Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน ป.4

แผนการสอน ป.4

Published by yai moomai, 2021-09-13 09:02:32

Description: แผนการสอน ป.4

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นกั เรียนนไ่ี มผ่ า่ น มดี งั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ไี ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมคี วามรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 17 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง การคายนา้ ของพืช (1) เวลา 1 ชวั่ โมง วันท่ี............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของสิ่งมีชวี ติ หนว่ ยพ้ืนฐานของส่งิ มีชวี ิต การลาเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชีว้ ัดชัน้ ปี บรรยายหนา้ ทข่ี องราก ลาต้น ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใช้ข้อมูลท่ีรวบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สังเกตและอธิบายการคายน้าของพชื เกดิ ข้นึ ท่ใี บได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกย่ี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานรว่ มกับผู้อนื่ อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนาความรเู้ รือ่ งการคายน้าของพชื ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั การคายน้าของพืชเกิดขึน้ ท่ีใบมากท่สี ดุ พืชคายน้าเพ่ือลดอณุ หภูมทิ ีใ่ บพชื รวมท้ังทาให้เกิดการลาเลียง น้าและแร่ธาตุจากดนิ เข้าสู่ราก และจากรากไปสสู่ ่วนต่างๆ ของพืช 5. สาระการเรยี นรู้ หนา้ ที่ของสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื – การคายนา้ ของพืช

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุง่ มั่นในการทางาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดาเนนิ ชวี ติ 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน สงั เกตการคายนา้ ของพืช 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน 1) ครถู ามคาถามเกย่ี วกบั ชีวติ ประจาวนั ของนักเรียน เชน่ – นักเรียนต้องด่ืมน้าทุกวันหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ ทุกวัน เพราะร่างกายต้องการน้า เพอ่ื ใหร้ ะบบตา่ งๆ ของร่างกายทางานได้เปน็ ปกติ) – ในวันท่นี กั เรียนดม่ื น้ามากกว่าปกติ ร่างกายของนักเรียนมกี ารขบั น้าสว่ นเกินหรือไม่ ลกั ษณะใด (แนวคาตอบ มีการขับน้าสว่ นเกินออกจากรา่ งกายโดยการปัสสาวะ) 2) นักเรียนช่วยกนั ตอบคาถามและแสดงความคดิ เหน็ เพือ่ เช่อื มโยงไปสูก่ ารเรยี นรู้เรือ่ ง การคายนา้ ของพชื ขั้นจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มขี ัน้ ตอนดังนี้ 1) ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระต้นุ นกั เรียนโดยการถามคาถามตอ่ ไปน้ี – นักเรียนรดน้าพืชทุกวันหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ ทุกวัน เพราะพืชใช้น้าในการสร้าง อาหารและช่วยใหพ้ ืชไม่เห่ยี ว) – พืชมีการกาจดั นา้ ส่วนเกินออกจากลาตน้ หรอื ไม่ และกาจดั ทางใด (แนวคาตอบ พืชมีการกาจัด นา้ ส่วนเกนิ ออกจากลาต้นโดยกาจดั ทางใบ) (2) นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเก่ียวกบั คาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณข์ องนักเรียน

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 2) ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเร่ืองการคายน้าของพืชจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นกั เรียนเขา้ ใจวา่ พืชนานา้ ท่ลี าเลยี งดว้ ยท่อลาเลียงน้ามาใช้สาหรับการสร้างอาหารและการดารงชวี ิตเพยี งสว่ น หน่งึ น้าสว่ นเกินท่พี ืชดดู ซับจากดินพืชจะกาจดั ออกทางใบและบางสว่ นของก่ิง (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมท่ี 5 สังเกตการคายน้าของพืช แต่ละกลุ่ม ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามขั้นตอนท่ีได้วางแผนไว้ ดงั นี้ – นาต้นไมท้ ีป่ ลกู ในกระถางมา 1 ตน้ แล้วทาการเดด็ ใบออกจากกง่ิ ไม้ 1 กงิ่ – นาถุงพลาสติกใสท่ีแห้งครอบกิ่งไม้ท่ีมีใบ และอีกใบหน่ึงครอบก่ิงไม้ท่ีเด็ดใบออก และผูกรวบ ถงุ พลาสตกิ ใสแต่ละใบดว้ ยเชือกบริเวณโคนใหแ้ น่น – รดน้าต้นไมเ้ ลก็ นอ้ ยแลว้ นากระถางไวก้ ลางแดดเป็นเวลา 30 นาที – วาดรูปท่สี งั เกตไดเ้ มอ่ื เร่มิ วางกระถางไวก้ ลางแดด – สงั เกตการเปล่ียนแปลงที่เกิดขน้ึ ภายในถงุ พลาสตกิ ใสทุกๆ 10 นาที และวาดรปู (3) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลอื นกั เรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครเู ดินดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทุกคนซักถามเมอ่ื มปี ญั หา 3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหนา้ หอ้ งเรยี น (2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมโดยใช้แนวคาถาม เชน่ – การเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนแสดงถึงการกาจัดน้าของพชื ได้หรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคาตอบ ได้ โดยสังเกตจากการเกิดไอนา้ บนถงุ ทค่ี ลมุ ก่ิงไม้ ซ่งึ แสดงถึงการลาเลียงน้าผา่ นกง่ิ ไมแ้ ละถูกกาจดั ออก) – จากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม สรปุ ไดว้ า่ พชื กาจัดน้าทางใด สังเกตจากอะไร (แนวคาตอบ พชื กาจัดน้า ออกมากทางใบและบางส่วนของกิ่ง โดยสงั เกตจากการเกิดไอน้าบนถุงท่ีคลุมกิง่ ไม้ทไี่ มไ่ ด้เด็ดใบออกมีมากกว่า ไอนา้ ท่ีเกดิ ขน้ึ บนถุงท่ีคลุมกงิ่ ไมท้ ่ไี ด้เด็ดใบออก) (3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ผลการปฏิบัติกจิ กรรม โดยครเู น้นให้นกั เรยี นเขา้ ใจว่า พชื มกี ารกาจัดน้า ออกมากทางใบและบางส่วนของก่ิง 4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ ใบไม้เปล่ียนสี โดยให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว บริเวณที่มีอุณหภูมิต่า ของประเทศไทยหรือต่างประเทศที่มีอณุ หภมู ิต่ากว่า 0 องศาเซลเซียส พืชบางชนิดจะมกี ารผลดั ใบเพอื่ ลดการ สูญเสียน้า เนื่องจากในฤดูหนาวมีความแห้งแล้ง ปริมาณน้าท่ีพืชนามาใช้ได้มีน้อยลงมาก พืชจึงต้องลดอัตรา การคายนา้ ด้วยการผลดั ใบ เชน่ ใบเมเปิลบนดอยอ่างขางจะเรม่ิ เปล่ียนสเี ม่ืออุณหภูมิของอากาศลดลงและหลุด ร่วงไปเมือ่ เข้าสฤู่ ดูหนาว

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 5) ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างทย่ี ังไม่ เข้าใจหรอื ยังมีข้อสงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพิ่มเติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมนิ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบตั ิกจิ กรรมและการ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคาถามนักเรยี น เชน่ – พืชมีการคายนา้ ทางใด – พืชมกี ารคายนา้ เพราะอะไร ขนั้ สรปุ ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ เกยี่ วกับการคายน้าของพชื โดยร่วมกันเขียนเปน็ แผนทคี่ วามคิดหรือผงั มโน ทศั น์ 10. สือ่ การเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 5 สงั เกตการคายน้าของพืช 2. รูปใบเมเปลิ บนดอยอา่ งขางเปลย่ี นสี 3. ค่มู อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 4. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เรื่องการคายนา้ 1. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ ของพืช 1. ประเมินเจตคติทาง ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใช้แบบ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคล วดั ทักษะกระบวนการทาง 2. ตรวจช้นิ งานหรอื ภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวดั วทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรียน เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย 2. ประเมินเจตคติต่อ การสังเกตการทางานกล่มุ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคล โดยการสังเกตและใช้แบบวัด 3. ประเมินทักษะการ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ แกป้ ัญหาโดยการสงั เกตการ ทางานกล่มุ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบตั กิ จิ กรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกลุม่ โดย การสังเกตการทางานกลุ่ม

แผนการจัดการเรียนรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนร้.ู .....................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไ่ี ม่ผ่าน มดี ังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมคี วามรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง.....................................

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 18 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง การคายนา้ ของพืช (2) เวลา 1 ช่วั โมง วันท่ี............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของสิ่งมชี ีวติ หน่วยพ้ืนฐานของส่งิ มีชีวิต การลาเลยี งสารเขา้ และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชีว้ ัดชัน้ ปี บรรยายหนา้ ทข่ี องราก ลาต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดยใช้ขอ้ มลู ทรี่ วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สังเกตและอธิบายการคายน้าของพชื เกดิ ข้ึนที่ใบได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรูอ้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรู้ท่ีเกี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทางานรว่ มกับผู้อื่นอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนาความรเู้ รื่องการคายนา้ ของพืชไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคญั การคายน้าของพืชเกิดขึน้ ที่ใบมากท่สี ุด พืชคายน้าเพอ่ื ลดอณุ หภมู ทิ ่ใี บพืช รวมทง้ั ทาใหเ้ กิดการลาเลียง น้าและแร่ธาตุจากดนิ เข้าสู่ราก และจากรากไปสู่สว่ นตา่ งๆ ของพชื 5. สาระการเรยี นรู้ หนา้ ที่ของสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื – การคายนา้ ของพืช

แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สังเกตปากใบผา่ นกล้องจลุ ทรรศน์ 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1) ครูทบทวนเรื่องการคายน้าของพืชโดยถามคาถามว่า ใบของพืชทาหน้าท่ีอะไรบ้าง (แนวคาตอบ สรา้ งอาหารและคายน้า) 2) นักเรยี นชว่ ยกันตอบคาถามและแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับคาตอบของคาถาม เพอ่ื เชอื่ มโยงไปสู่การ เรยี นรูเ้ รื่อง การคายนา้ ของพืช ขนั้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี ั้นตอนดงั นี้ 1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระต้นุ นกั เรยี นโดยการถามคาถามว่า บริเวณท่ีเกิดการคายน้าของพืชมลี ักษณะใด (แนวคาตอบ เปน็ ช่องขนาดเลก็ อยรู่ ะหว่างเซลลท์ ่มี ีลักษณะคล้ายเมลด็ ถว่ั ประกบกัน) (2) นักเรียนร่วมกนั อภิปรายเกยี่ วกบั คาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณข์ องนักเรียน 2) ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเร่ืองการคายน้าของพืชจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นักเรยี นเขา้ ใจวา่ การคายน้าของพืชเกิดข้นึ ท่ใี บเปน็ สว่ นมาก โดยส่วนท่เี กิดการคายนา้ เรียกว่า ปากใบ (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน แต่ละกลุ่มช่วยกันสังเกตปากใบ โดยการส่องด้วยกล้อง จุลทรรศน์จากสไลด์สาเร็จรูปของปากใบ พร้อมท้งั วาดภาพลักษณะทสี่ ังเกตได้ (ครูเตรียมกล้องจุลทรรศน์และ ปรับกาลังขยายท่เี หมาะสมให้กบั นักเรยี น)

แผนการจัดการเรียนรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครูคอยแนะนาช่วยเหลอื นกั เรยี นขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทุกคนซักถามเม่ือมีปญั หา 3) ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรียนแตล่ ะกล่มุ สง่ ตวั แทนกลมุ่ นาเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรยี น (2) นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม ตอ่ ไปน้ี – นักเรียนมองเห็นปากใบด้วยตาเปล่าหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ มองไม่เห็น เพราะปาก ใบมขี นาดเล็กมาก) – กลอ้ งจลุ ทรรศนท์ าหนา้ ท่ีอะไร (แนวคาตอบ ขยายภาพขนาดเลก็ ท่ีตามองไม่เห็นให้มขี นาดใหญ่ ขน้ึ จนตาเรามองเห็นชัดเจน) – ปากใบมลี กั ษณะใด และพบบรเิ วณใด (แนวคาตอบ ปากใบมลี กั ษณะเปน็ รูเลก็ ๆ ระหว่างเซลล์ ทเ่ี หมือนเมล็ดถ่วั ประกบกัน และพบกระจายท่ัวท้ังใบ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นกั เรียนเข้าใจวา่ ปากใบมีขนาด เล็กมาก มีลักษณะเปน็ รูเลก็ ๆ กระจายทวั่ ทง้ั ใบ เพ่อื ควบคมุ การคายนา้ ของพืช 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูให้นักเรยี นดูรปู การทางานของปากใบขณะเกิดการคายน้าของพชื แลว้ อธิบายเพิม่ เติมว่า เมื่อพืช มนี ้าส่วนเกิน ปากใบจะเปิดและคายน้าออกในรปู ของไอน้า และถ้าพืชมีน้าในลาต้นนอ้ ยเกินไป ปากใบจะปิด เพ่ือลดการสญู เสยี นา้ การคายน้าทาให้พืชดูดซับน้าเข้ามาใหม่และลาเลยี งไปยังส่วนตา่ งๆ ของพืชเพ่ือทดแทนนา้ ที่สญู เสียไป พืชจึงได้รับน้าเพ่ือนาไปใช้ในการเจริญเติบโตตลอดเวลา การคายน้า การดูดซับน้า และการลาเลียงน้าจึงมี ความสัมพันธ์กนั นอกจากน้ี ปากใบยังเป็นบรเิ วณท่ีอากาศสามารถเขา้ สูพ่ ืชหรอื ออกจากพืชได้อีกดว้ ย

แผนการจัดการเรียนรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) นักเรียนค้นคว้าคาศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับการคายน้าของพืช จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอให้เพ่อื นในหอ้ งฟงั แล้วคดั คาศัพท์พร้อมท้ังคาแปลลงสมดุ ส่ง ครู 5) ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจดุ ใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั กิ จิ กรรมกลุ่มวา่ มปี ญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับประโยชนท์ ีไ่ ดร้ บั จากการปฏิบตั ิกิจกรรมและการ นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคาถามนกั เรยี น เชน่ – การเปิด – ปิดของปากใบมคี วามสัมพนั ธ์กับการคายน้าลักษณะใด – การคายน้าของพืชสมั พันธ์กบั การลาเลียงน้าเพราะอะไร ขั้นสรุป ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ เกย่ี วกบั การคายนา้ ของพืช โดยร่วมกันเขียนเปน็ แผนทีค่ วามคิดหรอื ผังมโน ทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. กล้องจลุ ทรรศน์และสไลด์สาเร็จรปู ของปากใบ 2. รูปการทางานของปากใบขณะเกิดการคายนา้ ของพชื 3. หนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอรเ์ น็ต 4. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 6. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 7. หนังสอื เรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เรื่องการคายนา้ 1. ประเมินทกั ษะการคดิ โดย ของพืช 1. ประเมินเจตคติทาง การสังเกตการทางานกลมุ่ วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล 2. ตรวจช้นิ งานหรอื ภาระงานของ โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมในการ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรียน เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติกิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย 2. ประเมินเจตคติต่อ การสงั เกตการทางานกลมุ่ วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล โดยการสังเกตและใช้แบบวัด เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แล้วมคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรียนเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม  ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่  นาไปใชไ้ ด้จริง  ควรปรบั ปรงุ ก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรียนร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 19 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง การสรา้ งอาหารของพืช เวลา 1 ช่ัวโมง วนั ท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของส่ิงมชี ีวติ หนว่ ยพนื้ ฐานของส่ิงมชี ีวิต การลาเลยี งสารเขา้ และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชว้ี ัดชั้นปี บรรยายหนา้ ที่ของราก ลาต้น ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใชข้ ้อมูลท่รี วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายการสร้างอาหารของพชื ได้ (K) 2. มีความสนใจใฝร่ หู้ รอื อยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ เ่ี ก่ยี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานร่วมกับผู้อ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนาความรู้เร่ืองการสร้างอาหารของพชื ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ พืชสร้างอาหารเองได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยสารสาคัญที่ช่วยในการสังเคราะห์ด้วยแสง คือ คลอโรฟิลล์ ซง่ึ มีสเี ขยี วและพบมากท่ใี บ 5. สาระการเรยี นรู้ หน้าทข่ี องสว่ นต่าง ๆ ของพชื – การสรา้ งอาหารของพืช

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. ม่งุ มน่ั ในการทางาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน สบื คน้ ข้อมลู เกยี่ วกบั การสร้างอาหารของพืช 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1) ครถู ามคาถามนกั เรียนเกย่ี วกบั การกินอาหารของนกั เรียนหรือสตั วเ์ ลีย้ ง เช่น – นักเรียนกินอาหารทุกวันหรือไม่ และอาหารที่ชอบคืออะไร (แนวคาตอบ กินอาหารทุกวัน อาหารท่ีชอบ คอื ข้าวผัด) – นกั เรยี นเล้ยี งสัตว์เลี้ยงหรือไม่ นักเรยี นให้สตั ว์เล้ียงกินอะไร (แนวคาตอบ เลี้ยง ให้แมวกินปลา ทตู ้ม) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ือง การสร้าง อาหารของพชื ข้นั จดั กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มขี ั้นตอนดังนี้ 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคาถาม เช่น – พืชต้องได้รับอาหารเหมือนกับคนและสัตว์หรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ พืชต้องได้รับ อาหาร เพราะพืชตอ้ งใช้พลงั งานในการทากจิ กรรมตา่ งๆ เหมือนกบั คนและสัตว์) – ถ้าพืชไม่ได้รับอาหารจะส่งผลกระทบต่อพืชลักษณะใด (แนวคาตอบ พืชจะเจริญเติบโตช้าลง และตายในท่ีสุด) (2) นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเกี่ยวกับคาตอบจากคาถามของครูตามประสบการณข์ องนักเรยี น

แผนการจัดการเรียนรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ใหน้ ักเรียนศึกษาเรอ่ื งการสรา้ งอาหารของพืชจากใบความรู้หรือในหนังสอื เรยี น โดยครชู ่วยอธบิ าย ให้นักเรยี นเขา้ ใจวา่ พืชมีใบท่ีใช้ในการสร้างอาหาร พชื จงึ ไมต่ ้องไดร้ ับอาหารจากการกินสิ่งมีชวี ติ อ่ืนเปน็ อาหาร เหมือนคนและสตั ว์ โดยใบทาหนา้ ทส่ี ร้างอาหารให้กบั พชื (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นขอ้ มูลเกยี่ วกับการสร้างอาหารของพืชโดยดาเนินการ ตามขั้นตอนดงั น้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบคน้ ข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อการสร้างอาหารของพืชเป็นหัวข้อยอ่ ย เช่น สารท่ชี ว่ ยในการสรา้ งอาหารของพชื สารเริ่มต้นทใ่ี ชใ้ นการสรา้ งอาหารของพืช และผลิตภณั ฑท์ ี่ได้จากการสรา้ ง อาหารของพืช ใหส้ มาชกิ แตล่ ะกลุม่ ชว่ ยกนั สบื คน้ ตามหัวขอ้ ท่กี าหนด – สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ช่วยกนั สืบค้นข้อมูลตามหัวข้อทก่ี ลมุ่ ของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน และอนิ เทอร์เนต็ – สมาชิกกลมุ่ นาข้อมูลที่สบื คน้ ได้มารายงานให้เพอื่ น ๆ สมาชิกในกล่มุ ฟัง รวมทง้ั ร่วมกนั อภิปราย ซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทกุ คนมคี วามรูค้ วามเข้าใจทตี่ รงกนั – สมาชิกกลมุ่ ชว่ ยกนั สรุปความร้ทู ่ไี ด้ทัง้ หมดเป็นผลงานของกลุ่ม (3) ครูคอยแนะนาช่วยเหลอื นักเรียนขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรียนทกุ คนซกั ถามเมื่อมีปัญหา 3) ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนกล่มุ นาเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหน้าห้องเรยี น (2) นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ต่อไปนี้ – สารท่ีช่วยในการสร้างอาหารของพืชคืออะไร พบมากที่ใด (แนวคาตอบ สารสีเขียว เรียกว่า คลอโรฟลิ ล์ พบมากทบี่ รเิ วณใบ) – สารเร่ิมต้น ที่ใช้ใน การ สร้างอ าหารขอ งพืชคือ อะไ ร (แนว คาตอบ น้าและ แก๊ ส คารบ์ อนไดออกไซด์) – ผลติ ภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากการสรา้ งอาหารของพชื คอื อะไร (แนวคาตอบ นา้ ตาลและแก๊สออกซเิ จน) (3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเขา้ ใจว่า การสรา้ งอาหาร ของพืช เรียกว่า การสังเคราะห์ด้วยแสง เกิดขน้ึ เม่ือพลังงานแสงจากดวงอาทติ ย์ช่วยให้น้าสามารถจับกับแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซดก์ ลายเป็นน้าตาล แกส๊ ออกซเิ จน และนา้ 4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครใู ห้นกั เรยี นดูรปู การสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืชในหนังสือเรียน พร้อมกับอธบิ ายถึงความสัมพนั ธ์ ของการคายน้า การดดู ซับน้า และการลาเลยี งนา้ และแร่ธาตุวา่ มผี ลต่อการนานา้ ไปใช้ในการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) นักเรียนค้นคว้าคาศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการสร้างอาหารของพืช จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอร์เน็ต และนาเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคดั คาศัพท์พร้อมท้ังคาแปลลงสมดุ ส่ง ครู 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างทย่ี ังไม่ เข้าใจหรอื ยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพิ่มเตมิ ให้นักเรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุม่ ว่ามีปญั หาหรืออุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั จากการปฏิบตั ิกจิ กรรมและการ นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคาถามนักเรียน เช่น – พืชสร้างอาหารเองได้เพราะอะไร – อาหารที่พืชสร้างไดค้ อื อะไร ขัน้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกีย่ วกบั การสร้างอาหารของพชื โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนท่ีความคดิ หรือ ผังมโนทศั น์ 10. ส่อื การเรยี นรู้ 1. หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต 2. หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ 3. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 4. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 5. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 6. หนงั สือเรียนรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรอ่ื งการสร้าง อาหารของพชื 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจช้นิ งานหรือภาระงานของ เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทางานกลุ่ม กิจกรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรียน และใช้แบบวัดเจตคติทาง 2. ประเมินพฤตกิ รรมในการ วทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต การสังเกตการทางานกลุ่ม และใช้แบบวัดเจตคติต่อ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แล้วมคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรียนเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม  ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่  นาไปใชไ้ ด้จริง  ควรปรบั ปรงุ ก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 20 สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง การจาแนกสง่ิ มชี ีวิต (1) เวลา 1 ชว่ั โมง วันท.่ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของส่งิ มชี วี ิต หน่วยพ้นื ฐานของส่ิงมชี วี ิต การลาเลียงสารเขา้ และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชวี้ ัดชั้นปี บรรยายหน้าท่ขี องราก ลาต้น ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใช้ขอ้ มลู ทรี่ วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบหุ น้าทีข่ องคลอโรฟิลลไ์ ด้ (K) 2. ทดลองและตรวจสอบไดว้ ่าพชื สรา้ งอาหารในส่วนของใบที่มคี ลอโรฟิลล์ (K) 3. มีความสนใจใฝ่รหู้ รืออยากรู้อยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ ่เี กี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทางานรว่ มกบั ผอู้ ่ืนอย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สอื่ สารและนาความร้เู ร่ืองคลอโรฟิลลก์ ับการสร้างอาหารของพชื ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ คลอโรฟลิ ลเ์ ป็นสารสเี ขยี วในใบพืช ทาหนา้ ทชี่ ่วยให้พืชเกดิ การสงั เคราะหด์ ้วยแสง 5. สาระการเรียนรู้ หน้าทข่ี องส่วนตา่ ง ๆ ของพืช – การสรา้ งอาหารของพืช

แผนการจัดการเรียนรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทางาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดาเนินชวี ิต 8. ช้ินงานหรือภาระงาน ทดลองคลอโรฟลิ ล์จาเปน็ ตอ่ การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูทบทวนความรูเ้ กีย่ วกบั การสรา้ งอาหารของพืช โดยการถามคาถาม เชน่ – สว่ นของพชื ทที่ าหนา้ ท่สี ร้างอาหารคอื อะไร (แนวคาตอบ ใบ) – พืชสามารถสร้างอาหารเองไดเ้ พราะอะไร (แนวคาตอบ เพราะพชื มีคลอโรฟิลล์ท่ีใชใ้ นการสรา้ ง อาหาร) 2) นกั เรียนช่วยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ เพ่ือเชอื่ มโยงไปสูก่ ารเรียนรู้เร่ือง คลอโรฟลิ ลก์ ับ การสรา้ งอาหารของพชื ขัน้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี ัน้ ตอนดงั น้ี 1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคาถามว่า นักเรียนมีวิธีใดท่ีใช้พิสูจน์ว่า คลอโรฟิลล์มี ส่วนสาคญั ในการสังเคราะห์ด้วยแสง (แนวคาตอบ ทาการทดลองวา่ ใบส่วนท่ีมีสีเขียวมแี ปง้ สะสมอยูห่ รือไม)่ (2) นักเรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ยี วกบั คาตอบจากคาถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ใหน้ ักเรียนศกึ ษาเรื่องคลอโรฟลิ ล์กบั การสร้างอาหารของพชื จากใบความรู้หรอื ในหนังสอื เรยี น โดย ครูช่วยอธบิ ายใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่า คลอโรฟิลลใ์ นใบมสี ว่ นสาคัญในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 6 ทดลองคลอโรฟิลล์จาเป็นต่อการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช แต่ละกลมุ่ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามขน้ั ตอนที่ได้วางแผนไว้ ดงั นี้ ขน้ั ท่ี 1 กาหนดปญั หา – บริเวณใบทไี่ มม่ คี ลอโรฟิลลจ์ ะเกิดการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงหรอื ไม่ ข้นั ท่ี 2 ต้ังสมมตุ ฐิ าน – เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนส่วนของใบที่มีสีเขียว สีของใบน่าจะเปลี่ยนแปลง แต่ส่วนท่ีเป็น รอยด่างไมน่ า่ จะเปลย่ี นแปลง ขน้ั ที่ 3 ทดลอง – ใส่แปง้ จานวนเล็กนอ้ ยลงในจานหลมุ 3 ชอ่ ง แล้วหยดสารละลายไอโอดนี สังเกตและบนั ทึกผล – นาใบด่างมาวาดรปู และระบายสตี ามท่เี ห็นจรงิ – เทน้ากล่ันลงในบีกเกอร์ท่ีเตรียมไว้ประมาณ 1 ของบีกเกอร์ ต้มจนเดือดแล้วจึงใส่ใบด่าง ต้มต่อ 2 ประมาณ 3–4 นาที – นาใบที่ต้มแล้วใส่ในหลอดทดลองท่ีบรรจุเอทานอล จากน้ันนาไปใสใ่ นบีกเกอรอ์ ีกใบท่ีบรรจุนา้ เดือด ตม้ จนกวา่ ใบจะซีดเป็นสีขาว – นาใบที่ต้มจนซีดขาวแล้วมาล้างน้าสะอาดและวางบนจานแก้ว คล่ีใบออก ใช้หลอดหยดดูด สารละลายไอโอดนี แลว้ หยดลงบนใบให้ทว่ั ท้ิงไว้สักครู่ วาดรปู และระบายสกี ารเปลี่ยนแปลง ขั้นท่ี 4 วิเคราะหผ์ ลการทดลอง – แปลความหมายข้อมูลท่ไี ด้จากตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง – นาขอ้ มลู ทไี่ ด้มาพจิ ารณาเพอ่ื อธบิ ายวา่ เป็นไปตามที่นกั เรยี นต้งั สมมตุ ิฐานไว้หรือไม่ ขน้ั ที่ 5 สรปุ ผลการทดลอง – นักเรยี นรว่ มกนั สรุปผลการทดลองแลว้ เขยี นเป็นรายงานสรุปผลการทดลองสง่ ครู (3) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลอื นกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยครูเดนิ ดรู อบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทกุ คนซักถามเมื่อมีปัญหา 3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกันอภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม ตอ่ ไปนี้ – เมอ่ื หยดสารละลายไอโอดนี ลงบนแป้งเกิดการเปลีย่ นแปลงลักษณะใด (แนวคาตอบ สารละลาย ไอโอดีนเปล่ยี นสจี ากสีนา้ ตาลเปน็ สีนา้ เงนิ ) – เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบดา่ งเกิดการเปล่ียนแปลงลักษณะใด (แนวคาตอบ บรเิ วณ ใบทีเ่ คยมีสเี ขียว สารละลายไอโอดีนเปล่ยี นสีจากสนี า้ ตาลเปน็ สนี ้าเงิน) – คลอโรฟิลล์เป็นปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วยแสงหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคาตอบ คลอโรฟิลล์เปน็ ปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยสังเกตจากการเปล่ียนสีของสารละลายไอโอดีน เม่ือหยด

แผนการจัดการเรียนรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 สารละลายไอโอดีนลงบนแป้ง สารละลายไอโอดีนเปล่ียนสีจากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงินเหมือนกับการหยด สารละลายไอโอดีนลงบนใบ ซ่ึงสารละลายไอโอดีนก็เปล่ียนสีจากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงินในส่วนของใบที่มี คลอโรฟิลล์) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นกั เรียนเข้าใจว่า คลอโรฟิลล์ทา หน้าท่ีช่วยให้พืชเกิดการสงั เคราะห์ด้วยแสง ซง่ึ ผลติ ภัณฑ์ท่ีเกิดขึ้น คือ นา้ ตาลทีเ่ ปลี่ยนไปเป็นแป้งและสะสมที่ ใบ 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา่ น้าตาลที่พืชสร้างขึ้นจะถูกลาเลียงไปตามส่วนต่าง ๆ หรือเปลี่ยนไปเป็นแป้ง เพ่ือนาไปสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ของพืชในภายหลัง เม่ือพืชต้องการนาน้าตาลมาใช้จึงเปลี่ยนแป้งเปน็ น้าตาล อีกคร้ัง (2) ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า พืชไม่ได้มีการสังเคราะห์ด้วยแสงท่ีบริเวณใบเท่านั้น ที่ลาต้นหรือรากท่ีมีสี เขียวก็สามารถสงั เคราะห์ด้วยแสงได้ เนื่องจากมีคลอโรฟิลล์ซ่ึงเป็นสารสีเขียว แต่การสังเคราะห์ด้วยแสงส่วน ใหญ่เกดิ ข้นึ ที่ใบซ่งึ พบคลอโรฟลิ ลม์ ากท่ีสดุ 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี ้อสงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพ่มิ เตมิ ให้นักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิกจิ กรรมและการ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคาถามนักเรียน เช่น – การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื ไดผ้ ลติ ภณั ฑเ์ ปน็ อะไร – การทดสอบใดแสดงได้ว่าบริเวณทีม่ ีสเี ขยี วของใบเกดิ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ขน้ั สรปุ ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปเกยี่ วกบั คลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของพืช โดยร่วมกันเขยี นเป็นแผนท่ี ความคิดหรอื ผังมโนทัศน์ 10. ส่อื การเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 6 ทดลองคลอโรฟิลล์จาเป็นต่อการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช 2. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 3. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 4. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรอื่ งคลอโรฟิลล์ 1. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ กบั การสร้างอาหารของพชื 1. ประเมินเจตคตทิ าง ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใช้แบบ วทิ ยาศาสตร์เปน็ รายบุคคล วดั ทักษะกระบวนการทาง 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวัด วทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรียน เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ การสังเกตการทางานกล่มุ วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด 3. ประเมินทักษะการ เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ แกป้ ัญหาโดยการสงั เกตการ ทางานกล่มุ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบตั กิ จิ กรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกลุม่ โดย การสังเกตการทางานกลุ่ม

แผนการจัดการเรียนรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนร้.ู .....................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไ่ี ม่ผ่าน มดี ังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมคี วามรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง.....................................

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรียนร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 21 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง คลอโรฟลิ ล์กับการสรา้ งอาหารของพืช (2) เวลา 1 ชัว่ โมง วันท.ี่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัตขิ องสง่ิ มชี วี ติ หนว่ ยพื้นฐานของสิ่งมชี วี ติ การลาเลยี งสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชวี้ ัดชัน้ ปี บรรยายหน้าทข่ี องราก ลาต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดยใชข้ อ้ มูลทีร่ วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายและสรปุ ได้วา่ พืชมกี ารเกบ็ สะสมอาหารไวต้ ามสว่ นตา่ งๆ ของพชื (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รูห้ รืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ เี่ กยี่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานรว่ มกับผู้อืน่ อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนาความร้เู รือ่ งคลอโรฟลิ ล์กบั การสรา้ งอาหารของพชื ไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ พชื เกบ็ สะสมอาหารไวต้ ามส่วนต่าง ๆ ของพชื ทัง้ ในรูปของน้าตาลและแปง้ 5. สาระการเรียนรู้ หน้าท่ีของสว่ นต่าง ๆ ของพชื – การสร้างอาหารของพืช 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน ทดสอบการสะสมแปง้ ในพืช 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเข้าส่บู ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับคลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของพืช โดยการให้นักเรียนบอก หนา้ ทีข่ องคลอโรฟิลลแ์ ละการตรวจสอบหาแปง้ ทีเ่ กิดจากการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง (แนวคาตอบ คลอโรฟิลล์ช่วย ให้พืชเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง และสามารถตรวจสอบหาแป้งท่ีเกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ด้วยการ ทดสอบกบั ไอโอดนี ถา้ มีแป้ง ไอโอดีนจะเปล่ยี นสีจากสีน้าตาลเปน็ สีน้าเงิน) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคาตอบของคาถาม เพื่อเชอื่ มโยงไปสู่ การเรยี นรเู้ รอ่ื ง คลอโรฟลิ ลก์ ับการสร้างอาหารของพืช ข้นั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี น้ั ตอนดังน้ี 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระต้นุ นักเรียนโดยการถามคาถามวา่ นอกจากทใี่ บแล้ว เราสามารถพบแป้งไดท้ ่ีส่วนใดของพืช อีกบา้ ง (แนวคาตอบ รากและผล) (2) นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายเกี่ยวกบั คาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ขัน้ สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ครูให้นักเรียนเล่าถึงผักและผลไม้ที่ปลูกไว้ที่บ้านหรือในชุมชนของนักเรียนว่า มีพืชชนิดใดท่ีมีการ เก็บสะสมอาหารและเก็บสะสมไว้ในส่วนใด หรือเล่าถึงผักและผลไม้ท่ีขายตามตลาดในชุมชนของนักเรียนว่า ขายพืชที่มีการเก็บสะสมอาหารบ้างหรือไม่ โดยครูอธิบายเพิ่มเติมถึงพืชท่ีมีการเกบ็ สะสมอาหารซึ่งมีทั้งในรูป ของแป้งและน้าตาล (แนวคาตอบ แครอทสะสมอาหารในราก) (2) แบ่งกล่มุ นกั เรยี น กลมุ่ ละ 3 – 4 คน แตล่ ะกลุม่ สังเกตการสะสมแป้งในพืชตามขั้นตอนดังนี้ – นักเรียนเตรียมพืชที่มีการสะสมอาหารในรูปของแป้งมากลุ่มละ 1 ชนิด เช่น แครอท มันฝร่ัง และหัวไชเทา้

แผนการจัดการเรียนรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – ผา่ พชื ท่เี ตรียมมาออกเป็นชน้ิ ๆ – หยดสารละลายไอโอดนี ลงบนพืช – สงั เกตการเปล่ยี นแปลงและบันทึกผล (3) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลือนักเรยี นขณะปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทกุ คนซกั ถามเมื่อมปี ัญหา 3) ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนกลมุ่ นาเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรียนและครูร่วมกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม ต่อไปนี้ – สารละลายไอโอดีนใชท้ ดสอบอะไร (แนวคาตอบ ทดสอบแป้งท่สี ะสมในพชื ) – เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนบนพืชเกิดการเปล่ียนแปลงลักษณะใด (แนวคาตอบ สารละลาย ไอโอดีนเปลีย่ นสจี ากสีน้าตาลเปน็ สีน้าเงิน) – พืชที่นามาทดสอบมีการสะสมแป้งท่ีใด (แนวคาตอบ แครอทและหัวไชเท้าสะสมแป้งท่ีราก ส่วนมนั ฝร่งั สะสมแปง้ ท่ลี าต้น) (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครเู น้นให้นกั เรยี นเข้าใจวา่ สนี า้ เงินทีป่ รากฏ บนเนอื้ ของพชื แสดงให้เห็นถึงการสะสมของแปง้ ในพืช 4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) นักเรียนค้นคว้าคาศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกบั คลอโรฟิลลก์ ับการสร้างอาหารของพืช จากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคาศัพท์พร้อมทั้งคาแปลลง สมดุ ส่งครู 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจดุ ใดบา้ งที่ยังไม่ เข้าใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธบิ ายเพิ่มเติมให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปญั หาหรอื อปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับประโยชน์ทไ่ี ด้รบั จากการปฏิบตั กิ ิจกรรมและการ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคาถามนกั เรียน เชน่ – พืชสะสมอาหารไวต้ ามส่วนตา่ ง ๆ เพอื่ อะไร – นกั เรียนมีวธิ ที ดสอบการสะสมอาหารของพชื วิธีใดบ้าง

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกยี่ วกบั คลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของพชื โดยร่วมกันเขียนเปน็ แผนท่ี ความคดิ หรือผังมโนทศั น์ 10. สือ่ การเรยี นรู้ 1. แครอท มันฝร่งั และหัวไชเท้า 2. สารละลายไอโอดีน 3. หลอดหยด 4. มีดและเขยี ง 5. จาน 6. หนงั สอื เรยี นภาษาตา่ งประเทศและอินเทอร์เน็ต 7. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 8. สอื่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 9. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 10. หนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เรอื่ งคลอโรฟิลล์ 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย กบั การสรา้ งอาหารของพชื 1. ประเมินเจตคตทิ าง การสงั เกตการทางานกลมุ่ วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ โดยการสังเกตและใชแ้ บบวัด 2. ประเมินพฤตกิ รรมในการ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั กิ ิจกรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ 3. รายบุคคลหรือรายกลมุ่ โดย วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล การสังเกตการทางานกลมุ่ โดยการสังเกตและใชแ้ บบวัด เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไ่ี ม่ผ่าน มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทีไ่ มผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แล้วมคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรียนเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม  ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่  นาไปใชไ้ ด้จริง  ควรปรบั ปรงุ ก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 22 สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่อื ง แสงกับการสร้างอาหารของพชื (1) เวลา 1 ช่ัวโมง วันที.่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสิง่ มชี วี ิต หนว่ ยพืน้ ฐานของสิ่งมชี ีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวช้ีวัดชัน้ ปี บรรยายหนา้ ทีข่ องราก ลาต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดยใช้ข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. ทดลองและตรวจสอบไดว้ า่ พืชใช้แสงในการสังเคราะหด์ ้วยแสง (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรูท้ ่เี ก่ยี วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานรว่ มกบั ผ้อู ่ืนอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนาความรเู้ รื่องแสงกับการสร้างอาหารของพืชไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ แสงชว่ ยให้พชื เกิดการสังเคราะหด์ ้วยแสง 5. สาระการเรยี นรู้ หนา้ ทีข่ องส่วนต่าง ๆ ของพชื – การสรา้ งอาหารของพืช 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทางาน

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดาเนินชีวิต 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน ทดลองแสงจาเปน็ ตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1) ครถู ามเกยี่ วกับการปลกู พืชของนักเรยี น เชน่ – ส่งิ จาเปน็ ท่ตี อ้ งใชใ้ นการปลกู พชื มีอะไรบ้าง (แนวคาตอบ พืช ดิน กระถาง และบัวรดนา้ ) – เราควรวางกระถางพืชไว้บริเวณใดของบ้าน เพราะอะไร (แนวคาตอบ บริเวณที่มีแสงส่องถึง เพราะพชื ใชแ้ สงในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง แสงกับการ สรา้ งอาหารของพชื ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซงึ่ มขี ัน้ ตอนดงั นี้ 1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคาถามว่า ถ้าพืชไม่ได้รับแสงแดด พืชจะมีลักษณะใด (แนวคาตอบ พืชจะมใี บเหลืองและสงั เคราะหด์ ้วยแสงไมไ่ ด้ พืชก็จะไม่เจริญเตบิ โต) (2) นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายเก่ยี วกับคาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศกึ ษาเรื่องแสงกบั การสรา้ งอาหารของพชื จากใบความรู้หรอื ในหนงั สอื เรียน โดยครชู ว่ ย อธบิ ายให้นักเรยี นเขา้ ใจวา่ แสงมีสว่ นสาคญั ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง (2) แบ่งกลุ่มนักเรยี น กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมท่ี 7 ทดลองแสงจาเป็นต่อการสงั เคราะห์ด้วย แสงของพืช แต่ละกลุ่มปฏิบตั กิ จิ กรรมตามขน้ั ตอนท่ไี ดว้ างแผนไว้ ดังน้ี ขนั้ ที่ 1 กาหนดปญั หา – พืชจะเกดิ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงหรอื ไม่ ถ้าไมไ่ ดร้ ับแสง

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ข้ันท่ี 2 ตั้งสมมุตฐิ าน – เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบ ส่วนที่ถูกปิดด้วยกระดาษสีดาน่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง และส่วนที่ไม่ไดถ้ กู ปิดดว้ ยกระดาษสดี าน่าจะเกิดการเปล่ยี นแปลง ขนั้ ที่ 3 ทดลอง – ใส่แป้งจานวนเล็กนอ้ ยลงในจานหลมุ 3 ชอ่ ง แล้วหยดสารละลายไอโอดีน สงั เกตและบันทกึ ผล – นาใบมาวาดรูปและระบายสตี ามที่เห็นจรงิ – ตัดกระดาษสีดาเป็นรูปส่ีเหล่ียมผืนผา้ 1 แผ่น กวา้ ง 1.5 เซนติเมตร และความยาวให้พนั รอบใบได้ – ติดกระดาษสีดาเข้ากับใบ 3 ใบ ให้กระดาษแนบกับใบให้สนิท รดน้า แล้วจึงนาต้นไม้ไปรับแสงแดด เปน็ เวลา 3 ชวั่ โมง – เทนา้ กลน่ั ลงในบีกเกอร์ที่เตรียมไว้ประมาณ 1 ของบกี เกอร์ ต้มจนเดอื ดแล้วจึงใสใ่ บทแี่ กะกระดาษสี 2 ดาออก แล้วตม้ ตอ่ ประมาณ 3 – 4 นาที – นาใบที่ตม้ แล้วใสใ่ นหลอดทดลองท่ีบรรจุเอทานอล จากน้นั นาไปใส่ในบกี เกอร์อกี ใบที่บรรจุน้าเดอื ด ต้มจนกว่าใบไม้จะซีดเป็นสีขาว – นาใบไม้ที่ต้มจนซีดขาวแล้วมาล้างน้าสะอาดและวางบนจานแก้ว คลี่ใบออก ใช้หลอดหยดดูด สารละลายไอโอดนี แล้วหยดลงบนใบใหท้ ัว่ ทิ้งไว้สักครู่ วาดรปู และระบายสกี ารเปล่ียนแปลง ขน้ั ท่ี 4 วิเคราะห์ผลการทดลอง – แปลความหมายขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง – นาข้อมูลทีไ่ ด้มาพิจารณาเพ่อื อธิบายวา่ เปน็ ไปตามทนี่ ักเรยี นต้ังสมมุตฐิ านไวห้ รอื ไม่ ขั้นที่ 5 สรุปผลการทดลอง – นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ผลการทดลองแลว้ เขียนเปน็ รายงานสรุปผลการทดลองส่งครู (3) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครเู ดินดรู อบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทุกคนซักถามเมอ่ื มปี ญั หา 3) ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนกลุม่ นาเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นกั เรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ตอ่ ไปน้ี – เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแป้งเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะใด (แนวคาตอบ สารละลาย ไอโอดีนเปลย่ี นสจี ากสีน้าตาลเป็นสนี ้าเงนิ ) – ส่วนใดของใบที่เกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง สังเกตจากอะไร (แนวคาตอบ ส่วนท่ีไม่ถูกปิดด้วย กระดาษสดี าเกิดการสังเคราะห์ดว้ ยแสง สังเกตจากเมอื่ หยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบ บรเิ วณทไ่ี มถ่ กู ปิดด้วย กระดาษสีดา สารละลายไอโอดีนเปลย่ี นสีจากสนี ้าตาลเป็นสนี ้าเงิน เหมอื นกบั การหยด สารละลายไอโอดีนลงบนแปง้ )

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – แสงเป็นปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วยแสงหรือไม่ สงั เกตจากอะไร (แนวคาตอบ แสงเป็นปจั จัยในการ สังเคราะห์ด้วยแสง สังเกตจากการเปล่ียนสีของสารละลายไอโอดีน เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแป้ง สารละลายไอโอดีนจะเปล่ียนสีจากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงินเหมือนกับการหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบ ซ่ึง สารละลายไอโอดนี ก็เปล่ียนสจี ากสนี า้ ตาลเป็นสนี า้ เงินเฉพาะส่วนของใบท่ไี ม่ถกู ปดิ ดว้ ยกระดาษสดี า) (3) ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครเู น้นให้นกั เรยี นเข้าใจว่า พชื ใชแ้ สงในการ สงั เคราะห์ดว้ ยแสง ซ่ึงผลิตภณั ฑ์ทไ่ี ด้ คือ น้าตาลทเี่ ปลีย่ นไปเป็นแปง้ และสะสมที่ใบ 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเพ่ิมเติมกับนักเรียนว่า พืชแต่ละชนิดต้องการความเข้มแสงท่ีแตกต่างกัน ซ่ึงเมื่อใช้ความ ตอ้ งการความเข้มแสงของพืชเปน็ เกณฑจ์ ะจาแนกพืชไดเ้ ปน็ 3 กลมุ่ คือ – พืชในร่ม ต้องการความเข้มแสงน้อย มักปลูกพืชชนิดนีไ้ ว้ในร่มหรือไม้ประดับภายในอาคารสถานท่ี เชน่ เศรษฐเี รอื นใน หญ้าถอดปลอ้ ง และเฟินใบมะขาม – พชื ก่งึ ร่มกึ่งแจ้ง ต้องการความเข้มแสงปานกลาง มกั ปลกู ใต้รม่ ไมท้ แ่ี สงบางสว่ นลอดผา่ นได้ หรือทีร่ ่ม แดดราไร เชน่ วาสนาราชนิ ี เยอบีร่า และสาวน้อยประแปง้ – พืชกลางแจ้ง ต้องการความเข้มแสงสูง มกั ปลูกกลางแจง้ ส่วนมากเป็นพืชดอก เช่น เข็ม ชบา และ ข้าวโพด 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งท่ียังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนรว่ มกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปญั หาหรืออุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับประโยชนท์ ี่ได้รบั จากการปฏิบัตกิ จิ กรรมและการ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคาถามนักเรยี น เชน่ – แสงมคี วามสาคัญต่อพชื ลกั ษณะใด – หลักฐานทีแ่ สดงว่าแสงชว่ ยใหเ้ กดิ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงคืออะไร ข้นั สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับแสงกับการสร้างอาหารของพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคดิ หรือผังมโนทัศน์

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 10. สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบกจิ กรรมที่ 7 ทดลองแสงจาเป็นต่อการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื 2. ค่มู อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 3. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 4. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 5. หนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เร่ืองแสงกับการ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ สร้างอาหารของพชื 1. ประเมนิ เจตคติทาง ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใชแ้ บบ วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล วดั ทกั ษะกระบวนการทาง 2. ตรวจชนิ้ งานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวัด วิทยาศาสตร์ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินทกั ษะการคดิ โดย 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ การสังเกตการทางานกลุ่ม วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคล โดยการสังเกตและใชแ้ บบวดั 3. ประเมนิ ทักษะการ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสังเกตการ ทางานกลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ัติกจิ กรรมเป็น รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย การสงั เกตการทางานกลมุ่

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมีความรเู้ กิดทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง.....................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมคี วามเห็นดงั น้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยงั ไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรับปรงุ ก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 23 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรือ่ ง แสงกับการสร้างอาหารของพืช (2) เวลา 1 ช่ัวโมง วันที.่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสิง่ มีชวี ติ หน่วยพ้นื ฐานของสง่ิ มีชวี ิต การลาเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวช้ีวัดชน้ั ปี บรรยายหน้าท่ขี องราก ลาต้น ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใช้ข้อมลู ที่รวบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ทดลองและตรวจสอบได้วา่ พืชใชแ้ สงในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่ร้หู รืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรูท้ เี่ ก่ยี วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทางานร่วมกบั ผ้อู ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนาความร้เู รือ่ งแสงกับการสร้างอาหารของพืชไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคญั แสงชว่ ยให้พืชเกิดการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 5. สาระการเรียนรู้ หนา้ ท่ขี องสว่ นต่าง ๆ ของพืช – การสร้างอาหารของพชื 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุง่ มัน่ ในการทางาน

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ช้นิ งานหรือภาระงาน สงั เกตแสงมคี วามสาคญั ตอ่ พืช 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับแสงกับการสร้างอาหารของพืช โดยการให้นักเรียนบอกความสาคัญ ของแสงในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงและการตรวจสอบหาแปง้ ท่ีเกดิ จากการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง (แนวคาตอบ แสง ช่วยให้น้าจับกับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ได้และเปล่ียนไปเป็นอาหารของพืช และสามารถตรวจสอบหาแป้งท่ี เกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสงไดด้ ้วยการทดสอบกับไอโอดนี ถ้ามีแป้ง ไอโอดีนจะเปล่ยี นสีจากสนี ้าตาลเป็นสี นา้ เงนิ ) 2) นักเรยี นช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับคาตอบของคาถาม เพื่อเชอื่ มโยงไปสู่การ เรยี นรู้เร่ือง แสงกับการสร้างอาหารของพชื ข้นั จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรูโ้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมขี ั้นตอนดังนี้ 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุน้ นกั เรียนโดยการถามคาถามว่า บริเวณใตต้ ้นไมใ้ หญ่มักมีพืชขึน้ น้อยกวา่ บรเิ วณรอบตน้ ไม้ ใหญเ่ พราะอะไร (แนวคาตอบ เพราะตน้ ไมใ้ หญ่แผก่ ง่ิ ก้าน บริเวณใต้ตน้ ไม้ใหญ่จงึ มีแสงแดดสอ่ งถงึ พื้นนอ้ ย จึงมี พชื เจรญิ เตบิ โตใตต้ น้ ไม้ใหญน่ ้อยกว่าบรเิ วณรอบนอกทไ่ี ด้รับแสงเตม็ ท)ี่ (2) นักเรียนร่วมกนั อภิปรายเกยี่ วกับคาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 3 – 4 คน แต่ละกลุ่มร่วมกันสังเกตว่า แสงมีความสาคัญต่อพืชโดยให้ นักเรยี นปฏบิ ัตติ ามขน้ั ตอนดงั น้ี – นกั เรียนตัดฝากล่องด้านยาวของกล่องนมหรือกล่องน้าผลไม้ขนาดใหญ่ หรือประดษิ ฐ์กลอ่ งที่มี ขนาดเทา่ กลอ่ งนมหรือกลอ่ งน้าผลไมข้ นาดใหญ่โดยให้มีฝาเปดิ ทางดา้ นยาว 1 ดา้ น

แผนการจัดการเรียนรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 – นากล่องไปครอบหญ้าบริเวณที่ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน โดยคว่าด้านที่เป็นฝาเปิดลงและใช้ หินท่ีหนกั พอสมควรทบั เพอ่ื ไมใ่ ห้กล่องปลิวเมอ่ื โดนลม – ปลอ่ ยทงิ้ ไวป้ ระมาณ 1 สปั ดาห์ – นกั เรียนสงั เกตความแตกต่างของหญา้ ภายในกลอ่ งกับบริเวณขา้ งเคยี ง (2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบัติกจิ กรรม โดยครเู ดินดูรอบๆ บริเวณที่สังเกตและเปดิ โอกาสให้ นกั เรียนทุกคนซักถามเมือ่ มปี ัญหา 3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนกลุม่ นาเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นกั เรียนและครรู ่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม ต่อไปนี้ – หญ้าภายนอกและภายในกล่องแตกต่างกันหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคาตอบ แตกต่างกัน โดย หญา้ ท่ีอยู่นอกกลอ่ งมีสเี ขียว ส่วนหญ้าภายในกล่องเหยี่ วและใบมสี ีเหลอื ง) – แสงมีความสาคญั ต่อพืชหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคาตอบ แสงมคี วามสาคญั ต่อพืช สังเกต จากหญา้ ทีไ่ ดร้ บั แสงเจริญเติบโตตามปกติ สว่ นหญา้ ทไี่ ม่ได้รับแสงเหี่ยวและใบมสี ีเหลือง) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แสงมี ความสาคญั ต่อพืช พืชที่ไมไ่ ด้รับแสงจะไมส่ ามารถสรา้ งอาหารเพอ่ื ใช้ในการเจรญิ เติบโตได้ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการปลูกพืช โดยอธิบายว่าปัจจุบันทีมวิจัย จากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวรและมูลนิธิโครงการหลวง พฒั นาเทคโนโลยีฟลิ ์มคดั กรองแสงทางการเกษตรชือ่ ฟิลม์ โพลเี ทคพลาสติก (Poly Tech Plastic) ซึง่ เป็นฟลิ ์ม ท่ใี ชค้ ลุมโรงเรือนการเกษตรเพอื่ กรองเฉพาะแสงท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ พืช และสะทอ้ นรังสีความร้อนทาใหช้ ่วยลด อุณหภูมิในโรงเรือนการเกษตร นอกจากนี้ยังสะท้อนรังสียูวซี ่ึงเป็นอันตรายต่อพืชได้ ทาให้พชื เจริญเตบิ โตได้ดี และผลผลิตทางการเกษตรเพิม่ ขึน้ (2) นักเรียนคน้ ควา้ คาศัพท์ภาษาตา่ งประเทศเกีย่ วกับแสงกบั การสรา้ งอาหารของพชื จากหนังสอื เรียน ภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอร์เน็ต และนาเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคดั คาศัพท์พร้อมท้ังคาแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ข้ันประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งท่ยี ังไม่ เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพ่มิ เตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมนิ การปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับประโยชน์ทีไ่ ดร้ ับจากการปฏิบตั กิ ิจกรรมและการ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคาถามนักเรียน เชน่ – ถา้ พชื ไม่ไดร้ บั แสงจะเกิดการสงั เคราะหด์ ้วยแสงไดห้ รือไม่ เพราะอะไร – คนท่อี าศยั อยู่ในอาคารสงู หรือหอ้ งแถวมักปลกู พชื ไว้ข้างหน้าตา่ งหรือบนดาดฟา้ เพราะอะไร ขน้ั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแสงกับการสร้างอาหารของพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรอื ผงั มโนทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. กลอ่ งนมหรือกลอ่ งนา้ ผลไม้ขนาดใหญ่ 2. กรรไกร 3. หนิ 4. หนงั สอื เรยี นภาษาต่างประเทศและอินเทอรเ์ น็ต 5. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 6. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 7. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 8. หนงั สอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู ร่อื งแสงกับการ 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย สร้างอาหารของพชื 1. ประเมินเจตคติทาง การสงั เกตการทางานกลุ่ม วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมในการ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรยี น เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ ปฏิบตั กิ ิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรือรายกล่มุ โดย 2. ประเมินเจตคติต่อ การสงั เกตการทางานกลุ่ม วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล โดยการสังเกตและใช้แบบวดั เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นกั เรียนนไ่ี มผ่ า่ น มดี งั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ไี ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมคี วามรเู้ กดิ ทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 24 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง สว่ นประกอบของดอก (1) เวลา 1 ชัว่ โมง วนั ท.ี่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัตขิ องสิง่ มชี วี ติ หน่วยพืน้ ฐานของสิง่ มชี วี ติ การลาเลียงสารเขา้ และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตวั ชวี้ ัดชัน้ ปี บรรยายหน้าท่ขี องราก ลาตน้ ใบ และดอกของพืชดอกโดยใชข้ ้อมลู ท่รี วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบสุ ่วนประกอบของดอกได้ (K) 2. อธิบายส่วนประกอบของดอกที่ทาหน้าทเี่ กยี่ วขอ้ งกับการสบื พนั ธไุ์ ด้ (K) 3. มีความสนใจใฝ่รูห้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ เี่ กีย่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทางานรว่ มกับผู้อืน่ อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 6. สอ่ื สารและนาความรูเ้ รอ่ื งสว่ นประกอบของดอกไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั ดอกของพชื โดยท่ัวไปประกอบด้วยกลบี เล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ส่วนประกอบท่ี ทาหน้าทีใ่ นการสืบพนั ธุ์ คอื เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมีย 5. สาระการเรยี นรู้ หนา้ ทีข่ องสว่ นตา่ ง ๆ ของพืช – การสบื พันธุข์ องพชื ดอก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook