Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore RMUTCON 2022_ABSTRACT NATIONAL CONFERENCE

RMUTCON 2022_ABSTRACT NATIONAL CONFERENCE

Published by IRD RMUTT, 2022-05-30 09:27:26

Description: RMUTCON 2022_ABSTRACT NATIONAL CONFERENCE

Search

Read the Text Version

กากราปรรปะรชะชมุ มุกวาิชรจากัดางรารนะปดรับะชชาุมตวิมิชหากวาทิ รยราะลดยั ับเทชคาโตนิมโลหยารีวาิทชยมางลคัยลเทคครัง้โทน่ีโ1ล2ยีราชมงคล คร้ังท่ี 12 The 12th RTahjeam1a2nthgRalaajaUmnaivnegrasiltay UofniTveecrhsintyoloogfyTNecahtionnoalol gCyonNfaetrieonncael Conference” “๙ ราชม“๙งคลราขชับมเคงลคอ่ืลนขนับวเัตคกลรอ่ื รนมนนวำ�ตั เกศรรรษมฐกนิจำเปศลรกู ษแฐนกวจิ คดิปเลทูกคแโนนโวลคยดิีสเเี ทขยีควโนเพโอ่ืลกยาีสรเี พขียฒั วนเาพทื่อย่ี กัง่ ายรนื พ”ฒั นาท่ยี ัง่ ยนื ” ประสิทธิภาพของวสั ดุกรองต่อการเจริญเตบิ โตและคุณภาพนําJ ในการเลยีJ งปลาทอง The Efficiency of Filter Materials on Growth and Water Quality for Goldfish Culture สงบ ศรีเมือง* กิตติมา วานิชกลู ณฐั พร ศรีรัตน์ และ สหสั วรรษ จงศุภวศิ าลกิจ Sangob Srimueang*, Kittima Vanichkul, Natthaphon Srirat and Sahatsawat Jongsupawisalkit สาขาประมง คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Fisheries, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาประสิทธิภาพของวสั ดุกรองในบ่อกรองสาํ หรับเลKียงปลาทองทีNแตกต่างกนั 3 ชนิด คือ ไบโอบอล ตาข่ายพรางแสง และเศษอิฐมวลเบา ตามลาํ ดบั ปล่อยปลาทองหัวสิงห์ญNีป่ ุน บ่อละ 5 ตวั มี ความยาวเรNิมตน้ เฉลNีย 8.62±0.13, 8.53±0.19 และ 8.46±0.18 เซนติเมตร ตามลาํ ดบั และมีนKาํ หนกั เรNิมตน้ เฉลNีย 68.23±5.77, 63.64±1.44 และ 62.93±2.84 กรัม ตามลาํ ดบั เลKียงเป็ นระยะเวลา 49 วนั ความยาว สุดทา้ ยเฉลNีย นKาํ หนกั สุดทา้ ยเฉลีNย ไม่มีความแตกต่างอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (p>0.05) โดยมีค่าความ ยาวสุดทา้ ยเฉลNีย 9.79±0.08, 9.48±0.43 และ 9.59±0.34 เซนติเมตร นKาํ หนักสุดทา้ ยเฉลีNย 108.99±8.45, 98.58±5.43และ 99.82±5.34กรัม ตามลาํ ดบั อตั ราการอดตาย ไม่มีความแตกต่างอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (p>0.05) มีค่า 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกชุดการทดลอง คุณภาพนKาํ มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคญั ทางสถิติ (p<0.05) พบว่าชุดการทดลองทีNใช้เศษอิฐมวลเบามีค่าแอมโมเนีย และไนไตรท์น้อยทีNสุดเท่ากับ 0.0007±0.0002 และ 0.2647±0.0307 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลาํ ดบั จากผลการทดลองครKังนKี สรุปไดว้ า่ เศษ อิฐมวลเบาสามารถนําไปใช้เป็ นวสั ดุกรองในการเลKียงปลาทอง หรือปลาสวยงามได้ เนืNองจากมี ประสิทธิภาพในการเปลีNยนรูปแอมโมเนียและไนไตรทไ์ ดด้ ี ไม่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต และอตั ราการ รอดตายของปลาทอง คาํ สําคญั : เศษอิฐมวลเบา ไบโอบอล ตาข่ายพรางแสง อตั ราเจริญเติบโต อตั ราการรอดตาย คุณภาพนKาํ 69

Theก1กา2ารtรปhปรRะรaชะjTaชมุ mhวมุ ชิeกaาาn1กรg2าจatรัดhlรaงRะาดUaนับjnaปชimvราeะตarชิมnsมุiหgtวyaาิชวloaิทาfกยUTาาneรลicรัยvhะเeทดnrคับosโilชtนoyาโgตลyoมิยfNรีหTาaาชetวiมcoิทงhnยคnaาลloลCคlยั ooรเgทง้ัnyทคfeี่โN1นr2eaโntลicoยeีรnาaชlมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e12” “๙ ราชมงค“ล๙ขับราเคชลมื่องนคนลวขัตับกเรครลม่อื นำ�นเวศัตรษกรฐรกมจิ นปำลเูกศแรนษวฐคกิดจิ เทปคลโนกู โแลนยวีสคเี ขิดียเทวเคพโื่อนกโลารยพีสฒัเี ขนียาวทเ่ยีพงั่ อื่ ยกนื า”รพฒั นาท่ียง่ั ยืน” การคดั เลือกสายพนั ธ์ุเบญจมาศทไ9ี ด้จากการเหนี9ยวนําให้เกดิ การกลายพนั ธ์ุด้วย รังสีแกมมาเพื9อผลติ เป็ นพนั ธ์ุการค้า The Selection of Chrysanthemum Lines from Induced Mutation by Gamma Irradiation for Commercial Cultivation พนั ทิพา ลิOมสงวน1* อดิศกั ดjิ แกว้ คาํ 2 อญั ชนา รอดรังนก3 ศศิวมิ ล จนั ทร์สุเทพ4 และเสริมศิริ จนั ทร์เปรม2,5 Pantipa Limsanguan1*, Adisak Keawkam2, Aunchana Rodrungnok3, Sasiwimol Chansuthep4 and Sermsiri Chanprame2,5 1คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี 2ศูนยเ์ ทคโนโลยชี ีวภาพเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ และศูนยค์ วามเป็นเลิศดา้ นเทคโนโลยชี ีวภาพเกษตร 3วทิ ยาลยั แพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ รังสิต 4ศูนยป์ ฏิบตั ิการวจิ ยั และเรือนปลูกพชื ทดลอง ศูนยว์ จิ ยั และบริการวชิ าการ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน 5ภาควชิ าพชื สวน คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน 1Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi 2Center for Agricultural Biotechnology and Center of Excellence on Agricultural Biotechnology: (AG-BIO/MHESI) 3Chulabhorn international college of medicine, Thammasat University, Rangsit 4Central Laboratory and Greenhouse Complex, Research and Academic Service Center Kasetsart University 5Department of Horticulture, Facultyof Agriculture at Kamphaeng Saen, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus บทคดั ย่อ *Corresponding Author E-mail: [email protected] จากงานวิจยั ก่อนหนา้ นOี ไดม้ ีการปรับปรุงพนั ธุ์เบญจมาศดว้ ยการเหน0ียวนาํ ให้เกิดการกลายพนั ธุ์โดย การฉายรังสีแกมมาเบญจมาศพนั ธุ์การคา้ ชนิดตดั ดอก ช่อแบบ spray ดอกแบบ 2 สี และไดส้ ายพนั ธุ์กลายท0ีเกิด การเปล0ียนแปลงของสีดอก ไดแ้ ก่ สีแดงขลิบเหลือง สีขาวม่วง สีขาว และสีเหลือง ดงั นOนั การคดั เลือกสายพนั ธุ์ กลายที0มีความเสถียร ตอ้ งมีการตดั ชาํ ขอ้ เพ0ือปลูกทดสอบหลายชวั0 รุ่นการคดั เลือกจึงมีประสิทธิภาพ ซ0ึงการ เพาะเลOียงเนOือเย0ือสามารถช่วยลดระยะเวลาของการตดั ชาํ ขอ้ เพื0อคดั เลือกได้ โดยงานวิจยั นOีไดน้ าํ ตน้ เบญจมาศ สายพนั ธุ์กลายมาฟอกฆ่าเชOือท0ีผวิ เพาะเลOียงบนอาหารแขง็ สูตร MS (Murashige and Skoog, 1962) ภายใตส้ ภาพ เพาะเลOียงที0มีแสง 50 ไมโครโมลต่อตารางเมตรต่อวินาที 16 ชว0ั โมงต่อวนั อุณหภูมิ 25±2 องศาเซลเซียส และตดั ชาํ ขอ้ เปลี0ยนถ่ายอาหารใหม่ทุกเดือนจาํ นวน 8 ชวั0 รุ่น นาํ ตน้ เบญจมาศยา้ ยลงปลูกในแปลงทดลองจนกระทงั0 ออก ดอกบาน จากนOนั ประเมินความคงตวั โดยพิจารณาจากลกั ษณะทางสณั ฐานวทิ ยา ผลการทดลองพบวา่ พนั ธุ์สีแดง ขลิบเหลืองมีความคงตวั 34.62 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสายพนั ธุ์ สีขาวม่วง สีขาวและสีเหลือง มีความคงตวั 32.86 6.67 และ 34.78 เปอร์เซ็นต์ ตามลาํ ดบั คาํ สําคญั : การเพาะเลOียงเนOือเยอ0ื การกลายพนั ธุ์ รังสีแกมมา 70

กากรปารรปะรชะมุ ชกมุ าวริชจาัดกงาารนระปดรบั ะชชาุมตวิมชิ หาากวาทิ รยราะลดัยับเทชคาตโนมิ โหลายวรี าิทชยมางลคัยลเทคครโ้งั นทโ่ี ล12ยีราชมงคล ครง้ั ที่ 12 The 12thTRhaejam12atnhgRaalajaUmnaivnegrasliatyUonfiTvecrshintyoloofgyTeNcahtinoonlaolgCyoNnfaetrioencael Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเงคคลลือ่ ขนับนเวคตั ลกอื่ รนรมนวนัตำ�กเศรรรษมฐกนิจำเปศลรษูกแฐนกวิจคปดิ เลทูกคแโนนโวลคยิดสี เเีทขคยี โวนเพโล่ือยกสีารีเขพยีฒั วนเพาทอ่ื ี่ยก่งั ายรนื พ”ฒั นาทย่ี ัง่ ยนื ” ประสิทธิภาพของ Bacillus spp. ทแีV ยกจากลาํ ไส้ก้งุ ก้ามกราม (Macrobrachium rosenbergii (De Man)) ในการควบคุมเชืJอ Vibrio sp. Effective of Bacillus spp. isolated from the intestine of Freshwater Prawn (Macrobrachium rosenbergii (De Man)) to control of Vibrio spp. กิตติมา วานิชกลู * บุณฑริกา ทองดอนพมุ่ จิราพร กลุ คาํ และ สงบ ศรีเมือง Kittima Vanichkul*, Boontarika Thongdonphum, Jiraporn Kulkham and Sangob Srimueang สาขาประมง คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Major of Fisheries, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การเลKียงสัตวน์ Kาํ มีการขยายตวั อยา่ งมาก แต่การเลKียงส่วนใหญ่มกั ประสบปัญหาดา้ นโรคในระหวา่ ง การเลKียงซNึงส่งผลต่อปริมาณผลผลิต ทาํ ใหม้ ีการนาํ สารเคมีและยาปฏิชีวนะเขา้ มาใชใ้ นการเลKียงเพNือแกป้ ัญหา เหล่านKนั แต่การใชย้ าทNีมากเกินไปทาํ ใหเ้ กิดการตกคา้ งและเป็ นปัญหาต่อสิNงแวดลอ้ ม การป้องกนั โรคดว้ ย วิธีทางชีวภาพโดยการใชจ้ ุลินทรียโ์ พรไบโอติก เช่น Bacillus spp. ทีNมีหลายชนิดพบว่าสามารถควบคุมเชKือ โรคได้ ดงั นKนั งานวิจยั นKีมุ่งเนน้ การศึกษาประสิทธิภาพของ Bacillus spp. ทNีแยกไดจ้ ากลาํ ไส้กุง้ กา้ มกราม ในการควบคุมเชKือ Vibrio spp. ซNึงเป็ นเชKือก่อโรคทNีสร้างความเสียหายในการเลKียงกุง้ จากการศึกษาพบ Bacillus spp. จาํ นวน 3 ชนิด คือ B. subtilis 1 B. subtilis 2 และ B. megatilium จากลาํ ไส้กุ้งก้ามกราม เมืNอนํามาศึกษาประสิทธิภาพยบั ยKงั เชKือ Vibrio spp. ด้วยวิธี cross streak บนอาหารเลKียงเชKือ พบว่า B. subtilis 1 B. subtilis 2 และ B. megatilium สามารถเขา้ ครอบครองพKืนทNีของเชKือ V. parahaemolyticus V. harveyi V. cholerae และ V. vulnificus ได้ แต่ไม่พบการยบั ยKงั เชKือทNีทดสอบ จากผลการศึกษาครKังนKี แสดงว่า B. subtilis 1 B. subtilis 2 และ B. megatilium ทNีแยกไดจ้ ากลาํ ไส้กุง้ กา้ มกรามมีประสิทธิภาพใน การเพิNมจาํ นวนเขา้ ครอบครองพKนื ทีNของเชKือ V. parahaemolyticus V. harveyi V. cholerae และ V.vulnificus ได้ สามารถนาํ ไปใชล้ ดประมาณเชKือ Vibrio spp. ในการเลKียงได้ คาํ สําคญั : บาซิลลสั วบิ ริโอ กงุ้ กา้ มกราม 71

การประชมุ การจัดงานประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ที่ 12 การปรTะhชeุมว1ิช2าthกาRรaรjะaดmับaชnาตgaิมlหaาวUทิ nยivาeลัยrsเiทtคyโoนfโลTยeรี cาชhมnงoคlลogคyร้ังNทaี่ 1ti2onal Conference” “๙ ราTชh“มe๙งค1รล2าขthชบั มRเคaงคjลaล่อื mนขaนับnวเgคัตaลกlอ่ืรaรนUมนnนวivตัำ�eเกศrรsรรiษtมyฐกนoจิ fำเปTศeลรcูกษhแฐnนกoวิจlคoดิปgเลyทูกคNแโaนนtโiวoลคnยิดีสaเlเี ทขCคียoวโnนเพfโeลอ่ื rกยeาีสnรเี cขพeียฒั วนเาพท่ือย่ี กั่งายรืนพ”ัฒนาท่ยี ่ังยืน” ผลของไฮโดรคอลลอยด์ต่อคุณภาพของสารห่อหุ้มนําJ มนั รกจนั ทน์เทศโดยการพ่นแห้ง Effect of Hydrocolloids on the Quality of Mace Oil Encapsulated by Spray Drying Techniques รัฐภูมิ จนั ทะผล และ ศรินญา สงั ขสญั ญา* RatthaphumJantaponand Sarinya Sangkasanya* สาขาเทคโนโลยอี าหาร คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Division of Food Technology, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั นKีมีวตั ถุประสงคเ์ พืNอศึกษาผลของชนิดไฮโดรคอลลอยด์ทNีต่างกนั 2 ชนิด ไดแ้ ก่ มอลโท เดกซ์ตริน และกมั อราบิกต่อคุณภาพทางกายภาพ และเคมีของเอนแคปซูเลตนKาํ มนั รกจนั ทน์เทศทีNเตรียม ได้จากการพ่นแห้ง ผลการศึกษาพบว่าชนิดของไฮโดรคอลลอยด์มีผลอย่างมีนัยสําคญั ทางสถิติต่อ ปริมาณฟี นอลิกทKงั หมด และกิจกรรมการตา้ นอนุมูลอิสระ (p<0.05) เอนแคปซูเลตนKาํ มนั รกจนั ทน์เทศทีN เตรียมไดจ้ ากการพ่นแห้งดว้ ยกมั อราบิก (ร้อยละ 20 ) มีลกั ษณะเป็ นผงแห้งสีขาวเหลือง มีค่า aw เท่ากบั 0.14 มีค่าความสวา่ ง (L*) ค่าความเป็นสีแดง (a*) และค่าความเป็นสีเหลือง (b*) เท่ากบั 84.47, 6.49 และ 26.69 ตามลาํ ดบั มีค่าความหนาแน่นรวมเท่ากับ 0.39 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร มีปริมาณฟี นอลิก ทKงั หมดเท่ากบั 0.52 กรัมสมมูลกรดแกลลิกต่อมิลลิลิตร และมีกิจกรรมการตา้ นอนุมูลอิสระเท่ากบั 155.31 ไมโครกรัมสมมูลกรดแอสคอร์บิกต่อมิลลิลิตร คาํ สําคญั : เอนแคปซูเลต เอนแคปซูเลตนKาํ มนั รกจนั ทน์เทศ กมั อราบิก 72

การกปารรปะชระมุ ชกมุ าวริชจาัดกงาารนรปะดรับะชชาุมตวมิ ิชหาากวาิทรยราะลดยับั เชทาคตโนิมโหลายวีริทาชยมางลคยั ลเทคครโ้งั นทโ่ี ล12ยีราชมงคล คร้งั ที่ 12 The 12thTRhaejam12atnh gRaaljaamUnainvegarsliatyUonfivTercshitnyoloofgyTeNcahtinoonlaolgCyoNnafetrioencael Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบัมเงคคลลอ่ื ขนับนเวคัตลกอื่ รนรมนวนัตำ�กเศรรรษมฐนกจิำเศปรลษูกแฐนกวจิ คปดิ ลเทกู คแโนนวโลคยดิ ีสเีเทขคยี โวนเพโลอื่ ยกีสารเี ขพยี ัฒวนเพาทอ่ื ย่ีกงั่ ายรนื พ”ัฒนาท่ีย่งั ยืน” การศึกษาปริมาณการใช้ผงถวัV หรVังทดแทนแป้งสาลใี นบราวนีV The study of Amount Bambara Groundnut Powder to Replace Wheat Flour in Brownie เปรมระพี อุยมาวรี หิรัญ* รัฐพงศ์ สุขแยม้ และ อริส พยายาม Premraphi Ooaymaweerahirun*, Rattapong Sukyeam and Aris Payayam สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 Department of Food and Nutrition Faculty of Home Economics Technology Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Dusit, Bangkok 10300, Thailand *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ถวัN หรNัง เป็ นพืชเศรษฐกิจทีNสําคญั ในทอ้ งถNินภาคใต้ มีคุณค่าทางโภชนาการทีNดีเหมาะทNีจะนาํ มา ทดแทนแป้งสาลีในผลิตภณั ฑ์เบเกอรีเพNือเพNิมคุณค่าทางโภชนาการให้กบั ผลิตภณั ฑ์ ผูว้ ิจยั จึงศึกษา ปริมาณผงถวNั หรัNงทดแทนแป้งสาลีในบราวนีNในระดบั ทีNแตกต่างกนั 5 ระดบั คือร้อยละ 0 25 50 75 และ 100 ของนKําหนักแป้งสาลีทKังหมด โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล็อคสมบูรณ์ (Randomized Complete Block Design, RCBD) และนาํ ไปประเมินคุณภาพทางประสาทสมั ผสั ในดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี กลNิน รสชาติ เนKือสัมผสั และความชอบโดยรวม ดว้ ยวิธีการชิมแบบให้คะแนนความชอบ 9 ระดบั (9 – Point Hedonic Scale) โดยใชผ้ ูท้ ดสอบชิมจาํ นวน 80 คน ซNึงเป็ นอาจารย์ และนกั ศึกษาสาขาวิชาอาหาร และโภชนาการ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร แลว้ นาํ ผลทีN ได้มาวิเคราะห์ความแปรปรวน (Analysis of variance, ANOVA) และเปรียบเทียบความแตกต่างของ ค่าเฉลNีย โดยวิธี (Duncan’s New Multiple Rang Test, DMRT) พบว่าการใช้ผงถวัN หรัNงทดแทนแป้งสาลี ในบราวนีNทNีระดบั ร้อยละ 50 ไดร้ ับการยอมรับสูงสุดในดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี กลิNน รสชาติ เนKือสัมผสั และความชอบโดยรวม ซNึงมีค่าเฉลีNย 7.92 8.10 8.03 7.70 7.85 และ 7.88 ตามลาํ ดับ อยู่ในระดับ ความชอบปานกลางและชอบมาก เมืNอนาํ มาวิเคราะห์ความแปรปรวนและเปรียบเทียบความแตกต่าง พบว่าในดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี กลNิน รสชาติ เนKือสัมผสั และความชอบโดยรวมมีความแตกต่างอยา่ งมี นยั สาํ คญั ทางสถิติทีNระดบั 0.05 คาํ สําคญั : ผงถวNั หรัNง บราวนีN แป้งสาลี 73

กากราปรประรชะชุมุมกวาชิรจากัดางรารนะปดบัระชชามุตมิวิชหาาวกิทารยราะลดยั บัเทชคาโตนมิโลหยาีรวาทิชยมางลคลัยเคทรค้ังโทน่ี โ1ล2ยีราชมงคล ครัง้ ที่ 12 The 12th RTahjaem1a2nthgaRlaajaUmnaivnegrsailtay UofnTiveecrhsnitoylogfyTNeacthionnoalloCgyonNfaetreionncael Conference” “๙ ราชม“ง๙คลราขชับมเคงลคอื่ ลนขนับวเตัคกลร่ือรนมนนวำ�ัตเกศรรษรมฐกนจิ ำปเศลรกู ษแฐนกวิจคดิ ปเทลคูกโแนนโวลคยสีิดเีเขทยี ควโเนพโ่อื ลกยาีสรเีพขฒัียวนเาพท่อื ย่ี กัง่ ยาืนรพ”ัฒนาท่ยี ่ังยนื ” ขนมแก่นตะวนั ลดพลงั งาน Energy – Reducing Jerusalem Artichoke Dessert เปรมระพี อุยมาวรี หิรัญ* นิรมล แซ่จึง และ ทิพยส์ ุวรรณ์ เลยกลาง Premraphi Ooaymaweerahirun*, Niramon Saejung and Thipsuwan Loeiklang สาขาวชิ าอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 Department of Food and Nutrition Faculty of Home Economics Technology Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Dusit, Bangkok 10300, Thailand *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาเรืNองขนมแก่นตะวนั สูตรลดพลงั งาน มีวตั ถุประสงคเ์ พNือศึกษาสูตรพKืนฐานขนมแก่น ตะวนั ซNึงเป็ นขนมประเภทนNึงทีNดดั แปลงจากการใชห้ ัวแก่นตะวนั สดมาทดแทนมนั สําปะหลงั ในสูตร ขนมมนั สาํ ปะหลงั ประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผสั ขนมแก่นตะวนั ดว้ ยวิธีการชิมแบบให้คะแนน ความชอบ 9 ระดบั (9 - Point Hedonic Scale) พบวา่ ผชู้ ิมใหก้ ารยอมรับสูตรพKืนฐานสูตรทNี 2 มากกวา่ สูตร ทีN 1 และสูตรทNี 3 ส่วนผสมในสูตรประกอบดว้ ย หัวแก่นตะวนั ขูด มะพร้าวทึนทึก แป้งมนั สําปะหลงั แป้งขา้ วโพด นKาํ ตาลทราย และเกลือ โดยผูช้ ิมให้การยอมรับดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี กลNิน รสชาติ เนKือ สมั ผสั และความชอบโดยรวม โดยมีคะแนนเฉลีNย 8.07 8.08 7.85 7.93 7.98 และ 7.98 ตามลาํ ดบั อยใู่ น ระดบั ความชอบปานกลางถึงชอบมาก ดว้ ยหัวแก่นตะวนั มีรสหวานจึงไดศ้ ึกษาการลดนKาํ ตาลในสูตร ขนมแก่นตะวนั โดยลดทNีระดบั 0% 25% 50% 75% และ 100% ของปริมาณนKาํ ตาลในสูตรพKืนฐาน ผล การทดสอบชิมพบว่าคะแนนความชอบดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี กลNิน รสชาติ เนKือสัมผสั และความชอบ โดยรวม ของแต่ละสูตรมีความแตกต่างกนั อย่างมีนัยสําคญั ทางสถิติ (p≤0.05) โดยสูตรทีNผูช้ ิมให้การ ยอมรับมากทNีสุดเป็ นสูตรทีNลดนKาํ ตาลลง 75% มีคะแนนความชอบดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี รสชาติ เนKือ สัมผสั และความชอบโดยรวม เท่ากบั 8.05 7.93 7.55 7.82 และ 7.83 ตามลาํ ดบั อยู่ในระดบั ความชอบ ปานกลางถึงชอบมาก จากการคาํ นวณคุณค่าทางโภชนาการของขนมแก่นตะวนั พบว่าปริมาณโปรตีน ไขมนั และใยอาหารของขนมแก่นตะวนั ยงั คงเดิม ยกเวน้ พลงั งานและคาร์โบไฮเดตรทีNขนมแก่นตะวนั สูตรลดนKาํ ตาล 75% มีพลงั งานลดลง 936 แคลอรีN และคาร์โบไฮเดรตลดลง 241.79 กรัม ดงั นKนั จึงมีความ เหมาะสมในการพฒั นาขนมแก่นตะวนั เป็นขนมเพอืN สุขภาพได้ คาํ สําคญั : ขนมแก่นตะวนั ลดพลงั งาน ขนมประเภทนNึง 74

Tกhาeรก1ปา2รรtปะhTชรRhะุมaชeกjaุมา1mวร2ชิจatาัดhnกงgRาาaaรนljรaaปะmดUรับะnaชชinvุมาgeตวarมิชิsliaหาtyากUวาonทิรfiรยvTะาeeดลrcับยัshiเชtทnyาคoตโolนมิofโหgลTyายeวNรีcิทาahชยtniมาooลงnlคยั aoลเlgทCyคคoรโNั้งnนทafโeี่tล1iroย2eรีnnาacชleมCงoคnลfeคrรeั้งnทcี่ e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลื่อขนบั นเวคัตลกื่อรนรนมวนัตำ�กเศรรรษมฐนกำจิ เศปรลษูกฐแกนจิวคปดิ ลเทกู คแโนนวโลคยดิ สีเทเี ขคยี โวนเโพลือ่ ยกสี าเี รขพยี ัฒวเนพาื่อทก่ยี าั่งยรพนื ”ัฒนาท่ียั่งยนื ” การศึกษาแป้งถวัV ขาวทดแทนแป้งสาลใี นทาร์ตสับปะรดไต้หวนั Study on White Bean Flour in Place of Wheat Flour in Taiwan Pineapple Tart เปรมระพี อุยมาวรี หิรัญ* สุนิสา หวงั อีน และ สิริญา แจง้ กนั Premraphi Ooaymaweerahirun*, Sunisa Wangen and Siriya Jangkan สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 Department of Food and Nutrition Faculty of Home Economics Technology Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Dusit, Bangkok 10300, Thailand *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ทาร์ตสบั ปะรดไตห้ วนั เป็นขนมอบชนิดหนNึงทNีมีขนาดเลก็ มีส่วนประกอบของวตั ถุดิบหลกั ไดแ้ ก่ แป้งสาลี นKาํ ตาลทราย เนย และไข่ ทาร์ตสับปะรดไตห้ วนั ไดร้ ับความนิยมในหลายประเทศ เช่น ไตห้ วนั จีน และญีNป่ ุน รวมถึงประเทศไทย ผูว้ ิจยั จึงมีแนวคิดทีNจะศึกษาปริมาณแป้งถวัN ขาวทดแทนแป้งสาลี ใน ทาร์ตสับปะรดไตห้ วนั 5 ระดบั คือ ร้อยละ 0 ร้อยละ 25 ร้อยละ 50 ร้อยละ 75 และร้อยละ 100 ของแป้ง สาลีทKงั หมด โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล็อกสมบูรณ์ (Randomized Complete Block Design, RCBD) นาํ ไปประเมินคุณภาพทางประสาทสมั ผสั ในดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี กลิNน รสชาติ เนKือสมั ผสั และ ความชอบโดยรวม ด้วยวิธีการชิมแบบให้คะแนนความชอบ 9 ระดับ (9-Point Hedonic Scale) ผล การศึกษาแป้งถวัN ขาวทดแทนแป้งสาลีในทาร์ตสับปะรดไตห้ วนั ผชู้ ิมใหก้ ารยอมรับทีNร้อยละ 25 ในดา้ น รสชาติ เนKือสัมผสั และความชอบโดยรวม โดยมีค่าเฉลีNย 7.5 7.4 และ 7.4 ตามลาํ ดับ อยู่ในระดับ ความชอบปานกลาง ส่วนในดา้ นลกั ษณะปรากฏ และดา้ นสี ผูช้ ิมให้การยอมรับร้อยละ 0 มีค่าเฉลNีย 7.3 และ 7.3 ตามลาํ ดบั อยใู่ นระดบั ความชอบปานกลาง ส่วนดา้ นกลิNน ผชู้ ิมใหก้ ารยอมรับร้อยละ 50 โดยมี ค่าเฉลNีย 7.4 อยู่ในระดบั ความชอบปานกลาง เมืNอนาํ มาวิเคราะห์ความแปรปรวนเปรียบเทียบความ แตกต่าง พบว่า ดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี กลิNน รสชาติ เนKือสัมผสั และความชอบโดยรวม มีความแตกต่าง กนั อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติทNีระดบั 0.05 คาํ สําคญั : แป้งถวัN ขาว การทดแทนแป้งสาลี ทาร์ตสบั ปะรดไตห้ วนั 75

Thกeากร1าป2รtรปhะรRTชะahชมุ jaุมeกmวา1ชิรa2าจntกัดhgางaRราlaรaนะjaปดUmับรnะชiavชาneตมุ grิมsวaiหชิtlyaาาวกoUทิ าfnยรTาiรveละecัยดrhเับsทniชtคoyาโlนoตoโgมิ fลyหยTNารี eวาacชิทthiมoยnงnาคoลaลllัยoเCคgทoรyคัง้nทโNfนeี่ a1โrt2ลeionยcรีneาaชlมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e12” “๙ ราช“ม๙งคลราขชับมเคงลค่อื ลนขนบั วเตัคกลรือ่ รนมนนวำ�ตั เศกรรษรมฐกนิจำปเศลรูกษแนฐกวคจิ ดิ ปเทลคูกโแนนโลวยคีสดิ เี ขเทยี ควโเพนอ่ืโลกยารีสพีเขฒั ียนวาเทพยี่ ่ืองั่ กยานื ร”พัฒนาทีย่ ่งั ยืน” ความหลายรูปแบบของยนี ทสีV ัมพนั ธ์กบั ลกั ษณะการให้ผลผลติ ในโคขาวลาํ พูน Polymorphisms in Genes Related with Production Traits in Khaolamphun Cattle พชั ราภรณ์ พวงแกว้ 1 สุรีรัตน์ พิลึก1 วฒุ ิพงษ์ อินทรธรรม2 ชยตุ ดงปาลีธรรม3์ และ พฒั นพงษ์ ทดั ทา1* Patcharaporn Puangkeaw1, Sureerat Phileuk1, Wutipong Intharatham2, Chayut Dongpaleethan3 and Pattanapong Thadtha1* 1สาขาวชิ าสตั วศาสตร์ คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2กลุ่มพฒั นาวชิ าการปศุสตั ว์ กรมปศุสตั ว์ ราชเทวี กรุงเทพมหานคร 3สถานีวจิ ยั ทดสอบพนั ธุ์สตั วพ์ ะเยา กรมปศุสตั ว์ อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา 1Division of Animal Science, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 2Livestock Academic Development Group, Department of Livestock Development, Ratchathewi, Bangkok, THAILAND 3Phayao Livestock Breeding Station, Department of Livestock Development, Muengphayao, Phayao, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ วตั ถุประสงคข์ องการทดลองนKีคือจีโนไทปิ งเครืNองหมายดีเอ็นเอทีNสัมพนั ธ์กบั ลกั ษณะการให้ผล ผลิตในโคขาวลาํ พูน ดว้ ยเทคนิค PCR-RFLP ในยีนโกรทฮอร์โมน ดาํ เนินการเลKียงโคขาวลาํ พูนทีNสถานี วจิ ยั ทดสอบพนั ธุ์สตั วพ์ ะเยา บนั ทึกขอ้ มูลสมรรถนะการผลิตและเกบ็ ตวั อยา่ งเลือด ทาํ การสกดั จีโนมิกส์ดี เอ็นเอดว้ ยวิธีการใชส้ ารละลายอินทรีย์ ไดด้ ีเอ็นเอสําหรับการกาํ หนดแบบชนิดพนั ธุกรรมซNึงมีความ เขม้ ขน้ เฉลีNย 759.0 ng/µl ค่า A260/A280 เฉลีNย 1.8 และค่า A260/A230 เฉลNีย 2.4 การจีโนไทปิ งดว้ ยเทคนิคพีซี อาร์-อาร์เอฟแอลพีในยีน GH คาดว่าเมNือตดั ดว้ ยเอนไซมต์ ดั จาํ เพาะ AluI จีโนไทป์ CC จะไดช้ ิKนดีเอน็ เอ จาํ นวน 4 แถบ ซNึงมีขนาด 185 คู่เบส 132 คู่เบส 51 คู่เบส และ 36 คู่เบส ส่วนจีโนไทป์ GG จะไดช้ ิKนดีเอน็ เอจาํ นวน 3 แถบ ทNีมีขนาด 317 คู่เบส 51 คู่เบส และ 36 คู่เบส คาํ สําคญั : ความหลายรูปแบบของยนี ลกั ษณะการใหผ้ ลผลิต โคขาวลาํ พนู 76

การกปารระปชรมุะชกมุารวจชิ ัดากงาานรรปะรดะับชชมุ าวติชิมาหกาาวรทิ รยะาดลบั ัยชเทาคตโิมนหโลายวีรทิ ายชามลงัยคเลทคคโรนง้ั ทโล่ี 1ย2ีราชมงคล ครง้ั ท่ี 12 The 12thTRhaeja1m2athnRgajlamUannivgearlsaityUnofivTeerscihtynoolfogTyeNchantionloaglyCoNnafteiorennacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลลอ่ืขนบั นเควลัตอ่ืกรนรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกำจิ เศปรลษกู ฐแกนจิ วคปดิ ลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเีสทเี ขคยีโนวโเพลยอื่ กีสาีเขรพยี วัฒเนพาือ่ ทกย่ี าั่งรยพืนฒั ”นาทีย่ ง่ั ยนื ” การพฒั นาขนมปังอบกรอบจากแป้งถวVั ดาวอนิ คา Development of Biscuits from Sacha inchi Flour วจิ ิตรา ปลอ้ งบรรจง1* จารุพฒั น์ กาญจนรงค2์ และ ณชั ฌา พนั ธุ์วงษ3์ Vijitra Plongbunjong1*, Jarupat Kanjanarong2 and Natcha Phantuwong3 1สาขาวชิ าวทิ ยาการแปรรูปและการประกอบอาหาร คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ อ.พทุ ธมณฑล จ.นครปฐม 73170 2สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์ส8ิงแวดลอ้ ม คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ อ.พทุ ธมณฑล จ.นครปฐม 73170 3โรงเรียนการเรือน มหาวทิ ยาลยั สวนดุสิต อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี 72000 1Department of Food Processing and Culinary Science, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Phutthamonthon, Nakhon Pathom 73170, THAILAND 2Department of Environmental Science, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Phutthamonthon, Nakhon Pathom 73170, THAILAND 3School of Culinary Art, Suan Dusit University,Mueang Suphan Buri, Suphan Buri, 72000, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั นKีมีวตั ถุประสงคเ์ พืNอพฒั นาผลิตภณั ฑข์ นมปังอบกรอบจากแป้งถวัN ดาวอินคาของชุมชน บา้ นหนองโอ่ง อาํ เภออู่ทอง จงั หวดั สุพรรณบุรี โดยการพฒั นาผลิตภณั ฑข์ นมปังอบกรอบทNีมีส่วนผสม ของแป้งถวNั ดาวอินคาสําหรับกลุ่มคนรักสุขภาพ จากการศึกษาพบว่า ถวัN ดาวอินคาทNีผ่านการอบดว้ ย ไมโครเวฟสามารถนาํ มาบดเป็ นแป้งถวNั ดาวอินคาทNีมีคุณสมบตั ิทางกายภาพ และทางเคมีทNีเหมาะสมใน การนาํ มาพฒั นาเป็นผลิตภณั ฑข์ นมปังกรอบบิสกิตไดด้ ีกวา่ ถวNั ดาวอินคาทNีผา่ นการควัN โดยผลิตภณั ฑข์ นม ปังกรอบทีNใชแ้ ป้งถวNั ดาวอินคา 25% ทดแทนแป้งสาลีและเนย ไดร้ ับคะแนนเฉลีNยดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี กลNิน รสชาติ ความหวาน และความชอบรวมสูงสุด สามารถเก็บรักษาไดไ้ ม่น้อยกว่า 4 เดือน ภายใต้ บรรยากาศปกติทNีอุณหภูมิ 4 oC ในถุงทีNมีแผ่นฟิ ลม์ ประกบโดยมีปริมาณความชKืนหลงั การเก็บรักษาร้อย ละ 1-2 ซNึงตNาํ กวา่ ปริมาณความชKืนทีNทาํ ใหข้ นมปังกรอบบิสกิตสูญเสียความกรอบคือ ร้อยละ 7 (มาตรฐาน ผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม, 2563) ส่วนผลการประเมินดา้ นชีวภาพของขนมปังกรอบบิสกิตถวNั ดาวอินคา หลงั การเกบ็ รักษา พบวา่ มีจุลินทรียอ์ ยใู่ นเกณฑม์ าตรฐาน (2.3x103 โคโลนีต่อกรัม) คือ มีจาํ นวนจุลินทรีย์ ทKงั หมด ไม่เกิน 1x106โคโลนีต่อตวั อยา่ ง 1 กรัม (มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม,2563) คาํ สําคญั : ถวัN ดาวอินคา ขนมปังกรอบบิสกิต แป้ง 77

Thกeากร1าป2รรtปhะTรชRะhมุaชjeกaมุ าmว1ริช2aจาtnัดhกgงRาaารalนรajaะปดUmรบัnะaชiชvnามุegตวraมิsชิliหatาyากUวoาิทnรfยiรTvาะeeลดcrยั บัshเiทชntyคาoตโloนoมิ fโgหลyTายeNวรี cาทิahชtยinมoางonลคlaยั oลlเgทCคyคoรโ้งัNnนทfaโeี่ tล1ri2oeยnรีnาcaชelมCงoคnลfeคrรe้ังnทc่ี e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเงคคลลื่อขนบันเวคตั ลก่ือรนรมนวนัตำ�กเศรรรษมฐกนจิำเปศลรษูกแฐนกวิจคปดิ เลทูกคแโนโวลคยดิ สี เีเทขคยี โวนเพโล่ือยกสีารเี ขพียฒั วนเพาท่อื ่ียกัง่ ายรนื พ”ัฒนาท่ีย่งั ยืน” กรรมวธิ ีการผลติ และการชงชาเกสรบัว ทสี9 ่งผลต่อปริมาณสารประกอบฟี นอลกิ Process of Production and Brewing of Lotus Pollen Tea Affecting The Phenolic Contents วจิ ิตรา ปลอ้ งบรรจง* และ กิติยา สุเหม Vijitra Plongbunjong* and Kitiya Suhem สาขาวชิ าวทิ ยาการแปรรูปและการประกอบอาหาร คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ อ.พทุ ธมณฑล จ.นครปฐม 73170 Department of Food Processing and Culinary Science, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Phutthamonthon, Nakhon Pathom 73170, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ บวั (Nelumbo nucifera) เป็ นสมุนไพรพOืนบา้ นชนิดหน0ึง พบไดท้ วั0 ไปในจงั หวดั นครปฐม โดยเฉพาะพOืนท0ี บา้ นศาลาดิน ต.มหาสวสั ดjิ อ.พุทธมณฑล ซ0ึงมีสายพนั ธุ์หลกั ๆ 3 สายพนั ธุ์ คือ สัตตบุศย์ สัตตบงกช และบวั หลวง พนั ธุ์แดงสายรุ้ง เน้นการตดั ดอกขายเป็ นอาชีพหลกั ซ0ึงพบว่ามีดอกบวั ท0ีเสียหาย ขายไม่ได้ เหลือทิOงเป็ นป๋ ุยตาม ธรรมชาติค่อนข้างมาก ดังนOันเกษตรกรผูท้ าํ นาบัวจึงมีโจทย์วิจัยและอยากพฒั นาเป็ นผลิตภัณฑ์ชาเกสรบัว โครงการวิจัยนOีจึงมีวตั ถุประสงค์เพื0อพฒั นาผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรจากเกสรบัวให้มีความน่าเชื0อถือในกลุ่ม นกั ท่องเที0ยวทOงั ชาวไทยและต่างประเทศที0มาล่องเรือเที0ยวคลองมหาสวสั ดjิ โดยผวู้ จิ ยั ทาํ การศึกษาเกสรบวั 3 สายพนั ธุ์ ตOงั แต่กระบวนการผลิตชา การศึกษาปริมาณสารตา้ นอนุมูลอิสระ (สารประกอบฟี นอลิก) และการวิเคราะห์ขอ้ มูล พOืนฐานทางเคมี จุลชีววิทยา และสารปนเปOื อน เพ0ือเป็นขอ้ มูลสาํ หรับการขอขOึนทะเบียนผลิตภณั ฑ์ จากผลการศึกษา เปรียบเทียบกระบวนการผลิตชา 2 แบบ คือ 1. แบบดOงั เดิม (การตากแหง้ ดว้ ยแสงอาทิตย)์ และ 2.ตามรูปแบบการผลิต ชาท0ีประกอบดว้ ยการน0ึง บด และอบแหง้ พบวา่ ทOงั 2 กระบวนการไม่ไดท้ าํ ใหป้ ริมาณสารตา้ นอนุมูลอิสระท0ีเกิดขOึน ในชาเกสรบวั แตกต่างกนั และการชงชาเกสรบวั ดว้ ยนOาํ ร้อนท0ี 80 องศาเซลเซียส ให้ปริมาณตา้ นอนุมูลอิสระสูงกว่า การชงชาที0 60 และ 90 องศาเซลเซียส โดยปริมาณสารตา้ นอนุมูลอิสระในชาเกสรบวั สายพนั ธุ์สตั ตบงกชมีค่าสูงท0ีสุด 95.30 µgGAE/ml รองลงมาคือ สายพนั ธุ์สัตตบุศย์ (91.32 µgGAE/ml) และสายพนั ธุ์แดงสายรุ้ง (90.67 µgGAE/ml) ตามลาํ ดับ ซ0ึงมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) นอกจากนOีผลการทดสอบและวิเคราะห์ องคป์ ระกอบทางเคมี ทางชีวภาพ และสารปนเปOื อน เพื0อเตรียมขอขOึนทะเบียนชาสมุนไพรตามประกาศฉบบั ท0ี 280 (2547) พบวา่ อยใู่ นเกณฑต์ ามที0กาํ หนดทOงั หมด ซ0ึงประกอบดว้ ย ค่าความชOืน 8.6 (ร้อยละของนOาํ หนกั ) ไม่พบจุลินทรีย์ ที0ก่อโรค (Salmonella spp. และ Staphylocoocus aureas) ไม่พบสารปนเปOื อน ได้แก่ ตะกวั0 แคดเมี0ยม สารหนู และ ปริมาณสีสังเคราะห์ท0ีเป็ นอนั ตราย ซ0ึงมีความเป็นไปไดท้ ี0ในอนาคตกลุ่มเกษตรกรผทู้ าํ นาบวั และแปรรูปชาเกสรบวั จะสามารถขอยนื0 ขOึนทะเบียนผลิตภณั ฑช์ าสมุนไพรจากเกสรบวั ได้ คาํ สําคญั : เกสรบวั ชาสมุนไพร สารประกอบฟี นอลิก การชงชา 78

Thกeาก1รา2ปรtปรhระRTะชaชhมุjaมุeกmวา1ชิ รa2าจntกัดhgาaงRราlaรaนะjaปดUmบัรnะชiavชาneตมุ grิมวsaiหิชltayาาวกoUิทาfnรยTiราveะลecดัยrhับเsทniชtคoyาโlตนooมิโgfลyหTยาNีรeวาacทิ ชthiยมonางnoลคalยัลolเgCทคyoรคั้งnโNทนfae่ี โ1tลri2eoยnีรncาaeชlมCงoคnลfeคrรeงั้ nทcี่ e12” “๙ ราชม“ง๙คลรขาบัชเมคงลค่อื ลนขนบั วเัตคกลรื่อรนมนนวำ�ตั เศกรษรมฐกนจิ ำปเศลรกู ษแฐนกวิจคิดปเทลกูคโแนนโวลคยดิีสีเขทยี ควโเนพโ่อืลกยาสี รเี พขัฒียวนเาพทอ่ื ยี่ กง่ั ายรืนพ”ฒั นาทย่ี ง่ั ยนื ” การปนเปื, อนของเชื,อ Salmonella spp. และ Escherichia coli ในเนื,อสัตว์จากตลาด บริเวณใกล้เคยี งคณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี Salmonella spp. and Escherichia coli contamination in meat from market nearby the Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi สุวดี อิสรายวุ พร* การันต์ ชีพนุรัตน์ พชรธร สิมกNิง สินสมุทร แซ่โงว้ และ ภพสนั ต์ ชยั ธีระพนั ธุ์กลุ Suwadee Isarayuwaporn, Karun Cheepnurat, Pacharathon Simking, Sinsamut Saengow and Pobson Chaiterapankun1 สาขาวชิ าเทคโนโลยกี ารผลิตสตั วแ์ ละวทิ ยาศาสตร์สุขภาพสตั ว์ คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Animal Production Technology and Animal Health Science, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ จากผลการศึกษาการปนเปKื อนของเชKือ Salmonella spp. และ Escherichia coli ในเนKือสัตวจ์ ากตลาด บริเวณใกลเ้ คียงคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี โดยทาํ การเก็บตวั อยา่ ง จาํ นวนทKงั หมด 100 ตวั อยา่ ง โดยแบ่งเป็นเนKือไก่ 50 ตวั อยา่ งไดแ้ ก่ สันใน เนKือหนา้ อก เนKือสะโพก อกไก่บด เครืNองใน เนKือหมู 50 ตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ สันนอก สันใน หมูเนKือแดง สามชKนั หมูนุ่ม เก็บตวั อยา่ งปริมาณไม่นอ้ ย กวา่ 500 กรัม แช่เยน็ เพNือส่งตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการ เพืNอตรวจแยกเชKือ Salmonella spp. โดยการแยกเชKือใชว้ ธิ ี ตามมาตรฐานของ ISO 6579 (1993) ส่วน Escherichia coli นKันทาํ การแยกเชKือโดยใช้ชุดตรวจสําเร็จรูป PetrifilmTM E. coli/ Coliform Count plate พบวา่ จากแหล่งเก็บตวั อยา่ งทีNเป็ นตลาดสด ทาํ การเก็บตวั อยา่ งเนKือ ไก่จาํ นวน 17 ตวั อยา่ ง เนKือหมูจาํ นวน 13 ตวั อยา่ ง ส่วนซุปเปอร์มาเก็ต ทาํ การเก็บตวั อยา่ งเนKือไก่จาํ นวน 33 ตวั อย่าง เนKือหมูจาํ นวน 37 ตวั อย่าง นKนั ตรวจไม่พบการปนเปKื อนของเชKือ Salmonella spp. และ Escherichia coli ทKงั 100 ตวั อยา่ ง (ร้อยละ 100) แสดงใหเ้ ห็นไดว้ า่ เนKือสตั วท์ ีNวางขายจาํ หน่ายในตลาดบริเวณใกลเ้ คียงคณะ เทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี นKนั เป็ นเนKือสะอาด ปลอดภยั ปราศจากการ ปนเปKื อนเชKือ Salmonella spp. และ Escherichia coli ซNึงเป็นไปตามเกณฑม์ าตรฐาน คาํ สําคญั : ซลั โมเนลล่า อี โคไล เนKือสตั ว์ 79

“๙ ราTชhกมeางกคร1าปล2รขรtปhะบั รTRชเะคahมุชjลeaกุม่อื mาว1นรชิ 2aนจาntวดักhgตัางRaรากalรนรajะaรปดUมmรับnะนaชiชvำ�nาeมุเตgศrวaิมsรชิliษหtaาyาฐกวUกoาทิิจnfรยiรปTvาะeลeลดcกูrัยับshแเiทชntนyคาoวโตlคoนoมิดิfโgหลเyTทยาeคNวีรโcาaทิ นhชtยโiมnoลางonยลคlสีaยั oลlีเเขgทCคยีyคoรวโั้งNnเนทพfaโeี่ ่อืtล1riก2oยeาnีรnราcaพชelฒั มCนงoคาnทลf่ยี eคั่งrรยe้ังืนnท”cี่ e12” “๙ ราชมงคลขับเคลื่อนนวัตกรรม นำเศรษฐกิจ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยีสีเขยี วเพือ่ การพฒั นาทีย่ ่ังยืน” การพฒั นาถวVั ดาวอนิ คาอบแห้งด้วยคลืVนไมโครเวฟ (Development of Dried Sacha inchi Seed by Using Microwave Oven) กิติยา สุเหม1* วชั รฌาณ์ ครองเคหา2* และ ดิเรก บุญธรรม3 Kitiya Suhem1*, Watcharacha Krongkeha2*and Direk Boonthum 1สาขาวชิ าวทิ ยาการแปรรูปและการประกอบอาหาร คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ 2สาขาวชิ าศึกษาทว8ั ไป คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ 3สาขาวชิ าเทคโนโลยพี ลงั งานเพือ8 ส8ิงแวดลอ้ ม คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ 1Department of Food Processing and Culinary Science, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Nakhon Pathom, THAILAND 2Department of General Education, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Rattanakosin Samphanthawong, Bangkok, THAILAND 3Department of Energy Technology for Environment, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Krungthep, Sathon, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected]; [email protected] บทคดั ย่อ วตั ถุประสงค์ของงานวิจยั เพNือพฒั นาผลิตภณั ฑ์ถวัN ดาวอินคา บา้ นหนองโอ่ง อาํ เภออู่ทอง จงั หวดั สุพรรณบุรี ดว้ ยการอบแหง้ โดยการใชค้ ลืNนไมโครเวฟ เนNืองจากการแปรรูปถวNั ดาวอินคาส่วนใหญ่ใชว้ ิธีการ ใหค้ วามร้อนดว้ ยแสงแดด ซNึงพลงั งานดงั กล่าวขKึนอยกู่ บั สภาพอากาศโดยส่งผลต่อคุณภาพของถวNั ดาวอินคา ทKงั นKีในระหวา่ งการทาํ แหง้ ดว้ ยพลงั งานแสงอาทิตยอ์ าจมีการปนเปKื อนจากแมลงและเชKือจุลินทรีย์ ส่งผลใหถ้ วัN ดาวอินคาทีNไดม้ ีคุณภาพตNาํ ทาํ ใหเ้ กิดการเสNือมเสียอยา่ งรวดเร็วในระหวา่ งการเกบ็ รักษา ดงั นKนั จึงไดม้ ีการนาํ เครNืองไมโครเวฟเขา้ มาใชใ้ นการอบแหง้ เพNือลดปัญหาดงั กล่าว ผลการวิจยั พบว่าถวNั ดาวอินคาถูกทาํ แหง้ ดว้ ย เตาไมโครเวฟ แสงแดด และตูอ้ บลมร้อน จนถึงระดบั ความชKืนลดลงตNาํ กวา่ ร้อยละ 11 ผลการทดลองแสดงให้ เห็นว่า การทาํ แหง้ โดยใชค้ ลNืนไมโครเวฟทีNระดบั กาํ ลงั ไฟฟ้า 50 วตั ต์ เป็ นระดบั ทNีเหมาะสมเนืNองจากใหค้ ่าสี (L* a* b*) ทNีดีทNีสุด อีกทKงั ไม่ส่งผลต่อปริมาณของสารประกอบฟี นอลิก โปรตีน ไขมนั ใยอาหาร และ คาร์โบไฮเดรต โดยสามารถเกบ็ รักษาไดอ้ ยา่ งนอ้ ย 90 วนั ทNีระดบั อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ในบรรจุภณั ฑถ์ ุง อลูมิเนียม และกระป๋ องอลูมิเนียมโดยพิจารณาจากค่าปริมาณเชKือยสี ตแ์ ละรา อีกทKงั ผบู้ ริโภคยงั คงใหค้ ะแนน ความชอบต่อถวNั ดาวอินคาทีNผา่ นการอบแหง้ โดยไมโครเวฟทีNระดบั ความชอบเลก็ นอ้ ย (6 ± 1 คะแนน) คาํ สําคญั : ถวNั ดาวอินคา อบแหง้ ไมโครเวฟ 80

Thกeากร1ปา2รรtปhะTรชRะhมุaชejกaุมาmว1รชิ2aจาtnดัhกgงRาaารalนรajaะปดmUรับnะaชชinvาุมegตวraมิsิชliหatาyากUวoาิทnรfยiรvTาะeeลดcrัยบัshเiชทtnyาคoตโloนoมิ fโgหลyTายeNวรี cทิาahชtยinมoาoงลnคlัยaoลlเgทCคyคoรโN้งัnนทafโeี่ tล1rioย2eีรnnาcaชelมCงoคnลfeคrรeัง้ nทc่ี e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเงคคลล่อื ขนบันเวคตั ลกือ่ รนรมนวนตั ำ�กเศรรรษมฐนกจิำเปศลรษูกแฐนกวจิ คปิดลเทูกคแโนนวโลคยดิ สี เีเทขคยี โวนเพโลอื่ ยกสีาเีรขพียฒั วนเพาท่อื ่ยีกง่ัายรนืพ”ฒั นาท่ยี งั่ ยืน” แบบชนิดพนั ธุกรรมของยนี โกรทฮอร์โมนในกระบือปลกั Genotyping of Growth Hormone Gene in Swamp Buffalo ภูริต กีรติกาํ จร สุปรียา นอ้ ยพนั ธุ์ มินตรา ยถู ะสุนทร เรวตั แซ่ลิKม และ พฒั นพงษ์ ทดั ทา* Phurit Keeratikumjorn, Supreeya Noiphan, Mintra Yoothasoonthron, Reawat Saelim and Pattanapong Thadtha* สาขาวชิ าสตั วศาสตร์ คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Division of Animal Science, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ยีนโกรทฮอร์โมนเป็ นรหัสพนั ธุกรรมสําหรับสังเคราะห์กรดอะมิโนตKงั ตน้ สําหรับผลิตโปรตีน ฮอร์โมนโซมาโตโทรปิ นซNึงมีหนา้ ทNีสาํ คญั ในการควบคุมการเจริญเติบโต การทดลองนKีมีวตั ถุประสงค์ เพNือทาํ การกาํ หนดแบบชนิดพนั ธุกรรมของยนี โกรทฮอร์โมนในกระบือปลกั ดว้ ยเทคนิค PCR-RFLP ทาํ การเก็บตวั อย่างเลือด สกดั จีโนมิกดีเอ็นเอดว้ ยวิธีการใชต้ วั ทาํ ละลายอินทรีย์ ไดด้ ีเอ็นเอสําหรับการ กาํ หนดแบบชนิดพนั ธุกรรมซNึงมีความเขม้ ขน้ เฉลNีย 1,062.22 ng/µl ค่า A260/A280 เฉลNีย 1.85 และค่า A260/A230 เฉลNีย 2.33 การกาํ หนดแบบชนิดพนั ธุกรรมของยีนโกรทฮอร์โมนดว้ ยเทคนิคพีซีอาร์-อาร์เอฟแอลพี พบว่าเมืNอตดั ดว้ ยเอนไซมต์ ดั จาํ เพาะ AluI แบบชนิดพนั ธุกรรม LL จะไดช้ ิKนดีเอน็ เอจาํ นวน 4 แถบ ซNึงมี ขนาด 185 คู่เบส 131 คู่เบส 51 คู่เบส และ 36 คู่เบส ส่วนแบบชนิดพนั ธุกรรม VV จะไดช้ ิKนดีเอน็ เอจาํ นวน 3 แถบ ทีNมีขนาด 316 คู่เบส 51 คู่เบส และ 36 คู่เบส การกาํ หนดแบบชนิดพนั ธุกรรมของยีนโกรท ฮอร์โมนในกระบือปลกั อาจจะเป็นแนวทางหนNึงในการปรับปรุงลกั ษณะการเจริญเติบโตของกระบือปลกั คาํ สําคญั : แบบชนิดพนั ธุกรรม ยนี โกรทฮอร์โมน กระบือปลกั 81

Thกeากร1าป2รรtปhะรTชRะhaมุ ชjeกaุมาmว1ริช2aจาtnัดhกgงาRaารalนรajะaปดUmรบัnะaชiชvnาุมegตrวaิมsิชliหtaาyากUวoาทิ nfรยiรTvาะeeลดcrัยับshเiทชntyคาoตโloนoิมfโgหลyTายeNวรี cาิทahชtยinมoางonลคlaัยoลlเgทCคyคoรโงั้Nnนทfaโe่ี tล1rio2ยenีรnาcaชelมCงoคnลfeคrรe้งั nทcี่ e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเคงคลลอื่ ขนับนวเคตั ลกื่อรรนมนวนตัำ�เกศรรรษมฐกนิจำเปศลรกูษแฐนกวจิ คปิดเลทกู คแโนนโวลคยดิ ีสเีเทขคียโวนเพโลือ่ ยกีสารเี ขพียฒั วนเพาทือ่ ีย่ก่งัายรนื พ”ฒั นาทย่ี ่ังยืน” การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์บะหมจVี ากสาหร่ายก้ามก้งุ (Chara corallina) Product Development of Noodle from Chara coralline นพรัตน์ มะเห* ดลฤดี พิชยั รัตน์ และ อุไรวรรณ วฒั นกลุ Nopparat Mahae*, Donrudee Pichairat and Uraiwan Wattanakul สาขาวชิ าอุตสาหกรรมอาหาร คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารประมง มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั อ.สิเกา จ.ตรัง Program in Food Industry, Faculty of Science and Fisheries Technology, Rajamangala University of Technology Srivijaya, Sikao, Trang 92150, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาครKังนKีมีวตั ถุประสงคเ์ พNือพฒั นาผลิตภณั ฑบ์ ะหมNีจากสาหร่ายกา้ มกุง้ ซNึงเป็ นสาหร่ายทNีมี การบริโภคกนั มาเป็ นเวลานานในบางจงั หวดั ของภาคใต้ โดยมีการศึกษาสูตรพKืนฐานของบะหมNี และ ปัจจยั ทีNมีผลต่อการผลิตบะหมNีจากสาหร่ายกา้ มกงุ้ รวมทKงั ศึกษาคุณภาพของผลิตภณั ฑบ์ ะหมีNจากสาหร่าย กา้ มกุง้ ผลการทดลองพบวา่ สูตรพKืนฐานบะหมNีทNีเหมาะสมประกอบดว้ ย แป้งสาลีอเนกประสงคร์ ้อยละ 68.97 ไข่ไก่ร้อยละ 17.24 นKาํ เปล่าร้อยละ 8.62 และนKาํ ปูนใสร้อยละ 5.17 ปัจจยั อืNนๆทีNเหมาะสมคือ อตั ราส่วนสาหร่ายต่อนKาํ เท่ากบั 1:0 (นKาํ หนกั /นKาํ หนกั ) หรือนKาํ สาหร่ายจากการคKนั สาหร่ายโดยไม่ผสม นKาํ ปริมาณกวั กมั ทNีเหมาะสมคือทNีระดบั 0.2 กรัมต่อแป้ง 100 กรัม และ ปริมาณโซเดียมไบคาร์บอเนตทNี เหมาะสมคือทีNระดบั 0.05 กรัมต่อแป้ง 100 กรัม คุณภาพของผลิตภณั ฑบ์ ะหมNีจากสาหร่ายกา้ มกุง้ ซNึงทาํ การอบแหง้ ทNีอุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชวNั โมง 30 นาที พบวา่ คุณภาพอยใู่ นเกณฑม์ าตรฐาน ดงั นKนั ผลิตภณั ฑบ์ ะหมNีจากสาหร่ายกา้ มกุง้ จึงเป็นทางเลือกหนNึงในการผลิตผลิตภณั ฑท์ Nีมีการเสริมคุณค่า ทางโภชนาการจากสาหร่ายกา้ มกุง้ และเป็นการนาํ วตั ถุดิบในทอ้ งถNินมาเพNิมมูลค่าใหม้ ีความหลากหลาย ของผลิตภณั ฑม์ ากยงิN ขKึน คาํ สําคญั : สาหร่ายกา้ มกงุ้ บะหมีN การพฒั นาผลิตภณั ฑอ์ าหาร 82

“๙ ราTกชhามeรงกปค1าลร2ระขtปhTชบั รRhุมเะคaeกชjลaาุม1ื่อรmว2นจชิ taนดัhาnวงกRgาตัาaaนรกjlaรรaปะmรรดUมะaบัnชนnชiุมvำ�gาeเวaตศrชิlิมsรaาiษหtกyUาฐาวกnoรทิจิ fiรvยะปTeาดeลลrบัscูกัยihชแtเทynานคตoวoโิมlคนfoหิดโgTลเาyทeยวคNcีรทิ โhาaยนชntาโiมooลลงnยlยั คoีสaเลgทlเี ขyคCคยี โoรNวน้ังnเaทโพftลeี่ iอ่ื 1oยrก2eรีnาnาaรชclพeมCฒั งoนคnาลfทeค่ยี rร่งั eยั้งnทืนcี่”e12” “๙ ราชมงคลขบั เคลอื่ นนวัตกรรม นำเศรษฐกจิ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยีสเี ขียวเพือ่ การพัฒนาทย่ี ่ังยนื ” Product Dกevารeพloฒัpmนeาnผthtลaoติ tfภCMทณั aกVี aฑu่อns์คโgeรรoคMีมsเtสตea้าeาsรนntiสtมPiกsอeดั eกัinจlเสาEDกบxaเใปtiนrrลaโyือคcCtกนมCoมwงัrคesaุดmต่อAแgบaคinทsเี tรียBacteria ทิพยว์ ดี ประไพวงษ1์ * สรัลรัตน์ พว่ งบริสุทธPิ2 และ ปรัชญา ประไพวงษ3์ Tipwadee Prapaiwong1*, Saranrat Phuangborisut2 and Pratchaya Prapaiwong3 1สาขาวชิ าเทคโนโลยกี ารผลิตสตั ว์ คณะเทคโนโลยอี ุตสาหกรรมการเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก วทิ ยาเขตจนั ทบุรี 2สาขาวชิ านวตั กรรมอาหารและธุรกิจ คณะเทคโนโลยอี ุตสาหกรรมการเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก วทิ ยาเขตจนั ทบุรี 3สาํ นกั งานปศุสตั วจ์ งั หวดั บึงกาฬ ต.บึงกาฬ อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ 1Department of Animal Production Technology, Faculty of Agro-Industrial Technology, 2Department of Food Innovation and Business, Faculty of Agro-Industrial Technology, Chantaburi Campus, Rajamangala University of Technology Tawan-ok, THAILAND 3Bueng Kan Provincial Livestock Office, Bueng Kan sub district, Bueng Kan district, Bueng Kan, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ โรคเตา้ นมอกั เสบในโคนมเป็ นโรคที8มีความสาํ คญั มากท8ีสุดของโคนม ส่งผลให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจและอาจ นาํ ไปสู่การตายของโคนมได้ ส่วนใหญ่การรักษาโรคเตา้ นมอกั เสบจะใชย้ าปฏิชีวนะ เป็ นผลใหเ้ ชQือจุลินทรียเ์ กิดการดQือยาและยา ปฏิชีวนะตกคา้ งในนQาํ นม ซ8ึงส่งผลต่อสุขภาพของผบู้ ริโภคได้ ดงั นQนั จึงมีการพฒั นาผลิตภณั ฑค์ รีมสารสกดั จากเปลือกมงั คุดเพื8อ ใชเ้ ป็ นครีมสอดเตา้ นมโคในการควบคุมและป้องกนั โรคเตา้ นมอกั เสบ โดยแบ่งออกเป็ น 4ทรีทเมนต์ คือ การเสริมสารสกดั จาก เปลือกมงั คุดที8ระดบั 0 5 10 และ 15เปอร์เซ็นต์ ตามลาํ ดบั วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบรูณ์ ผลการทดลองพบว่าผลิตภณั ฑ์ ครีมสารสกดั จากเปลือกมงั คุดมีค่า pH ระหว่าง 6.98-7.21 และค่าความหนืด ระหว่าง 1684-2249 cP ซ8ึงค่า pH และค่าความหนืดมี ค่าเพิ8มสูงขQึนแบบเส้นตรง (P<0.01) และกลุ่มผลิตภณั ฑ์ครีมสารสกดั จากเปลือกมงั คุดมีค่า 50% InhibitoryConcentration(IC50) ลดลงแบบเส้นตรง (P<0.01) โดยผลิตภณั ฑค์ รีมสารสกดั จากเปลือกมงั คุดท8ีระดบั 15เปอร์เซ็นต์ มีค่าIC50เท่ากบั 683.79µg/mlซ8ึง มีค่าต8าํ สุด (P<0.01) สําหรับค่าสีนQนั พบว่ากลุ่มควบคุมมีค่าความสว่างของแสง (L*) เท่ากบั 72 ซ8ึงมีค่าสูงสุด (P<0.01) แต่การ เสริมสารสกดั จากเปลือกมงั คุดที8ระดบั 10 และ 5 เปอร์เซ็นต์ มีค่าการสะทอ้ นกลบั แสงสีแดง (a*) และค่าการสะทอ้ นกลบั ของ แสงสีเหลือง(b*)มีค่าสูงสุดเท่ากบั 10.85และ56.02ตามลาํ ดบั (P<0.01)และการทดสอบผลิตภณั ฑค์ รีมสารสกดั จากเปลือกมงั คุด ในการยบั ยQงั การเจริญของเชQือแบคทีเรียดว้ ยวิธี discdiffusionmethod พบวา่ กลุ่มท8ีไดร้ ับสารสกดั จากเปลือกมงั คุดที8ระดบั 10 และ 15 เปอร์เซ็นต์ สามารถยบั ยQงั การเจริญเติบโตของStaphylococcusaureusATCC6538และ StaphylococcusepidermidisATCC12228 ได้ ซ8ึงมีค่าระหว่าง 14.40±0.23-15.32±0.11และ 16.62±0.04-18.03±0.58 มิลลิเมตร ตามลาํ ดบั (P<0.01) และพบว่าผลิตภณั ฑค์ รีม สารสกัดจากเปลือกมังคุดไม่สามารถยบั ยQงั การเจริญเติบโตของเชQือแบคทีเรีย Pseudomonasaeruginosa ATCC9027และ Escherichia coliATCC8739 ได้ สาํ หรับการประเมินการยอมรับผลิตภณั ฑค์ รีมสารสกดั จากเปลือกมงั คุดโดยใชก้ ารประเมินแบบ ratingscaleคะแนนอยรู่ ะหวา่ ง 1-9คะแนน พบวา่ ผตู้ อบแบบประเมินเป็นกลุ่มตวั อยา่ งของเกษตรกรผเู้ลQียงโคนม 12คน และบุคคล ทวั8 ไป 51คน รวมทQงั หมด 63คน มีค่าเฉล8ียความพึงพอใจโดยรวมของผลิตภณั ฑ์เท่ากบั 8.07 ถือไดว้ ่าผูต้ อบแบบประเมินมี ความชอบผลิตภณั ฑค์ รีมสารสกดั จากเปลือกมงั คุดเป็ นอยา่ งมาก ดงั นQนั ผลิตภณั ฑค์ รีมสารสกดั จากเปลือกมงั คุดท8ีพฒั นาขQึนจึง อาจเป็นแนวทางหน8ึงในการนาํ ไปใชเ้ พื8อควบคุมและป้องกนั โรคเตา้ นมอกั เสบในโคนมได้ คาํ สําคญั :ผลิตภณั ฑค์ รีม สารสกดั จากเปลือกมงั คุด โรคเตา้ นมอกั เสบ โคนม 83

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคล่อื นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยสี ีเขียวเพือ่ การพฒั นาทยี่ ่ังยืน” สาขาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี 86

การกปารระปชรมุ ะกชามุ รวจิชัดางกาานรรปะรดะบั ชชุมาวตชิ มิ าหกาาวรทิ รยะาดลบั ัยชเทาคตโมิ นหโลายวรีทิ ายชามลงัยคเลทคครโนงั้ ทโล่ี 1ย2รี าชมงคล คร้ังท่ี 12 The 12thThRaeja1m2tahnRgajlamUannivgearlsaityUnofivTeerscihtynoolfogTyeNchatnionloagl yCoNnafteiorennacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลลอ่ืขนบั นเควลัต่อืกนรรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกาจิ เศปรลษกู ฐแกนจิ วคปิดลเูกทแคนโนวโคลดิยเสี ทเี ขคียโนวเโพลอ่ืยกีสาีเขรพยี ฒัวเนพา่อื ทกยี่ า่งั รยพืนัฒ” นาทย่ี ง่ั ยืน” \"5G/6G Research, Innovation and Applications\" ประยทุ ธ อคั รเอกฒาลิน* Prayoot Akkaraekthalin* ภาควิชาวศิ วกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ Department of Electrical and Computer Engineering, Faculty of Engineering, King Monkut's University of Technology North Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ ระบบสื่อสารเคล่ือนท่ี 5G นบั เป็นวิวฒั นาการใหม่ของระบบสื่อสารที่มีอยใู่ นปัจจุบนั โดยระบบ สื่อสาร เคล่ือนท่ี 5G ไดร้ ับการออกแบบให้สามารถรองรับการใชข้ อ้ มูลขนาดใหญ่ในสังคมยุคใหม่ท่ีมีการเชื่อมต่อกนั ตลอดเวลา รวมไปถึงระบบอินเตอร์เน็ตเพ่ือสรรพส่ิง (Internet of Things) ที่มีการเช่ือมต่ออุปกรณ์จานวนมหาศาล เขา้ ดว้ ยกนั ดว้ ยความเร็วของขอ้ มูลท่ีสูงมากๆ จนทาใหเ้ กิดนวตั กรรมใหม่ๆ ข้ึนมากมาย ไดแ้ ก่ เมืองอจั ฉริยะ ระบบ พลงั งานอจั ฉริยะ การเกษตรอจั ฉริยะ การเดินทางและการขนส่งอจั ฉริยะ ตลอดจนนวตั กรรมในดา้ นการแพทย์ การศึกษาและการบนั เทิง โดยระบบสื่อสารเคลื่อนที่ 5G จะทาให้เคร่ืองจกั รและอุปกรณ์นบั พนั ลา้ นตวั สามารถ เชื่อมต่อและสื่อสารเพ่ือการรับและส่งข้อมูลระหว่างกันได้ โดยไม่มีการแทรกแซงจากคนทาให้ลดการใช้ แรงงานคนไปเป็นจานวนมาก ซ่ึงจะส่งผลใหเ้ กิดการปฏิวตั ิกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม การเกษตรและธุรกิจ ในอนาคตอนั ใกลร้ ะบบสื่อสารเคลื่อนท่ี 5G จะทาให้เราสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบการเกษตรและ หุ่นยนตอ์ ุตสาหกรรมไดอ้ ยา่ งรวดเร็วแบบเวลาจริง การส่ือสารระหวา่ งรถยนตก์ บั รถยนตจ์ ะเป็ นไปอยา่ งอตั โนมตั ิ รถยนตส์ ามารถเคลื่อนท่ีบนถนนไดอ้ ยา่ งปลอดภยั โดยปราศจากคนขบั รวมไปถึงการเปิ ดโลกใหม่ทางดา้ นการดูแล รักษาคนไขท้ ่ีแพทยส์ ามารถทาการรักษาทางไกลแมก้ ระทง่ั การผ่าตดั ทางไกล ในดา้ นการศึกษาและบนั เทิงน้ัน เทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริง (Virtual and augmented reality) ที่รวมสภาพแวดลอ้ มจริงกบั วตั ถุ เสมือนเขา้ ดว้ ยกนั ในเวลาเดียวกนั จะช่วยเพ่ิมประสบการณ์อยา่ งที่ไม่เคยเกิดข้ึนมาก่อน ทาใหเ้ ราสามารถท่องเที่ยว เรียนรู้ไปยงั สถานท่ีต่างๆ และดูการถ่ายทอดสดการแข่งขนั ฟุตบอลเสมือนมีตวั เรา เขา้ ไปอยใู่ นสถานท่ีน้นั จริงๆ จะเห็นไดว้ า่ ระบบส่ือสารใหม่น้ีจะมีผลกระทบต่อการดาเนินชีวิตของทุกคนอยา่ งมาก ในปัจจุบนั เร่ิมมีการใชง้ าน ระบบการสื่อสารเคลื่อนที่ 5G แลว้ ในประเทศไทย ในการบรรยายน้ีจะกล่าวถึงวิวฒั นาการของระบบสื่อสาร เคลื่อนท่ี โครงสร้าง การทางาน และการประยกุ ตใ์ ชง้ านของระบบส่ือสาร 5G ที่สาคญั ๆ ดงั ที่ไดก้ ล่าวมา ตลอดจน งานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง นอกจากน้ียงั จะกล่าวถึงแนวโนม้ ของเทคโนโลยขี องระบบส่ือสารในยคุ หนา้ หรือ 6G อีกดว้ ย คำสำคญั : ระบบส่ือสารเคล่ือนที่5G/6G การใช้ขอ้ มูลขนาดใหญ่ ระบบอินเตอร์เน็ตเพ่ือสรรพส่ิง เทคโนโลยโี ลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริง 85

การกปารระปชรุมะชกมุาวรจิชัดากงาารนรปะรดะับชชมุ าวตชิมิ หากาวาิทรรยะาดลับยั เชทาคตโมินหโลายวีริทายชามลงคยั ลเทคครโง้ันทโ่ีล1ย2ีราชมงคล คร้งั ที่ 12 The 12thTRhaeja1m2athnRgaljamUannivgearslaityUonfivTeercshitnyoolofgTyeNcahtnioonlaolgyCoNnafteiroennacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลลอ่ื ขนับนเควตัลกื่อรนรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนิจวคปดิ ลเทูกคแโนนวโคลยิดีสเทีเขคยี โวนเโพล่อื ยกีสาีเรขพียฒั วเนพา่ือทกีย่ าั่งยรพืน”ัฒนาที่ยั่งยืน” Metaverse กบั กำรจัดกำรซัพพลำยเชน Impact of Metaverse on Manufacturing and Supply Chain ตรีทศ เหล่าศิริหงษท์ อง* Tritos Laosihongthong* ภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ Department of Industrial Engineering, Faculty of Engineering, Thammasat University *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ Metaverse เป็นหน่ึงในวิวฒั นาการของเทคโนโลยดี ิจิทลั ท่ีปัจจุบนั มีการพดู กนั ในวงกวา้ งและเมื่อ เฟสบุ๊คไดป้ ระกาศเปลี่ยนชื่อบริษทั จากเดิมไปเป็ น เมธา (Meta) ยง่ิ ทาให้เกิดความสนใจของธุรกิจในทุก วงการว่า เทคโนโลยีน้ี คืออะไร จะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของลูกคา้ และธุรกิจอย่างไร ซ่ึงการ บรรยายคร้ังน้ีจะสรุปประเดน็ สาคญั ๆ ของ Metaverse วา่ ประกอบดว้ ยเทคโนโลยอี ะไรบา้ ง ผลกระทบท่ีมี ต่อการจดั การซัพพลายเชนท้งั ในส่วนของกระบวนการผลิต/บริการ การจดั การคลงั สินคา้ การจดั ซ้ือ การบริการ และสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับลูกคา้ เป็ นอย่างไร จากบทความที่เผยแพร่โดย TECHSAUCE เม่ือ พ.ศ. 2563 ได้อธิบายไว้ว่า Metaverse มาจากคาว่า Meta กับ Verse รวมแล้วได้ ความหมายวา่ เป็ น “จกั รวาลท่ีอยเู่ หนือจินตนาการ” ซ่ึงในยคุ ที่การเขา้ ถึงเทคโนโลยขี องคนขยายวงกวา้ ง และโลกอินเทอร์เน็ตมีการพฒั นาอยา่ งกา้ วกระโดด ส่งผลใหผ้ คู้ นสามารถส่ือสารและทากิจกรรมกนั ได้ โดยไม่ตอ้ งพบปะกนั ในทางกายภาพ รวมถึงการธุรกรรมต่าง ๆ หรือ กิจกรรมในการจดั การซพั พลายเชน ตวั อย่างท่ีอาจจะใช้อธิบายเพื่อให้เขา้ ใจง่ายข้ึน เช่น การที่ผูใ้ ช้รายหน่ึงสร้างเอกสารในรูปแบบของ อิเลก็ ทรอนิกส์ และส่งผา่ นอีเมลไ์ ปยงั คนอื่น จากน้นั เอกสารดงั กล่าวกถ็ ูกเปิ ดอ่านบนอุปกรณ์สื่อสารแบบ เคล่ือนที่และส่ังพิมพ์ผ่านระบบไร้สาย หรือ การสั่งการและตรวจสอบรายการสินค้าในคลังหรือ ศูนยก์ ระจายสินคา้ ผา่ นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและแชร์ขอ้ มูลดงั กล่าวไปยงั สมาชิกทุกคนในซพั พลายเชน แบบเรียลไทม์ ซ่ึงปรากฏการณ์ดงั กล่าวจะมีการใชง้ านเทคโนโลยหี ลายประเภทในเวลาใกลเ้ คียงกนั และ มีการส่งต่อวตั ถุดิจิทลั อย่างไฟล์เอกสารกันขา้ มพรมแดน อย่างไรก็ตาม การที่จะทาให้ Metaverse ถูก นาไปใช้ในการจดั การซัพพลายเชน ผูอ้ อกแบบจะตอ้ งมีความเขา้ ใจในโครงสร้าง หรือ องคป์ ระกอบของ เทคโนโลยีน้ี ซ่ึงได้แก่ Data Layer, Operating Layer, Application Layer และ Ownership Layer รวมถึง ความพร้อมดา้ นโครงสร้างพ้ืนฐานของอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ คำสำคญั : อินเทอร์เน็ต เทคโนโลยดี ิจิทลั การจดั การซพั พลายเชน Metaverse 86

การประชมุ การจัดงานประชมุ วิชาการระดบั ชาติมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ครั้งท่ี 12 การปTรhะชeุม1ว2ิชtาhกRาaรjรaะmดับaชnาgตaิมlaหาUวnทิ iยvาeลrัยsiเtทyคโoนfโลTยeีรcาhชnมoงคloลgyครNง้ั ทaี่t1io2nal Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราช“ม๙งครลาชขบัมเงคคลลื่อขนับนเวคตั ลก่ือรนรนมวนัตำ�กเศรรรษมฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนจิวคปดิ ลเทูกคแโนนวโลคยดิ ีสเทเี ขคียโวนเโพล่อื ยกีสาีเรขพียัฒวนเพาอื่ทกีย่ าัง่ ยรืนพ”ฒั นาทีย่ ัง่ ยนื ” ระบบบำบัดนำ้ สำหรับบ่อปลำดุกเพ่ือยบั ย้งั เชื้อ Aeromonas hydrophila ด้วยเทคนิคโอโซน Water Treatment System for Catfish Pond to Inhibit Aeromonas Hydrophila Using Ozone Technique สุธี ล้ีจงเพ่มิ พนู *ประภสั สร ปุยเงิน และ พชร ช่างคิด Sutee Leejongpermpoon*, Praphatsorn Puingoen and Pachara Changkhit สาขาวิชา วศิ วกรรมไฟฟ้าศูนยส์ ุพรรณบุรี คณะ ครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ เลขที่ 450 ถ.สุพรรณบุรี-ชยั นาท ต.ยา่ นยาว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี Department of Electrical Engineering, Faculty of Industrial Education, Rajamangala University of Technology Suvanabumi, Sub-district, Suphanburi, THAILAND *Corresponding Author E-mail:[email protected] บทคดั ย่อ วิจยั น้ีเป็ นการนาเสนอตน้ แบบระบบบาบดั น้าสาหรับบ่อปลาดุกเพ่ือยบั ย้งั เช้ือ Aeromonas hydrophila. ดว้ ยเทคนิคโอโซน ก๊าซโอโซนสร้างจากสนามไฟฟ้าจากอิเลก็ โทรดทรงกระบอกซอ้ นแกน ร่วมแบบเส้นลวดพนั เกลียวดว้ ยแรงดนั สูงกระแสสลบั 5.8kV เพ่ือใชก้ ารบาบดั น้าในบ่อเล้ียงปลาดุก ทาการทดสอบหาค่าความสัมพนั ธ์ความเขม้ ของก๊าซโอโซน 0.3 -2.5 ppm ท่ีส่งผลต่อค่า pH น้าและ แอมโมเนีย ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าที่ความเขม้ ก๊าซโอโซน 2.5 ppm ส่งผลทาให้ค่า pH น้าและ แอมโมเนียเพ่ิมข้ึนซ่ึงหลงั จาก 7 ชว่ั โมง น้นั ค่า pH น้าและแอมโมเนียจะลดลงจนมีค่าใกลเ้ คียงค่าเร่ิมตน้ อีกท้งั สามารถลดปริมาณเช้ือแบคทีเรีย Aeromonas hydrophila ไดร้ ้อยละ 99.9996 หรือ ร้อยละ 0.048 ต่อวตั ต์ ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพต่อพลงั งานอย่างเหมาะสม ซ่ึงผลที่ไดส้ ามารถกาหนดพิกดั ของระบบ บาบดั น้าบ่อเล้ียงปลาดุกเพื่อยบั ย้งั เช้ือแบคทีเรีย Aeromonas hydrophila ได้ คำสำคญั : โอโซน การยบั ย้งั เช้ือรา Aeromonas hydrophila 87

กTาhรeปก1รา2ะรTtปชhhรุมRะeกaชาj1aมุ รm2วจชิtัดhaาnงRกาgaานajรalปรamะรดUะaบัชnnชiุมvgาวeaติชrlิมsaาiหtกUyาาวnรoทิ iรfvยะeTาดerลบัscัยiชhtเyทาnตคooโมิlfนoหโgTลาyeวยcNทิรี hาaยชntาiมooลงnlัยคoaเลgทlyคCคโoรNนงั้naทโftลeี่ i1oยr2eรีnnาacชleมCงoคnลfeคrรeง้ั nทcี่ e1”2 “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งคเคลลข่อื ับนเนควลัตือ่ กนรนรมวัตนกำ�รเศรรมษนฐกาจิเศปรษลกูฐแกนจิ วปคิดลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเีสทีเขคียโนวเโพลอ่ืยกสี าีเขรพียฒัวเนพา่ือทกีย่ างั่ รยพืนฒั” นาที่ย่ังยนื ” กำรยบั ยงั เชื้อรำ Colletotrichum Gloeosporioides ในเมลอนด้วยเทคนิคโอโซน ทสี่ ร้ำงจำกอเิ ลก็ โทรดแบบโคโรนำดสิ ชำร์จ Inhibition of Colletotrichum Gloeosporioides in Melon by Ozone Technique Using Corona Discharge Electrode สุธี ล้ีจงเพ่มิ พนู 1* กอ้ งเกียรติ ละมุดเทศ1 และ ศศิณา อ่วมคา2 Sutee Leejongpermpoon1*, Kongkiet Lamoodetd1 and Sasina Oumcum2 1สาขาวิชา วศิ วกรรมไฟฟ้าศูนยส์ ุพรรณบุรี คณะ ครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ เลขที่ 450 ถ.สุพรรณบุรี-ชยั นาท ต.ยา่ นยาว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี 72130 2แผนกไฟฟ้ากาลงั วทิ ยาลยั การอาชีพเสนา 68 หมู่ 4 ตาบลบา้ นแถว อาเภอเสนา จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา 13110 1Department of Electrical Engineering, Faculty of Industrial Education, Rajamangala University of Technology Suvanabumi, Sub-district, Suphanburi 72130, THAILAND 2Electrical power department, Sena Vocational College, 68 Moo 4, Ban Thaeo Subdistrict, Sena District, Phra Nakhon Si Ayutthaya Province 13110, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ บทความน้ีเป็ นการสร้างเคร่ื องต้นแบบให้น้ าโอโซนและหมอกโอโซนเพ่ือยับยังเช้ือรา Colletotrichum Gloeosporioides. ในโรงเรือนเมล่อน โอโซนสร้างดว้ ยอิเล็กโทรดแบบทรงกระบอกซ้อน แกนร่วมท่ีมีฉนวนกนั เบรกดาวน์ 2 ช้นั ท่ีแรงดนั 30 kV 50 Hz และทาการปล่อยก๊าซโอโซนดว้ ยอุปกรณ์ ปล่อยฟองนาโนแนวต้งั ที่อตั ราการไหลของอากาศ 20 L/min ต่อปริมาตรน้าท่ีใช้ในการผสม 1000 ml. ทาการทดลองเพื่อทราบความสัมพันธ์ของความเข้มก๊าซโอโซนในการยับย้ังเช้ือ Colletotrichum Gloeosporioides. ต่อเวลา และ ประสิทธ์ิภาพดา้ นพลงั งาน ผลจากการทดลองแสดงใหเ้ ห็นวา่ ค่าความเขม้ ขน้ โอโซนที่เหมาะสม คือ 2 ppm ท่ีค่าพลงั งาน 57.38 วตั ต์ สามารถยบั ย้งั เช้ือรา Colletotrichum Gloeosporioides ไดถ้ ึง 98.4% หรือประสิทธิภาพร้อยละการยบั ย้งั เช้ือต่อพลงั งานเท่ากบั ร้อยละ 1.71 ต่อวตั ต์ คำสำคญั : โอโซน การยบั ย้งั เช้ือรา Colletotrichum Gloeosporioides 88

การกปารรปะชระุมชกุมาวรชิจาัดกงาารนรปะดรบัะชชุมาตวมิิชหาากวาทิรรยะาดลยัับเชทาคตโนมิ โหลายวีรทิาชยมาลงคัยลเทคครโ้งั นทโ่ีล1ย2ีราชมงคล ครง้ั ท่ี 12 The 12thTRhaeja1m2athngRaaljaamUnainvgearsliatyUonfivTeercshitnyoolofgTyeNcahtnioonlaolgCyoNnafetiroenacleConference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบัมเงคคลลื่อขนบั นเวคตั ลก่อื รนรนมวนตั ำ�กเศรรรษมฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนิจวคปิดลเทูกคแโนนวโลคยิดีสเทีเขคียโวนเโพลื่อยกสี าีเรขพยี ฒั วนเพาอ่ืทกย่ี ัง่ายรนืพ”ัฒนาท่ยี ัง่ ยนื ” กำรพฒั นำเวบ็ แอปพลเิ คช่ันสำหรับบริหำรจัดกำรข้อมูลสำรสนเทศโครงกำรจดั ต้งั ห้องเรียนวทิ ยำศำสตร์ในโรงเรียนสำธิตมหำวทิ ยำลยั เชียงใหม่ Development of Web Applications for Information Management for Science Classroom Project in Chiang Mai University Demonstration School จตุพร ศิลพรชยั *และ ณฐา อภิธาวินวสุ Jatuporn Silapornchai* and Natha Apithawinwasu สาขาระบบสารสนเทศทางธุรกิจ 2สาขาการจดั การธุรกิจระหวา่ งประเทศ คณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา เชียงใหม่ Department of Business Information System, 2Department of International Business Management, Faculty of Business Administration and Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Lanna, Chiang Mai, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ โครงการจดั ต้งั หอ้ งเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนสาธิตมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ (โครงการวมว.-มช.)จดั ต้งั ข้ึนเพ่ือ สนบั สนุนนกั เรียนในระดบั มธั ยมปลายที่มีความถนดั ทางดา้ นวิทยาศาสตร์ มีการจดั การแบบโรงเรียนประจามีนกั เรียน ในการดูแลประมาณ180คนระบบการจดั การหลายดา้ นทาใหม้ ีความยงุ่ ยากซบั ซอ้ นและขอ้ มูลมีจานวนมากการจดั เกบ็ ขอ้ มูลทาไดย้ ากวตั ถุประสงค์เพื่อพฒั นาเวบ็ แอปพลิเคชนั่ เพ่ือการบริหารจดั การขอ้ มูลสารสนเทศในโครงการจดั ต้งั หอ้ งเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลยั เชียงใหม่ และประเมินความพึงพอใจในการใชง้ านเวบ็ แอปพลิเคชนั่ โดยผา่ นการศึกษาระบบงานเดิมเกบ็ ขอ้ มูลความตอ้ งการผา่ นการสมั ภาษณ์ผมู้ ีส่วนเก่ียวขอ้ งรวบรวมเอกสารจากระบบงาน เดิมเพ่ือวิเคราะห์ปัญหา ศึกษาแนวทางเทคโนโลยีในปัจจุบนั เอกสารและงานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ ง ออกแบบโปรแกรม และหนา้ ต่างส่วนติดต่อผใู้ ชข้ องระบบงานใหม่ จดั ทาระบบฐานขอ้ มูลท่ีเช่ือมโยงกนั เวบ็ แอปพลิเคชนั่ ถูกพฒั นา แบบเชิง โครงสร้างตามวิธีการรูปแบบโมเดลน้าตกสมยั ใหม่ ดว้ ยเคร่ืองมือดงั น้ี โปรแกรมจาลองเซิฟเวอร์ XAMPP,โปรแกรม วิชวลสตูดิโอโคด้ (VisualStudioCode),ฐานขอ้ มูลมายเอสคิวแอล(MySQL),โปรแกรมจดั การฐานขอ้ มูลพีเอชพีมายแอด มิน(PHPMyAdmin),ภาษาเอชทีเอ็มเอล(HTML5),ภาษาพีเอชพี (PHP),ชุดคาส่ังจาวาสคริปต์ (JavaScript)เพ่ือใหส้ ามารถ รองรับการแสดงผลไดท้ ุกอุปกรณ์การใชง้ านการประเมินความพึงพอใจในการใชง้ านเวบ็ แอปพลิเคชนั ของผูใ้ ชร้ ะบบ จากการจดั ทาแบบสอบถามพบวา่ มีความพึงพอใจในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก(ค่าเฉล่ีย3.98)โดยพอใจในดา้ นการแสดงผล ของระบบมากที่สุด(ค่าเฉล่ีย4.12)สรุปผลการประเมินโดยรวมอยใู่ นระดบั ดี แสดงให้เห็นถึงเวบ็ แอปพลิเคชนั สามารถ ใชง้ านไดจ้ ริงตรงตามความตอ้ งการผใู้ ช้ช่วยใหก้ ารทางานมีความเป็นระบบและมีการจดั เกบ็ ขอ้ มูลที่ปลอดภยั มากยงิ่ ข้ึน คำสำคัญ: เวบ็ แอปพลิเคชน่ั ระบบการจดั การสารสนเทศ การแสดงผลเวบ็ ไซต์รองรับทุกหน้าจอ พีเอชพี โครงการจดั ต้งั หอ้ งเรียนวทิ ยาศาสตร์ในโรงเรียนสาธิตมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ 89

การประชุมการจดั งานประชมุ วิชาการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ครัง้ ที่ 12 Theก1า2รtปhTรRะhaชejaุมm1วิช2aาtnhกgRาaรalรjaaะmดUับnaชinvาegตraิมsliหatyาUวoิทnfยivTาeeลcrัยshเiทtnyคoโloนofโgลyTยeNีรcาahชtinมoงonคlaoลlgCคyoรัง้Nnทfaeี่ t1ri2eonncael Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลอ่ื ขนบันเวคตั ลกอื่ รนรมนวนัตำ�กเศรรรษมฐนกจิาเปศลรษกู แฐนกวิจคปดิ เลทูกคแโนนโวลคยดิ สี เเีทขคียวโนเพโล่ือยกีสารีเขพยีฒั วนเพาทื่อยี่ กง่ั ายรนื พ”ฒั นาทย่ี ั่งยนื ” กำรพฒั นำฝ้ำเพดำนจำกผกั ตบชวำเพ่ือลดต้นทุนกำรผลติ Development of Ceilings from Hyacinths to Reduce Production Costs ลาวลั ย์ ขนั เกษตร* Lawan Kankaset * สาขาวชิ าวศิ วกรรมโยธา ศูนยส์ ุพรรณบุรี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ Department of Civil Engineering (Suphan Buri), Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจัยน้ีมีวตั ถุประสงค์ในการศึกษาเปรียบเทียบคุณสมบัติของแผ่นฝ้าเพดานท่ีมีขายตาม ทอ้ งตลาดกบั แผน่ ฝ้าเพดานท่ีมีการนาผกั ตบชวามาเป็นส่วนผสมเพม่ิ เพ่ือนามาเป็นขอ้ พิจารณาในการลด ตน้ ทุนการผลิต และลดปริมาณผกั ตบชวาที่มีมากในปัจจุบนั โดยผวู้ ิจยั ไดน้ าแผน่ ฝ้าเพดานที่มีอตั ราส่วน ระหว่าง ยิปซัม น้า โซเดียมซิลิเกตและผกั ตบชวาโดยน้าหนัก มาทดสอบเปรียบเทียบค่าแรงกดแตก ตามยาวและตามขวาง การแอ่นตวั การดูดซึมน้า ความหนาแน่น ค่าสัมประสิทธ์ิการนาความร้อน และ แรงตา้ นทานการดึงของตะปู ตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก.219-2552 จานวน 5 อตั ราส่วน คือ 1:1:0.03:0 1:1:0.03:60 1:1:0.03:65 1:1:0.03:70 และ 1:1:0.03:75 จากการทดสอบ พบว่า แผ่นฝ้า เพดานที่มีส่วนผสมผกั ตบชวาเพ่ิมในอตั ราส่วน 1:1:0.03:60 มีความเหมาะสมที่สุด เน่ืองจากมีค่าแรงกด แตกตามยาวและตามขวาง ค่าแรงตา้ นทานการดึงของตะปูสูงสุด ค่าการแอ่นตวั อยู่ในเกณฑม์ าตรฐาน เม่ือเทียบกบั อตั ราส่วนผสมอื่น และมีตน้ ทุนการผลิตนอ้ ยกว่าแผน่ ฝ้าเพดานที่มีส่วนผสมปกติร้อยละ10 แผน่ ฝ้าเพดานที่พฒั นาข้ึนน้ีสามารถลดปริมาณผกั ตบชวาท่ีมีมากในปัจจุบนั อีกดว้ ย คำสำคญั : ฝ้าเพดาน ผกั ตบชวา ลดตน้ ทุน 90

การประชมุ การจัดงานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล ครงั้ ที่ 12 การTปhระeช1ุม2วtิชhาRกaาjรaรmะดaบั nชgาaตlิมaหUาnวิทivยeาrลsัยitเyทคoโfนTโลeยcรี hาnชoมงloคgลyคNรัง้aทtี่io12nal Conference” “๙ รา“Tช๙hมeรงคา1ชล2ขมthบังRคเคaลjลaข่ือmบั นเaนคnวลgตั ือ่aกนlรaนรUมวnตั นiกvำ�รeเศรrsมรiษtนyฐากoเจิ fศปรTษeลcกูฐhแกnนจิ oวปlคoลิดgูกเyทแคNนโaวนtคโioลิดnยเีสaทlีเคขCโยี นoวโnเลพfeยื่อrีสกeเีาnขรcียพeวฒั เพนาือ่ ทกย่ี า่ังรยพืนฒั ”นาทย่ี งั่ ยืน” วฏั จักรกำรขบั ขรี่ ถจกั รยำนยนต์ในเขตกรุงเทพมหำนครช้ันใน ภำยใต้สถำนกำรณ์โควคิ -19 A Driving Cycle For Motorcycle In The Inner Part Of Bangkok Under Covid-19 Situation พเิ ชษฐ์ บุญญาลยั * สถาพร วนั นาพอ่ ชลากร อุดมรักษาสกลุ ธนากร ไชยช่อฟ้า นิติพงษ์ วงศใ์ หญ์ และ พงษศ์ กั ด์ิ บรมรัมย์ Pichest Boonyalai*, Sthaphorn Wannapor, Chalakorn Udomraksakul, Thanakorn Chaichofa, Nitiphong Wongyai and Phongsak Boromram สาขาวชิ าวิศวกรรมเคร่ืองกล คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร บางซื่อ กรุงเทพมหานคร Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangsue, Bangkok,THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ รถจกั รยานยนตถ์ ูกใชง้ านในประเทศไทยเป็นจานวนมาก โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครมีการใชง้ าน มากท่ีสุด วิถีชีวิตใหม่ในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และมาตรการ “ปิ ดพ้ืนท่ี” ส่งผลต่อสภาพการจราจรและอตั ราการเกิดอุบตั ิเหตุที่ลดลง ดงั น้นั รูปแบบการขบั ข่ีจึงมีการ เปลี่ยนแปลงไป โครงการวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือสร้างวฏั จกั รการขบั ข่ีรถจกั รยานยนต์ ดว้ ยการจดั เก็บ ขอ้ มูลแบบทนั ทีทนั ใดตลอดเสน้ ทางและการจดั กลุ่มอนุกรมเวลา เลือกเส้นทางที่มีการจราจรท่ีหนาแน่น ไดแ้ ก่ ถนนรัชดาภิเษก พญาไท พระรามที่ 3 โดยใชร้ ถจกั รยานยนตข์ นาดความจุ 100 cc เกียร์ธรรมดา ในการเก็บขอ้ มูล อุปกรณ์ในการจดั เก็บขอ้ มูล ไดแ้ ก่ อุปกรณ์จดั เก็บขอ้ มูลแบบทนั ทีทนั ใดที่มีความ แม่นยาสูงซ่ึงเช่ือมต่อกบั อุปกรณ์ระบุตาแหน่งดาวเทียมและเช่ือมต่อกบั คอมพิวเตอร์แบบพกพา สาหรับ การสร้างวฏั จกั รการขบั ข่ีท้งั 3 เส้นทาง พบวา่ รูปแบบของความเร็วท่ีใชใ้ นการขบั ขี่ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบ ความเร็วต่าสุด มีช่วงของความเร็วที่เกิดข้ึนในช่วง 0-10 km/h แสดงถึง สภาพการจราจรที่มีการติดขดั อยา่ งมากและมีช่วงของความเร็ว 30-40 km/h สาหรับถนนพระรามท่ี 3 ช่วงเยน็ โดยมีรูปแบบในการเคลื่อน ไดแ้ ก่ ความเร่ง ความหน่วง ความเร็วคงท่ี และการหยดุ น่ิงซ่ึงมีพฤติกรรมท่ีแตกต่างกนั ในแต่ละเสน้ ทาง คำสำคญั : รถจกั รยานยนต์ วฏั จกั รการขบั ข่ี พฤติกรรมการขบั ขี่ สถานการณ์โควดิ -19 91

การประชุมการจดั งานประชุมวชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครงั้ ที่ 12 กาTรhปeระ1ช2มุ tวhิชRาaกjาaรmระaดnบั gชaาlตaิมUหnาวivทิ eยrาsลitยั yเทoคfโนTโeลcยhรี าnชoมlงoคgลy คNรaั้งtทioี่ 1n2al Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙“ร๙าชรมางชคมลขงคบั ลเคขลบั อื่ เนคนลวอ่ื ัตนกนรวรมัตกนรำ�รเศมรษนฐากเศิจรปษลฐกูกแิจนปวคลดิูกเแทนควโนคโดิลเยทีสคีเขโนยี วโลเพยื่อีสกเี ขารยี พวัฒเพนือ่ ากทา่ียรง่ั พยืนฒั ”นาที่ย่ังยืน” วฏั จกั รกำรขบั ขรี่ ถยนต์นั่งในเขตกรุงเทพมหำนครช้ันใน ภำยใต้สถำนกำรณ์โควดิ -19 A Driving Cycle for Passenger Car in the Inner Part of Bangkok Under Covid-19 Situation ทรงวฒุ ิ มงคลเลิศมณี1* ศิริพล ทองอ่อน ชลิดา อุดมรักษาสกลุ ณภทั ร ประดบั ญาติ ธนกร ดาวเรือง และ ธนเลิศ พรรณหาญ Songwut Mongkonlerdmanee1*, Siripol Tongorn, Chalida Udomraksakul Napat Pradabyat, Thanakorn Dowruang and Thanalert Panharn สาขาวชิ าวศิ วกรรมเครื่องกล คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร บางซ่ือ กรุงเทพมหานคร Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangsue, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจัยน้ีจัดทาข้ึนเพื่อศึกษาพฤติกรรมการขบั ขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คนในเขต กรุงเทพมหานครช้นั ใน และ เพื่อสร้างวฏั จกั รการขบั ขี่ภายใตส้ ถานการณ์โควดิ -19 โดยวิธีการวจิ ยั มีดงั น้ี 1.เลือกเส้นทางและเก็บขอ้ มูลการทดสอบ 2.กาหนดตวั แปรในการเก็บขอ้ มูล 3.จดั กลุ่มจอ้ มูลของช่วง ความเร็ว 4.เลือกกลุ่มของเวลา และ 5.สร้างวฏั จกั รการขบั ข่ี อุปกรณ์ท่ีใชจ้ ดั เก็บขอ้ มูล ไดแ้ ก่ อุปกรณ์ จดั เก็บขอ้ มูลแบบทนั ทีทนั ใด โดยเชื่อมต่อกบั อุปกรณ์แสดงพิกดั ตาแหน่งทางดาวเทียม และเช่ือมต่อกบั คอมพิวเตอร์แบบพกพา โดยใช้ Time Series Clustering Technique และ สถิติทางวิศวกรรม ผลจากการ วิจยั พบว่าเส้นทางการขบั ขี่ท้งั 3 เส้นทางมีช่วงความเร็วท่ี 0-10 km/h เท่ากนั ท้งั ช่วงเชา้ และ ช่วงเยน็ แสดงให้เห็นถึงสภาพการจราจรท่ีหนาแน่นเป็ นอย่างมาก เส้นทางที่ใช้เวลาในการขบั ขี่มากที่สุด คือ เส้นทางที่ 1 ช่วงเชา้ ตวั แทนวฏั จกั รการขบั ขี่ท้งั 3 เส้นทางแสดงใหเ้ ห็นถึงพฤติกรรมการขบั ข่ี และสภาพ การจราจร เส้นทางที่ 1 การหยดุ น่ิงใชเ้ วลามากที่สุด เมื่อเทียบกบั ท้งั 2 เส้นทาง ซ่ึงสามารถบอกไดว้ ่ามี การจราจรหนาแน่นและเจอสัญญาณไฟจราจรเป็ นส่วนใหญ่ ซ่ึงเม่ือเปรียบเทียบกบั ช่วงเยน็ มีการจราจร คล่องตวั และใชเ้ วลาในการขบั ข่ีรวดเร็วกว่า ต่อมาเส้นทางที่ 2 สามารถบอกไดว้ ่ามีสภาพการจราจรเบา บางกวา่ ช่วงเยน็ เพราะการหยดุ น่ิงใชเ้ วลานอ้ ย และในส่วนของเสน้ ทางท่ี 3 สภาพการจราจรเบาบางที่สุด คำสำคญั : รถยนตน์ ง่ั ส่วนบุคคล วฏั จกั รการขบั ข่ี Time Series Clustering Technique 92

การประชุมการจดั งานประชมุ วิชาการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครั้งท่ี 12 การปTรhะeชุม1ว2ชิ thากRาaรjรaะmดบัanชาgตaมิlaหาUวnิทiยvาeลrsัยiเtทyคoโนfโTลeยีรcาhชnมoงlคoลgyครN้ังaทtี่ i1o2nal Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลล่อืขนับนเควตัลกื่อรนรนมวนัตำ�กเรศรรมษฐนกาจิ เศปรลษกู ฐแกนจิ วคปดิ ลเทูกแคโนนวโคลดิยสีเทีเขคียโวนเโพลอื่ ยกีสาเี รขพยี ฒัวเนพา่อืทก่ียาั่งรยพืน”ัฒนาทย่ี งั่ ยนื ” กำรเปรียบเทยี บกำลงั รับแรงอดั ของคอนกรีตท่ีใช้ทรำยจำกแม่นำ้ และทรำยบก Comparison of the Compressive Strength of Concrete Produced Using Sand from River Sands and Pit Sands พรนภา โพธ์ิเนียร นลธรรณ แกว้ จนั ทร์ และ ปรัชญา กา้ นบวั * Pornnapa Pohnian, Nontun Kaewjun and Prachya Kanbua* สาขาวิศวกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี 72130 Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering and Architecture, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, Samchuk, Suphanburi 72130, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ นานมาแลว้ ที่วิศวกรโดยทวั่ ไปต่างเขา้ ใจว่า การนาทรายแม่น้ามาเป็นส่วนผสมของคอนกรีตจะให้ กาลงั อดั ประลยั ท่ีสูงกว่าการนาทรายบกมาเป็ นส่วนผสม งานวิจยั น้ีจึงทดสอบเพื่อเปรียบเทียบกาลงั อดั ประลยั ของคอนกรีตท่ีมีส่วนผสมระหว่างทรายบกกบั ทรายแม่น้า ท้งั หมด 3 จงั หวดั รอบเขตสุพรรณบุรี ซ่ึงไดแ้ ก่จงั หวดั กาญจนบุรี ชยั นาท และสิงห์บุรี โดยการนาทรายบกและทรายแม่น้าของท้งั 3 จงั หวดั มา ลา้ งและร่อนผ่านตะแกรงเพื่อลดผลกระทบเร่ืองขนาดของเม็ดทรายและสารอินทรียป์ นเป้ื อน จากน้ัน นามาผสมเป็ นคอนกรีต และทาการทดสอบกาลงั อดั ประลยั ที่อายุ 28 วนั รวมตวั อยา่ งทดสอบท้งั สิ้น 18 ตวั อยา่ ง จากการทดสอบพบวา่ คอนกรีตท่ีมีส่วนผสมของทรายแม่น้ามีค่าเฉลี่ยของกาลงั อดั ประลยั สูงกวา่ คอนกรีตที่ผสมทรายบกอยปู่ ระมาณร้อยละ 5 คำสำคญั : กาลงั อดั ประลยั ทรายบก ทรายแม่น้า 93

การประชุมการจดั งานประชุมวิชาการระดับชาตมิ หาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ท่ี 12 การปTระhชeมุ 1ว2ชิ tาhกRาaรรjaะmดบั aชnาgตaมิ laหาUวnิทiยvาeลrัยsiเtทyคโoนfโลTยeรี cาhชnมoงlคoลgyครNัง้ ทaี่t1io2nal Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลื่อขนบั นเวคตั ลกื่อรนรนมวนตั ำ�กเศรรรษมฐนกาิจเศปรลษูกฐแกนจิวคปดิ ลเทูกคแโนนวโลคยดิ สีเทีเขคียโวนเโพล่ือยกสี าเี รขพยี ฒั วเนพาอื่ทก่ียาง่ั ยรพืน”ัฒนาที่ยัง่ ยืน” กำรศึกษำประสิทธิภำพทำงควำมร้อนของหลงั คำเหลก็ รีดลอน โดยใช้เศษขยะจำกแผงไข่ทใ่ี ช้งำนแล้ว The Study of Thermal Efficiency of Corrugated Steel Roof Using Scraps from Used Recycle Egg Panels นิรันดร์ วชั โรดม* กฤตภาส หอมระร่ืน สมบตั ิ ก่ามอญและ กานตยทุ ธ ตรีบุญนิธิ Niran Watchrodom*, Kittapas Homraruen , Sombat Kammonand and Kantayut Trebooniti สาขาวชิ าวศิ วกรรมเคร่ืองกล คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูม ศูนยส์ ุพรรณบุรี Department of Mechanical Engineering, Faculty Industrial Education, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi; Suphanburi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ วตั ถุประสงค์ของบทความวิจยั น้ี ทาการศึกษาทดสอบเปรียบเทียบระหว่างบา้ นจาลองที่ติดต้งั ฉนวนแผงไข่ 1 ช้ัน และ บ้านจาลองท่ีติดต้ังฉนวนแผงไข่ 2 ช้ัน กับบ้านจาลองที่ไม่ติดต้ังฉนวน การทดสอบตวั บา้ นจาลองท้งั 3 หลงั หลงั คา หนั ไปทางทิศใต้ขนาดของตวั บา้ นจาลองคือ 1.20x1.20x1.20 เมตร หลงั คาขนาด 1.20x1.60 เมตร ตวั บา้ นจาลองยกสูงดว้ ยขาต้งั เหล็กจากพ้ืน 0.70 เมตร เพื่อศึกษา เปรียบเทียบสมรรถนะทางความร้อนของบา้ นระหว่างท่ีติดต้งั ฉนวนแผงไข่ 1 ช้นั และ ฉนวนแผงไข่ 2 ช้นั กบั บา้ นที่ไม่มีการติดต้งั ฉนวน ท่ีมีผลต่อการลดความร้อนภายในห้อง ของบา้ นจาลองใตส้ ภาวะ อากาศของจังหวัดสุพรรณบุรีผลการศึกษาทดลองพบว่า บ้านจาลองที่ติดต้ังฉนวนแผงไข่ 2 ช้ัน มีอุณหภูมิภายในห้องต่ากว่า บา้ นจาลองที่ติดต้งั ฉนวนแผงไข่ 1 ช้นั และ บา้ นจาลองที่ไม่ติดต้งั ฉนวน ตามลาดบั ฉนวนแผงไข่ช่วยลดความร้อนไดม้ ากกวา่ การไม่มีการติดต้งั ฉนวนกนั ความร้อน และเป็นการ นาขยะครัวเรือนกลบั มาใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ คำสำคญั : รังไข่ที่ใชง้ านแลว้ หลงั คาเหลก็ สภาวะอากาศประเทศไทย 94

Tกhาeรก1ปา2รรtปะhTชรRhะมุ aชeกjaุมา1mวร2ิชจatาดัhnกงRgาาaaรนljรaaปะmดUรบัะnaชชinvมุาgeตวarิมชิslaiหาtyกาUวาonทิรfiรยvTะาeeดลrcบััยshiเชtทnyาคoตoโlิมนofหโgTลyายeวNีรcทิ าahยชtniามooลงnlคัยoaลเlgทyCคคoรโNัง้นnทaโfteี่ล1iroย2eีรnnาacชleมCงoคnลfeคrรeัง้ nทcี่ e1”2 “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลือ่ ขนบั นเวคตั ลกอื่ รนรนมวนัตำ�กเศรรรษมฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนจิ วคปิดลเทูกคแโนนวโคลยดิ ีสเทเี ขคยี โวนเโพลอ่ื ยกีสาเี รขพยี ฒัวเนพาือ่ ทก่ยี า่งั รยพืนัฒ” นาท่ียง่ั ยนื ” ระบบรวบรวมข้อมูลเชิงดจิ ิทลั แบบเรียลไทม์ที่มรี ำคำถูกสำหรับ กำรเรียนวชิ ำระบบควบคุมในระดบั ปริญญำตรี Low-Cost Real-time Data Acquisition System for Undergraduate Control System Course ธนาศกั ด์ิ ทศั นียค์ ติภากร และ ปรีชา สาคะรังค*์ Thanasak Thatsanikhatiphakon and Preecha Sakarung* สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ จ.สุพรรณบุรี Section of Electrical Engineering, Faculty of Engineering and Architecture, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, Suphanburi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ ระบบรวบรวมขอ้ มูลเชิงดิจิทลั (Data Acquisition System, DAQ) ที่นาเสนอประกอบดว้ ยฮาร์ดแวร์ คือ บอร์ด ESP8266 และโมดูล MCP 4725 ทางานร่วมกบั โปรแกรม WinFACT/BORIS โดยมีจุดเด่นคือ มีราคาถูก ใช้ทรัพยากรของหน่วยความจาต่า และใช้งานง่ายด้วยฟังก์ชันการทางานแบบกราฟิ กใน รูปแบบบล็อกไดอะแกรม ในบทความน้ีไดน้ าเสนอตวั อย่างการทดสอบ 1) การนาเขา้ และส่งออกของ สัญญาณแรงดนั ไฟฟ้ารูปคลื่นไซน์ ท่ีความถ่ี 0.5, 1, 2 และ 5 เฮิร์ตซ์ 2) การสร้างสัญญาณแรงดนั ไฟฟ้า เพ่ือจาลองการทางานแทนระบบพลวตั แบบหน่ึงอินพุตหน่ึงเอาตพ์ ุตท่ีเป็ นระบบอนั ดบั หน่ึงและอนั ดบั สอง 3) การทางานแบบระบบฮาร์ดแวร์อยใู่ นลูป (Hardware in the Loop, HiL) ดว้ ยการฝังโปรแกรมที่ทา หนา้ ท่ีเป็นระบบอนั ดบั หน่ึงลงไปในระบบ DAQ ท่ีนาเสนอ และทาการควบคุมวงปิ ดดว้ ยตวั ควบคุมพีไอ ดี จากผลการทดลองพบวา่ ระบบ DAQ ที่นาเสนอทางานไดถ้ ูกตอ้ งตรงกบั ทฤษฎีในรายวิชาระบบควบคุม ระดบั ปริญญาตรีโดยมีอตั ราการสุ่มต่าสุดท่ี 0.01 วินาทีต่อรอบการคานวณ คำสำคญั : ระบบพลวตั ระบบควบคุม WinFACT/BORIS, DAQ, HiL, ESP8266 95

Tกhาeรกป1า2รรtปะhTชรRhะมุ aชeกjaุมา1mวร2ิชจatาัดhnกงRgาาaaรนljรaaปะmดUรบัะnaชชinvมุาgeตวarิมิชsliaหาtyากUวาonิทรfiรยvTะาeeดลrcยับัshiเชtทnyาคoตโolนิมofโgหลTyายeวNรี cทิ าahชยtniมาooลงnคlัยaoลเlgทCคyคoรโN้งัnนทafโe่ีtล1iroย2eีรnnาacชleมCงoคnลfeคrรe้งั nทcี่ e12” “๙ ราช“ม๙งครลาชขบัมเงคคลลอ่ื ขนับนเวคตั ลก่อื รนรนมวนตั ำ�กเศรรรษมฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนิจวคปิดลเทูกคแโนนวโลคยิดสี เทีเขคยี โวนเโพล่อื ยกีสาีเรขพียฒั วนเพาื่อทกยี่ างั่ ยรืนพ”ัฒนาทยี่ งั่ ยนื ” การพฒั นาเครื่องบาบดั นา้ ในบ่ออนุบาลปลานิลโดยวธิ ี การตกตะกอนด้วยไฟฟ้าร่วมกบั โอโซน Development of Tilapia Nursery Ponds Water Treatment from by Electrolysis and Ozonation Method วชั รนนท์ ขอนดอก ณฐั ภูมิ ฟองคำสุข และ นพพร พชั รประกิติ* Watcharanon Kondog , Nattapoom Fongkasuk and Nopporn Patcharaprakiti* ภำควิชำวศิ วกรรมไฟฟ้ำ คณะวศิ วกรรมศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยรี ำชมมงคลลำ้ นนำ เชียงรำย อ.พำน จ.เชียงรำย Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ บทควำมน้ีนำเสนอกระบวนกำรพฒั นำเครื่องบำบดั น้ำในบ่ออนุบำลปลำนิลท่ีมีปริมำณแอมโมเนีย สูง และปริมำณออกซิเจนในน้ำที่ต่ำด้วยวิธีกำรตกตะกอนด้วยไฟฟ้ำร่วมกับวิธีโอโซน โดยระบบ ตกตะกอนดว้ ยไฟฟ้ำช่วยลดค่ำของแขง็ ละลำยน้ำและแอมโมเนียในน้ำได้ ในขณะที่โอโซนจะช่วยรักษำ และควบคุมโรค โรคระบำด ช่วยใหน้ ้ำใสข้ึน กำจดั กลิ่นคำวในน้ำและทำลำยโมเลกลุ แอมโมเนีย สำหรับ ชุดตกตะกอนทำงไฟฟ้ำประกอบดว้ ยชุดรีแอกเตอร์เป็นข้วั อิเลก็ โทรดทำจำกอลูมิเนียมท้งั สองข้วั แรงดนั กระแสตรงปรับค่ำไดข้ นำด 0-20 โวลท์ กระแส 0-20 แอมแปร์ สำหรับจ่ำยไฟฟ้ำใหก้ บั ข้วั อิเลก็ โทรดเพอ่ื ทำปฏิกริยำ และทำใหอ้ ิออนจบั ตวั กบั แอมโมเนีย และเกิดกำรตกตะกอน ในส่วนของเทคโนโลยโี อโซน ไดท้ ำกำรออกแบบข้วั สนำมไฟฟ้ำ แรงดนั ระหว่ำง 15-20 kV และป้อนอำกำศเขำ้ ไปในช่องทำปฏิกริยำ ทำใหอ้ ำกำศแตกตวั และเกิดเป็ นโอโซน (O3) ได้ โดยบ่ออนุบำลปลำนิล จำนวน 500 ตวั ขนำด 6 ลบ.ม. และทำกำรสูบน้ำจำกบ่อปลำใหญ่มำยงั บ่อทดสอบ ขนำด 10 ลิตร และนำโอโซนไปฉีดลงในน้ำบ่อปลำ ทดสอบ หลงั จำกน้นั จึงผำ่ นน้ำท่ีฉีดโอโซนมำทำปฏิกริยำตกตะกอนทำงไฟฟ้ำเป็ นระยะเวลำ 30 นำทีต่อ รอบ ผลกำรทดสอบพบวำ่ ค่ำควำมเป็ นกรด-ด่ำง (pH) ก่อน และหลงั บำบดั เป็ น 5.92 และ 6.07, ค่ำควำม เขม้ ขน้ แอมโมเนียก่อนบำบดั 5 mg/L และหลงั บำบดั ลดเหลือ 0.2 mg/L, ปริมำณไนไตรทก์ ่อนและหลงั กำรบำบดั เป็ น 3 mg/L และ 0.1 mg/L และค่ำออกซิเจนละลำยน้ำก่อนบำบดั 4.2 mg/L และหลงั บำบดั เพิ่มข้ึนเป็น 7.3 mg/L ซ่ึงผลทดสอบน้ำในบ่อปลำที่ผำ่ นกระบวนกำรบำบดั มีคุณภำพที่ดีข้ึนเหมำะสมกบั ลูกปลำนิลดว้ ยตน้ ทุนบำบดั 20 บำท/ลบ.ม. คาสาคญั : บ่ออนุบำลปลำนิล บำบดั น้ำ ตกตะกอนทำงไฟฟ้ำ โอโซเนชน่ั 96

การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาติมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล คร้ังท่ี 12 Theก1า2รtปThรhRะeaชjaุม1mว2ิชtahาnRกgaาaรjalรamะดUaับnnชivgาeaตrlิมasiหtUyาวnoิทifvยeTาreลscัยithเyทnคooโlfนoTโgลyeยcNรี hาanชtioมolงnoคagลlyCคNoรงั้anทtfieี่ o1rn2eanlceConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลลขอื่ บันเนควลตั ื่อกนรนรมวตั นกำ�รเศรรมษนฐกาเิจศปรษลกูฐแกนิจวปคลิดูกเทแคนโวนคโลิดยเทีสีเคขโยี นวโเลพย่ือสี กเีาขรียพวฒั เพน่ือาทก่ยีา่ังรยพืนฒั ”นาทยี่ ่ังยืน” กำรศึกษำกำรเคลื่อนทขี่ องรถไฟกรณศี ึกษำเส้นทำงรถไฟทำงคู่นครสวรรค์-แม่สอด Study of a Train Movement with Nakhonsawan–Maesot Double Track Route (เวน้ 1 บรรทดั ) มณิสรา มน่ั แกว้ และ จกั รกฤษณ์ เคลือบวงั * Manisara Mankaew and Jukkrit Kluabwang* หน่วยวจิ ยั พลงั งานไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ตาก อ.เมือง จ.ตาก Electrical Energy Research Unit, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna, Tak THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ New, ขนำด 16,หนำ) บทความน้ีนาเสนอการศึกษาการเคลื่อนท่ีของรถไฟโดยพิจารณาพลงั งานท่ีใชเ้ พ่ือการขบั เคล่ือน รถไฟ ร่วมกับผลของอุโมงค์ท่ีรถไฟต้องวิ่งผ่าน กรณีศึกษาแนวเส้นทางโครงการรถไฟทางคู่สาย นครสวรรค-์ แม่สอด การจาลองการเคลื่อนที่ของรถไฟตลอดเส้นทางนครสวรรค์-กาแพงเพชร-ตาก-แม่ สอดระยะทางรวม 250.875 กิโลเมตร ลอดผ่านอุโมงคท์ ้งั สิ้น 4 แห่ง ความยาวรวม 29.714 กิโลเมตร ประกอบ 28 สถานีผูโ้ ดยสาร ลกั ษณะการจาลองแบ่งเป็ น 2 รูปแบบคือการจดั การเดินรถแบบธรรมดา และแบบด่วน พบว่าพลงั งานท่ีใชเ้ พ่ือการขบั เคล่ือนรถไฟคือ 1,708.508 กิโลวตั ตช์ ว่ั โมง และ 192.106 กิโลวตั ตช์ วั่ โมงต่อรอบการเดินทาง ตามลาดบั ท้งั น้ีไม่นึกถึงผลของความลาดชนั ของเสน้ ทาง คำสำคญั : รถไฟทางคู่ อุโมงคร์ ถไฟ สมการเดวิส 97

Tกhารeปก1าร2ระtปTชhรhุมRะeaกชjาaุม1รmว2จิชtaัดhาnงRกgาaาaนรjlaรปamะรดUะaับnชnชiุมvgาวeaตrชิlมิsaาiหtกUyาาวnoรทิ iรfvยะTeาดerลับscัยihชtเทynาคตooโมิlนfoหโgTลาyeยวNcีริทhาaยชtnาiมooลงnlยัคoaเลgทlyCคคoรโNนง้ัnaทโftลe่ี i1oยr2eรีnnาacชleมCงoคnลfeคrรe้งั nทcี่ e12” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลลขื่อบันนเควลตั ือ่ กนรรนมวตันกำ�เรศรรมษฐนกาจิเศปรลษูกฐแกนิจวคปิดลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเสี ทีเขคยีโนวเโพล่ือยกีสาีเขรพยี ัฒวเนพาือ่ ทกยี่ า่ังรยพืนฒั” นาท่ียั่งยืน” ตวั แบบพยำกรณ์เกรย์สำหรับแนวโน้มกำรตดิ ต้งั กงั หันลมเพ่ือผลติ พลงั งำนไฟฟ้ำ Grey Prediction Model for Trend of Installed Electricity Wind Capacity (เวน้ 1 บรรทดั ) ตวงเงิน เพชรกาแหง และ จกั รกฤษณ์ เคลือบวงั * Tungngern Phetkamhang and Jukkrit Kluabwang* หน่วยวจิ ยั พลงั งานไฟฟ้า คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ตาก อ.เมือง จ.ตาก Electrical Energy Research Unit, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna, Tak THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] (เวน้ 1 บรรทดั ) บทคดั ย่อ (16,หนำ) บทความน้ีนาเสนอการประยกุ ตใ์ ชง้ านตวั แบบพยากรณ์เกรยเ์ พื่อศึกษาแนวโนม้ การติดต้งั ระบบ ผลิตพลงั งานไฟฟ้าดว้ ยพลงั งานลมของทว่ั โลก เน่ืองจากพลงั งานลมเป็ นพลงั งานทดแทนหมุนเวียนที่ สะอาดไม่พ่ึงพาพลงั งานฟอสซิลสาหรับกระบวนการผลิต สาหรับขอ้ มูลกงั หันลมที่นามาศึกษาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มกงั หนั ลมบนฝ่ังและกลุ่มกงั หนั ลมนอกชายฝ่ัง โดยใชข้ อ้ มูลปี พ.ศ. 2553 – 2559 เพ่ือสร้าง ตวั แบบพยากรณ์เกรย์ และใช้ขอ้ มูลปี พ.ศ. 2560 – 2563 เพ่ือตรวจสอบความเหมาะสมของตวั แบบ พยากรณ์เกรย์ ผลการสร้างตวั แบบพยากรณ์เกรยข์ องกลุ่มกงั หันลมบนฝั่งและนอกชายฝั่งให้ค่าร้อยละ ความคลาดเคล่ือนสัมบูรณ์เฉล่ีย 3.61 % และ 5.67 % ตามลาดบั ส่วนตวั แบบพยากรณ์เกรยข์ องกลุ่มกงั หนั ลมนอกชายฝ่ังใหค้ า่ MAPE ของการสร้างตวั และการตรวจสอบอยทู่ ่ี 0.94 % และ 12.18 % และคาดการณ์ ดว้ ยตวั แบบพยากรณ์เกรยพ์ บวา่ ในปี พ.ศ.2568 ทว่ั โลกจะมีกงั หนั ลมผลิตพลงั งานไฟฟ้าแบบติดต้งั บนฝั่ง 1,658 จิกะวตั ต์ และ 139 จิกะวตั ต์ สาหรับกงั หนั ลมนอกชายฝั่ง (, ขนาด 16) คำสำคญั : กงั หนั ลมบนฝั่ง กงั หนั ลมนอกชายฝ่ัง ตวั แบบพยากรณ์เกรย์ 98

Tกhารeปก1าร2ระtปTชhรhุมRะeกaชjาaมุ1รmว2จิชtัดahาnงRกาgaานaรjalปรamะรดUะaบัชnnชiุมvgาวeaติชrlิมasาiหtกUyาาวnรoิทiรfvยะeTดาreลบัscยัiชthเyทาnตคooิมโlfนoหTโgาลyeวยcทิNรี hายanชtาioมลolงยัnoคเagทลlyคCคโNoรน้งัanโทtลfieี่ oย1rรีn2eาnaชlcมeCงoคnลfeคrรeัง้ nทcี่ e1”2 “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลลขอื่ ับนเนควลัตื่อกนรนรมวตั นกำ�รเศรรมษนฐกาเิจศปรษลูกฐแกนิจวปคลดิ ูกเทแคนโวนคโลิดยเทีสเีคขโียนวโเลพยอ่ื สี กเีาขรียพวัฒเพนือ่าทกีย่าัง่รยพนื ัฒ”นาท่ีย่ังยนื ” อทิ ธิพลจำกลกั ษณะลำยทอของผ้ำทอเกำะยอต่อแรงดงึ สูงสุดและกำรยืดของผ้ำทแี่ รงดึงสูงสุด Enhancement from Patterns Koh Yo Woven Fabric on Maximum Force and Elongation at Maximum Force สุกฤษฏ์ิ ประทุมวรรณ1 วฒุ ิชยั โถนคา1 วชิ เยนทร์ นวลมิ่ง1 ธนกร แซ่ต้นั 1 อธิโรจน์ มะโน2 ไพโรจน์ สงั ขไพฑูรย3์ อนุศิษฎ์ ยอดจนั ทร์4 โสภิดา จรเด่น1 อภิชล ทองมงั่ กาเนิดว้า1 และ สุชาติ จนั ทรมณีย1์ * Sukrit Pratumwan1, Wuttichai Thonkam1, Wichyen Nualming1, Thanakorn Saetan1, Athirot Mano2, Phairote Sungkhaphaitoon3, Anusit Yodjan4, Sopida Jornden1 Apichon Thongmung Kamnerdwam1 and Suchart Chantaramanee1* 1สาขาวศิ วกรรมอตุ สาหการ2สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าคณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวิชยั อ.เมืองจ.สงขลา 3สาขาวทิ ยาศาสตร์กายภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 4สาขาวิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และวสั ดุ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 1Department of Industrial Engineering, 2Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Srivijaya, Songkhla, THAILAND 3Division of Physical Science, Faculty of Science, Prince of Songkla University, Songkhla, THAILAND 4Department of Mining and Materials Engineering, Faculty of Engineering, Prince of Songkla University, Songkhla, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือการศึกษาลกั ษณะลายทอของผา้ ทอเกาะยอต่อแรงดึงสูงสุดและการยดื ของผา้ ท่ีแรง ดึงสูงสุดกรณีศึกษาตาบลเกาะยอ จงั หวดั สงขลา โดยการทดสอบแรงดึงสูงสุดและการยืดของผา้ ท่ีแรงดึงสูงสุดโดยวิธี ดึงเต็มหน้ากวา้ งของชิ้นทดสอบตามมาตรฐานทดสอบส่ิงทอ มอก. 121 เล่ม 9-2552 ผา้ ทอเกาะยอที่นามาทดสอบ ประกอบดว้ ย3ลายคือผา้ ทอลายมะลิซอ้ นลายดอกพิกลุ และลายพิกลุ จ๋ิวดว้ ยเครื่องทดสอบความตา้ นทานแรงดึงสูงสุด เป็นชนิดเอนกประสงค์ มีการทดสอบท้งั หมด2แบบคือการทดสอบผา้ ทอในสภาวะเปี ยกและการทดสอบในสภาวะแหง้ พบวา่ ค่าแรงดึงสูงสุดในสภาวะแบบแหง้ มากกวา่ สภาวะแบบเปี ยกของผา้ ทอท้งั 3ลายโดยเฉพาะผา้ ทอลายพิกลุ จ๋ิวมีค่า การยดื ที่แรงดึงสูงสุดสภาวะเปี ยกและแห้งในแนวเส้นยนื เท่ากบั 41.00±1.11 และ40.20±0.91เปอร์เซ็นต์ ซ่ึงการทดสอบ แบบเปี ยกมีเปอร์เซ็นตก์ ารยดื ตวั ท่ีแรงดึงสูงสุดดีกวา่ เพ่ิมข้ึนประมาณ2เปอร์เซ็นต์ และมีค่าการยดื ตวั ท่ีแรงดึงสูงสุดใน แนวเส้นพุ่งเท่ากบั 33.50±1.67 และ 32.80±1.48เปอร์เซ็นต์ ซ่ึงการทดสอบแบบเปี ยกมีเปอร์เซ็นต์การยืดตวั ที่แรงดึง สูงสุดดีกว่าเพ่ิมข้ึนประมาณ 2.13 เปอร์เซ็นต์ ลกั ษณะการขาดของผา้ ทอมีลกั ษณะทิศทางท่ีไม่แน่นอน ดงั น้ัน ถา้ ตอ้ งการการยดื ตวั ของผา้ ทอควรเลือกใชผ้ า้ ทอลายดอกพิกลุ จ๋ิวในแนวเสน้ ยนื สภาวะแบบเปี ยกเพราะยดื ตวั ไดม้ ากสุด คำสำคญั : ผา้ ทอ แนวเสน้ ยนื และพงุ่ สมบตั ิทางกล ทดสอบส่ิงทอ 99

“๙ ราTชกhมาeงรกคป1าล2รรขtะปhTบัชรRhเะมุ คaชeกjลaุมาือ่1mวรน2ิชจaนtาดัhnวกงRgัตาาaaรกนljรรaaปะรmดUรมะบัnaนชชinvำ�ุมาgeเตวศarมิชิsรlaiษหาtyกาฐUวกาonิทริจfiรยvปTะาeeดลลrcูกบัยัshiแเชtทnนyาคoวตโolคนิมofดิ โหgลเTyทายeวคNรีcิทโาahนชยtnโiามoลoลงnยlคยั ีสaoลเlีเgทขCyคคียoรวโNงั้nนเทaพfโeี่tล่ือ1iroยก2eาีรnnราacพชleมัฒCงนoคาnลทfี่ยeคง่ัrรeยั้งนืnท”cี่ e12” “๙ ราชมงคลขับเคลือ่ นนวัตกรรม นาเศรษฐกิจ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยีสเี ขียวเพือ่ การพัฒนาท่ียั่งยืน” ศักยภำพกำรผลติ ก๊ำซชีวภำพจำกนำ้ ชะขยะของโรงงำนเตำเผำขยะมูลฝอยชุมชน จังหวดั ภูเกต็ Potential of Biogas Production of Leachate in Phuket Municipal Solid Waste Incineration Plant วรชยั อภิชาตบุตร1 และ มณีรัตน์ เขม็ ขาว1, 2* Warachai Aphichatabut1 and Maneerat Khemkhao1, 2* 1วทิ ยาลยั พลงั งานและสิ่งแวดลอ้ มอยา่ งยงั่ ยนื รัตนโกสินทร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 73170 2ศูนยว์ ิจยั สารสนเทศจุลินทรียแ์ ละผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรมของจุลินทรีย์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ กรุงเทพมหานคร 10800 1Rattanakosin College for Sustainable Energy and Environment, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Phutthamonthon, Nakhon Pathom, 73170, THAILAND 2Microbial Informatics and Industrial Product of Microbe Research Center, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok, Bangkok 10800, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาศกั ยภาพการผลิตก๊าซมีเทน (Biochemical methane potential, BMP) ของน้าชะขยะโรงงานเตาเผาขยะมูลฝอยชุมชนเทศบาลนครภูเกต็ ที่อตั ราส่วนอาหารต่อจุลินทรีย์ (Food to microorganism ratio, F/M ratio) 1.5, 2.9, 5.8, 11.6 และ 17.4 ภายใตส้ ภาวะไร้อากาศ ไม่ปรับคา่ ความเป็ นกรด-ด่าง สภาวะอุณหภูมิปกติ ผลการทดลองพบว่า ทุก F/M ratio มีศกั ยภาพในการผลิตก๊าซ มีเทน อยู่ในช่วง 143.12 – 286.13 L CH4/kg CODadded ซ่ึง F/M ratio 1.5 ให้ค่าศกั ยภาพในการผลิตก๊าซ มีเทนสูงสุด เฉล่ีย 286.13 L CH4/kg CODadded มีสัดส่วนก๊าซมีเทนในก๊าซชีวภาพร้อยละ 64.05 มี ประสิทธิภาพการกาจดั สารอินทรียใ์ นรูปซีโอดีท้งั หมดสูงสุด เฉลี่ยร้อยละ 94.11 มีค่าความเป็นกรด-ด่าง 7.48 อุณหภูมิเฉลี่ย 30 องศาเซลเซียส และมีสัดส่วนปริมาณกรดไขมนั ระเหยไดต้ ่อค่าความเป็ นด่าง (VFA/Alkalinity) เท่ากบั 0.02 คำสำคัญ: ขยะมูลฝอยชุมชน ก๊าซชีวภาพ น้าชะขยะ ศกั ยภาพการเกิดก๊าซมีเทน โรงงานเตาเผาขยะมูล ฝอยชุมชนจงั หวดั ภูเกต็ 100

กTาhรeปก1รา2ะรTtปชhhรมุ Rะeกaชาj1aมุ รm2วจtิชดัhaางnRกาgaานajรalปรamะรดUะaบัชnnมุชigvาวaeติชlraิมsาiหกtUyาาnวรoiทิรvfะยeTดาreลบัsciยัชthเyาทnตคooมิ โflนoหTโgาลeyวยcทิNีรhยาanชาtoiลมolัยงnoคเagทลlyคCคโNoรนaั้งnโทtลfie่ีoย1rรีn2eาanชlcมCeงoคnลfeคrรeงั้ nทcี่ e12” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงคเคลลขอ่ื ับนเนควลัตอื่ กนรนรมวตั นกำ�รเศรมรษนฐากเจิ ศรปษลฐูกกแิจนวปคลดิ ูกเทแคนโวนคโลิดยเทสี คีเขโียนวโเลพยื่อีสกีเาขรยี พวัฒเพน่ือากทายี่ รง่ั พยนืัฒ”นาท่ียั่งยืน” อทิ ธิพลของวสั ดุต่อกำรกระจำยอณุ หภูมภิ ำยในตู้อบแห้งพลงั งำนแสงอำทติ ย์ Effect of Materials on Temperature Distribution Inside a Solar Dryer มานะ วชิ างาม* พฒั นพงษ์ แกว้ โพธ์ิ วฒุ ิชยั จนั ทร์โทริ และ ไตรทศ แกว้ เหงา้ Mana Wichangarm*, Pattanapong Kaewpho, Wutichai Chantori and Traitot Kaewngao สาขาวชิ าครุศาสตร์อุตสาหกรรมเคร่ืองกล คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000 Department of Mechanical Technology Education, Faculty of Technical Education, Rajamangala University of Technology Isan Khon Kaen Campus, Khon Kaen, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ในปัจจุบนั นิยมใชต้ ูอ้ บแห้งพลงั งานแสงอาทิตยส์ าหรับอบแห้งอาหารมากข้ึน เน่ืองจากตูอ้ บแหง้ พลงั งานแสงอาทิตยส์ ามารถลดเวลาในการตากได้ นอกจากน้ียงั ช่วยป้องกนั ฝ่ นุ แมลง มารบกวนอาหารท่ี ตาก แต่ตูอ้ บแหง้ พลงั งานแสงอาทิตยไ์ ม่มีขนาดและวสั ดุท่ีใชท้ าโครงหลงั คาท่ีแน่นอนเพราะผอู้ อกแบบ จะออกแบบใหเ้ หมาะกบั ลกั ษณะงานท่ีใชเ้ ป็ นหลกั จากการวิจยั ก่อนหนา้ น้ี (พฒั นพงษ์ และคณะ, 2563) คณะผวู้ ิจยั ไดข้ นาดของตูอ้ บท่ีตอ้ งการแลว้ ดงั น้นั งานวิจยั น้ีจึงมุ่งศึกษาการกระจายอุณหภูมิภายในตูอ้ บ เม่ือเลือกใชว้ สั ดุทาโครงหลงั คาท่ีต่างกนั 3 ชนิด คือ กระจก โพลีคาร์บอเนต และอะคริลิคใส โดยทาการ เก็บขอ้ มูลอุณหภูมิที่ตาแหน่งต่างๆ ภายในตูอ้ บ จากการศึกษาพบว่า กระจก ให้อุณหภูมิเฉลี่ยสูงท่ีสุด เท่ากบั 46 องศาเซลเซียส ตามดว้ ย โพลีคาร์บอเนต และอะคริลิคใส ที่มีอุณหภูมิเฉล่ียสูงท่ีสุด เท่ากบั 43 และ 41 องศาเซลเซียส ตามลาดบั คำสำคญั : ตูอ้ บแหง้ พลงั งานแสงอาทิตย์ การกระจายอุณหภูมิ กระจก โพลีคาร์บอเนต อะคริลิคใส 101

กTาhรeปก1รา2ะรTtปชhhรมุ Rะeกaชาj1aมุ รm2วจtิชดัhaาnงRกาgaานajรalปรamะรดUะaบัชnnชุมivgาวeaติชrlมิasาiหtกUyาาวnรoิทiรfvยะeTาดreลบัscัยiชhtเyทาnตคooโมิlfนoหโTgาลyeวยcNทิีรhาaยชntาiมooลงnlยั oคaเลgทlyคCคโNoรน้งัnaทโftลeี่i1oยr2eีรnnาaชcleมCงoคnลfeคrรe้งั nทcี่ e1”2 “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งคเคลลขื่อับนเนควลัตือ่ กนรนรมวตั นกำ�รเศรรมษนฐกาจิเศปรษลกูฐแกนิจวปคิดลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเีสทเี คขยีโนวโเพลยือ่ กสี าเี ขรพยี วฒั เนพาื่อทกี่ยา่งั รยพืนัฒ” นาทยี่ ั่งยืน” กำรศึกษำประสิทธิภำพกำรอบแห้งของหมูด้วยตู้อบแห้งพลงั งำนแสงอำทติ ย์ A Study of Solar Dryer Efficiency for Pork Drying Process พฒั นพงษ์ แกว้ โพธ์ิ มานะ วชิ างาม* วฒุ ิชยั จนั ทร์โทริ อดิศกั ด์ิ เดชป้องหา สมพร คาไชย ธีรพงษ์ ดวงโทลา เกษมสนั ต์ บุษบงก์ และ ไตรทศ แกว้ เหงา้ Pattanapong Kaewpho, Mana Wichangarm*, Wutichai Chantori, Adisak Detpongha, Somporn Kamchai, Theerapong Duangtola, Kasamesan Boosabong and Traitot Kaewngao สาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหกรรมเคร่ืองกล คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000 Department of Mechanical Technology Education, Faculty of Technical Education, Rajamangala University of Technology Isan Khon Kaen Campus, Khon Kaen, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ ในปัจจุบนั นิยมใชต้ ูอ้ บแห้งพลงั งานแสงอาทิตยส์ าหรับอบแหง้ อาหารมากข้ึน เน่ืองจากตูอ้ บแห้ง พลงั งานแสงอาทิตยส์ ามารถลดเวลาในการตากได้ นอกจากน้ียงั ช่วยป้องกนั ฝ่ นุ แมลง มารบกวนอาหารที่ ตาก จากงานวิจยั ก่อนหนา้ น้ีคณะผวู้ ิจยั ไดข้ นาดและวสั ดุท่ีใชท้ าโครงหลงั คาตูอ้ บที่เหมาะสมแลว้ การหา ประสิทธิภาพของตูอ้ บแห้งพลงั งานแสงอาทิตยท์ ี่สร้างข้ึนจึงเป็ นส่ิงที่จาเป็ น ดังน้ัน งานวิจัยน้ีเป็ น การศึกษาต่อเนื่องจากงานวิจยั ก่อนหนา้ น้ี โดยใชห้ มูเป็ นผลิตภณั ฑ์ในการทดลอง กาหนดเวลาในการ ทดลอง เท่ากับ 4 ช่ัวโมง น้าหนักหมูเริ่มตน้ เท่ากับ 3 กิโลกรัม จากน้ันทาการเปรียบเทียบความช้ืน มาตรฐานเปี ยกของผลิตภณั ฑ์ระหว่างหมูในตูอ้ บแห้งพลงั งานแสงอาทิตยท์ ่ีสร้างข้ึนกบั หมูที่ตากแบบ ธรรมชาติ จากการทดลอง พบว่า ความช้ืนมาตรฐานเปี ยกของหมูที่อยูใ่ นตูอ้ บแห้งพลงั งานแสงอาทิตย์ และความช้ืนมาตรฐานเปี ยกของหมูที่ตากแบบธรรมชาติ เท่ากบั 33.33% และ 24.27% ตามลาดบั คำสำคญั : ตูอ้ บแหง้ พลงั งานแสงอาทิตย์ หมู การทดลอง 102

Tกhาeรกป1าร2ระtปThชรhมุRะeaกชjาaมุ1รmว2จชิtaดัhาnงRกgาาaaนรjlaรปamะรดUะaบัnชnชiมุvgาวeaตrชิlมิsaาiหtกUyาาวnoรทิ iรfvยะTeาดerลับscยั iชhtเyทาnตคooโมิlfนoหโgTาลyeวยcNทิรี hาaยชntาiมooลงlnัยoคaเลgทlyคCคโNoรน้งัnaโทftลe่ีi1oยr2eรีnาnaชcleมCงoคnลfeคrรeัง้ nทcี่ e12” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลลข่ือบันนเควลตั ่ือกนรรนมวตันกำ�เรศรรมษฐนกาิจเศปรลษกูฐแกนจิ วปคดิลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเีสทเี คขโยี นวโเพลยอื่ ีสกีเาขรยีพวฒั เพนาือ่ ทก่ียา่งั รยพืนัฒ”นาทย่ี ง่ั ยืน” กำรศึกษำกำรไหลของกำลงั ไฟฟ้ำด้วยโปรแกรมฮำร์ดแวร์อนิ เดอะลปู A Study of Electric Power Flow via a Hardware-In-the-Loop Program ( อมรเทพ ประเสริฐนอ้ ย และ จกั รกฤษณ์ เคลือบวงั * Amonthep Prasertnoi and Jukkrit Kluabwang* หน่วยวจิ ยั พลงั งานไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ตาก อ.เมือง จ.ตาก Electrical Energy Research Unit, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna, Tak THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ บทความน้ีนาเสนอการประยุกต์ใช้งานโปรแกรมไต้ฝ่ ุนฮาร์ดแวร์อินเดอะลูป รุ่น 2021.4 ปรับปรุงคร้ังท่ี 1 เพ่ือศึกษาคุณสมบตั ิและพฤติกรรมของระบบไฟฟ้ากาลงั สาหรับลกั ษณะการไหลของ กาลงั ไฟฟ้า พลงั งานไฟฟ้ามีบทบาทสาคญั ต่อการขบั เคล่ือนสังคมและมีแนวโนม้ สูงข้ึนเน่ืองจากการเขา้ ไปแทนท่ีพลงั งานเช้ือเพลิงฟอสซิลแบบเดิมที่มีผลกระทบดา้ นส่ิงแวดลอ้ มมากกวา่ ระบบไฟฟ้ากาลงั ท่ีใช้ ศึกษาเป็นระบบมาตรฐาน IEEE ขนาด 4 บสั ประกอบดว้ ย บสั อนนั ต์ ระบบสายส่งกาลงั 2 ช่วง หมอ้ แปลง 1 ตวั และภาระไฟฟ้า 1 ชุด การจาลองสามารถพิจารณาค่าแรงดนั และกระแสท้งั 4 บสั แบบเวลาจริง ตวั อย่างผลการจาลองค่ากาลงั ไฟฟ้าจริงจากบสั ตน้ ทางถึงบสั ปลายทาง คือ 6,117.81 กิโลวตั ต์ 6,077.41 กิโลวตั ต์ 5,987.47 กิโลวตั ต์ และ 5,536.68 กิโลวตั ต์ ตามลาดบั คำสำคญั : ไตฝ้ ่ นุ ฮาร์ดแวร์อินเดอะลปู ระบบไฟฟ้ากาลงั การไหลของกาลงั ไฟฟ้าเซลลูโลส 103

Tกhาeรกป1า2รรtะปhTชรRhุมะaชeกjaมุา1mวร2จชิ atัดาhnกงRgาาaaรนljรaaปะmรดUะับanชnชivุมาgeวตarิชิมlsaiาหtกyาUาวonรทิ fiรvยะTeาดeลrับcsยั ihชเtทynาคoตoโlิมนfoหโgTลาyeยวNcีริทhาaยชntาiมooลงnlยั คoaเลgทlyคCคโoรNนัง้naทโftลe่ีi1oยr2eีรnาnaชcleมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e12” “๙ ราช“ม๙งคราลชขมบั งเคคลล่ือขนับนเควตัลกือ่ รนรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนิจวคปดิ ลเูกทแคนโนวโคลิดยเีสทเี ขคยีโนวโเพลยอื่ สีกาีเขรยีพวฒั เพนา่ือทก่ียา่ังรยพนื ฒั ”นาท่ยี ัง่ ยืน” ผนังอาคารแบบแซนด์วชิ จากเศษไม้ยางพารา ใบยางพารา และนา้ ยางพารา Sandwich Building Wall from Rubber Wood Waste Rubber Leaf and Rubber Latex ประชุม คาพฒุ * Prachoom Khamput* ภาควิชาวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected], [email protected] บทคัดย่อ งำนวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษำกระบวนกำรผลิตและกำรทดสอบสมบตั ิต่ำง ๆ ตำมมำตรฐำน มอก. และสภำพกำรนำควำมร้อนของผนงั อำคำรแบบแซนดว์ ิชจำกเศษไมย้ ำงพำรำและใบยำงพำรำโดย ใชน้ ้ำยำงพำรำเป็นวสั ดุเชื่อมประสำน มีข้นั ตอนกำรดำเนินงำนโดยทำกำรออกแบบเป็นผนงั ในรูปแบบ 3 ช้นั ประกบกนั โดย 2 ช้นั ดำ้ นนอกทำเป็ นแผน่ อดั จำกเศษไมย้ ำงพำรำควำมหนำ 1 ซม. ช้นั กลำงทำเป็ น แผน่ อดั จำกใบยำงพำรำควำมหนำ 13 ซม. ซ่ึงแผ่นอดั ท้งั 2 ประเภท ข้ึนรูปดว้ ยวิธีกำรอดั ดว้ ยควำมร้อน และใชน้ ้ำยำงเป็นสำรเชื่อมประสำน นำมำประกบกนั ดว้ ยกำวสำหรับติดงำนไม้ ไดเ้ ป็นผนงั อำคำรขนำด กวำ้ ง 30 ซม. x ยำว 30 ซม. x หนำ 15 ซม. นำไปทดสอบสมบตั ิตำมมำตรฐำนผลิตภณั ฑ์อุตสำหกรรม มอก.58-2533 ผลกำรทดสอบพบวำ่ มีลกั ษณะทว่ั ไปผำ่ นตำมเกณฑข์ อ้ กำหนด โดยมีเหล่ียมคม ไม่บ่ิน ไม่ หลุดร่อน ไดฉ้ ำก และควำมคลำดเคลื่อนของมิติไม่เกิน ±2 มม. มีค่ำควำมตำ้ นทำนแรงอดั เท่ำกบั 2.54 เม กะพำสคลั มีค่ำสัมประสิทธ์ิกำรนำควำมร้อนเท่ำกบั 0.138 วตั ต/์ ม.-องศำเคลวิน ซ่ึงมีควำมเป็ นฉนวน ควำมร้อนไดม้ ำกกว่ำผนงั อำคำรแบบปกติมำกกว่ำร้อยละ 50 จึงสำมำรถนำไปใชใ้ นงำนก้นั ห้องภำยใน อำคำรประหยดั พลงั งำนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดลอ้ มได้ คำสำคญั : เศษไมย้ ำงพำรำ ใบยำงพำรำ น้ำยำงพำรำ ผนงั อำคำร ฉนวนควำมร้อน 104

การประชุมการจดั งานประชมุ วิชาการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ที่ 12 การปTรhะeชมุ 1ว2ิชthากRาaรjรaะmดบัanชgาตalิมaหาUวnทิ ivยeาลrsยั iเtทyคoโนfโTลeยcีราhชnมoงlคoลgyครNงั้ aทt่ี i1o2nal Conference” T“h๙eร1า2ชthมRงคajลaขmับaเnคgลaือ่ laนนUวnตั ivกeรrรsมityนoาfเศTรeษcฐhกnจิ olปoลgyูกแNนaวtiคoิดnเaทlคCโoนnโfลeยrีสenเี ขcียeวเพอ่ื การพฒั นาทย่ี ั่งยนื ” “๙ ราชมงคลขบั เคลอื่ นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยสี ีเขียวเพ่ือการพัฒนาทยี่ ่ังยืน” ชุดควบคุมเคร่ืองเชื่อมแม๊กเพื่อกำรเชื่อมอตั โนมตั ิ ควบคุมด้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ MAG Control Unit for Automatic Welding by Computer Programming สวา่ ง ฉนั ทวิทย*์ Sawang Chantavi* ภาควิชาเทคโนโลยอี ุตสาหกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ Department of Industrial Technology, Faculty of Technical Education, Rajamangala University of Technology Krungthep, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การออกแบบและสร้างชุดควบคุมเครื่องเชื่อมแม๊ก(MAG)ใหส้ ามารถเชื่อมในระบบอตั โนมตั ิโดย ใชค้ อมพิวเตอร์ควบคุมการเคล่ือนท่ีของหัวเช่ือมให้เคลื่อนที่แบบอตั โนมตั ิเพื่อใชใ้ นการเรียนการสอน ตามยุทธศาสตร์การพฒั นาไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 โดยการประยุกต์เทคโนโลยีการควบคุมระบบ เครื่องจกั รอตั โนมตั ิการออกแบบและประกอบชุดควบคุม ใหส้ ามารถประยกุ ตใ์ ชก้ บั เครื่องเช่ือมมิก/แมก็ ทวั่ ไปเพ่ือใชเ้ ป็นสื่อการเรียนการสอนในการเชื่อมอตั โนมตั ิ ชุดควบคุมเคร่ืองเช่ือมแมก๊ อตั โนมตั ิมีความ แม่นยาคาดเคลื่อนไม่เกิน 2 มิลลิเมตรสามารถทางานไดอ้ ย่างต่อเนื่อง โดยใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ ควบคุม 3 แกน เครื่องสามารถเช่ือมในพ้นื ที่ 90x100x25 เซนติเมตรโดยชุดควบคุมสามารถป้อนขอ้ มูลได้ ที่หนา้ จอเพื่อแกไ้ ขปัญหาหนา้ งานไดแ้ ละติดต้งั ตวั ป้องกนั สัญญาณรบกวนจากความร้อนเพื่อใหเ้ ช่ือมได้ ต่อเน่ือง ผลการทดลองชุดควบคุมเคร่ืองเชื่อมแม๊กเพ่ือการเช่ือมอตั โนมตั ิควบคุมด้วยโปรแกรม คอมพิวเตอร์ เคร่ืองสามารถเชื่อมชิ้นงานได้ โดยเคร่ืองมีความแม่นยาในการเช่ือม คลาดเคล่ือนไม่เกิน 2 มิลลิเมตร ทาการทดลองเชื่อมโดยไม่ไดใ้ ส่ค่าชดเชยมีความคลาดเคล่ือนเฉล่ีย 2.66 มิลลิเมตร จากน้นั ได้ ทาการใส่ค่าชดเชยลงไปในคาสั่งแกน X ทดสอบให้มีความเช่ือมน่ั ที่ 95% ไดผ้ ลการทดลองมีความ คลาดเคล่ือนเฉลี่ยเพยี ง 0.55 มิลลิเมตร มีคา่ น้าหนกั รวมแนวเชื่อมเฉล่ีย 19.3 กรัม คำสำคญั : การเช่ือมอตั โนมตั ิ อุตสาหกรรม 4.0 ไมโครคอนโทรลเลอร์ 105

Tกhาeรก1ปา2รรtปะhTชรRhะมุ aชeกjaมุ า1mวร2ชิจatาดัhnกงgRาาaaรนlรjaaปะmดUรบัะnaชชinvมุาgeตวarิมsิชliaหtาyากUวาonทิรfiยรvTะาeeลดrcยัับshเiชtทnyาคoตโolนoมิ fโgหลTyายeวNีรcิทาahชยtniมาooงลnคlยัaoลเlgทCคyคoรโN้ังnนทafโe่ีtล1iroย2eรีnnาacชelมCงoคnลfeคrรeัง้ nทc่ี e1”2 “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลือ่ ขนับนเวคัตลก่ือรนรนมวนัตำ�กเศรรษมฐนกาจิ เศปรลษกู ฐแกนจิวคปิดลเทูกคแโนนวโลคยดิ สี เทเี ขคยี โวนเพโล่อื ยกสี าีเรขพียฒั วนเพาทอ่ื ยี่กัง่ายรนืพ”ัฒนาที่ยงั่ ยนื ” กำรสร้ำงฐำนข้อมูลกำรใช้พืน้ ทภ่ี ำยในมหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยรี ำชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์พืน้ ทห่ี ันตรำ ด้วยอำกำศยำนไร้คนขบั Create Information Land Use in Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Huntra Campus with UAV ยอดชาย สิงห์ทอง* Yodchay Singthong* สาขาวิชาวิศวกรรมโยธาคณะวศิ วกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนยส์ ุพรรณบุรี Department Civil Engineering, Faculty of Engineering and architecture Rajamangala University of Technology Suvarnabhum Suphanburi Campus, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ เทคนิคการเก็บขอ้ มูลภาพถ่ายทางอากาศดว้ ยอากาศยานไร้คนขบั (UAV)ไดน้ ามาประยุกต์ใชใ้ นดา้ น วิศวกรรมโยธา ในรูปแบบการจดั ทาแผนที่และสร้างระบบฐานขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งสะดวก รวดเร็ว และมีตน้ ทุนใน ราคาต่า โดยท่ีในการศึกษาน้ีไดน้ ามาใชใ้ นพ้ืนท่ีมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนยพ์ ้ืนท่ีหันตรา เพื่อนามาสร้างเป็นระบบฐานขอ้ มูลที่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ ตดั สินใจการใชพ้ ้นื ท่ีภายในมหาวิทยาลยั การศึกษาคร้ัง น้ีมี 3 ข้นั ตอน คือ 1) วางแผนการดาเนินการก่อนการบินโดยที่เป็นการศึกษารวบรวมขอ้ มูลสารวจพ้ืนท่ีเบ้ืองตน้ เพ่ือพิจารณาถึงปัญหาและอุปสรรคท่ีจะเกิดข้นั ไดก้ ่อนท่ีจะทาการบินเก็บขอ้ มูล 2) ดาเนินการเก็บและรวบรวม ขอ้ มูลดว้ ยอากาศยานไร้คนขบั 3)ข้นั ตอนการสร้างภาพถ่ายทางอากาศดว้ ยโปรแกรม AgisoftMetashape และ นาไปตรึงภาพถ่ายทางอากาศลงในโปรแกรม AUTOCADเพ่ือสร้างฐานขอ้ มูลการใชพ้ ้ืนที่ภายในมหาวิทยาลยั จากการดาเนินงาน พบว่า มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนยพ์ ้ืนท่ีหนั ตราน้นั มีขนาดใหญ่ การ เกบ็ ขอ้ มูลจะกาหนดความสูงไวท้ ่ี 90เมตรเพือ่ เป็นไปตามประกาศขอ้ บงั คบั ของกรมการบิน พลเรือน จึงทาให้ การเก็บขอ้ มูลตอ้ งมีจานวนคร้ังที่ข้ึนบิน 3 รอบเพื่อใหส้ อดคลอ้ งกบั ขอ้ บงั คบั การบิน โดยท่ีสามารถเก็บขอ้ มูล ภาพถ่ายได้ 323รูป นามาสร้างภาพถ่ายทางอากาศและนามาสร้างระบบฐานขอ้ มูลในโปรแกรมAUTOCADน้นั สามารถสร้างเป็นขอ้ มูลการใชพ้ ้ืนที่ภายในมหาวทิ ยาลยั ได้ 26อาคาร โดยในการสร้างฐานขอ้ มูลน้ีสามารถทราบ ถึงขอบเขตของอาคาร และขนาดของพ้นื ที่อาคารน้นั ได้ โดยที่ใชเ้ วลาดาเนินการท้งั สิ้นเพียง 1 สัปดาห์ คำสำคญั : อากาศดว้ ยอากาศยานไร้คนขบั ระบบฐานขอ้ มูล โปรแกรมจดั ทาภาพถ่ายทางอากาศ 106

Tกhาeรกป1าร2ระtปThชรhRมุ ะaeกชjาaมุ 1รmว2จิชtaดัhาnงกRgาาaaนรjlaรปaะmรดUะaับnชnชiุมvgาeวaตrิชlิมsaาiหtกyUาาวnoริทifรvยะTeาดeลrบัscัยihชtเทynาคตooโlิมนfoหโgTลาyeยวNcีรทิ hาaยชtnาiมooลงnlัยคoaเลgทlyCคคoรโNนง้ัnaทโftลeี่ i1oยr2eรีnnาacชleมCงoคnลfeคrรe้ังnทcี่ e1”2 “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคลขอ่ื นับนเควลัต่ือกนรรนมวตันกำ�เรศรรมษฐนกาิจเศปรลษูกฐแกนิจวคปิดลเูกทแคนโนวโคลิดยเสี ทเี ขคยีโนวเโพล่ือยกีสาีเขรพียัฒวเนพาื่อทก่ยี า่ังรยพืนัฒ” นาทย่ี ่งั ยนื ” กำรบำบัดฟอสเฟตจำกปัสสำวะของมนุษย์ด้วยกระบวนกำรไฟฟ้ำเคมที มี่ ี อลูมเิ นียมเป็ นข้วั อเิ ลค็ โทรด Phosphate Treatment from Human Urine by Using Electrochemical Process with Aluminium Electrodes เก่งกาจ จนั ทร์กวีกลู และ ฐนียา รังษีสุริยะชยั * Kengkad Chankawikun and Thaneeya Rangseesuriyachai* ภาควิชาวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีเป็ นการศึกษากระบวนการบาบดั ฟอสเฟตดว้ ยกระบวนการไฟฟ้าเคมีโดยใชแ้ ผ่นข้วั อลูมิเนียมเป็ นข้วั อิเล็คโทรดในน้าเสียจริงจากปัสสาวะของมนุษย์ โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อหาสภาวะที่ เหมาะสมในด้านกระแสไฟฟ้าและระยะเวลาในการบาบัดฟอสเฟตได้สูงสุด ซ่ึงการทดลองน้ีได้ ทาการศึกษาในระดบั หอ้ งปฏิบตั ิการโดยสภาวะท่ีใชใ้ นการทดลองไดท้ าการแปรเปล่ียนกระแสไฟฟ้าที่ 4 8 และ 12 แอมแปร์ ท่ีระยะเวลาการทดลองที่ 30 60 และ 90 นาที ทุกสภาวะการทดลองจะมีระยะห่าง ระหว่างข้วั อิเลค็ โทรดอลูมิเนียม-อลูมิเนียมซ่ึงเป็ นข้วั แอโนดและแคโทดที่ระยะ 6 ซม. แลว้ ทาการหาผล ของการบาบดั ฟอสเฟตและซีโอดีโดยใชน้ ้าเสียจากปัสสาวะจริงที่ความเขม้ ขน้ ฟอสเฟต 480 มก./ล. และ ค่าซีโอดีเร่ิมตน้ 20,155 มก./ล. ผลการทดลองพบว่าที่สภาวะกระแสไฟฟ้าท่ี 4 แอมแปร์ ระยะเวลาการ ทดลอง 90 นาที มีการลดปริมาณฟอสเฟตสูงที่สุด มีปริมาณอยทู่ ี่ 2.5 มก./ล. พีเอชเท่ากบั 5.46 และค่าซี โอดีเท่ากบั 17,802 มก./ล. คิดเป็ นประสิทธิภาพการบาบดั ฟอสเฟตและซีโอดีเท่ากบั ร้อยละ 99.5 และ 11.7 ตามลาดบั จะเห็นไดว้ า่ วธิ ีการดงั กล่าวมีประสิทธิภาพในการบาบดั ฟอสเฟตสูงแต่อยา่ งไรกต็ ามยงั คง ประสิทธิภาพในการบาบดั ซีโอดีท่ีต่าอยู่ ดงั น้นั เพื่อให้ครบกระบวนการบาบดั พารามิเตอร์อื่นๆ จึงควร เพ่ิมหน่วยการบาบดั อื่นๆ ต่อไป การศึกษาน้ีจึงเป็ นอีกทางเลือกหน่ึงในการลดภาระการบาบดั ฟอสเฟต และป้องกนั การเกิดปรากฏการณ์ยโู ทรฟิ เคชน่ั ท่ีเกิดข้ึนในแหล่งน้าท่ีมีฟอสฟอรัสปริมาณมากได้ คำสำคญั : ฟอสเฟต ปัสสาวะมนุษย์ กระบวนการไฟฟ้าเคมี อลูมิเนียมอิเลค็ โทรด 107

การกปารระปชรุมะชกมุาวริชจาดั กงาารนรปะดระบั ชชมุาตวมิิชหากาวาทิรรยะาดลบััยเชทาคตโิมนหโลายวีริทายชามลงคยั ลเทคครโัง้นทโ่ีล1ย2ีราชมงคล คร้งั ที่ 12 The 12thTRhaeja1m2athnRgaaljaamUnanivgearslaityUonfivTeercshitnyoolofgTyeNcahtnioonloalgyCoNnafteiroennacleConference” “๙ ราช“ม๙งคราลชขมับงเคคลล่อื ขนบั นเวคัตลกื่อรนรนมวนัตำ�กเศรรรมษฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนจิ วคปดิ ลเทูกคแโนนวโคลยิดสีเทเี ขคยี โวนเโพล่อื ยกีสาเี รขพียฒั วเนพา่ือทก่ยี าัง่ รยพนื ”ฒั นาท่ียงั่ ยืน” กำรวเิ ครำะห์ปัจจัยทม่ี ผี ลต่อกำรตดั สินใจเลือกรูปแบบกำรขนส่งสินค้ำ บนเส้นทำงรถไฟรำงคู่เส้นทำงนครสวรรค์ – กำแพงเพชร – ตำก – แม่สอด: กรณศี ึกษำ สินค้ำอปุ โภคบริโภค An Analysis on the Factors Affecting Decision of Transportation Mode for Freight on Mae Sot – Tak – Kamphaeng Phet – Nakhon Sawan Double – Track Railway: Case Study Consumer Products พชั ริดา สงั ขต์ รีเศียร และ ใกลร้ ุ่ง พรอนนั ต*์ Patcharida Sungtrisearn and Klairung Ponanan* คณะโลจิสติกส์และดิจิทลั ซพั พลายเชน มหาวทิ ยาลยั นเรศวร อ.เมือง จ.พษิ ณุโลก Faculty of Logistics and Digital Supply Chain, Naresuan University, Mueang, Phitsanulok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ เนื่องจากประเทศไทยมีแผนในการพฒั นาระบบรางให้มีเส้นทางการขนส่งที่ครอบคลุมไปยงั แต่ละภูมิภาค และสนับสนุนให้ระบบรางเป็ นการรูปแบบการขนส่งสินค้าหลัก โครงการรถไฟรางคู่เส้นทางนครสวรรค์ – กาแพงเพชร– ตาก–แม่สอดเป็นส่วนหน่ึงของโครงข่ายตามแผนพฒั นาฯ และถือเป็นเส้นทางหลกั ในการขนส่งสินคา้ ผ่านด่านพรมแดนถาวรแม่สอดไปยงั เมียนมา ดงั น้นั งานวิจยั น้ีจึงมีวตั ถุประสงค์เพ่ือรวบรวมพฤติกรรมการเลือก รูปแบบการขนส่งสินคา้ อุปโภคบริโภค และวิเคราะห์ปัจจยั ที่มีอิทธิพลต่อการตดั สินใจเลือกรูปแบบการขนส่งสินคา้ ของผปู้ ระกอบการบนแนวเส้นทางรถไฟรางคู่นครสวรรค์ – กาแพงเพชร– ตาก – แม่สอดโดยใชแ้ บบสอบถามในการ เก็บรวบรวมขอ้ มูลปัจจยั ท่ีมีผลต่อการตดั สินใจเลือกรูปแบบการขนส่ง กลุ่มตวั อยา่ งประกอบดว้ ย ผปู้ ระกอบการดา้ น การผลิต ผูป้ ระกอบการดา้ นการขนส่ง และผูป้ ระกอบการท่ีประกอบธุรกิจศูนยก์ ลางกระจายสินคา้ อุปโภคบริโภค จานวน 500 ตวั อยา่ ง และทาการวิเคราะห์ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อการตดั สินใจเลือกรูปแบบการขนส่งดว้ ยแบบจาลอง สมการโครงสร้าง (Structural Equation Modeling: SEM) โดยผลการวิเคราะห์แบบจาลองของปัจจยั มีความสอดคลอ้ ง กบั ขอ้ มูลเชิงประจกั ษใ์ นเกณฑ์ท่ีดี (χ2=199.031,χ2/df=.862,df=231,p=.937,GFI=.951,CFI=1.000,RMR=.030, RMSEA=.010)ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อการเลือกรูปแบบการขนส่งสินคา้ มากท่ีสุด คือ ตน้ ทุนการขนส่ง รองลงมา ไดแ้ ก่ ความปลอดภยั ของสินคา้ ความน่าเชื่อถือและตรงเวลา ความรวดเร็วในการขนส่ง โครงข่ายท่ีสามารถเขา้ ถึง แหล่งผลิตสินคา้ คลงั เกบ็ สินคา้ หรือศูนยก์ ระจายสินคา้ และบริการเคร่ืองมือและอุปกรณ์ในการขนถ่ายสินคา้ คำสำคัญ: การเลือกรูปแบบการขนส่ง สินคา้ อุปโภคบริโภค รถไฟรางคู่ แบบจาลองสมการเชิง โครงสร้าง การวเิ คราะห์องคป์ ระกอบ 108

Tกhาeรกป1าร2ระtปhTชรRhุมะaeชกjaุมา1mรว2จิชatัดhาnกงRgาาaaนรjlรaaปะmรดUะับanชnชiุมvgาeวaตrิชlิมsaาiหtกyUาาวnoรทิ fiรvยะTeาดeลrับscยั ihชtเทynาคตooโlิมนfoหโgTลาyeยวNcรีิทhาaยชntาiมooลงnlยั คoaเลgทlyคCคโoรNนั้งnaทโftลe่ีi1oยr2eรีnnาaชcleมCงoคnลfeคrรe้งั nทc่ี e1”2 “๙ ราชมงคลขับเคลือ่ นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยสี เี ขยี วเพอ่ื การพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน” “๙ ราชมงคลขบั เคลือ่ นนวตั กรรม นาเศรษฐกิจ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยีสเี ขียวเพ่อื การพัฒนาทย่ี ั่งยนื ” ผลของควำมเร็วรอบและระยะห่ำงระหว่ำงลูกยำงกะเทำะต่อสมรรถนะ ของเครื่องสีข้ำวกล้อง Effect of Rollers Speed and Clearance on Performance of Rubber Roll Brown Rice Huller เขมทตั ไกรนรา* รุ่งเรือง กาลศิริศิลป์ และ จตุรงค์ ลงั กาพินธ์ Khemmathat Krainara, Roongruang Kalsirisilp and Jaturong Langapin ภาควิชาวศิ วกรรมเกษตร คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 12110 1Department of Agricultural Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani 12110, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ โครงการวิจยั น้ีมีวตั ุประสงคเ์ พ่ือประเมินสมรรถนะการทางานของเคร่ืองสีขา้ วกลอ้ ง เคร่ืองสีขา้ ว กลอ้ งประกอบดว้ ยโครสร้างหลกั 4 ส่วนไดแ้ ก่ 1)โครงเคร่ือง 2) ชุดป้อนขา้ วเปลือก 3) ชุดลูกยางกะเทาะ ขา้ วเปลือก 4) ชุดแยกแกลบ 5) ชุดมอเตอร์ตน้ กาลงั ศึกษาความเร็วรอบของมอเตอร์ ที่ 1,300, 1,400 และ1,500 รอบต่อนาที ระยะห่างระหว่างลูกยางที่ใช้ในการทดสอบ 0.8, 0.9 และ 1.0 มิลลิเมตร พนั ธ์ขา้ วเปลือกที่ใชใ้ นการทดสอบจานวน 3 สายพนั ธ์ไดแ้ ก่ พนั ธ์ปทุมธานี พนั ธ์ขา้ วเหลือง และขา้ ว กข 79 การทดสอบจะควบคุมความช้ืนของขา้ วเปลือกอยใู่ นช่วงระหว่าง 13-15 เปอร์เซ็นต์ โดยมีค่าช้ีผลใน การศึกษา ได้แก่ ความสามารถในการกะเทาะขา้ วเปลือก เปอร์เซ็นต์ตน้ ขา้ ว เปอร์เซ็นต์ขา้ วแตกหัก ประสิทธิภาพการกะเทาะและดชั นีการกะเทาะ โดยทดสอบตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 888 -2532 ผลการทดสอบเครื่องสีขา้ วหอมปทุมพบวา่ ความเร็วรอบของมอเตอร์ท่ีเหมาะสมสาหรับการ สีขา้ วกลอ้ ง เท่ากบั 1,300 รอบต่อนาที ระยะห่างระหว่างลูกยางท่ีเหมาะสม 0.9 มิลลิเมตร ความสามารถ ในการกะเทาะขา้ วเปลือก 25 กิโลกรัมต่อชว่ั โมง เปอร์เซ็นตต์ น้ ขา้ ว 94 เปอร์เซ็นต์ เปอร์เซ็นตข์ า้ วแตกหกั 6 เปอร์เซ็นต์ และดชั นีการกะเทาะ 89 เปอร์เซ็นต์ สาหรับขา้ วเปลือกสายพนั ธุ์ ขา้ วเหลือง และ กข 79 พบว่าความเร็วรอบของมอเตอร์ที่เหมาะสมในการกะเทาะเท่ากับ 1,500 รอบต่อนาทีและระยะห่าง ระหวา่ งลูกยางท่ีเหมาะสม 1.0 มิลลิเมตร มีคา่ ความสามารถในการกะเทาะขา้ วเปลือกเท่ากบั 30 กิโลกรัม ต่อชวั่ โมง และ 26 กิโลกรัมต่อชวั่ โมง ตามลากบั มีค่าดชั นีการกะเทาะเท่ากบั 93 และ 92 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดบั คำสำคญั : เครื่องสีขา้ วกลอ้ ง เปอร์เซ็นตต์ น้ ขา้ ว ดชั นีการกะเทาะ 109

การกปารรปะรชะมุ ชกุมาวรชิ จาดั กงาารนระปดรับะชามุ ตวมิ ิชหาากวาิทรยราะลดัยับเชทาคตโนมิ โหลายวีราทิ ชยมางลคยั ลเทคครโงั้ นทโ่ี ล12ยรี าชมงคล คร้ังท่ี 12 The 12thTRhaejam12atnhgRaaljaamUnainvegrasliatyUonfivTeercshitnyoloofgyTeNcahtinoonlaolgCyoNnfaetrioenncael Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบัมเงคคลลอ่ื ขนับนเวคัตลกื่อรนรมนวนัตำ�กเศรรรษมฐนกจิาเปศลรษูกแฐนกวจิ คปิดลเทูกคแโนนวโลคยดิ สี เีเทขคียโวนเพโล่อื ยกสีารีเขพยี ฒั วนเพาท่ือีย่กงั่ ายรืนพ”ัฒนาท่ีย่ังยนื ” กำรออกแบบและสร้ำงเครื่องอดั ขนึ้ รูปเปลือกทุเรียน Design and Fabrication of Compression Molding Machine from Durian Peel จิรเดช มานะจิตต*์ รุ่งเรือง กาลศิริศิลป์ และ จตุรงค์ ลงั กาพนิ ธ์ Jiradet Manajit*, Roongruang Kalasirisilp and Jaturong Langapin ภาควิชาวศิ วกรรมเกษตร คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 12110 Department of Agricultural Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani 12110, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ เคร่ืองอดั ข้ึนรูปเปลือกทุเรียนถูกออกแบบและสร้างข้ึนโดยมีวตั ุประสงคเ์ พ่ือลดปริมาณขยะท่ีเกิด จากเปลือกทุเรียน สามารถลดเวลาและแรงงานในการทากระถางสาหรบปลูก เคร่ืองอดั ข้ึนรูปเปลือก ทุเรียนประกอบดว้ ยส่วนประกอบหลกั 3 ส่วน ได้แก่ โครงสร้างเครื่อง แม่พิมพก์ ระถาง และระบบ ไฮดรอลิกประกอบด้วยชุดมอเตอร์และปั๊มไฮดรอลิกท่ีใช้ในการทดสอบได้แก่ 10 40 และ 70 บาร์ ตามลาดับ ตัวแปรที่ใช้ในการทดสอบได้แก่ อัตราส่วนผสมของวสั ดุโดยมี ขุยมะพร้าว กาวแป้ง และเปลือกทุเรียน จากผลการทดสอบพบว่าเครื่องอดั ข้ึนรูปเปลือกทุเรียน สามารถอดั ข้ึนรูปกระถางไดด้ ี ที่สุดท่ีอตั ราส่วน 1:2:3 ท่ีความดนั 70 บาร์ ความสามารถในการอดกระถางเท่ากบั 25 กระถางต่อชว่ั โมง มีเปอร์เซ็นต์ความสมบูรณ์ของกระถาง 99 เปอร์เซ็นต์ การวิเคราะห์และประเมินผลเชิงเศรษฐศาสตร์ วศิ วกรรมมีคา่ ใชจ้ ่ายต่อกระถางเท่ากบั 9 บาทต่อกระถาง จุดคุม้ ทุนของเครื่องมีค่าเท่ากบั 108 ชวั่ โมงต่อปี เม่ือพจิ ารณาชวั่ โมงการทางานที่ 600 ชว่ั โมงต่อปี ระยะเวลาในการคืนทุนเท่ากบั 0.75 ปี หรือประมาณ 9 เดือน คำสำคญั : เครื่องอดั ข้ึนรูป กระถางปลูก เปลือกทุเรียน 110

การประชุมการจัดงานประชมุ วิชาการระดับชาตมิ หาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ท่ี 12 การปTระhชeุม1วชิ2าthกRารaรjaะmดบั aชnาgตaิมlหaาUวทิnยivาeลrัยsเiทtyคโoนfโลTยeรี cาhชnมงoคloลgคyรงั้Nทaี่ t1i2onal Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลล่ือขนับนเวคตั ลกื่อรนรมนวนัตำ�กเศรรรษมฐนกิจาเปศลรษูกแฐนกวิจคปดิ เลทูกคแโนนโวลคยดิ ีสเีเทขคยี โวนเพโล่ือยกีสารีเขพยีฒั วนเพาทือ่ ี่ยกงั่ ายรืนพ”ัฒนาทีย่ ั่งยืน” หุ่นยนต์ส่ งสินค้ำภำยในอำคำรควบคุมด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์ An Indoor Delivery Robot Controlled by A Microcontroller ธรรมศาสตร์ ไมตรี วรพล รอดไสว นฐั วฒุ ิ ผดุงศิลป์ และ สมชาย เบียนสูงเนิน* Thammasat Maitree, Woraphon Rodsawai, Natthawut Phadungsil and Somchai Biansoongnern* ภาควชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี เลขท่ี 39 หมู่ 1 ตาบลคลองหก อาเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทุมธานี ประเทศไทย Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, 39 Moo 1, Klong 6, Khlong Luang, Pathum Thani , THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ บทความน้ีไดอ้ อกแบบหุ่นยนต์ส่งสินคา้ ภายในอาคารให้สามารถส่งสินคา้ ไดต้ ามจุดท่ีตอ้ งการ มี 2 โหมดการทางานคือ โหมดปกติและโหมดทางานร่วมกบั ลิฟต์ ผลการทดสอบความแม่นยาในการส่ง สินคา้ แบบ 1 ตาแหน่ง มีค่าความถูกตอ้ งในการจอดตรงตาแหน่งเป้าหมายเฉลี่ย 99.14% การทดสอบ ความแม่นยาในการส่งสินคา้ แบบ 2 ตาแหน่ง มีคา่ ความถูกตอ้ งเฉล่ีย 99.2% และการทดสอบการส่งสินคา้ ผ่านลิฟต์จาลองมีค่าความถูกต้องเฉลี่ย 99.38% และสามารถส่งข้อมูลไร้สายกับลิฟต์ได้ทุกกรณี มีความเร็วในเคล่ือนที่เฉล่ีย 0.2 m/s คำสำคญั : ไมโครคอนโทรลเลอร์ การส่ือสารไร้สาย หุ่นยนตส์ ่งสินคา้ 111

การประชมุ การจัดงานประชุมวชิ าการระดับชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ที่ 12 Theก1า2รtปThรhRะeaชjaมุ1mว2ิชtahาnRกgาaaรjlaรamะดUaับnnชivgาeaตrlิมsaiหtUyาวnoทิ ifvยTeาerลscยั ihtเyทnคooโlfนoโgTลyeยcNีรhาaชntiมooงlnoคaลglyCคNoรง้ัnaทfteี่i1or2ennacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลลขือ่ ับนนเควลัตือ่ กนรรนมวัตนกำ�เรศรรมษฐนกาิจเศปรลษกูฐแกนจิ วปคิดลเูกทแคนโนวโคลิดยเสีทเี คขโียนวโเพลยื่อีสกาีเขรียพวฒั เพนา่ือทกีย่ า่งั รยพนื ัฒ”นาท่ยี ั่งยนื ” กำรบำบดั ปัสสำวะช้ำงโดยกระบวนกำรตกตะกอนด้วยไฟฟ้ำทม่ี ี เหลก็ และอลูมเิ นียมเป็ นข้วั อเิ ลค็ โทรด Elephant Urine Treatment by Electrocoagulation Process with Iron-Aluminium Electrodes สุจินนั ท์ หงษส์ ร้อย และฐนียา รังษีสุริยะชยั * Sujinan Hongsoi and Thaneeya Rangseesuriyachai* ภาควชิ าวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือหาสภาวะที่เหมาะสมของการบาบดั ปัสสาวะชา้ งดว้ ยกระบวนการตกตะกอน ด้วยไฟฟ้าท่ีมีการใช้แผ่นข้วั เหล็กและอลูมิเนียมเป็ นข้วั อิเล็คโทรด โดยทาการแปรเปลี่ยนค่าของความต่าง ศกั ยไ์ ฟฟ้าและระยะเวลาในการบาบดั การทดลองเป็ นระดบั ห้องปฏิบตั ิการ โดยเป็ นการศึกษากระบวนการในน้า เสียจริงจากปัสสาวะของชา้ งความต่างศกั ยท์ ี่ใชใ้ นการทดลองไดแ้ ก่ 10,15 และ20 โวลต์ โดยทาการเก็บตวั อยา่ ง น้าเพือ่ วเิ คราะห์คา่ ฟอสเฟต ซีโอดี และแอมโมเนียไนโตรเจนท่ีระยะเวลาการทดลอง 15,30,45,60และ90นาที ทุก สภาวะการทดลองจะมีระยะห่างระหว่างข้วั อิเลค็ โทรดเหลก็ และอลูมิเนียมซ่ึงเป็ นข้วั แอโนดและแคโทดท่ีระยะ5 ซม.ปัสสาวะชา้ งมีความเขม้ ขน้ ของพารามิเตอร์ต่างๆค่อนขา้ งสูงโดยมีปริมาณฟอสเฟตที่ทาการทดลองเร่ิมตน้ ท่ี 558 มก./ล. ค่าซีโอดีเริ่มตน้ 58,400มก./ล. และค่าแอมโมเนียไนโตรเจนเร่ิมตน้ ท่ี 3,300มก./ล. เมื่อผ่านการบาบดั ดว้ ยกระบวนการตกตะกอนดว้ ยไฟฟ้าพบวา่ ท่ีสภาวะความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าที่ 20โวลต์ ระยะเวลาการทดลอง60นาที มีการลดปริมาณฟอสเฟตสูงที่สุด โดยมีปริมาณฟอสเฟตหลงั การทดลองอยทู่ ี่ 80มก./ล. พเี อชเท่ากบั 9.07ค่าซีโอดี เท่ากบั 14,000มก./ล.และค่าแอมโมเนีย 823 มก./ล. คิดเป็นประสิทธิภาพการบาบดั ฟอสเฟต ซีโอดีและแอมโมเนีย เท่ากบั ร้อยละ85.7,76.0 และ75.1ตามลาดบั จะเห็นไดว้ ่าน้าเสียจากปัสสาวะของชา้ งมีปริมาณมลสารที่สูงมากซ่ึง อาจก่อให้เกิดปัญหาน้าใตด้ ินหรือแหล่งน้าสาธารณะได้ ซ่ึงควรจะมีการศึกษาระบบรวบรวมน้าเสียจากปัสสาวะ ช้างเพ่ิมเติม เพ่ือให้สามารถนามาบาบดั ได้และไม่ทิ้งลงสู่แหล่งน้าหรือบนดินโดยตรง โดยให้กระบวนการ ตกตะกอนทางไฟฟ้าเป็นอีกทางเลือกหน่ึงที่สามารถบาบดั มลสารไดเ้ ป็นอยา่ งดแี ละเป็นมิตรต่อสิ่งแวดลอ้ ม คำสำคญั : ฟอสเฟต ปัสสาวะชา้ ง กระบวนการตกตะกอนดว้ ยไฟฟ้า เหลก็ และอลูมิเนียมอิเลค็ โทรด 112

การประชุมการจัดงานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครัง้ ท่ี 12 Theก1า2รtปhTรRhะaeชjaมุ 1mว2ชิ athาnกRgาaaรljรaaะmดUบัanชnivาgeตarมิslaiหtyาUวonทิ fiยvTาeeลrcยัshiเtทnyคoโolนofโgลTyยeNีรcาahชtniมooงnคlaoลlgCคyoรNงั้nทafeี่t1iro2ennacel Conference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลลอ่ืขนบั นเควตัลกื่อรนรนมวนัตำ�กเรศรรมษฐนกาิจเศปรลษูกฐแกนจิวคปิดลเทูกคแโนนวโลคยิดีสเทีเขคียโวนเพโล่อื ยกสี าีเรขพยี ัฒวนเพาทือ่ ยี่กงั่ายรืนพ”ัฒนาทย่ี ง่ั ยนื ” กำรศึกษำกำรปรับปรุงคุณสมบัตคิ อนกรีตทใี่ ช้มวลรวม จำกคอนกรีตเก่ำด้วยเถ้ำก้นเตำบดละเอยี ด The Study of Improvement of Properties of Concrete Containing Aggregate from Previous Concrete by Ground Bottom Ash ณฐั วฒุ ิ อินทบตุ ร* เหมราช บุญเพช็ ร์ และ วสิ ัย สิทธิการ Nuttawut Intaboot*, Hemmarach Bunpech and Wisai Sittikan สาขาวิชาวศิ วกรรมโยธา ศูนยส์ ุพรรณบุรี คณะวศิ วกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี Department of Civil Engineering, Suphanburi Campus, Faculty of Engineering and Architecture, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, Samchuk, Suphanburi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั น้ีเป็ นการศึกษาคุณสมบตั ิทางกลของคอนกรีตท่ีผสมมวลรวมหยาบที่ไดจ้ ากการบดย่อย ของเศษคอนกรีตเก่าและทาการปรับปรุงคุณสมบตั ิดว้ ยการผสมเถา้ กน้ เตาบดละเอียด โดยส่วนผสม ประกอบไปดว้ ยคอนกรีตควบคุมสูตรมาตรฐาน และคอนกรีตที่ไดจ้ ากการผสมดว้ ยเศษคอนกรีตเก่าแทน มวลรวมหยาบ จากน้ันทาการแทนที่ปูนซีเมนตด์ ว้ ยเถา้ กน้ เตาบดละเอียดในอตั ราส่วนร้อยละ 0 20 35 และ 50 โดยน้าหนกั วสั ดุเช่ือมประสาน ตามลาดบั ทาการทดสอบการยบุ ตวั ความพรุนและการดูดซึมน้า กาลงั รับแรงอดั กาลงั รับแรงดึงผา่ ซีก และค่าโมดูลสั ยดื หยนุ่ ผลการทดสอบพบว่าเมื่อเพิ่มเถา้ กน้ เตาและ เศษคอนกรีตเก่าทาใหก้ ารยบุ ตวั ลดลง การดูดซึมน้าและความพรุนเพิ่มข้ึน เม่ือมีการเปล่ียนมาใชม้ วลรวม หยาบจากเศษคอนกรีตเก่ากาลงั รับแรงอดั จะลดลง แต่อยา่ งไรกต็ ามเมื่อใชเ้ ถา้ กน้ เตาแทนที่ปูนซีเมนตร์ ้อย ละ 20 จะให้ค่ากาลงั รับแรงอดั สูงใกลเ้ คียงกบั คอนกรีตที่ไดจ้ ากสูตรควบคุม จากผลการทดลองทาให้ ทราบวา่ การนาเศษวสั ดุนากลบั มาใชใ้ หม่ทาใหค้ ุณสมบตั ิทางกลลดลง ดงั น้นั การท่ีจะนาเศษวสั ดุเหลือทิ้ง มาใชป้ ระโยชนจ์ าเป็นตอ้ งปรับปรุงคุณสมบตั ิใหด้ ีข้ึนก่อนที่จะนาไปใชใ้ นงานก่อสร้างต่างๆต่อไป คำสำคญั : เศษคอนกรีตเก่า การปรับปรุงคุณภาพคอนกรีต เถา้ กน้ เตาบดละเอียด คุณสมบตั ิทางกล 113

การประชุมการจัดงานประชุมวิชาการระดับชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ครง้ั ที่ 12 การปTรhะeชุม1ว2ิชtาhกRาaรjรaะmดบัaชnาgตaิมlaหาUวnิทiยvาeลrัยsiเtทyคoโนfโลTยeรีcาhชnมoงคloลgคyรNง้ั ทa่ีt1io2nal Conference” “๙ ราT“ชh๙มeงรค1าล2ชขthมบั Rงเคaคjลลaอ่ืขmนบั aนเnควgตัลaกือ่ lรaนรนUมวnนตัivำ�กeเรศrรsรiมษtyฐนกoาจิ fเศปTรeลษcูกhฐแกnนจิoวlคoปดิ gลเyทูกคNแโนaนtวโioลคnยดิ สีaเทlเี ขคCยี โoวนnเพโfลe่ือยrกeสี าnเีรขcพeยี ัฒวนเพาทอื่ ี่ยกงั่ายรนืพ”ัฒนาทีย่ ัง่ ยนื ” กำรพฒั นำ และกำรทดสอบเคร่ืองแกะเมลด็ บวั หลวง Development and Testing of Lotus Seed Shell Peeling Machine สนั ติ ศรีวิสยั * จตุรงค์ ลงั กาพนิ ธ์ สุนนั ปานสาคร และ รุ่งเรือง กาลศิริศิลป์ Santi Sriwisai*, Juturong Longkapin, Sunan Parnsakhorn and Roongruang Kalsirisilp ภาควิชาวศิ วกรรมเกษตร คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Agricultural Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author: E-mail: [email protected] บทคัดย่อ เคร่ืองแกะเมล็ดบวั หลวงไดถ้ ูกออกแบบ และสร้างข้ึนโดยมีวตั ถุประสงคห์ ลกั เพ่ือลดเวลา และ แรงงานในการแกะเปลือกเมลด็ บวั หลวง เครื่องประกอบดว้ ย โครงสร้างเคร่ือง ชุดสายพานลาเลียง ชุด ใบมีด ระบบส่งกาลงั และใชม้ อเตอร์ฟ้าขนาด 0.5hp หลกั การทางานของเคร่ือง ผใู้ ชป้ ้อนเมลด็ บวั หลวง เขา้ ช่องป้อน จากน้นั เมลด็ บวั หลวงจะว่งิ ไปบนสายพานจนไปสมั ผสั กบั ใบมีดที่ปลายสายพาน และปล่อย ใหเ้ มลด็ บวั หลวงร่วงสู่ดา้ นล่างของเครื่อง จากการทดสอบท่ีความเร็วรอบของมอเตอร์ 1,200 , 1,400 และ 1,600 rpm พบวา่ เคร่ืองแกะเมลด็ บวั หลวงสามารถทางานไดด้ ีท่ีความเร็วรอบ 1,400 rpm มีความสามารถ ใน การทางาน 4.9 kg hr-1 เปอร์เซ็นตใ์ นการแกะเมลด็ บวั 84.6 % เปอร์เซ็นตค์ วาม เสียหาย 0 % อตั ราการ สิ้นเปลืองพลงั งานไฟฟ้า 0.24 kW-hr จากการวิเคราะห์ ทางเศรษฐศาสตร์วิศวกรรมพบว่าเม่ือใชเ้ คร่ือง แกะเมล็ดบวั หลวง 1,440 hr year-1 จะมีระยะคืนทุน 2 ปี หรือ 732 วนั และจุดคุม้ ทุน 161.49 hr year-1 เม่ือเปรียบเทียบกบั การแกะดว้ ยแรงงานคน คำสำคญั : การพฒั นาและการทดสอบ เมลด็ บวั หลวง ชุดใบมีด 114

Tกhาeรกป1า2รระtปhTชรRhมุะaeชกjaมุา1mรว2จิชatัดาhnกงRgาาaaรนljรaaปะmรดUะบัanชnชivมุ าgeวตarชิิมlsaiาหtกyาUาวonริทfiรยvะTาeดeลrับcsัยihชเtทnyาคoตoโlมิ นofหโgTลyาeยวNcีรทิ าhaยชtnาiมooลงnlยัคoaเลglทyCคคoรโNน้งัnaทโftลe่ี i1oยr2eรีnnาacชleมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e12” “๙ ราช“๙มงรคาลชขมบั งเคล่ือขนับนเควตัลกอื่ รนรนมวนตั ำ�กเรศรมษฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนิจวคปดิ ลเูกทแคนโนวโคลิดยเสี ทีเขคยีโนวเโพลื่อยกีสาีเขรพียฒัวเนพาื่อทกี่ยาัง่ รยพนื ัฒ” นาท่ีย่งั ยนื ” กำรศึกษำศักยภำพและผลกระทบของกำรผลติ พลงั งำนไฟฟ้ำด้วยแสงอำทติ ย์ เพ่ือลดกำรใช้พลงั งำนของอำคำร กรณศี ึกษำ มทร.สุวรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบุรี A Study on the Potential Impact of PV Generation Applied to Reduce the Building's Energy Consumption: a Case Study of RMUTSB Suphanburi Campus อานนท์ พว่ งชิงงาม* วสิ ุทธ์ิ ตนั ติรุ่งเรือง และ กฤษณ์ จินดาอินทร์ Arnon Poungchingngam*, Wisut Tantirungruang and Krit Jindain สาขาวิชาวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ อาเภอสามชุก จงั หวดั สุพรรณบุรี Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering and Architecture, Ramagala University of technology Suvarnabhumi Sam Chuk District, Suphanburi Province, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ ปัจจุบนั ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลงั งานแสงอาทิตยท์ ี่ติดต้งั บนหลงั คาเป็ นท่ีนิยมกันอย่างกวา้ งขวาง เน่ืองจากคา่ พลงั งานไฟฟ้ามีอตั ราเพ่มิ ข้ึนอยา่ งต่อเนื่องสวนทางกบั ราคาอุปกรณ์ของระบบท่ีมีลดลงการออกแบบ ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์ พลงั งานไฟฟ้าท่ีระบบผลิตได้และกาลงั การผลิตติดต้งั นิยมคานวณด้วย โปรแกรมเชิงพานิชน์ เช่น โปรแกรม PVsyst การคานวณดงั กล่าวไม่คานึงถึงพฤติกรรมการใชไ้ ฟฟ้าหรือความ ตอ้ งการกาลงั ไฟฟ้าจริงที่เกิดข้ึนในอาคาร ผลลพั ธ์จากการคานวณจึงไม่สามารถนาไปใชว้ ิเคราะห์ประสิทธิภาพ ท่ีแทจ้ ริงของระบบโดยรวมไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง บทความน้ีนาเสนอการศึกษาศกั ยภาพและผลกระทบของการผลิต ไฟฟ้าดว้ ยพลงั งานแสงอาทิตยบ์ นหลงั คาของกลุ่มอาคารในพ้ืนที่ของมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณ ภูมิ ศูนยส์ ุพรรณบุรี กาลงั การผลิตติดต้งั ที่ไดจ้ ากการจาลองดว้ ยโปรแกรม PVsystถูกใชใ้ นการคานวณร่วมกบั ขอ้ มูลความเขม้ แสงจริงเพ่ือหาค่าของกาลงั ไฟฟ้าท่ีผลิตไดแ้ ละจ่ายเขา้ สู่อาคารแต่ละหลงั พารามิเตอร์จริงของ ระบบถูกใชใ้ นการคานวณการไหลของกาลงั ไฟฟ้า ผลเฉลยการไหลของกาลงั ไฟฟ้าในระบบแรงดนั ต่าและ แรงดนั ปานกลางถูกนาไปใชห้ าค่าของกาลงั ไฟฟ้าที่ไหลเขา้ สู่ระบบอยา่ งแทจ้ ริง อีกท้งั ใชใ้ นการวิเคราะห์การ สูญเสียและประสิทธิภาพของระบบก่อนและหลงั การติดต้งั ระบบผลิตไฟฟ้าดว้ ยแสงอาทิตย์ ดงั น้นั ผลการศึกษา น้ีจึงใชเ้ ป็นแนวทางในการออกแบบและกาหนดกาลงั การผลิตติดต้งั จริงของระบบผลิตไฟฟ้าดว้ ยแสงอาทิตยบ์ น หลงั คาเพอ่ื ลดภาระค่าใชจ้ ่ายดา้ นพลงั งานไฟฟ้าในภาพรวมของมหาวิทยาลยั ได้ คำสำคญั : คา่ พลงั งานไฟฟ้า ระบบผลิตพลงั งานไฟฟ้าดว้ ยแสงอาทิตยบ์ นหลงั คา การไหลของกาลงั ไฟฟ้า 115

การประชมุ การจดั งานประชมุ วิชาการระดับชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ที่ 12 การปTรhะeชุม1ว2ิชthากRาaรjaระmดaับnชgาaตlิมaหUาวnทิ ivยeาลrsัยitเทyคoโนf โTลeยcีรhาชnมoงlคoลgyครNั้งaทtี่ i1o2nal Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลลขอ่ื นับนเควลตั อื่กนรรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกาจิ เศปรลษกู ฐแกนิจวคปดิ ลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเสี ทีเขคียโนวเโพล่ือยกีสาีเขรพยี ฒัวเนพาือ่ ทก่ียาั่งรยพืนัฒ” นาท่ีย่งั ยืน” กำรเพม่ิ อตั รำขยำยของสำยอำกำศโบว์ไท โดยใช้ช่องว่ำงแถบแม่เหลก็ ไฟฟ้ำสำหรับระบบเรดำร์ Gain Enhancement of a Bow-Tie Antenna Using Electromagnetic Band Gap for Radar application ศรันย์ คมั ภีร์ภทั ร1* ธนาฒน์ สุกนวล1 ไมตรี ธรรมมา1 เภาภทั รา คาพิกลุ 2 และ วิชชุพงษ์ วิบูลเจริญ1 Saran Kampeephat1*, Maitree thamma1, Thanat Sooknuan1, Paowphattra Kamphikul2 and Witchupong Wiboonjaroen1 1คณะวศิ วกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน จงั หวดั นครราชสีมา 2ภาควชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ จงั หวดั เชียงใหม่ 1Department of Electronics Engineering, Faculty of Engineering and Technology, Rajamangala University of Technology Isan, Nakhon Ratchasima, THAILAND 2Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Chiang Mai University, Chiang Mai, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจยั น้ีไดอ้ ธิบายการออกแบบการเพิ่มอตั ราขยายสายอากาศโบวไ์ ท สาหรับรับสื่อสารเรดาร์ บนย่าน SHF โดยอาศยั เทคนิคอภิวสั ดุท่ีเป็ นโครงสร้างช่องว่างแถบแม่เหลก็ ไฟฟ้าท่ีมีรูปร่างคลา้ ยดอก เห็ด ซ่ึงเป็นโครงสร้างแบบ 2 มิติ โดยนาไปวางดา้ นขา้ งดา้ นหนา้ สายอากาศโบวไ์ ท เพื่อทาหนา้ ที่ช่วยลด เป็นตวั สะทอ้ นคล่ืนและเป็นวงจรเรโซแนนซ์ จากผลการจาลองดว้ ยโปรแกรมสาเร็จรูปพบวา่ สายอากาศ โบวไ์ ทที่มีโครงสร้าง EBG มีการแมตช์ของสายอากาศท่ีดีข้ึน และมีอตั ราขยายที่สูงข้ึนท่ีความถี่ 10 GHz มีคา่ เท่ากบั 10.72 dB หรือเพิ่มข้ึนประมาณ 8.47 dB ส่งผลใหป้ ระสิทธิภาพโดยรวมของสายอากาศดียงิ่ ข้นึ เม่ือเทียบกบั สายอากาศโบวไ์ ทแบบด้งั เดิม คำสำคญั : การเพิม่ อตั ราขยาย สายอากาศโบวไ์ ท ระบบเรดาร์ ช่องวา่ งแถบแม่เหลก็ ไฟฟ้า 116

การกปารระปชรมุะชกุมาวรจชิ ดัากงาารนรปะรดะับชชมุ าวติชมิ าหกาาวรทิ รยะาดลบัยั ชเทาคตโมินหโลายวรี ทิ ายชามลงัยคเลทคครโน้งั ทโล่ี 1ย2ีราชมงคล ครัง้ ที่ 12 The 12thTRhaeja1m2athnRgaaljaamUannivgearlsaityUonfivTeercshitnyoolofgTyeNchatnioonloalgyCoNnafteiorennacleConference” “๙ ราช“ม๙งคราลชขมบั งเคคลล่ือขนบั นเควตัลกอ่ื รนรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนิจวคปิดลเูกทแคนโนวโคลิดยเสี ทีเขคียโนวเโพล่อืยกีสาเี ขรพยี ฒัวเนพาอ่ื ทกย่ี าั่งรยพืนัฒ” นาท่ยี ง่ั ยืน” แนวทำงกำรพฒั นำพืน้ ทีแ่ ละลกั ษณะทำงกำยภำพของวดั ป่ ำสระเมืองท้ำว จังหวดั สุพรรณบุรี The guideline development of area and physical characteristic of Sa Muang Tao Temple, Suphan Buri อรวรรณ จนั ทสุทโธ* Orawan Jantasuto* สาขาวชิ าวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ อาเภอสามชุก จงั หวดั สุพรรณบุรี ประเทศไทย Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering and Architecture, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, Sam Chuk, Suphan Buri, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ วดั สระเมืองทา้ ว ต้งั อยหู่ มู่บา้ นดอนแค ตาบลป่ าสะแก อาเภอเดิมบางนางบวช จงั หวดั สุพรรณบุรี ซ่ึงมีผเู้ ดินทางเขา้ มาสักการะและปฏิบตั ิธรรมตลอดสัปดาห์ท้งั วนั ธรรมดาและวนั เสาร์อาทิตย์ หากพ้ืนที่ โดยรอบวดั ยงั คงเป็ นพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ยงั ไม่ไดร้ ับการพฒั นาและปรับปรุงภูมิทศั น์เพื่อตอบโจทยค์ วาม ตอ้ งการในการใชง้ านตามวตั ถุประสงคข์ องวดั ซ่ึงงานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือหาแนวทางการพฒั นา พ้ืนที่และลกั ษณะทางกายภาพของวดั สระเมืองทา้ ว เพ่ือรองรับและอานวยความสะดวกแก่ผเู้ ดินทางเขา้ มาสักการะและปฏิบตั ิธรรม โดยมีข้นั ตอนการศึกษา ประกอบดว้ ย 4 ข้นั ตอนหลกั ดงั น้ี ข้นั ตอนท่ี 1 ศึกษาทฤษฎี หลกั การ และแนวคิดในการออกแบบพ้ืนที่และลกั ษณะทางกายภาพ ข้นั ตอนที่ 2 สารวจ พ้ืนที่และลกั ษณะทางกายภาพของวดั และพ้ืนที่โดยรอบ ข้นั ตอนท่ี 3 ออกแบบพ้ืนที่และลกั ษณะทาง กายภาพของวดั ประกอบดว้ ย ศาลาปฏิบตั ิธรรม ลานวดั หอ้ งน้า อาคารท่ีพกั ของพระสงฆแ์ ละแม่ชี เรือน รับรองผปู้ ฏิบตั ิธรรม ถนนภายในวดั แปลงเกษตรกรรม สระน้า ระบบไฟฟ้าและระบบประปา ข้นั ตอนท่ี 4 เสนอแนวทางรูปแบบเพื่อรองรับและอานวยความสะดวกท้งั ปัจจุบนั และอนาคต เพื่อรองรับผูเ้ ขา้ มา สักการะและปฏิบตั ิธรรม พร้อมเสนอขอ้ เสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการพฒั นาพ้ืนท่ีดงั กล่าว คำสำคญั : แนวทางการพฒั นา ลกั ษณะทางกายภาพ สิ่งอานวยความสะดวก วดั สระเมืองทา้ ว 117

การประชุมการจดั งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ท่ี 12 Theก1า2รtปhTรRhะaeชjaมุ 1mว2ชิ athาnกRgาaaรjlรaaะmดUับannชivgาeตarlมิsaiหtyาUวonิทfivยTeาeลrcsยั ihเtทnyคooโlนofโgTลyeยNcีราhaชtniมooงnlคoaลgl yCคoรNง้ัnaทfteี่ i1or2ennacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลล่อืขนับนเควลตั ่อืกรนรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนจิ วคปิดลเูกทแคนโนวโคลดิยเีสทีเขคยี โนวเโพล่ือยกสี าีเรขพยี ัฒวเนพาอื่ ทก่ยี าง่ั รยพืนัฒ” นาท่ียง่ั ยนื ” กำรปรับปรุงควำมกว้ำงแถบของสำยอำกำศโบว์ไท โดยใช้ช่องว่ำงแถบแม่เหลก็ ไฟฟ้ำร่วมกบั รอยบำกสำหรับระบบเรดำร์ Bandwidth Improvement of a Bow-Tie Antenna Using Electromagnetic Band Gap and Increase with the Notch for Radar Application ศรันย์ คมั ภีร์ภทั ร1* ธนาฒน์ สุกนวล1 ไมตรี ธรรมมา1 เภาภทั รา คาพิกลุ 2 และ วิชชุพงษ์ วบิ ลู เจริญ1 Saran Kampeephat1*, Thanat Sooknuan1, Maitree thamma1, Paowphattra Kamphikul2 and Witchupong Wiboonjaroen1 1คณะวศิ วกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน จงั หวดั นครราชสีมา 2ภาควชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ จงั หวดั เชียงใหม่ 1Department of Electronics Engineering, Faculty of Engineering and Technology, Rajamangala University of Technology Isan, Nakhon Ratchasima, THAILAND 2Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Chiang Mai University, Chiang Mai, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีไดอ้ ธิบายการออกแบบการเพ่ิมความกวา้ งแถบเพิ่มข้ึนและอตั ราขยายสายอากาศโบวไ์ ท สาหรับรับสื่อสารเรดาร์ความถี่บนยา่ น SHF โดยอาศยั เทคนิคการรอยบากบนสายอากาศโบวไ์ ทร่วมกบั อภิวสั ดุ โดยโครงสร้างช่องวา่ งแถบแม่เหลก็ ไฟฟ้า ท่ีใชท้ ี่มีรูปร่างคลา้ ยดอกเห็ด ซ่ึงเป็นโครงสร้างแบบ 2 มิติ โดยนาไปวางดา้ นหนา้ สายอากาศโบวไ์ ท เพื่อทาหนา้ ท่ีเป็ นวงจรเรโซแนนซ์ จากผลการจาลองดว้ ย โปรแกรมสาเร็จรูปพบวา่ สายอากาศโบวไ์ ท 7 ร่องบากท่ีมีโครงสร้าง EBG มีการแมตชข์ องสายอากาศท่ีดี ข้ึน มีความกวา้ งแถบเพิ่มข้ึนจาก 2.5 GHz เป็ น 4.0 GHz หรือเพ่ิมข้ึนประมาณ 1.5 GHz เม่ือเทียบกบั สายอากาศโบวไ์ ท 7 ร่องบาก และมีอตั ราขยายที่สูงข้ึนอีก 5.58 dB ส่งผลทาใหป้ ระสิทธิภาพโดยรวมของ สายอากาศดียง่ิ ข้ึน เม่ือเทียบกบั สายอากาศโบวไ์ ทแบบด้งั เดิม คำสำคญั : การปรับปรุงความกวา้ งแถบ สายอากาศโบวไ์ ท ระบบเรดาร์ ช่องวา่ งแถบแม่เหลก็ ไฟฟ้า 118


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook