทำคนใจดีใหเ้ ปน็ คนใจดำ ทำคนใจสูงให้เปน็ คนใจตํ่า ทำคนมีเสน่ห้ให้เปน็ คนมเี สนยี ด ทำคนใจม่นั คงให้เป็นคนใจโลเล

สขุ ใจทไี่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่อื ชวี ิตท่สี ืงาม กฎประการที่ ต คอื การออกกำลงั กาย คนตอ้ งออกกำลงั กายสมาเสมอทุกวนั อยา่ งน้อยวันละ ๒๐ นาที การออกกำลงั กายเป็นวิถีทางที่ดที ีส่ ดุ ในการพัฒนาสขุ ภาพใหส้ มบรู ณ์แข็งแรง การเดินเร็ว เลน่ เตะฟตุ บอลตีเทนนิส เตะตะกรอ้ ถีบจกั รยาน กระโดดเชือก ฯลฯ ล้วนแตม่ ีประโยชนต์ อ่ร่างกายทง้ั น้ัน พุทธทัศนะในการออกกำลงั กาย ไม่มปี รากฏเปน็ หลักฐานให้พระภกิ ษุ สามเณรออกกำลังโดยวิธีนนั้ เพราะมวี ินยั บงั คบั ไว้ แตม่ ีพทุ ธประสงคใ็ ห้เดนิ จงกรมแทน มกี ลา่ วไวิในพระไตรปฎิ ก อังคตุ ตรนิกาย ปญั จกนิบาต วา่ พระพุทธองคต์ รัสสรรเสริญประโยชน์ของการเดนิ ธุดงค์ เดนิ จงกรมว่า มปี ระโยชนถ์ ึง ๕ ประการ คือ - เปน็ ผู้มคี วามอดทนต่อการเดินทางไกล - เป็นผู้อดทนตอ่ การกระทำความเพียร - เปน็ ผู้มีอาพาธน้อย - อาหารทบ่ี รโิ ภคเข้าไปแลว้ ย่อยไต้งา่ ย - สมาธทิ ่ีไตจ้ ากการเดนิ จงกรมตงั้ อยูไ่ ตน้ าน กฎ ป ระการท ี่๔ อากาศ เป็นสิง่ ทจี่ ำเป็นแก่รา่ งกายตอ่ การมชี วี ิตต่อจิตใจของเรามากมาย สดุ ประมาณการไต้ เราตอ้ งการอากาศบรสิ ทุ ธี้ไปฟอกโลหิตดำใหเ้ ป็นโลหติ แดงเพอื่ หล่อเลย้ี งรา่ งกาย ดังนั้นเราจงึ ตอ้ งงดอ ากๆศ เส ีย อ าก าศ เป น็ พ ษิ ด้วยการ ๑. ไม่สบู บุหรี่ หากผ!ู้ ดอดไม่ไต้ กต็ อ้ งพยายามสบู ให้น้อยลง การสูบบหุ ร่ีเปน็ สาเหตใุ ห้เกิดโรคหลายอย่าง เซ่น โรคหวั ใจ โรคปอด โรคมะเรง็เพราะในบหรี่มสี ารพีษที่กอ่ ทกข็ให้โทษหลายอย่าง เช่น

สุ'ฃใจท่ีได้อ่าน ฝาี รธรรมเพอ่ื ชวี ติ ท่ีดปี า้ ม - นิโคตนิ มโี ทษสมบตั ิ คือกระตุน้ ระบบการทำงานของหัวใจและหลอดเลอื ด หากว่ามีนโิ คตนิ ในร่างกายมาก ๆ จะเกิดอาการใจสนั่ใจเตน้ ผดิ ปกติ ทอ้ งแนน่ และเบื่ออาหาร - คาร์บอนไดออกไซด์ มีโทษสมบัติ คือทำให้สมองขาดออกซิเจน ทำใหเ้ กิดอาการมีนงง ตัดสนิ ใจชา้ - สารทาร์ สารนีค้ ล้ายกันกบั น้าํ มนั ดนิ อันตรายมาก มีโทษสมบัติ คอื ก่อใหเ้ กิดมะเรง็ ในปอด ซงึ่ เปน็ โรคที่ไมส่ ามารถตรวจพบไดในระยะแรก ๆ ตามสถติ ิคนท่ีนิยมสบู บหุ ร่ี๙๐ เปอร์เซน็ ต์ ตายด้วยมะเร็งปอด๗๕ เปอร์เซ็นต์ ตายดว้ ยโรคหลอดลมอักเสบ๒& เปอรเ์ ซน็ ต์ ตายเพราะโรคหวั ใจขาดเลอื ด โรคอน่ื ที่เปน็ กันมากในผทู้ ส่ี บู บหุ รี่ คือ มะเรง็ ริม'ผิปาก มะเรง็ในปาก มะเร็งที่ล้นิ ท่ีคอหอย หลอดคอ หลอดลม กระเพาะปัสสาวะ แผลในกระเพาะอาหาร ฉะนนั้ ต้องสำรวมระวงั อย่าพลั้งเผลอสติ อย่าประมาทเปน็ ทาสของบหุ ร่ี จงหยุดลบู บุหรีเ่ สยี กอ่ น ก่อนท่ีบุหร่จี ะหยดุ อนาคตหยดุ ชีวติ หยดุ การทำงานของทา่ น ทำลายสขุ ภาพของทา่ นไม่ดม่ื เคร่อื งดม่ืท่มี แี อลกอฮอลเ์ จือปน ข้อนี'้ หมายเอาสุรา โทษของสรุ ามีมาก เป็นสาเหตุใหเ้ กดิ โรคตา่ งๆ มากมาย เชน่ ความตัน เบาหวาน มะเร็ง เส้นเลอื ดในสมองแตก อมั พาตพระพุทธองคต์ รัสสอนว่า เป็นอบายมุข นำส่ทู กุ 'ขโทษ ตังนี้อนั สรุ าเมรยั ใครเลพ ติด นำชวี ิตให้มดื มนจนฉิบหายหน่งึ ทรัพยส์ นิ ของตนน้นั พลันวอดวาย สองอาจตาย๓ ยทะเลาะเพราะความเมาสามอาจตายด้วยโรคโรคาพยาธิ สีค่ นตำหนนิ ินทาพาอับเฉาหา้ หนา้ ดา้ นหนักหนาเวลาเมา หก'โงเ่ ขลาปัณณ'าหดหมดลิ้นเอย

