95 ช้นั รหสั ตัวช้ีวดั ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.๒ ว ๔.๑ ม.๒/๓ ๓. ออกแบบวธิ ีการแก้ปัญหา • การวิเคราะห์เปรยี บเทียบและตดั สินใจเลือกขอ้ มูล ว ๔.๑ ม.๒/๔ โดยวเิ คราะห์เปรยี บเทยี บและ ทีจ่ �ำเป็นโดยค�ำนงึ ถงึ เงอื่ นไขและทรัพยากร เชน่ ตดั สนิ ใจเลือกขอ้ มูลทจี่ �ำเปน็ งบประมาณ เวลา ขอ้ มูลและสารสนเทศ วสั ดุ เคร่ืองมอื ภายใตเ้ งอ่ื นไขและทรัพยากร และอปุ กรณ์ช่วยให้ได้แนวทางการแก้ปญั หาทีเ่ หมาะสม ท่มี ีอยู่ น�ำเสนอแนวทางการ • การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หาท�ำไดห้ ลากหลายวธิ ี แก้ปญั หาใหผ้ ู้อ่ืนเข้าใจ วางแผน เช่น การร่างภาพ การเขยี นแผนภาพ การเขยี นผงั งาน ขน้ั ตอนการท�ำงานและด�ำเนนิ การ • การก�ำหนดข้นั ตอนระยะเวลาในการท�ำงาน แก้ปญั หาอยา่ งเป็นขัน้ ตอน กอ่ นด�ำเนินการแกป้ ญั หาจะชว่ ยใหก้ ารท�ำงานส�ำเร็จ ไดต้ ามเป้าหมาย และลดขอ้ ผดิ พลาดของการท�ำงาน ท่อี าจเกิดขึน้ ๔. ทดสอบ ประเมินผลและ • การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบชิ้นงาน อธบิ ายปญั หาหรือ ขอ้ บกพรอ่ ง หรอื วธิ ีการวา่ สามารถแกป้ ญั หาได้ตามวตั ถุประสงค์ ท่เี กดิ ข้ึนภายใต้ กรอบเงอ่ื นไข ภายใต้กรอบของปญั หา เพือ่ หาขอ้ บกพร่อง พร้อมทัง้ หาแนวทางการปรบั ปรงุ และด�ำเนินการปรับปรุงใหส้ ามารถแกไ้ ขปญั หาได้ แก้ไข และน�ำเสนอผลการ • การน�ำเสนอผลงานเปน็ การถา่ ยทอดแนวคิดเพ่ือให้ แกป้ ญั หา ผู้อ่ืนเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการท�ำงานและชิ้นงานหรือ วิธีการท่ไี ด้ซึง่ สามารถท�ำได้หลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน การท�ำแผ่นน�ำเสนอผลงาน การจดั นิทรรศการ
96 ช้นั รหัสตัวชวี้ ัด ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.๒ ว ๔.๑ ม.๒/๕ ๕. ใช้ความรู้และทักษะเก่ียวกับ • วสั ดแุ ต่ละประเภทมีสมบตั แิ ตกตา่ งกัน เชน่ วสั ดอุ ปุ กรณ์ เครอ่ื งมอื กลไกไฟฟา้ ไม้ โลหะ พลาสติก จงึ ตอ้ งมีการวเิ คราะหส์ มบตั ิ และอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแก้ปัญหา เพ่ือเลือกใช้ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน หรือพัฒนางานได้อย่างถูกต้อง • การสรา้ งชิน้ งานอาจใช้ความรเู้ รือ่ งกลไกไฟฟา้ เหมาะสมและปลอดภยั อิเล็กทรอนกิ ส์ เช่น LED มอเตอร์บัซเซอรเ์ ฟอื ง รอก ลอ้ เพลา • อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมือในการสร้างชิ้นงานหรือพฒั นาวิธี การมหี ลายประเภท ตอ้ งเลอื กใชใ้ ห้ถกู ต้อง เหมาะสมและปลอดภยั รวมทง้ั รจู้ ักเกบ็ รักษา ว ๔.๒ ม.๒/๑ ๑. ออกแบบอลั กอริทมึ ที่ใช้ • แนวคิดเชิงค�ำนวณ แนวคิดเชิงค�ำนวณในการ • การแก้ปัญหาโดยใช้แนวคดิ เชิงค�ำนวณ แกป้ ัญหา หรอื การท�ำงานท่พี บ • ตัวอย่างปญั หา เช่น การเข้าแถวตามล�ำดับความสงู ในชีวิตจริง ใหเ้ ร็วทีส่ ุด จัดเรยี งเสื้อให้หาไดง้ า่ ยท่ีสดุ ว ๔.๒ ม.๒/๒ ๒. ออกแบบและเขียนโปรแกรม • ตัวด�ำเนนิ การบลู นี ท่ใี ชต้ รรกะและฟังกช์ นั ในการ • ฟงั ก์ชัน แกป้ ัญหา • การออกแบบและเขียนโปรแกรมทมี่ ีการใชต้ รรกะและ ฟงั ก์ชัน • การออกแบบอัลกอริทึมเพ่ือแก้ปัญหาอาจใช้แนวคิด เชิงค�ำนวณในการออกแบบ เพื่อให้การแก้ปัญหามี ประสทิ ธภิ าพ • การแก้ปัญหาอย่างเป็นข้ันตอนจะช่วยให้แก้ปัญหาได้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ • ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เชน่ Scratch, python, java, c • ตัวอย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรม ตัดเกรด หาค�ำตอบทั้งหมดของอสมการหลายตวั แปร
97 ช้นั รหสั ตวั ชีว้ ดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.๒ ว ๔.๒ ม.๒/๓ ๓. อภิปรายองคป์ ระกอบและ • องคป์ ระกอบและหลกั การท�ำงานของระบบคอมพวิ เตอร์ หลกั การท�ำงานของระบบ • เทคโนโลยีการสื่อสาร ว ๔.๒ ม.๒/๔ คอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยี • การประยกุ ต์ใช้งานและการแก้ปัญหาเบ้อื งตน้ การสอ่ื สารเพื่อประยกุ ตใ์ ช้งาน หรอื แก้ปัญหาเบอ้ื งต้น • ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย โดยเลือก แนวทางปฏบิ ัติเม่ือพบเน้อื หาทีไ่ ม่เหมาะสม เช่น ๔. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ แจง้ รายงานผูเ้ กย่ี วข้อง ป้องกนั การเข้ามาของข้อมลู อย่างปลอดภยั มีความ ที่ไมเ่ หมาะสม ไมต่ อบโต้ ไมเ่ ผยแพร่ รับผิดชอบสร้างและแสดงสิทธิ • การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งมคี วามรบั ผดิ ชอบ เชน่ ในการเผยแพร่ผลงาน ตระหนักถงึ ผลกระทบในการเผยแพรข่ อ้ มลู • การสร้างและแสดงสทิ ธิค์ วามเปน็ เจ้าของผลงาน • การก�ำหนดสทิ ธกิ ารใชข้ อ้ มูล
98 รหสั วิชา ว ๒๒๑๐๑ ค�ำ อธิบายรายวิชา ช่อื รายวิชาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง จำ�นวน ๑ หน่วยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เปรยี บเทยี บ หน้าที่ของอวัยวะท่ีเกี่ยวขอ้ งในระบบหายใจ กลไกการหายใจเขา้ และออก กระบวนการแลกเปล่ียน แก๊ส การท�ำงานของระบบหมนุ เวยี นเลอื ด ระบบขับถา่ ย การก�ำจัดของเสียทางไต ระบบประสาทส่วนกลาง ระบบสบื พันธุ์ ของเพศชายและเพศหญงิ ผลของฮอรโ์ มนเพศชายและเพศหญงิ ทค่ี วบคมุ การเปลยี่ นแปลงของรา่ งกาย เมอ่ื เขา้ สวู่ ยั หนมุ่ สาว การตกไข่ การมปี ระจ�ำเดอื น การปฏสิ นธแิ ละการพฒั นาของไซโกต จนคลอดเปน็ ทารก ปจั จยั ทท่ี �ำใหด้ นิ มลี กั ษณะและสมบตั ิ แตกต่างกันลักษณะของชั้นหน้าตัดดินและกระบวนการเกิดดิน กระบวนการผุพังอยู่กับที่ การกร่อน และการสะสมตัวของ ตะกอน ผลของกระบวนการดังกล่าวท่ีท�ำให้ผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ปัจจัยและกระบวนการเกิดแหล่งน�้ำผิวดินและ แหลง่ นำ�้ ใตด้ นิ กระบวนการเกดิ และสมบตั ขิ องเชอื้ เพลงิ ซากดกึ ด�ำบรรพ์ ขอ้ ดแี ละขอ้ จ�ำกดั ของพลงั งานทดแทนแตล่ ะประเภท โดยใชก้ ารวิเคราะหข์ ้อมลู และแบบจ�ำลอง ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ออกแบบการทดลองและทดลองสร้างแบบจ�ำลอง ใช้เคร่ืองมือในการ เปรียบเทียบอัตราการเต้นของหัวใจขณะปกติและหลังท�ำกิจกรรม อธิบายโครงสร้างภายในโลกตามองค์ประกอบทางเคมี ตรวจวัดสมบัตบิ างประการของดิน กระบวนการเกดิ และผลกระทบของนำ�้ ท่วม การกัดเซาะชายฝัง่ ดินถล่ม หลุมยบุ แผน่ ดนิ ทรุดการใช้น�้ำ และน�ำเสนอแนวทางการใช้น�้ำอย่างยั่งยืนในท้องถิ่นของตนเอง การใช้ประโยชน์ดิน จากการรวบรวมข้อมูล แปลความหมายและลงข้อสรุป ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะ ในการคิด การแก้ปัญหา เลือกใช้เทคโนโลยีรวบรวมข้อมูลสารสนเทศและสื่อสาร ให้ผู้อ่ืนเข้าใจถึงความส�ำคัญในการดูแลรักษาร่างกาย การป้องกันอวัยวะในระบบหายใจ ระบบขับถ่าย การก�ำจัดของเสีย ทางไต ระบบประสาทให้ท�ำงานเป็นปกติ ในการใช้เชื้อเพลิงซากดึกด�ำบรรพ การใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสมในท้องถ่ิน มกี ารใชท้ กั ษะชวี ติ ในการดแู ลรกั ษารา่ งกายและจติ ใจของตนเองในชว่ งทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลงของรา่ งกายเมอื่ เขา้ สวู่ ยั หนมุ่ สาว เลือกวิธีการคุมก�ำเนิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ที่ก�ำหนดการป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร มีความซื่อสัตย์สุจริต มวี นิ ัยใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มน่ั ในการท�ำงาน มจี ติ สาธารณะ อย่อู ย่างพอเพียง ใชท้ รัพยากรอยา่ งมีประโยชน์และคุ่มคา่ มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ดั ว ๑.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๑/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ม.๒/๙ ม.๒/๑๐ ม.๒/๑๑ ม.๒/๑๒ ม.๒/๑๓ ม.๒/๑๔ ม.๒/๑๕ ม.๒/๑๖ ม.๒/๑๗ ว ๓.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๑/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ม.๒/๙ ม.๒/๑๐ รวม ๒ มาตรฐาน ๒๗ ตวั ช้วี ัด
99 รหัสวชิ า ว ๒๒๑๐๒ คำ�อธิบายรายวชิ า ชือ่ รายวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ เวลา ๔๐ ช่วั โมง จำ�นวน ๑ หน่วยกติ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เปรียบเทียบ แยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วยตัวท�ำความเข้มข้นของการเคลื่อนท่ีของวัตถุที่เป็นผลของแรงลัพธ์แรงพยุง การจม การลอยของวัตถุ แรงเสยี ดทานสถติ แรงเสยี ดทานจลน์ แหลง่ ของแรงสนามแมเ่ หลก็ สนามไฟฟา้ สนามโนม้ ถว่ ง ทศิ ทางและขนาดของแรงทก่ี ระท�ำ ตอ่ วตั ถใุ นแตล่ ะสนาม อตั ราเรว็ และความเรว็ ของการเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถุ โดยใชส้ มการ V=s/t และ/t การกระจดั และความเรว็ งานและก�ำลังท่ีเกิดจากแรงที่กระท�ำต่อวัตถุโดยใช้สมการ W=Fs และ P = tw หลักการท�ำงานของเคร่ืองกลอย่างง่าย การเปลยี่ นพลงั งานระหวา่ งพลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถว่ งและพลงั งานจลนข์ องวตั ถโุ ดยพลงั งานกลของวตั ถมุ คี า่ คงตวั การเปลยี่ นและ การถา่ ยโอนพลังงานโดยใชก้ ฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน ใชท้ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ออกแบบ ทดลอง เขยี นแผนภาพ เพอื่ อธบิ ายโมเมนตข์ องแรงโดยใชส้ มการ M=Fl การกระจัด ความเร็ว แรงลพั ธ์ แรงเสียดทาน และแรงอ่ืนๆ ท่ีกระท�ำตอ่ วตั ถุ ปจั จยั ทีม่ ผี ลตอ่ แรง เสียดทาน โมเมนต์ ของแรง พลังงานจลน์และพลังงานศักย์โน้มถ่วง การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและ ปลอดภัย ออกแบบอัลกอริทึมท่ีใช้แนวคิดเชิงค�ำนวณ การเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแก้ปัญหาหรือ การท�ำงานที่พบในชวี ติ จริงอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ส่งเสริมผู้เรียนให้มีความสามารถในการคิด การแก้ปัญหา การสื่อสารให้ผู้อ่ืนเข้าใจถึงประโยชน์ของความรู้เร่ือง แรงเสียดทาน การใชท้ กั ษะชวี ิตในการด�ำเนนิ การแก้ปญั หา ทดสอบ ประเมินผลตัดสินใจเลอื กขอ้ มูลท่จี �ำเปน็ การเลือกใช้ เทคโนโลยที เ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ การท�ำกจิ กรรมในชวี ติ ประจ�ำวนั อยา่ งปลอดภยั มคี วามซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ในการสรา้ งและแสดงสทิ ธิ ในการเผยแพรผ่ ลงาน มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ม่งุ มัน่ ในการท�ำงาน มจี ิตสาธารณะ สามารถอยูร่ ว่ มกันผู้อืน่ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ มาตรฐาน/ตวั ช้วี ัด ว ๒.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ว ๒.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ม.๒/๙ ม.๒/๑๐ ม.๒/๑๑ ม.๒/๑๒ ม.๒/๑๓ ม.๒/๑๔ ว ๒.๓ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ว ๔.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ว ๔.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ รวม ๕ มาตรฐาน ๓๕ ตัวช้วี ัด
100 ตัวชีว้ ัดสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ ช้ัน รหัสตวั ชวี้ ดั ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.๓ ว ๑.๑ ม.๓/๑ ๑. อธบิ ายปฏสิ ัมพนั ธ์ของ • ระบบนิเวศประกอบด้วยองค์ประกอบท่ีมีชีวิต เช่น พืช องค์ประกอบของระบบนิเวศ สตั ว์ จุลินทรียแ์ ละองค์ประกอบทไ่ี มม่ ีชีวติ เช่น แสง น�ำ้ ท่ีไดจ้ ากการสำ�รวจ อณุ หภมู แิ ร่ธาตแุ กส๊ องค์ประกอบ ว ๑.๑ ม.๓/๒ ๒. อธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ • สิ่งมีชีวิตกับสิ่งมชี ีวติ มคี วามสมั พันธก์ นั ในรูปแบบต่างๆ ระหวา่ งสงิ่ มีชีวติ กับส่ิงมีชีวิต เช่น ภาวะพ่ึงพากัน ภาวะอิงอาศัย ภาวะเหย่ือกับผู้ล่า รปู แบบตา่ งๆในแหลง่ ทอ่ี ยเู่ ดยี วกนั ภาวะปรสติ ทีไ่ ดจ้ ากการสำ�รวจ • สิง่ มีชีวติ ชนิดเดยี วกันทอี่ าศัยอยู่รว่ มกนั ในแหลง่ ท่ีอยเู่ ดียวกนั ในชว่ งเวลาเดยี วกนั เรียกว่า ประชากร • กลุ่มส่ิงมีชีวิตประกอบด้วยประชากรของสิ่งมีชีวิต หลายๆ ชนดิ อาศยั อยู่ร่วมกนั ในแหล่งทอ่ี ยูเ่ ดียวกัน ว ๑.๑ ม.๓/๓ ๓. สรา้ งแบบจ�ำ ลองในการอธบิ าย • กลมุ่ ส่ิงมีชีวิตในระบบนเิ วศ แบง่ ตามหนา้ ทีไ่ ด้เปน็ ว ๑.๑ ม.๓/๔ การถ่ายทอดพลังงาน ๓ กล่มุ ได้แกผ่ ้ผู ลิต ผู้บรโิ ภคและผ้ยู ่อยสลาย ในสายใยอาหาร สารอนิ ทรยี ส์ ิง่ มชี วี ติ ท้งั ๓ กลมุ่ นี้มีความสัมพันธก์ นั ว ๑.๑ ม.๓/๕ ๔. อธบิ ายความสมั พันธ์ของ ผผู้ ลติ เป็นสง่ิ มีชีวิตทส่ี ร้างอาหารไดเ้ องโดยกระบวนการ ว ๑.๑ ม.๓/๖ ผผู้ ลติ ผ้บู รโิ ภคและ สงั เคราะห์ด้วยแสง ผูบ้ รโิ ภคเปน็ ส่ิงมชี วี ิตทไ่ี ม่สามารถ ผยู้ ่อยสลายสารอนิ ทรีย์ สรา้ งอาหารไดเ้ องและตอ้ งกินผู้ผลิตหรือสงิ่ มีชีวติ อืน่ ในระบบนิเวศ เปน็ อาหาร ๕. อธบิ ายการสะสมสารพิษ เม่อื ผผู้ ลติ และผบู้ ริโภคตายลง จะถกู ยอ่ ยโดยผยู้ อ่ ยสลาย ในสง่ิ มีชวี ิตในโซ่อาหาร สารอนิ ทรีย์ซึ่งจะเปลีย่ นสารอินทรีย์เปน็ สารอนนิ ทรีย์ ๖. ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของ กลบั คืนสู่สิง่ แวดล้อม ทำ�ใหเ้ กิดการหมุนเวยี นสารเปน็ สิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อมในระบบ วฎั จกั ร จ�ำ นวนผผู้ ลติ ผบู้ รโิ ภค และผยู้ อ่ ยสลายสารอนิ ทรยี ์ นิเวศ โดยไม่ทำ�ลายสมดุลของ จะตอ้ งมคี วามเหมาะสม จงึ ท�ำ ใหก้ ลมุ่ ส่งิ มีชวี ิตอยไู่ ด้ ระบบนเิ วศ อย่างสมดลุ • พลงั งานถกู ถา่ ยทอดจากผผู้ ลติ ไปยงั ผบู้ รโิ ภคล�ำ ดบั ตา่ งๆ รวมทัง้ ผ้ยู ่อยสลายสารอินทรยี ใ์ นรปู แบบสายใยอาหาร ท่ีประกอบด้วยโซ่อาหารหลายโซ่ท่ีสัมพันธ์กัน ในการ ถ่ายทอดพลังงานในโซ่อาหาร พลังงานที่ถูกถ่ายทอดไป จะลดลงเรือ่ ยๆ ตามลำ�ดับของการบรโิ ภค • การถ่ายทอดพลังงานในระบบนเิ วศ อาจทำ�ให้ มสี ารพษิ สะสมอยใู่ นสงิ่ มชี วี ติ ไดจ้ น อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตราย ต่อสิ่งมีชีวิตและทำ�ลายสมดุลในระบบนิเวศ ดังน้ันการ ดูแลรกั ษาระบบนิเวศให้เกดิ ความสมดุลและคงอยู่ ตลอดไปจงึ เป็นส่ิงสำ�คญั
101 ชัน้ รหสั ตวั ชว้ี ดั ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.๓ ว ๑.๓ ม.๓/๑ ๑. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง • ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอด ยีน ดีเอ็นเอและโครโมโซมโดยใช้ จากรนุ่ หนงึ่ ไปยงั อกี รนุ่ หนง่ึ ได้ โดยมยี นี เปน็ หนว่ ยควบคมุ แบบจ�ำ ลอง ลักษณะทางพนั ธกุ รรม • โครโมโซมประกอบด้วย ดีเอ็นเอและโปรตีนขดอยู่ใน นวิ เคลียส ยนี ดเี อ็นเอ และโครโมโซมมคี วามสัมพนั ธ์กัน โดยบางส่วนของดีเอ็นเอทำ�หน้าที่เป็นยีนท่ีกำ�หนด ลกั ษณะของสง่ิ มชี ีวติ • ส่งิ มีชีวติ ที่มีโครโมโซม ๒ ชดุ โครโมโซมทเี่ ป็นค่กู ันมีการ เรยี งลำ�ดับของยนี บนโครโมโซมเหมือนกนั เรียกว่า ฮอมอโลกัสโครโมโซม ยนี หนงึ่ ทอี่ ยู่บนคู่ ฮอมอโลกสั โครโมโซม อาจมรี ูปแบบแตกตา่ งกัน เรียกแตล่ ะรูปแบบของยีนทตี่ ่างกันนว้ี ่า แอลลีล ซ่ึงการเขา้ ค่กู นั ของแอลลลี ตา่ งๆ อาจสง่ ผลท�ำ ให้ ส่งิ มีชวี ติ มีลักษณะท่แี ตกตา่ งกันได้ • สง่ิ มชี ีวติ แต่ละชนิดมีจ�ำ นวนโครโมโซมคงท่ี มนษุ ยม์ จี �ำ นวนโครโมโซม ๒๓ คู่ เปน็ ออโตโซม ๒๒ คู่ และ โครโมโซมเพศ ๑ คู่ เพศหญงิ มโี ครโมโซมเพศเปน็ XX เพศ ชายมโี ครโมโซมเพศเป็น XY ว ๑.๓ ม.๓/๒ ๒. อธิบายการถ่ายทอดลักษณะ • เมนเดลได้ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ทางพันธกุ รรมจากการผสม ของต้นถั่วชนิดหนึ่งและนำ�มาสู่หลักการพ้ืนฐานของการ โดยพจิ ารณาลกั ษณะเดยี ว ถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมของสง่ิ มชี วี ิต ท่แี อลลลี เด่นข่มแอลลลี ด้อย • สิ่งมชี วี ติ ทีม่ ีโครโมโซมเปน็ ๒ ชุด ยีนแต่ละต�ำ แหน่ง อย่างสมบรู ณ์ บนฮอมอโลกสั โครโมโซมมี ๒ แอลลีล โดยแอลลลี หนง่ึ มา ว ๑.๓ ม.๓/๓ ๓. อธบิ ายการเกิดจีโนไทปแ์ ละ จากพอ่ และอกี แอลลลี มาจากแม่ ซงึ่ อาจมรี ปู แบบเดยี วกนั ฟโี นไทป์ของลูกและค�ำ นวณ หรือแตกตา่ งกัน แอลลลี ท่ีแตกต่างกนั นี้ แอลลลี หน่ึงอาจ อัตราสว่ นการเกิด จโี นไทป์ และ มีการแสดงออกข่มอีกแอลลีลหนึ่งได้ เรียกแอลลีลน้ันว่า ฟีโนไทปข์ องร่นุ ลกู เปน็ แอลลลี เดน่ สว่ นแอลลลี ทถ่ี กู ขม่ อยา่ งสมบรู ณเ์ รยี กวา่ เปน็ แอลลีลดอ้ ย
102 ชั้น รหสั ตัวชว้ี ดั ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.๓ • เมอ่ื มีการสรา้ งเซลล์สบื พันธแุ์ อลลีลท่ีเป็นคูก่ ัน ในแตล่ ะฮอมอโลกสั โครโมโซมจะแยกจากกันไปสู่ เซลลส์ ืบพนั ธ์แุ ต่ละเซลล์ โดยแตล่ ะเซลล์สืบพนั ธ์ุ จะไดร้ บั เพียง ๑ แอลลลี และจะมาเข้าคกู่ บั แอลลีล ทต่ี �ำ แหน่งเดียวกนั ของอีกเซลล์สบื พนั ธ์หุ นึง่ เมอื่ เกิดการปฏิสนธจิ นเกิดเป็นจีโนไทป์และแสดง ฟีโนไทป์ในรุ่นลูก ว ๑.๓ ม.๓/๔ ๔. อธิบายความแตกตา่ ง • กระบวนการแบง่ เซลล์ของสิ่งมีชวี ติ มี ๒ แบบ คอื ว ๑.๓ ม.๓/๕ ของการแบง่ เซลลแ์ บบ ไมโทซสิ และไมโอซิส ไมโทซสิ และไมโอซสิ • ไมโทซสิ เปน็ การแบง่ เซลลเ์ พอ่ื เพมิ่ จ�ำ นวนเซลลร์ า่ งกาย ๕. บอกไดว้ า่ การเปลีย่ นแปลง ผลจากการแบ่งจะได้เซลล์ใหม่ ๒ เซลล์ท่ีมีลักษณะและ ของยนี หรือโครโมโซมอาจทำ�ให้ จ�ำ นวนโครโมโซมเหมือนเซลลต์ ง้ั ต้น เกดิ โรคทางพันธกุ รรม พรอ้ มทั้ง • ไมโอซิส เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ผล ยกตวั อยา่ งโรคทางพันธุกรรม จากการแบ่งจะไดเ้ ซลลใ์ หม่ ๔ เซลลท์ ี่มีจำ�นวนโครโมโซม เป็นคร่ึงหน่ึงของเซลล์ต้ังต้น เมื่อเกิดการปฏิสนธิของ เซลลส์ บื พันธุ์ ลูกจะไดร้ บั การถ่ายทอดโครโมโซมชดุ หนง่ึ จากพอ่ และอกี ชดุ หนงึ่ จากแม่ จงึ เปน็ ผลใหร้ นุ่ ลกู มจี �ำ นวน โครโมโซมเทา่ กบั รุ่นพ่อแมแ่ ละจะคงทใี่ นทุกๆ รนุ่ • การเปล่ียนแปลงของยนี หรือโครโมโซม สง่ ผลให้เกดิ การเปลยี่ นแปลงลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสง่ิ มชี วี ติ เชน่ โรคธาลสั ซเี มยี เกิดจากการเปลย่ี นแปลงของยนี กลมุ่ อาการดาวนเ์ กดิ จากการเปลยี่ นแปลงจ�ำ นวนโครโมโซม
103 ชั้น รหัสตวั ช้วี ดั ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๓ ว ๑.๓ ม.๓/๖ ๖. ตระหนกั ถึงประโยชน์ของ • โรคทางพนั ธกุ รรมสามารถถา่ ยทอดจากพอ่ แมไ่ ปสลู่ กู ได้ ความรู้เรอ่ื งโรคทางพนั ธุกรรม ดงั นนั้ กอ่ นแตง่ งานและมบี ตุ ร จงึ ควรปอ้ งกนั โดยการตรวจ โดยรวู้ ่ากอ่ นแตง่ งานควรปรกึ ษา และวนิ จิ ฉยั ภาวะเสย่ี งจากการถา่ ยทอดโรคทางพนั ธกุ รรม แพทย์เพื่อตรวจและวนิ ิจฉยั ภาวะเสีย่ งของลูกท่อี าจเกิด โรคทางพันธกุ รรม ว ๑.๓ ม.๓/๗ ๗. อธิบายการใช้ประโยชน์ • มนษุ ยเ์ ปลยี่ นแปลงพนั ธกุ รรมของสง่ิ มชี วี ติ ตามธรรมชาติ ว ๑.๓ ม.๓/๘ จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม เพอ่ื ใหไ้ ดส้ ง่ิ มชี วี ติ ทม่ี ลี กั ษณะตามตอ้ งการเรยี กสง่ิ มชี วี ติ นว้ี า่ และผลกระทบทอ่ี าจมตี ่อมนุษย์ สิ่งมชี ีวติ ดัดแปรพนั ธุกรรม และสิ่งแวดล้อม โดยใชข้ อ้ มูล • ในปจั จุบันมนษุ ย์มกี ารใช้ประโยชนจ์ ากส่งิ มชี วี ิต ที่รวบรวมได้ ดัดแปรพันธุกรรมเป็นจำ�นวนมาก เช่น การผลิตอาหาร ๘. ตระหนกั ถงึ ประโยชน์และ การผลิตยารกั ษาโรค การเกษตร อยา่ งไรก็ดสี ังคม ผลกระทบของสิ่งมชี วี ิต ยงั มคี วามกงั วลเกย่ี วกับผลกระทบของสิง่ มีชวี ิต ดดั แปรพนั ธกุ รรมทอ่ี าจมตี อ่ มนษุ ย์ ดัดแปรพันธกุ รรมทม่ี ตี อ่ ส่งิ มีชีวติ และสง่ิ แวดล้อม และสิ่งแวดล้อมโดยการเผยแพร่ ซึ่งยังท�ำ การติดตามศึกษาผลกระทบดงั กล่าว ความร้ทู ีไ่ ด้จากการโต้แย้ง ทางวทิ ยาศาสตรซ์ งึ่ มขี อ้ มลู สนบั สนนุ ว ๑.๓ ม.๓/๙ ๙. เปรียบเทียบความหลากหลาย • ความหลากหลายทางชีวภาพ มี ๓ ระดบั ได้แก่ ว ๑.๓ ม.๓/๑๐ ทางชวี ภาพในระดบั ชนดิ สง่ิ มชี วี ติ ความหลากหลายของระบบนิเวศ ความหลากหลาย ในระบบนิเวศตา่ งๆ ของชนิดสิ่งมชี ีวิต และความหลากหลายทางพันธุกรรม ๑๐. อธบิ ายความส�ำ คญั ของความ ความหลากหลายทางชวี ภาพนม้ี คี วามส�ำคญั ตอ่ การรกั ษา หลากหลายทางชวี ภาพทมี่ ตี อ่ การ สมดุลของระบบนเิ วศ ระบบนิเวศทม่ี คี วามหลากหลาย รักษาสมดุลของระบบนิเวศและ ทางชวี ภาพสงู จะรกั ษาสมดลุ ไดด้ กี วา่ ระบบนเิ วศทม่ี คี วาม ตอ่ มนษุ ย์ หลากหลายทางชีวภาพ ต�่ำกวา่ นอกจากน้คี วามหลาก หลายทางชวี ภาพยงั มคี วามส�ำคญั ตอ่ มนษุ ย์ในด้านต่างๆ
104 ชนั้ รหสั ตัวชว้ี ดั ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ม.๓ ว ๑.๓ ม.๓/๑๑ ๑๑. แสดงความตระหนกั เช่น ใช้เปน็ อาหาร ยารักษาโรค วัตถุดิบในอตุ สาหกรรม ในคุณค่าและความส�ำ คัญของ ต่างๆ ดังน้ันจึงเป็นหน้าท่ีของทุกคนในการดูแลรักษา ความหลากหลายทางชวี ภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพใหค้ งอยู่ โดยมีสว่ นร่วมในการดูแลรกั ษา ความหลากหลายทางชีวภาพ ว ๒.๑ ม.๓/๑ ๑. ระบสุ มบัตทิ างกายภาพ • พอลิเมอร์ เซรามกิ และวสั ดผุ สม เปน็ วสั ดุท่ีใชม้ าก และการใชป้ ระโยชนว์ สั ดปุ ระเภท ในชีวิตประจำ�วัน พอลเิ มอร์ เซรามิก และวัสดุผสม • พอลิเมอร์เปน็ สารประกอบโมเลกุลใหญท่ ่เี กดิ จาก โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และ โมเลกุลจ�ำ นวนมากรวมตัวกนั ทางเคมี เชน่ พลาสตกิ ยาง สารสนเทศ เสน้ ใยซง่ึ เปน็ พอลเิ มอรท์ ม่ี สี มบตั แิ ตกตา่ งกนั โดยพลาสตกิ ว ๒.๑ ม.๓/๒ ๒. ตระหนักถึงคณุ ค่าของการ เป็นพอลเิ มอรท์ ีข่ นึ้ รปู เป็นรูปทรงตา่ งๆ ได้ ยางยดื หยุ่น ใชว้ สั ดุประเภทพอลิเมอร์เซรามกิ ได้ ส่วนเส้นใยเปน็ พอลเิ มอรท์ ีส่ ามารถ ดงึ เปน็ เส้นยาวได้ และวัสดผุ สม โดยเสนอแนะ พอลิเมอร์จงึ ใช้ประโยชน์ไดแ้ ตกต่างกนั แนวทางการใชว้ สั ดอุ ยา่ งประหยดั • เซรามิกเป็นวัสดทุ ผ่ี ลิตจาก ดิน หิน ทราย และ และคมุ้ คา่ แรธ่ าตุต่างๆ จากธรรมชาตแิ ละสว่ นมากจะผ่านการเผา ทอี่ ณุ หภมู สิ งู เพอื่ ใหไ้ ดเ้ นอ้ื สารทแ่ี ขง็ แรง เซรามกิ สามารถ ท�ำ เป็นรูปทรงต่างๆ ได้ สมบัติทั่วไปของเซรามิกจะแข็ง ทนตอ่ การสึกกรอ่ นและเปราะ สามารถนำ�ไปใช้ ประโยชน์ได้ เช่น ภาชนะท่ีเป็นเคร่ืองปั้นดินเผาชิ้นส่วน อิเล็กทรอนกิ ส์ • วัสดผุ สมเป็นวสั ดุท่ีเกิดจากวัสดตุ ง้ั แต่ ๒ ประเภท ท่มี ี สมบตั ิแตกตา่ งกันมารวมตัวกัน เพือ่ นำ�ไปใชป้ ระโยชน์ ไดม้ ากข้ึน เชน่ เสือ้ กันฝนบางชนิดเป็นวสั ดุผสมระหวา่ ง ผา้ กับยาง คอนกรตี เสริมเหลก็ เปน็ วสั ดผุ สมระหวา่ ง คอนกรตี กบั เหล็ก • วัสดุบางชนิดสลายตัวยาก เช่น พลาสติก การใช้วัสดุ อย่างฟุม่ เฟอื ยและไมร่ ะมัดระวงั อาจก่อปญั หา ต่อสง่ิ แวดลอ้ ม
105 ชั้น รหัสตวั ช้ีวดั ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๓ ว ๒.๑ ม.๓/๓ ๓. อธิบายการเกิดปฏิกิริยาเคมีรวม • การเกิดปฏิกิริยาเคมีหรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ถึงการจัดเรียงตัวใหม่ของอะตอม ของสาร เป็นการเปล่ียนแปลงที่ทำ�ให้เกิดสารใหม่ เม่ือเกิดปฏิกิริยาเคมีโดยใช้แบบ โดยสารที่เข้าทำ�ปฏิกิริยาเรียกว่าสารตั้งต้น สารใหม่ จำ�ลองและสมการขอ้ ความ ที่เกิดข้ึนจากปฏิกิริยา เรียกว่า ผลิตภัณฑ์การเกิด ปฏกิ ริ ยิ าเคมสี ามารถเขยี นแทนไดด้ ว้ ยสมการขอ้ ความ • การเกิดปฏิกิริยาเคมีอะตอมของสารตั้งต้นจะมีการ จัดเรียงตัวใหม่ ได้เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งมีสมบัติแตกต่าง จากสารตั้งต้น โดยอะตอมแต่ละชนิดก่อนและหลัง เกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีมีจ�ำ นวนเท่ากัน ว ๒.๑ ม.๓/๔ ๔. อธบิ ายกฎทรงมวล โดยใช้ • เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมีมวลรวมของสารตั้งต้น เท่ากับ หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ มวลรวมของผลิตภัณฑ์ซง่ึ เป็นไปตามกฎทรงมวล ว ๒.๑ ม.๓/๕ ๕. วิเคราะหป์ ฏิกิรยิ า • เม่ือเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี มกี ารถ่ายโอนความร้อนควบคู่ ดูดความรอ้ นและปฏกิ ริ ิยา ไปกับการจัดเรียงตัวใหม่ของอะตอมของสารปฏิกิริยา คายความรอ้ นจากการเปลยี่ นแปลง ที่มีการถ่ายโอนความร้อนจากส่ิงแวดล้อมเข้าสู่ระบบ พลงั งานความร้อนของปฏิกิรยิ า เป็นปฏิกิริยาดูดความร้อน ปฏิกิริยาท่ีมีการถ่ายโอน ความร้อนจากระบบออกสู่สิ่งแวดล้อมเป็นปฏิกิริยา คายความร้อน โดยใช้เคร่ืองมือท่ีเหมาะสมในการวัด อณุ หภมู เิ ชน่ เทอรม์ อมเิ ตอรห์ วั วดั ทส่ี ามารถตรวจสอบ การเปลย่ี นแปลงของอณุ หภูมิได้อย่างตอ่ เน่อื ง ว ๒.๑ ม.๓/๖ ๖. อธิบายปฏิกิริยาการเกิดสนิม • ปฏิกริ ิยาเคมีท่พี บในชวี ิตประจ�ำวนั มหี ลายชนิด เช่น ของเหล็ก ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะ ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหมก้ ารเกิดสนิมของเหลก็ ปฏิกริ ยิ า ปฏิกิริยาของกรดกับเบส และ ของกรดกับโลหะ ปฏิกิริยาของกรดกับเบส ปฏิกิริยา ปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ โดยใช้ ของเบสกับโลหะ การเกดิ ฝนกรด การสังเคราะห์ หลักฐานเชิงประจักษ์และอธิบาย ดว้ ยแสง ปฏิกริ ยิ าเคมสี ามารถเขยี นแทนได้ด้วย ปฏิกิริยาการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด สมการขอ้ ความ ซง่ึ แสดงชอ่ื ของสารตงั้ ตน้ และผลติ ภณั ฑ์ การสังเคราะห์ด้วยแสง โดยใช้ เชน่ เช้อื เพลิง + ออกซิเจน → คาร์บอนไดออกไซด์ สารสนเทศ รวมท้ังเขียนสมการ + นำ�้ ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหมเ้ ปน็ ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งสารกบั ข้อความแสดงปฏกิ ิรยิ าดังกลา่ ว ออกซเิ จน สารทเ่ี กดิ ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้ สว่ นใหญเ่ ปน็ สารประกอบท่ีมคี ารบ์ อนและไฮโดรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ ซงึ่ ถา้ เกดิ การเผาไหมอ้ ยา่ งสมบรู ณจ์ ะได้ ผลิตภณั ฑเ์ ปน็ คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ�
ชนั้ รหสั ตัวช้วี ดั ตวั ชี้วดั 106 ม.๓ สาระการเรียนรู้แกนกลาง • การเกิดสนมิ ของเหลก็ เกิดจากปฏิกิริยาเคมรี ะหวา่ ง เหลก็ น�้ำ และออกซิเจน ไดผ้ ลติ ภณั ฑ์เปน็ สนมิ ของเหลก็ • ปฏกิ ริ ิยาการเผาไหมแ้ ละการเกดิ สนิมของเหลก็ เป็นปฏกิ ริ ิยาระหว่างสารตา่ งๆ กับออกซเิ จน • ปฏิกิรยิ าของกรดกบั โลหะกรด ท�ำปฏิกริ ยิ ากับโลหะ ได้หลายชนดิ ได้ผลิตภณั ฑ์เป็นเกลือของโลหะและ แกส๊ ไฮโดรเจน • ปฏกิ ริ ยิ าของกรดกับสารประกอบคาร์บอเนตได้ ผลิตภัณฑเ์ ป็น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เกลือของโลหะ และนำ้� • ปฏิกิริยาของกรดกับเบส ได้ผลิตภัณฑ์เป็นเกลือของ โลหะและน้ำ� หรืออาจได้เพียงเกลอื ของโลหะ • ปฏิกิริยาของเบสกับโลหะบางชนิด ได้ผลิตภัณฑ์เป็น เกลอื ของเบสและแกส๊ ไฮโดรเจน • การเกิดฝนกรด เป็นผลจากปฏิกริ ยิ าระหวา่ งนำ้� ฝนกบั ออกไซด์ของไนโตรเจน หรือออกไซด์ของซัลเฟอร์ท�ำให้ น�้ำฝนมสี มบตั ิเป็นกรด • การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช เป็นปฏิกิริยาระหว่าง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์กบั นำ้� โดยมแี สงชว่ ยในการเกดิ ปฏกิ ริ ิยา ไดผ้ ลิตภัณฑ์เปน็ น�ำ้ ตาลกลูโคสและออกซิเจน
107 ชนั้ รหัสตัวชี้วดั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.๓ ว ๒.๑ ม.๓/๗ ๗. ระบปุ ระโยชนแ์ ละโทษ • ปฏิกิริยาเคมที ีพ่ บในชีวติ ประจำ�วนั มที ง้ั ประโยชน์ ว ๒.๑ ม.๓/๘ ของปฏิกริ ิยาเคมที ีม่ ีตอ่ สงิ่ มชี ีวติ และโทษต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม จึงต้องระมัดระวัง และส่ิงแวดล้อมและยกตัวอย่าง ผลจากปฏกิ ิริยาเคมีตลอดจนรูจ้ กั วิธปี ้องกนั และ ว ๒.๓ ม.๓/๑ วิธกี ารปอ้ งกนั และ แก้ปัญหา แกป้ ญั หาทเ่ี กดิ จากปฏกิ ริ ยิ าเคมที ีพ่ บในชีวิตประจ�ำ วนั ที่เกดิ จากปฏกิ ิรยิ าเคมที ี่พบ • ความรเู้ กยี่ วกบั ปฏกิ ริ ยิ าเคมสี ามารถน�ำ ไปใชป้ ระโยชน์ ว ๒.๓ ม.๓/๒ ในชีวติ ประจำ�วันจากการสืบคน้ ในชวี ติ ประจ�ำ วนั และสามารถบรู ณาการกบั คณติ ศาสตร์ ว ๒.๓ ม.๓/๓ ข้อมลู เทคโนโลยแี ละวศิ วกรรมศาสตร์ เพอื่ ใชป้ รบั ปรงุ ผลติ ภณั ฑ์ ว ๒.๓ ม.๓/๔ ๘. ออกแบบวิธแี ก้ปญั หา ใหม้ คี ณุ ภาพตามต้องการหรอื อาจสรา้ งนวัตกรรม ในชวี ิตประจ�ำ วันโดยใช้ เพอ่ื ป้องกนั และแก้ปัญหาทเี่ กิดขึน้ จากปฏิกิริยาเคมี ความรเู้ กยี่ วกบั ปฏกิ ริ ิยาเคมี โดยใชค้ วามรเู้ กย่ี วกบั ปฏกิ ริ ยิ าเคมี เชน่ การเปลยี่ นแปลง โดยบูรณาการวิทยาศาสตร์ พลงั งานความร้อนอันเน่อื งมาจากปฏิกริ ยิ าเคมี คณิตศาสตร์ เทคโนโลยแี ละ การเพมิ่ ปรมิ าณผลผลิต วศิ วกรรมศาสตร์ ๑. วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง • เมื่อตอ่ วงจรไฟฟ้าครบวงจรจะมีกระแสไฟฟ้าออกจาก ความต่างศักย์กระแสไฟฟ้าและ ขว้ั บวก ผา่ นวงจรไฟฟา้ ไปยงั ขวั้ ลบของแหลง่ ก�ำ เนดิ ไฟฟา้ ความตา้ นทานและค�ำ นวณปรมิ าณ ซง่ึ วัดคา่ ได้จากแอมมิเตอร์ ทเ่ี กี่ยวขอ้ งโดยใชส้ มการ V = IR • ค่าท่ีบอกความแตกต่างของพลังงานไฟฟ้าต่อหน่วย จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ ประจุระหวา่ งจดุ ๒ จดุ เรียกวา่ ความต่างศักยซ์ ่ึงวัดค่า ๒. เขยี นกราฟความสมั พันธ์ ได้จากโวลตม์ ิเตอร์ ระหวา่ งกระแสไฟฟา้ และ • ขนาดของกระแสไฟฟ้ามคี ่าแปรผนั ตรงกบั ความ ความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ ตา่ งศกั ย์ระหว่างปลายทง้ั สองของตัวนำ�โดยอตั ราสว่ น ๓. ใช้โวลตม์ ิเตอรแ์ อมมิเตอร์ ระหวา่ งความตา่ งศกั ย์และกระแสไฟฟ้ามคี า่ คงที่ ในการวดั ปรมิ าณทางไฟฟา้ เรยี กค่าคงทนี่ ว้ี า่ ความตา้ นทาน ๔. วิเคราะห์ความต่างศักย์ ไฟฟา้ • ในวงจรไฟฟา้ ประกอบดว้ ยแหลง่ ก�ำ เนดิ ไฟฟา้ สายไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละช้ิน มีความ เมื่อต่อตัวต้านทานหลายตัวแบบ ต้านทานในการต่อตัวต้านทานหลายตัว มีท้ังต่อแบบ อนุกรมและแบบขนานจากหลัก อนุกรมและแบบขนาน ฐานเชงิ ประจักษ์
108 ชั้น รหัสตวั ชี้วดั ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๓ ว ๒.๓ ม.๓/๕ ๕. เขียนแผนภาพวงจรไฟฟา้ • การต่อตัวต้านทานหลายตัวแบบอนุกรมในวงจรไฟฟ้า แสดงการต่อตัวต้านทานแบบ ความต่างศักย์ที่คร่อมตัวต้านทานแต่ละตัวมีค่าเท่ากับ อนกุ รมและขนาน ผลรวมของความตา่ งศกั ยท์ ค่ี รอ่ มตวั ตา้ นทานแตล่ ะตวั โดย กระแสไฟฟ้าท่ผี ่านตัวตา้ นทานแตล่ ะตวั มีคา่ เทา่ กนั ว ๒.๓ ม.๓/๖ ๖. บรรยายการท�ำ งานของชน้ิ สว่ น • การต่อตัวต้านทานหลายตัวแบบขนานในวงจรไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อย่างง่ายในวงจร กระแสไฟฟ้าท่ีผ่านวงจรมีค่าเท่ากับผลรวมของกระแส จากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ ไฟฟ้า ท่ีผ่านตัวต้านทานแต่ละตัว โดยความต่างศักย์ ว ๒.๓ ม.๓/๗ ๗. เขยี นแผนภาพและต่อช้ินส่วน ทคี่ รอ่ มตวั ตา้ นทานแต่ละตัวมีคา่ เทา่ กัน อิเล็กทรอนิกส์อย่างง่ายในวงจร • ช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีหลายชนิด เช่น ตัวต้านทาน ไฟฟา้ ไดโอด ทรานซิสเตอร์ตวั เก็บประจุโดยชน้ิ ส่วนแตล่ ะชนิด ท�ำ หน้าทแี่ ตกตา่ งกันเพอื่ ให้วงจรท�ำ งานไดต้ ามต้องการ • ตัวต้านทานทำ�หน้าท่ีควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าใน วงจรไฟฟา้ ไดโอด ท�ำ หนา้ ทใี่ หก้ ระแสไฟฟา้ ผา่ นทางเดยี ว ทรานซิสเตอร์ทำ�หน้าที่เป็นสวิตช์ปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้า และควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าตัวเก็บประจุทำ�หน้าที่ เก็บและคายประจไุ ฟฟ้า • เคร่ืองใช้ไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบด้วยชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ หลายชนิดท่ีทำ�งานร่วมกัน การต่อวงจร อิเล็กทรอนิกส์ โดยเลือกใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ท่ี เหมาะสมตามหน้าที่ของช้ินส่วนนั้นๆ จะสามารถทำ�ให้ วงจรไฟฟ้าทำ�งานไดต้ ามตอ้ งการ ว ๒.๓ ม.๓/๘ ๘. อธบิ ายและคำ�นวณ • เคร่ืองใช้ไฟฟ้าจะมีค่ากำ�ลังไฟฟ้าและความต่างศักย์ พลงั งานไฟฟา้ โดยใชส้ มการ กำ�กับไว้ กำ�ลังไฟฟ้ามีหน่วยเป็นวัตต์ความต่างศักย์ W = Pt รวมทงั้ คำ�นวณ มหี นว่ ยเปน็ โวลต์ คา่ ไฟฟา้ สว่ นใหญค่ ดิ จากพลงั งานไฟฟา้ คา่ ไฟฟา้ ของเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ท่ีใช้ท้ังหมด ซึ่งหาได้จากผลคูณของกำ�ลังไฟฟ้าในหน่วย ในบา้ น กิโลวัตต์กับเวลาในหน่วยชั่วโมง พลังงานไฟฟ้ามีหน่วย เป็นกิโลวัตตช์ ่วั โมง หรือหนว่ ย
109 ชั้น รหสั ตวั ชว้ี ัด ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ว ๒.๓ ม.๓/๙ ๙. ตระหนกั ในคณุ ค่าของการ • วงจรไฟฟ้าในบ้านมีการต่อเคร่ืองใช้ไฟฟ้าแบบขนาน เลอื กใชเ้ ครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ เพอื่ ใหค้ วามตา่ งศกั ยเ์ ทา่ กนั การใชเ้ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ในชวี ติ ว ๒.๓ ม.๓/๑๐ โดยนำ�เสนอวธิ กี ารใช้ ประจำ�วันต้องเลือกใช้เคร่ืองใช้ไฟฟ้าท่ีมีความต่างศักย์ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าอยา่ งประหยัด และกำ�ลังไฟฟา้ ให้เหมาะกับการใช้งานและการใช้ ว ๒.๓ ม.๓/๑๑ และปลอดภยั เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าต้องใช้อย่างถูกต้อง ว ๒.๓ ม.๓/๑๒ ปลอดภยั และประหยดั ๑๐. สร้างแบบจำ�ลองที่อธิบาย • คลนื่ เกดิ จากการส่งผ่านพลงั งาน โดยอาศัยตัวกลาง การเกิดคล่ืนและบรรยาย และไมอ่ าศัยตวั กลางในคลืน่ กล พลงั งานจะถูกถา่ ยโอน ส่วนประกอบของคลนื่ ผ่านตัวกลางโดยอนุภาคของตัวกลางไม่เคล่ือนท่ีไปกับ คลื่น คล่นื ท่ีแผอ่ อกมาจากแหลง่ ก�ำเนิดคลืน่ อยา่ ง ตอ่ เน่อื งและมีรปู แบบที่ซำ้� กัน บรรยายไดด้ ว้ ย ความยาวคลืน่ ความถแี่ อมพลิจดู ๑๑. อธิบายคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า • คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟา้ เป็นคลืน่ ทไ่ี ม่อาศัยตวั กลาง และสเปกตรมั คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ในการเคลื่อนทีม่ คี วามถตี่ ่อเน่อื งเปน็ ชว่ งกว้างมาก จากข้อมูลทรี่ วบรวมได้ เคลอ่ื นทใี่ นสญู ญากาศดว้ ยอตั ราเรว็ เทา่ กนั แตจ่ ะเคลอื่ นที่ ๑๒. ตระหนักถึงประโยชน์และ ด้วยอัตราเร็วต่างกันในตัวกลางอื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อันตรายจากคล่ืนแม่เหล็ก ไฟฟ้า แบ่งออกเป็นช่วงความถี่ต่างๆ เรียกว่า สเปกตรัมของ โดยนำ�เสนอการใช้ประโยชน์ คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า แต่ละช่วงความถ่ีมีช่ือเรียกต่างกัน ในด้านต่างๆ และอันตรายจาก ได้แก่คล่ืนวิทยุไมโครเวฟ อินฟราเรดแสงท่ีมองเห็น คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ในชวี ติ ประจ�ำ วนั อัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ์ และรังสีแกมมา ซ่ึงสามารถ น�ำ ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ • เลเซอร์เป็นคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้าทีม่ คี วามยาว คล่ืนเดียวเป็นลำ�แสงขนานและมีความเข้มสูง นำ�ไปใช้ ประโยชน์ในดา้ นต่างๆ เช่น ดา้ นการสื่อสาร มีการใช้เลเซอรส์ ำ�หรบั ส่งสารสนเทศผา่ นเส้นใยน�ำ แสง โดยอาศยั หลกั การการสะทอ้ นกลบั หมด ของแสง ดา้ นการแพทยใ์ ช้ในการผ่าตัด
110 ชนั้ รหัสตวั ชวี้ ดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.๓ • คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ นอกจากจะสามารถนำ�ไปใช้ ประโยชนแ์ ลว้ ยงั มีโทษต่อมนุษย์ดว้ ย เช่น ถา้ มนุษย์ ได้รบั รังสีอลั ตราไวโอเลตมากเกินไป อาจจะท�ำ ให้เกดิ มะเรง็ ผวิ หนัง หรือถ้าไดร้ ังสแี กมมาซึง่ เป็นคลืน่ แม่เหล็ก ไฟฟ้าทมี่ พี ลงั งานสงู และสามารถทะลผุ า่ นเซลล์และ อวยั วะได้ อาจท�ำ ลายเน้ือเยื่อหรืออาจทำ�ใหเ้ สยี ชีวิต ไดเ้ มอื่ ได้รบั รังสีแกมมาในปริมาณสูง ว ๒.๓ ม.๓/๑๓ ๑๓. ออกแบบการทดลองและ • เม่อื แสงตกกระทบวัตถุจะเกดิ การสะท้อนซึง่ เป็นไป ว ๒.๓ ม.๓/๑๔ ดำ�เนินการทดลองด้วยวธิ ีที่ ตามกฎการสะทอ้ นของแสง โดยรังสตี กกระทบเส้น ว ๒.๓ ม.๓/๑๕ เหมาะสมในการอธบิ ายกฎการ แนวฉาก รงั สีสะทอ้ นอย่ใู นระนาบเดยี วกนั และ สะทอ้ นของแสง มุมตกกระทบเทา่ กบั มมุ สะท้อน ภาพจากกระจกเงา ว ๒.๓ ม.๓/๑๖ ๑๔. เขียนแผนภาพการเคลอื่ นที่ เกดิ จากรังสสี ะท้อนตดั กันหรอื ตอ่ แนวรงั สสี ะท้อน ว ๒.๓ ม.๓/๑๗ ของแสง แสดงการเกิดภาพจาก ให้ตดั กนั โดยถ้ารังสีสะทอ้ นตัดกนั จรงิ จะเกิดภาพจรงิ ว ๒.๓ ม.๓/๑๘ กระจกเงา แตถ่ ้าต่อแนวรงั สสี ะทอ้ นให้ไปตดั กันจะเกิดภาพเสมือน ๑๕. อธบิ ายการหกั เหของแสงเมอื่ • เมอ่ื แสงเดินทางผา่ นตัวกลางโปร่งใสท่ีแตกต่างกัน เชน่ ผา่ นตวั กลางโปรง่ ใสทแ่ี ตกตา่ งกนั อากาศและน้�ำ อากาศและแกว้ จะเกิดการหกั เหหรืออาจ และอธบิ าย การกระจายแสงของ เกิดการสะทอ้ นกลบั หมด ในตัวกลางท่ีแสงตกกระทบ แสงขาวเมื่อผ่านปริซึมจาก การหักเหของแสงผ่านเลนส์ท�ำให้เกิดภาพท่ีมีชนิดและ หลักฐานเชิงประจักษ์ ขนาดตา่ งๆ ๑๖. เขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ • แสงขาวประกอบดว้ ยแสงสตี า่ งๆ เมอื่ แสงขาวผา่ นปรซิ มึ ของแสงแสดงการเกิดภาพจาก จะเกดิ การกระจายแสง เปน็ แสงสตี า่ งๆ เรยี กวา่ สเปกตรมั เลนส์บาง ของแสงขาว เมื่อเคล่ือนที่ในตัวกลางใดๆ ท่ีไม่ใช่อากาศ จะมีอัตราเรว็ ตา่ งกนั จงึ มกี ารหกั เหตา่ งกัน ๑๗. อธบิ ายปรากฏการณ์ • การสะท้อนและการหกั เหของแสงนำ�ไปใช้อธบิ าย ทเี่ กย่ี วกบั แสงและการท�ำ งานของ ปรากฏการณ์ท่เี กี่ยวกับแสง เชน่ รุ้ง มิราจ และอธิบาย ทัศนอุปกรณจ์ ากข้อมูล การทำ�งานของทัศนอุปกรณ์ เชน่ แวน่ ขยายกระจกโคง้ ทร่ี วบรวมได้ จราจร กล้องโทรทรรศน์กลอ้ งจลุ ทรรศน์และแวน่ สายตา ๑๘. เขียนแผนภาพการเคลื่อนท่ี • ในการมองวตั ถุ เลนสต์ าจะถกู ปรบั โฟกสั เพอื่ ใหเ้ กดิ ภาพชดั ของแสงแสดงการเกิดภาพของ ทีจ่ อตา ความบกพรอ่ งทางสายตา ทศั นอปุ กรณ์และเลนส์ตา
111 ชั้น รหัสตวั ชว้ี ัด ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.๓ เชน่ สายตาสน้ั และสายตายาว เป็นเพราะต�ำ แหน่ง ที่เกิดภาพไม่ได้อยู่ที่จอตาพอดี จึงต้องใช้เลนส์ในการ ว ๒.๓ ม.๓/๑๙ แก้ไข เพื่อชว่ ยให้มองเหน็ เหมอื นคนสายตาปกติ ว ๒.๓ ม.๓/๒๐ โดยคนสายตาสั้นใชเ้ ลนส์เวา้ สว่ นคนสายตายาว ว ๓.๑ ม.๓/๑ ใชเ้ ลนสน์ นู ว ๓.๑ ม.๓/๒ ๑๙. อธิบายผลของความสวา่ ง • ความสวา่ งของแสงมีผลตอ่ ดวงตามนุษย์ การใชส้ ายตา ทีม่ ตี ่อดวงตาจากขอ้ มลู ท่ไี ด้จาก ในสภาพแวดล้อมท่ีมีความสว่างไม่เหมาะสม จะเป็น การสบื ค้น อันตรายต่อดวงตา เชน่ การดูวตั ถุในท่ีมคี วามสวา่ งมาก ๒๐. ตระหนกั ในคณุ ค่าของความ หรือน้อยเกินไป การจ้องดูหน้าจอภาพเป็นเวลานาน รู้เรื่อง ความสวา่ งขอแสงที่มตี ่อ ความสว่างบนพ้ืนทีร่ บั แสงมหี น่วยเปน็ ลกั ซ์ ความรู้ ดวงตา โดยวิเคราะห์สถานการณ์ เกยี่ วกับความสว่างสามารถน�ำ มาใชจ้ ัดความสวา่ ง ปัญหาและเสนอแนะการจดั ให้เหมาะสมกบั การท�ำ กิจกรรมต่างๆ เชน่ การจัด ความสวา่ งใหเ้ หมาะสมในการท�ำ ความสว่างที่เหมาะสมส�ำ หรับการอา่ นหนังสือ กจิ กรรมต่างๆ ๑. อธิบายการโคจรของ • ในระบบสรุ ยิ ะมดี วงอาทติ ยเ์ ปน็ ศูนย์กลาง โดยมี ดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ ดาวเคราะหแ์ ละบรวิ าร ดาวเคราะห์แคระ ด้วยแรงโนม้ ถ่วงจากสมการ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหางและอ่ืนๆ เช่น วตั ถคุ อยเปอร์ F-(Gm1 m2)/r2 โคจรอยู่โดยรอบ ซ่ึงดาวเคราะห์และวัตถุเหล่าน้ีโคจร รอบดวงอาทติ ยด์ ว้ ยแรงโนม้ ถ่วง แรงโน้มถว่ ง เปน็ แรงดงึ ดูดระหว่างวตั ถุสองวตั ถุ โดยเปน็ สดั ส่วนกับ ผลคูณของมวลทง้ั สองและเป็นสัดสว่ นผกผันกบั ก�ำ ลงั สองของระยะทางระหวา่ งวตั ถทุ ง้ั สอง แสดงไดโ้ ดย สมการ F-(Gm1m2)/r2เมอื่ F แทนความโนม้ ถว่ งระหวา่ ง มวลทั้งสอง G แทนค่านิจโนม้ ถ่วงสากล m1 แทนมวล ของวตั ถุแรก m2 แทนมวลของวตั ถุทส่ี องและ r แทน ระยะหา่ งระหว่างวัตถุทัง้ สอง ๒. สร้างแบบจำ�ลองทีอ่ ธิบาย • การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะที่แกนโลก การเกดิ ฤดูและการเคลื่อนที่ เอยี งกบั แนวตง้ั ฉากของระนาบทางโคจรท�ำ ใหส้ ว่ นตา่ งๆ ปรากฏของดวงอาทิตย์ บนโลกไดร้ บั ปรมิ าณแสงจากดวงอาทติ ย์แตกต่างกัน ในรอบปีเกิดเป็นฤดกู ลางวนั กลางคืนยาวไมเ่ ท่ากันและ ตำ�แหน่งการข้ึนและตกของดวงอาทิตยท์ ่ขี อบฟ้าและ เส้นทางการขึน้ และตกของดวงอาทติ ย์เปล่ียนไปใน รอบปี ซ่ึงสง่ ผลตอ่ การด�ำ รงชีวิต
112 ชั้น รหัสตัวชว้ี ัด ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ม.๓ ว ๓.๑ ม.๓/๓ ๓. สรา้ งแบบจ�ำลองทีอ่ ธิบาย • ดวงจันทร์โคจรรอบโลก โลกและดวงจนั ทร์โคจร การเกดิ ขา้ งขนึ้ ข้างแรม รอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์รับแสงจากดวงอาทิตย์ การเปลยี่ นแปลงเวลา การขน้ึ และ ครง่ึ ดวงตลอดเวลา เมื่อดวงจันทร์โคจรรอบโลก ตกของดวงจนั ทรแ์ ละการเกดิ ไดห้ นั สว่ นสวา่ งมายงั โลกแตกต่างกัน จึงท�ำให้คนบนโลก น้�ำขึน้ น้�ำลง สงั เกตสว่ นสวา่ งของดวงจนั ทรแ์ ตกตา่ งไปในแตล่ ะวนั เกดิ เป็นขา้ งข้นึ ข้างแรม • ดวงจันทร์โคจรรอบโลกในทศิ ทางเดียวกันกบั ทีโ่ ลก หมนุ รอบตวั เอง จงึ ท�ำใหเ้ หน็ ดวงจนั ทรข์ นึ้ ชา้ ไปประมาณ วนั ละ ๕๐ นาที • แรงโนม้ ถว่ งท่ีดวงจนั ทร์ ดวงอาทิตยก์ ระท�ำตอ่ โลก ท�ำให้เกิดปรากฏการณ์น�ำ้ ขน้ึ น�ำ้ ลง ซงึ่ สง่ ผลตอ่ สิ่งแวดลอ้ มและสงิ่ มีชีวติ บนโลก วันท่ีนำ�้ มรี ะดบั การขึน้ สูงสดุ และลงต�ำ่ สุดเรยี ก วันนำ้� เกิด สว่ นวนั ทรี่ ะดับน�ำ้ มีการขึ้นและลงน้อย เรียกวันน�้ำตาย โดยวันน้�ำเกิด น�้ำตาย มีความสมั พนั ธ์กบั ขา้ งขนึ้ ขา้ งแรม ว ๓.๑ ม.๓/๔ ๔. อธบิ ายการใชป้ ระโยชน์ • เทคโนโลยอี วกาศไดม้ บี ทบาทตอ่ การด�ำรงชวี ติ ของมนษุ ย์ ของเทคโนโลยีอวกาศและ ในปัจจุบันมากมาย มนุษยไ์ ดใ้ ช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยี ยกตวั อย่างความก้าวหน้า อวกาศ เช่น ระบบน�ำทางดว้ ยดาวเทยี ม (GNSS) ของโครงการสำ�รวจอวกาศ การตดิ ตามพายสุ ถานการณไ์ ฟป่า ดาวเทยี มชว่ ยภัยแล้ง จากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ การตรวจคราบนำ้� มันในทะเล • โครงการส�ำรวจอวกาศต่างๆ ได้พัฒนาเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจต่อโลก ระบบสุริยะและเอกภพมากข้ึนเป็น ล�ำดบั ตวั อยา่ ง โครงการส�ำรวจอวกาศ เช่น การส�ำรวจ สงิ่ มชี วี ติ นอกโลก การส�ำรวจดาวเคราะหน์ อกระบบสรุ ยิ ะ การส�ำรวจดาวองั คารและบรวิ ารอน่ื ของดวงอาทติ ย์ ว ๔.๑ ม.๓/๑ ๑. วิเคราะห์สาเหตุหรอื ปัจจยั • เทคโนโลยีมกี ารเปล่ียนแปลงตลอดเวลาตง้ั แตอ่ ดตี ที่สง่ ผลต่อการเปลย่ี นแปลง จนถึงปัจจุบนั ซึ่งมสี าเหตหุ รอื ปจั จยั มาจากหลายดา้ น ของเทคโนโลยีและความสมั พนั ธ์ เชน่ ปัญหาหรอื ความตอ้ งการของมนุษย์ ความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีกับศาสตร์อืน่ ของศาสตร์ต่างๆ การเปล่ียนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์หรือ สังคม วฒั นธรรม สง่ิ แวดลอ้ ม คณติ ศาสตรเ์ พอ่ื เปน็ แนวทางการ • เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะ แก้ปญั หาหรือพฒั นางาน วิทยาศาสตร์โดยวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานความรู้ท่ีนำ�ไป สู่การพัฒนาเทคโนโลยีและเทคโนโลยีท่ีได้สามารถเป็น เคร่ืองมือทใ่ี ชใ้ นการศึกษาค้นคว้าเพ่อื ใหไ้ ด้มา ซงึ่ องค์ความร้ใู หม่
113 ชั้น รหสั ตวั ชีว้ ัด ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ม.๓ ว ๔.๑ ม.๓/๒ ๒. ระบปุ ญั หาหรือความตอ้ งการ • ปัญหาหรือความต้องการอาจพบได้ในงานอาชีพ ของชมุ ชนหรอื ทอ้ งถน่ิ เพอ่ื พฒั นางาน ของชุมชนหรือท้องถิ่น ซง่ึ อาจมีหลายด้าน เช่น ดา้ น อาชพี สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวม การเกษตร อาหาร พลงั งาน การขนสง่ วเิ คราะหข์ อ้ มลู และแนวคดิ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง • การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา ช่วยให้เข้าใจ กับปัญหา โดยค�ำนึงถงึ ความถกู ต้อง เง่อื นไขและกรอบของปัญหาได้ชดั เจน ดา้ นทรพั ย์สนิ ทางปัญญา จากนนั้ ดำ�เนนิ การสืบค้น รวบรวมข้อมลู ความรูจ้ ากศาสตรต์ า่ งๆ ที่เก่ียวขอ้ ง เพ่อื น�ำ ไปสู่การ ออกแบบแนวทางการแก้ปญั หา ว ๔.๑ ม.๓/๓ ๓. ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา • การวเิ คราะห์เปรียบเทียบและตดั สนิ ใจเลือกขอ้ มูล ว ๔.๑ ม.๓/๔ โดยวเิ คราะห์ เปรียบเทียบและ ท่ีจำ�เป็น โดยคำ�นึงถึงทรัพย์สินทางปัญญา เง่ือนไข ตัดสนิ ใจเลือกขอ้ มลู ท่ีจ�ำ เป็น และทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลาข้อมูลและ ภายใต้เง่อื นไขและทรพั ยากร สารสนเทศ วัสดุ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ ช่วยให้ได้ ทมี่ อี ยู่ นำ�เสนอแนวทางการ แนวทางการแก้ปญั หาท่ีเหมาะสม แก้ปัญหาให้ผู้อ่ืนเข้าใจด้วยเทคนิค • การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำ�ได้ หรือวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย วางแผน หลากหลายวิธี เช่น การร่างภาพ การเขยี นแผนภาพ ขั้นตอนการท�ำ งานและดำ�เนนิ การ การเขียนผังงาน แก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ขั้นตอน • เทคนคิ หรอื วธิ กี ารในการน�ำ เสนอแนวทาง การแก้ปัญหามีหลากหลาย เช่น การใช้แผนภูมิ ตาราง ภาพเคล่อื นไหว • การกำ�หนดข้ันตอนและระยะเวลาในการทำ�งาน กอ่ นด�ำ เนนิ การแกป้ ญั หาจะชว่ ยใหก้ ารท�ำ งานส�ำ เรจ็ ได้ตามเป้าหมายและลดข้อผิดพลาดของการทำ�งาน ท่ีอาจเกิดขึน้ ๔. ทดสอบ ประเมนิ ผล วเิ คราะหแ์ ละ • การทดสอบและประเมินผลเปน็ การตรวจสอบชนิ้ ใหเ้ หตผุ ลของปญั หาหรอื ขอ้ บกพรอ่ ง งานหรือวิธกี ารวา่ สามารถแก้ปญั หาได้ตาม ท่เี กิดขนึ้ ภายใตก้ รอบเงอื่ นไขพรอ้ มทั้ง วัตถุประสงคภ์ ายใตก้ รอบของปญั หา เพอื่ หาข้อ หาแนวทางการปรบั ปรงุ แก้ไขและ บกพรอ่ ง และด�ำเนนิ การปรบั ปรุง โดยอาจทดสอบ น�ำ เสนอ ผลการแกป้ ญั หา ซ�้ำเพ่อื ให้สามารถแกไ้ ขปัญหาได้ • การนำ�เสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิด เพื่อ ให้ผู้อื่นเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำ�งานและชิ้น งานหรือวิธีการท่ีได้ซึ่งสามารถทำ�ได้หลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน การทำ�แผ่น นำ�เสนอผลงาน การจัดนทิ รรศการ การน�ำ เสนอผา่ นสอ่ื ออนไลน์
114 ชัน้ รหัสตัวชวี้ ดั ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๓ ว ๔.๑ ม.๓/๕ ๕. ใช้ความรู้และทักษะเก่ียวกับ • วัสดุแต่ละประเภทมีสมบัติแตกต่างกัน เช่น ไม้ โลหะ วัสดุอุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก พลาสตกิ เซรามกิ จงึ ต้องมีการวเิ คราะห์สมบัติ เพ่อื เลอื กใช้ ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน ให้ถูกต้องกับลักษณะของงาน • การสร้างช้นิ งานอาจใชค้ วามรเู้ ร่อื งกลไก ไฟฟา้ และปลอดภัยเพ่ือแก้ปัญหาหรือ อิเล็กทรอนิกส์เช่น LED LDR มอเตอร์เฟือง คาน รอก พฒั นางาน ล้อ เพลา • อปุ กรณแ์ ละเคร่ืองมือในการสรา้ งชิน้ งานหรือพฒั นาวิธี การ มหี ลายประเภท ตอ้ งเลอื กใชใ้ หถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสมและ ปลอดภยั รวมทงั้ รู้จักเกบ็ รกั ษา ว ๔.๒ ม.๓/๑ ๑. พฒั นาแอปพลเิ คชัน • ขน้ั ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชัน ที่มีการบูรณาการกับวชิ าอนื่ • Internet of Things อยา่ งสร้างสรรค์ • ซอฟต์แวรท์ ่ใี ชใ้ นการพฒั นา แอปพลิเคชัน เช่น Scratch, python, java, c, AppInventor • ตัวอย่างแอปพลิเคชัน เช่น โปรแกรมแปลงสกุลเงิน โปรแกรมผันเสียงวรรณยุกต์ โปรแกรมจำ�ลองการแบ่ง เซลล์ระบบรดน�้ำ อัตโนมัติ ว ๔.๒ ม.๓/๒ ๒. รวบรวมขอ้ มลู ประมวลผล • การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมลู ปฐมภมู แิ ละ ประเมินผล นำ�เสนอขอ้ มูลและ ทุติยภูมิประมวลผล สร้างทางเลือกประเมินผลจะท�ำ ให้ สารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดย ไดส้ ารสนเทศเพอื่ ใชใ้ นการแกป้ ญั หา หรอื การตดั สนิ ใจได้ ใชซ้ อฟต์แวรห์ รือบริการ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ บนอนิ เทอรเ์ น็ตทีห่ ลากหลาย • การประมวลผลเป็นการกระทำ�กับข้อมูล เพื่อให้ได้ ผลลพั ธท์ ม่ี คี วามหมายและมปี ระโยชนต์ อ่ การน�ำ ไปใชง้ าน • การใช้ซอฟต์แวรห์ รอื บรกิ ารบนอนิ เทอร์เน็ต ท่ีหลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สร้างทางเลอื ก ประเมินผล น�ำ เสนอ จะช่วยให้แกป้ ัญหาได้อย่างรวดเรว็ ถกู ต้องและแมน่ ย�ำ • ตัวอย่างปัญหา เช่น การเลือก โปรโมชันโทรศัพท์ให้ เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งาน สินคา้ เกษตร ที่ต้องการและสามารถปลกู ไดใ้ นสภาพดินของทอ้ งถ่ิน
115 ช้นั รหัสตวั ช้วี ดั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ม.๓ ว ๔.๒ ม.๓/๓ ๓. ประเมนิ ความน่าเช่อื ถือ • การประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถือของขอ้ มลู เชน่ ของขอ้ มูล วิเคราะหส์ อื่ และ ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล โดยเทียบเคียงจากข้อมูล ว ๔.๒ ม.๓/๔ ผลกระทบจากการใหข้ ่าวสาร หลายแหล่ง แยกแยะข้อมูลท่ีเป็นข้อเท็จจริงและข้อคิด ท่ผี ิดเพือ่ การใช้งาน เหน็ หรอื ใช้ PROMPT อยา่ งรู้เทา่ ทัน • การสืบค้น หาแหลง่ ตน้ ตอของข้อมูล • เหตุผลวิบตั (ิ logical fallacy) • ผลกระทบจากข่าวสารที่ผดิ พลาด • การรูเ้ ท่าทันสอ่ื เชน่ การวิเคราะหถ์ ึงจุดประสงค์ ของ ข้อมลู และผู้ใหข้ ้อมลู ตคี วาม แยกแยะเนอ้ื หาสาระของ สื่อ เลือกแนวปฏบิ ตั ไิ ด้อยา่ งเหมาะสม เมอื่ พบขอ้ มลู ตา่ งๆ ๔. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เชน่ ปลอดภัยและ มีความรับผิดชอบ การทำ�ธุรกรรมออนไลนก์ ารซอ้ื สนิ คา้ ซอื้ ซอฟตแ์ วร์ ต่อสังคม ปฏิบัติตามกฎหมาย คา่ บรกิ ารสมาชิกซ้ือไอเทม็ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ใช้ลิขสิทธ์ิ • การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งมคี วามรบั ผดิ ชอบ เชน่ ของผอู้ นื่ โดยชอบธรรม ไมส่ รา้ งขา่ วลวง ไมแ่ ชรข์ อ้ มลู โดยไมต่ รวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ • กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ • การใชล้ ิขสทิ ธ์ขิ องผอู้ ื่นโดยชอบธรรม (fair use)
116 รหัสวชิ า ว ๒๓๑๐๑ ค�ำ อธบิ ายรายวชิ า ชือ่ รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ เวลา ๔๐ ช่วั โมง จำ�นวน ๑ หน่วยกติ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วิเคราะห์ เปรียบเทียบองค์ประกอบของระบบนิเวศ รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตรูปแบบ ตา่ งๆ การสะสมสารพิษในสิง่ มชี ีวิตในโซอ่ าหารของระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงานในสายใยอาหาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง ยีนดีเอ็นเอ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการผสม การเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูก ความแตกต่างของ การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิส การเกิดโรคทางพันธุกรรม การใช้ประโยชน์จากส่ิงมีชีวิตท่ีมีการดัดแปร ความหลากหลายทางชีวภาพ การรักษาสมดุลของระบบนิเวศ การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ จากสมการความ กา้ วหนา้ ของโครงการส�ำรวจอวกาศ จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษแ์ ละข้อมูลสารสนเทศที่รวบรวมได้ ใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สรา้ งแบบจ�ำลอง อธบิ ายการถ่ายทอดพลงั งานในสายใยอาหาร การเกิด ฤดูและการเคล่ือนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ การเกิดข้างข้ึนข้างแรม การเปล่ียนแปลงเวลาการขึ้นและตกของดวงจันทร์ การเกดิ น้�ำขน้ึ น้�ำลง ส่งเสริมให้ผูเ้ รยี นมีความสามารถในการคิด การแกป้ ัญหา การส่อื สารให้ผู้อน่ื เขา้ ใจตระหนกั ถงึ ความสัมพันธข์ อง สิ่งมชี ีวติ และสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศ ความรเู้ รอ่ื งโรคทางพนั ธุกรรม ผลกระทบของสง่ิ มีชีวิต ดดั แปรพันธกุ รรม เห็นคุณคา่ และความส�ำคญั ของความหลากหลายทางชวี ภาพ การใชท้ กั ษะชวี ติ มสี ว่ นรว่ ม ในการดแู ลรกั ษาความหลากหลายทางชวี ภาพ มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมัน่ ในการท�ำงาน มีจิตสาธารณะ สามารถอยใู่ นสังคมอยา่ งมีความสขุ มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั ว ๑.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ว ๑.๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ม.๓/๗ ม.๓/๘ ม.๓/๙ ม.๓/๑๐ ม.๓/๑๑ ว ๓.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ รวม ๓ มาตรฐาน ๒๑ ตวั ช้ีวัด
117 รหัสวิชา ว ๒๓๑๐๒ ค�ำ อธิบายรายวิชา ชอ่ื รายวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง จำ�นวน ๑ หน่วยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วิเคราะห์ สมบัติทางกายภาพการใช้ประโยชน์วัสดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามกิ และวสั ดผุ สม การเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี การจดั เรยี งตวั ใหมข่ องอะตอม กฎทรงมวล ปฏกิ ริ ยิ าดดู ความรอ้ นและคายความรอ้ นจากการเปลยี่ นแปลงพลงั งานความรอ้ น ของปฏกิ ิรยิ า ปฏิกิรยิ าเคมที พ่ี บในชีวิตประจ�ำวัน ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักยก์ ระแสไฟฟา้ และความต้านทานโดยใช้ สมการ V=IR การท�ำงานของชิ้นส่วนอเิ ล็กทรอนกิ ส์อย่างง่ายในวงจร การเกดิ คลน่ื สว่ นประกอบของคล่ืน การกระจายแสง ของแสงขาว การท�ำงานของทศั นอปุ กรณ์ โดยใช้ขอ้ มูลสารสนเทศ และหลักฐานเชงิ ประจักษ์ ใชท้ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เขยี นแผนภาพ ออกแบบการทดลอง ใช้เคร่อื งมือสร้างช้ินงาน แสดงการ ต่อตัวต้านทานแบบอนุกรมและขนานสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้า การวัดปริมาณทางไฟฟ้า ความสวา่ งของแสง ตอ่ ชน้ิ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนกิ สอ์ ยา่ งงา่ ยในวงจรไฟฟา้ การเกดิ ภาพจากทศั นอปุ กรณแ์ ละเลนสต์ า ความสมั พนั ธ์ ของเทคโนโลยกี บั ศาสตร์อ่ืนๆในการแกป้ ัญหา ใชซ้ อฟต์แวรใ์ นการพัฒนาแอปพลเิ คชน่ั บูรณาการกับวชิ าอ่ืนอย่างสร้างสรรค์ ประเมินความนา่ เชื่อถือของข้อมลู ตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ ก่อนการเผยแพรข่ อ้ มูล สง่ เสริมให้ผู้เรียน มคี วามสามารถในการคดิ การแกป้ ญั หา การส่ือสารให้ผูอ้ น่ื เข้าใจและตระหนักถึงความส�ำคัญ ของปฏกิ ริ ิยาเคมีท่มี ผี ลกระทบตอ่ ชวี ิตและส่งิ แวดลอ้ ม มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยีออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหา การใช้ ทกั ษะชวี ติ น�ำความรไู้ ปใชใ้ นชวี ติ ประจ�ำวนั โดยค�ำนงึ ถงึ ผลกระทบทเ่ี กดิ ตอ่ ตนเอง สงั คมและสง่ิ แวดลอ้ ม มคี วามซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มีวินยั มงุ่ มัน่ ในการท�ำงาน อย่อู ยา่ งพอเพียงตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มจี ิตสาธารณะ สามารถอยูร่ ่วมกับผ้อู ่ืน อยา่ งมคี วามสุข มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั ว ๒.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ม.๓/๗ ม.๓/๘ ว ๒.๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ม.๓/๗ ม.๓/๘ ม.๓/๙ ม.๓/๑๐ ม.๓/๑๑ ม.๓/๑๒ ม.๓/๑๓ ม.๓/๑๔ ม.๓/๑๕ ม.๓/๑๖ ม.๓/๑๗ ม.๓/๑๘ ม.๓/๑๙ ม.๓/๒๐ ว ๔.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ว ๔.๒ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ รวม ๔ มาตรฐาน ๓๗ ตวั ช้ีวัด
118 กลุม่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม สาระที่ ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้และเขา้ ใจประวตั ิ ความส�ำ คัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนา ที่ตนนับถอื และศาสนาอนื่ มีศรัทธาทถี่ ูกตอ้ งยึดม่ันและปฏิบัติตามหลักธรรม เพื่ออย่รู ่วมกันอย่างสันติสุข มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจ ตระหนักและปฏบิ ัติตนเปน็ ศาสนิกชนทีด่ ี และธำ�รงรักษาพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาทต่ี นนับถือ สาระที่ ๒ หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการด�ำ เนนิ ชวี ิตในสงั คม มาตรฐาน ส ๒.๑ เข้าใจและปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ท่ขี องการเป็นพลเมอื งดี มคี า่ นิยมทดี่ ีงามและธำ�รงรักษา ประเพณีและวฒั นธรรมไทย ด�ำ รงชีวติ อยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลก อยา่ งสนั ติสขุ มาตรฐาน ส ๒.๒ เขา้ ใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจบุ นั ยดึ มน่ั ศรทั ธา และ ธ�ำ รงรกั ษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข สาระท่ี ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจดั การทรัพยากรในการผลติ และการบรโิ ภค การใช้ทรพั ยากร ทีม่ อี ยูจ่ ำ�กดั ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเขา้ ใจหลกั การ ของเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือการด�ำ รงชีวติ อย่างมดี ุลยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ เข้าใจระบบและสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกจิ และความจ�ำ เป็นของการรว่ มมอื กันทางเศรษฐกจิ ในสงั คมโลก สาระท่ี ๔ ประวัติศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจความหมาย ความส�ำ คญั ของเวลา และยคุ สมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ สามารถใชว้ ธิ กี ารทาง ประวัตศิ าสตรม์ าวิเคราะห์เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ อย่างเป็นระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพฒั นาการของมนษุ ยชาติจากอดีตจนถึงปัจจบุ ัน ในด้านความสัมพนั ธแ์ ละ การเปลย่ี นแปลงของเหตกุ ารณอ์ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ตระหนกั ถงึ ความส�ำ คญั และสามารถวเิ คราะห์ ผลกระทบท่ีเกดิ ข้นึ มาตรฐาน ส ๔.๓ เขา้ ใจความเป็นมาของชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาไทย มีความรกั ความภมู ใิ จ และธำ�รง ความเป็นไทย
119 สาระท่ี ๕ ภมู ศิ าสตร์ เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่ง ซ่ึงมีผลต่อกันใช้แผนที่ มาตรฐาน ส ๕.๑ และเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูล ตามกระบวนการทาง ภูมศิ าสตร์ ตลอดจนใช้ภูมสิ ารสนเทศอย่างมีประสทิ ธภิ าพ มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับส่ิงแวดล้อมทางกายภาพท่ีก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ วิถีการดำ�เนินชีวิต มีจิตสำ�นึก และมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร และส่ิงแวดล้อมเพื่อ การพัฒนาทย่ี ง่ั ยนื
120 ตวั ช้วี ัดสาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ช้ัน รหัสตัวชวี้ ดั ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.๑ ส ๑.๑ ม.๑/๑ ๑. อธิบายการเผยแผ่พระพุทธ • การสังคายนา ศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือสู่ • การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเข้าสูป่ ระเทศไทย ประเทศไทย ส ๑.๑ ม.๑/๒ ๒. วิเคราะห์ความสำ�คัญของ ความส�ำ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทย พระพุทธศาสนา หรือศาสนา ที่ตน ในฐานะเป็น นบั ถอื ทมี่ ตี อ่ ภาพแวดลอ้ มในสงั คม • ศาสนาประจำ�ชาติ ไทย รวมท้ังการพัฒนาตนและ • สถาบนั หลกั ของสังคมไทย ครอบครวั • สภาพแวดลอ้ มที่กวา้ งขวาง และครอบคลุม สงั คมไทย • การพัฒนาตนและครอบครวั ส ๑.๑ ม.๑/๓ ๓. วิเคราะห์พุทธประวัติตั้งแต่ • สรุปและวเิ คราะห์ พุทธประวตั ิ ประสตู ิ ประสูติจนถึงบำ�เพ็ญทุกรกิริยา เทวทตู ๔ การแสวงหาความร้กู ารบ�ำ เพ็ญทกุ รกริ ยิ า หรอื ประวตั ศิ าสดาทต่ี นนบั ถอื ตาม ทก่ี �ำ หนด ส ๑.๑ ม.๑/๔ ๔. วิเคราะห์ และประพฤติตน พทุ ธสาวก พุทธสาวกิ า ตามแบบอยา่ งการด�ำ เนนิ ชวี ติ และ • พระมหากสั สปะ ข้อคิดจากประวัติสาวก ชาดก/ • พระอุบาลี เร่ืองเล่า และศาสนิกชนตัวอย่าง • อนาถบณิ ฑกิ ะ ตามท่กี �ำ หนด • นางวสิ าขา ชาดก • อัมพชาดก • ติตตริ ชาดก ส ๑.๑ ม.๑/๕ ๕. อธิบายพุทธคุณ และข้อธรรม พระรัตนตรัย ส�ำ คญั ในกรอบอรยิ สจั ๔ หรอื หลกั • พทุ ธคุณ ๙ ธรรมของศาสนาทต่ี นนบั ถอื ตามท่ี อริยสจั ๔ ก�ำ หนดเหน็ คณุ คา่ และน�ำ ไปพฒั นา • ทกุ ข์ (ธรรมทีค่ วรรู้) แกป้ ญั หาของตนเองและครอบครวั ขนั ธ์ ๕ - ธาตุ ๔ • สมทุ ัย (ธรรมท่ีควรละ) หลกั กรรม - ความหมายและคุณค่า
121 ชนั้ รหัสตัวชว้ี ดั ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.๑ อบายมุข ๖ • นิโรธ (ธรรมทีค่ วรบรรล)ุ สขุ ๒ (กายิก เจตสกิ ) คิหสิ ขุ ส ๑.๑ ม.๑/๖ • มรรค (ธรรมทคี่ วรเจรญิ ) ไตรสกิ ขา กรรมฐาน ๒ ปธาน ๔ โกศล ๓ มงคล ๓๘ - ไม่คบคนพาล - คบบัณฑติ - บูชาผคู้ วรบชู า พทุ ธศาสนสภุ าษิต • ยํ เว เสวติ ตาทิโส คบคนเช่นใดเปน็ คนเช่นนัน้ • อตฺตนา โจทยตฺตานํ จงเตือนตน ด้วยตน • นิสมฺม กรณํ เสยโฺ ย ใครค่ รวญก่อนทำ�จงึ ดี • ทุราวาสา ฆรา ทกุ ขฺ า เรอื นทีค่ รองไมด่ นี ำ�ทกุ ขม์ าให้ ๖. เห็นคุณค่าของการพัฒนาจิต โยนโิ สมนสกิ าร เพอื่ การเรยี นรู้ และการด�ำ เนนิ ชวี ติ • วธิ คี ิดแบบคุณคา่ แท้ – คณุ คา่ เทียม ด้วยวิธคี ดิ แบบโยนิโสมนสิการ คือ • วธิ คี ดิ แบบคุณ - โทษและทางออก วธิ คี ดิ แบบ คณุ คา่ แท้ – คณุ คา่ เทยี ม และวิธีคิดแบบคุณ – โทษ และ ทางออก หรือการพัฒนาจิตตาม แนวทางของศาสนาทีต่ นนับถอื
122 ชัน้ รหัสตัวชีว้ ัด ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.๑ ส ๑.๑ ม.๑/๗ ๗. สวดมนต์ แผเ่ มตตา • สวดมนต์แปล และแผ่เมตตา บรหิ ารจิตและเจริญปญั ญา • วิธีปฏิบัติ และประโยชน์ของการบริหารจิตและเจริญ ด้วยอานาปานสติ หรือตาม ปญั ญา การฝกึ บรหิ ารจิตและเจรญิ ปัญญา ตามหลัก แนวทางของศาสนาทต่ี นนับถือ สติปฎั ฐานเน้นอานาปานสติ ตามที่กำ�หนด • น�ำ วธิ ีการบริหารจติ และเจรญิ ปญั ญาไปใช้ ในชวี ติ ประจ�ำ วัน ส ๑.๑ ม.๑/๘ ๘. วิเคราะห์ และปฏบิ ตั ติ น • หลักธรรม (ตามสาระการเรียนรู้ข้อ ๕) ตามหลักธรรมทางศาสนาทต่ี น นบั ถือในการดำ�รงชวี ิตแบบพอ เพียง และดูแลรักษา ส่ิงแวดล้อม เพอ่ื การอยรู่ ว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งสนั ตสิ ขุ ส ๑.๑ ม.๑/๙ ๙. วิเคราะห์เหตุผลความจำ�เป็น • ศาสนกิ ชนของศาสนาตา่ งๆ มกี ารประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ น และ ท่ีทุกคนต้องศึกษาเรียนรู้ศาสนา วิถีการด�ำ เนนิ ชีวติ แตกต่างกนั ตามหลกั ความเชอื่ และ อ่ืนๆ ค�ำ สอนของศาสนาท่ตี นนบั ถือ ส ๑.๑ ม.๑/๑๐ ๑๐. ปฏิบัตติ นตอ่ ศาสนกิ ชนอน่ื • การปฏบิ ตั ิอย่างเหมาะสมต่อศาสนิกชนอ่นื ใน สถานการณ์ต่างๆ ได้อย่าง ในสถานการณ์ตา่ งๆ เหมาะสม ส ๑.๑ ม.๑/๑๑ ๑๑. วิเคราะห์การกระท�ำ • ตัวอย่างบุคคลในท้องถ่ิน หรือประเทศที่ปฏิบัติตน ของบคุ คลทเ่ี ป็นแบบอยา่ งดา้ น เปน็ แบบอย่างด้านศาสนสมั พันธห์ รอื มผี ลงาน ศาสนสมั พันธ์ และน�ำ เสนอ ดา้ นศาสนสมั พันธ์ แนวทางการปฏบิ ัตขิ องตนเอง ส ๑.๒ ม.๑/๑ ๑. บำ�เพญ็ ประโยชน์ตอ่ การบำ�เพญ็ ประโยชน์ และการบำ�รุงรกั ษาวดั ศาสนสถานของศาสนาทีต่ น นับถือ ส ๑.๒ ม.๑/๒ ๒. อธิบายจรยิ วัตรของสาวก • วิถีชวี ติ ของพระภิกษุ บทบาทของพระภิกษุในการ เพื่อเปน็ แบบอยา่ งในการ เผยแผ่พระพทุ ธศาสนา เช่น การแสดงธรรม ประพฤติปฏิบตั ิ และปฏบิ ตั ิตน ปาฐกถาธรรม การประพฤติตนให้เปน็ แบบอย่าง อย่างเหมาะสมต่อสาวกของ การเขา้ พบพระภิกษุ การแสดงความเคารพ ศาสนาทีต่ นนับถือ การประนมมือ การไหว้ การกราบ การเคารพพระรัตนตรยั การฟังเจริญพระพุทธมนต์ การฟังสวด พระอภิธรรม การฟงั พระธรรมเทศนา
123 ช้ัน รหัสตัวชว้ี ดั ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ม.๑ ส ๑.๒ ม.๑/๓ ๓. ปฏบิ ัตติ นอย่างเหมาะสม • ปฏิบตั ติ นอย่างเหมาะสมต่อ เพอื่ ตามหลัก ตอ่ บคุ คลตา่ งๆ ตามหลักศาสนา พระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาท่ตี นนับถอื ท่ีตนนับถือตามทกี่ �ำ หนด ส ๑.๒ ม.๑/๔ ๔. จัดพิธีกรรม และปฏิบตั ติ น • การจัดโตะ๊ หมู่บชู าแบบ หมู่ ๔ หมู่ ๕ หมู่ ๗ หมู่ ๙ ในศาสนพธิ ี พธิ กี รรมได้ถกู ต้อง การจดุ ธปู เทียน การจัดเครอ่ื งประกอบโต๊ะหมู่บูชา คำ�อาราธนาต่างๆ ส ๑.๒ ม.๑/๕ ๕. อธิบายประวตั ิ ความส�ำ คญั • ประวตั ิ และความส�ำ คญั ของวัฒนธรรมสวนะ และปฏบิ ตั ติ นในวันส�ำ คัญทาง วนั เขา้ พรรษา วนั ออกพรรษา วนั เทโวโรหณะ ระเบยี บพธิ ี ศาสนาที่ตนนับถือ พิธเี วยี นเทยี น การปฏบิ ัตติ นในวันมาฆบชู า วันวิสาขบชู า ตามทีก่ �ำ หนดได้ถกู ต้อง วนั อฏั ฐมบี ชู าวนั อาสาฬหบชู า วนั ธรรมสวนะและเทศกาล สำ�คญั ส ๒.๑ ม.๑/๑ ๑. ปฏิบัติตามกฎหมายในการ • กฎหมายในการคุม้ ครองสทิ ธิของบุคคล คมุ้ ครองสิทธขิ องบุคคล - กฎหมายการคมุ้ ครองเดก็ - กฎหมายการศึกษา - กฎหมายการคมุ้ ครองผบู้ ริโภค - กฎหมายลิขสทิ ธิ์ • ประโยชน์ของการปฏบิ ัตติ นตามกฎหมาย การค้มุ ครองสทิ ธิของบุคคล ส ๒.๑ ม.๑/๒ ๒. ระบุความสามารถของตนเอง • บทบาทและหนา้ ท่ีของเยาวชนทีม่ ตี อ่ และสังคม ส ๒.๑ ม.๑/๓ ในการท�ำ ประโยชน์ ตอ่ สงั คมและ ประเทศชาติ โดยเน้นจติ สาธารณะ เช่น เคารพกตกิ า ประเทศชาติ สงั คมปฏิบัตติ นตามกฎหมาย มีส่วนรว่ มและรบั ผดิ ชอบ ในกจิ กรรมทางสังคมอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ รกั ษาสาธารณประโยชน์ ๓. อภิปรายเก่ียวกับคุณค่าทาง • ความคลา้ ยคลึง และความแตกต่างระหว่าง วฒั นธรรมทเี่ ปน็ ปจั จยั ในการสรา้ ง วฒั นธรรมไทย กบั วฒั นธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี ความสัมพนั ธท์ ่ีดหี รือ ตะวันออกเฉียงใต้ อาจนำ�ไปสู่ความเข้าใจผิดตอ่ กัน • วฒั นธรรมทเ่ี ปน็ ปจั จยั ในการสรา้ งความสมั พนั ธท์ ด่ี ี หรอื อาจนำ�ไปส่คู วามเขา้ ใจผดิ ต่อกนั ส ๒.๑ ม.๑/๔ ๔. แสดงออกถึงการเคารพ • วธิ ีปฏบิ ตั ติ นในการเคารพในสิทธิของตนเองและผ้อู ่ืน ในสทิ ธิของตนเองและผอู้ นื่ • ผลทไี่ ด้จากการเคารพในสิทธขิ องตนเองและผู้อ่นื
124 ชั้น รหัสตวั ชว้ี ดั ตัวชี้วดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ม.๑ ส ๒.๒ ม.๑/๑ ๑. อธิบายหลักการเจตนารมณ์ • หลักการ เจตนารมณ์ โครงสรา้ ง และสาระสำ�คญั ของ โครงสร้าง และสาระสำ�คัญของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย ฉบับปัจจุบัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย ฉบับปัจจบุ ันโดยสังเขป ส ๒.๒ ม.๑/๒ ๒. วิเคราะห์บทบาทการถ่วงดุล • การแบง่ อ�ำ นาจ และการถว่ งดุลอ�ำ นาจอธปิ ไตย ของอ�ำ นาจอธปิ ไตยในรฐั ธรรมนญู ทงั้ ๓ ฝา่ ย คือนติ ิบัญญัติ บริหาร ตุลาการ แห่งราชอาณาจกั รไทย ตามที่ระบุในรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ฉบับปจั จบุ ัน ฉบบั ปจั จบุ นั ส ๒.๒ ม.๑/๓ ๓. ปฏิบัติตนตามบทบัญญัติของ • การปฏบิ ตั ติ นตามบทบญั ญตั ขิ องรัฐธรรมนญู รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร แหง่ ราชอาณาจกั รไทย ฉบบั ปจั จบุ นั เกยี่ วกบั สทิ ธเิ สรภี าพ ไทย ฉบบั ปัจจุบนั และหน้าที่ ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั ตนเอง ส ๓.๑ ม.๑/๑ ๑. อธิบายความหมาย และความ • ความหมายและความส�ำ คัญของเศรษฐศาสตรเ์ บือ้ งตน้ ส�ำ คญั ของเศรษฐศาสตร์ • ความหมายของคำ�ว่าทรพั ยากรมจี �ำ กัด กบั ความตอ้ งการมไี มจ่ �ำ กดั ความขาดแคลนการเลอื ก และ ค่าเสียโอกาส ส ๓.๑ ม.๑/๒ ๒. วเิ คราะหค์ า่ นยิ มและพฤตกิ รรม • ความหมาย และความสำ�คัญของการบริโภคอย่างมี การบริโภคของคนในสงั คม ประสทิ ธิภาพ ซ่งึ ส่งผลตอ่ เศรษฐกิจของชุมชน • หลกั การในการบรโิ ภคทด่ี ี และประเทศ • ปจั จยั ที่มอี ิทธพิ ลต่อพฤติกรรมการบริโภค • ค่านิยม และพฤติกรรมของการบริโภคของคน ในสังคมปัจจุบันรวมท้ังผลดี และผลเสียของพฤติกรรม ดังกล่าว ส ๓.๑ ม.๑/๓ ๓. อธิบายความเป็นมาหลักการ • ความหมาย และความเปน็ มาของปรชั ญาของเศรษฐกจิ และความสำ�คัญของปรัชญาของ พอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพียงตอ่ สังคมไทย • ความเป็นมาของเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการทรง งานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งโครงการ ตามพระราชดำ�ริ • หลักการของเศรษฐกิจพอเพียง • การประยุกตใ์ ชป้ รชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ในการด�ำ รงชีวิต • ความสำ�คัญ คุณค่าและประโยชน์ของปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งต่อสังคมไทย
125 ชั้น รหัสตัวช้วี ัด ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.๑ ส ๓.๒ ม.๑/๑ ๑. วิเคราะห์บทบาทหน้าท่ี และ • ความหมาย ประเภท และความส�ำ คญั ของสถาบัน ส ๓.๒ ม.๑/๒ ความแตกตา่ งของสถาบนั การเงนิ การเงนิ ท่มี ตี ่อระบบเศรษฐกิจ ส ๓.๒ ม.๑/๓ แต่ละประเภทและธนาคารกลาง • บทบาทหน้าท่ี และความสำ�คญั ของธนาคารกลาง ส ๓.๒ ม.๑/๔ • การหารายได้ รายจา่ ย การออม การลงทนุ ซ่ึงแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างผ้ผู ลติ ผ้บู ริโภค ส ๔.๑ ม.๑/๑ และสถาบนั การเงนิ ส ๔.๑ ม.๑/๒ ๒. ยกตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็น • ยกตวั อย่างทส่ี ะทอ้ นให้เห็นการพึ่งพาอาศัยกนั และกนั การพง่ึ พาอาศยั กนั และการแขง่ ขนั การแขง่ ขันกนั ทางเศรษฐกิจในประเทศ กนั ทางเศรษฐกจิ ในประเทศ • ปัญหาเศรษฐกิจในชุมชน ประเทศ และเสนอแนวทาง แกไ้ ข ๓. ระบุปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการ • ความหมายและกฎอุปสงค์ อุปทาน กำ�หนดอุปสงค์ และอปุ ทาน • ปจั จยั ทม่ี ีอิทธิพลตอ่ การก�ำ หนดอปุ สงค์ และอปุ ทาน ๔. อภปิ รายผลของการมกี ฎหมาย • ความหมายและความสำ�คัญของทรพั ย์สนิ ทางปญั ญา เกยี่ วกบั ทรัพยส์ ินทางปญั ญา • กฎหมายท่ีเก่ียวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา พอสงั เขป • ตัวอยา่ งการละเมิดแหง่ ทรพั ย์สินทางปญั ญา แตล่ ะประเภท ๑. วเิ คราะหค์ วามส�ำ คญั ของเวลา • ตัวอยา่ งการใชเ้ วลา ช่วงเวลา และยคุ สมยั ที่ปรากฏ ในการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ ในเอกสารประวตั ิศาสตร์ไทย • ความสำ�คัญของเวลา และช่วงเวลาสำ�หรับการศึกษา ประวตั ิศาสตร์ • ความสัมพันธ์และความสำ�คัญของอดีตท่ีมีต่อปัจจุบัน และอนาคต ๒. เทยี บศกั ราชตามระบบตา่ งๆ ที่ • ที่มาของศกั ราชท่ปี รากฏในเอกสารประวตั ิศาสตร์ไทย ใชศ้ กึ ษาประวัตศิ าสตร์ ไดแ้ ก่ จ.ศ. / ม.ศ. /ร.ศ./ พ.ศ. / ค.ศ. และ ฮ.ศ. • วธิ ีการเทยี บศักราชต่างๆ และตวั อย่างการเทยี บ • ตัวอย่างการใช้ศักราชต่างๆ ท่ีปรากฏในเอกสาร ประวตั ศิ าสตร์ไทย
126 ชัน้ รหัสตัวชีว้ ัด ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๑ ส ๔.๑ ม.๑/๓ ๓. น�ำ วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ • ความหมายและความสำ�คัญของประวตั ศิ าสตร์ และวิธี มาใช้ศึกษาเหตกุ ารณ์ การทางประวตั ิศาสตร์ท่มี ีความสมั พันธ์เชือ่ มโยงกนั ทางประวตั ศิ าสตร์ • ตัวอย่างหลักฐานในการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยสมัย สโุ ขทัย ท้งั หลักฐานชนั้ ตน้ และหลักฐานชั้นรอง (เช่ือมโยงกบั มฐ. ส ๔.๓) เชน่ ขอ้ ความ ในศิลาจารึก สมยั สโุ ขทยั เปน็ ต้น • นำ�วิธีการทางประวัติศาสตร์ไปใช้ศึกษาเรื่องราวของ ประวัติศาสตร์ไทยท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินตนเองในสมัยใดก็ได้ (สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยก่อนสุโขทัย สมัยสุโขทัย สมัยอยธุ ยา สมยั ธนบรุ ี สมัยรัตนโกสินทร์) และเหตุการณ์ สำ�คัญในสมยั สโุ ขทยั ส ๔.๒ ม.๑/๑ ๑. อธิบายพัฒนาการทางสังคม • ที่ตั้งและสภาพทางภูมศิ าสตรข์ องประเทศตา่ งๆ เศรษฐกิจ และการเมือง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ีมีผลต่อพัฒนาการ ของประเทศต่างๆ ในภมู ิภาค ทางด้านตา่ งๆ เอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ • พัฒนาการทางสังคม เศรษฐกจิ และการเมือง ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ ส ๔.๒ ม.๑/๒ ๒. ระบุความสำ�คัญของแหล่ง • ที่ตั้งและความสำ�คญั ของแหลง่ อารยธรรม อารยธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวัน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น แหล่งมรดกโลก ออกเฉยี งใต้ ในประเทศตา่ งๆ ของเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ • อทิ ธพิ ลของอารยธรรมโบราณในดินแดนไทย ทีม่ ตี ่อพฒั นาการของสังคมไทยในปจั จุบัน ส ๕.๑ ม.๑/๑ ๑. วเิ คราะหล์ กั ษณะทางกายภาพ • ท่ตี งั้ ขนาด และอาณาเขตของทวีปเอเชีย ของทวีปเอเชียทวีปออสเตรเลีย ทวีปออสเตรเลยี และโอเชยี เนยี และโอเชียเนีย โดยใช้เครื่องมือ • การใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ เช่น แผนท่ีรูปถ่ายทาง ทางภมู ศิ าสตรส์ บื ค้นขอ้ มูล อากาศ ภาพจากดาวเทียมในการสืบค้นลักษณะทาง กายภาพของทวีปเอเชยี ทวปี ออสเตรเลยี ส ๕.๑ ม.๑/๒ ๒. อธบิ ายพกิ ดั ภมู ศิ าสตร์ (ละตจิ ดู • พิกดั ภมู ศิ าสตร์ (ละตจิ ดู และลองจิจูด) และลองจิจูด) เส้นแบ่งเวลาและ • เส้นแบ่งเวลา เปรยี บเทยี บวนั เวลาของโลก • การเปรียบเทียบวันเวลาของโลก
127 ช้นั รหัสตัวชีว้ ัด ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๑ ส ๕.๑ ม.๑/๓ ๓. วิเคราะหส์ าเหตุการเกิด • สาเหตุการเกิดภยั พิบัติและผลกระทบในทวีปเอเชยี ภัยพบิ ตั ิ และผลกระทบ ในทวปี เอเชีย ทวปี ออสเตรเลยี และโอเชียเนยี ส ๕.๒ ม.๑/๑ ๑. สำ�รวจ และระบทุ ำ�เลท่ตี ้ังของ • ทำ�เลที่ตั้งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม พ้ืนทเ่ี พาะปลกู และเลี้ยงสตั ว์ แหล่งประมง การกระจาย ในทวีปเอเชีย ทวปี ออสเตรเลีย ของภาษาและศาสนาในทวีปเอเชยี ส ๕.๒ ม.๑/๒ ๒. วิเคราะห์ปัจจัยทางกายภาพ • ปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยทางสังคมท่ีส่งผลต่อ และปัจจยั ทางสงั คมทีส่ ง่ ผล การเปลี่ยนแปลงโครงสรางทางประชากร ส่ิงแวดล้อม ตอ่ ทำ�เลท่ตี ัง้ ของกจิ กรรมทาง เศรษฐกิจ สงั คมและวัฒนธรรมในทวปี เอเชีย เศรษฐกิจและสังคมในทวีปเอเชีย ทวปี ออสเตรเลียและโอเชียเนีย ทวปี ออสเตรเลีย ส ๕.๒ ม.๑/๓ ๓. สบื คน้ อภปิ รายประเดน็ • ประเด็นปัญหาจากปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งสิ่งแวดลอ้ มทาง ปัญหาจากปฏสิ มั พันธ์ กายภาพกับมนุษย์ทเ่ี กดิ ข้ึนในทวีปเอเชยี ระหวา่ งสงิ่ แวดล้อม ทวปี ออสเตรเลียและโอเชียเนยี ทางกายภาพกบั มนษุ ย์ ทีเ่ กดิ ขนึ้ ในทวีปเอเชยี ทวปี ออสเตรเลยี ส ๕.๒ ม.๑/๔ ๔. วิเคราะห์แนวทางการจัดการ • แนวทางการจัดการภัยพบิ ตั ิและการจดั การ ภยั พบิ ตั แิ ละการจดั การทรพั ยากร การจดั การทรัพยากรและส่งิ แวดล้อมในทวปี เอเชีย และส่ิงแวดล้อมในทวปี เอเชยี ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนยี ทีย่ ั่งยืน ทวีปออสเตรเลียและ โอเชียเนีย ท่ียัง่ ยนื
128 รหสั วิชา ส ๒๑๑๐๑ ค�ำ อธบิ ายรายวิชา ชื่อรายวชิ าสังคมศึกษา กลุม่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ เวลา ๒๐ ชั่วโมง จ�ำ นวน ๐.๕ หนว่ ยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วิเคราะห์ การสังคายนา การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย ความส�ำคัญของพระพุทธศาสนาต่อ สังคมไทย พระไตรปิฏก พุทธประวัติ ประวัติสาวก ชาดก หลักธรรมส�ำคัญ อริยสัจ ๔ พุทธศาสนา สุภาษิต เห็นคุณค่า ของการพัฒนาจิต เรยี นรูแ้ ละการด�ำเนินชีวิตด้วยวิธีคิดแบบโยนิโสนมสกิ าร การบรหิ ารจติ เจรญิ ปญั ญา ศาสนพิธี วิถีชวี ิตชาวพทุ ธ วนั ส�ำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา หลกั ธรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ในการด�ำรงชวี ติ แบบพอเพยี ง ดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน การอยูร่ ว่ มกันอยา่ งสันติสขุ กบั ศาสนาอนื่ ได้ วิเคราะห์ หลักการ เจตนารมณ์ วัฒนธรรมประเพณีในท้องถ่ิน ตระหนักในสถานภาพ บทบาท สิทธิ หน้าที่ ในฐานะพลเมอื งดขี องชุมชน โครงสร้างและสาระส�ำคัญของอ�ำนาจอธิปไตยในรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยโดยสังเขป เกี่ยวกับคุณค่าทางวัฒนธรรมท่ีเป็นปัจจัยในการสร้างความสัมพันธ์ท่ีดี หรืออาจน�ำไปสู่ความเข้าใจผิดต่อกัน ปฏิบัติตาม กฎหมายในการคุ้มครองสิทธิของบุคคล รวมทั้งการปฏิบัติตนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบบั ปจั จบุ นั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ตนเอง และแสดงออกถงึ การเคารพในสทิ ธขิ องตนเองและผอู้ นื่ บคุ คลดเี ดน่ ทางศาสนา วฒั นธรรม ประเพณีในชมุ ชน ภมู ปิ ญั ญาชมุ ชน ปลกู ฝงั ใหผ้ เู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ไดแ้ ก่ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ อยอู่ ยา่ ง พอเพียง มุ่งม่ันในการท�ำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ ตลอดจนพัฒนาผู้เรียน ให้เป็นผู้มีความสามารถ ในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถ ในการใชท้ กั ษะชวี ติ และความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยี มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ัด ส ๑.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙ ม.๑/๑๐ ม.๑/๑๑ ส ๑.๒ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ส ๒.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ส ๒.๒ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ รวม ๔ มาตรฐาน ๒๓ ตวั ช้ีวดั
129 รหสั วชิ า ส ๒๑๑๐๓ คำ�อธบิ ายรายวิชา ชอื่ รายวิชาสงั คมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง จำ�นวน ๐.๕ หนว่ ยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วิเคราะห์ อธิบาย ความส�ำคัญของเศรษฐศาสตร์ ค่านิยมและพฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมที่นักเรียน อาศยั อยู่ ซงึ่ สง่ ผลตอ่ เศรษฐกจิ ของชมุ ชนและประเทศไทย ความเปน็ มาหลกั การและความส�ำคญั ของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ต่อสังคมไทย ระบุปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการก�ำหนดอุปสงค์ อุปทาน บทบาทหน้าที่ และความแตกต่างของสถาบันการเงิน ของแต่ละประเภท และธนาคารกลาง ยกตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นการพึ่งพาอาศัยกันของคนในชุมชน และการแข่งขันกัน ทางเศรษฐกิจในประเทศ รวมทัง้ อภิปรายผลของการมกี ฎหมายเกยี่ วกบั ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา ศกึ ษา วเิ คราะห์ ที่ตั้ง ขนาด และอาณาเขตของชมุ ชน ทวีปเอเชยี ทวีปออสเตรเลีย และโอเชียเนีย การใช้เครือ่ งมอื ทางภูมิศาสตร์ ในการสืบค้นลักษณะทางกายภาพของชุมชน ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย และโอเชียเนีย พิกัดภูมิศาสตร์ (ละติจดู และลองจจิ ดู ) เส้นแบ่งเวลา และเปรยี บเทียบ วนั เวลาของโลก สาเหตุการเกิดภยั พิบัตแิ ละผลกระทบในทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลยี และโอเชยี เนีย ท�ำเลทตี่ ้ังของกิจกรรมทางเศรษฐกจิ และสังคม ในชุมชน ทวปี เอเชยี ทวีปออสเตรเลีย และ โอเชยี เนยี ปจั จยั ทางกายภาพและปจั จยั ทางสงั คมทสี่ ง่ ผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งทางประชากร สง่ิ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรม ในชมุ ชน ทวปี เอเชยี ทวปี ออสเตรเลยี และโอเชยี เนยี ประเดน็ ปญั หาจากปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ แวดลอ้ ม ทางกายภาพกับมนุษย์ที่เกิดขึ้นในในชุมชน ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย แนวทางการจัดการภัยพิบัติ และการจดั การทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ มในชมุ ชน ทวปี เอเชยี ทวปี ออสเตรเลยี และโอเชยี เนยี ทยี่ งั่ ยนื ตามกระบวนการทาง ภมู ศิ าสตร์ ปลกู ฝงั ใหผ้ เู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ไดแ้ ก่ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอื่ สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ อยอู่ ยา่ ง พอเพียง มุ่งมั่นในการท�ำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ ตลอดจนพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้มีความสามารถ ในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต และความสามารถ ในการใชเ้ ทคโนโลยี มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ดั ส ๓.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ส ๓.๒ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ส ๕.๑ ม. ๑/๑ ม. ๑/๒ ม. ๑/๓ ส ๕.๒ ม. ๑/๑ ม. ๑/๒ ม. ๑/๓ ม. ๑/๔ รวม ๔ มาตรฐาน ๑๔ ตัวชวี้ ดั
130 รหสั วชิ า ส ๒๑๑๐๒ ค�ำ อธบิ ายรายวชิ า รายวชิ าประวตั ศิ าสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง จ�ำ นวน ๐.๕ หนว่ ยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วเิ คราะห์ เปรียบเทยี บ เร่ืองเวลา ชว่ งเวลา ยคุ สมัย การนับและการเปรยี บเทยี บศกั ราช ตัวอยา่ งศกั ราชแบบไทย ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ การล�ำดับเหตุการณ์และการเทียบเหตุการณ์ส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยและ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ผนวกองคค์ วามรใู้ นการศกึ ษาประวตั ศิ าสตรไ์ ทยและเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ โดยการศกึ ษาหลกั ฐาน ทางประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับความเป็นมาของชนชาติไทย พัฒนาการการตั้งถ่ินฐานของมนุษย์ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จนเป็นอาณาจักรโบราณกอ่ นสมยั สโุ ขทยั โดยเน้นพฒั นาการด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกจิ สงั คม ศิลปวฒั นธรรม ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ และการสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญา รวมถงึ พฒั นาการของอารยธรรมตะวนั ออก ทมี่ ผี ลตอ่ อาณาจกั ร โบราณกอ่ นสโุ ขทัย ปลกู ฝงั ใหผ้ เู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ไดแ้ ก่ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ อยอู่ ยา่ ง พอเพียง มุ่งมั่นในการท�ำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ ตลอดจนพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้มีความสามารถ ในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิตและความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยี มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั ส ๔.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ส ๔.๓ ม.๑/๑ รวม ๒ มาตรฐาน ๔ ตวั ชี้วัด
131 รหัสวชิ า ส ๒๑๑๐๔ ค�ำ อธบิ ายรายวิชา รายวชิ าประวตั ิศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ เวลา ๒๐ ช่วั โมง จำ�นวน ๐.๕ หน่วยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วเิ คราะห์ เปรยี บเทียบ พฒั นาการดา้ นต่างๆ ของอาณาจกั รสโุ ขทยั ทงั้ ดา้ นการเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ สังคม ศิลปวัฒนธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พัฒนาการการต้ังถ่ินฐานและการด�ำรงชีวิตของประชาชนชาวไทยและ ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พัฒนาการอารยธรรมตะวันออกและเหตุการณ์ส�ำคัญท่ีก่อให้เกิด การเปล่ยี นแปลงด้านตา่ งๆ การสร้างสรรคภ์ ูมิปญั ญาไทยในสมัยสุโขทยั และอารยธรรมของภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ ทม่ี ีผลต่อประเทศไทยในดา้ นตา่ งๆ ปลกู ฝงั ให้ผู้เรียนมีคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ไดแ้ ก่ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซื่อสัตย์สจุ ริต มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อยา่ ง พอเพยี ง มงุ่ มนั่ ในการท�ำงาน รกั ความเปน็ ไทย และมจี ติ สาธารณะ ตลอดจนพฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ ผมู้ คี วามสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถ ในการใชท้ กั ษะชวี ติ และความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ัด ส ๔.๒ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ส ๔.๓ ม.๑/๒ ม.๑/๓ รวม ๒ มาตรฐาน ๔ ตัวชว้ี ัด
132 ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ช้นั รหสั ตัวชีว้ ัด ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.๒ ส ๑.๑ ม.๒/๑ ๑. อธบิ ายการเผยแผ่ • การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศเพ่ือนบ้าน พระพุทธศาสนา และการนับถือพระพุทธศาสนาของประเทศเพ่ือนบ้าน หรือศาสนาท่ตี นนับถอื ในปจั จุบัน สู่ประเทศเพ่ือนบา้ น ส ๑.๑ ม.๒/๒ ๒. วิเคราะห์ความสำ�คญั ของ • ความส�ำคญั ของพระพทุ ธศาสนาทชี่ ว่ ยเสรมิ สรา้ ง พระพุทธศาสนา หรอื ศาสนา ความเข้าใจอันดีกบั ประเทศเพ่อื นบ้าน ท่ตี นนบั ถือที่ช่วยเสรมิ สร้างความ เข้าใจอนั ดกี บั ประเทศเพือ่ นบ้าน ส ๑.๑ ม.๒/๓ ๓. วิเคราะหค์ วามส�ำคัญของ ความส�ำ คัญของพระพทุ ธศาสนาตอ่ สังคมไทย พระพุทธศาสนา หรอื ศาสนา ในฐานะเป็น ที่ตนนับถอื ในฐานะท่ีเป็นรากฐาน • รากฐานของวัฒนธรรม ของวัฒนธรรม เอกลกั ษณ์ของชาติ • เอกลกั ษณ์ และมรดกของชาติ และมรดกของชาติ ส ๑.๑ ม.๒/๔ ๔. อภิปรายความส�ำ คัญของ • ความส�ำ คญั ของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาชมุ ชน พระพุทธศาสนา หรอื ศาสนา และการจดั ระเบียบสงั คม ทต่ี นนบั ถอื กบั การพฒั นาชมุ ชนและ การจัดระเบยี บสงั คม ส ๑.๑ ม.๒/๕ ๕. วเิ คราะหพ์ ทุ ธประวตั หิ รอื ประวตั ิ • สรปุ และวเิ คราะห์ พุทธประวัตกิ ารผจญมาร ศาสดาของศาสนาท่ตี นนับถอื ตาม การตรสั รู้ การส่งั สอน ที่ก�ำ หนด ส ๑.๑ ม.๒/๖ ๖. วิเคราะห์และประพฤตติ นตาม • พระสารีบตุ ร แบบอย่างการดำ�เนนิ ชวี ิตและ • พระโมคคัลลานะ ขอ้ คดิ จากประวตั สิ าวก ชาดก/เรอื่ ง • นางขุชชุตตรา เล่า และศาสนกิ ชนตวั อยา่ งตามท่ี • พระเจา้ พมิ พิสาร กำ�หนด • มติ ตวนิ ทุกชาดก • ราโชวาทชาดก
133 ชั้น รหัสตวั ชว้ี ดั ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๒ ส ๑.๑ ม.๒/๗ ๗. อธิบายโครงสร้าง และสาระ • โครงสรา้ ง และสาระสงั เขปของพระวินยั ปฎิ ก ส ๑.๑ ม.๒/๘ สงั เขปของพระไตรปิฎกหรือคัมภรี ์ พระสุตตนั ตปฎิ ก และพระอภิธรรมปฎิ ก ของศาสนาทตี่ นนับถือ ๘. อธบิ ายธรรมคณุ และขอ้ ธรรมส�ำ คญั พระรตั นตรัย ในกรอบอรยิ สัจ ๔ หรอื • ธรรมคณุ ๖ หลักธรรมของศาสนาท่ีตนนับถือตาม อรยิ สัจ ๔ ท่กี ำ�หนด เห็นคณุ ค่าและนำ�ไปพฒั นา • ทกุ ข์ (ธรรมท่ีควรรู)้ แก้ปัญหาของชุมชนและสังคม ขันธ์ ๕ - อายตนะ • สมทุ ัย (ธรรมทค่ี วรละ) หลกั กรรม - สมบัติ ๔ - วบิ ัติ ๔ อกุศลกรรมบถ ๑๐ อบายมขุ ๖ • นโิ รธ (ธรรมที่ควรบรรล)ุ สุข ๒ (สามสิ นริ ามสิ ) • มรรค (ธรรมที่ควรเจรญิ ) บุพพนิมิตของมชั ฌิมาปฏปิ ทา ดรุณธรรม ๖ กุลจริ ัฏฐิติธรรม ๔ กุศลกรรมบถ ๑๐ สตปิ ฏั ฐาน ๔ มงคล ๓๘ - ประพฤตธิ รรม - เวน้ จากความชั่ว - เว้นจากการดมื่ นำ้� เมา พุทธศาสนสภุ าษิต • กมมฺ นุ า วตตฺ ตี โลโก สตั ว์โลกย่อมเปน็ ไปตามกรรม • กลฺยาณการี กลยฺ าณํ ปาปการี จ ปาปกํ ท�ำดไี ด้ดี ท�ำชว่ั ได้ชัว่ • สโุ ข ปญุ ญฺ สสฺ อุจจฺ โย การส่งั สมบุญน�ำสขุ มาให้
134 ช้นั รหัสตวั ชี้วดั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๒ • ปชู โก ลภเต ปูชํ วนทฺ โก ปฏิวนฺทนํ ผู้บชู าเขา ย่อมได้รบั การบชู าตอบ ส ๑.๑ ม.๒/๙ ผู้ไหว้เขาย่อมได้รบั การไหวต้ อบ ส ๑.๑ ม.๒/๑๐ ๙. เหน็ คุณคา่ ของการพฒั นาจิต • พัฒนาการเรยี นรูด้ ้วยวธิ ีคดิ แบบ โยนิโส มนสกิ าร เพอ่ื การเรยี นรู้ และดำ�เนินชีวติ ๒ วธิ ี คอื วธิ ีคดิ แบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรมและวธิ ี ส ๑.๑ ม.๒/๑๑ ด้วยวิธคี ดิ แบบโยนิโสมนสกิ าร คอื คิดแบบอรรถธรรมสัมพนั ธ์ ส ๑.๒ ม.๒/๑ วธิ คี ิดแบบอบุ ายปลกุ เรา้ คณุ ธรรม ส ๑.๒ ม.๒/๒ และวธิ คี ดิ แบบอรรถธรรมสมั พนั ธ์ หรอื การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนา ที่ตนนับถือ ๑๐. สวดมนต์ แผเ่ มตตา บรหิ ารจติ และ • สวดมนตแ์ ปล และแผ่เมตตา เจรญิ ปญั ญาดว้ ยอานาปานสติ หรอื ตาม • ร้แู ละเข้าใจวธิ ีปฏบิ ตั ิ และประโยชน์ แนวทางของศาสนาที่ตนนบั ถอื ของการบรหิ ารจิตและเจริญปญั ญา • ฝึกการบริหารจิต และเจริญปัญญาตามหลักสติ ปัฎฐาน เนน้ อานาปานสติ • น�ำ วธิ ีการบรหิ ารจติ และเจรญิ ปัญญา ไปใชใ้ นชวี ิตประจ�ำ วนั ๑๑. วเิ คราะห์การปฏบิ ัตติ นตาม • การปฏิบัตติ นตามหลักธรรม หลักธรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือ (ตามสาระการเรยี นรู้ข้อ ๘) เพื่อการด�ำ รงตนอยา่ งเหมาะสม ในกระแสความเปล่ียนแปลงของโลก และการอยู่รว่ มกันอย่างสันติสขุ ๑. ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมต่อบุคคล • การเปน็ ลูกที่ดีตามหลักทิศเบ้ืองหนา้ ในทิศ ๖ ตา่ งๆ ตามหลกั ศาสนาท่ตี นนบั ถอื ตามท่ีก�ำ หนด ๒. มมี รรยาทของความเปน็ • การตอ้ นรบั (ปฏสิ ันถาร) มรรยาทของผ้เู ปน็ แขก ศาสนกิ ชนท่ีดีตามท่กี �ำ หนด ฝกึ ปฏิบตั ิระเบียบพิธี ปฏบิ ัติตอ่ พระภกิ ษุ การยนื การใหท้ น่ี งั่ การเดนิ สวน การสนทนา การรบั สง่ิ ของ การแตง่ กายไปวัด การแตง่ กายไปงานมงคล งานอวมงคล
135 ชั้น รหสั ตัวช้วี ัด ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๒ ส ๑.๒ ม.๒/๓ ๓. วิเคราะห์คุณค่าของศาสนพธิ ี การท�ำบญุ ตกั บาตร การถวายภัตตาหารสิ่งของ ส ๑.๒ ม.๒/๔ และปฏบิ ตั ิตนได้ถกู ตอ้ ง ที่ควรถวายและส่ิงของต้องห้ามส�ำหรับพระภิกษุ การถวายสงั ฆทาน เคร่ืองสงั ฆทาน การถวาย ส ๑.๒ ม.๒/๕ ผา้ อาบน้�ำฝน การจัดเครอื่ งไทยธรรม ส ๒.๑ ม.๒/๑ เครอื่ งไทยทาน การกรวดน�้ำ การทอดกฐนิ การทอดผา้ ป่า ๔. อธิบายค�ำ สอนท่ีเก่ียวเน่อื งกบั หลักธรรมเบือ้ งตน้ ท่เี กีย่ วเนื่องใน วันมาฆบูชา วันสำ�คัญทางศาสนา และปฏิบัติตนได้ วนั วสิ าขบชู า วันอฏั ฐมบี ชู า วนั อาสาฬหบชู า ถูกตอ้ ง วนั ธรรมสวนะและเทศกาลส�ำ คญั ระเบียบพิธี และการปฏบิ ัตติ น ในวันธรรมสวนะ วนั เขา้ พรรษา วันออกพรรษา วนั เทโวโรหณะ ๕. อธิบายความแตกต่างของศาสนพิธี ศาสนพธิ ี พธิ กี รรม แนวปฏิบตั ขิ องศาสนาอนื่ ๆ พิธีกรรมตามแนวปฏิบัติของศาสนา อื่นๆ เพอื่ นำ�ไปสู่การยอมรบั และความ เข้าใจซึ่งกันและกนั ๑. อธิบายและปฏบิ ตั ติ นตามกฎหมาย • กฎหมายท่เี ก่ียวข้องกบั ตนเอง ครอบครวั เช่น ท่เี ก่ยี วข้องกับตนเอง ครอบครวั - กฎหมายเกย่ี วกับความสามารถของผ้เู ยาว์ ชุมชนและประเทศ - กฎหมายบัตรประจ�ำ ตัวประชาชน - กฎหมายเพ่งเก่ียวกับครอบครัวและมรดก เช่น การหมัน้ การสมรส การรับรองบตุ ร การรบั บตุ รบุญธรรม และมรดก • กฎหมายท่เี กย่ี วกับชุมชนและประเทศ - กฎหมายเก่ยี วกับการอนรุ ักษธ์ รรมชาติและ ส่งิ แวดลอ้ ม - กฎหมายเกย่ี วกบั ภาษอี ากร และกรอกแบบแสดง รายการ ภาษเี งนิ ได้บคุ คลธรรมดา - กฎหมายแรงงาน
136 ชั้น รหัสตวั ช้วี ัด ตัวชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.๒ ส ๒.๑ ม.๒/๒ ๒. เหน็ คณุ คา่ ในการปฏบิ ัตติ นตาม • สถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หน้าท่ีในฐานะ สถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ พลเมืองดีตามวถิ ปี ระชาธิปไตย หน้าที่ในฐานะพลเมืองดี ตามวิถี • แนวทางสง่ เสริมให้ปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมอื งดี ประชาธิปไตย ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ส ๒.๑ ม.๒/๓ ๓. วเิ คราะหบ์ ทบาท ความสำ�คญั • บทบาท ความสำ�คัญและความสัมพันธ์ของสถาบัน และความสมั พนั ธข์ องสถาบนั ทางสังคม เช่น สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา ทางสงั คม สถาบันศาสนา สถาบันเศรษฐกิจ สถาบนั ทางการเมือง การปกครอง ส ๒.๑ ม.๒/๔ ๔. อธบิ ายความคลา้ ยคลงึ และความ • ความคลา้ ยคลงึ และความแตกตา่ งของวฒั นธรรมไทย แตกต่างของวัฒนธรรมไทย และ และวฒั นธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี วฒั นธรรม วัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาค เปน็ ปจั จยั ส�ำ คญั ในการสรา้ งความเขา้ ใจอนั ดรี ะหวา่ งกนั เอเชีย เพ่ือนำ�ไปสู่ความเข้าใจอันดี ระหวา่ งกัน ส ๒.๒ ม.๒/๑ ๑. อธบิ ายกระบวนการในการ กระบวนการในการตรากฎหมาย ผมู้ สี ทิ ธเิ สนอรา่ งกฎหมาย ตรากฎหมาย ขน้ั ตอนการตรากฎหมาย การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน ในกระบวนการตรากฎหมาย ส ๒.๒ ม.๒/๒ ๒. วเิ คราะห์ขอ้ มลู ข่าวสาร เหตกุ ารณ์ และการเปลย่ี นแปลงสำ�คญั ของระบอบ ส ๓.๑ ม.๒/๑ ทางการเมอื งการปกครอง การปกครองของไทย หลักการเลอื กข้อมูลข่าวสาร ทีม่ ผี ลกระทบตอ่ สงั คมไทย • ความหมาย และความสำ�คัญของการลงทนุ และ สมัยปจั จุบัน การออมต่อระบบเศรษฐกจิ ๑. วเิ คราะหป์ ัจจัยทมี่ ผี ลต่อ • การบริหารจดั การเงินออม และการลงทุน การลงทุนและการออม ภาคครวั เรือน • ปัจจัยของการลงทุนและการออม คือ อตั ราดอกเบยี้ รวมทั้งปจั จยั อนื่ ๆ เช่น คา่ ของเงนิ เทคโนโลยี การคาดเดา เก่ียวกับอนาคต • ปญั หาของการลงทุน และการออมในสงั คมไทย
137 ช้นั รหสั ตัวช้วี ดั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.๒ ส ๓.๑ ม.๒/๒ ๒. อธบิ ายปจั จยั การผลติ สนิ คา้ และ • ความหมาย ความส�ำ คญั และหลกั การผลติ สนิ คา้ และ บริการ และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ บริการอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ การผลติ สินค้าและบรกิ าร • ส�ำ รวจการผลติ สนิ คา้ ในทอ้ งถนิ่ วา่ มกี ารผลติ อะไรบา้ ง ใชว้ ธิ กี ารผลิตอยา่ งไร มีปญั หาด้านใดบา้ ง • มกี ารน�ำ เทคโนโลยอี ะไรมาใชท้ ม่ี ผี ลตอ่ การผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร • น�ำ หลักการผลติ มาวเิ คราะหก์ ารผลิตสินคา้ และบรกิ ารในท้องถ่นิ ท้งั ดา้ นเศรษฐกจิ สังคม และ สงิ่ แวดลอ้ ม ส ๓.๑ ม.๒/๓ ๓. เสนอแนวทางการพฒั นา • หลกั การและเปา้ หมายปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การผลติ ในทอ้ งถนิ่ ตามปรชั ญา • ส�ำ รวจและวเิ คราะหป์ ญั หาการผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร ของเศรษฐกิจพอเพยี ง ในทอ้ งถนิ่ • ประยุกตใ์ ช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในการผลิต สินค้าและบริการในท้องถ่นิ ส ๓.๑ ม.๒/๔ ๔. อภิปรายแนวทางการคุ้มครอง • การรักษาและค้มุ ครองสิทธปิ ระโยชนข์ องผบู้ รโิ ภค สทิ ธิของตนเองในฐานะผบู้ ริโภค • กฎหมายคมุ้ ครองสิทธิผู้บรโิ ภค และหน่วยงาน ทเ่ี กีย่ วข้อง • การดำ�เนนิ กิจกรรมพิทกั ษ์สิทธแิ ละผลประโยชน์ตาม กฎหมายในฐานะผู้บริโภค • แนวทางการปกป้องสิทธิของผบู้ รโิ ภค ส ๓.๒ ม.๒/๑ ๑. อภปิ รายระบบเศรษฐกจิ • ระบบเศรษฐกจิ แบบตา่ งๆ แบบต่างๆ ส ๓.๒ ม.๒/๒ ๒. ยกตวั อย่างที่สะท้อนใหเ้ ห็นการ • หลักการและผลกระทบการพ่ึงพาอาศยั กัน และการ พึ่งพาอาศัยกัน และการแข่งขันกัน แขง่ ขันกนั ทางเศรษฐกิจในภมู ภิ าคเอเชยี ทางเศรษฐกจิ ในภมู ภิ าคเอเชีย ส ๓.๒ ม.๒/๓ ๓. วเิ คราะหก์ ารกระจายของทรพั ยากร • การกระจายของทรัพยากรในโลก ที่ส่งผลต่อความ ในโลกที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ทาง สมั พนั ธ์ทางเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ เชน่ น�ำ้ มนั เศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ ปา่ ไม้ ทองค�ำ ถ่านหิน แร่ เป็นตน้
138 ชนั้ รหสั ตัวชว้ี ดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.๒ ส ๓.๒ ม.๒/๔ ๔. วิเคราะห์การแข่งขันทางการ • การแขง่ ขันทางการคา้ ในประเทศและตา่ งประเทศ คา้ ในประเทศและต่างประเทศ สง่ ผลต่อคณุ ภาพสินค้า ปรมิ าณการผลติ และ ราคาสนิ คา้ ส ๔.๑ ม.๒/๑ ๑. ประเมนิ ความนา่ เช่ือถือ • วิธีการประเมินความนา่ เช่ือถือของหลักฐาน ของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทางประวัติศาสตร์ในลักษณะต่างๆ อย่างง่ายๆ เช่น ในลักษณะต่าง ๆ การศึกษาภูมิหลังของผู้ทำ� หรือผู้เกี่ยวข้อง สาเหตุ ช่วงระยะเวลา รูปลักษณ์ของหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ เปน็ ตน้ • ตวั อย่างการประเมนิ ความน่าเชอื่ ถอื ของหลกั ฐาน ทางประวตั ศิ าสตรไ์ ทยที่อยู่ในทอ้ งถิน่ ของตนเอง หรอื หลกั ฐานสมัยอยุธยา (เชื่อมโยงกับ มฐ. ส ๔.๓) ส ๔.๑ ม.๒/๒ ๒. วเิ คราะหค์ วามแตกตา่ ง • ตวั อย่างการวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารตา่ งๆ ส ๔.๑ ม.๒/๓ ระหวา่ ง ความจรงิ กับข้อเท็จจริง ในสมัยอยุธยา และธนบุรี (เชื่อมโยงกับ มฐ. ส ๔.๓) ของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เช่น ข้อความบางตอน ในพระราชพงศาวดารอยุธยา ๓. เหน็ ความส�ำ คญั ของการตคี วาม จดหมายเหตุชาวตา่ งชาติ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่น่า • ตวั อยา่ งการตคี วามขอ้ มลู จากหลกั ฐานทแี่ สดงเหตกุ ารณ์ เชอ่ื ถอื ส�ำ คญั ในสมยั อยธุ ยาและธนบุรี • การแยกแยะระหวา่ งขอ้ มลู กบั ความคดิ เหน็ รวมทงั้ ความ จริงกับข้อเท็จจรงิ จากหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ • ความส�ำ คญั ของการวิเคราะหข์ ้อมูล และการตคี วาม ทางประวัตศิ าสตร์
139 ช้นั รหัสตัวชีว้ ดั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ม.๒ ส ๔.๒ ม.๒/๑ ๑. อธบิ ายพัฒนาการทางสงั คม • ที่ตัง้ และสภาพทางภูมิศาสตรข์ องภมู ิภาคตา่ งๆ ส ๔.๒ ม.๒/๒ เศรษฐกิจ และการเมืองของ ในทวีปเอเชีย (ยกเว้นเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต)้ ภูมภิ าคเอเชยี ทม่ี ีผลตอ่ พฒั นาการโดยสังเขป ส ๔.๓ ม.๒/๑ • พัฒนาการทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของ ส ๔.๓ ม.๒/๒ ภมู ิภาคเอเชยี (ยกเว้นเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต)้ ส ๔.๓ ม.๒/๓ ๒. ระบุความสำ�คัญของแหล่ง • ทต่ี งั้ และความส�ำ คญั ของแหล่งอารยธรรมโบราณ อารยธรรมโบราณในภมู ภิ าคเอเชยี ในภูมิภาคเอเชีย เชน่ แหลง่ มรดกโลก ในประเทศ ตา่ งๆ ในภมู ิภาคเอเชยี • อทิ ธพิ ลของอารยธรรมโบราณทมี่ ตี อ่ ภมู ภิ าคเอเชยี ในปัจจบุ นั ๑. วเิ คราะหพ์ ัฒนาการของ • การสถาปนาอาณาจกั รอยุธยา อาณาจักรอยธุ ยา และธนบรุ ี • ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ ความเจรญิ รงุ่ เรอื งของอาณาจกั ร ในดา้ นตา่ งๆ อยธุ ยา ๒. วิเคราะหป์ จั จยั ที่ส่งผลตอ่ • พฒั นาการของอาณาจกั รอยธุ ยาในดา้ นการเมือง ความมัน่ คงและความเจริญ การปกครอง สังคม เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ รุ่งเรอื งของอาณาจกั รอยุธยา ระหวา่ งประเทศ • การเสียกรงุ ศรอี ยธุ ยาครง้ั ท่ี ๑ และ การกเู้ อกราช ๓. ระบุภูมิปัญญาและวัฒนธรรม • ภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยธุ ยา เชน่ ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี และ การควบคมุ ก�ำ ลังคน และศลิ ปวัฒนธรรม อิทธิพลของภูมิปัญญาดังกล่าว • การเสยี กรุงศรีอยธุ ยาครงั้ ที่ ๒ การกู้เอกราช ตอ่ การพฒั นาชาตไิ ทยในยคุ ตอ่ มา และการสถาปนาอาณาจักรธนบรุ ี • ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยธนบุรี • วรี กรรมของบรรพบรุ ษุ ไทย ผลงานของบคุ คลส�ำ คญั ของไทยและตา่ งชาติทีม่ สี ว่ นสร้างสรรคช์ าติไทย
140 ชนั้ รหัสตัวช้ีวัด ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.๒ ส ๕.๑ ม.๒/๑ ๑. วิเคราะหล์ ักษณะ ทางกายภาพ • ท่ีตั้ง ขนาด และอาณาเขตของทวีปยุโรปและทวีป ของทวีปยุโรปและทวีปแอฟริกา แอฟรกิ า โดยใชเ้ ครอื่ งมอื ทางภูมิศาสตร์ • การใชเ้ คร่อื งมอื ทางภูมิศาสตร์ เช่น แผนท่ี สบื คน้ ข้อมูล รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียมในการสืบค้น ลกั ษณะทางกายภาพของทวปี ยุโรปและทวีปแอฟริกา ส ๕.๑ ม.๒/๒ ๒. อธิบายมาตราส่วนทิศ และ • การแปลความหมายมาตราสวนทศิ และสญั ลกั ษณ์ สญั ลกั ษณ์ ในแผนที่ ส ๕.๑ ม.๒/๓ ๓. วเิ คราะห์สาเหตกุ ารเกดิ ภยั พิบตั ิ • สาเหตุการเกดิ ภัยพิบัติและผลกระทบในทวีปยโุ รป และผลกระทบในทวปี ยโุ รป ส ๕.๒ ม.๒/๑ ๑. สำ�รวจและระบุทำ�เลที่ต้ังของ • ทำ�เลที่ต้ังของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ และสงั คม พนื้ ทเี่ พาะปลกู และเลยี้ งสตั ว์ แหลง ประมง การกระจาย ในทวปี ยุโรปและทวีปแอฟรกิ า ของภาษาและศาสนาในทวปี ยโุ รป ส ๕.๒ ม.๒/๒ ๒. วเิ คราะหป์ จั จยั ทางกายภาพและ • ปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยทางสังคมที่ส่งผลต่อ ปจั จยั ทางสงั คมทสี่ ง่ ผลตอ่ ท�ำ เลทต่ี งั้ การเปล่ียนแปลงโครงสรางทางประชากร ส่ิงแวดล้อม ของกิจกรรมทางเศรษฐกจิ และ เศรษฐกิจ สงั คมและวัฒนธรรมในทวีปยุโรป สงั คมในทวปี ยโุ รปและ ทวปี แอฟรกิ า ส ๕.๒ ม.๒/๓ ๓. สบื คน้ อภปิ รายประเดน็ ปัญหา • ประเด็นปญั หาจากปฏสิ มั พันธ์ระหว่าง จากปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ งส่ิงแวดล้อม สง่ิ แวดลอ้ ม ทางกายภาพกบั มนษุ ยท์ เ่ี กดิ ขนึ้ ในทวปี ยโุ รป ทางกายภาพกับมนษุ ยท์ ่เี กดิ ขึ้น ในทวปี ยโุ รป ส ๕.๒ ม.๒/๔ ๔. วเิ คราะหแ์ นวทางการจัดการ • แนวทางการจดั การภยั พบิ ตั แิ ละการจดั การทรพั ยากร ภยั พบิ ตั ิ และการจดั การทรพั ยากร และสง่ิ แวดล้อมในทวปี ยุโรป และทวปี แอฟรกิ าทยี่ ่งั ยืน และสิง่ แวดล้อมในทวปี ยโุ รป
141 รหัสวชิ า ส ๒๒๑๐๑ คำ�อธบิ ายรายวชิ า ชือ่ รายวิชาสงั คมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง จำ�นวน ๐.๕ หนว่ ยกติ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วิเคราะห์ การเผยแพร่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศเพ่ือนบ้าน และการนับถือพระพุทธศาสนาของประเทศ เพื่อนบ้านในปัจจุบัน ความส�ำคัญของพระพุทธศาสนาท่ีช่วยเสริมสร้างความเข้าใจอันดีกับประเทศเพ่ือนบ้าน ความส�ำคัญ ของพระพทุ ธศาสนาตอ่ สงั คมไทยในฐานะเปน็ รากฐานของวฒั นธรรม เอกลกั ษณ์ และมรดกของชาติ ความส�ำคญั ของพระพทุ ธ ศาสนากบั การพฒั นาชมุ ชนและการจดั ระเบยี บสงั คม พทุ ธประวตั ิ พทุ ธสาวก พทุ ธสาวกิ า ชาดก ศาสนกิ ชน ตวั อยา่ งโครงสรา้ ง และสาระสังเขปของพระวินัยปิฏก พระสุตตันตปิฏก และพระอภิธรรมปิฎก พระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ พุทธศาสนสุภาษิต เหน็ คุณคา่ ของการพัฒนาการจติ เพื่อการเรยี นรู้และด�ำเนินชีวติ ดว้ ยวิธคี ดิ แบบโยนโิ สมนสกิ าร ๒ วิธี คือ แบบอมุ านปลุกเร้า คณุ ธรรม และแบบอรรถธรรมสัมพันธ์ สวดมนตแ์ ปลและแผ่เมตตา การปฏบิ ัติตนอยา่ งเหมาะสมตามหลักธรรม การเป็นลูก ท่ีดตี ามหลกั ทศิ เบอ้ื งตน้ ในทศิ ๖ การมมี รรยาทของศาสนกิ ชน หลักธรรมเบื้องตนทีเ่ ก่ียวเน่ืองในวันมาฆบชู า วันวิสาขบชู า วนั อฏั มบี ชู า วนั อาสาฬหบชู า วนั ธรรมสวนะและเทศกาลส�ำคญั ระเบยี บพธิ แี ละการปฏบิ ตั ติ นในวนั ธรรมสวนะ วนั เขา้ พรรษา วันออกพรรษา วันเทโวโรหณะ ศาสนพิธี พธิ กี รรม แนวปฏิบตั ิของศาสนาอน่ื ๆ กฎหมายที่เก่ียวข้องกับตนเอง ครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ เห็นคุณค่าในการปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หน้าท่ีในฐานะพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย บทบาทความส�ำคัญและความสัมพันธ์ของสถาบัน ทางสงั คม วเิ คราะหค์ วามคลา้ ยคลงึ กนั และความแตกตา่ งของวฒั นธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี วฒั นธรรมทเ่ี ปน็ ปจั จยั ส�ำคัญในการสรา้ งความเข้าใจอนั ดรี ะหว่างกัน ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อย่อู ย่างพอเพยี ง ม่งุ ม่นั ในการท�ำงาน รกั ความเปน็ ไทย และมจี ิตสาธารณะ ตลอดจนพฒั นาผูเ้ รยี นให้เป็นผมู้ ีความสามารถ ในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ และความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยี มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ดั ส ๑.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ม.๒/๙ ม.๒/๑๐ ม.๒/๑๑ ส ๑.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ส ๒.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ส ๒.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ รวม ๔ มาตรฐาน ๒๒ ตวั ชวี้ ัด
142 รหัสวิชา ส ๒๒๑๐๓ ค�ำ อธิบายรายวชิ า ชื่อรายวชิ าสงั คมศึกษา กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง จ�ำ นวน ๐.๕ หน่วยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วิเคราะห์ ความหมายและความส�ำคัญของการลงทุนและการออมตอ่ ระบบเศรษฐกจิ การบรหิ ารจดั การเงนิ ออม และการลงทนุ ภาคครวั เรอื น ปจั จยั ของการลงทนุ และการการออม อตั ราดอกเบย้ี รวมทง้ั ปจั จยั อน่ื ๆ เชน่ คา่ ของเงนิ เทคโนโลยี การคาดเดาเกยี่ วกับอนาคต และปัญหาของการลงทุนและการออมในสงั คมไทย ความหมาย ความส�ำคัญ และหลกั การผลิต สินค้าและบริการอย่างมีประสิทธิภาพ ส�ำรวจการผลิตสินค้าในท้องถ่ินว่ามีการผลิตอะไร ผลิตอย่างไร มีปัญหาด้านใดบ้าง มกี ารน�ำเทคโนโลยมี าใชท้ มี่ ผี ลตอ่ การผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารในทอ้ งถนิ่ ทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ ม เสนอแนวทาง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาแก้ปัญหาการผลิตสินค้าและบริการในท้องถ่ิน อภิปรายแนวทางคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ของผบู้ รโิ ภค กฎหมาย การด�ำเนนิ งาน การรกั ษาพทิ กั ษส์ ทิ ธิ ผลประโยชนต์ ามกฎหมายในฐานะผบู้ รโิ ภค แนวทางการปกปอ้ ง สิทธิของผู้บริโภค สามารถระบบเศรษฐกิจต่างๆ หลักการและยกตัวอย่างผลกระทบการแข่งขันกันในภูมิภาคเอเชีย การกระจายของทรัพยากรในโลกท่ีส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การแข่งขันทางการค้าในประเทศ และต่างประเทศ วิเคราะห์ ส�ำรวจและระบุ ลกั ษณะทางกายภาพ โดยใช้เคร่อื งมือทางภูมิศาสตร์สืบคน้ ขอ้ มูลมาตราสว่ น ทิศ และ สญั ลกั ษณ์ สาเหตกุ ารเกดิ ภยั พบิ ตั ิ รวมทง้ั ปจั จยั ทางกายภาพและปจั จยั ทางสงั คมทม่ี ผี ลตอ่ ท�ำเลทตี่ งั้ ของกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ และสังคม และแนวทางการจัดการภัยพิบัติและการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในทวีปยุโรป และทวีปแอฟริกา อย่างย่ังยืน รวมถึงสืบค้น อภิปรายประเด็นปัญหาจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมทางกายภาพกับมนุษย์ที่เกิดขึ้น ในทวีปยุโรป และทวปี แอฟริกา ตามกระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพียง มงุ่ ม่ันในการท�ำงาน รักความเป็นไทย และมีจติ สาธารณะ ตลอดจนพฒั นาผู้เรียนให้เป็นผมู้ ีความสามารถ ในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ และความสามารถ ในการใชเ้ ทคโนโลยี มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด ส ๓.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ส ๓.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ส ๕.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ส ๕.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ รวม ๔ มาตรฐาน ๑๕ ตวั ช้ีวัด
143 รหสั วชิ า ส ๒๒๑๐๒ คำ�อธบิ ายรายวิชา ชือ่ รายวชิ าประวตั ศิ าสตร์ กลุม่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ เวลา ๒๐ ชั่วโมง จ�ำ นวน ๐.๕ หน่วยกติ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วิเคราะห์ วธิ ปี ระเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรใ์ นลกั ษณะต่างๆ เชน่ การศึกษา ภูมหิ ลงั ของ ผู้จัดท�ำหรือผู้เก่ียวข้อง สาเหตุการจัดท�ำ ช่วงระยะเวลาการจัดท�ำหรือจัดสร้างหลักฐาน รูปลักษณ์ของหลักฐานทาง ประวตั ศิ าสตร์ เปน็ หลกั ฐานชน้ั ตน้ หรอื หลกั ฐานชนั้ รอง ศกึ ษาขอ้ มลู สารสนเทศทอ่ี ยใู่ นหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรใ์ นทอ้ งถน่ิ ของตนเองและสมัยอยธุ ยา สมัยธนบรุ รี วมทง้ั ศึกษาปจั จัยทางประวัตศิ าสตร์ทสี่ ่งผลต่อพฒั นาการทางสงั คม เศรษฐกิจ และ การเมือง ความส�ำคัญของแหล่งอารยธรรมโบราณ แหล่งมรดกโลกและอิทธิพลของอารยธรรมโบราณที่มีต่อภูมิภาคต่างๆ ของทวีปเอเชีย เพ่ือให้เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติที่มีความเปลี่ยนแปลงจากอดีตจนถึงปัจจุบันและผลกระทบท่ีมี ตอ่ สงั คมโลก ความแตกต่างทางวัฒนธรรม สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกันในสังคมโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลูกฝังให้ผู้เรียน มคี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ไดแ้ ก่ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ มนั่ ในการท�ำงาน รกั ความเปน็ ไทย และมีจิตสาธารณะ ตลอดจนพฒั นาผู้เรยี นใหเ้ ปน็ ผู้มีความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ และความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั ส ๔.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ส ๔.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ รวม ๒ มาตรฐาน ๕ ตวั ชี้วดั
144 รหัสวชิ า ส ๒๒๑๐๔ คำ�อธบิ ายรายวชิ า ช่ือรายวิชาประวัติศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง จ�ำ นวน ๐.๕ หนว่ ยกติ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วิเคราะห์ เปรียบเทียบ พัฒนาการของอาณาจักรอยธุ ยาและธนบุรีในด้านตา่ งๆ เกย่ี วกับการสถาปนาอาณาจกั ร ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ ความเจรญิ รงุ่ เรอื งและความมน่ั คงของอาณาจกั รอยธุ ยา พฒั นาการดา้ นการเมอื งการปกครอง สงั คม เศรษฐกจิ และความสัมพันธ์ระหวา่ งประเทศ เหตกุ ารณส์ �ำคัญในสมยั อยุธยาและธนบรุ ี ปลกู ฝงั ใหผ้ เู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ไดแ้ ก่ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ อยอู่ ยา่ ง พอเพียง มุ่งมั่นในการท�ำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ ตลอดจนพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้มีความสามารถ ในการสอื่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ และความสามารถ ในการใชเ้ ทคโนโลยี มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ัด ส ๔.๓ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ รวม ๑ มาตรฐาน ๓ ตัวชวี้ ัด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391