Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 08-212-205 ระบบการจัดการสี (Color Management System)

เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 08-212-205 ระบบการจัดการสี (Color Management System)

Published by bookzakoza, 2022-04-04 11:23:02

Description: เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 08-212-205 ระบบการจัดการสี (Color Management System)
เล่มนี้ได้จีดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนนักศึกษา หลักสูตรเทคโนโลยีบัณบิตสาขาวิชาเทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัลและบรรจุภัณฑ์ ในระดับปริญญาตรี โดยมีคำอธิบายรายวิชา คือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับแสงและสี หลักการแยกสีทางการพิมพ์ การวัดสี การแปลงค่าสี การเทียบสีของอุปกรณ์ต่างๆ แนวคิดเกี่ยวการจัดการสี หลักการจัดการสีด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพในระบบการจัดการสี การปรับแก้สี กระบวนการจัดการสี การสร้างคุณลักษณะเฉพาะของอุปการณ์นำเข้าและอุปการณ์แสดงผล การตรวจเช็คหน้าจอ และอุปกรณ์ต่างๆ ให้เทียบเคียงกัน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ในการจัดการสี ฝึกปฎิบัติการจัดการสี ผู้สอนได้ทำการแบ่งเนื้อหาออกเป็น 5 หน่วย ได้แ่ พื้นฐานเพื่อการจัดการสี เครื่องมือและอุปการณ์ในระบบการจัดการสี โปรแกรมการจัดการสี และเทคโนโลยีการแยกสีและการทำปรู๊ฟสีทางการพิมพ์ตามลำดับ

Search

Read the Text Version

สปั ดาหที่ 1 แนวการสอน รหสั วชิ า 08-212-205 เวลา 5 ช่ัวโมง ทฤษฎี 2 ชั่วโมง หนว ยที่ 1 พ้ืนฐานเพ่อื การจดั การสี ปฏบิ ตั ิ 3 ชั่วโมง ชือ่ บทเรียน บทที่ 1 พ้นื ฐานความรเู ก่ียวกับสเี พอื่ การจัดการสี ตอนท่ี 1 องคป ระกอบของการเห็นและรบั รูสีของมนุษย ตอนท่ี 2 ทฤษฎีสที ีเ่ กีย่ วขอ งกบั การจัดการสี ตอนที่ 3 รปู แบบสีท่เี ก่ียวขอ งกบั การจดั การสี จุดประสงคการสอน 1. นําความรูเกยี่ วกับพนื้ ฐานความรูเ กย่ี วกับสีเพอ่ื การจัดการสไี ปใชในการจดั การสี 1.1 อธบิ ายความรจู ําเปนเกยี่ วกบั องคประกอบของการเหน็ และการรบั รูสีของมนษุ ยได 1.2 อธิบายหลักการของสมบัติทางแสงของวัตถุที่มีผลตอการเหน็ สขี องมนษุ ยได 1.3 อธิบายหลักการผสมสีของแสงและการผสมสขี องหมึกพมิ พไ ด 1.4 อธิบายการจัดรปู แบบสจี ากการผสมสี การรับรูส ี และการเทียบสไี ด 2. มีทักษะในการผสมสีของหมกึ พมิ พแตล ะชนดิ เพื่องานจดั การสี 2.1 ผสมสีจากแหลงสตี างๆ ได 2.2 วิเคราะหค วามแตกตางของสที ่ไี ดจากการผสมสีจากแหลงตา งๆ ได 3. มคี วามรบั ผิดชอบ 3.1 เขาเรยี นและใหค วามรวมมือในกจิ กรรมการเรยี น 3.2 สงงานตรงตามเวลาท่ีกาํ หนด พืน้ ฐานความรเู กยี่ วกบั สเี พื่อการจดั การสี | 1

เนอื้ หาประกอบการเรียนการสอน 1. องคประกอบของการเหน็ และรบั รูสขี องมนษุ ย สี เปนสมบัติทางกายภาพของวัตถุธาตุ เราสามารถบอกลักษณะของสีที่เรามองเห็นได เชน ผมดํา เสื้อสีแดง ใบไมสีเขียว สีรุง ฯลฯ พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2542 ให ความหมาย “สี” ไวดังนี้ 1) ลักษณะของแสงสวางท่ีปรากฏแกตาใหเห็นเปนสี ขาว ดํา แดง เขียว เปน ตน และ 2) สิ่งตางๆ ที่ทาํ ใหเปนสี ในทางวิทยาศาสตรกลาววา การรับรูสีมีองคประกอบ 3 อยาง ไดแก แสง วัตถุ และผูสังเกต ซ่ึงมีตาเปนอวัยวะรับรูดานการมองเห็น ระบบประสาทและสมองเปน สวนแปลความหมาย ภาพที่ 1.1 องคประกอบของการเหน็ ทมี่ า : https://www.quora.com/Is-there-any-connection-between-the-visible-color-of-something- and-its-absorption-emission-spectrum การรบั รมู ีองคป ระกอบ 3 อยา ง ไดแ ก ผสู งั เกต (ตาและสมอง) แสง และวัตถุมสี ี 2 | ระบบการจัดการสี

ภาพที่ 1.2 องคประกอบของการรับรสู ี ที่มา : http://i.livescience.com/images/i/000/047/984/original/color-vision-100427- 02.jpg?1324346140 1.1 ผูสังเกต (ตาและสมอง) ผสู ังเกตมตี าเปนอวยั วะทท่ี าํ หนา ทมี่ องเห็น ตาประกอบดว ยสว นสาํ คัญ 2 สว น สว นแรก เปน สวนรบั แสงทําใหเกิดภาพ ประกอบดวยเลนสและมา นตา สวนทีส่ อง เปนสวนรับภาพ เรียกวา เรตินา ประกอบดวยเซลล 2 ชนิดทําหนาท่ีรับแสง เซลลพวกหน่ึงมีรูปรางเปนแทงยาวกลม เรียกวา ร็อด (rod) หรือเซลลรูปแทง ทําหนาที่เม่ือมีแสงนอย และอีกพวกหน่ึงมีรูปรางคลายกรวย เรียกวา โคน (Cone) หรอื เซลลร ปู กรวย เซลลพวกหลังนีท้ ําหนาทเี่ มอื่ มีความสวางมาก และมคี วามสวางในการเห็น สี เซลลรูปกรวยแบงเปน 3 ชนิด ไดแก เซลลท่ีไวตอแสงในชวงความยาวคลื่นส้ัน เซลลที่ไวตอแสง พืน้ ฐานความรูเ กย่ี วกับสีเพอื่ การจดั การสี | 3

ในชวงความยาวคลื่นปานกลาง และเซลลท่ีไวตอแสงในชวงความยาวคลื่นยาวตามลําดับ นอกจากนี้ นกั วทิ ยาศาสตรย ังพบวา ตาคนเรามคี วามไวตอ แสงในชวงสีเขียวมากกวาแสงในชวงคล่ืนสีอ่ืนๆ นี่เปน เหตุผลหน่ึงที่กลองดิจิทัลและเคร่ืองกราดมีซีซีดีที่มีฟลเตอรสีเขียวเปนจํานวนมากสีนํ้าเงินและสีแดง เพอ่ื ใหกลองดิจทิ ัลและเคร่ืองกราดมคี วามไวแสงเหมือตาคน ภาพท่ี 1.3 สว นรับแสงและสวนรับภาพ ท่ีมา : https://hooptometrist.files.wordpress.com/2012/02/scientificamerican0409-56-i11.jpg เม่ือแสงสวางสองไปยงั วตั ถุแลวสะทอนเขาตา ตาไดรับแสงผานรูมานตาและเลนสไปที่เรตินา ซง่ึ มีเสน ประสาทท่ีสงสัญญาณไปยังสมองสวนที่เก่ียวกับการมองเห็น (visual cortex) กระบวนการน้ี ประกอบดวยปฏิกิริยาทางเคมีที่เปล่ียนแปลงเมื่อไดรับพลังงานแลวแปลงเปนสัญญาณไฟฟา และ ถายทอดสัญญาณไปยังเซลลประสาทไปสูสมองเพ่ือรับรูการเห็น การรับรูการเห็นนี้ยิ่งมีความซับซอน มากขึ้น เพราะมีผลตอ จติ ใจดวย คนเราเห็นสีบางสเี ราอาจเกิดความรูสึกพอใจสบายตา และบางสีอาจ ทําใหเรารูสึกเรงเรา ต่ืนเตน และบางสีทําใหเรารูสึกสงบนิ่ง ฯลฯ สิ่งเหลานี้นักวิทยาศาสตรก็ยังไมรู กลไกอยา งแนช ดั แตช างศลิ ปไ ดนํามาใชป ระโยชนมากมาย คนเราเห็นสไี ดปกติเม่ือตามีการทํางานท่ีปกติ มีบางกรณีของคนที่เซลลรูปกรวยบกพรอง จะ ทําใหเกิดสีผิดปกติไป เรียกอาการน้ีวา ตาบอดสี ซ่ึงเปนความผิดปกติที่ถายทอดไดทางพันธุกรรม ผทู าํ งานทต่ี องดูสี เชน งานกอ นพมิ พ ควรตรวจสายตากอนวา เห็นสปี กตหิ รอื ไม 4 | ระบบการจดั การสี

ภาพที่ 1.4 แผน ทดสอบตาบอดสี ที่มา : http://www.imageoptic.com/images/stories/Feed/cl.png ก.เปรียบเทียบการเห็นสขี องมนษุ ยก ับสุนัข พ้ืนฐานความรเู กี่ยวกบั สีเพอ่ื การจัดการสี | 5

ข. สที มี่ นุษยมองเหน็ ค. สที สี่ นุ ัขมองเห็น ภาพที่ 1.5 การเห็นสีของมนุษยแ ละสนุ ขั ท่มี า : ก. https://mypositivedogtrainingblog.files.wordpress.com/2013/11/129492-128724.jpg ข. http://www.woofipedia.com/images/uploads/ThinkstockPhotos-467385347.jpg ค. http://www.woofipedia.com/images/uploads/dog-vision-beach.jpg 1.2 วตั ถุมสี ี วัตถุเปนองคประกอบหน่ึงของการเห็นสี วัตถุแตละชนิดอาจจะตอบสนองตอแสงในลักษณะ ตา งๆ กัน เราเรียกวาวัตถุนั้นมีสมบัติทางแสงตางกัน ในหนวยนี้เลือกเฉพาะในสวนท่ีเกี่ยวของกับการ พิมพ นักศึกษาควรมีความรูเกี่ยวกับสมบัติทางแสงขอวัตถุท่ีเราพบเห็นในชีวิตประจําวัน และใน อุตสาหกรรมการพิมพ เพราะสมบัติทางแสงของวัตถุมีผลตอการเห็นสีโดยตรง สมบัติดังกลาวน้ี ไดแก 1.2.1 การสะทอ นแสง (reflection) เปนสมบตั ิทางแสงของวัตถุที่เราเห็นอยูท่ัวไป เม่ือมีแสงสองมายังวัตถุและสะทอนเขาตา เราจึงมองเห็นวัตถุนั้นได ถาเรามีผิวเรียบเปนเงา เชน กระจก โลหะขัดมัน กระดาษเคลือบผิว เปนตน การสะทอนแสงจะเปนระเบียบ ซ่ึงการสะทอนแสงท่ี เปนระเบียบนี้มีกฎเกณฑวา มุมสะทอนจะเทากับมุมตกกระทบถาเรามองวัตถุนั้นในมุมที่แสงสะทอน เขาตาพอดี เราจะเห็นวัตถุน้ันเหมือนกับเปนแหลงกําเนิดแสงและไมสามารถเห็นรายละเอียดตรงนั้น ได เชน แสงสะทอ นจากปกหนังสอื อาบมัน เราจะมองไมเหน็ ภาพบนปกน้ัน แตถาผิววัตถุนั้นขรุขระไม เรียบ การสะทอนแสงก็ไมเปนระเบียบแสงสะทอนไปในหลายทิศทาง เราจะเห็นวัตถุน้ันมีผิวดาน ไม เงามัน ในทางการพิมพไดมีการนําเอาความรูตรงนี้มาใชในการพิมพตกแตงผิวส่ิงพิมพ การเคลือบผิว ใหดูมันเงางามสสี ดใส หรือเคลือบผิวใหดดู า น ทาํ ใหอ านตัวหนงั สือไดงาย การใชหมึกพิมพท่ีเปนมุกให ดวู าว เปนตน ตลอดจนการผลติ กระดาษใหม ีผวิ มนั โดยการเคลอื บผิวและขัดผิวใหเรียบเพื่อใหดูเงามัน มผี ลใหสง่ิ พิมพทมี่ ภี าพสมี ีความเปรยี บตา งสงู ดูสสี ดข้นึ 6 | ระบบการจัดการสี

ภาพท่ี 1.6 การสะทอนแสงแบบมรี ะเบยี บและไมมรี ะเบยี บ ที่มา : http://sciencelearn.org.nz/var/sciencelearn/storage/images/contexts/light-and-sight/sci- media/images/types-of-reflection/685409-1-eng-NZ/Types-of-reflection.jpg 1.2.2 การกระเจิงแสง (scattering) เปนสมบัติทางแสงของวัตถุหรืออนุภาค เปน การสะทอนแสงท่ีไมเปนระเบียบการกระเจิงแสงที่คนเราคุนเคย ไดแก ปรากฏการณธรรมชาติตางๆ เชน สีของทองฟาซึง่ เปลี่ยนตามเวลา ตอนเชารุงอรุณ ทองฟาคอยๆ เปลี่ยนจากสีสม เหลือง ขาว ฟา ออน ฟาเขม เปน เพราะในบรรยากาศมีละอองน้าํ เลก็ ๆ แสงจากดวงอาทิตยมากระทบกับละอองน้ําทํา ใหเกิดการกระเจิงแสง อนุภาคเหลานี้กระเจิงแสงท่ีความยาวคล่ืนตางๆ ในมุมที่ไมเทากัน เราจึงเห็น ทองฟาเปล่ียนสีไปตามแสงที่สะทอนมาเขาตาเรา เมื่อมุมของแสงจากดวงอาทิตยเลื่อนจากขอบฟา สูงข้ึนๆ สีทองฟาจึงเปล่ียนตามไปดวย อุตสาหกรรมการพิมพไดใชความรูเกี่ยวกับการกระเจิงแสงใน การผลิตหมึกพิมพและการเคลือบผิว โดยการควบคุมขนาดอนุภาคของผงสีใหเกิดการกระเจิงแสง ตามทตี่ อ งการขนาดอนุภาคใหญจะกระเจิงแสงมากกวาอนุภาคขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังนําความรูน้ีมา ใชในการเลอื กใชกระดาษ เชน กระดาษท่ีไมเคลือบผิว และกระดาษท่ีเคลือบผิวดานท่ีมีสมบัติ ในการ กระเจิงแสงมาก เหมาะสาํ หรบั นํามาพิมพหนังสอื ทาํ ใหอ านไดง ายสบายตากวา กระดาษเคลอื บผวิ มนั พื้นฐานความรเู ก่ยี วกับสีเพอื่ การจดั การสี | 7

ภาพที่ 1.7 การกระเจิงแสง ทม่ี า : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/b/bd/Lambert2.gif 1.2.3 การสองผาน (transmission) วัตถุบางชนิดยอมใหสองผานตัววัตถุไปได หมด เชน แกว เรียกสมบตั ิ ทางแสงแบบนวี้ า โปรงใส (Transparent) ในทางการพิมพไดนําความรู นี้ มาใชในการผลิตภาพสี โดยใชหมึกพิมพแมสีน้ําเงินเขียว (Cyan, C) สีมวงแดง (Magenta, M) และสี เหลือง (Yellow, Y) ท่ีมีลักษณะใส เม่ือพิมพซอนกันจึงไดมีสีผสมมากมาย วัตถุบางอยางใหแสงผาน ไดบางสวน สมบัติทางแสงแบบนี้เรียกวา โปรงแสง (translucent) ไดแก กระจกฝา แสงทะลุผานได แตไมใส ไมสามารถมองเห็นรายละเอียดของอีกดานหน่ึง สําหรับวัตถุที่ไมยอมใหแสงผานไดเลย เรียกวา วตั ถุทึบแสง (opaque) ในทางการพิมพและบรรจุภัณฑ เราใชความรูสมบัติทางแสงดานการ สอ งผา นมาใชประโยชนไดมากมาย เชน การเลือกวสั ดมุ าทาํ หีบหอหรือนํามาตกแตงใหดูทึบเพื่อปดบัง ใหใ สเพอื่ ใหมองทะลุได ใหข นุ ใหแวววาวเพื่อตกแตง เปน ตน ภาพที่ 1.8 การสองผา น ท่ีมา : http://3.bp.blogspot.com/-3N4JXJ1I698/VqTRy9ykFPI/AAAAAAAAIj8/YQV95PHCNFE/s320/Transparent- Translucent-opaque-2.PNG 8 | ระบบการจัดการสี

1.2.4 การดูดกลืนแสง (absorption) วัตถุทุกชนิดท่ีไดกลาวมาแลวมีสมบัติทาง แสงตางๆ กัน แตยังไมไดมกี ารกลาวถึงวา เหตุใดจึงเห็นเปนสีตางๆ การที่เราเห็นวัตถุมีสีตางๆ เพราะ วตั ถมุ ีการตอบสนองตอแสงท่ีความยาวชวงคล่ืนตางๆ ตางกัน วัตถุมีสีแดงเพราะวัตถุน้ันสะทองแสงสี แดง และดูดกลนื แสงสีเขยี วและสนี ้าํ เงินไว วตั ถมุ ีสีขาวเพราะสะทอนแสงสที กุ ความยาวคล่ืน วตั ถบุ างชนิดมสี มบัติพเิ ศษกลา วคือดดู กลืนแสงท่ีสองมากระทบ และสะทอนแสงท่ีมี ความยาวคลื่นท่ีตางกันออกไป เราเรียกวัตถุนี้มีสมบัติเรืองแสง (fluorescence) เชน การที่ทําให กระดาษขาวข้ึน เปนตน ก.วัตถสุ ีเขียว ข. วัตถสุ ีแดง ทม่ี า : ก. http://www.mstworkbooks.co.za/natural-sciences/gr8/images/gr8ec04-gd-0027.png ข. http://www.mstworkbooks.co.za/natural-sciences/gr8/images/gr8ec04-gd-0026.png ค. การดูดกลนื แสงสี และการสะทอนแสงสี ภาพท่ี 1.9 การดดู กลนื แสง และการสะทอ นแสง ทม่ี า : ค. https://s-media-cache- ak0.pinimg.com/originals/4b/2e/ff/4b2effa949c82ec38a1cf9d98e9e15b2.jpg พน้ื ฐานความรูเกีย่ วกบั สเี พอื่ การจัดการสี | 9

1.2.5 สเปกตรมั ของวัตถุ นักวิทยาศาสตรและวิศวกรไดนําสมบัติทางแสงของงวัตถุ มาใชประโยชนในอุตสาหกรรมและไดคิดคนประดิษฐอุปกรณตางๆ เพ่ือวัดและระบุสมบัติทางแสง ตางๆ ของวัตถุนั้นในเชิงตัวเลขและกราฟ เชน แสดงคาการสะทองแสงของวัตถุ หรือคาการสองผาน แสงของวัตถใุ นชว งความยาวคลน่ื ตัง้ แต 380-730 นาโนเมตรไดด ว ยกราฟ ภาพที่ 1.10 การสะทอนแสงในสเปกตรัมของหมึกพิมพ ที่มา : https://printcolormanagement.files.wordpress.com/2012/09/remission-curves-of-printing- inks.jpg นอกจากนี้ ขนาดของวัตถแุ ละสิ่งแวดลอมยงั มีผลตอ การมองเห็นสีของคนเราอีกดวย ซึ่งเปนผลทางดานจิตวิทยา ผูออกแบบงานพิมพตองมีความรูดานน้ีเพ่ือใชในงานออกแบบส่ิงพิมพให ไดผลตามที่ตองการ สําหรับผูทําหนาที่ดานควบคุมคุณภาพตองมีความรูเรื่องวัตถุและแสง เพื่อจัด สภาพในการดูภาพพมิ พส กี ับภาพปรูฟและการเทียบสี (Color matching) ใหถ ูกตอ ง ภาพที่ 1.11 วตั ถกุ ับแหลงแสงตางๆ ทม่ี า : http://blog.xrite.com/wp-content/uploads/2015/03/Lightbooths.jpg 10 | ระบบการจัดการสี

1.3 แสง แสงเปนพลังงานรปู หนง่ึ ซึ่งเปนพลังงานการแผรังสีที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอะตอมใน โครงสรางทางกายภาพของสสาร และแผออกจากตนกําเนิดไปในทุกทิศทางในรูปคล่ืนแมเหล็กไฟฟา ดวยอัตราความเร็วในอากาศ 300,000 กิโลเมตรตอวินาที นักวิทยาศาสตรไดจําแนกคลื่น แมเ หล็กไฟฟา ออกเปนคล่นื ประเภทตางๆ ตามลกั ษณะของคล่ืนประเภทหน่ึง คือ ความยาวคลื่น ซ่ึง เปน ระยะระหวางยอดคล่ืนท่ีอยูติดกัน ยกตัวอยางเชน ดวงอาทิตยมีความยาวคล่ืนจากสวนท่ีสั้นที่สุด คือ 0.000005 มิลลิเมตร เปนรังสีแกมมา ถึงสวนท่ีมีความยาวคลื่นยาวมาก คือคล่ืนวิทยุ ซึ่งมีความ ยาวคล่ืนยาว 10,000 เมตร คล่ืนแสงซึ่งตามมองเห็นไดเปนเพียงสวนหนึ่ง มีความยาวคล่ืนอยูในชวง ประมาณ 0.0004 มิลลิเมตร สีนํ้าเงิน ไปจนถึง 0.007 มิลลิเมตร ซ่ึงมีสีแดง การท่ีหนวยมิลลิเมตรมี ทศนิยมหลายตําแหนง ทําใหไมสะดวกในการใช จึงไมเปนท่ีนิยม นักวิทยาศาสตรจึงไดกําหนด นาโนเมตรขน้ึ โดย 1 นาโนเมตรเทา กับ 1/1,000,000,000 เมตร หรอื 1/1,000,000 มิลลิเมตร สมบัติ ของแสงทีเ่ กย่ี วของกบั อุตสาหกรรมการพิมพ ไดแก ภาพที่ 1.12 คล่นื แสงและความยาวคลืน่ ของรงั สีและแสง ท่ีมา : http://www.eyelighting.com/_CE/pagecontent/Images/Lamp%20Technology%20Education/ quality%20of%20a%20light%20source.jpg 1.3.1 ความยาวคลน่ื และสขี องแสง แสงในชวงความยาวคลื่น380-480 นาโนเมตร แสงสีนํ้าเงิน ชวงความยาวคลื่น 480-560 นาโนเมตรแสงสีเขียว ชวงความยาวคลื่น 560-590 นาโนเมตรแสงสีเหลือง ชวงความยาวคล่ืน 590-630 นาโนเมตรแสงสีสม และชวงที่มีความยาวคลื่น 630-780 นาโนเมตรแสงสีแดง สวนที่มีชวงความยาวคล่ืนส้ันกวาสีน้ําเงิน คือ รังสีเหนือมวงหรือ อัลตราไวโอเลต หรือที่เรารูจักในชื่อยอวา ยูวี (UV) และรังสีท่ีมีชวงความยาวคล่ืนยาวกวาแสงสีแดง เรยี กวา รงั สีใตแดงหรอื อินฟราเรด เรียกช่ือยอ วา ไออาร (IR) พนื้ ฐานความรเู กยี่ วกับสีเพ่ือการจดั การสี | 11

ในปจจุบันมีแหลงกําเนิดแสงที่นักวิทยาศาสตรประดิษฐขึ้นมากมาย ไดแก หลอด ไฟฟาชนิดตางๆ เชน หลอดทังสเตน หลอดฟลูออเรสเซนต หลอดตะเกียบประหยัดไฟ หลอดแสง จันทร หลอดไฟฟาประเภทที่ใชในอุปกรณดานการพิมพ ไดแก หลอดเมทัลเฮไลด หลอดซีนอน และ แหลง กาํ เนิดเลเซอร ฯลฯ ซ่งึ แสงท่ีไดจ ากแหลง กาํ เนดิ แสงตา งๆ น้ีมสี ีตา งๆ กัน ก.แสงธรรมชาติ ข. แสงประดิษฐ ภาพท่ี 1.13 ประเภทของแหลงกําเนดิ แสง ที่มา : ก. http://www.sparklebox.co.uk/blue/5961-5970/_wp_generated/ppee9590e9_1b.jpg ข. http://lohitsascience.weebly.com/uploads/2/2/6/0/22607136/6450205_orig.jpg 1.3.2 อุณหภูมิสีของแสง นักวิทยาศาสตรไดหาวิธีบอกลักษณะสีของแสงหลายวิธี ดวยกัน วิธีหน่ึงที่เขาใจกันงายและเปนท่ีนิยมกัน คือ อุณหภูมิสี (color temperature) ของแสง มี หนวยวัดเปน เคลวิน (K) โดยนักวิทยาศาสตรไดกําหนดวัตถุดํา (back body) มาตรฐานขึ้นมา เมื่อ ใหความรอนแกวัตถุดํามากข้ึนๆ วัตถุดําจะเกิดแสงสวางขึ้น สีของแสงจากวัตถุดําเปลี่ยนไปตาม อุณหภูมิของวัตถุดําเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิของวัตถุดําที่สูงข้ึน จากแสงสีแดงเปนสม เหลือง ขาว น้ํา เงิน สีของแสงจากวัตถุดําน้ีอาจเปรียบเทียบกับสีของแสงจากหลอดไฟฟาและแหลงกําเนิดแสง ธรรมชาติได เชน สีจากแสงเทยี นมสี เี หลอื งเหมอื นกับสขี องแสงจากวัตถุดําเม่ือมีอุณหภูมิ 1200K แสง จากหลอดฟลูออเรสเซนต มีความขาวที่เจือสีตางๆ เชน ขาวอุน (warm white) มีอุณหภูมิสี 3000K ขาวเย็น (cool white) มีอุณหภูมิ 4200K แสงจากดวงอาทิตยมีอุณหภูมิสีตางๆ จากเชา เท่ียง เย็น 2000K 65000K 2000K ตามลําดับ 12 | ระบบการจัดการสี

ภาพท่ี 1.14 อณุ หภมู สิ ขี องแสง ท่ีมา : http://www.shorescanada.com/content/media_production/Shores%20Canada%20Media%20- %20Color%20Temperature%20Chart%20%28on%20black%29.jpg มีการกําหนดภาวะแสงมาตรฐาน ISO ที่ใชในการดูภาพสีในอุตสาหกรรมการพิมพ กําหนดไวท่ี 5000K คนสวนใหญนิยมใชที่ 6500K ในงานท่ีมีความถูกตองของสีมีความสําคัญ จึงควร ระบุไวดวยวา ใชแ สงแบบใดในการดูสี พ้ืนฐานความรเู กีย่ วกบั สเี พื่อการจดั การสี | 13

ตารางที่ 1.1 อุณหภมู ิสีของแสงจากแหลงกาํ เนิดแสงตา งๆ แสง อุณหภมู ิ (K) แสงจากทองฟา โปรงยามเที่ยงวนั 12000 – 26000 แสงจากทองฟามเี มฆยามเท่ยี งคนื 6000 – 7000 แสงแดดยามเท่ียงวัน 5400 – 5800 แสงจากหลอดซีนอน 5290 – 6000 แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต 3000 – 6500 แสงจากหลอดไฟทงั สเตน 2654 - 3400 ท่มี า : เอกสารการสอนชุดวิชาเทคโนโลยกี อ นพิมพ หนว ยที่ 1-7 ฉบับปรุงปรงุ หนา 7-10 1.3.3 การกระจายพลังงานในสเปกตรัม (Spectral Energy Distribution, SED) การกาํ หนดอุณหภมู สิ ชี ว ยใหเ รารูจกั สีของแสงในอีกรูปแบบหน่ึงและนํามาสื่อสารกันไดสะดวกขึ้น แต ในดานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี การกําหนดเพียงเทานี้ยังไมเพียงพอแกงานบางอยาง จึงไดมีการ กําหนดสมบัติของแสงใหละเอียดข้ึนอีก โดยดูจากปริมาณแสงในแตละความยาวคล่ืน คือ วัดปริมาณ แสงของแตละความยาวคล่ืนวามีสีมากนอยเพียงใด แลวแสดงดวยกราฟ เรียกวา Spectral Power Distribution Curve หรือ Spectral Energy Distribution (SED) ซึ่งสามารถนํามาใชประโยชนใน การคาํ นวณตางๆ และการใชสรา งอุปกรณทางวิทยาศาสตรมากมาย ตัวอยางเชน เคร่ืองวัดสเปกตรัม ของแสงและของวัตถุธาตุตางๆ ในกรณีของแหลงกําเนิดแสงสามารถแสดงในรูปของกราฟสเปกตรัม ของแสงเชนเดยี วกบั กรณีของวัตถดุ งั ไดกลาวมาแลวขางตน ภาพที่ 15 เปรยี บเทียบการกระจายพลังงานในสเปกตรัมของแหลงกําเนดิ แสงตา งๆ ท่มี า : http://image.slidesharecdn.com/colorcontrolinfoodbiotechnologynsl-13110587788786-phpapp01- 110719020248-phpapp01/95/color-control-in-food-amp-biotechnology-nsl-5-728.jpg?cb=1311041335 14 | ระบบการจดั การสี

1.3.4 ความสามารถในการปรากฏสี (color rendering) เปนสมบัติอีกขอหน่ึง ของแสงท่ีเขามาเก่ียวของกับอุตสาหกรรมท่ีมีการใชสี เม่ือเรามองเห็นสีสีหน่ึงภายใตแสงของ แหลงกําเนิดแสงตางๆ เราจะเห็นสีเดียวกันนั้นมีสีที่ตางกันออกไป เพราะหลอดไฟบางชนิด เชน หลอดโซเดียมท่ีใชตามถนนไมเหมาะกับการนํามาดูสี เพราะการปรากฏสีภายใตแสงสีเหลืองของ หลอดโซเดยี มนผ้ี ิดเพี้ยนไปจากสีทเ่ี ห็นในแสงขาวธรรมชาติ (daylight) ดังนน้ั เมื่อเราจะทําการเทียบสี หรือดูสีใหถูกตอง จึงจําเปนตองมีการกําหนดคุณสมบัติของแสงในขอนี้ดวยคณะกรรมการ CIE (The Commission International Del’ Eclairage) จึงกําหนดแสงมาตรฐานเพื่อใชระบุคุณสมบัติในการ ปรากฏสีของหลอดชนิดตางๆ เรียกวา ดัชนีการปรากฏสี (Color Rendering Index, CRI) ถาดัชนีมี คาสูง สมบัติในการปรากฏสีของหลอดชนิดนั้นจะถูกตองมากข้ึน เหมาะท่ีจะนํามาใชดูสี ตาม มาตรฐานระหวา งประเทศ ISO ไดก าํ หนดใหห ลอดไฟฟาท่ีใชด สู ีมคี า CRI มากกวา 90 ภาพท่ี 1.16 คา ดชั นีการปรากฏสตี า งกนั ทมี่ า : http://www.fusion-lamps.com/assets/img/CRI-comparison-apples.jpg 2. ทฤษฏสี ที ่ีเก่ยี วขอ งกับการจดั การสี การทําใหเกิดสีตางๆ สามารถทําไดหลายวิธี เชน จากการใชสีตางๆ มาผสมกันอยางที่ชาง วาดภาพสี หรือการทาสีบาน การยอมผาตางๆ เปนตน แตการสรางภาพสีในกระบวนการการ ถายภาพการพิมพ และภาพบนจอโทรทัศน การผสมสีใหเกิดสีตางๆ แตกตางไปจากวิธีการเอาสีมา ผสมกันในการยอ ม การทา การวาดดังกลาวขางตน ในกระบวนการผลิตภาพสีในการพิมพ แบงระบบ การผสมสีออกเปน 2 ระบบ คอื การผสมสีแบบบวก และการผสมสแี บบลบ 2.1 การผสมสีแบบบวก (additive color mixing) การผสมสีแบบบวก เปนการผสมสีของแสงเพราะเปนการรวมแสงเขาดวยกัน โดยแบงสีของ แสงในสเปกตรัมออกเปน 3 สี ไดแก สีนํ้าเงิน (blue, B) สีเขียว (green, G) และสีแดง (red, R) เรียกวา แมสีปฐมภูมิ คือเปนแมสีเริ่มตน ถานําแมสีของแสงท้ัง 3 สีมาฉายรวมบนจอสีขาว จะไดสี ผสมตางๆ พนื้ ฐานความรูเกี่ยวกบั สีเพือ่ การจดั การสี | 15

สนี ํ้าเงิน รวมกบั สีเขยี ว ได สีน้าํ เงินเขยี ว สนี า้ํ เงนิ รวมกบั สแี ดง ได สมี วงแดง สีเขยี ว รวมกบั สีแดง ได สเี หลอื ง สนี ํ้าเงิน รวมกับ สีเขยี ว รวมกับ สีแดง ได สีขาว สีท่ีไดจากการรวมของแมสีสองสีเปนสีเติมเต็มของแมสีท่ีเหลือ เนื่องจากเมื่อรวมกันแลวไดสี ขาว ดงั นน้ั สนี ้ําเงินเขยี วเปนสีเตมิ เต็มของสแี ดง สีมวงแดงเปนสีเติมเต็มของสีเขียว และสีเหลืองเปนสี เติมเตม็ ของสีน้าํ เงนิ ภาพที่ 1.17 การผสมสีทางแสง ท่ีมา : http://www.lenashore.com/wp-content/uploads/2010/09/rgb-lamps.jpg อุตสาหกรรมไดนําหลักการผสมสีแบบบวกมาใชแสดงภาพสีในจอภาพของเคร่ืองรับวิทยุ โทรทัศน และจอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร จอภาพน้ีประกอบดวยจุดของสารเรืองแสง 3 สี คือ สี น้ําเงนิ สเี ขียว และสีแดง จุดมีขนาดเล็กมากจนตาไมสามารถแยกใหเห็นเปนจุดๆ ดวยตาเปลาได การ มองเห็นสีของภาพบนจอภาพเปนการเห็นแสงทผ่ี สมจากจุดภาพเลก็ ๆ ทั้งสามสีในอัตราสวนของความ เขม แสงในปรมิ าณตา งๆ 2.2 การผสมสีแบบลบ (subtractive color mixing) การผสมสีแบบลบ เปนการผสมสีของวัตถุธาตุเพราะเปนการผสมสีที่ใชหลักการกั้นหรือ ดดู กลืนบางสีออกแมสขี องระบบนเ้ี รยี กวา แมส ที ตุ ยิ ภูมิ เน่อื งจากเปนสที ่ีไดจากการผสมของแมสีปฐม ภมู ิ ไดแ ก สีน้าํ เงนิ เขียว (cyan, C) สีมวงแดง (magenta, M) และสเี หลือง (yellow, Y) ชา งพิมพและ ชางศิลปมักจะเรียกชื่อแมสีทุติยภูมิผิดเพ้ียนไปเพราะเรียกตามสีที่เห็นจากกลุมกอนของสีในกระปอง หลอดสี แทงสี โดยเรียกสีน้ําเงินเขียววาสีฟาหรือนํ้าเงินสีมวงแดงเรียกวาสีแดง แตสีเหลืองเรียก ตรงกัน ตัวอยางการผสมสีแบบลบ ไดแก การพิมพสอดสี ซ่ึงเปนการพิมพหมึกสีซอนทับกัน C M Y 16 | ระบบการจัดการสี

หมึกสีแตละชั้นทําหนาที่เปนแผนกรองแสงสีหรือฟลเตอรสี ท่ียอมใหแสงสีบางสีสองผานไดและก้ัน แสงสีบางสีไว ทําใหไ ดสตี างๆ สีนา้ํ เงินเขียว ซอนทับ สีมว งแดง ได สีนาํ้ เงิน สนี ํ้าเงินเขียว ซอนทบั สีเหลือง ได สเี ขยี ว สีมว งแดง ซอนทับ สเี หลอื ง ได สีแดง สนี ้ําเงนิ เขยี ว ซอ นทับ สีมว งแดง ซอนทับ สเี หลอื ง ได สดี าํ ภาพท่ี 1.18 การผสมสีแบบบวกและแบบลบ ทีม่ า : https://s-media-cache- ak0.pinimg.com/736x/26/8d/fb/268dfb16397574b24486c74834c2f18b.jpg 2.3 การดูดกลนื แสงของฟลเตอรสีนํ้าเงนิ เขียว สีมวงแดง และสีเหลือง แสงขาวประกอบดวยแสงสีแดง สีเขียว และสีนํ้าเงิน เมื่อสองผานฟลเตอรสีนํ้าเงินเขียว ซ่ึงมี สมบัติดูดกลืนแสงสีท่ีเปนคูเติมเต็ม (สีแดง) สวนท่ีเหลือคือแสงสีเขียวและสีน้ําเงินจึงสองผานมาได ผูสังเกตจึงมองเห็นแสงท่ีสองผานฟลเตอรเปนสีน้ําเงินเขียว ในทํานองเดียวกัน ฟลเตอรสีมวงแดงมี คุณสมบัติดูดกลืนแสงสีเขียว แตแสงสีแดงและสีน้ําเงินสองผานฟลเตอรสีมวงแดงมาได ทําใหตา มองเห็นสีมวงแดง และในทํานองเดียวกัน ฟลเตอรสีเหลืองมีสมบัติดูดกลืนแสงสีน้ําเงิน ยอมใหแสงสี แดงและสีเขยี วสอ งผานฟล เตอรสเี หลืองมาได ตาจึงมองเห็นเปนสีเหลือง เม่อื นําฟล เตอรส นี ้ําเงนิ มาซอ นทับฟลเตอรสมี ว งแดง แลวในแสงของสองไปยังฟลเตอร แสงที่ สามารถผา นฟลเตอร ทัง้ สอง ไดแก สีนํ้าเงิน เนื่องจากฟลเตอรสีน้ําเงินเขียวดูดแสงสีแดงไว และยอม ใหแสงสีเขียวและแสงสีน้ําเงินผาน และเม่ือแสงนั้นผานฟลเตอรสีมวงแดง ซ่ึงมีสมบัติดูดกลืนแสงสี เขียวได ดังน้ัน แสงสีน้ําเงินเทาน้ันท่ีผานออกมากได จึงทําใหเห็นฟลเตอรท้ังสองท่ีซอนกันเปน สนี ้ําเงิน พืน้ ฐานความรเู กย่ี วกบั สเี พอ่ื การจัดการสี | 17

ในทํานองเดยี วกนั หากนําฟลเตอรสีมวงแดงซอนทับกันฟลเตอรสีเหลือง แสงสีที่สามารถผาน ฟล เตอรท ้งั สอง ไดแ ก สีแดง เนื่องจากฟลเตอรสีมวงแดงดูดกลืนแสงสีเขียว และยอมใหแสงสีแดงและ แสงสีน้ําเงินผาน และเมื่อแสงท่ีเหลือสองผานฟลเตอรสีเหลืองซ่ึงดูดกลืนแสงสีนํ้าเงินไว จึงมีแตแสง เทาน้ันผา นออกมาได ทาํ ใหเปนฟล เตอรท ง้ั สองทซ่ี อนกนั เปนสแี ดง ในทํานองเดียวกัน หากนําฟลเตอรสีน้ําเงินเขียวมาซอนทับกับสีเหลือง แสงสีที่สามารถผาน ฟลเตอรทง้ั สอง ไดแ ก สีเขียว เนื่องจากฟล เตอรส ีนํ้าเงินเขียวไดดูดกลืนแสงสีแดงไว และยอมใหแสงสี เขียวและแสงสีนํ้าเงินผาน และเมื่อแสงทั้งสองผานฟลเตอรสีเหลืองซ่ึงจะดูดกลืนแสงสีน้ําเงิน ดังนั้น แสงสีเขยี วเทานน้ั ผา นออกมาได จึงเหน็ ฟล เตอรท ั้งสองทซี่ อ นทบั กันเปนสเี ขียว ภาพที่ 1.19 แสงท่สี อ งผา นฟลเตอรส ตี าง เมื่อมีแสงขาวตกกระทบ ทม่ี า : http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/vision/imgvis/filterc.gif 18 | ระบบการจดั การสี

หลักการผสมสีแบบลบของฟลเตอรสีตางๆ น้ีสามารถนํามาใชกับการพิมพสอดสีของหมึก พิมพได เนอ่ื งจากสมบัตขิ องหมกึ พมิ พมคี วามโปรงใส จึงทําหนาที่เหมือนฟลเตอรที่วางอยูบนกระดาษ ขาว คําทําหนา ทดี่ ดู กลืนแสงบางสีท่ีตกกระทบ และยอมใหแ สงสีบางผาน ซ่ึงจะไปสะทอนกลับเม่ือตก กระทบบนกระดาษขาวและสะทอ นผา นช้ันหมึกพิมพอีกครัง้ กอนเขาสูตา ภาพท่ี 1.20 การสะทอนแสงสขี องหมึกพิมพทงั้ สามสี ท่ีมา : http://inventorartist.com/wp-content/uploads/2013/05/ReflectionDetail.png กลาวโดยสรปุ จะเห็นไดวา การผสมสีของแมสีปฐมภูมิไดแมสีทุติยภูมิ และการผสมสีของแม สีทุติยภูมิก็จะไดแมสีปฐมภูมิ ดังน้ันจึงเรียกแมสีที่อยูตรงกันของการผสมสีวาเปนสีคูเติมเต็ม (complementary color) ในการผสมสีแบบบวก หากนําแสงสีแดงไปผสมกับแสงสีเขียว จะไดแสงสี ขาว ในทาํ นองเดียวกัน ในการผสมสแี บบลบ หากพิมพหมึกพิมพสีนํ้าเงินเขียวไปทับลงบนหมึกพิมพสี แดงจะไดส ีดํา ถาพจิ ารณาแผนภมู ิการผสมสใี นภาพที่ 1.18 จะเหน็ วา สีแดงอยูตรงขามกบั สีนํ้าเงินเขยี ว ดงั นั้น สีแดงเปน สีคูเติมเต็มกบั สนี ํา้ เงนิ เขียว สเี ขียวอยูต รงขามกับสีมวงแดง ดงั นั้น สีเขยี วเปนสีคเู ติมเต็มกบั สีมว งแดง สีนา้ํ เงนิ ตรงขา มกบั สีเหลอื ง ดงั นั้น สนี ้ําเงนิ เปนสคี เู ตมิ เต็มกับสเี หลือง พืน้ ฐานความรเู ก่ียวกับสเี พ่ือการจัดการสี | 19

3. รูปแบบสที เี่ กยี่ วขอ งกับการจดั การสี (color model) สีตางๆ ทค่ี นเรามองเหน็ และใชง านเปนจาํ นวนมาก เมอื่ จะส่อื สารเรื่องสีในชีวิตประจําวันก็ใช วิธีบอกช่ือสี แตในอุตสาหกรรมการพิมพการบอกช่ือสีเพียงอยางเดียวยังไมเพียงพอที่จะส่ือสารกันได ถกู ตอ ง จําเปนตองมีการกําหนดระบบการจัดลําดับสีแบบตางๆ หรือมีคาตัวเลขข้ึน เพื่อความสะดวก และความถูกตอ งในการสอื่ สาร รปู แบบหรอื โมเดลสี (color model) ในปจ จุบันแบงออกเปน 3 แบบ ไดแ ก 3.1 รูปแบบสจี ากการผสมสี (color mixing) เปนรูปแบบท่ีแสดงความสัมพันธระหวางแมสี และการผสมกันของแมสี ตัวอยางการใชสี ระบบนใ้ี นอุตสาหกรรม ไดแ ก 3.1.1 สีของแสง (color light) ในเครอื่ งโทรทัศนแ ละหนาจอคอมพิวเตอรซึ่งมีสาร ฟอสฟอรท ่ีเรอื งแสงสปี ฐมภูมิ 3 สี ไดแก สีแดง สีเขียว และสีนํ้าเงิน จะแสดงภาพดวยการผสมสีแบบ บวกจากแมสี 3 สีจอภาพของโทรทัศนสีทั่วไปท่ีใชตามบานเรือน การแสดงสีเปนแบบแอนะล็อก คือ ความออ นเขมของสีแปรไปตามความแรงของสัญญาณไฟฟา สวนจอภาพของเคร่ืองคอมพิวเตอร การ แสดงสีขน้ึ อยูกบั จํานวนบิตของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร ตัวอยางเชน หนาจอภาพทใ่ี ชทั่วไปในการพิมพเปน แบบ 8 บิต แตละชองสี สีแดง สีเขียว และสีน้ําเงิน มีคา 0-255 แสดงสีไดสีละ 256 ระดับ รวมการ ผสมท้ังสามสีแลวสามารถแสดงสีได 16.77 ลา นสี (28 x 28 x28) ภาพที่ 1.21 การเกดิ สขี องแสง ท่มี า : http://www.mediatrends.es/wp-content/uploads/2015/07/bits-color-750x342.jpg 3.1.2 สีหมึกพิมพชุด (process color) การพิมพภาพสอดสีใชแมสี 3 สี (สีนํ้าเงิน เขียว สีมวงแดง สีเหลือง) และสีดํา ผลิตสีตางๆ ดวยสวนผสมของแมสีทั้งสามในสัดสวนตางๆ สวนสี ดํานั้นทําใหภาพมีความเปรียบตางและมีความดํามากขึ้น นํ้าหนักสีตางๆ แสดงในรูปแบบของเม็ด สกรีน โรงพิมพหรือผูผลิตหมึกพิมพ มักจะจัดพิมพหนังสือตัวอยางสีท่ีแสดงแถบสีผสมของเม็ดสกรีน ของแมสีท้ังสาม และสีดํา ในสัดสวนเปอรเซ็นตเม็ดสกรีนตางๆ ต้ังแต 0 ถึง 100 เปอรเซ็นต บน กระดาษพิมพเคลือบผวิ กระดาษไมเคลือบผิว และบางคร้ังพิมพบนกระดาษหนังสือพิมพเพ่ือใหลูกคา 20 | ระบบการจดั การสี

และชางออกแบบไดเห็นตัวอยางสีที่ไดจากการพิมพจริง ปจจุบันนี้การพิมพสีคุณภาพสูงเรียกวาไฮไฟ แมสที ่ีใชพ ิมพส อดสเี พ่มิ ขึ้นเปน 6-7 สี เพ่อื ใหพมิ พภ าพสที ี่มีสสี ดใสมากขึ้น ภาพท่ี 1.22 การเกิดสขี องหมึกพิมพ ทมี่ า : https://c1.staticflickr.com/3/2227/2211243285_7648c657e8_z.jpg?zz=1 ภาพที่ 1.23 color chart ทีม่ า : http://www.pantone.com/images/pages/19890/Pantone-Extended-Gamut-Guide-Proces- Colors.jpg พื้นฐานความรูเกยี่ วกบั สเี พ่ือการจัดการสี | 21

3.1.3 สีหมึกพิมพพิเศษ (spot color) สีประเภทน้ีผสมแบบนําเนื้อสีมาผสม รวมกันแบบการผสมสที า ระบบนี้ตอ งใชแ มสีจาํ นวนมาก อาจมีแมส ี 8-14 สีหรอื มากกวานี้ จํานวนแม สีไมมขี อจาํ กัด ขนึ้ อยูกับสารสที สี่ ามารถผลติ มาได ระบบผสมสที ี่นกั ออกแบบสวนใหญรูจักและนิยมใช กนั มากคือ ระบบสีแพนโทน นอกจากนี้บริษทั ผูผ ลิตหมึกพิมพก ส็ รางระบบของตนเองดว ย ที่มา : http://www.alloutgraphics.com/products/graphics/spot-process.jpg ทมี่ า : https://www.weddingpaperdivas.com/img/misc/spot-color.jpg ท่มี า : https://xchange-wpengine.netdna-ssl.com/wp-content/uploads/PMS_Spot_Color.jpg ภาพท่ี 1.24 การผสมสีของหมกึ พิมพชุด กับ หมกึ พิมพพ เิ ศษ 3.2 รูปแบบสจี ากการรบั รูสี (color perception) เปน รูปแบบสที ีต่ องมีตัวอยางสีไวอางอิง เชนเดียวกับระบบการผสมสี การจัดวางสี พิจารณา จากลักษณะสีท่ีปรากฏ และการรับรขู องคน เมือ่ คนเราเห็นสี และจะบอกลักษณะสีน้ันๆ สามารถบอกไดเปน 3 ลักษณะ คือ สีสัน (hue) ซึ่งเปนลักษณะหนึ่งของสี เชน สีเขียว สีแดง สีมวง สีเหลือง สีสม ลักษณะที่สอง คือ การสวางสี 22 | ระบบการจดั การสี

(lightness) เปนลักษณะท่ีบอกถึงความสวาง-มืดของสี ลักษณะท่ีสาม คือ ความอิ่มตัวสี (saturation) เปนลักษณะที่บอกถึงความมีเนื้อสีมากนอย เปนความสดใสของสี ระบบสีมันเซลล (Munsell) เปน ระบบหนงึ่ ทจี่ ัดเรียงสโี ดยใชหลักการน้ี มันเซลลเปนครูสอนศิลปะ และไดคิดจัดระบบ สีในเชิงการรับรสู เี ปน คนแรก ในป ค.ศ. 1905 เขาไดจัดทําสื่อการสอนเพื่อสอนนักเรียนศิลปะ เพราะ ตองการมีระบบสีที่สามารถระบุสีเปนคาตัวเลข และมีตัวอยางสีในการอางอิงตามลักษณะสีท้ัง 3 ประการที่กลาวมาแลว และอีก 10 ปตอมา เขาก็ไดจัดทําแผนที่สีช่ือวา Atlas of Munsell Colors มันเซลลไดจัดสีในรูปแบบสามมิติ เร่ิมจากสีสันเรียกวา มันเซลล ฮิว (Munsell hue) ประกอบดวยสี หลัก 5 สี ไดแก สีแดง (R) สีเหลือง (Y) สีเขียว (G) สีน้ําเงิน (B) และสีมวง (P) และสีผสมระหวางสี หลกั เรียงกันในรูปแบบวงกลม ในแนวแกนตั้ง เขาจัดความสวางเร่ิมจากขาว (0) และเทาระดับความ เขมตางๆ 8 ระดับ เรียงกันจนถึงดํา (10) เรียกวามันเซลลวาลู (Munsell value) บอกดวยคา 1 ถึง 10 ใชต ัวยอ N (neutal) หมายถึง สีกลาง คือ ไมมีสีสัน และในแนวสุดทายซ่ึงเปนรัศมีจากแกนกลาง (สีเทา) ไปสเู สน รอบวง เปนความอิ่มตวั สี เรียกวา มันเซลล โครมา (Munsell chroma) ความอิ่มตัวสี ในแตละสีสนั ไมเ ทากนั บางสสี นั มีความอมิ่ ตวั สีถึงคา 14 บางสสี นั มคี วามอ่ิมตวั สีเพยี งคา 8 หรือ 10 ภาพท่ี 1.25 Munsell Color system ท่มี า : http://www.paintbasket.com/munsell/munsell_print.jpg การบอกตาํ แหนงสี (color notation) บอกเปน HV/C เชน 5R4/6 หมายถึง คาสีสัน 5R คา ความสวางสี 4 และคาอิ่มตัวสี 6 ภายหลังไดมีผูปรับปรุงระบบนี้ตอมา และยอมรับเปน มาตรฐานสากลระหวางประเทศ (ISO standard) พ้ืนฐานความรูเ กี่ยวกับสเี พื่อการจัดการสี | 23

ภาพท่ี 1.26 การบอกตําแหนงสีของระบบสีมนั เซลล ที่มา : http://www.proyectacolor.cl/wp-content/uploads/2009/09/munsell1.gif นอกจากระบบมันเซลลแลว ยังมีผูคิดคนระบบอื่นๆ อีกแตไมเปนท่ียอมรับกวางขวาง เชน ประเทศสวีเดนไดคิดระบบ NCS (Natural Color System) ซ่ึงใชหลักการรับรูสีและสีคูตรงขาม (opponent colors) และเปนที่นิยมใชในกลุมนักออกแบบและอุตสาหกรรมในประเทศแถบ สแกนดิเนเวีย ภาพท่ี 1.27 รูปแบบสีระบบ NCS ที่มา : http://www.huevaluechroma.com/pics/7.39.jpg ตวั อยางรูปแบบสที ่ีมฐี านจากการรบั รูสีและนาํ มาใชใ นโปรแกรมงานกอนพิมพ ไดแ ก HSL เปนรูปแบบสีท่ีมีวัตถุประสงคท่ีอธิบายสีตามการรับรูของคน มีองคประกอบ คือ สีสัน (hue) ความอ่ิมตัว (saturation) และความสวาง (lightness) แสดงดวยแผนภูมิ 3 มิติ มีลักษณะ คลา ยรปู แบบของมนั เซลล สสี ันอยทู เ่ี สนรอบวงของวงกลม ความอิ่มตัวอยูในแนวรัศมี สีท่ีมีเน้ือสีนอย 24 | ระบบการจัดการสี

อยูใกลแกน ระยะหางจากแกนสัมพันธกับปริมาณของเนื้อสี ความสวางมืดของสีอยูตรงแกนกลาง บอกถึงปริมาณแสงที่สะทอนจากสี มีคา 0-100 ดําถึงขาว การควบคุมองคประกอบ 3 เปนอิสระแก กนั สามารถเปลย่ี นแปลงองคป ระกอบหนงึ่ ๆ ไดโ ดยไมมผี ลกระทบตอกัน ภาพท่ี 1.28 รูปแบบสีแบบ HSL ทมี่ า : http://opticalenquiry.com/paint/wp-content/uploads/2013/05/color.007.png HSB ประกอบดวย สีสัน (hue) ความอิ่มตัว (saturation) และความสวาง (brightness) คลา ยกับ HSL แตร ูปแบบนีเ้ ชื่อมโยงกบั ระบบ RGB การแสดงสสี นั อยูในรูปสัดสวน RGB ความอ่ิมตัวสี อยใู นรูปของสีเติมเต็ม เชน ความอิม่ ตัวของสีเขียว ดูวามีสีมวงแดงปนอยูมากนอยเพียงไร ถาอิ่มตัวสูง จะไมมสี ีตรงขามปนอยูเลย รูปแบบน้มี ีในโปรแกรมใชง านทม่ี ีการใชสี เชน color picker ภาพท่ี 1.29 รปู แบบสีแบบ HSB ทม่ี า : http://www.tigercolor.com/Images/ColorMode.jpg พ้นื ฐานความรูเ ก่ยี วกับสีเพือ่ การจดั การสี | 25

3.3 รูปแบบสจี ากการเทยี บสี (color matching) เปนรูปแบบสีท่ีมีพ้ืนฐานจากการเทียบสีโดยใชฟงกชันทางคณิตศาสตรกําหนดข้ึนโดย คณะกรรมการ CIE ซง่ึ ไดกําหนดระบบสีไวห ลายระบบ ไดแก 3.3.1 ระบบ CIE Yxy เปนเหมือนแผนที่สี เรียกวา แผนภูมิโครมาติก xy (chromaticity diagram) เปนรูปคลายเกือกมา ดังภาพที่ 30 ประกอบดวยแกนพิกัด x, y ซ่ึงเปนคา สัมประสิทธ์ิของสี และ Y เปนคาความสวางสีอยูในแกนตั้งฉากกับระนาบ xy เสนโคงในกราฟเปน ขอบเขตสีท่ตี าสามารถมองเห็นได มคี วามยาวคล่ืนต้ังแต 380 ถึง 780 นาโนเมตร แผนภูมิน้ีใชในการ บอกตําแหนงของสีและขอบเขตสี (color gamut) คาสีท่ีไดจากการวัดดวยเครื่องสเปกโตรโฟโต มิเตอร นอกจากนี้ยังใชในการคํานวณและแปลงคาสีในระบบการจัดการสี ระบบนี้มีขอดอยท่ี มาตราสวน (scale) ไมเทากันตลอด ทําใหไมเหมาะที่จะใชแสดงความแตกตางสี จึงไดมีการพัฒนา ดดั แปลงแผนภมู ิสีนี้ ภาพท่ี 1.30 ระบบ CIE Yxy ทม่ี า : http://i.imgur.com/6Aw1tE1.jpg 3.3.2 ระบบ CIE LUV หรือ CIE L* u* v* พัฒนามาจาก CIE Yxy เพื่อดัดแปลง แผนภูมิใหมีมาตราสวนที่แสดงความแตกตางสีไดเทากันในทุกพ้ืนที่ ระบบน้ีนิยมใชในอุตสาหกรรม เกี่ยวกับแสง และมอนิเตอร ภาพที่ 1.31 ระบบ CIE LUV ท่ีมา : http://dl.ledtronics.com/ImagesAll/CIE1976.jpg 26 | ระบบการจัดการสี

3.3.3 ระบบ CIELAB หรือ CIE L* a* b* เปนแผนภูมิสามมิติ มแี กน a*+ เปน คา สัมประสทิ ธขิ์ องสีแดง a*- เปนคา สัมประสิทธ์ขิ องสเี ขยี ว b*+ เปนคา สัมประสทิ ธิ์ของสเี หลอื ง b*- เปน คาสมั ประสทิ ธข์ิ องสีน้ําเงิน L* เปน คาความสวา งสี 0 คือดํา ถึง 100 คอื ขาว อยูในแกนตั้งฉากกบั ระนาบ a*b* ก. ข. ภาพท่ี 1.32 ระบบ CIELAB ท่มี า : ก. http://www.rehab.research.va.gov/jour/05/42/5/bicchierinif04.jpg ข. http://www.angelfire.com/ga/huntleyloft/charts/CIELAB.jpg แผนภูมินี้พัฒนาขึ้นเพื่อใชแสดงความแตกตางสี สรางมาจากพัฒนาสีคูตรงขามกับ นักวิทยาศาสตรชาวเยอรมันช่ือ แฮรริง ซึ่งกลาววาระบบการเห็นสีของคนเราเปนแบบสีคูตรงขาม ไดแก สีแดงเปนสีคูตรงขามกับสีเขียวหมายความวาเราไมสามารถเห็นสีแดงและสีเขียว ณ ท่ีเดียวกัน สีคูตรงขามอีกคูหนึ่งคือ สีเหลืองและสีน้ําเงิน นักวิทยาศาสตรอีกหลายคนไดมีสวนรวมกันพัฒนา ระบบ CIELAB นี้เพื่อใหมีแผนภูมิแสดงสีท่ีมีมาตราสวนท่ีเทากันและมีตําแหนงของสีกลาง คือ สีเทา อยูตรงกลางของสีตางๆ สามารถแสดงความแตกตางสีตรงกับการรับรูของคนจึงเปนที่นิยมใชกันใน อุตสาหกรรมการผลิตทเ่ี กี่ยวกับสี เชน สง่ิ ทอ สที าพน้ื การผลิตภาพสี เปนตน เอกสารอางองิ : พรทวี พึง่ รัศมี, 2549, เทคโนโลยกี ารผลิตภาพพิมพสี, เอกสารการสอนชุดวิชาเทคโนโลยกี ารพมิ พ หนว ยท่ี 1-7 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1, พิมพท่ี โรงพมิ พม หาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช นนทบุรี หนา 7-5 – 7-21 พ้ืนฐานความรเู กย่ี วกบั สเี พอ่ื การจดั การสี | 27

วิธกี ารสอนและ 1. อาจารยบ รรยายประกอบการซักถาม โดยการใชส ือ่ การสอน กิจกรรม 2. นกั ศึกษาปฏบิ ัตงิ านตามงานท่ีมอบหมาย งานเด่ียว คร้งั ที่ 1 ส่ือการสอน 3. นกั ศึกษาแบงกลมุ อภปิ รายในหองเรียน 4. อาจารยและนักศกึ ษารวมกนั สรปุ บทเรยี น งานท่ไี ดร ับ หนังสอื อางอิง แสดงทายแนวการสอน มอบหมาย เอกสารใช เอกสารสําเนา เรือ่ ง พื้นฐานความรูเกีย่ วกบั สีเพอื่ การ ประกอบ จัดการสี การวัดผล วัสดุและอุปกรณ 1. เครื่องคอมพวิ เตอรแบบพกพา หมายเหตุ โสตทัศน 2. เคร่อื งฉายภาพ (Projector) 3. สอื่ Power Point เร่ือง พื้นฐานความรูเ กี่ยวกับสเี พ่อื การจดั การสี 4. กระดานขาว (White board) ใหนกั ศึกษานําภาพลายเสนการต นู เพื่อการระบายสมี าคนละ 1 ภาพ โดยนํา ภาพทน่ี าํ มาปฏบิ ตั ิงานดังนี้ 1. สาํ เนาภาพการตูนเพ่ือการระบายสี 1 ภาพ 2 แผน ขนาด A4 2. ระบายสตี ามใจดวยมอื โดยใชอุปกรณระบายสีตามทตี่ ัวเองหามา เชน ดนิ สอสี สเี ทียน สเี มจกิ สีชอลก เปน ตน 3. ระบายสีดว ยโปรแกรมคอมพวิ เตอรท ี่ใชในการระบายสใี หตรงกบั สที ่ที าํ การระบายดว ยมือ แลว พรนิ้ ตสอี อกมา 4. แบง กลุม ละ 5-7 คน เพือ่ ทําการอภปิ รายผลของงานทีไ่ ด โดยเพ่ือทาํ การ เปรียบเทียบงาน 2 แผน ท่ีไดจากการระบายสดี ว ยมอื และอปุ กรณ คอมพิวเตอร 5. นําเสนอความรทู ไี่ ดใ นแตละกลุม 6. สรุปผลของการเรียนรู 1. สังเกตพฤตกิ รรมการมสี วนรว มในการเรียน 2. ประเมินผลงานท่ีไดรับมอบหมายจากใบงาน 3. ประเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม/การอภิปรายผล 28 | ระบบการจดั การสี

ใบงานที่ 1 การวิเคราะหแ หลง กําเนดิ สเี พอ่ื การจดั การสี 1. วตั ถปุ ระสงค 1.1 เพอ่ื เขาใจความแตกตางของสที ไ่ี ดจากแหลงตา งๆ 1.2 เพอ่ื วเิ คราะหเ ปรียบเทยี บสที เี่ กดิ ขึ้นจรงิ จากแหลงตา งๆ เพ่อื การจดั การสี 2. วิธกี ารปฏบิ ัติงาน/มอบหมายงาน 2.1 งานเดี่ยว 2.2 ระบายสลี งในกระดาษภาพลายเสน สําหรับระบายภาพ 2.3 นําภาพเขาคอมพวิ เตอร เพ่ือทําการระบายสีลงในโปรมแกรมคอมพิวเตอรและสัง่ ปริ้นต 2.4 แบงกลมุ นักศกึ ษา 5-7 คน อภิปรายผล/วิเคราะหผ ล 2.5 นาํ เสนอผลงาน/ความรู 2.6 สรปุ ผลของความรเู พอ่ื นําความรไู ปใชตอไป 2.7 มอบหมายงานเพ่ือการคนควาขอ มลู ในเรือ่ ง กระบวนการทาํ งานของระบบการจดั การสี สําหรบั การเรยี นการสอนในคร้ังตอไป 3. การสง งานและการใหค ะแนน 3.1 ใหนักศกึ ษาสงทายช่ัวโมง 3.2 ตรวจเชค็ เปน รายบคุ คลจากการระบายสีท้งั 2 ภาพๆ ละ 1 แผน ขนาด A4 3.3 ตรวจเช็คเปน รายกลมุ จากการอภปิ รายและการนําเสนอ 3.4 การเขา เรียนและใหค วามรว มมือในกิจกรรมการเรยี นการสอน พ้ืนฐานความรเู กย่ี วกบั สีเพื่อการจดั การสี | 29



สัปดาหท ่ี 2 แนวการสอน รหัสวชิ า 08-212-205 เวลา 5 ชั่วโมง ทฤษฎี 2 ชวั่ โมง หนวยที่ 1 พื้นฐานเพื่อการจัดการสี ปฏบิ ัติ 3 ช่ัวโมง ชื่อบทเรียน บทที่ 2 หลกั การของระบบการจัดการสี ตอนท่ี 1 ความหมายและความสําคัญของการจัดการสี ตอนท่ี 2 หลกั การและกระบวนการของระบบการจดั การสี จดุ ประสงคการสอน 1. นาํ ความรเู ก่ยี วกับหลักการของระบบการจดั การสีเพ่ือไปใชในการจดั การสี 1.1 อธบิ ายความหมายและความสําคัญของการจดั การสีได 1.2 อธบิ ายหลกั การและกระบวนการของการระบบการจดั การสีได 1.3 อธบิ ายหลักการของโมดลู การจดั การสีได 1.4 แยกแยะความแตกตา งของคาสที ีองิ อปุ กรณกับคาสที ่ไี มอิงอปุ กรณได 2. มีทกั ษะในแปลงคาแตล ะชนิดของอปุ กรณเพือ่ งานจัดการสี 2.1 ทําการแปลงคา สจี ากแหลงสที ี่องิ อปุ กรณห น่ึงไปยังแหลงสีที่องิ อุปกรณอน่ื ได 2.2 การแปลงคา สจี ากแหลง สีท่ีองิ อุปกรณไปยังแหลง สที ่ีไมอิงอปุ กรณอนื่ ได 3. มคี วามรับผิดชอบ 3.1 เขา เรียนและใหค วามรว มมอื ในกิจกรรมการเรยี น 3.2 สงงานตรงตามเวลาที่กําหนด หลักการของระบบการจัดการสี | 31

เนื้อหาประกอบการเรียนการสอน 1. ความหมายและความสาํ คญั ของการจดั การสี เทคโนโลยีของยุคท่ีมีการใชระบบคอมพิวเตอรในงานกอนพิมพ ในกระบวนการผลิตภาพสีมี การใชอุปกรณตาง ๆ เขามาเกี่ยวของมากมาย อุปกรณนําเขาที่ใช เชน เคร่ืองกราด กลองถายภาพ ดิจิทัล โปรแกรมคอมพิวเตอร เชน โปรแกรมสรางภาพ โปรแกรมตกแตงภาพ โปรแกรมจัดประกอบ หนา และอุปกรณพิมพผลออกที่ใช เชน จอภาพ เคร่ืองพิมพประเภทตาง ๆ เครื่องอิมเมจเซตเตอรที่ จะพิมพผลออกมาเปนฟลม หรือเครื่องเพลทเชตเตอรท่ีจะพิมพผลออกมาเปนแมพิมพ การแสดงและ ผลิตภาพสีของแตละอุปกรณมีขอจํากัดมากมายที่ทําใหอุปกรณเหลาน้ัน ไมสามารถแสดงสีหรือผลิต ภาพสีไดเ หมอื นกัน ระบบการจดั การสีจงึ ไดร ับการพัฒนาข้นึ เพ่อื ชว ยแกปญหาดงั กลา ว ภาพที่ 2.1 กระบวนการผลติ ภาพสที ีม่ กี ารใชอุปกรณต างๆ ท่มี า: https://i-msdn.sec.s-msft.com/dynimg/IC151168.gif การจัดการสีในยุคแรกยังเปนระบบปด โดยมีบริษัทผูผลิตหลายบริษัทพัฒนาข้ึน เชน บริษัท อัก๊ ฟา มีระบบโฟโตทูน (Fototune) บริษัทโกดัก มีระบบเคซีเอ็มเอส (Kodak Color Management System, KCMS) เปนตน ระบบดังกลาวมีการใชงานเฉพาะ และยังไมมีมาตรฐานใหสามารถใชงาน รวมกันได จนกระทั่ง ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) บริษัทแอปเปลคอมพิวเตอร) ซึ่งเปนบริษัทผูผลิต คอมพิวเตอรแมคอินทอช ไดพัฒนาโมดูลจัดการสีคัลเลอรซิงค 1.0 (ColorSync 1.0) ข้ึน ซึ่งเปน โปรแกรมจัดการสีแบบงายอยูในระดับระบบปฎิบัติการ โดยมีโพรไฟล (profile) ของอุปกรณตางๆ ท่ี เก่ียวของกับกระบวนการผลิตสี เชน เคร่ืองกราด จอภาพ และเคร่ืองพิมพ ซึ่งเปนขอมูล คุณลักษณะเฉพาะในการผลิตสีของแตละอุปกรณ แตมีขอจํากัดของโมดูลจัดการสีคัลเลอรซิงค 1.0 ตรงทีส่ ามารถใชใ นระบบสี RGB เทานั้น และสวนแปลงคาสียังทํางานไดชา ท้ังยังไมสามารถใชงานใน โปรแกรมอ่ืนๆ ที่ใชท่ัวไปในงานกอนพิมพ จึงไดมีการพัฒนาคัลเลอรซิงครุนตอๆ มา ใหมี 32 | ระบบการจัดการสี

ความสามารถในการแปลงคาสีใหมีความถูกตองมากข้ึน และทํางานไดรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังไดมี การพัฒนารูปแบบมาตรฐานของไฟลท่ีอธิบายคุณลักษณะการผลิตสีของอุปกรณท่ีใชในระบบการ จัดการสี ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของบริษัทผูผลิตอุปกรณตาง ๆ จัดตั้งข้ึนเปน International Color Consortium (ICC) หรือเรือกวา ไอซีซี และกําหนดใหมีรูปแบบมาตรฐานคุณลักษณะเฉพาะในการ ผลิตสีของอปุ กรณต าง ๆ เปนมาตรฐานเดียว เรยี กวา ไอซซี ีโพรไฟล จึงเปนแรงกระตุนใหมีการพัฒนา ระบบการจัดการสีกันมากข้นึ ภาพท่ี 2.2 ตราสญั ลกั ษณขององคกร ICC ทีม่ า: http://www.color.org/ICC_V4_Logo_300dpi.jpg 1.1 ความหมายของระบบการจัดการสี ไอซีซี ไดอ ธิบายความหมายของการจัดการสี (color management) ไววา เปนกระบวนการ ท่ีใชในการเชื่อมโยงคุณลักษณะสีของอุปกรณตาง ๆ ที่ใชในการผลิตภาพสี ตั้งแตอุปกรณนําเขา (input device) และอุปกรณสงผลออก (output device) ใหม ีขอ มูลอางอิงรวมกัน กลาวโดยนัยแลว ระบบการจัดการสี (color management system, CMS) หรือเรือกสั้น ๆ วา ซีเอ็มเอส เปนระบบท่ี มหี นาท่ีจัดการและควบคุมการะบวนการผลิตภาพสีของทุกอุปกรณที่ใชในการงานกอนพิมพ ไมวาจะ เปนเคร่ืองกราด กลอ งถายภาพดจิ ทิ ลั จอภาพ และเคร่ืองพิมพใหมีเอกภาพ กลาวคือ การแสดงสีและ ผลิตภาพสีของอุปกรณตาง ๆ มีความใกลเคียงกัน หรือมีความแตกตางในการผลิตภาพสีนอยลงและ ควบคุมการผลิตภาพสีใหเปนไปตามท่ีตองการ โดยประกอบดวยสวนของซอฟตแวรท่ีกําหนด คุณลักษณะการผลิตสีของอุปกรณ (device profile) และโมดูลจัดการสี (color management module, CMM) ซง่ึ ทาํ หนาทเ่ี ปนตวั กลางแปลงคา สใี นขอบเขตสีของอุปกรณที่ใช โดยเปรียบเทียบสี และปรับสีใหแตล ะอุปกรณสามารถแสดงสีอยางมเี อกภาพ หวั ใจสาํ คญั ของการจดั การสี คือ การแปลง คา สีเปน รปู แบบสีมาตรฐานที่ไมอ ิงอปุ กรณ คอื รูปแบบสีของซไี ออี เพ่ือใหการปรบั เปล่ียนคาสีระหวาง กันมีความถูกตองแนนอน ทําใหอุปกรณตาง ๆ ที่เกี่ยวของกับการผลิตสีสามารถแสดงขอบเขตสีได ใกลเคยี งกนั มากที่สุด หลักการของระบบการจัดการสี | 33

ภาพที่ 2.3 อปุ กรณในการผลิตภาพสีตอ งผานกระบวนการจัดการสี ทม่ี า: https://community.coreldraw.com/cfs-file/__key/communityserver-discussions-components- files/809/0131.Basic-color-management-.jpg การควบคุมคุณภาพงานกอนพิมพของงานพิมพสีโดยใชระบบการจัดการสีน้ีจะทําไดดี เมื่อมี การปรับตั้งอปุ กรณตา ง ๆ ใหท ํางานตามมาตรฐาน เพอื่ ใหม ีสภาพการทํางานท่ีคงที่ หากมีตัวแปรท่ีทํา ใหคณุ ภาพเปลย่ี นแปลงไป เชน ชนดิ หมกึ พมิ พ ชนดิ วัสดุใชพิมพ หรอื แมแ ตช างพมิ พเ อง ก็อาจจะมีผล ตอ คุณภาพสที ีไ่ ดด ว ย 1.2 ความสําคัญของระบบการจัดการสี การควบคมุ การผลิตภาพสีใหเ ปน ไปตามตองการและไดคุณภาพที่ถูกตองเปนสิ่งทาทาย ไมวา จะเปนการควบคุมสีบนจอภาพทุกจอภา การควบคุมสีของภาพท่ีไดจากการกราดกับภาพพิมพท่ีได หรอื การควบคุมสรี ะหวางภาพพิมพจ ากเครื่องพิมพต าง ๆ การควบคมุ การภาพในงานกอนพมิ พจ ะตองการใหการผลิตสีมีความถูกตองต้ังแตเครื่องกราด จอภาพและเครือ่ งพมิ พทีต่ อ พว ง สามารถแสดงสีหรือผลิตสีไดใกลเคยี งกัน หรือลดความแตกตางของสี ที่จะเกิดขึ้นใหมีนอยท่ีสุด ระบบจัดการสีจึงไดรับการพัฒนาขึ้น และมีความสําคัญตอการควบคุม คุณภาพในงานกอนพมิ พด ังน้ี 1.2.1 ชวยลดปญหาความแตกตางกันในการผลิตสีของอุปกรณในงานกอนพิมพ การผลิตสีดวยระบบจัดพิมพอิเล็กทรอนิกสในยุคแรก ๆ ยังเปนระบบปด มีอุปกรณท่ีใชไมมากนัก สวนใหญเปนระบบจัดพิมพท่ีมีประสิทธิภาพสูง (high-end system) อุปกรณที่ใชท้ังหมดผลิตจาก 34 | ระบบการจัดการสี

บริษัทผูผลิตรายเดียว จํากัดการผลิตอยูที่อุปกรณใดอุปกรณหนึ่ง คุณภาพงานที่ไดอยูในระดับท่ีนา พอใจไดโดยไมใชระบบการจัดการสี เนื่องจากบริษัทผูผลิตไดปรับต้ังมาตรฐาน (calibration) ของ ฮารด แวรและซอฟตแวรจากโรงงานท่ีผลิต โดยใชตารางแปลงคาสี (color look-up table) ที่ชดเชย คุณลักษณะของแตละอุปกรณใหสามารถแสดงสีไดใกลเคียงกัน ซึ่งใหความถูกตองในการผลิตสี ระหวางอุปกรณไดเพียงพอ เนื่องจากอุปกรณที่ผลิตจากบริษัทเดียวกันจะไดรับการปรับตั้งมาตรฐาน ใหแสดงสีท่ีใกลเ คียงกนั ไดง า ย แตการใชตารางแปลงคาสีจะใชไดดีสําหรับอุปกรณที่ใชงานใหม ๆ เม่ือ อุปกรณใชงานนานขึ้น การผลิตสีของอุปกรณอาจผิดเพ้ียนจากเดิม จะทําใหการใชตารางแปลงคาสี ใหผ ลอางอิงท่ีไมแนน อนได ปจจุบันระบบจัดพิมพอิเล็กทรอนิกสท่ีใชเปนระบบเปดมากข้ึน มีการพัฒนาภาษา มาตรฐานใหอุปกรณที่ผลิตจากตางบริษัทสามารถเช่ือมตอเปนระบบเดียวกันและทํางานดวยกันได นอกจากน้ีไดม ีการใชระบบเครอื ขายระยะไกลในการจัดพมิ พมากข้นึ โดยสรา งงานตนฉบับจากสถานท่ี หน่ึง แตสง ขอ มลู ไปพมิ พอ ีกสถานท่ซี ง่ึ อยหู างออกไปได ปญหาที่เกิดข้ึนก็คือ อุปกรณท่ีนํามาใชมาจาก บริษัทผูผลิตตาง ๆ ใชเทคโนโลยีแตกตางกัน จึงมีความแตกตางกันในสีท่ีผลิตไดโดยเฉพาะเร่ือง ขอบเขตสี ตัวอยางเชน อุปกรณนําเขามีหลายประเภท ต้ังแตเคร่ืองกราด คุณภาพสูง เครื่องกราด คณุ ภาพปานกลาง กลองถายดิจิทัล อาจจะใหขอมูลสีนําเขาตางกัน สวนอุปกรณสงผลออกมีประเภท ตาง ๆ มากมาย แตละประเภทแมเปนเครื่องประเภทเดียวกันแตผลิตจากบริษัทผูผลิตตางกันก็ใหสี แตกตางกนั ได จึงมีผลใหส ีของภาพพิมพแ ตกตางกนั ดว ย ภาพที่ 2.4 การเช่ือมตอ เปนระบบเดียวกนั และทาํ งานดว ยกัน ทีม่ า: https://www.eizoglobal.com/solutions/graphics/design_and_printing_workflow.jpg หลกั การของระบบการจัดการสี | 35

ระบบการจัดการสีจะมาชวยลดปญหาความแตกตางกันในการผลิตสีของอุปกรณ ตา ง ๆ ไดดงั นี้ 1.2.1.1 การผลิตสีของแตละอุปกรณในงานกอนพิมพใชระบบสีไม เหมือนกัน กลาวคือ อุปกรณ เชน กลองถายภาพดิจิทัล เครื่องกราด จอภาพคอมพิวเตอร จะทํางาน โดยใชระบบสอี ารจีบี (RGB) โดยการทํางานในกลองถายภาพดจิ ิทัล เคร่ืองกราดจะมีแผงซีซีดีรับแสงสี แดง สีเขียว สีนํ้าเงิน แลวเก็บขอมูลภาพเปนขอมูลสี RGB เมื่อนําเขาระบบคอมพิวเตอรมาแสดงผล บนจอภาพ ซ่ึงแสดงสีดวยระบบสี RGB เชนกัน คือใชสารเรืองแสงสีแดง สีเขียว และสีนํ้าเงิน ใหเกิด เปน สีตาง ๆ บนจอภาพ ขณะทใี่ นการพิมพบนเครื่องพิมพทั้งระบบดิจิทัล หรือเคร่ืองพิมพแบบเดิมจะ พิมพโดยใชระบบสี CMY หรือระบบสี CMYK คือ การใชหมึกพิมพสีนํ้าเงินเขียว สีมวงแดง สีเหลือง หรอื มกี ารพมิ พสดี าํ เพม่ิ เติม เพื่อใหเ กิดเปนสตี า ง ๆ บนแผนพมิ พ การที่อุปกรณต าง ๆ ดงั กลาวทํางานในระบบสที แี่ ตกตางกันมผี ลใหขอบเขต สีทผี ลิตไดแ ตกตางกันดวย ขอบเขตสี หมายถึง จํานวนสีท้ังหมดท่ีอุปกรณสามารถผลิตได สวนใหญสี ทีผลิตจากระบบสี RGB ท่ีไดจากเครื่องกราด หรือจอภาพ มักจะมีขอบเขตสีกวางกวาสีที่ผลิตไดจาก ระบบสี CMYK ที่ไดจากเครื่องพิมพดังภาพท่ี 2.5 ขอมูลสีบางสีที่นําเขาดวยเคร่ืองกราดอาจจะไม สามารถแสดงไดทั้งหมดบนจอภาพและขอมูลสีบางสีท่ีแสดงบนจอภาพก็ไมสามารถพิมพไดดวย เคร่ืองพิมพ ดวยเหตุน้ีสีของภาพพิมพจากเคร่ืองมีความแตกตางจากสีที่มองเห็นบนจอภาพ คอมพวิ เตอรและขอมูลสีท่ีนําเขา สูร ะบบคอมพิวเตอร ดังภาพท่ี 2.6 ภาพที่ 2.5 ขอบเขตสขี องอุปกรณท ่ีผลิตดว ยระบบสี RGB กบั อปุ กรณที่ผลิตดวยสรี ะบบ CMYK ท่มี า: http://pirate.shu.edu/~mckenndo/Gamuts_files/image002.gif 36 | ระบบการจดั การสี

ภาพที่ 2.6 สีภาพโหมด RGB (จอภาพคอมพวิ เตอร) กับ สีภาพโหมด CMYK (เครื่องพิมพ) ที่มา: http://3.bp.blogspot.com/-ujUK5S- _Mf0/UyRLagRuwII/AAAAAAAADjM/GT7WQJHPqDA/s1600/RGB-vs-CMYK-Comparison-created.jpg 1.2.1.2 การผลิตสีของอุปกรณท่ีใชระบบสีเดียวกันแตใหสีไมเหมือนกัน อุปกรณในงานกอนพิมพที่ใชระบบสีเดียวกันก็ยังใหผลการผลิตสีตางกันได เชน จอภาพท่ีใชระบบสี RGB แสดงภาพสีจากไฟลขอมูลงานพิมพเดียวกัน แตบนจอภาพตางชนิดกัน ก็มีผลใหแสดงสีไม เหมือนกันได เนื่องจากจอภาพบางจอใชหลอดซีอารท่ี (cathode ray tube, CRT) บางจอภาพใช แอลซีดี (liquid crystal display, LCD) หรือแมจอภาพเดียวกัน เม่ือปรับเปลี่ยนคาในการต้ัง โปรแกรมควบคุมการแสดงบนจอภาพ ก็ยังมีผลใหแสดงสีแตกตางกันไดดวยเชนกัน หรือเมื่อใชงาน จอภาพไประยะหนึ่ง การแสดงสขี องจอภาพเปลีย่ นแปลงไปไดเชน กนั ดังภาพที่ 2.7 และ ภาพที่ 2.8 ภาพท่ี 2.7 เปรียบเทยี บภาพบนจอ CRT vs LCD ท่ีมา: https://www.computerhope.com/issues/pictures/crt-vs-lcd.jpg หลักการของระบบการจัดการสี | 37

ภาพท่ี 2.8 เปรยี บเทียบภาพบนจอ LCD vs LED ทม่ี า: https://i2.wp.com/www.techdim.com/wp-content/uploads/2018/02/LED-vs-LCD- Monitor.jpg?fit=750%2C350&ssl=1 นอกจากนี้เคร่ืองพิมพท่ีใชระบบสี CMYK หากใชเทคโนโลยีการพิมพ ไมเหมอื นกนั ชนดิ ของวสั ดุใชพ มิ พและหมกึ พมิ พแ ตกตางกัน สีของภาพพิมพท่ีไดจะไมเหมือนกัน เชน เครืองพิมพปรูฟดิจิทัล มีประเภทตาง ๆ มากมายใหเลือกใช เคร่ืองพิมพแตละประเภทใชหมึกพิมพ ตางกัน เชน เคร่ืองพมิ พพ นหมึกใชหมกึ พิมพเหลว เคร่ืองพิมพเลเซอรใชโทนเนอร เปนตน นอกจากนี้ ยังมีการใชชนิดของสารใหส ีท่แี ตกตา งกันในเครอื่ งพมิ พแตละประเภทดวย เชน บางเครื่องพิมพใชหมึก พิมพประเภทผงสี บางเครื่องพิมพใชหมึกพิมพประเภทสียอม เปนตน รวมทั้งชนิดวัสดุใชพิมพที่ใช ตางกัน ปจจัยตาง ๆ ดังกลาวนี้มีผลใหเคร่ืองพิมพปรูฟดิจิทัลตางประเภทกันพิมพภาพสีออกมาไม เหมือนกัน แมวาจะพิมพจากสัญญาณขอมูลภาพเดียวกัน และเคร่ืองพิมพปรูฟดิจิทัลกับเคร่ืองพิมพ จริง จะใหคุณภาพยิ่งแตกตางกันสูงมาก โดยสีท่ีพิมพจากเคร่ืองพิมพปรูฟดิจิทัลจะมีขอบเขตสี มากกวา เครื่องพิมพจริง ภาพที่ 2.9 ชนดิ ของวัสดใุ ชพ ิมพแ ละหมึกพมิ พแตกตางกนั สขี องภาพพิมพท่ีไดจ ะไมเหมือนกัน ท่ีมา: http://www.graphicmonthly.ca/images/2014/oce.png 38 | ระบบการจดั การสี

ร ะ บ บ ก า ร จั ด ก า ร สี จ ะ กํ า ห น ด คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ เ ฉ พ า ะ ใ น ก า ร ผ ลิ ต สี ข อ ง เครื่องพิมพปรูฟดิจิทัล แลวนํามาปรับขอบเขตสีบนจอภาพ เพ่ือใหจอภาพแสดงสีไดเหมือนกับแผน พิมพ หรือปรับขอบเขตสีของเคร่ืองพิมพ 2 เครื่องพิมพใหเหมือนกันหรือใกลเคียงกันได ทําใหการ ผลติ สขี องเคร่ืองพิมพปรูฟดิจิทัลใหพิมพสีไดเหมือนกับแผนพิมพดวยเครื่องพิมพจริงได จึงสามารถใช เครอ่ื งพมิ พปรูฟดจิ ิทลั ในการทาํ ปรูฟสีได 1.2.1.3 อุปกรณตาง ๆ ใชแหลงกําเนิดแสงตางกันในการมองเห็นสี ในการ มองเห็นสีจะตองมีองคประกอบ 3 สวน คือ วัตถุมีสี ตา และแหลงกําเนิดแสง อุปกรณตาง ๆ จะใช แหลงกําเนิดแสงแตกตางกัน เชน แหลงกําเนิดแสงในจอภาพเปนแหลงกําเนิดแสงที่ใหแสง เพ่ือให มองเห็นสีของภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับภาพพิมพจะสะทอนแสงจากแหลงกําเนิดแสงที่สองตนฉบับ เพ่ือใหมองเห็นสีของภาพ ดังน้ัน ชองทางของแสงท่ีเขาสูตาและแปลผลเปนการมองเห็นสีมีความ แตกตางกัน คาการสองสวางจากอุปกรณท่ีเปลงแสงกับวัตถุที่สะทอนแสงไมเหมือนกันการทําใหสีท่ี ผลิตจากจอภาพและแผน พมิ พม ีความครบถวนเหมือนกันจงึ ไมสามารถทาํ ได ภาพท่ี 2.10 แหลง กาํ เนดิ แสงตางกัน ท่ีมา: http://12style.nl/wp-content/uploads/2016/10/lichtkleuren_plaatjebijgastblog1.png 1.2.1.4 การทํางานของโปรแกรมคอมพิวเตอรตางโปรแกรมที่ใชในขั้นตอน งานกอ นพิมพ ขอมลู สขี องภาพท่ีนําเขาจากการกราดภาพตนฉบับ มักเปนขอมูลสีในระบบสี RGB แต เมอ่ื จะพมิ พกต็ องมกี ารแปลงขอมูลสีใหเปนขอมูลสีในระบบสี CMYK การแปลงขอมูลสีมักจะเปนการ แปลงขอ มลู สใี นโปรแกรมในงานกอนพิมพ เชน โปรแกรมตกแตงภาพ หรือโปรแกรมจัดประกอบหนา ซึ่งหากมีการใชโปรแกรมตางกันในการจัดทํางานกอนพิมพจะมีผลทําใหขอมูลสีหลังการแปลงคาแลว ตางกนั เชน การแปลงคา สขี องภาพจากระบบสี RGB เปน ระบบสี CMYK ในโปรแกรมโฟโตชอปกับใน โปรแกรมตกแตงภาพอื่น ซึ่งตองใชการคํานวณของโปรแกรม อาจมีผลใหขอมูลสีของภาพมีความ หลกั การของระบบการจัดการสี | 39

แตกตางกันไดเม่ือนําไปใชงานข้ันตอไป หรือขอมูลสีท่ีกําหนดในโปรแกรมตกแตงภาพโดยตรง เชน ขอมูลสี CMYK แตเมื่อนําไปใชพิมพบนแผนพิมพอาจจะไดคาสีที่แตกตางจากขอมูลสีท่ีนําเขาได เชน กัน ระบบการจัดการสีจึงมีความสําคัญอยางยิ่งในงานกอนพิมพที่ตองใช อุปกรณตางๆ ในการผลิตสี เพื่อชวยใหสามารถใชอุปกรณจากตางผูผลิตกันโดยไมจํากัดที่ผูผลิต รายเดยี ว ซงึ่ โดยระบบการจัดการสีจะมีกระบวนการปรับขอบเขตสีของอุปกรณตางๆ เพื่อใหสามารถ แสดงสหี รอื ผลิตสีไดใ กลเคยี งกัน ดังจะกลาวถึงตอไป 1.2.2 ชวยควบคุมคุณภาพการแสดงสีของจอภาพกอนส่ังพิมพผลออกไปยัง อุปกรณพิมพผลออก ในกระบวนการผลิตสิ่งพิมพในยุคที่ใชระบบจัดพิมพดิจิทัล ผูปฏิบัติงานอาจจะ กราดภาพตนฉบับดวยเคร่ืองกราด และใชระบบคอมพิวเตอรในการตกแตงภาพและจัดประกอบหนา โดยกําหนดรายละเอียดขอมูลการพิมพ ทั้งสีและรูปแบบสิ่งพิมพที่ตองการพิมพในระบบคอมพิวเตอร ขอ มูลงานพิมพจะยังอยูในระบบคอมพิวเตอรจนกวาจะพิมพผลออกเปนฟลม หรือแมพิมพ หรือพิมพ ออกมาดวยเคร่ืองพิมพดิจิทัลที่ตอพวงอยู ในการตรวจสอบคุณภาพสี ผูปฏิบัติงานสวนใหญมักจะ พิจารณาสีงานพิมพจ ากจอภาพกอน แลวจึงสั่งพิมพ อาจจะมีการถายเปนฟลมหรือแมพิมพกอนนําไป พิมพจ ริงดวยเครอื่ งพมิ พ หรอื มกี ารสั่งพิมพไ ปยังเคร่ืองพิมพปรูฟหรือเคร่ืองพิมพดิจิทัลท่ีพิมพภาพบน วัสดุใชพิมพโดยตรง ปญหาที่เกิดข้ึนก็คือ อุปกรณตาง ๆ ท่ีใชในการผลิตสีมีความแตกตางกันใน ขอบเขตสีที่ผลิตได ทําใหสีของภาพพิมพมีความแตกตางจากสีที่มองเห็นบนจอภาพคอมพิวเตอร จึง ตองการระบบการจัดการสีเพ่ือใหผูปฏิบัติงานสามารถเทียบสีใหจอภาพแสดงสีไดใกลเคียงกับสีที่จะ พิมพ ชวยใหสามารถใชจอภาพในการแสดงสีของภาพพิมพจริง และปรับแกไขสีใหถูกตองตาม ตอ งการไดบนจอภาพ รวมทงั้ ชว ยใหก ารส่ือสารขอมูลสีระหวางผูปฏิบัติงานในข้ันตอนงานกอนพิมพมี ความแนนอนยง่ิ ขึ้น หากไมมีระบบการจัดการสี การตรวจสอบคุณภาพสีจากจอภาพอาจใหความไม แนน อน หรอื ไมสามารถจําลองสีท่ีไดจากเครื่องพิมพได จะตองทําการปรูฟสีมากอนหรือตองพิมพจริง มากอน จึงจะทราบคณุ ภาพสีที่ไดว า เปน ไปตามตองการหรือไม ซ่ึงจะตอ งเสยี คา ใชจ ายเพิม่ ขนึ้ 1.2.3 ชวยใหสามารถใชเคร่ืองพิมพปรูฟดิจิทัลในการทําแผนปรูฟสีที่ใชควบคุม ภาพงานพิมพสี ในงานกอนพิมพจะเก่ียวของ กับอุปกรณอิเล็กทรอนิกสมากมาย ผูปฏิบัติงานไม สามารถเขา ไปควบคมุ การทาํ งานภายในของอปุ กรณเ หลา นนั้ เพือ่ ผลิตสีใหไดตามตองการ ไมวาจะเปน เคร่ืองกราด จอภาพ หรือเครื่องพิมพปรูฟดิจิทัล จะทํางานดวยกลไกการทํางานของตัวเครื่อง ผูปฏิบตั ิงานสามารถทําไดเพียงการปรบั ตั้งคา ในโปรแกรมควบคมุ การทํางานของอปุ กรณเทานั้น แตใน 40 | ระบบการจดั การสี

ขั้นงานพิมพท่ีใชเครื่องพิมพจริง มีปจจัยตาง ๆ มากมายที่มีผลตอสีของภาพเพื่อใหไดคุณภาพตามท่ี ตองการ เชน เครื่องพิมพ วัสดใุ ชพมิ พ หมึกพิมพ ชา งพมิ พสามารถปรับตั้งเคร่ืองพิมพใหปรับจายหมึก ตามท่ตี องการเลอื กใชวัสดใุ ชพ ิมพ และหมึกพิมพใ หพมิ พส ตี ามที่ตอ งการได วิธีการควบคุมคุณภาพการผลิตภาพสีในงานกอนพิมพโดยการใชระบบการจัดการสี เขามาชวย จะทําใหสามารถทราบลักษณะภาพสีท่ีจะไดจากเครื่องพิมพลวงหนากอนจากเครื่องพิมพ ปรฟู โดยทาํ แผนปรูฟดิจิทัลออกมาใหสามารถเทียบสีไดใกลเ คยี งกบั ภาพพมิ พจ ริงจากเคร่ืองพิมพจ รงิ โดยสรุปแลว การควบคุมคุณภาพของสีท่ีมีการใชอุปกรณตาง ๆ ที่หลากหลายใหมี การผลิตภาพสีไดใกลเคียงกันตั้งแตเครื่องกราด จอภาพคอมพิวเตอร และเครื่องพิมพปรูฟดิจิทัลที่ตอ พวง ระบบจัดการสีจะเปนเคร่ืองมือหน่ึงชวยใหอุปกรณตาง ๆ ท่ีใชสามารถแสดงสีหรือผลิตภาพสีได ใกลเคียงกัน หรือลดความแตกตางที่จะเกิดขึ้นใหมีนอยท่ีสุด จึงชวยใหการสื่อสารขอมูลสีระหวาง ผปู ฏิบตั งิ านในชน้ิ งานเดียวกันไดตรงกนั และทาํ ใหสามารถควบคุมคุณภาพในงานกอนพิมพไดแนนอน ข้นึ 2. หลกั การและกระบวนการของระบบการจดั การสี 2.1 หลักการของระบบการจัดการสี เดมิ ในกระบวนการผลติ ภาพสีจากอุปกรณหน่ึงไปยังอีกอุปกรณหน่ึง โดยท่ียังคงสีภาพใหเปน สีเดียวกันได จะตองมีการแปลงขอมูลสีระหวางอุปกรณตนทาง (source device) ไปยังอุปกรณ ปลายทาง (destination device) โดยใชตารางแปลงคาสี หรือสมการทางคณิตศาสตรเขามาชวย หากมีหลายอุปกรณท่ีใชในกระบวนการผลิตภาพสี จะตองใชตารางหลายตารางหรือการแปลงขอมูล ดวยสมการหลายสมการ เชน ถามีการใชอุปกรณในระบบจัดพิมพดิจิทัล 8 อุปกรณดังภาพ จะ ตองการตารางแปลงคาสีท้ังหมด 28 ตารางเพื่อแปลงคาสีระหวางอุปกรณตนทางไปยังอุปกรณ ปลายทางแตล ะคู ดงั ภาพที่ 2.11 หลักการของระบบการจัดการสี | 41

ภาพท่ี 2.11 การแปลงขอมลู สีระหวางอุปกรณใ นการผลติ ภาพสแี บบเดมิ ท่มี า: Kondres%2C%20Lana%2C%20Upravljanje%20bojom%20u%20procesu%20reprodukcije%20slike.pdf อุปกรณในงานกอนพิมพที่ใชในการผลิตสีจะใชระบบสีตางกันตามที่กลาวมาแลว การแปลง ขอมูลสีจะแปลงคาสีจากระบบสีหนึ่งไปยังอีกระบบสีหนึ่ง โดยใชตารางแปลงคาสีหรือสมการทาง คณิตศาสตรตามโปรแกรมที่ใชงานอาจทําใหขอมูลสีผิดเพี้ยนไปได เน่ืองจากตารางแปลงคาสีหรือ สมการทางคณิตศาสตรที่แตละโปรแกรมพัฒนาข้ึนนั้นอาจมีความแตกตางกันได และยิ่งบางคร้ังอาจ ตองมกี ารแปลงคา สกี ลบั มาระหวา งระบบสี 2 ระบบ ขอมูลสีก็จะยิ่งผิดเพ้ียนมากข้ึน เชนการแปลงคา สีจากระบบสี RGB เปน CMYK ในอุดมคติ ควรจะไดคา ดังภาพที่ 2.12 (ก) แตในโปรแกรม Photoshop เมื่อใหแปลงคาสี RGB เปนคาสี CMYK จะไดคาตามภาพที่ 2.12 (ข) ท้ังน้ีเน่ืองจาก ระบบสที ี่ใชในอปุ กรณตา ง ๆ เปนระบบสีที่อิงอุปกรณ จะแปรเปล่ียนตามอุปกรณ และยังมีขอบเขตสี ที่ตา งกันดวย 42 | ระบบการจัดการสี

ก. การแปลงคาสี RGB เปน คา สี CMYK ในอุดมคติ ข. การแปลงคา สี RGB เปน คาสี CMYK จากโปรแกรม Photoshop ภาพท่ี 2.12 เปรียบเทียบการแปลงคาสี RGB เปนคาสี CMYK ทั้ง 2 แบบ ในการควบคุมคุณภาพการผลิตสี ระบบการจัดการสีใชการทํางานใน 2 สวน คือ ระบบสีที่ เช่ือมโยงคุณลักษณะการผลิตสีของอุปกรณโดยใชขอมูลอางอิงรวมกัน หรือท่ีเรียกกันวา พีซีเอส (profile connection space, PCS) และโมดูลจัดการสี หรือท่ีเรียกกันวา ซีเอ็มเอ็ม (color management module, CMM) เพ่ือแปลงคาขอมูลสีระหวางอุปกรณท่ีเก่ียวของกับการผลิตสีให แสดงสีใกลเคียงกนั หลกั การของระบบการจัดการสี | 43

2.1.1 ระบบสีท่ีเชื่อมโยงคุณลักษณะการผลิตสีของอุปกรณ เปนการทํางานโดย การแปลงขอมูลสีใหอยูในระบบสีอางอิงในมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งจะชวยใหแตละอุปกรณที่ใชในการ ผลิตภาพสีมีการแปลงขอมูลสีของอุปกรณใหเปนขอมูลสีในระบบสีมาตรฐานเพียงคร้ังเดียว เพ่ือใช เปนตัวกลางในการถายโอนขอมูลสีจากอุปกรณหน่ึงไปยังอีกอุปกรณหนึ่ง ซ่ึงระบบสีมาตรฐานท่ีใชนี้ เปนระบบสีท่ีไมอิงอุปกรณ (independent color) คือ คาสีในระบบซีไออี เชน CIE XYZ, CIE LAB การแปลงคาสีท่ีอิงอุปกรณ (dependent color) จากระบบสีท่ีอุปกรณใชผลิตสีเปนคาสีท่ีไมอิง อุปกรณ จะทําใหการใชอุปกรณตาง ๆ ท่ีใชระบบสีตางกันหรือมาจากตางผูผลิต มาตอพวงกันเปนไป ไดงาย และทําใหการแปลงคาสีระหวางอุปกรณท่ีใชในระบบจัดพิมพดิจิทัลมีนอยลง จากตัวอยางใน ภาพที่ 2.13 ท่ีมีอุปกรณตาง ๆ ที่ใชในระบบจัดพิมพดิจิทัล 8 อุปกรณ จะใชตารางแปลงคาสีหรือ สมการคณติ ศาสตรแ ปลงคา สขี องอปุ กรณไปยังระบบสีมาตรฐานเพยี ง 8 ตาราง ภาพท่ี 2.13 การทํางานของระบบการจัดการสที เ่ี ชอ่ื มโยงขอมลู สรี ะหวา งอุปกรณตา งๆ ท่มี า: ICC Specification ICC.1:2004-10 Profile Version 4.2.0.0 , http://www.color.oreg 2.1.2 โมดูลจัดการสี เปนกลไกในการแปลงขอมูลสีระหวางอุปกรณตนทางกับ อุปกรณป ลายทาง โดยใชการเชื่อมโยงคุณลักษณะการผลิตสขี องอุปกรณท่ีอยูในระบบสีมาตรฐานหรือ พีซีเอส (Profile Connection Space) และมีการเทียบขอมูลสีของอุปกรณในกรณีท่ีอุปกรณตนทาง 44 | ระบบการจดั การสี

และอุปกรณปลายทางมีขอบเขตการผลิตที่ไมเทากัน จึงตองการปรับขอบเขตสี (gamut mapping) ของสองอปุ กรณใหแสดงสไี ดใกลเคียงกนั มากทส่ี ุด ภาพที่ 2.14 การทํางานของระบบการจดั การสีท่ีแปลงขอมลู สรี ะหวางอปุ กรณต นทางกบั อปุ กรณป ลายทาง ที่มา: https://encrypted- tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQU6YeiHJg7OyPB4JHG9kA9bMFABKVLeIzdTshrGwweJquHvwxE ภาพที่ 2.15 อปุ กรณตน ทาง ผานระบบคาสี CIE LAB กอนสง ไปสูอุปกรณป ลายทาง ทมี่ า: 2014_pic4press_v4_PPA_Rebrand_Final_4.pdf ในการทาํ งานของระบบจัดการสีเพื่อควบคุมคุณภาพงานกอนพิมพ คาสีของอุปกรณ นาํ เขาท่สี งไปยงั อปุ กรณพ มิ พผลออก จะมีการแปลงคาสีท่อี ุปกรณต า ง ๆ ผลิตไดไปเปนขอมูลที่มีอยูใน ระบบสีมาตรฐานท่ีเปนระบบสีที่ไมอิงอุปกรณ ซ่ึงขอมูลสีน้ีจะแสดงถึงคุณลักษณะการผลิตสีของ อุปกรณตาง ๆ ซึ่งไอซีซีไดนิยามวา โพรไฟลสี (color profile) โมดูลจัดการสีจะแปลงคาโพรไฟลสี ของอุปกรณนําเขาเปนคาสีในปริภูมิสีที่ใชทํางาน (working color space) ในโปรแกรมตกแตงภาพ เชน Photoshop เมื่อมีการเปล่ียนแปลงขอมูลสีในโปรแกรมตกแตงภาพ และตองการแสดงขอมูลสี บนจอภาพใหเห็นทันที ตองมีการแปลงคาสีเปนคาสีในระบบสีท่ีใชในจอภาพ ในการแปลงคาสีน้ี ตอ งการโพรไฟลส ีของจอภาพและโพรไฟลสขี องงานพิมพสุดทาย เพื่อใหจอภาพแสดงสีไดใกลเคียงกับ งานพิมพจริง จนกวาจะสงออกไปยังอุปกรณพิมพผลออก ก็จะมีการแปลงเปนคาสีในระบบของ หลักการของระบบการจัดการสี | 45

อุปกรณพิมพผลออกในขณะท่ีตกแตงภาพ ผูปฏิบัติงานสามารถเลือกสภาพการผลิตสีใหถูกตองตาม การใชงาน และวัตถุประสงคท่ีถูกตองได เชน จะใชวัสดุใหพิมพชนิดใด พิมพบนเคร่ืองพิมพชนิดใด เปนตน การที่มีโพรไฟลสีของอุปกรณตาง ๆ ใหใชในการจัดการสี ทําใหผูปฏิบัติงานไมตองใชการเดา วาสีท่ีพิมพไดจากเครื่องพิมพจะเปนอยางไร ซึ่งเปนวิธีการท่ีดีสําหรับการควบคุมคุณภาพงานกอน พิมพท ีไ่ ดจ ากระบบงานกอ นพมิ พดิจิทัล ระบบสีที่ใชในอุปกรณแตละอุปกรณ หรือสภาพการผลิตสีแตละอุปกรณไม เหมือนกัน ทําใหขอบเขตการผลิตสีไมเทากัน การสงผานคาสีจากอุปกรณหนึ่งเพ่ือแสดงผลยังอีก อุปกรณหน่ึง จึงตองมีการปรับขอบเขตสี โดยใชโพรไฟลสีของอุปกรณน้ัน เพื่อใหอุปกรณท้ังสอง สามารถผลิตสีใหมีความใกลเคียงกัน ตัวอยางเชน เมื่อจะพิมพดวยเครื่องพิมพใด คาสีทีเคร่ืองพิมพ สามารถพิมพไดจะถูกนํามาแปลงเปนคาสีในระบบสี CIE ซึ่งไดเปนโพรไฟลสีของเครื่องพิมพน้ัน และ ใชโพรไฟลสีของเคร่ืองพิมพเทียบกับโพรไฟลสีของจอภาพมาปรับขอบเขตสี เพ่ือใหจภาพแสดงสีได ใกลเคยี งกบั งานพิมพจากเคร่ืองพิมพน้ัน การใชคาสีในระบบสีท่ีไมอิงอุปกรณเปนตัวกลางในการปรับ ขอบเขตสีนี้ เพื่อใหคาสีท่ีสรางไวเม่ือนําไปใชแสดงออกในอุปกรณใดแลวจะเห็นเปนสีเดียวกัน แตกตางจากคาสีในระบบที่อิงอุปกรณ เชน ระบบสี CMYK หรือระบบสี RGB ซ่ึงเม่ือไปแสดงผลบน วัสดใุ ชพ ิมพใ ดหรืออปุ กรณแ สดงผลตางกันจะเห็นสีตา งกันได ภาพท่ี 2.16 การทํางานของระบบการจดั การสใี หจอภาพแสดงภาพของภาพพมิ พ ท่มี า: เอกสารการสอนชดุ วิชาเทคโนโลยกี อ นพมิ พ, 2549 : 15-16 2.2 กระบวนการจัดการสี จากหลกั การของระบบการจัดการสีท่ีกลาวขางตน สามารถกลาวไดวา ระบบการจัดการสีจะ ใชควบคุมคุณภาพการผลิตสีในงานกอนพิมพของระบบจัดพิมพดิจิทัลได แตการใชงานระบบการ จัดการสีเพ่ือควบคุมคุณภาพใหไดผลที่ดีและมีความแนนอน จะมีกระบวนการในการจัดการสี 46 | ระบบการจัดการสี

ประกอบดวย การปรับต้ังมาตรฐานอุปกรณ (device calibration) การกําหนดคุณลักษณะเฉพาะ ของอุปกรณ (device characterization) และการแปลงคาสีและเทียบสีระหวางอุปกรณ (color matching) ภาพที่ 2.17 กระบวนการจดั การสี 2.2.1 การปรับตั้งมาตรฐานอุปกรณ (device calibration) เปนการปรับการ ทาํ งานของอุปกรณใ หอ ยูส ถานะท่คี วบคุมได ตัวแปรตา ง ๆ ทีเ่ ก่ียวของกับการทํางานของอุปกรณ เชน สภาพแสงแวดลอ ม วัสดุที่ใช จะตองไดร ับการควบคมุ ใหอ ยสู ภาพปกติถูกตอง เพ่ือใหการใชงานระบบ การจัดการสีสามารถควบคุมคุณภาพการผลิตสีไดถูกตอง การปรับตังมาตรฐานของอุปกรณเปนสิ่ง สําคัญในกระบวนการควบคุมคุณภาพงานกอนพิมพดวยระบบการจัดการสี เนื่องจากเปนการทําให แนใจไดวาอุปกรณทํางานอยางปกติและถูกตองเปนบรรทัดฐาน การผลิตสีของอุปกรณคงท่ีสม่ําเสมอ เม่ือใชงานอุปกรณไประยะหน่ึงอาจทําใหความสามารถในการผลิตสีเปล่ียนไป ดังนั้นจึงควรปรับต้ัง มาตรฐานอปุ กรณเ ปน ระยะ ๆ หรือทกุ คร้ังท่ีมีการเปล่ียนแปลงสภาพแวดลอมในการทํางาน เพ่ือปรับ ใหอุปกรณทํางานไดมาตรฐานเหมือนสภาพปกติ เชน จอภาพอาจแสดงสีผิดเพ้ียนไปเน่ืองจากการใช งานไปนาน ๆ จึงควรปรับตั้งมาตรฐานจอภาพเปนระยะ ๆ ใหสามารถแสดงสีไดใกลเคียงกับสภาพ ปกติ เปนตน 2.2.2 การกําหนดคุณลักษณะเฉพาะของอุปกรณ (device characterization) ระบบการจดั การสจี ะสามารถทาํ งานไดจะตองทราบคุณลักษณะเฉพาะในการผลิตสีของอุปกรณตางๆ ท่ีเก่ียวของในระบบการจัดการสี การกําหนดคุณลักษณะเฉพาะของอุปกรณจะไดเปนโพรไฟลสีของ หลกั การของระบบการจัดการสี | 47

อปุ กรณซ่งึ จะไดก ลา วถึงตอ ไป โพรไฟลสีจะกําหนดคุณลักษณะเฉพาะในการผลิตสีที่แตกตางจากคาสี มาตรฐานอางองิ ซงึ่ คา สีมาตรฐานอา งอิงนีเ้ ปนคา สีของแถบสมี าตรฐานและขน้ึ กับระบบการจัดการสีท่ี ใช ในสภาพท่มี ีการใชร ะบบการจัดการสอี ยา งสมบรู ณ ภาพสีตนฉบับคอมพิวเตอร ภาพสีท่ีบนจอภาพ และภาพพมิ พส อี อกจากเครื่องพิมพ จะตองมีสีใกลเคียงกัน การกําหนดคุณลักษณะเฉพาะในการผลิต สีของอุปกรณหรือการสรางโพรไฟลสีอุปกรณ จะตองใชเคร่ืองวัดสีและเครื่องสเปกโตรโฟโตมิเตอรวัด คาสีท่ีแตและอุปกรณผลิตได ขอมูลที่ไดจะอยูในรูปแบบของโพรไฟลไอซีซี บริษัทผูผลิตระบบการ จดั การสีมักจะมีโพรไฟลสีของอุปกรณท่ใี ชกนั แพรหลายท่ัวไปใหเลือกใชอยูในโปรแกรม อยางไรก็ตาม อาจจําเปนตองสรางโพรไฟลสีของอุปกรณท่ีใชข้ึนใหมดวยโปรแกรมในระบบการจัดการสี เพื่อใหเกิด ความถกู ตองในการจัดการสีย่ิงขึ้น เชน จอภาพคอมพิวเตอรอาจผลิตสีผิดเพี้ยนจากจอภาพมาตรฐาน ทวั่ ไปได หากมอี ายใุ ชง านมากขนึ้ 2.2.3 การแปลงคาสีและเทียบสีระหวางอุปกรณ (color matching) เปนการ แปลงขอมูลระหวางอุปกรณที่ใชการผลิตสี ตามท่ีไดกลาวมาแลววา อุปกรณตาง ๆ ในงานกอนพิมพ แมจะไดมีการปรับตั้งมาตรฐานอุปกรณแลว ก็ยังไมสามารถแสดงสีหรือผลิตสีของขอบเขตสีที่เทากัน ได และระบบการจัดการสกี ไ็ มสามารถทาํ ใหอุปกรณใ ด ๆ แสดงสีหรือผลติ สที น่ี อกเหนือจากขอบเขตสี ของอุปกรณนน้ั ผลติ ได จึงตอ งการเทียบสีของอุปกรณตาง ๆ ที่ใชแปลงขอมูลสีระหวางกัน โดยนําเอา คุณลักษณะเฉพาะการผลิตสีของอุปกรณท่ีตองการแปลงขอมูลสีมาใชในการปรับขอบเขตสีของ อปุ กรณท ่ีมีขอบเขตสที ีผ่ ลิตไดมากกวา เพื่อปรับการแสดงสีของอุปกรณตาง ๆ ใหออกมาใกลเคียงกัน ในการปรบั ขอบเขตสอี ุปกรณจะมีคาํ ส่งั ของการปรับขอบเขตสี (rendering intent) หลายลักษณะให เลือกใช ซ่ึงจะไดกลาวถึงตอไป ทั้งน้ีเพ่ือใหอุปกรณตาง ๆ ที่จะใชในการผลิตสีสามารถผลิตสีได ใกลเ คียงกันมากท่ีสุด ซึ่งมักจะใชโพรไฟลสีของเคร่ืองพิมพท่ีจะพิมพจริงเปนหลัก และปรับขอบเขตสี ของอุปกรณอนื่ ๆ เชน จอภาพ เครอ่ื งพิมพปรูฟ ลดลงมาใหใ กลเ คียงกับการผลิตสีของเครื่องพิมพจริง จะชวยทําใหสามารถจําลองสีภาพพิมพสีทืจะออกมาไดบนจอภาพ หรือบนแผนปรูฟที่ไดจาก เคร่ืองพิมพปรูฟ ดังน้ันการเทียบสีระหวางอุปกรณท่ีมีการแปลงขอมูลที่จะเปนการปรับขอบเขตสีให อยภู ายในขอบเขตสีทอี ุปกรณท้ังสองอปุ กรณผลิตไดใกลเคยี งกัน เอกสารอา งองิ : ผกามาศ ผจญแกลว และอมรรัตน อัคควฒั น, 2549, การควบคุมคณุ ภาพงานกอ นพิมพดวยระบบการ จัดการสี, เอกสารการสอนชุดวชิ าเทคโนโลยีการพิมพ หนว ยท่ี 8-15 ฉบบั ปรับปรุงคร้ังที่ 1, โรงพมิ พม หาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช, นนทบรุ ี, : 15-6 – 15-20 48 | ระบบการจดั การสี

วิธกี ารสอนและ 1. อาจารยบรรยายประกอบการซกั ถาม โดยการใชส่ือการสอน กจิ กรรม 2. นกั ศึกษาปฏบิ ัตงิ านตามงานทมี่ อบหมาย งานเดี่ยว ครัง้ ที่ 2 สอื่ การสอน 3. นักศกึ ษาแบงกลุม อภปิ รายในหอ งเรยี น 4. อาจารยและนักศกึ ษารวมกันสรปุ บทเรยี น งานทไ่ี ดร ับ หนงั สอื อา งอิง แสดงทา ยแนวการสอน มอบหมาย เอกสารใช เอกสารสาํ เนา เรื่อง หลกั การของระบบการจัดการสี การวัดผล ประกอบ หมายเหตุ วสั ดุและอุปกรณ 1. เครือ่ งคอมพิวเตอรแบบพกพา โสตทัศน 2. เคร่ืองฉายภาพ (Projector) 3. ส่อื Power Point เร่ือง หลักการของระบบการจัดการ สี 4. กระดานขาว (White board) 5. เครื่องสเปกโทรโฟโตมิเตอร ใหนักศึกษานําภาพลายเสนการต นู ท่รี ะบายสีไว คนละ 2 แผน ในใบงานคร้ังที่ 1 มาทุกคน โดยนาํ ภาพท่นี าํ มาปฏบิ ตั ิงานดังนี้ 1. วัดคาสีโหมดสี RGB ของภาพท้ัง 2 แผน จํานวน 5 สีๆ ละ 1 ตําแหนง ในจดุ ท่ตี รงกัน ดวยเครือ่ งสเปกโทรโฟโตมเิ ตอร แลวบนั ทึกผล 2. วัดคา สีโหมดสี CMYK ของภาพท้ัง 2 แผน จาํ นวน 5 สๆี ละ 1 ตําแหนง ในจุดเดมิ ทต่ี รงกนั ดว ยเครื่องสเปกโทรโฟโตมิเตอร แลว บันทกึ ผล 3. วดั คา สีโหมดสี L*a*b* ของภาพทง้ั 2 แผน จาํ นวน 5 สีๆ ละ 1 ตาํ แหนง ในจดุ เดมิ ที่ตรงกัน ดวยเคร่ืองสเปกโทรโฟโตมเิ ตอร แลวบนั ทกึ ผล 4. แบงกลมุ ละ 5-7 คน เพ่ือทาํ การอภปิ รายผลของงานทีไ่ ด โดยทําการ เปรยี บเทียบของโหมดสีทั้ง 3 โหมดสี ท่ไี ดจ ากวัดคาสีของระบบสีท่ีไมอ ิง อปุ กรณกบั ระบบสที ี่อิงอปุ กรณ 5. นาํ เสนอความรูทไี่ ดในแตล ะกลุม 6. สรุปผลของการเรียนรู 1. สังเกตพฤติกรรมการมสี วนรว มในการเรยี น 2. ประเมนิ ผลงานที่ไดรบั มอบหมายจากใบงาน 3. ประเมินผลจากการตอบคําถาม/การอภิปรายผล หลกั การของระบบการจดั การสี | 49

ใบงานท่ี 2 การวเิ คราะหระบบสีที่เชอื่ มโยงสขี องอุปกรณใ นการจัดการสี 1. วตั ถุประสงค 1.1 เพ่ือเขา ใจความแตกตางของระบบสีท่ไี ดจากอุปกรณแหลง กําเนิดสีตางๆ 1.2 เพอ่ื วเิ คราะหร ะบบสที ีเ่ ช่ือมโยงสขี องอุปกรณในการจัดการสี 2. วธิ กี ารปฏิบตั ิงาน/มอบหมายงาน 2.1 งานเดย่ี ว วัดคาสโี หมดสี RGB, CMYK, L*a*b* ของภาพท้งั 2 แผน จํานวน 5 สีๆ ละ 1 ตําแหนง ในจุดท่ีตรงกนั ดวยเคร่อื งสเปกโทรโฟโตมเิ ตอร แลว บนั ทกึ ผล 2.2 แบง กลมุ นักศึกษา 5-7 คน อภิปรายผล/วเิ คราะหผ ล 2.3 นาํ เสนอผลงาน/ความรู 2.4 สรปุ ผลของความรเู พือ่ นําความรูไ ปใชตอไป 2.5 มอบหมายงานเพ่ือการคนควา ขอมูลในเรือ่ ง อปุ กรณตางๆ ทใ่ี ชในการนําเขาภาพของ ระบบการจดั การสี สาํ หรบั การเรียนการสอนในครัง้ ตอไป 3. การสงงานและการใหค ะแนน 3.1 ใหนกั ศึกษาสง ทายชวั่ โมง 3.2 ตรวจเชค็ เปนรายบุคคลจากการบนั ทกึ คาสขี อง 3 โหมดสี RGB, CMYK, L*a*b* 3.3 ตรวจเช็คเปน รายกลุม จากการอภิปรายและการนําเสนอ 3.4 การเขา เรียนและใหความรว มมือในกิจกรรมการเรยี นการสอน โหมดสี RGB Color Model L* a* b* Color Model CMYK Color Model สีที่ R G B L a b C M Y K 1 2 3 4 5 50 | ระบบการจดั การสี