สขุ ใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ติ ทค่ี งี าม ขอให้สังเกตวา่ หากด่มื เหลา้ แลว้ มกั จะเกิดเรอ่ื งราวรา้ ยแรงเสมอจนเสยี ทรพั ยเ์ สียชวี ติ เป็นเหตขุ องความชว่ั รา้ ยตา่ งๆ ของสังคม ดังท่กี ล่าวกันว่า ถ้า ล เหลา้ เข้าก่อนไมห่ อ่ นเวน้ ทั้ง ล เลน่ ล ลกั ปักตามหลัง อกี ลลืมลห ลงคงไม่ฟ งั จนกระทัง้ เลยต่อถงึ ล เลว ทั้ง ล โลภ ล หลอก ล ลักล้วง ล หลอกลวง เลยต่อถงึ ล เหลว ไมเ่ ลกิ ล ละ ลด ปลดใหเ้ ร็ว ดดั ไฟเปลวปลดปลงลง ล ใลง กฎประการท่ี ๕ คน'จะอยู่ดมี สี ุข ต้องกนิ อาหารจำพวกผัก ผลไม้จึงจะถ่ายคล่อง คนเราจะกินอยหู่ รูหราอยา่ งไร หากถ่ายอุจจาระไม่คลอ่ ง ก็จัดว่าแย่ ดงั น้ันเพ่ือให้สขุ ภาพดี ประการสดุ ทา้ ยจึงตอ้ งถา่ ยอุจจาระคลอ่ งด้วย สรปุ วา่ คนจะมคี วามสุขแท้จริงต้องยืนตรงกลาง ตามหลกั การมัชฌิมาปฏิปทาแหง่ พระพทุ ธศาสนาเท่านน้ั จึงจะมีสุขภาพยนื ยาวยงั่ ยืนตลอดชวต๒๖

สุขใจท่ใี ดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวิตท่ีดีงาม โดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก “ นาไจ” ในสังคมมนุษยข์ องเราน้นั มนษุ ยจ์ ำต้องอยรู่ วมกนั หลายหมเู่ หลา่ทงั้ กลุ่มย่อยกลุ่มใหญ่ นบั ตงั้ แตค่ รอบครวั หมบู่ ้าน ภูมภิ าคทกุ ระดบั ถึงระดับประเทศ มนษุ ย์เม่อื อยูร่ วมกันแล้วก็ต้องมีความสมั พนั ธท์ ีด่ ีต่อกนั เพอื่ เปน็ตัวเชอ่ื มประสานให้เกิดความสงบสขุ ในสงั คม อะไรคอื ตัวเช่อื มประสานความสมั พันธ์ทดี่ ีระหวา่ งมนุษย?์“ความมีนา้ํ ใจ ” ที่เป็นตัวเชื่อมประสานความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งมนุษยไ์ ห้สามารถอย่รู ่วมกนั ไตด้ ว้ ยความรม่ เย็นเป็นสขุ “ความมีนาํ้ ใจ” คอื อะไร? คือ ความเปน็ ผทู้ ำคุณประโยชนต์ ่อผ้อู ่นื ตรงกบั ธรรมะในทางพระพุทธศาสนาข้อ “อดั ถจริยา” ในสงั คห1วัตถุธรรม ๕ ประการ ซ่ึงแปลวา่ “การปฏบิ ตั ติ นให้เปน็ ประโยชน”์ หรอื “การบำเพ็ญประโยชน์” ใครบา้ งทคี่ วรมีนาํ้ ใจต่อกนั ? ทุกคนตอ้ งมนี า้ํ ใจต่อกัน ไม1มยี กเวน้ เพราะเปน็ คณุ ธรรมหรอืคุณสมบัติท่สี ำคัญยงิ่ สำหรับมวลมนุษยท์ ุกหมูเ่ หลา่ ไม,วา่ จะยากดีมีจนหรือคนรัา๋ รวย กจ็ ำเปน็ ตอ้ งใช้ทงั้ นน้ั โดยเฉพาะในสงั คมของกลุ่มบคุ คลที่ตอ้ งอยู่คกู่ ันหรือทำงานดว้ ยกัน เซน่ พ่อแมก่ บั ลูก, สามกี ับภรรยา, ครบู าอาจารยก์ ับศษิ ย์, มิตรสหายกับมิตรสหายด้วยกัน, ผู้บงั คับบัญชากับผใู้ ต้บงั คบั บัญชา หรอื นายกับบา่ ว - คนรับใช้, ผู้รับบรกิ ารกับผู้ให้บริการ และผใู้ ช'้ บรกิ ารรว่ มกัน แม้แตพ่ ระสงฆก์ ็ต้องมนี ํา้ 'ใจต่อกันและมนี ํ้า'ใจตอ่ประชาชนด้วย ดงั ตัวอยา่ งเซ่น

สขุ ใจที่ไดอ้ า่ นสารธรรมเพ่อื ชวี ติ ท่ีดงี 'าม คู่แรก “พ่อแม่กบลกู ” เป็นคู่ทส่ี ร้างโลก พ่อแม่เปน็ ครูคนแรกของลูกจงึ ต้องแสดงความเป็นผู้มีนาํ้ ใจต่อลูกเป็นอันดับหนึ่งดว้ ยการใหค้ วามอบอนุ่แก่ลูก อบรมล่งั ลอนลกู ใหเ้ วน้ ส่ิงทคี่ วรเว้น ประพฤติส่ิงที่ควรประพฤติ ใหไ้ ต้รบั การศึกษาเลา่ เรยี นตามสมควรแก่วุฒภิ าวะ หรือตามความสามารถของตนใหล้ ูกได้มีความมน่ั คงในชีวิตครอบครัว และใหล้ ูกมหี ลักทรพั ยเ์ ป็นสมบตั ิของตนตามสมควร นค้ี ือ นา้ํ ใจของพอ่ แมท่ มี่ ีตอ่ ลกู ส่วนลูกกต็ ้องมนี ํ้าใจตอบแทนพระคุณของพอ่ แมเ่ ช่นกนั กล่าวคอื ตอ้ งดูแลทา่ นใหด้ ี ชว่ ยรับภาระของท่านตามสมควร, ชว่ ยสืบทอดวงศต์ ระกูล, ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ลกู ทดี่ ี และเมือ่ ทา่ นล่วงลับจากไปกต็ อ้ งจัดการศพ ทำบุญอทุ ิศใหท้ า่ นเป็นอยา่ งดี ค1ู ท่ีลอง “สามกี บั ภรรยา” คู่นี้กย็ ่ิงจำเป็นมาก ครอบครัวจะอยู่เย็นเป็นสุขได้ก็ดว้ ยสามี - ภรรยามีน้าํ ใจตอ่ กนั ไม่ทะเลาะเบาะแวง้ หรอืประทุษรา้ ยกัน น้าํ ใจทสี่ ามตี อ้ งแสดงต่อภรรยาของตนกค็ ือ ตอ้ งใหเ้ กียรติวา่ เป็นภรรยา, ต้องไมห่ มน่ิ ประมาทภรรยาตนเอง, ตอ้ งใหค้ วามอบอนุ่ ดว้ ยความบรสิ ทุ ธใ๋ื จ, ตอ้ งใหอ้ ิสระพอสมควร และต้องใหข้ องขวัญอนั ชน่ื ใจตามสมควร ส่วนภรรยากต็ อ้ งมนี ้าํ ใจต่อสามเี ช่นกัน กลา่ วคือ ตอ้ งทำงานส่วนตวัและครอบครวั ให้ดี ต้อนรบั ญาตมิ ิตรตามสมควร, ดแู ลสามใี หด้ ี, รักษาทรัพย์สมบตั ใิ หไ้ ต้ และเอาใจใส'ตอ่ กิจการทงั้ ปวง คู่ที่ลาม “ครูอาจารยก์ ับศษิ ย์” คนู่ ้เี ป็นคู'่ จรรโลง'โลก ช่วยดำรงโลกให้ร่มเย็นดบั เข็ญไตด้ ้วยคำสอน ครูจึงต้องมนี า้ํ ใจต่อศษิ ย์คือ ตอ้ งแนะนำพราํ่ สอนให้ดี ให้เรยี นดี มคี วามร้คู รบครนั และชว่ ยผลักดนั ใหไ้ ต้ดี สว่ นศษิ ยก์ ็ต้องมีนํ้าใจตอ่ ครู กลา่ วคอื ต้องเคารพครู, รับใชค้ รู, เช่ือฟิงครู, ดแู ลครูและตัง้ ใจเรียน ค่ทู ่ีส่ี “ผู้บังคับบัญชากับผู้!ต้บังคับบญั ชา” หรอื “นายกับบา่ ว-คนรับใช้” คนู่ ีเ้ ปน็ ค่กู รรมคือจะต้องทำงานด้วยกนั ยงิ่ จำเปน็ มากทีจ่ ะต้องมนี ํ้าใจตอ่ กัน หากฝ่ายใดฝา่ ยหนึ่งแลง้ นา้ํ ใจเลียแลว้ งานคงสำเร็จไมไ่ ด้จะกลายเป็นสังคมยุ่งเหยงิ ทันที ดังนน้ั ผู้บงั คบั บัญชาหรอื นายจงึ ต้องแสดงนาํ้ ใจต่อ

สขใจทไ่ี ดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตที่ดีงามผูใ้ ตบ้ งั คับบญั ชาหรือลูกนอ้ งให้ปรากฏชัด คอื มอบงานให้เหมาะสม, ให้ขวัญกำลังใจ, ยามเจบ็ ไขต้ ้องดแู ล แจกของขวัญและให้ไต้พักผอ่ นบา้ งตามสมควรนค้ี อื นาํ้ ใจนาย ส่วนนา้ํ ใจลูกน้องกค็ ือ มาทำงานก่อนนาย, เลิกงานหลงั นาย,รับเฉพาะของทนี่ ายให้, ทำงานให้ดขี ้นึ และยกย่องเชิดชูนาย ถา้ คู่นี้มีน้ําใจต่อกนั ไตเ้ ชน่ น้ี ภารกิจในหน่วยงานองคก์ ร หรือองคก์ ารตา่ งๆ ก็จะบรรลุผลสำเรจ็ ตามเปา้ หมายทกี่ ำหนดไวเ้ ปน็ อยา่ งดีย่งิ แต่ท่ยี ุ่งยากหรือยุง่ เหยิงทกุ วนั น้ี เพราะนายและลูกนอ้ ง หรอื ผใู้ หญก่ บั ผนู้ ้อยไม่คอ่ ยมีน้ําใจตอ่ กัน ค่สู ุดท้ายคอื “ผูใ้ ชบ้ ริการรว่ มกัน” คูน่ ถ้ี ้าไม่มีน้าํ ใจตอ่ กนั จะทะเลาะกันไมม่ วี ันสิน้ สดุ เชน่ ผใู้ ช้ถนนดว้ ยกนั , ผใู้ ช้บรกิ ารในสถานทีร่ าชการด้วยกนัหรือใช้บรกิ ารอนื่ ใดดว้ ยกนั วิธีปฏิบตั ิทีด่ ีท่สี ุดก็คือ ใหต้ ้ังเมตตากายกรรมจะทำอะไรก็ขอใหท้ ำด้วยเมตตา มมี ิตรไมตรที ี่ดตี อ่ กัน, เมตตาวจีกรรม -ขอใหเ้ จรจาปราศรัยหรือพดู จาต่อกันดว้ ยความมเี มตตา และเมตตามโนกรรม - ให้มจี ิตคดิ ดีต่อกันและพยายามมองโลกในแงด่ เี ขา้ ไว้ เม่ือทุกคนปฏิบตั ไิ ดเ้ ช่นนี้ โลกกจ็ ะร่มเย็นเปน็ สขุ ทกุ สถานและตลอดกาลทกุ เมอ่ื จึงใครข่ อเชญิ ชวนทกุ ทา่ นไดโี ปรดนอ้ มนำเอา “นา'ใจ”มาใสต่ ัว ทำตัวตนให้เปน็ คนมนี ้ําใจ อย่าไดแ้ ล้งนา้ํ ใจเหมอื นบวั แล้งน้ํา จงมาทำชีวติ ใหส้ ดใสด้วยความมิน้าํ ใจ มีมิตรไมตรีทีด่ ีตอ่ กนั จะขน้ึ รถ ลงเรอืไปเหนือส่องใต้ ขอให้แผเ่ มตตาไปกอ่ นชวี ติ จะอยู่รอดปลอดภัยไรัเวรไรภ้ ยัไร้อุปัทวันตรายทั้งปวง จะมแี ต่ความโชคดแี ละปลอดภยั ตลอดไป “มนี ํ้าใจลกั นดิ ชวี ิตจะปลอดภยั ”

สุขใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพ่อี ชวี ติ ทดี่ ้งามโดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ ถนนชวี ติ ” ส่งิ ท่หี าไดย้ ากมอี ยู่ ๔ อยา่ ง คือ ๑ . กิจโฉ พุทธานมปุ ปาโท การเสด็จอบุ ัติขึน้ ของพระพทุ ธเจา้ ทง้ั หลายหาได้ยาก ๒. กิจฉํ มจจฺ านชีวติ ํ การได้ชวี ติ ของสตั ว์โลกหาได้ยาก ๓ . กิจโฉ มนสุ สปฏลิ าโภ การไดเ้ กิดมาเป็นมนุษย์หากได้ยาก ๔. กจิ ฉุ ํ สทธมมสุสวน0 การไดฟ้ ้งพระสทั ธรรมหาได้ยากรวมเป็นวา่ กวา่ จะได้แตล่ ะอย่าง หรือกวา่ จะมีการเกดิ ข้นึ แตล่ ะอยา่ งท่ีกลา่ วมานี้ หาไดย้ ากจริงๆ ตอ้ งรอจงั หวะโอกาส โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ต้องอาศยัความเปน็ ผมู้ ีวาสนาบารมีทไ่ี ดส้ ร้างสมเอาไว้แต่ชาติปางก่อน และท่ีกำลงัเพม่ิ เติมเสริมบุญวาสนาอยใู่ นปัจจุบันน้ดี ว้ ย การดำเนินชวี ิตหรอื ถนนชีวติ ควรจะเป็นอย่างไร คือควรจะทำอยา่ งไร จงึ จะทำใหช้ วี ิตมคี วามสุขตราบเทา่ จะหมดอายขุ ยั การที่เราได้เกดิ มาเปน็ คนนี้กน็ ับว่าประเสริฐท่ีสดุ แล้ว เราจงึ ไมค่ วรทำงานใหเ้ ปน็ คนรกแผ่นดนิ เราต้องหม่ันหาความรู้ ความดงี ามไวใ์ หม้ าก ๆ ท้งั ในทางโลกและทางธรรม เพราะถา้ หากเรารู้ทางโลก และทางธรรมมากๆ แลว้ จะทำใหเ้ ราไมเ่ สยี รใู้ ครไมเ่ สียเปรียบใคร และทส่ี ำคัญไม่เสยี ชาติเกิด ท่ีไดเ้ กิดมาเป็นคนไมเ่ สยี รูไ้ มเ่ สียเปรยี บ หมายความวา่ จะต้องเป็นผชู้ นะกเิ ลสได้ อย่าให้กเิ ลสมาครอบครองจติ ใจของเรา อยา่ ใหต้ ้องมาทำจิตใจให้เศร้าหมองหรือชกั นำไปในทางเลือ่ มเสีย การท่ีเรามีกิเลสและถูกกเิ ลสซักจงู ครอบงำเราไดอ้ ย่างงา่ ยดายอยนู่ ี้ ก็เพราะวา่ เรามมี ิจฉาทฎิ ฐิ คอื มคี วามเห็นผิด ความเกลียด โลภโกรธ หลง ความประพฤตปิ ฏบิ ัตผิ ดิ นอกลนู่ อกทาง เสพยาเสพตดิ สักเล็กขโมยนอ้ ย หลอกลวง แมก้ ระทั่งการเอาตวั รอดเพ่อื ตัวเองทำผิด ส่ิงเหลา่ น้ีจะไหลท่วมเข้าตัวเราเพราะเรามมี จิ ฉาทฏิ ฐิ หรืออวชิ ชา คือความไมร่ ู้ ถนนทีด่ ที ีส่ ดุ ของชีวติ ตามทัศนะพระพุทธศาลนา ต้องเดนิ ตามทางอรยิ มรรค อนั ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ คือ สมั มาทฎิ ฐิ เหน็ ชอบ๓๐

สขุ ใจท่ไี ดอ้ า่ น สารธรรมเพอื่ ชวี ติ ท่ีด้ง'ามสัมมาสงั กัปปะ คิดชอบ สัมมาวาจา เจรจาชอบ สมั มากัมมันตะ การงานชอบสมั มาอาชวี ะ เลี้ยงชวี ิตชอบ สมั มาวายามะ พยายามชอบ สัมมาสติระลึกชอบ สมั มาสมาธิ จิตตั้งมั่นชอบ เป็นของประจำกายและใจ ถนนชวี ติ ที่ดอี กี ประการหน่งึ ก็คือ ตัวของเราจะต้องมีศลี สมาธิและปญั ญา เปน็ หลกั เปน็ ฐานในการดำเนินชวี ติ เพราะคนท่ีมีคืลกเ็ หมือนกนักับถนนลาดยางเรียบ แบบมาตรฐานสากล คนมีศีลดสู ง่าผา่ เผย จะเข้าสังคมท่ไี หนกไ็ มเ่ คอะเขนิ ยิ้มแย้มแจ่มใสอยเู่ สมอ สังคมไหนก็ยอมรับคนมศื ีลก็เหมือนมที รพั ย์สนิ แกว้ แหวนเงินทอง หามาได้คล่อง ไม่ตอ้ งเบยี ดเบียนใคร มศื ีลกป็ ระดุจมเี กราะบีองกันตวั ส่วนคนทศุ ลี คอื คน'ไม่มีศีล ไม,มีธรรมประจำใจ กเ็ หมือนถนน,ฃรๆุ ขระๆ ไม่ราบเรียบ มีแต่สูงๆ ตาๆ เป็นหลุมเปน็ บอ่ เดินเหยียบเทา้ ตนเขา้ จนหกลม้ เข้าสังคมทไ่ี หนกล็ ับๆ ล่อๆ กลัวคนอื่นจะรูถ้ ึงความชัว่ ของตนเอง ถา้ ใครทุศลี กร็ บี กลับตัวเสียแต่เดี๋ยวน้ียงั ไมโอกาส เดีย๋ วจะหาว่าไมเ่ ตือน ศลี เหมอื นถนนอย่างดี สมาธิกเ็ หมือนรถยนต์ ถ้าเครอื่ งยนต์ขัดข้อง ก็ไมส่ ามารถวง่ิ ไปถึงจดุ หมายปลายทางได้ คนเรากเ็ หมือนกัน ถ้าจดั ประสาทไม่สมประกอบ กไ็ มส่ ามารถหาเลย้ี งชพี ไตเ้ หมือนคนปกติ คนดีน่งั ทไ่ี หนก็ไมก่ ระสับกระส่าย ทำบุญทำทานก็ไม่เสียดาย คน1ไมม่ ีสมาธิบางคนทำบุญสกั หนึง่ ร้อยบาทกค็ ดิ แลว้ คิดอีก ให้คนขอทานบาทเดียวก็ตระหนอี่ ยู่นั่นแหละ คนมสื มาธดิ จี ติ ใจผ่องใส ทำอะไรกไ็ ม่คอ่ ยผดิ พลาด มีแตค่ นอน่ืโยนความผดิ ให้ จะพูดจะจาก็ไมเ่ พอ้ เจอ้ มักจะเป็นคนพดู จรงิ ทำจรงิ เสมอ คนมสื มาธิดี มีแตค่ วามโอบออ้ มอารีแกค่ นท่ัวไป เหมอื นรถทีด่ ีว่งิ เงยี บ ไมส่ ำสกั น้าํ มนั ไม,กระโชกกระซาก คน'ไม่มีสมาธิ คมุ สติของตัวเองก็ไมอ่ ยู่ คนทมี่ สื มาธไิ ม่ดี มกั จะยึดม่ันถือมั่นมากเกนิ ไป ไม,รู้จักปลอ่ ยวางกิเลสมันก็หวานหมูเขา้ ครอบงำไดง้ า่ ยๆ เวลาเราจะเบรกรถเบรกกจ็ ะทำงานทั่ง ๔ ล้อ ทอ่ เบรกจะทำงานหมด ไมใช่ทีละล้อ ชวี ติ ของคนเรากเ็ หมอื นกันเราตอ้ งเบรกท่กี ิเลส คือต้องเบรกที่ตวั ตัณหาเพยี งตัว แตจ่ ะรวมไปถึงการเบรกความโลภ ความโกรธ ความหลง

สขุ ใจทใ่ี ด้อ่านสารธรรมเพื่อชีวิตทดี่ ีป๋าม ทนี 'ี้ พดู ถึงปัญญา ในพระพทุ ธศาสนานัน้ ปญั ญาเปน็ ธรรมชน้ั สูงคนเราจะทำอะไรใหล้ ลุ ว่ งได้ดีก็ดว้ ยปญั ญา เปรยี บเหมือนเมืองใหญ่ ๆ เช่นกรุงเทพฯ นี้แหละ ที่วา่ เปรยี บเหมอื นเมอื งใหญ่ กเ็ พราะว่าคนที่สรา้ งเมืองใหญ่ ๆได้ กต็ อ้ งมืปัญญามาก การท่ีจะไปท่องเท่ยี วเมืองใหญ่ ๆ ได้ ก็ตอ้ งมีโอกาส เงนิ และปญั ญา มีปัญญาแต่ไมม่ เื งินก็ไมไ่ ด้ มเี งินแตไ่ รโอกาสกเ็ ชน่ กนั ถาเปรยี บปัญญาเหมอื นกบั ศาลฎีกา คงไม่แตกตา่ งกันเทา่ ไรนักศาลฎีกา ทำหนา้ ท่ปี รึกษา วนิ ิจฉัยคดีความจากศาลชน้ั ตน้ ศาลอุทธรณ์ศาลฎกี าจึงเป็นศาลสูงสุด ปัญญาก็เชน่ กัน เปน็ ของสูงสุดสำหรบั คนเรา ใช้ตัดสนิ ปญั หาต่างๆ เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ที่เกิดข้นึ ในชวี ิต ใหห้ ลดุ พน้ และลุล่วงไปไดีโดยดี คนมีปัญญา ก็เหมอื นมกี ัลยาณมติ รอยูร่ อบด้าน และเหมอื นมีทรัพยส์ ินมากมาย จะปรึกษาอะไรกับใครก็มีคนเชื่อถอื ไวิใจ แก้สถานการณ์เลวรา้ ยได้ฉบั ไว ขออย่างเดียวอยา่ ไดีใช้ปญั ญาไปในทางทผี่ ิด จะใช้ปญั ญาผดงุ ศีลธรรม ใช้ปัญญาให้ถูกต้อง คนเหาะเหินเดนิ อากาศได้อย่างนก ดำนํ้าไดอ้ ย่างปลา ว่ิงเรว็ เหมือนม้า ไปโลกพระจันทร์ พระอังคารได้ ก็เพราะมปี ญั ญา มนษุ ยเ์ ราแต่ละคนกไ็ ดม้ าคนละชีวิต และในแต่ละชีวติ นัน้ กม็ ืความม่งุ หวงั อนั เดียวกันคอื ตอ้ งการชีวิตท่ีเป็นสุข เมอื่ ตอ้ งการความสขุเราเองจะต้องทำตนเองใหเ้ ปน็ คนมศี ีล มีสมาธิ และปญั ญา สรุปกค็ อื ชวี ิตต้องมีธรรมะ จงึ จะสามารถดำเนนิ ไปตามถนนชวี ิตได้อย่างราบรนื่ เป็นสุขตังพุทธภาษติ ท่พี ระสมั มาสม้ พุทธเจ้าไดต้ รัสไว้ว่า ธมโม สุจิณโณ สุขมาวหาติธรรมดีประพฤติดีแลว้ ย่อมนำสขุ มาให้

สขุ ใจท่ีไดอ้ ่าน สารธรรมเพอื่ ชีวติ ท่ดี งี าม โดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก “ ธรรมราชา” อันมคี วามหมายถึง พระราชาผดู้ ำรงมัน่ คงในธรรม คอื ทศพิธราชธรรม๑ ๐ ประการ ได้แก่ ทานการให,้ ศีล รักษากาย วาจา ใจ ให'้ บริสุทธ,ี้ บริจาคะเสียสละ, อาซวะ ความซอื่ ตรง, มัทวะ ความอ่อนโยน, ตปะ ความบำเพญ็ เพยี ร,ขันติ ความอดทน, อวหิ ิงสา ความไมเ่ บยี ดเบียน, อักโกธะ ความไมโกรธและอวิโรธนะ การประพฤตไิ มผ่ ดิ จากธรรม เมือ่ วันจันทรท์ ี่ ๙ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒ ^(ะ๙ อันเปน็ วันทพี่ ระบาทสมเดจ็ ปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จขึ้นครองราชสมบตั ิ ต่อจากสมเดจ็ พระเชษฐาอานนั ทมหิดล ซ่ึงเสด็จสู,สวรรค์ด้วยเหตุการณล์ อบปลงพระชนม์ เป็นกษัตรยิ ์องค์ท่ี ๙ แหง่ รตั นโกสินทร์ ต่อมาในพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก ณ วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. เอ®:๙๓พระองค์ไดต้ รสั ณ ท่ามกลางมหาสมาคม พระท่นี ่ังไพศาลทกั ษิณ ซ่งึ จัดเปน็ปฐมบรมราชโองการว่า “ เราจะครองแผ่นดนิ โดยธรรม เพ่ือประโยชนส์ ุขแหง่ มหาชนชาวสยาม” แล้วทรงหลงั่ นาํ้ ทกั ษิโณทกทรงตงั้ พระราชสัตยาธิฐานวา่ตงั้ แตน่ ีต้ อ่ ไปพระองค์จะทรงปกครองพระราชอาณาจักรโดยทศพธิ ราชธรรมพระราชจริยาวตั รอนั น่าชน่ื ซมในการไม่มีขตั ตยิ มานะเมือ่ ทรงประทบัทา่ มกลางพสกนกิ รของพระองค์ ไม,ว่าแควนั ดินแดนถน่ิ ใด ดั่งจะเหน็ ได้ในครั้งหนึ่ง พระองคท์ รงโน้มพระวรกายรับดอกบัวเหี่ยว ๆ จากหญิงชราซาวจงั หวดั นครพนม ทอ่ี ุตสาหะเดนิ ทางไกลเพอ่ื มาเฝาื ซมพระบารมี และถวายดอกบวั อนั เปน็ อภินนั ทนาการของคนยากไร้แด,พระมหากษัตริย์อนั เป็นที่รกั ย่งิ ของเขา น่คี อื นาํ้ พระทยั แห่งความกรณุ าปรานี ทห่ี ลั่งจากฟากฟ้าสดู่ นิ กอ่ ให้เกิดความสดชืน่ รน่ื รมย์ต่อด้นไม้ กอหญ้า ผนื แผ่นดินดงั ท่วี ่า1ไวใ้ นเวนสิ วานสิ ว่า “อันความกรณุ าปรานี จะมีใครบังคับกห็ าไม,หล่งั มาเองเหมอื นฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสูแ่ ดนดิน” ๓๓

สขุ ใจทไ่ี ดอ้ า่ นสารธรรมเพอ่ื ชวี ิตทีด่ ้งาม ตลอดระยะเวลาทเ่ี สด็จขน้ึ ครองราชสมบตั ิ แทบจะหาเวลาสว่ นพระองคไ์ มไ่ ด้เลย พระองค์ทรงใช้เวลาเหสา่ นัน้ เพ ่ือเย่ียมเยียน เห ลา่พสกนกิ รของพระองค์ แกไ้ ขปญั หาของเขา ทรงเสด็จพระราชดำเนินสู่ถ่ินกนั ดาร เพ่อี บำบัดทุกข์ เสริมสรา้ งสุข จนอาจกล่าวได้วา่ ไมม่ ผี ืนดนิ ตรงไหนกอหญา้ กอใด กรวดทรายเม็ดใด ทพี่ ระองค์!ม่ทรงเหยียบยํา่ เลย เพี่อเสด็จเยี่ยมพสกนกิ รเหล่านัน้ ปแี ล้วปีเลา่ ครง้ั แล้วครัง้ เล่า สายพระเนตรไม่เคยละจากพสกนิกร ๒ พระหัตถ์ไม่เคยละเวน้ โอบกอดโอบอุ้มเมื่อพสกนิกรประสบภัยพระบาทนั้นเลา่ ไมเ่ คยรังเกียจทจี่ ะเหยียบยา่ี ไปบนพื้นท่สี กปรก ไมก่ ลวั ภัยเจบ็ ปวด แม้เหยยี บกรวดทราย หนามไหน่ที่รกเรยี้ ว ดงั ทีก่ ล่าววา่ “สองพระกรรณคอยสดับรบั ฟ้งเหตุ สองพระเนตรคอยดูแลเพ่ือแก้ไข ลองพระหตั ถท์ รงโอบอ้มุ คุม้ ผองภยั สองพระบาทดำเนนิ ไปแม้ภัยมี” ด้วยนา้ํ พระทัยมนั่ คง ในการบำบัดทกุ ข์ บำรุงนั้าใจเหล่าพสกนกิ รเหน็ ได้จากพระเสาวนีย์ตรสั เลา่ ของสมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินนี าถในครง้ั หนึ่งวา่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงต้ังพระทยั จะไม1เสด็จประพาสตา่ งประเทศตราบใดที่ประชาชนของพระองค์ ยงั มคี วามยากไร้มคี วามทุกข์ ประสบเคราะหภ์ ัยนานาประการ พระองคจ์ ะใช้เวลาท้งั หมดนี้แก้ปัญหาของประชาชนจึงไม่แปลกใจเลยวา่ ส่อื ต่างประเทศได้พากันยกยอ่ งถวายพระเกยี รติคณุ น้ีแผไ่ พศาลไปท่ัวโลกว่า บรรดาพระมหากษัตรยิ ์ท่มี ีอยูใ่ นโลกปัจจบุ นั ไมม่ พี ระองคใ์ ดทท่ี รงงานหนักเท่ากบั พระเจา้ แผน่ ดนิแหง่ ประเทศไทย ในพระราชวงั อนั เป็นทป่ี ระทับของพระองค์ เต็มไปดว้ ยผลิตภณั ฑ์ ผลติ ผลดา้ นการเกษตร โรงวัวนม แปลงนาสาธติ ปลูกพชื ผกั สวนครวัแปลงพชื ไม้สมุนไพร ฯลฯ หาพระราชวงั ท่ปี ระทบั ของพระมหากษตั ริย์องค์ใดในโลกไมม่ อี ีกแลว้ ท่ีเปน็ อย่างนี้นอกจากกษัตริย์ประเทศไทย๓๔

สขใจทไ่ี ด้อ่าน สารธรรมเพือ่ ชีวิตที่ดปี า๋ ม พระองคด์ ำรงมน่ั คงในพระศาสนา (โดยเฉพาะพระพทุ ธศาสนา)ทรงมที ศพธิ ราชธรรม ราชสงั คห1วตั ถุ จกั รวรรดวิ ัตร และธรรมพละ ของพระมหากษตั รยิ ์เจ้าอนั เป็นโบราณ ราชประเพณ ีส1วนพระองค์ และทรงมีพระบรมราโชวาทดา้ นตา่ ง ๆ แก,เหลา่ พสกนกิ รทกุ สาขาอาชพีในโอกาสตา่ งๆ ดังขออัญเชิญมาพอเปน็ ตวั อย่าง ดังนี้ พระบรมราโชวาทดา้ นศาสนาในโอกาสเสดจ็ ออกผนวช เมอื่ วนั ท่ี๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒®:๙๙ วา่ “โดยทพ่ี ระพุทธศาสนา เปน็ ศาสนาประจำชาติของเรา ท้งั ตามความศรทั ธาเชื่อมัน่ ของข้าพเจ้าเอง เหน็ เปน็ ศาสนาทีด่ ิศาสนาหน่ึง เน่อื งในบรรดาสัจธรรมคำสงั่ สอนอันชอบดว้ ยเหตผุ ล จงึ เคยคิดอยูว่ ่า ถา้ โอกาสอำนวยขา้ พเจา้ จักไดบ้ วชสักเวลาหนึ่ง ตามราชประเพณีซ่งึ จดั เปน็ ทางสนองพระเดชพระคุณ พระราชบรู พการิตามคตนิ ิยมด้วย และนบั ตงั้ แตข่ ้าพเจ้าได้ครองราชสมบัติ สบื สันตติวงศ์ ต่อจากสมเดจ็ พระเชษฐาธิราชก็ลว่ งมากวา่ สบิ ปแี ล้ว เหน็ ว่านา่ จะถงึ เวลาทค่ี วรจะทำตามความตง้ั ใจไว้น้ันแล้ว ประการหน่งึ อนึง่ การท่ีองค์สมเดจ็ พระสังฆราชหายประชวรมาได้ ในคราวประชวรครงั้ หลงั น้ี ก็ใหเ้ กิดความปตี ยิ ินดี แก่ข้าพเจา้ ยิง่ นกัได้มาคำนึง ถ้าในการอปุ สมบทของข้าพเจ้าไดม้ ีองค์สมเดจ็ พระสงั ฆราชเปน็ พระอปุ ชั ฌาย์แล้ว ก็จักเปน็ การแสดงออกในความศรัทธาเคารพในพระองคท์ า่ น ของข้าพเจ้าได้อย่างเหมาะสมอีกประการหนงึ่ จึงไดต้ กลงใจที่จะบรรพซาอปุ สมบทในวันที่ ๒๒ เดอื นน้ี” นคี้ อื พระบรมราโชวาท เมอื่ วนั ที่๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒®:๙๙ ซึ่งอาจนบั เนอื่ งในหลกั ธรรมข้อ อบุ าสกธรรมคือ ๑ . ม ศี รทั ธาเช่ือม่นั ในพระรัตนตรัย ๒. มศล ๓. ไม่ถอื มงคลต่ืนขา่ ว ®:. ไม่เสาะแสวงหาทกั ฃเิ ณยยะบุคคลนอกศาสนา ๕. บำเพ็ญบญุ แต่ในทางพระพุทธศาสนา

สุขใจทใี่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพือ่ ชีวติ ทีด่ งี าม อีกประการหนง่ึ พระองคท์ รงตรสั ถงึ ภารกจิ แหง่ ทหารของชาติซ่ึงไดพ้ ระราชทานในวันกองทพั บกว่า หลกั สำคญั อันดบั แรกทท่ี หารทกุ คน ตอ้ งระลกึ ถึงอยู่เสมอคอื ความหมาย และหนา้ ทข่ี องทหาร ประเทศเราเปน็ ประเทศทรี่ กั ความสงบ ไม่ชอบการรุกราน แมก้ ระนั้นก็ดี การมีกำลังรบเปน็ ส่ิงจำเป็น ทง้ั น้เี พื่อรักษาความสงบและอิสรภาพของประเทศ เมือ่ ทหารมไี วสั ำหรบั ประเทศชาติ ทหารก็ต้องเป็นของประเทศชาติ หาใช่เปน็ ของบุคคลหรอื คณะบคุ คลใด ๆ โดยเฉพาะไม่ เม่ือทหารเปน็ หนว่ ยสำคญั สำหรับรักษาความสงบ และอิสรภาพของประเทศแลว้ ฯลฯ เม่ือประซาซนมีความทกุ ข์ยากเดือดร้อน หรอื ประสบภยั พิบัติ ทหารต้องถือเปน็ ภาระหน้าที่ทจ่ี ะต้องรว่ มกันปฏบิ ตั ชิ ว่ ยเหลอื ให้ประชาชนเกิดความรสู้ กึ อุน่ ใจ มัน่ ใจและภมู ใิ จไต้ว่า แผ่นดินไทยนัน้ เป็นทอ่ี ยอู่ าศัยอันประเสริฐสุด ทีท่ ุกคนจะตอ้ งรว่ มกนั หวงแหนรกั ษาไว้

สุขใจทีไ่ ด้อ่าน สารธรรมเพื่อชวี ิตที่ดีป้าม โดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก“ มนษุ ยท์ ส่ี มบรู ณ”์ ธรรมะยอ่ มทำใหค้ นก้าวหน้า, ทำใหค้ นมีชวี ิตที่สมบรู ณ์ตามแบบของคนดี, มจี ดุ มงุ่ หมายของชีวิตในทางที่ดงี าม และมหี ลักใจ, หลักใจทำให้คนเป็นคนท่ีสมบรู ณ์ มรี ะเบยี บวินัย มกี ฎเกณฑ์ท่ีแน่นอน และศาสนาเปน็แนวปอ้ งกนั มใิ ห้คนไปสู่หล่มแหง่ ความช่ัว มพี ุทธภาษติ บทหนึง่ วา่ “กิจโฉ มนสุ สปฏิลาใภ การไดเ้ ปน็ มนุษย์เป็นไดย้ าก” สตั วเลกทเี่ กิดมามลี กั ษณะร่างกายครบ ๓๒ ประการ ได้ชือ่ ว่า“คน” นน่ั คอื ธรรมชาตเิ ปน็ ผู้สรา้ ง เป็นผ้!ู หก้ ำเนิดคน แตค่ นกต็ ้องพยายามยกตวั เองให้สงู ข้ึนใหไ้ ดช้ ือ่ ว่าเปน็ “มนุษย”์ มนุษย์ คือใคร มนุษย์ หมายถงึ ผ้มู ี'ใจสูง เป็นผมู้ คี วามรู้และจริยธรรมเพอื่ ชวี ิตท่ดี ีงาม เปน็ ผู้ประพฤตธิ รรมปฏบิ ตั ติ ามทำนองคลองธรรมอยู่ตลอดเวลา พุทธทาสภกิ ขไุ ดป้ ระพันธเ์ ป็นบทกวเี ก่ียวกบั มนุษย์!ว้ว่า“เป็นมนุษยเ์ ปน็ ไดเ้ พราะใจสูง เหมอื น'หน่งึ ยงู มดี ีทแี่ วว'ขนถ้าใจตาเป็นไดแ้ ต่เพยี งคน ย่อมเสียทีทตี่ นไดเ้ กิดมาใจสะอาดใจสว่างใจสงบ ถ้ามคี รบควรเรยี กมนสุ สาเพราะทำถูกคิดถูกทุกเวลา เปรมปรีดาคืนวนั สขุ สนั ต์จริงจิตสกปรกมดี มวั และร้อนเร่า ใครมเี ข้าควรเรยี กวา่ ผีสงิเพ ราะทำผิดคิดผดิ จติ ประวงิ แตใ่ น สิง่ ท ช่ี วั่ กลัว้ อบ าย” เพราะฉะนน้ั ถ้าเราสามารถทำให้กิเลส ตัณหา อุปาทาน อันเป็นผลทที่ ำให้เกิดทุกข์น้ันเบาบางลงก็สามารถท่จี ะเป็นมนษุ ยท์ ีป่ ระเสรฐิ ได้ และนำไปสู,ความเป็นมนษุ ยท์ สี่ มบรู ณ์ จึงถอื ได้ว่าเปน็ สมาชิกทีด่ ีมีคุณค่าอยา่ งแท้จรงิ ตอ่ มนุษยชาติ จึงต้องมีคุณธรรม หรอื คณุ สมบัติ ตังนี้ ๓๗

สขุ ใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพอี่ ชวี ิตทด่ี ีป๋าม ๑. รู้หลักและรูจ้ กั เหตุ (ธมั มัญณุตา) คือ รจู้ ักหลักการและกฎเกณฑ์ของส่งิ ทง้ั หลายท่ีตนเขา้ ไปเก่ยี วข้องในการดำเนนิ ชีวิต ในการปฏบิ ัตหิ นา้ ที่และการดำเนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ร้แู ละเข้าใจในสิง่ ท่ีตนจะตอ้ งทำ และประพฤติปฏิบตั ิตามเหตุผล เช่น รู้ว่าตำแหน่ง ฐานะอาชีพการงานของตน มีหน้าท่ีและความรับผิดชอบอยา่ งไร มอี ะไรเป็นหลกั การ? และจะต้องทำอย่างไร?จึงจะเป็นเหตุใหบ้ รรลถุ งึ ผลสำเร็จทเี่ ปน็ ไปตามหน้าที่ และความรบั ผดิ ชอบนน้ัเพราะวา่ หนา้ นอก บอกความงาม หนา้ ใน บอกความดี หนา้ ที่ บอกความสามารถ จรรยาและหน้าที่ คอื ศกั ดศ้ี รี1ของมนุษย์ ๒. ร้คู วามมุง่ หมายและร้เู หตุผล (อัตถัญณตุ า) คือรู้จกั ความหมายและความมุ่งหมายของหลักการท่ีตนปฏิบตั ิ เข้าใจวตั ถุประสงค์ของกจิ การที่ตนกระทำ รู้ว่าหลกั การนั้นๆ มีความมุ่งหมายอย่างไร? ร้วู ่าท่ีตนทำอยู่น้ันเพ่อื ประโยชน์อะไร? กิจการทีท่ ำอย่นู ้นั จะเกดิ ผลดีผลเสยี อยา่ งไร ๓. รู้จกั ตน (อัตตัญณุตา) คอื รตู้ ามความเป็นจรงิ วา่ ตัวเรานน้ั โดยฐานะ ภาวะ เพศ กำลงั ความรู้ ความถนดั คุณธรรม เปน็ ต้น ว่าบัดนมี้ ีเทา่ ไรเป็นอยา่ งไร แล้วประพฤตใิ ห้เหมาะสม เพราะสว่ นมากคนเราจะรู้จักแต่มองคนอื่น แตไ่ ม่ร้จู ักมองตนเองเหมือนคำพูดทวี่ ่า “โทษคนอ่นื มองเห็นเช่นภเู ขาโทษของเรามองเห็นเท่าเลน้ ผม” ซง่ึ ในทางพระพุทธศาสนาสอนไวว้ า่ “โลกภายนอกกว้างไกลใครใครรู้ โลกภายในลึกซง้ึ อยูร่ แู้ คไ่ หน จะมองโลกภายนอกมองออกไป จะมองโลกภายในใหม้ องตน”๓๘

สขุ ใจท่ไี ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่ือชวี ติ ที่ดีป๋าม ๔. รจู้ ักประมาณ (มัตตญั ณตุ า) คือรู้จกั ความพอดี เชน่ รู้จักประมาณในการบรโิ ภค รูจ้ กั ประมาณในการใช้จ่ายทรพั ย์ รจู้ ักความพอเหมาะพอดใี นการกระทำ พดู คดิ มมี ัชฌิมาปฏปิ ทาในการทุกอย่าง ที่เรยี กว่า - พอดี คอ ไมเ่ ดอื ดรอ้ น ไมเ่ ป็นทุกข์ - พอมี คอ ไม,เดอื ดรอ้ น ไมเ่ ปน็ ทุกข์ - พอกนิ คอ ไมเ่ ดอื ดร้อน ไม่เปน็ ทุกข์ - พออยู่ คอ ไม่เดอื ดร้อน ไม่เป็นทกุ ข์ - พอใช้ คอ ไม่เดอื ดรอ้ น ไม่เป็นทุกข์ ๕. รจู้ ักกาล (กาลญั ณตุ า) คอื รู้จกั เวลาอันเหมาะสมและระยะเวลาที่จะนำไปใช้ในการประกอบธรุ กิจ กระทำหน้าทีก่ ารงานและการเกีย่ วขอ้ งกับผ้อู ื่น เชน่ รูว้ ่าเวลาไหนควรทำอะไร และทำให้ตรงเวลา เปน็ เวลา ทนั เวลาพอเวลา เหมาะเวลา ถกู เวลา เรียกว่าทำอะไรถูกจังหวะ วันเวลาเปน็ ตราวัดชวี ิต เรามีสิทธเิ ทา่ กนั ในวนั หนง่ึ แตใ่ ครจะทำอะไรใหต้ ราตรึง นน่ั แหละซึง่ ทำชีวติ เราผิดกนั ๖. รู้จกั ชมุ ชน (ปรสิ ัญณตุ า) คือ รจู้ ักถน่ิ ชุมนมุ ชุมชน รกู้ ารอนั ควรประพฤตปิ ฏบิ ัติในถ่ินนนั้ ๆ ว่า ชมุ ชนนี้เม่ือเขา้ ไปแลว้ ควรปฏบิ ตั ิตนอย่างไรควรทำกริ ยิ าอาการอยา่ งไร รู้ว่าชุมชนน้มี ีประเพณวี ฒั นธรรมอย่างน้ี เปน็ ตน้ ๗. รูจ้ กั บคุ คล (ปุคคลัญณตุ า) คือรจู้ ักและเขา้ ใจความแตกตา่ งแหง่บุคคลวา่ โดยอัธยาศยั ความสามารถ คุณธรรม ร้จู ักทีจ่ ะปฏบิ ัติตอ่ บุคคลอน่ื ๆร้จกั เด็ก รจ้ กั ผใิ หณ่ รเ้ ฃาร้เรา

สุขใจท่ไี ด้อา่ นสารธรรมเพ่ือชวี ติ ท่ดี ีงาม สรุปวา่ ธรรมทัง้ ๗ ประการน้ี เรียกวา่ สปั ปุ,รสธรรม เป็นธรรมของคนแท้ ซ่ึงเปน็ คณสมบัติของความเปน็ มนษยท์ ส่ี มบรณ์ ประพฤตดิ ีมธี รรมนำแตส่ ุข ไมเ่ กิดทุกขล์ ำเค็ญเปน็ กศุ ล ถ้าไร,ธรรมนำโทษมาถงึ ตน จะรอ้ นรนกายใจเหมือนไฟลาม จะทำความชวั่ รายทำไมเล่า เปรยี บเหมือนเราหลับตาเข์าปา่ หนาม หม่นั ประพฤตศิ ลี ธรรมอันงดงาม ไมม่ หื นามทิ่มแทงอย่าแคลงใจ ธม.ม'จารี สุขํ เสติ ผู้ประพฤตธิ รรม ยอ่ มอยู่เปน็ สขุ๔๐


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook