พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 51อาจารยนัน้ พงึ รคู วามแตกตา งแหงนมิ ติ อธั ยาศัยจริยา และอธมิ ตุ ิของกลุ บุตรผนู นั้ ผิวา กรรมฐานนั้นเปน ของเหมาะ เมอื่ เปนดังนน้ั กุลบตุ รแมผ ูน น้ัประสงคจ ะอยูในวิหารทีค่ นอยูไซร แตนัน้ กพ็ ึงใหก รรมฐานโดยสงั เขป ถากุลบุตรนั้น ประสงคอ ยใู นวิหารอ่ืน กพ็ ึงบอกกรรมฐานพสิ ดาร พรอ มทงั้ ขอทีค่ วรทํากอน โดยบอกขอ ที่ควรละและขอ ท่ีควรกําหนดรเู ปนตน พรอ มทั้งประเภทจริตโดยบอกกรรมฐานที่เหมาะแกร าคจริตเปน ตน กลุ บุตรผูน นั้ ครั้นเรียนกรรมฐานพรอ มขอ ทีค่ วรทํากอ น ทั้งประเภทนนั้ แลว บอกลาอาจารย งดเวน เสนาสนะ ๑๘ ประเภท ท่ที า นกลาววาควรงดเวน อยางนีว้ า อาวาสใหญ อาวาสใหม อาวาสเกา อาวาสใกล ทาง อาวาสใกลต ระพังหนิ อาวาสมีใบไม อาวาสมี ดอกไม อาวาสมผี ลไม อาวาสทคี่ นปรารถนาอาวาส ท่ใี กลนคร อาวาสท่ใี กลค นเขา ไปตัดไม อาวาสทใ่ี กล ไรนา อาวาสทม่ี อี ารมณเปน ขาศกึ อาวาสใกลท าเรอื อาวาสใกลข ายแดน อาวาสมสี ีมา อาวาสทีเ่ ปน อสัป- ปายะ อาวาสทีไ่ มไดกัลยาณมติ ร บัณฑิตรูจ ักสถานท่ี ๑๘ ประเภทนดี้ ังนแี้ ลว พึงเวนเสยี ใหหางไกลเหมือน คนเดนิ ทาง เวน ทางมภี ัยเฉพาะหนา ฉะนั้น.แลว เขา ไปยังเสนาสนะท่ปี ระกอบดว ยองค ๕ ซึ่งพระผูมพี ระภาคเจาตรสั อยา งน้วี า ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เสนาสนะประกอบดว ย องค ๕ เปนอยา งไร ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลายเสนาสนะใน พระธรรมวินยั นี้ เปนเสนาสนะท่ไี มไกลนกั ที่ไมใ กล
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 52 นกั พร่ังพรอ มดวยคมนาคม กลางวันผคู นไมพ ลุก พลา น กลางคืนเงียบเสียง ไมอ กึ กะทกึ ไมม ีเหลือบ- ยุง ลม แดด งู รบกวน เมือ่ ภิกษุอยูในเสนาสนะนนั้ จวี ร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปจจัยเภสัชบรขิ าร แหง ผูเจ็บไข เกิดขึน้ ไมยาก ในเสนาสนะนั้นแล มี ภิกษผุ เู ถระ ผูเปน พหูสตู ผูจบอาคม ทรงธรรม ทรง วนิ ยั ทรงมาติกาอยู ภกิ ษุเขาไปหาภกิ ษเุ ถระเหลา นนั้ ตามสมควรแกก าลสอบถามไลเ ลยี งวา ทา นขอรบั ขอ น้ีเปนอยา งไร ขอน้มี ีความวาอยา งไร ทา นเหลา นน้ั ยอมจะเปด เผยขอที่ยังไมเปดเผยแกภ ิกษนุ นั้ ทําขอท่ี ยากใหงายเขา บรรเทาความสงสยั ในธรรมทั้งหลายอนั เปน ท่ีตัง้ ความสงสัยตาง ๆ เสียได ดูกอนภิกษุ ท้ังหลาย เสนาสนะประกอบดว ยองค ๕ อยางนแ้ี ล. ดงั น้ีแลวทาํ กิจทุกอยา งใหเสร็จแลว พิจารณาโทษในกามทั้งหลายและอานิสงสในเนกขัมมะ ทําจิตใหเ ล่อื มใส ดวยการระลึกถึง [พระรตั นตรยั ]โดยความทพี่ ระพทุ ธเจาตรัสรูด แี ลว โดยความท่พี ระธรรมเปน ธรรมอันดี และโดยความที่พระสงฆเปนผปู ฏบิ ตั ดิ ีแลว ไมล ะอุคคหโกศล ความฉลาดในทางเรียนรู ๗ ทาง ท่ีทา นกลา วไวอ ยางน้ีวา นักปราชญฉ ลาดเรียนรู ๗ ทาง คอื โดยวาจา โดยใจ โดยวรรณะ โดยสัณฐาน โดยทศิ โดยโอกาส และโดยปริเฉท.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 53และมนสกิ ารโกศล ความฉลาดใสใจ ๑๐ อยา ง ทท่ี านกลา วไวอยางน้ีคือ โดยลาํ ดับ โดยไมเ ร็วนกั โดยไมชา นัก โดยปอ งกันความฟุงซา น โดยลว งเลยบัญญตั ิโดยปลอยลําดบั โดยอัปปนา และสูตร ๓ สูตร จงึ ควรเริม่ เจริญทวตั ตงิ สาการจริงอยู การเจรญิ ทวัตตงิ สาการโดยอาการทกุ อยา งยอมสําเรจ็ แกผูเ รมิ่ ดังกลาวมาน้ีหาสาํ เรจ็ โดยประการอน่ื ไม. ในการเจรญิ ทวตั ติงสาการนนั้ ภกิ ษุรบั ตจปญจกกรรมฐานกอ นเปนเบ้อื งตน กลาวโดยพระไตรปฎก เมอ่ื ตจปญจกกรรมฐานคลอ งแคลวโดยอน-ุโลม ตามนัยวา เกสา โลมา เปนตน คลอ งแคลว โดยปฏิโลม ตามนัยวาตโจ ทนฺตา เปนตน พงึ เจริญเสยี ครง่ึ เดือน ทางวาจาเพื่อตัดความวิตกที่ฟงุ ซานออกไปขา งนอกโดยอนุโลมและปฏิโลม ตามนยั ทง้ั สองนน้ั แหละเพื่อใหคลองบาลี และทางใจเพอ่ื กาํ หนดสภาวะแหง สว นรา งกายเปน อารมณ จรงิ อยูการเจริญทางวาจา ซงึ่ ตจปญ จกกรรมฐานนัน้ ตดั วติ กที่ฟงุ ไปขา งนอกไดแลวยอ มเปนปจจยั แกการเจริญทางวาจา เพราะคลองบาลีแลว การเจริญทางใจยอมเปนปจจยั แกก ารกําหนดอสภุ ะวรรณะ และลักษณะ สวนใดสว นหนงึ่ เมื่อเปนดงั นั้น โดยนยั น้ัน กพ็ งึ เจรญิ วกั กะปญ จกกรรมฐาน [หมวดท่มี วี กั กะเปนท่ี ๕] เสียคร่ึงเดอื น ขอนนั้ จงึ เจรญิ ตจะปญจกกรรมฐานและวักกะปญจก-กรรมฐานทง้ั สองนัน้ เสียครึ่งเดอื น ตอ น้ันจงึ เจริญปบผาสะปญ ญจกะกรรมฐานเสยี ครงึ่ เดอื น ตอน้ันก็เจริญทง้ั สามบปญ จกะน้ันเสียครงึ่ เดอื น เมอ่ื เปนดงั นนั้กพ็ งึ เพม่ิ มัตถลงุ ดงั ท่ีมิไดตรัสในตอนทายไวใ นสามหมวดนี้ เพอื่ เจริญรวมกนัไปกับอาการแหง ปฐวีธาตทุ งั้ หลาย แลว เจรญิ มตั ถลุงดงั เสยี ครึ่งเดอื น ตอนนั้ ก็เจริญปญจกะและจตกุ กะเสียครงึ่ เดอื น เมทฉกั กะคร่ึงเดือน ตอน้นั กเ็ จริญปญ จกะและจตุกกะรว มกบั เมทฉกั กะครึ่งเดอื น มตุ ตฉกั กะคร่ังเดือน ตอ นั้น ก็เจริญทวตั ตงิ สาการทัง้ หมดเสยี ครงั้ เดอื น พึงเจรญิ กาํ หนดโดยวรรณะ สัณฐาน ทิศโอกาสและปริเฉท ๖ เดอื นดังกลาวมาฉะน.ี้ ขอนี้ทานกลาวหมายถึงบุคคลทมี่ ี
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 54ปญ ญาปานกลาง สวนคนปญ ญาทบึ พงึ เจริญตลอดชีวิต ผูมปี ญ ญาเฉยี บแหลมการเจริญยอ มสาํ เรจ็ ไดไ มน านเลย. เกสา ผม ในขอน้ี ผูทกั ทวงกลา ววา ภกิ ษผุ ูเริ่มกรรมฐานผนู ้ี กําหนดทวตั ตงิ -สาการนีโ้ ดยวรรณะเปนตน อยา งไร ความจรงิ ภกิ ษผุ เู ร่มิ กรรมฐานนี้ เมื่อเจริญทวัตติงสาการโดยจําแนกเปนตจปญจกะเปน ตน โดยนยั วา มอี ยูในกายน้ี ผมดังนเี้ ปนตน ยอมกาํ หนดผมเปนของเชนที่ภกิ ษนุ ีเ้ ห็นแลว กอนโดยวรรณะวามีสดี ํา กําหนดผมท่เี ปนเกลยี วยาวโดยสณั ฐานวา เหมือนคันตาชง่ั แตเ พราะเหตุท่ีในกายนี้ เหนือทอ งข้นึ ไปเรียกวา ทศิ เบือ้ งบน ต่าํ กวาทอ งลงมา เรยี กวา ทศิเบือ้ งต่าํ ฉะน้ัน จงึ กาํ หนดโดยทิศวา เกดิ ในทิศเบ้อื งบนแหง กายนี้ กําหนดโดยโอกาสวา เกิดท่หี นังศีรษะ. รอบกกหูและหลมุ คอ กําหนดในเกสานน้ั วาผมไมร ูวาเราเกดิ ทหี่ นังศีรษะ แมห นงั ศีรษะก็ไมร วู า ผมเกิดทเี่ รา เปรยี บเหมือนหญา กุณฐะ ทเี่ กิดบนยอดจอมปลวกไมร วู า เราเกิดบนยอดจอมปลวก แมยอดจอมปลวกกไ็ มร ูวา หญา กณุ ฐะเกิดบนเรา ฉะน้นั กําหนดวาแทจ ริงผมเหลานน้ัเวน จากความคดิ คาํ นึงและการพิจารณา เปนธรรม ไมมีเจตนา [ใจ] เปนอัพยากฤต วางเปลา ปฏกิ ลู ดว ยกล่ินเหม็นนาเกลียดอยางย่งิ ไมใ ชส ตั ว ไมใ ชบคุ คล เมอื่ วา โดยปรเิ ฉทตดั ตอน การตดั ตอนมี ๒ อยาง คือ ตดั ตอนโดยสภาคสว นถูกกันตัดตอนโดยวิสภาคสว นผดิ กนั ในการตัดตอน ๒ อยา งน้ันกําหนดโดยการตัดตอนโดยสภาคอยา งนี้วา ผมถกู ตัดตอนเบ้อื งลางดว ยพื้นหนงัทีต่ ัง้ อยู และดว ยพ้ืนโคนของตน ที่เขา ไปในพื้นหนงั น้ันประมาณปลายเมล็ดขาวเปลือกตงั้ อยู เบ้อื งบนดว ยอากาศ เบื้องขวาดวยผมกันและกัน และกําหนดโดยตัดตอนโดยวสิ ภาคอยา งนีว้ า ผมไมใชอ าการ ๓๑ ที่เหลอื อาการ ๓๑ ท่ีเหลอื ก็ไมใชผม กําหนดผมโดยวรรณะเปน ตนมปี ระการดงั กลา วมาอยางนี้กอน.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 55 โลมา ขน ในอาการ ๓๑ ท่เี หลอื ก็กาํ หนดขน อยางทีภ่ กิ ษนุ เ้ี ห็นแลว โดยวรรณะ สวนมากวา มีสเี ขยี ว โดยสณั ฐาน วา มสี ัณฐานเหมอื นคันธนโู คง หรอืมีสณั ฐานเหมือนเสยี้ นตาลงอ กาํ หนดโดยทิศท้งั ๒ กาํ หนดโดยโอกาสวา เกิดท่ีหนงั แหง สรีระที่เหลอื เวนฝามอื ฝาเทา . ในอาการ ๓๐ ท่ีเหลือนนั้ กําหนดวา ขนยอมไมรวู า เราเกิดทห่ี นงัแหง สรรี ะ แมห นงั แหงสรีระกไ็ มร ูวาขนเกิดที่เรา เปรียบเหมอื นหญา ทัพพะอนั เกดิ ณ สถานทบ่ี านเกา ยอมไมรูว า เราเกดิ ณ สถานทบี่ า นเกา แมส ถานที่บานเกากไ็ มร วู า หญาทัพพะเกดิ ทีเ่ รา ฉะน้นั ดวยวาขนเหลา น้นั เวน จากความคดิ คาํ นึงและการพิจารณา เปนธรรมหาเจตนามไิ ด [ใจ] เปนอพั ยากฤตวา งเปลา ปฏิกลู ดวยกลิ่นเหม็นนา เกลียดอยางย่ิงไมใ ชสตั ว ไมใชบ คุ คลกาํ หนดโดยปรเิ ฉทตดั ตอนวา ชนเบอื้ งลางตดั ตอนดวยพื้นหนังที่ตั้งอยู และดว ยโคนของตนที่เขา ไปในพน้ื หนงั น้ัน ประมาณตวั เหาต้งั อยู น้ีเบือ้ งบนตัดตอนดวยอากาศ ขนเบื้องขวางตัดตอนดว ยตนดวยกนั เอง ที่เปน การกําหนดขนเหลา นน้ัโดยสภาค สวนการกาํ หนดโดยวสิ ภาค ก็เชน เดยี วกับผมนน่ั แล กาํ หนดขนโดยวรรณะเปน ตน มีประการดงั กลาวมาฉะน.้ี นขา เลบ็ ตอ แตนน้ั ไป กก็ ําหนดวา ผมู เี ล็บครบก็มี ๒๐ เล็บ. เลบ็ เหลานั้นทงั้ หมด โดยวรรณะ มสี ีขาวในโอกาสที่พ้นื เน้อื มีสีแดงในโอกาสที่ตดิ กับเน้ือ โดยสัณฐาน มีสณั ฐานเหมือนโอกาสตามทต่ี ง้ั อยู โดยมากมีสณั ฐานเหมือนเมล็ดมะซาง หรอื มีสณั ฐานเหมือนเกล็ดปลา. โดยทิศ ตั้งอยใู นทศิทง้ั ๒. โดยโอกาสตงั้ อยปู ลายนวิ้ .
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 56 ในเล็บน้นั กําหนดวา เลบ็ ยอ มไมรวู า เราต้ังอยูป ลายน้วิ แมน ิ้วกไ็ มรวู า เลบ็ ตั้งอยูทป่ี ลายของเรา เปรียบเหมือนเมลด็ มะซาง ที่พวกเด็กชาวบา นเสยี บไวทป่ี ลายไม ไมร ูวา เราถูกเสยี บไวที่ปลายไม แมไ มก ็ไมร ูว าเมลด็ มะซางถูกเสยี บไวท่ีเรา ฉะนน้ั . ดวยวา เลบ็ เหลา น้นั เวนจากความคิดคํานงึ และการพิจารณา เปน ธรรมไมม เี จตนา ฯลฯ ไมใ ชบ คุ คล กาํ หนดโดยบรเิ ฉทวา เล็บลา งถูกตัดตอนดวยเนื้อนว้ิ ท่คี น หรอื ดว ยพ้ืนทต่ี ้งั อยทู ่ีโคนนั้นและเล็บบนตัดตอนดว ยอากาศท่ีปลาย ดวยหนังปลายสองขางของน้วิ ทงั้ สองขา งนี้เปนการกําหนดเลบ็ เหลา นัน้ โดยสภาค สว นการกําหนดวสิ ภาค ก็เชนเดียวกับผมนั่นแล กาํ หนดเลบ็ โดยวรรณะเปนน้.ี มีประการดังกลา วมาฉะน้ี. ทนฺตา ฟน ตอ แตนน้ั กก็ ําหนดวา ผูมฟี น ครบ กม็ ีฟน ๓๒ ซ่ี ฟน เหลา นนั้ทง้ั หมด โดยวรรณะ ก็มสี ีขาว โดยสณั ฐาน ฟนของผูมฟี น เรียบ จะปรากฏเหมือนพ้นื สังขต ัดทแ่ี ขง็ และเหมอื นพวกดอกไมขาวตมู ท่รี อ ยไวร อ ย ฟนของผูมีฟน ไมเ รียบ มสี ัณฐานตาง ๆ กัน เหมือนลาํ ดับตง่ั บนหออนั เกา . ก็ในปลายแถวฟน สองขา งของฟนเหลาน้ัน ฟน ๘ ซ่ี ขา งลา ง ๒ ซี่ ขา งบน๒ ซี่ มีปลาย ๔ มีโคน ๔ มสี นั ฐานเหมือน อาสันทิเกา อยี้ าว. ฟน ๘ ซี่ซ่งึ ต้ังอยตู ามลาํ ดบั นนั้ ขางในฟน เหลา นัน้ มีปลาย ๓ มีราก ๓ มีสณั ฐานเหมือนกระจบั ฟน ๔ ซี่ ขางลาง ๑ ซี่ ขางบน ๑ ซี่ ตามลําดับนัน้ ขางในฟน เหลา น้ัน มปี ลาย ๒ มรี าก ๒ มสี นั ฐานเหมอื นไมค ํ้ายาน [เกวยี น]ฟนท่เี ปนเข้ยี ว ๔ ซี ซ่งึ ต้งั อยตู ามลาํ ดับนนั้ ขางในของฟน เหลาน้นั ขา งลาง๑ ซี่ ขา งบน ๑ ซ่ี มีปลายเดยี ว รากเดียว มีสัณฐานเหมอื นมะลติ มู แตน ั้นฟน ๘ ซ่ี ขางลาง ๔ ซ่ี ขางบน ๔ ซ่ี ตรงกลางแถวฟน ๒ ขา ง มปี ลาย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 57เดยี ว รากเดยี ว มสี ัณฐานเหมือนเมลด็ น้ําเตา โดยทศิ เกดิ ในทศิ เบ้อื งบนโค โอกาส ฟนบนต้งั อยูในกระดูกคางบน ปลายลง ฟน ลา งตงั้ อยูในกระดูกคางลา ง มปี ลายขน้ึ . ในฟน น้นั ก็กําหนดวา ฟน ไมรูวา เราต้งั อยูในกระดกู คางลาง ตัง้อยใู นกระดูกคางบน แมกระดูกคางลา งก็ไมร วู า ฟน ตง้ั อยูใ นเรา กระดกู คางบน กไ็ มรูวา ฟนตั้งอยูในเรา เปรยี บเหมอื นเสา ท่บี ุรุษชา งกอสรา งตัง้ เขาไวในพ้นื หนิ เบอ้ื งลา ง สอดเขาไวใ น หินเบอื้ งบน ยอมไมร วู า เราถูกเขาต้งั ไวใ นพน้ื หินเบ้ืองลา ง ถกู สอดเขาไวในพน้ื หนิ เบือ้ งบน พืน้ หนิ เบอ้ื งลางก็ไมร ูวา เสาถูกเขาตงั้ ไวใ นเรา พืน้ หินเบื้องบนก็ไมร ูวา เสาถูกเขาสอดเขา ไวในเราฉะนั้น. ดว ยวา ฟน เหลา นน้ั เวน จากความคดิ คํานึงและการพจิ ารณาเปน ธรรม ฯลฯ ไมใ ชบ ุคคล. กาํ หนดโดยปริเฉทวา ฟน ลา งตดั ตอนดวยหลุมกระดูกคาง สอดเขากระดกู คางตง้ั อยู และดวยพืน้ รากของตน ฟนบนตัดตอนดวยอากาศเบอื้ งขวาง กําหนดดว ยฟนซึ่งกันและกัน นี้เปนการกาํ หนดฟน เหลาน้นั โดยสภาค สวนการกําหนดโดยวสิ ภาค กเ็ ชน เดียวกับผมนนั่ แล. กําหนดฟน โดยวรรณะเปนตน มปี ระการดังกลาวมาฉะนี.้ ตโจ หนงั ตอ แตน ้ันไป ส่ิงซงึ่ ปกปด กองซากศพตา ง ๆ ในภายในสรรี ะ ชอื่ วาตโจ หนงั . กําหนดวาหนงั มสี ีขาว ก็ถา หากวา หนังนั้น ปรากฏเหมือนมีสีตาง ๆ โดยเปนสีดําสีขาวเปนตน ก็เพราะถูกยอมดวยเครื่องยอ มผวิ ถึงเชนนัน้ ก็ขาวอยนู ่นั แหละ โดยวรรณะที่เปน สภาคกนั . ก็ความทห่ี นงั น้นั มีสขี าวน้นัยอ มปรากฏโดยผวิ ถูกเปลวไฟลวก และถูกประหารดว ยเครือ่ งประหารเปน ตน.กําหนดโดยสณั ฐานโดยสังเขปวา มีสณั ฐานดุจเสือ้ โดยพิศดารวามีสนั ฐานตา ง ๆ.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 58จริงอยา งน้นั หนังน้ิวเทา มสี ัณฐานเหมือนรังไหม หนงั หลังเทา มีสัณฐานเหมือนรองเทา ท่ีหอ ไว หนังแขง มีสัณฐานเหมอื นใบตาลหอ ขาว หนงั ขามีสัณฐานเหมือนถงุ ยาวมีขาวสารเตม็ หนังตะโพกมสี ัณฐานเหมอื นผา กรองนํา้ มนี ํ้าเต็มหนังสันหลงั มสี ณั ฐานเหมอื นหนงั หุมโล หนงั ทอ งมีสัณฐานเหมือนหนงั หมุ รางพิณ หนงั อกโดยมากมีสณั ฐาน ๔ เหลี่ยม หนงั แขนทง้ั สองมสี ณั ฐานเหมอื นหนังหุม แลงธนู หนังหลังมอื มีสัณฐานเหมอื นผกู มีดโกน หรือมีสัณฐานเหมอื นซองหวี หนงั นิ้วมือมีสัณฐานเหมือนกลอ งกญุ แจ หนงั คอมีสัณฐานเหมอื นเสอื้ มีคอ หนงั หนา มีสัณฐานเหมือนรงั หนอน มีชอ งเลก็ ชอ งนอย หนังศีรษะมสี ัณฐานเหมือนถลกบาตร. กพ็ ระโยคาวจร ผูกาํ หนดหนงั เปน อารมณ สงจิตเขา ไประหวา งหนงัและเนอื้ ตัง้ แตร ิมผีปากบน กาํ หนดหนงั หนากอ นเปนอันดบั แรก ตอ นั้นก็หนังศีรษะ หนงั คอดา นนอก แตน น้ั กพ็ ึงกําหนดหนังมอื ขวา ทั้งอนุโลมและปฏโิ ลม โดยลาํ ดับตอ มา ก็พงึ กาํ หนดหนังมือซา ย หนงั สันหลงั หนงัตะโพก ตอ นนั้ ก็หนงั หลงั เทาขวา ทัง้ อนโุ ลมและปฏโิ ลม หนังหลังเทาซายหนังกระเพาะปส สาวะ ทองนอ ย หัวใจ คอดา นใน ตอ น้ันกห็ นงั คางลางหนงั ริมฝป ากลา ง กําหนดอยา งนี้อกี จนถงึ รมิ ฝปากบน. กําหนดโดยทศิ วาเกดิ ในทิศทง้ั สอง. กาํ หนดโดยโอกาสวา หอหุมทว่ั สรีระต้ังอยู. ในหนงั นนั้ พระโยคาวจรกําหนดวา หนงั ยอมไมร ูวา เราหอหมุสรรี ะท่ีประกอบดวยมหาภตู รูปทง้ั ๔ นี้ แมสรีระทีป่ ระกอบดว ยมหาภตู รูปทั้ง๔ นี้ กไ็ มรวู า เราถกู หนังหอ หุมไวเปรียบเหมือนหีบทุมดวยหนงั สด หนังสดยอ มไมรูวา เราหุมหีบไว แมห ีบกไ็ มร วู า เราถกู หนังสดหุม ไว ฉะนั้น.ดว ยวาหนงั เหลานั้น เวน จากความคิดคาํ นึงและการพิจารณา เปน ธรรม ฯลฯไมใชบุคคล. ทา นกลาวไวส ิน้ เชิงวา
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 59อลฺลจมมฺ ปฏจิ ฺฉนฺโน นวทฺวาโร มหาวโณสมนตฺ โต ปคฆฺ รติ อสจุ ิปูติคนธฺ ิโยรา งกายน้ี หมุ ดวยหนงั สด มีทวาร ๙ มแี ผลมาก ไมส ะอาด มกี ลิ่นเหม็น ยอมไหลออกโดยรอบ.กาํ หนดโดยปรเิ ฉทตัดตอนวา หนังเบ้อื งลาง ตัดตอนดว ยเนื้อ หรือพื้นที่ต้งั อยูท ี่เนือ้ นัน้ หนงั เบื้องบน ตดั ตอนดว ยผวิ นีเ้ ปนการกาํ หนดหนงันนั้ โดยสภาค. การกําหนดโดยวิสภาค กเ็ ชน เดียวกบั ผมนน่ั แล. กาํ หนดหนังโดยวรรณะเปนตน มีประการดงั กลา วมาฉะน้.ี ม ส เนือ้ ตอ แตนั้นไป กก็ าํ หนดเนื้อ ทต่ี างตา งโดยเน้ือ ๙๐๐ ชิ้น ในสรรี ะโดยวรรณะวา มสี ีแดงคลา ยดอกทองกวาว. โดยสณั ฐานวา มีสัณฐานตา ง ๆ กนั จริงอยางนนั้ เนื้อปลีแขงของสรีระนน้ั มีสัณฐานเหมอื นขาวสวยหอใบตาล อาจารยบางพวกกลา ววา มีสัณฐานเหมือนดอกลําเจยี กตูมยังไมบานดังนก้ี ม็ ี เน้ือขามีสัณฐานเหมอื นลูกหินบดปูนขาว เนอื้ ตะโพกมีสัณฐานเหมือนปลายกอนเสาเน้ือสนั หลังมีสณั ฐานเหมือนแผน กอนนา้ํ ตาลจากตาล เนอื้ ซโ่ี ครงท้ังสองขา งมีสณั ฐานเหมือนดินฉาบบาง ๆ ในทพี่ ื้นทองยงุ ซึ่งทาํ ดว ยไมไผ เน้ือนมมีสณั ฐานเหมือนกอ นดินชมุ ที่ทาํ ใหกลมแลวโยนไป เนื้อแขนสองขางมสี ณั ฐานเหมือนหนใู หญท ่ีเขาตดั หางหวั และเทาไมม ีหนังต้ังไว. อาจารยพ วกหนึง่ กลาววามีสณั ฐานเหมอื นพวงเนื้อดังน้กี ็มี เนอื้ แกมมสี ัณฐานเหมือนเมล็ดกุม ทเี่ ขาวางไวท่ีแกม. อาจารยพวกหนงึ่ กลา ววา มสี ณั ฐานเหมอื นกบ ดงั นี้กม็ .ี เนือ้ ล้นิ มีสัณฐานเหมอื นกลีบบวั เนอ้ื จมกู มสี ณั ฐานเหมือนผูห นงั สอื วางควํ่าหนา เนอ้ืเบาตามีสณั ฐานเหมือนผลมะเดอื่ สุกครง่ึ หนงึ่ เน้ือศีรษะมีสณั ฐานเหมือนน้าํ มัน
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 60ฉาบกะทะบาง ๆ ระบมบาตร กพ็ ระโยคาวจร ผูกาํ หนดเน้ือเปนอารมณ พงึกําหนดเนอ้ื สว นหยาบๆ เหลา นัน้ แล. โดยสัณฐานดวยวา พระโยคาวจรกาํ หนดอยูอยา งน้ี เนอ้ื สวนละเอียดกจ็ ะปรากฏแกญาณ. กําหนดโดยทิศ เนื้อเกิดในทศิ ทัง้ สอง. กาํ หนดโดยโอกาส เนอ้ื ฉาบตามกระดูก ๓๐๐ ช้ิน ท่เี ปนโครงต้ังอย.ู ในเนอ้ื นัน้ ก็กําหนดวาเนื้อ ๙๐๐ ชิ้น ยอมไมร วู า เราฉาบกระดกู๓๐๐ ชน้ิ ไว แมก ระดกู ๓๐๐ ชนิ้ ก็ไมรวู า เราถูกเนอื้ ๙๐๐ ช้นิ ฉาบฝาเรือนเหมอื นฝาเรือนทถ่ี กู ฉาบดวยดนิ หยาบ ดินหยาบยอ มไมรูว า เราฉาบฝาเรอื นไว แมฝ าเรือนก็ไมรูวา เราถูกดินหยาบฉาบไว. ดวยวาเนื้อเหลา น้นั เวนจากความคิดคาํ นงึ และพิจารณา เปน ธรรม ฯลฯ ไมใชบ ุคคล ทานกลาวไวส้ินเชงิ วา นวเปสสิ ตา ม สา อนุลติ ฺตา กเฬวร นานากิมิกุลากิณณฺ มิฬหฺ ฏาน ว ปตู กิ เน้ือ ๙๐๐ ชิ้นฉาบกเฬวระเรือนรา ง อันคลาดคลํ่า ดว ยหมหู นอนชนดิ ตาง ๆ เนา เหมน็ เหมอื นคูถ. กําหนดโดยปริเฉทวา เน้อื เบอื้ งลาง ตัดตอนดวยรางกระดกู หรือพ้ืนทีต่ งั้ อยูทร่ี า งกระดกู นัน้ เนือ้ เบ้ืองบน ตดั ตอนดวยหนงั เนื้อเบอื้ งขวางตดั ตอนดว ยเนอ้ื ดว ยกนั เอง น้เี ปน การกาํ หนดเนอื้ นน้ั โดยสภาค สว นการกําหนดโดยวสิ ภาค ก็เชน เดยี วกับผมน่ันแล กาํ หนดเนอ้ื โดยวรรณะเปน ตนมปี ระการดงั กลา วมาฉะน.ี้
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 61 นหารุ เอ็น ตอ แตน ั้นไป กก็ าํ หนดวา เอน็ ๙๐๐ ในสรรี ะ โดยวรรณะมีสขี าว.อาจารยพ วกหนงึ่ กลา ววา มสี เี หมอื นนาํ้ ผง้ึ โดยสัณฐาน มีสัณฐานตาง ๆ จรงิอยา งนัน้ บรรดาเอ็น ๙๐๐ น้ัน เอ็นใหญ ๆ มสี ัณฐานเหมือนดอกกนั ทละตูมทล่ี ะเอยี ดกวานน้ั กม็ ีสัณฐานเหมือนเชอื กบว งคลองหมู ท่ีเล็กยง่ิ กวานั้น กม็ ีสัณฐานเหมอื นเถาวัลยเ นา ทีเ่ ลก็ ย่งิ กวานั้นไปอีก ก็มสี ัณฐานเหมอื นสายพณิใหญข องชาวสงิ หล ท่เี ล็กย่ิงกวานัน้ ไปอีก กม็ ีสัณฐานเหมอื นดา ยหยาบ เอ็นที่หลงั มอื หลังเทามสี ัณฐานเหมือนตนี นก เอน็ ทศ่ี ีรษะมีสณั ฐานเหมอื นผา บาง ๆทวี่ างไวบนศรี ษะของเดก็ ชาวบา น เอน็ หลงั มีสณั ฐานเหมอื นแหจับปลาที่เปยกน้ําแลวคลี่ตากแดดไว เอน็ ทไ่ี ปตามอวยั วะใหญนอยนนั้ ๆ ในสรีระน้ี มสี ณั ฐานเหมอื นเส้อื ตาขายอันสวมไวทสี่ รีระ โดยทศิ เอ็นเกดิ ในทศิ ทัง้ สอง. บรรดาเอน็ เหลา นน้ั เอน็ ใหญ มีช่ือวา กัณฑระ มี ๕ ผกู ตงั้ แตกกหขู า งขวามาขางหนา และขางหลังถงึ ขางซาย ผกู ต้ังแตกกหขู างซายมาขางหนาและขางหลงั ถึงขา งขวา ผูกตงั้ แตหลุมคอขางขวามาขา งหนาและขา งหลังถึงขา งซาย ผกู ตง้ั แตหลมุ คอขางซายมาขางหนา และขา งหลงั ถงึ ขา งขวา ผกู มือขางขวามาขา งหนา ๕ขา งหลงั ๕ รวมเอน็ ใหญ ท่ีช่ือวา กณั ฑระเปน ๑๐ ลามไปทั่ว. มือขางซายเทาขา งขวาและเทา ขางซา ย ก็เหมือนอยา งนน้ั . รวมความวา เอน็ ใหญ ๖๐ดงั กลาวมาเหลานนั้ ก็กาํ หนดวา เปนเครือ่ งชว ยทรงสรรี ะไว ชว ยกําหนดสรีระก็มี กาํ หนดโดยโอกาส เอน็ ผูกลา มกระดูกขา งในกระดูกกบั หนัง และกระดกูกบั เนอื้ ตง้ั อยทู ่ัวสรีระ. ในเอ็นนั้น กําหนดวา เอน็ ยอมไมร ูวา กระดกู ๓๐๐ ช้ินถกู เราผกูไว แมกระดกู ๓๐๐ ชิน้ กไ็ มรวู า เราถกู เอน็ ผูกไว เปรยี บเหมอื นไมค ด ๆ
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 62ท่ีถูกเถาวลั ยพนั ลามไว เถาวัลยยอ มไมร วู า ไมคดถกู เราผูกไว แมไมค ดก็ไมรวู าเราถูกเถาวัลยพันลามไว ฉะนั้น. ดวยวา เอน็ เหลา น้ัน เวน จากความคิดคํานงึ และการพจิ ารณา เปน ธรรม ฯลฯ ไมใ ชบคุ คล. ทา นกลา วสรุปไวว านวนหารสุ ตา โหนฺติ พยฺ ามมตฺเต กเฬวเรพนธฺ นฺติ อฏ สงฺฆาฏ อคารมิว วลฺลโิ ย.เอน็ ๙๐๐ ยอมผกู รา งกระดูก ในเรอื นรางประ-มาณวาหนง่ึ ไว เหมอื นเถาวลั ยผูกเรือน ฉะน้ัน.กําหนดโดยปริเฉทวา เอ็นเบือ้ งลาง ตดั ตอนดวยกระดกู ๓๐๐ ชิ้นหรอื พน้ื ท่ตี ั้งอยทู ก่ี ระดูกน้ัน เอ็นเบ้อื งบน ตดั ตอนดว ยหนังและเน้อื เบอื้ งขวางตัดตอนเอน็ ของกนั และกนั เอง นเี้ ปนการกําหนดเอ็นเหลา นนั้ โดยสภาคสวนการกําหนดโดยวิสภาคก็เชนเดียวกับผมนัน่ แล. กําหนดเอน็ โดยวรรณะเปนตน มีประการดงั กลา วมาฉะน.้ี อฏิ กระดูก ตอ แตนั้นไป กก็ าํ หนดโดยวรรณะวา กระดกู มปี ระเภททท่ี า นกลาวไวโดยนยั เปน ตน อยา งน้ีวา เพราะทานถอื เอากระดกู ฟน ๓๒ ซี่ แยกไวต า งหากกระดกู ทเี่ หลอื ในสรีระคอื กระดูกมอื ๖๔ กระดูกเทา ๖๔ กระดูกออนที่ติดเนือ้๖๔ กระดกู สน เทา ๒ กระดูกขอเทาเทาหน่งึ ๆ เทา ละ ๒ กระดกู แขง ๒กระดกู เขา ๑ กระดกู ขา ๒ กระดกู สะเอว ๒ กระดูกสนั หลงั ๑๘ กระดูกซโี ครง ๒๔ กระดกู อก ๑๔ กระดกู ใกลห ัวใจ ๑ กระดกู ไหปลารา ๒ กระดูกหลงั แขน ๒ กระดูกแขน ๒ กระดูกปลายแขน ๒ กระดกู คอ ๗ กระดูกคาง๒ กระดกู จมูก ๑ [กระดูกตา ๒ กระดูกหู ๒] กระดกู หนา ผาก ๑ [กระดูกหัว ๑] กระดูกกระโหลกศีรษะ ๙ กระดกู ทงั้ หมดนั่นแหละ มีสีขาว.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 63 กาํ หนดโดย สณั ฐาน วา กระดูกมีสณั ฐานตา ง ๆ กัน . จริงอยา งนน้ับรรดากระดกู เหลา นน้ั กระดูกปลายนิว้ เทา มีสณั ฐานเหมอื นเมลด็ ตุมกา ตอจากนนั้ กระดกู ขอกลางของน้วิ เทา มีสณั ฐานเหมือนเมล็ดขนุนทไี่ มเ ตม็กระดกู ขอ ตน มีสณั ฐานเหมอื นบณั เฑาะว อาจารยพ วกหนึ่งกลา ววา มีสณั -ฐานเหมือนเกลด็ หางนกยงู ดังนก้ี ็มี กระดูกหลังเทา มสี ณั ฐานเหมอื นกองรากตนกันทละตํา กระดกู สน เทา มีสัณฐานเหมือนเมล็ดผลตาลซึง่ มเี มล็ดเดียวกระดูกขอ เทา มสี ัณฐานเหมือนลกู กลมของเลนทผี่ กู รวมกัน กระดูกชน้ิ เลก็ ในกระดกู แขง็ มีสัณฐานเหมอื นคนั ธนู กระดูกช้นิ ใหญมสี ัณฐานเหมือนเสนเอน็แหงเพราะหิวระหาย ท่ีกระดกู แขงตง้ั อยใู นกระดูกขอเทา มีสณั ฐานเหมอื นหนอตน เปง ลอกเปลอื ก ท่ีกระดกู แขงตงั้ อยูในกระดกู เขา มีสัณฐานเหมือนยอดตะโพน กระดกู เขา มสี ัณฐานเหมือนฟองนา้ํ ตัดขา งหนง่ึ กระดกูขาสณั ฐานเหมือนดามมดี และขวานที่ถกู เครา ๆ ทกี่ ระดูกขาตงั้ อยใู นกระดูกสะเอว มีสัณฐานเหมอื นกนั หลอดเปา ไฟของชางทอง โอกาสทก่ี ระดกู ขาต้งัอยใู นกระดูกสะเอวน้นั มสี ัณฐานเหมือนผลบนุ นาคตัดปลาย. กระดูกสะเอวแมม ี ๒ ก็ติดเปนอันเดียวกัน มสี ัณฐานเหมอื นเตาไฟทชี่ างหมอ สรางไวอาจารยพ วกหน่งึ กลา ววา มสี ัณฐานเหมอื นหมอนขางของดาบสดังน้ีก็ม.ี กระดกูตะโพก มสี ณั ฐานเหมือนคราบงทู เี่ ขาวางคว่าํ หนา กระดกู สนั หลัง ๑๘ ชิ้นมีชอ งเลก็ นอยในท่ี ๗- ๘ แหง ภายในมสี ณั ฐานเหมอื ผนื ผาโพกศีรษะท่ีวางซอน ๆ กนั ภายนอก มสี ณั ฐานเหมอื นแลง กลม กระดูกสนั หลงั เหลานัน้มหี นา ๒ - ๓ อนั เสมือนฟน เลอื่ ย. บรรดากระดกู ซโ่ี ครง ๒๔ ชน้ิ สว นท่ีบริบูรณ มีสณั ฐานเหมอื นเดียวชาวสงิ หลท่บี รบิ รู ณ สว นทไี่ มบ ริบูรณ มีสัณฐานเหมือนเคยี วชาวสิงหลทีไ่ มบ ริบรูณ อาจารยพวกหนง่ึ กลา ววา ท้งั หมด
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 64นน่ั แล มสี ัณฐานเหมือนปก สองขางของไกขาวทีค่ ลอี อก ดงั น้กี ็มี กระดกู อก๑๔ ชิ้น มีสัณฐานเหมอื นแถวแผน ไมค านหามเกา ๆ กระดกู หวั ใจ มีสณั ฐานเหมือนแผน ทพั พี กระดูกไหปลารา มีสัณฐานเหมอื นดามมดี โลหะเลก็ ๆบรรดากระดูกไหปลาราเหลาน้นั กระดกู สว นลาง มสี ัณฐานเหมือนอัฒจันท[พระจนั ทรครึง่ ซกี ] กระดกู หลังแขน มสี ณั ฐานเหมือนใบขวาน อาจารยพวกหนง่ึ กลาววา มสี ัณฐานเหมอื นจอบชาวสิงหลตัดคร่งึ ดังน้ีก็มี กระดกู แขนมีสณั ฐานเหมอื นดามกระจกเงา อาจารยพวกหน่ึงกลา ววา มีสัณฐานเหมือนดามมดี ใหญ ดงั นกี้ ็มี กระดกู ปลายแขน มสี ณั ฐานเหมอื นเงาตาลคู กระดูกขอ มอืมสี ัณฐานเหมอื นผนื ผาโพกศรี ษะ. ท่ีเขาวางติดรวมกัน กระดูกหลังมอื มีสัณฐานเหมือนกองเงาตน กันทละตํา กระดูกขอตน ของน้วิ มือ มสี ัณฐานเหมือนบัณเฑาะว กระดูกขอ กลาง มีสณั ฐานเหมือนเมล็ดขนนุ ท่ีไมบริบรู ณ กระดกูขอปลาย. มสี ัณฐานเหมอื นเมลด็ ตมุ กา กระดูกคอ ๗ มีสัณฐานเหมอื นช้ินหนอไมไ ผทีเ่ ขาเจาะ วางเรียงไว กระดกู คางลา ง มสี ัณฐานเหมือนเชือกผูกคอ นเหล็กของชา งทอง กระดกู คางบน มสี ัณฐานเหมือนไมชําระ ๗ อนั กระดกูเบาตาและโพรงจมกู มีสัณฐานเหมือนลกู ตาลออ นที่ยังไมล อกเยือ้ กระดูกหนาผาก มีสัณฐานเหมอื นกระโหลกสังขแตกทเ่ี ขาวางควํ่าหนา กระดกู กกหูมสี ัณฐานเหมอื นกลอ งมีดโกนของชางแตง ผม บรรดากระดกู หนาผากและกกหูกระดกู ในโอกาสทตี่ ดิ กนั เปน แผนตอนบน มสี ณั ฐานเหมอื นชน้ิ ผา เกาปดหมอเตม็ น้ําหนา ๆ กระดูกหวั มีสัณฐานเหมือนมะพรา วคดติดปาก กระดูกศีรษะมีสณั ฐานเหมือนกะโหลกนา้ํ เตา เกา แกท เี่ สียบวางไว. โดยทิศ กระดกู ท้งั หลายเกิดในทิศท้งั สอง. โดยโอกาส กระดูกทั้งหลาย ต้ังอยูท ว่ั สรีระไมมีสว นเหลือ แตวาโดยพเิ ศษ กระดกู ศรี ษะตง้ั อยูบนกระดูกคอ กระดกู คอก็ตัง้ อยูบนกระดกู สนั -
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 65หลัง กระดูกสนั หลัง กต็ ัง้ อยูบนกระดูกสะเอว กระดกู สะเอว ก็ต้งั อยบู นกระดูกขา กระดกู ขากต็ ้งั บนกระดูกเขา กระดูกเขา ก็ตง้ั อยูบนกระดกู แขง กระดูกแขงกต็ ้ังอยบู นกระดูกขอเทา กระดกู ขอเทา ก็ต้ังอยูบ นกระดกู หลงั เทา กระดกู หลังเทา กย็ กกระดูกขอเทาข้นึ ต้งั กระดูกขอ เทากย็ กกระดกู แขง ขนึ้ ตงั้ ฯลฯ กระดูกคอก็ยกกระดูกศรี ษะข้นึ ตั้ง. พึงทราบกระดกู สวนทีเ่ หลอื โดยทาํ นองดงั กลาวมาฉะน้ี. ในกระดกู น้ัน กาํ หนดวา กระดูกศรี ษะ ยอ มไมรูวา เราตงั้ อยูบนกระดูกคอ ฯลฯ กระดกู ขอ เทา ยอมไมร ูวา เราตง้ั อยบู นกระดูกหลังเทา แมกระดกู หลังเทาก็ไมรูวา เรายกกระดกู ขอ เทา ขึน้ ตั้ง เปรียบเหมอื นบรรดาทพั พสัมภาระ มีอฐิ และไมก ลอน อิฐเปน ตนตอนบนยอ มไมรูวา เราตัง้ อยูบนอิฐเปนตน ตอนลาง อิฐเปน ตนตอนลา ง กไ็ มร ูวา เรายกอฐิ เปนตน ตอนบนตั้งข้นึ ฉะน้นั ดว ยวา กระดกู เหลา น้นั เวน จากความคดิ คาํ นงึ และการพจิ ารณาเปน ธรรม ฯลฯ ไมใชบคุ คล. กก็ ระดูก ๓๐๐ ชน้ิ ท่ีเปน โครงสรางเหลา นี้ อันเอ็น ๙๐๐ และเน้อื ๙00 ชน้ิ ผกู และฉาบไวห นมุ เปน ตน เดียวกนั ฉาบทาดว ยยางเหนยี วไปตามประสาทรับรส ๗,๐๐๐ มีหยดเหงอ่ื กรองดวยขมุ ขน ๙๙,๐๐๐มีตระกลู หนอน ๘๐ ตระกูล นับไดวา กาย อยา งเดียว ซึ่งพระโยคาวจรเม่อื พิจารณาโดยสภาวะเปนจรงิ ยอมจะไมเ ห็นส่งิ ไร ๆ ทีค่ วรเขาไปยดึ ถือ แตจะเหน็ รางกระดกู อยางเดยี ว ท่ีรดั ตรงึ ดว ยเอน็ คลาคลา่ํ ดว ยซากศพตาง ๆ ซึ่งครน้ั เหน็ แลว ยอมเขาถึงความเปน โอรสของพระทศพล เหมือนอยา งทต่ี รสัไววา ปฏปิ าฏยิ ฏีนิ ติ านิ โกฏยิ า อเนกสนฺธิยมโิ ต น เกหจิ ิ
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 66 พทฺโธ นหารหู ิ ชราย โจทิโต อเจตโน กฏกลงิ ฺครูปโม กระดูกทั้งหลายตั้งหลายเรียงกนั ในทต่ี อ เปน อนัมากจากกายน้ี อันสิ่งไร ๆ มไิ ดผ ูกไว กายนี้หากเอ็นท้งั หลายผกู รัดไว อันชราเตือนแลว ไมมีเจตนา [ ใจ ]อปุ มาดงั ทอนไม. กณฺ ป กณุ เป ชาต อสุจมิ ฺหิ จ ปตู นิ ิทุคฺคนเฺ ธ จาป ทคุ ฺคนธฺ เภทนมหฺ ิ จ วยธมฺม อฏ ิปเุ ฏ อฏ ิปุโฏฃ นพิ พฺ ตฺโต ปูตนิ ิ ปตู กิ ายมฺหิตมฺหิ จ วเิ นถ ฉนฺท เหสฺสถ ปตุ ฺตา ทสพลสสฺ . ซากศพเกิดในซากศพ ของเนา เกิดในของไมสะอาด ของเหมน็ เกิดในของเหม็น ของตองเสื่อมสภาพเกิดในของตอ งสลายไป กองกระดูกเกดิ ในกองกระดกู ของเนาเกิดในกายเนา เธอทง้ั หลาย จงกาํ จัดความพอใจในกายอนั เนานัน้ เสยี ก็จักเปนบุตรของตถาคตทศพล.โดยปรเิ ฉท กก็ ําหนดวา ภายในกระดูก ตดั ตอนดว ยเยอ่ื ในกระดูกภายนอก ตดั ตอนดว ยเนอ้ื ปลายและโคนตดั ตอนดว ยกระดกู ของกนั และกนัเอง น้เี ปน การกาํ หนดกระดกู เหลานัน้ โดยสภาค สว นการกําหนดโดยวิสภาคกเ็ ชน เดียวกับผมน้นั แล. กาํ หนดกระดูกโดยวรรณะเปนตน มปี ระการดังกลาวมาฉะนี้.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 67 อฏิมิชฺ เย่อื ในกระดกู ตอ แตน้ันไป ก็กําหนดวา เย่อื ในกระดูก ซึง่ อยูภายในกระดูกท้งัหลาย มปี ระเภทตามทีก่ ลา วแลว ในสรรี ะโดยวรรณะ มสี ขี าว. โดยสณั ฐานเหมอื นโอกาสของตน คือ เยอื่ กระดูกทอ่ี ยูภายในกระดูกท้งั หลายขนาดใหญ ๆมสี ณั ฐานเหมือนหนอหวายขนาดใหญซ ึง่ เขาสอดหมนุ ใสในขอไมไ ผและออขนาดใหญ เยือ่ กระดูกท่ีอยูภายในกระดกู เล็ก ๆ มีสัณฐานเหมอื นหนอหวายขนาดเลก็ ซึ่งเขาสอดหมุนใสใ นขอไมไผและออ ขนาดเลก็ โดยทิศ เกดิ ในทิศทงั้สอง. โดยโอกาส ตัง้ อยูใ นภายในกระดกู ทง้ั หลาย. ในเยื่อกระดกู น้นั ก็กําหนดวา เย่ือกระดกู ยอ มไมร วู าเราอยภู ายในกระดกู แมก ระดูกกไ็ มรูวา เย่ือกระดกู อยูภายในเรา เปรียบเหมือนนมสมและน้าํ ออ ย อยูภายในไมไผแ ละออเปนตน ยอมไมรวู าเราอยูภายในไมไผและออเปน ตน แมไ มไผแ ละออเปนตน กไ็ มรวู า นมสม และนา้ํ ออยอยูภ ายในเราฉะนัน้ จริงอยู ธรรมเหลานั้นเวน ความคิดคํานึงและการพจิ ารณา ฯลฯ ไมใชบุคคล. โดยปริเฉท เย่อื ในกระดูก ตัดตอนดว ยพ้ืนภายในกระดูกท้งั หลาย และดว ยสวนแหง เย่อื ในกระดูก. นเี้ ปนการกําหนดเย่อื ในกระดูกน้นั โดยสภาค สว นการกาํ หนดโดยวสิ ภาค ก็เชนเดียวกับผมนน่ั แล. กาํ หนดเยอ่ื กระดกู โดยวรรณะเปน ตน มปี ระการดงั กลา วมาฉะน้.ี วกฺก ไต ตอ แตน น้ั ไป ก็กาํ หนดวา วักกะ ไต ตางโดยเปน ดงั ลูกกลม ๒ ลกูภายในสรีระ. โดยวรรณะมสี ีแดงออ นมีสเี หมือนเมลด็ ทองหลาง. โดยสณั ฐานสัณฐานเหมือนลกู กลมเลน รอ ยดาย ของเดก็ ชาวบาน อาจารยพ วกหนึง่ กลาววา มีสณั ฐานเหมอื นมะมว ง ๒ ผลข้ัวเดยี วกันดังนกี้ ม็ .ี โดยโอกาส ไตน้นั
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 68ถูกเอน็ หยาบ ซ่งึ ออกมาจากหลมุ คอมโี คนเดียวกัน ไปหนอยหนง่ึ แลว แตกออกเปน สองสวนรดั ตรึงไวแลวลอมเน้อื หัวใจตง้ั อยู. ในไตนัน้ ก็กําหนดวา ไตยอมไมรวู า เราถูกเอน็ หยาบรัดไว แมเอน็ หยาบก็ไมรวู า เรารัดไตไว เปรยี บเหมือนมะมวง ๒ ผลติดข้ัวเดียวกันยอมไมร ูว า เขาถูกข้ัวรัดไว แมขว้ั ก็ไมรวู า เรารัดมะมว ง ๒ ผลไวฉ ะนนั้ ดวยวา ธรรมเหลา นี้ เวน จากความคดิ คาํ นงึ และการพจิ ารณา ฯลฯ ไมใ ชบ คุ คลโดยปริเฉทวา ไต ตัดตอนดว ยสว นแหงไต นีเ้ ปน การกําหนดไตนั้นโดยสภา8สว นการกาํ หนดโดยวสิ ภาค ก็เชนเดยี วกบั ผมนัน่ แล กําหนดไตโดยวรรณะเปน ตน มปี ระการดังกลาวมาฉะน.้ี หทย หวั ใจ ตอ แตนั้นไป กก็ ําหนดวา หทยั หวั ใจ ภายในสรรี ะโดยวรรณะสแี ดงมีสีเหมอื นสหี ลงั กลีบปทมุ แดง. โดยสัณฐานมีสัณฐานเหมือนดอกปทุมตมู ลอกกลบี นอกออกแลววางควํ่าหนา ลง. ก็หัวใจนน้ั ขา งหนึ่งเหมอื นผลบุนนาคตดัยอดขา งนอกเกลย้ี ง ขา งในก็เหมือนขางในผลบวบขม. ของตนปญญามาก แยมนิดหนอ ย ของคนปญ ญาออ น ตูมอยางเดยี ว มโนธาตแุ ละมโนวญิ ญาณธาตุอาศัยรูปใดเปนไป ถอดรูปนน้ั ออกไปแลว เลอื ดขังอยูประมาณคร่ึงฟายมอืภายในหัวใจกลา วคอื ช้นิ เนอ้ื สว นทเ่ี หลือ เลอื ดนนั้ ของคนราคจริตสแี ดง ของคนโทสจริต สีดาํ ของคนโมหจติ สเี หมอื นนา้ํ ลางเน้อื ของคนวติ กจรติ สีเหมือนนํา้ เยอื่ ถั่วพู ของคนสัทธาจรติ สเี หมอื นดอกกรรณกิ าร ของตนปญญา-จริต ผอ งใสไมข นุ มัว ปรากฏวาโชติชวงเหมอื นแกว มณโี ดยกาํ เนดิ ที่ชาํ ระแลวโดยทิศเกิดในทิศเบือ้ งบน โดยโอกาสตงั้ อยูตรงกลางราวนมทงั้ สอง ภายในสรรี ะ.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 69 ในหัวใจนนั้ กก็ ําหนดวา หัวใจยอมไมร ูวา เราต้งั อยตู รงกลางราวนมทัง้ สอง แมราวนมกไ็ มร ูว าหัวใจตัง้ อยตู รงกลางเรา เปรยี บเหมือนกลอนสลกัตงั้ อยูกลางบานหนาตางและประตูทัง้ สอง ยอ มไมร ูวาเราตงั้ อยตู รงกลางบานหนาตา งและประตทู ง้ั สอง แมบานหนาตางและประตูกไ็ มรวู ากลอนสลกั ตั้งอยูกลางเรา ฉะนัน้ ดว ยวาธรรมเหลานั้นเวน จากความคดิ คาํ นงึ และการพิจารณาฯลฯ ไมใชบุคคล โดยปริเฉท ก็กาํ หนดวา หัวใจตัดตอนดวยสว นแหง หัวใจนี้เปน การกําหนดหัวใจนนั้ โดยสภาค สวนการกาํ หนดโดยวสิ ภาค กเ็ ชนเดยี วกบั ผมนนั่ แล กาํ หนดหัวใจโดยวรรณะเปน ตน มปี ระการดงั กลา วมาฉะน้ี. ยกน ตบั ตอแตน น้ั ไป ก็กาํ หนดวา ชนิ้ เนอ้ื คู ทเ่ี รียกกันวา ยกนะ ตบั ภายในสรรี ะ โดยวรรณะสีแดง มีสเี หมือนสหี ลังกลีบนอกดอกกุมทุ แดง โดยสณั ฐานมีโคนเดียวกนั ปลายคู มสี ณั ฐานเหมอื นดอกทองหลาง กต็ บั น้นั ของคนปญ ญาออ น มีแฉกเดียวแตใ หญ ของตนมปี ญญามีแฉก ๒-๓ แฉก แตเล็ก โดยทศิเกิดในทศิ เบ้ืองบน โดยโอกาสอาศัยสขี า งดานขวาตัง้ อยภู ายในราวนมทง้ั สอง. ในตบั นัน้ กก็ ําหนดวา ตบั ยอมไมร ูวา เราอาศัยสขี างดา นขวาตงั้ อยูภายในราวนมทั้งของ แมส ีขางดา นขวาภายในราวนมท้ังสองก็ไมร ูว า ตับอาศัยเราตัง้ อยู เปรยี บเหมือนช้นิ เนือ้ ซ่ึงแขวนอยูทข่ี างกระเบ้อื งหมอ ยอ มไมรวู าเราแขวนอยทู ่ตี ัง้ กระเบ้อื งหมอ แมขางกระเบ้ืองหมอกไ็ มรวู า ช้ินเนือ้ แขวนอยูท่ีเรา ฉะน้นั ดวยวาธรรมเหลา น้ี เวนจากความคิดคาํ นึงและการพจิ ารณา ฯลฯไมใ ชบุคคล. แตโดยปรเิ ฉท กําหนดวา ตับตัดตอนดวยสวนแหง ตบั น้เี ปน การกาํ หนดตับน้นั โดยสภาค สวนการกําหนดโดยวสิ ภาคกเ็ ชน เดียวกนั กบั ผมน่ันแล.กําหนดตับโดยวรรณะเปน ตน มีประการดังกลา วมาฉะนี้.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 70 กิโลมก พงั ผดื ตอแตน น้ั ไป กก็ ําหนดวา โดยวรรณะพงั ผืดมี ๒ อยา ง คอื ชนิดปดและชนดิ ไมป ด [เปด ] มีสีขาวสีเหมือนผา เกา . โดยสณั ฐาน มีสัณฐานเหมือนโอกาสของตน. โดยทศิ เกดิ ในทิศทง้ั สอง. โดยโอกาสพังผดื ชนิดปด ลอ มหวั ใจและไตตัง้ อยู พงั ผดื ชนดิ ไมป ด [เปด] หมุ เนื้อไดหนังทั่วสรรี ะตงั้ อยู ในพงั ผดื นัน้ กําหนดวา พังผืดยอมไมรูวา เราลอมหวั ใจและไต และหุม เนื้อใตห นังทว่ั สรรี ะ แมห ัวใจและไต และเน้อื ทั่วสรรี ะ ก็ไมรูว า เราถูกพังผดื หุม เปรยี บเหมอื นท่เี นอื้ อนั ถูกผาเกาหมุ ผา เกา กไ็ มร ูวาเราหมุ เนอ้ื แมเน้ือกไ็ มรูวาเราถกู ผา เกา หุม ฉะน้นั ดว ยวาธรรมเหลา น้ี เวน จากความคดิคาํ นงึ และการพจิ ารณา ฯลฯ ไมใ ชบ ุคคล. โดยปริเฉท ก็กําหนดวา พงั ผดืเบื้องลางตดั ตอนดว ยเนอื้ เบ้อื งบนตดั ตอนดว ยหนงั เบอ้ื งขวางตัดตอนดว ยสวนแหงพงั ผืด น้ีเปน การกําหนดพงั ผดื นน้ั โดยสภาค. สวนการกาํ หนดโดยวิสภาค กเ็ ชนเดยี วกับผมน่ันแล. กําหนดพงั ผืดโดยวรรณะเปน ตน มปี ระการดงั กลาวมาฉะนี้ ปหก มาม ตอ แตนั้นไป ก็กาํ หนดวา โดยวรรณะ มาม ภายในสรีระมสี ีเขยี วมสี เี หมือนดอกคนทีส่ อแหง . โดยสณั ฐาน โดยมากมีสณั ฐานเหมือนล้ินลักโคคําไมพ นั กนั ประมาณ ๗ น้ิว. โดยทิศเกิดในทศิ เบ้ืองบน โดยโอกาส ตั้งอยูข างซายหัวใจ อาศยั ขา งบนพน้ื ทอ ง ซงึ่ เม่ือออกมาขา งนอก เพราะถูกประหารดวยเครื่องประหาร สตั วก จ็ ะสน้ิ ชีวิต. ในมามน้นั กก็ าํ หนดวา มา มยอ มไมร ูวา เราอาศยั สวนขางบนของพน้ืทอ ง แมสวนขา งบนของพน้ื ทองไมร ูว า มา มอาศัยเราตงั้ อยู เปรียบเหมอื น
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 71กอนโคมยั [มูลโค] อาศัยสว นขางบนของทองตั้งอยู ยอมไมร ูวา เราอาศัยสวนขางบนของทองตง้ั อยู แมสวนขา งบนของทองกไ็ มร ูวา กอ นโคมัยอาศยัเราต้งั อยู ฉะนน้ั ดว ยวา ธรรมเหลานี้ เวน จากความคิดคํานึงและการพจิ ารณาฯลฯ ไมใชบุคคล. โดยปริเฉท กําหนดวา มามตดั ตอนดว ยสว นแหง มาม นเ่ี ปนการกาํ หนดมา มนนั้ โดยสภาค สว นการกําหนดโดยวสิ ภาค กเ็ ชนเดียวกับผมนนั่ แล. กําหนดมามโดยวรรณะเปนตน มีประการดังกลาวมาฉะน้ี. ปปฺผาส ปอด ตอ แตนัน้ ไป ก็กาํ หนดวา โดยวรรณะ ปอดเปนประเภทชิ้นเนื้อ๓๒ ช้ิน ภายในสรรี ะ สแี ดงเหมือนผลมะเดื่อสกุ ยงั ไมจ ดั โดยสัณฐาน มีสัณฐานเหมอื นขนมที่ตดั ไมเ รยี บ อาจารยพวกหนงึ่ กลา ววา มีสณั ฐานเหมอื นกองช้ินอฐิ กอกาํ แพงดงั นีก้ ม็ ี ปอดนัน้ ไมมรี ส ไมมีโอชะ เหมือนชิ้นฟางที่สัตวเค้ยี วแลว เพราะถกู กระทบดวยไออุนไฟที่เกิดแตกรรม ซงึ่ พลุงขึน้ เพราะไมมอี าหารท่เี คยี้ วทด่ี ืม่ . โดยทิศ เกดิ ในทศิ เบอ้ื งบน. โดยโอกาส ตัง้ ขางบนหอ ยคลมุ หัวใจและตับระหวางราวนมทงั้ สอง. ในปอดนน้ั กก็ าํ หนดวา ปอดยอ มไมร วู าเราตั้งหอ ยอยูระหวา งราวนมท้งั สองคายในสรรี ะ แมระหวา งราวนมท้ังสองภายในสรรี ะ กไ็ มรูวา ปอดตง้ัหอยอยใู นเรา เปรยี บเหมือนรงั นกหอ ยอยภู ายในยงุ เกา ยอมไมรวู าเราตั้งหอยอยภู ายในยุงเกา แมภ ายในยงุ เกา ก็ไมรูวา รงั นกตัง้ หอ ยอยใู นเรา ฉะนั้นดว ยวาธรรมเหลา นเ้ี วน จากความคิดคํานึงและการพจิ ารณา ฯลฯ ไมใ ชบคุ คลนี้เปนการกาํ หนดปอดน้นั โดยสภาค. สว นการกาํ หนดโดยวิสภาค กเ็ ชนเดยี วกบัผมนน้ั แล. กําหนดปอดโดยวรรณะเปนตน มีประการดังกลา วมาฉะน้ี.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 72 อนฺต ไสใหญ ตอ แตน ้นั ไป ก็กาํ หนดวา โดยวรรณะ ไสใ หญข ดอยูใ นท่ี ๒๑ ขดของบรุ ุษขนาด ๓๒ ศอก ของสตรีขนาด ๒๘ ศอก สีขาว เหมอื นสนี า้ํ ตาลกรวดและปูนขาว. โดยสณั ฐาน มีสณั ฐานเหมอื นงเู รือนท่ีเขาตัดหัววางขดไวในรางเลอื ด. โดยทศิ เกิดในทศิ ท้งั สอง. โดยโอกาส ตัง้ อยูภายในสรีระ ซ่ึงมหี ลมุ คอและทางเดินกรสี [อจุ จาระ] เปนทสี่ ุด เพราะโยงกบั เบือ้ งบนทห่ี ลมุคอ และเบือ้ งลา งที่ทางเดนิ กรสี . ในไสใหญน ั้น กก็ าํ หนดวา ไสใหญยอมไมร วู า เราตั้งอยูภ ายในสรรี ะแมภายในสรรี ะ กไ็ มรูวาไสใ หญต ั้งอยใู นเรา เปรยี บเหมือนเรือนรา งงูเรอื นศรี ษะขาด ที่ถูกวางไวใ นรางเลือด ยอ มไมร ูวา เราต้งั อยูในรางเลือด แมร างเลอื ดกไ็ มรูวา เรือนรางงศู รี ษะขาดตัง้ อยใู นเราฉะนน้ั ดว ยวา ธรรมเหลา น้ันเวนจากความคิดคํานงึ และการพจิ ารณา ฯลฯ ไมใ ชบ คุ คล. โดยปริเฉท กก็ ําหนดวาไสใหญตดั ตอนดว ยสว นแหง ไสใหญ. น้ีเปนการกําหนดไสใหญโ ดยสภาคสวนกาํ หนดโดยวสิ ภาค ก็เชนเดยี วกบั ผมนนั่ แล. อนฺตคุณ ไสนอย ตอ แตน้นั ไป กก็ าํ หนดวา โดยวรรณะ ไสนอยในระหวา งไสใหญภายในสรีระ สีขาวเหมอื นสรี ากจงกลน.ี โดยสณั ฐาน มีสณั ฐานเหมือนรากจงกลนนี ่ันแหละ. อาจารยพ วกหนึง่ กลา ววา มสี ณั ฐานเหมอื นเยีย่ วโค ดงั น้ีกน็ ้ี โดยทิศ เกดิ ในทศิ ทงั้ สอง. โดยโอกาสพนั ปลายปากขนดไสใ หญรวมกนัเหมือนแผนกระดานยนต พันเชือกเวลาทค่ี นทํา จอบและขวานเปน ตนชักยนตตงั้ อยรู ะหวา งขนดไสใ หญ ๒๑ ขด เหมอื นเชือกทรี่ อยขดเชอื กเช็ดเทา ต้ังอยูในระหวา งเชอื กเชด็ เทา นน้ั .
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 73 ในไสน อยนั้น กก็ ําหนดวา ไสน อยยอมไมรูวา เราพันไสใหญภ ายในไสใหญ ๒๑ ขนดไว แมไ สใหญกไ็ มรวู า ไสนอยพันเราไวเปรยี บเหมอื นเชอื ก [เล็ก] รอยขดเชือกเช็ดเทา [เชอื กใหญ] ยอมไมร ูวา เรารอยขดเชอื กเชด็ เทา ไว แมขดเชอื กเทาก็ไมร วู า เชอื ก [เลก็ ] รอยเราไว ฉะนน้ั .ดวยวา ธรรมเหลานนั้ เวน จากความคดิ คํานงึ และพิจารณา ฯลฯ ไมใ ชบคุ คล.โดยปริเฉท ก็กาํ หนดวา ไสนอ ย ตัดตอนดว ยสวนแหง ไสนอ ย. นเ้ี ปน การกาํ หนดไสน อยน้ัน โดยสภาคสวนการกําหนดโดยวสิ ภาคก็เชนเดยี วกบั ผลน่นั แล.การกําหนดไสน อยโดยวรรณะเปน ตน มปี ระการดงั กลา วมาฉะน้.ี อทุ รยิ อาหารใหม ตอ แตน้นั ไป กก็ ําหนดวา โดยวรรณะ อาหารใหมม สี ีเหมอื นอาหารท่ีกลืนเขา ไป โดยสัณฐานท่ีสัณฐานเหมอื นขา วสารท่ีผกู หยอนๆในผา กรองนาํ้โดยทิศ เกดิ ในทศิ เบื้องบน. โดยโอกาส ต้งั อยูในทอ ง ธรรมดาวาทอ ง เปนพืน้ ของใสใ หญ เสมอื นโปง ลมทเ่ี กิดเองตรงกลางผาเบยี ก ซึง่ ถกู บีบท้งั สองขาง ภายนอกเกลี้ยงเกลา ภายในพัวพันดวยกองขยะเนื้อ เสมอื นผา ซบั ระดูเขรอะคลํ่าคลา อาจารยพวกหนึง่ กลา ววาเสมือนขางในของผลขนนุ ตม ดงั นก้ี ม็ .ีในทองนัน้ มีหนอนตางดว ยหนอน ๓๒ ตระกลู อยา งนี้ คอื ตระกูลตักโกลกะ[ขนาดผลกระวาน] กณั ฑุปปาทกะ [ขนาดไสเดอื น] ตาบหิรกะ [ขนาดเสี้ยนตาล] เปน ตน คลาคลํา่ ไตกันยวั้ เยย้ี อาศัยอยปู ระจาํ ซง่ึ เมื่อไมม ีอาหารมีน้ําและขา วเปน ตน กโ็ ลดแลน ตอ งระงมชอนไชเน้ือหวั ใจ และเวลาคนกลนื กินอาหารมนี ํา้ และขาวเปน ตน ลงไป กเ็ งยหนาตาลีตาลานแยงอาหาร๒ - ๓ คาํ ทคี่ นกลนื ลงไปครง้ั แรก [ทอ ง] จึงกลายเปน บา นเกดิ เปน สวมเปนโรงพยาบาล และเปน ปา ชาของหนอนเหลานน้ั เปนทเี่ ปรยี บเหมือนในฤดสู ารทฝนเมด็ หยาบ ๆ ตกลงมาในบอ โสโครกใกลป ระตูหมูบา นคนจันฑาล ซาก
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 74ตาง ๆ ตงั้ แตปสสาวะ อจุ จาระ ชิน้ หนงั กระดกู เอน็ น้าํ ลาย น้าํ มกู และเลอื ดเปน ตน ถกู นํ้าพดั พา รวมคลุกเคลากบั ตมและน้ํา กม็ ีหนอนตระกลูนอยใหญเ กิดเอง ลว งไป ๒๓ วัน กเ็ ดอื ดดวยแรงแสงแดดและความรอ นพน ฟองฟอดปุดขนึ้ ขา งบน มีสีเขยี วจดั ไมส มควรที่จะเขา ใกลหรือมองดู ไมตองกลา วถึงวาจะสดู ดมหรือล้มิ รส ฉนั ใด นา้ํ และขาวเปนตน มปี ระการตาง ๆก็ฉันนน้ั เหมือนกัน อันสากคอื ฟนบดละเอยี ดแลว อันมือคือลิ้นตวดั กลับไปมาแลว คลุกเคลาดว ยนํ้าลาย ปราศจากความพรอมดว ยสกี ลน่ิ รสเปน ตนไปทนั ใด เสมือนรากสุนขั ในรางสนุ ัข รวมกันคลุกเคลาดวยดเี สลด เดือดดว ยแรงไฟในทอ งและความรอ น มีหนอนตระกลู ใหญน อ ยปลอยฟองฟอดข้ึนเบ้ืองบน จะกลายเปน กองขยะมกี ลนิ่ เหม็นและนาเกลียดอยา งยิง่ ซ่ึงฟง มาแลวทาํ ใหไมอ ยากดม่ื น้ํากินขาวเปนตน อยาวา ถึงจะตรวจดดู ว ยจักษุคือปญญาเลยซ่งึ เปนที่ ๆ น้ําและขาวเปนตน ตกลงไปแลว จะแบงเฉลยเปน ๕ สว น คือสวนหน่งึ สัตว [ในทอ ง] จะกินสวนหนึง่ ไฟในตอ งจะเผาไหม สวนหน่ึงจะกลายเปนปส สาวะ สว นหน่งึ จะกลายเปนอจุ จาระ สวนหนึ่งจะกลายเปน รส[โอชะ] บํารุงเพมิ่ เลือดและเนอ้ื . ในอาหารใหมน ัน้ กก็ าํ หนดวา อาหารใหม ยอมไมร วู า เราอยใู นทองทีม่ ีกลิน่ เหม็นนาเกลียดอยา งยิง่ น้ี แมต องก็ไมร ูวา อาหารใหมอ ยูในเราเปรยี บเหมือนรากสุนขั ทีอ่ ยใู นรางสนุ ขั แมรางสุนขั กไ็ มรูวารากสนุ ขั อยูในเราฉะนนั้ ดวยวา ธรรมเหลา นี้ เวน จากความคดิ คํานงึ และการพจิ ารณา ฯลฯ ไมใชบุคคล. โดยปริเฉท ก็กําหนดรวู า อาหารใหมตดั ตอนดว ยสว นแหง อาหารใหมนี้เปน การกําหนดอาหารใหมน้ัน โดยสภาค สวนการกําหนดโดยวิสภาค ก็เชนเดยี วกบั ผมน้ันแล. กาํ หนดอาหารใหม โดยวรรณะเปน ตน มีประการดงั กลาวมาฉะน้ี.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 75 กรีส อาหารเกา [อจุ จาระ] ตอแตนั้นไป ก็กําหนดวา โดยวรรณะ อาหารเกา ภายในสรีระโดยมาก กม็ ีสเี หมือนอาหารท่กี ลืนกินเขาไป โดยสัณฐาน กม็ ีสณั ฐานเหมือนโอกาส. โดยทิศ เกิดในทิศเบื้องลา ง. โดยโอกาส ต้งั อยใู นทอี่ าหารอนั ยอยแลวอยอู าศัย ธรรมดาประเทศที่อาหารอนั ยอ ยแลวอยูอาศยั ก็เปน ประเทศเสมอื นภายในปลองไมไ ผและออ สงู ประมาณ ๘ นิ้ว อยปู ลายลาํ ไสใหญระหวางโคนทอ งนอยและสนั หลงั เบ้ืองลา ง เปรียบเหมือนนํ้าฝนตกในท่เี บือ้ งบน [สงู ]กไ็ หลลงทาํ ท่ีเบ้ืองลาง [ ตาํ่ ] ใหเตม็ ขงั อยู ฉนั ใด นํ้าและขาวเปนตน อยา งใดอยางหน่ึง ทีต่ กลงในท่อี ยขู องอาหารสด [ใหม] อันไฟในทองเผาใหส ุกเดอื ดปดุ เปนฟอง กลายเปนของละเอยี ดไปเหมอื นแปง เพราะไฟธาตทุ าํ ใหล ะเอียดแลว กไ็ หลไปตามชองลําไสใหญ บบี รดั สะสมขังอยเู หมอื นดนิ เหลอื งทเี่ ขาใสในปลองไมไผและตน ออ ก็ฉนั น้ันเหมอื นกัน. ในอาหารเกา นัน้ กก็ ําหนดวา อาหารเกายอมไมรูวา เราอยูใ นที่อยูของอาหารท่ียอ ยแลว แมท ีอ่ ยูต อ งอาหารท่ยี อยแลว กไ็ มร ูว า อาหารเกา อยูในเราเปรียบเหมือนดนิ เหลอื งทีเ่ ขาขยาํ ใสลงในปลอ งไมไผและไมอ อ ยอมไมรูดนิ เหลอื งอยูในเรา แมป ลอ งไมไ ผแ ละไมออกไ็ มร ูวา ดินเหลอื งอยใู นเราฉะนั้น ดวยวา ธรรมเหลาน้ีเวน จากความคิดคาํ นงึ และการพจิ ารณา ฯลฯ ไมใ ชบคุ คล. โดยปรเิ ฉท กาํ หนดวา อาหารเกา ตดั ตอนดว ยสว นแหงอาหารเกา นี้เปนการกาํ หนดอาหารเกานัน้ โดยสภาค สวนการกําหนดโดยวสิ ภาคก็เชน เดยี วกบั ผมนัน่ แล. กําหนดอาหารเกาโดยวรรณะเปน ตน มีประการดงั กลา วมาฉะน.ี้ มตฺถลงุ ค มนั ในสมอง ตอแตนัน้ ไป กก็ าํ หนดวา โดยวรรณะ มันในสนองภายในกระโหลกศรี ษะ ในสรีระ มสี ีขาวเหมอื นสเี ห็ด. อาจารยพ วกหน่งึ กลา ววา มสี ี
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 76เหมอื นสีน้ํานมเดอื ด ดงั นีก้ ็มี. โดยสัณฐาน มีสณั ฐานเหมือนโอกาส. โดยทศิเกิดในทิศเบ้ืองบน. โดยโอกาส เปน ประเภทกอ นมันสมอง ๔ กอน ทีอ่ าศยัรอ ยเอน็ ๔ รอย ภายในกระโหลกศีรษะในสรรี ะ รวมกันต้ังอยเู หมอื นกอ นแปง๔ กอนทเ่ี ขารวมกนั ตงั้ ไว. ในมันสมองนน้ั ก็กาํ หนดวา มันในสมองยอ มไมร ูวา เราอยูในกระ-โหลกศีรษะ แมกระโหลกศรี ษะก็ไมร วู า มันในสมองอยูในเรา เปรยี บเหมอื นกอ นแปงที่เขา สูไ วในกระโหลกน้าํ เตา เกา หรือนํ้านมเดือด ยอมไมรวู าเราอยูในกระโหลกนาํ้ เตา เกา แมก ระโหลกนาํ้ เตา เกา ก็ไมร วู า กอ นแปง หรอื นา้ํ นั้นเดอื ด อยูในเรา ฉะน้นั ดว ยวา ธรรมเหลา นั้น เวน จากความคํานึงและการพิจารณา ฯลฯ ไมใชบ คุ คล. โดยปรเิ ฉท กาํ หนดวา มนั ในสมองตัดตอนดวยสว นแหง มันในสมอง นี้เปน การกําหนดมันในสมองน้ันโดยสภาค สวนการกําหนดโดยวสิ ภาค กเ็ ชนเดยี วกบั ผมน่ันแล. กาํ หนดมนั ในสมอง โดยวรรณะเปนตน มปี ระการดงั กลาวมาฉะนี.้ ปต ฺต ดี ตอแตน ีไ้ ป กําหนดวา ดี แมส องชนดิ คอื ดนี อกถุงและดีในถุง มีสีเหมอื นนา้ํ มันมะซางนี้ อาจารยพ วกหน่ึงกลาววา ดีนอกถงุ มสี เี หมอื นดอกพิกุลแหง ดงั นกี้ ็มี โดยสณั ฐาน มสี ณั ฐานเหมือนโอกาส. โดยทิศ เกิดในทศิ ท้งัสอง. โดยโอกาส ดีนอกถงุ เวนทีข่ องผมขนเลบ็ และพื้นอันพน จากเนอ้ื และหนังท่ีแข็งและแหง เอบิ อาบสรรี ะสวนที่เหลอื อยูเหมือนหยาดนาํ้ มัน เอิบอาบนา้ํ ซง่ึ เมื่อกําเริบแลว ดวงตาจะเหลืองเวียนศีรษะ ตวั สั่นและคนั ดีในถุงตง้ั อยูในถุงนํ้าดี ซงึ่ เสมือนรงั บวบขมให อาศยั เนอื้ หวั ใจตงั้ อยใู นระหวา งหวั ใจและปอด ซงึ่ เม่ือกาํ เรมิ แลว สตั วท ้งั หลายจะเปน บามีจิตวปิ ลาส ท้ิงหิริ-โอตตัปปะ ทําการทไี่ มค วรทํา พูดคาํ ที่ไมค วรพูด คดิ ขอท่ีไมค วรคิด.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 77 ในดีนั้น ก็กําหนดวา ดีนอกถุง ยอ มไมร ูวา เราเอบิ อาบตลอดสรรี ะอยู แมสรรี ะก็ไมรวู า ดนี อกถงุ เอิบอาบเราอย.ู เปรยี บเหมอื นน้ํามัน เอิบอาบนํ้าอยู ยอมไมร ูว า เราเอิบอาบน้ําอยู แมน ํา้ ก็ไมร ูวา นาํ้ มนั เอบิ อาบเราอยูฉะน้ัน ดใี นถงุ ยอมไมร วู า เราอยูในถงุ นาํ้ ดี แมถ ุงนาํ้ ดีกไ็ มร ูวา ดีในถงุ อยูในเรา เปรียบเหมอื นนาํ้ ฝน ที่อยใู นรังบวบขม ยอมไมร ูวา เราอยูในรังบวบขม แมร ังบวบขมกไ็ มรูวา น้ําฝนอยูในเรา ฉะน้ัน. ดว ยวา ธรรมเหลา นี้ เวนจากความคิดคํานึงและการพจิ ารณา ฯลฯ ไมใ ชบ คุ คล. โดยปรเิ ฉท กก็ าํ หนดวาดีตดั ตอนดว ยสว นแหงดี นเี้ ปน การกําหนดดีน้นั โดยสภาค. สวนการกาํ หนดโดยวิสภาค ก็เชนเดียวกับ ผมนน่ั แล กาํ หนดดโี ดยวรรณะเปน ตน มปี ระการดงั กลา วมาฉะน.้ี เสมห เสลด ตอแตน นั้ ไป กก็ ําหนดวา โดยวรรณะ เสมหะมีประมาณบาตรหนง่ึภายในสรีระ มีสีขาว เหมอื นสนี า้ํ ในมะเดอื่ โดยสัณฐาน มสี ัณฐานเหมือนโอกาส. โดยทศิ เกดิ ในทศิ เบอื้ งบน. โดยโอกาส ต้งั อยูในทอ ง ซ่ึงในเวลากลืนกินอาหารมนี า้ํ และโภชนะเปนตน เมอ่ื นํ้าและโภชนะเปนตน ตกลง ก็จะแตกออกเปน สองสว นแลว จะกลับมาคลุมอีก ซ่งึ เมอ่ื มีนอย พนื้ ทองจะมีกลน่ิ เหมือนซากศพนา เกลยี ดอยางย่งิ . เหมอื นหวั ฝส ุก เหมือนไขไ กเนา เปรยี บเหมอื นสาหรา ยในน้าํ เมอื่ ชิ้นไมหรือกระเบ้อื งตกก็จะขาดเปนสองสวนแลวก็กลับมาคลุมอีก ฉะน้นั การเรอก็ดี ปากก็ดี จะมีกล่นิ เหมน็ เสมอื นซากศพเนา ดวยกลิ่นท่พี งุ ขน้ึ จากทอ งน้ัน และคนผนู นั้ กจ็ ะถกู เขาพดู ไลต ะเพดิ วา ออกไปเจาสง กล่ินเหมน็ และเสมหะพอกพูนหนาแนนขน้ึ ก็ชวยระงบั กล่ินเหมน็ต้ังอยูภายในพนื้ ทอ งนน่ั แหละ เหมอื นแผนกระดานปดสวม.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 78 ในเสมหะนั้น ก็กาํ หนดวา เสมหะยอ มไมรูวา เราอยทู ีพ่ ้นื ทอง แมพ้ืนทอ งกไ็ มร วู า เสมหะอยูในเรา เปรียบเหมอื นแผนฟองบนบอโสโครก ยอมไมร ูวา เราอยูใ นบอ โสโครก แมบ อ โสโครกกไ็ มร ูวา แผนฟองอยูใ นเราฉะนั้นดวยวา ธรรมเหลา นี้ เวนจากความคดิ คํานึงและการพิจารณา ฯลฯ ไมใ ชบุคคล. โดยปริเฉท กก็ ําหนดวา เสมหะตดั ตอนดวยสว นแหง เสมหะ. นี้เปนการกําหนดเสมหะน้นั โดยสภาค สว นการกําหนดโดยวสิ ภาค ก็เชน เดยี วกบั ผมนัน่ แล. กําหนดเสมหะโดยวรรณะเปน ตน มีประการดังกลา วมาฉะน.้ี ปพุ ฺโพ หนอง ตอแตน้นั ไป ก็กําหนดวา โดยวรรณะ หนองมีสีเหมอื นใบไมเ หลอื งโดยสณั ฐาน มีสัณฐานเหมอื นโอกาส โดยทิศเกิดในทศิ ทงั้ สอง โดยโอกาสธรรมดาโอกาสของนาํ้ เหลอื ง ตั้งอยูประจําไมม ี จะดงั อยใู นตาํ แหนงสรีระที่นํา้เหลืองสะสมตง้ั อยู ทเ่ี มอ่ื ถูกตอหนามเครอ่ื งประหารและเปลวไฟเปน ตนกระทบแลว หอเลอื ด หรอื เกิดฝแ ละตอมเปนตน . ในหนองน้ัน ก็กําหนดวา หนองยอ มไมรวู า เราตง้ั อยใู นตําแหนงท่ีถกู ตอและหนามเปนตน กระทบ หรอื ในตาํ แหนง ทเ่ี กดิ ฝแ ละตอ มเปน ตน ณท่ีน้ัน ๆ แหงสรีระ แมตําแหนงสีรระกไ็ มรูว า นาํ้ เหลอื งอยูในเรา เปรียบเหมอื นยางไมทไ่ี หลออกตัง้ อยใู นท่ี ๆ ถกู ดมขวานเปน ตนเฉพาะในทน่ี นั้ ๆ ของตน ไม ยอมไมร ูวา เราต้ังอยูในท่ี ๆ ถูกเฉพาะของตน ไม แมท ี่ ๆ ถกู เฉพาะของตน ไมก็ไมรวู า ยางไมต้ังอยใู นเราฉะน้นั ดวยวา ธรรมเหลา น้ัน เวนจากความคดิ คํานงึ และพจิ ารณา ฯลฯ ไมใชบุคคล. โดยปริเฉท กําหนดวา หนองตัดตอนดว ยสวนแหง นํ้าเหลือง น้เี ปนการกาํ หนดหนองนนั้ โดยสภาคสวนการกาํ หนดโดยวสิ ภาค ก็เชน เดียวกับผมนนั่ แล. กําหนดหนองโดยวรรณะเปน ตน มีประการดังกลาวมาฉะน.้ี
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 79 โลหิต เลอื ด ตอ แตนนั้ ไป ในเลอื ด ๒ อยาง คือ เลอื ดขงั และเลอื ดเดนิ กก็ ําหนดเลือดขงั กอน โดยวรรณะมสี เี หมือนน้ําครง่ั เดือดขน เลอื ดเดนิ มีสเี หมอื นนํา้ครั่งใส. โดยสัณฐาน เลอื ดทกุ อยาง มีสณั ฐานเหมือนโอกาสของตน. โดยทิศเลือดขังเกิดในทิศเบ้อื งบน เลอื ดเดินเกิดในทศิ ท้ังสอง โดยโอกาส เลือดเดินจะกระจายไปตลอดสรรี ะทุกสว นของสตั วเ ปน ๆ เวนที่ ๆ ผมขนเล็บและฟน ที่พนจากเนื้อ และหนังทก่ี ระดางและแหง เลือดขงั ทําสว นลา งของตับใหเ ต็มแลวทาํ หยดเลือดใหตกลงทลี ะนอย ๆ บนมามหัวใจตบั และปอดประมาณเตม็ ฟายมือหนึ่ง ทาํ มา มหัวใจตับและปอดใหชมุ อยู ซึง่ เมอื่ ไมทํามา มและหัวใจเปนตนใหช ุม อยู สัตวท ้ังหลายก็จะกระหายนาํ้ . ในเลอื ด ก็กาํ หนดวา เลอื ดยอมไมรวู า เราทาํ มามและหวั ใจเปน ตนใหชมุ ตัง้ อยูส วนลา งของตบั แมท่ีสว นลางของตับหรือมา มและหวั ใจเปน ตนก็ไมรูวา เลือดตง้ั อยใู นเรา หรือทําเราใหชมุ ตง้ั อยู เปรียบเหมอื นนา้ํ ทอี่ ยูในภาชนะเกา ๆ ทํากอ นดนิ เปน ตนขา งลางใหชมุ อยู ยอ มไมรวู า เราตั้งอยูในภาชนะเกา ๆ ทาํ กอนดนิ เปนตน ขางลางใหช ุมอยู แมภาชนะเกา ๆ หรือกอนดินเปนตนขา งลา ง กไ็ มร ูวา นํา้ ต้งั อยใู นเรา หรอื ทําเราใหช ุมตัง้ อยู ฉะนั้นดว ยวา ธรรมเหลานเี้ วนจากความคดิ คาํ นึงและการพจิ ารณา ฯลฯ ไมใชบุคคล.โดยปรเิ ฉท กาํ หนดวา เลอื ดตดั ตอนดวยสว นแหง เลอื ด. นีเ้ ปนการกาํ หนดเลอื ดนั้นโดยสภาค. สว นการกาํ หนดโดยวสิ ภาค ก็เชน เดยี วกบั ผมน่ันแล.กําหนดเลอื ดโดยวรรณะเปน ตน มปี ระการดังกลา วมาฉะน้.ี
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 80 เสโท เหงือ่ ตอแตนั้นไป กก็ ําหนดวา โดยวรรณะ เหงอ่ื ในสรรี ะมีสเี หมือนนํา้มนั งาใส. โดยสัณฐาน มสี ัณฐานเหมอื นโอกาส โดยทศิ เกิดในทศิ ทัง้ สอง.โดยโอกาส ธรรมดาเหงือ่ จะออกอยเู ปน นิจ หามไี ม หากแตเหงื่อมอี ยูทกุ เมื่อหรอื เพราะเหตะที่เวลาใด สรีระ เรารอ น เพราะรอ นไฟแสงแดดและฤดูวปิ ริตเปนตน เวลาน้ัน เหงอ่ื จะไหลออกจากทุกรูผมและขมุ ขน เหมือนนาํ้ ในกําเงา บวั และกอ นบวั ทตี่ ดั ไมเรยี บพอยกข้นึ พอน้าํ ฉะน้นั พระโยคาวจรจงึ กาํ หนดเหงื่อน้ัน โดยสัณฐาน ดวยรูผมและขมุ ขนเหลาน้ัน ทา นบุรพาจารยท งั้ หลายกลา วไววา อนั พระโยคาวจร ผูกาํ หนดเอาเหง่อื เปนอารมณ พึงมนสกิ ารใสใจเหง่ือ โดยท่ีเหง่ือทาํ รูผมและขมุ ขนใหเ ต็มแลว ตั้งอยู. ในเหงือ่ นัน้ กําหนดวา เหง่อื ยอ มไมร ูวา เราไหลออกจากรูผมและขุมขน แมรูผมและขุมขนกไ็ มร ูวา เหง่อื ไหลออกจากเรา เปรียบเหมือนนํา้ ที่ไหลออกจากชอ งกําเหงาบัวและกา นบวั ยอมไมร วู า เราไหลออกจากชองเหงาบวั และกา นบวั แมช อ งเหงาบัวและกา นบวั ก็ไมร ูวานาํ้ ไหลออกจากเราฉะน้นัดวยวาธรรมเหลานนั้ เวน จากความคิดคาํ นงึ และการพจิ ารณา ฯลฯ ไมใชบ คุ คล.โดยปริเฉทกาํ หนดวา เหง่อื ตดั ตอนดวยสว นแหง เหงื่อ นีเ้ ปน กําหนดเหงื่อน้ันโดยสภาค. สว นการกําหนดโดยวิสภาค กเ็ ชน เดียวกบั ผมนั่นแล. กาํ หนดเหงื่อโดยวรรณะเปนตน มปี ระการดงั กลา วมาฉะน้.ี เมโท มนั ขน ตอแตน ัน้ ไป กก็ าํ หนดวา โดยวรรณะนั้น มันขนระหวางหนังและเนอ้ืในสรรี ะ มีสีเหมอื นขมนิ้ ผา โดยสณั ฐาน มสี ัณฐานเหมือนโอกาส จริงอยา งนั้น สําหรับคนตัวอวนมสี ุข มันขันท่ีแผไ ประหวา งหนังและเนอ้ื มสี ัณฐาน
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 91 ถา หากวา ธรรมเหลา นีป้ รากฏแกพระโยคาวจรน้ัน โดยวรรณะเมอ่ืเปน ดังนน้ั ผมทง้ั หลายกป็ รากฏ โดยเปน นีลกสณิ . ขน ฟน กอ็ ยางนน้ั ยอมปรากฏ โดยเปนโอทาตกสณิ . ในทวตั ตงิ สาการทกุ อยา ง ก็นัยนี้. พระโย-คาวจรน้ี ยอมมนสิการธรรมเหลานี้ โดยเปน กสิณนัน้ ๆ นน้ั แล. ธรรมท่ีปรากฏโดยวรรณะอยา งน้ี พระโยคาวจรกม็ นสกิ ารโดยวรรณะ กถ็ า หากวาธรรมเหลา นนั้ ปรากฏแกพ ระโยคาวจรนัน้ โดยความเปนของวางเปลา เมือ่ เปนดงั นนั้ ผมท้ังหลายยอมปรากฏ โดยเปน การประชมุ วินิพโภครูปที่มโี ดชะครบ ๘ดวยการกําหนดแยกออกจากกลุมกอน. ขนเปน ตน ก็ปรากฏเหมือนอยา งทีผ่ มปรากฏ. พระโยคาวจรนี้ ยอ มมนสิการธรรมเหลา นั้น อยางนนั้ เหมือนกัน.ธรรมท่ปี รากฏโดยความเปนของวางเปลาอยางนี้ ก็มนสกิ ารโดยความเปนของวา งเปลา . พระโยคาวจรน้ี มนสิการอยูอยางน้ี ช่ือวา มนสกิ ารธรรมเหลา น้นัโดยลาํ ดับ. ขอ วา โดยปลอยลาํ ดับ อธบิ ายวา พระโยคาวจร ปลอ ยผมทป่ี รากฏโดยเปนอสุภะเปนตน อยา งใดอยา งหนง่ึ และมนสิการขน เปน ผเู พงเฉยอยใู นผมทั้งหลายแลว มนสกิ ารขนทั้งหลาย เมือ่ ต้งั มนสิการในขนทงั้ หลาย กช็ ือ่ วาปลอ ยผม เปรยี บเหมือนปลงิ เพงเฉยอยูทีป่ ระเทศอนั จับไวดว ยหาง ปลอยประเทศอืน่ ทางจะงอยปาก เมือ่ จับประเทศน้ันไว ก็ชอ่ื วาปลอยประเทศนอกน้ีฉะนน้ั . ในทวัตติงสาการทกุ อยา ง กน็ ยั น้ี. กธ็ รรมเหลา นน้ั เมือ่ ปรากฏแกพ ระโยคาวจรนน้ั ผมู นสกิ าร โดยปลอยลําดับอยา งนี้ ยอมปรากฏไมเ หลอื เลยทัง้ ปรากฏวา ปรากฏชัดกวา. เนื้อเปนดังนั้น ธรรมเหลา ใด ปรากฏโดยความเปนของไมงามแกพระโยคาวจรใด ท้ังปรากฏวาปรากฏชัดกวา เปรยี บเหมอื นลงิ ถูกพรานไลตะเพิดไปในดงตาล ๓๒ น้ี ไมหยดุ อยแู มแ ตตน เดยี ว โลดโผไป เม่ือใด
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 92กลับก็ลา เม่ือน้ัน จงึ หยดุ อิงตาลออนอันสะอาด ท่หี มุ หอดว ยใบตาลทบึ ตนหนึ่งเทา นั้น ฉนั ใด ลงิ คอื จิตของพระโยคาวจรนนั้ ก็ฉนั นัน้ เหมอื นกัน อนัพระโยคาวจรนัน้ นนั่ แหละไลตะเพดิ ไปอยใู นกายน้ี ทมี่ ี ๓๒ โกฏฐาสคอื สวนไมหยดุ อยแู มแตสว นหน่ึง โลดไป เมื่อใดกลับ เพราะไมมคี วามปรารถนาในอันแลน ไปสูอารมณเ ปนอนั มาก ก็เหน็ดเหนอื่ ย [ลา ] เมอ่ื นนั้ ธรรมใดของพระ-โยคาวจรนนั้ คลองแคลว หรอื เหมาะแกจ ริตกวาในสว น ๓๒ มผี มเปนตน หรอืเปนผูบาํ เพ็ญบารมไี วกอ นในธรรมใด กอ็ งิ ธรรมนน้ั หยุดอยโู ดยอปุ จารสมาธิเมอ่ื เปนดงั น้ัน พระโยคาวจรทาํ นิมติ นน้ั น่ันแล ใหเปนอนั ถกู ความตรกึ จรดถูกวติ กจรดบอย ๆ ก็จะทาํ ปฐมฌานใหเกดิ ขึ้นตามลาํ ดับ ตัง้ อยใู นปฐมฌานน้นั แลว เร่มิ วิปสสนา ยอมบรรลอุ ริยภูมไิ ด. อนึ่ง ธรรมเหลานั้น ยอ มปรากฏโดยวรรณะแกพระโยคาวจรไดเปรยี บเหมือนลิงถูกพรานไลตะเพดิ ไปในดงตาล ๓๒ ตน ไมห ยดุ อยแู มแ ตต นเดยี ว เมอ่ื ใดกลับก็เหน่อื ยลา เมื่อน้นั จงึ หยดุ องิ ตาลออนอันสะอาด ทีห่ มุ หอดว ยใบตาลทบึ ตน หนึง่ เทา นัน้ ฉันใดลิงคือจิตของพระโยคาวจรนน้ั ก็ฉนั นัน้เหมอื นกนั อนั พระโยคาวจรนน้ั นนั่ แหละ ไลตะเพิดไปอยใู นกายน้ที ่มี ี ๓๒ สวนไมห ยุดอยแู มแ ตสว นหนึง่ โลดไป เมอื่ ใดกลบั เพราะไมมคี วามปรารถนาแลน ไปในอารมณเ ปนอนั มาก ก็เหน่อื ยลา เม่ือนัน้ ธรรมใดของพระโยคาวจรนน้ั คลอ งแคลว หรอื เหมาะแกจ ริตกวา ใน ๓๒ สว นมีผมเปน ตน หรือเปนผูบาํ เพ็ญบารมมี าแตก อ นในธรรมใด ก็อิงธรรมนนั้ หยดุ อยูโ ดยอุปจารสมาธิเมอื่ เปน ดังนน้ั พระโยคาวจรทาํ นิมติ นั้นน่นั แล ใหเปนอนั ถกู ความตรกึ จรดถกู วิตกจรดบอ ย ๆ กจ็ ะทําใหเกิดรูปาวจรฌานแมท งั้ ๕ โดยนลี กสิน หรือโดยปต กสณิ ตามลาํ ดับ และต้งั อยูใ นรูปาวจรฌานน้นั อยา งใดอยา งหนงึ่ เรมิ่เจริญวปิ ส สนา ก็จะบรรลุอรยิ ภมู ิได.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 93 อน่ึง ธรรมเหลาน้นั ปรากฏโดยความเปน ของวางเปลา แกพระ-โยคาวจรใด พระโยคาวจรนัน้ ยอมมนสกิ ารโดยลกั ษณะ เม่อื มนสกิ ารโดยลกั ษณะ ยอมบรรลุอปุ จารฌาน โดยกําหนดธาตุ ในธรรมเหลานัน้ เม่ือเปนดงั น้ัน เม่อื มนสิการ กม็ นสิการธรรมเหลาน้นั โดยสูตรท้งั ๓ คอื ไมเ ทีย่ งเปน ทกุ ข เปน อนตั ตา. นเ้ี ปน วปิ ส สนานัยของพระโยคาวจรน้ัน. พระโยคาวจรเรม่ิ เจรญิ วิปสสนานี้และปฏิบตั ไิ ปตามลาํ ดับ ก็ยอ มบรรลอุ รยิ ภมู แิ ล. กค็ ําใดขา พเจากลาวไวว า กพ็ ระโยคาวจรน้ี มนสิการธรรมเหลาน้ีอยางไร คํานั้นก็เปน อนั ขา พเจา พยากรณแ ลว ดว ยกถามปี ระมาณเพยี งเทานี.้อน่ึงเลา คําใดขาพเจา กลาวไวว า พงึ ทราบการพรรณนาปาฐะนัน้ อยางน้ี โดยภาวนา. ความของคําน้นั กเ็ ปนอนั ขา พเจา ประกาศแลว แล. ปกิณณกนัย นัยเบ็ดเตลด็ บัดนี้ พึงทราบปกิณณกนยั นี้ เพอ่ื ความชํานาญและความฉลาด ในทวตั ติงสาการนวี้ า นิมิตตฺ โต ลกขฺ ณโต ธาตโุ ต สุ ฺ โตป จ ขนฺธาทิโต จ วิ เฺ ยฺโย ทฺวตฺตสึ าการนิจฉฺ โย. พงึ ทราบการวินิจฉยั ทวัตตงิ สาการ โดยนิมติ โดย ลกั ษณะ โดยธาตุ โดยความวา งเปลา และโดยขันธ เปนตน .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 94 บรรดาขอปกณิ ณกะนน้ั ขอวาโดยนมิ ิต ความวา ในทวตั ตงิ สาการนี้ มปี ระการดังกลาวมาแลวนี้ มนี มิ ติ ๑๖๐ ซึ่งพระโยคาวจร สามารถกําหนดทวตั ติงสาการไดโ ดยโกฏฐาสคือเปนสวนๆ คอื ผมมีนิมติ ๕ คอื วรรณะ สีสณั ฐาน ทรวดทรง ทิสา ทศิ โอกาส ที่เกดิ ปริเฉท ตัดตอนในขนเปนตน ก็อยา งนี้. ขอ วา โดยลกั ษณะ ความวา ในทวตั ตงิ สาการมีลกั ษณะ ๑๒ ซง่ึพระโยคาวจร สามารถทํามนสิการทวตั ติงสาการไดโ ดยลักษณะ คือ ผมมี ๔ลักษณะ คือ ลกั ษณะแขน ลกั ษณะเอิบอาบ ลักษณะรอ น ลักษณะพัด ในขนเปนตน กอ ยางน้.ี ขอ วา โดยธาตุ ความวา ในทวตั ตงิ สาการ ในธาตุทั้งหลายท่ีพระผูมพี ระภาคเจา ตรัสในบาลีน้วี า ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย บุรุษบุคคลนี้ มธี าตุ๖ ดังนี้ ธาตมุ ี ๑๒๘ ซ่งึ พระโยคาวจร สามารถกาํ หนดทวัตติงสาการไดโดยธาตุคอื ในผมมธี าตุ ๔ คือ สว นท่ีแข็งเปนปรวธี าตุ สว นทเี่ อบิ อาบเปนอาโปธาตุ สวนทีร่ อ นเปน เตโชธาตุ สว นท่ีพดั เปนวาโยธาต.ุ ในขนเปนตนก็อยางนี้ ขอ วา โดยความวางเปลา ความวา ในทวตั ตงิ สาการมสี ญุ ญตา๑๒๘ ซงึ่ พระโยคาวจร สามารถพิจารณาเหน็ ทวตั ตงิ สาการ โดยความวางเปลาคือในผมกอ น มสี ุญญตา ๔ คอื ปฐวธี าตุวา งจากอาโปธาตเุ ปนตน อาโปธาตุเปน ตน ก็อยา งน้นั วางจากปฐวีธาตุเปน ตน. ในขนเปน ตนก็อยางน้ี. ขอวา โดยขันธเปน ตน ความวา ในทวตั ติงสาการเมือ่ ผมเปน ตนทา นสงเคราะหโดยขันธเปน ตน พงึ ทราบวนิ จิ ฉัย โดยนยั เปนตน อยางนว้ี าผมท้งั หลายมขี ันธเ ทาไร มีอาตนะเทาไร มธี าตุเทาไร มสี จั จะเทา ไร มสี ติ-ปฏฐานเทาไร. กายยอมปรากฏประหน่งึ กองหญาและไมแ กพ ระโยคาวจรนัน้ผพู ิจารณาเหน็ อยา งน้ี เหมือนอยา งทา นกลา วไวว า
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 95นตฺถิ สตฺโต นโร โปโส ปคุ ฺคโล นูปลพฺภติสุ ฺภโู ต อย กาโย ตณิ กฏ สมูปโม.ไมม ี สตั ว นระ บรุ ษุ ไมไดบ ุคคลกายน้ีมสี ภาพวางเปลา เปรยี บเสมอดวยหญา และไม.อน่ึงเลา ความยนิ ดีน้นั ใด อันมใิ ชข องมนษุ ยทที่ า นกลา วไวอ ยา งนว้ี าสฺาคาร ปวฏิ สสฺ สนตฺ จติ ฺตสสฺ ตาทโิ นอมานสุ ี รติ โหติ สมฺมา ธมมฺ วิปสฺสโต.ทา นผเู ขา ไปยังเรือนวา ง มีจติ สงบ คงท่ี พิจาร-ณา เห็นธรรมโดยชอบ ยอ มมคี วามยินดี ท่ีไมใ ชข องมนุษย.ความยินดนี น้ั อยูไมไกลเลย. ตอ แตนัน้ อมตะคือ ปต ิและปราโมชน้ันใด ที่สาํ เร็จมาแตวิปสสนา ทพี่ ระผมู พี ระภาคเจา ตรัสไวอ ยางน้วี ายโต ยโต สมมฺ สติ ขนฺธาน อทุ ยพพฺ ยลภตี ปตปิ าโมชฺช อมต ต วิชานต .พิจารณาเห็นความเกิดและดับแหง ขันธท ง้ั หลายโดยประการใด ๆ ปต ิและปราโมชอนั อมตะยอ มไดแกผ พู จิ ารณาเห็นความเกิดดับนั้น โดยประการน้ัน ๆ.พระโยคาวจร เมอ่ื เสวยปติและปราโมชอันเปนอมตะนั้น ไมนานเลยก็จะทาํ ใหแจงอมตะคือพระนพิ พานทไี่ มแ กไ มตาย อันอรยิ ชนเสพแลวแล. จบกถาพรรณนาทวัตติงสาการ แหง อรรถกถาขุททกปาฐะ ชอ่ื ปรมตั ถโชตกิ า
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 96 สามเณรปญหาในขุททกปาฐะ [๔] อะไรเอย ชือ่ วา ๑ สัตวท ้ังปวงตง้ั อยูไดดว ย อาหาร. อะไรเอยชอ่ื วา ๒ นามและรูป. อะไรเอย ชอื่ วา ๓ เวทนา ๓. อะไรเอย ช่ือวา ๔ อรยิ สจั ๔. อะไร เอย ช่อื วา ๕ อุปาทานขนั ธ ๕. อะไรเอย ช่อื วา ๖ อายตนะภายใน ๖. อะไรเอย ชื่อวา ๗ โพชฌงค ๗. อะไรเอย ช่ือวา ๘ อริยมรรคมีองค ๘. อะไรเอย ชอ่ื วา ๙ สัตตาวาส ๙. อะไรเอยชื่อวา ๑๐ ทานผูป ระกอบ ดว ยองค ๑๐ เรียกวาพระอรหนั ต. จบสามเณรปญหา ๔. กถาพรรณนากุมารปญหา๑ อัตถปุ ปตติ เหตุเกิดเรอื่ ง บัดน้ี ถงึ ลําดับพรรณนาความของกมุ ารปญหา [สามเณรปญ หา]เปนตนอยางนี้วา อะไรเอย ชื่อวาหน่ึง ขา พเจาจักกลา วเหตเุ กดิ เร่ืองของกุมารปญหาเหลา นัน้ และประโยชนแหง การวางบทต้ังในทนี่ แ้ี ลว จงึ จักทําการพรรณนาความ. จะกลาวเหตเุ กิดเรอื่ งของกุมารปญ หาเหลา นั้นกอน. ชอื่ วาโสปากะเปน พระมหาสาวกของพระผูมพี ระภาคเจา. ทานโสปากะนั้น สาํ เรจ็ พระอรหันต๑. บาลเี ปน สามเณรปญ หา.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 97เม่อื อายุได ๗ ขวบโดยกําเนดิ . พระผมู พี ระภาคเจาพระพุทธประสงคจ ะทรงอนุญาตการอปุ สมบทดวยการพยากรณ [ตอบ] ปญ หาแกท าน ทรงเหน็ วาทานเปนผสู ามารถพยากรณป ญ หาท้งั หลาย ที่มีความอันพระองคท รงประสงคแลว จงึ ตรสั ถามปญหา โดยนัยเปน ตน อยางน้วี า อะไรเอย ชอื่ วา หนึง่ .ทานกพ็ ยากรณ และทําจิตของพระผมู พี ระภาคเจา ใหท รงยนิ ดดี วยการพยากรณน้ัน. อันน้ันนัน่ แลไดเปนอุปสมบทของทา นพระโสปากะน้นั . นี้เปน เหตุเกดิ เรือ่ งของสามเณรปญ หาเหลาน้นั . ประโยชนของการวางบทต้งั ก็เพราะเหตทุ ป่ี ระกาศจติ ตภาวนา โดยระลกึ ถึงพระพทุ ธเจา พระ-ธรรมและพระสงฆด วยสรณคมน ประกาศศีลภาวนาดว ยสกิ ขาบทและประกาศกายภาวนาดวยทวัตติงสาการ ฉะน้นั บัดน้ี จงึ วางการพยากรณปญ หาเหลา น้ีเปนบทตั้งในท่ีน้ี เพื่อแสดงมขุ คือ ปญญาภาวนา โดยประการตา ง ๆ หรอืเพราะเหตทุ ่สี มาธมิ ีศลี เปน ปทฏั ฐาน และปญ ญามสี มาธิเปน ปทฏั ฐาน เหมอื นอยางที่พระผูมีพระภาคเจา ตรัสไววั า สเี ล ปติฏาย นโร สปฺโ จติ ฺต ปฺ จฺ ภาวย นรชนผมู ีปญ ญา ตงั้ อยใู นศลี เจริญจติ และปญ ญา ดงั นี้ ฉะน้นั จงึ ควรทราบแมวา ขาพเจา ครั้นแสดงศีลดว ยสิกขาบทท้งั หลาย และสมาธิที่มศี ลี น้ันเปนโคจรดว ยทวตั ตงิ สาการแลว จงึ วางปญหาพยากรณเปนบทตง้ั ไวในที่น้ี เพ่ือแสดงประเภทแหงปญญา อันเปน เครอื่ งตรวจตราธรรมตา ง ๆ สาํ หรบั ผูม ีจิตตัง้ มน่ัแลว . น้เี ปนประโยชนของการวา งปญ หาเหลา น้นั เปนบทต้ังในที่น.ี้
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 98 พรรณนาปญ หาวา อะไรเอย ชื่อวา ๑ บัดนี้ จะพรรณนาความของปญหาเหลานน้ั . ภิกษุเมื่อหนายโดยชอบในธรรมอยา งหน่งึ อนั ใด ยอ มทาํ ที่สดุ ทกุ ขไดโดยลาํ ดับ อนงึ่ ทา นพระโสปากะนี้ เม่อื หนา ยในธรรมอยางหนงึ่ อันใด ไดทําทีส่ ดุ ทุกขแ ลว พระผูมพี ระภาคเจา ทรงหมายถึงธรรมนั้น จงึ ตรัสถามปญหาวา อะไรเอย ชอื่ วา หน่งึ .พระเถระทลู ตอบดวยเทศนาเปน บคุ คลธิษฐานวา สัตวท ้ังปวงท้ังอยูไดด ว ยอาหาร. ในขอนี้ พระสตู รทั้งหลายเปน ตน อยา งน้ีวา ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลายสัมมาสตเิ ปน ไฉน ภิกษใุ นธรรมวินยั น้ี พจิ ารณาเห็นกายในกายดงั นี้ เปนเคร่ืองสาธกในความเกดิ ขอยุตดิ ว ยการตอบอยา งน้ี. ในขอน้ี สตั วทง้ั ปวงทานกลา ววา ดงั อยูไดดว ยอาหารโดยอาหารใด อาหารนัน้ หรือความท่สี ัตวเหลาน้ันตัง้ อยูไ ดด วยอาหาร พึงทราบวา พระเถระผูถูกตรัสถามวา อะไรเอยชอ่ื วา ๑ ทลู ชแี้ จงแลว. จรงิ อยู ขอ น้นั พระผูมพี ระภาคเจา ทรงประสงควาช่อื วา ๑ ในทนี่ ี้ แตม ิใชตรัสเพื่อใหร ูวา ชือ่ วา อยางอ่ืนในพระศาสนาหรือในโลก ไมมี. ความจริง พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ไวว า ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ในธรรมอยา งหน่ึง ภกิ ษุ เมอื่ หนายโดยชอบ เมื่อคลายโดยชอบ เมอ่ื หลดุ พน โดยชอบ เห็นทสี่ ุดโดยชอบ ตรสั รคู วามเปน ธรรม โดยชอบ ยอ มเปนผทู ําที่สุดทกุ ขไ ดในทฏิ ฐธรรม คือ ปจจบุ ัน ในธรรมอยางหน่ึงเปน ไฉน คอื ในธรรมอยาง หนงึ่ วา สัตวทั้งปวงตง้ั อยไู ดดว ยอาหาร. ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ในธรรมอยา งหน่งึ น้ีแล ภกิ ษเุ ม่ือหนายโดยชอบ เม่อื คลายโดยชอบ เมอ่ื หลดุ พน
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ขทุ ทกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 99 โดยชอบ เหน็ ทส่ี ดุ โดยชอบ ตรัสรูความเปน ธรรม โดยชอบ ยอมเปนผทู าํ ทสี่ ดุ ทกุ ขไดใ นทิฏฐธรรม คือ ปจ จุบัน คาํ นัน้ ใดเรากลาววา ปญหา ๑ อทุ เทส ๑ ไวยากรณ ๑ ดังน้ี คํานีเ้ ราอาศัยขอ นน้ั กลา วแลว. ในคาํ วา อาหารฏติ กิ า น้ี พระเถระถอื เอาปจจยั ดวย อาหารศัพท เรยี กสตั วท้ังปวงที่ตงั้ อยูไ ดดว ยปจจยั วา ตัง้ อยูไดด วยอาหาร เหมอื นปจจัยทา นเรยี กวาอาหาร ในพระบาลเี ปน ตน อยา งนวี้ า \"ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย สุภนมิ ติ มีอยู การทาํ ใหมากดว ยการมนสิการโดยไมแยบคายในสุภนมิ ติ นนั้ นีเ้ ปน อาหารเพื่อความเกิดแหง กามฉันทะท่ียงั ไมเกดิฉะนัน้ แตเ มือ่ ทานหมายเอาอาหาร ๔ กลา ววา ตั้งอยไู ดด ว ยอาหารดงั น้.ี คาํ วา ทงั้ ปวง ก็นาจะไมถ ูกตอง เพราะพระบาลีวา เทพทเี่ ปนอสญั ญีสัตว ไมมเี หตุ ไมม ีอาหาร ไมผสั สะ ไมมีเวทนา. ในขอนนั้ พงึ มคี าํ ชี้แจงดงั น้ี แมเมอ่ื ถกู ลา วอยา งนี้ ความท่ีสัตวท้งั หลายเทานั้นตง้ั อยูไดด วยปจจยั ก็ถกู แท เพราะพระบาลีวา ธรรมเหลาไหนมีปจ จัย. ปญจขันธ คือรูปขนั ธ ฯลฯ วิญญาณขนั ธ แตค วามท่ีสัตวทงั้ หลายตั้งอยไู ดดว ยปจ จัย คําน้ีเหน็ จะไมถกู แนทีเดยี ว ขอนี้ ไมควรเห็นอยางนี้. เพราะอะไร เพราะกลา วรวมไวเ สรจ็ ถงึ ขนั ธใ นสัตวท ั้งหลาย. จรงิ อยูทา นกลาวรวมไวเ สร็จในสตั วทัง้ หลายแลว เพราะอะไร. เพราะทา นอาศยั ขนั ธ-บญั ญตั .ิ อยา งไร. เหมือนอุปจารแหงบานในเรือน เหมือนอยางวา เมือ่เรือนหลังเดยี ว หรอื สองหลงั แมส ามหลงั แหงบาน ถูกไฟไหม กก็ ลา วรวมความไวเสร็จถงึ บานในเรือนอยางน้วี า บานถูกไฟไหมเพราะอาศยั เรอื นหลายหลงั บญั ญัติ ฉันใด กพ็ ึงทราบวา กลา วรวมความไวเ สรจ็ ถึงวาสัตวท ้งั หลายต้งั อยไู ดด ว ยอาหาร ในสตั วท ้งั หลายท่ีตง้ั อยูไดดวยอาหาร เพราะอรรถวา เปน
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 100ปจ จยั ในขันธทั้งหลาย ก็ฉันน้ันเหมือนกนั . แตเมื่อวา โดยปรมัตถ พึงทราบวา เมอื่ ขนั ธทงั้ หลาย เกิดแกและตายอย.ู พระผูมพี ระภาคเจาเมือ่ ตรัสวาดูกอ นภกิ ษุ เธอเกิดแกและตายอยูทุกขณะ ดังนี้ เปนอนั ทรงแสดงวาตรัสรวมความไวเ สรจ็ ถึงขนั ธใ นสตั วเ หลานั้น เมื่อใด สตั วท ้งั ปวงตงั้ อยไู ดดวยอาหารทเี่ รยี กวาปจ จัยอันใด อาหารอันนนั้ หรือความท่สี ตั วต ้งั อยูไดดว ยอาหาร พงึ ทราบวา มหี นง่ึ เพราะวา อาหารหรอื ความท่สี ัตวต้ังอยไู ดด วยอาหาร ยอมเปนฐานท่ีตง้ั แหง นิพพทิ าความหนา ย เพราะเปน เหตุแหง อนิจจตาความเปนของไมเ ทยี่ ง. เมือ่ นน้ั ภิกษเุ มอื่ หนาย เพราะเหน็ อนจิ จตาในสังขารทัง้ หลายท่เี ขา ใจกัน วา สตั วทง้ั ปวงเหลาน้นั ยอ มจะเปน ผูท ําที่สุดทุกขไ ดโดยลาํ ดับ ยอมบรรลุปรมตั ถวสิ ุทธิ ความบริสทุ ธิโ์ ดยปรมตั ถ เหมอื นอยา งท่ีตรัสไวว า สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ ยทา ปฺ าย ปสฺสติอถ นิพฺพินฺทติ ทุกเฺ ข เอส มคฺโค วิสุทฺธยิ า. เมื่อไดเ หน็ ดว ยปญ ญาวา สังขารทง้ั ปวงไมเ ที่ยงเนอ้ื นั้น ยอ มหนายในทุกข น่นั เปน ทางแหง วสิ ุทธิ.กใ็ นปญหาขอแรกนี้ มปี าฐะอยู ๒ อยา งวา เอก นาม กึ และ[เอก นาม] กหิ . ในปาระทั้ง ๒ นนั้ ปาฐะชาวสิงหลวา กิห. ดวยวา ชาวสิงหลเหลาน้นั แทนทจ่ี ะกลาววา กึ ก็กลาวเสียวา กิห. อาจารยช าวสิงหลบางพวกกลา ววา คาํ วา ห เปน นบิ าต ปาฐะแมของพวกที่ถอื ลัทธิฝายเถรวาทก็อยางนีเ้ หมอื นกนั . แตทัง้ ๒ ปาฐะ ความก็อยา งเดียวกนั . ชอบใจอยา งใดก็พึงสวดพึงกลาวอยางนนั้ . เหมอื นอยา งวา บางแหง ก็กลาววา ทุข และบางแหง ก็กลาววา ทุกข ในบาลที งั้ หลายเปน ตน อยา งนี้วา สุเขน ผุฏโ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359