Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_29

tripitaka_29

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_29

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 101 ๑๓. ภวปญ หาสตู ร วาดวยปญหาเร่ืองภพ [๕๐๙] ดกู อ นทา นสารบี ุตร ที่เรียกวา ภพ ๆ ดงั นี้ ภพเปนไฉนหนอ. สา. ดูกอ นผมู อี ายุ ภพ ๓ เหลาน้ี คือ กามภพ รปู ภพ อรูปภพภพ ๓ เหลาน้แี ล. ช. ดกู อ นทานผูมอี ายุ ก็มรรคามีอยหู รอื ปฏปิ ทามอี ยหู รอื เพื่อกําหนดรภู พเหลาน้ัน. สา. มอี ยู ผมู ีอาย.ุ ช. ดูกอนทานผมู อี ายุ กม็ รรคาเปน ไฉน ปฏิปทาเปนไฉน เพอ่ืกําหนดรูภ พเหลานน้ั . สา. ดูกอ นผูม ีอายุ อริยมรรคประกอบดวยองค ๘ คอื ความเหน็ ชอบ ฯลฯ จงใจชอบ นี้แลเปน บรรดา เปนปฏิปทา เพ่อื กําหนดรูภพเหลานน้ั . ช. ดกู อ นทา นผมู ีอายุ มรรคาดนี กั ปฏปิ ทาดีนัก เพือ่ กาํ หนดรูภ พเหลาน้ัน และเพยี งพอเพือ่ ความไมป ระมาท นะทานสารบี ุตร. จบ ภวปญ หาสตู รท่ี ๑๓

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 102 ๑๔. ทกุ ขปญหาสูตร วาดว ยปญ หาเรื่องทุกข [๕๑๐] ดกู อนทานสารีบุตร ทเ่ี รียกวา ทกุ ข ดังนี้ ทกุ ขเปนไฉนหนอ. สา. ดกู อ นผมู ีอายุ สภาพทกุ ข ๓ ประการน้ี คือ สภาพทุกขค ือทุกข สภาพทุกขคือสังขาร สภาพทุกขค ือความแปรปรวน สภาพทกุ ข ๓ประการน้ีแล. ช. ดกู อ นทา นผมู อี ายุ กม็ รรคามีอยหู รือ ปฏปิ ทามีอยูหรือ เพ่อืกาํ หนดรูสภาพทุกขเหลา นน้ั . สา. มอี ยู ผมู อี ายุ. ช. ดูกอ นทา นผูม อี ายุ กม็ รรคาเปนไฉน ปฏปิ ทาเปน ไฉน เพ่ือกาํ หนดรูสภาพทุกขเหลา นน้ั . สา. ดูกอ นผมู ีอายุ อริยมรรคประกอบดว ยองค ๘ คอื ความเห็นชอบ ฯลฯ ต้ังใจชอบ น้แี ลเปน มรรคา เปนปฏปิ ทา เพื่อกาํ หนดรูส ภาพทกุ ขเ หลา นัน้ . ช. ดูกอนทานผมู อี ายุ มรรคาดีนัก ปฏปิ ทาดนี ัก เพ่ือกาํ หนดรสู ภาพทุกขเ หลา นน้ั และเพียงพอเพอื่ ความไมป ระมาท นะทา นสารบี ตุ ร. จบ ทกุ ขปญหาสตู รที่ ๑๔ อรรถกถาทุกขปญ หาสตู รท่ี ๑๔ บทวา ทกุ ฺขตา คอื สภาพแหงทุกขใ นบทเปนอาทวิ า ทุกขฺ ทุกขฺ ตาไดแ ก สภาพแหง ทกุ ขกลา วคอื ทกุ ข ชื่อวา ทุกขฺ ตา. แมในสองบทท่ีเหลือก็นยั น้เี หมือนกัน. จบ อรรถกถาทกุ ขปญ หาสตู รที่ ๑๔

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 103 ๑๕. สักกายปญ หาสตู ร วาดว ยปญหาเร่ืองสักกายทิฏฐิ [๕๑๑] ดูกอ นทา นสารบี ุตร ท่ีเรยี กวา สักกายะ ๆ ดังนี้สกั กายะเปน ไฉนหนอ. สา. ดูกอนผมู ีอายุ อุปาทานขันธ ๕ ประการนี้ คอื อุปาทาน-ขันธค อื รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อุปาทานขันธ ๕ ประการนแ้ี ลพระผมู ีพระภาคเจาตรัสวาสกั กายะ. ช. กอ นทานผูมอี ายุ กม็ รรคามอี ยูหรอื ปฏิปทามอี ยหู รือ เพอ่ืกาํ หนดรูสักกายะน้นั . สา. มีอยู ผูม ีอายุ. ช. ดกู อนทานผมู อี ายุ กม็ รรคาเปนไฉน ปฏปิ ทาเปนไฉน เพ่ือกําหนดรูสักกายะนั้น. สา. ดกู อนทานผมู ีอายุ อริยมรรคประกอบดว ยองค ๘ คือความเหน็ ชอบ ฯลฯ ตงั้ ใจชอบ น้แี ลเปนมรรคา เปน ปฏปิ ทา เพื่อกําหนดรสู ักกายะนัน้ . ช. ดูกอ นทานผมู ีอายุ มรรคาดีนกั ปฏปิ ทาดีนัก เพื่อกําหนดรูส กั กายะนัน้ และเพียงพอเพ่อื ความไมประมาท นะทานสารีบตุ ร. จบ สักกายปญหาสตู รที่ ๑๕

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 104 ๑๖. ทกุ กรปญหาสูตร วา ดวยปญ หาเรื่องสิ่งท่ที าํ ไดย าก [ ๕๑๒ ] ดกู อนทา นสารบี ุตร อะไรหนอ เปนการยากท่ีจะกระทําไดใ นธรรมวินยั นี้. สา. บรรพชา ผูมอี ายุ. ช. ดูกอ นทานผมู ีอายุ ก็ส่ิงอะไรอันบุคคลผบู วชแลว กระทาํ ไดโดยยาก. สา. ความยนิ ดีย่งิ ผูม อี ายุ. ช. ดูกอนทานผูมีอายุ ก็ส่ิงอะไร อันภิกษผุ ูยนิ ดียิง่ แลว กระทําไดโดยยาก. สา. การปฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแกธรรม ผมู อี าย.ุ ช. ดูกอ นทานผูมอี ายุ กภ็ ิกษผุ ปู ฏิบัติธรรมสมควรแกธรรมแลวจะพึงเปน พระอรหันตไดนานเพียงไร. สา. ไมนานนัก ผมู อี าย.ุ จบ ทุกกรปญ หาสูตรท่ี ๑๖ จบ ชัมพุขาทกสังยตุ

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 105 อรรถกถาทกุ รปญหาสตู รท่ี ๑๖ บทวา อภิรติ คือความไมกระสันในการบรรพชา. บทวา น จริ อาวุโส ทา นแสดงวา ขา แตท า นผมู อี ายุ ภกิ ษผุ ปู ฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแกธ รรมเมื่อพากเพียรพยายามอยู จะพึงเปน พระอรหันต คอื พงึ ต้ังอยูในพระอรหัตไดไมน านนักคือเรว็ นน่ั เอง. เพราะทานกลา ววา ภกิ ษผุ ูอันทานตกั เตอื นแลว ในเวลาเชา จักบรรลุคุณวิเศษในเวลาเย็น ภกิ ษุผูอันทานตกั เตอื นแลวในเวลาเยน็ จกั บรรลคุ ณุ วิเศษในเวลาเชา คาํ ท่เี หลอื ใน บททง้ั ปวงมเี นื้อความงายทัง้ น้นั . จบ อรรถกถาทกุ รปญ หาสตู รที่ ๑๖ จบ อรรถกถาชัมพุขาทกสงั ยตุ . รวมพระสตู รท่มี ีในสงั ยตุ น้ี คือ ๑. นิพพานปญ หาสตู ร ๒. อรหัตตปญ หาสูตร ๓. ธรรมวาทีปญ หาสูตร ๔. กมิ ัตถิยสตู ร ๕. อัสสาสัปปตตวสูตร ๖. ปรมสั สาสปั -ปตตสตู ร ๗. เวทนาปญหาสูตร ๘. อาสวปญหาสตู ร ๙. อวิชชาปญหาสตู ร ๑๐. ตณั หาปญ หาสูตร ๑๑. โอฆปญหาสตู ร ๑๒. อปุ าทานปญ หาสตู ร ๑๓. ภวปญหาสูตร ๑๔. ทุกขปญหาสตู ร ๑๕. สักกายปญหาสูตร ๑๖. ทุกกรปญ หาสูตร.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 106 ๕. สามณั ฑกสงั ยุต ๑. สามณั ฑกสตู ร วา ดว ยปญ หาเรื่องนพิ พาน [๕๑๓] สมยั หนงึ่ ทานพระสารีบตุ รอยู ณ ฝง แมนาํ้ คงคาใกลอกุ กเจลนคร แควนวัชชี ครง้ั นน้ั ปริพาชกชอ่ื สามัณฑกะ เขาไปหาทา นพระสารบี ุตรถงึ ทอี่ ยู ไดป ราศรยั กบั ทานพระสารีบุตร ครน้ั ผา นการปราศรยั พอใหร ะลึกถึงกันไปแลว จึงนง่ั ณ ทคี่ วรสว นขางหนงึ่ ครนั้ แลวไดถ ามทา นพระสารีบุตรวา ดกู อนทานสารบี ุตร ท่เี รียกวา นิพพาน ๆดังนี้ นิพพานเปนไฉนหนอ. ทานพระสารีบุตรตอบวา ดูกอ นผูม ีอายุความส้ินราคะ ความส้นิ โทสะ ความส้ินโมหะ น้ีเรยี กวา นพิ พาน. ป. ดกู อ นทา นผูมีอายุ กม็ รรคามอี ยูห รือ ปฏปิ ทามอี ยหู รอื เพ่ือกระทํานิพพานนัน้ ใหแจง . สา. มีอยู ผูมอี าย.ุ ป. ดูกอนทา นผมู ีอายุ ก็มรรคาเปน ไฉน ปฏิปทาเปน ไฉนเพ่ือกระทาํ นิพพานนัน้ ใหแจง. สา. ดูกอนผูมอี ายุ อรยิ มรรคประกอบดว ยองค ๘ คอื ความเหน็ชอบ ฯลฯ. ตัง้ ใจชอบ น้ีแลเปน มรรคา เปนปฏปิ ทาเพอ่ื กระทํานพิ พานนนั้ ใหแ จง . ป. ดกู อนทานผูม ีอายุ มรรคาดีนกั ปฏปิ ทาดีนกั เพ่ือกระทํานิพพานนนั้ ใหแ จง และเพียงพอเพื่อความไมประมาท นะทา นสารีบตุ ร ฯลฯ( เหมอื นกับในชมั พุขาทกสังยุต ) จบ สามัณฑกสูตรที่ ๑

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 107 ๑๖. ทุกรปญ หาสตู ร ๑ วา ดว ยปญหาเร่ืองสิ่งทที่ าํ ไดยาก [๕๑๔] ดูกอ นทานสารบี ุตร อะไรหนอเปนการยากทีจ่ ะกระทําไดใ นธรรมวนิ ยั น.้ี สา. บรรพชา ผูมอี าย.ุ ป. ดกู อนภกิ ษุผูม ีอายุ กส็ งิ่ อะไรอันบคุ คลผูบวชแลวกระทําไดโดยยาก. สา. ความยนิ ดียง่ิ ผมู อี ายุ. ป. ดูกอ นทานผมู ีอายุ ก็ส่งิ อะไรอันภิกษผุ ยู นิ ดยี ิ่งแลวกระทําไดโดยยาก. สา. การปฏบิ ัติธรรมสมควรแกธ รรม ผมู อี ายุ. ป. ดูกอนทา นผมู อี ายุ ก็ภกิ ษผุ ปู ฏิบตั ิธรรมสมควรแกธรรมแลวจะพงึ เปน พระอรหนั ตไดนานเพียงไร. สา. ไมน านนัก ผมู อี ายุ. จบ ทุกกรปญ หาสตู รที่ ๑๖ อรรถกถาสมั ณั ฑกสงั ยุต แมใ นสามณั ฑกสังยุต พงึ ทราบเนื้อความโดยนยั น้แี ล๒. จบ อรรถกถาสามณั ฑกสยั ตุรวมพระสตู รในสังยตุ น้ี เชน เดยี วกับในสงั ยุตกอ น (คือชมั พุขาทกสงั ยุต) จบ สามัณฑกสงั ยตุ๑. สตู รท่ี ๒-๑๕ เหมอื นในชมั พขุ าทกสงั ยุต๒. โดยนัยเดยี วกับ อรรถกถาแหง สูตรทงั้ หลายในชมั พุขาทกสงั ยตุ

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 108 ๖. โมคคัลลานสงั ยุต ๑. สวิตกั กปญหาสตู ร วา ดว ยปญหาเรอ่ื งรูปฌานที่ ๑ [๕๑๕] สมัยหน่งึ ทา นพระมหาโมคคัลลานะอยู ณ พระวหิ ารเชตวนั อารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถี ณ ที่นน้ั แล ทานพระมหาโมคคลั ลานะเรียกภิกษุทง้ั หลาย ภิกษุเหลานน้ั รับคาํ ทานพระมหา-โมคคลั ลานะแลว ทา นพระมหาโมคลั ลานะ ไดก ลา วกะภกิ ษเุ หลานนั้ วาดกู อนผมู ีอายทุ ้งั หลาย ขอโอกาส เมอื่ เราหลกี เรนอยูในท่ีลับ ความปริวิตกแหง ใจไดเกิดขึน้ อยางนว้ี า ท่เี รยี กวา ปฐมฌาน ๆ ดังน้ี ปฐมฌาน เปนไฉนหนอ. เราไดม ีความคดิ อยา งนี้วา ภิกษุในพระธรรมวินยั น้ี สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เขาปฐมฌานอันมวี ติ กวจิ าร มีปต แิ ละสขุ เกิดแตว ิเวกอยู นเี้ รียกวา ปฐมฌาน เรากส็ งัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมเขา ปฐมฌานอนั มีวติ กวจิ าร มีปติและสุขเกิดแตวิเวกอยู เมื่อเราอยูดวยวิหารธรรมน้ี สัญญามนสิการอันประกอบดว ยกามยอ มฟุง ซา น ครัง้ น้ันพระผมู พี ระภาคเจา เสดจ็ เขา ไปหาเราดว ยพระฤทธ์ิ แลวไดตรัสวา โมค-คลั ลานะ ๆ เธออยาประมาทปฐมฌาน จงดาํ รงจติ ไวในปฐมฌาน จงกระทําจิตใหเปน ธรรมเอกผุดขึ้นในปฐมฌาน จงดาํ รงจติ ไวใหม นั่ ในปฐม-ฌาน สมยั ตอมา เราสงดั จากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรม เขาปฐมฌานอันมีวติ กวิจาร มปี ต ิและสขุ เกิดแตว เิ วกอยู ดกู อนผูม ีอายทุ ้งั หลาย กบ็ คุ คลเม่อื จะพดู ใหถกู พึงพูดคาํ ใดวา สาวกอันพระศาสดาทรงอนเุ คราะหแ ลวถงึ ความเปน ผรู ยู ิง่ ใหญ บุคคลเมื่อจะพูดใหถกู พึงพูดคําน้ันกะเราวา สาวกอนั พระศาสดาทรงอนุเคราะหแ ลว ถึงความเปนผูรยู ง่ิ ใหญ. จบ สวติ กั กปญหาสตู รที่ ๑

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 109 อรรถกถาโมคคัลลานสงั ยุต อรรถกถาสวิตักกปญ หาสูตรที่ ๑ พึงทราบวนิ จิ ฉัยในโมคคลั ลานสงั ยตุ ดงั ตอ ไปนี้ บทวา กามสหคตา คือประกอบนิวรณ ๕ ก็เม่อื ภิกษนุ ั้นออกจากปฐมฌานแลว นวิ รณ ๕ ปรากฏแลว โดยความสงบมีอยู ดวยเหตนุ ั้นปฐมฌานนนั้ ของภิกษุน้นั ยอมช่ือวา มีสวนแหงความเส่ือมพระศาสดาทรงทรามความประมาทน้ันแลว จงึ ไดป ระทานพระโอวาทวา อยา ประมาท จบ อรรถกถาสวิตักกปญ หาสูตรที่ ๑ ๒. อวติ ักกปญ หาสูตร วา ดวยปญหาเรือ่ งรูปฌานที่ ๒ [๕๑๖] ทเี่ รียกวา ทตุ ยิ ฌาน ๆ ดังนี้ ทตุ ยิ ฌานเปนไฉนหนอ.เราไดม คี วามคิดอยางนี้วา ภกิ ษใุ นพระธรรมวนิ ัยนี้ เขาทุติยฌานอันมคี วามผอ งใสแหง จิตในภายใน เปนธรรมเอกผดุ ขึ้น ไมม ีวติ กวจิ าร เพราะวิตกวจิ ารสงบไป มีปต ิและสุขเกิดแตส มาธิอยู น้เี รยี กวาทตุ ยิ ฌาน เรากเ็ ขาทตุ ยิ ฌานอันมคี วามผองใสแหง จติ ในภายใน เปน ธรรมเอกผุดขนึ้ ไมมีวติ กวิจาร เพราะวติ กวิจารสงบไป มีปติและสขุ เกดิ แตส มาธิอยู เมื่อเราอยดู วยวหิ ารธรรมนี้ สัญญามนสิการอนั ประกอบดวยวติ กยอมฟุงซานครง้ั น้ันแล พระผูม ีพระภาคเจา เสดจ็ เขาไปหาเราดว ยพระฤทธแ์ิ ลวไดตรัสวา โมคคัลลานะ ๆ เธออยา ประมาททุติยฌาน จงดํารงจิตไวใ น

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 110ทุตยิ ฌาน จงกระทาํ จติ ใหเปนธรรมเอกผุดข้นึ ในทุตยิ ฌาน จงตงั้ จิตไวใ นมัน่ ในทุตยิ ฌาน สมัยตอ มา เราเขา ทตุ ิยฌานอนั มคี วามผอ งใสแหงจิตในภายใน เปน ธรรมเอกผดุ ข้นึ ไมม ีวิตกวจิ าร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปตแิ ละสขุ เกิดแตสมาธิอยู ดูกอนผูม อี ายุทง้ั หลาย ก็บคุ คลเมอ่ื จะพดู ใหถูกพึงพดู คาํ ใดวา สาวกอันพระศาสดาทรงอนุเคราะหแลว ถึงความเปนผูรูยิ่งใหญ บุคคลเมอ่ื จะพดู ใหถ กู พึงพดู คํานน้ั กะเราวา สาวกอนั พระศาสดาทรงอนุเคราะหแ ลว ถึงความเปน ผรู ูย ิ่งใหญ จบ อวิตกั กปญ หาสตู รที่ ๒ อรรถกถาอวิตกั กปญ หาสตู รที่ ๒ แมในทุติยฌานเปนตน ก็พึงทราบความโดยนยั นแี้ ล. ก็ในขอฌานอันประกอบดวยอารมณเ ทานั้น ทา นกลาววา สหคต ดังนี้. จบ อรรถกถาอวิตักกปญหาสูตรที่ ๒ ๓. สขุ ปญ หาสตู ร๑ วาดวยปญหาเรอ่ื งรปู ฌานที่ ๓ [ ๕๑๗ ] ท่ีเรยี กวา ตตยิ ฌาน ๆ ดังนี้ ตตยิ ฌานเปนไฉนหนอ.เราไดมีความคดิ อยางนว้ี า ภิกษุในพระธรรมวินยั นี้ มอี เุ บกขา มีสติ มีสมั ปชัญญะ เสวยสุขดว ยนามกาย เพราะปต ิส้นิ ไป เขาตตยิ ฌานที่พระ-อริยเจาทั้งหลายสรรเสริญวา ผไู ดฌานนีเ้ ปน ผูม อี เุ บกขา มสี ตอิ ยเู ปนสขุนีเ้ รียกวาตตยิ ฌาน เรากม็ ีอุเบกขา มสี ติ มสี มั ปชัญญะ เสวยสขุ ดว ย๑. สตู รที่ ๓ - ๘ ไมมอี รรถกถาแก.

พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 111นามกาย เพราะปต สิ ิ้นไป เขา ตติยฌานท่พี ระอรยิ เจาทงั้ หลายสรรเสรญิ วาผูไดฌานนี้ เปน ผมู ีอเุ บกขา มสี ตอิ ยูเ ปนสขุ เมอื่ เราอยูดวยวหิ ารธรรมนี้สัญญามนสกิ ารอนั ประกอบดว ยปติยอมฟงุ ซา น ครง้ั นนั้ แล พระผมู พี ระ-ภาคเจา เสด็จไปหาเราดวยพระฤทธ์ิ แลวไดตรสั วา โมคคลั ลานะ ๆ เธออยาประมาทตติยฌาน จงดํารงจติ ไวในตติยฌาน จงกระทาํ จิตใหเปนธรรมเอกผดุ ขึน้ ในตติยฌาน จงต้งั จิตไวใหม่นั ในตติยฌาน สมยั ตอ มาเรามีอุเบกขา มีสติ มสี ัมปชญั ญะ เสวยสุขดวยนามกาย เพราะปต ิส้นิ ไป เขาตตยิ ฌานทีพ่ ระอรยิ เจาทงั้ หลายสรรเสรญิ วา ผูไดฌ านนเี้ ปน ผมู ีอุเบกขามสี ติอยเู ปน สุข ดกู อนผูมอี ายุทงั้ หลาย ก็บุคคลเมื่อจะพดู ใหถกู พงึ พูดคาํ ใดวา สาวกอนั พระศาสดาทรงอนเุ คราะหแลว ถงึ ความเปน ผูร ูย งิ่ ใหญ บคุ คลเมื่อจะพูดใหถูกพงึ พูดคําน้ันกะเราวา สาวกอนั พระศาสดาทรงอนุเคราะหแลว ถงึ ความเปนผูร ยู ่งิ ใหญ. จบ สุขปญหาสตู รท่ี ๓ ๔. อุเปกขาปญหาสตู ร วา ดวยปญหาเร่ืองฌานท่ี ๔ [ ๕๑๘ ] ท่เี รยี กวา จตตุ ถฌาน ๆ ดงั น้ี จตุตถฌานเปนไฉนหนอ.เราไดมีความคดิ อยางนีว้ า ภกิ ษใุ นพระธรรมวนิ ยั นี้ เขา จตตุ ถฌานนัยน้ีไมม ีทกุ ข ไมม ีสุข เพราะละสุขละทกุ ขแ ละดบั โสมนัสโทมนสั กอ น ๆ ได มีอุเบกขาเปน เหตุใหสติบรสิ ุทธิ์ อยู นี้เรียกวา จตตุ ถฌาน เราก็เขาจตตุ ถฌานอันไมม ีทุกข ไมม ีสุข เพราะละสขุ ละทุกขแ ละดบั โสมนัสโทมนัสกอ น ๆ ได

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 112มอี เุ บกขาเปนเหตุใหส ตบิ รสิ ุทธ์ิอยู เมอื่ เราอยดู วยวหิ ารธรรมนี้ สัญญา-มนสิการอนั ประกอบดวยสุขยอมฟงุ ซาน ครง้ั นน้ั แล พระผมู ีพระภาคเจาเสด็จเขาไปหาเราดว ยพระฤทธิ์ แลวไดตรสั วา โมคคลั ลานะ ๆ เธออยาประมาทจตตุ ถฌาน จงดาํ รงจิตไวในจตุตถฌาน จงกระทําจติ ใหเ ปนธรรมเอกผุดขน้ึ ในจตตุ ถฌาน จงตั้งจติ ไวใหมั่นในจตุตถฌาน สมยั ตอมาเราเขาจตตุ ถฌานอนั ไมม ที ุกข ไมมสี ขุ เพราะละสขุ ละทุกขและดับโสมนัสโทมนัสกอ น ๆ ได มอี เุ บกขาเปน เหตุใหส ตบิ รสิ ุทธอ์ิ ยู ดกู อ นผมู อี ายทุ ง้ั หลายก็บคุ คลเม่ือจะพดู ใหถ กู พึงพูดคาํ ใดวา สาวกอันพระศาสดาทรงอนุเคราะหแลวถึงความเปน ผูรยู ิง่ ใหญ บคุ คลเมอื่ จะพดู ใหถกู พงึ พูดคาํ นนั้ กะเราวาสาวกอันพระศาสดาทรงอนุเคราะหแ ลว ถึงความเปน ผรู ยู งิ่ ใหญ. จบ อุเบกขาปญ หาสตู รท่ี ๔ ๕. อากาสานญั จายตนฌานปญหาสตู ร วาดวยปญ หาเรื่องอรปู ฌานที่ ๑ [ ๕๑๙ ] ทีเ่ รยี กวา อากาสานญั จายตนฌาน ๆ ดงั นี้ อากาสานญั -จายตนฌานเปนไฉนหนอ. เราไดม ีความคดิ อยางนีว้ า ภิกษใุ นพระธรรมวนิ ยั น้ี เขา อากาสานัญจายตนฌานดวยคาํ นึงวา อากาศหาทส่ี ดุ มิได เพราะลวงรปู สญั ญาเสยี ได เพราะดับปฏฆิ สญั ญาเสยี ได เพราะไมกระทาํ ไวใ นใจซงึ่ นานัตตสญั ญาโดยประการทง้ั ปวง น้ีเรียกวาอากาสานญั จายตนฌานเรากเ็ ขา อากาสานัญจายตนฌานดว ยคาํ นึงวา อากาศหาทส่ี ุดมิได เพราะลวงรปู สัญญาเสยี ได เพราะดบั ปฏิฆสัญญาเสียได เพราะไมก ระทําไวในใจ

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 113ซ่งึ นานตั ตสัญญาโดยประการท้งั ปวง เมื่อเราอยูด ว ยวิหารธรรมนี้ สัญญามนสกิ ารอนั ประกอบดว ยรปู สัญญายอ มฟงุ ซา น คร้งั นนั้ แล พระผูมีพระ-ภาคเจาเสดจ็ เขา ไปหาเราดวยพระฤทธ์ิ แลวไดต รสั วา โมคคลั ลานะ ๆ เธออยา ประมาทอากาสานญั จายตนฌาน จงดํารงจิตไวใ นอากาสานญั จายตน.ฌาน จงกระทําจติ ใหเ ปน ธรรมเอกผุดข้ึนในอากาสานญั จายตนฌาน จงตัง้ จติ ไวใหม ่ันในอากาสานญั จายตนฌาน สมยั ตอ มา เราเขา อากาสานญั -จายตนฌานดว ยคํานงึ วา อากาศหาที่สดุ มิได เพราะลวงรปู สญั ญาเสยี ไดเพราะดับปฏฆิ สญั ญาเสยี ได เพราะไมก ระทาํ ไวใ นใจซ่ึงนานตั ตสัญญาโดยประการทงั้ ปวง ดกู อนผูมีอายทุ ้งั หลาย ก็บคุ คลเมือ่ จะพดู ใหถ กู พึงพูดคําใดวา สาวกอันพระศาสดาทรงอนเุ คราะหแลวถงึ ความเปนผูร ยู ่ิงใหญบุคคลเมื่อจะพูดใหถูก พงึ พดู คํานัน้ กะเราวา สาวกอนั พระศาสดาทรงอนุเคราะหแลว ถึงความเปน ผูรยู ิ่งใหญ. จบ อากาสานัญจายตนฌานปญหาสูตรท่ี ๕ ๖. วิญญาณัญจายตนปญหาสตู ร วา ดว ยปญ หาเรอ่ื งอรูปฌานที่ ๒ [๕๒๐] ท่ีเรียกวา วิญญาณัญจายตนฌานๆ ดังน้ี วญิ ญาณัญ-จายตนฌานเปน ไฉนหนอ. เราไดม คี วามคิดอยา งนีว้ า ภกิ ษุในพระธรรมวินัยน้ี เขาวญิ ญานญั จายตนฌานดว ยคาํ นึงวา วญิ ญาณหาทีส่ ดุ มไิ ดเพราะลวงอากาสานญั จายตนฌานเสียไดโดยประการทั้งปวง นเี้ รียกวาวิญญาณัญจายตนฌาน เรากเ็ ขา วิญญาณญั จายตนฌานดว ยคํานึงวาวิญญาณท่สี ุดมิได เพราะลวงอากาสานัญจายตนฌานเสยี ไดโดยประการ

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 114ทง้ั ปวง เม่อื เราอยูดว ยวหิ ารธรรมน้ี สญั ญามนสกิ ารอนั ประกอบดว ยอากาสานญั จายตนะยอ มฟุงซา น คร้งั นนั้ แล พระผูม พี ระภาคเจาเสด็จเขาไปหาเราดว ยพระฤทธิ์ แลว ไดต รัสวา โมคคลั ลานะ ๆ เธออยา ประมาทวญิ ญาณญั จายตนฌาน จะดาํ รงจติ ไวใ นวญิ ญาณัญจายตนฌาน จงกระทาํจิตใหเปนธรรมเอกผดุ ขึ้นในวญิ ญาณัญจายตนฌาน จงตัง้ ไวใ หม่นั ในวญิ ญาณญั จายตนฌาน สมยั ตอมา เราเขา วิญญณัญจายตนฌานดว ยคํานึงวา วิญญาณหาท่สี ดุ มไิ ด เพราะลว งอากาสานญั จายตนฌานเสยี ไดโ ดยประการท้งั ปวง ดูกอ นผูมอี ายุท้งั หลาย ก็บุคคลเม่อื จะพดู ใหถกู พึงพูดคาํ ใดวา สาวกอันพระศาสดาทรงอนเุ คราะห ถงึ ความเปน ผูรยู ง่ิ ใหญบุคคลเมอ่ื จะพดู ใหถ กู พงึ พูดคาํ นน้ั กะเรา สาวกอนั พระศาสดาทรงอนเุ คราะหแลว ถึงความเปนผูรยู ่ิงใหญ. จบ วญิ ญาณัญจายตนฌานปญหาสตู รท่ี ๖ ๗. อากญิ จญั ญายตนฌานปญ หาสูตร วา ดวยปญหาเรอ่ื งอรูปฌานท่ี ๓ [๕๒๑] ทเี่ รียกวา อากญิ จญั ญายตนฌาน ๆ ดังนี้ อากญิ จญั ญา-ยตนฌานเปน ไฉนหนอ. เราไดม คี วามคดิ อยางน้วี า ภิกษุในพระธรรมวนิ ยั น้ี เขา อากิญจัญญายตนฌานดว ยคาํ นึงวา สิ่งอะไรหนอ ยหน่ึงไมม ีเพราะลวงวิญญาณญั จายตนฌานเสียไดโดยประการท้งั ปวง นีเ้ รยี กวาอากิญจัญญายาตนฌาน เราก็เขาอากิญจญั ญายตนฌานดวยคาํ นงึ วา ส่ิงอะไรหนอยหนึง่ ไมม เี พราะลวงวญิ ญาณญั จายตนฌานเสยี ไดโดยประการทง้ั ปวงเมือ่ เราอยูด วยวหิ ารธรรมนี้ สัญญามนสกิ ารอันประกอบดวยวญิ ญาณญั จา-

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 115ยตนะยอมฟุงซาน ครงั้ น้นั แล พระผูมพี ระภาคเจาเสด็จเขา ไปหาเราดวยพระฤทธ์ิ แลว ไดต รัสวา โมคคลั ลานะ ๆ เธออยาประมาทอากญิ จัญญายตนฌาน จงดํารงจิตไวในอากญิ จัญญายตนฌาน จงกระทาํ จิตใหเปนธรรมเอกผดุ ขึน้ ในอากิญจญั ญายตนฌาน จงต้งั จติ ไวใ หม ่ันในอากญิ จัญญายตน-ฌาน สมยั ตอ มาเรา เขา อากิญจญั ญายตนฌานดว ยคํานงึ วา ส่ิงอะไรหนอยหนึง่ ไมม ี เพราะลว งวิญญาณญั จายตนฌานเสยี ไดโดยประการท้ังปวงดูกอนผูม ีอายทุ ัง้ หลาย กบ็ ุคคลเมอ่ื จะพดู ใหถูก พึงพูดคําใดวา สาวกอนัพระศาสดาทรงอนเุ คราะหแ ลว ถึงความเปนผูรยู ่ิงใหญ บุคคลเม่ือจะพูดใหถูก พงึ พดู คํานน้ั กะเราวา สาวกอนั พระศาสดาทรงอนเุ คราะหแ ลวถึงความเปน ผรู ยู ่งิ ใหญ. จบ อากิญจญั ญายตนฌานปญ หาสตู ร ๘. เนวสัญญานาสญั ญายตนฌานปญหาสตู ร วาดวยปญหาเร่อื งอรปู ฌานที่ ๔ [๕๒๒] ท่ีเรยี กวา เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ๆ ดังน้ี เนว-สัญญานาสญั ญายตนฌานเปน ไฉนหนอ. เราไดม ีความคิดอยา งนีว้ า ภิกษุในพระธรรมวินัยน้ี เขา เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน เพราะลว งอากญิ -จญั ญาตนฌานเสยี ไดโ ดยประการทั้งปวง นเี้ รยี กวาเนวสัญญานาสญั ญา-ยตนฌาน เรากเ็ ขาเนวสญั ญานาสัญญายตนฌาน เพราะลว งอากญิ จัญญา-ยตนฌานเสยี ไดโดยประการทัง้ ปวง เมอ่ื เราอยดู วยวิหารธรรมน้ี สญั ญามนสกิ ารอนั ประกอบดว ยอากิญจญั ญายตนะยอมฟุงซา น ครั้งน้นั แล พระผมู ีพระภาคเจา เสดจ็ เขา ไปหาเราดว ยพระพุทธ แลวไดต รัสวา โมคคลั ลานะ ๆ

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 116เธออยา ประมาทเนวสญั ญานาสัญญายตนฌาน จงดาํ รงจิตไวในเนวสญั ญา-นาสัญญายตนฌาน จงกระทาํ จิตใหเ ปนธรรมเอกผุดข้นึ ในเนวสญั ญา-สญั ญายตนฌาน จงต้งั จติ ไวใ หมนั่ ในเนวสัญญานาสญั ญายตนฌาน สมัยตอ มาเราเขา เนวสัญญานาสัญญายตนฌานเพราะลวงอากญิ จัญญายตนฌานเสียไดโ ดยประการทง้ั ปวง. ดกู อ นผมู อี ายทุ ้ังหลาย กบ็ ุคคลเมื่อจะพูดใหถ ูกพงึ พดู คําใดวา. สาวกอนั พระศาสดาทรงอนเุ คราะหแลว ถึงความเปน ผรู ูยงิ่ ใหญ บุคคลเมอ่ื จะพดู ใหถ กู พงึ พูดคาํ นนั้ กะเราวา สาวกอนั พระศาสดาทรงอนเุ คราะหแลว ถึงความเปนผูรยู ิง่ ใหญ. จบ เนวสัญญานาสัญญายตนฌานปญหาสตู รท่ี ๘ ๙. อนมิ ิตตปญหาสตู ร วา ดว ยปญหาเรอื่ งอนิมิตตเจโตสมาธิ [๕๒๓] ท่ีเรียกวา อนมิ ิตตเจโตสมาธิ ๆ ดังนี้ อนิมิตตเจโตสมาธิเปนไฉนหนอ. เราไดม ีความคดิ อยา งนี้วา ภกิ ษุในพระธรรมวนิ ัยน้ีเขา อนมิ ิตตเจโตสมาธอิ ยู เพราะไมกระทําไวใ นใจซ่ึงนิมิตทง้ั ปวง นีเ้ รียกวาอนมิ ิตตเจโตสมาธิ เรากเ็ ขาอนิมติ ตเจโตสมาธอิ ยู เพราะไมกระทาํ ไวในใจซ่ึงนิมติ ทั้งปวง เม่ือเราอยูดว ยวิหารธรรมนี้ วญิ ญาณอันซานไปตามซึง่ อนิมติ ยอ มมี ครงั้ น้ันแล พระผมู พี ระภาคเจา เสด็จเขาไปหาเราดวยพระฤทธ์ิ แลวไดต รัสวา โมคคัลลานะ ๆ เธออยาประมาทอนมิ ติ ตเจโตสมาธิ จงดํารงจติ ไวใ นอนมิ ติ ตเจโตสมาธิ จงกระทาํ จติ ใหเปนธรรมเอกผดุ ข้ึนในอนมิ ิตตเจโตสมาธิ จงต้ังจติ ไวใ หม ั่นในอนิมติ ตเจโตสมาธิสมัยตอมา เราเขาอนมิ ิตตเจโตสมาธอิ ยู เพราะไมกระทําไวใ นใจซง่ึ นิมติ ทั้งปวง

พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 117ดูกอนผมู อี ายฟุ ุง หลาย ก็บคุ คลเมอื่ จะพดู ใหถ กู พึงพูดคําใดวา สาวกอันพระศาสดาทง้ั อนเุ คราะหแ ลว ถึงความเปนผรู ูย ่ิงใหญ บคุ คลเมอ่ื จะพูดใหถูก พึงพูดคํานั้นกะเราวา สาวกอนั พระศาสดาทรงอนุเคราะหแลวถงึความเปน ผูรูย ง่ิ ใหญ. [๕๒๔] ครง้ั น้นั แล ทา นพระมหาโมคคัลลานะหายจากพระวหิ ารเชตวนั ไปปรากฏในดาวดึงสเทวโลก เหมือนบุรษุ มีกําลังพึงเหยยี ดแขนที่คู หรอื พึงดแู ขนทเี่ หยยี ด ฉะน้ัน ครัง้ น้นั แล ทา วสกั กะจอมเทพกบัเทวดา ๕๐๐ องค เขาไปหาทา นพระโมคคลั ลานะถงึ ทีอ่ ยู ไหวท า นพระ.มหาโมคคัลลานะแลว ไดป ระทบั ยนื อยู ณ ที่ควรสวนขา งหนึง่ ครั้นแลวทา นพระมหาโมคคัลลานะไดพูดกะทา วสักกะจอมเทพวา ดูกอนจอมเทพการถึงพระพุทธเจาเปน สรณะดีนกั เพราะเหตแุ หง การถึงพระพุทธเจาเปนสรณะ สัตวบางพวกในโลกน้ี เมือ่ แตกกายตายไป ยอ มเขา ถึงสุคติโลกสวรรค การถึงพระธรรมเปนสรณะดนี ัก การถงึ พระสงฆเปนสรณะดีนักเพราะเหตแุ หง การถงึ พระสงฆเ ปนสรณะ สตั วบ างพวกในโลกน้ี เมอื่ แตกกายตายไป ยอมเขาถึงสคุ ติโลกสวรรค ทาวสักกะจอมเทพตรสั วา ขา แตพระโมคคัลลานะผูน ริ ทุกข การถงึ พระพุทธเจา เปน สมณะดนี ัก เพราะเหตุแหง การถึงพระพทุ ธเจา เปน สรณะ สัตวบางพวกในโลกน้ี เมอ่ื แตกกายตายไป ยอ มเขา ถึงสุคตโิ ลกสวรรค การถงึ พระธรรมเปน สรณะดีนัก . . .การถงึ พระสงฆเ ปนสรณะดีนัก เพราะเหตุแหงการถึงพระสงฆเปนสรณะสัตวบางพวกในโลกนี้ เมอื่ แตกกายตายไปยอ มเขา ถึงสุคตโิ ลกสวรรค. จบ อนมิ ติ ตปญหาสตู รที่ ๙

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 118 อรรถกถาอนิมิตตปญหาสูตรท่ี ๙ บทวา อนมิ ิตฺต เจโตสมาธิ นนั้ พระเถระกลาวหมายถงึ วปิ ส สนา-สมาธทิ ลู นิมิตวา เทย่ี งเปน ตนไดแ ลว เปน ไป. บทวา อนิมิตฺตานุสาริ-วิฺ าณ โหติ ความวา เมอื่ เราอยดู ว ยวปิ ส สนาสมาธวิ ิหารธรรมนีอ้ ยา งนี้วปิ สสนาญาณก็แกก ลา ละเอยี ดนาํ ไปอยเู หมอื นเมื่อบุรษุ เอาขวานทีค่ มตัดตนไมอ ยู มองดูอยซู ง่ึ คมขวานในทุกขณะดว ยคดิ วา ขวานของเราจรงิ หนอดังนี้ กิจในการตดั กย็ อ มไมสําเร็จฉันใด แมพ ระเถระ ปรารภวิปส สนาดว ยคิดวาญาณของเราแกกลาจรงิ หนอดงั น้ี ความใคร กย็ อ มเกิดขึ้น เมือ่ เปนเชนนนั้ พระเถระนัน้ ก็ไมส ามารถใหว ิปส สนากิจสําเรจ็ ไดฉันนัน้ . พระเถระหมายถงึ ขอนน้ั จงึ กลาววา อนมิ ิตตฺ านสุ าริวิฺาณโหต.ิ บทวา สพฺพนิมิต ตาน อมนสิการา อนมิ ิตตฺ  เจโตสมาธิอุปสมปฺ ชฺช วิหาสึ ความวา เราเขาเจโตสมาธทิ สี่ ัมปยตุ ดว ยวุฏฐานคามิ-นวี ปิ ส สนา และสมาธใิ นมรรคและผลเบอ้ื งสงู ซง่ึ มนี ิพพานเปน อารมณอันไมมีนมิ ิต เพราะไมก ระทาํ ไวในใจซ่ึงนิมิตวา เที่ยงเปน สขุ เปน ตนท้งั ปวงอยแู ลว จบ อรรถกถาอนิมติ ตปญ หาสูตรที่ ๙ ๑๐. สกั กสูตรวาดวยพระมหาโมคคลั ลานเถระแสดงธรรมแกท า วสักกะ [๕๒๕] ครัง้ น้นั ทา วสกั กะจอมเทพกับเทวดา ๖๐๐ องค ฯลฯ๗๐๐ องค ฯลฯ ๘๐๐ องค ฯลฯ

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 119 [๕๒๖] คร้งั นนั้ แล ทา วสักกะจอมเทพกับเทวดา ๘๔,๐๐๐ องคเขาไปหาทานพระมหาโมคคัลลานะถงึ ทอี่ ยู ไหวทา นพระมหาโมคคัลลานะแลว ไดไ ปประทับยนื อยู ณ ท่คี วรสว นขา งหน่ึง คร้ันแลว ทา นพระมหา-โมคคลั ลานะไดพดู กะทาวสกั กะจอมเทพวา ดูกอ นจอมเทพ การถงึ พระ-พุทธเจา เปน สรณะดีนัก เพราะเหตุแหงการถึงพระพุทธเจา เปน สรณะสตั วบางพวกในโลกน้ี เมื่อแตกกายตายไป ยอมเขาถงึ สุคตโิ ลกสวรรคการถงึ พระธรรมเปน สรณะดีนกั . . .การถงึ พระสงฆเ ปนสรณะดีนัก เพราะเหตุแหงการถึงพระสงฆเปนสรณะ สัตวบางพวกในโลกนี้ เมอ่ื แตกกายตายไป ยอ มเขาถึงสคุ ติโลกสวรรค ทา วสกั กะจอมเทพตรัสวา ขา แตท า นพระโมคคัลลานะผูน ิรทกุ ข การถงึ พระพุทธเจาเปนสรณะดีนัก เพราะเหตุแหงการถึงพระพุทธเจาเปน สรณะ สตั วบางพวกในโลกนี้ เมอื่ แตกกายตายไป ยอ มเขาถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค การถงึ พระธรรมเปน สรณะดีนัก . . .การถงึ พระสงฆเ ปน สรณะดนี ัก เพราะเหตุแหง การถงึ พระสงฆเปน สรณะสัตวบ างพวกในโลกนี้ เมอ่ื แตกกายตายไป ยอ มเขา ถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค [๕๒๗] ครงั้ น้นั แล ทาวสกั กะจอมเทพกบั เทวดา ๕๐๐ องคเขา ไปหาทานพระมหาโมคคลั ลานะถึงทีอ่ ยู ไหวทานพระมหาโมคคัลลานะแลว ไดประทับยนื อยู ณ ท่ีควรสว นขา งหน่งึ ครั้นแลว ทา นพระมหา-โมคคลั ลานะไดพ ดู กะทาวสกั กะจอมเทพวา ดูกอนจอมเทพ การประกอบดวยความเล่อื มใสอันไมห วน่ั ไหวในพระพทุ ธเจาวา แมเ พราะเหตุนี้ ๆ พระผูมพี ระภาคเจา พระองคน ัน้ เปน พระอรหันตตรสั รเู องโดยชอบ ถงึ พรอมดวยวิชชาและจรณะ เสดจ็ ไปดีแลว ทรงรแู จงโลก เปนสารถฝี ก บุรษุ ที่









พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 124ตายไป ยอมเขา ถึงสุคติโลกสวรรค เขาเหลา นน้ั ยอ มครอบงําเทวดาพวกอื่นดวยฐานะ ๑๐ ประการ คอื ดว ยอายุ วรรณะ สุข ยศ ความเปน ใหญรปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะ อนั เปนทิพย. การถงึ พระสงฆเปนสรณะ ดนี ัก. เพราะเหตุแหงการถึงพระสงฆเปน สรณะ สัตวบ า งพวกในโลกนี้ เม่ือแตกกายตายไป ยอมเขาถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค เขาเหลาน้นั ยอ มครอบงําเทวดาพวกอื่นดว ยฐานะ ๑๐ ประการ คอื ดวย อายุ วรรณะสุข ยศ ความเปน ใหญ รปู เสยี ง กล่นิ รส โผฏฐัพพะ อนั เปนทพิ ยทาวสกั กะจอมเทพตรสั วา ขา แตทา นพระโมคคัลลานะผูนิรทกุ ข การถึงพระพทุ ธเจาเปน สรณะดีนัก เพราะเหตแุ หง การถงึ พระพุทธเจา เปนสรณะสัตวบ างพวกในโลกน้ี เมื่อแตกกายตายไป ยอ มเขาถงึ สุคติโลกสวรรคเขาเหลา น้ันยอมครอบงําเทวดาพวกอืน่ ดวยฐานะ ๑๐ประการ คอื สัตวอายุ. . .อนั เปน ทิพย การถึงพระธรรมเปน สรณะดนี กั . . . การถงึ พระสงฆเปนสรณะดนี ัก เพราะเหตุแหง การถึงพระสงฆเ ปนสรณะ สัตวบางพวกในโลกนี้ เมื่อแตกกายตายไปแลว ยอ มเขาถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค เขาเหลานัน้ ยอ มครอบงาํ เทวดาพวกอนื่ ดว ยฐานะ ๑๐ ประการ คอื ดวยอายุ วรรณะสุข ยศ ความเปน ใหญ รูป เสียง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะ อนั เปน ทพิ ย. [๕๓๑] ครั้งน้ันแล ทา วสักกะจอมเทพกับเทวดา ๖๐๐ องค ฯลฯ๗๐๐ องค ฯลฯ ๘๐๐ องค ฯลฯ. [๕๓๒] คร้ังน้นั แล ทา วสักกะจอมเทพกบั เทวดา ๘๔,๐๐๐ องคเขา ไปหาทานพระมหาโมคคัลลานะถงึ ที่อยู ไหวท า นพระมหาโมคคลั ลานะแลว ไดประทับยนื อยู ท่คี วรสวนขางหนง่ึ คร้นั แลว ทา นพระมหา-

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 125โมคคัลลานะได พดู กะทา วสกั กะจอมเทพวา ดูกอนจอมเทพ การถงึพระพุทธเจา เปน สรณะดีนัก เพราะเหตแุ หง การถงึ พระพุทธเจา เปนสรณะสตั วบ างพวกในโลกนี้ เมอ่ื แตกกายตายไป ยอมเขาถึงสุคติโลกสวรรคเขาเหลา น้ันยอ มครอบงําเทวดาพวกอื่นดวยฐานะ ๑๐ ประการ คือ ดวยอายุ . . . อนั เปน ทิพย. การถึงพระธรรมเปน สรณะดนี กั . . . การถึงพระสงฆเปนสรณะดนี ัก เพราะเหตแุ หง การถึงพระสงฆเ ปนสรณะ สตั วบางพวกในโลกน้ี เมอื่ แตกกายตายไป ยอมเขาถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค เขาเหลานน้ั ยอมครอบงาํ เทวดาพวกอน่ื ดว ยฐานะ ๑๐ ประการ คือ ดว ยอายุอนั เปน ทพิ ย. ทาวสกั กะจอมเทพตรัสวา ขาแตท านพระโมคคัลลานะผูนริ ทกุ ข การถงึ พระพุทธเจาเปน สรณะดนี ัก. . .การถึงพระธรรมเปน สรณะดนี ัก . . .การถงึ พระสงฆเ ปนสรณะดนี กั เพราะเหตุแหง การถึงพระสงฆเ ปนสรณะ สัตวบ างพวกในโลกน้ี เม่ือแตกกายตายไป ยอ มเขา ถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค เขาเหลา นัน้ ยอมครอบงาํ เทวดาพวกอืน่ ดวยฐานะ ๑๐ ประการคือ ดวยอายุ . . . อนั เปน ทพิ ย. [๕๓๓] ครง้ั นนั้ แล ทา วสกั กะจอมเทพกับเทวดา ๕๐๐ องคเขา ไปหาทา นพระมหาโมคคัลลานะถงึ ท่อี ยู ไหวท า นพระมหาโมคคัลลานะแลว ไดป ระทับยืนอยู ณ ทีค่ วรสว นขา งหนงึ่ คร้นั แลว ทา นพระมหา-โมคคลั ลานะไดพูดกะทาวสกั กะจอมเทพวา ดกู อนจอมเทพ การประกอบดวยความเลอื่ มใสอันไมห ว่นั ไหวในพระพทุ ธเจาวา แมเ พราะเหตนุ ี้ ๆพระผมู ีพระภาคเจา พระองคน ัน้ เปนพระอรหันต . . . เปน ผเู บกิ บานแลวเปน ผจู าํ แนกธรรม ดงั น้ี ดีนกั เพราะเหตแุ หงการประกอบดว ยความ

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 126เลอื่ มใสอันไมหวั่นไหวในพระพทุ ธเจา สตั วบ างพวกในโลกน้ี เมือ่ แตกกายตายไป ยอมเขาถึงสคุ ติโลกสวรรค เขาเหลานัน้ ยอ มครอบงําเทวดาพวกอืน่ ดวยฐานะ ๑๐ ประการ คือ ดวยอาย.ุ . .อันเปนทิพย ดกู อนจอมเทพการประกอบดว ยความเลือ่ มใสอันไมห ว่นั ไหวในพระธรรมวา ธรรมอันพระผูมพี ระภาคเจาตรสั ดแี ลว . . . ดูกอ นจอมเทพ การประกอบดวยความเลอ่ื มใสอันไมหว่นั ไหวในพระสงฆว า พระสงฆส าวกของพระผูม ีพระ-ภาคเจา เปนผปู ฏิบัติดแี ลว . . . ดกู อนจอมเทพ การประกอบดวยศีลพระอริยเจา ใครแลว อันไมขาด . . . เปน ไปเพื่อสมาธิ ดีนกั เพราะเหตุแหง การประกอบดว ยศลี ท่ีพระอริยเจาใครแลว สตั วบางพวกในโลกน้ี เม่ือแตกกายตายไป ยอ มเขาถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค เขาเหลานัน้ ยอมครอบงาํเทวดาพวกอืน่ ดวยฐานะ ๑๐ ประการ คือ ดว ยอายุ. . . อนั เปนทิพยทา วสักกะจอมเทพตรสั วา ขาแตท านพระโมคคลั ลานะผนู ิรทุกข การประกอบดว ยความเล่ือมใสอนั ไมห วนั่ ไหวในพระพทุ ธเจา วา แมเ พราะเหตุน้ี ๆ พระผูมพี ระภาคเจาพระองคน นั้ . . .ในพระธรรมวา พระธรรมอันพระผมู พี ระภาคเจา ตรัสดีแลว . . . ในพระสงฆวา พระสงฆสาวกของพระผูม ีพระภาคเจา เปน ผปู ฏิบตั ิดีแลว . . . การประกอบดว ยศีลที่พระ-อรยิ เจาใครแ ลว อนั ไมขาด . . . เปนไปเพื่อสมาธิ ดีนัก เพราะเหตุแหงการประกอบดวยศีลทพี่ ระอริยเจา ใครแลว สัตวบ างพวกในโลกนี้ เมื่อแตกกายตายไป ยอมเขา ถึงสุคติโลกสวรรค เขาเหลานั้นยอ มครอบงําเทวดาพวกอื่นดว ยฐานะ ๑๐ ประการ คือ ดว ยอายุ . . .โผฏฐัพพะ อนั เปน ทพิ ย. [๕๓๔] ครัง้ นนั้ แล ทาวสักกะจอมเทพกบั เทวดา ๖๐๐ องค ฯลฯ๗๐๐ องค ฯลฯ ๘๐๐ องค ฯลฯ.

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 127 [๕๓๕] คร้งั นน้ั แล ทา วสกั กะจอมเทพกับเทวดา ๘๐,๐๐๐ องคเขาไปหาทา นพระมหาโมคคลั ลานะถงึ ทีอ่ ยู ไหวทานพระมหาโมคลั ลานะแลว ไดประทับยนื อยู ณ ท่ีควรสวนขา งหน่งึ คร้นั แลว ทา นพระมหา-โมคคัลลานะไดพ ูดกะทาวสกั กะจอมเทพวา ดกู อนจอมเทพ การประกอบดว ยความเล่อื มใสอนั ไมห ว่นั ไหวในพระพุทธเจาวา แมเ พราะเหตุน้ี ๆพระผูม ีพระภาคเจา พระองคน้นั . . . ในพระธรรมวา พระธรรมอันพระ-ผมู พี ระภาคเจาตรัสดแี ลว . . . ในพระสงฆว า พระสงฆส าวกของพระผูมีพระภาคเจา เปน ผูป ฏิบัตดิ แี ลว . . . การประกอบดวยศลี ทีพ่ ระอรยิ เจาใครแ ลว อนั ไมขาด . . . เปน ไปเพ่อื สมาธิ ดีนัก เพราะเหตแุ หง การประกอบดวยศีลที่พระอริยเจา ใครแ ลว สตั วบ างพวกในโลกน้ี เม่อื แตกกายตายไป ยอมเขา ถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค เขาเหลา น้ันยอมครอบงาํ เทวดาพวกอ่นืดว ยฐานะ ๑๐ ประการ คือ ดว ยอายุ วรรณะ สขุ ยศ ความเปน ใหญรปู เสียง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ อันเปนทิพย ทาวสักกะจอมเทพตรสั วาขา แตท า นพระโมคคลั ลานะผูนริ ทกุ ข การประกอบดวยความเลอื่ มใสอนั ไมหวนั่ ไหวในพระพุทธเจา วา แมเ พราะเหตุน้ี ๆ พระผมู พี ระภาคเจา พระองคนั้น . . . ในพระธรรมวา พระธรรมอนั พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ดแี ลว . . .ในพระสงฆว า พระสงฆสาวกของพระผูม ีพระภาคเจา ผปู ฏิบตั ิดแี ลว . . .การประกอบดว ยศลี ทพี่ ระอรยิ เจา ใครแ ลว อันไมข าด. . . เปน ไปเพ่ือสมาธิดีนกั เพราะเหตแุ หงการประกอบดวยศีลท่พี ระอริยเจาใครแ ลว สตั วบางพวกในโลกนี้ เม่อื แตกกายตายไป ยอ มเขาถงึ สคุ ติโลกสวรรค เขาเหลาน้ันยอมครอบงาํ เทวดาพวกอนื่ ดวยฐานะ ๑๐ ประการ คอื ดวยอายุ . . .โผฏฐพั พะ อนั เปน ทพิ ย. จบ สักกสตู รท่ี ๑๐

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 128 อรรถกถาสักกสูตรท่ี ๑๐ บทวา อเวจฺจปปฺ สาเทน ไดแก ดว ยความเลื่อมใสท่ไี มห ว่นั ไหว.บทวา ทสหิ าเนหิ คอื ดว ยเหตุ ๑๐. บทวา อธคิ ณหฺ นตฺ ิ คอื ยอ มครอบงาํ คือลวงเกนิ . คําท่เี หลือมเี นือ้ ความงายทง้ั นน้ั ดวยประการฉะน.้ี จบ อรรถกถาสกั กสูตรที่ ๑๐ จบ อรรถกถาโมคคัลลานสงั ยุต. ๑๑. จันทนสตู รวาดวยพระมหาโมคคลั ลานเถระแสดงธรรมแกจ ันทนเทพบตุ ร [๕๓๖] คร้ังน้ันแล จนั ทนเทพบตุ ร ฯลฯ ครั้งน้นั แล สยุ ามเทพบุตร ฯลฯ ครงั้ น้นั แล สันตุสจิ าเทพบตุ ร ฯลฯ ครั้งนน้ั แล สนุ มิ มติเทพบตุ ร ฯลฯ คร้ังน้นั แล วสวตั ตเี ทพบุตร ฯลฯ ( เปยยาล ๕ ประการน้ีพงึ ใหพิสดารเหมือนกับในสักกสตู ร ) จบ จันทนสตู รท่ี ๑๑ จบ โมคคัลลานสังยุต รวมพระสตู รทม่ี ใี นสังยตุ นี้ คอื ๑. สวติ กั กปญหาสูตร ๒. อวิตกั กปญหาสูตร ๓ สุขปญหาสูตร๔. อุเปกขาปญ หาสตู ร ๕. อากาสานญั จายตนฌานปญหาสตู ร ๖. วญิ ญา-ณัญจายตนฌานปญหาสูตร ๗. อากญิ จญั ญายตนฌานปญหาสตู ร ๘. เนว-สญั ญานาสญั ญายตนฌานปญหาสตู ร ๙. อนมิ ติ ตปญ หาสูตร ๑๐. สกั กสูตร๑๑. จันทนสตู ร.

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 129 จติ ตคหปติปจุ ฉาสังยุต ๑. สังโยชนสูตร วา ดว ยสงั โยชนม ีอรรถตา งกันเปนตน [๕๓๗] สมยั หนึ่ง ภกิ ษผุ ูเถระมากดว ยกนั อยทู ี่อัมพาฏกวัน ใกลราวปามัจฉิกาสณฑ กส็ มัยนนั้ แล ภิกษเุ ถระมากดว ยกันกลับจากบิณฑบาตภายหลงั ภตั นงั่ ประชมุ สนทนากันทีโ่ รงกลมไดสนทนากนั วา ดกู อ นทา นผูมีอายุท้งั หลาย กรรมเหลาน้ี คอื สังโยชนก ด็ ี สังโยชนียธรรมกด็ ี มอี รรถตา งกนั มพี ยญั ชนะตางกัน หรือวามีอรรถเหมือนกนั พยญั ชนะเทา นั้นตางกนั . บรรดาภกิ ษุผเู ถระเหลา นน้ั ภกิ ษผุ ูเถระบางพวกพยากรณอยางนว้ี าดกู อนทานผูมีอายุทั้งหลาย ธรรมเหลานี้ คือสังโยชนกด็ ี สังโยชนยี ธรรมก็ดีมอี รรถตางกันและมพี ยัญชนะตา งกัน บางพวกพยากรณอยางน้วี า ดกู อ นทานผมู ีอายุท้ังหลาย ธรรมเหลา น้ี คือ สงั โยชนก ็ดี สังโยชนียธรรมกด็ ีมีอรรถเหมือนกนั พยญั ชนะเทานัน้ ตางกัน. [๕๓๘] ก็สมัยน้นั แล จติ ตคฤหบดไี ดไปยังบา นสว ยชอื่ มิคปถกะดวยกรณยี กจิ บางอยา ง ไดส ดับขาววา ภิกษผุ เู ถระมากดว ยกนั กลับจากบิณฑบาตภายหลงั ภตั แลว นง่ั ประชุมกันที่โรงกลม ไดส นทนากันวาดูกอนทานผูมีอายุท้ังหลาย ธรรมเหลานี้ คอื สงั โยชนก ด็ ี สงั โยชนียธรรมก็ดีมีอรรถตางกัน มพี ยัญชนะตางกนั หรือมอี รรถเหมือนกัน พยัญชนะเทา น้นั ตา งกนั บรรดาภิกษุผูเ ถระเหลา นั้น ภิกษผุ เู ถระบางพวกพยากรณอยางน้วี า ดกู อนทา นผูมีอายุท้ังหลาย ธรรมเหลานี้ คอื สงั โยชนกด็ ี

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 130สงั โยชนยี ธรรมก็ดี มอี รรถตา งกันและมีพยัญชนะตางกัน บางพวกพยากรณอ ยา งนวี้ า ดกู อนทา นผูมอี ายุทงั้ หลาย ธรรมเหลาน้ี คอื สังโยชนก็ดี สังโยชนยี ธรรมกด็ ี มีอรรถเหมอื นกนั พยัญชนะเทาน้นั ตางกนั . [๕๓๙] ครั้งนัน้ แล จติ ตคฤหบดีไดเ ขาไปหาภิกษุผูเ ถระ ทง้ั หลายถงึ ที่อยูไหวแ ลวนง่ั ที่ควรสว นขา งหนง่ึ ครน้ั แลว ไดถามภกิ ษุผูเถระทัง้ หลายวา ขา แตท านทง้ั หลายผูเจริญ กระผมไดสดบั ขา ววา ภิกษผุ เู ถระมากดวยกันกลับจากบณิ ฑบาตภายหลังภตั แลว น่งั ประชุมกันทโี่ รงกรมไดส นทนา กันวา ดกู อนทานผูมีอายุทั้งหลาย ธรรมเหลา น้ี คือ สังโยชนก ด็ ีสงั โยชนยี ธรรมกด็ ี มอี รรถตา งกนั มีพยัญชนะตางกัน หรอื วา มีอรรถเหมือนกนั พยญั ชนะเทาน้นั ตางกัน ภิกษผุ เู ถระบางพวกพยากรณอ ยางน้ีวาดกู อ นทานผมู ีอายทุ ัง้ หลาย ธรรมเหลา น้ี คอื สงั โยชนก ด็ ี สังโยชนยี -ธรรมก็ดี มีอรรถตางกันและมพี ยัญชนะตา งกัน บางพวกพยากรณอยางนวี้ ากอ นทานผูมีอายุทงั้ หลาย ธรรมเหลา น้ี คอื สังโยชนกด็ ี สังโยชนีย-ธรรมกด็ ี มีอรรถเหมือนกนั พยญั ชนะเทานนั้ ตางกัน ดังนี้หรอื ภิกษุเหลา น้นั ตอบวา อยางน้ันคฤหบดี จิตตคฤหบดไี ดก ลาววา ขา แตทา นผูเจรญิทง้ั หลาย ธรรมเหลาน้ี คือ สงั โยชนก็ดี สังโยชนียธรรมกด็ ี มอี รรถตางกัน และมพี ยญั ชนะตา งกัน ถากระน้ันกระผมจักอุปมาใหฟ ง เพราะวิญชู นบางพวกในโลกนี้ ยอ มเขา ใจเน้ือความแหง ภาษิตแมดว ยขอ อปุ มา. [๕๔๐] ขาแตทา นผูเจรญิ ท้ังหลาย เปรียบเหมือนโคดําตัวหน่งึโคขาวตัวหนง่ึ เขาผกู ดว ยทามหรือเชือกเสน เดยี วกัน ผใู ดแลพึงกลาวอยา งนวี้ า โคดําตดิ กับโคขาว โคขาวตดิ กบั โคดาํ ดงั น้ี ผนู นั้ ชอ่ื วา กลา วถูกละหรือ.

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 131 ภิ. ไมถ กู คฤหบดี เพราะโคดาํ ไมต ดิ กับโคขาว แมโคขาวก็ไมต ิดกับโคดาํ ทามหรอื เชือกที่ผกู โคทงั้ สองน้ัน ชอ่ื วา เปน เครื่องผกู . จิตต. ขาแตทานผเู จริญทั้งหลาย ฉันนน้ั เหมอื นกนั แล จักษไุ มต ิดกบั รูป รูปไมติดกบั จกั ษุ ฉนั ทราคะที่เกิดขนึ้ เพราะอาศัยจักษแุ ละรปู ทั้ง ๒นน้ั ช่ือวาเปน เคร่ืองตดิ หูไมติดกับเสียง เสียงไมตดิ กับหู ฉันทราคะที่เกดิ ขนึ้ เพราะอาศัยหูและเสยี งทัง้ ๒ นั้น ช่อื วาเปนเครอ่ื งติด จมูกไมต ดิกับกลน่ิ กล่นิ ไมตดิ กบั จมูก ฉนั ทราคะที่เกดิ ขนึ้ เพราะอาศัยจมกู และกล่นิทง้ั ๒ น้นั ชือ่ วาเปน เคร่ืองติด ลิ้นไมต ดิ กับรส รสไมต ิดกบั ลน้ิ ฉันทราคะท่ีเกดิ ขึ้นเพราะอาศัยลน้ิ และรสท้งั ๒ น้นั ชือ่ วา เปนเคร่ืองติด กายไมต ดิกบั โผฏฐัพพะ โผฏฐพั พะไมต ดิ กบั กาย ฉันทราคะท่ีเกดิ ข้นึ เพราะอาศยั กายและโผฏฐพั พะทัง้ ๒ นน้ั ช่ือวาเปน เครอื่ งตดิ ใจไมติดกับธรรมารมณธรรมารมณไ มต ดิ กับใจ ฉนั ทราคะทีเ่ กิดข้นึ เพราะอาศยั ใจและธรรมารมณทั้ง ๒ นั้น ช่อื วา เปน เคร่ืองตดิ . ภิ. ดกู อ นคฤหบดี การทป่ี ญญาจักษุของทา นหยง่ั ทราบในพระพุทธพจนล ึกซง้ึ ช่อื วา เปน ลาภของทา น ทา นไดด แี ลว . จบ สงั โยชนสูตรที่ ๑ อรรถกถาจติ ตคหปตปิ ุจฉาสงั ยุต อรรถกถาสงั โยชนสตู รท่ี ๑ พึงทราบวนิ ิจฉัยในสงั โยชนสตู รที่ ๑ แหง จติ ตคหปตปิ ุจฉาสังยุต

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 132 บทวา มจฺฉภิ าสฺเฑ คือในราวปา อนั มชี ่อื อยางน้ี. บทวาอยมนฺตรากถา อุทปาทิ ความวา พระเถระเกายอมไมสนทนากันถึงเดยี รัจฉานกถา เม่อื ต้ังปญ หาขนึ้ ในท่นี ง่ั แลว พวกไมร ู ก็ยอมถาม พวกท่รี ูกย็ อ มตอบดว ยเหตุนัน้ การสนทนาน้ี จึงเกิดขึน้ แลวแกพ ระเถระเหลานน้ั . บทวา มิคปถก คือบานสวยของตนอนั มชี อื่ อยา งน้ี ไดยนิ วาบานสว ยน้นั อยหู ลงั อัมพาฏการาม. บทวา เตนปุ สงฺกมิ ความวาจิตตคฤหบดคี ิดวา เราแกปญหาของพระเถระทงั้ หลายแลว จกั ทําความอยผู าสกุ ใหดงั น้ี จงึ เขาไปหา คมฺภีเร พุทฺธวจเน ความวา ในพระพทุ ธพจนท ีล่ กึ ซึง้ ดว ยอรรถและลึกซงึ่ ดว ยธรรม. บทวา ปฺาจกขฺ ุกมติ ความวาจกั ขคุ อื ญาณยอ มหยงั่ ทราบ คอื ยอ มเปน ไป. จบ อรรถกถาสังโยชนสูตร ๒. ปฐมสิ ิทัตตสตู ร วาดวยอสิ ทิ ัตตภกิ ษุพยากรณป ญหา [๕๔๑] สมยั หน่ึง ภกิ ษุผเู ถระมากดวยกนั อยูท ีอ่ ัมพาฏกวนั ใกลราวปา มัจฉกิ าสณฑ ครัง้ นน้ั แล จิตตคฤหบดีไดเขา ไปหาภิกษเุ ถระเหลาน้นั ไหวแ ลว นัง่ ณ ท่คี วรสว นขางหนึง่ คร้ันแลว ไดอ าราธนาวาขาแตท า นผเู จริญท้ังหลาย ขอพระเถระทงั้ หลาย โปรดรบั ภัตตาหารของกระผมในวนั พรุง นี้ ภิกษุผเู ถระทัง้ หลายไดรับอาราธนาโดยดุษณีภาพคร้ังนนั้ แล จิตตคฤหบดีทราบการรบั อาราธนาของภิกษเุ ถระท้งั หลายแลวลกุ จากทนี่ ง่ั กราบไหว กระทําประทกั ษณิ แลวจากไป.

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 133 [๕๔๒] ครั้งนั้นแล พอลว งราตรีน้ันไป เปน เวลาเชา ภกิ ษุผเู ถระทั้งหลายนงุ แลวถือบาตรและจีวร พากนั เขา ไปยงั นิเวสนของจติ ต-คฤหบดี แลวนง่ั บนอาสนะทต่ี กแตง ไวถวาย คร้งั นั้นแล จติ ตคฤหบดีเขาไปหาภิกษผุ เู ถระท้งั หลายไหวแ ลว นงั่ ณ ทคี่ วรสว นขา งหนึง่ คร้นั แลวไดถามพระเถระผเู ปน ประธานวา ขาแตพระเถระผูเจรญิ คําท่กี ลา วกันวาความตา งแหงธาตุ ๆ ดังน้ี ความตางแหงธาตุ พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสไวดวยเหตเุ ทาไรหนอแล. [๕๔๓] เมื่อจิตตคฤหบดถี ามอยางนแ้ี ลว พระเถระผูเปน ประธานไดนิ่งอยู แมค รั้งท่ี ๒ จติ ตคฤหบดไี ดถ ามพระเถระผเู ปนประธานวา ขาแตพระเถระผเู จริญ คําทีก่ ลา วกนั วา ความตา งแหงธาตุ ๆ ดังนี้ ความตา งแหงธาตุ พระผมู ีพระภาคเจาตรสั ไวดวยเหตเุ ทาไรหนอแล แมคร้ังท่ี ๒พระเถระผเู ปนประธานก็ไดน ิง่ อยู แมค ร้ังท่ี ๓ จิตตคฤหบดีกไ็ ดถามพระเถระผูเปนประธานวา ขาแตพ ระเถระผเู จรญิ คําท่กี ลาวกนั วา ความตางแหงธาตุ ๆ ดงั นี้ ความตา งแหง ธาตุ พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ไวดว ยเหตุเทาไรหนอแล แมครง้ั ท่ี ๓ พระเถระผูเปน ประธานก็ไดน ิง่ อยู. [๕๔๔] กโ็ ดยสมัยนนั้ แล ทา นอสิ ทิ ัตตะเปน ผูใ หมกวาทุกรปู ในภกิ ษุสงฆห มนู ั้น คร้งั นน้ั แล ทา นอิสิทัตตะไดข อโอกาสกะพระเถระผเู ปนประธานวา ขา แตพ ระเถระผเู จรญิ กระผมขอพยากรณป ญ หาขอน้ันของจิตตคฤหบดี.

พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 134 พระเถระกลาววา ดกู อ นทา นอสิ ทิ ัตตะ เชิญทา นพยากรณป ญหาขอ นัน้ ของจติ ตคฤหบดีเถดิ . อิ. ดกู อนคฤหบดี ก็ทานกลาวถามอยา งน้ีวา ขา แตพ ระเถระผูเจริญคําทีก่ ลา วกนั วา ความตางแหง ธาตุ ๆ ดังนี้ ความตางแหง ธาตุ พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสไวด ว ยเหตุเทา ไรหนอแล ดงั นห้ี รอื . จติ ต. อยางนน้ั ทา นผูเ จรญิ . อ.ิ ดกู อ นคฤหบดี ความตางแหงธาตุ พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ไวดงั นี้ คือ จักขธุ าตุ รูปธาตุ จักขุวญิ ญาณธาตุ โสตธาตุ สัททธาตุโสตวิญญาณธาตุ ฆานธาตุ คนั ธธาตุ ฆานวญิ ญาณธาตุ ชวิ หาธาตุรสธาตุ ชิวหาวิญญาณธาตุ กายธาตุ โผฏฐพั พธาตุ กายวญิ ญาณธาตุมโนธาตุ ธัมมธาตุ มโนวญิ ญาณธาตุ ดกู อ นคฤหบดี ความตางแหงธาตุพระผูมพี ระภาคเจาตรัสไวด ว ยเหตุเทาน้ีแล. [๕๔๕] ครงั้ นัน้ แล จติ ตคฤหบดชี นื่ ชมอนุโมทนาภาษิตของทา นอสิ ิทัตตะ แลว ไดอ งั คาสภิกษผุ เู ถระทงั้ หลาย ใหอ ม่ิ หนําเพียงพอ ดว ยขาทนียโภชนยี ะอนั ประณตี ดว ยมอื ของตน คร้งั นัน้ แล ภกิ ษผุ เู ถระท้ังหลายฉนั เสรจ็ แลว ลดมือจากบาตรแลว ลกุ ขน้ึ จากอาสนะหลีกไป.ครั้งนัน้ แล พระเถระผูเ ปนประธานไดก ลา วกะทา นอิสทิ ตั ตะวา ดแี ลวทานอิสิทตั ตะ ปญ หาขอนัน้ แจม แจง กะทา น มไิ ดแ จม แจงกะเรา ดูกอนทานอสิ ิทัตตะ ตอ ไป ถาปญ หาเชน นี้ พึงมมี าแมโ ดยประการอนื่ ในกาลใดทา นนัน่ แหละพงึ กลา วตอบปญหาเชน นัน้ ในกาลนั้น. จบ ปฐมอิสิทตั ตสตู รท่ี ๒

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 135 อรรถกถาปฐมอสิ ทิ ัตตสตู รท่ี ๒ พงึ ทราบ วนิ ิจฉัยในปฐมอิสทิ ตั ตสูตรที่ ๒ ดังตอ ไปน.ี้ บทวา อายสมฺ นฺต เถร คอื ซ่งึ มหาเถระผเู ปนใหญ ในบรรดาพระเถระเหลานนั้ . บทวา ตุณหฺ ี อโหสิ ความวา พระเถระถึงจะรูอ ยูก็ไมพ ยากรณอ ะไร ๆ เพราะไมก ลา. บทวา พฺยากโรมห ภนเฺ ต ความวาพระอิสิทัตตะคดิ วา พระเถระนี้ ยอมไมพยากรณดวยตน. พระเถระนี้ยอมไมเชื้อเชิญ ฝา ยอุบาสกยอ มเบียดเบยี นภกิ ษสุ งฆ. เราพยากรณป ญหาน้นั แลว จกั ทําความอยผู าสุกใหด งั นี้ ลกุ จากอาสนะไปยังสาํ นักของพระ-เถระ ไดทาํ โอกาสอยางนแี้ ลว ฝายพระเถระผูมโี อกาสอันตนทําแลว น่ังบนอาสนะของตน พยากรณ. บทวา สหตฺถา คือดว ยมอื ของตน. บทวา สนตฺ ปเฺ ปสิ ความวาใหอ ่ิมหนําดวยดีตามปรารถนา. บทวา สมปฺ วาเรสิ ความวา ใหพระเถระท้ังหลาย หา มดวยหตั ถสัญญาหรอื ดวยวาจาวา พอ ๆ ดงั น้ี บทวา โอนีตปตตฺ ปาณิโน ความวานํามอื ออกจากบาตร ลางบาตรแลว จึงเอาใสไ วใ นถุงคลอ งไวท ีบ่ าดังน้ี. จบ อรรถกถาปฐมอิสิทัตตสตู ร ที่ ๒

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 136 ๓. ทุติยอสิ ิทัตตสูตร วา ดวยอิสิทตั ตภิกษุพยากรณป ญหา [๕๔๖] สมยั หนง่ึ ภกิ ษุผเู ถระมากดวยกันอยูท่อี มั พาฏกวนัใกลราวปา มจั ฉกิ าสณฑ คร้ังน้นั แล จติ ตคฤหบดไี ดเ ขา ไปหาภกิ ษผุ ูเถระทั้งหลายถงึ ท่ีอยู ไหวแ ลวนัง่ ณ ท่คี วรสว นขา งหนงึ่ ครน้ั แลวไดอ าราธนาวา ขาแตทานทัง้ หลายผเู จรญิ ขอพระเถระทั้งหลายโปรดรบั ภัตตาหารของกระผมในวนั พรงุ น้ี ภกิ ษุผเู ถระทั้งหลายรบั อาราธนาโดยดษุ ณีภาพ คร้งันน้ั แล จิตตคฤหบดที ราบการรับอาราธนาของภกิ ษผุ เู ถระทั้งหลายแลวลกุ จากอาสนะ ไหวก ระทาํ ประทกั ษณิ แลว จากไป. [๕๔๗] คร้งั นัน้ แล พอลว งราตรนี ้ันไปเปน เวลาเชา ภกิ ษผุ เู ถระทง้ั หลาย นงุ แลวถือบาตรและจีวรพากันเขาไปยงั นิเวศนข องจติ ตคฤหบดีแลว นงั่ บนอาสนะทต่ี กแตงไวถวาย ครง้ั นน้ั แล จิตดคฤหบดีเขา ไปหาภิกษุผเู ถระท้ังหลาย ไหวแลว จึงน่ัง ณ ท่ีควรสว นขางหนง่ึ คร้ันแลวไดถ ามพระเถระผูเ ปน ประธานวา ขาแตพระเถระผูเ จริญ ทิฏฐหิ ลายอยางยอ มเกดิขนึ้ ในโลกดงั นว้ี า โลกเท่ียงบาง โลกไมเทย่ี งบา ง โลกมที ีส่ ดุ บา ง โลกไมม ีท่สี ดุ บาง ชีพอันนัน้ สรรี ะกอ็ ันนนั้ บาง ชพี เปนอนื่ สรรี ะกเ็ ปนอืน่ บางสัตวตายแลวยอมเปน อกี บา ง สัตวต ายแลวยอ มไมเ ปนอกี บาง สตั วตายแลวยอมเปนอกี กม็ ี ยอมไมเปนอีกกม็ ีบา ง สตั วตายแลวยอ มเปน อกี ก็หามิไดยอ มไมเปน อีกกห็ ามิไดบ าง ( ก็ทิฏฐิ ๖๒ อยางเหลาน้ี ไดก ลา วไวใ นพรหมชาลสตู ร ) ขา แตทา นผเู จริญ เม่ืออะไรมี ทฏิ ฐเิ หลา น้จี งึ มี เม่อื อะไรไมม ี ทิฏฐเิ หลานี้ จงึ ไมมี.

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 137 [๕๔๘] เมอื่ จิตตคฤหบดีไดถามอยางนแ้ี ลว พระเถระผูเปนประธานไดนง่ิ อยู แมค รง้ั ท่ี ๒ ฯลฯ แมค รัง้ ที่ ๓ จิตตคฤหบดไี ดถ ามพระเถระผูเปน ประธานวา ขา แตพระเถระผเู จรญิ ทิฏฐหิ ลายอยางยอมเกดิ ขึน้ ในโลกดังน้วี า โลกเทยี่ งบา ง โลกไมเ ท่ียงบา ง โลกมที ี่สดุ บางโลกไมม ที ีส่ ดุ บาง ชีพอนั นนั้ สรรี ะก็อันนนั้ บา ง ชพี เปนอ่นื สรรี ะก็เปนอืน่ บาง สัตวตายแลว ยอ มเปนอกี บา ง สตั วต ายแลว ยอมไมเ ปน อกี บา งสัตวต ายแลวยอมเปนอกี ก็มี ยอมไมเปนอกี กม็ บี า ง สัตวต ายแลวยอมเปนอกี ก็หามิได ยอมไมเ ปน อกี ก็หามไิ ดบาง แมครั้ง ที่ ๓ พระเถระผูเปนประธานกไ็ ดน งิ่ อยู. [๕๔๙] ก็สมยั น้ันแล ทา นพระอสิ ิทตั ตะเปน ผใู หมกวา ทุกรปู ในภกิ ษุสงฆหมนู ั้น. ครง้ั นัน้ แลทานพระอิสิทตั ตะไดขอโอกาสกะพระเถระเปน ประธานวา ขาแตพ ระเถระผูเจริญ กระผมขอพยากรณปญ หาขอนัน้ของจิตตคฤหบดี พระเถระกลาววา ดูกอนทา นอสิ ทิ ตั ตะ ทานจงพยากรณปญ หาขอนน้ั ของจิตตคฤหบดเี ถดิ ทานอิสิทัตตะไดถ ามวา ดกู อนคฤหบดีทา นถามอยางน้ีวา ขาแตพ ระเถระผูเ จรญิ ทฏิ ฐิหลายอยา งยอมเกิดขนึ้ในโลกดงั นว้ี า โลกเท่ยี งบา ง โลกไมเทย่ี งบา ง โลกมที ส่ี ดุ บาง โลกไมม ีท่สี ดุ บา ง ฯลฯ ขาแตทานผูเจรญิ เม่ืออะไรมี ทฏิ ฐิเหลาน้จี ึงมี เมื่ออะไรไมม ี ทิฏฐิเหลานี้จงึ ไมม ี ดงั นห้ี รอื . จิตตคฤหบดกี ลาววา อยา งนน้ัทา นผเู จรญิ .

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 138 อิ. ดกู อนคฤหบดี ทิฏฐหิ ลายอยางยอมเกิดข้นึ ในโลกดงั นวี้ า โลกเท่ียงบาง โลกไมเทีย่ งบาง . . . สัตวตายแลว ยอมเปนอีกกห็ ามิได ยอมไมเปนอกี กห็ ามิไดบ า ง ( ทฏิ ฐิ ๖๒ เหลา นี้ ไดก ลาวไวแลวในพรหมชาลสตู ร)ดกู อ นคฤหบดี เมอื่ สักกายทฏิ ฐมิ ี ทิฎฐเิ หลา น้ี กม็ ี เมอ่ื สักกายทิฏฐไมมีทฏิ ฐิเหลา นีก้ ็ไมม .ี [๕๕๐] จติ ต. ขา แตทา นผูเจรญิ ก็สกั กายทฏิ ฐิยอ มเกิดมีไดอยางไร. อ.ิ ดกู อนคฤหบดี ปถุ ชุ นในโลกนผ้ี ูไ มไ ดส ดบั ไมเ ห็นพระอริยเจาไมฉลาดในธรรมของพระอรยิ เจา ไมไดร ับแนะนาํ ในธรรมของพระอริยเจาไมไดเ ห็นสัตบุรษุ ไมฉลาดในธรรมของสัตบุรษุ ไมไดรบั แนะนําในธรรมของสตั บุรษุ ยอมเห็นรูปโดยความเปน ตน ๑ เหน็ ตนมีรปู ๑ เห็นรูปในตน ๑ เห็นตนในรูป ๑ เห็นเวทนาโดยความเปนตน ๑ เห็นตนมีเวทนา ๑ เห็นเวทนาในตน ๑ เหน็ ตนในเวทนา ๑ เหน็ สญั ญาโดยความเปน ตน ๑ เหน็ ตนมสี ญั ญา ๑ เหน็ สญั ญาในตน ๑ เหน็ ตนในสญั ญา ๑เหน็ สังขารโดยความเปนตน ๑ เหน็ ตนมีสงั ขาร ๑ เหน็ สังขารในตน ๑เห็นตนในสังขาร ๑ เห็นวิญญาณโดยความเปน ตน ๑ เห็นตนมีวญิ ญาณ ๑เห็นวญิ ญาณในตน ๑ เห็นตนในวิญญาณ ๑ ดกู อนคฤหบดี สกั กายทฏิ ฐิยอมเกิดมไี ดอ ยา งนแ้ี ล. [๕๕๑] จิตต. ขา แตท านผเู จรญิ ก็สักกายทิฏฐยิ อมไมเกิดมไี ดอยางไร.

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 139 อิ. ดูกอ นคฤหบดี อริยสาวกในพระธรรมวนิ ยั น้ี ผูไ ดสดับแลวไดเห็นพระอรยิ เจา ฉลาดในธรรมของพระอรยิ เจา ไดรบั แนะนําในธรรมของพระอริยเจา ไดเห็นสัตบรุ ุษ ฉลาดในธรรมของสตั บรุ ษุ ไดร บั แนะนาํในธรรมของสัตบรุ ษุ ยอ มไมเ หน็ รูปโดยความเปนตน ๑ ไมเหน็ ตนมรี ปู ๑ไมเห็นรูปในตน ๑ ไมเหน็ ตนในรูป ๑ ไมเ ห็นเวทนาโดยความเปน ตน ๑ไมเ ห็นตนมี เวทนา ๑ ไมเห็นเวทนาในตน ๑ ไมเ หน็ ตนในเวทนา ๑ไมเหน็ สญั ญาโดยความเปน ตน ๑ ไมเ หน็ ตนมสี ญั ญา ๑ ไมเ หน็ สญั ญาในตน ๑ ไมเ หน็ ตนในสัญญา ๑ ไมเ ห็นสังขารโดยความเปน ตน ๑ ไมเ หน็ตนมีสงั ขาร ๑ ไมเ หน็ สงั ขารในตน ๑ ไมเ ห็นตนในสงั ขาร ๑ ไมเ หน็วญิ ญาณโดยความเปน ตน ๑ ไมเห็นตนมีวิญญาณ ๑ ไมเ ห็นวิญญาณในตน ๑ ไมเ หน็ ตนในวิญญาณ ๑ ดกู อ นคฤหบดี สักกายทิฏฐิยอ มไมเ กิดมไี ดอยางน้ีแล. จิตต. ขา แตทานผูเจริญ พระคุณเจา อสิ ิทตั ตะมาจากไหน. อิ. ดกู อ นคฤหบดี อาตมภาพมาจากอวันตชี นบท. จิตต. ขา แตท า นผูเจรญิ กุลบุตรมีนามวาอิสทิ ตั ตะในอวันตชี นบทเปนสหายท่ีไมเคยเห็นกันของขา พเจา ไดออกบรรพชามอี ยู พระคุณเจาไดเ ห็นทานหรือไม. อ.ิ ไดเ หน็ คฤหบด.ี จติ ต. ขาแตท า นผเู จรญิ เดี๋ยวนี้ ทา นผูมอี ายุรปู นั้นอยทู ไี่ หนหนอ.

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 140 [๕๕๒] เมอ่ื จติ ตคฤหบดีไดถ ามอยางน้ี ทานอิสทิ ัตตะไดนงิ่ อยู. จิตต. ขาแตท านผูเจรญิ ทานอสิ ทิ ตั ตะของขาพเจา คอื พระคณุ เจาหรอื . อิ. ใชล ะ คฤหบด.ี จิตต. ขาแตทานผเู จรญิ ขอใหพระคณุ เจา อิสิทตั ตะจงชอบใจอัมพาฏกวนั อนั เปนที่รืน่ รมยใกลราวปามัจฉกิ าสณฑเ ถดิ ขา พเจาจกับาํ รงุ ดวยจีวร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และคิลานเภสัชบริขาร. อิ. ดูกอ นคฤหบดี ทา นกลาวดีแลว. [๕๕๓] คร้งั นน้ั แล จติ คฤหบดีช่ืนชมอนโุ มทนาภาษิตของทา นพระอสิ ิทัตตะแลว ไดอ งั คาสภกิ ษุผเู ถระทั้งหลายใหอ ่มิ หนําสาํ ราญ ดวยขาทนียโภชนียะอันประณีต ดวยมือของตน ครัง้ น้ันแล ภิกษผุ เู ถระทั้งหลายฉนั เสร็จแลว ลดมือจากบาตร ลุกขึ้นจากอาสนะกลับไป ลาํ ดับนนั้ แล พระเถระผเู ปน ประธานไดใ หโอกาสทานพระอิสิทัตตะวา ดีแลวทานอสิ ิทัตตะ ปญ หาขอ น้นั แจม แจงกะทา น มไิ ดแ จง แจงกะผม ตอ ไปถาปญ หาเชน นี้พึงมีมาแมโดยประการอ่ืนในกาลใด ทานน้ันแหละพงึ กลา วตอบปญหาเชนนนั้ ในกาลนน้ั คร้งั นั้นแล ทา นอสิ ิทัตตะไดเ กบ็ เสนาสนะถือเอาบาตรและจีวร เดนิ ทางออกจากราวปา ชือ่ มัจฉิกาสณฑไ มไดก ลบั มาอกี เหมอื นกบั ภกิ ษรุ ปู อื่นทีไ่ ดอ อกเดนิ ทางจากไป. จบ ทุติยอิสทิ ตั ตสตู รที่ ๓

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 141 อรรถกถาทตุ ยิ อิสิทัตตสตู รที่ ๓ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในทุตยิ อสิ ทิ ตั ตสตู รท่ี ๓ ตังตอไปน้ี บทวา อวนฺติยา คอื ในอวนั ตีชนบท. บทวา กลยฺ าณ วุจฺจติความวา ทา นอิสิทตั ตะยอมกลาวดว ยประสงควา ขา แตอ ุบาสกอุบาสิกาทัง้ หลาย คาํ อนั หมดโทษ ไมม โี ทษ อนั ทา นกลาววา ขาพเจา จกั บาํ รงุ ดวยปจจัยท้งั หลาย ๔. จบ อรรถกถาทตุ ิอิสทิ ัตตะสูตรท่ี ๓ ๔. มหกสตู ร วา ดวยอทิ ธาภสิ งั ขาร [๕๕๔] สมยั หน่งึ ภกิ ษผุ เู ถระมากรูปอยทู อ่ี ัมพาฏกวนั ใกลราวปามัจฉกิ าสณฑ ครั้งน้นั แล จติ ตคฤหบดไี ดเขา ไปหาภิกษผุ เู ถระท้งั หลายไหวแ ลว นงั่ ณ ทีค่ วรสว นขางหนึง่ ครั้นแลวไดอาราธนาวา ขาแตทานท้งั หลายผูเจริญ ขอพระเถระทง้ั หลายจงรบั ภตั ตาหารทีโ่ รงโคของขาพเจาในวนั พรุงนี้ ภกิ ษผุ เู ถระท้งั หลายไดรบั อาราธนาโดยดุษณภี าพ คร้ังนนั้ แลจิตตคฤหบดีทราบการรบั อาราธนาของภกิ ษผุ เู ถระทง้ั หลายแลว ลุกจากที่นั่งไหวท าํ ประทักษณิ แลวจากไป. [๕๕๕] ครั้งนั้นแล พอลว งราตรีน้ันไป เปนเวลาเชา ภิกษผุ ูเถระทงั้ หลายนุงแลว ถือบาตรและจวี รเขาไปยังโรงโคของจติ ตคฤหบดี ไดนงั่ ณ อาสนะทไ่ี ดต กแตงไว ครั้งน้ันแล จติ ตคฤหบดี ไดอ งั คาสภิกษุผู

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 142เถระทงั้ หลายใหอ ิ่มหนําสําราญเพยี งพอ ดวยขาวปายาสเจอื ดว ยเนยใสอยางประณีต ดวยมอื ของตนเอง ครง้ั นน้ั แล ภกิ ษผุ เู ถระทง้ั หลายฉันเสร็จแลว ลดมดื จากบาตร ลุกจากอาสนะแลวจากไป แมจติ ตคฤหบดไี ดส่งั ทาสกรรมกรวา พวกทานจงท้งิ สว นทเ่ี หลือเสยี แลว จึงไดต ามไปสงภกิ ษุผูเ ถระทงั้ หลายขางหลัง ๆ กโ็ ดยสมัยนน้ั แล ไดเ กิดรอนจัด ภกิ ษผุ เู ถระท้ังหลายไดเ ดนิ ไปดวยกายที่คลายกบั จะหดเขาฉะนั้น ( จะเปอ ย ) ทั้งทไ่ี ดฉ นัโภชนะอมิ่ แลว . [๕๕๖] กโ็ ดยสมัยนน้ั แล ทา นพระมหกะเปน ผูออ นกวาทุกรปูในภกิ ษุสงฆหมนู ัน้ ครัง้ นน้ั แล ทานพระมหกะไดพูดกะพระเถระผูเ ปนประธานวา ขา แตทา นผเู จริญ เปนการดที เี ดียวทีพ่ งึ มีลมเย็นพัดมา และพงึ มแี ดดออ น ทัง้ ฝนพงึ โปรยลงมาทีละเมด็ ๆ พระเถระกลา ววา ทานมหกะเปน การดที ีเดียวที่พงึ มลี มเยน็ พัดมา และพึงมแี ดดออน ท้ังฝนพงึ โปรยลงมาทลี ะเม็ดๆ ครงั้ นั้นแล ทา นพระมหกะไดบนั ดาลอทิ ธาภสิ ังขารใหม ีลมเย็นพัดมา และมีแดดออน ท้งั ใหมีฝนโปรยลงมาทลี ะเมด็ ๆ. [๕๕๗] ครงั้ น้ันแล จิตตคฤหบดไี ดคิดวา ภิกษุผอู อนกวาทุกรปูในภิกษสุ งฆห มูนี้ เปน ผมู ีฤทธานภุ าพเห็นปานน้ที ีเดยี ว คร้ังนนั้ แล ทา นพระมหกะไปถงึ อารามแลว ไดถ ามพระเถระผูเปน ประฐานวา ขา แตทานผูเ จริญ การบันดาลอทิ ธาภิสงั ขารเทาน้เี ปนการเพยี งพอหรอื . พระเถระผูเปน ประธานไดก ลา ววา ทา นมหกะ การบนั ดาลอิทธาภสิ งั ขารเทาน้เี ปนการเพียงพอ ทา นมหกะ การบนั ดาลอทิ ธาภิสงั ขารเพียงเทา นี้ เปนอนั เราทําแลว เปนอันเราบชู าแลว . ครั้งน้ันแล ภกิ ษผุ ูเ ถระทั้งหลายไดไปตามที่อยู แมทา นมหกะก็ไดไปยงั ที่อยขู องตน ครัง้ นั้นแล จติ ตคฤหบดีเขาไป

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 143หาทานพระมหกะถงึ ทอ่ี ยู ไหวแ ลวน่ัง ณ ท่คี วรสวนขา งหนึ่ง ครน้ั แลวไดขอรอ งวา ขาแตท า นผูเ จริญ ขอพระคณุ เจา มหกะจงแสดงอิทธิปาฏหิ าริยที่เปน อตุ ตรมิ นุสสธรรมแกข า พเจาเถดิ . ทา นพระมหกะพูดวา ดกู อนคฤหบดีถา เชนน้ัน ทานจงปผู า หมที่ระเบยี ง แลวจงเอาฟอ นหญามาโปรยลงที่ผานั้น. จิตตคฤหบดีไดร บั คาํ ทา นพระมหกะแลว จงึ ปูผาหม ที่ระเบยี ง แลว เอาฟอ นหญามาโปรยลงทผี่ า นน้ั . คร้งั นัน้ แล ทานพระมหกะไดเขาไปสูวิหารใสล ูกดานแลว บนั ดาลอทิ ธาภิสงั ขารใหเ ปลวไฟแลบออกมาโดยชอ งลกู ดานและระหวา งลกู ดานไหมหญา ไมไ หมผาหม . ครงั้ น้ัน จติ ตคฤหบดีไดสลดั ผาหมแลว สลดใจ(ตกใจ ) ชนลกุ ชนั ไดย นิ อยู ณ ที่ควรสว นขา งหนง่ึ . ลาํ ดับนนั้ แลทา นพระมหกะไดออกจากวหิ าร ไดถามจติ ตคฤหบดวี า ดกู อ นคฤหบดีการบนั ดาลอิทธาภิสังขารเทาน้ี เปนการเพียงพอหรือ. จิตตคฤหบดีไดกลาววา ทา นมหกะผูเจรญิ การบันดาลอทิ ธาภสิ งั ขารเทานี้เปน การเพียงพอทา นมหกะผเู จริญ การบันดาลอิทธาภิสงั ขารเพียงเทา นี้ เปนอนั ทา นกระทาํแลว เปนอันทา นบูชาแลว ขอพระคณุ เจามหกะจงชอบใจอมั พาฏกวนารามทนี่ า รน่ื รมยใกลร าวปา มจั ฉิกาสณฑเถิด ขา พเจา จักบํารงุ ดว ยจีวร บณิ ฑบาตเสนาสนะ. และคลิ านเภสัชบรขิ าร. ทา นพระมหกะไดก ลา ววา ดูกอนคฤหบดี นั้นทา นกลาวดีแลว คร้ังน้นั แล ทานพระมหกะไดเ ก็บเสนาสนะถอื บาตรและจีวรเดินทางออกจากราวปาชื่อมัจฉิกาสณฑ ไมไดก ลับมาอกีเหมือนกับภกิ ษุรปู อ่ืน ๆ ทเี่ ดินทางจากไป ฉะนัน้ . จบ มหกสตู รที่ ๔

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 144 อรรถกถามหกสตู รท่ี ๔ พงึ ทราบวินจิ ฉัยในมหกสตู รที่ ๔ ดงั ตอไปน.้ี บทวา เสสก วสิ สฺ ชเฺ ชถ ความวา ไดย นิ วา พวกอุบาสกและอุบาสกิ ากบั ดวยพระเถระท้ังหลายนัน้ แล เช็ดถาดสัมฤทธ์ิแลวคดขา วปายาสใหแ กจ ติ ตคฤหบดีนน้ั จิตตคฤหบดีนนั้ บริโภคขา วปายาสเสรจ็ แลว ใครจะไปกบั ดว ยพระเถระท้งั หลายนั้นแล จึงคิดวา อุบาสกิ าจัดสว นที-่เหลอื อยใู นเรอื นกอน สว นทาสและกรรมกรในเรือนนี้ ไมถ ูกเราวาแลวจกั ในชวยจดั ขา วปายาสอนั ประณีตนี้ จกั เสียไปดว ยอาการอยา งนี้ ดังนี้เมือ่ อนญุ าต จงึ กลาวอยางนี้ แกพระเถระเหลา นัน้ . บทวา กฏุ  ิตคอื แหง อธิบายวา ขางลางรอ นจัดดวยทรายรอนและขางบนรอนจัดดวยแดด กบ็ ทน้ีเปนบทไมเจือปนในพระพุทธพจน คอื พระไตรปฎ ก.บทวา ปเวลยิ มาเนน คอื ความหดห.ู บทวา สาธุ ขฺวสสฺ ภนฺเต ความวาพระมหกะคิดวา เราจักทาํ ความอยผู าสุกแกพระเถระเหลา นั้น จึงกลาวอยา งน้.ี บทวา อิทฺธาภสิ งขฺ าร อภิสงขฺ ริ ไดแก ไดบ ันดาลฤทธิด์ วยการอธิษฐาน. ในการบนั ดาลฤทธิน์ ้ี ยอมมบี รกิ รรมตาง ๆ อยา งนวี้ า ขอลมเย็นออน ๆ จงพัดมา ขอฝนต้งั เคาแลว จงโปรยลงมาทลี ะเม็ด ๆ ดงั น้ีการอธษิ ฐานรวมกันอยางน้วี า ขอฝนพรอมดวยลม จงตกเถิดดังนี้ก็มีการอธิษฐานตาง ๆ วา บริกรรมรวมกันวา ขอฝนพรอมดวยลม จงตกเถิดขอลมเย็นออ น ๆ จงพดั มา ขอฝนตัง้ เคาแลว จงโปรยลงมาทีละเมด็ ๆ

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 145ดงั น้กี ม็ ี การบริกรรมตาง ๆ การอธิษฐานตาง ๆ การบริกรรมรวมกนัการอธิษฐานรวมกนั ก็มี โดยนัยอนั กลา วแลว แล. กเ็ ม่ือบุคคลกระทําอยางใดอยา งหนึ่ง ออกจากฌานอนั เปนบาททาํ บริกรรมแลว การอธิษฐานนน้ั ยอมสาํ เร็จดว ยจิตอธิษฐานอนั เปน มหคั คตะเทา น้ันโดยระหวา งแหงบริกรรม.บทวา โอกาเสสิ คอื กระจายออกแลว . จบ อรรถกถามหกสูตรท่ี ๔ ๕. ปฐมกามภูสตู ร วาดว ยรถคือรา งกาย [๕๕๘] สมัยหนึ่ง ทา นพระกามภอู ยทู ีอ่ ัมพาฏกวัน ใกลราวปามจั ฉิกาสณฑ คร้งั นน้ั แล จิตตคฤหบดไี ดเขา ไปหาทานพระกามภถู ึงที่อยูไหวแลวนง่ั ณ ทค่ี วรสวนขางหนึง่ คร้ันแลว ทา นพระกามภไู ดกลาวกะจิตตคฤหบดวี า ดกู อ นคฤหบดี พระผูมพี ระภาคเจาไดต รัสประพันธคาถาไวดงั นวี้ า เธอจงดรู ถอนั ไมม โี ทษ มหี ลังคาขาว มีเพลา เดียว ไมมีทุกข แลนไปถงึ ทห่ี มาย ตัดกระแส ตณั หาขาด ไมมีกเิ ลสเครื่องผูกพัน. [ ๕๕๙ ] ดูกอ นคฤหบดี ทานพงึ เหน็ เนือ้ ความแหง คาถาประพันธน ้ีที่พระผูมีพระภาคเจา ตรัสไวโ ดยยอโดยพิสดารอยา งไรหนอ.

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 146 จ.ิ ขาแตท านผูเจริญ คาถาประพนั ธนี้ พระผูมพี ระภาคเจา ตรสัหรอื กา. อยา งน้นั คฤหบดี. จ.ิ ขาแตทา นผูเจริญ ถา เชนนนั้ ขอทา นโปรดรอคอยอยคู รูห นึ่งจนกวากระผมจกั เพง เนื้อความแหงคาถาประพันธน ้ันได. ครง้ั น้ันแล จติ ตคฤหบดีนงิ่ อยูครหู นึ่ง จงึ ไดต อบทานกามภูวาขาแตท านผูเ จรญิ . คําวา ไมมีโทษนัน้ เปน ชอ่ื ของศีล คาํ วา มหี ลงั คาขาวน้นั เปนชอื่ ของวิมุตติ คาํ วา มเี พลาเดยี วนนั้ เปนชื่อของสติ คําวายอ มแลน ไปน้นั เปนชอื่ ของการกาวไปและการถอยกลับ คําวา รถน้นัเปน ชือ่ ของรางกายน้ี ซง่ึ ประกอบดว ยมหาภูตรูป ๔ มมี ารดาบดิ าเปนแดนเกดิ เจริญข้นึ ดวยขา วสุกและขนมสด มคี วามไมเทย่ี ง ตอ งลูบไล นวดเฟนมกี ารแตกทําลายและกระจัดกระจายเปนธรรมดา ขา แตท านผูเจรญิ ราคะโทสะ โมหะ ช่ือวาทุกข ทกุ ขเ หลานน้ั อนั ภิกษุผูขีณาสพละไดแลว ตดัมลู รากขาดแลว ทําใหเ ปนเหมอื นตาลยอดดว น ทําไมใหมี ไมใหเ กดิ ขน้ึอกี ตอไปเปนธรรมดา เพราะเหตนุ ัน้ ภิกษุผขู ีณาสพพระผูม พี ระภาคเจาจงึ ตรัสวา ไมมีทกุ ข. คําวา แลนไปถึงท่หี มาย นัน้ เปนชือ่ ของพระอรหนั ต.คําวา กระแสน้นั เปนชื่อของตัณหา ตัณหาน้นั อันภกิ ษผุ ูขีณาสพละไดแ ลว ตัดมูลรากขาดแลว ทาํ ไดเปน เหมอื นดาลยอดดว น ทําไมใหมีไมใหเ กิดขนึ้ อกี ตอ ไปเปนธรรมดา. เพราะเหตนุ ้ัน ภิกษุผูขณี าสพละพระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรสั วา ตณั หากระแสตัณหาขาด ราคะ โทสะ โมหะชอ่ื วากิเลส. เคร่ืองผูกพนั กิเลสเคร่ืองผูกพนั เหลานัน้ อนั ภิกษุผขู ีณาสพ

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 147ละไดแลว ตดั มูลรากขาดแลว ทาํ ใหเ ปนเหมือนตาลยอดดว น ทาํ ไมใหม ีไมใ หเ กดิ ขน้ึ อีกตอไปเปนธรรมดา. เพราะเหตุนัน้ ภิกษุผูข ณี าสพละพระผูมพี ระภาคเจาจึงตรัสวา ผไู มม กี เิ ลสเคร่อื งผูกพนั ขาแตท า นผูเจรญิคาถาประพันธท ีพ่ ระผูมพี ระภาคเจา ตรัสไวว า เธอจงดูรถอันไมมีโทษ มหี ลังคาขาว มเี พลา เดยี ว ไมม ีทุกข แลนไปถงึ ที่หมาย ตดั กระแส ตณั หาขาด ไมมกี ิเลสเครอื่ งผกู พัน ดงั น้.ี กระผมยอ มรูท่วั ถึงเนอื้ ความแหง คาถาประพนั ธน ้ี ทพ่ี ระผูมพี ระ-พระภาคเจา ตรัสไวโ ดยยอ ไดโดยพิสดารอยางน.ี้ กา. ดกู อนคฤหบดี การทป่ี ญ ญาจกั ษขุ องทา นหยงั่ ทราบในพระ-พุทธพจนท ่ลี ึกซ้งึ นี้ ชื่อวาเปน ลาภของทา น ทานไดด ีแลว. จบ ปฐมกามภสู ตู รท่ี ๕ อรรถกถาปฐมกามภสู ูตรที่ ๕ พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในปฐมกามภูสตู รที่ ๕ ดังตอไปน.้ี บทวา เนลงโฺ ค คอื ไมม ีโทษ. บทวา เสตปจฺฉาโท คอื มีหลังคาขา ว. บทวา อนีฆ คอื ไมม ที ุกข. บทวา มุหตุ ฺต ตุณฺหี หุตฺวาความวา จติ ตคฤหบดี เมอื่ ยังพระไตรปฎกใหหว่ันไหวเพ่ือเพง เนือ้ ความแหงบทวา เนลงฺโค นั้น เหมือนใหเขยา ตา งหทู ่ีหู จงึ น่งิ อยูครูห น่งึ เพ่อื พจิ ารณาวา น้เี ปน เน้ือความแหงบทนี้. บทวา วมิ ุตตฺ ยิ า คือ อรหตั ตผลวิมุตต.ิ

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 148กอ็ ุบาสก เมอื่ กลา วปญ หาน้ี ไดท ําสง่ิ ทที่ าํ ไดย าก. สว นพระสัมมาสัม-พทุ ธเจา ตรัสดว ยสิ่งท่พี ระองคทรงเหน็ แลววา ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลายเธอทัง้ หลายไมเหน็ ภกิ ษนุ น้ั ขาว บอบบาง จมกู โดง มาหรอื แตจติ ต-คฤหบดนี ้ี กลาวแลว วา น้นั เปน ช่ือของพระอรหนั ต โดยใหถ อื เอานยั . จบ อรรถกถาปฐมกามภสู ูตร ๖. ทตุ ยิ กามภสู ูตร วาดวยสงั ขาร ๓ [๕๖๐] สมยั หนึง่ ทานพระกามภอู ยทู อ่ี มั พาฏกวนั ใกลร าวปามัจฉกิ าสณฑ คร้ังน้นั แล จิตตคฤหบดไี ดเ ขา ไปหาทา นพระกามภูถงึ ทอ่ี ยูไหวแลวนั่ง ณ ท่ีควรสว นขางหน่งึ คร้นั แลว ไดถามทา นพระกามภูวาขาแตท านผเู จริญ สงั ขารมีเทาไรหนอแล ทา นพระกามภูตอบวา ดูกอนคฤหบดี สงั ขารมี ๓ คือ กายสังขาร วจสี ังขาร จิตตสังขาร. [๕๖๑] จิตตคฤหบดีกลา ววา ดีละ ทานผเู จริญ ดังนแ้ี ลว ชื่นชมอนโุ มทนาภาษิตของทานพระกามภู แลวไดถามปญ หายง่ิ ขึ้นไปอกี วา ขาแตทานผเู จรญิ กก็ ายสังขารเปนไฉน วจีสังขารเปน ไฉน จิตตสังขารเปน ไฉน. กา. ดูกอนคฤหบดี ลมหายใจเขาและลมหายใจออกแลช่อื วากายสงั ขาร วติ กวิจารช่อื วา วจีสังขาร สญั ญาและเวทนาชอ่ื วา จติ ตสงั ขาร. [๕๖๒] จิตตคฤหบดกี ลา ววา ดลี ะ ทา นผูเจรญิ ดงั น้แี ลวไดถ ามปญหาย่ิงข้นึ ไปอีกวา ขาแตท า นผูเ จรญิ กเ็ พราะเหตุไร ลมหายใจเขาและลมหายใจออกจงึ ช่ือวากายสังขาร วติ กวิจารจึงช่อื วาวจสี ังขาร สัญญาและเวทนาจึงชอ่ื วา จิตตสงั ขาร.

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 149 กา. ดูกอนคฤหบดี ลมหายใจเขา และลมหายใจออกเปน ของเกิดทกี่ าย ธรรมเหลานี้ เนอ่ื งดวยกาย ฉะนน้ั ลมหายใจเชา และลมหายใจออกจงชอ่ื วา กายสงั ขาร. บคุ คลยอ มตรึกตรองกอ นแลว จงึ เปลงวาจาภายหลงัฉะนน้ั วติ กวิจารจึงช่ือวาวจสี งั ขาร. สญั ญาและเวทนาเปน ของเกดิ ท่ีจิตธรรมเหลาน้ี เนื่องดว ยจติ . ฉะน้ัน สญั ญาและเวทนาจึงชื่อวาจิตตสังขาร. [๕๖๓] จิตตคฤหบดกี ลา ววา ดีละ ทา นผูเจริญ ดังนีแ้ ลว ไดถ ามปญหาย่งิ ข้นึ ไปอกี วา ขา แตทา นผเู จริญ กส็ ัญญาเวทยติ นิโรธสมาบตั ิ เกิดมไี ดอ ยา งไร. กา. ดกู อนคฤหบดี ภิกษุเม่อื จะเขาสัญญาเวทยติ นโิ รธสมาบัติไมไดค ดิ อยางน้วี า เราจักเขาสัญญาเวทยติ นโิ รธบาง เรากําลงั เขา สญั ญาเวทยติ นิโรธบา ง เราเขา สญั ญาเวทยติ นิโรธแลวบาง โดยท่ถี ูก กอนแตจะเขา ทา นไดอ บรมจติ ทจี่ ะนอมไปเพื่อความเปน อยา งน้นั . [๕๖๔] จิตตคฤหบดกี ลาววา ดีละ ทา นผเู จรญิ ดงั นี้แลวไดถามปญหาย่งิ ขนึ้ ไปอกี วา ขาแตท านผเู จริญ กเ็ มอ่ื ภกิ ษุเขา สัญญาเวทยติ -นิโรธอยู ธรรมเหลา ไหนดับกอ น คือ กายสงั ขาร วจสี งั ขาร หรอืจติ ตสงั ขารดบั กอ น. กา. ดูกอนคฤหบดี เม่ือภกิ ษเุ ขาสญั ญาเวทยติ นโิ รธอยู วจสี ังขารดับกอ น ตอจากนนั้ กายสังขารดบั ตอจากน้นั จิตตสังขารจึงดับ. [๕๖๕] จติ ตคฤหบดกี ลา ววา ดลี ะ ทานผเู จรญิ ดงั นี้แลวไดถ ามปญ หาย่ิงขนึ้ ไปอกี วา ขา แตท านผูเจรญิ คนทีต่ ายแลว ทาํ กาละแลวกับภิกษุผเู ขา สญั ญาเวทยิตนโิ รธ ท้ังสองน้ีมีความตา งกนั อยางไร.

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 150 กา. ดกู อนคฤหบดี คนทต่ี ายแลว ทาํ กาละแลว มกี ายสังขารดบั สงบ มวี จสี งั ขารดบั สงบ มจี ติ ตสงั ขารดับสงบ มอี ายสุ ิน้ ไปไออนุ สงบอนิ ทรียแตกกระจาย สวนภิกษุผูเขาสัญญาเวทยิตนโิ ร กายสงั ขารดบั สงบวจสี งั ขารดับสงบ จิตตสังขารดับสงบ ( แต ) ยังไมส นิ้ อายุ ไออุน ยงั ไมส งบอนิ ทรียผองใส ดกู อนคฤหบดี คนตายแลว ทํากาลแลว กบั ภิกษุผเู ขาสญั ญาเวทยติ นิโรธมคี วามตา งกันอยา งนี.้ วาดว ยสญั ญาเวทยติ นโิ รธสมาบตั ิ [๕๖๖] จติ ตคฤหบดกี ลาววา ดีละ ทานผูเจริญ ดงั น้แี ลว ไดถามปญหาย่งิ ข้ึนไปอีกวา ขา แตท า นผูเจรญิ กก็ ารออกจากสญั ญาเวทยิต-นิโรธสมาบตั ิ ยอมมอี ยางไร. กา. ดูกอ นคฤหบดี ภกิ ษเุ มอ่ื จะออกจากสัญญาเวทยติ นิโรธสมาบตั ิไมไดคิดอยางนี้วา เราจักออกจากสัญญาเวทยติ นิโรธสมาบตั บิ าง เรากําลงัออกจากสัญญาเวทยติ นโิ รธสมาบตั ิบา ง เราออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแลวบา ง โดยทแ่ี ท กอ นแตจะออก ทา นไดอบรมจติ ทนี่ อ มเขาไปเพ่ือความเปนอยา งนน้ั . [๕๖๗] จติ ตคฤหบดีกลาววา ดีละ ทานผเู จรญิ ดังนี้แลวไดถ ามปญ หายิ่งข้นึ ไปอกี วา ขาแตทา นผูเจรญิ ก็เมือ่ ภิกษอุ อกจากสญั ญาเวทยติ นิโรธสมาบัติ ธรรมเหลาไหนเกิดกอ น คอื กายสงั ขาร วจีสังขารหรือจิตตสังขารเกิดกอ น.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook