คาํ นํา การประกนั ภยั สว่ นบคุ คลเข้ามามีบทบาทสําคญั ตอ่ สงั คมมากขนึ ้ เป็นลําดบั ไมว่ า่ จะเป็ นการ ประกนั ภยั รถยนต์ ประกนั ภยั อคั คภี ยั สําหรับท่ีอยอู่ าศยั การประกนั ภยั อบุ ตั เิ หตสุ ว่ นบคุ คล การ ประกนั ภยั สขุ ภาพ เน่ืองจากให้ความค้มุ ครองทงั้ ชีวิตและทรัพย์สินของผ้เู อาประกนั ภยั ในแงข่ อง ทรัพย์สินสว่ นบคุ คล และในปัจจบุ นั เองกรมธรรม์ประกนั ภยั สว่ นบคุ คลเหลา่ นีม้ ีการจําหนา่ ยในปริมาณ ท่ีมากขนึ ้ และมีผ้เู อาประกนั ภยั จํานวนมากขนึ ้ เน่ืองจากมีชอ่ งทางการจดั จําหนา่ ยที่หลากหลาย เชน่ ขายผา่ นไปรษณีย์ ผา่ นบตั รเครดิต ผ่านชอ่ งทางการขายผา่ นโทรศพั ท์ หรือผา่ นธนาคาร เป็นต้น การ ประกนั ภยั สว่ นบคุ คลนีป้ ัจจบุ นั หลายๆ ทา่ นคดิ วา่ ความค้มุ ครองไมซ่ บั ซ้อน ง่ายตอ่ ความเข้าใจ จงึ ไมไ่ ด้ศกึ ษาอยา่ งถอ่ งแท้และบางครัง้ ก็ไมไ่ ด้อธิบายให้ผ้เู อาประกนั ภยั ให้เข้าใจอยา่ งชดั เจนตงั้ แตแ่ รก สง่ ผลให้เกิดปัญหาความไมพ่ งึ พอใจของผ้เู อาประกนั ภยั เชน่ กนั และยิ่งเป็ นทรัพย์สนิ ใกล้ตวั ของผ้เู อา ประกนั ภยั รวมถงึ การค้มุ ครองชีวิตด้วยแล้ว ผ้เู อาประกนั ภยั ก็จะคาดหวงั ในความค้มุ ครอง หลายๆ ปัญหาท่ีเกิดขนึ ้ ก็เกิดจากความเข้าใจท่ีไมต่ รงกนั หรือวธิ ีการชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนที่แตกตา่ งกนั หรือ เกิดจากการขาดความเข้าใจในกรมธรรม์ประกนั ภยั สว่ นบคุ คล ฯลฯ เพ่ือให้นกั ศกึ ษาหรือบคุ คลทวั่ ไปมีความรู้เกี่ยวกบั การประกนั ภยั สว่ นบคุ คลและสามารถนํา ความรู้ดงั กลา่ วไปก่อให้เกิดประโยชน์ตอ่ ผ้เู อาประกนั ภยั รายย่อยได้อยา่ งแท้จริง คณะผ้จู ดั ทําจงึ จดั ทํา เอกสารประกอบการบรรยาย วชิ า NL 604 การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล (Personal Lines Insurance Management) มีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อศกึ ษาถึงภาพรวมของธุรกิจประกนั ภยั และสว่ นที่ เก่ียวข้องกบั การประกนั ภยั สว่ นบคุ คล ลกั ษณะและประเภทของความเส่ียงภยั สว่ นบคุ คล การประเมิน ความเส่ียงภยั และการจดั การกบั ความเส่ียงภยั การพิจารณารับประกนั ภยั การพฒั นาและการ วเิ คราะห์ผลิตภณั ฑ์ประกนั ภยั สว่ นบคุ คลประเภทตา่ งๆ อาทิ การประกนั ภยั รถยนต์ การประกนั อคั คภี ยั สําหรับท่ีอยอู่ าศยั การประกนั ภยั อบุ ตั เิ หตสุ ว่ นบคุ คล การประกนั ภยั สขุ ภาพ การจดั การคา่ สนิ ไหม ทดแทน และแนวทางการจดั การประกนั ภยั ตอ่ สําหรับการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล วชิ าการจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คลสําเร็จลงได้ด้วยความร่วมมือและความอนเุ คราะห์ จากอาจารย์ซง่ึ เป็นผ้ทู รงคณุ วฒุ ิท่ีมีประสบการณ์ด้านธุรกิจประกนั วนิ าศภยั หลายทา่ น ดงั นนั้ คณะผ้จู ดั ทําจงึ หวงั เป็นอยา่ งย่ิงวา่ วชิ านีจ้ ะเป็นประโยชน์แก่นกั ศกึ ษาและผ้สู นใจในวิชาการด้านนี ้ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย สถาบนั ประกนั ภยั ไทย
สารบญั _______________________________________________________ หน้า คํานํา บทท่ี 1 การประกนั ภยั รถยนต์ 1/1-1/68 บทท่ี 2 การพจิ ารณาความเสี่ยงภยั 2/1-2/9 บทท่ี 3 การประกนั อคั คีภยั และภยั พบิ ตั สิ ําหรับที่อยอู่ าศยั 3/1-3/39 บทที่ 4 กรมธรรม์ประกนั ภยั ความรับผิดสว่ นบคุ คล 4/1-4/11 บทท่ี 5 ภาพรวมธรุ กิจและการตลาดประกนั ชีวิต 5/1-5/20 ประกนั ภยั อบุ ตั เิ หตแุ ละประกนั ภยั สขุ ภาพ บทท่ี 6 กรมธรรม์ประกนั ภยั อบุ ตั เิ หตสุ ่วนบคุ คลและ 6/1-6/24 กรมธรรม์ประกนั ภยั อ่ืนๆท่ีเกี่ยวข้อง บทท่ี 7 กรมธรรม์ประกนั ภยั อบุ ตั เิ หตเุ ดนิ ทาง 7/1-7/15 บทท่ี 8 การประกนั ชีวิต 8/1-8/41 บทท่ี 9 กรมธรรม์ประกนั ภยั สขุ ภาพ 9/1-9/20 บรรณานกุ รม สถาบนั ประกนั ภยั ไทย
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ บทท่ี 1 การประกนั ภยั รถยนต์ วัตถปุ ระสงค์การเรียนรู้ 1. เพื่อให้ทราบถึงความเป็นมา ประเภท และประโยชน์ ของการประกนั ภยั รถยนต์ ทงั้ ภาคบงั คบั และ ภาคสมคั รใจ 2. เพ่ือผลติ บคุ ลากรให้สอดคล้องกบั ความต้องการของตลาดแรงงาน การขยายตวั ทางธุรกิจ และเป็น ประโยชน์ตอ่ การพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมของชาติ 3. เพื่อเสริมสร้างบคุ ลากร ให้มีคณุ ธรรม จริยธรรม เจตคตทิ ี่ดตี อ่ วิชาชีพประกนั ภยั และมีวิสยั ทศั น์ใน การบริหารการจดั การในธรุ กิจประกนั ภยั 4. เพ่ือผลติ บคุ ลากรท่ีมีความรู้กว้างขวางเกี่ยวกบั ระบบการประกนั ภยั ของทงั้ ในประเทศและที่ได้รับการ ยอมรับในระดบั นานาชาติ 5. เพื่อให้ผ้เู ข้ารับการศกึ ษา อบรม มีคณุ วฒุ ิ ตามมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วชิ าชีพประกนั วนิ าศภยั 6. เพื่อพฒั นาศกั ยภาพของผ้เู ข้ารับการศกึ ษาให้เป็นผ้มู ีความรอบรู้ สามารถนําหลกั วชิ าชีพการ ประกนั ภยั ไปประยกุ ต์ใช้บริหารงานในองค์กรทงั้ ภาครัฐและเอกชนได้เป็ นอยา่ งดี และมีประสทิ ธิภาพ 7. สามารถนําเอาความรู้ไปใช้ในการปฏิบตั งิ านได้ทนั ที ทงั้ วิธีการพิจารณาคา่ สินไหมทดแทน และ ปัจจยั ที่ใช้ในการพจิ ารณารับประกนั ภยั และการกําหนดอตั ราเบีย้ ประกนั ภยั รวมถงึ การพฒั นาผลิตภณั ฑ์ ประกนั ภยั รถยนต์ 8. เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกนั ภยั รถยนต์ ความค้มุ ครอง และข้อยกเว้นของ การประกนั ภยั รถยนต์ ได้อย่างถกู ต้อง 9. เพ่ือเป็นการพฒั นาและเพมิ่ ประสทิ ธิภาพในการให้บริการด้านประกนั ภยั รถยนต์ ให้เป็นที่ยอมรับ สมู่ าตรฐานสากล 10. เพ่ือเน้นองค์ความรู้ทางด้านการประกนั ภยั รถยนต์ และ เพ่ือผลิตบคุ ลากร ให้มีทกั ษะการวิเคราะห์ การวางแผน การตดั สินใจ การส่ือสาร และการประยกุ ต์ใช้องคค์ วามรู้แบบบรู ณาการ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/1
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ ความเป็ นมาของการประกันภัย มีเร่ืองปรากฎในพระคมั ภีร์ไบเบลิ ้ เกี่ยวกบั โจเซฟ และความอดอยากในประเทศอียิปต์ ซงึ่ ถือกนั วา่ เป็นโครงการประกนั ภยั อนั แรกเทา่ ที่มีบนั ทกึ กนั ในประวตั ศิ าสตร์ เลา่ กนั วา่ คืนวนั หนง่ึ ฟาโรห์ ทรงพระ สบุ นิ วา่ มีววั อ้วนเจ็ดตวั กําลงั ถกู ววั ซูปผอมเจ็ดตวั กดั กิน โจเซฟทํานายฝันวา่ ประเทศอียปิ ต์จะมีพืชพนั ธ์ุ ธญั ญาหารอดุ มสมบรู ณ์เป็นเวลาเจ็ดปี และตอ่ จากนนั้ จะเกิดความแห้งแล้ง ประชาชนจะอดอยากปากแห้ง เป็นเวลาเจ็ดปี ดงั นนั้ จงึ ทลู เสนอตอ่ กษัตริย์ฟาโรห์ให้สะสมธญั ญาหารในปี ที่สมบรู ณ์ไว้สําหรับเลีย้ ง ประชาชนในปี ที่ข้าวยากหมากแพง วิธีนีเ้รียกได้วา่ เป็ นหลกั การประกนั ภยั พืน้ ฐาน กลา่ วคอื เก็บออมตงั้ แต่ วนั นี ้เพ่ือไว้ใช้ในอนาคตซง่ึ หาความแนน่ อนไมไ่ ด้ ในประเทศจีน ประมาณ 3,000 ปี ก่อนคริสตกาล พอ่ ค้าชาวจีนได้พฒั นาวิธีการประกนั ขนึ ้ สําหรับ การขนสง่ สนิ ค้าตามลํานํา้ แยงซีเกียง ซงึ่ มีสายนํา้ ท่ีเช่ียวกราก และเรือบรรทกุ สนิ ค้ามกั อบั ปางอยเู่ สมอ เนื่องจากมีหินใต้นํา้ และเกาะแกง่ ท่ีคดเคีย้ ว อนั ตรายตอ่ การเดนิ เรือ มีปรากฏอยเู่ สมอวา่ พอ่ ค้าบางคนต้อง สนิ ้ เนือ้ ประดาตวั เพราะสินค้าได้รับความเสียหายหมด ดงั นนั้ ด้วยความกลวั พอ่ ค้าเหลา่ นนั้ จงึ หาวธิ ี กระจายความเสี่ยงภยั ออกไป โดยนําสนิ ค้าของตนบรรทกุ ไว้ในเรือลําอ่ืนหลายลํา เฉล่ียกนั ไปจนครบ จํานวนหีบหอ่ สินค้า ซง่ึ ถ้าเรือลําใดลําหนงึ่ จมลงก็หมายความว่า สินค้าของพอ่ ค้าแตล่ ะคน สญู เสียเพียง คนละ 1 หีบหอ่ เท่านนั้ ซงึ่ วธิ ีการเชน่ นีเ้ป็ นที่มาของการประกนั ภยั ในปัจจบุ นั ราวๆ ก่อนศตวรรษที่ 13 และ 14 ปรากฏ มีการประกนั ภยั ทางทะเลกนั อยา่ งแพร่หลายตามเมือง ตา่ งๆ ในทะเลเมดเิ ตอร์เรเนียน สญั ญาประกนั ภยั การขนส่งสนิ ค้าทางทะเลฉบบั แรกของโลกเทา่ ท่ีมีปรากฏ เป็นหลกั ฐานจนถึงปัจจบุ นั นี ้คอื ฉบบั ลงวนั ที่ 23 ตลุ าคม ค.ศ. 1347 ออก ให้ ณ เมืองเจนวั ประเทศอิตาลี สว่ นสญั ญาประกนั ภยั ฉบบั แรกขององั กฤษ เทา่ ท่ีปรากฏตามหลกั ฐานซง่ึ ยงั คงเก็บรักษาไว้ถงึ ปัจจบุ นั คือ Broke Sea Insurance Policy ปี ศ.ศ.1547 วิธีประกนั ภยั ในสมยั นนั้ คือเจ้าของเรือ หรือพอ่ ค้า ท่ีต้องการซือ้ ประกนั ภยั จะทําบญั ชีแสดงรายภารทรัพย์สินตา่ งๆ ท่ีจะบรรทกุ ลงเรือใต้รายการเหลา่ นี ้ นายธนาคารหรือบคุ คลอ่ืนๆ ท่ีประสงค์จะรับประกนั ภยั จะลงชื่อพร้อมกบั ระบจุ ํานวนเงินท่ีตนจะรับเส่ียง แล้วลงลายมือชื่อไว้ ( และน่ีคือท่ีมาของคําวา่ Underwriter) และเพื่อเป็นคา่ ตอบแทนในการเข้ารับเส่ียงภยั ผ้ลู งนามข้างใต้ ( Underwriter ) แตล่ ะคนจะได้รับคา่ ตอบแทน เรียกวา่ เบีย้ ประกนั ภยั สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/2
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ ในชว่ งเวลานนั้ สญั ญาประกนั ภยั สว่ นมาเป็นสญั ญาประกนั ภยั ทางทะเล ตอ่ มาก็ขยายออกไปค้มุ ครองการ เสียชีวติ ของนายเรือและลกู เรือ รวมทงั้ พอ่ ค้าที่คมุ สนิ ค้าไปกบั เรือ ตลอดจนค้มุ ครองจํานวนเงินที่จะเป็นคา่ ไถต่ วั เมื่อถกู โจรสลดั จบั ตวั ด้วย สว่ นกรมธรรม์ประกนั ชีวิตดงั ท่ีเรารู้จกั กนั ในขณะนี ้มีมาตงั้ แตป่ ี ค.ศ.1583 ปรากฏเป็นหลกั ฐานท่ี แนช่ ดั วา่ เป็นกรมธรรม์ประกนั ชีวติ ของนายวลิ เลี่ยม กิบบอนส์ โดยมีนายริชาร์ด มาร์ตนิ เป็นผ้รู ับประโยชน์ วงเงินที่เอาประกนั 400 ปอนดส์ เตอร์ลงิ และเบีย้ ประกนั หนง่ึ ปี 32 ปอนด์สเตอร์ลิง มีผ้ลู งช่ือรับประกนั ชีวิต นายกิบบอนส์ 16 คน และทงั้ ๆ ที่นายกิบบอนส์มีสขุ ภาพดี และในกรมธรรม์มีคําภาวนาวา่ \"ขอให้พระผู้ เป็นเจ้าจงค้มุ ครอง นายวลิ เล่ียม กิบบอนส์ ให้มีสขุ ภาพดี และอายยุ ืนยาว\" แตก่ ็ปรากฏวา่ เขาตายในปี นนั้ เอง ประวัตขิ องการประกันภยั ในต่างประเทศ เม่ือราว 3 พนั ปี ก่อนคริสต์ศกั ราช พอ่ ค้าชาวจีนได้คิดใช้หลกั ของการประกนั ภยั ขนึ ้ โดยพอ่ ค้า เหลา่ นนั้ ได้ประกนั ตอ่ ความเสียหายของสินค้าราคาแพงที่ขนสง่ ทางเรือตามลํานํา้ แยงซีเกียง ภยั ท่ีประกนั คือ ภยั จากหินใต้นํา้ กระแสนํา้ เชี่ยวในแมน่ ํา้ สนิ ค้าดงั กลา่ วบางครัง้ ก็เป็นทรัพย์ทงั้ หมดที่พอ่ ค้ามีอยู่ เม่ือมี ความกลวั ตอ่ ความหายนะ พ่อค้าจงึ ได้ประกนั ภยั ไว้ โดยการกระจายโอกาสที่จะเกิดความหายนะออกไป เขาเหลา่ นนั้ ให้เหตผุ ลดงั กลา่ ววา่ ถ้าเรือ 100 ลํา แตล่ ะลําบรรทกุ สนิ ค้า 100 หอ่ ได้เริ่มเดนิ ทางท่ีต้น กระแสนํา้ เชี่ยว พอ่ ค้าจะกระจายความเส่ียงภยั โดยในเรือแตล่ ะลํา พอ่ ค้าจะบรรทกุ สินค้าของตนในเรือ เพียงคนละ 1 หอ่ ตอ่ เรือ 1 ลํา จนครบ 100 ลํา การสญู เสียเรือ 1 ลํา จะทําให้พอ่ ค้าแตล่ ะคนสญู เสียสนิ ค้า เพียงคนละ 1 หอ่ เทา่ นนั้ จากการบนั ทกึ ไว้ในเรื่องของกําเนิดการประกนั ภยั นนั้ ยงั มีอีกทางหนงึ่ วา่ ชาวบาบโิ ลนซงึ่ อาศยั อยู่ ลมุ่ แมน่ ํา้ ยเู ฟรตสิ เมื่อประมาณห้าพนั ปี ลว่ งมาแล้ว ได้ผลิตสินค้าออกขาย และได้สง่ ลกู จ้างหรือทาสของตน ออกไปเร่ขายสินค้าตามเมืองตา่ งๆ ทาสหรือลกู จ้างของตนนีไ้ มม่ ีสว่ นได้เสียในกําไรที่เกิดขนึ ้ กบั การขาย สินค้าเหลา่ นนั้ เลย และไมม่ ีอํานาจในการตกลงกบั ผ้ซู ือ้ นอกเหนือไปจากท่ีได้รับคําสง่ั จากนายของตน เทา่ นนั้ พอการค้าเจริญขนึ ้ การทํางานของทาสหรือลกู จ้างก็เกิดความไมส่ ะดวก เนื่องจากขาดอํานาจตา่ ง ๆ ดงั กลา่ ว การใช้ทาสหรือลกู จ้างก็เปล่ียนไปเป็นใช้พ่อค้าเร่ (travelling salesman) ซงึ่ ในสมยั นนั้ เรียกวา่ darmatha แปลวา่ คนตีกลอง เป็นผ้รู ับสินค้าจากพอ่ ค้าไปจําหนา่ ยยงั เมืองตา่ งๆ พวกพอ่ ค้าเร่นีต้ ้องมอบ ทรัพย์สิน ภรรยา และบตุ รที่อยทู่ างบ้านให้พ่อค้าเป็นประกนั โดยมีสญั ญากนั วา่ กําไรท่ีได้รับนนั้ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/3
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ พอ่ ค้าเร่ต้องแบง่ ให้พอ่ ค้าเจ้าของสินค้าคร่ึงหนง่ึ หากพอ่ ค้าเร่หนีหายไป หรือถกู โจรปล้นเอาสินค้าไป หมด บรรดาทรัพย์สนิ จะถกู พอ่ ค้าริบ และภรรยากบั บตุ รก็จะตกเป็ นทาสไปด้วย เง่ือนไขดงั กลา่ วนีเ้มื่อ ปฏิบตั ไิ ปเพียงเลก็ น้อย บรรดาพอ่ ค้าเร่ก็ไมพ่ อใจจงึ เกิดการแขง็ ข้อ ไมย่ อมรับเงื่อนไขอนั เสียเปรียบนี ้และ ในท่ีสดุ ก็ตกลงเง่ือนไขใหมว่ า่ ถ้าการสญู เสียสนิ ค้าโดยมใิ ชค่ วามผิดของพอ่ ค้าเร่ หรือพอ่ ค้าเร่มไิ ด้เพกิ เฉย ตอ่ การป้ องกนั รักษาสินค้าอยา่ งเตม็ ที่แล้วให้ถือวา่ พอ่ ค้าเร่ไมม่ ีความผดิ พอ่ ค้าเจ้าของสนิ ค้าจะริบทรัพย์สนิ บตุ รและภรรยาไมไ่ ด้ ข้อตกลงนีจ้ งึ ได้ใช้ตอ่ มาอยา่ งแพร่หลายในการค้าสมยั นนั้ นบั ได้วา่ ข้อตกลงดงั กลา่ ว เป็นการเริ่มต้นของการประกนั ภยั ในสมยั โบราณ ตอ่ มาชาวกรีกได้รับเอาความคดิ ของชาวบาบิโลนมาใช้กบั การเดนิ เรือของตนในราวสามพนั ปี มาแล้ว คือยอมให้เอาเรือหรือสินค้าของตนเป็นประกนั เงินกู้ ที่ต้องก้ยู ืมจากนายทนุ มาในการจดั ซือ้ สินค้า โดยมีเงื่อนไขวา่ ถ้าเรือสินค้าลํานนั้ ไมก่ ลบั ทา่ เจ้าหนีจ้ ะมาเรียกร้องหนีส้ นิ คืนจาก เจ้าของเรือไมไ่ ด้ นบั ได้ วา่ การประกนั ภยั ทางทะเลได้เร่ิมขนึ ้ ในระยะนี ้ซงึ่ ได้ถึงกบั มีการจดั ตงั้ เป็ นสถาบนั การประกนั ภยั ทางทะเล ในกรุงเอเธนส์สมยั นนั้ ทางด้านประกนั ชีวติ นี ้ไมม่ ีหลกั ฐานแนน่ อนวา่ เร่ิมมีกนั ตงั้ แตเ่ มื่อใด ทราบกนั เพียงวา่ ชาวกรีกและ ชาวโรมนั ในสมยั โบราณใช้วิธีบริจาคเงินชว่ ยในการทําศพด้วยการเก็บเงินจากคนท่ีไปโบสถ์ในวนั อาทิตย์ คนละเล็กละน้อยเป็นรายเดือนเพ่ือเป็ นการชว่ ยเหลือในการทําศพผ้ตู าย และตอ่ มาได้จดั ตงั้ สมาคม รับประกนั ในหมพู่ วกทหารขึน้ สมาชิกท่ีตายจะได้เงินสําหรับทําศพ และจะได้รับเงินบํานาญเมื่อถงึ วยั ชรา เป็นต้น พฤตกิ รรมเหลา่ นีถ้ ือได้วา่ เป็นการเริ่มต้นของการประกนั ชีวิตขนึ ้ แล้วในสมยั โบราณ เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ที่ถือวา่ เป็นการเร่ิมต้นของการประกนั ภยั ในสมยั โบราณดงั กลา่ ว คงเป็นวิธีการ ง่าย ๆ ปราศจากแบบแผนหรือระเบยี บท่ีแนน่ อน จนกระทงั่ ได้มีการจดั ตงั้ ธุรกิจประกนั ภยั ในรูปของบริษัท การค้าขนึ ้ เม่ือราว พ.ศ. 1853ท่ีเมือง Flanders ในอิตาลี และในชว่ งศตวรรษนนั้ การค้าขายทางทะเลมี ความสําคญั ท่ีสดุ ได้มีสญั ญาประกนั ภยั ฉบบั แรกได้ถกู บนั ทกึ ไว้ปรากฏอยู่ สญั ญาประกนั ภยั ทางทะเล เกี่ยวกบั สินค้าของเรือซานตาคาลา ท่ีเมืองเจนวั ในปี พ.ศ.1890 และในปี พ.ศ. 2117 พระนางเอลิซาเบ ธแหง่ ประเทศองั กฤษได้ตรากฎหมายจดั ตงั้ หอประกนั ภยั ขนึ ้ สําหรับขายกรมธรรม์ประกนั ภยั ทางทะเล ทําให้ธรุ กิจประกนั ภยั ขององั กฤษได้เจริญก้าวหน้าววิ ฒั นาการเรื่อยมา เริ่มต้นแตด่ ําเนินงานในรูป สํานกั งานจนเป็นสมาคม สญั ญาประกนั ภยั ขององั กฤษฉบบั แรกท่ีบนั ทกึ ไว้คือ \"The Broke SeaInsurance Policy\" ซง่ึ ยงั เก็บรักษาไว้ตงั้ แต่ พ.ศ. 2190 สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/4
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ ประวัตขิ องการประกันภยั ในประเทศไทย กิจการประกนั ภยั เร่ิมในยโุ รปมานานแล้ว เม่ือมีชาวตา่ งชาตเิ ข้ามาค้าขายในสมยั กรุงศรีอยธุ ยา อาจมีการประกนั ภยั กนั บ้างแล้ว โดยเฉพาะการประกนั ภยั ทางทะเลและขนสง่ แตเ่ ป็นการที่ชาวตา่ งชาติ ทําประกนั ภยั เอง ไมเ่ ก่ียวมาถงึ ไทย การประกนั ภยั เร่ิมขนึ ้ ในประเทศไทย ปรากฏขนึ ้ สมยั รัตนโกสนิ ทร์ ประมาณปี พ.ศ. 2368 สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ซงึ่ ยงั ทรงผนวช อยู่ ได้ทรงสง่ั ซือ้ เครื่องพิมพ์จากประเทศองั กฤษ และโดยท่ีเกรงวา่ จะเกิดความเสียหายขนึ ้ ในระหว่างทาง จงึ ได้สงั่ ให้เอาเครื่องพิมพ์ดงั กลา่ วประกนั ภยั ระหวา่ งการขนสง่ ในนามของพระองคเ์ อง แสดงวา่ การ ประกนั ภยั นนั้ ได้เร่ิมแผเ่ ข้ามาถงึ เมืองไทยแล้ว และอาจกลา่ วได้วา่ ไทยได้รู้จกั วิธีการประกนั ภยั หรือการ ประกนั ภยั ทางขนสง่ สนิ ค้าของได้เร่ิมตงั้ แตส่ มยั รัชกาลท่ี 3 การประกนั ภยั ท่ีควรจะนบั วา่ เกิดขนึ ้ ในประเทศไทยโดยตรงได้เร่ิมจากสมยั รัชกาลท่ี 4 เป็นต้นมา คือในรัชกาลนีม้ ีฝรั่งเศสเข้ามาตงั้ ห้างค้าขายมาก ห้างฝรั่งเศสเหลา่ นีป้ รากฏว่า บางห้างได้เป็นตวั แทนของ บริษทั ประกนั ภยั ตา่ งประเทศด้วย เทา่ ท่ีปรากฏมีดงั นี ้ 1. ห้องบอเนียว ซง่ึ ตงั้ ขนึ ้ เม่ือ พ.ศ. 2399 เป็นตวั แทนของ Netherlands Indea Sea and Fire Insurance Company รับประกนั ภยั ทางทะเล และประกนั อคั คีภยั กบั เป็ นตวั แทนของ North China Insurance Company 2. ห้างสก๊อต ตงั้ ขึน้ เม่ือ พ.ศ. 2399 เหมือนกนั เป็นตวั แทนของ Ocean Marine Insurance Company 3. ห้างบกิ เกนแบก็ ซงึ่ ตงั้ ขนึ ้ เมื่อ พ.ศ. 2401 เป็นตวั แทนของ Colonial Sea and Fire Insurance Company สมยั รัชกาลที่ 5 คณะทตู จากประเทศองั กฤษได้ขอพระบรมราชานญุ าตให้บริษัทอิ๊สเอเซียตกิ จํากดั ของชาวองั กฤษดําเนนิ ธุรกิจรับประกนั ชีวิตประชาชนคนไทยและชาวตา่ งประเทศในประเทศไทย ในฐานะ ตวั แทนของบริษัทเอควิตาเบิลประกนั ภยั แหง่ กรุงลอนดอน ซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ได้ ทรงอนญุ าต โดยมีสมเดจ็ พระยาบรมมหาศรีสรุ ิยวงศ์เป็ นผ้ถู ือกรมธรรม์เป็นคนแรก สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/5
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ หลงั จากนนั้ มา ธรุ กิจประกนั ชีวติ ก็ไมป่ ระสบผลสําเร็จ เพราะกรมธรรม์ต้องสง่ มาจากประเทศองั กฤษ และคนไทยก็ยงั ไมม่ ีความสนใจ ธรุ กิจประกนั ชีวิตต้องหยดุ ชะงกั ไปเองในปลายรัชกาลท่ี 5 นน่ั เอง แตใ่ น สมยั รัชกาลที่ 5 นนั้ กิจการประกนั ภยั ในด้านที่ไมใ่ ชป่ ระกนั ชีวิต ก็ยงั คงดําเนนิ อยตู่ อ่ ไป ห้างฝรั่งท่ีตงั้ ใน เมืองไทยสว่ นมากเป็นตวั แทนของบริษทั รับประกนั ภยั ตา่ งประเทศหลายแหง่ และนอกจากบริษทั อส๊ิ เอเซียตกิ จํากดั แล้ว ก็ยงั มีหลายห้างท่ีเป็ นตวั แทนของบริษทั ประกนั ชีวิตของตา่ งประเทศ เชน่ - ห้างสยามฟอเรสต์ เป็นตวั แทนของ Commercial Union Assurance Company - ห้างเบนเมเยอร์ เป็นตวั แทนของ Nordstern Life Insurance Company of Berlin - ห้างหลยุ ส์ ที เลียวโนเวนส์ เป็นตวั แทนของ China Mutual Life Insurance Company สมยั นนั้ บริษัทหรือห้างท่ีจะตงั้ กิจการประกนั ภยั โดยตรงขึน้ ในเมืองไทยยงั ไมม่ ี เว้นแตบ่ ริษัทเรือเมล์ จีนสยามได้รับอํานาจพเิ ศษให้ดาํ เนนิ กิจการรับประกนั อคั คภี ยั และรับประกนั ภยั ทางทะเลด้วย อยา่ งไรก็ ตามนบั ได้วา่ การประกนั ภยั นบั วา่ ได้มีมาแล้วนบั แตก่ ารประกนั อคั คีภยั การประกนั ภยั ทางทะเล การ ประกนั ชีวิตและการประกนั ภยั รถยนต์ ก็ได้มีมาในเวลาไลเ่ ลี่ยกนั เชน่ ห้างสยามอมิ ปอร์ต เป็ นตวั แทนของ Motor Union Insurance Company รับประกนั รถยนต์แสดงวา่ การประกนั ภยั ตา่ ง ๆ ไมใ่ ชเ่ ป็นของใหม่ สําหรับเมืองไทยเลย เคยมีมาตงั้ แตส่ มยั รัชกาลที่ 4 และรัชกาลท่ี 5 แล้ว กฎหมายฉบบั แรกเทา่ ที่ค้นพบ ท่ีมีบทบญั ญัตเิ ก่ียวกบั การประกนั ภยั คือพระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะ เข้าห้นุ สว่ นและบริษัท ร.ศ. 130 (พ.ศ. 2454) ซงึ่ มาตรา 115 บญั ญัตวิ ่า “บริษทั เดินรถไฟ รถราง บริษทั รบั ประกนั ต่าง ๆ บริษัททําการคลงั เงินเหล่านี้ ท่านหา้ มมิใหต้ ง้ั ข้ึนนอกจากไดร้ ับพระบรมราชานญุ าต” ในปี พ.ศ. 2467 ได้มีการบญั ญตั ปิ ระมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ขนึ ้ มีบรรพ 3 ลกั ษณะ 20 เป็น เรื่องการประกนั ภยั รวมอย่ดู ้วย เป็นการรับรู้ข้อตกลงในเร่ืองประกนั ภยั วา่ เป็นสญั ญาที่ผกู พนั ชอบด้วย กฎหมาย และได้มีบทบญั ญัตลิ กั ษณะห้างห้นุ สว่ นบริษัท มาตรา 1014 กลา่ วไว้วา่ “หา้ มมิใหต้ งั้ หา้ งหนุ้ ส่วน บริษทั เพือ่ ทําการประกนั ภยั ข้ึน เวน้ แต่จะไดร้ บั พระราชทานพระบรมราชานญุ าตเป็นพิเศษ ซึ่งเท่ากบั ว่า เป็นการเริ่มควบคมุ การก่อตงั้ บริษทั ประกนั ภยั ไม่ใหต้ ง้ั โดยเสรี แต่ยงั มิได้ ควบคมุ การดําเนินกิจการ โดยตรง” ชาวตา่ งประเทศในขณะนนั้ ได้ตดิ ตอ่ ขออนญุ าตประกอบธุรกิจประกนั ภยั กบั กระทรวงพาณิชย์และ กระทรวงคมนาคม แตท่ างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงคมนาคมยงั ไมพ่ ร้อมท่ีจะรับการจดทะเบียน ประกอบธรุ กิจประกนั ภยั ในทนั ที เพราะเหน็ วา่ การประกนั ภยั เป็นธรุ กิจท่ีต้องดําเนินโดยมีสว่ นเก่ียวพนั ถึง สาธารณชนในด้านความผาสกุ และปลอดภยั จงึ ได้มีการกําหนดธรุ กิจประกนั ภยั ไว้ในกฎหมายที่วา่ ด้วย สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/6
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ ความผาสกุ และปลอดภยั แห่งสาธารณชน ทงั้ จําเป็นต้องกําหนดระเบียบการปฏิบตั ใิ นการควบคมุ ธุรกิจให้ มีมาตรฐานและปลอดภยั ด้วย สําหรับประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ บรรพ 3 ปี พ.ศ. 2467 ดงั กลา่ วข้างต้นได้ถกู ยกเลิก และใช้บทบญั ญตั บิ รรพ 3 ท่ีตรวจชําระใหม่ ตงั้ แตว่ นั ที่ 1 เมษายน 2472 ซง่ึ บรรพ 3 ท่ีตรวจชําระใหม่ก็มี บทบญั ญัตลิ กั ษณะ 20 วา่ ด้วยประกนั ภยั ตงั้ แตม่ าตรา 861 ถึงมาตรา 897 และมีผลบงั คบั ใช้อยใู่ นปัจจบุ นั ประวัตศิ าสตร์รถยนต์ในประเทศไทย ย้อนกลบั ไปเมื่อ 100 ปี ท่ีแล้ว รถยนต์คนั แรกเข้ามาวงิ่ ในแผน่ ดนิ สยามถือเป็นส่ิงแปลกใหมบ่ นท้อง ถนน คนยคุ นน่ั คงนกึ ไมถ่ งึ วา่ มนั จะเป็นพาหนะสําคญั จนเป็นปัจจยั ท่ี 5 ของผ้คู นในยคุ ปัจจบุ นั ธุรกิจรถยนต์ยคุ เร่ิมต้นมีเพียงรถอิมพอร์ตเจ้าของร้านเป็นฝรั่งตา่ งชาตไิ มก่ ี่ร้านและแตล่ ะร้านก็สญู สลายไปในเวลาตอ่ มาตํานานรถยนต์และธรุ กิจรถยนต์ตา่ งเลือนไปจากความทรงจําของคนรุ่นปัจจบุ นั เสีย สิน้ จากฝรั่งสมู่ ือคนไทย รถคนั แรกในเมืองบางกอก ปี 2406 พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้ตดั ถนนสายแรกในมหานครขนึ ้ คือ ถนนเจริญกรุง ตงั้ ต้นท่ีกําแพงพระบรมมหาราชวงั เลียบฝ่ังเจ้าพระยาไปสิน้ สดุ ท่ีบางคอแหลมหรือถนนตก ในปัจจบุ นั ในยคุ นนั้ มีเพียงรถลากและรถม้าเป็นเจ้าครองถนนสายแรกที่มีความยาว 6.5 กม.และในชว่ ง 30 ปี ตอ่ มาก็มีการตดั ถนนเพิม่ เพียงไมก่ ี่สาย ในปี 2435 ในยคุ ของรัชกาลท่ี 5 ถนนในเมืองบางกอกรวมกนั แล้ว มีความยาวเพียง 12 กม. แม้ถนนบางสายจะมีความกว้างถึง 20 เมตรก็ตาม หากหลบั ตานกึ ภาพบนท้อง ถนนสมยั นนั้ มีรถยนต์มาวิ่งทา่ มกลางรถม้าและรถลากคงเกิดความโกลาหลไมน่ ้อย การกําเนิดรถยนตใ์ น ประเทศไทยและการที่พระราชวงศ์ไทยสนพระทยั ในเรื่องรถยนต์เป็นเร่ืองท่ีอบุ ตั ขิ ึน้ แทบจะเป็นเวลาเดียวกนั กบั ชว่ งเปล่ียนศตวรรษเมื่อเร่ิมมีการผลติ รถยนต์ในยโุ รปและอเมริกาเหนือ รถยนต์คนั แรกขนึ ้ บกท่ีทา่ เรืออู่ บางกอก และมีการขบั ไปตามท้องถนนท่ามกลางสายตาของประชาชนท่ีเฝ้ ามองอยา่ งพิศวง รถยนต์เป็นเทคโนโลยีของศตวรรษท่ี 20 เข้ามาถึงประเทศไทยเป็นครัง้ แรกเมื่อไรนนั้ ยงั ไมท่ ราบแน่ ชดั เข้าใจวา่ คนท่ีสง่ั รถยนต์เข้ามาใช้ในประเทศไทยคนแรกเป็นชาวตา่ งชาติ ไมท่ ราบว่าเป็นยี่ห้อใด มี รายละเอียดบางประการอธิบายไว้ในสาสน์สมเดจ็ อนั เป็ นลายพระหตั ถ์โต้ตอบของพระบรมศานวุ งศส์ อง พระองคค์ ือ สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ เจ้าฟ้ ากรมพระยานริศรานวุ ดั ติวงศ์ องค์สถาปนกิ ผ้สู งั สรรคส์ ร้างวดั เบญจมบพิตร กบั สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กนมพระยาดํารงราชานภุ าพ บิดาแหง่ ประวตั ิศาสตร์ไทย โดย ลายพระหตั ถ์เมื่อปี พ.ศ. 2458 สมเดจ็ ฯ เจ้าฟ้ ากรมพระยานริศรานวุ ดั ตวิ งศ์ กราบทลู สมเดจ็ พระเจ้าบรม สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/7
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ วงศเ์ ธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพวา่ รถยนตค์ นั แรกในประเทศไทยรูปร่างคล้ายรถบดถนน ล้อยางตนั มี หลงั คาเป็นปะรํา มีท่ีนง่ั สองแถว ใช้นํา้ มนั ปิโตรเลียม ไฟหน้าลกั ษณะคล้ายเตาฟ่ ู รถยนต์คนั แรกในประเทศ เชน่ เดียวกบั รถยคุ แรกๆ ส่วนใหญ่เครื่องยนตม์ ีกําลงั เพียงพอสําหรับวง่ิ บนท่ีราบ แตไ่ ม่เพียงพอท่ีจะ ขนึ ้ สะพานได้ ข้อด้อยดงั กลา่ วจงึ ทําให้การใช้งานมีขีดจํากดั เน่ืองจากบางกอกสมยั นนั้ ใช้การขนสง่ ทางเรือ เป็นหลกั สะพานข้ามคลองจงึ ต้องยกสงู เพื่อให้เรือลอดได้ แตก่ ลบั เป็นปัญหาสําคญั ในการใช้รถยนต์ หรือ ยวดยานท่ีมีล้อ หลงั จากนํารถยนตเ์ ข้ามาในเมืองไทยได้ไมน่ าน ชาวตา่ งชาตผิ ้นู นั้ ก็ขายตอ่ ให้แก่ จอมพล เจ้าพระยาสรุ ศกั ดมิ์ นตรี (เจิม แสงชโู ต) ซง่ึ สมควรได้รับการยกย่องวา่ เป็นคนไทยคนแรกที่ก่อกําเนิดยคุ รถยนต์ในประเทศไทย เจ้าพระยาสรุ ศกั ดมิ์ นตรีเป็ นคนหวั สมยั ใหม่ นิยมชมชอบในเรื่องเครื่องยนต์กลไก ทงั้ ใฝ่ รู้ในสิง่ ประดิษฐ์ใหมๆ่ และพอใจท่ีจะเป็นเจ้าของเคร่ืองยนต์กลไกแปลกใหม่ ในทนั ทีท่ีมีการจําหน่าย ในลายพระหตั ถ์ เจ้าฟ้ ากรมพระยานริศรานวุ ดั ติวงศ์ ทรงเลา่ วา่ ในตอนแรกที่ซือ้ รถคนั ดงั กลา่ วมา เจ้าพระยาสรุ ศกั ดม์ิ นตรีไมส่ ามารถขบั ได้ เพราะเกียร์แขง็ เข้ายาก ต้องให้น้องชายคือ พระยาอนทุ ตู วาที (เขม็ แสงชโู ต) แก้ไขให้ พระยาอนทุ ตู วาที มีอายอุ ยรู่ ะหวา่ งปี พ.ศ. 2413-2482 และมีหวั ในเร่ืองเครื่องยนต์ กลไก และเป็นคนไทยคนแรกท่ีสามารถพนั ทนุ่ มอเตอร์ได้ เป็นคนไทยคนแรกท่ีไปรับจ้างทํางานในประเทศ องั กฤษ จงึ เป็นคนไทยคนแรกท่ีสามารถขบั รถยนตใ์ นประเทศไทยด้วย สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/8
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ จอมพลเจ้าพระยาสรุ ศกั ดมิ์ นตรี (เจมิ แสงชโู ต) พระยาอนทุ ตู วาที (เข็ม แสงชโู ต) พระยาอนทุ ตู วาที สามารถเรียนรู้การขบั รถยนตค์ นั ดงั กลา่ วได้อยา่ งรวดเร็ว และยงั ได้ถ่ายทอด ให้กบั ผ้อู ่ืนอีกด้วย รถยนต์ของเจ้าพระยาสรุศกั ดมิ์ นตรี วง่ิ ใช้งานตามถนนในเมืองบางกอกอยนู่ านหลายปี ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2471 กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ ทรงจดั พิพิธภณั ฑสถานสําหรับพระนครขนึ ้ และทรง ขอให้นํารถยนต์คนั ดงั กลา่ วมาตงั้ แสดงด้วย จอมพลเจ้าพระยาสรุ ศกั ดมิ์ นตรี ก็ยอมอนญุ าตด้วยความเตม็ ใจ โดยกราบทลู ว่า พระเจ้าลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธิ์ ทรงนํารถไปซ่อมที่กองลหโุ ทษ กรมพระยา ดาํ รงราชานภุ าพทรงทราบตอ่ มาภายหลงั วา่ พระเจ้าลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธ์ิ ได้สนิ ้ พระชนม์ เสียก่อนท่ีจะซอ่ มเสร็จ และรถก็ถกู ทอดทงิ ้ ไว้โดยไมม่ ีใครดแู ล จนเม่ือได้เสดจ็ ไปท่ีกองลหโุ ทษ และถามหา รถคนั ดงั กลา่ ว พนกั งานก็ทําทา่ พิศวง และยมิ ้ อยา่ งสลดใจ แล้วนําเสดจ็ ไปยงั มมุ ห้อง ณ ท่ีนนั้ คอื กองโลหะ ที่หลงเหลือจากนํา้ มือพอ่ ค้าเศษเหล็ก และนน่ั คอื จดุ จบของรถยนต์คนั แรกในประเทศไทย พระเจ้าลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธิ์ บทที่ 1/9 สถาบนั ประกนั ภยั ไทย
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ ในปี พ.ศ. 2447 มีรถยนต์ 3 คนั เข้ามาว่ิงตามถนนในเมืองบางกอก ไมม่ ีการบนั ทกึ ไว้วา่ เป็นย่ีห้อ อะไร ใครเป็นเจ้าของ ชว่ งนนั้ รัฐบาลเริ่มเลง็ เหน็ ในบทบาทและความสําคญั ของรถยนต์แล้ว โดยได้แจ้ง ความโฆษณาในหนงั สือพมิ พ์บางกอกไทม์ ในปี เดียวกนั ระบวุ า่ โรงกษาปณ์หลวงมีความต้องการซือ้ รถยนต์ บรรทกุ แวนเพื่อใช้ขนสง่ ทองแทง่ เงินแทง่ และเหรียญกษาปณ์ หนกั หนง่ึ ตนั ต้องว่งิ ได้เร็วไมน่ ้อยกวา่ 10 ไมล์ตอ่ ชวั่ โมง พร้อมด้วยหลงั คาปะรําสําหรับคนขบั และพนกั งานประจํารถ ในปี เดียวกนั อีก พระเจ้าลกู ยา เธอในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธ์ิทรงพระประชวร ต้องเสดจ็ ไป รักษาพระองคท์ ี่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะท่ีประทบั อยทู่ ี่นน่ั ได้ทรงสง่ั ซือ้ รถยนต์คนั หนง่ึ เป็นรถเดมเลอร์- เบนซ์ ซง่ึ ถือวา่ เป็ นรถชนั้ เยี่ยมในยคุ นนั้ ทรงซือ้ รถคนั ดงั กลา่ วจาก มองซเิ ออร์ เอมีเลอ เจลลีเนค ซงึ่ เป็น ตวั แทนจําหนา่ ยรถยี่ห้อนนั้ ในประเทศฝร่ังเศส มองซเิ ออร์ เอมีเลอ เจลลีเนค มีลกู สาวคนหนงึ่ ชื่อ เมร์เซเดส ตอ่ มาภายหลงั ช่ือนีถ้ กู นําไปใช้แทนช่ือ เดมเลอร์ กลายเป็ น เมร์เซเดสเบนซ์ ท่ีเล่ืองลือไปทวั่ โลก เม่ือเสดจ็ กลบั ประเทศไทยในปลายปี นนั้ พระเจ้าลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธิ์ ได้น้อมเกล้า ถวายรถคนั ดงั กลา่ วแด่ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั นบั ได้วา่ เป็นรถยนต์พระที่นง่ั คนั แรกใน ประวตั ิศาสตร์ไทย โดยพระเจ้าลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธ์ิ ทรงรับหน้าที่เป็นสารถีด้วยพระองค์เอง พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงโปรดปรานรถยนตพ์ ระที่นง่ั ดงั กลา่ ว เพราะทรงเหน็ วา่ สะดวกสบาย และเดนิ ทางได้รวดเร็วกวา่ รถม้าพระที่นง่ั ในยามวา่ งจากพระราชกรณียกิจ ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธ์ินําเสดจ็ พระองค์ และพระบรมวงศานวุ งศ์ไป ตามท่ีตา่ งๆ ตอ่ มาทรงเหน็ วา่ รถยนต์พระท่ีนงั่ คนั เดยี วไมพ่ อท่ีจะใช้งานตามพระราชประสงค์ จงึ ตดั สิน พระทยั ที่จะซือ้ อีกคนั หนง่ึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธิ์ ทํา หน้าที่นี ้เชน่ เดียวกบั ซือ้ รถยนต์คนั แรก พระเจ้าลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธิ์ ทรงเลือกรถเมร์เซเดส เบนซ์ อีกคนั หนงึ่ โดยนําเข้าจากประเทศเยอรมนี รุ่นปี พ.ศ. 2448 เคร่ืองยนต์ 4 สบู 28 แรงม้า ความเร็ว 73 กม.ตอ่ ชว่ั โมง นบั ว่าเร็วที่สดุ ในยคุ นนั้ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/10
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ รถยนต์หลวงคนั ท่ี 2 ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั เป็นเมร์เซเดส รุ่นปี พ.ศ. 2448 ได้รับพระราชนามวา่ แก๊งคจ์ กั รพรรดิ์ รถยนต์แพร่หลายมอเตอร์โชว์เม่ือเกือบ 100 ปี ความนิยมในการใช้รถยนตแ์ พร่หลายในหมพู่ ระราชวงศแ์ ละคหบดใี นหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงดาํ ริว่า สมควรจดั งานเฉลิมฉลองสกั ครัง้ หนง่ึ ดงั นนั้ ปลายฤดฝู น วนั ท่ี 7 ตลุ าคม ปี 2448 จงึ มีพระบรมราชโองการให้มีการชมุ นมุ พบปะกนั ของ รถยนตค์ รัง้ แรกในเมืองบางกอก ปรากฏวา่ มอเตอร์โชว์ครัง้ แรกของสยามมีรถยนต์ไปชมุ นมุ ในบริเวณพระบรมมหาราชวงั ทงั้ สนิ ้ 30 คนั พระองค์ทรงมีพระราชปฏิสนั ถารกบั เจ้าของรถทกุ คน ครัน้ เวลาบา่ ยส่ีโมงเยน็ จงึ เคล่ือนขบวนรถไปตาม ถนนสามเสนและเลีย้ วเข้าส่สู วนดสุ ิตสองข้างทางมีผ้คู นยืนเรียงรายชมขบวนด้วยความต่นื ตาต่ืนใจ งานชมุ นมุ รถยนต์ จดั ขนึ ้ ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/11
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ เม่ือมีการใช้รถอยา่ งแพร่หลาย ถนนเมืองบางกอกเร่ิมมีการประลองความเร็วกนั จนฝ่ นุ ตลบสร้าง ความเดือดร้อนให้คนที่สญั จรไปมาเป็นอยา่ งมากอบุ ตั เิ หตเุ ป็นสิง่ ท่ีหลีกเลี่ยงไมไ่ ด้ อบุ ตั เิ หตถุ งึ ชีวิตเกิดขนึ ้ ครัง้ แรกเม่ือวนั ท่ี 11 กรกฎาคม ปี 2448 แตก่ ็ไมท่ ําให้ความนิยมในการใช้รถ ถดถอยลงหนงั สือพิมพ์บางกอกไทม์ในสมยั นนั้ จงึ มีขา่ วอบุ ตั เิ หตรุ ถยนตช์ นกบั รางไฟฟ้ าพาดหวั ไม้ให้อา่ น แทบทกุ วนั โดยคกู่ รณีมีทงั้ สองล้อ สามล้อและส่ีล้อ แม้กระทงั่ รถยนต์ประสานงากบั รถม้าหรือคนเดนิ เท้าจงึ เป็นท่ีมาของกฎหมายจราจรในเวลาตอ่ มา จํานวนรถยนต์เพม่ิ ขนึ ้ เรื่อยๆ คนโกงก็เพิม่ ขนึ ้ เป็นเงาตามตวั นอกจากมีการขโมยรถแล้วเจ้าของรถบางคนก็ใช้เลห่ ์เลี่ยมขายรถแล้วกลา่ วหาวา่ คนซือ้ เป็นขโมย ต้อง เดือดร้อนขนึ ้ โรงขนึ ้ ศาล รถยนตร์ ุ่นปี พ.ศ.2448 ไมท่ ราบยี่ห้อ ห้องโดยสารมีลกั ษณะเป็นเก๋งอยา่ งสมบรู ณ์ โรงรถยนตห์ ลวง เม่ือปี พ.ศ. 2449 มีรถที่ไมต่ ้องอาศยั ม้าอยหู่ ลายคนั สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/12
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ เม่ือถงึ ปี พ.ศ. 2470 ตวั เมืองบางกอกก็ขยายออกไปโดยรอบ มีถนนสายใหมๆ่ ที่ชว่ ยให้สามารถ เดนิ ทางไปในแถบชนบท แถวชานเมืองก็มีถนนชนั้ ดีหลายสาย สองข้างทางมีต้นไม้ย่ืนก่ิงก้านปกคลมุ และ บงั แสงอาทิตย์จากสายตาผ้ขู บั รถได้เป็นอยา่ งดี ป้ อมปราการท่ีสวยงามดจุ ภาพวาดเร่ิมจะหมดไป ทีละแหง่ สองแหง่ ประตเู มืองถกู รือ้ ทงิ ้ เพ่ือเปิดพืน้ ที่ให้แก่การจราจร กําแพงถกู ทบุ ทงิ ้ แล้วเอาเศษอฐิ เศษปนู ไปปถู นน รถเรโนลต์ 20/30 ซีวี รุ่นปี พ.ศ. 2449 เครื่องยนต์ 4 สบู ความจุ 4398 ซีซี ระบายความร้ อนด้ วยนํา้ ในปี พ.ศ. 2451 วาระเฉลิมพระชนม์พรรษาครบ 56 พรรษา พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้า เจ้าอยหู่ วั มีพระราชดําริที่จะสงั่ ซือ้ รถยนต์ มาเป็นของขวญั พระราชทานแกพ่ ระบรมวงศานวุ งศ์ และ ข้าราชการชนั้ สงู เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์แก่แผน่ ดนิ สืบไป ในการนีท้ รงโปรดเกล้าให้ พระเจ้าลกู ยาเธอ กรม หลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธ์ิ สงั่ ซือ้ จากประเทศฝรั่งเศส จํานวน 10 คนั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั พระราชทานนามแกร่ ถยนต์เหลา่ นีแ้ ตล่ ะคนั ในลกั ษณะเดยี วกบั ท่ีพระราชทานนามแกช่ ้าง เพ่ือแสดงถงึ ฐานะและความมงั่ มี เชน่ แก้วจกั รพรรดิ์ มณีรัตนา ทดั มารุต ไอยราพต กงั หนั ราชอนยุ นั ต์ สละสลวย กระสวยทอง ลําลองทพั พรายพยนต์ กลกําบงั สวุ รรณมขุ ี เม่ือมีรถมากขนึ ้ ก็มีความจําเป็นท่ีจะต้องหา คนขบั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั จงึ ทรงคดั เลือกมหาดเล็กท่ีมีไหวพริบดี จํานวนหนง่ึ ไป ฝึกหดั ขบั รถเป็นการดว่ น และผ้ทู ่ีรับหน้าท่ีสอนขบั รถก็คือ หมอ่ มเจ้าหญิงพิมพ์รําไพ พระธิดาของ พระเจ้า ลกู ยาเธอ กรมหลวงราชบรุ ีดเิ รกฤทธิ์ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/13
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ รถยนต์หลวงคนั นีม้ ีเนือ้ ท่ีเพียงพอท่ีจะนํา พระบรมวงศานวุ งศ์ เดนิ ทางไปตามท่ีตา่ งๆของเมืองบางกอกในชว่ งเปลี่ยนศตวรรษ ในปี พ.ศ. 2452 ขณะที่รถยนตม์ ีจํานวนมากขนึ ้ เร่ือยๆ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ได้โปรดเกล้าให้ตราพระราชบญั ญตั ริ ถยนตฉ์ บบั แรกของประเทศไทยขนึ ้ โดยให้มีผลบงั คบั ใช้ในปี ถดั มา พระราชบญั ญตั นิ ี ้กําหนดให้เจ้าของรถยนต์ต้องจดทะเบียนกบั กระทรวงมหาดไทย และเสียคา่ ธรรมเนียม 10 บาท รถยนต์นง่ั และรถบรรทกุ ในพระราชอาณาจกั รที่จดทะเบยี นกบั กระทรวงมหาดไทยขณะนนั้ มี จํานวนดงั นี ้คือเมืองบางกอก และจงั หวดั ใกล้เคียง 401 คนั จงั หวดั นครสวรรค์ 1 คนั จงั หวดั นครศรีธรรมราช 2 คนั จงั หวดั ทางภาคเหนือ 6 คนั จงั หวดั ภเู ก็ต 2 คนั กาํ เนิดธุรกจิ รถยนต์รถอิมพอร์ตเฟ่ื องฟู เม่ือมีผ้นู ิยมใช้รถมากขนึ ้ ร้านรวงในยา่ นการค้าเมืองหลวงเร่ิมเปล่ียนแปลงทกุ สปั ดาห์จะมีการขนึ ้ ป้ ายประกาศเปิ ดกิจการของตวั แทนจําหนา่ ยรถยนต์รายใหม่ สว่ นใหญ่เจ้าของร้านมกั จะเป็นคนตา่ งชาตทิ ี่ เข้ามาหากินในเมืองไทย ซงึ่ ไมต่ า่ งกบั ธุรกิจคอมพิวเตอร์ในปัจจบุ นั รถยี่ห้อใหมๆ่ หลง่ั ไหลเข้ามาสนองความ ต้องการของลกู ค้าผ้กู ระหาย - จี.อาร์.อองเดร.ตงั้ อยสู่ ่ีกก๊ั พระยาศรี ตวั แทนจําหนา่ ยของอดมั โอเพล แหง่ รัสเซลส์ไฮม์ - บางกอก ทรัสต์ ลิมิเทด ตงั้ อยยู่ านนาวา ตวั แทนจําหนา่ ยรถยนต์นงั่ ของอาร์ม สตรอง ซิดลีด์ ,ไซเลนท์ ไนท์ และฟอร์ด และเป็นตวั แทนจําหน่ายรถบรรทกุ รถโดยสารของสตาร์ สโตร์ บริษทั นีม้ ีอซู่ อ่ มท่ีใหญ่ที่สดุ ในประเทศไทยรองรับรถได้ถงึ 20 คนั - กองตวั ร์ ฟรองซวั ดอื เซียม ตงั้ อย่ถู นนสี่พระยา จําหนา่ ยรถฝรั่งเศสหลายยี่ห้อ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/14
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ - จอห์น เอ็ม. ดนั ลอป ตวั แทนจําหนา่ ยรถของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส จํากดั ของ สหรัฐอเมริกา - เอส.เอ.บี. ตงั้ อยถู่ นนเจริญกรุง จําหนา่ ย รถแบลริโอต์ และมีอซู่ อ่ มรถหลายย่ีห้อ - สยาม อมิ พอร์ท คมั ปะนี เป็นตวั แทนจําหนา่ ยรถนาปิแอร์ - สว่ นรถเปอร์โยตม์ ีผ้จู ําหนา่ ยแตเ่ พียงผ้เู ดียวคือ สยาม ฟอเรสต์ ทรัสต์ ลมิ ิเทด - วินดเ์ ซอร์ คมั ปะนี เป็นตวั แทนจําหนา่ ยรถกาเกเนา มีอซู่ อ่ มขนาดใหญ่เชน่ กนั ความนิยมการใช้รถทําให้เกิดธรุ กิจมือสองตามมา โดยพระพศิ าลสขุ มุ วทิ โชคดีจบั สลากชิงรางวลั รถยนตข์ องชาวตา่ งชาตผิ ้หู นง่ึ เสมือนเป็นการขายทอดตลาดรถมือสอง เลา่ ลือกนั วา่ พระพศิ าลสขุ มุ วิท ชมชอบการขบั รถด้วยความเร็วสงู ถงึ ขนาดตดั ถนนเลก็ ๆ บริเวณ ชานเมืองเพื่อจะได้ขบั รถเร็วตามใจต้องการถนนสายนีค้ ือถนนสขุ มุ วทิ ในปัจจบุ นั ถดั จากการจําหนา่ ยรถ ของห้างร้านตา่ งๆ แล้วธุรกิจที่ตามมาคอื การค้านํา้ มนั เม่ือห้างนายเลิศ หนั มาจบั ธุรกิจจําหนา่ ยนํา้ มนั เบนซนิ จนขนึ ้ ชื่อและรุ่งเรืองมากในสมยั รัชกาลท่ี 6 นบั เป็นฉากเร่ิมต้นยานยนตไ์ ทยที่ทําให้ทกุ สงิ่ เปลี่ยนแปลงตามมาจากยานพาหนะแปลก ประหลาดสธู่ รุ กิจหม่ืนล้านแสนล้านในยคุ นี ้ รถยนตเ์ ก่าในยคุ แรก ๆ ได้กลายเป็นของสะสมอนั ทรงคณุ คา่ ของบรรดาผ้ชู ื่นชอบความคลาสสิกรถเก่า ห้างนายเลิศ ในรัชสมยั สมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอย่หู วั อนั เป็นสถานท่ี จําหนา่ ยนํา้ มนั เบนซนิ ให้แกผ่ ้ใู ช้รถยนต์ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/15
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ การริเร่ิมก่อตัง้ บริษัทประกันภัยของคนไทย ในปี พ.ศ. 2472 นนั้ มีบริษัทประกนั ภยั ที่ก่อตงั้ ขนึ ้ ในประเทศไทยโดยคนไทยเป็นบริษัทแรกคือ บริษทั เตยี อนั เป๋ าเฮี่ยม จํากดั ซง่ึ ในปี นนั้ เองมีอีกหลายบริษทั คอื บริษทั เซง่ เชียงหลีประกนั ภยั ธนากิจและ พาณิชยการ จํากดั บริษทั เชียงอาน รับประกนั อคั คีภยั และอทุ กภยั จํากดั เป็นบริษทั ประกนั วินาศภยั ทงั้ สิน้ ในชว่ งเวลาตงั้ แต่ พ.ศ. 2472 จนถงึ กอ่ นสงครามโลกครัง้ ท่ี 2 คอื พ.ศ. 2484 นนั้ มีบริษัทที่จดทะเบียนใน ประเทศไทยเพียง 10 บริษทั เทา่ นนั้ สว่ นบริษทั ตา่ งประเทศได้จดทะเบยี นถึง 62 บริษัท สําหรับบริษัทของ คนไทยนนั้ เป็นบริษัทประกนั วนิ าศภยั ไมม่ ีบริษทั ที่ประกอบการประกนั ชีวิต สว่ นบริษทั ตา่ งประเทศเป็นทงั้ บริษัทประกนั วินาศภยั และบริษัทประกนั ชีวิต บริษัทประกนั ชีวติ ของคนไทยนนั้ เพ่งิ ได้เริ่มกอ่ ตงั้ ขนึ ้ เม่ือเกิด สงครามโลกครัง้ ท่ี 2 ขนึ ้ แล้ว เพราะในชว่ งสงครามโลกนนั้ เอง บริษัทประกนั ภยั ของตา่ งประเทศตกอยใู่ น ฐานะชนชาติศตั รูต้องหยดุ ประกอบกิจการไปเกือบทงั้ หมด บริษัทประกนั ชีวิตของคนไทยบริษัทแรกคือ บริษทั ไทยเศรษฐกิจประกนั ภยั จํากดั ซง่ึ จดทะเบยี นในปี พ.ศ. 2485 ปี เดียวกนั นีม้ ีอีกบริษัทซงึ่ มีคนไทย เป็นผ้กู อ่ ตงั้ คือ บริษทั ไทยประกนั ชีวิต จํากดั ก็ได้จดทะเบียนเชน่ กนั การควบคุมกิจการประกันภัยโดยรัฐ เนื่องจากการดําเนินงานในการรับประกนั ภยั เป็ นกิจการท่ีกว้างขวางต้องใช้เงินทนุ มากและโดยท่ี กิจการประกนั ภยั ต้องเกี่ยวข้องอยกู่ บั ประชาชนเป็นจํานวนมาก หากผ้รู ับประกนั ภยั ดําเนนิ งานไมไ่ ด้ อาจ เป็นเหตใุ ห้ประชาชนผ้เู อาประกนั ไว้ต้องเสียหายเดือดร้อน และเป็นผลกระทบกระเทือนตอ่ เศรษฐกิจโดย สว่ นรวมอีกด้วย ดงั จะเห็นตวั อยา่ งได้จากเมื่อคราวท่ีบริษัทนครหลวงประกนั ชีวิต จํากดั ถกู กระทรวงเศรษฐ การสง่ั ถอนใบอนญุ าตเม่ือปี พ.ศ. 2507 และตอ่ มาก็ถกู ศาลสง่ั พทิ กั ษ์ทรัพย์ ปรากฏวา่ มีเจ้าหนีไ้ ปยื่น คาํ ขอรับชําระหนีถ้ ึง 8,590 ราย เป็นจํานวนหนีถ้ งึ 75 ล้านบาทเศษ สว่ นบริษทั บรู พาประกนั ชีวิต จํากดั ซง่ึ ถกู ศาลสงั่ พิทกั ษ์ทรัพย์เมื่อปี พ.ศ. 2512 ก็มีเจ้าหนีไ้ ปย่ืนคาํ ขอรับชําระหนีถ้ งึ 5,458 ราย เป็นจํานวนหนี ้ 65 ล้านบาทเศษ ซง่ึ เกือบทงั้ หมดเป็นเจ้าหนีต้ ามกรมธรรม์ประกนั ชีวิต ด้วยเหตนุ ีป้ ระเทศตา่ งๆ ท่ีมีการ ดาํ เนินงานประกนั ภยั จงึ ได้เข้าควบคมุ สอดส่องผ้รู ับประกนั ภยั อยา่ งใกล้ชิดโดยมีจดุ มงุ่ หมายท่ีจะให้ผ้รู ับ ประกนั ภยั ได้ดําเนนิ กิจการไปด้วยดี มีหลกั ฐานทางการเงินมนั่ คงสามารถให้ความชว่ ยเหลือหรือจา่ ยเงิน คา่ สนิ ไหมทดแทนแกผ่ ้เู อาประกนั ภยั หรือผ้รู ับประโยชน์ได้ตามจํานวนท่ีตกลงกนั ไว้ และให้ผ้รู ับประกนั ภยั ได้ปฏิบตั ติ อ่ ผ้เู อาประกนั ภยั ด้วยความเป็นธรรม การควบคมุ กิจการประกนั ภยั ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐเพ่ือความสงบเรียบร้อยและความ มน่ั คงทางเศรษฐกิจของทกุ ฝ่ ายที่เกี่ยวข้องในกิจการประกนั ภยั จําเป็นต้องอาศยั มาตรการกฎหมายเป็น สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/16
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ สําคญั ซงึ่ ได้มีการตราพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ กิจการค้าขายอนั กระทบกระเทือนถงึ ความปลอดภยั หรือ ผาสกุ แหง่ สาธารณชน พ.ศ.2471 ขนึ ้ เมื่อวนั ท่ี 13 ตลุ าคม พ.ศ. 2471 ปรากฏเหตผุ ลที่ออกกฎหมายฉบบั นี ้ วา่ “โดยทีท่ รงพระราชดําริว่าพาณิชย์และอตุ สาหกรรมของประเทศไดว้ ิวฒั นาการถึงซึ่งความจําเป็นที่ จะตอ้ งกําหนดการควบคมุ กิจการคา้ ทง้ั หลายอนั กระทบถึงความปลอดภยั หรือผาสกุ แห่งสาธารณชน เพือ่ คมุ้ ครองรกั ษาผลประโยชน์ของพสกนิกรใหเ้ ป็นทีเ่ รียบร้อยสืบไป” และจํานวนกิจการค้าขายหลายอย่างที่ กระทบถึงความปลอดภยั หรือผาสกุ แหง่ สาธารณชนตามพระราชบญั ญตั ฉิ บบั นี ้ก็มีประกนั ภยั รวมอยดู่ ้วย ดงั ปรากฏตามความในมาตรา 7 แหง่ พระราชบญั ญัตฉิ บบั นีว้ า่ : มาตรา 7 “หา้ มมิใหบ้ คุ คลผูใ้ ดประกอบ กิจการประกนั ฯลฯ หรือกิจการอืน่ อนั มีสภาพคลา้ ยคลึงกนั ในกรุงสยาม เวน้ แต่จะได้ปฏิบตั ิตาม บทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายเฉพาะการนนั้ ในเวลาทีย่ งั ไม่มีกฎหมายเฉพาะการ หา้ มมิให้ประกอบกิจการ คา้ ขายดงั กล่าวนน้ั ในกรุงสยาม เวน้ แต่จะไดร้ บั อนญุ าตจากรฐั บาลทางเสนาบดีเจ้าหนา้ ที่ ฯลฯ” และ บทบญั ญัตมิ าตรา 8 ได้กําหนดโทษทางอาญาไว้สําหรับผ้ลู ะเลยไมป่ ฏิบตั ิตามบทบญั ญตั แิ หง่ พระราชบญั ญตั ิด้วย หลงั จากมีพระราชบญั ญตั ิควบคมุ กิจการค้าขายอนั กระทบกระเทือนถึงความ ปลอดภยั หรือผาสกุ แหง่ สาธารณชนออกประกาศใช้แล้ว บริษัทประกนั ภยั ที่จะประกอบกิจการได้ต้องได้รับ อนญุ าตจากกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมก่อนแตก่ ็ยงั ไมไ่ ด้มีการกําหนดเงื่อนไขการขอรับใบอนญุ าต ประกอบธุรกิจประกนั ภยั จนกระทงั่ เม่ือวนั ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2472 กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ได้ ประกาศกําหนดเงื่อนไขการขอรับอนญุ าตประกอบธุรกิจประกนั ภยั ทงั้ ประกนั ชีวิตและประกนั วินาศภยั เง่ือนไขทงั้ สองฉบบั ได้ทําขนึ ้ เป็นภาษาองั กฤษ เพราะบริษัทที่ขออนญุ าตประกอบการประกนั ภยั ใน ระยะแรกนีเ้ป็ นบริษทั ประกนั ภยั ตา่ งประเทศเป็นส่วนมาก สว่ นการประกนั ภยั ประเภทอื่น นอกจากสอง ประเภทดงั กลา่ วก็ยงั ไมม่ ีเง่ือนไขควบคมุ แตก่ ็จะต้องปฏิบตั กิ ารบางประการตามที่กระทรวงพาณิชย์และ คมนาคมกําหนดไว้ สําหรับเง่ือนไขดงั กลา่ วแล้วซง่ึ กําหนดไว้ในชนั้ แรกนี ้มีข้อความไว้เพียงวา่ บริษทั ประกนั กนั ต้องมีทนุ ชําระแล้วอยา่ งน้อย 2 แสนบาท ต้องฝากหลกั ทรัพย์ไว้กบั รัฐบาลไทยหรือสถานทตู ไทยใน ตา่ งประเทศ ต้องพมิ พ์โฆษณาฐานะการเงินของบริษัทในหนงั สือพมิ พ์เป็นประจําปี และกําหนดให้สง่ รายงานแสดงกิจการประจําปี และรายงานแสดงทรัพย์สนิ อยา่ งไรก็ดี นบั วา่ เป็นก้าวแรกของการเร่ิมงาน ควบคมุ บริษัทประกนั ภยั ท่ีประกอบกิจการในประเทศไทย ตอ่ มาได้มีประกาศลงวนั ที่ 16 สงิ หาคม พ.ศ. 2472 ระบใุ ห้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงคมนาคมเป็ นผ้รู ักษาการอนั เกี่ยวกบั การประกนั ภยั ผ้ใู ดจะเริ่ม ประกอบกิจการประกนั ภยั จําเป็นต้องขอรับอนญุ าตก่อน และบคุ คลที่ประกอบกิจการประกนั ภยั อยแู่ ล้วใน วนั ท่ีใช้พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ กิจการค้าขายอนั กระทบกระเทือนถงึ ความปลอดภยั หรือผาสกุ แหง่ สาธารณชน พ.ศ. 2471 ต้องขอรับอนญุ าตภายในวนั ท่ี 13 ตลุ าคม พ.ศ. 2472 เป็นอนั วา่ ผ้ปู ระกอบกิจการ ประกนั ภยั จะต้องจดทะเบยี นตงั้ แตน่ นั้ เป็นต้นมา และได้อยภู่ ายใต้การควบคมุ ของกองประกนั ภยั ซง่ึ ตงั้ ขนึ ้ ในวนั ท่ี 16 สิงหาคม พ.ศ. 2472 สงั กดั กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม การกําหนดเงื่อนไขควบคมุ กิจการ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/17
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ ประกนั ภยั ขนึ ้ นนั้ ก็เพราะทางการประสงค์จะให้ความปลอดภยั แก่ประชาชนผ้เู อาประกนั ภยั และทราบถงึ ฐานะการเงินของบริษทั วา่ มีความมนั่ คงเพียงใดโดยกําหนดให้บริษัทประกนั อคั คภี ยั ต้องมีหลกั ทรัพย์ ประกนั ฝากไว้ตอ่ ทางการเป็ นจํานวนหนงึ่ แสนบาท และบริษัทรับประกนั ชีวิตต้องฝากหลกั ทรัพย์ไว้ตอ่ ทางการเม่ือเริ่มประกอบการประกนั ชีวิตจํานวนห้าหม่ืนบาท และจะต้องฝากเพ่มิ ขนึ ้ จากจํานวนหนงึ่ ในสาม ของเบยี ้ ประกนั ภยั ที่บริษัทได้รับทกุ ปี บริษัทท่ีประกอบกิจการนอกเหนือจากกิจการประกนั ภยั ดงั กลา่ วทงั้ สองประเภทนีไ้ มต่ ้อง ฝากหลกั ทรัพย์ประกนั มีข้อเทจ็ จริงท่ีนา่ สนใจวา่ ในระหวา่ งการประชมุ ร่างเง่ือนไข ควบคมุ กิจการประกนั ภยั พ.ศ. 2472 นนั้ ได้มีบริษทั ประกนั ภยั ยื่นความจํานงขอประกอบกิจการประกนั ภยั ในประเทศไทยเป็นจํานวนถงึ 286 ราย แยกประเภทได้เป็ น ประกนั อคั คีภยั 74 ราย ประกนั ชีวิต 6 ราย ประกนั ภยั ทางทะเล 177 ราย ประกนั ภยั รถยนต์ 15 ราย ประกนั อนั ตรายทว่ั ไป 3 ราย ประกนั ภยั โจรกรรม 2 ราย ประกนั ภยั เบ็ดเตล็ด 9 ราย และทงั้ 286 รายนีไ้ ด้รับอนญุ าตชวั่ คราวให้ทําการประกนั ภยั ได้ บริษทั ที่ ได้รับอนญุ าตให้ประกอบกิจการประกนั ภยั เป็นอนั ดบั แรกตามประเภทของ กิจการประกนั ภยั มีดงั นี ้ - บริษัทโตเกียวมารีนแอนด์ไฟร์อนิ ชวั รันส์ จํากดั สญั ชาตญิ ่ีป่ นุ ได้รับอนญุ าตประกอบกิจการประกนั อคั คภี ยั ในวนั ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2472 โดยมีบริษัทมติ ซยุ บซุ นั ไกซาเป็นตวั แทนในประเทศไทย - บริษัทเตยี อนั เป๋ าเฮี่ยม จํากดั จดทะเบียนเป็นบริษทั จํากดั ในประเทศไทยได้รับอนญุ าตให้ประกอบการ ประกนั ภยั ทางทะเลในวนั ท่ี 27 มกราคม พ.ศ. 2472 - บริษัทขอเตอร์ยเู นียนอนิ ชวั รันส์ จํากดั สญั ชาตอิ งั กฤษ ได้รับอนญุ าตให้ประกอบกิจการประกนั อบุ ตั เิ หตุ ในวนั ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2473 โดยมีบริษทั โซม์แอนดค์ อมปานีเป็นตวั แทนในประเทศไทย การพฒั นามาตรการกฎหมายเพ่ือควบคุมกจิ การประกันภยั ปี พ.ศ. 2492 กระทรวงเศรษฐการซง่ึ ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าหน้าท่ีรักษาการอนั เก่ียวกบั การ ประกนั ภยั ได้กําหนดเงื่อนไขควบคมุ กิจการประกนั ภยั ขนึ ้ ใหม่ ซงึ่ มีรายละเอียดมากขนึ ้ กวา่ เงื่อนไขฉบบั ปี 2472 แตแ่ ม้จะมีข้อความและรายละเอียดมากขึน้ เง่ือนไขฉบบั ปี พ.ศ. 2492 ก็ยงั ขาดหลกั การสําคญั ท่ีควร จะมีอีกหลายอยา่ ง ดงั นนั้ ในปี พ.ศ.2507 รัฐบาลจงึ ได้เสนอ ร่างพระราชบญั ญตั ิประกนั วินาศภยั และ ร่าง พระราชบญั ญตั ิประกนั ชีวิต เข้าสกู่ ารพจิ ารณาของสภาร่าง รัฐธรรมนญู เพื่อให้มีกฎหมายควบคมุ การ ประกอบการประกนั ภยั ทงั้ 2 ประเภทนีข้ นึ ้ ไว้โดยเฉพาะ ซง่ึ ในท่ีสดุ ร่างพระราชบญั ญตั ทิ งั้ 2 ฉบบั นีก้ ็ได้ ประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อวนั ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2510 เหตผุ ลของการประกาศใช้พระราชบญั ญตั ทิ งั้ 2 ฉบบั นี ้ตามที่ปรากฏในราชกิจจานเุ บกษา พอท่ีจะนํามากลา่ วรวมกนั ได้ดงั นีค้ ือ “ขณะนีย้ งั ไมม่ ีกฎหมาย ควบคมุ ประกนั วินาศภยั และการประกนั ชีวติ โดยเฉพาะ การควบคมุ กิจการดงั กลา่ วได้อาศยั เง่ือนไข สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/18
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ ควบคมุ กิจการประกนั ภยั ซงึ่ ออกตามความในพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ กิจการค้าขายอนั กระทบ ถงึ ความปลอดภยั หรือผาสกุ แหง่ สาธารณชน พทุ ธศกั ราช 2471 ซงึ่ ยงั ไมร่ ัดกมุ พอ เป็นเหตใุ ห้บริษัทประกนั วนิ าศภยั และบริษทั ประกนั ชีวิตมีฐานะการเงินไมม่ นั่ คง ทําให้ผ้เู อาประกนั วินาศภยั และผ้เู อาประกนั ชีวติ เสียเปรียบและไมไ่ ด้รับความค้มุ ครองเทา่ ท่ีควร จงึ จําเป็นต้องบญั ญัตกิ ฎหมายทงั้ 2 ฉบบั นีข้ นึ ้ เพ่ือควบคมุ บริษัทประกนั วินาศภยั และบริษทั ประกนั ชีวติ ให้ดําเนนิ การโดยเล็งถงึ ผลประโยชน์ของผ้เู อาประกนั วินาศ ภยั และ ผ้เู อาประกนั ชีวิต มิให้ดําเนินการไปในทางที่เส่ียงภยั และเพื่อสง่ เสริมกิจการประกนั ภยั ให้เจริญ ก้าวหน้ายง่ิ ขนึ ้ ให้ทนั กบั ความต้องการของประชาชน เพราะการประกนั วินาศภยั เป็นการชว่ ยให้ผ้ทู ี่ถกู ละเมดิ ทางร่างกายและทรัพย์สินได้รับชดใช้คา่ เสียหาย และชว่ ยบรรเทาความเดือดร้อนแก่เจ้าของทรัพย์สิน ที่ได้เอาประกนั ภยั ไว้ เพ่ือก่อให้เกิดความปลอดภยั และความเช่ือมน่ั แกผ่ ้ปู ระกอบการค้าและอตุ สาหกรรม ในการลงทนุ ในประเทศได้อยา่ งดอี ีกด้วย และเพราะการประกนั ชีวิตนอกจากจะชว่ ยบรรเทาความเดือด ร้อนทางการเงินแก่ผ้เู อาประกนั ชีวิตแล้ว ยงั เป็นสถาบนั การเงินที่สําคญั ในการชว่ ยพฒั นาการเศรษฐกิจของ ประเทศอีกด้วย ” ข้อท่ีควรสงั เกตก็คอื พระราชบญั ญัตปิ ระกนั วินาศภยั และพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั ชีวิต มงุ่ ในทาง ควบคมุ บริษัทรับประกนั ภยั ให้ดําเนนิ การโดยคํานงึ ถงึ ผลประโยชน์ของผ้เู อาประกนั ภยั มิได้มีผล เป็นการยกเลิกบทบญั ญตั วิ ่าด้วยการประกนั ภยั ในประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ บรรพ 3 แตป่ ระการ ใด หลกั การเก่ียวกบั เรื่อง สญั ญาประกนั ภยั คงเป็นไปตามท่ีบญั ญตั ไิ ว้ในประมวลกฎหมายแพง่ และ พาณิชย์ นอกจากในบางเรื่อง ซงึ่ พระราชบญั ญตั ใิ หมท่ งั้ 2 ฉบบั นีไ้ ด้บญั ญตั ิ เพมิ่ เตมิ ขนึ ้ อีก ซง่ึ จะได้ศกึ ษา กนั ตอ่ ไป อนง่ึ เม่ือต้นปี พ.ศ. 2515 ได้มี ประกาศคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ท่ี 59 ให้ยกเลิกพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ กิจการค้าขายอนั กระทบถึงความปลอดภยั หรือผาสกุ แหง่ สาธารชนพทุ ธศกั ราช 2471 ที่ได้กลา่ วถงึ ข้างต้น พร้อมทงั้ พระราชบญั ญตั แิ ก้ไขเพมิ่ เตมิ และพระราชบญั ญตั ิ กําหนดกระทรวงเจ้าหน้าท่ีรักษาการตาม พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ กิจการค้าขายฯ แล้วได้วางข้อกําหนดเกี่ยวกบั เร่ืองการควบคมุ กิจการตา่ ง ๆ ขนึ ้ ใหม่ โดยมีความในข้อ 5 ของประกาศของคณะปฏิวตั ฉิ บบั ดงั กลา่ ววา่ “ เม่ือได้มีประกาศของรัฐมนตรี กําหนดกิจการอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ดงั ระบไุ ว้ตอ่ ไปนี ้หรือกิจการอนั มีสภาพคล้ายคลงึ กนั ให้เป็นกิจการที่ต้อง ขออนญุ าต ห้ามมิให้ผ้ใู ดประกอบกิจการนนั้ เว้นแตจ่ ะได้รับอนญุ าตจากรัฐมนตรี ” และมีข้อ 21 กําหนดวา่ “ ให้ถือวา่ กิจการประกนั ภยั ฯลฯ เป็นกิจการที่รัฐมนตรีได้ประกาศตามข้อ 5 แล้ว ฯลฯ ” ซง่ึ ก็มีผลวา่ ผ้ใู ดจะ ประกอบกิจการประกนั ภยั ไมไ่ ด้ เว้นแตจ่ ะได้รับอนญุ าตจากรัฐมนตรี (คอื รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงเศรษฐ การ ซง่ึ เป็นกระทรวงที่มีอํานาจและหน้าที่เกี่ยวกบั กิจการประกนั ภยั ตามประกาศคณะปฏิวตั ขิ ้อ 12) และ ในขณะเดียวกนั ก็มีข้อ 6 กําหนดว่า “ ในกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะวา่ ด้วยกิจการตามท่ีระบไุ ว้ในข้อ 3 หรือข้อ 5 การประกอบกิจการดงั กลา่ ว ให้เป็นไปตามกฎหมายวา่ ด้วยกิจการนนั้ ” ซง่ึ มีผลวา่ การประกอบกิจการ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/19
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ ประกนั วนิ าศภยั และการประกนั ชีวิต จะต้องเป็นไปตามพระราชบญั ญัตปิ ระกนั วินาศภยั แลพระราชบญั ญตั ิ ประกนั ชีวิต พ.ศ. 2510 ท่ีได้กลา่ วถึงข้างต้น ซง่ึ เป็นกฎหมายเฉพาะวา่ ด้วยกิจการนี ้ นอกจากนีใ้ นปี พ.ศ. 2515 ได้มี ประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ที่ 287 วางข้อกําหนดควบคมุ กิจการ ฌาปนกิจสงเคราะห์ ซงึ่ มีลกั ษณะใกล้กบั การประกนั ชีวิตขนึ ้ ไว้โดยเฉพาะเพ่ือป้ องกนั มใิ ห้มีการแสวงหา ประโยชน์จากกิจการนีโ้ ดยมิชอบและเพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชน แตต่ อ่ มาได้มี พระราชบญั ญตั กิ าร ฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ.2517 ยกเลิกประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ที่ 287 นนั้ เสีย แล้วได้วางข้อกําหนด ในการจดั ตงั้ และการดําเนนิ กิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตลอดจนวธิ ีการควบคมุ สมาคม ดงั กลา่ วขึน้ ใหมซ่ ง่ึ จะได้กลา่ วถึงพระราชบญั ญัตนิ ีเ้ม่ือถึงคราวศกึ ษาเร่ืองการประกนั ชีวติ อยา่ งไรก็ตาม จนกระทง่ั ถึงปี พ.ศ. 2535 เน่ืองจากพระราชบญั ญัตปิ ระกนั วนิ าศภยั พ.ศ. 2510 และพระราชบญั ญัติ ประกนั ชีวิต พ.ศ.2510 ได้ใช้บงั คบั มาเป็นเวลานานมีบทบญั ญตั หิ ลายประการไมเ่ หมาะสมกบั กาลสมยั และไมส่ อดคล้องกบั สภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสงั คมที่กําลงั ขยายตวั อย่างรวดเร็ว ประกอบกบั ได้มีการ เปล่ียนฐานะของสํานกั งานประกนั ภยั เป็นกรมการประกนั ภยั ดงั นนั้ จงึ ได้มีการประกาศใช้พระราชบญั ญัติ ประกนั วินาศภยั พ.ศ. 2535และพระราชบญั ญตั ิประกนั ชีวิต พ.ศ. 2535 แทนพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั วินาศ ภยั และพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั ชีวติ ที่ใช้มาตงั้ แตป่ ี พ. ศ . 2510 ดงั กลา่ วนนั้ ทงั้ นี ้เพื่อให้เป็นการรองรับการ ขยายตวั ของธรุ กิจประกนั ภยั ตลอดจนมีการปรับปรุงหลกั เกณฑ์เกี่ยวกบั การดําเนินการประกอบธุรกิจ ประกนั ภยั ให้มีความคลอ่ งตวั และสามารถเอือ้ อํานวยประโยชน์แก่ผ้เู อาประกนั ภยั เพ่ิมขนึ ้ รวมทงั้ มีการ กําหนดขอบเขตอํานาจและหน้าท่ีของนายทะเบยี นและพนกั งานเจ้าหน้าท่ีเสียใหม่ เพื่อให้สามารถควบคมุ และกํากบั ดแู ลกิจการธุรกิจประกนั ภยั ให้มีประสทิ ธิภาพมากขนึ ้ แตก่ ระนนั้ ด้วยเหตทุ ี่ในปัจจบุ นั การค้า บริการระหวา่ งประเทศ ได้เข้ามามีบทบาทตอ่ การพฒั นาเศรษฐกิจของแตล่ ะประเทศ จนเกิดการแขง่ ขนั อยา่ งไร้ขีดจํากดั ในระหวา่ งผ้ปู ระกอบธุรกิจด้วยกนั อนั ก่อให้เกิดการกีดกนั ทางการค้า ไมว่ า่ จะโดยการออก กฎระเบยี บของประเทศตา่ ง ๆ หรือโดยการเอาเปรียบของผ้ปู ระกอบธุรกิจนนั้ ๆ ด้วยเหตนุ ี ้จงึ ได้มีความ พยายามจดั ให้มีการเจรจาทางการค้าในระดบั ระหว่างประเทศ จนกระทง่ั ในปี พ.ศ.2536 ด้วยผลของการ ประชมุ การเจรจาการค้าหลายฝ่ ายรอบอรุ ุกวยั ก็ได้มีความตกลงกนั กําหนดให้ความตกลงทว่ั ไปวา่ ด้วยการ บริการ ( THE GENERAL AGREEMENT ON TRADE IN SERVICES-GATS) ทงั้ นี ้เพื่อให้เกิดการเปิดเสรี ทางการค้าบริการอยา่ งเป็ นธรรมเป็นหลกั ดงั นนั้ ในสว่ นของประเทศไทย ซงึ่ ได้ให้สตั ยาบนั ความตกลงของ GATS ดงั กลา่ วนี ้จงึ ได้รับผลกระทบในการที่อาจจะต้องแก้ไขบทบญั ญตั ขิ องกฎหมายเก่ียวกบั กิจการ ประกนั ภยั อนั เป็ นธรุ กิจบริการประเภทหนง่ึ เพ่ือเปิดโอกาสให้ผ้ปู ระกอบธุรกิจตา่ งประเทศได้เข้ามาดําเนนิ ธุรกิจประกนั ภยั ได้ง่ายขนึ ้ ตอ่ ไปในอนาคต สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/20
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ ความหมายของการประกันภัย ได้มีผ้ใู ห้คาํ จํากดั ความ คาํ วา่ การประกนั ภยั ไว้หลายนยั ดงั นี ้ Mark S. Dorfman : การประกนั ภยั เป็นการจดั การทางการเงินท่ีแจกจา่ ยคา่ ของความสญู เสียที่ไมค่ าดหวงั Frederick G.Crane : การประกนั ภยั คอื การจดั การของความเสี่ยงโดยการรวบรวมความสญู เสีย ท่ีเกิดขนึ ้ ทงั้ หลาย โดยคา่ ของความสญู เสียนนั้ จะถกู เฉล่ียกนั ไปให้ระหวา่ งผ้เู ข้าร่วมความเสี่ยงภยั ทงั้ หมด คณะอนกุ รรมการค้นคว้าและวิชาการ สมาคมการประกนั วินาศภยั : การประกนั ภยั คอื การท่ี บคุ คลฝ่ ายหนง่ึ ทําหน้าที่เป็นหลกั ประกนั แก่บคุ คลอีกฝ่ ายหนง่ึ โดยสญั ญาวา่ เขาจะต้องไมร่ ับความ เดือดร้อนจากภยั ที่จะเกิดขนึ ้ ในอนาคต ซงึ่ กอ่ ให้เกิดความสญู เสียหรือเสียหายแกช่ ีวิตและทรัพย์สินของเขา โดยฝ่ ายผ้ใู ห้หลกั ประกนั จะจา่ ยเงินชดเชยให้ตามจํานวนและเงื่อนไขที่ตกลงกนั ไว้ หรืออาจทําให้ทรัพย์สิน ท่ีเอาประกนั ภยั นนั้ กลบั สสู่ ภาพดีหรือใกล้เคียงดงั เดมิ โดยผ้ใู ห้หลกั ประกนั จะได้รับเงินตอบแทนจากอีก ฝ่ ายหนง่ึ ตามจํานวนท่ีตกลงกนั ไว้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 861 บญั ญตั ไิ ว้วา่ “อนั ว่าสญั ญาประกนั ภยั นน้ั คือ สญั ญาซ่ึงบคุ คลหนึ่งตกลงจะชดเชยค่าสินไหมทดแทน หรือ เงินจํานวน หน่ึงใหใ้ นกรณีวินาศภยั หากมีขึ้น หรือเหตอุ ย่างอืน่ ในอนาคตดงั ไดร้ ะบไุ วใ้ นสญั ญา และในการนี้บคุ คลอีก คนหนึ่งตกลงจะส่งเงินซ่ึงเรียกว่า เบีย้ ประกนั ภยั ให”้ ประโยชน์ของการประกันภยั ประโยชน์ของการประกนั ภยั อยา่ งกว้างๆ พอจะสรุปได้เป็ น 3 ประเภท คอื 1. ประโยชน์ตอ่ ผ้เู อาประกนั ภยั - เป็นการให้หลกั ประกนั ตอ่ บคุ คลและครอบครัวของผ้เู อาประกนั ภยั เม่ือมีบคุ คลใน ครอบครัวเสียชีวิตไป - เม่ือมีความเสียหายเกิดขนึ ้ แกท่ รัพย์สนิ ของผ้เู อาประกนั ภยั ผ้เู อาประกนั ภยั จะได้รับชดใช้ คา่ เสียหายนนั้ จากผ้รู ับประกนั ภยั - ชว่ ยปลกู ฝังให้เกิดนิสยั การประหยดั และการออมทรัพย์ - สามารถลดหย่อนภาษีรายได้บคุ คลธรรมดา 2. ประโยชน์ตอ่ เศรษฐกิจและสงั คม สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/21
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ - ชว่ ยสร้างความมนั่ คงในสงั คม - เป็นการลดความไมแ่ นน่ อนในสงั คม - เป็นสวสั ดภิ าพของสงั คม - ชว่ ยให้มีการระดมทนุ เพ่ือพฒั นาประเทศ 3. ประโยชน์ตอ่ ธุรกิจ - กอ่ ให้เกิดประสทิ ธิภาพในการประกอบธรุ กิจ - เป็นหลกั ประกนั ของสนิ เชื่ออนมุ ตั ขิ องธนาคาร - ชว่ ยให้เกิดการค้าขายระหว่างประเทศเป็ นไปอยา่ งดี - ชว่ ยให้การคํานวณต้นทนุ ใกล้เคียงตอ่ ความเป็นจริง ค์ประเภทของการประกันภัย ในการแบง่ ประเภทของการประกนั ภยั นนั้ เราพิจารณาการแบง่ ประเภทได้เป็ น 2 ลกั ษณะ คือ 1. การแบง่ ประเภทของการประกนั ภยั ตามหลกั วชิ าการประกนั ภยั 2. การแบง่ ประเภทของการประกนั ภยั ตามหลกั การทางธรุ กิจประกนั ภยั การแบ่งประเภทของการประกันภัยตามหลักวชิ าการประกันภัย สามารถแบง่ ได้เป็น 3 ประเภท ใหญ่ๆ คือ 1. การประกนั ภยั บคุ คล ( Insurance of the person ) เป็นการประกนั ภยั เกี่ยวกบั ภยั ที่ก่อให้เกิดความ เสียหายเก่ียวกบั บคุ คลหรือท่ีเกิดกบั บคุ คล ซงึ่ ได้แก่ 1.1 การประกนั ชีวิต 1.2 การประกนั อบุ ตั เิ หตสุ ่วนบคุ คล 1.3 การประกนั สขุ ภาพ 2. การประกนั ภยั ทรัพย์สิน ( Property Insurance ) หมายถงึ การประกนั ท่ีบริษัทผ้รู ับประกนั ภยั ทํา สญั ญายินยอมที่จะชดใช้คา่ สินไหมทดแทนหรือชดใช้เงินจํานวนหนงึ่ ให้กบั ผ้เู อาประกนั ภยั ในกรณีท่ีเกิด ความเสียหายเกี่ยวกบั ทรัพย์สนิ ที่เอาประกนั ซง่ึ ได้แก่ 2.1 การประกนั อคั คีภยั 2.2 การประกนั ภยั รถยนต์ 2.3 การประกนั ภยั ทางทะเลและขนสง่ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/22
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ 2.4 การประกนั ภยั เบด็ เตลด็ 3. การประกนั ภยั ความรับผิดตามกฎหมาย ( Liability Insurance ) หมายถงึ การประกนั ที่บริษทั ผ้รู ับ ประกนั ภยั ทําสญั ญายินยอมท่ีจะชดใช้คา่ สินไหมทดแทน หรือชดใช้เงินจํานวนหนงึ่ ให้กบั บคุ คลภายนอกผู้ ได้รับความเสียหายที่เกิดกบั ชีวติ ร่างกาย หรือ ทรัพย์สิน ของบคุ คลภายนอกนนั้ อนั เกิดจากการกระทําของ ผ้เู อาประกนั ภยั ซง่ึ ได้แก่ 3.1 การประกนั ภยั ความรับผดิ ชอบของบคุ คลตอ่ บคุ คลอื่น 3.2 การประกนั ภยั ความรับผดิ ชอบของผ้ปู ระกอบวชิ าชีพเฉพาะตอ่ บคุ คลอื่น 3.3 การประกนั ภยั ความรับผดิ ชอบของธรุ กิจตอ่ บคุ คลอ่ืน การแบ่งประเภทของการประกันภยั ตามหลักการทางธุรกิจประกันภัย สามารถแบง่ ได้เป็ น 2 ประเภท ใหญ่ๆ คือ 1. การประกนั ชีวิต ( Life Insurance ) 2. การประกนั วินาศภยั ( Non-Life Insurance ) เป็นการประกนั ภยั ใดๆ ท่ีไมใ่ ชก่ ารประกนั ชีวิต ซงึ่ แบง่ ได้เป็น 4 ประเภท คือ 2.1 การประกนั อคั คีภยั 2.2 การประกนั ภยั รถยนต์ 2.3 การประกนั ภยั ทางทะเลและขนสง่ 2.4 การประกนั ภยั เบ็ดเตล็ด สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/23
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ การประกันภยั รถยนต์ ภาคบังคับและภาคสมัครใจ ( Compulsory and Voluntary Motor Insurance ) การประกันภัยรถยนต์ คือการประกันความเสียหายอันเกิดจาก การใช้รถยนต์ ปัจจบุ นั การ ประกนั ภยั รถยนต์ แบง่ ออกเป็น 2 ภาค ดงั นี ้ 1. การประกันภยั รถยนต์ภาคบังคับ ( Compulsory Motor Insurance ) หมายความถึง การ ประกนั ภยั รถยนต์ที่ถกู บงั คบั โดยกฎหมาย เพื่อความค้มุ ครองตอ่ ความสญู เสียของชีวิต ร่างกายบคุ คล ผ้ปู ระสบภยั จากรถยนต์ ในปัจจบุ นั ประเทศไทยมีกฎหมายที่เรียกวา่ \"พระราชบญั ญตั ิ\" ค้มุ ครอง ผ้ปู ระสบภยั จากรถ พ.ศ. 2535 ( พ.ร.บ.) เพ่ือให้ประชาชน ผ้ปู ระสบภยั ได้รับความค้มุ ครอง และการชดใช้ คา่ เสียหายที่แน่นอน รวดเร็ว และเป็นธรรม จงึ ได้กําหนดให้มีพระราชบญั ญตั ฯิ ขนึ ้ ใช้บงั คบั ตงั้ แตว่ นั ท่ี 5 เมษายน 2536 2. การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ( Voluntary Motor Insurance ) หมายความถงึ การ ประกนั ภยั ท่ีเกิดขนึ ้ โดยความสมคั รใจของเจ้า ของรถยนต์ ผ้คู รอบครองรถยนตห์ รือผ้ขู บั ข่ีรถยนต์โดยไมไ่ ด้ เกิดจากการถกู บงั คบั โดยกฎหมาย แตอ่ ยา่ งใด การประกนั ภยั รถยนต์ ท่ีใช้กนั อยา่ งแพร่หลาย ในตลาด ประกนั ภยั ในปัจจบุ นั นีเ้ป็นการประกนั ภยั ในภาคสมคั รใจ การประกันภัยรถยนต์ตามพระราชบัญญัตคิ ุ้มครองผู้ประสบภยั จากรถ พ.ศ.2535 (ภาคบังคับ) ประวัตคิ วามเป็ นมาการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ พระราชบญั ญตั ิค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ พ.ศ.2535 ได้มีการริเร่ิมยกร่างเม่ือราวปี พ.ศ.2506 โดยกรมตํารวจ กระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าของเร่ือง โดยใช้ชื่อกฎหมายดงั กลา่ ววา่ ร่างพระราชบญั ญตั ิ ประกนั ภยั รถยนต์เพื่อบคุ คลท่ีสาม ซง่ึ มีหลกั การสาระสําคญั โดยสรุป คือ เจ้าของรถหรือผ้มู ีสิทธิครอบครอง รถนนั้ หรือ ผ้นู ํารถที่จดทะเบียนในตา่ งประเทศเข้ามาใช้ในราชอาณาจกั รเป็ นการชวั่ คราว จะต้องวาง หลกั ทรัพย์จํานวนหนง่ึ ไว้กบั นายทะเบียน หรือโดยการเอาประกนั ภยั ได้กบั บริษทั ประกนั ภยั ในประเทศ เพ่ือให้ความค้มุ ครองแก่บคุ คลภายนอกผ้ซู ง่ึ ได้รับอนั ตรายตอ่ ร่างกาย หรือชีวิต อนั เกิดจากอบุ ตั เิ หตจุ าก รถยนต์ท่ีใช้หรืออยใู่ นทาง หรือเน่ืองจากสงิ่ ท่ีบรรทกุ หรือตดิ ตงั้ ในรถนนั้ แตร่ ่างพระราชบญั ญตั ดิ งั กลา่ วได้ สะดดุ หยดุ ลงในระดบั กระทรวง ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2511 และ พ.ศ. 2520 กระทรวงพาณิชย์ได้ทําการศกึ ษา ยกร่างพระราชบญั ญัตดิ งั กลา่ วขนึ ้ อีก การยกร่างกฎหมายดงั กลา่ วนนั้ ก็มีหลกั การทํานองเดยี วกนั แตไ่ ด้ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/24
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ เพ่มิ หลกั การการชดใช้คา่ เสียหายเบือ้ งต้นโดยไมต่ ้องรอการพิสจู น์วา่ รถ คนั ใดเป็ นผ้กู ่อ ให้เกิดความ เสียหาย และให้บริษทั ประกนั ภยั จา่ ยเงินสมทบเข้ากองทนุ ทดแทนเป็นรายปี เพ่ือเป็นกองทนุ สําหรับจา่ ย ให้แก่ผ้ปู ระสบภยั กรณีที่มีปัญหา ร่างพระราชบญั ญตั ิดงั กลา่ วได้สะดดุ หยดุ ลงในระดบั กระทรวงอีกเชน่ กนั ครัน้ ตอ่ มาในสมยั รัฐบาลของ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ตณิ สลู านนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซงึ่ ทา่ นได้เป็ นประธาน คณะกรรมการป้ องกนั อบุ ตั ภิ ยั แหง่ ชาติด้วย ได้พิจารณาเห็นวา่ ผ้ปู ระสบภยั จากรถเป็นจํานวนมากไมไ่ ด้รับ การชดใช้คา่ เสียหาย หรือได้รับแตไ่ มเ่ พียงพอกบั ความเสียหายที่เกิดขนึ ้ จงึ ตกเป็นภาระของผ้ปู ระสบภยั จากรถที่จะต้องชว่ ยเหลือตวั เองหรือเป็นภาระของรัฐบาลที่ต้องเข้าไปดแู ลให้ความชว่ ยเหลือทงั้ ในด้านการ รักษาพยาบาลและการดํารงชีพ ประกอบกบั ในขณะนนั้ ยงั ไมม่ ีกฎหมายใดท่ีให้ความค้มุ ครองทางการเงิน แกผ่ ้ปู ระสบภยั จากรถในรูปแบบสากลที่ใช้กนั อยทู่ วั่ ไปในประเทศตา่ งๆ ถงึ แม้จะมีพระราชบญั ญตั กิ าร ขนสง่ ทางบกและพระราชบญั ญตั ริ ถยนต์ ท่ีมีมาตรการบงั คบั อยบู่ ้าง แตก่ ็เป็นการ ควบคมุ เฉพาะรถยนต์ โดยสารรับจ้าง รถยนต์บรรทกุ รับจ้างและรถยนต์รับจ้างบรรทกุ ผ้โู ดยสาร ไมเ่ กิน 7 คน ซง่ึ รถดงั กลา่ วมี จํานวนรวมกนั แล้ว ไมเ่ กินร้อยละ 10 ของจํานวนรถที่มีอยทู่ งั้ หมดในประเทศ ดงั นนั้ จงึ ได้มีคาํ สงั่ ที่ 16/2526 ลงวนั ที่ 22 มิถนุ ายน 2526 แตง่ ตงั้ คณะอนกุ รรมการเฉพาะกิจเพ่ือหามาตรการค้มุ ครอง ผ้ปู ระสบภยั จากรถยนต์ขนึ ้ คณะอนกุ รรมการเฉพาะกิจได้นําร่างพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั ภยั รถยนต์เพ่ือ บคุ คลท่ีสาม ฉบบั หลงั สดุ ท่ีกระทรวงพาณิชย์ได้ยกร่างขึน้ นนั้ นํามาพจิ ารณาปรับปรุงหลายบทเพ่ือให้เกิด ความชดั เจนและคล่องตวั ในการปฏิบตั ยิ ่งิ ขนึ ้ โดยได้เพม่ิ บทบญั ญตั วิ า่ ด้วยวธิ ีการยดึ รถและขายทอดตลาด รถ กรณีท่ีเจ้าของรถหรือผ้คู รอบครองรถฝ่ าฝื นไมป่ ฏิบตั ติ ามกฎหมาย ให้มีคณะกรรมการค้มุ ครอง ผ้ปู ระสบภยั จากรถ ให้มีสํานกั งานกองทนุ ทดแทนผ้ปู ระสบภยั ขนึ ้ ในกรมการประกนั ภยั เพ่ือดําเนิน การ เกี่ยวกบั กองทนุ และได้พิจารณาเปลี่ยนชื่อร่างพระราชบญั ญตั เิ ป็น “ ร่างพระราชบญั ญตั คิ ้มุ ครอง ผ้ปู ระสบภยั จากรถแทนชื่อเดมิ ร่างพระราชบญั ญตั ฉิ บบั นีไ้ ด้ยกร่างเสร็จเม่ือเดือนกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2528 และได้นําเสนอหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้องเพ่ือให้ความเหน็ ชอบในเวลาตอ่ มา แตร่ ัฐบาลก็ได้สนิ ้ สดุ วาระลง เสียกอ่ น ในสมยั ฯพณฯ พล.อ.ชาตชิ าย ชณุ หะวณั เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกิดอบุ ตั เิ หตรุ ถบรรทกุ แก๊สระเบดิ ท่ีถนนเพชรบรุ ี และเกิดเหตรุ ถบรรทกุ ดนิ ระเบดิ ระเบดิ ขนึ ้ ท่ีจงั หวดั พงั งาในเวลาใกล้เคียงกนั มีผ้ไู ด้รับ บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจํานวนมาก ทงั้ สองเหตกุ ารณ์ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จงึ ได้สง่ั การให้นําร่าง พระราชบญั ญตั คิ ้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ นําเสนอเข้าส่คู ณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยดว่ น และในระหวา่ ง การนําเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอยนู่ นั้ ก็เกิดการยดึ อํานาจโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแหง่ ชาติ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/25
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ กฎหมายฉบบั นีก้ ็มีอนั ต้องตกไปอีก จนกระทงั้ ในเวลาตอ่ มา กระทรวงพาณิชย์ได้นําร่างพระราชบญั ญตั ฯิ ดงั กลา่ วเสนอคณะรัฐมนตรี และได้ผา่ นการพจิ ารณาเหน็ ชอบจากคณะรัฐมนตรีฝ่ ายสงั คมและกฎหมาย ตามลําดบั เมื่อ วนั ที่ 6 สงิ หาคม 2534 และได้สง่ ให้สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ใน ที่สดุ สภานิตบิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติได้มีมตใิ ห้ใช้พระราชบญั ญตั ิดงั กลา่ วและได้ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เม่ือวนั ท่ี 9 เมษายน 2535 ครัน้ ตอ่ มาเมื่อได้มีการจดั ตงั้ คณะรัฐบาลขนึ ้ ใหมโ่ ดยมี ฯพณฯ นายชวน หลีกภยั เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรได้เสนอญตั ตดิ ว่ น เร่ือง ขอให้ตงั้ คณะกรรมาธิการวิสามญั เพ่ือพจิ ารณาอตั ราเบยี ้ ประกนั ภยั สําหรับรถใหมเ่ พ่ือให้เหมาะสม ท่ีประชมุ จงึ ได้มีมตติ งั้ คณะกรรมาธิการ วสิ ามญั ขนึ ้ พร้อมทงั้ ได้ตราพระราชบญั ญัตคิ ้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ ( ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2535 ขยาย ระยะเวลาบงั คบั ใช้ออกไปอีก 180 วนั เจตนารมณ์และเหตผุ ลในการตราพระราชบัญญัตฯิ เนื่องจากอบุ ตั เิ หตอุ นั เกิดจากรถได้ทวีจํานวนมากขนั้ ในแตล่ ะปี เป็นเหตใุ ห้มีผ้ไู ด้รับบาดเจบ็ และ เสียชีวิตเป็ นจํานวนมาก โดยผ้ปู ระสบภยั ดงั กลา่ วไมไ่ ด้รับการชดใช้คา่ เสียหายหรือได้รับชดใช้คา่ เสียหาย ไมค่ ้มุ กบั ความเสียหายท่ีได้รับจริง และผ้ปู ระสบภยั จะใช้สทิ ธิทางแพง่ เรียกร้องคา่ เสียหายก็จะต้องใช้เวลา ดาํ เนินคดียาวนาน ดงั้ นนั้ เพื่อให้ผ้ปู ระสบภยั ได้รับการชดใช้คา่ เสียหายและได้รับคา่ เสียหายเบอื ้ งต้น ท่ีแนน่ อนและทนั ทว่ งทีสมควรกําหนดให้มีกฎหมายวา่ ด้วยการค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ จงึ จําเป็นต้อง ตราพระราชบญั ญตั นิ ี ้จากเหตผุ ลท้ายพระราชบญั ญตั ฯิ ดงั กลา่ ว และนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนีอ้ าจ สรุปเหตผุ ลและนโยบายในการตราพระราชบญั ญตั ฯิ ของรัฐบาลได้ดงั นีค้ ือ (1) เพื่อค้มุ ครองและให้ความชว่ ยเหลือแกป่ ระชาชนผ้ปู ระสบภยั จากรถ ซง่ึ ได้รับอนั ตรายความ เสียหายแก่ชีวติ ร่างกาย ให้ได้รับการชดใช้คา่ เสียหายและคา่ เสียหายเบือ้ งต้นอยา่ งทนั ทว่ งทีและแนน่ อน จงึ ต้องตราพระราชบญั ญัติ นีข้ นึ ้ มาบงั คบั (2) เพื่อให้พระราชบญั ญตั นิ ีเ้ป็นหลกั ประกนั วา่ ผ้ปู ระสบภยั จากรถ จะได้รับการชดใช้คา่ เสียหาย และคา่ เสียหายเบือ้ งต้นอยา่ งแนน่ อนและทนั ทว่ งที และเป็นหลกั ประกนั ได้วา่ สถานพยาบาลทกุ แหง่ จะ ได้รับเงินคา่ รักษาพยาบาลอยา่ งแนน่ อนและรวดเร็วในการรับรักษาพยาบาลแกผ่ ้ปู ระสบภยั จากรถดงั กลา่ ว สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/26
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ (3) เพื่อเป็นการสง่ เสริมและสนบั สนนุ ธรุ กิจประกนั ภยั ให้มีสว่ นร่วมในการแบง่ เบาคา่ เสียหายของ ผ้ปู ระกนั ภยั อนั เนื่องมาจาก อบุ ตั เิ หตจุ ากรถ ซงึ่ นอกจากจะเป็นการชว่ ยบรรเทาภาระความเดอื ดร้อนของ ผ้ปู ระสบภยั และครอบครัวแล้ว ยงั เป็นการชว่ ยแบง่ เบาภาระของรัฐบาลในด้านสวสั ดิสงเคราะห์อีกด้วย อัตราเบีย้ ประกันภยั พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองผู้ประสบภยั จากรถ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.) เนื่องจากเป็ นการประกนั ภยั ภาคบงั คบั ท่ีกฎหมายกําหนดให้รถทกุ คนั ต้องทําประกนั ภยั ความ เสียหายสําหรับผ้ปู ระสบภยั รัฐจงึ กําหนดอตั ราเบีย้ ประกนั ภยั ภาคบงั คบั นีใ้ ห้ตํ่าที่สดุ เพื่อจงู ใจให้ประชาชน เข้าสรู่ ะบบการประกนั ภยั ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย แตข่ ณะเดียวกนั ต้องคํานงึ ถงึ ภาคธุรกิจ โดยให้ สอดคล้องกบั สภาพความเส่ียงภยั ของรถเพ่ือให้ธุรกิจที่รับประกนั ภยั ประเภทนีส้ ามารถดําเนินการรับ ประกนั ภยั ได้ด้วย จงึ เป็นที่มาของหลกั No Loss No Profit คือ หลกั ของไมข่ าดทนุ แตไ่ มไ่ ด้กําไร ซงึ่ ในการ ประกาศอตั ราเบีย้ ประกนั ภยั รถตาม พ.ร.บ. กรมการประกนั ภยั ได้มีการพจิ ารณาทบทวนและปรับปรุงอตั รา เบยี ้ ประกนั ภยั ให้สอด คล้องกบั สภาพความเส่ียงภยั ที่แท้จริงในปัจจบุ นั เป็นระยะๆ เช่น การเพิ่มและลด อตั ราเบยี ้ ประกนั ภยั ของรถบางประเภท หรือการเพิม่ คา่ เสียหายเบอื ้ งต้น (กรณีได้รับบาดเจบ็ ตามที่รักษา จริงไมเ่ กิน 15,000 บาท และคา่ ปลงศพกรณีเสียชีวิต จํานวน 35,000 บาท แตห่ ากผ้ปู ระสบภยั ได้รับ บาดเจ็บและตอ่ มาเสียชีวิตในภายหลงั ผ้ปู ระสบภยั ที่เสียชีวติ จะได้รับคา่ รักษาพยาบาลตามท่ีรักษาจริงไม่ เกิน 15,000 บาท และคา่ ปลงศพ จํานวน 35,000 บาท ซึ่งรวมแล้วไมเ่ กินจํานวน 50,000 บาท และ เพ่มิ เตมิ กรณีสญู เสียอวยั วะ หรือ ทพุ พลภาพ ถาวร เป็ นจํานวน 35,000 บาท ) และคา่ สนิ ไหมทดแทน สว่ นเกิน (จาก 100,000 บาท และเป็น 200,000 บาท กรณีเสียชีวิต) และ ปัจจบุ นั กรมการประกนั ภยั มี คําสงั่ นายทะเบยี นกําหนดอตั ราเบีย้ ประกนั ภยั พ.ร.บ. เป็ นอตั ราเบยี ้ คงที่อตั ราเดียว แยกตามประเภทรถ และลกั ษณะการใช้รถ บริษัทไมส่ ามารถคดิ เบยี ้ ประกนั ภยั ตา่ งจากท่ีนายทะเบียนกําหนดได้ คา่ รักษาพยาบาลกรณีได้รับบาดเจ็บตามที่รักษาจริงไมเ่ กิน 15,000 บาท และคา่ ปลงศพกรณีเสียชีวิต จํานวน 35,000 บาท แตห่ ากผ้ปู ระสบภยั ได้รับบาดเจ็บและตอ่ มาเสียชีวิตในภายหลงั ผ้ปู ระสบภยั ท่ี เสียชีวิตจะได้รับคา่ รักษาพยาบาลตามท่ีรักษาจริงไมเ่ กิน 15,000 บาท และคา่ ปลงศพ จํานวน 35,000 บาท ซง่ึ รวมแล้วไมเ่ กินจํานวน 50,000 บาท สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/27
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ ประเภทรถท่ตี ้องทาํ ประกันภยั ตาม พ.ร.บ. รถ ท่ีต้องทําประกนั ภยั ตาม พ.ร.บ. ได้แก่ รถทกุ ชนิดทกุ ประเภทตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายวา่ ด้วยการขนสง่ ทางบก กฎหมายวา่ ด้วยรถยนต์ทหารที่เจ้าของมีไว้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ ไมว่ า่ รถ ดงั กลา่ วจะเดนิ ด้วยกําลงั เครื่องยนต์ กําลงั ไฟฟ้ า หรือพลงั งานอ่ืน เชน่ รถยนต์ รถจกั รยานยนต์ รถสามล้อ เครื่อง รถยนต์โดยสาร รถบรรทกุ หวั รถลากจงู รถพว่ ง รถบดถนน รถอีแตน๋ ฯลฯ ดงั นนั้ รถบางประเภทท่ี กรมการขนสง่ ทางบกไมร่ ับจดทะเบียน แตห่ ากเข้าขา่ ยวา่ รถนนั้ เดินด้วยกําลงั เครื่องยนต์ กําลงั ไฟฟ้ า หรือ พลงั งานอ่ืน ให้จดั เป็นรถที่ต้องทําประกนั ภยั ตาม พ.ร.บ. รถท่ีได้รับการยกเว้นไม่ต้องทาํ ประกันภยั ตาม พ.ร.บ. 1. รถสําหรับเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ พระรัชทายาท และผ้สู ําเร็จราชการแทนพระองค์ 2. รถของสํานกั พระราชวงั ท่ีจดทะเบยี น และมีเครื่องหมายตามระเบียบที่เลขาธิการพระราชวงั กําหนด 3. รถของกระทรวง ทบวง กรม และสว่ นราชการตา่ ง ๆ รถยนต์ทหาร 4. รถของหน่วยงานธุรการขององคก์ รท่ีจดั ตงั้ ขนึ ้ ตามรัฐธรรมนญู และหนว่ ยงานธุรการท่ีเป็นอสิ ระของ องค์กรใด ๆ ท่ีระบไุ ว้ในรัฐธรรมนญู ผ้ทู ่ีมีหน้าท่ีต้องทําประกนั ภยั ค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ พ.ร.บ. 1. เจ้าของรถ (ผ้มู ีกรรมสิทธ์ิในรถ) 2. ผ้เู ชา่ ซือ้ รถ (ผ้คู รอบครองรถในฐานะผ้เู ชา่ ซือ้ รถ) 3. เจ้าของรถซง่ึ นํารถท่ีจดทะเบียนในตา่ งประเทศเข้ามาใช้ในราชอาณาจกั รเป็ นการชวั่ คราว การฝ่ าฝื นไมจ่ ดั ให้มีการทําประกนั ภยั รถ พ.ร.บ. ค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ พ.ศ. 2535 กําหนดให้ ระวางโทษปรับไมเ่ กินหนง่ึ หมื่นบาท สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/28
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภทของการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ กรมธรรม์ประกนั ภยั รถยนต์ภาคสมคั รใจ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. กรมธรรม์ประกันภัยแบบไม่ระบุช่ือ ( UN-Named Driver ) การประกนั ภยั ประเภทนีจ้ ะ ค้มุ ครองความรับผิด และเสียหายตอ่ รถยนต์ที่เกิดในระหวา่ งการใช้ หรือการขบั ขี่ของบคุ คล ใดๆ ก็ตามที่ใช้หรือขบั ขี่โดยได้รับความยินยอมจากผ้เู อาประกนั ภยั ทงั้ นี ้ภายใต้หลกั เกณฑ์ เง่ือนไข และข้อยกเว้น ที่ปรากฏในกรมธรรม์ประกนั ภยั 2. กรมธรรม์ประกันภัยแบบระบุช่ือผู้ขับข่ี ( Named Driver ) การประกนั ภยั ประเภทนี ้จะ ค้มุ ครองความรับผิดหรือความเสียหายตอ่ รถยนตท์ ี่เกิดขนึ ้ ในขณะท่ีมีบคุ คลที่ระบชุ ่ือใน กรมธรรม์เป็นผ้ขู บั ข่ี ในการทําประกนั ภยั รถยนต์ประเภทระบชุ ่ือผ้ขู บั ข่ีนนั้ ผ้เู อาประกนั ภยั สามารถระบชุ ่ือผ้ขุ บั ขี่ ได้รับความค้มุ ครองได้ถึง 2 คน แตจ่ ะระบคุ นเดียวก็ได้ ในกรณีที่ระบชุ ่ือผ้ขู บั ขี่ การคิดคํานวณเบีย้ ประกนั ภยั จะใช้ผ้ขู บั ข่ีที่มีความเส่ียงสงู เป็นฐานใน การคํานวณเบยี ้ ประกนั ภยั ซงึ่ ปัจจยั ท่ีใช้เป็นตวั กําหนดความเส่ียงสําหรับการประกนั ภยั ระบุ ชื่อผ้ขู บั ขี่เพม่ิ เตมิ จากการประกนั ภยั ประเภทไมร่ ะบชุ ื่อ ก็คอื อายขุ องผ้ขู บั ข่ี โดยมีการแบง่ ชว่ งอายขุ องผ้ขู บั ข่ีจากชว่ งท่ีมีความเส่ียงภยั น้อยไปหาความเส่ียงภยั มาก แบง่ เป็น 4 ชว่ งอายุ ดงั นี ้ - อายเุ กิน 50 ปี ขนึ ้ ไป ( สว่ นลด 20% ) - อายุ 36 – 50 ปี ( สว่ นลด 15% ) - อายุ 25 – 35 ปี ( สว่ นลด 10% ) - อายุ 18 – 24 ปี ( สว่ นลด 5% ) สําหรับรถยนต์ที่ผ้เู อาประกนั ภยั จะนํามาทําประกนั ภยั ประเภทระบชุ ่ือผ้ขู บั ขี่ได้นนั้ จะต้องเป็น รถยนต์ที่ใช้เป็นสว่ นบคุ คลเท่านนั้ รถยนตท์ ี่ใช้รับจ้างสาธารณะ หรือใช้เพื่อการพาณิชย์ หรือใช้ เพื่อการพาณิชย์พเิ ศษ ไมส่ ามารถทําประกนั ภยั ประเภทระบชุ ่ือได้ ดงั นนั้ รถยนต์ท่ีจะสามารถ ทําประกนั ภยั ประเภทระบชุ ื่อผ้ขู บั ข่ีได้ จงึ จํากดั ไว้เพียง 3 ประเภทเทา่ นนั้ คอื รถยนต์นงั่ สว่ น บคุ คล รถยนต์โดยสารส่วนบคุ คล และรถจกั รยานยนต์สว่ นบคุ คลและสามารถระบชุ ื่อผ้ขู บั ขี่ได้ ไมเ่ กิน 2 คน สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/29
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ ประเภทความคุ้มครอง แบง่ ความค้มุ ครองออกเป็น 2 สว่ น ดงั นี ้ 1. ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยหลัก แบง่ ประเภทความค้มุ ครอง ได้ดงั นี ้ 1.1 การค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ เป็นการให้ความค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถตาม พระราชบญั ญตั ิค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ พ.ศ.2535 โดยกําหนดจํานวนให้ความ ค้มุ ครองแบง่ ออกเป็น 2 สว่ น คือ สว่ นคา่ เสียหายเบือ้ งต้น และ สว่ นเกินคา่ เสียหาย เบือ้ งต้น ผ้ปู ระสบภยั ในที่นีห้ มายถงึ บคุ คลท่ีได้รับอนั ตรายตอ่ ชีวิต ร่างกาย หรืออนามยั เน่ืองจากรถท่ีใช้ หรืออยใู่ นทาง หรือสง่ิ ท่ีบรรทกุ หรือตดิ ตงั้ ในรถนนั้ ซงึ่ ผ้ปู ระสบภยั อาจ เป็นผ้เู อาประกนั ภยั เอง บคุ คลในครอบครัวของผ้เู อาประกนั ภยั บคุ คลท่ีอยนู่ อกรถ ผ้โู ดยสาร หรือผ้ขู บั ข่ีก็ได้ และยงั หมายความรวมถึงทายาทโดยธรรมของผ้ปู ระสบภยั ซง่ึ ถึงแก่ความตายด้วย การจะเป็นผ้ปู ระสบภยั จะต้องเป็นผ้ไู ด้รับความเสียหายตอ่ ชีวิตร่างกายหรือ อนามยั จากภยั ท่ีรถก่อให้เกิดขนึ ้ แตเ่ นื่องจากรถก่อให้เกิดภยั เองไมไ่ ด้ รถจะก่อให้เกิด ภยั ได้ต้องมีบคุ คลนํารถมาใช้และระหวา่ งการใช้รถนนั้ มีการก่อให้เกิดภยั จากรถ และภยั นนั้ ทําให้บคุ คลได้รับความเสียหายตอ่ ชีวิต ร่างกายหรืออนามยั ในการพจิ ารณาให้ยึด หลกั ดงั ตอ่ ไปนี ้ 1) มีบคุ คลคนหนงึ่ เจตนานํารถมาใช้และได้เข้าใช้รถนนั้ เชน่ ผ้ขู บั ข่ี 2) ระหวา่ งการใช้รถนนั้ มีการกอ่ ให้เกิดภยั จากรถขนึ ้ ซงึ่ ภยั นนั้ อาจจะเกิดขนึ ้ จาก ผ้นู ํารถมาใช้ หรือผ้โู ดยสารหรือจากบคุ คลภายนอกรถก็ได้ คําวา่ ระหวา่ งการใช้รถนนั้ มไิ ด้มีความหมายเพียงวา่ ขณะนนั้ รถต้องตดิ เคร่ืองอยหู่ รือรถต้องกําลงั ว่ิงอยเู่ ทา่ นนั้ แม้ รถจะไมไ่ ด้ตดิ เครื่องหรือกําลงั วิ่งอยกู่ ็ตาม หากชว่ งเวลานนั้ มีการกระทําหรือกิจกรรมใด ที่เป็นการใช้รถหรือที่เกี่ยวเนื่องกบั การใช้รถก็ถือวา่ เป็ นเวลาระหวา่ งการใช้รถ 3) ภยั จากรถนนั้ ทําให้มีผ้ไู ด้รับความเสียหายตอ่ ชีวติ ร่างกาย หรืออนามยั ผ้ไู ด้รับ ความเสียหายจะเป็นผ้นู ํารถมาใช้เองหรือผ้โู ดยสาร หรือบคุ คลภายนอกรถก็ได้ เชน่ กรณีนํา้ ในหม้อนํา้ รถพงุ่ ลวกหน้าคนขบั รถตกจากแทน่ ยกรถลงมาทบั คนตายเดก็ ท้ายรถ ปี นขนึ ้ รถไปผกู ผ้าใบรถพลดั ตกลงมาบาดเจ็บ แมแ่ รงยกรถหลดุ ทบั คนเจ็บ รถเบรก สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/30
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ กะทนั หนั ทําให้ผ้โู ดยสารพลดั ตกจากท่ีนง่ั ได้รับบาดเจ็บ ฯลฯ กรณีดงั กลา่ วถือได้วา่ เป็น ผ้ปู ระสบภยั จากรถ 1.2 การค้มุ ครองความรับผดิ ตอ่ บคุ คลภายนอก ( Liability to Third Party ) การรับประกนั ภยั ประเภทนีต้ ามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์เรียกวา่ “การประกนั คํา้ จนุ ” ซง่ึ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์มาตรา 887 บญั ญตั วิ า่ “อนั ว่าการ ประกนั ภยั ค้ําจ้นุ นนั้ คือสญั ญา ประกนั ภยั ซ่ึงผรู้ บั ประกนั ตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหม ทดแทนในนามของผูเ้ อาประกนั ภยั เพือ่ วินาศภยั อนั เกิดขึ้นแก่บคุ คลอีกคนหน่ึง และซึ่ง ผเู้ อาประกนั ภยั จะตอ้ งรบั ผิดชอบ” ในสว่ นความค้มุ ครองนี ้บริษัทผ้รู ับประกนั ภยั จะเข้า มารับผิดชดใช้คา่ สินไหมทดแทนให้แก่บคุ คลภายนอก หากวา่ ความเสียหายท่ีเกิดขนึ ้ แก่ บคุ คลภายนอกนนั้ ผ้เู อาประกนั ภยั เป็นฝ่ ายที่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ซง่ึ ความค้มุ ครอง สว่ นนีแ้ บง่ เป็ น 1.2.1 การค้มุ ครองความเสียหายตอ่ ชีวิต ร่างกาย หรืออนามยั ของบคุ คลภายนอก ซึง่ บุคคลภายนอกที่ได้รับความค้มุ ครองในส่วนนี ้ให้รวมถึงบคุ คลภายนอกท่ีอยู่ นอกรถยนต์คนั เอาประกันภยั และบุคคลภายนอกท่ีโดยสารอย่ใู น หรือกําลงั ขึน้ หรือกําลงั ลงจากรถยนต์คนั เอาประกันภัยด้วยและในวันท่ี 1 กรกฎาคม 2554 ได้มีการปรับเพ่ิมความค้มุ ครองความเสียหายต่อชีวิต และร่างกายกรณีทุพพล ภาพถาวร ซงึ่ มี 2 กรณี ประกอบด้วย กรณีท่หี น่ึง หากประชาชนท่ีถกู รถมีประกนั ชนเสียชีวติ และมีทายาทท่ีจะต้อง อปุ การะ บริษทั ประกนั ภยั จะจา่ ยคา่ สินไหมทดแทนแก่ทายาทผ้เู สียชีวิตขนั้ ต่าํ 3 แสนบาทจากเดมิ 1 แสนบาท กรณีท่สี อง ได้รับบาดเจ็บจนถึงกบั ทพุ พลภาพถาวรนนั้ ให้บริษทั ประกนั ภยั จา่ ย คา่ สินไหมทดแทนขนั้ ต่ํา 3 แสนบาทจากเดมิ ท่ีกําหนดไว้เพียง 1 แสนบาทด้วย เชน่ กนั 1.2.2 การค้มุ ครองความเสียหายตอ่ ทรัพย์สินของบคุ คลภายนอก บริษัทจะรับผิดชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามความ เสียหายท่ีแท้จริง แตไ่ มเ่ กินจํานวนเงินเอาประกนั ภยั สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/31
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ 1.3 การค้มุ ครองตอ่ รถยนต์ 1.3.1 การค้มุ ครองความเสียหายตอ่ รถยนต์ ( Own Damage ) ความเสียหายตอ่ รถยนตบ์ ริษัทจะชดใช้คา่ สินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขนึ ้ ตอ่ รถยนต์ รวมทงั้ อปุ กรณ์ เครื่องตกแตง่ หรือสิ่งที่ติดประจําอยกู่ บั ตวั รถยนตม์ าตรฐานที่ ตดิ ตงั้ มากบั รถยนตโ์ ดยโรงงานรถยนต์หรือศนู ย์จําหนา่ ยรถยนต์ และให้รวมถึง อปุ กรณ์เครื่องตกแตง่ ที่ได้ทําเพิม่ ขนึ ้ และผ้เู อาประกนั ภยั ได้แจ้งให้บริษทั รับทราบ ด้วยแล้ว แตไ่ มร่ วมถงึ ความเสียหายท่ีเกิดจากไฟไหม้ ความรับผดิ ชอบของบริษัทจะมีไมเ่ กินจํานวนเงินเอาประกนั ภยั ท่ีระบไุ ว้ในตาราง กรมธรรม์ประกนั ภยั 1.3.2 การค้มุ ครองรถยนต์สญู หาย ไฟไหม้ (Fire and Theft) สําหรับการชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทน บริษทั จะชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทน เม่ือรถยนต์ หรือสว่ นหนงึ่ สว่ น ใดของรถยนต์ รวมทงั้ อปุ กรณ์ เคร่ืองตกแตง่ หรือสิ่งที่ติดประจําอยกู่ บั ตวั รถยนต์ เกิดไฟไหม้ หรือสญู หายไป การค้มุ ครองในสว่ นนีน้ อกจากจะค้มุ ครองการสญู หายแล้ว ยงั ค้มุ ครองรวมไปถึงความเสียหายของรถยนต์ที่เกิดจากไฟไหม้ด้วย ไฟไหม้ในที่นีห้ มายถึง ความเสียหายตอ่ รถยนต์ท่ีเป็ นผลมาจากไฟไหม้ ไมว่ า่ จะ เป็นการไหม้โดยตวั ของมนั เอง หรือเป็ นการไหม้ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากสาเหตุ อ่ืนใดก็ตาม การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภยั หลัก ปัจจบุ นั แบง่ ออกเป็น 5 รูปแบบ แยกตามความเสี่ยงภยั ดงั นี ้ 1. กรมธรรม์ประกนั ภยั ประเภทค้มุ ครองรวม ( Comprehensive Cover ) หรือท่ีเรียกกนั วา่ กรมธรรม์ประกนั ภยั ประเภท 1 ซงึ่ กรมธรรม์ประเภทนีจ้ ะให้ความค้มุ ครองทงั้ ในสว่ นของความ รับผดิ ตอ่ บคุ คลภายนอก ค้มุ ครองความเสียหายตอ่ รถยนต์ ตลอดจนค้มุ ครองรถยนต์สญู หาย ไฟไหม้ด้วย 2. กรมธรรม์ประกนั ภยั ประเภทค้มุ ครองความรับผิดตอ่ บคุ คลภายนอกและค้มุ ครองรถยนต์ สญู หาย ไฟไหม้ ( Third Party Liability, Fire and Theft ) หรือท่ีเรียกกนั วา่ กรมธรรม์ ประกนั ภยั ประเภท 2 สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/32
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ 3. กรมธรรม์ประกนั ภยั ประเภทค้มุ ครองความรับผิดตอ่ บคุ คลภายนอก ( Third Party Liability ) หรือท่ีเรียกกนั วา่ กรมธรรม์ประกนั ภยั ประเภท 3 ซงึ่ กรมธรรม์ประกนั ภยั ประเภทนีจ้ ะค้มุ ครอง เฉพาะความรับผิดตอ่ บคุ คลภายนอกเทา่ นนั้ 4. กรมธรรม์ประกนั ภยั ประเภทค้มุ ครองเฉพาะความรับผิดตอ่ ทรัพย์สินบคุ คลภายนอก ( Third Party Property Liability ) หรือท่ีเรียกกนั วา่ กรมธรรม์ประกนั ภยั ประเภท 4 5. กรมธรรม์ประกนั ภยั ประเภทค้มุ ครองเฉพาะภยั ท่ีระบไุ ว้เทา่ นนั้ หรือท่ีเรียกกนั วา่ กรมธรรม์ ประกนั ภยั ประเภท 5 ( 2 Plus , 3 Plus ) การประกนั ภยั ประเภทนี ้จะค้มุ ครองความรับผิด ตอ่ บคุ คลภายนอก และค้มุ ครองความเสียหายตอ่ รถยนต์ เฉพาะอบุ ตั เิ หตทุ ่ีมีสาเหตมุ าจาก การชนกบั ยานพาหนะทางบกเทา่ นนั้ โดยกรมธรรม์ประกนั ภยั ทงั้ 5 รูปแบบ ดงั กลา่ วข้างต้น ผ้เู อาประกนั ภยั สามารถเลือกซือ้ แบบท่ีมีการค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถตามพระราชบญั ญตั คิ ้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ พ.ศ. 2535 ด้วยก็ได้ ดงั นนั้ เม่ือผ้เู อาประกนั ภยั ซือ้ กรมธรรม์ประกนั ภยั แบบรวมการค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จาก รถแล้ว จงึ ไมต่ ้องทําประกนั ภยั รถตามพระราชบญั ญตั คิ ้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ พ.ศ. 2535 อีก (ตามบทบญั ญัตขิ องพระราชบญั ญตั คิ ้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2551 มาตรา 2 รถท่ีเจ้าของรถได้ทําประกนั ภยั ความเสียหายตอ่ ผ้ปู ระสบภยั โดยเอาประกนั ภยั ครอบคลมุ ความเสียหายตอ่ ผ้ปู ระสบภยั และทรัพย์สนิ ตามชนดิ ประเภท และขนาดของรถท่ี กําหนดไว้ในกฎกระทรวงแล้ว ไมต่ ้องจดั ให้มีการประกนั ภยั ความเสียหายสําหรับผ้ปู ระสบภยั อีก) ความคุ้มครองเพ่มิ เตมิ ตามเอกสารแนบท้าย นอกจากจะมีความค้มุ ครองตามกรมธรรม์ประกนั ภยั หลกั ดงั ที่กลา่ วมาแล้ว ยงั มีความค้มุ ครอง เพ่มิ เตมิ ตามเอกสารแนบท้าย ดงั นี ้ 1. การประกนั ภยั อบุ ตั เิ หตสุ ว่ นบคุ คล เป็นความค้มุ ครองความบาดเจบ็ จากอบุ ตั เิ หตขุ องผ้ขู บั ขี่หรือผ้โู ดยสารที่อย่ใู น หรือกําลงั ขนึ ้ หรือกําลงั ลงจากรถยนต์คนั เอาประกนั ภยั หากความบาดเจ็บท่ีได้รับเป็นผลให้บคุ คลนนั้ เสียชีวติ สญู เสียอวยั วะ ทพุ พลภาพถาวร หรือทพุ พลภาพชว่ั คราว ซงึ่ บริษทั จะชดใช้คา่ สนิ ไหม ทดแทนเป็นจํานวนเงินแนน่ อนตามที่เอาประกนั ภยั ไว้ โดยไมต่ ้องคํานงึ ว่าความบาดเจ็บที่ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/33
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ ได้รับจะเป็นความรับผิดของผ้ใู ด ความรับผดิ ในจํานวนเงินคา่ สนิ ไหมทดแทนท่ีบริษัทจะต้องจา่ ยตามเอกสารแนบท้ายนี ้เป็น ความรับผดิ ท่ีเพิ่มขนึ ้ นอกเหนือจากความรับผิดตามความค้มุ ครองหลกั ดงั นนั้ แม้ผ้ขู บั ขี่ หรือ ผ้โู ดยสารจะได้รับการชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนตามมลู ละเมดิ เตม็ จํานวนแล้วก็ตาม ก็ไมเ่ ป็น เหตใุ ห้บริษัทหลดุ พ้นความรับผิดตามเอกสารแนบท้ายนี ้บริษทั ยงั คงผกู พนั ต้องรับผิดชดใช้ คา่ สินไหมทดแทนเตม็ จํานวนความค้มุ ครองของเอกสารแนบท้ายนีด้ ้วย 2. การประกนั ภยั คา่ รักษาพยาบาล การประกนั ภยั คา่ รักษาพยาบาลตามเอกสารแนบท้ายนี ้จะค้มุ ครองความบาดเจ็บจาก อบุ ตั เิ หตขุ องบคุ คลท่ีอยใู่ น หรือกําลงั ขนึ ้ หรือกําลงั ลงจากรถยนต์คนั เอาประกนั ภยั หากความ บาดเจ็บที่ได้รับเป็นผลให้บคุ คลนนั้ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล โดยบริษทั จา่ ยคา่ รักษาพยาบาล คา่ บริการทางการแพทย์ คา่ ผา่ ตดั คา่ โรงพยาบาล ตามจํานวนท่ีจา่ ยไปจริง แตไ่ มเ่ กินจํานวนเงินจํากดั ความรับผิดของบริษัทที่ระบไุ ว้ ทงั้ นี ้โดยไมค่ ํานงึ วา่ ความบาดเจบ็ ที่ ได้รับจะเป็นความรับผิดของผ้ใู ด เดมิ การประกนั ภยั คา่ รักษาพยาบาลจะค้มุ ครองเฉพาะคา่ รักษาพยาบาลสว่ นที่เกินกวา่ ความ ค้มุ ครองตามกรมธรรม์ค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถเทา่ นนั้ ปัจจบุ นั ได้กําหนดให้ค้มุ ครองตงั้ แต่ บาทแรกของคา่ รักษาพยาบาลที่เกิดขนึ ้ ดงั นนั้ ผ้ทู ี่ได้รับความค้มุ ครองตามเอกสารแนบท้ายนี ้ จงึ สามารถเลือกได้วา่ จะใช้สทิ ธิเบกิ คา่ รักษาพยาบาลจากความค้มุ ครองในสว่ นนี ้หรือสว่ นอ่ืน หรือจากผ้รู ับประกนั ภยั อื่นก็ได้ บริษัทจะเก่ียงให้ไปใช้สทิ ธิเบกิ จากความค้มุ ครองอ่ืนก่อนมไิ ด้ 3. การประกนั ตวั ผ้ขู บั ข่ี เม่ือผ้เู อาประกนั ภยั หรือผ้ขู บั ข่ีโดยได้รับความยนิ ยอมจากผ้เู อาประกนั ภยั นํารถยนต์คนั เอา ประกนั ภยั ไปใช้ และเกิดอบุ ตั เิ หตขุ นึ ้ ซง่ึ เป็นผลให้ผ้เู อาประกนั ภยั หรือผ้ขู บั ขี่นนั้ ถกู ควบคมุ ตวั ไว้ในคดีอาญา ไมว่ า่ จะเป็นการควบคมุ ในชนั้ พนกั งานสอบสวน พนกั งานอยั การ หรือศาล (จนถงึ ศาลฎีกา) ก็ตาม หากมีการซือ้ ความค้มุ ครองเพ่ิมเตมิ สว่ นนีไ้ ว้แล้ว บริษทั จะต้องทําการ ประกนั ตวั ผ้เู อาประกนั ภยั หรือผ้ขู บั ข่ีนนั้ โดยไมช่ กั ช้า ในวงเงินไมเ่ กินจํานวนเงินจํากดั ความ รับผิดท่ีระบไุ ว้ และถงึ แม้วา่ ความเสียหายที่เกิดขนึ ้ เป็นความเสียหายที่ไมไ่ ด้รับความค้มุ ครองในสว่ นของ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/34
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ ความค้มุ ครองหลกั ก็ตาม ก็ไมเ่ ป็นเหตใุ ห้บริษัทหลดุ พ้นหน้าที่ตามสญั ญาท่ีจะต้องทําการ ประกนั ตวั ผ้เู อาประกนั ภยั หรือผ้ขู บั ขี่ ข้อแตกต่างระหว่างการประกันภยั รถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจ 1. ความค้มุ ครอง การประกนั ภยั รถยนต์ภาคบงั คบั จะให้ความค้มุ ครองเฉพาะในความเสียหายตอ่ ชีวิต ร่างกายและ อนามยั ของบคุ คล สว่ นการประกนั ภยั รถยนต์ภาคสมคั รใจ จะให้ความค้มุ ครองทงั้ ความเสียหาย ตอ่ ชีวิต ร่างกายและอนามยั ของบคุ คลและความเสียหายตอ่ ทรัพย์สินท่ีเอาประกนั ภยั และทรัพย์สิน ของบคุ คลภายนอก 2. อตั ราเบยี ้ ประกนั ภยั การประกนั ภยั รถยนตภ์ าคบงั คบั มีอตั ราเบีย้ ประกนั ภยั ท่ีแนน่ อน แตก่ ารประกนั ภยั รถยนต์ภาค สมคั รใจอตั ราเบยี ้ ประกนั ภยั จะไมแ่ นน่ อน โดยจะขนึ ้ อย่กู บั ปัจจยั ตา่ งๆ เชน่ กรมธรรม์ประกนั ภยั ท่ี เลือกซือ้ วงเงินเอาประกนั ภยั ประวตั กิ ารใช้รถยนต์ ประเภทการใช้รถยนต์ ขนาดเคร่ืองยนต์ เป็นต้น แตท่ งั้ นี ้อตั ราเบยี ้ ประกนั ภยั จะอยใู่ นชว่ งอตั ราต่ําสดุ และสงู สดุ ตามที่นายทะเบยี นกําหนด 3. ทนุ ประกนั หรือวงเงินค้มุ ครอง การประกนั ภยั รถยนตภ์ าคบงั คบั จะกําหนดวงเงินค้มุ ครองท่ีแนน่ อน แตภ่ าคสมคั รใจจะขนึ ้ อยกู่ บั ความต้องการของคสู่ ญั ญา และอตั ราเบีย้ ประกนั ท่ีแปรผนั ตามความค้มุ ครองและคณุ ภาพการ ให้บริการ 4. ใบอนญุ าตขบั ขี่ การประกนั ภยั รถยนต์ภาคบงั คบั ให้ความค้มุ ครอง ไมว่ า่ ผ้ขู บั ข่ีจะมีใบอนญุ าตขบั ขี่หรือไม่ แต่ ประกนั ภยั รถยนต์ภาคสมคั รใจ ยงั ให้ความค้มุ ครองแก่บคุ คลภายนอกไมว่ า่ ผ้ขู บั ข่ีจะมีใบอนญุ าต ขบั ข่ีหรือไม่ แตค่ วามเสียหายตอ่ รถยนตจ์ ะไมไ่ ด้รับความความค้มุ ครอง หากผ้ขู บั ขี่ในขณะเกิดเหตุ ไมม่ ีใบอนญุ าตขบั ข่ี สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/35
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ ภาพแสดงความแตกต่างระหว่างการประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจ ภยั ท่ีไม่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภยั รถยนต์ภาคบังคับ และภาคสมัครใจ กรมธรรม์ประกนั ภยั รถยนต์ภาคบงั คบั และภาคสมคั รใจ ไมค่ ้มุ ครองความเสียหาย หรือความ รับผิดอนั เกิดขนึ ้ เป็นผลโดยตรง หรือโดยอ้อมจากภยั ดงั ตอ่ ไปนี ้ 1. สงคราม การรุกราน การกระทําของชาตศิ ตั รู การส้รู บ หรือการปฏิบตั กิ ารที่มีลกั ษณะเป็นการ ทําสงคราม (จะได้ประกาศสงครามหรือไมก่ ็ตาม) 2. สงครามกลางเมือง การแข็งข้อของทหาร การกบฏ การปฏิวตั ิ การตอ่ ต้านรัฐบาล การยดึ อํานาจการปกครองโดยกําลงั ทหาร หรือโดยประการอ่ืน ประชาชนก่อความวนุ่ วายถงึ ขนาด หรือเทา่ กบั การลกุ ฮือตอ่ ต้านรัฐบาล 3. วตั ถอุ าวธุ ปรมาณู 4. การแตกตวั ของประจุ การแผร่ ังสี การกระทบกบั กมั มนั ตภาพรังสีจากเชือ้ เพลิงปรมาณู หรือ จากกากปรมาณอู นั เกิดจากการเผาไหม้เชือ้ เพลงิ ปรมาณู และสําหรับจดุ ประสงค์ของข้อ สญั ญานี ้การเผานนั้ รวมถึงกรรมวธิ ีใดๆ แหง่ การแตกแยกตวั ปรมาณู ซง่ึ ดาํ เนินตดิ ตอ่ กนั ไป ด้วยตวั ของมนั เอง สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/36
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ โดยหลกั สากลทวั่ โลก ไมม่ ีผ้ใู ดอาจรับประกนั ภยั อนั เกิดจากมหนั ตภยั ตา่ ง ๆ ดงั ท่ีระบใุ น ข้างต้นได้ กรมธรรม์ประกนั ภยั จงึ ได้กําหนดเป็นข้อยกเว้นไว้ ทงั้ นีไ้ มว่ า่ ความรับผิดที่เกิดขนึ ้ นนั้ จะ เกิดขนึ ้ จากมหนั ตภยั ดงั กล่าวโดยตรงหรือเป็ นผลโดยอ้อมก็ตาม ข้อยกเว้นมหนั ตภยั ตาม 1.1 หรือ 1.2 เป็นคนละสว่ นกบั การยกเว้นภยั กอ่ การร้าย ตาม ร.ย.30 ที่ไมค่ ้มุ ครองความเสียหายใดๆที่เป็นสาเหตโุ ดยตรง หรือโดยอ้อมจากการก่อการร้าย โดย ระบวุ า่ “การก่อการร้ายให้หมายความรวมถึงการกระทําที่ใช้กําลงั หรือความรุนแรง และ/หรือมีการ ขม่ ขโู่ ดยบคุ คล หรือกลมุ่ บคุ คลใด ไมว่ า่ จะเป็นการกระทําเพียงลําพงั การกระทําการแทน หรือที่ เก่ียวเนื่องกบั องค์กรใด หรือรัฐบาลใด ซง่ึ กระทําเพ่ือผลทางการเมือง ศาสนา ลทั ธินิยม หรือ จดุ ประสงค์ท่ีคล้ายคลงึ กนั รวมทงั้ เพื่อต้องการสง่ ผลให้รัฐบาล และ/หรือสาธารณชน หรือสว่ นหนงึ่ สว่ นใดของสาธารณชนตกอยใู่ นภาวะตื่นตระหนก หวาดกลวั ” ฉะนนั้ แม้ความเสียหาย หรือความ รับผดิ ใดเกิดขนึ ้ โดยมีสาเหตโุ ดยตรง หรือโดยอ้อมมาจากการก่อการร้าย หากกรมธรรม์ประกนั ภยั นนั้ ไมม่ ีการแนบเอกสารข้อยกเว้นภยั ก่อการร้าย (ร.ย. 30) ไว้ บริษัทก็ไมอ่ าจนําความในข้อ 1 หรือ ข้อ 2 มาเป็นเหตใุ นการปฏิเสธความรับผิดได้ ข้อยกเว้นความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ และภาคสมัครใจ แบง่ ออกป็น 2 ข้อ ดงั นี ้ 1. ข้อยกเว้น การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภยั หลัก 2. ข้อยกเว้น การคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย 1. ข้อยกเว้น การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภยั หลัก ไมค่ ้มุ ครองความเสียหายและความรับ ผดิ แบง่ ออกเป็น 4 หมวด ดงั นี ้ หมวด 1 ข้อยกเว้นการคุ้มครองผู้ประสบภยั จากรถ ไมค่ ้มุ ครอง 1.1 ความเสียหายที่เกิดจากรถท่ีถกู ยกั ยอก ฉ้อโกง กรรโชก ลกั ทรัพย์ รีดเอาทรัพย์ ชงิ ทรัพย์ หรือ ปล้นทรัพย์ 1.2 การใช้นอกประเทศไทย 1.3 การใช้ในทางท่ีผิดกฎหมาย ได้แก่ ใช้รถไปปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือใช้ขนยาเสพตดิ เป็ นต้น 1.4 การใช้ในการแขง่ ขนั ความเร็ว หมวด 2 ข้อยกเว้นการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก แบง่ ออกเป็น 3 ข้อดงั นี ้ 2.1 ข้อยกเว้นความเสียหายตอ่ ชีวติ ร่างกาย หรืออนามยั บคุ คลดงั ตอ่ ไปนีจ้ ะไมไ่ ด้รับความ ค้มุ ครอง สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/37
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ - ผ้ขู บั ขี่รถยนต์คนั เอาประกนั ภยั ในขณะเกิดอบุ ตั เิ หตุ - คสู่ มรส บดิ า มารดา บตุ ร ลกู จ้างในทางการท่ีจ้างของผ้ขู บั ข่ีนนั้ กรณีบิดา มารดา บตุ รที่ได้รับการยกเว้นไมค่ ้มุ ครอง มิได้จํากดั เฉพาะ บดิ า มารดา บตุ รตาม กฎหมายเทา่ นนั้ แตใ่ ห้รวมถึง บดิ า มารดา บตุ ร ตามความเป็นจริงด้วย แตก่ รณีคสู่ มรสนนั้ เฉพาะคสู่ มรสโดยชอบด้วยกฎหมายเทา่ นนั้ ท่ีได้รับการยกเว้นไมค่ ้มุ ครอง 2.2 ข้อยกเว้นความเสียหายตอ่ ทรัพย์สินของบคุ คลภายนอก ทรัพย์สนิ ดงั ตอ่ ไปนีจ้ ะไมไ่ ด้รับ ความค้มุ ครอง 2.2.1 ทรัพย์สินที่ผ้เู อาประกนั ภยั ผ้ขู บั ข่ีท่ีเป็ นฝ่ ายต้องรับผดิ ตามกฎหมาย คสู่ มรส บดิ า มารดา บตุ ร ของผ้เู อาประกนั ภยั หรือผ้ขู บั ขี่นนั้ เป็นเจ้าของ หรือเป็นผ้เู ก็บรักษา ควบคมุ ครอบครอง 2.2.2 เครื่องชง่ั สะพาน สะพานรถไฟ ถนน ทางว่ิง ทางเดนิ สนาม หรือสิ่งหนงึ่ ส่งิ ใดสงิ่ ใด ท่ีอยใู่ ต้สง่ิ ดงั กลา่ ว อนั เกิดจากการสน่ั สะเทือน หรือจากนํา้ หนกั รถยนต์ หรือนํา้ หนกั บรรทกุ ของรถยนต์ 2.2.3 สมั ภาระ หรือทรัพย์สินอื่นใดท่ีนําตดิ ตวั ขนึ ้ บนรถยนต์ หรือทรัพย์สินที่บรรทกุ อย่ใู น รถยนต์ หรือกําลงั ยกขนึ ้ หรือกําลงั ยกลงจากรถยนต์ หรือทรัพย์สินที่รถยนต์กําลงั ยกจากท่ีหนงึ่ ไปอีกที่หนง่ึ 2.2.4 ทรัพย์สินท่ีได้รับความเสียหายจากการร่ัวไหลของสารเคมี หรือวตั ถอุ นั ตรายท่ี บรรทกุ อยใู่ นรถยนต์ เว้นแตก่ ารรั่วไหลนนั้ เกิดจากอบุ ตั เิ หตจุ ากรถยนต์ หรือการ ร่ัวไหลของแก๊ส หรือเชือ้ เพลงิ เพื่อการเดนิ เคร่ืองของรถยนต์ 2.3 ข้อยกเว้นทว่ั ไป การประกนั ภยั ตามหมวดนี ้ไมค่ ้มุ ครองความรับผิดอนั เกิดจากความรับผิด ตอ่ บคุ คลภายนอกที่เกิดจากเหตุ ดงั ตอ่ ไปนีจ้ ะไมไ่ ด้รับความค้มุ ครอง 2.3.1 การใช้รถยนต์นอกอาณาเขตค้มุ ครอง 2.3.2 การใช้รถยนตใ์ นทางผิดกฎหมาย เชน่ ใช้รถยนตไ์ ปปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือใช้ขน ยาเสพตดิ เป็นต้น 2.3.3 การใช้ในการแขง่ ขนั ความเร็ว 2.3.4 การใช้ลากจงู หรือผลกั ดนั เว้นแตร่ ถที่ถกู ลากจงู หรือถกู ผลกั ดนั ได้ประกนั ภยั ไว้กบั บริษทั ด้วย หรือเป็นรถลากจงู โดยสภาพ หรือรถท่ีมีระบบห้ามล้อเชื่อมโยงถงึ กนั สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/38
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ 2.3.5 ความรับผิดซงึ่ เกิดจากสญั ญาที่ผ้ขู บั ขี่ทําขนึ ้ ซงึ่ ถ้าไมม่ ีสญั ญานนั้ แล้ว ความรับผิด ของผ้ขู บั ข่ีจะไมเ่ กิดขนึ ้ 2.3.6 การขบั ขี่โดยบคุ คลซง่ึ ในขณะขบั ข่ีมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดไมน่ ้อยกวา่ 150 มลิ ลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ข้อสญั ญาพิเศษ ภายใต้จํานวนเงินจํากดั ความรับผิดท่ีระบไุ ว้ในตาราง บริษัทจะไมย่ กเอาความไม่ สมบรู ณ์แหง่ กรมธรรม์ประกนั ภยั หรือความประมาทเลนิ เลอ่ อย่างร้ายแรงของผ้เู อาประกนั ภยั หรือ ข้อ 2.3.1-2.3.5 หรือเงื่อนไขทว่ั ไป เป็นข้อตอ่ ส้บู คุ คลภายนอก เพื่อปฏิเสธความรับผิดตาม 2.1 ใน หมวดนี ้ สว่ นเง่ือนไขข้อ 2.3.6 บริษัทจะไมน่ ํามาเป็นข้อตอ่ ส้บู คุ คลภายนอก เพื่อปฏิเสธความรับผดิ ทงั้ ตาม ข้อ 2.1 และ 2.2 ในหมวดนี ้ ในกรณีที่บริษทั ไมต่ ้องรับผิดตามกฎหมาย หรือรับผิดตามกรมธรรม์ประกนั ภยั นีต้ อ่ ผ้เู อา ประกนั ภยั แตบ่ ริษทั ได้ชดใช้คา่ สินไหมทดแทนไปแล้วตามวรรคหนง่ึ และวรรคสอง ในความรับผิด ที่ผ้เู อาประกนั ภยั ต้องรับผิดตอ่ บคุ คลภายนอกไปแล้ว ผ้เู อาประกนั ภยั ต้องใช้จํานวนเงินที่บริษัทได้ จา่ ยไปนนั้ คนื ให้บริษทั ภายใน 7 วนั นบั แตไ่ ด้รับหนงั สือเรียกร้องจากบริษทั หมวด 3 ข้อยกเว้นการคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ แบง่ ออกเป็ น 3 ข้อดงั นี ้ 3.1 การยกเว้นความเสียหายตอ่ รถยนต์ การประกนั ภยั นีไ้ มค่ ้มุ ครอง 3.1.1 การเสื่อมราคา หรือการสกึ หรอของรถยนต์ 3.1.2 การแตกหกั ของเครื่องจกั รกลไกของรถยนต์ หรือการเสียหรือการหยดุ เดนิ ของ เคร่ืองจกั รกลไก หรือเคร่ืองไฟฟ้ าของรถยนต์อนั มไิ ด้เกิดจากอบุ ตั เิ หตุ 3.1.3 ความเสียหายโดยตรงตอ่ รถยนต์ อนั เกิดจากการบรรทกุ นํา้ หนกั หรือจํานวนผ้โู ดยสาร เกินกวา่ ที่ได้รับอนญุ าต อนั มิได้เกิดจากอบุ ตั เิ หตุ 3.1.4 ความเสียหายตอ่ ยางรถยนต์ อนั เกิดจากการฉีกขาด หรือการระเบิด เว้นแตก่ รณีมี ความเสียหายเกิดขนึ ้ ตอ่ สว่ นอ่ืนของรถยนตใ์ นเวลาเดียวกนั 3.1.5 ความเสียหายอนั เกิดจากการขาดการใช้รถยนต์ เว้นแตก่ ารขาดการใช้รถยนต์นนั้ เกิด จากบริษัทประวิงการซอ่ ม หรือซอ่ มลา่ ช้าเกินกวา่ ท่ีควรจะเป็น โดยไมม่ ีเหตผุ ลอนั สมควร สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/39
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ 3.2 การยกเว้นการใช้ตอ่ รถยนต์ การประกนั ภยั นีไ้ มค่ ้มุ ครอง 3.2.1 การใช้รถยนต์นอกอาณาเขตท่ีค้มุ ครอง 3.2.2 การใช้รถยนต์ไปในทางที่ผิดกฎหมาย เชน่ ใช้รถยนต์ไปปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือ ใช้ ขนยาเสพตดิ เป็นต้น 3.2.3 การใช้ในการแขง่ ขนั ความเร็ว 3.3 การยกเว้นการใช้อ่ืนๆ ตอ่ รถยนต์ การประกนั ภยั นีไ้ มค่ ้มุ ครอง 3.3.1 การใช้ลากจงู หรือผลกั ดนั เว้นแตร่ ถท่ีถกู ลากจงู หรือถกู ผลกั ดนั ได้ประกนั ภยั ไว้กบั บริษทั ด้วย หรือเป็นรถลากจงู โดยสภาพ หรือรถที่มีระบบห้ามล้อเช่ือมโยงถงึ กนั 3.3.2 การใช้รถยนต์นอกเหนือจากท่ีระบไุ ว้ในตารางในขณะเกิดอบุ ตั เิ หตุ 3.3.3 การขบั ข่ีโดยบคุ คลซงึ่ ขณะขบั ขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดไมน่ ้อยกว่า 150 มิลลกิ รัมเปอร์เซน็ ต์ 3.3.4 การขบั ขี่โดยบคุ คลที่ไมเ่ คยได้รับใบอนญุ าตขบั ขี่ใดๆ หรือเคยได้รับแตถ่ กู ตดั สิทธิตาม กฎหมายหรือใช้ใบขบั ขี่รถจกั รยานยนต์ไปขบั ข่ีรถยนต์ การยกเว้นตามข้อ 3.3.1-3.3.4 จะไมน่ ํามาใช้ในกรณีท่ีมีความเสียหายตอ่ รถยนตท์ ี่เกิดขนึ ้ และ มิใชค่ วามประมาทของผ้ขู บั ข่ีรถยนต์ท่ีเอาประกนั ภยั ตามกรมธรรม์นี ้ แตใ่ นกรณีท่ีเป็นการประกนั ภยั ประเภทระบชุ ่ือผ้ขู บั ขี่ การยกเว้นตาม 3.3.4 จะไมน่ ํามาใช้บงั คบั หากผ้ขู บั ข่ีในขณะเกิดความเสียหาย เป็นผ้ขู บั ข่ีท่ีถกู ระบชุ ่ือในกรมธรรม์ หมวด 4 ข้อยกเว้นการคุ้มครองรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ การประกนั ภยั นีไ้ มค่ ้มุ ครองความ เสียหายแบง่ เป็น 2 ข้อ ดงั นี ้ 4.1 ความเสียหายหรือสญู หายอนั เกิดจากการลกั ทรัพย์ หรือยกั ยอกทรัพย์ โดยบคุ คลได้รับ มอบหมายหรือครอบครองรถยนต์ตามสญั ญาเชา่ สญั ญาเชา่ ซือ้ หรือสญั ญาจํานํา หรือโดย บคุ คลท่ีจะกระทําสญั ญาดงั กลา่ วข้างต้น 4.2 การใช้รถยนต์นอกอาณาเขตที่ค้มุ ครอง 2. ข้อยกเว้นการคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย แบง่ ออกเป็น 3 ข้อ ดงั นี ้ 2.1 ข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง การประกันภยั อุบัตเิ หตุส่วนบุคคล มีเพียง 2 กรณี คือ - บริษัทไมต่ ้องรับผิดตอ่ การเสียชีวติ หรือสญู เสียอวยั วะ หรือทพุ พลภาพของผ้ไู ด้รับความ ค้มุ ครองท่ีเป็นผลมาจากการกระทําผิดอาชญากรรมสถานหนกั เชน่ การใช้รถคนั เอา ประกนั ภยั ไปปล้นทรัพย์ เป็นต้น แตค่ วามเจ็บที่ไมไ่ ด้รับความค้มุ ครองตาม ร.ย. 01 นี ้ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/40
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ จํากดั เฉพาะความบาดเจ็บของผ้ทู ี่ก่ออาชญากรรมนนั้ เทา่ นนั้ ไมร่ วมถึงผ้ไู ด้รับความ ค้มุ ครองอื่นที่มิได้มีสว่ นรู้เหน็ เป็นใจกบั การก่ออาชญากรรมนนั้ - บริษัทไมต่ ้องรับผิดตอ่ การเสียชีวติ หรือสญู เสียอวยั วะ หรือทพุ พลภาพของผ้ไู ด้รับความ ค้มุ ครองท่ีเป็นผลมาจากมหนั ตภยั เชน่ สงคราม การส้รู บ เป็นต้น 2.2 ข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง การประกันภัยค่ารักษาพยาบาล มีเพียงประการเดียว คือ ความ บาดเจ็บที่ผ้ไู ด้รับความค้มุ ครองได้รับ เป็นผลโดยตรงหรือโดยอ้อมมาจากมหนั ตภยั เทา่ นนั้ 2.3 ข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง การประกันตวั ผู้ขับข่ีรถคันเอาประกันภัย มีเพียงกรณีเดยี ว เชน่ กนั คือ ผ้ขู บั ข่ีรถคนั เอาประกนั ภยั ไมไ่ ด้รับความยินยอมจากผ้เู อาประกนั ภยั ความเสียหายส่วนแรก ในเรื่องของการประกนั ภยั ความเสียหายสว่ นแรก มกั จะถกู เรียกในหลายรูปแบบ เช่น Deductible หรือ Excess ซงึ่ ความหมายของทงั้ สองความหมายนนั้ ก็คือ จํานวนเงินคา่ เสียหายส่วนแรกในแตล่ ะครัง้ ท่ีผู้ เอาประกนั ภยั ตกลงรับผิดชอบเอง ในกรณีท่ีเกิดความเสียหายขนึ ้ จากอบุ ตั เิ หตจุ ากรถ โดยหลกั สําคญั ของคา่ Deductible หรือ คา่ Excess ที่ผ้เู อาประกนั ภยั จะต้องรับผิดชอบเอง มี องค์ประกอบดงั นี ้ 1. อบุ ตั เิ หตทุ ่ีเกิดขนึ ้ ผ้ขู บั ขี่หรือผ้เู อาประกนั ภยั เป็นฝ่ ายที่ต้องรับผิดตามกฎหมาย หรือ ไม่ สามารถแจ้งให้บริษทั ทราบถึงคกู่ รณีอีกฝ่ ายหนง่ึ ได้ 2. มีความเสียหายเกิดขนึ ้ กบั รถคนั เอาประกนั ภยั หรือ มีความเสียหายเกิดขนึ ้ ตอ่ ทรัพย์สิน บคุ คลภายนอก แล้วแตก่ รณีท่ีผ้เู อาประกนั ภยั มีข้อตกลงไว้ เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกนั ในจํานวนเงินความเสียหายส่วนแรก ที่ผ้เู อาประกนั ภยั ต้อง รับผิดชอบเอง ในกรณีท่ีเกิดความเสียหายขนึ ้ จากอบุ ตั เิ หตกุ ารใช้รถ ในความเสียหายสว่ นแรก ควรแบง่ ความเสียหาย ออกแป็น 2 ประเภท ดงั นี ้ 1. ความเสียหายส่วนแรกโดยสมัครใจ (Deductible) 2. ความเสียหายส่วนแรกในกรณีผิดสัญญาประกันภยั และข้อกาํ หนดไว้ในกรมธรรม์ ประกันภัย (Excess) 1. ความเสียหายส่วนแรกโดยสมัครใจ ( Deductible ) สามารถเลือกความค้มุ ครองได้ 2 ประเภท ดงั นี ้ 1.1 ความเสียหายสว่ นแรก ตอ่ รถยนต์คนั เอาประกนั ภยั 1.2 ความเสียหายสว่ นแรก ตอ่ ทรัพย์สนิ บคุ คลภายนอก ในกรณีที่บริษทั เหน็ วา่ รถยนต์ที่เอาประกนั ภยั บางคนั มีความเส่ียงภยั สงู เหน็ ควรจะต้องให้ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/41
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ ผ้เู อาประกนั ภยั รับผิดชอบคา่ เสียหายสว่ นแรกเอง เพ่ือที่จะได้มีความระมดั ระวงั ในการใช้ รถยนต์ยิ่งขนึ ้ บริษัทก็อาจทําความตกลงกบั ผ้เู อาประกนั ภยั ให้ผ้เู อาประกนั ภยั รับผิดชอบ ความเสียหายสว่ นแรกนีก้ ็ได้ หรือผ้เู อาประกนั ภยั เหน็ วา่ ตนมีศกั ยภาพพอท่ีจะรับผิดชอบ คา่ เสียหายสว่ นแรกเองได้ ก็อาจตกลงกบั บริษทั เพ่ือขอรับผดิ ชอบความเสียหายสว่ นแรก เพ่ือ จะได้เสียเบีย้ ประกนั ภยั น้อยลงก็สามารถกระทําได้ 2. ความเสียหายส่วนแรกในกรณีผิดสัญญาประกันภัยและข้อกาํ หนดไว้ในกรมธรรม์ ประกันภัย (Excess) แบง่ ออกได้ 3 เง่ือนไข ดงั นี ้ 2.1 1,000 บาทแรกของความเสียหายอนั มไิ ด้เกิดจากการชนหรือควํ่า หรือกรณีที่เกิดจากการ ชนแตผ่ ้เู อาประกนั ภยั ไมส่ ามารถแจ้งให้บริษทั ทราบถงึ คกู่ รณีอีกฝ่ ายหนง่ึ ได้ โดยเง่ือนไขนี ้ผ้เู อาประกนั ภยั ต้องรับผดิ ชอบคา่ เสียหายสว่ นแรกจํานวน 1,000 บาทตอ่ ครัง้ ของการเกิดอบุ ตั เิ หตุ ใน 2 กรณี ดงั นี ้ กรณีท่ี 1 รถได้รับความเสียหายอนั มไิ ด้เกิดจากการชนหรือควํ่า ได้แก่ - ความเสียหายจากการมงุ่ ร้าย กลน่ั แกล้ง เชน่ รถถกู บคุ คลอื่นทบุ ทําลาย ขดู ขีด หรือ ขีดขว่ นให้ได้รับความเสียหาย โดยไมส่ ามารถระบตุ วั ผ้กู ระทํา วนั เวลาและสถานท่ีท่ี รถได้รับความเสียหายได้ชดั เจน - ความเสียหายจากการกระทบกบั วตั ถุ สงิ่ ของ ทําให้รถได้รับความเสียหายเฉพาะ พืน้ ผิวของสีรถ โดยไมท่ ําให้สว่ นหนงึ่ สว่ นใดของตวั รถ และหรืออปุ กรณ์ของรถได้รับ ความเสียหายถึงขนาด บบุ แตก ร้าว - ไมส่ ามารถระบสุ าเหตทุ ี่ทําให้รถได้รับความเสียหายได้ชดั เจน รวมถึงไมส่ ามารถระบุ วนั เวลาและสถานท่ีท่ีรถได้รับความเสียหายได้ชดั เจน กรณีนีไ้ มไ่ ด้รวมถงึ ความเสียหายจากภยั ธรรมชาตซิ งึ่ ทําให้สว่ นหนง่ึ สว่ นใดของตวั รถ นอกจากพืน้ ผิวของสีรถเสียหายด้วย เชน่ รถยนต์เสียหายจากภยั นํา้ ทว่ ม ลมพายพุ ดั ต้นไม้หกั มาทบั รถได้รับความเสียหาย กิ่งไม้ขนาดใหญ่หลนุ่ ใสร่ ถเป็ นเหตใุ ห้รถบบุ เป็ นต้น กรณีท่ี 2 รถยนต์คนั ท่ีเอาประกนั ภยั เกิดเหตไุ ด้รับความเสียหายอนั เกิดจากการชนและผู้ เอาประกนั ภยั ไมส่ ามารถแจ้งให้บริษทั ทราบถงึ คกู่ รณีอีกฝ่ ายหนง่ึ ได้นนั้ หมายถงึ กรณีท่ี รถยนต์คนั เอาประกนั ภยั ถกู รถยนต์คนั อื่นเฉ่ียวชนหรือเฉ่ียวชนรถยนต์คนั อ่ืนได้รับความ เสียหายและผ้เู อาประกนั ภยั ไมส่ ามารถแจ้งให้บริษัททราบถงึ คกู่ รณีอีกฝ่ ายหนงึ่ ได้เทา่ นนั้ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/42
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ กรณีรถยนตช์ นกบั สงิ่ อ่ืนใดท่ีไมใ่ ชร่ ถยนต์ เชน่ รัว้ ต้นไม้ สตั ว์ ก้อนหิน ฯลฯ ที่ทําให้ตวั รถ และหรืออปุ กรณ์ได้รับความเสียหาย บบุ แตก ร้าว ผ้เู อาประกนั ภยั ไมต่ ้องรับผิดชอบ คา่ เสียหายสว่ นแรกแตต่ ้องสามารถแจ้งให้บริษทั ทราบถงึ ลกั ษณะการเกิดเหตุ วนั เวลา และสถานท่ีอยา่ งชดั แจ้ง 2.2 ใช้กบั กรณีท่ีเป็นการประกนั ภยั ประเภทระบชุ ื่อผ้ขู บั ขี่เทา่ นนั้ กลา่ วคือ หากรถยนต์มีความ เสียหายที่เกิดจากการชน การคว่ํา ในขณะท่ีมีบคุ คลอื่น ซง่ึ มิใชบ่ คุ คลที่ระบชุ ื่อใน กรมธรรม์เป็นผ้ขู บั ขี่แล้ว ผ้เู อาประกนั ภยั ก็จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายสว่ นแรก 6,000 บาท แม้วา่ บคุ คลอ่ืนนนั้ จะเป็นบคุ คลท่ีถกู จดั อยใู่ นกลมุ่ ที่มีความเส่ียงภยั น้อยกวา่ บคุ คลท่ีถกู ระบชุ ื่อในกรมธรรม์ก็ตาม ก็ไมเ่ ป็นเหตใุ ห้ผ้เู อาประกนั ภยั พ้นความรับผิดใน ความเสียหายสว่ นแรก 2.3 ความเสียหายตอ่ ทรัพย์สิน ในกรณีท่ีใช้รถยนต์ในเวลาเกิดอบุ ตั เิ หตุ นอกเหนือจากท่ีได้ ระบไุ ว้ในตารางกรมธรรม์ประกนั ภยั เง่ือนไขข้อนีก้ ําหนดเพ่ือมิให้ผ้เู อาประกนั ภยั หรือผ้ขู บั ขี่นํารถไปใช้ในลกั ษณะการใช้รถท่ีมี ความเส่ียงภยั สงู กวา่ ที่ระบไุ ว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ หากรายการใช้รถ ในตารางกรมธรรม์ระบวุ า่ “ ใช้สว่ นบคุ คล ไมใ่ ช้รับจ้างหรือให้เชา่ ” แตใ่ นขณะเกิดอบุ ตั เิ หตผุ ้เู อาประกนั ภยั ไปใช้รับจ้าง ทําให้ รถยนตไ์ ด้รับความเสียหายแล้ว ความเสียหายนนั้ จะไมไ่ ด้รับความค้มุ ครองตามกรมธรรม์นี ้ทงั้ นี ้ เน่ืองจากการใช้รับจ้างหรือให้เชา่ โอกาสเกิดอบุ ตั เิ หตสุ งู กวา่ ใช้เป็นรถสว่ นบคุ คล แตถ่ ้าเป็นกรณีเชา่ รถยนตม์ าใช้ และผ้เู ชา่ มาทําสญั ญาประกนั ภยั ในลกั ษณะการใช้สว่ นบคุ คล ไมถ่ ือวา่ เป็ นการใช้รถนอกเหนือจากท่ีระบไุ ว้ในตาราง ความเสียหายส่วนแรกแยกตามหมวดความคุ้มครอง ผ้เู อาประกนั ภยั จะต้องรับผิดชอบตอ่ อบุ ตั เิ หตแุ ต่ ละครัง้ ได้แบง่ ความรับผดิ ชอบตอ่ ความเสียหายสว่ นแรก ออกเป็ น 3 หมวด ดงั นี ้ 1. หมวดการค้มุ ครองผ้ปู ระสบภยั จากรถ กรณีใช้รถในเวลาท่ีเกิดอบุ ตั เิ หตนุ อกเหนือจากท่ีระบไุ ว้ ในตาราง ซง่ึ ทําให้การเสี่ยงภยั เพมิ่ ขนึ ้ ผ้เู อาประกนั ภยั ต้องชดใช้คา่ เสียหายคนื ให้บริษัทตาม จํานวนที่บริษทั ได้จา่ ยไป แตไ่ มเ่ กิน 2,000 บาท ตอ่ อบุ ตั เิ หตหุ นงึ่ ครัง้ 2. หมวดการค้มุ ครองความรับผิดตอ่ บคุ คลภายนอก ผ้เู อาประกนั ภยั จะต้องรับผดิ ชอบเองในความ เสียหายสว่ นแรก ตอ่ อบุ ตั เิ หตแุ ตล่ ะครัง้ มี 3 ข้อ ดงั นี ้ 1) 2,000 บาทแรก ของความเสียหายตอ่ ทรัพย์สิน ในกรณีท่ีใช้รถยนตใ์ นเวลาเกิดอบุ ตั เิ หตุ นอกเหนือจากที่ได้ระบไุ ว้ในตาราง 2) ตามจํานวนเงินสว่ นแรกของความเสียหาย ดงั ระบไุ ว้ในตาราง สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/43
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ 3) 2,000 บาทแรก ของความเสียหายตอ่ ทรัพย์สินของบคุ คลภายนอก ในกรณีเป็นการ ประกนั ภยั ประเภทระบชุ ื่อผ้ขู บั ขี่ หากความเสียหายนนั้ เป็ นความรับผิดชอบของผ้ขู บั ขี่ รถยนต์คนั เอาประกนั ภยั ซง่ึ มิใชผ่ ้ขู บั ขี่ที่ระบชุ ่ือในกรมธรรม์ ในกรณีที่ผ้เู อาประกนั ภยั จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายสว่ นแรก เกินหนงึ่ ข้อ ให้ถือวา่ ความรับผดิ ชอบแตล่ ะข้อเป็ นความรับผดิ ชอบที่เพ่ิมขนึ ้ ในกรณีท่ีผ้เู อาประกนั ภยั ต้องรับผิดชอบคา่ เสียหายสว่ นแรกเอง ตามข้อ 1) 2) และ 3) บริษัทจะจา่ ยแทนผ้เู อาประกนั ภยั ไปกอ่ น เม่ือบริษทั ได้จ่ายเงินท่ีผ้เู อาประกนั ภยั ต้องรับผดิ ชอบ ไปแล้ว ผ้เู อาประกนั ภยั ต้องใช้คนื ให้บริษัทภายใน 7 วนั นบั แตไ่ ด้รับหนงั สือเรียกร้องจากบริษทั 3. หมวดการค้มุ ครองความเสียหายตอ่ รถยนต์ ผ้เู อาประกนั ภยั จะต้องรับผิดชอบเองในความ เสียหายสว่ นแรก ตอ่ อบุ ตั เิ หตแุ ตล่ ะครัง้ มี 3 ข้อเชน่ กนั ดงั นี ้ 1) 1,000 บาทแรกของความเสียหายอนั เกิดจากการชนหรือควํ่า หรือกรณีที่เกิดจากการชนแต่ ผ้เู อาประกนั ภยั ไมส่ ามารถแจ้งให้บริษทั ทราบถงึ คกู่ รณีอีกฝ่ ายหนงึ่ ได้ 2) ตามจํานวนเงินสว่ นแรกของความเสียหายดงั ระบไุ ว้ในตาราง 3) 6,000 บาทแรก ของความเสียหายตอ่ รถยนต์ ที่เกิดจากการชน การคว่ําในกรณีเป็นการ ประกนั ภยั ประเภทระบชุ ื่อผ้ขู บั ข่ี หากผ้ขู บั ข่ีรถยนต์คนั เอาประกนั ภยั ในขณะเกิดอบุ ตั เิ หตุ มิใชผ่ ้ขู บั ขี่ที่ระบชุ ่ือในกรมธรรม์ ในกรณีท่ีผ้เู อาประกนั ภยั ต้องรับผิดชอบตามข้อตา่ งๆ ดงั กลา่ วเกินกวา่ หนงึ่ ข้อ ให้ถือวา่ ความ รับผิดชอบแตล่ ะข้อเป็นความรับผดิ ชอบที่เพ่มิ ขนึ ้ ผ้เู อาประกนั ภยั ไมต่ ้องรับผิดในความเสียหายสว่ นแรกตาม (2) (3) หากความเสียหายนนั้ เกิดขนึ ้ จากการกระทําของบคุ คลภายนอก และรู้ตวั ผ้ตู ้องรับผิดตามกฎหมาย ซงึ่ มีผลทําให้บริษทั มี สิทธิที่จะเรียกคา่ เสียหายที่บริษัทได้จา่ ยไปคนื จากบคุ คลภายนอกได้ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/44
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทที่1: การประกนั ภยั รถยนต์ ความเสียหายส่วนแรกท่ผี ู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเองต่ออุบัตเิ หตุแต่ละครัง้ ดงั นี้ ข้อยกเว้นความคุ้มครอง การประกันภยั รถยนต์ภาคบังคับ และ ภาคสมัครใจ สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/45
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ ความคุ้มครองการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ การชดใช้ค่าเสียหาย (Indemnity ) ในการชดใช้คา่ เสียหายยงั คงใช้หลกั ในเรื่องของการประกนั ภยั โดยมีหลกั ในการชดใช้ที่สําคญั ดงั นี ้ 1. การสวมสทิ ธิ ( Subrogation ) ในกรณีท่ีผ้เู อาประกนั ภยั เป็นฝ่ ายถกู และคกู่ รณีต้องชดใช้ความ เสียหาย ในกรณีนีบ้ ริษัทจะจ่ายเงินให้กบั ผ้เู อาประกนั ภยั ไปก่อน แล้วบริษัทจะสวมสิทธิของ ผ้เู อาประกนั ภยั ในการเรียกร้องความเสียหายจากคกู่ รณี 2. การเฉลี่ย ( Contribution ) รถคนั เอาประกนั ภยั ได้ทําประกนั ภยั ไว้หลายบริษัท และเมื่อเกิด ความเสียหายขนึ ้ บริษัทผ้รู ับประกนั ภยั หลายราย จะร่วมกนั เฉล่ียชดใช้คา่ เสียหายเท่าๆกนั 3. การชดใช้ตามความจริง ( Indemnity ) ราคาการชดใช้คา่ เสียหายจะต้องหกั คา่ เส่ีอม ราคาของ รถยนต์ ตามระยะเวลาท่ีผา่ นมาเสียก่อน สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทท่ี 1/46
NL604 : การจดั การการประกนั ภยั สว่ นบคุ คล บทท่ี1: การประกนั ภยั รถยนต์ การชดใช้ความเสียหาย หรือสูญหาย ไฟไหม้ ต่อรถยนต์ 1. ในกรณีรถยนตไ์ ด้รับความเสียหาย แตไ่ มถ่ ึงกบั เสียหายสิน้ เชิงหรือสญู หายบางสว่ น ( Partial Loss ) บริษัทและผ้เู อาประกนั ภยั อาจตกลงกนั ให้มีการซอ่ ม หรือเปลี่ยนรถยนต์ซง่ึ มีสภาพ เดยี วกนั แทนได้ ทงั้ นีร้ วมทงั้ อปุ กรณ์ของรถยนต์นนั้ หรือจะชดใช้เงินเพื่อทดแทนความเสียหาย หรือสญู หายนนั้ ก็ได้ วิธีการชดใช้ท่ีระบไุ ว้ในกรมธรรม์ประกนั ภยั มี 3 วธิ ี คือ 1. ซอ่ ม ( Repair ) 2. ซอ่ มรถยนตท์ ี่มีสภาพเดียวกนั แทน ( Replacement ) 3. ชดใช้เป็นเงิน ( Cash ) ในการซอ่ มรถยนต์หรือในการกําหนดจํานวนเงินชดใช้หากตกลงกนั ไมไ่ ด้ ให้จดั ซอ่ มโดยอู่ กลางการประกนั ภยั ข้อจํากดั ความรับผิดของบริษัท ในกรณีท่ีมีความจําเป็ นต้องสงั่ อะไหลจ่ ากตา่ งประเทศบริษทั รับผิดไมเ่ กินกวา่ ราคานําเข้าท่ีสง่ มาทางเรือ ในกรณีที่รถยนต์นนั้ ไมถ่ งึ กบั เสียหายสิน้ เชิง บริษทั และผ้เู อาประกนั ภยั อาจทําความตกลง กนั ได้ถงึ วิธีการชดใช้ วา่ จะให้บริษัทรับผิดชดใช้โดยวิธีการซอ่ ม หรือการเปล่ียนรถยนต์ หรือให้ ชดใช้เป็นเงินก็ได้ แตห่ ากคกู่ รณีไมอ่ าจตกลงกนั ได้ ก็ให้ดําเนนิ การจดั ซอ่ มโดยอกู่ ลางการ ประกนั ภยั สว่ นในกรณีที่รถยนตม์ ิได้สญู หายไปทงั้ คนั แตม่ ีสว่ นหนง่ึ สว่ นใดของรถยนต์เกิด สญู หายไป บริษัทจะต้องจดั หาอะไหล่ หรืออปุ กรณ์ส่วนหนง่ึ สว่ นใดของรถยนต์ประเภท ชนิด และคณุ ภาพอยา่ งเดียวกนั มาแทนในสว่ นท่ีสญู หายไป 2. ในกรณีรถยนต์เสียหายสิน้ เชิง (Total Los ) บริษัทจะจา่ ยคา่ สนิ ไหมทดแทนเตม็ จํานวนเงินเอา ประกนั ภยั ที่ระบไุ ว้ในตาราง ในกรณีท่ีเอาประกนั ภยั ไว้ไมต่ ่ํากวา่ ร้อยละ 80 ของมลู คา่ รถยนตใ์ นขณะท่ีเอาประกนั ภยั ผ้เู อาประกนั ภยั หรือผ้รู ับประโยชน์แล้วแตก่ รณี ต้องโอนกรรมสทิ ธ์ิรถยนต์ให้แก่บริษทั ทนั ทีโดย คา่ ใช้จา่ ยของบริษทั และให้ถือวา่ การค้มุ ครองรถยนตน์ นั้ เป็นอนั สิน้ สดุ หากเกิดไฟไหม้ทําให้รถยนต์ได้รับความเสียหายสนิ ้ เชิงแล้ว บริษทั จะต้องจา่ ยคา่ สนิ ไหม ทดแทนเตม็ ตามจํานวนเงินเอาประกนั ภยั ท่ีบริษัทได้รับประกนั ภยั ไว้ รถยนตเ์ สียหายสิน้ เชิง : หมายถงึ รถยนตเ์ สียหายจนไมอ่ าจซอ่ มให้อยใู่ นสภาพเดมิ ได้ หรือหากจะซอ่ มรถยนต์นนั้ ให้กลบั คนื สภาพเดมิ ต้องเสียคา่ ใช้จา่ ยในการซอ่ มไมน่ ้อยกวา่ ร้อย ละ 70 ของมลู คา่ รถยนตใ์ นขณะที่เกิดความเสียหาย สถาบนั ประกนั ภยั ไทย บทที่ 1/47
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270