Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานวิจัย-หลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนฯ - อ.ทศพล

รายงานวิจัย-หลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนฯ - อ.ทศพล

Published by E-books, 2021-03-02 07:12:13

Description: รายงานวิจัย-หลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนฯ-ทศพล

Search

Read the Text Version

รัฐวิสาหกิจด้านการเกษตรและการแบ่งปันอาหารไปสู่เอกชน ทาํ ให้เกิดภาวะอดอยากหิวโหย รุนแรงในรัฐโอริสสา เนืองจากมลรัฐมิไดม้ ีมาตรการประกนั สิทธิมนุษยชน (Social Safety-Net) ที เพียงพอเพือมารองรับผลกระทบทีเกิดขึนจากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ53 คดีสามผอู้ พยพไร้สัญชาติ เชือสายเช็ก กบั รัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์ รัฐบาลไม่เปิ ดโอกาสให้บุคคลทงั สามหางาน และไม่จดั หา ทรัพยากรขนั ตาํ สุดให้บุคคลทงั สามเพียงพอต่อการดาํ รงชีวติ 54 รวมไปถึงการปิ ดกนั การช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมในยามสงครามทีเคยเกิดขึนในหลายพืนที เช่น อิรัก อฟั กานิสถาน และการไม่ ยอมรับความช่วยเหลือดา้ นอาหารในยามประสบภยั ธรรมชาติจนประชาชนในประเทศขาดแคลน อาหาร เช่น ตอนเกิดคลืนยกั ษ์ถล่มบริเวณประเทศริมชายฝังมหาสมุทรอินเดีย รัฐบาลพม่าปฏิเสธ ความช่วยเหลือและไม่แจง้ จาํ นวนผไู้ ดร้ ับความเดือดร้อน พนั ธกรณใี นการเตมิ เต็มสิทธิมนุษยชนในระดบั ต่างๆ มีดังต่อไปนี พนั ธกรณีของรัฐในการเติมเต็มสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ รัฐบาลควรหามาตรการ เพิมเติมเพือสร้างหลกั ประกนั สิทธิมนุษยชนทีดีขึนใหแ้ ก่ประชาชนในชาติ โดยตอ้ งพยายามชีชดั วา่ กลุ่มใดบา้ งทีเป็ นกลุ่มเสียง เพือทีจะหามาตรการมารองรับไดส้ อดคลอ้ งกบั ความจาํ เป็ นของแต่ละ กลุ่ม ทงั ทีเป็ นมาตรการสร้างศกั ยภาพใหแ้ ก่กลุ่มเสียง และมาตรการส่งเสริมการดาํ รงชีพทีดีของ กลุ่มเสียง หากกลุ่มเสียงเหล่านนั อยู่ในภาวะขาดอาหารและทุพโภชนาการอย่างร้ายแรง รัฐอาจ จดั หาอาหารและความช่วยเหลือด้านอาหารเขา้ ไปให้โดยตรง55 และต้องคาํ นึงถึงสภาวะทาง โภชนาการและวฒั นธรรมการบริโภคดว้ ย นนั หมายความวา่ รัฐตอ้ งจดั ใหม้ ีมาตรการทางสังคมเพือ ประกนั สิทธิให้แก่กลุ่มเสียงทงั ในยามปกติ และยามฉุกเฉิน โดยอาศยั การวางแผนและขอ้ มูลที ทนั สมยั นอกจากนีรัฐพึงคาดการณ์ถึงผลกระทบทีอาจเกิดจากบุคคลทีสามแลว้ หามาตรการต่างๆ มาเสริมสร้างระบบประกนั สิทธิเดิมให้เขม้ แข็งยิงขึนตามนัยยะแห่งหลกั ความก้าวหน้าในการ ยอมรับสิทธิเพิมขึนเป็ นลาํ ดบั โดยคาํ นึงถึงเป้ าหมายในการพฒั นาทีประชาคมโลกสร้างขึน เช่น เป้ าหมายการพฒั นาแห่งสหัสวรรษ ควรมีการกาํ หนดวตั ถุประสงคแ์ ละกรอบเวลาทีชดั เจน เพือใช้ 53 FAO, IGWG RTFG /INF 7, p. 9. 54 Ibid., p. 9. 55 UN, E/CN.4/2006/44, p. 10. 161

ในการประเมินผล56 แมร้ ัฐจะขาดแคลนทรัพยากรก็ควรแสวงหาความร่วมมือระหวา่ งประเทศเพือ พฒั นาความมนั คงดา้ นอาหารของตน โดยอยบู่ นหลกั ไม่เลือกประติบตั ิ พนั ธกรณีของรัฐในการเติมเต็มสิทธิมนุษยชนนอกอาณาเขต รัฐมีหน้าทีตามกฎบัตร สหประชาชาติในการให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือระหวา่ งประเทศตาม ขอ้ 55 และ 56 อยู่ แลว้ 57 ดงั นนั รัฐทีพอมีทรัพยากรจึงมีหนา้ ทีให้ความช่วยเหลือประเทศกาํ ลงั พฒั นาทีร้องขอความ ช่วยเหลือ ทงั ในรูปแบบของการร่วมมือดา้ นขอ้ มูล การศึกษา และการช่วยเหลือดา้ นอาหารโดยตรง แต่ความช่วยเหลือดงั กล่าวควรอยใู่ นขอบเขตของสภาพแวดลอ้ มทางสังคม และวฒั นธรรมของแต่ ละประเทศดว้ ย เพือเป็นการส่งเสริมสิทธิในการพฒั นาอยา่ งยงั ยนื ของทุกประเทศ ในยามฉุกเฉินรัฐ ต่างๆ ควรร่วมกนั ส่งความช่วยเหลือดา้ นมนุษยธรรมไปยงั ประเทศทีประสบภยั ทงั นีรัฐทีให้การ ช่วยเหลือตอ้ งคาํ นึงถึงผลกระทบต่อผผู้ ลิต และตลาดภายในประเทศทีประสบภยั การช่วยเหลือใน ยามฉุกเฉินนีตอ้ งไม่ทาํ ลายความสามารถของรัฐผูร้ ับในการพฒั นาประเทศให้กลบั มาพึงพาตนเอง ไดใ้ นอนาคต นอกจากนีขอ้ 28 แห่งกฎบตั รสหประชาชาติไดก้ าํ หนดใหร้ ัฐสมาชิกมีส่วนร่วมใน ระบบเศรษฐกิจและสงั คมระหวา่ งประเทศอยา่ งเท่าเทียมกนั ดงั นนั รัฐทงั หลายพึงส่งเสริมการเจรจา การคา้ อย่างเป็ นธรรมและส่งเสริมความช่วยเหลือดา้ นการพฒั นาอย่างเป็ นทางการให้แก่ประเทศ 56 Ibid., p. 11. 57 กฎบตั รสหประชาชาติ ข้อ 55 ดว้ ยความม่งุ หมายในการสถาปนาภาวการณ์แห่งเสถียรภาพและความเป็ นอยทู่ ีดี ซึงจาํ ป็ นสาํ หรับ ความ สมั พนั ธ์โดยสนั ติและโดยฉนั มิตรระหวา่ งประชาชาติทงั หลาย โดยยดึ ความเคารพต่อหลกั การแห่งสิทธิอนั เท่าเทียมกนั และการกาํ หนดเจตจาํ นงของตนเองของประชาชนเป็นมลู ฐานสหประชาชาติจะตอ้ งส่งเสริม ก. มาตรฐานการครองชีพทีสูงขึน การมีงานทาํ โดยทวั ถึง และภาวการณ์แห่งความกา้ วหนา้ และ พฒั นาการทาง เศรษฐกิจและสงั คม ข. การแกไ้ ขปัญหาระหวา่ งประเทศทางเศรษฐกิจ สงั คม อนามยั และอืน ๆ ทีเกียวขอ้ ง และความ ร่วมมือ ระหวา่ งประเทศทางวฒั นธรรมและการศึกษา และ ค. การเคารพโดยสากล และการปฏิบตั ิตามสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพอนั เป็ นหลกั มลู สาํ หรบั ทุก คนโดยไม่ เลือกปฏิบตั ิในเรืองเชือชาติ เพศภาษา หรือศาสนา ข้อ 56 สมาชิกทงั ปวงใหค้ าํ มนั วา่ ตนจะดาํ เนินการร่วมกนั และแยกกนั ในการร่วมมือกบั องคก์ ารฯ เพือใหบ้ รรลุ ความม่งุ ประสงคท์ ีกาํ หนดไวใ้ น ขอ้ 55 162

กาํ ลงั พฒั นาดว้ ย เหนือสิงอืนใดเป้ าหมายของความร่วมมือและการช่วยเหลือระหวา่ งประเทศตอ้ ง คาํ นึงถึงความจาํ เป็นของกลุ่มเสียงเป็นลาํ ดบั แรก58 พนั ธกรณีขององค์การระหว่างประเทศในการเติมเต็มสิทธิมนุษยชน องค์การระหว่าง ประเทศควรริ เริ มมาตรการและโครงการใหม่ๆเพือให้ความช่ วยเหลือกลุ่มเสี ยงในประเทศต่างๆ มาตรการช่วยเหลือควรมีลกั ษณะเสริมสร้างศกั ยภาพของชุมชนใหพ้ ึงพาตนเองได้ และจดั ตงั ระบบ ขอ้ มูลแผนทีเพือสร้างระบบเตือนภยั พิบตั ิและภาวะเสียงต่อความไม่มนั คงดา้ นอาหาร ซึงจะเป็ น ประโยชน์ต่อประเทศต่างๆในการหามาตรการป้ องกันและบรรเทาภยั พิบัติธรรมชาติได้อย่าง ทนั ท่วงที นอกจากนีองคก์ ารระหวา่ งประเทศทีเกียวขอ้ งควรจดั ขอ้ มูลเสบียงอาหารคงคลงั เพือส่ง อาหารไปยงั พืนทีทีขาดแคลนไดส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณ์ องคก์ ารการคา้ โลกควรผลกั ดนั การลด การอุดหนุนภายในประเทศพฒั นาแลว้ และปรับปรุงกฎหมายให้มีการแข่งขนั อย่างเป็ นธรรมมาก ขึน59 ในการเจรจาการคา้ ภายใตอ้ งคก์ ารการคา้ โลกทีมีระบบกฎหมายของตนเองควรผนวกเงือนไข ความมนั คงด้านอาหารเขา้ สู่ขอ้ ตกลงสินคา้ เกษตร เพือเป็ นช่องทางให้ประเทศกาํ ลงั พฒั นาริเริม มาตรการใหม่ๆ ในการรักษาความมนั คงดา้ นอาหารภายในประเทศ โดยไม่ขดั ต่อขอ้ ตกลง พนั ธกรณีของบรรษทั ขา้ มชาติในการเติมเต็มสิทธิมนุษยชน บรรษทั ขา้ มชาติควรใหค้ วาม ร่วมมือในการจดั ทาํ ประมวลความรับผิดชอบทางสังคมของบรรษัทข้ามชาติ ทงั นีอาจอยู่ใน รูปแบบการใหข้ อ้ มูล หรือ นาํ เสนอประสบการณ์และแนวทางทีเป็นประโยชน์เพือจดั ทาํ ประมวลที สมเหตุสมผลและสามารถบงั คบั ใชส้ ิทธิมนุษยชนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ นอกจากบรรษทั จะตอ้ ง เคารพและปกป้ องสิทธิมนุษยชนดว้ ยการละเวน้ การดาํ เนินกิจกรรมทีอาจละเมิดสิทธิมนุษยชนแลว้ บรรษทั ควรตรวจสอบการดาํ เนินการของบรรษทั วา่ ไม่ส่งผลกระทบทางออ้ มต่อสิทธิมนุษยชนของ ประชาชนและชุมชนในทอ้ งถินนนั 60 เช่น การเขา้ ไปปลูกพืชทีใชน้ าํ มากทาํ ให้ดินแห้งจนชุมชน ทอ้ งถินนนั ไดร้ ับผลเสียไปดว้ ย บรรษทั ยงั อาจริเริมมาตรการใหม่ๆทีส่งเสริมสิทธิไดอ้ ีกดว้ ย อาทิ การแจง้ สถานการณ์ละเมิดสิทธิในประเทศทีตนเขา้ ไปลงทุนให้แก่องค์การระหว่างประเทศทราบ 58 UN, E/CN.4/2006/44, p. 14. 59 Ibid., p. 16. 60 Ibid., p. 18. 163

การริเริมมาตรฐานดาํ เนินการภายในขอบเขตการดาํ เนินงานของบรรษทั เช่น ยกระดบั มาตรฐานการ จา้ งงาน และสวสั ดิการใหแ้ ก่พนกั งานของตน เหนือกวา่ มาตรฐานของประเทศทีตนเขา้ ไปลงทุน 6. พนั ธกรณตี ่อกลุ่มเสียง (Vulnerable Groups) รัฐมีพนั ธกรณีในการสร้างหลักประกันสิทธิมนุษยชนให้แก่กลุ่มเสียงโดยต้องจัดหา มาตรการส่งเสริมให้กลุ่มเสียงมีความสามารถทงั ทางกายภาพ และทางเศรษฐกิจ ในการเข้าถึง อาหารอย่างเพียงพอ และมีคุณภาพ แมใ้ นยามฉุกเฉินรัฐก็ต้องให้ความสําคญั เป็ นพิเศษกับการ ประกนั สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเสียง อนั ไดแ้ ก่ เด็ก สตรี ผูย้ ากไร้ ผปู้ ระสบภยั ธรรมชาติ หรือ ภยั สงคราม ชนพืนเมือง ผสู้ ูงอายุ ผตู้ ิดเชือเอดส์ ผพู้ ิการ รวมไปถึงผบู้ ริโภคดว้ ย รัฐมีพนั ธกรณีในการเคารพสิทธิมนุษยชนของกลุ่มเสียง โดยไม่ดาํ เนินการใดๆทีจะเป็ น การลิดรอนสิทธิของกลุ่มเสียงทงั ทางตรงและทางอ้อม อาทิ รัฐควรรับรองกรรมสิทธิเหนือ ทรัพยส์ ินของกลุ่มเสียงเหล่านีให้มีผลตามกฎหมาย ทงั การรับรองเอกสารสิทธิของบุคคล และการ รับรองสิทธิของชุมชนโดยกฎหมาย และควรเปิ ดช่องให้กลุ่มเสียงเหล่านีเขา้ ถึงการเยียวยาหาก ไดร้ ับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิ ทงั นีหากมีกฎหมายหรือมาตรการใดทีคุม้ ครองสิทธิเช่นวา่ อยแู่ ลว้ รัฐก็มิควรยกเลิกเสีย รัฐมีพนั ธกรณีในการปกป้ องสิทธิมนุษยชนของกลุ่มเสียง โดยหามาตรการใดๆ มาปกป้ อง กลุ่มเสียงจากการกระทาํ ของบุคคลทีสามทีอาจสร้างความเสียหายให้แก่กลุ่มเสียง รวมไปถึงการ ปกป้ องสิทธิของกลุ่มเสียงในการเขา้ ถึงอาหารและการใชส้ อยทรัพยากรทีจาํ เป็ นเพือผลิตอาหารให้ เพียงพอทงั ในแง่ปริมาณ และคุณภาพ อาทิ รัฐควรออกกฎหมาย และมีมาตรการป้ องกนั มิใหก้ ลุ่ม บุคคลใดเขา้ จบั จองทรัพยากรธรรมชาติไปใชอ้ ยา่ งไม่ยงั ยนื รัฐควรมีกฎหมายและมาตรการคุม้ ครอง สิทธิของกลุ่มเสียงในการใช้สอยทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันเพือผลิตอาหาร เช่น สิทธิชุมชน ทอ้ งถินเหนือทรัพยากรธรรมชาติ รัฐควรมีมาตรการควบคุมการให้ขอ้ มูลอย่างถูกตอ้ ง เช่น ออก กฎหมายคุม้ ครองสิทธิของผูบ้ ริโภค หรือ กฎหมายการตลาด ทีป้ องกนั มิให้อุตสาหกรรมอาหาร หลอกลวงผูบ้ ริโภค รัฐควรมีมาตรการตรวจสอบความปลอดภยั ดา้ นอาหารทงั ระดบั ประเทศ และ ทอ้ งถิน หากมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจดา้ นอาหารและการเกษตรรัฐควรหามาตรการประกนั สิทธิ ของกลุ่มเสียงอยา่ งเพียงพอดว้ ย 164

รัฐมีพนั ธกรณีในการเติมเต็มสิทธิของกลุ่มเสียง โดยต้องให้ความสําคญั ต่อการขยาย มาตรการไปให้ครอบคลุมกลุ่มเสียงตลอดเวลา เนืองจากกลุ่มเสียงแต่ละกลุ่มมีสภาพปัญหาที แตกต่างหลากหลายกนั ออกไป ดงั นนั รัฐจึงตอ้ งปรับมาตรการใหส้ อดคลอ้ งและรองรับกบั ความ จาํ เป็ นของแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา มาตรการทีรัฐพึงกระทาํ มีอยู่สองส่วน คือ มาตรการส่งเสริมความเขม้ แขง็ ของกลุ่มเสียงในยามปกติเพือให้มีความสามารถในการเขา้ ถึงอาหาร มากขึน อาทิ การจดั สรรทีดินให้ชุมชนเพือการเกษตรแบบสหกรณ์ การส่งเสริมโครงการทาํ งาน เพือแลกอาหาร และ มาตรการรองรับผลกระทบทีเกิดกบั กลุ่มเสียงในยามฉุกเฉิน อาทิ การเตรียม เสบียงอาหารสํารองและเชือมเครือข่ายขอ้ มูลระหว่างประเทศ การส่งเสริมให้ทาํ การเกษตรอย่าง ยงั ยนื และหลากหลาย จากพนั ธกรณีข้างต้นทงั สามแสดงให้เห็นว่ารัฐตอ้ งจดั ให้มีมาตรการทีหลากหลายเพือ ประกนั สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเสียง โดยหลกั ใหญ่ใจความก็จะมีมาตรการพืนฐานทีตอ้ งมีไวเ้ พือ หลกั การปฏิบตั ิงาน ไดแ้ ก่ มาตรการดา้ นขอ้ มูล รัฐควรจดั ให้มีขอ้ มูลและระบบแผนภูมิเกียวกบั ความไม่มนั คงดา้ น อาหารและความเสียง (FIVIMS) ตามข้อผูกพนั ของการประชุมอาหารโลก เพือบ่งชีกลุ่มและ ครัวเรือนทีเสียงเป็นพิเศษต่อภาวะความไม่มนั คงดา้ นอาหารควบคู่ไปกบั เหตุผลทีทาํ ให้เกิดภาวะไม่ มนั คงดา้ นอาหารของกลุ่มเหล่านนั รัฐควรพฒั นาและบ่งชีมาตรการเพือแกไ้ ขดดั แปลงการจดั ให้มี การเขา้ ถึงอาหารอยา่ งเพียงพอใหบ้ งั คบั ใชไ้ ดอ้ ยา่ งทนั ท่วงทีและเจริญกา้ วหนา้ ยงิ ขึน มาตรการด้านการวิจยั รัฐควรดาํ เนินการวิเคราะห์อย่างเป็ นระบบในเรืองความไม่มนั คง ดา้ นอาหาร ความเสียง และภาวะทางโภชนาการของกลุ่มต่างๆในสังคม แต่ละกลุ่มแยกกนั ไป ในการประเมินรูปแบบต่างๆของการเลือกประติบตั ิ ทีอาจแสดงออกถึงการเพิมขึนของความไม่ มนั คงดา้ นอาหารและความเสียงทีจะเกิดความไม่มนั คงดา้ นอาหารขึน หรือการปรากฏภาวะทุพ โภชนาการอย่างแพร่หลายในกลุ่มประชากรกลุ่มใดกลุ่มหนึงมากขึน หรือเกิดขึนไปพร้อมกนั ทงั สองอยา่ ง ดว้ ยเจตจาํ นงทีจะขจดั และป้ องกนั สาเหตุต่างๆทีก่อใหเ้ กิดความไม่มนั คงดา้ นอาหารและ ภาวะทุพโภชนาการ มาตรการตรวจตรา และประเมินผล รัฐควรจดั ให้มี เกณฑ์คุณสมบตั ิทีโปร่งใสและไม่เลือก ประติบตั ิ เพือเป็ นหลกั ประกนั วา่ การกาํ หนดกลุ่มเป้ าหมายทีจะให้ความช่วยเหลือจะเป็ นไปอยา่ งมี 165

ประสิทธิภาพ เพือประกันว่าจะไม่มีบุคคลทีต้องการความช่วยเหลือคนใดถูกกันออกจาก กลุ่มเป้ าหมาย หรือประกนั วา่ บุคคลทีไม่ตอ้ งการช่วยเหลือคนใดจะถูกรวมเขา้ มาในกลุ่มเป้ าหมาย ระบบความรับผดิ และการปกครองทีมีประสิทธิภาพเป็นสิงสาํ คญั ในการป้ องกนั การรัวไหลและการ ทุจริตประพฤติมิชอบ ปัจจยั ทีจะรวบรวมเขา้ มาพิจารณา ไดแ้ ก่ สินทรัพยแ์ ละรายไดข้ องครัวเรือน และปัจเจกชน ภาวะทางโภชนาการและสาธารณสุข และกลไกต่างๆทีเกียวขอ้ งซึงมีอยู่ เนืองจากการสร้างมาตรการตอ้ งคาํ นึงถึงความแตกต่างหลากหลายของกลุ่มเสียง ดงั นนั เรา จึงตอ้ งพจิ ารณาถึงสภาพปัญหาและกรอบทางกฎหมายของแต่ละกลุ่ม เพอื นาํ ไปสู่การออกมาตรการ ทีสามารถตอบสนองต่อความจาํ เป็นของกลุ่มเสียงต่างๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม กลุ่มเสียงทีงานวจิ ยั ฉบบั นีจะศึกษา ไดแ้ ก่ ก. สตรี สิทธิสตรีดา้ นอาหารไดร้ ับการคุม้ ครองตามนยั ยะแห่ง ขอ้ 2 (2) และ 3 แห่งกติกาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม61 โดยถือวา่ สตรีไดร้ ับการคุม้ ครองสิทธิมนุษยชนอยา่ ง เสมอภาคภายใตห้ ลกั การห้ามเลือกประติบตั ิ รัฐจึงมีพนั ธกรณีในการเคารพ ปกป้ อง และเติมเต็ม สิทธิมนุษยชนของสตรี นนั หมายถึงรัฐอาจตอ้ งหามาตรการทีเหมาะสมเพือตอบสนองความจาํ เป็ น พิเศษของกลุ่มสตรี62 เนืองจากสตรีในหลายภูมิภาคมีอุปสรรคในการเขา้ ถึงอาหารทงั จากการกดขี ทางสังคม และวฒั นธรรม รวมทงั การไม่ยอมรับสิทธิสตรีในการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ ดงั นนั รัฐอาจตอ้ งหามาตรการประกนั สิทธิของสตรีในการครอบครองทรัพยส์ ินอย่างมนั คง รวมไปถึง สิทธิในการเขา้ ถึงปัจจยั การผลิตต่างๆ เช่น ทีดิน เทคโนโลยี สินเชือ และเงินทุน สิทธิสตรีทีเกียวข้องกับการเข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอทังทางด้านกายภาพ และทาง เศรษฐกิจ ไดร้ ับการคุม้ ครองโดย อนุสัญญาสัญญาวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกประติบตั ิต่อสตรี ขอ้ 11 61 กติการะหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม ข้อ 2(2) รัฐภาคีแห่งกติกานีรับทีจะประกนั วา่ สิทธิทงั หลายทีระบุไวใ้ นกติกานีจะใชไ้ ดโ้ ดยปราศจากการเลือก ปฏิบตั ิใด ๆ ในเรืองเชือชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมืองหรือความคิดเห็นอนื ใด ชาติหรือ สงั คมดงั เดิม ทรัพยส์ ิน กาํ เนิดหรือสถานะอืน ข้อ 3 รัฐภาคีแห่งกติกานีรับทีจะประกนั สิทธิอนั เท่าเทียมกนั ของบุรุษและสตรีในการทีจะอปุ โภคสิทธิทาง เศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรมทงั ปวง ดงั ทีไดร้ ะบุไวใ้ นกติกานี 62 UN, A/58/330, p. 7. 166

และ 1263 โดยขอ้ 11 ไดค้ ุม้ ครองสิทธิสตรีในการไดร้ ับค่าจา้ งเท่าเทียมกบั ผชู้ าย ซึงคณะกรรมการวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกประติบตั ิต่อสตรีได้ออกขอ้ เสนอแนะฉบบั ที 13 อนั มีเนือหาเกียวกบั การ คุม้ ครองสิทธิสตรีในการรับค่าตอบแทนทีเท่าเทียมกบั บุรุษสาํ หรับงานทีมีมูลค่าเท่ากนั สอดคลอ้ ง กบั อนุสัญญาฉบบั ที 100 ขององคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ64 นอกจากนีคณะกรรมการว่าดว้ ย การขจดั การเลือกประติบตั ิต่อสตรียงั ไดอ้ อกขอ้ เสนอแนะฉบบั ที16 โดยสังเกตว่าแรงงานสตรีมกั ไม่ไดร้ ับค่าตอบแทนในกิจการของครอบครัว และชีวา่ งานทีไม่ไดร้ ับค่าตอบแทนเป็ นรูปแบบหนึง 63 อนุสญั ญาวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกปฏิบตั ิต่อสตรีในทุกรูปแบบ ข้อ 11 1. รัฐภาคีจะใชม้ าตรการทีเหมาะสมทุกอยา่ ง เพอื ขจดั การเลือกปฏิบตั ิต่อสตรีในดา้ นการจา้ งงาน เพอื ทีจะประกนั สิทธิอยา่ งเดียวกนั บนพืนฐานของความเสมอภาคของบุรุษและสตรี โดยเฉพาะอยา่ งยงิ (ก) สิทธิทีจะทาํ งานในฐานะเป็ นสิทธิอนั จะพงึ แบ่งแยกมิไดข้ องมนุษยท์ งั ปวง (ข) สิทธิในโอกาสทีจะไดร้ บั การจา้ งงานชนิดเดียวกนั รวมทงั การใชห้ ลกั เกณฑใ์ นการ คดั เลือกเดียวกนั ในเรืองของการจา้ งงาน (ค) สิทธิในการเลือกอาชีพและการทาํ งานไดอ้ ยา่ งเสรี สิทธิในการไดเ้ ลือนตาํ แหน่ง ความ ปลอดภยั ในการทาํ งาน และผลประโยชน์ รวมทงั เงือนไขเกียวกบั การบริการทงั ปวง และสิทธิทีจะไดร้ ับการฝึ ก และการฝึ กซาํ ดา้ นอาชีพ รวมทงั ภาวะการเป็ นผฝู้ ึ กงาน การฝึ ก และการฝึ กซาํ ดา้ นอาชีพในระดบั สูง (ง) สิทธิทีจะไดร้ ับผลตอบแทนเท่าเทียมกนั รวมทงั ผลประโยชนแ์ ละสิทธิทีจะไดร้ ับการ ปฏิบตั ิทีเสมอภาคกนั เกียวกบั งานทีมีคุณค่าเท่าเทียมกนั รวมทงั ความเสมอภาคของการปฏิบตั ใิ นการวดั ผลคุณภาพ ของงาน (จ) สิทธิทีจะไดร้ ับประกนั สงั คม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ ในกรณีของการเกษียณอายุ การตกงาน การป่ วย การทุพพลภาพและวยั ชรา และการหมดสมรรถนะทีจะทาํ งานอืน ๆ รวมถึงสิทธิในการไดร้ ับเงินค่าจา้ ง ขณะพกั งาน (ฉ) สิทธิทีจะไดร้ ับความคุม้ ครองสุขภาพและความปลอดภยั ในสภาพการทาํ งานต่าง ๆ รวมทงั การใหค้ วามคุม้ ครองในการทาํ หนา้ ทีดา้ นการมีบุตรสืบพนั ธุ์ ข้อ 12 1. รัฐภาคีจะใชม้ าตรการทีเหมาะสมทุกอยา่ ง เพอื ขจดั การเลือกปฏิบตั ิต่อสตรีในดา้ นการรักษาสุขภาพ เพอื ประกนั การมีโอกาสไดร้ ับการบริการในการรักษาสุขภาพ รวมทงั บริการทีเกียวกบั การวางแผนครอบครัว บน พืนฐานของความเสมอภาคของบรุ ุษและสตรี 2. ทงั ๆ ทีมบี ทบญั ญตั ิในวรรค 1 ของขอ้ นี รัฐภาคีจะประกนั ใหส้ ตรีไดร้ ับบริการทีเหมาะสมเกียวกบั การตงั ครรภ์ การคลอดบุตรและระยะหลงั คลอดบตุ ร โดยการใหบ้ ริการแบบใหเ้ ปล่าเมือจาํ เป็ น รวมทงั การให้ โภชนาการทีเพยี งพอระหวา่ งการตงั ครรภแ์ ละระยะการใหน้ ม 64 UN, A/44/38, preamble. 167

ของการเอาเปรียบสตรี รัฐตอ้ งดาํ เนินมาตรการทีจาํ เป็ นเพือประกนั ค่าตอบแทน สวสั ดิการ และ ผลประโยชน์ทางสังคมแก่สตรีทีทาํ งานในกิจการทีมีสมาชิกครอบครัวเป็ นเจา้ ของโดยไม่ได้รับ สิทธิประโยชน์อืนใด65 ส่วน ขอ้ 12 ของอนุสัญญาว่าดว้ ยการขจดั การเลือกประติบตั ิต่อสตรี ได้ คุม้ ครองสิทธิสตรีในการเขา้ ถึงบริการสาธารณะด้านสุขภาพ และโภชนาการ โดยขอ้ เสนอแนะ ฉบบั ที 24 ของคณะกรรมการว่าด้วยการขจดั การเลือกประติบตั ิต่อสตรี ได้ตงั ขอ้ สังเกตว่าการ ประกนั สิทธิสตรีดา้ นสุขภาพจาํ เป็ นตอ้ งส่งเสริมสิทธิขนั พืนฐานของสตรีในดา้ นโภชนาการตลอด ช่วงอายขุ ยั โดยรัฐตอ้ งจดั ให้มีอาหารทีปลอดภยั มีคุณค่าทางโภชนาการ และปรับใหเ้ ขา้ กบั สภาพ ของทอ้ งถิน ทงั นีรัฐอาจดาํ เนินมาตรการส่งเสริมให้สตรีเขา้ ถึงปัจจยั การผลิต โดยเฉพาะสตรี ชนบท รวมทงั ให้หลกั ประกนั ว่าจะมีโครงการตอบสนองความตอ้ งการพิเศษดา้ นโภชนาการของ สตรี66 เช่น สตรีทีตงั ครรภ์ สตรีทีใหน้ มบุตร การคุม้ ครองสิทธิสตรีในการเขา้ ถึงอาหารยงั ตอ้ งอาศยั ช่องทางในการเขา้ ถึงบริการทาง กฎหมายเพือเปิ ดโอกาสให้สตรีทีถูกละเมิดสิทธิสามารถเรียกร้องให้รัฐเยียวยาความเสียหายที เกิดขึนได้ ทงั นีอาจอาศยั นยั ยะแห่งพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกประติบตั ิ ต่อสตรี หรือการออกกฎหมายภายในเพิมเติมก็ได้ รัฐอาจใหค้ วามสาํ คญั ลาํ ดบั แรกแก่การจดั ช่องทางความช่วยเหลือดา้ นอาหารผา่ นทางสตรี เป็นวธิ ีการส่งเสริมบทบาทในการตดั สินใจของสตรี และให้หลกั ประกนั วา่ อาหารจะถูกใชไ้ ปเพือ บรรลุความต้องการดา้ นอาหารของครัวเรือน โดยเฉพาะสตรีทีกาํ ลงั ตงั ครรภ์และให้นมบุตร รวมทงั การใหห้ ลกั ประกนั ในการถือครองสินทรัพยแ์ ละรับมรดกของสตรีใหม้ ีความเสมอภาคและ มนั คงดว้ ข. เดก็ สิทธิเด็กดา้ นอาหารไดร้ ับการคุม้ ครองตามนยั ยะแห่ง ขอ้ 2 (2) แห่งกติกาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิ ทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม โดยถือวา่ เด็กไดร้ ับการคุม้ ครองสิทธิมนุษยชนอยา่ งเสมอภาค ภายใต้หลักการห้ามเลือกประติบตั ิ รัฐจึงมีพนั ธกรณีในการเคารพ ปกป้ อง และเติมเต็มสิทธิ 65 UN, A/46/38. 66 UN, A/54/38/Rev.1, para 7. 168

มนุษยชนของเด็ก นนั หมายถึงรัฐอาจตอ้ งหามาตรการทีเหมาะสมเพือตอบสนองความจาํ เป็ นพิเศษ ของกลุ่มเดก็ และเยาวชน อนุสัญญาสิทธิเด็กคุม้ ครองสิทธิของเด็กในการเขา้ ถึงอาหารอยา่ งเพียงพอ และไดร้ ับอาหาร ทีมีปริมาณและคุณภาพเพียงพอต่อความตอ้ งการดา้ นโภชนาการ ไวใ้ น ขอ้ 24 และ 2767 โดยใน ขอ้ 24 อนุสัญญารับรองสิทธิของเด็กในการได้รับการดูแลสาธารณสุขมูลฐานทีมีมาตรฐาน รวมทงั ไดอ้ าหาร และอาหารเสริม ทีเพียงพอ ส่วน ขอ้ 27 อนุสัญญารับรองสิทธิของเด็กใน มาตรฐานการดาํ รงชีวิตอยา่ งเพียงพอทางดา้ นอาหาร จะเห็นไดว้ ่าอนุสัญญาไดใ้ ห้ความสําคญั ต่อ สิทธิมนุษยชนของเด็กเป็ นอยา่ งมากเนืองจากเป็ นวยั ทีตอ้ งไดร้ ับอาหารอยา่ งเพียงพอและมีคุณภาพ เพือพฒั นาการชีวติ ทีดี รัฐมีพนั ธกรณีในการวิเคราะห์บ่งชีถึงกลุ่มเด็กทีอยู่ในภาวะเสียงต่อความไม่มนั คงดา้ น อาหาร และศึกษาถึงสาเหตุของภาวะดงั กล่าวดว้ ย เมือทราบถึงขอ้ มูลแลว้ ก็ควรออกมาตรการที 67 อนุสญั ญาสิทธิเด็ก ข้อที 24 1. รัฐภาคียอมรับในสิทธิของเด็กทีจะไดร้ ับมาตรฐานสาธารณสุขทีสูงทีสุดเท่าทีจะหาได้ และสิงอาํ นวย ความสะดวก สาํ หรับการบาํ บดั รักษาความเจบ็ ป่ วย และการฟื นฟูสุขภาพ รัฐภาคีจะพยายามดาํ เนินการทีจะ ประกนั วา่ ไม่มีเดก็ คนใดถูกลิดรอน สิทธิในการรับบริการดูแลสุขภาพเช่นวา่ นนั 2. รัฐภาคีจะใหม้ ีการปฏิบตั ิตามซึงสิทธินีอยา่ งเตม็ ที และโดยเฉพาะอยา่ งยงิ จะดาํ เนินมาตรการที เหมาะสม ดงั นี……… ค) ต่อสูก้ บั โรคภยั และทุพโภชนาการ รวมทงั ทีอยภู่ ายในขอบข่ายของการดูแลสุขภาพขนั ปฐม ซึง นอกเหนือจากวธิ ีการอืนแลว้ ยงั ดาํ เนินการโดยการใชเ้ ทคโนโลยที ีมีอยพู่ ร้อมแลว้ และโดยการจดั หาอาหารทีถกู หลกั โภชนาการ และนาํ ดืมทีสะอาดอยา่ งเพยี งพอ ทงั นี โดยการพิจารณาถึงอนั ตราย และความเสียงของมลภาวะ แวดลอ้ ม จ) ประกนั วา่ ทุกส่วนของสงั คม โดยเฉพาะบิดามารดาและเด็ก จะไดร้ ับขอ้ มูลข่าวสาร และเขา้ ถึง การศึกษาและการสนบั สนุนใหใ้ ชค้ วามรู้พนื ฐานในเรืองโภชนาการและสุขภาพเดก็ เรืองประโยชน์ของการเลียงดู ดว้ ยนมมารดา เรืองอนามยั และสุขาภิบาลสภาพแวดลอ้ ม และเรืองการป้ องกนั อุบตั เิ หตุ ข้อที 27… 3. ตามสภาวะและกาํ ลงั ความสามารถของประเทศ รัฐภาคีจะดาํ เนินมาตรการทีเหมาะสมทีจะใหค้ วาม ช่วยเหลือบิดามารดา และผอู้ ืนทีรบั ผดิ ชอบต่อเดก็ ในการดาํ เนินตามสิทธินี และในกรณีทีจาํ เป็ นรัฐภาคีจะให้ ความช่วยเหลือดา้ นวตั ถุและแผนงานสนบั สนุน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ ดา้ นโภชนาการ … 169

เหมาะสมแก่ช่วงวยั และความจาํ เป็นในแต่ละช่วงดว้ ย เพราะเด็กจะมีความตอ้ งการทางโภชนาการที แตกต่างกนั ไปในแต่ละช่วงวยั ทงั นีควรส่งเสริมให้ชุมชนและภาคประชาชนเขา้ มามีส่วนร่วมดว้ ย เนืองจากกลุ่มเป้ าหมายมีมากและครอบคลุมไปในภูมิภาคทีห่างไกล รัฐพึงหลีกเลียงการยกเลิกมาตรการใดๆ ทีส่งเสริมการครอบครองทีดินขนาดย่อมของ ครัวเรือนเพือเกษตรแบบพึงพาตนเอง และการยกเลิกสหกรณ์การเกษตร เนืองจากมีประโยชน์ต่อ การผลิตอาหารเพือเดก็ ในแต่ละครัวเรือน รัฐไม่ควรยกเลิกสิทธิของเด็กในการครอบครองทีดินเพือ ทาํ กินหรือครอบครองทรัพยม์ รดกในกรณีทีเป็ นเด็กกาํ พร้า รัฐไม่ควรแปรรูปรัฐวิสาหกิจด้าน การศึกษาขนั พืนฐานทีจะตดั ช่องทางการเขา้ ถึงการศึกษาของเด็กทียากจน รัฐควรปกป้ องเด็กให้พน้ จากนโยบายหรือมาตรการทีจาํ กดั สิทธิมนุษยชนของเด็ก และ ตอ้ งสนบั สนุนใหเ้ ด็กเขา้ ถึงโครงการดา้ นอาหารของภาครัฐ รวมถึงการไดร้ ับการจดั สรรทีดินและ ทรัพยากรในการผลิตอาหาร รัฐบาลหรือพรรคการเมืองไม่ควรนาํ เด็กมาเป็ นเครืองมือทางการเมือง นโยบายดา้ นอาหารของเด็กเป็ นสิงทีตอ้ งจดั ให้มีมิใช่ขอ้ ต่อรองทางการเมือง รัฐพึงปกป้ องเด็กใน การรับขอ้ มูลด้านอาหารทีเป็ นเท็จจากโฆษณาหรือการหลอกลวงของอุตสาหกรรมอาหาร ทงั นี เด็กหญิงและเดก็ ชายควรไดร้ ับการปกป้ องอยา่ งเท่าเทียมกนั รัฐตอ้ งหามาตรการใหม่ๆมาตอบสนองต่อความตอ้ งการทางโภชนาการทีแตกต่างในแต่ละ วยั และตอ้ งคาํ นึงถึงการเขา้ ถึงทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งยงั ยืนของเด็กและเยาวชนดว้ ย รัฐพึงให้ เด็กมีส่วนร่วมในการออกนโยบายและมาตรการทีอาจส่งผลกระทบต่อตวั เด็กดว้ ยในทุกๆขนั ตอน รัฐควรมีนโยบายพฒั นาสังคม เศรษฐกิจ และวฒั นธรรมอย่างยงั ยืน เพือป้ องกนั การละทิงถินฐาน ของเยาวชนเขา้ ไปทาํ งานในเขตเมืองหรือภาคอุตสาหกรรม ควรส่งเสริมการทาํ งานร่วมกนั เป็ นกลุ่ม และการรวมตวั เพือแสดงพลงั ของเยาวชนในนโยบายต่างๆ รัฐควรจดั ให้มีระบบศึกษาทางเลือกทีมี ความหลากหลายสนองต่อการประกอบอาชีพและการเกษตรอย่างยงั ยืนเพือทีเยาวชนจะสามารถ พฒั นาตวั เองไดอ้ ยา่ งมนั คงสืบไป ทงั นีการเขา้ ถึงระบบสหกรณ์หรือระบบสินเชือของเยาวชนก็ เป็นสิงสาํ คญั ในการเริมตน้ ชีวติ แบบพึงพาตนเองเช่นกนั ทารกและเด็กมีความตอ้ งการอาหรทีเป็ นพิเศษและแตกต่างจากบุคคลวยั อืนๆ รัฐควร ดาํ เนินมาตรการประกนั สิทธิของเด็กให้เหมาะสมกบั ความตอ้ งการทางโภชนาการของเด็ก โดยใช้ โครงการทีมุ่งไปทีเด็กโดยตรงหรือผา่ นทางสตรีและครอบครัวก็ตาม นอกจากนีการให้ความรู้ทาง 170

โภชนาการต่อตวั เด็กและแม่ก็มีความจาํ เป็ นเช่นกนั เช่น ในกรณีผลิตภณั ฑ์ทดแทนนมแม่ รัฐ และองคก์ ารระหวา่ งประเทศตอ้ งเร่งใหค้ วามรู้ทีถูกตอ้ ง และหามาตรการควบคุมการโฆษณาและให้ ความรู้แบบผิดๆ จากอุตสาหกรรมอาหารด้วย เพือให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในด้าน โภชนาการสาํ หรับเด็กอยา่ งถูกตอ้ ง ค. ผู้ยากไร้ ผยู้ ากไร้เป็ นกลุ่มเสียงทีเกิดจากความดอ้ ยโอกาสในการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ ทาํ ให้ โอกาสในการเขา้ ถึงอาหารทงั ทางกายภาพและทางเศรษฐกิจย่อมนอ้ ยลงไปดว้ ย มาตรการในการ แกไ้ ขปัญหาของกลุ่มผยู้ ากไร้จึงตอ้ งยดึ กระบวนการทีอา้ งอิงสิทธิเป็นพนื ฐาน สิทธิทีจะเนน้ ในทีนีก็ คือ สิทธิมนุษยชน เนืองจากเป็ นปัจจยั พืนฐานทีสุดในการดาํ รงชีพ หากแกไ้ ขปัญหาในส่วนนีได้ สิทธิอืนๆ ก็จะพฒั นาอยา่ งมนั คง มาตรการทางเศรษฐกิจและการพฒั นาถือเป็ นแนวทางหลกั ในการแกป้ ัญหาสิทธิมนุษยชน ของกลุ่มผูย้ ากไร้ รัฐอาจดําเนินการมาตรการผ่านทางการเพิมโอกาสในการทาํ งานทีได้รับ ผลประโยชนต์ อบแทนอยา่ งเพยี งพอ หรือเพิมโอกาสในการเขา้ ถึงทรัพยากรการผลิตอาหารมากขึน เนืองจากสาเหตุหลกั ของความยากจนก็คือ การขาดแคลนโอกาสทางเศรษฐกิจ ทงั ทีอยู่ในรูปแบบ การขาดทีดินทาํ กิน การขาดปัจจยั การผลิต การขาดความรู้และเทคโนโลยใี นการปรับปรุงการผลิต ทงั นีอาจจะเกิดจากการขาดแคลนตามธรรมชาติหรือภาวะกดดนั จากระบบเศรษฐกิจ หรือ การเมือง เช่น การคุกคามสิทธิในการครอบครองปัจจัยการผลิตจากภาคอุตสาหกรรม การล้มละลาย เนืองจากมีความสามารถในการแข่งขนั ตาํ และการถูกบงั คบั ขบั ไล่ออกจากปัจจยั การผลิตของตน โดยการกดดนั จากภาครัฐ ดงั นนั มาตรการทีเหมาะสมในการแกป้ ัญหาในส่วนนีจึงน่าจะเป็ นการเพิม โอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ผยู้ ากไร้ ทงั การจดั สรรทีดินให้แก่เกษตรกรรายย่อยเป็ นรายๆไป หรือ การจดั สรรทีดินให้ชุมชนใช้สอยทรัพยากรร่วมกนั ในฐานะสิทธิชุมชน หรือ การส่งเสริมระบบ สหกรณ์การผลิต โดยทีรัฐจะตอ้ งออกเอกสารสิทธิหรือกฎหมายมารับรองสิทธิดงั กล่าวเพือสร้าง ความมนั คงใหแ้ ก่สิทธิของปัจเจกชนและชุมชน การดาํ เนินมาตรการเพือแกไ้ ขปัญหาความยากจนนีจะตอ้ งตงั อยู่บนหลกั ความเสมอภาค และ ไม่เลือกประติบตั ิ การออกมาตรการหรือนโยบายใดๆ ตอ้ งคาํ นึงถึงหลกั การทงั สองผูท้ ีจะ ไดร้ ับประโยชนห์ รือมีส่วนร่วมในโครงการจะตอ้ งเป็นผผู้ า่ นเกณฑท์ ีเป็นธรรมมีลกั ษณะเป็ นการรับ 171

หลกั การโดยกฎหมายหรือขอ้ กาํ หนด มากกว่าการเลือกพืนทีลงไปแกไ้ ขปัญหาโดยเฉพาะซึงเป็ น การสร้างผลประโยชนใ์ หแ้ ก่ประชาชนบางพนื ทีมากกวา่ จะเป็นการกระจายการพฒั นาไปครอบคลุม ประชาชนทีได้รับความเดือดร้อนทงั หมด หากจาํ เป็ นและอยู่ในสภาวะฉุกเฉินรัฐอาจให้ความ ช่วยเหลือดา้ นอาหารโดยตรงแก่กลุ่มทีเดือดร้อนเป็ นพิเศษผ่านโครงการอาหารรูปแบบต่างๆ ก็ได้ เนืองจากเป็นการเลือกประติบตั ิทีมีเหตุผลในการช่วยเหลือผดู้ อ้ ยโอกาส ปัญหาความยากจนนอกจากจะมีสาเหตุมาจากการขาดโอกาสทางเศรษฐกิจแลว้ บางส่วนยงั เชือมโยงกบั สิทธิพลเรือน และสิทธิทางการเมือง เนืองจากการดาํ เนินนโยบายของภาครัฐทีขาด ธรรมาภิบาล และเกิดการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ จะทาํ ให้เกิดการรัวไหลของ งบประมาณและทาํ ใหผ้ ลประโยชน์ส่งไปไม่ถึงผยู้ ากไร้ ดงั นนั รัฐจึงตอ้ งส่งเสริมธรรมาภิบาลและ การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนในนโยบายการแกไ้ ขปัญหาความยากจนดว้ ย รัฐควรสร้างกลไกความรับผดิ ขึนมาเพือเปิ ดช่องทางให้ผทู้ ีไดร้ ับความเดือดร้อนเรียกร้อง ผ่านกระบวนการศาลได้ เพือเยียวยาความเสียหายทีอาจได้รับจากการละเวน้ และเพิกเฉยของ หน่วยงานรัฐ นอกจากนีการพฒั นาระบบเกษตรกรรมทงั ระบบให้มีลักษณะพึงพาตนเองได้ยงั เป็ น แนวทางแกป้ ัญหาสิทธิมนุษยชนของผยู้ ากไร้อยา่ งยงั ยนื ดว้ ย ง. ผู้ประสบภยั ธรรมชาติ สถานการณ์ทางสิงแวดลอ้ มในปัจจุบนั ไดเ้ ปลียนแปลงไปจากทีเคยเป็ นมาดงั ทีกล่าวไวใ้ น บทที 3 ภยั พิบตั ิทางธรรมชาติทีเกิดขึนมีความรุนแรงและสร้างความเสียหายให้แก่ประชากรโลก มากเกินกว่ารัฐใดรัฐหนึง หรือ องคก์ รใดองค์กรหนึงจะแกไ้ ขปัญหาไดโ้ ดยลาํ พงั รัฐทงั หลายและ องค์การระหว่างประเทศจึงตอ้ งแสวงหาความร่วมมือในระดับต่างๆเพือป้ องกัน บรรเทาความ เสียหาย และฟื นฟูสภาพสิงแวดลอ้ มใหม้ ีความสมดุลดงั เดิม ซึงตอ้ งอาศยั การความร่วมมือทงั ใน ระดบั ระหวา่ งประเทศ ทงั ระยะสันและระยะยาวเพือแกไ้ ขปัญหาอยา่ งบูรณาการ ดงั ทีปรากฏในกฎ บตั รสหประชาชาติ ขอ้ 55 และ 56 ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รัฐควรให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่ผูป้ ระสบภยั ที ตอ้ งการความช่วยเหลือ รัฐอาจร้องขอความช่วยเหลือระหว่างประเทศถ้าทรัพยากรของรัฐมีไม่ เพียงพอ และรัฐควรอาํ นวยความสะดวกและไม่กีดขวางการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ 172

จากภายนอกตามกฎหมายระหวา่ งประเทศและหลกั มนุษยธรรมซึงมีผลบงั คบั ใชท้ วั ไป รัฐพึงระลึก ถึงสภาพแวดลอ้ มทอ้ งถิน ประเพณีและวฒั นธรรมดา้ นอาหาร ดว้ ย68 รัฐซึงใหค้ วามช่วยเหลือระหวา่ งประเทศในรูปแบบการช่วยเหลือดา้ นอาหารควรตรวจสอบ นโยบายทีเกียวขอ้ งอยู่เป็ นประจาํ และหากจาํ เป็ นรัฐควรทบทวนนโยบายเพือสนับสนุนความ พยายามระดบั ชาติของรัฐผรู้ ับเพือการยอมรับสิทธิในการไดร้ ับอาหารอยา่ งเพียงพอตามบริบทของ ความมนั คงด้านอาหารระดบั ชาติมากยิงขึน รัฐผูบ้ ริจาคควรสร้างนโยบายความช่วยเหลือด้าน อาหารโดยอิงกบั การประเมินความจาํ เป็ นทีทาํ ร่วมกนั ทงั ประเทศผูร้ ับและประเทศผูบ้ ริจาค และ กบั เป้ าหมายความจาํ เป็ นเร่งด่วนและความจาํ เป็ นของกลุ่มเสียง รัฐควรจดั ให้มีความช่วยเหลือโดย อิงเขา้ กบั ความสําคญั ของ ความปลอดภยั ดา้ นอาหาร ศกั ยภาพในการผลิตอาหารของทอ้ งถินและ ภูมิภาค ประโยชน์ และความตอ้ งการทางโภชนาการ รวมถึงวฒั นธรรมของประชากรประเทศ ผรู้ ับ69 ในระยะยาวรัฐควรมีมาตรการป้ องกนั ภยั และมาตรการฉุกเฉินเพือบรรเทาผลกระทบใน ระยะสัน และมีมาตรการฟื นฟูระยะยาวดว้ ย70 เช่น การฟื นฟูทรัพยากรธรรมชาติทีเป็ นปัจจยั การ ผลิตอาหาร นอกจากนีรัฐยงั ควรจดั ตงั กลไกเพือประเมินผลกระทบทางโภชนาการ และกลไกเพือ ทาํ ความเขา้ ใจในยทุ ธศาสตร์ทีเกียวขอ้ งของครัวเรือนทีไดร้ ับผลกระทบจากภยั ธรรมชาติ หรือ ภยั ที เกิดจากนาํ มือมนุษย์ กลไกดงั กล่าวควรบ่งชีถึง เป้ าหมาย การออกแบบ การบงั คบั ใช้ และการ ประเมินค่าของโครงการบรรเทาทุกข์ โครงการบรู ณะ และโครงการฟื นคืนความเขม้ แข็งของชุมชน ผปู้ ระสบภยั รัฐควรจดั สร้างกลไกสาํ หรับการเตือนภยั ล่วงหนา้ ทีเพยี งพอและทาํ งานไดเ้ พือป้ องกนั หรือ บรรเทาผลกระทบของภยั ธรรมชาติและภยั ทีเกิดจากนาํ มือมนุษย์ ระบบเตือนภยั ล่วงหนา้ ควรอยบู่ น พืนฐานของ มาตรฐานสากล การร่วมมือ และขอ้ มูลรายละเอียดทีจาํ แนกรายการอนั เชือถือได้ รัฐ 68 FAO, Voluntary Guidelines to the progressive realization of the right to adequate food in the context of national food security, pp. 16.6. 69 Ibid., paras 19.13. 70 Ibid., para 16.8. 173

ควรดาํ เนินมาตรการทีเหมาะสมเพือเตรียมพร้อมสาํ หรับเหตุฉุกเฉิน อาทิ จดั ระบบเก็บเสบียงอาหาร เพือสะสมอาหาร และดาํ เนินการจดั ตงั ระบบการกระจายอาหารทีเพยี งพอ71 จ. ผู้ประสบภยั สงคราม กฎหมายมนุษยธรรมระหวา่ งประเทศไดใ้ ห้การคุม้ ครองสิทธิของบุคคลและทรัพยส์ ินใน ยามสงครามอตั โนมตั ิ แตกต่างจากนยั ยะแห่งกติกาสากลว่าดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และ วฒั นธรรมทีกาํ หนดใหร้ ัฐใชค้ วามพยายามเพมิ การยอมรับสิทธิเป็ นลาํ ดบั เท่าทีทรัพยากรเอืออาํ นวย ดงั นนั รัฐจึงตอ้ งใหก้ ารคุม้ ครองสิทธิของปัจเจกชนเตม็ ที แมอ้ นุสัญญาเจนีวาทงั 4 ฉบบั และ พิธีสาร เลือกรับอีก 2 ฉบบั จะมิไดบ้ ญั ญตั ิถึงสิทธิมนุษยชนอย่างชดั แจง้ แต่ก็มีบทบญั ญตั ิทีคุม้ ครองสิทธิ มนุษยชนของปัจเจกชนโดยปริยายอยเู่ ช่นกนั อาทิ72 1) การหา้ มใชว้ ธิ ีทาํ สงครามโดยการตดั เสบียงอาหารของพลเรือน ซึงหมายรวมถึง การหา้ ม ตดั ช่องทางการเขา้ ถึงอาหารของพลเรือน ห้ามทาํ ลายพืชผลทางการเกษตร ปศุสัตว์ และนาํ ดืมของ พลเรือน และห้ามใช้อาวุธเคมีชีวภาพทีอาจปนเปื อนลงสู่สิงแวดลอ้ มจนเป็ นเหตุใหท้ รัพยากรการ ผลิตอาหารเป็ นพิษ 2) การหา้ มบงั คบั พลเรือนใหอ้ พยพออกจากถินฐานของตน เนืองจากจะทาํ ให้พลเรือนตอ้ ง ออกจากทีทาํ กินของตนซึงเป็ นแหล่งผลิตอาหารทีสําคญั และการยา้ ยไปอย่ทู ีแห่งใหม่ก็อาจไม่มี แหล่งผลิตอาหารทีเพียงพอ เมืออพยพกลบั มาอยู่ ณ ถินฐานเดิม พืชผลและปศุสัตวอ์ าจเสียหายไป มากแลว้ ก็ได้ ดงั นนั กฎหมายจึงห้ามไวย้ กเวน้ ในกรณีทีตอ้ งอพยพเพือป้ องกนั ความปลอดภยั ของ พลเรือน 3) รัฐตอ้ งจดั หาอาหารและเวชภณั ฑท์ ีเพียงพอใหแ้ ก่พลเรือนทีไดร้ ับความเดือดร้อนทงั จาก การจดั หาโดยรัฐเอง หรือ ผา่ นความร่วมมือระหวา่ งประเทศ ทงั นีความช่วยเหลือดา้ นมนุษยธรรม เป็นสิงจาํ เป็นต่อการปกป้ องสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชนในยามสงครามรัฐตอ้ งอนุญาตใหอ้ งคก์ าร ดา้ นมนุษยธรรมเดินทาง ขนส่ง อาหารและเวชภณั ฑไ์ ปใหแ้ ก่พลเรือนทีไดร้ ับความเดือดร้อน 71 Ibid., para 16.7. 72 UN, A/56/210, pp. 10-11. 174

4) คู่พิพาททางสงครามตอ้ งแบ่งแยกเป้ าหมายทางพลเรือนออกจากเป้ าหมายทางทหาร ตลอดเวลา รัฐต้องหลีกเลียงการโจมตีเป้ าหมายพลเรือนทงั ทีเป็ นบุคคลและทรัพย์สินเพือเป็ น หลกั ประกนั วา่ ทรัพยากรของพลเรือนทีใชใ้ นการผลิตอาหารจะไม่ถูกทาํ ลาย กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศนีมีความเขม้ แข็งในการบงั คบั ใช้เป็ นกฎหมายมาก เนืองจากธรรมนูญศาลอาญาระหวา่ งประเทศไดก้ าํ หนดใหค้ วามผดิ ตามกฎหมายมนุษยธรรมถือเป็ น ความผดิ มลู ฐานของธรรมนูญศาลอาญาระหวา่ งประเทศ หากผใู้ ดละเมิดกฎขา้ งตน้ นีแลว้ จะถือวา่ มี ความผดิ ฐาน อาชญากรสงคราม ตอ้ งไดร้ ับการลงโทษตามกฎหมายอาญาระหวา่ งประเทศ ในกรณีทีเกิดความขดั แยง้ หรือภยั สงครามกลุ่มเสียงอนั ได้แก่ พลเรือนทีเป็ นเหยือของ สงคราม พลรบ เชลยศึก ผลู้ ีภยั หรือผพู้ ลดั ถิน ควรไดร้ ับความคุม้ ครองตามกฎหมาย ขอ้ เสนอแนะทวั ไปของคณะกรรมการวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกประติบตั ิทางเชือชาติ ฉบบั ที 22 ไดร้ ับรองสิทธิของผูล้ ีภยั และผพู้ ลดั ถิน ตามนยั ยะแห่ง อนุสัญญาสถานภาพผลู้ ีภยั ค.ศ.1951 และ พธิ ีสารเลือกรับ ค.ศ.196773 วา่ ผลู้ ีภยั และผพู้ ลดั ถินมีสิทธิทีจะกลบั สู่ถินฐานเดิมไดต้ ามสมคั ร ใจ และพวกเขามีสิทธิในการรับส่งคืนทรัพยส์ ินทีถูกริบไประหว่างทีเกิดความขดั แยง้ และไดร้ ับ ค่าชดเชยความเสียหายทีเหมาะสมในกรณีทีรัฐไม่อาจคืนทรัพยส์ ินได้ รวมทงั มีสิทธิในการมีส่วน ร่วมอยา่ งเสมอภาคและเตม็ ทีในกิจกรรมสาธารณะ และสามารถเขา้ ถึงบริการสาธารณะและสิทธิใน การฟื นฟูสถานะความเป็ นอยู่ 74 ซึงถือเป็ นการคุม้ ครองสิทธิของผูป้ ระสบภยั สงครามให้สามารถ กลบั มามีชีวิตทีดี มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสังคม อนั จะเป็ นหลักประกันสิทธิ มนุษยชนใหแ้ ก่ผปู้ ระสบภยั ต่อไปในอนาคต นอกจากนี รัฐและประชาคมระหว่างประเทศควรร่ วมมือในการให้ความช่ วยเหลื อด้าน มนุษยธรรมแก่ผปู้ ระสบภยั ตามขอ้ 55 และ 56 แห่งกฎบตั รสหประชาชาติ ฉ. ผู้บริโภค ผูบ้ ริโภคในยุคปัจจุบนั ตอ้ งเผชิญกบั ปัญหาความปลอดภยั ด้านอาหารทีเกิดจากการผลิต อาหารในรูปแบบอุตสาหกรรมสมยั ใหม่ทีเนน้ การเพิมผลผลิตโดยอาศยั เทคโนโลยีต่างๆทีผิดไป จากวถิ ีการผลิตดงั เดิมทีเป็นไปตามธรรมชาติ ทงั อุตสาหกรรมอาหารก็ไดใ้ ชก้ ลไกทางการตลาดและ 73 UN, A/51/18, preamble 74 Ibid., para 2. 175

โฆษณา ผลกั ดนั สินคา้ อาหารของตนให้ผบู้ ริโภครับประทานในแทบทุกครัวเรือน ดงั นนั มาตรการ คุม้ ครองบริโภคทีสาํ คญั จึงตอ้ งตอบสนองต่อสภาพปัญหาทีเกิดขึน มาตรการทีรัฐตอ้ งริเริมมาเพือจดั การกบั ปัญหาหลกั ๆ มีอยู่สองส่วน คือ มาตรการความ ปลอดภยั ดา้ นอาหาร และมาตรการบริหารขอ้ มลู ทางโภชนาการทีถูกตอ้ งใหแ้ ก่ผบู้ ริโภค มาตรการความปลอดภยั ดา้ นอาหารตอ้ งครอบคลุมตงั แต่ขนั ตอนการผลิตทีเกษตรกรราย ยอ่ ย การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเป็ นวตั ถุดิบ การปรุงวตั ถุดิบเป็ นอาหาร การบรรจุลงสู่บรรจุ ภณั ฑ์ การจดั เก็บ เรือยไปจนถึงขนั ตอนการขนส่ง และการปรุงอาหารในครัวเรือน รัฐควรช่วยเหลือเกษตรกรและผูผ้ ลิตขนั ปฐมภูมิอืนๆให้ปฏิบตั ิตามการประกอบการ เกษตรกรรมทีดี ช่วยเหลือผแู้ ปรรูปอาหารให้ปฏิบตั ิตามการประกอบการผลิตทีดี และช่วยเหลือผู้ ควบคุมอาหารใหป้ ฏิบตั ิตามการควบคุมสุขอนามยั ทีดี รัฐไดร้ ับการส่งเสริมใหพ้ ิจารณาจดั ตงั ระบบ ความปลอดภยั ดา้ นอาหารและกลไกควบคุมเพือใหห้ ลกั ประกนั แก่มาตรการความปลอดภยั สาํ หรับ ผบู้ ริโภค75 รัฐควรใหห้ ลกั ประกนั ในการใหก้ ารศึกษาเรืองความปลอดภยั ดา้ นอาหารแก่ผปู้ ระกอบการ ธุรกิจอาหารเพอื ใหก้ ารดาํ เนินการไม่ก่อใหเ้ กิดการตกคา้ งของสารตกคา้ งในอาหารและไม่ทาํ ให้เกิด อนั ตรายต่อสภาพแวดลอ้ ม รัฐควรดาํ เนินมาตรการเพอื ใหค้ วามรู้แก่ผบู้ ริโภคเกียวกบั ความปลอดภยั ในการเก็บ จดั การ และใชป้ ระโยชน์ อาหารภายในครัวเรือน รัฐควรรวบรวมและเผยแพร่ขอ้ มูลต่อ สาธารณะในเรืองโรคทีเกิดจากอาหารและความปลอดภยั ดา้ นอาหาร และควรร่วมมือกบั ภูมิภาค และองคก์ ารระหวา่ งประเทศในการเสนอประเด็นความปลอดภยั ดา้ นอาหาร76 ส่วนมาตรการบริหารขอ้ มูลทีถูกตอ้ งเพือผบู้ ริโภคนนั ตอ้ งครอบคลุมตงั แต่ระบบการศึกษา การให้ความรู้ทางโภชนาการผา่ นสือสาธารณะ รวมไปถึงการควบคุมกิจกรรมทางการตลาดของ บรรษทั เอกชน เพอื ป้ องกนั การใหข้ อ้ มูลทางโภชนาการผดิ ๆไปสู่ผบู้ ริโภค รัฐควรรับรองมาตรการเพือคุ้มครองผูบ้ ริโภคจากการหลอกลวงและชวนเชือบนฉลาก บรรจุภณั ฑ์ การโฆษณา และการจาํ หน่ายอาหาร รวมทงั ใหม้ ีทางเลือกแก่ผบู้ ริโภคโดยการประกนั 75 FAO, Voluntary Guidelines to the progressive realization of the right to adequate food in the context of national food security, pp. 9.5. 76 Ibid., para 9.6. 176

วา่ จะมีขอ้ มูลทีเหมาะสมของอาหารทีวางขายในตลาด และจดั ใหม้ ีกระบวนการไล่เบียและเยยี วยา ความเสียหายสาํ หรับการกระทาํ ใดทีส่งผลร้ายจากอาหารทีไม่ปลอดภยั และปนเปื อน รวมทงั อาหาร ทีวางขายขา้ งทางก็อยู่ในขอบเขตของมาตรการนี มาตรการเช่นว่ามิควรใชใ้ นฐานะอุปสรรคทาง การคา้ ทีไม่เป็ นธรรมและจะตอ้ งเป็ นไปตามขอ้ ตกลงขององคก์ ารการคา้ โลก (โดยเฉพาะขอ้ ตกลง สุขอนามยั และขอ้ ตกลงอุปสรรคทางเทคนิคต่อการคา้ ) 77 รัฐควรให้ร่วมมือกบั ผมู้ ีส่วนไดเ้ สีย รวมทงั องคก์ รผูบ้ ริโภคทงั ระดบั ภูมิภาคและระหว่าง ประเทศ ในการเสนอประเด็นความปลอดภยั ดา้ นอาหาร และพิจารณาการมีส่วนร่วมของผมู้ ีส่วนได้ เสียบนเวทีระดบั ชาติและระหว่างประเทศซึงมีการอภิปรายนโยบายอนั ส่งผลกระทบต่อ การผลิต การแปรรูป การกระจาย การคงคลงั และการตลาด อาหาร78 รัฐควรผลกั ดนั การป้ องกนั การบริโภคเกินความตอ้ งการและการบริโภคอาหารทีไม่สมดุล ซึงอาจนาํ ไปสู่ทุพโภชนาการ โรคอว้ น และโรคเกียวกบั ความเสือมตามวยั อย่างเป็ นพิเศษ โดย ดาํ เนินการผา่ นการให้ การศึกษา ขอ้ มลู ข่าวสาร และกฎหมายฉลากอาหาร79 ช. ผู้สูงอายุ แผนปฏิบตั ิการระหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยผสู้ ูงอายุ ณ กรุงเวยี นนา ค.ศ.1982 และ หลกั การแห่ง สหประชาชาติวา่ ดว้ ยผสู้ ูงอายุ ค.ศ.1991 ขอ้ 1 ระบุวา่ “ผสู้ ูงอายคุ วรสามารเขา้ ถึงอาหาร นาํ ทีอยู่ อาศยั เครืองนุ่งห่ม และบริการทางสาธารณสุขทีเพียงพอ ด้วยการส่งเสริมให้มีรายได้จากการ สนบั สนุนของครอบครัวและชุมชน และด้วยการพึงพาตนเอง” นอกจากนียงั ไดใ้ ห้แนวทางการ คุม้ ครองสิทธิมนุษยชนและสุขอนามยั ของผสู้ ูงอายไุ วใ้ นขอ้ แนะนาํ ที 12 และ1880 77 Ibid., para 9.7. 78 Ibid., para 9.9. 79 Ibid., para 10.2. 80 United Nations Principles for Older Persons 1991 (a) Health and nutrition Recommendation 12 Adequate, appropriate and sufficient nutrition, particularly the adequate intake of protein, minerals and vitamins, is essential to the well-being of the elderly. Poor nutrition is exacerbated by poverty, isolation, maldistribution of food, and poor eating habits, including those due to dental problems. Therefore special attention should be paid to: 177

ขอ้ แนะนาํ ที 12 ไดร้ ับรองสิทธิของผสู้ ูงอายุในการไดร้ ับอาหารทีมีคุณค่าทางโภชนาการ เพียงพอเพือความเป็ นอยทู่ ีดีของผสู้ ูงอายุ และตระหนกั ถึงอุปสรรคต่อการประกนั สิทธิมนุษยชน วา่ เกิดจาก ความยากจน การทอดทิงผสู้ ูงอายุ ระบบแบ่งปันอาหารทีแย่ และพฤติกรรมการบริโภคที ผดิ สุขลกั ษณะ แผนปฏิบตั ิการไดก้ ระตุน้ ใหร้ ัฐปรับปรุงนโยบายการพฒั นาคุณภาพชีวติ ของผสู้ ูงอายุ ในชนบทอยา่ งเหมาะสมเพือเพิมปริมาณผลผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความตอ้ งการ พฒั นาระบบ แจกจ่ายอาหาร จดั สรรทรัพยากร รายได้ เทคโนโลยีให้กระจายไปอย่างเป็ นธรรม ให้ความรู้ที ถูกต้องแก่ผูส้ ูงอายุทังในเมือง และชนบทเพือปรับปรุงพฤติกรรมการบริโภค พฒั นาระบบ - Improvement of the availability of sufficient foodstuffs to the elderly through appropriate schemes and encourageing the aged in rural areas to play an active role in food production; - A fair and equitable distribution of food, wealth, resources and technology; - Education of the public, including the elderly, in correct nutrition and eating habits, both in urban and rural areas; - Provision of health and dental services for early detection of malnutrition and improvement of mastication; - Studies of the nutritional status of the elderly at the community level, including steps to correct any unsatisfactory local conditions; - Extension of research into the role of nutritional factors in the ageing process to communities in developing countries. Protection of elderly consumers Recommendation 18 Governments should: - Ensure that food and household products, installations and equipment conform to standards of safety that take into account the vulnerability of the aged; - Encourage the safe use of medications, household chemicals and other products by requiring manufacturers to indicate necessary warnings and instructions for use; - Facilitate the availability of medications, hearing aids, dentures, glasses and other prosthetics to the elderly so that they can prolong their activities and independence; - Restrain the intensive promotion and other marketing techniques primarily aimed at exploiting the meagre resources of the elderly. - Government bodies should cooperate with non-governmental organizations on consumer education programmes. The international organizations concerned are urged to promote collective efforts by their Member States to protect elderly consumers. 178

สุขอนามยั และทนั ตกรรมใหแ้ ก่ผสู้ ูงอายุ ศึกษาสุขภาวะของผสู้ ูงอายุในชุมชนแลว้ แกไ้ ขใหม้ ีความ เหมาะสมกบั เงือนไขของแต่ละทอ้ งถิน พฒั นาการวิจยั เขา้ สู่ระบบโภชนาการชุมชนเพือตอบสนอง ความตอ้ งการของผสู้ ูงอายใุ นประเทศกาํ ลงั พฒั นา ขอ้ แนะนาํ ที 18 ไดป้ กป้ องสิทธิผูบ้ ริโภคของผูส้ ูงอายุ โดยกาํ หนดให้รัฐสร้างมาตรฐาน ความปลอดภยั ดา้ นอาหารสําหรับผบู้ ริโภคทีสูงอายุ ออกกฎหมายควบคุมบรรษทั อุตสาหกรรมให้ ระบุคาํ เตือนและผลขา้ งเคียงของอาหารเพือสร้างมาตรการป้ องกนั ให้แก่ผูส้ ูงอายุ จดั ให้มีอุปกรณ์ ช่วยเหลือ เช่น แวน่ ตา หูฟัง เพือให้ผสู้ ูงอายุสามารถพึงพาตนเองได้ ควบคุมการโฆษณา การให้ ขอ้ มูลเทจ็ และกิจกรรมทางการตลาดทีอาจกระทบกระเทือนต่อการบริหารทรัพยากรของผสู้ ูงอายุ รัฐควรร่วมมือกบั องคก์ รภาคประชาชนในการใหค้ วามรู้ดา้ นการบริโภคทีเหมาะสมแก่ผสู้ ูงอายุ รัฐควรมีมาตรการทงั ทางเศรษฐกิจและสวสั ดิการสังคมเพือประกนั สิทธิมนุษยชนของ ผสู้ ูงอายุ มาตรการทีนาํ มาใช้อาจเป็ นมาตรการทางตรงผ่านการให้ความช่วยเหลือดา้ นการเงินแก่ ผสู้ ูงอายุทีไม่มีรายไดเ้ พียงพอหรือให้ความช่วยเหลือผา่ นโครงการดา้ นอาหารโดยตรง หรืออาจใช้ มาตรการส่งเสริมสวสั ดิการสงั คมผา่ นการสร้างเครือข่ายทางสังคมทีเข็มแขง็ เพือสนบั สนุนผสู้ ูงอายุ ใหส้ ามารถเขา้ ถึงอาหารไดท้ งั ทางกายภาพและทางเศรษฐกิจ มาตรการทงั หลายต้องยึดหลักการส่งเสริมให้ผูส้ ูงอายุสามารถพึงพาตวั เองได้เพือให้ ผสู้ ูงอายดุ าํ รงชีพในช่วงบนั ปลายชีวติ อยา่ งมีศกั ดิศรี และรู้สึกมีคุณค่าในตวั เอง ซ. ผู้ติดเชือ เอชไอว/ี เอดส์ สิทธิมนุษยชนมีความสัมพนั ธ์กบั ปัญหาการแพร่กระจายของโรคติดต่อโดยตรง เนืองจาก อาหารเป็ นปัจจยั สําคญั ในการดาํ รงชีพอย่างสมบูรณ์ในแง่สุขอนามยั ดงั นนั การเขา้ ถึงอาหารอยา่ ง เพียงพอทงั ในแง่ปริมาณ และคุณภาพ ก็จะลดความเสียงต่อการติดเชือ เอชไอวี/เอดส์ได้มาก เนืองจากการเขา้ ถึงอาหารอยา่ งเพียงพอจะลดพฤติกรรมเสียงต่อการติดเชือของกลุ่มเสียงต่างๆได้ มาก เช่น การคา้ ประเวณี การติดยาเสพติด ในทางกลบั กนั หากผูท้ ีติเชือ เอชไอวี/เอดส์ สามารถ เขา้ ถึงอาหารไดอ้ ยา่ งเพียงพออยใู่ นภาวะโภชนาการสมบรู ณ์ก็จะลดความร้ายแรงของโรคลงไดเ้ ยอะ เช่นกนั ดงั นนั การแกป้ ัญหาสิทธิมนุษยชนจึงเป็ นการแกป้ ัญหาผตู้ ิดเชือ เอชไอวี/เอดส์ ทงั ทางตรง และทางออ้ ม 179

การออกโยบายหรือมาตรการใดๆเพือแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนของผูต้ ิดเชือ เอชไอวี/ เอดส์ ตอ้ งอยู่บนพืนฐานของหลกั การห้ามไม่เลือกประติบตั ิ และไม่สร้างตราบาปให้แก่ผูต้ ิดเชือ ดงั นนั รัฐจึงตอ้ งระมดั ระวงั เรืองการรักษาขอ้ มูลส่วนบุคคลและการปฏิบตั ิทีอาจกระทบกระเทือนต่อ สภาพจิตใจและการดาํ รงชีวติ ในสังคมของผตู้ ิดเชือดว้ ย มาตรการทีเหมาะสมต่อกลุ่มผูต้ ิดเชือเอดส์ควรมีลักษณะส่งเสริ มสภาพแวดล้อมที เหมาะสมต่อการดาํ รงชีพของผตู้ ิดเชือ เช่น ระบบเกษตรแบบพึงพาตวั เองสําหรับชุมชน ระบบการ แบ่งปันทรัพยากรเพือให้ผูต้ ิดเชือสามารถเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตอาหารได้ นอกจากนีรัฐตอ้ งขจดั ระบบการกีดกนั ผตู้ ิดเชือทงั ทีอยู่ในรูปแบบของกฎหมาย และการปฏิบตั ิใน ชีวติ จริง นอกจากนีรัฐยงั ควรส่งเสริมกิจกรรมต่างๆเพือการปรับเปลียนทศั นคติและพฤติกรรมทาง เพศสาํ หรับผตู้ ิดเชือและผทู้ ีมีพฤติกรรมสุ่มเสียงต่อการติดเชือ เพือหลีกเลียงการเพิมขึนของปัญหา และลดความร้ายแรงของปัญหาลง ทงั นีมีขอ้ สังเกตวา่ สังคมเกษตรกรรมแบบพึงพาตนเองมีโอกาส เสียงต่อการติดเชือน้อยกว่าสังคมอุตสาหกรรม หรือ สังคมเกษตรแบบอุตสาหกรรม เนืองจาก ชุมชนมีความเขม้ แข็งมากกว่า มีกิจกรรมทีระบายความเครียดไดม้ ากกว่า และมีความมนั คงดา้ น อาหารมากกวา่ จาํ นวนเงินในกระเป๋ า ฌ. ผู้พกิ ารทุพพลภาพ คณะกรรมาธิการสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรมไดอ้ อกความเห็นทวั ไป ฉบบั ที 5 วา่ ดว้ ยสิทธิของผูพ้ ิการ โดยไดต้ ระหนกั ถึงปัญหาของผพู้ ิการ วา่ ในหลายๆกรณีผพู้ ิการมีอุปสรรค ในการเขา้ ถึงอาหาร และนาํ แมจ้ ะเป็ นประเทศทีมีพฒั นาการทางเศรษฐกิจสูงก็ตาม จึงไดม้ ีการ ผลกั ดนั แผนปฏิบตั ิการระดบั โลกวา่ ดว้ ยผพู้ กิ ารขึน ความเห็นทวั ไปฉบบั ดงั กล่าวไดก้ ระตุน้ ให้ภาครัฐและเอกชนอยู่ภายใตก้ ฎเกณฑ์ในการ ประกันสิทธิทีเป็ นธรรมของผูพ้ ิการตามขอบเขตทีสมควร ในประเด็นการจดั บริการสาธารณะ แมว้ า่ บริการสาธารณะหลายๆอย่างจะถูกแปรรูป แต่ก็ตอ้ งวางกรอบการกาํ กบั ดูแลให้มีมาตรฐาน รวมถึงตอ้ งวางมาตรการในการยกระดบั จิตสํานึกของสังคมเกียวกบั ผูพ้ ิการ สิทธิ ความตอ้ งการ ศกั ยภาพ และสิงทีผพู้ กิ ารสามารถใหแ้ ก่สังคมดว้ ย เพือใหเ้ กิดการยอมรับสิทธิมนุษยชนของผพู้ ิการ ในการมีส่วนร่วมพฒั นาเศรษฐกิจ และสังคม ทงั นีรัฐตอ้ งสนองตอบต่อปัญหาทีเกิดขึนโดยยกเลิก 180

กฎหมายหรือระบบการกีดกนั ใดๆทีเป็ นอุปสรรคต่อการเขา้ ถึงสิทธิของผูพ้ ิการ รวมทงั จดั ให้มี งบประมาณทีเพียงพอ ทรัพยากรทีรัฐมีอยู่ตอ้ งจดั สรรอย่างเท่าเทียมกนั ไม่ละเลยต่อกลุ่มผูพ้ ิการ เพือให้ผูพ้ ิการสามารถเข้าถึงบริการสาธารณะและทรัพยากรการผลิตทังในระดบั ชุมชน และ ระดบั ประเทศ ยิงไปกว่านนั รัฐตอ้ มีมาตรการประกนั สิทธิในการเขา้ ถึงอาหารอย่างเพียงพอของผูพ้ ิการ โดยจดั บริการสนบั สนุนอืนๆ เพอื ใหผ้ พู้ ิการสามารถช่วยเหลือตวั เองไดใ้ นการดาํ เนินชีวิตประจาํ วนั อย่างเป็ นอิสระ หากมีความจาํ เป็ นพิเศษรัฐอาจจดั ให้มีบริการความช่วยเหลือเป็ นพิเศษแก่บุคคล หรือกลุ่มบุคคลใดเป็นพิเศษก็ไดห้ ากบุคคลกลุ่มนนั ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ญ. ชนพนื เมือง สิทธิชนพืนเมืองดา้ นอาหารไดร้ ับการคุม้ ครองตามนยั ยะแห่ง ขอ้ 2 (2) และ 3 แห่งกติกา สากลวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม โดยถือวา่ ชนพืนเมืองไดร้ ับการคุม้ ครองสิทธิ มนุษยชนอย่างเสมอภาคภายใต้หลักการห้ามเลือกประติบตั ิ รัฐจึงมีพนั ธกรณีในการเคารพ ปกป้ อง และเติมเต็มสิทธิมนุษยชนของชนพืนเมือง นันหมายถึงรัฐอาจต้องหามาตรการที เหมาะสมเพอื ตอบสนองความจาํ เป็นพเิ ศษของกลุ่มชนพืนเมือง ขอ้ 2 แห่งอนุสัญญาวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกประติบตั ิทางเชือชาติทุกรูปแบบ81 ไดบ้ ญั ญตั ิ ให้ รัฐบาลควรมีความละเอียดอ่อนต่อสิทธิของบุคคลในฐานะเป็ นสมาชิกของกลุ่มชาติพนั ธุ์ 81 อนุสญั ญาระหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ย การขจดั การเลือกปฏิบตั ทิ างเชือชาติในทุกรูปแบบ ข้อ 2 1. รัฐภาคีประณามการเลือกปฏิบตั ิทางเชือชาติ และจะจดั ใหม้ ีนโยบายทีจะขจดั การเลือกปฏิบตั ทิ างเชือชาติในทุก รูปแบบ และส่งเสริมความเขา้ ใจระหวา่ งชนทุกเชือชาติโดยวธิ ีการทีเหมาะสมและไม่รีรอ และเพอื การนี (ก) รัฐภาคีแต่ละรัฐจะไม่กระทาํ การใด ๆ ทีจะเป็ นการเลือกปฏิบตั ิต่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือสถาบนั และจะ ประกนั วา่ เจา้ หนา้ ทีของรัฐทุกคน และสถาบนั ของรัฐทุกแห่งทงั ระดบั ชาติและระดบั ทอ้ งถิน จะปฏิบตั ิตาม พนั ธกรณีนี (ข) รัฐภาคจี ะไม่อุปถมั ภ์ ช่วยเหลอื หรือสนบั สนุนการเลือกปฏิบตั ทิ างเชือชาติ โดยบคุ คลหรือองคก์ รใด (ค) รัฐภาคีแต่ละรัฐจะดาํ เนินมาตรการทีมีประสิทธิภาพเพือทบทวนนโยบายของรัฐบาล ทงั ในกรอบแห่งชาติและ ระดบั ทอ้ งถิน และแกไ้ ข เพกิ ถอนหรือยกเลิกกฎหมายหรือกฎระเบียบใด ๆ ทีมีผลก่อใหเ้ กิดหรือแพร่ขยายการ เลือกปฏิบตั ิทางเชือชาติไม่วา่ ในทีใดก็ตาม (ง) รัฐภาคีแต่ละรัฐจะหา้ มและยกเลิกการเลือกปฏิบตั ิทางเชือชาติโดยบุคคล กล่มุ หรือองคก์ ร โดยวธิ ีการอนั เหมาะสม ซึงรวมทงั การออกกฎหมายทีใชต้ ามความจาํ เป็ นของสถานการณ์ 181

โดยเฉพาะอยา่ งยงิ สิทธิทีจะรักษาเอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมของตน และสิทธิในการมีส่วนร่วมจาก ผลการพฒั นาของชาติอยา่ งเป็ นธรรมดว้ ย รัฐบาลจึงควรส่งเสริมสิทธิของกลุ่มชนพืนเมืองในการ ดาํ เนินกิจการต่างๆ ทีเป็นวถิ ีการดาํ เนินชีวติ ตามอตั ลกั ษณ์ของตน ในการกาํ หนดอนาคตตนเองตาม ขอ้ 1 แห่งกติกาสากลว่าดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม ควบคู่ไปกบั สิทธิในการมีวถิ ีการดาํ รงชีวิต และวฒั นธรรมของตนเอง นอกจากนี ยงั เคารพสิทธิชนพืนเมืองในการพฒั นาเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม โดยปราศจากการ แทรกแซงจากภายนอก82 ซึงหมายรวมถึงสิทธิในการมีส่วนร่วมในบริการสาธารณะ และนโยบาย สาธารณะทุกระดบั ขอ้ เสนอแนะทวั ไปของคณะกรรมาการวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกประติบตั ิทางเชือชาติ ฉบบั ที 23 ไดต้ ระหนกั ถึงสภาพปัญหาสิทธิของชนพนื เมืองทีรัฐกีดกนั กลุ่มชนออกจากการคุม้ ครองสิทธิ มนุษยชนและเสรีภาพขนั พืนฐาน โดยเฉพาะการสูญเสียดินแดนและทรัพยากรต่างๆแก่นกั ล่าอาณา นิคม บรรษทั เอกชนและรัฐวิสาหกิจต่างๆ เป็ นผลให้วิถีการดาํ รงชีวิตทีเป็ นอตั ลักษณ์ของชน พืนเมืองเสือมสลาย รัฐพงึ สร้างหลกั ประกนั วา่ ชนพืนเมืองจะเป็ นอิสระจากการเลือกประติบตั ิ และ (จ) รัฐภาคีแต่ละรัฐจะสนบั สนุนการดาํ เนินงานขององคก์ รทีมงุ่ ประสานหลายเชือชาติเขา้ ดว้ ยกนั และการ ดาํ เนินการเคลือนไหว และการกระทาํ ใด ๆ ในอนั ทีจะขจดั อปุ สรรคขวางกนั ทางเชือชาติตามความเหมาะสม และ จะไม่สนบั สนุนการกระทาํ ใด ๆ อนั มีแนวโนม้ ทีจะเสริมสร้างความเขม้ แขง็ ใหก้ บั การแบ่งแยกทางเชือชาติ 2. เมือสถานการณ์เหมาะสม และโดยคาํ นึงถึงดา้ นสงั คม เศรษฐกิจ วฒั นธรรม และอืน ๆ รัฐภาคีจะจดั ใหม้ ี มาตรการพิเศษและเป็ นรูปธรรมเพอื ประกนั ใหม้ ีการพฒั นาอยา่ งพอเพยี งและใหก้ ารคุม้ ครองแก่กลุ่มชนหรือ บุคคลบางเชือชาติ โดยมีเจตนารมณ์ทีจะประกนั ใหบ้ คุ คลเหล่านนั มีสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขนั พืนฐานอยา่ ง สมบูรณ์และอยา่ งเสมอภาค ทงั นี มาตรการเหล่านีจะตอ้ งไม่ก่อใหเ้ กิดการแบ่งแยกสิทธิทีไม่เท่าเทียมกนั สาํ หรับ กลุ่มชนต่างเชือชาติอยา่ งต่อเนืองภายหลงั จากทีไดบ้ รรลุวตั ถุประสงคน์ นั แลว้ 82 กติการะหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม ข้อ 1 1. ประชาชาติทงั ปวงมีสิทธิกาํ หนดเจตจาํ นงของตนเอง โดยสิทธินนั ประชาชาติเหล่านนั จะกาํ หนดสถานะ ทางการเมืองของตนโดยเสรี และพฒั นาเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรมของตนอยา่ งเสรี 2. เพือจุดมุ่งหมายของตน ประชาชาติทงั ปวงอาจจดั การโภคทรัพยแ์ ละทรัพยากรธรรมชาติของตนไดอ้ ยา่ งเสรี โดยไม่กระทบต่อพนั ธกรณีใด ๆ อนั เกิดจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศซึงตงั อยบู่ นพืนฐานของ หลกั การแห่งผลประโยชนร์ ่วมกนั และกฎหมายระหวา่ งประเทศ ประชาชาติจะไม่ถกู ลิดรอนวถิ ีทางยงั ชีพของตน ไม่วา่ ในกรณีใด 182

เปิ ดโอกาสให้ชนพืนเมืองสามารถพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมของตนอย่างยงั ยืน รวมถึงฟื นฟู วฒั นธรรม และประเพณีต่างๆ รัฐควรส่งเสริมใหช้ นพืนเมืองมีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะ ละ เวน้ การเพกิ ถอนสิทธิในการครอบครองใชส้ อยทรัพยากรธรรมชาติ ในหลายกรณีรัฐควรคืนสิทธิใน การครอบครองใช้สอยทีดิน และทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ชนพืนเมือง83 เนืองเป็ นเขตแดนดงั เดิม ของพวกเขา ในสถานการณ์ปัจจุบนั ทีมีความเปลียนแปลงทางเศรษฐกิจสูง สิทธิในทรัพยากรชีวภาพ และภูมิปัญญาทอ้ งถินเป็ นสิงทีบรรษทั เอกชนให้ความสนใจ จนกระทงั เกิดปัญหาการโจรกรรม ทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาทอ้ งถินของชนพืนเมืองไปจดสิทธิบตั รมากขึน ทาํ ให้ชนพืนเมือง ไดร้ ับความเดือดร้อนอย่างมหาศาล การจดั ระบบคุม้ ครองสิทธิในทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญา ทอ้ งถินจึงเป็ นสิงสําคญั ทีรัฐและประชาคมระหว่างประเทศตอ้ งเร่งปรับปรุงแกไ้ ขระบบกฎหมาย เพือป้ องกนั การละเมิดสิทธิของชนพนื เมืองเหนือทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาทอ้ งถินในอนาคต ดงั ทีปรากฏในอนุสัญญาความหลากหลายทางชีวภาพ ขอ้ 884 รัฐตอ้ งส่งเสริมให้ชนพืนเมืองรับรู้สิทธิมนุษยชนของตนรวมถึงสิทธิของชุมชนทอ้ งถินใน การจดั การทรัพยากรธรรมชาติเพือการดาํ รงชีวิตตามวฒั นธรรมของชนพืนเมืองเหล่านนั รัฐควร สร้างหลกั ประกนั ในการถือครองสินทรัพยต์ ามระบบกฎหมายภายในให้มีความมนั คงมากขึนและ สอดคลอ้ งกบั วิถีการการดาํ เนินชีวิตของชนพืนเมือง สร้างสถาบนั หรือองค์กรทีประสานและให้ ขอ้ มูลทีจาํ เป็ นกบั กลุ่มชนพืนเมือง รวมทงั รักษาภูมิปัญญาและวฒั นธรรมการบริโภคของชน 83 UN, A/52/18, para 3-5. 84 อนุสญั ญาความหลากหลายทางชีวภาพ ข้อ 8 การอนุรักษใ์ นถินทีอยอู่ าศยั ตามธรรมชาติ แต่ละภาคีจกั ตอ้ งดาํ เนินการดงั ตอ่ ไปนีให้มากทีสุดเท่าทีเป็ นไปได้และเท่าทีเหมาะสม ................................................ (ญ)ภายใตก้ ฎขอ้ บงั คบั แห่งชาติ, ใหค้ วามเคารพ, สงวนรักษาและดาํ รงไวซ้ ึงความรู้ ประดิษฐกรรม และการถือปฏิบตั ิ ของชุมชนพืนเมืองและทอ้ งถินซึงปรากฏในการดาํ เนินชีวติ ทีสืบทอดมาตามประเพณี ซึงเกียวขอ้ งกบั การอนุรักษ์ และการใชป้ ระโยชนค์ วามหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งยงั ยนื และส่งเสริมการประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งกวา้ งขวางมากขึน ดว้ ย มีความเห็นชอบและการเขา้ ร่วมของผทู้ รงความรู้, เจา้ ของประดิษฐกรรมและผถู้ ือปฏิบตั ินนั ๆ และสนบั สนุนการ แบ่งปันอยา่ งเท่าเทียมซึงผลประโยชนอ์ นั เกิดจากการใชป้ ระโยชนค์ วามรู้, ประดิษฐกรรมและการถือปฏิบตั ินนั ๆ 183

พืนเมืองให้คงอยดู่ ว้ ย เนืองจากสิทธิมนุษยชนมีความสัมพนั ธ์กบั สิทธิในการเขา้ ถึง ครอบครอง ใช้ สอยทรัพยากรธรรมชาติ และภูมิปัญญาทอ้ งถิน อยา่ งใกลช้ ิด85 นโยบายทีกล่าวมาขา้ งตน้ จะช่วยส่งเสริมใหช้ นพืนเมืองสามารถพฒั นาตนเองและชุมชนได้ อย่างยงั ยืน เนืองจากเป็ นการพฒั นาทีสอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรม และภูมิปัญญาในการผลิตของชน พืนเมืองในแต่ละพืนที อนั จะเป็ นการสร้างความมนั คงด้านอาหารและสร้างหลกั ประกนั สิทธิ มนุษยชนใหแ้ ก่ชนพืนเมืองสืบไป ในการคุม้ ครองสิทธิของกลุ่มเสียงทงั หลาย จาํ เป็นตอ้ งอาศยั มาตรการทางสังคมเพือประกนั สิทธิมนุษยชน (Social Safety-Net) ในรูปแบบต่างๆ เพือบรรเทาผลกระทบทีอาจเกิดขึนกบั กลุ่ม เสียง ทงั ยงั ช่วยให้กลุ่มเสียงสามารถฟื นฟูสถานภาพของตนให้อยู่ในระดบั ทีพึงพาตนเองได้ มาตรการทางสังคมเพือกันสิทธิของกลุ่มเสียงนีควรอยู่ในรูปแบบกระบวนการทีอ้างสิทธิเป็ น พืนฐาน (Rights-based approach) มากกว่าจะเป็ นโครงการบริจาคเพือการกุศล โดยรัฐตอ้ งใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรทีมีอยู่ให้มากทีสุดเพือสร้างมาตรการรองรับ โดยคาํ นึงถึงหลกั การห้าม เลือกประติบตั ิดว้ ย หากบุคคลใดทีเป็นกลุ่มเสียงตามทีเงือนไขกาํ หนดก็จะตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือ อย่างเสมอภาคโดยการดาํ เนินมาตรการดังกล่าวต้องให้ผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วม เป็นไปอยา่ งโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสร้างระบบความรับผดิ ของหน่วยงานทีมีอาํ นาจหนา้ ทีหาก ละเวน้ การปฏิบตั ิงานตามมาตรการ หากเป็ นไปได้ก็ควรพฒั นาไปถึงระดบั ทีปัจเจกชนสามารถ เรียกร้องการเยียวยาไดห้ ากไม่ไดร้ ับความช่วยเหลือจากมาตรการทีตนมีสิทธิ อย่างไรก็ดีการออก มาตรการใดๆ ก็ควรคาํ นึงถึงความแตกต่างทางวฒั นธรรมของทอ้ งถิน และรักษาขอ้ มูลทีเป็ นสิทธิ ส่วนบุคคลของกลุ่มเสียงดว้ ย86 85 UN, A/60/350, p. 9. 86 FAO, IGWG RTFG/INF 3, p. 3. 184

7. พันธกรณีในการห้ามใช้การตัดสิทธิมนุษยชนเป็ นเครืองมือกดดันทางการเมืองและ เศรษฐกจิ การประชุมอาหารโลกและรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ ระบุว่า รัฐและองค์การระหว่างประเทศไม่ควรใช้อาหารเป็ นเครืองมือกดดนั ทางเศรษฐกิจและ การเมือง เนืองจากอาหารถือเป็นปัจจยั พนื ฐานในการดาํ รงชีวติ ทีดี ความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศในปัจจุบนั แมจ้ ะพยายามหลีกเลียงการใช้กาํ ลงั อาวุธเข้า ประหตั ประหารกนั ลงไปแลว้ แต่กลบั ปรากฏการใชก้ ารควาํ บาตรทางเศรษฐกิจ และการใชอ้ าหาร เป็ นเครืองมือกดดันทางการเมืองแทน ในหลายๆกรณีการลงโทษทางเศรษฐกิจทีเกิดขึนนันมี สัดส่วนเกินกวา่ กวา่ ความจาํ เป็นทีไดก้ าํ หนดไวใ้ น บทที 7 ของกฎบตั รสหประชาชาติ และเป็ นการ ละเมิดบทบญั ญตั ิอืนๆของกฎบตั รสหประชาชาติทีเกียวขอ้ งกบั สิทธิมนุษยชนดว้ ย เช่น ขอ้ 1, 55 และ 56 การนาํ อาหารมาใช้เป็ นเครืองมือกดดนั ทางเศรษฐกิจและการเมืองจึงไม่น่าจะเป็ น มาตรการทีเหมาะสมในการจดั การกบั ปัญหา ในขณะทีบางประเทศเห็นวา่ การใชอ้ าหารเป็ นเครืองมือกดดนั ทางเศรษฐกิจ และการเมือง เป็ นเครืองมือทีไดผ้ ล เนืองจากประเทศทีไดร้ ับการลงโทษจะเกรงกลวั กบั ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ในประเทศตนเองทีอาจกระทบกระเทือนต่อความมนั คงภายในประเทศดว้ ย แต่ผลของการลงโทษ ทางเศรษฐกิจมกั กระทบกระเทือนต่อสิทธิมนุษยชนทีได้รับการรับรองโดยปฏิญญาสากลว่าดว้ ย สิทธิมนุษยชน และ กติกาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม การลงโทษเป็ นเหตุ ใหเ้ กิดการชะงกั งนั ในการจดั สรรและกระจายอาหาร ก่อให้เกิดปัญหาดา้ นความสะอาดคุณภาพของ อาหาร และนาํ ดืมดว้ ย87 การลงโทษทางเศรษฐกิจทีชดั เจนและสร้างผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนของประชาชน อยา่ งชดั เจนไดแ้ ก่ การลงโทษทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาต่อประเทศคิวบา มาตรการตอบโต้ ดงั กล่าวของสหรัฐเป็ นการขดั ขวางการเคลือนไหวสินคา้ และบริการไปสู่ประเทศคิวบานบั ตงั แต่ปี ค.ศ.1959 ซึงในปี ค.ศ.1996 สภาคองเกรสก็ออกกาํ หมายลงโทษบรรษทั ต่างๆรวมไปถึงบรรษทั ต่างชาติทีประกอบธุรกิจกบั ประเทศคิวบา มาตรการขา้ งตน้ ไดส้ ่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนต่อ ประชาชนชาวคิวบาโดยตรงเนืองจากได้ห้ามการนําเข้าอาหาร รวมไปถึงปัจจยั การผลิตทาง 87 UN, E/1998/22, paras 3-5. 185

การเกษตร แมก้ ระทงั เครืองจกั รกลและพลงั งานทีจาํ เป็ นต่อการปฏิรูปการเกษตรให้ตอบสนองต่อ ความตอ้ งการของประชากรหรือการส่งออกเพือนาํ เงินมาพฒั นาสวสั ดิการสังคมของรัฐ ทาํ ให้ ราคาอาหารภายในประเทศคิวบาสูงกว่าทีควรจะเป็ น แมใ้ นระยะหลงั สหรัฐจะอนุญาตให้คิวบา นาํ เขา้ อาหารจากสหรัฐได8้ 8 แต่ก็ยงั มีลกั ษณะเลือกประติบตั ิทีเป็นคุณต่อประเทศตนเองเสียมากกวา่ เป็นประโยชนต์ ่อประเทศคิวบา อยา่ งไรก็ตามประเทศคิวบากลบั ประสบความสําเร็จในการปฏิรูป ระ บ บ กา รเก ษตรข องตนเองไ ป สู่ ก ารเก ษ ตรแบ บพึ ง พ า ตนเอง ที ปั จจุ บ ันหล า ย ๆป ระ เทศ ก ํา ลัง ยอ้ นกลบั ไปทาํ อยู่ เนืองจากมีความยงั ยืนมากกว่าการเกษตรแบบสมยั ใหม่ทีตอ้ งอาศยั เทคโนโลยี และสารเคมีมาก แต่ถ้าหากมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อคิวบายุติลงได้ตามมติทีประชุม สมชั ชาใหญ่แห่งสหประชาติซึงลงคะแนนเสียง 173 ต่อ 3 ประณามการลงโทษดงั กล่าว89 ก็จะเป็ น การดี เนืองจากประเทศคิวบาก็จะมีเสรีภาพทางการคา้ ระหว่างประเทศมากขึน สามารถส่งออก สินคา้ ทีผลิตไดม้ ากเกินความจาํ เป็ น เพือนาํ เงินไปนาํ เขา้ ปัจจยั อืนทีจาํ เป็ นต่อการพฒั นาสวสั ดิการ สงั คมภายในประเทศ ส่วนการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อประเทศอิรักทีเป็ นไปตามมติคณะมนตรีความมนั คงแห่ง สหประชาชาติมาตงั แต่ปี ค.ศ.1991 นัน เด็กสตรีนับล้านต้องอยู่ในภาวะขาดอาหารและทุพ โภชนาการอย่าร้ายแรง90 จากผลกระทบดงั กล่าวก็ปรากฏชัดแลว้ ว่ามติไดส้ ร้างความยากลาํ บาก ให้แก่ประชาชนชาวอิรักเสียมากกว่าสร้างความกดดนั ต่อผูน้ าํ ประเทศ ถึงแม้สหประชาชาติจะ พยายามออกมาตรการมาบรรเทาผลกระทบ เช่น โครงการนาํ มนั แลกอาหาร แต่ก็ไม่สามารถแกไ้ ข ปัญหาสิทธิมนุษยชนของประชาชนชาวอิรักไดเ้ ท่าทีควร เนืองจากการจาํ กดั กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ย่อมเป็ นช่องทางให้ผูป้ กครองและผูม้ ีอิทธิพลแสวงหาประโยชน์จากตลาดมืด อีกทงั การดาํ เนิน โครงการดงั กล่าวกลบั เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบจนผลประโยชน์มิไดต้ กถึงมือประชาชน ชาวอิรักเท่าทีควร จากบทเรียนดงั กล่าว สะทอ้ นให้เห็นวา่ การลงโทษทางเศรษฐกิจยงั ส่งผลทางออ้ มเป็ นการ สร้างความเขม้ แขง็ ใหแ้ ก่ผปู้ กครองทีกดขีในประเทศเหล่านนั อนั เนืองมาจากการเกิดขึนของตลาด 88 UN, E/CN.4/2002/58, p. 35. 89 Ibid., p. 39. 90 Ibid., p. 36. 186

มืดอยา่ งแพร่หลายเพราะยงั ตอ้ งมีการลกั ลอบนาํ สินคา้ ทีจาํ เป็ นต่อการดาํ รงชีพเขา้ มาขายในประเทศ เหล่านนั อยดู่ ี ซึงธุรกิจเหล่านีกลบั เป็ นแหล่งเงินทุนทีสาํ คญั ให้แก่กลุ่มผนู้ าํ และผมู้ ีอธิพลเพียงบาง กลุ่มเท่านนั ทาํ ใหผ้ ปู้ กครองอาศยั อาํ นาจทางเศรษฐกิจมาเสริมสร้างอาํ นาจทางการเมืองของตนเพือ ควบคุมประชาชนส่วนใหญ่ และกาํ จดั ศตั รูทางการเมืองทีต่อตา้ นตนเองไดง้ ่ายขึน91 การพิจารณาวา่ จะลงโทษทางเศรษฐกิจต่อใครและอยู่ภายในขอบเขตใด ยอ่ มตอ้ งแยกแยะ ระหวา่ งวตั ถุประสงคพ์ ืนฐานของการใชก้ ารลงโทษทางเศรษฐกิจกดดนั ทางการเมืองต่อผปู้ กครอง ประเทศเพือให้บุคคลเหล่านันปฏิบตั ิตามกฎหมายระหว่างประเทศ ออกจากความเดือดร้อนของ ประชาชนในประเทศทีไดร้ ับผลกระทบจากมาตรการดงั กล่าวโดยเฉพาะกลุ่มเสียงต่างๆทีอาจไดร้ ับ ผลกระทบมากเป็ นพิเศษ ระบบการลงโทษทางเศรษฐกิจทีคณะมนตรีมนั คงวางขึนจึงตอ้ งคาํ นึงถึง เหตุผลดา้ นมนุษยธรรม เพืออนุญาตใหม้ ีการไหลเวยี นของสินคา้ และบริการทีจาํ เป็นต่อการดาํ รงชีพ ของประชาชน หากตอ้ งมีมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ ก็ตอ้ งประเมินผลกระทบทีคาดว่าจะ เกิดขึนจากการลงโทษก่อนจะบงั คบั ใชม้ าตรการเช่นวา่ 92 พนั ธกรณีของรัฐทีไดร้ ับผลกระทบจากการลงโทษทางเศรษฐกิจ การลงโทษทางเศรษฐกิจ มิไดเ้ ป็ นขอ้ อา้ งให้รัฐเพิกเฉยต่อพนั ธกรณีของรัฐในการยอมรับสิทธิมนุษยชนเพิมขึนเป็ นลาํ ดบั เท่าทีทรัพยากรเอืออาํ นวย ในกรณีทีทรัพยากรมีอยู่อย่างจาํ กัดและขาดแคลนรัฐต้องพยายาม แสวงหาทรัพยากรเพิมเติมโดยอาศยั ความร่วมมือระหว่างประเทศอืนๆทีรัฐจะสามารถกระทาํ ได้ เช่น โครงการอาหารโลก หรือ ความช่วยเหลือดา้ นมนุษยธรรมระหวา่ งประเทศจากองคก์ รพฒั นา เอกชน รวมไปถึงการเจรจากบั ประชาคมระหวา่ งประเทศเพือหาทางลดผลกระทบทีอาจเกิดขึนกบั กลุ่มเสียงในสังคมใหน้ อ้ ยทีสุด93 พนั ธกรณีของรัฐหรือองค์การระหวา่ งประเทศทีออกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจมีอยู่ 3 ประการ คือ94 91 UN, E/1998/22, para 3. 92 Ibid., para 5. 93 Ibid., para 10. 94 Ibid., paras 12-15. 187

1) รัฐหรือองคก์ ารระหว่างประเทศจะตอ้ งคาํ นึงถึงสิทธิมนุษยชนโดยกาํ หนดระบบการ ลงโทษทีเหมาะสม และจดั ตงั กลไกเพือประเมินความเสียงก่อนการออกมาตรการ และประเมินผล กระทบทีเกิดขึนจากการลงโทษ โดยการดาํ เนินการทงั สองตอ้ งเป็นไปอยา่ งโปร่งใส 2) รัฐและองคก์ ารระหวา่ งประเทศจะตอ้ งติดตามผลการลงโทษวา่ มีประสิทธิภาพ สามารถ ยบั ยงั การละเมิดกฎหมายระหวา่ งประเทศไดห้ รือไม่ รวมไปถึงผลกระทบทีเกิดขึนกบั ประชาชนใน ประเทศนนั ๆดว้ ย 3) รัฐและองค์การระหว่างประเทศตอ้ งหามาตรการบรรเทาผลกระทบทีเกิดขึนกบั กลุ่ม เสียงในประเทศเหล่านนั การควาํ บาตรหรือลงโทษทางเศรษฐกิจทีกระทาํ โดยองคก์ ารระหวา่ งประเทศ หรือ เป็ นการ กระทาํ ฝ่ ายเดียวของรัฐก็แลว้ แต่ ลว้ นส่งผลกระทบต่อ ความเพียงพออยา่ งยงั ยืนของอาหาร การ เขา้ ถึงอาหารของปัจเจกเชน รวมไปถึงสิทธิอืนๆทีมีความสัมพนั ธ์กนั และพึงพิงกนั ก็จะถูกละเมิด ไปดว้ ย ทงั สิทธิทางสาธารณสุข สิทธิในการมีชีวิต หากมีการใชอ้ าหารเป็ นเครืองมือกดดนั ทาง เศรษฐกิจและการเมืองเป็ นเวลานานปริมาณเสบียงอาหารและความหลากหลายของอาหารก็จะ ลดลงอย่างมาก ทาํ ให้ปัจเจกชนรวมถึงกลุ่มเสียง อาทิ เด็ก สตรีมีครรภ์ สตรีทีให้นมบุตร อยู่ใน ภาวะทุพโภชนาการเรือรัง ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลโดยตรง ประชาชนทีอาศยั อยู่ ในประเทศทีมีผปู้ กครองละเมิดกฎหมายระหวา่ งประเทศและคุกคามต่อสันติภาพของโลก มิควรมา รับผลของการกระทาํ ของผนู้ าํ ดว้ ยการสูญเสียสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม95 ดงั นนั เรา จึงไม่ควรตอบโตผ้ ูน้ าํ ประเทศทีละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการใช้มาตรการลงโทษซึงมีลกั ษณะ ลิดรอนสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชนในประเทศนนั ซาํ เติมเขา้ ไปอีก 8. หลกั การใช้กระบวนการเยียวยาภายในให้หมดเสียก่อน (Exhaustion of Local Remedy) การเยียวยาสิทธิด้านอาหารในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศตอ้ งคาํ นึงถึงการใช้ กระบวนการเยยี วยาภายในใหห้ มดเสียก่อน เนืองจากเป็ นหลกั การพืนฐานของกระบวนการเยยี วยา ตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ วตั ถุประสงคข์ องหลกั การนี คือ เปิ ดโอกาสให้รัฐทีมีหนา้ ทีในขนั ปฐมสามารถใชม้ าตรการภายในทีมีอยแู่ กไ้ ขปัญหาและเยยี วยาความเสียหายใหแ้ ก่ปัจเจกชนในเขต 95 Ibid., para 16. 188

อาํ นาจของตนเสียก่อน เนืองจากระบวนการเยียวยาภายในอาศยั ผลของมาตรการภายในประเทศทีมี กฎหมายเป็นพืนฐานมีผลบงั คบั ใชท้ ีชดั เจน และสามารถอา้ งอิงในกระบวนการยุติธรรม หรือกลไก บงั คบั ใชส้ ิทธิอืนๆทีมีไดอ้ ยา่ งเขม้ แข็ง รวดเร็ว และประหยดั แต่หากปัจเจกชนไดใ้ ชก้ ระบวนการ เยียวยาภายในจนหมดสินแล้วแต่ไม่อาจได้รับการเยียวยาอย่างมีประสิทธิผล ปัจเจกชนจึงจะ สามารถนาํ เรืองขึนร้องเรียนต่อประบวนการเยยี วยาระหวา่ งประเทศได้ ซึงในส่วนนีเองทีประชาคม ระหว่างประเทศตอ้ งจดั หากระบวนการมารองรับเพือให้ปัจเจกชนได้รับการประกนั สิทธิอย่าง เหมาะสม อยา่ งไรก็ดีหลกั การนีมิไดห้ มายใหป้ ัจเจกชนสูญเสียสิทธิในการเรียกร้องต่อกระบวนการ เยียวยาระหว่างประเทศแต่อยา่ งใด กลบั กนั หลกั การนีเป็ นการให้หลกั ประกนั แก่ปัจเจกชนว่าจะมี ช่องทางเยียวยาระหว่างประเทศมารองรับปัจเจกชนในกรณีทีไม่ได้รับความเป็ นธรรมจาก กระบวนการเยยี วยาภายในประเทศ 9. หลกั การปฏิเสธความยุตธิ รรม (Denial of Justice) ถึงกระนนั ปัจเจกชนก็อาจนาํ เรืองราวขึนร้องทุกขต์ ่อกลไกเยียวยาระหวา่ งประเทศไดโ้ ดยมิ ตอ้ งรอใหม้ ีการเยยี วยาภายในประเทศหมดสินเสียก่อน หากพบวา่ 96 1) ไม่มีกลไกเยียวยาในเรืองนนั เป็ นไปไดย้ ากทีจะเขา้ ถึงกลไกเช่นวา่ ทงั นีหมายรวมถึง การขาดกระบวนการดาํ เนินคดีทีเป็นธรรม และดอ้ ยผลบงั คบั ทางกฎหมายดว้ ยเช่นกนั 2) มีเหตุผลทีเชือได้ว่าจะไม่การเยียวยาอย่างได้ผล หรือรับรองว่าจะมีการเยียวยาความ เสียหายออกมา 3) มีการปฏิเสธความยุติธรรมในการดาํ เนินคดี เช่น กลไกต่างไม่มีความเป็ นอิสระ ขาด ความเป็นกลาง มีอาํ นาจครอบงาํ การตดั สินหรือการออกมาตรการใดๆ ซึงบ่งชีวา่ ปัจเจกชนจะไม่ได้ รับความเป็ นธรรม 4) มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอยา่ งร้ายแรงและเป็ นระบบ จนไม่อาจชกั ชา้ ไดเ้ พราะอาจทาํ ให้เกิดความเสียหายมากขึน อนั หมายรวมถึงความลม้ เหลวของระบบเยียวยาภายในทีนาํ ไปสู่การ ดาํ เนินการตามอาํ เภอใจของรัฐ 96 European University Institute, The Rule of prior exhaustion of local remedies in International Law. 2007, pp. 13-14. 189

หากปรากฏหลกั ฐานเช่นวา่ ปัจเจกชนก็มิพกั ตอ้ งรอให้มีการเยยี วยาภายในจนหมดสิน แต่ สามารถนาํ เรืองขึนร้องทุกขต์ ่อกลไกเยยี วยาระหวา่ งประเทศไดท้ นั ที การเยยี วยาบางประเภททีไม่เกียวขอ้ งกบั กระบวนการทางกฎหมายโดยตรงก็ไม่จาํ เป็ นตอ้ ง รอให้มีการใช้กระบวนการเยียวยาภายในให้หมดสินลงไปก่อน เช่น การส่งความช่วยเหลือด้าน อาหารไปยงั ประเทศทีมีความขาดแคลน หรือประสบภยั พิบตั ิอยา่ งฉุกเฉิน ซึงขึนอยกู่ บั ความสมคั ร ใจของผใู้ ห้ และพนั ธกรณีของผูร้ ับในการแสวงหาความร่วมมือระหวา่ งประเทศเพือบรรเทาความ เสียหายภายในประเทศอยา่ งทนั ท่วงที อนึงมีบางกรณีทีรัฐ หรือตวั ตนทีไม่ใช่รัฐบกพร่องต่อการคุม้ ครองสิทธิมนุษยชน รวมถึง สิทธิดา้ นอาหารอยา่ งร้ายแรง หรือเป็นผลู้ ะเมิดสิทธิเสียเอง คณะมนตรีความมนั คงฯทีมีอาํ นาจตาม กฎบตั รสหประชาชาติก็อาจใช้อาํ นาจตามเงือนไขของหลกั ความรับผิดชอบในการปกป้ องเพืออก มาตรการอย่างใดอย่างหนึงเขา้ ไปแกไ้ ขสถานการณ์ให้ปัจเจกชนไดร้ ับการเยียวยาอย่างเหมาะสม และทนั ท่วงทีไดเ้ ช่นกนั โดยมาตรการต่างๆทีออกโดยคณะมนตรี อาจอย่ใู นรูปแบบการบงั คบั ให้ ร่วมมือ หรือลงโทษต่อฝ่ ายทีละเมิดสิทธิก็ได้ แต่ทงั นีการออกมาตรการดงั กล่าวยงั ตอ้ งคาํ นึงถึงสิทธิ ดา้ นอาหารของปัจเจกชนดว้ ย 10. การดําเนินมาตรการตามหลักความรับผิดชอบในการปกป้ อง (Responsibility to Protect) ในทางปฏิบตั ิกลับมีความพยายามเหนียวรังขดั ขวางมิให้มีการส่งความช่วยเหลือด้าน มนุษยธรรมเขา้ ไปในพนื ทีประสบภยั อยา่ งทนั ท่วงทีดว้ ยเหตุผลต่างๆ ซึงเป็นอุปสรรคต่อการเยียวยา สิทธิของผทู้ ีไดร้ ับความเดือดร้อนเป็นอนั มาก ซึงเป็ นการสะทอ้ นวา่ รัฐผทู้ รงสิทธิไม่สามารถปฏิบตั ิ ตามพนั ธกรณีความรับผดิ ชอบในการปกป้ องปัจเจกชนได้ (National Responsibility to Protect) จึง มีแนวโนม้ ในทางระหว่างประเทศว่าตอ้ งอาศยั การดาํ เนินการขององคก์ รทีมีอาํ นาจทางกฎหมาย และการเมืองระหว่างประเทศเขา้ ยืนความช่วยเหลือให้แก่ปัจเจกชนมากขึน เพือลดการใช้อาํ นาจ ตามอาํ เภอใจของรัฐ หลกั การเช่นว่า คือ หลกั ความรับผิดชอบในการปกป้ อง (Responsibility to Protect) นนั เอง โดยองค์กรทีมีอาํ นาจตามกฎบตั รสหประชาชาติก็คือ คณะมนตรีความมนั คง ซึง สามารถแสวงหาแนวทางแกไ้ ขปัญหาโดยสันติไดต้ ามหมวด 6 ของกฎบตั รฯ (วา่ ดว้ ยการระงบั ขอ้ 190

พิพาทโดยสันติวิธี) และมีอาํ นาจในการออกมาตรการบีบบงั คบั ในกรณีทีเกิดการกระทาํ ทีส่อไป ในทางคุกคามต่อความสงบและสันติภาพของโลกตามหมวด 7 ของกฎบตั รฯ (วา่ ดว้ ยมาตรการบีบ บงั คบั ) โดยคณะมนตรีความมนั คงอาจมีมาตรการทางการทูต มาตรการดา้ นมนุษยธรรม หรือออก มาตรการบีบบงั คบั ในรูปแบบต่างๆ หากพบว่ามีการ การฆ่าลา้ งเผ่าพนั ธุ์ (Genocide) ทาํ ลายลา้ ง เผา่ พนั ธุ์ (Ethnic Cleansing) อาชญากรรมสงคราม (War Crime) หรืออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (Crime Against Humanity)97 รัฐทีไม่อาจปกป้ องประชาชนของตนให้รอดพน้ จากการละเมิดสิทธิ อยา่ งร้ายแรงขา้ งตน้ ได้ อาจตอ้ งเผชิญกบั มาตรการต่างๆทีคณะมนตรีออกมาก็ได้ เช่น การออกมติ ลงโทษทางเศรษฐกิจ(โดยไม่กระทบต่อสิทธิขนั พืนฐานของประชาชน) หรือมาตรการทางทหาร หากมีความจาํ เป็นเพอื ควบคุมสถานการณ์ใหส้ งบพอทีจะคุม้ ครองสันติภาพใหก้ บั ประชาชน เพือให้ ประชาชนสามารถดาํ รงชีพไดซ้ ึงก็หมายรวมถึงการมีคุณภาพชีวิตเกียวกบั สิทธิดา้ นอาหารทีดีได้ นอกจากนียงั มีแนวโน้มว่ารัฐใดรัฐหนึงทีคาํ นึงถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในอีก ประเทศหนึงอาจริเริมมาตรการปกป้ องสิทธิของประชาชนในประเทศทีประสบภยั ไดเ้ ช่นกนั แต่ ตอ้ งอาศยั การดาํ เนินมาตรการผา่ นการรับรองของคณะมนตรีความมนั คงเสียก่อน การปฏิเสธความ ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพือเป็ นวิธีในการทําสงครามถือเป็ นอาชญากรรมสงคราม และ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ รูปแบบหนึง จึงสามารถเป็ นมูลเหตุให้นาํ หลกั ความรับผิดชอบในการ ปกป้ องเพืออกมาตรการใดๆ ออกมาแกไ้ ขปัญหาโดยอาจกา้ วล่วงอาํ นาจอธิปไตยของรัฐทีบกพร่อง ต่อหน้าทีได้ โดยมาตรการอาจอย่ใู นรูปแบบการส่งความช่วยเหลือดา้ นมนุษยธรรมเขา้ ไป การ ออกมติลงโทษต่อรัฐ หรือการส่งกองกาํ ลงั รักษาสันติภาพเขา้ ไประงบั ปัญหาก็ไดต้ ามนยั ยะแห่ง ของหมวด 7 แห่งกฎบตั รสหประชาชาติ หากพบวา่ มีสถานการณ์ทีคุกคามต่อสันติภาพและความ มนั คงของประชาคมโลก หรือการรุกราน 11. หลกั สําคญั ในการบงั คับใช้สิทธิมนุษยชนเพอื การพฒั นา การแกป้ ัญหาสิทธิดา้ นอาหารตอ้ งเริมกระบวนการจากประชาชนไปสู่การตอบสนองของ ภาครัฐ (ล่าง-บน) คือ เริมจากการเสริมสร้างความมนั คงของเกษตรกร ครัวเรือน ชุมชน เครือข่าย 97 UN, A/HRC/4/15, p. 14. 191

ประชาชน ไปสู่การตอบสนองของภาครัฐออกมาในรูปแบบกระบวนการทีอิงสิทธิ ( Rights-based Approach) อนั ไดแ้ ก่ 98 การจดั ใหม้ ี - กฎหมาย - ยทุ ธศาสตร์และนโยบาย - การปฏิบตั ิและวธิ ีการดาํ เนินงาน - โครงการและบริการสาธารณะ - สถาบนั หรือองคก์ ร - ทรัพยากรบุคลากรและงบประมาณ - การใหข้ อ้ มูลความรู้และระบบการศึกษา - การตรวจตราและประเมินผล - การมีส่วนร่วมของประชาชน - รวมถึงการส่งเสริมความเขม้ แขง็ ของการมีส่วนร่วมของประชาชน สิงแวดล้อมทเี ออื การให้ความช่วยเหลอื และความรับผดิ แนวทางที 1: ประชาธิปไตย ธรรมาภิบาล สิทธิมนุษยชนและหลกั นิติธรรม แนวทางที 2: นโยบายการพฒั นาเศรษฐกิจ แนวทางที 3: ยทุ ธศาสตร์ แนวทางที 4: ระบบตลาด แนวทางที 5: สถาบนั แนวทางที 6: ผมู้ ีส่วนไดเ้ สีย แนวทางที 7: กรอบทางกฎหมาย แนวทางที 8: การเขา้ ถึงทรัพยากรและสินทรัพย์ แนวทางที 8a: แรงงาน แนวทางที 8b: ทีดิน แนวทางที 8c: นาํ 98 จาก FAO, Voluntary Guideline และคาํ อธิบายของ ศ.วทิ ิต มนั ตาภรณ์ ผตู้ รวจการพิเศษสิทธิ มนุษยชนแห่งสหประชาชาติ 192

แนวทางที 8d: ทรัพยากรทางพนั ธุกรรมเพอื การเกษตรและอาหาร แนวทางที 8e: ความยงั ยนื แนวทางที 8f: บริการ แนวทางที 9: ความปลอดภยั ดา้ นอาหารและการคุม้ ครองผบู้ ริโภค แนวทางที 10: โภชนาการ แนวทางที 11: การศึกษาและการเพิมความรับรู้สิทธิ แนวทางที 12: ทรัพยากรทางการเงินระดบั ชาติ แนวทางที 13: การสนบั สนุนกลุ่มเป้ าหมายทีเป็นกลุ่มเสียง แนวทางที 14: หลกั ประกนั แนวทางที 15: ความช่วยเหลือดา้ นอาหารระหวา่ งประเทศ แนวทางที 16: ภยั ธรรมชาติและภยั ทีเกิดจากนาํ มือมนุษย์ แนวทางที 17: การตรวจตรา ตวั ชีวดั และจุดหมาย แนวทางที 18: สถาบนั สิทธิมนุษยชนระดบั ชาติ แนวทางที 19: มิติระหวา่ งประเทศ หมวด 3: มาตรการ การดําเนินการ และข้อผูกพนั ระดบั ระหว่างประเทศ 1) ความร่วมมือระหวา่ งประเทศและมาตรการฝ่ ายเดียว 2) บทบาทของประชาคมระหวา่ งประเทศ 3) ความร่วมมือทางเทคนิค 4) การคา้ ระหวา่ งประเทศ 193

ตารางกลไกสิ ทธิ มนุ ษยชน ตาราง 3-2 กลไกสิทธิมนุษยชนในระดบั ระหวา่ งประเทศ มาตรการ / ลกั ษณะทาง กฎหมาย ช่องทางเรี ยกร้องสิทธิของปัจเจกช กฎหมายระหวา่ งประเทศ 1. ไม่มีโดยตรง 1. ปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชน 2. กติกาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม 2. ไม่มีโดยตรง ร้องผา่ นทาง และวฒั นธรรม คณะกรรมาธิ การสิ ทธิ ทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม 3. อนุสญั ญาสิทธิเดก็ 3. ไม่มีโดยตรง ร้องผา่ นทาง คณะกรรมาธิ การสิ ทธิ เดก็ 4. อนุสญั ญาขจดั เลือกประ-ติบตั ิต่อสตรี ฯ 4. มี ผา่ นทางคณะกรรมาธิการขจดั การเลือกประติบตั ิต่อสตรี (CEDAW 19

นในระดบั ระหวา่ งประเทศ ชน วธิ ีการเยยี วยาสิทธิแก่ปัจเจกชน ผลผกู พนั ทางกฎหมาย 1. อาศยั กระบวนการขององคก์ รอืนทีแตกต่างกนั 1. ผกู พนั ทุกรัฐ ไป 2. การตรวจรายงานของรัฐภาคี และการทาํ รายงาน 2. ผกู พนั รัฐภาคี จ พร้อมขอ้ เสนอแนะ 3. การตรวจรายงานของรัฐภาคี และการทาํ รายงาน 3. ผกู พนั รัฐภาคี พร้อมขอ้ เสนอแนะ 4. การตรวจรายงานของรัฐภาคี และการทาํ รายงาน 4. ผกู พนั รัฐภาคี W) พร้อมขอ้ เสนอแนะรับเรื องร้องทุกข์ 91

5. กติกาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิพลเมือง และ 5. มี ผา่ นทางคณะกรรมาธิการสิทธ การเมืองฯ มนุษยชน (HRC) 6. อนุสัญญาต่อตา้ นการทรมาน 6.ไม่มีโดยตรง ร้องผา่ นทาง คณะกรรมาธิการต่อตา้ นการทรมาน 7.อนุสัญญาต่อตา้ นการเลือกประติบตั ิต่อเชือ 7.ไม่มีโดยตรง ร้องผา่ นทาง ชาติ คณะกรรมาธิการต่อตา้ นการเลือก ประติบตั ิต่อเชือชาติ 8.อนุสัญญาสิทธิผพู้ ิการ 8.ไม่มีโดยตรง ร้องผา่ นทาง คณะกรรมาธิการสิทธิผพู้ กิ าร 9.อนุสญั ญาต่อตา้ นการบงั คบั ใหบ้ ุคคลสูญหาย 9.ไม่มีโดยตรง ร้องผา่ นทาง คณะกรรมาธิการต่อตา้ นการบงั คบั สู ญหาย 10.อนุสญั ญาสิทธิแรงงานต่างดา้ วและ 10.ไม่มีโดยตรง ร้องผา่ นทาง ครอบครัว คณะกรรมาธิ การสิ ทธิ แรงงานต่างด 19

ธิ 5. การตรวจรายงานของรัฐภาคี และการทาํ รายงาน 5. ผกู พนั รัฐภาคี พร้อมขอ้ เสนอแนะ รับเรื องร้องทุกข์ 6.การตรวจรายงานของรัฐภาคี และการทาํ รายงาน 6.ผกู พนั รัฐภาคี น พร้อมขอ้ เสนอแนะ รับเรื องร้องทุกข์ 7.การตรวจรายงานของรัฐภาคี และการทาํ รายงาน 7.ผกู พนั รัฐภาคี พร้อมขอ้ เสนอแนะ รับเรื องร้องทุกข์ 8.การตรวจรายงานของรัฐภาคี และการทาํ รายงาน 8.ผกู พนั รัฐภาคี พร้อมขอ้ เสนอแนะ รับเรื องร้องทุกข์ 9.ผกู พนั รัฐภาคี 9.การตรวจรายงานของรัฐภาคี และการทาํ รายงาน พร้อมขอ้ เสนอแนะ รับเรื องร้องทุกข์ ดา้ ว 10.การตรวจรายงานของรัฐภาคี และการทาํ รายงาน 10.ผกู พนั รัฐภาคี พร้อมขอ้ เสนอแนะ รับเรื องร้องทุกข์ 11. เนือหาส่วนใหญ่ 92

11. อนุสญั ญาเจนีวา 1949 และพิธีสารฯ 1977 11. อาศยั ช่องทางของศาลพิเศษหรื อ ศาลอาญาแต่ละประเทศ 12. ธรรมนูญศาลอาญาระหวา่ งประเทศ 12. มี ผา่ นอยั การศาลอาญาระหวา่ ง ประเทศ 19

อ 11. การพิพากษาคดีในชนั ศาล และคาํ สงั ศาลให้ ผกู พนั ทุกรัฐในฐานะ เยยี วยาผเู้ สียหาย กฎหมายจารี ตฯระหวา่ ง ประเทศ ง 12. การพพิ ากษาคดีในชนั ศาล และคาํ สงั ศาลให้ เยยี วยาผเู้ สียหาย 12. ผกู พนั รัฐภาคี และ เนือหาส่วนใหญ่ผกู พนั ทุกรัฐในฐานะกฎหมาย จารี ตฯระหวา่ งประเทศ 93

ศาลระหวา่ งประเทศ 1. ไม่มี 1. ศาลยตุ ิธรรมระหวา่ งประเทศ (ICJ) 2. มี ผา่ นทางอยั การศาล 2. ศาลอาญาระหวา่ งประเทศ (ICC) 1. ไม่มี กลไกระหวา่ งประเทศ 1. คณะมนตรี ความมนั คง(SC) 2. ไม่มี 2. ทีประชุมใหญ่สมชั ชา(GA) 3. มี ส่งไปยงั กระบวนการโดยตรง และเป็ นความลบั 3. กระบวนการ 1503 4. ไม่มี 4. กระบวนการ 1235 19

1. การพิพากษาคดีขอ้ พพิ าทในชนั ศาล และคาํ สงั 1. ผกู พนั เฉพาะคู่กรณี ใหค้ ู่กรณีปฏิบตั ิตาม 2. ผกู พนั คู่กรณี และมี 2. การพพิ ากษาคดีในชนั ศาล และคาํ สงั ศาลให้ ผลในเชิงบรรทดั ฐาน เยยี วยาผเู้ สียหาย โดยมีกองทุนเยยี วยาผเู้ สียหาย ดว้ ย 1. ออกมติ คาํ สัง หาขอ้ เท็จจริ ง 1. ผกู พนั ทุกฝ่ ายอยา่ ง เด็ดขาด 2. ออกมติ ความเห็น รายงาน 2. ไม่มีผลผกู พนั อยา่ ง เดด็ ขาด 3. สืบสวนลบั ออกรายงาน ความเห็น ขอ้ เสนอแนะ 3. ไม่มีผลผกู พนั อยา่ ง เด็ดขาด 4. หาขอ้ เท็จจริ งเปิ ดเผย ตงั ผตู้ รวจการ และ 4. ไม่มีผลผกู พนั อยา่ ง 94

5. ผตู้ รวจการสิทธิมนุษยชน 5. มี ส่งไปยงั ผตู้ รวจการโดยตรง 6. คณะกรรมาธิการสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม 6. มี วฒั นธรรม 7. มี ส่งไปยงั คณะกรรมาธิการ 7. คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน (HRC) โดยตรง 8. คณะกรรมาธิการขจดั การเลือกประติบตั ิต่อ 8. มี ส่งไปยงั คณะกรรมาธิการ สตรี ฯ(CEDAW) โดยตรง 9. โครงการอาหารโลก (WFP) 9. ไม่มี 10. กองทุนเดก็ (UNICEF) 10. ไม่มี 19

คณะทาํ งาน เพอื ทาํ รายงาน ขอ้ เสนอแนะ เด็ดขาด 5. รับเรื องร้องทุกข์ หาขอ้ มลู เพือทาํ รายงาน และ 5. ไม่มีผลผกู พนั อยา่ ง เสนอแนะ เดด็ ขาด 6. ตรวจรายงานของรัฐภาคี เพอื ทาํ รายงาน 6. มีผลผกู พนั รัฐภาคี ความเห็น และขอ้ เสนอแนะ 7. รับเรื องร้องทุกข์ ตรวจรายงานของรัฐภาคี เพอื 7. มีผลผกู พนั รัฐภาคี ทาํ รายงาน ความเห็น และขอ้ เสนอแนะ 8. รับเรื องร้องทุกข์ ตรวจรายงานของรัฐภาคี เพือ 8. มีผลผกู พนั รัฐภาคี ทาํ รายงาน ความเห็น และขอ้ เสนอแนะ 9. จดั โครงการความช่วยเหลือดา้ นอาหาร และการ 9. ไม่มีผลผกู พนั ทาง พฒั นา กฎหมาย 10. จดั โครงการดา้ นโภชนาการใหก้ ลุ่มเด็ก 10.ไม่มีผลผกู พนั ทาง กฎหมาย 95

11. สาํ นกั งานขา้ หลวงใหญ่ผลู้ ีภยั (UNHCR) 11. ไม่มี 12. องคก์ ารอาหารและเกษตร (FAO) 12. ไม่มี 13. กองทุนพฒั นาเกษตรกรรม (IFAD) 14. องคก์ ารการคา้ โลก(WTO) 13. ไม่มี 15. กองทุนการเงินระหวา่ งประเทศ (IMF) 16. ธนาคารโลก (WORLDBANK) 14. ไม่มี ตอ้ งผา่ นรัฐ หรื อองคก์ ร พฒั นาเอกชน 15. ไม่มี 16. ไม่มี 19

11. .ใหค้ วามช่วยเหลือดา้ นอาหารแก่ผลู้ ีภยั ผพู้ ลดั 11. ผกู พนั ในส่วนทีเป็ น ถิน จารี ตประเพณีระหวา่ ง ประเทศ 12. ใหข้ อ้ มูล ความรู้ เทคนิคแก่หน่วยงานต่างๆ 12. ผกู พนั รัฐสมาชิก 13. สนบั สนุนเงินทุนแก่โครงการพฒั นา 13.ไม่มีผลผกู พนั ทาง เกษตรกรรม กฎหมาย 14. ลดการบิดเบือนตลาด กาํ หนดกรอบรักษาความ 14. มีผลผกู พนั รัฐ มนั คงทางสังคม และการอนุรักษท์ รัพยากรร่ วม สมาชิกอยา่ งเดด็ ขาด 15. การปล่อยเงินกู้ และใหข้ อ้ มลู คาํ แนะนาํ 15. ผกู พนั รัฐสมาชิก โดยเฉพาะรัฐผกู้ เู้ งิน 16. การสนบั สนุนเงินทุนโครงการปฏิรูป และ 16.ไม่มีผลผกู พนั ทาง พฒั นาชนบท กฎหมาย 96

17. องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ (ILO) 17. ไม่มี ตอ้ งส่งผา่ นระบบไตรภาค ขององคก์ าร 19

คี 17. ออกอนุสญั ญาคุม้ ครองสิ ทธิแรงงาน ตรวจตรา 17. ผกู พนั รัฐภาคีของ การบงั คบั ใชส้ ิทธิตามอนุสญั ญา อนุสัญญายอ่ ยแต่ละ ฉบบั 97

ตารางกลไกสิ ทธิ มนุ ษ ตาราง 3-3 กลไกสิทธิมนุษยชนในระดบั ภูมิภาค มาตรการ / ลกั ษณะทาง กม. ช่องทางเรี ยกร้องสิทธิของปัจเจกช 1. มี ตอ้ งเรี ยกร้องผา่ นองคก์ ร กฎหมายระดบั ภูมิภาค 1. ปฏิญญาสิทธิมนุษยชนแห่งยโุ รป 2. พิธีสารฯ ซานซลั วาดอร์ 2. มีเฉพาะสิทธิพลเมือง 3. กฎบตั รสิทธิมนุษยชน และสิทธิ 3. มี ทงั ทางคณะกรรมการสิ ทธิ แล ประชาชนอฟั ริ กนั ศาลในอนาคต 19

ษยชนในระดบั ภูมิภาค ผลผกู พนั ทางกฎหมาย 1. ผกู พนั รัฐภาคี ชน วธิ ีการเยยี วยาสิทธิแก่ปัจเจกชน 2. ผกู พนั รัฐภาคี 3. ผกู พนั รัฐภาคี 1. การตรวจตราการบงั คบั ใชส้ ิทธิ และทาํ ขอ้ เสนอแนะ 2. การตรวจตราการบงั คบั ใชส้ ิทธิ และทาํ ขอ้ เสนอแนะ ละ 3. การตรวจตราการบงั คบั ใชส้ ิทธิ และทาํ ขอ้ เสนอแนะ และบงั คบั ใชส้ ิทธิในชนั ศาลใน อนาคต 98

มาตรการ / ลกั ษณะทาง กม. ช่องทางเรี ยกร้องสิทธิของปัจเจกช 1. มีเฉพาะสิทธิพลเมือง การบงั คบั ใชส้ ิทธิในศาลภมู ิภาค 1. ศาลสิทธิมนุษยชนยโุ รป 2. ศาลสิทธิมนุษยชนอเมริ กา 2. มี มีเฉพาะสิทธิพลเมือง 3. ศาลสิทธิมนุษยชน และสิทธิประชาชนอฟั ริ 3. มี เมือศาลมีผลทางกฎหมาย กนั 1. มี มีเฉพาะสิทธิพลเมือง กลไกระดบั ภูมิภาค 1. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนยโุ รป 2. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริ กา 2. มี มีเฉพาะสิทธิพลเมือง 3. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และสิทธิ 3. มีช่องทางกฎหมายเท่าเทียมสิทธ ประชาชน อฟั ริ กนั พลเมืองฯ กบั สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม 19


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook