Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Proceedings SROI

Proceedings SROI

Published by sroi.tsri2, 2021-11-16 10:03:10

Description: Proceedings SROI

Search

Read the Text Version

ผลผลิต ผลลพั ธ์ ตวั ชว้ี ดั ประชำชนอำสำสมคั รทเ่ี ขำ้ ร่วม - เจำ้ หนำ้ ท่ตี ำรวจมเี ทคโนโลยี จำนวนคดีอำญำ โครงกำร ไดร้ บั กำรตดิ ตั้ง ทสี่ ะดวก ใช้งำนในกำรรกั ษำ ในฐำนควำมผดิ อุปกรณ์ NB-IOT Tracking ทรัพยส์ นิ และอำนวยควำมยุติธรรม เกย่ี วกบั ทรัพย์ และรบั กำรถ่ำยทอดเทคโนโลยี ของประชำชนได้ เฉพำะกำร - ผูก้ ่อเหตมุ คี วำมเกรงกลวั ตอ่ โจรกรรมรถยนต์ ศนู ย์ประสำนงำน ณ สน.บำงซือ่ กำรดำเนนิ กำรสบื สวนสอบสวน และโจรกรรม สำมำรถรองรบั ข้อมลู ประสำน และปรำบปรำมกำรโจรกรรมรถยนต์ รถจกั รยำนยนต์ และสง่ ต่อข้อมลู ไปยังดำ่ น และรถจักรยำนยนต์ ลดลง หรือจดุ สกดั หรือสถำนตี ำรวจ - ลดควำมเสยี หำยทำงทรัพยส์ ิน พื้นที่ต่ำง ๆ เพอื่ ดำเนนิ กำร และกำรเงนิ ของประชำชนท่เี ปน็ จับกุมไดอ้ ย่ำงรวดเรว็ (ต่อ) เหย่ีอโจรกรรม - ลดกำรลกั ลอบขำยอะไหล่รถยนต์ มกี ำรประชำสมั พนั ธโ์ ครงกำร / รถจักรยำนยนตไ์ ปยังประเทศ จำนวนกำรเขำ้ ถึง และกำรใชอ้ ุปกรณ์ NB-IOT เพือ่ นบำ้ น พร้อมเพม่ิ กำรผลติ ของประชำชนทมี่ ี ม Tracking ต่อสำธำรณะผ่ำน และส่งออก ต่อกำรใช้งำน หลำยช่องทำง เชน่ YouTube, อุปกรณ์ NB-IOT Facebook และใบปลวิ เพมิ่ กำรขำยอุปกรณเ์ ทคโนโลยี Tracking มำกกวำ่ 6,000 คน NB-IOT Tracking และใหบ้ ริกำร ในชอ่ งทำงต่ำง ๆ สญั ญำณอนิ เตอรเ์ นต็

ผูม้ สี ว่ นได้ ส่วนเสยี ปจั จัยนาเข้า กิจกรรม ผู้เข้ารว่ มโครงการ ดำเนินกำรเข้ำร่วมโครงกำรเพอื่ รบั กำรตดิ ตง้ั ประชาชนในพ้นื ท่ี อปุ กรณ์ NB-IOT Tracking ได้รับขอ้ มลู ข่ำวสำรผำ่ นช่องทำงอินเตอร์เนต็ ปำ้ ยประกำศและผ่ำนกำรประชมุ คณะกรรมกำรตรวจสอบและตดิ ตำม กำรบรหิ ำรงำนตำรวจ (กต.ตร.) สถำนีตำรวจ นครบำลบำงซอ่ื

The 1st National Conference on SROI 145 ผลผลติ ผลลัพธ์ ตวั ช้วี ัด ไดร้ ับกำรตดิ ตงั้ อุปกรณ์ NB-IOT ประชำชนมีควำมพงึ พอใจท่ไี ดร้ บั จำนวนรอ้ ยละของ Tracking จำนวน 100 คนั โอกำสกำรใช้งำนอปุ กรณ์ NB-IoT ควำมพึงพอใจของ ดว้ ยกำรสนบั สนนุ จำกภำครัฐ ผู้ใช้งำนอุปกรณ์ ประชำชนทรำบและเข้ำใจ NB-IOT Tracking กำรทำงำนเชิงรุกของเจำ้ หนำ้ ที่ ประชำชนม/ี รบั รเู้ ทคโนโลยที ีม่ ี ตำรวจในกำรนำรอ่ งกำรใชง้ ำน ในปจั จุบนั สำมำรถเข้ำถงึ ใชง้ ำนเพือ่ เทคโนโลยี สรำ้ งควำมม่ันคงให้กับทรพั ยส์ นิ ของประชำชนได้เอง

146 จำกแผนทผ่ี ลกระทบดงั ตำรำงท่ี 2 สำมำรถนำมำวิเครำะหค์ ำ่ ทำงกำรเงนิ จำกจำนวนคดีอำชญำกรรมของสถำนี ตำรวจนครบำลบำงซื่อ ดงั ตำรำงท่ี 3 ตารางที่ 3 วิเครำะห์ค่ำทำงกำรเงนิ จำกจำนวนคดีอำชญำกรรมของสถำนีตำรวจนครบำลบำงซอื่ ผลลัพธ์ ผลกระทบ ตัวชี้วดั ผลกระทบ คา่ แปลงทางการเงนิ - ผกู้ ่อเหตมุ ีควำมเกรงกลวั คดอี ำญำในฐำนควำมผดิ จำนวนคดอี ำญำในฐำน รอ้ ยละของจำนวนคดี ต่อกำรดำเนินกำรสบื สวน เก่ยี วกบั ทรัพยเ์ ฉพำะกำร ควำมผิดเกีย่ วกับทรัพย์ คดอี ำญำในฐำนควำมผิด สอบสวนและปรำบปรำมกำร โจรกรรมรถยนต์ เฉพำะกำรโจรกรรมรถยนต์ เกย่ี วกบั ทรพั ยเ์ ฉพำะ โจรกรรมรถยนต์ และรถจักรยำนยนต์ และรถจักรยำนยนตล์ ดลง กำรโจรกรรมรถยนต์ และรถจกั รยำนยนต์ และรถจักรยำนยนต์ - ลดควำมเสียหำยทำงทรัพย์สนิ และกำรเงินของประชำชนทเี่ ปน็ เหยอี่ โจรกรรม มูลคำ่ ควำมเสยี หำยรวมเปน็ เงิน 7,559,150 บำท โดยประมำณและจำนวนคดี ฯ ลดลงร้อยละ 96.36 (จำก 110 คดี ลดลงเหลือ 4 คดี) (มลู คำ่ 7,559,150 x 0.9636) จงึ คดิ เปน็ เงิน 7,283,997 บำท โดยประมำณ แต่เนื่องจำกเกิดขึ้นในเวลำ 2 ปี 3 เดือน (27 เดือน) จึงคำนวณมูลค่ำปัจจุบันด้วยอัตรำลดลง (อัตรำดอกเบี้ย) ร้อยละ 2 แล้วคำนวณหำมูลค่ำปจั จบุ ันของผลประโยชน์ด้วยสมกำรที่ 2 ทำให้มูลค่ำปัจจุบันของผลประโยชน์ คือ 7,283,997 / (1+0.02)(27/12) เทำ่ กบั 6,966,576.- บำท และเมื่อนำมำคำนวณคำ่ SROI โดยเทียบกบั ปจั จยั นำเขำ้ (input) ดังสมกำรท่ี 3 จงึ ได้คำ่ SROI ท่ีเกดิ ขึน้ ว่ำ 6,966,576 / 1,965,140 มคี ำ่ 3.54 เท่ำ อย่ำงไรก็ตำมคณะผู้ศึกษำได้มีกำรศึกษำผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจำกปัจจัยอื่น (attribution) ผลลัพธ์ทดแทน (displacement) ผลลัพธ์ส่วนเกิน (deadweight) และอัตรำกำรลดลงของผลประโยชน์ (drop-off) จำกผลกระทบที่เกิดขึ้นของโครงกำรฯ เพื่อให้เกิดควำมเข้ำใจที่ถูกต้องและเพิ่มควำมน่ำเชื่อถือ ของกำรประเมิน แสดงดงั ตำรำงที่ 4 ตารางท่ี 4 กำรอำ้ งองิ ผลกระทบท่ีครอบคลุม (impact claim) ผลประโยชน์ทเี่ กดิ ขน้ึ ผลลัพธ์ทดแทน ผลลัพธส์ ว่ นเกนิ อัตรำกำรลดลง จำกปจั จัยอน่ื (attribution) (displacement) (deadweight) ของผลประโยชน์ ปัจจัยท่ีสง่ ผลกระทบตอ่ กำรลดลง ผลลัพธ์ที่เกดิ ขึน้ จำกกำรเปรยี บเทียบจำนวน (drop-off) ของจำนวนคดอี ำชญำกรรม (โจรกรรม จำกโครงกำรฯ คดีอำชญำกรรม รถยนตแ์ ละรถจกั รยำนยนต)์ ในพืน้ ที่ เป็นผลลพั ธเ์ ชงิ บวก (โจรกรรมรถยนต์และ กำรเส่อื มสลำยของ สน.บำงซอื่ เป็นผลกระทบทเ่ี กิดขนึ้ จำก แตผ่ ูท้ ่ีไดร้ ับผลลพั ธเ์ ชงิ รถจักรยำนยนต)์ ระหวำ่ ง อุปกรณ์ NB – IoT หลำยปัจจยั ประกอบดว้ ย ลบ คอื ผ้กู ระทำ tracking (benefit period และ drop off) โดยทวั่ ไปจะอยู่

The 1st National Conference on SROI 147 ผลประโยชน์ที่เกิดขึน้ ผลลัพธท์ ดแทน ผลลพั ธส์ ่วนเกนิ อตั รำกำรลดลง จำกปจั จัยอื่น (attribution) (displacement) (deadweight) ของผลประโยชน์ (drop-off) 1. กำรแพร่ระบำดของโรคโควิด-19 ควำมผิด พน้ื ที่ สน.บำงซอ่ื และ สน. ในระยะเวลำไมเ่ กนิ เป็นเหตใุ หก้ ำรดำเนนิ กจิ กรรม ดงั นัน้ ผลลพั ธท์ ดแทน บำงเขน พบวำ่ 3 ปี ตำมระยะเวลำ ของประชำชนในพ้ืนท่เี ศรษฐกจิ ลดลง จึงไม่ถกู นำมำใช้ ชว่ ง ม.ค. 60 – ธ.ค. 62 ประกันสินคำ้ เชน่ กำรดำเนินอำชพี กำรใชส้ ถำนที่ พจิ ำรณำ สน.บำงซ่ือ มี 110 คดี สำธำรณะ เปน็ ตน้ สน.บำงเขน มี 19 คดี 2. กรงุ เทพมหำนครไดส้ ่งมอบพ้ืนท่ีคืน และช่วง ก.ค. 62 – ก.ย. 64 แกม่ ูลนธิ สิ วนสมเด็จพระนำงเจ้ำสริ กิ ติ ฯิ์ สน.บำงซื่อ มี 4 คดี ส่งผลใหเ้ กิดกำรปดิ ตลำดนดั เจเจกรนี (ลงลง ร้อยละ 96.36) แหล่งกำรเกดิ อำชญำกรรมลดลง สน.บำงเขน มี 24 คดี 3. กำรเฝ้ำระวงั พร้อมกับประชำสมั พนั ธ์ (เพ่ิมข้ึนรอ้ ยละ 26.31) ของเจ้ำหน้ำท่ีตำรวจ จึงสะท้อนใหเ้ ห็นว่ำกำรใช้ ในพื้นทโ่ี ดยม่งุ เน้นกำรปอ้ งกนั งำนเทคโนโลยีควบคูก่ ับ ปรำบปรำมอำชญำกรรมเชงิ รกุ ปจั จยั หลำยประกำร จัดระเบียบพนื้ ท่หี ้ำมจอด เชน่ กำรปฏบิ ัตหิ นำ้ ท่ีเชงิ รกุ เข้ำถึงประชำชนดว้ ยสือ่ ออนไลน์ ของเจ้ำหน้ำทต่ี ำรวจ, กำรนำเอำเทคโนโลยี นวตั กรรมตำ่ ง ๆ กำรเปลย่ี นแปลงของ มำใช้งำนสร้ำงควำมเชอื่ มัน่ ให้กบั สภำพแวดล้อมและวถิ กี ำร ประชำชนในพื้นที่ ดำเนนิ ชีวิตของประชำชน สง่ ผลตอ่ กำรลดลง ของจำนวนคดอี ำชญำกรรม ไดอ้ ย่ำงชัดเจน สรุปผลการศึกษา กำรประเมินผลตอบแทนทำงสังคมจำกกำรลงทุนของโครงกำรนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน เพื่อกำรป้องกันอำชญำกรรมยำนยนต์ สถำนีตำรวจนครบำลบำงซื่อ กองบัญชำกำรตำรวจนครบำล สำมำรถเห็นผลลัพธ์ของกำรลงทุนที่ชัดเจน สำมำรถระบุผลตอบแทนทำงเศรษฐกิจออกมำได้ คือ 3.54 เท่ำ หมำยควำมว่ำ เงนิ 1 บำท ที่ลงทนุ ไปในโครงกำรสำมำรถสร้ำงผลตอบแทนทำงสังคมคดิ เป็นมูลค่ำ 3.54 บำท จำกผลกำรศึกษำดงั กล่ำว แสดงถงึ ควำมสมั พนั ธ์ในกำรทำงำน กำรปอ้ งกนั และปรำบปรำมเชิงรุกของเจ้ำหน้ำที่ ตำรวจกำรควบคมุ จัดระเบยี บ กำรประชำสมั พนั ธ์ กำรเขำ้ ถึงประชำชนในพื้นทด่ี ้วยควำมสม่ำเสมอ กำรนำเอำ เทคโนโลยี นวัตกรรมต่ำง ๆ มำสนับสนุนส่งเสริมกำรปฏิบัติหน้ำที่ ซึ่งสำมำรถอธิบำยผลกระทบ (จำนวนคดี

148 อำชญำกรรมที่ลดน้อยลง) ด้วยกำรใช้ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง เชื่อมโยงควำมสัมพันธ์ของโครงกำรไปสู่ กำรมปี ฏิสัมพันธ์ของผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสียและปัจจยั นำเข้ำอย่ำงเห็นได้ชัด วิจารณ์ผลการศึกษา บทควำมนี้เป็นกำรประเมินผลตอบแทนทำงสังคมจำกกำรลงทุนตำมหลักกำรเบื้องต้น เนื่องจำก กำรวิเครำะห์ดังกล่ำวยังมขี ้อจำกดั อยู่หลำยประกำรทัง้ กำรไม่มีข้อมูลหรือมีขอ้ มูลไม่สมบูรณ์ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้ ในทุกกำรศึกษำ (สำนักงำนกองทุนสนับสนุนกำรสร้ำงเสริมสุขภำพ, 2557) กำรสร้ำงตัวแทนมูลค่ำผลลัพธ์ บำงกรณียังอำศัยกำรคำดคะเน เชน่ กำรลดลงของผลประโยชน์เน่ืองจำกควำมเสื่อมตำมกำลเวลำ (drop-off) สำหรับกำรคำนวณหำผลตอบแทนที่คำดกำรณ์ในอนำคต (Ex-ante) แต่อย่ำงไรก็ตำมกำรศึกษำนี้ มีควำมพยำยำมที่จะลดควำมเข้ำใจที่คลำดเคลื่อนของอำชญำกรรมท่ีลดลงในพื้นทีโ่ ดยระบุกำรอ้ำงผลกระทบ ท่คี รอบคลุม (impact claim) ให้มำกที่สุด โดยเกบ็ ข้อมลู จำกผู้มีสว่ นได้สว่ นเสยี ของโครงกำรฯ พบว่ำ จำนวน คดีอำญำในฐำนควำมผิดเกี่ยวกับทรัพย์เฉพำะกำรโจรกรรมรถยนต์และโจรกรรมรถจักรยำนยนต์ในช่วงปีท่ี ดำเนินโครงกำรจนเสร็จสิ้นและปิดโครงกำรมีจำนวนลดลงโดยเป็นผลมำจำกกำรลดปัจจัยเสี่ยงตำมทฤษฎี สำมเหลี่ยมอำญำชกรรม ประกอบด้วย 1) มิติเหยื่อ คือ มีกำรใช้งำนและกำรรับรู้เทคโนโลยีที่ใช้สนับสนุน กำรปฏบิ ตั ิหน้ำท่ีของเจ้ำหน้ำทีต่ ำรวจในกำรสืบสวนสอบสวนและจับกมุ ผู้กระทำควำมผิดเมื่อเกิดเหตุโจรกรรม 2) มิติผู้กระทำควำมผิด คือ ทรำบถึงกำรรู้เท่ำทันของเหยื่อในกำรใช้งำนเทคโนโลยีเพื่อป้องกันรถยนต์ รถจักรยำนยนต์ของตน รวมถงึ ปฏบิ ัตหิ น้ำทข่ี องเจ้ำหน้ำท่ตี ำรวจเชิงรุกกำรป้องกันปรำบปรำม ทำให้เกิดควำม ยับย้ังช่งั ใจกำรกอ่ เหตุอำชญำกรรม 3) มิติโอกำสในกำรเกดิ อำชญำกรรม คอื กำรลดโอกำส ลดสภำพแวดล้อม ในกำรเกิดอำชญำกรรม เช่น กำรจัดระเบียบพื้นที่จอดรถจักรยำนยนต์ กำรเกิดสถำนกำรณ์ระบำดของโรค โควิด-19 ทำใหป้ ระชำชนออกมำใช้พนื้ ทส่ี ำธำรณะน้อยลง ข้อเสนอแนะ กำรศึกษำนี้เป็นกำรประเมินผลเฉพำะข้อมูลที่สำมำรถวัดมูลค่ำและเป็นข้อมูลที่ได้ ณ ช่วงเวลำ และเฉพำะพื้นที่เท่ำนั้น มีคุณค่ำและกำรเปลี่ยนแปลงหลำยประกำรยังมิได้ถูกนำมำคำนวณ เช่น ควำมค่ำ เชื่อมั่นและควำมรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชำชน กำรเปลี่ยนแปลงภำพลักษณ์ขององค์กร กำรพัฒนำศักยภำพบุคลำกร เจ้ำหน้ำที่ตำรวจ ทัศนคติหรือมุมของประชำชนที่มีต่อเจ้ำหน้ำที่ตำรวจ เป็นต้น ดังนั้นกำรดำเนินโครงกำรลักษณะนี้ต่อไปในอนำคต จำเป็นต้องวำงแผนและเตรียมควำมพร้อม สำหรับกำรประเมินคุณค่ำ โดยเริ่มตั้งแต่วำงแผนกำรดำเนินงำน แนวทำง วิธีกำรเก็บข้อมูลที่ครอบคลุม ถูกต้อง ชัดเจนเพื่อกำรวิเครำะห์ผลลัพธ์และผลกระทบให้มีควำมน่ำเชื่อถือ ตลอดจนนำไปสู่กำรใช้

The 1st National Conference on SROI 149 ผลกำรประเมินได้อย่ำงมีประสิทธิภำพและเป็นเครื่องมือสำคัญในกำรตัดสินใจและผลักดันนโยบำยสำคัญ ของสำนักงำนตำรวจแห่งชำตติ ่อไป กติ ติกรรมประกาศ คณะผู้ศึกษำขอขอบคุณผู้บังคับบัญชำภำยในสำนักงำนตำรวจแห่งชำติทุกท่ำน โดยเฉพำะอย่ำงย่ิง พันตำรวจโท วรภัทร สุขไทย สถำนีตำรวจนครบำลบำงซื่อ สำนักงำนนวัตกรรมแห่งชำติ(NIA) (ผู้สนับสนุน งบประมำณ) บริษัท เอช ไอ พี โกลบอล จำกัด (ผู้ให้ข้อมูลเชิงเทคนิคของอุปกรณ์เทคโนโลยี NB – IoT tracking) และสำนักงำนคณะกรรมกำรส่งเสริมวิทยำศำสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่ให้ควำมกรุณำ แนะนำ ปรับปรุง แก้ไขผลกำรศึกษำนี้และเป็นจุดเริ่มต้นในของกำรผลักดันให้เกิดกำรประเมินผลตอบแทน ทำงสงั คมจำกกำรลงทนุ ให้เป็นท่ยี อมรับและแพรห่ ลำยต่อไปในอนำคต เอกสารอา้ งองิ โชตกิ ำ ภำษผี ล. 2560. กำรประเมินผลตอบแทนทำงสังคม Social Return on Investment (SROI). วำรสำร ครศุ ำสตร์ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4 หนำ้ 343-353 ศิริชยั กำญจนวำส.ี 2562. ทฤษฎีกำรประเมนิ . กรุงเทพฯ: สำนักพมิ พ์จฬุ ำลงกรณ์มหำวทิ ยำลยั สมพร อิศวลำนนท์ และปิยะทัศน์ พำฬอนุรักษ์. 2561. กำรจัดกำรงำนวิจัยสู่ผลลัพธ์และผลกระทบ แนวคิด และกรณีศึกษำ. สถำบนั คลังสมองของชำติ. กรงุ เทพฯ สำนกั งำนกองทุนสนับสนนุ กำรสรำ้ งเสริมสุขภำพ. 2557. กำรวิเครำะห์ผลตอบแทนทำงสังคม Social Return on Investment (SROI): กรณีศึกษำกำรดำเนินงำนของสำนักงำนกองทุนสนับสนุนกำรสร้ำงเสริม สุขภำพ (สสส.) Selected Cases from Thai Health Promotion Foundation. กรงุ เทพฯ UNFPA กองทุนประชำกรแห่งสหประชำชำติ ประจำประเทศไทย. 2019. รำยงำนกำรวิเครำะห์ผลตอบแทน ทำงสงั คมจำกกำรลงทนุ ในโครงกำรควำมร่วมมือใต้-ใต้และไตรภำครี ะหว่ำง UNFPA และรฐั บำลไทย. UNFPA

150 การประเมินผลลพั ธแ์ ละผลกระทบทางเศรษฐกจิ และสังคมของ กฎบตั รเพ่อื การพฒั นาเมอื ง: กรณีศึกษาจังหวัดอุดรธานี สพุ รรณกิ ำ ลือชำรัศมี1, ปยิ ะลักษณ์ พุทธวงศ์1, เรงิ ชยั ตนั สชุ ำติ2, จริ ำคม สิริศรสี กลุ ชัย1, ไชยวฒั น์ กลน่ิ ลำภู2 1 ศนู ยเ์ ศรษฐศาสตร์ทรัพยากรมนษุ ยแ์ ละสาธารณสุข คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2 ศูนยค์ วามเป็นเลิศทางเศรษฐมติ ิ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ Corresponding Author: [email protected] บทคดั ยอ่ กฎบัตรเพื่อกำรพัฒนำเมือง (Urban Development Charter) เป็นกลไกเชิงพ้ืนท่ีในกำรพัฒนำเมือง โดยมุ่งกำรออกแบบเมืองอย่ำงชำญฉลำดเพื่อยกระดับทำงเศรษฐกิจและสังคม มีกำรคำดว่ำโครงกำรกฎบัตร ในบำงพื้นที่สำมำรถสร้ำงผลกระทบได้สูง ดังนั้นเพื่อแสดงถึงผลประโยชน์ของโครงกำรกฎบัตรที่ชัดเจน พร้อมทง้ั กำรสรำ้ งตัวชว้ี ัดและข้อมูลทำงวชิ ำกำรเกย่ี วกับผลลัพธแ์ ละผลกระทบ กำรศกึ ษำในคร้ังนี้จึงได้ทำกำร ประเมินผลลัพธ์และผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคมก่อนกำรดำเนินโครงกำร (Ex-ante) ของชุดโครงกำร หลักภำยใต้กฎบัตรเพื่อกำรพัฒนำเมือง โดยใช้กรณีศึกษำ จังหวัดอุดรธำนี ที่ต้องกำรให้เป็นเมือง MICE Walkable and Greenest City เครื่องมือที่ใช้ในศึกษำ คือ หลักกำรประเมินผลกระทบทำงเศรษฐกิจ และสังคม (SROI) ผลกำรศกึ ษำพบว่ำ กลุ่มผู้มสี ่วนได้สว่ นเสยี ในจงั หวดั อุดรธำนีท่ีไดร้ ับประโยชน์จำกโครงกำร มำกที่สุด คือ เกษตรกรรำยย่อย นักท่องเที่ยว และผู้ลงทุนในจังหวัด โดยค่ำผลตอบแทนทำงสังคมจำกกำร ลงทุน (SROI) ของโครงกำรในระยะสั้น (ปี 2563-2565) มีค่ำระหว่ำง 0.36 (r=12%) ถึง 0.42 (r=3.5%) ในระยะกลำง (ปี 2563-2567) มคี ่ำระหวำ่ ง 4.28 (r=12%) ถงึ 6.13 (r=3.5%) ในระยะยำว (ปี 2563-2582) มีคำ่ ระหวำ่ ง 24.46 (r=12%) ถงึ 56.77 (r=3.5%) คาสาคญั : กฎบัตรเพื่อกำรพัฒนำเมอื ง, กำรประเมนิ ผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคม, MICE, อดุ รธำนี 1.บทนา กฎบัตรเพื่อกำรพัฒนำเมือง (Urban Development Charter) เป็นกลไกเชิงพ้ืนที่ในกำรพัฒนำเมือง โดยมุ่งกำรออกแบบเมืองอยำ่ งชำญฉลำดเพ่ือยกระดบั ทำงเศรษฐกิจและสังคม โดยเปน็ ขอ้ ตกลงรว่ มกันระหวำ่ ง ผู้ประกอบกำรเอกชนกับหน่วยงำนของรัฐที่เกี่ยวข้องกับกำรพัฒนำท้องถิ่นในกำรปรับปรุงหรือแก้ไขข้อจำกัด ที่เคยเป็นอุปสรรคในกำรพัฒนำเมืองแล้วสร้ำงควำมร่วมมือในกำรลงทุนร่วมกันเพื่อก่อให้เกิดโครงสร้ำง

The 1st National Conference on SROI 151 สำธำรณูปโภค กำรสร้ำงพื้นที่สำธำรณะ กำรสร้ำงธุรกิจใหม่และกำรจ้ำงงำนที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับคนในท้องถน่ิ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ฐำปนำ บุณยประวิตร, 2562) ผลลัพธ์และผลกระทบของกฎบัตร เพื่อกำรพัฒนำเมืองเริ่มปรำกฏเห็นผลในพื้นที่จังหวัดอุดรธำนีและเมืองป่ำตอง จังหวัดภูเก็ต โดยนำมำสู่ กำรลงทนุ ของภำคเอกชนและองค์กำรปกครองสว่ นท้องถ่ิน ซึง่ จะก่อใหเ้ กิดผลกระทบทง้ั ด้ำนเศรษฐกิจจุลภำค คือ กำรปรับปรุงสำธำรณูปโภค พื้นที่สำธำรณะ เครื่องอำนวยควำมสะดวกในกำรดำเนินธุรกิจ และกำรสร้ำง งำนในพื้นที่และในด้ำนเศรษฐกิจมหภำค คือ กำรกระจำยของเม็ดเงินลงทุนไปสู่ภำคธุรกิจต่ำง ๆ ที่มีควำม เกี่ยวโยงกันจำกกำรทำธุรกรรมซื้อขำยและให้บริกำร โดยมีกำรประเมินในเบื้องต้นว่ำเฉพำะกำรพัฒนำพื้นที่ เมืองป่ำตองจะมีผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคมมำกถึง 40,000 ล้ำนบำท และกำรพัฒนำพื้นที่จังหวัด อุดรธำนีจะมีผลกระทบอีก 31 ล้ำนบำท ทั้งน้ีหนึ่งในจังหวัดที่มีกำรดำเนินโครงกำรกฎบัตรและเริ่มมี ควำมก้ำวหน้ำในโครงกำรต่ำง ๆ สูง คือ จังหวัดอุดรธำนี โดยเป้ำหมำยที่ทำงโครงกำรกฎบัตรฯ เมืองอุดรธำนี ได้ระบุไว้ คือ กำรพัฒนำเมืองไปสู่เมือง MICE Walkable and Greenest City ซึ่งคำดว่ำจะส่งผลให้เกิด ผลกระทบทำงเศรษฐกจิ เปน็ อยำ่ งมำก รปู ท่ี 1 กลไกกำรพฒั นำเมืองรูปแบบใหม่ของกฎบตั รเมือง ที่มำ: ฐำปนำ บุญยประวติ ร และคณะ (2562) กำรพัฒนำกฎบัตรเมืองมีเป้ำหมำยในกำรขับเคลื่อนกำรเปลี่ยนแปลงทำงกำยภำพ เศรษฐกิจ และสังคมผ่ำน 3 กลไกหลัก (รูปที่ 1) โดยใช้กำรพัฒนำเมืองในรูปแบบใหม่เป็นกลไกแรก จำกนั้นจะมีกำรใช้ คณะผู้ช่วยกำรวำงแผนชุมชนเข้ำมำช่วยขับเคลื่อนโครงกำรต่ำง ๆ เป็นกลไกที่สองและกลไกสุดท้ ำย คือ กำรพัฒนำเมืองตำมสำขำต่ำง ๆ ที่ได้วำงแผนไว้เพื่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงทำงกำรลงทุนและกระตุ้น ให้เกิดกจิ กรรมกำรพฒั นำเมืองจำกบรษิ ัทพฒั นำเมือง หนว่ ยงำนภำครัฐ ผปู้ ระกอบกำรในพ้นื ทแี่ ละนักลงทุน ในอดีตที่ผ่ำนมำผลกำรศึกษำผลกระทบทำงเศรษฐกิจของกำรพฒั นำเมืองในส่วนของกำรลงทุนขนสง่ สำธำรณะมีนัยสำคัญต่อกำรจ้ำงงำนในประเทศอังกฤษ โดยกำรใช้จ่ำยทุก ๆ 1 พันล้ำนเหรียญดอลลำร์สหรัฐ จะก่อให้เกิดกำรจ้ำงงำน 41,000 ตำแหน่งและกำรจ้ำงงำนที่เกิดขึ้นใน 36,000 ตำแหน่งจะก่อให้เกิดรำยได้

152 ต่อระบบเศรษฐกิจ 3.6 พันล้ำนเหรียญดอลลำร์สหรัฐเพรำะกำรขนส่งสำธำรณะยังช่วยให้เกิดกำรประหยัด ค่ำเดินทำงและเกิดกำรเปลี่ยนแปลงรูปแบบกำรเดินทำงซึ่งนำไปสู่กำรเปลี่ยนแปลงในกำรใช้จ่ำยของผู้บริโภค ลดควำมแออัดของกำรจรำจรซึ่งนำไปสู่กำรประหยัดต้นทุนกำรเดินทำงโดยตรงสำหรับธุรกิจและครัวเรือน และเกิดประสิทธิผลทำงธุรกิจที่ได้รับจำกกำรเข้ำถึงตลำดแรงงำนในวงกว้ำงด้วยทักษะที่หลำกหลำยมำกขึ้น ที่เกิดจำกกำรลดควำมแออัดของกำรจรำจรและกำรมีพื้นที่บริกำรขนส่งสำธำรณะที่ขยำยตัว (Weisbrod & Reno, 2009) นอกจำกนผ้ี ลกระทบท่ีเกิดขึ้นจำกกำรลงทนุ ในโครงสร้ำงพนื้ ฐำนท่ีเกี่ยวกับกำรขนส่งในประเทศ อังกฤษในช่วงระหว่ำงปี 2014 – 2019 ได้ผลกระทบอย่ำงกว้ำงขวำงต่อเศรษฐกิจ นำไปสู่กำรปรับปรุง ประสิทธิภำพกำรผลิตโดยรวมและกำรสร้ำงงำนทุก ๆ $1 ในกำรลงทุนสำหรับทำงหลวงของรัฐบำลกลำง และระบบขนส่งมวลชนจะให้ผลตอบแทนกลับคืนมำในช่วงระหว่ำง $1.80 - $2.00 ค่ำใช้จ่ำยในกำรขนส่ง ของรัฐบำลกลำงในปจั จุบนั มีสว่ นชว่ ยให้เกดิ รำยได้จริงต่อครวั เรือนเฉล่ีย $410 ต่อปี กำรใชจ้ ่ำยด้ำนกำรขนส่ง ของรัฐบำลกลำงก่อให้เกิดกำรจ้ำงงำนโดยเฉลี่ยปีละ 614,000 คน ในทุกภำคส่วนของเศรษฐกิจสร้ำงรำยรับ ภำษีส่วนบุคคลของรัฐบำลกลำงต่อปี 31,000 ล้ำนเหรียญสหรัฐ นอกจำกนี้กำรใช้จ่ำยของภำครัฐที่เพิ่มข้ึน ร้อยละ 5 ต่อปีจะส่งผลให้มีงำนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 59,400 ตำแหน่งต่อปีและสร้ำงรำยรับของครัวเรือนให้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 40 (Karen et.al., 2014) สำหรับกำรศกึ ษำเกี่ยวกับผลกระทบทำงด้ำนเศรษฐกิจของธรุ กิจไมซ์ พบว่ำ กำรจัดกิจกรรมไมซ์ส่งผล ต่อธุรกิจผ่ำนกำรใช้จ่ำยของผู้จัดกิจกรรม ผู้เข้ำร่วมกิจกรรม เจ้ำของอุตสำหกรรมที่เข้ำร่วมกำรประชุมไมซ์ และยอดขำยที่ธรุ กิจที่ให้บริกำรสินคำ้ และบริกำรแก่ผู้เข้ำชมและส่งผลต่อเศษฐกิจในภำพรวมผ่ำนกำรจำ้ งงำน คนในทอ้ งถิน่ ในภำคธรุ กจิ ต่ำง ๆ เชน่ บรกิ ำรอำหำรและเคร่ืองดมื่ ที่อยู่อำศยั และค่ำใช้จ่ำยที่เก่ียวข้อง สุขภำพ ขนส่ง กำรสื่อสำร สันทนำกำรและวัฒนธรรม และบริกำรกำรศึกษำ เป็นต้น นอกจำกนี้ในกรณีของประเทศ สิงคโปร์ พบว่ำ กำรใช้จ่ำยทั้งหมดที่เกิดจำกกิจกรรมไมซ์ในปี 2012 อยู่ที่ 5.2 พันล้ำนดอลลำร์สิงคโปร์ และคิดเป็นผลประโยชน์ทำงเศรษฐกิจให้กับประเทศสิงคโปร์สูงถึง 3.7 พันล้ำนเหรียญสิงคโปร์หรือประมำณ ร้อยละ 1.06 ของ GDP (ICCA, 2016) นอกจำกนี้ในจีนพบวำ่ กำรจัดแสดงสินค้ำในมณฑลกวำงตุ้งครัง้ ที่ 104 มีมูลค่ำผลประโยชน์ทำงเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นประมำณ 16.243 พันล้ำนหยวนและอัตรำส่วนของผลกระทบ โดยตรงและโดยอ้อม คือ 1:2.94 ซึ่งภำคเศรษฐกจิ ท่ีไดร้ ับประโยชน์จำกกำรจัดงำนในครัง้ นี้ ได้แก่ ภำคบริกำร คำ้ สง่ และค้ำปลีก ไฟฟ้ำ กำรผลิตและจำหนำ่ ยไอน้ำและน้ำร้อน กระดำษ กำรพิมพแ์ ละเคร่ืองเขียนท่ีเกี่ยวข้อง กับผลิตภัณฑ์ของเล่นบริกำรท่ีพักและบริกำรอำหำร บริกำรโทรคมนำคมและคอมพิวเตอร์ (Tiecheng et.al., 2018) เช่นเดียวกับประเทศไทยที่พบว่ำในปี 2561 ประเทศไทยมีกำรต้อนรับนักเดินทำงกลุ่มไมซ์ทั้งจำก ต่ำงประเทศและนักเดินทำงกลุ่มไมซ์ที่เดินทำงในประเทศ รวมทั้งสิ้นกว่ำ 34,267,307 รำย สร้ำงรำยได้ให้ ประเทศไทยรวมกว่ำ 212,924 ล้ำนบำท โดยเป็นนักเดินทำงกลุ่มไมซ์จำกต่ำงประเทศทั้งสิ้น 1,255,985 รำย ก่อให้เกิดรำยได้จำกกำรใช้จ่ำย 95,623 ล้ำนบำท และนักเดินทำงกลุ่มไมซ์ที่เดินทำงในประเทศ มีจำนวน 33,011,322 รำย ก่อให้เกิดรำยได้ในระบบเศรษฐกิจ 117,301 ล้ำนบำท ทั้งนี้ผลกระทบทำงเศรษฐกิจ ของกิจกรรมในอุตสำหกรรมไมซ์ของประเทศไทยมีมูลค่ำรวมอยู่ที่ 177,200 ล้ำนบำท คิดเป็นร้อยละ 1.2

The 1st National Conference on SROI 153 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภำยในประเทศไทย ก่อให้เกิดกำรจ้ำงงำน 181,000 ตำแหน่ง และสำมำรถจัดเก็บภำษี ให้กบั ประเทศไทยได้กว่ำ 23,400 ลำ้ นบำท ดังนั้นเพื่อแสดงถึงผลประโยชน์ของโครงกำรกฎบัตรก่อนกำรดำเนินโครงกำร (Ex-ante) ที่ชัดเจน พรอ้ มทัง้ นำเสนอข้อมูลทำงวิชำกำรเกยี่ วกบั ผลลัพธ์และผลกระทบท่ีสะท้อนให้เห็นถงึ ควำมสำเรจ็ ของโครงกำร เพื่อนำไปใช้ประกอบกำรพิจำรณำให้เกิดกำรขยำยผลกำรดำเนินงำนของกฎบัตรในเมืองอื่น ๆ กำรศึกษำ ในครั้งนี้จึงได้ทำกำรศึกษำถึงผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคมของโคร งกำรกฎบัตรเพื่อกำรพัฒนำเมือง ก่อนกำรดำเนินโครงกำร (Ex-ante) ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์พัฒนำตัวชี้วัดและเสนอแนวทำง (Guideline) ที่เหมำะสมสำหรับกำรประเมินผลลัพธ์และผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคมของชุดโครงกำรหลักภำยใต้ กฎบัตรเพื่อกำรพัฒนำเมืองตลอดจนประเมินผลลัพธ์และผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคมของชุดโครงกำร หลกั ทเ่ี กิดขนึ้ ในจงั หวัดเปำ้ หมำย โดยใชก้ รณีศึกษำในจงั หวดั อดุ รธำนี 2.วิธีการศึกษา กำรประเมินผลกระทบทำงเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมก่อนกำรดำเนินโครงกำร (Ex-ante) ที่เกิดกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละโครงกำรของจังหวัดอุดรธำนี โดยกำรคำนวณ SROI แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ (1) กำรวัดผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ละกลุ่มจำกผลลัพธ์ของกฎบัตรฯ (2) กำรวัดต้นทุนกำร ดำเนินงำนของโครงกำรกฎบัตรฯ และ (3) กำรคำนวณ SROI เน้นผลกระทบของผู้มีส่วนเสียจำนวน 5 กลุ่ม เป็นหลัก ได้แก่ (1) ประชำชนทั่วไป (2) นักท่องเที่ยว (3) ผู้ลงทุนในจังหวัด (4) เกษตรกรรำยย่อย และ (5) ผู้ค้ำขำยรำยย่อยข้ำงทำง ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ละกลุ่มจะได้ผลกระทบจำกผลลัพธ์ของกฎบัตรฯ ในหลำยมิติแตกต่ำงกัน เช่น ประชำชนทั่วไปอำจจะได้รับผลประโยชน์ผ่ำนควำมพึงพอใจที่เพิ่มขึ้นจำกกำร ปรับปรุงทำงเทำ้ ตำมมำตรฐำนสำกล กำรได้ใชพ้ ื้นท่ีออกกำลังกลำงแจ้งมำกขึ้น รวมทั้งควำมพึงพอใจที่เพิ่มขึน้ จำกกำรได้รับประทำนอำหำรปลอดภัย ผู้ลงทุนในจังหวัดได้รับกำไรที่เพิ่มขึ้นจำกกำรลงทุนหรือเกษตรกร รำยย่อยในพื้นที่ได้รับประโยชน์จำกรำยได้ที่เพิ่มขึ้นจำกกำรขยำยตลำดอำหำรปลอดภัย เป็นต้น นอกจำกนี้ กำรประมำณมูลค่ำผลกระทบต้องคำนึงถึง 4 ปัจจัยที่อำจทำให้เกิดกำรรำยงำนมูลค่ำเกินจริงประกอบด้วย (1) Deadweight คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นถงึ แมไ้ ม่มีโครงกำรกฎบัตรฯ กำรประเมิน SROI ในส่วนน้ีใชห้ ลักกำร วัดมูลค่ำส่วนเพิ่มที่ได้หักลบ Deadweight แล้ว (2) สัดส่วนผลงำนของผลผลิตของกำรลงทุนภำยใต้กฎบัตรฯ (Attribute) กำรประเมินนี้ใช้ข้อมูลจำกกำรสัมภำษณ์ผู้ลงทุน (3) อัตรำกำรลดลงของประโยชน์ (Drop-off) คือ กำรลดลงของผลกระทบท่ีลดลงตำมชว่ งเวลำ โดยกำรลงทนุ ในแตล่ ะโครงกำรและผลกระทบภำยใตก้ ฎบัตร มีธรรมชำติของกำรลดลงของประโยชน์ที่แตกต่ำงกันและกำรประมำณค่ำอัตรำกำรลดลงของประโยชน์ทำได้ ยำก กำรศกึ ษำนี้จึงไม่ได้ประมำณค่ำอตั รำกำรลดลงของประโยชน์ และ (4) กำรศกึ ษำน้ีจงึ ไม่ได้มีกำรหักมูลค่ำ ผลลัพธ์ทดแทน (Displacement) ดังนั้นเพื่อชดเชยโอกำสที่จะเกิดกำรกำรประมำณค่ำของผลกระทบที่สูง เกินไป (Overestimated) จำกกำรลดลงของประโยชน์ (Drop-off) และผลลัพธ์ทดแทน (Displacement) กำรประเมินนไ้ี ดท้ ำวเิ ครำะห์ควำมออ่ นไหว (Sensitivity analysis)

154 2.1 การประมาณค่าผลกระทบแตล่ ะมิตติ ่อผมู้ สี ่วนได้สว่ นเสยี แต่ละกลุ่มทาโดย ขั้นที่ 1 กำรสร้ำงแผนที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสยี (Stakeholder mapping) คือ กำรระบุผู้มีส่วนได้สว่ นเสีย (Identify stakeholder) แล้วระบุผลกระทบ (Impact) ที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ละกลุ่มได้รับจำกผลลัพธ์ ของโครงกำรตำมควำมคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเอง ตำมหลักกำร SROI กำรทำสร้ำงแผนที่ผู้มีส่วนได้ สว่ นเสยี ตอ้ งทำจำกกำรสนทนำกลมุ่ (Focus group discussion) ของผู้มีส่วนไดส้ ว่ นเสียท้ังหมด ขั้นที่ 2 ระบุตัวชี้วัดจำนวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ได้รับผลกระทบแต่ละมิติในแต่ละปี ในขั้นตอนนี้ อำจได้รับข้อมูลจำกควำมคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือข้อมูลทะเบียน /ข้อมูลกำรส ำรวจประชำกร ของภำครัฐ ขั้นที่ 3 กำรหำตัวแทนทำงกำรเงิน (Financial proxy) คือ กำรหำมูลค่ำท่ีเป็นตัวเงินของผลกระทบ ส่วนเพิ่ม ในมิติต่ำง ๆ ต่อหน่วยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อปี โดยวิธีกำรโอนค่ำผลประโยชน์ (Benefit transfer) จำกกำรศึกษำอนื่ ๆ ทีใ่ กลเ้ คียงกบั ผลกระทบจำกโครงกำรกฎบัตรฯ มำกทสี่ ดุ ขั้นที่ 4 สร้ำงตัวแปรปรับมูลค่ำ (Adjustment factor: AF) ในมิติของพื้นที่และเวลำเพื่อปรับค่ำ ตัวแทนทำงกำรเงิน (Financial proxy) จำกกำรศึกษำอื่นให้สอดคลอ้ งกับมูลค่ำของเมืองในโครงกำรกฎบัตรฯ และชว่ งเวลำของกำรเกดิ ผลกระทบของโครงกำรกฎบตั รฯ สตู รตวั แปรปรบั มลู คำ่ (AF) ท่ีใช้มำก คอื AF = GPPpccharter,t (1) GPPpcstudy,s โดย GPPpccharter,t คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภำยในจังหวัดต่อหัวของจังหวัดภำยใต้โครงกำรกฎบัตรฯ ที่ต้องกำร ประเมิน ณ เวลำ t โดยที่ t คือช่วงเวลำที่เกิดผลกระทบจำกกฎบัตรฯ และ GPPpcstudy,s คือ ผลิตภัณฑ์ มวลรวมภำยในจงั หวดั ตอ่ หวั ของจังหวัดของกำรศึกษำอ่นื ท่ีประมำณค่ำตัวแทนทำงกำรเงนิ (Financial proxy) ณ เวลำ s โดยที่ s คือ ช่วงเวลำที่ทำกำรศึกษำนั้น ๆ ทั้งน้ีตัวแปรปรับมูลค่ำ (Adjustment factor) อำจจะสร้ำงจำกข้อมูลที่เฉพำะเจำะจงมำกกว่ำผลิตภัณฑ์มวลรวมภำยในจังหวัดต่อหัวเพื่อเพิ่มควำมถูกต้อง ของกำรประเมินได้ ขนั้ ที่ 5 ประมำณค่ำผลกระทบในมิตทิ ่ี j ตอ่ ผู้มีสว่ นได้สว่ นเสียกลมุ่ ที่ i(Bij ) ตอ่ ปี โดย Bij = Qij  FPij  AFij (2) โดย Qij คือ จำนวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย i ที่ได้รับผลกระทบมิติที่ j ในแต่ละปี FPij คือ มูลค่ำตัวแทน ทำงกำรเงิน (Financial proxy) ของผลกระทบส่วนเพิ่มของผลกระทบมิติที่ j ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ i ตอ่ ปี และ AFij คือ ตัวแปรปรบั มูลค่ำ (Adjustment factor) ในมิตขิ องพ้นื ที่และเวลำ

The 1st National Conference on SROI 155 2.2 การคานวณผลประโยชนจ์ ากโครงการลงทนุ ภายใต้กฎบัตรฯ ผลประโยชน์ในมิตทิ ่ี j ต่อผู้มสี ่วนได้ส่วนเสยี กลมุ่ ท่ี i ทค่ี ำดว่ำจะเกิดขนึ้ จรงิ (BExpected ) ต่อปี คือ ij BExpected = Bijt  Scaleijt (3) ijt โดย Scaleijt คอื อัตรำส่วนที่คำดว่ำจะเกิดขึ้นจริงของกรณีที่กำรลงทุนที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบ j ในปีที่ t เป็นไปตำมเป้ำหมำยของกฎบัตรทุกประกำร สำหรับผลประโยชน์สุทธิของโครงกำรกฎบัตรฯ ในมิติที่ j ตอ่ ผมู้ ีสว่ นได้สว่ นเสียกลุ่มท่ี i ในปีที่ t (BCharter ) คือ ijt BCharter = BExpected  Shareij (4) ijt ijt โดย Shareij คือ สัดส่วนผลงำนของโครงกำรกฎบัตรฯ ต่อผลกระทบท่ี j โดยสัดส่วนผลงำนของกฎบัตรฯ ต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น คำนวณโดยใช้ค่ำเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ทั้งนี้ค่ำปัจจุบันของผลประโยชน์รวม ของโครงกำรกฎบัตรฯ ในแตล่ ะเมืองในชว่ งระยะเวลำปี 2562- 2572 (PVBCharter ) คอื N1 N2i 2572 Charter i=1 j =1 t =Tij ijt  PVB = (1+Br)Charter (5) (t −2562) โดย r คือ อัตรำคิดลด เพื่อกำรวิเครำะห์ควำมอ่อนไหว (Sensitivity analysis) กำรศึกษำนี้ใช้อัตรำคิดลด 3 ค่ำ ประกอบด้วย อัตรำคิดลดของหน่วยงำนภำครัฐ = 3.5% (The SROI Network, 2012) อัตรำดอกเบ้ีย สินเชื่อ MLR = 5.25% (ธนำคำรแห่งประเทศไทย, 2563) และ อัตรำคิดลดรวมค่ำเสียโอกำสของทุน = 12% (World Bank, 2005) ส่วน N1 คือ จำนวนกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำกโครงกำรกฎบัตรฯ ในแต่ละเมือง N2i คือ จำนวนมติ ขิ องผลกระทบทผ่ี ู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสยี กลุ่มที่ i ได้รับจำกกฎบตั รฯ และ Tij คอื ปที ่ผี ลกระทบที่ j เริ่มเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มที่ i ซึ่งคำนวณจำกปีที่โครงกำรลงทุนภำยใต้กฎบัตรฯ ที่เกี่ยวข้องกับ ผลกระทบนัน้ ๆ เร่ิมมีรำยไดห้ รอื ทำกำรลงทนุ เสร็จสิ้น (อันใดอนั หนงึ่ ทเ่ี กิดขึ้นกอ่ น) ครบทกุ โครงกำรลงทนุ 2.3 การคานวณต้นทุนของโครงการลงทนุ ภายใต้กฎบัตรฯ ต้นทุนกำรดำเนินงำนภำยใต้โครงกำรกฎบัตรฯ ของแต่ละเมืองได้มำจำกกำรสัมภำษณ์นักวิจัย โครงกำรกฎบัตรฯ โดยตรง โดยตน้ ทนุ กำรดำเนินงำนภำยใตโ้ ครงกำรกฎบัตรฯ ( C Fund ) คำนวณได้จำก i CTFund = CTFund (6)

156 โดย CTFund คือ ต้นทุนรวมจำกโครงกำรกฎบัตรฯ เนื่องจำกต้นทุนกำรดำเนินงำนโครงกำรกฎบัตรฯ ได้เกิดข้นึ แล้วในปปี ัจจบุ ัน (ปี 2562) คำ่ ปจั จุบนั ของตน้ ทนุ รวมของโครงกำรกฎบัตรฯ (PVC Charter ) คือ PVC Charter = CTFund (7) ค่ำ SROI ในกำรศกึ ษำน้ใี ชค้ ำ่ B/C Ratio ซึ่งคำนวณไดจ้ ำก SROI = BCR = PVB Charter (8) PVC Charter ทั้งนี้ กำรศึกษำนี้เน้นหำผลตอบแทนจำกกำรลงทุนจำกทุนวิจัยโครงกำรกฎบัตรฯ กล่ำวคือ ต้องกำรหำ ผลประโยชน์สทุ ธติ อ่ ต้นทุนโครงกำรกฎบตั รฯ ดงั น้นั กำรประเมนิ นี้ในส่วนของต้นทุนจงึ ใช้มลู คำ่ เพยี งต้นทุนรวม ของโครงกำรกฎบัตรฯ และต้นทุนทำงสังคมนอกเหนือจำกต้นทุนรวมของโครงกำรกฎบัตรฯ ในแต่ละ ผลกระทบถกู หักจำกผลประโยชน์สุทธิของโครงกำรกฎบัตรฯ ในมติ ทิ ี่ j ต่อผมู้ สี ว่ นได้ส่วนเสียกลมุ่ ที่ i ในปีท่ี แลว้t (BCharter ) ijt 3.ข้อมูลทีใ่ ช้ในการศึกษา ก ำ ร ป ร ะ เ ม ิ น ผ ล ก ร ะ ท บ ท ำ ง เ ศ ร ษ ฐ ก ิ จ แ ล ะ ส ั ง ค ม ข อ ง โ ค ร ง ก ำ ร ก ฎ บ ั ต ร ใ น จ ั ง ห ว ั ด อ ุ ด ร ธ ำ นี ประกอบไปด้วย 8 โครงกำร คือ UD1 โครงกำรศนู ยป์ ระชุมมณฑำทิพย์ ฮอลล์ UD2 โครงกำรอุดรซติ ี้บัส UD3 โครงกำรปรับภูมิทัศน์ทำงเท้ำ UD4 โครงกำรสำยไฟฟ้ำลงใต้ดิน UD5 โครงกำรสวนสำธำรณะหนองสิม UD6 โครงกำรสวนสำธำรณะหนองบัว UD7 ฟำร์มอัจฉริยะต้นแบบศูนย์กำรเรียนรู้อำเภอสร้ำงคอม และ UD 8 ศูนย์เกษตรอำหำรปลอดภัย 60 ไร่ โดยผลกระทบด้ำนเศรษฐกิจที่ใช้สำหรับกำรประเมินมี 3 องค์ประกอบ คือ (1) ผลกระทบจำกค่ำใช้จ่ำยในกำรลงทนุ (2) ผลกระทบจำกรำยรับจำกกำรลงทุน และ (3) ผลกระทบจำก กำรเกิดงำนใหม่ (Job creation) โดยผลกระทบทั้ง 3 องค์ประกอบทำให้เกิดกำรหมุนเวียนทำงเศรษฐกิจ และเกิดผลกระทบด้ำนเศรษฐกิจ 3 ระดับ คือ (1) ผลกระทบโดยตรง (Direct effect) (2) ผลกระทบโดยอ้อม (Indirect effect) และ (3) ผลกระทบชักนำ (Induced effect) ซึ่งคำนวณโดยใช้ตัวทวีจำกตำรำงปัจจัย กำรผลิตและผลผลิต (Input-output table) ปี 2558 ซึ่งจัดทำโดยสำนักงำนคณะกรรมกำรส่งเสริม วิทยำศำสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (คมสัน สุริยะ และ ชลิตำ ศรีนวล, 2563) ในขณะท่ีต้นทุนที่ใช้สำหรับ กำรประเมินมี 3 องค์ประกอบ คือ ต้นทุนกำรดำเนินงำนจำกโครงกำรกฎบัตรฯ ต้นทุนจำกรำยจ่ำยจำกกำร ลงทุนของแต่ละโครงกำรลงทุนภำยใต้กฎบัตรและต้นทุนจำกรำยจ่ำยดำเนินกำรของแต่ละโครงกำรลงทุน ภำยใต้กฎบัตรฯ นอกจำกนี้ผลกระทบด้ำนสังคมจะเป็นกำรประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นแยกตำมผู้มีส่วนได้ ส่วนเสยี ของโครงกำร กระบวนกำรศึกษำและเก็บรวบรวมข้อมูลของโครงกำรได้จำกกำรสัมภำษณ์เชิงลึกจำกผู้ลงทุน หรือผรู้ บั ผิดชอบหลักในแต่ละโครงกำรในจังหวัดอดุ รธำนี ซงึ่ ประกอบไปด้วย สำนักงำนสง่ เสริมกำรจัดประชุม และนิทรรศกำร (องค์กำรมหำชน) TCEB, บริษัท อุดรธำนีพัฒนำเมือง จำกัด เทศบำลนครอุดรธำนี

The 1st National Conference on SROI 157 สำนักงำนขนส่งจังหวัดอุดรธำนี กรมโยธำธิกำรและผังเมือง กำรไฟฟ้ำส่วนภูมิภำค สำนักงำนเกษตร และสหกรณจ์ งั หวดั อุดรธำนแี ละเอกชนผู้ลงทนุ ในจังหวัดอดุ รธำนี 4.ผลการศกึ ษา โครงกำรกฎบตั รฯ ของเมอื งอุดรธำนีมีเป้ำหมำย คือ กำรพัฒนำเมืองไปส่เู มือง MICE Walkable and Greenest City กระบวนกำรของโครงกำรกฎบัตรฯ คือ กำรสร้ำงวิสัยทัศน์และออกแบบกำรลงทุนร่วมกัน ซึ่งปัจจัยนำเข้ำหลักของโครงกำร คือ ผู้เชี่ยวชำญเรื่องกำรออกแบบเมืองและกำรลงทุน โดยกิจกรรมหลัก คือ กำรประชมุ จำกปจั จัยนำเข้ำและกจิ กรรมดังกลำ่ ว ตน้ ทุนหลกั ของโครงกำรกฎบัตรฯ คือ ตน้ ทนุ กำรบริหำร จัดกำรกำรจัดประชุมเพื่อกำรวำงแผนและปฏิบัติกำรตลอดจนต้นทุนเวลำของผู้เชี่ยวชำญและผู้ปฏิบัติกำร ทั้งหมด ทั้งนี้ปัจจัยนำเข้ำและกระบวนกำรทั้งหมดนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เมืองอุดรจะมีลักษณะเป็น MICE Walkable and Greenest City ทมี่ ีลักษณะผลผลิตท่ีโดดเด่น 3 ลักษณะคอื (1) เปน็ เมืองที่ผู้คนเดินได้ และมี ขนส่งสำธำรณะ (Walkable city) (2) เป็นเมืองสีเขียวและมีเกษตรอำหำรปลอดภัย (Greenest city) และ (3) เปน็ เมอื งทเี่ หมำะสมตอ่ กำรจัดกจิ กรรม MICE ระดับสำกล สำหรับปัจจัยนำเข้ำ (Input) กระบวนกำร (Process) ผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcome) ของโครงกำรกฎบัตรฯ เมืองอุดรธำนสี รปุ ไดด้ ังรปู ท่ี 2 รปู ท่ี 2 ผู้มีสว่ นได้ส่วนเสยี ผลกระทบทไี่ ดร้ ับ และตวั แทนทำงกำรเงนิ ของผลกระทบ ในกำรวิเครำะห์ผลกระทบอันเกิดกับประชำกรในเมืองของผลลัพธ์ทำได้โดยกำรจำแนกผลลัพธ์ และผลกระทบออกเป็น 3 องคป์ ระกอบ คือ 1. โครงสร้ำงพื้นฐำน (Infrastructure) ของเมือง โดยคณะทำงำนโครงกำรกฎบัตรฯ และเทศบำล อุดรธำนีได้ศึกษำลักษณะทำงภูมิศำสตร์ของเมือง คือ มีสวนสำธำรณะ 4 มุมเมืองและมีศูนย์ประชุม โรงพยำบำล ตลำด ร้ำนค้ำในเมือง หำกสำมำรถสร้ำงทำงเท้ำตำมมำตรฐำนสำกลที่ร่มรื่นสำมำรถเดินได้จริง

158 ทั้งประชำกรทั่วไป ผู้สูงอำยุและผู้พิกำร มีกำรเชื่อมต่อสวนสำธำรณะตำมมุมเมืองจะทำให้ทั้งประชำกร และนักท่องเที่ยวสำมำรถเดินข้ำมเมืองได้ ใช้บริกำรสวนสำธำรณะได้มำกขึ้นและเปิดโอกำสให้อำคำรพำณิชย์ และธุรกจิ ขำ้ งทำงดัง้ เดิมอยู่รอดได้หรอื เกดิ ธุรกจิ ขนำดเล็กใหม่ ๆ เพ่ิมขึน้ ได้ 2. เครือข่ำยเกษตรอำหำรปลอดภัยครบวงจร โครงกำรกฎบัตรฯ ได้สร้ำงพื้นฐำนทำงกำรเกษตรข้ึน พร้อมกับมีกำรใช้เครือข่ำยนักวิจัย เครือข่ำยเกษตรกรในพื้นที่และเครือข่ำยตลำด เช่น โรงแรม โรงพยำบำล ตลอดจนนักลงทุนเพื่อที่จะสร้ำงตลำดและศูนย์กระจำยสินค้ำขึ้น โดยกิจกรรมในส่วนนี้จะส่งผลกระทบ ต่อรำยได้และควำมเป็นอยู่ของเกษตรกรซึ่งเป็นประชำกรจำนวนมำกในเมืองอุดรธำนีโดยตรงและกำรสร้ำง มูลค่ำในสินค้ำเกษตรผ่ำนกำรขยำยตลำดอำหำรปลอดภัยจะส่งผลต่อสุขภำพของประชำชนในเมืองและสร้ำง จดุ แข็งใหก้ บั เมืองอดุ รธำนีในแง่ของกำรท่องเท่ียวดว้ ย 3. กำรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่ำนกิจกรรม MICE เมื่อโครงกำรกฎบัตรฯ ได้สร้ำงพื้นฐำนทำงโครงสร้ำง พื้นฐำน (Infrastructure) ของเมืองและกำรเกษตรเพื่อประชำกรในพื้นที่แล้ว จะมีแผนกำรในกำรกระตุ้นให้มี จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กำรมีโครงสร้ำงพื้นฐำนดังกล่ำวจะทำให้กำรกระจำยรำยได้ หรือผลประโยชน์ทำงเศรษฐกิจไม่กระจุกตัว เช่น เมื่อมีกำรท่องเที่ยวแล้วนักท่องเที่ยวเดินเที่ยวในเมือง ธุรกิจค้ำขำยขนำดย่อยก็ย่อมได้รับประโยชน์ เมื่อมีกำรสร้ำงเครือข่ำยเกษตรกรอำหำรปลอดภัย เกษตรกร รำยเล็กก็มีโอกำสได้ประโยชน์จำกกำรท่องเที่ยวมำกขึ้น ดังน้ันจำกกิจกรรม ผลผลิต และผลลัพธ์ทั้งหมด ของโครงกำร สำมำรถสรุปผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำหรับโครงกำรกฎบัตรฯ ในจังหวัดอุดรธำนี ออกเป็น 5 กลุ่ม (แสดงดงั ตำรำงที่ 1) คือ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มที่ 1 คือ ประชำชนทั่วไป ได้รับผลกระทบ คือ ผลกระทบที่ 1 ควำมพึงพอใจ ที่เพิ่มขึ้นจำกกำรได้ใช้ทำงเท้ำตำมมำตรฐำนสำกล (Wamakhan and Bejrananda, 2017) ผลกระทบที่ 2 ควำมพึงพอใจที่เพิ่มขึ้นจำกกำรใช้พื้นที่สีเขียวมำกขึ้น (Kontong, Praneetvatakul and Veeravaitaya, 2018) ผลกระทบที่ 3 ควำมพึงพอใจควำมพึงพอใจที่เพิ่มขึ้นจำกกำรได้ใช้พื้นที่ออกกำลังกลำงแจ้งมำกขึ้น (Bejranonda, 2019) ผลกระทบที่ 4 ควำมพึงพอใจที่เพิ่มขึ้นจำกกำรได้ทำนอำหำรปลอดภัย (Pinthadit, 2018) ผลกระทบท่ี 5 รำยได้กำรจ้ำงงำนท่ีเพ่มิ ข้ึน ผลกระทบที่ 6 ลดตน้ ทุนในกำรเดินทำงโดยรถส่วนตัว ผ้มู ีส่วนได้สว่ นเสียกลุ่มท่ี 2 คือ นักท่องเทย่ี ว โดยนกั ท่องเทยี่ วทงั้ ไทยและต่ำงประเทศได้รับผลกระทบ คือ ควำมพึงพอใจท่ีเพ่ิมขึน้ จำกกำรไดท้ ่องเท่ียวในเมืองสีเขยี ว มีกำรคมนำคมสีเขยี ว มีต้นไม่ร่มรื่น ตลอดจนมี สวนสำธำรณะ (Piriyapada and Seenprachawong, 2018) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มที่ 3 คือ ผู้ลงทุนในจังหวัด โดยนับรวมผู้ลงทุนภำยใต้กฎบัตรฯ จำนวน 8 รำย ผู้ลงทุนในจังหวัดได้รับผลกระทบหลัก คือ กำไรที่เพิ่มขึ้นจำกกำรลงทุนที่เพิ่มขึ้นโดยกำไรที่เพิ่มขึ้นในส่วนน้ี ทำโดยกำรสัมภำษณ์รำยรับที่เพิ่มขึ้นแล้วกำหนดให้กำไรเป็นร้อยละ 30 ของรำยรับ (ยกเว้นกรณีที่ผู้ลงทุน ให้ตัวเลขร้อยละท่ีแตกตำ่ งไป) ผมู้ สี ่วนไดส้ ่วนเสียกลุ่มที่ 4 คือ เกษตรกรรำยย่อย ซ่งึ เป็นสมำชิก Young Smart Farmer ของจังหวัด และตัดสินใจทำกำรเกษตรในพื้นที่จังหวัดอุดรธำนีเพิ่มขึ้นจำนวน 50 รำย โดยเกษตรกรรำยย่อยรำยใหม่

ตารางที่ 1 ผู้มีสว่ นได้สว่ นเสีย ผลกระทบทีไ่ ดร้ ับ และตัวแทนทำงกำรเงนิ ของผลกระท มูลค่า (ตาม ผ้มู ีสว่ นได้ ผลกระทบ ตัวแทนทาง แหล่งท่ีมา ท่ีมา สว่ นเสยี การเงนิ ของ การศึกษา) 1 ประชำชน ควำมพงึ พอใจ WTP ในกำรพฒั นำ 216.12 Wamakhan ในเมือง ทเ่ี พิ่มขึน้ จำกกำร ทำงเทำ้ ในรูปแบบ Bejranan ไดใ้ ช้ทำงเทำ้ ตำม ของภำษีหรือ (2017 มำตรฐำนสำกล ค่ำธรรมเนียม ในกำรพฒั นำ ทำงเทำ้ (มลู คำ่ รวม ทกุ ผลลพั ธ)์ ควำมพึงพอใจ WTP กำรมพี น้ื ท่ี 140.40 Konton ที่เพิ่มขึ้นจำกกำรใช้ ตน้ ไมย้ ืนต้นเพม่ิ ขน้ึ Praneetva พน้ื ท่ีสเี ขียวมำกข้นึ ต่อ 216 ไร่ and Veerav (0.65 บำท/ไร)่ (2018), UD5 ควำมพึงพอใจ WTP ต่อเครือ่ ง 171.47 Bejranon ท่ีเพ่มิ ข้ึนจำกกำร ออกกำลงั กำย (2019 ได้ใช้พน้ื ทอ่ี อก กลำงแจ้ง กำลังกลำงแจ้ง ของผู้สงู อำยุ มำกขนึ้

The 1st National Conference on SROI 159 ทบ สตู ร Adjusted มูลค่า จานวน มูลค่า หน่วย factor มลู คา่ (อดุ รธานี ผู้มี ผลลพั ธร์ วม n and 2018) บำท/ nda. (พ้นื ที่และเวลา) สว่ นได้ ตอ่ /ปี คน/ปี 7) 270.65 สว่ นเสยี GPPอุดร2018/ 1.25 13,053 3,532,864 GPPอุดร2017 ng, GPPอุดร2018/ 0.15 20.49 13,053 267,456 บำท/ atakul GPPกทม2018 คน/ปี vaitaya 5-UD6 nda GPPอุดร2018/ 0.15 25.02 13,053 326,586 บำท/ 9) GPPกทม2018 คน/ปี

160 ผู้มีส่วนได้ ผลกระทบ ตวั แทนทาง มลู ค่า (ตาม ทมี่ า สว่ นเสยี การเงนิ แหลง่ ท่ีมา ศรีวรำนนั ท์ ควำมพงึ พอใจ WTP (10% ของ และ SES 2 ทเ่ี พ่ิมข้นึ จำกกำร มำกกว่ำอำหำร การศึกษา) ได้ทำนอำหำร ปกติ 20%) ของ ปลอดภัย รำยจำ่ ยค่ำอำหำร 2,165 ตอ่ ครวั เรอื นต่อปี รำยได้กำรจำ้ งงำน รำยไดจ้ ำกกำรจ้ำง 50,429 UD1-UD ที่เพิม่ ขึ้น งำนใหม่ 2,400 UD2 ลดตน้ ทุนในกำร รำคำค่ำโดยสำร 2 นักท่องเที่ยว เดินทำงโดยรถ ตอ่ ปี 102.13 Piriyapada สว่ นตัว Seenpracha 3 ผู้ลงทนุ ควำมพึงพอใจ WTP (2018 ในจงั หวัด ทเ่ี พ่ิมข้ึนจำกกำร ค่ำธรรมเนยี ม ไดท้ อ่ งเทีย่ ว เพอื่ สนับสนนุ 1,978,500 UD1-UD ในเมอื งสีเขียว กำรจดั กำรแหลง่ ท่องเท่ียวคำรบ์ อน กำไรที่เพมิ่ ขน้ึ ต่ำ จำกกำรลงทนุ 30% ของรำยรับ จำกกำรลงทนุ

สตู ร Adjusted มูลค่า จานวน มูลค่า หนว่ ย factor มูลคา่ (อดุ รธานี ผูม้ ี ผลลพั ธ์รวม 2018) บำท/ (พน้ื ที่และเวลา) สว่ นได้ ตอ่ /ปี ครวั เรอื น 2,216.34 ส่วนเสีย (2011) GPPอดุ ร2018/ 1.02 664,902 /ปี 2017 GPPอดุ ร2017 300 D8 - 1.00 50,428.57 14 706,000 บำท/ คน/ปี - 1.00 2,400 800 1,920,000 บำท/ คน/ปี a and รำยจำ่ ย 0.46 46.68 372,046 17,367,107 บำท/ awong ทอ่ งเท่ยี ว อุดร คน/คร้ัง 8) 2018/ รำยจำ่ ย ทอ่ งเท่ยี ว ชลบุรี2018 D8 - 1.00 1,978,500 8 15,828,000 บำท/ รำย/ปี

ผมู้ สี ่วนได้ ผลกระทบ ตัวแทนทาง มูลค่า (ตาม ท่มี า ส่วนเสีย การเงิน แหล่งที่มา UD7 UD8, SES 4 เกษตรกรรำย รำยไดท้ ี่เพ่มิ ขึน้ รำยได้ท่เี พิ่มขึน้ ของ SES 201 ย่อย (ที่ไมใ่ ช่ จำกกำรขำยอำหำร การศึกษา) SES 201 ผ้ลู งทนุ ) ปลอดภัย 240,000 UD1 5 ผ้คู ำ้ ขำยรำย ตน้ ทนุ ทีล่ ดจำกปยุ๋ ต้นทุนที่ลดลง 283.00 ยอ่ ยขำ้ งทำง และสำรเคมี (26,267.11) ค่ำเสยี โอกำสของ ค่ำเสียโอกำสจำก 155,747.64 เวลำท่ใี ช้ในกำรทำ เวลำ เกษตรปลอดภัย 600 ผ้คู ำ้ ขำยรำยยอ่ ย กำไรเฉลีย่ ของ ข้ำงทำงขำยของได้ ประชำกรทที่ ำ มำกข้นึ เน่อื งจำก อำชพี หำบเรแ่ ผง คนใชท้ ำงเทำ้ มำก ลอยในเขตเทศบำล ขึ้น อุดรธำนี ผคู้ ำ้ ขำยรำยย่อย กำไรทเี่ พิ่มขน้ึ ข้ำงทำงขำยของได้ (กำหนดให้มงี ำน มำกขน้ึ เนอ่ื งจำก เพ่ิมขึ้น 1 คร้ัง 3 กำรจดั งำน MICE วันต่อป)ี

The 1st National Conference on SROI 161 สูตร Adjusted มูลค่า จานวน มลู ค่า หนว่ ย factor มลู ค่า (อุดรธานี ผู้มี ผลลัพธ์รวม 2018) บำท/ (พ้ืนที่และเวลา) ส่วนได้ ตอ่ /ปี ครัวเรอื น 240,000 สว่ นเสีย - 1.00 12,000,000 /ปี 50 2017 GPPอุดร2018/ 1.02 289.74 100 28,974 บำท/ไร/่ GPPอดุ ร2017 ปี 17 GPPอดุ ร2018/ 1.02 (26,892.51) 50 (1,344,626) บำท/ GPPอดุ ร2017 ครัวเรือน /ปี 17 GPPอดุ ร2018/ 1.02 159,455.87 20 3,189,117 บำท/ GPPอดุ ร2017 คน/ปี - 1.00 600 100 60,000 บำท/ รำ้ น/ปี

162 เหล่ำนี้ได้รับผลกระทบ คือ รำยได้ที่เพิ่มขึ้นจำกกำรขำยเกษตรปลอดภัย ต้นทุนที่ลดจำกปุ๋ยและสำรเคมี และค่ำเสยี โอกำสของเวลำที่ใชใ้ นกำรทำเกษตร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มที่ 5 คือ ผู้ค้ำขำยรำยย่อยข้ำงทำง ซึ่งได้ประโยชน์จำกกำรขำยของได้มำกข้ึน ในสองส่วน ส่วนที่ 1 คือเนื่องจำกคนใช้ทำงเท้ำมำกขึ้น และส่วนที่ 2 คือ เนื่องจำกกำรจัดงำน MICE จำกกำร คำนวณโดยใช้หลักกำร SROI พบว่ำ ค่ำปัจจุบันของมูลค่ำของผลลัพธ์และผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จำกปี 2563-2582 (r=5.25%) มีมูลค่ำเป็น 77,632,583 บำท โดยที่ผลประโยชน์นี้กระจำยไปสู่เกษตรกร รำยย่อยมำกที่สุดถึงร้อยละ 28 รองลงมำ คือ นักท่องเที่ยวและผู้ลงทุนในจังหวัด คิดเป็นร้อยละ 26 และ 23 ตำมลำดับ นอกจำกนี้ประชำชนในเมืองและผู้ค้ำขำยรำยย่อยข้ำงทำงได้รับประโยชน์ร้อยละ 16 และ 7 ตำมลำดับ โครงกำรกฎบัตรฯ เมืองอุดรธำนี มีต้นทุนกำรดำเนินงำนทั้งสิ้น 1,653,797 บำทและโครงกำร กฎบัตรฯ ก่อให้เกิดผลกระทบในเมืองคิดเป็นมูลค่ำ 141,405,416 บำท โดยผลกระทบเกิดขึ้นในระยะสั้น (ปี 2563-2565 ในสถำนกำรณ์ปกติไม่มีกำรเกิดแพร่ระบำด COVID-19) จำนวน 742,636 บำท ระยะกลำง (ปี 2563-2567) 11,900,042 บำท ระยะยำว (ปี 2563-2572) จำนวน 55,049,185 บำท และ ระยะยำวมำก (ปี 2563-2582) 141,405,416 บำท โดยผลกระทบส่วนมำกเกดิ ข้นึ ในระยะกลำง ระยะยำว และระยะยำวมำก ยกเว้นลดต้นทุนในกำรเดินทำงโดยรถส่วนตัวซึ่งเกิดจำกโครงกำรลงทุนในโครงกำรอุดรซิตี้บัส (UD2) ซ่ึงลงทุน ระยะแรกแล้วเสร็จและมีรำยได้แล้วและควำมพึงพอใจที่เพิ่มขึ้นจำกกำรได้ใช้พื้นที่ออกกำลังกลำงแจ้งมำกขน้ึ ซึ่งเกิดจำกโครงกำรลงทุนในโครงกำรสวนสำธำรณะหนองสิม (UD5) และโครงกำรสวนสำธำรณะหนองบัว (UD6) ซึ่งจะลงทุนเสร็จสิ้นในปี 2564 เมื่อคำนวณค่ำผลตอบแทนทำงสังคมจำกกำรลงทุน (SROI) แล้ว พบว่ำ ค่ำ B/C Ratio ในระยะสั้น (ปี 2563-2565) มีค่ำระหว่ำง 0.36 (r=12%) ถึง 0.42 (r=3.5%) ในระยะ กลำง (ปี 2563-2567) มีค่ำระหว่ำง 4.29 (r=12%) ถึง 6.14 (r=3.5%) ในระยะยำว (ปี 2563-2572) มีค่ำระหว่ำง 14.96 (r=12%) ถึง 25.98 (r=3.5%) ในระยะยำวมำก (ปี 2563-2582) มีค่ำระหว่ำง 24.46 (r=12%) ถึง 56.77 (r=3.5%) เมื่อพิจำรณำค่ำ IRR พบว่ำกำรลงทุนในโครงกำรกฎบัตรฯ ให้ผลตอบแทน ร้อยละ -31 ในระยะสน้ั รอ้ ยละ 56 ในระยะกลำง ร้อยละ 76 ในระยะยำว และร้อยละ 77 ในระยะยำวมำก ตารางที่ 2 สรุปกำรประเมิน SROI โครงกำรกฎบัตรฯ เมืองอุดรธำนี ผลกระทบ r = 3.5% B/C Ratio r = 12% IRR r = 5.25% 0.36 4.29 -31% ระยะส้ัน (2563-2565) 0.42 0.40 14.96 56% 24.46 76% ระยะกลำง (2563-2567) 6.14 5.69 77% ระยะยำว (2563-2572) 25.98 23.06 ระยะยำวมำก (2563-2582) 56.77 46.94

The 1st National Conference on SROI 163 5.สรุปผลการศึกษา กฎบัตรเพื่อกำรพัฒนำเมืองอุดรธำนีมีเป้ำหมำยเพื่อกำรพัฒนำเมืองไปสู่เมือง MICE Walkable and Greenest City กำรประเมินผลลัพธ์และผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคมก่อนกำรดำเนินโครงกำร (Ex-ante) ของชุดโครงกำรหลักภำยใต้กฎบัตรเพื่อกำรพัฒนำเมืองโดยใช้กรณีศึกษำ จังหวัดอุดรธำนี ด้วยกำรประมำณค่ำผลกระทบแต่ละมิติต่อผู้มสี ว่ นได้ส่วนเสยี แตล่ ะกลุ่ม กำรคำนวณผลประโยชน์จำกโครงกำร ลงทุนภำยใต้กฎบัตรฯ และกำรคำนวณต้นทุนของโครงกำรลงทุนภำยใต้กฎบัตรฯ พบว่ำ ในส่วนของ กำรประเมิน SROI ในจังหวัดอุดรธำนี จำนวน 8 โครงกำร พบว่ำ ค่ำ B/C Ratio ในระยะสั้น (ปี 2563-2565) มีค่ำระหว่ำง 0.36 (r=12%) ถึง 0.42 (r=3.5%) ในระยะกลำง (ปี 2563-2567) มีค่ำระหว่ำง 4.28 (r=12%) ถึง 6.13 (r=3.5%) ในระยะยำว (ปี 2563-2582) มีค่ำระหว่ำง 24.46 (r=12%) ถึง 56.77 (r=3.5%) เมื่อพิจำรณำค่ำ IRR พบว่ำกำรลงทุนในโครงกำรกฎบัตรฯ ให้ผลตอบแทนร้อยละ -31 ในระยะสั้น ร้อยละ 56 ในระยะกลำงและร้อยละ 77 ในระยะยำว โดยกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียท่ีได้รับประโยชน์จำกโครงกำรมำกที่สุด ก็คือ เกษตรกรรำยย่อย อย่ำงไรก็ตำมผลกำรประเมินดังกล่ำวยังเป็นกำรประเมินแบบมีข้อจำกัด เนื่องจำกกำรประเมินแบบ Ex-ante (Extreme approach) สร้ำงขอบเขตผลลัพธจ์ ำกชดุ โครงกำรทมี่ ีควำมน่ำจะเป็นท่จี ะเกิดขึ้นภำยในปี 2565 มำกกว่ำร้อยละ 50 ซึ่งทำให้มีเพียงโครงกำรภำยใต้กฎบัตรฯ จำนวน 4 สำขำจำก 10 สำขำ นอกจำกนี้ ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่ประจักษต์ ่อผู้มีสว่ นได้ส่วนเสียซึ่งเป็นอปุ สรรคต่อควำมถูกต้องในกำรประเมินเพรำะผู้มีส่วน ได้ส่วนเสียยังไม่สำมำรถประมำณมูลค่ำและสัดส่วนของผลกระทบของโครงกำรกฎบัตรฯ ที่อำจจะเกิดข้ึน ต่อตนเอง ดังนั้นสำหรับกำรศึกษำในอนำคตหำกทุกโครงกำรกฎบัตรเสร็จสิ้นแล้ว กำรประเมินผลกระทบ ของกฎบัตรฯ ควรดำเนินกำรให้ครบทั้ง 10 สำขำ ตลอดจนสำรวจมูลค่ำจำกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรำยโครงกำร เพื่อสร้ำงตัวชี้วัดทำงกำรเงินเฉพำะของแต่ละโครงกำร จำแนกกลุ่มย่อยของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ สัดส่วน ผลงำน (Attribute) ของโครงลงทุนภำยใต้กฎบัตรฯแต่ละโครงกำรและสัมภำษณ์ผลลัพธ์ทดแทน (Displacement) ของผลกระทบได้ กติ ติกรรมประกาศ ผู้เขียนขอขอบคุณสำนักงำนคณะกรรมกำรส่งเสริมวิทยำศำสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่ให้ทนุ สนับสนุนโครงกำรวิจยั “กำรประเมินผลลพั ธ์และผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสงั คมของกฎบัตรเพ่ือกำรพัฒนำ เมือง” และบทควำมนเี้ ปน็ ส่วนหนึง่ ของโครงกำรวจิ ัยดงั กลำ่ ว

164 เอกสารอ้างองิ Bejranonda, S. 2019. Values of Outdoor Fitness Facilities for Urban Senior Citizens: A Case Study of Bangkok. Journal of Economics and Management Strategy, 6(1), 1-18. International Congress and Convention Association. 2016. Study on the Economic Impact of MICE in Singapore. Retrieved from http://www.iccaworld.org/dcps/doc.cfm?docid=1948 Karen A. Campbell et.al. 2014. Transportation Infrastructure Investment: Macroeconomic and Industry Contribution of the Federal Highway and Mass Transit Program. The Transportation Construction Coalition Kontong, B., Praneetvatakul, S. & Veeravaitaya, N. 2018. Willingness to pay for green areas attributes of users in Bangkok. Journal of community development and life quality 6(1): 87 – 95. Pinthadit, P. 2018. Willingness to Pay and Factors Affecting Pesticide-free Rice Buying. Journal of Liberal Arts, Maejo University, 6(1) January - June 2018 Piriyapada, S. and Seenprachawong, U. 2018. Tourists' Willingness to pay for Low-carbon Destination Management: A Case Study of Ko Lan, Chonburi Province. Development economics review. Volume 12(2), 80-102. SROI Network 2012. “A guide to social return on investment (updated)”, available at: www.thesroinetwork.org/publications/cat_view/29-the-sroi-guide/223-the-guide-in- english-2012-edition (accessed August 2020) Tiecheng, L., Li, L., & Namei, W. 2018. An Empirical Study of the Economic Impact of the MICE Industry in China Using Interregional Input-output Models. American Journal of Management Science and Engineering, 3(5), 44-52. Wamakhan, C. & Bejrananda, M. 2017. Values of Footpath and Management of Walking Infrastructure in Ubon Ratchathani. Built Environment Inquiry Journal (BEI): Faculty of Architecture, Khon Kaen University, 16(2), 149-167. Weisbrod, G., & Reno, A. 2009. Economic impact of public transportation investment. Washington, DC: American public transportation association. World Bank. 2005. Where is the Wealth of Nations? Measuring Capital for the 21st Century. Washington, DC. © World Bank. https://openknowledge.worldbank.org/handle/10986/7505 License: CC BY 3.0 IGO.”

The 1st National Conference on SROI 165 คมสนั สุริยะ และชลติ ำ ศรนี วล. 2563. ค่าตัวทวคี ูณ (Multipliers) สาหรบั การประเมินผลลพั ธแ์ ละผลกระทบ ของการส่งเสรมิ วิทยาศาสตร์ การวจิ ัยและนวัตกรรม. กรุงเทพฯ: สำนกั งำนคณะกรรมกำรส่งเสรมิ วิทยำศำสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม. ฐำปนำ บญุ ยประวิตร และคณะ. 2562. เอกสารประกอบการประชุม “การประชุมวชิ าการผงั เมือง ครั้งท่ี 6 : กฎบตั รแห่งชาติกบั การพฒั นาเมืองและเศรษฐกจิ ท้องถิ่น” วันที่ 25-26 กันยายน พ.ศ. 2562 : กรุงเทพมหำนคร ธนำคำรแหง่ ประเทศไทย. 2563. อัตราดอกเบีย้ เงนิ ให้สินเชอื่ ของธนาคารพาณชิ ย์ ประจาวนั ท่ี 3 สิงหาคม 2563. สืบคน้ 3 สงิ หำคม 2563 จำก https://www.bot.or.th/thai/statistics/_layouts/application/ interest_rate/in_rate.aspx

166 การคาดการณผ์ ลกระทบทางเศรษฐกจิ และสังคมในอนาคต (ex ante) ของแผนงานวจิ ัย ดา้ นการพัฒนานวัตกรรมข้อมูลและระบบปัญญาประดิษฐใ์ นดา้ นเทคโนโลยีสุขภาพ เกษตรอาหาร และโลจิสตกิ ส์ ทชั ชา สตุ ตสนั ต1์ ,2 และ จารุวรรณ แซจ่ งั้ 3 1 Corresponding author 2 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ 239 ถนนหว้ ยแกว้ ตาบลสเุ ทพ อาเภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่ Email: [email protected] 3 บริษทั ปตท. จากดั (มหาชน) ศนู ยป์ ฏิบัติการชลบรุ ี 59 หมู่ 8 ถนนเลีย่ งเมืองชลบุรี ตาบลนาป่า อาเภอเมือง ชลบุรี จงั หวัดชลบรุ ี Email: [email protected] ABSTRACT Big data and Artificial Intelligence (AI) are key technologies to intensify the transition to the 4th Industrial Revolution. The technologies are about to embed in people’s lives. Science, Research, and Innovation Promotion Fund under Thailand Science Research and Innovation (TSRI) aims at scaling up the development of the technologies as well as increasing workforce’s technological skills. One of the roadmaps includes the development of data innovations and AI applications in healthcare, agriculture and food, tourism and creative economy, and logistics services. The output of this roadmap ranges from smart platforms to the detection and alert systems using in healthcare, agriculture, tourism, and logistics. A mission of TSRI is to evaluate economic and social benefits of this research and development (R&D) investment. Therefore, this study aims to calculate economic and social benefits in terms of return on investment (ROI). The calculation derives within an ex-ante analysis and the Triple S framework; situation, scenario, and simulation suggested by TRSI. The estimation is based on 3 scenarios of probability of success and 3 scenarios of adoption rate of innovation; best-, usual-, and worst- case. It is projected that the ROI of this roadmap would be around 3.83 to 26.58 times of 3 years investment (2020-2022). The recommendation for achieving ROI > 5 is also discussed.

The 1st National Conference on SROI 167 บทนา ข้อมูลขนำดใหญ่ (Big Data) และระบบปัญญำประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) ได้กลำยเป็น สว่ นหนึ่งของกำรก่อใหเ้ กิดกำรปฏบิ ตั อิ ุตสำหกรรมคร้ังท่ี 4 (The 4th Industrial Revolution) ซ่งึ ถือเทคโนโลยี ที่หลำยสถำบันทั่วโลกมองว่ำจะกลำยเป็นเทคโนโลยีที่ทุกภำคส่วนของสังคมจะนำไปใช้ ทั้งในภำคกำรผลิต กำรใช้ชีวิตของประชำชนทั่วไปและก่อให้เกิดโอกำสและมูลค่ำทำงธุรกิจอย่ำงมหำศำล ทำให้หลำยประเทศ ท่ัวโลกไดม้ ีกำรวำงแผนแม่บทและแนวทำงในกำรวิจยั และพฒั นำนวตั กรรมข้อมูลและ AI เพื่อให้เกิดประโยชน์ สงู สดุ ตอ่ ประชำชนของประเทศนนั้ ๆ ผลกำรสำรวจควำมพร้อมของรัฐบำลทั่วโลกในกำรใช้ AI ในกำรให้บริกำรสำธำรณะ ระบุว่ำประเทศ ไทยอยู่ในอันดับที่ 56 จำก 194 ประเทศ (Oxford Insights, 2019) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ำประเทศไทยยังขำด ควำมพร้อมในด้ำนกฎระเบียบ กำรกำกับดูแลและยุทธศำสตร์ของภำครัฐ อันเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ของประเทศในกำรกำรพัฒนำทั้งในด้ำนกำลังคนและกำรประยุกต์ใช้งำน AI ในภำคธุรกิจ ดังนั้นจึงเป็น ควำมจำเป็นของไทยที่ต้องมีกำรวำงแผนแม่บทในกำรวิจัยและพัฒนำ AI เพื่อเพิ่มศักยภำพในกำรแข่งขัน ของประเทศ ดังนั้น จึงได้มีกำรจัดทำ (ร่ำง) ยุทธศำสตร์ปัญญำประดิษฐ์แห่งชำติเพื่อกำรพัฒนำประเทศ (พ.ศ. 2564 - 2568) โดยกองทุนสง่ เสรมิ วทิ ยำศำสตร์ วจิ ัย และนวัตกรรม (ววน.) เปน็ แกนหลักกำรดำเนนิ งำน ด้ำนกำรพัฒนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีปัญญำประดิษฐ์และกำรเพิ่มศักยภำพ บุคลำกรและกำรพัฒนำกำรศึกษำด้ำนปัญญำประดิษฐ์ ซึ่งสำนักงำนคณะกรรมกำรส่งเสริมวิทยำศำสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดยสำนักกลยุทธ์แผนและงบประมำณ ด้ำนกำรวิเครำะห์แผนและงบประมำณ ก็มีภำรกิจในกำรวิเครำะห์และจัดทำฐำนข้อมูลควำมคุ้มค่ำในกำรลงทุนตำมแผน ววน. รวมทั้งแผนงำนทีเ่ สนอ ขอรับงบประมำณเพื่อสนับสนุนและวิเครำะห์ควำมคุ้มค่ำในกำรลงทุนเชิงรุกด้ำน ววน. เพื่อเตรียมรับพลวัตร ของกำรเปลี่ยนแปลงในระบบ ววน. กำรศึกษำนี้จึงเป็นกำรศึกษำแผนงำนวิจัยด้ำนกำรพัฒนำนวัตกรรมข้อมูลและระบบปัญญำประดิษฐ์ ในด้ำนเทคโนโลยีสุขภำพ เกษตรและอำหำร และโลจิสติกส์ และรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมิน ควำมคุ้มค่ำของกำรลงทุนด้ำน ววน. ด้วยกำรคำดกำรณ์ผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคมในอนำคต (ex ante) ของแผนงำนฯ ซึ่งผลกำรประเมินนี้จะใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนกำรชี้แจงด้ำนงบประมำณ ต่อกรรมำธิกำรงบประมำณและรัฐสภำและเป็นข้อมูลฐำนสำหรับสำนักติดตำมประเมินผลในกำรเปรียบเทยี บ กับผลลัพธ์และผลกระทบที่จะประเมินได้หลังสิ้นสุดโครงกำร (Ex-post evaluation) เพื่อยืนยันผลลัพธ์ และผลกระทบของกำรจดั สรรเงนิ ทุน ววน. ต่อไป คาสาคัญ: กำรคำดกำรณ์ผลกระทบ, Ex-ante’ Evaluation, แผนงำนวจิ ยั , นวัตกรรมขอ้ มูล, ปญั ญำประดษิ ฐ์

168 2. กรอบแนวคดิ และทฤษฎีท่ีเกีย่ วข้อง 2.1 กรอบการประเมนิ Triple S สำนักกลยุทธ์แผนและงบประมำณ ด้ำนกำรวิเครำะห์แผนและงบประมำณ สำนักงำนคณะกรรมกำร ส่งเสริมวิทยำศำสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้กำหนดกรอบกำรประเมินควำมคุ้มค่ำของกำรลงทุน ด้ำนวิทยำศำสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) แบบ Ex-ante ด้วยวิธี Triple S (คมสัน สุริยะ, 2564) ซงึ่ ประกอบดว้ ย 1) Situation เพื่ออธิบำยเส้นทำงของผลกระทบ (Impact pathway) ที่จะนำไปสู่ควำมมุ่งหวัง เปำ้ หมำยและควำมสำคัญที่จะต้องมีแผนงำนฯ โครงกำร 2) Scenario เป็นกำรระบุตัวแปรที่มีผลกระทบต่อกำรเปลี่ยนแปลงของ Situation และเพ่ือ แสดงใหเ้ หน็ ถึงศกั ยภำพของแผนงำนฯ ในกำรเปลย่ี นแปลงสถำนกำรณ์ปัจจุบันให้ดีขึ้น 3) Simulation เป็นจำลองสถำนกำรณ์เพอื่ ใหเ้ หน็ ผลของกำรคำนวณดว้ ยสมมติฐำนที่ยอมรับได้ 2.2 ทฤษฎกี ารแพรก่ ระจายนวตั กรรม (Diffusion of Innovation) ทฤษฎีกำรนำมำใช้ (adoption theory) เป็นทฤษฎีที่ใช้วิเครำะห์กำรตัดสินใจของตัวบุคคล หรือผู้ตัดสินใจในกำรเลือกที่จะยอมรับหรือปฏิเสธ ที่จะใช้นวัตกรรมหรือแนวคิดใหม่ ส่วนทฤษฎี กำรแพร่กระจำย (diffusion theory) เป็นทฤษฎีที่ใช้ในกำรอธิบำยกำรแพร่กระจำยนวัตกรรมและแนวคิด ใหม่ ๆ ในสังคมใดสังคมหนึ่ง ณ ช่วงเวลำหนึ่งและวิเครำะห์ พยำกรณ์อัตรำของกำรนำมำใช้ที่เกิดขึ้นภำยใน ประชำกรในสังคมนั้น (Constantiou, Damsgaard, & Knutsen, 2007; Gatignon & Robertson, 1985; Rogers, 1995; Straub, 2009) ซึ่งกระบวนกำรแพร่กระจำยสำมำรถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระดับของตัวบุคคล (individual) ที่เป็นสมำชิกของระบบสังคมและในระดับของระบบสังคม ซึ่งแสดงถึงกำรตัดสินใจของบุคคล ในสงั คมโดยรวมหรือผูท้ ี่มีอำนำจ (authority) ในกำรตดั สนิ ใจของสังคมนั้น ทฤษฎีกำรแพร่กระจำยนวัตกรรม จึงเป็นทฤษฎีที่อธิบำยกระบวนกำรที่เกิดขึ้นอย่ำงต่อเนื่องของกำร นำนวัตกรรมมำใช้ (adoption) ตั้งแต่ขั้นของกำรรับรู้เกีย่ วกับนวัตกรรมหรือแนวคิดใหม่ ๆ ไปจนถึงขั้นต่ำง ๆ ของกำรตอบสนองต่อนวตั กรรมหรือแนวคิดใหมน่ ้นั ๆ (Rogers, 1995) ตำมแนวคิดของ Rogers (1995) สมำชิกในระบบสังคมที่ยอมรับและนำนวัตกรรมไปใช้ (adopters) สำมำรถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 5 กลุม่ ตำมลำดบั กำรยอมรับนวตั กรรมและกำรนำไปใช้ ดงั น้ี (1) นวัตกรหรือนักนวัตกรรม (innovator) เป็นสมำชิกในระบบสังคมกลุ่มแรกที่นำนวัตกรรม หรือแนวคิดใหม่ไปทดลองใช้ บคุ คลในกลุ่มน้ีเปน็ สมำชิกส่วนน้อยในระบบสังคม ประมำณร้อยละ

The 1st National Conference on SROI 169 2.5 ของสมำชิกทั้งหมด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีลักษณะเฉพำะ คือ มีควำมพร้อม กระตือรือร้น ชอบทดลองใช้และจะต้องเป็นคนแรกที่ได้ใชน้ วัตกรรมหรือแนวคิดใหม่ ๆ (2) ผู้นำกำรใช้นวัตกรรม (early adopter) ประมำณร้อยละ 13.5 ของสมำชิกทั้งหมด ถือได้ว่ำ เป็นกลุ่มที่มีควำมสำคัญมำกที่สุดในระบบสังคม เนื่องจำกบุคคลในกลุ่มนี้จะพิจำรณำนวัตกรรม อย่ำงจริงจังก่อนที่จะตัดสินใจยอมรับและนำนวัตกรรมไปใช้และถือว่ำเป็นกลุ่มที่มีระดับ ควำมเป็นผู้นำทำงควำมคิดสูง ซึ่งส่งผลให้ early adopter มีบทบำทมำกต่อกำรแพร่กระจำย ของนวตั กรรมหรือแนวคดิ ใหม่ (3) บุคคลส่วนใหญ่ที่ยอมรับและใช้นวัตกรรมในระยะต้น (early majority) เป็นกลุ่มสมำชิก ที่มีมำกถึงร้อยละ 34 ของสมำชิกทั้งหมดที่มีลักษณะเฉพำะคือชอบไตร่ตรองหำเหตุผลเป็นผู้ท่ี ไมต่ ้องกำรเป็นบุคคลที่ลำ้ หลังแต่กไ็ มต่ ้องกำรเปน็ ผู้นำทำงควำมคดิ (4) บุคคลส่วนใหญท่ ี่ยอมรับและใช้นวัตกรรมในระยะหลัง (late majority) เป็นสมำชกิ กลุ่มท่ีไม่ค่อย กล้ำเส่ียงที่จะลองใช้นวัตกรรมหรือแนวคิดใหม่ ๆ แต่จะรอจนกว่ำจะมั่นใจในควำมคุ้มค่ำ และนวัตกรรมนั้นได้รับกำรยอมรับจำกบุคคลส่วนใหญ่ในสังคมก่อน จึงจะยอมรับและนำมำใช้ บุคคลกลุม่ นีค้ ิดเปน็ รอ้ ยละ 34 ของสมำชิกทั้งหมดในสงั คม (5) ผู้ล้ำหลัง (laggard) เป็นกลุ่มที่ตัดสินใจยอมรับและนำนวัตกรรมมำใช้ช้ำที่สุดในสังคม คิดเป็น ร้อยละ 16 ของสมำชิกทั้งหมด ซึ่งกำรตัดสินใจของบุคคลในกลุ่มนี้มักจะได้รับอธิพลมำจำกผู้นำ กำรใช้นวตั กรรม (early adopter) รูปท่ี 1 กลุ่มผทู้ ่ยี อมรับและนำนวตั กรรมไปใช้ ทม่ี ำ: Solomon, et al. (2006) นวตั กร หรอื innovator จะเปน็ กลมุ่ แรกทส่ี ุดท่ีทดลองใชน้ วัตกรรม หลงั จำกน้นั จำนวนผใู้ ชน้ วตั กรรม จะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่บุคคลส่วนใหญ่ในสังคมยอมรับ (critical mass) (Dutta, Geiger, & Lanvin, 2015)

Percentage of170 Adopters ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้ถึงจุดที่เรียกว่ำ จุดทะยำน (take-off) คือ จุดที่จำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่ำงรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันจำนวนสมำชิกที่เหลือถือว่ำมีศักยภำพที่จะกลำยมำเป็นผู้ใช้นวัตกรรมก็จะน้อยลงด้วย จึงทำให้อัตรำกำรใช้ค่อย ๆ ลดลงในเวลำต่อมำและจำนวนผู้ใช้นวัตกรรมทั้งหมดถึงขีดจำกัดหรือจุดอิ่มตัว ในที่สุด (Rogers, 1995) จำนวนผู้ใช้นวัตกรรมตำมกระบวนกำรแพร่กระจำยนวัตกรรมดังกล่ำวนี้ ส่งผลให้ เส้นแสดงจำนวนผู้ใช้นวตั กรรมรวมมีลักษณะเป็นเสน้ ตัวเอส (S-curve) ในขณะที่เส้นแสดงกลุ่มผู้ใช้นวัตกรรม ในแต่ละช่วงเวลำมลี ักษณะเปน็ ระฆงั ควำ่ (bell-shaped) 100 Later % 90% 80% 70% 60% 50% 40% 30% 20% รูปที่ 2 เสน้ S-curveของนวัตกรรม ทม่ี ำ: Rogers (1995) เส้น S-curve ของนวัตกรรมแต่ละชนิดจะมีลักษณะที่แตกต่ำงกันขึ้นอยู่กับอัตรำควำมเร็วในกำร แพร่กระจำย ลักษณะเฉพำะของระบบสังคมและปัจจัย 4 ด้ำนของนวัตกรรม ไม่ว่ำจะเป็นประโยชน์ ควำมสอดคล้องกับประสบกำรณ์ ควำมซบั ซอ้ น กำรทดลองใชแ้ ละผลของกำรใช้ทส่ี ังเกตได้ (Rogers, 1995) 2.3 Technology Readiness Level (TRL) TRL คือ ระดับที่ใช้บ่งชี้ควำมพร้อมและควำมมีเสถียรภำพของเทคโนโลยีตำมบริบทของกำรใช้งำน โดย สำนักงำนพัฒนำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีแห่งชำติ (สวทช.) (2553) ได้ใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในกำร บริหำรจัดกำร ติดตำมและประเมินผลงำนวิจัยและพัฒนำในระดับประเทศสำหรับกำรเสนอของบประมำณ ดำ้ นวทิ ยำศำสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) ซึ่งภำพรวมของ TRL 9 ระดับ ได้แก่ TRL 1-3 เป็นกำรพัฒนำองคค์ วำมรูแ้ ละกำรวจิ ยั พนื้ ฐำน TRL 4-7 เป็นกำรพัฒนำและทดสอบต้นแบบในระดับต่ำง ๆ ตำมควำมเข้มข้นและสภำพแวดล้อม ทเี่ ปล่ยี นแปลงไป เชน่ ต้นแบบหอ้ งปฏิบัติกำร ต้นแบบภำคสนำม

The 1st National Conference on SROI 171 TRL 8 คือ มีกำรทดลองผลิตในปริมำณที่เหมำะสมหรือทดสอบควำมมีเสถียรภำพของระบบ ในระยะเวลำที่เหมำะสมและผ่ำนกำรทดสอบคุณภำพและมำตรฐำนที่เกี่ยวข้องหรือกรณีที่ผลงำนไม่จำเป็น ต้องมีมำตรฐำนที่เกย่ี วข้องใหใ้ ชข้ ้อกำหนดท่ีเป็นที่ยอมรบั ไดร้ ะหวำ่ งผ้ผู ลติ กับผใู้ ช้ TRL และ TRL 9 คือ เทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ถูกนำไปใช้งำนจริงโดยลูกค้ำอย่ำงต่อเนื่องในตลำด หรือมีกำรใช้งำนในเชิงสำธำรณประโยชน์หรือหลักฐำนอื่นที่แสดงให้เห็นถึงกำรนำไปใช้งำนจริงและได้ รับ กำรยอมรับ 3. วธิ กี ารดาเนินการวเิ คราะห์ 3.1 ขอบเขตของการวิเคราะห์ • กำรพัฒนำนวตั กรรมข้อมูลและระบบปัญญำประดิษฐส์ ำหรับเทคโนโลยีทำงกำรแพทย์ และกำรสำธำรณสุข • กำรพัฒนำนวตั กรรมข้อมูลและระบบปัญญำประดษิ ฐส์ ำหรับเทคโนโลยีกำรเกษตรและอำหำร • กำรพฒั นำนวตั กรรมดิจทิ ัลสำหรับกำรเปลยี่ นแปลงอุตสำหกรรมกำรทอ่ งเที่ยวและเศรษฐกจิ สรำ้ งสรรค์ • กำรพฒั นำนวัตกรรมดิจทิ ัลสำหรับปฏบิ ตั กิ ำรโลจสิ ตกิ ส์ ทั้งนี้ ผลผลิตที่เป็นต้นแบบภำคสนำมที่ได้จำกแผนงำนฯ นี้ ซึ่งครอบคลุม TRL 4-8 คือ TRL 4-7 เป็นกำรพัฒนำและทดสอบต้นแบบในระดับต่ำง ๆ ตำมควำมเข้มข้นและสภำพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ต้นแบบห้องปฏิบัติกำร ต้นแบบภำคสนำม และ TRL 8 คือ มีกำรทดลองผลิตในปริมำณที่เหมำะสม หรือทดสอบควำมมีเสถียรภำพของระบบในระยะเวลำที่เหมำะสมและผ่ำนกำรทดสอบคุณภำพและมำตรฐำน ที่เกี่ยวข้องหรือกรณีที่ผลงำนไม่จำเป็นต้องมีมำตรฐำนที่เกี่ยวข้องให้ใช้ข้อกำหนดที่เป็นที่ยอมรับได้ระหว่ำง ผู้ผลิตกับผู้ใช้ TRL โดยผลผลิตจะอยู่ในรูปของระบบอัจฉริยะ (Smart system) สมำร์ทแพลตฟอร์ม (Smart platform) แอพลิเคชั่น (Application) ระบบปฏิบัติกำรตรวจจับควำมผิดปกติ (Detection system) และระบบปฏิบัตกิ ำรสญั ญำณเตือน (Alert system) ระบบดิจิทัลปัญญำประดิษฐ์เพื่อกำรพัฒนำงำนทำงด้ำนกำรแพทย์และสุขภำวะจะเป็นกำรพัฒนำ แพลตฟอร์มกำรใช้นวัตกรรมข้อมูลเพื่อกำรรักษำทำงไกล (Telemedicine) ระบบติดตำมผู้ป่วยด้วย อินเตอร์เน็ตทุกสรรพสิง่ (Internet of Things: IoTs) กำรใช้ Big Data และ AI สำหรบั กำรวินจิ ฉัยโรคเพ่อื ช่วย ให้กำรวินิจฉัยของแพทย์มีควำมแม่นยำมำกขึ้นและลดเวลำกำรวินิจฉัยของแพทย์ เช่น กำรตรวจวินิจฉัยโรค มะเร็งหรือโรคต่ำง ๆ จำกภำพรังสี เป็นต้น นอกจำกนี้ยังรวมไปถึงกำรพัฒนำแพลตฟอร์มเพื่อลดกำรใช้

172 บุคลำกรในโรงพยำบำล เช่น ระบบจ่ำยยำอัตโนมัติและรวมไปถึงกำรประยุกต์ใช้เทคนิค Artificial Reality และ Virtual Reality สำหรับศัลยแพทย์ เปน็ ต้น ระบบดิจิทัลปัญญำประดิษฐ์เพื่อกำรพัฒนำงำนทำงด้ำ นเกษตรแล ะอำหำรเป็นระบบที่จ ะเ พิ่ม ประสิทธิภำพกำรผลิตในภำคกำรเกษตร เช่น กำรพัฒนำระบบเซ็นเซอร์ต่ำง ๆ สำหรับ Smart Device และ Platform ด้ำนกำรเกษตร เพื่อยกระดับภำคกำรเกษตรไทยสู่กำรเกษตรแม่นยำสูงและเกษตรอัจฉริยะ รวมทั้งกำรเชื่อมต่อระบบระหวำ่ งเกษตรกรและอุตสำหกรรมอำหำร ระบบดิจิทัลปัญญำประดิษฐ์เพื่อกำรพัฒนำงำนทำงด้ำนกำรท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้ำงสรรค์ เป็นกำรพฒั นำเพ่อื เพิม่ คณุ คำ่ ให้กับกำรบริกำรท่องเท่ยี ว ระบบดิจิทัลปัญญำประดิษฐ์เพื่อกำรพัฒนำงำนด้ำนปฏิบัติกำรโลจิสติกส์ เป็นกำรใช้ระบบ AI ในกำร วำงแผนเส้นทำงขนส่งและกระจำยสินค้ำ กำรวำงแผน Cold chain logistic เพื่อเพิ่มประสิทธิภำพ และลดตน้ ทุนให้กบั ภำคกำรขนส่งและโลจสิ ติกส์ 3.2 การวเิ คราะห์ต้นทนุ และผลประโยชน์ (Cost-Benefit Analysis: CBA) CBA เป็นกำรวิเครำะห์เปรียบเทียบระหว่ำงผลประโยชน์ที่เกิดข้ึนจำกกำรนำโครงกำรไปปฏิบัติ กับต้นทุนที่ลงทุนไปทั้งหมด ซึ่งจะเน้นกำรประเมินประสิทธิภำพในเชิงเศรษฐกิจและคิดมูลค่ำออกมำ เป็นตวั เงิน (Monetary Social Cost and Benefit) (เกียรติอนันต์ ลว้ นแก้ว และคณะ, 2562; สถำบันส่งเสรมิ กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี, 2561) และเนื่องจำกธรรมชำติของโครงกำรลงทุน โดยเฉพำะอย่ำงย่ิง กำรลงทุนในเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน (Present-valued cost) รวมถึงกำรลงทุนต่อเนื่องในอนำคต จะต้องอำศัยเวลำเพื่อจะเห็นผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนำคต ( Future-valued benefits) ดังนั้น กำรคำนวณผลประโยชน์สุทธิ จึงต้องรวมกำรคำนวณอัตรำคิดลด (Discount Rate) ด้วย (Haggquist & Soerholm, 2015 อ้ำงถงึ ใน เกยี รติอนนั ต์ ลว้ นแก้ว และคณะ, 2562) 3.3 ผลตอบแทนจากการลงทนุ (Return on Investment: ROI) ROI คืออัตรำผลตอบแทนจำกกำรลงทุนสุทธิที่ได้จำกเงินลงทุนทั้งหมด ซึ่งในกำรศึกษำนี้จะคำนวณ โดย ������������������ = ผลตอบแทนจำกกำรลงทนุ − เงนิ ลงทุน เงนิ ลงทนุ

The 1st National Conference on SROI 173 4. Impact pathway กำรพัฒนำนวัตกรรมข้อมูลและระบบปัญญำประดิษฐ์สำหรับเทคโนโลยีทำงกำรแพทย์และกำร สำธำรณสุข กำรเกษตรและอำหำร กำรพัฒนำนวัตกรรมดิจิทัลสำหรับกำรเปลี่ยนแปลงอุตสำหกรรม กำรท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้ำงสรรค์เป็นกำรพัฒนำต้นแบบเทคโนโลยีสำหรับกำรสร้ำงโครงสร้ำงพื้นฐำน (Infrastructure) ที่ประกอบด้วยทั้งส่วนของฮำร์ดแวร์ส ำหรับกำรประมวลผลขั้นสูงรองรับระบบ ปัญญำประดิษฐ์และซอฟตแ์ วรบ์ ริหำรจัดกำรข้อมลู ขนำดใหญ่และมีคุณลักษณะเฉพำะทำง ซ่ึงจะเป็นส่วนหนึ่ง ในกำรส่งเสริมและขับเคลื่อน BCG Economy ในด้ำนควำมหลำกหลำยเชิงชีวภำพ ทรัพยำกรธรรมชำติ และระบบนิเวศและควำมหลำกหลำยเชิงวัฒนธรรม ที่จะขับเคลื่อนกำรพัฒนำด้ำนกำรเกษตร กำรแพทย์ และภำคบริกำร เป็นกำรกระตุ้นให้ SMEs ไทยมีกำรปรับตัวของธุรกิจตำมกระแสกำรเปลี่ยนแปลงด้ำนดิจิทัล อันจะส่งผลให้เกิดกำรลดต้นทุน กำรเพิ่มประสิทธิภำพและมูลค่ำรวมของอุตสำหกรรม เกิดกำรก้ำวกระโดด ของกำรพัฒนำตอ่ ยอดทำงเทคโนโลยีและสร้ำงกำรเติบโตทำงเศรษฐกิจอยำ่ งยง่ั ยนื

174 Output Outcome Impact การแพทยแ์ ละสาธารณสขุ • ลด Healthcare cost • สมาร์ทแพลตฟอร์ม AI บรหิ ารจัดการและสง่ เสริม • เพ่มิ ประสทิ ธภิ ำพ/ สขุ ภาพทางการแพทย์ทว่ั ไทย ลดเวลำในกำรทำงำน • แกป้ ญั หำกำรขำด • แอปพลเิ คชัน่ เพ่ือช่วยวนิ ิจฉัยภาพถ่ายทางการแพทย์ • ระบบติดตามแจง้ เตอื นพฤติกรรมเสย่ี งดา้ นสุขภาพ แคลนบคุ ลำกร Investment Technology การเกษตรและอาหาร นาเทคโนโล ียไปใช้ • เพิม่ มลู คา่ ผลผลิต Prototype • ลดอตั ราการใช้ • ระบบฟาร์มอจั ฉรยิ ะ สารเคมี • แพลตฟอรม์ ดา้ นความปลอดภยั อาหารและโรคพืช • ระบบประมงอตั โนมัติ • เพิ่มมลู ค่าทนุ ทางอุตสาหกรรม การท่องเท่ยี วและเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ ทอ่ งเทยี่ วและ วัฒนธรรม • ระบบตดิ ตามการเดนิ ทาง • ลดต้นทนุ การวาง • การวางแผนการท่องเทย่ี ว แผนการท่องเทยี่ ว • แพลตฟอร์มเทคโนโลยโี ลกเสมอื นจริง • ลดต้นทนุ การขนสง่ ปฏบิ ตั ิการโลจิสติกส์ สินค้า • ลดตน้ ทนุ การเก็บ • การพฒั นาคูแ่ ฝดดิจิทลั สำหรับปฏิบตั กิ ารโลจสิ ตกิ ส์ รกั ษาสนิ คา้ คงคลัง • การตรวจจบั ภยั คกุ คาม • ลดต้นทุน • ระบบจดั การขอ้ มลู เครอื ขา่ ย การบรหิ ารจดั การ โลจิสตกิ ส์ รปู ท่ี 4 Impact pathway ทม่ี ำ: คณะผปู้ ระเมนิ 5. Situation กำรศึกษำนี้ได้ประเมินสถำนกำรณ์ปัจจุบันใน 4 กลุ่มอุตสำหกรรมเป้ำหมำย ได้แก่ กำรแพทย์ และสำธำรณสขุ กำรเกษตรและอำหำร กำรท่องเทีย่ วและเศรษฐกิจสรำ้ งสรรค์ และปฏบิ ตั กิ ำรโลจสิ ตกิ ส์

The 1st National Conference on SROI 175 5.1 การแพทย์และสาธารณสุข ผลกำรศึกษำพบว่ำ ประเทศไทยมีสัดส่วนแพทย์ต่อประชำกรอยู่ที่ระดับ 1:1,674 และสัดส่วน พยำบำลต่อประชำกร 1:379 โดยกรุงเทพมหำนครมีสัดส่วนแพทย์ต่อประชำกรอยู่ที่ 1:565 แต่ในขณะที่ จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนแพทย์ต่อประชำกรสูงที่สุดอยู่ที่ระดับ 1:4,470 (กระทรวง สำธำรณสุข, 2562) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงควำมเหลื่อมล้ำและควำมขำดแคลนบุคลำกรทำงกำรแพทย์ ของประเทศไทย เนื่องจำก WHO ได้กำหนดสัดส่วนแพทย์ต่อประชำกรที่เหมำะสมให้อยู่ที่ระดับ 1:1,000 และสดั ส่วนรวมแพทย์ พยำบำล และผดุงครรภ์ อยทู่ ่ี 4.5:1,000 หรือ 1:222 (Goel, 2020) ประเทศไทยมีเป้ำหมำยจะเพิ่มบุคลำกรทำงกำรแพทย์เพื่อลดสัดส่วนแพทย์ต่อประชำกรให้เหลือ 1:1,250 ภำยในปี 2570 ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มอีกมหำศำลเนื่องจำกต้นทุนในกำรสร้ำงแพทย์ 1 คน อยทู่ ่ี 1,018,468.79 บำท (โสรญำ ม่วงกรุง, 2557) และต้นทุนกำรสร้ำงพยำบำล 1 คน อย่ทู ี่ 463,872.16 บำท (115,968.04 บำท/คน/ปี x 4 ปี) (สุภำเพญ็ ปำณะวฒั นพสิ ทุ ธ์ และคณะ, 2560) นอกจำกนี้ จำกข้อมูลของสำนักงำนสภำพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ (2562) ได้ระบุว่ำ ประชำกรไทยมีคำ่ ใช้จ่ำยรำยปใี นด้ำนสขุ ภำพ 388,976 ลำ้ นบำทต่อปี ซึ่งประกอบดว้ ยค่ำยำและค่ำรักษำ 5.2 การเกษตรและอาหาร ประเทศไทยมีมูลค่ำผลผลิตในหมวดพืชที่สำคัญ อยู่ที่ 881,914 ล้ำนบำทและหมวดประมง 163,481 ล้ำนบำท (สำนักงำนเศรษฐกิจกำรเกษตร, 2563) และข้อมูลจำก FAO (2019) ยังได้ระบุระดับควำมมั่นคง ทำงอำหำรหรือ % Value of food imports over total merchandise exports ของประเทศไทย อย่ทู ี่ 3% นั่นคือประเทศไทยจ่ำยเงินเพื่อนำเข้ำอำหำรเพียงร้อยละ 3 ของเงินที่ได้รับจำกกำรส่งออกอำหำรทั้งหมด ซึง่ ถอื วำ่ ไทยเปน็ ประเทศที่มคี วำมม่ันคงทำงอำหำรค่อนข้ำงสูง แต่ปัญหำที่สำคัญของประเทศไทยในด้ำนกำรเกษตรและอำหำรอยู่ที่กระบวนกำรผลิต ซึ่ง FAO ระบุว่ำ ในปี 2558 ประเทศไทยมีกำรใช้ยำฆ่ำแมลงมำกเป็นอันดับ 5 ของโลกและมีกำรใช้ยำฆ่ำหญ้ำมำก เป็นอันดับ 4 ของโลก (สยำมรัฐออนไลน์, 2561) นอกจำกนี้ ประเทศไทยยังมีมูลค่ำตลำดของอุตสำหกรรม ปุ๋ยเคมีสูงถึง 1.3 แสนล้ำนบำท โดยแบ่งออกเป็นตลำดกำรผลิตปุ๋ยเคมี 5.7 หมื่นล้ำนบำทและกำรส่งออกปุ๋ย และเคมภี ัณฑท์ ำงกำรเกษตร 7.4 หม่นื ลำ้ นบำท (TMB Analytics, 2564)

176 5.3 การทอ่ งเทย่ี วและเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ ประเทศไทยมรี ำยได้จำกนักท่องเที่ยวต่ำงชำติท่ีเข้ำมำเที่ยวในไทย ในปี 2562 จำนวน 1,911,807.95 ล้ำนบำท (สำนักงำนสถิติแห่งชำติ, 2562) ซึ่งมีอัตรำกำรเติบโตอยู่ที่ประมำณร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยค่ำใช้จ่ำยในกำรท่องเที่ยวนี้ประกอบไปด้วยค่ำที่พัก ค่ำอำหำรและเครื่องดื่ม ค่ำบริกำรท่องเที่ยว คำ่ พำหนะในกำรเดินทำง คำ่ ซือ้ สนิ ค้ำท่ีระลึก ค่ำใชจ้ ่ำยเพอ่ื กำรบันเทงิ และเบด็ เตลด็ ในขณะเดียวกัน รำยจ่ำยของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทำงออกไปท่องเที่ยวในต่ำงประเทศในปี 2562 มีมูลค่ำ 318,451.04 ล้ำนบำท ซึ่งเติบโตจำกปี 2561 ร้อยละ 0.45 (Ministry of Tourism and Sports, 2019) 5.4 โลจสิ ตกิ ส์ ประเทศไทยมีมูลค่ำ GDP ในภำคบริกำรโลจิสติกส์ สำขำกำรขนส่งและสถำนที่เก็บ (at current market prices) ปี 2562 สูงถึง 1,008,000 ล้ำนบำท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.98 ของ GDP รวม ของประเทศ แต่ในปี 2563 มูลค่ำลดลงเหลือ 391,000 ล้ำนบำท หรือลดลงจำกปี 2562 ร้อยละ 21.7 เน่ืองจำกสถำนกำรณก์ ำรแพรร่ ะบำด COVID-19 (กระทรวงพำณชิ ย์, 2563) ในส่วนของต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทย คิดเป็นมูลค่ำทั้งสิ้น 2,258,400 ล้ำนบำท (สำนักงำน สภำพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชำติ, 2562) ซึ่งประกอบไปด้วย ต้นทุนกำรขนสง่ สินค้ำ ต้นทุนกำรเกบ็ รกั ษำสนิ ค้ำคงคลังและตน้ ทนุ กำรบริหำรจดั กำรโลจิสติกส์ 6. Scenarios กำรศึกษำในครั้งนี้ได้กำหนดสถำนกำรณ์ เพื่อคำดกำรณ์ผลกระทบที่เกิดจำกแผนงำนวิจัยด้ำนกำร พัฒนำนวัตกรรมข้อมูลและระบบปัญญำประดิษฐ์ในด้ำนเทคโนโลยีสุขภำพ เกษตรอำหำร และโลจิสติกส์ โดยกำรกำหนด Discount rate โอกำสของควำมสำเร็จในกำรลงทุนของ ววน. กำหนด Adoption rate และกำหนดผลกระทบอ้ำงอิงถงึ ทีเ่ กิดจำกแผนงำนฯ 6.1 Discount rate กำรศึกษำนี้ได้กำหนด Discount rate ที่ 2% (อ้ำงอิงจำกเป้ำหมำยอัตรำเงินเฟ้อเฉลี่ยของธนำคำร แห่งประเทศไทยในช่วงสถำนกำรณ์ปกติก่อนเกิดกำรแพร่ระบำดของเชื้อไวรัสโคโรนำ) ในกำรคำนวณ NPV ของเงินลงทนุ ววน. ในปี 2563 – 2565

The 1st National Conference on SROI 177 6.2 โอกาสของความสาเรจ็ ในการลงทุน กำรศกึ ษำน้ีไดก้ ำหนดโอกำสของควำมสำเรจ็ ในกำรทำวจิ ัย (Probability of success) โดยอ้ำงองิ จำก คมสนั สุรยิ ะ (2564) ดงั นี้ • Best probability of success 100% • Usual probability of success 75% • Worst probability of success 50% 6.3 Adoption rate กำรศึกษำนี้ได้กำหนด Adoption rate ในแต่ละสถำนกำรณ์ โดยอ้ำงอิงจำกทฤษฎีกำรแพร่กระจำย นวตั กรรมของ Rogers (1995) ดงั น้ี Usual case – ก ำหนดให้เทคโนโลยีของแผนงำนฯ สำมำรถไปถึงจุดทะยำน ( take-off) ได้ ซึ่งหมำยควำมว่ำจะมีกลุ่ม innovator และ early adopter คิดเป็น 16% ของผู้ที่มศี ักยภำพทจี่ ะกลำยมำเป็น ผู้ใชน้ วัตกรรมทัง้ หมด Best case – เป็นสถำนกำรณ์ทีผ่ ใู้ ช้ทเ่ี ป็นกลุ่มใหญ่ของสังคม (early majority) ไดเ้ ขำ้ มำเป็นผู้ใช้แล้ว จำนวนครึ่งหนึ่งของ early majority ท้ังหมด (17%) ดังนั้น ในกำรศึกษำครั้งนี้จึงกำหนด Adoption rate ในสถำนกำรณ์ Best case ที่ 16% + 17% = 33% Worst case – กำหนดให้เทคโนโลยีไม่สำมำรถไปถึงจุด take-off ซึ่งหมำยควำมว่ำ จะมีกลุ่ม innovator (2.5%) และ early adopter เพียงบำงส่วน (กำหนดครึ่งหนึ่ง) ท่ีมำเป็นผู้ใช้งำน (7%) ดังนั้น จงึ กำหนด Adoption rate ในสถำนกำรณ์ Worst case ที่ 2.5% + 7% = 9.5%

178 การแพทยแ์ ละ การเกษตรและ การทอ่ งเที่ยวและ ปฏบิ ตั ิการโลจสิ ติกส์ สาธารณสขุ อาหาร เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ Probability of Probability of Probability of Probability of success success success success • 100%, 75%, 50% • 100%, 75%, 50% • 100%, 75%, 50% • 100%, 75%, 50% Adoption rate Adoption rate Adoption rate • Best case 33% • Best case 33% Adoption rate • Best case 33% • Usual case 16% • Usual case 16% • Usual case 16% • Worst case 9.5% • Worst case 9.5% • Best case 33% • Worst case 9.5% • Usual case 16% ผลกระทบ ผลกระทบ • Worst case 9.5% ผลกระทบ • ลด Healthcare • ลดปรมิ าณสารเคมี • ลดต้นทนุ การขนสง่ ผลกระทบ cost ในภาคการเกษตร สนิ ค้า • เพม่ิ มูลค่าผลผลติ • เพ่ิมรายได้ด้านค่าบรกิ าร • ลดต้นทนุ การเกบ็ การท่องเทย่ี วจาก ในภาคประมง นกั ทอ่ งเทีย่ วตา่ งชาติ รักษาสนิ ค้าคงคลงั ท่ีเขา้ มาเทีย่ วในไทย • ลดตน้ ทุนการบรหิ าร • เพ่ิมรายจา่ ยของ นกั ทอ่ งเที่ยวทเ่ี ดินทาง จัดการ ออกนอกประเทศ รปู ที่ 5 Scenarios 7. Simulation กำรจำลองสถำนกำรณ์ผลกระทบใน 4 อุตสำหกรรมเป้ำหมำยของแผนงำนฯ กำหนดอัตรำกำรลด ต้นทุนและกำรเพิ่มผลผลิตในแต่ละอุตสำหกรรมที่ระดับครึ่งหนึ่งของ benchmark จำกกำรทบทวน วรรณกรรม เน่ืองจำกผลผลติ ในแผนงำนฯ น้เี ปน็ เพียงเทคโนโลยตี ้นแบบ (TRL 4-8) ทย่ี งั ไมใ่ ช่สนิ คำ้ ข้ันสุดท้ำย (TRL 9)

The 1st National Conference on SROI 179 7.1 การแพทยแ์ ละสาธารณสุข คำ่ ยำ และ คำ่ รักษำ (สำนกั งำนสภำพฒั นำกำรเศรษฐกจิ และสังคม แห่งชำติ, 2562b) การแพทย์และสาธารณสขุ U.S. 20% (Mobile Smith, 2014) คำ่ ใช้จ่ำยรำยปีสุขภำพประชำกรไทย 10% % กำรลด Healthcare cost (benchmark) % ทใี่ ช้ในกำรคำนวณกำรลด Healthcare cost 7.2 การเกษตรและอาหาร การเกษตรและอาหาร มูลค่ำตลำดของอุตสำหกรรมปุ๋ยเคมี 1.3 แสนล้ำนบำท (แบง่ ออกเป็นตลำดกำรผลติ ป๋ยุ เคมี 5.7 หมนื่ ลำ้ นบำท (พืช) และกำรส่งออก ปยุ๋ และเคมภี ัณฑท์ ำงกำรเกษตรมูลคำ่ 7.4 หมื่นล้ำนบำท) (TMB Analytics, 2564) อตั รำกำรลดปริมำณสำรเคมี (benchmark) U.S. 90% (Spaventa, 2020) % ทใี่ ช้คำนวณอัตรำกำรลดปรมิ ำณสำรเคมี 45% มลู ค่ำผลผลติ หมวดประมง (ลำ้ นบำท) 163,481 ลำ้ นบำท (สำนักงำนเศรษฐกิจกำรเกษตร, 2564) อตั รำกำรเพมิ่ ผลผลติ (benchmark) Netherland 100% (สำนักงำนส่งเสรมิ วสิ ำหกิจขนำดกลำงและขนำดยอม, 2563) % ทใี่ ชค้ ำนวณอตั รำกำรเพมิ่ ผลผลติ 50% 7.3 การทอ่ งเทีย่ วและเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ การทอ่ งเทย่ี วและเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ 1,911,807.95 ล้ำนบำท (สำนักงำนสถิติแห่งชำติ, 2562) รำยได้จำกนักทอ่ งเท่ยี วตำ่ งชำติ ทีเ่ ข้ำมำเทย่ี วในไทย (ผลกระทบทำงบวก) 318,451.04 ลำ้ นบำท (Ministry of Tourism and รำยจำ่ ยของนกั ท่องเที่ยวไทยท่เี ดนิ ทำงออกนอกประเทศ Sports, 2019) (ผลกระทบทำงลบ) 3.89 % ค่ำบริกำรกำรทอ่ งเทย่ี ว ตอ่ ค่ำใชจ้ ำ่ ยรวมของนกั ท่องเทีย่ ว

180 7.4 โลจสิ ตกิ ส์ โลจิสตกิ ส์ (สำนกั งำนสภำพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติ, 2562; หน้ำ 11) ตน้ ทุนกำรขนส่งสินค้ำ 1,122,800 ล้ำนบำท อตั รำกำรลดตน้ ทนุ กำรขนส่งสนิ คำ้ (benchmark) 50% (เศรษฐพงค์ มะลสิ วุ รรณ, 2560) อัตรำกำรลดต้นทนุ กำรขนส่งสินคำ้ ที่ใช้ในกำรคำนวณ 25% ต้นทนุ กำรเกบ็ รักษำสนิ ค้ำคงคลงั 967,500 ล้ำนบำท อัตรำกำรลดต้นทนุ กำรเก็บรักษำสนิ ค้ำคงคลัง 30% ตน้ ทุน (เศรษฐพงค์ มะลิสวุ รรณ, 2560) (benchmark) 60% พนื้ ท่ี (M Report, 2563) 70% พนักงำน (M Report, 2563) อตั รำกำรลดต้นทุนกำรเกบ็ รกั ษำสินค้ำคงคลังทีใ่ ชใ้ นกำร 15% คำนวณ ต้นทนุ กำรบรหิ ำรจัดกำรด้ำนโลจสิ ตกิ ส์ 168,100 ล้ำนบำท อัตรำกำรลดต้นทุนกำรบริหำรจดั กำร (benchmark) 13% (Iyer & Rahalkar, 2013) อัตรำกำรลดตน้ ทนุ กำรบริหำรจดั กำร 6.5% 7.5 เงนิ ลงทุน ววน. กำรศกึ ษำนจี้ ำลองสถำนกำรณ์โดยใช้สัดสว่ นกำรลงทนุ ตำมแผนงำนฯ ของ ววน. ดงั น้ี หนว่ ย: ลำ้ นบำท Discount rate = 2% ปี พ.ศ. เงินลงทนุ ของ ววน. 2563 154 2564 292 2565 180

The 1st National Conference on SROI 181 8. ผลการศึกษา ตารางท่ี 1 ผลกระทบทเ่ี กดิ จำกแผนงำนวิจยั ดำ้ นกำรพฒั นำนวัตกรรมข้อมูลและระบบปัญญำประดิษฐ์ อตุ สาหกรรม Computational 2563 2564 หนว่ ย: ลำ้ นบำท Rate 2565 กำรแพทยแ์ ละสำธำรณสุข 188,553 192,668 ค่ำยำ 0.1 192,354 184,805 196,873 ค่ำรักษำ 380,908 377,473 177,552 รวมกำรแพทย์ 374,425 และสำธำรณสขุ 38,090.76 37,747.32 20% cost reduction 37,442.49 (benchmark) กำรเกษตร 0.45 57,000 58,425 59,886 มลู คำ่ อุตสำหกรรมปยุ๋ เคมี 0.5 25,650 26,291 26,949 90% ลดกำรใช้ปยุ๋ เคมี (benchmark) 0.038 163,481 153,563 144,248 มลู คำ่ สนิ ค้ำประมง (ลบ.) 81,740.50 76,781.75 72,123.82 100% เพิ่มผลผลติ (Netherland: 107,391 103,073 99,072 benchmark) รวม impact เกษตร 2,021,421.05 2,084,789.47 2,150,157.89 กำรทอ่ งเท่ยี ว 76,814.00 79,222.00 81,706.00 รำยได้จำกนักทอ่ งเทยี่ ว ตำ่ งชำติทเ่ี ขำ้ มำเทย่ี ว (319,888.00) (321,330.00) (322,780.00) ในไทย รำยได้ด้ำนกำรบรกิ ำร ทอ่ งเทย่ี ว จำก นทท. ตำ่ งชำติ รำยจำ่ ยของนกั ท่องเทย่ี ว ไทยท่เี ดินทำงออกนอก ประเทศ

182 อุตสาหกรรม Computational 2563 2564 2565 Rate (12,155.73) (12,210.56) (12,265.64) รำยจำ่ ยด้ำนบริกำร 0.038 64,658.55 67,011.74 69,440.18 ท่องเท่ยี ว Total impact ทอ่ งเที่ยว 879,152.40 895,258.77 911,660.20 219,788.10 223,814.69 227,915.05 โลจสิ ติกส์ 0.25 757,552.50 792,701.76 829,481.88 ตน้ ทุนกำรขนส่งสินคำ้ 0.15 113,632.87 118,905.26 124,422.28 50% reduction 0.065 131,622.30 135,740.54 139,987.64 (benchmark) 8,555.45 8,823.14 9,099.20 ตน้ ทนุ กำรเกบ็ รักษำสนิ ค้ำ 341,976 351,543 361,437 คงคลัง 30% reduction (benchmark) ตน้ ทุนกำรบรหิ ำรจดั กำร ด้ำนโลจิสตกิ ส์ 13% reduction (benchmark) รวมตน้ ทุนโลจสิ ติกส์ ตารางที่ 2 มูลค่ำปัจจุบันของผลกระทบที่เกิดจำกกำรลงทุนในแผนงำนวิจัยด้ำนกำรพัฒนำนวัตกรรมข้อมูล และระบบปัญญำประดษิ ฐ์ในด้ำนเทคโนโลยสี ุขภำพ เกษตรอำหำร และโลจิสติกส์ หนว่ ย: ล้ำนบำท Discount rate = 2% ROI Prob of success มูลค่ำของผลกระทบ 100% 75% 50% Best (33% adoption rate) 543,141 407,355 271,570 Usual (16% adoption rate) 263,341 197,505 131,670 Worst (9.5% adoption rate) 156,358 117,269 78,179 ทีม่ ำ: กำรคำนวณโดยคณะผู้ประเมนิ จำกกำรคำดกำรณ์มูลค่ำของผลกระทบท่ีเกิดจำกแผนงำนวิจัยด้ำนกำรพัฒนำนวัตกรรมข้อมูล และระบบปญั ญำประดษิ ฐ์ พบว่ำ จะสรำ้ งมลู ค่ำส่วนเพิม่ ไดป้ ระมำณ 78,179 – 543,141 ล้ำนบำท

The 1st National Conference on SROI 183 ผลกำรวิเครำะห์พบว่ำ ROI ของกำรลงทุนในแผนงำนวิจัยด้ำนกำรพัฒนำนวัตกรรมข้อมูลและระบบ ปัญญำประดิษฐ์ในด้ำนเทคโนโลยีสุขภำพ เกษตรอำหำร และโลจิสติกส์ อยู่ในช่วง 3.83 – 26.58 และมีค่ำ กลำง ณ ผลกระทบ Usual case และ Usual probability of success อยู่ที่ 9.67 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ำอัตรำ ผลตอบแทนจำกกำรลงทนุ ในสถำนกำรณ์ปกติ สำมำรถสรำ้ งกำไรได้อย่ำงคุ้มค่ำ ตารางที่ 3 ผลกำรคำนวณ ROI ของแผนงำนวิจัยด้ำนกำรพัฒนำนวัตกรรมข้อมูลและระบบปัญญำประดิษฐ์ ในดำ้ นเทคโนโลยีสุขภำพ เกษตรอำหำร และโลจสิ ตกิ ส์ ROI Prob of success 50% 100% 75% 13.29 Best (33% adoption rate) 26.58 19.93 6.44 Usual (16% adoption rate) 12.89 9.67 3.83 Worst (9.5% adoption rate) 7.65 5.74 ท่ีมำ: กำรคำนวณโดยคณะผูป้ ระเมนิ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่ำผลกำรศึกษำจะแสดงให้เห็นว่ำ ณ ระดับ Adoption rate 9.5% ในขณะที่มี Probability of success 75% ขึ้นไป สำมำรถก่อให้เกดิ ROI ไดม้ ำกกว่ำ 5 เทำ่ แต่คณะผ้ปู ระเมนิ ไม่สนับสนุน Adoption rate ที่น้อยกว่ำ 16% ในทุกกรณี เนื่องจำกกำรที่ Adoption rate ไม่ถึงจุดทะยำนแต่ให้ ROI ในระดับที่สูง หมำยควำมว่ำ ผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงแรกของกำรใช้เทคโนโลยีได้มำจำกกลุ่ม innovator และ early adopter เพียงบำงส่วน ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นผู้ใช้กลุ่มแรกสุดของนวัตกรรม แต่ในเม่ือ Adoption rate ไม่ถึงจุดทะยำนจะทำให้เทคโนโลยีทีเ่ กิดจำกกำรลงทุนของ ววน. ในแผนงำนฯ นี้ ไม่สำมำรถ แพร่กระจำยไปยัง Potential adopters ที่เหลือได้ เมื่อเวลำผ่ำนไปเทคโนโลยีต่ำง ๆ เหล่ำนี้ก็จะหมดไปจำก อุตสำหกรรมทัง้ หมด ซึง่ จะเปน็ กำรสญู เสียเงินลงทนุ โดยเปลำ่ ประโยชน์ ดังนั้น เมื่อพิจำรณำควำมคุ้มค่ำของกำรลงทุน ที่ ROI > 5 พบว่ำ ววน. จะต้องมีนโยบำยผลักดัน ให้เกิด Probability of Success ไม่น้อยกว่ำ 39% ในสถำนกำรณ์ปกติ (Usual case) ที่ระดับ Adoption rate 16% ซึ่งจะทำให้เกิดกำรแพร่กระจำยของเทคโนโลยีที่เกิดจำกกำรลงทุนในแผนงำนฯ นี้ ไปยังกลุ่ม Potential adopters อนื่ ๆ ซงึ่ จะกอ่ ให้เกิดควำมยัง่ ยนื ในกำรลงทุนเพื่อพัฒนำอกี ดว้ ย

184 เอกสารอ้างอิง Constantiou, I. D., Damsgaard, J., & Knutsen, L. (2007). The Four Incremental Steps Toward Advanced Mobile Service Adoption. Commun. ACM, 50(6), 51–55. https://doi.org/10.1145/1247001.1247005 Dutta, S., Geiger, T., & Lanvin, B. (2015). The Global Information Technology Report 2015. World Economic Forum. World Economic Forum. https://doi.org/10.3359/oz0304203 FAO. (2019). FAOSTAT. Retrieved July 20, 2021, from http://www.fao.org/faostat/en/#country/216 Gatignon, H., & Robertson, T. S. (1985). A Propositional Inventory for New Diffusion Research. Journal of Consumer Research, 11(4), 849–867. https://doi.org/10.1086/209021 Goel, S. (2020). The doctor-population ratio in India is 1:1456 against WHO recommendation. Retrieved August 1, 2021, from https://www.deccanherald.com/business/budget- 2020/the-doctor-population-ratio-in-india-is-11456-against-who-recommendation- 800034.html%0A Iyer, S., & Rahalkar, A. (2013). Smart Strategies for Logistics Cost Optimization. Retrieved August 20, 2021, from https://www.industryweek.com/supply- chain/logistics/article/21959350/smart-strategies-for-logistics-cost-optimization M Report. (2563, November 13). เทคโนโลยคี ลังสนิ ค้ำอตั โนมัติ มำแรง ตอบโจทย์ อคี อมเมิรซ์ เครือ่ งดมื่ - อำหำร แห่ลงทุน. บทความพิเศษ: เทคโนโลยี. Ministry of Tourism and Sports. (2019). TOURISM EXPENDITURE BY OUTGOING THAI TRAVELLERS BY EXPENDITURE ITEM. Retrieved July 20, 2021, from https://www.mots.go.th/more_news_new.php?cid=411 Mobile Smith. (2014). Mobile Apps as Tools of Cost Reduction in Healthcare. North Carolina. Retrieved from https://www.mobilesmith.com/wp-content/uploads/2014/07/Mobile- Apps-as-Tools-of-Cost-Reduction-in-Healthcare-MobileSmith.pdf%0A Oxford Insights. (2019). Government Artificial Intelligence Readiness Index 2019. Retrieved from https://www.oxfordinsights.com/ai-readiness2019 Rogers, E. M. (1995). Diffusion of Innovations. The Free Press. https://doi.org/citeulike-article- id:126680 Solomon, M., Bamossy, G., Askegaard, S., & Hogg, M. K. (2006). Consumer Behaviour: A European Perspective (3rd ed.). Pearson Education Limited.

The 1st National Conference on SROI 185 Spaventa, S. (2020). Pesticide Elimination, Automation & AI - How AgTech is Shaping The Future of Agriculture. Retrieved July 21, 2021, from https://farmtogether.com/learn/blog/pesticide-elimination-automation-ai-how-agtech- is-shaping-the-future-of-agriculture Straub, E. T. (2009). Understanding Technology Adoption: Theory and Future Directions for Informal Learning. Review of Educational Research, 79(2), 625–649. https://doi.org/10.3102/0034654308325896 TMB Analytics. (2564, March 29). TMB Analytics คำดตลำดป๋ยุ เคมี ปี 64 โตกว่ำ 2.5%. ห้องข่าว. Retrieved from https://www.ttbbank.com/archive/newsroom/news/pr/view/chemical- fertilizer-market.html กระทรวงพำณชิ ย์. (2563). ข้อมลู อตุ สาหกรรมโลจิสติกส์. กรงุ เทพฯ. กระทรวงสำธำรณสขุ . (2562). รายงานขอ้ มลู ทรัพยากรสาธารณสุข ประจาปี 2562. กรงุ เทพฯ. เกยี รติอนันต์ ล้วนแก้ว, ธรี ศกั ดิ์ กัญจนพงศ์, นนท์ นุชหมอน, เพช็ รธรินทร์ วงศเ์ จรญิ , ธนั ยช์ นก นันทกจิ , ทนงศกั ดิ์ ศิรยิ งค์, … นฤมล หนูบ้ำนเกำะ. (2562). Final Report Evaluation of Economic and Social Values: Geo-Informatics and Sapce Technology Development Agency (Public Organization). กรงุ เทพฯ. คมสนั สุรยิ ะ. (2564). การประเมินความค้มุ คา่ ของการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ วิจยั และนวัตกรรม แบบ Ex-ante ดว้ ยวิธี Triple S. กรุงเทพฯ: สำนกั งำนคณะกรรมกำรส่งเสริมวิทยำศำสตร์ วจิ ัยและ นวตั กรรม. เศรษฐพงค์ มะลสิ วุ รรณ. (2560, June 12). โลจิสตกิ ส์อัจฉรยิ ะ จะเปลยี่ นโลก!!! Nation. Retrieved from https://www.nationtv.tv/main/content/378551829 สยำมรัฐออนไลน.์ (2561, February 15). ประเทศแห่งสำรพษิ . บทบรรณาธิการ. Retrieved from https://siamrath.co.th/n/31128 สำนักงำนพัฒนำวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยแี ห่งชำติ. (2553). Technology Readiness Levels: ระดับ ควำมพร้อมของเทคโนโลยสี ู่อุตสำหกรรม. Retrieved August 2, 2021, from https://www.nstda.or.th/home/knowledge_post/technology-readiness-levels/ สำนักงำนเศรษฐกิจกำรเกษตร. (2563). ตวั ชี้วัดเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศไทย ปี 2563. กรงุ เทพฯ. Retrieved from https://www.oae.go.th/assets/portals/1/files/jounal/2564/indicator2563.pdf%0A สำนักงำนส่งเสรมิ วิสำหกจิ ขนำดกลำงและขนำดยอม. (2563). Farming 4.0 มิตใิ หม่การเกษตรไทย. กรุงเทพฯ.

186 สำนกั งำนสถติ ิแห่งชำต.ิ (2562). รำยได้กำรท่องเท่ยี วจำกนักทอ่ งเทีย่ วชำวต่ำงชำตทิ ี่เข้ำมำประเทศไทย จำแนกตำมประเทศถ่ินท่อี ยู่ พ.ศ. 2553 - 2562. Retrieved July 21, 2021, from http://statbbi.nso.go.th/staticreport/Page/sector/TH/report/sector_17_11113_TH_.xlsx %0A สำนกั งำนสภำพัฒนำกำรเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชำต.ิ (2562a). รายงานโลจิสตกิ ส์ของประเทศไทย ประจาปี 2562. กรงุ เทพฯ. Retrieved from https://dol.dip.go.th/uploadcontent/DOL/FON/BP/logistics_report_2562.pdf%0A สำนกั งำนสภำพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ. (2562b). สดั ส่วนคำ่ ใช้จ่ำยดำ้ นสุขภำพ (ค่ำยำ คำ่ รักษำ) ตอ่ ค่ำใช้จำ่ ยครวั เรือนทัง้ หมด (GDP) ปี พ.ศ. 2536 – 2561. Retrieved July 20, 2021, from http://social.nesdc.go.th/SocialStat/StatReport_Final.aspx?reportid=1260&template=1 R1C&yeartype=M&subcatid=18 สุภำเพญ็ ปำณะวัฒนพสิ ุทธ์, สุชำดำ อินทรกำแหง ณ รำชสมี ำ, ศรวี รรณ สพุ รรณสำร, & เจรญิ บญุ มี. (2560). กำรวเิ ครำะหต์ น้ ทนุ กำรผลติ พยำบำลวิชำชพี ของวิทยำลยั พยำบำลบรมรำชชนนี สวรรคป์ ระชำรกั ษ์ นครสวรรค.์ Journal of Nursing, Public Health, and Education, 18(1), 104–112. โสรญำ มว่ งกรงุ . (2557). ต้นทนุ การผลิตบัณฑติ แพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. มหำวทิ ยำลัยเทคโนโลยีรำชมงคลธัญบุรี.

The 1st National Conference on SROI 187 การประเมนิ ผลกระทบทางเศรษฐกิจของแผนงานวจิ ัยด้านการพฒั นาสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ วิสาหกจิ ฐานนวัตกรรมระดบั Startup และ SMEs ภำรวี มณจี กั ร1,2, พิชญำกร รกั โพธ์ิ2, นำโชค ฉมิ ปรำง2, ชลระดำ หนันต๊ิ1,2 1 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ 2 ศูนย์ความเปน็ เลิศเศรษฐมติ ิ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ 1 Corresponding author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ กำรศึกษำนี้ได้ทำกำรประเมินผลกระทบทำงเศรษฐกิจของแผนงำนวิจัยด้ำนแผนงำนวิจัยด้ำน กำรพัฒนำส่งเสริมและสนับสนุนวิสำหกิจฐำนนวัตกรรมระดับ Startup และ SMEs ปี 2563 - 2567 โดยใช้ แนวคิดกำรประเมินแบบ Ex-ante โดยใช้เทคนิควิธีทั้งเชิงปริมำณและเชิงคุณภำพมำวิเครำะห์ผลกระทบทำง เศรษฐกิจที่น่ำจะเกิดขึ้น จำกกำรประเมินผู้วิจัยพบว่ำผลกระทบทำงเศรษฐกิจของแผนงำนนี้จะสะท้อนผ่ำน กำไรที่เพิ่มขึ้นของวิสำหกิจแบบดั้งเดิมที่มีกำรเปลี่ยนแปลงสู่วิสำหกิจฐำนนวัตกรรมในระดับวิสำหกิจเริ่มต้น (Startup) และวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม (SME) ซึ่งในกำรประเมินผลกระทบดังกล่ำว ผู้ประเมิน จะทำกำรพยำกรณ์ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของวิสำหกิจที่จะเกิดขึ้นในอนำคตโดยอ้ำงอิงอัตรำกำรเพิ่มขึ้นของกำไร ของวิสำหกิจที่ใช้นวัตกรรมในต่ำงประเทศพร้อมพิจำรณำร่วมกับอัตรำกำรอยู่รอดของวิสำหกิจและศึกษำ ควำมเป็นไปได้ในกำรประสบควำมสำเร็จ (Feasibility study) ของแผนงำนวิจัย ผลกำรประเมินพบว่ำ อตั รำผลตอบแทนจำกกำรลงทนุ (ROI) ของแผนมคี ่ำอย่รู ะหวำ่ ง 1.52-5.54 เทำ่ 1. บทนำ จำกนโยบำย “Thailand 4.0” ของรัฐบำลในกำรปรับเปลี่ยนโครงสรำ้ งเศรษฐกิจไปสู่ “Value–Based Economy” หรือ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” ทำให้รัฐบำลมีนโยบำยหลักในกำรพัฒนำเศรษฐกิจ และควำมสำมำรถในกำรแข่งขันของประเทศ โดยมุ่งเน้นส่งเสรมิ สนับสนุนและยกระดับวสิ ำหกิจฐำนนวัตกรรม (Innovation-driven Enterprises: IDEs) ซึ่งประกอบด้วยวิสำหกิจเริ่มต้น (Startup) และวิสำหกิจขนำดเล็ก และขนำดกลำง (SME) ที่ใชน้ วตั กรรมเป็นตัวขับเคลื่อนท่ีอยู่ในพื้นท่ีภูมิภำคต่ำง ๆ ของประเทศ ท้งั ภำคกำรผลิต และกำรบรกิ ำรโดยมรี ูปแบบธรุ กิจใหม่ของอุตสำหกรรมเปำ้ หมำยที่มีศักยภำพทำงเศรษฐกิจของประเทศในระยะ สน้ั และระยะยำว เชน่ อุตสำหกรรมเปำ้ หมำยภำยใตแ้ นวคิดเศรษฐกจิ ชวี ภำพ เศรษฐกจิ หมุนเวียน และเศรษฐกิจ

188 สเี ขียว (Bio-Circular- Green; BCG Economy) เศรษฐกิจดจิ ิทัลด้วยปัญญำประดิษฐ์ (AI & Digital Economy) เศรษฐกิจสร้ำงสรรค์ (Creative Economy) และเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) เป็นต้น พร้อมมุ่ง ผลักดันให้ไทยเข้ำสู่ “Innovation Nation” หรือประเทศแห่งนวัตกรรมเพื่อสร้ำงโอกำสและควำมแตกต่ำง ใหเ้ ปน็ ผลผลิตทีม่ คี ณุ ค่ำตอ่ เศรษฐกจิ ดังนั้น แผนงำน “กำรพัฒนำส่งเสริมและสนับสนุนวิสำหกิจฐำนนวัตกรรมจึงเป็นแผนงำน ที่มีควำมสำคัญต่อกำรพัฒนำและส่งเสริมวิสำหกิจที่ใช้นวัตกรรมให้สำมำรถกลำยเป็นส่วนสำคัญหลักในกำร ขับเคลื่อนภำคเศรษฐกิจของประเทศในอนำคต โดยทำให้ผู้ประกอบกำรสำมำรถเริ่มต้นดำเนินธุรกิจได้ อย่ำงมั่นคง ลดควำมเหลื่อมล้ำในกำรเข้ำถึงบริกำรของผู้ประกอบกำรในภูมิภำคและส่วนกลำง ซึ่งจะมุ่งไปท่ี \"กำรสร้ำงควำมแตกต่ำง\" จำกผลิตภัณฑ์เดิมผ่ำนกำรเสริมสร้ำงกำรใช้ประโยชน์ในระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) ซึ่งเป็นกำรบูรณำกำรกำรทำงำนร่วมกันระหว่ำงหน่วยงำน ภำคธุรกิจส่วนกลำง ส่วนภูมิภำค สถำบันกำรศึกษำ/สถำบันวิจัยและหน่วยงำนภำครัฐ ทั้งในแง่ของปริมำณ ควำมหลำกหลำย และคุณภำพ อีกทั้งยังช่วยสร้ำงควำมตระหนักและควำมตื่นตัว โดยกำรสร้ำงตัวอย่ำงควำมสำเร็จให้เป็น ที่ประจักษ์ต่อสำธำรณะ รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนให้วิสำหกิจฐำนนวัตกรรมมีศักยภำพสู่เชิงพำณิชย์ ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นหรือระยะบ่มเพำะตลอดจนเร่งรัดกำรเตบิ โตทำงธุรกิจสู่ตลำดไปจนถึงให้คำปรกึ ษำทำงดำ้ น เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนำและส่งเสริมกำรเติบโตของธุรกิจ กำรใช้กระบวนกำรพัฒนำนวัตกรรม แบบเปิด กำรใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่จำเป็นต่อกำรพัฒนำ ประเทศ กำรส่งเสริมกำรเข้ำถึงแรงจูงใจและสิทธิประโยชน์ต่ำง ๆ เช่น กำรเพิ่มโอกำสให้วิสำหกิจฐำน นวัตกรรมเข้ำถึงกลไกกำรให้ทุนสนับสนุนผ่ำนโครงกำรกู้และกองทุนร่วมทุนทั้งภำครัฐและเอกชน เป็นต้น รวมถึงกำรส่งเสริมให้วิสำหกิจฐำนนวัตกรรมเข้ำถึงโอกำสในกำรขยำยธรุ กิจผ่ำนโครงกำรควำมร่วมมือระหว่ำง ประเทศและกำรทำ Business matching ทั้งในและต่ำงประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่ำของสินค้ำและบริกำร โดยสร้ำงประสิทธิภำพและเอกลักษณ์เฉพำะตัว นำไปสู่กำรสร้ำงรำยได้ กำรจ้ำงงำน กระจำยรำยได้สู่ภูมิภำค และก่อใหเ้ กดิ อตุ สำหกรรมเป้ำหมำยใหมท่ ่ีเปน็ กลไกในกำรขับเคลื่อนเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ โครงกำรวิจัยนี้ จงึ จัดทำขน้ึ เพื่อศึกษำและรวบรวมข้อมูลท่ีเกย่ี วข้องกับแผนงำน “วิจัยด้ำนกำรพัฒนำ ส่งเสริม และสนับสนุนวิสำหกิจฐำนนวัตกรรม (Startup และ SMEs)” เพื่อประเมินควำมคุ้มค่ำของกำรลงทนุ ด้ำน ววน. ด้วยกำรคำดกำรณ์ผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคมในอนำคต โดยใช้วิธีกำรประเมินผลก่อนเริ่ม โครงกำร (Ex-Ante Evaluation) สำหรับเป็นข้อมูลสนับสนุนในกำรชี้แจงด้ำนงบประมำณต่อกรรมำธิกำร งบประมำณและรัฐสภำและใช้เป็นฐำนสำหรบั กำรเปรียบเทยี บกบั ผลลพั ธ์และผลกระทบที่จะสำมำรถประเมิน พบไดเ้ มอ่ื สิ้นสดุ โครงกำร (Ex-post evaluation)

The 1st National Conference on SROI 189 2. แนวคดิ ทฤษฎีทีเ่ กีย่ วขอ้ ง: แนวคิดดา้ นนวตั กรรม นวัตกรรม (Innovation) คือ กำรปรับใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ กระบวนกำรผลิตใหม่ กำรตลำดหรือรูปแบบ องค์กรใหม่ที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงมูลค่ำไม่ว่ำจะเป็นด้ำนกำรเงิน ชีวิตควำมเป็นอยู่ของคนในสังคม ตลอดจน ประสิทธิภำพในกำรผลิต (European Parliament Research Service, 2016) องค์กำรเพื่อควำมร่วมมือ ทำงเศรษฐกิจและกำรพัฒนำ (Organization for Economic Co-operation and Development: OECD) ได้จำแนกนวัตกรรมออกเปน็ 4 ประเภทหลัก (Manual, 2005) ประกอบด้วย 1.) นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (Product Innovation) คือ กำรพัฒนำผลิตภัณฑ์และบริกำรใหม่ หรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริกำรเดิมให้มีคุณภำพสูงขึ้น เช่น กำรปรับปรุงด้ำนเทคนิค วัสดุประกอบ ซอฟตแ์ วรท์ ่ใี ช้ในผลติ ภัณฑ์ ควำมเป็นมติ รกับผ้ใู ช้ เป็นตน้ ซ่ึงจะส่งผลใหผ้ ู้ประกอบกำรวิสำหกิจท่ีใช้นวัตกรรม ดังกล่ำวมียอดขำย กำไร ท่ีเพ่ิมสงู ขนึ้ 2.) นวัตกรรมกระบวนกำร (Process Innovation) คือ กำรปรับเปลี่ยนแนวทำงหรือวิธีกำรใหม่ ในกำรพัฒนำ ปรับปรุง กระบวนกำรผลิตหรือกำรส่งมอบผลิตภัณฑ์ ทั้งในด้ำนเทคนิค เครื่องมือและอุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ สง่ ผลใหผ้ ้ปู ระกอบกำรวสิ ำหกจิ มีต้นทุนในกำรผลติ ทต่ี ่ำ มศี ักยภำพในกำรผลิตที่สงู ขนึ้ 3.) นวัตกรรมกำรตลำด (Marketing Innovation) คือ กำรเปลี่ยนแปลงวิธีกำรทำงกำรตลำดรปู แบบ ใหม่ ได้แก่ กำรออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ กำรจัดวำงสินค้ำ กำรส่งเสริมกำรตลำด และกำรกำหนด รำคำของผลติ ภณั ฑ์และบริกำร ทำให้ผลติ ภณั ฑ์มีเอกลกั ษณ์ เขำ้ ถึงงำ่ ย เหมำะสมกบั แต่ละกลุ่มลกู ค้ำเป้ำหมำย ผปู้ ระกอบกำรวสิ ำหกจิ มฐี ำนลูกคำ้ เพ่ิมสูงขนึ้ 4.) นวัตกรรมองคก์ ร (Organizational Innovation) คือ กำรปรับแนวทำงกำรดำเนนิ งำนในองค์กรไปสู่ รูปแบบใหม่ เช่น กำรเปลี่ยนแปลงหลักกำรดำเนินธุรกิจ (Business Model) อย่ำงทันท่วงทีและเหมำะสม กับแต่ละสถำนกำรณ์ เช่น นำไปประยุกต์ใช้กับกำรจัดกำรด้ำนควำมสัมพันธ์ภำยในและนอกองค์กร กำรจัดสถำนที่ทำงำน เป็นต้น ซึ่งเป็นกำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรทำงำนภำยในองค์กรและเพิ่มขีดควำมสำมำรถ ในกำรแขง่ ขนั ให้แกผ่ ปู้ ระกอบกำรวิสำหกิจ แผนงำนที่ได้รับกำรประเมินนี้มุ่งเน้นให้วิสำหกิจนำนวัตกรรมมำใช้ในกำรดำเนินธุรกิจโดยไม่คำนึงถึง ประเภทของนวัตกรรม ดังนั้นในกำรประเมินจึงเป็นกำรพิจำรณำถึงผลของกำรเปลี่ยนแปลงจำกวิสำหกิจ แบบดงั้ เดมิ ไปสู่วสิ ำหกิจฐำนนวตั กรรมเท่ำนน้ั มไิ ดม้ ีกำรแบง่ ประเภทวสิ ำหกิจตำมลักษณะกำรใช้นวัตกรรม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook