พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 251ชยั ชนะในขอน้ี เพราะวา เราผไู มเ บยี ดเบยี นใคร ๆ คอื ผสู ะดุงหรือผมู น่ั คงเปน ผูป ฏบิ ตั ไิ มผ ดิ ความปราโมทยย อ มเกิดแกพระอริยสาวกนน้ั เมือ่ปราโมทยแ ลว ยอ มเกิดปต ิ เม่ือมีปตใิ นใจกายยอ มสงบ เธอมกี ายสงบแลวยอมไดเสวยสุข เม่ือมีสขุ จิตยอ มตั้งมน่ั ดูกอ นนายคามณี นีแ้ ลธรรมสมาธิ ถา ทา นต้ังอยใู นธรรมสมาธนิ นั้ พงึ ไดจ ติ ตสมาธิไซร เมื่อเปน เชน นี้ทานพงึ ละความสงสัยน้ีได. [๖๖๙] ดูกอนนายคามณี พระอรยิ สาวกน้นั ผูซึ่งปราศจากอภิชฌา ปราศจากพยาบาทแลวอยา งนี้ เปน ผไู มฟ น เฟอน มสี ัมปชญั ญะมสี ตเิ ฉพาะหนา มีใจประกอบดวยเมตตาแผไ ปตลอดทิศหน่ึงอยู . . . เมื่อบุคคลทาํ เอง ใชใหผอู ืน่ ทาํ ตดั เอง ใชใ หผ ูอ ่ืนตดั เบยี ดเบียนเอง ใชใหผูอนื่ เบียดเบยี น ทําเขาใหเ ศรา โศกเอง ใชผ ูอน่ื ทําเขาใหเ ศรา โศก ทาํ เขาใหลาํ บากเอง ใชผอู น่ื ทาํ เขาใหล าํ บาก ด้นิ รนเอง ทาํ เขาใหดิน้ รน ฆา สัตวลักทรัพย ตัดทีต่ อ ปลน ไมใ หเหลือ ทําโจรกรรมในเรอื นหลงั เดยี ว ซมุ อยูท่ที างเปลย่ี ว ทําชูภรรยาเขา พูดเทจ็ ผทู าํ ชื่อวาทําบาป แมห ากผใู ดจะใชจักรมีคมโดยรอบเหมอื นมีดโกน สงั หารเหลา สัตวใ นปฐพีนี้ ใหเ ปนลานเปน กองมังสะอนั เดียวกัน บาปที่มีการทําเชน นน้ั เปน เหตยุ อ มมีแกเ รา มีบาปมาถงึ เขา แมห ากบคุ คลจะไปยังฝง ขวาแหง แมน ํา้ คงคา ฆา เองใชใหผอู ื่นฆา ตดั เอง ใชใ หผูอน่ื ตัด เบียดเบยี นเอง ใชใหผ อู ่นื เบยี ดเบยี นบาปทม่ี กี ารทาํ เชนน้นั เปนเหตุยอ มมีแกเขา มีบาปมาถึงเขา แมหากบคุ คลจะไปยงั ฝง ซา ยแหง แมน้ําคงคา ใหเอง ใชใหผอู ื่นให บชู าเอง ใชใ หผูอ่นืบชู า บญุ ท่มี กี ารทําเชน นนั้ เปนเหตุยอ มมแี กเ ขา มบี ญุ มาถงึ เขา ดว ยการ
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 252ใหทา น การทรมานอินทรีย การสํารวม การกลา วคาํ สัตย บญุ ที่มกี ารทําเชนนัน้ เปน เหตุยอ มมีแกเขา มีบุญมาถึงเขา ดังน้ี ถา ถอ ยคําของศาสดานน้ั เปน นคี้ วามจรงิ ขอที่เราสํารวมกาย สาํ รวมวาจา สาํ รวมใจ ๑ ขอ ทเี่ ราจกั เขาถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค เม่ือแตกกายตายไป ๑ ท้ังสองน้เี ปนการถอื เอาชยั ชนะในขอนี้ เพราะเราผูไมเ บยี ดเบียนใครๆ คอื ผสู ะดงุ หรอื ผูมนั่ คงเปน ผูปฏิบตั ไิ มผดิ ความปราโมทยยอ มเกิดแกพ ระอริยสาวกน้นั เม่อื เกิดปราโมทยแ ลว ยอ มเกดิ ปต ิ เมอ่ื มปี ติในใจ กายยอมสงบ เรอมีกายสงบแลว ยอ มไดเสวยสุข เมอื่ มสี ุข จิตยอ มต้ังม่ัน ดูกอนนายคามณี นีแ้ ลธรรมสมาธิ ถาทานตัง้ อยูในธรรมสมาธนิ ั้น พงึ ไดจ ิตตสมาธไิ ซร เม่อืเปนเชน น้ี ทา นพึงละความสงสยั นีไ้ ด. [๖๗๐] ดูกอ นนายคามณี พระอริยสาวกนัน้ ผูซ ่งึ ปราศจากอภชิ ฌา ปราศจากพยาบาทแลว อยา งนี้ เปน ผูไมฟ นเฟอ น มสี มั ปชัญญะมีสตเิ ฉพาะหนา มใี จประกอบดว ยกรุณาแผไปตลอดทิศหน่งึ อยู . . . มีใจประกอบดวยมุทติ าแผไ ปตลอดทิศหนึ่งอยู . . .พระอริยสาวกนนั้ ผูซ่ึงปราศ-จากอภชิ ฌา ปราศจากพยาบาทแลวอยางนี้ เปนผไู มฟ น เฟอ น มสี ัม-ปชัญญะ มสี ตเิ ฉพาะหนา มีใจประกอบดวยอุเบกขาแผไ ปตลอดทิศหนึ่งอยูทิศที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ กเ็ หมือนกัน ตามนัยน้ี ทง้ั เบอื้ งบน เบ้ืองลา งเบอ้ื งขวาง แผไ ปตลอดโลก ทั่วสตั วทุกเหลา ในทที่ ุกสถาน ดวยใจประกอบอเุ บกขาอันไพบลู ย ถึงความเปน ใหญหาประมาณมิได ไมม ีเวร ไมม ีความเบยี ดเบยี นอยู พระอรยิ สาวกน้ันยอ มพจิ ารณาเห็นดงั นวี้ า ศาสดาผูมวี าทะอยางน้ี มคี วามเห็นอยางนี้วา ทานไมม ผี ล การบูชาไมมผี ล การเซน สรวง
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 253ไมมผี ล ผลวิบากท่ีทําดีทาํ ชว่ั ไมมี โลกน้ีไมมี โลกหนา ไมม ี มารดาไมมีบิดาไมมี สตั วผผู ุดเกดิ ไมม ี สมณพราหมณผ ดู ําเนินไปดี ปฏิบตั ชิ อบกระทําโลกน้ี และโลกหนา ใหแจง ดว ยปญญาอนั ยงิ่ ดวยตนเองแลว สอนผอู นื่ ใหร ูต าม ไมมีในโลก ถาถอยคาํ ของศาสดานน้ั เปนความจรงิ ขอท่เี ราสาํ รวมกาย สาํ รวมวาจา สํารวมใจ ๑ ขอ ทีเ่ ราจักเขา ถึงสุคติโลกสวรรคเม่อื แตกกายตายไป ๑ ทัง้ สองนเี้ ปนการถอื เอาชัยชนะในขอน้ี เพราะเราผูไ มเบียดเบียนใคร ๆ คอื ผสู ะดุง หรือผูม่ันคง เปนผปู ฏิบัติไมผ ิด ความปราโมทย ยอมเกิดแกพระอริยสาวกนัน้ เมือ่ ปราโมทยแ ลว ยอมเกิดปติเมื่อมปี ต ิในใจ กายยอ มสงบ เธอมีกายสงบแลว ยอ มไดเสวยสุข เมอ่ื มสี ุขจติ ยอ มตง้ั ม่นั ดูกอ นนายคามณี น้แี ลธรรมสมาธิ ถา ทา นตง้ั อยใู นธรรมสมาธนิ น้ั พึงไดจ ติ ตสมาธไิ ซร เมอื่ เปน เชน นี้ ทา นพงึ ละความสงสัยนีไ้ ด [๖๗๑] ดกู อนนายคามณี พระอรยิ สาวกนั้น ผูซึง่ ปราศจากอภชิ ฌา ปราศจากพยาบาทแลว อยางนี้ เปนผไู มฟนเฟอน มสี มั ปชัญญะมสี ติเฉพาะหนา มีใจประกอบดวยอุเบกขาแผไ ปตลอดทิศหน่ึงอย.ู . .พระอรยิ สาวกนน้ั ยอ มพิจารณาเหน็ ดงั น้ีวา ศาสดาผูมีวาทะอยา งนี้ มีความเห็นอยางนี้วา ทานมผี ล การบูชามผี ล การเซนสรวงมผี ล ผลวบิ ากที่ทาํ ดที ําช่ัวมอี ยู โลกนีม้ ี โลกหนา มี มารดามี บิดามี สัตวผ ูผุดเกดิ ข้นึ มีสมณพราหมณผ ูดําเนนิ ไปดี ปฏิบัติชอบ กระทาํ โลกนี้ และโลกหนาใหแจงดวยปญญาอันย่ิงดวยตนเองแลว สอนผอู ่นื ใหร ูตาม มีอยูในโลกดงั น้ีถา ถอยคําของศาสดานน้ั เปน ความจรงิ ขอ ทีเ่ ราสาํ รวมกาย สํารวมวาจาสํารวมใจ ๑ ขอ ท่ีเราจักเขา ถึงสคุ ติโลกสวรรค เม่อื แตกกายตายไป ๑
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 254ทงั้ สองนี้เปนการถือเอาชยั ชนะในขอนั้น เพราะเราผไู มเ บยี ดเบยี นใครๆคือ ผูสะดงุ หรือผูม่ันคง เปนผปู ฏิบัตชิ อบ ความปราโมทยย อมเกดิ แกพระอรยิ สาวกนน้ั เมอ่ื ปราโมทยแลว ยอมเกดิ ปต ิ เม่อื มปี ต ิในใจกายยอ มสงบ เธอมีกายสงบแลว ยอ มไดเ สวยสขุ เมื่อมีสุข จิตยอมตั้งม่ันดกู อ นนายคามณี นี้แลธรรมสมาธิ ถาทานตง้ั อยใู นธรรมสมาธนิ ั้น พงึ ไดจิตตสมาธไิ ซร เมื่อเปน เชน น้ี ทา นพงึ ละความสงสยั นไี้ ด. [๖๗๒] ดกู อ นนายคามณี พระอริยสาวกนนั้ ผูซง่ึ ปราศจากอภชิ ฌา ปราศจากพยาบาทแลวอยางน้ี เปน ผไู มฟน เฟอ น มีสัมปชัญญะมีสตเิ ฉพาะหนา มใี จประกอบดว ยอเุ บกขาแผไปตลอดทิศทหี่ นึ่งอยู . . .พระอริยสาวกน้ันยอ มพจิ ารณาเหน็ ดังนว้ี า ศาสดาผูมีวาทะอยา งนี้ มคี วามเห็นอยางน้ีวา เม่ือบุคคลทําเอง ชใ้ี หผอู น่ื ทาํ ตดั เอง ใชใ หผ ูอน่ื ตดัเบยี ดเบียนเอง ใชผ อู ่ืนใหเ บยี ดเบียน ทําเขาใหเศราโศกเอง ใชผูอน่ื ทําเขาใหเ ศราโศก ทําเขาใหลาํ บากเอง ใชผ อู ่ืนทําเขาใหล าํ บาก ด้นิ รนเองทาํ เขาใหด ิน้ รน ฆา สัตว ลกั ทรพั ย ตัดท่ตี อ ปลนไมใ หเหลอื ทําโจรกรรมในเรือนหลังเดยี ว ซุมอยูท่ที างเปล่ยี ว ทาํ ชภู รรยาเขา พูดเทจ็ ผูทาํ ไมชื่อวาทําบาป แมห ากผูใ ดจะใชจักรซง่ึ มคี มโดยรอบเหมอื นมีดโกนสงั หารเหลา สตั วในปฐพี ใหเปน ลานเปนกองมงั สะอนั เดยี วกนั บาปท่มี กี ารทําเชนน้ันเปน เหตยุ อมไมม ีแตเ ขา ไมมบี าปมาถึงเขา แมห ากบคุ คลจะไปยังฝงขวาแหงแมนา้ํ คงคา ฆาเอง ใชใหผูอ นื่ ฆา ตัดเอง ใชใ หผ อู นื่ ตัดเบียดเบยี นเอง ใชผอู ่นื ใหเ บยี ดเบียน บาปทม่ี กี ารทาํ เชนนั้นเปน เหตุยอมไมม ีแกเขา ไมม บี าปมาถึงเขา แมห ากบุคคลจะไปยงั ฝง ซา ยแหง แมน ้ําคงคา
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 255ใหเอง ใชใหผูอ ่ืนให บูชาเอง ใชใหผ ูอ ืน่ บชู า บญุ ที่มีการทาํ เชนน้ันเปนเหตยุ อมไมม ีแกเขา ไมมีบุญมาถึงเขา ดว ยการใหทาน การทรมานอนิ ทรียการสาํ รวม การกลาวคาํ สตั ย บุญทมี่ กี ารทาํ เชน น้ันเปน เหตุยอ มไมม แี กเขา ไมม ีบญุ มาถึงเขา ถา ถอยคําของศาสดาผูนัน้ เปน ความจริง ขอ ที่เราสาํ รวมกาย สาํ รวมวาจา สาํ รวมใจ ๑ ขอที่เราจกั เขาถงึ สคุ ติโลกสวรรคเมื่อแตกกายตายไป ๑ ทงั้ สองนเ้ี ปน การถอื เอาชยั ชนะในขอน้ี เพราะเราไมเ บียดเบยี นใครๆ คือ ผสู ะดุงหรือผมู ่ันคง เปน ผปู ฏบิ ัติไมผิด ความปราโมทยยอ มเกดิ แกพ ระอรยิ สาวกนนั้ เมือ่ ปราโมทยแลว ยอมเกดิ ปติเมื่อมีปตใิ นใจ กายยอ มสงบ เมือ่ มกี ายสงบแลว ยอมไดเสวยสขุ เมื่อมีสขุจิตยอ มต้ังมั่น ดูกอนนายคามณี นี้แลธรรมสมาธิ ถา ทานต้งั มัน่ อยใู นธรรมสมาธินัน้ พงึ ไดจิตตสมาธิไซร เมอื่ เปนเชน นี้ ทานพงึ ละความสงสยั นไ้ี ด. [๖๗๓] ดูกอ นนายคามณี พระอรยิ สาวกน้นั ผซู งึ่ ปราศจากอภชิ ฌา ปราศจากพยาบาทแลว อยา งนี้ เปน ผูไมฟ น เฟอ น มสี มั ปชัญญะมสี ติเฉพาะหนา มใี จประกอบดว ยอุเบกขาแผไ ปตลอดทิศที่ ๑ อยู ทศิ ที่ ๒ที่ ๓ ท่ี ๔ ก็เหมอื นกันตามนยั น้ี ท้งั เบ้ืองบน เบอ้ื งลาง เบอื้ งขวาง แผไ ปตลอดโลก ท่ัวสัตวทกุ เหลาในท่ีทุกสถาน ดวยใจประกอบดวยอเุ บกขาอันไพบลู ยถึงความเปน ใหญ หาประมาณมิไดไมม ีเวรไมม ีความเบยี ดเบยี นอยูพระอรยิ สาวกนน้ั ยอ มพจิ ารณาเหน็ ดังนี้วา ศาสดาผูมีวาทะอยา งน้ี มีความเห็นอยา งนวี้ าเมอ่ื บคุ คลทาํ เองใชใหผ อู ื่นทาํ ตัดเองใชใ หผ อู ่ืนตดั เบียด-เบียนเอง ใชผ อู น่ื ใหเ บยี ดเบยี นทาํ เขาใหเ ศราโศกเอง ใชผ อู ืน่ ทําเขาใหเศรา
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 256โศก ทาํ เขาใหลําบากเองใชผูอน่ื ทําเขาใหลาํ บาก ด้นิ รนเอง ทําเขาใหด นิ้ รนฆา สัตวลกั ทรพั ย ตัดทีต่ อ ปลน ไมใ หเหลือ ทําโจรกรรมในเรือนหลังเดียวซมุ อยทู ่ีทางเปลี่ยว ทําชภู รรยาเขา พดู เทจ็ ผทู ําชือ่ วาทําบาป แมห ากผูใดจะใชจ กั รซง่ึ มีคมโดยรอบเหมอื นมีดโกน สงั หารเหลา สตั วในปฐพนี ี้ ใหเปนลานเปนกองมงั สะอันเดียวกนั บาปที่มกี ารทําเชนน้นั เปนเหตยุ อ มมีแกเ ขา มบี าปมาถงึ เขา แมห ากบุคคลจะไปยงั ฝง ขวาแหง แมนา้ํ คงคา ฆา เองใชใ หผูอื่นฆา ตดั เอง ใชใ หผูอ นื่ ตัด เบยี ดเบยี นเอง ใชผ อู นื่ ใหเบยี ดเบยี นบาปทีม่ กี ารทาํ เชน นน้ั เปน เหตยุ อมมีแกเขา มบี าปมาถึงเขา แมหากบุคคลจะไปยงั ฝง ซายแหง แมนํา้ คงคา ใหเอง ใชใ หผ ูอืน่ ให บูชาเอง ใชใ หผ อู ่นืบชู า บญุ ท่มี กี ารทําเชนน้ันเปน เหตยุ อ มมีแกเขา มีบาปมาถึงเขา ดวยการใหท าน การทรมานอินทรีย การสํารวม การกลา วคําสตั ย บุญที่มีการทําเชน นั้นเปน เหตุยอมมีแกเขา มีบญุ มาถึงเขา ดังน้ี ถา ถอ ยคาํ ของศาสดานนั้ เปน ความจริง ขอ ท่เี ราสํารวมกาย สํารวมวาจา สํารวมใจ ๑ ขอท่เี ราจักเขาถึงสคุ ติโลกสวรรค เม่ือแตกกายตายไป ๑ ทงั้ สองน้ี เปน การถอื เอาชัยชนะในขอ นี้ เพราะเราผูไมเบยี ดเบยี นใคร ๆ คือ ผสู ะดงุ หรือมัน่ คงเปนผปู ฏิบตั ิไมผิด ความปราโมทยยอมเกดิ แกพระอริยสาวกนน้ั เม่ือปราโมทยแลว ยอ มเกดิ ปต ิ เมอ่ื มีปต ิในใจ กายยอมสงบ เธอมีกายสงบแลว ยอมไดเสวยสุข เมอ่ื มีสุข จิตยอมตัง้ มน่ั ดูกอ นนายคามณี นีแ้ ลธรรมสมาธิ ถา ทานต้ังอยใู นธรรมสมาธนิ ้ัน พงึ ไดจ ิตตสมาธไิ ซร เมื่อเปน เชนน้ที า นพงึ ละความสงสยั นไ้ี ด.
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 257 เมือ่ พระผูมพี ระภาคเจาตรัสอยางนีแ้ ลว นายบานนามวาปาฏลิยะไดกราบทูลพระผมู ีพระภาคเจาวา ขา แตพ ระองคผเู จรญิ พระธรรมเทศนาของพระองคแจม แจง นัก ขาแตพระองคผูเ จริญ พระธรรมเทศนาของพระองคแจมแจง นกั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปรยิ าย ดุจหงายของทคี่ วาํ่ เปดของที่ปด บอกทางใหแกคนหลงทาง หรือสองไฟในทม่ี ืดดว ยหวงั วา คนมีจกั ษจุ ักแลเห็นรปู ฉะนั้น ขา แตพระองคผูเจริญ ขา พระองคน ขี้ อถงึ พระผมู พี ระภาคเจา กับทงั้ พระธรรมและพระ-ภิกษสุ งฆวา เปนสรณะ ขอพระผมู ีพระภาคเจา โปรดทรงจาํ ขาพระองคว าเปนอบุ าสกผูถงึ พระรตั นตรยั วา เปนสรณะ ต้ังแตวนั นเี้ ปนตน ไปจนตลอดชีวิต. จบ ปาฏลยิ สูตรท่ี ๑๓ จบ คามณิสงั ยตุ อรรถกถาปาฏลยิ สตู รที่ ๑๓ ในปาฏลิยสูตรที่ ๑๓ พึงทราบวนิ ิจฉัยดงั ตอ ไปนี.้ บทวา ทูเตยยฺ านิ แปลวา งานทตู เปน หนังสือก็มี เปนขาวสาสนจากปากกม็ .ี เพราะเหตุไร พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ทรงปรารภคาํ นว้ี าปาณาติปาตฺจาห ดงั น้ี ทรงปรารภเพ่อื แสดงความเปน พระสัพพญั ูวา เรามไิ ดร มู ายาอยา งเดยี ว แมเรอ่ื งอนื่ ๆ เรากร็ อู ยา งนี้ ๆ. ทรงปรารภคํานี้. วา สนตฺ ิ หิ คามณิ เอเก สมณพรฺ าหมฺ ณา ดังน้ี เพอ่ื ทรงแสดง
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 258ลทั ธิของสมณพราหมณท ่ีเหลือ แลวใหล ะลทั ธิน้นั เสีย. บทวา มาลี กณุ ฑฺ ลีความวา ประดบั ดอกไมดวยพวงดอกไม ใสต ุม หดู วยตุมหูทัง้ หลาย. บทวาอติ ฺถกี าเมหิ ความวา ความใครก บั หญิงท้งั หลาย ชื่ออิตถกี าม (ใหบําเรอตน ) ดว ยอติ ถีกามเหลา นัน้ . บทวา อาวสถาคาร ไดแกห องนอนท่ีทาํ ไวใ นท่ีแหง หนง่ึ ของเรือนตระกูล เพอื่ อยสู บายสําหรับคนเดียวเทานน้ั .บทวา เตนาห ยถาสตตฺ ิ ยถาพล สมฺภชามิ ความวา ขาพระองคจะแจกจา ยหอ งนอนนัน้ โดยสมควรแกสตแิ ละโดยสมควรแกกําลงั . บทวาอล แปลวา ควร. บทวา กงฺขนเิ ย าเน ไดแ กใ นเหตทุ น่ี า สงสยั ดวยบทวา จิตฺตสมาธึ ทรงแสดงวา ถา ทานตงั้ อยใู นธรรมสมาธินนั้ แลว พึงกลบั ไดจ ิตตสมาธิ ดวยอาํ นาจมรรค ๔ พรอมกับวิปส สนา.บทวา อปณณฺ กตาย มยฺห ความวา ปฏปิ ทานย้ี อ มเปน ไปอยางนี้ เพราะเราเปน ผูป ฏิบัติไมผ ิด คือไมม คี วามผดิ . บทวา กฏคฺคาโห แปลวาถอื เอาชัยชนะ. บทวา ธมฺมสมาธิ ในคําวา อย โข คามณิ ธมฺมสมธิตตรฺ เจ ตวฺ จติ ตฺ สมาธึ ปฏลิ เภยยฺ าสิ น้ี ไดแกกุศลกรรมบถ ๑๐.บทวา จิตตฺ สมาธิ ไดแกม รรค ๔ พรอมดวยวปิ ส สนา. อีกอยางหนึง่บทวา ปามุชฺช ชายติ ความวา ธรรม ๕ กลาวคือความปราโมทย ปติปส สทั ธิ สุข และสมาธทิ ี่ทา นกลาวอยา งนี้วา เมอ่ื ปราโมทยแ ลวยอมเกดิ ปติดังนี้ ชื่อ ธรรมสมาธิ. สว นมรรค ๔ พรอมดวยวิปส สนา ชอื่ จติ ตสมาธิ.อีกอยา งหนึ่ง กศุ ลกรรมบถ ๑๐ ชือ่ จิตตสมาธ.ิ ขอ วา พรหมวิหาร ๔ นี้
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 259ช่อื ธรรมสมาธิ ความท่ีจติ แนวแนซึ่งเกิดขนึ้ แกผ บู ําเพ็ญธรรมสมาธิน้นัช่ือจติ ตสมาธ.ิ บทวา เอว ตวฺ อมิ กงขฺ าธมมฺ ปชเหยฺยาสิ ความวาเมอ่ื เปน เชนนี้ ถาทา นตง้ั อยูใ นธรรมสมาธิมปี ระเภทดงั กลาวแลว น้ี พงึกลับไดจ ติ ตสมาธิอยางน้ี พงึ ละความสงสัยนี้ไดโ ดยสว นเดยี ว บทท่ีเหลือในท่ีทงั้ ปวง มนี ัยดงั กลา วแลว นั่นเทียวแล. จบ อรรถกถาปาฏลยิ สตู รท่ี ๑๓ จบ อรรถกถาคามณสิ ังยุต รวมพระสูตรท่มี ีในวรรคนี้ คอื ๑. จนั ทสูตร ๒. ตาลปุตตสตู ร ๓. โยธาชวี สตู ร ๔. หตั ถาโรหสตู ร๕. อัสสาโรหสตู ร ๖. ภมู กสูตร ๗. เทศนาสูตร ๘. อสงั ขาสตู ร๙. กุลสตู ร ๑๐. มณิจฬู สูตร ๑๑. คันธภกสตู ร ๑๒. ราสยิ สตู ร๑๓. ปาฏลิยสูตร.
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 260 ๙. อสงั ขตสังยุต วรรคท่ี ๑๑ วาดว ยอสังขตะและทางใหถงึ อสังขตะ [๖๗๔] ขาพเจาไดส ดบั มาแลวอยางนี้ สมยั หน่ึง พระผมู ีพระภาคเจา ประทับอยู ณ พระวิหารเชตวันอารามของทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรงุ สาวตั ถี ณ ท่ีน้นั แล พระผมู ีพระภาคเจาตรสั เรียกภิกษทุ ัง้ หลายวา ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย ภกิ ษุทง้ั หลายเหลา นัน้ ทูลรับพระผมู พี ระภาคเจา แลว พระผูม ีพระภาคเจา ไดตรัสวาดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย เราจะแสดงอสงั ขตะและทางท่ีจะใหถ งึ อสังขตะแกเธอทง้ั หลาย เธอท้ังหลายจงฟง ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย ก็อสงั ขตะเปนไฉน.ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย ความสนิ้ ราคะ ความสิ้นโทสะ ความสน้ิ โมหะนเี้ รียกวาอสงั ขตะ ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ทางทจ่ี ะใหถ ึงอสงั ขตะเปน ไฉน.กายคตาสติ นเ้ี รียกวาทางที่จะใหถงึ อสังขตะ ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย อสงั ขตะเราแสดงแลว แกเธอทง้ั หลาย ทางทจี่ ะใหถ ึงอสงั ชตะเราแสดงแลว แกเธอทง้ั หลาย ดงั นแี้ ล. ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย กจิ ใดอันศาสดาผูแสวงหาประโยชนเกื้อกลู ผูอนุเคราะหพ ึงกระทําแกส าวกทง้ั หลาย กจิ นั้นอนั เราอาศัยความอนเุ คราะห กระทาํ แลวแกเ ธอทง้ั หลาย ดูกอนภิกษุท้ังหลาย น่ันโคนไมนัน้ เรอื นวา ง ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย เธอทง้ั หลายจงเพง อยาประมาท อยาไดเปนผูเดอื ดรอ นในภายหลังเลย นเ้ี ปนอนุศาสนขี องเราเพอ่ื เธอทงั้ หลาย.๑. วรรคที่ ๑ - ๒ แหง อสงั ขตสังยตุ อรรถกถาแกรวม ๆ กนั .
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 261 [๖๗๕] ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย เราจะแสดงอสงั ขตะและทางท่จี ะใหถ ึงอสงั ขตะแกเ ธอทัง้ หลาย เธอทง้ั หลายจงฟง ดูกอนภกิ ษุท้ังหลายกอ็ สังขตะเปนไฉน. ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย ความสิน้ ราคะ ความสน้ิ โทสะน้ีเรยี กวาอสังขตะ ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย กท็ างที่จะใหถงึ อสังขตะเปน ไฉนสมถะและวปิ ส สนาน้เี รยี กวา ทางทจ่ี ะใหถึงอสงั ขตะ ฯลฯ [๖๗๖] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย. กท็ างทจี่ ะใหถงึ อสงั ขตะเปน ไฉน.สมาธิทมี่ ที ั้งวติ กวจิ าร สมาธทิ ไี่ มม ีวิตก มีแตว ิจาร สมาธิท่ไี มมที ้ังวิตกวจิ ารนเ้ี รียกวา ทางทีจ่ ะใหถ งึ อสังขตะ. [๖๗๗] ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย กท็ างทีจ่ ะใหถ ึงอสังขตะเปนไฉนสญุ ญตสมาธิ อนิมติ ตสมาธิ อัปปณิหติ สมาธิ น้ีเรยี กวาทางท่จี ะใหถงึอสงั ขตะ. [๖๗๘] ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย กท็ างทจี่ ะใหถงึ อสังขตะเปนไฉน.สติปฏฐาน ๔ นี้ เรียกวา ทางท่จี ะใหถึงอสงั ขตะ. [๖๗๙] ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย กท็ างทจี่ ะใหถ ึงอสังขตะเปนไฉน.สัมมปั ปธาน ๔ น้ี เรยี กวาทางทจ่ี ะใหถงึ อสังขตะ. [๖๘๐] ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย กท็ างทจ่ี ะใหถึงอสังขตะเปน ไฉน.อทิ ธบิ าท ๔ น้ี เรยี กวา ทางท่จี ะใหถึงอสังขตะ. [๖๘๑] ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย กท็ างทจี่ ะใหถึงอสังขตะเปนไฉน.อินทรีย ๕ นี้ เรียกวาทางทจี่ ะใหถึงอสังขตะ.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 262 [๖๘๒] ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ก็ทางทจ่ี ะใหถ ึงอสังขตะเปนไฉน.พละ ๕ นเ้ี รียกวา ทางท่จี ะใหถ งึ อสงั ขตะ. [๖๘๓] ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ก็ทางทจี่ ะใหถงึ อสงั ขตะเปนไฉน.โพชฌงค ๗ น้ี เรียกวา ทางที่จะใหถ ึงอสังขตะ. [๖๘๔] ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย กท็ างท่จี ะใหถ งึ อสังขตะเปน ไฉน.อริยมรรคประกอบดวยองค ๘ นี้ เรยี กวา ทางทจ่ี ะใหถึงอสังขตะ. ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย อสังขตะเราแสดงแลวแกเธอทง้ั หลาย ทางที่จะใหถงึ อสังขตะเราแสดงแลว แกเธอท้งั หลาย ดังนแี้ ล. ดูกอนภิกษุทงั้ หลายกจิ ใดอนั ศาสดาผแู สวงหาประโยชนเก้ือกลู ผอู นเุ คราะหพ ึงกระทําแกสาวกทั้งหลาย กจิ นน้ั เราอาศยั ความอนุเคราะห กระทาํ แลว แกเ ธอทั้งหลาย.ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย นั้นโคนไม นน่ั เรือนวาง. ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลายเธอทงั้ หลายจงเพง อยาประมาท อยา ไดเปน ผเู ดอื ดรอ นในภายหลงั เลยนี้เปน อนุศาสนีของเราเพ่อื เธอทงั้ หลาย. จบ วรรคที่ ๑ รวมพระสูตรทมี่ ีในวรรคนี้ คอื ๑. กายคตาสตสิ ูตร ๒. สมถวปิ ส สนาสูตร ๓. วติ กั กสูตร๔. สุญญตสตู ร ๕. สติปฏ ฐานสูตร ๖. สมั มปั ปธานสูตร ๗. อทิ ธิปาท-สูตร ๘. อินทรยี สูตร ๙. พลสตู ร ๑๐. โพชฌงคสูตร ๑๑. มรรคสูตร.
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 263 อสงั ขตสงั ยุต วรรคท่ี ๒ วา ดว ยอสงั ขตะและทางใหถงึ อสังขตะ [๖๘๕] ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย เราจักแสดงอสังขตะ และทางท่ีจะใหถ งึ อสงั ขตะแกเ ธอทัง้ หลาย เธอทัง้ หลายจงฟง . ดูกอนภิกษุทง้ั หลายกอ็ สงั ขตะเปน ไฉน. ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ความส้ินราคะ ความสิ้นโทสะความสน้ิ โมหะ น้ีเรียกวาอสังขตะ. ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย กท็ างท่จี ะใหถงึอสงั ขตะเปน ไฉน. คือสมถะ นี้เรยี กวา ทางทีจ่ ะใหถ งึ อสังขตะ. ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย อสังขตะและทางท่ีจะใหถ งึ อสงั ขตะ เราแสดงแลวแกเธอทั้งหลาย ดงั นแี้ ล. ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย กิจใดอันศาสดาพงึ แสวงหาประโยชนเกือ้ กลู ผอู นเุ คราะห พงึ ทําแกส าวกทัง้ หลาย กจิ นั้นอันเราอาศัยความอนุเคราะหท าํ แลวแกเ ธอทั้งหลาย. ดกู อนภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไมนัน่ เรอื นวาง. ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย เธอทง้ั หลายจงเพง อยา ประมาทอยาไดเปนผูเดอื ดรอนในภายหลงั เลย นเี้ ปน อนศุ าสนีของเรา เพ่ือเธอท้งั หลาย. [๖๘๖] ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย เราจักแสดงอสงั ขตะและทางทจี่ ะใหถ งึ อสงั ขตะแกเ ธอท้งั หลาย เธอทงั้ หลายจงฟง ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลายกอ็ สงั ขตะเปน ไฉน. ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ความส้ินราคะ ความสิน้ โทสะความสิ้นโมหะ น้ีเรียกอสังขตะ. ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ทางทจี่ ะใหถ งึ
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 264อสังขตะเปน ไฉน. คอื วปิ สสนาน้เี รยี กวาทางที่จะใหถึงอสงั ขตะ. ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย อสังขตะและทางทจ่ี ะใหถึงอสังขตะ เราแสดงแลว แกเ ธอทั้งหลาย ดงั นแ้ี ล ฯลฯ นีเ้ ปน อนศุ าสนีของเราเพื่อเธอทง้ั หลาย [๖๘๗] ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย กท็ างที่จะใหถ ึงอสงั ขตะเปน ไฉน.คือ สมาธมิ ที ้ังวติ กวิจาร นีเ้ รยี กวาทางทจี่ ะใหถงึ อสงั ขตะ . . . [๖๘๘] ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย กท็ างทจ่ี ะใหถ งึ อสังขตะเปน ไฉน.คือ สมาธิไมม วี ติ ก มีแตว ิจาร น้เี รียกวาทางที่จะใหถ ึงอสังขตะ. . . [๖๘๙] ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย กท็ างทจ่ี ะใหถึงอสงั ขตะเปน ไฉน.คือ สมาธิไมม ีวติ ก ไมม วี จิ าร นเ้ี รียกวา ทางทจ่ี ะใหถ ึงอสังขตะ. . . [๖๙๐] ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย ก็ทางทจี่ ะใหถ ึงอสังขตะเปนไฉน.คอื สญุ ญตสมาธิ นเ้ี รยี กวา ทางทจี่ ะใหถึงอสงั ขตะ . . . [๖๙๑] ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย ก็ทางท่ีจะใหถงึ อสงั ขตะเปน ไฉน.คอื อนมิ ิตตสมาธิ นเี้ รียกวาทางท่ีจะใหถึงอสังขตะ . . . [๖๙๒] ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย กท็ างทจ่ี ะใหถึงอสงั ขตะเปนไฉน.คอื อปั ปณิหิตสมาธิ นเ้ี รยี กวาทางทจี่ ะใหถึงอสังขตะ . . . [๖๙๓] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย กท็ างทจี่ ะใหถงึ อสังขตะเปน ไฉน.ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี เปน ผูมีความเพยี รเครอื่ งเผากิเลส มีสมั ปชัญญะ มสี ติ พิจารณาเหน็ กายในกายอยู พงึ กาํ จดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ได นเี้ รยี กวาทางท่จี ะใหถ ึงอสังขตะ . . .
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 265 [๖๙๔] ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย กท็ างทจ่ี ะใหถ ึงอสงั ขตะเปน ไฉนดูกอ นภิกษุท้ังหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวินัยน้ี เปน ผูมีความเพียรเคร่ืองเผากเิ ลส มสี มั ปชญั ญะ มีสติ พิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาท้ังหลายอยูพงึ กําจัดอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ได นี้เรียกวา ทางทจี่ ะใหถ ึงอสังขตะ. [๖๙๕] ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย กท็ างทีจ่ ะใหถงึ อสงั ขตะเปนไฉนดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี เปน ผูมคี วามเพียรเคร่อื งเผา-กเิ ลส มสี มั ปชัญญะ มีสติ พจิ ารณาเหน็ จิตในจิตอยู พงึ กําจดั อภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสียได นเ้ี รยี กวาทางทจ่ี ะใหถ งึ อสงั ขตะ. [๖๙๖] ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย กท็ างท่จี ะใหถ ึงอสงั ขตะเปน ไฉนดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี เปนผมู ีความเพียรเคร่ืองเผากเิ ลส มสี ัมปชญั ญะ มสี ติ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมท้ังหลายอยู พงึกําจัดอภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสียได น้เี รียกวาทางท่จี ะใหถ งึ อสังขตะ. [๖๙๗] ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย ก็ทางท่จี ะใหถ งึ อสังขตะเปน ไฉน.ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวินัยน้ี ยอ มยังความพอใจใหเ กดิ ขึน้พยายามปรารภความเพยี ร ประคองจิต ตั้งจติ ไว เพ่อื ยงั ธรรมอนั เปนบาปอกุศลทีย่ งั ไมเ กิด ไมใ หเ กิดข้ึน นีเ้ รยี กวา ทางทจ่ี ะใหถงึ อสังขตะ. [๖๙๘] ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ก็ทางที่จะใหถ ึงอสังขตะเปนไฉนดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภิกษุในธรรมวนิ ัยนี้ ยอมยงั ความพอใจใหเกิดข้นึพยายามปรารภความเพยี ร ประคองจติ ต้งั จติ ไว เพอ่ื ละธรรมอนั เปนบาปอกศุ ลท่ีเกดิ ขนึ้ แลว นเ้ี รยี กวา ทางทีจ่ ะใหถ งึ อสงั ขตะ. . .
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 266 [๖๙๙] ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย กท็ างทีจ่ ะใหถงึ อสังขตะเปนไฉน.ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี ยอมยังความพอใจใหเ กิดขนึ้พยายามปรารภความเพียร ประคองจิต ตง้ั จิตไวเ พ่อื ยังธรรมอันเปน กุศลท่ียังไมเ กดิ ใหเกดิ ข้ึน น้เี รียกวาทางท่จี ะใหถ งึ อสงั ขตะ. . . [๗๐๐] ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย กท็ างทจี่ ะใหถึงอสงั ขตะเปน ไฉน.ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี ยอ มยงั ความพอใจใหเ กิดขน้ึพยายาม ปรารภความเพียร ประคองจติ ตงั้ จติ ไว เพอ่ื ความตัง้ อยู ความไมเ ลอะเลอื น ความเพ่ิมพูน ความไพบลู ย ความเจริญ ความบรบิ รู ณแหงธรรมอนั เปนกุศลที่เกิดขึ้นแลว นเี้ รยี กวา ทางทจี่ ะใหถ งึ อสังขตะ. . . [๗๐๑] ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ก็ทางทจ่ี ะใหถ งึ อสังขตะเปนไฉน.ดูกอนภิกษุท้งั หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวินยั น้ี ยอมเจริญอทิ ธบิ าทอนั ประกอบดวยฉันทสมาธแิ ละปธานสังขาร นเี้ รียกวา ทางท่จี ะใหถ ึงอสงั ขตะ. . . [๗๐๒] ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย กท็ างท่ีจะใหถึงอสงั ขตะเปนไฉน.ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษุในธรรมวนิ ยั นี้ ยอ มเจริญอทิ ธิบาทอนั ประกอบดว ยวิรยิ สมาธแิ ละปธานสังขาร นเ้ี รียกวาทางที่จะใหถ งึ อสงั ขตะ. . . [๗๐๓] ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย ก็ทางทจี่ ะใหถึงอสงั ขตะเปนไฉน.ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภิกษใุ นธรรมวินยั น้ี ยอ มเจรญิ อทิ ธิบาทอนั ประกอบดวยจติ ตสมาธแิ ละปธานสังขาร นีเ้ รียกวาทางทจี่ ะใหถ ึงอสงั ขตะ. . . [๗๐๔] ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย กท็ างทจ่ี ะใหถ ึงอสังขตะเปนไฉน.ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย ภิกษใุ นธรรมวินยั นี้ ยอมเจรญิ อิทธิบาทอันประกอบดวยวิมงั สาสมาธิและปธานสงั ขาร นเ้ี รียกวา ทางทีจ่ ะใหถงึ อสังขตะ. . .
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 267 [๗๐๕] ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ก็ทางทีจ่ ะใหถ ึงอสงั ขตะเปนไฉนดูกอนภิกษทุ ัง้ หลายภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี เจริญสัทธินทรยี อนั อาศัยวเิ วกอาศัยวริ าคะ อาศยั นโิ รธ นอ มไปเพือ่ ความสละ นี้เรียกวาทางท่ีจะใหถงึอสังขตะ. . . [๗๐๖] ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ก็ทางที่จะใหถ งึ อสงั ขตะเปน ไฉน.ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ยอ มเจริญวริ ิยนิ ทรียอ นั อาศัยวิเวก อาศยั วริ าคะ อาศัยนิโรธ นอมไปเพอื่ ความสละ นเี้ รยี กวาทางที่จะใหถ ึงอสงั ขตะ. . . [๗๐๗] ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย กท็ างทีจ่ ะใหถ ึงอสงั ขตะเปน ไฉน.ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุในธรรมวินัยนี้ ยอ มเจริญสตินทรยี อันอาศยัวเิ วก อาศยั วริ าคะ อาศัยนโิ รธ นอมไปเพือ่ ความสละ นเี้ รยี กวาทางที่จะใหถงึ สงั ขตะ. . . [๗๐๘] ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ก็ทางท่จี ะใหถ ึงอสังขตะเปนไฉน.ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั น้ี ยอ มเจรญิ สมาธนิ ทรียอ นั อาศัยวิเวก อาศยั วิราคะ อาศยั นิโรธ นอ มไปเพื่อความสละ นเี้ รียกวา ทางท่ีจะใหถงึ อสงั ขตะ. . . [๗๐๙] ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย กท็ างทีจ่ ะใหถ ึงอสงั ขตะเปน ไฉน.ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ ยอ มเจริญปญ ญินทรยี อนั อาศัยวเิ วก อาศยั วริ าคะ อาศัยนโิ รธ นอมไปเพ่ือความสละ นเ้ี รียกวา ทางท่ีจะใหถ งึ อสังขตะ. . .
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 268 [๗๑๐] ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ทางทจ่ี ะใหถึงอสังขตะเปนไฉน.ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษใุ นธรรมวินยั น้ี ยอมเจริญสัทธาพละอนั อาศยัวิเวก อาศยั วริ าคะ อาศัยนโิ รธ นอมไปเพ่ือความสละ นี้เรียกทางที่จะใหถ ึงอสังขตะ. . . [๗๑๑] ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ก็ทางทัง้ จะใหถงึ อสังขตะเปนไฉน.ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั น้ี ยอ มเจรญิ วิริยพละอนั อาศยัวเิ วก อาศยั วิราคะ อาศัยนิโรธ นอมไปเพอื่ ความสละ น้เี รียกวาทางท่ีจะใหถึงอสังขตะ. . . [๗๑๒] ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย กท็ างทจ่ี ะใหถงึ อสังขตะเปน ไฉน.ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษุในธรรมวินยั นี้ ยอ มเจริญสตพิ ละอันอาศยั วเิ วกอาศยั วริ าคะ อาศยั นโิ รธ นอมไปเพอ่ื ความสละ น้เี รยี กวาทางทจ่ี ะใหถ ึงอสังขตะ. . . [๗๑๓] ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย กท็ างทจ่ี ะใหถ ึงอสังขตะเปน ไฉน.ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ยอมเจรญิ สมาธิพละอนั อาศยัวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ นอมไปเพ่อื ความสละ น้เี รียกวา ทางท่ีจะใหถ ึงอสังขตะ . . . [๗๑๔] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย กท็ างท่ีจะใหถ ึงอสงั ขตะเปน ไฉน.ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย ภกิ ษุในธรรมวินยั นี้ ยอมเจริญปญ ญาพละ อนั อาศยัวเิ วก อาศัยวริ าคะ อาศยั นิโรธ นอ มไปเพอื่ ความสละ น้เี รียกวา ทางที่จะใหถ ึงอสังขตะ. . .
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 269 [๗๑๕] ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ก็ทางทีจ่ ะใหถึงอสังขตะเปน ไฉน.ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ภิกษุในธรรมวนิ ยั น้ี ยอมเจรญิ สติสัมโพชฌงคอันอาศยั วิเวก อาศยั วิราคะ อาศยั นโิ รธ นอมไปเพอื่ ความสละ นเ้ี รียกวาทางทีจ่ ะใหถงึ อสังขตะ. . . [๗๑๖] ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษุในธรรมวนิ ยั น้ี ยอมเจรญิธรรมวจิ ัยสมั โพชฌงค. . . วริ ยิ ะสัมโพชฌงค. . . ปติสัมโพชฌงค. . .ปสสัทธ.ิสมั โพชฌงค. . . สมาธิสัมโพชฌงค. . . อุเบกขาสมั โพชฌงคอันอาศัยวิเวกอาศัยวิราคะ อาศยั นิโรธ นอมไปเพอ่ื ความสละ น้ีเรยี กวา ทางท่จี ะใหถ ึงอสงั ขตะ. . . [๗๑๗] ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย กท็ างทีจ่ ะใหถ ึงอสังขตะเปนไฉน.ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ ยอ มเจริญสมั มาทิฏฐิอนั อาศัยวิเวก อาศยั วริ าคะ อาศัยนิโรธ นอ มไปเพื่อความสละ นเี้ รยี กวาทางที่จะใหถ ึงอสังขตะ. . . [๗๑๘] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย ก็ทางทจี่ ะใหถ ึงอสงั ขตะเปนไฉน.ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ภิกษุในธรรมวินยั น้ี ยอมเจรญิ สัมมาสงั กปั ปะ. . .สัมมาวาจา . . .สมั มากัมมนั ตะ. . . สมั มาอาชวี ะ. . . สัมมาวายามะ. . .สมั มาสติอนั อาศยั วเิ วก อาศัยวริ าคะ อาศยั นิโรธ นอ มไปเพื่อความสละนีเ้ รียกวาทางที่จะใหถึงอสังขตะ . . . [๗๑๙] ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย ก็ทางที่จะใหถ งึ อสงั ขตะเปนไฉน.ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ยอมเจรญิ สัมมาสมาธอิ ันอาศัยวเิ วก อาศยั วริ าคะ อาศยั นิโรธ นอมไปเพื่อความสละ น้ีเรียกวา ทางที่
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 270จะใหถ งึ อสงั ขตะ ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย อสงั ขตะและทางที่จะใหถ ึงอสงั ขตะเราแสดงแลวแกเธอทั้งหลาย ดงั น้ีแล. ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย กิจใดอนัศาสดาผแู สวงหาประโยชนเ กอื้ กลู ผอู นเุ คราะห พงึ กระทาํ แลว แกส าวกทั้งหลาย กจิ น้นั อันเราอาศยั ความอนุเคราะห กระทาํ แลว แตเ ธอท้งั หลาย.ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย นัน่ โคนไม น่ันเรอื นวาง ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย เธอทง้ั หลายจงเพง อยา ประมาท อยาไดเปน ผูมีความเดอื ดรอนในภายหลังเลยนีเ้ ปนอนุศาสนีของเราเพือ่ เธอทง้ั หลาย. [๗๒๐] ดกู อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงทส่ี ุดและทางทจี่ ะใหถึงท่ีสดุ แกเ ธอทงั้ หลาย เธอทัง้ หลายจงพงึ ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย กท็ ่ีสดุเปนไฉน ฯลฯ. [๗๒๑] ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย เราจกั แสดงธรรมอนั หาอาสวะมไิ ดและทางทจ่ี ะใหถ งึ ธรรมอนั หาอาสวะมิไดแกเ ธอทง้ั หลาย เธอท้งั หลายจงฟงดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย กธ็ รรมอนั หาอาสวะมไิ ดเปน ไฉน ฯลฯ. [๗๒๒] ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมท่ีจรงิ แท และทางทจี่ ะถึงธรรมท่จี ริงแทแ กเธอท้งั หลาย เธอทั้งหลายจงฟง. ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย กธ็ รรมทจี่ รงิ แทเปน ไฉน ฯลฯ. [๗๒๓] ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย เราจักแสดงธรรมอันเปน ฝง และทางทจี่ ะใหถงึ ธรรมอนั เปนฝงแกเธอทง้ั หลาย เธอท้งั หลายจงฟง ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย กธ็ รรมอันเปนฝง เปน ไฉน ฯลฯ.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 271 [๗๒๔] ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมอันละเอียด และทางทจี่ ะใหถงึ ธรรมอนั ละเอียดแกเ ธอทั้งหลาย เธอท้งั หลายจงฟง . ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย กธ็ รรมอันละเอียดเปนไฉน ฯลฯ [๗๒๕] ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย เราจักแสดงธรรมอนั เหน็ ไดแ สนยากและทางที่จะใหถึงธรรมอันเห็นไดแสนยากแกเธอท้งั หลาย เธอทง้ั หลายจงฟง ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็ธรรมอนั เห็นไดแ สนยากเปน ไฉน ฯลฯ. [๗๒๖] ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย เราจักแสดงธรรมอันไมค รํ่าคราและทางท่ีจะใหถงึ ธรรมอันไมค ร่าํ ครา แกเธอทงั้ หลาย เธอทง้ั หลายจงฟง .ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ก็ธรรมอันไมค รา่ํ ครา เปน ไฉน ฯลฯ [๗๒๗] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมอันยงั่ ยนื และทางท่ีจะใหถงึ ธรรมอันยั่งยืนแกเธอทั้งหลาย เธอทัง้ หลายจงฟง . ดกู อนภิกษุท้งั หลาย กธ็ รรมอนั ยัง่ ยนื เปนไฉน ฯลฯ. [๗๒๘] ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมอันไมทรุดโทรมและทางท่ีจะใหถ งึ ธรรมอันไมท รดุ โทรมแกเ ธอท้งั หลาย เธอทงั้ หลายจงฟง.ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ก็ธรรมอนั ไมท รุดโทรมเปน ไฉน ฯลฯ. [๗๒๙] ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมอนั ใคร ๆ ไมพ งึเหน็ ดว ยจกั ษุวิญญาณ และทางท่ีจะใหถงึ ธรรมอนั ใคร ๆ ไมพึงเห็นดวยจักษุวญิ ญาณแกเ ธอท้ังหลาย เธอทงั้ หลายจงฟง . ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลายธรรมอันใคร ๆ ไมพ ึงเห็นดว ยจกั ษวุ ญิ ญาณเปน ไฉน ฯลฯ.
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 272 [๗๓๐] ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราจักแสดงธรรมอันไมม ีกิเลสเครอ่ื งใหเนนิ่ ชา และทางท่จี ะใหถ ึงธรรมอนั ไมมกี เิ ลสเคร่ืองใหเนิ่นชาแกเธอท้ังหลาย เธอทง้ั หลายจงฟง. ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็ธรรมอันไมม ีกิเลสเครื่องใหเนิน่ ชาเปน ไฉน ฯลฯ. [๗๓๑] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย เราจักแสดงธรรมอนั สงบ และทางทจี่ ะใหถ งึ ธรรมอันสงบแกเ ธอท้ังหลาย เธอทงั้ หลายจงฟง. ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย กธ็ รรมอนั สงบเปนไฉน ฯลฯ. [๗๓๒] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมอันไมตาย และทางทจี่ ะใหถงึ ธรรมอนั ไมตายแกเธอทัง้ หลาย เธอทัง้ หลายจงฟง. ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ก็ธรรมอนั ไมตายเปนไฉน ฯลฯ. [๗๓๓] ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย เราจักแสดงธรรมอนั ประณีต และทางทีจ่ ะใหถ งึ ธรรมอนั ประณีตแกเ ธอท้ังหลาย เธอทง้ั หลายจงฟง . ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมอันประณีตเปนไฉน ฯลฯ. [๗๓๔] ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย เราจักแสดงธรรมอันเยอื กเย็น และทางที่จะใหถงึ ธรรมอนั เยือกเยน็ แกเธอท้งั หลาย เธอท้ังหลายจงฟง . ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย กธ็ รรมอันเยือกเยน็ เปนไฉน ฯลฯ. [๗๓๕] ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เราจกั แสดงธรรมอนั ปลอดภยั และทางทจ่ี ะใหถ ึงธรรมอันปลอดภยั แกเธอทัง้ หลาย เธอทง้ั หลายจงฟง. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ก็ธรรมอนั ปลอดภยั เปน ไฉน ฯลฯ.
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 273 [๗๓๖] ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย เราจกั แสดงธรรมเปน ทสี่ น้ิ ตัณหาและทางทีจ่ ะใหถงึ ธรรมเปนทสี่ น้ิ ตณั หาแกเ ธอทั้งหลาย เธอทัง้ หลายจงฟง .ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย กธ็ รรมเปนที่สนิ้ ตณั หาเปน ไฉน ฯลฯ. [๗๓๗] ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย เราจักแสดงธรรมอนั อศั จรรย และทางทจ่ี ะใหถ ึงธรรมอันอศั จรรยแ กเธอทั้งหลาย เธอท้ังหลายจงฟง. ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ก็ธรรมอันอศั จรรยเปน ไฉน ฯลฯ. [๗๓๘] ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย เราจักแสดงธรรมอนั ไมเคยมีเคยเปน และทางที่จะใหถึงธรรมอนั ไมเ คยมเี คยเปน แกเ ธอทง้ั หลาย เธอทง้ั หลายจงฟง . ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย กธ็ รรมอนั ไมเ คยมีเคยเปน เปน ไฉนฯลฯ. [๗๓๙] ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย เราจักแสดงความไมมีทุกข และทางทจี่ ะใหถงึ ความไมม ที กุ ขแกเธอทง้ั หลาย เธอทั้งหลายจงฟง . ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ก็ความไมมีทุกขเปน ไฉน ฯลฯ. [๗๔๐] ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย เราจักแสดงธรรมอนั หาทุกขม ิไดสละทางทจี่ ะใหถงึ ธรรมอนั หาทกุ ขม ิไดแ กเ ธอทั้งหลาย เธอท้ังหลายจงฟง.ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย กธ็ รรมอันหาทกุ ขม ไิ ดเปนไฉน ฯลฯ. [๗๔๑] ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย เราจักแสดงนพิ พาน และทางทีจ่ ะใหถึงนพิ พานแกเธอทงั้ หลาย เธอทัง้ หลายจงฟง . ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลายกน็ พิ พานเปน ไฉน ฯลฯ.
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 274 [๗๔๒] ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมอันหาความเบยี ดเบียนมิได และทางทจ่ี ะไหถ ึงธรรมอนั หาความเบยี ดเบยี นมไิ ดแกเธอทง้ั หลาย เธอทัง้ หลายจงฟง. ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย ก็ธรรมอนั หาความเบียดเบียนมิไดเปน ไฉน ฯลฯ. [๗๔๓] ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย เราจักแสดงธรรมอนั ปราศจากความกําหนัด และทางทีจ่ ะใหถ ึงธรรมอนั ปราศจากความกาํ หนดั แกเธอท้ังหลาย เธอทง้ั หลายจงฟง . ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็ธรรมอันปราศจากความกาํ หนดั เปนไฉน ฯลฯ. [๗๔๔] ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย เราจกั แสดงความบรสิ ุทธิ์ และทางท่จี ะใหถงึ ความบรสิ ุทธ์แิ กเ ธอท้ังหลาย เธอทงั้ หลายจงฟง ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ก็ความบริสทุ ธเ์ิ ปน ไฉน ฯลฯ. [๗๔๕] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราจกั แสดงความพน และทางที่จะใหถึงความพนแกเธอทงั้ หลาย เธอทง้ั หลายจงฟง . ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลายก็ความพน เปน ไฉน ฯลฯ. [๗๔๖] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมอนั หาความอาลยัมไิ ด และทางที่จะใหถ ึงธรรมอนั หาความอาลยั มไิ ดแ กเธอทงั้ หลาย เธอทงั้ หลายจงฟง ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ก็ธรรมอนั หาความอาลัยมิไดเปน ไฉนฯลฯ. [๗๔๗] ดกู อนภิกษุท้งั หลาย เราจะแสดงท่ีพ่ึง และทางทจี่ ะใหทางท่พี งึ่ แกเธอท้งั หลาย เธอทงั้ หลายจงฟง . ดกู อนภิกษุทั้งหลาย ก็ท่พี ึ่งเปน ไฉน ฯลฯ.
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 275 [๗๔๘] ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย เราจักแสดงท่ีเรน และทางท่ีจะใหถึงท่ีเรนแกเธอท้งั หลาย เธอทัง้ หลายจงฟง . ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ก็ท่ีเรน เปน ไฉน ฯลฯ. [๗๔๙] ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย เราจกั แสดงท่ตี านทาน และทางที่จะใหถ งึ ทีต่ า นทานแกเธอทัง้ หลาย เธอท้ังหลายจงฟง. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็ตา นทานเปนไฉน ฯลฯ. [๗๕๐] ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย เราจักแสดงสรณะ และทางที่จะใหถงึ สรณะแกเ ธอท้งั หลาย เธอทง้ั หลายจงฟง. ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ก็สรณะเปน ไฉน ฯลฯ. [๘๕๑] ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย เราจักแสดงธรรมเปน ที่ไปในเบือ้ งหนา และทางทีจ่ ะใหถึงธรรมเปน ท่ีไปในเบื้องหนาแกเ ธอท้ังหลายเธอทัง้ หลายจงฟง. ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย กธ็ รรมเปน ทไี่ ปในเบือ้ งหนาเปน ไฉน. ความสิ้นราคะ ความสน้ิ โทสะ ความสนิ้ โมหะ นีเ้ รยี กวาธรรมเปน ทไ่ี ปในเบือ้ งหนา . ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย กท็ างที่จะใหถึงธรรมเปน ที่ไปในเบ้อื งหนา เปนไฉน. ทางทีจ่ ะใหถ งึ ธรรมเปน ทไ่ี ปในเบอ้ื งหนาคือ กายคตาสติ นี้เรียกวา ทางทีจ่ ะใหถ ึงธรรมเปนท่ีไปในเบ้ืองหนา.ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย ธรรมเปน ทไี่ ปในเบื้องหนา และทางทจ่ี ะใหถึงธรรมเปนทไ่ี ปในเบื้องหนา เราแสดงแลวแกเ ธอทั้งหลาย ดงั นแ้ี ล. ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย กิจใดอนั ศาสดาผแู สวงหาประโยชนเ ก้ือแลผูอนเุ คราะห พงึ ทาํแกสาวกทั้งหลาย กจิ น้ันอันเราอาศยั ความอนุเคราะห ทาํ แลว แกเ ธอ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 276ท้งั หลาย. ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย น่ันโคนไม นั่นเรือนวา ง. ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเพง อยาประมาท อยา ไดเปน ผูมีความเดือดรอ นในภายหลงั เลย นเี้ ปนอนศุ าสนขี องเราเพ่ือเธอทงั้ หลาย ( พึงขยายความใหพสิ ดารเหมอื นอยางอสงั ขตะ) จบ วรรคท่ี ๒ อรรถกถาอสังขตสงั ยุต อรรถกถาวรรคท่ี ๑ และที่ ๒ บทวา อส ขต ไดแกอนั ปจ จัยไมกระทําแลว. บทวา หเิ ตสนิ าแปลวา ผูแสวงหาประโยชนเ กื้อกูล. บทวา อนุกมฺปเกน แปลวาอนุเคราะหอ ยู. บทวา อนกุ มปฺ อุปาทาย ความวา กาํ หนดดวยจติคดิ ชวยเหลือ ทา นอธบิ ายวา อาศยั ดงั น้ีก็มี. บทวา กต โว ต มยาความวา ศาสดาเม่อื แสดงอสังขตะและทางแหงอสังขตะน้ี ช่ือวา ทาํ กจิแกเ ธอทั้งหลายแลว กจิ คอื การแสดงธรรมไมว ปิ รติ ของศาสดาผอู นุเคราะหก็เพยี งน้ีเทา นั้น สว นการปฏบิ ตั ิตอจากนี้ เปนกจิ ของสาวกทัง้ หลาย. ดวยเหตุน้นั พระผมู ีพระภาคเจาจึงตรสั วา เอตานิ ภกิ ขฺ เว รกุ ฺขมูลานิฯเปฯ อมหฺ าก อนสุ าสนี ดงั น้ี ดวยบทน้ี ทรงแสดงเสนาสนะคอืโคนไม. ดว ยบทวา สุ ฺาคารานิ นี้ ทรงแสดงสถานทท่ี สี่ งัดจากชนและดว ยบทท้งั สองทรงบอกเสนาสนะทเี่ หมาะแกก ารบาํ เพญ็ เพยี รทางกายและใจ ชื่อวา ทรงมอบ มรดกให. บทวา ฌายถ ความวา จงเขาไปเพง
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 277อารมณ ๓๘ ดว ยอารัมมณปู นิชฌาน และเพงขนั ธและอายตนะเปน ตนดวยลักขณปู นชิ ฌาน โดยเปน อนจิ จลักษณะเปน ตน ทานอธบิ ายวาจงเจริญทง้ั สมถะและวิปสสนา. บทวา มา ปมาทตถฺ แปลวา อยาประมาท. บทวา มา ปจฉฺ า วปิ ฺปฏิสารโิ น อหวุ ตถฺ แปลวา ชนเหลาใดเมอ่ื กอ น เวลาเปนหนุม ไมม ีโรคสมบรู ณดว ยความสบาย ๗ อยา งเปนตน ท้งั ศาสดาก็อยูพรอ มหนา ละเวนโยนิโสมนสกิ ารเสีย เสวยสขุในการหลบั นอน ทําตวั เปน อาหารของเรือดทัง้ คืนทง้ั วนั ประมาทอยู ชนเหลาน้ัน ภายหลัง เวลาชรา มโี รค ตาย วิบัติ ทั้งศาสดากป็ รินพิ พานแลว น้กี ถ็ งึ การอยูอยา งประมาทกอ น ๆ นั้น และพจิ ารณาเห็นความตายท่ีมีปฏิสนธิวาเปน เร่ืองหนัก ยอมเดอื ดรอ น แตเ ธอทงั้ หลายอยาไดเปน เชน น้ันพระผูม พี ระภาคเจาเมอ่ื ทรงแสดงดังน้ี จงึ ตรัสวา มา ปจฺฉา วปิ ฺปฏิสารโิ นอหวุ ตฺก ดังน.ี้ บทวา อย โว อมหฺ าก อนสุ าสนี มีอธิบายวานเี้ ปนอนศุ าสนีคือโอวาทแตส ํานักของเราเพือ่ เธอทั้งหลายวา ฌายถ มาปมาทตถฺ จงเพง อยา ประมาท ดงั น้.ี บทท่ีควรจะกลา ว ในบทวา กาเย กายานปุ สสฺ ี ดงั น้ี เปนตน นนั้ขาพเจา จกั กลา วขา งหนา . ในบทวา อนตฺ เปนตน มวี ินจิ ฉยั ดงั ตอไปน้ีชอื่ วา อันตะ เพราะไมมีความยินดีดวยอาํ นาจตณั หา ช่อื วา อนาสวะเพราะไมม ีอาสวะ ๔ ช่อื วา สัจจะ เพราะเปน ปรมตั ถสจั จะ ชือ่ วา ปาระเพราะอรรถวาเปนสว นนอกจากวฏั ฏะ คือฝง โนนหมายถึงววิ ัฏฏะ ช่ือวานปิ ณุ ะ เพราะอรรถวาละเอยี ด ช่ือวา สุททุ ทสะ เพราะเปนธรรมท่เี ห็นไดแสนยาก ชื่อวา อชชั ชระ เพราะไมค ร่ําคราดวยชรา ชอื่ วา ธวุ ะ
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 278เพราะอรรถวา ม่ันคง. ช่ือวา อปโลกนิ ะ เพราะเปนธรรมไมบ บุ สลายชอ่ื วา อทสั สนะ เพราะใครๆ ไมพงึ เห็นไดดวยจักษวุ ญิ ญาณ ชอ่ื วานิปปปญจะ เพราะไมม กี เิ ลสเคร่อื งเนิ่นชา คอื ตณั หามานะและทิฏฐิ ชอ่ื วาสนั ตะ เพราะอรรถวา เปนสภาวะ ชอ่ื วา อมตะ เพราะไมมีความตายชอ่ื วา ประณตี เพราะอรรถวา สูงสุด ช่ือวา สิวะ เพราะอรรถวามีความเยือกเย็น ช่อื วา เขมะ เพราะปราศจากอันตราย ชือ่ วา ตัณหักขยะเพราะเปน ปจ จยั ใหสิน้ ตณั หา ชือ่ วา อัจฉรยิ ะ เพราะควรปรบมอื ใหเพราะอรรถวา ตง้ั มนั่ มาแตส มาธิ เรื่องทไี่ มเ คยมเี คยเปนนัน้ แหละ ช่อื วาอัพภูตะ ควรจะกลาววา ไมเ กิดแลว มีอยู ชื่อวา อนตี ิกะ เพราะปราศจากทกุ ข ชอ่ื วา อนตี ิกธรรมะ เพราะเปน ธรรมปราศจากทุกขเปน สภาวะ ชอ่ื วา นิพพาน เพราะไมมตี ัณหาเครอ่ื งรอยรดั ชื่อวาอัพยาปช ฌะ เพราะไมม คี วามเบียดเบยี น ชือ่ วา วริ าคะ โดยเปนปจจัยแกก ารบรรลุธรรมเครอ่ื งคลายกําหนัด ชอ่ื วา สุทธิ เพราะเปนธรรมบรสิ ุทธ์โิ ดยปรมตั ถ ชือ่ วา มตุ ติ เพราะเปนธรรมพนจากภพ ๓ ชอื่ วาอนาลยะ. เพราะไมม ีอาลัย ช่ือวา ทปี ะ เพราะอรรถวา เปนทีพ่ ่งึ ชื่อวาเลณะ เพราะอรรถวา ควรท่จี ะพกั ช่ือวา ตาณะ เพราะอรรถวา เปน ที่ตานทาน ชือ่ วา สรณะ เพราะอรรถวากําจดั ภยั อธิบายวา ทาํ ภยั ใหพนิ าศ. ช่ือวา ปรายนะ เพราะเปน ดาํ เนนิ ไป เปน ทไ่ี ป เปน ท่ีพงึ่อาศัยเบื้องหนา. บทท่ีเหลอื ในที่นี้ มีนยั ดังกลา วแลวน้นั เอง ดังนแี้ ล. จบ อรรถกถาอสังขตสังยตุ
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 279 รวมพระสตู รทม่ี ใี นวรรคนี้ คอื ๑. อสงั ขตสูตร ๒. อนั ตสตู ร ๓. อนาสวสตู ร ๔. สัจจสตู ร๕. ปารสูตร ๖. นปิ นุ สตู ร ๗. สุททุ ฺทสสูตร ๘. อชัชชรสตู ร ๙. ธวุ สตู ร๑๐. อปโลกนิ สตู ร ๑๑. อนิทสั สนสตู ร ๑๒. นปิ ปปญจสูตร ๑๓. สนั ตสูตร๑๔. อมสูตร ๑๕. ปณีตสตู ร ๑๖. สิวสูตร ๑๗. เขมสูตร ๑๘. ตัณหกั -ขยสตู ร ๑๙. อจั ฉรยิ สตู ร ๒๐. อพั ภตุ สตู ร ๒๑. อนตี กิ สตู ร ๒๒. อนตี กิ -ธรรมสูตร ๒๓. นิพพานสตู ร ๒๔. อัพยาปช ฌสตู ร ๒๕. วิราคสูตร๒๖. สทุ ธสิ ตู ร ๒๗. มตุ ติสูตร ๒๘. อนาลยสูตร ๒๙. ทีปสตู ร๓๐. เลณสตู ร ๓๑. ตาณสตู ร ๓๒. สรณสตู ร ๓๓. ปรายนสูตร. จบ อสังขตสังยุต
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 280 ๑๐. อัพยากตสังยุต ๑. เขมาเถรีสูตร วาดว ยพระเขมาเถรพี ยากรณปญหา [๗๕๒] สมัยหน่งึ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระวิหารเชตวนั อารามของทานอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ก็สมยั นัน้ แลพระเขมาภิกษณุ เี มือ่ เทีย่ วจาริกไปในแควนโกศล เขา อยู ณ ทโ่ี ตรณวัตถ๑ุ ในระหวางกรงุ สาวตั ถีกับเมืองสาเกต ครงั้ น้นั พระเจา ปเสนทโิ กศลเสด็จออกจากเมอื งสาเกตจะไปยงั กรงุ สาวัตถี ประทับแรม ๑ ราตรที ่ีโตรณวตั ถุ ระหวา งกรุงสาวัตถีกับเมอื งสาเกต คร้งั นนั้ แล พระเจาปเสนทิ-โกศลตรัสเรียกราชบรุ ษุ คนหนงึ่ มาตรัสวา ดูกอนบรุ ุษผเู จรญิ ทานจงไปดูใหร ูวา ณ ท่ีโตรณวตั ถมุ สี มณะหรอื พราหมณซ ่งึ สมควรทเ่ี ราจะพึงเขาไปหาณ วนั นหี้ รอื ไม ราชบุรุษนน้ั ทูลรบั พระดํารัสของพระเจาปเสนทโิ กศลแลวเท่ยี วไปยังโตรณวตั ถุจนทั่ว ก็ไมไ ดพ บเห็นสมณะหรอื พราหมณซ ง่ึ สมควรท่ีพระเจา ปเสนทิโกศลจะพึงเสด็จเขาไปหา. [๗๕๓] ราชบรุ ษุ น้ันไดพบพระเขมาภกิ ษณุ ี ซง่ึ เขาอาศยั อยูทีโ่ ตรณวตั ถุ คร้ันพบแลว ไดเขาไปเฝา พระเจาปเสนทิโกศลถงึ ทป่ี ระทับคร้ันแลวไดกราบทลู พระเจา ปเสนทิโกศลวา พระพทุ ธเจา ขา ทโ่ี ตรณวัตถุไมม สี มณะหรือพราหมณซ ง่ึ สมควรท่ีพระองคจ ะพงึ เสดจ็ เขาไปหาเลย มี๑. โตรณแปลวาเสาคาย หรือเสาระเนยี ด ณ ทนี่ ีเ้ ขา ใจวา เปน คา ย
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 288 อรรถกถาอัพยากตสงั ยตุ อรรถกถาเขามาเถรีสตู รท่ี ๑ อัพยากตสังยุต สตู รที่ ๑ พึงทราบวนิ ิจฉยั ดงั ตอไปนี.้ บทวา เขมา ไดแกอ ุบาสกิ าของพระเจา พมิ พสิ าร เวลาเปน คฤหสั ถเปน คนมศี รัทธา บวชแลว เปนพระมหาเถรี ท่ีพระผูมพี ระภาคเจาทรงตงั้ ไวในเอตทัคคะทางมีปญ ญามาก โดยพระพุทธพจนอยา งนว้ี า ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย บรรดาภิกษุณสี าวิกาของเราผูม ปี ญญามาก ภกิ ษณุ ีเขมาเปน ยอดบทวา ปณฺฑิตา ไดแกประกอบดวยความเปน บัณฑติ . บทวา พยฺ ตตฺ าไดแ กประกอบดวยความเปนผูเฉยี บแหลมบทวา เมธาวนิ ี ไดแ กป ระกอบดวยปญญาเคร่อื งกาํ จัดกิเลส. บทวา พหสุ ฺสุตา ไดแกป ระกอบดว ยความเปนพหสู ูต ทั้งทางปริยัตติ ทงั้ ทางปฏิเวธ. บทวา คณโก ไดแกเ ปน ผูฉลาดคาํ นวณส่งิ ที่ไมแยกกนั ( นับประมวล). บทวา มุททฺ โิ ก ไดแ กเปนผูฉลาดคํานวณดว ยแหวนมีอยทู ่ีนิ้วมือ (นับประเมนิ ). บทวา ส ขายโก ไดแกเปนผูฉ ลาดคํานวณส่ิงที่เปน กอน (นบั ประมาณ ) บทวา คมฺภีโร ไดแกลึกแปดหมื่นสีพ่ ันโยชน.บทวา อปปฺ เมยโฺ ย ไดแ กประมาณโดยคาํ นวณเปน อาฬหกะไมไ ด. บทวาทุปปฺ รโยคาโห ไดแกหย่ังลงเพอื่ ถือเอาประมาณโดยคํานวณเปนอาฬหกะไดยาก. บทวา เยน รเู ปน ตถาคต ความวา พงึ บญั ญตั ติ ถาคตกลา วคือสัตวว า สูง ต่าํ ดาํ ขาว ดังนี้ ดว ยรูปใด. บทวา ต รปู ตถา-
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 289คตสสฺ ปหีน ความวา รปู มปี ระการยังกลา วแลว พระตถาคตผูสพั พัญูละไดแลว ดวยการละตัณหา. บทวา รปู ส ขยา วมิ ุตฺโตห ความวา พนจากการรบั รองวาเปน รูปตอไป โดยสว นแหงรปู และอรปู บา ง จากการบัญญัตวิ ารูป เพราะระงับแมโ วหารวา จกั มถี ึงปานนี้ ดงั นบ้ี าง. บทวา คมภฺ ีโรไดแกล กึ เพราะความลกึ ทางอัธยาศัยดว ย เพราะความลกึ ทางคุณธรรมดวยอธิบายวา เม่อื พระตถาคตผูล กึ ทางคุณธรรมน้นั มีอยูอ ยา งน้ี. คาํ วา เบ้ืองหนาแตตายแลว ตถาคตกลา วคือสัตวน้ี ยอ มมี น้ี ยอมไมเหมาะ ยอมไมควร แมคําวา เบอื้ งหนา แตต ายแลว ตถาคตยอมไมมี เปนตน ยอมไมเ หมาะยอมไมควร แกพระตถาคตผสู พั พญั ู ผทู รงเหน็ ความไมมีแหงบัญญตั นิ นั้ เพราะไมม ขี อ ทเ่ี ปน เหตุใหมบี ัญญตั วิ า ตถาคตกลา วคือสตั วเปนตน . บทวา ส สนทฺ สิ ฺสติ ไดแกจักมีอยางน้.ี บทวา สเมสฺสติไดแกจ ักมีติดตอ . บทวา น วหิ ายสิ ฺสติ ไดแ กจ ักไมม ีศพั ททีผ่ ดิ พลาด.เทศนาวา อคฺคปทสฺมึ ในทน่ี ี้ ทรงประสงคบททีส่ ําคญั . แตบ ทน้ีตรสั โดยอธิการแหงอพั ยากตธรรม ซ่ึงกลา วไวพ ิสดารแลว ในขันธยิ วรรคท่ี ๒ นั่นแล. จบ อรรถกถาเขมาเถรสี ตู รท่ี ๑
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 290 ๒. อนรุ าธสตู ร๑ วาดวยพระอนรุ าธะพยากรณป ญหา [๗๖๒] ขาพเจา ไดส ดับมาแลวอยางนี้ สมัยหนงึ่ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ กฏู าคารศาลา ในปามหาวนั ใกลกรงุ เวสาลี ก็สมัยนนั้ แล ทา นพระอนุราธะก็อยใู นกฏุ ีในปาทไ่ี มไ กลพระผมู ีพระภาคเจา ครง้ั นั้นแล พวกปริพาชกผูถือลัทธอิ ื่นเปนอนั มาก เขา ไปหาทา นพระอนรุ าธะถึงทอี่ ยู ไดป ราศรยั กับทานพระอนรุ าธะคร้นั ผานการปราศรยั พอใหระลกึ ถงึ กันไปแลวจงึ น่งั ณ ที่ควรสว นขางหนึง่ครัน้ แลว ไดถามทา นพระอนรุ าธะวา ดูกอ นทา นอนุราธะพระตถาคตผูเปนอุดมบุรษุ ผูเปนบรมบุรษุ ทรงบรรลถุ งึ ธรรมอันควรบรรลอุ ยา งยอดเย่ียมแลว เมอื่ จะทรงบัญญัตขิ อ น้นั ยอ มทรงบัญญัตใิ นฐานะท้งั ๔ นี้ คอืสัตวเบอ้ื งหนา แตต ายแลว ยอ มเกดิ อกี สตั วเบ้อื งหนา แตต ายแลวยอมไมเ กิดอีก สตั วเ บ้อื งหนาแตต ายแลวยอ มเกิดอกี ก็มี ไมเกิดอกี ก็มี หรือวาสตั วเบอื้ งหนา แตต ายแลว ยอ มเกดิ อีกก็หามไิ ด ยอ มไมเ กิดอีกกห็ ามไิ ด ทานพระอนรุ าธะตอบวา ดกู อนทา นทง้ั หลาย พระตถาคตผูเปนอุดมบุรษุ ผูเปน บรมบุรษุ ทรงบรรลุถึงธรรมอนั ควรบรรลุอยางยอดเย่ยี มแลว เมือ่จะทรงบญั ญตั ิขอนน้ั ยอ มทรงบัญญัตนิ อกจากฐานะทัง้ ๔ น้ี คือ สตั วเบอ้ื งหนา แตต ายแลว ยอ มเกิดอกี สตั วเ บอ้ื งหนา แตตายแลว ยอ มไมเ กดิ อีกสัตวเบ้ืองหนา แตตายแลว ยอ มเกดิ อีกก็มี ไมเกิดอีกกม็ ี หรอื วาสตั วเ บ้ืองหนาแตตายแลวยอ มเกดิ อกี ก็หามิได ยอ มไมเกดิ อกี กห็ ามิได.๑. อนุราธสูตรที่ ๒ ไมมอี รรถกถาแก.
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 291 [๗๖๓] เมือ่ ทา นพระอนุราธะกลาวอยางน้แี ลว พวกปริพาชกผูถ ือลทั ธอิ ื่นเหลาน้ันไดก ลา วกะทา นพระอนุราธะวา กภ็ ิกษรุ ูปนีช้ ะรอยจกั เปนภกิ ษใุ หม บวชแลว ไมนาน หรอื เปน พระเถระแตห ากเปนพระเขลา ไมฉลาด ครง้ั น้ันแล พวกปริพาชกผูถ อื ลทั ธอิ ื่นเหลา นนั้ ไดรกุ รานทา นพระอนุราธะดว ยวาทะวา เปนภิกษใุ หมและดว ยวาทะวา เปน พระเขลา แลวไดพ ากันลกุ ข้นึ จากอาสนะหลกี ไป เมอื่ พวกปรพิ าชกผถู ือลัทธิอื่นเหลานนั้หลกี ไปแลว ไมนาน ทา นพระอนุราธะไดม ีความคดิ ดงั นีว้ า ถา วา พวกปริพาชกเหลา นั้นพึงถามยง่ิ ขึ้นไป เราจะพยากรณแกพ วกปริพาชกผูถอืลทั ธอิ ่นื เหลานน้ั อยางไรหนอ จงึ จะเปน อนั กลาวตามพระดาํ รัสทพ่ี ระผมู -ีพระภาคเจา ตรัสแลว จะไมกลา วตูพระผมู ีพระภาคเจาดวยคําไมจรงิ และพยากรณธรรมสมควรแกธ รรม ทัง้ สหธรรมิกไรๆ ผูคลอยตามวาทะ จะไมถึงฐานะอนั วิญูชนพงึ ตเิ ตยี นได. [๗๖๔] ครั้งนั้นแล ทา นพระอนุราธะไดเขา ไปเฝา พระผมู ีพระ-ภาคเจาถงึ ทป่ี ระทับ ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจาแลว นง่ั ณ ที่ควรสวนขา งหนงึ่ ครัน้ แลวไดกราบทลู พระผมู พี ระภาคเจา วา ขา แตพระองคผเู จรญิขอประทานพระวโรกาส ขา พระองคอยทู ี่กฏุ ใี นปา ในทไี่ มไกลพระผูม ีพระ-ภาคเจา ขาแตพระองคผูเ จริญ ครั้งนน้ั พวกปรพิ าชกผถู ือลัทธอิ ื่นเปนอนั มาก ไดเ ขา ไปหาขาพระองคถงึ ที่อยู ไดป ราศรยั กบั ขา พระองค ครั้นผา นการปราศรยั พอใหร ะลึกถึงกนั ไปแลว . จงึ ไดน ั่ง ณ ทีค่ วรสวนขางหน่งึแลวไดถามขา พระองควา กอ นทา นอนุราธะ พระตถาคตผูเปนอุดมบุรษุ
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 292เปนบรมบุรษุ ทรงบรรลถุ งึ ธรรมอนั ควรบรรลอุ ยางยอดเยี่ยมแลว เมื่อทรงบญั ญัตขิ อนนั้ ยอ มทรงบัญญัตใิ นฐานะทงั้ ๔ น้ี คือ สัตวเบอ้ื งหนาแตตายแลว ยอมเกิดอีก ฯลฯ หรอื วา สตั วเ บ้อื งหนา แตตายแลวยอ มเกดิ อกีกห็ ามิได ยอ มไมเ กดิ อกี กห็ ามิได ดังน้ี ขา แตพระองคผ เู จริญ เมือ่ พวกปริพาชกผูถ ือลัทธอิ ื่นเหลานั้นกลาวอยา งนแี้ ลว ขาพระองคไ ดตอบเขาเหลา นัน้ วา ดกู อ นทา นท้ังหลาย พระตถาคตผเู ปน อุดมบรุ ุษ. เปนบรมบุรุษทรงบรรลุถึงธรรมอันควรบรรลอุ ยา งยอดเย่ียมแลว เม่อื ทรงบัญญตั ขิ อ น้ันยอ มทรงบญั ญตั ินอกจากฐานะทั้ง ๔ น้ี คอื สัตวเ บอ้ื งหนาแตตายแลวยอ มเกิดอีก ฯลฯ หรอื วาสัตวเ บือ้ งหนาแตตายแลว ยอมเกดิ อีกก็หามไิ ดยอ มไมเ กดิ อีกก็หามไิ ด ดงั นี้ ขาแตพ ระองคผ ูเจรญิ เม่ือขาพระองคก ลาวอยางนแี้ ลว พวกปริพาชกผถู อื ลทั ธอิ ่ืนเหลานนั้ ไดกลาวกะขาพระองคว า ก็ภกิ ษุรปู นีช้ ะรอยจักเปนภิกษุใหม บวชแลวไมน าน หรอื วาเปน พระเถระแตหากเปนพระเขลา ไมฉ ลาด ขาแตพระองคผ เู จริญ พวกปริพาชกผถู ือลทั ธิอื่นเหลา น้นั ไดรุกรานขาพระองคดวยวาทะวาเปนภกิ ษุใหม และดว ยวาทะวาเปน พระเขลา แลว ไดพ ากนั ลกุ ข้ึนจากอาสนะหลกี ไป ขา แตพระองคผูเจรญิ เม่อื พวกปริพาชกผูถือลัทธิอ่ืนเหลา น้ันหลกี ไปแลวไมน านขา พระองคไ ดม ีความคดิ วา ถาพวกปรพิ าชกผูถอื ลัทธิอ่นื เหลา นั้นพงึ ถามเรายิ่งขึน้ ไปไซร เราจะพยากรณแกพ วกปริพาชกผูถอื ลัทธอิ น่ื เหลาน้ันอยา งไรจึงจะเปนอันกลา วตามพระดาํ รสั ทีพ่ ระผมู ีพระภาคเจา ตรัสแลว จะไมกลาวตพู ระผมู พี ระภาคเจา ดวยคาํ ไมจริง และพยากรณธรรมสมควรแกธรรม ทง้ั สหธรรมกิ ไรๆ ผูคลอยตามวาทะ จะไมถ ึงฐานะอันวิญูชนพงึ ตเิ ตียนได ดงั น้ี พระเจาขา .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 293 [๗๖๕] พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา ดูกอนอนรุ าธะ เธอจะสําคัญความขอนั้นเปนไฉน. รูปเทยี่ งหรือไมเท่ยี ง. ทานพระอนุราธะกราบทูลวา ไมเ ท่ยี ง พระเจาขา . พ. กส็ ง่ิ ใดไมเ ท่ยี ง สง่ิ นั้นเปน ทกุ ขหรือเปนสขุ เลา. อ. เปน ทกุ ข พระเจาขา . พ. กส็ งิ่ ใดไมเทย่ี ง เปน ทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาควรหรือหนอที่จะตามเหน็ สง่ิ น้นั วา นน่ั ของเรา เราเปน น้ันน่นั เปน ตวั ตนของเรา. อ. ไมค วรเลย พระเจาขา . พ. เวทนา. . .สัญญา. . .สังขาร. . .วิญญาณ เที่ยงหรือไมเที่ยง. อ. ไมเท่ยี ง พระเจา ขา. พ. ก็สงิ่ ใดไมเ ทีย่ ง สิ่งนน้ั เปน ทกุ ขหรือเปนสขุ เลา . อ. เปน ทกุ ข พระเจา ขา. พ. ก็ส่ิงใดไมเทย่ี งเปนทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาควรหรือหนอท่จี ะตามเห็นสิ่งนั้นวา นั่นของเรา เราเปน น้ัน น่นั เปน ตวั ตนของเรา. อ. ไมควรเลย พระเจาขา. [๗๖๖] พ. ดกู อนอนุราธะ เพราะเหตนุ ้นั แล รปู อยางใดอยางหน่ึงทั้งทเ่ี ปน อดีต อนาคตและปจ จบุ ัน เปนภายในกด็ ี เปน ภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอยี ดกด็ ี เลวก็ดี ประณีตกด็ ี อยใู นที่ไกลก็ดี ในที่ใกลกด็ ี รูปน้ันทั้งหมด เธอพึงเหน็ ดวยปญญาอนั ชอบตามเปน จริงอยางน้วี า
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 294นน่ั ไมใชข องเรา เราไมเปนนัน่ นน่ั ไมใชตวั ตนของเรา เวทนา. . .สัญญา. . .สังขาร. . .วญิ ญาณ อยา งใดอยา งหนึ่งทง้ั ที่เปน อดีตอนาคตและปจ จุบนั เปนภายในก็ดี เปน ภายนอกกด็ ี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี เลวกด็ ี ประณตี ก็ดี อยใู นท่ีไกลก็ดี ในทีใ่ กลก ด็ ี เวทนา. . .สัญญา. . . สงั ขาร . . . วญิ ญาณทั้งหมด ทา นพงึ เห็นดว ยปญ ญาอันชอบตามเปน จรงิ อยา งนว้ี า น่นั ไมใ ชข องเรา เราไมเ ปน นัน่ น่นั ไมใชต วั ตนของเรา ดกู อ นอนุราธะ อรยิ สาวกผไู ดส ดบั แลวเห็นอยอู ยา งน้ี ยอ มเบอ่ืหนา ยทงั้ ในรปู ยอ มเบอื่ หนา ยทัง้ ในเวทนา ยอมเบอื่ หนายท้งั ในสัญญายอ มเบื่อหนา ยทง้ั ในสังขาร ยอมเบื่อหนา ยทงั้ ในวญิ ญาณ เมอ่ื เบื่อหนายยอมคลายกําหนดั เพราะคลายกําหนดั จงึ หลดุ พน เมื่อหลดุ พนแลวยอ มมญี าณหย่ังรูวา หลดุ พนแลว รูชดั วา ชาตสิ ้นิ แลว พรหมจรรยอยจู บแลว กิจที่ควรทาํ ทําเสรจ็ แลว กจิ อน่ื เพ่ือความเปนอยา งนีม้ ไิ ดมีดงั นี.้ [๗๖๗] ดูกอนอนุราธะ เธอจะสําคญั ความขอนั้นเปนไฉน เธอยอมเหน็ รปู วาเปนสตั วห รือ. อ. ไมใ ชอ ยา งนั้น พระเจาขา. พ. เธอเหน็ เวทนาวา เปน สัตวหรือ. อ. ไมใ ชอยา งนน้ั พระเจา ขา. พ. เธอเห็นสญั ญาวา เปนสัตวห รือ. อ. ไมใ ชอ ยางนนั้ พระเจา ขา . พ. เธอเหน็ สงั ขารวาเปนสัตวหรือ.
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 295 อ. ไมใ ชอ ยา งนั้น พระเจาขา . พ. เธอเหน็ วิญญาณวา เปน สตั วหรอื . อ. ไมใชอ ยา งนั้น พระเจา ขา. [๗๖๘] พ. ดูกอ นอนุราธะ เธอจะสาํ คัญความขอนั้นเปน ไฉนเธอยอ มเห็นวาสัตวใ นรูปหรอื . อ. ไมใชอ ยา งนนั้ พระเจาขา. พ. เธอเหน็ วา สัตวอ ืน่ จากรปู หรอื . อ. ไมใ ชอยางนั้น พระเจา ขา. พ. เธอเห็นวา สัตวในเวทนา ในสญั ญา ในสังขาร ในวิญญาณหรอื . อ. ไมใชอ ยา งนัน้ พระเจาขา . พ. เธอเห็นวา สัตวอื่นจากเวทนา จากสัญญา จากสงั ขาร จากวิญญาณหรอื . อ. ไมใชอ ยางนั้น พระเจาขา. [๗๖๙] พ. ดูกอ นอนุราธะ เธอจะสําคัญความขอนนั้ เปน ไฉนเธอเห็นรปู เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ วา เปน สตั วห รอื . อ. ไมใ ชอ ยางนน้ั พระเจา ขา . [๗๗๐] พ. ดูกอ นอนรุ าธะ เธอจะสาํ คัญความขอน้ันเปน ไฉนเธอเห็นวา สตั วน ้ไี มม รี ปู ไมมเี วทนา ไมมสี ญั ญา ไมมสี งั ขาร ไมม ีวิญญาณหรอื .
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 296 อ. ไมใ ชอ ยางน้นั พระเจาขา . พ. ดูกอนอนุราธะ กเ็ ธอหาสัตวในขันธ ๔ นี้ โดยจริง โดยแทไมไ ดในปจ จบุ ัน ควรหรอื ท่เี ธอจะพยากรณว า ดูกอนทา นทง้ั หลาย ตถาคตผูเปน อดุ มบุรษุ ผเู ปน บรมบุรษุ รบรรลถุ ึงธรรมอนั ควรบรรลอุ ยา งยอดเย่ียมแลว เมื่อบญั ญัตขิ อ นัน้ ยอมบัญญตั นิ อกจากฐานะทงั้ ๔ นี้ คือ สัตวเบื้องหนา แตตายแลวยอมเกดิ อกี ฯลฯ หรือวา สัตวเ บอ้ื งหนา แตตายแลว ยอ มเกิดอกี กห็ ามิได ยอ มไมเ กิดอีกก็หามิได ดังน.ี้ อ. ไมค วรเลย พระเจา ขา . พ. สาธุ สาธุ อนรุ าธะ ดกู อ นอนุราธะ ในกาลกอ นดวย ในบัดนดี้ ว ย เรายอมบญั ญตั ทิ ุกขแ ละความดบั แหงทุกข. จบ อนรุ าธสูตรที่ ๒ ๓. ปฐมสารปี ุตตโกฏฐิตสูตร วาดวยพระโกฏฐติ ะถามปญหาพระสารบี ุตร [๗๗๑] สมยั หนึ่ง ทา นพระสารีบตุ รและทา นพระมหาโกฏฐิตะอยู ณ ปาอสิ ิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี คร้งั นั้นแล เปน เวลาเย็นทานพระมหาโกฏฐติ ะออกจากทห่ี ลกี เรน ไดเ ขา ไปหาทานพระสารบี ุตรถึงทีอ่ ยู ไดป ราศรัยกับทา นพระสารีบตุ ร ครัน้ ผา นการปราศรยั พอใหระลึกถึงกนั ไปแลว จงึ นง่ั ณ ท่คี วรสวนขางหน่งึ คร้นั แลว ไดถ ามทา น
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 297พระสารบี ุตรวา ดูกอ นทา นพระสารบี ุตร สตั วเบ้อื งหนา แตตายแลว ยอ มเกิดอีกหรอื . ทานพระสารบี ตุ รตอบวา ดกู อ นทาน ปญหาขอน้ีเปนปญหาทีพ่ ระผมู พี ระภาคเจาไมท รงพยากรณ. ม. ดูกอ นทาน สัตวเ บ้ืองหนา แตต ายแลว ยอมไมเ กดิ อีกหรือ. ส. ดกู อนทาน แมปญหาขอนีก้ เ็ ปน ปญหาท่ีพระผูมีพระภาคเจาไมท รงพยากรณ. ม. ดกู อนทาน สัตวเ บ้อื งหนา แตต ายแลวยอ มเกดิ อกี กม็ ี ยอ มไมเกดิ อกี กม็ ี หรอื . ส. ดกู อ นทา น ปญหาขอนเ้ี ปน ปญหาที่พระผมู ีพระภาคเจา ไมท รงพยากรณอ ีกเหมอื นกนั . ม. ดกู อนทา น สตั วเ บื้องหนาแตต ายแลวยอมเกดิ อกี ก็หามไิ ดยอ มไมเกดิ อีกกห็ ามไิ ดหรอื . ส. ดกู อ นทาน แมป ญหาขอน้กี ็เปน ปญหาทพี่ ระผูม ีพระภาคเจาไมทรงพยากรณอ กี เหมือนกนั . ม. ดูกอนทา น เมอื่ ผมถามวา สตั วเ บื้องหนา แตตายแลว ยอมเกิดอกี หรอื ทา นก็ตอบวา ดกู อ นทา น ปญ หาขอน้ี พระผมู ีพระภาคเจาไมท รงพยากรณ ฯลฯ เมอื่ ผมถามวา ดกู อ นทาน สตั วเ บอ้ื งหนา แตตายแลว ยอ มเกดิอกี ก็หามิได ยอ มไมเ กิดอีกกห็ ามไิ ดหรอื ทานก็ตอบวา ดูกอ นทา น แม-ปญ หาขอ น้กี เ็ ปนปญ หาทพี่ ระผมู ีพระภาคเจาไมท รงพยากรณอ กี เหมือนกนัดกู อนทาน อะไรเลาเปน เหตุเปนปจ จัยใหพ ระผูมีพระภาคเจาไมทรงพยากรณปญหานั้น.
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 298 [๗๗๒] ดกู อ นทา น คาํ วา สตั วเบื้องหนา แตต ายแลว ยอมเกิดอีกสตั วเบ้อื งหนาแตตายแลว ยอมไมเกดิ อีก สตั วเบ้ืองหนา แตต ายแลว ยอมเกิดอีกก็มี ยอมไมเ กิดอกี กม็ ี สตั วเบื้องหนาแตตายแลว ยอมเกิดอีกกห็ ามไิ ดยอมไมเ กิดอกี กห็ ามิได น้ียอ มเปนคําทหี่ มายถงึ รปู ดกู อนทาน คําวาสัตวเ บอื้ งหนา แตตายแลวยอมเกดิ อีก สัตวเ บือ้ งหนาแตตายแลว ยอ มไมเกดิ อีก สตั วเ บ้ืองหนา แตต ายแลว ยอมเกิดอีกก็มี ยอ มไมเ กดิ อกี ก็มี สัตวเบอ้ื งหนา แตตายแลวยอ มเกดิ อกี กห็ ามไิ ด ยอมไมเ กิดอีกก็หามิได นี้ยอ มเปนคาํ ท่หี มายถงึ เวทนา ดกู อ นทาน คาํ วา สัตวเบื้องหนาแตต ายแลวยอ มเกดิ อกี สัตวเบ้ืองหนาแตตายแลว ยอ มไมเกดิ อีก สตั วเ บือ้ งหนาแตตายแลว ยอ มเกิดอีกกม็ ี ยอ มไมเ กดิ อีกก็มี สตั วเ บ้ืองหนาแตตายแลว ยอมเกดิ อกี ก็หามิได ยอ มไมเกดิ อีกก็หามไิ ด น้ียอ มเปน คาํ ทห่ี มายถงึ สญั ญาดกู อนทา น คําวาสตั วเบื้องหนา แตตายแลวยอมเกดิ อกี สัตวเ บอื้ งหนา แตตายแลว ยอ มไมเ กิดอกี สตั วเ บอ้ื งหนา แตต ายแลวยอ มเกิดอกี กม็ ี ยอ มไมเกิดอกี กม็ ี สตั วเ บื้องหนาแตต ายแลว ยอ มเกิดอกี กห็ ามไิ ด ยอ มไมเ กดิ อกีกห็ ามไิ ด นีย้ อมเปนคําทหี่ มายถึงสงั ขาร คาํ วา สัตวเ บอื้ งหนาแตต ายแลวยอมเกิดอีก สัตวเ บื้องหนาแตต ายแลวยอ มไมเกดิ อกี สตั วเบือ้ งหนาแตตายแลว ยอ มเกิดอีกก็มี ยอมไมเ กดิ อกี ก็มี สตั วเ บอ้ื งหนาแตต ายแลวยอมเกิดอกี กห็ ามไิ ด ยอมไมเ กิดอีกกห็ ามไิ ด นีย้ อ มเปนคาํ ที่หมายถึงวญิ ญาณ ดูกอนทา น น้ีแหละเปน เหตุเปนปจ จัยใหพ ระผูมีพระภาคเจาไมทรงพยากรณป ญ หาขอ นน้ั . จบ ปฐมสารปุตตโกฏฐิตสูตรท่ี ๓
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 299 อรรถกถาปฐมสารีปตุ ตโกฏฐติ สูตรท่ี ๓ ในปฐมสารปี ุตตโกฏฐติ สูตรท่ี ๓ พึงทราบวนิ ิจฉัยดังตอไปน้.ี บทวา รูปคตเมต ไดแกเปนเพยี งรูปเทา นน้ั . ในบทนี้ ทา นพระสารีบุตรแสดงวา ใคร ๆ นอกจากรูปยอ มไดรบั นามวา สตั ว ฉะนัน้เมอื่ ไมม ีรูป สง่ิ น้นั ยอ มเปนเพยี งนามเทาน้นั . แมในบทวา เวทนาคตเมตเปน ตน กน็ ัยน้ีแหละ บทวา อย โข อาวโุ ส เหตุ ความวา นีค้ ือสภาวะทไี่ มค วรไดร ับ (ชื่อ) เพราะพน รปู เปน ตน เปน เหตุใหพระผมู ีพระภาคเจาไมทรงพยากรณป ญ หาขอนัน้ . จบ อรรถกถาปฐมสารปี ตุ ตโกฏฐิตสตู รท่ี ๓ ๔. ทตุ ิยสารีปุตตโกฏฐิตสูตร๑ วา ดวยพระโกฏฐติ ะถามปญ หาพระสารีบตุ ร [๗๗๓] สมยั หนงึ่ ทา นพระสารบี ุตรและทานพระมหาโกฏฐติ ะอยู ณ ปา อิสิปตนมฤคทายวนั กรงุ พาราณสี ฯลฯ ไดม คี าํ ถามอยา งนน้ัเหมือนกนั วา ดกู อนทาน อะไรเลา เปนเหตเุ ปน ปจ จยั ใหพ ระผมู พี ระ-ภาคเจา ไมทรงพยากรณป ญ หาขอ นั้น. [๗๗๔] ทา นพระสารบี ุตรตอบวา ดกู อ นทานผูมอี ายคุ วามเหน็วา สตั วเบ้อื งหนา แตต ายแลวยอมเกิดอกี กด็ ี สัตวเ บื้องหนา แตตายแลวยอ มไมเกิดกด็ ี สตั วเบ้อื งหนาแตตายแลว ยอ มเกิดอีกกม็ ยี อ มไมเ กดิ อกี ก็มี๑. สตู รท่ี ๔ - ๘ อรรถกถาแกวามีเน้อื ความงา ยท้งั น้นั .
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 300กด็ ี สัตวเ บอื้ งหนา แตตายแลวยอ มเกดิ อีกกห็ ามิได ยอมไมเ กดิ อีกกห็ ามไิ ดก็ดี ดงั นี้ ยอมเกดิ มแี กบ ุคคลผูไมร ู ไมเ หน็ รปู ตามความเปน จริง ไมรูไมเห็นเหตเุ กิดแหง รูปตามความเปนจริง ไมรไู มเหน็ ความดับแหงรูป ตามความเปน จรงิ ไมรไู มเ หน็ ปฏิปทาเคร่ืองใหถ งึ ความดับแหงรปู ตามความเปน จรงิความเห็นวา สตั วเบ้ืองหนา แตต ายแลว ยอ มเกดิ อกี กด็ ี สตั วเบื้องหนาตายแลว ยอ มไมเ กิดอีกกด็ ี สตั วเบ้ืองหนาแตตายแลวยอมเกดิ อกี ยอ มไมเ กดิ อกี ก็มกี ด็ ี สตั วเ บ้อื งหนาแตตายแลวยอ มเกิดอกี กห็ ามิได ยอ มไมเกิดอีกกห็ ามไิ ดก็ดี ยอมเกดิ มีแกบ ุคคลผไู มรไู มเ หน็ เวทนา สัญญา สงั ขารวญิ ญาณ ตามความเปน จรงิ ไมรูไมเห็นเหตเุ กดิ แหง เวทนา สญั ญา สังขารวิญญาณ ตามความเปน จรงิ ไมรูไมเ ห็นความดับแหง เวทนา สญั ญา สังขารวิญญาณ ตามความเปนจริง ไมร ูไมเห็นปฏิปทาเครื่องใหถงึ ความดับแหงเวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ ตามความเปน จริง. [๗๗๕] ดูกอนทานผมู อี ายุ กแ็ ตค วามเห็นวา สตั วเ บอ้ื งหนาแตต ายแลว ยอ มเกิดอกี กด็ ี สตั วเบือ้ งหนา แตตายแลวยอ มไมเ กดิ อกี กด็ ี สตั วเบ้อื งหนาแตตายแลวยอ มเกิดอีกก็มี ยอมไมเกดิ อีกก็มกี ็ดี สตั วเบื้องหนาแตต ายแลว ยอ มเกดิ อกี ก็หามไิ ด ยอ มไมเกิดอีกก็หามิไดกด็ ี ยอ มไมเกิดมแี กบุคคลผรู ผู เู หน็ รูปตามความเปนจรงิ รูเ ห็นเหตเุ กิดแหง รูปตามความเปนจรงิ รเู หน็ ความดับแหง รูปตามความเปนจรงิ รเู หน็ ปฏิปทาเคร่อื งใหถึงความดบั แหง รูปตามความเปน จริง ความเห็นวา สตั วเบ้ืองหนา แตต ายแลวยอ มเกดิ อกี กด็ ี สัตวเบื้องหนาแตต ายแลว ยอมไมเกดิ อกี ก็ดี สตั วเบ้ืองหนาแตต ายแลวยอ มเกดิ อกี กม็ ี ยอมไมเกิดอีกกม็ ีก็ดี สตั วเบือ้ งหนา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323