บํนทกเบนเชงิ อรรทในร่วนที่ไดห้ มายเลขไว้ คำแปลในหนไ ๑๗๑ คอนทีไ่ คห้ มายเลข ๑ ไว้ และฅอนที่มเี นอกวามเชน่ น1น ในอีก ๒ หนำต่อมา ท่วี า่ จงบรรจสุ รระ ทล่ี ูกห่อด้วยผา่ ใหม่และปุยผายแล5ว นน เหา่ 'ในหบสพเหลกบี่ดทอง (ทเหมือนลง t a n k เกบนามน่ ) บี่ดด้วยฝาเหลกทด่ี ทองอีกดน้ หนง นํน คงทำใหท้ า่ นผู้อา่ น ที่เกยไค้พงเทศน์ หรอื เคยไค้อา่ น เรือ่ งปj มลม'โพธิ้ ฉบบหลง ฅอนน์มาแลว เกคิ ความ สนสะเทือนทางคานประสาทขนมาบไง เพราะในป^ม- สมโพธฉบไ.เหล่ง ฅอนท่ีกลา่ วถึงเรื่องน์ มีใจความว่า “ มลกษครยิ ์ทงหลาย เชิญพระพทุ ธสรีระลงประดิษ1 าน ณ รางเหลก็ เค็มควยนไมน่ บ1ิ คควยรางเหล็กอื่นเบนฝา ในทำนอง ทค่ี นโบราณไค้ปฏบิ ไทในพระสรรี ะ ของพระเจา จ,กร พรรค ” แตใ่ นคำแปล มหา ปรนิ ิพพาน สูฅร ของ ขไพเจไน มิไคม้ ีชอ่ ความเหมอื นในป^มสมโพธฉบบํ น1น,
กำกล่าว'1นป1ฐมสม'โพธใิ้ นฅอนน เมอื่ กล่าวโคย ใจความอยา่ งทีไ่ ม่คองกระมิคกระเม่ืยน กค็ ือ ในการถวาร พระเพลงิ พระพุทธสรรี ะในคราวนน พวกมลํ ิกษฅํ ริย์ ไค้ เชญิ พระพทุ ธสรีระ ท่ีไคห้ ่อควยผา่ ขาวและสำลแี ลว่ ลง วางในรางเหลก็ ท่มี รี ปู รา่ งเหมอื นรางไม้ที,ใชใ้ สอ่ าหาร ใหห้ มกู ินหรอื ในรางหญำ รางข่าวกลา่ ทใ่ี ส่หญำ ใส่ ขาวกล่า ใหว้ *ว — ควาย ใหม้ ากนิ ทีไ่ ค้ถูกใสน่ *ามํนไว้ จนเต็มแลว แลว่ เอารางเหล็กท่ีมีรูบ-่ รา่ งเชน่ น*นอีก'ใบ หน่งึ มาครอบเบนฝา!!ฅลงไป แล่โวไคเ้ ชิญรางค่นู ่ฃึ นฅง บนจฅิ กาธาร (เชิงคะกอน) แลว่ ไคจ้ ดุ ไฟที,เชิงคะกอน ในล่กิษณะทอคพระพทุ ธสรรี ะควยน*ไมน ใหเ้ กรียม ให้ กรอบ ให้ไหมห้ มดไป ในทำนองทคี่ นในโบราณสมย ไค้ปฏิบไทคือจ*ดทอคพระสรรี ะของพระเจไจ’กรพรรค ควย น*ไม*น ในรางเหลก็ ที่มืฝาบด่ี เช่นนึ่น ในเวลาน1น พระพทุ ธเจไไคท้ รงเบนท่เี คารพที่ สงู สดุ ของคนเกอื บทวิ ชมพทู วีป โดยเฉพาะไคท้ รงเบ่็นที่ เการพอยา่ งลบล่นของพวกม*ลกษ*ฅรยิ ์ คามทีท่ า่ นไค้เลา่ ไว้ในมหาปรนิ ิพพานสฅรนึ่วา่ พวกม*ลิกษํคริยไ์ ค้จ*คการ
1»๓๖ ถวายพระเพลงิ พระพทุ ธสริ รี ะในขนาดทใ่ี หญโ่ ฅมโหฬาร เท่าเทียมการถ'วายพระเพลงิ พระศพของพระเจ,าจํกรพรรคิ้ เพ่อื ใหส้ มกบที่พระพทุ ธเจไทรงเบนเอกอครบุคคลในโลก ทไ่ี ค้ทรงเบนทีเ่ การพอย่างลบล่นของประชาชนในหลาย ประเทศและของฅน พุ การจ*ดถ'วายพระเพลิงพระพทุ ธ- สริ ีระ ดามวธิ ที ไ่ี ค้ถูกกล่าวไวใ้ นปฐมโพธ้ิฉบบน1น ใน ส่วนที่เบนสาระสากไนของการถวายพระเพลิงนึ เมอ่ื กลา่ ว ฅามกวามนิยมของคนในยคุ นน และในยุคตอ่ พุ มาฅลอด จนถึง'ในยคุ บจจบุ นน แมเ้ พียงควยสาม'ญสำนึก ไมม่ ีทาง จะเห็นรว่ ม’ไคค้ วยเลย เพราะการกระทำเชน่ นนึ เบน่็ การ กระทำทีม่ ี ล่กษณะรูป กระเคียดไปในทาง ปรุงอาหาร มากกว่า ทที่ ่านกล่าวไวเ้ ช่นน1น เขาใจวา่ ท่านกล่าวไป ฅามโครงรูปของกำบาลีวลีนึว่า “ อยสาย เตลโทณยา ปกฃฺ บตวฺ า อณฺณิสสฺ า อยสาย โทณยา ปฎกิ ชุ ฺ- ชตฺวา” คือท่านไดถ้ อื เอาความหมายแห่งกำว่า “ เตล- โทณยา” วา่ “ ในรางเหล็กเคม็ ควยนไม่น” กำว่า “โทณ ในภาษาบาลนี น แปลว่า “ราง, กถ็ กู แตถ่ กู เพยี ง'ในล'กษ็ ณะความหมายของศํพทเ่ พยี ง
1 รร๓ ร) อยา่ ง ๑ แต่กำนมใิ ชม่ คี วามหมายเพยี งว่า '‘ร า ง , เทา่ นน แตเ่ บ็น่ ศพท่ี ท่ถี ูก กำหนด ใหเ้ บน ชอื่ ของ ลง่ ของ อกี มาก หลายคอื โทณ ี นอกจากเบ่น็ ศพท่ีทถ่ี กู กำหนดไว้ใหเ้ บ,็ น ซอของสงที่คกู เรยี กในภาษาไทยว่า \" ร าง , แลว เทา่ ที ไค้ก,นพบ ยงเบ็่นกำทที่ า่ นกำหนดใช้ ใหเ้ บนชอื่ ของส์ง เหลา่ นอีก คอื ถงํ เบี่ดปากสำหรบิ ใชต้ างสงิ บอง, ถงม ฝา (tank) ทีใ่ ชเ้ กบบองเหลว, หีบบรรจสุ 'ผชนคิ หท่งี , สิงนองทมี่ ีทรงรปู กลมยาวและกลวง, a วษ์ ณิ ทํ้งหมด, แผน่ กระดานกรุตํวทิณตอนททำใหเ้ กดิ เสยง, ชอกทางนาไหลทภเู นา, ลำรางในแผน่ ดนิ , เรอื นุดฑองแบนแบบเรอื ชะล่า, เรือนดุ ทองกลมลก แบบเรือคะนู ( canoe) ในวํนตก, กำน เราแปลกนมา ว่า “ เรอื โกลน” ๑ อา่ งเปล, และในพจนานุกรมบาง เล่มย*งแถมให้ความหมายวา่ ค*นไม้ชนิดเล็กทีม่ ีผลดิ ผล เบนนำมน ( an oil-giving plant) และอน © กำวา่ โทท่เทนาวา ในอรรถกถาธรรมบทเล่มที' ๖ กบั กำว่า โทณี ในอรรถกถาชากกเล่มที ๖ มคี วามทมายเหเรอื นกนั คอื ใช้เบนื ชอื่ ของเรือขคทอ็ งกลมลกึ
เพราะศพทวา่ “โท ณี นํ้ มีความหมายมาก อย่าง เมอ่ื ควา้ งการใหเ้ บนชอ่ื ของสี่งใคโคยเฉพาะ จงึ นยิ มเตมิ คำนามของสง่ นํน้ ลงขำงหนำ เซน่ รชนโทณ ี รางเบนที่ (ซ'ก) ยอ่ มผา (อย่างนเมื่อกอ่ นเหน็ มอี ยู่คาม .วคมาก) รงคฺ โทณ ี ถ*งเบนทหี่ ม่กลสี ำหร*บย่อมผำ (เซน่ ถ*งนำคราม ) ติณโทณ ี สส์ ส์ โท ณ รางสำหร*บใส่หญา ใสฅ่ ใเขำวกลา่ ให้โค — กระบอื กนิ ใหม้ ไกิน เต ลโท ณี ถ*ง (tank) สำหร*บเกบนำมน มลุโทณี ถ*ง (tank) สำหรบ เกบ็ นาผง วฌ าโทณี ค*วแห่งพณิ ( the body of lute ) โทณ ิกนาวา เรือขคทองลกึ เบนคน คำวา่ เตลไทณิยา ในมหาปรนิ พิ พานสฅู ร น เขาใจวา่ ท่านใชเ้ บ็่นชื่อแหง่ ชนดิ ลง่ (tank) เกบ็ นำมน คอื เบน็ ํคำชอ่ื ทแี่ สดงลว้าษณะของล่งน้ํนว่า เบ็่น ถ*งชนิดทที ำหนำทเี่ ก็บนำม*น ทีม่ ีรปู แปลก'จาก'โทณีอยา่ ง อนื่ จะมนี าม่นฃงํ อยู่'ในล่งนนํ หรือไม่มี ถ*งนนํ กํ ค็ อง ถกเรยี กวา่ เฅลโทณเี สมอ เตลโทณ คำน ถาไม่มี อยสา อยขู่ ำงหนำ ค,องแปลวา่ . ‘'ลง่ แหง่ นาม,น' หรอื “ ลง่ เบนทเกนไว้ชงนาม*น หรอื แปลค’คล*นว่า ล่งนา
ม น ” ลำแปลว่า ถงทเตมดวยน*ามน ผแู้ ปลย่อม ถอดเอาความหมายผคิ จากเจตนารมณท์ ท่ี ่านผู้ใชป้ ระสงค เพราะคำแปลอินน้ํ มคี วามหมายวา่ “ ทงใบน้นํ กำลง มนี ามน่ เฃำไปฃ่งอยเฅม และลํงใบน จะเบ็น'ชนิด กงิ ใสน่ าม่น หรอื เบ็่นลํงชนดิ อื่น1ค แด่ ในตอนนนํ้ ถูก เอามาใช้ใส่นามนอยกู่ ไ็ ด้ ฃาพเจไจะยกเอาคำในมิลนิ ท- บญหามา สกวลี หนึ่ง ท่คี ำ ๒ คำมี ลํกษณะรูบ่ เหมอื น กน แดค่ ำหนไกิบคำหลงม์ ีกวามหมายแดกด่างกน คือ มธุ- โทณ์ ปูรนปฅวา ปรู สสสฺ มุฃํ บทหตฺวา มธุโทณยิ ํ ปกฃฺ เิ ปยยฺ [ ยํงกิงสำหรบเก็บนาึ่ ผง'ให้เต็ม ( ควยนาผง) แลวํ ณ์เดปากบุรษุ เสีย แลวพึงโยนบรุ ษุ คนนนลงไปใน กงิ ท่ีเตม็ ควยนาผง ] มธโุ ทณ์ คำหนไท่านใช้เบนชอ่ื แหง่ ชนิด กงิ สำหรบ,ใช้เก็บน!่ึ าผํ้ง ซงึ่ มีรปู แปลกจากโทณี อยา่ ง อ่นื กอ่ นใส่นาผงลงไปหรือใส่น1าผงลงไปลว กค็ งเรียกว่า มธุโฑณ เหมือนกนิ สว่ นมธุโทณ์ยํ คำหลง ท่านใช้ เบ็่นชื่อแหง่ กิงท่ีถูกเอานาผงใสล่ งไปจนเตม็ แลว สำหรบ ในที่น่ึ กค็ อื เบนมธโุ ทณี ใบแรกนนเอง แด่ในดอน น่ึ ท่ถี ูกเรียกว่า มธุโทณ์ เพราะ’ได้ถกเอานึา่ ผ้ํง'ใสล่ ง.
Ib CsO ไปแล่วจนเคม็ แด่ลำคำนึท่ ่ีมีความหมายอยา่ งน่ึ ไปอยใู่ น ทีอน อาจเบนลํงใบเคยี วกบใบแรกก็ไค้ อาจเบ็น่ ถไ)ดา่ ง ใบกบใบแรก และเบนถ'งชนดิ ไร พุ ก็ไค้ เตลโหณิยา ในมหาปรนิ ิพพานสฅู รนนํ ลำไมม่ ี อยสาย อยขู่ ไงหนำ เบนคำ''ที'มีเจตนารมณอ์ ยา่ งเคียวกบกำ'วา่ มธุโทณ คำ หนา ในคำพดู วลนี 1น และในเตลโทณ น ในฅอนน้ํ มิได้มมี นนาอยู่ดวย แด่ในป^มสมโพธ ทา่ นถือเอาความ หมายของคำวา่ เตลโทณยา นน เหมือนโโบความหมาย ในคำวา่ มธโุ ทณยํ คำหลง ในคำพูดวลีนํน เมอื่ ทา่ น ถือเอาความหมายของคำว่า โทณ ี วา่ ฅรงกบสงที่ถูก เรยี กในภาษาไทยว่า “ ราง ” และเม่ือรวมเอาคำวา่ อยสาย ขไงหนำเขาไปควย ทา่ นจงึ แปล เตลโทณยา คำ;น ว่า รางเห ลกทเตมดายนามน ซ่ึงทำใหผ้ ู้ที ไดอ้ า่ น ได้พงกำแปลน โดยท'วไปเกิดมีความเขไใจวา่ รางเหล็กอ'นนํ ึ่ กค็ ือกะทะเหล็กเปลทีไ่ ดถ้ กู ใส่นำมนไว้ จนเค็มแล,วนนเอง เมอื่ เชญิ พระพทุ ธสรรี ะลงไปในราง เหล็กทเ่ี ค็มควยนำนนํนํ้ แลวเอารางเหลก็ อกี ใบหนงึ่ งวม บค่ี ลงไป แลว่ ยกรางเหลก็ กน่ ่ฃึ ้ํนฅงํบ๋ นจฅิ กาธาร เมื่อ
l® 3 C s (ร ) จค'ไพท่ ่ไี มห้ อมอ*นถกู ประกอบขนเบน็่ ฅ่วจ่ ฅิ กาธาร เปลว ไฟทีล่ กุ โพลงข้นํ มาจากจฅิ กาธาร จงึ ไมม่ ีโอกาสได้กระทบ ทพ่ี ระพทุ ธสรีระส่วนไหนเลยแค่กลายเบ1็ นเปลวเพลิงทที ำ หนำท่ีเผารนอยูท่ ี่กน่ รางเหลก็ อ*นลา่ ง เพอให้ความรอน แล่นขน’ไปเผาน้าํ ม่นํในภาย'ในรวงเหลก็ นนื่ ใหร้ อ่ น ให้ เคอื ค ซึง่ เบ็่นลกํ ษณะแห่งอาการทำการฅม หรอื อาการ ทำการทอคนนํ เอง เนื่องควยพวกมลกษฅํ ริยใดท้ ำการถวายพระเพลงิ พระพุทธสรีระ ศวยอาศย้ ความเคารพอย่างลบลน่ ได้ กระทำควยกระบวนพิธกี รรมที่ลง่ 'คมถือวา่ มีเกยี รคิสง ขาพเจาจงึ ไมเ่ ชื่อว่า พวกมไพษฅรยิ จ่ ะเชญิ พระพทุ ธ- ส รรี ะลงใน รางเห ล็กแลวถวายพ ระเพ ลงิ แบ บ ท อค พระพุทธสรรี ะอยา่ งที'ได้ทราบกนอยู่ในวงชาวไทยสว่ น มากน1นเลย เมอ่ื มไิ ดจ้ คการถวายพระเพลิง ควยการ เช ิญ พระพทุ ธสรรี ะลงในรางเหลก็ พวกมลํ กษฅรยิ ์ได จคการ ถวาย พระเพลงิ ควย การเชิญ พระพทุ ธ สรีระ เขา ประคษิ ^านอย่ใู นสง่ี ทีถ่ ูกประดิษJ ชนดิ ไร ? บญหานี ย่อมจะได้คำคอบทชี่ ่ดเจน ในเมอ่ื ไดท้ ราบวา่ ส่งประคิษ,ฐ์
ทีถ่ ูกเรียกว่า เตลโทณ ’ นน คอื อะไร มลี กํ ษ์ ณะเบน่็ อยา่ งไร โทณ นน แมไ้ ค้ถูกใชเ้ บ่็นคำช่อื ของสงมาก หลาย ทงทีถ่ กู ประดิษเขน ทํ้งทีเ่ บน่็ เองดามธรรมซาฅิ แตเ่ ม่ือคำนมี เตล ประกอบอย่ฃู าง่หนำ คำนย่อมฅ*อง ถูก'ใช้เบ็่นช่ือแหง่ ภาชนะที่มีสว่ นท่ี เก่ียวของอยกู่ บนามน คอื เบนถงํ สำหรบเกบ็ นาม*นิ หรือเบ!็ นภาชนะอยา่ งอน่ื ที ถกู ใส่นามนเฃไไว้ แต่เพราะเชื่อเพลงิ ที่ใช้ในการถวาย พระเพลงิ พระพทุ ธสรรี ะ ในมหาปรินพิ พานสฅู รทา่ น กล่าวไว้ชิดว่าทา่ นใช้ไมจ้ ำพวกท่มี กี อน่ื หอมทุกชนดิ 'มิใช่ ใชน้ ามนํ เิ มอ่ื นาม,นมิ ิ'ไค้มสี ว่ นเขา'ไปเบนเชอื่ เพลิง คำว่า เตล'โทณนนํ จงควรเบนึ เพียงชอแหง่ ถ*ง์เกบนามน มากกว่าควรเบนช่อื แห่งภาชนะที'่ ไคถ้ ูก'ใส่นาม*นเิ ขาไวแ้ ล*ว ถ*งเก็บนามน่ ตอ่ งเบนชนดิ ใหญ่และมฝี าบื่ค ต่างจากถ*ง ฅวงซ่ึงเบ!็ นภาซนะทีเ่ บิ1คปากขนาดกลาง สว่ นรปู ของถง้ น อาจเบน ๔ เหลีย่ มจฅุรสํ ลี่เหลี่ยมผืนผา หรอื กลมกไ็ ค้ แล*วแตค่ วามพอใจของผทู้ ำ หรอื ของผู้ท่ีสงํ ให้ทำ ถา เบน ๙ เหล่ยี ม ที่มมุ ท่ง ๔ อาจไม่ถกย่อมุม หรออาจ
- ' 'บว^ * .^ ''' k>๔๓ ถกู ย่อมุมก็ได้ ส่วนฝานน อาจเบ็นแบบแบนเบนแนว ฅรง หรอื อาจถกู ทำใหม้ โี ครงรูปอย่างหลงคา อย่าง ฝาชี หรืออย่างครึ่งวงกลมกไ็ ด้ สี่งประคิษ^ทใี ช้เบนที บรรจุพระพทุ ธสรีระในการ ถวายพระเพลงิ น ควรมี ลกษณะเบนสเิ หล่ียมผืนผา่ ซ่งึ ชาวเรานยิ มเรยี กวา่ หีบ ทมี ีลกษณะรูปเหมอื นสง่ เกบ็ นามินชิ นดิ หนงึ่ ทน่ี ยิ มทำ ขึนใช้ในชมพูทวีปในยุคนน ส่วนที่มุมที่ง ๔ อาจถกู ย่อ มมุ แบบมุมโกศไมส้ บิ สองก็ได้ หรือไมถ่ ูกยอ่ กไ็ ด้ สว่ น ฝาหบี นนน่าจะทำให้มีทรงรปู คลุม่ เหมอื นหลง่ คา ในดอน ทีจคไว้ ทางปลายพระบาทนน ทำเบน่็ แผ่นบิ1คเชาี เบด ออกไค้ ในเ มอ่ื ฅองการจะเบ1ิ ค เพราะปรากฏว่า ใน ดอน พระมหากสปเถระ กระทำปทกษณิ จิฅกาธารครบ ๓ รอบแลว ก่อนถวายอภิวาทที่พฺระบาท ท่านได้เบค แผ่นเหลก็ ด้านปลายพระบาทออกก่อน จงึ ไคถ้ วายอภวิ าท เมอภกิ ษทุ ว]้ หมดนน่ ไิ ด้ถวายอภวิ าทแลวิ จงึ ไค้บค่ื เขำไว้ ดามเดิม ก่อนถวายพระเพลิง ผิวดา้ นนอกของหีบนี กงมไิ ด้ปล่อยไว้ดาม สภาพของเหลก็ แดค่ งไค้ดกแดง่ ให้ งดงามขนกวา่ สภาพเดิมของเหลก็ ดามความนิยมในดอน i& lk t i''..น:- ______________
\\ร0(ร(ร น*น, ในสุ.ว.ิ กลา่ !ว่าหีบน*น เบ่น็ ัโส์วณณฺ า คือมผี วิ เบ่็น สที องคำ คำน ล่องให้ไคค้ วามเขไใจวา่ คำนนอกของ หีบน มีสเี บน่็ สที องคำ สีทองคำน อาจถกู ประดษิ 3ฃน คํวยการเอาแผน่ ทองคำเปลวเฃาิ บดก็ไค้ หรอื ด้วยคาร เอาจรณทองคำผสมกบนามํนทาก็ไค้ ในเทศนาของ พระพทุ ธเจาบางกณฑ์ ปรากฏว่าในยุคนึน่ ไค้มกี ารทำ แผ่นทองคำเปลวขนใชก้ นแล่ว ด้งฃไเความในเทศนา ฅอนหนึ่ง ท่ีขิาพเจาไคค้ ดเอามาพิมพไ์ ว้ทีป่ กคำนหล่ง แห่งหนงสอื อรยิ สัจจะ ๔ ท่ไี คถ้ ูกพิมพข์ นใน พ.ศ. ๒๕๑๐ นน ศาสฅราจารย์ T.v. Rhis Davids ไคก้ ล่าวความ หมายของคำบาลวี ่า “ อายสเตลโทณ ” ไว้ โดยใจความ ว่า เตลโทณี คือแทงณ์กบ็ น่าึ มํน (an oil vat) แดเ่ มื่อ สงี นึ่ถกู ทำฃ็้นมาดว้ ยเหลก็ เขามไิ ค้ใช้เบ็น่ แทงก็เก็บ นามน แดใ่ ชเ้ บ็่นหีบบรรจศุ พช1นสูงสดุ คือเบ่็นชาร กอฟอะคส (a sarcophagus) ซาร์คอฟอะคสํ ั เบนหบี ศพ ชนสูง สำหรบใช้บรรจศุ พคนที่มเี กยี รตชิ *นสงู ทีถ่ ูกทำ ขนมาดว้ ยศิลา (a stone coffin) ท่ถี ูกใชอ้ ย่ในกรีซโบราณ
ในโรมโบราณ และในอียปิ ต์ ฅามความเขา'ใจควยอาศย ล'กษณะรปู แหง่ ศพที่ฃองรสิ เดวดิ ส์ สิงทใ่ี ช้เบ็น่ ที่บรรจุ พระพุทธสรีระในการถวายพระเพลงิ คอื หีบศพท่ถี ูกทำ ขนมาควิ ยเหลก็ ซ่ึงเบนหบี ศพที่ถกู จ'ดเบ็่นหีบชนสงู สุด ในประเทศ เหมอื นพระโกศทองใหญข่ องไทย คำบาลี ท่ีริสเดวิดสย์ กมากลา่ วนน มสี ่วนผิดแผกกบคำบาลี ใน มหาปรินพิ พาน สฅู ร ของเรา เลก็ นอย อยส์ ในมหาปร-ิ นิพพานสฅู รของเรา เบนศพท์คิทธํ ิฅ ท่ีถูกปรุงขนมา จากศพํ ท่ี คือ อย อย เบนศพท่ีนาม เฉพาะทเ่ี บ็่นช่ือ ของเหล็ก เบนศพท่ีพเิ ศษ ท่ีถกู จดเขาไว้ในพวกศพที่ มโนคณะ ศพทม่ี โนคณะม'ี วธิ แี จก'วภิ 'ดเบ่็นพิเศษแพนก © แปลก-จากวธิ แี จก-วิภฅํ แบบสามญ่ อย เมื่อถกู ปรงุ คิวย ส บจจ'ยในคิทธิฅแลว ย่อมแปรภาวะเบนคณุ ศพท่ี และ เบ็่นศพํ ทีส่ ามญํ 'ใป และดองแจกไปดามลงิ ค์ของศพทีน่ าม นินิ พุ อยส์ ในมหาปรินพิ พานสูฅรนินิ ตอิ งแจกดาม แบบอาการนํ ติ ์ในอติ ถลี งิ ค์ เพราะทา่ นนำมา'ใช้ใน1ชานะ เบนคุณศพทขี่ อง โทณ ยิ า จึงสำเรจ็ รูปเบ็่น อยสาย อย- สาย คำน ดามอำนาจ ส บจจย ติองแปลวา่ ทืสำเรจ์ ขเน
— IsjtS’b ส่วน อายส ที่ Rhis Davids ยกขนมาเบ่็นบท่ฅํ้งแสดงกวาม หมายนน เม่ือพจิ ารณากำแสดงความหมายในภาษา องกฤษท่'ี วา่ 1made of iron” (ที่ถูกทำขนมาควย เหล็ก) แล1ว เขาใจว่า เขาคงเหน็ วา่ เบ่น็ อย ศ”พท์ ทีถ่ ูกปรงุ ควยสบจจย ใน คิฑธิฅเหมือนกน ส บจจ่ยด่วน มลี กํ ษณะความหมายเหมอื น ส บจจยํ ที่ถกู นำเฃไไปปรุงที่ศพ้ ทํคอื มน มนศพํ ทน์ เม่อื ถูกปรุงควิ ย สบ์ ่็จจยแลํว สำเร็จรูปเบน็่ มานส ท่เี บน่็ ศพท์ทถ่ี ูกแปลง รปู นอกกฎสามญ ที่ถกู กำหนดไว้ใหใ้ ช้ แด่ มานส น เบน่็ ศพทน่ี าม! ที่ท่านกำหนดใหเ้ บ็น่ ช่อื ทงี่ ฃองมนะ ท1ง ของราคะทม่ี ืผสมอย่ใู นมนะ คอท่านกำหนดให้เบ่็นช่อื ของจิฅทถี ูกราคะปรงุ แด่งแลว่ คอื ท่ีคิองดกอย่ใู นอำนาจ ของราคะแล่ว ท่านเรียกวา่ มานส คอื มนะ+ราคะ = มานสะ แตม่ านส ทเบนสนทตทธติ น โป รดอย่า นำเบาไปเก่ียวกบ มานส ก ีเ่ บ น สนิ ทน์ ามธิตก่ี เพราะ มืกวาม หมาย ผิดกน อย่างดรงกน ขามทเี คียว คอื มไนส ทเ่ี บ็่นนามกฅิ ก์ มืความหมายว่า\"นระอรหตั -
IsOCSGt) มรรคผ้ตดออกปึ๋งมานะ ” เนอื่ งควย มานส ท่ีเบ่็นศพฑ์ ท่สี ำเร็จมาจาก สบ์ จจยในฅทธิฅ สำเร็จมาควยวิธปี รงุ แบบพเิ ศษ นอกกฎสามญ วธิ ปี รงุ แบบพเิ ศษ จงึ ไม่ ควรนำมาใชก้ บ ศพท่คี อื อย หรือ กบ ศพทอ่ี ่ืน ‘ถู ท่ีเบน ศพที่ที่มิไค้ถกู กำหนคใหป้ รุงรปู นอกกฎสามไบ เบนพิเศษ โคยเฉพาะ เพราะฉะนน อยส์ ในค,ม่ภีร์ฉบบของเรา จึงมหี ลว้ารเู านทางไวยากรณค์ ีกวา่ อายส ท่ี Rbis Davids ยกเอามาเบ็น่ บทฅงไว้ ในหนงํ สอื ฃองเขา เมือ เต ลโทณี ในท่นี ่ื มิใชเ่ บ็่นคำท่ีถูกใช้เบน ช่อื ของแทงกเก็บนานํนเลย แค่ ไค้ถูกใช้เบ่็นช่อื แห่งหีบ ใส่ศพชนิคหน่ึงท่วยอำนาจ อยสค์ นท์ บง่ คบคา่ งหาก เพราะฉะน1น เฉพาะ เต ลโท ณ คำน่จื งึ ควรแปลฅาม เจฅ■ นารมณว์ ่า \"หีบคน’' ได้เลย ไม่คองแปลคามรปู คว่ อกษร คำน่ื เมอื่ นำเอา อยส์ หรือ อายส มาค่อเขา ขางหนำ จึงส ำเร็จรปู เบ น อ ย ค เ ต ล โ ท ณ หี ร ือ \"อายสเต ลโท ณ กำน่จื ึงควรแปลวา่ หีบคนหีฅ่ ูกทำฃน ดายเห ล ก หรือ หบคนทส ำเรจ ม าจ าก เห ล ก็ ค ำน ่ึ ในปรเู มสมโพธฉบบกอ่ นของเรา ทา่ นกแ็ ปลคามเคาคำ
1 ร) ๔ฝ อธบิ ายบางส่วนใน ส.ุ วิ. ว่า หีบทองอนเตมตวยนาํ้ ม้น หอม แต่ในปฐม'สมโพธิฉ้ บ่บหลงของเรา ทา่ นแปลว่า ‘รางเหลกเตมอวยนาม*น ในคำแปลมหาปรนิ พิ พาน- สฅู รคอุ นน่ ของ คณะ ผชู้ ำนาญ การ แห่ง คณะ สงฆไ์ ทย ฉบบที่กรมการศาสนาเบน็่ ผู้พมิ พ์ออกจำหน่าย ท่านก็ แปลวา่ ‘ รางเหลกหีเตมด1วยนาม*น : เหมือนในปฐม- สมโพธฉบบหล*ง ปฐมสม'โพธ ทง่ี ฉ้ํ บบก่อน ทง่ี ฉบบ หล'งน้ํ เบ่็นหนํงสอื ท่ีมืประกาศให้ใชเ้ บนหลกสูฅรแห่ง นกธรรมและแห่งธรรมศึกษา เหมือนกนิ หน*งสอื ท่ีมี หลกกุ ารในสว่ นท่ีเบนเรือ่ ง สำค*ญ ผิดแผกข*ดิแยงก*น เช่น น เหคุไฉนมหาเถรสมาคม จงึ อนุม*ค1ใหป้ ระกาศ1ใช้ เบนหลก่สฅู รแหง่ การเรียนเรื่องพระพทุ ธศาสนา โดย มไิ ค้ฅรวจคราแก้ไขให้ฅรงก้นเสยี ก่อน นา่ จะมีแถลง การณช์ แ้ จงประโยชน์ ใน การที่ ใช้ หน*งสือทมี่ หี ล*กการข*ค แยงกน้ เชน่ น้เํ สบ่ นหล*กส้ ูฅรออกมาบาง มเิ ช่นนน น*ก เรียน นกอา่ น หรือนกพงอืน่ จะเกิดม'ี วิจกิ ิจฉาเจฅสิก แดกแยก'ขนมาเบน ๒ ควง หรอื มากกว่า เสมือนคนท่ี ไม่ร้จู กทาง แต่เดนิ ไปพบทาง ๒ แยก หรือมากกว่าเช่า
พุ^:-??^ทเ& Isod& ฉะนน ผูท้ ่ีไค้อา่ นหน'งสอื ชนิดน์ทงี่ สองเล่ม ย่อมไม่รู้ จะเอาความเชื่อของฅนเขาไปจอคที่เลม่ ไหน เหมือนคน เดินทางน1น ไมร่ ู้จะกาวเขาสทู่ างสายไหน ฉะน1น สว่ นการทอี่ อ่ งหอ่ หุ้มพระสรรี ะควยผไใหม่ และ สอดสลบควยสำลีชอน พุ กํนเชน่ น้นํ ถีง ๕00 คู่ ในการ ฌาปนะศพพระเจาจกรพรรค้ใิ นโบราณสมยนนํ้ ท่าน มิได้แสดงเจฅนารมณ์ ไว้ว่าทำเพ่อื ใหเ้ กิด ประโยชนอ์ ะไร ในการถวายพระเพลิงพระพทุ ธสรีระ มลกษ่ฅรยิ ์จดิทำ เช่นนนก็ควยเจตนารมณเ์ พยี งเพือ่ ใหพ้ ธิ กี รรมการถวาย พระเพลิงพระพุทธสรีระน์ เหมือนกบพิธีกรรมการฌา- ปนะศพพระLจำ-จํกรพรรค ท่ถี อื กนมาวา่ เบนพิธกี รรมที่ อยู่'ในชนสูงสดุ เท่านน ขอความทไี่ ดถ้ กู กล่าวไว้ ทง๋'ํ ใน บาลที ีง่ ในอรรถกถา จึงมไิ คม้ สี ว่ นท่แี สคงให้ทราบถงึ เจตนารมณแ์ ห่งการทอง,จดทำ'ในลกษณะน*นไว้เลย ขอน เมอ่ื เทยี บเคียงแบบพธิ กี รรมพาปนะน กบแบบพิธกี รรม การผงศพในประเทศหนาวทางฅะว่นตกบางประเทศใน ยกน4น ย่อมชว่ ยใหไ้ ด้เหน็ เงาแห่งเจตนารมณใ์ นการ ปฎบิ ้ตฅ่อศพชนดิ นไ์ ค้บาิ ง
IsqCslO เคยไคร้ ํบกำบอกเล่าว่า ในยุคนน ในประเทศ ทางฅะวนฅกบางประเทศ ไค้มกี ารปฏิบไทตอ่ ศพก่อนที่จะ บรรจุลงหีบและนำไปผง ควยฅองหอ่ ศพควยผไและสำลีที่ คอ่ นขไงหนากอ่ น ท1งนกเ็ พ่ือจะใหศ้ พนน ไคน้ อนทบลง ท่ีออ่ นนมุ่ และมีสมผลลบาย เพื่อมใิ หฅ้ องกระทบของ แข็งไร‘จุ และเขไใจวา่ เพื่อเบนสงช่วยบองกนํ ความ หนาว ให้เกคิ ความอบอุ่นทที่ ำให้เกคิ กวามลบายคามสม ควรควย คามคฅิท่ียดึ ถือกนอย่วู า่ ศพก็ยอ่ มมคี วามร้สกึ นึกคดิ เหมอื นคนเบ็น่ อยูใ่ นภพของศพนน ทีง่ นึ กค็ วย อาศยกวามรก ความเคารพนบถอื อนมอี ยใู่ นฅวผ้คู ายนน‘จุ ประเพณนี ึ คงจะไคแ้ พรห่ ลายเชา่ มาในชมพูทวปี จนเกิด เบนประเพณขี องสงคมขน แมใ้ นชมพทู วีป ไคม้ ีประ- เพณกี ารปลงศพควยวิธีใหเ้ ผาศพใหไ้ หมข้ องส่งคมอยู่ แลว การเอาผาและเอาสำลเี ช่าไปห่อหุม้ ศพ ควยเชา่ ใจว่า ทำใหศ้ พไคร้ บความอบอุ่น และไคน้ อนอยูใ่ นท่ีที่ออ่ นนุ่ม กย็ ่อมจะไม่ขดแช่งอะไร ฅ่อพิธีกรรมการเผาศพนน ‘จุ พระเจไจ'กรพรรค เบนบคุ คลท่ีมีเกียรฅสิ งู สดุ อย่ใู นสง้ กม ในยคุ นน การใคที่จะจดทำสำหรบพระเจไจไารพรรค
การนนจะคิอง,จดทำ'ให้มากและm ilนพเิ ศษ คำว่า ๕0(ว ในครํ้งนน้ํ พบ่ี นคำดรงกม็ ี ทเ่ี บน่็ คำสำนวนก็มี ในสว่ น พบ่ี นคำสำนวนน1น หมายความวา่ เบน่็ คำประมวลทก่ี ำ- หนดวา่ มมี ากถึงขดี ถไชว กช็ วถึงขดี ถไดี กด็ ถี งึ ขดี ถาเ.บน'จำนวน กเ็ บนจำนวนท,ี มากถงึ กำหนด สำนวนน นิยมใชอ้ ยู่ในสง่ คมชาวไทยเหมือนกน แดเ่ บนสำนวนท่ี มีความหมายในทางช'วเท่านนํ้ เช่าคำค่า หรือคำฅิเคยี น วา่ “ไอ้โจรหไรพ, คำว่า โจรหารอย', น มิไค้ หมายความวา่ โจรมจี ำนวน ๕00 แดห่ มายเพยี งว่าโจร พวกนนมคี วามโหดรไยทารุณรไยแรงเต็มขีดใครถูก ค่าว่า “ไอโ้ จร.ห่ารอย” ย่อมหมายความว่า คนนน.เสว ทรามทารณุ รไยกาจแรงเตม็ ขดี ดามความคดิ เหน็ ของผู้ ค่า คือ3Jงคา่ จะให้เหน็ วา่ คำด่านนมีขนาดเทา่ กบความชว รไยท่มี ีอยูใ่ นผู้ที่ฅนดา่ นน กรณีหอ่ สรรี ะของพระเจไ 4กรพรรคก็เช่นเดียวกิน เมือ่ ไดห้ ่อสรีระของพระเจไ จ*กรพรรคคิวยผไและสำลี ใหม้ ากและดเี บนพิเศษแลว ไม่ มีส่วนทีท่ ำใหใ้ ครคนอ่นื มากและดถี ึงขนาดนนแลว ยอ่ ม นยิ มเรยี กว่า ห่อห้มุ สรรี ะของพระเจไจกํ รพรรคควิ ยผไ
— ' Is o d ila ) และสำลี ๕00 คู่ หากห่อศพพระเจทจํfไรพรรดควยผไ และสำลีครบจำนวน ๕00 คูจ่ ริงแลว ศพพระเจไจไาร- พรรคทถ่ี กู หอ่ แลวนน คงส่องมฃื นาคโฅกวา่ รถโบกร็ ถไฟ แน่ หบี สำหรบใส่ในการอทปนะ ก็ยอ่ มค2องโคกว่า ขนาดรถโบก็นน ในเวลานน การถลงุ เหลก็ การผลฅิ เหลก็ ออกมาเบนเสน เบ็1นแผ่น หรอื เบ็่นภาชนะไร‘ลุ ย'งสอ่ งทำควยมือคนโดยฅรง การทำหีบใสศ่ พใหญโ่ ค เช่นนน้ํ ถงึ ทำไค้ กส็ ่องใช้คนงานมากและสอ่ งทำใน เวลานาน แมแ้ ค่บาฅรเหล็กกย็ ้งเบนสงทีห่ าไคโ้ คยยาก และเบนลีงทมี่ รื าคาแพง และถือวา่ เบนสีงท่คี ีมากในเวลา นนเสียแส่ว ขอทว่ี ่า พระพุทธสรีระ ในคราวถวาย พระเพลิง ม'ลกษคํ รยิ ใดหอ่ หุ้มควยผา่ ใหม่และสลบควย ควยแผงสำลี ๕00 คูน่ น ลำเนาความในมหาปรินพิ พาน สูฅรนนเอง กบ็ อกชํคว่า มิไค้ห่อหมุ้ ส่วยผาใหมแ่ ละ แผงสำลี ๕00 ค่จู ริง ‘ลุ ขอน มีขอสนิ นิษJ านท่ชี อบแก สถานการณอ์ ยา่ งไร จะไคก้ ลา่ วในคอนท่บี น่ ทึกในขอท่ี ว่า เ£ผไนน ถกู ไฟไหมไปเทา่ ไร ไมถ่ กู ไฟไหมเ้ ทา่ ไร” ในอนคบสอ่ ไป ฒ เร ่ฒ
1®0สรท คำแปลว่า กผา ๕00 คู่ เหล่า‘แน มีเษยง ๒ ผนคอผาผนทอ่ี ยู่inVในแห่งผาทกุ ๆผน และนาผนื ทอคู่ดานนอกเทา่ นนทลกู ไฟ ไห มไ้ ป” คำแปลน มีใจ ความผิคอย่างฅรงกนิ ขามกิบใจความทท่ี า่ นไดก้ ลา่ วไว้ใน ปJ มสม'โพธ้ทิ ง่ี สองฉบบ คอื ในป^มสมโพธืท๊ ีง่ สองฉบโบ นน มขี อความ'ว่า ผา ๔๙๘’ ค่ลู ูกไฟไหมห้ มด ลว่ นผา อก ๒ ผนมิไดล้ กู ไฟไหม”้ ขอความนน ขาพเจาแป.ล ออกมาจากคำบาลีว่า “เตสฌจฺ ปณฺจนนฺ ํ ทุสุสยฅุ สตานํ เทฺวว ทสุ ุสาน ฑยหฺ สุ1’ คำบาลปี ระโยคน เมอ่ื ขไพเจำ อ่านพบครงแรก เช่าใจว่าอกษร น คงฅกหล่นไปในคราว เรียงอกษร ในคอนพิมพ์และ-ทา่ นผู้ฅร'วจอกํ ษร'ใมท่ นเห็น ไคฅ้ รวจคู่ในฉน่บทพ่ี มิ พ์ฃํน้ ใน ร.ศ. ๑๑๒. กเ็ บน “ทุสสุ าน ฑยหฺ สุ” เหมอื นกิน ได้ไปขอคูฉบบํ ที่พมิ พ์ขน'ในประ- เทศ อ'งกฤษ (ท.ี ๒ หนไ๑๖๔) ก็เบ่็น “ ท ุส สฺ านฑิ ยหฺ สุ” เหมอื นกินอีก และมืผู้บอกขาพเจำ'วา่ “แม้ในฉบบของ ลงกากก็ ิองเบนเชน่ น เพราะฉบบพิมพ์ของอ'งกฤษ ได้ พมิ พ์ขนฅามฉบบของล่งกา,, เมอื่ ในท1ง๓—๔ฉบบเบน
le x ic a “ ท ุสสานิ ฑยฺหสิ ุ” เหมือนกน และใน สุ.วิ. อรรถกถา แหง่ ทฆี นิกาย ในบาลีฅอนนทา่ นกม็ ไิ ค้กล่าวชแจงอะไร ไวเ้ ลย คง่ นน้ํ จงึ มบิ ไ3ควรทีฃ่ ไพเจำจะคํนทุรงํ ทึกทกํ ปลงใจเชอเอาคามลำพงคนเองว่า “ อ'กษร น ฅกหล่น ไปในคราวเรยี งอกํ ษร ในคอนพิมพ่ ์ ทีถูกนนกำบาลี คอนนคํ้ อํ งเบ1็ น “ฑสุ ฺสาน น ฑยหฺ สุ, คงนเลย แคค่ อง ถอื เอาใจความแห่งกำบาลี ในคอนน คามฅํวอ*กษรเทา่ ที่ มปี รากฏอยู่น1น คือ ผา ๕00 คู่ มีผาเทยง ๒ ผน เท่านนํ ทถูกไฟไหม้มอดหมดไป ส่วนผาอก ๔ ๙ ๙ คู่ มไี ด้ถู กไฟไ่ หม้ พึงทราบวา่ พา ๕00 คูน่ คอื ผานุ่ง ๕00 ผืน ผาห่ม ๕00 ผนื รวมเบ็่น ๑,000 ผนื เบ็่น ผาทีมลกษฅํ ริย์ไคค้ ระเฅรียม’ไป เพอื่ การใช้สอยในการ ถวายพระเพลิงพระพทุ ธสรีระ ในวน่ ค่น จากว*นปริ- นพิ พาน (ในว'นน พวกมลก่ ษ'ฅรียงํ มิไค้ทราบว่า ใน การถวายพระเพลงิ จะคองห่อพระพทุ ธสรรี ะควยผาและ สำลี ๕oo คู่) กำน แปลออกจากกำบาลีว่า “ ปณจ ทสุ ฺสยุคสตา'น มิใช่คูแ่ ห่งผ่าและสำลที ีใ่ ช้หอ่ สรีระของ พระเจไจกรพรรค คูผ่ ไและสำลีท่ีใช้ห่อพระสรีระของ
พ๕ พระเจาจก่ รพรรค้ื พระพทุ ธเจา่ ทรงใช้คำวา่ “ปญจหิ ยfุาสเตห, ผำ ๕๐๐ คูน่ คามทที่ า่ นไคก้ ล่าวไวใ้ นมหา- ปรนิ พิ พานสูฅรนน มน?ิ กษฅริยไ์ ดใ้ ช้ห่อพระพทุ ธสรรี ะ สลบํ กบ แผง สำลี เพยี ง ๒ ผนื เท่า นนิ เพราะ คำ วา่ “ เตสญจ ปญชนฺนํ ทุสุสยคุ สตใน”ิ นนิ มคี วาม หมายถงึ ผา ๕๐๐ คนู่ ิเท่าน1น มไิ ด้หมายถึงคผู่ าและสำลี ทใี ช้ห่อศพพระเจ่าจ่กรพรรดึ้ เพราะคำนิ ท่านใชค้ ำว่า *ปญจฺ ห ยคุ สเตห่ ” ข้อน จะไค้กล่าวชแจงในฅอนหลง อีก ส่วนฃใ)ความในป;ฐมสมโพธ้ิท1งสองฉบบํ ทีฃ่ ดํ แยงกบขอความในบาลี ๓—๔ ฉบบนิน ไมท่ ราบวา่ ทา่ น ผทู้ รงรจนาทงสอง ทรงแก้ไขเอง ฅ,ามท่ที รงเหน็ วา่ ควร เบนเช่นนน หรือทรงแก้คามหลไา;ฐานทที่ รงไค้พบใน คมภรี เล่มอืน หรือคามคำปริมปิ ราที่เล่าสืบ พุ ลน่ มา เพราะท่านมไิ ด้ทรงชแี จงอะไรไว้เลย นอกจากทรงแปล วา่ “ผาเพยี ง ๒ ผืนเท่านนอนไฟมิได้ไหม”้ แล่ว ใน ปฐมสมโพธฉิ้ บ่บหลง ทา่ นยงิ ได้เพมี คำชแจงต่อไปอกี _____ :------------------------------------------ . ——
l« 9 ( £ h เครองหอ่ พระสารีริกธาตุ” อีกควย คำทแี่ สคงความ เชน่ น มไิ ดม้ ีอยู่ฑงในบาลี ทงี่ ในอรรถกถาเลย จงึ 'ไม่มี ■ ทางจะทราบได้ว่า ขอความทวี่ า่ “ ผาที่มิได้ถูก'ไฟไหม้ ๒ ผืนนน เบนสว่ นท่ี ไฟเหลอื ไวใ้ ห้ สำหร*บเบนเกรอ่ี ง ริบรองพระสารีรกิ ธาตุของพระพทุ ธเจำ ” เบนขอความ ทที่ า่ นเพมี ขนคามความคดิ เห็นส่วนดนของทา่ น หรือ ท่าน'ไดพ้ บหลโ๗านในคํมภิ รี เ์ ส่มอนื่ หรือท่านไดร้ ิบคำ บอกเล่ามาจากท่านผ้อู ื่น หรอื เบน่็ คำทเ่ี ล่าสบื ทุ ก’นมา ซ่ึงเบนท่รี ้กู นอยู่โคยฑวไป ความเบนจรงิ บาลีมหาวรรคฑฆี นกิ ายเลม่ นท่าน ผู้ทไ่ี ดท้ รงรจนาป3มสม'โพธฉบบหลง ก็เบ่็นผหู้ น่ึงท่ที รง ชำระถอดเอาออกมาจากฉบบํ อษํ รขอม และทรงฅรวจ ด'วอกษรในดอนพมิ พค์ วย เมอื่ ขอความในฉบบภาษา บาลี กบในฉบ’บภาษาไทย ท่ีสำเร็จมาจากมือของบุคคล คนเดียวกน แค่มืฃอความขดแยงกนอยเู่ ช่นน จงึ เบน ขอความที่จำดองใช้ดุลยพนิ ิจถือ เอาใจความในผาื ยทเ่ี ห็น เห็น'วา่ มหื ลกฐานดี'ว่า คำว่า “ทาว ว ทุสสุ าน ฑยฺหสุ” มอื ย่ใู นคโมภีร์ถงึ ๓—๔ ฉบบ แค่คำวา่ “ ผาเพยี ง ๒ ผนื
ฅ่) มไิ ค้ถูกไฟไหม้ ” มอี ย่เู พยี งในป^มสมโพธฉบบ่ ภาษา ไทยเพียง ๒ ฉบํบเทา่ นน บาลี เบ็่นคำของคณะพระ- สงกีฅกิ ารกเถระ ซง่ึ พุทธศาสนิกในผายเถรวาที (หนี ยาน) ฅิองยึดถอื เอาเบนปท*สถาน แห่งความเช่อื และการปฏิบฅ่ ปฐมสมโษธหง่ สอาฉบ้บ์ เบ็่นเพียงกำของอาจารย์ ซึ่ง พทุ ธศาสนิกในผายอาจรยิ วาที (มหายาน) นยิ มยดึ ถือเอา เบน็ ปทีสถานแหง่ ความเชื่อและการปฏิม่ฅอย่างเครง่ ครด ใน^านะทขี่ ำพเจไเบ็่นพทุ ธศาสนิกอย่ใู นผายเถรวาที เม่อื กำท่ีเบนบาลี กํบกำที่เบ็,นของอาจารย์ มคี วามขํคแยง กน ขำพเจำจงึ ฅิองถือเอากำในบาลีเบนปทสถานแหง่ ความเชอื และเบน่็ หลกในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา กอ่ น ในเมื่อยงมิไดพ้ บหลก^านว่า คำพดู ประโยกน1น ผิดพลาดจากกำบาลีดํ้งเดมิ เพราะขำพเจำมีความไมแ่ น่ใจในคำนอยู่ ใน ทอนที ขำพเจำไปร่วมใน พิธีกรรม ส’งกายนาใน ประเทศ พม่า ในปลาย พ.ศ. ๒๔๙๗ ทามคำสง่ ของทางราชการ คณะสงฆ์ ขำพเจำจงึ ได้หาโอกาสฅรวจสอบคำในมหา. ปรินพิ านสคู รในคอนน ในฉบํบท่ีพมา่ พิมพข์ นในการ
ฺรร?พpepre ' \" ‘\"'ฯ 1ร5ส(ส่ สง้ คายนาครง.นคู ปรากฏว่า ขอ่ กว่ามในคอนน ในฉบบ ของพม่าน1น (ที. มหา. หนา ๑๓๕) เบน เทฺว ว่ ทสุ สฺ านิ น ฑ ยหฺ ส ”ุ เบ็น่ อยา่ งเคียวทบข่อความ'1น ป^มสมโพธท\"งสองฉบบของเรา แมก้ ำในฉบํบนจิ ะชว่ ย ให้ข่าพเจาเกคิ กวามคิคเหน็ 'ว่า กำ'ในปสมโพธ้ิฃองเรา ไนมน่มฅี 'กมเีหซ1ลิงอกํ ร1รานถบในอทกไาไงวถ้ว1,กา่ มาฅกรขงนนHใฉนบฅบอ~นขอนงนไทแยุ คเ่ พขรอางะ ลงกา และของอ*งกฤษ เบน็่ เทๅ ว ทุสสุ านิ ฑยหฺ สุ I และเม่ือไคอ้ า่ นกำปรารภในฅอนฅํนของพระไฅรบ1ิ ฎก่ ฉบบนิ ทำให้ขไพเจไคลายความเช่ือถอื ลง โคยเกรงวา่ อก่ ษร น คว่ นิ อาจจะเพงถูกเติมลงไป ในคราวทพ่ี ิมพ์ ในคราวนิ คามความพอใจของทา่ นผ้ฅู รวจชำระคนฉบไม่ นนเองก็ไค้ เพราะถไในฉบไมเ่ ติมของคนเบ็่นเช่นน1น แค่ในฉบบของอีกหลายประเทศเบนเชน่ นิ ในทางปฏิบํฅ ย่อมชอบที่จะฅํองคกเชงิ อรรถบอกไว้ ดจุ ที่ไคป้ ฏบิ ฅ้ ใน ฅอนอ่นื ๆ และขอความในฅอน๑ ในกำปรารภ ซง่ึ มี อยู่ใน คอน หนไ ของ พระไครบฏก เล่ม นิ บอกไว้ ว่า สํงกายนาที่ประเทศพม่าจดทำในครงนิ เบน ลง่ คายนา
ladid กรงที่ ๖ ต่อจากสิงคายนาครงท่ี ๕ ท่ีพระเจามิงศงุ๊ (มินดง) ไดท้ รงจดํ ทำขนในประเทศพม่า คือในคำปรารภน กล่าว ในทำนองวา่ ฅํง้ แต่วนทีพ่ ระพุทธเจไปรนิ ิพพานมา จน ถึงในกาลปดน ไคม้ ีการจคํ ทำสงิ คายนา ๖ ครง รวมทงํ้ กรงทกี่ ำสิงถูก,จดทำอยนู่ ดํ้ ํว์ย คอื กรงท่ี ๑—๒—๓ (ใน พุทธศฅวรรษท่ี ๑—๒—๓) ถกู จดทำขนในชํ มพทู วีป คร้ํงท่ี ๔ (ในพทุ ธศฅวรรษท่ี ๕) ถกู พัเทำขนในเกาะ สิงกา ครงํ้ ที่ ๕—๖ (ในตน่ —ปลายพทุ ธศฅวรรษที่ ๒๕) ถูกจดทำขนในประเทศพมา่ การสิงคายนาในผายเถรวาท ท่ีถูกจดทำขนในโลก ทถี่ ูกนำมาเล่าไวใ้ น คำปรารภน เลา่ ดามความพอใจของฅนเอง มิ ไคเ้ ลา่ คามพฤดกิ รรมท่ี ถกู เรยี กวา่ สงิ คายนา ที,ไดเ้ กิดมขี นแลว,ในสิงคม ชาวพทุ ธ ผายเถรวาที ดงแตฅ่ นมาจนในกาลบจจุปนนิ ดามความเบนจรงิ สงิ กายนาในผายเถรวาท ด งแตพ่ ทุ ธปรินพิ พานมาจนกระทงในบจจุปนนิ ปรากฏ ว่าได้ เกดิ มี ข้ํนแลว่ ใน ประเทศของ ชาวพทุ ธศาสนิกผาย เถรวาที ๑๒ กร1ง สงิ คายนาทง ๑๒ กรงนิ ๓ ครง คอื กรงที ■ ร—ุ ๒—๓ ถูกจดทำขนในชมพทู วีป ๕. ครง คือ
กรงที่ ๔ — ๕—๖ — ๗—๘ คกู พัทำขนในเกาะสิงกา๑ ๒ กรงคือกรงที่ ๙—๑© ถูกพัทำขนในประเทศไทยนิ กรงที ๑0—๏๒ ถูกจดํ ทำขนในประเทศพมา่ ในคำปรารภในพระไฅรบฏกของพม่า ฉบบทถกู จไๆพมิ พข์ นในสงิ กายนากรงนิ พมา่ รบร้สู งิ กายนา'ทถ่ี ูกจไา ทำขนแลวในต่างประเทศเพียง ๔ กรงิ เทา่ นนํ คือกรงํ ที่ ๑—13—๓—๔ เมอ่ื กล่าวถึงจำนวนกรงแห่งสงิ คายนา ยงกล่าวฅามชอบใจ โดยไม่คำนงึ ถงึ ความจริงที่รอู้ ยู่ ท่ี เห็นอยู่ (ในประวฅศาสฅร)์ ได้ ไฉนการแก้คำบาลีของ เกา่ ท่วี า่ “ เทวฺ ว ทุล;สานิ ฑ ยฺน สิ ”ุ เบ็่น “ เทว ว ทสุ สุ าน น ฑ ยหฺ ส ุ’ คามความ.เขาใจของกน จะมีไม่ ได้เลา่ ควยเหดุน คำบาลี ที ่ 'ว่ า'“ เ ทววทุ สุ สา นน ฑ ยหฺ ส’ุ ในฉบบของพมา่ ท่ถี กู พิมพข์ ้ํนในครงนึ จึง ไม่มีนไหนไาถึงทำให้ฃาิ พเจาปลงใจเชือ่ วา่ คำบาลีคอนนึ .คงเดิมเบน่็ “ น ฑยฺหึสุ ” เลย ๑ การเรียกพระสงฆใ์ หป้ ระชุมเรยี น-พง็ ฃํอวินไ] ในถปาราม ท่ีพระ มหนิ ทเถระไคจ้ ไ')ทำขน ในพ.ศ. ๒๓๘ นน ไม่นบเบนสงิ กฺาอนา แก่กนส่วนมากเขาใทิเวา่ เบนสงิ กายนากร1งที่ ๙ สงิ กายนากรงท่ี ๔ เพ็งถุกจก้ ทำขนในพุทธศกวรรษท่ี £ ในอุปถ''มภ์ฃองราช,น พ ุ^ . ,ส $ุ t>f กามณอภ่ย
ตามความคิดเห็นส่วนฅวฃองขไพเจไ การท่ี ประเทศไทยใหก้ ารรบรกู้ ารทำสงคายนา ธรรมวินํยของ พมา่ ในครํ้งน วา่ เบนการทำส*งคายนาครงท่ี ๖ ควยการ สง่ คณะสงฆ์ไทยไปร่วมพิธีกรรมใน;ฐานะเบ็น่ สงิ คตี กิ ารกะ ควยนน เบนการทำท่ไี มส่ ู้จะเหมาะสมกบศ*กดศรขี อง ประเทศไทยท่เี บนประเทศเอกราชเก่าแก่อยใู่ นสิงคมชาว โลกเรื่อยมาเบ่็นเวลานาน กอ่ นขไงมาก เมอื่ เขาเชญิ ให้ เราส่งคณะสงฆไ์ ทยไปร่วมใน1ฐานะเบนพระสงิ คีตกิ ารกะ ในการสงิ คายนาทเ่ี ซาสิคอ'นคบเบ่็นกรงท่ี ๖ ซองเขา ก็คอื การทีเ่ ขาขอร่องให้เรารไมร่ ้กู ิจกรรมท่เี ขาก่าสงิ สดิ ทำอยนู่ น วา่ เบนสงิ กายนาทีถ่ กู ตอง ตามทางการนนเอง ก่อนท่ีเรา จะยอมรบปฏิบไทตามคำเชิญของเขาชอบทจ่ี ะต่องใหเ้ ขาช แจงบอกมาก่อนว่า สิงคายนาครงที่ ๑—๒—๓—๔ และ ๕ ไค้ถูกสิคทำแลวในประเทศไหน สิดทำตงแตเ่ มอ่ื ไร เมื่อ ไค้รบคำชแจงในจำนวนกร1งแหง่ สิงคายนา ตามที่เขาไค้ ยกฃ้นํ กล่าวไวใ้ นคำปรารภนน กช็ อบทจ่ี ะตองแจงความ ขดของวา่ สงิ คายนาในผายเถรวาที ตามท่ปี รากฏอยู่ใน ประว”ติศาสตร์ของประเทศน8น ‘ถู ไค้ถูก'จุดทำฃนแสิว ๑®
Tyf « 7 r - . » - • พุ^ ง ไรว \\5 ใS3 กรง กรงที่ ๕—๖—๗ และ ๘ ไคถ้ กู จกิ ทำขนแลว,โน ลงิ กา กร่ืงที่ ๙ พระเจไติโลกราชไค้ทรงจิกท่าขนแลวท่ี เชยี งใหม่ ในพุทธศกวรรษที่ ๒๑ กร*ง้ทํ ่ี ๑® พระบาท สมเด็จพระพุทธยอทพาจุฬาโลก ไค้ทรง:จดทำฃนแลวที่ กรงุ เทพ ๆ ในพทุ ธศฅวรรษท่ี ๒๔ เม่อื ท่านมิให้การ รบรู้ว่า สง่ กายนาในผายเถรวาที ไคเ้ กคิ มีขนแส่วใน'โลก ๑๑ กรง โกยเฉพาะ คือกรงท่ี ๙ — ®® ซึ่งเบ่น็ กจิ กรรม ของประเทศไทยโกยเฉพาะ ประเทศ’ไทยก็ยงํ ไม่พรอมที่ จะจกิ พระ สงฆไ์ ปร่วม กิจกรรม ในสถานะเบน่็ พระ สง่ ค- ตกิ ารกะ ในกุศลกรรมทเี่ ฉพาะทา่ นเอ''ง .เรียกวา่ ลิง.คายนา กรงท ๖ น” ประเทศไทยน แม้เบ่น็ ประเทศเอกราชย5งยืนอยู่ เร่ือ ยมา และพุทธศาสนกิ 'ชาวไทยมากหลายกไค้พุคอวก อยา่ งภากภูมิใจอย่เู สมอมาวา่ ในบจจบุ นนํ้ ประเทศไทย เบน่็ ประเทศพุทธศาสนาท่มี กี ารพระพทุ ธศาสนาร่งุ เรืองท่ี ๑ การไมค่ วรใหก้ ารริบเการส้งกายนากรงน ซ่าพเจา้ ไค้แสกงกวาม เห็นสว่ นทิวไวแ้ ล้'วในปาฐกถาเรือ่ ง ส้งกายนาคอื อะไร ใ ที จ้าพุเจา้ แสกงท่พี ทุ ธสมากมสะทน เมื่อ e กน่ ยายน ๒๔๙;t
สุดในโลก แด่พทุ ธสาสนกิ ชาวไทยในบจจุบนน่ึ ก็ได้กลาย ไปเบน สมาชกิ แห่ง ล*ทธิ พระ พุทธ ศาสนา แบบ Burmism โดยพฤทนิ ยไปแลว่ มากหลาย โดยมไิ ด้พิจารณาให้เห็น โดยถอ่ งแทก้ ่อนว่า ลทธทิ จ่ี ะรบเอามายึดถอื และปฏบิ ฅ ดามน่ึน พุ ถกู !าองฅามหล*กการทท่ี ่าน’ใด้กลา่ ว'ไวใ้ นคมภรี ์ หรอื ไม่ Burmism ท่มี หี ลกการขดแยงํ กบหลกการทท่ี ่านได้ กล่าวไวใ้ นคมภรี ์ ที่ไดแ้ พร่หลายเขไมาเบ่น็ เรอื นใจของ ชาวไทยบางพวกอยู่ในเวลานํ้ ขไพเจไจะไดย้ กขนมากลา่ ว ให้ทา่ นผอู้ า่ นลองนำไปพิจารณาดูสก ๒ เรอ่ื ง เมือ่ ก่อนถงึ แกก่ รรมราว ๑ - ๒ บ คณุ หลวง เทพดรณุ านุศิษฏ์ไดม้ าหาขไพเจไ เพ่อื สนทนาเรือ่ งพระ- พทุ ธศาสนาดามปรกทิ ในว*นนึ่น ท่านได้นำความรู้ที่ไค้ ใหม่ จากชาวไทยผู้เบน Burmist แล่วผู้หนงึ่ ความรู้ที่ ทา่ นนำมาชแจง เพ่ือการถา่ ยถอดให้ฅกเบน่็ สมบฅ้ ซอง ขไพเจไในว*นนึ่ คอื นึตตฺถเทส์นา และ เนยยตถเทสนา ท่านอธิบายความหมายเฉพาะของศํพท์คือ นตตถฺ และ เนยยตท
Isbcs นตี ตทฺ ทา่ นใหค้ ำแปลและกวามหมาย โกยใจ ความว่า “ เนอความทีท่ า่ นนำไปแลว คอื ใช้สอนแลว ใชส้ อนเฉพาะบคุ คลผู้ท่รี !เทศนาน^เท่าน1น จะนำเอาไป สอนใครกนอ่นื อกี ไมไ่ ค้ เช่นเทศนาทีมลำเนาความว่า “ มาฅรํ บตรํ หนตุ ุวา’, เบน?ใน เบ่น็ เทศนาทใี่ ช้สอน เฉพาะแก่ภิกษกุ ลมุ่ ท่ีนํงรบเทศนานนอยเู่ ท่านน้ํ จะจ'คจำ ค!ลอก เอาไปสอนใคร ตอ่ ใคร กนอนื่ บุ ตอ่ ไป อกี ไมไ่ ค้ เพราะ,จะเกดิ เบน็่ ่โทษขนแกผ่ ้,ูพง กาลามสูฅร เบน-จำพวก นตตถฺ เทส,นา เพราะในคอนก่อนหนำนน กาลามชน พวกน1น, ลิวนแตไ่ ค้ร’บคำสอนที่ฃม่ ท่ีทบถม ทีฅ่ เิ คียน คำสอนของศาสกาอ่นื บุ ว'าผกิ ไมท่ ี- สู้ฃองฉนไม่ไค้ จากเจาลทิ ธิท่ีมา บุ ณ ทืน่ น่ อยู่เสมอ กาลามซนพวกน1น มีความรงํ เร ปลงใจรบคำสอนของใครไม่สนธิ กาลามสุกร จงึ เบ่น็ คำสอนท่พี ระพุทธเจา่ กรสเฉพาะแก่กาลามชนพวก นนํ้ เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมก!สถานการณน์ 1นเท่านน จะจกจำ คคลอกเอาไปสอนใครกนอืน่ บุ ต่อไปอีกไมไ่ ค้ ” ( ย*ง เบ็น่ เคราะห์ทีอยู่หนอ่ ย ที่ผ้ท่ีเบน?ณเทมี ใหท้ รรศนะน้ยํ งํ ไม่ถึงกบกิเคียนพระลงิ คกื ิการกเถระว่าทำไม่ชอบ ในส่วน .แ - ^ .;- - ■ว . .-i-_____ , ____ 5:______________ 1 2 ______ £ 3 _ --------- — L -ร
ที่นำเอากาลามสูฅรมาขนส่สํงคายนาไว้ควิ ย) ขอน ผู้ชํ้ แจงเคิม มคี วามมุง่ หมายจะฉดุ กระชากลากจูงให้บรรคา พทุ ธสาสนิกทง่ี ปวงเขาใจว่า คำสอนท่มี อี ยู่'ในคมภรี ์ ไม่ วา่ จะเบนชนิดไร พุ ดองหลไJฅาเชอ่ื คะบนไปท,งหมด จะ โฅแ้ ยงกคงไงอะไรพุ ไม่ไค้ ดองเชอ่ื อย่างทมี อบกายถวาย ชวี ิฅ ไม่คิองพินจิ พิจารณาอะไรท1ง้ํนน้ํ กอึ คิองให้เบน ความเช่ือแบบพาหิรศรทธา ท่ีมอี าการเบ่็น a believing withaut proof, belief in God ในทุกกระเบยดนว ส่วน เนยยฺ ตฺท ท่านไค้ใหค้ ำแปลและความ หมายไว้ว่า “เนอความท่บี คุ คลพึงนำไป คือเทศนาชนดิ น เบ,็ นสาธารณเทศนา เหมาะทจี่ ะนำไปสอนคนโดยทว่ ไป จะนำเอาไป สอนใคร พุ กส็ อนซา1ซากสกํ ก่ีรอยกพ่ี นกร*ง กไ็ ค้ และเกิดประโยชน์ทงี่ นน่ึ !’' เม่ือคณุ หลวงเทพ ๆ หยุดชื่แจงแลว ขไพเจามิ ไค้กลา่ วอนโุ มทนาหรือคิดคไนอะไรในเรอ่ื งทีท่านไค้ซแี จง มาดวย่ กวามปรารถนาคืน เพราะทา่ นเบน็่ ผู้สงู อายุ มี ความรใู้ นพระพุทธศาสนาทนี่ า่ นํบถือผู้หนึง เมอื ได้นึ่ง ในลไาษณะรปแสดงอาการขอบคณในกวามปรารถนาคนื น
อยชู่ วระยะเวลา ๑ แลว ขไพเจไไค้ลุกไปหยบิ คมภีร์ อรรถกถามาพลกิ และกางออกชืใ่ หท้ ่านคูความหมายของ คำว่า นิตตถฺ เนยยตฅฺ ' ท่ีมีอย่'ู ในอรรถกถาคอนนน เมอ่ื ทา่ น‘นงอา่ นคใู จ ความอยูค่ รู่ ๑ แลว เงยหนไฃ้นํ และ กล่าวออกมาว่า ‘ เมอื ในอรรถกถา ท่านแสองความ นมายแท่งคำทงสองนไิ ว้อย่างน ความหมายแทง่ คำ วนสองนิ ตามทไค้รบชแจงมาน8น จงึ ยงํ ไม,ควรยดึ ถอเอาเบนปท่สถ์ านเลย เพ่อื ลบลไงเอาการยอมเชื่อวา่ กาลามสฅู ร พระ- พทุ ธเจไทรงใชแ้ สคงเฉพาะแก่กาลามชนพวกนนิ เทา่ น1น จะนำเอาไปใช้สอนใครคนอืน่ อกี ไม่ไค้ ขไพเจไจงึ ไค้ หยิบอง่ คุฅรนกิ ายแหง่ พระสุฅคํนฅบฎกออกมา และเบ1ิ ค ฅรงสาฬหโรหนสฅู ร ท่พี ระนนํ ทกเถระแสคงแก่นาย สาฬหะ และนายโรหนะ ช่ใื ห้ท่านคูฅรงฅอนทีแ่ สคงกำ สอนไมใ่ ห้Iชื่อควยอาการ ๑0 หยา่ ง เหมอื นในกาลามสฅู ร เม่ือทา่ นไค้อา่ นพระสคู รนํ้ คอนที่ขไพเจไช่ื ใหค้ ูแลว ความเชื่อคามที่ไค้ริบคำแนะนำมาจาก Eurmist พู้นน'ว่า “ กาลามสฅร พระพทธเจไทรงแสคงเพยี งเฉพาะแก่
iM M H B P P ' RH Isabel กาลามชนพวกนนเทา่ นน จะนำเอาไปสอนแก่ใคร พุ กนอื่นอีกไมไ่ ค้ ” ปรากฏฅามอาการทีท่ ่านแสคงออกมา วา่ ไคส้ ลายคิวลงหมดแลว่ นอกจากในกาลามสูดรและ สาฬหโรหนสฅู รนแลว การสอนไมใ่ หเ้ ช่อื อะไร พุ ควิ ย อาการ ๑0 อย่าง แบบที่ดรสไว้ในกาลามสูดรนน ขาพเจา ยิงไคพ้ บในภททิยสฅู รอีก พระสดู รน พระพทุ ธเจไทรง แสดงแกเ่ จไลิจฉวชี ื่อว่าภไาฑิยะ ดามอธิบาย ทขี่ าพเรา’ไคพ้ บ'ในค*ม่ภีร์อรรถกถา หลายเล่ม หลายแหง่ นตตฺถเทส์นา กบ เนยยตฺท- เทสน์ า มีความหมายแดกด่างจากความหมายทีค่ ุณหลวง ■ เทพ ๆ นำมาช่ืแจงให้ขไพเจไพงอย่างทีไ่ กลกน จนไมม่ ี ทางจะอนุโลมเขไกนไคเ้ ลย คือ นตี ตถฺ เทสน์ า หมายถงื เทศนาท่ีใชถ้ อยคำสามญ พงเขไใจงา่ ย แสดงใจความแห่งขอธรรมนนํ้ พุไว้ชดเจน ใครไคย้ น่ ไค้ พง ย่อม ถือ เอาใจ ความได้ ดรง ดาม เจดนารมณ์ ทพี่ ระพทุ ธเจไ ทพี่ ระสาวกกำหนดไว้ ไม่ มคี วามจำเบ็!นที่ด่องชแจงเพม่ี เดิม เทศนาชนดิ น ใคร จะนำเอาไปแสดงแก่ใคร กแ็ สดงได้เพยี งเทา่ ลำเนาความ
ที่ท่านไคแ้ สคงไว้ ไม่จำเบ็น่ ฅอ็ งอธบิ ายชแจงให้กระจา่ ง แจงขนอกี เพราะไม่มขี ิอขอคท-่ี เคลือบคลุม ทีเ่ บน่็ ปม ทเี่ บนบญหา ซึ่งลำไมช่ แจงอาจทำให้ผพู้ งถอื เอาความ หมาย ผิด จาก พระพทุ ธ ประสงค์ไค้ อะไร พุ แฝงอยู่ เทศนาท่เี รียกวา่ นตี ตถฺ เทฝน็ า น ท่านสาธคิ ควยอรยิ - วงสกิ สฅู รวา่ “ จตุตาโนม ภกิ ฺฃเว อรยิ วสํ าฯ เ ป ฯ ” (อรยิ วงฝึกสคู รท1งํห้ มด) สว่ น เนยฺยตฺเาเทสนา นํน ทา่ น'ว่าเบน่็ เทศนา ท่ีมีลํธยก0าส้นํ 'พุ บางลํณฑ์ใช้ถอยคำท่ีเบน่็ สำนวน หรอื มลี อํ ยคำทเ่ี บนสำนวนแทรกปนอยู่บาง เทศนาช,แคน พระพุทธเจาทรงเลือกแสคงเฉพาะแกบ่ คุ คลบางกน ซึ่ง ลำไมเ่ บ่น็ น*กประพํนธ์ ก็ฅํองเบนน*กปราชญ์ เบน นกปร*ชญา หรอื มสี ถานการณ์ในบุคคลผู้พงนน ทค่ี วร จะฅํองแก้ไขควยการใช้โวหารเช่นนน เทศนาชนดิ น เม่อื จะนำเอาไป แสดงให้ บุคคลผู้อืน่ ท่ไี มเ่ ก่ียวโยง อยกู่ *บ สถานการณเ์ ช่นน1นพง จะแสคงเพียงเทา่ ลำเนาความที่ ทา่ นไคแ้ สคงไวแ้ ส่วไมไ่ ค้ เพราะผูพ้ ีงนน พุ อาจจะถือ เอาความหมายไมไ่ ค้ หรอื อาจถอื เอาความหมายผดิ จาก
Isobfs พระพทุ ธประสงค์ เม่อื ผู้ใด นำเอาเทศนาชนดิ น้ไํ ป แสดงแก่บคุ คลอ่นื พุ อีก อิองแสคงดวยการด‘องชแจง ในกำท่ีเบนขอขอด ทเ่ี บน่็ ปม ที่เบ็่นบญหา ทํ้งนิ ก็ เพ่ือให้ผู้พงนน พุ ถือเอาความหมายในขอธรรมท่ฅี นนำ มาแสดงน1น พุ ไดฅ้ รงดามพระพทุ ธประสงค์ เทศนาท่ี เรยี กวา่ เนฮฺยตฺถเฑส์นา น ท่านสาธฅิ ควยเทศนาบาง ขอในธรรมบทวา่ “อสุสทฺโธ อกฅณพฺ ู จ สนธฺ ิจเฺ ฉโท จ โย นโร ฯเป ฯ” (คนผทู้ ่ไี มเ่ ชอื่ คณุ ทฅี่ นไค้แทง ดลอดแลว ควยถอยคำของคนอ่นื ผู้ทรี่ ทู้ ํวถึง'ซึง่ นิพพาน ท่ีมิไค้ถกู บจจยํ อะไร พุ ปรงุ แดง่ ผูท้ ี่ฅด'ได้ขาด'ซึง่ ว''ฏฏะ อนิ เบ็่นเคร่อื งเชื่อมภพเก่ากบภพ'ใหม่ ให้ดิคอินํ ผ้ทู ีก่ ำจด กรรมซึง่ เบนเหดใุ ห้ดองกลบเกดิ ขนมาอีกไดส้ นเชิง และ ผู้ท่คี ายความหว่งออก'ใด้หมดสน ย่อมเบนบุคคลซนสงู สดุ ) เทศนาชนดิ น เม่ือไม่ชแจงถอยคำที่มีฃ็อขอด ท่ีมปี ม ทม่ี บี ญหา ผทู้ ี,ไดพ้ งอาจเขา็ ใจกวามหมายไปใน รปู นิว่า “ คนทไ่ี มม่ ศี ร'ทธา เบนค-นอกดญํ ณู เทีย่ วอดิ ชอ่ งยอ่ งเบาล\"กทิ รํพยส์ ินเขา ทำลายโอกาสของฅนเสีย และเบึนกนท,ี หมดหว่งใน'ชวี ดิ แลว่ ย่อมเบ็น่ บุคคลผู้สูง ___ —
la x r i-o สุค” เทศนาท'ี ใชถ้ อยคำท่ีมีขอขอค ทมี ปม ที,มบี ญหา เซ่นน หรือเทศนาทใ่ี ชถ้ อยคำท่สี ํ้น หรือท,ี ยากเกินไป เซ่นเทศนาที่ฅรสออกมาในรูปเบ็น่ คำรอยกรองบางชนิด รว่ นเบน เทศนา ทจี่ ะนำมา แสดงเพยี ง เทา่ ลำเนา ความท่ี ทา่ นไดแ้ สคงไว้ ไม่ได้ เม่อื นำออกแสดงอีก ทอ่ งเพีม ฅเฅามมคพำรอะธพบิ ุทาธยปลงรไะปสงกt จเทน?ทเนำใาหเช้ผ*.นพ้ งีนรเขแไหใลจคะวาํ*ทมอไเดท้ถ?กเนทา่อทAง เรียกจ่า เนยฺยตฺถเทส์นา ธรรมบทท1งหมด พระอรรถ- กถาจารย์คงเหน็ ว่าเบน เนยยตทฺ เทฝ็นา ดงนน ท่านจึง ไดอ้ ธิบายส่วนท่เี บ็่นขอขอด สว่ นที่ยงํ เบนบญหาส่วนทมี่ ี บม่ ท้งํ คมภรี ์ ใหม้ ีเนอความแจม่ แจง เขไใจได้งา่ ย ธรรมทตู เบนคำชื่อคำหน่ึง ซ่ึงเพีงปฏสิ นธิ เบ่น็ ทว่ เบ1ี นฅนขนมาในประเทศไทยนึ่ ในพุทธศฅวรรษ ท,ี ๒๖ นท'ี เอง ธรรมทูฅที่ถกู กล่าวน่ึ คือธรรมทูฅท่ใี ช้ เบ็น่ ชอแห่งภิกษทุ จ่ี าริกไปในท่องคืนคา่ ง พุ ควยกิจธรุ ะ คือการสอนธรรมแกป่ ระชาชน คำว่าธรรมทูฅ ในความ หมายน่ึ ขไพเจา่ ได้ฅกเชงิ อรรถไวใ้ นคำนำแห่งเรือ่ ง ‘ทีลจากอุบายของสองราช” ว่า \"เทนคำ?นเลา เนาใจ
ว่าคำน ไปไค้แบบมาจากใ'เม่า เทราะทกี่ าบาเค้ ไน รา่ ใก้งุ มาทยาลยธรรมทตู (ธนมทตู วชิ ฺชาลย) อย คำน เบ็น่ คำสแล็ง ฅามหล'กภาษาบาลอี ย่างไร จะไค้ ช่แื จงหล'ก;ฐานพอใหไ้ คใ้ จความ คำวา่ มตุ เบน่็ ศพท์กิฅก์ ทถ่ี กปรุงมาจาก ท+ุ ต ทุ ม,1.ก, วาม1ห15มายที,่ ๒ อย;าง คf อ ทเปุ, และข ท° 1’ๆเห\"1เดf อด0รกอุน้, 1 (ทุ คมเน ปริฅาเป จ) ในบางกรณี ทา่ นใช้เบ่น็ ชื่อแห่ง คนผู้ชาย ทถ่ี กู ผมู้ อี ำนาจเหนอื กวา่ ใช้ ให้ ไปคคิ ค่อกบ บคุ คลอืน่ ทอี่ ย่ใู นคา่ งถน ถาผทู้ ที่ ำหน4าที่นืเบ็1นหญงิ ยิก เรยี กเบน ทตู ี กรรมที่เบนหนาทีข่ องทฅู —ทูฅีนื เรยี กวา่ ทเู ตยย หรือ ทูตเามมุ แปลวา่ กรรมแหง่ ทตู เหมอื น กน คนผู้,ทำหน,าทท่ี ฅู กรรมน เมอื่ ถูกราชนส่งไปทำ ทูฅกรรม เรียกว่าราชทฅู เมื่อถูกสมณะส่งไปทำทฅู กรรม เรียกว่าสมณทูฅ ทตู นอกจากทม่ี คี วามหมายค่งท่ไี คก้ ลา่ ว นแื ส่ว ยงิ มอี ีก ๓ ชนฅิ คอื เทวทคู ยมทฅู และ อนทุ ูฅ ชีวฅิ ของคนนน คามสภาพ ยอ่ มมกี ารเกิคขน ในเบองคน มีการแปรเปลยี่ นไป บุ ในท่ามกลาง มีการ
แฅกสลายไปในท่สี ดุ การคำเนนิ ไปแหง่ ชวี ฅี ทุก ‘ทุ ชีวฅิ ยอ่ มคำเนนิ ไปฅามเสนทางทฅ่ี รงแหนวไปสู่รุดสดุ ทางคือ ความดาย ในระหว่างทช่ี วี คิ กำสงิ ดำเนินเขไไปหารุด สดุ ทางคอื ความดายน ในเบองแรก สง่ ขารย่อมแปรไป ในผายทีเห็นว่าเจรญิ ขน ‘ทุ แด่เมอื่ สงิ ฃารไดผ้ า่ นรดุ ท่ี เบนท่ามกลางของซวี ดิ '1ปแล,วิ ชีวฅิ ย่อมแปรไปในผา่ ยท่ี เบ1็ นความเสอื่ ม เบนกวามทรุดโทรมมากข้นํ ‘ทุ เมื่อ ชวี ิฅเดินเขไไปใกลร้ ดุ สดุ ทางมากเขไเท่าใด อาการ ทรุดโทรมแห่งสงิ ฃารเช่น ผมหงอก พนหก หน'งเหี่ยว ดามืด หกู งึ เบนด้น กป็ รากฏออกมามากเขาเทา่ นน อาการทรดุ โทรมที่มีปรากฏขนมาน ยอ่ มเบ่น็ นมิ ฅิ ทบี่ อก ใหร้ วู้ า่ สิงขารอนนํ้นไค้ดำเนินเข,าไปใกลเ้ กือบจะถึงรุด สุดทางแลว เม่อื อาการเส่ือมนเกิดมีฃนมาแกผ่ ู้ใด หรอื ผใู้ ดไค้เห็นอาการเสอื่ มนึที่เกิดมแี ก่คนอืน่ แสวิ ผู้นะนเกดิ ความสำนกึ เกดิ สิงเวชขน จนถงึ ใหเ้ ลิกกา‘รหมกม่นุ ใน ในการหาความสนุกเพลิดเพลิน ให้เลิกกระทำการท่ีเบน ความช'ว ใหฃ้ ะมณฃมนในการสรไงคณุ ธรรมความดี ใน การบำเพ็ญกุศล ในการปฏิบ่ฅธรรมเพื่อการพนจากทุกข์
ใ®!(ท•๓ มากขน อาการเลอื่ มแห่งสงขารทปี่ ระจกษอ์ อกมา ที่ ไ?ไ พบเหน็ นน ท่านเรยี กวา่ เทวทตู มาปรากฏแก่พ้นู น แต่ ถไอาการเส่ือมทป่ี ระจกษออกมา ท่ีเกิดขน แกผ่ ู้อืน่ น1น ไม่ทำให้ ความสิงเวช เกดิ ขนแก่พใู้ ค อาการ เสอ่ื ม นน ท่านไมเ่ รียกวา่ เทวทฅู มาปรากฏแกพ่ ้นู น อ,นดิ รายราิ ยแรงที่เขาทำหนำที่ทำลายชีวดิ ไม่ วา่ อพ่อรายนน ษุ จะบง่ เกคิ ขนมาเองดามธรรมชาฅิ หรอื บไเกิดขนมาจากการประทษุ เกรรมของพอู้ ืน่ หรอื บ่งเกิด ขนมาจากการผิดปรกตขิ องดนิ พา อากาล ทา่ นเรยี ก วา่ ยมทตู คอื ทูฅท่พี ระยมสงิ ให้มาฉดุ คร่าเอาชวี ฅิ ไป คือยมทูดไดเ้ ขามาถงึ ฅวพนู้ น ในอริยวิน้ยน มขี อบญฌํฅหไมคอื ไม่ให้ภิกษุคา่ ฆราวาส หรอื ไมป่ ระพฤติดามปฏญิ ญาท่ีเบ็่นธรรมทีไ่ ด้ ให้ไวต้ อ่ ฆราวาส หรอื ทำความเสยี หายให้บง่ เกิดชนแก่ ฆราวาส ภกิ ษ'ุ ใดลว่ งละเมิคขอบ''ญญไทน นอกจากต่อง อาปดคามชนดิ แห่งสกิ ขาบททีด่ นไดล้ ว่ งละเมดิ แลวิ ยงิ มบี ่ญญ*ด'ใหส้ งฆ์ลงปฏิสาราณยี กรรม คือสงิ บง่ คบให้ ภกิ ษุนนไปขอขมาโทษตอ่ ฆราวาสพนู้ นอกี ดวย ภกิ ษใุ ด
ไ2><ท1๔ ถกู สงฆ์ลงปฏิสาราณียกรรมแลว ภิกษุนนฅองไปขอให้ ฆราวาสพนู้ 1นรบํ ขมาโทษ ลา่ ภกิ ษนุ 1นไมไ่ ปขอขมาโทษ หรอื ไปขอขมาโทษแล่ว แตฆ่ ราวาสพู้นนไม่ร*บขมา สงฆ ย่อมไมถ่ อนปฏิสาราณยี กรรมนน สงฆ์จะถอนปฏิสารา- ณียกรรมนนํ ก็ต่อเม่อึ ฆราวาสที่ถูกภกิ ษุนนลว่ งเกน ยอมรบขมาโทษแล,วเท่าน1น ในกรณที ่ีฆราวาสท่ีถกู ภกิ ษุ นะนไคล้ ว่ งเกนิ ไม่ยอมรบขมาโทษ ทรงอนญุ าด่ให้สงฆฅ์ ง ภกิ ษุผทู ีส่ ามารถรปู .® ขนเบ็'นอนทุ ตู ภกิ ษพุ ู้อนุทูฅน ย่อมนำภิกษุพ้ทู ่ีไคล้ ว่ งเกนิ นนไปหาฆราวาสพู้นน และ ทำหนำท่ี พูด ไกลเ่ กลีย่ ขอให้ เขายอม รบการ ขอ ขมาโทษ ของภกิ ษนุ 'น เมอ่ื เขายนิ ยอมริบขมาโทษ ก่อนแท่จะทำ พธิ ขี อขมา ทอ่ งใหภ้ กิ ษนุ 5นแสดงอาบ้ฅทเ่ี กดิ ขนเพราะ การไค้ล่วงเกินฆราวาสพนู้ 1นทอ่ หนำฆราวาสพู้นนํ ใน สำนกแหง่ คนก่อน เมอ่ื ภกิ ษุนนํ แสดงอาบฅํ แลว จึงให้ ไปทำพิธีขอขมาโทษท่อฆราวาสพนู้ น เมอื่ เขารบขมาโทษ แลว่ จงึ มาขอให้สงฆ์ระง'บปฏิสาราณยี กรรมนน ทตู เท่าทีไ่ คพ้ บในคมภรี ์ มี ๙ อย่าง ดามท่ี ไค้ถูกกล่าวมาแลว่ คอื ทูต เหวทูต ยมทตู และ อนทุ ตู
' -■ 1®dg)& ทูฅทํ้ง ๔ อย่างน ท่ีเบ็น่ คำสามญํ มีอยู่ ๒ อยา่ ง คอื ทูต และ อนุทูต ทเี่ บ็่นคำสำนวนมีอยู่ ๒ อยา่ ง คอื เทวทตู และ ยมทตู ทูตและอนุทตู เบึนคน ทำหนาทีรบ ใชใ้ นการฅคิ คอ่ กบผูอ้ น่ื ในกิจกรรมของผใู้ ช้ กจิ กรรมท่ี เบ็น่ หนาทขี่ องทฅู ทํง้ สองน คอื ทูเตยยะ หรือ ทูตกรรม สว์ นเทวทูต และ ยมทตู เบนึ ธรรม เทวทฅู เบน็่ กุศลกรรม ที่มี การ เฅอื นสคใิ หไ้ มป่ ระมาทให้ ฃะมกิ เขมนในการทำความคี ในการบำเพญ็ กุศล เบนทเู คยยะ เบนทูฅกรรม ยมทคู เบนทุกขธรรมทม่ี ีการทำลายชีวฅิ ใหส้ ญู สนไป เบนทเู คยยะ เบน่็ ทฅู กรรม ภกิ ษุ ทที่ ำธรุ ะ คือการ เท่ียว จาริกไปทำ การ สอน ธรรมแก่ประชาชนในทองถนคา่ ง ทุ ไม่เคยไค้พบในบาลี แห่งไหนวา่ อนพระพทุ ธเจไ อนพระสาวก ทรงเรยี ก และเรียกว่าธรรมทคู ในคมภีรช์ ้นํ ทีร่ องลงมา เช่นใน อรรถกถา ในฎีกา ก็ไม่เกยไค้พบว่า ท่านเรียกภกิ ษทุ ี่ ทำหนำท่ีเทยี่ วสอนธรรมอย่างนว่า ธรรมทฅู ลกิษณะ กจิ กรรมคือการเท่ยี วจาริกไปสอนธรรมแก่ประชาชน ก็ ไมฅ่ รงกบความหมายในค่วอ่กษรวา่ ธรรมทูค หากจะ
kxnlh บญญฅํ ชอ่ื สำหรบภิกษุ ท่ีทำ หนำท่ืนํ้ ขนใชใ้ หม่ ควร บญญํฅให้ เมื่อบคุ คลผู้ร้ภู าษาบาลี เหน็ ชอื่ เขาแล2ว ก็ เขาใจความหมายว่า เบนชอื่ แห่งภกิ ษผุ ้ทู ำหน,าที่น โคย ไมต่ ิองเทีย่ วเรียนความหมายใหม่ ช่ือน้ํ สำหรบคนทีมี ความรู้ทางภาษาบาลอี ยู่บา่ ง เม่ือไม่ไค้เรยี นความหมาย คาม เจตนารมณ์ ที่ ถูก ปญ้ ญํค ขํ้นใช้ใน เฉพาะ วง แห่ง Burmism นี อาชถอIอาความหมายรา่ ผมู้ ธรรมอ\"น ประทษุ รายแล,ว คือผู้ประทษุ รา่ ยธรรมก ได ้ (ธมโม ทโู ต เยน, โส ธมฺมท'ู โต ) เพราะทธู าตนุ น มคี วามหมาย วา่ คมเน กไ็ ค้ ว่า ปรติ าเป ก็ไค้ ตงิ ท่ีไคก้ ลา'วแลวิ ย่ง็ ไคพ้ บเห็นภกิ ษทุ ี่ทำหนำทีน่ บางรูปประพฤติแหวกแนว ธรรมวนิ ํยเชน่ เรย่ี ไร นงํ ในที่ลบ่ กบสฅรีคิวตอ่ คิว ขาย เครืองราง บอกใบห้ างเลข เบนติน กย็ งทำให้เกิดความ มน่ ใจในการถือเอาความหมายเชน่ นะน มากขน เพราะ พฤติ,กรรมนนทีป่ รากฏออกมา ‘ตุ ฅรงกบความหมายอน หลง คือปรติ าเป แหง่ ทูธาตุท่ีถูกปรงุ ควย ต บ่จจยเบน ทูต คามวิธแี หง่ กริ ยิ ากฅิ ก์ คามที,ไค้กล่าวแลว่ นน ควย เหตทุ ค่ี ำนมิไค้ถกู บไบญฅ้ ขนให้เบนช่ือของภกิ ษุทจ่ี ารกิ ไป
1ร)ต่)ต่) สอนธรรมแกป่ ระชาชน ท1งในบาลี ท1งในอรรถกถา ท1ง ในคมํ ภีรท์ ี่รองลงมาอย่าง ๑ เพราะกจิ กรรมการเทยี่ วสอน ธรรมแก่ ประชาชน ทีถ่ กู กำหนคให้ เบน็่ ทนไที่ ของ ภกิ ษุ พวกน มลี กํ ษณะแถกคา่ งจากความหมายแหง่ กลุ่มอ*กษร ว่าธรรมทฅู อย่าง ๑ เมือ่ กำ'วา่ ธรรมพูานน ถูกบ'่ ญญฅ่ ใหเ้ บนซอ่ื ของภิกษุผู้ทำหน้าท่ีนํ้ กำวา่ ธรรมทูถนน จงึ ควรฅกอยูใ่ นสถานะแห่งกำที่เบนสแลงี ซี่งเบนกำท่ี ไม่ เหมาะสม ท่จี ะ นำมาใชเ้ บ่น็ ช่อื แหง่ ภิกษุ ผูท้ ำหนา้ ท่ี อนมี เกียรฅนิ ื คำ'ในคมภรี ์ ท่ที ่านใช้เบน่็ ซอื่ แห่งภิกษุผูท้ ำหนา้ ที สอนธรรมแกป่ ระชาชน ทีเ่ ห็นว่าควรนำมาใชเ้ บนซ่ือ แห่งภิกษุท่ปี ฏบิ ํฅกจิ น ในภาษาไทย มีอยู่ ๔ คำคอื ธรรมธไiธรธรรมรธมพฬเุ กตแาลุ ะธรธ_ร_รม_ร_เมภ_เรกิกตุ แเปล๘!ะนพธุทรรธมภนาษ«ิโถฆสแก์ ป1ล ถามถวํ อไาษรวา่ 11ก้มีธรรมเบนธง” เหมอื นกน โคย ใจความ ผทู้ ี่พระพท:่ ธเจำทรงเรียกว่า \"ธรรมธช ธรรมเกตุ ’ น้ํ คอื ผทู้ ีเ่ ทิคทูนธรรมไว้เหนอื สงอื่น พุ ๑ ประพฤถิธรรมอย่,ูในอินคบสง การใคเบ็่นการทีผ่ คิ ธรรม 11 ■ —...... _....... ........................... . -
ผคิ วนิ ยแลว ไม่ยอมทำเลย ๑ เทยี่ วสอนธรรมคนอน่ื พู ให้ประพฤตคิ ีปฏิบไทชอบคามควรแก่สถานะและโอกาส ๑ ธรรมเภรทิ และ ธรรมนโม สก เบ็!นคำที่ทา่ น ไดก้ ลา่ วไว้ในกมภรี ์ชนอรรถกถา ธรรมเภรกิ เบนคำ สำนวน แปลฅามฅวอก้ ษร'ว'า“ ผูตกี ลองดอื ธรรม ’ ฅาม ความหมาย คอื ผูท้ ี่เท่ยี วกล่าวธรรมให้ระบอื ลอื ลนไปใน ชุมชนน1น ๆ ธรรมนโิ ฆสก เบนทำสาม,ญ แปลว่า ผ้ย,งธรรมให ด้ ง ก ก ก อ่ ง คามความหมาย คือผู้ทเ่ี ท่ยี ว กล่าวความคีฃองธรรม จนทำใหป้ ระชาชนส่วนมากเกิด ความเลื่อมใสและรบไว้ปฏบิ คํ ในคอนท่ี บนทกึ กำชแจง ส่วนท่เี บนปม เบน่็ บญหา ในคำว่า“ น ฑยฺหสุ ( มไิ ด้ถกู ไฟไหม้),’ ใน ฉบบพิมพ์ของพมา่ นน เนอื่ งควยแนวการเขยี นไดพ้ ุ่งเขไ ไปสู่คลองลึก จึงไคพ้ ดู เรอ่ื งในคลองนํ้น ซ่ึงเบ1็ นเรอื่ งท่ี แดกออกเบนกง เบนแขนงค่อนขำงมาก บดนจ่ื ะวกเขำ มาบนทึกในส่วนท่ีย,งเบ1็ นปม เบนบญห่าใน คำวา่ “เทว ว ทุสุสไนิ ‘ทยุห ส ”ุ ในมหาปรนิ พิ พานสฅู ร ในฉบบพมิ พ์ ๓—๔ ฉบบนTแด่อ'ไป
หากมลกษฅริยห์ อ่ หุ้มพระพุทธสิรรี ะคิวยผา'ใหม่ และแผงสำลคี รบ ๕00 คู่จริง ๆ พระพุทธสรีระนน คง คองมขี นาคเท่าหรือโค.กว่ารถโบกรถไฟ พระพุทธสรรี ะ น คอ่ งเชญิ เขไประคิษJ านในหีบเหลก็ หบี เหลก็ คง คองมีฃนาคโคกว่ารถโบก การท่องปฏบิ ้คค้ ่อพระพทุ ธ- สรรี ะคามวธิ นี มวา้ กษว้ารยิ ์เพิงไคร้ บบอกจากพระอานนท- เถรในวนท่ี ๗ จากวนปรนิ พิ พาน คือไคร้ บบอกในวน แรม ๗ ก่าํ ในเวลานน การถลุงแรเ่ หล็ก ยงคองถูก ทำควยแรงคนโคยฅรง การทจ่ี ะจดทำหีบเหลก็ ท่ีมขี นาคโค กว่ารถโบกรถไฟควยมือคน ใหส้ ำเรจ็ ภายใน ๕—๖ ชวโิ มง น เห็นว่าไม่มีทางจะเบนไปไค้ ในมหาปรินพิ พานสฅู ร น1นเอง ท่านเล่าไวว้ า่ ในวนร่งุ ขนจากคนื ปรินพิ พาน มวา้ กษว้ารยิ ไ์ คจ้ วา้ หาสง ของไปใช้ในการ ถวาย พระเพลิง พระพุทธสรีระ มากมาย ส่งี ' ของ ท่ีจดไป นน เฉพาะผไ ทา่ นบอก จำนวนไว้ ชว้า ว่า ๕00 คู่ (คอื ๑,ooo ผืน) เม่อื มว้ากษว้ารยิ ไ์ ปถึงบริเวณสถาน ทป่ี รินพิ พาน ไค้สง ใหจ้ ว้าทำเพิงผไกนแคค และเบญจาค่าง ฯ(เจลวิฅานานิ) มากมายขนในบริเวณนน นอกจากเพงิ ผ่าและเบญจาแล่ว
(ทสุสมณฑลมาลานิ) ขนอีกมาก เพิงผา เบญจา กระโจม พำและพลบพลาพำเหลา่ น ลอ่ งถกู จคํ ท้ ำขน คิวยผไใน จำนวนพำ ๕00 ก่น1น ไนวนแรม ๗ คํ่า มลกษฅรยิ ์ได้ ทราบวิธปี ฏิบฅ้ ิใน การ ถวายพระเพลงิ พระพทุ ธลรีระจาก พระอาน,นทเถระ เมื่อไคท้ ราบรายการที่คอิ งจดทำอยา่ ง ละเอียดแล่วิ มลกษฅวยิ ไ์ คล้ ง่ ราชบรุ ษุ ให้ไปจดหาปุย .ผายมา แล่มิไค้ล่งใหไ้ ป จดหา พำใหม่ มาเพี่ม เดิม เลย ม,ลกษล่ริย์ไคจ้ ,คหอ่ หุ้มพระพุทธสรีระ ดวยพำใหมท่ ี่ยงมี เหลืออยู่นน และคิวยิ ปุยผายทีใ่ หไ้ ปจดหามาใหมน่ น เมือ่ พำ ๕00 คู่ ที่ม,ลิกษฅ่ รยิ ์นำไปฅงแลใ่ นว,นแรกนน ไค้ ถกู นำ เอาไป เบน สว่ น ประกอบ เพิง พำกน แดด บาง เบญจาบไง กระโจมพำบไง พลบพลาพำบไง พำจำนวน ๕๐๐ คูน่ ,น ยอ่ มคิองถก'ใช้ใหห้ ม'ดสน’ไป.มากมาย อาจ เหลือเพยี งสก ๑๐—๒0 ผืนเทา่ นนกไ็ ค้ เมอื่ มํล่กษฅํ รยิ ์ ใช้เพียงพำทย่ี ่งมเี หลืออยนู่ 1นห่อห้มุ พระพุทธสรีระ จะเอา พำที่ไหนมาห่อหุ้มพระพุทธสรีระไคถ้ งึ ๕๐๐ ชน และ ลา่ ผำและสำลีทใ่ี ชห้ อ่ ห้มพระพทธสรรี ะอย่นน มีจำนวน
* ■■■■■■ ■■ : > .< **■ พ . ’ ‘ ■ ไ พ * * ' ^ \" ' ' - 1ร|ฟ๑ ครบ ๕00 ก่จู รงิ ในมหาปรนิ พิ พานสุฅร ใน ๓—๔ ฉบบ มคี ำเลา่ ไวเ้ หมือนกนวา่ พำ ๕00 กู่ คอื พำท่ี ถูกนำไปในว'นแรก มใิ ช่พำทีห่ ่อหุ้มสลบกบสำลี มีพำ. เพียง ๒' ผนื เท่านน ท่ีถูกไฟไหมไ้ ป พระพุทธสร่ีระท่ี ประคิษi านอย่'ู ในภาย'ในพำและสำลี ๔๙๘ กู่ เปลวไฟจาก จิฅกาธารจะพงุ่ เข้าไปถึงพระพทุ ธสรีระ และเผาพระพทุ ธ- สรรี ะใหไ้ หมไ้ ปไค้อยา่ งไร บญหาข้อน แมเ้ ดก็ พุ ก็ คอบ'ไค้'วา่ เปลวเพลิงจากจฅิ กาธารย่อมไม่มีทางเข้าไป ถึงพระพุทธสรรี ะได้เลย เมือ่ เปลวเพลิงเข้าไปไมถ่ งึ พระพุทธสรีระ การถวายพระเพลงิ นํน้ ยอ่ ม์มลี ํกษณะ เหมือนการเผาขา้ กหลามเทา่ น1น แค่การถวายพระเพลิง พระพุทธสรรี ะนน ฅามคำเล่า'ในมหาปรินพิ พานสูฅรน้นํ วา่ สำเร็จเบ่น็ การถวายพระเพลิงอย่างบรบิ รู ณ์ คาม สา.ที เล่าคามคำของพระขุทกภาณกา'จารยว์ า่ การถวาย พวะเพลิงพระพทุ ธสรีระ ไดถ้ กู พัทำขนในขน้ ท่ี ๘ จาก ขน้ ปรนิ พิ พาน ได้มีการสุมเพลิงพระพุทธสรีระอยู่บนจคิ - ทาธารนน คลอคอหะ (คอื คลอดกลางขน้ และกลางคนื ) ที่ ๘ นน คามคำในมหาปรนิ ิพพานสฅู รนนบอกอยอู่ ยา่ ง ______ ________________________________________ __ _____________
IsaGoleg ชิดแจงว่า ผไท่ถี กู ไฟไหม้ ๒ ผืน ผืาท่ีมไิ ดถ้ กู ไฟไหม้ ๔๙๙ คู่ (คือผา ๔๙๙ คู่นมิ ไิ ดม้ สี ่วนอย'ู่ ในm ทีห่ มุ้ หอ่ พระพทุ ธลรีระ) อนนยอ่ มบอกชดิ ว่า ผาิ ทม่ี ลกษฅริยฬ์ ั ไป ๕00 คู่นนใช้ห่อหุ้มพระพทุ ธสรรี ะเพียง ๒ ผนื ส่วน อีก ๔๙๙ คู่น1น ใช้ ในการอน่ื ที่เบ่็นการในการถวาย พระเพลงิ พระพทุ ธสรรี ะ ผืาท่ใี ช้ห่อพระพุทธสรีระ เบน ผไทเบนประธานในการถวายพระเพลิงน ส่วนผาทีใ่ ช้ ในกจิ การอื่น พุ ย่อดองถือเบนผไท่ี อยู่'ในวงลอม Iเห่งผ่า ท่ใี ช้หอ่ พระพุทธสรีระนนํ เอง เมอื่ จะกล่าวประมวะ ก็ กล่าวระบุถึงเพียงผาที่ ใช้ในกิจการทเี่ บ่็นประธาน คำ ชนดิ น เบนกำทน่ี ิยมใช้อยใู่ นส่งคมในยุคน1น และในยคุ ฅ่อมาอกี เบนเวลานาน เชน่ พระสารีบฅุ รเถระและพระ มา/ทโมคล,ลลานเถระ เบนค่พู ระอกรสาวกของพระพทุ ธ- เจ่า พระสารบี ฅุ รเถระเบ่็นประธานพระมหาโมกคํลลาน- เถระเบนท่ี ๒ ในเวลาที่ ท่านพดู ถึงพระอไารสาวก ทง่ี สอง นิ ท่านมํกพดู วา่ สใรปตตา (พระฝา็ รบตุ รท*งหลาย) กำ นิ ระบุ ชื่อ แด่ พระสารี บฅุ ร เถระ ผู้ เบ็่น ประธาน แหง่ พระอํครสาวกเพียงรูปเคียว แตป่ ระกอบวิภฅํ เิ บน็่ พหพู จน์ -
1ร9ุ ฝ๓ แสคง'ว่าคำนนหมายถึงคนหมดท1งศ้ํ ณะ ในท่นี ํ้ย่อมหมาย ถงึ พระมหาโมกกลลานเถระอีกรูป ๑ สใรปตฅฺ า มคี วาม หมายถงึ พระมหาโมกคลลานเถระควย ฉิน,ใด ผิาและ สำลหี ่อพระพุทธสรรี ะ ๕๐๐ คู่ ก็หมายถึงผไที่ใช้ในการ อืน่ ๆ ท่เี บ่น็ การอยใู่ นวงแหง่ การถวายพระเพลิงพระพุทธ. สรีระนควยก็ฉินนน ขอท่กี ลา่ วว่า “ ผไและสำลีที,ห่อหมุ้ แนบอยู่ท่ี พระพทุ ธสรรี ะ มอี ยู่เพียง ๒ ค่เู ท่านน” น้ํ นอกจากเบ่็น กำกล่าวท่ีฅรงคามกำท่ที ่านไค้กล่าวไวใ้ นมหาปรนิ ิพพาน. สูฅรแล่ว ยงเบน็่ กำกลา่ วทเ่ี หมาะสมกบสถานการณ์ ใน คอนน1นควย คอื พวกมลกษฅ่ ริยเ์ พงไคท้ ราบวธิ ปี ฎบิ ดใน การถวายพระเพลิงพระพทุ ธสรรี ะ ในวนที่ ๙ จากวน' ปรินิพพาน ซึง่ เบนวนทไี่ คก้ ำหนดจุดไฟถวายพระเพลงิ พระพุทธสรีระโดยแน่.นอนแลว่ จากพระอานน’ทเถระ การทีจ่ ะจดั ทำหีบเหลก็ ทม่ี ีขนาดยาว ๔ ศอก กจาั งและ สงู ๑ ศอก ใหเ้ สรจ็ ทนเวลาจดไฟถวายพระเพลงิ คาม ท่ไี คก้ ำหนดไว้ ในจันน1น ยอมจัดทำใหส้ ำเร็จได้ทนโดย แนน่ อน เหฅท่ีจัดขวางมิให้มีการจดไฟถวายพระเพลิง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334