Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมข้อสอบ Onet คณิตศาสตร์ ม.6 2549-2561

รวมข้อสอบ Onet คณิตศาสตร์ ม.6 2549-2561

Published by lampblack, 2019-02-25 08:01:19

Description: รวมข้อสอบ Onet คณิตศาสตร์ ม.6 2549-2561

Search

Read the Text Version

สารบญั 1 ขอ สอบ O-NET 12 23 ขอ สอบ O-NET เรอ่ื ง เซต 51 ขอสอบ O-NET เรื่อง การใหเ หตผุ ล 69 ขอ สอบ O-NET เรอ่ื ง จํานวนจริง 93 ขอ สอบ O-NET เรอ่ื ง เลขยกกําลัง 111 ขอสอบ O-NET เรื่อง ความสัมพนั ธแ ละฟง กช ัน 137 ขอสอบ O-NET เร่ือง อตั ราสวนตรีโกณมิติ 155 ขอ สอบ O-NET เรอ่ื ง ลําดบั และอนุกรมจํากดั ขอสอบ O-NET เร่อื ง ความนาจะเปน 193 ขอสอบ O-NET เรื่อง สถติ ิเบื้องตน 204 214 ขอ สอบคณิตศาสตร 2 ขอ สอบ คณิตศาสตร 2 ป 2558 ขอ สอบ คณติ ศาสตร 2 ป 2559 ขอ สอบ คณติ ศาสตร 2 ป 2560 อาจารย์รังสรรค์ ทองสกุ นอก สงวนสทิ ธิ เชงิ พาณิชย์ทุกกรณี

: เซต 1 Onet 2549 1. ถ้า A  B  {2, 4, 6} , B  A  {0, 1, 3} และ A  B  {0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8} แล้ว A  B เป็ นสบั เซตของเซตในข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2549 : 3] 1. {0, 1, 4, 5, 6, 7} 2. {1, 2, 4, 5, 6, 8} 3. {0, 1, 3, 5, 7, 8} 4. {0, 2, 4, 5, 6, 8} 2. ในการสอบถามพอ่ บ้านจํานวน 300 คน พบวา่ มคี นทีไมด่ ืมทงั ชาและกาแฟ 100 คน มีคนทดี ืมชา 100 คน และมีคนทดี มื กาแฟ 150 คน พอ่ บ้านทดี ืมทงั ชาและกาแฟมีจาํ นวนเทา่ ใด [Onet 2549 : 50] Onet 2550 3. กําหนดให้ A และ B เป็ นเซต ซงึ n(A  B) = 88 และ n[(A – B)  (B – A)] = 76 ถ้า n(A) = 45 แล้ว n(B) เทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2550 : 4] 1. 45 2. 48 3. 53 4. 55

: เซต 2 4. นกั เรียนกลุม่ หนงึ จํานวน 46 คน แตล่ ะคนมีเสือสีเหลอื งหรือเสือสีฟ้ าอยา่ งน้อยสีละหนงึ ตวั ถ้านกั เรียน 39 คนมีเสือสีเหลือง และ 19 คนมีเสอื สีฟ้ า แล้วนกั เรียนกลุ่มนที ีมีทงั เสือสีเหลืองและเสือสีฟ้ า มจี ํานวนเทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2550 : 4] 1. 9 2. 10 3. 11 4. 12 Onet 2551 5. นกั เรียนกลมุ่ หนงึ จํานวน 50 คน มี 32 คนไมช่ อบเลน่ กีฬาและไมช่ อบฟังเพลง ถ้ามี 6คนชอบฟังเพลงแต่ ไมช่ อบเลน่ กีฬา และมี 1 คนชอบเลน่ กฬี าแตไ่ มช่ อบฟังเพลง นกั เรียนในกลุ่มนที ีชอบเล่นกฬี าและชอบฟัง เพลงมีจาํ นวนเทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2551 : 1] 1. 11 คน 2. 12 คน 3. 17 คน 4. 18 คน 6. ถ้ากําหนดจาํ นวนสมาชิกของเซตตา่ งๆ ตามตารางตอ่ ไปนี เซต A  B A  C BC ABC A  B C จํานวนสมาชกิ 25 26 30 7 27 แล้วจาํ นวนสมาชกิ ของ (A  B)  C เทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2551 : 1] 1. 23 2. 24 3. 25 4. 26

: เซต 3 Onet 2552 7. ให้ A เป็ นเซตจาํ กดั และ B เป็ นเซตอนนั ต์ ข้อความใดตอ่ ไปนเี ป็ นเทจ็ [Onet 2552 : 3] 1. มเี ซตจํากดั ทเี ป็ นสบั เซตของ A 2. มเี ซตจาํ กดั ทีเป็ นสบั เซตของ B 3. มเี ซตอนนั ตท์ เี ป็ นสบั เซตของ A 4. มีเซตอนนั ตท์ ีเป็ นสบั เซตของ B 8. ในการสํารวจความชอบในการดมื ชาเขียวและกาแฟของกลุ่มตวั อยา่ ง 32 คน พบวา่ ผู้ชอบดืมชาเขียวมี 18 คน ผ้ชู อบดืมกาแฟมี 16 คน ผ้ไู มช่ อบดืมชาเขียวและไมช่ อบดมื กาแฟมี 8 คน จํานวนคนทชี อบดมื ชาเขียวอยา่ งเดยี วเทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2552 : 2] 1. 6 คน 2. 8 คน 3. 10 คน 4. 12 คน Onet 2553 9. ให้ A = {1, 2, 3, ... } และ B = { {1, 2}, {3, 4, 5}, 6, 7, 8, ... } ข้อใดตอ่ ไปนเี ป็ นเทจ็ [Onet 2553 : 3] 1. A  B มสี มาชกิ 5 ตวั 2. จํานวนสมาชิกของเพาเวอร์เซตของ B  A เทา่ กบั 4 3. จํานวนสมาชิกของ (A  B)  (B  A) เป็ นจํานวนคู่ 4. A  B คือเซตของจาํ นวนนบั ทีมีคา่ มากกวา่ 5

: เซต 4 10. ในการสอบของนกั เรียนชนั ประถมศกึ ษากลุ่มหนงึ พบวา่ มผี ู้สอบผา่ นวชิ าตา่ งๆ ดงั นี คณิตศาสตร์ 36 คน สงั คมศกึ ษา 50 คน ภาษาไทย 44 คน คณิตศาสตร์และสงั คมศกึ ษา 15 คน ภาษาไทยและสงั คมศกึ ษา 12 คน คณิตศาสตร์และภาษาไทย 7 คน ทงั สามวิชา 5 คน จาํ นวนผ้สู อบผ่านอยา่ งน้อยหนงึ วิชามกี คี น [Onet 2553 : 101] Onet 2554 11. แผนภาพแรเงาในข้อใดแทนเซต ((A  B)  (A  C))  ((B  C)  (A  B  C)) [Onet 2554 : 1] 1. A B 2. A B C C 3. A B 4. A B CC

: เซต 5 4. ก. ผิด และ ข. ผิด 12. กําหนดให้ A, B และ C เป็ นเซตใดๆ ซงึ A  B พิจารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. (C  A)  (C  B) ข. Ac  C  Ac  B ข้อใดตอ่ ไปนถี กู ต้อง [Onet 2554 : 4] 1. ก. ถกู และ ข. ถกู 2. ก. ถกู แต่ ข. ผิด 3. ก. ผิด แต่ ข. ถกู 13. ให้ A และ B เป็ นเซตซงึ n(A) = 5, n(B) = 4 และ n( A  B ) = 2 ถ้า C  (A  B)  (B  A) แล้ว n(P(C)) เทา่ กบั เทา่ ใด [Onet 2554 : 32] 14. ในการสํารวจงานอดเิ รกของนกั เรียน 200 คน ปรากฏวา่ 120 คน ชอบอา่ นหนงั สือ 110 คน ชอบดภู าพยนต์ 130 คน ชอบเลน่ กีฬา 60 คน ชอบอา่ นหนงั สอื และดภู าพยนต์ 70 คน ชอบอา่ นหนงั สือและเลน่ กีฬา 50 คน ชอบดภู าพยนตแ์ ละเลน่ กฬี า นกั เรียนทีชอบเลน่ กฬี าเพยี งอยา่ งเดียวมกี ีคน [Onet 2554 : 30]

: เซต 6 Onet 2555(ยงั ไมม่ ีข้อสอบเผยแพร)่ Onet 2556 15. เซต (B  A)  C คอื บริเวณทแี รเงาในข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2556 : 1] BC BC B C 1. A 2. A 3. A B C B C 4. A 5. A 16. ในการสํารวจความชอบรับประทานกว๋ ยเตียว ข้าวมนั ไก่ และข้าวหมแู ดง ของนกั เรียนชนั มธั ยมศกึ ษาปี ที 6 จํานวน 100 คนของโรงเรียนแหง่ หนงึ พบวา่ มีนกั เรียน ชอบกว๋ ยเตียว 49 คน ชอบกว๋ ยเตียวและข้าวมนั ไก่ 22 คน ชอบข้าวมนั ไก่ 48 คน ชอบกว๋ ยเตียวและข้าวหมแู ดง 32 คน ชอบข้าวหมแู ดง 59 คน ชอบข้าวมนั ไกแ่ ละข้าวหมแู ดง 27 คน และชอบทงั สามอยา่ ง 15 คน จาํ นวนนกั เรียนทีไมช่ อบอาหารทงั สามชนิดนเี ทา่ กบั กีคน [Onet 2556 : 10]

: เซต 7 Onet 2557 17. ส่วนทแี รเงาของแผนภาพในข้อใดหมายถงึ A – (B – C) [Onet 2557 : 4] 1. A B 2. A B 3. A B C C 4. A C 5. A B B C C 18. จากการสอบถามความชอบรับประทานไอศกรีมของนกั เรียนจาํ นวน 180 คน พบวา่ มี 86 คน ชอบรสชอ็ กโกแลต มี 31 คน ชอบรสชอ็ กโกแลตและวานลิ ลา มี 87 คน ชอบรสวานลิ ลา มี 27 คน ชอบรสวานลิ ลาและสตรอเบอรี มี 70 คน ชอบรสสตรอเบอรี มี 22 คน ชอบรสชอ็ กโกแลตและสตรอเบอรี และ มี 5 คน ไมช่ อบทงั สามรส ดงั นนั มนี กี เรียนทชี อบทงั สามรสกคี น [Onet 2557 : 12]

: เซต 8 Onet 2558 19. สว่ นทแี รเงาของแผนภาพตอ่ ไปนี ไมใ่ ชเ่ ซตในข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2558 : 5] 1. (A  B)  C A B 2. A  (B  C) 3. A  (B  C)  C 4. (A  B)  (B  C) C 5. B  (A  C)  (A  B  C) 20. จากการสอบถามนกั เรียนชนั ม.6 ทเี รียนสายวิทยาศาสตร์จํานวน 180 คน พบวา่ มี 83 คน ชอบเคมี มี 68 คน ชอบฟิสิกส์ มี 84 คน ชอบชีววิทยา มี 23 คน ชอบทงั เคมแี ละฟิสิกส์ มี 22 คน ชอบทงั ฟิสิกส์และชีววทิ ยา มี 25 คน ชอบทงั เคมีและชวี วิทยา และ มี 3 คน ไมช่ อบวิชาใดเลยในสามวชิ านี ดงั นนั มีนกั เรียนกคี นทชี อบเคมแี ตไ่ มช่ อบฟิ สิกส์และชวี วทิ ยา [Onet 2558 : 71]

: เซต 9 Onet 2559 21. กาํ หนดให้ A, B และ C เป็ นเซต ทมี คี วามสมั พนั ธ์กนั ดงั แผนภาพ ข้อใดตอ่ ไปนถี กู [Onet 2559 : 3] 1. A  C  B A B 2. (A  B)  C   3. A  B  B  C C 4. A  B  C U 5. B  C  A 22. นกั เรียนห้องหนงึ มี 50 คน ถ้าในจาํ นวนนมี คี นเลน่ กตี าร์ 25 คน เล่นเปี ยโน 14 คน ไมเ่ ล่นกีตาร์และไมเ่ ลน่ เปี ยโน 15 คน แล้วจาํ นวนนกั เรียนทเี ลน่ กีตาร์อยา่ งเดียวมกี ีคน [Onet 2559 : 21] Onet 2560 23. กําหนดให A, B และ C เปน สบั เซตที่ไมเ ปนเซตวางของเอกภพสมั พทั ธ U โดยท่ี B  C และ A  C   ขอใดถกู [onet 2560 : 3] 1. A  B  B  C 2. A  B  C   3. A  B  C  B 4. A  B  C  B 5. B  C  A

: เซต 10 24. กาํ หนดเอกภพสมั พัทธคอื เซตของจํานวนนับ 2. B  C  B ถา A = {1, 2, 3, ..., 10} 4. B  A  {12,16,20} B = {4, 8, 12, 16, 20} และ C = {x | (x + 1)(x – 4) = 0 } แลว ขอใด ผดิ [onet 2560 : 5] 1. A  C  B  C 3. A  B  {4, 8} 5. (A  C)  B  {8,12,16,20} 25. หมบู า นแหง หนง่ึ มี 60 ครอบครวั ทีม่ ีอาชพี ทาํ นา ทาํ สวน หรอื เลยี้ งสตั ว ถา ทาํ นา 34 ครอบครัว ทาํ สวน 30 ครอบครวั ทาํ นา และ ทําสวน 8 ครอบครวั ทํานา และ เล้ียงสัตว 23 ครอบครวั ทาํ สวน และ เลีย้ งสตั ว 20 ครอบครัว ทํานาอยา งเดยี ว 6 ครอบครัว แลว มีทัง้ หมดกคี่ รอบครัวทม่ี ีอาชีพเพียงอาชพี เดยี ว [onet 2560 : 15 ]

: เซต 11 Onet 2561 26. กําหนดให A  {1 , 2 , a, b , d}  {1 , b , c} B  {2 , 3 , c}  {2 , b , d} C  {1 , 2 , 3 , b}  {3 , a , b} จํานวนสมาชิกของเซต B  (A  C) เทา กบั ขอ ใด [Onet 2561 : 4] 27. จากการสอบถาม เรอ่ื งความชอบไอศกรมี รสวนิลาและรสสม ของเด็กอนบุ าลจํานวน 40 คน พบวา มี 25 คน ชอบรสวนิลา 10 คน ชอบรสสม 8 คน ไมช อบทง้ั รสวนลิ าและรสสม มเี ดก็ อนบุ าลทช่ี อบทงั้ รสวนลิ าและรสสม ก่ีคน [Onet 2561 : 3]

: การใหเหตุผล 12 Onet 2549 1. เหตุ 1. ไมม่ ีคนขยนั คนใดเป็ นคนตกงาน 2. มีคนตกงานทเี ป็ นคนใช้เงินเกง่ 3. คนขยนั ทีไมเ่ ป็ นคนใช้เงินเกง่ ผล ในข้อใดตอ่ ไปนเี ป็ นการสรุป ผลจาก เหตุ ข้างต้นทีเป็นไปอยา่ งสมเหตสุ มผล [onet 2549 : 2 ] 1. มคี นขยนั ทเี ป็ นคนใช้เงินเกง่ 2. มคี นใช้เงินเกง่ ทีเป็ นคนตกงาน 3. มีคนใช้เงินเกง่ ทีเป็ นคนขยนั 4. มคี นตกงานทเี ป็ นคนขยนั Onet 2550 2. จงพิจารณาข้อความตอ่ ไปนี (1) นกั กีฬาทกุ คนมสี ขุ ภาพดี (2) คนทมี สี ุขภาพดบี างคนเป็ นคนดี (3) ภราดรเป็ นนกั กีฬา และเป็นคนดี แผนภาพในข้อใดตอ่ ไปนี มีความเป็ นไปได้ทีจะสอดคล้องกบั ข้อความทงั สามข้อข้างต้น เมือจดุ แทนภราดร [Onet 2550 : 4] 1. 2. 3. 4.

: การใหเหตผุ ล 13 Onet 2551 3. จากรูปแบบตอ่ ไปนี 7 14 21 77 124 248 3 6 12  a b c โดยการให้เหตผุ ลแบบอปุ นยั 2a  b + c มีคา่ เทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2551 : 4] 1. 11 2. 22 3. 33 4. 44 4. จงพิจารณาข้อความตอ่ ไปนี 1. คนตีกอล์ฟเกง่ ทกุ คนเป็นคนสายตาดี 2. คนทีตีกอล์ฟได้ไกลกวา่ 300 หลา บางคนเป็ นคนสายตาดี 3. ธงชยั ตกี อล์ฟเกง่ แตไ่ มด่ ไี มไ่ กลกวา่ 300 หลา แผนภาพในข้อใดตอ่ ไปนี มคี วามเป็ นไปได้ทจี ะสอดคล้องกบั ข้อความทงั สามข้างต้นเมอื จดุ แทนธงชยั [Onet 2551 : 4] 1. 2. 3. 4.

: การใหเ หตผุ ล 14 Onet 2552 5. พจิ ารณาผลตา่ งระหวา่ งพจน์ของลําดบั 2, 5, 10, 17, 26, ... โดยการให้เหตผุ ลแบบอปุ นยั พจน์ที 10 ของลําดบั คอื ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2552 : 3] 1. 145 2. 121 3. 101 4. 84 6. กาํ หนดเหตใุ ห้ดงั นี เหตุ (ก) ทกุ จงั หวดั ทอี ยไู่ กลจากกรุงเทพมหานครเป็ นจงั หวดั ทีมีอากาศดี (ข) เชียงใหมเ่ ป็ นจงั หวดั ทีมีอากาศไมด่ ี ข้อสรุปในข้อใดตอ่ ไปนสี มเหตสุ มผล [Onet 2552 : 1] 1. เชยี งใหมเ่ ป็ นจงั หวดั ทอี ยไู่ มไ่ กลจากกรุงเทพมหานคร 2. นราธิวาสเป็ นจงั หวดั ทีอยไู่ มไ่ กลจากกรุงเทพมหานคร 3. เชยี งใหมเ่ ป็ นจงั หวดั ทอี ยไู่ กลจากกรุงเทพมหานคร 4. นราธิวาสเป็ นจงั หวดั ทีอยไู่ กลจากกรุงเทพมหานคร

: การใหเหตุผล 15 Onet 2553 7. พจิ ารณาการให้เหตผุ ลตอ่ ไปนี เหตุ 1) A 2) เหด็ เป็ นพชื มีดอก ผล เห็ดเป็ นพืชชนั สงู ข้อสรุปข้างต้นแสมเหตสุ มผล ถ้า A แทนข้อคความใด [Onet 2553 : 3] 1. พืชชนั สูงทกุ ชนิดมีดอก 2. พนื ชนั สงู บางชนดิ มดี อก 3. พชื มีดออกทกุ ชนดิ เป็นพืชชนั สูง 4. พืชมีดอกบางชนิดเป็ นพืชชนั สูง Onet 2554 8. พจิ ารณาการอ้างเหตผุ ลตอ่ ไปนี ก. เหตุ 1. ถ้าฝนไมต่ ก แล้ว เดชาไปโรงเรียน 2. ฝนตก ผล เดชาไมไ่ ปโรงเรียน ข. เหตุ 1. รตั นาขยนั เรียน หรือ รตั นาสอบชงิ ทนุ รฐั บาลได้ 2. รตั นาไมข่ ยนั เรียน ผล รตั นาสอบชิงทนุ รัฐบาลได้ ข้อความใดตอ่ ไปนถี กู ต้อง [Onet 2554 : 3] 2. ก. สมเหตสุ มผล และ ข. ไมส่ มเหตสุ มผล 1. ก. สมเหตสุ มผล และ ข. สมเหตสุ มผล 4. ก. ไมส่ มเหตสุ มผล และ ข. ไมส่ มเหตสุ มผล 3. ก. ไมส่ มเหตสุ มผล และ ข. สมเหตสุ มผล

: การใหเหตผุ ล 16 Onet 2555(ยงั ไมม่ ีข้อสอบเผยแพร)่ Onet 2556 9. จงพิจารณาผลสรุปตอ่ ไปนี (ก) เหตุ 1) ทกุ คนทอี า่ นหนงั สือกอ่ นสอบจะสอบได้ 2) สมชายสอบได้ ผล สมชายอา่ นหนงั สือกอ่ นสอบ (ข) เหตุ 1) ทกุ ครังทีฝนตกจะมฟี ้ าแลบ 2) วนั นไี มม่ ีฟ้ าแลบ ผล วนั นมี ฝี นไมต่ ก (ค) เหตุ 1) แมวบางตวั ไมช่ อบกนิ ปลา 2) เหมียวเป็ นแมวของฉนั ผล เหมยี วไมช่ อบกินปลา ข้อใดตอ่ ไปนถี กู ต้อง [Onet 2556 : 4] 1. (ก), (ข) และ (ค) สมเหตสุ มผล 2. (ก) และ (ข) สมเหตสุ มผล แต่ (ค) ไมส่ มเหตสุ มผล 3. (ข) และ (ค) สมเหตสุ มผล แต่ (ก) ไมส่ มเหตสุ มผล 4. (ข) สมเหตสุ มผล แต่ (ก) และ (ค) ไมส่ มเหตสุ มผล 5. (ก), (ข) และ (ค) ไมส่ มเหตสุ มผล

: การใหเหตุผล 17 Onet 2557 10. จงพิจารณาผลสรุปตอ่ ไปนี ก. เหตุ 1) ทกุ ครังทฝี นตก การจราจรจะตดิ ขดั 2) วนั นกี ารจราจรติดขดั ผล วนั นฝี นตก ข. เหตุ 1) ดําไมช่ อบกินผกั 2) ทกุ คนทีชอบกินผกั มสี ายตาดี ผล ดาํ สายตาไมด่ ี ค. เหตุ 1) ผู้ทปี ระหยดั จะไมย่ ากจน 2) นายมเี ป็นคนยากจน ผล นายมเี ป็ นคนไมป่ ระหยดั ข้อใดตอ่ ไปนถี กู [Onet 2557 : 4] 1. ก. , ข. และ ค. สมเหตสุ มผล 2. ก. และ ข. สมเหตสุ มผล แต่ ค. ไมส่ มเหตสุ มผล 3. ข. และ ค. สมเหตสุ มผล แต่ ก. ไมส่ มเหตสุ มผล 4. ค. สมเหตสุ มผล แต่ ก. และ ข. ไมส่ มเหตสุ มผล 5. ก. , ข. และ ค. ไมส่ มเหตสุ มผล

: การใหเ หตุผล 18 Onet 2558 11. จงพิจารณาเหตตุ อ่ ไปนี 1) ทกุ คนทชี อบกินผลไม้จะชอบกนิ ผกั 2) ทกุ คนทีชอบรสหวานจะชอบกนิ ผลไม้ 3) ขาวไมช่ อบกินผกั 4) ดําชอบกนิ ผลไม้ ผลสรุปในข้อใดตอ่ ไปนที าํ ให้การอ้างเหตผุ ลสมเหตสุ มผล [Onet 2558 : 1] 1. ขาวไมช่ อบรสหวาน 2. ขาวชอบกนิ ผลไม้ 3. ดําชอบรสหวาน 4. ดําไมช่ อบรสหวาน 5. ดําไมช่ อบกนิ ผกั 12. พจิ ารณาลําดบั ของรูปสีเหลียมจตุ รสั ทมี ดี ้านยาวด้านละ 1 หนว่ ยตอ่ ไปนี รูปที 1 รูปที 2 รูปที 3 รูปที 4 พนื ทขี องบริเวณแรเงาในรูปที 10 มคี า่ เทา่ กบั กีตารางหนว่ ย [Onet 2558 : 3] 1. 1 2. 1 3. 1 100 256 512 4. 1 5. 1 1000 1024

: การใหเหตุผล 19 Onet 2559 13. กาํ หนด “เหต”ุ เป็ นดงั นี 1) คนทอี อกกําลงั กายสมาํ เสมอทกุ คน จะมสี ขุ ภาพดี 2) คนทีกนิ อาหารหวานจดั ทกุ คน จะมสี ขุ ภาพไมด่ ี 3) มานะมีสขุ ภาพดี แตส่ มศรีมสี ขุ ภาพไมด่ ี ข้อใดตอ่ ไปนเี ป็ น “ผล” ทีทําให้ผลสรุปสมเหตสุ มผล [Onet 2559 : 1] 1. มานะไมก่ นิ อาหารหวานจดั 2. มานะออกกําลงั กายสมาํ เสมอ 3. สมศรีกินอาหารหวานจดั 4. สมศรีไมก่ นิ อาหารหวานจดั 5. สมศรีออกกําลงั กายสมาํ เสมอ 14. กําหนดให้        รูปที 1      รูปที 2 รูปที 3 รูปที 4 แล้วในรูปที 10 มจี าํ นวนจดุ กีจดุ [Onet 2559 : 1] 1. 55 2. 60 3. 66 4. 78 5. 88

: การใหเหตผุ ล 20 Onet 2560 15. กําหนดขอความ 2 ขอ ความ ดังน้ี 1) นักเรียนชัน้ ม.6 ทุกคนวายน้ําเปน 2) คนท่ีวา ยน้ําเปน บางคนกข็ ่จี กั รยานเปน บางคนก็ขี่จกั รยานไมเ ปน ถาให U แทนเซตของคน A แทนเซตของนักเรยี น ม.6 B แทนเซตของคนทีข่ ี่จกั รยานเปน S แทนเซตของคนทีว่ ายนํา้ เปน แลว ทงั้ สองขอความทีก่ ําหนดสอดคลอ งตามแผนภาพเวนน- ออยเลอรใ นขอใดตอ ไปน้ี [onet 2560 : 3] 1. U 2. U SA B A B S 3. U 4. U S B BA S A 5. S A U B

: การใหเหตผุ ล 21 16. กําหนด “เหตุ” เปน ดงั น้ี 1) สมาชิกทุกคนใรชมรมดนตรีไทยจะเลนซออไู ด 2) ผูทเ่ี ลนซอดว งไดทกุ คน จะเลน ซออูไดดวย 3) นาย ก. เลน ซออไู ด และนาย ข. เลนซอดว งได ขอใดตอไปนเี้ ปน “ผล” ทที่ าํ ใหก ารใหผ ลสรุปสมเหตสุ มผล [onet 2560 : 5] 1. นาย ก. เลน ซอดว งได 2. นาย ก. เปนสมาชกิ ของชมรมดนตรีไทย 3. นาย ข. ไมเ ปนสมาชกิ ชมรมดนตรไี ทย 3. นาย ข. เปน สมาชกิ ของชมรมดนตรไี ทย 5. นาย ข. เลน ซอดวง และซออูได 17. ถาการจดั เรียงจํานวนเตม็ ในแถวท่ี 1, 2, 3, ... (จากบนลงลา ง) เปน ดังภาพ 1 23 456 7 8 9 10 11 12 13 14 15  แลวผลบวกของจํานวนเตม็ ในแถวท่ี 50 เทากับขอ ใด [onet 2560 : 2] 1. 60,025 2. 62,525 3. 65,025 4. 66,225 5. 66,275

: การใหเหตผุ ล 22 Onet 2561 เปนรปู สี่เหลยี่ มจตั รุ สั ขนาด 1 ตารางหนวย 18. ให พิจารณาการนาํ มาวางตอกนั แลวแรเงาบางรปู ตามแบบรูปตอ ไปน้ี ข้นั ที่ 1 ข้นั ที่ 2 ขั้นท่ี 3 ในข้ันท่ี 99 มีรปู สเี่ หล่ียมจตั รุ ัสขนาด 1 ตารางหนว ย ซึ่งไมไ ดแรเงา อยูก่รี ปู [Onet 2561 : 9900]

: จาํ นวนจรงิ 23 Onet 2549 1. กําหนดให้ I เป็ นเซตของจาํ นวนเตม็ และ A  x  I | x 1 | 1  2  | x 1|  3  จาํ นวนสมาชิกของเซต A เทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี [onet 2549 : 3] 1. 4 2. 5 3. 6 4. 7 2. กําหนดให้ a, b เป็ นจํานวนจริงใด ๆ ข้อใดตอ่ ไปนถี กู [onet 2549 : 2] 1. ถ้า a < b แล้ว จะได้ a2  b2 2. ถ้า a  b  0 แล้ว จะได้ ab  a2 3. ถ้า | a |  | b | แล้ว จะได้ a  b 4. ถ้า a2  b2 แล้ว จะได้ a  b Onet 2550 มคี า่ เทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2550 : 4] 3. 1  1  2  2 2. 2  3 3. 5  3 2 4. 3 2  5 22 22 22 22 1. 3  2 22

: จาํ นวนจรงิ 24 4. ถ้า x ≤ 5 แล้ว ข้อใดตอ่ ไปนถี กู [Onet 2550 : 3] 1. x2  25 2. | x | ≤ 5 3. x| x | ≤ 25 4. (x – | x |) 2 ≤ 25 5. ถ้า x = 1 เป็ นรากของสมการ ax2  3x  1  0 แล้วรากอีกรากหนงึ ของสมการนมี ีคา่ เทา่ กบั 2 ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2550 : 3] 1. –5 2.  1 3. 1 4. 5 5 5 6. เซตของจํานวนจริง m ซงึ ทําให้สมการ x2  mx  4  0 มีรากเป็ นจาํ นวนจริง เป็ นสบั เซตของเซตใดตอ่ ไปนี [Onet 2550 : 4] 1. (–5, 5) 2. (–, –4)  [3, ) 3. (–, 0)  [5, ) 4. (–, –3)  [4, )

: จาํ นวนจรงิ 25 7. กําหนดให้ a และ x เป็ นจํานวนจริงใดๆ ข้อใดตอ่ ไปนถี กู [Onet 2550 : 3] 1. ถ้า a < 0 แล้ว ax  0 2. ถ้า a < 0 แล้ว ax  a 3. ถ้า a > 0 แล้ว ax  0 4. ถ้า a > 0 แล้ว ax  a Onet 2551 8. เซตคาํ ตอบของอสมการ 1  2  x  1 คอื เซตในข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2551 : 3] 1 2 1. [ 2 1, 1] 2. [ 2 1, 2] 3. [3  2 2, 1] 4. [3 2 2, 2] 9. สมการในข้อใดตอ่ ไปนี มคี าํ ตอบทเี ป็ นจาํ นวนจริงมากกวา่ 2 คําตอบ [Onet 2551 : 4] 1. (x  1)2  1  0 2. (x2  2)(x2  1)  0 3. (x  1)2(x2  2)  0 4. (x2  1)(x  2)2  0

: จาํ นวนจรงิ 26 10. จํานวนสมาชิกของเซต {x | x  (a  1 )2 (| a |  1)2 เมือ a เป็ นจาํ นวนจริงซงึ ไมเ่ ทา่ กบั 0 } |a| a เทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2551 : 2] 1. 1 2. 2 3. 3 4. มากกวา่ หรือเทา่ กบั 4 11. ผลบวกของคาํ ตอบทกุ คาํ ตอบของสมการ x3 2x  | x | เทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี [Onet 2551 : 3] 1. 0 2. 3 3. 3  1 4. 3  1 Onet 2552 2. ข้อ ก. ถกู แต่ ข้อ ข. ผิด 4. ข้อ ก. ผิด และ ข้อ ข. ผิด 12. พิจารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. มีจาํ นวนตรรกยะทนี ้อยทสี ุดทีมากกวา่ 0 ข. มีจํานวนอตรรกยะทนี ้อยทสี ุดทมี ากกวา่ 0 ข้อสรุปใดตอ่ ไปนถี กู ต้อง [Onet 2552 : 4] 1. ข้อ ก. ถกู และ ข้อ ข. ถกู 3. ข้อ ก. ผิด แต่ ข้อ ข. ถกู

: จาํ นวนจรงิ 27 13. พจิ ารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. สมบตั ิการมีอินเวอร์สการบวกของจาํ นวนจริงกลา่ ววา่ สําหรับจาํ นวนจริง a จะมีจํานวนจริง b ที b +a = 0 = a + b ข. สมบตั ิการมอี นิ เวอร์สการคณู ของจาํ นวนจริงกลา่ ววา่ สําหรับจาํ นวนจริง a จะมีจาํ นวนจริง b ที ba = 1 = ab ข้อสรุปใดตอ่ ไปนถี กู ต้อง [Onet 2552 : 2] 1. ข้อ ก. ถกู และ ข้อ ข. ถกู 2. ข้อ ก. ถกู แต่ ข้อ ข. ผิด 3. ข้อ ก. ผิด แต่ ข้อ ข. ถกู 4. ข้อ ก. ผิด และ ข้อ ข. ผิด 14. ให้ a และ b เป็ นจํานวนตรรกยะทีแตกตา่ งกนั 2. ข้อ ก. ถกู แต่ ข้อ ข. ผิด ให้ c และ d เป็ นจํานวนอตรรกยะทแี ตกตา่ งกนั 4. ข้อ ก. ผิด และ ข้อ ข. ผิด พจิ ารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. a  b เป็ นจํานวนตรรกยะ ข. c  d เป็ นจาํ นวนอตรรกยะ ข้อสรุปใดตอ่ ไปนถี กู ต้อง[Onet 2552 : 2] 1. ข้อ ก. ถกู และ ข้อ ข. ถกู 3. ข้อ ก. ผิด แต่ ข้อ ข. ถกู 15. พจิ ารณาสมการ | x  7 | 6 ข้อสรุปใดตอ่ ไปนเี ป็ นเทจ็ [Onet 2552 : 3] 1. คาํ ตอบหนงึ ของสมการมคี า่ ระหวา่ ง 10 และ 15 2. ผลบวกของคาํ ตอบทงั หมดของสมการมีคา่ เทา่ กบั 14 3. สมการนมี คี าํ ตอบมากกวา่ 2 คาํ ตอบ 4. ในบรรดาคาํ ตอบทงั หมดของสมการ คําตอบทมี คี า่ น้อยทีสดุ มีคา่ น้อยกวา่ 3

: จาํ นวนจรงิ 28 Onet 2553 16. พจิ ารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. จํานวนทเี ป็นทศนิยมไมร่ ู้จบบางจาํ นวนเป็นจาํ นวนอตรรกยะ ข. จํานวนทเี ป็ นทศนยิ มไมร่ ู้จบบางจาํ นวนเป็ นจาํ นวนตรรกยะ ข้อใดถกู ต้อง [Onet 2553 : 1] 1. ข้อ ก. ถกู และข้อ ข. ถกู 2. ข้อ ก. เทา่ นนั 3. ข้อ ข. เทา่ นนั 4. ข้อ ก. และข้อ ข. ผิด 17. กําหนดให้ s, t, u และ v เป็ นจาํ นวนจริง ซงึ s < t และ u < v พิจารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. s  u < t  v ข. s  v < t  u ข้อใดถกู ต้อง [Onet 2553 : 3] 1. ข้อ ก. ถกู และข้อ ข. ถกู 2. ข้อ ก. เทา่ นนั 3. ข้อ ข. เทา่ นนั 4. ข้อ ก. และข้อ ข. ผิด 18. ผลเฉลยของสมการ 2|5  x| = 1 อยใู่ นชว่ งใด [Onet 2553 : 4] 1. (10, 5) 2. (6, 4) 3. (4, 5) 4. (3, 6)

: จาํ นวนจรงิ 29 19. ถ้า 3 เป็ นผลเฉลยหนงึ ของสมการ 4x2  bx  6  0 เมือ b เป็ นจํานวนจริง 4 แล้วอกี ผลเฉลยหนงึ ของสมการนมี ีคา่ ตรงกบั ข้อใด [Onet 2553 : 1] 1. 2 2.  1 3. 1 4. 2 2 2 Onet 2554 4. ก. ผิด และ ข. ผิด 20. พิจารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. ถ้า a และ b เป็ นจาํ นวนจริงซงึ |a| < |b| แล้ว a3  b3 ข. ถ้า a, b และ c เป็ นจํานวนจริงซงึ ac = bc แล้ว a = b ข้อใดตอ่ ไปนถี กู ต้อง [Onet 2554 : 4] 1. ก. ถกู และ ข. ถกู 2. ก. ถกู แต่ ข. ผิด 3. ก. ผิด แต่ ข. ถกู 21. กําหนดให้ a, b และ c เป็ นจาํ นวนจริงซงึ | a | b3c  0 จงพิจารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. ac > 0 ข. bc > 0 ข้อใดตอ่ ไปนถี กู ต้อง [Onet 2554 : 3] 1. ก. ถกู และ ข. ถกู 2. ก. ถกู แต่ ข. ผิด 3. ก. ผิด แต่ ข. ถกู 4. ก. ผิด และ ข. ผิด

: จาํ นวนจรงิ 30 22. ถ้าสมการ (x2  1)(2x2  6x  c)  0 มีรากทเี ป็ นจาํ นวนจริงเพยี ง 1 ราก คา่ ของ c จะอยใู่ นชว่ งใดตอ่ ไปนี [Onet 2554 : 2] 1. (0, 3) 2. (3, 6) 3. (6, 9) 4. (9, 12) 23. ถ้า a, b, c และ d เป็ นจํานวนจริงซงึ (x  1)2(ax  b)  cx3  dx  4 ทกุ จํานวนจริง x แล้ว a + b + c + d เทา่ กบั เทา่ ใด [Onet 2554 : 2] 24. ถ้า (p  2)2  25 และ (q  1)2  81 แล้วคา่ มากทสี ุดทีเป็ นไปได้ของ p  2q เทา่ กบั เทา่ ใด [Onet 2554 : 27]

: จาํ นวนจรงิ 31 25. ถ้าชว่ งเปิ ด (a, b) เป็ นเซตคาํ ตอบของอสมการ | x  1 |  | 6  3x |  17 และ x > 2 แล้ว a + b เทา่ กบั เทา่ ใด [Onet 2554 : 8] Onet 2555(ยงั ไมม่ ขี ้อสอบเผยแพร)่ Onet 2556 26. ให้ a, b และ c เป็ นจาํ นวนจริงใดๆ พิจารณาข้อความตอ่ ไปนี (ก) ถ้า ab = ac แล้วจะได้วา่ b = c (ข) ถ้า a < b แล้วจะได้วา่ a2  b2 (ค) ถ้า a < b และ b < c แล้วจะได้วา่ ab < bc ข้อใดตอ่ ไปนถี กู ต้อง [Onet 2556 : 5] 1. (ก), (ข) และ (ค) ถกู 2. (ก) ถกู แต่ (ข) และ (ค) ผิด 3. (ก) และ (ค) แต่ (ข) ผิด 4. (ข) ถกู แต่ (ก) และ (ค) ผิด 5. (ก), (ข) และ (ค) ผิด 27. ข้อใดตอ่ ไปนมี ีจาํ นวนตรรกยะอยเู่ พียงสองจํานวน [Onet 2556 : 1] 1.  4 ,   22 , 1.010010001 7 2. 3 2 , 8 , 2 3.   1 , 16 , 0.101001000100001... 4. 9 , 1.11111... , 3 8 11 5. 0.8 , 8  2 , 3 3

: จาํ นวนจรงิ 32 28. ให้ A  2 1.4 , B    3.1 และ C  5  1.63 ข้อใดตอ่ ไปนถี กู ต้อง [Onet 2556 : 5] 3 1. A < B < C 2. C < A < B 3. B < A < C 4. C < B < A 5. A < C < B 29. ให้ A  {x | (2x  1)(4  3x)  0} ข้อใดตอ่ ไปนเี ป็ นเซตยอ่ ยของ A [Onet 2556 : 5] 1. (–1.2, –0.2) 2. (–0.9, 0.3) 3. (–0.6, 1.2) 4. (0.4, 1.5) 5. (0.3, 1.3) 30. ถ้ารูปสเี หลียมผืนผ้ามดี ้านยาว ยาวกวา่ ด้านกว้างอยู่ 3 ฟตุ และเส้นทแยงมมุ ยาวกวา่ ด้านกว้างอยู่ 7 ฟตุ แล้ว เส้นรอบรูปของสเี หลียมนยี าวกฟี ตุ [Onet 2556 : 5] 1. 11  4 14 2. 11  8 21 3. 22  4 14 4. 22  4 21 5. 22  8 14

: จาํ นวนจรงิ 33 31. จํานวนเต็มทีสอดคล้องกบั อสมการ |x – 3| ≤ 4 มกี จี าํ นวน [Onet 2556 : 9] 32. โรงพมิ พ์แหง่ หนงึ คิดคา่ จ้างในการพมิ พแ์ ผ่นพบั แยกเป็น 2 ส่วนคอื ส่วนทีหนงึ เป็นคา่ เรียงพิมพ์ ซงึ ไมข่ นึ กบั จํานวนแผน่ พบั ทพี ิมพ์ กบั สว่ นทสี องเป็ นคา่ พมิ พ์ ซงึ ขนึ อยกู่ บั จาํ นวนแผน่ พบั ทีพมิ พ์ โดยโรงพิมพ์เสนอราคาดงั นี ถ้าสงั พิมพ์ 100 ใบ จะคดิ คา่ จ้างรวมทงั หมดเป็นเงิน 800 บาท และ ถ้าสงั พิมพ์ 200 ใบ จะคิดคา่ จ้างรวมทงั หมดเป็นเงนิ 1,100 บาท โรงพิมพ์คดิ คา่ เรียงพิมพ์กีบาท [Onet 2556 : 500] 33. พมี ีเงินมากกวา่ น้อง 120 บาท ถ้าทงั สองคนมีเงินรวมกนั ไมเ่ กนิ 1,240 บาท แล้วพมี ีเงินมากทสี ุดกบี าท [Onet 2556 : 680]

: จาํ นวนจรงิ 34 Onet 2557 34. ให้ a, b และ c เป็ นจํานวนจริงใดๆ พจิ ารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. ถ้า ab = ac แล้วจะได้วา่ b = c ข. ถ้า a|bc| < 0 และ b < 0 แล้ว |ab|c < 0 ค. ถ้า a > 0 และ b > 0 แล้ว a + b ≥ 2ab ข้อใดตอ่ ไปนถี กู [Onet 2557 : 5] 1. ก. และ ข. ถกู แต่ ค. ผิด 2. ก. และ ค. ถกู แต่ ข. ผิด 3. ข. และ ค. ถกู แต่ ก. ผิด 4. ข. ถกู แต่ ก. และ ค. ผิด 5. ค. ถกู แต่ ก. และ ข. ผิด 35. ให้ a  18  12 และ b  75  50 พิจารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. a และ b เป็ นจํานวนอตรรกยะ ข. 3a < 2b ค. a + b < 2 ข้อใดตอ่ ไปนถี กู [Onet 2557 : 1] 1. ก. และ ข. ถกู แต่ ค. ผิด 2. ก. และ ค. ถกู แต่ ข. ผิด 3. ข. และ ค. ถกู แต่ ก. ผิด 4. ข. ถกู แต่ ก. และ ค. ผิด 5. ค. ถกู แต่ ก. และ ข. ผิด

: จาํ นวนจรงิ 35 36. ผลบวกของรากทงั หมดของสมการ x  1  x  1 เทา่ กบั ข้อใด [Onet 2557 : 3] x  2 1. –4 2. –3 3. –2 4. 1 5. 2 37. ถ้า A  { x | x  1  1  2 } แล้ว ชว่ งในข้อใดเป็ นสบั เซตของ A [Onet 2557 : 5] 1. (–4, –2] 2. (–3, –1) 3. [–1, 0) 4. [0, 2) 5. [2, 3) 38. กําหนดให้ A  {x x  2  3 } และ B  {x x2  3x  4  0 } สมาชิกของ A – B ทีเป็ นจาํ นวนเตม็ มีกีตวั [Onet 2557 : 3] 1. 3 2. 4 3. 5 4. 6 5. 7

: จาํ นวนจรงิ 36 39. แมค่ ้าขายกว๋ ยเตียวชามละ 25 บาท โดยมีคา่ เชา่ ร้านวนั ละ 120 บาท และต้นทนุ คา่ ใช้จา่ ยคา่ วตั ถดุ บิ เป็ นชามละ 18 บาท ถ้าต้องการให้ได้กําไรไมต่ ํากวา่ วนั ละ 500 บาท เขาต้องขายให้ได้อยา่ งน้อยวนั ละกชี าม [Onet 2557 : 89] 40. ห้องประชมุ แหง่ หนงึ จดั ทีนงั เป็ นแถวโดยนาํ โต๊ะมาเรียงตอ่ กนั เป็ นแถว แถวละ 5 ตวั หลงั จากจดั แล้วได้ทนี งั ทงั หมด 60 ทนี งั ถ้าจาํ นวนแถวน้อยกวา่ จาํ นวนทีนงั ในแตล่ ะแถวอยู่ 4 ห้องประชมุ นมี โี ต๊ะทงั หมดกตี วั [Onet 2557 : 30] Onet 2558 41. ข้อใดตอ่ ไปนมี ที งั จาํ นวนเตม็ จํานวนตรรกยะ และจาํ นวนอตรรกยะ [Onet 2558 : 3] 1. 7.222... , 3, 1  7 2. 11 , 3 8 , 2.555 3. 1, , 9 1 2 4.  3 , 6.060060006... , 1000 5 5. 2  0.414 , 2 , 4.718

: จาํ นวนจรงิ 37 42. จงพจิ ารณาข้อความตอ่ ไปนี ก. ถ้า a, b และ c เป็ นจาํ นวนจริงใดๆ และ a < b < c แล้ว ab < bc ข. ถ้า a และ b เป็ นจาํ นวนอตรรกยะ และ ab แล้ว a เป็ นจาํ นวนอตรรกยะ b ค. ถ้า a และ b เป็ นจํานวนจริงใดๆ แล้ว a  b  a  b ข้อใดตอ่ ไปนถี กู [Onet 2558 : 4] 1. ก. และ ข. ถกู แต่ ค. ผิด 2. ก. และ ค. ถกู แต่ ข. ผิด 3. ข. และ ค. ถกู แต่ ก. ผิด 4. ข. ถกู แต่ ก. และ ค. ผิด 5. ค. ถกู แต่ ก. และ ข. ผิด  43. B  x 1 2 0 กําหนดให้ A  x 3x2  5x  12  0 และ  x 1  x   A – B มสี มาชิกทเี ป็ นจํานวนเต็มทงั หมดกตี วั [Onet 2558 : 3] 1. 0 2. 1 3. 2 4. 3 5. 4

: จาํ นวนจรงิ 38 44. ให้  แทนเซตของจาํ นวนเตม็    ถ้า A  x x   และ x  2  7 และ B  x x   และ x  1  2 แล้วข้อใดตอ่ ไปนถี กู [Onet 2558 : 5] 1. A  B มีสมาชกิ 12 ตวั 2. สมาชกิ ของ A  B ทเี ป็ นจํานวนคแู่ ละเป็ นบวกมี 3 ตวั 3. สมาชกิ ของ A  B ทีเป็ นจาํ นวนเฉพาะทมี คี า่ มากทีสุดคอื 5 4. สมาชกิ ของ A  B ทีมีคา่ น้อยทีสุดคอื –4 5. ผลบวกของสมาชิกทกุ ตวั ของ A  B มคี า่ เทา่ กบั 35 45. กล่องรูปสีเหลียมมมุ ฉากไมม่ ฝี าปิ ดใบหนงึ มีความจุ 126 ลูกบาศก์ฟตุ ถ้าเส้นรอบฐานของกลอ่ งยาว 20 ฟตุ และกลอ่ งสูง 6 ฟตุ แล้วพนื ทผี ิวของกลอ่ งเทา่ กบั กตี ารางฟตุ [Onet 2558 : 2] 1. 120 2. 141 3. 146 4. 154 5. 162

: จาํ นวนจรงิ 39 46. บริษทั เทียวทวั ไทย จาํ กดั ต้องการจดั นาํ เทยี วสําหรบั กลุม่ นกั ทอ่ งเทยี วไมเ่ กนิ 40 คน โดยมคี า่ เชา่ รถ 10,000 บาท และคา่ ใชจ่ า่ ยอืนๆ 250 บาทตอ่ คน ถ้าบริษทั คิดคา่ บริการคนละ 600 บาท แล้วจะต้องมีนกั ทอ่ งเทียวอยา่ ง น้อยทสี ดุ กีคน บริษทั จงึ จะมีกาํ ไรไมน่ ้อยกวา่ 2,000 บาท [Onet 2558 : 2] 1. 34 2. 35 3. 36 4. 37 5. 38 47. ร้านค้าแหง่ หนงึ สงั ซอื สินค้า A และ B จากผู้ผลิต โดยสงั ซอื 2 ครงั ดงั นี ครงั ที 1 A(ชนิ ) B(ชนิ ) รวมเป็ นเงิน(บาท) ครงั ที 2 3 4 320 2 3 230 ถ้าครงั ตอ่ ไปสงั ซอื สนิ ค้า A และ B อยา่ งละ 1 ชนิ จะต้องจา่ ยเงินกบี าท [Onet 2558 : 90]

: จาํ นวนจรงิ 40 Onet 2559 48. กาํ หนดให้ a, b, c และ d เป็ นจาํ นวนจริงใดๆ ข้อใดตอ่ ไปนเี ป็ นจริง [Onet 2559 : 4] 1. ถ้า a < b แล้ว 1  1 2. ถ้า a < b แล้ว a2  b2 ab 4. (a  b)2  a  b 3. ถ้า a < b และ c < d แล้ว ac < bd 5. a  b  a  b 49. กําหนดให้ A  {x  x  1 1} 2. A  B  B 4. A  B  A B  {x   x2  x  0 } ข้อใดตอ่ ไปนถี กู [Onet 2559 : 3] 1. A  B  {0} 3. B  A   5. A  B  (1, )

: จาํ นวนจรงิ 41 50. ถ้า x  1 3 และ x มคี า่ อยรู่ ะหวา่ ง –5 กบั 1 แล้ว x|x| มคี า่ เทา่ กบั เทา่ ใด [Onet 2559 : 1] 1. –16 2. –4 3. 4 4. 8 5. 16 51. นาํ ฝนปลูกไม้ดอก 2 ชนดิ ภายในทดี นิ รูปสามเหลียม ABC ดงั รูป โดยปลกู กหุ ลาบในบริเวณภายในรูปสามเหลียม ABD และปลกู ทานตะวนั ในบริเวณรูปสามเหลียม BCD ถ้าด้าน AB และ BC ยาว 12 เมตร และ 10 เมตร ตามลําดบั แล้วพนื ทที ปี ลกู ทานตะวนั เทา่ กบั กตี ารางเมตร [Onet 2559 : 5] 1. 6 3 B 2. 16 3. 10 3 4. 21 A 30o C 5. 24 D

: จาํ นวนจรงิ 42 52. พรเทพขบั รถออกจากเมอื ง A เมือเวลา 13:00 น. ด้วยอตั ราเร็ว 40 กโิ ลเมตรตอ่ ชวั โมง หลงั จากนนั 30 นาที สุธีขบั รถออกจากเมอื ง A โดยมจี ดุ เริมต้นและใช้เส้นทางเดียวกบั พรเทพ ด้วยอตั ราเร็ว 55 กโิ ลเมตรตอ่ ชวั โมง สธุ ีจะขบั รถไปทนั พรเทพเมอื เวลาใด [Onet 2559 : 2] 1. 14:10 น. 2. 14:50 น. 3. 15:15 น. 4. 15:20 น. 5. 15:30 น. 53. อาหารเม็ดสําหรบั เลียงแมวของบริษัท A และ B มสี ่วนผสมของโปรตนี และคาร์โบไฮเดรตตอ่ 1 ถงุ เป็ นดงั ตาราง สุดาซอื อาหารเมด็ จากบริษทั A จาํ นวน x ถงุ และบริษทั B จํานวน y ถงุ มาผสมกนั เพือให้ อาหารมโี ปรตนี ไมน่ ้อยกวา่ 340 กรัม และมีคาร์โบไฮเดรตไมน่ ้อยกวา่ 420 กรัม แล้วข้อใดตอ่ ไปนถี กู [Onet 2559 : 2] โปรตนี จํานวน(กรมั ) คาร์โบไฮเดรต 1. x + 2y  30 และ x + 3y  20 AB 2. x + 2y  34 และ x + 3y  28 10 20 3. 2x + y  34 และ x + 3y  28 4. 2x + y  30 และ 3x + y  20 15 45 5. x + 2y  34 และ x + 3y  26

: จาํ นวนจรงิ 43 54. ถ้า a และ b เป็ นความยาวของด้านของรูปสีเหลียมจตั รุ สั ทมี พี ืนที 9 ตารางหนว่ ย และ 12 ตารางหนว่ ย ตามลําดบั แล้วเซต {a , b , ab , a + b , a – b , a2  b2 } มีจาํ นวนตรรกยะกีตวั [Onet 2559 : 2] Onet 2560 55. ถา จาํ นวนจริง x แทนดว ยจดุ บนเสน จํานวนจริง ดังรปู x 3 2 1 0 1 2 3 แลวขอ ใดถูก [onet 2560 : 3] 2. x  2 4. x  2  1 1. x  2 3. x  1  4 5. x  2  x  2

: จาํ นวนจรงิ 44 56. สาํ หรับจาํ นวนจรงิ x, y และ z ใดๆ ขอ ใดตอ ไปนเ้ี ปนจรงิ [onet 2560 : 4] 1  1. xn n  x ทุกจํานวนเต็มบวก n 2. x  y  x  y 3. ถา x < y แลว x2  y2 4. ถา x < y และ z < 0 แลว xy zz 5. x2  y2  2xy 57. มูลนธิ หิ นงึ่ จดั สรรเงินจาํ นวนไมเ กิน 100,000 บาท เปน ทนุ การศกึ ษาสําหรบั นักเรียนดงั นี้ ทนุ สาํ หรบั นกั เรียนมธั ยมตน ทนุ ละ 4,000 บาท ทุนสาํ หรับนกั เรยี นมธั ยมปลาย ทนุ ละ 6,000 บาท ถามูลนิธิกําหนดให จาํ นวนทุนสําหรบั นักเรียนมธั ยมตน เปน สองเทาของจํานวนทุนสาํ หรบั นกั เรียนมธั ยมปลาย แลว จํานวนทนุ รวมทั้งหมดมีไดม ากทสี่ ดุ กที่ นุ [onet 2560 : 3] 1. 15 ทุน 2. 18 ทุน 3. 21 ทนุ 4. 24 ทนุ 5. 27 ทนุ

: จาํ นวนจรงิ 45 58. ถา ความยาวของดานของสามเหลีย่ มมมุ ฉากเปน x , x + 2 และ x + 3 หนว ย ดังรปู แลว ความยาวรอบรปู สามเหลีย่ ม เปนเทาใด [onet 2560 : 1] x2 x3 1. 8  3 6 หนว ย x 3. 1  6 หนวย 5. 11  6 6 หนว ย 2. 8  3 6 หนวย 4. 1  6 หนวย 59. นาํ ลวดยาว 32 เซนติเมตร มาดดั ทําเปนโครงกลอง รปู ทรงสี่เหล่ยี มมมุ ฉากไดพอดี โดยมดี า นขางทง้ั สองดานเปน รูปส่เี หลย่ี มจตั รุ ัสยาวดานละ x เซนตเิ มตร และโครงกลอ งยาว y เซนติเมตร ดังรปู ถา V เปนปรมิ าตรกลอ ง(ลกู บาสกเ ซนตเิ มตร) แลวขอใดถกู [onet 2560 : 3] x y x 1. V  2x2(2  x) 2. 2x2(3  x) 3. V  2x2(4  x) 4. V  4x(2  x)2 5. V  4x(3  x)2

: จาํ นวนจรงิ 46 60. จาํ นวนเตม็ x ที่ทําให 16  6x  x2 เปน จาํ นวนจริง มที ง้ั หมดกี่จํานวน [onet 2560 : 11 ] 61. รา นคา แหงหนง่ึ ขายเส้ือสามแบบ คือ เสอื้ ยดื ราคาตวั ละ 150 บาท เสอื้ โบโล ราคาตัวละ 200 บาท และเสื้อเชตี้ ราคาตัวละ 300 บาท ถาจํานวนเสือ้ ยืดท่ขี ายไดเปน 4 เทา ของเสือ้ เชิต้ และจํานวนเสอ้ื โปโลท่ี ขายไดเปน 2 เทาของเสื้อเชิต้ ทาํ ใหทางรา นขายไดเงินทง้ั หมด 26,000 บาท แลว เสือ้ ทข่ี ายไดม ีจาํ นวน ท้งั หมดกี่ตัว [onet 2560 : 140 ]

: จาํ นวนจรงิ 47 Onet 2561 62. จํานวนเตม็ บวก x ที่สอดคลอ งกบั อสมการ 5  2x  1  x2  11 12 4 3 12 มจี ํานวนท้ังหมดเทากบั ขอใดตอ ไปนี้ [Onet 2561 : 2] 1. 3 จาํ นวน 2. 4 จํานวน 3. 5 จํานวน 4. 6 จาํ นวน 5. 7 จํานวน 63. รา นขายเสอ้ื แหงหนึง่ ขายเส้อื ราคาตวั ละ 200 บาท หากซ้ือเสอื้ ต้ังแต 30 ตัวข้ึนไป จะไดส วนลด 20% ทุกตัว ถาเอมซอ้ื เสอ้ื 25 ตวั เปนเงนิ ท้งั หมด a บาท และ บมี ซอ้ื เสอ้ื 30 ตวั เปนเงนิ ท้งั หมด b บาท แลวขอ ใดถูกตอง [Onet 2561 : 2] 1. a = b – 200 2. a = b + 200 3. a = b 4. a = b – 1,000 5. a = b + 1,000

: จาํ นวนจรงิ 48 64. กาํ หนดให A เปน เซตของจํานวนเต็ม B เปนเซตของจาํ นวนจริงทม่ี ากกวา 3 C เปน เซตคาํ ตอบของสมการ f(x) = 1 โดยที่ f เปนฟง กช ัน 4 และ 5 เปน สมาชกิ ของเซต ดังแผนภาพ A CB 4 5 พิจารณาขอความตอ ไปน้ี ก. คาํ ตอบทุกตัวของสมการ f(x) = 1 เปนจํานวนเต็ม ข. คาํ ตอบทกุ ตวั ของสมการ f(x) = 1 มีคา มากกวา 3 ค. 4 เปน คําตอบของสมการ f(x) = 1 ง. 5 ไมเ ปน คําตอบของสมการ f(x) = 1 จาํ นวนขอ ความทีถ่ ูกตอ ง เทา กบั ขอ ใด [Onet 2561 : 5] 1. 0 ขอ ความ(ไมมีขอความใดถกู ) 2. 1 ขอ ความ 3. 2 ขอ ความ 4. 3 ขอ ความ 5. 4 ขอ ความ 65. สระวา ยนํา้ “รกั สขุ ภาพ” คดิ คาบริการ 2 แบบ คือ แบบท่ี 1 บุคคลที่ไมเ ปนสมาชิก คดิ คา ใชสระวา ยนํ้า 40 บาทตอครง้ั แบบท่ี 2 บคคลทเี่ ปน สมาชิก คิดคาสมาชกิ รายป 2,000 บาท และคาใชสระวายนาํ้ 15 บาทตอครั้ง ภายใน 1 ป จาํ นวนครัง้ ท่ีนอยท่สี ุดในการใชส ระวา ยนํา้ ใน 1 ป ท่ที ําใหจ ํานวนเงินท่ีตอ งจายทงั้ หมดของบุคคล ทเี่ ปนสมาชิก นอ ยกวาของบคุ คลท่ีไมเ ปน สมาชกิ เทากับขอใด [Onet 2561 : 2] 1. 79 ครง้ั 2. 81 ครัง้ 3. 101 ครั้ง 4. 133 ครัง้ 5. 134 ครง้ั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook