Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน ป.4

แผนการสอน ป.4

Published by yai moomai, 2021-09-13 09:02:32

Description: แผนการสอน ป.4

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) นักเรียนค้นคว้าคาศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน จากหนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคาศพั ท์พรอ้ มท้ัง คาแปลลงสมุดสง่ ครู 5) ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้าง ที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยังมีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพ่ิมเตมิ ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนรว่ มกันประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุม่ ว่ามีปัญหาหรืออปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคาถามนักเรียน เชน่ – สัตว์มกี ระดกู สนั หลงั ในกล่มุ สตั วเ์ ล้อื ยคลานมีลักษณะสาคญั อะไรบา้ ง – สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะเทินบกและสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่ม สัตวเ์ ลอื้ ยคลานมลี กั ษณะสาคัญใดทแ่ี ตกตา่ งกัน ขน้ั สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ยี วกับสัตว์มกี ระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน โดยรว่ มกันเขียนเป็น แผนที่ความคดิ หรือผังมโนทัศน์ 10. สือ่ การเรยี นรู้ 1. รปู เตา่ กาลงั วา่ ยนา้ 2. บัตรภาพสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะเทินบกและสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่ม สตั วเ์ ลอ้ื ยคลาน 3. หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ 4. หนงั สือเรยี นภาษาตา่ งประเทศ 5. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 6. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 7. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 8. หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรียนร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เร่อื งสัตว์มกี ระดกู สันหลงั (สตั ว์เลอื้ ยคลาน) 1. ประเมินเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต การสงั เกตการทางานกลมุ่ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น และใชแ้ บบวดั เจตคติทาง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ วิทยาศาสตร์ ปฏิบตั ิกิจกรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรือรายกลุ่มโดย เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต การสังเกตการทางานกลุ่ม และใช้แบบวัดเจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................

แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 32 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอื่ ง สัตว์มีกระดกู สนั หลัง (นก) เวลา 1 ชัว่ โมง วนั ที่............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธกุ รรม การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมทมี่ ผี ลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของ สง่ิ มีชวี ิต รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้วี ัดชน้ั ปี บรรยายลักษณะเฉพาะทสี่ ังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสนั หลังในกลมุ่ ปลา กลุ่มสตั ว์สะเทินน้าสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านม และยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม (ว 1.3 ป. 4/4) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บรรยายลักษณะเฉพาะทส่ี งั เกตไดข้ องสัตวม์ ีกระดูกสันหลงั ในกล่มุ นก (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรูอ้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรูท้ ่ีเกยี่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานรว่ มกับผ้อู ่ืนอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนาความรู้เรอื่ งสัตว์มีกระดูกสนั หลงั (นก) ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ สตั ว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกเป็นสัตว์เลือดอุ่น ลาตัวปกคลุมด้วยขนเป็นแผง ปากเป็นจะงอย ไม่มี ฟัน ออกลกู เปน็ ไข่ หายใจด้วยปอด และเจริญเติบโตบนบก 5. สาระการเรยี นรู้ สัตว์มกี ระดกู สันหลงั – นก

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน สืบคน้ ข้อมูลลกั ษณะของสตั ว์มีกระดูกสนั หลงั ในกลมุ่ นก 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครทู บทวนเร่ืองสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กล่มุ สัตว์สะเทนิ น้าสะเทินบก กลุ่มสตั วเ์ ล้ือยคลาน โดยให้นักเรียนยกตัวอย่างสัตว์ในแต่ละกลุ่ม (แนวคาตอบ สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา เช่น ปลาดุกและ ปลาชอ่ น สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลมุ่ สตั วส์ ะเทินน้าสะเทินบก เชน่ กบและคางคก และสตั วม์ ีกระดูกสันหลังใน กลุ่มสตั ว์เล้อื ยคลาน เชน่ จระเข้และเต่า) 2) ครูถามคาถามนักเรียนว่า นอกจากสัตว์มีกระดกู สันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก และกลุม่ สตั ว์เลอ้ื ยคลานแล้ว สตั วม์ กี ระดกู สนั หลังยงั จาแนกเป็นกลมุ่ ใดได้อกี (แนวคาตอบ จาแนกเปน็ กลุม่ นก และกลุ่มสตั วเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยน้านม) 3) นักเรียนช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั คาตอบของคาถาม เพอ่ื เชื่อมโยงไปสู่การ เรียนรู้เรื่อง สัตวม์ ีกระดกู สันหลัง (นก) ขั้นจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มีขน้ั ตอนดงั น้ี 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยถามคาถามว่า นักเรียนรู้จักสัตว์มีกระดูกสันหลังใน กลุ่มนกหรือไม่ ยกตวั อยา่ ง (แนวคาตอบ รูจ้ กั สตั ว์มกี ระดกู สันหลังในกล่มุ นก เชน่ นกกระจอกและนกนางนวล) (2) นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเกยี่ วกับคาตอบจากคาถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 2) ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรยี นศกึ ษาเร่ืองลกั ษณะของสตั ว์มีกระดูกสันหลังในกลุม่ นกจากใบความรูห้ รือในหนังสอื เรยี น โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังใน กลุ่มนกมีลักษณะบางประการที่เป็น ลกั ษณะเฉพาะ (2) แบง่ นักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นขอ้ มูลเกี่ยวกับสัตวม์ กี ระดูกสันหลงั ในกลุ่มนกโดยดาเนนิ การ ตามข้นั ตอนดังน้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกเป็นหัวข้อ ย่อย เชน่ อุณหภูมิร่างกาย ลักษณะภายนอก อวัยวะในการหายใจ และการเจริญเติบโต ให้สมาชิกแต่ละกลุ่ม ชว่ ยกันสืบคน้ ตามหวั ข้อท่ีกาหนด – สมาชกิ แต่ละกล่มุ ช่วยกนั สืบค้นข้อมลู ตามหัวข้อทก่ี ลมุ่ ของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ – สมาชกิ กลุ่มนาขอ้ มูลทีส่ ืบค้นได้มารายงานให้เพ่ือนๆ สมาชกิ ในกลุ่มฟัง รวมท้ังรว่ มกนั อภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทุกคนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจทต่ี รงกนั – สมาชกิ กลุ่มช่วยกันสรปุ ความร้ทู ไี่ ดท้ งั้ หมดเป็นผลงานของกลุ่ม (3) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครูเดินดรู อบๆ ห้องเรยี นและเปดิ โอกาส ใหน้ กั เรยี นทุกคนซักถามเมอื่ มีปัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกลุม่ นาเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ต่อไปน้ี – สตั ว์มีกระดกู สนั หลังในกล่มุ นกมลี ักษณะสาคญั อะไร (แนวคาตอบ สตั วม์ ีกระดูกสันหลงั ในกลุ่ม นกเป็นสัตว์เลือดอุ่น ลาตัวปกคลุมด้วยขนเป็นแผง ปากเป็นจะงอย ไม่มีฟัน ออกลูกเป็นไข่ หายใจด้วยปอด และเจรญิ เตบิ โตบนบก) – เป็ดที่มีปากแบนจาแนกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ เป็ดจาแนกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนก เพราะมีลักษณะของสัตว์ในกลุ่มนก เช่น มีขนเป็นแผงและ ออกลกู เป็นไข่ แมว้ า่ จะมีปากแบนแตก่ ม็ ีลกั ษณะแข็งและไม่มฟี ัน) (3) ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรยี นเข้าใจว่า สตั วม์ ีกระดูกสัน หลังในกลุ่มนกเป็นสัตวเ์ ลือดอุ่น ลาตัวปกคลมุ ด้วยขนเป็นแผง ปากเป็นจะงอย ไม่มฟี ัน ออกลูกเป็นไข่ หายใจ ด้วยปอด และเจรญิ เตบิ โตบนบก 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูขยายความรู้ให้กับนักเรียนว่า สัตว์เลือดอุ่น หมายถึง สัตว์ท่ีมีอุณหภูมิภายในลาตัวคงที่ ไม่ เปลี่ยนไปตามอุณหภูมิของส่ิงแวดล้อม แต่สัตว์เลือดอุ่นก็มีวิธีรักษาอุณหภูมิภายในลาตัวให้เหมาะสมต่อการ

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ดารงชีวิต เชน่ ในชว่ งฤดหู นาว นกบางชนิดจะย้ายถนิ่ ฐานมายังบริเวณที่มีอากาศอบอนุ่ หรอื ช่วงฤดรู ้อน นกจะ กนิ น้ามากกวา่ ปกติเพอ่ื ระบายความรอ้ น (2) ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า สัตว์มกี ระดูกสันหลงั ในกลุม่ นก นอกจากนกชนิดต่างๆ แล้วยังรวมถึงไก่ เป็ด และห่าน ซ่ึงมีลักษณะสาคัญที่เหมือนกนั คือ เป็นสัตว์เลือดอุ่น ลาตัวปกคลุมด้วยขนเป็นแผง ปากเป็นจะงอย ไม่มฟี นั (ยกเว้นเปด็ และห่านทีม่ ปี ากลกั ษณะแบน) ออกลูกเป็นไข่ หายใจดว้ ยปอด และเจรญิ เตบิ โตบนบก (3) นักเรียนค้นควา้ คาศพั ท์ภาษาตา่ งประเทศเกี่ยวกบั สัตว์มกี ระดกู สันหลงั ในกลุ่มนก จากหนงั สือเรยี น ภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอร์เนต็ และนาเสนอให้เพื่อนในหอ้ งฟัง แล้วคดั คาศัพท์พร้อมท้ังคาแปลลงสมดุ ส่ง ครู 5) ข้ันประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนพิจารณาวา่ จากหวั ข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมมีจุดใดบ้าง ที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพ่มิ เตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรืออุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคาถามนกั เรียน เชน่ – นอกจากนกแล้วมสี ัตวช์ นิดใดอยูใ่ นกล่มุ นกอกี หรือไม่ ยกตวั อยา่ ง – เปด็ และหา่ นจัดอยู่ในกลมุ่ นกเพราะอะไร ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนก โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคิดหรอื ผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต 2. หนงั สอื เรยี นภาษาต่างประเทศ 3. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 5. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนังสือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรูเ้ รอ่ื งสัตว์มีกระดูก สนั หลงั (นก) 1. ประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทางานกลุ่ม กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น และใช้แบบวัดเจตคติทาง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ วทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต การสงั เกตการทางานกลมุ่ และใช้แบบวัดเจตคติต่อ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทีไ่ มผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมีความรู้เกิดทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................

แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 33 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง สัตว์มกี ระดูกสนั หลัง (สตั วเ์ ลีย้ งลูกด้วยนา้ นม) เวลา 1 ชั่วโมง วนั ที่............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปล่ยี นแปลงทางพนั ธุกรรมทม่ี ีผลต่อสง่ิ มชี ีวติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของ ส่ิงมชี ีวติ รวมทงั้ นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วัดช้ันปี บรรยายลักษณะเฉพาะทสี่ ังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกล่มุ ปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนา้ สะเทินบก กลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม และยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม (ว 1.3 ป. 4/4) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บรรยายลักษณะเฉพาะท่สี งั เกตได้ของสัตว์มกี ระดกู สนั หลงั ในกลมุ่ สตั ว์เล้ยี งลกู ด้วยนา้ นม (K) 2. มีความสนใจใฝ่ร้หู รอื อยากร้อู ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเกีย่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานร่วมกับผู้อ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนาความรู้เรื่องสัตว์มีกระดูกสันหลัง (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม) ไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคญั สตั ว์มีกระดกู สันหลังในกล่มุ สตั วเ์ ลยี้ งลูกดว้ ยน้านมเป็นสัตว์เลอื ดอุ่น ลาตัวปกคลุมด้วยขนเป็นเส้น เพศ เมยี มีต่อมสร้างน้านม ออกลกู เปน็ ตัว หายใจดว้ ยปอด และเจริญเติบโตบนบก 5. สาระการเรยี นรู้ สัตว์มีกระดูกสนั หลงั – สัตว์เลย้ี งลกู ดว้ ยน้านม

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรอื ภาระงาน สืบค้นข้อมลู ลักษณะของสัตว์ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลกู ด้วยน้านม 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนก โดยให้นักเรียนยกตัวอย่างลักษณะ สาคญั ของสตั วแ์ ต่ละกล่มุ มาคนละ 1 ลกั ษณะ (แนวคาตอบ สตั ว์ในกลมุ่ นกมีจะงอยปากแขง็ ) 2) นกั เรยี นชว่ ยกันตอบคาถามและแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั คาตอบของคาถาม เพื่อเชือ่ มโยงไปสกู่ าร เรยี นรเู้ รอื่ ง สัตว์มกี ระดูกสันหลงั (สตั วเ์ ลย้ี งลกู ด้วยนา้ นม) ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มีขนั้ ตอนดังนี้ 1) ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูนารปู วาฬ โลมา ค้างคาว และตนุ่ ปากเป็ดมาให้นกั เรยี นดูแลว้ ถามคาถามว่า – สตั ว์ในรูปเรียกว่าอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ วาฬ โลมา ค้างคาว และตนุ่ ปากเปด็ ) – สัตว์ในรปู จัดเปน็ สัตวม์ ีกระดกู สันหลงั ในกลุม่ ใด (แนวคาตอบ สตั ว์เลีย้ งลูกดว้ ยนา้ นม) (2) นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเกยี่ วกบั คาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณข์ องนักเรียน 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับวาฬ โลมา ค้างคาว และตุ่นปากเป็ด โดยดาเนนิ การตามข้นั ตอนดังน้ี

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อวาฬ โลมา ค้างคาว และตุ่นปากเป็ดเป็นหัวข้อ ยอ่ ย เช่น แหล่งที่อยู่ ลักษณะภายนอก และลกั ษณะท่ีแสดงถึงสัตว์ในกล่มุ สัตวเ์ ล้ยี งลกู ด้วยนา้ นม ให้สมาชิกแต่ ละกล่มุ ช่วยกนั สบื ค้นตามหัวข้อทีก่ าหนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน และอนิ เทอร์เนต็ – สมาชิกกลุ่มนาข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพ่ือน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทุกคนมีความรู้ความเข้าใจท่ตี รงกนั – สมาชิกกลุ่มชว่ ยกันสรุปความรทู้ ่ไี ดท้ ั้งหมดเป็นผลงานของกลุ่ม (2) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครูเดินดรู อบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรียนทุกคนซักถามเมอ่ื มีปญั หา 3) ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนกล่มุ นาเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยใช้แนวคาถาม ต่อไปน้ี – ลักษณะสาคัญที่ทาให้สัตว์กลุ่มน้ีเป็นสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านมคืออะไร (แนวคาตอบ เพศเมียมี ต่อมสรา้ งน้านม) – วาฬและโลมาไม่จัดเป็นสัตว์มีกระดกู สันหลงั ในกลมุ่ ปลาเพราะอะไร (แนวคาตอบ เพราะวาฬ และโลมาหายใจด้วยปอด ออกลูกเป็นตัว และเพศเมียมีต่อมสร้างน้านม ซึ่งแตกต่างจากลักษณะของสัตว์มี กระดกู สันหลงั ในกลุ่มปลาทห่ี ายใจดว้ ยเหงอื ก ออกลกู เป็นไข่ และเพศเมียไม่มตี ่อมสรา้ งน้านม) – ค้างคาวไม่จดั เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุม่ นกเพราะอะไร (แนวคาตอบ เพราะคา้ งคาวออก ลูกเป็นตัว และเพศเมยี มตี ่อมสร้างน้านม ซ่ึงแตกตา่ งจากลักษณะของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกทอี่ อกลูก เป็นไขแ่ ละเพศเมยี ไม่มีตอ่ มสร้างน้านม) – ตุ่นปากเปด็ แตกต่างจากสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านมชนิดอื่นในเรื่องใด (แนวคาตอบ ออกลูกเป็นไข่และปากแบนและแข็งเหมือนปากของเป็ดที่จาแนกอยู่ในสัตว์มีกระดูกสันหลังใน กลุ่มนก) (3) ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครูเน้นให้นกั เรยี นเข้าใจวา่ สัตวม์ กี ระดูกสัน หลังในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมเป็นสัตว์เลือดอุ่น ลาตัวปกคลุมด้วยขนเป็นเส้น เพศเมียมีต่อมสร้างน้านม ออกลูกเป็นตัว หายใจดว้ ยปอด และเจริญเตบิ โตบนบก 4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายความรู้เสริมให้นักเรียนว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมบางชนิด อาศัยในน้า เช่น โลมาและวาฬ ซึ่งแม้จะอาศัยในน้าแต่ก็มีลักษณะสาคัญของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์ เล้ียงลกู ดว้ ยน้านม คือ เพศเมียมีตอ่ มสร้างน้านม ออกลกู เป็นตวั และหายใจดว้ ยปอด โดยสัตว์พวกน้ีจะมีปอด ขนาดใหญเ่ พอื่ กกั เก็บอากาศไว้ใชห้ ายใจเมอ่ื ดาน้า

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) ครูอธิบายเรอื่ งน่ารู้ วาฬ โดยให้นักเรียนเข้าใจว่า วาฬสามารถดานา้ ไดเ้ ฉล่ยี 20 นาที และสามารถ ดาน้าได้นานถึง 1 ช่ัวโมง ในขณะทีค่ นดาน้าได้เฉลี่ยเพียง 3 นาที และคนที่ถูกบันทึกสถิติโลกว่าดาน้าได้นาน ท่สี ุดสามารถดาน้าไดน้ านถงึ 22 นาที 22 วินาที (3) นักเรียนค้นคว้าคาศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกและกลุ่มสัตว์ เลี้ยงลูกด้วยนา้ นมจากหนงั สอื เรียนภาษาต่างประเทศหรืออนิ เทอรเ์ นต็ และนาเสนอให้เพือ่ นในหอ้ งฟัง แล้วคัด คาศัพท์พรอ้ มทั้งคาแปลลงสมดุ ส่งครู 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจดุ ใดบา้ งท่ยี ังไม่ เข้าใจหรือยงั มขี ้อสงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ให้นกั เรียนเขา้ ใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรอื อปุ สรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคาถามนักเรยี น เช่น – คา้ งคาวไม่จัดอยใู่ นกลุ่มนกเพราะอะไร – เราไม่เรยี กวาฬวา่ ปลาวาฬเพราะอะไร ขน้ั สรปุ 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสัตวม์ ีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ยี งลูกด้วยนา้ นม โดยรว่ มกัน เขยี นเป็นแผนทค่ี วามคดิ หรือผังมโนทศั น์ 2) ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นไปศึกษาค้นคว้าเนอ้ื หาของบทเรียนชวั่ โมงหน้า เพือ่ จดั การเรยี นรู้ครงั้ ต่อไป โดยใหน้ กั เรยี นศึกษาคน้ คว้าล่วงหนา้ ในหวั ข้อ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลงั 3) ครูให้นักเรยี นเตรียมประเดน็ คาถามที่สงสยั มาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพ่อื นามาอภิปรายรว่ มกัน ในช้ันเรยี นคร้ังตอ่ ไป 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. รปู วาฬ โลมา คา้ งคาว และตนุ่ ปากเป็ด 2. หนังสือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน และอนิ เทอร์เน็ต 3. หนังสอื เรยี นภาษาตา่ งประเทศ 4. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 5. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 6. แบบฝึกทักษะรายวิชาพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 7. หนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรอื่ งสัตว์มีกระดูก 1. ประเมนิ ทกั ษะการคิดโดย สันหลงั (สัตว์เล้ียงลกู ด้วยนา้ นม) 1. ประเมินเจตคติทาง การสงั เกตการทางานกลมุ่ วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล 2. ตรวจชิ้นงานหรอื ภาระงานของ โดยการสังเกตและใช้แบบวดั 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรียน เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลุ่มโดย 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ การสังเกตการทางานกลุ่ม วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล โดยการสังเกตและใช้แบบวดั เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรียนนไ่ี มผ่ ่าน มดี ังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนท่ไี มผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมีความรู้เกดิ ทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยงั ไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรับปรงุ ก่อนนาไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 34 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรื่อง สตั วไ์ ม่มกี ระดูกสนั หลัง (1) เวลา 1 ชวั่ โมง วันท่ี............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธกุ รรม การเปลีย่ นแปลงทางพันธุกรรมทีม่ ีผลตอ่ สง่ิ มีชีวติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของ สิง่ มชี ีวติ รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชว้ี ัดชั้นปี จาแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็น เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บรรยายลกั ษณะเฉพาะทีส่ ังเกตได้ของสตั ว์ไม่มกี ระดกู สันหลัง (K) 2. มีความสนใจใฝร่ ้หู รอื อยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ีเ่ กี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สอ่ื สารและนาความรเู้ รื่องสัตวไ์ มม่ กี ระดูกสันหลังไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคญั สตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลังเปน็ สัตว์ที่ไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลาตัว สตั ว์ไม่มีกระดกู สันหลังจึงมี ลาตวั ออ่ นนิ่ม และบางชนิดสรา้ งโครงรา่ งแขง็ หุม้ ลาตวั ไว้เพ่ือป้องกนั อันตราย ซึ่งลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกนั นี้ สามารถใช้เปน็ เกณฑ์ในการจาแนกสัตวไ์ มม่ กี ระดูกสนั หลงั เป็นกลุม่ ได้ 5. สาระการเรยี นรู้ สตั วไ์ มม่ กี ระดกู สันหลงั – กลมุ่ ฟองน้า – กลมุ่ หนอนพยาธิ – กลมุ่ สัตวท์ ีม่ รี ูกลางลาตวั

แผนการจัดการเรียนรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน สบื ค้นขอ้ มูลลกั ษณะของสัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับการจาแนกสัตว์ โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์โดยถาม นักเรียนว่า งูและไส้เดือนดินจัดเป็นสัตว์ในกลุ่มเดียวกันหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ งูและไส้เดือนดิน จัดเป็นสัตว์ต่างกลุ่มกัน เพราะงูมีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลาตัว สว่ นไสเ้ ดือนดนิ ไม่มีโครงร่างเปน็ แกนแข็ง ภายในลาตัว) 2) นกั เรยี นช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั คาตอบของคาถาม เพ่อื เช่ือมโยงไปส่กู าร เรยี นรู้เร่อื ง สัตว์ไม่มกี ระดูกสนั หลัง ข้นั จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมีขนั้ ตอนดังน้ี 1) ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครแู บ่งกลุม่ นกั เรียนแล้วเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนในกลมุ่ นาเสนอข้อมูลเกยี่ วกบั สตั วไ์ มม่ ีกระดูกสันหลัง ทคี่ รูมอบหมายใหไ้ ปเรียนรู้ล่วงหนา้ ให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากนน้ั ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานาเสนอข้อมลู หน้า ห้องเรียน (2) ครตู รวจสอบวา่ นักเรยี นทาภาระงานท่ีไดร้ บั มอบหมายไปหรอื ไม่ โดยตรวจสอบจากการ จดบนั ทึก ของนักเรียน และถามคาถามเกย่ี วกบั ภาระงาน ดงั น้ี – สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมีลักษณะสาคัญอะไร (แนวคาตอบ ไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายใน ลาตวั )

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – สัตวไ์ มม่ กี ระดูกสันหลังแบ่งเปน็ กลุ่มใดบา้ ง (แนวคาตอบ กลุม่ ฟองน้า กลมุ่ สัตว์ที่มีรกู ลางลาตัว กลุ่มหนอนพยาธิ กลุ่มสตั ว์ที่มีลาตัวเปน็ ปลอ้ ง กลุ่มหอย และกลมุ่ สัตวท์ ่มี ีขาเปน็ ข้อ) (3) ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนตั้งประเดน็ คาถามที่นักเรียนสงสยั จากการทาภาระงานอยา่ งน้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครใู หน้ ักเรียนเตรียมมาล่วงหนา้ และใหน้ ักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความคดิ เห็น (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์ไม่มี กระดกู สันหลงั เป็นสัตว์ท่ไี มม่ โี ครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลาตวั โดยสัตว์ไมม่ กี ระดูกสนั หลังแต่ละชนดิ มีลกั ษณะ เฉพาะทแ่ี ตกตา่ งกันจึงสามารถนามาจาแนกเป็นกลุม่ ได้ 2) ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโดยดาเนินการตาม ข้นั ตอนดังนี้ – แตล่ ะกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมลู โดยแบง่ หัวข้อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มฟองน้า กลุ่ม สัตว์ที่มีรูกลางลาตัว และกลุม่ หนอนพยาธิเป็นหวั ข้อย่อย เช่น ลักษณะลาตัวของสัตวไ์ ม่มีกระดกู สันหลังในแต่ ละกลุ่ม และตัวอย่างของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในแต่ละกลุ่ม ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อที่ กาหนด – สมาชกิ แต่ละกลุม่ ช่วยกันสืบคน้ ขอ้ มูลตามหัวข้อทีก่ ลมุ่ ของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบคน้ จาก หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ – สมาชิกกลุ่มนาข้อมูลทส่ี บื ค้นได้มารายงานใหเ้ พือ่ นๆ สมาชิกในกลุม่ ฟัง รวมท้ังรว่ มกนั อภิปราย ซกั ถามจนคาดว่าสมาชกิ ทกุ คนมคี วามร้คู วามเขา้ ใจที่ตรงกัน – สมาชกิ กลุ่มชว่ ยกันสรุปความรทู้ ไ่ี ดท้ ัง้ หมดเป็นผลงานของกลุม่ (2) ครคู อยแนะนาชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยครูเดินดรู อบๆ หอ้ งเรยี นและเปดิ โอกาส ใหน้ ักเรยี นทกุ คนซกั ถามเม่ือมปี ัญหา 3) ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) นกั เรียนและครูรว่ มกันอภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ตอ่ ไปน้ี – ยกตัวอย่างลักษณะลาตัวของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมา 1 กลุ่ม (แนวคาตอบ กลุ่มสัตว์ที่มีรู กลางลาตัว มีลาตัวออ่ นนิ่มและมรี ูกลางลาตวั ) – ยกตัวอยา่ งสตั วใ์ นกล่มุ สตั ว์ไม่มกี ระดกู สนั หลังมา 1 กล่มุ (แนวคาตอบ กลุม่ สตั วท์ มี่ ีรกู ลางลาตัว เชน่ แมงกะพรนุ ปะการงั และดอกไมท้ ะเล) (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์ไม่มกี ระดูก สันหลังเป็นสัตว์ท่ีไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลาตัว สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจึงมีลาตัวอ่อนน่ิม และมี ลกั ษณะเฉพาะทแี่ ตกตา่ งกันในสัตว์แต่ละกลุ่ม เราจึงสามารถใช้เปน็ เกณฑ์ในการจาแนกสตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เป็นกลุ่มได้

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูเชอ่ื มโยงความรอู้ าเซยี น โดยถามนักเรียนวา่ นักเรยี นรู้จักปะการังหรือไม่ และถา้ ตอ้ งดูปะการงั ต้อง ไปท่ีใด จากนั้นครใู ห้ความรู้เสรมิ กับนักเรียนว่า ปะการังเป็นสัตว์ไมม่ กี ระดูกสนั หลงั ในกลุ่มสัตว์ที่มรี กู ลางลาตัว ท่ีอาศยั ในทะเล แตท่ เ่ี ราเหน็ วา่ ปะการงั เปน็ เหมือนก้อนแข็งเนื่องจากปะการังสร้างหนิ ปูนขึ้นเพ่ือปอ้ งกันตัวเอง และเนื่องจากประเทศในอาเซยี นส่วนใหญ่มชี ายฝ่ังตดิ ทะเลจึงเป็นแหล่งปะการังจานวนมากท่ีช่วยสร้างรายได้ จากธรุ กิจการท่องเทย่ี วทางทะเลใหก้ ับคนในท้องถน่ิ 5) ข้ันประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ยี ังไม่ เข้าใจหรือยังมขี ้อสงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธบิ ายเพิ่มเตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกันประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคาถามนกั เรียน เช่น – ปะการังและดอกไมท้ ะเลจาแนกอยใู่ นกล่มุ เดยี วกับแมงกะพรุนเพราะอะไร ข้ันสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มฟองน้า กลุ่มสัตว์ท่ีมีรูกลางลาตัว และกลุ่มหนอนพยาธิ โดยรว่ มกันเขยี นเปน็ แผนทค่ี วามคดิ หรอื ผังมโนทัศน์ 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ 2. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 3. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 4. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 5. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่อื งสตั ว์ไม่มี 1. ประเมนิ ทกั ษะการคิดโดย กระดูกสนั หลงั 1. ประเมินเจตคตทิ าง การสงั เกตการทางานกลมุ่ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคล 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวดั 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝึกทักษะระหว่างเรยี น เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลุ่มโดย 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ การสังเกตการทางานกลุ่ม วทิ ยาศาสตร์เปน็ รายบุคคล โดยการสังเกตและใชแ้ บบวดั เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมีความรเู้ กิดทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง.....................................

แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรทู้ ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 35 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่ือง สัตว์ไม่มกี ระดกู สันหลงั (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท.่ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธกุ รรม การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธุกรรมทม่ี ผี ลตอ่ สิง่ มีชีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการของ ส่งิ มชี ีวติ รวมทง้ั นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวัดชั้นปี จาแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็น เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลท่ีรวบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บรรยายลักษณะเฉพาะทีส่ งั เกตได้ของสัตว์ไมม่ กี ระดูกสันหลัง (K) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรู้ทเ่ี กี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานรว่ มกบั ผ้อู ื่นอยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนาความรู้เรอื่ งสัตว์ไม่มีกระดกู สนั หลงั ไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั สตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นสัตว์ที่ไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลาตัว สตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลังจึงมี ลาตวั อ่อนนมิ่ และบางชนิดสร้างโครงรา่ งแขง็ หุ้มลาตัวไวเ้ พือ่ ป้องกนั อนั ตราย ซงึ่ ลกั ษณะเฉพาะที่แตกตา่ งกันน้ี สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการจาแนกสตั วไ์ มม่ กี ระดูกสันหลังเป็นกลมุ่ ได้ 5. สาระการเรียนรู้ สตั วไ์ มม่ ีกระดูกสันหลัง – กลมุ่ สัตวท์ ่มี ีลาตัวเปน็ ปล้อง – กล่มุ หอย

แผนการจัดการเรียนร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน สืบคน้ ขอ้ มูลลกั ษณะของสตั ว์ไมม่ ีกระดกู สันหลัง 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้นักเรียน โดยถามนักเรียนว่า หนอนพยาธิจัดเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเพราะ อะไร (แนวคาตอบ หนอนพยาธไิ มม่ ีโครงร่างแข็งเป็นแกนภายในลาตัว) 2) นักเรยี นชว่ ยกันตอบคาถามและแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั คาตอบของคาถาม เพือ่ เชอื่ มโยงไปสูก่ าร เรยี นรเู้ รอ่ื ง สตั ว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มขี ัน้ ตอนดังน้ี 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระต้นุ นักเรียนโดยการถามคาถามวา่ นอกจากสัตว์ไมม่ ีกระดกู สนั หลังในกล่มุ ฟองน้า กลุ่มสัตว์ ท่มี ีรกู ลางลาตวั และกลุม่ หนอนพยาธิแลว้ นกั เรียนรจู้ กั สตั วไ์ มม่ ีกระดูกสันหลังกลุ่มใดอีกบ้าง (แนวคาตอบ สตั ว์ ไม่มกี ระดกู สนั หลงั ในกลุ่มสัตว์ท่ีมลี าตวั เป็นปลอ้ งและสัตวไ์ ม่มกี ระดกู สนั หลงั ในกล่มุ หอย) (2) นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเก่ยี วกบั คาตอบจากคาถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยดาเนินการตาม ขนั้ ตอนดงั นี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวขอ้ สัตวไ์ ม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์ท่ีมีลาตัวเป็น ปล้องและสตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มหอยเปน็ หัวข้อย่อย เช่น ลักษณะลาตัวของสัตวไ์ มม่ ีกระดูกสันหลงั ใน

แผนการจัดการเรียนรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แต่ละกล่มุ และตัวอย่างของสัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลงั ในแต่ละกลุ่ม ให้สมาชกิ แต่ละกลุ่มช่วยกนั สบื คน้ ตามหัวข้อ ท่กี าหนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน และอนิ เทอร์เนต็ – สมาชิกกลุ่มนาข้อมูลท่ีสืบค้นได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทุกคนมีความรคู้ วามเข้าใจท่ีตรงกนั – สมาชิกกลุม่ ชว่ ยกันสรุปความรทู้ ไ่ี ด้ทงั้ หมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสใหน้ ักเรยี นทุกคนซกั ถามเม่อื มปี ัญหา 3) ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ สง่ ตวั แทนกลุ่มนาเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ตอ่ ไปนี้ – ยกตัวอย่างลักษณะลาตัวของสัตว์ไมม่ ีกระดูกสนั หลงั มา 1 กลุ่ม (แนวคาตอบ สัตว์ไม่มีกระดูก สนั หลังในกลุ่มสตั วท์ ีม่ ีลาตัวเป็นปล้องมีลาตัวออ่ นนิ่มและยาว มลี ักษณะเป็นปล้องคลา้ ยวงแหวนตอ่ กัน และไม่ มีขา) – ยกตวั อย่างสัตว์ในกล่มุ สตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลังมา 1 กลุ่ม (แนวคาตอบ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ในกลุม่ สัตวท์ ีม่ ลี าตัวเปน็ ปล้อง เช่น ไสเ้ ดอื นดิน ปลงิ และทากดดู เลือด) (3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์ไม่มีกระดูก สันหลังเป็นสัตว์ที่ไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลาตัว สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจึงมีลาตัวอ่อนนิ่ม และมี ลักษณะเฉพาะท่ีแตกต่างกันในสัตวแ์ ต่ละกลุ่ม เราจึงสามารถใช้เปน็ เกณฑ์ในการจาแนกสตั ว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง เปน็ กลมุ่ ได้ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูให้นักเรียนเล่นเกมโดยแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม สืบค้นชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในแต่ละ กลุ่มให้มากท่ีสุด จากน้ันครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มบอกชนดิ ของสัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลังครั้งละ 1 ชอื่ โดยไม่ซ้า กัน พร้อมกับระบุว่าจาแนกอยู่ในกลุ่มใด เม่ือแต่ละกลุ่มบอกชื่อครบแล้วให้วนรอบใหม่ กลุ่มใดพูดช่ือได้เป็น กลุ่มสุดท้ายเป็นฝา่ ยชนะ (2) นักเรียนค้นคว้าคาศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอร์เนต็ และนาเสนอให้เพอื่ นในห้องฟัง แล้วคดั คาศัพท์พร้อมท้ังคาแปลลงสมดุ ส่ง ครู

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจดุ ใดบา้ งทย่ี ังไม่ เขา้ ใจหรือยังมีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพม่ิ เติมให้นกั เรยี นเข้าใจ (2) นกั เรียนรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลมุ่ ว่ามปี ญั หาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคาถามนักเรียน เชน่ – พยาธิไสเ้ ดือนและไส้เดือนดนิ จาแนกอยตู่ า่ งกลมุ่ กันเพราะอะไร – ทากดูดเลอื ดและหอยทากจาแนกอย่ตู า่ งกล่มุ กันเพราะอะไร ข้ันสรุป ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกับสัตว์ไม่มกี ระดกู สันหลังในกล่มุ สัตวท์ ี่มลี าตัวเป็นปล้องและสตั ว์ไม่มี กระดกู สนั หลงั ในกล่มุ หอย โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนทีค่ วามคิดหรอื ผงั มโนทศั น์ 10. สือ่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต 2. หนังสอื เรียนภาษาต่างประเทศ 3. คูม่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนงั สือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรูเ้ ร่ืองสัตว์ไม่มี 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย กระดกู สันหลัง 1. ประเมนิ เจตคติทาง การสังเกตการทางานกลมุ่ วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ โดยการสังเกตและใช้แบบวัด 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรยี น เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ การสงั เกตการทางานกลุ่ม วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล โดยการสังเกตและใช้แบบวดั เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไ่ี ม่ผา่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมีความร้เู กิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ คา่ นยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง.....................................

แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 36 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอื่ ง สตั วท์ ีม่ ีขาเป็นข้อ เวลา 1 ชั่วโมง วนั ที.่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธุกรรม การเปลย่ี นแปลงทางพันธุกรรมที่มผี ลตอ่ สง่ิ มชี ีวติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของ สิง่ มชี วี ติ รวมทัง้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี จาแนกสัตวอ์ อกเป็นสัตวม์ ีกระดูกสนั หลงั และสตั ว์ไม่มีกระดกู สันหลังโดยใชก้ ารมีกระดูกสนั หลังเป็น เกณฑ์ โดยใชข้ ้อมลู ท่ีรวบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บรรยายลักษณะของกลมุ่ สัตว์ท่มี ีขาเปน็ ข้อได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รหู้ รืออยากร้อู ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ ่เี กีย่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทางานร่วมกบั ผู้อ่นื อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สอื่ สารและนาความรเู้ ร่ืองสัตว์ท่ีมขี าเป็นข้อไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั กลุ่มสัตว์ที่มีขาเป็นข้อเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังท่ีมีลักษณะเฉพาะ คือ ขามีลักษณะเป็นข้อต่อกัน ลาตัวแบ่งเปน็ 3 สว่ น คอื หัว อก และทอ้ ง และมีเปลือกแขง็ หมุ้ ลาตัว 5. สาระการเรยี นรู้ สตั วไ์ ม่มีกระดกู สนั หลัง – กลุม่ สัตวท์ มี่ ขี าเปน็ ข้อ

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดาเนินชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรือภาระงาน สงั เกตลกั ษณะของแมลง 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั นาเขา้ สูบ่ ทเรียน 1) ครูถามนกั เรียนว่า นักเรยี นรู้จกั สตั วท์ ่มี ีขาเปน็ ข้อหรือไม่ ยกตวั อยา่ ง (แนวคาตอบ รจู้ ัก เช่น แมงมุม ตั๊กแตน และมด) 2) นักเรยี นชว่ ยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับคาตอบของคาถาม เพื่อเชอื่ มโยงไปสู่การ เรียนรเู้ รื่อง สัตว์ทม่ี ีขาเป็นขอ้ ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซงึ่ มขี น้ั ตอนดงั น้ี 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูนารูปมดและแมงมมุ มาให้นักเรียนดู และให้นกั เรียนร่วมกันอภิปรายว่า ลักษณะใดของมดและ แมงมุมท่ีแสดงวา่ สัตว์ทง้ั 2 ชนดิ อยู่ในกล่มุ สัตวท์ ่ีมขี าเป็นข้อ (แนวคาตอบ ลกั ษณะทีแ่ สดงว่ามดและแมงมมุ อยู่ ในกลมุ่ สัตวท์ ่มี ขี าเปน็ ข้อ คอื ขามลี ักษณะเปน็ ข้อเชื่อมตอ่ กันอย่างชัดเจน และลาตวั แบง่ เป็น 3 สว่ น คอื หัว อก และท้อง) (2) นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกยี่ วกับคาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 2) ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 10 สังเกตลักษณะของแมลง แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมตาม ข้นั ตอนที่ได้วางแผนไว้ ดงั นี้ – แบ่งกลมุ่ นกั เรยี น กลุม่ ละ 5 – 6 คน – นาตัวอย่างแมลงสตฟั ฟ์ หรอื ลอ่ แมลงโดยใช้น้าหวานให้แมลงมากนิ แล้วจับแมลงใสข่ วด – ใช้แวน่ ขยายสงั เกตลกั ษณะของแมลง บันทึกและวาดรูปแสดงส่วนประกอบ (2) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลอื นกั เรยี นขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยครเู ดินดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทกุ คนซกั ถามเมอ่ื มปี ัญหา 3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนกลมุ่ นาเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ต่อไปน้ี – แมลงจดั เป็นสตั ว์ประเภทใด (มหี รือไมม่ กี ระดกู สนั หลัง) (แนวคาตอบ สตั ว์ไมม่ ีกระดกู สนั หลัง) – บอกชื่อแมลงทน่ี กั เรยี นร้จู ักมา 3 ชนิด (แนวคาตอบ ผงึ้ ผีเสอื้ และแมลงปอ) (3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ให้นักเรียนเข้าใจว่า แมลงส่วนใหญ่มี ลาตวั แบ่งเป็น 3 สว่ น คือ หวั อก และท้อง มีหนวด 2 เส้น มีขา 6 ขา ลกั ษณะเป็นข้อเชื่อมต่อกนั 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครอู ธบิ ายเร่อื งนา่ รู้ แมลงมากมาย โดยให้นกั เรียนดแู ผนภูมิรอ้ ยละของปรมิ าณสตั ว์ท้งั โลก สัตว์ไม่มี กระดกู สันหลัง และสัตวท์ ่ีมขี าเป็นข้อ และอธิบายกับนักเรยี นว่า สตั ว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั มจี านวนมากถึงร้อยละ 96 ของสตั ว์ท้งั โลก และจาแนกเป็นสตั ว์ไม่มกี ระดูกสันหลงั ในกลุ่มสัตวท์ ่ีมีขาเปน็ ข้อมากถงึ ร้อยละ 85 ของสตั ว์ ไมม่ กี ระดูกสนั หลงั และในจานวนของสัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์ท่ีมีขาเปน็ ข้อน้ันแบ่งเปน็ แมลงถึงรอ้ ย ละ 74 ของสตั ว์ที่มีขาเป็นข้อ

แผนการจัดการเรียนรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) ครูให้นักเรยี นปฏิบัติ กิจกรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 4 สัตว์ที่อยใู่ กล้ตัว แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมตาม ขัน้ ตอนทไ่ี ด้วางแผนไว้ ดงั น้ี – แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ช่วยกันคิด วางแผน และปฏิบัติกิจกรรม ให้สมาชิกของ กลุ่มออกสารวจสตั วท์ ่อี ยู่บริเวณโรงเรียน บา้ น หรือสวนสาธารณะ – สังเกตลักษณะเฉพาะของสตั วแ์ ตล่ ะชนิด บันทกึ ข้อมลู – วิเคราะห์แยกชนิดของสัตว์เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ร่วมกัน อภิปรายในกลุ่มและสรุปผล 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกจิ กรรมมีจุดใดบ้าง ท่ียัง ไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมกล่มุ วา่ มปี ญั หาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคาถามนักเรียน เชน่ – ตะขาบมลี าตวั เปน็ ปล้องตอ่ กันแตไ่ ม่จดั อย่ใู นกลมุ่ สัตวท์ ม่ี ีลาตวั เปน็ ปลอ้ งเพราะอะไร – เปลอื กแข็งท่ีหมุ้ ลาตัวแมลงมปี ระโยชนอ์ ย่างไร ข้นั สรุป 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกย่ี วกับสัตว์ที่มีขาเป็นข้อ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือผัง มโนทศั น์ 2) ครูดาเนินการทดสอบหลังเรียนโดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือวัดความก้าวหน้า/ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 ของนกั เรียน 3) ครเู ช่อื มโยงเนือ้ หาจากบทเรียนน้กี ับหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เพื่อให้นักเรียนเตรียมความพรอ้ มในการ เรียนชั่วโมงตอ่ ไป โดยการใชค้ าถามกระตุ้น ดังนี้ – รอบตัวเรามีวัตถุมากมายท่ีทาจากวัสดุต่าง ๆ วัสดุเหล่าน้ันมีสมบัติแตกต่างกันหรือไม่ และ สามารถจาแนกเป็นกลุ่มได้หรือไม่ (แนวคาตอบ วัสดุท่ีแตกต่างกันมีสมบตั ิแตกต่างกนั และสามารถใช้สมบัติที่ แตกตา่ งกนั เป็นเกณฑใ์ นการจาแนกวสั ดุเป็นกลมุ่ ได)้ 4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาคน้ คว้าเนื้อหาของบทเรียนชวั่ โมงหนา้ เพ่ือจัดการเรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาคน้ คว้าล่วงหน้าในหวั ข้อสมบตั ิของวสั ดุ 5) ครูใหน้ ักเรียนเตรียมประเด็นคาถามท่ีสงสยั มาอยา่ งนอ้ ยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามาอภิปรายรว่ มกัน ในช้ันเรยี นคร้งั ตอ่ ไป

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 10. ส่อื การเรยี นรู้ 1. รปู มดและแมงมุม 2. ใบกจิ กรรมท่ี 10 สงั เกตลกั ษณะของแมลง 3. แผนภูมริ ้อยละของปรมิ าณสตั ว์ท้งั โลก สตั ว์ไมม่ กี ระดกู สันหลงั และสตั ว์ท่ีมีขาเป็นข้อ 4. ใบกจิ กรรมเสรมิ การเรยี นรูท้ ี่ 4 สัตว์ทีอ่ ยใู่ กลต้ วั 5. แบบทดสอบหลังเรยี น 6. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 7. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 8. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 9. หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรูเ้ ร่ืองสตั ว์ท่มี ีขา เปน็ ขอ้ 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกต ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรียน และใช้แบบวัดเจตคติทาง แบบวัดทักษะกระบวนการ 3. ทดสอบหลงั เรียนโดยใช้ แบบทดสอบหลงั เรียน วิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ 2. ประเมนิ ทกั ษะการคิดโดย 3. วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคลโดย การสงั เกตการทางานกลุ่ม การสังเกตและใชแ้ บบวัดเจตคติ 3. ประเมินทักษะการ ตอ่ วทิ ยาศาสตร์ แกป้ ญั หาโดยการสงั เกต การทางานกลมุ่ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเป็น รายบุคคลหรือรายกลมุ่ โดย การสงั เกตการทางานกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไ่ี ม่ผ่าน มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทีไ่ มผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................

แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่  นาไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 37 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 เร่อื ง การทดสอบกลางปี เวลา 1 ช่ัวโมง วันที.่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** นักเรยี นทาแบบทดสอบการทดสอบกลางภาค

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 38 สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่อื ง แรงโนม้ ถ่วง (1) เวลา 1 ชั่วโมง วนั ท่.ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่อื นทแี่ บบต่างๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ชว้ี ัดช้นั ปี ระบผุ ลของแรงโนม้ ถ่วงที่มตี อ่ วัตถจุ ากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของแรงโนม้ ถ่วงได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รหู้ รอื อยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ เ่ี กยี่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทางานรว่ มกับผู้อ่นื อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนาความรเู้ ร่อื งแรงโนม้ ถว่ งไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ แรงโนม้ ถว่ ง คือ แรงดึงดูดระหว่างวตั ถุท่ีมีมวล แรงโนม้ ถ่วงของโลก คอื แรงท่โี ลกซึง่ มีมวลมากดงึ ดดู วตั ถทุ ม่ี ีมวลเข้าสศู่ นู ยก์ ลางของโลก 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโนม้ ถ่วง 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทางาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะ/กระบวนการและทักษะในการดาเนินชีวติ 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน สงั เกตการตกของวัตถุ 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ครูดาเนนิ การทดสอบก่อนเรียนโดยใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพอื่ ตรวจสอบความพร้อม และพ้ืนฐานของนักเรียน ข้ันนาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครถู ามคาถามนักเรยี นเพ่ือกระตุ้นความสนใจว่า เม่ือนกั เรยี นกระโดดขน้ึ ส่อู ากาศ นกั เรียนจะตกลง สู่พน้ื โลกทกุ ครัง้ เพราะอะไร (แนวคาตอบ เพราะโลกมแี รงดึงดดู ตอ่ วตั ถ)ุ 2) นักเรียนช่วยกันอภปิ รายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถาม เพือ่ เช่ือมโยงไปส่กู ารเรียนรู้ เรอ่ื ง แรงโนม้ ถว่ ง ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนร้โู ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มีขน้ั ตอนดังน้ี 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครแู บง่ กล่มุ นกั เรยี นแล้วเปดิ โอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมลู เกย่ี วกบั แรงโนม้ ถว่ งท่ีครู มอบหมายใหไ้ ปเรียนรู้ลว่ งหน้าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันใหแ้ ต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนมานาเสนอขอ้ มูลหนา้ ห้องเรยี น (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนักเรียน และถามคาถามเกีย่ วกับภาระงาน ดงั น้ี – ส่ิงทท่ี าใหว้ ตั ถตุ ่างๆ ไมล่ อยออกไปนอกโลกคืออะไร (แนวคาตอบ แรงโนม้ ถ่วง) – แรงโนม้ ถ่วงคืออะไร (แนวคาตอบ แรงดงึ ดูดระหว่างวัตถุทมี่ ีมวล) (3) ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนตงั้ ประเด็นคาถามที่นกั เรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม ซง่ึ ครูใหน้ ักเรียนเตรยี มมาล่วงหนา้ และใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ตอบและแสดงความคดิ เห็น (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า โลกมีแรง ดงึ ดดู ตอ่ วัตถทุ ี่มมี วล และเรยี กแรงดงึ ดูดระหวา่ งโลกและวตั ถุทมี่ ีมวลว่า แรงโนม้ ถว่ งของโลก

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 2) ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งกล่มุ นกั เรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏบิ ัติกิจกรรมท่ี 18 สังเกตการตกของวัตถุ แตล่ ะกลมุ่ ปฏบิ ัติ กจิ กรรมตามขน้ั ตอนทไ่ี ด้วางแผนไว้ ดังน้ี – ถอื ลูกบอลไว้ระดบั อก แล้วปลอ่ ยลกู บอล สงั เกตการตกของลกู บอล บันทึกผลการสังเกต – กายางลบดว้ ยมือขวา เหยยี ดแขนออกแลว้ คว่ามอื จากน้ันปลอ่ ยยางลบ สงั เกตการตกของยางลบ บนั ทกึ ผลการสังเกต (2) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทกุ คนซกั ถามเมอื่ มีปัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ สง่ ตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ตอ่ ไปน้ี – ผลการสังเกตลูกบอลและยางลบเหมือนหรือแตกต่างกันลักษณะใด (แนวคาตอบ ผลการสังเกต เหมือนกนั คอื เมื่อปลอ่ ยลูกบอลและยางลบ ลูกบอลและยางลบตกลงสู่พืน้ โลกเสมอ) – ทิศทางการเคล่ือนท่ีของลูกบอลและยางลบมีลักษณะใด (แนวคาตอบ ลูกบอลและยางลบตกลง ในแนวด่ิงมีทิศสพู่ น้ื โลก) – จากการปฏิบัตกิ ิจกรรมสรุปว่าโลกมีแรงดึงดูดได้หรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคาตอบสรุปว่า โลกมแี รงดงึ ดูด สังเกตจากเมื่อปลอ่ ยวตั ถุอย่างอิสระ วัตถุตกลงสู่พืน้ โลกเสมอ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครเู น้นให้นักเรียนเข้าใจว่า โลกมีแรงดึงดูด วัตถุต่างๆ ท่ีมีมวลในทศิ สู่พ้นื โลกเสมอ 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเก่ียวกับทิศทางของแรงโน้มถ่วงของโลกและนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก โดยเน้นใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่า แรงโน้มถว่ งของโลกมีทิศเขา้ สศู่ ูนยก์ ลางของโลกและมีหน่วยเป็นนวิ ตนั 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นร่วมกันประเมินการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับประโยชนท์ ่ไี ด้รับจากการปฏิบัตกิ ิจกรรมและการ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคาถามนกั เรยี น เชน่ – แรงที่โลกดึงดดู วัตถุเรียกว่าอะไร – โลกดึงดูดวตั ถใุ นทศิ ทางใด

แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ข้นั สรุป ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปเก่ียวกบั แรงโนม้ ถ่วง โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนทีค่ วามคิดหรือผงั มโนทศั น์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. ใบกิจกรรมท่ี 11 สงั เกตการตกของวัตถุ 3. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 5. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 6. หนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู รือ่ งแรงโน้มถ่วง 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ 1. ประเมินเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ กจิ กรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรยี น เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใช้ 3. ทดสอบกอ่ นเรียนโดยใช้ และใชแ้ บบวดั เจตคติทาง แบบวดั ทักษะกระบวนการ แบบทดสอบกอ่ นเรียน วิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทกั ษะการคดิ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทางานกลมุ่ และใชแ้ บบวดั เจตคติต่อ 3. ประเมนิ ทักษะการ วทิ ยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสงั เกต การทางานกลมุ่ 4. ประเมินพฤตกิ รรมในการ ปฏิบตั กิ ิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือรายกลุ่มโดย การสังเกตการทางานกลมุ่

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทีไ่ มผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมีความรเู้ กิดทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง.....................................

แผนการจัดการเรียนร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหวั หนา้ สถานศึกษา/ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี  นาไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรุงกอ่ นนาไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตาแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 39 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรอื่ ง แรงโนม้ ถว่ ง (2) เวลา 1 ชั่วโมง วนั ที่............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่ือนท่ีแบบตา่ งๆ ของวัตถุ รวมทง้ั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ชีว้ ัดชัน้ ปี ระบุผลของแรงโน้มถว่ งทม่ี ตี ่อวตั ถุจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายของแรงโน้มถ่วงได้ (K) 2. สังเกตลักษณะการเคล่อื นที่ของวัตถเุ มอื่ ตกสพู่ ้ืนโลกได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝ่ร้หู รืออยากรูอ้ ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ีเ่ กย่ี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทางานร่วมกับผูอ้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. สื่อสารและนาความรเู้ รือ่ งแรงโน้มถว่ งไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั แรงโน้มถ่วง คือ แรงดงึ ดดู ระหวา่ งวตั ถทุ ่มี ีมวล แรงโน้มถว่ งของโลก คอื แรงทโี่ ลกซงึ่ มีมวลมากดงึ ดูดวัตถุที่มมี วลเขา้ สศู่ ูนย์กลางของโลก 5. สาระการเรียนรู้ แรงโน้มถว่ ง 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทางาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดาเนินชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ช้นิ งานหรือภาระงาน สงั เกตวตั ถุเคลื่อนที่อย่างไร 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า แรงโน้มถ่วงของโลกคอื อะไร และมีทศิ ทางใด (แนวคาตอบ แรงโน้มถว่ งของโลก คอื แรงที่โลกดึงดดู วัตถไุ ว้ โดยมีทศิ เข้าสศู่ นู ย์กลางของโลก) 2) นกั เรียนช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั คาตอบของคาถาม เพอ่ื เช่ือมโยงไปสู่การ เรียนรเู้ รื่อง แรงโนม้ ถว่ ง ขั้นจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี ้นั ตอนดงั นี้ 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูให้นักเรียนลองทายวา่ ถ้านาวัตถุ 4 ชนิด คือ ใบไม้ ลูกปิงปอง ดินน้ามัน และเมล็ดถ่ัวมาปล่อย จากมืออย่างอิสระในระดับอก วัตถุจะมีลักษณะการเคล่ือนท่ีเหมือนหรือแตกต่างกัน (แนวคาตอบ วัตถุมี ลกั ษณะการเคล่อื นทีแ่ ตกต่างกนั แต่จะมีทิศทางเขา้ สศู่ นู ย์กลางของโลกเหมือนกัน) (2) นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกบั คาตอบจากคาถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขัน้ สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ครูให้นักเรียนปฏบิ ัติกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 5 วัตถุเคลื่อนท่ีอย่างไร แต่ละกลุ่มปฏบิ ัติกิจกรรม ตามข้นั ตอนทีไ่ ด้วางแผนไว้ ดังนี้ – แบง่ กล่มุ นักเรียนเพอ่ื สงั เกตวัตถุชนิดต่างๆ – แต่ละกลุ่มคาดคะเนว่า ถ้ากาวัตถุด้วยมือขวา เหยียดแขนออกแล้วคว่ามือ จากน้ันปล่อยวัตถุ วัตถุจะมกี ารเคลื่อนที่ลักษณะใด – ปฏิบัตกิ จิ กรรมโดยปล่อยวตั ถุคร้งั ละ 1 ชนิด บนั ทกึ ผล (2) ครูคอยแนะนาชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดรู อบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทุกคนซกั ถามเม่อื มีปญั หา

แผนการจัดการเรียนรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลุม่ นาเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม ต่อไปนี้ – วัตถุแต่ละชนิดมีลักษณะการเคลื่อนที่เหมือนหรือแตกต่างกันลกั ษณะใด (แนวคาตอบ วตั ถุแต่ ละชนิดมลี กั ษณะการเคลื่อนท่ีแตกตา่ งกัน โดยใบไมเ้ คลือ่ นทร่ี ่อนไปทางซ้ายและขวาสลับกันไปจนหยุดเคล่ือนที่ บนพืน้ ลูกปงิ ปองและเมลด็ ถว่ั ตกลงในแนวดิง่ และกระดอนขน้ึ ลงจนหยดุ เคล่อื นท่ีบนพื้น ส่วนดนิ นา้ มนั จะตกลง ในแนวดิง่ ส่พู นื้ และหยดุ เคลื่อนที่ทันท)ี – การเคล่อื นท่ีของวตั ถุเกิดจากแรงใด (แนวคาตอบ แรงโน้มถว่ งของโลก) – จากการปฏบิ ัติกิจกรรมสรปุ ได้ว่าอย่างไร (แนวคาตอบ เม่ือปล่อยวัตถุจากมือ วัตถุทุกชนิดจะ ตกลงสูพ่ ืน้ เสมอ) (3) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจวา่ เมื่อปลอ่ ยวัตถุ จากมอื วตั ถแุ ตล่ ะชนดิ จะมลี ักษณะการเคลื่อนที่สู่พนื้ โลกแตกต่างกัน แตว่ ตั ถทุ กุ ชนิดจะตกลงสพู่ ้ืนโลกเสมอ 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครเู ชื่อมโยงความรู้อาเซียน โดยครูให้ความรู้เสรมิ กับนักเรยี นเกีย่ วกับการใช้ประโยชน์จากแรงโน้ม ถว่ งของโลกในการผลติ กระแสไฟฟ้าวา่ แรงโนม้ ถ่วงของโลกทาให้นา้ ตกจากที่สงู ลงสู่ที่ตา่ จึงนาไปใช้ประโยชน์ใน การผลิตกระแสไฟฟา้ ของโรงไฟฟา้ พลังน้าจากเขื่อนได้ ซ่งึ ในอาเซียนมีหลายประเทศท่ีใช้การผลติ กระแสไฟฟ้า จากพลังน้าลักษณะนี้ และมีการนากระแสไฟฟ้าท่ีผลิตได้ไปใช้ในประเทศหรอื ส่งขายใหก้ ับประเทศเพื่อนบ้าน เพ่อื ความมน่ั คงดา้ นพลงั งานใหก้ บั ประเทศนัน้ ๆ เช่น การขายพลงั งานไฟฟา้ ของประเทศลาวใหก้ ับประเทศไทย (2) นักเรยี นคน้ ควา้ คาศัพท์ภาษาต่างประเทศเกย่ี วกบั แรงโนม้ ถ่วง จากหนังสอื เรียนภาษาต่างประเทศ หรอื อนิ เทอร์เน็ต และนาเสนอให้เพ่ือนในหอ้ งฟงั แล้วคดั คาศพั ท์พร้อมทั้งคาแปลลงสมดุ ส่งครู 5) ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจดุ ใดบา้ งทย่ี ังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มขี ้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิม่ เติมให้นกั เรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลมุ่ วา่ มปี ญั หาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏิบัตกิ ิจกรรมและการ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคาถามนักเรยี น เชน่ – เมือ่ โยนลกู บอลข้ึนฟ้า ลูกบอลจะตกลงสู่พนื้ โลกเสมอเพราะอะไร – ถา้ โลกไมม่ ีแรงโน้มถ่วงจะเกิดเหตุการณใ์ ด ข้ันสรุป ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เก่ยี วกับแรงโน้มถ่วง โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรอื ผังมโนทัศน์

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 10. สอ่ื การเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมเสริมการเรยี นรูท้ ่ี 5 วัตถุเคล่อื นทอ่ี ย่างไร 2. หนังสอื เรียนภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอรเ์ น็ต 3. คมู่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 4. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 6. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความร้เู ร่ืองแรงโนม้ ถว่ ง 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ 1. ประเมนิ เจตคติทาง ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใช้ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล แบบวดั ทกั ษะกระบวนการ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวัด ทางวทิ ยาศาสตร์ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย 2. ประเมินเจตคตติ อ่ การสังเกตการทางานกลุ่ม วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด 3. ประเมนิ ทักษะการ เจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสังเกต การทางานกลุ่ม 4. ประเมนิ พฤตกิ รรมในการ ปฏบิ ัติกิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย การสงั เกตการทางานกลมุ่

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาแหนง่ .....................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook