Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore RMUTSV

RMUTSV

Published by taweelap_s, 2019-05-17 00:19:12

Description: RMUTSV

Search

Read the Text Version

รูปแบบการนาเสนอแนวปฏบิ ัตทิ ดี่ ี โครงการประชมุ สัมมนาเครอื ข่ายการจัดการความรู้ฯ ครงั้ ที่ 12 “การจดั การความรูส้ ู่มหาวิทยาลัยนวัตกรรม” (Knowledge Management: Innovative University) สาหรบั อาจารย์/ บุคลากรสายสนบั สนนุ / นักศกึ ษา ชื่อเรื่อง/แนวปฏิบัติที่ดี : การประยุกต์ใช้ Google Application เพ่ือการจัดการข้อมูล สารสนเทศและเพ่ิมประสิทธิภาพในงานประกันคุณภาพการศึกษา กองวิเทศสัมพันธ์และ การประกันคุณภาพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ัย ช่ือ-นามสกุล ผูนาเสนอ :นายชนาธิป ลนี ิน, นางสาวจฑุ าทิพย์ แซ่ลม่ิ ชอื่ สถาบันการศกึ ษา : มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ัย หนวยงาน : กองวิเทศสมั พนั ธแ์ ละการประกันคุณภาพ เบอรโทรศพั ทมือถือ : 08 – 7293 – 5669, 08 – 5223 – 7206 เบอร์โทรสาร : 0 – 7431 – 7142 E-Mail address : [email protected]

การประยกุ ตใ์ ช้ Google Application เพ่อื การจดั การขอ้ มูลสารสนเทศ และเพ่ิมประสทิ ธิภาพในงานประกนั คุณภาพการศกึ ษา กองวิเทศสัมพันธ์และการประกนั คณุ ภาพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชยั Applying Google Application to disposal Information Management System And to Increase Effectiveness of the system for Quality Assurance Department. Division for International Affairs and Quality Assurance. Rajamangala University of Technology Srivijaya ชนาธปิ ลนี ิน (Chanatip Leenin) 1 จฑุ าทพิ ย์ แซ่ลม่ิ (Jutathip Sae - Lim) 2 เจ้าหน้าท่ีบรหิ ารงานท่วั ไป กองวเิ ทศสัมพันธ์และการประกันคณุ ภาพ1,2 มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั E - Mail Address : [email protected],2 บทสรุป งานประกันคุณภาพการศึกษาเป็นภารกิจที่สาคัญและถือเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการ บรหิ ารการศึกษา ที่ตอ้ งดาเนินการอยา่ งต่อเน่อื ง เป็นปัจจุบันและมีประสิทธิภาพ การประยุกต์ใช้ Google Application ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสาเร็จรูปกับงานประกันคุณภาพการศึกษา สามารถ ประยุกต์ใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตอบสนองแนวคิดในการลดการลงทุนและได้ผลลัพธ์ท่ีมี ประสิทธิภาพ สามารถนามาลดข้ันตอนและกระบวนการในการทางาน ตลอดจนการตรวจสอบ ข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูลร่วมกันของผู้ปฏิบัติงาน จากผลการดาเนินการประยุกต์ใช้ Google Application ในงานประกันคุณภาพการศึกษา ใน 2 กิจกรรมหลัก ประกอบไปด้วย 1) ระบบรายงานข้อมูลสารสนเทศตามรอบระยะเวลาการดาเนินงานออนไลน์ (ด้วย Google Sheet , Google Docs) และ 2) ระบบแบบตอบรับแบบสารวจและแบบประเมินผลออนไลน์ (ด้วย Google Form) ส่งผลในการช่วยลดข้ันตอน กระบวนการในการทางาน ตลอดจนการ ตรวจสอบข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น จากเดิมร้อยละ 44.70 เป็นร้อยละ 98.61 โดยประสทิ ธิภาพในการทางานสงู ขนึ้ จากเดิม คดิ เป็นร้อยละ 54.67 คาสาคญั : การเพิ่มประสิทธิภาพ ข้อมูลสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ งานประกนั คุณภาพ Summary Quality Assurance is a vital part of the educational process for the University that must continue to be current and effective. By applying the Google Application, the application that response and suitable for quality assurance.

-2- As the application can be used without any charged which response to our investigation to save the expenses and have effective results. Thus, cut down the steps of the data validation and the data access of the Quality Assurance performers. The result of the Google Application on the quality assurance for the International Affairs and Quality Assurance from two main activities consists of 1) An online report information system by the time periods (By Google Sheet, Google Docs) 2) An online survey response and evaluation form (By Google form). Such system reduces steps. As well as more efficiency for monitoring data. From the original 44.70 percent to 98.61 percent rise from the original average percentage 54.67 percent. Keyword : Optimization, Data Information, Information Systems, Quality Assurance บทนา งานประกันคุณภาพการศึกษา เป็นภารกิจที่มีความจาเป็นและมีความสาคัญอย่างยิ่ง ในการดาเนินงานตามพันธกิจของมหาวิทยาลัย โดยถือว่าการประกันคุณภาพเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการบริหารการศึกษาท่ีต้องดาเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยงานประกันคุณภาพ การศึกษา กองวเิ ทศสัมพันธแ์ ละการประกันคุณภาพ มีขอบเขตงานท่ีรับผิดชอบ จานวน 10 งาน ประกอบไปดว้ ย 1) งานประกนั คณุ ภาพอุดมศึกษา ระดับหลักสูตร ระดับคณะ และระดับสถาบัน 2) งานประกันคุณภาพอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง 3) งานประกันคุณภาพ หน่วยงานสนับสนุน 4) งานการบริหารจัดการความเส่ียง 5) งานการควบคุมภายใน 6) งานภาวะการมีงานทาและความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิต 7) งานการประเมินคุณธรรมและ ความโปร่งใสในการดาเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ 8) งานการจัดการความรู้และคลังความรู้ 9) งานกิจกรรม 5ส+ (5ส พลัส) และ 10) งานประเมินความพึงพอใจในพิธีพระราชทานปริญญา บัตรและกิจกรรมของมหาวิทยาลัย พบว่า การบริหารจัดการระบบข้อมูลสารสนเทศเป็นส่วน สาคัญย่ิง เพ่ือให้การดาเนินงานเป็นไปตามแผนและบรรลุตามเป้าประสงค์ที่กาหนดไว้ (ประสิทธิผล) โดยมีการดาเนินงานอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง รวดเร็วและตรงต่อรอบ ระยะเวลาในการดาเนินงาน (ประสิทธิภาพ) และทางกองวิเทศสัมพันธ์และการประกันคุณภาพ มีการส่งเสริมและสนับสนุน การพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติงาน ร่วมกัน พร้อมท้ังนาองค์ความรู้ที่ได้จากการแก้ไขปัญหาถ่ายทอดแก่บุคลากรภายในกองและ บุคลากรภายนอกหน่วยงานทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การดาเนินงานของกอง ตลอดจนสรุปและรวบรวบองค์ ความร้ทู ีไ่ ด้ จดั เกบ็ และเผยแพร่เพ่อื การนาไปใช้ประโยชน์ต่อไป

-3- วธิ กี ารดาเนินงาน การประยุกต์ใช้ Google Application กับงานประกันคุณภาพการศึกษา สามารถ ประยุกต์ใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตอบสนองแนวคิดในการลดการลงทุนและได้ผลลัพธ์ที่มี ประสิทธิภาพ (พิธาน โพธิ์รอด. 2555) ลดขั้นตอนและกระบวนการในการทางาน ตลอดจนการ ตรวจสอบข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูลร่วมกันของผู้ปฏิบัติงาน โดยเร่ิมต้นด้วยการศึกษาแนวคิด การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องด้วยหลักการไคเซน (Kaizen) ด้วยเทคนิคการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการเลิก/ลด/เปล่ียน (พชั รนิ ทร์ สนิ อานวยผล.2557) (สรรเพชญ พนัสบดี.2554) และการนา วธิ กี ารปรบั ปรงุ อย่างตอ่ เน่อื ง (PDCA) มาเป็นกระบวนการหลักในการดาเนินการ โดยเร่ิมต้นด้วย กระบวนการในการวางแผน (P : Plan) ซ่ึงเป็นผลมาจากการวิเคราะห์รูปแบบในการดาเนินการ ด้วยวิธีการเดิม ต่อด้วยกระบวนการของการดาเนินการตามแผน (D : Do) การตรวจสอบและ ประเมินผลของการนาเนินการตามแผน (C : Check) และกระบวนการปรับปรุงการดาเนินการ (A : Act) นาผลของการตรวจสอบและประเมินผลของการนาเนินการตามแผนมาพัฒนาการ ดาเนนิ การ (สุธาสนิ ี โพธิจนั ทร์.2558) โดยมีขัน้ ตอนในการดาเนินการดังนี้ 1. กระบวนการในการวางแผน (P : Plan) โดยการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการ สารสนเทศเพ่ือสนับสนุนงานตามเขตของและแสวงหาเทคโนโลยีหรือโปรแกรมสาเร็จรูป เพ่ือตอบสนองความต้องการข้อมูลสารสนเทศ โดยคานึงถึงประโยชน์ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล การลงทุน การลดขั้นตอนและกระบวนการในการทางานเป็นหลัก พบว่า Google Application ซ่ึงพัฒนาข้ึนโดย Google เพื่อให้บริการทางด้านการบริหารจัดการภายในองค์กรโดยมีการรวม แอปพลิเคชันท่ีมีความจาเป็นต่อองค์กรในปัจจุบัน เช่น Google Docs, Google Sheets, Google Forms, เป็นต้น (พิธาน โพธ์ิรอด. 2555) (คู่มือการใช้งาน Google App. โรงเรียนสตรี นนทบุรี) จึงนาคุณสมบัติของ Google Application มาพัฒนาและประยุกต์ใช้ในงานประกัน คุณภาพการศึกษา ท้ังนี้นอกจากการประยุกต์ใช้ Google Application ดังกล่าวแล้ว ได้มีการ ดาเนินการบูรณาการร่วมกับพื้นที่บนเว็บไซต์ของกองวิเทศสัมพันธ์และการประกันคุณภาพ ที่ URL : ir.rmutsv.ac.th เพ่ือกาหนดเป็นช่องทางในการการเข้าถึงระบบสารสนเทศที่ได้มีการ พฒั นาและประยกุ ตใ์ ชจ้ าก Google Application ภาพที่ 1 : ภาพแสดงการบรู ณาการประยกุ ตใ์ ช้ Google Application ร่วมกบั พื้นทบ่ี นเว็บไซต์กองฯ ท่ี ir.rmutsv.ac.th (http://ir.rmutsv.ac.th/qais)

-4- 2. กระบวนการในการดาเนินการตามแผน (D : Do) การพัฒนาและประยุกต์ใช้ Google Application กับงานประกันคุณภาพการศึกษา กองวิเทศสัมพันธ์และการประกัน คณุ ภาพ มีขน้ั ตอนในการดาเนนิ งานดงั น้ี 2.1 พัฒนาและประยุกต์ใช้ Google Application ในการปฏิบัติงานของงาน ประกนั คุณภาพ โดยสามารถดาเนินการไดใ้ น 2 กิจกรรมหลัก ไดแ้ ก่ 1. ระบบรายงานข้อมูลสารสนเทศตามรอบระยะเวลาการดาเนินงาน ออนไลน์ด้วย Google Sheet , Google Docs เช่น ระบบสารสนเทศแผนพัฒนาคุณภาพ ระบบ สารสนเทศการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร ระดับคณะ ระดับสถาบันและ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการความรู้ ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารความเส่ียงและการควบคุมภายใน ระบบสารสนเทศเพื่อ การดาเนินงานกิจกรรม 5ส+ (5ส พลัส) เปน็ ตน้ ภาพที่ 2 : ภาพแสดงตวั อย่างระบบรายงานข้อมูลสารสนเทศตามรอบระยะเวลาการดาเนินงานออนไลน์ (ระบบสารสนเทศการกากบั ติดตาม การดาเนนิ การการจดั การความรู้ ประจาปีการศกึ ษา 2561) (ระบบสารสนเทศเพอื่ การใหข้ ้อมลู (รา่ ง) ตัวบง่ ชต้ี ามพันธกจิ หลักในการดาเนินงานของหน่วยงานสนบั สนุน) โดยในการดาเนินการพัฒนาระบบสารสนเทศดังกล่าว ได้มีการ ดาเนินการแจ้งแก่หน่วยงานภายในของมหาวิทยาลัย เพ่ือขอรับที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Email Address) ของผู้รับผิดชอบงานในด้านต่างๆ ตามขอบเขตท่ีงานประกันคุณภาพ รับผิดชอบเพื่อทาการกาหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงและรายงานข้อมูล เพื่อความปลอดภัยและความ ถกู ต้องของข้อมูลที่ไดร้ ับการรายงาน ภาพท่ี 3 : ภาพแสดงตัวอยา่ งระบบรายงานข้อมูลสารสนเทศตามรอบระยะเวลาการดาเนินงานออนไลน์ (ระบบสารสนเทศข้อมูลที่อยไู่ ปรษณยี ์อิเล็กทรอนิกสข์ องผรู้ บั ผดิ ชอบงานตามขอบเขตงานประกันคณุ ภาพ)

-5- 2. ระบบแบบตอบรับ แบบสารวจและแบบประเมินผลออนไลน์ด้วย Google Form เช่น ระบบสารสนเทศการประเมินความพึงพอใจผู้รับบริการกองฯ ระบบ สารสนเทศแบบตอบรับเข้าร่วมประชุม/โครงการ/กิจกรรม ระบบสารสนเทศแบบสารวจข้อมูล เป็นตน้ ภาพท่ี 4 : ภาพแสดงตวั อยา่ งระบบแบบตอบรับแบบสารวจและแบบประเมนิ ผลออนไลนด์ ว้ ย Google Form (ระบบแบบสารวจความพึงพอใจผู้รับบรกิ ารกอง และ ระบบแบบตอบรับเขา้ ร่วมประชมุ ) 2.2 วิเคราะห์และเปรียบเทียบระยะเวลาและขั้นตอนในการดาเนินการ ท้ังกระบวนงานเดิมและกระบวนงานใหม่ ระบุระยะเวลาที่เกิดข้ึนของกิจกรรมทุกกิจกรรม รวมไปถึงระยะเวลาระหว่างข้ันตอนและช่วงเวลาท่ีต้องรอในแต่ละข้ันตอน โดยกาหนด สญั ลักษณส์ ี ดงั น้ี สเี ขียว กจิ กรรมทจ่ี าเปน็ ต้องทา หมายถึง ข้ันตอนหลักท่ตี อ้ งดาเนนิ การ สีแดง กิจกรรมทไ่ี ม่จาเป็นตอ้ งทา หมายถงึ ขั้นตอนที่ไมม่ คี วามจาเปน็ แต่อาจมีเพื่อสนบั สนุน การบรรลุเปา้ หมาย สสี ้ม กิจกรรมทไี่ ม่จาเป็นแต่ต้องทา หมายถึง ข้ันตอนที่ไมอ่ ยู่ในขน้ั ตอนหลัก แต่จาเปน็ ต้องมเี พื่อสนบั สนนุ การบรรลเุ ป้าหมาย ภาพท่ี 5 : ภาพแสดงการกาหนดสญั ลกั ษณส์ ีของกิจกรรมท่ีดาเนนิ การ 2.3 วิเคราะห์ประสิทธิภาพในการทางาน ท้ังกระบวนงานเดิมและกระบวนงาน ใหม่ โดยวิเคราะห์จากระยะเวลาในแต่ละลาดับข้ันตอนในกระบวนงาน (นาที) โดยมีวิธีการ คานวณ ดังน้ี ประสิทธภิ าพ (%) = ผลรวมของเวลาทจ่ี าเปน็ ตอ้ งทา X 100 เวลาทั้งหมดในกิจกรรม

-6- 2.4 วิเคราะห์ประสิทธิภาพที่เพ่ิมข้ึน จากผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการ ทางาน (ขอ้ 2.3) ระหว่างกระบวนงานเดิมและกระบวนงานใหม่ โดยมีวธิ กี ารคานวณ ดังนี้ ประสทิ ธภิ าพทเี่ พิม่ ข้นึ (%) = (ประสิทธภิ าพใหม่ – ประสทิ ธิภาพเดมิ ) X 100 ประสิทธภิ าพใหม่ 3. การตรวจสอบและประเมินผลของการนาเนินการตามแผน (C : Check) เริ่มต้น ดว้ ยการติดตามการใช้งานระบบ ตรวจสอบประเด็นปัญหาที่พบในการใช้งาน จากกลุ่มเป้าหมาย ผู้ใช้งาน โดยวิธีการสื่อสารทางตรง เช่น ได้รับแจ้งผ่านข้อความ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ โทรศพั ท์ จากผู้ใชง้ านโดยตรง พบว่า ปัญหาในการใช้งานระบบโดยส่วนใหญ่ ผู้ใช้งานไม่ทราบถึง แหลง่ การเขา้ ถงึ ระบบและวธิ ีการใช้งานระบบ 4. กระบวนการปรับปรุงการดาเนินการ (A : Act) จากกระบวนการตรวจสอบและ ประเมินผลของการนาเนินการตามแผน (C : Check) และรับทราบประเด็นถึงประเด็นปัญหาใน การใช้งานระบบโดยส่วนใหญ่ ผู้ใช้งานไม่ทราบถึงแหล่งการเข้าถึงระบบและวิธีการใช้งานระบบ จึงได้จัดทาคู่มือการใช้งานระบบสารสนเทศเพื่องานประกันคุณภาพข้ึน เพื่อตอบสนองความ ตอ้ งการของกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งาน และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานระบบในอีกช่องทาง หนึง่ โดยมผี ลการปรับปรุงเป็นที่พอใจ กลุ่มเป้าหมายผู้เข้าใช้งานสามารถเข้าใช้งานระบบอย่างมี ประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ในการการลดข้ันตอนและกระบวนการในการทางาน ตลอดจนการตรวจสอบข้อมลู และการเข้าถึงข้อมูลร่วมกนั ของผู้ปฏิบัติงาน ภาพท่ี 6 : ภาพแสดงตวั อย่างค่มู อื การใชง้ านระบบสารสนเทศเพื่องานประกนั คณุ ภาพ

-7 ผลการดาเนนิ งาน การพัฒนาและประยกุ ต์ใช้ Google Application กบั งานประกนั คุณภาพกา 1. ระบบรายงานข้อมูลสารสนเทศตามรอบระยะเวลาการดาเนินงา การปฏิบัติงานและประสิทธิภาพของกระบวนงาน เพื่อเปรียบเทียบกระบวนงานเดิม กระบวนงานใหม่มขี ั้นตอนในการปฏบิ ตั ิงาน จานวน 7 ขัน้ ตอน เปรยี บเทียบกับกระบว ปฏิบัติงานลดลง จานวน 5 ขนั้ ตอน และ เมอ่ื พิจารณาในด้านของประสิทธิภาพของกร กับกระบวนงานเดิมที่มีประสิทธิภาพอยู่ที่ ร้อยละ 43.01 เทียบกับจานวนเวลาทั้งห มีประสิทธิภาพเพ่มิ ขึน้ จากกระบวนงานเดิม รอ้ ยละ 56.37 รายละเอยี ดดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 : ตารางแสดงการวิเคราะหข์ ้ันตอนและประสิทธิภาพของกระบวนงาน ของระบบรายงาน (A1) เวลา / นาที กระบวนงานเดมิ T1 T2 T3 1 เขา้ โปรแกรม Microsoft Word , Microsoft Excel 0.30 2 ออกแบบรปู แบบแบบฟอรม์ ในการรบั ขอ้ มลู 3 สาเนาแบบฟอร์มในการรับข้อมูลตามจานวนหน่วยงานเป้าหมาย 120.00 4 นาไฟลแ์ บบฟอรม์ แขวนบนเว็บไซตก์ องฯ 30.00 5 ออกหนังสือแจง้ การรายงานข้อมูลตามจานวนหนว่ ยงานเปา้ หมาย 5.00 6 แนบเอกสารแบบฟอร์มในการรับข้อมลู ไปพร้อมหนงั สือแจ้งรายงานข้อมูล 30.00 30.00 7 แจ้งหนว่ ยงานเป้าหมายผา่ นจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ สข์ องผู้รับผดิ ชอบงาน 5.00 8 หน่วยงานเป้าหมายรายงานข้อมลู กลบั มายงั กองฯ (คานวณจากการกาหนดให้รายงานข้อมูลภายใน 5 วนั ) 7200.00

7- ารศึกษาสามารถสรปุ ผลการดาเนนิ งาน ไดด้ ังน้ี านออนไลน์ด้วย Google Sheet , Google Docs สามารถนามาวิเคราะห์ข้ันตอนใน มและกระบวนงานใหม่ พบว่า เมื่อพิจารณาในด้านของข้ันตอนในการปฏิบัติงานน้ัน วนงานเดิม ท่มี กี ระบวนงานจานวน 12 ขัน้ ตอน โดยสามารถสรุปได้ว่า ข้ันตอนในการ ระบวนงาน พบว่า กระบวนงานใหม่ มีประสิทธิภาพอยู่ที่ร้อยละ 98.58 เปรียบเทียบ หมดที่ใช้ในกระบวนงาน โดยสามารถสรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของกระบวนงานใหม่ นขอ้ มลู สารสนเทศตามรอบระยะเวลาการดาเนินงานออนไลนด์ ว้ ย Google Sheet , Google Docs (A2) เวลา / นาที T3 กระบวนงานทป่ี ระยุกต์ใช้ Google Apps T1 T2 0.30 120.00 1 เขา้ สู่ระบบ Google Apps : Google Doc , Google Sheets 10.00 7200.00 30.00 2 ออกแบบระบบแบบฟอร์มในการรับข้อมูล 5.00 -- 3 นา URL ของระบบแขวนบนเว็บไซตก์ อง 60.00 - 4 ออกหนังสือแจ้งการรายงานข้อมลู ตามจานวนหนว่ ยงาน 5 แจ้งหนว่ ยงานเปา้ หมายผา่ นจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ของผรู้ บั ผดิ ชอบงาน 6 ผูร้ ับผดิ ชอบงานของหน่วยงานเปา้ หมาย รายงานข้อมูลผ่านระบบ (คานวณ จากการกาหนดใหร้ ายงานขอ้ มลู ภายใน 5 วัน) 7 ผรู้ ับผิดชอบของกองฯ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมลู ผา่ นระบบ และแจง้ หน่วยงานแก้ไขผา่ นระบบในกรณที ี่ผดิ พลาดหรือไม่ตรงตามรายละเอยี ดท่ี กาหนด - ผู้รับผดิ ชอบของกองฯ นาข้อมลู สารสนเทศท่ีได้ ไปดาเนินการในสว่ นทเ่ี กี่ยวข้อง

-8 (A1) เวลา / นาที กระบวนงานเดมิ T2 T1 - T3 0.00 480.00 9 ผรู้ บั ผิดชอบของกองฯ รวบรวม จัดรปู แบบและตรวจสอบความถูกต้องของ - ข้อมลู 7320.00 4320.00 4320.00 10 ในกรณที ี่ข้อมลู จากหนว่ ยงานผิดพลาดหรือไม่ตรงตามรายละเอยี ดที่กาหนด 480.00 ทางกองฯ แจ้งต่อผู้รบั ผิดชอบใหท้ ราบและดาเนินการรายงานข้อมูลใหม่ - 11 หน่วยงานรายงานข้อมูลทแ่ี ก้ไขกลับมายังกองฯ 9700.30 12 ผู้รบั ผิดชอบของกองฯ รวบรวม จัดรูปแบบและตรวจสอบความถูกต้องของ ขอ้ มูล - ผูร้ ับผิดชอบของกองฯ นาขอ้ มลู สารสนเทศทไ่ี ด้ ไปดาเนนิ การในสว่ นที่เก่ียวข้อง 12 รวม (Σ) เวลาทีด่ าเนินกิจกรรมท้ังหมด (NT) 17020.30 ประสิทธภิ าพ (A1) (%) = (ΣT1 / NT) x 100 43.01 ประสิทธภิ าพที่เพ่ิมขึน้ (P) (%) = (A2-A1) / A2 x 100 56.37 2. ระบบแบบตอบรับแบบสารวจและแบบประเมินผลออนไลน์ด้วย Goog กระบวนงาน เพื่อเปรียบเทียบกระบวนงานเดิมและกระบวนงานใหม่ พบว่า เมือพ ปฏิบัติงาน จานวน 6 ขั้นตอน เปรียบเทียบกับกระบวนงานเดิม ที่มีกระบวนงานจ 4 ขั้นตอน และเม่ือพิจารณาในด้านของประสิทธิภาพของกระบวนงาน พบว่า กระบ ประสิทธิภาพอยู่ท่ี ร้อยละ 46.54 เทียบกับจานวนเวลาทั้งหมดที่ใช้ในกระบวนงาน โ กระบวนงานเดมิ ร้อยละ 52.82 รายละเอยี ดดังตารางที่ 2

8- เวลา / นาที T1 T2 T3 (A2) กระบวนงานที่ประยุกตใ์ ช้ Google Apps 7 รวม (Σ) 7320.00 0.00 105.30 เวลาท่ีดาเนนิ กจิ กรรมทง้ั หมด (NT) 7425.30 ประสิทธภิ าพ (A2) (%) = (ΣT1 / NT) x 100 98.58 gle Form สามารถนามาวิเคราะห์ขั้นตอนในการปฏิบัติงานและประสิทธิภาพของ พิจารณาในด้านของข้ันตอนในการปฏิบัติงานนั้น กระบวนงานใหม่มีขั้ นตอนในการ จานวน 10 ขั้นตอน โดยสามารถสรุปได้ว่า ข้ันตอนในการปฏิบัติงานลดลง จานวน บวนงานใหม่ มีประสิทธิภาพอยู่ที่ร้อยละ 98.64 เปรียบเทียบกับกระบวนงานเดิมที่มี โดยสามารถสรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของกระบวนงานใหม่ มีประสิทธิภาพเพ่ิมขึ้นจาก

-9 ตารางท่ี 2 : ตารางแสดงการวเิ คราะห์ขนั้ ตอนและประสิทธภิ าพของกระบวนงาน ข (A1) T1 เวลา / นาที T3 กระบวนงานเดมิ T2 0.30 1 เขา้ โปรแกรม Microsoft Word , Microsoft Excel - 60.00 0.00 30.00 2 ออกแบบแบบฟอรม์ แบบตอบรับ แบบสารวจหรือแบบประเมนิ ผล 60.00 30.00 3 สาเนาแบบตอบรับ แบบสารวจหรือแบบประเมนิ ผล ตามจานวน 7200.00 7200.00 กลุม่ เปา้ หมาย 60.00 480.00 4 ออกหนังสอื นาส่งแบบตอบรบั แบบสารวจหรอื แบบประเมินผล ตามจานวน 480.00 กลุ่มเปา้ หมาย - 5 แนบแบบตอบรบั แบบสารวจหรือแบบประเมนิ ผล ตามจานวนกลุ่มเปา้ หมาย 8340.30 ไปพร้อมหนังสอื นาส่ง 6 นาส่งแบบตอบรับ แบบสารวจหรอื แบบประเมนิ ผล ตามจานวนกลมุ่ เปา้ หมาย (คานวณจากการกาหนดให้ตอบกลบั ภายใน 5 วัน นับจากวนั ทนี่ าส่ง) 7 กลุม่ เป้าหมายนาส่งแบบตอบรบั แบบสารวจหรือแบบประเมินผล กลับมายัง กอง (คานวณจากการกาหนดให้ตอบกลบั ภายใน 5 วนั นบั จากวนั ท่ีนาสง่ ) 8 ออกแบบแบบฟอร์มในการวิเคราะห์และประมวลผลขอ้ มูลด้วย Microsoft Excel 9 ผู้รบั ผิดชอบของกองฯ รวบรวมและบนั ทึกขอ้ มูลลงแบบฟอร์มในการวิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูล 10 ผูร้ บั ผดิ ชอบของกองฯ สรุปผลของข้อมูลท่ไี ด้จากการวิเคราะห์และประมวลผล - ผูร้ ับผิดชอบของกองฯ นาข้อมูลสารสนเทศที่ได้ ไปดาเนนิ การในสว่ นท่ี - เกย่ี วข้อง 7260.00 10 รวม (Σ) เวลาทีด่ าเนินกจิ กรรมทั้งหมด (NT) 15600.30 ประสิทธภิ าพ (A1) (%) = (ΣT1 / NT) x 100 46.54 ประสิทธิภาพทเ่ี พม่ิ ขน้ึ (P) (%) = (A2-A1) / A2 x 100 52.82

9- ของระบบแบบตอบรบั แบบสารวจและแบบประเมินผลออนไลนด์ ว้ ย Google Form (A2) เวลา / นาที T3 กระบวนงานทีป่ ระยุกต์ใช้ Google Apps T1 T2 0.30 60.00 1 เขา้ สรู่ ะบบ Google Apps : Google Form 10.00 2 ออกแบบระบบแบบฟอรม์ แบบตอบรับ แบบสารวจหรือแบบประเมินผล 7200.00 30.00 3 นา URL ของระบบแขวนบนเว็บไซตก์ อง หรอื สร้าง QR CODE -- 60.00 4 ออกหนังสือนาส่งแบบตอบรบั แบบสารวจหรอื แบบประเมนิ ผล ตามจานวน - กลมุ่ เปา้ หมาย 5 กลุ่มเป้าหมายตอบแบบตอบรบั แบบสารวจหรือแบบประเมนิ ผลผา่ นระบบ (คานวณจากการกาหนดให้ตอบกลับภายใน 5 วัน นับจากวนั ท่นี าสง่ ) 6 ผู้รบั ผิดชอบของกองฯ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผ่านระบบ - ผ้รู บั ผดิ ชอบของกองฯ นาขอ้ มลู สารสนเทศทีไ่ ด้ ไปดาเนนิ การในส่วนที่ เก่ียวข้อง 6 รวม (Σ) 7260.00 0.00 100.30 เวลาทดี่ าเนินกิจกรรมทั้งหมด (NT) 7360.30 ประสิทธภิ าพ (A2) (%) = (ΣT1 / NT) x 100 98.64

-1 เมอ่ื ทาการสรุปผลการวิเคราะหข์ ้นั ตอนในการปฏิบตั ิงานและประสิทธภิ าพขอ 98.61 เปรียบเทียบกับกระบวนงานเดิมที่มีประสิทธิภาพอยู่ที่ ร้อยละ 44.70 เทียบ กระบวนงานใหม่ มปี ระสทิ ธิภาพเพิ่มข้ึนจากกระบวนงานเดิม ร้อยละ 54.67 รายละเอ ตารางท่ี 3 : ตารางสรปุ ผลการวเิ คราะห์ขั้นตอนใน (A1) เวลา / นาที กระบวนงานเดมิ T2 T1 0.00 T3 0.00 9700.30 1 ระบบรายงานข้อมลู สารสนเทศตามรอบระยะเวลาการดาเนนิ งาน 7320.00 0.00 8340.30 18040.60 2 ระบบแบบตอบรับ แบบสารวจและแบบประเมนิ ผลออนไลน์ 7260.00 รวม (Σ) 14580.00 เวลาทด่ี าเนนิ กิจกรรมท้งั หมด (NT) 32620.60 ประสิทธภิ าพ (A1) (%) = (ΣT1 / NT) x 100 44.70 ประสิทธิภาพที่เพ่ิมขึ้น (P) (%) = (A2-A1) / A2 x 100 54.67 อภิปรายผล การดาเนินการการประยุกต์ใช้ Google Application ซึ่งเป็นแอปพลิเคช ค่าใช้จ่าย ตอบสนองแนวคิดในการลดการลงทุนและสามารถได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภ ข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูลร่วมกันของผู้ปฏิบัติงาน โดยการศึกษาแนวคิดการปรับปร การเลิก/ลด/เปลีย่ น และการนาวิธีการปรับปรงุ อย่างตอ่ เนอื่ ง (PDCA) มาเป็นกระบวน จากผลการดาเนินการประยกุ ต์ใช้ Google Application ในงานประ กระบวนการในการทางาน ตลอดจนการตรวจสอบข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงข้ึน จาก เฉลย่ี คิดเป็นรอ้ ยละ 54.67 ท้งั น้พี บว่า บุคลากรทง้ั ภายในกองวิเทศสัมพันธ์และการป มหาวิทยาลัย เกิดการเรียนรู้และมีความสนใจในการนาองค์ความรู้ดังกล่าว ไปประยุก การขบั เคลอ่ื นหน่วยงานและมหาวิทยาลัยสกู่ ารเป็นองคก์ รแหง่ การเรยี นรู้

10 - องกระบวนงาน ท้ังสองระบบแล้ว พบวา่ กระบวนงานใหม่ มีประสิทธิภาพอยู่ที่ร้อยละ บกับจานวนเวลาทั้งหมดที่ใช้ในกระบวนงาน โดยสามารถสรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของ อยี ดดงั ตารางท่ี 3 นการปฏบิ ตั ิงานและประสทิ ธภิ าพของกระบวนงาน (A2) เวลา / นาที กระบวนงานทป่ี ระยุกตใ์ ช้ Google Apps T2 T1 0.00 T3 0.00 105.30 1 ระบบรายงานขอ้ มลู สารสนเทศตามรอบระยะเวลาการดาเนนิ งาน 7320.00 0.00 100.30 205.60 2 ระบบแบบตอบรับ แบบสารวจและแบบประเมนิ ผลออนไลน์ 7260.00 รวม (Σ) 14580.00 เวลาท่ีดาเนนิ กิจกรรมทง้ั หมด (NT) 14785.60 ประสิทธิภาพ (A2) (%) = (ΣT1 / NT) x 100 98.61 ชันสาเร็จรูปกับงานประกันคุณภาพการศึกษา สามารถประยุกต์ใช้งานได้โดยไม่เสีย ภาพ สามารถนามาลดข้ันตอนและกระบวนการในการทางาน ตลอดจนการตรวจสอบ รุงอย่างต่อเนื่องด้วยหลักการไคเซน (Kaizen) ด้วยเทคนิคการใช้ความคิดสร้างสรรค์ นการหลักในการดาเนินการ ะกันคุณภาพการศึกษากองวิเทศสัมพันธ์และการประกันคุณภาพ ช่วยลดข้ันตอนและ กเดิมร้อยละ 44.70 เป็นร้อยละ 98.61 โดยประสิทธิภาพในการทางานสูงขึ้นจากเดิม ประกันคุณภาพ และบุคลากรด้านงานประกันคุณภาพการศึกษาของหน่วยงานภายใน กต์ใช้ในหน่วยงาน อันส่งผลดีต่อประสิทธิภาพของงาน ตลอดจนเป็นอีกหน่ึงปัจจัยใน

- 11 - โดยปัจจัยแห่งความสาเร็จ ประกอบไปด้วย ผู้บริหาร บุคลากรและโปรแกรมสาเร็จรูป หรือ Application กล่าวคือผู้บริหารมีความมุ่งม่ันในการส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรมีการ พัฒนารูปแบบ ข้ันตอนในการดาเนินงานอย่างอิสระ ที่สามารถส่งผลทั้งในเชิงประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลที่ดีต่อคุณภาพงาน ตลลอดจนความมุ่งมั่นต้ังใจของบุคลากรในการเสาะแสวงหาและ ศึ ก ษ า เ ท ค โ น โ ล ยี ห รื อ โ ป ร แ ก ร ม ส า เ ร็ จ รู ป เ พ่ื อ ต อ บ ส น อ ง ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ข้ อ มู ล ส า ร ส น เ ท ศ โดยคานึงถึงประโยชน์ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและการลงทนุ เพ่อื คณุ ภาพของงานเป็นหลัก สรุป จากผลการดาเนนิ งาน ส่งผลให้งานประกันคุณภาพการศึกษา กองวิเทศสัมพันธ์และการ ประกันคุณภาพ มีแนวทางในการดาเนินการพัฒนาและประยุกต์ใช้ Application เพื่อสร้างเป็น ระบบในการตอบสนองข้อมูลสารสนเทศท่ีต้องการ ทั้งน้ี ยังสามารถเป็นแนวทางในการพัฒนา ระบบท่มี ีขดี ความสามารถเฉพาะทาง ในอนาคตต่อไป บรรณานกุ รม สานักงาน ก.พ.ร.. (2547). แนวทางดาเนนิ การเร่ืองการลดขนั้ ตอนและระยะเวลาการปฏิบตั ิราชการ. สบื ค้นเมอื่ 6 พฤศจกิ ายน 2561, จาก http://www.opdc.go.th//oldweb/Mission/File_download/1096863929.PDF ผู้ช่วยศาสตราจารยส์ รรเพชญ พนสั บดี. ไคเซนกับความคิดสร้างสรรค์ Kaizen and Creative Ideas. สืบค้นเม่ือ 6 พฤศจิกายน 2561, จาก http://www.bu.ac.th/knowledgecenter/executive_journal/oct_dec_10/pdf/aw4.pdf พชั รินทร์ สินอานวยผล. (2557). เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการทางานดว้ ยแนวคดิ ไคเซน. สืบคน้ เมื่อ 6 พฤศจกิ ายน 2561, จาก http://www.stou.ac.th/study/sumrit/5-58(500)/page5-5-58(500).html พธิ าน โพธ์ริ อด. (2555). Google Apps มปี ระโยชน์และการใชง้ านอย่างไร. สืบค้นเมอ่ื 6 พฤศจกิ ายน 2561, จาก http://darkspace0l0.blogspot.com/2012/06/google-apps.html โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี. คู่มอื การใชง้ าน Google App. สืบค้นเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2561, จาก http://www.satrinon.ac.th/ga สธุ าสนิ ี โพธจิ นั ทร์. (2558). PDCA หวั ใจสาคญั ของการปรับปรุงอยา่ งต่อเนื่อง. สืบคน้ เมอ่ื 6 พฤศจกิ ายน 2561, จาก https://www.ftpi.or.th/2015/2125

ชอ่ื เร่ือง / แนวปฏิบัติทดี่ ี กระบวนการฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครทู ่ีดี ช่ือ-นามสกุล ผูนาํ เสนอ นายอนกุ ูล นันทพุธ ชื่อสถาบนั การศกึ ษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรวี ชิ ัย หนวยงาน คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรมและเทคโนโลยี เบอรโทรศพั ทมือถือ 080 693 1449 เบอร์โทรสาร 074 317181 E-Mail address [email protected]

การบรหิ ารจัดการการฝึกปฏบิ ัติการสอนในสถานศึกษาของ หลกั สูตรครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมบณั ฑิต Management of Teaching Practice in Institutes of Bachelor of Science in Technical education อนุกูล นันทพุธ1 (Anugool Nuntaput) ตวงรัก กาญจนนกุ ูล2 (Tuangrak Kanjananukul) 1หวั หน้าสานกั งานคณบดี คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มทร.ศรวี ชิ ยั [email protected] 2เจ้าหนา้ ทีบ่ ริหารท่วั ไป คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มทร.ศรวี ชิ ัย [email protected] .......................................................................................................................................................... บทสรุป การบริหารจัดการการฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาของหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต (หลักสูตร 5 ปี) ได้ดาเนินการตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ ที่กาหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาต เป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุม ต้องผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลา ไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการคุรุ สภากาหนด และประกาศคุรุสภา เร่ือง การรับรองปริญญาและประกาศนียบตั รทางการศึกษาเพ่ือการประกอบวิชาชีพ ข้อ ๑๓ ทก่ี าหนดใหป้ ระกาศนียบตั รบัณฑิตวชิ าชพี ครทู ี่คุรสุ ภาให้การรับรองเป็นคณุ วุฒิทขี่ อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ท้งั นี้ ผู้สาเร็จการศึกษาตอ้ งผา่ นการรับรองมาตรฐานประสบการณ์วิชาชพี ครูตามท่คี รุ ุสภากาหนด งานฝกึ ปฏิบตั ิการสอนจงึ ไดจ้ ัดทาเป็นคู่มือการฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู เปน็ แนวทางในการบรหิ ารจดั การให้ นักศึกษา อาจารย์นิเทศก์ ครูพี่เล้ียง สถานศึกษาศึกษาเครือข่ายและบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้ใช้สาหรับการฝึกปฏบิ ัติการ สอนของนักศึกษา และเริ่มใช้คู่มือในการบริหารจัดการมาต้ังแต่ พ.ศ. 2557-ปัจจุบัน โดยคู่มือฉบับน้ีจะมีเน้ือหาท่ี เก่ียวข้องกับ บทบาท หน้าท่ีของบุคลากรและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการฝึกปฏิบัติการสอน นักศึกษาปฏิบัติการสอน อาจารย์นิเทศก์ ครูพี่เล้ียง ขั้นตอนการฝึกปฏิบัติการสอน การประเมินผลการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู เกณฑ์การ ประเมินผลการปฏิบัติการสอน เครื่องมือประเมินการปฏิบัติการสอนของนักศึกษา เป็นต้น และครอบคลุมข้ันตอนการ ดาเนินงาน 3 ขั้นตอนคือ 1) ก่อนส่งตัวนักศึกษาไปฝึกปฏิบัติการสอน 2) ระหว่างที่นักศึกษากาลังฝึกปฏิบัติการสอน และ 3) หลงั จากนักศึกษาฝกึ ปฏบิ ัติการสอนเสรจ็ สนิ้ จากการดาเนินการเป็นระยะเวลา 4 ปี (2557-2560) มีผลสาเร็จจากการบริหารจัดการการฝึกปฏิบัติการสอน 4 ประการคอื จานวนอาจารย์นิเทศท่ีมคี ุณสมบตั ิครบถ้วน จานวน 25 คน จานวนครูพี่เล้ยี งจานวน 140 คน เครอื ข่าย สถานศึกษาเครือข่ายสาหรับการฝึกปฏิบัติการสอนที่เป็นไปตามเกณฑ์ที่คุรุสภากาหนดจานวน 31 แห่ง และมีจานวน นักศกึ ษาท่สี าเรจ็ การศึกษาแล้วได้รบั ใบประกอบวิชาชีพครู จานวนท้ังสิน้ 424 คน Summary Management of teaching practice in institutes of Bachelor of Science in Technical Education ( 5 Years) has conducted as act of the Teachers’ Council of Thailand in 2003 which specifies that the persons who request for the license for professional practice must pass the teaching practice in institutes as the graduate teacher education programs at least one year and the standard of teaching practice evaluation as the principle, the procedure and the condition specified by committee of Teachers’ Council of Thailand and the notice of Teachers’ Council of Thailand “graduate teacher education programs for qualified professionals” in point 13 that specified “Graduate Diploma in Teaching Profession which the Teachers’ Council of Thailand certifies is a qualification that can apply for the professional teacher license”. However, the graduates must pass the acceptance of teaching practicum experience standard as Teachers’ Council of Thailand specified.

From the following reasons, the section of student teaching practice has created a manual of the intern experience for guiding in management of related students, the university supervisors, the cooperating teachers, the network institutes and personnel and has started to use it since 2014 until now. This manual has the contents about the role of personnel and institutes involved in the teaching practice the teaching practice students , the university supervisors , the cooperating teachers , the procedures of teaching practice , the evaluation of intern experience , the standard of teaching practice evaluation , the evaluation tool of teaching practice of students and covers 3 operation procedures 1) before delivering the students to practice teaching 2) during practicing teaching of students 3) after practicing teaching of students. As 4 years of operation (2014-2017), there were 4 points of success in teaching practice management. That were 24 qualified university supervisors , 1 4 0 cooperating teacher, 3 1 network institutes for teaching practice as the standard of teachers council and 4 2 4 Students who got the professional teacher licenses after graduation. คาํ สาํ คญั การบริหารจดั การ การปฏบิ ัตกิ ารสอน ครุ ุสภา วิชาชีพครู บทนาํ พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ได้กาหนดให้คุรุสภา เป็นองค์กรหลักในการ ขับเคล่ือนวิชาชีพครู ให้มีคุณภาพมาตรฐาน (มาตรา 8 และมาตรา 9) ครูจะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจึงจะ สามารถปฏิบัติการสอนได้ (มาตรา 43) ท้ังนี้เป็นการประกันว่าครูจะมีความรู้ ความสามารถเพียงพอท่ีจะยกระดับ มาตรฐานการศึกษาของชาติได้ โดยเฉพาะผู้เรียนซ่ึงเป็นคนไทย เป็นผู้ที่จะพัฒนาประเทศชาติในอนาคต ครูจะมี ความสามารถเพียงพอท่ีจะพัฒนาบุคคลเหล่านี้ได้ ในส่วนของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ จะได้รับการยกเว้นให้ ปฏิบัติการสอนได้ตามมาตรา 43 (3) เพราะถือว่าเป็นส่วนหน่ึงของการพัฒนาวิชาชีพครูและอยู่ในความควบคุมของ ผู้ประกอบการวิชาชีพทางการศึกษา นอกจากน้ีนักศึกษาฝึกหัดครูจะต้องผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตาม หลักสูตรปริญญาทางการศึกษา เปน็ เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี อีกส่วนหน่งึ ที่กล่าวไว้ในพระราชบญั ญัติฉบับน้ีคือ ผูท้ ่ีเป็นครู จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพให้ครบถ้วนตามที่คุรุสภากาหนด (มาตรา 48, 49 และ 50) ซึ่งประกอบด้วย มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วชิ าชพี มาตรฐานการปฏบิ ัตงิ าน และมาตรฐานการปฏิบตั ิตน (จรรยาบรรณวิชาชพี ครู) ครูมืออาชีพจะต้องมีความลึกล้าในวิธีสอน มีความโดดเด่นเฉพาะตัว พล้ิวไหวตามลีลาการเรียนรู้ของผู้เรียน ไม่ยึดตาราเล่มใดเล่มหน่ึงเป็นเนื้อหาหลัก แต่สามารถหล่อหลอมเนื้อหาทุกส่วนเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นความรู้เฉพาะตัว สามารถโยงใยเนื้อหาเป็นเรื่องราวสัมพันธ์กนั หยิบยกเนอื้ หาบางส่วนบางตอนขน้ึ มาได้ทนั ทว่ งที ตามความตอ้ งการของ ผู้เรียน สามารถแปรเปล่ียนเนื้อหาได้ตลอดเวลา โดยเน้นพ้ืนฐานของผู้เรียนเป็นหลักสามารถจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้อยา่ งสนุกสนาน สนองปัญญาของผ้เู รยี นได้เปน็ รายบคุ คล เนน้ ใหผ้ ู้เรียน รู้วิธกี ารเรยี นรู้ มากกว่า ผลลพั ธข์ องการ เรียนรู้ ผู้เรียนจะมีความรู้สึกเสมือนว่าไม่ได้เรียนรู้เพราะความรู้ใหม่ที่ผู้เรียนได้รับจะค่อยๆ ต่อเติมอย่างกลมกลืนกับ ความรู้เดิมจนเต็ม ครูจะทาหน้าท่ีเป็น ผู้ช่วยเหลือ คอยสังเกต และประเมินผลความรู้ของนักศึกษาตลอดเวลา และ ปรับเปล่ียนวิธกี ารสอนใหม่ใหส้ อดคล้องกับสถานการณ์การเรียนรู้ของผู้เรยี นอย่างเหมาะสม ครูที่มาจากหลักสูตร 5 ปี ซ่ึงเป็นครูที่เกิดจากความต้ังใจของการปฏิรูปการศึกษาไทยอย่างแท้จริง ดังน้ันการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเป็น กระบวนการข้นั สุดทา้ ยของการเรียนการสอนในหลักสูตรการผลิตครู ซ่ึงเหมอื นกบั วิชาชีพชัน้ สูงในสาขาอ่นื ๆ เชน่ หมอ ทนายความเป็นต้น การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเป็นส่ิงที่มีความจาเป็น เพราะจะทาให้นักศึกษาฝึกหัดครู ได้เรียนรู้

วิถีชีวิตของครูท่ีแท้จริงผ่านการปฏิบัติจริงในสถานศึกษาเครือข่าย จะทาให้นกั ศึกษาฝึกหัดครูมีความรู้ความเข้าใจอย่าง ถ่องแท้ สอดคล้องกับทฤษฎีกรวยประสบการณ์ของบลูม ที่ได้กล่าวว่า การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงจะทาให้ผู้เรียน เรียนรู้ได้ดีท่ีสุด ดังน้ัน การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูจึงเป็นหัวใจของการเรียนรู้ในวิชาชีพครู การมีอาชีพครูซึ่งเป็น อาชีพเฉพาะหรือเป็นอาชีพช้ันสูง (มีองค์กรรับผิดชอบควบคุม) ผู้ศึกษาในวิชาชีพน้ีจะต้องฝึกงานในหน้าท่ีครูอย่างเป็น ระบบต่อเนื่องและจริงจังเพ่ือการแสวงหาประสบการณ์และทักษะอย่างแท้จริง โดยมีจุดมุ่งหมาย 2 ประการคือ 1) เพ่อื ให้นักศึกษาได้ฝึกตามมาตรฐานการปฏิบัตงิ านดว้ ยการนาหลักการ วธิ ีการสอน ทฤษฎตี า่ ง ๆ เกี่ยวกบั การเรียนการ สอนที่ได้จากการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยไปปฏิบัติงานในสถานการณ์จริงและมีประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารงานใน สถานศึกษา และ 2) เพื่อให้นักศึกษาได้ประสบการณ์ตรงในมาตรฐานการปฏิบัติตนโดยสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมใน ฐานะท่ีเป็นครู สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียน เพื่อนครู ผู้บริหาร และบุคลากรอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้องในการ ปฏิบัติงาน มีความรับผิดชอบในหน้าท่ีตามกรอบจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพครู และคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและ เทคโนโลยี ตระหนักถึงความสาคัญของการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู จึงได้บรรจุเป็นรายวิชาบังคับไว้ในหลักสูตรครุ ศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมบัณฑติ จากเหตุผลดังกล่าว งานฝึกปฏิบัติการสอน คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยจึงให้ความสาคัญกับการบริหารจัดการการฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาของ หลักสูตร ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต (หลักสูตร 5 ปี) ให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่คุรุสภากาหนด จึงได้จัดทาคู่มือการฝึก ประสบการณ์วิชาชีพครูเป็นแนวทางให้นักศึกษา อาจารย์นิเทศก์ ครูพี่เลี้ยง และบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องได้ใช้เป็นแนวทาง สาหรับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูของนักศึกษาและใช้ในการบริหารจัดการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2557-ปัจจุบัน และได้มี การปรับปรุง พัฒนาคู่มือโดยใชก้ ระบวนการ (KM) จนสามารถใชง้ านได้อย่างมีประสิทธภิ าพตามจดุ มุ่งหมายของการฝึก ปฏิบัติการสอน โดยในคู่มือฉบับนี้จะมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ บทบาท หน้าที่ของบุคลากรและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับ การฝึกปฏิบัติการสอน นักศึกษาปฏิบัติการสอน อาจารย์นิเทศก์ ครูพ่ีเลี้ยง ข้ันตอนการฝึกปฏิบัติการสอน การ ประเมินผลการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู เกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติการสอน เคร่ืองมือประเมินการปฏิบัติการ สอนของนักศึกษา เป็นต้น และครอบคลุมข้ันตอนการดาเนินงาน 3 ขั้นตอนคือ 1) ก่อนส่งตัวนักศึกษาไปฝึกปฏิบัตกิ าร สอน 2) ระหวา่ งท่นี ักศกึ ษากาลงั ฝึกปฏบิ ัติการสอน และ 3) หลังจากนกั ศกึ ษาฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารสอนเสรจ็ สน้ิ วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการการฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาของหลักสูตรครุศาสตร์ อตุ สาหกรรมบณั ฑติ (หลักสตู ร 5 ป)ี ใหเ้ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ่คี รุ สุ ภากาหนด 2. เพ่ือสร้างเครือข่าย สถานศึกษา ครูพี่เลี้ยง ครูนิเทศ ให้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ท่ีคุรุสภากาหนดเพ่อื รองรับการฝึกประสบการณว์ ชิ าชพี ครขู องนกั ศกึ ษา 3. เพ่ือพัฒนานักศึกษาในหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต ให้มีทักษะความเป็นครูวิชาชีพ และมี ประสบการณ์ตรงในมาตรฐานการปฏิบตั ติ นโดยสามารถปรบั ตวั เข้ากับสังคมในฐานะท่ีเป็นครู วิธีการดาํ เนินงาน 3.1 หนว่ ยงานภายในทร่ี บั ผดิ ชอบการฝกึ ประสบการณ์สอน งานฝึกปฏิบัติการสอน เป็นหน่วยงานภายในโครงการจัดต้ังหน่วยฝึกประสบการวิชาชีพ เป็นหน่วยงาน จัดต้ังข้ึนภายในสานักงานคณบดีคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี โดยมีภารทาหน้าท่ี บริหารจัดการการฝึก ปฏบิ ัติการสอนของนกั ศกึ ษาให้เป็นไปตามเกณฑ์ท่ีคุรสุ ภากาหนด มโี ครงสร้างหนว่ ยงานดงั นี้ หัวหน้าหนว่ ยฝึกประสบการณ์ วชิ าชพี รองหวั หน้าหน่วยฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี งานฝกึ งานวิศวกรรมและเทคโนโลยี งานฝึกปฏิบตั กิ ารสอน

3.2 คณะกรรมการวชิ าชีพครู คณะกรรมการวิชาชีพครูมีท้ังหมด 17 คน ประกอบด้วย คณบดี หัวสาขา หัวหน้าหลักสูตร เป็นต้น มีหน้าท่ี กาหนดผู้สอนรายวิชาในหมวดวิชาชีพครู จัดการเรียนการสอนรายวิชาในหมวดวิชาชีพครูร่วมกับหลักสูตร สาขาวิชา รวมถึงร่วมจัดทาแผนการเรียนวิชาชีพครู (ตลอดหลักสูตร) ตรวจสอบและประเมิน มคอ.3 มคอ.4 มคอ.5 และ มคอ.6 สาหรับรายวิชาในหมวดวิชาชพี ครู พิจารณาผลการเรียนรายวิชาในหมวดวชิ าชีพครู ก่อนกรอกข้อมูลผ่าน ระบบสารสนเทศอาจารย์ และจัดทาคมู่ ือการฝึกประสบการณ์วชิ าชพี ครู 3.3 คณะกรรมการนิเทศการสอน คณะกรรมการนิเทศการสอน มีทั้งหมด 25 คน ประกอบด้วย อาจารย์นิเทศจากทุกหลักสูตรท่ีมี คุณสมบัติตามเกณฑ์ของคุรุสภา มีหน้าท่ี 1) ดาเนินการนิเทศการสอนนักศึกษาตามปฏิทินการนิเทศการสอนภาคเรยี น ละ 2 คร้ัง 2) แนะนาและให้คาปรึกษากับนักศึกษาที่ออกปฏิบัติการสอน และ 3) ดาเนินการวัดและประเมินผล นักศกึ ษาปฏิบัตกิ ารสอน 3.4 ข้ันตอนการดาเนินงานฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารสอน การดาเนินงานฝึกปฏิบัติการสอนที่มีประสิทธิภาพ และมีผลการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาเป็นไป ตามมาตรฐานประสบการณ์วชิ าชพี ครู ท่คี รุ สุ ภากาหนดประกอบด้วย 3 ข้นั ตอนคือ 3.4.1 ก่อนส่งตวั นกั ศึกษาไปฝึกปฏบิ ตั ิการสอน มแี นวปฏิบตั ิดงั ตอ่ ไปน้ี ข้ันตอนน้ีเป็นข้ันตอนการเตรียมความพร้อมข้อมูลทุกอย่างสาหรับการส่งนักศึกษาออกไปฝึก ปฏบิ ตั ิการสอน ทัง้ รายชอื่ นักศึกษา รายช่อื ครูพ่เี ลยี้ ง รายชอ่ื สถานศกึ ษา เป็นต้น มแี นวปฏบิ ตั ดิ ังตอ่ ไปนี้ 1) ประชุมคณะกรรมการวิชาชีพครูเพื่อวางแผนการส่งนักศึกษาออกไปฝึกปฏิบัติการสอน ประจาปกี ารศึกษา 2) นักศึกษากรอกแบบฟอร์มแจ้งความจานงขอออกปฏิบัติการสอนและให้อาจารย์ที่ปรึกษา และหัวหน้าหลักสูตรลงนามรบั รองความถกู ตอ้ ง และย่ืนเอกสารทงี่ านฝึกปฏบิ ัตกิ ารสอน (PTI-001) 3) คณะกรรมการวิชาชีพครตู รวจสอบความถูกตอ้ งนักศึกษา 4) งานฝึกปฏิบัติการสอนทาหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปยังสถานศึกษาเครือข่ายเพ่ือให้ สถานศกึ ษารบั นกั ศกึ ษาเขา้ ฝึกปฏิบตั กิ ารสอน

5) ประกาศรายชื่อสถานศึกษาเครอื ข่ายทสี่ ามารถรบั นักศึกษาเขา้ ฝึกปฏบิ ตั ิการสอนได้ 6) คณะกรรมการวิชาชีพครูพิจารณารายชื่อนักศึกษาท่ีพร้อมรับการฝึกปฏิบัติการสอนใน สถานศกึ ษาเครอื ขา่ ยตามขอ้ 4 7) งานฝึกปฏบิ ัตกิ ารสอนทาหนังสือสง่ ตัวนักศึกษาไปยังสถานศกึ ษาเครือข่าย 8) นักศึกษาทุกคนที่จะออกฝึกปฏิบัติการสอนต้องเข้ารับการปฐมนิเทศเพ่ือรับทราบเก่ียวกับ ข้อมูลเบื้องต้นของสถานศึกษา การปฏิบัติตนในการฝึกปฏิบัติการสอน การประสานงานกับคณะฯและอาจารย์นิเทศก์ ปฏิทินการปฏิบัติงาน ตารางของการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู และการประเมินผลการฝึกปฏิบัติการสอน เป็นตน้ ทง้ั จากคณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรมและเทคโนโลยี และจากสถานศกึ ษาท่ีนักศกึ ษาไปสังกดั 9) นักศึกษารายงานตัวปฏิบัติหน้าที่เป็นครูฝึกปฏิบัติการสอนยังสถานศึกษาเครือข่าย ส่งมอบ เอกสารส่งตัวนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู รวมท้ังรับทราบการเสนอแต่งต้ังครูพี่เลี้ยงจากผู้บริหารและรับ มอบหมายภาระการฝึกปฏิบัติงาน เพื่อนามาใช้ในการวางแผนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูจึงถือว่ากระบวนรับ นักศกึ ษาเข้าฝกึ ประสบการณว์ ิชาชพี ครสู มบรู ณ์ 3.4.2 ระหวา่ งทนี่ กั ศกึ ษากาลงั ฝกึ ปฏิบัติการสอน มแี นวปฏบิ ตั ิดังตอ่ ไปน้ี บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการวิชาชพี ครแู ละอาจารยน์ เิ ทศก์ 3.4.2.1 คณะกรรมการวิชาชีพครูประชุมวางแผนการนิเทศการฝึกปฏิบัติการสอน แต่งต้ัง คณะกรรมการนเิ ทศโดยใชส้ ัดสว่ น อาจารยน์ เิ ทศ : นกั ศึกษา ในสัดสว่ น 1: 10 3.4.2.2 ประชุมคณะกรรมการนเิ ทศเพอื่ วางแผนการนิเทศประจาปกี ารศกึ ษา โดยมรี ูปแบบการ นเิ ทศดงั น้ี 1) ดาเนินการนิเทศภาคการศึกษาละอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยต้องมีการนิเทศตาม สภาพจริงในห้องเรียนอย่างน้อย 1 คร้ัง นอกจากน้ันให้นิเทศได้ตามความเหมาะสมโดยให้คานึงถึงหลักการนิเทศการ สอนเป็นสาคัญ กรณี สถานศึกษาท่ีมีนักศึกษาฝึกปฏิบัติการสอนเป็นคร้ังแรก ให้ช้ีแจงรายละเอียดการฝึกปฏิบัติการ สอนใหท้ ราบไปพรอ้ มกับการนเิ ทศตามสภาพจรงิ ในห้องเรียน โดยกาหนดให้อาจารยน์ เิ ทศไปพร้อมกนั ทุกสาขาวิชา

2) ให้นักศกึ ษาดาเนินการจัดทาแผนการสอนรายสัปดาห์ อยา่ งนอ้ ย 1 วิชา โดยใช้ รูปแบบแผนการสอนตามท่ีคณะกาหนด และเสนอให้อาจารย์นิเทศก์พิจารณาให้ความเหน็ ชอบก่อนปฏิบัติการสอนจริง ทุกสัปดาหผ์ า่ น ระบบ LMS 3) หลังจากนักศึกษาปฏิบัติการสอนในทุกสัปดาห์ให้นักศึกษาส่งบันทึกการสอน หลงั การสอนทุกครั้งผา่ น ระบบ LMS 4) งานฝึกปฏิบัติการสอนจะดาเนินกิจกรรมประชุมผู้บริหาร คณะกรรมการ วชิ าชีพครู และ อาจารยน์ ิเทศก์ เพือ่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (KM) ด้านการฝึกปฏบิ ตั ิการสอน ภาคการศกึ ษาละ 2 ครง้ั 3.4.2.3 อาจารย์นิเทศดาเนินการนิเทศการสอนนักศึกษาฝึกปฏิบัติการสอนตามสภาพจริงใน สถานศึกษาเครอื ขา่ ยท่ไี ด้รบั มอบหมาย โดยมีขัน้ ตอนการดาเนนิ งานดังต่อไปนี้ 1) กอ่ นออกนิเทศ  อาจารยน์ เิ ทศบนั ทกึ ขอ้ ความขออนญุ าตเดินทางไปราชการตามคาส่งั  งานฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารสอน สง่ หนังสือขอความอนุเคราะหเ์ พ่ือให้อาจารยน์ ิเทศก์ เข้านเิ ทศการฝกึ ปฏิบัตกิ ารสอน ไปยังสถานศึกษาพร้อมระบรุ ายชอื่ อาจารยน์ เิ ทศ  อาจารยน์ เิ ทศตรวจสอบตารางสอนของนกั ศึกษา  อาจารย์นิเทศประสานกับครูพ่ีเล้ียงเพื่อนัดหมาย วัน เวลา สถานที่ การนเิ ทศการฝึกปฏิบัติการสอน  อาจารย์นเิ ทศทาหนงั สือขอเดินทางไปราชการเพ่อื นิเทศการสอนนักศกึ ษา 2) ระหว่างนเิ ทศ  อาจารยน์ ิเทศก์ตดิ ตอ่ หวั หน้าแผนกและครพู เ่ี ลยี้ ง  อาจารย์นิเทศก์ดาเนินการนิเทศการสอนอย่างน้อยเป็นเวลา 30 นาที ให้ประเมิน ในแบบประเมนิ ผลปฏบิ ัตกิ ารสอน  อาจารย์นิเทศก์แจ้งผลการนิเทศให้นักศึกษาทราบหลังจากนักศึกษา ปฏิบัติการสอนเสรจ็ ส้ิน และบนั ทกึ แบบประเมนิ ผลปฏิบตั ิการสอนระบบ LMS 3) หลงั นเิ ทศ  อาจารย์นิเทศก์เข้าร่วมกิจกรรมประชุมแลกเปล่ียนเรียนรู้ (KM) ด้านการ ฝกึ ปฏิบัตกิ ารสอนกบั ผู้บริหาร คณะกรรมการวชิ าชพี ครู ภาคการศกึ ษาละ 2 ครั้ง บทบาทหน้าทข่ี องสถานศึกษาเครือขา่ ยและครพู ีเ่ ล้ียง 1) สถานศึกษาเครือข่ายจัดรายวิชาที่เหมาะสมให้กับนักศึกษาปฏิบัติการสอนโดยมีจานวน คาบสอนระหวา่ ง 8-16 คาบต่อสัปดาห์ (ควรเป็นรายวิชาทมี่ ที งั้ ภาคทฤษฎแี ละปฏบิ ัติ) 2) สถานศึกษาเครือข่ายจัดหาครูพี่เลี้ยงที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์คุรุสภากาหนด และควรมี ความเช่ยี วชาญในรายวิชาทนี่ ักศึกษาสอนและ อานวยความสะดวกเกี่ยวกับ วัสดุ ครุภณั ฑ์ ประกอบการสอน 3) สถานศึกษาเครือข่ายมอบหมายภาระงานอื่น ๆ ตามสมควรกับการปฏิบัติการสอนใน สถานศึกษาเต็มเวลา 4) สถานศกึ ษาสรุปรายงานจานวนวันในการเขา้ ทางาน วันลาปว่ ย วนั ลากิจ มาสายและขาด งาน โดยใชแ้ บบฟอรม์ ทีอ่ ย่ใู นเล่มลงชอื่ การปฏบิ ัติงานของนักศึกษา

5) เม่ือนักศึกษาสิ้นสุดการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ขอให้สถานศึกษาทาหนังสือส่งตัว กลับมายังมหาวิทยาลัยฯ พร้อมหนังสือรับรองการฝึกสอน และเกียรติบัตร ดังตัวอย่างในภาคผนวก ก หรือตามแบบ ของแตล่ ะสถานศึกษา 6) ให้ความรว่ มมอื ในการจดั กจิ กรรมและใหข้ ้อเสนอแนะเกย่ี วกับการฝกึ ประสบการณ์วิชาชีพ ครแู ละการปฏิบตั กิ ารสอนแก่คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ัย ตาม โอกาสทเ่ี หมาะสม 7) ส่งเสรมิ สมั พันธภาพอนั ดรี ะหวา่ งนกั ศึกษากบั บุคลากรในสถานศึกษาและชุมชนนั้น ๆ 8) ครูพ่ีเลี้ยง ควรเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้สังเกตการณ์จัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูพ่ีเลี้ยง ในสัปดาห์แรกของการปฏิบัติการสอน ก่อนลงมือปฏิบัติการสอนจริง (สาธิตการสอน แนะนา และทากิจกรรมต่าง ๆ ในชน้ั เรียนให้ดูเปน็ แบบอย่าง) และให้คาแนะนาเกีย่ วกบั การทาแผนการสอนรายวชิ า และแผนการสอนรายสปั ดาห์ 9) ครูพ่ีเล้ียง สังเกตการณ์สอนและการปฏิบัติงานของนักศึกษาอย่างสม่าเสมอ ไม่ควรปล่อย ให้สอนโดยลาพัง เพ่ือช่วยแก้ไขข้อบกพร่องให้การสอนเป็นไปด้วยดีและช่วยแนะนานักศึกษาในด้านการจัด การเลือก การทา และการใชส้ ื่อการสอนตลอดจนแหล่งวทิ ยาการต่าง ๆ 10) ครูพี่เลี้ยง ตรวจแผนการเรียนรู้รายสัปดาห์พร้อมทั้งเขียนข้อเสนอแนะล่วงหน้าก่อนที่ นกั ศึกษาจะทาการสอน 11) ครูพ่ีเลี้ยง ปรึกษาหารือ และวางแผนร่วมกับอาจารย์นิเทศเพ่ือพัฒนาและแก้ไขปัญหา ดา้ นต่าง ๆ ของนักศกึ ษาและให้คาปรึกษาแกน่ ักศกึ ษาในการควบคมุ และการปกครองนักเรยี น บทบาทหนา้ ท่ีของนกั ศกึ ษา 1) นักศึกษาต้องปฏิบัติงานเต็มเวลาเสมือนเป็น ครู-อาจารย์ของสถานศึกษาน้ัน ๆ โดยไม่มี การลงทะเบียนในวิชาอ่ืน 2) นักศกึ ษาควรมีช่ัวโมงในการปฏิบัติการสอน 8 – 16 ชวั่ โมงตอ่ สปั ดาห์ รวมทัง้ สถานศึกษา สามารถมอบหมายงานอ่นื ๆ ใหน้ กั ศกึ ษาทาไดต้ ามขอบเขตและเงื่อนไขของเวลาตามความเหมาะสม 3) นักศึกษาทาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพเสร็จในแต่ละสัปดาห์ จะต้องเขียน บันทึกงาน/ กิจกรรม ลงในแบบฟอร์มที่กาหนดให้ พร้อมทั้งให้ครูพี่เลี้ยงหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนานักศึกษา ลงนามรับทราบ รวมทั้งรับข้อเสนอแนะเพอ่ื การปรับปรุงต่อไป 4) นักศึกษาจะต้องจัดทา รายงานผลการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ตามแบบฟอร์มที่ งานฝึกปฏิบัติการสอน คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี กาหนด โดยสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของ คณะฯ 5) นักศึกษาจะต้องกลับมาสัมมนา เพื่อรายงานผลการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ทุกศุกร์ สุดท้ายของเดือน เพ่ือจะได้รับทราบความคืบหน้าของการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูจึงถือว่ากระบวนการรบั นักศึกษา เขา้ ฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพครูสมบรู ณ์

6) คณะฯกาหนดให้นักศึกษาส่ง รายงานผลการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ที่ได้รับความ เห็นชอบจากอาจารย์พ่ีเล้ียง หรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายจากสถานศึกษา ในสัปดาห์ที่ 19 ของสถานศึกษาท่ีนักศึกษาฝึก ประสบการณ์วชิ าชพี ครู 3.4.3 หลังจากนกั ศกึ ษาฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารสอนเสร็จส้ิน มีแนวปฏิบัตดิ งั ตอ่ ไปนี้ 1) สถานศึกษาเครือข่ายทาหนังสือส่งตัวนักศึกษากับมายังมหาวิทยาลัย พร้อมเกียรติบัตร และหนังสอื รับรองการฝกึ ปฏิบัติการสอน 2) สถานศึกษาเครือข่าย ครูพี่เล้ียง อาจารย์นิเทศสรุปและประเมินผลการนิเทศการสอนโดย ใช้เกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัตกิ ารสอน ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ผลประเมินจากสถานศกึ ษาเครอื ข่าย 70% ครูพเี่ ลย้ี ง 40% แบบประเมินผลการจัดการเรียนรดู้ า้ นพุทธิพสิ ยั 10% แบบประเมนิ ผลการจัดการเรยี นร้ดู ้านทกั ษะพสิ ยั 10% แบบประเมนิ ผลดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม 10% แบบประเมินแผนการสอน 10% หัวหนา้ แผนก 20% แบบประเมนิ ผลด้านคุณธรรม จริยธรรม 10% แบบประเมินการมีส่วนร่วมกิจกรรมตา่ ง ๆ 10% นกั เรียน 10% แบบประเมินผลการสอน 10% 2. ผลประเมินจาก งานวจิ ยั การสมั มนา และรายงานผลปฏบิ ัตกิ ารสอน 30% แบบประเมินโครงรา่ งการวจิ ยั 15% อาจารย์นิเทศการ 30% แบบประเมินรายงานการวิจัย สอน แบบประเมินรายงานผลปฏิบัตกิ ารสอน 10% การเขา้ ร่วมสมั มนา 5% 3) คณะกรรมการวิชาชพี ครปู ระชุมพิจารณาผลการเรียนในรายวชิ าการฝกึ ปฏิบตั ิการวชิ าชีพครู 4) งานฝึกปฏิบัติการสอน จัดกิจกรรมประชุมแลกเปลี่ยนด้านการฝึกประสบการณ์สอน ระหวา่ งสถานศึกษาเครือข่ายและมหาวิทยาลัยโดยมีผ้บู รหิ ารของคณะ ผบู้ รหิ ารของสถานศึกษา คณะกรรมการวิชาชีพ ครู อาจารย์นเิ ทศ ครูพี่เลย้ี ง เพือ่ ทบทวนผลการดาเนนิ งานการฝึกปฏิบตั กิ ารสอนประจาปีการศกึ ษา

ผลการดาํ เนินงาน 4.1 จานวนนกั ศึกษาทสี่ าเร็จการศกึ ษาแล้วได้รับใบประกอบวิชาชีพครู จานวนนักศึกษาไดร้ บั ใบประกอบวิชาชพี ครู (คน) 2557 2558 2559 2560 สาขาวิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ 20 31 35 26 สาขาวชิ าวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกสแ์ ละโทรคมนาคม 41 49 67 59 สาขาวชิ าวศิ วกรรมแมคคาทรอนิกส์ 22 21 38 15 รวม 83 101 140 100 4.2 เครือข่ายสถานศึกษาเครอื ขา่ ยสาหรบั การฝึกปฏบิ ัติการสอน จานวนครสู ถานศึกษาสาหรบั การฝึกปฏิบัติการสอน 2557 2558 2559 2560 สาขาวิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ 8 8 8 10 สาขาวชิ าวศิ วกรรมอเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละโทรคมนาคม 8 10 12 12 สาขาวิชาวิศวกรรมแมคคาทรอนกิ ส์ 7689 รวม 23 24 28 31 4.3 จานวนครพู เี่ ลยี้ ง จานวนครพู เ่ี ลีย้ ง 2557 2558 2559 2560 สาขาวชิ าวศิ วกรรมอุตสาหการ 20 31 35 26 สาขาวิชาวิศวกรรมอเิ ล็กทรอนิกสแ์ ละโทรคมนาคม 41 49 67 59 สาขาวชิ าวศิ วกรรมแมคคาทรอนกิ ส์ 22 21 38 15 รวม 83 101 140 100 4.4 จานวนอาจารย์นิเทศก์ จานวนอาจารยน์ เิ ทศก์ 2557 2558 2559 2560 สาขาวชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ 5777 สาขาวชิ าวศิ วกรรมอเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละโทรคมนาคม 12 12 12 12 สาขาวิชาวศิ วกรรมแมคคาทรอนิกส์ 5555 รวม 22 24 24 24 สรุปและอภปิ รายผล : จากการดาเนินงานสามารถสรุปได้ว่า งานฝึกปฏิบัติการสอนได้ใช้คู่มือการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและ กระบวนการ KM หลายรปู แบบ เช่น การทบทวนหลงั การปฏบิ ตั งิ าน เวทีสาหรบั การแลกเปลี่ยนความรู้ การศึกษาดูงาน การเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมา การเรียนรู้โดยการปฏิบัติ พ่ีเลี้ยง การสอนงาน เป็นต้น เป็นแนวทางในการบริหาร จัดการท่ีนักศึกษา อาจารย์นิเทศก์ ครูพี่เลี้ยง สถานศึกษาศึกษาเครือข่ายและบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องสาหรับการฝึก ปฏิบัติการสอนของนักศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระยะเวลา 4 ปี (2557-2560) มีผลสาเร็จจากการบริหาร จัดการการฝกึ ปฏิบตั กิ ารสอน 1. ระบบการบริหารจัดการการฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาของหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต (หลักสูตร 5 ปี) เป็นไปตามเกณฑ์ที่คุรุสภากาหนดจนทาให้นักศึกษาที่สาเร็จการศึกษาได้รับใบประกอบวิชาชีพครู จานวน 424 คน

2. ระบบการบริหารจัดการนี้ทาให้คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีมีผู้เกี่ยวข้องกับการฝึก ประสบการณ์วิชาชีพครูมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ท่ีคุรุสภากาหนดรองรับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูของ นักศึกษาเป็นไปตามเกณฑ์ที่คุรุสภากาหนด คือ เครือข่ายสถานศึกษาจานวน 31 แห่ง ครูพี่เล้ียงจานวน 140 คน และ อาจารย์นเิ ทศก์ จานวน 25 คน 3. ผลการประเมินผลการปฏิบัติการสอนจากสถานศึกษาเครือข่าย ครูพ่ีเล้ียง และอาจารย์นิเทศ พบว่า นักศึกษามีทักษะความเป็นครูวิชาชีพเพิ่มมากข้ึน สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมในฐานะท่ีเป็นครูเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ของหลกั สูตรอย่างดี บรรณานุกรม คณะกรรมการวิชาชีพครู. 2557. คู่มือการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและ เทคโนโลย.ี สงขลา: มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ิชัย. สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. 2546. “พระราชบญั ญัตสิ ภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖”. ฉบบั ท่สี บื ค้นเมือ่ วนั ที่ 8 กุมภาพนั ธ์ 2562, จาก https://person.mwit.ac.th/01-Statutes/teacher-act01.pdf สานักงานคุรุสภา. 2557. “ประกาศคุรุสภา เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาเพื่อ ก า ร ป ร ะ ก อ บ วิ ช า ชี พ พ . ศ . 2 5 5 7 ”. ฉ บั บ ท่ี สื บ ค้ น เ มื่ อ วั น ท่ี 8 กุ ม ภ า พั น ธ์ 2562, จ า ก http://alumni.rtu.ac.th/doc/Degree_certificate.pdf

ช่ือเร่ือง / แนวปฏิบัติท่ีดี : การพัฒนาระบบบริหารจัดการขอมูลสารสนเทศดานการประกัน คุณภาพโดยใชร ะบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) ชอื่ -นามสกลุ ผูนาํ เสนอ : นางสาวสริ ิอร ตระกูลเมฆี สถาบันการศึกษา : มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ัย หนวยงาน : คณะครุศาสตรอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี เบอรโ ทรศัพทมือถือ : 080-3959378 เบอรโ ทรสาร : 074 -317180 E-Mail address: [email protected] -1-

การพฒั นาระบบบริหารจัดการขอ มูลสารสนเทศดานการประกนั คุณภาพ โดยใชร ะบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) The development of quality management information system using SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) นางสาวสิรอิ ร ตระกูลเมฆี (Sirion Trakulmakee) เจาหนาทห่ี นว ยประกันคุณภาพ คณะครศุ าสตรอตุ สาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ยั E-mail : [email protected] บทสรุป : แนวปฏิบัติในการพัฒนาระบบบริหารจัดการขอมูลสารสนเทศดานการประกันคุณภาพ โดยใชระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) ซ่ึงเปนแนวปฏิบัติท่ีใชสําหรับสนับสนุน ดานขอมูลใหกับบุคลากรจะตองมีหนาที่รับผิดชอบดานการประกันคุณภาพของคณะครุศาสตร อตุ สาหกรรมและเทคโนโลยี และเพื่อใหเปนศูนยกลางขอมูลสารสนเทศใหสามารถเขาถึงขอมูลที่ มคี ุณภาพ สะดวก รวดเรว็ ถกู ตอง และตรวจสอบได ผลลัพธจากการใช SQA ยังสามารถนําไปใช ใหเกดิ ประโยชนในการพัฒนาระบบการบรหิ ารดา นประกนั คุณภาพการศกึ ษาที่มีคุณภาพตอ ไป Summary: Best practice for development of quality assurance information management system by using SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) system is used for best practice to support an information for staff which were responsible to quality assurance department in faculty of industrial education and technology. And used for information center Quality assurance which was responsible to quality assurance department which can be able to access the quality information, convenience, prompt, accurate and verification. Moreover, SQA can be used to benefit in the future. คาํ สาํ คัญ : การพฒั นาระบบ ขอมูลสารสนเทศ การประกันคุณภาพ 1. บทนํา : คณะครุศาสตรอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ไดมี การจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรครุศาสตรอุตสาหกรรมบัณฑิต (5 ป) ท้ังหมด 3 สาขาวิชา ไดแก สาขาวิชาวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ และสาขาวิชาวิศวกรรม อิเล็กทรอนิกสและโทรคมนาคม และมีการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต ท้ังหมด 2 สาขาวิชา ไดแกสาขาเทคโนโลยีส่ือสารมวลชน สาขาเทคโนโลยีปโตรเลียม (เปดสอนระดับ ปริญญาตรีควบ ปวส.) ซ่ึงมีพันธกิจในการดําเนินการดังน้ีคือ 1. ผลิตบัณฑิตครูวิชาชีพและนัก -2-

เทคโนโลยีเฉพาะทางดานวิชาชีพบนพื้นฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีท่ีมีคุณภาพและมี ความสามารถพรอมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศดวยนวัตกรรม 2. สรางงานวิจัย สิ่งประดิษฐ และนวัตกรรมสูการผลิตการบริการที่สามารถถายทอดและสรางมูลคาเพ่ิมได 3. บริการวิชาการแกสังคมดวยนวัตกรรม เพื่อพัฒนาอาชีพใหมีความสามารถ ในการแขงขัน และมี คุณภาพชีวิตที่ดีข้ึนอยางย่ังยืน 4. อนุรักษ สืบทอด บูรณาการ การทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม และ สิ่งแวดลอมของทองถ่ินและชาติโดยใชน วัตกรรมเปนฐาน การดําเนินการตามระบบและกลไกการประกันคุณภาพการศึกษาของคณะครุศาสตร อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งประกอบไปดวย การพัฒนาคุณภาพ/การควบคุมคุณภาพ (Quality Control) การตรวจติดตามคุณภาพ (Quality Audit) และการประเมินคุณภาพ (Quality Assessment) ตองอาศัยฐานขอมูลที่จําเปนในการจัดทํารายงานประจําปและกํากับ การดําเนนิ การใหเปน ไปอยางมปี ระสิทธภิ าพ จึงไดพัฒนาระบบบริหารจัดการขอมูลสารสนเทศ โดยใชระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) ข้นึ เพื่อให อาจารยป ระจําหลกั สตู ร และบุคลากรผูรับผิดชอบตัวช้ีวัดในฝาย ตางๆ ในคณะที่มีหนาที่รับผิดชอบดูแลงานท่ีตนเองไดรับมอบหมายสามารถเขาถึงขอมูล สารสนเทศ และเพ่ือใหเปนศูนยกลางขอมูลงานประกันคุณภาพ และผูเกี่ยวของสามารถเขาถึง ขอมูลไดอยางรวดเร็วและเกิดความคลองตัวในการดําเนินงาน อีกท้ังสามารถเขาถึงขอมูลที่มี คุณภาพ สะดวก รวดเรว็ และมปี ระสทิ ธิภาพมากยง่ิ ขน้ึ 2. วัตถุประสงค : 1. เพ่อื ใหบุคลากรผรู บั ผิดชอบตัวชี้วัดและบุคลากรในคณะ สามารถเขาถึงขอมูลไดอยาง รวดเร็ว 2. เพ่ือใหผูมีสวนไดสวนเสียรับรูขอมูลขาวสารที่จําเปน และไดความรูใหมๆอยาง สม่าํ เสมอ 3. วิธีการดาํ เนินงาน : มีการดําเนินงานตามวงจรควบคมุ คุณภาพการประกนั คุณภาพการศึกษา (PDCA) ดังน้ี 1. การวางแผนการดําเนินงาน (Plan) โดยการวางแผนการดําเนินการระดับหลักสูตร ระดบั คณะ และระดบั มหาวิทยาลยั ประชมุ คณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษา โดยมีการใช KM tools คือใชฐ านความรู (Knowledge Bases) วางแผนการดาํ เนนิ การรว มกนั สะทอนปญหา และแนวทางในการพัฒนางานใหมีประสิทธิภาพ ควบคูกับการจัดทําขอมูลสารสนเทศดานการ ประกันคุณภาพแบงออกเปน 3 หมวดหมู ไดแก 1.1 หมวดสารสนเทศดานการประกันคุณภาพ ไดแก รายงานการประเมิน ตนเอง SAR ระดับคณะ รายงานการประเมินตนเอง SAR ระดับหลักสูตร รายงานการประเมิน ตนเอง SAR ระดับ ปวส. รายงานผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน IQA ระดับคณะ รายงานผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน IQA ระดับหลักสูตร รายงานผลการประเมิน คุณภาพการศึกษาภายใน IQA ระดบั คณะ และหลกั ฐานรายงานการประเมนิ ตนเอง -3-

1.2 หมวดเผยแพรความรูดานการประกันคุณภาพ ไดแก เร่ืองระบบกลไกการ ประกันคุณภาพ คูมือการดําเนินงานตางๆ เก่ียวกับ 5ส+ และความรูเก่ียวกับ KM โดยมีการใช KM tools คอื มีเวทีเสวนา (Dialogue) 1.3 หมวดประชาสัมพันธกิจกรรมดานการประกันคุณภาพ ไดแก กิจกรรมการ ดําเนินการตรวจ 5 ส+ กิจกรรมการตรวจประเมินคุณภาพภายในระดับคณะ กิจกรรมการตรวจ ประเมินคุณภาพภายในระดับหลักสูตร กิจกรรมการตรวจประเมินคุณภาพภายในระดับ ปวส. โดยมีการใช KM tools คอื การเรยี นรูโดยการปฏิบตั ิ (Action Learning) ภาพที่ 1 หนา แรกของระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) 2. การดําเนินงาน (Do) มีการเสนอคณะกรรมการการประกันคุณภาพการศึกษา คณะ ครุศาสตรอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี โดยมีการนําเสนอโดยมีการใช KM tools คือเวทีเสวนา (Dialogue) ขอมูลสารสนเทศดานการประกันคุณภาพ รวมทั้งชี้แจงระยะเวลาในการดําเนินการ และวิธีการใชงานระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) ใหผูเกี่ยวของทราบ พรอมทั้ง ทาํ การเปรยี บเทยี บขนั้ ตอนการทาํ งาน ระยะเวลาในการปฏบิ ัติงานของระบบเดิม -4-

ภาพที่ 2 ประชุมคณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษา ภาพท่ี 3 ขอมูลท่ีจําเปน ในระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) 3. การตรวจสอบและประเมิน (Check) ติดตามประเมินผลโดยมีการประเมิน องคประกอบของระบบโดยใชแบบสอบถามซึ่งเปนเคร่ืองมือท่ีใชในการสอบถามบุคลากรของ คณะครศุ าสตรอ ตุ สาหกรรมและเทคโนโลยแี ละคณะกรรมการการประกันคุณภาพการศึกษา ที่ได ใชข อมูลสารสนเทศดานการประกันคุณภาพ ผานระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) ในเร่ืองความสะดวก รวดเร็ว ถูกตอง ของขอมูล และงายตอการใชงานจากการจัดทําฐานขอมูล โดยแบงเปนหมวดหมู รวมท้ังใชแบบสํารวจความพึงพอใจของผูใชระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) และติดตามการใชระบบเก่ียวกับปญหาและอุปสรรคเกิดขึ้น โดยนําผลที่ได เขา สกู ระบวนการ (Act:A) อกี ครงั้ โดยไมมีส้นิ สุด ภายใตแ นวคิดการพัฒนาอยางตอเน่อื ง 4. การตรวจสอบ และทบทวนการดําเนินงาน (Act) โดยการนําขอเสนอแนะจากการ สอบถามผูท่ีไดใชขอมูลสารสนเทศดานการประกันคุณภาพ ผานระบบ SMART QUALITY -5-

ASSURANCE (SQA) และนาํ ขอ เสนอแนะจากแบบสอบถามซ่ึงเปนเคร่ืองมือท่ีใชมาปรับปรุงและ พัฒนาการระบบ SMART QAULITY ASSURANCE (SQA) เพื่อใหการใชงานมีประสิทธิภาพ ย่ิงขึ้น โดยการประชุมคณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาของคณะ เพ่ือสะทอนผลและหา แนวทางพฒั นาตอ ไป ภาพท่ี 4 หนา ประมวลภาพกิจกรรมในระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) 4. ผลและอภปิ รายผลการดําเนนิ งาน : ระบบบริหารจัดการขอมูลสารสนเทศ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) สามารถ ทําใหการดําเนินงานตามระบบและกลไกการประกันคุณภาพ คุณภาพ สะดวก รวดเร็ว และมี ประสิทธิภาพ จากการจัดทําฐานขอมูลโดยแบงเปนหมวดหมู บุคลากรสามารถเขาถึงขอมูลได อยางรวดเรว็ และทําใหผูร บั ผดิ ชอบดา นงานประกันคุณภาพสามารถเขาถึงขอมูลไดโดยตรงทําให ลดระยะเวลาการขอขอ มลู จากเจาหนาทหี่ นว ยประกันคุณภาพ และพบวาจากการนําระบบระบบ บรหิ ารจัดการขอมูลสารสนเทศ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) มาใชทําใหผูใชบริการ เกิดความพึงพอใจและทําใหการพัฒนาคุณภาพ/การควบคุมคุณภาพ (Quality Control) การ ตรวจติดตามคุณภาพ (Quality Audit) และการประเมินคุณภาพ (Quality Assessment) ของ คณะครุศาสตรอ ุตสาหกรรมและเทคโนโลยีเปนไปอยา งมีประสิทธภิ าพ -6-

ประเดน็ ระดับ สว น แปร 1.ความชดั เจนในการอธบิ าย ชีแ้ จง และแนะนําขน้ั ตอนการ คะแนน เบย่ี งเบน ผล 2.การใชงานสะดวกไมยุงยาก ลดข้ันตอน เฉล่ีย มาตรฐาน มาก 3.ความเหมาะสมในการจัดหมวดหมูขอ มลู 4.32 มาก 4.ความถกู ตองครบถว นของขอมูล 4.35 S.D. มาก 5.ความสวยงาม ความทันสมัย นา สนใจ 4.21 0.79 มาก 6.ความพึงพอใจในภาพรวม 4.22 0.75 มาก 4.09 0.78 มาก โดยภาพรวม 4.20 0.84 มาก 4.24 0.87 0.78 0.82 ตารางที่ 1 คาเฉลย่ี ( ) และสวนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) เกีย่ วกับความพึงพอใจระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) จากตารางท่ี 1 พบวาผูใชระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) มีความพึงพอใจ โดยภาพรวมอยูในระดับมาก =4.24, S.D. =0.81 โดยแยกประเดน็ ตางๆ เรียงลําดับจากมากไป หานอย ดังน้ี 1. การใชงานสะดวกไมยุงยาก ลดข้ันตอน อยูในระดับมาก =4.35, S.D. =0.75 2. ความชดั เจนในการอธิบาย ชี้แจง และแนะนําข้ันตอนการใหบริการ อยูในระดับมาก =4.32 S.D. =0.79 3. ความถูกตอ งครบถวนของขอมูล อยูในระดับมาก =4.22, S.D. =0.84 4. ความ เหมาะสมในการจัดหมวดหมูขอมูล อยูในระดับมาก =4.21, S.D. =0.78 5. ความพึงพอใจใน ภาพรวม อยูในระดับมาก =4.20, S.D. =0.78 6.ความสวยงาม ความทันสมัย นาสนใจ อยูใน ระดับมาก =4.09, S.D. =0.87 สรุป : การพัฒนาระบบบริหารจัดการขอมูลสารสนเทศดานการประกันคุณภาพโดยใชระบบ SMART QUALITY ASSURANCE (SQA) ชวยใหผูมีสวนเก่ียวของและผูรับผิดชอบดานการ ประกันคุณภาพของคณะครุศาสตรอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีไดรับขอมูลขาวสารท่ีจําเปนตอ การดําเนินงานดานประกันคุณภาพ และไดรับขอมูลสารสนเทศดานประกันคุณภาพท่ีเปน ประโยชนและรวดเร็ว รวมถึงไดรับความรูใหมๆดานประกันคุณภาพ เนื่องจากเกณฑการ ดําเนนิ งานดา นประกันคุณภาพมีการเปล่ียนแปลงอยา งสมาํ่ เสมอเพื่อใหระบบมีความถูกตอง และ ทันตอเหตุการณ สอดคลองกับการจัดระบบการศึกษาในปจจุบันเพ่ือการพัฒนาระบบบริหาร อยางรวดเร็วและตอ เน่อื ง จงึ มกี ารพฒั นาและประยุกตใชร ะบบ SQA ขึ้น -7-

บรรณานุกรม : คณะกรรมการประกันคุณภาพภายในระดับอดุ มศึกษา. 2558. คูมือการประกันคุณภาพ การศึกษาภายใน ระดบั อุดมศึกษา พ.ศ.2557. กรุงเทพมหานคร: หา งหุนสวนจาํ กดั ภาพพิมพ. สถาบันถายทอดเทคโนโลยีสูชุมชน.2558. คูมือการจัดการความรูมหาวิทยาลัย เทคโนโลยี ราชมงคลลา นนา. 15-16. เชียงใหม : มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา นนา. -8-

การพฒั นาผลิตภณั ฑ์จากตาลโตนดของชุมชนตาบลบางเขยี ด อาเภอสิงหนคร จังหวดั สงขลา โดยใช้เคร่อื งมือการจดั การความรู้ Product development of Palmyra palm (Borassus flabellifer L.) of Bangkeiad community Singhanakhon district Songkhla province by using knowledge management tools นพดล โพชกาเหนดิ 1* โกสินทร์ ทีปรักษพันธ์2 สุปราณี วนุ่ ศรี3 ธัญวลัย รัศธนนั กิจจ์4 และณชิ า ประสงคจ์ ันทร์5 1ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาศึกษาทัว่ ไป คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ัย [email protected] 2อาจารย์ สาขาศึกษาทวั่ ไป คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ัย [email protected] 3อาจารย์ สาขาศึกษาท่ัวไป คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชัย [email protected] 4อาจารย์ สาขาศึกษาทว่ั ไป คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชยั [email protected] 5ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ สาขาศึกษาทัว่ ไป คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั [email protected] .............................................................................................. ............................................................ บทสรปุ การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากตาลโตนดของชุมชนตาบลบางเขียด อาเภอสิงหนคร จังหวัด สงขลา ดว้ ยระบบวงจรบริหารงานคณุ ภาพ ซ่ึงมกี ระบวนการเริ่มจากการวางแผน การปฏิบตั ิ การ ตรวจสอบ และการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา โดยใช้เครื่องมือการจัดการความรู้ เช่น เวทีเสวนา แหล่งผู้รู้ในองค์กร เพื่อนช่วยเพื่อน การสอนงาน การเรียนรู้โดยการปฏิบัติ และการสร้าง นวัตกรรม เป็นต้น ซง่ึ ผลการดาเนินงานสาเร็จลุลว่ งไปดว้ ยดี ชุมชนตาบลบางเขียดสามารถนาองค์ ความรู้ท่ีได้มาบูรณาการเพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์จากตาลโตนดในรูปแบบใหม่ท่ีเป็นเอกลักษณ์ของ ชุมชนทั้งประเภทอาหาร ได้แก่ คุกกี้ตาลโตนด คัพเค้กตาลโตนด และบัตเตอร์เค้กตาลโตนด สาหรับประเภทของใช้ ได้แก่ สบู่ตาลโตนด สบู่ใยตาลโตนด และสบู่ถ่านตาลโตนด โดยสามารถ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนได้อย่างต่อเน่ือง จนสามารถดาเนินการจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจโอทอป ผลิตภัณฑ์ชุมชนบางเขียด เลขทะเบียน 901500072 และมีการวางแผนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆ เพื่อสร้างความย่ังยืนให้แก่ชุมชนต่อไป นอกจากนั้นยังสามารถใช้ชุมชนเป็นฐานการเรียนรู้ ให้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย และชุมชนลุ่มน้าทะเลสาบสงขลาที่สนใจ ได้อกี ด้วย คําสาํ คัญ ตาลโตนด ตาบลบางเขยี ด เคร่ืองมือการจดั การความรู้ Summary

Product development from palmyra palm of Bangkeiad community Singhanakhon district Songkhla province with quality management cycle (PDCA) started from planning, doing, checking and acting by using knowledge management tools such as dialogue, center of excellence, peer assist, coaching, action learning and innovation. The performance was done well. The community was able to apply the knowledge that had been integrated to develop various palmyra palm products in a new form that is unique to the community including foods such as palmyra palm cookies, palmyra palm cup cake and palmyra palm butter cake. For daily use such as palmyra palm soap, palmyra palm fiber soap and palmyra palm charcoal. These could create continuous incomes to the community and the OTOP group was established to develop new products for making sustainable community. Furthermore, the community could be severed as learning center for students of Rajamangala UniversityofTechnologySrivijaya andSongkhla lake basin communities. Keywords Palmyra palm, Bangkeiad community, knowledge management tools บทนาํ พื้นท่ีตาบลบางเขียด อาเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เป็นชุมชนที่มีพ้ืนท่ีติดกับทะเลสาบ สงขลา มีพื้นท่ีประมาณ 13.84 ตารางกิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพทางด้านการเกษตร และทาการประมงเป็นหลัก (ไทยตาบล ดอท คอม, 2562) แต่ในสภาวะปัจจุบันท่ีราคาพืชผลทาง การเกษตรและประมงตกตา่ และทรัพยากรธรรมชาตไิ ด้ลดจานวนลง ส่งผลให้ประชากรในพ้ืนท่ีมี รายได้ลดน้อยลงด้วยเช่นกันซ่ึงสวนทางกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น สมาชิกในชุมชนจึงมีความสนใจ ในการหาองค์ความรู้เพ่ือนามาใช้ในการพัฒนาทรัพยากรของชุมชนเพื่อสร้างรายได้เสริม โดย ทรัพยากรท่ีชุมชนมีความสนใจในการพัฒนาได้แก่ ตาลโตนด (Borassus flabellifer L.) เนื่องจาก ตาลโตนดเป็นพืชเศรษฐกจิ ที่เปน็ อตั ลักษณ์ท้องถิ่นลุ่มน้าทะเลสาบสงขลาที่สาคัญชนิดหน่งึ โดยใน พ้ืนท่ีทะเลสาบสงขลามีต้นตาลโตนดเจริญเติบโตกระจายอยู่มากกว่า 3 ล้านต้นซ่ึงมากท่ีสุดใน ประเทศไทยโดยสามารถนามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้หลากหลายชนิด เช่น น้าตาลโตนด สามารถนามาใช้ผลิตเป็นน้าตาลแว่น น้าตาลผง และน้าตาลโตนดสด เป็นต้น ผลอ่อนสามารถ นามาใช้รับประทานสดได้หรือนาไปทาเป็นลูกตาลลอยแก้ว ผลลูกตาลโตนดสุกจะใช้เนื้อเยื่อสี เหลืองที่หุ้มเมล็ดนามาทาเป็นขนมที่เรียกว่า ขนมตาล ส่วนเมล็ดท้ิงไว้จนรากงอกหากทิ้งไว้ พอสมควรจะมีเนื้อเยื่อข้างในสามารถนามาเชื่อมทาเป็นขนมหรือที่เรียกว่า ลูกตาลเชื่อม นอกจากน้ียังใช้ผสมกับแป้งทาเป็นขนมหวาน จาวตาลเชื่อม นอกจากน้ันผลอ่อน หน่ออ่อน สามารถนามาใช้ประกอบอาหาร ประเภท ผัด ต้ม แกงได้ เป็นต้น (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2562) จะเห็นได้ว่าตาลโตนดเป็นพืชที่มีความสาคัญทางเศรษฐกิจชนิดที่หล่อเลี้ยงชุมชนลุ่มน้า ทะเลสาบสงขลาชนิดหน่ึง แต่ทั้งนี้เน่ืองจากผลิตภัณฑ์จากตาลโตนดชนิดต่างๆ ท่ีกล่าวถึงใน

ตอนต้นนั้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ชุมชนลุ่มน้าทะเลสาบสงขลามีการผลิตจาหน่ายอย่างแพร่หลายอยู่ ก่อนแล้ว โดยเฉพาะอย่างย่ิงผลิตภัณฑ์น้าตาลโตนด และผลตาลโตนดอ่อนน้ันเป็นผลิตภัณฑ์จาก ตาลโตนดที่ชุมชนบางเขยี ดท่มี ีการส่งจาหน่ายในตลาดทั่วไปอย่างแพร่หลาย เชน่ กัน เป็นจึงส่งผล ให้มีการแข่งขันทางตลาดสูง ชุมชนบางเขียดจึงมีแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากตาลโตนดใน รูปแบบใหม่ๆ เพ่ือให้ผลิตภัณฑ์ของชุมชนเป็นทางเลือกใหม่ แต่ชุมชนยังคงขาดองค์ความรู้ในการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ผู้วิจัยจึงได้นาหลักการจัดการความรู้ โดยใช้เครื่องมือจัดการความรู้ (Knowledge management tools, Km tools) มาประยกุ ต์ใชเ้ พ่ือใช้เปน็ กลไกสาคัญในการการ พฒั นาองค์ความรู้ของชุมชน เนื่องจากเคร่ืองมือการจัดการความรู้น้ันเป็นกลไกท่ีสาคัญอย่างหนึ่ง ในการที่จะใช้พัฒนาองค์กรมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น (สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ ชุมชน, 2558) เพอื่ ให้ชุมชนสามารถนาองค์ความร้ตู ่างๆ ทไ่ี ด้มาพัฒนาผลิตภัณฑจ์ ากตาลโตนดใน รูปแบบใหม่ๆ ท่ีเหมาะสมต่อบริบทของชุมชน ซ่ึงจะส่งผลให้เกิดการเพิ่มรายได้ให้แก่ชุน และยัง เป็นต้นแบบในการจัดการทรัพยากรจากตาลโตนดให้แก่ชุมชนลุ่มน้าทะเลสาบสงขลาแห่งอ่ืนๆ ตอ่ ไป วธิ ีการดําเนินงาน ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากตาลโตนดของชุมชนบางเขียดได้ดาเนินการโ ดยใช้เคร่ืองมือ การจดั การความรู้หลากหลายรูปแบบดงั ตอ่ ไปน้ี ผู้วิจัยได้การวางแผน (Plan) เพ่ือที่จะทาให้การพัฒนาผลิตใช้การจัดเวทีเสวนา (Dialogue) กลุ่มเล็กๆ กับตัวแทนชุมชน (ภาพท่ี 1) ได้แก่ กานัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นากลุ่มต่างๆ ในชุมชน ซ่ึงถือว่าเป็นแหล่งผู้ในชุมชน (Center of Excellent-CoE) ท่ีจะสามารถให้ข้อมูล พ้ืนฐานในด้านการจัดการเก่ียวกับตาลโตนดในชุมชนว่ามีด้านใดบ้าง ซึ่งจะส่งให้สามารถวาง แผนการดาเนินการเพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์จากตาลโตนดให้เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนต่อไป ซึ่งผล จากการจัดเวทเี สวนา ชมุ ชนได้เล็งเห็นถึงแนวทางการนาชีวมวลจากตาลโตนดได้แก่ ผลตาลโตนด สุก และเศษผลตาลโตนด (ภาพท่ี 2) มาพฒั นาเป็นผลิตภณั ฑ์ชุมชน เน่ืองจากแหล่งผลติ ผลิตภัณฑ์ จากตาลโตนดในพื้นที่ลุ่มน้าทะเลสาบยังไม่ได้ให้ความสาคัญกับส่วนน้ีมากนัก จึงน่าจะเป็น ชอ่ งทางที่จะสามารถพฒั นาผลิตภณั ฑ์ใหเ้ ป็นเอกลักษณข์ องชุมชนบางเขยี ดได้ ซึง่ ผู้วจิ ยั ไดน้ าโจทย์ จากชมุ ชนไปศึกษาความเปน็ ไปไดใ้ นการพฒั นาเป็นผลิตภณั ฑ์ต่อไป ภาพที่ 1 การวางแผนดาเนนิ งานโดยใชเ้ วทเี สวนาใหไ้ ดม้ าซ่ึงโจทยข์ องชมุ ชน

ภาพท่ี 2 โจทย์การพัฒนาผลิตภณั ฑต์ าลโตนดจากชมุ ชน จากโจทย์ท่ีไดจ้ ากชมุ ชน ผ้วู ิจยั ได้นาโจทย์จากชุมชนมาขอรับคาแนะนาจากเพอ่ื นร่วมงาน ในหลักสูตรรายวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาศึกษาท่ัวไป คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลศรีวิชัย ในลักษณะของเพื่อนช่วยเพ่ือน (Peer Assist) ซ่ึงเป็นผู้ที่มีความรู้และความ เชี่ยวชาญในการแปรรปู ผลติ ภัณฑจ์ ากธรรมชาติ โดยทีมวจิ ัยมแี นวคิดในการนาผลตาลโตนดสุกมา ผลิตเป็นสบู่ตาลโตนด (ภาพที่ 3) ทั้งน้ีผู้วิจัยได้มีแนวคิดในการนาผลตาลโตนดสุกท่ีเหลือจากการ ใช้งานมาผลิตเป็นถ่านตาลโตนดเพื่อนาชีวมวลจากตาลโตนดมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด จึงได้ ออกศึกษาดูงาน (Study tour) ในชุมชนท่ีมีการผลิตถ่านจากชีวมวล (ชุมชนบ้านหนองบัว ตาบล ทา่ ข้าม อาเภอหาดใหญ่ จังหวดั สงขลา) ทั้งนผ้ี ู้วิจัยไดป้ ราชญ์ชุมชนคือคุณอับดุลหร้อซักส์ จนั ทกา รักษ์ ซ่ึงเป็นปราชญ์ชุมชนท่ีมีความเช่ียวชาญในการผลิตถ่านจากชีวมวลมาการสอนงาน (Coaching) (ภาพที่ 4) เพอ่ื ที่ผู้วิจัยจะได้นาเทคโนโลยีการผลิตถ่านมาประยกุ ต์ใช้กบั การผลิตถ่าน ตาลโตนดต่อไป นอกจากน้ันผู้วิจัยยังได้ประสานไปยังบุคลากรผู้เช่ียวชาญในสาขาการแปรรูป อาหาร จากสาขา คหกรรมศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เข้า มาเป็นทีมงานข้ามสายงาน (Cross-Functional Team) เพื่อใช้องค์ความรู้ในการนาผลตาลโตนด สุกมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสมัยใหม่ เช่น เค้ก พาย และคุกกี้ เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ สามารถนาผลตาลโตนดไปสร้างสรรคเ์ ป็นผลติ ภัณฑ์ต่างๆ ทง้ั ผลิตภัณฑ์อาหารและของใช้ ภาพที่ 3 การวางแผนดาเนนิ งานโดยใช้เพอื่ นช่วยเพื่อน ภาพท่ี 4 การวางแผนดาเนนิ งานโดยใช้ผสู้ อนงาน

หลังจากการวางแผนให้ได้มาซ่ึงแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากตาลโตนดตามแนวทาง ทชี่ ุมชนคาดหวังแล้วนน้ั ผู้วิจัยไดด้ าเนินการจัดกิจกรรมถ่ายทอดองคค์ วามรู้ในการผลิตผลติ ภัณฑ์ จากตาลโตนดโดยใช้แนวทางท่ีหลากหลายได้แก่ การให้ผู้เช่ียวชาญด้านต่างๆ ให้ความรู้โดยการ เล่าเรื่อง (Storytelling) ต่อด้วยการเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action Leaning) โดยผู้เช่ียวชาญจะ เป็นพี่เลี้ยง (Mentoring) คอยแนะนากระบวนการเพ่ือผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์ที่ ส่งเสริมได้แก่ สบู่ตาลโตนด (ภาพท่ี 5) ขนมจากตาลโตนด (ภาพที่ 6) และถ่านตาลโตนด (ภาพท่ี 7) และโดยเฉพาะผลติ เตาเผาถา่ นตาลโตนดนน้ั ภาพที่ 5 การสอนงานการผลติ สบตู่ าลโตนด ภาพท่ี 6 การสอนงานการแปรรปู ขนมจากตาลโตนด ภาพท่ี 7 การสอนงานการผลิตถา่ นตาลโตนด ท้ังนี้เพื่อให้เกิดการบูรณาการเรียนการสอนกับการบริการวิชาการ ผู้วิจัยได้นานักศึกษา จากสาขาวิศวกรรมอุตสาหการร่วมกับช่างชุมชนมาสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation) ได้แก่ เตาเผาถ่านตาลโตนด ส่งผลให้เกิดช่างชุมชนท่ีมีความเช่ียวชาญในการการผลิตเตาเผาถ่านได้เอง พร้อมที่เป็นแหล่งองค์ความรู้ในชุมชนได้ต่อไปนอกจากน้ันยังเป็นการส่งเสริมนักศึกษาให้เกิดการ เรียนรู้นอกห้องเรียนและเป็นการปลูกฝังให้นักศึกษามีจิตสาธารณะช่วยเหลือสังคมได้อีกด้วย (ภาพที่ 8)

ภาพท่ี 8 การส่งเสรมิ ใหน้ ักศึกษาไดเ้ รยี นรนู้ อกห้องเรยี นโดยการผลิตเตาเผาถา่ นตาลโตนด รว่ มกบั ช่างชุมชน ผลและอภปิ รายผลการดาํ เนินงาน จากการดาเนินการท่ีมีการใช้เคร่ืองมือจัดการความรู้ท่ีหลากหลายน้ัน ทาให้เกิดผล กระทบท่ีเป็นประโยชน์ต่อชุมชนได้เป็นอย่างดี จากการติดตามประเมินผลพบว่าชมุ ชนสามารถนา องค์ความรู้ท่ีได้ไปพัฒนาต่อยอดก่อให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีสร้างรายได้ (ภาพที่ 9) และเกิดการ บูรณาการกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนการผลิต เชน่ การทาสบ่ตู าลโตนดนั้นชุมชนได้ต่อยอดโดย นาเอาใยลูกตาลโตนดซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากการคั้นเอาเน้ือตาลไปผลิตสบู่มาใช้เป็นส่วนผสมใน การผลิตสบู่ใยตาลโตนด (ภาพที่ 10) และนาถ่านตาลโตนดมาผลิตเป็นสบู่ถ่านตาลโตนด (ภาพที่ 11) นอกเหนือจากการนาไปจาหน่ายในราคากระสอบละ 150 บาท นับว่าเป็นแนวทางการสร้าง มูลค่าเพิ่มที่ดี ซึ่งผลิตภัณฑ์สบู่ตาลโตนดของชุมชนได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี โดย จาหน่ายในราคาก้อนละ 25 บาท ทั้งนี้ผู้วิจัยและชุมชนได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สบู่ให้มีความ สวยงามและมรี าคาถูกลงเพื่อลดตน้ ทุนการผลิต (ภาพที่ 12) ภาพท่ี 9 การดาเนนิ การผลิตผลิตภัณฑ์จากตาลโตนดของชุมชนบางเขยี ด ภาพที่ 10 การใชใ้ ยตาลโตนดเปน็ ผลติ ภัณฑส์ บ่ใู ยตาลโตนด

ภาพที่ 11 การใชถ้ ่านตาลโตนดเป็นผลิตภณั ฑ์สบู่ถา่ นตาลโตนด ภาพที่ 12 การพฒั นาบรรจภุ ัณฑ์ผลติ ภณั ฑส์ บู่ตาลโตนด สาหรับผลิตภัณฑ์อาหารจากตาลโตนด ผู้วิจัยร่วมกับชุมชนได้พัฒนาสูตรและบรรจุภัณฑ์ ของสนิ ค้า ผลติ เป็น คุกกี้ตาลโตนด คัพเคก้ ตาลโตนด และบตั เตอร์เค้กตาลโตนด (ภาพที่ 13) โดย ใช้กลวิธีการวางจาหน่ายในร้านค้าชุมชน ตามงานแสดงสินค้า และรับจัดอาหารว่างตามสถานท่ี ตา่ งๆ (ภาพที่ 14) ซึง่ เป็นท่ียอมรับของตลาดเป็นอยา่ งดี ภาพท่ี 13 ผลิตภณั ฑอ์ าหารจากตาลโตนดของชุมชนบางเขียด ภาพที่ 14 การจาหน่ายผลติ ภณั ฑจ์ ากตาลโตนดของชมุ ชนบางเขียด นอกจากน้ันผู้วิจยั ได้เล็งเห็นถงึ ความสาคัญในการใช้เคร่อื งมือ Webblog (ภาพท่ี 15) เข้า มาหนุนเสริมในการช่วยประชาสมั พันธ์ผลติ ภณั ฑ์ของชุมชน โดยการให้ชมุ ชนพัฒนาช่องทางการ ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ค ในชื่อ “ผลิตภัณฑ์สบู่ตาลโตนด” เพ่ือให้ ผลิตภัณฑข์ องชุมชนเป็นทรี่ จู้ ักในวงกวา้ งอกี ด้วย

ภาพที่ 15 การสร้างชอ่ งทางประชาสัมพันธ์ผลติ ภัณฑข์ องชุมชนผ่านเครื่องมือ Webblog สรุป จากการดาเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตาลโตนดของชุมชนบางเขียดโดยใช้เคร่ืองมือการ จัดการความรู้ที่เป็นระบบ จึงสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ตาลโตนดของชุมชนให้เกิดความ หลากหลายแตกต่างจากชุมชนตาลโตนดแห่งอื่น ส่งผลให้การดาเนินการในช่วงที่ผ่านมาสาเร็จ ลุล่วงไปดว้ ยดี กอ่ ให้เกดิ ความเข้มแขง็ แก่ชมุ ชนหลายดา้ น ดังตอ่ ไปนี้ ด้านเศรษฐกิจ ชุมชนสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนก่อให้เกิดรายได้ท้ังผลิตภัณฑ์ อาหาร และผลิตภัณฑ์ของใช้ ทั้งน้ีเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ ซึ่งชุมชนได้ขยายผลโดย การจัดตั้งกลุ่มโอทอปผลิตภัณฑ์ชุมชนบางเขียด เลขทะเบียน 901500072 เพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ได้รบั มาตรฐานยิง่ ขึ้น และเปน็ สินค้าอตั ลักษณข์ องชมุ ชนบางเขยี ดต่อไป ด้านสังคม และส่ิงแวดล้อม ชุมชนเกิดความสามัคคีกลมเกลียวในการพัฒนาร่วมกนั และ เล็งเห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรในท้องถิ่นจนสามารถสร้างแนวทางจัดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ในพน้ื ทม่ี าใช้พัฒนาชุมชนไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ นอกจากนั้นยังก่อให้สามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ ให้แก่นักศึกษา ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้นอกห้องเรียน และสร้างแรง บันดาลใจให้แกน่ ักศกึ ษาในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานเพอ่ื พฒั นาสังคมได้อีกดว้ ย ทงั้ นี้ผลจากการดาเนินท่ีสาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีในช่วงที่ผ่านมา ชุมชนมีความประสงค์ใน การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากตาลโตนดต่อยอดจากที่มีอยู่เดิมสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น การผลิตถ่าน ตาลโตนดดับกล่ิน เป็นต้น ซ่ึงผู้วิจัยจะได้มีการวางแผนการพัฒนาร่วมกับชุมชนโดยใช้วงจร บริหารงานคุณภาพท่ีมปี ระสทิ ธิภาพตอ่ ไป กิตตกิ รรมประกาศ ผวู้ ิจัยขอขอบคุณกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเปน็ ผู้ให้การสนับสนนุ งบประมาณ ในการพัฒนาชุมชนผ่านแผนงานโครงการหมู่บ้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจาปีงบประมาณ 2561 โครงการหมู่บ้านตาลโตนด ซ่งึ ส่งผลใหก้ ารดาเนินการสาเรจ็ ลุล่วงไปดว้ ยดี บรรณานกุ รม ไทยตาบล ดอท คอม. 2562. “ขอ้ มลู ตาบลบางเขียด อาเภอสิงหนคร จังหวดั สงขลา”. สืบค้นเม่ือ วันที่ 2 มกราคม 2562, จาก http://www.thaitambon.com/tambon/901510 วิกิพเี ดยี สารานุกรมเสรี. 2562. “ตาลโตนด”. สืบค้นเมื่อ วนั ท่ี 2 มกราคม 2562, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ตาล สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยสี ่ชู ุมชน. 2558. คู่มอื การจดั การความรู้ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลลา้ นนา. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา.

การประยุกตใ์ ชก้ ารจดั การความรู้ตอ่ การสร้างกิจกรรมอนรุ กั ษแ์ ละฟ้ืนฟูการละเลน่ พ้ืนบา้ น สาหรบั กลมุ่ เยาวชนในรายวชิ าศึกษาทัว่ ไปของนักศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี Application of knowledge management to the creation and conservation activities of folk games for youth groups in general education courses for undergraduate students ดร.จิรวชิ ญ์ พรรณรตั น์ (Jirawitt Phannarat) อาจารยป์ วีณ์กร สรุ บรรณ์ (Paweekorn Suraban) นางสาวธนัฎฐา นิลสวุ รรณ (Thanutta Nilsuwan) อาจารย์ประจา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรวี ชิ ยั อีเมลล:์ [email protected] อาจารยป์ ระจา คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อเี มลล์:[email protected] เจา้ หน้าที่ประชาสัมพนั ธ์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชยั อเี มลล์:[email protected] ............................................................................................................................. ............................. บทสรปุ การประยุกต์ใช้การจัดการความรู้ต่อการสร้างกิจกรรมอนุรักษ์และฟ้ืนฟูการละเล่นพ้ืนบ้านสาหรับกลุ่ม เยาวชนทเี่ ปน็ ส่วนหนึง่ ในรายวชิ าศึกษาทวั่ ไปของนักศกึ ษาระดับปรญิ ญาตรีของคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยนาความรู้ในเรื่องการจัดการความรู้โดยเลือกใช้เครื่องมือจัดการความรู้(KM Tool) คือชุมชนนักปฎิบัติ(Community of Pratice-Cop)โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือเยาวชนในโรงเรียนเน่ืองด้วยใน ปัจจุบันที่ความรู้เรื่องการละเล่นพ้ืนบ้านเป็นวัฒนธรรมที่กาลังจะสูญหายจากอิทธิพลของความเป็นสังคม ทันสมัยจึงทาให้กิจกรรมการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูการละเล่นพ้ืนบ้านสาหรับกลุ่มเยาวชนจึงเกิดข้ึน ผลที่ได้รับเป็น ประโยชน์ตอ่ องคก์ รผ้จู ัดกจิ กรรมกลุ่มเป้าหมายและสังคมต่อไป คาสาคัญ:การประยกุ ต,์ การจดั การความรู้,การอนุรกั ษแ์ ละฟ้นื ฟ,ู การละเล่นพืน้ บา้ น Summary Application of knowledge management to the creation and conservation activities of folk games for youth groups that are part of general education courses for undergraduate students of the Faculty of Liberal Arts. Rajamangala University of Technology Srivijaya brings knowledge in knowledge management by choosing to use knowledge management tools (KM Tool) is the Community of Pratice-Cop, with the target group being the youth in the school because at the present time the knowledge of folk play is a culture that is about to be lost from the influence of modern society. Conservation and restoration of folk games for youth groups has therefore occurred. The results have been beneficial to organizations, organizers, target groups and society. Keywords: Application, knowledge management, conservation and restoration, folk play

บทนา ชีวิตของคนไทยไม่ว่าจะอยู่ในท้องถ่ินใดต่างมีความผูกพันอยู่กับวัฒนธรรม การละเล่นพ้ืนบ้านเป็น วัฒนธรรมอีกส่วนหน่ึงของชาวบ้าน ซ่ึงในแต่ละท้องถิ่นจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ทั้งน้ีข้ึนอยู่กับว่า ท้องถิ่นใดจะนิยมแบบหรือลักษณะใดก็จะเล่นอย่างน้ัน สาเหตุท่ีทาให้การละเล่นของแต่ละภาคหรือแต่ละ ท้องถ่ินมีความแตกต่างกัน สืบเนื่องมาจากสภาพภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม ขนบธรรมเนียมประเพณีและ ความเชื่อของคนในสังคมนั้นๆ และการละเล่นพื้นเมืองดังกล่าวมิได้ฝึกเป็นอาชีพหรือหารายได้แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการแสดงออกเพ่ือความสนุกสนานเป็นหลัก ซึ่งการละเล่นพ้ืนบ้านของไทยมีท้ังสี่ภาคคือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ นับได้ว่าการละเล่นพ้ืนบ้านของไทยเป็นกิจกรรมเพ่ือ การพกั ผ่อนหยอ่ นใจของกลุ่มคนในสังคมท่ีเหน็ดเหน่ือยจากการทางานและการประกอบอาชีพหลากหลาย จึง ร่วมกนั จัดการละเล่นพ้นื บา้ นเพ่ือความงามทสี่ นองความต้องการทางดา้ นจติ ใจและอารมณ์เกิดความสนุกสนาน รว่ มกนั เปน็ กิจกรรมหนึ่งซง่ึ เปน็ ผลผลติ ทางวัฒนธรรมที่มีความสัมพันธ์กับสังคมและท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ในแต่ ละท้องถ่ินสังคมมีการละเล่นท่ีแตกต่างกันไป ซึ่งล้วนแล้วมีประโยชน์ในการฝึกอบรมให้คนอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างสงบสุข ในสังคมปัจจุบันเป็นสังคมยุคโลกาภิวัตน์ มนุษย์ในสังคมสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีท่ีทันสมัยใหม่ มากมายเพียงแค่สัมผัสเพียงปลายนิ้วหรือใช้สื่อทางเทคโนโลยี ส่งผลทาให้วัฒนธรรมต่างๆในอดีตสูญหายไป เพราะไม่มผี สู้ านต่อโดยเฉพาะการละเลน่ พืน้ บ้านของไทยดว้ ยเช่นกัน ในการนี้รายวิชาสารัตถะแห่งความงามซึ่งเป็นรายวิชาในหมวดศึกษาท่ัวไป รับผิดชอบโดยหลักสูตร สังคมศาสตร์ สาขาการศึกษาทวั่ ไป คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดยมีคาอธิบาย รายวิชาและสอนครอบคลุมเน้ือหาในเรื่องคุณค่าของความงามและสุนทรียะในภาษา วรรณกรรม ดนตรี ศิลปกรรม นาฏศิลป์ และการละเล่นพื้นบ้าน สุขภาพกายและสุขภาพจิต ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมน้ีเกิดข้ึนมาจาก ความต้องการอนุรักษ์และฟื้นฟูการละเล่นพ้ืนบ้านของไทยและสอดคล้องในการเรียนในรายวิชาสารัตถะแห่ง ความงามของนกั ศึกษาคณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ในภาคการศึกษาที่ 1/2561 โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชนท่ีศึกษาในช่วงประถมตอนปลายในโรงเรียนในจังหวัดสงขลาพร้อมกันนั้นเป็น การฝึกประสบการณ์แก่นักศึกษาท่ีลงทะเบียนเรียนในรายวิชาสารัตถะแห่งความงามในด้านการถ่ายทอด ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาไปสู่การปฎิบัติจริงเป็นการพัฒนาผู้เรียนและชุมชนสังคมให้มีคุณภาพ ถ้าคนมี คุณภาพกจ็ ะไมส่ ร้างปัญหา คนจะมคี ุณภาพต้องใช้การศกึ ษาเป็นเคร่ืองมือทั้งในด้านพฤติกรรม ด้านจิตใจ และ ด้านปัญญา อีกท้ังสงั คมได้รบั ประโยชนด์ ้านการทานศุ ิลปะและวฒั นธรรม วิธกี ารดาเนนิ งาน กิจกรรมในคร้ังน้ีได้เลือกใช้เครื่องมือการจัดการความรู้(KM TOOL)มาใช้เพื่อให้กิจกรรมดาเนินไปสู่ เป้าหมายและให้ความสาคัญต่อมนุษย์คือ ชุมชนนักปฎิบัติ(Community of Practice-COP)เป็นเคร่ืองมือที่ ช่วยประสานการทางานและการแลกเปล่ียนความรู้กันอย่างเป็นธรรมชาตทิ ่ีสมาชิกในชุมชนมีความสนใจนั้นคือ อาจารย์และนักศึกษาที่มีสนในในการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูการละเล่นพ้ืนบ้านที่มีก่อให้เกิดกลุ่มคนที่มารวมตัวกัน ทากิจกรรมรว่ มกนั แลกเปล่ียนเรียนร้แู ละแลกเปลีย่ นประสบการณร์ ว่ มกนั ร่วมกัน มีบทบาทในการสร้างความรู้ และใช้ความรู้มีความร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพ่ือพัฒนาและเรียนรู้จากนักศึกษาด้วยกันผ่านการ แลกเปล่ียนกบั อาจารยผ์ สู้ อนในลักษณะพเ่ี ลยี้ งจนเกิดเป็นองค์ความรู้ท่ีสามารถถ่ายทอดไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ น่ันคือกลุ่มเยาวชนเพ่ือให้เกิดการอนุรักษ์และฟื้นฟูการละเล่นพ้ืนบ้านท่ีกาลังจะ สูญหายไปจากสังคมไทยใน ปัจจุบนั ให้มกี ารละเลน่ ยังคงอยูแ่ ละเป็นประโยชน์ตอ่ สังคมไทย โดยผา่ นกระบวนการดงั ต่อไปน้ี

ข้ันตอนที่ 1. เริ่มต้นจากการให้ความรู้ในเรื่องการละเล่นพ้ืนบ้านซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงในคาอธิบายรายวิชาวิชา สารัตถะแห่งความงามแก่นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาวิชาสารัตถะแห่งความงามในปี การศึกษา 1/2561 ให้นกั ศึกษามีความรคู้ วามเข้าใจ ซาบซึ้งและสามารถถา่ ยทอดความรไู้ ปสสู่ ังคมในเรือ่ งภูมิปัญญา วฒั นธรรมไทยจากบรรพบุรุษ ขณะทใี่ นปัจจุบนั องค์ความรูเ้ หล่าน้ีกาลังจะสูญหายไปจากสังคมไทยให้กลับมาและไม่ เลอื นหายไปตามกาลเวลา ข้ันตอนท่ี 2.กาหนดให้นกั ศึกษาจัดแบ่งกลุ่มพดู คุยร่วมกันถงึ การละเลน่ พ้นื บ้านท่ีนักศึกษารู้จักและเคยเล่นจาก อดีตจนถึงปัจจบุ นั (Tacit Knowledge)และใหแ้ ต่ละกลมุ่ เลือกการละเล่นพน้ื บา้ นมากลุ่มละ 4 ชนิดที่ต้องการอนุรักษ์ ฟน้ื ฟูการละเลน่ พ้ืนบา้ นมิใหส้ ูญหาย จากนน้ั มอบหมายใหน้ ักศึกษาไปศึกษาคน้ ควา้ ข้อมูลเกีย่ วกับการละเล่นพน้ื บ้าน ทก่ี ลุม่ นกั ศกึ ษาเลอื กมาเพอื่ นาไปถ่ายทอดแกก่ ลมุ่ เป้าหมายต่อไป และต้องมีการติดต่อปรึกษาจากอาจารย์ผู้สอนจน เกิดเป็นชดุ ความรู้ท่ีออกมาในรูปแบบเอกสารและบอร์ดชุดความรู้(Explicit Knowledge)ท่ีสามารถนาไปเผยแพร่ ความรู้เก่ียวกับการละเล่นพ้ืนบ้านมีการซักซ้อมการนาเสนอความรู้ การสาธิตการจัดทาอุปกรณ์การละเล่นพื้นบ้าน และการละเลน่ พ้นื บา้ นกอ่ นนาไปถ่ายทอดแกก่ ลมุ่ เปา้ หมายตอ่ ไป ขัน้ ตอนที่ 3.กาหนดให้กลมุ่ นกั ศึกษานาความชุดความรู้ท่ีได้สร้างขึ้นมา(Explicit Knowledge) ไปถ่ายทอดแก่ กลุ่มเปา้ หมายคือกลุม่ เยาวชนในโรงเรยี นในระดบั ประถมตอนปลายซ่ึงพื้นทีใ่ นการทากิจกรรมคือโรงเรียนวัดชัยมงคล อาเภอเมอื ง จงั หวดั สงขลาโดยมีกระบวนการถา่ ยทอดความรูด้ ังต่อไปนี้ 3.1.ขั้นตอนการถ่ายทอดความรู้ในเรอื่ งการละเล่นพ้นื บา้ นแกก่ ลมุ่ เยาวชน กาหนดใหน้ ักศกึ ษาเลือกจดุ สาหรับต้งั ฐานของตนเองในพนื้ ที่สนามและลานกิจกรรมของโรงเรียนเป้าหมาย แล้ว จัดกลุ่มนักเรียนเยาวชนกลุ่มเป้าหมายกลุ่มละ 7- 8 คนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมในฐานกิจกรรมของนักศึกษาแต่ละฐาน ฐานละ 15 นาที เวียนให้นักเรียนได้เข้าร่วมทุกฐานกิจกรรม โดยท่ีแต่ละฐานจะมีการละเล่นพื้นบ้านที่ไม่ซ้ากัน โดย ขนั้ ตอนแรกกาหนดให้นักศึกษาให้ความรู้เก่ียวกับการละเล่นพื้นบ้านที่ตนได้เลือกและค้นคว้าความรู้มาถ่ายทอดแก่ กลุ่มเยาวชน 3.2.ขัน้ ตอนทสี่ องขัน้ ตอนสาธิต นักศึกษาแต่ละกลุ่มเตรียมอุปกรณ์และสาธิตการสร้างอุปกรณ์การละเล่นพ้ืนบ้านด้วยตัวเองแก่กลุ่มเป้าหมาย โดยใหน้ ักศกึ ษาแตล่ ะกลมุ่ จดั เปน็ ฐานกจิ กรรมโดยกาหนดแบ่งกล่มุ เป้าหมายเปน็ กลุ่มละ 7 - 8 คน 3.3.ข้นั ตอนการใหเ้ ยาวชนลงมือปฎิบตั แิ ละลองเล่นการละเลน่ พ้นื บา้ นด้วยตนเอง โดยทีน่ ักศกึ ษาเปน็ วทิ ยากรดูแลใหผ้ เู้ ข้ารับการอบรมไดล้ องเลน่ การละเล่นพ้นื บ้านน้นั โดยใหน้ กั ศกึ ษาแตล่ ะกลุ่ม จัดเป็นฐานกิจกรรมโดยกาหนดแบ่งเซตกลุ่มเป้าหมายเป็นเซตละ 7- 8 คนในการเข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละฐาน กิจกรรม โดยกาหนดเวลาในการเข้ารว่ มกจิ กรรมในแต่ละฐานละ 15-20 นาทีแล้วให้เปล่ียนไปฐานอ่ืนๆต่อไปจนครบ ทกุ ฐานกิจกรรม

ขัน้ ตอนท่ี 1 ขัน้ ตอนท่ี 2 การถา่ ยทอดความรใู้ นเร่ือง ข้ันตอนสาธติ การสรา้ งอุปกรณ์ การละเลน่ พน้ื บ้านแก่กล่มุ เยาวชน การละเลน่ พน้ื บ้านดว้ ยตนเองแก่ ความเป็ นมากฎกตกิ าการเล่น กลุ่มเยาวชนเป้าหมาย ฯลฯ ขัน้ ตอนท่ี 3 ขั้ น ต อ น ก า ร ใ ห้ เ ยา วช น ล ง มื อ ปฎิ บั ติ แ ล ะ ล อ ง เ ล่ น การละเล่นพ้นื บ้านด้วยตนเอง ภาพท1ี่ .แผนผงั กระบวนการดาเนนิ กจิ กรรมการอนรุ กั ษแ์ ละฟน้ื ฟกู ารละเลน่ พน้ื บา้ นสาหรบั กลมุ่ เยาวชน ผลและอภิปรายผลการดาเนนิ งาน ผลประโยชน์ที่เกดิ ข้นึ สามารถสรา้ งคณุ ค่าต่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูการละเล่นพ้ืนบ้านให้กลับมาให้เยาวชน รุน่ ใหม่ไดม้ ีทางเลือกต่อการใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชนแ์ ละลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ปกครองในเร่ืองค่าใช้จ่ายใน การสนับสนุนบุตรหลานในการซ้ือหาของเล่น ส่งเสริมการทางานเป็นทีมแก่นักศึกษาในการทางานร่วมกัน ศึกษาค้นคว้าและการจัดการความรู้จากความรู้ที่มีในตนนาไปสู่การสร้างความรู้ท่ีชัดแจ้งท่ีสามารถถ่ายทอดได้ สามารถแก้ไขปัญหากับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ สามารถปลูกจิตสานึกต่อการอนุรักษ์ภูมิปัญญาวัฒนธรรม ไทยทกี่ าลังจะสูญใหแ้ ละเผยแพร่ความรู้แกผ่ จู้ ดั กิจกรรม(นักศึกษา)และต่อกลมุ่ เปา้ หมาย(เยาวชนรุน่ ใหม่) อภปิ รายผลการดาเนินงาน การจัดกิจกรรมในคร้ังน้ีได้นาเครื่องมือการจัดการความรู้ (KM Tool)ได้เลือกใช้ชุมชนนักปฎิบัติ (Community of Pratice-Cop)มาใชใ้ นการดาเนนิ งานเพื่อให้กจิ กรรมบรรลุผลซ่ึงลักษณะของชุมชนนักปฎิบัติ (Cop)ซงึ่ มหี ัวใจของการแบง่ ปันความรู้ซ่งึ กันและกันเป็นเครือ่ งมือสาคัญในการจัดการความรู้และพัฒนามุ่งไปสู่ การเปน็ องคก์ รแหง่ การเรยี นรู้ สมาชิกมีความสนใจร่วมกันคือประเด็นของการอนุรักษ์การละเล่นพ้ืนบ้านให้คง อยู่มิเลอื นหายไปตามกาลเวลา ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซ่ึงกันและกันเป็นระยะตลอดเวลามีการ สร้างและพัฒนาความสัมพันธ์เข้าอกเข้าใจซ่ึงกันและกัน ก่อให้เกิดความมุ่งม่ันท่ีจะดาเนินการอย่างสร้างสรรค์ เออ้ื ให้นักศึกษามกี ารปฎิสัมพนั ธก์ นั เพ่ือแลกเปลีย่ นเรียนรู้และดึงความรู้ท่ีมีอยู่ในตัวคน(Tacit Knowledge)มา ใช้ประโยชนต์ ่อการสรา้ งองคค์ วามรนู้ าไปสู่การสร้างความรู้และถ่ายทอกความรู้ไปยังสังคมต่อไป ข้อเสนอแนะ ในการดาเนินกิจกรรมหรือในด้านอ่ืนๆต่อไป ควรมีการต่อยอดนาไปสู่การสร้างนวัตกรรมการละเล่นพ้ืนบ้าน

ของไทยทส่ี ามารถประยกุ ตใ์ นการสร้างกจิ กรรมการออกาลังกายแก่สังคมหรือการต่อยอดโดยการนาเทคโนโลยี มาผสมผสานกับการละเล่นพื้นบ้าน เช่น เกมส์ออนไลน์ หรือสร้างชุดความรู้ที่ใช้ในการเรียนการสอนใน โรงเรียนหรือต่อยอดเป็นการทาวิจัยในเร่ืองที่เกี่ยวการอนุรักษ์และฟื้นฟูภูมิปัญญาการละเล่นพื้นบ้านของไทย แก่กล่มุ เยาวชนหรอื ผทู้ ส่ี นใจเพื่อบังเกิดผลให้ความรู้เหล่านี้มิสูญหายไปและคนในสังคมเห็นประโยชน์จากการ ทากิจกรรมดงั กล่าวซ่งึ กิจกรรมดงั กลา่ วไดส้ อดคล้องตามองค์ประกอบของชุมชนนักปฎิบตั ิ 3 ประการ 1.HEAD มหี วั ขอ้ กจิ กรรมทน่ี กั ศกึ ษามีความสนใจร่วมกนั สรา้ งใหน้ าความรเู้ ดมิ ท่ีมีอยู่ในตัวบุคคลแต่ละ บุคคลมาใช้ประโยชน์น้ันคือความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการละเล่นพื้นบ้านสามารถนามาสะท้อนการ ทางานเป็นทมี 2.HEART ชุมชนนักปฎิบัติก่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้นักศึกษาทุกคนมีส่วนร่วมใน การวางแผนกาหนดและดาเนินแนวทางการปฎิบัติกิจกรรมร่วมกันในกระบวนการ ดาเนินกิจกรรมการอนุรักษ์ และฟ้นื ฟกู ารละเลน่ พนื้ บา้ นสาหรับกล่มุ เยาวชน 3.Hand มีการดาเนินการตามแนวทางการปฎิบัติของกลุ่ม ซ่ึงมีท้ังการกาหนดแนวทางที่เป็นทางการ และไม่เปน็ ทางการ ในการแลกเปลย่ี นความคิดประสบการณ์ท้งั ในลกั ษณะการพบเจอหน้าซ่ึงกันและกันหรือใช้ เครือ่ งมือสื่อสารและเทคโนโลยเี ช่ือมโยงหลายรปู แบบผลกั ดันให้การดาเนินกิจกรรมสาเร็จไปสู่ป้าหมายร่วมกัน ผลสาเร็จจากการดาเนินกิจกรรมดังกล่าวเพิ่มเติม ผลสาเร็จท่ีได้สามารถสร้างช่ือเสียงแก่องค์กรคือ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดยท่ีสานักข่าวหนังสือพิมพ์มติชนบทได้เล็งเห็นถึง ประโยชนข์ องกิจกรรมอนุรักษแ์ ละฟน้ื ฟูการละเลน่ พ้นื บ้านสาหรบั เยาวชนวา่ เป็นประโยชน์ต่อสังคมในด้านการ อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยจึงได้ตีพิมพ์ภาพข่าวพร้อมคาบรรยายใน หนังสือพิมพ์มติชนบท ในปักษ์หลัง เทคโนโลยีชาวบา้ น ปที ่ี 31 ฉบบั ท่ี 681:วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2561 ถือว่าเป็นผลสาเร็จของดาเนินกิจกรรมใน ครั้งนี้

ภาพที่ 2. ภาพขา่ วตพี ิมพจ์ ากสื่อส่งิ พมิ พ์และภาพในช่วงเวลาที่มกี ารดาเนินกจิ กรรม

บรรณานกุ รม ชมสุภคั ครุฑกะ.2554.หลกั การจดั การความรู้.กรงุ เทพฯ:สานักพิมพ์มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง ธนากร สงั เขป.2556.การพัฒนาที่ยง่ั ยนื .(ครงั้ ที่2).กรุงเทพฯ:สานกั พมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั นิยพรรณ (ผลวฒั นะ) วรรณศิริ.2550.มานุษยวิทยาสังคมและวัฒนธรรม.กรงุ เทพฯ:ธนาเพลส จากดั น้าทพิ ย์ วิภาวนิ .2547.การจดั การความร้กู บั คลงั ความร.ู้ กรุงเทพฯ:เอสอาร์ พริน้ ต้ิง แมสโปรดักส์ จากัด ประเวศ วะสี..2550.การจัดการความรู้ : กระบวนการการปลดปล่อยมนุษย์ สู่ศักยภาพ เสรีภาพ และ ความสขุ .(ครง้ั ท่ี2).กรงุ เทพฯ:สานักพมิ พก์ รนี -ปัญญาญาณ. ยศ สันตสมบัติ.2540.มนุษย์กับวัฒนธรรม.(ครั้งที่2).กรงุ เทพฯ.มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook