แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ นาไปใช้ได้จริง ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 40 สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 เรื่อง ผลของแรงโน้มถว่ ง (1) เวลา 1 ชวั่ โมง วันท.ี่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่ือนท่ีแบบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมทั้งนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชน้ั ปี 1. ระบผุ ลของแรงโน้มถ่วงทม่ี ีต่อวตั ถุจากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 2. ใชเ้ ครอ่ื งช่ังสปริงในการวดั น้าหนักของวัตถุ (ว 2.2 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สงั เกตผลของแรงโนม้ ถ่วงทม่ี ีตอ่ วัตถุได้ (K) 2. สังเกตการวดั นา้ หนกั ของวตั ถดุ ว้ ยเครอ่ื งชั่งสปริงได้ (K) 3. มีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรู้อยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ เี่ กีย่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทางานรว่ มกับผอู้ ่นื อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 6. ส่ือสารและนาความรู้เรื่องผลของแรงโน้มถ่วงไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคญั แรงโนม้ ถ่วงของโลกดึงดูดให้วัตถุทมี่ ีมวลตกลงสู่พน้ื โลก เราวัดแรงน้ีได้ด้วยการใชเ้ ครื่องช่ังสปริง และ เรียกแรงน้ีวา่ น้าหนัก มหี นว่ ยเป็น นิวตนั 5. สาระการเรียนรู้ แรงโน้มถ่วง – นา้ หนักและมวล
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะ/กระบวนการและทักษะในการดาเนนิ ชวี ิต 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สังเกตการวัดแรง 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน 1) ครูทบทวนความรเู้ ก่ียวกับแรงโนม้ ถว่ ง โดยถามคาถามนักเรยี นว่า แรงท่โี ลกกระทาตอ่ วัตถุเรยี กวา่ อะไร (แนวคาตอบ แรงโนม้ ถ่วงของโลก) 2) ครูถามคาถามเพม่ิ เตมิ กบั นักเรยี นว่า เราสามารถวดั แรงทโ่ี ลกกระทาต่อวตั ถุได้หรอื ไม่ (แนวคาตอบ ได)้ 3) นักเรยี นช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถาม เพือ่ เช่ือมโยงไปส่กู ารเรยี นรู้ เรอ่ื ง ผลของแรงโน้มถว่ ง ขนั้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี ั้นตอนดงั น้ี 1) ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระตนุ้ นักเรียนโดยนารูปหรอื เครอ่ื งชั่งสปรงิ แบบตา่ งๆ มาให้นักเรยี นดูแลว้ ถามนักเรยี นว่า
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 เคร่ืองช่ังน้าหนกั เครื่องชั่งสปริงแบบแขวน เคร่ืองช่งั สปรงิ แบบต่างๆ – อุปกรณ์เหล่านี้คืออะไร และใช้ประโยชน์ในเรื่องใด (แนวคาตอบ อุปกรณ์เหล่านี้ คือ เครื่องช่ัง สปรงิ แบบตา่ งๆ ใช้ประโยชน์ในการชง่ั นา้ หนักและมวลของวัตถ)ุ – อปุ กรณเ์ หลา่ นีส้ ามารถวัดแรงทโ่ี ลกดงึ ดดู ต่อวตั ถไุ ดห้ รือไม่ (แนวคาตอบ ได้) (2) นักเรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกับคาตอบจากคาถามของครูตามประสบการณข์ องนักเรยี น 2) ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องน้าหนักและมวลจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นกั เรยี นเขา้ ใจวา่ เราสามารถวดั แรงที่โลกดึงดดู วตั ถุหรอื แรงโน้มถ่วงของโลกได้ โดยใชเ้ ครื่องชั่งสปริง และเรยี ก แรงทโ่ี ลกดึงดูดวัตถุน้ีวา่ นา้ หนกั มีหน่วยเปน็ นวิ ตนั (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมท่ี 12 สังเกตการวัดแรง แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กิจกรรมตามขนั้ ตอนที่ไดว้ างแผนไว้ ดังนี้ – แขวนเครื่องชงั่ สปริงแบบแขวนในแนวดง่ิ สังเกตตาแหน่งเขม็ ชบ้ี นเคร่ืองช่งั สปริงแบบแขวน – ออกแรงดงึ ขอเกย่ี วของเคร่ืองชั่งสปริงแบบแขวนลง สงั เกตและบันทกึ คา่ ของแรง – แขวนถงุ ทราย 1 ถุงกบั ขอเกย่ี วของเครอื่ งชัง่ สปรงิ แบบแขวน สังเกตและบนั ทกึ คา่ ของแรงเม่ือ ถุงทรายอยนู่ ่ิง – นาวตั ถุอ่นื ๆ มาเก่ยี วกับขอเกี่ยวของเคร่ืองชั่งสปรงิ แบบแขวน สงั เกตและบนั ทึกค่าของแรงที่ อา่ นได้ (3) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทกุ คนซักถามเมือ่ มปี ญั หา 3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นักเรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ตอ่ ไปน้ี – เม่ือแขวนวัตถุแตล่ ะชนดิ เคร่ืองชัง่ สปริงแบบแขวนเปล่ยี นแปลงลักษณะใด (แนวคาตอบ สปริง ของเคร่อื งชงั่ สปรงิ แบบแขวนจะยืดออกทิศทางเดียวกบั แรงโน้มถ่วงของโลกและแสดงคา่ ท่เี ครอ่ื งวัดได้)
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – ค่าทอ่ี ่านได้จากเครอื่ งชั่งสปริงแบบแขวนคือค่าของอะไร (แนวคาตอบ ค่าของแรงดงึ ดูดของโลก ที่กระทาตอ่ วัตถุ) – เคร่ืองชั่งสปริงแบบแขวนวัดขนาดของแรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทาต่อวัตถุได้หรือไม่ สังเกต จากอะไร (แนวคาตอบ เครือ่ งช่ังสปรงิ แบบแขวนวัดขนาดของแรงโน้มถว่ งของโลกได้ โดยสังเกตจากการท่ีสปริง ของเครือ่ งชั่งสปรงิ แบบแขวนยดื ออกเม่อื นาวตั ถไุ ปแขวนเพ่ือแสดงค่าท่ีวัดได้) (3) ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเน้นให้นกั เรียนเข้าใจวา่ เครื่องชง่ั สปริง แบบแขวนสามารถวัดขนาดของแรงโน้มถ่วงท่ีกระทาต่อวัตถุได้ โดยขนาดของแรงโน้มถ่วงที่กระทาต่อวัตถุมี หนว่ ยเปน็ นิวตัน 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเก่ียวกับผลของแรงโน้มถ่วงต่อวัตถุว่า แรงโน้มถ่วงทาให้วัตถุท่ีมีมวลคงที่เกิดน้าหนัก นา้ หนกั จงึ หมายถึงขนาดของแรงท่โี ลกกระทาตอ่ วตั ถุ มีหนว่ ยเป็นนิวตัน ส่วนมวลที่มีค่าคงที่ นั้น คอื ปริมาณ เนื้อสารของวัตถุ มีหน่วยเป็นกิโลกรัม ดังนั้น เครื่องช่ังน้าหนักที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจาวัน ท่ีมีหน่วยเป็น กโิ ลกรมั จึงหมายถึง เครือ่ งช่งั มวลของวตั ถนุ ัน่ เอง (2) ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการทางานของเคร่ืองช่ังสปริงในการวัดมวลหรือน้าหนัก โดยการวัด มวลหรือน้าหนักแบง่ เปน็ 2 กรณี คือ การวัดโดยใช้สมบัติการยืดตัวของสปริง เช่น เครื่องชั่งสปริงแบบแขวน เม่ือนาวัตถุมาวัด สปริงจะขยายตัว ถ้ามวลหรือน้าหนักมาก แรงดึงจะมาก สปริงก็จะยดื ตัวมาก ทาใหแ้ สดงค่ามวลหรือน้าหนัก ของวตั ถทุ ่ีวัดไดม้ ากขน้ึ ระยะยดื ของสปริงมากขนึ้ ตามวัตถุท่ีมมี วลหรอื น้าหนกั มากขึ้น การวัดโดยใช้สมบัติการหดตัวของสปริง เช่น เคร่ืองชั่งน้าหนัก เม่ือนาวัตถุมาวัดมวลหรือ น้าหนัก สปริงจะหดตัว ถ้ามวลหรือน้าหนักมาก แรงกดจะมาก สปริงก็จะหดตัวมาก ทาให้แสดงค่ามวลหรือ น้าหนกั ของวตั ถุท่วี ัดไดม้ ากขึ้น
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 สปรงิ หดตัวเมอ่ื นาวัตถุมาวัดมวล 5) ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจดุ ใดบ้างทยี่ ังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกันประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมกล่มุ ว่ามปี ญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับประโยชน์ทไี่ ด้รับจากการปฏิบตั ิกิจกรรมและการ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคาถามนักเรยี น เช่น – เคร่อื งชั่งสปริงวดั คา่ ใดของวตั ถุได้ – แรงโน้มถ่วงของโลกมีผลตอ่ วัตถุลกั ษณะใด – น้าหนกั และมวลแตกต่างกนั เพราะอะไร ขน้ั สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับผลของแรงโน้มถ่วง โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือผัง มโนทศั น์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. รปู หรือเครื่องช่งั สปริงแบบต่าง ๆ 2. ใบกิจกรรมที่ 12 สงั เกตการวดั แรง 3. รูปการทางานของเครอ่ื งชง่ั สปรงิ 4. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. ส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 6. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 7. หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เร่ืองผลของแรง โนม้ ถว่ ง 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรยี น และใช้แบบวดั เจตคติทาง แบบวดั ทกั ษะกระบวนการ วิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสงั เกตการทางานกลมุ่ และใช้แบบวัดเจตคติต่อ 3. ประเมินทกั ษะการ วทิ ยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสงั เกต การทางานกลุ่ม 4. ประเมินพฤตกิ รรมในการ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรือรายกลมุ่ โดย การสังเกตการทางานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทไ่ี ม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมีความรเู้ กิดทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั มาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี นาไปใช้ได้จรงิ ควรปรับปรุงกอ่ นนาไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................
แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 41 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรื่อง ผลของแรงโน้มถว่ ง (2) เวลา 1 ช่ัวโมง วันท่.ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลอื่ นท่แี บบต่างๆ ของวัตถุ รวมท้งั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชนั้ ปี 1. ระบผุ ลของแรงโนม้ ถ่วงท่มี ีตอ่ วัตถจุ ากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 2. ใชเ้ ครอ่ื งชงั่ สปริงในการวัดน้าหนักของวัตถุ (ว 2.2 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สังเกตผลของแรงโน้มถว่ งท่มี ีตอ่ วตั ถุได้ (K) 2. สังเกตการวัดน้าหนกั ของวัตถดุ ้วยเคร่ืองชง่ั สปริงได้ (K) 3. มีความสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นร้ทู ี่เกีย่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทางานร่วมกับผ้อู ืน่ อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 6. ส่อื สารและนาความรู้เร่อื งผลของแรงโนม้ ถว่ งไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ แรงโนม้ ถ่วงของโลกดึงดดู ให้วัตถุทม่ี ีมวลตกลงสู่พนื้ โลก เราวัดแรงน้ไี ด้ดว้ ยการใชเ้ ครื่องชั่งสปรงิ และ เรยี กแรงนว้ี า่ น้าหนัก มีหนว่ ยเปน็ นิวตนั 5. สาระการเรียนรู้ แรงโน้มถว่ ง – นา้ หนกั และมวล
แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทางาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน เรียงลาดบั มวลของวัตถุ 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกบั ผลของแรงโน้มถ่วง โดยการให้นักเรียนอธิบายว่า เราสามารถวัดแรง โน้มถ่วงได้โดยวธิ ีใด (แนวคาตอบ โดยใชเ้ ครื่องชั่งสปรงิ แบบตา่ งๆ) 2) นกั เรยี นชว่ ยกันตอบคาถามและแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกบั คาตอบของคาถาม เพอ่ื เช่ือมโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ ร่ือง ผลของแรงโน้มถว่ ง ขั้นจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มีข้นั ตอนดังนี้ 1) ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการถามคาถามวา่ เราสามารถคาดคะเนนา้ หนักของวัตถจุ ากขนาดได้หรอื ไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ ไม่ได้ เพราะนา้ หนกั ไม่ไดข้ นึ้ อยู่กับขนาด) (2) นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายเกย่ี วกบั คาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน แต่ละกลุ่มคาดคะเนน้าหนักวัตถุจานวน 5 ช้ินที่ครูนามา และ เรยี งลาดับน้าหนักจากนอ้ ยไปหามาก (ให้นักเรยี นคาดคะเนจากการมองเท่านั้น) จากนั้นครชู ่งั น้าหนักของวตั ถุ พร้อมกับเน้นหน่วยที่ได้ กลุ่มใดเรียงลาดับได้ถูกต้องมากท่ีสุดเป็นฝ่ายชนะ (หมายเหตุ: วัตถุท่ีครูนามาต้องมี ขนาดไม่แปรผันกับน้าหนัก คือ วตั ถุทม่ี ีน้าหนกั มากกว่าตอ้ งมีขนาดเล็กกว่าและวัตถุทม่ี ีน้าหนกั น้อยกว่าต้องมี ขนาดใหญก่ วา่ เพ่ือให้นักเรยี นเข้าใจวา่ ขนาดไมม่ ผี ลต่อนา้ หนักของวัตถุ)
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 3) ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกันอภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ต่อไปนี้ – ขนาดของวตั ถมุ ีผลต่อนา้ หนกั ของวตั ถหุ รือไม่ สงั เกตจากอะไร (แนวคาตอบ ขนาดของวัตถไุ ม่มี ผลตอ่ นา้ หนกั ของวตั ถุ สงั เกตจากวัตถทุ ่มี ขี นาดใหญก่ ว่ามีนา้ หนกั นอ้ ยกวา่ วัตถุท่ีมีขนาดเลก็ กว่า) – ปัจจยั ท่มี ีผลตอ่ น้าหนกั คืออะไร (แนวคาตอบ ปรมิ าณเน้อื สารของวตั ถุ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยครูเนน้ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจว่า นา้ หนักของวัตถุ ข้นึ อยกู่ บั ปริมาณเน้อื สารของวตั ถเุ ท่าน้ัน ส่วนขนาดของวตั ถุไม่มีผลตอ่ น้าหนกั ของวตั ถุ 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) นกั เรยี นค้นคว้าคาศพั ทภ์ าษาตา่ งประเทศเกย่ี วกบั ผลของแรงโนม้ ถว่ ง จากหนงั สือเรียน ภาษาตา่ งประเทศหรอื อนิ เทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พอ่ื นในห้องฟงั แลว้ คดั คาศัพทพ์ ร้อมท้ังคาแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ขนั้ ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งท่ยี ังไม่ เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพมิ่ เติมให้นกั เรียนเข้าใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมินการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกลุม่ ว่ามีปญั หาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากการปฏิบตั ิกจิ กรรมและการ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคาถามนกั เรยี น เช่น – สงิ่ ใดมผี ลตอ่ น้าหนกั ของวตั ถุ – เราวดั น้าหนักของวตั ถุไดด้ ้วยวธิ ีใด ข้นั สรปุ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เก่ียวกบั ผลของแรงโนม้ ถ่วง โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนทีค่ วามคิดหรอื ผงั มโน ทัศน์
แผนการจัดการเรียนรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 10. สือ่ การเรียนรู้ 1. เครอื่ งช่ังสปรงิ และวตั ถุท่มี มี วลต่างกัน (ขนาดไม่เทา่ กัน) จานวน 5 ช้ิน 2. หนังสือเรยี นภาษาตา่ งประเทศหรอื อนิ เทอรเ์ น็ต 3. คู่มอื การสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 4. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 5. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เร่ืองผลของแรง โนม้ ถว่ ง 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทกั ษะการคิดโดย 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทางานกลุม่ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรียน และใชแ้ บบวัดเจตคติทาง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ วิทยาศาสตร์ ปฏบิ ัติกิจกรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกล่มุ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทางานกลุ่ม และใช้แบบวัดเจตคติต่อ วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรียนรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนไี่ ม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนกั เรยี นท่ีไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นักเรียนมีความรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั มาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี นาไปใช้ได้จรงิ ควรปรับปรุงกอ่ นนาไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 42 สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง ความสัมพันธข์ องน้าหนักและมวล (1) เวลา 1 ชว่ั โมง วันที่............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลอ่ื นทแ่ี บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชวี้ ัดช้นั ปี 1. ระบผุ ลของแรงโน้มถว่ งที่มีต่อวัตถจุ ากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 2. ใชเ้ ครือ่ งชง่ั สปรงิ ในการวัดน้าหนกั ของวตั ถุ (ว 2.2 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สงั เกตความสมั พนั ธข์ องน้าหนักและมวลได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่เี กยี่ วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทางานรว่ มกับผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนาความรู้เรอื่ งความสมั พนั ธข์ องน้าหนกั และมวลไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ น้าหนักและมวลมคี วามสมั พันธแ์ บบแปรผันกนั คอื เม่อื มวลเพิ่มขนึ้ นา้ หนักจะเพ่มิ ขึ้น 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโน้มถ่วง – นา้ หนกั และมวล 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทางาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาเนินชวี ติ 8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน สงั เกตน้าหนักและมวล 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครูถามคาถามกับนักเรียนว่า ถ้าส้มเขียวหวานมีขนาดผลละ 2 ขีด ส้มเขียวหวานหนัก 1 กิโลกรัม จะมีจานวนผลแตกต่างจากส้มเขียวหวานหนัก 2 กิโลกรัมลักษณะใด (แนวคาตอบ ส้มเขียวหวานหนัก 1 กิโลกรมั มีจานวนผลนอ้ ยกว่าสม้ เขยี วหวานหนกั 2 กโิ ลกรมั ) 2) นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถาม เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรู้เรือ่ ง ความสัมพันธข์ องนา้ หนักและมวล ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มีขน้ั ตอนดงั น้ี 1) ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตนุ้ นักเรยี นโดยถามคาถามนักเรียนดังนี้ – ถ้าวตั ถมุ ีมวลเพ่มิ ขนึ้ โลกจะออกแรงดึงดดู ตอ่ วัตถุมากข้ึนหรอื ไม่ (แนวคาตอบ โลกจะออกแรง ดึงดดู ตอ่ วัตถุมากขน้ึ ) – เราใช้วธิ ใี ดเพือ่ สงั เกตว่านา้ หนกั มคี วามสมั พันธ์กบั มวลหรอื ไม่ (แนวคาตอบ ใช้เคร่ืองชั่งสปริง แบบแขวนวัดน้าหนักของวตั ถทุ เี่ ปลีย่ นแปลง เมือ่ เปลี่ยนแปลงมวลของวตั ถุ) (2) นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเกีย่ วกับคาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องน้าหนักและมวลจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นกั เรยี นเขา้ ใจวา่ เมือ่ วัตถุมีมวลเปล่ยี นแปลงไป โลกจะออกแรงดึงดูดวัตถุดว้ ยขนาดท่ีเปลีย่ นแปลงไป (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 13 สังเกตน้าหนักและมวล แต่ละกลุ่ม ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามขน้ั ตอนท่ีได้วางแผนไว้ ดงั น้ี – แขวนเครื่องชั่งสปรงิ แบบแขวนในแนวดงิ่ สงั เกตตาแหน่งเข็มชี้บนเครอื่ งชัง่ สปริงแบบแขวน
แผนการจัดการเรียนรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 – แขวนถุงทราย 1 ถงุ กบั ขอเกี่ยวของเคร่อื งช่ังสปรงิ แบบแขวน สังเกตและบันทกึ คา่ ของแรงที่ อา่ นได้เมื่อถุงทรายอย่นู ิ่ง – เพ่ิมจานวนถงุ ทรายทีม่ ีมวลเท่ากนั อีกคร้งั ละ 1 ถุง จนครบ 3 ถุง สงั เกตและบันทกึ ผล (3) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยครเู ดนิ ดรู อบๆ หอ้ งเรียนและเปดิ โอกาส ให้นกั เรียนทุกคนซักถามเมอ่ื มปี ัญหา 3) ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหน้าห้องเรยี น (2) นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ต่อไปน้ี – การเพม่ิ จานวนถุงทรายเป็นการเพ่ิมมวลหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคาตอบ การเพ่ิมจานวน ถุงทรายเป็นการเพ่ิมมวล สังเกตได้จากเม่ือถุงทรายเพิ่มจานวนขึ้น ปริมาณทรายจะเพิ่มข้ึน (ปริมาณเนื้อสาร เพ่มิ ขน้ึ ) – ค่าที่อ่านได้จากเคร่ืองชั่งสปริงแบบแขวนสัมพันธ์กับมวลของถุงทรายลักษณะใด (แนวคาตอบ เมื่อมวลของถงุ ทรายเพิ่มขึ้น เครอ่ื งชง่ั สปรงิ แบบแขวนจะแสดงค่านา้ หนักท่ีวดั ไดเ้ พิม่ ขึ้น) – นา้ หนักและมวลของวตั ถมุ ีความสัมพันธ์กนั อย่างไร (แนวคาตอบ เมื่อมวลของวัตถุมีค่าเพม่ิ ข้ึน น้าหนักของวตั ถจุ ะเพิม่ ข้นึ ) (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครเู นน้ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจว่า น้าหนักและมวล มีความสมั พันธ์กัน เมื่อมวลเพ่มิ ขึน้ นา้ หนักจะมคี ่าเพิ่มขน้ึ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครใู ห้นกั เรียนออกแบบกิจกรรมสังเกตความสัมพันธ์ของน้าหนักและมวลโดยใช้เครอ่ื งชง่ั สปรงิ แบบ แขวน 1 เครื่อง เชือก 1 มว้ น และดินนา้ มนั 1 ก้อน จากน้ันนาเสนอขั้นตอนและผลการสังเกตหน้าห้องเรยี น 5) ข้ันประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ยี ังไม่ เข้าใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับประโยชน์ท่ีได้รบั จากการปฏิบตั กิ จิ กรรมและการ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคาถามนักเรยี น เช่น – ถ้าเพ่มิ เนอื้ สารของวัตถจุ ะส่งผลต่อนา้ หนักลักษณะใด – นา้ หนักและมวลมคี วามสมั พนั ธก์ ันลกั ษณะใด
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ขั้นสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับความสัมพันธ์ของน้าหนักและมวล โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรือผงั มโนทัศน์ 10. สือ่ การเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 13 สงั เกตน้าหนกั และมวล 2. เครอ่ื งชัง่ สปริงแบบแขวน 1 เคร่อื ง เชือก 1 มว้ น และดนิ นา้ มนั 1 ก้อน 3. ค่มู อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 4. สือ่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 6. หนังสือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู รอื่ งความสัมพนั ธ์ 1. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ ของนา้ หนักและมวล 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ วทิ ยาศาสตร์เปน็ รายบุคคล แบบวดั ทกั ษะกระบวนการ 2. ตรวจช้นิ งานหรอื ภาระงานของ โดยการสังเกตและใชแ้ บบวดั ทางวทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรียน เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทกั ษะการคิดโดย 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ การสงั เกตการทางานกลุ่ม 3. วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล 3. ประเมินทักษะการ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวัด แก้ปัญหาโดยการสงั เกต เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ การทางานกลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัติกจิ กรรมเป็น รายบุคคลหรือรายกลุม่ โดย การสงั เกตการทางานกลมุ่
แผนการจัดการเรียนร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ ม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ไี มผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมคี วามรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง.....................................
แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ นาไปใช้ได้จริง ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 43 สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรือ่ ง ความสัมพนั ธ์ของน้าหนักและมวล (2) เวลา 1 ชัว่ โมง วันท่.ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลอื่ นทีแ่ บบต่างๆ ของวตั ถุ รวมท้งั นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชน้ั ปี 1. ระบผุ ลของแรงโนม้ ถว่ งท่มี ตี ่อวตั ถจุ ากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 2. ใชเ้ ครือ่ งชัง่ สปรงิ ในการวัดน้าหนกั ของวัตถุ (ว 2.2 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความสัมพนั ธข์ องนา้ หนกั และระยะจากศนู ยก์ ลางของโลกได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝร่ ู้หรอื อยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรูท้ เี่ ก่ียวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานร่วมกับผูอ้ น่ื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนาความร้เู รอ่ื งความสมั พันธข์ องนา้ หนักและมวลไปใชใ้ นชีวิตประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อน้าหนักของวัตถุ โดยมีความสัมพันธ์แบบแปรผกผันกัน คือ นา้ หนกั ลดลงเมือ่ วัตถอุ ยูห่ ่างจากศูนยก์ ลางของโลกมากขึ้น 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโน้มถ่วง – น้าหนักและมวล 6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน
แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรือภาระงาน สบื ค้นขอ้ มลู ผลของระยะหา่ งจากศนู ย์กลางของโลกตอ่ นา้ หนกั ของวัตถุ 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับความสัมพันธ์ของน้าหนักและมวลโดยการให้นักเรียนอธิบายว่า น้าหนักและมวลมีความสมั พันธก์ นั ลักษณะใด (แนวคาตอบ น้าหนกั และมวลมีความสัมพันธแ์ บบแปรผนั กัน) 2) นกั เรยี นช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคาตอบของคาถาม เพอื่ เช่ือมโยงไปสู่การ เรียนรู้เร่อื ง ความสมั พนั ธข์ องน้าหนักและมวล ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี ัน้ ตอนดงั นี้ 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนกั เรียนโดยการถามคาถามว่า นอกจากมวลจะมผี ลต่อน้าหนักแล้ว มปี จั จัยอ่นื ท่ีมผี ลต่อ นา้ หนักอีกหรอื ไม่ (แนวคาตอบ ระยะห่างจากศนู ยก์ ลางของโลก) (2) นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเกี่ยวกบั คาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณข์ องนกั เรยี น 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับผลของระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกต่อ น้าหนกั ของวตั ถุโดยดาเนนิ การตามขัน้ ตอนดงั น้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นขอ้ มูล โดยแบ่งหัวข้อผลของระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกต่อ น้าหนักของวัตถุเป็นหัวข้อย่อย เช่น ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อน้าหนักของวัตถุหรือไม่ และ ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อมวลของวัตถุหรือไม่ ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อท่ี กาหนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกนั สืบคน้ ข้อมูลตามหัวข้อทีก่ ล่มุ ของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน และอินเทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – สมาชิกกลุ่มนาขอ้ มลู ทีส่ ืบค้นได้มารายงานให้เพือ่ นๆ สมาชิกในกลมุ่ ฟัง รวมท้ังร่วมกนั อภิปราย ซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทกุ คนมคี วามรู้ความเข้าใจทีต่ รงกัน – สมาชกิ กลุ่มชว่ ยกนั สรุปความร้ทู ่ีได้ท้งั หมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลอื นกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยครเู ดินดรู อบๆ หอ้ งเรียนและเปดิ โอกาส ใหน้ กั เรยี นทกุ คนซักถามเมอ่ื มปี ญั หา 3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ส่งตัวแทนกลุม่ นาเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม ตอ่ ไปน้ี – ระยะห่างจากศนู ยก์ ลางของโลกมีผลต่อน้าหนักของวัตถุหรอื ไม่ ลักษณะใด (แนวคาตอบ มีผล ต่อนา้ หนัก กล่าวคอื เม่ือวัตถุอยหู่ ่างจากศูนยก์ ลางของโลกมากขึน้ น้าหนกั ของวัตถุจะลดลง) – ระยะหา่ งจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อมวลของวัตถุหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคาตอบ ไม่มีผล ตอ่ มวลของวตั ถ)ุ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แรงดึงดูดของ โลกต่อวัตถุมีค่าลดลงเม่ือวัตถุมีระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมากขึ้น ในขณะที่วัตถุมีปริมาณเน้ือสารคงท่ี มวลของวตั ถุจงึ มคี า่ คงทแี่ มว้ า่ วตั ถุจะมีระยะหา่ งจากศนู ย์กลางของโลกมากขึน้ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครอู ธิบายให้นักเรยี นเข้าใจวา่ ในอวกาศท่หี ่างจากศูนย์กลางของโลกมาก น้าหนกั ของวัตถจุ ะลดลง เกอื บเป็นศูนย์หรอื อาจอยู่ในสภาพไรน้ า้ หนกั ได้ (2) ครูอธิบายเร่ืองน่ารู้ แรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ โดยให้นักเรียนเข้าใจวา่ ดวงจันทร์ก็มีแรงโน้มถ่วง เช่นกนั แตม่ ีค่าน้อยกว่าแรงโน้มถว่ งของโลกถึง 6 เทา่ ทาใหเ้ ม่ือนกั บินอวกาศไปถงึ ดวงจันทร์ น้าหนกั ของนักบิน อวกาศจะลดลง 6 เท่า เมอื่ เทียบกับน้าหนักบนโลก (3) นักเรียนค้นคว้าคาศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับความสัมพันธ์ของน้าหนักและมวล จากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคาศัพท์พร้อมท้ังคาแปลลง สมดุ สง่ ครู 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูใหน้ ักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบัตกิ จิ กรรมกลมุ่ ว่ามีปญั หาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับประโยชนท์ ี่ได้รับจากการปฏิบตั กิ จิ กรรมและการ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคาถามนักเรียน เช่น
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อน้าหนักเพราะอะไร – ถ้าเราอยู่บนดวงจนั ทร์ นา้ หนักและมวลจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะอะไร ขั้นสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับความสัมพันธ์ของน้าหนักและมวล โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรอื ผงั มโนทัศน์ 10. ส่อื การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ 2. หนังสือเรยี นภาษาตา่ งประเทศ 3. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 6. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รอื่ งความ 1. ประเมินทกั ษะการคิดโดย สมั พนั ธข์ องน้าหนักและมวล 1. ประเมนิ เจตคติทาง การสังเกตการทางานกลมุ่ วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล 2. ตรวจชนิ้ งานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวดั 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมในการ กจิ กรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรียน เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั กิ ิจกรรมเป็น รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ การสงั เกตการทางานกลุ่ม วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล โดยการสังเกตและใช้แบบวดั เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ นาไปใช้ได้จริง ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรียนร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 44 สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่อง ผลของมวลตอ่ การเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนท่ี (1) เวลา 1 ชัว่ โมง วันท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลือ่ นท่แี บบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ชี้วัดชนั้ ปี บรรยายมวลของวตั ถุท่มี ีผลต่อการเปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นทข่ี องวัตถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สังเกตผลของมวลตอ่ การเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ขี องวัตถไุ ด้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รหู้ รอื อยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ีเ่ กย่ี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานรว่ มกบั ผอู้ น่ื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนาความรเู้ รื่องผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นที่ไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคญั เม่ือออกแรงต่อวัตถุที่มีมวลเพ่ือให้วัตถุเคลื่อนที่ วัตถุจะออกแรงต้านการเคล่ือนที่ โดยแรงต้านการ เคลือ่ นทแ่ี ปรผันตามขนาดของมวล คอื มวลเพ่ิมขึ้น แรงตา้ นการเคลือ่ นทจ่ี ะเพิ่มขึน้ 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโน้มถ่วง – ผลของมวลต่อการเปล่ยี นแปลงการเคล่ือนท่ี 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน
แผนการจัดการเรียนรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดาเนนิ ชวี ิต 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สังเกตมวลกบั การเปลีย่ นแปลงการเคลื่อนท่ี 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูถามคาถามทบทวนเก่ียวกับความสมั พันธ์ของน้าหนักและมวลว่า วัตถุท่ีมีน้าหนักลดลงเกิดจาก สาเหตใุ ดได้บา้ ง (แนวคาตอบ วัตถุมมี วลลดลงหรอื วัตถอุ ยู่หา่ งจากศนู ย์กลางของโลกมากขน้ึ ) 2) ครูถามนกั เรียนเพ่ิมเติมว่า นอกจากมวลมีผลตอ่ นา้ หนกั ของวัตถุแล้ว มวลมผี ลต่อวัตถลุ กั ษณะใดอีก ได้ (แนวคาตอบ มวลมีผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนทข่ี องวตั ถุ) 3) นกั เรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถาม เพอ่ื เช่อื มโยงไปสู่การเรียนรู้ เรื่อง ผลของมวลต่อการเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนที่ ข้นั จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มขี ้นั ตอนดงั นี้ 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระตุ้นนกั เรยี นโดยถามคาถามนักเรยี นดังนี้ – ถา้ นกั เรียนตอ้ งออกแรงดันกล่องทีม่ หี นังสืออยู่เตม็ กบั กลอ่ งเปล่าใหเ้ คลื่อนที่ นักเรยี นต้องใชแ้ รง ในการดนั กล่องใดมากกว่ากนั เพราะอะไร (แนวคาตอบ กล่องทมี่ ีหนังสืออยู่เตม็ เพราะมมี วลมากกวา่ ) (2) นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกบั คาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องผลของมวลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่จากใบความรู้หรือในหนังสือ เรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วัตถุท่ีมีมวลมากต้องใช้แรงมากเพ่ือทาให้วัตถุเคลื่อนท่ี ดังนั้น มวลจงึ มีผลตอ่ การเคลื่อนทข่ี องวตั ถุ (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 14 สังเกตมวลกับการเปล่ียนแปลงการ เคลอื่ นท่ี แตล่ ะกลมุ่ ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามขัน้ ตอนทไ่ี ดว้ างแผนไว้ ดังน้ี
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – วางแผ่นไมบ้ นพน้ื เรยี บแลว้ วางถงุ ทราย 1 ถุงบนแผน่ ไม้ – ใช้ขอเกี่ยวของเครื่องชั่งสปริงแบบแขวนเกี่ยวแผ่นไม้แล้วลากในแนวราบ อ่านค่าขนาดของ แรงที่ไดจ้ ากเครือ่ งชัง่ สปรงิ แบบแขวนเม่อื แผ่นไม้เร่ิมเคล่อื นที่ บนั ทึกผล – ดาเนนิ การเชน่ เดิมแตเ่ พิม่ จานวนถุงทรายเปน็ 2 ถงุ และ 3 ถงุ ตามลาดับ (3) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยครูเดนิ ดรู อบๆ หอ้ งเรยี นและเปดิ โอกาส ใหน้ ักเรียนทุกคนซักถามเมือ่ มปี ญั หา 3) ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรียนแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนกล่มุ นาเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ต่อไปน้ี – การเพิ่มจานวนถุงทรายมีผลต่อแรงท่ีใช้ในการเคลื่อนท่ีหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคาตอบ การเพิ่มจานวนถุงทรายมีผลตอ่ แรงท่ีใช้ในการเคลอื่ นที่ สงั เกตไดจ้ ากเม่อื ถงุ ทรายเพิ่มจานวนข้ึน เคร่อื งชั่งสปริง แบบแขวนอ่านคา่ ของแรงไดเ้ พิ่มข้ึน) – ก่อนท่ถี งุ ทรายจะเคล่ือนท่ี มีแรงตา้ นการเคลื่อนที่เกิดขึ้นหรอื ไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคาตอบ มี สงั เกตได้จากเคร่ืองช่งั สปริงแบบแขวนอา่ นค่าของแรงได้เพิ่มขึ้นจากศูนย์จนกระท่ังถึงค่าหนึ่ง แผ่นไม้จึงเร่ิม เคลือ่ นที)่ – มวลมีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ของวตั ถุลักษณะใด (แนวคาตอบ เมื่อมวลของวัตถุมี ค่าเพิ่มขนึ้ จึงต้องใช้แรงเพิ่มขึ้นในการทาใหว้ ัตถุเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ี หรืออาจกล่าวได้ว่าวตั ถทุ ี่มมี วลมาก เคลือ่ นที่ไดย้ ากกว่าวตั ถทุ ม่ี มี วลน้อย) (3) ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ ผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครเู น้นให้นกั เรยี นเขา้ ใจว่า มวลมีผลตอ่ การ เปล่ยี นแปลงการเคลื่อนที่ เม่ือวัตถุมีมวลเพ่มิ ขึน้ แรงที่ใช้ทาให้วตั ถเุ คล่อื นทกี่ ็เพิ่มขึน้ ด้วย 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเพม่ิ เติมกับนักเรยี นว่า เมื่อเราออกแรงตอ่ วตั ถใุ ห้เคลื่อนท่ี วัตถุจะออกแรงต้านการเคลื่อนท่ี และเมือ่ เราออกแรงจนถึงแรงค่าหน่ึงที่เอาชนะแรงต้านการเคลอื่ นที่ของวัตถุได้ วัตถุจะเร่ิมเคล่ือนที่ ซง่ึ ขนาด ของแรงสุดทา้ ยท่กี ระทาตอ่ วัตถกุ ่อนวัตถจุ ะเร่มิ เคลอ่ื นที่ เรยี กว่า แรงตา้ นการเคลอื่ นทีส่ ูงสดุ ของวัตถุ 5) ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูใหน้ ักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งท่ยี ังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏิบัตกิ จิ กรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรืออุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ประโยชน์ทีไ่ ดร้ บั จากการปฏิบตั กิ ิจกรรมและการ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคาถามนักเรยี น เชน่
แผนการจัดการเรียนรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – แรงต้านการเคล่อื นทคี่ ืออะไร – ปจั จยั ใดมผี ลต่อแรงต้านการเคลือ่ นท่ี ขั้นสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ โดยร่วมกันเขียนเป็น แผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 14 สังเกตมวลกบั การเปลี่ยนแปลงการเคลอื่ นที่ 2. คูม่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 3. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 4. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 5. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรือ่ งผลของมวล 1. ประเมินทักษะกระบวนการ ตอ่ การเปล่ยี นแปลงการเคล่อื นที่ 1. ประเมินเจตคติทาง ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล แบบวดั ทกั ษะกระบวนการ 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใช้แบบวดั ทางวิทยาศาสตร์ กิจกรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรียน เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทกั ษะการคิดโดย 2. ประเมินเจตคติตอ่ การสงั เกตการทางานกลุ่ม วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล โดยการสังเกตและใช้แบบวดั 3. ประเมนิ ทกั ษะการ เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสังเกต การทางานกลุ่ม 4. ประเมนิ พฤตกิ รรมในการ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกล่มุ โดย การสังเกตการทางานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ ม่ผา่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นทไี่ มผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นักเรยี นมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหน่ง.....................................
แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ นาไปใช้ได้จริง ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 45 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง ผลของมวลต่อการเปล่ยี นแปลงการเคลือ่ นท่ี (2) เวลา 1 ช่ัวโมง วนั ท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่ือนท่แี บบต่างๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ช้ีวัดชั้นปี บรรยายมวลของวัตถุที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว2.2 ป.4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สังเกตผลของมวลต่อการเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนทีข่ องวตั ถไุ ด้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรูอ้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรู้ทเี่ ก่ยี วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานร่วมกับผ้อู ่นื อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนาความรู้เรอื่ งผลของมวลต่อการเปลีย่ นแปลงการเคล่อื นที่ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ เมื่อออกแรงต่อวัตถุที่มีมวลเพื่อให้วัตถุเคล่ือนท่ี วัตถุจะออกแรงต้านการเคล่ือนท่ี โดยแรงต้านการ เคลือ่ นทีแ่ ปรผันตามขนาดของมวล คอื มวลเพม่ิ ขึน้ แรงตา้ นการเคลือ่ นทีจ่ ะเพมิ่ ขนึ้ 5. สาระการเรียนรู้ แรงโน้มถ่วง – ผลของมวลตอ่ การเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน
แผนการจัดการเรียนร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดาเนินชีวติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน ออกแบบการทดลองผลของพ้นื ผวิ ของวตั ถุตอ่ การเคลอื่ นทขี่ องวัตถุ 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับผลของมวลต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ี โดยการให้นักเรียน อธิบายว่า มวลมีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุลักษณะใด (แนวคาตอบ เม่ือมวลเพิ่ม วัตถุจะ เคลอ่ื นท่ยี ากขึน้ ) 2) นกั เรยี นช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั คาตอบของคาถาม เพื่อเช่ือมโยงไปส่กู าร เรียนรู้เรอ่ื ง ผลของมวลต่อการเปลีย่ นแปลงการเคลื่อนท่ี ข้นั จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี ้ันตอนดังนี้ 1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระตุ้นนกั เรียนโดยการถามว่า ถ้านักเรียนต้องการดันกล่องทใี่ ส่หนังสอื จานวนมากใหเ้ คลอื่ นที่ นักเรียนจะทาวิธีใด (แนวคาตอบ ใหเ้ พ่ือนชว่ ยดนั หรอื นาผ้ามารองใต้กล่องแล้วดงึ ) (2) นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายเก่ยี วกบั คาตอบจากคาถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (1) ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ผิวสัมผัสระหว่างวัตถุกับพืน้ มีผลต่อการเคล่ือนท่ีของวัตถุ วัตถุท่ีมี มวลเท่ากัน ถา้ มพี นื้ ผวิ เรียบกว่าจะเคล่อื นทีไ่ ด้งา่ ยกวา่ วัตถทุ ม่ี ีพนื้ ผิวขรขุ ระ (2) แบ่งกลุม่ นกั เรียน กลุม่ ละ 5 – 6 คน แตล่ ะกลุ่มช่วยกันออกแบบการทดลองผลของพืน้ ผิวของวัตถุ ตอ่ การเคลื่อนท่ีของวัตถุ โดยใช้อุปกรณ์ คือ เครื่องช่ังสปรงิ แบบแขวน แผ่นไมผ้ ิวเรยี บ ถุงทราย เทปใส และ แผ่นพืน้ ผิวทท่ี าจากวัสดุแตกต่างกนั คือ กระดาษทราย ผ้าลินิน และยาง อย่างละ 1 แผ่น แล้วบนั ทึกผลการ ทดลอง
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครคู อยแนะนาช่วยเหลอื นกั เรียนขณะปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปดิ โอกาส ให้นักเรยี นทกุ คนซักถามเมอื่ มปี ัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนกล่มุ นาเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคาถาม ตอ่ ไปนี้ – นกั เรียนทดสอบโดยวธิ ีใด (แนวคาตอบ นาถงุ ทรายวางบนแผน่ ไมผ้ วิ เรียบ แลว้ ใชเ้ ครือ่ งชง่ั สปริง แบบแขวนดึงแผ่นไมผ้ ิวเรียบให้เคล่อื นทบ่ี นแผน่ พน้ื ผวิ ท่ีทาจากวัสดแุ ตกตา่ งกนั ) – แผ่นไมผ้ วิ เรียบเคลื่อนทบี่ นแผ่นพืน้ ผวิ ชนิดใดงา่ ยทสี่ ุด (แนวคาตอบ ผ้าลินิน) – แผน่ ไม้ผวิ เรียบเคลอ่ื นท่ีบนแผน่ พืน้ ผวิ ชนดิ ใดยากที่สดุ (แนวคาตอบ กระดาษทราย) (3) ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครเู นน้ ให้นักเรียนเข้าใจว่า ผิวสมั ผสั ระหวา่ ง วัตถกุ ับพืน้ มผี ลต่อการเคล่ือนท่ขี องวัตถุ โดยพื้นผวิ ท่ีเรียบกว่า วตั ถจุ ะเคลื่อนที่ไดง้ า่ ยกว่า 4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพิม่ เติมกับนักเรียนว่า แม้ว่าพ้ืนผิวเรียบจะทาให้วัตถุเคลื่อนท่ีง่ายข้ึน แต่อาจทาให้เกิด อุบัติเหตุได้ เชน่ ล้อรถจกั รยานมดี อกยางเพอื่ ให้เคลอื่ นท่ีบนถนนได้ดี (ยึดเกาะถนนได้ดี) แตเ่ มอ่ื ใช้จกั รยานไป นานๆ ดอกยางจะสึกและเรยี บขน้ึ ทาให้ยดึ เกาะถนนได้ไมด่ ี อาจทาให้ลน่ื และหลดุ โค้งจนเกดิ อุบตั เิ หตไุ ด้ (2) นักเรียนค้นคว้าคาศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี จากหนังสือเรียนภาษาตา่ งประเทศหรืออนิ เทอร์เน็ต และนาเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคาศพั ท์พรอ้ มทั้ง คาแปลลงสมดุ ส่งครู 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัตกิ ิจกรรมมีจุดใดบ้างทีย่ ังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มขี ้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มว่ามปี ัญหาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับประโยชนท์ ีไ่ ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคาถามนักเรียน เชน่ – การเปลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นท่ขี องวตั ถมุ ีผลจากอะไรบ้าง ขนั้ สรุป 1) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปเก่ยี วกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลือ่ นที่ โดยร่วมกันเขยี นเป็น แผนทีค่ วามคิดหรือผังมโนทศั น์
แผนการจัดการเรียนรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 2) ครูดาเนินการทดสอบหลังเรียนโดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือวัดความก้าวหน้า/ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ของนกั เรยี น 3) ครูเชือ่ มโยงเนอื้ หาจากบทเรยี นน้ีกับบทเรยี นช่วั โมงหน้า เพ่ือใหน้ ักเรียนเตรยี มความพร้อมในการเรียน ชั่วโมงตอ่ ไป โดยการใช้คาถามกระตุ้น ดังน้ี – ถา้ เราตอ้ งการมองเหน็ วัตถุในที่มืดต้องทาวิธใี ด (แนวคาตอบ ต้องใชแ้ หล่งกาเนดิ แสงส่องแสงไปยัง วัตถุทเ่ี ราตอ้ งการมองเห็น) 4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรียนช่ัวโมงหน้าเพ่ือจัดการเรียนรู้ครั้งต่อไป โดยใหน้ ักเรยี นศกึ ษาค้นคว้าลว่ งหน้าในหวั ขอ้ การมองเหน็ วตั ถุ 5) ครใู หน้ ักเรยี นเตรียมประเดน็ คาถามท่สี งสยั มาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพ่ือนามาอภปิ รายร่วมกันใน ชนั้ เรียนคร้งั ตอ่ ไป 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. เคร่อื งชงั่ สปริงแบบแขวน 2. แผ่นไมผ้ ิวเรยี บ 3. ถุงทราย 4. เทปใส 5. แผ่นพ้นื ผวิ ท่ที าจากวสั ดแุ ตกตา่ งกนั คอื กระดาษทราย ผา้ ลนิ ิน และยาง 6. หนงั สอื เรียนภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอรเ์ น็ต 7. แบบทดสอบหลงั เรยี น 8. คมู่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 9. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 10. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4
แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เรอ่ื งผลของมวล 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ ต่อการเปล่ียนแปลงการเคลอื่ นท่ี เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกต ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใช้ 2. ตรวจช้นิ งานหรอื ภาระงานของ และใช้แบบวดั เจตคติทาง แบบวัดทกั ษะกระบวนการ กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน วทิ ยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ทดสอบหลังเรียนโดยใช้ 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย แบบทดสอบหลังเรียน เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทางานกลมุ่ และใชแ้ บบวดั เจตคติต่อ 3. ประเมนิ ทกั ษะการ วทิ ยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสงั เกต การทางานกลุ่ม 4. ประเมินพฤตกิ รรมในการ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย การสังเกตการทางานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ นาไปใช้ได้จริง ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 46 สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง การมองเหน็ วตั ถุ เวลา 1 ชั่วโมง วนั ที่............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่นื ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกบั เสยี ง แสง และคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทั้งนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชีว้ ัดชนั้ ปี จาแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็น สิง่ ต่างๆ ผ่านวัตถนุ นั้ เปน็ เกณฑ์ โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการมองเหน็ วตั ถุได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรู้ท่เี กี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทางานรว่ มกับผ้อู น่ื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนาความร้เู รอ่ื งการมองเห็นวตั ถุไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคญั เม่ือมีแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสงตกกระทบวัตถุแลว้ สะท้อนมาเข้าตาเราจะทาให้เรามองเหน็ วัตถนุ นั้ ได้ 5. สาระการเรยี นรู้ การมองเหน็ วัตถุ 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดาเนินชีวติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน สังเกตการมองเหน็ วัตถุ 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ครูดาเนนิ การทดสอบก่อนเรยี นโดยใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความพร้อม และพน้ื ฐานของนกั เรยี น ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครกู ระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียน โดยการถามคาถามดงั ตอ่ ไปนี้ – ถา้ นักเรียนอยู่ในหอ้ งมืดสนทิ จะสามารถมองเห็นส่ิงต่างๆ ได้หรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ มองไมเ่ หน็ สงิ่ ต่าง ๆ เพราะไมม่ แี สงตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าสตู่ าเรา) – ส่ิงใดช่วยให้นักเรียนมองเห็นสิ่งต่างๆ ในห้องท่ีมืดสนิทได้ (แนวคาตอบ แสงจากหลอดไฟฟ้า หรือแสงจากไฟฉาย) 2) นักเรียนร่วมกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ือง การมองเห็น วตั ถุ ข้นั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มีข้ันตอนดงั น้ี 1) ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูแบง่ กลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเก่ียวกับการมองเห็นวัตถุท่ีครู มอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานาเสนอข้อมูลหน้า หอ้ งเรยี น (2) ครตู รวจสอบวา่ นักเรียนทาภาระงานที่ไดร้ ับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนักเรยี น และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้ – แหล่งกาเนิดแสงคอื อะไร (แนวคาตอบ วตั ถหุ รอื ส่ิงทีม่ แี สงสวา่ งในตัวเอง) – เรามองเห็นวัตถุได้อย่างไร (แนวคาตอบ เรามองเห็นวัตถุเม่ือแสงจากแหล่งกาเนิดแสงตก กระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าสูต่ าเรา)
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนต้ังประเด็นคาถามท่นี ักเรยี นสงสัยจากการทาภาระงานอย่างน้อย คนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรยี นเตรียมมาลว่ งหนา้ และใหน้ ักเรียนช่วยกนั ตอบและแสดงความคดิ เห็น (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า เรามองเห็น วตั ถุเมือ่ แสงจากแหล่งกาเนิดแสงตกกระทบวัตถุแลว้ สะทอ้ นเขา้ ส่ตู าเรา 2) ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน ปฏิบัติกิจกรรม สังเกตการมองเห็นวัตถุ แต่ละกลุ่ม ปฏบิ ัติกิจกรรมตามขัน้ ตอนท่ไี ดว้ างแผนไว้ ดังน้ี – นาวัตถุช้ินเล็กๆ 2 ชิ้น ใส่ในกล่องกระดาษทึบแสงที่เจาะรูเป็นช่องเล็กๆ ไว้สาหรับมอง จากนน้ั ปดิ ฝากล่องแลว้ มองดูวัตถทุ อ่ี ย่ใู นกลอ่ ง สังเกตแล้วบันทึกผล – นาไฟฉายท่ีเปิดไฟวางไว้ในกล่องกระดาษ โดยฉายไฟไปทางวตั ถุ จากน้ันปิดฝากลอ่ งแล้วมองดู วตั ถทุ อ่ี ยู่ในกล่อง สงั เกตแลว้ บันทกึ ผล (2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยครูเดินดูรอบๆ หอ้ งเรยี นและเปดิ โอกาส ให้นักเรียนทกุ คนซักถามเมอ่ื มีปัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนกล่มุ นาเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหน้าห้องเรยี น (2) นักเรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม ตอ่ ไปนี้ – นกั เรียนมองเห็นวตั ถุในกล่องทปี่ ดิ สนทิ เม่อื ไม่มีไฟฉายหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ ไมเ่ ห็น เพราะไมม่ แี สงไปตกกระทบวตั ถุแลว้ สะทอ้ นมาเข้าตาเรา) – ไฟฉายช่วยให้นักเรียนมองเหน็ วตั ถใุ นกล่องหรอื ไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ ช่วย เพราะมแี สง จากไฟฉายไปตกกระทบวัตถแุ ลว้ สะทอ้ นมาเข้าตาเรา) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครเู น้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เราไม่สามารถ มองเห็นวตั ถุทไ่ี ม่มีแสงสวา่ งในตัวเองได้ ถ้าไม่มแี สงจากแหลง่ กาเนิดแสงไปตกกระทบวตั ถุเหลา่ นั้นแล้วสะท้อน มาเข้าตาเรา 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเขียนแผนผังการเคลอื่ นท่ีของแสงทที่ าให้เรามองเห็นวตั ถุ โดยแบ่งเปน็ 2 กรณี ดังน้ี – วตั ถุทมี่ แี สงสวา่ งในตวั เอง วัตถุท่ีมีแสงสว่างในตัวเอง (แหล่งกาเนดิ แสง) ตา – วตั ถทุ ีไ่ ม่มีแสงสวา่ งในตวั เอง แหลง่ กาเนดิ แสง วตั ถุ ตา
แผนการจัดการเรียนรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) นักเรยี นคน้ ควา้ คาศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการมองเห็น จากหนังสือเรียน ภาษาตา่ งประเทศหรืออนิ เทอรเ์ นต็ และนาเสนอใหเ้ พอ่ื นในห้องฟงั แล้วคัดคาศัพทพ์ รอ้ มท้งั คาแปลลงสมดุ ส่ง ครู 5) ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบัตกิ ิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรือยังมขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิม่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมกล่มุ วา่ มปี ญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคาถามนกั เรียน เช่น – ถ้าไม่มีแสงมาตกกระทบวัตถุที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง เราจะมองเห็นวัตถุเหล่าน้ันได้หรือไม่ เพราะอะไร – ในหอ้ งมดื เรามองเหน็ เฉพาะวตั ถทุ แี่ สงจากไฟฉายส่องไปถึงเพราะอะไร ขน้ั สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ เก่ยี วกับการมองเห็นวัตถุ โดยรว่ มกนั เขยี นเป็นแผนที่ความคิดหรือผงั มโนทศั น์ 10. สือ่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. กล่องกระดาษทบึ แสงทีเ่ จาะรูเป็นชอ่ งเลก็ ๆ 3. ไฟฉาย 4. วัตถชุ ้ินเล็กๆ 5. หนงั สือเรยี นภาษาต่างประเทศหรืออินเทอรเ์ น็ต 6. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 7. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 8. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 9. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรือ่ งการมองเหน็ วตั ถุ 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรียน และใชแ้ บบวัดเจตคติทาง แบบวัดทกั ษะกระบวนการ 3. ทดสอบก่อนเรยี นโดยใช้ แบบทดสอบกอ่ นเรียน วิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ 2. ประเมินทกั ษะการคดิ โดย 3. วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคลโดย การสังเกตการทางานกลมุ่ การสงั เกตและใชแ้ บบวดั เจตคติ 3. ประเมินทักษะการ ต่อวทิ ยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสงั เกต การทางานกลมุ่ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบตั กิ ิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย การสังเกตการทางานกลุ่ม
แผนการจัดการเรียนรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ีไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมคี วามรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ นาไปใช้ได้จริง ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 47 สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 เร่อื ง การจาแนกตัวกลางของแสง (1) เวลา 1 ชวั่ โมง วนั ท่.ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณ์ทีเ่ กยี่ วข้องกับเสียง แสง และคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมท้งั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ชว้ี ัดชั้นปี จาแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็น ส่ิงต่างๆ ผา่ นวตั ถุนนั้ เปน็ เกณฑ์ โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายลักษณะการเคล่ือนท่ีของแสงผ่านตวั กลางของแสงตา่ งชนิดกันได้ (K) 2. จาแนกประเภทของตัวกลางของแสงตามสมบตั ิของการยอมใหแ้ สงเคลอ่ื นท่ีผ่านได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝ่ร้หู รอื อยากรู้อยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ่เี กีย่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทางานรว่ มกบั ผูอ้ ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. ส่อื สารและนาความรเู้ รื่องการจาแนกตัวกลางของแสงไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคญั นกั วทิ ยาศาสตร์จาแนกใหส้ ่ิงที่แสงผา่ นได้เปน็ ตัวกลางของแสงและให้สิ่งท่ีแสงไม่สามารถผ่านได้เป็นวัตถุ ทบึ แสง โดยตัวกลางของแสงแบง่ ได้เปน็ ตวั กลางโปรง่ ใสและตวั กลางโปร่งแสง 5. สาระการเรียนรู้ ตัวกลางของแสง – การจาแนกตวั กลางของแสง
แผนการจัดการเรียนร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะ/กระบวนการและทักษะในการดาเนินชีวติ 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สงั เกตแสงส่องผ่านวตั ถตุ ่างชนิดกนั 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั นาเข้าส่บู ทเรยี น 1) ครกู ระตนุ้ ความสนใจของนักเรียน โดยการถามคาถามดังตอ่ ไปนี้ – ถา้ นักเรียนอยใู่ นห้องท่ีมีหน้าตา่ งที่ทาจากกระจกแก้วใสแล้วมองออกไปภายนอกผ่านหน้าต่าง นักเรียนจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ชดั เจนหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ มองเห็นส่ิงต่างๆ ชัดเจน เพราะกระจก แก้วมีความใส แสงเคลือ่ นที่ผา่ นได้ดี แสงจากวัตถจุ ึงสะทอ้ นเขา้ สูต่ าเราทาใหเ้ ห็นวัตถชุ ัดเจน) – ถ้านักเรียนอยู่ในห้องท่ีมีหนา้ ต่างที่ทาจากกระจกฝ้าท่ีมีความขุ่น เม่ือมองออกไปภายนอกผ่าน หน้าต่าง นักเรียนจะมองเห็นสิ่งตา่ งๆ เหมือนกับที่มองเห็นจากหนา้ ต่างท่ีทาจากกระจกแก้วใสหรือไม่ เพราะ อะไร (แนวคาตอบ มองเห็นสิ่งต่างๆ ไม่ชัดเจนเท่ากับการมองผ่านหน้าต่างท่ีทาจากกระจกแก้วใส เพราะ กระจกฝ้ามีความข่นุ แสงเคลื่อนที่ผา่ นได้บางส่วน แสงจากวัตถุจึงสะท้อนเข้าสู่ตาเราบางส่วนทาให้เห็นวัตถุไม่ ชดั เจน) 2) นักเรียนร่วมกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่องตัวกลางของ แสง ขัน้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรูโ้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มีข้นั ตอนดงั นี้
แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูนาอุปกรณ์ต่างๆ ท่ีเป็นตวั กลางโปรง่ ใส ตวั กลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงมาใหน้ ักเรียนดู เช่น แก้วน้าใส กระจกฝ้า และจานกระเบ้ือง จากน้ันให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าวัตถุใดที่แสงเคล่ือนที่ ผ่านได้และวัตถุใดท่ีแสงเคล่ือนท่ีผ่านไม่ได้ (แนวคาตอบ แสงเคลื่อนท่ีผ่านแก้วน้าใสและกระจกฝ้าได้ แต่แสง เคลื่อนทผ่ี ่านจานกระเบ้ืองไม่ได)้ (2) นักเรียนรว่ มกันอภิปรายเก่ียวกบั คาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขนั้ สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องตัวกลางของแสงจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นักเรียนเข้าใจว่า แสงเคล่ือนที่ผ่านส่ิงต่างๆ ได้แตกต่างกัน เราใช้ความแตกต่างนี้ในการจาแนกส่ิงท่ีแสง เคล่ือนท่ีผ่านเป็นกล่มุ ได้ (2) นักเรียนแบ่งกลุ่ม ปฏิบัติกิจกรรมท่ี 15 สังเกตแสงส่องผ่านวัตถุต่างชนิดกัน แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กิจกรรมตามขัน้ ตอนทีไ่ ด้วางแผนไว้ ดงั นี้ – ใช้คลิปหนบี กระดาษทาเป็นขาตัง้ หนีบกระดาษแข็งสีขาว 1 แผน่ นามาต้งั ขน้ึ – ปิดห้องเรยี นเพื่อให้หอ้ งมืด จากนน้ั ฉายแสงจากไฟฉายไปยงั กระดาษแขง็ สีขาว แล้วบนั ทึกผล การสงั เกต – ฉายแสงจากไฟฉายไปยังกระดาษแข็งสีขาว ขณะเดียวกันก็ถือพลาสติกใสก้ันไว้ด้านหน้าไฟ ฉาย บันทกึ ผลการสังเกต – ดาเนนิ การสังเกตซ้าตามขน้ั ตอนท่ี 3 แต่ใชพ้ ลาสติกใสสี กระดาษไข กระดาษแขง็ สขี าว ไม้อัด บางๆ กระจกฝ้า และแกว้ น้าใสแทน (3) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสใหน้ ักเรียนทุกคนซกั ถามเมอ่ื มปี ญั หา 3) ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนกล่มุ นาเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าห้องเรยี น (2) นกั เรยี นและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ตอ่ ไปนี้ – แสงเคล่ือนท่ีผ่านวัตถุได้ทุกชนิดหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคาตอบ แสงเคล่ือนที่ผ่านวัตถุ ไมไ่ ด้ทุกชนิด สังเกตจากความชัดเจนของแสงบนกระดาษแข็งสขี าวท่ใี ช้เปน็ ฉากเมื่อมีวัตถุแตกตา่ งกนั มากัน้ การ เคลือ่ นท่ีของแสง) – แสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุได้กี่ลักษณะ และมีลักษณะใดบ้าง (แนวคาตอบ 3 ลักษณะ คือ 1) เคล่อื นทีผ่ า่ นวัตถุได้ท้งั หมด 2) เคล่ือนที่ผา่ นวัตถุได้บางส่วน และ 3) เคลือ่ นผ่านวตั ถไุ มไ่ ด้เลย) – จากการปฏิบัติกิจกรรมสามารถจาแนกวัตถุได้หรือไม่ และใช้อะไรเป็นเกณฑ์ (แนวคาตอบ สามารถจาแนกวตั ถไุ ด้ โดยใชก้ ารยอมให้แสงเคล่ือนท่ีผ่านเปน็ เกณฑ์)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 529
Pages: