Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_39

tripitaka_39

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_39

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 251และอรปู ภพ. พระโสดาบนั และพระสกทาคามเี หลา นัน้ ทง้ั หมดมี ๒๔ พวกโดยปฏปิ ทา ๔. พระอนาคามใี นเทพชัน้ อวิหามี ๕ พวกคือ อนั ตราปรนิ ิพพายี อุป-หัจจปรนิ พิ พายี สสังขารปรินิพพายี อสังขารปรินพิ พายี อุทธังโสโตอกนฏิ ฐ-คาม.ี พระอนาคานใี นเทพชน้ั อตัปปา สุทสั สา สทุ ัสสี กม็ ีชนั้ ละ ๕ พวกเหมอื นกนั .สวนในเทพช้ันอกนิษฐมี ๔ พวกเวน อุทธังโสโต รวมพระอนาคามี ๒๔ พวก.พระอรหันตม ี ๒ พวกคอื สกุ ขวปิ ส สกและสมถยานกิ . พระอริยบคุ คลผูต้ังอยใู นมรรคมี ๔ พวก รวมเปน พระอรยิ บุคคล ๕๔ พวก. พระอริยบคุ คลเหลานน้ัท้งั หมดคณุ ดว ย ๒ พวกดอื ฝา ยสัทธาธุระและฝา ยปญ ญาธรุ ะรวมเปน ๑๐๘ พวก.คาํ ที่เหลือ มนี ัยทก่ี ลา วมาแลว ทัง้ น้นั . บทวา จตตฺ าริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺติ ความวา บคุ คลท่ีทรงยกอเุ ทศไวโดยพศิ ดารวา พระอริยบคุ คลเหลาน้ัน ทง้ั หมดมี ๘ พวกกด็ ี ๑๐๘ พวกกด็ ี วาโดยสังเขป พระผตู ัง้ อยใู นโสดาปตตมรรค พระผตู ้งั อยูในโสดาปตติผลรวมเปน ๑ ค.ู อยางนี้จนถงึ พระผูตง้ั อยใู นอรหัตมรรค พระผูตง้ั อยูใ นอรหัต-ผล รวมเปน ๑ คู รวมท้ังหมดเปน ๔ ค.ู ศพั ทวา เต ในบทวา เต ทุกฺขิ-เณยฺยา เปน ศพั ทนเิ ทศอธิบายกําหนดแนนอน ซง่ึ บทอเุ ทศ ท่ยี กตั้งไวไมแนนอน. บุคคลทพ่ี ระผมู ีพระภาคเจาตรสั ไวพศิ ดารวามี ๘ พวกหรอื ๑๐๘ พวกสงั เขปวา มี ๔ คู แมท ง้ั หมด ยอ มควรทักษณิ าเหตนุ นั้ จึงช่อื วา ทักขิเณยยะ.ไทยธรรมท่ีบคุ คลเชอ่ื กรรมและผลแหงกรรมไมค ํานงึ ถงึ วา ภกิ ษรุ ปู น้ีจกั ทํากจิกรรมเปนหมอยาหรอื กจิ กรรมรบั ใชอ ันนี้แกเรา ดังน้ีเปนตน แลว ถวาย ชื่อวาทักษิณา. บคุ คลผปู ระกอบดวยคณุ มศี ีลเปน ตน สละบุคคลเหลา น้ผี เู ปน เชน น้นัช่ือวา ยอ มควรแกทักษิณาน้ัน ดวยเหตุนัน้ พระผูมีพระภาคเจา จงึ ตรัสวา เตทกขฺ ิเณยฺยา.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 252 บทวา สคุ ตสฺส สาวกา ความวา พระผูมีพระภาคเจา ชือ่ วา สุคตเพราะทรงประกอบดว ยการเสดจ็ ไปงดงาม เพราะเสดจ็ ไปสสู ถานทีอ่ ันงามเพราะเสด็จไปดวยดี และเพราะตรัสด.ี เปน สาวกของพระสตู ิ พระองคน้ัน.ทา นเหลานน้ั ท้งั หมดช่อื วา สาวก เพราะฟง พระดํารสั . คนอื่น ๆ ถึงฟง ก็จริงถึงเชน น้นั เขาฟงแลวกไ็ มท าํ กจิ ที่ควรทํา. สว นทานท่เี ปนสาวกเหลานั้น ฟงแลว ทํากิจทค่ี วรทําคือ ปฏบิ ัติธรรมสมควรแกธ รรม บรรลุมรรคผล เพราะฉะน้ัน ทา นเหลา น้ี จงึ ตรัสเรยี กวา สาวก. บทวา เอเตสุ ทินนฺ านิ มหปฺผลานิ ความวา ทานทั้งหลายแมเลก็ นอ ย ท่ีถวายในสาวกของพระตถาคตเหลา นัน้ ช่ือวามผี ลมาก เพราะเปนทานท่เี ขา ถงึ ความเปน ทักษณิ าบรสิ ทุ ธิฝ์ ายปฏคิ าหก เพราะฉะน้นั พระผมู -ีพระภาคเจา จงึ ตรัสไวแมในสูตร๑อ่ืนวา ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย สงฆ คอื คณะมีประมาณเพียง ใด คอื สงฆสาวกของพระตถาคต กลาวกนั วา เปน เลศิ ของสงฆคณะเหลา นน้ั คือสงฆ ๔ คู ๘ บุคคล น่ี สงฆสาวกของพระผมู ีพระภาคเจา ฯลฯ เปนวบิ าก อนั เลศิ . พระผูม พี ระภาคเจา คร้นั ตรสั คณุ ของสังฆรตั นะโดยพระผูต้งั อยใู นมรรค พระผูตัง้ อยใู นผลทงั้ หมดอยางนแี้ ลว บดั นี้ ทรงอาศยั คณุ นน้ั นั่นแลจงึ ทรงประกอบสจั จวจนะวา อิทมฺป สงฺเฆ รตน ปณตฺ  แมอันนีก้ เ็ ปนรตั นะอนั ประณตี ในพระสงฆ ความของสัจจวจนะนน้ั กพ็ งึ ทราบตามนัยที่กลา วมากอ นนั่นแล. พวกอมนุษยใ นแสนโกฏกิ ปั พากนั ยอมรบั พทุ ธอาชญาแหงพระคาถาแมนีแ้ ล.๑. ปสาทสตู ร อัง. จตกุ นบิ าต.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 253 พระผูมพี ระภาคเจา ครน้ั ตรสั สัจจวจนะดวยคณุ ของสงั ฆรัตนะ โดยพระผูต้งั อยูในมรรคและพระผตู ั้งอยใู นผล อยา งนแี้ ลว บัดน้ี จึงเรมิ่ ตรสั ดวยคุณของพระขณี าสวบุคคลทัง้ หลาย ผูเ สวยสุขในผลสมาบตั บิ างเหลาเทาน้ัน วาเย สุปฺปยุตฺตา เปน ตน. ในคาํ น้นั คาํ วา เย เปนคาํ อุเทศทไี่ มแ นน อน.บทวา สุปปฺ ยตุ ฺตา แปลวา ประกอบดแี ลว อธิบายวา ละอเนสนา การแสวงหาทไ่ี มสมควรหลายอยา งเสยี แลวอาศยั การเลยี้ งชวี ติ ทีบ่ รสิ ุทธ์ิ เริ่มประ-กอบตนไวในวปิ ส สนา. อีกนยั หน่งึ บทวา สุปฺปยตุ ฺตา ไดแ กประกอบดว ยกายประโยคและวจีประโยคอนั หมดจดด.ี ทรงแสดงศีลขนั ธของพระขณี าสว-บุคคลเหลาน้นั ดว ยบทวา สุปปฺ ยตุ ตฺ า น้นั . บทวา มนสา ทฬเฺ หนไดแ ก ดวยใจท่หี นักแนน . อธิบายวา ดว ยใจอนั ประกอบดว ยสมาธิทีม่ นั่ คง.ทรงแสดงสมาธิขนั ธข องพระขณี าสวบคุ คลเหลาน้นั ดว ยบทวา มนสา ทฬฺเหนนั้น. บทวา นกิ กฺ ามโิ น ไดแ ก เปน ผูไมอ าลยั ในกายและชวี ิต มีความพยายามออกจากกเิ ลสทั้งปวง อนั ผูม ปี ญ ญาเปนธรุ ะกระทาํ แลว ดว ยความเพยี ร.ทรงแสดงปญญาขันธท ี่ประกอบดว ยความเพียร ของพระขีณาสวบคุ คลเหลานนั้ดว ยบทวา นกิ ฺกามโิ น น้นั . บทวา โคตมสาสนมฺหิ ไดแ ก ในศาสนาของพระตถาคตผูม ีพระ-นามวาโคดมโดยพระโคตรนนั่ แล. ดว ยบทวา โคตมสาสนนฺหิ นัน้ ทรงแสดงวา พวกคนนอกศาสนานี้ ผทู าํ ตบะเพือ่ เทพเจา แมมีประการตา งๆ ก็ไมม คี วามพยายามออกจากกิเลสทัง้ หลาย เพราะไมมคี ุณมีความประกอบอยา งดีเปน ตน คําวา เต เปนคาํ อธบิ ายอุเทศทีต่ ัง้ ไวกอ น. ในคาํ วา ปตตฺ ิปตฺตานี้ คุณควรบรรลุ เหตุน้ันจงึ ช่ือวา ปตฺติ คณุ ทค่ี วรบรรลุ ซึ่งบุคคลบรรลุแลว จะเปนผูเกษมปลอดจากโยคะสิ้นเชิง ซงึ่ วา ปตตฺ พฺพา. คาํ นีเ้ ปนช่ือของ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 254พระอรหตั ผล. ผูบรรลุคณุ ควรบรรลนุ ้นั เหตนุ ้ัน จึงช่ือวา ปตฺติปตฺตา.บทวา อมต ไดแ ก พระนิพพาน. บทวา วคิ ยหฺ ไดแกเขาถงึ โดยอารมณบทวา ลทฺธา แปลวา ไดแ ลว . บทวา มธุ า ไดแก โดยไมมคี า คอื ไมทาํคา แมเพยี งกากณึกหนึ่ง. บทวา นพิ ฺพุตึ ไดแก ผลสมาบัติ ท่ีระงบั ความกระวนกระวายดว ยอํานาจกิเลสเสยี แลว. บทวา ภุฺชมานา ไดแก เสวยอย.ู ทา นอธิบายไวอยา งไร. ทา นอธิบายวา ชนเหลา ใด ในศาสนาของพระโคดมนี้ ช่อื วาประกอบดีแลว เพราะถึงพรอ มดวยศีล ช่อื วา มใี จหนกั แนนเพราะถงึ พรอมดวยสมาธิ ชอ่ื วา ไรความอาลยั เพราะถงึ พรอมดว ยปญ ญา ชนเหลาน้นั กเ็ ขา ถงึ อมตะดว ยสัมมาปฏบิ ตั นิ ้เี ปนผูไ ดเ ปลา ๆ เสวยความดบั ซ่ึงเขา ใจไดวา ผลสมาบัติ ชอ่ื วา เปน ผูบ รรลคุ ุณทค่ี วรบรรลุ. พระผมู พี ระภาคเจา คร้ัน ตรัสคณุ ของสังฆรตั นะ โดยพระขณี าสว-บคุ คล ผูเสวยผลสมาบตั อิ ยา งน้ีแลว บัดนท้ี รงอาศัยคณุ นั้นน่นั แล จงึ ทรงประกอบสจัจวจนะ วา อทิ มฺป สงเฺ ฆ รตน ปณีต แมอนั น้ี กเ็ ปนรัตนะอนั ประณตี ในพระสงฆ ความแหงสจั จวจนะนัน้ พงึ ทราบตามนยั ทกี่ ลาวกอนแลว พวกอมนษุ ยใ นแสนโกฏิจักรวาล กพ็ ากนั ยอมรับพทุ ธอาชญาแหงพระคาถาแมน ้แี ล. พรรณนาคาถาวา ยถินฺทขโี ล พระผมู ีพระภาคเจา คร้ัน ตรัสสจั จวจนะมสี ังฆรตั นะเปนทีต่ ง้ั โดยขีณาสวบคุ คล อยา งนีแ้ ลว ทรงเริ่มตรัส โดยคุณของพระโสดาบนั เทา น้ันวายถนิ ฺทขีโล เปนตน . ในคาํ นนั้ บทวา ยถา เปน คําอุปมา. คาํ วาอินทฺ ขโี ล น้ี เปน ชื่อของเสาไมแกน ท่ีเขาตอกจมดนิ ๘ ศอก หรือ ๑๐ ศอกภายในธรณีประตู เพ่อื ปองกนั ประตพู ระนคร. บทวา ปวึ แปลวา แผนดิน

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 255บทวา สโิ ต ไดแ ก เขา ไปอาศัยอยูขางใน. บทวา สยิ า แปลวา พงึ เปน .บทวา จตพุ ภฺ ิ เวเตหิ แปลวา อันลมทพ่ี ัดมาแค ๔ ทิศ. บทวา อสม-ฺปก มฺปโย ไดแกไ มอ าจใหไหว หรือขยับเขยอ้ื นได. บทวา ตถปู ม แปลวาเหมอื นคนนัน้ . บทวา สปฺปรุ สิ  ไดแก บรุ ุษสงู สุด บทวา วทามิ แปลวากลา ว บทวา โย อริยสจจิ านิ เชอเวจฺจ ปสฺสติ แปลวา ผใู ดหยั่งเหน็อรยิ สัจ ๔ ดวยปญ ญา. ในขอนัน้ อรยิ สัจทัง้ หลาย พงึ ทราบตามนัยทกี่ ลาวไวแ ลว ในกุมารปญหา และคัมภรี ว สิ ทุ ธมิ รรคนั่นแล. สว นความสงั เขปในขอนี้ มดี ังนี้ เหมือนอยางวา เสาเข่อื น จมตดิ ดนิเพราะมรี ากลึก ลมพัดมา ๔ ทิศ ก็พงึ ใหไหวไมได ฉันใด สัตบุรุษใดหยงั่เห็นอริยสัจ เรากลา วสตั บรุ ุษแมน ้ี อปุ มาฉันน้นั เหมอื นกนั . เพราะเหตไุ รเพราะเหตวุ า สตั บุรุษแมนน้ั เปนผอู ันลมคอื วาทะของเดียรถยี ท ง้ั ปวงทําใหไหวไมไ ด คือใครๆ กไ็ มอ าจใหไ หวหรือเขย้ือนจากทสั สนะนัน้ ได เหมอื นเสาเข่อื นอันลมพดั นา ๔ ทิศ ทําใหไ หวไมไดฉะน้ัน. เพราะฉะน้ัน พระผูมีพระภาคเจา จงึ ตรัสไวแมใ นสูตรอืน่ วา ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย เสาเหลก็ หรอื เสาเขอ่ื นลง รากลกึ ฝงอยา งดี ไมห วั่น ไมไ หว แมหากวาลมฝน แรงกลา พดั มาดานทศิ บูรพา, กไ็ มพงึ หวนั่ ไมพ งึ ไหว ไมพ ึงขยบั เขย้ือน แมหากวาลมฝนแรงกลา พดั มาดาน ทิศปจฉิม, ทศิ ทักษณิ , ทิศอุดร กไ็ มพ ึงหวัน่ ไมพ งึ ไหว ไมพงึ ขยบั เขยื้อน เพราะเหตไุ ร เพราะลงราก ลึก เพราะเสาเขอื่ นเขาฝง ไวดีแลว ฉนั ใด ดูกอ น ภกิ ษุทงั้ หลาย สมณะหรอื พราหมณเหลา ใดเหลา หนง่ึ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 256 ยอมรูค วามเปนจริงวา นี้ทกุ ข ฯลฯ นท้ี กุ ขนโิ รธคามนิ ี- ปฏิปทา สมณะหรือพราหมณเหลาน้นั ยอ มไมตรวจดู หนาของสมณะหรอื พราหมณอ นื่ วา ทา นเม่อื รู ก็รู เม่ือเห็นก็เหน็ อยา งนแ้ี นน อน ขอ น้ันเปน เพราะเหตไุ ร ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย กเ็ พราะอรยิ สจั ๔ สมณะหรือ พราหมณผนู น้ั เห็นอยา งดีแลว ก็ฉนั น้ันเหมอื นกัน. พระผมู พี ระภาคเจา ครนั้ ตรสั คณุ ของสงั ฆรตั นะโดยอาํ นาจพระโสดา-บัน ทีป่ ระจกั ษแ กค นเปน อนั มากเทานัน้ อยา งนีแ้ ลว บัดน้ี ทรงอาศยั คุณนั้นน่นั แล จึงทรงประกอบสัจจวจนะวา อทิ มฺป สงเฺ ฆ รตน ปณีต แมอันน้ีกเ็ ปนรตั นะอันประณตี ในพระสงฆ. ความของสัจจวจนะนัน้ พึงทราบตามนยัท่ีกลาวมากอ นแลวน้นั แล. พวกอมนษุ ยในแสนโกฏิจกั รวาล ก็พากันยอมรับพทุ ธอาชญาแหงพระคาถาแมนแี้ ล. พรรณนาคาถาวา เย อรยิ สจฺจานิ พระผมู พี ระภาคเจา ครนั้ ตรสั สัจจวจนะ อันมีสังฆรตั นะเปนทต่ี ั้งดวยคุณของพระโสดาบนั โดยไมแ ปลกกันอยา งน้ีแลว บัดนี้ จงึ ทรงเรม่ิ ตรัสวา เย อรยิ สจจฺ านิ เปน ตน ดวยคณุ ของพระโสดาบนั สตั ตักขตั ตุปรมะนอ งนอ ยของพระโสดาบันท้งั หมด บรรดาพระโสดาบนั ๓ ประเภท คือเอกพชิ ี โกลังโกละ สัตตกั ขตั ตปุ รมะ เหมอื นทต่ี รัสไววา บุคคลบางตนในพระศาสนานย้ี อมขอวา โสดาบนั เพราะสนิ้ สังโยชน ๓ โสดาบันน้นั บังเกิดภพเดียว เทา นัน้ กท็ าํ ท่ีสดุ ทกุ ข น้ีช่ือ เอกพิชี. โสดาบันทอ ง เท่ียวอยู ๒ หรอื ๓ ตระกูล กเ็ หมือนกัน ยอมทาํ ท่ี

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 257 สุดทกุ ขไ ด นช้ี ่อื โกลังโกละ โสดาบันยงั เวยี นวาย ตายเกิดอยใู นเทวดาและมนุษย ๗ ครง้ั ก็เหมือนกนั ยอมทาํ ทส่ี ุดทกุ ขได นี้ช่อื สตั ตักขัตตุปรมะ. ในคํานั้น คาํ วา เย อรยิ สจจฺ านิ น้ี มีนยั ท่กี ลา วมาแลวทงั้ นัน้ .บทวา วิภาวยนฺติ ไดแก กาํ จดั ความมดื คอื กเิ ลส อนั ปกปดสจั จะแลว ทําใหแจมแจงปรากฏแกตน ดว ยแสงสวา งแหง ปญญา. บทวา คมภฺ ีรปเฺ นไดแก อันพระผูมพี ระภาคเจา ผูมีพระปญ ญา มีกาํ ลัง ซงึ่ ใคร ๆ ไมไดด ว ยญาณของโลกนี้ พรอมท้งั เทวโลก ดวยพระปญญาที่หาประมาณมไิ ด ทา นอธบิ ายวา ผเู ปน สพั พัญ.ู บทวา สเุ ทสติ านิ ไดแ ก ทรงแสดงดว ยดี ดว ยนยั นนั้ ๆ มีสมาสันยอัพพยาสนยั สากลั ยนยั เวกัลยนัยเปน ตน. บทวา กิฺจาป เต โหนตฺ ิภสุ ปปฺ มตฺตา ความวา บคุ คลทัง้ หลาย ผูอบรมอรยิ สัจแลวเหลาน้นั อาศัยฐานะแหง ความประมาท มีความเปนเทวราชและความเปน พระเจาจักรพรรดิเปนตน เปน ผปู ระมาทอยา งรา ยแรง ก็จริง ถึงเชนน้ัน นามรูปใดพงึ ตั้งอยูเพราะวิญญาณทโ่ี สดาปตติมรรคญาณปรุงแตงดับไป แลวเกิดในสงั สารวัฏท่ีมีเบื้องตน เบือ้ งปลายตามไปไมรูแ ลว ถึง ๗ ภพ กไ็ มถ อื เอาภพที่ ๘ เพราะนามรูปนน้ั ดบั ไป เพราะตัง้ อยูไมไ ด แตในภพที่ ๗ น่ังเอง กจ็ ักเริม่ วปิ สสนาแลว บรรลพุ ระอรหตั . พระผูมพี ระภาคเจา ครน้ั ตรสั คุณของสงั ฆรตั นะ โดยพระโสดาบันสัตตักขัตตุปรมะอยา งนีแ้ ลว บัดนี้ ทรงอาศยั คุณนั้นนน่ั แล จึงทรงประกอบสัจจวจนะวา อทิ มฺป สงเฺ ฆ รตน ปณีต แมอนั นกี้ ็เปน รตั นะอันประณตีในพระสงฆ ความของสัจจวนะนั้น พึงทราบตามนัยที่กลา วมากอ นแลวนั่นแล.



























พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 271แกวมณี ลาดบลั ลงั กท ําดวยทองเงนิ และแกวมณี ทาํ น้าํ ใหปกคลุมดวยบวั ๕สี ทลู วอนขอพระผมู ีพระภาคเจา วา ขอพระองคโปรดทรงทําความอนุเคราะหพวกขาพระองคด ว ยเถดิ . พระผมู ีพระภาคเจง ทรงรับ เสดจ็ ขน้ึ สเู รอื แกว สวนภกิ ษุ ๕๐๐ รูป กข็ ึ้นสเู รอื ของตนๆ. พวกพระยานาค นาํ เสด็จพระผมู ีพระ-ภาคเจา พรอมภิกษสุ งฆเจา ไปยงั พภิ พนาค. ขา ววา ณ ท่นี ั้น พระผูม พี ระภาคเจา ทรงแสดงธรรมแกน าคบริษทั ตลอดคืนยงั รุง. วันท่ี ๒ พวกพระยานาคพากนั ถวายมหาทานดวยของเคี้ยวของฉันอนั เปนทพิ ย. พระผมู ีพระภาคเจาทรงอนุโมทนาแลว เสด็จออกจากพิภพนาค. พวกภุมมเทวดาพากันคดิ วา พวกมนุษยแ ละนาคพากันทําสักการะแกพระตถาคต พวกเราจักไมทาํ กันบางหรอื จงึ ชว ยกันยกฉตั รใหญนอ ย เหนอืพมุ ไมงามในปา ตน ไม และภูเขา. โดยอบุ ายนั้นน่ันแล สักการะวิเศษขนาดใหญ ก็บงั เกิดคราบถึงภพของอกนิษฐพรหม. แมพ ระเจาพิมพสิ ารก็ไดทรงทาํเปน ทวคี ณู กวาสักการะท่ีพวกเจาลจิ ฉวีทรงทาํ คร้ังที่ พระผูมีพระภาคเจา เสดจ็มา ทรงนําเสด็จพระผมู ีพระภาคเจา. วนั จึงมาถึงกรุงราชคฤห โดยนัยทก่ี ลา วมากอนแลว. พระผมู ีพระภาคเจา เสด็จถงึ กรงุ ราชคฤหแลว ภายหลงั อาหาร พวกภิกษุที่นง่ั ประชุมกัน ณ ศาลาทรงกลมพดู ในระหวา งกันอยางน้วี า โอ อานภุ าพของพระผมู ีพระภาคพุทธเจา. ที่ภมู ิภาค ๘ โยชน ทัง้ ฝงในทั้งฝง นอกแหงแมน าํ้ คงคา ถกู เจาะจงปรบั ที่ลุมท่ีดอนใหเ รยี บแลวโรยทราย ปกคลุมดวยดอกไมท้งั หลาย แมนา้ํ คงคาประมาณโยชนห น่ึงกถ็ ูกปกคลมุ ดวยบัวสีตา ง ๆฉตั รใหญนอยถูกยกขึ้นตราบถงึ ภพของอกนิษฐพรหม. พระผมู ีพระภาคเจาทรงทราบเรอ่ื งน้นั แลว ออกจากพระคันธกุฏเี สดจ็ ไปยงั ศาลาทรงกลมดวยปาฏิหาริยท ี่

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 272เหมาะแกข ณะนัน้ ประทับนัง่ เหนือพทุ ธอาสนอนั ประเสริฐท่ีเขาจัดไว ณ ศาลาทรงกลม. ครั้นประทบั นัง่ แลว พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสเรียกภิกษุทง้ั หลายวาดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เม่อื ก้ี พวกเธอนง่ั ประชุมพูดกัน ดว ยเรือ่ งอะไร ภิกษุทง้ั หลายกก็ ราบทลู เรอื่ งทงั้ หมด. พระผูมีพระภาคเจา ไดต รัสดงั น้วี า ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย บชู าวิเศษน้ีมไิ ดบ งั เกิดเพราะพทุ ธานุภาพของเรา ท้งั มิใชเพราะอานุภาพของนาคเทวดาและพรหม ทแี่ ทบ ังเกิดเพราะอานุภาพของการบรจิ าคเลก็ ๆ นอย ๆ แตก อนตางหาก. พวกภิกษุจงึ กราบทลู วา ขา แตพ ระองคผเู จรญิพวกขาพระองคไมร กู ารบรจิ าคเลก็ ๆ นอ ย ๆ นั้น สาธุ ! ขอพระผมู พี ระภาค-เจาโปรดตรัสบอกพวกขา พระองค อยางท่พี วกขาพระองคจ ะรูการบริจาคเลก็ ๆนอ ย ๆ นน้ั ดว ยเถิด. พระผมู ีพระภาคเจาจงึ ตรัสวา ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย เรื่องเคยมีมาแลวในกรุงตกั กสิลา มีพราหมณผหู นึ่ง ช่อื สงั ขะ. เขามีบุตร ช่อืสุสีมมาณพ. มาณพนั้น อายุ ๑๖ ปโดยวยั วันหนึ่งเขา ไปหาบิดากราบแลวยืน ณ ท่สี มควรสว นหน่งึ . บดิ าถามเขาวา อะไรพอสุสีมะ. เขาตอบวา ลูกอยากไปกรุงพาราณสีเรยี นศิลปะจะพอ ทาน. พราหมณก ลาววา พอ สุสีมะ ถาอยา งน้ัน พอมีสหายเปน พราหมณช่อื โนน พอ จงไปหาเขาเลาเรียนเถิด แลวมอบทรัพยใหพ ันกหาปณะ. สุสมี มาณพน้ัน รับทรัพยแ ลว กก็ ราบมารดาบดิ าเดินทางไปกรงุ พาราณสีโดยลาํ ดบั เขา ไปหาอาจารยโ ดยวธิ ีประกอบดวยความละเอียดละไม กราบแลว รายงานตัว อาจารยร วู า เปนลูกของสหาย กร็ ับมาณพไว ไดท าํ การตอ นรบั อยางดที กุ อยาง มาณพน้นั คลายความเม่ือยลาในการเดินทางไกลแลว ก็วางกหาปณะนนั้ แทบเทาอาจารย ขอโอกาสเรยี นศลิ ปะ. อาจารยก็เปดโอกาสใหเลา เรยี น เขาเรียนไดเรว็ และเรยี นไดม าก ทัง้ ทรงจาํ ศลิ ปะท่ีรบั ไว ๆ ไดไมเ สอ่ื มสญู เหมอื นนา้ํ มนั ทใ่ี สลงในภาชนะทอง เขาเรยี นศลิ ปะท่ีควรจะเรียนถงึ ๑๒ ป ใหเ สร็จสรรพไดโ ดย ๒ - ๓ เดอื นเทานั้น เขาทําการ

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 273สาธยายเห็นแตเ บอื้ งตนและเบื้องกลางเทา นั้นไมเห็นเบ้อื งปลาย จึงเขาไปหาอาจารยถ ามวา ทานอาจารย ขาพเจา เหน็ แตเ บื้องตน และเบ้ืองกลางของศิลปะน้เี ทา นน้ั ไมเหน็ เบ้อื งปลายเลย อาจารยกก็ ลาววา เรากเ็ ห็นอยางนน้ั เหมือนกนั แหละพอ เอย. เขาจงึ ถามวา ทา นอาจารยเมือ่ เปนดงั น้นั ใครเลารูเ บ้อื งปลายของศลิ ปะน.้ี อาจารยก ลา ววา พอ เอย ทปี่ าอิสปิ ตนะมฤี ษีหลายองค ฤษีเหลาน้นั คงร.ู เขาบอกวา อาจารย ขาพเจา จะเขา ไปถามฤษเี หลาน้ันเอง.อาจารยก็บอกวา ไปถามตามสบายเถดิ พอ เอย . เขากไ็ ปยังปาอิสปิ ตนะ เขาไปหาพระปจเจกพุทธเจาท้งั หลาย ถามวา ทา นผูเจรญิ ทา นรูเบอื้ งปลายศิลปะบางไหม. พระปจเจกพุทธเจา กลาววา เออ เรารสู ิทาน. เขาออนวอนวาโปรดใหขา พเจาศกึ ษาเบ้ืองปลายศลิ ปะน้นั เถดิ . พระปจ เจกพุทธเจากลา ววา ถาอยางนนั้ กบ็ วชเสยี สิ ทา นผไู มใ ชน กั บวช ศึกษาไมไ ดด อก. เขารับคําวาดีละเจา ขา โปรดใหข า พเจา บวชเถดิ . ทา นจงทําแตท่ีทา นปรารถนาแลว ใหขา พเจาศึกษาเบ้ืองปลายศิลปะกแ็ ลวกัน. พระปจ เจกพทุ ธเจา เหลานั้นใหเขาบวชแลว ก็ไมส ามารถประกอบเขาไวใ นกรรมฐาน ใหศึกษาไดแ ตอ ภิสมาจารโดยนัยเปน ตนวา ทา นพงึ นั่งอยางน้ี พงึ หม อยางน้ี. เขาศึกษาอยูในขอน้นัแตเ พราะเปน ผถู ึงพรอมดวยอุปนิสสัย ไมนานนักก็ตรัสรปู จเจกโพธญิ าณ. ทา นสสุ ีมะถงึ ลาภยศอันเลศิ พรั่งพรอมท้งั บรวิ าร กป็ รากฏไปทั่วกรุงพาราณสีวา เกิดเปน พระปจเจกพทุ ธเจา แตไมน านนัก ทา นกป็ รินพิ พาน เพราะทํากรรมทเ่ี ปน เหตุใหอายสุ ้นั ไว. พระปจเจกพทุ ธเจาทั้งหลายและหมูม หาชน ชวยกนัทาํ ฌาปนกจิ สรรี ะของทา น เก็บธาตุสรางพระสถปู ไวใกลประตูพระนคร. ฝา ยสงั ขพราหมณ คดิ วา ลกู ของเราไปต้ังนานแลว ยงั ไมรูขา วคราวของเขาเลย ประสงคจ ะพบบุตร จึงออกจากตักกสลิ า เดินทางไปตามลาํ ดบั ก็

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 274ถงึ กรุงพาราณสี เห็นหมมู หาชนประชมุ กนั คิดวาในหมชู นเปน อันมาก สักคนหนงึ่ คงจกั รูขา วคราวลูกของเราแนแ ท จึงเขา ไปท่ีกลุมชนถามวา มาณพชอ่ืสสุ ีมะมาในทนี่ ้ีมีไหม ทา นรูข า วคราวของเขาบางหรอื หนอ ชนเหลา น้นั กลา ววา เออ พราหมณ พวกเรารู ทา นเรียนจบไตรเพท ในสาํ นักพราหมณในพระนครน้แี ลว บวชในสาํ นักของพระปจเจกพทุ ธเจา ทัง้ หลาย เปน พระปจ เจก-พุทธเจา ปรนิ พิ พานดวยอนุปาทิเสสนพิ พานธาตุแลว นี้พระสถูป เราสรางไวส าํ หรับทา น. สงั ขพราหมณน ัน้ เอามือทุบแผนดิน รํ่าไหร ําพนั ไปยังลานเจดียนน้ั ถอนหญาแลว เอาผา หม หอทรายนําไปเกล่ียท่ลี านเจดียพ ระปจ เจกพทุ ธเจา เอานํ้าในคนโทน้าํ ประพรม ทําการบชู าดว ยดอกไมป า เอาผา หมยกข้ึนทําเปนธง ผูกฉตั รคือรมของตนไวบนสถปู แลว กลบั ไป. พระผูมีพระภาคเจา คร้ันทรงแสดงเรื่องอดตี อยา งนแี้ ลว เม่อื ทรงตอเชอ่ื มชาดก. น้ันกับปจ จบุ ันจงึ ตรัสธรรมแกภกิ ษุท้งั หลายวา ดกู อ นภิกษุทงั้ หลายพวกเธอจะพงึ มีความคดิ วา คนอื่นเปน สังขพราหมณสมัยนัน้ แนแ ท แตพวกเธอไมพงึ เห็นอยางนี้ สมยั น้นั เราเปนสังขพราหมณ เราถอนหญา ท่ีลานเจดียของพระสุสีมปจ เจกพทุ ธเจา ดว ยผลกรรมของเรานนั้ ชนท้ังหลายจงึ ทาํ ทาง ๘โยชนใ หป ราศจากตอและหนาม ทาํ พื้นทใ่ี หราบเรียบ สะอาด เราโรยทรายท่ีลานเจดียพระสุสีมปจ เจกพุทธเจา นน้ั ดว ยผลกรรมของเรานั้น ชนทงั้ หลายจงึ โรยทรายท่หี นทาง ๘ โยชน เราทาํ บูชาท่พี ระสถูปน้นั ดว ยดอกไมปา ดว ยผลกรรมของเรานน้ั ชนท้ังหลายจึงไดทําเครอื่ งลาคดอกไมดว ยดอกไมป า นานาชนดิ ทั้งบนบกทง้ั ในน้ํา ในหนทาง ๘ โยชน เราประพรมพ้นื ดินดว ยนํ้าในคนโทน้ําท่ีพระสถูปนน้ั ดว ยผลกรรมของเราน้ัน ฝนโบกขรพรรษจงึ ตกลงที่กรุงเวสาลี เรายกธงแผน ผาและผกู ฉตั รที่พระเจดยี น้ัน ดว ยผลกรรมของเรา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 275นน้ั ชนทัง้ หลายจงึ ยกธงแผนผาและฉัตรใหญน อ ย จนถงึ ภพอกนษิ ฐ.ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ดังนัน้ บชู าวิเศษน้ี ไมใ ชบงั เกิดเพราะพทุ ธานุภาพของเรา ไมใชเ พราะอานภุ าพของนาค เทวดา และพรหมดอก ทแี่ ท บงั เกิดเพราะอานภุ าพของการบรจิ าคเล็ก ๆ นอ ย ๆ ตางหากเลา . จบธรรมกถา ไดตรัสพระคาถาน้ีวา มตตฺ าสุขปรจิ ฺจาคา ปสเฺ ส เจ วิปลุ  สขุ  จเช มตตฺ าสขุ  ธโี ร สมปฺ สสฺ  วิปลุ  สุข . ถา บุคคลพึงเหน็ สุขอันไพบูลย เพราะสละสขุ พอ ประมาณไซร ผูมปี ญญาเม่อื เหน็ สุขอนั ไพบูลยพ ึงสละ สุขพอประมาณเสีย ดงั นี้. จบพรรณารัตนสตู ร แหง อรรถกถาขุททกปาฐะ ชอื่ ปรมัตถโชติกา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 276 ตโิ รกฑุ ฑสูตร วา ดว ยการใหสว นบญุ แกผูท ่ีลว งลับไปแลวพระผูมพี ระภาคเจา ตรัสแกพ ระเจาพมิ พสิ าร เปน คาถาวา [๘] ฝูงเปรตพากนั มายังเรือนของตน ยนื อยูที่นอกฝาเรอื นบา ง ยนื อยทู ่ที าง ๔ แพรง ๓ แพรง บางยืนอยูใ กลบ านประตูบา ง. เมือ่ ขาวน้ํา ของเค้ยี ว ของกินเขาวางไวเปนอันมาก ญาติไร ๆ ของเปรตเหลา นัน้ ก็ระลกึ ไมไ ด เพราะกรรมของสตั วทั้งหลายเปนปจจัย. ชนเหลาใด เปนผูเ อ็นดู ชนเหลา นั้นยอมใหนา้ํขาว อันสะอาด ประณตี อันสมควร ตามกาล อทุ ศิเพือ่ ญาติทั้งหลาย อยา งน้วี า ขอทานนแี้ ล จงมแี กญาตทิ ง้ั หลาย ขอญาตทิ ัง้ หลาย จงมสี ขุ เถดิ . สว นฝูงเปรตทเี่ ปนญาตเิ หลา นน้ั มาแลว พรอ มแลว กช็ ุมนมุ กันในทีใ่ หทานนัน้ ยอมอนโุ มทนาโดยเคารพ ในขาวนา้ํ เปน อนั มากวา เราไดส มบัตเิ พราะเหตุแหงญาตเิ หลาใด ขอญาตเิ หลานน้ั ของเรา จงมีชีวติ ย่งั ยนื ทงั้ การบชู า ญาตผิ เู ปนทายกก็ไดก ระทําแกพวกเราแลว อนงึ่ ทายกทงั้ หลาย ยอมไมไ รผล. ในปต ตวิ ิสัยน้นั ไมม ีกสกิ รรมการทาํ ไรก ารทํานาไมมโี ครกั ขกรรม การเล้ียงโค. ในปต ตวิ ิสัยนน้ั การคาเชน น้ัน การซอื้ ขายดวยเงิน กไ็ มมี.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 277 ผทู ํากาลกริ ิยาละไปแลว ยอ มยงั อัตภาพใหเปนไปในปต ตวิ ิสยั นั้น ดว ยทานท่ีญาตใิ หแ ลว จากมนษุ ยโลกน.้ี นํ้าตกลงบนทีด่ อน ยอมไหลไปสทู ล่ี ุม ฉันใดทานทที่ ายกใหไปจากมนุษยโลกนี้ ยอ มสาํ เรจ็ ผลแกฝ ูงเปรตฉนั นั้นเหมอื นกัน. หวงน้ําเต็มแลว ยอมยังสาครใหเต็มฉนั ใด ทานที่ทายกใหไปนากมนษุ ยโลกน้ี ยอมสาํ เร็จผลแกฝงูเปรตฉนั น้ัน เหมอื นกัน. บุคคลเม่อื ระลกึ ถึงกิจท่ที า นทํามาแตกอ นวาทานไดทาํ กจิ แกเรา ไดใ หแ กเรา ไดเปน ญาตมิ ติ รเปนเพ่ือน ของเรา ดังน้ี จงึ ควรใหท กั ษณิ าแกฝ ูงเปรต. การรอ งไห การเศรา โศก หรอื การพไิ รราํ พนัอยางอนื่ ๆ ก็ไมควรทํา เพราะการรอ งไหเปนตน นั้นไมเปนประโยชนแ กผูลว งลับไปแลว ญาตทิ ้ังหลาย ก็คงอยูอ ยางนัน้ . ทักษณิ าน้แี ล อนั ทายกใหแลว ตง้ั ไวด แี ลว ในพระสงฆ ยอมสาํ เรจ็ ประโยชนแ กทายกน้นั โดยฐานะตลอดกาลนาน. ญาติธรรมน้ีนนั้ ก็ทรงแสดงแลว การบูชาผูล วง ลบั ไปแลว กท็ รงทําโอฬารแลว ท้งั กําลังของภิกษุ ทั้งหลาย กท็ รงเพมิ่ ใหแ ลว บญุ พระองคก ท็ รงขวนขวายไวม ิใชนอย. จบตโิ รกุฑฑสตู ร

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 278 อรรถกถาตโิ ตกฑุ ฑสตู ร ประโยชนแ หงการต้งั พระสูตร บดั น้ี ถึงลาํ ดบั การพรรณนาความตโิ รกุฑฑสูตร ทีย่ กข้ึนตั้งตอ ลําดับรตั นสูตรโดยนยั วา ติโรกฑุ ฺเฑสุ ตฏิ  นฺติ เปน ตน จกั กลา วประโยชนแหงการตง้ั ตโิ รกฑุ ฑสูตรน้ันไวใ นทนี่ แ้ี ลว จึงจักทาํ การพรรณนาความ. ในขอนั้น ความจรงิ ตโิ รกุฑฑสูตรนี้ แมพ ระผูมพี ระภาคเจา กม็ ไิ ดตรสั ตามลาํ ดับนี้ แตก ท็ รงแสดงการปฏบิ ตั ิกศุ ลกรรมนี้ได โดยประการตาง ๆไวก อ นพระสตู รนี้ เพราะเหตุที่บุคคลประมาทในการปฏบิ ัตกิ ุศลกรรมนั้น อยูเม่อื เกิดในฐานะ ทแ่ี มเศราหมองกวานรกและกําเนิดสตั วเ ดยี รฉาน ก็ยอ มเกิดในจาํ พวกเปรตเห็นปานนนั้ ฉะนน้ั พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ตรัสรัตนสตู ร เพื่อแสดงวาบคุ คลไมค วรทาํ ความประมาทในการปฏบิ ตั ิกุศลกรรมน้ัน และเพ่ือระงับอุปท วะแหง กรงุ เวสาลี ที่พวกหมภู ตู เหลา ใดเบียดเบียนแลว หรือตรัสเพ่ือแสดงวา ในหมภู ูตเหลา นัน้ มหี มูภตู บางพวกมีรปู เหน็ ปานนั้น พึงทราบประโยชนแ หง การตั้งตโิ รกุฑฑสตู รน้ใี นทนี่ ี้. กถาอนโุ มทนา แตเ พราะเหตุท่ี ติโรกฑุ ฑสูตร ผูใดประกาศ ประกาศที่ใด ประกาศเมือ่ ใด และประกาศเพราะเหตใุ ด การพรรณนาความของตโิ รกฑุ ฑสตู รน้ันครัน้ ประกาศติโรกุฑฑสูตรนน้ั หมดแลว เม่ือทําตามลาํ ดับ ช่ือวาทาํ ดแี ลวฉะน้ัน ขาพเจากจ็ กั ทําการพรรณนาความน้ัน อยางน้ันเหมือนกนั แล.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 279 ขอ วา ก็ติโรกฑุ ฑสูตรน้ีใครประกาศ ประกาศที่ไหน ประกาศเมอื่ ไรขอชี้แจงดงั นี้ ติโรกฑุ ฑสตู ร พระผูมพี ระภาคเจา ทรงประกาศ กต็ โิ รกุฑฑสูตรน้นั แล ทรงประกาศเพ่อื ทรงอนโุ มทนา แกพระเจามคธรฐั ในวนั รงุ ข้นึ เพอ่ืทําความขอนใี้ หเเจมแจง ควรกลา วเรอื่ งไวพิสดารในขอ นีด้ ังน.้ี ในกปั ท่ี ๙๒ นับแตก ปั น้ี มีนครชื่อกาสี ในนครนั้น มพี ระราชาพระนามวา ชยั เสน พระเทวีของพระราชานั้น พระนามวา สิรมิ า. พระ-โพธิสัตว พระนามวา ปุสสะ เกิดในครรภของพระนาง ตรัสรสู มั มาสมัโพธิญาณตามลาํ ดับ พระราชาชัยเสนทรงเกดิ ความรูส กึ ถึงความเปนของพระองควา โอรสของเราออกทรงผนวชเกิดเปน พระพทุ ธเจา พระพทุ ธเจากเ็ ปนของเรา พระธรรมก็ของเรา พระสงฆกข็ องเรา ทรงอุปรากดวยพระองคเองตลอดทกุ เวลา ไมย อมประทานโอกาสแกคนอ่ืน ๆ. เจาพีเ่ จานองของพระผมู ีพระภาคเจา ตา งพระมารดา ๓ พระองค พากันดาํ ริวา ธรรมดาพระพุทธเจา ทั้งหลาย ยอมเสด็จอบุ ตั ิ เพอ่ื ประโยชนเ กื้อกลู แกโ ลกทั้งปวง มใิ ชเ พ่อื ประโยชนแ กบุคคลคนเดยี วเทาน้นั แตพ ระบิดาของเรา ไมท รงประทานโอกาสแกเ ราและคนอนื่ ๆ เลย เราจะไดก ารอปุ รากอยา งไรหนอ พระราชโอรสเหลานน้ั จงึ ตกลงพระหฤทัยวา จาํ เราจะตองทําอุบายบางอยา ง ทั้ง ๓ พระองคจ ึงใหห ัวเมอื งชายแดงทาํ ประหน่งึ แตงเมือง ตอนน้ัพระราชาทรงทราบขาววาหัวเมืองชายแดนกบฏ จงึ ทรงสง พระราชโอรสทง้ั ๓พระองคอ อกไปปราบกบฏ. พระราชโอรสเหลา น้นั ปราบกบฏเสรจ็ แลวก็เสด็จกลบั มา พระราชาทรงดีพระราชหฤทัย พระราชทานพรวา เจา ปรารถนาสง่ิ ใด ก็จงรบั สิ่งนนั้ . พระราชโอรถทั้ง ๓ พระองคก ราบทลู วา ขา พระบาทปรารถนาจะอุปฐากพระผมู ีพระภาคเจา พระเจา ขา . พระราชาตรสั วา เวน พร

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 280ขอนัน้ เสยี รับพรอยา งอ่นื ไปเถิด. พระราชโอรสกราบทลู วา พวกขา พระบาทไมปรารถนาพรอยา งอน่ื ดอก พระเจา ขา . พระราชาตรสั วา ถา อยางน้นั เจาจงกําหนดเวลามาแลวรับไป. พระราชโอรสทูลขอ ๗ ป. พระราชาไมพระราชทานพระราชโอรสจงึ ทูลขอลดลงอยา งน้ี คอื ๖ ป ๕ ป ๔ ป ๓ ป ๒ ป ๑ ป ๗เดอื น ๖ เดือน ๕ เดอื น ๔ เดือน จนถงึ ไตรมาส พระราชาจงึ พระราชทานวา รับได. พระราชโอรสเหลานั้น ไดรับพระราชทานพรแลวกท็ รงยินดอี ยา งยิ่งเขาเฝาพระผูมพี ระภาคเจา ถวายบงั คมแลว กราบทูลวา ขา แตพ ระองคผ เู จริญพวกขาพระองคประสงคจะอุปฐากพระผูมีพระภาคเจาตลอดไตรมาส ขอพระผูมพี ระภาคเจา โปรดทรงรับจําพรรษาตลอดไตรมาสนี้ สําหรับขา พระองคดว ยเถิดพระเจาขา. พระผูม พี ระภาคเจา ก็ทรงรับ โดยอาการดษุ ณีภาพ คือนิง่ ตอน้นั พระราชโอรสทั้ง ๓ พระองค ก็สง หัตถเลขา ลายพระหัตถไปแจงแกพนกั งานเก็บสว ย [ผจู ัดผลประโยชน] ในชนบทของพระองควา เราจะอปุ ฐากพระผมู ีพระภาคเจาตลอดไตรมาสน้ี เจา จงจัดเครอื่ งประกอบการอุปฐากพระผูมพี ระภาคเจาไวใหพ รอ มทกุ ประการ ตง้ั แตสรางพระวิหารเปน ตนไป เจาพนกั งานเกบ็ สว ยนั้น จดั การพรอมทกุ อยางแลว ก็สงหนังสือรายงานใหทรงทราบ. พระราชโอรสเหลา นั้น กท็ รงนุงหมผา กาสายะ ทรงอุปฐากพระผูม ีพระภาคเจา โดยเคารพ ดวยบุรุษไวยาจกั ร ๒,๕๐๐ คน นําเสดจ็ สชู นบทมอบถวายพระวหิ าร ใหท รงอยูจ ําพรรษา. บุตรคฤหบดผี ูห นึ่ง เปนพนกั งานที่รักษาเรอื นคลังของพระราชโอรสเหลา นั้น พรอ มท้ังภรรยา เปนคนมีศรัทธาปสาทะเขาไดปฏบิ ัตกิ ารถวายทานแกพระสงฆม ีพระพทุ ธเจา เปนประมุขโดยเคารพ. เจาพนักงานเกบ็ สวยในชนบท พาบตุ รคฤหบดนี ั้น ใหดําเนนิ การถวายทานโดยเคารพ พรอ มดวยบุรุษชาวชนบท

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 281ประมาณ ๑๑,๐๐๐ คน. บรรดาคนเหลานัน้ ชนบางพวก มีจิตถกู อิสสามจั -ฉรยิ ะครอบงํา พวกเขา กพ็ ากนั ทําอันตรายแกท าน กนิ ไทยธรรมดวยตนเองบาง ใหแ กพ วกลูก ๆ เสียบา ง และเอาไฟเผาโรงอาหาร. คร้ัน ปวารณาออกพรรษา พระราชโอรสท้งั หลาย กท็ รงทาํ สักการะย่ิงใหญแ ดพ ระผูม ีพระภาคเจาตามเสด็จพระผมู พี ระภาคเจา เขา ไปเฝา พระราชบดิ า. พระผมู ีพระภาคเจา เสดจ็ไปในทน่ี น้ั แลว ก็ปรินิพพาน. พระราชา พระราชโอรส เจา พนักงานเก็บสว ยในชนบทและเจาพนกั งานรักษาเรอื นคลงั ทํากาละไปตามลาํ ดบั กเ็ กดิ ในสวรรคพรอมดว ยบริษทั บรวิ าร. เหลา ชนทีม่ ีจติ ถกู อิสสามัจฉรยิ ะครอบงํา ก็พากันไปเกิดในนรกทง้ั หลาย เม่ือคน ๒ คณะนน้ั จากสวรรคเ ขา ถงึ สวรรค จากนรกเขาถึงนรกดวยอาการอยางนี้ กัปกล็ ว งไป ๙๒ กัป. ตอมา ในภทั รกปั นี้ คร้งั พระพทุ ธเจาพระนามวา กัสสป ชนทม่ี ีจิตถกู อิสสามัจฉรยิ ะครอบงําเหลา น้นั ก็เกดิ เปน เปรต. ครง้ั น้ัน มนษุ ยท้ังหลายถวายทาน อทุ ศิ เพ่อื ประโยชนแกพ วกเปรตทเี่ ปนญาติของตนวา ขอทานน้จี งมีแกพวกญาติของเรา. เปรตเหลานัน้ ก็ไดส มบตั ิ. ขณะนนั้ เปรตแมพ วกน้เี หน็ดังนัน้ ก็เขาไปเฝาพระผูม ีพระภาคเจากัสสปะ ทลู ถามวา ขาแตพระองคผ ูเจริญ ทําอยางไรหนอ พวกขาพระองคจ ึงจะไดส มบตั บิ าง พระเจาขา. พระ-ผูมพี ระภาคเจาตรสั วา บดั น้ี พวกทา นยงั ไมไ ดดอก ก็แตวา ในอนาคต จักมีพระพุทธเจาพระนามวาโคดม ในกาลของพระผูม พี ระภาคเจาพระองคน น้ั จกัมีพระราชาพระนามวาพมิ พสิ าร ทา วเธอไดเ ปนญาตขิ องพวกทาน นับแตน้ไี ป๙๒ กัป ทาวเธอจกั ถวายทานแดพ ระพุทธเจา อทุ ศิ สว นกุศลแกพวกทาน ครง้ัน้นั พวกทานจึงจักได. เขาวา เมือ่ มพี ุทธดํารัสอยางนี้แลว พระพทุ ธดาํ รสันนั้ ไดป รากฏแกเปรตเหลานัน้ ประหนง่ึ ตรัสวา พวกทา นจักไดใ นวันพรงุ น้.ี

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 282 ตอ มา เมอ่ื ลวงไปพทุ ธนั ดรหน่งึ พระผูมพี ระภาคเจาของพวกเรา ก็เสดจ็ อบุ ัตใิ นโลก. พระราชโอรสทงั้ ๓ พระองคน้ัน ก็จุติจากเทวโลก พรอมดวยบุรษุ ๒,๕๐๐ คนเหลาน้ัน ไปเกดิ ในสกลุ พราหมณทั้งหลาย ในแควน มคธบวชเปน ฤาษโี ดยลาํ ดับ ไดเ ปนชิฏิล ๓ คน ณ คยาสสี ประเทศ. เจา พนักงานเกบ็ สว ยในชนบท ไดเ ปน พระเจา พมิ พิสาร บตุ รคฤหบดี เจาพนักงานรักษาเรือนคลัง ไดเ ปน มหาเศรษฐีชือ่ วสิ าขะ ภรรยาของเขาไดเปนธดิ าของเศรษฐีชอื่ ธรรมทนิ นา บรษิ ทั ที่เหลือ เกิดเปนราชบรขิ ารของพระเจา พมิ พิสารทง้ั หมด.พระผมู พี ระภาคเจาของพวกเราเสด็จอบุ ตั ใิ นโลก ลวงไป ๗ สัปดาห ก็เสดจ็มายังกรุงพาราณสี โดยลําดบั ประกาศพระธรรมจักร โปรดพระภิกษุปญจวคั คียเปน ตน ไป จนถึงทรงแนะนาํ ชฏลิ ๓ ทา น ซงึ่ มีบรวิ าร ๒,๕๐๐๑ จงึ เสด็จไปกรงุ ราชคฤห ณ กรุงราชคฤหน้นั โปรดพระเจา พมิ พิสาร ซงึ่ เสด็จเขาไปเฝาในวนั นน้ั เอง ใหด ํารงอยูในโสดาปตตผล พรอ มดว ยพราหมณและคฤหบดีชาวมคธ ๑๑ นหุต. คร้งั นน้ั พระผูมพี ระภาคเจาทรงรบั นิมนตพ ระเจา พมิ พิสารเพื่อเสวยภัตตาหารในวนั พรุง. ครนั้ วนั รุง ขึน้ อนั ทาวสักกะจอมทวยเทพนําเสดจ็ ทรงชมเชยดว ยคาถาทง้ั หลาย เปนตน อยางนว้ี า ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ วปิ ฺปมุตโฺ ต วปิ ปฺ มตุ เฺ ตหิ สิงคินิกขฺ สุวณโฺ ณ ราชคห ปาวิสิ ภควา. พระผมู พี ระภาคเจา ผูท รงฝก แลว กบั เหลา ปุราณชฏลิ ผฝู ก แลว พระผหู ลดุ พน แลว กับเหลา ปรรุ าณชฏลิ ผูหลุดพน แลว ผมู ีพระฉววี รรณงามดังแทง ทองสิงคี เสด็จเขา สกู รุงราชคฤห ดงั น.ี้๑. ในพระวินยั ปฏ กมหาวรรค ๔/ขอ ๓๗ เปน ๑,๐๐๐

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 283เสด็จเขาสูกรุงราชคฤห ทรงรับมหาทานในพระราชนเิ วศนของพระเจา พมิ พสิ ารเปรตเหลานนั้ ยืนหอ มลอมดวยหวงั อยูว า บดั น้ี พระราชาจักทรงอุทศิ ทานแกพวกเรา บัดนี้ จักทรงอุทิศทานแกพวกเรา. ฝายพระเจา พิมพิสารถวายทานแลว ทรงพระดาํ ริวา พระผมู พี ระภาค-เจา จะพงึ ประทับอยู ณ ท่ีไหนหนอ ทรงพระดําริถึงแตเ ร่อื งทปี่ ระทับอยขู องพระผมู ีพระภาคเจา เทานัน้ มิไดท รงอทุ ิศทานน้นั แกใ คร ๆ. เปรตท้งั หลายส้ินหวงั ตอนกลางคืน จึงพากันทําเสียงแปลกประหลาดนาสะพรงึ กลวั อยา งเหลือเกนิ ใน พระราชนิเวศน. พระราชาทรงสลดพระราช-หฤทัยหวาดกลัว ตอรุง สวางกราบทลู พระผมู ีพระภาคเจา วา ขา แตพระองคผเู จรญิ ขาพระองคไ ดยินเสยี งเชน น้ี เหตุอะไรหนอ จกั มีแกขา พระองคพระเจาขา . พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา ถวายพระพรมหาบพิตร โปรดอยาทรงกลัวเลย จกั ไมมีส่ิงช่ัวรา ยอะไร ๆ แกมหาบพิตรดอก ก็แตวา พวกพระญาติเกา ๆ ของมหาบพิตร เกิดเปนเปรตมอี ยู เปรตเหลา นนั้ เทยี่ วอยูส้ินพทุ ธนั ดรหนึ่ง หวังอยูตอ มหาบพิตรวา จกั ทรงถวายทานแดพระพุทธเจา แลว จกั ทรงอุทศิ สว นกุศลแกพวกเรา เมือ่ วนั วาน มหาบพิตรมิไดทรงอุทศิ สวนกุศลแกเปรตพวกนัน้ เปรตพวกนนั้ สิน้ หวัง จงึ พากันทาํ เสียงแปลกประหลาดเชน นัน้ . พระเจาพมิ พสิ ารกราบทลู วา พระเจาขา บัดนี้ เม่อื ขา พระองคถวายทาน พวกเขาก็ควรได. พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วา ถวายพระพร มหาบพิตร. พระเจาพมิ พิสารกราบทูลวา พระเจาขา ถาเชน นน้ั ขอพระผมู พี ระ-ภาคเจา โปรดทรงรับนิมนตเ สวยภตั ตาหารเชา พรงุ น้ี ของขา พระองคดวยนะ

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 284พระเจาขา ขา พระองคจักอทุ ศิ ทานแกเ ปรตพวกน้นั . พระผมู พี ระภาคเจาทรงรบั . พระราชาเสดจ็ เขา พระราชนเิ วศน จดั แจงมหาทาน แลวใหก ราบทลู เวลาภัตตาหารแดพ ระผมู ีพระภาคเจา . พระผูมพี ระภาคเจา เสดจ็ เขา ภายในพระราช-นิเวศน ประทบั นั่งเหนือพทุ ธอาสนท ีเ่ ขาจดั ไว พรอ มดว ยภกิ ษสุ งฆ. เปรตพวกน้ัน พากันไปยนื ทน่ี อกฝาเรือนเปน ตน ดวยหวงั วา วันน้ีพวกเราคงไดอะไรกันบาง. พระผมู พี ระภาคเจาไดทรงทําโดยอาการที่เปรตพวกนน้ั จะปรากฏแกพ ระราชาหมดทกุ ตน. พระราชาถวายนํา้ ทักษิโณทก ทรงอทุ ิศวา ขอทานนี้จงมีแกพ วกญาตขิ องเรา. ทันใดนั้นเอง สระโบกขรณดี ารดาษดว ยปทุม กบ็ ังเกดิ แกเ ปรตพวกน้ัน. เปรตพวกน้ันก็อาบและดมื่ ในสระโบกขรณีนน้ั ระงับความกระวนกระวายความลําบากและหวิ กระหายไดแลว มีผิวพรรณดจุ ทอง. ลาํ ดบั น้นั พระราชาถวายขาวยาคู ของเคี้ยว ของกนิ เปน ตนแลว ทรงอทุ ศิ . ในทันใดน้นั เอง ขาวยาคูของเคย้ี วและของกนิ อนั เปน ทิพย ก็บังเกดิ แกเปรตพวกนั้น. เปรตพวกน้นั กพ็ ากนิ บริโภคของทิพยเหลา น้ัน มีอนิ ทรียเ อบิ อ่ิม. ลําดบั นัน้ พระราชาถวายผา และเสนาสนะเปน ตน ทรงอทุ ศิ ใหเครือ่ งอลงั การตา ง ๆ มีผาทพิ ย ยานทพิ ย ปราสาททิพย เคร่อื งปลู าดและท่ีนอนเปน ตน กบ็ ังเกดิ แกเ ปรตพวกนัน้ . สมบัติแมน ั้นของเปรตพวกนนั้ ปรากฏทกุ อยางโดยประการใด พระผูมีพระภาคเจา ก็ทรงอธษิ ฐาน (ใหพระราชาทรงเห็น) โดยประการนั้น. พระราชาทรงดพี ระทัยยิง่ . แตนน้ั พระผมู ีพระ-ภาคเจา เสวยเสรจ็ แลว ทรงหามภัตตาหารแลว ไดตรสั พระคาถาเหลานีว้ าตโิ รกุฑฺเฑสุ ตฏิ  นฺติ เปน ตน เพือ่ ทรงอนุโมทนาแกพ ระเจา มคธรัฐ.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 285 ดว ยคาํ มปี ระมาณเทานี้ มาติกาหวั ขอนวี้ า เยน ยตถฺ ยทา ยสฺมาตโิ รกฑฺฑ ปกาสติ  ปกาสยติ วฺ า ต สพฺพ ก็เปน อนั จําแนกแลวทัง้ โดยสังเขปท้ังโดยพิศดาร. บัดนี้ จกั กลาวพรรณนาความแหง ติโรกฑุ ฑสูตรนตี้ ามลาํ ดบั ไป คือ พรรณนาคาถาที่ ๑ จะพรรณนาความในคาถาแรกกอ น. สวนภายนอกแหง ฝาทงั้ หลายเรียกกนั วา ตโิ รกฑุ ฑะ. คาํ วา ตฏิ นตฺ ิ เปน คํากลา วถึงอริ ิยาบถยืนเพราะหามอริ ิยาบถนง่ั เปน ตน. ดวยเหตนุ น้ั พระผมู ีพระภาคเจาจงึ ตรัสถึงพวกเปรตท่ียืนอยูทีส่ ว นอ่ืนของฝาเรอื นไวแมในท่ีนีว้ า ตโิ รกฑุ ฺเฑสุ ติฏ นตฺ ิยืนกนั อยูท น่ี อกฝาเรือน เหมือนท่ที า นกลาวถงึ ทานผแู สดงฤทธิต์ าง ๆ ซงึ่ ไปณ สวนอืน่ แหงกําแพง และสวนอนื่ แหง ภูเขาวา ไปนอกกาํ แพงนอกภูเขาไมต ิดขดั ฉะน้นั . ในคาํ วา สนฺธิสฆึ าฏเกสุ จ นั้น ทาง ๔ แพรง หรอืแมท่ีตอ เรือนทีต่ อฝาและกรอบหนาตาง ทา นเรยี กวาสนธิ ทาง ๓ แพรง ทานเรยี กวา สิงฆาฏกะ. พระผมู ีพระภาคเจา ทรงทาํ คํานัน้ ไวแ หงเดียวกนั เช่อื มกบั คําตน จึงตรสั วา สนธฺ สิ ฆึ าฏเกสุ จ. บทวา ทฺวารพาหาสุ ติฏนฺติไดแ ก ยนื พิงบานประตพู ระนครและประตเู รอื น. เรือนญาตแิ ตก อ นก็ดี เรอื นของตนทีเ่ คยครอบครองเปนเจาของกด็ ี ชอ่ื วา เรอื นของตน ในคาํ วาอาคนตฺ ฺวาน สก ฆร น.ี้ เพราะเหตุที่เปรตพวกนนั้ พากนั มาโดยสกสญั ญาเขา ใจวา เปนเรอื นของตน ฉะนน้ั พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ตรัสถงึ เรอื นทงั้ สองนั้นวา อาคนฺตฺวาน สก ฆร มายงั เรอื นของตน.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 286 พรรณนาคาถาที่ พระผมู พี ระภาคเจา เมอื่ ทรงแสดงแกพระราชาถงึ เปรตเปนอนั มากที่พากันมายงั พระราชนเิ วศนของพระเจาพมิ พิสาร อนั เปนเรอื นญาติแตกอนแมตนไมเ คยครอบครองมาแตก อน ดวยสาํ คัญวา เรือนของตน ยืนกนั อยนู อกฝาทท่ี าง ๔ แพรง และทาง ๓ แพรง และบานประตู เสวยผลแหง ความรษิ ยาและความตระหนี่ บางพวกมีหนวดและผมยาวหนา มีอวัยวะใหญน อ ยผูกหยอ นและยาน ผอมหยาบดาํ เสมอื นตนตาลถกู ไฟปา ไหม ยืนตน อยูในทนี่ ั้น ๆบางพวกมีเรือนรา งถูกเปลวไฟทต่ี งั้ ขนึ้ จากทอ งแลบออกจากปาก เพราะความสีกันแหงไมส ไี ฟ คอื ความระหาย แผดเผาอยู บางพวกไมไ ดรสอืน่ นอกจากรสคือความหิวระหาย เพราะถึงไดข า วนํา้ ก็ไมส ามารถบรโิ ภคไดตามตอ งการเพราะมหี ลอดคอมขี นาดเลก็ เทา รเู ขม็ และเพราะมีทองใหญดังภเู ขา บางพวกมีเรอื นรา งไมนา ดู แปลกประหลาดและนาสะพงึ กลวั เหลือเกนิ ไดน้ําเลือดน้ําหนอง ไขขอเปนตนท่ีไหลออกจากแผลหัวฝท ีแ่ ตก ของกันและกนั หรือของสตั วเหลา อ่ืน ลม้ิ เลียเหมือนนา้ํ อมฤต จงึ ตรัสวา ฝงู เปรตพากนั มายังเชื่อน้ีตน ยนื อยทู ่ีนอกฝา เรอื นกม็ ี ยนื อยูที่ทางส่ีแพรงสามแพรงก็มี ยนื ใกล บานประตูก็มี.เมือ่ ทรงแสดงความทกี่ รรมอนั เปรตเหลา น้ัน ทํามาแลว เปน กรรมทารุณ จงึ ตรัสคาถาที่ ๒ วา ปหเู ต อนนฺ ปานมฺหิ เปน ตน. บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา ปหเู ต ไดแ ก ไมนอ ย. ทานอธบิ ายวามาก จนพอตองการ. เอา พ เปน ป ไดในประโยคเปน ตนวา ปหุ สนโฺ ตน ภรติ ผมู มี ากก็ไมเ ล้ยี งดู. แตอาจารยบ างพวกสวดวา ปหูเต ก็มี พหูเก

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 287ก็ม.ี ปาฐะเหลานน้ั เปนปาฐะทเี่ ขียนดว ยความพลง้ั เผลอ. ขา วดว ย น้าํ ดวยชื่อวาขา วและน้าํ ของเคยี้ วดว ย ของกนิ ดว ย ช่ือวาของเคีย้ วและของกนิ .พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงอาหาร ๘ อยา ง คือของกนิ ของด่ืม ของเคี้ยวและของล้ิม ดว ยบทน.ี้ บทวา อปุ ฏิเต ไดแก เขา ไปต้งั ไว. ทา นอธิบายวาจดั แจง ตบแตง รวบรวม. บทวา น โกจิ เตส สรติ สตฺตาน ความวา เมือ่ สัตวเ หลานน้ั เกิดในปต ตวิ ิสยั ใคร ๆ ไมวา มารดาหรือบตุ ร ก็ไมระลกึ ถงึ . เพราะเหตุไร. เพราะกรรมเปนปจจัย คอื เพราะกรรมคอื ความตระ-หนีท่ ีต่ นทาํ ตา งโดยปฏิเสธการรับและการใหเ ปน ตนเปน ปจจยั เพราะวา กรรมของสตั วเ หลาน้ัน ไมใ หญ าติระลกึ ถึง. พรรณนาคาถาที่ ๓ พระผูม ีพระภาคเจา เมอื่ ทรงแสดงวา ไมมญี าติไร ๆ ทพ่ี อจะระลึกถึงเพราะกรรมทมี่ วี บิ ากเปน ทกุ ขเผ็ดรอน ทสี่ ัตวเหลา นัน้ ทาํ ไวเ ปน ปจจยั แกสัตวท่เี ปน เปรตเหลานั้น ซ่ึงเท่ียวมงุ หวังตอญาติทั้งหลายวา เมือ่ ขา วนาํ้ เปน ตนแมไ มใ ชน อย ท่ญี าตเิ ขา ไปตง้ั ไว [ในสงฆ] นาท่ญี าตทิ ัง้ หลาย จะพงึ ใหอะไร ๆ อทุ ิศพวกเรากนั บา งอยา งน้ี จึงตรัสวา เม่ือขาวนาํ้ ของเคีย้ ว ของกนิ อัน เขาเขาไปตง้ั ไวเ ปนอนั มา [ในสงฆ] ญาติไร ๆ ของสตั วเหลาน้ัน กร็ ะลกึ ไมไ ด เพราะกรรมของสตั วทงั้ หลายเปน ปจ จัย.เม่ือทรงสรรเสรญิ ทานทีพ่ ระราชาถวายอทุ ิศพวกพระประยรู ญาติของพระราชา ที่เกิดในปต ติวสิ ัย [เกิดเปนเปรต] อกี จงึ ตรัสพระคาถาท่ี ๒ วา เอว ททนฺติาตีน เปน ตน .

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 288 บรรดาบทเหลานน้ั บทวา เอว เปน คาํ อปุ มา. คําวา เอว น้ันสมั พนั ธความเปน ๒ นยั คือ ๑. ชนเหลาใดเปน ผเู อน็ ดู. ชนเหลา นัน้ ยอ มใหข า วน้ําเปน ตน เพอื่ญาติทัง้ หลาย เมอ่ื ญาตไิ ร ๆ แมร ะลกึ ไมได เพราะกรรมของสตั วเหลาน้ันเปน ปจ จัยอยา งนี.้ ๒. ถวายพระพรชนเหลา ใด เปน ผูเอน็ ดู ชนเหลาน้นั ยอมใหข าวนาํ้ อนั สะอาด ประณตี เปน กัปปยะของควรตามกาล เพ่ือญาติทง้ั หลายเหมอื นอยา งมหาบพติ รถวายทานฉะนนั้ . บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา ททนฺติ ไดแ ก ให อทุ ศิ มอบให. บทวาาตีน ไดแก คนท่ีเกีย่ วเนือ่ งขางมารดาและขา งบิดา. บทวา เย ไดแ กพวกใดพวกหน่ึงไมว า บตุ ร ธดิ า หรือพี่นอ ง. บทวา โหนฺติ แปลวา ยอมมีบทวา อนุกมปฺ กา ไดแ กผ ูประสงคป ระโยชนผูแสวงประโยชนเกอื้ กูล. บทวาสจุ ึ ไดแ ก ไรม ลทิน ควรชม ชื่นใจ เปน ธรรม ไดม าโดยธรรม. บทวาปณตี  ไดแกสงู สดุ ประเสรฐิ สดุ . บทวา กาเลน ไดแก ตามกาลที่พวกเปรตผเู ปนยาติมายนื อยภู ายนอกฝาเรือน เปน ตน . บทวา กปฺปย ไดแ กควร เหมาะ สมควรบรโิ ภคของพระอริยะทง้ั หลาย. บทวา ปานโภชนไดแ ก นาํ้ ดวย ขาวดวย ชอ่ื วา น้าํ และขา ว. ในทีน่ ้ี ทา นประสงคเอาไทย-ธรรมทุกอยา ง โดยยกน้าํ และขาวขึ้นนําหนา. การพรรณนาคาถาท่ี ๔ สมั พนั ธกับคาถาท่ี ๓ พระผมู ีพระภาคเจา เม่อื ทรงสรรเสริญน้ําและขา วทีพ่ ระเจามคธรัฐทรงถวาย เพอื่ อนุเคราะหห มพู ระประยรู ญาติที่เปน เปรต อยางน้ี จึงตรัสวา

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 289 ชนเหลาใดเปน ผูเ อ็นดู ชนเหลานัน้ ยอมใหน ้าํ และขาวอนั สะอาดประณีตเปนของควรตามกาลอยางน.้ีเมอื่ ทรงแสดงประการทีท่ านซ่งึ ใหแ ลว เปนอนั ใหเ พือ่ ญาตเิ หลานนั้ อีก จงึตรัสกิง่ ตนแหงคาถาที่ ๔ วา อท โว ญาตนี  โหตุ เปน ตน . พงึ สมั พนั ธความกับก่งึ ตนของคาถาที่ ๓ วา ชนเหลาใด เปนผูเ อ็นดู ชนเหลานนั้ ยอมใหน้ํา และขาวอยางนว้ี า ขอทานน้แี ล จงมแี กญาติทัง้ หลาย ขอญาตทิ งั้ หลาย จงประสบสขุ เกดิ .ดวยเหตุน้ัน ตวั อยา งอาการทพี่ ึงใหเ ปน อันทรงทาํ แลว ดว ย เอว ศพั ท ทมี่ ีอรรถวาอาการในคําน้ีวา ชนเหลา นั้น ยอมใหโ ดยอาการอยางน้วี า ขอทานนี้แลจงมีแกญาติทัง้ หลาย ไมใชโ ดยอาการอยา งอนื่ . บรรดาบทเหลา น้นั บทวา อทิ  . เปนบทแสดงตวั อยา งไทยธรรม.บทวา โว เปนเพยี งนิบาตอยางเดยี ว ไมใชฉัฏฐวี ภิ ตั ติ เหมือนในประโยคเปนตนอยางนว้ี า กจจฺ ิ ปน โว อนรุ ทุ ธฺ า สมคคฺ า สมฺโมทมานา.และวา เยหิ โว อริยา. บทวา าตีน โหตุ ความวา จงมีแกญาติทง้ั หลายทีเ่ กดิ ขึ้นปต ติวสิ ยั . บทวา สขุ ิตา โหนฺติ าตโย ความวา ขอพวกญาตทิ ่เี ขาถงึ ปต ตวิ ิสยั เหลา น้ัน จงเปน ผเู สวยผลทานน้ี มีความสุขเถดิ . พรรณนาตอนปลายของคาถาท่ี ๔ สมั พนั ธก ับตอนตน ของคาถาที่ ๕ พระผูมพี ระภาคเจา เมื่อทรงแสดงประการทที่ านอันญาติ พึงใหแ กญาติทัง้ หลายท่ีเขาถงึ ปต ตวิ ิสัยจงึ ตรัสวา ขอทานน้แี ลจงมแี กญาติทั้งหลาย ขอญาติท้งั หลายจงประสบสขุ ดงั น้ี เพราะเหตุที่เม่ือพระผูม ีพระภาคเจา ตรัสวา ขอ

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 290ทานนแ้ี ล จงมแี กญ าติท้ังหลาย กรรมทีค่ นหน่ึงทําแลว ยอ มไมใ หผลแกอกี คนหนงึ่ แตว ตั ถนุ ้ันท่ญี าติใหอ ุทิศอยางนนั้ อยา งเดียว ยอ มเปนปจจัยแกก ุศลกรรมของญาตทิ ั้งหลาย ฉะน้ันเมอื่ ทรงแสดงประการท่ีกุศลกรรม อันใหเกดิ ผลในทันท่ี เพราะวตั ถนุ น้ั น่ันแลอกี จงึ ตรสั กงึ่ หลงั แหงคาถาที่ ๔ วา เต จตตถฺ และกิ่งตนแหงคาถาที่ ๕ วา ปหเู ต อนฺนปานมฺห.ิ กง่ึ ตน และก่ึงหลังแหงคาถาเหลา นน้ั มคี วามวา ทานอธบิ ายไววา เปรตทเี่ ปน ญาตเิ หลา น้ัน มาโดยรอบ มารวมกัน ประชุมอยูในทแี่ หงเดียวกนั ในที่ ๆญาติใหทานน้นั . ทานอธิบายไววา เปรตเหลา น้นั มาโดยชอบ มารวมกันมาพรอ มกันเพอ่ื ความตอ งการอยา งน้วี า ญาตทิ ั้งหลายของเราจักอทุ ศิ ทานน้ีเพอื่ ประโยชนแ กเราทั้งหลาย. บทวา ปหเู ต อนนฺ ปานมหฺ ิ ความวา ในขาวน้าํ ที่ญาติใหอทุ ิศเพ่อื ตนมมี ากนนั้ . บทวา สกกฺ จฺจ อนุโมทเร ความวาเปรตเหลา นน้ั เชอื่ มัน่ ผลกรรมไมละความยําเกรง มีจติ ไมกวัดแกวง ยอมยินดีอนโุ มทนา เกิดปตปิ ราโมชวา ทานนีจ้ งมีผลเพอ่ื ประโยชนเ ก้ือกูล เพื่อสุขแกเ ราทง้ั หลาย. พรรณนาตอนปลายของคาถาที่ ๕ สมั พนั ธกับตอนตนของคาถาที่ ๖ พระผมู ีพระภาคเจา เม่อื ทรงแสดงประการที่กุศลกรรม ใหผลเกดิ ในทันที่ แกญาตทิ งั้ หลายที่เขาถึงปตติวิสัย อยางนี้จงึ ตรสั วา พวกเปรตที่เปนญาตเิ หลา นน้ั พากนั มาในทน่ี ัน้ ประชุมพรอมแลว ตางก็อนุโมทนาโดยเคารพในขา ว นา้ํ เปนอันมาก.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 291เม่ือทรงแสดงอาการชมเชยปรารภญาติท้ังหลายของเปรตเหลานั้น ทีเ่ สวยผลแหงกศุ ลกรรม อนั บงั เกิดเพราะอาศัยพวกญาตอิ กี จงึ ตรัสก่ึงหลังแหงคาถาที่ ๕ วา จิร ชวี นตฺ ุ และกึง่ ตนแหงคาถาท่ี ๖ วา อมหฺ ากฺจ กตาปูตา. กงึ่ หลังและกึง่ ตน แหง คาถาเหลานั้นมีความวา บทวา จริ  ชวี นตฺ ุไดแกมีชวี ิตอยนู าน ๆ มอี ายุยืน. บทวา โน าตี แปลวา ญาติท้งั หลายของพวกเรา. บทวา เยส เหตุ ไดแ ก เพราะอาศัยญาตเิ หลาใด เพราะเหตุแหง ญาติเหลา ใด. บทวา ลภามหฺ เส แปลวา ได. หมูเ ปรตกลาวอางสมบัติท่ตี นไดใ นขณะน้ัน. จรงิ อยู ทักษณิ า ยอมสาํ เรจ็ ผล คือ ใหเกิดผลในขณะนัน้ ได ก็ดว ยองค ๓ คอื ดวยการอนุโมทนาดว ยตนเองของเปรตทง้ั หลาย ๑ ดวยการอทุ ศิ ของทายกท้งั หลาย ๑ ดวยการถึงพรอ มแหงทักขิไณยบุคคล ๑. บรรดาองคท้งั ๓ นั้น ทายกทั้งหลายเปน เหตุพิเศษ ดว ยเหตุน้ันเปรต. ท้งั หลายจงึ กลาววา เยส เหตุ ลภามหฺ เส ยอ มไดเพราะเหตุแหง ญาติ[ท่เี ปน ทายก] เหลาใด. บทวา อมฺหากจฺ กตา ปชู า ความวา และญาติทั้งหลายทีอ่ ทุ ิศทานนอ้ี ยา งนี้วา อทานนจ้ี งมีแกญ าติทัง้ หลายของเรา ดังนี้ชื่อวา ทาํ การบชู าพวกเราแลว . ทายกา จ อนิปผฺ ลา ความวา กรรมที่สาํ เรจ็ มาแตการบรจิ าค อนั ทายกทาํ แลวในสันดานใด ทายกทัง้ หลาย ชอื่ วาไมไ รผ ล ก็เพราะกรรมนนั้ ใหผ ลในสนั ดานนน้ั เทานัน้ . ในขอ นผ้ี ทู กั ทวงกลา ววา ญาตทิ ้ังหลายท่ีเขา ถึงปต ติวสิ ัยไดเ ทา นัน้ หรอื หรือวา แมคนอนื่ ๆ กไ็ ด.ขอช้ีแจงดังนี้ พระผมู พี ระภาคเจา ถกู พราหมณ ช่ือ ชาณสุ โสณิ ทลู ถามแลว ก็ทรงพยากรณขอ นไ้ี วดังนว้ี า ในขอ น้ี เราจะพึงกลา วคําอะไร. สมจรงิดังท่ีพระสงั คีติกาจารยก ลาวไว๑ ดังน้วี า๑. อัง.ทสก. ๒๔/ขอ ๑๖๖ ชาณุสโสณีสตู ร.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 292 ชาณสุ โสณพิ ราหมณทลู ถามวา ขาแตท านพระโคดม พวกขาพเจา ช่อื วาพราหมณ ยอ มไหทาน ยอมทาํ ความเช่อื วา ทานนจี้ ะสําเรจ็ ผลแก เปรตทั้งหลายท่เี ปน ญาตสิ าโลหติ เปรตทัง้ หลายทเ่ี ปน ญาตสิ าโลหติ จะบริโภคทานนี้. ขาแตทา นพระโคดม ทานนน้ั จะสําเรจ็ ผลแกเ ปรตทัง้ หลายทเ่ี ปน ญาติสา- โลหติ บา งไหม เปรตทง้ั หลายทเี่ ปน ญาตสิ าโลหิต จะ บรโิ ภคทานนั้น ไดบา งไหม.พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ตอบวา ดกู อนพราหมณจ ะสาํ เร็จผลในท่เี ปนฐานะ ไม สาํ เรจ็ ผลในทเ่ี ปนอัฏฐานะ.ชาณุสโสณิพราหมณท ลู ถามวา ขา แตทา นพระโคดม ทอี่ ยา งไรเปนฐานะ ที่ อยางไรเปนอัฏฐานะ.พระผูม พี ระภาคเจาตรสั ตอบวา ดูกอนพราหมณ คนบางตนในโลกนที้ าํ ปาณา- ตบิ าต ฯลฯ เปนมจิ ฉาทิฏฐิ เบื้องหนา แตตายเพราะ กายแตกไป เขายอ มเขา ถึงนรก อาหารอันใดของ เหลาสตั วน รก เขายอมยงั ชีพใหเ ปนไปในนรกนั้น ดวย อาหารอันนน้ั เขาดํารงอยูไ ดใ นนรกน้นั ดวยอาหาร อนั นั้น. ดกู อนพราหมณ ทานนัน้ ยอ มไมสาํ เรจ็ ผลแก สัตวผูตงั้ อยูใ นนรกใด นรกนัน้ แล ช่อื วา อัฏฐานะ.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 293 ดูกอ นพราหมณ คนบางตนในโลกนท้ี าํ ปาณา-ติบาต ฯลฯ เปน มจิ ฉาทฏิ ฐิ เบอื้ งหนา แตต ายเพราะ กายแตกไป เขาเขา ถึงกําเนิดสัตวเดยี รัจฉาน. อาหารอนั ใดของเหลาสตั วทีเ่ กิดในกาํ เนิดสตั ว เดยี รัจฉาน เขายอมยงั ชีพใหเ ปนไปในกาํ เนดิ สตั วเดยี รัจฉานนั้นดวยอาหารอนั น้นั ยอ มดํารงอยไู ดใ นกาํ เนดิ สตั วเดียรจั ฉานนน้ั ดว ยอาหารอันน้นั . ดูกอนพราหมณ ทานน้นั ยอมไมสําเร็จผลแก สตั วผตู ัง้ อยูในกําเนิดสัตวเดยี รัจฉานใด กําเนดิ สตั วเดียรจั ฉานนั้นแล ชื่อวา อฏั ฐานะ. ดูกอนพราหมณ คนบางคนในโลกนี้ เวน ขาดจากปาณาตบิ าต ฯลฯ เปน สมั มาทิฏฐิ เบอ้ื งหนาแตตายเพราะกายแตกไป เขายอมเขาถึงความเปน สหายของหมูเทวดา อาหารอนั ใดของหมเู ทวดา เขายังชพี ใหเ ปนไปในเทวโลกน้นั ดวยอาหารอนั นนั้ เขาดาํ รงอยไู ดในเทวโลกน้ันดวยอาหารอันนั้น. ดูกอนพราหมณ ทานนน้ั ยอ มไมสาํ เร็จผลแก สตั วผ ูตัง้ อยูในเทวโลกใด เทวโลกน้ีแล ก็ช่อื วาอัฏฐานะ ดกู อ นพราหมณ คนบางคนในโลกนี้ ทําปาณาติบาต ฯลฯ เปนมจิ ฉาทิฏฐิ เบ้ืองหนาแตต ายเพราะกายแตกไป เขายอมเขาถงึ ปตติวิสัย อาหารอันใดของหมูส ัตวท ่เี ขาถึงปต ติวิสัย เขายอมยังชีพใหเ ปนไปใน

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 294 ปตตวิ ิสัยนัน้ ดวยอาหารอันนนั้ เขาดํารงอยูไดในปต ต-ิ วิสัยนั้น ดว ยอาหารอันน้นั ก็หรือวา หมูมติ รสหายหรือ หมูญาตสิ าโลหติ มอบทานอนั ใดจากมนษุ ยโลกน้ไี ป ใหแกเขา เขายอมยังชพี ใหเปนไปในปต ติวสิ ัยน้นั ดวย ทานอนั นนั้ เขาดาํ รงอยไู ดในปต ตวิ สิ ยั น้ัน ดว ยทาน อันนั้น ดกู อ นพราหมณ ทานนนั้ ยอ มสําเรจ็ ผลแก สตั วผ ตู ั้งอยูใ นปต ตวิ ิสัยใด ปตติวิสยั นีแ้ ตชอื่ วา ฐานะ.ชาณุสโสณิพราหมณทูลถามวา ขาแตท านพระโคดม ถา หากวาเปรตผเู ปนญาต-ิ สาโลหิตนั้น ไมเขา ถงึ ฐานะน้ัน ใครเลา บริโภคทาน นัน้ .พระผูม พี ระภาคเจาตรัสตอบวา ดกู อ นพราหมณ หมูเ ปรตท่ีเปน ญาติสาโลหติ แม เหลาอ่ืนของเขา ท่เี ขาถงึ ฐานะน้ัน บริโภคทานนน้ั นะสิ.ชาณสุ โสณพิ ราหมณท ลู ถามวา ขา แตท า นพระโคดม ท้ังเปรตที่เปนญาตสิ าโลหิต ผูนั้น กไ็ มเขาถงึ ฐานะนั้น ท้ังหมูเปรตทเี่ ปนญาติสา- โลหิตแมเ หลา อ่นื ของเขา ก็ไมเขาถงึ ฐานะนน้ั ใครเลา จะบริโภคทานน้นั .พระผูม ีพระภาคเจาตรสั ตอบวา ดูกอ นพราหมณ ฐานะท่จี ะพึงวางจากญาตสิ า- โลหิตผลู วงลบั ไปแลว โดยกาลชา นานเชนนี้ มใิ ชฐานะ

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 295 มิใชโอกาสท่ีจะมไี ด ก็แตว า แมท ายกผใู หยอมไมไ ร ผลนะพราหมณ. พรรณนาตอนปลายของคาถาท่ี ๖ สัมพันธก บั คาถาที่ ๗ พระผมู พี ระภาคเจา เม่ือทรงชมพระราชาเพราะอาศยั สมบัติของหมูพระประยูรญาติในชาตกิ อ นของพระเจามคธรัฐ ทเ่ี ขาถึงปตติวสิ ยั จงึ ทรงแสดงวา ขอถวายพระพร พระประยรู ญาตขิ องมหาบพิตรเหลา นดี้ ีใจ พากันชมเชยในทานสมั ปทาน จึงตรัสวา หมูเ ปรตพากนั ชมวา พวกเราไดสมบัติ เพราะ เหตุแหงญาติเหลา ใด ขอญาตเิ หลานัน้ ของพวกเราจง มีชีวิตอยูย งั่ ยนื และญาติเหลา นน้ั ทําการบชู าพวกเรา แลว ท้งั ทายกทั้งหลาย กไ็ มไรผล ดังน้.ีเมอ่ื ทรงแสดงความไมมีเหตุท่ีใหไดส มบัตอิ ยางอน่ื มกี สิกรรมและโครกั ขกรรมเปนตน ของหมเู ปรตทีเ่ ขา ถงึ ปต ตวิ สิ ยั เหลานนั้ แตค วามทห่ี มูเปรตเหลา นั้น.ยงั ชีพใหเ ปนไปดวยทาน ทญ่ี าติใหจากมนษุ ยโลกนี้ จงึ ตรัสกึง่ หลงั แหงคาถาท่ี๖ วา น หิ ตตถฺ กสิ อตถฺ ิ และคาถาท่ี ๗ นี้วา วณิชฺชา ตาทิสีเปน ตน . ในคาถานั้น พรรณนาความดังน้ี ขอถวายพระพร ก็ในปต ตวิ สิ ยั นัน้ไมม กี สกิ รรมที่หมเู ปรตเหลานั้นจะอาศยั แลวไดสมบตั ิ. บทวา โครกฺเขตฺถน วิชฺชติ ความวา ไมใ ชไมม ีกสกิ กรรมอยางเดียวเทา นน้ั ดอก ในปตติวิสัยน้นั กไ็ มมีแมแ ตโ ครกั ขกรรม ทห่ี มูเ ปรตเหลา น้นั จะอาศัยแลว ไดสมบตั ิ.บทวา วณชิ ฺชา ตาทสิ ี นตถฺ ิ ความวา ไมมแี มก ารคา ขาย ทจ่ี ะเปนเหตใุ ห

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 296ไดสมบัตขิ องหมเู ปรตเหลา นน้ั . บทวา หริ ฺเน กยากย ความวา ในปต ติวสิ ยั น้ัน ไมมีแมแ ตการซอื้ ขายดว ยเงินซ่ึงจะพึงเปน เหตไุ หไ ดส มบัติของหมเู ปรตเหลานนั้ . บทวา อิโต ทินฺเนน ยาเปนตฺ ิ เปตา กาลตา ตหึ ความวาแตหมูเปรต ยอมยงั ชพี ใหเปน ไป ยงั อัตภาพ ใหดําเนินไป ดว ยทานทหี่ มญู าติ หรอื หมมู ติ รสหาย ใหไ ปจากมนษุ ยโลกน้แี ตอ ยา งเดยี ว.บทวา เปตา ไดแ ก หมสู ตั วท ่เี ขา ถึงปตติวสิ ัย. บทวา กาลคตา ไดแ ก ไปตามเวลาตายของตน. อธิบายวา ทาํ กาละ ทํามรณะ. บทรา ตหึ ไดแกในปต ตวิ ิสัยนั้น. พรรณนาสองคาถาคือคาถาที่ ๘ และคาถาท่ี ๙ พระผมู พี ระภาคเจา ครน้ั ตรัสวา ผูทํากาลกิริยาละไปแลวยอมยังอัคภาพใหเ ปนไปในปต ติวสิ ยั นั้น ดวยทานที่หมูญาติมิตรสหายใหแ ลว จากมนษุ ย-โลกน้ี อยางนแี้ ลว บัดน้ี เมอ่ื ทรงประกาศความนน้ั ดวยขอ อปุ มาทงั้ หลายจงึ ตรสั ๒ คาถาน้วี า อุนฺนเต อุทก วฏุ  เปน ตน คาถาน้ัน มีความวา น้ําทห่ี มเู มฆใหต กลงบนทด่ี อนบนบก บนภูมิ-ภาคทสี่ งู ยอมไหลลงทล่ี ุม คอื ไหลไปถึงภูมภิ าคทีล่ ุมตํ่า ฉันใด ทานทีห่ มูญาตมิ ติ รสหายใหจากมนษุ ยโลกนี้ ยอ มสําเร็จผลอธบิ ายวา บงั เกิดผลปรากฏผลแกหมเู ปรต ฉันนนั้ เหมือนกัน. จรงิ อยู เปตโลก โลกเปรต ช่ือวา ฐานะที่ตง้ั แหง ความสาํ เรจ็ ผลแหงทาน เหมือนทล่ี ุมเปน ฐานะทข่ี งั นาํ้ อนั ไหลมา.เหมือนอยา งตรสั ไวว า ดูกอ นพราหมณ ทานนั้นยอ มสําเรจ็ ผลแกส ตั วท่ตี งั้อยใู นปต ติวิสัยใด ปตติวสิ ยั นัน้ แล เปน ฐานะ ดงั น้ี เหมอื นยางวา นํา้ ที่ไหลมาจากชุมนมุ ดวย ซอกเขา คลองใหญ คลองซอย หนองบงึ เปนแมน าํ้ ใหญ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 297เต็มเขาก็ทาํ ใหสาครทะเลเต็มเปยม ฉนั ใด ทานทีญ่ าตมิ ิตรสหายใหไ ปจากมนุษยโลกนี้ ยอ มสําเรจ็ ผลแกหมูเ ปรตตามนยั ท่ีกลา วมากอ นแลว แมฉันนั้น. พรรณนาคาถาที่ ๑๐ พระผูมพี ระภาคเจา ครน้ั ทรงประกาศความนวี้ า ผูท าํ กาลกิรยิ าละไปแลว ยอ มยงั อตั ภาพใหเ ปน ไปในปต ติวิสยั น้ัน ดว ยทานทญ่ี าติมติ รสหาย ใหไปจากมนษุ ยโลกนี้ ดงั น้ีแลว เมอ่ื ทรงแสดงอกี วา เพราะเหตุทห่ี มูเปรตเหลานัน้ หวงั เตม็ ทีว่ าพวกเราจักไดอะไร ๆ จากมนษุ ยโลกน้ี แมพากันนาถึงเรือนญาตแิ ลว ก็ไมสามารถจะรอ งขอวา ขอทา นทง้ั หลาย โปรดใหข องชือ่ นแี้ กพวกเราเถิด ฉะนั้น กลุ บุตรเม่อื ระลกึ ถงึ สิง่ ท่ีควรระลึกเหลา นนั้ พงึ ใหท ักษณิ า เพื่อหมูเปรตเหลานัน้ จงึ ตรสั คาถานี้วา อทาสิ เม เปนตน . คาถานนั้ มีความวา กุลบุตรเมอื่ ระลึกทุกอยางอยางนีว้ า ทา นไดใ หทรพั ยหรือธัญญาหารชื่อน้ีแกเ รา ทานไดพ ากเพยี รดว ยตนเอง ไดก ระทาํ กจิ ชอื่น้ีแกเ รา คนโนนเปน ญาติ เพราะเกี่ยวเนอ่ื งขางมารดาหรอื ขา งบดิ าของเราคนโนนเปน มติ ร เพราะสามารถชว ยเหลือ โดยสิเนหา และคนโนน เปน เพอ่ื นเลนฝุนดวยกนั ของเรา ดังนี้ พงึ ใหทกั ษิณา พึงมอบทานใหแกเ ขาผูลวงลบั ไปแลว . มปี าฐะอื่นอีกวา เปตาน ทกฺขณิ า ทชชฺ า. ปาฐะน้ันมีความวาช่อื วา ทชั ชา เพราะเปนของที่พงึ ให. ของทพ่ี ึงใหน้นั คืออะไร กค็ อื ทักษณิ าเพื่อเขาผูลว งลบั ไปแลว. ดวยเหตนุ ้ัน กุลบตุ รเมือ่ ระลึกถึงทาน อธิบายวา เมอ่ื นกึ ถึงกจิ ทท่ี า นทํามาแตกอน โดยนยั วา ทานไดใ หส ่งิ นีแ้ กเรา ดังน้เี ปนตน. คาํ นี้.พงึ ทราบวาเปน ปฐมาวภิ ตั ติ ลงในอรรถประสงคเปนตตยิ าวภิ ัตติ.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 298 พรรณนาคาถาที่ ๑๑ พระผูมพี ระภาคเจา เม่อื ทรงแสดงอนุสสรณวตั ถทุ ีเ่ ปนเหตุ ในการมอบใหซงึ่ ทักษณิ าเพ่ือหมูเปรตทง้ั หลายอยางน้ี จึงตรสั วา กลุ บุตรเมอื่ ระลึกถึงกิจทีท่ านทํามาแตก อนวา ทา นไดใหส ิ่งนแ้ี กเรา ไดทาํ กจิ แกเรา ไดเปนญาติมติ ร สหายของเรา พงึ ใหท กั ษณิ าแกทา นผูล วงลับไปแลว .เมื่อทรงแสดงอีกวา ชนเหลา ใด มกี ารรองไหและเศราโศกเปน ตน เปน เบ้อื งหนา เพราะความตายของญาติ ดํารงอย.ู ผูลว งลบั ไปแลว ยอ มไมใหอะไร ๆเพื่อประโยชนแกชนเหลาน้ัน การรองไหแ ละการเศรา โศกเปนตน นั้น ของชนเหลานัน้ มแี ตท าํ ตวั ใหเดอื ดรอนอยา งเดียวเทานัน้ ยอมไมย ังประโยชนอะไร ๆใหส าํ เร็จแกผูลว งลบั ไปแลวเลย จงึ ตรสั คาถาน้ีวา น หิ รณุ ณฺ  วา เปน ตน. บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา รุณฺณ ไดแ ก การรองไห ความร่ําไหความที่นํ้าตารว ง ทรงแสดงความลําบากกายดว ยบทน้.ี บทวา โสโก ไดแกความเศรา ความโศกเศรา. ทรงแสดงความลาํ บากใจดวยบทนี้. บทวายาวฺ า ไดแ ก หรอื วา นอกจากรองไหเ ศราโศกใด. บทวา ปริเทวนาไดแก การพร่าํ เพอ การราํ พนั ถงึ คุณ โดยนยั วา โอ ลูกคนเดียว ท่ีรกั ทีพ่ งึ ใจอยไู หนดงั นเี้ ปนตน ของคนทีถ่ กู ความเส่ือมเสียญาติกระทบแลว . ทรงแสดงความลาํ บากวาจาดวยบทน.้ี พรรณนาคาถาที่ ๑๒ พระผูม พี ระภาคเจาครั้น ทรงแสดงการรองไหเ ปน ตน ไมเปน ประโยชนวา การรําพนั อยา งอืน่ แมทัง้ หมด ไมม ีเพ่ือประโยชนแกผลู วงลับ ไปแลว ท่แี ท

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 299มแี ตทาํ ตวั ใหเ ดือดรอนอยางเดยี วเทาน้ัน ญาติทั้งหลายก็ต้ังอยอู ยางน้นั ดงั นแี้ ลวเมื่อทรงแสดงความท่ที กั ษิณาซง่ึ พระเจา มคธรฐั ทรงถวายแลวมีประโยชน จงึตรสั คาถานว้ี า อยฺจ โข ทกฺขิณา ดงั นเี้ ปนตน. คาถานน้ั มคี วามวา ขอถวายพระพร ทกั ษณิ านแ้ี ล มหาบพิตรถวายอทุ ศิ หมพู ระประยรู ญาตขิ องมหาบพิตรในวนั นี้ เพราะเหตทุ ่ีพระสงฆเปนเนือ้ นา-บุญอันยอดเยีย่ มของโลก ฉะนน้ั ทักษิณานั้น พึงเปน ทักษณิ าท่ีทรงตงั้ ไวด ีแลวในพระสงฆ จงึ สาํ เรจ็ ผล ทา นอธบิ ายวา สัมฤทธิผ์ ลติ ผล เพอ่ื ประโยชนเก้ือกูล เพอื่ สุขแกแ ตช นสิน้ กาลนาน. ก็บทวา อุปกปปฺ ติ ไดแ ก สําเร็จผลโดยฐานะ คือสัมฤทธผ์ิ ลในขณะนนั้ ทันที ไมน านเลย. เหมอื นอยา งวา ขอ ท่แี จมแจง ในทนั ทีทนั ใด ก็ตรสั วา กข็ อ น้นั แจม แจง กะตถาคตโดยฐานะ ฉนั ใดทักษิณาที่สําเรจ็ ผลในทันทที นั ใด แมใ นทนี่ ้ี กต็ รัสวา สําเร็จผลโดยฐานะฉันน้ัน. ฐานะใด ตรสั ไววา ดกู อ นพราหมณ ทานนัน้ ยอ มสาํ เร็จผลแกสัตวผูต้งั อยูใ นปตติวิสัยใด ปต ติวสิ ยั นั้นแล เปน ฐานะดังนี้. ทักษิณาทส่ี าํ เรจ็ผลในฐานะนัน้ อนั ตางโดยประเภทมขี ปุ ปป าสิกเปรต วนั ตาสาเปรต ปรทัตตูป-ชีวีเปรตและนิชฌามตณั หิกเปรตเปนตน กต็ รสั วา ยอ มสาํ เรจ็ ผลโดยฐานะเหมือนผูใหก หาปณะ ในโลกเขาก็เรียกกนั วา ผนู น้ั ใหกหาปณะ ฉะน้ัน. แตในอรรถวกิ ัปน้ี บทวา อปุ กปปฺ ติ ไดแก ปรากฏผล ทา นอธบิ ายวาบังเกดิ ผล. พรรณนาคาถานี้ ๑๓ พระผูมีพระภาคเจา เนอ้ื ทรงแสดงความทท่ี ักษิณา ซ่ึงพระราชาถวายแลว มปี ระโยชนอ ยางน้ี จงึ ตรัสวา

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 300 ทที่ ักษิณานีแ้ ล มหาบพิตรถวายแลว เขาไปตงั้ ไวด ีแลวในพระสงฆ ยอมสําเร็จผลโดยฐานะ เพ่อื ประโยชนเ กื้อกูลแตเปรตตลอดกาลนาน ดังนี้. เพราะเหตทุ ่ีญาติธรรม อันพระราชาผูทรงถวายทักษิณาน้ี ทรงแสดงแลวดวยทรงทาํ กิจทีห่ มญู าตคิ วรทําแกหมญู าติ ทรงทาํ ใหป รากฏแกช นเปนอนัมากหรือทรงยกเปนตวั อยางวา ญาติธรรมแมทา นท้งั หลายก็พึงบาํ เพญ็ ดวยการทาํ กจิ ที่หมูญาติพงึ ทําอยา งน้นั เหมือนกัน ไมพงึ ทําตวั ใหเ ดอื ดรอนดวยการรองไหเปนตน ซง่ึ ไรป ระโยชน การบชู าหมูเ ปรตอันพระราชาผูทรงยงั หมเู ปรตเหลานั้นใหประสพทิพยสมบัติทรงทําแลว อยา งโอฬาร และกาํ ลงั ของภิกษุทัง้ หลายอนั พระราชาผูทรงอังคาสเลยี้ งดภู ิกษสุ งฆม พี ระพทุ ธเจาเปนประมุขใหอิ่มหนําสาํ ราญ ดวยขาวนํ้าเปน ตน ช่ือวา ทรงเพม่ิ ใหแลว และบุญมใิ ชน อย อนั พระราชาทรงยงั จาคเจตนา มีคณุ คือความอนุเคราะหเปนตน เปน บรวิ ารใหเกิดก็ทรงประสพแลว ฉะนน้ั เมอ่ื ทรงยงั พระราชาใหทรงรา เริงดว ยคุณตามเปน จริงเหลานน้ั อีก จงึ ทรงจบเทศนาดวยพระคาถานี้วา ญาตธิ รรมนนี้ ั้น เปน อนั ทรงแสดงแลว ๑ การ บูชาเปตชน กท็ รงทาํ อยา งโอฬาร กาํ ลังของภิกษุ ท้งั หลาย กท็ รงเพมิ่ ใหแลว บุญมใิ ชนอ ย พระองค ทรงขวนขวายแลว ๑. อกี นัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจา ทรงช้แี จงพระราชาดวยธรรมกี ถาดว ยบทคาถานีว้ า โส าติธมฺโม จ อย นิทสสฺ โิ ต. ความจริง การแสดงญาติธรรมนเี่ อง เปน การชีบ้ อ ย ๆ ในขอ น้.ี ทรงชกั ชวนดว ยบทคาถานวี้ า


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook