สนธิสัญญาระหว่างประ ปัจจุบนั สนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนมีทงั หมด 9 ฉบบั ตาราง 2-2 ตารางแสดงสถานะทงั สนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนทงั หมด 9 ฉบบั และ ลาํ ดบั สนธิสั ญญาระหว่ างประเทศด้ าน วนั ทเี ข้า วนั ทมี ผี ล หน่ วยงา ที สิ ทธิมนุษยชน เป็ นภาคี บงั คบั ใช้ ๑. อนุสัญญาว่าด้วยการขจดั การเลือก ๙ สิงหาคม ๘ กนั ยายน สาํ นกั กิจการสต ป ฏิ บั ติ ต่ อ ส ต รี ใ น ทุ ก รู ป แ บ บ ๒๕๒๘ ๒๕๒๘ ครอบครัว กระท (Convention on the Elimination of สงั คมและความ All Forms of Discrimination against Women: CEDAW) 12
ะเทศด้านสิทธมิ นุษยชน บ และ ประเทศไทยเข้าเป็ นภาคแี ล้ว 6 ฉบบั โดยมีรายละเอยี ดสถานะ ดงั นี ะ สนธิสัญญาทปี ระเทศไทยเข้าเป็ นภาคี านรับผดิ ชอบ การจัดทาํ รายงานประเทศ หมายเหตุ ตรี และสถาบนั กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๑ การเสนอรายงานจะตอ้ ง ทรวงการพฒั นา เมือวนั ที ๘ กนั ยายน ๒๕๒๙ เสนอภายในปี แรก มมนั คงของมนุษย์ (ส่งแลว้ เมือ ๑ มิถุนายน ๒๕๓๐) นบั จากวนั ทีอนุสญั ญาฯ กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๒ มีผลบงั คบั ใช้ และทุก ๆ 25 เมือวนั ที ๘ กนั ยายน ๒๕๓๓ ๔ ปี หลงั จากการส่ง (ไม่ไดส้ ่ง) รายงานฉบบั แรก หรื อ กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๓ เมือไดร้ ับการร้องขอ เมือวนั ที ๘ กนั ยายน ๒๕๓๗ จากคณะกรรมการฯ (ส่งฉบบั รวม ของฉบบั ที ๒ และ ๓ เมือ ๓ มิถุนายน ๒๕๔๐) กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๔ เมือวนั ที ๘ กนั ยายน ๒๕๔๑ (ไม่ไดส้ ่ง)
12
กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๕ เมือวนั ที ๘ กนั ยายน ๒๕๔๕ (ส่งฉบบั รวม ของฉบบั ที ๔ และ ๕ เมือ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๖) กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๖ เมือวนั ที ๘ กนั ยายน ๒๕๔๙ (ยงั ไม่ไดส้ ่ง) กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๗ ในวนั ที ๘ กนั ยายน ๒๕๕๓ 26
ลาํ ดบั สนธิสั ญญาระหว่ างประเทศด้ าน วนั ทเี ข้า วนั ทมี ผี ล หน่ วยงา ที สิ ทธิมนุษยชน เป็ นภาคี บังคบั ใช้ สาํ นกั งานส่งเส ๒. อนุสญั ญาวา่ ดว้ ยสิทธิเดก็ ๒๗ มีนาคม ๒๖ เมษายน พิทกั ษเ์ ด็ก เยาว (Convention on the Rights of the ๒๕๓๕ ๒๕๓๕ คนพกิ าร และผ Child: CRC) กระทรวงการพ ความมนั คงของ 12
านรับผดิ ชอบ การจัดทาํ รายงานประเทศ หมายเหตุ สริ มสวสั ดิภาพและ กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๑ การเสนอรายงานจะตอ้ ง วชน ผดู้ อ้ ยโอกาส เมือวนั ที ๒๕ เมษายน ๒๕๓๗ เสนอภายใน ๒ ปี แรก ผสู้ ูงอายุ (สท.) (ส่งแลว้ เมือ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๓๙) นบั จากวนั ทีอนุสญั ญาฯ พฒั นาสงั คมและ กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๒ มีผลบงั คบั ใช้ และทุก ๆ งมนุษย์ เมือวนั ที ๒๕ เมษายน ๒๕๔๒ ๕ ปี หลงั จากการส่ง (ส่งแลว้ เมือ ๗ มิถุนายน ๒๕๔๗) รายงานฉบบั แรก กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๓ เมือวนั ที ๒๕ เมษายน ๒๕๔๗ (ยงั ไม่ไดส้ ่ง) กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๔ เมือวนั ที ๒๕ เมษายน ๒๕๕๒ (ยงั ไม่ไดส้ ่ง) 27
ลาํ ดบั สนธิสั ญญาระหว่ างประเทศด้ าน วนั ทเี ข้า วนั ทมี ผี ล หน่ วยงา ที สิ ทธิมนุษยชน เป็ นภาคี บงั คับใช้ กรมคุม้ ครองสิท ๓. กติการะหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ย ๒๙ ตุลาคม ๓๐ มกราคม กระทรวงยตุ ิธร สิ ทธิ พลเมืองและสิ ทธิ ทางการเมือง ๒๕๓๙ ๒๕๔๐ สาํ นกั งานอยั กา (International Covenant on Civil กระทรวงการต่า and Political Rights: ICCPR) 12
านรับผดิ ชอบ การจัดทาํ รายงานประเทศ หมายเหตุ ทธิและเสรี ภาพ กําหนดส่ งรายงานประเทศ ฉบับที ๑ การเสนอรายงานจะตอ้ ง รรม ร่วมกบั เมือวนั ที ๒๘ มกราคม ๒๕๔๑ เสนอภายในปี แรกนบั จาก ารสูงสุด และ (ส่งแลว้ เมือ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๗) วนั ทีกติกาฯ มีผลบงั คบั ใช้ กาํ หนดส่ งรายงานประเทศ ฉบับที ๒ และทุก ๆ ๕ ปี หลงั จาก างประเทศ วนั ที ๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ การส่งรายงานฉบบั แรก (ปัจจุบนั อยรู่ ะหวา่ งการจดั ทาํ รายงาน) หรื อเมือไดร้ ับการร้องขอ จากคณะกรรมการฯ 28
ลาํ ดบั สนธิสั ญญาระหว่ างประเทศด้ าน วนั ทเี ข้า วนั ทมี ีผล หน่ วยงา ที สิ ทธิมนุษยชน เป็ นภาคี บงั คับใช้ สาํ นกั งานอยั กา ๔. กติการะหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ย ๕ กนั ยายน ๕ ธนั วาคม สิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และ ๒๕๔๒ ๒๕๔๒ วฒั นธรรม (International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights: ICESCR) 12
านรับผดิ ชอบ การจัดทาํ รายงานประเทศ หมายเหตุ ารสู งสุ ด กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๑ การเสนอรายงานจะตอ้ ง 29 เมือวนั ที ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๕ เสนอภายใน ๒ ปี แรก (ยงั ไม่ไดส้ ่ง) นบั จากวนั ทีกติกาฯ มีผล กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๒ บงั คบั ใช้ (วนั ที ๕ ธนั วาคม เมือวนั ที ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๐ ๒๕๔๔) และทุก ๆ ๕ ปี (ยงั ไม่ไดส้ ่ง) หลงั จากการส่งรายงาน ฉบบั แรก หรื อเมือไดร้ ับ การร้องขอจากคณะ กรรมการฯ อยา่ งไรก็ดี จากการตรวจสอบขอ้ มูล ของคณะกรรมการฯ พบวา่ รายงานฉบบั แรกของไทย มีกาํ หนดส่งวนั ที ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๕
ลาํ ดบั สนธิสั ญญาระหว่ างประเทศด้ าน วนั ทเี ข้า วนั ทมี ีผล หน่ วยงา ที สิ ทธิมนุษยชน เป็ นภาคี บังคบั ใช้ กรมคุม้ ครองสิท ๕. อนุสญั ญาวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือก ๒๘ ๒๗ กระทรวงยตุ ิธร ปฏิบตั ิทางเชือชาติในทุกรูปแบบ มกราคม กมุ ภาพนั ธ์ (International Convention on the ๒๕๔๖ ๒๕๔๖ Elimination of All Forms of Racial Discrimination: ICERD) 13
านรับผดิ ชอบ การจัดทาํ รายงานประเทศ หมายเหตุ ทธิและเสรี ภาพ กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๑ การเสนอรายงานจะตอ้ ง รรม เมือวนั ที ๒๘ มกราคม ๒๕๔๗ เสนอภายในปี แรก (ยงั ไม่ไดส้ ่ง) นบั จากวนั ทีอนุสญั ญาฯ กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๒ มีผลบงั คบั ใช้ และทุก ๆ เมือวนั ที ๓๐ มกราคม ๒๕๔๙ ๒ ปี หลงั จากการส่ง (ยงั ไม่ไดส้ ่ง) รายงานฉบบั แรก หรื อ กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๓ เมือไดร้ ับการร้องขอจาก เมือวนั ที ๓๐ มกราคม ๒๕๕๑ คณะกรรมการฯ (ยงั ไม่ไดส้ ่ง) 30
ลาํ ดบั สนธิสั ญญาระหว่ างประเทศด้ าน วนั ทเี ข้า วนั ทมี ผี ล หน่ วยงา ที สิ ทธิมนุษยชน เป็ นภาคี บังคับใช้ กรมคุม้ ครองสิท ๖. อนุสญั ญาต่อตา้ นการทรมานและ ๒ ตุลาคม ๑ พฤศจิกายน กระทรวงยตุ ิธร การประติบตั ิหรื อการลงโทษอืน ๒๕๕๐ ๒๕๕๐ ทีโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรื อ ยาํ ยศี กั ดิศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment: CAT) 13
านรับผดิ ชอบ การจัดทาํ รายงานประเทศ หมายเหตุ ทธิและเสรี ภาพ กาํ หนดส่งรายงานประเทศ ฉบบั ที ๑ การเสนอรายงานจะตอ้ ง รรม ในวนั ที ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ เสนอภายในปี แรก นบั จากวนั ทีอนุสัญญาฯ มีผลบงั คบั ใช้ และทุก ๆ ๔ ปี หลงั จากการส่ง รายงานฉบบั แรก หรื อ เมือไดร้ ับการร้องขอจาก คณะกรรมการฯ 31
ลาํ ดบั สนธิสั ญญาระหว่ างประเทศด้ าน วนั ทเี ข้า วนั ทมี ผี ล หน่ วยงา ที สิ ทธิมนุษยชน เป็ นภาคี บังคบั ใช้ สาํ นกั ส่งเสริ มแ ๗. อนุสัญญาว่าด้วยสิ ทธิ ของคนพิการ - - ชีวติ คนพิการแห (Convention on the Rights of กรมพฒั นาสังค Persons with Disabilities) กระทรวงการพ ความมนั คงของ 13
านรับผดิ ชอบ การจัดทาํ รายงานประเทศ หมายเหตุ - และพฒั นาคุณภาพ ลงนามแลว้ เมือวนั ที ๓๐ ห่งชาติ มีนาคม ๒๕๕๐ ขณะนี คมและสวสั ดิการ กาํ ลงั อยรู่ ะหวา่ งการจดั ทาํ พฒั นาสังคมและ สัตยาบนั สารเพือเขา้ เป็ น งมนุษย์ ภาคี 32
ลาํ ดบั สนธิสั ญญาระหว่ างประเทศด้ าน วนั ทเี ข้า วนั ทมี ีผล หน่ วยงา ที สิ ทธิมนุษยชน เป็ นภาคี บังคบั ใช้ กรมคุม้ ครองสิท ๘. อนุ สัญญาระหว่างประเทศว่าด้วย - - กระทรวงยตุ ิธร การป้ องกนั มิให้บุคคลหายสาบสู ญ โ ด ย ถู ก บั ง คั บ ( International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance) 13
านรับผดิ ชอบ การจัดทาํ รายงานประเทศ หมายเหตุ - ทธิและเสรี ภาพ ยงั ไม่ไดเ้ ขา้ เป็ นภาคี รรม (อยรู่ ะหวา่ งทีจะศึกษา ความพร้อมในการเขา้ เป็ น ภาคี) 33
ลาํ ดบั สนธิสั ญญาระหว่ างประเทศด้ าน วนั ทเี ข้า วนั ทมี ผี ล หน่ วยงา ที สิ ทธิมนุษยชน เป็ นภาคี บังคับใช้ ๙. อนุสัญญาวา่ ดว้ ยการคุม้ ครอง - - สิ ทธิ ของแรงงานอพยพและสมาชิ ก ครอบครัว (International Convention on the Protection of the Rights of All Migrant Workers and Members of Their Families: ICRMW) 13
านรับผดิ ชอบ การจัดทาํ รายงานประเทศ หมายเหตุ - - ยงั ไม่ไดเ้ ขา้ เป็ นภาคี 34
ความสัมพนั ธ์ระหว่างปฏญิ ญาสากลว่าด้วยสิทธมิ นุษยชน ตาราง 2-3 เปรียบเทยี บปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนกบั รัฐธรรมนูญพ.ศ.255 ปฏิญญาสากลว่ าด้ วยสิ ทธิมนุ ษยชน รัฐธรรมนูญไทย พ 1. ศกั ดิศรี ความเป็ นมนุษย์ มาตรา 4, 26, 2 2. ความเสมอภาคโดยปราศจากการเลือกประติบตั ิ มาตรา 5, 30 3. สิทธิในการดาํ รงชีวติ และความมนั คงแห่งร่างกาย มาตรา 32 4. เสรี ภาพจากการถูกบงั คบั ใหเ้ ป็ นทาส มาตรา 29,32 โด เสรี ภาพจากการถูกบงั คบั ใหก้ กั ขงั ใตภ้ าระจาํ ยอม มาตรา 29, 32 5. เสรี ภาพจากการถูกทรมานหรื อการลงโทษที มาตรา 32 โหดร้าย 6. สิทธิในการไดร้ ับการยอมรับวา่ เป็ นบุคคลตาม มาตรา 30 กฎหมาย 7. สิทธิในการไดร้ ับความคุม้ ครองโดยกฎหมาย มาตรา 30, 40 8. สิทธิทีจะไดร้ ับการเยยี วยาจากศาลเมือถูกละเมิด มาตรา 28, 40, 81, 21 สิ ทธิ 9. เสรี ภาพจากการถูกจบั กมุ กกั ขงั หรื อเนรเทศโดย มาตรา 34, 39 พลการ 13
น กบั รัฐธรรมนูญ 2550 และกฎหมายภายในอนื ทเี กยี วข้อง 50 และกฎหมายอนื ทเี กยี วข้อง กฎหมายภายในอืนๆ พ.ศ. 2550 - 28, 30 - 0, 31 2 ป.อ. ดยออ้ ม - 2 , 36 2 ป.อ. ป.อ. 0 ป.พ.พ. 0, 212 12, 218, 223 ทุกกฎหมาย ป.ว.ิ อาญา 9, 40 ป.ว.ิ แพง่ ป.ว.ิ อาญา 35
10. สิทธิในการไดร้ ับการพิจารณาคดีในศาลอยา่ ง มาตรา 40, 81, 197 เป็ นธรรม 11. สิทธิในการไดร้ ับการสนั นิษฐานวา่ เป็ นผบู้ ริ สุทธิ มาตรา 39 จนกวา่ จะมีการพิสูจน์ความผิด มาตรา 39 เสรี ภาพจากการไม่ถูกบงั คบั ใชก้ ฎหมายอาญา มาตรา 35 ยอ้ นหลงั มาตรา 33 12. สิทธิในความเป็ นอยสู่ ่วนตวั ในครอบครัว มาตรา 36 มาตรา 34 สิ ทธิ ในเคหสถาน เสรี ภาพในการสื อสาร รัฐธรรมนูญไทยไม่เคยปราก 13. เสรี ภาพในการเดินทางและการเลือกถินทีอยู่ รัฐธรรมนูญไทยไม่เคยปราก อาศยั 14. สิทธิในการลีภยั มาตรา 35 15. สิทธิเสรี ภาพในการถือและเปลียนสัญชาติ มาตรา 41 16. สิทธิในการสมรสและสร้างครอบครัว มาตรา 42 17. สิทธิในการถือครองทรัพยส์ ิน เสรี ภาพจากการถูกยดึ คืน/เวนคืนทรัพยส์ ินโดย มาตรา 37, พลการ 18. เสรี ภาพในความคิด ความเชือและในการนบั ถือ 13
7, 218, 223 ป.ว.ิ แพง่ ป.ว.ิ อาญา 9 ป.ว.ิ อาญา 9 ป.อ. 5, ป.พ.พ. 3 6 - 4 กฎหมายคนเขา้ เมือง กฏ, มาตรา 82 ไม่ชดั - กฏ, มาตรา 82 ไม่ชดั กฎหมายสัญชาติ 5 1 ป.พ.พ. 2 ป.พ.พ. พรบ.เวนคืน 79 - 36
ศาสนา มาตรา 45-48, 1 19. เสรี ภาพในความคิดเห็นและการแสดงออก มาตรา 63 20. เสรี ภาพในการชุมนุม มาตรา 64, เสรี ภาพรวมกนั เป็ นสมาคม มาตรา 2, 3 , 87, 88, 93, 94, 21. สิทธิทีจะมีส่วนร่วมการปกครองโดยผา่ นการ เลือกตงั 284 มาตรา 51- สิทธิในการเขา้ ถึงบริ การสาธารณะ มาตรา 43, 83, 84 22. สิทธิในความมนั คงและการไดร้ ับผลทาง เศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม มาตรา 38 , 4 23. สิทธิทีจะเลือกทาํ งานและไดร้ ับค่าตอบแทนที เป็ นธรรม มาตรา 64, 84 มาตรา 44 สิทธิทีจะเขา้ ร่วมสหภาพแรงงาน 24. สิทธิทีจะพกั ผอ่ นและมีเวลาวา่ งจากการทาํ งาน มาตรา 51-55, 25. สิทธิในมาตรฐานการครองชีพทีเพยี งพอ มาตรา 51, สิทธิในการรักษาพยาบาลทีจาํ เป็ น มาตรา 55, 80 สิทธิในความมนั คงจากการวา่ งงานหรื อขาดไร้ อาชีพ มาตรา 52 สิ ทธิ ของบุตรนอกสมรส 13
163, 164 กฎหมายสื อสารมวลชน 3 - 87 - , 95, 111, 112, 165, กฎหมายเลือกตงั -55 - 4, 85, 190 - 43, 84 กฎหมายแรงงาน 4, 87 4 กฎหมายแรงงาน 80, 84 - 80 0, 84 กม.สาธารณสุ ข กม.ประกนั สังคม 2 - 37
26. สิทธิในการศึกษา มาตรา 49, เสรี ภาพทางวชิ าการ มาตรา 50, มาตรา 66,67 27. สิทธิทางวฒั นธรรม มาตรา 80, สิทธิในความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ 13
80 กฎหมายการศึกษา 80 7, 80 กฎหมายวฒั นธรรม 86 ลิขสิทธิ - สิทธิบตั ร 38
บทที 3 การคุ้มครองและบงั คบั ใช้สิทธิมนุษยชน หลกั การคุ้มครองและบังคบั ใช้สิทธมิ นุษยชน 1.หลกั การห้ามเลอื กประตบิ ตั ิ (Non-Discrimination) สาระสาํ คญั ของสิทธิมนุษยชนในฐานะสิทธิมนุษยชน คือ การหา้ มเลือกประติบตั ิต่อบุคคล ในการเขา้ ถึงอาหาร รวมทงั วธิ ีการและสิทธิในการซือหาอาหาร ดว้ ยเหตุแห่งความแตกต่างทางเชือ ชาติ สีผิว เพศ ภาษา อายุ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ถินกาํ เนิดทางสังคม เชือชาติ ทรัพยส์ ิน การกาํ เนิด หรือ สถานภาพอืนใด1 รวมทงั สิทธิของบุคคลรุ่นใหม่ในอนาคต อนั เป็ นการ บนั ทอนหรือทาํ ลายการไดม้ าหรือการใชป้ ระโยชน์ทาง เศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม อยา่ งเสมอ ภาคและยงั ยืนของประชาชน แมว้ า่ จะมีทรัพยากรอยู่อย่างจาํ กดั รัฐก็พึงแบ่งปันทรัพยากรออกไป อยา่ งเสมอภาคไม่เลือกประติบตั ิต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึง หากมีการละเมิดสาระสาํ คญั เช่นวา่ ถือเป็ นการ ละเมิดสิทธิมนุษยชน2 รัฐมีหนา้ ทีในการออกกฎหมายหรือมาตรการใดเพือขจดั การเลือกประติบตั ิในรูปแบบต่างๆ ทีอาจกระทบกระเทือนต่อการเขา้ ถึงสิทธิของบุคคล รัฐพึงขจดั การเลือกประติบตั ิในเชิงปฏิบตั ิ (de facto) ทีเป็ นอุปสรรคขดั ขวางต่อการเขา้ ถึงสิทธิของบุคคล หรือ กลุ่มเสียงทีมกั จะประสบกบั ความ ยากลาํ บากในการใช้สิทธิมนุษยชน3 อาทิ สตรี เด็ก ชนกลุ่มน้อย ชนพืนเมือง ผูล้ ีภยั ผูพ้ ลัดถิน แรงงานอพยพ นกั โทษ และเชลยศึก เป็นตน้ หลกั ห้ามเลือกประติบตั ินีได้เน้นยาํ มาตงั แต่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนว่าเป็ น หลักการสําคญั ของกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ จนถึงกติกาสากลว่าด้วยสิทธิทาง เศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรมในขอ้ 2 วรรค 24 จึงเป็ นการให้หลกั ประกนั วา่ บุคคลจะไดร้ ับการ คุม้ ครองสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม อยา่ งเสมอภาค 1 UN, E/C.12/1999/5, para 18. 2 UN, E/CN.4/2002/58, p. 14. 3 FAO, IGWG RTFG/INF 3, p. 10. 4 กติการะหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม ขอ้ 2
หลกั การห้ามเลือกประติบตั ินีได้รับการยอมรับว่ามีผลบงั คบั ใช้ทางกฎหมาย การออก กฎหมาย หรือมาตรการใดๆของรัฐ ทีเกียวขอ้ งกับการคุ้มครองสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และ วฒั นธรรม จะเลือกประติบตั ิต่อบุคคล หรือ กลุ่มบุคคล อนั เนืองมาจากความแตกต่างทีกล่าวไวใ้ น ขา้ งตน้ มิได้ ดงั จะเห็นไดจ้ ากกรณีศึกษาต่อไปนี คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติไดเ้ นน้ ยาํ หลกั ห้ามเลือกประติบตั ิ ใน ขอ้ แนะนาํ ต่อกฎหมายสิทธิประโยชน์ของผูว้ ่างงานในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยแนะนาํ ว่าให้ รับรองสิทธิของบุรุษทีแต่งงานแลว้ เท่าเทียมกบั สตรีทีแต่งงานแลว้ 5 ศาลรัฐธรรมนูญแห่งอฟั ริกาใตต้ ดั สินวา่ กฎหมายวา่ ดว้ ยความมนั คงทางสังคมทีไม่รับรอง บุคคลทีมีถินพาํ นกั ถาวรแต่มิไดม้ ีสัญชาติอฟั ริกาใตใ้ นการเขา้ ถึงนโยบายความช่วยทางสังคม ขดั ต่อ รัฐธรรมนูญ และมีคาํ สงั ใหแ้ กไ้ ขกฎหมายใหร้ ับรองสิทธิของคนกลุ่มนี6 ศาลสูงแห่งสหรัฐอเมริกาไดใ้ หห้ ลกั ประกนั สิทธิในการเขา้ ถึงโครงการความช่วยเหลือของ รัฐอยา่ งเท่าเทียมกนั ตามนยั ยะแห่ง รัฐธรรมนูญแกไ้ ขฉบบั ที 14 โดยล่าสุดศาลมลรัฐเทก็ ซสั ตดั สิน ใหร้ ัฐตอ้ งอนุญาตใหเ้ ด็กเขา้ เมืองผดิ กฎหมายสามารถเขา้ ถึงระบบการศึกษาได7้ ศาลสูงแห่งแคนาดาตดั สินให้ มลรัฐบริติชโคลมั เบียตอ้ งจดั สิงอาํ นวยความสะดวกให้แก่ คนหูหนวกเพือสร้างหลกั ประกนั ว่ากลุ่มคนเหล่านีสามารถเขา้ ถึงสิทธิประโยชน์ได้เท่าเทียมกบั ผอู้ ืน8 จากกรณีศึกษาข้างต้นแสดงให้เห็นว่าสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชน ซึงเป็ นสิทธิทาง เศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม ตอ้ งไดร้ ับการคุม้ ครองภายใตห้ ลกั การห้ามเลือกประติบตั ิ แมศ้ าล ภายในจะยงั ไม่มีคาํ พิพากษาออกมายอมรับหลกั การในสิทธิมนุษยชนโดยชดั แจง้ ก็ตาม แต่เนืองจาก … 2. รัฐภาคีแห่งกติกานีรับทีจะประกนั วา่ สิทธิทงั หลายทีระบุไวใ้ นกติกานีจะใชไ้ ดโ้ ดยปราศจากการเลือกปฏิบตั ใิ ด ๆ ในเรืองเชือชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมืองหรือความคดิ เห็นอืนใด ชาติหรือสงั คมดงั เดิม ทรัพยส์ ิน กาํ เนิดหรือสถานะอืน 5 FAO, IGWG RTFG /INF 7, p. 6. 6 Ibid., p. 6. 7 Ibid., p. 6. 8 Ibid., p. 6. 140
หลกั การดงั กล่าวเป็ นสาระสําคญั ในการบงั คบั ใชส้ ิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม จึงตอ้ ง นาํ มาประยกุ ตใ์ ชก้ บั สิทธิมนุษยชนดว้ ย แต่การออกมาตรการทีเป็ นพิเศษและแตกต่างเพือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือ ภาวะ ฉุกเฉิน หรือ ช่วยเหลือกลุ่มเสียงใดเป็ นพิเศษ เป็ นสิงทีกระทาํ ได้ เนืองจากเป็ นการเลือกประติบตั ิ อย่างมีเหตุผลเพือช่วยเหลือกลุ่มผูด้ อ้ ยโอกาสในสังคมทีมีความสามารถในการปกป้ องตวั เองนอ้ ย กวา่ บุคคลอืน อนั เป็นพนั ธกิจหลกั ทีมนุษยค์ วรกระทาํ 2. หลกั สิทธิมนุษยชนมใิ ช่สิทธิเด็ดขาดแต่รัฐไม่ควรละเมดิ (Non-Restrictive Rights) แม้สิ ทธิ มนุ ษยชนจะมิ ใช่ สิ ทธิ เด็ดขาดดังเช่ นสิ ทธิ พลเมื องและสิ ทธิ ทางการเมืองบาง ประการ เนืองจากกติกาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรมมิไดก้ าํ หนดไว้ แต่ กติกาและความเห็นทวั ไปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฉบบั ที 12 ก็กาํ หนดให้รัฐตอ้ งละเวน้ การกระทาํ ทีอาจละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน อาทิ การยกเลิกหรือระงบั กฎหมายทีตราไวเ้ พือคุม้ ครอง สิทธิมนุษยชน การขดั ขวางมิให้บุคคลหรือกลุ่มชนใดเขา้ ถึงอาหารโดยการเลือกประติบตั ิทงั จาก การออกกฎหมายหรือบีบบังคบั ในทางปฏิบัติให้เกิดการลิดรอนสิทธิขึน การขัดขวางความ ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในยามฉุกเฉิน การออกกฎหมายภายในหรือนโยบายทีขดั ต่อพนั ธกรณี ระหว่างประเทศ9 ความย่อหย่อนในการคุม้ ครองกลุ่มเป้ าหมายทีเป็ นกลุ่มเสียงมิให้ถูกอาํ นาจรัฐ หรือบุคคลทีสามละเมิดสิทธิ การไม่อาจควบคุมการกระทาํ ของบุคคลทีสามในการละเมิดสิทธิ มนุษยชนของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอืนๆ เงือนไขเหล่านีลว้ นแสดงถึงพนั ธกรณีของรัฐทีจะตอ้ ง คุม้ ครองสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชน หลกั การนีย่อมทาํ ให้รัฐตอ้ งหามาตรการทงั ภายในและระหว่างประเทศมารองรับเพือ ปฏิบตั ิให้เป็ นไปตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศทีเกียวกบั สิทธิมนุษยชน โดยรัฐ จะตอ้ งคาํ นึงถึง10 1) ประสิทธิภาพของมาตรการในการสนองต่อพนั ธกรณี กล่าวคือ มาตรการทีนาํ มาใชต้ อ้ ง ทาํ ใหส้ ิทธิมนุษยชนสามารถบงั คบั ใชใ้ นกระบวนการยตุ ิธรรมได้ 9 UN, E/C.12/1999/5, para 19. 10 UN, E/1999/22, pp. 7-8. 141
2) ประสิทธิผลในการปกป้ องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชน กล่าวคือ ต้องมี มาตรการทีส่งเสริมสิทธิเนืองจากสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม ตอ้ งอาศยั นโยบายเชิงรุก ของรัฐในการใหห้ ลกั ประกนั สิทธิ 3) รัฐพึงผนวกสิทธิมนุษยชนเขา้ ในบริบทของกฎหมายภายในประเทศ เพือให้ปัจเจกชน สามารถเรียกร้องสิทธิของตนไดใ้ นระบบศาลภายในประเทศ สิทธิมนุษยชนพึงไดร้ ับการเยยี วยาไม่เพียงแต่อาศยั กระบวนการทางศาลยุติธรรม แต่อาจ กระทาํ ผา่ นการช่วยเหลือดา้ นธุรการเพืออาํ นวยความสะดวกในการเขา้ ถึงกระบวนการยุติธรรมได้ เช่น ค่าใชจ้ ่าย การบริการทางกฎหมาย ในการบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชน ซึงเป็นสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม อาจมีความ แตกต่างไปจากสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอยบู่ า้ ง เนืองจากมิไดม้ ีบทบญั ญตั ิชดั แจง้ วา่ ให้ เป็ นสิ ทธิเด็ดขาดทีรัฐต้องคุ้มครองตลอดเวลาไม่ว่าในยามใดก็ตาม แต่ความเห็นทัวไป คณะกรรมาธิการสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม ฉบบั ที 9 ก็ไดช้ ีใหเ้ ห็นแลว้ วา่ การเยียวยา ทางกฎหมายเป็ นกระบวนการสําคญั ในการรับรองสิทธิ แมจ้ ะมีบางความเห็นทีเสนอวา่ เรือง สิทธิ ทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม น่าจะอยใู่ นการจดั สรรทรัพยากรของฝ่ ายบริหารมากกว่าฝ่ าย ตุลาการ แต่หากคาํ นึงถึงลกั ษณะของสิทธิมนุษยชนทีแบ่งแยกไม่ไดจ้ ะพบวา่ การปกป้ องคุม้ ครอง สิทธิมนุษยชนเกียวขอ้ งกบั เขตอาํ นาจของฝ่ ายตุลาการเป็ นอนั มาก หากมีการแบ่งแยกอย่างไม่ คาํ นึงถึงผลลพั ธ์ขา้ งตน้ ก็อาจเป็ นการลิดรอนอาํ นาจของฝ่ ายตุลการในการปกป้ องสิทธิของกลุ่ม เสียงทีดอ้ ยโอกาสในสังคม11 เนืองจากการคุม้ ครองสิทธิมนุษยชนเกียวขอ้ งกบั การใช้อาํ นาจอธิปไตยของรัฐ ดงั นนั รัฐ อาจให้การยอมรับสิทธิผ่านกระบวนการทางนิติบญั ญตั ิ บริหาร ได้เช่นกัน ซึงการยอมรับสิทธิ มนุษยชนอาจเป็นไปโดยปริยายมิพกั ตอ้ งพึงคาํ พิพากษาก่อนก็ได้ รัฐอาจมีมาตรการใดๆทงั ทีอยใู่ น รูปของการออกกฎหมาย หรือ นโยบาย โครงการต่างๆ เพือเป็ นการประกนั สิทธิมนุษยชนของ ปัจเจกชน การตีความกฎหมายเพือบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนภายในประเทศควรคาํ นึงถึงการทาํ ใหส้ ิทธิ มนุษยชนมีผลบงั คบั ใชต้ ามกฎหมายเพือให้สอดคลอ้ งกบั พนั ธกรณีของรัฐทีมีต่อกฎหมายระหวา่ ง 11 UN, E/1999/22, paras 10-15. 142
ประเทศให้มากทีสุด ฝ่ ายตุลาการพึงตีความหรือพิจารณาสิทธิในทางทีเป็ นคุณต่อสิทธิเพือสร้าง หลกั ประกนั ใหแ้ ก่ประชาชนหากตอ้ งไดร้ ับการเยียวยาความเสียหายอนั เนืองมาจากการละเมิดสิทธิ มนุษยชนโดยอาํ นาจรัฐ12 3. หลกั การบงั คับตามสิทธิมนุษยชนในชันศาล (Justiciability of Rights) การมีผลบังคับใช้ของสิทธิมนุษยชนในชันศาลจึงเป็ นตวั พิสูจน์ทีสําคัญว่าในแต่ละ มาตรการมีผลต่อการเยยี วยาสิทธิมนุษยชนจริงหรือไม่ การรองรับสิทธิมนุษยชนโดยคาํ พิพากษา ศาลยอ่ มแสดงให้เห็นถึงขอ้ ผกู พนั ทางกฎหมายทีตวั ตนต่างๆ ซึงอยู่ภายใตอ้ าณตั ิของศาลตอ้ งนอ้ ม รับนาํ ไปปฏิบตั ิใหเ้ กิดผลจริง อยา่ งไรก็ตามมกั มีขอ้ โตแ้ ยง้ วา่ สิทธิมนุษยชนเป็ นเพียงสิทธิทวั ไปไม่ มีนาํ หนกั มากพอในการนาํ ไปกล่าวอา้ งในชนั ศาล ในหัวขอ้ นีจึงศึกษาถึงความเป็ นไปไดข้ องการ บงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนในชนั ศาล วา่ หากตอ้ งการจะบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนในชนั ศาลนนั จะตอ้ งมี มาตรการหรือกลไกใดบา้ งเขา้ มารองรับ แมส้ ิทธิมนุษยชนหลายประเภทจะมิใช่สิทธิเด็ดขาดดงั เช่นสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการ เมืองบางประการ เนืองจากกติกาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรมมิไดก้ าํ หนด ไว้ แต่กติกาและความเห็นทวั ไปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฉบบั ที 12 ก็กาํ หนดให้รัฐตอ้ ง ละเวน้ การกระทาํ ทีอาจละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน อาทิ การยกเลิกหรือระงบั กฎหมายทีตราไวเ้ พือ คุม้ ครองสิทธิมนุษยชน การขดั ขวางมิใหบ้ ุคคลหรือกลุ่มชนใดเขา้ ถึงอาหารโดยการเลือกประติบตั ิ ทงั จากการออกกฎหมายหรือบีบบงั คบั ในทางปฏิบตั ิใหเ้ กิดการลิดรอนสิทธิขึน การขดั ขวางความ ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในยามฉุกเฉิน การออกกฎหมายภายในหรือนโยบายทีขดั ต่อพนั ธกรณี ระหว่างประเทศ13 ความย่อหย่อนในการคุม้ ครองกลุ่มเป้ าหมายทีเป็ นกลุ่มเสียงมิให้ถูกอาํ นาจรัฐ หรือบุคคลทีสามละเมิดสิทธิ การไม่อาจควบคุมการกระทาํ ของบุคคลทีสามในการละเมิดสิทธิ มนุษยชนของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอืนๆ เงือนไขเหล่านีลว้ นแสดงถึงพนั ธกรณีของรัฐทีจะตอ้ ง คุม้ ครองสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชนเทียบเท่ากบั สิทธิมนุษยชนอืนๆ 12 Ibid., para 15. 13 UN, E/C.12/1999/5, para 19. 143
กรณศี ึกษา กรณีศาลสูงอินเดียมีคาํ พิพากษาในคดี PUCL ให้รัฐบาลตอ้ งคาํ นึงถึงสิทธิมนุษยชนใน ฐานะทีเป็ นส่วนหนึงของสิทธิในการมีชีวิตของปัจเจกชน ถือเป็ นการยอมรับสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรมเทียบเท่ากบั สิทธิพลเมืองและการเมืองอย่างชัดเจน เพราะนอกจากสิทธิ มนุษยชนแลว้ ศาลยงั ขยายขอบเขตไปถึงสิทธิดา้ นการศึกษาดว้ ย โดยศาลยาํ ว่าสิทธิทงั หลายตอ้ ง ไดร้ ับการคุม้ ครองอยา่ งเท่าเทียมกนั 14 หลักการนีย่อมทาํ ให้รัฐตอ้ งหามาตรการทงั ภายในและระหว่างประเทศมารองรับเพือ ปฏิบตั ิให้เป็ นไปตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศทีเกียวกบั สิทธิมนุษยชน โดยรัฐ จะตอ้ งคาํ นึงถึง15 1) ประสิทธิภาพของมาตรการในการสนองต่อพนั ธกรณี กล่าวคือ มาตรการทีนาํ มาใชต้ อ้ ง ทาํ ใหส้ ิทธิมนุษยชนสามารถบงั คบั ใชใ้ นกระบวนการยตุ ิธรรมได้ 2) ประสิทธิผลในการปกป้ องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชน กล่าวคือ ต้องมี มาตรการทีส่งเสริมสิทธิเนืองจากสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม ตอ้ งอาศยั นโยบายเชิงรุก ของรัฐในการใหห้ ลกั ประกนั สิทธิ 3) รัฐพึงผนวกสิทธิมนุษยชนเขา้ ในบริบทของกฎหมายภายในประเทศ เพือให้ปัจเจกชน สามารถเรียกร้องสิทธิของตนไดใ้ นระบบศาลภายในประเทศ สิทธิมนุษยชนพึงไดร้ ับการเยยี วยาไม่เพียงแต่อาศยั กระบวนการทางศาลยตุ ิธรรม แต่อาจ กระทาํ ผา่ นการช่วยเหลือดา้ นธุรการเพืออาํ นวยความสะดวกในการเขา้ ถึงกระบวนการยุติธรรมได้ เช่น ค่าใชจ้ ่าย การบริการทางกฎหมาย รัฐอาจดําเนินการเพิมเติมโดยการจัดให้มี กฎหมายภายในหรื อมีนโยบายรับรอง กระบวนการทีอิงสิทธิมนุษยชน และรัฐซึงมีสถาบนั สิทธิมนุษยชนระดับชาติหรือผูต้ รวจการ แผน่ ดิน อาจรวมเอาสิทธิในการไดร้ ับอาหารอยา่ งเพยี งพอเขา้ ไปอยเู่ ขตอาํ นาจของตนดว้ ย รัฐซึงไม่ มีสถาบนั สิทธิมนุษยชนระดบั ชาติหรือผตู้ รวจการแผน่ ดินควรสนบั สนุนใหจ้ ดั ตงั องคก์ รดงั กล่าวขึน สถาบนั สิทธิมนุษยชนควรมี ความเป็ นอิสระ และทาํ งานไดด้ ว้ ยตนเอง อิสระจะการครอบงาํ ของ 14 FAO, IGWG RTFG /INF 7, p. 12. 15 UN, E/1999/22, paras. 7-8. 144
รัฐบาล สอดคล้องกับ หลกั การปารีส รัฐควรสนับสนุนองค์กรประชาสังคมและปัจเจกชนให้ ช่วยเหลือการดาํ เนินการตรวจตราของสถาบนั สิทธิมนุษยชนแห่งชาติในเรืองการยอมรับสิทธิใน การไดร้ ับอาหารอย่างเพียงพอเพิมขึนเป็ นลาํ ดบั ดว้ ย16 อนั จะเป็ นหลกั ประกนั ว่าปัจเจกชนจะ สามารถเรียกร้องสิทธิของตนผา่ นทางองคก์ ารขา้ งตน้ ได้ ซึงเป็นการแสดงใหเ้ ห็นถึงผลทางกฎหมาย ของสิทธิมนุษยชนอยา่ งแทจ้ ริง ในการบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชน ซึงเป็นสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม อาจมีความ แตกต่างไปจากสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอยบู่ า้ ง เนืองจากมิไดม้ ีบทบญั ญตั ิชดั แจง้ วา่ ให้ เป็ นสิ ทธิเด็ดขาดทีรัฐต้องคุ้มครองตลอดเวลาไม่ว่าในยามใดก็ตาม แต่ความเห็นทัวไป คณะกรรมาธิการสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม ฉบบั ที 9 ก็ได้ชีให้เห็นแลว้ ว่า การ เยยี วยาทางกฎหมายเป็นกระบวนการสาํ คญั ในการรับรองสิทธิ แมจ้ ะมีบางความเห็นทีเสนอวา่ เรือง สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม น่าจะอยใู่ นการจดั สรรทรัพยากรของฝ่ ายบริหารมากกว่า ฝ่ ายตุลาการ แต่หากคาํ นึงถึงลกั ษณะของสิทธิมนุษยชนทีแบ่งแยกไม่ไดจ้ ะพบว่าการปกป้ อง คุม้ ครองสิทธิมนุษยชนเกียวขอ้ งกบั เขตอาํ นาจของฝ่ ายตุลาการเป็ นอนั มาก หากมีการแบ่งแยกอยา่ ง ไม่คาํ นึงถึงผลลพั ธ์ขา้ งตน้ ก็อาจเป็ นการลิดรอนอาํ นาจของฝ่ ายตุลการในการปกป้ องสิทธิของกลุ่ม เสียงทีดอ้ ยโอกาสในสงั คม17 ในกรณีของสิทธิมนุษยชน รัฐมีพนั ธกรณีในการหามาตรการทีจาํ เป็ นรวมไปถึงการขอ ความช่วยเหลือระหวา่ งประเทศเพือปกป้ องสิทธิมนุษยชนในยามฉุกเฉินทงั ในยามสงคราม และยาม ทีประสบภยั ธรรมชาติ ซึงหมายความว่ารัฐมีหน้าทีในการปกป้ องสิทธิมนุษยชนตลอดเวลา18 ดงั เช่นกรณีทีศาลสามารถมีคาํ พิพากษาให้รัฐตอ้ งดาํ เนินมาตรการเพือสร้างหลกั ประกนั สิทธิใหแ้ ก่ ประชาชนเพิมขึนอยบู่ า้ ง อาทิ กรณศี ึกษา กรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและสิทธิประชาชนแห่งอฟั ริกาไดท้ าํ ขอ้ เสนอแนะไปยงั รัฐบาลไนจีเรียใหห้ ามาตรการปกป้ องสิทธิมนุษยชนชุมชนชาวโอโกนีจากการคุกคามของกองกาํ ลงั 16 FAO, Voluntary Guidelines to Support the Progressive Realization of the Right to Adequate Food in the Context of National Food Security, 2004, pp. 18.1. 17 UN, E/1999/22, paras 10-15. 18 UN, E/C.12/1999/5, para. 38. 145
ทหารของรัฐบาล19 ซึงเป็ นการแสดงให้เห็นถึงผลทางกฎหมายของการคุม้ ครองสิทธิมนุษยชน กระบวนการยตุ ิธรรม เนืองจากการคุม้ ครองสิทธิมนุษยชนเกียวขอ้ งกบั การใชอ้ าํ นาจอธิปไตยของรัฐ ดงั นนั รัฐ อาจให้การยอมรับสิทธิผ่านกระบวนการทางนิติบญั ญตั ิ บริหาร ได้เช่นกัน ซึงการยอมรับสิทธิ มนุษยชนอาจเป็นไปโดยปริยายมิพกั ตอ้ งพึงคาํ พิพากษาก่อนก็ได้ รัฐอาจมีมาตรการใดๆทงั ทีอยใู่ น รูปของการออกกฎหมาย หรือ นโยบาย โครงการต่างๆ เพือเป็ นการประกนั สิทธิมนุษยชนของ ปัจเจกชน การตีความกฎหมายเพอื บงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนภายในประเทศควรคาํ นึงถึงการทาํ ให้สิทธิ มนุษยชนมีผลบงั คบั ใชต้ ามกฎหมายเพือใหส้ อดคลอ้ งกบั พนั ธกรณีของรัฐทีมีต่อกฎหมายระหวา่ ง ประเทศให้มากทีสุด ฝ่ ายตุลาการพึงตีความหรือพิจารณาสิทธิในทางทีเป็ นคุณต่อสิทธิเพือสร้าง หลกั ประกนั ใหแ้ ก่ประชาชนหากตอ้ งไดร้ ับการเยียวยาความเสียหายอนั เนืองมาจากการละเมิดสิทธิ มนุษยชนโดยอาํ นาจรัฐ20 แมจ้ ะเป็ นการยากทีฝ่ ายตุลาการจะแสดงบทบาทโดยตรงในการออกคาํ สังหรือชีให้ฝ่ าย บริหารหรือนิติบญั ญตั ิตอ้ งพยายามอย่างเต็มทีในการให้หลักประกนั สิทธิมนุษยชนเพิมขึนเป็ น ลาํ ดบั แต่ก็มีกรณีทีศาลสามารถมีคาํ พพิ ากษารับรองสิทธิมนุษยชนของประชาชนในชนั ศาล อาทิ ศาลสูงสุดอินเดียมีคาํ สังให้รัฐบาลตอ้ งหาหลกั ประกนั สิทธิมนุษยชนเพือแบ่งปันอาหาร ไปสู่กลุ่มเสียงหลงั จากทีรัฐบาลอินเดียมีนโยบายแปรรูปรัฐวสิ าหกิจดา้ นอาหารไปเป็ นของเอกชน21 และ กรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและสิทธิประชาชนแห่งอฟั ริกาไดท้ าํ ขอ้ เสนอแนะไปยงั รัฐบาลไนจีเรียใหห้ ามาตรการปกป้ องสิทธิมนุษยชนชุมชนชาวโอโกนีจากการคุกคามของกองกาํ ลงั ทหารของรัฐบาล22 ซึงเป็ นการแสดงใหเ้ ห็นถึงผลทางกฎหมายของพนั ธกรณีของรัฐในการบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนในกระบวนการทางกฎหมาย 19 FAO, IGWG RTFG /INF 7, p. 5. 20 UN, E/C.12/1999/5, para 38. 21 FAO, IGWG RTFG /INF 7, p. 15. 22 FAO, IGWG RTFG /INF 7, p. 5. 146
จากการวเิ คราะห์ขา้ งตน้ พบวา่ หากสิทธิมนุษยชนมีผลบงั คบั ใชใ้ นชนั ศาลแลว้ การดาํ เนิน นโยบายและจดั ทาํ บริการสาธารณะของรัฐก็จะตอ้ งคาํ นึงถึงผลกระทบต่อปัจเจกชนในประเด็นสิทธิ มนุษยชนอยา่ งเลียงมิได้ และยงั เป็นการสร้างหลกั ประกนั ใหก้ บั ปัจเจกชนวา่ หากมีการละเมิดสิทธิ มนุษยชนขึนปัจเจกชนก็สามารถเรียกร้องสิทธิของตนต่อรัฐหรือศาลใหม้ ีการเยยี วยาความเสียหายที เกิดขึนได้ 4. หลักพันธกรณีของรัฐในการให้หลักประกันสิทธิทีดีทีสุดเท่าทีทรัพยากรอํานวย (Progressive Realization with Maximum of its available Resource) สิทธิมนุษยชนเป็ นสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม ทีมีลกั ษณะเป็ นสิทธิเชิงบวก กล่าวคือ รัฐจะตอ้ งมีกฎหมาย หรือมาตรการใดๆ ออกมาเพือส่งเสริมการคุม้ ครองสิทธิ ในการ ดาํ เนินการเชิงรุกของรัฐนนั จาํ เป็ นอยา่ งยิงทีจะตอ้ งอาศยั ทรัพยากรในการดาํ เนินงาน ดงั นนั ในแต่ ละรัฐจึงมีศกั ยภาพในการพฒั นาสิทธิไดไ้ ม่เท่าเทียมกนั นกั ดงั นนั รัฐจึงตอ้ งใช้ความพยายามมาก ทีสุดในการสร้างหลกั ประกนั สิทธิมนุษยชนให้แก่ประชาชนเท่าทีทรัพยากรจะเอืออาํ นวย23 หาก รัฐไม่อาจสนองต่อความตอ้ งการขนั ตาํ สุดทีบุคคลจะดาํ รงชีพไดอ้ ยา่ งมีศกั ดิศรีความเป็ นมนุษย์ และ รัฐไม่ไดใ้ ชค้ วามพยายามอยา่ งเตม็ ทีในการแสวงหาอาหารมาเพือจดั สรรใหแ้ ก่กลุ่มเสียง ก็ถือวา่ รัฐ ไดล้ ะเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน ความเห็นทวั ไปของคณะกรรมาธิการสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม ฉบบั ที 12 ไดก้ ระตุน้ ให้ รัฐควรดาํ เนินการอย่างกา้ วหน้าเป็ นลาํ ดบั เพือให้บรรลุเป้ าหมายดา้ นสิทธิในการมี อาหารอย่างเพียงพอ24 ซึงรัฐมีพนั ธะให้ตอ้ งดาํ เนินการเพือบรรลุเป้ าหมายดงั กล่าวเร็วทีสุดเท่าที เป็นไปได้ รัฐตอ้ งใหห้ ลกั ประกนั วา่ บุคคลทีอยภู่ ายใตอ้ าณตั ิตนจะมีโอกาสเขา้ ถึงอาหารทีจาํ เป็ นขนั ตาํ ซึงมีคุณค่าทางโภชนาการและปลอดจากสารพิษเพือพน้ จากความอดอยาก มาตรการทีรัฐจะตอ้ ง ดาํ เนินการนนั มีบางมาตรการรัฐตอ้ งดาํ เนินการทนั ที ขณะทีบางมาตรการรัฐอาจดาํ เนินการในระยะ ยาวเพือให้บรรลุเป้ าหมายของสิทธิมนุษยชนเป็ นลาํ ดบั ในกรณีทีรัฐใดไม่อาจสนองความจาํ เป็ น ของประชาชนขนั ตาํ สุดในการหลุดพน้ จากความอดอยากอนั เนืองมาจากการขาดแคลนทรัพยากร 23 UN, E/C.12/1999/5, para 17. 24 Ibid., para 16. 147
อนั เป็ นเหตุให้ไม่อาจจดั หาอาหารให้แก่ผูท้ ีไม่สามารถเลียงดูตนเองได้ รัฐจะตอ้ งพยายามใช้ ความสามารถอยา่ งเต็มทีเท่าทีทรัพยากรจะอาํ นวยเพือสนองความความจาํ เป็ นขนั ตาํ เหล่านนั อยา่ ง เร่งด่วน หากเป็ นกรณีทีเกินกว่ารัฐจะควบคุมได้รัฐต้องพยายามแสวงหาความช่วยเหลือจาก ประชาคมโลกเพือประกนั การจดั หาและการเขา้ ถึงอาหารทีจาํ เป็น25 การออกมาตรการต่างๆ มาเพือประกนั สิทธิอยา่ งเหมาะสมนนั หมายรวมถึง มาตรการทาง บริหาร งบประมาณ การให้ความรู้ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงมาตรการอืนๆ ทีส่งเสริมการยอมรับสิทธิมนุษยชนเพมิ ขึนเป็นลาํ ดบั รูปแบบของรัฐบาลหรือระบบเศรษฐกิจใดๆ ทีแตกต่างกนั ไม่เป็ นอุปสรรคต่อการออกมาตรการดงั กล่าว รัฐสามารถเลือกรูปแบบทีเหมาะสม กับตวั เองในการออกมาตรการได้เพียงแต่มาตรการเช่นว่าตอ้ งมีความเป็ นประชาธิปไตย และ ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เนืองจากสิทธิมนุษยชนมีความเป็ นกลางไม่แบ่งแยกออกจากบริบทของ สังคมสามารถทาํ ให้เป็ นจริงได้ไม่ว่ารัฐจะมีระบบเศรษฐกิจการเมืองแบบใด ซึงเป็ นการยืนยนั ความสมั พนั ธ์ของสิทธิมนุษยชนกบั สิทธิในการพฒั นา26 การส่งเสริมความก้าวหน้าในการยอมรับสิทธิมนุษยชนเพิมขึนเป็ นลาํ ดับจาํ เป็ นต้อง กาํ หนดเป้ าหมาย ตวั ชีวดั กรอบเวลา และทรัพยากรทีตอ้ งใช้ อย่างชัดเจน เพือประโยชน์ในการ ตรวจตรา ตรวจสอบ และประเมินผล มาตรการต่างๆ ทีรัฐดาํ เนินการ เกณฑ์ขนั ตาํ ทีรัฐพึงให้การรับประกัน คือ ความจาํ เป็ นขนั พืนฐานทีบุคคลพึงจะได้รับ อาหารเพียงพอต่อความตอ้ งการทางโภชนาการในแต่ละวนั แมใ้ นพืนทีทีทรัพยากรไม่เพียงพอหรือ อยใู่ นภาวะฉุกเฉิน รัฐก็มีหนา้ ทีและความรับผดิ ชอบในการแสวงหาความร่วมมือระหวา่ งประเทศ เพือนาํ ความช่วยเหลือและทรัพยากรเขา้ มาแกไ้ ขปัญหาความขาดแคลนอาหารภายในประเทศของ ตน ความร่วมมือระหว่างประเทศอาจอย่ใู นรูปแบบ ความช่วยเหลือทางวิชาการ ความช่วยเหลือ ทางเศรษฐกิจ หรือ ความช่วยเหลือดา้ นอาหารโดยตรงก็ได้ ความร่วมมือระหว่างประเทศนีย่อม ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั สิทธิในการพฒั นาของแต่ละประเทศบนพืนฐานแห่งการพฒั นาอยา่ งยงั ยืนและมี เอกลกั ษณ์ของแต่ละทอ้ งถินดว้ ย27 25 Ibid., para 17. 26 UN, E/1991/23, paras 9-14. 27 Ibid., paras 38-41. 148
การบงั คบั ใช้สิทธิมนุษยชนอาจมีอุปสรรคอยู่บา้ งแต่ก็ไม่ควรตีความสิทธิมนุษยชนไป ในทางทีถดถอยอนั ทาํ ให้สาระสําคญั แห่งสิทธิตอ้ งเสือมลงไป การบงั คบั ใช้สิทธิต้องมีความ ยดื หยนุ่ เพอื ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพสงั คมทีเป็นจริงของแต่ประเทศ เพือสร้างหลกั ประกนั แห่งสิทธิ ให้เกิดขึนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทีสุดเท่าทีจะเป็ นได้ มาตรการใดๆทีอาจทาํ ให้สิทธิ มนุษยชนเสือมลงรัฐจาํ ตอ้ งพิจารณาอยา่ งถีถว้ น และคาํ นึงถึงองคร์ วมของสิทธิมนุษยชนทียึดโยง อยู่ ภายใตบ้ ริบทของการใชป้ ระโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรทีมีอยู่ แมจ้ ะเป็ นการยากทีฝ่ ายตุลาการจะแสดงบทบาทโดยตรงในการออกคาํ สังหรือชีให้ฝ่ าย บริหารหรือนิติบญั ญตั ิตอ้ งพยายามอย่างเต็มทีในการให้หลกั ประกนั สิทธิมนุษยชนเพิมขึนเป็ น ลาํ ดบั แต่ก็มีกรณีทีศาลสามารถมีคาํ พพิ ากษาใหร้ ัฐตอ้ งดาํ เนินมาตรการเพือสร้างหลกั ประกนั สิทธิ ให้แก่ประชาชนเพิมขึนอยู่บา้ ง อาทิ ศาลสูงสุดอินเดียมีคาํ สังให้รัฐบาลตอ้ งหาหลกั ประกนั สิทธิ มนุษยชนเพือแบ่งปันอาหารไปสู่กลุ่มเสียงหลงั จากทีรัฐบาลอินเดียมีนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ดา้ นอาหารไปเป็ นของเอกชน28 และกรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและสิทธิประชาชนแห่งอฟั ริกาไดท้ าํ ขอ้ เสนอแนะไปยงั รัฐบาลไนจีเรียใหห้ ามาตรการปกป้ องสิทธิมนุษยชนชุมชนชาวโอโกนี จากการคุกคามของกองกาํ ลงั ทหารของรัฐบาล29 ซึงเป็ นการแสดงใหเ้ ห็นถึงผลทางกฎหมายของ พนั ธกรณีของรัฐในการใหห้ ลกั ประกนั สิทธิเท่าทีทรัพยากรเอืออาํ นวย พนั ธกรณีของรัฐในการให้หลกั ประกนั สิทธิเท่าทีทรัพยากรเอืออาํ นวย มิไดห้ มายความว่า รัฐมิพกั ตอ้ งเร่งรีบผลกั ดนั มาตรการหากทรัพยากรมีอย่จู าํ กดั ความคิดดงั กล่าวอาจถูกจาํ กดั ลงได้ ดงั ทีความเห็นทวั ไปของคณะกรรมาธิการสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม ฉบบั ที 12 ระบุ วา่ “รัฐมีหนา้ ทีในการดาํ เนินการอย่างทนั ท่วงทีในการบรรเทาความอดอยากหิวโหยในยามทีรัฐ ประสบภยั ธรรมชาติ หรือ สาธารณภยั ใดๆก็ตาม”30 แม้รัฐจะมีทรัพยากรอยู่อย่างจาํ กัด ก็ต้อง พยายามแสวงหาทรัพยากรเพิมเติมจากความร่วมมือระหวา่ งประเทศ หากรัฐอา้ งว่าไดใ้ ชค้ วามพยายามอย่างเต็มทีเท่าทีทรัพยากรจะอาํ นวยแลว้ แต่ไม่สามารถ ดาํ เนินการให้บรรลุวตั ถุประสงค์ไดเ้ นืองจากเกิดเหตุสุดวิสัย รัฐนนั ก็มีภาระในการพิสูจน์ว่าเหตุ 28 FAO, IGWG RTFG /INF 7, p. 15. 29 Ibid., p. 5. 30 UN, E/CN.4/2002/58, p. 14. 149
สุดวิสัยดงั กล่าวเป็ นเช่นนนั จริง และรัฐก็ไดพ้ ยายามทีจะขอความช่วยเหลือจากประชาคมระหว่าง ประเทศแลว้ แต่ไม่สัมฤทธิผล 5. พนั ธกรณขี องรัฐในการบงั คบั ใช้สิทธิมนุษยชน ปัจจุบันกระแสโลกาภิวฒั น์ได้เข้ามามีบทบาทในการดํารงชีวิตของมนุษย์มากยิงขึน กิจกรรมต่างๆของมนุษยม์ ีลกั ษณะขา้ มพรมแดนทางภูมิประเทศครอบคลุมไปทวั ทุกภูมิภาค การ ดาํ เนินกิจกรรมของตวั ตนต่างๆ ทงั ทีเป็ นรัฐ และตวั ตนอืนทีมิใช่รัฐ ล้วนมีผลกระทบต่อมนุษย์ ทงั สิน ซึงการดาํ เนินการในหลายๆ ส่วนของตวั ตนเหล่านีก็มีผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนรัฐบาล ของแต่ละประเทศมีหนา้ ทีในการให้หลกั ประกนั วา่ ประชากรของตนจะไม่ตกอยู่ในภาวะอดอยาก ขาดอาหาร ซึงหน้าทีนีมีความสําคญั เป็ นอนั ดบั แรกของทุกๆรัฐชาติ รัฐตอ้ งใช้ความพยายามเพือ ตอบสนองความตอ้ งการดา้ นอาหารของประชาชนมากทีสุดเท่าทีทรัพยากรในรัฐจะอาํ นวย แต่ใน โลกปัจจุบนั ทีอาํ นาจมิไดร้ วมศูนยอ์ ย่ทู ีรัฐชาติเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป จึงมีความจาํ เป็ นทีจะตอ้ ง ขยายขอบเขตการบงั คบั ใชก้ ฎหมายสิทธิมนุษยชนไปสู่ตวั ตนอืนทีมิใช่รัฐดว้ ย ทงั องคก์ ารระหวา่ ง ประเทศ และ บรรษทั ขา้ มชาติ31 เพือเป็ นการป้ องกนั มิให้ตวั ตนเหล่านีใช้อาํ นาจไปในทางมิชอบ อนั อาจกระทบกระเทือนต่อสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชนได้ ดงั นนั ในวทิ ยานิพนธ์ฉบบั นีจึงไดข้ ยาย ขอบเขตการพิจารณาพนั ธกรณีในการบงั คบั ใช้สิทธิมนุษยชนใหค้ รอบคลุมไปเกินกวา่ แนวคิดดงั ดงั เดิมทีจาํ กดั อยเู่ พียงการบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนภายในรัฐ โดยไดพ้ จิ ารณาไปถึง การบงั คบั ใชส้ ิทธิ มนุษยชนนอกอาณาเขต การบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนโดยองคก์ ารระหว่างประเทศ รวมไปถึงการ ยอมรับสิทธิมนุษยชนโดยตวั ตนอืนทีมิใช่รัฐ พนั ธกรณีของรัฐในการบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนภายในประเทศ เกิดขึนโดยผลของปฏิญญา สากลว่าดว้ ยสิทธิมนุษยชน และการใหส้ ัตยาบนั แก่สนธิสัญญาต่างๆทีเกียวขอ้ ง โดยเฉพาะกติกา สากลว่าดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม โดยความเห็นทวั ไปของคณะกรรมาธิการ สิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม ฉบบั ที 12 ไดช้ ีใหเ้ ห็นถึงพนั ธกรณีของรัฐในการบงั คบั ใช้ 31 UN, E/CN.4/2006/44, p. 8. 150
สิทธิมนุษยชนว่า รัฐบาลของแต่ละประเทศมีพนั ธกรณีในการเคารพ ปกป้ อง และเติมเต็มสิทธิ มนุษยชนของประชาชนภายในรัฐ32 พนั ธกรณีของรัฐในการบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนนอกอาณาเขต เดิมทีความรับผดิ ชอบของ รัฐในการคุม้ ครองสิทธิมนุษยชนจะเนน้ ไปทีการคุม้ ครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนภายในรัฐ แต่ในปัจจุบนั กระแสโลกาภิวฒั น์ไดท้ าํ ใหเ้ กิดความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศทีใกลช้ ิดและรวดเร็ว ยิงขึน นโยบายของรัฐใดรัฐหนึงอาจส่งผลกระทบต่อประชากรในอีกรัฐหนึงไดโ้ ดยง่าย ดงั นนั รัฐพึงคาํ นึงเสมอว่าการออกมาตรการ หรือนโยบายของตนจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน ของประชาชนในรัฐอืน ยกตวั อยา่ งเช่น นโยบายการคา้ สินคา้ เกษตรระหวา่ งประเทศของประเทศ พฒั นาแลว้ มกั มีการอุดหนุนผผู้ ลิตภายในประเทศทาํ ใหเ้ กิดการทุ่มตลาดสินคา้ เกษตรในประเทศ อืน ซึงส่วนใหญ่เป็ นประเทศกาํ ลงั พฒั นา33 ถือเป็ นการดาํ เนินนโยบายของประเทศพฒั นาแลว้ ที กระทบกระเทือนต่อสิทธิมนุษยชนของประชาชนในประเทศกาํ ลงั พฒั นา ตราสารระหวา่ งประเทศ ทีเกียวขอ้ งกบั สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม และความเห็นทวั ไปขององคก์ รทีเกียวขอ้ ง มิไดจ้ าํ กดั การบงั คบั ใชส้ ิทธิไวเ้ ฉพาะภายในประเทศ แต่ในหลายๆครังไดแ้ สดงใหเ้ ห็นถึงการบงั คบั ใชส้ ิทธินอกอาณาเขตไวโ้ ดยปริยาย เช่น การกาํ หนดใหร้ ัฐตอ้ งหาความร่วมมือระหวา่ งประเทศเพือ ส่งเสริมการบงั คบั ใช้สิทธิให้มีประสิทธิภาพมากยิงขึน โดยเฉพาะในกรณีทีเกิดภยั พิบตั ิร้ายแรง จากการนาํ เสนอในการประชุมระหวา่ งประเทศหลายเวที องคก์ รพฒั นาเอกชน และ นกั วชิ าการ ได้ ชีให้เห็นว่า ในการบงั คับใช้สิทธิมนุษยชนกฎหมายระหว่างประเทศได้เปิ ดช่องทางให้รัฐมี พนั ธกรณีในการบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนนอกอาณาเขตของตนดว้ ย โดยในวรรคสอง ของ ขอ้ 11(1) และ 11(2) แห่งกติกาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม กาํ หนดให้รัฐแสวงหา ความร่วมมือระหว่างประเทศโดยมิตอ้ งคาํ นึงถึงขอ้ จาํ กดั ทางอาณาเขตหรือเขตอาํ นาจใดๆ ซึงเป็ น การสะทอ้ นให้เห็นถึงกรอบพนั ธกรณีนอกอาณาเขต34 แมใ้ นเบืองตน้ ภาระหน้าทีในการบงั คบั ใช้ สิทธิมนุษยชนจะเป็ นของรัฐบาลในแต่ละประเทศ แต่หากมีความจาํ เป็ นฉุกเฉิน หรือ ขาดแคลน ทรัพยากร รัฐบาลของประเทศอืนๆก็สามารถให้ความร่วมมือหรือส่งความช่วยเหลือในรูปแบบ 32 Ibid., p. 9. 33 Ibid., p. 11. 34 Ibid., p. 11. 151
ต่างๆทีจาํ เป็นไปยงั ประเทศทีประสบปัญหาได้ ในกรณีของความช่วยเหลือดา้ นมนุษยธรรมระหวา่ ง ประเทศหากรัฐเจา้ ของดินแดนพยายามปิ ดกนั การส่งความช่วยเหลือ อาจมีความผิดตามกฎหมาย มนุษยธรรมระหวา่ งประเทศดว้ ย ทงั นียงั มีความพยายามของหลายประเทศในการออกกฎหมายเอา ผดิ บรรษทั เอกชนสญั ชาติตนทีไปละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศอืนอีกดว้ ย พนั ธกรณีขององค์การระหว่างประเทศในการบงั คบั ใช้สิทธิมนุษยชน ความสัมพนั ธ์ ระหว่างประเทศในปัจจุบนั ไดอ้ าศยั การผลกั ดนั นโยบาย และระงบั ขอ้ พิพาทภายใตก้ ระบวนการ ขององค์การระหว่างประเทศเป็ นอย่างมาก ทังในส่วนทีอยู่ภายใต้เขตอาํ นาจขององค์การ สหประชาชาติโดยตรง และในส่วนทีเกียวกบั องคก์ ารชาํ นญั พิเศษอืนๆ ในประเด็นสิทธิมนุษยชน องค์การระหว่างประเทศทีมีบทบาทเกียวขอ้ งมากเป็ นพิเศษ คือ องค์การระหว่างประเทศทาง เศรษฐกิจ ไดแ้ ก่ องคก์ ารการคา้ โลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลก องคก์ าร เหล่านีมีอิทธิพลต่อการกําหนดนโยบายทางเศรษฐกิจทังในระดับระหว่างประเทศ และ ภายในประเทศ และมีแนวโน้มทีจะเพิมอิทธิพลมากขึนเรือยๆตามจาํ นวนสมาชิกทีเพิมขึน องคก์ ารระหวา่ งประเทศดา้ นการเงิน คือ กองทุนการเงินระหวา่ งประเทศ และ ธนาคารโลก มีส่วน อ ย่ า ง ม า ก ใ น ก า ร ผ ลัก ดัน ใ ห้ ป ร ะ เ ท ศ ลู ก ห นี ข น า ด เ ล็ ก ป รั บ เ ป ลี ย น โ ค ร ง ส ร้ า ง ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ภายในประเทศของตน ทงั การเปิ ดตลาดการค้าเสรี การลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ และการแปรรูป รัฐวสิ าหกิจ ซึงนโยบายเหล่านีลว้ นส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนทงั สิน ผทู้ ีไดร้ ับผลกระทบจาก การเปลียนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจมากทีสุดก็คือ กลุ่มผยู้ ากจน และ กลุ่มชนพืนเมือง ซึงถือเป็ น กลุ่มเสียงทีรัฐพึงตระหนกั ถึงให้มากนนั เอง เพราะนโยบายเหล่านีทาํ ให้การแบ่งปันอาหารและ ทรัพยากรเปลียนไปอยใู่ นการควบคุมของเอกชนทาํ ใหเ้ กิดราคาในการซือหา แต่กลุ่มเสียงเหล่านีไม่ มีกาํ ลงั ทางเศรษฐกิจมากพอในการซือ ธนาคารโลกยงั อาศยั วธิ ีการอนุมตั ิเงินให้แก่โครงการต่างๆที มีลกั ษณะเป็นการสร้างสาธารณูปโภคและสิงก่อสร้างขนาดใหญ่ในชนบทของประเทศกาํ ลงั พฒั นา ซึงในหลายๆกรณีโครงการเหล่านีได้ผลกั ดนั ให้กลุ่มชนพืนเมืองต้องอพยพออกจากพืนทีและ สูญเสียทีดินทาํ กินโดยไม่ไดร้ ับค่าชดเชยอย่างเหมาะสม35 องคก์ ารการคา้ ระหว่างประเทศได้ ผลกั ดนั นโยบายการคา้ เสรีแบบลทั ธิเสรีนิยมใหม่ทีเน้นการเปิ ดตลาดของทุกประเทศให้รับการ 35 Ibid., pp. 14-15. 152
เคลือนไหวของสินคา้ และบริการขา้ มพรมแดน อยา่ งไรก็ดีผลของการบงั คบั ใชข้ อ้ ตกลงทางการคา้ หลายฉบบั ก็ได้แสดงถึงความไม่เท่าเทียมกนั ทางการคา้ ทีเกิดขึนระหว่างประเทศพฒั นาแล้วกบั ประเทศกาํ ลงั พฒั นา เช่น ขอ้ ตกลงสินคา้ เกษตรทียงั ไม่สามารถบงั คบั ให้ประเทศพฒั นาแลว้ ระงบั การอุดหนุนผูผ้ ลิตภายในประเทศตนเองได้อย่างสินเชิงทาํ ให้การคา้ สินคา้ เกษตรในตลาดโลก บิดเบือนไปไม่เป็นไปตามกลไกตลาดทีเป็นธรรม เป็นการสะทอ้ นถึงระบบการคา้ ทีไม่เท่าเทียมกนั มีลกั ษณะสองมาตรฐาน36 การระงบั ขอ้ พิพาททางการคา้ ภายใตอ้ งคก์ ารการคา้ โลกในหลายๆกรณี ยงั ไม่มีความชดั เจนนกั ขึนอยู่กบั เหตุผลของแต่ละคดียากทีจะกาํ หนดบรรทดั ฐาน ทาํ ให้ประเทศที ขาดทุนทรัพยต์ ามสถานการณ์ไดช้ ้ากวา่ มาก ในหลายๆคดีคาํ ตดั สินมุ่งคุม้ ครองการคา้ เสรีมากกว่า จะคุม้ ครองสุขอนามยั และสิงแวดลอ้ ม การพยายามบรรจุประเด็นความมนั คงดา้ นอาหารเขา้ ไปใน ขอ้ ตกลงก็ยงั ไม่ไดร้ ับการยอมรับเท่าทีควร จากการประชุมระหวา่ งประเทศในหลายเวทีไดพ้ ยายาม หาลู่ทางเพือกาํ หนดกรอบการดาํ เนินกิจกรรมขององคก์ ารระหวา่ งประเทศให้ยอมรับสิทธิมนุษยชน มากยิงขึน ดงั ทีปรากฏในมติที 60/165 ของทีประชุมสมชั ชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ไดเ้ รียกร้อง ให้องค์การระหวา่ งประเทศส่งเสริมการยอมรับสิทธิมนุษยชนเพิมขึนเป็ นลาํ ดบั โดยเชิญชวนให้ องคก์ รเหล่านีสนบั สนุนนโยบายและโครงการทีเป็ นผลดีต่อสิทธิมนุษยชน และตอ้ งตรวจตราว่า ประเทศสมาชิกทีไดร้ ับความร่วมมือหรือช่วยเหลือในโครงการต่างๆจะบูรณาการสิทธิมนุษยชนเขา้ ไปสู่โครงการเหล่านนั เพือหลีกเลียงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มเสียงดว้ ย37 พนั ธกรณีของบรรษทั ขา้ มชาติในการยอมรับสิทธิมนุษยชน ท่ามกลางกระแสโลกาภิวฒั น์ ตามลทั ธิเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ บรรษทั ขา้ มชาติถือวา่ งเป็นตวั ตนทีมีบทบาทในการขบั เคลือน เศรษฐกิจเป็ นอย่างมากเนืองจากเป็ นศูนย์รวมของทุนและเทคโนโลยี ทาํ ให้มีศกั ยภาพในการ เคลือนยา้ ยองคก์ รไปประกอบการในดินแดนใดของโลกก็ได้ ในหลายๆกรณีบรรษทั ขา้ มชาติไดย้ า้ ย ไปหาแหล่งวตั ถุดิบและตลาดใหม่ๆในประเทศกาํ ลงั พฒั นาทีมีระบบกฎหมายยอ่ หยอ่ นกวา่ ประเทศ ฐานผลิตเดิมของตน ทงั ระบบกฎหมายคุม้ ครองผบู้ ริโภค กฎหมายการตลาด กฎหมายป้ องกนั การ ผกู ขาด รวมไปถึงกฎหมายสิงแวดลอ้ ม ทงั นีเพือเป็นการลดตุนการผลิตของตนและเป็นการง่ายทีจะ ครอบครองตลาดใหม่ๆทีการแข่งขนั และการควบคุมยงั ไม่สูง ในหลายๆครังจึงเป็ นการเคลือนยา้ ย 36 Ibid., p. 15. 37 Ibid., p. 15. 153
ทุนเพือหลีกเลียงความรับผิดตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน38 นโยบายของหลายบรรษัทได้ กระทบกระเทือนต่อสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชน อาทิ สภาพการจา้ งงาน ผลกระทบต่อสิงแวดลอ้ ม การแอบส่งเสริมนโยบายประพฤติมิชอบในวงราชการ รวมไปถึงการผกู ขาดตลาดและทรัพยากร ของประเทศทีตนเขา้ ไปตงั ฐาน ซึงเป็ นการจาํ กดั ช่องทางทาํ กินของเกษตรกรรายย่อย และจาํ กดั ทางเลือกของผูบ้ ริโภค ยิงในยุคทีองค์การระหว่างประเทศทางเศรษฐกิจผลักดนั นโยบายทาง เศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ยิงทาํ ให้บรรษทั ขา้ มชาติไดร้ ับประโยชน์มากยงิ ขึน ทงั นโยบายการเปิ ด ตลาดการคา้ เสรี และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ บรรษทั ขา้ มชาติเพียงไม่กีบรรษทั สามารถครอบครอง ส่วนแบ่งตลาดอาหาร และครอบครองวิสาหกิจทางการเกษตรและอาหารไปทวั โลก ทาํ ให้อาหาร และปัจจยั การผลิตอยู่ในครอบครองของบรรษทั เกษตรกรรายย่อยและผูย้ ากไร้ไม่สามารถเขา้ ถึง ปัจจยั เหล่านีไดเ้ นืองจากมีราคาสูงขึนตามการกาํ หนดของบรรษทั ทาํ ใหเ้ กิดแนวคิดทีจะควบคุมการ ดาํ เนินกิจการของบรรษทั ขา้ มชาติใหม้ ีความรับผดิ ชอบทางสังคมและยอมรับสิทธิมนุษยชนมากขึน แต่เดิมทีการคุม้ ครองอาํ นาจหนา้ ทีของรัฐบาลเพียงฝ่ ายเดียวแต่เมือสถานการณ์ของโลกเปลียนไป และส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน กฎหมายสิทธิมนุษยชนก็ตอ้ งปรับตวั ตามไปดว้ ย พฒั นาการ ของสิทธิมนุษยชนในการบงั คบั ให้บรรษทั ขา้ มชาติยอมรับและเคารพสิทธิมนุษยชนมีอยู่ 2 ทาง คือ ความรับผิดโดยตรง และความรับผิดโดยออ้ มในความรับผิดโดยตรงนันได้มีความพยายามของ สหประชาชาติในการร่างประมวลความรับผดิ ของบรรษทั ขา้ มชาติในการดาํ เนินกิจการทีอาจส่งผล กระทบต่อสิทธิมนุษยชน หากประมวลดงั กล่าวสามารถประกาศใชไ้ ดก้ ็จะสร้างความรับผิดและ แนวทางการบังคับใช้สิทธิต่อบรรษัทข้ามชาติได้มากขึน ส่วนความรับผิดโดยอ้อมนัน ใช้ กระบวนการของรัฐทงั ทีเป็ นรัฐเจา้ ของสัญชาติบรรษทั และรัฐเจา้ ของอาณาเขตทีบรรษทั ขา้ มชาติ เขา้ ไปดาํ เนินการ เนืองจากรัฐมีหน้าทีในการปกป้ องปัจเจกชนมิให้บุคคลทีสามซึงในกรณีนีก็คือ บรรษทั ขา้ มชาติ กระทาํ การใดๆทีอาจละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชนได3้ 9 ในบทนีจะพจิ ารณาพนั ธกรณีในการบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนทงั 4 ระดบั โดยแยกพิจารณา เป็นหวั ขอ้ ตามลกั ษณะของพนั ธกรณี 3 ประเภท ดงั นี 38 Ibid., pp. 16-17. 39 Ibid., p. 17. 154
ก. พนั ธกรณใี นการเคารพ (Respect) พนั ธกรณีในการเคารพ หมายถึง รัฐไม่ควรละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือดาํ เนินการใดๆทีอาจ เป็ นอุปสรรคต่อการเข้าถึงสิทธิของประชาชนทีมีอยู่ตามอาํ เภอใจ40 ไม่ว่าจะเป็ นการละเมิด กฎหมาย ยกเลิกมาตรการดา้ นอาหารทีมีอยู่ สร้างความลาํ บากให้แก่ประชาชนในการเขา้ สู่อาหาร ขดั ขวางการทาํ งานของระบบตลาด หรือทาํ ลายระบบการผลิตและกระจายอาหาร รวมทงั การ รักษาความมนั คงดา้ นสังคมอืนๆทีมีความสัมพนั ธ์และพึงพิงกนั กบั สิทธิมนุษยชนซึงเป็ นการรักษา ความมนั คงดา้ นอาหารไปดว้ ย หมายความวา่ หากมีกฎหมายหรือมาตรการใดๆทีเป็ นหลกั ประกนั สิทธิมนุษยชนอยู่ก่อนแล้ว รัฐไม่ควรยกเลิกหรือละเมิดกฎหมายและมาตรการดังกล่าวตาม อาํ เภอใจ พนั ธกรณีนีมีลกั ษณะเป็ นพนั ธะเชิงลบอยเู่ หมือนกนั เนืองจากมีลกั ษณะห้ามการกระทาํ ของรัฐทีอาจกระทบกระเทือนต่อสิทธิของประชาชน การละเมิดพนั ธกรณีในการเคารพอาจเกิดขึนไดโ้ ดย รัฐยกเลิกกฎหมายหรือมาตรการใดๆที เป็นหลกั ประกนั สิทธิมนุษยชนของบุคคลลงโดยปราศจากเหตุผล หรือ รัฐปล่อยปละละเลยให้มีการ ละเมิดกฎหมายโดยนโยบายหรือเจา้ หน้าทีของรัฐเอง หรือ ไม่ปฏิบตั ิตามมาตรการทงั หลายทีรัฐ ออกมาเพือประกนั สิทธิ อาทิ ในยามสงครามรัฐไดอ้ าศยั อาหารเป็ นเครืองมือในการบงั คบั ฝ่ ายตรง ขา้ มใหย้ อมจาํ นน หรือ การปล่อยใหก้ องกาํ ลงั ทหารของตนบุกเขา้ ทาํ ลายพืชผลทางการเกษตรและ ปศุสัตวข์ องประชาชนเพือทาํ ใหฝ้ ่ ายตรงขา้ มขาดเสบียงอาหารจนอดตาย กรณีศึกษาทีแสดงถึงการ ละเมิดพนั ธกรณีในการเคารพ ไดแ้ ก่ คดีโอโกนี รัฐบาลไนจีเรียไดท้ าํ ลายพืชผลทางการเกษตรของ ชนกลุ่มนอ้ ยและผลกั ดนั ให้อพยพออกจากพืนที41 คดีรัฐบาลเปรูกบั ประชาชน รัฐบาลไม่ไดส้ ่งเงิน สบทบเขา้ กองทุนพฒั นาคุณภาพชีวิตของประชาชนทงั ทีมีกฎหมายกาํ หนดไว้ และเป็ นการละเมิด อนุสญั ญาอเมริกนั ในส่วนทีวา่ ดว้ ยสิทธิในการพฒั นาคุณภาพชีวติ ของประชาชน42 พนั ธกรณใี นการเคารพสิทธิมนุษยชนในระดับต่างๆ มดี งั ต่อไปนี พนั ธกรณีของรัฐในการเคารพสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ รัฐพึงระลึกอยู่เสมอว่าสิทธิ มนุษยชนมีความจาํ เป็ นต่อการดาํ รงชีพของประชาชนอยู่ตลอดเวลา ดังนนั รัฐจึงไม่ควรยกเลิก มาตรการใดๆทีมีไวเ้ พือประกนั สิทธิมนุษยชนทิงเสียตามอาํ เภอใจ ถือเป็ นการจาํ กดั การใชอ้ าํ นาจ 40 UN, E/C.12/1999/5, p. 28. 41 FAO, IGWG RTFG /INF 7, p. 7. 42 Ibid., p. 7. 155
ตามอาํ เภอใจของรัฐบาลทีอาจกระทบกระเทือนต่อสิทธิมนุษยชนของประชาชน ยกตวั อย่างเช่น หา้ มรัฐบงั คบั ใหป้ ระชาชนอพยพออกจากถินฐานละทิงทีดินทาํ กินของตน หา้ มรัฐยกเลิกมาตรการ ประกันสังคมโดยทียงั มิได้หามาตรการอืนๆมารองรับกลุ่มเสียงทีอาจได้รับผลกระทบ ห้ามรัฐ ยกเลิกกฎหมายควบคุมสารพิษ หรือสารปรุงแต่งอาหารทีเคยออกมาก่อนหนา้ ห้ามรัฐทาํ ลายพืนที ทางการเกษตรและพืชผล ปศุสัตวข์ องพลเรือนในยามสงคราม และ ห้ามรัฐปิ ดกนั ความช่วยเหลือ ดา้ นมนุษยธรรมจากความร่วมมือระหวา่ งประเทศ43 พนั ธกรณีของรัฐในการเคารพสิทธิมนุษยชนนอกอาณาเขต รัฐควรมีนโยบายและมาตรการ ภายในทีไม่นาํ ไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนในประเทศอืน พนั ธกรณีนีไม่จาํ เป็ นตอ้ ง ใช้ทรั พยากรใดเลยเพียงแต่รั ฐไม่ควรริ เริ มมาตรการใดๆที อาจกระทบกระเทื อนต่อสิ ทธิ ของ ประชาชนในประเทศอืน ยกตวั อยา่ งเช่น รัฐเล็งเห็นไดว้ ่า นาํ และอาหาร เป็ นปัจจยั หลกั ในการ ดาํ รงชีพของมนุษย์ รัฐจึงไม่ควรมีมาตรการควาํ บาตรหรือลงโทษทางเศรษฐกิจโดยใชอ้ าหารและนาํ เป็ นเครืองมือ เพราะประชาชนผูด้ ้อยโอกาสจะเป็ นผูท้ ีได้รับผลกระทบมากทีสุด การกาํ หนด นโยบายทางการคา้ และการเกษตรก็เช่นกนั รับไม่ควรใชน้ โยบายการอุดหนุนทีอาจบิดเบือนตลาดที สร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรในประเทศอืน รวมถึงไม่ควรผลกั ดนั นโยบายใดๆภายใต้ องค์การระหว่างประเทศทางเศรษฐกิจทีมีลกั ษณะไม่เป็ นธรรม หรือ นโยบายทีอาจนาํ ไปสู่การ ละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศอืน44 พนั ธกรณีขององค์การระหว่างประเทศในการเคารพสิทธิมนุษยชน องค์การระหว่าง ประเทศควรใหค้ าํ ปรึกษา นโยบาย และแนวทางการพฒั นาทีไม่นาํ ไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนใน ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และ ธนาคารโลก ไม่ควรผลักดนั กระบวนการเปลียนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจทีอาจขบั ให้กลุ่มเสียงไปอยู่ทีชายขอบแห่งการ พฒั นา โครงการต่างๆทีอนุมตั ิควรพิจารณาถึงผลกระทบทางสิงแวดลอ้ มและสิทธิมนุษยชนของ คนในพืนทีด้วย หากโครงการใดทีอาจสร้างผลกระทบก็ควรมีมาตรการมารองรับกลุ่มทีไดร้ ับ 43 UN, E/CN.4/2006/44, p. 9. 44 Ibid., p. 13. 156
ความเสียหายดว้ ย องคก์ ารการคา้ โลกไม่ควรรับขอ้ เจรจาทีมีลกั ษณะไม่เป็ นธรรม45 เช่น การเจรจา ลดการอุดหนุนของประเทศพฒั นาแลว้ ทีไม่มีเจตจาํ นงทางการเมืองทีแน่วแน่ พนั ธกรณีของบรรษทั ขา้ มชาติในการเคารพสิทธิมนุษยชน บรรษทั ขา้ มชาติควรประกอบ กิจการภายใตก้ รอบของกฎหมายทงั ของประเทศเจา้ ของสัญชาติ และประเทศทีเป็ นฐานการผลิต ของแต่ละสาขา หากมีแนวโน้มว่าการดาํ เนินธุรกิจของตนอาจก่อผลเสียต่อสิทธิมนุษยชนของ ประชาชนในประเทศทีตนเขา้ ไปลงทุน บรรษทั ควรระงบั เสีย หรือหามาตรการชดเชยความเสียหาย ให้แก่ประชาชนในทอ้ งถินอยา่ งเหมาะสม หากมีประมวลหรือแนวทางควบคุมการประกอบการ ของบรรษทั ขา้ มชาติออกมาในอนาคต บรรษทั ก็ควรรับไปเป็ นแนวทางในการดาํ เนินการอย่าง เคร่งครัดเพือป้ องกนั การละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน ข. พนั ธกรณใี นการปกป้ อง (Protect) พนั ธกรณีในการปกป้ อง หมายถึง รัฐตอ้ งดาํ เนินมาตรการทีเป็ นหลกั ประกนั ว่า บุคคลที สามจะไม่กระทาํ การใดๆทีอาจกระทบกระเทือนต่อสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชน46 เพือปกป้ อง คุม้ ครองบุคคลหรือกลุ่มเสียงไม่ใหถ้ ูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจากเอกชน องคก์ รธุรกิจ หรือแมแ้ ต่ฝ่ าย ปกครองเอง รัฐตอ้ งจดั ตงั องคก์ รขึนเพอื ดาํ เนินการสืบสวนสอบสวนเพือใหก้ ารเยียวยาแก่ผเู้ สียหาย ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หากมีแนวโน้มว่าการดาํ เนินงานของบรรษทั เอกชนอาจสร้างความ เสียหายต่อสิทธิมนุษยชนของบุคคลและกลุ่มเสียงต่างๆ รัฐอาจออกกฎหมายเพือป้ องกนั และจดั ตงั องคก์ รขึนมาหรือให้อาํ นาจแก่องคก์ รใดบงั คบั ใชก้ ฎหมายเพือทาํ การสวบสวนขอ้ เท็จจริง หากมี การละเมิดและตดั สินไดว้ า่ มีความผดิ จริงและเกิดความเสียหาย ผเู้ สียหายก็จะไดร้ ับการเยียวยาอยา่ ง ทนั ท่วงที อนั หมายความว่ารัฐตอ้ งมีมาตรการเพือปกป้ องบุคคลและกลุ่มเสียงภยั ต่างๆมิให้ถูก ละเมิดสิทธิมนุษยชน การละเมิดพนั ธกรณีในการปกป้ องอาจเกิดขึนไดโ้ ดย รัฐมิไดห้ ามาตรการใดๆ มาป้ องกนั การละเมิดสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชนจากการกระทาํ ของบรรษทั ขา้ มชาติ หรือ การบงั คบั ใช้ กฎหมายอยา่ งยอ่ หยอ่ นจนเป็ นเหตุใหป้ ระชาชนไดร้ ับความเสียหายจากการดาํ เนินการของบรรษทั 45 Ibid., p. 16. 46 UN, E/C.12/1999/5, para 15. 157
เอกชน อาทิ รัฐไม่ยอมออกเอกสารสิทธิในทีทาํ กินใหแ้ ก่ชนพืนเมืองดงั เดิมจนเป็ นเหตุให้บรรษทั เอกชนเขา้ แย่งทีดินทาํ กินและออกเอกสารสิทธิทบั ทีทาํ กินของชุมชนทอ้ งถิน หรือ การปล่อยให้ บรรษทั เอกชนเขา้ ไปทาํ นากุ้งเขม้ ขน้ ในเขตชายฝังจนเป็ นเหตุให้เกิดมลพิษกระทบต่อระบบการ ประมงทอ้ งถิน กรณีศึกษาทีแสดงถึงการละเมิดพนั ธกรณีในการปกป้ อง ไดแ้ ก่ คดีโอโกนี รัฐบาล ไนจีเรียปล่อยปละละเลยใหบ้ ริษทั นาํ มนั ปล่อยกากนาํ มนั และขยะสารพิษลงสู่ระบบนิเวศน์ ทาํ ลาย แม่นาํ ลาํ ธาร สัตวน์ าํ พืชผลการเกษตร รวมไปถึงปศุสัตว์ จนเป็ นเหตุให้ชนพืนเมืองชาวโอโกนีอยู่ ในภาวะทุพโภชนาการ47 คดีรัฐบาลลัทเวียไม่ส่งเงินเข้าสมทบกองทุนประกันสังคมของผูใ้ ช้ แรงงานในประเทศและเก็บเงินจากนายจา้ งไม่มากพอทงั ทีรัฐธรรมนูญบญั ญตั ิไว้ จนเป็ นเหตุให้ ลูกจา้ งขาดหลกั ประกนั ทางสังคมทีเพียงพอ48 พนั ธกรณใี นการปกป้ องสิทธิมนุษยชนในระดับต่างๆมีดงั ต่อไปนี พนั ธกรณีของรัฐในการปกป้ องสิทธิมนุษยชนของประชาชนภายในประเทศ รัฐบาลควร ออกกฎหมายควบคุมองคก์ รหรือบรรษทั เอกชนทีมีอาํ นาจทางเศรษฐกิจหรืออิทธิพลทางการเมืองมิ ให้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชนหรือกลุ่มเสียงใดๆในประเทศ รัฐอาจกระทาํ โดยจดั ตงั สถาบนั เฉพาะขึนมาเพอื สืบสวนขอ้ เท็จจริง และให้การเยียวยาปัจเจกชนทีไดร้ ับความเสียหาย หรือ ส่งเสริมการดาํ เนินงานขององคก์ รพฒั นาเอกชน และช่วยเหลือปัจเจกชนให้เขา้ ถึงบริการทางการ กฎหมาย และเขา้ ถึงกระบวนการยตุ ิธรรม ทงั นีการออกกฎหมายหรือมาตรการใดๆเพือคุม้ ครอง ปัจเจกชนควรอยู่บนพืนฐานไม่เลือกประติบตั ิ ยกตวั อย่างเช่น การออกฎหมายคุม้ ครองผูบ้ ริโภค หรือ ขอ้ บงั คบั บรรจุภณั ฑอ์ าหารวา่ ใหต้ ิดฉลากสินคา้ ตดั แต่งพนั ธุกรรม49 พนั ธกรณีของรัฐในการปกป้ องสิทธิมนุษยชนนอกอาณาเขต รัฐควรควบคุมบุคคลทีสามที อยู่ภายใตอ้ าณัติของตนจะไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนในประเทศอืน ทงั ทีเป็ นเอกชน ภายในประเทศตนเอง และบรรษทั ข้ามชาติ พนั ธกรณีนีได้ก่อตงั หน้าทีให้รัฐออกกฎหมายมา ค วบ คุ ม ก า รดํา เ นิ น ก า รข อง บ ร รษัท มิ ใ ห้ ล ะ เมิ ด สิ ท ธิ ม นุ ษ ย ช นข อง ป ร ะ เ ท ศ ที บ รร ษัท เข้า ไ ป 47 FAO, IGWG RTFG /INF 7, p. 8. 48 Ibid., p. 8. 49 UN, E/CN.4/2006/44, p. 10. 158
ประกอบการ50 ยกตวั อย่างเช่น การออกกฎหมายความรับผิดทางสังคมของบรรษทั ห้ามมิให้ บรรษทั ของตนละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อประชาชนทอ้ งถิน เช่น หา้ มการบงั คบั ชนกลุ่มนอ้ ยออกจาก พืนทีทาํ กิน ห้ามบรรษทั สนบั สนุนการประพฤติมิชอบในวงราชการ เป็ นตน้ ประเทศเจา้ ของ สัญชาติ หรือ ประเทศแม่มีบทบาทเป็นอยา่ งมากเนืองจากมีความทดั เทียมทางอาํ นาจและเทคโนโลยี มากกวา่ ประเทศทีรับการลงทุน การบงั คบั ใชก้ ฎหมายจึงจะมีประสิทธิภาพมากกวา่ พนั ธกรณีขององค์การระหว่างประเทศในการปกป้ องสิทธิมนุษยชน องค์การระหว่าง ประเทศควรสร้างหลกั ประกนั ว่าหุ้นส่วนของตน ทงั ทีเป็ นรัฐ บรรษทั ขา้ มชาติ หรือองคก์ รเอกชน ต่างๆ จะไม่ดาํ เนินงานไปในทางทีอาจละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนในประเทศต่างๆ ยกตวั อย่างเช่น การบงั คบั ให้บรรษทั เอกชนทีรับสัมปทานโครงการทีได้รับเงินสนับสนุนจาก องค์การระหว่างประเทศ ตอ้ งประเมินความเสียงและผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนเสมอ และหาก สร้างผลกระทบต่อประชาชนในทอ้ งถินก็พึงมีมาตรการมารองรับและมีการชดเชยความเสียหาย อยา่ งเหมาะสม องคก์ ารการคา้ โลกโดยเฉพาะองคก์ รระงบั ขอ้ พิพาทไม่ควรตีความบทบญั ญตั ิของ องคก์ รไปในทางทีคุม้ ครองการคา้ เสรีมากเสียจนกระทบกระเทือนต่อสิทธิมนุษยชนของประชาชน ทงั ในส่วนสุขอนามยั และสิงแวดลอ้ ม51 พนั ธกรณีของบรรษทั ข้ามชาติในการปกป้ องสิทธิมนุษยชน เนืองจากโดยสภาพแล้ว บรรษทั ขา้ มชาติถือเป็ นบุคคลทีสามตามนยั ยะแห่งกฎหมาย ดงั นนั หนา้ ทีของบรรษทั ขา้ มชาติใน การปกป้ องสิทธิมนุษยชนจึงอยใู่ นลกั ษณะการปฏิบตั ิตามกฎหมายอยา่ งเคร่งครัดเพือหลีกเลียงการ ละเมิดสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชน ยกตวั อย่างเช่น หากปรากกว่ารัฐบาลประเทศทีตนเขา้ ไป ลงทุนพยายามใชก้ าํ ลงั เขา้ ประหตั ประหารชนพืนเมืองเพือบงั คบั ขบั ไล่ออกจากพืนทีทาํ กิน บรรษทั ก็ควร ยกเลิกสญั ญา หรือ ระงบั การลงทุนในประเทศนนั เสีย หากสินคา้ ของตนใชว้ ตั ถุดิบทีตดั แต่ง พนั ธุกรรมก็ควรติดฉลากใหผ้ บู้ ริโภคในประเทศนนั ๆทราบ หรือแมก้ ระทงั การเขา้ ไปรับสัมปทาน หรือเข้าซือกิจการทีเคยเป็ นรัฐวิสาหกิจมาก่อน บรรษทั ก็ควรจดั บริการสาธารณะให้ออกมา ตอบสนองความจาํ เป็นพนื ฐานของประชาชนดว้ ย 50 Ibid., p. 13. 51 Ibid., p. 16. 159
ค. พนั ธกรณใี นการเติมเต็ม (Fulfill) พนั ธกรณีในการเติมเตม็ หมายถึง รัฐควรดาํ เนินการเชิงรุกเพือบ่งชีวา่ กลุ่มใดมีความเสียงที อาจถูกละเมิดสิทธิและตอ้ งบงั คบั ใชน้ โยบายเพือเป็ นหลกั ประกนั สิทธิมนุษยชนโดยอาํ นวยความ สะดวกและเพิมศกั ยภาพให้แก่กลุ่มเสียงในการเลียงดูตนอย่างมีคุณภาพชีวิตทีดี เมือใดก็ตามที บุคคลไม่อาจเขา้ ถึงสิทธิมนุษยชนได้ด้วยความสามารถของตวั เอง ด้วยเหตุผลทีบุคคลไม่อาจ ควบคุมได้ เช่น ภยั พิบตั ิ รัฐมีหน้าทีจดั หาทรัพยากรหรืออาหารให้แก่ปัจเจกชนโดยตรง52 การ ปฏิบตั ิตามพนั ธกรณีนีรัฐอาจดาํ เนินการได้ทงั การใช้วิธีการทางเศรษฐกิจให้เกิดการจา้ งงานทีมี รายได้เหมาะสม หรือการปฏิรูปโครงสร้างการเกษตรให้เกิดการผลิตอาหารอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะการดาํ เนินมาตรการเพือตอบสนองความจาํ เป็ นของกลุ่มเสียงทีดอ้ ยโอกาสในสังคม ใน รูปแบบของมาตรการทางสังคมเพือประกนั สิทธิของกลุ่มเสียง (Social Safety-Net) เช่น โครงการ จดั สรรทีทาํ กินและทรัพยากรทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรทีขาดแคลนทีทาํ กิน หากปัญหาอยใู่ น ภาวะร้ายแรงการเพิมโครงการช่วยเหลือดา้ นอาหารเป็ นพิเศษใหแ้ ก่กลุ่มเสียงโดยใชว้ ิธีการให้ความ ช่วยเหลือโดยตรงในรูปแบบของการจดั ให้มีอาหาร เช่น โครงการอาหารกลางวนั และนมสําหรับ เด็ก หรือ มีโครงการช่วยเหลือดา้ นอาหารเพิมเติมให้แก่ผยู้ ากไร้และไม่มีทีทาํ กิน รวมถึงการขอ ความช่วยเหลือระหว่างประเทศหากอย่ใู นภาวะคุกคามต่อสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงจากภยั พิบตั ิ ต่างๆ อนั หมายความว่า รัฐตอ้ งริเริมมาตรการใหม่ๆขึนเพือสร้างหลกั ประกนั สิทธิมนุษยชนให้ มนั คงยงิ ขึน การละเมิดพนั ธกรณีในการเติมเตม็ สิทธิอาจเกิดขึนไดโ้ ดย รัฐเพิกเฉยต่อความตอ้ งการของ กลุ่มเสียงในการเขา้ ถึงสวสั ดิการทางสังคมดา้ นอาหาร หรือ รัฐไม่พยายามแสวงหาความร่วมมือ ระหวา่ งประเทศเพอื นาํ ทรัพยากรเขา้ มาช่วยเหลือกลุ่มคนทีกาํ ลงั ขาดแคลนอาหาร อาทิ รัฐเพิกเฉย ต่อกลุ่มผยู้ ากไร้โดยไม่จดั ใหม้ ีมาตรการประกนั สิทธิมนุษยชน (Social Safety-Net) ให้แก่คนกลุ่มนี หรือ การปฏิเสธความช่วยเหลือดา้ นมนุษยธรรมหรือความช่วยเหลือดา้ นอาหารจากต่างประเทศใน ยามภยั พิบตั ิ แมป้ ระชาชนของตนจะอย่ใู นภาวะขาดแคลนอาหารก็ตาม กรณีศึกษาทีแสดงถึงการ ละเมิดพนั ธกรณีในการเติมเต็มสิทธิ ได้แก่ คดี PUCL ในประเทศอินเดีย หลังการแปรรูป 52 UN, E/C.12/1999/5, para 15. 160
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392