Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore RMUTCON 2022_ABSTRACT NATIONAL CONFERENCE

RMUTCON 2022_ABSTRACT NATIONAL CONFERENCE

Published by IRD RMUTT, 2022-05-30 09:27:26

Description: RMUTCON 2022_ABSTRACT NATIONAL CONFERENCE

Search

Read the Text Version

กTาhรeปกร1าะ2รTชtปhhมุ รReกะaชา1jรaุม2จmวtดัhิชaงRาnากagนาjaaรปlmรaระะaดUชnับnุมgชiวvaาชิelตarามิsกUiหtาynารวiรovิทะfeดยrTาับseลiชtcยัyาhเตทnoมิคofหโlTนoาeโgวลcyทิ ยhยNรี nาาaoลชtliัยมooเงngทคyaคลlโNนCคaoรโtล้งัnioทยfnีรe่ี 1าra2eชlnมCcงoeคnลfeคrรeั้งnทc่ี e12” “๙ ราชมงคลขบั เคล่อื นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยสี ีเขยี วเพือ่ การพฒั นาท่ยี ัง่ ยืน” “๙ ราชมงคลขบั เคลอ่ื นนวัตกรรม นาเศรษฐกจิ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยีสเี ขียวเพอื่ การพัฒนาทย่ี ่ังยืน” การคดั เลือกโพรไบโอตกิ จากอาหารหมักพืน้ บ้านไทยประเภทข้าว Selection of Probiotics from Traditional Thai Fermented Rice สุรัตน์ วงั พิกลุ 1*วิรัชนีย์ แก่นแสนดี2 และ ปริยาภรณ์ อิศรานุวตั น์3 Surat Vangpikul1*, Wiratchanee Kansandee2 and Pariyaporn Itsaranuwat3 1สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ อ.พระนครศรีอยธุ ยา จ.พระนครศรีอยธุ ยา 2สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาแห่งมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ จตุจกั ร กรุงเทพฯ 3คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม อ.กนั ทรวชิ ยั จ.มหาสารคาม 1 Research and Development Institute, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, Phranakhon Si Ayutthaya, THAILAND 2Kasetsart University Research and Development Institute, Chatuchak, Bangkok, THAILAND 3Faculty of Technology, Mahasarakham University, Kantharawichai, Mahasarakham, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อแยกและคดั เลือกแบคทีเรียกรดแลคติกท่ีมีศักยภาพเป็ นโพรไบโอติก จากอาหารหมกั พ้ืนบา้ นของไทยประเภทขา้ ว ไดแ้ ก่ ขนมจีนและขา้ วหมาก โดยสามารถคดั แยกแบคทีเรีย กรดแลคติกจากขนมจีนและขา้ วหมากไดช้ นิดละ 20 ไอโซเลท รวมท้งั หมด 40 ไอโซเลท เมื่อนาเช้ือที่คดั แยก ไดท้ ้งั หมดมาศึกษาคุณสมบตั ิการเป็ นโพรไบโอติก พบวา่ มีเพียง 7 ไอโซเลท (RF3, RF5, RF6, RF7, KF1, KF3 และ KF4) ท่ีสามารถทนต่อสภาวะกรดและเกลือน้าดีในระบบทางเดินอาหารได้ และมีเพยี ง 6ไอโซเลท (RF3, RF5, RF6, RF7, KF3 และ KF4) ท่ีสามารถยอ่ ยเกลือน้าดีปฐมภูมิ (sodium glycolate) และเกลือน้าดี ทุติยภูมิ (sodium taurodeoxycholate) ได้ ท้งั 6 ไอโซเลท สามารถยบั ย้งั การเจริญของเช้ือก่อโรค Escherichia coli และ Bacillus cereus ได้ นอกจากน้ียงั พบว่าท้งั 6 ไอโซเลท สามารถในการยดึ เกาะกบั เยือ่ บุผนงั ลาไส้ (มิวซิน) ได้ ผลการจดั จาแนกสายพนั ธุ์ของแบคทีเรียท่ีคดั แยกได้ พบวา่ ไอโซเลท RF3 ท่ีแยกไดจ้ ากขนมจีน คือ Lactobacillus plantarum CIP 103151 (99% identity) ไอโซเลท RF5, RF6 และ RF7 ท่ีแยกไดจ้ ากขนมจีน คือ L. fermentum NCDO 1750 (100% identity) ส่วนไอโซเลท KF3 และ KF4 ที่แยกไดจ้ ากขา้ วหมาก คือ L. rhamnosus JCM1136 (99% identity) โดยแบคทีเรียกรดแลคติกท้งั 6 ไอโซเลทน้ีมีศกั ยภาพเป็นโพรไบโอติก สามารถนาไปพฒั นาเป็นหวั เช้ือสาหรับการผลิตอาหารหมกั พ้ืนบา้ นเพื่อเพ่มิ มูลคา่ ผลิตภณั ฑไ์ ด้ คาสาคญั : โพรไบโอติก แบคทีเรียกรดแลคติก ขนมจีน ขา้ วหมาก 269

การปกระาชรปมุ รกะาชรุมจวดั ิชงากนาปรระชดุมบั วชชิาตากมิ าหรารวะทิ ดยบั าชลาัยตเทมิ คหโานวโทิลยีราาลชัยมเทงคคลโนคโรล้ังยทีรี่ า1ช2มงคล คร้งั ท่ี 12 The 12TthheRa1j2amth RanagjaamlaaUnngaivlearsUitnyivoefrsTietychonfoTloegcyhnNoaltoiognyaNl CatoinofnearleCncoenference” “๙ ร“า๙ชมรงาคชลมขงบัคเลคขลบั ่ือเนคนลวอื่ ตั นกนรวรตัมกนรำ�รเมศรนษาฐเกศิจรษปฐลกกู ิจแนปวลคกู ดิ แเนทวคคโนิดโเลทยคสี โนเี ขโียลวยเีสพีเ่อืขกียาวรเพพัฒอ่ื กนาารทพี่ยฒั่งั ยนนื า”ทย่ี งั่ ยนื ” ฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของจุลนิ ทรีย์ตรึงไนโตรเจน ในดนิ เขตพืน้ ทปี่ กปักฯ หนองระเวยี ง Database of Biodiversity of Nitrogen Fixing Bacteria in Soil at Conservation Project Area, Nong Raviang ศศิธร อินทร์นอก1* จิรายสุ วรรัตน์โภคา1 และ นนั ทิดา วฒั นโรจนาพร2 Sasidhorn Innok1*, Jirayus Woraratphoka1 and Nantida Wattanarojanaporn2 1สาขาชีววทิ ยาประยกุ ต์ คณะวทิ ยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน 2บริษทั มิตรผลวจิ ยั พฒั นาออ้ ยและน้าตาล จากดั เขตคลองเตย จ.กรุงเทพมหานคร 10110 1Department of Applied Biology, Faculty of Sciences and Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Isan 2Mitrphol Sugarcane Research Center Co., Ltd., Khlongtoei, Bangkok 10110, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาความหลากหลายของจุลินทรียต์ รึงไนโตรเจนในพ้ืนท่ีปกปักฯ หนองระเวียงมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อให้ ไดข้ อ้ มูลพ้ืนฐานของจุลินทรียต์ รึงไนโตรเจนซ่ึงสามารถนามาประยุกตเ์ ป็นป๋ ุยชีวภาพได้ เกบ็ ตวั อยา่ งดินปี ละ 3 คร้ังตาม ฤดูกาล เป็นเวลา 3 ปี พบปริมาณแบคทีเรียตรึงไนโตรเจนแบบอิสระในทุกตวั อย่างดินประมาณ 103-108Colony Forming Unit (CFU) ต่อกรัมดิน สาหรับไรโซเบียมพบประมาณ 100-104 Most Probable Number (MPN) ต่อกรัมดิน ซ่ึงการ เปลี่ยนแปลงของปริมาณจุลินทรียต์ รึงไนโตรเจนข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั ทางกายภาพ และทางเคมีของดินร่วมกบั ชนิดของพืชใน พ้ืนที่ ส่วนการศึกษาความหลากหลายของจุลินทรียต์ รึงไนโตรเจนโดยใชล้ ายพิมพด์ ีเอน็ เอดว้ ยไพรเมอร์ BOXA1R พบ ไอโซเลตบริสุทธ์ิของแบคทีเรียตรึงไนโตรเจนแบบอิสระ และไรโซเบียมจานวน 89 และ 5 ไอโซเลต ตามลาดบั การศึกษา คุณสมบตั ิในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชโดยตรวจสอบกิจกรรมของแบคทีเรีย ไดแ้ ก่ กิจกรรมของเอนไซมไ์ น โตรจีเนสด้วยวิธี Acetylene Reduction Assay (ARA) และความสามารถในการสร้าง Indole Acetic Acid (IAA) พบ แบคทีเรียตรึงไนโตรเจนแบบอิสระท่ีมีกิจกรรมของเอนไซมไ์ นโตรจีเนส และผลิต IAA ได้ 27 ไอโซเลต ส่วนไรโซเบียม มีกิจกรรมของเอนไซมไ์ นโตรจีเนสท้งั 5 ไอโซเลต การวิเคราะห์จุลินทรียต์ รึงไนโตรเจนเชิงคุณภาพโดยตรงจากดินโดย เทคนิค Denaturing Gradient Gel Electrophoresis (DGGE) เมื่อนามาทา dendrogram พบว่าจุลินทรียส์ ่วนใหญ่ท่ีให้แถบดี เอน็ เอจาก DGGE ใกลเ้ คียงกนั จะอยู่ในพ้ืนท่ีป่ าเดียวกนั สาหรับแบคทีเรียตรึงไนโตรเจนแบบอิสระท่ีมีประสิทธิภาพสูง สาหรับการพฒั นาเป็นป๋ ุยชีวภาพมีท้งั สิ้น 7 ไอโซเลต ในขณะท่ีไรโซเบียมมี 2 ไอโซเลต คาสาคญั : จุลินทรียต์ รึงไนโตรเจน พ้ืนท่ีปกปักฯ หนองระเวียง แบคทีเรียตรึงไนโตรเจนแบบอิสระ ไรโซเบียม 270

การปกราะรชปมุ รกะาชรุมจวดั ชิ งาากนาปรรระะชดับุมชวชิาตาิมกหารารวะทิ ดยบั าชลยัาตเทมิ คหโานวโลทิ ยยีราาลชัยมเทงคคลโนคโรลั้งยทรี ่ี า1ช2มงคล ครัง้ ที่ 12 The 12Tthh eRa1ja2mth aRnagjaamlaaUnngiavlearsUitnyivoefrTsietcyhonfoTloegcyhNnoatlioognyalNCaotinofnearlenCcoenference” “๙ ร“า๙ชมรงาคชลมขงบั คเลคขลบัื่อเนคนลว่อื ัตนกนรวรมัตกนรำ�รเมศรนษาฐเกศิจรษปฐลกูกจิ แนปวลคูกิดแเนทวคคโนิดโเลทยคสี โีเนขโียลวยเพีสเีื่อขกยี าวรเพพฒั ื่อนกาารทพย่ี ง่ัฒั ยนนื า”ที่ยงั่ ยืน” เคร่ืองตรวจวดั สภาพอากาศต้นทุนตา่ ทแ่ี สดงผลแบบออนไลน์ Low-cost Online Display Weather Detector อรรถชยั ทองธนะเศรษฐ์ พรภิเษก พลอยพมิ ล และ เดี่ยว อภยั ราช* Attachai Thongtanaset, Pornpisek Ploypimol and Deaw Aphairaj* สาขาวชิ าฟิ สิกส์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยศี าสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Division of Physics, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ รายงานน้ีได้ทาการศึกษาและพฒั นาระบบตรวจวดั สภาพอากาศตน้ ทุนต่าที่สามารถแสดงผลแบบ ออนไลนผ์ า่ นเวบ็ ไซต์ ดว้ ยระบบ Network Platform for Internet of Everything (NETPIE) และแอพพลิเคชนั่ ไลน์ โดยมีบอร์ดอีเอสพี (ESP 8266) เป็นตวั ประมวลผล ซ่ึงค่าท่ีใชใ้ นการแสดงผลจะประกอบไปดว้ ยค่าฝ่ นุ ละออง (PM 2.5 ความดันบรรยากาศ อุณหภูมิ และความช้ืน เซนเซอร์ท่ีใช้ในระบบน้ีประกอบไปดว้ ย เซนเซอร์ตรวจวดั ฝ่ ุน (PMS 7003) เซนเซอร์ตรวจวดั อุณหภูมิและความช้ืน (Digital Temperature and Humidity : DHT 22) และเซนเซอร์วดั ความดนั บรรยากาศ (GY-BMP 280) จากการทดสอบประสิทธิภาพใน การตรวจวดั สภาพอากาศเปรียบเทียบกบั เคร่ืองที่มีขายในทอ้ งตลาด พบวา่ มีค่าความแม่นยาในการวดั คา่ ฝ่ นุ ละอองมีค่าประมาณ 91.8% ค่าความแม่นยาของอุณหภูมิมีค่าประมาณ 99.3% และค่าความแม่นยาของ ความช้ืนมีค่าประมาณ 90.1 % คาสาคัญ: ฝ่ นุ ละออง PM 2.5 บอร์ดอีเอสพี 8266 เซนเซอร์ตรวจวดั ฝ่ นุ PMS 7003 271

การปกราะรชปมุ รกะาชรุมจวดั ชิ งาากนาปรระดชับุมชวาชิ ตามิกหารารวะทิ ดยบั าลชยัาเตทมิ คหโนาวโลทิ ยยรี าาลชัยมเงทคคลโนคโรล้ังยทรี่ 1าช2มงคล ครงั้ ท่ี 12 The 12Tthh eRa1ja2mthaRnagjaamlaaUnngiavlearsUitnyivoefrTseitcyhonfoTloegcyhNnaotlioognyalNCaotinofnearel nCcoenference” “๙ ร“า๙ชมรงาคชลมขงับคเลคขลบัื่อนเคนลว่อื ตั นกนรวรมตั กนรำ�รเมศรนษาฐเกศิจรษปฐลกูกจิ แนปวลคกู ิดแเทนควโคนดิ โเลทยคีสโีเนขโียลวยเพีสือ่ีเขกียาวรเพพัฒ่อื นกาาทรพ่ยี ั่งฒั ยนนื า”ทย่ี ั่งยนื ” การสังเคราะห์ไฮโดรเจลดูดซึมนา้ ยง่ิ ยวดพอลโิ พแทสเซียมอะคริเลตเพื่อการกกั เกบ็ นา้ Synthesis of superabsorbent hydrogels poly(potassium acrylate) for water conservation ธญั วลยั ฉตั รค้าจุนเจริญ พมิ พช์ นก จนั ทร์สวาท และ วไิ ลพร ไกรสุวรรณ* Tanwalai Chatkumpjunjalearn, Pimchanok Chansawat and Wilaiporn Kraisuwan* สาขาวชิ าเทคโนโลยวี สั ดุพอลิเมอร์ คณะเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมผลิตภณั ฑก์ ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ อ.องครักษ์ จ.นครนายก 26120 Program of Polymer Materials Technology, Faculty of Agricultural Product Innovation and Technology, Srinakharinwirot University, Ongkharak, Nakhon Nayok 26120, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ในการศึกษาน้ีไดเ้ ตรียมไฮโดรเจลพอลิโพแทสเซียมอะคริเลต (พีเคเอ) ผา่ นปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชนั แบบอนุมูลอิสระโดยใช้โพแทสเซียมอะคริเลตเป็ นมอนอเมอร์ และใชโ้ พแทสเซียมเปอร์ซลั เฟตเป็ นตวั ริเร่ิม ปฏิกิริยา ความเขม้ ขน้ ของสารเชื่อมขวางเอ็น,เอ็น’-เมทิลีนบิสอะคริลาไมด์ (เอ็มบีเอ) เท่ากบั 0.5, 1 และ 2 มิลลิโมล เพ่ือศึกษาการดูดซึมน้า การกกั เก็บน้า และความสามารถในการโหลดยูเรีย ผลการทดลองพบวา่ การเพิ่มข้ึนของความเขม้ ขน้ ของเอ็มบีเอส่งผลให้การดูดซึมน้าของไฮโดรเจลลดลง ไฮโดรเจลท่ีมีเอ็มบีเอ 0.5 มิลลิโมล มีคา่ การดูดซึมน้าสูงสุด เทา่ กบั 229 เทา่ ของน้าหนกั แหง้ ของไฮโดรเจล การทดสอบการกกั เก็บ น้าของไฮโดรเจลพบว่าไฮโดรเจลพีเคเอเพิ่มความสามารถในการกกั เก็บน้าในดิน หลงั จาก 27 วนั ดินท่ี ประกอบดว้ ยไฮโดรเจลท่ีมีเอม็ บีเอ 0.5, 1 และ 2 มิลลิโมล มีอตั ราการระเหยของน้าในดินเทา่ กบั 81, 83 และ 86 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดับ นอกจากน้ีได้ศึกษาความสามารถในการโหลดยูเรียของไฮโดรเจลโดยใช้ สารละลายยูเรียที่มีความเขม้ ขน้ แตกต่างกนั พบว่าความสามารถในการโหลดเพ่ิมข้ึนเมื่อความเข้มขน้ ของเอม็ บีเอลดลง ไฮโดรเจลที่มีเอม็ บีเอ 0.5 มิลลิโมล สามารถโหลดยเู รียไดส้ ูงสุด 49 เปอร์เซ็นต์ จากผลการ วจิ ยั พบวา่ ไฮโดรเจลพเี คเอเหมาะสมสาหรับใชเ้ ป็นวสั ดุเพม่ิ ความชุ่มช้ืนในดินเพ่ือใชง้ านดา้ นเกษตรกรรม คาสาคญั : พอลิเมอร์ดูดซึมน้ายง่ิ ยวด พอลิโพแทสเซียมอะคริเลต การดูดซึมน้า การกกั เก็บน้า การโหลดป๋ ุย 272

การปกราะรชปมุ รกะาชรมุ จวดั ชิ งาากนาปรระดชบัุมชวาชิ ตามิกหารารวะิทดยับาชลัยาตเทมิ คหโานวโลทิ ยยีราาลชยั มเทงคคลโนคโรลัง้ ยทีรี่ า1ช2มงคล ครง้ั ท่ี 12 The 12TthheRa1ja2mthaRnagjaamlaaUnngiavlearsUitnyivoefrTsietcyhonfoTloegcyhNnaotlioognyalNCaotinofnearlenCcoenference” “๙ ร“า๙ชมรงาคชลมขงบั คเลคขลบัอ่ื นเคนลวอื่ ตั นกนรรวมัตกนรำ�รเมศรนษาฐเกศจิ รษปฐลกูกจิ แนปวลคูกดิ แเนทวคคโนิดโเลทยคีสโเีนขโียลวยเพสี เีอื่ ขกียาวรเพพัฒ่อื นกาารทพยี่ ฒังั่ ยนืนา”ทยี่ ง่ั ยนื ” การพฒั นากระเป๋ าจากผ้าขาวม้าสีธรรมชาติ The bag development from Natural color Loincloth ณฐั พงษ์ ปัญญาธิคุณ และ ชนากานต์ เรืองณรงค*์ Natthapong Panyathikun, and Chanakarn Ruangnarong* สาขาวชิ าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Textile and clothing, Faculty of Home Economics Techmology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ โครงการมหาวทิ ยาลยั สู่ตาบลสร้างรากแกว้ ให้ประเทศ ตาบลวงั ตะเคียน อาเภอกบินทร์บุรี จงั หวดั ปราจีนบุรี โดยคณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี มีวตั ถุประสงคท์ ี่จะ นาองค์ความรู้ งานวิจยั และนวตั กรรมไปพฒั นาศกั ยภาพ ทรัพยากรทอ้ งถ่ิน โดยชุมชนเป็ นชาวอีสานท่ีมา สร้างถ่ินฐานใหม่ มีทกั ษะและฝี มือในการทอผา้ มีผลิตภณั ฑ์ประจาทอ้ งถ่ินคือผา้ ขาวมา้ จึงถ่ายทอดองค์ ความรู้เร่ืองการยอ้ มสีเส้นดา้ ยดว้ ยสีธรรมชาติ จากน้นั ออกแบบลวดลายผา้ ขาวมา้ ตามสีของพืชพรรณใน ทอ้ งถ่ิน เช่น ลายดอกตะเคียน ลายฝาง ลายคราม เป็ นตน้ และนามาทอเป็ นผืนผา้ เพื่อให้เกิดผา้ ขาวมา้ ท่ีมีอตั ลกั ษณ์ของชุมชน และนามาแปรรูปเป็ นกระเป๋ า ท่ีมีรูปแบบ การตดั เยบ็ ไม่ซบั ซ้อนเพ่ือใหช้ าวบา้ นสามารถ ผลิตเองได้ โดยคดั เลือกรูปแบบดว้ ยการสอบถามความพึงพอใจและลกั ษณะการใชง้ านกระเป๋ าจากผา้ ขาวมา้ โดยรูปแบบท่ีไดร้ ับการคดั เลือกมากท่ีสุดคือรูปแบบท่ี 2 จาก 5 รูปแบบ คือกระเป๋ าคลอ้ งมือแต่งชายครุย เพอ่ื ยกระดบั คุณภาพของผลิตภณั ฑ์ โดยสร้างแบบและข้ึนตวั อยา่ งของกระเป๋ าดว้ ยผา้ ดิบก่อนเพื่อใหร้ ูปทรงของ กระเป๋ าที่ออกแบบน้ันสมบูรณ์แบบที่สุด จากน้ันจึงจะเริ่มตดั เย็บกระเป๋ าที่ทาจากผา้ ขาวม้า และนาไป ถ่ายทอดวิธีการผลิต เพื่อเป็ นผลิตภณั ฑ์ใหม่ที่มีอตั ลกั ษณ์ เพ่ิมมูลค่าและคุณค่า สามารถเพ่ิมรายไดใ้ ห้กบั ชาวบา้ นในชุมชนไดม้ ากยงิ่ ข้ึน คาสาคัญ: ผา้ ขาวมา้ สีธรรมชาติ กระเป๋ า 273

การปกราะรชปมุ รกะชารุมจวดัชิ งาากนาปรรระะดชับมุ ชวาชิ ตาิมกหาารวริทะดยับาลชยั าเตทมิ คหโนาโวลทิ ยยรี าาลชยั มเงทคคลโนคโรล้ังยทรี่ี 1า2ชมงคล ครงั้ ท่ี 12 The 12TthhRea1ja2mthaRnagjaalma aUnngivaelarsUityniovef rTseitcyhonfolToegcyhNnaotlioognyalNCaotinofnearelnCcoenference” “๙ ร“าช๙มรงาคชลมขงับคเคลลข่ือบั นเคนลว่อืัตนกนรรวมตั กนรำ�รเศมรษนาฐเกศิจรษปฐลกกู ิจแนปวลคกู ดิ แเทนควโคนิดโเลทยคีสโเี นขโียลวยเพสี ือ่ีเขกยี าวรเพพัฒ่ือนกาาทรพี่ย่งัฒั ยนืนา”ที่ย่งั ยืน” ถ่านกมั มนั ต์จากผลไม้ Activated Carbon from Fruit ปณิธิ สังขว์ ร รสกร เทวรัตน์ วริศรา นิธิพรเดชะ จิตรลดั ดา มะลยั ทอง ตอ้ งลกั ษณ์ บุญธรรม และ นิติ วทิ ยาวโิ รจน์* Paniti Sungworn, Rossakorn Tavarat,Warisara Nithiporndecha, Jitladda Malaythong, Tongluck Boontham and Niti Witthayawiroj* โรงเรียนสาธิตนวตั กรรมมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Innovation Demonstration School of Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani , THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อ 1) ศึกษาถ่านกมั มนั ตจ์ ากผลไมท้ ี่สามารถใหพ้ ลงั งานความร้อน 2) เปรี ยบเทียบคุณสมบัติการใช้งานของถ่านกัมมันต์ที่สร้างข้ึนกับถ่านตามท้องตลาด การผลิตถ่าน กัมมนั ต์จากผลไม้ ตามแนวคิดมาจากการนาของเสียที่เหลือจากพืชผลทางการเกษตรที่มีจานวนมาก ในจงั หวดั ปทุมธานีมาเพิม่ มูลค่า โดยการนาผลไมม้ าเผาใหค้ วามร้อนเเบบไม่ใชอ้ อกซิเจน บดให้ละเอียดนา ผงถ่านผสมกบั กาวแป้งเปี ยกและน้า ท่ีอตั ราส่วน 3:1:0.5 อดั ส่วนผสมลงไปในเครื่องอดั ถ่าน และตดั ให้ได้ ตามขนาด ตากแดดเป็ นระยะเวลา 3-4 วนั ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) ถ่านกมั มนั ตจ์ ากผลไมท้ ี่ให้ค่าพลงั งานความ ร้อนมากท่ีสุด คือ ถ่านกมั มนั ตจ์ ากเปลือกทุเรียน มีค่าเท่ากบั 6,378 ±30.6 Cal/g รองลงมา ถ่านกมั มนั ตจ์ าก มงั คุด มีค่าเท่ากบั 5,880±21.6 Cal/g และถ่านตามทอ้ งตลาด มีค่าเท่ากบั 3,726±64.1 Cal/g และ2) คุณสมบตั ิ การใช้งานของถ่านกมั มนั ต์กบั ถ่านตามทอ้ งตลาดมีความแตกต่างกนั โดยถ่านกมั มนั ตม์ ีค่าพลงั งานความ ร้อนสูง มีความคงทน ไม่แตกหกั ไม่เลอะติดมือ และถ่านตามทอ้ งตลาด มีค่าพลงั งานความร้อนต่า มีความ เปราะ แตกหัก มีความเลอะติดมือ นอกจากน้ีถ่านกมั มนั ต์จากผลไมจ้ ดั เป็ นพลงั งานทางเลือกท่ีน่าสนใจ สามารถนามาใชป้ ระโยชน์จากวสั ดุเหลือทิ้งเป็นแนวทางที่เป็นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ มอีกแนวทางหน่ึง คาสาคญั : ถ่านกมั มนั ต์ ถ่านอดั แทง่ เปลือกผลไม้ 274

การปการระปชรมุ ะกชาุมรวจชิดั างกาานรปรระะดชบั มุ ชวาชิตาิมกหาารวริทะยดาับลชยั าเทตมิคโหนาโวลทิ ยยีราลชยัมเงทคคลโนครโล้ังทย่ีรี 1า2ชมงคล คร้งั ที่ 12 The 12tThhReaj1am2thanRgaajalamUanngivaelrasiUtynoivfeTrseictyhnooflToegychNnaotiloongyalNCaotniofneraelnCcoenference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลลขื่อบั นเนควลัต่ือกนรนรวมตั นกำ�รเรศมรษนฐากเศิจรปษลฐูกกแจิ นปวลคกูดิ แเทนควโคนดิโลเทยคสี โีเขนยีโลวยเพสี ื่อเี ขกยีารวพเพัฒอ่ื นกาาทรย่ีพง่ั ฒั ยนนื ”าทย่ี ั่งยนื ” การทดแทนแป้งมนั สาปะหลงั ด้วยแป้งกล้วยในเมด็ ไข่มุก Substituting Tapioca Starch with Banana Starch in Bubble Pearl ณฏั ฐาพฒั น์ ติยะสนั ต์ ณฐั จป์ กรณ์ สุราช สาริศา สุวรรณคา พลอยไพลิน พร้าโน๊ต วารี กาลศิริศิลป์ ตอ้ งลกั ษณ์ บุญธรรม และ นิติ วทิ ยาวโิ รจน์* Nattatpat Tiyasan, Natpakorn Surach, Sarisa Suwannakam, Ploypilin Pranote1, Waree Kalsirisilp, Tongluck Boontham and Niti Witthayawiroj* โรงเรียนสาธิตนวตั กรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 12110 Innovation Demonstration School Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani 12110, THAILAND *Corresponding Author E-mail : [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาเน้ือสัมผสั ของเม็ดไข่มุกแป้งกลว้ ย และเม็ดไข่มุกในทอ้ งตลาด ศึกษาชนิดของแป้งกลว้ ยท่ีเหมาะสมในการทดแทนแป้งมนั สาปะหลงั ในเมด็ ไขม่ ุก ตลอดจนศึกษาความพงึ พอใจท่ีมีต่อชานมไข่มุกแป้งกลว้ ย และเม็ดไข่มุกในทอ้ งตลาด กลว้ ยท่ีศึกษาไดแ้ ก่ กลว้ ยน้าวา้ กลว้ ยหอม และกลว้ ยไข่ อตั ราส่วนผสมของเม็ดไข่มุกจากแป้งกลว้ ยที่ศึกษาเพ่ือใชท้ ดแทนแป้งมนั สาปะหลงั ไดแ้ ก่ 20 ต่อ 80 คา่ ช้ีผลในการศึกษาไดแ้ ก่ ลกั ษณะปรากฏของเมด็ ไข่มุก สี กล่ิน รสชาติ และเน้ือสมั ผสั ของเมด็ ไข่มุก ผลการศึกษาพบวา่ ความเหนียว ความหนึบ และความทนทานต่อการเค้ียวของเม็ดไข่มุกแป้งกลว้ ย จะมีค่า น้อยกว่าเม็ดไข่มุกในทอ้ งตลาดที่ใช้แป้งมนั สาปะหลงั เพียงอยา่ งเดียว ดา้ นลกั ษณะปรากฏและสีของเม็ด ไข่มุกในทอ้ งตลาดไดร้ ับคะแนนในระดบั ที่มากกว่าเม็ดไข่มุกแป้งกลว้ ยทุกชนิด แต่ดา้ นกลิ่น รสชาติ เน้ือ สัมผสั และความชอบโดยรวมมีคะแนนในระดบั เดียวกนั กบั เม็ดไข่มุกแป้งกลว้ ยท้งั 3 ชนิด ขอ้ ดีของการใช้ แป้งกลว้ ยน้าวา้ ทดแทนแป้งมนั สาปะหลงั ได้แก่ ในด้านราคา และดา้ นผลผลิต กล้วยน้าวา้ มีราคาถูก มี ผลผลิตภายในประเทศไทยมากกวา่ กลว้ ยหอ และกลว้ ยไข่ ดงั น้นั แป้งกลว้ ยน้าวา้ จึงเหมาะสมที่สุดในการ ทดแทนแป้งมนั สาปะหลงั ในเมด็ ไขม่ ุก ท้งั ในดา้ นลกั ษณะทางประสาทสมั ผสั ดา้ นราคา และดา้ นผลผลิต คาสาคญั : แป้งมนั สาปะหลงั แป้งกลว้ ย เมด็ ไข่มุก 275

การปกราะรชปมุ รกะาชรุมจวดั ิชงากนาปรระชดมุับวชชิาตากิมาหรารวะทิ ดยบั าชลาัยตเทมิ คหโานวโทิลยาีราลชยั มเทงคลโนคโลร้งัยทีรี่า1ช2มงคล ครั้งที่ 12 The 12Tthh eRa1ja2mth aRnagjaamlaaUnngaivlearsUitnyivoefrsTietychonfoTloegcyhnNoaltoiognyaNl aCtoionnfearleCnocenference” “๙ ร“า๙ชมรงาคชลมขงบัคเลคขลบัื่อเนคนลวือ่ ตั นกนรวรตัมกนรำ�รเมศรนษาฐเศกิจรษปฐลกูกิจแปนวลคูกดิแเนทวคคโนดิ โเทลยคีสโนีเขโียลวยเีสพเี อ่ืขกียาวรเพพอ่ืัฒกนาารทพยี่ ัฒ่งั ยนืนา”ที่ย่งั ยนื ” การตลาดออนไลน์สาหรับสารสกดั หญ้าเอน็ ยืดหมักเพ่ือส่งเสริมเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทบ่ี ้านม่วงเจริญราษฎร์ ชุมชนปลอดภยั ทางการเกษตร จ.น่าน Online Marketing for Fermented Plantago Major Linn. Extracts to Promote Sustainable Economy at Ban Muang Charoenraj Agricultural Safety Community, Nhan Province นิภาพร ปัญญา1 และ ดวงฤทยั นิคมรัฐ2* Niphaporn Panya1 and Duongruitai Nicomrat2* 1สาขาวชิ าวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ 2สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยสี ่ิงแวดลอ้ ม คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร แขวงวงศส์ วา่ ง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 10800 1Department of Division Computer Science 2Department of Environmental Science and Technology, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Wongsawang, Bang Sue, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ทีมวิจยั มีความคิดเกี่ยวกบั การพฒั นาการตลาดออนไลน์ของน้าหมกั สารสกดั หญา้ เอ็นยืด เพื่อส่งเสริม เศรษฐกิจพอเพียง ณ วสิ าหกิจชุมชนเกษตรชุมชนบา้ นม่วงเจริญราษฎร์ จงั หวดั น่าน จากการเพาะปลูกและเร่ิมทา ผลิตภัณฑ์ชาหญ้าเอ็นยืดเม่ือสองปี ที่แล้ว ด้วยการพัฒนาการตลาดออนไลน์ผลิตภัณฑ์หญ้าเอ็นยืดด้าน เคร่ืองสาอาง งานเร่ิมดว้ ยการศึกษาคุณลกั ษณะของพืชน้ี ต้งั แต่ระยะการเก็บ เก่ียว การหมกั หญา้ เอ็นยืดดว้ ย จุลินทรีย์ การสกดั สารสาคญั จากหญา้ เอน็ ยดื หมกั และการทดสอบคุณสมบตั ิการตา้ นการอกั เสบ การตา้ นอนุมูล อิสระ และการออกฤทธ์ิตา้ นจุลชีพ ดว้ ยหลกั การที่ผสานเทคโนโลยขี องสารสกดั จากหญา้ เอน็ ยืดในเคร่ืองสาอาง มาเป็ นผลิตภณั ฑ์ตน้ แบบการตลาดออนไลน์ของชุมชนบา้ นม่วงเจริญราษฎร์ ผลการศึกษาที่ได้ คือ ดว้ ยการ ส่งเสริมให้ไดว้ ตั ถุดิบดี ไดเ้ ป็ นผลิตภณั ฑ์สินคา้ ที่ มีการส่งเสริมระบบส่ือออนไลน์ของเฟสบุ๊คเพื่อเป็ นสื่อทาง สังคม สื่อถึงการจดั การผลิตภณั ฑด์ า้ นรูปแบบของเน้ือหา และกลยทุ ธ์การส่ือสารการตลาด ขอ้ มูลไดถ้ ูกรวบรวม ผ่านการวิเคราะห์เน้ือหาและการสัมภาษณ์เชิงลึก พบว่ามีการเขา้ ชมเพจเฟสบุ๊คเพ่ิมข้ึน ช่วยปรับปรุงการขาย ส่งเสริมการให้บริการอยา่ งทวั่ ถึงและการส่งเสริมบริการแบบครบวงจรเชื่อมโยงวตั ถุดิบ สารเคมีที่เกี่ยวขอ้ งกบั กระบวนการสกดั สมุนไพรและผลิตภณั ฑเ์ คร่ืองสาอาง และการจดั การในอนาคต ตลอดจนไดใ้ หม้ ีการส่งเสริมให้ ชุมชนไดม้ ีส่วนร่วมในการขายออนไลน์ ดว้ ยการจดั การท้งั หมดเหล่าน้ีจะก่อใหเ้ กิดแผนธุรกิจท่ีชดั เจน เพื่อเพ่ิม ผลกาไรโดยไม่มีขอ้ จากดั และเหมาะสมสาหรับสถานการณ์ปัจจุบนั คาสาคญั : การตลาดออนไลน์ เฟสบุค๊ สารสกดั สมุนไพร 276

“๙ รากTชาhมรeปงกค1ราละ2รTขชtปhhับมุรReเกะคaชา1jลaรุม2่อืจmวtนดัhิชaนงาRnาวกagนัตาjaaรกปlmรรaระระaดUมชnบัnุมนgชiวvaำ�าชิeเlตศarามิsรกUiษหtาynาฐรวกiรovทิะิจfeดยrปTับาseลลiชtcกูยัyาhแเตทonนมิ คfoวหโlคTนoาดิeโgวลเcyทิทยhยคNรีnาโาaoนลชtlโัยiมooลเงngยทคyสีaคลlีเโNขนCคียaโoรวtลงั้niเoยทพfnรีeี่ ่อื 1าarก2eชlาnมCรcงพoeคัฒnลfนeคาrรทe้ัง่ียnท่งัc่ียe1นื 2”” “๙ ราชมงคลขบั เคลอ่ื นนวัตกรรม นาเศรษฐกิจ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยสี เี ขยี วเพอื่ การพัฒนาที่ย่ังยืน” การตลาดออนไลน์ของสารสกดั จากไคร้นา้ เพ่ือส่งเสริมเศรษฐกจิ ยง่ั ยืน ในชุมชนบ้านสวก จงั หวดั น่าน Online Marketing for Fermented Homonoia riparia Lour. Extracts to Promote Sustainable Economy at the Ban Suak Community, Nan Province ภภสั สร สิงหธรรม1 และ ดวงฤทยั นิคมรัฐ2* Papatsorn Singhatham1 and Duongruitai Nicomrat 2* 1สาขาวชิ าวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร แขวงวงศส์ วา่ ง เขตบางซ่ือ กรุงเทพมหานคร 10800 2สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยสี ิ่งแวดลอ้ ม คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร แขวงวงศส์ วา่ ง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 10800 1Department of Division Computer Science, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Wongsawang, Bang Sue, Bangkok, THAILAND, 10800 2Department of Environmental Science and Technology, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Wongsawang, Bang Sue, Bangkok, THAILAND, 10800 *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ทีมผูว้ ิจยั ไดพ้ ฒั นาตน้ แบบการทาตลาดออนไลน์ของสารสกดั ไคร้น้า ซ่ึงเป็ นที่สนใจของชุมชนบา้ น สวก เน่ืองดว้ ยชุมชนบ่อสวกเป็ นชุมชนปลูกไมผ้ ลและพืชสวนครัวแบบออร์แกนิค จากการศึกษาไดท้ าการ พฒั นาผลิตภณั ฑ์เครื่องสาอางจากสารสกดั จากไคร้น้า พบว่าไคร้น้าเม่ือสกดั สารออกฤทธ์ิทางชีวภาพและ ทดสอบคุณสมบตั ิการยบั ย้งั จุลินทรีย์ และการตา้ นการออกซิเดชนั ในเบ้ืองตน้ ดว้ ยการทาใบไคร้น้าแห้งแลว้ สกดั ดว้ ยเอทานอลร้อยละ 80 ท่ีความเขม้ ขน้ 5,000 ppm มีคุณสมบตั ิตา้ นจุลินทรียใ์ นกลุ่มแบคทีเรียชนิด Pseudomonas sp. และเช้ือรา Penicillium sp. ไดร้ ะดบั ปานกลาง และมีการตา้ นอนุมูลอิสระจากการใชส้ ารตา้ น อนุมูลอิสระดว้ ยวิธี DPPH มีฤทธ์ิในการกาจดั อนุมูลอิสระ IC50 คือ 0.198 ppm ทีมวิจยั จึงส่งเสริมการตลาด ออนไลน์การนาสารสกดั ไคร้น้าและผลิตภณั ฑ์ครีมทาหน้าใสจากสารสกดั ไคร้น้า โดยนาเสนอการขายบน ตลาดออนไลน์ผา่ นเฟสบุ๊คเพจ มีการนาเสนอเน้ือหาหลายรูปแบบ เช่น บทความ รูปภาพ วีดีโอ แบบสอบถาม เป็นตน้ นอกจากน้ียงั สามารถทากิจกรรมเฟสบุ๊ค เพอ่ื เชิญชวนให้ผทู้ ี่สนใจไดเ้ ขา้ มาเรียนรู้ ชมการสาธิต ทดลอง ใช้ ทดลองผลิต และซ้ือผลิตภณั ฑไ์ ปใช้ ซ่ึงกลยทุ ธก์ ารตลาดออนไลน์ของสารสกดั จากไคร้น้า ผ่านเฟสบุค๊ เพจ สามารถสร้างผลสัมฤทธ์ิทางการตลาด ช่วยให้ผูบ้ ริโภคให้เกิดความรู้และเขา้ ใจประโยชน์ในตวั สินคา้ ไดเ้ ป็ น อยา่ งดี สามารถนาเสนอสินคา้ และบริการไดส้ ะดวก รวดเร็ว เขา้ ถึงกลุ่มเป้าหมายหรือสมาชิกเฟสบุ๊คเพจไดม้ าก ข้นึ คาสาคญั : การตลาดออนไลน์ เฟสบุค๊ บริการแบบครบวงจร สารสกดั จากพชื 277

กTาhรeปกร1าะ2รTชtปhhมุ รReกะaาช1jรaุม2จmวtดัhิชaงRาnากaนgjาaaปรlmรรaะะaดUชnับnุมgชiวavาชิleตaาrิมsกUiหาtnyราiรวvoะทิ efดยrTับsาeiลชtcyัยาhเตoทnมิ fคoหโTlนาoeวโgcลทิyhยยNnีราาaoลชtlยั ioมoเgงทnคyคaลlโNนCคaโoรtลiั้งnoยทfnรี e่ี า1arช2elมnCงcoคenลfeคrรeงั้ nทc่ี e1”2 “๙ ราชมงคลขบั เคลอื่ นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยีสีเขียวเพ่อื การพฒั นาที่ย่ังยนื ” “๙ ราชมงคลขบั เคลอ่ื นนวัตกรรม นาเศรษฐกิจ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยีสเี ขยี วเพ่อื การพัฒนาทย่ี ง่ั ยนื ” ประสิทธิผลของนา้ มนั หอมระเหยต่อคุณภาพการนอนของผู้สูงอายุ The effectiveness of essential oils on sleep quality in the elderly ปุณยนุช อมรดลใจ จาสุมิน กลั ยาสาย และ ทาริกา จนั ทรสูตร* Punyanut Amorndoljai, Jasumin Kallayasai and Tarika Chantharasut* สาขาวชิ าการแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ คณะการแพทยบ์ ูรณาการ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 12130 Department of Applied Thai Traditional Medicine Faculty of Integrative Medicine Rajamangala University of Technology Thanyaburi Rangsit Centre Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 12130 *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อเปรียบเทียบคุณภาพการนอนหลบั และการผ่อนคลายของผสู้ ูงอายุก่อน และหลงั ใช้น้ามนั หอมระเหยสูตรผสม ขนาดกลุ่มตวั อย่างโดยใช้เทคนิคของ Cohen J.ไดจ้ านวน 40 คน ไดร้ ับน้ามนั หอมระเหยสูตรผสม ประกอบดว้ ย น้ามนั ลาเวนเดอร์ ซีดาร์วดู กระดงั งา โรสวดู้ หยดบนแผน่ ผา้ 2 หยด(0.1 มิลลิตร) สอดไวใ้ ตห้ มอนส่วนบน ก่อนนอน ติดต่อกนั 2 สัปดาห์ ประเมินคุณภาพการนอนโดย ใช้แบบประเมินคุณภาพการนอนของฟิ ตสเบิร์ก การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ Paired Sample t-test เปรียบเทียบก่อนและหลงั ผลการวิจยั พบวา่ น้ามนั หอมระเหยสูตรผสมลดอาการนอนไม่หลบั ของผสู้ ูงอายุ แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั (P<0.05) สรุป ผลการศึกษาคร้ังน้ีสนบั สนุนผลการเพิ่มคุณภาพการนอนหลบั และผอ่ นคลายของการใชน้ ้ามนั หอมระเหยสูตรผสมในผสู้ ูงอายุ คาสาคญั : น้ามนั หอมระเหย คุณภาพการนอน ผสู้ ูงอายุ 278

การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คร้งั ที่ 12 การประชTมุ hวeิชา1ก2าthรรRะaดjaบั mชาaตnมิ gหaาlaวทิ UยnาiลvัยeเrทsคitโyนoโลfยTีรeาชchมงnคoลloคgรyัง้ ทN่ีa1t2ional Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงค“ล๙ขรบั าเชคมลื่องคนลนขวบัตั กเครลรม่อื นนนำ�วเศตั รกษรฐรมกจิ นปาเลศกู รแษนฐวกคิจดิ เปทลคกู โนแนโลวยคีสดิ เี ขเทียควโเนพโื่อลกยาสี รเีพขฒั ียวนเาพทือ่ ยี่ กั่งายรืนพ”ฒั นาที่ยงั่ ยืน” การศึกษาองค์ความรู้การใช้หมามุ่ยเพ่ือสุขภาพตามภูมิปัญญาพืน้ บ้านไทย The study of Thai wisdoms knowledge of Mucuna pruriens (Linn.) DC. for health ศิรินนั ท์ ตรีมงคลทิพย1์ ธีรยทุ ธ คล้าชื่น2 และ อรทยั สารกลุ 1* Sirinun tremongkoltip1, Teerayut Klumchaun2 and Orathai Sarakul1* 1 คณะการแพทยบ์ ูรณาการ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1Faculty of Integrative Medicine , Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani,12130, THAILAND 2Faculty of Agricultural Technology ,Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani,12130, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ หมามุ่ย (Mucuna pruriens (L.) DC. ) มีสารสาคญั ท่ีมีฤทธ์ิทางชีวภาพหลายชนิด สารสาคญั ที่พบมากใน เมล็ด คือ แอลโดปา (L-dopa) เป็ นสารท่ีเป็ นประโยชน์ในทางการแพทย์ จากการศึกษาท้ังในประเทศและ ต่างประเทศพบว่า เมล็ดหมามุ่ยมีฤทธ์ิในการตา้ นอนุมูลอิสระ ฤทธ์ิในการรักษาโรคพาร์กินสัน และฤทธ์ิเพิ่ม สมรรถภาพทางเพศ แตในประเทศไทยไม่พบการใชห้ มามุ่ยเป็ นส่วนประกอบของยาหรือผลิตภณั ฑส์ ุขภาพท่ีผ่าน การรับรองจากสานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา แต่มีการใชใ้ นตารับการรักษาของหมอพ้ืนบา้ นท่ีใชส้ ืบทอด ต่อกนั มาจนถึงปัจจุบนั วตั ถุประสงค์การศึกษาคร้ังน้ีเพื่อจาแนกการใชป้ ระโยชน์ รูปแบบกรรมวิธีการใชห้ มามุ่ย ของหมอพ้ืนบา้ น และรวบรวมสายพนั ธุ์หมามุ่ยตามภูมิปัญญาพ้ืนบา้ นไทย เพื่อนามาใชเ้ ป็นฐานขอ้ มูลเชิงวิชาการ ดา้ นการใชป้ ระโยชน์จากหมามุ่ยเพื่อการพฒั นาเป็ นยาหรือผลิตภณั ฑส์ ุขภาพ การศึกษาใชว้ ิธีการวิจยั เชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์และการสงั เกตแบบมีส่วนร่วม การเลือกกลุ่มตวั อยา่ งแบบเฉพาะเจาะจงกบั หมอพ้ืนบา้ นในแต่ละ ภาค จานวน 10 ราย ที่มีประสบการณ์การใชห้ มามุ่ยมากกว่า 10 ปี ผลการศึกษา พบว่า องคค์ วามรู้และรูปแบบการ ใชห้ มามุ่ยของหมอพ้ืนบา้ นท้งั 10 ราย มีลกั ษณะท่ีคลา้ ยคลึงกนั หมามุ่ยที่หมอพ้ืนบา้ นใชใ้ นตารับยาประกอบดว้ ย สายพนั ธุ์อินเดียและ/หรือสายพนั ธุ์ไทย ส่วนใหญ่ร้อยละ 75 ใชท้ ้งั สายพนั ธุ์อินเดียและสายพนั ธุ์ไทย ร้อยละ 25 ใช้ เฉพาะสายพนั ธุ์อินเดีย วตั ถุดิบท่ีนามาใชส้ ่วนใหญ่เป็ นการปลูกมากกว่าการเก็บตามธรรมชาติ เน่ืองจากสามารถ ควบคุมผลผลิตไดห้ มอพ้ืนบา้ นร้อยละ 80 ใชเ้ มลด็ เป็นส่วนประกอบในตารับยา ร้อยละ 20 ใชส้ ่วนอื่นร่วมในตารับ ยา ไดแ้ ก่ ใบและราก วิธีการนาเมลด็ ปรุงยา ใชก้ ารคว่ั เพื่อใหเ้ ปลือกหุม้ เมลด็ เปิ ดออกนาไปบดเป็นผง หรือใชก้ าร หมกั ดว้ ยเหลา้ รูปแบบการใชม้ ีท้งั ยาเด่ียวและยาตารับ ดา้ นสรรพคุณ หมอพ้ืนบา้ นทุกรายใชย้ าเพื่อบารุงร่างกาย เสริมสมรรถภาพทางเพศ แกป้ วดเม่ือย ผทู้ ่ีมารักษาร้อยละ 90 เป็นเพศชาย อายุ 40 ปี ข้ึนไปหมอพ้ืนบา้ นส่วนใหญ่ พบวา่ การรักษาไดผ้ ลดี แต่ไม่มีการบนั ทึกผลการรักษาไวเ้ ป็นลายลกั ษณ์อกั ษร คาสาคัญ: หมามุย่ หมอพ้ืนบา้ น ภูมิปัญญาพ้ืนบา้ นไทย 279

การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คร้ังท่ี 12 การปรTะชhุมeวชิ1า2กthาRรรaะjดamับชaาnตgิมaหlาaวUิทยnาivลeยั rเทsiคtyโนoโลfยTีรeาชchมงnคoลloคgรy้ังทN่ี 1a2tional Conference” “๙ ราTชhม“eง๙ค1ล2รขtาhับชRเมคaงjลaค่อื mลนขaนบnั วgเัตคaกlลรaอ่ืรUมนnนนiวvำ�ัตeเศrกsรรiษtรyฐมกoจินfาปTเeลศcกูรhแษnนฐoวกlคิจoดิ gปเyทลคNูกโaแนtนโioลวnยคีสaดิ lเี ขเCทียoวคnเโพfนeอื่ โrลกeายnรสี cพเีeขฒั ยี นวาเทพี่ย่ือั่งกยานื ร”พฒั นาทยี่ งั่ ยืน” องค์ประกอบทางพฤกษเคมีและฤทธ์ทิ างชีวภาพที่มีคุณสมบตั ิ ในการสมานแผลของใบแป๊ ะตาปึ ง Phytochemical constituents and biological activities with wound healing properties of Sambung Nyawa Leaf (Gynura procumbens (Lour.) Merr.) กญั ญธ์ ศยา อคั รศิริฐรัตนา นรินทร์ทร พนั ธ์สวสั ด์ิ สิริภทั ร ชมฒั พงษ*์ Kunthasaya Akkarasiritharattana, Narintorn Pansawat and Siriphatr Chamutpong* คณะการแพทยบ์ ูรณาการ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Faculty of Integrative Medicine, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ แป๊ ะตาปึ ง เป็ นพืชสมุนไพรท่ีพบในชุมชนตาบลบ่อเงิน อาเภอลาดหลุมแกว้ จงั หวดั ปทุมธานี มี การนามาใชส้ มานบาดแผล และรักษาแผลไฟไหมน้ ้าร้อนลวก การศึกษาวจิ ยั คร้ังน้ีจึงมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อ ศึกษาองคป์ ระกอบทางพฤกษเคมีและฤทธ์ิทางชีวภาพท่ีมีคุณสมบตั ิในการสมานแผลของสารสกดั ดว้ ย เอทานอลจากส่วนใบ โดยวิเคราะห์องค์ประกอบทางพฤกษเคมีด้วยวิธีการตรวจสอบสารพฤกษเคมี เบ้ืองตน้ และวิธีโครมาโทกราฟี ของเหลวสมรรถนะสูง ศึกษาหาปริมาณฟี นอลิกรวมท้งั หมดดว้ ยวิธี Folin-Ciocalteu ทดสอบฤทธ์ิต้านอนุมูลอิสระ ด้วยวิธี 2, 2-diphenyl-1-picrylhydrazyl scavenging capacity (DPPH) และทดสอบฤทธ์ิตา้ นการอกั เสบด้วยวิธีการวิเคราะห์หาปริมาณการยบั ย้งั การผลิต ไนตริ กออกไซด์ในหลอดทดลอง ผลการวิจัยพบสารกลุ่มอัลคาลอยด์ ฟลาโวนอยด์ แทนนิน สารประกอบฟี นอกลิก และไตรเทอปี น และพบวา่ สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ มีสารรูทินสูงท่ีสุด เท่ากบั 3,171.64±11.84 ไมโครกรัมต่อกรัม ในการทดสอบฤทธ์ิตา้ นอนุมูลอิสระ มีคา่ IC50 เท่ากบั 363.93±49.52 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรและพบปริมาณฟี นอลิกรวม เท่ากบั 43.72±4.02 มิลลิกรัมสมมูลกรดแกลลิกต่อ กรัมสารสกดั หยาบ นอกจากน้นั ยงั พบวา่ สารสกดั สามารถยบั ย้งั การผลิตไนตริกออกไซด์ไดส้ ูงถึงร้อยละ 70 ดังน้ันการศึกษาคร้ังน้ีแสดงให้เห็นว่าใบแป๊ ะตาปึ งเป็ นพืชท่ีมีศกั ยภาพในการที่จะนามาใช้เป็ น สมุนไพรตา้ นการอกั เสบและสมานแผล ซ่ึงอาจนาไปสู่การพฒั นาเป็ นยารักษาแผลทดแทนยาแผน ปัจจุบนั ในอนาคต คาสาคญั : แป๊ ะตาปึ ง พฤกษเคมี ฤทธ์ิทางชีวภาพ ตา้ นอกั เสบ สมานแผล 280

การประชมุ การจดั งานประชุมวชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ครงั้ ท่ี 12 การประชTมุ hวeชิ า1ก2าthรรRะaดjaบั mชาaตnมิ gหaาlวaิทUยnาลivยั eเทrsคitโyนโoลfยรีTาeชcมhงnคoลloคgร้งัyทNี่ 1a2tional Conference” “๙ ราTชhมeง“ค1๙ล2ขtรhับาRเชคaมjลaง่อื mคนลaนขnวบัgตั aเกคlรaลรUื่อมนnนนivำ�วeเศตัrsรกiษtรyฐรกมoจิ fนปTาeลเศcูกhรแษnนoฐวกlคoจิิดgเyปทคลNโูกaนแtโiนoลnวยีสคalเีดิ ขCเยีทoวคnเพโfนe่อื โrกลeาnยรสีcพeเี ัฒขียนวาเทพย่ี ่ือ่ังกยานื ร”พัฒนาทีย่ ัง่ ยืน” ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างสุขภาวะชุมชนด้วยภูมปิ ัญญาไทย ตาบลคลองหก จงั หวดั ปทุมธานี Effects of Community Health Promotion Program with Thai Wisdom, Khlong Hok Subdistrict, Pathum Thani Province ปุณยนุช อมรดลใจ1 พชั ราภา โสมา2 และ ปิ ยภรณ์ ประสมสาสน์1,2* Punyanut Amorndoljai1, Patcharapa Soma 2 and Piyaporn Prasomsart1,2* 1 สาขาวชิ าการแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ คณะการแพทยบ์ ูรณาการ 2ผปู้ ฏิบตั ิโครงการยกระดบั เศรษฐกิจและสงั คมรายตาบลแบบบูรณาการ สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 12130 1Department of Applied Thai Traditional Medicine Faculty of Integrative Medicine 2University & Community Network Center for Innovative Co-Creation officer (UCNC) Institute of Research and Development, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND * Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเสริมสร้างสุขภาวะชุมชนดว้ ยภูมิ ปัญญาไทย ใชร้ ูปแบบการวิจยั เชิงปฏิบตั ิการแบบมีส่วนร่วมโดยเลือกวธิ ีผสมผสานการวิจยั เชิงคุณภาพ เป็นหลกั ร่วมกบั การวจิ ยั เชิงปริมาณ จานวนอาสาสมคั ร 30 คน การดาเนินการวจิ ยั มี 4 ข้นั ตอนหลกั ไดแ้ ก่ 1) ศึกษาบริบทชุมชน 2) สร้างกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม 3) ประเมินผลการดาเนินงาน 4) สรุปผลผลการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า 1) Key Person มีผลต่อการดาเนินกิจกรรมท้งั ทางตรงและ ทางออ้ ม 2) ผลสุขภาวะชุมชน คุณภาพการนอนหลบั (PSQI) และแบบประเมินความรู้ วเิ คราะห์ดว้ ยสถิติ Paired Sample t-test การเปรียบเทียบก่อน-หลัง พบว่า แบบประเมินความรู้ก่อนและหลังเข้าร่วม (p = 0.000) สุขภาวะดา้ นการรับรู้คุณค่าของตวั เอง (p = 0.718) สุขภาวะดา้ นสังคม (p = 0.066) สุขภาวะ ด้านสติปัญญา (p = 0.685) สุขภาวะด้านอารมณ์ (p = 0.841) และคุณภาพการนอนหลับ (PSQI) (p = 0.002) สรุปไดว้ ่าคุณภาพการนอนหลบั และการประเมินความรู้ก่อนและหลงั เขา้ ร่วมแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั (p < 0.05) ส่วนท่ีเหลือยงั ไมพ่ บความแตกต่าง คาสาคัญ: สุขภาวะชุมชน การวจิ ยั เชิงปฏิบตั ิการ ภูมิปัญญาไทย 281

การประชมุ การจดั งานประชุมวชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ท่ี 12 การปรTะhชeุมว1ิช2าtกhาRรaรjะaดmับaชnาตgมิaหlaาวUิทnยiาvลeัยrsเทitคyโนoโfลTยeีราcชhมnงoคlลogคyรั้งNทaี่ 1ti2onal Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเคงลคือ่ลนขนบั วเคตั ลกร่อื รนมนนวำ�ตั เกศรรรษมฐกนจิ าเปศลรูกษแฐนกวจิ คดิปเลทูกคแโนนโวลคยดิสี เเี ขทียควโเนพโ่ือลกยาสี รีเพขฒัยี วนเาพทื่อย่ี ก่งั ายรืนพ”ฒั นาทย่ี ั่งยนื ” ผลของโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาวะชุมชนอย่างยงั่ ยืน ด้วยภูมปิ ัญญาไทย แบบบูรณาการตาบลคลองหนึ่ง จ.ปทุมธานี Effects of Sustainable Community Health Promotion Program with Thai Wisdom by Khlong Nueng subdistrict integration, Pathum Thani Province ปุณยนุช อมรดลใจ1 กญั ชพร จนั ทร์เขียว2 และ นนั ทรัตน์ วทิ ูรากร2* Punyanut Amorndoljai1, Kanchaporn Jankeaw2 and Nantarat Witoorakorn2* 1สาขาวชิ าการแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ คณะการแพทยบ์ ูรณาการ 2ผปู้ ฏิบตั ิโครงการยกระดบั เศรษฐกิจและสงั คมรายตาบลแบบบูรณาการ สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 12130 1 Department of Applied Thai Traditional Medicine Faculty of Integrative Medicine 2University & Community Network Center for Innovative Co-Creation officer (UCNC) Institute of Research and Development, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 12130 *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาผลของโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาวะชุมชนอยา่ งยง่ั ยนื ดว้ ยภูมิ ปัญญาไทย เพอื่ ส่งเสริมสุขภาวะของชุมชนอยา่ งมีส่วนร่วม รูปแบบการศึกษาเป็นการวิจยั เชิงปฏิบตั ิการ รูปแบบผสมผสาน โดยเลือกวธิ ีการวิจยั เชิงคุณภาพเป็ นหลกั และวธิ ีการวจิ ยั เชิงปริมาณเป็นองคป์ ระกอบ เสริม ผเู้ ขา้ ร่วมเป็ นอาสาสมคั รจานวน 30 คน เครื่องมือท่ีใช้ ประกอบดว้ ย โปรแกรมสร้างเสริมสุขภาวะ ชุมชนดว้ ยภูมิปัญญาไทย แบบสอบถามขอ้ มูลดา้ นสุขภาวะ 5 ดา้ น คือ ดา้ นร่างกาย (PHW) อารมณ์ (EW) สติปัญญา (IW) สังคม (SW) การรับรู้คุณค่าของตวั เอง (SPW) และแบบสัมภาษณ์ผลการวิจยั ขอ้ มูลเชิง คุณภาพ พบวา่ แกนนาสุขภาพชุมชน มีผลต่อการดาเนินโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาวะชุมชนท้งั ทางตรง และทางออ้ ม โดยมีส่วนร่วมเป็ นแกนนาในการเขา้ ร่วมอบรม การให้ความช่วยเหลือ การเป็ นตวั อย่าง ทางออ้ มปฏิสัมพนั ธ์กบั คนในชุมชนสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ ผลวเิ คราะห์ขอ้ มูลเชิงปริมาณ ดว้ ย สถิติ Paired Sample t-test เปรียบเทียบก่อนและหลงั พบว่าสุขภาวะดา้ นอารมณ์ (p = 0.033) และองค์ ความรู้ (p = 0.000) มีความแตกตา่ งอยา่ งมีนยั สาคญั ส่วนดา้ นอ่ืนยงั ไมพ่ บความแตกตา่ ง คาสาคญั : การมีส่วนร่วมของชุมชน สุขภาวะชุมชน ภูมิปัญญาไทย 282

การประชมุ การจดั งานประชุมวชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครั้งที่ 12 การปรTะhชeุมว1ิช2าtกhาRรaรjะaดmบั aชnาตgมิaหlaาวUทิ nยiาvลeัยrเsทitคyโนoโfลTยีรeาcชhมnงoคlลoคgyรง้ั Nที่a1t2ional Conference” “๙ ราTชh“มe๙งค1รล2าขtชhับมRเคaงคjลaล่ือmนขaนบั nวเgคัตaลกl่ือรaรนUมนnนวivำ�ัตeเกศrรsรรiษtมyฐกoนจิ fาเปTศeลรcกู ษhแฐnนกoวจิlคoิดปgเyทลคูกNโแaนนtโioวลnคยีสaิดlเีเขทCยี คoวโnเนพfโeอื่ ลrกeยาnีสรcีเพขeฒั ียนวาเพทือ่ยี่ ัง่กยานืร”พฒั นาทยี่ ัง่ ยนื ” เสื้อสมุนไพรสาหรับช่วยผ่อนคลายความปวดเม่ือย Clothes with herbs for relaxing and relieving aches ศรีประไพ จุย้ นอ้ ย1* ณฏั ฐา สมบูรณ์1 และ สุภาภรณ์ ทุมสอน2 Sriprapai juynoy1*, Natha somboon1 and Supaphorn Thumsorn2 1ภาควชิ าวศิ วกรรมส่ิงทอ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2 Research Center for Green Materials and Advanced Processing, Yamagata University, Japan 1Department of Textile Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, Thailand 2 Research Center for Green Materials and Advanced Processing, Yamagata University, Japan *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาความพึงพอใจของการใช้เส้ือสมุนไพรสาหรับช่วยผอ่ นคลาย และบรรเทาความปวดเม่ือย กลุ่มตวั อยา่ งคือ กลุ่มคนวยั ทางานที่ปฏิบตั ิงานในสานกั งาน จานวน 400 คน อายรุ ะหวา่ ง 25-60 ปี โดยวเิ คราะห์ขอ้ มูล ไดแ้ ก่ 1. ค่าความพึงพอใจดา้ นการออกแบบ โดยลกั ษณะของ แบบเส้ือ เป็ นเส้ือคอกลมตวั หลวม ไหล่ล้า มีกระเป๋ าดา้ นหนา้ 2 ขา้ ง ดา้ นในของตวั เส้ือมีช่องสาหรับใส่ แผน่ สมุนไพร 2 ตาแหน่ง คือ ช่วงคอ-บ่า-ไหล่ และตาแหน่งหลงั ล่าง 2. ความยากง่ายในการสวมใส่ จาก รูปแบบเส้ือเป็ นเส้ือแขนส้ันแบบติดกระดุมดา้ นหนา้ 3. ความชื่นชอบของกล่ินน้ามนั ระเหยสมุนไพร ซ่ึง มีส่วนประกอบของสมุนไพร 8 ชนิด และ 4. ความพงึ พอใจโดยรวมของการสวมใส่เส้ือสมุนไพรสาหรับ ช่วยผอ่ นคลายและบรรเทาความปวดเม่ือย โดยสารวจค่าความพึงพอใจจากคะแนนเต็ม 5 คะแนน จาก ผลการวจิ ยั ไดค้ ่าความพึงพอใจดา้ นการออกแบบที่ 3.51 ค่าความพึงพอใจของความยากง่ายในการสวม ใส่ คือ 3.63 โดยความชื่นชอบของกลิ่นน้ามนั ระเหยสมุนไพร มีค่าความพึงพอใจ 4.20 และค่าความพึง พอใจโดยรวมของการสวมใส่เส้ือสมุนไพรสาหรับช่วยผ่อนคลายและบรรเทาความปวดเมื่อย คือ 3.98 ดงั น้นั ผลการสารวจความพึงพอใจของการใชเ้ ส้ือสมุนไพรสาหรับช่วยผอ่ นคลายและบรรเทาความปวด เมื่อยน้ี ไดร้ ับค่าความพึงพอใจท้งั หมดอยใู่ นเกณฑด์ ีมาก คาสาคญั : เส้ือสมุนไพร แผน่ สมุนไพร ความพงึ พอใจ น้ามนั ระเหย 283

การประชุมวชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คร้งั ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคลอื่ นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยีสเี ขยี วเพือ่ การพฒั นาทย่ี ่งั ยืน” งานประจำ�สงู่ านวจิ ยั 295

การกปารปะชระมุ ชกมุ าวริชจาดั กงาารนรปะดรับะชามุ ตวมิ ชิ หาากวาิทรยระาลดยับเชทาคตโนมิ โหลายวรี ทิาชยมางลคัยลเทคครโัง้ นทโี่ ล1ย2รี าชมงคล ครงั้ ท่ี 12 The 12thTRhaejam12athngRaaljaamUnainvegarsliatyUonfivTercshitnyoolofgTyeNcahtnioonlaolgCyoNnafetiroenacel Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบัมเงคคลลื่อขนบั นเวคัตลก่อื รนรมนวนตั ำ�กเศรรรษมฐนกาิจเศปรลษกู ฐแนกิจวคปิดลเทูกคแโนนวโลคยดิ ีสเทีเขคยี โวนเพโลื่อยกสี าีเรขพยี ฒั วนเพาทือ่ ่ียก่ังายรนืพ”ฒั นาท่ยี ั่งยนื ” การตดิ ตามความก้าวหน้าการประยุกต์ใช้ความรู้จากการฝึ กอบรม Following thaenpdrแdoลegะvrพeelsฒัospนiinnาgaผpลtphงleาyนaincทgaาdงtehวmeชิ tiาcrกawาiรnoirnkg knowledge สมบูรณ์ ศิริสรรหิรัญ* และคณะ Somboon Sirisunhirun* et al. ภาควชิ าสงั คมศาสตร์ คณะสงั คมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล Department of Social Sciences, Faculty of Social Sciences and Humanities, Mahidol University *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ จากกาวรตัใถชุป้ครวะาสมงรูค้จข์ากอกงกาารรฝวึ กจิ อยั บ: รเพม่ือใศนึกเชษิงากคาวราพมกฒั า้ นวหากนาา้ รใทนากงาารนปขรอะยงกุผตูเ้ ขแ์ า้ลระ่วพมฒั โนคราผงลกงาารนฝึทกาองบวรชิ มากเชาิรง แปลฏะิบคตั วิกามารตอ“้ กงการารพใฒั นนกาางราขนอวริัชบาคกวาารมจชา่วกยงเาหนลปือรดะา้ จนาว(ชิ Rาก2Rาร)”ที่รตวอ่ มเนถื่อึงงปัจจยั ปัญหา อุปสรรค ขอ้ เสนอแนะ แบบสวอิธบีดถาาเนมินปกราะรชวาิจกยั ร:ใกนากราศรึกวษิจายั คคร้ัืงอนผ้ีใูเ้ชข้รา้ ะร่เวบมียโบควริธงีวกิจายัรเฝชึ กิงอปบริรมมาณเชิงเคปรฏ่ือิบงตัมิกือาทร่ีใ“ชก้ใานรกพาฒัรวนิจายังคานือ วชิ าการจากงานประจา (R2R) รุ่นที่ 7 – 14 จานวน 247 คน โดยการสุ่มรายชื่อของประชากรแบบใชค้ วาม นโด่ายจะใเชปส็้นถ(ิตPิกroาbรaแbจilกitแyจsงaคmวpาlมinถg่ี )(Fดrว้eยqวueธิ nีกcาyร)สคุ่ม่าแร้บอยบลอะยา่(งPงe่าrcยe(nStaimgep)leคrา่ aเฉndลo่ียm(Msaemanp:lixn)̅g)ควา่ สเิ ค่วรนาะเบหี่ย์ขงอ้เบมนูล มาตรฐผานลก(Sารtaวnิจdยัa:rd1D) ผevูเ้ ขiaา้ tรio่วnม: โSค.Dร.ง)กt-าtรesฝtึ,กFอ-บteรstมแฯลมะีคAวNามOกVา้Aวหนา้ ในการประยุกตใ์ ช้ความรู้จากการ ฝึ กอบรมในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (x̅ = 3.94, S.D. = 0.59) 2) ผูเ้ ข้าร่วมโครงการฝึ กอบรมฯ มี ความกา้ วหนา้ ในการพฒั นาผลงานวิชาการตามเป้าหมายของโครงการฝึ กอบรมในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก (x̅ = 3.97, S.D. = 0.55) 3) ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการฝึ กอบรมฯ ส่วนใหญ่ประสบปัญหาหรืออุปสรรคใน ดกาา้ รนปครวะายมกุ รตู้คใ์วชาค้มวเขามา้ ใรจู้จเากกี่ยกวากรบั อกบรระมบเพวน่ือกกาารรพวิจฒั ยั นคาิดกเาปร็ นทรา้องายนละค6ิด1เป.2็ น9รร้ออยงลละงม53าป.9ร1ะแสลบะปปัญระหสาบดปา้ นัญกหารา ว11เิ ค.2ร9าะตหา์มขอล้ มาดูลบั คิด3เ)ป.ข็นอ้ รเส้อยนลอะแน19ะ.3แ5ละแคลวะาปมัญตหอ้ างดกา้านรขกอารงเผผูเ้ยขแา้ พร่วรม่งาโนควรเิงคกราาระฝหึก์หอรบือรงมาฯนวมจิ ีคยั วคามิดตเปอ้ ็นงกร้อารยใลหะ้ โครงการฝึ กอบรมฯ จดั อบรมเก่ียวกบั เทคนิคการทาวิจยั การติดตามดูแลและให้คาปรึกษาระหว่างการ พฒั นาผลงานวิจยั หลกั สูตรเทคนิคการขอตาแหน่งทางวิชาการ และการรวบรวมเครือข่าย R2R ของ บุคลากรสายสนบั สนุนของมหาวิทยาลยั และ 4) ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการฝึ กอบรมฯ ท่ีมีปัจจยั ส่วนบุคคลดา้ น รฝึะกดอบับกรามรทศ่ีแึกตษกาตแา่ลงะกอนั ายอกุ ยาา่ รงทมาีนงยัาสนาทค่ีแญั ตทกาตง่าสงกถนิตั ิทจะี่รสะด่งผบั ล0ต.0่อ5ควแาลมะกผา้เู้ ขวาห้ รน่วา้มกโาครรปงรกะายรกุฝึตกใ์อชบค้ รวมาฯมรทู้จี่มาีปกัจกจายรั ส่วนบุคคลด้านสถานภาพบุคลากร ระดบั การศึกษา อายุและอายุการทางานท่ีแตกต่างกนั จะส่งผลต่อ ความก้าวหน้าในการพฒั นาผลงานทางวิชาการท่ีแตกต่างกนั อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 ขอ้ เสนอแนะจากผลการวิจยั คือ เพ่ือให้บุคลากรสายสนบั สนุนสามารถนาองคค์ วามรู้ไปต่อยอดสู่การ คกพต้าางัฒั รสแพนาตคฒา่ักตัญรนนะ:าบเงอกาวงานนรแใปกลนาระสระสเายรายกุิ่มยอตอตาใ์าชน้ ชชีพขค้ีพอวไงาดกม้ารรรู้ วทกมาาทกร้ฝงัาึรคกววอจิรบยัมรไีกมปาจรผนอลถองึงกากนแรทบะาบบงขววยชินาากยกาเาวรรลใชากป้ ารระฝโึ กยอชบนรจ์ มากฯผใลหงา้มนีคววจิ ายัมแตล่อะเไนป่ือสงู่ 285

การกปารระปชรมุ ะกชามุ รวจิชดัางกาานรรปะรดะับชชมุ าวตชิ ิมาหกาาวรทิ รยะาดลบั ัยชเทาคตโมิ นหโลายวีรทิ ายชามลงัยคเลทคคโรน้ังทโลี่ 1ย2รี าชมงคล ครงั้ ท่ี 12 The 12thThRaeja1m2tahnRgaajlaamUannivgearlsaityUnoifvTeerscihtynoolfogTyeNchantioonloaglyCoNnafteiorennacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลล่อืขนบั นเควลัตอ่ืกนรรนมวนัตำ�กเรศรรมษฐนกาิจเศปรลษูกฐแกนิจวคปิดลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเีสทีเขคยีโนวโเพลอ่ืยกีสาเี ขรพียวฒั เนพาอ่ื ทกย่ี าง่ั รยพืนัฒ”นาท่ยี ั่งยนื ” การพฒั นาระบบเช่ือมโยงข้อมูลรายได้ค่ารักษาพยาบาลระหว่างระบบสารสนเทศ โรงพยาบาล (DT-HIS)กบั ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารและวางแผนทรัพยากร องค์กร(DT-ERP) คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล Developing system to interface medical income data between hospital information systems (DT-HIS) with Information System for Management and Organizational Resource Planning (SAP) Faculty of Dentistry Mahidol University โสพศิ า ส่งสมบูรณ์* และ วชิ วนิ ท์ พนั ธรังษี Sopisa Songsombool* and Witchawin Pantarungs งานขอ้ มูลและสารสนเทศ คณะทนั ตแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล กรุงเทพมหานคร Data and Information Technology Section, Faculty of Dentistry Mahidol University , Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] Tel.081-302-9910 บทคัดย่อ คณะทนั ตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล มีการบนั ทึกรายไดค้ ่ารักษาพยาบาลตามศูนยต์ น้ ทุน (CO) แบบระบบเก่าในรูปแบบ manual export data excel file แลว้ ผปู้ ฏิบตั ิงานดาเนินการคียข์ อ้ มูลต่าง ๆ ลงในระบบ DT-ERP ซ่ึงทาให้เกิดความล่าช้าของการรับรู้รายได้และอาจทาให้ขอ้ มูลผิดพลาดจากผู้ ปฏิบตั ิไดแ้ ละกระบวนการเดิมยงั ไม่สามารถบนั ทึกค่ารายไดไ้ ปถึงหลกั สูตร (IO) ได้ จากการศึกษาการ ทางานของระบบงานเดิม ตรวจสอบปัญหาที่เกิดข้ึน และหาแนวทางในการแกไ้ ข จึงไดม้ ีการพฒั นา ปรับปรุงระบบการส่งขอ้ มูลรายไดใ้ ห้ดีย่ิงข้ึน วตั ถุประสงค์เพ่ือให้ระบบขอ้ มูลและสารสนเทศมีความ ถูกต้อง รวดเร็ว และสามารถใช้เพ่ือการบริหารสานักงานแยกรายได้ตามหน่วยงานตามพนั ธกิจได้ นอกจากน้ียงั แสดงรายงานทางการเงินเพื่อส่งมหาวิทยาลยั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ โดยการสร้างระบบท่ี สามารถเช่ือมโยงขอ้ มูลระหวา่ งระบบสารสนเทศเพ่ือการบริหารและวางแผนทรัพยากรองคก์ ร(DT-ERP) กบั ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล(DT-HIS) ใชร้ ูปแบบสถาปัตยกรรมแบบ Service Oriented Architecture (SOA) เทคโนโลยีเวบ็ เซอร์วิส(Web service) โดยการส่งขอ้ มูลเป็ นแบบ REAL-TIME (การประมวลผล แบบทนั ที) และแบบ Batch (ประมวลผลที่ทาต่อเน่ืองกนั ไปตามลาดบั ) มีกระบวนการวิเคราะห์สาเหตุ แบบ Systems Development Life Cycle (SDLC) ผลการพัฒนาระบบดังกล่าว ทาให้คณะทันต แพทยศาสตร์ มีการรับส่งขอ้ มูลรายได้ค่ารักษาพยาบาลจากระบบสารสนเทศโรงพยาบาล(DT-HIS) ส่งไปยงั ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารและวางแผนทรัพยากรองคก์ ร(SAP) มีความถูกตอ้ งของขอ้ มูล ต้งั แต่ 98 % เป็นตน้ ไป มีความรวดเร็ว ลดความซ้าซอ้ นและมีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึน คาสาคัญ: SDLC Web Service SOA REAL-TIME Batch 286

การกปารปะชระมุ ชกุมาวรชิจาดั กงาารนรปะดรบัะชมุาตวมิชหากาวาทิรรยะาดลบัยเชทาคตโมินหโลายวีรทิ ายชามลงัยคลเทครโัง้นทโล่ี 1ย2ีราชมงคล ครงั้ ที่ 12 The 12thTRhaeja1m2athnRgaalja mUnainvgearslaityUonfivTeercshitnyoolofgTyeNcahtnioonloalgyCoNnafteiorennacleConference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบัมเงคคลลอ่ื ขนบั นเวคตั ลกอ่ื รนรนมวนัตำ�กเศรรรษมฐนกาิจเศปรลษูกฐแกนจิ วคปิดลเทกู คแโนนวโคลยดิ ีสเทีเขคยี โวนเโพลอื่ ยกสี าเี รขพยี ฒัวเนพาอื่ ทก่ยี าั่งรยพืนฒั” นาทยี่ ่งั ยืน” ผลการใช้ทฤษฎกี ารเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อพฒั นาทักษะในศตวรรษที่ 21 ด้านการสื่อสารและความร่วมมือ: การวจิ ยั ผสานวธิ ี The effect of using cooperative learning theory to develop 21st century skills in communication and cooperation: mixed methods research มินตรา ศกั ด์ิดี1* และ ณฐั นรี คลา้ ยสาคร2 Mintra Sakdee1* and Nutnaree Klaisakorn2 1 คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ, กรุงเทพ, ประเทศไทย 2คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั หอการคา้ ไทย, กรุงเทพ, ประเทศไทย 1Facuty of Technical Education, Rajamangala University of Technology Krungthep, Bangkok, THAILAND 2Facuty of Humanities, University of the Thai Chamber of Commerce, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ เพ่ือพฒั นารูปแบบและศึกษาผลของการใชร้ ูปแบบทฤษฎีการเรียนรู้ แบบร่วมมือเพื่อพฒั นาทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ดา้ นการส่ือสารและความร่วมมือ โดยใชก้ ารวิจยั ผสานวธิ ี แบบแผนแบบข้นั ตอนเชิงอธิบาย กลุ่มตวั อย่างเป็ นนักศึกษาจานวน 78 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจยั ไดแ้ ก่ รูปแบบกิจกรรมที่ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือเพ่ือพฒั นาทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ด้านการ ส่ือสารและความร่วมมือท่ีบูรณาการเขา้ กบั รายวชิ าการบริหารตนเอง เครื่องมือท่ีใชใ้ นการเก็บรวบรวม ขอ้ มูล ไดแ้ ก่ แบบสอบถามความคิดเห็น และแบบสัมภาษณ์ก่ึงโครงสร้างที่ใชใ้ นการสนทนากลุ่ม สถิติ ท่ีใช้ คือ ค่าเฉล่ีย ค่าร้อยละ ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เน้ือหา ผลการวิจยั พบว่า นกั ศึกษา สามารถนาความรู้ท่ีไดร้ ับจากกิจกรรม ฯ ไปประยุกตใ์ ชไ้ ดใ้ นชีวติ จริงระดบั มากที่สุด (������̅������ = 4.74, S.D. = 0.44) และหลงั การเขา้ ร่วมกิจกรรม นกั ศึกษามีทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ดา้ นการสื่อสารและความร่วมมือ อยู่ในระดบั มากที่สุด (������̅������ = 4.44, SD = 0.50) และขอ้ มูลจากการวิเคราะห์เน้ือหาจากการสนทนากลุ่ม พบว่า นักศึกษามีการเปลี่ยนแปลงหลายดา้ นซ่ึงเป็ นส่ิงที่นามาพฒั นาชีวิตตนเองได้ เช่น การเขา้ ร่วม กิจกรรมฯ น้ี ทาใหต้ นเองมีการพิจารณา วิเคราะห์ สรุปก่อนการส่ือสารหรือแสดงความคิดเห็น กลา้ ที่จะ พดู แสดงความคิดเห็นตอ่ กลุ่มและกลา้ พดู นาเสนอหนา้ ช้นั เรียนมากข้ึน คาสาคัญ: ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ การพฒั นาทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ดา้ นการส่ือสารและความ ร่วมมือ การวจิ ยั ผสานวธิ ี 287

การปกราระปชรมุ ะกชาุมรวจชิ ดั างกาานรประรดะับชชมุ าวตชิ มิ าหกาาวริทรยะดาลบั ัยชเทาตคมิโนหโาลวยทิีรายชามลงัยคเทลคคโรนั้งโทล่ี ย12รี าชมงคล ครง้ั ท่ี 12 The 12TthhReaj1am2thanRgaajalamUannigvaelrasitUynoifveTrescithynoolfoTgyecNhantiolnoaglyCNonatfieornenalceConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลลข่อื บันเนควลตั ่อื กนรนรมวตั นกำ�รเศรรมษนฐกาเจิ ศปรษลูกฐแกนิจวปคลดิ เูกทแคนโนวคโลิดยเสีทเี คขโยี นวโเลพยื่อีสกเีาขรียพวฒั เพนาื่อทก่ียาัง่รยพนื ัฒ”นาทยี่ ่งั ยืน” สมบตั เิ ชิงกลของพอลเิ อทิลนี ความหนาแน่นสูง พอลเิ อทิลนี ความหนาแน่นตา่ และ พอลสิ ไตรีน ทข่ี นึ้ รูปชิน้ ทดสอบด้วยกระบวนการฉีดขนึ้ รูป และกระบวนการอดั Mechanical properties of high density polyethylene Low density Polyethylene and Polystyrene from injection molding and compression molding specimen รัตติญา มะกะ* Rattiya Maka* ภาควชิ าวศิ วกรรมวสั ดุและโลหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Materials and Metallurgical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวจิ ยั น้ีศึกษาการเตรียมชิ้นทดสอบดว้ ยกระบวนการข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการฉีด และอดั จาก พอ ลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (High Density Polyethylene ,HDPE) พอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่า (Low density polyethylene, LDPE) และ พอลิสไตรีน (Polystyrene, PS) เพื่อเปรียบเทียบสมบตั ิทางกล จาก การศึกษาพบวา่ ค่าความทนแรงกระแทก ความทนแรงดึง และมอดูลสั ของยงั ของชิ้นทดสอบท่ีข้ึนรูปดว้ ย กระบวนการฉีดมีผลการทดสอบที่มีค่าสูงกวา่ การข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการอดั ในขณะท่ี HDPE ใหผ้ ลการ ทดสอบความทนแรงดึงที่ไม่แตกต่างกนั มากนกั และพบวา่ HDPE และ LDPE ท่ีข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการ อดั มีค่าการยืดตวั สูงกว่าการข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการฉีด แต่กลบั พบวา่ PS ท่ีข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการฉีด ไดผ้ ลการทดสอบท่ีมีค่าการยดื ตวั ท่ีสูงกวา่ กระบวนการอดั จากการศึกษาสมบตั ิความทนแรงดดั โคง้ และ มอดุลสั ดดั โคง้ ของ HDPE และ LDPE ท่ีข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการท่ีแตกต่างกนั ใหผ้ ลการทดสอบท่ีมีความ แตกต่างกนั อยา่ งไม่มีนยั สาคญั และพบวา่ PS ท่ีข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการฉีดมีค่าผลการทดสอบความทน แรงดดั โคง้ และมอดุลสั ดดั โคง้ ท่ีมากกวา่ การข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการอดั ผลการทดสอบอุณหภูมิการโคง้ งอพบวา่ HDPE และ LDPE ที่ข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการอดั มีค่าสูงกว่าการข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการฉีด แต่ พบวา่ PS ท่ีข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการฉีดไดผ้ ลการทดสอบท่ีมีคา่ สูงกวา่ การข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการอดั และ ผลการทดสอบอุณหภูมิอ่อนตวั แบบไวแคตพบว่าชิ้นงานทดสอบที่ข้ึนรูปด้วยกระบวนการข้ึนรูปที่ ต่างกนั มีคา่ ผลการทดสอบที่ไมแ่ ตกต่างกนั คาสาคัญ: การข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการฉีด การข้ึนรูปดว้ ยกระบวนการอดั HDPE LDPE PS 288

การกปาระปชรมุะชกุมาวรจชิ ดาั กงารนรปะดระบั ชชมุาตวิมชหากาวาิทรรยะาดลบัยเชทาคตโมนิ โหลายวรี ทิ าชยมาลงคัยลเทคครโั้งนทโ่ีล1ย2รี าชมงคล ครั้งท่ี 12 The 12thTRhaeja1m2athnRgaljamUnanivgearslaityUonfivTeercshitnyoolofgTyeNcahtnioonlaolgCyoNnafetiroenacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลล่อื ขนบั นเควตัลกอื่ รนรนมวนตั ำ�กเศรรรมษฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนจิวคปดิ ลเทูกคแโนนวโลคยิดสี เทเี ขคียโวนเพโลือ่ ยกีสาีเรขพียฒั วนเพาทอื่ ย่ีก่ังายรืนพ”ฒั นาทยี่ ั่งยืน” การเปรียบเทียบความต้องการในการพฒั นาตนเองของบุคลากรสายวชิ าการ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรีตามลกั ษณะปัจจยั ส่วนบุคคล Comparison of self-development needs of academic personnel of Rajamangala University of Technology Thanyaburi according to personal factors พรชลิศา ยะจะนะ* วรรณยา เฉลยปราชญ์ และ ณฏั ฐกิตต์ิ เอ่ียมสมบูรณ์ Pornchalisa Yachana*, Wanaya Chaloeyprach and Nuttakit Iamsomboon คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั คร้ังน้ี มีวตั ถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบความตอ้ งการในการพฒั นาตนเองของบุคลากรสาย วิชาการมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีตามลักษณะปัจจยั ส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ วุฒิ การศึกษา และประสบการณ์ในการปฏิบตั ิงาน ประชากรและกลุ่มตวั อย่างที่ศึกษาคือ บุคลากรสาย วิชาการ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี จานวนท้งั สิ้น 400 คน ท่ี เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการศึกษา ไดแ้ ก่ แบบสอบถาม สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ไดแ้ ก่ คา่ ร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่า ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) t-test ค่าสถิติ F-test (One-way ANOVA) และ คา่ สถิติ LSD (Least Significant Difference) โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรูป ผลการศึกษา พบวา่ 1) บุคลากร สายวชิ าการที่มีสถานภาพทางครอบครัวแตกต่างกนั มีความตอ้ งการการพฒั นาตนเองแตกต่างกนั อย่างมี นัยสาคญั ทางสถิติที่ระดับ 0.05 เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า บุคลากรสายวิชาการท่ีมีสถานภาพทาง ครอบครัวแตกต่างกนั มีความตอ้ งการการพฒั นาตนเอง ดา้ นการฝึ กอบรมและสัมมนา แตกต่างกนั อยา่ งมี นยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 2) บุคลากรสายวิชาการ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี ที่มี ระดบั การศึกษาแตกต่างกนั มีความตอ้ งการการพฒั นาตนเองแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 เมื่อพิจารณารายดา้ นพบวา่ บุคลากรสายวชิ าการท่ีการศึกษาแตกต่างกนั มีความตอ้ งการการพฒั นา ตนเองด้านการสอน ด้านการฝึ กอบรมและสัมมนา ด้านการวิจยั ด้านการเข้าสู่ตาแหน่งทางวิชาการ แตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 ขอ้ เสนอแนะ ควรมีการศึกษาปัจจยั เชิงสาเหตุท่ีมีผลต่อ การพฒั นาบุคลากรสายวชิ าการ เพ่ือสามารถทานายความตอ้ งการจาเป็ นในการพฒั นาตนเอง ซ่ึงสามารถ นามาเป็นแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาไดแ้ ละแนวทาง วธิ ีการดาเนินการท่ีเหมาะสมในการพฒั นาต่อไป คาสาคัญ: ความตอ้ งการพฒั นาตนเอง บุคลากรสายวชิ าการ งานประจาสู่งานวจิ ยั (R2R) 289

การปการระปชรมุ ะกชาุมรวจชิ ดั างกาานรประรดะบั ชชมุ าวตชิ มิ าหกาาวรทิ รยะาดลบั ยั ชเทาตคโมิ นหโาลวยทิีรายชามลงยั คเลทคโรนั้งทโลี่ 1ย2รี าชมงคล ครัง้ ที่ 12 The 12tTh hReaja1m2tahnRgaajlaamUannivgearlsaitUy noifveTerscihtynoolfogTyecNhantiolnoaglyCNonafteiorennacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลลขื่อบันนเควลตั ่ือกนรรนมวัตนกำ�รเศรรมษนฐกาจิเศปรษลกูฐแกนิจวปคิดลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเสีทเี คขยีโนวโเพลยอ่ื ีสกาีเขรพียวฒั เนพาอื่ ทกยี่ า่งั รยพืนฒั ”นาท่ียงั่ ยืน” ปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อประสิทธิผลในการปฏบิ ตั งิ านระบบสารบรรณอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-office) ของมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี The factors affecting performance efficiency in electronic office system of Rajamangala University of Technology Thanyaburi มาริดา ชิณโย* วรรณยา เฉลยปราชญ์ และ อิศรา ศิรมณีรัตน์ Marida Chinyo, Wannaya Chaloeyprach and Issara Siramaneerat คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษา 1) พฤติกรรมการใช้งานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ และการยอมรับเทคโนโลยีของผูใ้ ช้ และ 2) ปัจจยั ท่ีมีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบตั ิงานระบบสารบรรณ อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มตวั อยา่ ง คือ บุคลากรมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จานวนท้งั สิ้น 400 คน โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวมรวมขอ้ มูล วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วน เบี่ยงเบนมาตราฐาน ทดสอบสมมติฐานดว้ ยค่าที ค่าเอฟ ค่าสัมประสิทธ์ิสหสมั พนั ธ์ของเพียร์สนั และค่า สหสมั พนั ธ์เชิงถดถอย ผลการวจิ ยั พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีการใชร้ ะบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ทุกวนั คิดเป็นร้อยละ 44.3 มีวตั ถุประสงคก์ ารใชร้ ะบบสารบรรณอิเลก็ ทรอนิกส์เพ่ือส่งเอกสาร – รับเอกสาร คิด เป็ นร้อยละ 45.5 ไม่เคยไดร้ ับการอบรมการใชร้ ะบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็ นร้อยละ 72.3 ไดร้ ับ ขอ้ มูลข่าวสารเก่ียวกบั การใชร้ ะบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์จากผูด้ ูแลระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ ของมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี คิดเป็นร้อยละ 38.5 จากการทดสอบปัจจยั ท่ีมีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบตั ิงานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า จานวนวนั การใช้ท่ีแตกต่างกนั มีผลต่อการยอมรับการใช้และประสิทธิผลในการปฏิบตั ิงานท่ี แตกต่างกนั ผูท้ ี่เคยไดร้ ับการอบรมกบั ผูท้ ่ีไม่เคยไดร้ ับการอบรมมีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบตั ิงาน แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 จากการวิเคราะห์ถดถอยพหุข้นั ตอนเพื่อหาตวั แปรท่ี มีอานาจในการทานายของประสิทธิผลในการปฏิบตั ิงาน พบว่า ปัจจยั การยอมรับเทคโนโลยีส่งผล ต่อประสิทธิผลในการปฏิบตั ิงานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวมมีค่าสัมประสิทธ์ิถดถอย เท่ากบั .799 เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า การรับรู้ประโยชน์การใช้งานส่งผลต่อประสิทธิผลในการ ปฏิบตั ิงานระบบสารบรรณอิเลก็ ทรอนิกส์ มีค่าสมั ประสิทธ์ิถดถอย เทา่ กบั .276 และการรับรู้ความง่ายการใช้ งานส่งผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบตั ิงานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ มีค่าสัมประสิทธ์ิถดถอย เทา่ กบั .202 คาสาคญั : งานสารบรรณ ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ ประสิทธิผลการปฏิบตั ิงาน 290

การกปารปะชระมุ ชกุมาวรชิจาดั กงาารนรปะดรบัะชาุมตวิมชิ หาากวาทิ รยระาลดยับเชทาคตโนมิ โหลายวรี ทิาชยมางลคยั ลเทคครโัง้ นทโี่ ล1ย2รี าชมงคล ครั้งที่ 12 The 12thTRhaeja1m2athngRaaljaamUnainvegarsliatyUonfivTercshitnyoolofgTyeNcahtnioonlaolgCyoNnafetiroenacel Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลล่อื ขนบั นเวคัตลกือ่ รนรมนวนตั ำ�กเศรรรษมฐนกาิจเศปรลษกู แฐนกิจวคปิดลเทูกคแโนนวโลคยิดสี เีเทขคยี โวนเพโลอ่ื ยกสีาีเรขพียัฒวนเพาทือ่ ่ียก่ังายรนืพ”ัฒนาทยี่ ่ังยนื ” คุณลกั ษณะทขาองงกตาายบภลาทพ่าขคอางจผงั ลหติ วภดั ณั สฑม์ุทนรา้ ตสางลคมระามพร้าว 100 % PhoyfsiTchalacKhharaaScutebrdisitsitcrsicotf, S10a0m%ut cSoocnognkuhtrsaumgaPrrporvoindcuects ธนวทิ ย์ ลายมิ้ 1, ประภาพร ร้อยพรมมา2 และ สุรียร์ ัตน์ เอมพรหม1* Tanavit Layim1, Prapaporn Roipromma2 and Sureerat Aemprom1* 1ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ 2คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ 1Assistant Professor Faculty of Home Economics Technology, Rajamangala University 0f Technology Krungthep. Bangkok, THAILAND 2Faculty of Science and Technology, Rajamangala University 0f Technology Krungthep. Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสีผลิตภณั ฑ์น้าตาลมะพร้าว 100 % และ ศึกษาปริมาณฟางขา้ วที่เหมาะสมในการเกบ็ รักษาผลิตภณั ฑน์ ้าตาลมะพร้าว 100 % ดาเนินการโดยทาการ บรรจุน้าตาลมะพร้าว ปริมาณ 1,000 กรัม ในบรรจุภณั ฑ์ 2 แบบ คือ ถุงพลาสติกใส และกระปุกพลาสติก เก็บท่ีสภาวะปกติที่อุณหภูมิห้อง (29 ±1 องศาเซลเซียส) ทาการวิเคราะห์ค่าสีและสังเกตุลกั ษณะเน้ือ สัมผสั น้าตาลทุก ๆ สัปดาห์ เป็ นเวลา 4 สัปดาห์ พบวา่ สีของผลิตภณั ฑ์น้าตาลเกิดการเปล่ียนแปลงอยา่ ง ต่อเน่ือง การบรรจุดว้ ยถุงพลาสติกมีการเปล่ียนแปลงของสีนอ้ ยกวา่ การบรรจุในกระปุกพลาสติก อยา่ งมี นัยสาคญั ทางสถิติ (p0.05) โดยมีค่าเฉลี่ยของค่าสีที่เขม้ ข้ึนตามลาดบั L* a* b* สัปดาห์ที่ 1 เท่ากับ 57.15, 9.30 และ 29.89 สัปดาห์ที่ 2 เท่ากบั 55.84, 9.64 และ 31.62 สัปดาห์ท่ี 3 เท่ากบั 53.48, 10.16 และ 36.01 และสัปดาห์ที่ 4 เทา่ กบั 52.42, 10.61 และ 38.65 ซ่ึงค่าสีในแต่ละสัปดาห์สามารถบอกคุณภาพของ ผลิตภณั ฑน์ ้าตาลมะพร้าว 100 % ไดเ้ ป็นทางเลือกใหก้ บั ผบู้ ริโภคในการเลือกซ้ือ ผลจากศึกษาปริมาณฟางขา้ วที่เหมาะสมในการเก็บรักษาผลิตภณั ฑ์น้าตาลมะพร้าว 100 % โดย ใส่เน้ือฟางขา้ วพร้อมกบั น้าตาลในถุงพลาสติก 5 ระดบั ฟางร้อยละ 1, 2, 3, 4 และ 5 ต่อน้าหนกั น้าตาล เก็บที่สภาวะปกติท่ีอุณหภูมิห้อง (29 ±1 องศาเซลเซียส) ทาการวิเคราะห์ค่าสีและสังเกตุลกั ษณะเน้ือ สัมผสั น้าตาลทุก ๆ สัปดาห์ เป็ นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่า ฟางช่วยปรับบรรยากาศภายในถุงทาให้รูปทรง ลกั ษณะเน้ือสัมผสั กล่ินน้าตาลใกลเ้ คียงน้าตาลท่ีผลิตใหม่ ปริมาณฟางที่เหมาะสมในการรักษาคุณภาพ ผลิตภณั ฑ์น้าตาลมะพร้าว 100 % อยู่ท่ีร้อยละ 1-2 ทาให้คุณภาพน้าตาลมะพร้าว 100 % มีคุณภาพสีที่ดี และ เน้ือสัมผสั ท่ีดี คาสาคัญ: ตวั ช้ีวดั ทางกายภาพ น้าตาลมะพร้าว 100 % การเปลี่ยนแปลงของสี 291

การกปารระปชรมุะชกมุารวจิชดัากงานรรปะรดะบั ชชมุ าวตชิ ิมาหกาาวรทิ รยะาดลับยั ชเทาคตโมิ นหโลาวยทิรี ายชามลงัยคเลทคคโรน้งั โทลี่ 1ย2รี าชมงคล คร้ังที่ 12 The 12thTRhaeja1m2tahnRgajlamUannivgearlsaityUnoifvTeerscihtynoolfogTyecNhantiolnoaglyCNonafteiorennacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลล่อืขนบั นเควลตั ื่อกนรรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนจิ วคปิดลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเสีทเี คขโยี นวโเพลยอ่ื ีสกีเาขรยีพวฒั เพนาอื่ ทก่ียา่งัรยพนื ฒั ”นาทย่ี ัง่ ยนื ” การพฒั นาชุดเนื้อหาบนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพนั ธ์ ธุรกจิ จดั เลยี้ งร้านครัวกรุงศรี The Development of Content Sets on Social Media for Public Relations the Catering Business of Krungsri Kitchen ชนญั ญา ลายสาคร* นสั มีย์ แสงมาน พรปภสั สร ปริญชาญกล และ กลุ ธิดา ธรรมวภิ ชั น์ Chanunya Laisakorn*, Nasmee Sangman, Pornpapatsorn Princhankol and Kuntida Thamwipat ภาควชิ าเทคโนโลยแี ละส่ือสารการศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี อ.ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร Department of Educational Communications and technology, King Mongkut’s University of technology Thonburi Thungkhru Bangkok, THAILAND * Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ 1) เพื่อพฒั นาและประเมินคุณภาพของชุดเน้ือหาบนส่ือสังคม ออนไลน์เพื่อการประชาสัมพนั ธ์ธุรกิจจดั เล้ียงร้านครัวกรุงศรี 2) เพื่อประเมินผลการรับรู้ของกลุ่ม ตวั อยา่ ง และ 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตวั อย่างท่ีมีต่อชุดเน้ือหาบนส่ือสังคมออนไลน์เพื่อ การประชาสัมพนั ธ์ธุรกิจจดั เล้ียงร้านครัวกรุงศรี เคร่ืองมือที่ใช้ประกอบดว้ ย 1) ชุดเน้ือหาบนสื่อสังคม ออนไลน์เพื่อการประชาสัมพนั ธ์ธุรกิจจดั เล้ียงร้านครัวกรุงศรี 2) แบบประเมินคุณภาพดา้ นเน้ือหาและ ดา้ นสื่อการนาเสนอ 3) แบบประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตวั อยา่ ง 4) แบบประเมินความพงึ พอใจของกลุ่ม ตวั อย่างท่ีมีต่อชุดเน้ือหาบนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพนั ธ์ธุรกิจจดั เล้ียงร้านครัวกรุงศรี ดาเนินการเก็บขอ้ มูลจากกลุ่มตวั อยา่ งโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง จากผทู้ ่ีกดติดตามเฟซบุ๊กเพจครัวกรุง ศรีฮาล้าลฟ๊ ูด และยินดีตอบแบบสอบถาม จานวน 30 คน ซ่ึงผลการพฒั นาได้ชุดโปสเตอร์พร้อม เทคโนโลยคี ิวอาร์โคด้ จานวน 4 ชุด พร้อมคลิปวดี ิทศั น์ ผลการประเมินคุณภาพโดยผเู้ ชี่ยวชาญพบวา่ มีผล การประเมินคุณภาพดา้ นเน้ือหาอยใู่ นระดบั ดีมาก (x=̅ 4.71, S.D. = 0.01) ผลการประเมินคุณภาพดา้ นสื่อ การนาเสนอ อยใู่ นระดบั ดี (x=̅ 4.42, S.D. = 0.10) ผลการประเมินดา้ นการรับรู้ในกลุ่มตวั อยา่ งอยใู่ นระดบั มาก (x=̅ 4.23, S.D. = 0.12) และผลประเมินด้านพึงพอใจในกลุ่มตวั อย่างอยู่ในระดบั มาก (x=̅ 4.47, S.D. = 0.03) ดงั น้นั ชุดเน้ือหาบนสื่อสงั คมออนไลน์เพ่ือการประชาสัมพนั ธ์ธุรกิจจดั เล้ียงร้านครัวกรุงศรีท่ี พฒั นาข้ึนสามารถนาไปใชอ้ ยา่ งมีคุณภาพ คาสาคัญ: ส่ือสังคมออนไลน์ ชุดเน้ือหาเพ่ือการประชาสัมพนั ธ์ ธุรกิจจดั เล้ียง 292

การประชมุ การจดั งานประชุมวชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ครงั้ ที่ 12 การประชTุมhวeชิ 1าก2าthรรRะaดjaับmชาaตnมิ gหaาlวaิทUยnาลivัยeเทrsคitโนyโoลfยีรTาeชcมhงnคลolคoรgั้งyทNี่ 1a2tional Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมง“ค๙ลขรบัาชเคมลงื่อคนลนขวบั ตั เกครลรอ่ืมนนนำ�วเศัตรกษรฐรกมจิ นปาลเศกู รแษนฐวกคดิจิ เทปคลโูกนแโลนยวสี คเี ดิขเียทวคเพโนื่อโกลายรพีสีเัฒขนียาวทเพีย่ ัง่ือ่ ยกนื า”รพฒั นาทยี่ ่งั ยืน” การออกแบบระบบให้คาปรึกษาและบริการข้อมูลเทคโนโลยอี อนไลน์ สาหรับศูนย์คลนิ ิกเทคโนโลยสี ถาบันวจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร Online consulting system design and technology information service project for Clinic Technology of Research and Development Institute, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon ดวงฤทยั แกว้ คำ* ชนิดำ ประจกั ษจ์ ิตร และ หน่ึงฤทยั แกว้ คำ Doungruethai Kaewkam*, Chanida Prajugjit and Nuengruetai Kaewkham สถำบนั วจิ ยั และพฒั นำ มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยรี ำชมงคลพระนคร เขตดุสิต กรุงเทพมหำนคร Institute of Research and Development, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon., Dusit, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ กำรออกแบบระบบให้คำปรึกษำและบริกำรข้อมูลเทคโนโลยีออนไลน์ สำหรับศูนย์คลินิก เทคโนโลยีสถำบนั วิจยั และพฒั นำ มหำวิทยำลยั เทคโนโลยีรำชมงคลพระนคร มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อออก แบบระบบให้คำปรึกษำและบริกำรขอ้ มูลเทคโนโลยีออนไลน์ และสร้ำงระบบให้คำปรึกษำและบริกำร ขอ้ มูลเทคโนโลยีออนไลน์ สำหรับศูนยค์ ลินิกเทคโนโลยสี ถำบนั วิจยั และพฒั นำ มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยี รำชมงคลพระนคร ระบบท่ีสร้ำงข้ึน ช่วยอำนวยควำมสะดวกรวดเร็วในกำรติดต่อสื่อสำร กำรรับขอ้ มูล ควำมตอ้ งกำร และนำส่งขอ้ มูลคำปรึกษำและขอ้ มูลเทคโนโลยี เพื่อตอบกลบั แก่ผรู้ ับบริกำรใหไ้ ดเ้ ร็วท่ีสุด อีกท้งั ยงั เป็นกำรลดข้นั ตอนกำรประสำนงำน ลดกำรใชก้ ระดำษ ตลอดจนสำมำรถเก็บรวบรวมสถิติขอ้ มูล ควำมตอ้ งกำรของผูร้ ับบริกำร และเทคโนโลยที ี่พร้อมถ่ำยทอด กำรจดั เก็บขอ้ มูลมีควำมเป็ นระเบียบ โดย ใชภ้ ำษำ ASP.NET C#, HTML, Java และใชโ้ ปรแกรม Microsoft Sql Server 2012 ในกำรออกแบบระบบ ผลกำรประเมินควำมพึงพอใจท่ีมีต่อประสิทธิภำพของระบบ จำนวน 226 คน พบวำ่ มีควำมพึงพอใจใน ภำพรวมอยู่ในระดับมำกท่ีสุด ค่ำเฉลี่ย 4.68 แสดงให้เห็นว่ำ ระบบให้คำปรึกษำและบริกำรข้อมูล เทคโนโลยีออนไลน์ สำหรับศูนยค์ ลินิกเทคโนโลยสี ถำบนั วิจยั และพฒั นำ มหำวิทยำลยั เทคโนโลยีรำช มงคลพระนคร สำมำรถนำไปใชใ้ นกำรใหค้ ำปรึกษำและบริกำรขอ้ มูลเทคโนโลยแี ก่ผขู้ อรับบริกำรได้ คาสาคัญ: ระบบใหค้ ำปรึกษำ ระบบบริกำรขอ้ มูล ใหค้ ำปรึกษำออนไลน์ ศูนยค์ ลินิกเทคโนโลยสี ถำบนั วจิ ยั และพฒั นำ 293

การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครัง้ ท่ี 12 การประTชhุมeวชิ 1า2กtาhรRรaะjดaบั mชaาnตมิgaหlาaวิทUยnาivลeัยเrทsiคtyโนoโลfยTรี eาcชhมnงคoลloคgรyัง้ ทN่ี a1t2ional Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชม“งค๙ลรขาับชเคมลงคื่อนลนขวบั ตั เคกลรร่อื มนนนวำ�เตั ศกรรษรฐมกจินาปเลศกูรแษนฐวกคจิ ดิ ปเทลคกู โแนนโลวยคีสิดเี ขเทยี ควโเพน่อืโลกยาสีรพีเขัฒยี นวาเพท่อืี่ย่งักยาืนร”พัฒนาทยี่ ง่ั ยืน” เครื่องบันทกึ ค่าสาธารณูปโภคโดยใช้อาร์ดูโน่ และเวบ็ ไซด์สาหรับตรวจสอบ ข้อมูลค่าสาธารณูปโภคสาหรับมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครปฐม Utility bill recorder by arduino and web recheck For NPRU ณฏั ฐปัญญำ พิเชฐพิริยะ* Natthapanya Pichetpiriya งำนอำคำรสถำนที่ฯ กองกลำง สำนกั งำนอธิกำรบดี มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั นครปฐม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม Division central of the president, Office of President Nakhon Pathom Rajabhat University, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งำนวิจยั เรื่องเคร่ืองบนั ทึกค่ำสำธำรณูปโภคโดยใช้อำร์ดูโน่ และเว็บไซด์สำหรับตรวจสอบขอ้ มูลค่ำสำธำรณูปโภคสำหรับมหำวิทยำลยั รำชภฏั นครปฐม เป็ นกำรศึกษำเพื่อแกป้ ัญหำที่เกิดจำกกำร ทำงำนจดบันทึกข้อมูลสำธำรณูปโภคค่ำไฟฟ้ำและน้ ำประปำ ที่มีควำมซับซ้อนและยุ่งยำกของ ผูป้ ฏิบตั ิงำน สิ้นเปลืองกระดำษ ทำให้ขำดควำมน่ำเชื่อถือ งำนวิจยั แบ่งเป็ นสองส่วนคือ เครื่องบนั ทึก ขอ้ มูลสำธำรณูปโภคโดยใช้แผงวงจรสำเร็จรูปอำร์โน่รุ่นเมกำ้ 2560 จอแสดงผลแบบผลึกเหลวขนำด 2x16 คียบ์ อร์ดขนำด 4x4 และกำร์ดหน่วยควำมจำขนำด 16 กิกะไบต์ กำรทำงำนของเคร่ืองบนั ทึกค่ำ สำธำรณูปโภคโดยใช้อำร์ดูโน่มีดงั น้ี ระบุเลขท่ีห้องพกั แสดงผลหน่วยกำรใชส้ ำธำรณูปโภคของเดือน เก่ำ และบนั ทึกหน่วยกำรใช้สำธำรณูปโภคใหม่ของเดือนใหม่ และบนั ทึกขอ้ มูลลงในหน่วยควำมจำ โปรแกรมฐำนข้อมูลที่แสดงผลบนเว็บบรำวเ์ ซอร์ แสดงผล4ส่วนแบ่งตำมประเภทบำ้ นพกั ภำยใน มหำวิทยำลยั รำชภฏั นครปฐมดงั น้ี บำ้ นพกั ขำ้ รำชกำร อำคำรชุด และบำ้ นพกั คนงำน โดยผูพ้ กั อำศยั สำมำรถเขำ้ ตรวจสอบขอ้ มูลค่ำสำธำรณูปโภคไดด้ ว้ ยตนเอง ถำ้ ผปู้ ฏิบตั ิงำนบนั ทึกขอ้ มูลผิดพลำด ผพู้ กั อำศยั สำมำรถแจ้งข้อมูลท่ีถูกต้อง ลงในโปรแกรมฐำนข้อมูลท่ีแสดงผลบนเว็บบรำว์เซอร์ได้ทันที ผลกำรวจิ ยั เครื่องบนั ทึกค่ำสำธำรณูปโภคโดยใชอ้ ำร์ดูโน่สำมำรถบนั ทึกค่ำสำธำรณูปโภค และส่งขอ้ มูล แสดงผลบนเวบ็ บรำวเ์ ซอร์ ค่ำควำมพึงพอใจต่อเวบ็ ไซดส์ ำหรับตรวจสอบขอ้ มูลคำ่ สำธำรณูปโภคสำหรับ มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั นครปฐมอยทู่ ี่ 4.75 อยใู่ นเกณฑม์ ำกที่สุด จำกจำนวนประชำกร 160 คน คาสาคัญ: เครื่องบนั ทึกคำ่ สำธำรณูปโภค เวบ็ แสดงผล อำร์ดูโน่ 294

กกาารรปปรระะชชมุ กวาชิ ราจกดัารงราะนดปับรชะาชตุมิมวหชิ าาวกิทายรารละยั ดเบัทคชโานตโมิลหยรีาาวชทิ มยงาคลลยั คเทรค้ังทโน่ี 1โ2ลยรี าชมงคล คร้ังที่ 12 The 12th RTajhaem1a2ntghaRlaajUamnivaenrgsaitlyaoUfnTievcehrsniotyloogfy TNeactihonoaloCgoynNfearteionnceal Conference” “๙ ราชม“ง๙คลรขาบั ชเมคลงคอ่ื ลนขนบัวัตเคกลรรอ่ื มนนนวำ�ัตเศกรรษรฐมกจินาปเลศูกรแษนฐวกคิจดิ ปเทลคกู โแนนโลวยคสี ิดีเขเทยี ควเโพนื่อโลกยารสี พีเขฒั ยี นวาเพท่ยีอ่ื ่งักยาืนร”พัฒนาที่ยัง่ ยืน” การพฒั นาระบบการจัดการของเสียโดยการจาแนกและจดั หมวดหมู่ของเสีย จากการเรียนปฏิบตั กิ ารเคมี ภาควชิ าวศิ วกรรมวสั ดุและโลหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี System Improvement of Waste Management from Chemistry Laboratory by Waste Classification of Department for Materials and Metallurgy Engineering Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology กลั ยำณี ศรีวำรินทร์* Kanlayanee Sriwarin* คณะวศิ วกรรมศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยรี ำชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธำนี Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งำนวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือต้องกำรจำแนกและจัดหมวดหมู่ของเสียจำกกำรเรียน ปฏิบตั ิกำรเคมี เพื่อนำไปสู่แนวทำงในกำรนำของเสียเคมีแต่ละหมวดหมู่กลบั คืนมำใช้ใหม่และบำบดั เบ้ืองตน้ ลดจำนวนของเสียลง ของภำควชิ ำวศิ วกรรมวสั ดุและโลหกำร ซ่ึงดำเนินกำรโดยกำรเกบ็ รวบรวม ข้อมูลของเสีย จำกกำรเรียนปฏิบัติกำรเคมีของนักศึกษำ ในปี กำรศึกษำ 2563 มีจำนวนนักศึกษำท่ี ลงทะเบียนเรียนใน 4 รำยวชิ ำ ไดแ้ ก่ วชิ ำเคมีอินทรีย1์ วชิ ำเคมีอินทรีย2์ วชิ ำเคมีวเิ ครำะห์เชิงปริมำณ และ วชิ ำกำรสงั เครำะห์พอลิเมอร์ ผลกำรศึกษำวิจยั คร้ังน้ี พบว่ำของเสียเคมีท่ีเกิดข้ึนจำกกำรเรียนปฏิบัติกำรใน 4 รำยวิชำ สำมำรถแบ่งประเภทของเสีย ออกเป็ น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ ของเสียเคมีที่เป็ นของเหลว และของเสียเคมีที่ เป็ นของแขง็ โดยของเสียเคมีที่เป็ นของเหลว สำมำรถแยกออกเป็ น 6ประเภท 1) ของเสียท่ีเป็ นของเหลว อินทรียท์ ่ีประกอบดว้ ยน้ำ มีจำนวน 2.20% 2) ของเสียที่เป็ นกรดมี จำนวน 48.45% 3) ของเสียที่เป็ นเบส มีจำนวน 40.95% 4) ของเสียท่ีเป็ นเกลือ มีจำนวน 2.16% 5) ของเสียท่ีเป็ นสำรไวไฟ มีจำนวน 2.00% 6) ของเสียท่ีเป็ นสำรฮำโลเจน มีจำนวน 4.24% และของเสียที่เป็ นของแขง็ สำมำรถแยกออกเป็ น 3 ประเภท 1) ขวดแกว้ ขวดสำรเคมีท่ีใช้หมดแลว้ ไดแ้ ก่ ขวดแกว้ เปล่ำท่ีเคยบรรจุสำรเคมี 2) เครื่องแกว้ หรือขวด สำรเคมีเก่ำ ไดแ้ ก่ เคร่ืองแกว้ ขวดสำรเคมีที่แตก หกั ชำรุด หลอดทดลองท่ีแตกหกั ชำรุด 3) ขยะปนเป้ื อน สำรเคมี ไดแ้ ก่ ขยะที่มีกำรปนเป้ื อนสำรเคมี หรือบรรจุภณั ฑท์ ่ีปนเป้ื อนสำรเคมี ตวั อยำ่ ง ทิชชู ถุงมือ เศษ ผำ้ หนำ้ กำก กำรนำภำชนะบรรจุสำรเคมีกลบั มำใชใ้ หม่ ขวดสำรเคมีท่ีสภำพยงั ดีอยูใ่ หล้ ำ้ งและเก็บไวใ้ ช้ บรรจุของเสียอนั ตรำยเพื่อนำไปกำจดั กำรบำบดั ของเสียเบ้ืองตน้ จำกกำรท่ีแยกชนิดของเสียออกมำแลว้ น้นั ทำให้สำมำรถนำของเสียบำงประเภทมำบำบดั ของเสียเบ้ืองตน้ ได้ 2 ประเภทดว้ ยกนั คือ ของเสียท่ี เป็ นกรด และของเสียท่ีเป็ นเบส โดยใช้กำรปรับพีเอช(pH)ให้เป็ นกลำง สำรละลำยกรดหรือเบสเขม้ ขน้ ทคาำสกาำครปญั ร:ับพกำีเอรชจดใั หกเำ้ ปร็นขอกงลเำสงียก่อหนอ้ ทงิง้ปลฏงิบทตัอ่ ิกนำ้ำรทเคิ้งมที ำสใำหรส้เคำมมีำขรถอลงเดสปียริมกำำณรจขำอแงนเสกีขยสองำรเสเคียมีลงได้ 88.63% 295

การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ท่ี 12 การปรTะชhมุeว1ิช2าtกhาRรaระjaดmบั ชaาnตgิมaหlaาวUิทnยiาvลeยั rเsทitคyโนoโfลยTรีeาcชhมnงoคlลoคgyรงั้ Nทa่ี 1t2ional Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชม“ง๙คลราขชับมเคงลคื่อลนขนบั วเตัคกลร่อื รนมนนวำ�ตั เกศรรษรมฐกนจิ าปเศลรูกษแฐนกวจิคดิ ปเทลคูกโแนนโวลคยสีดิ เีเขทยี ควโเนพโือ่ ลกยาสี รีเพขฒั ียวนเาพท่ือีย่ กั่งยาืนรพ”ัฒนาทย่ี ง่ั ยนื ” การผลติ ส่ือมัลตมิ ีเดยี ปฏิสัมพนั ธ์ เพ่ือให้ความรู้เรื่อง กฎหมายลขิ สิทธ์ิ The Production Of Interactive Multimedia: Copyright Law ศรชยั บุตรแกว้ 1* วภิ ำวี วีระวงศ์2 Sornchai Budgaew1, Wipawee Weerawong 2 1สำขำเทคโนโลยมี ลั ติมเี ดีย 2สำขำเทคโนโลยกี ำรโทรทศั น์และวทิ ยกุ ระจำยเสียง คณะเทคโนโลยสี ือสำรมวลชน มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยรี ำชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธำนี 1 Multimedia Technology 2Radio and Television Broadcasting Technology Mass Communication Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ กำรผลิตสื่อมลั ติมีเดียปฏิสัมพนั ธ์ เพื่อใหค้ วำมรู้เร่ือง กฎหมำยลิขสิทธ์ิมีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ พฒั นำ ส่ือมัลติมีเดียปฏิสัมพนั ธ์ เพ่ือให้ควำมรู้เร่ือง กฎหมำยลิขสิทธ์ิ และศึกษำผลกำรใช้สื่อมัลติมีเดีย ปฏิสัมพนั ธ์เพ่ือให้ควำมรู้เร่ือง กฎหมำยลิขสิทธ์ิ กลุ่มตวั อย่ำงที่ใชใ้ นกำรศึกษำคร้ังน้ี ได้แก่ นักศึกษำ ระดบั ปริญญำตรี หลกั สูตรปกติ สำขำเทคโนโลยมี ลั ติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสื่อสำรมวลชน มหำวิทยำลยั เทคโนโลยีรำชมงคลธัญบุรี ปี กำรศึกษำ 2563 จำนวน 51 คน ท่ีลงทะเบียนเรียนรำยวิชำกฎหมำยและ จริยธรรมทำงส่ือสำรมวลชน เครื่องมือท่ีใช้ในกำรศึกษำรวบรวมขอ้ มูลไดแ้ ก่ สื่อมลั ติมีเดียปฏิสัมพนั ธ์ เพื่อใหค้ วำมรู้เร่ือง กฎหมำยลิขสิทธ์ิจำนวน 1 ชุด แบบทดสอบวดั ควำมรู้ของกลุ่มตวั อยำ่ งก่อนเรียนและ หลงั เรียนจำนวน 20 ขอ้ ซ่ึงเป็นขอ้ สอบชุดเดียวกนั ซ่ึงผำ่ นกำรหำประสิทธิภำพเรียบร้อยแลว้ จำกน้นั จึงนำ ผลกำรทำแบบทดสอบมำคำนวณควำมแตกต่ำงของค่ำเฉล่ียคะแนนก่อนเรียนและหลงั เรียนดว้ ยวิธีกำร ทำงสถิติท่ีใชใ้ นกำรทดสอบสมมติฐำนไดแ้ ก่ t–test แบบ Dependent Samples ผลกำรศึกษำสรุปวำ่ 1. ส่ือมลั ติมีเดียปฏิสมั พนั ธ์ เพ่ือใหค้ วำมรู้เรื่อง กฎหมำยลิขสิทธ์ิมีคุณภำพอยใู่ นระดบั มำก 2. คะแนนทดสอบควำมรู้ควำมเขำ้ ใจเร่ือง กฎหมำยลิขสิทธ์ิหลงั เรียนดว้ ยสื่อมลั ติมีเดีย ปฏิสมั พนั ธ์สูงกวำ่ ก่อนเรียนอยำ่ งมีนยั สำคญั ทำงสถิติที่ระดบั .01 คาสาคัญ : สื่อมลั ติมีเดีย ส่ือปฏิสมั พนั ธ์ กฎหมำยลิขสิทธ์ิ 296

กกาารรปปรระะชชมุมกวาชิ ราจกดัารงราะนดปบั รชะาชตมุ ิมวหชิ าาวกทิ ายรารละยั ดเับทคชโานตโมิลหยรีาาวชทิ มยงาคลลยั คเทรคง้ั ทโนี่ 1โ2ลยีราชมงคล ครั้งท่ี 12 The 12th RTahjaem1a2ntghaRlaajUamnivaenrgsaitlyaoUfnTievcehrsniotyloogyf TNeactihonoaloCgoynNfearteinocneal Conference” “๙ ราชม“ง๙คลรขาับชเมคงลคอ่ื ลนขนบัวัตเคกลรร่อื มนนนวำ�ตัเศกรรษรฐมกจินาปเลศูกรแษนฐวกคจิ ิดปเทลคกู โนแโนลวยคีสิดเี ขเทยี วคเโพนื่อโลกยารีสพีเขัฒียนวาเทพ่ีย่อื ่งั กยานื ร”พฒั นาทีย่ ง่ั ยืน” การพฒั นากระบวนการขอทุนวจิ ยั งบประมาณเงนิ รายได้ประจาปี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี Developing the Process of Requesting Research Grants for Annual Revenue Budget at Rajamangala University of Technology Thanyaburi กมลวรรณ วชั รโรจน์* Kamonwan Watchararot* สถำบนั วจิ ยั และพฒั นำ มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยรี ำชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธำนี Institute of Research and Development, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ กำรวิจยั คร้ังน้ี มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษำหน่วยงำนท่ีสังกดั ในกำรปฏิบตั ิงำนต่อปัญหำกำรพฒั นำ กระบวนกำรขอทุนวิจยั งบประมำณเงินรำยไดป้ ระจำปี มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยีรำชมงคลธญั บุรี และเพื่อ ศึกษำแนวทำงในกำรพฒั นำกระบวนกำรขอทุนวจิ ยั งบประมำณเงินรำยไดป้ ระจำปี กลุ่มตวั อย่ำงท่ีใช้ในงำนวิจยั น้ีได้แก่ ผูบ้ ริหำรและเจำ้ หน้ำท่ีวิจยั จำนวน 23 คน มหำวิทยำลยั เทคโนโลยีรำชมงคลธัญบุรี โดยใช้วิธีแบบเฉพำะเจำะจง (Purposive Sampling) กำรวิจยั น้ีใช้วิธีกำร ดำเนินกำรวจิ ยั เชิงคุณภำพ (Qualitative research) และใชแ้ บบสัมภำษณ์ในกำรสัมภำษณ์เชิงลึก โดยแบบ สัมภำษณ์แบง่ เป็ น 2 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนท่ี 1 แบบสมั ภำษณ์เพื่อกำรวจิ ยั สำหรับผบู้ ริหำร และ ตอนที่ 2 แบบ สัมภำษณ์เพื่อกำรวิจยั สำหรับเจ้ำหน้ำที่ฝ่ ำยวิจยั ขอ้ มูลจำกกำรสัมภำษณ์นำมำวิเครำะห์ด้วยวิธีกำร วเิ ครำะห์เน้ือหำ (Content Analysis) ผลกำรวิจยั พบว่ำ แหล่งทุนงบประมำณรำยได้ของบำงหน่วยงำนมีงบประมำณไม่เพียงพอ สำหรับนกั วิจยั ระยะเวลำไม่เพียงพอต่อกำรเขียนขอ้ เสนอโครงกำร กำรปรับแกไ้ ขขอ้ เสนอโครงกำรจึง ทำให้งำนออกมำไม่มีคุณภำพ กรอบยุทธศำสตร์กำรวิจยั ออกมำช้ำกว่ำที่หน่วยงำนเปิ ดรับขอ้ เสนอ โครงกำรไปแลว้ นกั วจิ ยั ไม่ถนดั ในกำรส่งขอ้ เสนอโครงกำรในระบบ DRMS และกำรตีพิมพผ์ ลงำนวจิ ยั ไม่สำมำรถทำไดท้ ุกคน เน่ืองจำกงบประมำณน้อย จำกปัญหำท่ีพบดงั กล่ำว จึงนำมำสู่แนวทำงในกำร พฒั นำกระบวนกำรขอทุนวิจยั งบประมำณเงินรำยได้ประจำปี ได้แก่ กำรเปิ ดกำรรับข้อเสนอทุน งบประมำณรำยไดใ้ หม้ ีเวลำนำนข้ึน เพรำะนกั วจิ ยั จะไดเ้ ขียนขอ้ เสนอออกมำไดม้ ีประสิทธิภำพ กำรลด ข้นั ตอนกำรกรอกในระบบ DRMS โดยกำรท่ีให้หน่วยงำนเป็ นคนตรวจขอ้ เสนอโครงกำร นอกจำกน้ี นกั วิจยั จะไดร้ ับกำรอบรบกำรใชร้ ะบบ DRMS สำหรับกำรเสนอโครงกำรผำ่ นระบบ เพื่อใหฝ้ ่ ำยวจิ ยั กบั นกั วจิ ยั สำมำรถเขำ้ ใจและส่งโครงกำรวจิ ยั ผำ่ นระบบไดด้ ว้ ยตนเอง สุดทำ้ ยน้ี กำรที่ทำใหน้ กั วจิ ยั เขำ้ ใจใน ระบบ DRMS ทำให้ตดั ปัญหำกำรส่งเล่มฉบบั สมบูรณ์ด้วยกระดำษ แต่นักวิจยั สำมำรถส่งเป็ นไฟล์ อิเล็กทรอนิกส์ในระบบ DRMS เพอื่ ประหยดั งบประมำณในกำรจดั ทำเล่ม อีกดว้ ย คาสาคญั : งบประมำณเงินรำยไดป้ ระจำปี กำรพฒั นำกระบวนกำร กำรขอทุนวจิ ยั 297

กกาารรปปรระชมุ กวาิชราจกดัารงราะนดปบั รชะาชตุมมิ วหชิ าาวกิทายรารละยั ดเบัทชคโานตโมิ ลหยาีราวชทิ มยงาคลลัยเคทรคั้งโทนี่ 1โล2ยีราชมงคล คร้ังท่ี 12 The 12th RTajhaem1a2ntghaRlaajUanmivaenrgsaitlyaoUfnTievcehrsnitoyloogfyTNeacthionnoaloCgoynNfearteionnceal Conference” “๙ ราชม“ง๙คลรขาับชเคมลงค่ือลนขนบัวตัเคกลรร่ือมนนนวำ�ัตเศกรรษรฐมกจินาปเลศกูรษแนฐวกคิจดิ ปเทลคกู โแนนโลวยคสี ดิ ีเขเทียควโเพนโ่ือลกยาสีรพเี ขฒั ยี นวาเพทอ่ืีย่ กงั่ ยานืรพ” ัฒนาทีย่ งั่ ยืน” การศึกษาสารต้านอนุมูลอสิ ระและผลของสภาวะการเกบ็ รักษาต่อการเปลย่ี นแปลง ปริมาณจุลนิ ทรีย์ในไข่ผาสด Study of Antioxidant Activity and Effect of Storage Conditions on Microbial Content in Fresh Wolffia ทองมี เหมำะสม1* และ ลลิตำ ศิริวฒั นำนนท1์ Tongmee Mosom1* and Lalita Siriwattananon1 1คณะเทคโนโลยกี ำรเกษตร มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยรี ำชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธำนี 1Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ไข่ผำเป็ นพืชน้ำท่ีไดร้ ับกำรยอมรับใหเ้ ป็ นหน่ึงในอำหำรแห่งอนำคต ในกลุ่มพืชโปรตีนทำงเลือก ไข่ผำเป็ นพืชน้ำที่มีคุณค่ำทำงโภชนำกำรสูง เพำะเล้ียงไดง้ ่ำย แต่เนื่องจำกเป็ นพืชที่ผนงั เซลล์บำง ทำให้ เซลลไ์ ดร้ ับควำมเสียหำยง่ำย มีผลต่ออำยกุ ำรเก็บรักษำ เน่ำเสียไดเ้ ร็ว เป็ นขอ้ จำกดั ท่ีสำคญั ในกำรกำหนด สภำวกำรณ์ตลำดของไข่ผำสด งำนวจิ ยั น้ีจึงมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษำปริมำณสำรตำ้ นอนุมูลอิสระ และผล ของสภำวะกำรเกบ็ รักษำต่อกำรเปล่ียนแปลงปริมำณจุลินทรียใ์ นไข่ผำสด โดยไขผ่ ำสดถูกนำมำวิเครำะห์ องคป์ ระกอบทำงเคมี และเปรียบเทียบกำรปนเป้ื อนของจุลินทรียใ์ นกำรเก็บรักษำท่ีอุณหภูมิห้อง (25-30 องศำเซลเซียส) และแช่เย็น (3-7 องศำเซลเซียส) เพ่ือดูกำรเปลี่ยนแปลงปริมำณจุลินทรียเ์ ทียบกบั ที่ มำตรฐำนกำหนด ผลกำรทดลองพบวำ่ ไข่ผำสดมีปริมำณควำมช้ืนร้อยละ 97.43 โปรตีนร้อยละ 0.49 และ เถำ้ ร้อยละ 0.43 (โดยน้ำหนกั เปี ยก) มีค่ำปริมำณน้ำอิสระ (aw) 0.98 มีปริมำณฟี นอลิก 379.81 µg GAE/g และสำรตำ้ นอนุมูลอิสระ 97.29 µg Trolox/g ในกำรศึกษำกำรเก็บรักษำต่อปริมำณจุลินทรียข์ องไข่ผำสด พบวำ่ กำรเก็บรักษำไข่ผำสดที่อุณหภูมิห้อง มีค่ำจุลินทรียท์ ี่เกินกวำ่ ที่ค่ำมำตรฐำนกำหนด (นอ้ ยกวำ่ 1 x 106 CFU/g) ในระยะเวลำ 1 วนั คือ 1 x 106 CFU/g และกำรเก็บรักษำไขผ่ ำสดท่ีสภำวะแช่เยน็ สำมำรถเกบ็ ได้ 3 วนั (3 x 105 CFU/g) จำกผลกำรทดลองสรุปไดว้ ่ำ ไข่ผำสดหลงั จำกกำรเก็บเก่ียวควรแช่เย็นทนั ที เพื่อลดกำรเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ แนะนำให้เก็บไวใ้ นตูเ้ ยน็ ไดไ้ ม่เกิน 3 วนั ก่อนบริโภคไข่ผำสดตอ้ ง ทำควำมสะอำดและทำใหส้ ุกก่อนเพ่อื ทำลำยจุลินทรียท์ ี่เป็นอนั ตรำย คาสาคญั : ไขผ่ ำ สำรตำ้ นอนุมูลอิสระ จุลินทรีย์ กำรเก็บรักษำ 298




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook