Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_39

tripitaka_39

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_39

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 301เปตาน ปูชา จ ถตา อุฬารา ความจรงิ การสรรเสรญิ วา อฬุ ารา ก็เปนการชักชวนดว ยการบูชาบอ ย ๆ ในขอน้ี ทรงใหอาจหาญดวยบทคาถานี้วา พลจฺภิกขฺ นู มนุปปฺ ทินฺน . ความจริง การเพ่มิ กาํ ลังแกภ ิกษุท้ังหลาย ก็เปน ทานอยา งนี้ [อยางหน่ึง] ในขอ น้ี. คาํ วา พลานุปฺปทานตา เปนการปลุกใหอาจหาญ ดว ยการเพม่ิ อุตสาหะ แกพระราชานั้น. ทรงใหร า เรงิ ดวยบทคาถาน้ีวา ตุมฺเหหิ ปุ ฺ  ปสุต อนปปฺ ก . ความจริงการระบุถงึ การประสพบญุ นน้ั เอง พงึ ทราบวา เปนการใหเ กิดความราเรงิ ดว ยการพรรณนาคณุ ตามเปนจรงิ แกพ ระราชานัน้ ในขอน้.ี จบเทศนา การบรรลธุ รรมไดมแี กสตั ว ๘๔,๐๐๐ ซึ่งสลดใจเพราะการพรรณนาโทษแหง การเขาถงึ ปต ติวิสยั แลว ต้งั ความเพียรโดยแยบคาย. แมวนัรุงขน้ึ พระผมู ีพระภาคเจากท็ รงแสดงติโรกุฑฑสูตรน้ันแล แกเ ทวดาและมนุษยทงั้ หลาย การตรัสรธู รรมอยางน้ัน ไดม ถี ึง ๗ วัน ดวยประการฉะน.้ี จบอรรถกถาติโรกุฑฑสตู ร แหง อรรถกถาขุททกปาฐะ ช่ือปรมัตถโชรกิ า

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 302 นธิ กิ ัณฑในขุททกปาฐะ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสอนคฤหบดอี บุ าสก ตรัสพระคาถาวา [๙] บรุ ษุ ยอมฝงขมุ ทรัพยไ วในน้าํ ลกึ ดว ยคดิ วาเม่อื กิจทจ่ี าํ เปนเกิดข้ึน ทรัพยนจี้ ักเปนประโยชนแ กเรา เพือ่ เปล้อื งตนจากราชภัยบา ง เพอ่ื ชวยตนใหพนจากโจรภยั บาง เพอ่ื เปลอื้ งหนี้บาง ในคราวทุพภกิ ข-ภยั บา ง ในคราวคับขันบาง ขุมทรัพยทเ่ี ขาฝงไวใ นโลก ก็เพ่ือประโยชนนี้แล. ขมุ ทรัพยนัน้ ยอมหาสาํ เร็จประโยชนแกเ ขา ไปทงั้ หมด ในกาลทุกเมือ่ ที่เดียวไม เพราะขุมทรัพยเคลอ่ื นจากท่ไี ปเสียบา ง ความจําของเขาคลาดเคลอื่ นเสยี บา ง นาคทัง้ หลายลักไปเสยี บาง ยกั ษท ้งั หลายลกัไปเสียบา ง ผรู ับมรดกท่ไี มเ ปน ทีร่ กั ขุดเอาไปเมอ่ื เขาไมเ หน็ บาง ในเวลาที่เขาสน้ิ บญุ ขมุ ทรัพยท้ังหมดนนั้ ยอมสูญไป. ขมุ ทรพั ยค อื บญุ ของผูใด เปน สตรีก็ตาม เปนบรุ ษุ ก็ตาม ฝงไวด ีแลวดวยทาน ศีล สญั ญมะความสาํ รวม ทมะความฝกตน ในเจดยี ก็ดี ในสงฆกด็ ีในบคุ คลก็ดี ในแขกกด็ ี ในมารดากด็ ี ในบดิ ากด็ ีในพชี่ ายก็ดี.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 303 ขุมทรัพยน ัน้ ชอื่ วาฝงไวดีแลว ใคร ๆ ไมอาจ ผจญได เปนของตดิ ตามตนไปได บรรดาโภคะท้ังหลายทีเ่ ขาจําตอ งละไป เขาก็พาขมุ ทรัพยคือบุญนัน้ ไป. ขุมทรัพยคอื บุญ ไมสาธารณะแตช นเหลา อื่นโจรก็ลักไปไมไ ด บญุ นิธิอนั ใด ติดตามตนไปไดปราชญพ งึ ทําบุญนธิ อิ นั น้นั . บญุ นธิ นิ น้ั อาํ นวยผลท่นี าปรารถนาทกุ อยา งแกเทวดาและมนษุ ยทั้งหลาย. เทวดาและมนุษยป รารถนานักซง่ึ อฐิ ผลใด ๆ อิฐผลท้ังหมดนัน้ ๆ อันบคุ คลยอมไดดวยบญุ นธิ นิ ้.ี ความมีวรรณะงาม ความมีเสยี งเพราะ ความมีทรวดทรงดี ความมรี ูปงาม ความเปนใหญย ิ่ง ความมีบริวาร อิฐผลท้ังหมดน้นั อันบุคคลยอ มไดด วยบญุนิธิน.้ี ความเปนพระราชาเฉพาะประเทศ ความเปน ใหญ [คือจกั รพรรดิราช] สุขของพระเจาจักรพรรดทิ ี่ นารัก ความเปน พระราชาแหงเทวดาในทิพยกายท้งัหลาย อิฐผลทั้งหมดนัน้ อันบคุ คลยอมไดด ว ยบุญ-นิธนิ ้ี.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 304 สมบัตขิ องมนษุ ย ความยินดีในเทวโลก และสมบตั ิคอื พระนิพพานอนั ใด อิฐผลทัง้ หมดนน้ั อันบุคคลยอ มได ดวยบุญนิธนิ ้.ี ความทบ่ี ุคคลอาศยั สัมปทา คณุ เครือ่ งถงึ พรอมคือมิตรแลว ถา ประกอบโดยอุบายท่ีชอบ เปนผูชาํ นาญในวิชชาแลวมุตติ อฐิ ผลทงั้ หมดนนั้ อันบคุ คลยอ มไดดวยบุญนิธนิ .้ี ปฏสิ มั ภทิ า วิโมกข สาวกบารมี ปจ เจกโพธิและพุทธภูมิอันใด อฐิ ผลทง้ั หมดนั้น อนั บุคคลยอ มได ดว ยบุญนธิ นิ ้.ี บญุ สัมปทา คุณเคร่ืองถึงพรอมคือบุญนนั้ เปนไปเพื่อประโยชนใหญอยางนี้ เพราะฉะน้ัน บัณฑิตผูม ปี ญญา จงึ สรรเสริญความเปน ผทู ําบญุ ไวแล. จบนิธกิ ัณฑในขทุ ทกปาฐะ























พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 316กไ็ มใชค วามวา คจฺฉนเฺ ตสุ คํานัน้ ไมพงึ ถอื เอาแตแงเดียว เหมอื นอยา งวา ในคาํ วา อริยา นยฺยานิกา นี้ มีความวา นยิ ยฺ นฺตา ไมใ ชมีความวานิยฺยาตพพฺ า ฉนั ใด แมใ นที่น้ี กม็ ีความวา คจฉฺ นฺเตสุ ไมใ ชม ีความวาคนตฺ พเฺ พสุ ฉนั นน้ั . อกี อยางหนึ่ง เพราะเหตทุ ผี่ นู ี้ ประสงคจะใหแกใคร ๆ ในเวลาจะตายกจ็ ับตอ งโภคะใหไมไ ด ฉะนัน้ โภคะเหลา นน้ั อันเขาจาํ ตอ งละไปทางกายกอนภายหลัง จงึ จําตองจากไปทางใจทหี่ มดหวงั ทานอธิบายวา . พงึ ลว งเลยไปเพราะฉะน้นั จงึ ควรเห็นความในขอนีอ้ ยา งนีว้ า บรรดาโภคะท้งั หลายที่จําตอ งละไปทางกายกอน ภายหลัง จงึ ตอ งละไปทางใจ. ในความขอตน สัตตมี-วภิ ตั ติ ลงในนิทธารณะวา บรรดาโภคะท้งั หลายท่ีจําตองละไป เขาก็นาํ โภคะคอื บุญนิธนิ ัน้ อยางเดียวเทา นัน้ ออกจากโภคะท้งั หลาย พาไป. ในความขอหลัง สตั ตมีวิภัตติ ลงในภาวลกั ขณะ โดยภาวะวา ก็โดยภาวะทโ่ี ภคะทง้ั หลายตดิ ตามไป กย็ อ มกาํ หนดภาวะคอื ขมุ ทรพั ยนัน้ พาไปดวยได. พรรณนาคาถาท่ี ๙ พระผมู พี ระภาคเจา ครัน้ ทรงแสดงความตางของบุญนิธนิ ี้ จากขมุ -ทรพั ยที่เขาฝงไวใ นท่ลี กึ มีนา้ํ เปนท่ีสุด เมอ่ื ทรงยงั อุตสาหะใหเกดิ แกเทดาและมนุษยทัง้ หลายในบญุ นธิ ิน้ัน ดวยการพรรณนาคณุ บุญนธิ ิทท่ี รงแสดงดว ยพระองคอีก เหมอื นพอคาผคู า สินคาอนั โอฬาร ยังอุตสาหะใหเกดิ แกค นซ้อืดวยการพรรณนาคณุ สนิ คาของตนฉะนน้ั จงึ ตรสั วา บญุ นิธิคือขุมทรัพย ไมสาธารณะแกชนเหลาอืน่ โจรก็ลักไปไมไ ด บุญนธิ ิอนั ใด ตดิ ตามตนไปได ปราชญพึงทําบุญนธิ อิ ันนั้น.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 317 บรรดาบทเหลานั้น บทวา อสาธารณมฺเส แปลวา ไมทัว่ ไปแกชนเหลาอน่ื . ม อกั ษร ทาํ บทสนธิ เหมอื นในประโยคเปน ตน วา อทกุ ฺขม-สุขาย เวทนาย สมฺปยตุ ิตา ประกอบดวยเวทนาทไ่ี มใ ชทกุ ขไ มใชสขุ .นธิ ิ อันโจรทง้ั หลายลกั ไปไมไ ด ชื่อวา อโจราหรโณ. อธิบายวา ยอมเปนนิธิ ทโี่ จรทงั้ หลายลกั พาไปไมได. ชื่อวา นธิ ิ เพราะเขาฝง ไว.พระผูม พี ระภาคเจา ครั้นทรงพรรณนาคณุ ของบญุ นิธิ ดวยสองบทตน อยางน้ีแลว จากนน้ั ก็ทรงยงั อุตสาหะใหเกดิ ในบุญนิธินั้นดวยสองบทหลังจงึ ตรสั วาบญุ นธิ อิ ันใด ตดิ ตามตนไปได ปราชญพงึ ทาํ บุญนธิ ิอนั นัน้ . คาถานัน้ มีความวา เพราะเหตุที่ธรรมดาบญุ นิธิไมสาธารณะแกช นเหลา อืน่ และเปน นิธิท่ีโจรลกั ไปไมได. แตกม็ ใิ ชนธิ ิทีไ่ มสาธารณะ และโจรลกั ไปไมไดอ ยางเดยี วดอก แทจรงิ ยังเปนนธิ ทิ ี่ตรัสไวอยางนวี้ า นิธิน้นั ฝง ไวดแี ลว อนั ใคร ๆ ผจญไมได ตามคนไปได. นธิ ิใด ติดตามในรูปได เพราะเหตุที่นธิ นิ น้ั เปน บญุ ทีอ่ ยา งเดียว ฉะนัน้ . ปราชญค อื บคุ คลผถู งึ พรอมดวยพุทธความรู ถึงพรอ มดวยธติ ิคือปญญา พึงทําบําเพ็ญบญุทง้ั หลาย. พรรณนาคาถาที่ ๑๐ พระผูมีพระภาคเจา คร้นั ทรงยังอุตสาหะใหเ กดิ แกเทวดาและมนษุ ยท้ังหลาย ในบุญนธิ ิ ดว ยการพรรณนาคณุ อยา งนแี้ ลว บัดนี้ ชนเหลาใดอุตสาหะแลว ทาํ อุตสาหะนั้นใหสาํ เรจ็ ผล ดวยการทําบุญนธิ ิ บญุ นธิ ขิ องชนเหลานั้น ยอ มใหผ ลอนั ใด เมื่อทรงแสดงผลอนั น้ันโดยสังเขป จงึ ตรัสวานธิ ิน้นั ใหผ ลที่นา ใครท ุกอยางแตเ ทวดาและมนุษยท ง้ั หลาย.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 318 บัดนี้ เพราะเหตุท่ีบุญนธิ ิ เน่ืองอยดู วยความปรารถนาเปนเคร่ืองใหสิ่งตามปรารถนา จึงจะเวนความปรารถนาเสยี มิได เหมอื นท่ีตรสั ไวว า ดูกอนคฤหบดีท้งั หลาย ผูประพฤตธิ รรม ประ- พฤตสิ ม่าํ เสมอ พงึ หวงั วา โอหนอ เบอื้ งหนาแตตาย เพราะกายแตก. เราพึงเขาถึงความเปน สหายของเหลา กษตั ริยมหาศาลไซร ขอ ท่เี ขาหวงั วา เบ้อื งหนา แตตาย เพราะกายแตก เราพงึ เขา ถึงความเปนสหายของเหลา กษตั รยิ มหาศาล ก็เปนฐานะเปน ไปได. ขอ น้นั เปน เพราะเหตุไร. เพราะผนู น้ั เปน ผปู ระพฤตธิ รรม ประ- พฤตสิ ม่าํ เสมอ อยา งนัน้ . ฯลฯ เขากระทําใหแ จง เจโตวิมุตติ ปญญาวิมตุ ติ อันหาอาสวะมิไดดว ยปญญา ยงิ่ เองในปจ จบุ ันแลว เขา ถึงอย.ู ขอ นั้น เพราะเหตไุ ร เพราะเขาเปนผูประพฤตธิ รรม ประพฤติสมํา่ เสมอ. จริงอยา งนนั้ พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ยอม เปนผปู ระกอบดวยศรทั ธา ประกอบดวยศลี สุตะ จาคะ ปญ ญา ภกิ ษุนั้นปรารถนาอยางนี้วา ขอหนอ เบอ้ื งหนาแตต าย เพราะกายแตก เราพงึ เขา ถงึ ความ เปน สหายของเหลากษตั ริยม หาศาล. ภกิ ษุน้นั ต้ังจติ น้นั อธษิ ฐานจติ น้ัน เจรญิ จิตน้ัน. สังขารปจ จัย เครอ่ื งปรุง แตง และวหิ ารธรรมเครอื่ งอยูเ หลาน้ัน อันภิกษนุ น้ั เจริญใหมากอยา งน้ี ทําไหมากอยางนี้ ยอ มเปน ไปเพอื่ เกดิ ในทีน่ ้ัน อยางนีเ้ ปน ตน.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 319 เพราะฉะนั้น เน้ือทรงแสดงปรยิ ายแหง ความหวงั อยา งนั้น ๆ ความปรารถนาทมี่ อี ธิษฐานภาวนาดว ยการตั้งจติ เปนบรขิ าร เหตใุ นความทบ่ี ุญนธิ ินน้ั ใหผ ลท่ีนาใครทุกอยางน้ัน จงึ ตรสั วา เทวดาและมนุษย ปรารถนานกั ซง่ึ อิฐผลใด ๆ อิฐผลทกุ อยา งน้ัน อันบุคคลยอ มไดด ว ยบญุ นธิ ินี้. พรรณนาคาถาที่ ๑๑ บัดน้ี ผลน้นั ใดทุกอยาง อันเทวดาและมนุษยย อ มไดดว ยบญุ นธิ นิ ัน้เมื่อทรงแสดงผลนัน้ เปนอยา ง ๆ จงึ ตรสั คาถาอยา งน้ีวา ความมวี รรณะงาม ความมีเสียงเพราะเปนตน. บรรดาคาถาเหลา น้นั จะวนิ จิ ฉัยในคาถาท่ี ๑ กอน ความมฉี ววี รรณงาม ความมผี ิวหนงั คลายทอง ช่ือวา ความมวี รรณะงามน้ัน บุคคลยอ มไดด ว ยบุญนิธิน้ัน. เหมอื นอยา งที่ตรสั ไวว า ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ชาตกิ อ น ภพกอ น กําเนิด กอ นตถาคตเกิดเปนมนุษยแ ตก อ น เปน คนไมโ กรธ ไมม ากดว ยความคับแคนใจ ถงึ ถกู เขาวากลาวมาก ๆ ก็ ไมขัดใจ ไมโ กรธ ไมพ ยาบาท ไมใชก ําลงั ไมท าํ ความกาํ เริบ โทสะ และความไมมีเหตปุ จ จยั ใหป รากฏ ท้ังเปน ผูใหผา ปูลาด ผา นงุ หม เนื้อละเอยี ดออ น ผา เปลอื กไมเนอ้ื ละเอียด ผาฝา ยเนอื้ เอียด ผา กมั พล เนือ้ ละเอยี ดแมอ นั ใด ตถาคตนัน้ เพราะทาํ สรา งสม กรรมนน้ั ฯลฯ จตุ จิ ากภพนั้นแลว มาสคู วามเปนอยา งน้ี ยอ มไดม หาปรุ สิ ลักษณะนี้คือ เปนผมู วี รรณะดงั ทอง มีผิวคลา ยทอง.

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 320 ความเปน ผูม เี สยี งดังพรหม ความเปน ผูพูดเสียงดงั นกการะเวก ชอื่ วาความเปน ผูมีเสยี งเพราะ ความเปนผมู เี สียงเพราะแมนั้น อันบุคคลยอมไดก็ดว ยบุญนธิ ินี้ เหมือนอยา งทต่ี รัสไวว า ดกู อ นภิกษุท้งั ทลาย ชาตกิ อน ภพกอ น กําเนิด กอ น ตถาคตเกิดเปน มนษุ ยแ ตก อ น ละวาจาหยาบ เวนขาดจากวาจาหยาบ กลา วแตว าจาไมมีโทษเปน สขุ หู นารัก จับใจ วาจาชาวเมอื งชนเปน อนั มากรักใคร พอใจ. แมอ ันใด เพราะทําสรางสมกรรมนน้ั ตถาคต น้ัน จุตจิ ากภพนัน้ มาสูความเปน อยางนี้ ยอมไดม หา- ปุริสลกั ษณะนี้ คอื เปน ผมู ชี ิวหาใหญ มีเสยี งดงั พรหม พดู เสียงดังนกการะเวก. บทวา สสุ ณฺานา ไดแกความมีทรวดทรงดี ทา นอธิบายวา ความตั้งอยแู หงอวยั วะใหญน อ ย ในอันท่ีควรอ่มิ เต็มและกลมโดยความเปน อวยั วะอนั อิ่มเต็มสละกลม เหมอื นอยา งทตี่ รสั ไววา ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ชาตกิ อ น ภพกอ น กําเนิด กอน ตถาคตเกดิ เปน มนษุ ยแ ตกอ น หวังประโยชน เก้อื กลู หวงั ความผาสุก หวังความเกษมปลอดจาก โยคะ แกชนเปนอนั มาก พงึ ยังชนเหลา นีใ้ หเ จรญิ ดว ย ศรัทธา ศลี สตุ ะ จาคะ ปญ ญา พึงใหเจรญิ ดวยไรนาทท่ีดนิ ดวยสตั วสองเทา สีเ่ ทา ดว ยบตุ รภรรยา ดวยทาสกรรมกรชาย ดวยญาติมิตรพวกพอ งแมอ ันใด เพราะทาํ สรา งสมกรรมน้ัน ฯลฯ ตถาคตนนั้ จุติจาก

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 321 ภพนัน้ มาสคู วามเปนอยา งนี้ ยอ มไดม หาปรุ สิ ลกั ษณะ ๓ เหลาน้คี ือ มีพระกายครงึ่ บนดงั สหี ะ มรี ะหวางพระ- อังสะ [คอื พระอรุ ะ] งาม และมีพระองคก ลมเสมอ อยางนเ้ี ปน ตน . บทแหง พระสูตรท้ังหลาย ที่ทาํ ใหก ารไดส ําเร็จดว ยบญุ นิธินี้ แมใ นท่ีอ่นื จากน้ี กพ็ งึ นํามาจากทน่ี น้ั ๆ กลาวโดยนัยน.้ี แตเ พราะกลวั พิศดารเกนิไป จึงไดแตส ังเขปไว บัดน้ี ขาพเจา จกั ทาํ การพรรณนาบททเ่ี หลือ ทว่ั ท้ังเรือนรา งพึงทราบวา รปู ในคาํ วา สรุ ูปตา น้ี. เหมือนในประโยคเปนตนอยางนีว้ า สภาพอันอากาศหอ มลอ ม ยอมนบั วารปู ทง้ั น้นั .ความที่รปู นั้นดี ช่อื วา ความมรี ปู สวย ทา นอธิบายวา ไมยาวนกั ไมส ัน้ นกัไมผ อมนกั ไมอว นนกั ไมด ํานัก ไมขาวนัก. บทวา อาธิปจฺจ ไดแกความเปน ใหญ อธบิ ายวา ความเปน นาย โดยเปน กษัตรยิ มหาศาลเปน ตน.บทวา ปรวิ าโร ไดแก สําหรบั คฤหัสถ สมบตั ิคือชนของตนและชนโดยรอบสําหรบั บรรพชิต สมบิตคิ อื บริษัท. ความเปน ใหญและความมบี รวิ าร ช่อื วาความเปนใหญแ ละมีบรวิ าร. กบ็ รรดาอิฐผลเหลา นั้นพึงทราบวา สมบตั ิคอืโภคะ ตรสั ดว ยความเปน ใหญ สมบตั คิ ือชนของตนและชนโดยรอบ ตรัสดวยความมีบริวาร. ดวยคาํ วา สพฺพเมเตน ลพฺภติ พระผูม พี ระภาคเจายอ มทรงแสดงวา คาํ นัน้ ไดต รสั วา เทวดาและมนษุ ยท ้งั หลายปรารถนาผลใด ๆผลน้นั ๆ ทัง้ หมด อนั บุคคลยอมไดดว ยบญุ นิธิน้ี ในคํานั้นอฐิ ผลมีความมีวรรณะงามเปน ตน ที่ตรัสไวสว นแรกกอนแมนี้ พงึ ทราบวา ผลทงั้ หมดนั้นบคุ คลไดดว ยบุญนธิ นิ .ี้

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 322 พรรณนาคาถาท่ี ๑๒ พระผูม ีพระภาคเจา คร้ันทรงแสดงสมบตั ขิ องเทวดาและมนษุ ย ท่ีต่ํากวาสมบัติคอื ความเปนพระราชา ท่ีบคุ คลพงึ ไดดวยบญุ ญานุภาพ ดวยคาถามอยา งน้แี ลว บัดนี้ เม่อื ทรงแสดงสมบัตคิ อื ความเปนพระราชาทงั้ สองน้นั จงึตรัสคาถานีว้ า ความเปนพระราชาเฉพาะประเทศ ความเปนพระ ราชาผใู หญ สขุ ในความเปน พระเจา จักรพรรดอิ ัน นา รกั แมค วามเปน พระราชาแหง เทวดาในหมทู ิพย. อฐิ ผลทั้งหมดน้ัน อนั บุคคลยอ มไดด ว ยบุญนธิ นิ ้.ี บรรดาบทเหลา น้นั บทวา ปเทสรชฺช ไดแ ก ความเปนพระราชาแหงประเทศ ในประเทศหน่งึ ๆ แมแ ตทวปี เดยี วไมถ ึงทัง้ หมด. ความเปนพระราชาผูเ ปนใหญ ชอื่ วา อสิ สริยะ. ทรงแสดงความเปนพระเจาจักรพรรดิดว ยบทน.้ี สขุ ของจักรพรรดิ ชื่อวา จกั กวตั ติสขุ . บทวา ปย  ไดแก นา ปรา-รถนา นาใคร นา พอใจ. ทรงแสดงความเปน พระเจาจักรพรรดิ มมี หาสมุทรท้งั สี่เปนขอบเขตดวยบทนี.้ ความเปนพระราชาในหมูเทวดา ช่ือวา ความเปนพระราชาใน หมูเ ทพ. เปน อนั ทรงแสดงความเปน พระราชาของเทวดาแหงมนษุ ยท ัง้ หลายมีพระเจา มันธาตรุ าชาเปน ตน ดว ยบทนี้. ดวย บทวา อปทพิ เฺ พสุ นี้ ทรงแสดงความเปนพระราชาของเทวดาแหง มนษุ ยทัง้ หลาย แมท ี่เกดิ ในหมูทิพยทง้ั หลาย ท่ีเรยี กกนั วาทพิ ย เพราะมใี นภพทพิ ย. ดว ยบทวาสพฺพเมเตน ลพฺภติ ทรงแสดงวา ในคาํ ท่ีตรัสไววา ย ย เทวาภิปตฺ-เถนฺติ สพพฺ เมเตน ลพภฺ ติ อิฐผลมีความเปนพระราชาเฉพาะประเทศที่ตรสั เปน สว นที่สองแมน ้ี พ่ึงทราบวา อฐิ ผลท้ังหมดน้ัน อันบคุ คลยอ มไดด ว ยบุญนธิ ิน้ี.

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 323 พรรณนาคาถาที่ ๑๓ พระผูมีพระภาคเจา คร้นั ทรงแสดงสมบตั คิ อื ความเปน พระราชาของเทวดาและมนุษย ที่บุคคลพงึ ไดดว ยบญุ ญานภุ าพ ดวยคาถานีอ้ ยางนีแ้ ลวบดั น้ี เม่อื ทรงทําสมบัติท่ตี รัสดว ยสองคาถาไวขา งหนาโดยยอจะทรงแสดงสมบัติคือพระนิพพาน จงึ ตรัสคาถาน้วี า สมบัติของมนษุ ย ความยนิ ดีอันใดในเทวโลก และสมบัติคือพระนิพพานใด ขอผลท้ังหมดนน้ั อัน บุคคลยอ มไดด ว ยบญุ นิธินี้. พรรณนาบทของคาถาน้นั มดี ังน้ี ช่อื วา มานุสี เพราะเปนของมนษุ ยทัง้ หลาย มานสุ ีน่นั แล ชื่อวา มานสุ ีกา. ความถงึ พรอมช่ือวาสมบตั ิ . โลกของเทวดาทั้งหลาย ชื่อวา เทวโลก. ในเทวโลกน้นั . บทวา ยาเปนการถือเอาไมมเี หลอื เลย. ชื่อวา รติ เพราะยนิ ดีดวยสมบตั ทิ เี่ กิดภายในหรอืเปน เครอื่ งอปุ กรณภ ายนอก. คํานี้เปนชื่อของสุขและวัตถเุ ครื่องใหม สี ุข. คาํ วายา เปน คําแสดงความท่ไี มแ นน อน. จ ศัพท มคี วามวารวมกบั สมบตั ิทงั้ ปวง.พระนพิ พานน้นั แล ชื่อวา สมบตั ิคือพระนพิ พาน. กก็ ารพรรณนาความ มดี ังน้ี ดวยบทวา สุวณฺณตา เปนตนสมบัตแิ ละความยินดีน้ันใด ตรัสไววา มานสุ กิ า จ สมปฺ ตตฺ ิ เทวโลเกจ ยา รติ สมบัตขิ องมนุษย และความยนิ ดใี ดในเทวโลก. สมบตั แิ ละความยนิ ดีนนั้ ทัง้ หมด และสมบัตคิ ือพระนิพพาน ที่บุคคลพงึ บรรลโุ ดยเปนพระอริยบคุ คล ที่เปนสทั ธานุสารีเปน ตน อืน่ ๆ อฐิ ผลดังกลา วมาน้ีท่ีตรสัเปน ทสี่ าม พึงทราบวา อฐิ ผลทงั้ หมดนนั้ อนั บคุ คลยอ มไดด วยบญุ นิธิน.้ีอกี นยั หนง่ึ สมบตั ขิ องมนุษยอ ันใด ท่มี ไิ ดต รัสไวกอ นดวยอิฐผลมคี วามมวี รรณะงามเปน ตน และตา งโดยความรูความฉลาดเปนตน ซึ่งทา นแสดง

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 324ไว โดยนัยอยางนวี้ า ผูกลา มสี ติ การอยปู ระพฤติพรหมจรรยในพระธรรมวินัยน้ี เปน ตน ความยนิ ดใี นฌานเปนตน ในเทวโลกอยางอ่นื ใดอกี และนิพพานสมบัติ ตามท่ีกลาวแลวอันใด อฐิ ผลดังวา มาแมนี้ ตรสั ไวเ ปน สว นที่สามพงึ ทราบวา อฐิ ผลทั้งหมดนน้ั อนั บคุ คลยอมไดดว ยบญุ นธิ ิน.้ี พึงทราบการพรรณนาความในขอ น้ี ดวยประการฉะน.้ี พรรณนาคาถาท่ี ๑๔ พระผมู พี ระภาคเจา ครั้นทรงแสดงนิพพานสมบัติทพ่ี ึงไดด ว ยปญญานุ-ภาพ และท่พี งึ บรรลุโดยความเปน พระอริยบคุ คลมีเปน สทั ธานสุ ารเี ปน ตน ดว ยคาถานี้ อยา งนแ้ี ลว บดั นี้ เม่ือทรงแสดงนิพพานนั้น และอบุ ายแหงนิพพานนัน้ โดยความเปน ผชู าํ นาญในวชิ ชา ๓ และอุภโตภาควมิ ุตติ จึงตรัสคาถานีว้ า ความทบี่ ุคคลถาอาศยั มติ ตสัมปทาประกอบความ เพียรโดยอบุ ายแยบคาย เปน ผชู ํานาญ ในวชิ ชาและ วมิ ุตติ อิฐผลทง้ั หมดนน้ั อันบุคคลยอมได ดวยบญุ นิธนิ ี.้ พรรณนาบทของคาถานัน้ มดี งั น้วี า ชอ่ื วา สัมปทาเพราะเปน เครื่องสําเรจ็ ผล คือถงึ ความเจรญิ แหงคุณสมั ปทา คือมติ ร ช่ือวา มิตรสมั ปทา. ซึ่งมติ รสัมปทานนั้ . บทวา อาคมมฺ แปลวา อาศยั . บทวา โยนโิ ส ไดแ กโดยอบุ าย. บทวา ปยุฺชโต ไดแก ทําความขยนั ประกอบ. ชือ่ วา วชิ ชาเพราะเปนเครอ่ื งรแู จง . ชื่อวา วิมุตติ เพราะเปน เครอื่ งหลดุ พน หรอื หลุดพนเอง. ท้ังวชิ ชาท้ังวมิ ุตติ ช่ือวา วชิ ชาและวิมุตต.ิ ความเปน ผชู าํ นาญ ในวชิ ชาและวมิ ุตติช่อื วา วชิ ชาวมิ ุตตวิ สีภาวะ.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 325 สว นการพรรณนาความ มดี งั ตอไปน้ี ความท่ีบคุ คลอาศัยมติ รสมั ปทา คืออาศัยพระศาสดาหรือสพรหมจารีผูเปนทดี่ งั แหง ความเคารพทา นใดทานหนงึ่ รบั โอวาทและอนุศาสนจี ากทา นแลวประกอบโดยอุบายแยบคาย ดว ยการปฏบิ ัติตามทท่ี า นสอน เปน ผชู ํานาญ ในวิชชา ๓ มบี พุ เพนิวาสญาณเปนตน และในวมิ ุตติท่ีตางโดยสมาบตั ิ ๘ และพระนิพพาน ทีม่ าอยางนี้วา ในธรรมเหลานนั้ วิมุตตคิ ืออะไร คือความหลุดพน อันยง่ิ แหง จติ และนิพพาน โดยอรรถวา ไมชกั ชาโดยประการนัน้ ๆนใ้ี ด ผลทตี่ รัสเปนสวนท่ี แมนี้ พึงทราบวาอิฐผลท้ังหมดนั้นอัน บุคคลยอมไดดว ยบญุ นิธิน.้ี พรรณนาคาถาที่ ๑๕ พระผูมพี ระภาคเจา ครัน้ ทรงแสดงนพิ พานสมบัติทีพ่ งึ ไดด ว ยอานุภาพแหง บุญอันเปน สวนแหงความเปนผชู าํ นาญในวิชชาและวมิ ุตติทีก่ ลา วมากอ นแลว ที่พึงบรรลแุ มโ ดยอํานาจแหง ไตรวชิ ชา และอุภโตภาควิมุตติ ดว ยคาถาน้ีอยางนี้แลว บัดน้ี เพราะเหตุท่ีทา นถึงความเปน ผบู รรลคุ วามเปน ผูชํานาญในวิชชาและวมิ ตุ ติ แมเ ปน ผูม วี ิชชา ๓ และหลุดพน แลว โดยสวน ๒[คอื เจโตวมิ ตุ ตแิ ละปญ ญาวิมุตติ ] ทานเหลานนั้ มใิ ชไดค วามเจริญแหง คุณมีปฏิสมั ภิทาเปนตนไปทงั้ หมด แตค วามเจรญิ แหง คุณ อันบุคคลยอ มไดด ว ยบญุ สัมปทาน้ี แมท ่ที าํ แลวโดยประการนัน้ ๆ โดยเปนปทัฏฐานแหง วมิ ุตติน้ันฉะนน้ั เม่ือทรงแสดงความเจรญิ แหงคุณแมนนั้ จงึ ตรสั คาถานวี้ า ปฏิสมั ภทิ า วิโมกข สาวกบารมี ปจ เจกโพธิ และพุทธภมู ิอันใด อิฐผลท้งั หมดนนั้ อันบคุ คลยอมได ดว ยบุญนิธิน้ี.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 326 เพราะเหตวุ า ปญ ญานีใ้ ด ท่ีถงึ ความแตกฉานในธรรม อรรถ นิรตุ ติและปฏิภาณ ทา นเรยี กวา ปฏสิ ัมภิทา วโิ มกข ๘ เหลา น้ใี ด โดยนัยวา ผูมีรปูยอ มเหน็ รปู เปนตน. สาวกบารมีนีใ้ ด ทีใ่ หสาํ เร็จสาวกสมบัติ อนั พระสาวกทงั้ หลายของพระผมู พี ระภาคเจา พงึ บรรล.ุ ปจ เจกพทุ ธโพธิใด ท่ใี หสาํ เร็จความเปน พระสยมั ภู และพทุ ธภูมิใด ท่ีใหส าํ เร็จความเปนผสู งู สุดแหง สรรพ-สตั ว อฐิ ผลทตี่ รัสเปน สว นที่ ๕ แมนี้พึงทราบวา อิฐผลทั้งหมดนั้น อันบคุ คลยอมไดด วยบุญนธิ นิ ี้ ซึง่ เขาทาํ แลว โดยชอบ. พรรณนาคาถาท่ี ๑๖ พระผมู ีพระภาคเจา ครนั้ ทรงแสดงผลท่ีตรัสไวว า เทวดาและมนุษยทัง้ หลาย ปรารถนาอฐิ ผลใด ๆ อิฐผลทั้งหมดนน้ั อันบุคคลยอมไดดว ยบุญนิธินี้เปน อยาง ๆ ไปดวยคาถา ๕ คาถาเหลานน้ั อยา งนแี้ ลว บัดน้ี เมอ่ื ทรงสรรเสรญิบญุ สมั ปทา ทเ่ี ขา จกั นวี้ า เปนนธิ ิที่อํานวยผลทีน่ าปรารถนาทกุ อยางนี้ ทัง้ หมดจึงทรงจบเทศนาดว ยคาถานวี้ า บญุ สัมปทานนี้มีประโยชนมากอยา งนี้ เพราะฉะนั้น บณั ฑิตผูม ปี ญญา จึงสรรเสริญความเปนผทู าํ บญุ ไวแ ลว. พรรณนาบทแหง คาถานนั้ ดงั น.้ี บทวา เอว เปนคําแสดงความที่ลว งแลว . ชอ่ื วา มหตั ถกิ า เพราะมีประโยชนมาก. ทา นอธิบายวา เปนไปเพ่อื ประโยชนอ ยา งใหญ. ปาฐะวา มหทิ ธฺ ิกา ดงั นี้กม็ ี. บทวา เอสาเปน คาํ อุเทศ [กระท]ู ยกบญุ สมั ปทา ที่ตรัสตง้ั ตน แตบทน้ีวา ยสสฺ ทาเนนสีเลน จนถึงบทวา กยิราถ ธโี ร ปุ ฺ านิ ดวยคําอุเทศน้ัน. ศัพทว ายททิ  เปนนบิ าต ลงในอรรถทาํ ใหพรอ มหนา กนั . เพอื่ ทรงอธบิ ายบทอเุ ทศที่ทรงยกขึน้ วา เอสา จงึ ทรงทําใหพ รอมหนากันวา ยา เอสา ดว ยศัพทน ิบาตวา ยทิท นน้ั . ความถงึ พรอ มแหงบุญทั้งหลาย ชื่อวาบญุ สัมปทา. บทวา

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 327ตสมฺ า เปน คําแสดงเหตุ. บทวา ธรี า ไดแก ผมู ีปญญา. บทวา ปส สนฺติแปลวา สรรเสรญิ . บทวา ปณฺฑิตา ไดแก ผถู ึงพรอ มดว ยปญ ญา. บทวากตปุ ฺต แปลวา ความเปนผูทําบุญไวแลว. สวนการพรรณนาความมดี งั น้วี า พระผมู พี ระภาคเจาครนั้ ทรงสรร-เสริญบุญนธิ ิมีความเปนผูม ีพรรณะงามเปน ตน มพี ุทธภมู ิเปน ทส่ี ดุ ซงึ่ พอที่บุคคลจะพึงบรรลุไดด ว ยอานภุ าพแหง บญุ สัมปทา ดงั น้แี ลว บัดน้ี เมอ่ืทรงประมวลแสดงตามขอ นัน้ นั่นแล เมอ่ื ทรงยกความท่ีบญุ สมั ปทา ตามทีก่ ลา วแลวมปี ระโยชนม าก ดวยความน้นั น่นั แหละ จึงตรสั วา ขอ ที่บุญสัมปทาซึ่งเราแสดงโดยนยั วา ยสสฺ ทาเนน สีเลน อยางน้ี เพราะฉะนัน้ บณั ฑิตผมู ีปญญา เชนเราจึงสรรเสริญความเปนผทู ําบญุ ไวแ ลว ซง่ึ มอี าการและโวการคอื ขันธม าก ดว ยคาํ ทก่ี ลาวในที่นม้ี วี า นิธิไมส าธารณะแกค นอ่ืน ๆ อันโจรลกั ไปไมไดเ ปนตน และทีไ่ มไ ดก ลาวไว [ในทีน้ี] มวี า ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลายพวกเธออยากลวั บุญเลย คําวา บญุ เปน ชอื่ ของความสขุ ดงั นเ้ี ปน ตน ดวยคณุตามทีเ่ ปนจรงิ เพราะไมค รานในการแสดงธรรม อนั นํามาซ่งึ ประโยชนสขุ แกสตั วท้ังหลาย มใิ ชส รรเสริญดวยเขา ขา งพรรคพวกตน. จบเทศนา อบุ าสกนนั้ ก็ตัง้ อยูในโสดาปต ติผลพรอ มดว ยชนเปน อันมาก และเขาก็เขา เฝาพระเจาปเสนทิโกศลกราบทูลความขอ น้นั . พระราชาทรงยินดอี ยา งเหลอื เกนิ ทรงชมวา ดีจริง คฤหบดี ดีจริงแล คฤหบดี ทา นฝงขมุ ทรพั ย ทแ่ี มเ ราก็นําไปไมไ ด ไดท รงทาํ การบชู าเปนอยา งมากแกอุบาสกผูนน้ั แล. จบอรรกถานิธกิ ัณฑสูตร แหง อรรถกถาขทุ ทกปาฐะ ชื่อปรมตั ถโชติกา

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 328 เมตตสตู ร วา ดว ยการแผเ มตตาในสัตวทัง้ ปวง พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสสอนพวกภกิ ษผุ ูอยูปา วา [๑๐] กิจน้ันใด อนั พระอริยะบรรลบุ ทอันสงบทําแลว กจิ น้ันอนั กลุ บตุ รผูฉลาดพึงทาํ กุลบุตรนัน้ พึงเปน ผูอ าจหาญ ตรงและตรงดว ยดีพึงเปน ผูวา งา ย ออนโยน ไมมีอติมานะ พึงเปน ผสู นั โดษ เล้ยี งงา ย เปนผูมีกจิ นอยประพฤตเิ บากายจิต พึงเปนผมู ีอนิ ทรส งบ มีปญญารกั ษาตัว เปนผไู มคะนอง ไมตดิ ในสกลุ ทั้งหลาย วิญูชนตเิ ตยี นชนทงั้ หลายอ่นื ได ดวยกรรมลามกอันได กไ็ มพ งึ ประพฤติกรรมอันลามกนัน้ พึงแผไ มตรจี ิตไปในหมูสตั วว า ขอสัตวท ้งั ปวงจงเปนผูมีสุข มคี วามเกษม มตี นถงึ ความสุขเถดิ สตั วมีชวี ติ ท้ังหลาย เหลาใดเหลา หนงึ่ มีอยู ยงัเปน ผสู ะดุง [มตี ัณหา] หรือเปนผมู ั่นคง [ไมม ตี ัณหา]ทงั้ หมดไมเหลอื เลย. เหลาใดยาวหรือใหญ ปานกลางหรือน้นั ผอมหรอื อว น. เหลาใดทเ่ี ราเหน็ แลว หรือมิไดเหน็ เหลาใดอยูในท่ีไกลหรอื ไมไกล ท่ีเกิดแลว หรอื ทแ่ี สวงหาภพเถิด.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 329 ขอสตั วท้ังปวงเหลา น้นั จงเปนผมู ีตนถงึ ความสุขเถิด. สัตวอืน่ ไมพงึ ขมเหงสัตวอ ืน่ ไมพงึ ดูหมิ่นอะไร ๆเขา ไมว า ในที่ไร ๆ เลย ไมพึงปรารถนาทกุ ขแกก ันและกัน เพราะความกร้ิวโกรธ และเพราะความคมุแคน . มารดาถนอมบุตรคนเดยี วผูเกิดในตน ดวยชวี ิตฉันใด พึงเจริญเมตตามใี นใจไมม ีประมาณ ในสตั วทง้ั ปวง แมฉ ันนน้ั . พึงเจรญิ เมตตามใี นใจไมม ีประมาณ ในโลกทั้งปวง ท้ังเบื้องบน เบ้อื งลาง เบอื้ งขวาง เปนธรรมอนั ไมคับแคน ไมม เี วร ไมมีศัตรู. ผเู จรญิ เมตตานนั้ ยืนกด็ ี เดนิ กด็ ี นัง่ ก็ดี นอน กด็ ี เปนผปู ราศจากความงวงนอน [คอื ไมง ว งนอน]เพยี งใด กพ็ ึงตัง้ สตนิ นั้ ไวเพยี งนัน้ . ปราชญทง้ั หลายเรยี กการอยนู ีว้ า พรหมวหิ ารในพระศาสนาน.้ี มเี มตตา ไมเ ขาถงึ ทฏิ ฐิ [สกั กายทิฏฐิ] เปน ผูมีศลี ถงึ พรอ มดวยทสั สนะ [สมั มาทิฏฐิในโสดาปตติมรรค] นําความหมกมนุ ในกามทงั้ หลายออกไปได ก็ยอมไมเ ขา ถงึ การนอนในครรภอ กี โดยแทแล. จบเมตตสูตร

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 330 อรรถกถาเมตตสูตร ประโยชนข องการตงั้ สตู ร บัดน้ี ถงึ ลําดับการพรรณนาความของเมตตสูตร ซ่ึงยกต้งั ไวในลาํ ดับตอ จากนิธิกณั ฑสตู ร. ในท่ีนี้ ขา พเจา จกั กลาวประโยชนข องการตง้ั เมตตสตู รนั้นแลว ตอ จากนน้ั พึงทราบการช้แี จงบทเหลานั้นวา เมตตสูตรน้นั ผใู ดกลา ว กลาวเมือ่ ใด กลาวท่ีใดและกลาวเพราะเหตใุ ด ชําระนทิ านแลว จึงจักทําการพรรณนาความของเมตตสตู รน้นั . ในเมตตสตู รน้ัน เพราะเหตทุ ต่ี รสั บญุ สมั ปทามีทาน ศลี เปน ตน ดว ยนธิ ิกณั ฑสตู ร. เมอื่ บุคคลทาํ เมตตาในสตั วท ้งั หลาย บุญสัมปทาน้ัน ยอ มมีผลมาก จนถงึ สามารถใหบรรลุพุทธภูมิได ฉะน้นั ขาพเจาจงึ ยกเมตตสตู รขึ้นตง้ั ในที่น้ี เพือ่ แสดงวา เมตตาเปนอปุ การะแกบุญสมั ปทานัน้ หรอื เพราะเหตุขาพเจา ครัน้ แสดงกรรมฐานอนั สามารถละโทสะ. ดว ยทวัตติงสาการ สาํ หรบัชนทัง้ หลาย ผนู ับถือพระศาสนาดว ยสรณะแลว ต้งั อยูในศีลดวยสิกขาบททั้งหลาย และสามารถละโมหะดว ยกุมารปญ หา จงึ แสดงวาความประพฤตสิ รณะเปนตนน้นั เปน มงคลและรกั ษาตนเองดว ยมงคลสูตร แสดงการรกั ษาผอู นื่ อันเหมาะแกม งคลนน้ั ดว ยรัตนสตู ร แสดงการเห็นภตู บางพวกในบรรดาภตูทง้ั หลายท่กี ลาวไวใ นรัตนสตู ร และความวบิ ัติของเหลาชนทป่ี ระมาทในบุญสมบตั ิ ดังทก่ี ลาวแลว ดวยตโิ รกุฑฑสูตร และแสดงสมบัติอนั เปน ปฏปิ ก ษตอ วิบตั ิท่ีกลา วไวใ นตโิ รกุฑฑสตู ร ดวยนธิ กิ ณั ฑสตู ร แตย ังมไิ ดแ สดงกรรม-ฐานที่สามารถละโทสะ ฉะนน้ั เพื่อแสดงกรรมฐานอนั สามารถละโทสะน้ันขาพเจาจึงยกเมตตสูตรนี้ขน้ึ ต้งั ในท่ีนี้. เมื่อเปน ดงั นั้น ขทุ ทกปาฐะ จงึ ยอมจะ

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 331บรบิ ูรณด วยดี ขอ ทก่ี ลา วมาดงั น้ี เปน ประโยชนแหงการตั้งเมตตสตู รน้ันไวในทนี่ ี.้ การชําระนทิ าน บดั น้ี ขา พเจายกมาตกิ าหัวขอ นี้ใดไวว า พึงทราบการชี้แจงบทเหลานว้ี า เมตตสูตรนผี้ ูใด กลาว กลา วเม่ือใด กลาวที่ใด และกลา วเพราะเหตุ ใด ขาพเจา ชาํ ระนทิ านแลวจึงจักทาํ การพรรณนาความ แหงเมตตสตู รนน้ั ดังน.ี้ ในมาตกิ าหัวอนั นี้ พึงทราบการชแ้ี จงบทเหลานั้นและการชาํ ระนทิ านโดยสังเขปอยา งนก้ี อนวา เมตตสูตรน้ี พระผูม ีพระภาคเจาพระองคเดียวตรัสพระสาวกเปน ตน มิไดกลา ว. ก็แตว า เมือ่ ใด ภกิ ษุทั้งหลายถกู เทวดาทัง้ หลายรบกวนขา งภูเขาหมิ วนั ต จงึ พากันมาเฝา พระผมู พี ระภาคเจา เม่ือนนั้ พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ตรัสเมตตสูตรนน้ั เพอ่ื ปอ งกันและเพ่อื เปน กรรมฐานสาํ หรบัภิกษุเหลาน้นั . สว นโดยพศิ ดาร พงึ ทราบอยางนี้. สมยั หน่งึ ใกลด ิถีเขา จาํ พรรษา พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยกู รุงสาวตั ถ.ี สมัยน้ัน ภิกษทุ ัง้ หลายจากชาวเมืองตา ง ๆ จาํ นวนมาก รบั กรรมฐานในสํานกั พระผมู ีพระภาคเจา แลว ประสงคจ ะเขา จําพรรษาใน ที่นนั้ ๆ จึงเขาเฝาพระผูมพี ระภาคเจา ไดยนิ วา สมัยนัน้ พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั กรรมฐานท้ังหลายท่อี นกุ ูลแกจ รติ จํานวน ๘๔,๐๐๐ ประเภท โดยนยั น้คี ือ อสภุ กรรม-ฐาน ๑๑ อยาง คือ อสุภทม่ี วี ญิ ญาณและไมมีวญิ ญาณ สําหรบั คนราคจรติ ,กรรมฐานมเี มตตากรรมฐานเปนตน ๔ อยา ง สําหรับคนโทสจรติ , กรรมฐาน

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 332มีมรณัสสติกรรมฐานเปน ตนสําหรับคนโมหจรติ , กรรมฐานมอี านาปานัสสติและปฐวกี สิณเปนตน สาํ หรับคนวติ กจริต, กรรมฐานมพี ทุ ธานุสสตกิ รรมฐานเปนตน สําหรับคนสัทธาจริต, กรรมฐานมจี ตธุ าตุววัตถานกรรมฐานเปนตนสําหรบั คนพุทธจิ ริต. ลําดับน้นั ภกิ ษุประมาณ ๕๐๐ รปู เรียนกรรมฐานในสาํ นักพระผูม-ีพระภาคเจา กําลังแสวงหาเสนาสนะทเี่ ปนสัปปายะและโคจรคาม เดนิ ไปตามลําดบั ไดพ บภเู ขา พน ศลิ าคลายมณีสีคราม ประดบั ดว ยราวปา สเี ขียวมรี มเงาทบี เยน็ มีภูมิภาคเกล่ือนดว ยทรายเสมือนแผนเงนิ ขายมุกดา ลอมดว ยชลาลัยทสี่ ะอาดเย็นดี ตดิ เปน พดื เดยี วกบั ปา หิมวันต ในปจจันตประเทศ. ภิกษุเหลา น้ัน พกั อยูคืนหน่งึ ณ ทน่ี ั้น เมอื่ ราตรีรุง สวางทําสรรี กจิ แลว กพ็ ากนั เขาไปบิณฑบาตยงั หมูบานแหงหนึ่งใกล ๆ นน้ั เอง หมบู านประกอบดว ยตระกูล๑,๐๐๐ ตระกูล ซ่ึงอาศัยอยกู ันหนาแนน ในหมบู านน้นั มนุษยท ั้งหลายมศี รัทธาปสาทะ พวกเขาเห็นภกิ ษุท้ังหลายเทานัน้ กเ็ กดิ ปตโิ สมนสั เพราะการเหน็บรรพชิตในปจจันตประเทศหาไดยาก นิมนตภ กิ ษุเหลา นนั้ ใหฉนั แลว ก็วอนขอวา ทานเจาขา ขอทานอยูในท่นี ตี้ ลอดไตรมาสเถดิ แลวชวยกนั สรางกฏุ ิสําหรับทําความเพยี ร ๕๐๐ หลัง จดั แจงเคร่ืองอุปกรณท กุ อยา ง มีเตยี ง ต่ังหมอนํ้าฉัน นํ้าใชเปนตน ณ ที่นัน้ . วันรงุ ขึ้น ภิกษทุ งั้ หลายเขาไปบณิ ฑบาตยงั หมูบานตาํ บลอ่ืน. ในหมูบานแมน ้ัน มนุษยท้ังหลาย กบ็ ํารงุ อยางนั้นเหมือนกนั ออนวอนใหอยจู าํพรรษา. ภกิ ษทุ ง้ั หลายรบั นมิ นตโดยมีเงอื่ นไขวา เมื่อไมมีอนั ตราย จึงพากันเขาไปยงั ราวปา นน้ั เปน ผูป รารภความเพยี รตลอดท้งั กลางคืนกลางวัน ตรี ะฆงับอกยาม เปน ผมู ากดวยโยนโิ สมนสิการอยูจงึ เขา ไปน่งั ท่ีโคนไม. รกุ ขเทวดาทั้ง

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 333หลาย ถูกเดชของเหลาภกิ ษุผศู ีลกําจัดเดชเสียแลว กล็ งจากวิมานของตน ๆพาพวกลกู ๆ เทยี่ วระหกระเหนิ ไป เปรยี บเหมือนเม่อื พระราชา หรือราชมหา-อมาตย ไปยงั ท่ีอยูของชาวบา น ยดึ โอกาสทว่ี างในเรอื นท้ังหลาย ของพวกชาวบา น พวกชาวบานกต็ อ งออกจากบา นไปอยทู ีอ่ น่ื ก็ไดแ ตม องดูอยูไกล ๆดว ยหวังวา เม่อื ไรหนอ ทานจงึ จักไปกัน ฉนั ใด เทวดาทัง้ หลายตองละท้งิวมิ านของตน ๆ กระเจดิ กระเจงิ ไป ไดแตม องดอู ยูไกล ๆ ดว ยหวงั วา เมื่อไรหนอ ทา นจึงจกั ไปกัน กฉ็ ันน้ันเหมือนกนั . แตน ั้น เทวดาทง้ั หลายกร็ วมคิดกนั อยางนี้วา ภิกษทุ ั้งหลาย เขา พรรษาแรกแลว จักอยูกนั ตลอดไตรมาสแนแตพวกเราไมอาจจะพาพวกเดก็ อยอู ยา งระหกระเหนิ ไดนาน ๆ เอาเถดิพวกเราจกั แสดงอารมณท น่ี ากลวั แกภ ิกษทุ ั้งหลาย. เทวดาเหลานัน้ จงึ เนรมติรูปยักษที่นา กลัว ยนื อยขู า งหนา ๆ เวลาภิกษทุ ้งั หลายทําสมณธรรมตอนกลางคืน และทาํ เสยี งท่ีนา หวาดกลวั เพราะเห็นรูปเหลา นัน้ และไดยนิ เสียงนั้นหัวใจของภิกษทุ ัง้ หลาย ก็กวัดแกวง ภกิ ษุเหลาน้ัน มผี วิ เผอื ดและเกดิ เปนโรคผอมเหลือง ดวยเหตนุ ัน้ ภกิ ษเุ หลา นน้ั จึงไมอาจทําจติ ใหมอี ารมณเ ดียวไดเมอ่ื จติ ไมม อี ารมณเ ดยี วสลดใจบอ ย ๆ เพราะความกลัว สตขิ องภิกษเุ หลา นนั้ก็หลงเลือนไป แตนั้น อารมณที่เหมน็ ๆ ก็ประจวบแกภิกษุเหลาน้นั ซ่ึงมีสตหิ ลงลมื แลว. มนั สมองของภกิ ษุเหลา นัน้ ก็เหมอื นถกู กล่นิ เหมน็ นน้ั บีบคัน้โรคปวดศรี ษะก็เกิดอยา งหนัก. ภกิ ษเุ หลาน้นั กไ็ มยอมบอกเรือ่ งนน้ั แกก นั และกัน. ตอ มาวันหนึ่ง เมื่อภกิ ษุทกุ รูปประชมุ กันในเวลาบํารงุ พระสังฆเถระ.พระสงั ฆเถระก็ถามวา ผมู อี ายุ เมอื่ พวกทานเขาไปในราวปา นี้ ผิวพรรณดูบรสิ ุทธิ์ผุดผองอยา งเหลอื เกินอยู ๒ - ๓ วัน ท้งั อนิ ทรยี ก็ผองใส แตบดั น้ี ในท่นี พ้ี วก

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 334ทานซูบผอม ผิวเผอื ด เปนโรคผอมเหลือง ในทีน่ พ้ี วกเธอไมม ีสปั ปายะหรอื .ลาํ ดับนน้ั ภกิ ษุรปู หน่งึ กลาววา ทา นขอรบั ตอนกลางคืนกระผมเห็นและไดยนิ อารมณท ีน่ ากลวั อยา งนี้ ๆ สดู แตกลิ่นเชนน้ี ดว ยเหตนุ ้นั จิตของกระผมจงึไมต ้ังมนั่ เปนสมาธิ. ภิกษเุ หลานน้ั ทกุ รูปจึงพากันบอกเร่ืองนั้น โดยอบุ ายนี้เหมอื นกัน. พระสังฆเถระกลาววา ผมู อี ายุ พระผูมีพระภาคเจาทรงบัญญัตกิ ารเขา จําพรรษาไว ๒ อยาง กเ็ สนาสนะน้ีไมเ ปน สัปปายะแกพ วกเรา มาเถดิ ผูมอี ายุพวกเราจะพากันไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจา ทูลถามถงึ เสนาสนะทเี่ ปน สัปปายะอน่ื ๆภิกษเุ หลาน้นั รบั คําพระเถระวา ดีละขอรบั ทกุ รูปกเ็ กบ็ งําเสนาสนะ ถอื บาตรจีวรไมบอกกลาวใคร ๆ ในตระกูลท้งั หลาย พากันจารกิ ไปทางกรงุ สาวัตถี ก็ถึงกรุงสาวตั ถีตามลําดับแลว ก็พากันเขาเฝา พระผูมพี ระภาคเจา . พระผูมีพระภาคเจา ทรงเห็นภิกษเุ หลาน้ันจงึ ตรสั วา ดกู อนภิกษุท้ังหลาย เราบญั ญตั สิ ิกขาบทไวว า ภกิ ษไุ มพ ึงเทีย่ วจาริกไปภายในพรรษาเหตุไร พวกเธอจึงยังจาริกกันอยูเลา. ภกิ ษเุ หลาน้ัน จึงกราบทลู เรื่องทงั้ หมดแดพระผมู พี ระภาคเจา. พระผูมีพระภาคเจา ทรงนกึ ก็ไมทรงเหน็ เสนาสนะที่เปน สปั ปายะอ่ืนสําหรบั ภกิ ษเุ หลานนั้ ทัว่ ชมพูทวีป โดยทีส่ ดุ แมแ ตเ พยี งตงั่ มี๔ เทา ดงั นั้น จึงตรสั บอกภิกษเุ หลา นัน้ วา ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย เสนาสนะท่ีเปน สัปปายะอืน่ สําหรบั พวกเธอไมมดี อก พวกเธออยใู นท่นี ั้นนน่ั แหละจกั บรรลุธรรมเปนทีส่ ้นิ อาสวะ ไปเถิดภกิ ษทุ งั้ หลาย พวกเธอเขาไปอาศัยเสนาสนะน้ันนั่นแหละอยกู นั เถิด แตถาวา พวกเธอปรารถนาความไมม ีภัยจากเทวดาท้งั หลายกจ็ งพากนั เรียนพระปริตรน้ี . ดวยวาพระปริตรน้จี กั เปน เครอ่ื งปอ งกัน และจักเปนกรรมฐานสาํ หรบั พวกเธอ ดังน้ี แลวจงึ ตรสั พระสตู รน้ี.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 335 แตอ าจารยพ วกอน่ื อีกกลาววา พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสพระดํารสั นว้ี าไปเถิดภกิ ษุทัง้ หลาย พวกเธอจงเขาไปอาศัยเสนาสนะนั้นนั่นแหละ อยูกนั เถิดแลว จงึ ตรัสวา อน่ึงเลา ภิกษุผอู ยปู า ควรรูจกั บริหาร. บริหารอยางไร. บริ-หารอยา งน้ีคอื แผเมตตา ๒ เวลา คือทาํ เวลาเยน็ และเชา ทําพระปริตร ๒ เวลาเจริญอสภุ ๒ เวลา เจรญิ มรณัสสติ ๒ เวลา และนึกถึงมหาสงั เวควัตถุ ๘ ทั้ง๒ เวลา ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ. อบายทุกข ๔ ชือ่ มหาสงั เวควัตถุ ๘. อกี นยั หน่ึง ชาติชราพยาธิมรณะ ๔ อบายทุกขเ ปนท่ี ๕ ทกุ ขมีวฏั ฏะเปนมลในอดตี ๑ ทกุ ขมวี ัฏฏะเปนมลู ในอนาคต ๑ ทกุ ขม ีการแสวงอาหารเปนมูล ในปจจุบนั ๑. พระผูม พี ระภาคเจาครนั้ ทรงบอกการบรหิ ารอยางน้ีแลวจ้ึงไดต รัสพระสูตรนเี้ พือ่ เปน เมตตา เพ่ือเปน พระปรติ รและเพอ่ื ฌานอันเปนบาทแหง วิปส สนาแกภ กิ ษุเหลานน้ั . พงึ ทราบการชแ้ี จงบทเหลาน้นั วา เยน วุตตฺ ยทา ยตถฺ ยสมฺ า เจ และการชาํ ระนิทาน ดวยประการฉะน้ี. มาติกาหัวขอ นัน้ ใด ขา พเจา ต้งั ไวว า เยน วุตตฺ  ยทา ยตฺถ ยสฺมาเจเตส ทีปนา นิทาน โสธยิตวฺ า. มาติกาหวั ขอนน้ั เปน อนั ขา พเจากลา วพศิ ดารแลว โดยอาการท้ังปวง ดว ยกถามปี ระมาณเพียงน.้ี พรรณนาคาถาที่ ๑ บดั นี้ จะเร่ิมพรรณนาความแหง พระสตู รนน้ั ท่ที าํ การชําระนิทานแลวอยา งน้ี เพราะขาพเจากลาวไวว า จึงจักทาํ การพรรณนาความแหงพระสูตรนั้นดงั น้.ี ในคาถานัน้ จะเรม่ิ พรรณนาบทแหงคาถานว้ี า กรณียมตถฺ กสุ เลนกอน ดงั น.้ี บทวา กรณยี  แปลวา พึงทาํ อธบิ ายวา ควรแกก ารทาํ .ปฏิปทา ช่อื วาอรรถ หรือประโยชนเกอื้ กลู แกคนอยางใดอยา งหนึง่ ประโยชนเก้อื กลู นัน้ ทงั้ หมด ทานเรียกวา อรรถะ เพราะไมมกี เิ ลสดังขาศกึ ชอื่ วา

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 336อรณยี ะ เพราะอนั บุคคลพึงเขาถงึ . อันผูฉลาดในประโยชน ชือ่ วาอัตถกุสละทา นอธิบายวา อันผเู ฉยี บแหลมในประโยชน. บทวา ย เปน ปฐมาวิภัตติแสดงความไมแ นนอน. บทวา ต เปน ทุตยิ าวิภตั ตแิ สดงความแนนอน. หรอื วาคาํ วา ย ต แมท้ังสอง เปนปฐมาวภิ ัตต.ิ คําวา สนฺต ปท เปนทุตยิ าวิภัตต.ิบรรดาคําทง้ั สองน้นั ท่ีชื่อวา สนั ตะ เพราะเปน ลกั ษณะ. ท่ีมชี ื่อวาปทะ เพราะอันบุคคลพึงถึง คาํ นี้เปนชอ่ื ของพระนพิ พาน. บทวา อภิสเมจฺจ แปลวาบรรลุแลว. ผใู ดยอมอาจ เหตนุ ั้น ผูน้ัน ช่ือวา สกั กะผูอาจ. ทา นอธิบายวา ผสู ามารถ ผูอ าจหาญ. บทวา อชุ ุ ไดแก ผูประกอบดว ยความตรง.ผูใดตรงดว ยดีเหตนุ ั้น ผูน ั้น ช่ือวา สุหชุ ู ผตู รงดวยด.ี ความวา งา ยมใี นผูนั้น เหตุน้นั ผนู นั้ ชื่อวา สวุ โจ ผูวางา ย. บทวา อสสฺ แปลวาพึงมีพงึ เปน. บทวา มทุ ุ ไดแก ผูประกอบดวยความออนโยน. ผใู ดไมม อี ติมานะเหตนุ ้ัน ผนู ้นั ชื่อวา อนตินานี ไมมีอตมิ านะ. สวนการพรรณนาความในคาถาท่ี ๑ ดังน้ี. จะวินิจฉยั ในคําวา กรณยี มตถฺ กสุ เลน ยนฺต สนตฺ  ปท อภ-ิสเมจฺจ นก้ี อน. กรณียะ ก็มี อกรณียะ กม็ .ี ในสองอยางนัน้ โดยสังเขป สกิ ขา ๓ ชือ่ วา กรณียะ. ศีลวบิ ัติ ทิฏฐิวิบัติ อาจารวิบตั ิ อาชวี วบิ ัติดังกลา วมาอยางน้เี ปน ตน ช่ือวา อกรณยี ะ. อน่งึ อัตถโกศลก็มี อนตั ถ-โกศลกม็ ี. ใน ๒ อยางนัน้ ผูใดบวชในพระศาสนานไ้ี มป ระกอบตนไวโ ดยชอบเปนผูมีศลี ขาด อาศัยอเนสนาการแสวงหาท่ีไมสมควร ๒๑ อยา งเลี้ยงชีวติ คือ๑ ใหไ มไ ผ ๒ ใหใบไม ๓ ใหดอกไม ๔ ใหผลไม ๕ ใหไมช าํ ระฟน ๖ใหน้าํ ลางหนา ๗ ใหน าํ้ อาบ ๘ ใหผงทาตวั ๙ ใหด ินถตู วั ๑๐ ประจบ ๑๑พูดจรงิ ปนเทจ็ ๑๒ เลี้ยงลกู ใหเ ขา ๑๓ รบั ใชค ฤหัสถ ๑๔ ทําตวั เปนหมอ

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 337๑๕ ทําตวั เปนทตู ๑๖ รบั สงขา วคฤหัสถ ๑๗ ใหข า วของหวงั ผลตอบแทน ๑๘แลกเปลยี่ น ๑๙ เปนหมอดพู ืน้ ที่ ๒๐ เปน หมอดฤู กษ ๒๑ เปนหมอดูลักษณะ.และประพฤตอิ โคจร ๖ คือ ๑ หญิงแพศยา ๒ หญิงหมา ย ๓ หญิงสาวแก๔ บณั เฑาะก ๕ ภิกษณุ ี ๖ รา นเหลา . คลกุ คลีกบั คฤหัสถ คือพระราชาอมาตยข องพระราชา เดยี รถีย สาวกเดียรถยี  ดว ยการคลุกคลอี นั ไมส มควร.เสพคบ เขา ใกลตระกูลท่ไี มม ศี รัทธาปสาทะ ไมเปน ดัง่ บอ นา้ํ ดาและบรภิ าษหวังแตส ง่ิ ที่ไมม ีประโยชนไมเกอ้ื กูล ไมผาสุก ไมป ลอดโยคะ แกภิกษุ ภิกษณุ ีอุบาสก อบุ าสกิ า ผนู ้ีช่อื วา ผูฉลาดในสง่ิ ที่ไมม ีประโยชน. อนง่ึ ผูใดบวชในพระศาสนานี้ ประกอบตนโดยชอบ ละอเนสนาปรารถนาแตจะต้งั อยใู นจตปุ าริสทุ ธศิ ีล บาํ เพ็ญปาติโมกขสงั วรศลี ดวยศรัทธาเปนสําคัญ บําเพญ็ อินทรียสังวรศีลดว ยสติเปน สาํ คญั บําเพญ็ อาชีวปารสิ ทุ ธิศีลดว ยความเพยี รเปน สําคัญ บาํ เพญ็ การเสพปจ จัยดว ยปญญาเปน สาํ คญั ผูน ้ีช่อื วา ผูฉลาดในประโยชน. อนง่ึ ผูใดชาํ ระปาตโิ มกขสังวรศลี โดยชาํ ระอาบัติ ๗ กอง ชาํ ระอนิ ทรียสงั วรศีล โดยไมใ หอ ภิชฌาเปน ตน เกิด ในอารมณทกี่ ระทบในทวาร ๖ชําระอาชวี ปารสิ ทุ ธิศลี โดยเวน อเนสนา และเสพแตปจ จยั ทว่ี ิญชู นสรรเสริญและท่พี ระพุทธเจา สาวกของพระพทุ ธเจาสรรเสรญิ ชาํ ระการเสพปจจัย โดยการพิจารณาปจจัยตามทกี่ ลาว และชําระสัมปชญั ญะ โดยการพจิ ารณาโดยเปนสาตถกสมั ปชญั ญะเปน ตน ในการเปลีย่ นอริ ยิ าบถทัง้ ๔ แมผนู ี้ ก็ชื่อวา ผูฉลาดในประโยชน. อนึ่ง ผใู ดรูว า ผาสกปรก อาศัยน้ําเคม็ กท็ ําใหสะอาดได กระจกอาศัยเถา ก็ทาํ ใหส ะอาดได ทองอาศัยเบาหลอมกท็ ําใหผ องแผว ได ฉนั ใด

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 338ศีลอาศัยญาณกผ็ องแผว ไดฉ นั นน้ั แลวชําระดว ยนา้ํ คือญาณ ก็ทาํ ศลี ใหบริสทุ ธิ์ได เปรยี บเหมอื นนกตอยตีวิดรกั ษาไข เนอื้ ทรายจามรีรักษาขนหาง นารีมบี ตุ รคนเดียวรักษาบตุ รคนเดยี วที่นารกั บุรุษมดี วงตาขา งเดยี วรักษาดวงตาขางเดยี วน้นั ไว ฉนั ใด ผไู มประมาทอยางเหลอื เกนิ กร็ ักษาศีลขันธข องตนฉันนั้น เขาพจิ ารณาทงั้ เยน็ เชา กไ็ มพบโทษแมป ระมาณนอ ย แมผนู ้ี กช็ อื่ วาผฉู ลาดในประโยชน. อนงึ่ เลา ผใู ดตง้ั อยูใ นศลี ทไ่ี มท าํ ความเดอื ดรอ น ยอ มประคองปฏปิ ทาเครอ่ื งขม กิเลส. ครัน้ ประคองปฏิปทาน้ันแลว ยอมทําบริกรรมในกสิณ ครน้ัทาํ บรกิ รรมในกสณิ แลว ยอมยังสมาบัติทัง้ หลายใหเกดิ แมผ นู ้ี กช็ อื่ วาผูฉ ลาดในประโยชน. อนงึ่ เลา ผใู ดออกจากสมาบตั ิ พจิ ารณาสงั ขารท้ังหลายยอ มบรรลุพระอรหตั ผูนีเ้ ปน ยอดของผฉู ลาดในประโยชน. ชนเหลา นนั้ ใดเปน ผฉู ลาดในประโยชนอันทานสรรเสรญิ แลว โดยเพยี งตง้ั อยใู นศีล ท่ีไมทาํ ความเดอื ดรอ นหรอื โดยเพยี งประคองปฏปิ ทาเคร่ืองขมกเิ ลส ชนเหลานนั้ ทานประสงควา ผูฉลาดในประโยชนในอรรถนี.้ และภกิ ษเุ หลา นน้ั ก็เปน อยา งนั้น. ดว ยเหตุนั้น พระผมู พี ระภาคเจา ทรงหมายถึงภิกษเุ หลา น้ัน จงึ ตรัสดว ยเทศนาเปนบคุ ลาธษิ ฐานอยางหนึ่งวา กรณียมตฺถกุสเลน อันผฉู ลาดในประโยชนพึงทาํ ดงั น.้ี ตอ แตน ้นั เมอ่ื ภิกษเุ หลา นัน้ เกดิ ความสงสยั วา กจิ อะไรท่ีตอ งทาํ พระผูมพี ระภาคเจา จึงตรัสวา ยนตฺ  สนฺต ปท อภสิ เมจจฺ . ในคํานม้ี อี ธิบายดงั น.้ี พระพทุ ธะและอนพุ ทุ ธะทงั้ หลายตา งสรรเสรญิ กิจทีผ่ ูประสงคจะบรรลุสันตบทโดยการแทงตลอดแลว อยูพึงทํา ก็ในคาํ นพ้ี งึ ทราบวา คําวา ย ขาพ-

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 339เจา กลา วไวขางตน บทคาถานีน้ ้ันแลว ยอ มเปนไปโดยอธิการวา กรณีย คือ ตสนฺต ปท อภสิ เมจิจ. แตเพราะเหตุที่ความนี้ มปี าฐะทตี่ อ งเติมคาํ ที่เหลอื ฉะนนั้ ขา พเจาจึงกลา ววา วิหรติ กุ าเมน. อกี อยา งหนง่ึ ในคํานี้พงึ ทราบอธิบายอยางนี้วา คําวา สนตฺ  ปทอภิสเมจจฺ ยอมเปนไปโดยอธกิ ารวา กจิ นน้ั ได อนั ผปู ระสงคจ ะรูบ ทคือพระนิพพานวา สนั ตะ สงบ ดวยโลกยิ ปญ ญา โดยไดฟ ง กันมาเปน ตนจะบรรลุบทคอื นพิ พานน้ันพึงทํา. อกี นัยหนง่ึ ครนั้ เม่อื ตรัสวา กรณยี มตฺถกุส-เลน เม่อื ภิกษทุ ง้ั หลายพากนั คิดวา อะไร จงึ ตรัสวา ยนตฺ  สนตฺ  ปทอภสิ เมจจฺ . นัยน้ันพงึ ทราบอธิบายอยาง น้ี กิจใดอนั บคุ คลรูบทอันสงบดวยโลกยิ ปญ ญาแลว พงึ ทําพงึ ประกอบกิจนั้นก็ควรทาํ ทานอธบิ ายวา กจิ นั้นควรแกการทาํ ท้งั น้นั . ถามวา กิจนนั้ คืออะไร. ตอบวา กิจอะไรอื่นพงึ มีอยนู อกจากอุบายบรรลนุ พิ พานบทนนั้ . กิจนั้นขาพเจากลาวไวแลวดว ยบทตนอันแสดงสกิ ขา ๓เพราะอรรถวาควรแกการทํา กจ็ รงิ อยู ถงึ อยา งนน้ั ในการพรรณนาความแหงคาํ น้นั ขา พเจา ก็ไดกลา วไวแ ลว วา กรณียะ ก็มี อกรณยี ะ กม็ ี. ในสองอยางนั้น โดยสังเขป สิกขา ๓ ช่ือวา กรณยี ะ. แตเ พราะทรงแสดงไวสังเขปเกนิ ไป บรรดาภิกษุเหลานนั้ บางพวกกไ็ มร ู. แตนัน้ เมอื่ ตรัสกจิ โดยเฉพาะอยางย่งิ ทภ่ี กิ ษุผอู ยปู า ควรทําใหพ สิ ดาร เพอ่ื ใหพ วกภิกษทุ ่ีไมร ูไดรูจงึ ตรสั กึ่งคาถานก้ี อ นวา สกโฺ ก อชุ ู จ สุหชุ ู จ สวุ โจ จสฺส มทุ ุ อนตมิ าน.ี ทา นอธบิ ายไววาอยางไร. ทานอธิบายวา ภกิ ษุผูอยูป า ประสงคจ ะบรรลุสันตบทอยู หรอื บรรลุสันตบทนั้น ดวยโลกิยปญญาแลว ปฏิบัติเพือ่ บรรลุสันตบทนั้น ไมอาลัยในกายและชีวิต ดว ยประกอบดว ยปธานิยังคะขอ ๒ และ

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 340๔ พึงเปนผอู าจปฏบิ ตั เิ พือ่ แทงตลอดสัจจะ กรณียกิจทค่ี วรทาํ ไร ๆ นน้ั ใดไมวาสูงตํ่าของสพรหมจารี ในการบริกรรมกสณิ สมาทานวตั รเปน ตน และในการซอ มแซมบาตรจีวรเปน ตนของตน กพ็ ึงอาจ พงึ ขยนั ไมเกยี จครานสามารถใน รณยี กจิ เหลาน้ัน และในกิจเชนนัน้ อยางอนื่ กเ็ หมอื นกัน. แมเ มอื่ เปนผูอ าจ ก็พึงเปน ผูตรงดว ยการประกอบดว ยปธานิยังคะขอ ท่ี ๓. แมเมอ่ื เปนผูตรงกพ็ งึ เปน ผูตรงดว ยดี ดว ยเปนผตู รงคราวเดียว หรอื ดวยเปน ผูตรงในเวลายงั หนมุ ดวยไมถงึ สันโดษแตท ําไมยอหยอ นบอ ยๆ จนตลอดชีวติ . หรือวาชอ่ื วา ตรง (อุช)ุ เพราะทาํ ดว ยความไมอ วดดี ชอื่ วา ตรงดี (สหุ ุช)ู เพราะไมมมี ายา. หรือวา ชือ่ วา ตรง เพราะละความคดิ ทางกายและวาจา ชื่อวาตรงดี เพราะละความคดทางใจ. หรอื ชือ่ วา ตรง เพราะไมอวดคุณที่ไมมีจริง ชอ่ื วา ตรงดี เพราะไมอ ดกล้นั ตอลาภที่เกดิ เพราะคุณท่ีไมมจี ริง. พงึชือ่ วาเปนผูตรงและตรงดี ดว ยอารมั มณปู นชิ ฌานและลกั ขณูปนิชฌาน ดว ยสกิ ขาขอ ๒ - ๓ ขางตน และดวยปโยคสุทธิและอาสยสุทธิ ดวยประการฉะนี้. ภกิ ษมุ ใิ ชพึงเปนผูตรงและตรงดอี ยางเดียวดอก ทแ่ี ทพ ึงเปน ผูวา งา ยอกี ดว ย. กบ็ ุคคลใดถกู ทานวากลาววา ทานไมค วรทาํ ขอ น้ี ก็พูดวา ทา นเห็นอะไรทา นไดยินอยา งไร ทา นเปน อะไรกบั เราจงึ พูด เปน อปุ ชฌาย อาจารย เพื่อนเห็นเพอื่ นคบหรอื หรือเบียดเบียนผนู ัน้ ดวยความนงิ่ เสยี หรือยอมรับแลว ไมทําอยางนนั้ ผูนัน้ ชอื่ วา ยงั อยูไกลการบรรลคุ ุณวเิ ศษ. สว นผูใดถกู ทา นโอวาทก็กลา ววา ดลี ะ ทานขอรับ ทานพดู ด.ี ข้ึนชอ่ื วา โทษของตนเปนของเหน็ ไดย ากทา นเหน็ กระผมเปนอยางน้ี โปรดอาศยั ความเอ็นดูวากลา วอีกเถิด กระผมไมไดร บั โอวาทจากสํานักทานเสียนาน และปฏบิ ตั ิตามที่ทานสอน ผูน ั้น ชื่อวาอยไู มไ กลการบรรลคุ ณุ วเิ ศษ เพราะฉะนน้ั บคุ คลรับคาํ ของผูอ ืน่ แลว กระทําอยางน.ี้ พึงชือ่ วา เปน ผูวา งา ย.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 341 อนงึ่ เปน ผูว างายอยางใด กพ็ งึ เปนผอู อนโยนอยางนน้ั . บทวา มทุ ุความวา ภิกษุถกู พวกคฤหัสถใ ชใ นการเปนทตู ไปรับสง ขาวเปน คน ก็ไมท ําตามออนแอในกจิ นน้ั เปน ผแู ข็งกราวเสยี พงึ เปนผูออนโยน ในวัตรปฏิบัติและพรหมจรรยท ั้งสน้ิ ทนตอการไมตองรบั ใชใ นกจิ น้นั เหมอื นทองทชี่ า งตกแตงดวยด.ี อกี อยางหนงึ่ บทวา มุทุ ไดแ กเ ปน ผูไมม ีหนาสยวิ้ คอื เปนผมู ีหนา เบิกบาน เจรจาแตคําทใี่ หเกดิ สขุ ตอ นรบั แขก พงึ เปนเหมอื นผูลงสูทา นํ้าทดี่ ีโดยสะดวก มิใชแตเ ปน ผูออนโยนอยา งเดียวดอก พึงเปนผไู มมอี ติมานะดหู ม่นิ เขาดว ย. ไมพ งึ ดูหมน่ิ ผูอ น่ื ดวยวัตถแุ หงการดหู มน่ิ มชี าตแิ ละโคตรเปนตน พงึ มีใจเสมอดว ยเด็กจณั ฑาลอยู เหมือนทานพระสารบี ตุ รเถระฉะนนั้ . พรรณนาคาถาท่ี ๒ พระผมู ีพระภาคเจาครั้นตรัสกรณียกจิ โดยเฉพาะอยางยง่ิ ของภกิ ษุผอู ยูปา ซงึ่ ประสงคจ ะบรรลุสันบทอยู หรือปฏบิ ตั ิเพอ่ื บรรลุสันตบทน้นั อยา งน้ีแลว มพี ระพุทธประสงคจ ะตรสั ยงิ่ ในรูปกวา น้นั อีก จึงตรสั คาถาที่ ๒ วาสนฺตสุ สฺ โก จ เปนตน . ในคาถาที่ ๒ น้นั ภกิ ษชุ ่อื วา สนั โดษ เพราะสันโดษดวยสนั โดษ๑๒ อยา ง มีประเภทที่กลาวไวแลวในมงคลขอ นี้วา สนตฺ ุฏี จ กตฺ ตุ าน้ี. อกี นัยหนงึ่ ภกิ ษใุ ดยอ มยนิ ดี เหตนุ ้นั ภกิ ษนุ น้ั ชอื่ วา ตสุ สกะ ผยู ินดีภิกษุผยู ินดดี วยของตนเอง ผูย นิ ดดี วยของทีม่ อี ยู ผยู ินดดี ว ยอาการสมาํ่ เสมอเหตนุ ั้น จงึ ช่ือวาสันตุสสกะผูส ันโดษ. ในลกั ษณะ ๓ อยางนัน้ ปจ จัย ๔ ท่ีทานยกขนึ้ แสดงในโรงอุปสมบทอยา งนวี้ า ปณ ฺฑิยาโลปโภชน นิสฺสายอาศัยโภชนะ คือคําขา วที่หามาดว ยปลแี ขง เปนตน และตนกร็ บั ไวแลว ช่ือวาของ ๆ ตน.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 342 ภิกษุไมแสดงอาการผิดปกตใิ นเวลารับและในเวลาบรโิ ภค ยังอัตภาพใหเปน ไป ดวยปจ จยั ของตนนั้น ดีก็ตาม ไมดกี ็ตาม ท่เี ขาถวายโดยเคารพและไมเคารพกต็ าม เรยี กวา ผูย นิ ดีดวยของ ๆ ตน. ของใด ไดม าแลว มีอยูแ กค น ของนัน้ ชอ่ื วา มอี ยู. ภิกษุยนิ ดีดว ยของมีอยนู ัน้ นนั่ แล ไมปรารถนาของนอกจากน้ัน ละความเปนผูปรารถนาเกนิสวนเสีย [มกั มาก] เรยี กวา ผยู นิ ดดี ว ยของมีอย.ู การละความยินดยี ินรา ย ในอฏิ ฐารมณและอนิฎฐารมณ ชอ่ื วา สม่ําเสมอ. ภิกษยุ นิ ดใี นอารมณทั้งปวงดว ยอาการสม่าํ เสมอนนั้ เรยี กวา ผูยินดีดวยอาการสมํา่ เสมอ. ชื่อวา สภุ ระ เพราะเขาเล้ียงโดยงา ย. ทานอธิบายวา ผูท่ีเขาเลีย้ งงาย.ภกิ ษุใด เมอื่ มนุษยเอาบาตรบรรจุเตม็ ดวยขา วสาลีเนือ้ และขา วสกุ เปนตน ถวายแลว แสดงภาวะหนา เสยี และใจเสีย พูดวา พวกทา นใหอะไร หมน่ิ บณิ ฑ-บาตนนั้ ตอหนา เขา ใหแ กส ามเณรและคฤหัสถเปนตนเสยี ภกิ ษุนัน้ ชื่อวาทุพภระ ผทู ่ีเขาเลย้ี งยาก. มนุษยทั้งหลายเห็นภกิ ษนุ ั้นแลว ก็ละเวน เสียแตไกลทีเดียว ดว ยกลาววา ภกิ ษุเลี้ยงยาก ใครก็ไมอาจเลี้ยงดูได. สวนภิกษุใดไดของปอนหรอื ประณตี อยา งใดอยางหนึ่งนอ ยหรอื มาก มใี จดี หนาตาผอ งใสยังอัตภาพใหเปนไปภกิ ษุนนั้ ช่ือวา สุภระผูเ ล้ยี งงาย. มนุษยท ้งั หลายเห็นภิกษุน้ัน เปน ผูสนทิ สนม ก็ปฏญิ าณรับเลีย้ งวา พระคุณเจา ของเราเลย้ี งงาย ภกิ ษุเหน็ ปานนี้ ทานประสงคว า เปนสภุ ระผเู ลย้ี งงา ย ในทนี่ .ี้ กจิ ของภิกษุน้ันนอยเหตนุ นั้ ภิกษนุ ้นั ช่อื วาอปั ปกิจจะผมู กี จิ นอ ยมิใชผูข วนขวายดวยกิจมากอยางเชน เพลนิ งาน เพลนิ คุย เพลินคลกุ คลีเปน ตนอีกอยางหน่งึ เปน ผเู วน กิจ มีงานกอ สราง การบรโิ ภคของสงฆ การส่งั สอน

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 343สามเณรและคนวัดเปนตน ท่วั ทง้ั วิหาร. ทา นอธบิ ายวา ทําการปลงผม ตดัเล็บ ระบมบาตร ซอ มจีวรเปนตนของตน นอกจากกิจคือสมณธรรม. ความประพฤตขิ องภิกษุนน้ั เบา เหตนุ ัน้ ภกิ ษนุ น้ั ชอื่ วา สัลลหกุ วตุ ติผูมีความประพฤติเบา. ภกิ ษผุ ูมบี รขิ ารมากบางรูป เวลาออกเดินทางกใ็ หมหาชนยกบาตร จีวร เคร่อื งปลู าด นาํ้ มัน นํ้าออยงบเปนตน เปน อนั มากเดนิศรี ษะ กระเดียดสะเอวเปน ตน อยางใด ภิกษใุ ด ไมเปนอยางน้ัน ยอ มเปน ผูมีบริขารนอ ย รักษาแตเ พียงสมณบรขิ ารแปดมบี าตรจวี รเปน ตน เทา นั้น เวลาเดนิทาง ก็ถอื เดนิ ทางไปเหมือนนกมแี ตปก ภกิ ษเุ หน็ ปานนัน้ ทานประสงคว าผมู ีความประพฤติเบา ในทน่ี ้ี อินทรียทงั้ หลาย ของภกิ ษุนนั้ สงบ เหตนุ ั้นภิกษนุ ั้น ช่ือวา ผมู ีอินทรียส งบ. ทา นอธิบายวา ผูมีอินทรยี ไมฟ ุง ซา นดว ยอาํ นาจราคะเปน ตน ในอฏิ ฐารมณเปน อาทิ. บทวา นปิ โก ไดแก ผเู ปนวญิ ชู น ผูแจมแจง มีปญญา อธบิ ายวา ผปู ระกอบดว ยปญญา เคร่ืองตามรักษาศลี ดวยปญ ญากาํ หนดปจ จยั สมี่ ีจีวรเปน ตน และดวยปญญากําหนดรสู ัปปายะเจด็ ตางมีอาวาสสัปปายะเปนตน . ผไู มคะนอง เหตนุ ้ัน จงึ ชื่อวา อัปปคัพภะ ผูไ มค ะนอง อธิบายวาเวนจากการคะนองทางกาย ๘ ฐาน จากการคะนองวาจา ๔ ฐาน และจากการคะนองทางใจมากฐาน. การทําไมส มควรทางกาย ในสงฆ คณะ บคุ คล โรงฉัน เรือนไฟ ทาอาบนาํ้ ทางบิณฑบาต และการเขา สูละแวกบา น ชอ่ื วา การคะนองทางกาย ๘ฐาน คอื เปน ตน อยางนว้ี า ภิกษบุ างรูปในพระศาสนาน้ี น่งั รัดเขา หรือเอาเทาจบั เทา ในทามกลางสงฆ. ในทามกลางคณะ ในที่ชมุ นมุ บริษทั ๔ กเ็ หมือนกนั ในบุคคลผแู กก วา กเ็ หมอื นกนั . สว นในโรงฉนั ภกิ ษุไมไหอาสนะแกผู

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 344แกกวา หา มอาสนะแกภ ิกษใุ หมในเรอื นไฟ ก็เหมือนกัน . ก็ในเรอื นไฟน้ันภกิ ษุไมข อโอกาสภิกษผุ ูแกก วา ทาํ การตดิ ไฟเปนตน . สว นในทา อาบน้ํา ทา นกลาวคํานใี้ ดวา ไมตองถือวา หนมุ แก พึงอาบนํ้าได ตามลาํ ดับของผูมาถึงภกิ ษไุ มยดึ คําน้ัน มาทีหลงั ก็ลงนํ้า กีดกนั ภิกษุผูแก และภกิ ษใุ หม. สวนในทางบิณฑบาต ภิกษุไปขา งหนา ๆ เอาแขนกระทบแขนภิกษผุ ูแ ก เพ่อืประสงคอ าสนะอันเลศิ นํา้ อันเลิศและอาหารอันเลิศ. ในการเขา ไปสูละแวกบา นกม็ เี ปน ตนอยางนี้วา ภกิ ษุเขาไปกอนภกิ ษุผแู ก ทาํ การเลนทางกายกับภิกษุหนุม . การเปลง วาจาไมสมควร ในสงฆ คณะ บุคคลและละแวกบาน ชอื่ วาคะนองทางวาจา ๔ ฐาน คือ เปนตน อยางน้ีวา ภิกษบุ างรูปในพระศาสนาน้ีไมขอโอกาสในทามกลางสงฆก ลาวธรรม. ในคณะ. ในบุคคลผแู กก วา ดังที่.กลาวมากอนแลว ก็เหมอื นกนั . ณ ที่นั้น ภกิ ษุ ถกู มนษุ ยทง้ั หลายถามปญหาไมข อโอกาสภิกษุผแู กกวา ก็ตอบปญหาสว นในละแวกบาน ภกิ ษุกลาวเปน ตนอยา งน้วี า มอี ะไร ในบา นโนน ขา วตม หรือของเคี้ยวหรือของกิน ทานจกัใหอ ะไรแกเรา วนั นเ้ี ราจักเคยี้ ว จกั กินอะไร จักด่ืมอะไร. แมไ มถ ึงความละเมดิ ทางกายวาจา ในฐานะนัน้ ๆ แตก็มวี ติ กอนั ไมสมควรประการตาง ๆ มกี ามวติ กเปนตน ทางใจ ชอื่ วา การคะนองทางใจ มีมากฐาน. บทวา กุเลสุ อนนคุ ทิ โฺ ธ ความวา ภิกษุเขาไปหาตระกลู เหลาน้ันใด ไมติดดวยความอยากไดปจจยั หรอื ดวยการคลุกคลที ี่ไมส มควรในตระกลูเหลาน้ัน ทานอธิบายวา ไมโศกเศรา รวมดวย ไมร าเรงิ รวมดวย ไมส ุขดวยเมือ่ ตระกลู เหลานั้นประสบสขุ ไมทกุ ขดว ย เมอ่ื ตระกูลเหลาน้ันประสบทุกข

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 345หรือเมื่อกรณยี กิจทัง้ หลายเกิดขน้ึ ก็ไมเขา ประกอบดว ยตนเอง. กค็ ําใดวา อสสฺทต่ี รัสไวในคาํ น้ีวา สวุ โจ อสสฺ แหงคาถานี้ คาํ นน้ั พึงประกอบเขากบับททกุ บทอยางน้ีวา สนฺตุสฺสโก จ อสฺส สุภโร จ อสสฺ . พรรณนาคาถาที่ ๓ พระผูมพี ระภาคเจา ครั้นตรัสบอกกรณียะ แมยิง่ ไปกวา นน้ั โดยเฉพาะอยางยง่ิ แกภ ิกษุผอู ยูปา ซง่ึ ประสงคจ ะบรรลุสันตบทแลวอยู หรือประสงคจะปฏบิ ัตเิ พอ่ื บรรลสุ นั ตบทนน้ั อยางน้แี ลว บัดน้ี มพี ระพุทธปรุ ะสงคจะตรสั บอกอกรณยี ะ จงึ ตรัสกงึ่ คาถาวา น จ ขทุ ฺท สมาจเร กิจฺ ิ เยนวิ ฺู ปเร อปุ วเทยฺยุ . ก่ึงคาถานัน้ มีความดงั นี้ ภิกษเุ มอ่ื ทํากรณียะนีอ้ ยา งนี้ กไ็ มพ งึประพฤติกายทจุ รติ วจีทจุ ริตและมโนทจุ รติ ทีเ่ รียกวา ขทุ ทะ คอื ลามก เมอ่ืไมป ระพฤติ มใิ ชไ มประพฤตแิ ตก รรมหยาบอยา งเดียว แมก รรมเล็กนอ ยไร ๆก็ไมป ระพฤติ ทานอธบิ ายวา ไมประพฤตลิ ามกกรรมท้ังจํานวนนอย ทั้งขนาดเล็ก. แตน นั้ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงโทษท่เี ห็นไดเ อง ในการประพฤติลามกกรรมนั้นวา เยน วิ ฺู ปเร อปุ วเทยฺยุ . กใ็ นคํานี้ เพราะเหตทุ ผ่ี ูมิใชว ิญชู นเหลา อื่น ไมถ ือเปนประมาณ. เพราะอวิญชู นเหลา น้ันยงั ทาํ กรรมไมม ีโทษหรือมโี ทษ มโี ทษนอ ยหรือมีโทษมาก. สวนวิญชู นท้ังหลายเทานั้น ถอื เปน ประมาณได เพราะวาวิญชู นเหลา นน้ั ใครค รวญทบทวนแลว ยอ มติเตยี นผทู ค่ี วรติเตยี น สรรเสรญิ ผูควรสรรเสรญิ . ฉะนั้น จงึตรสั วา วิ ฺู ปเร.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 346 พระผมู พี ระภาคเจา ครั้นตรสั อุปจารแหง กรรมฐาน ตา งโดยกรณยี ะและอกรณียะ โดยเฉพาะอยา งยง่ิ แกภ ิกษผุ ูอยปู า ซ่ึงประสงคจ ะบรรลุสันตบทแลวอยูหรอื ประสงคปฏิบตั ิ เพอ่ื บรรลสุ นั ตบทนน้ั และแกพ วกภิกษผุ ปู ระสงคจะรับกรรมฐาน อยแู มท ุกรูป โดยยกภิกษผุ ูอยปู า เปน สําคญั ดวยสองคาถาครึ่งนี้อยางนีแ้ ลว บดั น้ี จึงทรงเริ่มตรัสเมตตากถา โดยนัยวา สขุ ิโน วา เข-มิโน โหนฺตุ เปนตน เพอ่ื เปนปริตรกําจัดภัยแตเ ทวดานน้ั และเพอื่ เปนกรรมฐาน โดยฌานเปนบาทแหงวปิ สสนา แกภิกษุเหลานั้น. บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา สขุ ิโน ไดแก ผูพร่ังพรอ มดว ยสุข.บทวา เขมโิ น แปลวา ผมู ีความเกษม. ทา นอธิบายวาผไู มมภี ัย ไมม ปี ท วะบทวา สพเฺ พ ไดแ ก ไมเหลือเลย. บทวา สตตฺ า ไดแก สัตวม ชี วี ติบทวา สขุ ิตตฺตา ไดแ ก ผูม ีจติ ถึงสุข. กใ็ นคําน้ี พงึ ทราบวา ช่อื วา ผมู ีสขุ โดยสุขทางกาย. ชอ่ื วามจี ติ ถงึ สุข โดยสุขทางใจ, ช่ือวา มีความเกษมแมโ ดยสุขท้งั สองนัน้ หรือโดยไปปราศจากภยั และอุปทวะทั้งปวง. กเ็ หตไุ รจึงตรสั อยางน้.ี กเ็ พอ่ื แสดงอาการแหงเมตตาภาวนา. กเ็ มือ่ เปนอยางน้ี จึงควรเจรญิ เมตตาวา ขอสัตวท ้งั ปวง จงมสี ุข ดงั น้บี า ง วา จงมคี วามเกษมดงั น้ีบาง จงเปน ผมู ตี นถงึ สขุ ดังนบี้ าง. พรรณนาคาถาที่ ๔ พระผูมีพระภาคเจา ครั้นทรงแสดงเมตตาภาวนา โดยสังเขป ต้ังแตอปุ จารจนถึงอัปปนาเปนทีส่ ุดอยา งน้ีแลว บดั นี้ เพอื่ ทรงแสดงเมตตาภาวนาน้ัน แมโ ดยพศิ ดาร จึงตรัสสองคาถาวา เยเกจิ เปนตน. อกี อยางหน่ึงเพราะเหตทุ จี่ ิตถกู สะสมอยูใ นอารมณมาก ๆ ยอ มไมห ยุดอยใู นอารมณเดียวโดยเบือ้ งตน เทาน้นั แตจ ะแลน ตดิ ตามประเภทอารมณโดยลาํ ดับ ฉะนั้น จึงตรสั สองคาถาวา เยเกจิ เปน ตน เพ่อื จิตท่ีแลนติดตามไปแลวหยุดอยู ใน

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 347อารมณอนั เปน ประเภทแหงทกุ ะหมวดสองแหง สัตวแ ละตกิ ะหมวดสามแหงสัตวมตี สถาวรทกุ ะเปน ตน . อกี อยา งหน่งึ เพราะเหตทุ ี่อารมณใ ด ของผใู ดเปนอารมณท ีป่ รากฏชดั แลว จติ ของผนู ้ัน ยอมตงั้ อยูเปน สขุ ในอารมณน้นั ฉะน้นัอารมณใดของภกิ ษรุ ปู ใดในบรรดาภกิ ษเุ หลานน้ั ปรากฏชดั แลว พระผูมพี ระภาคเจามีพระพทุ ธประสงคจ ะใหจิตของภิกษรุ ูปนั้น ตั้งอยูใ นอารมณน ั้น จึงตรสั สองคาถาวา เยเกจิ เปน ตน อนั แสดงความตางแหง อารมณเ ปน ทกุ ะและติกะมีตสถาวรทกุ ะ เปน ตน. ความจริง ในสองคาถานั้น พระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดงทุกะ หมวดสองแหงสัตว ๔ ทกุ ะ คอื ตสถาวรทกุ ะ หมวดสองแหงสัตว ผสู ะดงุ และผมู ั่นคง. (ไมสะดงุ ) ทฏิ ฐาทิฏฐทุกะ หมวดสองแหงสตั ว ผูทีต่ นเห็นแลวและผูที่ตนยงั ไมเ ห็น ทรู สันตกิ ทุกะ หมวดสองแหง สัตว ผทู ่อี ยูไกลและผูท ี่อยใู กล ภูตสัมภเวสีทุกะ หมวดสองแหงสัตว ผทู ่ีเกิดแลวและผูท ี่แสวงหาทีเ่ กิด. และทรงแสดงตกิ ะ หมวดสามแหงสตั ว ๓ ติกะ. คอื ทฆี รัสสมัช-ฌิมติกะ หมวดสามแหง สตั ว ผมู ีอตั ภาพยาวตํา่ และปานกลาง มหนั ตาณุก-มัชฌิมติกะ หมวดสามแหง สตั ว ผมู ีอัตภาพใหญเ ลก็ และปานกลาง ถลู า-ณุกมัชณมตกิ ะ หมวดสามแหงสตั ว ผูมอี ตั ภาพอว น ผอมและปานกลางโดยมชั ฌิมบทเปนทเ่ี กิดประโยชนใน ๓ ตกิ ะ และอณกุ ถูลบทเปน ที่เกดิประโยชนใ น ๒ ติกะ ดว ยบท ๖ บท มที ฆี บทเปน ตน . บรรดาบทเหลานั้นบทวา เยเกจิ เปน คาํ แสดงวา ไมมีสว นเหลือเลย. หมูสัตวท เ่ี กิดแลวคือปาณะ ช่ือวา ปาณภูตะ. อกี อยางหน่ึง สตั วทง้ั หลายยอมหายใจ เหตนุ น้ัจึงชอ่ื วา ปาณะ. ทรงถือเอาปญ จโวการสัตว ท่ีเนอื่ งดว ยอัสสาสปสสาสะลมหายใจเขา ออก ดวยบทนี้. สตั วท งั้ หลายยอมเกดิ เหตนุ ้นั จงึ ชอ่ื วาภตู . ทรงถอื เอาเอกโวการ. สตั วแ ละจตโุ วการสัตวด ว ยบทน.ี้ บทวา อตฺถิแปลวา มี มีพรอ ม.

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 348 พระผมู ีพระภาคเจา ครั้นทรงแสดงสตั วท้ังปวง ทท่ี รงสงเคราะหด วยทุกะและติกะรวมกัน ดว ยคําวา เยเกจิ ปาณภตู ตถฺ ิ น้อี ยางนแ้ี ลว บัดนี้ทรงสงเคราะหสตั วเ หลานน้ั แมทั้งหมด แสดงดว ยทุกะนี้วา ตสา วา ถาวราวา อนวเสสา. ในทุกะนี้ สตั วท ั้งหลายยอมสะดงุ เหตุน้ัน จึงชอ่ื วา ตสา คําน้ีเปนชื่อของสัตวทั้งหลาย ผูมีตัณหาและมภี ยั . สัตวท ้งั หลาย ยอมมน่ั คง เหตนุ ั้นจึงชอื่ วา ถาวรา คาํ นีเ้ ปน ชือ่ ของพระอรหันตท ้งั หลาย ผลู ะตณั หาและภยั ไดแลว. สว นเหลอื ของสัตวเ หลา นนั้ ไมม ี เหตุนนั้ จงึ ช่ือวา อนวเสสา ทา นอธิบายวา แมท ุกตวั สตั ว. กค็ าํ ใด ตรัสไวท ายแหงคาถาท่ี ๒ คํานน้ั พงึ เชื่อมกับทกุ ทกุ ะและติกะ. บทวา เยเกจิ ปาณภูตตฺถิ ความวา สตั วทัง้ หลายท่สี ะดุงกลัวก็ดี ท่มี ่นั คงกด็ ี ไมเหลือเลย สัตวแ มเหลาน้นั ทัง้ หมด จงเปนผูมตี นถึงสุขหมสู ัตวท เี่ กิดแลว ก็ดี แสวงหาท่ีเกิดก็ดี เพยี งใด สตั วท ้งั หมดแมเ หลานีเ้ พยี งนั้น จงเปนผูมตี นถึงสขุ เถิด ดว ยประการฉะน.ี้ บัดน้ี บรรดาบทท้งั ๖ มี ทีฆา วา เปน ตน ทแี่ สดงตกิ ะ ๓ หมวดมี ทีฆรัสสมชั ฌิมติกะ เปน ตน. บทวา ทีฆา ไดแ ก สัตวท่มี ีอตั ภาพยาวมนี าค, ปลา, เห้ียเปน ตน จริงอยู อตั ภาพของนาคทั้งหลายในมหาสมุทรแมม ขี นาดหลายรอ ยวา. อตั ภาพของปลาและเหย้ี เปนตน กม็ ขี นาดหลายโยชนบทวา มหนตฺ า ไดแก สัตวม ีอัตภาพใหญ ในนํ้ากม็ ปี ลาและเตา บนบกกม็ พี ระยาชางเปนตน ในจําพวกอมนุษย ก็มีทานพเปน ตน และตรัสวา ราหูเปน ยอดของสตั วทมี่ ีอตั ภาพทง้ั หลาย. จรงิ อยู อัตภาพของราหนู ั้น สูง๔,๘๐๐โยชน แขน ๑,๒๐๐ โยชน ระหวา งคิ้ว ๕๐ โยชน ระหวางน้ิวก็เหมอื นกัน ฝา มือ ๒๐๐ โยชนแ ล. บทวา มชฺฌิมา ไดแ ก อตั ภาพของมาโคกระบอื สกุ รเปนตน . บทวา รสสฺ กา ไดแก สัตวทงั้ หลาย มขี นาดตาํ่ตรงกลางยาว ตรงกลางอว น มคี นแคระเปน ตน ในชาติน้นั ๆ บทวา อณุกา




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook