Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_39

tripitaka_39

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_39

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 151 แกบ ท ภตฺตวา อนึ่ง เพราะเหตทุ พ่ี ระผมู ีพระภาคเจาน้นั ทรงคบ ทรงเสพ ทรงทาํใหมาก ซงึ่ ธรรมอันเปนทพิ พวิหาร พรหมวิหารและอริยวิหาร ซ่ึงกายวิเวกจติ ทวิเวก และอุปธิวเิ วก ซ่งึ สุญญตวโิ มกข อัปปณหิ ิตวโิ มกข และ อนมิ ติ ตะวิโมกข และซ่ึงอุตตรมิ นุสสธรรมทงั้ ทเี่ ปนโลกยิ ะและโลกุตระอนื่ ๆ ฉะนน้ัเม่ือนาทีจ่ ะเรยี กวา ภตตฺ วา แตก็เรียกเสยี วา ภควา แกบท ภเวสุ วนฺตคมน อนงึ่ เลา เพราะเหตทุ ่ีการไป กลา วคือ ตณั หาในภพทง้ั ๓ อันพระ-องคทรงคายเสยี แลว ฉะนน้ั เมอ่ื นา ทจี่ ะเรียกวา ภเวสุ วนตฺ คมน แตทา นถอื ภอกั ษรจากภวศัพท คอักษรจากคมนศัพท และวอกั ษรจากวันตศพั ทแลว ทาํ ใหเ ปน ทฆี ะเสียงยาว เรียกเสียวา ภควา เหมือนในทางโลก เนื้อนาจะเรยี กเตม็ ๆ วา เมหนสฺส ขสฺส มาลา แตปราชญทาน [ถือเอา เมจาก เมหนสฺส ข จาก ขสฺส ลา จากมาลา] กเ็ รยี กเสียวา เมขลาฉะนน้ั แล. ก็ทานพระอานนทเถระเม่อื แสดงธรรมตามทีไ่ ดฟ งมา เลาเรยี นมา จงึประกาศพระสรรี ธรรม [ตวั ธรรม] ของพระผมู พี ระภาคเจาใหป ระจักษ ดวยคาํ วา เอวมเฺ ม สตุ  ในพระสตู รน้ี ดวยคาํ เพยี งเทา น้ี ดวยเหตนุ ั้น พระ-เถระจึงปลอบชนผมู ใี จพลงุ พลา น เพราะไมพ บพระผมู พี ระภาคเจาวา ปาพจน[คอื ธรรมวินยั ] น้ี ชื่อวามศี าสดาลว งแลว หามไิ ด ธรรมวนิ ยั นีเ้ ปนศาสดาของทานทั้งหลาย. ดวยคําวา เอก สมย ภควา พระเถระเมอื่ แสดงความท่พี ระผูม-ีพระภาคเจา ไมม อี ยูในสมยั นั้น ชื่อวาแสดงปรนิ ิพพานแหง พระรูปกาย. ดว ย

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 152คาํ น้ัน พระเถระยอมยงั ชนผูม วั เมา เพราะมัวเมาในชวี ติ ใหส ลดใจ และยงัอตุ สาหะในธรรมใหเ กิดแกช นนั้นวา พระผูมพี ระภาคเจาแมพ ระองคน ัน้ ผูทรงแสดงอรยิ ธรรมนี้อยา งนนั้ ทรงทศพล มีพระกายดจุ รา งเพชร กย็ ังเสดจ็ปรนิ ิพพาน ในขอ นนั้ คนอน่ื ใครเลาจะพงึ ไหเกิดความหวังในชีวติ ได. กพ็ ระเถระเม่อื กลา ววา เอว ช่ือวาแสดงเทศนาสมบตั ิ ความถงึพรอมแหงเทศนา เมือ่ กลา วคําวา เม สตุ  ชื่อวา แสดงสาวกสมบัติ ความถงึพรอมแหงสาวก. เมอ่ื กลาวคําวา เอก สมย ชื่อวา แสดงกาลสมบัติ ความถึงพรอมแหงกาล เมอื่ กลา วคาํ วา ภควา ช่ือวา เทสกสมบตั ิ ความถือพรอมแหง ผูแสดง. แกบ ท สาวตภฺ ิย วิหรติ คาํ วา สาวตถฺ ี ในคําวา สาวตฺถยิ  วหิ รติ นี้ ไดแกนครอันเปนสถานทีอ่ ยูป ระจําของฤษชี อื่ สวตั ถะ เหมือนคําวา กากนทฺ ี มากนนฺที ฉะน้นัดงั นั้น ทา นจึงเรยี กวา สาวตั ถี เปน ศพั ทอิตถลี ิงค [เพศหญิง] ปราชญทางอักษรศาสตรก ลาวกนั อยางน.ี้ สวนพระอรรถกถาจารยทง้ั หลายกลา ววา เครื่องอปุ โภคบริโภคสาํ หรบั มนษุ ยม อี ยทู กุ สิ่งทกุ อยา งในนครนนั้ เหตนุ ้ัน นครนน้ัจึงชือ่ วา สาวัตถี. แตในการประกอบศัพท เม่ือถกู ถามวา มสี งิ่ ของอะไรจึงอาศัยคําวา มีทกุ อยาง ประกอบวา สาวตั ถี มีของทุกอยา ง. เครือ่ งอุปกรณท กุ อยา ง มพี รอมในกรงุ สาวตั ถี ทกุ เมอ่ื เพราะฉะน้นั หมายถึงของทกุ อยา งจงึ เรยี กวา สาวัตถี. ราชธานแี หงแควนโกศล นารินรมย นาชม นา ช่ืนใจ ไมเงียบจากเสยี งท้งั ๑๐ พรั่งพรอมดว ยขาวนา

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 153 กรงุ สาวัตถีราชธานี ถงึ ความเจรญิ ไพบูลยม่ังคง่ั รงุ เรื่อง นาระรน่ื ใจ ดงั กรงุ อาฬกมันทาเทพธานขี อง เหลาทวยเทพ ฉะน้นั . ใกลก รงุ สาวัตถนี นั้ คาํ น้ีเปน สตั ตมวี ิภัตติ ลงในอรรถวา ใกล. คําวา วหิ รติ น้ี เปนคาํ แสดงความพรอ มดวยวหิ ารการอยู บรรดาอิริยาบถวหิ าร ทิพวหิ าร พรหมวหิ าร และอรยิ วหิ าร แบบใดแบบทน่งึโดยไมแปลกกนั แตในพระสูตรน้ี แสดงความประกอบพรอ มดวยอริ ิยาบถ.วหิ าร ในบรรดาอริ ยิ าบถตา งโดยยืน เดิน นง่ั นอน อริ ิยาบถหนึ่ง. ดวยเหตุนนั้ พระผูมพี ระภาคเจา ประทับยืนก็ดี ทรงดาํ เนินก็ดี ประทบั นัง่ ก็ดีบรรทมก็ดี กพ็ ึงทราบวา วิหรติ อยูท ้งั นัน้ . จริงอยู พระผมู ีพระภาคเจานน้ั ทรงตดั ความลําบากแหง อริ ิยาบถอยางหน่ึงดวยอิริยาบถอีกอยา งหน่ึง[เปลีย่ นอริ ิยาบถ] ทรงบริหารอตั ภาพใหเปน ไปไมลาํ บาก เพราะฉะนัน้ จึงเรียกวา วิหรติ ประทบั อยู. แกอ รรถบท เชตวเน พึงทราบวินจิ ฉัยในบทวา เชตวเน นี้ ดังนี.้ พระราชกมุ ารชอื่ วาเชตะ เพราะชนะชนผเู ปนศัตรขู องตน หรอื วา เชตะ เพราะประสูติ เม่อืพระราชาทรงชนะชนผเู ปนศัตรู หรอื วา ชอ่ื วา เชตะ แมเ พราะพระราชาทรงขนานพระนามอยา งนแี้ กพ ระราชกุมาร เพราะมพี ระราชประสงคจ ะใหเปนมงคล. ที่ชอ่ื วา วนะ เพราะใหค บหา อธบิ ายวา ใหทาํ ความภกั ดแี กต นเพราะความถึงพรอมแหง ตน คอื ใหเ กิดความรกั ในตน. อีกอยางหน่ึง ช่อื วาวนะ เพราะเรียกรอง อธบิ ายวา ประหนึง่ วา วอนขอสตั วทง้ั หลายวา เชญิมาใชส อยเราเถดิ . วนะของเชตราชกมุ าร ชอ่ื วา เชตวนั . จรงิ อยู เชตวัน

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 154นนั้ อันพระราชกมุ ารพระนามวา เชตะ ปลกู สรางบํารงุ รกั ษา. เชตราชกุมารนัน้ เปน เจา ของเชตวันนน้ั เพราะฉะนน้ั จึงเรียกกนั วาเชตวัน. ในพระเชตวนันน้ั . แกอ รรถบท อนาถปณ ฑิกสสฺ อาราเม พึงทราบวินจิ ฉยั ในบทวา อนาถปณฑิกสฺส อาราเม นี้ ดังน้ี.คฤหบดีน้นั ชื่อสุทัตตะ โดยบดิ ามารดาตง้ั ชอ่ื ให อน่งึ ทา นไดใหก อนขาวเปนทานแกค นอนาถาเปน ประจํา เพราะทานเปนคนปราศจากมลทนิ คือความตระหนี่และเพราะเปนผพู ร่ังพรอมดวยคณุ มีกรุณาเปนตน เหตทุ า นเปน ผมู ั่งคัง่ ดวยสมบัตทิ ่ีนาปรารถนาทุกอยา ง ดวยเหตุนัน้ ทา นจงึ ไดรบั ขนานนามวา อนาถ-ปณ ฑิกะ. ประเทศท่ชี อ่ื วา อาราม เพราะเปน ทส่ี ัตวทั้งหลาย หรือโดยเฉพาะอยางยง่ิ บรรพชิตทงั้ หลายพากันมาอภิรมย อธบิ ายวา บรรพชติ ทัง้ หลายพากันมาจากทน่ี ้นั ๆ ยนิ ดีอภริ มย อยูอ ยางไมเบอ่ื หนา ย เพราะพระเชตวันนัน้งดงามดวยดอกไม ผลไม ใบไมออ นเปนตน และเพราะถึงพรอ มดวยองคข องเสนาสนะ ๕ ประการ มไี มไ กลเกินไปไมใกลเกนิ ไปเปนตน . อกี ประการหนง่ึชือ่ วา อาราม เพราะน้าํ ทา นทไ่ี ปในท่นี น้ั ๆ มาภายในของตนแลวยินดี เพราะสมบัตดิ ังกลา วมาแลว . จริงอยู อารามนัน้ อันทานอนาถปณ ฑิกคฤหบดีชื่อจากพระหตั ถของเขตพระราชกุมาร ดว ยปูเงนิ ๑๘ โกฏิ ใหส รา งเสนาสนะเปน เงิน ๑๘ โกฏิ เสร็จแลวฉลองวหิ ารเปนเงนิ ๑๘ โกฏิ มอบถวายพระภิกษุสงฆ มพี ระพุทธเจา เปน ประธาน ดวยบรจิ าคเงิน ๕๔ โกฏิ อยางน้ี เพราะฉะนน้ั จึงเรียกกนั วา อารามของทานอนาถปณ ฑิกะ. ในอารามของอนาถปณ ฑกิ ะนั้น. กใ็ นคําเหลา นั้น คาํ วา เชตวเน ระบถุ ึงเจา ของตนกอ น คาํ วาอนาถปณฑกิ สฺส อาราเม ระบถุ งึ เจา ของตนหลงั . มคี ําทักทว งวา ในการ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 155ระบุถึงพระเชตวันและอารามเหลานน้ั มปี ระโยชนอะไร. ขอช้ีแจงดังน้.ี กลา วโดยอธกิ ารกอน ประโยชนก ็คอื เปน การทาํ การกาํ หนด [ตอบ] คาํ ถามทีว่ าตรัสไว ณ ทไี่ หนอยา งหนึ่ง เปนการประกอบผทู ี่ตองการบุญอื่น ๆ ไวใ นการถงึ[ถอื เอา] แบบอยา ง อยางหน่ึง. จริงอยู ในประโยชนสองอยางนนั้ ทรพั ย ๑๘โกฏิ ที่ไดจากการขายทด่ี นิ ในการปลกู สรางปราสาททีม่ ีประตูและซุมและตนไมท ั้งหลายที่มคี าหลายโกฏิ เปน การบรจิ าคของพระเชตราชกุมาร. ทรัพย ๕๔โกฏิ เปนการบริจาคของทานอนาถปณ ฑิกคฤหบด.ี ดว ยการระบุถึงพระเชตวันและอารามน้นั ทา นพระอานนท เมื่อแสดงวาผูต องการบุญยอมทําบญุ ท้ังหลายอยางนี้ ก็ยอ มประกอบผตู องการบญุ อ่ืน ๆ ไวในการถือเอาเปนแบบอยางโดยประการใด. การประกอบผูตอ งการบญุ ไวใ นการถอื เอาแบบอยา ง กพ็ งึทราบวา เปนประโยชนในขอนโ้ี ดยประการนนั้ . ในขอน้ีผูทักทวงกลาววา ผวิ า พระผูมพี ระภาคเจา ประทบั อยใู กลกรงุ สาวตั ถีกอน ทา นพระอานนทกไ็ มค วรกลาววา ในพระเชตวนั อารามของทา นอนาถปณ ฑิกะ แตถ า ประทบั อยูใ นพระเชตวันน้นั ก็ไมควรกลา ววาใกลก รุงสาวัตถ.ี ดวยวาพระผูม ีพระภาคเจา ไมอ าจประทบั อยใู นสถานท่ีสองแหงในเวลาเดยี วกันได. ขอชแี้ จงดงั นี้ ขาพเจากลาวมาแลวมิใชห รอื วา คําวาสาวตถฺ ิย เปน สัตตมีวภิ ตั ติลงในอรรถ วาใกล เพราะวา เปรียบเหมอื นฝูงโคเทยี่ วไปอยูใ กลแมน ํา้ คงคาและยมนุ าเปนตน เขากเ็ รยี กวา เทีย่ วไปใกลแมน ํ้าคงคา เท่ยี วไปใกลแ มนํ้ายมนุ า ฉันใด พระผมู พี ระภาคเจา เมอ่ื ประทบั อยู ณพระเขตวันอารามของทานอนาถปณฑิกะใกลก รงุ สาวัตถี กพ็ ึงทราบวา ประทบัอยู ณ พระเชตวัน อารามของทานอนาถปณ ฑกิ ะใกลก รุงสาวัตถี แมในพระ-สูตรนี้ ก็ฉันนัน้ . จรงิ อยู คาํ วา สาวตั ถี ของพระเถระ กเ็ พื่อแสดงโคจร-ตาม คาํ ทีเ่ หลือ ก็เพ่อื แสดงสถานที่อยูป ระจาํ อนั เหมาะแกบ รรพชติ .

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 156 ในคาํ ท้ังสองนัน้ พระเถระแสดงการอนเุ คราะหค ฤหัสถข องพระผมู ี-พระภาคเจาดวยการระบุกรงุ สาวตั ถี แสดงการอนเุ คราะหบ รรพชติ ดวยการระบุพระเชตวันเปนตน . อีกนัยหนงึ่ แสดงการงดเวน อตั ตกิลมถานโุ ยค เพราะถือเอาปจ จยั ดว ยคําตน แสดงอบุ ายงดเวน กามสุขัลลิกานุโยค เพราะละวัตถกุ ามดวยคาํ หลัง. อนงึ่ แสดงความพากเพียรในเทศนาดวยคําตน แสดงความนอมไปในวิเวก ดว ยคาํ หลงั แสดงการเขาไปดวยกรุณา ดว ยคาํ ตน และแสดงการเขา ไปดว ยปญญา ดว ยคาํ หลงั . แสดงความที่พระผมู ีพระภาคเจาทรงนอ มไปในอนั จะใหสาํ เร็จหิตสขุ แกสตั วท ัง้ หลาย ดวยคําตน แสดงความที่ทรงไมติดอยใู นการบาํ เพ็ญหิตสขุ แกผอู ื่น ดวยคําหลงั . แสดงความอยูผ าสกุ อนัมกี ารทรงสละสขุ ทีป่ ระกอบดวยธรรมเปนนิมติ ดว ยคําตน แสดงการอยผู าสกุอนั มีการประกอบเนือง ๆ ซึง่ อตุ ตริมนสุ สธรรมเปนนมิ ิต ดวยคาํ หลังท่แี สดงความที่ทรงมอี ปุ การะมากแกมนุษยทั้งหลาย ดวยคําตน . แสดงความท่ีทรงมีอุปการะมากแกเ ทวดาท้ังหลาย ดวยคาํ หลัง. แสดงความทพี่ ระผมู พี ระภาคเจาเสด็จอุบตั ใิ นโลก เจริญเตบิ ใหญในโลก ดวยคาํ ตน แสดงความทโ่ี ลกฉาบทาพระองคไ มไ ด ดวยคาํ หลัง มีอยา งดังกลาวมาน้เี ปน ตน . คาํ วา อถ ใชใ นอรรถวาไมขาดสาย ศพั ทวา โข เปนนิบาตใชในอรรถวา แสดงเรอื่ งอืน่ ๆ ดว ยสองคําน้นั พระเถระแสดงวา เรอ่ื งอ่นื ๆนเ้ี กิดข้นึ ในพระวิหารของพระผูมพี ระภาคเจา ไมขาดสายเลย. เรือ่ งนนั้ คืออะไรคอื เรื่องเทวดาองคหนึ่งเปน ตน . ศัพทว า อฺตรา องคหน่ึง ในคําวาอฺตรา เทวดาองคหนงึ่ นนั้ แสดงความไมแ นน อน. จรงิ อยู เทวดาน้นัไมปรากฏนามและโคตร เพราะฉะนนั้ ทานจึงกลา ววา อฺ ตรา. เทวดาก็คอื เทพนั่นแล คําวา อฺ ตรา นี้ สาธารณะทั่วไปแกห ญิงและชาย แตในที่นี้ผูช ายเทา นน้ั คอื เทพบุตร. ก็คําอะไรเลา เทพบุตรทา นกลา ววาเทวดา โดยเปน สาธารณนาม.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 157แก อภกิ ฺกนุตศัพทในคาํ วา อภิกฺกนตฺ าย รตตฺ ิยา นี้ อภิกกันตศัพทใ ชในความท้ังหลาย มี สนิ้ ไป ดี งาม ยนิ ดยี งิ่ เปนตน.ในความเหลานัน้ ใชในความวา ส้นิ ไป ไดในประโยคเปน ตนอยางน้ีวา อภิกกฺ นฺตา ภนฺเต รตตฺ ิ, นิกขฺ นฺโต ปโม ยาโม จิรนสิ ินฺโนภิกขฺ สุ งโฺ ฆ อทุ ฺทิสตุ ภนฺเต ภควา ภิกขฺ ูน ปาฏิโมกขฺ  ขา แตพ ระ-องคผ เู จรญิ ราตรสี ิ้นไปแลว ปฐมยานลว งไปแลว ภิกษุสงฆน ั่งนานแลว ขอพระผมู ีพระภาคเจา โปรดทรงแสดงปาฏิโมกขแ กภ ิกษทุ ั้งหลายเถดิ พระเจา ขา .ใชใ นความวา ดี ไดในประโยคเปน ตนอยา งน้ีวา อย อเิ มส จตุนนฺ ปุคฺคาลาน อภกิ กฺ นฺตตโต จ ปณีตตโร จ นดี้ ีกวา ประณีตกวา บุคคล๔ จําพวกน้ี.ใชใ นความวา งาม ไดใ นประโยคเปน ตน อยางนวี้ าโก เม วนทฺ ติ ปาทานิ อิทธฺ ยิ า ยสสา ชลอภิกนฺเตน วณฺเณน สพพฺ า โอภาสย ทิสา. ใครหนอ รุงเรืองดวยฤทธ์ดิ ว ยยศ มวี รรณะงามสอ งรศั มีสวา งทว่ั ทศิ มาไหวเทา เรา.ใชใ นความวา ยินดีย่ิง ไดในประโยคเปนตน อยางนี้วา อภิกกฺ นฺตโภ โคตม อภิกฺกนตฺ  โภ โคตม ไพเราะจรงิ ทา นพระโคดมไพเราะจรงิ ทานพระโคดม.แตในพระสูตรนี้ ใชในความวา สนิ้ ไป. ทา นอธบิ ายวา บทวาอภิกกฺ นตฺ าย รตตฺ ิยา แปลวา เม่อื ราตรสี นิ้ ไปแลว.ในคาํ วา อภกิ นฺตวณณฺ า น้ี อภกิ กันตศพั ทใ นความวา งาม.วัณณศพั ท ใชใ นความวา ผิว สรรเสริญ พวกตระกูล เหตุ ทรวดทรงขนาด รปู ายตนะ เปนตน .

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 158 ใชใ นความวา ผิว ไดในประโยคเปนตนอยางนี้วา สุวณณฺ วณโฺ ณภควา พระผูมพี ระภาคเจามี พระฉวี ดงั ทอง. ใชในความวา สรรเสริญ ไดในประโยคเปน ตน อยา งนวี้ า ดูกอนคฤหบดี คําสรรเสรญิ พระสมณโคดมเหลา น้ัน ทา นรวบรวมไวเ มอ่ื ไร. ใชใ นความวา พวกตระกลู ไดใ นประโยคเปน ตนอยางนว้ี า ทานพระ-โคดม วรรณะ ๔ เหลานั้น. ใชใ นความวาเหตุ ไดในประโยคเปน ตนอยา งนว้ี า เกน นะ วณฺเณนคนฺะเถโนติ วุจจฺ ติ เพราะเหตุอะไรเลา หนอ จงึ มาวาเราเปนผขู โมยกลิน่ . ใชในความวา ทรวดทรง ไดใ นประโยคเปนตนอยางนว้ี า มหนฺตหตถฺ รี าชวณฺณ อภินมิ ฺมติ วฺ า เนรมิตวรวดทรงเปน พระยาชาง. ใชในความวา ขนาด ไดใ นประโยคเปนตน อยางนวี้ า ตโย ปตตฺ สสฺวณฺณา ขนาดของบาตรสามขนาด. ใชใ นความวา รปู ายตนะ ไดในประโยคเปน ตนอยางนวี้ า วณโฺ ณคนฺโธ รโส โอชา รปู กลน่ิ รส โอชา. วัณณศพั ทน ั้น ในสูตรนี้ พึงเหน็ วาใชใ นความวา ผิว ดวยเหตุนนั้ทา นจึงอธิบายวา บทวา อภิกฺกนตฺ วณฺณา แปลวา มีวรรณะนา รกั . แกอ รรถบท เกวลกปปฺ  เกวลศพั ทใ นบทวา เกวลกปปฺ  น้ี มคี วามหมายเปนอเนก เชน ไมมีสว นเหลอื โดยมาก ไมป น [ลว น ๆ ] ไมมากเกิน มน่ั คง ไมเกาะเกี่ยว จริงอยา งนน้ั เกวลศัพทน้ันมคี วามวา ไมมสี ว นเหลือ ไดใ นประโยคเปน ตนอยา งนวี้ า เกวลปริปณุ ฺณ ปรสิ ุทธฺ  พรฺ หฺมจริย พรหมจรรยบ ร-ิสุทธิบ์ ริบรู ณ ไมม สี ว นเหลอื .

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 159 มีความวา โดยมาก ไดใ นประโยคเปน ตนอยางน้วี า เกวลกปฺปาจ องฺคมคธา ปหตู  ขาทนยี  โภชนีย อาทาย อปุ สงฺกมิสสฺ นฺติชาวอังคะและชาวมคธะ สวนมาก ถอื ของเคย้ี ว ของกิน เขาไปเฝา . มคี วามวา ไมป น [ลวน ๆ] ไดในประโยคเปนตน อยา งนว้ี า เกวลสสฺทกุ ฺขกขฺ นธฺ สสฺ สมุทโย โหติ ความเกดิ แหงทุกขขนั ธ ลวน ๆ มีอยู. มคี วามวา ไมมากเกินไดใ นประโยคเปนตนอยา งนว้ี า เกวล สุทฺธา-มตตฺ ก นนู อยมายสฺมา ทานผนู ้มี เี พียงศรทั ธาอยา งเดยี ว แนแท. มคี วามวา มัน่ คง ไดใ นประโยคเปนตน อยา งนี้วา อายสมฺ โตภนฺเต อนรุ ุทฺธสฺส พาหโิ ย นาม สุทธฺ ิวิหาริโก เกวลกปปฺ สงฺฆเภทาย ิโต ขาแตพ ระองคผูเจริญ สัทธวิ ิหาริก ของทานพระอนุรทุ ธะชอื่ วาพาหิยะ ตั้งอยใู นสงั ฆเภท การทําสงฆใหแตกกนั ตลอดกัป มั่นคง. มคี วามวา ไมเกาะเกย่ี ว ไดใ นประโยคเปนตน อยา งนีว้ า เกวลี วุสติ วฺ าอตุ ฺตมปรุ โิ สติ วจุ ฺจติ ผไู มเ กาะเก่ียวอยูจ บพรหมจรรยแ ลว ทา นเรยี กวาบุรุษสูงสุด. แตใ นสูตรน้ี เกวลศพั ทน ั้น ทานประสงคเอาความวา ไมม ีสว นเหลอื . สวนกัปปศัพท มีความหมายมากเปน ตน วา ความเช่ือมั่น โวหารกาล บัญญัติ ตัดแตง วิกปั ป เลศิ และโดยรอบ. จริงอยา งนัน้ กัปปศัพทน ้ัน มีความวาเช่ือมน่ั ไดในประโยคเปน ตนอยา งน้ีวา โอกปปฺ นียเมต โภโต โคตมสสฺ ยถา ต อรหโตสมฺมาสมพฺ ทุ ธฺ สสฺ น้ันเปน ความเชอ่ื มนั่ ตอทานพระโคดม เหมอื นอยา งเชือ่ มน่ั ตอพระอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจา.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 160 มคี วามวา โวหาร ไดใ นประโยคเปนตนอยา งนี้วา อนุชานามิภิกฺขเว ปฺจหิ สมณกปเฺ ปหิ ผล ปรภิ ุชฺ ติ ุ ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลายเราอนุญาต ฉันผลไมดว ยสมณโวหาร ๔ ประการ. มคี วามวา กาล ไดในประโยคเปนตน อยางน้วี า เยน สทุ  นจิ ฺจกปปฺ  วิหรามิ ไดย นิ วา เราจะอยตู ลอดกาล เปนนิตย ดว ยธรรมใด. มคี วามวา บัญญตั ิ ไดในประโยคเปนตนอยางนว้ี า อจิ ฺจายสฺมากปฺโป ทาน กัปปะ อยางนี.้ มคี วามวา ตดั แตง ไดใ นประโยคเปน ตน อยา งนีว้ า อลงฺกโต กปปฺ ต -เกสมสสฺ ุ แตงตวั แตงผมและหนวด. มคี วามวาควร ไดใ นประโยคเปนตน อยางน้ีวา กปฺปติ ทวฺ งคฺ ุลกปโฺ ปภิกษุไวผ มสององคลุ ยี อ มควร. มคี วามวา เลศ ไดใ นประโยคเปน ตนอยา งน้วี า อตถฺ ิ กปฺโปนิปชฺชติ ุ ทาํ เลศเพ่อื จะนอนมีอย.ู มีความวา โดยรอบ ไดในประโยคเปนตนอยางนว้ี า เกวลกปปฺ เวฬุวน โอภาเสตวฺ า สองรัศมี รอบ ๆ พระเวฬวุ นั . แตในสูตรนี้ กัปปศัพทนน้ั ทานประสงคเอาความวา โดยรอบโดยประการท่ีในคาํ วา เกวลกปฺป เชตวกน น้ี ควรจะทราบความอยางนี้วาสองรศั มตี ลอดพระเชตวนั โดยรอบไมเหลือเลย. บทวา โอภาเสตฺวา ไดแ ก แผดว ยรศั มี. อธบิ ายวา ทาํ รศั มีเปนอันเดียวกัน รงุ โรจนอยางเดยี วกนั เหมือนพระจันทรและเหมือนพระอาทิตย คาํ วา เยน ภควา เตนุปสงกฺ มิ เปน ตติยาวิภัตตลิ งในอรรถแหงสตั ตมวี ภิ ัติ โดยประการทพ่ี ึงเห็นความในคาํ น้ี อยางนีว้ า พระผมู ีพระภาคเจา

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 161ประทบั อยู ณ ที่ใด เทพบุตรกเ็ ขา ไปเฝา ณ ท่นี ้นั . หรอื พึงเห็นความในคาํ น้ีอยา งนี้วา พระผมู ีพระภาคเจา ขันเทวดาและมนุษยพ ึงเขา ไปเฝา โดยเหตุใดเทพบุตรก็เขาไปเฝา โดยเหตนุ นั้ น่นั แหละ. กพ็ ระผูมพี ระภาคเจา อนั เทวดาและมนุษยพ ากนั เขาไปเฝา ดวยเหตุอะไร. ดวยประสงคจะบรรลุคณุ วเิ ศษมีประการตาง ๆ เหมือนตนไมใ หญทีอ่ อกผลอยเู ปน นจิ อนั ฝงู นกพากนั เขาไปก็ดวยประสงคจ ะบริโภคผลไมซ ่งึ มีรสอรอ ย ฉะนั้น. ทานอธิบายวา บทวาอปุ สงกฺ มิ แปลวาไปแลว . คําวา อปุ สงกฺ มิตวฺ า เปนคํากลาวถึงสุดทา ยแหงการเขาไปเฝา. อกี อยา งหน่งึ ทานอธิบายวา เทวดาไปอยา งนนั้ แลว ตอนั้นกไ็ ปยงั สถานทต่ี อ จากอาสนะ กลาวคอื ทีใ่ กลพระผูมพี ระภาคเจา . บทวาภควนฺต อภวิ าเทตฺวา ไดแก ถวายบงั คม นอ มนมสั การพระผมู พี ระภาคเจา. ศัพทว า เอกมนฺต เปน ศพั ทน เิ ทศทําเปน ภาวนปุ สกลงิ ค. ทา นอธบิ ายวา โอกาสหนงึ่ สวนขางหนึง่ . อกี นยั หนึ่ง คําน้ีเปนทุตยิ าวภิ ัตติ ลงในอรรถสตั ตมวี ิภัตต.ิ ศพั ทว า อฏาสิ ปฎิเสธอิริยาบถนัง่ เปนตน อธิบายวา สาํ เรจ็ การยนื คอื ไดยืนแลว . ถามวา ก็เทวดานน้ั ยืนอยา งไร จึงชือ่ วาไดเปนผยู ืนอยู สวนขางหนึ่ง. ตอบวา ทา นโปราณาจารยกลา ววา น ปจฉฺ โต น ปุรโต นาป อาสนฺนทรู โต น กจฺเฉ โนป ปฏวิ าเต น จาป โอณตณุ ฺณเต อเิ ม โทเส ววิ ชเฺ ชตวฺ า เอกมนฺต ติ า อห.ุ

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 162 ไมยืนขางหลัง ไมย นื ขา งหนา ไมย นื ใกลแ ละ ไกล ไมยนื ทีช่ ้ืนแฉะ ไมยืนเหนอื ลม ไมย นื ท่ตี าํ่ และ ท่ีสงู ยืนเวนโทษเหลา นี้ ชอื่ วา ยนื ณ สวนขางหน่ึง ดงั น.ี้ ถามวา เพราะเหตไุ ร เทวดาองคน ี้ จงึ ยนื อยา งเดยี วไมน ่ัง. ตอบวา เพราะเทวดาประสงคจะกลับเรว็ . จริงอยู เทวดาท้ังหลายอาศัยอาํ นาจประโยชนบ างอยาง จงึ มาสูมนษุ ยโลก เหมือนบุรษุ ผูส ะอาด มาเขา สวม. ก็โดยปกติ มนุษยโลก ยอมเปนของปฏกิ ูล เพราะเปน ของเหมน็สําหรบั เทวดาเหลา นัน้ นับแตรอ ยโยชน เทวดาทัง้ หลาย ไมอภริ มยใ นมนุษย-โลกน้นั เลย ดวยเหตุนนั้ เทวดาองคน ้ัน จงึ ไมน ง่ั เพราะประสงคจ ะทํากิจที่มาแลวรีบกลบั ไป. ก็มนุษยท้ังหลาย ยอ มนัง่ ก็เพื่อบรรเทาความลาํ บากแหง อริ ยิ า-บถมเี ดินเปน ตนอนั ใด ความลําบากอนั นัน้ สาํ หรบั เทวดาไมม ี เพราะฉะนน้ัเทวดาจงึ ไมน ั่ง. อน่ึง พระมหาสาวกเหลา ใด ยนื แวดลอมพระผูม พี ระภาคเจา พระ-ผมู พี ระภาคเจาก็ทรงนบั ถอื ตอบพระมหาสาวกเหลา นนั้ [คือประทับยืน] แมเพราะเหตนุ น้ั เทวดาจงึ ไมน่งั . อน่ึง เทวดาไมน ่งั ก็เพราะเคารพในพระผูม พี ระภาคเจา . จรงิ อยทู น่ี ่งัยอมบงั เกิดแกเ ทวดาทั้งหลายผูประสงคจะน่ัง เทวดาองคน้ไี มปรารถนาที่นั่งนั้นไมค ิดแมแตจะนงั่ จงึ ไดย นื ณ สว นขางหน่ึง. บทวา เอกมนฺต ิตา โข สา เทวตา ความวา เทวดาองคน้นั ยนื ณ สว นขา งหน่งึ ดวยเหตุเหลา นั้นอยางนี้แลว . บทวา ภควนตฺ คาถาย อขฺฌภาสิ ความวา ไดทลู พระผมู ีพระภาคเจา ดว ยคาํ รอยกรอง

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 163อันกําหนดดว ยอักขระบท. วาอยา งไร. วาอยา งนว้ี า พหู เทวา มนสุ ฺสา จฯปฯ พรฺ ูหิ มงฺคลมตุ ตฺ ม . เรอ่ื งมูลเหตุเกดิ มงคลปญ หา ในการพรรณนามงคลสูตรนน้ั เพราะเหตุทีข่ าพเจา ตง้ั มาติกาหัวขอ ไววา เนื้อจะพรรณนาความแหง ปาฐะมอี าทวิ า เอว โดยประการตางๆ จะกลาวถงึ สมุฏฐานมูลเหตุ ดงั น้ี นีเ้ ปนโอกาสท่ีจะกลาวถงึ สมุฏฐานมลเหตนุ ัน้ ฉะน้นัจะกลาวถงึ สมฏุ ฐานมลู เหตเุ กดิ มงคลปญหาเสยี กอนแลว ภายหลัง จึงจักพรรณนาความแหงบทคาถาเหลา น้.ี เลากนั มาวา ในชมพูทวีป มหาชนชมุ นุมกันในทนี่ น้ั ๆ เชนใกลป ระตูเมือง สภาแหง สถานราชการเปนตน มอบทรพั ยสนิ เงนิ ทอง ใหเขาเลาเรอื่ งตาง ๆ เชน เรื่องนาํ นางสีดามาเปนตน . เร่อื งหนึ่ง ๆ เลา อยถู ึง ๔ เดอื นจึงจบในสถานที่นน้ั . วนั หนึง่ เรอ่ื งมงคลปญหาก็เกดิ ข้นึ วา อะไรเลา หนอ เปนมงคล. สง่ิ ทเี่ ห็นหรือเปนมงคล เรอ่ื งท่ีไดย ินหรือเปนมงคล หรอื เร่ืองทท่ี ราบเปน มงคล ใครหนอรจู ักมงคล ดงั นี้. ครั้งนั้น บุรุษผหู น่ึง ช่ือทฏิ ฐมงั คลิกะ [นบั ถือสิง่ ที่เห็นเปน มงคล]กลา ววา ขาพเจา รูจกั มงคล. ส่ิงที่เห็นเปนมงคลในโลก รปู ทส่ี มมติกันวาเปนมงคลยง่ิ ชอื่ วาทิฏฐะ. รูปอยางไรเลา. คนบางคนในโลกนี้ ตน่ื แตเ ชาเห็นนกกระเตน็ บาง เห็นตน มะตมู รนุ บา ง เหน็ หญงิ มีครรภบ าง เห็นเด็กรุนหนมุ ตกแตงประดับกาย เทินหมอ เต็มนํา้ บาง ปลาตะเพยี นแดงสดบา ง มาอาชาไนยบาง รถเทียมมา บา ง. โคผูบ า ง โคเมียบา ง โคแดงบา ง กห็ รอื วาเห็นรปู แมอ ่นื ใด เหน็ ปานนั้น ทสี่ มมตกนั วาเปน มงคลย่ิง รูปที่เห็นนี้ เรียกวาทฏิ ฐมิ งคล. คนบางพวกก็ยอมรับคําของเขา บางพวกก็ไมยอมรบั พวกทไ่ี มยอมรับ ก็ขดั แยง กบั เขา.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 164 ครง้ั น้ัน บุรษุ ผูหนึ่ง ชอื่ สุตมงั คลิกะ ก็กลาววา ทานเอย ขึน้ ช่ือวาตายอ มเห็นของสะอาดบา ง ของไมส ะอาดบา ง ของดบี างของไมด บี าง ของชอบใจบา ง ของไมช อบใจบาง ผวิ า รปู ทผี่ นู ้ัน เหน็ พงึ เปน มงคลไซร กจ็ ะพึงเปนมงคลท้ังหมดนะสิ เพราะฉะนัน้ รูปท่เี ห็นไมเ ปน มงคล. ก็แตว าเสยี งท่ีไดย ินตา งหากเปน มงคล. เสยี งที่สมมตวา เปน มงคลยง่ิ . ชอื่ วาสุตะ อยางไรเลา .คนบางตนในโลกน้ี ลุกข้ึนแตเชา ไดย ินเสยี งเชนนี้วา เจรญิ แลว เจรญิ อยูเต็ม ขาว ใจดี สิริ เจริญดวยสิริ วนั น้ี ฤกษดี ยามดี วันดี มงคลดีหรอื เสียงทีส่ มมตวามงคลย่ิงอยา งใดอยา งหนึ่ง. เสยี งที่ไดยินน้ี เรยี กวาสุตมงคล.บางพวกก็ยอมรับคาํ ของเขา บางพวกกไ็ มย อมรบั พวกท่ีไมยอมรบั ก็ขดั แยงกับเขา. ครั้งนนั้ บุรษุ ผหู นึ่ง ชื่อ มตุ มังคลิกะ กลาววา ทา นเอย แทจรงิขึ้นช่อื วาหู ยอมไดยนิ เสยี งดบี า งไมด ีบา ง ชอบใจบา ง ไมชอบใจบาง ผิวาเสยี งท่ีผนู ั้นไดย นิ พงึ เปน มงคลไซร กจ็ ะเปนมงคลทัง้ หมดนะสิ. เพราะฉะน้นัเสยี งท่ไี ดยนิ จงึ ไมเปนมงคล. ก็แตวา ส่ิงทีท่ ราบแลวตา งหากเปน มงคล. กลิน่ รสและโผฏฐพั พะสงิ่ ทพี่ งึ ถูกตอง ชอ่ื วามุตะ. อยา งไรเลา . คนบางคนลุกแตเ ชาสูดกล่ินดอกไมมกี ลนิ่ ดอกปทุมเปนตนบา ง เคี้ยวไมส ีฟน ขาวบาง จบั ตองแผนดินบาง จับตอ งขา วกลา เขียวบา ง มูลโคสดบา ง เตา บา ง งาบา ง ดอกไมบา ง ผลไมบ าง ฉาบทาดวยดนิ ขาวโดยชอบบา ง นั่งผาขาวบาง โพกผา โพกขาวบาง กห็ รอื วาสดู กล่ิน ลมิ้ รส หรอื ถูกตอ งโผฏฐัพพะ ที่สมมตวิ า เปน มงคลยง่ิอยางอ่นื ใด เหน็ ปานนน้ั ส่งิ ดงั กลา วมานี้ เรยี กวามุตมงคล. บางพวกกย็ อมรับคําแมของเขา บางพวกกไ็ มย อมรับ.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 165 ในสามพวกนนั้ ทิฏฐิมังคลกิ บรุ ษุ ก็ไมอ าจทําใหสตุ มงั คลกิ บุรุษและมตุ มังคลิกบุรษุ ยินยอมได ทัง้ สามฝา ยน้นั ฝา ยหนง่ึ กท็ ําอกี สองฝา ยใหยินยอมไมได บรรดามนุษยเหลานั้น พวกใดยอมรับคําของทิฏฐมิ ังคลิกบุรุษ พวกน้ันก็ถือวารูปท่เี หน็ แลว เทาน้ันเปน มงคล. พวกใด ยอมรับคําของสตุ มงั คลิกบรุ ุษและมุตมังคลิกบุรุษ พวกน้ันกถ็ อื วาเสียงที่ไดยินเทา นน้ั เปน มงคล ส่งิ ทไี่ ดทราบเทานั้น เปนมงคล. เรือ่ งมงคลปญ หานี้ ปรากฏไปทั่วชมพทู วปี ดวยประการฉะนี้. ครงั้ น้นั มนษุ ยท ่วั ชมพทู วปี ถอื กนั เปนพวกๆ พากันคดิ มงคลท้ังหลายวา อะไรกนั หนอเปน มงคล. อารักขเทวดาของมนษุ ยพ วกนนั้ ฟง เรอื่ งน้นัแลว กพ็ ากันคิดมงคลท้งั หลายเหมอื นกัน. เหลา ภุมมเทวดา เปน มิตรของเทวดาเหลานนั้ ฟงเรอ่ื งจากอารักขเทวดานน้ั แลว ก็พากนั คดิ มงคลอยา งนน้ัเหมือนกนั . อากาสัฏฐกเทวดาเปนมติ รของเทวดาเหลานัน้ จตุมหาราชิกเทวดาเปน มติ รของอากาสฏั ฐกเทวดาเหลา นั้น โดยอบุ ายน้ี ตราบถงึ อกนิฏฐเทวดาเปนมิตรของสุทสั สีเทวดา ฟง เรื่องจากสุทัสสเี ทวดาน้ันแลว ก็ถือกันเปน พวก ๆพากันคดิ มงคลทั้งหลาย ดว ยอุบายอยางนี้ การคดิ มงคลไดเกิดไปในทีท่ กุ แหงจนถงึ หม่นื จักรวาล. ก็การคิดมงคลเกิดขึ้นแลว แมว ินิจฉัยวาน้เี ปนมงคล นี้เปน มงคลแตก ็ยังไมเ ดด็ ขาด จึงตั้งอยถู ึง ๑๒ ป. ทงั้ มนุษยท ้งั เทวดาทัง้ พรหมหมดดว ยกันเวน พระอรยิ สาวกแตกเปน ๓ พวก คือทฏิ ฐมงั คสิกะ สตุ มงั คลกิ ะและมุตมงั คลกิ ะ แมแตพ วกหน่งึ ก็ตกลงตามเปนจรงิ ไมไดวา นีเ้ ทา น้ันเปนมงคล มงคลโลกาหล การแตกต่นื เร่ืองมงคลเกิดขึ้นแลว ในโลก. ข้นึ ชือ่ วา โกลาหลมี ๕ คอื กัปปโลาหล จกั กวตั ตโิ กลาหลพทุ ธโกลาหล มงคลโกลาหล โมเนยยโกลาหล. บรรดาโกลาหลทงั้ ๕

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 166น้ัน เหลาเทวดาชันกามาวจร ปลอยศีรษะ สยายผม รอ งไห เอาหัตถเช็ดนํา้ ตา นุงผาสีแดง ทรงเพศแปลก ๆ อยางย่งิ เทย่ี วไปในถิน่ มนุษยรอ งบอกกลา ววา ลวงไปแสนป กัปจกั ปรากฏ โลกนจี้ กั พนิ าศ มหาสมทุ รจักแหงมหาปฐพนี ี้และขุนเขาสิเนรุ จกั ถูกไฟไหมจ กั พนิ าศ โลกพินาศจักมีจนถึงพรหมโลก. ดูกอนทา นผูน ิรทกุ ข ขอทา นท้ังหลายจงพากนั เจริญเมตตาไวเถดิจงพากนั เจริญกรณุ า มุทติ า อเุ บกขา ไวเ ถดิ ทา นผูนริ ทุกขจงบาํ รุงมารดาบิดาจงยาํ เกรงทานผูเปน ผูใหญใ นตระกูล ต่นื กันเถิด อยา ไดป ระมาทกันเลย. นี้ชอื่ วา กัปปโกลาหล. เทวดาช้ันกามาวจรนัน่ แล เทยี่ วไปในถนิ่ มนษุ ยบอกกลาววา ลว งไปรอยป พระเจา จกั รพรรดิจกั เกิดข้นึ ในโลก. น้ชี อ่ื วา จักกวตั ตโิ กลาหล. สวนเทวดาชนั้ สุทธาวาส ประดับองคด ว ยอาภรณพรหม โพกผาของพรหมทพ่ี ระเศียรเกิดปต ปิ ราโมทย กลาวพระพุทธคณุ เทีย่ วไปในถ่ินมนุษยบอกกลา ววา ลว งไปพนั ป พระพุทธเจา จกั อุบตั ใิ นโลก. มีชอ่ื วา พุทธโกลาหล. เทวดาชัน้ สทุ ธาวาสน้นั แหละ รจู ติ ของพวกมนษุ ย เทย่ี วไปในถน่ิมนษุ ยบอกกลาววา ลว งไปสิบสองป พระสัมมาสัมพุทธเจา จักตรสั มงคล. นี้ชื่อวา มงคลโกลาหล. เทวดาช้ันสุทธาวาสนน่ั แหละ เท่ยี วไปในถ่นิ มนษุ ย บอกกลาววา ลว งไปเจด็ ป ภกิ ษรุ ปู หนงึ่ สมาคมกับพระผมู ีพระภาคเจา จักทูลถามโมเนยยปฏิปทานีช้ ่อื วา โมเนยยโกลาหล. บรรดาโกลาหลทงั้ ๕ นี้ มงคลโกลาหลของเทวดาและมนษุ ยท้ังหลายเกิดขึ้นแลว ในโลก. ครัง้ นัน้ เม่อื เทวดาและมนษุ ยทง้ั หลาย พากนั เลือกเฟน ก็ยังไมไดมงคลทั้งหลาย ลว งไป ๑๒ ป เทวดาชั้นดาวดงึ สค บหาสมาคมกนั ก็ชว ยกนั

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 167คดิ อยา งนีว้ า เจาของเรือนกเ็ ปน หวั หนาของตนภายในเรอื น เจาของหมบู านกเ็ ปน หวั หนาของชาวหมูบาน พระราชาก็เปนหวั หนาของมนษุ ยท งั้ หลาย ทาวสักกะจอมทวยเทพพระองคน้ี กเ็ ปน ผเู ลศิ ประเสรฐิ สดุ ของพวกเรา คือเปนอธบิ ดีของเทวโลกท้งั สอง [ชั้นจาตมุ หาราชและดาวดงึ ส] ดวยบญุ เดช อสิ ริยะปญ ญา. ถา กระไร เราจะพึงพากนั ไปทลู ถามความขอ นก้ี ะทา วสักกะ จอมทวยเทพเถดิ . เทวดาเหลาน้นั ก็พากันไปยงั สํานักทา วสักกะ ถวายบังคมจอมทวยเทพ ซงึ่ มีพระสรีระมีสริ ิดวยอาภรณประจําพระองค อันเหมาะแกข ณะนน้ัมหี มูอปั สร ๒๕๐ โกฏหิ อมลอม ประทบั นั่งเหนือบณั ฑกุ มั พลสลิ าอาสนอ ันประเสริฐ ภายใตตน ปารฉิ ัตตกะ แลว ยนื ณ ท่ีควรสวนหนงึ่ ทูลวา ขอประทานพระวโรกาส พระองคผ ูน ิรทกุ ข โปรดทรงทราบเถิด. บดั นี้ มงคลปญหาตงั้ ขนึ้ แลว พวกหนง่ึ กลา ววา รปู ที่เห็นเปน มงคล พวกหน่ึงกลาววาเสยี งที่ไดย ินเปนมงคล พวกหน่งึ กลา ววา สง่ิ ทท่ี ราบแลว เปน มงคล บรรดาทานเหลาน้นั พวกขา พระบาทและพวกอื่นยังไมไ ดข อยตุ ิ สาธุ ขอพระองคโ ปรดทรงพยากรณต ามเปนจริง แกพวกขา พระบาทดวยเถดิ . ทา วสกั กะเทวราชแมโดยปกติ ทรงมีปญ หา จงึ ตรัสวาเร่อื งมงคลนีเ้ ถดิ ข้นึ ทีไ่ หนกอ นเลา . ทูลวาขา แตเ ทวราช พวกขา พระบาทฟง คาํ ของพวกเทวดาชั้นจาตุมมหาราช ตอ จากนนั้ พวกเทวดาจาตมุ มหาราชกฟ็ งคําของพวกอากาสฏั ฐเทวดา พวกอากาสฏั ฐ-เทวดาฟง คาํ ของพวกภุมมเทวดา พวกภุมมเทวดาฟง คําของเทวดาผูรักษามนุษยพวกเทวดาผรู กั ษามนุษยก ลาววา เรอื่ งมงคลเกดิ ขน้ึ ในมนุษยโลก. ลาํ ดับนน้ั ทา วสักกะจอมทวยเทพตรสั ถามจอมเทวดาเหลานัน้ วาพระสมั มาสัมพทุ ธเจา ประทับอยูทไ่ี หน. เทวดาทั้งหลายทูลวา ประทับอยูในมนษุ ยโลก พระเจา ขา. ตรัสถามวา ใครไดท ลู ถามพระผูมีพระภาคเจาพระองคน ้ันแลหรอื . ทลู วา ไมมีใคร พระเจา ขา. ตรสั วา ดูกอ นทา นผูนิรทุกข



























พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 181 พรรณนาคาถาวา ปฏริ ูปเทสวาโส จ พระผมู ีพระภาคเจา แมถกู เทพบตุ รขอมงคลอยางเดียววา พฺรูหีมงฺคลมตุ ตฺ น ขอไดโปรดตรสั บอกมงคลอนั อุดม แตก ต็ รสั ถงึ ๓ มงคล ดว ยคาถาเดยี ว เปรียบเหมือนบรุ ษุ ใจกวาง ถูกขอแตนอ ยแตกใ็ หม าก ยิ่งไปกวาน้ัน ยังทรงเรม่ิ ท่ีจะตรสั มงคลอกี เปนอันมาก ดว ยคาถาทั้งหลายมีวา ปฏริ ูป-เทสวาโส จ เปนตน ก็เพราะเทวดาทง้ั หลายอยากฟง เพราะมงคลทง้ั หลายมีอยู และเพราะมงคลใด ๆ อนุกูลแกสตั วใด ๆ ทรงมพี ุทธประสงคจ ะทรงประกอบสัตวน ้ัน ๆ ไว ในมงคลนนั้ ๆ. บรรดาคาถาเหลา นน้ั จะกลา วในคาถาแรกกอ น. บทวา ปฏริ โู ป แปลวา สมควร. โอกาสเปนท่อี ยอู าศยัของสัตวทัง้ หลาย ทุกแหง ไมว าเปน ตามกด็ ี นิคมกด็ ี นครก็ดี ชนบทก็ดีชือ่ วา เทสะ. การอยูอาศยั ในเทสะนน้ั ช่อื วา วาสะ. บทวา ปุพฺเพแปลวา แตกอน คอื ในชาตทิ ีล่ ว งมาแลว . ความเปนผมู กี ุศลอนั ส่งั สมแลวชอื่ วา ความเปน ผูมีบุญอันทําไวแ ลว . จติ หรืออัตภาพท้ังสิน้ เรียกวา อัตตะ.การประกอบไว คอื การต้งั ความปรารถนาของตนไวช อบ. ทานอธบิ ายวา การตง้ัตนโดยชอบ ช่ือวา สมมฺ าปณธิ ิ การตั้งไวช อบ. คาํ นอกน้ัน มนี ัยท่ีกลาวไวแลว ทัง้ นน้ั . นีเ้ ปนการพรรณนาบทในคาถาแรกนั้น. สวนการพรรณนาความ พึงทราบดังน้ี. ในประเทศใดบริษัท ๔ ยังจารกิ อยู ยงั บาํ เพญ็ บุญกิริยาวตั ถุมีทานเปนตน อยู นวังสตั ถศุ าสนย งั รุงเรือ่ งอยู. ประเทศนัน้ ชอ่ื วา ปฏิรปู เทส การอยอู าศัยในปฏริ ปู เทสนั้น ตรัสวา เปนมงคล เพราะเปนปจจยั แกการทาํ บญุ ของสัตวท ้งั หลาย. ในขอนี้ มีชาวประมงทีเ่ ขาไปยงั เกาะสิงหลเปน ตน เปน ตวั อยู.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 182 อกี นยั หนึง่ ประเทศเปนทต่ี รัสรูพ ระโพธิญาณ [ท่ตี รัสรูเปน พระ-พทุ ธเจา เรยี กโพธิมณั ฑสถาน] ประเทศท่ีทรงประกาศพระธรรมจักร. ประเทศคือโคนตน มะมว งของนายตัณฑะทท่ี รงแสดงยมกปาฏิหาริย ทําลายความเมาของพวกเดียรถียท ั้งปวง ทามกลางบริษทั ประมาณ ๑๒ โยชน ประเทศท่ีเสดจ็ ลงจากเทวโลก กห็ รือประเทศอน่ื ใดอนั เปนท่ปี ระทับอยูของพระพุทธเจา มีกรุง-สาวัตถี กรงุ ราชคฤหเ ปน ตน ประเทศนัน้ ช่ือวา ปฏริ ูปเทส การอยอู าศัยในปฏริ ูปเทสนน้ั ตรสั วาเปนมงคล เพราะเปนปจจัยแกการไดอนุตตรยิ ะ ๖ของสตั วทง้ั หลาย. อีกนยั หนึง่ ทิศบูรพา ตั้งแตกชังคลนคิ มลงมาถึงมหาสาลา รอบนอกเปนปจ จนั ติมชนบท รอบใน เปน มชั ฌมิ ชนบท. ทศิ อาคเนย ต้งั แตแมน ํ้าสลั ลวตลี งมา รอบนอก เปนปจ จันตมิ ชนบท รอบใน เปนมชั ฌิมชนบท.ทิศทกั ษณิ ตงั้ แตเ สตกณั ณกิ นคิ มลงมา รอบนอก เปนปจ จนั ตมิ ชนบทรอบใน เปน มัชฌิมชนบท. ทิศตะวนั ก็ต้ังแตถ ณู ะตําบลบานพราหมณล งมารอบนอก เปน ปจจันตมิ ชนบท รอบใน เปนมชั ฌิมชนบท. ทิศอุดร ต้งั แตภเู ขาอสุ ีรธชะลงมา รอบนอก เปน ปจ จันติมชนบท รอบใน เปนมชั ฌิม-ชนบท. น้เี ปนมัชฌมิ ประเทศ ยาว ๓๐๐ โยชน กวาง ๒๕๐ โยชน โดยรอบ๙๐๐ โยชน. มชั ฌิมประเทศนี้ ช่อื วาปฏริ ปู เทส. พระเจา จักรพรรดิท้งั หลาย ผคู รองอสิ รยิ าธปิ ตยแ หงทวปี ใหญท ั้ง ๔ทวปี ทวปี นอย ๒,๐๐๐ ทวีป ยอมเกิดในปฏิรูปเทสน้นั พระมหาสาวกทั้งหลายมีพระสารีบตุ ร และพระโมคคลั ลานะเปนตน บําเพ็ญบารมมี าหนงึ่ อสงไขยกบั แสนกปั กเ็ กิดในปฏริ ปู เทสน้ัน พระปจ เจกพุทธเจาทั้งหลาย บาํ เพญ็บารมีมาสองอสงไขยกบั แสนกปั ก็เกิดในปฏริ ปู เทสนัน้ พระสัมมาสัมพุทธเจา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 183ท้งั หลาย บําเพญ็ บารมีมาส่ีอสงไขยกบั แสนกัปบาง แปดอสงไขยกบั แสนกัปบางสิบหกอสงไขยกับแสนกปั บา ง กเ็ สดจ็ อุบตั ใิ นปฏริ ปู เทสนนั้ . บรรดาทานเหลาน้ันสตั วทั้งหลายรับโอวาทของพระเจาจักรพรรดติ งั้ อยูในศลี ๕ แลว ก็มสี วรรคเปนเบอื้ งหนา, ต้งั อยูในโอวาทของพระปจ เจกพุทธเจา กเ็ หมอื นกนั สวนสตั วท งั้ -หลายต้ังอยูในโอวาทของพระพุทธเจา ของสาวกของพระพทุ ธเจา ยอ มมีสวรรคเปน เบ้ืองหนา มพี ระนิพพานเปน เบอื้ งหนา เพราะฉะน้ัน การอยใู นปฏริ ูปเทสนน้ั จงึ ตรัสวา เปนมงคล เพราะเปนปจจัยแหงสมบัติเหลานัน้ . ความเปน ผูปรารภพระพทุ ธเจา พระปจเจกพุทธเจา และพระขีณาสพสรา งสมกศุ ลไวใ นชาติท่ลี ว งมาแลว ชอื่ วา ความเปนผูทาํ บญุ ไวในกอน.แมความเปน ผูทาํ บญุ ไวใ นกอนน้นั กเ็ ปนมงคล. เพราะเหตุไร เพราะทําอธิบายวา ความเปน ผทู ําบุญไวในกอ น ยอมใหบ รรลพุ ระอรหัต เมอื่ จบคาถาแม ๔ บททแ่ี สดงตอพระพักตรของพระพทุ ธเจา และพระปจ เจกพทุ ธเจา หรอื ท่ีฟง เฉพาะพระพกั ตรข องพระพทุ ธเจา หรือสาวกของพระพุทธเจา . ก็มนุษยผูใ ด สรา งบารมไี ว มกี ุศลมลอนั แนนหนามากอน มนุษยผ ูนั้น ทําวิปส สนาใหเ กดิ แลวยอ มบรรลุธรรมทสี่ ้นิ อาสวะ ดวยกศุ ลมูลนั้นนัน่ แล เหมือนพระเจามหากัปปน ะและอคั รมเหสี ดวยเหตนุ ั้น พระผพู ระภาคเจา จึงตรสั วา ความเปนผทู าํ บญุไวในกอนเปน มงคล. คนบางตนในโลกน้ี ยอ มทาํ ตนทท่ี ศุ ลี ใหต ั้งอยใู นสศุ ลี ตนทไ่ี มมีศรัทธาใหต ้งั อยใู นสัทธาสมั ปทา ตนท่ีตระหนี่ใหต ั้งอยใู นจาคสมั ปทา การตง้ัตนดังกลา ว ชอ่ื วา ต้ังตนไวชอบ. การตง้ั ตนไวชอบนี้ เรียกวา อตั ต-สมั นาปณิธิ. อตั ตสมั มาปณิธิน้แี ลเปนมงคล. เพราะเหตไุ ร. เพราะเปน เหตุละเวรทีเ่ ปนไปในปจ จุบนั และภายภาคหนา และประสบอานิสงสต าง ๆ อยา ง.

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 184 พระผูมพี ระภาคเจาตรสั มงคลแหง คาถาน้ีไว ๓ มงคล คอื การอยใู นปฏิรปู เทส ๑ ความเปนผทู ําบุญไวในกอน ๑ และการตั้งตนไวช อบ ๑ดว ยประการฉะน.ี้ กค็ วามท่มี งคลเหลา นนั้ เปน มงคล กไ็ ดช้ีแจงไวในมงคลน้นั ๆ แลว ทัง้ นัน้ . จบพรรณนาความแหง คาถานวี้ า ปฏริ ปู เทสวาโส จ พรรณนาคาถาวา พาหสุ จจฺ ฺจ บัดนี้ ความเปน พหสู ตู ชอ่ื วาพาหุสจั จะ ในบทนี้วา พาหุสจฺจยจฺ .ความฉลาดในงานฝมือทกุ อยาง ช่ือวา ศิลปะ. การฝกกายวาจาจิต ชอ่ื วาวนิ ยั . บทวา สสุ ิกขฺ โิ ต แปลวา อนั เขาศึกษาดวยดแี ลว. บทวา สุภาสิตาแปลวา อันเขากลาวดว ยดีแลว. ศพั ทวา ยา แสดงความไมแ นน อน. คําเปลง ทางคําพดู ชอื่ วา วาจา. คาํ ท่เี หลอื มีนัยทก่ี ลาวมาแลว ท้ังน้ันแล. นเี้ ปนการพรรณนาบทในคาถาวา พาหสุ จจฺ ฺจ น้.ี สว นการพรรณนาความ พึงทราบดังนี้. ความเปนผูทรงไวซงึ่ วตั ถ-ุศาสน ทท่ี รงพรรณนาไว โดยนยั เปน ตน อยา งนว้ี า เปนผูทรงสุตตะ สัง่ สมสตุ ตะ และวา ภิกษบุ างรปู ในพระธรรมวินยั น้ี มีสุตตะมาก คือ สุตตะ เคยยะเวยยากรณะ เปน ตน ช่ือวา ความเปนพหูสตู . ความเปน พหสู ตู นั้น ตรัสวาเปนมงคล เพราะเปนเหตุละอกศุ ลและประสบกุศลและเพราะเปน เหตทุ าํ ใหแจงปรมัตถสัจจะตามลําดับ สมจรงิ ดังทีพ่ ระผมู พี ระภาคเจาตรัสไวด ังน้วี า ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย อริยสาวก ผสู ดบั แลว ยอมละอกุศล เจริญกศุ ล ยอมละสิ่งมีโทษ เจริญสิง่ ทไ่ี มมโี ทษ บริหารตนใหบ รสิ ุทธิ์ ดังน.ี้ อีกพระดาํ รัสหน่งึ ตรสั วา

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 185 ยอมพจิ ารณาความของธรรมทั้งหลาย ที่ทรงจาํ ไว ธรรมทง้ั หลายยอมทนการเพง พินิจของเธอ ผูพิจารณา ความอยูเม่อื ธรรมทนการเพงพินจิ อยู ฉันทะยอมเกิด เกิดฉันทะแลว ก็อตุ สาหะ เมอื่ อตุ สาหะ ดีใชดุลย- พินิจ เมือ่ ใชด ุลยพินิจ ก็ตัง้ ความเพียร เม่ือต้ังความ เพยี ร ยอมทาํ ใหแจงปรมัตถสัจจะ ดว ยกาย [นามกาย] และยอมเห็นทะลปุ รุโปรง ดวยปญญา ดงั นี้. อน่งึ แมพาหุสจั จะความเปน พหสู ตู ของคฤหสั ถอนั ใดไมมโี ทษ อันนน้ัก็พงึ ทราบวาเปนมงคล เพราะนํามาซง่ึ ประโยชนส ุขในโลกท้ังสอง. ศลิ ปะของคฤหัสถ และศิลปะของบรรพชิต ช่ือวา ศิลปะ. บรรดาศลิ ปะทั้งสองนัน้ กจิ กรรมมีงานของชา งมณี ชา งทองเปน ตน ทเี่ วนจากการทาํ รายชวี ติ สัตวอืน่ เวน จากอกุศล ชือ่ วา อคาริกสิปปะ ศลิ ปะของคฤหัสถ. อคารกิ สปิ ปะนน้ั ชื่อวา เปนมงคล เพราะนํามาซึง่ ประโยชนใ นโลกน้.ี การจัดทาํ สมณบรขิ ารมกี ารกแ็ ละเยบ็ จีวรเปนตน ซ่งึ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสรรเสริญไวใ นทน่ี ัน้ ๆ โดยนัยเปน ตนวา ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย กจิท่ีควรทําไรๆ ของสพรหมจารี ไมวาสงู ต่าํ เหลา น้ันใด ภกิ ษเุ ปน ผขู ยนั ในกจิ ที่ควรทําไร ๆ นนั้ และท่ีตรัสวา เปนนาถกรณธรรม ธรรมทาํ ทพ่ี ่ึง ช่ือวาอนาคารกิ สิปปะ ศิลปะของบรรพชติ . ศลิ ปะของบรรพชติ นัน้ พึงทราบวาเปนมงคล เพราะนํามาซง่ึ ประโยชนสุขในโลกท้งั สองแกต นเองและแกคนอ่ืน ๆ. วนิ ยั ของคฤหัสถและวนิ ยั ของบรรพชติ ชือ่ วาวนิ ัย. บรรดาวนิ ยั ทั้งสองนัน้ การงดเวน อกุศลกรรมบถ ๑๐ ช่อื วา วินัยของคฤหัสถ. วนิ ยั ของคฤหสั ถ

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 186นน้ั คฤหสั ถศกึ ษาดแี ลว ในวินัยนั้น ชอื่ วา เปนมงคล เพราะนาํ มาซึ่งประโยชนสุขในโลกทั้งสอง ดว ยการไมต องสงั กิเลสความเศรา หมอง และดวยการกําหนดคณุ คอื อาจาระ. การไมต อ งอาบตั ิ ๗ กอง ชื่อวา วินยั ของบรรพชิต. แมวินัยของบรรพชติ นน้ั อันบรรพชติ ศึกษาดีแลว โดยนยั ทกี่ ลา วมาแลว. หรือปาริสทุ ธิ.ศลี ๔ ช่อื วาวนิ ัยของบรรพชติ . วนิ ยั ของบรรพชิตนัน้ อันบรรพชติ ศกึ ษาดีแลว ดวยการศกึ ษาโดยประการที่ตง้ั อยใู นปาริสทุ ธศิ ีล ๔ นั้น แลวจะบรรลุพระอรหตั ได พึงทราบวาเปนมงคลเพราะเปนเหตุประสบสุขท้งั โลกยิ ะทัง้โลกตุ ระ. วาจาทเี่ วน จากโทษมีมสุ าวาทเปน ตน ชื่อวาวาจาสภุ าษติ เหมอื นอยา งทีพ่ ระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวว า ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย วาจาประกอบดว ยองค ๔เปน วาจาสุภาษิต. หรอื วา วาจาท่ีเจรจาไมเพอ เจอ ก็ช่ือวาวาจาสุภาษิต. เหมอื นอยางทีพ่ ระผมู ีพระภาคเจาตรัสไววา ๑ สภุ าสิต อตุ ฺตมมาหุ สนโฺ ต ธมมฺ  ภเณ นาธมมฺ  ต ทตุ ยิ  ปย ภเณ นาปฺปย  ล ตติย สจจฺ  ภเณ นาลิก จตตุ ถ . สตั บรุ ษุ ทัง้ หลายกลา ววา วาจาสุภาษติ เปน วาจา สงู สุดเปน ขอที่ ๑. บคุ คลพึงกลา วแตธรรม ไมก ลา วไม เปน ธรรมเปนขอที่ ๒. พงึ กลาวแตค ําน้นี ารัก ไมก ลาว คําไมนารัก เปนขอ ที่ ๓. กลา วแตค ําสัตย ไมก ลาว คําเหลาะแหละเปน ขอท่ี ๔.๑. ข.ุ ส.ุ ๒๕/ขอ ๓๕๖

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 187แมวาจาสุภาษติ น้ี ก็พงึ ทราบวาเปนมงคล เพราะนํามาซงึ่ ประโยชนสุขในโลกทง้ั สอง แตเ พราะเหตุท่วี าจาสุภาษติ นี้นับเน่ืองในวินยั ฉะนนั้ . ถึงไมส งเคราะหว าจาสภุ าษิตนีไ้ วด วยวนิ ัยศพั ท กพ็ ึงทราบวา เปน วนิ ัย. เมอื่ เปนเชน นน้ั วาจามีการแสดงธรรมแกค นเหลา อน่ื เปนตน พงึ ทราบวาเปนวาจาสุภาษติ ในทนี่ ้ี ดวยความกระอักกระอว นนหี้ รือ. ความจรงิ วาจาสุภาษิตตรัสวาเปนมงคล ก็เพราะเปน เหตุประสบสขุ ในโลกทั้งสองและพระนิพพานของสตั วท้ังหลาย กเ็ หมอื นการอยูในปฏิรูปเทศ. พระวังคีสเถระกลาวไวว า๑ย พทฺโธ ภาสตี วาจ เขม นพิ พฺ านปตตฺ ยิ าทุกฺขสฺสนฺตกิรยิ าย สา เว วาจานมุตตฺ มา.พระพุทธเจาตรสั พระวาจาใด อันเกษม เพ่ือบรรลุพระนพิ พาน เพอ่ื ทาํ ทส่ี ดุ ทกุ ข พระวาจานั้นแลเปนยอดของวาจาทงั้ หลาย.พระพทุ ธเจา ตรสั มงคลแหงคาถามไว ๔ มงคล คือ พาหุสจั จะ ๑สปิ ปะ ๑ วนิ ัยท่ศี ึกษาดีแลว ๑ และ วาจาสภุ าษติ ๑ ดวยประการฉะน.้ีก็ความท่ีมงคลนนั้ เปนมงคล ก็ไดช ี้แจงไวในมงคลนั้น ๆ แลวทั้งนัน้ แล.จบพรรณนาความแหงคาถานีว้ า พาหสุ ฺจจฺ เปน ตนพรรณนาคาถาวา มาตาปต อุ ปุ ฏ านบดั นี้ จะพรรณนาในคาถานวี้ า มาตาปตุอุปฏ าน . มารดาและบดิ า เหตุนั้น ช่ือวา มารดาและบิดา. บทวา อุปฏ าน แปลวา การบาํ รงุ .บุตรท้งั หลายดวย ภรรยาทงั้ หลายดว ย ชือ่ วาบุตรและภรรยา การสงเคราะหช่ือวา สงั คหะ. การงานคือกิจกรรมอากูลหามไิ ด ช่ือวาไมอากูล. คําท่ีเหลอืมีนัยที่กลาวมาแลว ท้งั นนั้ แล. นเี่ ปนการพรรณนาบท.๑. ขฺ.ส.ฺ ๒๔/ขอ ๓๕๗

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 188 สว นการพรรณนาความ พงึ ทราบดงั น้ี . สตรีผูยังบตุ รใหเกิด เรยี กชอื่ วา มารดา บดิ าก็เหมือนกัน. การทาํ อปุ การะดวยการลางเทา นวดฟนขดั สีใหอ าบน้าํ และดว ยการมอบใหป จจยั ๔ ชอ่ื วา การบาํ รงุ . ในการบํารุงนนั้เพราะเหตทุ มี่ ารดาบิดา มอี ุปการะมาก หวังประโยชนอนเุ คราะหบตุ รทัง้ หลายมารดาบดิ าเหลา ใด แลเห็นบตุ รทั้งหลายเลน อยูขา งนอก เดนิ มามเี นื้อตัวเปอนฝนุ ก็เช็ดฝุนให จบู จอมถนอมเกลา เกิดความรักเอน็ ดู บตุ รทัง้ หลายใชศรี ษะทนู มารดาบิดาไวถึงรอ ยป ก็ไมสามารถจะทําปฏิการะสนองคณุ ของมารดาบิดานนั้ ได และเพราะเหตุทีม่ ารดาบิดาน้นั เปน ผูด ูแลบํารงุ เล้ยี ง แสดงโลกนี้ สมมติวา เปนพรหม สมมตวิ าเปน บุรพาจารย ฉะนน้ั การบาํ รงุ มารดาบิดาน้ัน ยอมนํามาซง่ึ การสรรเสรญิ ในโลกนี้และละโลกไปแลว กจ็ ะนํามาซ่งึ สขุในสวรรค ดว ยเหตนุ น้ั จงึ ตรัสวา เปนมงคล สมจริงดงั ท่พี ระผมู พี ระภาคเจาตรสั ไวว า ๑ มารดาบดิ า ทา นเรียกวา พรหม วาบุรพาจารย เปน อาทุเนยยบุคคลของบุตร เปนผอู นุเคราะห บตุ รเพราะ ฉะนั้น บัณฑติ พึงนอบนอม และพงึ สกั การะมารดา บิดานั้น ดวยขาว นํ้า ผา ทนี่ อน การขดั สี การ ใหอาบนํา้ และลางเทา. เพราะการปรนนบิ ัติมารดาบิดา นั้น บัณฑติ ท้งั หลายจึงสรรเสรญิ เขาในโลกน้ี เขาละ โลกไปแลว ยงั บรรเทงิ ในสวรรค. อกี นัยหนง่ึ กจิ กรรม ๕ อยา ง มกี ารเลีย้ งดทู า น ทาํ กจิ ของทานและการดาํ รงวงศสกลุ เปน ตน ชอ่ื วา การบํารุง. การบํารุงน้ัน พงึ ทราบวา เปนมงคล เพราะเปน เหตแุ หงประโยชนสขุ ในปจจบุ ัน ๕ อยา งมี การหา มมใิ หท ําบาปเปน ตน . สมจรงิ ดังท่พี ระผูมีพระภาคเจาตรสั ไวดังนี้วา ๒๑. ข.ุ อ.ิ ๒๕/ขอ ๒๘๖. ๒. ที.ปา. ๑๑/ขอ ๑๙๙

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 189 ดกู อ นบตุ รคฤหบดี ทิศเบอ้ื งหนา คือมารดาบิดา อันบุตรพึงบํารงุ ดวยสถาน คือ เราทา นเลีย้ งมาแลว จักเลี้ยงดูทาน จักทํากจิ ของทา น จักดํารงวงศส กุล จักปฏิบัติตวั เหมาะทีจ่ ะเปน ทายาท เม่ือทา นลว งลบั ดับ ขันธแ ลวจกั ทําบญุ อทุ ิศไปใหท าน. ดูกอ นบุตรคฤหบดี ทศิ เบือ้ งหนาคอื มารดาบิดา อันบุตรถึงบาํ รุงดวยสถาน ๕ เหลานแ้ี ลว ยอ มอนเุ คราะหบ ุตร ดว ยสถาน คอื หามบุตรจากความชัว่ ใหบ ตุ รตง้ั อยูในความดี ใหศ ึก ษาศลิ ปะจัดหาภรรยาทีส่ มควรให มอบทรพั ยม รดกให ในเวลาสมควร. อนึง่ ผใู ดบาํ รุงมารดาบิดา ดว ยใหเ กดิ ความเลือ่ มใสในวัตถุ[รตั นะ]ท้งั สาม ดวยใหถ งึ พรอ มดว ยศลี ดวยการบรรพชา ผนู เี้ ปน ยอดของ ผบู าํ รุงมารดาบดิ า. การบาํ รงุ มารดาบิดาของผนู น้ั เปนการตอบแทนอุปการคณุ ท่ีมารดาบิดาทํามาแลว ตรสั วา เปน มงคล เพราะเปนปทฏั ฐานแหงประโยชนท ้งั หลายท้งั ปจ จบุ นั ทั้งภายภาคหนา เปนอนั มาก. ทง้ั บตุ รทั้งธดิ า ท่ีเกิดจากตน กน็ บั วาบตุ รทงั้ น้นั ในคําวา ปตุ ตฺ -ทารสฺสน.ี้ บทวา ทารา ไดแกภ รรยา ๒๐ จาํ พวก จาํ พวกใดจําพวกหนงึ่ .บตุ รและภรรยา ชอื่ วา ปุตตทาระ. ซงึ่ บุตรและภรรยานั้น . บทวา สงคฺ โหไดแ ก การทาํ อปุ การะตัวดวยการยกยองเปน ตน. การอุปการะนั้น พงึ ทราบวาเปน มงคล เพราะเปนเหตแุ หงประโยชนสขุ ในปจ จุบนั มคี วามเปน ผจู ัดการงานดีเปนตน. ความจรงิ พระผูมีพระภาคเจา ทรงสงเคราะหบตุ รภรรยาทท่ี รง

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 190ยกขน้ึ แสดงวา ทศิ เบ้อื งหลัง พึงทราบวา คอื บุตรภรรยาไวด วย ภริยา ศพั ทจงึ ตรสั ไวด งั นวี้ า๑ ดกู อนบตุ รคฤหบดี ทศิ เบื้องหลงั คอื ภรรยา อนั สามีพงึ บาํ รงุ ดว ยสถาน ๕ คอื ดวยการยกยอง ดว ย การไมดูหมนิ่ ดว ยการไมนอกใจ ดวยการมอบความ เปนใหญให ดวยการมอบเครอื่ งประดับให. ดูกอน บุตรคฤหบดี ทิศเบ้อื งหลังคอื ภรรยา อนั สามบาํ รงุ ดวย สถาน ๕ เหลานแี้ ลว ยอมอนเุ คราะหท ่สี ามดี ว ยสถาน ๕ คือ จดั การงานดี สงเคราะหคนขางเคียง ไมนอกใจ รกั ษาทรพั ยทส่ี ามที ํามา ขยันไมเกยี จครา นในกจิ ทุก อยา ง. หรือ มอี กี นยั หนึ่งดังนี้ บทวา สงฺคโห ไดแ ก การสงเคราะหด ว ยทานการให ปย วาจาพดู นา รัก อรรถจรยิ าการบําเพ็ญประโยชนอ ันเปนธรรม.คอื อะไร. การใหเ สบียงอาหารในวันอโุ บสถ การใหดงู านนกั ขัตฤกษ กระทาํมงคลในวันมงคล การโอวาทสัง่ สอน ในประโยชนท้งั หลายท่ีเปนไปในปจ จบุ ันและเปนไปภายหนา การสงเคราะหนนั้ พงึ ทราบวาเปน มงคล เพราะเปน เหตุแหงประโยชนใ นปจจุบัน เพราะเปนเหตุแหง ประโยชนใ นภายหนา และเพราะเปน เหตแุ หง ความเปน ผูทีแ่ มเทวดาท้งั หลายพึงนอบนอม. เหมือนอยางที่ทาวสักกะจอมทวยเทพตรสั ไวว า เย คหฏา ปุ ฺ กรา สีลวนโฺ ต อุปาสกา ธมฺเมน ทาร โปเสนฺติ เต นมสสฺ ามิ มาตลิ.๑. ที.ปา. ๑๑/ขอ ๒๐, ๒. ส , สคาก. ๑๕/ขอ ๙๓๐

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 191 ดูกอ นมาตลี คฤหสถเ หลา ใด ทาํ บุญ มศี ีล เปนอุบาสก เลี้ยงดูภรรยาโดยธรรม เรายอมนอบนอ ม คฤหสั ถเ หลานน้ั . การงานทงั้ หลาย มีกสกิ รรมทําไรน า โครกั ขกรรมเล้ยี งโคและวณชิ -กรรม คา ขายเปน ตน เวน จากภาวะอากลู มกี ารลวงเลยเวลา การทําไมเหมาะและการทํายอ หยอนเปน ตน เพราะเปน ผรู จู กั กาล เพราะเปน ผทู ําเหมาะ เพราะเปนผไู มเ กยี จคราน และเพราะไมควรพินาศ เหตุถงึ พรอมดว ยความขยนัหมั่นเพียร ชอ่ื วาการงานไมอ ากูล. การงานไมอากูลเหลานน้ั อนั บคุ คลประกอบไดอ ยางน้ี กเ็ พราะตน บุตรภรรยา หรอื ทาสและกรรมกร เปน ผูฉลาดตรัสวา เปนมงคล เพราะเปน เหตุใหไดทรพั ย ขา วเปลอื กและความเจริญในปจ จุบัน. สมจริงดงั ท่พี ระผมู ีพระภาคเจา ตรัสไวด ังนว้ี า ผูม ธี รุ ะ ทาํ เหมาะ หมน่ั ยอมไดทรพั ย.แลวา ผชู อบนอนหลบั กลางวนั เกลียดการขยนั กลาง คนื เมาประจาํ เปน นกั เลงครองเรือนไมไ ด. ประโยชน ทัง้ หลายยอมลวงเลย พวกคนหนมุ ท่ที อดทิ้งการงาน ดวยอางวา หนาวนกั รอ นนัก เย็นแลว . ผูใดไมส ําคัญ ความเย็นและควานรอนยง่ิ ไปกวา หญา ทาํ กิจของลกู ชาย ผูน ัน้ ยอ มไมเ สอ่ื มจากสขุ .และวา เม่อื คนรวบรวมโภคทรัพย เหมอื นแมลงผง้ึ รวบ รวมนํ้าหวาน โภคทรัพยย อมสะสมเปนกอง เหมอื น จอมปลวกทปี่ ลวกท้งั หลายกอขน้ึ ฉะนัน้ .

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 192อยา งนีเ้ ปน ตน พระผูม พี ระภาคเจาตรัสมงคลแหงคาถานไี้ ว ๔ มงคล คอื การบาํ รุงมารดา ๑ การบาํ รงุ บิดา ๑ การสงเคราะหบตุ รภรรยา ๑ และการงานไมอ ากลู ๑ หรือ ๕ มงคล เพราะแยกการสงเคราะหบ ุตรและภรรยาออกเปน๒ หรือ ๓ มงคล เพราะรวมการบาํ รงุ มารดาและบดิ าเปนขอ เดียวกนั . ก็ความที่มงคลเหลาน้นั เปนมงคล ไดช ้ีแจงไวใ นมงคลนน้ั ๆ แลว ท้ังนั้นแล. จบพรรณนาความแหง คาถาน้ีวา มาตาปต ุอปุ ฏ าน พรรณนาคาถาวา ทานจฺ บัดนี้ จะพรรณนาในคาถานวี้ า ทานฺจ. ชือ่ วา ทาน เพราะเขาใหดว ยวตั ถุน้ี ทา นอธิบายวา เขามอบทรัพยทมี่ ีอยขู องตนใหแกผูอ่ืน. การประพฤติธรรมหรอื ความประพฤตทิ ่ไี มปราศจากธรรม ชอื่ วา ธรรนจรยิ า. ช่ือวา ญาติเพราะใคร ๆ ก็รวู า ผูน้พี วกของเรา. ไมม โี ทษ ชอ่ื วา อนวชั ชะ ทา นอธิบายวา ใคร ๆ นินทาไมได ตเิ ตียนไมไ ด. คาํ ท่ีเหลอื มนี ยั ท่ีกลา วมาแลวทัง้ น้ันแล. นีเ้ ปน การพรรณนาบท . สว นการพรรณนาความ พงึ ทราบดังน้.ี เจตนาเปน เหตบุ รจิ าคทาน.วัตถุ ๑๐ มีขา วเปนตน ซงึ่ มีความรดู ีเปน หัวหนา เฉพาะผูอ ืน่ หรือความไมโ ลภ ทปี่ ระกอบดวยจาคเจตนานนั้ ชอ่ื วา ทาน. จริงอยู บคุ คลยอมมอบใหวัตถนุ ั้น แกผ อู น่ื ดว ยความไมโ ลภ. ดว ยเหตุนัน้ ขาพเจา จึงกลา ววา ชื่อวาทาน เพราะเขาใหทานดว ยวัตถุนี้ ตรสั วาเปนมงคล เพราะเปนเหตปุ ระสบผลว-ิเศษทีเ่ ปนไปในปจจบุ นั และเปนไปภายหนา มคี วามเปนผูท ่ชี นเปน อันมากรกัและพอใจเปน ตน. ในเรอ่ื งทานน้ี พงึ ระลกึ ถงึ สูตรทง้ั หลาย เปนตน อยางน้ีวาดูกอนสหี ะ ทานบดีผูทายกยอมเปนที่รักท่พี อใจของชนเปนอนั มาก.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 193 อีกนัยหน่ึง ชื่อวา ทานมี ๒ คือ อามสิ ทานและธรรมทาน ในทานทัง้ สองนนั้ อามสิ ทาน ไดกลาวมาแลว ท้ังนัน้ . สวนการแสดงธรรม ทีพ่ ระ-สมั มาสมั พทุ ธเจา ประกาศแลว อนั นํามาซ่งึ ความสิ้นทกุ ขแ ละสขุ ในโลกน้แี ละโลกหนา เพราะหมายจะใหเ ปนประโยชนแกค นอนื่ ๆ ชอื่ วา ธรรมทาน.อนง่ึ บรรดาทานทง้ั สองน้ี ธรรมทานน้อี ยา งเดียวเปนเลศิ เหมอื นอยา งท่ีพระผมู พี ระภาคเจาตรสั ไววา ๑ สพฺพทาน ธมฺมทาน ชนิ าติ สพพฺ รส ธมฺมรโส ชินาติ สพพฺ รตึ ธมมฺ รติ ชนิ าติ ตณหฺ กขฺ โย สพฺพทกุ ฺข ชินาต.ิ การใหธ รรมชนะการใหทั้งปวง รสแหงธรรม ชนะรสทัง้ ปวง ความยนิ ดใี นธรรมชนะความยนิ ดีทั้ง ปวง ความสนิ้ ตณั หาชนะทกุ ขท ง้ั ปวง. ในพระสตู รและคาถานั้นก็ตรัสความท่ีอามิสทานเปนมงคลเทานนั้ สว นธรรมทานตรัสวา เปน มงคล เพราะเปน ปทฏั ฐานแหง คุณท้ังหลาย มีความเปน ผูซาบซ้งึ อรรถเปน ตน สมจรงิ ดังที่พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสไวด ังนวี้ า ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษแุ สดงธรรม ตามท่ี ฟงมา ตามท่ีเรยี นมา โดยพิศดารแกคนอ่นื ๆ โดย ประการใด ๆ ภิกษนุ นั้ ยอมเปน ผซู าบซึง้ อรรถ และ ซาบซง่ึ ธรรม ในธรรมนั้น โดยประการนัน้ ๆ อยา งนี้ เปนตน . การประพฤตกิ ศุ ลกรรมบถ ๑๐ ชอื่ วา ธรรมจริยา เหมอื นอยา งที่พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวเ ปน ตนอยางน้วี า ดูกอนคฤหบดที ้งั หลาย การ๑. ขุ. ธ. ๒๕/ขอ ๓๔

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 194ประพฤติธรรม การประพฤติสม่ําเสมอ มี ๓ อยา ง. ก็การประพฤติธรรมน้ันพงึ ทราบวาเปนมงคล เพราะเปนเหตุเขา ถึงโลกสวรรค. สมจรงิ ดงั ท่ีพระผูมี-พระภาคเจา ตรสั ไวด งั นวี้ า ดูกอนคฤหบดีทั้งหลาย เพราะเหตุทป่ี ระพฤติธรรม ประพฤติสมํา่ เสมอ สัตวบ างเหลา ในโลกน้ี เบอื้ งหนา แตตายเพราะกายแตก ยอ มเขา ถึงสุคติโลกสวรรค ดงั น.้ี ชนผูเ กยี่ วของขา งมารดาหรือขางบดิ า จนถงึ ๗ ช่ัวปูยา ชือ่ วา ญาติ.การสงเคราะหญาติเหลา น้นั ผูถกู ความเสอ่ื มโภคะถูกความเส่ือมเพราะเจ็บปว ยครอบงําแลวมาหาตน ดว ยอาหารเครือ่ งนงุ หมและขาวเปลือกเปน ตน ตามกาํ ลัง ตรสั วาเปนมงคล เพราะเปน เหตุประสบผลวเิ ศษ ทเ่ี ปนปจ จบุ นั มีการสรรเสรญิ เปน ตน และทีเ่ ปนภายหนา มีไปสคุ ตเิ ปน ตน. กจิ กรรมทเ่ี ปน สจุ รติทางกายวาจาใจมีการสมาทานองคอโุ บสถ การทาํ ความขวนขวาย การปลกู สวนและปา และสรา งสะพานเปนตน ชื่อวา การงานไมม โี ทษ. การงานไมมีโทษเหลาน้ัน ตรัสวา เปน มงคล เพราะเปน เหตุใหป ระสบประโยชนสุขนานาประการ. พึงระลกึ ถึงพระสูตรทงั้ หลายมเี ปน ตน อยา งน้วี า ดูกอนวสิ าขา สตรีหรอื บรุ ุษบางตนในศาสนานี้ ถืออโุ บสถประกอบดวยองค ๘ ประการเบอ้ื งหนาแตตายเพราะกายแตก พึงเขา ถงึ ความเปนสหายของทวย-เทพ ชัน้ จาตมุ หาราชกิ าอันใด อนั นน้ั ก็เปน ฐานะเปน ไปได. พระผูมีพระภาคเจา ตรสั มงคลแหง คาถานไ้ี ว ๔ มงคล คอื ทาน ๑ธรรมจริยา ๑ การสงเคราะหญาติ ๑ การงานไมมโี ทษ ๑ ดวยประการฉะน้ี. กค็ วามทมี่ งคลเหลาน้ัน เปน มงคล ก็ไดช ี้แจงไวในมงคลนัน้ ๆ แลวทั้งนัน้ แล. จบพรรณนาความแหง คาถานี้วา ทานจฺ

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 195 พรรณนาคาถาวา อารตี บดั น้ี จะพรรณนาในคาถาวา อารตี วิรตี น.้ี ชอื่ วา อารมณะเพราะงด. ช่ือวา วริ มณะ เพราะเวน . อกี นยั หนง่ึ เจตนาชื่อวา วิรติเพราะเปนเครอื่ งท่สี ตั วงดเวน. บทวา ปาปา ไดแกจ ากอกศุ ล. ช่ือวา มัชชะเพราะอรรถวา เปน ท่ีต้ังแหงความเมา. การดืม่ มัชชะ ชื่อวา มชั ชปานะ.สาํ รวมจากมัชชปานะนน้ั . ความระวังชอ่ื วา ส ยมะ. ความไมป ระมาทชอ่ื วาอัปปมาทะ. บทวา ธมเฺ มสุ ไดแ ก ในกุศลทงั้ หลาย. คาํ ท่ีเหลือมีนยั ที่กลา วมาแลวทงั้ น้นั แล น้ีเปนการพรรณนาบท. สว นการพรรณาความ พึงทราบดังน.ี้ ความไมย ินดยี ่งิ ทางใจอยา งเดียวของบคุ คลผเู หน็ โทษในบาป ช่อื วา อารติ. ความเวนทางกายวาจา โดยกรรมและทวาร ช่ือวา วริ ตั .ิ ก็ธรรมดาวิรตินั่นนนั้ มี ๓ คอื สมั ปตตวิรัติ ๑ สมาทานวิรัติ ๑สมจุ เฉทวริ ัติ ๑. บรรดาวิรตั ทิ ั้ง ๓ น้ัน วริ ติเจตนางดเวนจากวัตถุทีป่ ระสบเขาอนั ใดของกลุ บตุ ร โดยนัยเปน ตน อยา งนี้วา ขอท่ีเราจะฆา สัตวน้ี จะลัก-ทรัพยเ ปน ตน เม่ือนกึ ถงึ ชาติตระกลู หรือโคตรของตน ก็ไมส มควรแกเ ราเลย วิรติเจตนางดเวน อนั นช้ี อื่ วา สัมปตตวริ ตั .ิ กลุ บุตรไมท ําบาปมีปาณาตบิ าตเปน ตน ตงั้ แตประพฤตวิ ริ ัตอนั ใด วิรตอิ นั นน้ั เปนไปโดยสมาทานสกิ ขาบทชือ่ วา สมาทานวิรัติ. ภยั เวร ๕ ของพระอริยสาวกระงบั ไป ตงั้ แตประพฤติวิรัตใิ ด วริ ตนิ ้นั ประกอบดวยอริยมรรค ช่ือวา สมุจเฉทวิรติ. บาปอกศุ ลนน้ั ใด มี ๔ อยาง กลาวคอื กรรมกเิ ลส ทีพ่ ระผูมพี ระภาคเจาตรสั ไวพ ษิ ดารอยางนีว้ า ดกู อ นบุตรคฤหบดี กรรมกิเลส คือ ปาณาติบาต กรรมกิเลสคืออทนิ นาทาน ฯลฯ กรรมกิเลส คอื มุสาวาส ดังนแ้ี ลวทรงสังเขปไวดว ยคาถาอยางน้ีวา

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 196ปาณาติปาโต อทินฺนาทาน มสุ าวาโท จ วจุ จฺ ติปรทารคมนเฺ จว นปปฺ ส สนฺติ ปณฺฑติ าทา นกลา วกรรมกเิ ลส ๔ คือ ปาณาตบิ าต,อทินนาทาน, มุสาวาท และการละเมิดภรรยาของผูอน่ื . บัณฑิตทง้ั หลายไมสรรเสริญเลย.การงดเวนจากบาปอกศุ ลนนั้ การงดการเวน แมท ้งั หมดนน้ั ตรสั วาเปน มงคล เพราะเปนเหตปุ ระสบผลวเิ ศษนานาประการ มีการละภัยเวรทเี่ ปนปจ จบุ นั และเปน ไปภายหนา เปน ตน . กใ็ นขอ น้ี พึงระลึกถงึ พระสูตรทง้ั หลายโดยนยั เปนตนวา ดูกอ นบุตรคฤหบดี อรยิ สาวกเวนขาดจากปาณาตบิ าตแล.จะกลาวพรรณนาการสาํ รวมจากการด่ืมของเมา. คํานเ้ี ปน ชือ่ ของเจตนางดเวนจากทีต่ ง้ั แหงความประมาท คอื การดื่มของเมา คือสรุ าและเมรยั ท่ีกลา วไวก อ นแลว. ก็เพราะเหตุท่ีผูด ม่ื ของเมายอมไมร ูอรรถ ไมรูธรรม ยอมทําอนั ตรายแกม ารดา ทาํ อันตรายแกบ ดิ า แมแกพ ระพทุ ธเจา พระปจ เจก-พระพทุ ธเจา และพระสาวกของพระตถาคต ยอ มประสบการติเตยี นในภพปจจบุ นั ประสบทคุ ตใิ นภพเบื้องหนา และประสพความเปนบา ในภพตอ ๆ ไป.สว นการสาํ รวมจากการด่มื ของเมา ยอ มบรรลุการระงบั โทษเหลา นน้ั และการถงึ พรอ มดว ยคณุ ตรงกันขา มกับโทษน้นั . ฉะนน้ั การสาํ รวมจากการด่มื ของเมานี้ พึงทราบวา เปน มงคล.ความอยไู มป ราศจากสตใิ นกุศลธรรมทั้งหลาย โดยอรรถพงึ ทราบโดยเปน ปฏิปกษตอ ความประมาท ที่ทานกลา วไวใ นบาลนี ี้ ความกระทําโดยไมเ คารพ ความการทาํ โดยไมต อเน่ือง ความกระทําไมมนั่ คง ความประพฤติ

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 197ยอหยอน ความทอดฉนั ทะ ความทอดธรุ ะ. การไมเสพ การไมเ จริญ การไมทําใหมาก การไมต ั้งใจ การไมป ระกอบเนือง ๆ ความเลนิ เลอ ในการอบรมกุศลธรรมทง้ั หลาย ความประมาท ความเลินเลอ ความเปนผูเ ลินเลอ เหน็ปานนี้ใด อนั นีเ้ รียกวา ประมาท. ช่อื วา ความไมประมาทในกศุ ลธรรมทั้งหลาย. ความไมป ระมาทในกุศลธรรมนน้ั ตรัสวาเปนมงคล เพราะเปนเหตุประสบกุศลนานาประการ และเพราะเปนเหตบุ รรลุอมตธรรม. ในขอ น้นัพงึ ระลึกถึงคําส่ังสอนของพระศาสดา เปน ตนอยา งน้วี า ผไู มประมาท ผูมีความเพียร และวา ความไมป ระมาทเปน อมตบท ดังน.้ี พระผูมพี ระภาคเจาตรสั มงคลแหงคาถาน้ีไว ๓ มงคล คอื การงด-เวน จากบาป ๑ การสาํ รวมจากการดืม่ ของเมา ๑ ความไมป ระมาทในกุศลธรรมท้ังหลาย ๑ ดว ยประการฉะน้.ี ก็ความทีม่ งคลเหลา น้ันเปนมงคล กไ็ ดช ี้แจงไวในมงคลนัน้ ๆ แลวทัง้ นน้ั แล. จบพรรณนาความแหง คาถาวา อารตี พรรณนาคาถาวา คารโว จ บัดน้ี จะพรรณนาในคาถาวา คารโว จ นี.้ บทวา คารโว ไดแ กความเปนผูห นกั [การณ] . บทวา นิวาโต ไดแ ก ความประพฤตถิ อมตน.บทวา สนตฺ ฏุ ิ แปลวา ความสันโดษ. ความรูอปุ การะคุณทที่ า นทําไวชอื่ วา กตั ตุ า. บทวา กาเลน แปลวา ขณะสมัย. การฟง ธรรมช่ือวา ธมั มัสสวนะ. คาํ ทเี่ หลอื มนี ยั ท่กี ลา วมาแลว ทง้ั นนั้ แล น้ีเปน การพรรณนาบท.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 198 สวนการพรรณนาความ พงึ ทราบดงั น.้ี ความเคารพ การทําความเคารพความเปนผูม ีความเคารพตามสมควรในพระพุทธเขาพระปจ เจกพุทธเจาพระสาวกของพระตถาคต อาจารย อุปชฌาย มารดาบิดา พี่ชาย พี่สาวเปน ตน เปนผูค วรประกอบความเคารพ ช่อื วา คารวะ. คารวะนน้ี นั้เพราะเหตทุ เี่ ปน เหตแุ หงการไปสคุ ติเปนตน เหมือนอยา งทต่ี รัสไวว า บคุ คลกระทาํ ความเคารพผทู ่คี วรเคารพ สักการะ ผทู ี่ควรสักการะ นบั ถือผทู ่ีควรนบั ถือ บชู าผทู คี่ วร บูชา. เพราะธรรมน้ัน ที่ยึดถือไวบริบรู ณอยางนี้ เบ้ืองหนาแตตาย เพราะกายแตก เขายอ มเขาลงสคุ ติ โลกสวรรค . ถาเขาไมเ ขาถึงสุคตโิ ลกสวรรค หากเขา มาเกิดเปน มนุษย ก็จะเปน ผูมีตระกุลสงู ในประเทศท่ี กลบั มาเกิด ดงั น้.ีและเหมอื นอยา งทีต่ รัสไวอ ยางน้ีวา ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ธรรมเปน ท่ตี งั้ แหงความ ไมเส่อื ม ๗ ประการเหลาน้.ี ๗ ประการเปน ไฉน ๗ ประการมี ความเปน ผมู คี วามเคารพในพระศาสดา ดังนีเ้ ปนตนฉะนน้ั จงึ ตรัสวา เปนมงคล. ความเปนผูมีใจลดตา่ํ ความเปนผูมคี วามประพฤตไิ มลาํ พอง ช่ือวาความถอมตน. บุคคลประกอบดวยความเปน ผถู อ มตนอนั ใด กําจัดมานะไดกําจดั ความกระดางได เปน เสมอื นผา เชด เทา เสมอดว ยโคอุสภุ ะเขาขาด และเสมอดวยงทู ถี่ ูกถอนเขี้ยวแลว ยอมเปน ผูละเอียดออ นละมุนละไม ผอ งแผวดวยสุขความเปน ผูถ อมตนอันน้ี เปนนิวาตะ นิวาตะนี้นั้น ตรัสวาเปน มงคล เพราะ

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 199เปน เหตไุ ดค ณุ มยี ศเปนตน. อนงึ่ ตรัสไวว า ผมู ีความถอมตน ไมกระดา ง คนเชน นัน้ ยอ มไดยศ ดงั น้ี เปน ตน . ความสันโดษดว ยปจ จยั ตามมีตามได ชือ่ วา สนั ตุฏฐ.ี สนั โดษนน้ัมี ๑๒ อยาง คือ ในจวี ร ๓ อยาง คอื ยถาลาภสันโดษ สนั โดษตามที่ได.ยถาพลสนั โดษ สนั โดษตามกาํ ลงั ยถาสารปุ ปสนั โดษ สนั โดษตามสมควร.ในบณิ ฑบาตเปน ตน กอ็ ยางน.้ี จะพรรณนาประเภทแหงสนั โดษน้นั ดังน้.ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี ไดจวี รดีหรอื ไมดี ภิกษนุ ้ัน กย็ งั อัตภาพใหเ ปนไปดวยจีวรนน้ั เทาน้ัน ไมป ระสงคจีวรอื่น เมื่อไดก ็ไมรบั นช้ี ่ือวา ยถาลาภสนั โดษในจีวรของภกิ ษนุ น้ั . อน่ึงเลา ภิกษอุ าพาธเมอื่ หม จีวรหนักยอ มตองคอ มตัวลง หรือลําบากเธอจึงเปลย่ี นจวี รนน้ั กับภกิ ษุทชี่ อบกนั ยงั อัตภาพใหเ ปนไปดวยจีวรนั้น ก็ยังเปน ผสู นั โดษอยู น้ีชอื่ วา ยถาพลสันโดษในจีวรของภิกษุนั้น. ภกิ ษอุ กี รปู หนึ่ง เปน ผูไดป จจัยอันประณีต เธอไดจวี รบรรดาจวี รช้นั ดเี ปนตน อยางใดอยางหนง่ึ ซ่ึงมคี า มาก คิดวาจวี รน้ี เหมาะแกพ ระเถระพระผบู วชมานานและพระพหูสตู จึงถวายแกพระภิกษุเหลา นั้น ตนเองก็เลือกเอาเศษผา จากกองขยะ หรอื จากทีไ่ ร ๆ อนื่ ทาํ สังฆาฎิครอง กย็ งั เปน ผสู นั โดษอยูนั่นเอง นชี้ ือ่ วา ยถาสารุปปสนั โดษในจวี รของภกิ ษนุ ั้น. อน่ึง ภิกษใุ นธรรมวินยั นี้ ไดบณิ ฑบาต ปอนหรอื ประณีตยงั อัตภาพใหเปนไปดวยบณิ ฑบาตน้ัน ไมป ระสงคบ ิณฑบาตอืน่ . แมเ ม่ือไดก ไ็ มรบันี้ชือวา ยถาลาภสนั โดษในบณิ บาตของภกิ ษุน้นั . อนงึ่ เลา ภกิ ษอุ าพาธฉนั บณิ ฑบาตเศราหมองโรคจะกําเริบหนัก เธอจึงถวายบณิ ฑบาตน้นั แกภ ิกษุที่ชอบกนั ฉนั เนยใส น้ําผึง้ และนนสดเปน ตน

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 200จากมือของภิกษนุ ั้น แมทาํ สมณธรรมอยู กย็ ังเปนผูสนั โดษ นเ้ี ปน ยถาพล-สนั โดษในบณิ ฑบาตของภกิ ษนุ นั้ . ภกิ ษอุ ีกรปู หนงึ่ ไดบ ิณฑบาตอนั ประณตี เธอคดิ วา บิณฑบาตน้ีเหมาะแกพ ระเถระ พระผบู วชมานาน และแมเเกสพรหมจารอี ืน่ ผเู วน บณิ ฑ-บาตอันประณตี เสีย ก็ยังอัตภาพใหเปน ไปไมไ ด จงึ ไดถ วายแกภกิ ษเุ หลา น้ันตนเองเทียวบณิ ฑบาต แมฉันอาหารท่ปี นกันก็ยงั เปนผสู นั โดษอยู นี้ชอื่ วายถาสารปุ ปสนั โดษในบณิ ฑบาตของภิกษุน้ัน. อน่ึง เสนาสนะมาถึงภิกษใุ นธรรมวินัยน้ี เธอกส็ ันโดษดว ยเสนาสนะน้ันน่นั แหละ ไมยอมรับเสนาสนะอ่ืน แมด กี วา ท่มี าถงึ อกี น้ีชอื่ วา ยถา-ลาภสันโดษในเสนาสนะของภกิ ษนุ ้นั . อน่งึ เลา ภกิ ษอุ าพาธอยใู นเสนาสนะทอ่ี ับลม ยอมจะทุรนทุรายอยา งเหลือเกิน ดวยโรคดีเปนตน เธอจงึ ถวายเสนาสนะแกภ กิ ษทุ ี่ชอบกัน แลว อยูเสียในเสนาสนะอนั เยน็ มลี ม ที่ถงึ แกภิกษุน้นั แมก ระทําสมณธรรม ก็ยงัเปนผสู นั โดษอยู นชี้ ่อื วา ยถาพลสนั โดษในเสนาสนะของภกิ ษนุ นั้ . ภกิ ษุอีกรปู หน่ึง ไมย อมรับเสนาสนะทดี่ ีแมมาถงึ คิดวาเสนาสนะดีเปนทต่ี งั้ แหงความประมาท เมื่อภกิ ษุนงั่ ในเสนาสนะนัน้ ถนี มิทธะยอ มครอบงํา เมือหลับแลวตื่นข้ึนมาอกี กามวติ กยอ มฟุงขึ้น เธอจงึ ปฏเิ สธเสนาสนะนัน้ เสยี อยูแตในท่แี จง โคนไมแ ละกุฏมิ งุ บงั ดว ยใบไม แหง ใดแหง หน่งึก็ยงิ่ เปนผสู นั โดษอยู นีช้ ่ือวา ยถาสารุปปสนั โดษในเสนาสนะของภิกษุ อนึง่ ภิกษุในธรรมวนิ ยั น้ี ไดเ ภสัชไมว าผลสมอหรอื มะขามปอม เธอก็ยังอตั ภาพใหเ ปนไปดว ยเภสชั น้ัน. ไมประสงคเภสัชอยา งอืน่ มีเนยใส นา้ํ ผ้ึง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook