Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานวิจัย-สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาสิทธิด้านอาหารฯ - อ.ทศพล

รายงานวิจัย-สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาสิทธิด้านอาหารฯ - อ.ทศพล

Published by E-books, 2021-03-02 07:09:22

Description: รายงานวิจัย-สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาสิทธิด้านอาหารฯ-ทศพล

Search

Read the Text Version

รายงานวิจัยฉบบั สมบูรณ์ เรื่อง สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาสิทธดิ ้านอาหารตาม “แนวทางการสรา้ งความมน่ั คงดา้ นอาหารขององค์การอาหาร และเกษตรแหง่ สหประชาชาติ 2004” โดย ทศพล ทรรศนกุลพนั ธ์ มิถุนายน 2555 สนบั สนนุ ทนุ วิจัยโดย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่

ชื่องานวิจยั สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาสิทธิด้านอาหาร ตาม “แนวทางการสร้างความมั่นคงด้านอาหารของ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ 2004” ชื่อผ้วู จิ ัย ทศพล ทรรศนกลุ พนั ธ์1 บทคัดยอ่ งานวิจัยฉบับนี้ได้พยายามรวบรวมสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับความม่ันคง ด้านอาหารและสิทธิดา้ นอาหาร โดยอาศยั กรอบแนวทางตามความสมัครใจเพื่อสนับสนุนความ ม่ันคงด้านอาหารในบริบทรัฐขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ปี 2004 ทั้งนี้ เนือ้ หาของรายงานวิจยั จะประกอบไปด้วยเน้ือหลกั 3 ส่วน คอื 1) การแปล “แนวทางตามความ สมัครใจเพื่อสนับสนุนความม่ันคงด้านอาหารในบริบทรัฐขององค์การอาหารและเกษตรแห่ง สหประชาชาติ ปี 2004” เป็นภาษาไทย 2) การสรุปสภาพปัญหาที่มีลักษณะคุกคามความ ม่ันคงด้านอาหารในสถานการณ์ปัจจุบันและผลกระทบต่อสิทธิด้านอาหารของประชาชน 3) การแสวงหาแนวทางและมาตรการของรัฐทั้งที่อยู่ในรูปนโยบายสาธารณะและกฎหมายเพื่อใช้ เป็นการเยียวยาสิทธิด้านอาหารและประกันความมั่นคงด้านอาหาร ด้วยผู้จัดทามีความมุ่ง หมายที่จะเผยแพร่แนวทางฯฉบับนี้ให้เป็นที่รับรู้และนาไปบังคับใช้โดยหน่วยงานของรัฐ และ การผลักดันจากภาคประชาสังคมให้เกิดความม่ันคงด้านอาหารในทุกระดับอย่างย่ังยืน อันจะ เปน็ หลักประกนั สิทธิด้านอาหารของประชาชนอย่างเข้มแขง็ ต่อไป คาสาคัญ; ความม่ันคงด้านอาหาร, สิทธิด้านอาหาร, สิทธิมนุษยชน, นโยบายสาธารณะ, เกษตรกรรม 1 อาจารย์ประจาคณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่

Research title The Problems and Prospects on Promoting Right to Researcher name Food due to “FAO’s Voluntary Guideline on Food Security 2004”. Tossapon Tassnakunlapan2 ABSTRACTS The objective of the Research is providing a prospects and reviewing the problems involve with Food Security and Right to Food of people on the framework of VOLUNTARY GUIDELINES to support the progressive realization of the right to adequate food in the context of national food security which was launched in 2004 by the Food and Agriculture Organization (FAO). Inside the content of research, it consists of 3 parts which are 1) the translation of VOLUNTARY GUIDELINES in Thai version, 2) the problems relevant with Food Security and Right to Food issues, 3) providing an additional instrument to combat hunger and poverty goals for related agencies to interpret an economic, social and cultural rights and to recommend actions to be undertaken for its realization. This research tries to provide practical guidance to the state in their implementation of the progressive realization of the right to adequate food in the context of national food security and also supplies alternative for civil-societies to propose the optional policies. Moreover, this research represents a step towards integrating human rights into the work of agencies dealing with food and agriculture. Keywords; food security, right to food, human rights, public policy, agriculture 2 Lecturer in Law, Faculty of Law, Chiangmai University.

ชื่องานวิจยั สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาสิทธิด้านอาหาร ตาม “แนวทางการสร้างความมั่นคงด้านอาหารของ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ 2004” ชื่อผ้วู จิ ัย ทศพล ทรรศนกลุ พนั ธ์1 บทคัดยอ่ งานวิจัยฉบับนี้ได้พยายามรวบรวมสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับความม่ันคง ด้านอาหารและสิทธิดา้ นอาหาร โดยอาศยั กรอบแนวทางตามความสมัครใจเพื่อสนับสนุนความ ม่ันคงด้านอาหารในบริบทรัฐขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ปี 2004 ทั้งนี้ เนือ้ หาของรายงานวิจยั จะประกอบไปด้วยเน้ือหลกั 3 ส่วน คอื 1) การแปล “แนวทางตามความ สมัครใจเพื่อสนับสนุนความม่ันคงด้านอาหารในบริบทรัฐขององค์การอาหารและเกษตรแห่ง สหประชาชาติ ปี 2004” เป็นภาษาไทย 2) การสรุปสภาพปัญหาที่มีลักษณะคุกคามความ ม่ันคงด้านอาหารในสถานการณ์ปัจจุบันและผลกระทบต่อสิทธิด้านอาหารของประชาชน 3) การแสวงหาแนวทางและมาตรการของรัฐทั้งที่อยู่ในรูปนโยบายสาธารณะและกฎหมายเพื่อใช้ เป็นการเยียวยาสิทธิด้านอาหารและประกันความมั่นคงด้านอาหาร ด้วยผู้จัดทามีความมุ่ง หมายที่จะเผยแพร่แนวทางฯฉบับนี้ให้เป็นที่รับรู้และนาไปบังคับใช้โดยหน่วยงานของรัฐ และ การผลักดันจากภาคประชาสังคมให้เกิดความม่ันคงด้านอาหารในทุกระดับอย่างย่ังยืน อันจะ เปน็ หลักประกนั สิทธิด้านอาหารของประชาชนอย่างเข้มแขง็ ต่อไป คาสาคัญ; ความม่ันคงด้านอาหาร, สิทธิด้านอาหาร, สิทธิมนุษยชน, นโยบายสาธารณะ, เกษตรกรรม 1 อาจารย์ประจาคณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่

Research title The Problems and Prospects on Promoting Right to Researcher name Food due to “FAO’s Voluntary Guideline on Food Security 2004”. Tossapon Tassnakunlapan2 ABSTRACTS The objective of the Research is providing a prospects and reviewing the problems involve with Food Security and Right to Food of people on the framework of VOLUNTARY GUIDELINES to support the progressive realization of the right to adequate food in the context of national food security which was launched in 2004 by the Food and Agriculture Organization (FAO). Inside the content of research, it consists of 3 parts which are 1) the translation of VOLUNTARY GUIDELINES in Thai version, 2) the problems relevant with Food Security and Right to Food issues, 3) providing an additional instrument to combat hunger and poverty goals for related agencies to interpret an economic, social and cultural rights and to recommend actions to be undertaken for its realization. This research tries to provide practical guidance to the state in their implementation of the progressive realization of the right to adequate food in the context of national food security and also supplies alternative for civil-societies to propose the optional policies. Moreover, this research represents a step towards integrating human rights into the work of agencies dealing with food and agriculture. Keywords; food security, right to food, human rights, public policy, agriculture 2 Lecturer in Law, Faculty of Law, Chiangmai University.

คำนำ งานวิจัย สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาสิทธิด้านอาหารตาม”แนวทางการสร้าง ความมั่นคงด้านอาหารขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ 2004” ได้พยายาม รวบรวมสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหารและสิทธิด้านอาหาร โดย อาศัยกรอบแนวทางตามความสมัครใจเพื่อสนับสนุนความม่ันคงด้านอาหาร ในบริบทรัฐของ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ปี 2004 โดยเนื้อหาของรายงานวิจัยจะประกอบไป ด้วยเน้ือหลัก 3 ส่วน คอื หน่งึ การแปล “แนวทางตามความสมัครใจเพื่อสนับสนุนความม่ันคงด้าน อาหารในบริบทรัฐขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ปี 2004” เป็นภาษาไทย สอง การสรุปสภาพปัญหาที่มีลักษณะคุกคามความม่ันคงด้านอาหารในสถานการณ์ปัจจุบันและ ผลกระทบต่อสทิ ธิด้านอาหารของประชาชน และสุดท้าย การแสวงหาแนวทางและมาตรการของ รัฐท้ังที่อยู่ในรูปนโยบายสาธารณะและกฎหมาย เพื่อใช้เป็นการเยียวยาสิทธิด้านอาหารและการ ประกนั ความมัน่ คงดา้ นอาหาร ด้วยผทู้ าวิจัยมีความมงุ่ หมายที่จะเผยแพร่แนวทางการแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร ฉบับนี้ให้เป็นที่รับรู้และนาไปบังคับใช้โดยหน่วยงานของรัฐ และจากการผลักดันจากภาคประชา สงั คมที่จะก่อให้เกิดความมั่นคงด้านอาหารในทุกระดับอย่างย่ังยืน อันจะเป็นหลักประกันสิทธิด้าน อาหารของประชาชนอย่างเข้มแข็งตอ่ ไป ทศพล ทรรศนกุลพันธ์

สารบญั เร่อื ง หน้า บทท่ี 1 คาแปลแนวทาง.แนวทางตามความสมคั รใจเพือ่ สนบั สนนุ การ 1 ยอมรับสิทธิในการได้รบั อาหารอยา่ งเพียงพอเพิ่มขน้ึ เป็นลาดับ 45 ตามบรบิ ทของความม่ันคงดา้ นอาหารระดับชาติ 107 บทท่ี 2 สถานการณ์ความมน่ั คงดา้ นอาหารและสภาพปัญหาความไม่ 183 มนั่ คงด้านอาหาร บทท่ี 3 บทวิเคราะหแ์ ละวิพากษม์ าตรการในการแก้ปญั หาความไมม่ ั่นคง ด้านอาหาร บทท่ี 4 ลู่ทางในการพัฒนาความมนั่ ด้านอาหารและสิทธิดา้ นอาหาร บรรณานกุ รม 213 ภาคผนวก ก. FAO ‘s Voluntary Guidelines 2004 ข. ความเห็นทว่ั ไปของคณะกรรมการสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และ วัฒนธรรมฉบับท่ี 12 ค. รายชื่อภาคสี มาชิกสนธิสัญญาหลัก และ รายชื่อประเทศทร่ี บั รอง สิทธิดา้ นอาหารในรัฐธรรมนูญ ง. สถิติความไมม่ ่ันคงด้านอาหาร จ. แผนท่คี วามไม่มั่นคงด้านอาหาร



บทท่ี 1 แนวทางตามความสมัครใจเพือ่ สนบั สนนุ การยอมรบั สิทธิในการได้รบั อาหาร อย่างเพียงพอเพิ่มขึน้ เปน็ ลาดับตามบริบทของความมน่ั คงดา้ นอาหาร ระดบั ชาติ อภิธานศัพท์ คาศัทพ์ คาแปล VOLUNTARY GUIDELINES TO SUPPORT THE PROGRESSIVE REALIZATION OF THE RIGHT TO ADEQUATE FOOD IN THE CONTEXT OF NATIONAL FOOD SECURITY - แนวทางตามความสมัครใจเพื่อสนับสนุนการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่าง เพียงพอเพิ่มข้นึ เป็นลาดับตามบรบิ ทของความม่ันคงด้านอาหารระดบั ชาติ VOLUNTARY GUIDELINES - แนวทางตามความสมคั รใจ PROGRESSIVE REALIZATION - การยอมรบั สิทธิเพิม่ ขึ้นเปน็ ลาดับ RIGHT TO ADEQUATE FOOD - สิทธิในการไดร้ บั อาหารอยา่ ง RIGHT-BASED APPROACH เพียงพอ STAKEHOLDER - แนวทางที่อิงสิทธิ GOOD GOVERNANNCE - ผู้มีสว่ นได้เสีย RULE OF LAW - ธรรมาภิบาล DUE PROCESS - หลกั นิติธรรม MANDATE - กระบวนการยตุ ิธรรมทด่ี ี - อาณัติ

2 OMBUDSPERSONS - ผู้ตรวจการแผน่ ดนิ ACCOUNTABILITY - ความรบั ผิด RESPONSIBILITY - ความรบั ผิดชอบ UNILATERAL MEASURE - มาตรการฝา่ ยเดียว PUBLIC GOODS - สาธารณะสมบตั ิ SAFETY NET - หลกั ประกัน INTERGOVERNMENT WORKING GROUPS - คณะทางานระหว่างรัฐบาล CIVIL SOCIETY (CSOS) - ประชาสังคม INDIGENOUS PEOPLE - ชนพื้นเมือง VULNERABLE GROUP - กลมุ่ เสีย่ ง DISADVANTAGED GROUP - กลุ่มดอ้ ยโอกาส DISPLACED PERSON - ผ้พู ลัดถิ่น MONITORING - การตรวจตรา SUBSIDY&SAFEGUARD MEASURE (WTO )- มาตรการอุดหนนุ และป้องกัน (WTO) FAMINE – PRONE COUNTRY - ประเทศท่เี สี่ยงต่อความอดอยาก Food Insecurity and Vulnerability Information and Mapping Systems (FIVIMS) - ระบบแผนท่แี ละข้อมูล ความเสีย่ ง และความไม่มน่ั คงดา้ นอาหาร The Debt Initiative for the heavily indebted poor countries [HIPC Debt Initiative (IMF)] - ความริเริม่ ว่าดว้ ยหนีข้ องประเทศยากจนทเ่ี ป็นหนี้สินมหาศาลของ IMF Official Development Assistance (ODA) - ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่าง เปน็ ทางการ

3 แนวทางตามความสมัครใจเพือ่ สนับสนุนการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอยา่ ง เพียงพอเพิม่ ขน้ึ เป็นลาดับตามบรบิ ทของความมั่นคงด้านอาหารระดับชาติ VOLUNTARY GUIDELINES TO SUPPORT THE PROGRESSIVE REALIZATION OF THE RIGHT TO ADEQUATE FOOD IN THE CONTEXT OF NATIONAL FOOD SECURITY รับรองโดยการประชมุ ครั้งที่ 127 ของคณะมนตรปี ระจาองค์การอาหารและเกษตรแห่ง สหประชาชาติ ระหว่างวันที่ 22 – 27 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2547

4 สารบญั หมวด 1: ความเบื้องตน้ และบทนา ความเบื้องต้น บทนา ตราสารพืน้ ฐาน สิทธิในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอและการบรรลเุ ปูาหมายความมั่นคงด้านอาหาร หมวด 2: สิ่งแวดล้อมทีเ่ อือ้ การให้ความชว่ ยเหลือ และความรบั ผิด แนวทางที่ 1: ประชาธิปไตย ธรรมาภบิ าล สิทธิมนุษยชนและหลักนิตธิ รรม แนวทางที่ 2: นโยบายการพฒั นาเศรษฐกิจ แนวทางที่ 3: ยทุ ธศาสตร์ แนวทางที่ 4: ระบบตลาด แนวทางที่ 5: สถาบัน แนวทางที่ 6: ผมู้ ีสว่ นได้เสีย แนวทางที่ 7: กรอบทางกฎหมาย แนวทางที่ 8: การเข้าถึงทรพั ยากรและสนิ ทรัพย์ แนวทางที่ 8a: แรงงาน แนวทางที่ 8b: ทีด่ นิ แนวทางที่ 8c: น้า แนวทางที่ 8d: ทรพั ยากรทางพนั ธกุ รรมเพื่อการเกษตรและอาหาร แนวทางที่ 8e: ความยงั่ ยืน แนวทางที่ 8f: บริการ แนวทางที่ 9: ความปลอดภัยด้านอาหารและการคุ้มครองผบู้ ริโภค

5 สารบญั (ตอ่ ) แนวทางที่ 10: โภชนาการ แนวทางที่ 11: การศกึ ษาและการเพิ่มความรับรู้สิทธิ แนวทางที่ 12: ทรัพยากรทางการเงินระดับชาติ แนวทางที่ 13: การสนับสนนุ กลุ่มเปูาหมายที่เปน็ กลุ่มเสีย่ ง แนวทางที่ 14: หลักประกัน แนวทางที่ 15: ความช่วยเหลือด้านอาหารระหว่างประเทศ แนวทางที่ 16: ภัยธรรมชาติและภยั ทีเ่ กิดจากน้ามือมนุษย์ แนวทางที่ 17: การตรวจตรา ตัวช้วี ดั และจดุ หมาย แนวทางที่ 18: สถาบันสิทธิมนุษยชนระดบั ชาติ แนวทางที่ 19: มิติระหว่างประเทศ หมวด 3: มาตรการ การดาเนินการ และขอ้ ผกู พัน ระดับระหว่างประเทศ ความรว่ มมอื ระหว่างประเทศและมาตรการฝุายเดียว บทบาทของประชาคมระหว่างประเทศ ความรว่ มมอื ทางเทคนิค การค้าระหว่างประเทศ หน้ภี ายนอกประเทศ ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างเป็นทางการ ความช่วยเหลือด้านอาหารระหว่างประเทศ การเปน็ หนุ้ ส่วนกับองค์กรพัฒนาเอกชน/ ประชาสังคม/ ภาคเอกชน การส่งเสริมและปกปูองสิทธิในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอ การรายงานระหว่างประเทศ

6 หมวด 1: ความเบือ้ งต้นและบทนา ความเบือ้ งต้น 1. การขจัดความอดอยากเป็นเปูาหมายหนึ่งของการประชุมอาหารโลก (World Food Summit) คือการลดจานวนผขู้ าดสารอาหารให้เหลือครึ่งหนึ่งของระดับในปัจจุบันให้ได้ภายในปี ค.ศ.2015 เฉกเช่นความตกลงที่เกิดขึ้น ณ การประชุมแห่งสหัสวรรษ (Millennium Summit) ที่จะ “ให้ลดอัตราผอู้ ดอยากลงครึง่ หนง่ึ ภายในปี ค.ศ.2015” 2. ในปฏิญญากรงุ โรมว่าด้วยความมั่นคงดา้ นอาหารโลก “ ประมุขแห่งรัฐและผู้นารัฐบาล ยืนยันสิทธิของบุคคลในการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและมีโภชนาการที่ดีซึ่งสอดคล้องกับสิทธิ ในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอและสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคนที่จะปลอดจากความอดอยาก” วัตถุประสงค์ที่ 7.4 ของแผนปฏิบัติการจากการประชุมอาหารโลกได้กาหนดภารกิจให้ “ทา ความกระจ่างในเร่ืองเนื้อหาสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอและสิทธิขั้นพื้นฐานของ บุคคลที่ต้องปลอดจากความอดอยาก ดังที่กาหนดไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทาง เศรษฐกิจ สงั คมและวัฒนธรรม รวมถึงตราสารอื่นที่เกี่ยวข้องท้ังในระดับระหว่างประเทศและ ภูมิภาค อีกท้ังให้ความสาคัญต่อการบังคับใช้และเติมเต็มการยอมรับสิทธิเพิ่มขึ้นเป็นลาดับ ดังกล่าวเป็นวิธีการนาไปสู่การบรรลุความมั่นคงด้านอาหารของมนุษยชาติ” 3. แผนปฏิบัติการดังกล่าวได้ “เชิญข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติร่วม หารอื กับองค์กรภายใต้สนธิสญั ญาที่เกี่ยวข้อง และร่วมมือกับผู้แทนจากทบวงชานัญพิเศษหรือ โครงการที่เกี่ยวข้องของระบบสหประชาชาติ และกลไกระหว่างรัฐบาลที่เหมาะสม เพื่อนิยาม ความหมายของ สิทธิที่เกี่ยวกับอาหารตามข้อ 11 ของกติการะหว่างประเทศข้างต้นให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งเสนอวิธีการบังคับใช้และให้เกิดการยอมรับสิทธิเหล่านี้ให้เป็นหนทางในการบรรลุข้อ ผกู พนั และวตั ถุประสงค์ของการประชุมอาหารโลก โดยคานึงถึงโอกาสในการจะจัดทาแนวทาง ตามความสมคั รใจสาหรับความมนั่ คงดา้ นอาหารเพือ่ ทุกคน” 4. เพื่อตอบสนองต่อการเชิญชวนจากการประชุมอาหารโลกและปฏิบัติตามข้อหารือ ระหว่างประเทศ คณะกรรมการสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติได้

7 ให้การรับรองความเห็นทั่วไปฉบับที่ 12 ซึ่งประมวลความคิดเห็นของผู้ชานัญพิเศษต่อการ ยอมรับสิทธิในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอเพิม่ ข้นึ เปน็ ลาดบั 5. ในย่อหน้าที่ 10 ของปฏิญญาได้รับการรับรองจากการประชุมอาหารโลกเม่ือปี 2002 ซึ่งระบุว่า: ใน 5 ปีนับจากนี้ ประมุขรัฐและผู้นารัฐบาลจะเชิญคณะมนตรีขององค์การเกษตร และอาหารแห่งสหประชาชาติ (เข้าร่วมในการประชุมครั้งที่ 123 ของคณะทางานระหว่าง รัฐบาล) เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามผลจากการประชุมอาหารโลก ด้วยอาณัติดังนี้ “ใน ระยะเวลา 2 ปีจะ สร้างแนวทางตามความสมัครใจโดยผลักดันให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามามีส่วน ร่วมเพื่อสนับสนุนความพยายามของรัฐสมาชิกให้บรรลุเปูาหมายการยอมรับสิทธิในการได้รับ อาหารอย่างเพียงพอเพิ่มข้นึ เป็นลาดับตามบริบทของความมนั่ คงด้านอาหารระดบั ชาติ” 6. วัตถุประสงค์ของการจัดทาแนวทางตามความสมัครใจฉบับนี้ คือ การสร้างแนวทาง ปฏิบัติแก่รัฐเพื่อบังคับใช้ให้เกิดการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็น ลาดับตามบริบทของความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติ เพื่อการบรรลุเปูาหมายของแผนปฏิบัติ การของที่ประชุมอาหารโลก ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องยังอาจได้รับผลประโยชน์จากแนวทาง ดังกล่าวด้วย 7. แนวทางฉบบั นีไ้ ด้คานงึ ถึงข้อคิดเห็นและหลักการที่สาคัญอย่างหลากหลายเข้ามาใช้ใน การพิจารณา รวมถึงเอาหลักความเสมอภาค หลักการไม่เลือกประติบัติ หลักการมีส่วนร่วม และครอบคลุมหลักความรับผิดและหลักนิติธรรมด้วย นอกจากนี้ยังยอมรับหลักที่ว่าบรรดา สิทธิมนุษยชนมีลักษณะ เป็นสากล แบ่งแยกไม่ได้ เชื่อมโยงกันและพึ่งพิงซึ่งกันและกัน อย่างไร ก็ดี ไม่ควรใช้อาหารเป็นเครื่องมอื สาหรับการกดดนั ทางการเมอื งหรอื เศรษฐกิจ 8. ในการพัฒนาแนวทางฉบับนี้ คณะทางานระหว่างรัฐบาลได้ประโยชน์จากการมีส่วน ร่วมขององค์การระหว่างประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน และตัวแทนของประชาสังคม การ บังคบั ใช้แนวทางฉบับนีแ้ มว้ ่าเปน็ ความรับผดิ ชอบโดยตรงของรัฐ แต่จะเกิดประโยชน์สูงสุดหาก ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกของประชาสังคมในวงกว้างซึ่งรวม องค์กรพัฒนาเอกชน และ ภาคเอกชน 9. แนวทางฉบับนี้ที่อิงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นเคร่ืองมือปฏิบัติการของทุกรัฐ แม้จะมิได้มี พันธกรณีให้ผูกพันรัฐหรือองค์การระหว่างประเทศ หรือผูกพันให้ตีความบทบัญญัติว่า แก้ไข

8 ปรับปรุง หรือกระทบกระเทือนต่อกฎหรือสิทธิภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมาย ภายในของรัฐหรือองค์การระหว่างประเทศน้ัน แต่เป็นการกระตุ้นรัฐให้นาแนวทางนี้ไปปรับใช้ เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์ นโยบาย โครงการ และการดาเนินงานของตน ทั้งต้องนาไปปรับใช้โดย ปราศจากการเลือกประติบัติไม่ว่ารูปแบบใด เช่น เชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความ คิดเห็นทางการเมือง ความคิดเห็นอื่นๆ ที่มาทางเชื้อชาติหรือสังคม ทรัพย์สิน การเกิด หรือ สถานภาพอื่นใดก็ตาม บทนา ตราสารหลักพื้นฐาน 10. แนวทางตามความสมัครใจได้คานึงถึงตราสารระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเข้ามา พิจารณา โดยเฉพาะตราสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการยอมรับสิทธิเพิ่มขึ้นเป็นลาดับของบุคคลใน มาตรฐานการดารงชีพอย่างเพียงพอรวมถึงสิทธิในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอ อันได้แก่ ปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิมนษุ ยชน ขอ้ 25 บุคคลมีสิทธิในมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอสากรับสุขภาพ และความอยู่ดีของตน และครอบครวั รวมทั้งอาหาร เส้ือผ้า ที่อยู่อาศยั การรักษาพยาบาล และบริการสังคมที่จาเป็น และสิทธิในความมั่นคงในกรณีว่างงาน เจ็บปุวย ทุพพลภาพ เป็นหม้าย วัยชรา หรือการขาด ปจั จยั ในการเลีย้ งชพี อื่นใดในพฤติการณ์อนั เกิดจากทีต่ นจะควบคุมได้ กติการะหวา่ งประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม ข้อ 11 รัฐภาคีแห่งกติกานี้รับรองสิทธิของทุกคนในมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอสาหรับ ตนเองและครอบครัว ซึ่งรวมถึงอาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัยที่เพียงพอ และสภาพการ ครองชีพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐภาคีจะดาเนินขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อประกันการทาให้สิทธินี้ เป็นจริง โดยรับรองความสาคัญอย่างแท้จริงของความร่วมมือระหว่างประเทศบนพื้นฐานของ ความยินยอมโดยเสรี

9 รฐั ภาคีแห่งกติกานี้ รับรองสทิ ธิข้ันพืน้ ฐานของทุกคนทีจ่ ะปลอดจากความอดอยาก โดย จะต้องดาเนินมาตรการโดยเอกเทศและโดยความร่วมมือระหว่างประเทศ รวมทั้งโครงการ เฉพาะซึ่งจาเปน็ (ก) ในการปรับปรุงวิธีการผลิต เก็บรักษาและการแบ่งสรรอาหาร โดยใช้ ความรู้อย่างเต็มที่ทางเทคนิคและทางวิทยาศาสตร์ โดยการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับหลัก โภชนาการ และโดยการพัฒนาหรือการปฏิรูประบบเกษตรกรรมในทางที่จะทาให้สามารถ บรรลุผลการพัฒนา และการใชท้ รัพยากรธรรมชาติอย่างมปี ระสิทธิภาพสูงสุด (ข) ในการประกันการแบ่งสรรอย่างเท่าเทียมของอุปทานอาหารโลกตาม สัดส่วนความต้องการ โดยคานึงถึงท้ังปัญหาของประเทศที่นาเข้าอาหารและประเทศส่งออก อาหาร กติการะหว่างประเทศวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม ข้อ 2 รัฐภาคีแต่ละรัฐแห่งกติกานี้รับที่จะดาเนินการ โดยเอกเทศและโดยความร่วมมือและ ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเศรษฐกิจและวิชาการ โดยใช้ประโยชน์ สูงสุดจากทรพั ยากรที่มีอยู่ เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลในการทาให้สิทธิซึ่งรับรองไว้ในกติกานี้กลายเป็น ความจริงอย่างบริบูรณ์โดยลาดับด้วยวิธีท้ังปวงที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรวมท้ังการ กาหนดมาตรการทางกฎหมายด้วย รัฐภาคีแห่งกติกานี้รับที่จะประกันว่าสิทธิท้ังหลายที่ระบุไว้ในกติกานี้จะใช้ได้โดย ปราศจากการเลือกปฏิบัติใด ๆ ในเร่ืองเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการ เมืองหรอื ความคิดเห็นอ่นื ใด ชาติหรอื สังคมดั้งเดิม ทรัพย์สิน กาเนิดหรอื สถานะอืน่ 11. นอกจากบทบัญญัติขา้ งตน้ แลว้ แนวทางฉบบั นีย้ งั มีบทบญั ญตั ิทีเ่ กี่ยวข้องอีก คือ ข้อ 55 และ ข้อ 56 กฎบตั รสหประชาชาติ กฎบัตรสหประชาชาติ ขอ้ 55 ด้วยความมุ่งหมายในการสถาปนาภาวการณ์แห่งเสถียรภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่ง จาเป็นสาหรับความสัมพันธ์โดยสันติและโดยฉันมิตรระหว่างประชาชาติท้ังหลาย โดยยึดความ เคารพต่อหลักการแห่งสิทธิอันเท่าเทียมกันและการกาหนดเจตจานงของตนเองของประชาชน เป็นมูลฐานสหประชาชาติจะต้องส่งเสริม :

10 (ก) มาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น การมีงานทาโดยท่ัวถึง และภาวการณ์แห่ง ความก้าวหน้าและพฒั นาการทางเศรษฐกิจและสังคม (ข) การแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศทางเศรษฐกิจ สังคม อนามัยและอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้อง และความรว่ มมอื ระหว่างประเทศทางวัฒนธรรมและการศกึ ษา และ (ค) การเคารพโดยสากล และการปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพอัน เป็นหลกั มลู ฐานสาหรบั ทุกคนโดยไม่เลือกประตบิ ัติในเรือ่ งเช้ือชาติ เพศ ภาษา หรอื ศาสนา กฎบตั รสหประชาชาติ ข้อ 56 สมาชิกทั้งปวงให้คามั่นว่าตนจะดาเนินการร่วมกันและแยกกัน ในการร่วมมือกับ องค์การฯ เพื่อให้บรรลุความมงุ่ ประสงค์ที่กาหนดไว้ในข้อ 55 12. ตราสารระหว่างประเทศอื่น อาทิ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก อนุสัญญาเพื่อขจัดการ เลือกประติบตั ิตอ่ สตรีทุกรูปแบบ และอนสุ ญั ญาเจนีวา 4 ฉบบั รวมทั้งพิธีสาร 2 ฉบับ (เกี่ยวกับ กฎหมายยามสงคราม) ยงั มีเน้ือหาทีเ่ กี่ยวข้องกบั แนวทางฉบบั นี้ 13. แนวทางตามความสมัครใจได้นาข้อผกู พนั อื่นๆเข้ามาพิจารณาด้วย ได้แก่ ปฏิญญาแห่ง สหัสวรรษ ซึ่งได้ระบุเปูาหมายในการพัฒนา ผลลัพธ์และพันธสัญญาที่ให้ไว้ในการประชุมที่ สาคัญของสหประชาชาติในประเด็นเศรษฐกิจ สงั คม และอื่นๆที่เกีย่ วข้อง 14. คณะทางานระหว่างรัฐบาลได้นามติบางฉบับของสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ และ คณะกรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแห่งสหประชาติ รวมท้ังความคิดเห็นท่ัวไปที่ได้รับการรับรอง จากคณะกรรมาธิการสทิ ธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม มาประกอบการพิจารณาด้วย สิทธิในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอและการบรรลุความมั่นคงด้านอาหาร 15. ความมั่นคงด้านอาหารปรากฏเม่ือบรรดาบุคคลมีความสามารถทางกายภาพและทาง เศรษฐกิจในการเข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอตลอดเวลา อาหารต้องปลอดภัยและมีโภชนาการดี สามารถสนองต่อความต้องการของร่างกาย มีประโยชน์ต่อการดารงชีวิตและสุขภาพที่ สมบูรณ์ สี่เสาของความมั่นคงด้านอาหาร คือ การมีอาหาร เสถียรภาพของการแจกจ่าย อาหาร การเข้าถึงอาหาร และการได้ใช้ประโยชน์จากอาหาร

11 16. การยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิม่ ข้นึ เปน็ ลาดบั ต้องอาศัยการบรรลุ พนั ธกรณีสิทธิมนษุ ยชนทีเ่ กีย่ วข้องภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ แนวทางตามความสมัครใจ นี้มุ่งจะประกันความมีอยู่ของอาหารอย่างเพียงพอทั้งในแง่ปริมาณและคุ ณภาพเพื่อสนองต่อ ความต้องการทางโภชนาการของปัจเจกชน ความสามารถเข้าถึงอาหารได้ท้ังในเชิงกายภาพ และในเชิงเศรษฐกิจของทุกคนรวมถึงกลุ่มเสี่ยง ในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอ ปราศจาก การได้รับสารที่ไม่ปลอดภัยและสอดรับกับวัฒนธรรมการบริโภคที่เป็นอยู่ รวมท้ังการประกัน สิทธิด้วยการจัดซื้อของรัฐ 17. รัฐมีพันธกรณีภายใต้ตราสารระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เกี่ยวกับการยอมรับ สิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของความม่ันคงด้านอาหาร ระดับชาติ โดยเฉพาะรัฐภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรมย่อมมีพันธะในการเคารพ ส่งเสริม ปกปูอง และจัดหามาตรการเพื่อให้บรรลุการ ยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอ รัฐภาคีควรเคารพการเข้าถึงอาหารอย่าง เพียงพอที่มีอยู่เดิมโดยไม่ใช้มาตรการใดที่จะขัดขวางการเข้าถึงอาหารข้างต้น และควรปกปูอง สิทธิของบุคคลในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอโดยดาเนินการเท่าที่จาเป็นปูองกันมิให้ ผู้ประกอบการหรือปัจเจกชนอื่นมาพรากสิทธิของปัจเจกชนในการเข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอ รฐั ภาคีควรส่งเสรมิ นโยบายที่มงุ่ ให้เกิดการยอมรับสิทธิเพิม่ ข้ึนเปน็ ลาดับของบุคคลในการได้รับ อาหารอย่างเพียงพอโดยดาเนินการเชิงรุกในกิจกรรมที่มุ่งเพิ่มความเข้มแข็งให้กับบุคคลในการ เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากร และวิธีการในการประกันสิทธิของบุคคลในการดารงวิถี ชีวิตซึ่งรวมถึงความมั่นคงด้านอาหาร รัฐภาคีควรพยายามที่สุดเท่าที่ทรัพยากรอานวยในการ จัดตั้งและคงไว้ซึ่งหลักประกันหรือความช่วยเหลืออื่นๆเพื่อปกปูองบุคคลที่ไม่สามารถจัดหา อาหารให้ตนเอง 18. รัฐทีม่ ใิ ช่ภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม จะ ได้รับการเชญิ ชวนให้พิจารณาให้สตั ยาบันต่อกติกาเช่นว่านี้ 19. ในระดบั ชาติกระบวนการรักษาความมั่นคงด้านอาหารทีอ่ ิงสิทธิมนุษยชนน้ันจะเน้นไปที่ ความเป็นสากล ความพึ่งพิงกัน ความไม่แบ่งแยก และความเชื่อมโยงกันของสิทธิมนุษยชน รวมถึงพนั ธกรณีของรัฐและบทบาทของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังให้ความสาคัญ

12 กับการบรรลุเปูาหมายความม่ันคงด้านอาหารในฐานะผลของการยอมรับสิทธิสิทธิที่มีอยู่และ ยังรวมเอาหลักสาคัญบางประการ อาทิ การช่วยให้ปัจเจกชนรับรู้สิทธิในการเข้าไปมีส่วนร่วม ในการกาหนดนโยบายสาธารณะ สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น สิทธิในการแสวงหา ได้รับและรับรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการมีส่วนร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายที่มุ่งให้เกิดการ ยอมรบั สิทธิในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอ กระบวนการข้างต้นควรให้ความสาคัญกับการมี ส่วนรว่ มของกลุ่มคนจนและกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากมกั ถูกกันออกจากกระบวนการกาหนดนโยบาย เพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร และควรพิจารณาการมีส่วนร่วมของสังคมโดยรวมให้ ปลอดจากการเลือกประติบัติโดยรัฐ ในการบรรลุพันธกรณีการส่งเสริมและปกปูองสิทธิ มนุษยชน ในกระบวนการน้ีประชาชนถือเป็นความรับผดิ ชอบของรัฐในการให้โอกาสประชาชนมี ส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มากกว่าเป็นเพียงผู้รับที่รอการให้จากรัฐฝุาย เดียว แนวทางทีอ่ งิ สิทธิมนุษยชนไม่เพียงต้องการผลลัพธ์ในการกาจัดความอดอยากให้หมดไป แต่ยังเสนอวิธีการและเคร่ืองมือที่จะทาให้บรรลุเปูาหมาย การปรับใช้หลักสิทธิมนุษยชนเป็น ส่วนหนง่ึ ของกระบวนการทีส่ มบรู ณ์

13 หมวด 2: ส่งิ แวดล้อมทีเ่ อ้อื ความชว่ ยเหลือ และความรับผิด แนวทางที่ 1: ประชาธิปไตย ธรรมาภิบาล สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม 1.1 รัฐควรส่งเสริมและปกปูองสังคมให้มีความเสรี ประชาธิปไตย และยุติธรรมเพื่อสร้าง สันติภาพ เสถียรภาพ และสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมให้ ปจั เจกชนสามารถเลีย้ งดตู นเองและครอบครวั ได้อย่างมเี สรีภาพและศักดิ์ศรี 1.2 รัฐควรส่งเสริมประชาธิปไตย หลักนิติธรรม การพัฒนาอย่างย่ังยืนและธรรมาภิบาล รวมท้ังส่งเสริมและปกปูองสิทธิมนษุ ยชนและเสรภี าพข้ันพ้ืนฐานเพื่อให้อานาจแก่ปัจเจกชนและ ประชาสงั คมในการเสนอข้อเรียกร้องตอ่ รฐั บาล อีกท้ังให้รฐั สร้างนโยบายทีร่ วมเอาความจาเป็น เฉพาะของปัจเจกชน และให้หลักประกันความรบั ผิดและความโปร่งใสในการทางานของรัฐบาล และกระบวนการตัดสินใจในการบังคับใช้นโยบายเช่นว่ารัฐควรส่งเสริม เสรีภาพในการแสดง ความคิดเห็น เสรีภาพในการเข้าถึงสารสนเทศเสรีภาพของสื่อและเสรีภาพในการร่วมกลุ่ม ชุมนุม เป็นพิเศษ เพื่อส่งเสริมการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็น ลาดับตามบริบทของความมั่นคงด้านอาหารระดับชาติ ไม่ควรนาอาหารมาใช้เป็นเคร่ืองมือ กดดันทางเศรษฐกิจและการเมอื ง 1.3 รัฐควรส่งเสริมธรรมาภิบาลให้เป็นปัจจัยสาคัญในการรักษาความเจริญทางเศรษฐกิจ การพัฒนาอย่างยั่งยืน การขจัดความยากจนและอดอยาก และการยอมรับสิทธิมนุษยชนด้าน ต่างๆ รวมทั้งการยอมรบั สิทธิในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอเพิม่ ข้นึ เป็นลาดบั 1.4 รัฐควรสร้างหลักประกันที่สอดคล้องกับพันธกรณีสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ให้ ปัจเจกชนทุกคนรวมถึงสิทธิมนุษยชนของจาเลยในการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่าง เพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับ ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันและให้ หลกั ประกนั ว่าจะมีกระบวนการยตุ ิธรรมที่ดีในกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ

14 1.5 รัฐอาจช่วยเหลือปัจเจกชนและกลุ่มของปัจเจกชนในการเข้าถึงความช่วยเหลือด้าน กฎหมายเพื่ออ้างสิทธิในการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับ มากขึ้น โดยเหมาะสมและสอดคล้องกบั กฎหมายภายใน แนวทางที่ 2: นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ 2.1 เพื่อการบรรลุการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตาม บริบทของความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติ รัฐควรส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจแบบสนับสนุน นโยบายความมัน่ คงดา้ นอาหารของรฐั รฐั ควรต้ังเปูาหมายและจดุ หมายของนโยบายบนพื้นฐาน ความตอ้ งการความมั่นคงดา้ นอาหารของประชากร 2.2 รัฐควรประเมินสถานการณ์เชิงเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งระดับของความไม่มั่นคง ด้านอาหารและสาเหตุ สถานการณ์ทางโภชนาการและความปลอดภัยด้านอาหาร โดยรัฐ ควรหารอื ร่วมกับผมู้ ีสว่ นได้เสียที่สาคัญด้วย 2.3 รัฐควรส่งเสริมการรักษาระดับปริมาณอาหารที่ปลอดภัยให้เพียงพอและมีเสถียรภาพ โดยการผสมผสานระหว่างการผลิตภายในประเทศ การค้า การคงคลังและระบบแจกจ่าย อาหาร 2.4 รัฐควรใช้วิธีการผสมผสานแบบเบ็ดเสร็จในการลดความยากจนและอดอยาก กระบวนการ ดังกล่าวทาได้ทั้งการใช้มาตรการตรงและทันท่วงทีเพื่อให้หลักประกันในการ เข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอในฐานะส่วนหนึ่งของหลักประกันทางสังคม การลงทุนในกิจกรรม การผลิตและโครงการเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ของผู้ยากไร้และอดอยากอย่างยั่งยืน การ พัฒนาสถาบันที่เหมาะสม การพัฒนากลไกตลาดให้มีการแข่งขัน การพัฒนากฎหมายและ กรอบข้อบังคับทีเ่ อ้ือตอ่ การเข้าถึงการจ้างงาน ทรัพยากรการผลิต และบริการที่เหมาะสม 2.5 รัฐควรผลักดันมาตรการที่ครอบคลุม ไม่ลาเอียง และอิงหลักเศรษฐศาสตร์เพื่อ การเกษตร การประมง การปุาไม้ การใช้สอยทีด่ นิ การเวนคืน และการปฏิรูปที่ดิน ให้เกษตรกร ชาวประมง ชาวปุา และผู้ผลิตอาหารอื่นๆโดยเฉพาะผู้หญิง ให้ได้รับผลตอบแทนจากการ ทางาน การลงทุนและการจัดการอย่างเป็นธรรม รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์และ การจดั การทรัพยากรธรรมชาติท้ังในพืน้ ที่ธรรมดาและชายขอบอย่างยั่งยืน

15 2.6 ในสถานที่ที่ความยากจนและอดอยากปรากฏชัดอย่างในชนบท รัฐควรเน้นการเกษตร อย่างยั่งยืนและการพัฒนาชนบทโดยใช้มาตรการต่างๆ อาทิ การจัดสรร ที่ดินทากิน น้า และ เทคโนโลยีที่เหมาะสม ทรัพยากรการผลิตและการเงิน การเพิ่มผลิตภาพของชุมชนชนบทที่ ยากจน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ยากไร้ในการตัดสินนโยบายทางเศรษฐกิจ แบ่งปัน ผลประโยชน์จากการผลิตที่ได้รับ อนุรักษ์และปกปูองทรัพยากรธรรมชาติ และลงทุนในการ สร้างโครงข่ายพื้นฐานตามชนบท รวมถึงการศึกษาและการวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐควร สนับสนุนให้มีนโยบายที่สร้างเสริมเสถียรภาพในการจ้างงานในเขตชนบทรวมถึงการจ้างงาน นอกภาคเกษตร 2.7 เพื่อตอบสนองตอ่ ปญั หาความยากจนและอดอยากในเขตเมืองที่เพิม่ ข้นึ รัฐควรส่งเสริม การลงทนุ ที่มงุ่ เสริมสร้างสภาพความเป็นอยู่ของผู้ยากจนในเขตเมือง แนวทางที่ 3: ยุทธศาสตร์ 3.1 รัฐควรดาเนินการอย่างเหมาะสมตามที่กฎหมายภายในกาหนดและโดยมีการหารือ ร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องในการพิจารณารับรองยุทธศาสตร์ระดับชาติที่อิงสิทธิ มนษุ ยชนเพื่อการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของ ความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติ และกาหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนา ระดบั ชาติและสอดคล้องกับยุทธศาสตรก์ ารขจัดความยากจน 3.2 การกาหนดยุทธศาสตร์เหล่านคี้ วรเริ่มด้วยการประเมิน ระบบกฎหมายที่มีอยู่ นโยบาย มาตรการทางปกครอง โครงการ ที่ดาเนินการอยู่ การประเมินข้อจากัดและทรัพยากรที่มีอยู่ อย่างเป็นระบบ รัฐควรสร้างมาตรการเท่าที่จาเป็นเพื่อเยียวยาจุดอ่อน รัฐควรเสนอวาระเพื่อ การเปลี่ยนแปลง วิธีการและการบงั คบั ใช้วาระดงั กล่าวรวมทั้งประเมินไว้ด้วย 3.3 การกาหนดยุทธศาสตร์อาจรวมเอาวัตถุประสงค์ เปูาหมาย จุดหมาย และกรอบเวลา ท้ังปฏิบัติการในการสร้างนโยบาย จัดหาและระดมทรัพยากร กาหนดกลไกระบบสถาบัน แบ่ง หนา้ ทีค่ วามรับผิดชอบ ร่วมมือในการดาเนินกิจกรรมของผู้เกี่ยวข้องต่างๆ และกลไกการตรวจ ตรา ยทุ ธศาสตรด์ ังกล่าวควรสะท้อนมิตติ ่างๆของระบบอาหารตามความเหมาะสม ได้แก่ การ

16 ผลิต กระบวนการผลิต การแจกจ่ายอาหาร การตลาดและการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย ยุทธศาสตร์ยังสามารถสะท้อนการเข้าถึงทรัพยากรและการเข้าตลาดคู่ขนานไปกับมาตรการ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ยุทธศาสตร์เหล่านี้ควรสะท้อนถึงความต้องการของกลุ่มเสี่ยงและกลุ่ม ผดู้ ้อยโอกาส รวมถึงกรณีพิเศษ อาทิ เหตุฉกุ เฉินและภัยธรรมชาติ 3.4 ในกรณีที่จาเป็น รัฐควรจัดให้มียุทธศาสตร์เพื่อขจัดความยากจนระดับชาติโดยเฉพาะ สะท้อนการเขา้ ถึงอาหารอย่างเพียงพอ 3.5 รัฐควรดาเนินการโดยลาพังหรือร่วมกับองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องในการบูร ณาการสิทธิมนุษยชนในมิติที่อิงหลักห้ามเลือกประติบัติเข้าสู่แผนยุทธศาสตร์ลดความยากจน รัฐควรยกมาตรฐานในการดารงชีพของกลุ่มที่มีมาตรฐานการครองชีพ ต่ากว่าระดับความ ยากจน เพื่อให้หลักประกันความเสมอภาคต่อความจาเป็นของผู้ด้อยโอกาส และประกันความ เสมอภาคระหว่างชายกบั หญิง 3.6 ในยุทธศาสตร์ลดความยากจนของรัฐรัฐควรให้ความสาคัญแก่การจัดบริการพื้นฐาน ให้แก่คนจนที่สุด ลงทุนในทรัพยากรมนุษย์โดยให้หลักประกันแก่การเข้าถึงการศึกษาสาหรับ ทุกคน การเข้าบริการสาธารณสุขพื้นฐาน สร้างศักยภาพด้านการปฏิบัติที่ดี จัดหาน้าดื่ม สะอาด ถูกสุขอนามัยที่เพียงพอ และการสร้างความยุติธรรม โดยการสนับสนุนโครงการสร้าง ความรขู้ ั้นพ้ืนฐาน และสุขอนามัย 3.7 นอกจากในเร่ืองอื่นแล้วรัฐควรดาเนินการให้มีความย่ังยืนในการเพิ่มผลิตภาพและให้ ความสาคัญกับภาคเกษตรซึ่งรวมท้ังด้านปศุสัตว์ ประมง ผ่านทางนโยบายและยุทธศาสตร์ พิเศษที่มุ่งเปูาหมายไปที่เกษตรกรรายย่อย ชาวประมงพื้นบ้าน และเกษตรกรในชนบท รวมทั้ง การสร้างเง่ือนไขที่ส่งเสริมให้ภาคเอกชนสามารถเข้ามีส่วนร่วมและเน้นการพัฒนาศักยภาพ ของมนุษย์ กาจดั อุปสรรคต่อการผลติ ภาคเกษตรกรรม การตลาด และการกระจายอาหาร 3.8 ในการพัฒนายุทธศาสตร์เหล่านี้รัฐควรมีการหารือกับกลุ่มประชาสังคมและผู้มีส่วนได้ เสียทีส่ าคญั ท้ังในระดบั ชาติและระดับภูมภิ าค รวมท้ังเกษตรกรรายย่อย เกษตรกรพื้นบ้าน และ ภาคเอกชน เชน่ องค์กรสตรีและสมาคมเยาวชน ด้วยความมุ่งหมายที่จะส่งเสริมการมีส่วนร่วม อย่างกระตือรือร้นในทุกมิติของยุทธศาสตรก์ ารเกษตรและการผลติ อาหาร

17 3.9 ยุทธศาสตรเ์ หล่านีค้ วรมีความโปร่งใส ละเอียด รอบคอบ และครอบคลุมนโยบายต่างๆ ของรัฐ ทุกโครงการ และทุกยุทธศาสตร์ อีกทั้งควรพิจารณาความจาเป็นพิเศษของเด็กหญิง และสตรีกาหนดวัตถุประสงค์ทั้งในระยะส้ันและระยะยาว รัฐควรเตรียมการและบังคับใช้แผน ต่างๆโดยยึดหลักการมสี ่วนรว่ มและหลกั ความรับผดิ ชอบ 3.10 รัฐควรสนับสนุนการบังคับใช้ยุทธศาสตร์ระดับชาติเพื่อการพัฒนาโดยเฉพาะเพื่อการ ลดความยากจนและความอดอยาก รวมทั้งเพื่อการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่าง เพียงพอเพิ่มข้ึนเป็นลาดับ การดาเนินการอาจทาผ่านความร่วมมอื ระดับภมู ิภาคด้วย แนวทางที่ 4: ระบบตลาด 4.1 รฐั ควรดาเนินการโดยสอดคล้องกบั กฎหมายภายในและความจาเปน็ เร่งด่วนของรัฐโดย สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ ในการปรับปรุงกลไกและระบบการตลาดโดยเฉพาะ ตลาดการเกษตรและอาหารเพื่อส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่าง ยง่ั ยืน ควบคู่ไปกับการระดมการออมภายในประเทศทั้งในภาคเอกชนและมหาชน การพัฒนา นโยบายสินเช่อื ทีเ่ หมาะสม ด้วยการทางานผ่านการสรา้ งระดบั ทีพ่ อเพียงยงั่ ยืนของการลงทุนใน กระบวนการผลิตระดับชาติ โดยการให้สินเชื่อด้วยระยะเวลาที่ผ่อนปรน และโดยการเพิ่ม ศกั ยภาพมนษุ ย์ 4.2 รัฐควรจัดต้ังกฎหมาย นโยบาย กระบวนการระบบกฎหมายและสถาบันอื่นๆเพื่อเป็น หลักประกันการไม่เลือกประติบัติต่อการเข้าสู่ตลาด และปูองกันการดาเนินกิจกรรมทาง เศรษฐกิจทีม่ ีลักษณะผกู ขาดและบิดเบือนตลาด 4.3 รัฐควรส่งเสริมการพัฒนาหลักความรับผิดชอบทางสังคมของบรรษัท และพัฒนาข้อ ผูกพันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาสังคม เพื่อนาไปสู่การ ยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของความมั่นคงด้าน อาหารระดับชาติ 4.4 รัฐควรให้การปกปูองอย่างเพียงพอต่อผู้บริโภคเพื่อต่อต้านการตลาดที่ฉ้อฉล การให้ ข้อมูลเท็จ และอาหารที่ไม่ปลอดภัย มาตรการสาหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าวต้องไม่ก่อให้เกิด

18 อุปสรรคต่อการเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นธรรมในระบบการค้าระหว่างประเทศและควรทาให้ สอดคล้องกบั ข้อตกลงขององค์การการค้าโลก 4.5 รัฐควรดาเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาตลาดขนาดย่อมทั้งในระดับ ท้องถิ่นระดับภูมิภาคและการค้าข้ามพรมแดน เพื่อลดความยากจนและเพิ่มความม่ันคงด้าน อาหารโดยเฉพาะในเขตยากจนทั้งในชนบทและในเมอื ง 4.6 รัฐอาจแสดงเจตจานงในการรับเอามาตรการที่ให้หลักประกันว่าปัจเจกชน ชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาส จานวนมากที่สุดจะได้รับประโยชน์จากการสร้างโอกาสในการ แขง่ ขันสาหรับสินค้าทางการเกษตร 4.7 รัฐควรพยายามให้หลักประกันประกันว่า อาหาร การค้าสินค้าเกษตร และนโยบาย การค้าโดยรวมส่งเสริมความเข้มแข็งต่อความม่นั คงด้านอาหารสาหรับทุกคนโดยไม่มีการเลือก ประติบัติและสง่ เสริมระบบตลาดการค้าท้ังระดับ ท้องถิน่ ภูมภิ าค รัฐและโลก 4.8 นอกจากในเร่ืองอื่นแล้วรัฐควรพยายามที่สุดในการจัดตั้งระบบการตลาด การคงคลัง การขนส่ง การสื่อสาร และการกระจายสินค้า ภายในรัฐให้ทางานได้ดี ควบคู่ไปกับการอานวย ประโยชน์แก่การค้าทีส่ ง่ เสริมความหลากหลายและเชื่อมโยงซึ่งกันและกันระหว่าง ตลาดภายใน ตลาดภูมิภาค และตลาดโลก รวมทั้งแสวงหาโอกาสในตลาดใหมๆ่ 4.9 รัฐควรคานึงเสมอว่าตลาดมิได้ส่งผลโดยอัตโนมัติให้ทุกคนบรรลุเปูาหมายรายได้ที่ เพียงพอตลอดเวลาที่จะสามารถตอบสนองความจาเป็นข้ันพื้นฐานของบุคคล ดังน้ันรัฐควร หาทางจัดให้มีหลักประกันทางสังคมอย่างเพียงพอ และรัฐอาจจัดหาความช่วยเหลือจาก ประชาคมระหว่างประเทศเพื่อสนองต่อเปูาหมายข้างต้น 4.10 รัฐควรคานึงถึงขอ้ จากดั ของกลไกตลาดในการปกปูองสิง่ แวดล้อมและสาธารณสมบัติ แนวทางที่ 5: สถาบนั 5.1 รฐั ควรประเมินอานาจและการดาเนินการของสถาบันมหาชนทีเ่ กีย่ วข้องอย่างเหมาะสม และหากมีความจาเป็นรัฐอาจจัดตั้ง ปฏิรูป หรือปรับปรุงองค์กรและโครงสร้างองค์กรเพื่อช่วย เสริมการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของความ มั่นคงดา้ นอาหารระดบั ชาติ

19 5.2 เพื่อจุดประสงค์ข้างต้นรัฐอาจแสดงเจตจานงโดยให้หลักประกันในความพยายาม ร่วมมือของรัฐมนตรี ตัวแทน และเจ้าพนักงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รัฐอาจจัดตั้งกลไกความ ร่วมมือระหว่างหน่วยงานระดับรัฐเพื่อเสริมสร้างความสอดคล้องในการบังคับใช้ ตรวจตรา และประเมินนโยบาย แผนงาน และโครงการ รฐั ต้องสนบั สนุนชมุ ชนทีเ่ กีย่ วข้องให้เข้ามามีส่วน ร่วมในทุกมิติของแผนและการปฏิบตั ิตามแผนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมนี้ 5.3 รัฐอาจแสดงเจตจานงให้สถาบันใดสถาบันหนึ่งมีความรับผิดชอบโดยรวมในการ ควบคมุ และประสานงานในการปรับใช้แนวทางเหล่านี้ และพึงระลึกถึงปฏิญญาและแผนปฏิบัติ การของการประชุมสิทธิมนุษยชนระดับโลก ณ กรุงเวียนนา ปี 1993 และนาเอาอนุสัญญาและ พิธีสารเกี่ยวกับการเกษตรเข้ามาพิจารณาด้วย เพื่อประกันความโปร่งใสและความรับผิดชอบ จาเป็นจะต้องนิยามอานาจหน้าที่และผลทางกฎหมายของสถาบันเหล่านี้ให้ชัดเจน มีการ ทบทวนอย่างสมา่ เสมอและจัดใหม้ ีกลไกการตรวจตราที่เพียงพอ 5.4 รฐั ควรใหห้ ลักประกนั ว่าสถาบันที่เกี่ยวข้องจัดให้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และโปร่งใสจาก ท้ังภาคเอกชนและประชาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของกลุ่มที่เสี่ยงต่อความไม่ มั่นคงดา้ นอาหารมากที่สุด 5.5 รัฐควรมีมาตรการ พฒั นา เสริมสรา้ งความเข้มแข็ง ดาเนินการ และ คงไว้ซึ่ง กฎหมาย และนโยบายต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบที่มีประสิทธิผล รวมไปถึงหน่วยงานด้าน อาหารและการบริหารจัดการการช่วยเหลือด้านอาหารในยามฉกุ เฉิน แนวทางที่ 6: ผู้มีส่วนไดเ้ สีย 6.1 ในฐานะทีเ่ ป็นความรับผิดชอบหลักของรัฐต่อการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่าง เพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับ รัฐต้องปรับใช้กระบวนการส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้เสียหลายฝุายต่อ ความมั่นคงด้านอาหารระดับชาติให้มีความชัดเจนในบทบาทและขอบเขตของผู้มีส่วนได้เสียที่ เกี่ยวข้อง โดยผนวกเอาประชาสังคมและภาคเอกชนเข้าไปด้วย และประมวลความรู้และ ความเห็นเหลา่ นเี้ พื่อเอือ้ อานวยต่อประสิทธิภาพในการใชท้ รพั ยากร

20 แนวทางที่ 7: กรอบทางกฎหมาย 7.1 รัฐได้รับการเชิญชวนให้พิจารณาตามกฎหมายภายในและกรอบนโยบายของประเทศ ว่าจะรวมเอาบทบัญญัติจากแนวทางนี้เข้ากับกฎหมายภายในของตนหรือไม่ รวมถึงพิจารณา ความเป็นไปได้ในการปรับปรุงกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญที่จะอานวยการยอมรับสิทธิในการ ได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิม่ ข้นึ เป็นลาดบั ตามบริบทของความมน่ั คงดา้ นอาหารระดับชาติ 7.2 รัฐได้รับการเชิญชวนให้พิจารณาตามกฎหมายภายในและกรอบนโยบายของประเทศ ว่าจะนาบทบัญญัติของแนวทางนี้ไปรวมกับกฎหมายภายในของตนหรือไม่ ซึ่งในที่นี้หมาย รวมถึงรัฐธรรมนูญ ประมวลสิทธิ หรือพระราชบัญญัติด้วย เพื่อจะบังคับใช้โดยตรงให้เกิดการ ยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับ นอกจากนี้รัฐอาจพิจารณาว่า จะจดั ให้มกี ลไกทางปกครอง กลไกกึง่ ตุลาการ และกลไกตุลาการ ที่ มีประสิทธิภาพและเข้าถึง การเยียวยาได้ทันที โดยเฉพาะการเข้าถึงกระบวนการของสมาชิกกลุ่มเสี่ยงก็ควรจะนาเข้ามา พิจารณาด้วย 7.3 รัฐที่ได้ก่อต้ังสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเข้าสู่ระบบกฎหมายของตนควร ประกาศให้มหาชนท่ัวไปรับรู้สิทธิและกระบวนการเยียวยาที่มีอยู่ ให้แก่บุคคลที่มีสิทธิได้รับ ทราบ 7.4 รัฐควรพิจารณาเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่กฎหมายภายในและนโยบายเพื่ออานวย ประโยชน์แก่สตรีที่เป็นหัวหน้าครอบครัวในแผนการลดความยากจนและได้รับประโยชน์จาก โครงการเพื่อความมัน่ คงด้านโภชนาการ แนวทางที่ 8: การเข้าถงึ ทรพั ยากรและสินทรพั ย์ 8.1 รัฐควรอานวยความสะดวกในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและ ปราศจากการเลือกประติบัติตามกฎหมายภายในและกฎหมายระหว่างประเทศ และปกปูอง สินทรัพย์ที่สาคัญต่อการดารงชีพของบุคคล รัฐควรเคารพและปกปูองสิทธิของปัจเจกชนที่ เกีย่ วข้องกับทรัพยากร อาทิ ที่ดิน น้า ปุาไม้ สัตว์น้า และปศุสัตว์ โดยปราศจากการเลือกประ ติบัติ หากมีความจาเป็นและเป็นการเหมาะสม รัฐควรผลักดันการปฏิรูปที่ดินและนโยบาย ปฏิรูปอื่นๆตามพันธกรณีสิทธิมนุษยชนและตามหลักนิติธรรมเพื่อรักษาประสิทธิภาพและ

21 ความชอบธรรมในการเข้าถึงที่ดิน และเสริมสร้างการพัฒนาที่เอื้อต่อผู้ยากไร้ รัฐควรให้ความ สนใจเป็นพิเศษแก่กลุ่มบุคคล อาทิ กลุ่มที่ดารงชีพโดยการเลี้ยงสัตว์ และ ชนพื้นเมือง และ ความสมั พนั ธ์กบั ทรพั ยากรธรรมชาติทีแ่ วดล้อมอยู่ 8.2 รัฐควรผลักดันให้กลุ่มเสี่ยงสามารถเข้าถึงโอกาสและทรัพยากรทางเศรษฐกิจเพื่อมี ส่วนรว่ มอย่างเต็มที่และเท่าเทียมในระบบเศรษฐกิจ 8.3 รัฐควรให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อปัญหาการเข้าถึงทรัพยากร และสินทรัพย์ของ สตรี กลุ่มเสี่ยง กลุ่มคนชายขอบ และกลุ่มคนที่มักจะด้อยโอกาส รวมถึงผู้ติดเชื้อเอดส์ รัฐควร ดาเนนิ มาตรการปกปูองผตู้ ิดเชอื้ เอดส์ไม่ใหเ้ สียโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร และสินทรพั ย์ 8.4 รัฐควรส่งเสริมการศึกษาวิจัยและการพัฒนาการเกษตร โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการ ส่งเสริมการผลิตอาหารพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรายได้ข้ันพื้นฐานของเกษตรกรรายย่อยและ เกษตรกรสตรีรวมผู้บริโภคที่ยากจน 8.5 รัฐควรส่งเสริมการเข้าถึงผลงานวิจัยที่สนับสนุนความม่ันคงด้านอาหารของเกษตรกร ขนาดกลางและขนาดย่อม ภายใต้กรอบของข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ข้อตกลงว่าด้วยทรพั ย์สินทางปัญญา 8.6 รัฐควรส่งเสริมสตรีมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจอย่างเต็มที่และเสมอภาค รัฐควรจัดให้มีขึ้น ถ้ายังขาดอยู่ รฐั ควรบงั คับใช้กฎหมายที่ให้ความสาคัญต่อความลาเอียงทางเพศ โดยจัดให้สตรี มีสทิ ธิในการรับมรดกและครอบครองที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ ยิ่งไปกว่าน้ันนี้รัฐควรรักษาความ มั่นคงและเสมอภาคในการเข้าถึง ควบคุม ใช้สอย และแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรในการ ผลติ ของสตรี อนั ได้แก่ สินเชื่อ ที่ดนิ น้า และเทคโนโลยีที่เหมาะสม 8.7 รฐั ควรออกแบบและบังคับใช้โครงการที่มผี ลโดยตรงต่อประชากรที่ยากจนที่สุด โดยใช้ กลไกต่างๆ ผสานกับ การเข้าถึงและใช้สอย ที่ดนิ เพือ่ การเกษตรอย่างเหมาะสม แนวทางที่ 8a: แรงงาน 8.8 รัฐควรดาเนินมาตรการส่งเสริมการพัฒนาอย่างย่ังยืนเพื่อจัดสร้างโอกาสสาหรับการ ทางานที่ใหผ้ ลตอบแทนเพียงพอต่อการดารงชีพอย่างมีมาตรฐานพอเพียงและสาหรับผู้หาเลี้ยง ครอบครัวและครอบครัวของเขาเหล่านั้นท้ังในชนบทและในเมือง รวมถึงส่งเสริมปกปูองผู้

22 ประกอบอาชีพอิสระ สาหรบั รัฐทีไ่ ด้ให้สัตยาบนั แก่ตราสารที่เกีย่ วข้องแล้วนนั้ สภาพการทางาน ควรเป็นไปตามพันธกรณีที่รฐั ได้เข้าร่วมภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และสนธิสัญญา อืน่ รวมถึงอนสุ ญั ญาสทิ ธิมนุษยชนด้วย 8.9 เพื่อการปรับปรุงการเข้าสู่ตลาดแรงงาน รัฐควรพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านโครงการ การศึกษา โครงการการรู้หนังสือของผู้ใหญ่และการอบรมเพิ่มเติมเท่าที่จาเป็นโดยไม่คานึงถึง เชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง พื้นฐานทางเชื้อชาติและสังคม ทรัพย์สนิ การเกิด หรอื สถานภาพอื่นๆ แนวทางที่ 8b: ท่ดี ิน 8.10 รัฐควรดาเนินมาตรการสง่ เสริมและปกปูองความมั่นคงในการถือครองที่ดิน โดยเฉพาะ สิทธิของสตรี คนจน และกลุ่มผู้ด้อยโอกาสของสังคม ผ่านทางกฎหมายที่ปกปูองความ สมบูรณ์และเสมอภาคของสิทธิในการเป็นเจ้าของที่ดินและทรัพย์สินอื่นรวมทั้งสิทธิในกา รรับ มรดก หากเป็นการเหมาะสม รัฐควรพิจารณาจัดต้ังกลไกทางกฎหมายและนโยบายอื่นๆตาม พันธกรณีสิทธิมนุษยชนของรัฐและสอดคล้องกับหลักนิติธรรมในการผลักดันการปฏิรูป ที่ดิน เพื่อพัฒนาการเข้าถึงการได้รับที่ดินของสตรีและคนจน มาตรการดังกล่าวควรคานึงถึงการ อนุรกั ษ์และใช้สอยทีด่ นิ อย่างยัง่ ยืน รัฐควรใหเ้ งือ่ นไขพิเศษแก่ชมุ ชนชาวพื้นเมือง แนวทางที่ 8c: นา้ 8.11 พึงระลึกว่าการเข้าถึงน้าอย่างเพียงพอท้ังปริมาณและคุณภาพสาหรับมนุษย์ทุกคนนั้น ถือเป็นสิทธิข้ันพื้นฐานต่อชีวิตและสุขภาพ รัฐควรพยายามปรับปรุงการเข้าถึงน้าและส่งเสริม การใช้ทรัพยากรน้าอย่างย่ังยืน การจัดสรรน้าให้แก่ผู้ใช้อย่างเหมาะโดยคานึงถึงประสิทธิภาพ และเพียงพอต่อความจาเป็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์อย่างชอบธรรม และเป็นการรักษาสมดุล ระหว่างการอนุรักษ์ การฟื้นฟูระบบนิเวศของพื้นที่ ความจาเป็นด้านอุตสาหกรรมและ เกษตรกรรมรวมถึงการปกปูองคุณภาพน้าดื่ม

23 แนวทางที่ 8d: ทรพั ยากรทางพนั ธกุ รรมเพือ่ อาหารและการเกษตร 8.12 รัฐพิจารณาความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพและความสอดคล้องกับ พันธกรณีภายใต้ข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องประกอบแล้ว รัฐควรกาหนดนโยบาย ระดับชาติ ตราสารทางกฎหมายและกลไกเพื่อปูองกันความเสื่อมสลายและให้หลักประกันการ อนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรทางพันธุกรรมเพื่ออาหารและการเกษตรอย่างยั่งยืน รวมถึงการ ปกปูองภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องและการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมในการ แบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรทางพันธุกรรมเหล่านี้ และควรส่งเสริมการมี ส่วนรว่ มของคนในท้องถิ่น คนพืน้ เมือง และเกษตรกร ในการร่วมตัดสินใจระดับชาติในประเด็น ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรทางพันธุกรรมเพื่ออาหารและการเกษตรอย่าง ยงั่ ยืน แนวทางที่ 8e: ความยัง่ ยืน 8.13 รัฐควรพิจารณา นโยบายระดับชาติ ตราสารกฎหมาย และกลไกสนับสนุนที่ เฉพาะเจาะจง เพื่อปกปูองนิเวศวิทยาอย่างยั่งยืนและการส่งเสริมศักยภาพของระบบนิเวศเพื่อ ประกันความเป็นไปได้ในการเพิ่ม การผลิตอาหารอย่างย่ังยืนสาหรับคนทั้งในปัจจุบันและ อนาคต การปูองกันมลภาวะทางน้า การปกปูองความสมบูรณ์ของดิน และการส่งเสริมการ บริหารจัดการการประมงและการปุาไม้อย่างยง่ั ยืน แนวทางที่ 8f: บริการ 8.14 รัฐควรสรรสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อ และยุทธศาสตร์เพื่ออานวยและสนับสนุนการ ริเริ่ม ของภาคเอกชนและภาคสาธารณะในการริเริ่มการส่งเสริมเคร่ืองมือ เทคโนโลยี และ เคร่ืองจักรที่เหมาะสมในส่วนของการบริการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการวิจัย การขยายผล การตลาด การเงินการคลังสาหรับชนบทและสินเชื่อรายย่อย เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพใน การผลิตอาหารโดยเกษตรกรทั้งมวลโดยเฉพาะ เกษตรกรผู้ยากไร้ และสะท้อนอุปสรรคปัญหา ในท้องถิน่ เช่น การขาดทีท่ ากิน น้า และอานาจในการประกอบการเกษตรกรรม แนวทางที่ 9: ความปลอดภัยดา้ นอาหารและการคุ้มครองผู้บรโิ ภค

24 9.1 รัฐควรดาเนินมาตรการเพื่อประกันว่าอาหารทั้งหมดไม่ว่า จะผลิตในท้องถิ่น หรือ นาเข้า หรือมีอยู่ หรือขายในท้องตลาด มีความปลอดภัยและมีมาตรฐานสอดคล้องกับ มาตรฐานความปลอดภยั ด้านอาหารระดบั ชาติ 9.2 รัฐควรจัดต้ังระบบควบคุมอาหารที่ละเอียดและรอบคอบเพื่อลดความเสี่ยงของโรคที่ เกิดจากอาหาร โดยใช้กลไกการวิเคราะห์ความเสี่ยงและกลไกควบคุมเพื่อประกันความ ปลอดภัยด้านอาหารตลอดหว่ งโซ่อาหาร รวมถึงอาหารสัตว์ 9.3 รัฐได้รับการสนับสนุนให้ดาเนินการให้มีการประมวลแนวปฏิบัติและสถาบันในการ ควบคุมอาหารและความปลอดภัยด้านอาหารในระดับชาติ ขจัดช่องว่างและความซ้าซ้อนใน ระบบตรวจสอบตามกรอบทางนิติบัญญัติและกฎหมายกากับดูแลที่เกี่ยวกับอาหาร รัฐได้รับ การสนับสนุนใ ห้รับเอามาตรฐานความป ลอดภัย ด้านอาหารที่ อิงพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงมาตรฐานสาหรับ สารปรุงแต่ง สารปนเปื้อน สิ่งตกค้างจากการใช้ยาสัตว์ ยาฆ่าแมลง สารชีวภาพที่เป็นอันตราย และสร้างมาตรฐานสาหรับบรรจุภัณฑ์ การติดฉลากและการ โฆษณาอาหาร มาตรฐานเหล่านี้ควรพิจารณาใช้มาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากองค์การ อาหารระหว่างประเทศตามข้อตกลงสุขอนามัยขององค์การการค้าโลก รัฐควรดาเนินการเพื่อ ปูองกันการปนเปื้อนจากอุตสาหกรรมและมลพิษในกระบวนการ การผลิต การแปรรูป การ เกบ็ รกั ษา การขนสง่ การแจกจ่าย การจดั การและการจาหนา่ ยอาหาร 9.4 รัฐอาจแสดงความประสงค์ในการก่อต้ังคณะกรรมาธิการประสานงานด้านอาหาร ระดับชาติซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและมิใช่รัฐที่เกี่ยวข้องกับระบบอาหารและ ดาเนินการในฐานะพันธมิตรกับคณะกรรมาธิการมาตรฐานสุขอนามัยขององค์การอา หารและ เกษตรและองค์การอนามัยโลก รัฐควรพิจารณาร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียภาคเอกชนในระบบ อาหาร ทั้งให้การช่วยเหลือภาคเอกชนในการควบคุมการผลิตและดาเนินการผลิตด้วยตัวเอง และโดยการตรวจสอบกระบวนการควบคมุ เหล่านั้น 9.5 หากจาเป็นรัฐควรช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ผลิตข้ันปฐมภูมิอื่นๆให้ปฏิบัติตามการ ประกอบการเกษตรกรรมที่ดี ช่วยเหลือผู้แปรรูปอาหารให้ปฏิบัติตามการประกอบการผลิตที่ดี และช่วยเหลือผู้ควบคุมอาหารให้ปฏิบัติตามการควบคุมสุขอนามัยที่ดี รัฐได้รับการส่งเสริมให้

25 พิจารณาจัดต้ังระบบความปลอดภัยด้านอาหารและกลไกควบคุมเพื่อให้หลักประกันแก่ มาตรการความปลอดภยั สาหรับผู้บริโภค 9.6 รัฐควรให้หลักประกันในการให้การศึกษาเร่ืองความปลอดภัยแก่ผู้ประกอบการธุรกิจ อาหารเพื่อให้การดาเนินการไม่ก่อให้เกิดการตกค้างของสารตกค้างในอาหารและไม่ทาให้เกิด อันตรายต่อสภาพแวดล้อม รัฐควรดาเนินมาตรการเพื่อให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับความ ปลอดภัยในการเก็บ จัดการ และใช้ประโยชน์ อาหารภายในครัวเรือน รัฐควรรวบรวมและ เผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะในเร่ืองโรคที่เกิดจากอาหารและความปลอดภัยด้านอาหาร และ ควรร่วมมือกับภูมิภาคและองค์การระหว่างประเทศในการเสนอประเด็นความปลอดภัยด้าน อาหาร 9.7 รฐั ควรรับรองมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากการหลอกลวงและชวนเชื่อบนฉลาก บรรจุภัณฑ์ การโฆษณา และการจาหน่ายอาหาร รวมท้ังให้มีทางเลือกแก่ผู้บริโภคโดยการ ประกันว่าจะมีข้อมูลที่เหมาะสมของอาหารที่วางขายในตลาด และจัดให้มีกระบวนการไล่เบี้ย สาหรับการใดที่ส่งผลร้ายจากอาหารที่ไม่ปลอดภัยและปนเปื้อน รวมท้ังอาหารที่วางขายข้าง ทางก็อยู่ในขอบเขตของมาตรการนี้ มาตรการเช่นว่ามิควรใช้ในฐานะอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ เป็นธรรมและจะต้องเป็นไปตามข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (โดยเฉพาะข้อตกลง สขุ อนามัยและข้อตกลงอุปสรรคทางเทคนิคตอ่ การค้า) 9.8 ประเทศพัฒนาแล้วควรจัดให้มีความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ประเทศกาลังพัฒนาโดย ผ่าน คาแนะนา สินเชื่อ การบริจาค ทุนเพื่อการพัฒนาศักยภาพและการฝึกอบรมเร่ืองความ ปลอดภัยด้านอาหาร เมือ่ มีความเปน็ ไปได้และเหมาะสมประเทศกาลังพัฒนาที่มีความก้าวหน้า ทางศักยภาพในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยด้านอาหารได้รับการสนับสนุนให้ยื่นความ ช่วยเหลือแก่ประเทศกาลงั พัฒนาอืน่ ทีม่ คี วามก้าวหน้าน้อยกว่า 9.9 รัฐได้รับการสนับสนุนให้ร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสีย รวมท้ังองค์กรผู้บริโภคทั้งระดับ ภมู ภิ าคและระหว่างประเทศ ในการเสนอประเด็นความปลอดภัยด้านอาหาร และพิจารณาการ มีสว่ นร่วมของผมู้ ีสว่ นได้เสียบนเวทีระดับชาติและระหว่างประเทศซึ่งมีการอภิปรายนโยบายอัน ส่งผลกระทบต่อ การผลิต การแปรรปู การกระจาย การคงคลงั และการตลาด อาหาร

26 แนวทางที่ 10: โภชนาการ 10.1 หากจาเป็นรัฐควรควรดาเนินมาตรการเพื่อรักษา ปรับ เพิ่ม และสร้างเสริมความ หลากหลายทางโภชนาการ และพฤติกรรมการกินที่เหมาะสมและการเตรียมอาหารที่ดี รวมถึง การเลีย้ งดใู หอ้ าหาร การให้นมแม่ ขณะทีค่ วรประกันให้ได้ว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในการ มีอยู่และการเข้าถึงอาหารจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อส่วนประกอบของอาหารและการ บริโภค 10.2 รัฐได้รับการสนับสนุนให้ผลักดันอย่างเป็นพิเศษโดยผ่านการให้ การศึกษา ข้อมูล ข่าวสาร และกฎหมายฉลากอาหาร เพื่อปูองกันการบริโภคเกินความต้องการและการบริโภค อาหารที่ไม่สมดุลซึ่งอาจนาไปสู่ทพุ โภชนาการ โรคอ้วน และโรคเกี่ยวกบั ความเสื่อมตามวัย 10.3 รัฐได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะชุมชนและ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในการ ออกแบบ บังคับใช้ บริหารจัดการ ตรวจตรา และ ประเมินผล โครงการเพื่อเพิ่มการผลิตและการบริโภคอาหารที่ถูกสุขลักษณะและโภชนาการดี โดยเฉพาะอาหารที่มีจุลโภชนาหารสมบูรณ์ รัฐสามารถส่งเสริมการทาสวนครัวท้ังที่บ้านและ โรงเรียนเป็นมาตรการสาคัญในการต่อสู้กับการขาดสารอาหารและส่ งเสริมการกินอย่างถูก สขุ อนามยั รัฐอาจพิจารณารบั รองกฎหมายเพื่อเสริมสารอาหารเพื่อปกปูองและรักษาการขาด จุลโภชนาหาร โดยเฉพาะ ไอโอดีน เหล็ก และวิตามิน เอ 10.4 รัฐควรให้ความสาคัญต่อความต้องการทางโภชนาการเฉพาะทางสาหรับบุคคลผู้ติด เช้อื เอดส์ หรอื ทุกข์ทรมานจากโรคระบาดอืน่ ๆ 10.5 รฐั ควรดาเนินมาตรการทีเ่ หมาะสมเพือ่ ส่งเสริมและผลักดนั การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดย สอดคล้องไปกับ วัฒนธรรมของประชาชน ประมวลระหว่างประเทศว่าด้วยอาหารทดแทนนม แม่และมติของการประชุมอนามัยโลกซึ่งเป็นไปตามคาแนะนาของ ยูนิเซฟและองค์การอนามัย โลก 10.6 รัฐอาจประสงค์จะเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเร่ืองการเลี้ยงดูทารกและเด็กซึ่งสอดคล้อง และควบคู่ไปกับความรทู้ างวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยและแนวปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับจากสากล รวมทั้งผลักดันการต่อต้านข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับการเลี้ยงดูทารก รัฐควรพิจารณาด้วยความเอา ใจใส่เป็นที่สุดในประเด็นที่เกี่ยวกับการให้นมแม่และการติดเชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่อง(เอดส์)

27 บนพื้นฐานของความทันสมัยทางข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้โดยอ้างอิงกั บแนวทาง ล่าสุดขององคก์ ารอนามยั โลกและยนู ิเซฟ 10.7 รัฐได้รับการเชิญชวนให้ดาเนินมาตรการคู่ขนานภายใต้ขอบเขตของโครงสร้างพื้นฐาน ทางสุขอนามัย การศึกษา และสาธารณสุข และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้บริการและสินค้าเหล่านี้ไปถึงประชาชนเพื่อเสริมสร้างการใช้ประโยชน์จากคุณค่าทาง อาหารได้อย่างเตม็ ทีจ่ ากอาหารที่รัปประทายและเพือ่ บรรลเุ ปูาหมายโภชนาการที่ดี 10.8 รัฐควรรับรองมาตรการขจดั การปฏิบัติที่มกี ารเลือกประติบัติรปู แบบต่างๆโดยเฉพาะใน ประเด็น การเลือกประติบัติต่อเพศ เพื่อบรรลุระดับความต้องการทางโภชนาการที่เพียงพอใน ระดับครวั เรือน 10.9 รัฐพึงระลึกว่าอาหารเป็นส่วนสาคัญของวัฒนธรรมของปัจเจกชนและรัฐควรสนับสนุน ให้นาเอา แนวปฏิบตั ิ วัฒนธรรม และจารีตประเพณีของปัจเจกชนในเร่ืองที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เข้ามาพิจารณาประกอบด้วย 10.10 รฐั ได้รับการย้าเตือนคุณค่าทางวัฒนธรรมของอาหารและพฤติกรรมการกินที่แตกต่าง กันไปของแต่ละวัฒนธรรม และควรจัดตั้งวิธีการเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยด้านอาหาร การ บริโภคเพื่อโภชนาการอันเป็นประโยชน์ รวมถึงการกระจายอาหารภายในชุมชนและครัวเรือน อย่างเปน็ ธรรมโดยให้ความสาคัญเป็นพิเศษต่อสิทธิของทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบตุ ร ในทกุ วฒั นธรรม แนวทางที่ 11: การศึกษาและการเพิม่ ความรบั รู้สิทธิ 11.1 รฐั ควรสนับสนุนการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์อาทิ ใน ด้านสาธารณสุข การศึกษา การ รู้หนังสือ และการฝึกอบรมทักษะอื่นๆ ซึ่งเป็นรากฐานสาคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้าน การเกษตร การประมง การปุาไม้ และการพฒั นาชนบท 11.2 รัฐควรเพิ่มความเข้มแข็งและขยายโอกาสการศึกษาขั้นปฐมโดยเฉพาะ เด็กหญิง สตรี และกลุ่มประชากรที่ได้รบั การบริการนอ้ ย

28 11.3 รัฐควรผลักดันการศึกษาข้ันปฐมภูมิและทุติยภูมิด้านเกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อมเพื่อ สร้างความยอมรับสิทธิที่ดีขึ้นในคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับความสาคัญของการอนุรักษ์และการใช้ ทรพั ยากรธรรมชาติอย่างย่งั ยืน 11.4 รัฐควรสนับสนุนการศึกษาระดับสูงขึ้นโดยการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ มหาวิทยาลยั คณะที่มภี าควิชาทางเกษตรกรรม และภาคธรุ กิจ ของประเทศกาลังพัฒนา ให้มี การจัดการศึกษาและวิจัย และเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยทั่วโลกในการอบรม นักการเกษตร นักวิทยาศาสตร์ นักธุรกิจ จากประเทศกาลังพัฒนา ทั้งในระดับปริญญาบัณฑิตและ บณั ฑติ ศกึ ษา 11.5 รัฐควรจัดให้มีข้อมูลข่าวสารแก่ปัจเจกชนในการเสริมสร้างความสามารถเพื่อการมี ส่วนรว่ มต่อการกาหนดนโยบายทีเ่ กีย่ วกับอาหารซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปัจเจกชน และเพื่อท้า ทายการตัดสินใจทีอ่ าจคกุ คามสิทธิของตน 11.6 รัฐควรบังคับใช้มาตรการกาหนดให้ประชาชนปรับปรุงสภาพครัวเรือนและวิธีการ เตรียมอาหารเนื่องจากเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยด้านอาหาร มาตรการดังกล่าวควรกระทา ท้ังในส่วนที่เกีย่ วกับการให้ความรแู้ ละโครงสรา้ งพื้นฐาน โดยเฉพาะสาหรับครวั เรือนในชนบท 11.7 รฐั ควรส่งเสริม และหรอื บรู ณาการการศึกษาสิทธิมนุษยชนเข้าสู่หลักสูตรของโรงเรียน ได้แก่ สิทธิทางการเมือง พลเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ซึ่งรวมเอาการยอมรับสิทธิใน การได้รบั อาหารอย่างเพียงพอเพิ่มข้นึ เปน็ ลาดบั เข้าไปด้วย 11.8 รัฐได้รับการสนับสนุนให้ส่งเสริมการยอมรับสิทธิมนุษยชนที่สาคัญรวมถึงการยอมรับ สิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มข้นึ เป็นลาดับ 11.9 รัฐควรจัดให้มีการฝึกอบรมที่เหมาะสมแก่เจ้าพนักงานที่รับผิดชอบเพื่อการบังคับใช้ การยอมรบั สิทธิในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอเพิ่มข้นึ เปน็ ลาดบั ด้วย 11.10 รัฐควรเพิ่มความรับรู้ของสาธารณะต่อแนวทางฉบับนี้และจัดให้มีและปรับปรุงการเข้า แนวทางและกฎหมายข้อบังคับสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะในชนบทและ พืน้ ที่ห่างไกล

29 11.11 รัฐอาจประสงค์ที่จะเพิ่มอานาจให้แก่ประชาสังคมเพื่อมีส่วนร่วมในการบังคับใช้ แนวทางเหลา่ นี้ เชน่ การพฒั นาศักยภาพ แนวทางที่ 12: ทรัพยากรทางการเงินระดบั ชาติ 12.1 องค์กรที่มีอานาจหน้าที่ระดับภูมิภาคและท้องถิ่นได้รับการสนับสนุนให้จัดสรร ทรัพยากรเพื่อต่อต้านความยากจนและวัตถุประสงค์ความมั่นคงด้านอาหารที่เกี่ยวข้องเท่าที่ งบประมาณเอือ้ อานวยตามลาดับ 12.2 รัฐควรประกันความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการใช้ทรัพยากรสาธารณะ โดยเฉพาะในส่วนทีเ่ กี่ยวกับความมัน่ คงด้านอาหาร 12.3 รัฐได้รับการสนับสนุนให้ส่งเสริมโครงการด้านสังคมและค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะ โครงการที่กระทบต่อคนจนและกลุ่มเสี่ยงของสังคม และรัฐควรปกปูองไม่ให้ตัดลด งบประมาณโครงการ ในขณะที่ควรเพิ่มคุณภาพและประสิทธิผลของค่าใช้จ่ายทางสังคม รัฐ ควรพยายามให้หลกั ประกนั ว่าการตัดงบประมาณจะไม่ส่งผลด้านลบต่อการเข้าถึงอาหารอย่าง เพียงพอในกลุ่มคนทีจ่ นทีส่ ุดของสงั คม 12.4 รัฐได้รับการสนับสนุนให้จัดตั้งและเสริมสร้างกฎหมายและสภาพแวดล้อมทาง เศรษฐกิจที่เอื้อให้ส่งเสริมและขับเคลื่อนการออมภายในประเทศและซึมซับทรัพยากรจาก ภายนอก เพือ่ การลงทุนด้านการผลิต รวมท้ังเสาะหาทรัพยากรใหม่ๆด้านเงินทุนท้ังภาครัฐและ ภาคเอกชนทั้งในระดับชาติและระดับระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์ตอ่ โครงการด้านสังคม 12.5 รัฐได้รับการเชิญชวนให้ดาเนินการอย่างเหมาะสมและชี้นายุทธศาสตร์เพื่อทุ่มเทให้กับ การเพิ่มความยอมรับสิทธินี้โดยครอบครัวผู้อพยพเพื่อการส่งเสริมประสิทธิภาพในการใช้สอย ค่าใช้จ่ายของผู้อพยพสาหรับการลงทุนในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้อพยพ รวมถึง ความมน่ั คงด้านอาหารของครอบครัวเหล่านี้ แนวทางที่ 13: การสนับสนนุ กลมุ่ เปา้ หมายทีเ่ ปน็ กลมุ่ เสี่ยง 13.1 รัฐควรจัดให้มีระบบแผนที่และข้อมูลความเสี่ยง และความไม่มั่นคงด้านอาหาร (FIVIMS) ตามขอ้ ผูกพันของการประชุมอาหารโลก เพื่อบ่งชี้กลุ่มและครัวเรือนที่เสี่ยงเป็นพิเศษ

30 ต่อภาวะความไม่ม่ันคงด้านอาหารควบคู่ไปกับเหตุผลที่ทาให้เกิดภาวะไม่มั่นคงด้านอาหารของ กลุ่มเหล่าน้ัน รัฐควรพัฒนาและบ่งชี้มาตรการเพื่อแก้ไขดัดแปลงการจัดให้มีการเข้าถึงอาหาร อย่างเพียงพอใหบ้ งั คบั ใช้ได้อย่างทันท่วงทีและเจริญก้าวหน้ายิง่ ข้นึ 13.2 รัฐได้รับเชิญให้ดาเนินการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบในเร่ืองความไม่ม่ันคงด้านอาหาร ความเสี่ยง และภาวะทางโภชนาการของกลุ่มต่างๆในสังคม แต่ละกลุ่มแยกกันไป ด้วยความ ต้ังใจเป็นพิเศษในการประเมินรูปแบบต่างๆของการเลือกประติบัติ ที่อาจแสดงออกถึงการ เพิม่ ขึน้ ของความไม่มนั่ คงด้านอาหารและความเสี่ยงที่จะเกิดความไม่ม่ันคงด้านอาหารขึ้น หรือ การปรากฏภาวะทุพโภชนาการอย่างแพร่หลายในกลุ่มประชากรกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากขึ้น หรือ เกิดขึ้นไปพร้อมกันทั้งสองอย่าง ด้วยเจตน์จานงค์ที่จะขจัดและปูองกันสาเหตุต่างๆที่ก่อให้เกิด ความไม่มัน่ คงด้านอาหารและภาวะทุพโภชนาการ 13.3 รัฐควรจดั ใหม้ ี เกณฑ์คุณสมบัติที่โปร่งใสและไม่เลือกประติบัติ เพื่อเป็นหลักประกันว่า การกาหนดกลุ่มเปูาหมายที่จะให้ความช่วยเหลือจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประกันว่า จะไม่มีบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือคนใดถูกกันออกจากกลุ่มเปูาหมาย หรือประกันว่า บุคคลทีไ่ ม่ตอ้ งการช่วยเหลือคนใดจะถูกรวมเข้ามาในกลุ่มเปูาหมาย ระบบความรับผิดและการ ปกครองที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสาคัญในการปูองกันการร่ัวไหลและการทุจริตประพฤติมิชอบ ปัจจัยที่จะรวบรวมเข้ามาพิจารณา ได้แก่ สินทรัพย์และรายได้ของครัวเรือนและปัจเจกชน ภาวะทางโภชนาการและสาธารณสขุ และกลไกต่างๆทีเ่ กีย่ วข้องซึง่ มีอยู่ 13.4 รัฐอาจประสงค์จะให้ความสาคัญลาดับแรกแก่การจัดช่องทางความช่วยเหลือด้าน อาหารผ่านทางสตรีเป็นวิธีการส่งเสริมบทบาทในการตัดสินใจของสตรี และให้หลักประกันว่า อาหารจะถกู ใช้ไปเพื่อบรรลคุ วามต้องการด้านอาหารของครัวเรือน แนวทางที่ 14: หลักประกนั 14.1 รฐั ควรพิจารณาภายในขอบเขตที่ทรัพยากรเอื้ออานวยเพื่อจัดต้ังและรักษาความม่ันคง ทางสังคมและความปลอดภัยด้านอาหารเพื่อปกปูองบุคคลที่ไม่สามารถจัดหาให้แก่ตนเอง รัฐ ควรพิจารณาเท่าที่จะเป็นไปได้และโดยคานึงถึงประสิทธิผลและความครอบคลุม ถึงการ เสริมสรา้ งจากศกั ยภาพที่มอี ยู่ชมุ ชนกลุ่มเสีย่ งเพื่อจดั หาทรัพยากรที่จาเป็นเพื่อความม่ันคงทาง

31 สังคมและหลักประกันด้านอาหาร เพื่อเติมเต็มการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่าง เพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับ ในการนี้รัฐอาจประสงค์จะพิจารณาผลประโยชน์ของการจัดซื้อจัด จา้ งในท้องถิน่ 14.2 รัฐและองค์การระหว่างประเทศควรพิจารณาประโยชน์ของการจัดซื้อจัดจ้างท้องถิ่น เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร โดยสามารถบูรณาการความต้องการทางโภชนาการของผู้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความไม่ม่ันคงด้านอาหารเข้ากับผลประโยชน์ทางการค้าของผู้ผลิตใน ท้องถิน่ 14.3 แม้ว่าการออกแบบของหลักประกันทางสังคมและอาหาร จะขึ้นอยู่กับธรรมชาติของ ความไม่ม่ันคงด้านอาหาร วัตถุประสงค์ งบประมาณ ความสามารถทางปกครองที่มีอยู่ และ สถานการณ์ของท้องถิ่น เช่น ระดับของเสบียงอาหาร และตลาดอาหารท้องถิ่น แต่รัฐก็ควรไม่ ละเลยการให้หลกั ประกันว่ารฐั ได้ตง้ั เปูาหมายอย่างเพียงพอสาหรับประชากรที่มีความต้องการ และเคารพหลักการหา้ มเลือกประติบัติในการกาหนดเกณฑ์ทีเ่ หมาะสม 14.4 รัฐควรผลักดันภายในขอบเขตที่ทรัพยากรเอื้ออานวยว่า มาตรการใดๆก็ตามที่มี ลักษณะทางเศรษฐกิจและการเงินซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านลบต่อระดับการบริโภคอาหารที่ ปรากฏอยู่ของกลุ่มเสี่ยง ควรมีมาตรการดังกล่าวสอดคล้องให้ไปกับมาตรการสาหรับ หลักประกันด้านอาหารที่มีประสิทธิผล หลักประกันด้านอาหารควรเชื่อมโยงกับการแทรกแซง เพิ่มเติมอน่ื ทีส่ ่งเสริมความมั่นคงด้านอาหารในระยะยาว 14.5 ในสถานการณ์ทีอ่ าหารมบี ทบาททีเ่ หมาะสมในหลักประกนั ความชว่ ยเหลือด้านอาหาร ควรเชื่อมช่องว่างระหว่าง ความจาเป็นทางโภชนาการของประชากรที่ได้รับผลกระทบ กับ ความสามารถในการบรรลเุ ปูาหมายความต้องการทางโภชนาการของประชากรเหล่าน้ัน ความ ช่วยเหลือด้านอาหารควรจัดทาโดยการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่จากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ และ อาหารนน้ั ควรมีความเพียงพอทางโภชนาการและปลอดภัย รัฐพึงระลึกถึง สภาพแวดล้อมของ ท้องถิ่น ประเพณีและวัฒนธรรมด้านอาหารประกอบด้วยเสมอ 14.6 รัฐควรพิจารณาผนวกความช่วยเหลือด้านอาหารในนโยบายของหลักประกันเข้ากับ กิจกรรมเสริม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการให้หลักประกันการเข้าและแสวงประโยชน์ใน

32 อาหารที่เพียงพอ กิจกรรมเสริมที่สาคัญรวมถึง การเข้าถึงน้าสะอาดและสุขอนามัย การ แทรกแซงทางบริการสาธารณสุข และกิจกรรมโภชนศกึ ษา 14.7 ในการออกแบบหลักประกัน รัฐควรพิจารณาบทบาทที่สาคัญขององค์การระหว่าง ประเทศ เช่น FAO, IFAD และ WFP และองค์การระดับ ระหว่างประเทศ ภูมิภาคและประชา สงั คม อ่นื ที่เกี่ยวข้อง องค์การเหล่านีส้ ามารถช่วยเหลือรัฐในการต่อสู้กับความยากจนในชนบท และ ส่งเสริมความมั่นคงดา้ นอาหารและการพฒั นาเกษตรกรรม ได้ แนวทางที่ 15: ความชว่ ยเหลือดา้ นอาหารระหวา่ งประเทศ 15.1 รัฐผู้บริจาคควรให้หลักประกันว่านโยบายความช่วยของรัฐผู้บริจาคสนับสนุนความ พยายามระดับชาติของรัฐผู้รับบริจาคที่จะบรรลุเปูาหมายความม่ันคงด้านอาหาร และ มาตรการความช่วยเหลือด้านอาหารนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานการประเมิ นความต้องการของ กลุ่มเปูาหมาย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความไม่ม่ันคงด้านอาหารและกลุ่มเสี่ยง ในบริบทนี้รัฐผู้ บริจาคควรให้ความช่วยเหลือในลักษณะที่คานึงถึง ความม่ันคงด้านอาหาร ความสาคัญของ การไม่ทาลายระบบการผลิตอาหารท้องถิ่น ความต้องการทางโภชนาการและอาหาร และ วัฒนธรรมของประชากรในประเทศผู้รบั ความช่วยเหลือทางด้านอาหารที่จัดให้ต้องมีมาตรการ การสิ้นสุดความช่วยเหลือที่ชัดเจน และ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการพึ่งพิง รัฐผู้บริจาคควรส่งเสริม ระบบตลาดการค้าท้องถิ่น และภูมิภาค ให้มากขึ้น ในการสนองความต้องการอาหารใน ประเทศทีเ่ สีย่ งตอ่ การอดอาหาร และ ลดการพึง่ พิงความช่วยเหลือด้านอาหาร 15.2 ธรุ กรรมความช่วยเหลือด้านอาหารระหว่างประเทศรวมความช่วยเหลือด้านอาหารทวิ ภาคีที่มีการควบคุมทางการเงินควรจะดาเนินไปในลักษณะที่สอดคล้องกับหลักการของ องค์การอาหารและเกษตรโลกว่าด้วย การขจัดส่วนเกิน และข้อผูกพันเกี่ยวกับการหารือ และ สอดคล้องกับอนุสัญญาความช่วยเหลือด้านอาหารและข้อตกลงสินค้าเกษตรแห่งองค์การ การค้าโลก นอกจากนีค้ วามช่วยเหลือด้านอาหารควรสอดคล้องกับความตกลงความปลอดภัย ด้านอาหารระดับระหว่างประเทศ และควรระลึกถึงสภาพแวดล้อมท้องถิ่นประเพณีและ วฒั นธรรมด้านอาหาร ด้วย

33 15.3 รฐั และตัวตนที่มิใชร่ ัฐทีเ่ กี่ยวข้องควรให้หลักประกันตามกฎหมายระหว่างประเทศว่าจะ ให้ความปลอดภัยและไม่กีดขวางในการเข้าถึงประชากรที่มีความต้องการ มีการประเมินความ ต้องการในระดับสากล และการเข้าร่วมโดยองค์กรด้านมนุษยธรรม ในการดาเนินงานเกี่ยวกับ การกระจายอาหารทีเ่ ป็นความช่วยเหลือด้านอาหารระหว่างประเทศ 15.4 มาตรการความช่วยเหลือด้านอาหารระหว่างประเทศในสถานการณ์ฉุกเฉินควร พิจารณาเป็นพิเศษถึงวัตถุประสงค์ระยะยาวเพื่อการฟื้นฟูและการพัฒนาให้ประเทศผู้รับ และ ควรเคารพความเป็นสากลของหลักมนุษยธรรม 15.5 การประเมินความต้องการ การวางแผน การตรวจตรา และการประเมินมาตรการ ความช่วยเหลือด้านอาหาร สิ่งเหล่านี้ควรกระทาภายใต้หลักการมีส่วนร่วมมากที่สุดเท่าที่จะ เป็นไปได้ นอกจากนี้การดาเนินการยังควรกระทาร่วมกับรัฐบาลและองค์กรบริหารของรัฐ ผรู้ บั ท้ังในระดบั ชาติและระดับท้องถิน่ แนวทางที่ 16: ภยั ธรรมชาติและภยั ทเ่ี กิดจากน้ามือมนษุ ย์ 16.1 ไม่ควรใช้อาหารเป็นวิธีการกดดันทางการเมอื งและเศรษฐกิจ 16.2 รัฐยืนยันพันธกรณีที่รัฐเข้ารับภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในฐานะภาคีของอนุสญั ญาเจนีวา 1949 และหรือ ภาคีพิธีสารเพิ่มเติม 1977 เพื่อการนั้นรัฐต้องยอมรับในเร่ืองความจาเป็นทางมนุษยธรรมของประชากรพลเรือน รวมทั้ง การเข้าถึงอาหารของพลเรือนในสถานการณ์ที่มีการขัด แย้งท างอาวุธ และก ารยึดครอง นอกจากในเรอ่ื งอ่นื แลว้ - พิธีสารเพิม่ เติมฉบบั ที่ 1 ระบไุ ว้ขา้ งตน้ ดงั น้ี “ การใช้วิธีการทาสงครามโดยทาให้พลเรือนอดอยากถือเป็นการกระทาต้องห้าม ” และระบุว่า “ห้าม โจมตี ทาลาย เคลื่อนย้าย หรือทาให้เสียไปซึ่งวัตถุที่จาเป็นต่อการดารงชีพ ของประชากรพลเรือน อาทิ อาหาร พื้นที่ทางการเกษตรสาหรับการผลิตอาหาร พืชพันธุ์ ปศุ สัตว์ เคร่ืองทาน้าดื่มและระบบแจกจ่ายน้ารวมถึงระบบชลประทาน เพื่อเปูาหมาย เฉพาะเจาะจงในการขัดขวางพลเรือนหรือคู่ต่อสู้ในการได้รับคุณค่าจากอาหารไม่ ว่าจะทาไป โดยแรงจูงใจใดก็ตาม ไม่ว่าจะทาเพื่อที่จะให้พลเรือนอดอยาก บังคับให้พลเรือนอพยพ หรือ

34 เพื่อแรงจูงใจอื่นใดก็ตาม” และระบุว่า “สิ่งเหล่านี้มิควรกระทาโดยมีวัตถุประสงค์ในการแก้ แค้น ” 16.3 ในสถานการณ์ของการยึดครอง กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศได้ระบุไว้ดังนี้ เท่าที่มีวิธีการเอื้ออานวยมากที่สุดให้ผู้ที่มีอานาจยึดครองมีหน้าที่ในการให้หลักประกัน ต่อ เสบียงอาหารและยาของประชากร เพือ่ การน้ผี ู้มีอานาจยึดครองควรนาเอาอาหาร ร้านยา และ สิ่งอื่นใดที่จาเป็นเข้ามาถ้าหากอาณาเขตที่ถูกยึดครองมีทรัพยากรไม่เพียงพอ และหากว่า ประชากรทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งของอาณาเขตยึดครองมีเสบียงไม่เพียงพอ ผู้มีอานาจยึดครอง ควรยินยอมให้มีนโยบายบรรเทาความเดือนร้อนแก่ประชากรข้างต้น และผู้มีอานาจยึดครอง ควรอานวยประโยชน์ทุกทางแก่พลเรอื นในขณะที่ตนยึดครองอยู่ 16.4 รฐั ยืนยันพันธกรณีที่รฐั เข้ารับภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศโดยคานึงถึง การปกปูอง ความปลอดภัยและความมนั่ คงของบคุ ลากรด้านมนษุ ยธรรม 16.5 รัฐควรพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้หลักประกันแก่ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นในดินแดนว่าจะ สามารถเข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอได้ตลอดเวลา ตามความมุ่งหมายข้างต้นรัฐและผู้มีส่วนได้ เสียที่เกี่ยวข้องควรจะนาหลักการว่าด้วยผพู้ ลดั ถิ่นในดินแดนเพือ่ ดาเนนิ การในสถานการณ์พลัด ถิ่นในดินแดน 16.6 ในกรณีภัยธรรมชาติหรือภัยที่เกิดจากน้ามือมนุษย์ รัฐควรให้ความช่วยเหลือด้าน อาหารแก่ผู้ประสบภัยที่ตอ้ งการความช่วยเหลือ รัฐอาจร้องขอความช่วยเหลือระหว่างประเทศ ถ้าทรัพยากรของรัฐมีไม่เพียงพอ และรัฐควรอานวยความสะดวกและไม่กีดขวางการให้ความ ช่วยเหลือระหว่างประเทศจากภายนอกตามกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมซึ่งมี ผลบังคับใช้ทั่วไป รัฐพึงระลึกถึงสภาพแวดล้อมท้องถิ่น ประเพณีและวัฒนธรรมด้านอาหาร ด้วย 16.7 รัฐควรจัดสร้างกลไกสาหรับการเตือนภัยล่วงหน้าที่เพียงพอและทางานได้เพื่อปูองกัน หรือบรรเทาผลกระทบของภัยธรรมชาติและภัยที่เกิดจากน้ามือมนุษย์ ระบบเตือนภัยล่วงหน้า ควรอยู่บนพืน้ ฐานของ มาตรฐานสากล การรว่ มมอื และข้อมูลรายละเอียดที่จาแนกรายการอัน เชื่อถือได้ รัฐควรดาเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อเตรียมพร้อมสาหรับเหตุฉุกเฉิน อาทิ

35 จัดระบบเก็บเสบียงอาหารเพื่อสะสมอาหาร และดาเนินการจัดต้ังระบบการกระจายอาหารที่ เพียงพอ 16.8 รัฐได้รับการเชิญชวนให้พิจารณาจัดตั้งกลไกเพื่อประเมินผลกระทบทางโภชนาการ และกลไกเพื่อทาความเข้าใจในยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องของครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากภัย ธรรมชาติ หรือ ภัยที่เกิดจากน้ามือมนุษย์ กลไกดังกล่าวควรบ่งชี้ถึง เปูาหมาย การออกแบบ การบังคับใช้ และการประเมินค่าของโครงการบรรเทาทุกข์ โครงการบูรณะ และโครงการฟื้น คืนความเข้มแขง็ แนวทางที่ 17: การตรวจตรา ตวั ชีว้ ัด และจุดหมาย 17.1 รัฐอาจประสงค์จะจัดต้ังกลไกสาหรับตรวจตราและประเมินค่าการบังคับใช้แนวทาง เหล่านีเ้ พือ่ ให้เกิดการยอมรบั สิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบท ของความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติ และเป็นไปตามความศักยภาพของรัฐโดยจัดสร้างและ เสริมระบบข้อมลู ที่มอี ยู่และบ่งชีช้ ่องว่างขอ้ มลู 17.2 รัฐอาจประสงค์จะพิจารณาทา “การประเมินความเสี่ยงผลกระทบของแนวทางเร่ือง สิทธิด้านอาหาร” เพื่อบ่งชี้ถึง ผลกระทบต่อ นโยบาย โครงการ แผนการ ภายในประเทศใน เร่ืองการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับ ของประชากรใ น ภาพรวมและเฉพาะกลุ่มเสี่ยงภยั ซึง่ จะใช้เป็นพืน้ ฐานสาหรับการรบั รองมาตรการแก้ไขทีจ่ าเปน็ 17.3 รัฐอาจประสงค์จะพัฒนารูปแบบของกระบวนการ อันได้แก่ ตัวชี้วัดผลกระทบและ ตัวชี้วัดผลลัพธ์ ซึ่งอิงกับตัวชี้วัดซึ่งอยู่ในระบบการใช้และตรวจตราอยู่แล้ว เช่น ระบบแผนที่ และข้อมูลความเสี่ยงและความไม่มั่นคงด้านอาหาร(FIVIMS) เพื่อเป็นการประเมินการบังคับใช้ สาหรับการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับ รัฐอาจประสงค์จะ จัดตั้งจุดหมายที่เหมาะสมเพื่อบรรลุให้ได้ในระยะ สั้น กลาง และยาว ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับ การบรรลุเปูาหมายการลดความยากจนและอดอยากเป็นอย่างต่า เช่นเดียวกับเปูาหมายท้ัง ระดับชาติและระดับสากลอื่นๆรวมถึงเปูาหมายซึ่งได้รับรองที่การประชุมอาหารโลกและการ ประชุมแห่งสหัสวรรษ

36 17.4 ในกระบวนการประเมินเมินค่านี้ ตัวชี้วัดกระบวนการอาจเป็นตัวบ่งชี้หรือออกแบบให้ เป็นตวั บ่งชที้ ี่มคี วามสมั พันธ์และสะท้อนผลของการใช้ตราสารและการแทรกแซงทางนโยบายที่ เฉพาะเจาะจงที่ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอ เพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติ ตัวชี้วัดเช่นว่าอาจสามารถ ส่งเสริมรัฐให้บังคับใช้ กฎหมาย นโยบาย มาตรการทางปกครอง ซึ่งชี้ให้เห็นการปฏิบัติและ ผลลัพธ์ของการเลือกประติบัติ และประเมินขอบเขตการมีส่วนร่วมทางการเมืองและสังคมใน กระบวนการของการยอมรับสิทธิดงั กล่าว 17.5 รัฐควรเอาใจใส่เป็นพิเศษในการตรวจตราสถานการณ์ความม่ันคงด้านอาหารของกลุ่ม เสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สตรี เด็ก และผู้สูงอายุ รวมท้ังภาวะทางโภชนาการของกลุ่มเสี่ยง รวมถึงการขาดสารจุลโภชนาการด้วย 17.6 ในกระบวนการประเมินเมินค่านี้ รัฐควรให้หลักประกันแก่กระบวนการการมีส่วนร่วม ในการรวบรวม การบริหารจัดการ การวิเคราะห์ ข้อมูล การตีความ และการเผยแพร่ ผลการ ประเมิน แนวทางที่ 18: สถาบันสิทธิมนษุ ยชนระดบั ชาติ 18.1 รัฐซึ่งมีสาระสาคัญในการมี กฎหมายภายในหรือมีนโยบายรับรองกระบวนการทิ่อิง สิทธิมนุษยชน และรัฐซึง่ มีสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับชาติหรือผู้ตรวจการแผ่นดิน อาจประสงค์ จะรวมเอาการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของ ความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติ เข้าไปอยู่เขตอานาจของตนด้วย รัฐซึ่งไม่มีสถาบันสิทธิ มนุษยชนระดับชาติหรือผู้ตรวจการแผ่นดินควรได้รับการสนับสนุนให้จัดตั้งองค์กรดังกล่าวขึ้น สถาบันสิทธิมนุษยชนควรมี ความเป็นอิสระ และทางานได้ด้วยตนเอง อิสระจะการครอบงา ของรัฐบาล สอดคล้องกับ หลักการปารีส รัฐควรสนับสนุนองค์กรประชาสังคมและปัจเจกชน ให้ช่วยเหลือการดาเนินการตรวจตราของสถาบนั สิทธิมนุษยชนแหง่ ชาติในเร่ืองการยอมรับสิทธิ ในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอเพิม่ ข้นึ เปน็ ลาดับ

37 18.2 รัฐได้รับการเชิญชวนให้สนับสนุนความพยายามของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติใน การสรา้ งความเปน็ หนุ้ ส่วนและเพิม่ ความรว่ มมอื กบั ประชาสังคม แนวทางที่ 19: มิติระหวา่ งประเทศ 19.1 รฐั ควรเติมเต็ม มาตรการ การดาเนินการ และข้อผูกพัน ข้างต้น ในมิติระหว่างประเทศ ด้วย ซึ่งจะอธิบายต่อไปในหมวดที่ 3 เพื่อสนับสนุนการการบังคับใช้แนวทางตามความสมัคร ใจฉบบั นี้ ซึ่งจะช่วยรัฐในความพยายามภายในประเทศต่อการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหาร อย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติ ในฐานะที่จัด ให้มมี าต้ังแต่ การประชมุ อาหารโลก และ การประชุมอาหารโลก: หา้ ปีให้หลงั ในบริบทของของ ปฏิญญาแหง่ สหสั วรรษ

38 หมวด 3: มาตรการ การดาเนินการ และขอ้ ผกู พัน ระดบั ระหวา่ งประเทศ ความรว่ มมือระหวา่ งประเทศและมาตรการฝา่ ยเดียว 1. ในบริบทของการประชุมระหว่างประเทศที่สาคัญล่าสุด ประชาคมระหว่างประเทศ ประกาศความเป็นห่วงอย่างยิ่งในประเด็น การมีอยู่อย่างต่อเน่ืองของความอดอยาก ความ พร้อมของประชาคมในการสนับสนุนรัฐบาลแห่งรัฐ ในความพยายามเพื่อต่อสู้กับ ความอด อยาก และ ทุพโภชนาการ และข้อผูกพันของประชาคมในการร่วมมืออย่างกระตือรือร้นในการ เป็นหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อการพัฒนาซึ่งรวมถึงพันธมิตรระหว่างประเทศเพื่อต่อต้านความอด อยาก 2. รัฐมีความรับผิดชอบเป็นหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของตนรวมถึงการ ยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของความมั่นคงด้าน อาหารระดับชาติ เพื่อตอกย้าว่าความพยายามในการพัฒนาระดับชาติควรได้รับการสนับสนุน โดยสภาวะแวดล้อมระหว่างประเทศ ประชาคมระหว่างประเทศ และระบบของสหประชาชาติ รวมถึง FAO เช่นเดียวกับ ตัวแทนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆที่มีขอบเขตอานาจหน้าที่ ก็พึง ดาเนินการสนับสนุนความพยายามในการพัฒนาระดับชาติเพื่อการยอมรับสิทธิในการได้รับ อาหารอย่างเพียงพอเพิ่มข้นึ เป็นลาดบั ตามบริบทของความมั่นคงด้านอาหารระดับชาติ บทบาท ที่สาคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศนี้ได้รับการรับรองโดยข้อ 56 ของกฎบัตร สหประชาชาติ เช่นเดียวกับผลการประชุมของการประชุมระหว่างประเทศที่สาคัญ อาทิ แผนปฏิบัติการของ WSSD อาหารมิควรนาไปใช้เป็นเคร่ืองมือกดดันทางการเมืองและ เศรษฐกิจ 3. รัฐได้รับการกระตุ้นอย่างแข็งขันในการดาเนินการด้วยทัศนะที่ละเว้น และหลีกเลี่ยง จากการใช้มาตรการฝุายเดียวที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตร สหประชาชาติ ซึ่งมีลักษณะขัดขวางการบรรลุเปูาหมายของ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ของประชากรในประเทศที่ได้รับผลกระทบ และเป็นการขัดขวางการยอมรับสิทธิในการได้รับ

39 อาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับของประชากรประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ ฝาุ ยเดียวน้ัน บทบาทของประชาคมระหว่างประเทศ 4. ตามข้อผูกพันซึ่งสร้างขึ้นจากการประชุมระหว่างประเทศที่หลากหลายโดยเฉพาะ Monterrey Consensus ประเทศพัฒนาแล้วควรให้การช่วยเหลือประเทศกาลังพัฒนาเพื่อไปให้ ถึงเปูาหมายการพัฒนาระหว่างประเทศรวมถึงเปูาหมายในปฏิญญาแห่งสหัสวรรษ รัฐและ องค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องซึ่งมีขอบเขตอานาจหน้าที่ควรสนับสนุนการยอมรับสิทธิใน การได้รบั อาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับในระดับชาติ อย่างกระตือรือร้น การสนับสนุน จากภายนอกรวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศกาลังพัฒนา-ประเทศกาลังพัฒนา และควร สอดคล้องไปกบั นโยบายและความจาเป็นเร่งด่วนของชาติ ความร่วมมือทางเทคนิค 5. ประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกาลังพัฒนาควรดาเนินการในรูปแบบหุ้นส่วนเพื่อ สนับสนุนความพยายามที่จะบรรลุเปูาหมายการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอ เพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติผ่านทาง ความร่วมมือ ระหว่างประเทศ รวมถึง การพัฒนาศักยภาพของสถาบัน และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีผ่าน ข้อตกลงระหว่างกันในทุกประเด็นที่แนวทางฉบับนี้กล่าวถึง ตามที่ได้ให้ข้อผูกพันไว้ในการ ประชุมระหว่างประเทศที่สาคัญ ในทุกด้านที่อยู่ในขอบเขตของแนวทางตามความสมัครใจนี้ และให้ความสาคัญเปน็ พิเศษต่ออุปสรรคต่อความมัน่ คงดา้ นอาหาร อาทิ การติดเชื้อเอดส์/เชื้อ HIV

40 การค้าระหว่างประเทศ 6. การค้าระหว่างประเทศสามารถมีบทบาทที่สาคัญในการ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ และบรรเทาความยากจน และปรบั ปรุงความมั่นคงดา้ นอาหารระดับชาติ 7. รัฐควรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในฐานะที่เป็นเคร่ืองมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อการ พฒั นา การขยายการค้าระหว่างประเทศถือเป็นการเปิดโอกาสเพื่อลดความอดอยากและความ ยากจนในประเทศกาลังพัฒนาทั้งหลาย 8. เป็นที่ระลึกได้ว่าวัตถุประสงค์ระยะยาวที่อ้างอิงกับข้อตกลงสินค้าเกษตรภายใต้ องค์การการค้าโลกคือการจัดต้ังระบบการค้าที่เป็นธรรมและอิงระบบตลาดผ่านทางโครงการ ปฏิรูปข้ันพ้ืนฐานร่วมกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกฎและข้อผูกพันพิเศษว่าด้วย “การ อุดหนุนและการปกปูอง” เพื่อแก้ไขและปูองกันไม่ให้เกิด ข้อจากัดและการบิดเบือนในตลาด สินค้าเกษตรโลก 9. รัฐได้รับการกระตุ้นให้บังคับใช้ ข้อผูกพันที่ได้ให้ไว้ในที่ประชุมระหว่างประเทศต่างๆที่ เกี่ยวข้องและรวมถึงข้อเสนอแนะของSao Paolo Consensus (การประชุมUNCTADครั้งที่11) ยกตวั อย่างเชน่ ทีไ่ ด้ถ่ายทอดมา ดังตอ่ ไปนี้ 75. เกษตรกรรมเป็นศูนย์กลางของการเจรจาล่าสุด ควรพยายามให้บรรลุ เปูาหมายของความตกลงระหว่างประเทศอันได้รวมเอาหลัก สาม ประการของอาณัติ ของรอบโดฮา อันได้แก่ การปรับปรุงการเข้าสู่ตลาดอย่างมีนัยยะสาคัญ การลดการ อุดหนุนการส่งออกโดยขจัดการอุดหนุนทุกรูปแบบ และการลดการอุดหนุน ภายในประเทศอย่างมีนัยยะสาคัญ การเจรจาการค้าสินค้าเกษตรภายใต้องค์การ การค้าโลกควรให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกบั ความปรารถนาของอาณัติของรอบโดฮา การ ปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษและแตกต่างสาหรับประเทศกาลังพัฒนาควรบูรณาการในทุก องค์ประกอบของการเจรจาและควรนาความจาเป็นในการพัฒนาเข้ามาพิจารณาอย่าง เต็มที่ตามอาณัติของรอบโดฮา รวมถึงความมั่นคงด้านอาหารและการพัฒนาชนบท ด้วย ประเด็นที่มิใช่การค้าของประเทศต่างๆควรนาเข้าพิจารณาด้วยดังที่ข้อตกลง สินค้าเกษตรระบุไว้ ตามย่อหนา้ ที่ 13 ของปฏิญญามนตรีรอบโดฮา ...

41 77. ความพยายามในการขยายการเปิดเสรีการเข้าสู่ตลาดสาหรับสินค้าที่มิใช่ สินค้าเกษตรภายใต้กรอบการทางานรอบโดฮาควรเน้นไปที่เปูาหมายการลดหรือกาจัด ภาษีศุลกากรเท่าที่เหมาะสม รวมถึงการลด เพดานภาษี ระดับภาษีที่สูงและการขยาย ภาษี เชน่ เดียวกับการลดอปุ สรรคทีม่ ใิ ช่ภาษี โดยเฉพาะในสินค้าที่เป็นผลประโยชน์ใน การส่งออกของประเทศกาลังพัฒนา การเจรจาควรนาเอา ความจาเป็นและ ผลประโยชน์พิเศษของประเทศกาลังพัฒนาและประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด รวมถึง กระทาผ่านการลดข้อผูกพันที่น้อยกว่าระดับการต่างตอบแทนเต็มจานวน (ไม่ต้องลด ข้อผูกพนั มากเท่ากับประเทศพัฒนาแล้ว) 10. มาตรการเช่นว่าสามารถช่วยให้เกิดความเข้มแข็งและเสริมสร้างสภาวะแวดล้อมเพื่อ การยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของความม่ันคง ด้านอาหารระดับชาติ ได้ หนีภ้ ายนอกประเทศ 11. รัฐและองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องควรดาเนินการตามความเหมาะสมในการ ติดตามมาตรการบรรเทาหนี้ภายนอกประเทศอย่างแข็งขันและเป็นประโยชน์เพื่อนาทรัพยากร มาใช้ในการ ต่อสู้กับความอดอยาก บรรเทาความยากจนทั้งในเมืองและชนบท และส่งเสริม การพัฒนาอย่างยั่งยืน เจ้าหนี้และลูกหนี้ต้องแบ่งปันความรับผิดชอบในการปูองกันและแก้ไข สถานการณห์ น้ีที่ไม่ย่ังยืน การบังคบั ใช้ อย่างรวดเร็ว เต็มที่ และมีประสิทธิภาพ เพื่อการบังคับ ใช้ “ความรเิ ริม่ ว่าด้วยหนี้ของประเทศยากจนที่เป็นหนี้สินมหาศาลของกองทุนการเงินระหว่าง ประเทศ(IMF)” โดยการสนับสนุนอย่างเต็มที่โดยการได้ทรัพยากรเพิ่มเติม การบังคับใช้เช่นว่า ถือเปน็ สิ่งสาคญั เร่งด่วน ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหนี้ท้ังภาครัฐและพาณิชย์ ได้รับการกระตุ้นให้มีส่วน ร่วมใน “ความริเริ่มว่าด้วยหนี้ของประเทศยากจนที่เป็นหนี้สินมหาศาลของกองทุนการเงิน ระหว่างประเทศ (IMF)” ประเทศยากจนที่เป็นลูกหนี้รายใหญ่ควรดาเนินการหรือดาเนิน มาตรการที่จาเป็นอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นหลักประกันการบังคับใช้ “ความริเริ่มว่าด้วยหนี้ของ ประเทศยากจนที่เป็นหน้ีสินมหาศาลของกองทุนการเงนิ ระหว่างประเทศ (IMF)” อย่างเต็มที่

42 ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอยา่ งเปน็ ทางการ 12. ตามความตกลง Monterrey Consensus ประเทศพัฒนาแล้วควรช่วยเหลือประเทศ กาลังพัฒนาในการบรรลุเปูาหมายการพัฒนาระหว่างประเทศ รวมถึงเปูาหมายที่ระบุใน ปฏิญญาแห่งสหัสวรรษ โดยการจัดให้มีความช่วยเหลือทางเทคนิคและการเงินอย่างเพียงพอ และโดยสร้างความพยายามที่เป็นรูปธรรมของเปูาหมายสาหรับความช่วยเหลือด้านการพัฒนา อย่างเป็นทางการโดยการ แบ่งเงิน 0.7% ของผลผลิตมวลรวมแห่งชาติให้แก่ประเทศกาลัง พัฒนา และ แบ่งเงิน 0.15% ถึง 0.2% ของผลผลิตมวลรวมแห่งชาติให้แก่ประเทศที่พัฒนา น้อยที่สุด ความช่วยเหลือนี้ควรเชื่อมโยงกับความพยายามเพื่อปรับปรุงคุณภาพ และ ประสิทธิภาพของการช่วยเหลือ รวมถึง การร่วมมือที่ดีขึ้น บูรณาการเข้ากับยุทธศาสตร์การ พฒั นาระดับชาติมากขึ้น การทานายได้และมีเสถียรภาพมากขนึ้ และรัฐยังคงความเป็นเจ้าของ อย่างแท้จริง ผู้บริจาคควรได้รับการสนับสนุนให้ดาเนินการประกันว่า จะจัดให้มีทรัพยากรใน การบรรเทาปัญหาหนี้สินโดยมิได้ดึงทรัพยากรมาจากงบความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่าง เป็นทางการ (ODA) อันมุ่งหมายให้มีไว้สาหรับประเทศกาลังพัฒนาประเทศกาลังพัฒนาได้รับ การสนับสนุนให้สร้างความรุดหน้าในการบรรลุหลักประกันว่ารัฐจะใช้เงินความช่วยเหลือเพื่อ การพัฒนาอย่างเป็นทางการในการช่วยให้บรรลุเปูาหมายและจุดหมาย การพัฒนาอย่างมี ประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นควรมีการค้นหากลไกทางการเงินตามความสมัครใจที่สนับสนุน ความพยายามในการบรรลุเปูาหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน การพัฒนาและการขจัดความ ยากจน ความช่วยเหลือด้านอาหารระหว่างประเทศ 13. รัฐซึ่งให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศในรูปแบบการช่วยเหลือด้านอาหารควร ตรวจสอบนโยบายที่เกี่ยวข้องอยู่เป็นประจา และหากจาเป็นรัฐควรทบทวนนโยบายเพื่อ สนับสนุนความพยายามระดับชาติของรัฐผู้รับเพื่อการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่าง เพียงพอตามบริบทของความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติมากยิ่งขึ้น ในบริบทที่กว้างขึ้นของ นโยบายความมั่นคงด้านอาหาร รัฐผู้บริจาคควรสร้างนโยบายความช่วยเหลือด้านอาหารโดย อิงกับการประเมินความจาเป็นที่ทาร่วมกันท้ังประเทศผู้รับและประเทศผู้บริจาค และกับ