พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 51ทานประสงคเ อาพญาสหี เกสรราช. บทวา มคิ รโฺ ไดแ ก ผเู ปนราชา แหง สัตวส่ีเทา ทกุ ชนดิ . บทวา อาสย ไดแ กสถานท่ีอยู. บทวา สีหนาท คอื บนั ลือแบบไมกลัว. บทวา โคจราย ปกฺกเมยฺยความวา พึงเทีย่ วไปเพ่ือหาอาหาร. คําวา วร วร ไดแก ฝงู เน้อืตวั ล่ําสนั ช้นั ยอดเยี่ยม. บทวา มุทุม สานิ ไดแก เนอื้ ทีอ่ อ นนุม. บาลวี า มธมุ สานิ ก็ม.ี อธิบายวา เน้อื ที่มีรสอรอย. บทวาอชฌฺ ุเปยฺย ไดแก พึงเขาไป. บทวา สีหนาท นทติ วฺ า ความวา บันลอื แลว ดว ยความการุณย ซง่ึ อาศยั ความเปน ผกู ลา ของตนวาสัตวเหลาใดมีกําลงั นอ ย สตั วเหลา น้นั จงหนไี ป. บทวา วฆิ าสส วฑโฺ ฒความวา อว นทว นดวยเนอื้ ทเี่ ปนท่เี ปน เดน คือ กนิ เนอื้ ทเ่ี ปนแดนท่ีเหลือจากสตั วอ่ืนกนิ แลว เติบโตขึน้ . บทวา ทิตโฺ ต คอื อว นทวน คอืมีรา งกายอวน. บทวา พลวา คือสมบรู ณดว ยกาํ ลงั . บทวา เอตทโหสิไดแ ก ไดม ีแลว เพราะเหตไุ ร. เพราะโทษแหง อัสมิมานะ. ในขอนัน้ มีอนปุ พุ พกิ ถาดังตอ ไปน้.ี ไดย ินวา วนั หนง่ึ พญาสหี ราชน้ัน กลับจากที่แสวงหาอาหารไดเหน็ สนุ ัขจงิ้ จอกนนั้ กําลังหนีไปเพราะความกลัว เกิดความการุณยจึงพูดวา สหายรกั อยา งกลวั เลย หยุดกอน ทานชอ่ื อะไร. สนุ ัขจ้ิงจอกตอบวา เราชอ่ื ชมพุกะ นาย. พญาราชสหี จงึ พดู วา ชมั พุกะ ผูม วี ัยเสมอกนั ตงั้ แตน้ไี ปทา นสามารถอุปฏ ฐากเราไดห รอื . สนุ ขั จงิ้ จอกตอบวา เราจักอุปฏฐากทาน. ตง้ั แตนั้นมา สนุ ัขจงิ้ จอกนนั้ กอ็ ปุ ฏฐาก(พญาราชสีห). พญาราชสีหเมอื่ กลบั จากทีแ่ สวงอาหาร กน็ าํ เนอ้ืชนิ้ ใหญมาให. สุนขั จิ้งจอกนน้ั เคี้ยวกนิ เนื้อชน้ิ ใหญน ้นั แลวก็อยูบ นแผนหนิ ในท่ีไมไ กล. พอเวลาลว งไปสองสามวนั เทา น้นั สุนขั จิ้งจอกนัน้ ก็อว นทว น มลี าํ คอใหญ. คร้ังนนั้ พญาราชสีหน้นั ไดก ลาวกบั สนุ ัขจ้งิ จอกนนั้ วา เฮย ชัมพุกะ ทานจกั สามารถพดู วา ในเวลาท่เี ราบิดกาย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 52ทา นสามารถจะยนื อยู ในทไ่ี มไ กลแลว พดู วา ขาแตน าย ทา นจงโกรธไดหรอื ไม. สนุ ขั จง้ิ จอกตอบวา สามารถนาย. ในเวลาทร่ี าชสีหบิดกายสุนขั จ้ิงจอกไดท ําตามคาํ สง่ั เพราะการกระทาํ ตามนั้น. พญาราชสีหจึงมีอสั มิมานะอยา งยิ่ง. ตอมาวนั หนงึ่ สนุ ัขจิง้ จอกแก เม่อื ดมื่ นาํ้ ในสระไดเ หน็ เงาของตน เห็นรา งตนอวนและคอใหญ ไมท าํ ใจวา เราเปนสนุ ัขจ้งิ จอกแกมากแลว แตสําคัญวา แมเ ราก็เปนราชสีห จึงไดพ ูดคํานกี้ ับตนวา เฮย ชัมพกุ ะ การท่ีอตั ภาพน้ีของเจา บรโิ ภคเนอ้ื ที่เปนเดนผูอน่ื ควรแลว หรือ เจามใิ ชลกู ผชู ายหรือ แมร าชสีหกม็ สี ่เี ทาสองเขีย้ ว สองหแู ละมีหางเดียว แมอวัยวะทงั้ หมดของเจากม็ ีเหมือนราชสีห เจาเองมิใชม ีกําลังเพยี รเกสรดอกไมอยา งเดียวเทา น้ัน. เมอื่สุนัขจ้งิ จอกแกค ิดอยางน้ี อัสมิมานะกก็ ําเริบขึ้น. ครง้ั นั้น สนุ ขั จง้ิ จอกแกน้ัน ไดเกิดความสาํ คญั วา เราคอื ใครเปนตน เพราะโทษแหง อัสมิ-มานะตน . บรรดาบทเหลานน้ั บทวา โก จาห ความวา เราคอื ใคร พญาสหี มิคราช คือใคร พญาสีหมิคราช ไมใชญาติ ไมใ ชน ายของเราอธิบายวา เราจะทาํ ความออนนอ มแกสตั วใ หญทําไม. บทวา สิคาลก เยวไดแ ก รอ งอยา งสนุ ขั นนั่ แล. บทวา เกรณฑฺ ก เยว ไดแ ก เสยี งไมน า รกัและไมนา พอใจ. คําวา เก จ เฉเว สคิ าเล ความวา สุนขั จ้ิงจอกท่ีตาํ่ทรามจะเปน อยา งไร. คาํ วา เก ปน สีหนาเท ไดแ ก ก็การบนั ลอืแบบสหี ะจะเปนอยา ง. อธิบายวา กก็ ารนับถอื ของสุนัขจ้ิงจอกและของพญาราชสหี มอี ะไรเกีย่ วเนอื่ งกัน. บทวา สุคตาปทาเนสุ ไดแ ก ตามสกิ ขา ๓ อยาง อันเปนลักษณะของพระสุคต คอื เปน ศาสนาของพระสคุ ต. ก็พระสุคตนั่นดาํ รงชพี ตามแบบสิกขา ๓ อยา งนั้น อยา งไร. มอี ยู พทุ ธศาสนกิ ชนเมื่อถวายปจจยั
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 53๔ แดพระสคุ ตน้ัน ยอ มถวายดว ยคดิ วา เราจะถวาย (ปจจยั ๔) แดพ ระสัม-มาสมั พุทธเจา ผูสมบูรณดว ยคณุ มีศีลเปน ตน (สวน) อเจลกปาฏกิ บตุ รนัน้ ไมไ ดเปนพระพทุ ธเจา เมือ่ บรโิ ภคปจจยั ทช่ี นกาํ หนดถวายพระพทุ ธเจา ช่ือวา ดาํ เนนิ ชวี ติ ในศาสนาของพระสคุ ต. บทวา สคุ ตาตริ ติ ตฺ านิอธบิ ายวา ไดยนิ วา ประชาชนเมอื่ จะใหโ ภชนะแกพ ระพุทธเจาเหลานน้ั ไดใหแกพ ระพทุ ธเจา และสาวกของพระพุทธเจา เหลา นนั้ ภายหลงั จงึ ใหอ าหารทีเ่ หลือในเวลาเยน็ อเจลกชื่อปาฏิกบุตร น้ี ชอ่ื วาบรโิ ภคอาหารทีเ่ ปน เดนพระสคุ ต ดวยประการฉะน.ี้ บทวา ตถาคเตความวา ทานสาํ คัญวา พระตถาคตอรหนั ตสัมมาสมั พุทธเจา เปนผทู ่พี ึงเบียดเบยี นคอื พึงรุกราน. อีกนัยหนง่ึ . บทวา ตถาคเต เปนตน เปนทุตยิ าวภิ ัตติพหวุ จนะ. แมบทวา อาสาเทตพฺพ น้ีก็เปน พหวุ จนะเหมอื นกนัทานกลาววาเปน เหมือนเอกวจนะ. บทวา อาสาทนา ไดแกเบยี ดเบยี นวา \"เราจักทาํ ปาฏิหารยิ กบั พระพทุ ธเจา \". บทวา สเมกขฺ ยิ าน แปลวา พิจารณาแลว คอื สําคัญแลว .บทวา อมฺิ แปลวา ไดถือตวั . บทวา โกตฺถุ หมายเอา สุนัขจิ้งจอก. คําวา อตตฺ าน วฆิ าเส สเมกขฺ ิย ไดแก ไดเ ห็นอตั ตภาพอวนพี ในนํ้าทใี่ สในสระนา้ํ . บทวา ยาวตตฺ าน น ปสสฺ ติ ความวายอ มไมเหน็ ตนตามความเปนจรงิ อยางนี้วา เราเปนสนุ ขั จิง้ จอกแก เติบโตข้ึนเพราะเนื้อท่ีเปน เดนของพญาสหี มิคราช. บทวา พฺยคโฺ ฆติ มฺ -ติ ไดแ ก ยอ มสาํ คัญวา เราเปน พญาสีหมคิ ราช หรือถือตัววา เรามีกาํ ลงั เทากบั สหี ะเปน พยคั ฆแท. บทวา ภตุ ฺวาน เภงฺเค ไดแกกินกบตามบอ . บทวา ขลมสู กิ าโย ความวา กินหนใู นลานขา ว. บาทคาถาวากฏสีสุ ขติ ฺตานิ จ กูณปานิ ความวา กินซากศพท่ีทงิ้ ไวในปา ชา. บทวา มหาวเน คอื ในปา ใหญ. บทวา สุ ฺ วเน คือในปาเปลยี่ ว. บทวา ววิ ฑฺโฒ คอื เติบโตแลว . คําวา ตเถว โส สคิ าลก อนทิ ความ
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 54วา สนุ ัขจ้งิ จอก แมน ้ัน แมเติบโตไดอยางน้ี กย็ งั สําคัญวา เราเปนพวกมคิ ราช ก็รองเหมอื นสนุ ัขแก เหมอื นอยา งทเี่ ปนสนุ ัขจงิ้ จอกเส่ือมกาํ ลงัในคราวกอนฉะนั้น. ศิษยของชางกลึงไม ชือ่ ชาลยิ ะ ไดรุกรานปาฏิกบุตรนน้ั แลว วา ทา นบรโิ ภคอาหารท่ีเปน เดนแลว ติดอยูใ นลาภสกั การะ เหมอื นสนุ ขั จิง้ จอกตวั ทีก่ นิ สตั วม ีกบเปน ตนแลวเตบิ โตข้ึนฉะน้นัดว ยคาถาแมน.้ี บทวา นาเคหิ คอื ดวยเหลาขาง. บทวา มหาพนฺธนา คือใหพ น จากเครือ่ ง คือ กิเลสใหญ. บทวา มหาวิทุคคฺ า ความวาโอฆะ ๔ อยา ง ช่อื วา หลมใหญ ร้อื ถอนจากหลมใหญน้นั แลว ใหดํารงอยบู นบกคอื พระนพิ พาน. พระอรรถกถาจารย ครัน้ แสดงบทอนสุ นธิวา พระผูมพี ระภาคเจายอ มไมทรงกระทาํ ปาฏิหาริย ดว ยกถามรรคประมาณเทา น้แี ลว บัดนีเ้ มอื่ จะแสดงอนสุ นธแิ หงบทนว้ี า น อคฺคฺ ปฺเปติ จงเร่มิ เทศนาวา อคฺคฺจฺ าห เปน ตน บรรดาบทเหลานัน้ บทวา อคคฺ ฺจฺ าห ความวา ดูกอ นภคั ควะ เรายอมรูชัดซง่ึ สง่ิ ที่โลกสมมตวิ าเลิศ และจริยาวตั รทเี่ กดิข้นึ ของโลก. บทวา ตฺจ ปชานามิ ความวา เรามใิ ชจ ะทราบชดั ส่งิโลกสมมตวิ า เลิศอยางเดยี วเทานนั้ ยอมรูชัดส่ิงท่ีโลกสมมติวา เลศิ นน้ัดวย แลวรูชดั กวา นน้ั คือทราบชดั ตง้ั แตศลี สมาธิ จนถงึ พระสพั พญั -ตุ ญาณ. คําวา ตฺจ ปรชานน น ปรามสามิ ความวา เราแมเมือ่ทราบชัดซึ่งส่ิงนน้ั กไ็ มย ึดม่นั ดวยอาํ นาจของตัณหา ทิฏฐิ และมานะวา เรายอมรชู ัดถึงสิ่งชื่อน้ี พระผูมีพระภาคเจา ทรงแสดงวาพระตถาคตไมม ีความยึดถอื มนั่ . คําวา ปจจฺ ตตฺ เฺ ว นิพฺพตุ ิ วิทติ าไดแ ก ทรงทราบการดบั กิเลส ในพระองคด วยพระองคเดยี ว. คาํ วา ยท-ภชิ าน ตถาคโต คอื พระตถาคตทรงรู คอื ทรงทราบ การดบั กิเลส
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 55คําวา โน อนย อาปชฺชติ มีอธิบายวา พระตถาคตยอ มไมถ งึ อนยะคอื ทุกข ไดแกค วามพินาศ เหมือนเดยี รถยี ผ ูยังไมท ราบพระนิพพาน ฉะนนั้ .บัดน้ี พระผูม พี ระภาคเจา เม่ือแสดงถงึ สิง่ ที่เหลาเดยี รถยี บญั ญัตวิ า เลิศจึงตรัสวา สนตฺ ิ ภคฺคว เปน ตน บรรดาบทเหลา น้ัน. บทวา อิส-ฺสรกุตตฺ พรฺ หมฺ กุตตฺ ไดแก พระอิศวรทําให พระพรหมทําให. อธ-ิขายวา พระอิศวรเนรมติ ให พระพรหมเนรมิตให. จรงิ อยพู งึ ทราบวาพระพรหมเทา นั้น ช่ือวาเปน ใหญโ ดยความเปนอธิบดี ในคาํ วาอิสสฺ รกตุ ตฺ พรฺ หมฺ กุตตฺ น.้ี บทวา อาจรยิ ก คือ ความเปน อาจารยไดแกลทั ธขิ องอาจารย. ในคาํ วา อาจริยก นัน้ อาจริยวาท ชอ่ื วา ส่งิท่ีชาวโลกสมมตกิ ันวาเลศิ . กอ็ าจริยวาทนัน้ อันพระผมู ีพระภาคเจาทรงอธิบายวา สงิ่ ทีช่ าวโลกสมมตวิ าเลิศ เราแสดงไวใ นคําวา อาจริย-วาทน้ี จึงตรัสวา อคฺคฺ ดงั น้.ี บทวา กถ วิหติ ก คือ ใครจักไวจดั ไวอยางไร. คําทเ่ี หลอื พึงทราบตามนัยทีอ่ ธบิ ายพิสดารแลว ในพรหมชาลสตู ร. บทวา ขฑิ ฑฺ าปโทสิก ไดแก มีมูลมาแตเ ทวดาเหลาขิฑฑาปโทสิกะ. บทวา อสตา คอื ไมม อี ย.ู อธบิ ายวา เพราะอรรถวาไมม.ี บทวา ตุจฺฉา ไดแกด ว ยคําเปลา คอื เวน จากแกนภายใน. บทวา มสุ า คอืดวยมุสาวาท. บทวา อภเู ตน คอื เวนจากถอยคําที่เปน จริง. บทวาอพภฺ าจิกฺขนฺติ แปลวา กลาวตู (รา). บทวา วิปรีโต คือ มีสญั ญาวิปริต ไดแ ก มจี ติ วปิ ริต. บทวา ภกิ ขฺ โว จ ความวา มิใชพ ระสมณ-โคดมอยา งเดยี วท่วี ปิ รติ พวกภกิ ษุผทู ําตามคําสอนพระสมณโคดมนัน้ ก็วิปริตไปดวย. ครง้ั นนั้ เพ่ือจะแสดงคาํ กลาวทีพ่ วกเดียรถียก ลา วหมายเอา
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 56วา พระสมณโคดมเปน ผูว ปิ ริต พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ตรสั คาํ วา สมโณโคตโม เปน ตน . บทวา สุภวิโมกข ไดแก วัณณกสณิ .บทวา อสุภนเฺ ตวฺ ว ไดแ ก รชู ดั อยางน้ี วา ส่ิงทีง่ าม และสิง่ ท่ไี มงามทั้งหมด จัดเปน อสภุ ะ. คําวา สุภนเฺ ตน ตสมฺ ึ สมเย ความวา ยอมรูชดั ในสมยั นน้ั วา สง่ิ น้งี าม ยอ มไมร ูส ง่ิ ที่ไมงาม. บทวา ภิกฺขโว จ ความวา พวกภกิ ษุ และสมณะอันเตวา-สิกของเหลา ชนทีพ่ ูดอยา งน้ี (น่ันแหละ) วปิ รติ . บทวา ปโหติ ไดแกสามารถ คอื อาจ. บทวา ทุกฺกร โข ไดแ ก ปริพาชกนี้. เล่ือมใสอยางนแ้ี ลว จึงพูดเขาวา อห ภนฺเต เปนตน. (ความจริง) ปรพิ าชกกลาวคาํ น้ันดวยความโออวด คือดวยการหลอกลวง ไดทราบวา ปริพาชกนัน้ มีความคิดวา พระสมณโคดมแสดงธรรมกถาประมาณเทาน้แี กเ ราเราแมฟงธรรมกถานน้ั แลว ก็ไมส ามารถบวชได เราควรทาํ ตัวเหมอื นจะปฏิบัตติ ามคาํ สอนพระสมณะโคดมนนั้ . เพราะเหตุน้นั ปริพาชกนัน้จึงกลาวอยางน้ี ดวยความโออ วด คือดว ยความหลอกลวง. เพราะเหตุนนั้ พระผมู ีพระภาคเจา เปน เหมือนจะตดั ขาดความเยื่อใยตอปริพา-ชกน้นั จงึ ตรัสวา ทกุ ฺกร โข เอต ภคฺคว ตยา อฺทฏิ เิ กนเปนตน . คํานนั้ มเี น้อื ความตามท่กี ลา วไวในโปฏฐปาทสตู ร. บทวาสาธกุ มนรุ กฺข ไดแกจงรกั ษาใหดี. พระผมู พี ระภาคเจา ทรงชักชวนปรพิ าชกรกั ษาความเล่อื มใส (เพียงเทา ท่มี ีอยูใหด)ี ดว ยประการฉะน้.ีปรพิ าชกชื่อภัคควะโคตรแมนนั้ แมฟงพระสูตรอยางมากมายอยา งนี้กไ็ มส ามารถทํากเิ ลสใหส ิ้นไปได. ก็การเทศนา (พระสูตรน)้ี ไดเปน
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 57ปจจัยเพอ่ื วาสนาในภพตอไปของเขา. คําทเ่ี หลอื ทกุ ๆ บท มีเนื้อความชดั เจนแลวทั้งน้นั แล จบ อรรถกถาปาฏกิ สตู รแหง อรรถกถาทีฆนกิ าย ช่ือสมุ งั คลวิลาสนิ ี ดวยประการฉะนี.้ จบสตู รที่ ๑
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 58 ๒. อุทุมพริกสูตร เรอ่ื งสนั ธานคฤหบดี [๑๘] ขาพเจาไดส ดบั มาอยางน้ี :- สมัยหน่ึง พระผูม พี ระภาคเจา ประทับอยู ณ เขาคชิ ฌกูฏ ในพระนครราชคฤห ก็ สมัยน้ันนิโครธปริพาชกอาศัยอยใู นอารามปรพิ าชกของพระนางอทุ ุมพรกิ า พรอ มกนั บริษัทปริพาชกหมใู หญ ประมาณสามพันคน ครง้ั นน้ั สันธานคฤหบดีออกจากพระนครราชคฤหใ นเวลาขา ย เพ่อื จะเฝา พระผูมพี ระภาคเจา ครงั้ น้นั แล สันธานคฤหบดีคดิ วาเวลาน้ี ยังไมถงึ เวลาเฝาพระผมู ีพระภาคเจา กอ น พระผูมีพระภาคเจา ทรงหลีกเรน อยู มิใชส มยั สมควรทีจ่ ะเขาไปพบปะเหลา ภิกษผุ ูอบรมใจ ภกิ ษุทงั้ หลายผูอ บรมใจยังหลีกเรนอยู ถา กระไร เราควรจะเขา ไปยังปริพา-ชการามของพระนางอทุ มุ พริกา เขาไปหานิโครธปรพิ าชกเสยี กอน ครั้งนน้ัแล สันธานคฤหบดเี ขาไปยงั ปรพิ าชการามของพระนางอทุ ุมพรกิ า เขาไปหานิโครธปรพิ าชก [๑๙] สมยั นน้ั แล นิโครธปรพิ าชกนัง่ อยูก ับบรษิ ทั ปรพิ าชกหมูใหญ กาํ ลังสนทนาตริ ัจฉานกถาตาง ๆ ดวยเสยี งดงั ลั่น คือพูดเร่ืองพระราชา เร่อื งโจร เรอื่ งมหาอํามาตย เรอ่ื งกองทพั เรอ่ื งภยัเรือ่ งการรบ เร่อื งขา ว เรื่องนาํ้ เรอ่ื งผา เรอ่ื งทีน่ อน เรื่องดอกไมเรื่องของหอม เร่ืองญาติ เรื่องยาน เรอ่ื งบาน เรือ่ งนิคม เรื่องชนบท เรอื่ งนคร เร่ืองสตรี เรอื่ งบุรุษ เรอื่ งดืม่ สุรา เรอื่ งตรอกเรอ่ื งทานา้ํ เร่ืองคนที่ลวงลับไปแลว เร่ืองเบ็ดเตล็ด เรอื่ งโลกเร่อื งทะเล เร่อื งความเจริญและความเส่ือม ดวยประการนั้น ๆ
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 59นโิ ครธปรพิ าชกไดเ หน็ สนั ธานคฤหบดีมาแตไ กล จึงเตือนบรษิ ทั ของตนใหสงบเสียงวา ทานท้งั หลายจงสงบเสยี งหนอย อยา งสงเสียงดงั นกั สัน-ธานคฤหบดีน้เี ปน สาวกของพระสมณโคดม กําลังมา สนั ธานคฤหบดนี ี้เปนสาวกคนหน่ึง ในบรรดาสาวกของพระสมณโคดมทเ่ี ปน คฤหัสถน ุงหมผา ขาว อาศัยอยใู นเมืองราชคฤห ทา นเหลาน้ีชอบเสยี งเบา กลาวสรรเสรญิ คุณของเสยี งเบา บางที สันธานคฤหบดีน้ที ราบถงึ บรษิ ทั มเี สียงเบาแลว พึงเหน็ ความสําคญั ท่ีจะเขาไปหาก็ได เมื่อนโิ ครธปริพาชกกลา วอยางนี้ พวกปรพิ าชกเหลา น้ันไดพ ากนั นง่ิ แลว [๒๐] คร้งั นั้นแล สนั ธานคฤหบดเี ขา ไปหานโิ ครธปรพิ าชกถงึ ทีอ่ ยู คร้ันเขา ไปหาแลวไดปราศยั กบั นิโครธปริพาชก ครัน้ ยงั สมั โม-ทนยี กถาอันเปน เหตใุ หร ะลึกถงึ กนั ผา นไปแลว จงึ นงั่ ท่สี มควรสว นขางหนง่ึสันธานคฤหบดีนั่ง ณ ทคี่ วรสว นขา งหน่งึ แลว กลาวกะนิโครธปริพาชกวา พวกปริพาชกอญั ญเดยี รถยี ผ ูเ จริญเหลา นี้ มาพบปะสมาคมกันแลว มีเสยี งดังลนั่ อึกทกึ พากนั ขวนขวาย กลาวแตต ิรัจฉานกถาตา ง ๆ โดยประการอื่นแล คอื เรอ่ื งพระราชา เร่ืองโจร ฯลฯ ดว ยประการนั้น ๆสว นพระผูมพี ระภาคเจา น้นั ทรงเสพราวไพรในปา เสนาสนะทสี่ งดั มีเสยี งนอย มีเสยี งกึกกอ งนอย มีลมพดั ออ น ๆ สมควรแกก ารทําธรรมอนัเรน ลบั ของมนษุ ย สมควรแกก ารหลีกเรน โดยประการอน่ื แล เม่ือสนั ธาน-คฤหบดกี ลา วอยางนี้แลว นโิ ครธปรพิ าชกไดกลา วกะสนั ธานคฤหบดีวาเอาเถิด คฤหบดี ทา นพงึ ทราบวาพระสมณโคดมจะเจรจากบั ใคร จะเขา ไปสนทนากับใคร จะมีปญญาเฉลียวฉลาดกบั ใคร พระปญ ญาของพระสมณโคดมหายไปในสญุ ญาคาร พระสมณโคดมไมก ลา เขาไปสูที่ประชมุ ไมสามารถเจรจา พระองคท า นทรงเสพท่ีอนั สงัด ณ ภายในอยางเดยี ว เหมือนโคบอดตาขา งเดยี วเทย่ี ววนเวยี น เสพทีอ่ นั สงดั ณ ภายใน
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 60ฉันใด ปญ ญาของพระสมณโคดมหายไปในสุญญาคาร พระสมณโคดมไมก ลา เขาสทู ี่ประชมุ ไมสามารเจรจา พระองคทา นทรงเสพท่ีอนั สงดัณ ภายในอยางเดยี ว ฉันนัน้ เหมือนกัน เชญิ เถิด คฤหบดี ขอเชิญพระสมณโคดมเสด็จมาสูท ี่ประชมุ น้ี พวกเราจะพึงเหยยี ดหยามพระองคดว ยปญหาขอหนึง่ พวกเราจะบบี รัดพระองคเ หมอื นบุคคลบีบรัดหมอ เลาฉะนน้ั เร่อื งนโิ ครธปริพาชก [๒๑] พระผมู ีพระภาคเจา ไดท รงสดับการเจรจาระหวา งสนั ธานคฤหบดกี ับนิโครธปรพิ าชกน้ีดว ยพระทิพยโสตธาตุ อันบรสิ ุทธ์ิลว งโสตธาตุของมนษุ ย. คร้ังนัน้ สนเดจ็ พระผมู พี ระภาคเจาเสดจ็ ลงจากภเู ขาคชิ ฌกูฏแลว เสด็จเขาไปยังสถานทีใ่ หเ หย่อื แกนกยงู ท่ีฝง สระโบก-ขรณีสุมาคธา คร้ันแลว เสดจ็ จงกรมอยู ในท่แี จง ณ สถานท่ใี หเ หยอ่ืแกน กยงู ทฝ่ี ง สระโบกขรณีสมุ าคธา นิโครธปรพิ าชกเหน็ พระผมู ีพระ-ภาคเจาเสด็จจงกรมอยใู นท่ีแจง ณ สถานทใ่ี หเ หย่อื แกน กยงู ทีฝ่ ง สระโบกขรณสี มุ าคธา จงึ เตือนบริษัทของตนใหสงบเสียงวา ขอทา นทัง้ หลายจงสงบเสยี ง อยา สง เสยี งดงั นกั พระสมณโคดมนีเ้ สด็จจงกรมอยูในทีแ่ จงณ สถานทใี่ หเ หย่ือแกนกยูง ทีฝ่ งสระโบกขรณสี มุ าคธา พระองคโ ปรดเสยี งเบา และกลา วสรรเสริญคณุ ของเสยี งเบา บางที พระองคท รงทราบวา บรษิ ทั น้มี เี สียงเบาแลว พงึ เห็นความสําคญั ทีจ่ ะเสดจ็ เขาไปก็ได ถาวา พระสมณโคดมจะพึงเสดจ็ มาสทู ่ปี ระชุมน้ี เราจะพงึ ทลู ถามปญ หากะพระองควา ขา แตพ ระองคผเู จริญ พระผมู พี ระภาคเจาทรงแนะนําพระสาวก ดวยธรรมใด สาวกอนั พระผูม ีพระภาคเจาทรงแนะนําแลว ถึงความเบาใจ ยอมรเู ฉพาะซ่ึงอาทิพรหมจรรย อันเปน อชั ฌาศยั ดว ยธรรมใด
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 61ธรรมนัน้ ช่อื อะไร เมอ่ื นโิ ครธปริพาชกกลา วอยางนี้แลว พวกปรพิ าชกเหลา นนั้ ไดพ ากนั น่ิงอย.ู [๒๒] คร้ังน้นั แล พระผูม พี ระภาคเจา เสด็จเขา ไปหานิโครธปรพิ าชก นิโครธปริพาชกจงึ กราบทูลพระผมู พี ระภาคเจาวา ขอเชญิพระผูมพี ระภาคเสด็จมาเถิด พระเจา ขา พระองคเสด็จมาดแี ลว นาน ๆพระองคจ ึงจะไดเสด็จมาเยี่ยมเยยี น คอื เสดจ็ มา ณ ทนี่ ี้ ขอเชิญประทับนง่ั นีอ้ าสนะท่ีจัดไว พระผมู ีพระภาคเจาประทบั นง่ั บนอาสนะท่จี ดั ไวฝา ยนโิ ครธปริพาชกกถ็ ือเอาอาสนะท่ตี าํ่ แหง หนงึ่ นง่ั ณ ทีส่ มควรขางหน่ึง. พระผมู พี ระภาคเจารบั ส่งั ถามนิโครธปรพิ าชก ผนู ง่ั ณ ทค่ี วรสว นขางหนงึ่ วา นโิ ครธะ บัดน้ี พวกเธอนัง่ สนทนาดว ยเร่ืองอะไรหนอและเรอื่ งอะไรเลา ทีพ่ วกเธอสนทนาคา งอยูในระหวา ง เมื่อพระผมู พี ระภาคเจาตรสั อยางน้แี ลว นิโครธปรพิ าชกไดก ราบทูลวา ขา แตพ ระองคผูเจรญิ พวกขา พระองคไ ดเ หน็ พระผมู พี ระภาคเจา เสดจ็ จงกรมอยใู นที่แจงณ สถานที่ใหเหยื่อแกน กยงู ท่ีฝง สระโบกขรณสี ุมาคธา จงึ ไดกลา วอยางน้ีวา ถาวา พระสมณโคดมจะพึงเสดจ็ มาสูทป่ี ระชุมนี้ พวกเราจะพงึ ถามปญหานี้กะพระองควา ขา แตพ ระองคผเู จริญ พระผมู ีพระภาคทรงแนะนาํดว ยธรรมใด สาวกอนั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแนะนาํ แลว ถงึ ความเบาใจยอ มรเู ฉพาะซึง่ อาทิพรหมจรรยอ นั เปนอัชฌาศัย ดว ยธรรมใด ธรรมนั้นช่อื อะไร เรอ่ื งนีแ้ หละ ทพ่ี วกขา พระองคสนทนาคางอยูใ นระหวาง พอดีพระองคเ สดจ็ มาถึง. พระผูม พี ระภาคเจาตรัสวา นโิ ครธะ การทีท่ า นมีความเหน็ ไปทางหนง่ึ มคี วามพอใจไปทางหนึ่ง มคี วามชอบใจไปทางหน่ึง ไมม ีความพยายาม ไมม ลี ัทธอิ าจารย ยากท่ีจะรธู รรมทีเ่ ราแนะนาํพระสาวก ยากที่จะรูธรรมสาํ หรับใหพ ระสงฆผ ูไ ดร ับแนะนาํ แลวมีความ
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 62ยินดี รแู จงชัดพรหมจรรยเ บอื้ งตน อันเปนอชั ฌาศัย เชญิ เถิด นิโครธะ เธอจงถามปญหาในการเกลยี ดบาปอยางยง่ิ ในลัทธอิ าจารยข องตน กะเราวาขา แตพระองคผเู จริญ การเกลยี ดบาปดว ยตบะ อยา งไรบรบิ รู ณ อยา งไรไมบรบิ ูรณ เมอ่ื พระผมู พี ระภาคเจาตรัสอยางน้ี พวกปรพิ าชกเหลา นั้นไดเปน ผูม เี สียงดังอึกทึกข้นึ วา นา อัศจรรยนกั ทา นผูเจรญิ ไมเคยมมี าทา นผูเจรญิ พระสมณโคดมมีฤทธิ์ มีอานภุ าพมาก พระองคจ กั หยุดวาทะของพระองคไว จกั หามดวยวาทะของผูอ่นื . กถาวาดว ยการรังเกียจบาปดวยตบะ [๒๓] คร้ังนั้น นโิ ครธปรพิ าชกเตอื นปริพาชกเหลาน้นั ใหส งบเสยี งแลวไดก ราบทูลพระผมู ีพระภาคเจาวา ขาแตพ ระองคผ ูเ จริญ พวกขา พระ-องคก ลาวการเกลยี ดบาปดวยตบะ แนบแนน การเกลียดบาปดว ยตบะอยู การเกลียดบาปดว ยตบะ อยา งไรบริบูรณ อยา งไรไมบ ริบูรณ พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา นิโครธะ บคุ คลผูมีตบะในโลกนี้เปน คนเปลือย ไรมารยาทเลียมอื เขาเชญิ ใหรับภิกษากไ็ มมา เขาเชญิใหห ยดุ รบั ภิกษา ก็ไมห ยุด ไมยินดภี ิกษาท่เี ขานํามาไวกอน ไมยนิ ดีภกิ ษาท่เี ขาทําเฉพาะ ไมย ินดกี ารเช้อื เชญิ เขาไมร บั ภกิ ษาจากปากหมอไมร บั ภิกษาจากปากภาชนะ ไมร บั ภิกษาท่บี ุคคลยนื ครอ มธรณปี ระตูนํามาไมรับภกิ ษาที่บุคคลยืนครอมครกนํามา ไมรบั ภิกษาทบ่ี คุ คลยนื ครอมสากนํามา ไมรับภกิ ษาทบ่ี ุคคลยนื ครอมทอ นไมน ํามา ไมรบั ภกิ ษาของตน๒ คนทก่ี ําลงั บริโภคอยู ไมรบั ภกิ ษาของหญงิ มีครรภ ไมรับภิกษาของหญงิ ผูกาํ ลงั ใหล กู ด่ืมนม ไมร บั ภกิ ษาของหญงิ ท่ีคลอเคลยี บรุ ษุ อยู ไมรบัภิกษาที่เขาประกาศใหร ู ไมร บั ภิกษาในท่มี สี นุ ขั ปรากฏ ไมรบั ภกิ ษาในทม่ี ีแมลงวันไตตอมเปนกลมุ ๆ ไมกนิ ปลา ไมก นิ เนื้อ ไมด่มื สรุ า ไมด่ืมเมรัย ไมด ม่ื นา้ํ สม เขาอยเู รือนหลงั เดยี ว มีคาํ ขาวคําเดียว หรืออยูเรือน
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 63สองหลงั มีคาํ ขางสองคํา หรอื อยเู รอื นเจ็ดหลัง มคี ําขาวเจด็ คํา เยยี วยาอตั ตภาพดว ยภิกษาในภาชนะใบเดยี วบา ง สองใบบาง เจด็ ใบบางกินอาหารท่เี กบ็ ไวว นั หนึ่งบาง สองวนั บาง เจด็ วันบาง เปน ผูประกอบความขวนขวายในการบริโภคอาหารท่เี วยี นมาจนถงึ ที่เกบ็ ไวก ่งึ -เดอื น ดวยประการฉะน้ี เขาเปน ผูมผี ักดองเปนภักษาบา ง มีขาวฟา งเปนภกั ษาบาง มีลูกเดือยเปน ภักษาบา ง มถี ากขา วเปนภกั ษาบา ง มขี องจดืเปนภักษาบา ง มรี าํ เปน ภักษาบา ง มีขาวตงั เปนภกั ษาบา ง มีกํายานเปนภักษาบาง มีหญาเปน ภกั ษาบา ง มีโคมัยเปนภักษาบาง มีเงา และผลไมในปา เปนอาหาร บริโภคผลไมห ลน เยียวยาอัตตภาพ. เขาทรงผาปา นบาง ผาแถมกันบา ง ผาหอศพบา ง ผาบังสกุ ุลบา ง ผาเปลอื กไมบ างหนังสือบาง หนังสือทง้ั เล็บบาง ผา คากรองบา ง ผาเปลือกปอกรองบา งผา ผลไมกรองบาง ผา กําพลทาํ ดว ยผมคนบาง ผา กาํ พลทาํ ดวยขนสัตวบางผาทําดวยขนปก นกเคา บา ง เปน ผถู อนผมและหนวด คือประกอบความขวนขวายในการถอนผมและหนวดบาง เปนผยู นื คือหา มอาสนะบา ง เปนผกู ระโหยง คือประกอบความเพียรในการกระโหยงบาง เปนผูน อนบนหนาม คอื สาํ เร็จการนอนบนหนามบา ง สําเร็จการนอนบนแผน กระดานบา ง สําเร็จการนอนบนเนนิ ดนิ บา ง เปนผนู อนตะแคงขางเดียวบางเปน ผูหมักหมมดว ยธุลีบา ง เปน ผอู ยกู ลางแจง บาง เปนผูนั่งบนอาสนะตามทลี่ าดไวบ า ง เปนผบู ริโภคคถู คอื ประกอบการขวนขวายในการบรโิ ภคคูถบาง เปน ผหู า มน้ําเย็น คอื ขวนขวายในการหามนํา้ เย็นบางเปนผูอ าบนาํ้ วนั ละ ๓ ครัง้ คือประกอบการขวนขวายในการลงนา้ํ บา งนโิ ครธะ ทานจะสาํ คัญความขอนนั้ อยา งไร ถา เม่อื เปน เชนนี้ การเกลยี ดบาปดว ยตบะ เปน การเกลยี ดบรบิ ูรณ หรอื ไมบรบิ ูรณ
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 64 นโิ ครธปริพาชกกราบทลู วา ขา แตพระองคผเู จริญ เมอื่ เปนเชนน้ี การเกลยี ดบาปดว ยตบะ เปน การเกลยี ดบริบูรณ ไมใ ชไมบรบิ รู ณอยา งแนแ ท พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา นโิ ครธะ เรากลา วอุปกิเลสมากอยา งในการเกลียดบาปดว ยตบะ แมทีบ่ ริบรู ณแลว อยา งนีแ้ ล.กถาวา ดวยอุปกิเลสของผูรงั เกยี จบาปดวยตบะ [๒๔] นิโครธปริพาชกทูลถามวา ขา แตพ ระองคเจรญิ ก็พระผมู พี ระภาคเจาตรัสอปุ กเิ ลสมากอยางในการเกลียดบาปดว ยตบะทบ่ี ร-ิบูรณ อยางน้ี อยา งไรเลา ? พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา นโิ ครธะ บคุ คลผูม ีตบะในโลกนี้ยอ มถอื มั่นตบะ เขาเปน ผูด ีใจ มคี วามดํารบิ รบิ รู ณด ว ยตบะน้นั แมข อผูม ีตบะ ถือมน่ั ตบะ ดใี จ มีความดาํ ริบรบิ ูรณด ว ยตบะนน้ั นแ้ี ลยอ มเปนอุปกเิ ลสแกบุคคลผมู ตี บะ. นิโครธะ ขอ อ่นื ยังมีอยอู ีก บุคคลผูม ีตบะยอมถอื มนั่ ตบะ เขายอมยกตนขม ขูอื่นดวยตบะนน้ั แมข อ ทผ่ี มู ตี บะถือมน่ั ตบะ ยกตนขมผอู นื่ ดว ยตบะ น้แี ลยอมเปน อุปกิเลสแกบคุ คลผมู ตี บะ. นิโครธะ ขออน่ื ยงั มอี ยอู ีก บุคคลผมู ีตบะยอ มถือมนั่ ตบะ เขายอมมวั เมา ยอมลืมสติ ยอ มถึงความมวั เมาดว ยตบะนั้น แมข อ ทีผ่ ูม ีตบะถือมั่นตบะ มวั เมา ลมื สติ ถงึ ความมัวเมาดวยตบะนัน้ น้ีแลยอมเปนอปุ กิเลสแกบคุ คลผมู ตี บะ. นิโครธะ ขอ อน่ื ยงั มีอยูอีก บคุ คลผูมตี บะยอ มถือมน่ั ตบะ เขาใหลาภสักการะและความสรรเสริญเกดิ ข้นึ ดว ยตบะน้นั ดว ยเหตุเขาเปน ผูดใี จ มคี วามดํารบิ รบิ รู ณด ว ยลาภสกั การะและความสรรเสรญิ น้นั แมข อ
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 65ที่ ผมู ีตบถอื มน่ั ตบะ ดใี จ มคี วามดาํ รบิ รบิ ูรณด ว ยลาภสกั การะและความสรรเสริญนนั้ น้แี ลยอ มเปนอปุ กิเลสแกบ คุ คลผมู ตี บะ. นิโครธะ ขอ อนื่ ยงั มีอยอู ีก บุคคลผูมีตบะยอมถือมัน่ ตบะ เขาใหล าภสกั การะและความสรรเสรญิ เกดิ ขึน้ ดว ยตบะนัน้ เขายอ มยกตนขมผู อนื่ ดวยลาภสักการะและความสรรเสริญน้นั แมข อท่ผี มู ตี บะถือม่ันตบะยงั ลาภสกั การะและความสรรเสริญใหเ กดิ ขึ้นดว ยตบะนั้น ยกตนขมผอู ื่นดว ยลาภสักการะและความสรรเสริญน้ัน นแ้ี ลยอมเปนอุปกิเลสแกบคุ คลผมู ีตบะ. นโิ ครธะ ขอ อืน่ ยงั มอี ยอู ีก บคุ คลผมู ีตบะยอ มถือมนั่ ตบะ เขาใหล าภสักการะและความสรรเสริญเกดิ ข้ึนดวยตบะนัน้ เขายอ มมัวเมายอ มลืมสติ ยอ มถึงความมัวเมาดว ยลาภสักการะและความสรรเสรญิ น้นัแมขอท่ผี มู ตี บะถอื ม่นั ตบะ ยงั ลาภสกั การะและความสรรเสริญใหเ กิดขึน้ดว ยตบะนัน้ มัวเมา ลืมสติ ถึงความมวั เมาดว ยลาภสกั การะสละความสรรเสรญิ นนั้ น้แี ลยอมเปน อปุ กิเลสแกบุคคลผูมีตบะ. นโิ ครธะ ขอ อ่นื ยังมีอยูอีก บุคคลผมู ีตบะยอ มถือม่ันตบะ ยอ มถึงสว น ๒ ในโภชนะทง้ั หลายวา สิ่งนี้ควรแกเ รา สิ่งนี้ไมค วรแกเรากส็ ิง่ ใดแลไมควรแกเ ขา เขามงุ ละสง่ิ น้นั เสยี แตสว นสงิ่ ใดควรแกเขาเขากาํ หนดั ลมื สติ ติดส่งิ น้ัน ไมแลเห็นโทษ ไมม ีปญ ญาคิดสลดั ออกบริโภคอยู แมขอนีแ้ ลยอ มเปนอุปกิเลสแกบุคคลผูมีตบะ. นโิ ครธะ ขอ อืน่ ยังมอี ยอู กี บคุ คลผมู ตี บะยอมยดึ ถอื มั่นตบะดวยคิดวา พระราชา มหาอาํ มาตยข องพระราชา กษัตริย พราหมณคฤหบดี เดียรถีย จักสกั การะเรา เพราะเหตุแหง ความใครล าภสักการะและความสรรเสริญ แมข อนแี้ ล ยอ มเปน อุปกเิ ลสแกบคุ คลผูมตี บะ.
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 66 นิโครธะ ขอ อืน่ ยังมอี ยูอ กี บคุ คลผมู ีตบะยอมเปน ผูรกุ รานสมณะพราหมณอนื่ แตท ่ีไหน ๆ วา กไ็ ฉน ผนู เี้ ลย้ี งชพี ดวยวตั ถหุ ลายอยาง กินวตั ถุทกุ ๆ อยา ง คอื พชื เกดิ แตเ งา พืชเกดิ แตล ําตน พชื เกดิ แตผล พชืเกิดแตยอด พืชเกิดแตเมล็ด เปน ทคี่ รบ ๕ ปลายฟนของผนู ีค้ มประดจุสายฟา คนทง้ั หลายยอมจํากนั ได ดวยการตวู า เปนสมณะ แมขอนแี้ ลยอ มเปน อุปกเิ ลสแกบุคคลผมู ีตบะ. นิโครธะ ขออ่ืนยังมอี ยอู ีก บุคคลผมู ตี บะ เหน็ สมณะหรอืพราหมณอ ่ืนทเ่ี ขาสกั การะ เคารพนับถือ บูชาอยใู นสกลุ ทงั้ หลาย เขาดําริอยางนวี้ า คนทงั้ หลายยอมสักการะ เคารพ นบั ถอื บชู าสมณะหรอืพราหมณช ื่อน้ีแลเลีย้ งชีพดว ยวตั ถุหลายอยางในสกลุ ทั้งหลาย แตไมสักการะ ไมเ คารพ ไมนบั ถือ ไมบชู าเราผูมีตบะ เลีย้ งชพี ดวยวตั ถเุ ศราหมองในสกุลท้งั หลาย เขาเปนผใู หค วามรษิ ยา และความตระหนีเ่ กดิขนึ้ ในสกุลทง้ั หลาย ดังนี้ แมขอ น้ีแลยอมเปนอุปกเิ ลสแกบคุ คลผูมีตบะ. นโิ ครธะ ขอ อน่ื ยังอยอู ีก บุคคลผูมตี บะเปนผูนั่งในทางท่ีมนษุ ยเหน็ แมข อนีแ้ ล ยอ มเปน อปุ กิเลสแกบุคคลผมู ตี บะ. นโิ ครธะ ขออื่นยังมีอยูอีก บคุ คลผมู ีตบะยอ มเทย่ี วแสดงตนไปในสกุลท้งั หลายวา กรรมแมนก้ี ็เปนตบะของเรา กรรมแมน้เี ปน ตบะของเรา แมข อ นแี้ ลยอ มเปน อปุ กเิ ลสแกบุคคลผมู ตี บะ. นโิ ครธะ ขอ อนื่ ยังมีอยอู ีก บุคคลผมู ตี บะยอมเสพโทษอันปกปดบางอยาง เขาถูกผูอืน่ ถามวา โทษน้คี วรแกทานหรอื กลา วโทษทไี่ มค วรวาควร กลาวโทษที่ควรวา ไมค วร เขาเปนผูก ลาวเทจ็ ทัง้ ที่รอู ยู ดังน้ี แมขอ นแ้ี ล ยอมเปนอปุ กิเลสแกบคุ คลผมู ตี บะ. นิโครธะ ขออ่ืนยงั มีอยอู กี บคุ คลผมู ีตบะ เม่ือพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตแสดงธรรมอยู ยอ มไมรปู รยิ ายท่คี วรรูอ ันมีอยู
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 67น่ันแล แมขอ นี้แล ยอ มเปน อุปกเิ ลสแกบ ุคคลผูม ีตบะ. นิโครธะ ขอ อื่นยงั มอี ยอู ีก บุคคลผูมตี บะเปน ผูม ักโกรธ มกัผกู โกรธ แมข อ ท่ีผู มตี บะเปนผมู ักโกรธ มักผูกโกรธ น้ีแล ยอ มเปน อปุ -กิเลสแกบ คุ คลผมู ีตบะ. นิโครธะ ขออนื่ ยังมีอยอู กี บคุ คลพดู ลผูมตี บะเปนผมู คี วามลบหลูดีเสมอ รษิ ยา ตระหน่ี โออวด มีมารยา กระดาง ถอื ตวั จดั เปน ผูมคี วามปรารถนาลามก ไปสอู าํ นาจแหง ความปรารถนาลามก เปน มจิ ฉาทฏิ ฐิประกอบดวยทฏิ ฐอิ นั ด่งิ ถึงที่สุด เปน ผลู บู คลําทฏิ ฐิเอง เปนผูถ อื ม่นั สละคนื ไดยาก ขอ ท่ีบุคคลผูมตี บะ ฯลฯ แมนี้แล ยอ มเปน อปุ กเิ ลสแกบ คุ คลผูม ตี บะ. นโิ ครธะ ทา นจะพงึ สาํ คญั ความขอ น้ันเปน ไฉน การเกลยี ดบาปดวยตบะเหลา น้ี เปนอุปกิเลสหรือไมเ ปน อปุ กเิ ลส. นิโครธปรพิ าชกกราบทลู วา ขา แตพ ระองคผ ูเ จรญิ การเกลียดบาปดว ยตบะเหลา นี้ เปนอุปกเิ ลสแนแ ท ไมเปน อุปกิเลสหามไิ ด บุคคลผูม ตี บะในโลกน้ี พึงเปน ผปู ระถอบดวยอุปกิเลสเหลาน้ีครบทุกอยาง ขอ น้ีแลเปนฐานะที่มีได จะปว ยกลาวไปไยถึงอุปกเิ ลสเพียงบางขอ ๆ.กถาวา ดวยความบรสิ ทุ ธข์ิ องผรู งั เกียจตบะ [๒๕] พระผูมีพระภาคเจาตรสั วา นิโครธะ บุคคลผูม ีตบะในโลกนยี้ อ มถือมนั่ ตบะ เขาเปน ผูไมดีใจ ไมมีความดํารบิ ริบูรณด ว ยตบะน้นั ขอทีผ่ ู มีตบะถือมัน่ ตบะ ไมด ีใจ ไมม ีความดาํ ริบริบรู ณด วยตบะนัน้อยา งนี้ เขายอมเปนผูบรสิ ทุ ธ์ิ ในฐานะ. นโิ ครธะ ขอ อนื่ ยังมอี ยอู ีก บคุ คลผูม ีตบะยอมถอื มน่ั ตบะ เขายอ มไมยกตน ไมขม ผอู น่ื ดวยตบะน้ัน ฯลฯ อยา งน้ี เขายอมเปน ผูบ ริสุทธใ์ิ นฐานะนนั้ .
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 68 นโิ ครธะ ขอ อ่ืนยงั มอี ยูอีก บคุ คลผมู ีตบะยอ มถือมนั่ ตบะ เขายอมไมมวั เมา ไมลืมสติ ยอมไมถงึ ความมวั เมาดวยตบะน้ัน ฯลฯ อยางนี้เขายอ มบรสิ ทุ ธิใ์ นฐานะน้ัน. นโิ ครธะ ขอ อน่ื ยงั มอี ยอู กี บคุ คลผูม ีตบะยอมถอื มน่ั ตบะ. เขาใหลาภสกั การะและความสรรเสริญเกดิ ข้นึ ดวยตบะน้ัน เขาเปน ผูไมดใี จไมมคี วามดาํ รบิ รบิ รู ณด ว ยลาภสักการะและความสรรเสริญน้ัน ฯลฯ อยางนี้ เขายอ มบริสุทธใิ์ นฐานะนนั้ . นิโครธะ ขออน่ื ยังมอี ยูอีก บุคคลผูมีตบะยอ มถือมน่ั ตบะ เขาใหลาภสักการะและความสรรเสริญเกิดข้นึ ดว ยตบะน้นั เขายอมไมยกตนไมขม ผอู ืน่ ดว ยลาภสักการะและความสรรเสริญน้ัน ฯลฯ อยา งนี้ เขาเปนผูบรสิ ทุ ธ์ิ ในฐานะนั้น. นโิ ครธะ ขออนื่ ยงั มีอยูอีก บุคคลผมู ีตบะยอมถอื มน่ั ตบะ เขาใหลาภสกั การะและความสรรเสริญเกิดข้ึนดวยตบะนน้ั เขาไมมัวเมา ไมหลงลืมสติ ไมถงึ ความมัวเมาดวยลาภสกั การะและความสรรเสริญนนั้ ฯลฯอยา งนี้ เขายอมบรสิ ทุ ธ์ใิ นฐานะน้ัน . นิโครธะ ขอ อนื่ ยงั อยอู ีก บคุ คลผมู ีตบะยอ มถือมน่ั ตบะ ยอ มไมถงึ สว น ๒ ในโภชนะท้ังหลายวา ส่งิ นค้ี วรแกเรา สงิ่ นไ้ี มค วรแกเรากส็ ่งิ ใดแลไมควรแกเขา เขาไมมุง ละส่ิงนน้ั เสยี สวนส่ิงใดควรแกเ ขา เขาไมก าํ หนดั ไมลืมสติ ไมค ิดสิง่ นน้ั แลเหน็ โทษ มปี ญ ญาคิดสลัดออกบรโิ ภคอยอู ยา งน้ี เขายอมเปน ผบู ริสุทธ์ใิ นฐานะนั้น. นโิ ครธ ขออ่ืนยงั มีอยูอกี บุคคลผมู ตี บะยอมถือมั่นตบะ แตเขาไมคดิ วา พระราชา มหาอํามาตยข องพระราชา กษตั รยิ พราหมณคฤหบดี เดียรถยี จกั สกั การะเรา เพราะเหตุแหง ความใครลาภสักการะและความสรรเสริญ อยา งน้ี เขายอมเปนผบู รสิ ุทธิ์ในฐานะนน้ั .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 69 นโิ ครธะ ขออ่ืนยังมอี ยอู กี บุคคลผมู ตี บะ ไมร กุ รานสมณะหรอืพราหมณอ น่ื วา กไ็ ฉนผูนีเ้ ล้ยี งชวี ติ ดว ยวัตถหุ ลายอยา ง กินวัตถทุ กุ ๆอยาง คอื พชื เกดิ แตเ งา พืชเกดิ แตลาํ ตน พืชเกดิ แตผ ล พชื เกดิ แตยอดพชื เกดิ แตเ มลด็ เปนท่คี รบ ๕ ปลายฟนของผนู ีค้ มประดจุ สายฟา คนทงั้หลายยอมจํากันไดดวยการตูวาเปนสมณะ อยางนี้ เขายอมเปนผบู รสิ ุทธิ์ในฐานะน้นั . นโิ ครธะ ขออน่ื ยังมีอยอู ีก บุคคลผมู ตี บะ เห็นสมณะหรือพราหมณอ ่นื ที่เขาสกั การะเคารพนบั ถอื บูชาอยูในสกุลทั้งหลาย เขาไมดํารอิ ยางน้ีวา คนทงั้ หลายยอ มสักการะเคารพนับถือบชู าสมณะหรอืพราหมณชอ่ื นแ้ี ล ผูเ ลีย้ งชีพดว ยวัตถุหลายประการในสกลุ ท้งั หลาย แตไมสักกาะร ไมเ คารพ ไมน บั ถอื ไมบ ูชาเราผูมตี บะ เล้ียงชพี ดว ยวตั ถุเศราหมองในสกลุ ทงั้ หลาย เขาไมใ หค วามริษยาและความตระหนเ่ี กดิ ขนึ้ในสกุลท้ังหลาย ดงั นี้ อยางนี้ เขายอมเปนผบู รสิ ุทธิ์ ในฐานะนน้ั . นโิ ครธะ ขออ่ืนยังมีอยอู ีก บุคคลผมู ตี บะเปน ผูไ มน่ังในทางที่มคี นเห็น อยา งน้ี เขายอ มเปน ผบู ริสทุ ธใิ์ นฐานะน้ัน. นโิ ครธะ ขอ อื่นยงั มอี ยูอ ีก บคุ คลผูมตี บะยอมไมเ ทีย่ วแสดงตนไปในสกุลทง้ั หลายวา กรรมแมนก้ี เ็ ปน ตบะของเรา กรรมแมนกี้ ็เปนตบะของเรา อยางนี้ เขายอมเปน บริสทุ ธ์ิ ในฐานะนน้ั . นิโครธะ ขอ อนื่ ยังมีอยูอกี บคุ คลมีตบะยอ มไมเ สพโทษอันปกปด บางอยาง เขาถูกผูอ่ืนถามวา โทษน้ีควรแกท า นหรอื กลา วโทษที่ไมควรวา ไมควร กลาวโทษท่ีควรวาควร เขาเปนผไู มก ลา วเทจ็ ท้งั รูอยูดังน้ี อยา งนี้ เขายอ มเปนผูบริสุทธใ์ิ นฐานะนนั้ . นิโครธะ ขอ อ่นื ยงั มอี ยูอีก บุคคลผูมตี บะ เมื่อพระตถาคตหรอื
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 70สาวกของพระตถาคตกาํ ลงั แสดงธรรมอยู ยอมรูตามปรยิ ายอันมอี ยทู ี่ควรรูอยา งนี้ เขายอ มเปนผูบ ริสทุ ธใิ์ นฐานะนั้น. นโิ ครธะ ขออืน่ ยังมอี ยูอกี บุคคลผูม ตี บะ ไมเ ปนผมู กั โกรธไมผ กู โกรธ ขอ ที่บคุ คลผูมีตบะ ไมเปน ผูมกั โกรธ ไมผูกโกรธ อยางนี้ เขายอ มเปนผบู ริสุทธ์ิ ในฐานะนน้ั . นโิ ครธะ ขออ่ืนยังมีอยูอ กี บุคคลผูมีตบะ ไมลบหลู ไมด ีเสมอไมริษยา ไมต ระหนี่ ไมโ ออ วด ไมม ีมารยา ไมก ระดา ง ไมดูหมน่ิ ทานไมป รารถนาลามก ไมล อุ าํ นาจความปรารถนาลามก ไมเปน มจิ ฉาทฎิ ฐิ ไมประกอบดว ยทิฏฐิอนั ดิง่ ถงึ ที่สดุ ไมเปน ผลู บคลาํ ทิฏฐเิ อง ไมเ ปน ผูถ อื มนั่สละคืนไดงา ย ขอ ท่ีบคุ คลผมู ตี บะ ไมลบหลู ฯลฯ ไมเปน ผูถือมนั่ สละคนื ไดงาย อยางน้ี เขาเปนผบู ริสุทธ์ใิ นฐานะน้ัน. นิโครธะ เธอจะสาํ คัญความขอนั้นเปน ไฉน ถาเม่ือเปนเชนนี้การเกลยี ดบาปดวยตบะจะบรสิ ทุ ธิ์หรอื ไมบรสิ ทุ ธ์.ิ นิโครธปรพิ าชกกราบทูลวา ขาแตพระองคผ ูเ จรญิ เมอื่ เปนเชน นี้ การเกลยี ดบาปดวยตบะเหลานบ้ี ริสทุ ธิ์แนแท ไมใชไ มบริสทุ ธ์ิเปน กิรยิ าที่ถึงยอดถึงแกน . พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วา นโิ ครธะ การเกลยี ดบาปดว ยตบะดวยเหตเุ พยี งเทา น้ี เปน กิรยิ าทถ่ี ึงยอดถงึ แกน หามิได ท่ีแทเปนกริ ยิ าท่ถี งึสะเก็ดเทานั้น.กถาวาดวยการบรรลุธรรมเปนสาระอันเลิศ [๒๖] นโิ ครธปริพาชกกราบทูลวา ขาแตพ ระองคผ ูเจริญ ก็การเกลยี ดบาปดวยตบะ เปนกริ ยิ าท่ีถงึ ยอดถงึ แกนดวยเหตเุ พียงเทา ไรขอประทานวโรกาส ขอพระผูม ีพระภาคเจาจงใหข า พระองคถ งึ ยอดถงึแกน แหง การเกลยี ดบาปดวยตบะเถดิ .
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 79อยา งน้ี อุเทศนั่นแหละจงเปนอุเทศของเธอ นโิ ครธะ แตบางทีเธอจะพึงดาํ ริอยา งนว้ี า พระสมณโคดมปรารถนาจะใหเ ราเคลือ่ นจากอาชวี ะ จงึ ตรัสอยางน้ี ขอ นน้ั เธอไมพ งึ เหน็ อยางนนั้ ก็อาชวี ะของเธอนน่ั แหละจงเปนอาชีวะของเธอ นโิ ครธะ แตบางทเี ธอจะพงึ ดําริอยางนีว้ า พระสมณโคดมปรารถนาจะใหเ รากบั อาจารยต ง้ั อยูในอกุศล-ธรรมซง่ึ เปน สว นอกุศล จงึ ตรัสอยางน้ี ขอน้นั เธอไมพ ึงเห็นอยางน้ัน อกุศลธรรมเหลา นัน้ แหละจงเปน สว นอกศุ ลของเธอกบัอาจารย นโิ ครธะ แตบ างทีเธอจะพึงดําริอยางนวี้ า พระสมณโคดมปรารถนาจะใหเ รากบั อาจารยส งัดจากกุศลธรรมซึ่งเปนสวนกศุ ล จงึตรัสอยา งนี้ ขอนน้ั เธอไมพ ึงเห็นอยา งน้ัน กุศลธรรมเหลานน้ั แหละจงเปนสว นกุศลของเธอกบั อาจารย นโิ ครธะ ดวยประการอยางนี้แลเรากลา วอยา งน้ี เพราะใครไ ดอ ันเตวาสกิ หามไิ ด เราปรารถนาจะใหเธอเคล่อื นจากอุเทศจึงกลา วอยางนี้ก็หาไม ปรารถนาจะใหเคลอ่ื นจากอาชวี ะ จึงกลาวอยา งน้ี ก็หาไม ปรารถนาจะใหเธอกบั อาจารยต้งั อยูในอกศุ ลธรรม ซึ่งเปน สว นอกุศล จึงกลา วอยางน้ี กห็ าไมปรารถนาจะใหเธอกับอาจารยสงัดจากกุศลธรรม ซึง่ เปนสวนกุศลจงึ กลา วอยา งน้ี ก็หาไม นโิ ครธะ ทเ่ี ราแสดงธรรมเพื่อใหล ะอกุศล-ธรรมเหลา ใด อกศุ ลธรรมเหลานัน้ ยงั ละไมไ ด เศรา หมอง สรา งภพใหม มคี วามกระวนกระวาย มีทกุ ขเ ปนผล เปน ปจ จยั แกช าติ ชรามรณะตอ ไป ยงั มีอยู เธอทง้ั หลายผปู ฏิบตั ติ ามธรรมแลว จักละธรรมเปน เครื่องเศราหมองได ธรรมอนั เปน ท่ตี งั้ แหงความผองแผว จกั เจริญยง่ิ เธอทงั้ หลายจักทาํ ใหแ จงซ่งึ ความบรบิ ูรณแ หง มรรคปญ ญา และความเปน ผูไพบูลยด ว ยผลปญ ญา เพราะรูยง่ิ ดวยตนเองในทฏิ ฐธรรมเขาถึงอยู
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 80เมอ่ื พระผูม พี ระภาคเจาตรัสอยางน้ีแลว พวกปริพาชกไดน่ังนงิ่ เกอเขินคอตก กมหนา ซบเซา ไมม ปี ฏภิ าณ เหมือนถูกมารดลใจ ฉะนน้ั . วาดว ยมารดลใจพวกปรพิ าชก [๓๒] ครง้ั นน้ั พระผมู พี ระภาคเจาทรงดํารวิ า โมฆบุรษุเหลา น้ีท้ังหมด ถูกมารใจบาปดลใจแลว ในพวกเขาแมสักคนหนึง่ ไมมีใครคดิ อยา งน้วี า เอาเถดิ พวกเราจักประพฤติพรหมจรรยใ นพระสมณโคดม เพ่อื ความรูทัว่ ถงึ บาง เจ็ดวนั จักทาํ อะไร ครงั้ นัน้ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงบันลือสหี นาท ในปริพาชิการามของพระนางอุทุม-พรกิ าแลว เหาะขน้ึ ไปในอากาศ ปรากฏอยูบนภเู ขาคชิ ฌกูฏ. ทันใดน่นั เอง สนั ธานคฤหบดเี ขา ไปในกรงุ ราชคฤห ดวยประการฉะน้.ี จบ อุทมุ พริกสตู ร ท่ี ๒
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 81 อรรถกถาอทุ มุ พรกิ สตู ร อุทุมพริกสตู ร เรมิ่ ตน วา เอวมเฺ ม สุต ดังน.ี้ ในอทุ มุ พริกสูตรนนั้ มกี ารพรรณนาตามลําดับบท ดังตอ ไปน้.ี บทวา ปริพฺพาชโก หมายเอาฉนั นปริพาชก. บทวา อทุ มุ -ฺพรกิ าย ปริพพฺ าชการาเม ไดส ก ในอารามปริพาชก ในสาํ นักของนางอทุ มุ พรกิ าเทว.ี คาํ วา สนธฺ าโน เปนชอ่ื ของคฤหบดีน้นั . คฤหบดผี ูนมี้ ีอานุภาพมาก เปน ยอดบรุ ษุ ในจํานวนอบุ าสก ๕๐๐ คน ผแู วดลอ มเท่ียวไป เปนพระอนาคามี ( ดว ย). พระผูม ีพระภาคเจา ไดส รรเสรญิ เขาในทา มกลางมหาบริษทั วา สันธานคฤหบดีประกอบดว ยองค ๖ ประการ มคี วามเช่ือม่นั ในพระตถาคต ดํารงตนอยูในพระสทั ธรรม. องค ๖ ประการเปน ไฉน. คอื ดวยความเลอ่ื มใสไมค ลอนแคลนในพระพุทธเจา ในพระธรรม ในพระสงฆ ดว ยอริยศลี ดว ยอริยญาณ ดว ยอรยิ วิมตุ ติ. ภกิ ษุทงั้ หลาย สนั ธานคฤหบดีประกอบดว ยองค ๖ ประการเหลานแ้ี ล จึงชอ่ืวา มีความเช่ือม่ันในพระตถาคต ดาํ รงตนอยูใ นพระสัทธรรม. สนั -ธานคฤหบดีน้ัน อธิษฐานองคอ โุ บสถแตเชาตรูแลว ในเวลาเชา ก็ถวายทานแดพระสงฆม ีพระพุทธเจาเปนประมุข. เม่อื พวกภิกษุไปวหิ ารแลว เกิดความราํ คาญ เพราะเสียงรบกวนของเด็กเลก็ และเดก็ ใหญ ในบา น จึงออกไปดว ยคิดวา จกั ฟง ธรรมในสาํ นกั พระศาสดา. ดวยเหตนุ ั้นทา นจงึ กลา ววา พระผูม ีพระภาคเจาเสด็จออกจากรุงราชคฤหต อนบา ย. บรรดาบทเหลา น้นั บทวา ทวิ าทิวสฺเสว ไดแ ก เวลาเลยเทีย่ งไป ช่อื วา เวลาบา ย. อธบิ ายวา สนั ธานคฤหบดนี ั้นไดอ อกไป ในเวลาบาย
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 82คือพอเลยเทยี่ งไป. บทวา ปฏิสลลฺ ีโน ไดแก รวบรวมจติ จากอารมณมีรปู เปนตนนั้น ๆ หลกี เรนอยู คอื ถงึ ความเปน ผูมจี ิตมีอารมณเปน หนึ่งดวยอํานาจแหง ความเสวยความยินดใี นฌาน. บทวา มโนภาวนียานคอื ผยู งั ใจใหเ จริญ ไดแก จิตของผูร ะลึกถงึ กระทําไวใ นใจ ยอมเปนจติ อนั ปราศจากนิวรณ คือจติ ฟูข้ึน เจรญิ ขึน้ . บททงั้ หลายมีบทวา อนุ นฺ าทนิ ิยา เปน ตน พึงทราบตามนัยโดยพิสดารในโปฏฐปาทสตู รนนั่ แล. บทวา ยาวตา คอื มจี ํานวนเทาใด. บทวา อยนเฺ ตส อฺตโรความวา บรรดาสาวกเหลานน้ั สนั ธานคฤหบดีนน้ี ับเนื่องอยภู ายในสาวกเหลานั้น หรอื เปน สาวกคนหนง่ึ . ไดสดบั วา เหลา สาวกของพระผมู ีพระภาคเจา เฉพาะคฤหัสถซ ง่ึ เปนพระอนาคามี มจี ํานวน ๕๐๐ คนอาศัยอยูในกรงุ ราชคฤห. นโิ ครธปริพาชกกลาววา อย เตส อฺตโรดงั น้ีเปน ตน หมายถงึ เหลาอบุ าสกแตล ะคนมบี ริวารคนละ ๕๐๐ คน.นโิ ครธปรพิ าชกปรารถนาการเขามาของคฤหบดีน้ัน จงึ กลา ววา อป เปวนาม ดงั นี้. กเ็ หตแุ หงความปรารถนาไดกลาวไวแ ลว ในโปฏฐปาทสตู รน่ันแล. บทวา เอตทโวจ ไดแ ก สันธานคฤหบดกี าํ ลงั เดนิ มา ไดก ลา วคํานี้วา อฺถา โข อิเม เปน ตน เพราะตนไดสดบั ถอ ยคาํ ของปริ-พาชกเหลาน้นั ในระหวางทางนั่นแล. ในบทเหลาน้ัน บทวา อฺติตถฺ ยิ าความวา ที่ช่ือวา อญั ญเดียรถยี เพราะเปน เดยี รถยี เ หลาอน่ื ดว ยการเหน็บาง. มารยาบาง กริ ิยาบาง อาจาระบา ง การอยบู าง อริ ยิ าบถบาง. บทวา สงฺคมฺม สมาคมฺม ไดแ ก ในสถานที่ (พวกปริพาชก)ไปมารวมกันน่งั เปนกลมุ . บทวา อรเฺ วนปฏ านิ ไดแ ก ราวไพร
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 83ในปา คือเสนาสนะทีไ่ กลพนจากเขตบา น. เสนาสนะที่สงัด คือสถานท่อี ยูไ กลหา งจากแดนของมนษุ ย. บทวา อปปฺ สททฺ านิ คือมีเสียงเบาบาง แมแตเสยี งคนเดินทางซ่งึ เดินผา นไปใกลท ี่อย.ู บทวา อปฺปนิคโฺ ฆสานิ คือมีเสยี งเบา ๆโดยไมมีเสยี งกึกกอง. บทวา วชี นวาตานิ คอื ปราศจากวาทะของคนผูสญั จรไปในภายใน. บทวา มนุสฺสราหเสยยฺ ากานิ ไดแ ก สมควรคอื เหมาะแกก ารทํากรรมอนั เรนลับของมนุษย. บทวา ปฏิสลฺลานสารปุ ฺ-ปานิ ไดแ ก เหมาะแกก ารอยูคนเดียว. เพราะฉะน้ัน สันธานคฤหบดีจงึ คิดวา โอ พระศาสดาของเราเสพเสนาสนะเหน็ ปานน้ี จงึ ประคองอญั ชลไี วเหนอื ศรี ษะแลว นง่ั เปลงอุทานน้ี. คําวา เอว วุตฺเต ความวา เมอื่ สนั ธานคฤหบดเี ปลงอุทานอยา งนี้ นิโครธปรพิ าชกจงึ คดิ วา คฤหบดนี ี้ แมน ่งั ในสํานักเรา กย็ ังชมเชยยกยองพระศาสดาของตนองคเ ดยี ว แตไมสาํ คัญเราวามีอยู เราจะใหค วามกาํ เรบิ ทเี่ กิดขึน้ ในคฤหบดนี ั้นตกไปในเบือ้ งบนของพระสมณโค-ดม จึงไดก ลา วคาํ นกี้ บั สนั ธานคฤหบดี. คาํ วา ยคฺเฆ เปน นิบาต ใชในอรรถวาทกั ทวง. บทวา ชาเนยยฺ าสิ แปลวาควรรู ควรเห็น.บทวา เกน สมโณ โคตโม สลฺลปติ ความวา พระสมณโคดมยอ มเจรจา พดู กลา วกบั ใคร ดว ยเหตุไร. มีคาํ อธิบายอยา งไร มคี ําอธ-ิบายวา ผิวา เหตแุ หง การเจรจาอะไร ๆ จะพงึ มี หรือ ผวิ า ใคร ๆ มีความตองการเจรจา พงึ ไปสํานักพระสมณโคดม พึงเจรจา แตไ มม ีเหตุใคร ๆ ก็ไมไปหาทา น. พระสมณโคดมนนั้ จะเจรจากมใครเลา เมอื่ ไมไดเ จรจาก็จกั บนั ลือพระสหี นาทอยางได. บทวา สากจฉฺ คอื สนทนารว มกนั . บทวา ปฺ าเวยฺยตฺตยิ ไดแก ความเปนผฉู ลาดในญาณโดยอุตตรนัยและปจ จุตตรนยั .
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 84 บทวา สุ ฺาคารตา คือหายไปแลวในสญุ ญาคาร. นิโครธปริพาชกแสดงวา เพราะพระสมณโคดม ไดบรรลพุ ระปญญาเพียงนดิหนอยที่โคนโพธ์ิ เม่อื พระสมณโคดมพระองคเ ดยี วน่ังทสี่ ญุ ญาคาร พระปญ ญานัน้ กห็ ายไป แตถ าพระสมณโคดมนนั้ พงึ น่ังคลุกคลดี วยหมคู ณะเหมือนเรา พระปญ ญาของพระองคกจ็ ะไมพึงหายไป. บทวา อปริสาวจโรไดแ ก ไมอ าจเขาสทู ่ีประชมุ ได เพราะไมกลา . บทวา นาล สลลฺ าปายคือ ไมส ามารถเจรจาปราศัยได. บทวา อนฺตปนฺตาเนว ความวาพระสมณโคดมกลวั ตอปญ หา วาใคร ๆ พึงถามปญหากะเรา ดงั น้ี จงึเสพทีอ่ นั สงัด ณ ภายในอยา งเดยี ว คือเสนาสนะอันสงัด. บทวา โค-กาณา ไดแ ก แมโ คมีตาบอดขา งเดียว ไดย นิ วา แมโคบอดน้ันเทย่ี ววนเวียนเสพท่อี ันสงัดภายในเทาน้ัน ไดสดับมาวา แมโคบอดน้นั แมม ุงหนาไปราวปา ก็ไมสามารถไปได เพราะเปนโคตาบอด. ถามวา เพราะเหตไุ ร ? ตอบวา เพราะแมโ คบอดน้ันยอ มกลัวตอ ใบไม กิ่งไม หรอืหนามกระทบเอา. ยอมไมสามารถจะอยูเ ฉพาะหนา ฝงู โคได. ถามวาเพราะเหตใุ ด ตอบวา เพราะแมโ คบอดน้ันยอ มกลัวตอ เขาโค หโู คหรอื หางกระทบเอา. ศัพทวา อิงฺฆ เปน นิบาต ใชในอรรถวาทกั ทว ง. บทวา ส สา-เทยฺยาม ไดแ ก เราพงึ ทาํ ความเหยียดหยาม คือใหถ ึงความกระอักกระอวนเทา นน้ั ดวยการถามปญ หาขอหนึ่ง. บทวา ตุจฉฺ กมุ ภฺ ึว นไดแ ก (พงึ บบี รัด) พระสมณโคดมนัน้ เหมือนบคุ คลบบี รัดหมอเปลาฉะนั้น. บทวา โอโรเธยฺยาม คอื พึงบบี รดั . จรงิ อยู หมอ ที่เต็มแลวกล้งิ ไปขางโนนขา งนี้ บคุ คลบบี รดั ไมได สว นหมอท่ีเปลา บุคคลจะสามารถพลิกกลับบีบรดั ตามความชอบใจได ฉันใด นโิ ครธปริพาชกนยี้ อมกลา ววา เราจกั บีบรดั พระสมณโคดม เหมอื นกับบีบรัดหมอ ที่เปลา
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 85โดยรอบดาน ดวยการบบี คั้นดว ยวาทะ เพราะพระองคม ปี ญ ญาถูกขจัดเสยี แลว . ปรพิ าชก เมอื่ ไมเห็นวงพระนลาฏสที องของพระศาสดา จึงแสดงกาํ ลังของตนในทล่ี ับหลังพระทศพล คาํ รามเปลา ๆ ปรี้ ๆ มีประการตาง ๆ เหมือนบตุ รคนจณั ฑาลเสยี ดสีขตั ติยกมุ าร ซงึ่ มไิ ดเ จือปนโดยชาติ และเหมือนสุนขั จิง้ จอกเสยี ดสพี ญาไกสรสหี ราชแท ๆ ดว ยกําลงัฉะนนั้ . แมอ บุ าสกกค็ ดิ วา ปรพิ าชกผูนขี้ ตู ะคอกเกนิ ไป พยายามโดยไมมปี ระโยชน เหมอื นเหยียดเทาไปเพื่อสัมผัสอเวจี เหยียดมือไปเพ่ือจบัภวัคคพรหม ฉะนน้ั ถา พระศาสดาของเราพงึ มาสูทน่ี ้ี พระองคพ ึงลดธงคือมานะที่ปรพิ าชกน้ียกขน้ึ จนถงึ ภวคั คพรหมโดยฐานะทีเดยี ว. แมพระผูมีพระภาคเจากไ็ ดทรงสดบั การสนทนาปราศยั นน้ั . ดว ยเหตุนัน้ ทา นจงึกลา ววา อสฺโสสิ โข อิม กถาสลฺลาป ดังนี.้ บทวา สมุ าคธาย ความวา บรุ ุษคนใดคนหนง่ึ นั่งท่ฝี ง สระโบกขรณีช่ือสมุ าคธา ไดเ ห็นหมูพ วกอสรู กาํ ลังเขา ไปยงั ภพอสูร ทางกานดอกบัว. อาหารทานเรยี กวา นิวาปะ ในคําวา โมรนิวาเป นี้ อธบิ ายวา ไดแกสถานท่ี ๆ บุคคลใหเ หยอ่ื พรอมทัง้ ใหอภยั แกน กยูง. บทวา อพโฺ ภกาเสคือในสถานทเี่ ปนเนนิ . บทวา อสฺสาลปฺปตฺตา ไดแ ก ไดป ระสบความยินดี คือประสบความโสมนัส. บทวา อชฺฌาสย คือ เปนนิสยั แหง มรรคชัน้ สูง. บทวา อาทิพรฺ หฺมจรยิ ไดแ ก อริยมรรค กลา วคอื พรหมจรรยชน้ัตน . นโิ ครธปรพิ าชกไดกลา วดังนีว้ า ขาแตพ ระองคผ เู จริญ พระสาวกที่พระผูมพี ระภาคเจา ทรงแนะนาํ แลว บําเพ็ญอรยิ มรรคอันเปนอาทิพรหม-จรรยด วยอธั ยาศัยแลว ถงึ ความปลอดโปรง ยอ มรเู ฉพาะ ดว ยการบรรลุพระอรหตั ดวยธรรมช่ืออะไร.
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 86 บทวา วิปฺปกถา ไดแก ท่คี างอยูยังไมจ บ เพราะการมาของเราเปนปจ จัย. พระผมู พี ระภาคเจาทรงยนิ ยอมแบบพระสพั พญั วู าเธอจงกลา วไปเถดิ เราจักแสดงธรรมนัน้ ใหจบใหถ งึ ทีส่ ุด. บทวา ทชุ -ฺชาน โข ความวา พระผมู ีพระภาคเจาทรงสดับคําของปริพาชกแลว ทรงดาํ ริวา ปรพิ าชกนย้ี อมถามถงึ ธรรมท่ีเราแสดงพระสาวก อันเปนขอ ปฏิบัติท่พี ระสาวกเหลานน้ั พึงบาํ เพญ็ หากเราจกั กลา วธรรมนน้ั แตตนแกเ ขา เขาจกั ไมร ูธ รรมแมทเ่ี รากลาวแลว กป็ รพิ าชกนเี้ ปน ผูมวี าทะรงั เกยี จบาปดว ยความเพียร เอาเถอะ เราจะใหเขาถามปญ หาในวสิ ัยแหงวาทะนนั้ เทา น้ัน แลวจะแสดงความไมม ปี ระโยชนแ หง ลทั ธขิ องสมณ-พราหมณเ ปนอันมาก คร้ันแลว จกั พยากรณปญหานใ้ี นภายหลงั จึงตรัสวาทุชฺชาน โข เอต เปน ตน. บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา สเก อาจริยเก คอื ไมล ัทธิอา-จารยข อตน. บทวา อธิเชคุจเฺ ฉ คือ ในการเกลียดบาปดวยความเพยี ร. บทวา กถ สนฺตา คอื เปน อยา งไร. บทวา ตโปชคิ ุจฉฺ าไดแ ก การเกลยี ดบาป คอื การหนา ยบาปดว ยความเพยี ร. บทวา ปรปิ ุณ-ฺณา คอื บริสุทธิ์แลว. คําวา กถ อปริปณุ ณฺ า ไดแก เธอจงถามอยา งนี้วา ไมบริสทุ ธอ์ิ ยา งไร. บทวา ยตฺร หิ นาม คือ โย นาม. บทวา อปฺปสทเฺ ท กตวฺ า ไดแ ก ใหไมม ีเสยี งดงั คอื ใหมเี สยี งเบา. ไดสดบั วา ปรพิ าชกนน้ั คดิ วา พระสมณโคดมยอ มจะไมบอกเพียงปญ หาขอเดียว แมการสนทนาปราศัยของพระสมณโคดมนน้ั ไมมากนกั ก็ชนเหลา นี้ ยอมคลอยตามและสรรเสรญิ พระสมณโคดมตั้งแตตนเอาเถอะ เราจะทาํ ชนเหลา น้ใี หเ งยี บเสยี งพดู เสยี เอง. ปรพิ าชกไดทําตามนน้ั แลว. ดวยเหตุนัน้ ทานจึงกลาววา อปปฺ สทเฺ ท กตวฺ า เปน ตน .ในคําเปน ตน วา ตโปชคิ ุจฺฉวาทา ความวา เรากลา วการเกลยี ดบาปดวย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 87ตบะ ยอ มยึดถือการเกลียดบาปดว ยตบะนั้น โดยความเปน สาระ ดวยใจบา ง ยอ มแนบแนน การเกลยี ดบาปดว ยตบะนนั้ ประกอบความเพยี รในการทรมานตนเอง ซ่งึ มปี ระการตา ง ๆ แลว อยดู วยกายบาง. บทวาตปสฺสี คือ อาศัยตบะ. คําวา อเจลโก เปน ตน พึงทราบโดยนยั พิสดารในสีหนาทสูตร. บทวา ตป สมาทยิ ติ ไดแ ก ยึดถือตบะมคี วามเปน อเจลกะเปนตน คือถอื อยางมน่ั คง. บทวา อตตฺ มโน โหติ ความวา ปรพิ า-ชกดใี จวา มใี ครอื่นในตบะนีเ้ ชน เรา. บทวา ปรปิ ุณฺณสงกฺ ปโฺ ปไดแก มีความดาํ รสิ ิ้นสุดลงอยางนว้ี า เพยี งนีก้ ็พอ. กค็ าํ นีม้ าดว ยอาํ นาจแหง พวกเดียรถีย พึงแสดงแมดวยสามารถการเก่ยี วขอ งทางศาสนา. จรงิอยู คนบางคนสมาทานธุดงค เขายอ มยินดดี ว ยธุดงคน ัน้ วา คนอนื่ใครเลาจะทรงธุดงคเชนเรา ชอ่ื วามคี วามดาํ รบิ รบิ รู ณแ ลว. คําวาตปสสฺ ิโน อุปกฺกเิ ลโส โหติ ไดแ ก น้คี ืออุปกิเลสของผมู ีตบะทงั้ สองประการนนั้ . เรายอ มกลาววา ตบะเปนอุปกเิ ลสแกบุคคลน้ัน ดว ยเหตุเพยี งเทา นน้ั . บทวา อตฺตานุกฺก เสติ ไดแก ยกตน คือชตู นวา ใครจะเปน เชนเรา. บทวา ปร วมฺเภติ ไดแ ก ขู คอื ดูหม่ินคนอื่นวา ผูน้ีไมเหมือนเรา. บทวา มชชฺ ติ คอื มวั เมาดว ยความเมาคือมานะ. บทวา มุจฺฉติ ไดแ ก ลมื สติ คือตดิ อยไู ดแ กขอ งอย.ู บทวา มทมาปชฺชติไดแก ถึงความมัวเมาวา สิง่ นีเ้ ทา นน้ั เปนสาระ. ปรพิ าชกน้ี แมบ วชในศาสนาแลว เปน ผมู ธี ดุ งคบรสิ ุทธิ์ ไมใชม กี มั มฏั ฐานบรสิ ทุ ธ.ิ์ ยอมยดึ ถือธดุ งคเ ทา น้นั โดยความเปนสาระ เหมอื นยึดถือพระอรหตั . ในคาํ วา ลาภสกฺการสิโลก น้ี มวี ินจิ ฉัยดงั ตอไปน้ี
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 88 ชื่อวา ลาภ เพราะอรรถวา ไดป จจัย ๔. ปจจัยเหลานั้นแหละท่ีตกแตงทําไวอ ยา งดีไดม า ชอื่ วา สกั การะ. การกลา วสรรเสริญ ชื่อวาสโิ ลกะ. บทวา นพิ พฺ ตฺเตติ ความวา ลาภเปนอันมาก ยอมเกดิ ขึ้นเพราะอาศยั ความเปน อเจลกเปน ตน หรอื การทาํ สมาทานธดุ งคของเขาเพราะฉะนัน้ ปริพาชกจงึ กลาววา นิพฺพตฺเตติ ดงั น้ี. คาํ ทเี่ หลอื ในทน่ี ี้พึงทราบดวยอํานาจแหง ผมู ีตบะทั้งสองประเภท โดยนยั ที่กลา วไวครงั้ กอ นน่ันแล. บทวา โวทาสมาปชชฺ ติ ไดแ ก ถึง ๒ สว น คอื ทําใหเปน๒ สวน. บทวา ขมติ คือ ชอบใจ. บทวา น ขมติ คือไมชอบใจ.บทวา สาเปกโฺ ข ปชหติ ไดแ ก ผูมคี วามอยากยอ มละ. ถามวา อยา งไร.ตอบวา ตอนเชา เขาบรโิ ภคนม. ทีน้นั ทายกไดนาํ เนือ้ ไปใหเ ขาอีก.เขามคี วามคดิ อยางนี้วา บัดน้ี เม่ือไรเราจกั ไดอ ยา งนีอ้ ีก. ถา รอู ยางนี้เราจะไมค วรบรโิ ภคนมตอนเชา เราสามารถทําอะไรได จงึ มุงสละเหมอื นการสละชวี ิตดว ยการกลาววาไปเถิด ทานผเู จรญิ ทานนนั่ แหละจงบริโภค. บทวา คธิโต คือ กาํ หนัดแลว . บทวา มุจฺฉโิ ต ไดแกหลงลมื แลว เพราะความอยากมีกาํ ลัง คอื เปน ผมู สี ตหิ ลงลมื . บทวาอชฺฌาปนฺโน คือของอยูใ นอามิส. ไมทําแมเ พยี งการเชอ้ื เชญิ โดยธรรมวา ดกู อนทา นผมู อี ายุ ทา นจักบรโิ ภค กระทําใหเ ปน คําใหญ ๆ. บทวาอนาทีนวทสฺสาวี คอื ไมเ ห็นแมเ พยี งโทษ. การรจู กั ประมาณ ชือ่ วานสิ สรณะ ในคําวา อนิสฺสรณปโฺ นี้. เขาไมท าํ แมเพยี งการพิจารณาและการบริโภค. บทวา ลาภสกฺการสโิ ลกนิกกฺ นตฺ เิ หตุ คอืเพราะเหตแุ หงความอยากในลาภเปนตน. บทวา ส ภกฺเขติ แปลวาเคยี้ วกนิ . บทวา อสนวี จิ กกฺ คอื มีสณั ฐานคมเหมือนสายฟา. มีคาํอธบิ ายวา ปลายฟนของบุคคลน้ีคมประดจุ สายฟา มิใชจะไมบ รโิ ภค
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 89พืชอะไรในบรรดาพืชอนั เกดิ แตรากเปน ตน กเ็ มอื่ เปน เชนนนั้ ชนท้ังหลาอยูอ มรูจ กั วา เขาวาเปน สมณะ ดว ยการตวู าเปน สมณะ. เขายอ มรกุ รานคอื ดหู มิ่น ดว ยอาการอยางน.้ี ขอนี้มาดว ยอํานาจพวกเดียรถยี . แตด ว ยอาํ -นาจพระภิกษุ ในขอน้ีมีคาํ อธบิ ายประกอบดังตอไปนี้วา ภิกษนุ ้ี ตนเองไดทรงธุดงค เขายอมรุกรานผูอ่ืนอยางน้วี า ชนเหลานจ้ี ะชอื่ วาเปนสมณะไดอ ยางไร แตก ลาววา พวกเราเปนสมณะ ดงั น้ี แมคณุเพยี งธุดงคก ็ไมม ี คนเหลา น้ีเมือ่ แสวงหาอาหารมีอทุ เทสภตั เปน ตน ช่ือวามักมากดว ยปจจัยเทีย่ วไป. บทวา ลูชชวี ึ ไดแก ผูมคี วามเปน อยูเ ศราหมอง ดวยความเปนอเจลกะเปนตน หรือดว ยอํานาจธดุ งค. บทวา อิสสฺ ามจฺฉริย ไดแ กความรษิ ยามีการริดรอนสมบตั มิ สี กั การะเปน ตนของผอู น่ื เปน ลกั ษณะ และความตระหนม่ี คี วามไมย อมทําสักการะเปน ตน เปนลกั ษณะ. บทวา อาปา-ถกนิสาที โหติ ไดแก น่งั อยใู นทางเดิน คือในท่ีท่ีเห็นมนุษยทงั้ หลาย.บคุ คลผูมตี บะยืนอยูในสถานท่ีทีช่ นท้ังหลายจะเห็นได ยอมสอนวคั คุลิ-วัตร (ขอ ปฏิบัตดิ จุ คางคาว) บําเพ็ญตบะ ๕ อยา ง ยนื ดวยเทาขางเดียวไหวพ ระอาทติ ย. แมภ กิ ษผุ บู วชในศาสนาแลว ไดส มาทานธุดงคนอนหลับตลอดคนื แลว บาํ เพ็ญตบะในทางทค่ี นแลเหน็ เวลาเยน็ ทาํ จีวรกุฏบี นทน่ี อนใหญ เมื่อพระอาทิตยข้นึ ก็เกบ็ พอทราบวา พวกมนุษยม าหากเ็ คาะระฆัง วางจีวรไวบ นศรี ษะเดนิ จงกรม (ตอมา) กจ็ กั ไมก วาด กวาดลานวิหาร. บทวา อตฺตาน ไดแ ก ซึง่ คณุ ของตน. อ อักษรในคาํ วาอทสฺสยมาโน เปน เพียงนบิ าต. ความวา แสดงอยู. บทวา อิทมปฺ เม ตปสมฺ ึ ไดแ ก กรรมแมน ี้อยใู นตบะของเรา. อกี นัยหน่ึง บทวาตปสมฺ ึ น้ี เปน สัตตมวี ิภตั ติ ใชในอรรถปฐมาวภิ ตั ติ. อธบิ ายวา กรรมแมนี้เปนตบะของเรา. จริงอยู คนมีตบะน้นั ไดย ินวานกั บวชอเจลกะผูทอดทงิ้ อาจาระมอี ยทู ี่โนน เปนตน กพ็ ูดวา น่เี ปน ตบะ
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 90ของเรา อเจลกะน่ันเปนอันเตวาสกิ ของเรา เปนตน ไดฟง วา ภกิ ษุผทู รงผา บังสุกุลอยูใ นทีโ่ นนเปนตน ก็พูดวา นี้เปนตบะของเรา ภกิ ษุนน้ั เปนอนั เตวาสกิ ของเรา เปน ตน. บทวา กิ จฺ ิเทว ไดแ ก โทษหรอืทิฏฐอิ ะไร ๆ. ทวา ปฏจิ ฺฉนฺน เสวติ ไดแ ก ยอ มเสพโดยประการท่ชี นเหลา อ่นื จะไมร ู. บทวา อกขฺ มมาน อาห ขมติ ไดแก ยอ มกลา วถึงสง่ิ ท่ีตนไมช อบใจวา เราชอบใจ. คนมตี บะยอ มบญั ญตั โิ ทษท่ีตนทําแลวมากมายวามจี าํ นวนนอย แตแสดงโทษที่คนอื่นทาํ แลว เพยี งแตอ าบตั ิทกุ กฏวา เปน เหมอื นตองอาบตั ปิ าราชกิ . บทวา อนุ ฺเยยฺ ไดแ ก พงึทราบ คอื พึงอนุโมทนา. บทวา โกธโน โหติ อปุ นาหิ ไดแ กผ ูประกอบดวยโกธะ มีความขดั เคอื งเปนลกั ษณะ และดว ยอปุ นาหะมีการไมสละคนื เวรเปน ลกั ษณะ. บทวา มกขฺ ี โหติ ปลาสี ไดแกประกอบดว ยมัก-ขะ มกี ารลบหลคู ณุ คนอนื่ เปนลกั ษณะ และดวยปลาสะ มีการตเี สมอเปน ลักษณะ. บทวา อสิ ฺสุกี โหติ มจฺฉรี ไดแก ประกอบดวยความริษยาในสกั การะของผูอ่ืนเปนตน เปนลกั ษณะ และดวยความตระหน่ี๕ อยาง มคี วามตระหน่ีในอาวาส ตระกูล ลาภ วรรณะและธรรมเปนลักษณะ. บทวา สโ โหติ มายาวี ไดแกป ระกอบดว ยสาเถยยะมีความโออวดเปนลกั ษณะ และมายามีการปกปด กรรมท่ที าํ แลว เปนลกั ษณะ.บทวา ถทฺโธ โหติ อติมานี ไดแ ก ประกอบดว ยถมั กะมีความด้ือรน้ัซึง่ ขาดเมตตาและกรุณาเปนลักษณะ และอติมานะมกี ารดูหมน่ิ ลวงเกนิผูอืน่ เปน ลักษณะ. บทวา ปาปจฺโฉ โหติ ไดแก ประกอบดว ยความปรารถนาลามก มีการยกยอ งและปรารถนาอสตั บุรุษเปน ลักษณะ. บทวาปาปก าน คอื ลอุ ํานาจความอยากทลี่ ามกเหลานั้นนน่ั แล. บทวา มจิ ฺฉา-ทิฏ ิโก คือประกอบดวยทฏิ ฐิทไ่ี มถ ูกตอ ง ซง่ึ เปน ไปตามนัยวา ทานทบ่ี ุคคลใหแลว ไมมผี ล เปน ตน . บทวา อนฺตคฺคาหกิ าย ไดแก ทฏิ ฐิ
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 91นน้ั น่ันแล ทานเรยี กวา อนตฺ คคฺ าหิกา เพราะเขายึดถอื ความขาดสญูอธิบายวา ผูประกอบดวยอันตคั คาหิกทฏิ ฐินั้น. พึงทราบวนิ จิ ฉัยในคาํ วาสนฺทิฏ ปิ รามาสี เปนตน ดังตอไปน้ี- การเหน็ ดว ยตนเอง ชื่อวาสนฺทิฏิ ผใู ดจบั ตองยึดถอื สนั ทฏิ ฐนิ น้ั นน่ั แลเทยี่ วไป เหตุนัน้ ผนู ้ันช่อื วา สันทฏิ ฐปิ รามาสี. การตง้ั ไวดวยดี ม่นั คงดี เรยี กวา อาธานะ.ผูใดยึดถอื ไวอ ยางมั่นคง ผูน นั้ ช่ือวา อาธานัคคาห.ี ผูใดไมส ามารถจะสละการ ยึดถือมน่ั นนั้ เหมือนอริฏฐะสามเณร เหตนุ ั้น ผนู ั้นชอื่ วาทปุ ปฏินสิ สัคค.ี ศพั ทว า ยทเิ ม ตัดเปน ยทิ อเิ ม. บทวา อธิ นโิ ครฺ ธ ตปสสฺ ี ความวา พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงพระบาลีฝา ยทเี่ ศราหมอง คือทรงแสดงลทั ธทิ ่ีพวกอัญญเดียรถยี ถ อื เอาตบะทีพ่ วกเดยี รถยี เหลาน้นั รกั ษาวา เปนสงิ่ เศราหมองท้ังหมดแลว บัดน้ีเพื่อแสดงบาลฝี า ยบรสิ ุทธ์ิ เมื่อเริ่มเทศนา จงึ ตรัสวา อิธ นิโครฺ ธดังนเี้ ปน ตน. บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา น อตตฺ มโน เปนตน พงึทราบดว ยอาํ นาจบททตี่ รงกนั ขา มจากท่กี ลา วแลว. ในวาระบททกุ ๆ บทพึงประกอบขอความดว ยอาํ นาจผมู ีตบะเศรา หมองและผทู รงธุดงค. บทวาเอว โส ตสฺมึ ฐาเน ปรสิ ุทโฺ ธ โหติ ความวา ผูมตี บะนั้น เปนผบู รสิ ทุ ธิ์ คือไรอ ปุ กเิ ลส เพราะมีความพอใจดว ยตบะนั้น กห็ าไมเพราะเหตกุ ลาวคือความดํารบิ รบิ ูรณ กห็ าไม. ผูมตี บะนี้ เม่ือพยายามยิ่ง ๆ ขนึ้ ไป ก็เปนผูมีกรรมฐานบรสิ ทุ ธิ์ ยอ มบรรลุพระอรหตั ได.พึงทราบเนือ้ ความในวาระทุก ๆ บท โดยนยั น้.ี บทวา อทฺธา โขภนฺเต ความวา ปริพาชกยอ มรตู ามวา ขาแตพระองคผ เู จรญิ เมอื่เปน อยางน้ี วาทะท่เี กลยี ดบาปดว ยความเพยี รยอ มบรสิ ทุ ธ์ิ โดยสวนเดยี ว. อนึ่ง ปริพาชกนนั้ ไมร ยู อดและแกนอนื่ จากนี้ จงึ กลาววาอคคฺ ปฺปตตฺ า สารปฺปตตฺ า จ ดงั นี้. ทีน้ัน พระผูมพี ระภาคเจา เม่อื
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 92ทรงปฏเิ สธวาทะนัน้ เปน แกน สารแกป ริพาชกนั้น จงึ ตรัสวา น โข นโิ ครฺ ธเปน ตน. บทวา ปปฺปฏกิ มตตฺ า โหติ ความวา พระผูมีพระภาคเจายอ มทรงแสดงวา การเกลียดบาปดว ยตบะเหน็ ปานน้ี เปนเชนกับสะเก็ดภายนอกพนจากแกน กระพ้ี เปลือก ของตนไมมีแกน. บทวา อคฺค ปาเปตุ ความวา ยอมทูลขอกะพระทศพลวาขอพระผูมพี ระภาคเจา โปรดแสดงใหถ งึ ยอด คือ โปรดแสดงใหถ งึ แกนดวยอํานาจแหง เทศนา. บทวา จาตุยามส วรส วุโต คือปด แลวดวยความสาํ รวม ๔ อยาง.บทวา น ปาณมตปิ าเปติ คอื ไมเบยี ดเบยี นสัตว. บทวา น ภาวติ -มาสสึ ติ ความวา กามคุณ ๕ อยาง ชือ่ วา เปนสง่ิ ที่ปฏบิ ตั กิ นั มาเพราะกาํ หนดจดจําไว ไมหวงั คอื ไมเสพกามคุณเหลานนั้ . บทวาอทุ ฺจสส โหติ ความวา ขอทจี่ ะกลาวในบัดนี้เปน ตนวา โส อภิหรติจงึ เปน ลกั ษณะของเขา. บทวา ตปสสฺ ิตาย คือ เพราะความเปน ผูมตี บะ. บรรดาบทเหลา นัน้ บทวา โส อภิหรติ ความวา เขายอ มรกั ษาศีลนน้ั ใหย งิ่ คอื บําเพญ็ ใหสงู ยงิ่ ขึน้ ไป ไดแกไมย อมละความเพียรวา ศลี เราบรบิ ูรณแ ลว ตบะเราเริม่ แลว พอละ ดวยเหตเุ พียงเทาน้ี. บทวา โน หนิ ายาวตฺตติ ความวา ไมเ วียนมาเพือ่ ความเปนคนเลว คอื เพอื่ ความเปนคฤหัสถ ไดแกทาํ ความเพยี รเพือ่ ตองการบรรลุคณุ วิเศษยิ่งกวา ศลี . เขาเมื่อทําไดอ ยางน้ี ยอ มเสพเสนาสนะอันสงดั .บทวา อรฺ เปน ตน มพี ิสดารอยูแลวในสามญั ญผลสตู ร. บทวาเมตฺตาสหคเตน เปนตน ทานพรรณนาไวใ นวิสุทธมิ รรค. บทวา ตจปฺปตฺตา คอื ถงึ เปลือกภายในแตสะเก็ด. บทวา เผคฺ-คปุ ฺปตตฺ า คอื ถึงความเปน กระพ้ีภายในแตเปลอื ก อธิบายวา เปนเชน
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 93กระพ.ี้ พระผูมพี ระภาคเจาตรัสดาํ วา เอตตฺ าวตา โข นโิ ครฺ ธ ตโป-ชิคฺจฉฺ า อคฺคปฺปตตฺ า จ โหติ สารปฺปตตฺ า จ น้ี ดวยอาํ นาจพวกเดียรถีย. จรงิ อยู ลาภและสักการะของพวกเดยี รถยี เปนเหมือนกับก่งิ ไมและใบไม. เพียงศลี ๕ เชน สะเกด็ ไม. เพียงสมาบตั ิ ๘ เชน เปลือกไม.ปุพเพนวิ าสญาณและอภิญญาในท่ีสดุ เชน กระพ้.ี กพ็ วกเดยี รถียเ หลานั้นยอ มถอื เอาทิพพจกั ขวุ า เปน พระอรหตั . เพราะเหตนุ ัน้ ความยดึ ถือนนั้ของพวกเขา เชนแกน ตน ไม. สวนลาภและสักการะในพระศาสนา เปนเชนกิ่งไมและใบไม. ความถึงพรอมดวยศีล เชนกับสะเกด็ . ฌานและสมาบัติ เชนกับเปลอื ก. โลกยิ อภิญญาเชน กระพี.้ มรรคและผลเปนแกน . พระผมู พี ระภาคเจาทรงเปรียบเทียบศาสนาของพระองคด วยตนไมม ีผลดกท่กี ่งิ นอมลงและแผออก ดวยประการฉะนี้. เพราะพระองคฉ ลาดในการแสดงเทศนา พระผมู ีพระภาคเจาพระองคนน้ั ทรงเริ่มแสดงวา อติ ิ โข นิโครฺ ธ เปนตน เพอ่ื แสดงความแปลกแหงเทศนาของพระองควา ศาสนาของเรายงิ่ กวา ประณีตกวาความถึงพรอ มดวยแกนของทา นนั้น ทา นจกั รูศาสนาน้ันเมื่อไร. บทวา เต ปริพพฺ าชกา ไดแ ก ปริพาชกจาํ นวน ๓,๐๐๐ คนเหลา นน้ั เปน บรวิ ารของเขา. บทวา เอตถฺ มย น ปสสฺ าม ไดแกในบาลีมแี บบแผนอเจลกะเปน ตนนี.้ ทานกลา ววา แมแบบแผนอเจลกะ ก็ไมม แี กเรา แบบแผนท่ีบริสทุ ธิ์จกั มแี ตท ่ีไหน แมแ บบแผนทบี่ ริสทุ ธิ์ของพวกเราก็ไมมใี นที่น้นั . ความสํารวม ๔ อยางเปนตน จกั มีแตทีไ่ หน แมความสาํ รวม ๔ อยา ง ก็ไมมี การอยูปาเปน ตน จักมแี ตท ีไ่ หน แมการอยปู า ไมมีการละนิวรณเปนตน จักมแี ตท ีไ่ หน แมก ารละนวิ รณ ไมมี แมพรหมวหิ ารเปน ตน จกั มีแตท ่ีไหน แมพรหมวหิ ารไมม ี ปุพเพนิวาสญาณเปนตน
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 94จักมีแตท ไี่ หน แมปพุ เพนวิ าสญาณ ไมม ี ทิพพจกั ขขุ องพวกเราจกั มีแตทีไ่ หน พวกเราพรอ มท้งั อาจารยฉ บิ หายในที่น.้ี บทวา อโิ ต ภยิ โฺ ยอตุ ตฺ รตี ร ความวา ปรพิ าชกเหลา น้ันยอมกลาววา พวกเรายงั ไมรชู ดัการบรรลคุ ณุ วิเศษอ่ืนที่ยงิ่ ไปกวาการบรรลทุ พิ พจักขุญาณน้ี แมดว ยอาํ นาจการฟง. บทวา อถ นโิ คฺรธ ปริพพฺ าชก ความวา สันธานคฤหบดีนนั้ ไดม ีความคดิ อยา งนวี้ า ปรพิ าชกเหลานี้ ต้ังใจฟง ภาษติ ของพระผูม ีพระภาคเจาในบดั น้ี กน็ ิโครธปรพิ าชกนี้ ไดกลาวคาํ จวงจาบอยา งกัก-ขฬะลบั หลังพระผมู ีพระภาคเจา บัดน้ี ปรพิ าชกน้ไี ดเกดิ อยากฟง บดั น้ีเปนกาลที่จะลดธงคือมานะของปรพิ าชกน้ลี งแลว ยกพระศาสนาของพระผูม พี ระภาคเจาขน้ึ ลําดับน้ัน เขาจงึ ไดพ ดู คําน้นั กะนิโครธปรพิ าชกและแมสนั ธานคฤหบดีนนั้ ก็ไดมีความคิดอ่ืนอีกวา ปริพาชกนี้ เม่ือเราไมพูด ก็จกั ไมขอขมาพระศาสดา และการไมข อโทษนั้น จกั เปน ไปเพือ่ มใิ ชประโยชนเก้ือกูลเพื่อทกุ ขแกเ ขา ในอนาคต แตเ มื่อเราพูดแลวเขาจกั ขอขมา การขอขมาน้ัน จกั เปน ไปเพือ่ ประโยชนเ กือ้ กลู เพ่ือความสุขแกเ ขาตลอดกาลนาน ดังน้ี ทนี ้นั เขาจงึ ไดกลา วคาํ นั้นกะนิโครธ-ปริพาชก. ศัพทวา ปน ในคาํ วา อปรสิ าวจร ปน น กโรถ น้ีเปน นิบาต. ความวา ก็พวกทา นจงทาํ พระองคทา นไมใหก ลา เสด็จเที่ยวไปในท่ปี ระชุม. บาลวี า อปริสาวจเรต ดังนี้ ก็ม.ี อกี อยา งหนง่ึอธิบายวา พวกทานจงทําพระสมณโคดมนัน้ ไมใหกลา เทยี่ วไปในท่ีประชุม หรือจงทาํ ใหเปนเหมือนแมโคตาบอดเปน ตน ตวั ใดตวั หนง่ึ . แมในคําวา โคกาณ น มีอธบิ ายวา พวกทา นจงทาํ พระสมณโคดมใหเปนเหมือนโคตาบอดเที่ยววนเวียนไป ฉะน้ัน. บทวา ตณุ หฺ ีภโู ต คอื
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 95เขา ถึงความเปน ผนู ง่ิ . บทวา มงฺกภุ ูโต คอื หมดอํานาจ. บทวาปตฺตกขฺ นโฺ ธ คือคอตก. บทวา อโธมุโข คือ กมหนา. บทวา พทุ โฺ ธ โส ภควา สมฺโพธาย ความวา พระผูมีพระภาคเจา ตรัสรเู องแลว ทรงแสดงธรรมเพอื่ ใหส ัตวท งั้ หลายรูอ ริยสัจ ๔ ดวย.บทวา ทนฺโต คือ ฝก ทางจักษบุ าง ฯลฯ ฝกทางใจบา ง. บทวา ทมถายไดแก เพอ่ื ตองการฝกสตั วเ หลาอ่ืน หาใชเพ่อื วาทะ. บทวา สนฺโต ไดแ ก ทรงสงบแลว เพราะมีราคะสงบระงบัคือทรงสงบ เพราะมีโทสะ และโมหะสงบ เพราะมีอกุศลธรรมทัง้ ปวงและอภิสงั ขารทงั้ ปวงสงบ. บทวา สมถาย คอื ทรงแสดงธรรมเพอื่ ใหมหาชนมีราคะเปน ตนสงบ. บทวา ตณิ โฺ ณ คอื ขา มพน โอฆะ ๔ อยางได. บทวา ตรณาย คือ เพ่อื ตอ งการจะใหม หาชนผานพนโอฆะ. บทวา ปรินิพฺพโุ ต ไดแ ก เปนผูดบั แลว ดว ยกิเลสนิพพาน. บทวา ปรินพิ ฺ-พานาย ไดแก ทรงแสดงธรรม เพอ่ื ตอ งการใหม หาชนดบั กิเลสทกุ อยา งไดห มด. บทวา อจจฺ โย เปน ตน ไดกลา วไวแ ลว ในสามญั ญผลสตู ร.บทวา อุชุชาตโิ ก ไดแ ก เวนจากความคดทางกายเปนตน มีความซอื่ ตรงเปน สภาพ. บทวา อหมนุสาสามิ ความวา เราจะสั่งสอนบคุ คลเชนทา น และจะแสดงธรรมแกบคุ คลเชน ทา นน้ัน. บทวา สตฺตาหคือตลอดเจ็ดวนั . ก็พระผมู พี ระภาคเจาทรงมงุ ถงึ บคุ คลผูม ีปญญาทบึ จงึตรัสคาํ น้ีทง้ั หมด. ก็ บคุ คลผไู มโออวด ไมมมี ายาเปนคนตรง จักสามารถบรรลพุ ระอรหัตได โดยกาลครูเ ดยี วเทา นนั้ . เพราะเหตนุ ้นัพระผมู ีพระภาคเจาจึงทรงแสดงวา คนผูโออ วด คดโกง เราไมสามารถสอนได ดังนี้ ดวยคําเปน ตน วา อส ดงั นี้ จงึ เหมอื นทรงจบั ปรพิ าชกท่เี ทา ขวา งไปทเ่ี ชิงเขาพระสเุ มรุ. ถามวา เพราะเหตไุ ร. ตอบวา
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 96เพราะปรพิ าชกผูนีโ้ ออวดเหลอื เกิน มีจิตใจคดโกง. แมเ มอื่ พระศาสดาตรสั อยูอยา งน้ี ปริพาชกก็ไมนอ มใจไปในพระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ ไมเ งีย่ โสตไปเพ่อื ความเปน ผนู อมใจไป คงอยใู นความหลอกลวง ขอขมาพระศาสดา เพราะฉะนัน้ พระผมู ีพระภาคเจาทรงทราบอัธยาศยั ของเธอ จงึ ตรสั วา เรากไ็ มส ามารถสอนคนโออวดได. บทวา อนฺเตวาสิกมยฺ ตา ไดแก อยากไดอ ันเตวาสิก คือปรารถนาพวกเราเปน อันเตวาสิก. บทวา เอวมาเห ไดแก พระผูมีพระภาคเจา ตรสั คําวา บุรุษผรู ู ไมโออวด จงมา เปน ตน . บทวา โยเอวโว อาจริโย ความวา ผใู ด ตามปกตเิ ปนอาจารยของทาน. บทวาอทุ ฺเทสา โน จาเวตุกาโม ความวา พระสมณโคดมปรารถนาจะใหเราถอื คาํ สอนของพระองค แลว ใหพ วกเราเคล่ือนจากอเุ ทศของพวกเรา.บทวา โสเยว โว อทุ เิ ทโส โหตุ ความวา ตามปกติ อุเทศใดเปนอุเทศของทาน อเุ ทศน้ันก็เปนอุเทศของทา นนั่นแหละ เราไมม คี วามตอ งการดวยอุเทศของทาน. บทวา อาชีวา คอื จากความเปน อย.ู บทวา อกสุ ลสงฺขาตา คือถงึ สวนวาอกุศล. บทวา อกสุ ลา ธมมฺ าไดแก ธรรมคือความเกดิ แหง อกศุ ลจติ ๑๒ ดวง อีกอยางหนง่ึ โดยพิเศษ กไ็ ดแกตณั หาน่นั เอง. แทจริง ตณั หานั้น พระผมู ีพระภาคเจาตรสั เรียกวา โปโนพฺภวกิ า เพราะทาํ ใหเกดิ อีก. บทวา สทรถาคือประกอบดวยความกระวนกระวายดวยกเิ ลส. บทวา ชาตชิ รามรณิยาคือเปนปจ จยั แหง ชาติ ชรา และมรณะ. บทวา สงกฺ ิเลสกิ า ธมมฺ า คอืถอื ความเกดิ แหงอกศุ ลจติ ๑๒ ดวง. บทวา โวทานิยา ไดแ ก ธรรมคอื สมถะและวปิ ส สนา. เพราะธรรมคือสมถะและวปิ สสนาเหลานน้ั ยอ มทาํ ใหสัตวห มดจดได เพราะเหตนุ นั้ ธรรมเหลา น้ัน พระผูม ีพระภาคเจาจึงตรัสวา โวทานิยา. บทวา ปฺ าปาริปูรึ คือบริบรู ณด วยมรรค
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 97ปญ ญา. บทวา เวปุลฺลตฺตฺจ ไดแก ความไพบลู ยดว ยผลป ญญา.อีกนัยหนึ่ง ทัง้ สองบทนเ้ี ปนไวพจนของกันและกนั . ทานอธบิ ายไวว าเพราะเหตุนนั้ พวกทานจักทาํ ใหแจงมรรคปญญาและผลปญ ญา ดว ยปญ ญาอันยง่ิ ของตน ในปจ จบุ นั นั่นแล เขาถึงอยู ดงั น.้ี พระผมู พี ระภาคเจาทรงปรารภปริพาชกทัง้ หลาย เม่ือจะทรงแสดงกําลังแหงพระโอวาทา-นสุ าสนีของพระองค จงึ ยงั พระธรรมเทศนาใหจบลงดว ยยอดคือพระอร-หัต ดวยประการฉะน.้ี บทวา ยถา ต มาเรน ไดแก พวกปรพิ าชกเหลา นน้ั เปน ผูนัง่ นง่ิ ฯลฯ ไมมีปฏภิ าณ เหมือนถูกมารดลใจ ฉะนน้ั .ไดยนิ วา มารคิดวา พระศาสดาแสดงกาํ ลงั พระพทุ ธเจา คกุ คามเหลือเกินแสดงธรรมแกป รพิ าชกเหลาน้ี นาจะมกี ารตรัสรธู รรมบางในบางคราวเอาเถอะ เราจะดลใจ ดงั น.้ี มารจงึ ดลจติ ของปรพิ าชกเหลา นั้น. จริงอยู จิตทีย่ งั ละวปิ ลาสไมได จงึ ถูกมารกระทาํ ตามความปรารถนา.แมปริพาชกเหลา น้นั ถูกมารดลใจแลว กน็ ง่ั น่ิงไมม ปี ฏิภาณ เหมอื นมอี วัยวะทกุ สว นแขง็ กระดาง ฉะน้นั . ลาํ ดับนัน้ พระศาสดาทรงราํ พึงวาปรพิ าชกเหลาน้ีนั่งเงยี บเสียงเหลือเกนิ มเี หตอุ ะไรหนอแล ดังนีจ้ งึไดทราบวา พวกปริพาชกถูกมารดลใจ. กถ็ า เหตุแหงการบรรลมุ รรคและผลของปรพิ าชกเหลานน้ั พึงมี พระผมู ีพระภาคเจากพ็ ึงหา มมารแลวแสดงธรรม แตพ ระผมู ีพระภาคเจา นั้นทรงรูแ ลว เหตแุ หงมรรคผลไมมีแกป รพิ าชกเหลา น้นั ปริพาชกท้งั หมดนเ้ี ปนคนเปลา เพราะฉะน้นัทา นจงึ กลาวคําเปน ตนวา คร้งั นนั้ แล พระผมู ีพระภาคเจาทรงมีพระดําริวา ปรพิ าชกทงั้ หมดเหลาน้เี ปนโมฆบุรษุ . ในบรรดาบทเหลา นนั้ บทวา ผฏุ า ปาปมตา ไดแก ถูกมารมมี บี าปใจแลว . บทวา ยตฺร หิ นาม แปลวา ในปริพาชกเหลาใด.บทวา อฺาณตฺถมฺป คอื เพอ่ื ความร.ู บทวา กึ กริสฺสติ สตตฺ าโห
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 98ไดแก เจด็ วนั ทพ่ี ระสมณโคดมกําหนดั ไวแ ลว จกั ทําอะไรแกพวกเราได.พวกปรพิ าชกไดกลาววา พระสมณโคดมตรัสวา นิโครธปริพาชกจักทาํ ใหแจง ดว ยปญญาอันยง่ิ ของตนตลอดหน่งึ สปั ดาห หนง่ึ สปั ดาหนนั้ จะทําความไมผ าสกุ อะไรแกเขา เอาเถอะ พวกเราจะประพฤติพรหมจรรยเพ่ือความรวู า ในภายในหนึ่งสัปดาห พวกเราจะสามารถทาํ ใหแ จง ธรรมนั้นไดห รือไม. อกี นัยหนง่ึ ในขอ น้ี มอี ธิบายวา ปริพาชกเหลาน้นั ไมไดเกดิ ความคิด เพ่อื จะรสู ักครัง้ เดยี ววา ในวันหนงึ่ พวกเราจักรูธ รรมของพระองคเ ลย ก็หน่ึงสัปดาหจ ัดทําอะไรแกป รพิ าชกผูเกยี จครานเหลา น้ันได ปรหิ าชกเหลาน้ัน จักบาํ เพ็ญตลอดสปั ดาหไ ดอ ยางไร. บทวา สีหนาท คอื บันลอื แลว บนั ลือแบบไมกลัวใครเปน การทําลายวาทะผอู ืน่ และเปนการประกาศวาทะของตน. บทวาปจฺจฏุ าสิ คือดาํ รงอยแู ลว. บทวา ตาวเทว แปลวา ในขณะนั้นน่ันเอง. บทวา ราชคห ปาวิสิ ไดแ ก เสดจ็ เขา ไปยังกรงุ ราชคฤหก็จรงิ ถึงอยา งน้นั จัดเปน ปจจยั เพอ่ื เปนวาสนาแกป ระพาชกเหลา นน้ัตอ ไป. คาํ ทีเ่ หลือทุก ๆ บท ชดั เจนแลวทง้ั นนั้ . จบ อรรถกถาอทุ มุ พริกสูตร จบ สูตรท่ี ๒
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 99 ๓. จักกวัตตสิ ูตรเรอ่ื ง พระเจาจกั รพรรดทิ ัฬหเนมิ [๓๓] ขา พเจาไดส ดบั มาอยา งน.้ี สมัยหนง่ึ พระผูมีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ เมืองมาตุลาในแควนมคธ. ณ ท่นี ั้นแล พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั เรียกภิกษุทัง้ หลายมาวา ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย. ภกิ ษุเหลาน้นั ทูลรับพระผมู พี ระภาคเจาแลว . พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรัสดังนีว้ า ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย เธอท้งั หลาย จงมิตนเปน เกาะ มตี นเปนทีพ่ ึง่ อยามีสิ่งอื่นเปน ที่พ่งึ จงมธี รรมเปน เกาะ มธิ รรมเปนทพี่ ่งึอยา มีส่ิงอนื่ เปน ที่พง่ึ อยู. ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย กภ็ กิ ษผุ มู ีตนเปน เกาะมีตนเปนท่ีพ่ึง ไมม สี ่ิงอ่ืนเปนทีพ่ ่ึง มีธรรมเปน เกาะ มีธรรมเปนทพี่ ึ่งไมม ีสง่ิ อน่ื เปน ท่พี ึ่งเปนอยา งไร. ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลายภิกษใุ นพระธรรมวนิ ัยนี้ พจิ ารณาเหน็ กายในกายอยู มีความเพยี ร มีสมั ปชัญญะ มีสติกาํ จัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสยี ได. ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษุในพระธรรมวนิ ยั นี้ พิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาทง้ั หลายอยู มคี วามเพียร มสี มั ปชญั ญะ มีสติ กาํ จัดอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ได.ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษใุ นพระธรรมวินยั นี้ พิจารณาเหน็ จติ ในจติ อยู มคี วามเพยี ร มสี มั ปชญั ญะ มีสติ กําจดั อภชิ ฌาและโทมนสัในโลกเสียได. ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย ภิกษุในพระธรรมวนิ ยั นี้พิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมทงั้ หลายอยู มีความเพียร มีสมั ปชญั ญะมสี ติ กําจดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ได. ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลายภิกษุมตี นเปน เกาะ มตี นเปนที่พึง่ ไมม สี ่ิงอ่นื เปน ทพี่ ึง่ มีธรรม
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 100เปนเกาะ มธี รรมเปน ทพี่ ่งึ ไมม ีสง่ิ อ่ืนเปน ทพี่ ึ่งอยู อยา งน้แี ล. ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย เธอทงั้ หลายจงเท่ียวไปในโคจรซ่ึงเปนวิสยั อันสืบมาจากบดิ าของตน. ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย เม่อื เธอทั้งหลายเที่ยวไปในโคจรซ่ึงเปน วิสยั อันสืบมาจากบิดาของตน มารจักไมไ ดโอกาส จกัไมไ ดอ ารมณ. ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย บุญน้ี ยอ มเจริญข้นึ อยางนี้เพราะเหตุท่ถี อื มัน่ ธรรมท้ังหลายอันเปน กุศล. วาดวยแกว ๗ ประการ [๓๔] ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เร่อื งเคยมีมาแลว มีพระราชาจกั รพรรดิพระนามวา ทัฬหเนมิ ผทู รงธรรม ทรงเปนพระราชาโดยธรรม เปนใหญในแผน ดนิ มีมหาสมทุ ร ๔ เปน ขอบเขต ทรงชนะแลว มรี าชอาณาจักรมนั่ คง สมบูรณดว ยแกว ๗ ประการแกว ๗ ประการมีดงั นี้ คือ จกั รแกว ชา งแกว มา แกว แกว มณีนางแกว คฤหบดแี กว ปริณายกแกว เปนท่ี ๗. พระราชโอรสของพระองคมกี วา พัน ลวนกลาหาญ มีรปู ทรงสมเปนวีรกษตั รยิ สามารถยาํ้ ยเี สนาของขาศึกได. พระองคทรงชํานะโดยธรรมสม่ําเสมอ มติ องใชอ าชญา มิตอ งใชศสั ตรา ครอบครองแผน ดนิ มีสาครเปน ขอบเขต.ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย ครัง้ นั้นโดยลวงไปหลายป หลายรอยป หลายพนั ป ทาวเธอตรัสเรียกราชบุรุษคนหนึง่ มารับส่ังวา ดกู อนบรุ ษุ ผูเจริญ ในขณะทที่ า นเหน็ จกั รแกว อันเปน ทพิ ยถอยเคล่ือนจากท่ี พงึ่บอกแกเราทันที ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย บรุ ุษนั้นทลู สนองพระราชดาํ รสัของทา วเธอแลว . ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย โดยลว งไปอกี หลายป หลายรอยป หลายพนั ป บุรษุ นนั้ ไดเ หน็ จกั รแกวอันเปนทิพยถ อยเคลอ่ื นจากท่ี จงึ เขาไปเฝา ทา วเธอถงึ ท่ปี ระทับ แลวไดก ราบทลู วา ขอเดชะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309