สารานกุ รมไทยส�ำ หรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ เลม่ ô๔òðในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร หนงั สือแหลง่ ความรู้อา่ นไดท้ ง้ั ครอบครวั
๔๐
ISBN 978-616-7709-13-0 © โครงการสารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๕,๐๐๐ เลม่ สำนักงาน อาคารโครงการสารานุกรมไทยฯ สนามเสือปา่ ถนนศรอี ยธุ ยา เขตดสุ ิต กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๒๘๐-๖๕๐๒, ๐-๒๒๘๐-๖๕๐๗, ๐-๒๒๘๐-๖๕๑๕, ๐-๒๒๘๐-๖๕๓๘, ๐-๒๒๘๐-๖๕๔๑ โทรสาร ๐-๒๒๘๐-๖๕๘๐, ๐-๒๒๘๐-๖๕๘๙ e-mail: [email protected] http://kanchanapisek.or.th/kp6 www.saranukromthai.or.th
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชปรารภวา่ การเรยี นรใู้ นเรอ่ื งราวและวชิ าการสาขาตา่ ง ๆ โดยกว้างขวาง เป็นเหตุใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ และความฉลาด ซึง่ เปน็ ปัจจยั สำคัญทสี่ ดุ สำหรับชีวติ ช่วยให้บุคคลสามารถสร้างประโยชน์สุข สร้างความเจริญมั่นคงให้แก่ตนเอง ทั้งแก่สังคมและบ้านเมือง อันเป็นท่ีพ่ึงอาศัยได้ ทุกคนจึงควรมีโอกาสท่ีจะศึกษาหาความรู้ได้ตามความประสงค์และกำลังความ สามารถโดยทวั่ กัน ทรงพระราชดำริว่า หนังสือประเภทสารานุกรมนั้น บรรจุสรรพวิชาการอันเป็นสาระไว้ครบ ทุกแขนง เม่ือมีความต้องการหรือพอใจจะเรียนรู้เรื่องใด ก็สามารถค้นหาอ่านทราบโดยสะดวก นับว่าเป็นหนังสือท่ีมีประโยชน์เกื้อกูลการศึกษาเพ่ิมพูนปัญญาด้วยตนเองของประชาชนอย่างสำคัญ โดยเฉพาะในยามที่มีปัญหาการขาดแคลนครูและสถานท่ีเล่าเรียนเช่นขณะนี้ หนังสือสารานุกรมจะ ช่วยคล่ีคลายให้บรรเทาเบาบางลงได้เป็นอย่างดี จึงมีพระราชดำรัสให้ต้ังโครงการสารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เพ่ือดำเนินการสร้างหนังสือสารานุกรมฉบับใหม่ชุดหนึ่ง มีความมุ่งหมายท่ีจะนำ วิชาการแขนงต่าง ๆ ที่ควรศึกษา ออกเผยแพร่แก่เยาวชนให้แพร่หลายท่ัวถึง เพ่ือเยาวชนจักได ้ หาความรชู้ ว่ ยตัวเองไดจ้ ากการอา่ นหนงั สอื และเพ่ือใหไ้ ด้ประโยชนอ์ ันกวา้ งขวางย่งิ ขนึ้ ทรงกำหนด หลักการทำคำอธิบายเรื่องต่าง ๆ แต่ละเร่ืองเป็นสามตอนหรือสามระดับ สำหรับให้เด็กรุ่นเล็กอ่าน เข้าใจได้ระดับหน่ึง สำหรับเด็กรุ่นกลางอ่านเข้าใจได้ระดับหนึ่ง และสำหรับเด็กรุ่นใหญ่รวมถึง ผู้ใหญ่อีกระดับหนึ่ง เพ่ืออำนวยโอกาสให้บิดามารดาสามารถใช้หนังสือน้ีเป็นเคร่ืองมือแนะนำวิชา แก่บุตรธิดา และให้พี่แนะนำวิชาแก่น้องเป็นลำดับกันลงไป นอกจากนี้ เม่ือเร่ืองหน่ึงเรื่องใดมี ความเกีย่ วพนั ตอ่ เนอื่ งถึงเรื่องอนื่ ๆ กใ็ หอ้ ้างอิงถึงเร่อื งน้นั ๆ ดว้ ยทกุ เร่อื งไป ด้วยประสงคจ์ ะใหผ้ ้ศู กึ ษา ทราบตระหนักว่า วชิ าการแตล่ ะสาขามีความสมั พนั ธ์เกีย่ วเนอ่ื งถึงกัน พึงศึกษาให้ครบถ้วนทัว่ ถงึ พระตำหนกั จิตรลดารโหฐาน
คำแถลง สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่มน ้ี เป็นเล่มท่ี ๔๐ ซึ่งคณะกรรมการโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ได้ร่วมกันจัดทำข้ึน ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะให้มีสารานุกรมแบบไทยพิมพ์เป็นชุด โดยเน้นความรู้ที่เกิดขึ้นและมีอยู่ในประเทศไทย จัดทำโดยคนไทย เพื่อให้คนไทยทุกเพศทุกวัยได้ม ี โอกาสอา่ น อนั เปน็ การเพ่ิมพูนและสง่ เสรมิ ความรขู้ น้ั พนื้ ฐานในวิชาการสาขาตา่ ง ๆ ในการจัดทำสารานุกรมนี้ ได้เรียบเรียงเน้ือหาของเรื่องต่าง ๆ แบ่งเป็น ๓ ระดับความรู้ โดย ประสงค์ใหค้ วามรู้ความเขา้ ใจแกเ่ ด็กรุ่นเลก็ ระดับหนึง่ เดก็ รุ่นกลางระดบั หนึง่ และเด็กรุน่ ใหญ่ รวมทัง้ ผใู้ หญท่ ีส่ นใจทว่ั ไปอีกระดับหน่งึ ทงั้ น้ี ไดเ้ รียบเรียงเนื้อหาใหเ้ หมาะสมสำหรับผู้อ่านแตล่ ะรนุ่ หรือแต่ละ ระดับ และพิมพ์ด้วยตัวอักษรขนาดต่าง ๆ กัน ในแต่ละเรื่องเริ่มต้นด้วยเนื้อหาของเด็กรุ่นเล็ก ถัดไป เป็นของเด็กรุ่นกลาง สุดท้ายจึงเป็นของเด็กรุ่นใหญ่และผู้ใหญ่ อีกท้ังยังมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ใหญ่และ เด็กรุ่นใหญ่ได้มีโอกาสอธิบายแก่เด็กรุ่นเล็กหรือเด็กรุ่นกลาง ให้มีความเข้าใจในเร่ืองและเนื้อหาในกรณ ี ทเี่ ด็กรุน่ เล็กหรือเด็กรนุ่ กลางไม่เขา้ ใจโดยถอ่ งแท ้ นอกจากนี้ โครงการฯ ยังได้พยายามจัดให้มีเน้ือเร่ืองของสาขาวิชาต่าง ๆ เข้าไว้ในเล่มเดียวกัน เพ่ือให้ผู้ที่สนใจเน้ือเร่ืองในสาขาวิชาใดแล้ว ได้มีโอกาสอ่านหรืออ้างอิงเน้ือเรื่องในสาขาวิชาอ่ืน ๆ ประกอบไปด้วย เพอื่ ให้เกิดความหลากหลายของความรู้ ทผี่ ู้อ่านสามารถเลือกอ่านได้ตามความต้องการ ในการจัดทำหนังสือสารานุกรมไทยฯ ตั้งแต่เล่ม ๒๖ เป็นต้นไป โครงการฯ ได้เปลี่ยนแปลง รูปแบบภายในเล่มให้น่าสนใจย่ิงขึ้น โดยเปล่ียนแปลงขนาดตัวอักษรของเนื้อหาส่วนเด็กกลางและ เด็กโตให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพ่ือให้สะดวกในการอ่าน นอกจากนี้เพ่ือให้ผู้อ่านได้ศึกษาหรือค้นคว้าได้ง่าย และรวดเร็วข้ึน โครงการฯ จึงได้ใสเ่ ลขหนา้ รวมท้งั ใส่ชือ่ ผเู้ ขียนไวใ้ นหน้าแรกของทุกเร่อื งด้วย สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชนฯ เลม่ ๔๐ น้ี ไดพ้ มิ พข์ น้ึ ครง้ั แรกใน พ.ศ. ๒๕๕๘ มเี รอื่ ง ๙ เรอื่ ง คอื พิพิธภัณฑสถาน รางวัลซไี รต์ นกเงือกไทย เหด็ การโคลนนงิ่ สัตว์ แรเ่ หล็ก การใช้เลเซอร์ในทาง การแพทย์ ไขอ้ อกผื่น และโรคมะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ชุดน้ี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สโมสรไลออนส์สากลใน ประเทศไทย มีสว่ นร่วมจัดหาทนุ ทูลเกลา้ ฯ ถวายสมทบ เพ่อื ดำเนินการจดั พิมพต์ ัง้ แต่แรกเร่มิ โครงการฯ นอกจากน้ี สโมสรไลออนส์ยังได้มีส่วนช่วยนำหนังสือสารานุกรมไทยฯ ฉบับพระราชทาน เล่ม ๑-๒๕ จำนวนฉบับละ ๖,๐๐๐ เล่ม เล่ม ๒๖-๓๑ จำนวนฉบับละ ๗,๕๐๐ เล่ม เล่ม ๓๒-๓๕ จำนวนฉบับละ ๘,๐๐๐ เลม่ ไปมอบใหแ้ กโ่ รงเรยี นตา่ ง ๆ ทว่ั ประเทศ และตง้ั แตเ่ ลม่ ๓๖ เปน็ ตน้ ไป เพม่ิ จำนวนเปน็ ฉบบั ละ ๘,๔๐๐ เล่ม เพ่ือเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๔ บดั น้ี การจดั ทำสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เลม่ ๔๐ ไดส้ ำเร็จเรียบร้อยลงอีกเลม่ หนงึ่ แล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะกรรมการโครงการฯ ดำเนินการเผยแพร่แก่ประชาชน ตามพระราชประสงค์ พลอากาศเอก (กำธน สินธวานนท)์ ประธานโครงการสารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชนฯ
สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว เล่ม ๔๐ พิพิธภัณฑสถาน ๗ รางวลั ซีไรต ์ ๓๕ นกเงือกไทย ๕๗ เหด็ ๑๐๑ การโคลนน่ิงสตั ว ์ ๑๓๗ แร่เหล็ก ๑๖๗ การใช้เลเซอรใ์ นทางการแพทย์ ๑๙๗ ไขอ้ อกผื่น ๒๑๙ โรคมะเร็งต่อมลกู หมาก ๒๔๗
6
พิพิธภณั ฑสถาน7 สมลกั ษณ์ เจรญิ พจน์ ผู้เขียน ส่วนเด็กเล็ก พพิ ธิ ภณั ฑสถาน เรยี กสน้ั ๆ วา่ “พพิ ธิ ภณั ฑ”์ เปน็ สถานทท่ี เ่ี ราสามารถ เรยี นรเู้ รอ่ื งราวในอดตี นบั ตงั้ แตส่ มยั ทมี่ นษุ ยย์ งั ไมม่ บี า้ นเรอื นอยอู่ าศยั ตอ้ ง อยู่ตามถ้ำหรือเพิงผาเพื่อเป็นท่ีกำบังจากสภาพอากาศ ใช้ชีวิตเร่ร่อนเพื่อหา อาหาร พพิ ธิ ภณั ฑสถานทำใหเ้ ราเรยี นรถู้ งึ วถิ ชี วี ติ ในสมยั นนั้ รวมทง้ั สภาพ แวดลอ้ มทางธรรมชาติ และสงิ่ มชี วี ติ อน่ื ๆ ทอ่ี ยใู่ นสมยั เดยี วกนั พิพิธภัณฑสถานบางแห่งเล่าเร่ืองย้อนไปในสมัยดึกดำบรรพ์ท่ีโลก ยังมีไดโนเสาร์นานาชนิด มีช้างแมมมอท และสัตว์อ่ืน ๆ ที่สูญพันธ์ุไปแล้ว โดยการนำโครงกระดูกของไดโนเสาร์ทีข่ ุดคน้ โดยนักวิชาการมาจัดแสดง พิพิธภัณฑสถานบางแห่งจะมีโครงกระดูกมนุษย์ ซึ่งได้มาจากการ ขุดค้นทางโบราณคดี และนำมาจัดแสดงอยู่ภายในหลุมฝงั ศพจำลอง รอบ โครงกระดกู จะพบเครอ่ื งใช้ เชน่ เครอ่ื งหงุ ตม้ อาวธุ เครอื่ งประดบั ทำใหเ้ รา รู้ว่า คนสมัยก่อนกินอยู่อย่างไร และเม่ือเสียชีวิต ศพจะถูกฝังไปพร้อมกับ เครอ่ื งใชส้ ว่ นตวั
8 สว่ นหนงึ่ ของนทิ รรศการทจี่ บั ตอ้ งได้ จดั แสดงทพ่ี พิ ธิ ภณั ฑเ์ ดก็ พิพิธภณั ฑ์ศิลปะนกฮูก อำเภอนครชยั ศรี จังหวัดนครปฐม เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพฯ หุ่นจำลองส่ิงมีชีวิตตระกูลคนที่มีอายุประมาณ ๓.๒ ล้านป ี หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารสำหรับเด็ก ณ จตุรสั วิทยาศาสตร์ อพวช. นกั วทิ ยาศาสตรต์ งั้ ชอ่ื วา่ “ลซู ”่ี จดั แสดง ณ องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑ์ ท่จี ตรุ สั จามจรุ ี (Chamchuri Square) เขตปทมุ วนั กรุงเทพฯ วทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) อำเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธานี นอกจากนี้ มพี ิพิธภณั ฑสถานอีกหลายรปู แบบทีเ่ ลา่ ถึงเรอ่ื งราวทาง ประวตั ศิ าสตร์ ชวี ติ ความเปน็ อยู่ การตงั้ บา้ นเรอื น การแตง่ กาย ความเชอ่ื ตา่ ง ๆ และศาสนา โดยจดั เกบ็ รวบรวมวตั ถสุ ง่ิ ของตา่ ง ๆ ทเี่ หมาะสมในการ เล่าเร่ืองน้ันมาจัดแสดงเป็นหัวข้อ ทำให้เกิดความเข้าใจได้ง่าย และรู้สึก สนกุ สนานในการเรยี นร้ ู ปจั จบุ นั โลกเจรญิ กา้ วหนา้ มกี ารคน้ ควา้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มากมาย พพิ ธิ ภณั ฑสถานทจ่ี ะนำเสนอเรอ่ื งราวเหลา่ นี้ เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน เครอ่ื งบนิ และอวกาศ พพิ ธิ ภณั ฑสถานเรอื่ งพฒั นาการของคอมพวิ เตอร์
9 สว่ นเดก็ กลาง “พพิ ธิ ภณั ฑสถาน” หรอื “พพิ ธิ ภณั ฑ”์ เปน็ สถานทท่ี ร่ี วบรวมวตั ถสุ งิ่ ของตา่ ง ๆ มาจดั แสดง เพอ่ื บอกเลา่ เรอื่ งราวทเี่ กยี่ วกบั คนและธรรมชาติ ทำใหไ้ ดร้ เู้ รอ่ื งราวผา่ นของจรงิ และยงั ไดส้ นกุ สนานไปกบั วธิ กี ารจดั แสดงทใ่ี ชแ้ สง สี เสยี งมาประกอบ ทำใหเ้ ขา้ ใจเรอ่ื งราว ไดง้ า่ ยขน้ึ ดงั นนั้ การมาชมพพิ ธิ ภณั ฑสถานจงึ เหมอื นกบั การมาเทยี่ ว แตไ่ ดร้ บั ความรไู้ ปดว้ ย ประเภทของพพิ ธิ ภณั ฑสถาน พพิ ธิ ภณั ฑสถานมหี ลายประเภทตามความตอ้ งการของผจู้ ดั ทำ แตล่ ะประเภทจะ เลา่ เรอ่ื งราวทตี่ า่ งกนั ออกไป พพิ ธิ ภณั ฑสถานแบง่ เปน็ ๒ ประเภทใหญ่ ๆ คอื ๑. พพิ ธิ ภณั ฑสถานทเ่ี ลา่ เรอ่ื งคน พิพิธภัณฑสถานที่เล่าเร่ืองเก่ียวกับคนนั้น เป็นสถานที่เก็บรวบรวมเรื่องราวของ มนษุ ย์ตัง้ แต่สมยั ก่อนประวัติศาสตรค์ อื ตง้ั แต่สมยั ท่ีมนุษยย์ งั อาศยั อย่ตู ามถำ้ เพิงผา ยงั ไมม่ ี การสร้างบ้านเรือน จนต่อมามนุษย์เร่ิมปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ เรียนรู้ท่ีจะมีความเป็นอยู่ท่ี สะดวกสบายขน้ึ ดว้ ยการปลกู ขา้ ว พชื ผกั สวนครวั และมกี ารสรา้ งบา้ นสรา้ งเมอื ง ตลอดจน คิดค้นวิธีการสื่อสารกันด้วยภาษา สร้างวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ปรับเปลี่ยนความเชื่อใน ธรรมชาติมาเป็นศาสนา และสร้างวิถีชีวิตแบบต่าง ๆ จนมีการคิดค้นทางศิลปวิทยาการท่ี ก้าวหน้า สามารถประดิษฐ์เครื่องมือเคร่ืองใช้ อาวุธยุทโธปกรณ์ และการสื่อสารท่ีทันสมัย ตวั อยา่ งพพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภทนี้ ไดแ้ ก ่
10 ก. พพิ ธิ ภณั ฑสถานดา้ น ประวัติศาสตร์ แสดงให้เห็นถึง เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ทง้ั ที่ เปน็ ประวตั ศิ าสตรข์ องชาติ บคุ คล โบราณสถาน หรือองค์กร พิพิธ- ภัณฑสถานประเภทน้ีจะแสวงหา เก็บรวบรวมและรักษาวัตถุส่ิงของ ท่ีเก่ียวข้องกับเร่ืองท่ีต้องการกล่าว ถงึ แลว้ นำมาอนรุ กั ษด์ ว้ ยวธิ กี ารทาง การจัดแสดงเร่ืองราวทางประวัติศาสตร์สมัยทวารวดี ท่ีพบหลักฐานเป็น วทิ ยาศาสตรห์ รอื ภมู ปิ ญั ญาพน้ื บา้ น ใบเสมา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อำเภอเมืองฯ จังหวัดขอนแก่น ให้คงอยู่ในสภาพที่มั่นคงแข็งแรง และปราศจากการถกู ทำลายจากแมลง หรอื ดว้ ยปจั จยั ทางสง่ิ แวดลอ้ มตา่ ง ๆ ทง้ั น้ี เพอ่ื ใหส้ งิ่ ของเหลา่ นเี้ ปน็ วตั ถุ พพิ ธิ ภณั ฑท์ จี่ ะคงอยไู่ ด้ แลว้ นำมา จัดแสดงเป็นเรื่องราวท่ีทำให้เกิด ความรคู้ วามเขา้ ใจทสี่ มบรู ณย์ งิ่ ขน้ึ พพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภท นอี้ าจจดั แสดงในอาคาร เชน่ พพิ ธิ - หอ้ งจดั แสดงประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย ณ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร ภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ เขตพระนคร กรงุ เทพฯ บ้านจิม ทอมป์สัน พิพิธภัณฑ์วัง สวนผกั กาด พพิ ธิ ภณั ฑว์ งั วรดศิ ทจี่ ดั แสดงเรอื่ งราวของสมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ข. พพิ ธิ ภณั ฑสถานทเี่ ลา่ เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั วถิ ชี วี ติ พพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภทนเ้ี นน้ การนำเสนอเร่ืองราวเก่ียวกับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนในเผ่าพันธ์ุและเชื้อชาติต่าง ๆ ดงั นน้ั การเกบ็ รวบรวมวตั ถจุ ะเปน็ การรวบรวมสง่ิ ของทใ่ี ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั เชน่ เครอื่ งแตง่ กาย เครอื่ งประกอบพธิ กี รรม เครอื่ งประดบั ขา้ วของเครอื่ งใชใ้ นครวั เรอื นหรอื ในการดำรงชพี บางคร้ังนิยมถ่ายทำเป็นภาพยนตร์หรือวีดิทัศน์ประกอบการจัดแสดง พิพิธภัณฑสถาน ประเภทน้ีบางครั้งจัดแสดงในอาคาร หรืออาจจัดแสดงเป็นลักษณะเปิดให้ชมท้ังชุมชนหรือ
11 หอ้ งจัดแสดงวิถีชวี ติ ในพิพธิ ภัณฑผ์ า้ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร อำเภอเมืองฯ พิพิธภณั ฑเ์ ซรามคิ ธนบดี อำเภอเมืองฯ จังหวัดพิษณโุ ลก จังหวัดลำปาง หมบู่ า้ น เปน็ การนำเสนอทเี่ รยี กกนั วา่ “พพิ ธิ ภณั ฑม์ ชี วี ติ ” บางครง้ั เปน็ การสาธติ กลางแจง้ ประกอบการจดั แสดงในอาคาร เรยี กวา่ พพิ ธิ ภณั ฑช์ าตพิ นั ธวุ์ ทิ ยา พพิ ธิ ภณั ฑสถานพนื้ บา้ น พพิ ธิ ภณั ฑสถานชมุ ชน ค. พิพิธภัณฑสถานด้านศิลปะ เป็นพิพิธภัณฑสถานท่ีเก็บรวบรวมเรื่องราวการ สร้างสรรค์งานศิลปะของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน งานศิลปะน้ันหมายรวมถึงงาน ทศั นศลิ ป์ วจิ ติ รศลิ ป์ ตลอดจนงานสถาปตั ยกรรมและการออกแบบมณั ฑนศลิ ป์ งานศลิ ปะ ทจี่ ะนำมารวบรวมเพอื่ จดั แสดงมที ง้ั งานจติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปตั ยกรรม วรรณกรรม ดนตรแี ละการแสดง และศลิ ปะแนวใหม่ ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในโลกปจั จบุ นั พพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภทนี้ การจัดแสดงกลางแจง้ ณ พิพิธภณั ฑเ์ ครื่องปั้นดินเผาดอยดินแดง พิพธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ศลิ ป์ พรี ะศรี อนุสรณ์ อำเภอเมอื งฯ จงั หวดั เชียงราย เขตพระนคร กรงุ เทพฯ
12 มีการจัดแสดงทั้งในอาคารและกลางแจ้ง เรียกชื่อต่าง ๆ กันว่า พิพิธภัณฑสถานศิลปะ พพิ ธิ ภณั ฑสถานศลิ ปะสมยั ใหม่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานศลิ ปะรว่ มสมยั หรอื หอศลิ ป ์ พิพิธภัณฑสถานท่ีเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนยังมีแยกออกไปเป็นพิพิธภัณฑสถาน เฉพาะเรอ่ื ง หรอื เฉพาะบคุ คล เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑบ์ า้ นดำ ของถวลั ย์ ดชั นี ศลิ ปนิ แหง่ ชาต ิ ๒. พพิ ธิ ภณั ฑสถานทเี่ ลา่ เรอื่ งธรรมชาติ พพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภทนเี้ ลา่ เรอ่ื งราวเกยี่ วกบั ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ซง่ึ หมาย รวมถงึ สตั ว์ พชื ระบบนเิ วศ ทรพั ยากรธรณี โบราณชวี วทิ ยา และภมู อิ ากาศ บางครง้ั จดั แสดง ควบคู่ไปกับพิพิธภัณฑสถานที่รวบรวมเรื่องราวเก่ียวกับการคิดค้นของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เพราะสว่ นใหญก่ ารคน้ ควา้ ทางวทิ ยาศาสตรข์ องมนษุ ยจ์ ะตอ้ งคำนงึ ถงึ สงิ่ แวดลอ้ ม และการ เรยี นรจู้ ากธรรมชาติ โดยแบง่ เปน็ ๒ กลมุ่ หลกั คอื ก. พพิ ธิ ภณั ฑสถานธรรมชาตวิ ทิ ยา เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทเี่ นน้ ในเรอ่ื งประวตั หิ รอื ววิ ฒั นาการของธรรมชาตแิ ละสง่ิ ทมี่ ชี วี ติ โดยรวบรวมตวั อยา่ งดนิ นำ้ ลม ไฟ ปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติกับสภาวะแวดล้อมท่ีเปลี่ยนไป เพ่ือศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโลก และผล ของความเปล่ียนแปลงต่อสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ยังศึกษาแขนงวิชาที่เกี่ยวข้องกับชีววิทยา ตลอดจนทรัพยากรทางธรรมชาติท่ีจะช่วยให้มนุษย์ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและศึกษา หนทางทจี่ ะอนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ มตอ่ ไป พพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภทนมี้ อี ยใู่ นหลายหนว่ ยงานของ สถาบนั การคน้ ควา้ ทางธรรมชาตใิ นมหาวทิ ยาลยั มที งั้ แบบในอาคารและกลางแจง้ บางครง้ั เปน็ ปา่ ทง้ั ผนื เชน่ อทุ ยานแหง่ ชาติ สวนสตั ว์ สถานพนั ธสุ์ ตั วน์ ำ้ สว่ นใหญจ่ ะเรยี กชอื่ เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานประวตั ธิ รรมชาติ หรอื ชอ่ื เฉพาะเรอ่ื ง เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑไ์ ดโนเสาร์ พพิ ธิ ภณั ฑ์ ทรพั ยากรธรณี ข. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นพิพิธภัณฑสถานที่เน้นเรื่องราว และเนอ้ื หา ตลอดจนการรวบรวมตวั อยา่ งผลงานการคน้ ควา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยที าง อุตสาหกรรมของมนุษย์ พิพิธภัณฑสถานประเภทนี้นำเสนอเรื่องราวความรู้พื้นฐานทาง วทิ ยาศาสตรข์ องมนษุ ยท์ ผ่ี า่ นการเรยี นรมู้ ายาวนาน เชน่ เรอ่ื งเสยี ง แสง เรอื่ งดาวนพเคราะห์ ตา่ ง ๆ แตใ่ นขณะเดยี วกนั กเ็ สนอความกา้ วหนา้ ทางการคดิ คน้ ควา้ วทิ ยาการใหม่ ๆ เชน่ การ ใชพ้ ลงั งานแสงอาทติ ยท์ ดแทนพลงั งานดา้ นอน่ื นอกจากนกี้ ม็ พี พิ ธิ ภณั ฑสถานทเี่ ปน็ เฉพาะ เรอื่ ง เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานเกยี่ วกบั รถยนต์ เครอ่ื งบนิ ยานอวกาศ ทกุ แหง่ มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ ห้ ผเู้ ขา้ ชมไดเ้ รยี นรกู้ ารทำงานทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที มี่ นษุ ยค์ ดิ คน้ ขน้ึ
13 พิพธิ ภณั ฑร์ ถยนตโ์ บราณ “เจษฎาเทคนิคมวิ เซียม” อำเภอนครชัยศรี จงั หวดั นครปฐม การจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ประเภทธรรมชาตวิ ทิ ยา องค์การพิพิธภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทมุ ธาน ี การจดั แสดงโครงกระดกู ไดโนเสารส์ ายพันธตุ์ า่ ง ๆ ณ พพิ ธิ ภณั ฑส์ ริ นิ ธร อำเภอสหัสขนั ธ์ จังหวดั กาฬสินธุ ์ ประโยชนข์ องพพิ ธิ ภณั ฑสถาน พพิ ธิ ภณั ฑสถานมบี ทบาทในการเปน็ แหลง่ เรยี นรเู้ รอ่ื งราวดา้ นตา่ ง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง กบั คนและธรรมชาติ ทำใหเ้ กดิ สงั คมแหง่ การเรยี นรู้ คนในสงั คมมพี ฒั นาการทางความคดิ มี ความเขา้ ใจในการอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งเปน็ สขุ และอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาตไิ ดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื
14 สว่ นเดก็ โต ๑. ความหมายของ “พพิ ธิ ภณั ฑสถาน” และ “พพิ ธิ ภณั ฑ”์ “พิพิธภัณฑสถาน” หมายถึง สถานท่ีท่ี ซานเดรยี ทเี่ ปน็ ศนู ยร์ วมของเหลา่ นกั ปราชญ์ เพอื่ แสวงหา เก็บรวบรวมสิ่งของที่เป็นมรดกทาง ใชเ้ ปน็ สถานทบ่ี ชู า Muse ซง่ึ หมายถงึ เทพธดิ า ๙ วฒั นธรรม วทิ ยาศาสตร์ และธรรมชาติ เพอื่ นำ องค์ ผเู้ ปน็ ธดิ าของเทพเจา้ ซสู (Zeus) และเทพี มาอนรุ กั ษใ์ หส้ งิ่ ของตา่ ง ๆ นนั้ อยใู่ นสภาพทมี่ นั่ คง เนโมซเี น (Mnemosyne) หรอื เทพแี หง่ ความทรงจำ แขง็ แรงกอ่ นจะนำมาจดั แสดง เปน็ สอ่ื เลา่ เรอ่ื งราว เทพธิดาทุกองค์ได้รับการยกย่องให้เป็นปราชญ์ ท่ีเกี่ยวข้องกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อมตามท่ีได้มี แหง่ ความรแู้ ละศลิ ปวทิ ยาการดา้ นตา่ ง ๆ คอื การศกึ ษาคน้ ควา้ มา เพอื่ ใหผ้ เู้ ขา้ ชมไดร้ บั ความรู้ ๑. คลั ไลอะปี (Calliope) เทพแี หง่ กวนี พิ นธ์ แบบเพลิดเพลินใจ ปัจจุบันนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า ๒. คลโี อ (Clio) เทพแี หง่ ประวตั ศิ าสตร ์ “พพิ ธิ ภณั ฑ”์ อยา่ งไรกด็ ี ทง้ั ๒ คำสามารถใชใ้ น ๓. อเิ รโต (Erato) เทพแี หง่ กวนี พิ นธ ์ ความหมายเดยี วกนั ได้ ทง้ั น้ี เรม่ิ ใชค้ ำนใ้ี นรชั สมยั เกย่ี วกบั ความรกั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และทรงใช้ ๔. ยเู ทอรป์ ี (Euterpe) เทพแี หง่ บทเพลงและ คำนเี้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของนามพระทน่ี งั่ ทโ่ี ปรดเกลา้ ฯ บทรอ้ ยกรองแสดงความโศกเศรา้ ให้สร้างข้ึนสำหรับใช้ในการจัดแสดงวัตถุสะสม ๕. เมลพอมนิ ี (Melpomene) เทพแี หง่ สว่ นพระองค์ พระราชทานนามพระทนี่ งั่ องคน์ น้ั วา่ โศกนาฏกรรม พระทนี่ ง่ั ประพาสพพิ ธิ ภณั ฑ์ คำวา่ “พพิ ธิ ภณั ฑ”์ ใน ๖. พอลฮิ มิ นอิ า (Polyhymnia) เทพแี หง่ ครงั้ นนั้ หมายถงึ สง่ิ ของทน่ี ำมาจดั แสดง ในรชั สมยั บทเพลงสวด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คำว่า ๗. เทริ ป์ ซเิ คอรี (Terpsichore) เทพแี หง่ การ “มวิ เซยี ม” ใชท้ บั ศพั ทภ์ าษาองั กฤษ Museum และ รา่ ยรำ คำภาษาไทยทใ่ี ชแ้ ทนมวิ เซยี มคอื “พพิ ธิ ภณั ฑสถาน” ๘. ทาลอิ า (Thalia) เทพแี หง่ สขุ นาฏกรรม คำวา่ Museum หรอื “มวิ เซยี ม” มาจากคำวา่ ๙. ยเู รนอิ า (Urania) เทพแี หง่ ดาราศาสตร์ mousaion ในภาษากรีกโบราณ ใช้เรียกเทวาลัย โลกและขอบเขต ศกั ดสิ์ ทิ ธทิ์ สี่ รา้ งขน้ึ ณ หอสมดุ แหง่ เมอื งอะเลก็ -
15 ๒. ววิ ฒั นาการของพพิ ธิ ภณั ฑสถานในโลก ๒.๑ การสะสมเรมิ่ แรก ซงึ่ สว่ นใหญเ่ ปน็ ศาสนวตั ถุ และมสี ง่ิ ของทไ่ี ดร้ บั พพิ ธิ ภณั ฑสถานเกดิ มาจากพน้ื ฐานอปุ นสิ ยั มาจากแดนไกลปะปนอยดู่ ว้ ย บางรายการเปน็ วตั ถุ ของมนุษย์ที่มีความอยากรู้อยากเห็น และสนใจ ทางธรรมชาตทิ เี่ ปน็ ของแปลก บางชนดิ เปน็ ของท่ี เรอ่ื งราวตา่ ง ๆ รอบตวั เมอื่ พบสง่ิ ของทแ่ี ปลกใหม่ หายากจากตา่ งประเทศ มหี ลกั ฐานวา่ คลงั สมบตั ิ มนษุ ยก์ น็ ยิ มสะสมไวเ้ปน็ ของทร่ี ะลกึ เมอื่ ของสะสม เหลา่ นใี้ นบางคราวกเ็ ปดิ ใหส้ าธารณชนเขา้ ชมโดย มจี ำนวนมากขนึ้ จงึ ไดพ้ ฒั นาระบบในการจดั เกบ็ เกบ็ คา่ ธรรมเนยี ม อยา่ งไรกด็ ี ยงั ไมป่ รากฏวา่ มกี าร ใหเ้ ปน็ ระเบยี บขนึ้ หลงั จากนน้ั จงึ นำมาแสดงให้ ดำเนนิ งานพพิ ธิ ภณั ฑสถานเชน่ ปจั จบุ นั ผอู้ นื่ ไดร้ ว่ มชน่ื ชม อนึ่ง การเก็บรวบรวมสะสมศาสนวัตถุใน หลักฐานการสะสมตามแนวทางของงาน อดตี กท็ ำใหเ้ กดิ การสะสมทน่ี ำไปสกู่ ารจดั เกบ็ เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑใ์ นปจั จบุ นั ไดป้ รากฏใหเ้ หน็ เมอ่ื ประมาณ พิพิธภัณฑสถาน ดังปรากฏในประเทศแถบซีก ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว โดยได้มีการค้นพบศิลาจารึก โลกตะวนั ออกหลายแหง่ เชน่ อหิ รา่ น อนิ เดยี จำลองในบริเวณท่ีเป็นโรงเรียน ในเมืองลาร์ซา เนปาล จนี ญป่ี นุ่ รวมทง้ั ประเทศไทย (Larsa) แควน้ เมโสโปเตเมยี (Mesopotamia) โดย สนั นษิ ฐานวา่ ทำขนึ้ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ สอ่ื การเรยี นการสอน ๒.๒ พพิ ธิ ภณั ฑสถานสว่ นบคุ คล ตอ่ มาพบหลกั ฐานเพมิ่ เตมิ ทำนองเดยี วกนั อกี เมอ่ื มกี ารขดุ คน้ ทางโบราณคดที เี่ มอื งอรู ์ (Ur) ในบรเิ วณ ในสมัยกลางของยุโรป (อยู่ในช่วงระหว่าง ชน้ั ดนิ ทอ่ี ยใู่ นสมยั ศตวรรษท่ี ๖ กอ่ นครสิ ตศ์ กั ราช ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๕-๑๕) พพิ ธิ ภณั ฑสถานตา่ ง ๆ โดยพบห้องเก็บโบราณวัตถุมากมายซึ่งอยู่ติดกับ เกดิ ขน้ึ ในกลมุ่ สงั คมชน้ั สงู คอื พระบรมวงศานวุ งศ์ บริเวณที่เป็นโรงเรียนของวัด บางส่วนเป็นศิลา และแวดวงขนุ นางเทา่ นน้ั วตั ถทุ เี่ กบ็ รวบรวมอยใู่ น จารกึ โบราณทมี่ เี นอ้ื หาตรงกบั แผน่ ปา้ ยคำบรรยาย พิพิธภัณฑสถานเหล่าน้ีมีคุณค่าในทางเศรษฐกิจ ทก่ี ลา่ วถงึ จารกึ ตา่ ง ๆ ทพ่ี บในพนื้ ทใ่ี กลเ้ คยี ง นกั สามารถใช้เป็นทุนในการทำสงครามและบริหาร โบราณคดจี งึ สนั นษิ ฐานวา่ แผน่ ปา้ ยคำบรรยายนี้ ประเทศ นอกเหนอื ไปจากการเปน็ ศาสนวตั ถตุ าม ทำหน้าที่คล้ายป้ายคำบรรยายที่ใช้ในพิพิธภัณฑ- ลกั ษณะการใชส้ อยเดมิ สถานปจั จบุ นั การคน้ พบนยี้ งั แสดงใหเ้ หน็ ดว้ ยวา่ ไมใ่ ชเ่ ฉพาะกษตั รยิ เ์ ทา่ นน้ั ทสี่ ะสมโบราณวตั ถุ แต่ ตอ่ มาจงึ เกดิ เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทร่ี วบรวม วัดก็ยังมีการสะสมด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกัน งานศิลปะของยุคสมัยกรีกและโรมัน และเปิด แม้ว่าอาณาจักรกรีกและโรมันจะเป็นต้นเค้าแห่ง เป็นพิพิธภัณฑสถานส่วนบุคคลขึ้นหลายแห่ง ท่ี คำว่า Museum แต่ไม่เคยมีการค้นพบหลักฐาน สำคญั ทส่ี ดุ คอื พพิ ธิ ภณั ฑสถานของตระกลู เมดชิ ี การดำเนินงานของสถานท่ีที่ทำหน้าที่เป็นพิพิธ- (Medici Family) แหง่ เมอื งฟลอเรนซ์ (Florence) ภณั ฑสถานอยา่ งจรงิ จงั มเี พยี งสถานทเ่ี กบ็ สมบตั ิ ประเทศอิตาลี ซง่ึ ในเวลาต่อมาได้ยกให้เปน็ ของ รัฐ ขณะเดียวกันได้เริ่มมีการสะสมและเปิดเป็น พพิ ธิ ภณั ฑสถานสว่ นบคุ คลขนึ้ อกี ในหลายประเทศ ในทวปี ยโุ รปดว้ ย
16 การสะสมวตั ถทุ างธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม เมอื่ พ.ศ. ๒๒๒๖ เพอื่ ใหบ้ รกิ ารแกส่ าธารณชน ซง่ึ เรมิ่ กนั อยา่ งจรงิ จงั ในสมยั ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ ๑๗ เมอื่ ถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑสถานสาธารณะแห่งแรก เรมิ่ มกี ารศกึ ษาเกยี่ วกบั มนษุ ยแ์ ละประวตั ธิ รรมชาติ ของโลกทเ่ี ปดิ โดยสถานศกึ ษา และเพอ่ื บรกิ ารแก่ ตลอดจนมกี ารตงั้ สถาบนั เพอื่ ศกึ ษาคน้ ควา้ เรอ่ื งนใ้ี น สาธารณชน วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑท์ จี่ ดั แสดงในพพิ ธิ ภณั ฑ์ ประเทศฝรง่ั เศส อติ าลี และองั กฤษ ทำใหเ้ จา้ หนา้ ที่ แห่งน้ีเปน็ สิ่งของทร่ี วบรวมมาจากท่ีต่าง ๆ โดย ในพพิ ธิ ภณั ฑสถานสว่ นบคุ คลตา่ ง ๆ สามารถเรยี นรู้ ครอบครวั ทราเดสแคนต์ (Tradescant) มอบใหแ้ ก่ เพ่ือการจำแนกวัตถุพิพิธภัณฑ์ออกตามประเภท มหาวทิ ยาลยั ของสะสมนเ้ี ปน็ การรวมสงิ่ ของตา่ ง ๆ ทางวชิ าการ และนำไปสกู่ ารแบง่ ประเภทของพพิ ธิ - ทงั้ ของแปลกและหายากทางธรรมชาติ โบราณวตั ถุ ภณั ฑสถานตามศาสตรต์ า่ ง ๆ และศลิ ปวตั ถหุ ลากหลายชนดิ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน ลักษณะนจ้ี ัดอยูใ่ นประเภทพิพิธภัณฑสถานแบบ ๒.๓ พพิ ธิ ภณั ฑสถานสาธารณะ สารานกุ รม (encyclopaedic museum) ทม่ี ลี กั ษณะ การจัดแสดงแบบเปิดเป็นห้องต่าง ๆ แสดงวัตถุ ความตน่ื ตวั ในเรอื่ งของการเรยี นรทู้ รี่ อบดา้ น นานาชนดิ เตม็ หอ้ ง มที ง้ั ทเ่ี กบ็ ไวใ้ นตแู้ ละวางลอยตวั ในสังคมยุโรปช่วงนั้น ทำให้เกิดสถานศึกษาข้ึน การจดั แสดงแบบนเี้ รยี กวา่ การจดั แสดงทเ่ี นน้ การ หลายแหง่ และสถานศกึ ษาบางแห่งได้เร่มิ จดั ตงั้ สะสมของแปลกและหายาก (curiosity cabinet) พพิ ธิ ภณั ฑสถาน เชน่ มหาวทิ ยาลยั ออกซฟ์ อรด์ ตอ่ มาเมอ่ื เรมิ่ มกี ารเปลย่ี นแปลงระบอบการปกครอง ประเทศอังกฤษ ได้เปิดพิพิธภัณฑสถานช่ือว่า พพิ ธิ ภณั ฑแ์ อชโมลนี (The Ashmolean Museum) พิพิธภณั ฑ์แอชโมลีน ท่มี หาวิทยาลยั ออกซฟ์ อร์ด ประเทศอังกฤษ
17 บรเิ วณดา้ นหนา้ บริติชมวิ เซียม ประเทศอังกฤษ และมกี ารบรจิ าคสง่ิ ของใหแ้ กส่ าธารณะมากขนึ้ จงึ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาตขิ น้ึ ในหลายพนื้ ท่ี เกดิ พพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภทนใ้ี นอกี หลายประเทศ ตอ่ มาเมอ่ื ประเทศตา่ ง ๆ ไดร้ บั เอกราช วตั ถสุ ะสม เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑล์ ฟู วร์ (Musée du Louvre) ประเทศ เหลา่ นกี้ ลายเปน็ วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑข์ องพพิ ธิ ภณั ฑสถาน ฝรงั่ เศส และบรติ ชิ มวิ เซยี ม (The British Museum) แหง่ ชาตทิ ง้ั หลาย เชน่ วตั ถสุ ะสมจากสมาคมเพอ่ื ประเทศองั กฤษ ศลิ ปวทิ ยาการแหง่ เมอื งปตั ตาเวยี ประเทศอนิ โดนเี ซยี (The Batavia Society of Arts and Science) จดั ตงั้ ๒.๔ พพิ ธิ ภณั ฑสถานเพอ่ื สงั คม ขน้ึ เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๒๑ สมาคมเอเชยี ตกิ แหง่ เมอื ง เบงกอล (The Asiatic Society of Bengal) ประเทศ ในยคุ สมยั ทมี่ กี ารแผข่ ยายการปกครองของ อนิ เดยี จดั ตง้ั ขน้ึ เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๒๗ เนน้ การสะสม โลกตะวนั ตกมาสโู่ ลกตะวนั ออก แนวความคดิ ใน เพอื่ แสดงเรอื่ งราวของประเทศนนั้ ๆ เปน็ หลกั เรื่องการเรียนรู้เกี่ยวกับมนุษย์และส่ิงแวดล้อมได้ แพรห่ ลายมาสภู่ มู ภิ าคอน่ื ๆ ดว้ ย กลมุ่ ชาวตะวนั ตก ๒.๕ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาต ิ ทไี่ ดเ้ ดนิ ทางมายงั ดนิ แดนใหมเ่ หลา่ นี้ มคี วามสนใจ ทจี่ ะเรยี นรเู้ กยี่ วกบั คนและสงิ่ แวดลอ้ มทพี่ วกตนยงั ในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ พพิ ธิ ภณั ฑสถานเรมิ่ ไมค่ นุ้ เคย จงึ ไดเ้ กดิ แนวความคดิ ทจี่ ะรวบรวมวตั ถุ มบี ทบาทในการเปน็ สถาบนั ทเ่ี สรมิ สรา้ งจติ สำนกึ เพ่อื แสดงถงึ เรอื่ งราวต่าง ๆ ของดนิ แดนทตี่ นยดึ ความรักชาติและแสดงเอกลักษณ์ความเป็นชาติ ครอง และนำมาจดั ตงั้ เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน มกี าร มากขนึ้ จงึ ทำใหเ้ กดิ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตใิ น จดั ตงั้ สมาคม เพอ่ื การศกึ ษาคน้ ควา้ เกยี่ วกบั คน สงิ่ หลายประเทศในทวปี ยโุ รป ซงึ่ กระตนุ้ ใหเ้ กดิ การ
18 แสวงหา เกบ็ และรวบรวมมรดกทเ่ี ปน็ ประวตั ิ ความเปน็ มาของชาติ นอกเหนอื ไปจากการเกบ็ ของ แปลกและหายาก แนวคดิ การตง้ั พพิ ธิ ภณั ฑสถาน แหง่ ชาตนิ ด้ี ำเนนิ มาจนถงึ ปจั จบุ นั โดยเฉพาะใน ประเทศทเ่ี กดิ ขนึ้ ใหมจ่ ากการแยกตวั จากประเทศ เดมิ เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตสิ โลวกั (Slovak National Museum) ซงึ่ กอ่ ตงั้ ขนึ้ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๐๔ พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติสโลวกั ประเทศสโลวาเกยี พพิ ธิ ภณั ฑว์ กิ ตอเรยี และแอลเบริ ต์ กรงุ ลอนดอน ประเทศองั กฤษ ๒.๖ พิพิธภัณฑสถานตามพัฒนาการ รอบดา้ น ได้ขยายมาสู่ท้องถิ่น เพอ่ื เปน็ สถานที่ ทางเทคโนโลย ี ให้ความรู้และความเพลิดเพลินแก่คนในท้องถ่ิน โดยเฉพาะในด้านวัฒนธรรมและประเพณีที่ควร ความเจริญทางด้านเทคโนโลยีทำให้เกิด สง่ เสรมิ ในสงั คมอตุ สาหกรรม ทง้ั ยงั เปน็ การสรา้ ง พพิ ธิ ภณั ฑสถานทท่ี ำหนา้ ทส่ี ง่ เสรมิ การออกแบบ ความภาคภมู ใิ จใหท้ อ้ งถน่ิ นนั้ ๆ อกี ดว้ ย อตุ สาหกรรมและคดิ คน้ เทคโนโลยใี หม่ ๆ ของโลก ในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑว์ กิ ตอเรยี ๒.๘ พพิ ธิ ภณั ฑสถานกลางแจง้ และแอลเบริ ต์ (The Victoria and Albert Museum) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และพิพิธภัณฑ์ แนวคดิ ในเร่ืองการอนุรักษว์ ิถีชีวิตพื้นบ้าน ปาเลสเ์ ดอลาเดกแู วรต์ (Palais de la Découverte) งานศลิ ปหตั ถกรรม และสถาปตั ยกรรมโบราณ ทำ ประเทศฝรงั่ เศส ใหเ้ กดิ พพิ ธิ ภณั ฑสถานกลางแจง้ ขนึ้ เปน็ การจำลอง วถิ ชี วี ติ โบราณมาไวใ้ นพพิ ธิ ภณั ฑสถาน หรอื เพอ่ื ๒.๗ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทอ้ งถน่ิ อนุรักษ์สถาปัตยกรรมและเปิดแสดงเป็นอาคาร ประวตั ศิ าสตร์ ในขณะเดยี วกนั เรม่ิ มกี ารจดั สาธติ แนวคดิ ในการจดั ตง้ั พพิ ธิ ภณั ฑสถาน โดย การทำงานศลิ ปหตั ถกรรมพน้ื บา้ นในพพิ ธิ ภณั ฑสถาน เฉพาะพพิ ธิ ภณั ฑสถานทค่ี รอบคลมุ เรอื่ งราวตา่ ง ๆ บางคร้ังก็อนุรักษ์พื้นท่ีหมู่บ้านท้ังหมู่บ้านที่ผลิต งานหตั ถกรรมนนั้ ไว้ ซงึ่ เปน็ ววิ ฒั นาการพพิ ธิ ภณั ฑ์ ท่ีพัฒนาข้ึน เพ่ืออนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่ จบั ตอ้ งไมไ่ ดอ้ กี สาขาหนง่ึ
19 พพิ ธิ ภณั ฑสถานไดก้ า้ วหนา้ ไปตามพฒั นาการ เมอื งโบราณ อำเภอบางปู จงั หวดั สมุทรปราการ เปน็ สถานท่ี ในสงั คม มพี พิ ธิ ภณั ฑสถานประจำแหลง่ โบราณคดี จำลองโบราณสถานมาจดั แสดงในรปู แบบของพพิ ธิ ภณั ฑสถาน เกิดข้ึนมาตามความก้าวหน้าของงานโบราณคดี กลางแจง้ ในภาพคือ พระทน่ี ั่งสรรเพชญมหาปราสาทจำลอง เชน่ เดยี วกบั พพิ ธิ ภณั ฑสถานตามวชิ าการสาขาอน่ื ๆ อีกมากมาย จนเมื่อโลกก้าวสู่ยุคแห่งการสื่อสาร ตราสญั ลกั ษณข์ องสภาการพพิ ธิ ภณั ฑร์ ะหวา่ งชาติ หรอื ICOM ไร้พรมแดน ทำให้เกิดพิพิธภัณฑสถานเสมือน (Virtual Museum) หรอื พพิ ธิ ภณั ฑสถานทร่ี วบรวม ทงั้ นี้ พพิ ธิ ภณั ฑสถานในแตล่ ะประเทศอาจ วัตถุพิพิธภัณฑ์และจัดแสดงไว้ทางอินเทอร์เน็ต มคี วามหมายและวตั ถปุ ระสงค์ รวมทง้ั เปา้ หมายท่ี เพอ่ื ชว่ ยใหผ้ ทู้ ต่ี อ้ งการศกึ ษาคน้ ควา้ สามารถเขา้ ถงึ แตกตา่ งกนั ในรายละเอยี ด ดงั นนั้ เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไป พพิ ธิ ภณั ฑสถานตา่ ง ๆ ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งเดนิ ทาง ตามกรอบแหง่ กฎหมาย หลกั การ และระเบยี บการ ของแตล่ ะประเทศ จงึ มกี ารจดั ตงั้ คณะกรรมการ ๒.๙ สภาการพพิ ธิ ภณั ฑร์ ะหวา่ งชาติ แหง่ ชาตวิ า่ ดว้ ยสภาการพพิ ธิ ภณั ฑร์ ะหวา่ งชาตขิ นึ้ เพื่อทำงานควบคู่ประสานกับสภาการพิพิธภัณฑ์ ปจั จบุ นั การกา้ วเขา้ สกู่ จิ การพพิ ธิ ภณั ฑสถาน ระหวา่ งชาตไิ ดอ้ ยา่ งใกลช้ ดิ ไดก้ ำหนดทศิ ทางการพฒั นาทช่ี ดั เจน โดยบคุ ลากร ในวงการพพิ ธิ ภณั ฑไ์ ดร้ ว่ มกนั วางแนวทางเพอื่ ให้ พพิ ธิ ภณั ฑสถานสามารถพฒั นาไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ดว้ ยการจดั ตงั้ องคก์ รทเี่ รยี กวา่ สภาการพพิ ธิ ภณั ฑ์ ระหวา่ งชาติ (International Council of Museums) หรอื เรยี กสนั้ ๆ วา่ ICOM ใน พ.ศ. ๒๔๘๙ เพอ่ื เปดิ โอกาสใหม้ กี ารระดมความคดิ หรอื ปรกึ ษาหารอื เกย่ี วกบั ปญั หาและอปุ สรรคในการดำเนนิ งานตา่ ง ๆ และร่วมกันหาแนวทางการแก้ไข แลกเปล่ียน ความเชยี่ วชาญในแตล่ ะสาขา ใหพ้ พิ ธิ ภณั ฑสถาน ทกุ แหง่ สามารถรบั ใชส้ งั คมได้ ตามนยิ ามทรี่ ว่ มกนั จดั ทำขน้ึ มาวา่ “พพิ ธิ ภณั ฑสถาน” คอื สถาบนั ทจี่ ดั ตงั้ ขนึ้ เพอ่ื รบั ใชส้ งั คมและอยคู่ วบคกู่ บั ทกุ พฒั นาการ ของสงั คมอยา่ งมน่ั คง ดว้ ยการทำหนา้ ทรี่ วบรวม อนรุ กั ษ ์ ศกึ ษาคน้ ควา้ และวจิ ยั มรดกของมนษุ ยแ์ ละ ส่ิงแวดล้อม ท้ังที่จับต้องได้และไม่ได ้ เพ่ือนำ เนอื้ หามาสอ่ื สารและจดั แสดงใหก้ บั สว่ นรวม โดย มีวัตถุประสงค์เพื่อการให้การศึกษา การเรียนรู้ และเพอ่ื ความเพลดิ เพลนิ
20 ๓. ประเภทของพพิ ธิ ภณั ฑสถาน เปน็ มาและความเปน็ ไปของชาตแิ ละคนในชาติ อยู่ ในความดูแลของรัฐ ทั้งในด้านงบประมาณและ ววิ ฒั นาการของงานพพิ ธิ ภณั ฑท์ ำใหข้ อบเขต การบรหิ ารจดั การ เชน่ สถาบนั สมธิ โซเนยี น ของ ของพพิ ธิ ภณั ฑสถานขยายออกไป ดงั น ้ี สหรฐั อเมรกิ า บรติ ชิ มวิ เซยี ม ของประเทศองั กฤษ และพพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ของประเทศไทย ๓.๑ การแบ่งประเภทตามลักษณะการ บรหิ าร - พพิ ธิ ภณั ฑสถานของสว่ นการปกครอง หมายถงึ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทบ่ี ริหาร พิพิธภัณฑสถานสามารถแบ่งเป็นประเภท จดั การโดยองคก์ รการปกครองระดบั ตา่ ง ๆ ตามทมี่ ี ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก ่ การจดั ระบบกนั ในประเทศนนั้ ๆ เนอื้ หาทนี่ ำเสนอ เปน็ เรอื่ งราวทเี่ กย่ี วกบั มรดกทางธรรมชาติ ศลิ ปะ ก. พพิ ธิ ภณั ฑสถานของรฐั และวัฒนธรรม รวมท้ังประวัติความเป็นมาของ สว่ นการปกครอง เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานประจำรฐั - พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาต ิ พิพิธภัณฑสถานประจำเมือง พิพิธภัณฑสถาน หมายถึง พิพิธภัณฑสถานที่มีการ ประจำทอ้ งถนิ่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานประจำชมุ ชน แสวงหาและเก็บรวบรวมส่ิงของที่เป็นหลักฐาน ซงึ่ เกยี่ วขอ้ งกบั ชาตแิ ละคนในชาติ บางครง้ั กเ็ นน้ เฉพาะทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั มนษุ ย์ บางครงั้ ครอบคลมุ ถงึ ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ตลอดจนสงิ่ ประดษิ ฐ์ คน้ ควา้ ตา่ ง ๆ ทำหนา้ ทแ่ี สดงเรอื่ งราวประวตั คิ วาม โบราณวตั ถแุ ละศลิ ปวตั ถทุ จี่ ดั แสดงในพพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง อำเภอเมืองฯ เขตพระนคร กรงุ เทพฯ จังหวดั สุโขทยั
21 - พิพิธภัณฑสถานประจำหน่วย ราชการ (กระทรวง/ทบวง/กรม ฯลฯ) หมายถงึ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทนี่ ำ เสนอภารกจิ ของหนว่ ยราชการตา่ ง ๆ ท่ี อาจแบง่ ยอ่ ยออกไปตามลกั ษณะของงาน ทป่ี ฏบิ ตั ิ พพิ ธิ ภณั ฑสถานจะเสนอประวตั ิ ความเป็นมาของหน่วยงานและผลงาน ทแี่ ตล่ ะหนว่ ยงานไดป้ ระดษิ ฐค์ ดิ คน้ และ พฒั นามาตามลำดบั เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน ขององค์การบริหารการบินและอวกาศ แหง่ ชาตสิ หรฐั อเมรกิ า หรอื องคก์ ารนาซา (National Aeronautics and Space พพิ ิธภณั ฑ์ทหารเรอื อำเภอเมืองฯ จงั หวัดสมุทรปราการ Administration-NASA) พพิ ธิ ภณั ฑสถาน ประเภทนใี้ นประเทศไทย เชน่ พพิ ธิ ภณั ท์ กองทพั บกเฉลมิ พระเกยี รติ พพิ ธิ ภณั ฑ์ ทหารเรอื และพพิ ธิ ภณั ฑก์ องทพั อากาศ - พิพิธภัณฑสถานมหาวิทยาลัย/ สถาบนั การศกึ ษา หมายถงึ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทจ่ี ดั ตงั้ ขนึ้ มาโดยสถานศกึ ษาระดบั มหาวทิ ยาลยั เปน็ หลกั เพอื่ เกบ็ รวบรวมตวั อยา่ งทนี่ กั วิชาการในแตล่ ะสาขาได้รวบรวมศกึ ษา คน้ ควา้ วจิ ยั นำมาใชเ้ ปน็ สอื่ การสอนท่ี พิพิธภณั ฑ์กองทัพอากาศ เขตดอนเมอื ง กรุงเทพฯ ถา่ ยทอดใหน้ กั ศกึ ษาไดเ้ รยี นรตู้ อ่ ไป ตอ่ มาพฒั นา ฮารว์ ารด์ ในสหรฐั อเมรกิ า พพิ ธิ ภณั ฑสถานในสาขา เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานประจำสาขาวชิ าในมหาวทิ ยาลยั วชิ าของมหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ ในประเทศไทย นน้ั ๆ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ววิ ฒั นาการของศาสตรน์ นั้ ๆ ข.พพิ ธิ ภณั ฑสถานของเอกชนหรอื บคุ คล ซ่ึงในแต่ละมหาวิทยาลัยอาจมีพิพิธภัณฑสถาน เป็นพิพิธภัณฑสถานท่ีเกิดข้ึนมาจากความ หลายประเภท เนอ่ื งจากมกี ารเรยี นการสอนหลาย สนใจในการเกบ็ รวบรวม อนรุ กั ษ์ และจดั แสดง ดา้ น เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานในสาขาวชิ าตา่ ง ๆ ของ วัตถุส่ิงของท่ีเก่ียวข้องกับมนุษย์และธรรมชาติ มหาวทิ ยาลยั ออกซฟ์ อรด์ ในประเทศองั กฤษ พพิ ธิ - พิพิธภัณฑสถานรุ่นแรกส่วนใหญ่จัดตั้งขึ้นและ ภัณฑสถานในสาขาวิชาต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย บรหิ ารจดั การโดยสว่ นบคุ คล ซงึ่ ปจั จบุ นั ยงั คงมอี ยู่
22 พิพธิ ภัณฑห์ ุ่นขี้ผ้งึ ไทย อำเภอนครชยั ศรี จังหวดั นครปฐม พิพธิ ภัณฑช์ า้ งเอราวณั อำเภอเมอื งฯ จังหวดั สมุทรปราการ นอกจากบรหิ ารจดั การโดยบคุ คลแลว้ ยงั มที จี่ ดั ตง้ั หลกั ของพพิ ธิ ภณั ฑสถาน ตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละ ขน้ึ โดยหนว่ ยงานภาคเอกชน อาจเกดิ ขน้ึ จากความ เป้าหมายที่ต้ังไว้ รวมถึงมีการดำเนินการศึกษา สนใจของผปู้ ระกอบการ หรอื เกยี่ วกบั ภารกจิ ของ คน้ ควา้ วจิ ยั ตลอดจนเสาะแสวงหาเกบ็ รวบรวม หนว่ ยงาน เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑห์ นุ่ ขผ้ึ งึ้ มาดามทสุ โซ วัตถุพิพิธภัณฑ์ท่ีจะส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้ (Madame Tussauds) พพิ ธิ ภณั ฑเ์ ชอรล์ อ็ ก โฮมส์ ในศาสตรน์ น้ั ๆ (The Sherlock Holmes Museum) ในประเทศ องั กฤษ ซง่ึ บรหิ ารจดั การโดยองคก์ รเอกชน ตลอด พิพิธภัณฑสถานประเภทน้ีมีการจำแนก จนพิพิธภัณฑสถานเอกชนและส่วนบุคคลหลาย เป็นประเภทย่อยมากขึ้นตามความก้าวหน้าของ แหง่ ในประเทศไทย เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑห์ นุ่ ขผ้ี ง้ึ ไทย ศลิ ปวทิ ยาการ ซง่ึ สามารถแบง่ เปน็ ประเภทใหญ่ ๆ พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน พิพิธภัณฑ์เมือง ไดด้ งั น้ี โบราณ พพิ ธิ ภณั ฑช์ า้ งเอราวณั พพิ ธิ ภณั ฑโ์ ชคชยั พพิ ธิ ภณั ฑศ์ ลิ ปะไทยรว่ มสมยั ก. พพิ ธิ ภณั ฑสถานแบบทว่ั ไป ๓.๒ การแบง่ ประเภทตามลกั ษณะวตั ถุ สมัยแรกเร่ิม พิพิธภัณฑสถานเกิดขึ้นด้วย พพิ ธิ ภณั ฑ์ การรวบรวมของแปลกหรือหายาก ทง้ั ศลิ ปวตั ถุ วตั ถทุ เี่ กดิ ตามธรรมชาติ หรอื วตั ถทุ ไ่ี ดจ้ ากตา่ งแดน มกี ารแบง่ ประเภทตามลกั ษณะวตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑ์ ซง่ึ ไดม้ าดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ทง้ั จากการรวบรวม บรจิ าค ซงึ่ จำแนกตามหลกั ของศาสตรต์ า่ ง ๆ ทเ่ี ปน็ ภารกจิ หรอื เปน็ ของทร่ี ะลกึ ดงั นน้ั จงึ มวี ตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑ์ หลากหลายประเภทจดั แสดง เรยี กพพิ ธิ ภณั ฑสถาน
23 ประเภทนี้ว่า พิพิธภัณฑสถานแบบทั่วไป หรือ ศลิ ปะสมยั ใหม่ หรอื หอศลิ ป์ และพพิ ธิ ภณั ฑสถาน พพิ ธิ ภณั ฑสถานแบบสารานกุ รม คอื การรวบรวม เฉพาะเรอ่ื ง เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑแ์ วน โกะ๊ (Van Gogh วัตถุพิพิธภัณฑ์สารพัดชนิดนำมาจัดแสดงไว้เป็น Museum) ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน หมวดหมู่ สว่ นใหญเ่ ปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทเ่ี กดิ จาก แหง่ ชาติ หอศลิ ป์ พพิ ธิ ภณั ฑศ์ ลิ ปะไทยรว่ มสมยั การสะสมของสว่ นบคุ คล ซง่ึ ตอ่ มาไดม้ อบใหแ้ ก่ หอศลิ ปวฒั นธรรมแหง่ กรงุ เทพมหานคร รฐั และไดก้ ลายเปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตใิ น เวลาตอ่ มา เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ของไทย - พพิ ธิ ภณั ฑสถานประวตั ศิ าสตร์ บรติ ชิ มวิ เซยี ม ประเทศองั กฤษ พพิ ธิ ภณั ฑล์ ฟู วร์ หมายถงึ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทรี่ วบรวมหลกั ฐาน ประเทศฝรง่ั เศส ตา่ ง ๆ ทเ่ี ปน็ โบราณวตั ถุ หรอื วตั ถทุ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั ประวตั คิ วามเปน็ มา ชวี ติ ความเปน็ อยู่ และศลิ ป- ข. พพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภทศลิ ปะและ วฒั นธรรมของมนษุ ยเ์ ผา่ พนั ธตุ์ า่ ง ๆ ทไี่ ดจ้ ากการ วฒั นธรรม ขดุ คน้ ทางโบราณคดี หรอื แสวงหามาจากทตี่ า่ ง ๆ บางครงั้ เปน็ แหลง่ โบราณคดี เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน พิพิธภัณฑสถานประเภทนี้เป็นท่ีรวบรวม แหง่ ชาติ บา้ นเชยี ง จงั หวดั อดุ รธานี หรอื เปน็ แหลง่ สง่ิ ของตา่ ง ๆ ซง่ึ เกยี่ วขอ้ งกบั มนษุ ย์ ทง้ั สง่ิ ทมี่ นษุ ย์ สรา้ งสรรคข์ นึ้ และกลายเปน็ งานศลิ ปะ และสง่ิ ท่ี หอศลิ ปวฒั นธรรมแหง่ กรงุ เทพมหานคร เขตปทมุ วนั กรงุ เทพฯ เปน็ หลกั ฐานทางดา้ นวฒั นธรรมของมนษุ ยแ์ ตล่ ะ พพิ ิธภณั ฑศ์ ิลปะไทยร่วมสมัย เขตจตจุ กั ร กรุงเทพฯ เผา่ พนั ธุ์ นบั เปน็ พฒั นาการของประเภทพพิ ธิ ภณั ฑ์ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ตามความกา้ วหนา้ ของศลิ ปวทิ ยาการซง่ึ สามารถแบง่ เปน็ สาขายอ่ ยตามเนอ้ื หาไดด้ งั นค้ี อื - พพิ ธิ ภณั ฑสถานศลิ ปะ หมายถงึ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทร่ี วบรวม อนรุ กั ษ์ ผลงานศลิ ปะและสงิ่ ประดษิ ฐข์ องมนษุ ยท์ กุ ประเภท ท้ังทัศนศิลป์ วิจิตรศิลป์ ศิลปะประยุกต์ และ หตั ถศลิ ปข์ องยคุ สมยั ตา่ ง ๆ บางแหง่ รวบรวมและ จดั แสดงงานศิลปะจากทั่วโลก หรืออาจจดั แสดง เฉพาะภมู ภิ าคหรอื เฉพาะประเทศ บางแหง่ เรยี ก ตวั เองวา่ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน หรอื ใชช้ อ่ื วา่ หอศลิ ป์ บางแหง่ จดั แสดงเปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทร่ี วบรวม งานศิลปะของศิลปินคนเดียว หรืองานศิลปะ ประเภทเดยี วเทา่ นน้ั จงึ สามารถจำแนกออกเปน็ ประเภทยอ่ ย ๆ ไดอ้ กี อาทิ พพิ ธิ ภณั ฑสถานศลิ ปะ พพิ ธิ ภณั ฑสถานศลิ ปะรว่ มสมยั พพิ ธิ ภณั ฑสถาน
24 โบราณสถาน เชน่ อทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ รวมถงึ ยา่ นตา่ ง ๆ ทเ่ี รยี กวา่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานมชี วี ติ สามารถ พพิ ธิ ภณั ฑสถานเฉพาะเรอ่ื ง อาทิ บา้ นของบคุ คล แบ่งตามลักษณะการนำเสนอเป็นประเภทต่าง ๆ สำคญั เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑบ์ า้ น ม.ร.ว.คกึ ฤทธิ์ ปราโมช เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานพนื้ บา้ น พพิ ธิ ภณั ฑสถาน ยา่ นประวตั ศิ าสตร์ - พพิ ธิ ภณั ฑสถานชาตพิ นั ธวุ์ ทิ ยา หมายถึง พิพิธภัณฑสถานท่ีเก็บรวบรวม ค. พพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภทธรรมชาติ อนรุ กั ษส์ งิ่ ของ และจดั แสดงเรอื่ งราวทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั วทิ ยา ชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องมนษุ ยเ์ ผา่ พนั ธต์ุ า่ ง ๆ ในดา้ น มานษุ ยวทิ ยาและดา้ นวฒั นธรรม หรอื อาจนำเสนอ เปน็ การรวบรวมวตั ถทุ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั ธรรมชาติ ชวี ติ ความเปน็ อยทู่ ด่ี ำเนนิ อยจู่ รงิ ในทอ้ งถนิ่ หรอื ใน และสงิ่ แวดลอ้ ม และนำมาจดั แสดง ทง้ั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง กบั สตั ว์ พชื และทรพั ยากรธรณี จงึ ปรากฏเปน็ พพิ ธิ ภณั ฑป์ ระเภทธรรมชาตวิ ทิ ยา สถานพนั ธส์ุ ตั วน์ ำ้ บงึ ฉวาก รปู แบบและเรยี กชอ่ื ตา่ ง ๆ กนั เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑ- เฉลิมพระเกียรติ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี สถานประวตั ธิ รรมชาติ อทุ ยานแหง่ ชาติ สถาน เปน็ สถานพนั ธสุ์ ตั วน์ ำ้ ของกรมประมง พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สวนสตั ว์ สถานพนั ธส์ุ ตั วน์ ำ้ พพิ ธิ - ภณั ฑสถานสตั วด์ กึ ดำบรรพ์ อาทิ ไดโนเสาร์ หรอื ซากสตั วต์ า่ ง ๆ พพิ ธิ ภณั ฑสถานเฉพาะเรอื่ ง อาทิ พพิ ธิ ภณั ฑแ์ มลง ง. พพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภทวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลย ี หมายถงึ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทรี่ วบรวม อนรุ กั ษ์ และจดั แสดงวตั ถทุ ม่ี นษุ ยค์ ดิ คน้ ขน้ึ มาดว้ ยความรู้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑ- สถานการเกษตร พพิ ธิ ภณั ฑสถานดา้ นอตุ สาหกรรม พิพิธภัณฑสถานยานอวกาศ พิพิธภัณฑสถาน เครอ่ื งบนิ ห้องจัดแสดงยานอวกาศและมนุษย์อวกาศจำลอง ณ องค์การ ๔. รปู แบบของพพิ ธิ ภณั ฑสถาน พพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตร์(อพวช.) อำเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธานี นอกจากประเภทของพพิ ธิ ภณั ฑสถานดงั ที่ กลา่ วมาแลว้ พพิ ธิ ภณั ฑสถานบางแหง่ ใชล้ กั ษณะ การนำเสนอทอี่ ยนู่ อกอาคาร เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั ขนาดของวตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑ์ หรอื การจดั วางทต่ี อ้ งการใหม้ ี บรรยากาศของธรรมชาตมิ าเสรมิ ในดา้ นความงาม เชน่ หอศิลป์ พิพิธภณั ฑสถานวิทยาศาสตรท์ มี่ ี
25 วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑข์ นาดใหญ่ จงึ แบง่ เปน็ อกี ประเภท จ. พพิ ธิ ภณั ฑม์ ชี วี ติ (Living Museum) ของพพิ ธิ ภณั ฑสถานตามรปู แบบการจดั การ คอื วิวัฒนาการของการจัดทำพิพิธภัณฑสถาน ก. พพิ ธิ ภณั ฑใ์ นอาคาร ประเภทชาตพิ นั ธวุ์ ทิ ยา เพอื่ แสดงวถิ ชี วี ติ วฒั นธรรม ของกลมุ่ ชนตา่ ง ๆ ไดม้ กี ารนำเอาวธิ กี ารนำเสนอ หมายถงึ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทจี่ ดั แสดงภายใน ในลกั ษณะจำลองฉากวถิ ชี วี ติ จรงิ มาประกอบ โดย อาคาร เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ใชห้ นุ่ และฉากจำลองเรยี กวา่ การแสดงแบบใชฉ้ าก ไดโอรามา (Diorama) แนวการนำเสนอลกั ษณะนไี้ ด้ ข. พพิ ธิ ภณั ฑก์ ลางแจง้ พฒั นาไปจนถงึ จดุ สงู สดุ นนั่ คอื การนำวถิ ชี วี ติ ตา่ ง ๆ มาเสนอดว้ ยการสรา้ งสถาปตั ยกรรมตามรปู แบบ หมายถงึ พพิ ธิ ภณั ฑสถานทจ่ี ดั แสดงอยนู่ อก ของเดมิ ขนาดเทา่ จรงิ ใชค้ นมาจำลองวถิ ชี วี ติ ใน อาคาร เชน่ สวนพฤกษศาสตร์ หอศลิ ปก์ ลางแจง้ บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่สร้างให้เหมือนจริง มาเปน็ สว่ นหนง่ึ ในการนำเสนอ เรยี กวา่ เปน็ การ ค. พพิ ธิ ภณั ฑเ์ คลอื่ นท่ี นำเสนอแบบ “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” จนเมื่อมีการ อนรุ กั ษม์ รดกวฒั นธรรมทเี่ ปน็ วถิ ชี วี ติ มากขนึ้ จงึ เกดิ หมายถงึ นทิ รรศการขนาดเลก็ ทจี่ ดั แสดงวตั ถุ เปน็ ยา่ นประวตั ศิ าสตรต์ า่ ง ๆ ขนึ้ ยา่ นประวตั ศิ าสตร์ พพิ ธิ ภณั ฑ์ พรอ้ มเรอ่ื งราวตา่ ง ๆ ซงึ่ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน เหลา่ นกี้ ลายเปน็ พพิ ิธภณั ฑสถานด้วยตนเอง ยิง่ หลายแหง่ นำไปจดั แสดงตามสถานทห่ี า่ งไกลจาก ทำใหค้ ำวา่ “พพิ ธิ ภณั ฑม์ ชี วี ติ ” ดมู ชี วี ติ เพมิ่ ขนึ้ ไปอกี ตวั พพิ ธิ ภณั ฑสถาน โดยตดิ ตง้ั ไปในพาหนะขนาด ใหญ่ เชน่ รถพว่ ง รถบสั รถตู้ เพอื่ นำความรทู้ ่ี ๕. หนา้ ทีข่ องพิพิธภณั ฑสถาน เกยี่ วขอ้ งกบั มนษุ ยแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ มไปสปู่ ระชาชน ทไี่ มม่ โี อกาสมาชมพพิ ธิ ภณั ฑสถานไดด้ ว้ ยตนเอง นักวิชาการพิพิธภัณฑ์ได้ให้คำจำกัดความ หรือบางครั้งเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ ของ “พพิ ธิ ภณั ฑสถาน” ไวว้ า่ “สถาบนั ทจี่ ดั ตง้ั ขนึ้ พพิ ธิ ภณั ฑสถานนนั้ ๆ เพ่ือรับใช้สังคมและอยู่ควบคู่กับทุกพัฒนาการ ของสงั คมอยา่ งมน่ั คง ดว้ ยการทำหนา้ ทร่ี วบรวม ง. พพิ ธิ ภณั ฑเ์ สมอื น (Virtual Museum) อนรุ กั ษ์ ศกึ ษาคน้ ควา้ และวจิ ยั มรดกของมนษุ ย์ และสงิ่ แวดลอ้ ม ทง้ั ทจี่ บั ตอ้ งไดแ้ ละไมไ่ ด้ เพอ่ื นำ สังคมปัจจุบันเป็นสังคมแห่งการสื่อสาร เนอื้ หามาสอื่ สารและจดั แสดงใหก้ บั สว่ นรวม โดยมี ส่ืออิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ได้รับการ วตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ การใหก้ ารศกึ ษา การเรยี นรู้ และ พฒั นาจนกลายเปน็ การสอื่ สารไรพ้ รมแดน ทำให้ เพอ่ื ความเพลิดเพลนิ ” ทำใหส้ ามารถแบง่ หน้าท่ี เกดิ พพิ ธิ ภณั ฑสถานในระบบดจิ ทิ ลั มากขนึ้ เชน่ และลกั ษณะงานพพิ ธิ ภณั ฑอ์ อกไดเ้ ปน็ กลมุ่ งานตาม พพิ ธิ ภณั ฑสถานทใ่ี ชก้ ารเชอ่ื มตอ่ ผา่ นระบบเครอื ขา่ ย หนา้ ท่ี ดงั น ้ี ทางคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า พิพิธภัณฑ์ออนไลน ์ (Online Museum) หรอื พพิ ธิ ภณั ฑไ์ ซเบอร์ (Cyber Museum) ต่อมาพิพิธภัณฑสถานในลักษณะน ี้ ไดพ้ ฒั นารปู แบบใหก้ า้ วหนา้ ขน้ึ จนทำใหเ้ กดิ ความ เสมอื นจรงิ ราวกบั ไดเ้ ดนิ ทางไปเยย่ี มชมดว้ ยตนเอง สามารถเขา้ ถงึ แสดงปฏกิ ริ ยิ าโตต้ อบแลกเปลยี่ น กบั พพิ ธิ ภณั ฑสถานนน้ั ๆ ได ้
26 ก. การแสวงหาและรวบรวม สลาย และป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนในการ คน้ หา โดยกระบวนการแบง่ เปน็ ๗ ขนั้ ตอน ซง่ึ หน้าท่ีหลักของงานพิพิธภัณฑ์ คือ การ แตล่ ะขน้ั ตอนตอ้ งทำงานสมั พนั ธก์ นั ตลอดเวลา คอื แสวงหาและรวบรวมวัตถุตามภารกิจของพิพิธ- ภัณฑสถานประเภทน้ัน ๆ ในสมัยแรกเป็นไป ๑. การจดั ทำทะเบยี น ตามความสนใจของเจา้ ของพพิ ธิ ภณั ฑสถาน ตอ่ มา คอื การบนั ทกึ ขอ้ มลู สณั ฐานทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั เม่ือมีการแบ่งพิพิธภัณฑสถานออกเป็นประเภท วตั ถนุ นั้ ๆ คอื ชอื่ วตั ถุ ขนาด วสั ดุ สภาพ อายุ ตา่ ง ๆ แลว้ การรวบรวมวตั ถจุ งึ ดำเนนิ ไปเพอ่ื ให้ สมยั ทมี่ า และตอ้ งมหี มายเลขประจำวตั ถตุ ดิ ไวท้ ่ี ได้มาซึ่งเร่ืองราวทางวิชาการที่ครบถ้วนมากข้ึน วตั ถดุ ว้ ย เพอื่ สะดวกในการคน้ หา ปจั จบุ นั ไดน้ ำ โดยต้องอาศัยการศึกษาค้นคว้าประกอบ เพื่อจะ ระบบสญั ญาณการรบั รเู้ ขา้ มาชว่ ย พรอ้ มทง้ั ถา่ ยภาพ ไดม้ เี ปา้ หมายการรวบรวมวตั ถทุ ช่ี ดั เจนขนึ้ ซงึ่ วธิ ี วตั ถอุ ยา่ งละเอยี ดเกบ็ ไว้ การบนั ทกึ ขอ้ มลู อาจทำเปน็ การรวบรวมอาจแบ่งเป็นหลายแนวทาง ได้แก่ บตั รทะเบยี น สมดุ ทะเบยี น หรอื ระบบคอมพวิ เตอร์ การรวบรวมจากการขุดค้นทางโบราณคดีท้ังบน หรอื ทกุ รปู แบบ ซง่ึ นอกจากจะชว่ ยในการจดั เกบ็ ดนิ ใตน้ ำ้ หรอื ในอวกาศ การรบั บรจิ าค และ วัตถุพิพิธภัณฑ์ให้เป็นระเบียบเพ่ือสะดวกในการ การซอื้ หรอื แลกเปลยี่ น ค้นหาแล้ว ยังเป็นการป้องกันการทุจริตของผู้ท่ี เกยี่ วขอ้ งอกี ดว้ ย เจา้ หนา้ ทท่ี รี่ บั ผดิ ชอบหนา้ ทนี่ คี้ อื ข. การตรวจสอบ จำแนกประเภท การ นายทะเบยี น ตอ้ งเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามรใู้ นเรอื่ งการวาง ศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั ระบบทะเบียน และปรับปรุงแก้ไขเอกสารแบบ บันทึกข้อมูลให้เหมาะสมกับวัตถุแต่ละประเภท เมื่อรวบรวมวัตถุแล้ว ต้องตรวจสอบว่า นายทะเบยี นตอ้ งวางระบบการบรหิ ารจดั การวตั ถุ วตั ถนุ น้ั เปน็ อะไร จำแนกอายสุ มยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง และ พพิ ธิ ภณั ฑต์ ง้ั แตเ่ มอื่ แรกรบั วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑเ์ ขา้ มา จำแนกประเภทวา่ เปน็ โบราณวตั ถุ ศลิ ปวตั ถุ วตั ถุ ในการดแู ลของพพิ ธิ ภณั ฑสถาน และตอ้ งทราบ ทางชาตพิ นั ธทุ์ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั เรอื่ งราวของมนษุ ยแ์ ละ การเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑต์ ลอดเวลา ดงั นน้ั สิ่งแวดล้อมด้านใด โดยนำมาศึกษาเปรียบเทียบ ขน้ั ตอนนจี้ งึ ครอบคลมุ หนา้ ทใี่ นการบรรจหุ บี หอ่ กบั วตั ถทุ ม่ี อี ยแู่ ลว้ เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลในการศกึ ษาคน้ ควา้ และเปดิ หบี หอ่ เมอ่ื มกี ารเคลอ่ื นยา้ ยวตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑ ์ วิจัยสำหรับนำเสนอเร่ืองราวท่ีเป็นประโยชน์ต่อ ๒. การอนรุ กั ษ ์ สาธารณชนตอ่ ไป นกั วชิ าการผรู้ บั ผดิ ชอบในการ คอื ขน้ั ตอนในการตรวจสภาพวตั ถโุ ดยนกั แสวงหา รวบรวม และศกึ ษาวจิ ยั งานพพิ ธิ ภณั ฑ์ อนรุ กั ษ์ เพอ่ื เปน็ การเสรมิ ความมนั่ คงเมอ่ื เวลาท ี่ เรยี กวา่ “ภณั ฑารกั ษ”์ จดั แสดงหรอื จดั เกบ็ จากนน้ั เปน็ การอบฆา่ แมลง ดว้ ยระบบตา่ ง ๆ เชน่ การใชค้ วามเยน็ สมยั กอ่ น ค. การบรหิ ารจดั การวตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑ์ มกี ารใชส้ ารเคมี แตป่ จั จบุ นั ไมเ่ ปน็ ทน่ี ยิ มใชแ้ ลว้ เนอ่ื งจากอาจเปน็ อนั ตรายกบั เจา้ หนา้ ที่ นกั อนรุ กั ษ์ วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑท์ ไ่ี ดผ้ า่ นการจำแนกประเภท ตอ้ งมพี น้ื ความรดู้ า้ นการอนรุ กั ษต์ ามประเภทของ แลว้ ทกุ รายการจะตอ้ งเขา้ สกู่ ระบวนการบรหิ าร จัดการวัตถุพิพิธภัณฑ์ เพ่ือให้เกิดระบบในการ ควบคมุ ดแู ลใหก้ ารเกบ็ รกั ษาเปน็ ไปอยา่ งปลอดภยั ป้องกันอันตรายจากเร่ืองการสูญหาย การเส่ือม
27 วตั ถุ และหากมีความรู้ด้านวทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือการ มีกระบวนการที่คล้ายคลึงกัน คือ ต้องคัดสรร อนรุ กั ษด์ ว้ ยกจ็ ะยงิ่ มปี ระโยชนก์ บั การสงวนรกั ษา งานของศลิ ปนิ ทม่ี คี ณุ คา่ โดยมกี ารนำเสนอแนว สภาพของวตั ถใุ หม้ น่ั คงไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื ความคดิ ของศลิ ปนิ นน้ั ๆ ทช่ี ดั เจน และเหน็ แนว ววิ ฒั นาการทเี่ ปลยี่ นไป ซงึ่ สว่ นใหญก่ จ็ ะสะทอ้ น ๓. การจดั เกบ็ ภาพของสงั คมออกมาเชน่ เดยี วกนั วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑเ์ มอ่ื ผา่ นการบนั ทกึ หลกั ฐาน กำหนดหมายเลข และอบฆา่ แมลงแลว้ เจา้ หนา้ ที่ ๕. การจดั แสดง ทะเบยี นจะตอ้ งนำวตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑน์ น้ั เขา้ จดั เกบ็ ใน คอื การใหค้ วามรแู้ กผ่ เู้ ขา้ ชมเกย่ี วกบั เรอ่ื งราว สถานทท่ี เ่ี รยี กวา่ คลงั พพิ ธิ ภณั ฑ์ ทจ่ี ะจำแนกไว้ ตา่ ง ๆ ทเี่ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของววิ ฒั นาการมนษุ ย์ เปน็ ตามประเภทของวตั ถแุ ละวสั ดุ เพอื่ สะดวกในการ การถา่ ยทอดเรอ่ื งราวผา่ นหลกั ฐานทง้ั หมดทม่ี อี ยู่ ควบคมุ สงิ่ แวดลอ้ มทเี่ หมาะสมตอ่ การอนรุ กั ษส์ ภาพ ไปในการจดั แสดงทเี่ รยี กกนั วา่ “นทิ รรศการ” ของวัตถุนั้น ๆ และยังสะดวกในการค้นหาหาก นทิ รรศการ หมายถงึ การนำเสนอเรอ่ื งราว ตอ้ งการใชว้ ตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑน์ น้ั ๆ ขน้ั ตอนของงานน้ี ตามหวั ขอ้ ทไี่ ดก้ ำหนดไว้ ดว้ ยการใชว้ ตั ถุ สง่ิ ของท่ี อยใู่ นความดแู ลของนายทะเบยี น ซงึ่ ตอ้ งควบคมุ ดแู ล เกยี่ วขอ้ งกบั เนอ้ื หามาจดั แสดงรว่ มกบั โสตทศั นปู - การบนั ทกึ ขอ้ มลู สถานทจี่ ดั เกบ็ วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑใ์ ห้ กรณต์ า่ ง ๆ เชน่ ภาพถา่ ย ลายเสน้ การจดั ฉาก เปน็ ขอ้ มลู ทที่ นั สมยั อยตู่ ลอดเวลา จำลอง การใชส้ ี แสง-เงา เพอ่ื เสรมิ ใหเ้ กดิ ภาพ ๔. การเลา่ เรอื่ ง ทเ่ี ขา้ ใจงา่ ยขน้ึ โดยมปี า้ ยคำบรรยายประกอบ ซงึ่ ในระหวา่ งทกี่ ระบวนการการบรหิ ารจดั การ ปา้ ยคำบรรยายเหลา่ นนั้ อาจมหี ลายขนาดขนึ้ อยกู่ บั วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑด์ ำเนนิ ไป ภณั ฑารกั ษจ์ ะดำเนนิ การ ความสำคญั ของขอ้ มลู เพอ่ื ใหก้ ำหนดขน้ั ตอนการ ศึกษาค้นคว้าวิจัยเร่ืองราวของวัตถุพิพิธภัณฑ์ท่ีมี เขา้ ชมได้ โดยมบี คุ ลากรทร่ี บั ผดิ ชอบขนั้ ตอนนี้คือ อยใู่ นพพิ ธิ ภณั ฑท์ ง้ั หมด เพอ่ื ศกึ ษาเปรยี บเทยี บและ มัณฑนากรหรือนักออกแบบนิทรรศการ ที่ต้อง รวบรวมขอ้ มลู ทม่ี อี ยทู่ งั้ หมดมาวางเปน็ แนวทางใน สามารถสอื่ สารเขา้ ใจกบั ภณั ฑารกั ษผ์ เู้ ปน็ เจา้ ของ การนำเสนอเปน็ เนอื้ หาการจดั แสดงในรปู แบบของ นทิ รรศการ กระบวนการในขน้ั ตอนนค้ี อื การนำ การจดั แสดงเรอื พระราชพธิ จี ำลอง ณ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ผลการศกึ ษาวเิ คราะหแ์ ละวจิ ยั มาสงั เคราะหแ์ ละ พาณิชยน์ าวี อำเภอเมืองฯ จงั หวัดจันทบุรี ประมวลเพอ่ื ใหเ้ กดิ เรอื่ งราวทเ่ี ปน็ ขอ้ สนั นษิ ฐานให้ ประชาชนไดร้ บั รแู้ ละไดป้ ระโยชนจ์ ากการเขา้ ชม พพิ ธิ ภณั ฑสถาน ซงึ่ การถา่ ยทอดเรอื่ งราวนเี้ ปน็ กระบวนการตอ่ ยอดจากการวจิ ยั ตอ้ งอาศยั ขอ้ มลู ทางวิชาการมาผสมผสานกับการจัดแสดง ทำให้ การนำเสนอเขา้ ถงึ ผชู้ มไดง้ า่ ยและชดั เจนขน้ึ ในกรณที พี่ พิ ธิ ภณั ฑสถานนนั้ เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑ- สถานศลิ ปะสมยั ใหม่ หรอื หอศลิ ป์ ภณั ฑารกั ษก์ ็
28 การจดั แสดงนิทรรศการถาวร นำเสนอวัตถพุ ิพิธภณั ฑช์ ้นิ สำคัญ ทำให้เกดิ ความต่ืนตาตืน่ ใจแกผ่ ูเ้ ขา้ ชม เนอ้ื หาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี และตอ้ งเคารพในเรอ่ื งราวทจ่ี ะ พอสมควร โดยมวี ตั ถปุ ระสงคท์ จี่ ะใหผ้ เู้ ขา้ ชมรบั รู้ นำเสนอ เนน้ ทจ่ี ะทำใหก้ ารสอ่ื สารในการเลา่ เรอ่ื ง เรอ่ื งราวและตน่ื ตาตน่ื ใจกบั วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑช์ น้ิ เยย่ี ม เกดิ ความสมบรู ณแ์ บบ แตก่ ต็ อ้ งมคี วามสวยงาม ของพพิ ธิ ภณั ฑสถาน ทไี่ ดร้ บั การอนรุ กั ษแ์ ละเกบ็ และน่าสนใจในเวลาเดียวกันด้วย การจัดแสดง รวบรวมไวเ้ ปน็ อยา่ งดี นทิ รรศการในพพิ ธิ ภณั ฑสถานมอี ยู่ ๒ แบบคอื ข. นทิ รรศการชว่ั คราว ก. นทิ รรศการถาวร หมายถงึ นทิ รรศการทจี่ ดั แสดงเพอ่ื นำเสนอ หมายถึง นิทรรศการท่ีนำเสนอเรื่องราวที่ เรอ่ื งราวทมี่ ขี อ้ มลู การคน้ ควา้ ใหม่ หรอื เมอ่ื มวี ตั ถุ เปน็ ภารกจิ หลกั ของพพิ ธิ ภณั ฑสถานดว้ ยวตั ถชุ นิ้ พพิ ธิ ภณั ฑช์ นิ้ ใหมเ่ ขา้ มาเปน็ สมบตั พิ พิ ธิ ภณั ฑสถาน เย่ยี ม ซ่ึงเปน็ วตั ถพุ พิ ิธภณั ฑ์ช้ินสำคญั ของพพิ ธิ - ลกั ษณะของการจดั แสดงเปดิ โอกาสใหใ้ ชร้ ปู แบบ ภณั ฑสถานนน้ั รปู แบบการจดั แสดงตอ้ งสมั พนั ธ์ ทที่ นั สมยั ได้ มกี ารใชส้ อื่ โสตทศั นปู กรณป์ ระกอบ กนั ทงั้ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน ดงั นนั้ จงึ ไมใ่ ชแ้ นวทางการ เพ่ือดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชมได้อย่างมีอิสระ จดั แสดงทที่ ำใหเ้ กา่ เรว็ และผูเ้ ข้าชมเบื่องา่ ย ตอ้ ง มากขน้ึ และเปน็ นทิ รรศการทไ่ี มค่ งอยนู่ าน เพราะ เปน็ การจดั แสดงทสี่ ามารถอยไู่ ดใ้ นระยะเวลานาน จะเปน็ เนอื้ หาเกยี่ วกบั เฉพาะหวั ขอ้ ท่ีจดั ขนึ้ เฉพาะ
29 การจัดแสดงนทิ รรศการชั่วคราว จัดขนึ้ เฉพาะช่วงเวลา เมื่อสังคมสนับสนุนให้เกิดการศึกษาที่เท่า เทยี มกนั พพิ ธิ ภณั ฑสถานจงึ เปน็ สถาบนั ทสี่ นบั สนนุ ช่วงเวลา หรอื อาจเปน็ นทิ รรศการทข่ี อยมื มาจาก การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ตามอธั ยาศยั คนทกุ ระดบั ใน พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ อนื่ สงั คมสามารถเขา้ มาใชพ้ พิ ธิ ภณั ฑสถานเปน็ แหลง่ เรยี นรไู้ ด้ พพิ ธิ ภณั ฑสถานจงึ ไดเ้ พม่ิ บทบาทในการ ๖. การบรกิ ารการศกึ ษา สง่ เสรมิ การเรยี นรใู้ หส้ มบรู ณแ์ บบ ดว้ ยการเพม่ิ ปัจจุบันพิพิธภัณฑสถานมีบทบาทในการ การนำชม มเี อกสารประกอบการชม มกี จิ กรรม ใหก้ ารศกึ ษาแกค่ นในสงั คมทชี่ ดั เจนมากขนึ้ หลงั เสรมิ สำหรบั เดก็ ผใู้ หญ่ คนพกิ ารและผดู้ อ้ ยโอกาส จากมงุ่ เนน้ ในเรอื่ งการอนรุ กั ษม์ รดกทางวฒั นธรรม เพอ่ื เปน็ การบรกิ ารทางการศกึ ษาเพมิ่ ขน้ึ มา โดยมี และธรรมชาตขิ องมวลมนษุ ยม์ าเปน็ ระยะเวลานาน เจา้ หนา้ ทด่ี า้ นบรกิ ารการศกึ ษา ซง่ึ สว่ นใหญจ่ ะมี ศักยภาพของพิพิธภัณฑสถานในด้านข้อมูลและ พน้ื ความรใู้ นดา้ นการเรยี นการสอนเปน็ ผดู้ แู ล มี หลกั ฐานทภ่ี ณั ฑารกั ษป์ ระมวลขน้ึ มาเพอ่ื ถา่ ยทอด ภณั ฑารกั ษเ์ ปน็ ผแู้ นะนำ เปน็ นทิ รรศการนน้ั ลว้ นเปน็ สว่ นเสรมิ สรา้ งความรู้ ทเี่ ขม้ แขง็ ใหแ้ กศ่ าสตรส์ าขาตา่ ง ๆ นวตั กรรมหลาย ๗. การรกั ษาความปลอดภยั รปู แบบเกดิ ขน้ึ ดว้ ยแรงบนั ดาลใจและตน้ แบบจาก วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑส์ ว่ นใหญม่ กั เปน็ สง่ิ ของทมี่ ี วัตถุในพิพิธภัณฑสถานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงาน คณุ คา่ ในตวั เอง ทงั้ ในดา้ นคณุ คา่ ทเ่ี ปน็ ทรพั ยส์ นิ หตั ถศลิ ป์ การคน้ ควา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ และการ รวมทง้ั คณุ คา่ ทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดที หี่ า ดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ ม ไมไ่ ดอ้ กี แลว้ ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งดแู ลรกั ษาไวใ้ หป้ ลอดภยั จากการเสอื่ มสภาพและภยั ธรรมชาติ ตอ้ งอาศยั หลกั การอนรุ กั ษจ์ ากนกั อนรุ กั ษ์ สว่ นความปลอดภยั จาก ภยั ธรรมชาตติ อ้ งอาศยั ทง้ั นกั อนรุ กั ษ์ นกั ออกแบบ และภณั ฑารกั ษท์ ม่ี คี วามรใู้ นเรอ่ื งพบิ ตั ภิ ยั เพอื่ จะได้ วางแผนการออกแบบทม่ี รี ะบบการปอ้ งกนั ในเรอ่ื ง ของแผน่ ดนิ ไหว อทุ กภยั หรอื อคั คภี ยั และการ ตดิ ตงั้ ระบบการตรวจจบั สญั ญาณตา่ ง ๆ เชน่ เครอื่ ง ดกั ควนั เครอื่ งดบั เพลงิ โจรภยั พพิ ธิ ภณั ฑสถาน จึงต้องจัดให้มีเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยใน พิพิธภัณฑสถานไว้ดูแลป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ในเรอื่ งโจรภยั โดยการมพี นกั งานดแู ลประจำหอ้ ง จดั แสดง และตดิ ตง้ั ระบบการรกั ษาความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ของผเู้ ขา้ ชม เชน่ สญั ญาณ กนั ขโมย โทรทศั นว์ งจรปดิ
30 ๖. ประวตั คิ วามเปน็ มาของพพิ ธิ ภณั ฑสถานในประเทศไทย หลักฐานเร่ืองของการสะสมส่ิงต่าง ๆ มี ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ ปรากฏให้เห็นในประเทศไทยมาต้ังแต่สมัยก่อน เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหย้ า้ ยพพิ ธิ ภณั ฑสถานสว่ น ประวัติศาสตร์ ซ่ึงจากการขุดค้นทางโบราณคดี พระองคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พบว่า โครงกระดูกในหลุมฝังศพมีโบราณวัตถ ุ มาทหี่ อคองคอเดยี หรอื ศาลาสหทยั สมาคม ตง้ั อยทู่ ี่ ท่ีเป็นสิ่งของเครื่องใช้ฝังรวมอยู่กับผู้ตาย และ สว่ นหนา้ ของพระบรมมหาราชวงั ใน พ.ศ. ๒๔๑๗ บนรา่ งกายของผตู้ ายกส็ วมใสเ่ ครอื่ งประดบั จาก เรียกว่า “มิวเซียม” ซ่ึงเป็นการเรียกทับศัพท์ช่ือ การศึกษาวิเคราะห์ส่ิงของเหล่านี้ นักโบราณคดี ภาษาองั กฤษ และเปดิ ใหป้ ระชาชนไดเ้ ขา้ ชม ทำให้ สนั นษิ ฐานวา่ สงิ่ ของหลายชนดิ โดยเฉพาะเครอ่ื ง ประชาชนทั่วไปได้เห็นในส่ิงที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น ประดบั ถอื เปน็ ของสะสมสว่ นตวั ของผตู้ าย ดงั นน้ั และมโี อกาสเรยี นรไู้ ปดว้ ย พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ น้ี จงึ กลา่ วไดว้ า่ แนวคดิ ในการสะสมสง่ิ ของซงึ่ เปน็ จงึ ถอื เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานสำหรบั สาธารณชนแหง่ พน้ื ฐานทที่ ำใหเ้ กดิ เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานในประเทศ แรกของคนไทย ไทยมีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ หรือกว่า จากแนวพระราชดำรใิ นเรอื่ งการจดั แสดงท่ี ๓,๐๐๐ ปมี าแลว้ “มิวเซียม” ได้ขยายไปสู่การเผยแพร่เรื่องราวท่ี แนวคดิ ในเรอื่ งการสะสมเพอ่ื การพฒั นาสงั คม เกยี่ วกบั ชาตบิ า้ นเมอื งในดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ มาปรากฏในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ และสง่ิ ตา่ ง ๆ ทม่ี ศี กั ยภาพเหนอื ประเทศอนื่ ๆ เชน่ เจา้ อยหู่ วั ขณะยงั ไมท่ รงขน้ึ ครองราชยแ์ ละยงั ทรง ทรพั ยากรปา่ ไม้ พชื ไร่ สวนสมนุ ไพร เปน็ การจดั ผนวช เมอื่ เสดจ็ ฯ ไปยงั ทอ้ งถน่ิ ตา่ ง ๆ ทรงรวบรวม นิทรรศการที่เรียกว่า “เอ็กซิบิชัน” (Exhibition) สงิ่ ของไวเ้ ปน็ จำนวนมาก ทง้ั ทเ่ี ปน็ โบราณวตั ถแุ ละ ณ ทอ้ งสนามหลวง โดยใหช้ าวบา้ นในทอ้ งถน่ิ ตา่ ง ๆ ศลิ ปวตั ถุ ตลอดจนวัตถุทางธรรมชาตวิ ิทยาและ นำผลติ ผลและผลติ ภณั ฑม์ าจดั แสดงทำนองเดยี วกบั ชาตพิ นั ธว์ุ ทิ ยา และวตั ถสุ ง่ิ ของทนี่ านาชาตนิ ำมา การจดั แสดงสนิ คา้ ในปจั จบุ นั ทำใหห้ ลายประเภท ถวายเพอื่ เจรญิ พระราชไมตรี โปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำ กลายเปน็ สนิ คา้ ทสี่ ง่ ออกไปจำหนา่ ยในตา่ งประเทศ สงิ่ ของสะสมเหลา่ นน้ั มาจดั แสดงใหท้ ตู านทุ ตู พระ นบั แตน่ นั้ เปน็ ตน้ มา ราชอาคนั ตกุ ะ และขา้ ราชบรพิ ารไดช้ ม ณ พระทนี่ งั่ รชั กาลท่ี ๕ ยงั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ง่ นทิ รรศการ ราชฤดี ในพระบรมมหาราชวงั ตอ่ มา พ.ศ. ๒๔๐๒ ดา้ นศลิ ปะและธรรมชาตทิ ว่ี า่ นไ้ี ปรว่ มจดั แสดงใน โปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั สรา้ งพระทน่ี งั่ ขนึ้ เพอ่ื การนโ้ี ดย งานนทิ รรศการจากนานาชาติ ณ หลายประเทศใน เฉพาะ และพระราชทานนามวา่ “พระทน่ี งั่ ประพาส ยโุ รปหลายครงั้ ทำใหป้ ระเทศไทยเปน็ ทรี่ จู้ กั ในหมู่ พพิ ธิ ภณั ฑ”์ เปน็ การวางรากฐานงานพพิ ธิ ภณั ฑข์ นึ้ ชาวตา่ งชาตอิ ยา่ งแพรห่ ลาย ถอื เปน็ การใชแ้ นวคดิ เปน็ ครง้ั แรกในประเทศไทย ตามลกั ษณะของพพิ ธิ - ของการดำเนินงานด้าน “พิพิธภัณฑสถาน” มา ภณั ฑสถานสว่ นพระองค์ ทแี่ สดงใหเ้ หน็ ทงั้ ศกั ด์ิ พฒั นาและสรา้ งความมน่ั คงใหแ้ กป่ ระเทศอยา่ งมี และศรขี องคนไทยและประเทศไทยไดอ้ ยา่ งดเี ลศิ ประสทิ ธภิ าพและเกดิ สมั ฤทธผิ ล
31 ใน พ.ศ. ๒๔๓๐ พพิ ธิ ภณั ฑสถานจากหอ “มวิ เซียม” ณ หอคองคอเดีย หรือศาลาสหทยั สมาคม คองคอเดียย้ายมาที่พระราชวังบวรสถานมงคล หรอื “วงั หนา้ ” เพอื่ ใหป้ ระชาชนสามารถเขา้ ชมได้ การจัดแสดง “เอก็ ซิบชิ นั ” (Exhibition) ณ ทอ้ งสนามหลวง ใน สะดวกขนึ้ เปดิ ใหบ้ รกิ ารสปั ดาหล์ ะ ๒ ครงั้ มผี ู้ สมัยรัชกาลที่ ๕ บรหิ ารจดั การ และมี “กเุ รเตอร”์ ซงึ่ เรยี กทบั ศพั ท์ คำในภาษาอังกฤษว่า Curator ปัจจุบันใช้คำว่า พระราชวงั บวรสถานมงคล สถานทจี่ ดั ตง้ั เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน “ภณั ฑารกั ษ”์ ทำหนา้ ทใ่ี นดา้ นการจดั ทำเอกสาร สำหรับพระนคร ซึ่งย้ายมาจากหอคองคอเดีย ในพระบรม- ประกอบการเขา้ ชมทงั้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ มหาราชวงั ปจั จุบันคือ พิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ดำรงราชานภุ าพ ทรงฟนื้ ฟแู ละพฒั นาพระราชวงั (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๘๖ นบั เปน็ การเรมิ่ ตน้ การ บวรสถานมงคลใหส้ ามารถจดั แสดงโบราณวตั ถทุ ี่ ดำเนนิ งานดา้ นพพิ ธิ ภณั ฑสถานทเ่ีปน็ รปู แบบปจั จบุ นั เกบ็ รกั ษา เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานประเภทศลิ ปะและ ของประเทศไทยตั้งแต่น้ันมา พระราชบัญญัต ิ โบราณคดี มศี าสตราจารยย์ อรจ์ เซเดส์ (George ทง้ั ๒ ฉบบั ไดม้ กี ารปรบั เปน็ “พระราชบญั ญตั ิ Coedés) นกั วชิ าการชาวฝรง่ั เศส เปน็ ผชู้ ว่ ยในดา้ น วชิ าการ เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานในรปู แบบสถาบนั พพิ ธิ ภณั ฑสถานรนุ่ ใหม่ มกี ารบรหิ ารจดั การมงุ่ สง่ เสรมิ ความรทู้ แี่ ทจ้ รงิ มากขนึ้ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน ไดด้ ำเนนิ การจนเสรจ็ สมบรู ณใ์ นรชั สมยั พระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จฯ ไปทรง เปิดพิพิธภัณฑสถานรูปแบบใหม่ เม่ือวันท่ี ๑๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๖๙ โปรดเกลา้ ฯ พระราช- ทานนามว่า “พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร” ตอ่ มาไดข้ ยายกจิ การไปยงั สว่ นภมู ภิ าค ใน พ.ศ. ๒๔๗๗ ภายหลงั เปลย่ี นแปลงการ ปกครอง รัฐบาลประกาศต้ังพิพิธภัณฑสถาน สำหรบั พระนคร เปน็ “พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร” อยใู่ นความดแู ลของกรมศลิ ปากร ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยโบราณสถาน ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ และการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๔๗๗ และพระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยโบราณสถาน ศลิ ปวตั ถุ โบราณวตั ถุ และการพพิ ธิ ภณั ฑแ์ หง่ ชาติ
32 การจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุท่ีพิพิธภัณฑสถานแห่ง แหลง่ โบราณคดี เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ชาติ บา้ นเชียง อำเภอหนองหาน จงั หวัดอุดรธานี บา้ นเกา่ จงั หวดั กาญจนบรุ ี พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ บา้ นเชยี ง จงั หวดั อดุ รธานี พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ สรุ นิ ทร์ อำเภอเมอื งฯ จงั หวดั สรุ นิ ทร์ ชาติ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม และยังมี พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตปิ ระจำแหลง่ โบราณคดี โบราณสถาน โบราณวตั ถุ ศลิ ปวตั ถุ และพพิ ธิ - ใตน้ ำ้ เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พาณชิ ยน์ าวี ภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔” กำหนดให้ เรียกพิพิธภัณฑสถานทุกแห่งที่อยู่ในความดูแล การดำเนนิ งานตงั้ แตว่ นั ที่ ๑๙ กนั ยายน พ.ศ. ของกรมศลิ ปากรเปน็ “พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาต”ิ ๒๔๑๗ นบั จากรชั กาลที่ ๕ โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ปดิ พิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนท่ีศาลาสหทัย ต่อมากรมศิลปากรได้เร่ิมมีการดำเนินงาน สมาคมเปน็ ครง้ั แรก จนบดั นเี้ ปน็ เวลากวา่ ๑๔๐ ปี โบราณคดใี นพน้ื ทตี่ า่ ง ๆ ทว่ั ประเทศ และเพอื่ ให้ รฐั บาลจงึ ไดป้ ระกาศใหว้ นั ท่ี ๑๙ กนั ยายนของทกุ เปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั โิ บราณสถาน โบราณวตั ถุ ปเี ปน็ “วนั พพิ ธิ ภณั ฑไ์ ทย” ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ โบราณวตั ถแุ ละศลิ ปวตั ถทุ ไ่ี ดจ้ ากการขดุ กิจการพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยได้พัฒนา คน้ ทางโบราณคดจี ึงนำมาจดั เก็บและจดั แสดงใน ขยายเครอื ขา่ ยออกไปกวา้ งขวางมากในปจั จบุ นั มี พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ แหลง่ โบราณคดหี ลายแหง่ พพิ ธิ ภณั ฑสถานเกดิ ขนึ้ หลายประเภท ทงั้ พพิ ธิ - กพ็ ฒั นาจดั ตง้ั เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตปิ ระจำ ภณั ฑสถานของรฐั เอกชน และสว่ นบคุ คล โดย เฉพาะหนว่ ยงานของรฐั ทไี่ ดก้ ระจายไปตามหนว่ ย งานตา่ ง ๆ ในหลายกระทรวง ทบวง กรม ทำให้ เกิดเป็นพิพิธภัณฑสถานซึ่งครอบคลุมทุกสาขา ของศลิ ปวทิ ยาการ เชน่ เดยี วกบั การพฒั นากจิ การ พพิ ธิ ภณั ฑใ์ นโลก ทงั้ ในสาขาศลิ ปะ วฒั นธรรม ธรรมชาตวิ ทิ ยา วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี และ พพิ ธิ ภณั ฑสถานเฉพาะเรอื่ ง และไดเ้ พม่ิ บทบาท ในการพัฒนาสังคม ท้ังในการเป็นสถาบันเพ่ือ ความมน่ั คง เปน็ แหลง่ เรยี นรู้ และแหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว ดเู พมิ่ เตมิ เรอ่ื ง อทุ ยานประวตั ศิ าสตรใ์ นประเทศ ไทย และสวนพฤกษศาสตร์ เล่ม ๒๙ หอพระ ไตรปฎิ ก เลม่ ๓๐ ตพู้ ระธรรม และซากดกึ ดำบรรพ์ ในประเทศไทย เลม่ ๓๑ และหอศลิ ป์ เลม่ ๓๗
33 บรรณานกุ รม กองพพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาต,ิ กรมศลิ ปากร. พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กบั การพพิ ธิ ภณั ฑ์ ไทย. กรงุ เทพฯ : กรมศลิ ปากร, ๒๕๓๖. จริ า จงกล. พพิ ธิ ภณั ฑสถานวทิ ยา. กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทร์ พรน้ิ ตง้ิ กรพุ๊ , ๒๕๓๒. ศลิ ปากร, กรม. “พพิ ธิ ภณั ฑสถานในประเทศไทย ๑” การพฒั นาพพิ ธิ ภณั ฑสถานและงานโบราณคด.ี กรงุ เทพฯ : กรมศลิ ปากร, ๒๕๐๘. สมลกั ษณ ์ เจรญิ พจน.์ “พฒั นาการพพิ ธิ ภณั ฑสถานตามแนวพระราชดำร.ิ ” ใน พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยกบั การพพิ ธิ ภณั ฑ.์ กรงุ เทพฯ : กราฟคิ ฟอรแ์ มท (ประเทศไทย), ๒๕๓๙. สมลักษณ์ เจริญพจน์ จารุณี อินเฉิดฉาย และรักชนก โคจรานนท์. ๔๔ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ. กรงุ เทพฯ : รงุ่ ศลิ ปก์ ารพมิ พ์ (๑๙๗๗), ๒๕๕๑. สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ, กรมศิลปากร. ๑๔๙ ปี ราชพิพิธภัณฑ์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๕๑. ICOM-International Council of Museums. Running a Museum: A Practical Handbook. France, 2004.
34
รางวลั ซไี รต35์ ศาสตราจารย์ ดร.รนื่ ฤทยั สจั จพนั ธุ์ ผเู้ ขยี น สว่ นเดก็ เลก็ เด็ก ๆ คงจะคุ้นเคยกับการประกวดแข่งขันต่าง ๆ เพื่อรับรางวัล การประกวดงานเขียนเพื่อรับรางวัลก็มีหลายรางวัล ที่รู้จักกันดีรางวัลหนึ่ง คอื รางวลั ซไี รต์ หรอื มชี อ่ื เรยี กเตม็ ๆ วา่ รางวลั วรรณกรรมสรา้ งสรรคย์ อดเยย่ี ม แห่งอาเซียน เป็นรางวัลวรรณกรรมท่ีมอบให้แก่นักเขียนหรือกวีในกลุ่ม ประเทศอาเซยี น ๑๐ ประเทศ เรยี งตามลำดบั ตวั อกั ษรไทย คอื กมั พชู า ไทย บรไู นดารสุ ซาลาม ฟลิ ปิ ปนิ ส์ มาเลเซยี เมยี นมา ลาว เวยี ดนาม สงิ คโปร์ และอนิ โดนเี ซยี การประกวดวรรณกรรมเพอ่ื รบั รางวลั ซไี รตจ์ ดั ขนึ้ ปลี ะ ๑ ครง้ั โดยมี การจดั ประกวดวรรณกรรมปลี ะ ๑ ประเภท คอื นวนยิ าย กวนี พิ นธ์ และ รวมเรอ่ื งสนั้ หมนุ เวยี นไปในแตล่ ะปี
36 นักเขยี นซไี รต์ของกลุม่ ประเทศอาเซยี นมารับพระราชทานรางวลั ทป่ี ระเทศไทย พร้อมนกั เขยี นซีไรต์ของประเทศไทย นอกจากการจดั ประกวดในประเทศไทยแลว้ ประเทศตา่ ง ๆ ในกลมุ่ ประเทศอาเซยี นอกี ๙ ประเทศ กค็ ดั เลอื กและตดั สนิ วรรณกรรมยอดเยยี่ มใน ประเทศของตน แล้วส่งช่ือผูท้ ีไ่ ด้รับรางวลั มารบั พระราชทานรางวัลซไี รตท์ ี่ ประเทศไทยพรอ้ มกบั นกั เขยี นซไี รตข์ องไทยเปน็ ประจำทกุ ปี รางวลั ซไี รตเ์ รม่ิ มเี ปน็ ครง้ั แรกเมอื่ พ.ศ. ๒๕๒๒ จนถงึ ปจั จบุ นั (พ.ศ. ๒๕๕๗) เป็นเวลา ๓๖ ปี มีงานประพันธ์ประเภทนวนิยาย บทกวี และ เรอ่ื งสน้ั ของนกั เขยี นไทย ทไี่ ดร้ บั รางวลั ซไี รตแ์ ลว้ จำนวน ๓๖ เลม่ เรอ่ื งเดน่ ๆ ทร่ี จู้ กั กนั ดี เชน่ นวนยิ ายเรอื่ ง ลกู อสี าน ของคำพนู บญุ ทวี และ ความสขุ ของกะทิ ของงามพรรณ เวชชาชวี ะ กวนี พิ นธช์ อ่ื เพยี งความเคลอ่ื นไหว ของ เนาวรตั น์ พงษไ์ พบลู ย์ หนงั สอื รวมเรอ่ื งสนั้ ชอื่ ขนุ ทอง...เจา้ จะกลบั เมอ่ื ฟา้ สาง ของอศั ศริ ิ ธรรมโชต ิ นอกจากรางวลั ซไี รตจ์ ะมสี ว่ นสง่ เสรมิ การสรา้ งสรรคว์ รรณกรรมแลว้ ยังส่งเสริมความสัมพันธ์ของประเทศเพ่ือนบ้านอาเซียน ทำให้นักเขียนได้มี โอกาสพบปะแลกเปลยี่ นความคดิ พรอ้ มทง้ั เรยี นรวู้ ถิ ชี วี ติ และวฒั นธรรมของ กนั และกนั ดว้ ย
37 สว่ นเด็กกลาง ประวตั คิ วามเปน็ มาของรางวลั ซไี รต ์ รางวลั ซไี รต์ (S.E.A. Write Award) เปน็ คำเรยี กสนั้ ๆ ทย่ี อ่ มาจากคำวา่ South East Asian Writers Award หรือคำเต็มว่า รางวัล วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน เปน็ รางวลั วรรณกรรมทมี่ อบใหแ้ กน่ กั เขยี นหรอื กวใี นกลมุ่ ประเทศอาเซยี น ๑๐ ประเทศ รางวลั ซไี รตก์ อ่ เกดิ ขนึ้ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยความรเิ รมิ่ ของเคริ ท์ วา้ ชไฟทล์ กรรมการ และผจู้ ดั การใหญโ่ รงแรมโอเรยี นเตล็ ทตี่ อ้ งการสนบั สนนุ นกั เขยี นรนุ่ ใหมจ่ ากกลมุ่ ประเทศ อาเซยี นทม่ี ผี ลงานดเี ดน่ เนอื่ งจากโรงแรมโอเรยี นเตล็ มปี ระวตั คิ วามเปน็ มาเกย่ี วขอ้ งกบั นกั เขยี น ชน้ั นำของโลกเปน็ เวลานาน มกี ารตง้ั คณะกรรมการดำเนนิ งานรางวลั ซไี รต์ และมอบหมาย ใหส้ มาคมภาษาและหนงั สอื แหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ และสมาคมนกั เขยี นแหง่ ประเทศไทย เปน็ ผดู้ ำเนนิ การเรอ่ื งการสรรหา คดั เลอื ก และตดั สนิ วรรณกรรมไทยเพอื่ รบั รางวลั ซไี รต์ พรอ้ มกบั เชญิ องคก์ รวรรณกรรมในประเทศอนิ โดนเี ซยี ฟิลปิ ปนิ ส์ มาเลเซยี และสงิ คโปร์ ใหเ้ ขา้ รว่ มโครงการรางวลั ซไี รตด์ ว้ ย จากจดุ เรม่ิ ตน้ ของรางวลั ซไี รต ์ เคริ ท์ ว้าชไฟทล์ ผ้รู เิ รม่ิ รางวัลซไี รต ์ ทม่ี อบใหแ้ กน่ กั เขยี น ๕ ประเทศ ตอ่ มา ไดข้ ยายไปจนครบ ๑๐ ประเทศ เรยี งตาม ลำดับตัวอักษรไทย คือ กัมพูชา ไทย บรไู นดารสุ ซาลาม ฟลิ ปิ ปนิ ส์ มาเลเซยี เมยี นมา ลาว เวยี ดนาม สงิ คโปร์ และ อนิ โดนเี ซยี
38 ว ตั ถปุ ระสงคข์ องรางวลั ซไี รต์ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ใหค้ วามสามารถในดา้ นสรา้ งสรรคข์ องนกั เขยี นในกลมุ่ ประเทศ อาเซยี นเปน็ ทร่ี บั ทราบโดยทว่ั ไป ใหส้ าธารณชนไดป้ ระจกั ษอ์ จั ฉรยิ ะทางวรรณกรรมของนกั เขยี น เปน็ การส่งเสริมความเข้าใจ เพื่อเสรมิ สร้างสมั พันธภาพอันดีในหม่นู ักเขียนและประชาชน ทว่ั ไปในกลมุ่ ประเทศอาเซยี น หลกั เกณฑก์ ารคดั เลอื ก รางวลั ซไี รตข์ องประเทศไทยเรม่ิ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๒๒ จากการใหร้ างวลั วรรณกรรม ประเภทนวนยิ าย ตอ่ มาในปที ี่ ๒ จงึ พจิ ารณาใหร้ างวลั วรรณกรรมประเภทกวนี พิ นธ์ ในปี ท่ี ๓ ไดพ้ จิ ารณาใหร้ างวลั วรรณกรรมประเภทเรอ่ื งสน้ั นบั จากปที ่ี ๔ เปน็ ตน้ มา ไดเ้ วยี นกลบั มาใหร้ างวลั วรรณกรรมตามลำดบั ประเภททเี่ รมิ่ ไว้ คอื นวนยิ าย กวนี พิ นธ์ รวมเรอ่ื งสน้ั และ ดำเนนิ เชน่ นต้ี อ่ มาจนปจั จบุ นั นับจาก พ.ศ. ๒๕๒๒ จนถึง พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นเวลา ๓๖ ปี มีงานประพันธ์ ประเภทนวนยิ าย บทกวี และเรอ่ื งสนั้ ทไ่ี ดร้ บั รางวลั ซไี รตแ์ ลว้ จำนวน ๓๖ เลม่ คอื นวนยิ าย ๑๒ เลม่ กวนี พิ นธ์ ๑๒ เลม่ และรวมเรอ่ื งสน้ั ๑๒ เลม่ ในช่วงปีแรก ๆ ของการพิจารณาตัดสินวรรณกรรมเพื่อรับรางวัลซีไรต์ มีคณะ กรรมการประกอบดว้ ยบคุ คลในแวดวงวรรณกรรม ไดแ้ ก่ นกั เขยี น กวี บรรณาธกิ าร และ นักวิชาการวรรณกรรม สรรหาวรรณกรรมและพิจารณาตัดสิน ต่อมากำหนดให้มีการส่ง วรรณกรรมเข้าประกวด จึงมีการกำหนดองค์ประกอบของกรรมการอย่างชัดเจน คณะ กรรมการตัดสินมีหน้าที่พิจารณาเรื่องท่ีคณะกรรมการคัดเลือกเสนอและตัดสินให้ได้รับ รางวลั ซไี รตเ์ พยี ง ๑ เรอื่ ง สว่ นหลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณาคดั เลอื กและตดั สนิ วรรณกรรมซไี รต์ นนั้ ไมม่ กี ารกำหนดไวเ้ ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร แตจ่ ากคำใหส้ มั ภาษณข์ องกรรมการตดั สนิ บาง คน กลา่ วไดว้ า่ มหี ลกั เกณฑก์ ารประเมนิ คา่ วรรณกรรมครา่ ว ๆ ๓ ประการ คอื ๑) ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรคใ์ นดา้ นแนวคดิ และกลวธิ ี ๒) คณุ คา่ ทางวรรณศลิ ป์ ๓) คณุ คา่ ตอ่ สงั คมและ มนษุ ยชาติ
39 สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ ีนาถ พระราชทานรางวัลซีไรต์ให้แก่คำพนู บุญทวี งานพระราชทานรางวลั งานพระราชทานรางวัลซีไรต์จะจัดเป็นงานกาล่าดินเนอร์ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมโอเรยี นเตล็ ในชว่ งแรก สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงเป็นองค์ ประธานในพิธีพระราชทานรางวัล และนับต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นองค์ประธาน ยกเว้นบางปีท ี่ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ผี แู้ ทนพระองค์ และทกุ ปจี ะมนี กั เขยี นทม่ี ชี อ่ื เสยี งระดบั โลก เปน็ ปาฐกรบั เชญิ เพอื่ บรรยายเรอื่ งเกยี่ วกบั วรรณกรรม บทบาทของรางวลั ซไี รต ์ ประเทศไทยมีการให้รางวัลวรรณกรรมหลายรางวัล แต่รางวัลซีไรต์เป็นรางวัล วรรณกรรมที่มีช่ือเสียงโดดเด่นที่สุด เพราะมีผู้ให้ความสนใจ ท้ังนักเขียน สำนักพิมพ ์ นักวิชาการวรรณกรรม สื่อมวลชน และสาธารณชนท่ัวไป นอกจากนี้ยังมีการกำหนด ให้วรรณกรรมซีไรต์เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา หนังสืออ่านเพ่ิมเติม และหนังสือเสริม ประสบการณใ์ นชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รวมทงั้ มกี ารศกึ ษาวรรณ- กรรมซไี รตใ์ นระดบั ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาโท และปรญิ ญาเอก วรรณกรรมซไี รตจ์ งึ มบี ทบาท มากในวงการศกึ ษาไทย
40 ส่วนเดก็ โต ๑. ประวตั คิ วามเปน็ มาของรางวลั ซไี รต์ รางวลั ซไี รต์ (S.E.A. Write Award) เปน็ คำ จากกลุ่มประเทศในแถบอาเซียนที่มีผลงานดีเด่น เรยี กสนั้ ๆ ยอ่ มาจาก South East Asian Writers เนอื่ งจากโรงแรมโอเรยี นเตล็ มปี ระวตั คิ วามเปน็ มา Award หรือ รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอด เกยี่ วขอ้ งกบั นกั เขยี นชน้ั นำของโลกเปน็ เวลานาน เย่ียมแห่งอาเซียน เป็นรางวัลวรรณกรรมที่มอบ เหน็ ไดจ้ ากการทไี่ ดจ้ ดั สว่ นหนงึ่ เปน็ “ตกึ นกั เขยี น” ใหแ้ กน่ กั เขยี นหรอื กวใี นกลมุ่ ประเทศอาเซยี น ๑๐ (author residence ) ขนึ้ ประกอบดว้ ยหอ้ งชดุ พเิ ศษ ประเทศ เรียงตามลำดับตัวอักษร คือ กัมพูชา ท่ีมีช่ือตามช่ือของนักเขียนคนสำคัญที่เคยเข้าพัก ไทย บรูไนดารุสซาลาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไดแ้ ก่ ซมั เมอรเ์ ซต็ มอม (Somerset Maugham) เมยี นมา ลาว เวยี ดนาม สงิ คโปร์ และอนิ โดนเี ซยี โนเอล โคเวริ ด์ (Noel Coward) โจเซฟ คอนราด รางวลั ซไี รตเ์ กดิ ขนึ้ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๒๒ โดย (Joseph Conrad) และเจมส์ เอ. มเิ ชอเนอร์ (James ความรเิ รม่ิ ของเคริ ท์ วา้ ชไฟทล์ (Kurt Wachtveitl) A. Michener) นอกจากนย้ี งั มหี อ้ งชดุ เกรอมั กรนี ชาวเยอรมนั เจา้ ของกจิ การและผจู้ ดั การโรงแรม (Graham Greene) จอหน์ เลอ กาเร (John le Carré) โอเรยี นเตล็ ทต่ี อ้ งการสนบั สนนุ นกั เขยี นรนุ่ ใหม่ และบารบ์ ารา คารต์ แลนด์ (Barbara Cartland) หอ้ งเจมส์ เอ. มเิ ชอเนอร์ ภายในตกึ นกั เขยี น ทโ่ี รงแรมโอเรยี นเตล็ เขตบางรกั กรงุ เทพฯ นำชอื่ นกั เขยี นคนสำคญั ทเี่ คยเขา้ พกั มาตง้ั เปน็ ชอ่ื หอ้ ง
41 คณะกรรมการดำเนนิ งานรางวลั ซไี รต์ หรอื คณะกรรมการดำเนนิ งานรางวลั ซไี รตเ์ ปน็ ผู้ Organizing Committee ได้จัดการประชุมคร้ัง ดำเนนิ งานดา้ นการหาทนุ การจดั พธิ พี ระราชทาน แรกเมื่อวันท่ี ๙ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยมี รางวลั การเลอื กปาฐกรบั เชญิ การประสานความ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ เปรมบรุ ฉตั ร ทรงเปน็ รว่ มมอื กบั องคก์ รตา่ ง ๆ การประกาศผลการคดั เลอื ก องคป์ ระธาน ผเู้ ขา้ รว่ มประชมุ ครงั้ นนั้ ประกอบดว้ ย และการตดั สนิ ฯลฯ โดยไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั กระบวน เคริ ท์ วา้ ชไฟทล์ นายตลุ และนางจนั ทรแ์ จม่ บนุ นาค การคัดเลือกและตัดสินวรรณกรรม ประธาน เอด็ ฮนั เตอร์ (Ed Hunter) นางพรศรี หลไู พบลู ย ์ คณะกรรมการดำเนนิ งานรางวลั ซไี รตอ์ งคแ์ รกคอื ซึ่งเป็นผู้แทนฝ่ายโรงแรมโอเรียนเต็ล นางสุภาว์ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ เปรมบรุ ฉตั ร ตอ่ มาคอื เทวกุล นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย หมอ่ มงามจติ ร บรุ ฉตั ร พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ และศาสตราจารยพ์ เิ ศษ นรนติ ิ เศรษฐบตุ ร นายก วมิ ลฉตั ร หมอ่ มเจา้ สภุ ทั รดศิ ดศิ กลุ หมอ่ มหลวง สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย ใน พรี ะพงศ์ เกษมศรี และปจั จบุ นั คอื หมอ่ มราชวงศ ์ พระบรมราชปู ถมั ภ์ จากการประชมุ ในวนั นน้ั คณะ สขุ มุ พนั ธุ์ บรพิ ตั ร กรรมการดำเนินงานฯ ได้มอบหมายให้สมาคม นกั เขยี นแหง่ ประเทศไทย และสมาคมภาษาและ นอกจากโรงแรมโอเรยี นเตล็ เปน็ ผสู้ นบั สนนุ หนังสือแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกันดำเนินการใน หลกั แลว้ ยงั มหี นว่ ยงานทใี่ หค้ วามรว่ มมอื ในการ เรื่องการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสิน ดำเนินงานรางวลั ซีไรต์ เช่น บริษทั การบนิ ไทย วรรณกรรม การกำหนดหลกั เกณฑใ์ นการพจิ ารณา จำกดั (มหาชน) ธนาคารกรงุ เทพ จำกดั (มหาชน) วรรณกรรม รวมทง้ั การเดนิ ทางไปเจรจากบั กลมุ่ มลู นธิ เิ รก็ ซ์ มอรแ์ กน และธนาคารแหง่ ประเทศไทย นักเขียนในประเทศอาเซียนอีก ๔ ประเทศ คือ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย จุดเร่ิมต้นของรางวัลซีไรต์เป็นการมอบให้ เพอ่ื เชญิ ชวนใหเ้ ขา้ รว่ มโครงการรางวลั ซไี รต์ โดย นกั เขยี นอาเซยี น ๕ ประเทศ คอื ไทย อนิ โดนเี ซยี องคก์ รนกั เขยี นหรอื องคก์ รวรรณกรรมของแตล่ ะ มาเลเซยี สงิ คโปร์ และฟลิ ปิ ปนิ ส์ ตอ่ มาบรไู น ชาตกิ ำหนดหลกั เกณฑใ์ นการพจิ ารณาวรรณกรรม ดารสุ ซาลามไดเ้ ขา้ รว่ มโครงการรางวลั ซไี รตใ์ น พ.ศ. ของตน จากน้ันส่งช่ือนักเขียนเจ้าของผลงาน ๒๕๒๙ เวยี ดนาม ใน พ.ศ. ๒๕๓๙ ลาวและเมยี นมา วรรณกรรมทไ่ี ดร้ บั รางวลั ๑ คนมายงั ประเทศไทย ใน พ.ศ. ๒๕๔๑ กมั พชู า ใน พ.ศ. ๒๕๔๒ จงึ ครบ นักเขียนในกลุ่มประเทศอาเซียน ๔ ประเทศดัง ๑๐ ประเทศสมาชกิ อาเซยี น แมว้ า่ แตล่ ะประเทศ กลา่ วตอ้ งเดนิ ทางมารบั พระราชทานรางวลั พรอ้ มกบั จะคดั เลอื กวรรณกรรมเพอื่ รบั รางวลั โดยไมไ่ ดน้ ำมา นกั เขยี นไทยในประเทศไทย ทปี่ ระชมุ ลงมตใิ ชช้ อ่ื แขง่ ขนั กนั แตก่ ารขยายขอบเขตของผรู้ บั รางวลั รางวลั นว้ี า่ S.E.A. Write Award ซงึ่ ตอ่ มา มชี อื่ จากนกั เขยี นไทยไปสนู่ กั เขยี นในกลมุ่ ประเทศเพอื่ น ภาษาไทยวา่ รางวลั วรรณกรรมสรา้ งสรรคย์ อดเยยี่ ม บา้ นอาเซยี น ทำใหร้ างวลั ซไี รตไ์ มไ่ ดเ้ ปน็ เพยี งรางวลั แหง่ อาเซยี น หรอื เรยี กสน้ั ๆ วา่ วรรณกรรมซไี รต ์ ระดบั ชาตเิ ทา่ นนั้ แตเ่ ปน็ รางวลั ในระดบั ภมู ภิ าค อาเซยี นดว้ ย
42 ๒ . วตั ถปุ ระสงคข์ องรางวลั ซไี รต์ ทองเปาด์ นายกสมาคมนกั เขยี นแหง่ ประเทศไทย ระเบยี บการนไ้ี ดก้ ำหนดประเภทของวรรณกรรม กำหนดไว้ ๔ ประการ คอื ทจ่ี ะพจิ ารณาใหร้ างวลั วา่ มี ๔ ประเภท คอื ๑. เพื่อให้เป็นท่ีรู้จักถึงความสามารถด้าน สรา้ งสรรคข์ องนกั เขยี นในกลมุ่ ประเทศอาเซยี น ๑. กวนี พิ นธ์ ๒. เพอ่ื ใหท้ ราบถงึ โภคทรพั ยข์ องวรรณกรรม ๒ นวนยิ าย ทรัพย์สินทางปัญญา และวรรณศิลป์ของกลุ่ม ๓. เรอ่ื งสน้ั ประเทศอาเซยี น ๔. บทละคร ๓. เพื่อรับทราบ รับรอง ส่งเสริม และ โดยแต่ละปี คณะกรรมการฯ จะประกาศ จรรโลงเกยี รตอิ จั ฉรยิ ะทางวรรณกรรมของนกั เขยี น ประเภทของงานทรี่ บั เขา้ พจิ ารณาและรายละเอยี ด ผสู้ รา้ งสรรค ์ อนื่ ๆ อยา่ งไรกต็ าม การใหร้ างวลั ซไี รตท์ ดี่ ำเนนิ มา ๔. เพอ่ื สง่ เสรมิ ความเขา้ ใจและสมั พนั ธภาพ ตลอดเวลา ๓๖ ปี จนถงึ ปจั จบุ นั (พ.ศ. ๒๕๕๗) อันดีในหมู่นักเขียนและประชาชนท่ัวไปในกลุ่ม ได้พิจารณาผลงานเพียง ๓ ประเภท ไม่เคยมีการ ประเทศอาเซยี น จดั ประกวดวรรณกรรมประเภทบทละครเลย ๓. หลกั เกณฑก์ ารคดั เลอื กและตดั สนิ ๓.๒ คณุ สมบตั ขิ องงานเขยี นทสี่ ง่ เขา้ รางวลั ซไี รตข์ องประเทศไทย ประกวด ๓.๑ ประเภทของงานเขยี น ระเบียบการพิจารณาวรรณกรรมเพ่ือรับ รางวลั ซไี รตข์ องประเทศไทย ไดก้ ำหนดคณุ สมบตั ิ การให้รางวัลซีไรต์ของประเทศไทยปีแรก ของงานวรรณกรรมไวด้ งั น ้ี คอื พ.ศ. ๒๕๒๒ เรม่ิ จากการใหร้ างวลั วรรณกรรม ประเภทนวนยิ าย ตอ่ มาในปที ี่ ๒ จงึ พจิ ารณาให้ ๑. เปน็ งานเขยี นภาษาไทย รางวลั วรรณกรรมประเภทกวนี พิ นธ์ ในปที ี่ ๓ ได้ ๒. เป็นงานริเริ่มของผู้เขียนเอง มิใช่งาน พจิ ารณาใหร้ างวลั วรรณกรรมประเภทเรอ่ื งสนั้ และ แปล-แปลงจากของผอู้ น่ื นบั จากปที ี่ ๔ เปน็ ตน้ มา ไดเ้ วยี นกลบั มาใหร้ างวลั ๓. ผเู้ ขยี นยงั มชี วี ติ อยขู่ ณะสง่ งานเขา้ ประกวด วรรณกรรมตามลำดบั ประเภททเี่ รม่ิ ไว้ คอื นวนยิ าย ๔. เป็นงานที่ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นเล่ม หรือ กวนี พิ นธ์ เรอื่ งสน้ั และดำเนนิ ตอ่ มาเชน่ นจ้ี นถงึ รวมหลายเรอ่ื งเปน็ เลม่ ครง้ั แรกยอ้ นหลงั ไมเ่ กนิ ๓ ปจั จบุ นั ปใี นปที เี่ ลอื กสรร (รายละเอยี ดกำหนดตามประกาศ ของแตล่ ะป)ี หลังจากดำเนินการมาเป็นเวลา ๖ ปี ใน ๕. ในกรณที เ่ี ปน็ งานรวมเรอ่ื งสน้ั หรอื บทกว ี พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้มีการออกระเบียบการพิจารณา จะตอ้ งมงี านทไี่ มเ่ คยรวมเลม่ อยา่ งนอ้ ยรอ้ ยละ ๗๐ วรรณกรรมไทยเพ่ือรับรางวัลซีไรต์เป็นคร้ังแรก ๖. งานท่ีเคยได้รับรางวัลวรรณกรรมอื่นใด ลงนามโดยคณุ นลิ วรรณ ปน่ิ ทอง นายกสมาคม ในประเทศมาแลว้ กร็ บั เขา้ พจิ ารณาอกี ได้ ภาษาและหนงั สอื แหง่ ประเทศไทยฯ และนายทองใบ
43 เน่ืองจากประเทศสมาชิกอาเซียนอ่ืน ๆ มี ต่อสาธารณชนประมาณเดือนกรกฎาคม และ ระเบยี บการพจิ ารณาวรรณกรรมเพอ่ื รบั รางวลั ซไี รต ์ ประกาศผลงานที่ได้รับการตัดสินให้รางวัลซีไรต์ ของประเทศตน ดังนั้น ในเอกสารเผยแพร่และ ภายในเดอื นสงิ หาคมของทกุ ปี ประชาสมั พนั ธข์ องโรงแรมโอเรยี นเตล็ จงึ เขยี นถงึ กฎเกณฑก์ ารเลอื กสรรเรอื่ งเขา้ พจิ ารณาไวก้ วา้ ง ๆ ๓.๔ คณะกรรมการพิจารณาตัดสิน ดงั น ้ี วรรณกรรมเพอื่ รบั รางวลั ซไี รต์ ๑. ตอ้ งเปน็ งานรเิ รม่ิ ของผเู้ ขยี นเอง มใิ ชง่ าน สมาคมภาษาและหนงั สอื แหง่ ประเทศไทยฯ แปลจากผอู้ นื่ และสมาคมนกั เขยี นแหง่ ประเทศไทยรว่ มกนั แตง่ ตง้ั คณะกรรมการพจิ ารณาตดั สนิ วรรณกรรมเพอื่ รบั ๒. ต้องเป็นงานที่สัมพันธ์กับชาติ หรือ รางวัลซีไรต์และดำเนินการตัดสินวรรณกรรมใน ภมู ภิ าคทผี่ สู้ รา้ งสรรคม์ ภี มู ลิ ำเนา แตล่ ะปี ระยะแรกตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๒๒-๒๕๒๗ ซ่ึงเป็นช่วง ๖ ปีแรก มีคณะกรรมการเพียงชุด ๓. ต้องเป็นเร่ืองแต่งหรือเร่ืองสร้างสรรค์ เดยี ว โดยมนี ายกสมาคมภาษาและหนงั สอื ฯ และ ในรปู แบบใดกไ็ ด้ เรือ่ งแตง่ หรือเร่ืองสรา้ งสรรค์ นายกสมาคมนกั เขยี นฯ เปน็ ประธานคณะกรรมการ หมายถงึ นวนยิ าย เรอ่ื งสน้ั และกวนี พิ นธ ์ คดั เลอื กและตดั สนิ วรรณกรรมเพอื่ รบั รางวลั ซไี รต ์ รว่ มกนั และไดเ้ ชญิ ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ างวรรณกรรม ๔. ตอ้ งเปน็ งานทดี่ พี รอ้ มในชว่ งเวลา ๕ ปี ประกอบดว้ ย อาจารย์ นกั เขยี น นกั แปล และ นบั จากปที ที่ างการเลอื กสรรเปน็ เกณฑ ์ บรรณาธกิ าร มาเปน็ คณะกรรมการ ๕. ผลงานเคยไดร้ บั รางวลั ใด ๆ กไ็ ด้ ทใี่ ชใ้ น ในปีแรกคณะกรรมการตกลงร่วมกันว่าจะ ขอบเขตของประเทศตน พจิ ารณางานเขยี นประเภทนวนยิ าย และยดึ หลกั ว่าต้องเป็นงานเขียนท่ีตีพิมพ์มาแล้วไม่เกิน ๕ ปี ๖. ผลงานจะเขียนเป็นภาษาใดก็ได้ ท่ใี ช้ใน นายกสมาคมภาษาและหนังสือฯ ในขณะน้ันได ้ ขอบเขตของประเทศตน สรรหานวนยิ ายทต่ี พี มิ พ์ พรอ้ มกบั ตดิ ตอ่ สำนกั พมิ พ์ และบรรณาธกิ ารนติ ยสารตา่ ง ๆ ใหน้ ำเสนอรายชอ่ื ๗. ผู้สร้างสรรค์มีส่วน หรือช่วยพัฒนา นวนยิ ายใหพ้ จิ ารณา ในทส่ี ดุ ไดต้ ดั สนิ ใหน้ วนยิ าย วฒั นธรรม และวรรณกรรมของประเทศตน จาก เรอ่ื ง ลกู อสี าน ของคำพนู บญุ ทวี เปน็ วรรณกรรม งานเขยี นของตน ซไี รตเ์ รอ่ื งแรกของไทย ๘. ผสู้ รา้ งสรรคจ์ ะมเี ชอ้ื ชาติ ศาสนา เพศ ปตี อ่ มา คณะกรรมการพจิ ารณาคดั เลอื กให้ ใด ๆ กไ็ ดแ้ ละยงั มชี วี ติ อยขู่ ณะสง่ งานเขา้ ประกวด งานเขยี นประเภทกวนี พิ นธ์ เปน็ หนงั สอื รวมบท กวีนิพนธ์ เพียงความเคลื่อนไหว ของเนาวรัตน์ ๓.๓ กำหนดเวลาการรบั ผลงานวรรณกรรม พงษไ์ พบลู ย์ ไดร้ บั รางวลั ซไี รต์ สง่ เขา้ ประกวดและการประกาศผลการตดั สนิ การส่งผลงานเข้าประกวดต้องอยู่ภายใน เดอื นเมษายนของทกุ ปี มกี ารประกาศรบั ผลงาน ในระยะเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ๓๐ วนั คณะกรรมการ ดำเนนิ งานรางวลั ซไี รตป์ ระกาศผลงานทไ่ี ดร้ บั การ คัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายจำนวนไม่เกิน ๑๐ เรื่อง
44 หนงั สอื เอง และตอ้ งสรรหาวรรณกรรมทดี่ เี ดน่ มา เสนอชอ่ื ใหร้ ว่ มกนั พจิ ารณา รวมทง้ั รว่ มกนั ตดั สนิ ขนุ ทอง...เจา้ จะกลบั เมอ่ื ฟา้ สาง ไดร้ บั รางวลั ซไี รตป์ ระเภทหนงั สอื ชขี้ าดวา่ หนงั สอื เลม่ ใดควรไดร้ บั รางวลั รวมเรอ่ื งสนั้ เลม่ แรก และ ลกู อสี าน เปน็ นวนยิ ายซไี รตเ์ ลม่ แรก ในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๒๘-๒๕๓๕ มีการ ในปที ่ี ๓ คณะกรรมการตกลงพจิ ารณาให้ แตง่ ตง้ั คณะกรรมการ ๒ คณะ โดยใน พ.ศ. ๒๕๒๘ วรรณกรรมประเภทเรอ่ื งสน้ั หนงั สอื รวมเรอื่ งสนั้ คณุ นลิ วรรณ ปน่ิ ทอง นายกสมาคมภาษาและหนงั สอื ชุด ขุนทอง...เจ้าจะกลับเมื่อฟ้าสาง ของ อัศศิริ แหง่ ประเทศไทยฯ ในขณะนน้ั ไดต้ งั้ คณะทำงาน ธรรมโชติ ไดร้ บั รางวลั ขนึ้ มาคณะหนง่ึ เพอื่ ยกรา่ งระเบยี บการพจิ ารณา วรรณกรรมไทยเพอื่ รบั รางวลั ซไี รต์ มจี ดุ ประสงค์ ใน ๓ ปตี อ่ มา คณะกรรมการไดย้ ดึ หลกั ใน เพอื่ ใหก้ ารดำเนนิ งานรางวลั ซไี รตร์ อบคอบ รดั กมุ การพิจารณาประเภทของวรรณกรรมตามลำดับ และชดั แจง้ แลว้ เสนอใหส้ มาคมนกั เขยี นฯ ซงึ่ มี เชน่ เดยี วกบั ๓ ปแี รก คอื นวนยิ าย กวนี พิ นธ์ นายทองใบ ทองเปาด์ เปน็ นายกสมาคมในขณะนนั้ เรอื่ งสนั้ แมจ้ ะมผี เู้ สนอใหพ้ จิ ารณาบทละครบา้ ง รว่ มพจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบและลงนามรว่ มกนั แต่เน่ืองจากบทละครที่เป็นงานสร้างสรรค์ของ ในที่สุดทั้ง ๒ สมาคมได้ประกาศใช้ระเบียบการ ไทยยงั มจี ำนวนนอ้ ยเกนิ ไป สว่ นระยะเวลาในการ พิจารณาวรรณกรรมเพื่อรับรางวัลซีไรต์เป็นครั้ง ตพี มิ พก์ ำหนดไวไ้ มเ่ กนิ ๕ ปยี อ้ นหลงั แรกเมอื่ วนั ท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๘ ในระเบยี บ ดงั กลา่ วไดม้ กี ารกำหนดประเภทของวรรณกรรม คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินยังเป็น คณุ สมบตั ขิ องงานวรรณกรรม องคป์ ระกอบคณะ คณะกรรมการชดุ เดยี ว จำนวนไมแ่ นน่ อน สงู สดุ กรรมการ กำหนดเวลาการสง่ ผลงานใหพ้ จิ ารณา คอื ในปที ี่ ๔ มถี งึ ๙ คน องคป์ ระกอบของคณะ และกำหนดเวลาการประกาศผลผทู้ มี่ สี ทิ ธส์ิ ง่ งาน กรรมการคอื นกั เขยี นอาวโุ ส อาจารย/์ นกั วชิ าการ วรรณกรรมเขา้ รบั การพจิ ารณา หลงั จากประกาศ วรรณกรรม รวมทงั้ ผบู้ รหิ ารของสมาคมภาษาและ ใช้ระเบียบดังกล่าวทำให้การคัดเลือกและตัดสิน หนงั สอื แหง่ ประเทศไทยฯ และสมาคมนกั เขยี น วรรณกรรมรางวลั ซไี รตด์ ำเนนิ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธ-ิ แห่งประเทศไทย กรรมการในแต่ละปีจะมีการ ภาพมากขนึ้ เปลย่ี นแปลงไปบา้ ง คณะกรรมการทที่ ำงานในชว่ ง ๖ ปแี รกคอ่ นขา้ งทำงานหนกั เพราะตอ้ งเสาะหา คณะกรรมการพิจารณาตัดสินวรรณกรรม เพอื่ รบั รางวลั ซไี รต์ ไดก้ ำหนดไวเ้ ปน็ ๒ คณะ โดย แยกบทบาทหนา้ ทใี่ นการทำงานชดั เจน ดงั น ี้ ๑. คณะกรรมการคัดเลือก (Selection Committee) มจี ำนวน ๗ คน ๒. คณะกรรมการตดั สนิ (Board of Juries) มจี ำนวน ๗ คน
45 คณะกรรมการตดั สนิ มหี นา้ ทพี่ จิ ารณาเรอ่ื ง ทค่ี ณะกรรมการคดั เลอื กเสนอและตดั สนิ ๑ เรอ่ื ง ใหไ้ ดร้ บั รางวลั ซไี รต์ ๔. หลกั เกณฑก์ ารตดั สนิ โลร่ างวลั ของนายเรวฒั น์ พนั ธุพ์ ิพฒั น์ ท่ไี ดร้ ับรางวลั ซไี รต์ ประเภทกวีนพิ นธ์ ใน พ.ศ. ๒๕๔๗ การพจิ ารณาคดั เลอื กและตดั สนิ วรรณกรรม ซไี รตไ์ มม่ กี ารกำหนดเกณฑไ์ วเ้ ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร ๕. รางวลั และงานพระราชทานรางวลั นา่ จะเปน็ เพราะตอ้ งการใหอ้ สิ ระแกค่ ณะกรรมการ ซไี รต์ ทง้ั ๒คณะ ประกอบดว้ ยนกั วชิ าการวรรณกรรมและ นกั เขยี น ซง่ึ มคี วามเขา้ ใจ คนุ้ เคยกบั องคป์ ระกอบ ๕.๑ รางวลั ประกอบดว้ ย ของงานวรรณศิลป์ รวมทั้งความเป็นศลิ ปะและ คณุ คา่ แหง่ วรรณกรรมดอี ยแู่ ลว้ อกี ประการหนงึ่ การ ๑. โล่ เปน็ แผน่ โลหะจารกึ เพอ่ื แสดงเกยี รต-ิ ตัดสินงานศิลปะไม่อาจมีหลักเกณฑ์เป็นระเบียบ ประวตั ไิ วเ้ ปน็ อนสุ รณ ์ ตายตัวได้ เน่ืองจากงานศิลปะมีความเล่ือนไหล ตามความคดิ สรา้ งสรรคข์ องผสู้ รา้ ง อนั กอ่ ใหเ้ กดิ ๒. เงนิ รางวลั นวตั กรรมใหมท่ างรปู แบบ เนอื้ หา ความคดิ และ ๓. การทศั นาจร กลวิธีนำเสนออยู่ตลอดเวลา การกำหนดเกณฑ์ นักเขียนกลุ่มประเทศอาเซียนเดินทางมา การตดั สนิ ไวเ้ ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรจงึ ไมย่ ดื หยนุ่ และ รบั พระราชทานรางวลั ทป่ี ระเทศไทย โดยเขา้ พกั ท ่ี ไมเ่ ออ้ื ตอ่ ธรรมชาตขิ องงานศลิ ปะ โรงแรมโอเรยี นเตล็ และไดเ้ ยยี่ มชมสถานทส่ี ำคญั ในประเทศไทยเปน็ เวลา ๑ สปั ดาห ์ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยน์ ติ ยา มาศะวสิ ทุ ธิ์ อดตี นกั เขยี นไทยทไ่ี ดร้ บั รางวลั ซไี รตม์ สี ทิ ธเิ์ ลอื ก นายกสมาคมภาษาและหนงั สอื แหง่ ประเทศไทยฯ ไปทัศนาจรประเทศในกลุ่มอาเซียนเป็นเวลา ๑ อดตี กรรมการคดั เลอื กและตดั สนิ วรรณกรรมซไี รต ์ สปั ดาห์ โดยไดร้ บั บตั รโดยสารเครอื่ งบนิ ทพ่ี กั และ หลายสมยั และกรรมการดำเนนิ งานวรรณกรรม ชมสถานทส่ี ำคญั ในประเทศนน้ั ๆ นกั เขยี นซไี รต์ ซไี รตต์ ง้ั แตร่ ะยะแรก ๆ จนถงึ ปจั จบุ นั กลา่ วไวใ้ น สามารถใชส้ ทิ ธน์ิ ภี้ ายในเวลา ๑ ป ี การเสวนาเรอื่ ง ๑๕ ปซี ไี รตก์ บั วงวรรณกรรมไทย วา่ มหี ลกั เกณฑก์ ารประเมนิ คา่ วรรณกรรมครา่ ว ๆ ๓ ประการ คอื ๑) ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรคท์ ง้ั ใน ดา้ นแนวคดิ และกลวธิ ี ๒) คณุ คา่ ทางวรรณศลิ ป์ และ ๓) คณุ คา่ ตอ่ สงั คมและมนษุ ยชาติ นอกจากน้ี รวมถึงการประเมินองค์รวม ความคดิ การดำเนนิ เรอ่ื ง และภาษาดว้ ย
46 สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช ฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร มพี ระราชดำรสั แกผ่ มู้ ารว่ มในพธิ พี ระราชทานรางวลั ซไี รต ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี พระราชทานรางวลั ซไี รตใ์ หแ้ กอ่ งั คาร จนั ทาทพิ ย ์ ๕.๒ งานพระราชทานรางวลั รตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสดจ็ ฯ แทน พระองค์ และนบั ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ เปน็ ตน้ มาจน พธิ พี ระราชทานรางวลั ซไี รต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ถงึ ปจั จบุ นั สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช ฯ สยาม พ.ศ. ๒๕๒๓ และ พ.ศ. ๒๕๒๖ ทโ่ี รงแรมโอเรยี นเตล็ มกฎุ ราชกมุ าร ทรงเปน็ องคป์ ระธาน ยกเวน้ บางป ี สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ทรง ทโี่ ปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ผี แู้ ทนพระองค ์ เปน็ องคป์ ระธาน ใน พ.ศ. ๒๕๒๔ และ พ.ศ. ๒๕๒๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพ-
47 ในพธิ พี ระราชทานรางวลั แทบทกุ ปจี ะมนี กั ประชาธปิ ไตยบนเสน้ ขนาน และ สงิ่ มชี วี ติ ทเี่ รยี กวา่ คน เขียนท่ีมีช่ือเสียงระดับโลกเป็นปาฐกรับเชิญเพื่อ ของวนิ ทร์ เลยี ววารณิ ไดร้ บั รางวลั ซไี รต์ บรรยายเรอื่ งเกย่ี วกบั วรรณกรรม ดงั เชน่ ในชว่ ง ๕ ปแี รก นกั เขยี นทเ่ี ปน็ ปาฐกรบั เชญิ มรี ายชอ่ื ดงั น ี้ ไดร้ บั รางวลั ซไี รตค์ นละ ๒ เรอ่ื งคอื นวนยิ ายเรอื่ ง พ.ศ. ๒๕๒๓ เจมส์ เอ. มเิ ชอเนอร์ (Mr.James A. คำพพิ ากษา และ เวลา ผลงานของชาติ กอบจติ ต ิ Michener) พ.ศ. ๒๕๒๔ ฮนั ซหู ยนิ (Dr.Hun นวนิยายเร่ือง ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน และ Suyin) พ.ศ. ๒๕๒๕ กอร์ วดิ าล (Mr.Gore Vidal) รวมเรื่องส้ัน ส่ิงมีชีวิตท่ีเรียกว่าคน เป็นผลงาน พ.ศ. ๒๕๒๖ ม.ร.ว.คกึ ฤทธ์ิ ปราโมช และพ.ศ. ของวนิ ทร์ เลยี ววารณิ การทน่ี กั เขยี นไดร้ บั รางวลั ๒๕๒๗ วลิ เลยี ม โกลดงิ (Mr.William Golding) หลายคร้งั เชน่ นเ้ี ป็นเพราะการตดั สินรางวลั ซไี รต์ ในประเทศไทยเปน็ การตดั สนิ ผลงานวรรณกรรม หลงั จากรบั พระราชทานรางวลั แลว้ นกั เขยี น เลม่ ใดเลม่ หนง่ึ ไมไ่ ดต้ ดั สนิ ทตี่ วั นกั เขยี นและผลงาน ซไี รตแ์ ตล่ ะชาตกิ ลา่ วสนุ ทรพจนส์ น้ั ๆ เปน็ ภาษา ทง้ั หมด และไมต่ ดั สทิ ธนิ์ กั เขยี นทเี่ คยไดร้ บั รางวลั ของตนหรอื ภาษาองั กฤษ ซไี รตม์ าแลว้ ดงั นนั้ หากนกั เขยี นสรา้ งสรรคผ์ ลงาน อยา่ งตอ่ เนอื่ ง เปน็ ผลงานทดี่ มี คี ณุ ภาพและมคี ณุ คา่ ๖. วรรณกรรมท่ีได้รับรางวัลซีไรต์ สมควรทจี่ ะไดร้ บั รางวลั นกั เขยี นผนู้ น้ั กส็ ามารถรบั ของประเทศไทย รางวลั ซไี รตไ์ ดห้ ลายครง้ั ซงึ่ สอื่ มวลชนมคี ำเรยี ก นกั เขยี นทไ่ี ดร้ บั รางวลั ซไี รต์ ๒ ครง้ั วา่ “นกั เขยี น นบั จาก พ.ศ. ๒๕๒๒ จนถงึ พ.ศ. ๒๕๕๗ ดบั เบลิ ซไี รต”์ สว่ นนกั เขยี นทมี่ ผี ลงานผา่ นเขา้ รอบ เปน็ เวลา ๓๖ ปี มงี านประพนั ธป์ ระเภทนวนยิ าย สุดท้ายแต่ไม่ได้รับรางวัล สื่อมวลชนจะเรียกว่า บทกวี และเรอ่ื งสนั้ ไดร้ บั รางวลั ซไี รตแ์ ลว้ จำนวน “นกั เขยี นซรี อง” ๓๖ เลม่ ในจำนวนนมี้ นี กั เขยี น ๒ คนทมี่ ผี ลงานซง่ึ รายชอื่ วรรณกรรมทไ่ี ดร้ บั รางวลั ซไี รตแ์ ตล่ ะ คำพพิ ากษา และ เวลา ของชาติ กอบจติ ติ ไดร้ บั รางวลั ซไี รต์ ปตี ามลำดบั ดงั น้ี
48 ปี พ.ศ. ประเภท ชือ่ วรรณกรรม ชื่อนักเขียน พ.ศ. ๒๕๒๒ นวนยิ าย ลกู อีสาน คำพนู บุญทวี พ.ศ. ๒๕๒๓ กวนี ิพนธ ์ เพยี งความเคล่อื นไหว เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย ์ พ.ศ. ๒๕๒๔ รวมเรื่องส้นั ขนุ ทอง…เจา้ จะกลับเมอ่ื ฟ้าสาง อัศศิริ ธรรมโชติ พ.ศ. ๒๕๒๕ นวนิยาย คำพพิ ากษา ชาติ กอบจติ ต ิ พ.ศ. ๒๕๒๖ กวนี ิพนธ์ นาฏกรรมบนลานกวา้ ง คมทวน คนั ธนู พ.ศ. ๒๕๒๗ รวมเรอ่ื งสั้น ซอยเดยี วกัน วาณิช จรงุ กจิ อนนั ต์ พ.ศ. ๒๕๒๘ นวนิยาย ปนู ปดิ ทอง กฤษณา อโศกสิน พ.ศ. ๒๕๒๙ กวนี พิ นธ์ ปณธิ านกว ี อังคาร กลั ยาณพงศ ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ รวมเรอื่ งสน้ั ก่อกองทราย ไพฑรู ย์ ธัญญา พ.ศ. ๒๕๓๑ นวนยิ าย ตลิง่ สงู ซงุ หนัก นคิ ม รายยวา พ.ศ. ๒๕๓๒ กวนี พิ นธ ์ ใบไมท้ ี่หายไป จิระนันท์ พติ รปรชี า พ.ศ. ๒๕๓๓ รวมเร่อื งสั้น อัญมณแี หง่ ชวี ติ อญั ชนั พ.ศ. ๒๕๓๔ นวนยิ าย เจ้าจันทผ์ มหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน มาลา คำจนั ทร์ พ.ศ. ๒๕๓๕ กวีนิพนธ์ มอื น้ันสขี าว ศักดส์ิ ริ ิ มสี มสืบ พ.ศ. ๒๕๓๖ รวมเรอ่ื งสั้น ครอบครัวกลางถนน ศิลา โคมฉาย พ.ศ. ๒๕๓๗ นวนิยาย เวลา ชาติ กอบจิตติ พ.ศ. ๒๕๓๘ กวีนิพนธ์ ม้ากา้ นกล้วย ไพวรนิ ทร์ ขาวงาม พ.ศ. ๒๕๓๙ รวมเรื่องสน้ั แผ่นดนิ อ่นื กนกพงศ์ สงสมพันธุ ์ พ.ศ. ๒๕๔๐ นวนิยาย ประชาธิปไตยบนเสน้ ขนาน วินทร์ เลยี ววารณิ พ.ศ. ๒๕๔๑ กวนี ิพนธ ์ ในเวลา แรคำ ประโดยคำ พ.ศ. ๒๕๔๒ รวมเรื่องสั้น สิง่ มีชวี ิตท่ีเรยี กวา่ คน วินทร์ เลียววาริณ พ.ศ. ๒๕๔๓ นวนยิ าย อมตะ วิมล ไทรนม่ิ นวล พ.ศ. ๒๕๔๔ กวีนพิ นธ ์ บ้านเกา่ พ.ศ. ๒๕๔๕ รวมเรอ่ื งสน้ั โชคชัย บณั ฑิต' พ.ศ. ๒๕๔๖ นวนิยาย ความน่าจะเปน็ ปราบดา หยนุ่ พ.ศ. ๒๕๔๗ กวีนพิ นธ์ ช่างสำราญ เดอื นวาด พมิ วนา พ.ศ. ๒๕๔๘ รวมเรอ่ื งสั้น แม่นำ้ รำลึก เรวัตร์ พันธุ์พิพฒั น ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ นวนยิ าย เจา้ หงิญ บินหลา สันกาลาครี ี พ.ศ. ๒๕๕๐ กวีนิพนธ ์ ความสุขของกะทิ งามพรรณ เวชชาชวี ะ พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมเรอ่ื งสน้ั โลกในดวงตาข้าพเจ้า มนตรี ศรียงค ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ นวนิยาย เราหลงลืมอะไรบางอย่าง วัชระ สัจจะสารสนิ พ.ศ. ๒๕๕๓ กวีนิพนธ ์ ลับแล, แกง่ คอย อทุ ิศ เหมะมูล พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมเรื่องสั้น ไมม่ หี ญิงสาวในบทกว ี ซะการยี ์ยา อมตยา พ.ศ. ๒๕๕๕ นวนยิ าย แดดเชา้ รอ้ นเกนิ กว่าจะนั่งจบิ กาแฟ จเด็จ กำจรเดช พ.ศ. ๒๕๕๖ กวีนิพนธ์ คนแคระ วภิ าส ศรีทอง พ.ศ. ๒๕๕๗ รวมเรอื่ งส้ัน หัวใจห้องที่ห้า องั คาร จนั ทาทิพย์ อสรพษิ และเรอ่ื งอื่น ๆ แดนอรัญ แสงทอง
49 ประเภทนวนยิ าย ประเภทรวมเรอ่ื งสน้ั ประเภทกวนี พิ นธ์ วรรณกรรมทไ่ี ดร้ บั รางวลั ซไี รตใ์ นปตี า่ ง ๆ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299