กากรปารรปะรชะุมชกุมาวริชจาัดกงาารนระปดรบัะชาุมตวมิ ชิ หาากวาทิ รยระาลดยับเชทาคตโนมิ โหลายวีรทิาชยมาลงคยั ลเทคครโง้ันทโี่ล1ย2รี าชมงคล ครง้ั ที่ 12 The 12thTRhaejam12atnhgRaaljaamUnainvegarsliatyUonfivTercshitnyoolofgTyeNcahtnioonlaolgCyoNnafteiroennacleConference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเงคคลลือ่ ขนับนเวคัตลกอ่ื รนรมนวนัตำ�กเศรรรษมฐนกาิจเศปรลษูกฐแกนิจวคปิดลเทูกคแโนนวโลคยิดสีเทเี ขคียโวนเโพล่อื ยกสี าีเรขพยี ัฒวเนพาอื่ทก่ียาง่ั รยพืน”ฒั นาท่ียั่งยนื ” กำรออกแบบและสร้ำงหุ่นยนต์ ABU 2021 “ดวลเกำทณั ฑ์ สำนฝันสู่แดนมงั กร” Design and Created Robot ABU 2021 “Throwing Arrows into Pots” สุประวทิ ย์ เมืองเจริญ* และ วิทฤทธ์ิ โคตรมณี Supavit Muangjaroen* and Wittarit Khotmanee สาขาวิชาวศิ วกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ Department of Electronics and Telecommunications Engineering, Faculty of Industrial Education, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั คร้ังน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างหุ่นยนตใ์ ห้สามารถทาภารกิจ “ดวลเกาทณั ฑ์ สานฝันสู่แดน มงั กร” โดยการประยกุ ตใ์ ชบ้ อร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino ในการควบคุมระบบกลไกของหุ่นยนต์ โดยการรับสัญญาณอินพุตจาก Joy Stick play station PS2 wireless for Arduino เพื่อส่งสัญญาณไป ควบคุมชุดขบั เคล่ือนมอเตอร์และชุดควบคุมระบบนิวเมติกส์ ประกอบดว้ ยหุ่นยนตแ์ บบบงั คบั มือ 2ตวั คือ หุ่นยนต์แบบบงั คบั มือตวั แรกที่สามารถเคล่ือนท่ีเรียกว่า หุ่นยนต์ขวา้ ง(TR) ทาภารกิจโดยภารกิจ ขวา้ งลูกธูนลงในกระถางส่วนหุ่นยนตต์ วั ที่สองเรียกวา่ หุ่นยนตป์ ้องกนั (DR) มีหนา้ ท่ีป้องกนั ฝ่ ายตรงขา้ ม ผลปรากฏวา่ ภายในเวลา 2.45 นาที หุ่นยนตใ์ หส้ ามารถทาภารกิจ “ดวลเกาทณั ฑ์ สานฝันสู่แดนมงั กร”น้นั ได้ คำสำคญั : หุ่นยนตข์ วา้ ง หุ่นยนตป์ ้องกนั ไมโครคอนโทรลเลอร์ 119
การประชุมการจดั งานประชุมวิชาการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล คร้งั ท่ี 12 Theก1า2รtปThรhRะaeชjaมุ 1mว2ชิ tahาnกRgาaaรjlaรaะmดUaบัnnชivgาeaตrlิมsaiหtyUาวnoิทfivยTeาeลrscัยihtเทynคooโlนfoโgTลyeยNcรี hาaชtniมooงnlคoaลglyCคoรN้ังnaทfteี่ i1or2ennacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลลื่อขนบั นเควลัต่ือกนรรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนิจวคปดิ ลเูกทแคนโนวโคลดิยเีสทีเขคียโนวเโพลื่อยกีสาเี ขรพียัฒวเนพา่ือทกยี่ าง่ั รยพนื ัฒ” นาที่ยง่ั ยนื ” กำรพฒั นำกำรสำรวจของหุ่นยนต์ก้ภู ยั ด้วยระบบนิวเมตกิ Exploration Development of Pneumatic Rescue Robots วทิ ฤทธ์ิ โคตรมณี และ สุประวิทย์ เมืองเจริญ* Wittarit Khotmanee and Supavit Muangjaroen* สาขาวชิ าวศิ วกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ Department of Electronics and Telecommunications Engineering, Faculty of Industrial Education, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั คร้ังน้ีมีจุดมุ่งหมายเพ่ือพฒั นาแขนกลของหุ่นยนตก์ ูภ้ ยั สารวจ โดยการประยกุ ตใ์ ชบ้ อร์ด ไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino ในการควบคุมระบบกลไกของหุ่นยนต์ โดยการรับสัญญาณอินพุตจาก Joy Stick play station PS2 wireless for Arduino เพื่อส่งสัญญาณไปควบคุมชุดขบั เคลื่อนมอเตอร์และ ชุดควบคุมระบบนิวเมติกส์ของหุ่นยนตก์ ภู้ ยั ท่ีติดต้งั กลอ้ งวงจรปิ ดไวจ้ านวน 3 จุด โดยใช้ Module TS832 และ RC832 ในการรับ-ส่งสัญญาณภาพจากระยะทางไม่เกิน 800 เมตร และผลจากการพฒั นาหุ่นยนตใ์ น ส่วนแขนกลดว้ ยระบบนิวเมติกเม่ือป้อนคาสั่งดว้ ย Joy PS2 ส่ังให้กระบอกลมนิวเมติกทางานน้นั พบว่า มีประสิทธิภาพการทางานของส่วนแขนกลมีความเร็วและแขง็ แรงมากข้ึน คำสำคญั : หุ่นยนตก์ ภู้ ยั ควบคุม ไมโครคอน โทรลเลอร์ 120
Tกhาeรก1ปา2รรtปะhTชรRhะมุ aชeกjaมุ า1mวร2ิชจatาดัhnกงgRาาaaรนlรjaaปะmดUรับะnaชชinvมุาgeตวarิมsิชliaหtาyากUวาonทิรfiยรvTะาeeลดrcัยับshเiชtทnyาคoตโolนoมิ fโgหลTyายeวNรี cทิาahชยtniมาooงลnคlัยaoลเlgทCคyคoรโN้ังnนทafโeี่tล1iroย2eรีnnาacชelมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e1”2 “๙ ราช“ม๙งครลาขชบัมเงคคลลือ่ ขนับนเวคตั ลก่อื รนรนมวนตั ำ�กเศรรษมฐนกาจิ เศปรลษกู ฐแกนจิวคปดิ ลเทูกคแโนนวโลคยิดีสเทเี ขคยี โวนเพโลอ่ื ยกสี าีเรขพียัฒวนเพาทอ่ื ่ยีกัง่ายรนืพ”ฒั นาที่ยัง่ ยืน” กำรพฒั นำอลั กอริทมึ สำหรับระบบฟำร์มอจั ฉริยะด้วยโหมดประหยดั พลงั งำน Development of Algorithm for Smart Farms with Deep sleep Mode สุทธิสา ราชอุดร สุวชั รี พว่ งชาวสวนและ เดือนแรม แพง่ เก่ียว* Sudtisa Rataudon, Suwatchari Phuangcharsuan and Duanraem Phaengkieo* สาขาวิชาวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา พิษณุโลก อ.เมืองพษิ ณุโลก จ.พษิ ณุโลก Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna Phitsanulok, Muang Phitsanulok, Phitsanulok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected], [email protected] บทคัดย่อ ระบบฟาร์มอจั ฉริยะ (Smart Farm) เป็ นหน่ึงในนวตั กรรมทางการเกษตรท่ีประยกุ ตแ์ ละบูรณาการหลาย ศาสตร์มาใชง้ านร่วมกนั อยา่ งเป็ นระบบ เพ่ือนาไปใชง้ านในภาคเกษตรกรรมใหม้ ีประสิทธิภาพมากข้ึนท้งั ใน ดา้ นการลดตน้ ทุน การเพิ่มผลผลิต และเพ่ิมศกั ยภาพดา้ นการควบคุมคุณภาพการผลิต ใชส้ าหรับการตรวจสอบ ขอ้ มูลควบคุมสภาวะแวดลอ้ มที่เป็ นตวั แปรสาคญั ในการเพาะปลูกของพืช การใชง้ านลกั ษณะดงั กล่าวทาให้ เกิดการใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าค่อนขา้ งมาก เน่ืองจากระบบควบคุมถูกใชง้ านตลอด 24 ชวั่ โมง ดงั น้นั งานวิจยั น้ีจึงมี วตั ถุประสงคเ์ พื่อพฒั นาอลั กอริทึมท่ีสามารถลดการพลงั งานไฟฟ้าไดไ้ ม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 20 สาหรับใชง้ านใน ระบบสมาร์ทฟาร์ม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเพ่ิมอุปกรณ์จากระบบสมาร์ทฟาร์มเดิม ใชว้ ิธีการปรับปรุง ชุดคาสง่ั ควบคุมการทางานของเอาตพ์ ุตจากระบบฟาร์มอจั ฉริยะเดิมดว้ ยอลั กอริทึมตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง ของอินพุต ไดแ้ ก่ อุณหภูมิ และความช้ืน ตามช่วงเวลาในแต่ละฤดูกาลร่วมกบั โหมดประหยดั พลงั งาน (Deep Sleep Mode; DSM) นอกจากน้นั ยงั ออกแบบใหส้ ามารถทางานร่วมกบั ระบบฐานขอ้ มูลและแสดงผลผา่ นหนา้ เวบ็ บราวเซอร์ผ่านเครือข่ายไร้สาย เพื่อตรวจสอบการทางานแบบเรียลไทม์ จากการทดสอบเปรียบเทียบดา้ น การใช้พลังงานไฟฟ้าระหว่างระบบฟาร์มอัจฉริยะท่ัวไป (Simple Mode; SM) กับระบบสมาร์ทฟาร์มที่ พฒั นาข้ึน ระยะเวลา 40 วนั พบว่า ระบบสมาร์ทฟาร์มเดิมใช้พลงั งานไฟฟ้าเท่ากับ 42.25 kWh และระบบ สมาร์ทฟาร์มท่ีพฒั นาข้ึนใช้พลงั งานไฟฟ้าเท่ากับ 21.04 kWh ซ่ึงการใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าของสมาร์ทฟาร์มท่ี พฒั นาข้ึนลดลง 21.21 kWh เม่ือเทียบกบั สมาร์ทฟาร์มเดิมคิดเป็ นร้อยละ 50.20 และจิ้งหรีดที่เล้ียงในท้งั สอง ระบบมีการเจริญเติบโตใกลเ้ คียงกนั ดงั น้นั จึงสามารถสรุปไดว้ ่าอลั กอริทึมท่ีพฒั นาข้ึนเมื่อนาไปใชค้ วบคุม การทางานของระบบสมาร์ทฟาร์มสามารถช่วยลดการใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ คำสำคญั : ฟาร์มอจั ฉริยะ ประหยดั พลงั งาน อลั กอริทึม โหมดประหยดั พลงั งาน 121
Tกhาeรกป1าร2ระtปhTชรRhมุะaeชกjaุมา1mวร2จชิ atัดาhnกงRgาาaaรนljรaaปะmดUระบัnaชชnivุมาgeตวarิมิชslaiหาtyกาUวาonิทรfiรยvTะาeeดลrcบัยัshiเชtทnyาคoตโolนมิofโหgลTyายeวNรี cทิ าahชยtniมาooลงnคlยั aoลเlgทCคyคoรโNั้งnนทafโe่ีtล1iroย2eีรnnาacชleมCงoคnลfeคrรe้งั nทcี่ e12” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคลลอื่ ขนับนเควัตลกือ่ รนรนมวนัตำ�กเศรรมษฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนิจวคปดิ ลเทูกคแโนนวโลคยดิ สี เทเี ขคยี โวนเพโลือ่ ยกสี าเีรขพยี ฒั วนเพาทอื่ ย่ีก่ังายรืนพ”ัฒนาที่ย่งั ยนื ” กำรหำค่ำพำรำมเิ ตอร์ทเ่ี หมำะสมสำหรับกำรควบคุมกำรทำงำนของ เคร่ืองสลดั นำ้ ผกั สดตดั แต่งชนิดผกั ใบด้วยวธิ ีกำรออกแบบกำรทดลอง The Parameters Optimization for Vegetable Spin Drying using Design of Experiment ณฐั ธิดา คุณากรกิจ จกั รกฤษ วงษช์ ยั เอกรัฐ ชะอุ่มเอียด และ เดือนแรม แพง่ เก่ียว* Nuttida Kunakorkit, Jakkrit Wongchai , Accarat Chaoumead and Duanraem Phaengkieo* สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา พษิ ณุโลก อ.เมืองพิษณุโลก จ.พษิ ณุโลก Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna Phitsanulok, Muang Phitsanulok, Phitsanulok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected], [email protected] บทคัดย่อ งานวิจยั น้ีนาเสนอการหาพารามิเตอร์ที่เหมาะสมสาหรับควบคุมการสลดั น้าออกจากผกั สดตดั แต่งชนิด ผกั ใบดว้ ยวิธีการออกแบบการทดลองแบบแฟกทอเรียลโดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อหาประสิทธิภาพสูงสุดของการ สลดั น้าออกจากผกั และเพิ่มอายกุ ารเกบ็ รักษา ทาการทดสอบตวั อยา่ งผกั ใบ 3 ชนิด ไดแ้ ก่ ผกั กาดหอม กรีนคอส และกรีนโอ๊ค ทดสอบพารามิเตอร์ท้งั หมด 3 พารามิเตอร์ แต่ละพารามิเตอร์ทดสอบ 3 ระดบั ไดแ้ ก่ น้าหนกั ทดสอบน้าหนกั ที่ 1, 2 และ 3 กิโลกรัม ความเร็วรอบ 85, 130 และ180 รอบต่อนาที และระยะเวลา 5, 10 และ 15 นาที โดยเอาตพ์ ตุ คือ ปริมาณน้าที่สลดั ออกจากผกั และอายกุ ารเก็บรักษา ซ่ึงจานวนการทดลองท้งั หมดเท่ากบั 64 การทดลอง แบ่งผลการทดลองออกเป็น 2 ส่วน ไดแ้ ก่ ส่วนท่ี 1 เปรียบเทียบปริมาณน้าท่ีสลดั ออกจากผกั กบั น้าหนกั เริ่มตน้ ผลการทดลอง พบวา่ ผกั กาดหอม น้าหนกั 3 กิโลกรัม สลดั ดว้ ยความเร็วรอบ 180 rpm ระยะเวลา 15 นาที สามารถสลดั น้าออกจากผกั ไดม้ ากสุด 98.00% กรีนคอสน้าหนกั 1 กิโลกรัม สลดั ดว้ ยความเร็วรอบ 180 rpm ระยะเวลา 10 นาที สามารถสลดั น้าออกจากผกั ไดม้ ากสุด 96.50% และกรีนโอ๊คน้าหนกั 1 กิโลกรัม สลดั ด้วยความเร็วรอบ 180 rpm ระยะเวลา 15 นาที สามารถสลัดน้าออกจากผกั ได้มากสุด 96.50% ส่วนท่ี 2 เปรียบเทียบอายกุ ารเกบ็ รักษาของผกั หลงั การสลดั บรรจุในถุงพลาสติกเจาะรูและเกบ็ รักษาในตูเ้ ยน็ อุณหภูมิ 8- 12 OC ผลการทดลองพบว่าผกั กาดหอมมีอายุการเก็บรักษา 15 วนั กรีนคอสมีอายุการเก็บรักษา 12 วนั และ กรีนโอ๊คมีอายุการเก็บรักษา 13 วนั โดยมีอายุการเก็บรักษาเพ่ิมข้ึนคิดเป็ น 80.00%, 66.67% และ 20.08% ตามลาดบั เมื่อเปรียบเทียบกบั ผกั ท่ีไม่ผ่านการลา้ งและสลดั น้า ดงั น้นั จึงสามารถสรุปไดว้ ่าวิธีการที่นาเสนอ สามารถหาคา่ พารามิเตอร์ที่เหมาะสมสาหรับการสลดั น้าออกจากผกั แต่ละชนิดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ คำสำคญั : เคร่ืองสลดั น้า ผกั สดตดั แต่ง ผกั ใบ วธิ ีการออกแบบการทดลอง 122
การประชมุ การจดั งานประชุมวิชาการระดบั ชาติมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครั้งที่ 12 Theก1า2รtปThรhRะeaชjaุม1mว2ิชtahาnRกgaาaรjalรamะดUaบัnnชivgาeaตrlมิasiหtUyาวnoิทifvยeTาreลscัยithเyทnคooโlfนoTโgลyeยcNีรhาanชtioมolงnoคagลlyCคNoรง้ัanทtfieี่ o1rn2eanlceConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลลขือ่ ับนเนควลัตอื่ กนรนรมวัตนกำ�รเศรรมษนฐกาเิจศปรษลูกฐแกนิจวปคลิดูกเทแคนโวนคโลิดยเทีสเีคขโียนวโเลพยือ่ สี กีเาขรียพวัฒเพนอ่ืาทกย่ีาั่งรยพนื ฒั ”นาท่ยี ั่งยนื ” กำรพฒั นำชุดทดสอบสำหรับวดั ค่ำดูดกลืนควำมร้อนของวสั ดุซีเมนต์บอร์ด ผสมเส้ นใยธรรมชำติ Development of Testing Set for Investigating Heat Absorption Value of Cement Board Mixed with Natural Fiber วราวฒุ ิ ดวงศิริ1 และ นนั ทชยั ชูศิลป์ 2* Warawood Duangsiri1and Nuntachai Chusilp2* 1หลกั สูตรรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ สาขาวชิ าศึกษาทว่ั ไป คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั อ.เมือง จ.สงขลา 2สาขาวชิ าวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวิชยั อ.เมือง จ.สงขลา 1Department of General Education, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Sivijaya, Mueang, Songkhla, THAILAND 2Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Sivijaya, Mueang, Songkhla, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การศึกษาน้ีเป็นการศึกษาค่าการดูดกลืนความร้อน (k) ซ่ึงเป็นตวั แปรสาคญั ในการศึกษาพฤติกรรม การระบายความร้อนผา่ นทางผวิ ของวสั ดุทางวศิ วกรรม โดยงานวจิ ยั น้ีไดอ้ อกแบบเครื่องมือวดั คา่ ดูดกลืน ทางความร้อนท่ีสามารถวดั ค่า k ของวสั ดุทางวิศวกรรมก่อสร้างท่ีมีส่วนผสมหลกั คือ ซีเมนตก์ บั วสั ดุเสน้ ใยธรรมชาติโดยมีสัดส่วนท่ีแตกต่างกนั ทาการวดั ค่า k ของวสั ดุที่แตกต่างกนั สาหรับค่าท่ีวดั ไดม้ ีค่าอยู่ ระหว่าง 0.287-0.579 W/moC ซ่ึงค่าท่ีวดั ไดเ้ ม่ือเปรียบเทียบกบั ค่าดูดกลืนทางความร้อนใกลเ้ คียงกบั ค่า k ของซีเมนต์ และเปรียบเทียบกับค่าที่ทดสอบในห้องปฏิบตั ิการที่ได้รับมาตรฐานค่า k ที่วดั ได้ด้วย เคร่ืองมือท่ีสร้างข้ึนมีค่าที่สอดคลอ้ งกนั โดยไม่มีความแตกต่างอยา่ งมีนยั สาคญั ที่ระดบั ความเชื่อมน่ั P = 0.05 จากการประเมินศกั ยภาพของเครื่องมือสามารถตรวจวดั ค่า k ของวสั ดุไดแ้ ละสามารถพฒั นาวสั ดุ ทางวศิ วกรรมก่อสร้างเพ่อื นามาใชเ้ ป็นวสั ดุประหยดั พลงั งานท่ีมีประสิทธิภาพต่อไป คำสำคญั : การดูดกลืนความร้อน วสั ดุเส้นใยธรรมชาติ วสั ดุก่อสร้าง ประหยดั พลงั งาน ซีเมนตบ์ อร์ด 123
Tกhาeรกป1า2รรtะปhTชรRhะุมaชeกjaมุ า1mวร2ชิจatาดัhnกงRgาาaaรนljรaaปะmดUระบัnaชชinvุมาgeตวarิมิชslaiหาtyกาUวาonทิรfiรยvTะาeeดลrcบััยshiเชtทnyาคoตoโlิมนofโหgลTyายeวNรีcิทาahยชtniามooลงnlคยั aoลเlgทCyคคoรโN้งันnทafโte่ีล1iroย2eรีnnาacชleมCงoคnลfeคrรeง้ั nทcี่ e1”2 “๙ ราชมงคลขบั เคล่อื นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยีสีเขียวเพอื่ การพัฒนาทย่ี ่งั ยนื ” “๙ ราชมงคลขบั เคล่ือนนวัตกรรม นาเศรษฐกิจ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยีสีเขียวเพือ่ การพฒั นาทย่ี ่งั ยนื ” กำรพฒั นำระบบบริหำรจัดกำรข้อมูลวจิ ัยเพื่อกำรประกนั คุณภำพกำรศึกษำภำยใน ระดบั คณะกรณศี ึกษำวทิ ยำลยั เทคโนโลยีและสหวทิ ยำกำรมหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยรี ำชมงคลล้ำนนำ The Development of Research Information Management System for Internal Educational Quality Assurance at Faculty Level : A Case Study of College of Integrated Science and Technology, Rajamangala University of Technology Lanna สุพิชฌาย์ ถาวรลิมปะพงศ์ 1 พชั รี ไชยยงค2์ และ ปวยี า รักน่ิม1,2* Suphitcha Thawornlimpaphong1 Patcharee Chaiyong2 and Paweeya Raknim1,2* 1สานกั วทิ ยบริการและเทคโนโลยสี ารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 2วทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละสหวทิ ยาการ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา อ.ดอยสะเกด็ จ.เชียงใหม่ 1Office of Academic Resource and Information Technology, Rajamangala University of Technology Lanna, Muang, Chiangmai, THAILAND 2College of Integrated Science and Technology, Rajamangala University of Technology Lanna, Doisaket, Chiangmai, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ บทความวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อพฒั นาระบบบริหารจดั การขอ้ มูลวิจยั เพ่ือการประกนั คุณภาพการศึกษา ภายใน ระดบั คณะ สาหรับวิทยาลยั เทคโนโลยีและสหวิทยาการ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา นามา แกป้ ัญหาความซ้าซอ้ นของการจดั เก็บขอ้ มูลงานวิจยั ความผิดพลาดจากการรวบรวมขอ้ มูลและวเิ คราะห์สรุปผลโดย เจา้ หน้าท่ี ลดข้นั ตอนและจานวนบุคลากรในกระบวนการรวบรวม กากบั ติดตามเอกสารงานประกนั คุณภาพดา้ น งานวจิ ยั ของหน่วยงาน โดยใชก้ รอบการพฒั นาระบบตามทฤษฎีแนวคิดวงจรการพฒั นาระบบ (SystemDevelopment LifeCycle)7 ข้นั ตอน มาแกไ้ ขระบบสารสนเทศงานวิจยั เดิม โดยเพ่ิมโมดูลส่วนการจดั การบูรณาการขอ้ มูลผลงาน วชิ าการการออกรายงานผลงานวจิ ยั และการรายงานสถิติงานวิจยั ในมิติคณะหลกั สูตร และรายบุคคลในรูปแบบแผง หนา้ ปัดธุรกิจ (Dashboard)ซ่ึงผบู้ ริหารสามารถใชใ้ นการกาหนดทิศทางการตดั สินใจและเป็นแนวทางในการพฒั นา ระบบและกลไกการบริหารจดั การงานวจิ ยั ของหน่วยงาน ผลการวจิ ยั จากการประเมินประสิทธิภาพการใชง้ านระบบ โดยประเมินความพึงพอใจจากนกั วิจยั และบุคลากรในหน่วยงานพบวา่ ผใู้ ชง้ านพึงพอใจโมดูลการนาเขา้ ขอ้ มูลการ เขา้ ถึงระบบสารสนเทศดา้ นความน่าเช่ือถือ โมดูลการนาเสนอรายงานและสถิติ เฉลี่ยทุกดา้ นอยใู่ นระดบั พึงพอใจ มาก (x̅ = 4.17,S.D.= 0.78) และระบบแสดงผลขอ้ มูลไดถ้ ูกตอ้ งในทุกโมดูล สอดคลอ้ งกบั เกณฑก์ ารประกนั คุณภาพ ระดบั คณะ และไดแ้ นวทางในการปรับปรุงระบบบริหารจดั การขอ้ มูลวจิ ยั ในระดบั มหาวทิ ยาลยั คำสำคญั :ระบบสารสนเทศ ระบบบริหารจดั การขอ้ มูลวจิ ยั วงจรการพฒั นาระบบ การประกนั คุณภาพการศึกษาภายใน 124
การกปารระปชรมุะชกมุาวรจิชัดากงาารนรปะรดะับชชุมาวตชิิมาหกาาวริทรยะาดลับัยชเทาคตโมิ นหโลายวรีทิ ายชามลงยัคเลทคครโนั้งทโลี่ 1ย2ีราชมงคล ครั้งที่ 12 The 12thTRhaeja1m2athnRgaaljaamUannivgearlsaityUonfivTeercsihtnyoolof gTyeNchatnioonloagl yCoNnafteiorennacleConference” “๙ ราช“ม๙งคราลชขมบั งเคคลลื่อขนับนเควตัลก่อื รนรนมวนัตำ�กเรศรรมษฐนกาิจเศปรลษูกฐแกนจิ วคปดิ ลเูกทแคนโนวโคลิดยเสี ทีเขคยีโนวเโพลือ่ยกสี าเี ขรพยี วฒั เนพาอ่ื ทก่ยี าัง่ รยพืนฒั ”นาที่ยง่ั ยืน” คุณสมบตั ทิ ำงชลศำสตร์ของกำรไหลผ่ำนฝำยสันกว้ำงผวิ ขรุขระ Hydraulic properties of Flow over Broad-Crested Weir coated Rough surface. กฤษฎา มานะโส สาเนียง องสุพนั ธก์ ลุ สาโรจน์ ดารงศีลและ รณกร เทพวงษ*์ Kridsada Manaso, Samneang Ongsupankul, Sarote Dumrongsil and Ronnakorn Thepwong* สาขาวิชาวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ ต.ศาลายา อ.พทุ ธมณฑล จ.นครปฐม Civil Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Phutthamonthon, Nakhon Pathom, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาคุณสมบัติทางชลศาสตร์ของการไหลผ่านฝายสันกว้าง ผิวขรุขระ และแสดงค่าสัมประสิทธ์ิอัตราการไหลผ่านฝายแต่ละรูปแบบ การศึกษาได้ดาเนินการ ในห้องปฏิบตั ิการทางชลศาสตร์โดยใชร้ างทดสอบทางน้าเปิ ดสี่เหลี่ยมผืนผา้ ขนาดกวา้ ง 30 เซนติเมตร สูง 47 เซนติเมตร แบบจาลองฝายสนั กวา้ งรูปสามเหลี่ยม มุม 60, 90, 120 และ 150 องศา มีความหนา 7.5, 15 และ 22.5 เซนติเมตร ซ่ึงมีผิวขรุขระจากทรายร่อนผ่านตะแกรงเบอร์ 4 และคา้ งบนเบอร์ 8 ควบคุม การไหลเป็ นแบบอิสระ ผลการทดสอบแสดงเป็ นกราฟความสัมพนั ธ์ระหว่างอตั ราการไหลของน้ากบั ความสูงของน้าเหนือสันฝาย และสัมประสิทธ์ิการไหลของน้าเหนือสันฝายแต่ละชนิด พบว่าค่า สมั ประสิทธ์ิการไหลจากการทดสอบที่มุม 60 องศา มีค่าเฉล่ีย 1.506 มุม 90 องศา มีค่าเฉล่ีย 1.316 มุม 120 องศา มีคา่ เฉล่ีย 1.187 มุม 150 องศา มีคา่ เฉล่ีย 0.872 คำสำคญั : ฝายสนั กวา้ ง อตั ราการไหล สมั ประสิทธ์ิการไหลผา่ นฝาย 125
Tกhาeรกป1า2รรtปะhTชรRhะมุ aชeกjaุมา1mวร2ชิจatาัดhnกงRgาาaaรนljรaaปะmดUรบัะnaชชinvมุาgeตวarิมชิslaiหาtyกาUวาonทิรfiรยvTะาeeดลrcับยัshiเชtทnyาคoตโolนิมofโหgลTyายeวNรีcทิ าahชยtniมาooลงnlคัยaoลเlgทCyคคoรโNั้งnนทafโeี่tล1iroย2eีรnnาacชleมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e12” “๙ ราชมงคลขับเคลื่อนนวัตกรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยีสเี ขียวเพอื่ การพฒั นาที่ย่ังยนื ” “๙ ราชมงคลขบั เคล่ือนนวัตกรรม นาเศรษฐกจิ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยีสเี ขียวเพือ่ การพัฒนาที่ยงั่ ยืน” กำรศึกษำคุณสมบัตทิ ำงวศิ วกรรมของอฐิ บลอ็ กประสำนผสมเศษขยะรีไซเคลิ ชนิดพอลเิ อทธีลนี ควำมหนำแน่นสูง (HDPE) The Study Engineering Properties of Interlocking Blocks Mixes High Density Polyethylene (HDPE) Recycling Wastes พีระพงษ์ เพช็ รพนั * สุธน รุ่งเร่ือง และ พทิ ยา สุขจิดา Phiraphong Phatpun*, Suthon Rungruang and Pittaya Sukjinda สาขาวชิ าวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การศึกษาน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาคุณสมบตั ิของอิฐบล็อกประสานผสมขยะพลาสติกชนิดพอลิ เอทธีลีนความหนาแน่นสูง โดยใชอ้ ตั ราส่วนผสมปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 : ดินลูกรัง คือ 1:5 และมีเศษขยะพลาสติกผสมแทนที่ดินลูกรังในอตั ราส่วน ดงั น้ี คือ 0%, 5%, 10%, 15% และ 20% จากการ ทดสอบหาค่าตา้ นทานกาลงั อดั ของอิฐบล็อกประสานท่ีผสมเศษขยะพลาสติกในอตั ราส่วน 0% ไดค้ ่า ตา้ นทานกาลงั อดั เฉลี่ยนอ้ ยกว่า 71.38 กก/ซม2 จดั เป็นอิฐบลอ็ กประสานชนิดไม่รับน้าหนกั ตามมาตรฐาน ผลิตภณั ฑช์ ุมชนอิฐบล็อกประสาน มผช.602/2547 กระทรวงอุตสาหกรรม และท่ีอตั ราส่วนผสมเศษขยะ พลาสติก 5%, 10%, 15% และ 20% ได้ค่าตา้ นทานกาลงั อดั มากกว่า 71.38 กก/ซม2 จัดเป็ นอิฐบล็อก ประสานชนิดรับน้าหนัก ตามมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ชุมชนอิฐบล็อกประสาน มผช.602/2547 กระทรวง อุตสาหกรรม การทดสอบหาค่าตา้ นทานกาลงั ดดั เมื่อเพิม่ อตั ราส่วนผสมเศษขยะพลาสติกที่ 0%, 5%, 10%, 15% และ 20% คา่ กาลงั ดดั จะลดลง 10% ของอตั ราการเพิ่มปริมาณขยะพลาสติกตามลาดบั การทดสอบการ ดูดซึมน้าของอิฐบลอ็ กประสานท่ีผสมเศษขยะพลาสติกในทุกอตั ราส่วน ไดค้ ่าเฉล่ียการดูดซึมน้านอ้ ยกว่า 288 kg/m3 ซ่ึงผ่านเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนอิฐบล็อกประสาน มผช. 602/2547 กระทรวง อุตสาหกรรม การตรวจสอบลกั ษณะทวั่ ไปและมิติไดม้ ีความคลาดเคล่ือนเฉลี่ยไม่เกิน ± 2 มิลลิเมตร จดั ได้ ว่าผา่ นเกณฑม์ าตรฐานผลิตภณั ฑช์ ุมชนอิฐบล็อกประสาน มผช. 602/2547 กระทรวงอุตสาหกรรม และมี การแตกหักหรือบ่ิน จากการศึกษาน้ีพบว่าสามารถนาเศษขยะพลาสติกมาผสมแทนที่ดินลูกรังไดโ้ ดยให้ คุณสมบตั ิที่ผา่ นเกณฑม์ าตรฐานผลิตภณั ฑช์ ุมชนอิฐบลอ็ กประสาน มผช.602/2547 กระทรวงอุตสาหกรรม และเป็นการลดปริมาณเศษขยะพลาสติกรีไซเคิลไดอ้ ยา่ งมาก คำสำคญั : อิฐบลอ็ กประสาน พลาสติกรีไซเคิล พอลิเอทธีลีนความหนาแน่นสูง 126
Tกhาeรกป1า2รระtปhTชรRhมุะaeชกjaมุา1mวร2จชิ atัดาhnกงRgาาaaรนljรaaปะmรดUะับanชชnivมุ าgeวตarิชิมlsaiาหtกyาUาวonริทfiรยvะTาeดeลrับcsัยhiชเtทnyาคoตoโlิมนofหโgTลyาeยวNีรcทิ าhaยชtnาiมooลงnlัยคoaเลlgทyCคคoรโNน้งัnaทโftลe่ี i1orย2eีรnnาacชleมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e12” “๙ ราช“๙มงรคาลชขมับงเคคลลื่อขนับนเควตัลก่ือรนรนมวนัตำ�กเรศรรมษฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนจิ วคปดิ ลเูทกแคนโนวโคลดิยสีเทีเขคยี โวนเโพลื่อยกสี าีเรขพียฒัวเนพาอื่ ทกย่ี าั่งรยพนื ฒั” นาทย่ี ัง่ ยนื ” กำรศึกษำคุณสมบตั ทิ ำงกำยภำพและคุณสมบตั ทิ ำงกลของคอนกรีต ทผ่ี สมขยะพลำสตกิ พอลโิ พรพลิ นี (PP) The Study of Physical Appearance and Mechanical Properties about Polypropylene Plastic (PP) Scrap Concrete พรี ะพงษ์ เพช็ รพนั * อาทร ชูพลสตั ย์ และ สาโรจน์ ดารงศีล Phiraphong Phatpun*, Suthon Rungruang and Pittaya Sukjinda สาขาวิชาวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาคุณสมบตั ิทางกายภาพและคุณสมบตั ิทางกลของคอนกรีต ที่ผสมขยะพลาสติกพอลิโพรพิลีน โดยการศึกษาวิจยั ไดใ้ ชอ้ ตั ราส่วนผสมปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนดป์ ระเภท ท่ี 1 ทาการผสมคอนกรีตตามการออกแบบส่วนผสมคอนกรีตโดยวิธี ACI 211 โดยการแทนที่วสั ดุผสม หยาบ (หินธรรมชาติ) ดว้ ยขยะพลาสติกพอลิโพรพิลีน ในอตั ราส่วนร้อยละ 0, 15, 30, 45, และ 60 โดย น้าหนกั ของวสั ดุผสมหยาบ จากผลการศึกษาวิจยั พบว่าคุณสมบตั ิทางกายภาพของคอนกรีตท่ีผสมขยะ พลาสติกพอลิโพรพิลีน ทุกอตั ราส่วนมีความสามารถในการเท่ได้ (workability) ทุกอตั ราส่วน และ สามารถข้ึนรูปในแบบหล่อคอนกรีตได้ คุณสมบตั ิทางกลของคอนกรีตที่ผสมขยะพลาสติกพอลิโพรพิลีน ผลทดสอบกาลงั ตา้ นทานแรงอดั ไดค้ า่ กาลงั 311.03 ksc, 228.68 ksc, 217.35 ksc, 216.07 ksc และ 175.43 ksc ตามลาดบั จะมีค่าลดลงจากคอนกรีตควบคุม ค่าเฉล่ียทุกอตั ราส่วน อยทู่ ่ีร้อยละ 32.68 ผลการทดสอบ กาลังต้านทานแรงดึงผ่าซีก ได้ค่ากาลัง 29.07 ksc, 27.02 ksc, 22.34 ksc, 20.68 ksc และ 19.18 ksc ตามลาดบั จะมีค่าลดลงจากคอนกรีตควบคุม ค่าเฉลี่ยทุกอตั ราส่วน อยทู่ ่ีร้อยละ 22.52 ผลกระทบจากการ นาขยะพลาสติกพอลิโพรพิลีน แทนท่ีวสั ดุผสมหยาบ (หินธรรมชาติ) เกิดจากผวิ สาผสั ของขยะพลาสติก พอลิโพรพิลีนมีลกั ษณะเรียบมนั ซ่ึงอาจเป็ นเหตุใหก้ ารยึดเกาะระหว่าง ผิวของขยะพลาสติกพอลิโพรพิ ลีนกบั มอร์ตา้ มีการยดึ เกาะท่ียงั ไม่ดีพอ ส่งผลทาใหค้ ่ากาลงั ตา้ นทานแรงอดั และค่ากาลงั ตา้ นทานแรงดึง ผา่ ซีกมีคา่ ลดลงเป็นลาดบั ตามอตั ราส่วนการเพิม่ ข้ึนของขยะพลาสติกพอลิโพรพิลีน คำสำคญั : คอนกรีตที่ผสมขยะพลาสติกพอลิโพรพิลีน (Polypropylene: PP) 127
การประชุมการจดั งานประชมุ วิชาการระดับชาตมิ หาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล คร้ังท่ี 12 Theก1า2รtปhTรRhะaชejaมุ 1mว2ิชatาhnกRgาaaรljรaaะmดUบัnaชnivาgeตarิมslaiหtyาUวonทิ fiยvTาeeลrcัยshiเtทnyคooโlนofโgTลyยeNีรcาahชtniมooงnlคoaลlgyCคoรN้ังnaทfteี่ i1ro2ennacleConference” “๙ ราช“ม๙งครลาชขมับงเคคลล่ือขนบั นเวคัตลก่อื รนรนมวนตั ำ�กเศรรรมษฐนกาิจเศปรลษูกฐแกนิจวคปดิ ลเทูกคแโนนวโคลิดยสีเทีเขคยี โวนเโพล่ือยกสี าเี รขพียัฒวเนพาือ่ ทก่ียา่งั รยพนื ัฒ” นาทย่ี ่ังยืน” กำรวเิ ครำะห์โครงกำรชุมชนพลงั งำนสีเขยี ว ตำมปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง Project Analysis of Green Energy Community According to Sufficiency Economy Philosophy ศราวธุ จิตตพ์ นิ ิจ1* ขวญั ฤทยั บุญยะเสนา2และ ธีระวฒั น์ เหมือนศรีชยั 1 Sarawut Jitpinit1*, Kwanruetai Boonyasana2 and Thirawat Mueansichai1 1ภาควชิ าวศิ วกรรมเคมีและวสั ดุ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี ปทุมธานี 2สาขาวิชาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร กรุงเทพมหานคร 1 Department of Chemical and Materials Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathum Thani, THAILAND 2 Department of Finance, Faculty of Business Administration, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาคร้ังน้ีมีจุดมุ่งหมายเพ่ือเสนอกระบวนการการวิเคราะห์โครงการชุมชนพลงั งานสีเขียว ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับการวางแผน การวเิ คราะห์ การบริหารและการจดั การโครงการ โดย ครอบคลุมประเดน็ ต่าง ๆ ดงั น้ี 1) ขอบเขตและกระบวนการในการดาเนินการ 2) ผลผลิต ผลลพั ธ์ ตวั ช้ีวดั ของโครงการ 3) ความสัมพนั ธ์และเชื่อมโยงระหว่างโครงการกับยุทธศาสตร์ในแต่ละระดบั 4) ผูท้ ี่ เก่ียวขอ้ งกบั โครงการ 5) การประมาณการกระแสเงินสดของโครงการ และ 6) การวิเคราะห์ตน้ ทุน- ผลประโยชน์ ของโครงการ เพ่ือให้ชุมชนพลงั งานสีเขียวในประเทศไทยสามารถไดร้ ับประโยชน์ท้งั ใน ดา้ นเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม อีกท้งั ยงั ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชน สร้างการ แลกเปลี่ยนการเรียนรู้ในรูปแบบของเครือข่ายความร่วมมือท้งั ภายในและระหวา่ งชุมชน เพื่อนาไปสู่การ พฒั นาในดา้ นพลงั งานอยา่ งยง่ั ยนื คำสำคญั : การวเิ คราะห์โครงการ พลงั งานสีเขียว ชุมชน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 128
Tกhาeรกป1าร2ระtปhTชรRhมุ ะaeกชjaามุ 1รmว2จชิ taัดhาnกงRgาาaaนรjlรaaปะmรดUะับanชnชiมุvgาeวตarิชlิมsaาiหtกyUาาวnoรทิ fiรvยะTeาดeลrบัcsัยihชเtทnyาคoตoโlมิ นofหโgTลyาeยวNcีริทาhaยชtnาiมooลงnlยัคoaเลglทyCคคoรโNน้ังnaทโftลe่ี i1oยr2eรีnnาacชleมCงoคnลfeคrรe้งั nทc่ี e1”2 “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคลื่อขนบั นเควลตั อ่ืกรนรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนจิ วคปิดลเูกทแคนโนวโคลิดยเีสทเี ขคียโนวเโพล่อืยกีสาีเขรพียฒัวเนพา่ือทกี่ยา่ังรยพนื ัฒ” นาทยี่ ัง่ ยนื ” กำรศึกษำโครงสร้ำงของเขื่อนดนิ ด้วยกำรวเิ ครำะห์คลื่นผวิ : กรณศี ึกษำเข่ือนห้วยหนองโรง อำเภอเนินขำม จังหวดั ชัยนำท A Study of the Earth Dam Structure using Multichannel Surface Wave Analysis Method : Huai Nong Rong Dam, Noen Kham District, Chainat Province, Thailand ชนะรบ วิชาลยั * ณรงคช์ ยั ววิ ฒั นาช่าง และ อรวรรณ จนั ทสุทโธ Chanarop Vichalai* , Narongchai Wiwattanachang and Orawan Jantasuto สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนยส์ ุพรรณบุรี Division of Civil Engineering, Faculty of Engineering and Architechture, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, Suphanburi Campus, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีไดท้ าการศึกษาโครงสร้างเข่ือนดินหว้ ยหนองโรง อาเภอเนินขาม จงั หวดั ชยั นาท ซ่ึงเป็น เขื่อนดินความยาว 3.250 กิโลเมตร ความสูง 7 เมตร ดว้ ยการวิเคราะห์คล่ืนผิวแบบหลายช่องสัญญาณ (Multichannel Analysis of Surface Wave; MASW) เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของโครงสร้างเขื่อน หลงั จากสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2562 โดยทาการเก็บขอ้ มูลในภาคสนามดว้ ยการใหก้ าเนิดคลื่นผวิ ดว้ ยฆอ้ น ขนาด 12 ปอนด์ มีระยะห่างของจีโอโฟนเท่ากบั 5 เมตร จานวน 24 ตวั ระยะทางรวมช่วงละ 115 เมตร ตลอดแนวความยาวเข่ือน หลงั จากน้นั ทาการวเิ คราะห์คลื่นผวิ ดว้ ยโปรแกรม Seismager/SW ผลการศึกษา สามารถจาแนกโครงสร้างของตวั เข่ือนได้ 3 ช้นั ประกอบดว้ ย ช้นั ดินตวั เข่ือน ช้นั ดินท่ีไดร้ ับการปรับปรุง และช้นั หินฐาน โดยช้นั ดินตวั เข่ือนและช้นั ดินที่ไดร้ ับการปรับปรุง มีความเร็วคลื่นเฉือนมากกว่า 180 เมตร/วินาที และช้นั หินฐานมีความเร็วคลื่นเฉือนมากกว่า 500 เมตร/วินาที เม่ืออา้ งอิงจากมาตรฐาน The National Earthquake Hazard Reduction Program (NEHRP)โดยผลการศึกษาพบว่า ไม่พบไดถ้ ึงตาแหน่ง ท่ีมีความเร็วคล่ืนต่ากวา่ 180 เมตร/วินาที ที่อาจเป็นลกั ษณะของจุดวกิ ฤติหรือจุดเสี่ยงของการร่ัวซึมตลอด แนวการสารวจ คำสำคญั : เขื่อนดิน คนั ดินโครงสร้าง คลื่นผวิ ธรณีฟิ สิกส์ 129
Tกhาeรกป1าร2ระtปhTชรhRมุ ะaeกชjาaุม1รmว2จชิ taัดhาnงกRgาาaaนรjlaรปaะmรดUะaบัnชnชiุมvgาeวaตrชิlมิsaาiหtกUyาาวnoริทiรfvยะTeาดerลับscัยiชhtเyทาnตคooโมิlfนoหโTgาลyeวยcNทิรี hาaยnชtาiมooลงlnยั oคaเgลทlyคCคโNoรนัง้naโทtfลe่ีioย1r2ีรneาnaชclมeCงoคnลfeคrรeง้ั nทcี่ e1”2 “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคล่ือขนบั นเควลตั อ่ืกนรรนมวัตนกำ�เรศรรมษฐนกาจิเศปรลษูกฐแกนิจวปคิดลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเสีทเี คขโียนวโเลพย่อื สีกเีาขรียพวฒั เพนา่อื ทกีย่าง่ัรยพืนฒั ”นาท่ยี ่ังยืน” กำรประเมนิ และวเิ ครำะห์ควำมเสี่ยงของบริษทั รับเหมำงำนก่อสร้ำง ทำงหลวงพเิ ศษระหว่ำงเมือง Risk Evaluation and Analysis for General Contractor on Motorway Construction Project ราชนั ย์ ชาชานาญ* และ วรรณวทิ ย์ แตม้ ทอง Rachan Chachamnan* and Wannawit Teamthong ภาควชิ าวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, King Monkut's University of Technology North Bangkok *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจยั ความเส่ียงท่ีมีผลกระทบต่อบริษทั ผูร้ ับเหมาของงาน ก่อสร้างทางหลวงพเิ ศษระหวา่ งเมือง ของกรมทางหลวง โดยทาศึกษาและวิเคราะห์ขอ้ มูลจาก 2 ช่วง ของ โครงการ คือ ช่วงที่ 1 โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหวา่ งเมืองสาย บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ช่วง กม.53+000 ถึง กม.65+300 และ ช่วงท่ี 2โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหวา่ งเมืองสาย บางปะ อิน-สระบุรี-นครราชสีมา ช่วง กม.65+300 ถึง กม.70+085 โดยดาเนินการสมั ภาษณ์และใชแ้ บบสอบถาม กบั ผูท้ ี่มีหน้าที่รับผิดชอบในโครงการ จานวน 76 ท่าน ประกอบดว้ ย ผูบ้ ริหารโครงการ ผูบ้ ริหารดา้ น ตน้ ทุน วิศวกรโครงการ วิศวกรสนาม วิศวกรตน้ ทุน และโฟร์แมน จากการศึกษางานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง สามารถแบ่งความเส่ียงออกเป็ น 8 รูปแบบ คือ เหตุการณ์ภายนอกท่ีควบคุมไม่ได้ การออกแบบและ รายละเอียดแบบ การก่อสร้าง บุคลากร เคร่ืองจกั ร-การขนส่ง การเงินและงบก่อสร้าง นโยบายและ การเมือง และสงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม จากการศึกษาพบวา่ มีจานวนความเสี่ยง 177 เหตุการณ์ สามารถแยก เป็ นความเสี่ยงสูง 20 เหตุการณ์ ความเสี่ยงปานกลาง 68 เหตุการณ์ และความเส่ียงต่า 89 เหตุการณ์ โดย ความเสี่ยงสูง 5 ลาดบั แรก ไดแ้ ก่ 1.) การดาเนินงานมีล่าชา้ จากแผนงานในหมวดงานถนน 2.) การถอด แบบคานวณผิดพลาดทาให้งบก่อสร้างเพิ่มในหมวดงานสะพาน 3.) การคานวณถอดแบบปริมาณวสั ดุ ปริมาณงานผิดพลาดทาให้งบเพ่ิมในหมวดงานไฟฟ้าแสงสว่าง 4.) งานก่อสร้างระบบไฟฟ้าล่าชา้ จาก แผนงานในหมวดงานไฟฟ้าแสงสวา่ ง และ5.) การดาเนินงานมีล่าชา้ จากแผนงานในหมวดงานสะพาน คำสำคญั : การประเมินความเส่ียง ทางหลวงพเิ ศษระหวา่ งเมือง บริษทั รับเหมา วเิ คราะห์ความเสี่ยง 130
Thกeารก1ปา2รรtปhะTรชRะhมุaชejกaมุ าm1วรชิ2จaาtnดัhกgงRาaารalนรjaaะปmดUรับnะaชชinvามุ egตวraมิsิชliหatาyากUวาoิทnรfยiรvTาะeeลดrcยัับshเiชทtnyาคoตโolนoิมfโgหลTyายeวNีรcิทาahชยtniมาooงลnคlยัaoลเlgทCคyคoรโNัง้nนทafโe่ีtล1iroย2eีรnnาacชleมCงoคnลfeคrรeงั้ nทcี่ e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลอื่ ขนบั นเวคัตลกือ่ รนรมนวนัตำ�กเศรรษมฐนกิจาเศปรลษูกแฐนกจิวคปิดลเทูกคแโนวโลคยดิ สี เทเี ขคียโวนเพโลื่อยกสี าเีรขพียฒั วนเพาท่อื กี่ยั่งายรืนพ”ัฒนาทีย่ ัง่ ยนื ” นวตั กรรมกระถำงต้นไม้ประหยดั นำ้ จำกขยุ มะพร้ำว An Innovative Water Saving Flower Pot from Coconut Coir กิตติพงษ์ พมุ่ โภชนา1* บญั ชา เหลือแดง1สถิตเทพ สังขท์ อง1 กาญบญั ชา พานิชเจริญ1 สุภคั เผยี งสูงเนิน2 และ สนั ติ ไทยยนื วงษ2์ Kittiphong Poomphochana1* , Bancha Luadang1, Sathitthep Sangthong1, Kanbuncha Panichcharoen1, Supak Piangsungnoen2 and Santi Thaiyuenwong2 1คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ อ.พทุ ธมณฑล จ.นครปฐม 2สถาบนั วิจยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ อ.พทุ ธมณฑล จ.นครปฐม 1Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Phutthamonthon, Nakhon Pathom, THAILAND 2Institute of Research and Development, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Phutthamonthon, Nakhon Pathom, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจยั น้ีนาเสนอนวตั กรรมกระถางตน้ ไมป้ ระหยดั น้าจากขุยมะพร้าว ซ่ึงจะเป็ นผลิตภณั ฑใ์ หม่ ของชุมชน โดยเป็ นการนาระบบการจดั การแบบลดขยะเป็ นศูนย์ มาเพิ่มมูลค่าวตั ถุดิบเหลือทิ้งจาก มะพร้าวน้าหอม ในชุมชนบา้ นคลองนกกระทุงและชุมชนเครือข่าย โดยมีเป้าหมายในการสร้างอาชีพ เสริมสาหรับเพ่ิมรายไดท้ ี่ 10% กระบวนการเริ่มตน้ จะเป็ นข้นั ตอนการแยกขุย-ใยออกจากกนั โดยใช้ เครื่องแยกขุย-ใย ซ่ึงเกษตรกรจะใช้เคร่ืองจกั รท่ีไดร้ ับการสนับสนุนจากโครงการน้ี เม่ือไดว้ ตั ถุดิบที่ ต้องการแล้ว ก็จะนาไปผสมกับแป้งเปี ยกตามอตั ราส่วน เพื่อจะส่งไปยงั ข้นั ตอนอดั ข้ึนรูปกระถาง ข้นั ตอนน้ีเกษตรกรจะใชเ้ คร่ืองไฮโดรลิคระบบมือโยก ท่ีถูกประกอบกบั แม่พิมพก์ ระถางเป็ นท่ีเรียบร้อย เม่ือผ่านการอดั ข้ึนรูปก็จะไดผ้ ลิตภณั ฑก์ ระถาง นอกเหนือจากน้ีมีการเพิ่มมูลค่าดว้ ยการสร้างอตั ลกั ษณ์ และตราสินคา้ สารวจความตอ้ งการสินคา้ ของตลาดและเพ่ิมช่องทางการจาหน่ายแบบออนไลน์ จากการ คานวณคาดการผลลพั ธ์ของโครงการน้ี จะมีกาไรจากการดาเนินงานท่ี 56.50% คำสำคญั : กระถางตน้ ไม้ มะพร้าวน้าหอม ลดขยะเป็นศูนย์ เกษตรเพิ่มมูลคา่ เศรษฐกิจหมุนเวยี น 131
Tกhาeรกป1าร2ระtปThชรhRุมะeaกชjาaมุ1รmว2จิชtaัดhาnงRกgาาaaนรjlaรปamะรดUะaับnชnชiมุvgาวeaตrิชlิมsaาiหtกUyาาวnoรทิ iรfvยะTeาดerลับscัยiชhtเทyาnคตooโิมlfนoหโgTลาyeวยcNทิรี hาaยชntาiมooลงnlยั oคaเลgทlyคCคโNoรน้งัnaทโftลe่ีi1oยr2eรีnnาaชcleมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e12” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคลขอ่ื นบั นเควลตั ่ือกนรรนมวัตนกำ�เรศรรมษฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนิจวปคิดลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเสีทเี คขโียนวโเพลยือ่ ีสกาีเขรพียวัฒเนพา่ือทกยี่ าั่งรยพืนฒั ”นาทีย่ ง่ั ยนื ” เทคโนโลยกี ำรผลติ ป๋ ยุ ชีวภำพจำกวสั ดุเหลือใช้สำหรับผลติ ภณั ฑ์มะพร้ำวนำ้ หอม Technology of Organic Fertilizer Production using Aromatic Coconut Waste บญั ชา เหลือแดง1*สถิตเทพ สังขท์ อง1 กาญบญั ชา พานิชเจริญ1 กิตติพงษ์ พมุ่ โภชนา1 สุภคั เผยี งสูงเนิน2 และ สนั ติ ไทยยนื วงษ2์ Bancha Luadang1*, Sathitthep Sangthong1, Kanbuncha Panichcharoen1, Kittiphong Poomphochana1 Supak Piangsungnoen2 and Santi Thaiyuenwong2 1คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ อ.พทุ ธมณฑล จ.นครปฐม 2สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ อ.พทุ ธมณฑล จ.นครปฐม 1Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Phutthamonthon, Nakhon Pathom, THAILAND 2Institute of Research and Development, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Phutthamonthon, Nakhon Pathom, THAILAND *Corresponding Author E-mail [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีนาเสนอเทคโนโลยีการผลิตป๋ ุยชีวภาพจากวสั ดุเหลือใช้สาหรับผลิตภณั ฑ์มะพร้าว น้าหอม โดยเป็ นการนาระบบการจดั การแบบลดขยะเป็ นศูนย์ มาเพิ่มมูลค่าวตั ถุดิบเหลือทิ้งจากมะพร้าว น้าหอม ในชุมชนบา้ นคลองนกกระทุงและชุมชนเครือข่าย โดยมีเป้าหมายสาหรับเพ่ิมรายไดจ้ ากเดิม 10 % เกษตรกรใชเ้ ครื่องอดั เมด็ ท่ีมี เครื่องบดและอดั เมด็ ป๋ ุยแบบ 2 ใน 1 ท่ีมีกาลงั การผลิต 1000 กิโลกรัมต่อ วนั ท่ีไดร้ ับการสนบั สนุนจากโครงการวิจยั ซ่ึงทีมวิจยั ไดพ้ ฒั นาอุปกรณ์ตดั เมด็ ป๋ ุยอตั โนมตั ิประกอบเขา้ กบั ตวั เครื่อง ทาให้ไดข้ นาดเม็ดป๋ ุยท่ีตอ้ งการโดยไม่ตอ้ งใชเ้ ครื่องคดั แยกเม็ดป๋ ุยให้ยุง่ ยาก ซ่ึงเพิ่มความ สะดวกต่อเกษตรกรเป็ นอย่างมาก จากน้นั จะนาป๋ ุยที่ผ่านกระบวนการตากเรียบร้อยแลว้ ไปยงั ข้นั ตอน บรรจุภณั ฑซ์ ่ึงกม็ ีหลากหลายขนาด ไม่ว่าจะเป็น 5 15 และ 30 กิโลกรัม นอกเหนือจากน้ี มีการปรับสินคา้ ให้มีความหลากหลายมากข้ึน ดว้ ยการปรับหีบห่อแบบถุงน้าชา มีการเพ่ิมมูลค่าดว้ ยการสร้างอตั ลกั ษณ์ และตราสินค้า สารวจความต้องการสินค้าของตลาดและเพิ่มช่องทางการจาหน่ายแบบออนไลน์ ซ่ึงผลลพั ธ์ ของโครงการน้ีสามารถสร้างรายไดเ้ พิม่ ข้ึนจากเดิม 26.18% คำสำคญั : ป๋ ุยชีวภาพ มะพร้าวน้าหอม ลดขยะเป็นศูนย์ เกษตรเพิ่มมูลคา่ เศรษฐกิจหมุนเวียน 132
Tกhาeรกป1า2รระtปhTชรRhุมะaชeกjaมุา1mวร2จชิ atดัาhnกงRgาาaaรนljรaaปะmดUระบัnaชชnivมุาgeตวarมิชิslaiหาtyกาUวาonิทรfiรยvTะาeeดลrcบััยshiเชtทnyาคoตoโlิมนofโหgลTyายeวNีรcิทาahชยtniมาooลงnlคัยaoลเlgทCyคคoรโNง้ัnนทafโe่ีtล1iroย2eีรnnาacชleมCงoคnลfeคrรeัง้ nทc่ี e1”2 “๙ ราช“๙มงรคาลชขมับงเคลลื่อขนับนเวคตัลก่อื รนรนมวนัตำ�กเศรรมษฐนกาิจเศปรลษูกฐแกนจิวคปิดลเทูกคแโนนวโลคยดิ สีเทีเขคยี โวนเโพลอื่ ยกสี าีเรขพียฒั วนเพาอ่ืทก่ีย่ังายรืนพ”ฒั นาที่ยั่งยนื ” กำรหำค่ำพำรำมเิ ตอร์ทเ่ี หมำะสมสำหรับระบบอบแห้งอตั โนมตั ิแบบโรตำรี The Optimum Parameters Investigation for Drying Rotary Automatic System พรสวรรค์ กลั ยาบุตร อธิป อรรคเศรษฐงั อภิวฒั น์ เสนปิ น และ และ เอกรัฐ ชะอุ่มเอียด* Pornsawun Kunlayabut Athip Akkasetthung Apiwat senpin and Accarat Chaoumead* สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา พิษณุโลก อ.เมืองพษิ ณุโลก จ.พิษณุโลก 65000 Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna Phitsanulok, Muang Phitsanulok, Phitsanulok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีนาเสนอการหาค่าพารามิเตอร์ท่ีเหมาะสมสาหรับการลดความช้ืนในกระบวนการ อบแห้งขา้ วเปลือกแบบโรตารีดว้ ยลมร้อนแบบอตั โนมตั ิ โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อออกแบบพารามิเตอร์ สาหรับการลดความช้ืนในขา้ วเปลือกตามมาตรฐานการรับซ้ือขา้ วเปลือกที่ 14% (มาตรฐานเปี ยก) ใชก้ าร ออกแบบการทดลอง (Experimental Design) เพ่ือออกแบบพารามิเตอร์ท่ีส่งผลต่อการลดความช้ืนใน ขา้ วเปลือกและใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์สาหรับควบคุมการทางานของการอบแห้งขา้ วเปลือกแบบ อตั โนมตั ิ งานวิจยั น้ีใช้ขา้ วเปลือกพนั ธุ์พิษณุโลก2 ความช้ืนต้งั ตน้ ระหว่าง 29-32% (มาตรฐานเปี ยก) อุณหภูมิภายในหอ้ งอบไม่เกิน 60 องศาเซียลเซียส ความเร็วลม 2.0 m/s ตวั แปรที่ควบคุมไดแ้ ก่ น้าหนกั และ เวลา โดยทดสอบที่น้าหนัก 50, 100, 150 และ 200 kg และระยะเวลาทดสอบอบแห้งค่าความช้ืนต่ากว่า 14% (มาตรฐานเปี ยก) ซ่ึงทาการทดลองท้งั หมด 32 การทดลอง จากน้ันนาขอ้ มูลท่ีไดม้ าออกแบบการ ควบคุมการทางานแบบก่ึงอตั โนมตั ิโดยใชไ้ มโครคอนโทรลเลอร์สาหรับการควบคุมการทางานระบบ ควบคุมการอบแห้งขา้ วเปลือก โดยใชเ้ ซนเซอร์ความแม่นยาสูงอ่านค่าน้าหนกั และหยดุ การทางานเม่ือถึง ค่าความช้ืนที่กาหนด จากผลการทดสอบการอบแห้งขา้ วเปลือกดว้ ยระบบอบแห้งอตั โนมตั ิแบบโรตารี พบว่าค่าพลงั งานในการอบลดความช้ืนขา้ วเปลือกเคร่ืองสามารถลดความช้ืนลงไดเ้ ฉล่ีย 16% (มาตรฐาน เปี ยก) และสามารถลดค่าความช้ืนไดต้ ่าสุด 9% (มาตรฐานเปี ยก) เปรียบเทียบกบั ความช้ืนเร่ิมตน้ ท่ีใช้ พลงั งานจาเพาะในกระบวนการลดความช้ืนลงท่ีปริมาณ 150 kg ใชพ้ ลงั งาน 0.684 MJ/kg. คำสำคญั : ระบบอบแหง้ พารามิเตอร์ที่เหมาะสม โรตารี ขา้ วเปลือก ลมร้อน 133
การปการระปชรุมะกชามุ รวจิชัดางกาานรประรดะับชชมุ าวติชิมาหกาาวรทิระยดาลบั ัยชเาทตคิมโนหโาลวยิทีรายชามลงยั คเทลคคโรน้งั โทล่ี ย1ีร2าชมงคล คร้ังที่ 12 The 12tThhReaja1m2tahnRgaajalamUannigvaelrasitUynoifveTrescithynoolfoTgyecNhantioolnoaglyCNoantfieorneanlceConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลลข่อื ับนเนควลตั ่ือกนรนรมวัตนกำ�รเศรรมษนฐากเิจศปรษลูกฐแกนิจวปคลิดูกเทแคนโวนคโลิดยเทสี เีคขโียนวโเลพย่ือสี กีเาขรียพวฒั เพนอื่าทกายี่ รงั่ ยพืนฒั ”นาท่ีย่ังยนื ” ระบบกำรตงึ คำร์บอนไดออกไซด์ในอำกำศสำหรับกำรปลูกพืช ภำยในโรงเรือนสมยั ใหม่ Carbon Dioxide Capture System for Plant Growing in Modern Greenhouses กฤติเดช พายเุ ลิศ และ เกียรติศกั ด์ิ แสงประดิษฐ*์ Krittidet payulert and Kiattisak Sangpradit * มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathum Thani, THAILAND *Corresponding email: [email protected] บทคัดย่อ ในปัจจุบนั ทว่ั โลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกกวา่ 5 หม่ืนลา้ นตนั /ปี โดยคาร์บอนไดออกไซดเ์ ป็นก๊าซ เรือนกระจกที่ถูกปลดปล่อยสู่ช้นั บรรยากาศโลกสูงสุด และส่งผลต่อปัญหาการเกิดภาวะโลกร้อน แต่ก๊าซ ดงั กล่าวก็มีบทบาทสาคญั ต่อการดารงชีพของสิ่งมีชีวิต เพราะเป็ นสารต้งั ตน้ ท่ีพืชใช้ผลิตอาหารโดย กระบวนการสังเคราะห์แสง ดังน้ัน งานวิจัยน้ีจึงมีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาการใช้ระบบดักจับก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์สาหรับการเพาะปลูกเรือนกระจกสมัยใหม่ เป้าหมายคือการลดปริมาณก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเพ่ือนาไปใชใ้ นโรงเรือนสมยั ใหม่เพ่ือเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ระบบ การตึงคาร์บอนไดออกไซดใ์ นอากาศถูกออกแบบใหด้ กั จับคาร์บอนไดออกไซดท์ ่ีลอยอยใู่ นอากาศผา่ น ฟิ ลเตอร์ โดยสารเคมีที่ใช้เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการตึงคาร์บอนไดออกไซด์ มี 3 ชนิด ไดแ้ ก่ สารละลายไตรเอทาโนลามีน โมโนเอทาโนลามีน ( MEA ) และแคลเซียมคาร์บอเนต จากน้นั ก็สกดั เอา แก๊สชนิดน้ีออกจากอากาศโดยให้ความร้อนจนมีอุณหภูมิสูงข้ึนถึง 80 องศาเซลเซียส ซ่ึงกระบวนการ ดังกล่าวจะทาให้คาร์บอนไดออกไซด์กลายเป็ นคาร์บอนไดออกไซด์บริสุทธ์ิ จากการทดสอบหลัง จดั สร้างตน้ แบบ ผลการทดสอบคือสามารถดกั คาร์บอนไดออกไซดไ์ ดจ้ ริงโดยมีอตั ราไหลของสารอยทู่ ี่ 7 ลิตรต่อชว่ั โมง และสามารถดกั ไดเ้ ฉล่ียประมาณ 1500 ppm ต่อลิตร คิดเป็ นความสามารถในการทางาน 66.45 ppm/นาที โดยสารละลายไตรเอทาโนลามีนมีอตั ราการคายซบั มากที่สุด คำสำคญั : การตึงคาร์บอนไดออกไซดใ์ นอากาศ การคายซบั การอดั อากาศ 134
การกปารระปชรุมะชกุมารวจชิ ดัากงาารนรปะรดะบั ชชมุ าวติชมิ าหกาาวรทิ รยะาดลบั ัยชเทาคตโมิ นหโลายวีรทิ ายชามลงัยคเลทคครโนั้งทโล่ี 1ย2รี าชมงคล คร้ังท่ี 12 The 12thTRhaeja1m2athnRgaaljaamUannivgearlsaityUonfivTeercsihtnyoolof gTyeNchatnioonloagl yCoNnafteiorennacleConference” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลล่ือขนบั นเควัตลกอ่ื รนรนมวนัตำ�กเรศรรมษฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนิจวคปิดลเูกทแคนโนวโคลิดยเีสทีเขคยีโนวเโพลื่อยกีสาีเขรพยี ัฒวเนพา่ือทกี่ยางั่ รยพนื ฒั” นาทีย่ ง่ั ยนื ” กำรพฒั นำรูปแบบกจิ กรรมกำรท่องเทย่ี วเชิงวฒั นธรรมและอำหำรพืน้ ถน่ิ โดยใช้ โมบำยแอปพลเิ คชันเพื่อส่งเสริมกำรท่องเทยี่ ว อำเภอโพธำรำม จังหวดั รำชบุรี The Development of Cultural Tourism Activities and Local Foods by Using Mobile Application to Enhance Tourism in Amphoe Photharam, Ratchaburi Province พรี ัมพร จิรนนั ทนากร1* สุภคั เผยี งสูงเนิน2 และ สุพจน์ ไทยสุริยะ3 Peerumporn Jiranantanagorn1*, Supak Phiangsungnoen2 and Supot Thaisuriya3 1สาขาวิชาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ 2สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา 3สาขาวิชาภาษาองั กฤษเพอื่ การสื่อสารสากล คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ 1Department of Computer Engineering, Faculty of Engineering, 2Institute of Research and Development, 3English for International Communication Program, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อ 1) พฒั นาโมบายแอปพลิเคชนั เพื่อส่งเสริมการท่องเท่ียว อาเภอโพ ธาราม จงั หวดั ราชบุรี และ 2) สารวจความพึงพอใจของผูใ้ ช้ที่มีต่อโมบายแอปพลิเคชันเพ่ือส่งเสริมการ ท่องเท่ียว อาเภอโพธาราม จงั หวดั ราชบุรี ซ่ึงกลุ่มเป้าหมายท่ีใชใ้ นการวจิ ยั ประกอบดว้ ย นกั ท่องเที่ยวท่ีเดินทาง มาท่องเที่ยวในอาเภอโพธาราม จงั หวดั ราชบุรี จานวน 200 คน เคร่ืองมือท่ีใชป้ ระกอบดว้ ย 1) โปรแกรมการ จัดการฐานข้อมูล MySQL 2) โปรแกรมภาษา JavaScript 3) คลังโปรแกรม Vue.js และ Express.js และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของผใู้ ช้ และ แบบสอบถาม System Usability Scale (SUS) โดยสถิติที่ใชใ้ นการวจิ ยั คือ ค่าเฉลี่ย และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั พบว่า 1) ผลการพฒั นาโมบายแอปพลิเคชนั เพ่ือส่งเสริมการ ท่องเที่ยว อาเภอโพธาราม จงั หวดั ราชบุรี แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.1) ส่วนของโมบายแอปพลิเคชนั “ท่องเที่ยว โพธาราม” 1.2) ส่วนของเวบ็ แอปพลิเคชนั สาหรับจดั การขอ้ มูลท่ีแสดงผลอยบู่ นโมบายแอปพลิเคชนั โดยใน ส่วนน้ี ผูด้ ูแลระบบจะเป็ นผูจ้ ดั การขอ้ มูลต่าง ๆ ไดแ้ ก่ สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พกั สถานท่ีราชการ และทริปแนะนาเป็ นตน้ และ 2) ผลการศึกษาความพึงพอใจของผใู้ ชพ้ บวา่ ความพึงพอใจของผใู้ ชม้ ีต่อ โมบาย แอปพลิเคชนั “ท่องเที่ยวโพธาราม”อยใู่ นระดบั มากที่สุดมีคา่ เฉล่ียอยทู่ ่ี 3.98 และการประเมินดว้ ยแบบสอบถาม System Usability Scale (SUS) พบวา่ ไดร้ ะดบั คะแนนเฉลี่ยเท่ากบั 71.1 ซ่ึงสูงกวา่ คะแนนเฉลี่ย SUS คำสำคญั : โมบายแอปพลิเคชนั การท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรม อาเภอโพธาราม จงั หวดั ราชบุรี 135
Tกhาeรกป1าร2ระtปhTชรRhมุ ะaeกชjaาุม1รmว2จิชtaดัhาnกงRgาาaaนรjlรaaปะmรดUะบัanชnชivุมgาeวตarชิlมิsaiาหtกyาUาวonรทิ fiรvยะTeาดeลrับcsยั ihชเtทnyาคoตoโlมิ นofหโgTลyาeยวNcีริทาhaยชtnาiมooลงnlยัคoaเลlgทyCคคoรโNนั้งnaทโftลe่ี i1orย2eรีnnาacชleมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e1”2 “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคลอื่ขนับนเควลตั ่ือกรนรนมวนตั ำ�กเรศรรมษฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนิจวคปดิ ลเูกทแคนโนวโคลิดยเีสทเี ขคยี โวนเโพลอ่ืยกสี าเี รขพียัฒวเนพาอ่ื ทก่ียาั่งรยพนื ”ัฒนาทย่ี ง่ั ยนื ” ระบบเซนเซอร์เพื่อตรวจสอบและควบคุมสภำพแวดล้อมสำหรับกำรปลูกผกั แบบอควำโปนิกส์ Sensors System for Environment Monitor and Control in Aquaponics Vegetables cultivation มาลียา ต้งั จิตเจษฎา1 วนั เฉลิม ช้นั วฒั นพงศ2์ * และ ไพฑูรย์ รักเหลือ2 Maleeya Tangjitjetsada1, Paitoon Raklure2 and Wanchalerm Chanwattanapong2* 1สาขาวชิ าวศิ วกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะวศิ วกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ อ.เมือง จ.นนทบุรี 2ภาควิชาวศิ วกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1Department of Telecommunication Engineering, Faculty of Engineering and Architecture, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, Nonthaburi, THAILAND 2Department of Electronics and Telecommunication Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ บทความน้ีนาเสนอการออกแบบและสร้างระบบเซนเซอร์เพื่อควบคุมการสภาพแวดลอ้ มสาหรับ การปลูกผกั แบบอควาโปนิกส์ โดยการประยกุ ตใ์ ชไ้ มโครคอนโทรลเลอร์ในการส่งค่าที่เซ็นเซอร์ตรวจวดั ได้ ไปเกบ็ บนคลาวด์ (Cloud) ของ Thing speakTM และแสดงผลการวดั ผา่ นสมาร์ทโฟน ควบคุมอุณหการควบคุม ภูมิและความช้ืนในอากาศทาไดโ้ ดยการส่ังเปิ ด-ปิ ดการทางานของหลอดไฟและพดั ลมผ่านแอปพลิเคชนั Blynk บนสมาร์ทโฟน ระบบท่ีนาเสนอไดท้ าการทดสอบโดยการทดลองปลูกผกั สะระแหน่ ผกั กวางตุง้ จีน และเล้ียงปลานิล ผลการวดั สภาพแวดลอ้ มของเซ็นเซอร์ท่ีแสดงผลผ่านแอปพลิเคชนั บนสมาร์ทโฟนถูก นาไปเปรียบเทียบกบั เครื่องวดั มาตรฐาน ซ่ึงไดผ้ ลการวดั และค่าผิดพลาดเฉล่ีย ดงั น้ี อุณภูมิในอากาศเฉลี่ย 26.13 C ค่าผดิ พลาดเฉลี่ย 0.65% มีค่าความช้ืนในอากาศเฉล่ีย 89.42% ค่าผดิ พลาดเฉล่ีย 3.12% ค่าอุณหภูมิ น้ าเฉลี่ย 25.7 C ค่าผิดพลาดเฉล่ีย 5.86% ค่าความเป็ นกรด-ด่าง (PH) ของน้ าเฉลี่ย 7.19 ซ่ึงเป็ น สภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมสาหรับการเพาะปลูกผกั สะระแหน่ กวางตุง้ จีนและการเล้ียงปลานิล ซ่ึงแสดงให้ เห็นวา่ ระบบท่ีออกแบบมีความเหมาะสมที่นาไปใชใ้ นการปลูกผกั แบบ อควาโปนิกส์ชนิดอื่นๆ ได้ คำสำคญั : อควาโปนิกส์ ระบบเซ็นเซอร์ ควบคุมสภาพแวดลอ้ ม 136
Tกhาeรกป1า2รระtปhTชรRhมุะaชeกjaมุา1mวร2จชิ atัดาhnกงRgาาaaรนljรaaปะmรดUะับanชชnivุมาgeวตarชิิมlsaiาหtกyาUาวonรทิ fiรยvะTาeดeลrบัcsยั hiชเtทnyาคoตoโlิมนofหโgTลyาeยวNcีรทิ าhaยชtnาiมooลงnlัยคoaเลlgทyCคคoรโNนัง้naทโftลeี่ i1oยr2eรีnnาacชleมCงoคnลfeคrรe้งั nทcี่ e1”2 “๙ ราช“ม๙งคราลชขมับงเคคลลอ่ื ขนบั นเควัตลกอื่ รนรนมวนัตำ�กเรศรรมษฐนกาจิ เศปรลษกู ฐแกนิจวคปิดลเูกทแคนโนวโคลิดยเีสทเี ขคยี โนวเโพลอ่ืยกสี าเี ขรพียัฒวเนพา่อื ทกยี่ า่ังรยพืนัฒ” นาทีย่ ่งั ยืน” กำรพฒั นำช่องทำงกำรจดั จำหน่ำยและระบบโลจิสตกิ ส์เพื่อกำรเพม่ิ มูลค่ำให้กบั ผลติ ภัณฑ์ ชุมชนจำกมะพร้ำวนำ้ หอมในจังหวดั นครปฐมและสับปะรดในจงั หวดั ประจวบครี ีขันธ์ Development of Online Sales Promotion and Logistics System for Value Added Community Products form Aromatic Coconut in Nakhonpathom and Prachuapkhirikhan ชาญยทุ ธ อุปายโกศล1* ทวีพร เอกมณีโรจน์2 และ พชั รี สุขสมยั 3 Chanyut Aupayagoson1*, Taweepond Ekmaneeroj 2and Patcharee Suksamai3 1สาขาวิชาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ 3สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ อ.พทุ ธมณฑล จ.นครปฐม 2แผนกวชิ าคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลยั อาชีวศึกษานครปฐม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม 3สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ 1 Department of Computer Engineering, Faculty of Engineering, 3Institute of Research and Development Rajamangala University of Technology Rattanakosin , Salaya, Buddhamonthon, Nakhonpathom, THAILAND 2Department of Business Computing, Nakhon Pathom Vocational Collage, Mueang Nakhon Pathom ,Nakhonpathom, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจัยน้ีเสนอการพัฒนาช่องทางการจัดจาหน่ายและระบบโลจิสติกส์เพื่อการเพ่ิมมูลค่าให้กับ ผลิตภณั ฑช์ ุมชนจากมะพร้าวน้าหอมในจงั หวดั นครปฐมและสบั ปะรดในจงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ เพื่อช่วยเหลือ ชุมชนในการจดั จาหน่ายและกระจายสินคา้ ไปสู่ผบู้ ริโภคโดยไดเ้ ลง็ เห็นถึงปัญหาของการขายสินคา้ ชุมชน ที่มี ยอดขายสินคา้ หนา้ ร้านในปริมาณนอ้ ยลงเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19ทาใหจ้ านวนนกั ท่องเท่ียว ลดลง ดงั น้นั จึงไดอ้ อกแบบระบบซ้ือ-ขาย สินคา้ ชุมชนแบบออนไลน์ เพือ่ แกไ้ ขปัญหาดงั กล่าว โดยใชโ้ ปรแกรม ภาษา PHP และ JavaScriptร่วมกบั WooCommerceในการพฒั นาระบบ ซ่ึงระบบประกอบดว้ ยจดั การสินคา้ คง คลงั ตะกร้าสินคา้ การชาระเงินค่าสินคา้ ระบบแจง้ เตือนการสั่งสินคา้ ผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ระบบแจง้ เตือนระบบแจง้ เตือนการส่ังสินคา้ ผา่ น LineApplicationและระบบรายงานยอดขายรวม จากผลการทดลองพบวา่ ระบบสามารถซ้ือขายสินคา้ ไดอ้ ยา่ ง มีประสิทธิภาพ คำสำคญั : การพาณิชยอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ วคู อมเมิร์ช โควดิ -19 137
Tกhาeรกป1าร2ระtปThชรhุมRะeaกชjาaมุ1รmว2จิชtaดัhาnงRกgาาaaนรjlaรปamะรดUะaับnชnชiุมvgาวeaตrชิlิมsaาiหtกUyาาวnoริทiรfvยะTeาดerลบัscัยiชhtเyทาnตคooโิมlfนoหโgTาลyeวยcNทิรี hาaยชntาiมooลงlnยั oคaเลgทlyคCคโNoรน้งัnaโทftลeี่i1oยr2eีรnาnaชcleมCงoคnลfeคrรeง้ั nทcี่ e12” “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคลขื่อับนนเควลัต่ือกนรรนมวตันกำ�เรศรรมษฐนกาิจเศปรลษกูฐแกนจิ วปคดิลเูกทแคนโนวโคลิดยเสีทเี คขโียนวโเพลยื่อีสกีเาขรียพวัฒเพนาือ่ ทก่ยี าง่ั รยพนื ัฒ”นาท่ีย่งั ยืน” ตู้ดูดควำมชื้นโดยใช้กำรลดควำมชื้นแบบควบแน่นร่วมกบั เทคโนโลยไี อโอที Desiccator Cabinet Using Condensation Dehumidifier Combined with Iot Technology ดนยั ศรีร่ืนเริง วสุ ธนากรสิทธิโชค และ บุญฤทธ์ิ คุม้ เขต* Danai Srirunroeng, Wasu Thanakornsitthichok and Boonyarit Kumkhet* สาขาวิชาวศิ วกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี Department of Electronics and Telecommunication Engineering Faculty of Engineering Rajamangala University of Technology Thanyaburi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ตูด้ ูดความช้ืนโดยใชก้ ารลดความช้ืนแบบควบแน่นร่วมกบั เทคโนโลยีไอโอที ตน้ แบบใชบ้ อร์ด ไมโครคอนโทรลเลอร์ ESP8266 ในการควบคุมการทางานโมดูลรีเลยเ์ พ่อื ใหไ้ ปควบคุมการทางานของแผน่ เพลเทียร์ซ่ึงทาหนา้ ที่เป็นตวั ดูดความช้ืนโดยใชห้ ลกั การกลนั่ ตวั ควบแน่นเป็นหยดน้า เพื่อควบคุมความช้ืน สมั พทั ธ์ตามค่าท่ีกาหนดไว้ และมีการแจง้ เตือนผา่ นแอพพลิเคชนั่ ไลน์เพื่อตรวจสอบการทางานของตูด้ ูด ความช้ืนเมื่อเกิดปัญหาในการดูดความช้ืน การทดสอบประสิทธิภาพของการควบคุมความช้ืนภายในตูด้ ูด ความช้ืน โดยต้งั ค่าความช้ืนสัมพทั ธ์แบ่งเป็ น 3 ช่วงไดแ้ ก่ 20%RH 40%RH และ 60%RH เม่ือต้งั ค่าการ ทางานตูด้ ูดความช้ืนแลว้ จากน้ันนาค่าความช้ืนที่ได้เซนเซอร์ SHT31 ท่ีติดต้งั ภายในตูด้ ูดความช้ืนไป เปรียบเทียบกบั ค่าความช้ืนจากอุปกรณ์ ไฮโกรมิเตอร์ ที่ติดต้งั ภายในตูด้ ูดความช้ืนเช่นกนั เพ่ือเป็ นการ ทดสอบความแม่นยาของการควบคุมความช้ืนโดยใชแ้ ผ่นเพลเทียร์ ผลการทดสอบการดูดความช้ืน มีค่า ผดิ พลาดร้อยละ 10 ที่การต้งั คา่ 20%RH มีคา่ ผดิ พลาดร้อยละ 2.5 ที่การต้งั ค่า 40%RH และมีคา่ ผดิ พลาดร้อย ละ 1.6 ท่ีการต้งั คา่ 60%RH ระบบของตูด้ ูดความช้ืนดว้ ยการลดความช้ืนแบบควบแน่นร่วมกบั เทคโนโลยี ไอโอทีสามารถแจง้ เตือนผา่ นแอพพลิเคชน่ั ไลน์ ได้ 2 สถานการณ์คือสามารถแจง้ เตือนเมื่อค่าความช้ืนมี คา่ สูงกวา่ ท่ีต้งั ค่าไวแ้ ละสามารถแจง้ เตือนเมื่อคา่ ความช้ืนมีคา่ เท่ากบั ค่าที่กาหนดไว้ คำสำคญั : แผน่ เพลเทียร์ ควบแน่น ตูด้ ูดความช้ืน เทคโนโลยไี อโอที 138
Tกhาeรกป1า2รรtปะhTชรRhะมุ aชeกjaมุ า1mวร2ชิจatาัดhnกงRgาาaaรนljรaaปะmดUรับะnaชชinvมุาgeตวarมิิชslaiหาtyกาUวาonิทรfiรยvTะาeeดลrcบัยัshiเชtทnyาคoตโolนิมofโหgลTyายeวNีรcทิ าahชยtniมาooลงnlคัยaoลเlgทCyคคoรโNัง้nนทafโe่ีtล1iroย2eีรnnาacชleมCงoคnลfeคrรe้ังnทcี่ e1”2 “๙ ราช“ม๙งครลาชขบัมเงคคลลอ่ื ขนบั นเวคัตลก่ือรนรนมวนัตำ�กเศรรษมฐนกาจิ เศปรลษูกฐแกนจิวคปิดลเทูกคแโนนวโลคยดิ ีสเทีเขคียโวนเโพล่ือยกีสาีเรขพียัฒวนเพาอ่ืทกี่ยางั่ ยรพนื ”ัฒนาทยี่ ง่ั ยืน” เครื่องอำบนำ้ สุนัขอตั โนมัตดิ ้วยเทคโนโลยไี อโอที Automatic Dog Bathing Machine with Iot Technology นนทวฒั น์ ผลพิกลุ กลางศจิกา สุขสุเมฆ และ บุญฤทธ์ิ คุม้ เขต* Nontawat Phonphikun, Klangsajika Suksumeak and Boonyarit Kumkhet* สาขาวิชาวศิ วกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี Department of Electronics and Telecommunication Engineering Faculty of Engineering Rajamangala University of Technology Thanyaburi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ ตูป้ ัจจุบนั พฤติกรรมของผทู้ ี่ชื่นชอบการเล้ียงสัตวเ์ล้ียงน้นั มีการเปล่ียนแปลงจากการเล้ียงแบบเจา้ นายที่เล้ียงสัตวเ์พื่อ การเฝ้าบา้ นหรือเพื่อความสวยงามไดม้ ีการเปล่ียนแปลงเป็ นการเล้ียงสัตวเ์ ปรียบดงั สมาชิกในครอบครัวซ่ึงทาให้การเลือก ผลิตภณั ฑ์หรือบริการต่างๆของสัตวเ์ ล้ียงจึงเป็ นการเลือกส่ิงที่ดีและมีคุณภาพเพื่อสัตวเ์ ล้ียงส่งผลให้ธุรกิจและบริการท่ี เก่ียวกบั การดูแลสตั วเ์ล้ียงน้นั มีการเติบโตอยา่ งมากธุรกิจการอาบน้าสุนขั กเ็ ป็นอีกธุรกิจที่มีการเจริญเติบโตแต่ดว้ ยวิกฤตการณ์ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19ทาให้ตอ้ งมีการเวน้ ระยะห่างทางสังคมทาให้การเลือกใชบ้ ริการอาบน้าสัตวเ์ ล้ียงน้นั จากดั ดงั น้ันเราจึงมีความสนใจในการออกแบบและสร้างเคร่ืองอาบน้าสุนัขอตั โนมตั ิด้วยเทคโนโลยีไอโอที โดยการบูรณาการ เทคโนโลยอี ินเตอร์เน็ตในทุกสรรพส่ิงกบั เคร่ืองอาบน้าสตั วเ์ล้ียงเพื่ออานวยความสะดวกต่อผูใ้ ชโ้ ดยไม่ตอ้ งไปใชบ้ ริการท่ีร้าน อาบน้าสตั วเ์ล้ียงซ่ึงระบบมีการแบ่งหนา้ ท่ีการทางานออกเป็น4ส่วนคือส่วนแปรงขดั ส่วนฉีดพ่นน้ายาอาบน้าส่วนฉีดพน่ น้า และส่วนเป่ าลมโดยใชบ้ อร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ ESP32ส่งสัญญาณผ่านโมดูลรีเลยเ์พื่อทาการควบคุมการทางานในแต่ละ ส่วนส่วนแปรงขดั ทางานโดยควบคุมการทางานของสเต็ปปิ้ งมอเตอร์ขนาด2.8Aกาลงั 1.26N.m.เพื่อบงั คบั แปรงขดั ทาความ สะอาดบนตวั สุนขั ส่วนการอาบน้าจะใชโ้ ซลีนอยวาลว์ ในการควบคุมการฉีดพ่นน้ายาอาบน้าและฉีดพน่ น้าเพื่อชาระสิ่งสกปรก บนตวั สุนขั และสุดทา้ ยส่วนเป่ าลมจะใชก้ ารส่ังงานแบบเปิ ดปิ ดเพ่ือควบคุมเคร่ืองเป่ าขนให้ขนสุนขั แห้งนอกจากน้ีเครื่อง อาบน้าสุนขั อตั โนมตั ิ สามารถแบ่งรูปแบบการทางานออกเป็น2รูปแบบคือการทางานคือแบบทางานอตั โนมตั ิ โดยแบบทางาน อตั โนมตั ิสามารถเลือกรูปแบบการทางานตามลกั ษณะความยาวของขนสุนขั ซ่ึงแบ่งเป็น3ระดบั ระดบั ขนยาว8-15เซนติเมตร ระดบั ขนยาวปานกลาง4-8เซนติเมตร และระดบั ขนส้ัน1–3 เซนติเมตรและแบบทางานดว้ ยมือจะใชแ้ อปพลิเคชนั Blynkเพื่อ การควบคุมและแสดงสถานะของระบบผลการทดสอบเคร่ืองอาบน้าสุนขั อตั โนมตั ิสามารถทางานในรูปแบบอตั โนมตั ิไดถ้ ูกตอ้ ง ตามที่ระบบต้งั ค่าไว้และมีการทดสอบการวดั อุณหภูมิลมท่ีออกมาจากเคร่ืองเป่ าขนเปรียบเทียบกบั เวลาในแต่ละระดบั ความยาว ขนสุนขั ซ่ึงทาการทดลองวดั อุณหภูมิโดยใชเ้ซ็นเซอร์วดั อุณหภูมิโดยค่าเฉลี่ยอุณหภูมิอยใู่ นช่วง38-40องศาเซลเซียส คำสำคญั : เทคโนโลยไี อโอที เครื่องอาบน้าสุนขั อตั โนมตั ิ ไมโครคอนโทรลเลอร์ 139
Tกhาeรกป1าร2ระtปThชรhมุRะeaกชjาaุม1รmว2จิชtaัดhาnงRกgาaาaนรjlaปรamะรดUะaบัnชnชiมุ vgาวeaติชrlิมsaาiหtกUyาาวnรoิทiรfvยะeTาดreลับscยัiชthเyทาnตคooมิโlfนoหTโgาลyeวยcทิNีรhายanชtาioมลolงยัnoคเagทลlyคCคโNoรนัง้anโทtลfie่ี oย1rรีn2eาanชlcมeCงoคnลfeคrรeง้ั nทcี่ e1”2 “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมบั งเคคลข่ือบันนเควลตั อ่ื กนรรนมวตันกำ�รเศรรมษนฐกาิจเศปรษลกูฐแกนจิ วปคลดิ ูกเทแคนโวนคโลิดยเทสี เีคขโียนวโเลพยอ่ื สี กเีาขรยี พวัฒเพน่ือาทกยี่าร่งั ยพืนัฒ”นาท่ียั่งยนื ” กำรปรับปรุงวงจรกำรอ่ำนค่ำของเคร่ืองมือวดั ควำมเร็วกระแสนำ้ เพื่อลดค่ำ ควำมไม่แน่นอนในกำรวดั The Reading Circuit Improvement of Flow Velocity Meter to Reduce The Measurement Uncertainty ฌานิน หาญณรงค์ พชิ ชานนั ท์ วงศศ์ ิริธร และ สัญญา สมยั มาก* Shanin Harnnarong, Pitchanun Wongsiritorn and Sanya Samaimak* คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา จ.นครปฐม Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Rattanakosin, Salaya, Nakhon Pathom, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ เครื่องมือวดั ความเร็วกระแสน้า รุ่น A-OTT C 31 เป็ นเครื่องมือท่ียงั ถูกใชอ้ ยโู่ ดยกรมชลประทาน A-OTT C 31 ใหเ้ อาตพ์ ตุ เป็นสัญญาณรูปคลื่นสี่เหลี่ยมท่ีความถ่ีข้ึนกบั ความเร็วของกระแสน้าในขณะทาการวดั จากงานวิจยั ที่ผา่ นมาผวู้ ิจยั ไดท้ าการออกแบบและสร้างเคร่ืองอ่านสญั ญาณเอาตพ์ ตุ จาก A-OTT C 31 เพื่อ แสดงผลเป็ นค่าความถ่ี พบว่าเมื่อเอาตพ์ ุตมีความถ่ีเพ่ิมข้ึน ค่าความผิดพลาดจากการอ่านสัญญาณของ เคร่ืองจะมีค่าเพ่ิมข้ึน ส่งผลให้ค่าความไม่แน่นอนในการวดั เพ่ิมข้ึนตามไปดว้ ย งานวิจยั น้ีนาเสนอการ ปรับปรุงวงจรการอ่านสัญญาณใหด้ ีข้ึนเพ่ือลดค่าความไม่แน่นอนในการวดั ผลจากการทดลองไดแ้ สดง ใหเ้ ห็นถึงคา่ ความไม่แน่นอนในการวดั ที่ลดลงเม่ือเปรียบเทียบกบั งานวิจยั ก่อนหนา้ คำสำคญั : กรมชลประทาน เคร่ืองมือวดั ความเร็วกระแสน้า 140
Tกhาeรกป1า2รระtปhTชรRhมุะaeชกjaุมา1mรว2จชิ atัดาhnกงRgาาaaรนljรaaปะmรดUะับanชnชivมุ าgeวตarชิมิlsaiาหtกyาUาวonริทfiรยvะTาeดeลrับcsยั ihชเtทnyาคoตoโlิมนofหโgTลyาeยวNcรีทิ าhaยชtnาiมooลงnlยัคoaเลglทyCคคoรโNน้ังnaทโftลe่ี i1oยr2eีรnnาacชleมCงoคnลfeคrรe้ังnทcี่ e12” “๙ ราช“๙มงรคาลชขมบั งเคลอ่ืขนับนเควัตลก่อื รนรนมวนตั ำ�กเรศรมษฐนกาจิ เศปรลษกู ฐแกนจิ วคปิดลเูกทแคนโนวโคลิดยเสี ทีเขคยีโนวเโพลอ่ืยกีสาีเขรพียฒัวเนพา่อื ทกี่ยาง่ั รยพนื ฒั” นาที่ยัง่ ยนื ” กำรวำงแผนและปฏิบัตกิ ำรเพื่อลดกำลงั ไฟฟ้ำสูญเสียในระบบจำหน่ำยไฟฟ้ำ ด้วยกำรวเิ ครำะห์แผนเหตุกำรณ์ Planning and Operation for Reduce Power Loss in Distribution System with Scenarios Analysis ณชั พล เรืองทรัพย์ นาวิน รอดเรือง นเรศ ชลงั สุทธ์ิ และ นฐั โชติ รักไทยเจริญชีพ* Natchapol Ruangsap Nawin Rodrueang Narate Chalangsut and Nattachote Rugthaicharoencheep* สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ บทความวิจยั น้ีนาเสนอการวางแผนและปฏิบตั ิการเพื่อลดกาลงั ไฟฟ้าสูญเสียในระบบจาหน่าย ไฟฟ้าด้วยการวิเคราะห์แผนเหตุการณ์ไฟฟ้า ในงานวิจัยน้ีใช้โปรแกรมจาลองทางคณิตศาสตร์ (MATLAB/Simulink) โดยแบ่งออกเป็ น 4 กรณีศึกษา ได้แก่ กรณีที่ 1 การไหลของกาลังไฟฟ้าใน สภาวการณ์ปกติ กรณีท่ี 2 การเพิ่มวงจรสายส่ง กรณีท่ี 3 การเพิ่มแรงดนั ไฟฟ้าและกรณีที่ 4 การติดต้งั เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าแบบกระจายตวั จากผลการทดสอบการลดกาลงั ไฟฟ้าสูญเสียในระบบจาหน่ายไฟฟ้า พบว่ากรณีท่ี 2 และ 4 สามารถลดกาลงั ไฟฟ้าสูญเสียในระบบจาหน่ายไฟฟ้าและสามารถปรับปรุง แรงดนั ไฟฟ้าใหอ้ ยใู่ นเกณฑม์ าตรฐาน คำสำคญั : การวางแผนและปฏิบตั ิการ กาลงั ไฟฟ้าสูญเสีย ระบบจาหน่ายไฟฟ้า 141
การประชุมการจัดงานประชุมวิชาการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล คร้ังท่ี 12 การปTรhะeชุม1ว2ชิthาRกาaรjaรmะดaับnชgาaตlิมaหUาวnทิ ivยeาrลsยั itเyทคoโfนโTลeยcีรhาชnมoงloคลgyคNรง้ั aทt่ีi1o2nal Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ รา“ช๙มงรคาลชขมับงเคคลลขอื่ ับนนเควลัตอื่ กนรรนมวัตนกำ�เรศรรมษฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนจิ วปคิดลเูกทแคนโนวโคลดิ ยเีสทีเคขโยี นวโเพลยื่อสีกาเี ขรพียวัฒเนพาอื่ ทกย่ี าัง่ รยพืนัฒ”นาทีย่ งั่ ยืน” เทคนิคกำรเชื่อมต่อโรงไฟฟ้ำพลงั งำนแสงอำทติ ย์เพื่อลด กำลงั ไฟฟ้ำสูญเสียในระบบจำหน่ำย Techniques for Connecting Photovoltaic Power Plants to Reduce Power Losses in Distribution Systems ปพน งามประเสริฐ นริศ ชชั ธรานนท์ และ นฐั โชติ รักไทยเจริญชีพ* Papon Ngamprasert, Naris Chattranont1 and Nattachote Rugthaicharoencheep* สาขาวิชาวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangsue, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ บทความวิจยั น้ีนาเสนอเทคนิคการเชื่อมต่อโรงไฟฟ้าพลงั งานแสงอาทิตยเ์ พ่ือลดกาลงั ไฟฟ้า สูญเสียในระบบจาหน่าย การลดกาลงั ไฟฟ้าสูญเสียเป็ นปัจจยั ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของระบบจาหน่าย ไฟฟ้า โดยมีผลกระทบทางเทคนิคภายใตข้ อ้ จากดั เช่น ช่วงเวลาระยะของโหลด ระยะทางจากจุดตน้ ทาง ไปยงั กลุ่มโหลด ดงั น้นั จึงนาเสนอบทความน้ีเพื่อแกไ้ ขปัญหากาลงั ไฟฟ้าสูญเสียในระบบจาหน่ายไฟฟ้า โดยการเช่ือมต่อโรงไฟฟ้าพลงั งานแสงอาทิตย์ ดว้ ยการสร้างแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ของระบบ จาหน่าย 33 บสั และอลั กอริธึมการไหลของพลงั งานร่วมกบั เครื่องกาเนิดไฟฟ้าแบบกระจายตวั ชนิด พลงั งานแสงอาทิตย์ ผลการวิจยั พบว่าการเชื่อมต่อโรงไฟฟ้าพลงั งานแสงอาทิตยส์ ามารถปรับปรุง กาลงั ไฟฟ้าสูญเสียในระบบจาหน่ายได้ คำสำคญั : กาลงั ไฟฟ้าสูญเสีย โฟโตโวตาอิค ระบบจาหน่ายไฟฟ้า 142
Tกhาeรกป1า2รรtะปhTชรRhะมุ aชeกjaมุ า1mวร2ชิจatาัดhnกงRgาาaaรนljรaaปะmดUระับnaชชinvมุาgeตวarิมิชslaiหาtyกาUวาonทิรfiรยvTะาeeดลrcบัยัshiเชtทnyาคoตoโlิมนofโหgลTyายeวNรีcิทาahยชtniามooลงnlคยั aoลเlgทCyคคoรโN้งันnทafโteี่ล1iroย2eีรnnาacชleมCงoคnลfeคrรeง้ั nทcี่ e1”2 “๙ ราช“ม๙งคราลชขมบั งเคคลลอื่ ขนับนเวคตัลกอ่ื รนรนมวนัตำ�กเศรรรมษฐนกาิจเศปรลษกู ฐแกนิจวคปดิ ลเทูกคแโนนวโคลยิดีสเทเี ขคียโวนเโพลอื่ ยกสี าีเรขพียฒั วเนพา่อืทกี่ยา่งั ยรพนื ”ฒั นาท่ยี ั่งยนื ” กำรเพมิ่ ประสิทธิภำพเซลล์แสงอำทิตย์ในกระบวนกำรเชื่อมต่อริบบอนทองแดง Optimizing Solar Cells In Copper Ribbon Connection Process ศกั ด์ิดา มนั่ คง* Sakda Mankhong* คณะวศิ วกรรมศาสตร์และเทคโนโลย,ี วิทยาลยั เทคโนโลยสี ยาม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ 10600 Faculty of Engineering and Technology, Siam Technology College, Khet Bangkok Yai, Bangkok 10600, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจยั น้ีเป็ นการทดลองการเพ่ิมประสิทธิภาพเซลลแ์ สงอาทิตยใ์ นกระบวนการเช่ือมต่อเซลล์ แสงอาทิตยด์ ว้ ยริบบอนทองแดง (Cu Ribbon) ซ่ึงในกระบวนการเช่ือมต่อเซลล์จะใชร้ ิบบอนทองแดง ในการเชื่อมต่อวงจรไฟฟ้าของเซลล์แสงอาทิตย์ พบว่าเซลล์แสงอาทิตย์ที่แผงขนาด1x2m วดั ค่า กาลังไฟฟ้าหลังจากการผลิตมีค่าเฉลี่ย 316.0 w จากขนาดของริ บบอนทองแดงท่ี 0.20 mm ค่าประสิทธิภาพแผงเซลลแ์ สงอาทิตย์ (Module efficiency) เท่ากบั 15.80% ทาการออกแบบการทดลอง โดยใชข้ นาดของริบบอนทองแดงที่ขนาด 0.20 0.25 0.30 และ 0.35 mm ตามลาดบั ทาการเช่ือมต่อเซลล์ กบั ริบบอนทองแดงโดยใชเ้ ครื่องเช่ือมอตั โนมตั ิแบบ Auto String Welder โดยการควบคุมอุณหภูมิและ ความเร็วในการป้อนเช่ือมริบบอนทองแดงท่ีค่าคงท่ีเท่ากบั 380 องศาเซลเซียส และ 2 m/min ผลการวิจยั พบว่าขนาดของริบบอนทองแดงที่มีประสิทธิภาพกาลงั ไฟฟ้าเพิ่มข้ึนท่ีเหมาะสมต่อการนาไปใชง้ าน ในกระบวนการผลิตแผงเซลลแ์ สงอาทิตย์ คือ ริบบอนทองแดงขนาด 0.25 mm เนื่องจากใหค้ ่ากาลงั ไฟฟ้า โดยเฉลี่ยมากกว่า 320.8 w มีค่าประสิทธิภาพแผงเซลลแ์ สงอาทิตย์ (Module efficiency) เท่ากบั 16.04% และไม่พบชิ้นงานเสียหรือการแตกของเซลลแ์ สงอาทิตยห์ ลงั จากการเช่ือมต่อเซลลด์ ว้ ยริบบอนทองแดง คำสำคญั : ริบบอนทองแดง เซลลแ์ สงอาทิตย์ กาลงั ไฟฟ้า 143
Thกeากร1าป2รรtปhะรTชRะhaมุ ชjeกaมุ าmว1รชิ2aจาtnดัhกgงาRaารalนรajะaปดUmรับnะaชiชvnามุegตrวaิมsชิliหtaาyากUวoาทิ nfรยiรTvาะeeลดcrัยบัshเiทชntyคาoโตloนoมิ fโgหลyTยาeNวีรcาaทิ hชtยiมnoางonลคlaัยoลlเgทCคyคoร้ังโNnนทfaโe่ี t1ลri2oeยnnรี าcaชelมCงoคnลfeคrรeั้งnทcี่ e1”2 “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลอื่ ขนบันวเคตั ลกือ่รรนมนวนตัำ�เกศรรรษมฐกนิจาเปศลรูกษแฐนกวิจคปดิ เลทกู คแโนนโวลคยดิ ีสเีเทขคยี วโนเพโลื่อยกสีารเี ขพยีัฒวนเพาท่ือ่ียก่งั ายรืนพ”ฒั นาทย่ี ่ังยนื ” การอนุรักษ์พลงั งานของเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนในอาคารเรียนรวม บริหารธุรกจิ และศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ตาก Energy Conservation of Split Type Air Conditioner in Faculty of Business Administration and Liberal Arts Building of RMUTL Tak ยธุ นา ศรีอุดม1* และ ประสาท เจาะบารุง2 Yuttana Sriudom1* and Prasat Jorbumrung2 1สาขาวศิ วกรรมเครื่องกล คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ตาก อ.เมือง จ.ตาก 2สาขาวชิ าครุศาสตร์เครื่องกล คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ตาก อ.เมือง จ.ตาก 1Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna Tak, THAILAND 2Department of Mechanical Technology Education, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna Tak, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อ อนุรักษ์พลงั งานของเคร่ืองปรับอากาศแบบแยกส่วนภายในอาคาร เรี ยนรวมคณะบริ หารธุรกิจและศิลปศาสตร์ โดยมีเคร่ื องปรับอากาศ ขนาด 36,814 Btu/hr จานวน 12 เครื่ อง โดยจากผลการดาเนินงาน พบว่า เครื่ องปรับอากาศก่อนทาการบารุ งรักษา มีค่าประสิทธิภาพการทาความเยน็ (EER) โดยเฉลี่ย 6.2 และ หลงั จากบารุงรักษาเคร่ืองปรับอากาศมีค่า ประสิทธิภาพการทาความเยน็ (EER) โดยเฉล่ีย 9.1 โดยเคร่ืองปรับอากาศหลงั การบารุงรักษาจะมีค่า ประสิทธิภาพการทาความเยน็ (EER) เฉล่ียสูงข้ึน 2.9 คิดเป็น 46.8 % และสามารถประหยดั พลงั งานไฟฟ้า ได้ 11,653.2 kWh/yr. หรือ คิดเป็ นค่าพลงั งานไฟฟ้าท่ีประหยดั ได้ เท่ากบั 33,533.3 บาท/ปี จากผลการ ดาเนินงานช้ีให้เห็นว่าหากทาความสะอาด และบารุงรักษาเคร่ืองปรับอากาศอย่างสม่าเสมอ จะทาให้ เครื่ องปรับอากาศใช้พลังงานไฟฟ้าที่ลดลง และจะทาให้เครื่ องปรับอากาศทางานได้อย่างเต็ม ประสิทธิภาพน้นั เอง คาสาคญั : การอนุรักษพ์ ลงั งาน เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน อตั ราส่วนประสิทธิภาพพลงั งาน 144
Thกeาก1รา2ปรtปรhะรRTชะaชhมุ jaุมeกmวา1ิชรa2าจntกดัhgางaRราlaรaนะjaปดUmับรnะชiavชาneตุมgrิมวsaiหชิltayาาวกoUิทาfnยรTiราveะลecดยั rhบัเsทniชtคoyาโlตนooมิโgfลyหยTาNรีeวาacทิชthiยมonางnoคลalลยั loเCคgทyoรคง้ัnโNทนfae่ี โ1rtล2eioยnnรี cาaeชlมCงoคnลfeคrรeงั้ nทc่ี e12” “๙ ราชม“ง๙คลรขาชับมเคงลคื่อลนขนบั วเตัคกลรื่อรนมนนวำ�ัตเศกรษรมฐกนิจาปเศลรูกษแฐนกวิจคิดปเทลคกู โแนนโลวยคสีดิ เี ขทยี ควโเนพโ่ือลกยาสี รีเพขัฒียวนเาพทอ่ืยี กง่ั ยาืนรพ”ฒั นาท่ีย่งั ยนื ” ปัจจยั ท่มี ีผลกระทบต่อความล่าช้าในงานก่อสร้าง กรณศี ึกษาแขวงทางหลวง จงั หวดั อุดรธานี The Affect Factors for Construction Delays Case study of Udon Thani Highways District จนั ทิมา มณีโชติวงศ*์ ณฐั ธิดา นิลจินดา นฐั วฒุ ิ เหมะธุลิน และ ศตวรรษ บวั ทิน Janthima Maneechotiwong*, Nattida Ninjinda, Nattawut Hemathulin and Sattawas Buatin สาขาวศิ วกรรมโยธา คณะอตุ สาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตสกลนคร ประเทศไทย 1Faculty of Industry and Technology, Rajamangala University of Technology Isan Sakon Nakhon Campus, THAILAND *Corresponding author. E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั ในคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจยั ที่มีผลกระทบต่อความล่าช้าในงานก่อสร้าง แขวงทางหลวงจงั หวดั อุดรธานี แบ่งเป็ นหวั ขอ้ ปัจจยั ท่ีมีผลกระทบต่อความล่าช้า โดยการเก็บรวบรวม ขอ้ มูลจากตวั แทนของผูว้ ่าจา้ งโดยใช้การสัมภาษณ์และใช้แบบสอบถาม จานวน 31 โครงการ ผลจาก การศึกษาแต่ละปัจจยั ที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อความล่าชา้ ของโครงการ มีดงั น้ี ดา้ นบุคลากรท่ีเกี่ยวขอ้ ง คือผคู้ วบคุมงานของผูว้ า่ จา้ งขาดการประสานงานกบั ผรู้ ับจา้ ง ดา้ นการเงิน คือค่าแรงที่ต่าเกินไปทาใหไ้ ม่ มีแรงจูงใจในการทางาน ด้านเครื่องจกั รกล คือการท่ีไม่มีเคร่ืองจกั รประจาเป็ นของตวั เอง ดา้ นวสั ดุ อุปกรณ์ก่อสร้าง คือการขออนุมตั ิเทียบเท่าวสั ดุทาได้ยาก ด้านข้ันตอนวิธีการก่อสร้าง คือ การรอ ผลทดสอบวสั ดุ และดา้ นอื่นๆคือ ระบบสาธารณูปโภค กีดขวางพ้ืนท่ีทางาน ผลจากการวิจยั น้ี ทาให้ ทราบถึงสาเหตุท่ีก่อใหเ้ กิดความล่าชา้ ในการดาเนินการก่อสร้าง ซ่ึงจะไดเ้ ป็ นขอ้ มูลจากผูว้ า่ จา้ งเพื่อใชใ้ น การวางแผนและช่วยทาให้แกไ้ ขในการดาเนินการก่อสร้างและมีส่วนช่วยทาให้บรรลุตามวตั ถุประสงค์ ของโครงการท่ีคลา้ ยคลึงกนั ได้ คาสาคัญ: ปัจจยั ความล่าชา้ ผวู้ า่ จา้ ง งานก่อสร้าง ผลกระทบ 145
กากราปรรปะรชะมุ ชกุมาวรชิ จาดักงาารนระปดรบั ะชชามุ ตวมิ ชิ หาากวาิทรยราะลดัยับเทชคาตโนมิ โหลยาวรี าทิ ชยมางลคัยลเทคครโง้ั นทโี่ ล12ยีราชมงคล ครั้งที่ 12 The 12th TRhajeam12atnhgRaalajaUmnaivnegraslitayUonfiTvecrshintyoloofgyTeNcahtinoonlaolgCyoNnfaetrioencael Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลอ่ื ขนบันวเคัตลกื่อรนรมนวนตัำ�เกศรรรษมฐกนจิ าเปศลรกูษแฐนกวจิ คปิดเลทูกคแโนนโวลคยดิ ีสเีเทขคยี วโนเพโล่ือยกีสารีเขพยีัฒวนเพาทอ่ื ่ียกงั่ ายรืนพ”ฒั นาท่ยี ่ังยนื ” การประเมนิ ทางประสาทสัมผสั ของสิ่งทอไทยเพ่ือการนาเสนอภาพ บนตลาดออนไลน์ Sensory Evaluation of Thai Textiles for Visual Presentation on Online Market พชรณฏั ฐ์ ไชยประเสริฐ และ พิธาลยั ผพู้ ฒั น์* Phacharanat Chaiprasert, Pithalai Phoophat* ภาควชิ าวทิ ยาการสิ่งทอคณะอตุ สาหกรรมเกษตรมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ 50ถนนงามวงศว์ านแขวงลาดยาวเขตจตจุ กั รกรุงเทพฯ Department of Textile Science, Faculty of Agro-Industry, Kasetsart University 50 Ngamwongwan Rd., Lat Yao, Chatuchak, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์พ่ือศึกษาปัญหาความพึงพอใจของผซู้ ้ือสินคา้ บนตลาดออนไลน์และการประเมินทาง ประสาทสัมผสั ของสิ่งทอไทยเพื่อการนาเสนอภาพบนตลาดออนไลน์โดยทาการสมั ภาษณ์ผปู้ ระกอบการท่ีขายผลิตภณั ฑ์ สิ่งทอไทยบนตลาดออนไลน์จานวน7รายและแบบสอบถามบุคคลทว่ั ไปท่ีซ้ือสินคา้ บนตลาดออนไลน์จานวน395ราย หลงั จากน้นั นาขอ้ มูลที่ไดม้ าวเิคราะห์ผลและแสดงค่าเป็ นร้อยละทาการทดสอบการประเมินการรับรู้ทางประสาทสัมผสั ทางสายตาของผูบ้ ริโภคต่อรูปแบบการนาเสนอสิ่งทอไทยบนหนา้ จอดิจิทลั ดว้ ยการจดั วางรูปแบบผา้ ผืนท่ีแตกต่างกนั ภาพนิ่ง 6 รูปแบบภาพเคล่ือนไหว 2 ทิศทางความชา้ เร็วของภาพเคลื่อนไหว 2 ระดบั และระยะกาลงั ขยายท่ีแตกตา่ งกนั 3ระดบั ผา้ ตวั อยา่ งที่นามาทดสอบมี 12 ผืนเป็ นผา้ ทอท่ีมีความแตกต่างกนั ในเร่ืองของวสั ดุ โครงสร้างผา้ พ้ืนผวิ สี และ ลวดลายมีผเู้ขา้ ร่วมจานวน10 รายที่อาศยั อยใู่ นกรุงเทพฯมีประสบการณ์ในการซ้ือสินคา้ ออนไลนม์ าเป็นระยะเวลาอยา่ ง น้อย1ปี โดยทาการทดสอบผา้ ทีละผืนให้คะแนนความสัมพนั ธ์ของสัมผสั ผา้ กบั รูปแบบการนาเสนอที่ต่างกนั ตาม คาถามในแบบทดสอบและประเมินทางประสาทสัมผสั ของผา้ ดว้ ยการให้คะแนนจาก-3ถึง+3ตามคาคุณศพั ทค์ ู่ตรงขา้ ม 16คู่ ผลจากการทดสอบพบวา่ ผูท้ ดสอบใหค้ วามสนใจการนาเสนอภาพถ่านสินคา้ ในรูปแบบการวางผา้ แบบพาดทิ้งตวั บนโฟมกลมที่ทาให้เกิดการรับรู้ผิวสัมผสั ที่มีต่อผา้ จริงการวางผา้ แบบเป็ นคลื่นแนวเฉียงเป็ นรูปแบบการนาเสนอ ภาพถ่ายสินคา้ ท่ีน่าดึงดูดภาพเคล่ือนไหวแบบการสะบดั ผา้ จากมุมผา้ มีระดบั ความเร็วแบบชา้ เป็นการนาเสนอที่น่าสนใจ และการขยายภาพระดบั 3Xทาให้เห็นรายละเอียดของผา้ ไดช้ ดั เจนซ่ึงผลการวจิ ยั น้ีสามารถนาไปใชเ้ ป็ นแนวทางในการ นาเสนอผวิ สมั ผสั ผา้ ใหต้ อบสนองความตอ้ งการของผบู้ ริโภคตามความเป็นจริงที่สุด คาสาคัญ: การรับรู้ผิวสัมผสั การประเมินทางประสาทสัมผสั ทางสายตา ส่ิงทอไทย ตลาดออนไลน์ การนาเสนอ 146
กากราปรประระชชมุ มุ กวาิชราจกดั างรารนะปดับระชชาตุมมิวหชิ าาวกทิายรราะลดยั เบั ทชคาโตนมิโลหยารี วาทิชยมางคลลยั เคทรคัง้ โทนี่ โ1ล2ยีราชมงคล ครงั้ ที่ 12 The 12th RTahjaem1a2nthgaRlaajaUmniavnegrsaitlay oUfnTiveecrhsnitoyloogfyTNeacthionnoalloCgyonNfearteionncael Conference” “๙ ราชม“ง๙คลรขาชบั มเคงลคอ่ื ลนขนบั วเัตคกลร่อื รนมนนวำ�ตั เศกรรษรมฐกนจิ าปเศลรูกษแฐนกวจิคดิ ปเทลคูกโแนนโลวยคีสิดเีเขทยี ควโเนพโือ่ ลกยาสี รเีพขัฒียวนเาพท่ือีย่ กงั่ ยาืนรพ”ัฒนาท่ียั่งยนื ” การศึกษาความคงตวั ของสารให้สีจากเปลือกแก้วมงั กรในผลติ ภณั ฑ์แยมแก้วมงั กร Study on Stability of Coloring Agent from Dragon Fruit Peel in Dragon Fruit Jam พิมพส์ ิรี สุวรรณ* อภินนั ท์ วลั ภา และ พฤกษา สวาทสุข Pimsiree Suwan*, Apinun Wanlapa and Prueksa Sawardsuk ภาควชิ าวศิ วกรรมเกษตร คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Agricultural Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ หากระบวนการผลิตสารใหส้ ีจากเปลือกแกว้ มงั กรท่ีเหมาะสม และ เปรียบเทียบความคงตวั ของสารใหส้ ีท่ีไดใ้ นผลิตภณั ฑ์แยมแกว้ มงั กรในสภาวะการเก็บรักษาต่าง ๆ โดย กระบวนการท่ีใช้ผลิตสารให้สี ไดแ้ ก่ การอบแหง้ ดว้ ยตูอ้ บลมร้อน การทาแหง้ แบบแช่เยือกแขง็ และการ ทาแหง้ แบบพน่ ฝอย จากน้นั นาสารใหส้ ีที่ไดไ้ ปผสมในแยมแกว้ มงั กร เพื่อวิเคราะห์ความคงตวั ของสาร ใหส้ ีจากกระบวนการตา่ ง ๆ ในสภาวะการเกบ็ รักษาที่แตกตา่ งกนั ไดแ้ ก่ การเก็บรักษาแบบสลบั ร้อนสลบั เยน็ (30/5 องศาเซลเซียส) การเก็บรักษาที่อุณหภูมิหอ้ ง การเก็บรักษาท่ีอุณหภูมิแช่เยน็ (5 องศาเซลเซียส) และการบ่มที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส และนาออกมาวิเคราะห์ทุก 3 วนั เพ่ือเปรียบเทียบกบั สีผสม อาหารสังเคราะห์ (ชุดควบคุม) จากการทดลอง พบว่า ค่าความแตกต่างของสีโดยรวม (∆E*) ของ ผลิตภณั ฑแ์ ยมแกว้ มงั กรท่ีผสมสารให้สีจากกระบวนการต่าง ๆ มีแนวโนม้ เพ่ิมข้ึน แยมแกว้ มงั กรมีสีซีด จางลงเรื่อย ๆ เม่ือระยะเวลาในการเก็บรักษานานข้ึน ในขณะที่ตวั อย่างชุดควบคุมเกิดการเปล่ียนแปลง เพียงเล็กนอ้ ยระหวา่ งการเก็บรักษา จากการทดลองสรุปไดว้ า่ การผลิตสารให้สีจากเปลือกแกว้ มงั กรดว้ ย กระบวนการทาแหง้ แบบแช่เยือกแขง็ ทาให้สารใหส้ ีมีความคงตวั มากที่สุด โดยมีค่าคร่ึงชีวิต (t1/2) เท่ากบั 18.05 วนั และวธิ ีการเกบ็ รักษาแยมแกว้ มงั กรที่ดีที่สุด คือ เก็บรักษาไวท้ ี่อุณหภูมิแช่เยน็ 5 องศาเซลเซียส คาสาคัญ: สารใหส้ ี แกว้ มงั กร ฟรีซดราย สเปรยด์ ราย ค่าคร่ึงชีวติ 147
การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ที่ 12 Theก1า2รtปhรTRะahชjeaมุ mว1ิชa2าntกhgาRaรlaรajะaดUmับnชaivnาeตgrิมasiหltayาวUoิทfnยTiาveลecยั rhsเทnitคoyโlนooโgfลyTยNีรeาacชthiมonงnoคalลol Cgคyoร้ังnNทfaeี่ 1tr2ieonncael Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเคงลคอื่ลนขนบั วเคัตลกร่อื รนมนนวำ�ัตเกศรรรษมฐกนิจาปเศลรูกษแฐนกวจิ คดิ ปเลทูกคโแนนโวลคยสีดิ ีเเขทยี ควโเนพโอ่ื ลกยาีสรเีพขัฒียวนเาพทือ่ ่ยี ก่งั ยาืนรพ”ฒั นาท่ีย่ังยนื ” การศึกษาผลของปริมาณแป้งข้าวเหนียว และกลเี ซอรอล ต่อสมบตั เิ ชิงกล และการย่อยสลายของพอลแิ ลคตกิ แอซิด Study on Effects of Glutinous Rice Flour Content and Glycerol on Mechanical Properties and Degradation of Polylactic Acid กาญจนา มว่ งกลว้ ย นนั ทิชา ขาวฉลาด ณฐั กฤตา ประเสริฐโสภา นวลละออง สระแกว้ และ วษิ ณุ เจริญถนอม* Kanjana Muangkluai, Nanthicha Khawchalad, Natkrita Prasoetsopha, Nuan La-ong Srakaew and Wissanu Charerntanom* สาขาวชิ าวศิ วกรรมวสั ดุ คณะวศิ วกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน Department of Materials Engineering, Faculty of Engineering and Technology, Rajamangala University of Technology Isan, Muang, Nakhon Ratchasima, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวจิ ยั น้ีไดม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ทาการศึกษาอตั ราส่วนโดยน้าหนกั ของพอลิแลคติกแอซิด แป้งขา้ ว เหนียว และกลีเซอรอล ท่ีอตั ราส่วน 100:0:0, 80:10:10, 60:20:20 และ 50:25:25 ตอ่ สมบตั ิความตา้ นทาน แรงดึง สมบตั ิความตา้ นทานแรงกระแทก สมบตั ิความแขง็ สมบตั ิความตา้ นทานแรงดดั โคง้ และการยอ่ ย สลายของวสั ดุผสม ผลการทดลองพบว่า ท่ีอตั ราส่วน 60:20:20 มีค่าสมบตั ิเชิงกลดีที่สุด ความตา้ นทาน แรงดึง ความแข็ง มอดูลสั ของยงั มอดูลสั ความดดั โคง้ และความตา้ นทานการดดั โคง้ ของวสั ดุผสมมี แนวโนม้ ลดลงตามปริมาณแป้งและกลีเซอรอลที่เพิ่มข้ึน ในขณะท่ีความตา้ นทานแรงกระแทก การยดื ตวั ณ จุดขาด และการยอ่ ยสลาย มีแนวโนม้ เพ่ิมข้ึนตามปริมาณแป้งและปริมาณกลีเซอรอลที่เพม่ิ ข้ึน คาสาคญั : พอลิแลคติกแอซิด แป้งขา้ วเหนียว กลีเซอรอล สมบตั ิเชิงกล 148
Thกeากร1าป2รtปรhะรRTชะahชมุ jaeุมกmวา1ิชรa2จาntกดัhgางRaราlaรaนjะaปดUmรบัnะชaivชาneมุตgrวมิsaiชิหltayาากวUoทิาfnรยTiราvะeลeดcยั rhบัsเทniชtคoyาโlตนooมิ โgfลหyTยาNeรี วาacทิ ชthยiมonางnoลคalยัลolเgทCคyoรคัง้nโNทนfaeี่โ1tลri2eoยnnีรcาaeชlมCงoคnลfeคrรeัง้ nทcี่ e12” “๙ ราชม“๙งคลราขชับมเคงลคื่อลนขนบั วเตัคกลรอ่ื รนมนนวำ�ตั เกศรรษมฐกนจิ าปเศลรูกษแฐนกวิจคดิ ปเลทกูคแโนนโวลคยิดสี เี ขทยีควโเนพโือ่ลกยาสี รเี พขฒัยี วนเาพทอ่ื ่ยี กั่งายรืนพ”ฒั นาทย่ี ง่ั ยืน” เคร่ืองกะเทาะเปลือกเมลด็ มะคาเดเมียแบบอตั โนมัติ Automatic Macadamia Nut Cracker Machine วริ ัช แสงสุริยฤทธ์ิ* Wirat Sangsuriyarid* ภาควชิ าวศิ วกรรมเกษตร คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Agricultural Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวจิ ยั น้ีเป็ นการออกแบบและสร้างเครื่องกะเทาะเปลือกมะคาเดเมียแบบอตั โนมตั ิ การศึกษามี 2 ตอนคือ ศึกษาคุณสมบตั ิทางกายภาพมะคาเดเมียจานวน 250 เมล็ดพบว่า มะคาเดเมียก่อนกะเทาะมี ความช้ืน 12.61 เปอร์เซ็นตม์ าตรฐานเปี ยก มีความกวา้ ง ความยาว ความหนา และน้าหนกั เท่ากบั 24.16 25.00 23.95 มิลลิเมตร และ 7.72 กรัมตามลาดบั และเท่ากบั 18.99 19.86 16.05 มิลลิเมตร และ 2.84 กรัม สาหรับเน้ือในมะคาเดเมีย เปลือกมีความแขง็ 2,092 นิวตนั และตอนท่ี 2 ออกแบบ สร้าง และทดสอบการ ทางานเครื่องตน้ แบบมี 3 ส่วนคือ ส่วนรับวตั ถุดิบขนาดบรรจุ 3 กิโลกรัม ทาหน้าที่ป้อนวตั ถุดิบอยา่ ง ต่อเนื่องเขา้ สู่กลไกการกะเทาะ ส่วนการกะเทาะประกอบดว้ ยหวั กะเทาะและส่วนรับการกระแทก และ ส่วนทางออก เริ่มท่ีมะคาเดเมียไหลจากส่วนรับวตั ถุดิบลงในเบา้ ของส่วนรับการกระแทก หวั กะเทาะ กระแทกวตั ถุดิบที่ตาแหน่งบนสุดดว้ ยกลไกเจนีวา ตามจงั หวะการเคล่ือนที่ ทาให้เปลือกเกิดการแตกหกั และไหลลงสู่ส่วนทางออก ผลการทดสอบทางสถิติท่ีระดบั นยั สาคญั 0.05 พบวา่ เมล็ดเต็มที่ไดจ้ ากการ กะเทาะที่ความเร็ว 3 ระดบั และเมล็ดเต็มที่ได้จากการกะเทาะมะคาเดเมียขนาดเล็กและขนาดใหญ่ มีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกัน เท่ากบั 66.07 และ 66.83 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดับ แต่มีความแตกต่าง ของเมล็ดเต็มของมะคาเดเมียขนาดกลางโดยมีประสิ ทธิภาพการกะเทาะ 53.76 เปอร์เซ็นต์ ส่วนความสามารถในการกะเทาะเป็ นสัดส่วนตรงกับขนาดมะคาเดเมียและความเร็วการกะเทาะ โดยมะคาเดเมียขนาดใหญม่ ีความสามารถในการกะเทาะสูงสุด 7.86 11.50 และ 15.33 กิโลกรัมต่อชว่ั โมง ที่ความเร็ว 2 3 และ 4 รอบต่อนาที ตามลาดบั คาสาคญั : เครื่องกะเทาะ มะคาเดเมีย เจนีวา 149
Thกeากร1าป2รรtปhะรTชRะhaมุ ชjeกaุมาmว1ริช2aจาtnดัhกgงRาaารalนรajaะปดUmรับnะaชiชvnามุegตrวaมิsชิliหtaาyากUวoาทิ nfรยiรTvาะeeลดcrัยับshเiทชntyคาoตโloนoมิ fโgหลyTยาeNวรี cาทaิ hชtยiมnoางonลคlaัยoลlเgทCคyคoรโ้ังNnนทfaโeี่ tล1ri2oeยnnีราcaชelมCงoคnลfeคrรeั้งnทcี่ e1”2 “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเงคคลลอื่ ขนบันวเคตั ลก่อืรนรมนวนตัำ�เกศรรรษมฐกนิจาเปศลรูกษแฐนกวิจคปิดเลทูกคแโนนโวลคยิดสี เีเทขคียวโนเพโลอื่ ยกสีารีเขพียัฒวนเพาทื่อยี่ กงั่ ายรนื พ”ฒั นาท่ยี ัง่ ยืน” แนวทางการลดปริมาณของเสียประเภทรอยไหม้ กระบวนการฉีดขนึ้ รูปพวี ซี ีบอลวาล์ว The Burned Waste Reduction Method in PVC Ball Valve Injection Process เพญ็ พิสุทธ์ิ ทองหยวก1* พรลดา พงศม์ ุขสุวรรณ2 และ เกศกนก จนั ทีนอก1 Penpisuth Thongyoug1*, Pornlada Pongmuksuwan2 and Ketkanok Chanteenok1 1ภาควชิ าวศิ วกรรมอุตสาหการและการจดั การ คณะวศิ วกรรมศาสตร์และเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร นครปฐม 2ภาควชิ าวศิ วกรรมวสั ดุและเทคโนโลยกี ารผลิต คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ กรุงเทพมหานคร 1Department of Industrial Engineering and Management, Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University, Nakhon Pathom, THAILAND 2Department of Materials and Production Technology Engineering, Faculty of Engineering, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจัยน้ีเป็ นการศึกษาแนวทางและวิธีการลดปริมาณของเสียประเภทรอยไหม้ท่ีเกิดข้ึน ในกระบวนการฉีดข้ึนรูปพีวซี ีบอลวาลว์ โดยมีการประยกุ ตใ์ ชเ้ คร่ืองมือทางวศิ วกรรมอุตสาหการสาหรับ การวเิ คราะห์และหาแนวทางในการแกไ้ ขปัญหา อาทิ การใชก้ ารวิเคราะห์อาการขดั ขอ้ งและผลกระทบ (FMEA) การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาดว้ ยแผนผงั กา้ งปลา (Fish Bone Diagram) หรือ แผนผงั สาเหตุ และผล และทฤษฎีของทาโร ยามาเน่ เพื่อกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างในการทาการศึกษาวิจัย ผลการวจิ ยั พบวา่ เมื่อทาการควบคุมอุณหภูมิ แรงดนั -ความเร็วสกรู และเวลาในการฉีดข้ึนรูปพีวีซีบอล วาล์ว ส่งผลให้จานวนของเสียประเภทรอยไหมล้ ดลง โดยอุณหภูมิท่ีมีความเหมาะสมคือ 150 องศา เซลเซียส แรงดนั สกรูคือ 140 บาร์ และความเร็วสกรู 55 เมตรต่อวินาที และเวลาในการฉีดข้ึนรูปพีวีซี บอลวาลว์ ที่มีความเหมาะสมคือ 80 วินาที โดยผลการดาเนินการปรับปรุ งทาให้จานวนของเสียประเภท รอยไหมล้ ดลงจากเดิม 52.71 % คิดเป็นมูลค่าประมาณ 59,000 บาทต่อปี คาสาคญั : การลดของเสีย กระบวนการฉีดข้ึนรูป รอยไหม้ FMEA 150
Thกeาก1รา2ปรtปรhะรRTะชaชhมุ jaุมeกmวา1ชิ รa2าจntกดัhgางaRราlaรaนะjaปดUmับรnะชiavชาneตุมgrมิวsaiหชิtlayาาวกoUทิาfnยรTiราveะลecดยั rhเับsทniชtคoyาโlตนooมิโgfลyหยTาNีรeวาacทิชthiยมonางnoคลalลัยloเCคgทyoรค้งัnโNทนfeี่aโ1rtล2eioยnnีรcาaeชlมCงoคnลfeคrรeั้งnทcี่ e1”2 “๙ ราชม“ง๙คลรขาชับมเคงลคอื่ ลนขนบั วเตัคกลรอื่ รนมนนวำ�ัตเศกรษรมฐกนิจาปเศลรกู ษแฐนกวจิคิดปเทลคูกโแนนโลวยคีสิดเีเขทียควโเนพโอ่ื ลกยาีสรเีพขฒั ยี วนเาพทือ่ยี กง่ั ยานืรพ”ฒั นาทยี่ งั่ ยืน” การส่งเสริมการท่องเทยี่ วเชิงเกษตรและวฒั นธรรมด้วยแอปพลเิ คชันแชทบอท Promoting Agricultural and Cultural Tourism with a Chabot Application รัตนาวลี ไมส้ กั 1* ปัณณภสั ร์ เลิศวริษฐก์ ุล2 และ ศิริกานต์ ติรสุวรรณวาสี3 Rattanavalee Maisak1*, Punnapas Lertvaritkul2 and Sirikarn Tirasuwanvasee3 1สาขาวชิ าระบบสารสนเทศ 2สาขาวชิ าการจดั การ 3สาขาวชิ าธุรกิจระหวา่ งประเทศ คณะบริหารธุรกิจ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตดุสิต จ.กรุงเทพ 1Department of Information System, 2Department of Management, 3Department of International Business, Faculty of Business Administration, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Dusit, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ปัจจุบนั เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ไดถ้ ูกนามาใช้ในกิจกรรมอย่าง แพร่หลายในหลายประเทศ สาหรับประเทศไทยที่ยงั พ่ึงพารายไดจ้ ากอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวเป็ นหลกั ก็ไดม้ ีการนาเอาระบบปัญญาประดิษฐไ์ ปใชใ้ นหลายกิจกรรม ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั การสร้างรายไดจ้ ากแหล่ง ท่องเท่ียวในอาเภอบางแพ จงั หวดั ราชบุรี ที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางเกษตรและวฒั นธรรมที่มีศกั ยภาพ เพียงแต่ยงั ขาดการประชาสัมพนั ธ์ที่เพียงพอในการให้ข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว ด้วยความตระหนกั ถึง ความสาคญั ของปัญหาดงั กล่าว ผูจ้ ดั ทาจึงแนวคิดในการนาแชทบอท (Chatbot) เขา้ มาส่งเสริมการให้ ขอ้ มูลการท่องเที่ยวในพ้ืนท่ีอาเภอบางแพ เพ่ือสร้างโอกาสในการแข่งขนั และเพ่ิมรายได้จากการ ท่องเที่ยวให้ชุมชน แชทบอท ในงานวิจยั น้ีมีจุดประสงคจ์ ดั ทาข้ึนเพ่ือส่งเสริมแนะนาการท่องเท่ียวเชิง เกษตรและวฒั นธรรม อาเภอบางแพ จ.ราชบุรี โดยใชโ้ ปรแกรม Dialogflow และติดต่อกบั ผใู้ ชผ้ า่ นทาง แอปพลิเคชนั Line หลงั จากสร้างโปรแกรมเสร็จสิ้นแลว้ จึงมีการทดสอบการใชง้ านกบั กลุ่มตวั อยา่ ง โดย ทดสอบประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและความพึงพอใจของผูใ้ ช้ดว้ ยการวดั ความสามารถในการใช้งาน (Usability Testing) ผลการวิจยั พบว่า ในภาพรวมผูใ้ ช้มีความพึงพอใจต่อแชทบอท “มาก” (x̅ = 3.80) สาหรับจุดเด่นท่ีสุดของแชทบอท คือ การใชง้ านง่ายโดยไม่ตอ้ งมีใหค้ าแนะนา (x̅ = 4.74) ตรงกนั ขา้ มกบั จุดที่ตอ้ งพฒั นามากท่ีสุดคือ ความครอบคลุมเน้ือหาในหลกั ไวยากรณ์ และคาศพั ท์แสลงในภาษาไทย (x̅ = 2.30) ดงั น้นั หากมีการพฒั นาระบบท่ีมีความคลา้ ยคลึงกนั กบั แชทบอทน้ีในโอกาสหนา้ ผวู้ ิจยั เห็น ควรเพิ่มในส่วนหัวขอ้ เจตนา (Intent) ในแชทบอทให้มากข้ึน โดยมุ่งหวงั ให้ครอบคลุมเน้ือหาในหลกั ไวยากรณ์และคาศพั ทแ์ สลงในภาษาไทย คาสาคญั : แอปพลิเคชนั แชทบอท การท่องเท่ียวเชิงเกษตรและวฒั นธรรม 151
Thกeากร1ปา2รรtปhะTรชRะhมุaชejกaุมาmว1รชิ2aจาtnดัhกgงRาaารalนรajaะปดUmรับnะaชชivnามุegตวraิมsชิliหatาyากUวoาทิnรfยiรvTาะeeลดcrยั บัshเiชทtnyาคoตโloนoมิ fโgหลyTายeNวีรcทาิahชtยinมoาoงลnคlยัaoลlเgทCคyคoรโN้ังnนทafโeี่ tล1rioย2enีรnาacชelมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e1”2 “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลือ่ ขนบันเวคัตลกอ่ื รนรมนวนตั ำ�กเศรรรษมฐกนิจาเปศลรษูกแฐนกวจิ คปดิ ลเทกู คแโนวโลคยดิ สี เีเทขคียโวนเพโลือ่ ยกีสารีเขพยี ัฒวนเพาทื่อีย่ก่งัายรืนพ”ฒั นาทย่ี ง่ั ยืน” การใช้เศษขยะพลาสตกิ จากทะเลเป็ นวสั ดุผสมในคอนกรีตบลอ็ กประสานปูพืน้ Using Marine Plastic Waste as a Composite Material in Interlocking Concrete Paving Blocks ประชุม คาพฒุ * Prachoom Khamput* ภาควชิ าวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected], [email protected] บทคัดย่อ งานวิจัยน้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อใช้ขยะพลาสติกจากทะเลทุกชนิดท่ีเก็บจากชายหาดบางแสน มาใชเ้ ป็นวสั ดุผสมในผลิตภณั ฑ์คอนกรีตบล็อกประสานปูพ้นื เพ่ือเป็ นแนวทางในการกาจดั ขยะพลาสติก ท่ีไม่สามารถนาไปรีไซเคิลไดด้ ว้ ยการเพ่ิมมูลค่าและเป็ นมิตรต่อส่ิงแวดลอ้ ม โดยกาหนดอตั ราส่วนผสม ปูนซีเมนต์ต่อหินฝ่ ุนเท่ากบั 1: 4 โดยน้าหนกั อตั ราส่วนน้าต่อซีเมนต์ (w/c) เท่ากบั 1 โดยน้าหนกั แลว้ แทนที่หินฝ่ นุ ดว้ ยขยะพลาสติกท่ีผา่ นการบดยอ่ ยผา่ นตะแกรงเบอร์ 8 ปริมาณ 0.10, 0.15, 0.20, 0.25 และ 0.30 ตามลาดบั ทาการผสมและข้ึนรูปดว้ ยวิธีการเทส่วนผสมลงในแบบแลว้ อดั กระทุง้ ให้แน่นทีละช้นั จานวน 3 ช้นั ไดเ้ ป็ นกอ้ นคอนกรีตบล็อกประสานปูพ้ืนรูปคชกริช (อิฐตวั หนอน) ขนาด 11.5 x 22.5 x 6 ซม. ถอดแบบและบ่มในสภาวะอากาศปกติ เป็ นเวลา 14 และ 28 วนั ทดสอบสมบตั ิต่าง ๆ ตามมาตรฐาน มอก.827-2531 ผลการทดสอบพบว่าเมื่อผสมปริมาณขยะพลาสติกมากข้ึน ส่งผลใหก้ ารดูดซึมน้าและ ปริมาณความช้ืนมีแนวโนม้ เพม่ิ ข้ึน ในทางกลบั กนั คา่ ความตา้ นทานแรงอดั และความหนาแน่นมีแนวโนม้ ลดลง ท้งั น้ีเน่ืองจากขยะพลาสติกเป็นมวลรวมที่มีน้าหนกั เบา มีความแบน และผวิ เป็นมนั ลื่น จึงไมเ่ หมาะ กบั การใช้เป็ นมวลรวมในการผสมเหมือนกบั หินฝ่ ุน โดยอตั ราส่วนท่ีเหมาะสมสาหรับนาไปใชง้ านใน ชุมชน คือ อตั ราส่วนปูนซีเมนต์ : หินฝ่ นุ : ขยะพลาสติกบดยอ่ ย เทา่ กบั 1 : 3.9 : 0.1 โดยน้าหนกั (คิดเป็ น ปริมาณขยะพลาสติกรวมประมาณร้อยละ 2) มีค่าความตา้ นทานแรงอดั เท่ากบั 282.22 กก./ตร.ซม., ความ หนาแน่น 2011.02 กก./ลบ.ม., ปริมาณความช้ืนร้อยละ 2.82 และการดูดซึมน้าร้อยละ 7.85 คิดตน้ ทุนการ ผลิตในชุมชนเท่ากบั กอ้ นละ 4.8 บาท งานวิจยั น้ีสามารถช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกทะเล และนาไป ส่งเสริมเป็นผลิตภณั ฑส์ าหรับเพมิ่ รายไดใ้ หก้ บั ชุมชนชายทะเลได้ คาสาคญั : ขยะพลาสติกทะเล คอนกรีตบล็อกประสานปูพ้ืน ความตา้ นทานแรงอดั มอก.827-2531 152
Thกeาก1รา2ปรtปรhระRTะชaชhมุjaุมeกmวา1ชิ รa2าจnกtดัhgาaงRรlารaaนะjaดUปmบัnรชะiavชาneตมุ rgมิsวaiหชิtlyaาาวกoUทิ าfnยรTาiรveละecัยดrhเับsทniชtคoyาโlนตooโมgิ fลyหยTาNรี eวาacทชิthiมยonงาnคoลaลlัยloเCคgทoรyค้งัnโทNfนeี่a1โrtล2eioยnnรีcาeaชlมCงoคnลfeคrรeั้งnทcี่ e12” “๙ ราชม“ง๙คลรขาบัชเมคงลคือ่ ลนขนบั วเตั คกลรื่อรนมนนวำ�ัตเศกรรษรมฐกนิจาปเศลรูกษแฐนกวคิจดิ ปเทลคูกโแนนโลวยคีสดิ ีเเขทยี ควโเนพโอ่ื ลกยาสีรพเี ขัฒยี นวาเพทอ่ืยี ่ังกยานื ร”พัฒนาท่ยี ั่งยนื ” ระบบลดฝ่ ุนพเี อม็ 2.5 สาหรับห้องแบบกงึ่ เปิ ด PM 2.5 Reduction System for Semi-Open Room ปัณณธร ศลิษฏธ์ นวฒั น์ ณฐั สิทธ์ิ พฒั นะอ่ิม สารวม และโกศลานนั ท์ อภิชาติ ไชยขนั ธุ์ และ พิพฒั น์ ปราโมทย*์ Punnathorn Salidthanawat, Nathasit Phathanaim, Sumroum Kosalanun, Aphichart Chaiyakhan and Pipat Pramot* ภาควชิ าวศิ วกรรมเครื่องกล คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น้ีศึกษาเกี่ยวกบั การดกั แยกฝ่ ุนอนุภาค 2.5 โดยเลือกระบบไซโคลนมาเป็ นอุปกรณ์หลกั เพ่ือนามาออกแบบเพ่ิมเติม เหตุเพราะว่าระบบไซโคลนเป็ นระบบท่ีคุ้มค่าท่ีสุดในการดักแยกฝ่ ุน ในการศึกษาน้ีทาการปรับปรุงระบบไซโคลนโดยการดัดแปลงเพ่ิมให้มีตวั จดั เรียงอนุภาคแบบหมุน ยอ้ นกลบั แนวต้งั (VRR-C) เพิ่มข้ึนท่ีทางเขา้ ของระบบไซโคลน และติดต้งั ระบบเวนทูรีที่ดา้ นทางออก ของถงั บฟั เฟอร์ ทาการทดลองเปรียบเทียบประสิทธิภาพการดกั แยกฝ่ นุ อนุภาค 2.5 ท่ีไหลผา่ นหอ้ งก่ึงเปิ ด ในกรณีต่อไปน้ีคือ ระบบไซโคลนอยา่ งเดียว ระบบไซโคลนที่มีตวั จดั เรียงอนุภาค และ ระบบไซโคลนท่ี มีท้งั ตวั จดั เรียงอนุภาคและระบบเวนทูรี ผลการวิจยั พบว่าประสิทธิภาพในการแยกฝ่ ุนอนุภาค2.5 ของ ระบบไซโคลนท่ีมีตวั จดั เรียงอนุภาคแบบหมุนยอ้ นกลบั แนวต้งั (VRR-C) สามารถลดปริมาณของฝ่ ุน อนุภาค 2.5 ในหอ้ งแบบก่ึงเปิ ด จาก 112.3 มคก./ลบ.ม. ลงเป็ น 29.5 มคก./ลบ.ม. โดยคิดเป็ นการลดฝ่ ุน อนุภาค 2.5 ลงได้ 73.7 % เมื่อเทียบกบั ระบบไซโคลนปกติ และเมื่อเพ่ิมระบบเวนทูรีเขา้ ไปท่ีดา้ นทางเขา้ ของไซโคลนท่ีติดต้งั ตวั จดั เรียงอนุภาค จะทาปริมาณฝ่ นุ อนุภาค 2.5 ลดลงไดอ้ ีก 12.5% คาสาคญั : ฝ่ นุ อนุภาค 2.5 ไซโคลนแบบ VRR-C ระบบเวนทูรี 153
Thกeกา1าร2รปtปhรระRะTชaชhมุjaมุ eกmวา1ชิ รa2าจnกtดัhgาaงRรlารaaนะjaดUปmับnรชะiavชาneตมุ grมิsวaiหชิtlayาาวกoUิทาfnยรTiราveะลecดยั rhับเsทniชtคoyาโlตนooมิโgfลyหTยาNรีeวาacทิชthiยมonางnoลคalัยลolเgCทคyoรค้ังnโNทนfae่ี โ1tลri2eoยnnรี cาaeชlมCงoคnลfeคrรeง้ั nทc่ี e12” “๙ ราชม“ง๙คลรขาับชเมคงลค่อื ลนขนบั วเัตคกลร่อื รนมนนวำ�ตั เศกรรษรมฐกนิจาปเศลรกู ษแฐนกวจิคดิ ปเทลคูกโแนนโวลคยีสิดีเเขทียควโเนพโอ่ืลกยาสี รเี พขัฒยี วนเาพทือ่ ี่ยกงั่ ายรืนพ”ฒั นาทยี่ ง่ั ยนื ” การศึกษาสมบัตบิ ลอ็ กปูพืน้ ทท่ี าจากโฟมพอลสิ ไตรีน The Study of Paving Block Qualification Made from Polystyrene Foam ณรงคศ์ กั ด์ิ เยน็ ประเสริฐ และ อภิโชติ อุฬารตินนท*์ Narongsak Yenprasert and Apichote Urantinon* สาขาวชิ าวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ อ.เมือง จ.นนทบุรี School of Civil Engineering, Faculty of Engineering and Architecture, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, Mueang Nonthaburi District, Nonthaburi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั น้ีนาโฟมพอลิสไตรีนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ วตั ถุประสงคศ์ ึกษาสมบตั ิบล็อกปูพ้ืนที่ทา จากโฟมพอลิสไตรีนดา้ นการรับแรงอดั และแรงดดั วธิ ีการศึกษานาโฟมพอลิสไตรีน มาทาการหลอมดว้ ย น้ามนั ปาล์มร้อน ในอตั ราส่วนโฟม 1 กิโลกรัมต่อน้ามนั ปาลม์ 0.75 ลิตร นาเอาโฟมที่ละลายแลว้ มาใส่ แบบหล่อทิ้งไวใ้ หเ้ ยน็ ท่ีอุณหภูมิห้องแลว้ จึงแกะออกจากแบบหล่อ โดยมาทาการทดสอบแรงอดั แรงดดั และการดูดซึมน้า ผลการศึกษาพบวา่ ค่าแรงอดั ไดค้ ่าเฉล่ีย 14.28 เมกะพาสคาลเปรียบเทียบกบั เกณฑต์ าม มาตรฐาน มอก.77-2545 ช้นั คุณภาพ ค พบวา่ มีคา่ สูงกวา่ 5.28 เมกะพาสคาล คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.67 ค่าแรงดดั แนวนอนไดค้ ่าเฉลี่ย 28.02 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร ค่าแรงดดั แนวต้งั 17.84 กิโลกรัมต่อ ตารางเซนติเมตร เปรียบเทียบค่าแรงดดั ในแนวนอนกบั ค่าแรงอดั พบว่ามีค่าร้อยละ 19.3 และค่าแรงดดั แนวต้งั กบั ค่าแรงอดั พบวา่ มีค่าร้อยละ 12.3 ซ่ึงท้งั 2 ค่าอยใู่ นเกณฑไ์ ม่เกินร้อยละ 20 ค่าการดูดซึมน้าได้ ค่าเฉลี่ยร้อยละ 0.29 มีค่าสูงกวา่ เกณฑร์ ้อยละ 98.3 ดงั น้นั บล็อกปูพ้ืนที่ทาจากโฟมพอลิสไตรีนสามารถ นาไปใชง้ านจริง ประหยดั การใชท้ รัพยากรอยา่ งยง่ั ยนื คาสาคัญ: บลอ็ กปูพ้นื โฟมพอลิสไตรีน การทดสอบแรงอดั 154
Thกeาก1รา2ปรtปรhะรRTะชaชhมุ jaมุeกmวา1ิชรa2าจntกดัhgางaRราlaรaนะjaปดUmบัรnะชiavชาneตมุ grิมวsaiหชิtlayาาวกoUทิาfnยรTiราveะลecดัยrhเับsทniชtคoyาโlตนooมิโgfลyหยTาNีรeวาacทิชthiยมonางnoคลalลัยloเCคgทyoรคง้ัnโNทนfe่ีaโ1rtล2eioยnnีรcาaeชlมCงoคnลfeคrรe้ังnทc่ี e1”2 “๙ ราชม“ง๙คลรขาชบั มเคงลค่อื ลนขนบั วเตัคกลร่ือรนมนนวำ�ตั เศกรษรมฐกนจิ าปเศลรกู ษแฐนกวิจคดิ ปเทลคูกโแนนโลวยคสีิดีเเขทยี ควโเนพโ่ือลกยาสี รเีพขัฒยี วนเาพทอ่ืยี กั่งยานืรพ”ฒั นาที่ยัง่ ยืน” การพฒั นาแอปพลเิ คชันแหล่งท่องเทย่ี วเชิงวฒั นธรรมกาดวถิ ชี ุมชนคูบวั จงั หวดั ราชบุรี The Development of Cultural Tourism Application in Khu Bua Community, Ratchaburi รุ่งอรุณ พรเจริญ1* สุนารี รชตรุจ1 ทรงสิริ วชิ ิรานนท2์ และ ฉนั ทนา ปาปัดถา3 Rungaroon Porncharoen1*, Sunaree Rachataruj2, Songsiri Wichiranon2 and Chantana Papattha3 1คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร กรุงเทพมหานคร 2คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร กรุงเทพมหานคร 3คณะเทคโนโลยสี ื่อสารมวลชน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร กรุงเทพมหานคร 1Faculty of Industrial Education, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangkok, THAILAND 2Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangkok, THAILAND 3Faculty of Mass Communication Technology, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือ 1) พฒั นาแอปพลิเคชันแหล่งท่องเท่ียว เชิงวฒั นธรรมกาดวิถี ชุมชนคูบัว จงั หวดั ราชบุรี และ 2) ศึกษาความพึงพอใจของผูใ้ ช้แอปพลิเคชันแหล่งท่องเท่ียวเชิง วฒั นธรรมที่พฒั นาข้ึน กลุ่มตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการวจิ ยั ไดแ้ ก่ ผปู้ ระกอบการ และนกั ทอ่ งเที่ยวในชุมชนคูบวั จานวน 60 คน ทาการสุ่มแบบตามสะดวกรวบรวมขอ้ มูล โดยใชแ้ บบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการ ใชง้ านแอปพลิเคชนั แหล่งท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรม และสถิติท่ีใชใ้ นการวิเคราะห์ คือ ค่าเฉล่ีย และส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) การพฒั นาแอปพลิเคชนั แหล่งท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรมที่พฒั นาข้ึน สามารถแสดงขอ้ มูลสถานท่ี โบราณสถาน วฒั นธรรมการละเล่นของชุมชนคูบวั ข่าวประชาสัมพนั ธ์ และ คน้ หาขอ้ มูลสถานท่ีต่าง ๆ ได้ และ 2) ผปู้ ระกอบการและนกั ท่องเท่ียวในชุมชนคูบวั มีความพึงพอใจต่อ การใชง้ านแอปพลิเคชนั แหล่งทอ่ งเที่ยวเชิงวฒั นธรรมกาดวถิ ีชุมชนคูบวั โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มากท่ีสุด คาสาคัญ: แอปพลิเคชนั แหล่งท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรม การทอ่ งเท่ียววถิ ีชุมชน 155
Thกeากร1าป2รรtปhะรTRชะhaมุชjeกaุมmาว1ริช2aจาntดัhกgางRaราalรนajะaปดUmรบัnะaชiชvnาeมุ ตgrวaิมsชิilหtaาyากวUoาทิ nfรยiรTvาะeลeดcัยrับhsเทinชtคyoาโตlนooมิ โfgลหyTยาNeรีวาcaทิ ชhtยiมonางnoลคalยัลolเgทCคyคoร้ังnโNทนfaeี่โ1tลri2eoยnnรี cาaeชlมCงoคnลfeคrรe้ังnทcี่ e1”2 “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเคงคลลื่อนขนบั วเคัตลกอื่รรนมนนวัตำ�เกศรรรษมฐกนิจาเปศลรกูษแฐนกวจิ คดิปเลทูกคแโนนโวลคยิดีสเี ขทียควโนเพโอ่ืลกยาีสรเี พขัฒียวนเาพท่อื ี่ยกั่งายรืนพ”ฒั นาท่ยี ั่งยืน” การศึกษาทดสอบหาอตั ราการหดตวั ของวสั ดุยาง A study to Determine the Shrinkage Rate of Rubber Materials ประสงค์ กา้ นแกว้ 1 ธวชั ชยั ชาติตานาญ2 และ จกั รกฤษณ์ ยิม้ แฉ่ง1,2* Prasong Kankaew 1, Thawachchai Chattamnan 2 and Jakkrit Yimchang1,2* 1,2ภาควชิ าวศิ วกรรมเคร่ืองมือและแมพ่ มิ พ์ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร ศูนยพ์ ระนครเหนือ 1381 ถนน พบิ ูลสงคราม แขวง วงศส์ วา่ ง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 1,2 Department of Tool and Die Engineering Faculty of Engineering Rajamangala University of Technology Phra Nakhon North Bangkok Center 1381 Phibunsongkhram Road, Wongsawang Subdistrict, Bangsue Bangkok THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั น้ีนาโฟมพอลิสไตรีนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ วตั ถุประสงคศ์ ึกษาสมบตั ิบล็อกปูพ้ืนท่ีทา จากโฟมพอลิสไตรีนดา้ นการรับแรงอดั และแรงดดั วธิ ีการศึกษานาโฟมพอลิสไตรีน มาทาการหลอมดว้ ย น้ามนั ปาล์มร้อน ในอตั ราส่วนโฟม 1 กิโลกรัมต่อน้ามนั ปาลม์ 0.75 ลิตร นาเอาโฟมท่ีละลายแลว้ มาใส่ แบบหล่อทิ้งไวใ้ หเ้ ยน็ ท่ีอุณหภูมิหอ้ งแลว้ จึงแกะออกจากแบบหล่อ โดยมาทาการทดสอบแรงอดั แรงดดั และการดูดซึมน้า ผลการศึกษาพบวา่ ค่าแรงอดั ไดค้ ่าเฉล่ีย 14.28 เมกะพาสคาลเปรียบเทียบกบั เกณฑ์ตาม มาตรฐาน มอก.77-2545 ช้นั คุณภาพ ค พบวา่ มีค่าสูงกวา่ 5.28 เมกะพาสคาล คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.67 ค่าแรงดดั แนวนอนไดค้ ่าเฉลี่ย 28.02 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร ค่าแรงดดั แนวต้งั 17.84 กิโลกรัมต่อ ตารางเซนติเมตร เปรียบเทียบค่าแรงดดั ในแนวนอนกบั ค่าแรงอดั พบว่ามีค่าร้อยละ 19.3 และค่าแรงดดั แนวต้งั กบั ค่าแรงอดั พบวา่ มีค่าร้อยละ 12.3 ซ่ึงท้งั 2 ค่าอยใู่ นเกณฑไ์ ม่เกินร้อยละ 20 ค่าการดูดซึมน้าได้ ค่าเฉล่ียร้อยละ 0.29 มีค่าสูงกวา่ เกณฑร์ ้อยละ 98.3 ดงั น้นั บล็อกปูพ้ืนที่ทาจากโฟมพอลิสไตรีนสามารถ นาไปใชง้ านจริง ประหยดั การใชท้ รัพยากรอยา่ งยงั่ ยนื คาสาคญั : อตั ราการหดตวั ของวสั ดุยาง ยางธรรมชาติ ยาง 156
Theกกา1าร2รปtปhรรRะะTaชชjhมุaุมemกวาชิ 1aรา2nจกtgดัhาaรงRlราaaะนjดUaปบัmnรชiะvaาชenตุมrgิมsวaiหtชิlyาaาวoกUิทfายnรTาiรevละceัยดhrเับsทniชคtoyาโlนoตoโgมิ ลfyหยTNาีรeวาacชทิthiมยonงาnคoลaลlัยloเCคgทoรyคง้ัnโทNfนe่ีa1โrtล2eioยnnีรcาaeชlมCงoคnลfeคrรeัง้ nทc่ี e1”2 “๙ ราชม“ง๙คลรขาบั ชเมคลงคอื่ ลนขนบัวตัเคกลรร่ือมนนวำ�ตัเศกรรษรฐมกจินาปเลศูกรษแนฐวกคจิ ิดปเทลคูกโแนนโลวยคีสิดีเเขทยี ควโเนพโอ่ื ลกยาีสรพเี ขฒั ยี นวเาพทอ่ืียกงั่ ยาืนรพ”ัฒนาทีย่ ่งั ยนื ” พอลเิ มอร์ผสมระหว่างยางธรรมชาตแิ ละโพลโิ อลฟิ ิ น Natural Rubber and Polyolefin Blends ฉนั ทท์ ิพ สกุลเขมฤทยั 1* สิงห์โต สกลุ เขมฤทยั 2 และ สมเกียรติ ฐิติภูมิเดชา 1 Chuntip Sakulkhaemaruethai 1*, Singto Sakulkhaemaruethai 2 and Somkiat Thitipoomdecha 1 1ภาควิชาวศิ วกรรมวสั ดุและโลหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2ภาควชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1Department of Materials and Metallurgical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 2Department of Chemistry, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื การศึกษาศึกษาสมบตั ิของพอลิเมอร์ผสมระหวา่ งยางธรรมชาติ (NR) และพอลิโอลิฟิ น อนั ไดแ้ ก่ พอลิเอทธิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) และ พอลิพรอพิลีน(PP) ใน งานวิจยั น้ีทาการผสมยางธรรมชาติ กบั พอลิเอทธิลีนชนิดความหนาแน่นสูง ในอตั ราส่วนร้อยละโดย น้าหนกั (%wt) ระหวา่ ง NR:HDPE 60:40, 65:35 และ 70:30 และผสม ธรรมชาติ กบั พอลิพรอพิลีน ใน อตั ราส่วนร้อยละโดยน้าหนกั (%wt) ระหว่าง NR:PP 65:35 และ 70:30 และมีการเติมสารช่วยให้เกิด ความเขา้ กนั (compatibilizer) อนั ไดแ้ ก่ มาลิอิกแอนไฮไดรด์ (MA) ในปริมาณ 0.25-1.25 %wt ทาการ ผสมยางธรรมชาติและพลาสติกพอลิโอลิฟิ น โดยใช้เครื่องผสมสองลูกกลิ้ง (Two roll mill) ท่ีอุณหภูมิ 180oC จนยางธรรมชาติกบั พลาสติกพอลิโอลิฟิ นสามารถเขา้ กนั ไดด้ ี แลว้ นาไปข้ึนรูปดว้ ยเครื่องอดั ข้ึน รูป (Compression molding) ที่อุณหภูมิ 180oC และทาการทดสอบค่าความหนาแน่น ดชั นีการไหล ความ แข็ง และค่าการทนต่อแรงดึงของพอลิเมอร์ผสม จากผลการทดลองพบว่า ความหนาแน่นของยาง ธรรมชาติท่ีผสมกบั HDPE จะมีคา่ สูงกวา่ ความหนาแน่นของยางธรรมชาติท่ีผสมกบั PP เม่ือปริมาณของ ยางธรรมชาติในพอลิเมอร์ผสมเพ่ิมมากข้ึนจะส่งผลใหพ้ อลิเมอร์ผสมมีค่าดชั นีการไหลท่ีลดลง ค่าความ แขง็ มอดูลสั และ ความทนตอ่ แรงดึง ของพอลิเมอร์ผสมจะมีคา่ ลดลงเมื่อปริมาณยางธรรมชาติมีคา่ สูงข้ึน เมื่อมีการเติม MA ซ่ึงเป็ น สารช่วยใหเ้ กิดความเขา้ กนั ในปริมาณต้งั แต่ 0.5%wt ลงไปในพอลิเมอร์ผสม พบวา่ จะทาใหม้ ีค่าความทนต่อแรงดึงเพิ่มสูงข้ึน คาสาคญั : พอลิเมอร์ผสม ยางธรรมชาติ พอลิโอลิฟิ น พอลิเอทธิลีน พอลิพรอพลิ ีน 157
การประชมุ การจดั งานประชุมวชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครงั้ ท่ี 12 การปรTะhชeุมว1ชิ 2าthกาRรaรjะaดmับaชnาตgaมิ lหaาวUิทnยivาลeยัrsเทitคyโนoโfลTยeีราcชhมnงoคlลogคyร้ังNทaี่ 1ti2onal Conference” “๙ ราTชh“มe๙งค1รล2าขtชhบั มRเคaงคjลaลือ่ mนขaนบั nวเgคัตaลกlื่อรaรนUมนnนวivตัำ�eเกศrรsรรiษtมyฐกoนจิ fาเปTศeลรcกู ษhแฐnนกoวจิ lคoดิปgเyลทูกคNแโaนนtโiวoลคnยดิีสalเเี ขทCยีคoวโnเนพfโe่อืลrกยeาnสี รcีเพขeัฒียวนเาพท่ือี่ยกง่ั ยารืนพ”ัฒนาทยี่ ่งั ยืน” ส่ิงทอต้านเชื้อแบคทีเรียเพ่ือใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์และผ้สู ูงอายุ Antibacterial Textile for Medical Utilization and Elder สิงห์โต สกลุ เขมฤทยั 1* ฉนั ทท์ ิพ สกุลเขมฤทยั 2 อโณทยั ผลสุวรรณ2 และ บิณฑสนั ต์ ขวญั ขา้ ว3 Singto Sakulkhaemaruethai1*, Chuntip Sakulkhaemaruethai 2, Anothai Polsuwan 2 and Bintasan Kwankhao3 1ภาควชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2ภาควชิ าวศิ วกรรมวสั ดุและโลหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 3ภาควชิ าวศิ วกรรมส่ิงทอ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1Department of Chemistry, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 2Department of Materials and Metallurgical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 3Department of Textile Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือพฒั นาส่ิงทอท่ีมีประสิทธิภาพในการตา้ นเช้ือแบคทีเรียโดยวธิ ีตกแต่ง สาเร็จทางเคมีด้วยอนุภาคซิงค์ออกไซด์–ไทเทเนียมไดออกไซด์ โดยศึกษาชนิดสารยึดเกาะอนุภาค ไทเทเนียมไดออกไซดแ์ ละซิงคอ์ อกไซด์ให้ติดบนผา้ เส้นใยกญั ชง และศึกษาอตั ราส่วนท่ีเหมาะสมของ อนุภาคซิงคอ์ อกไซด์–ไทเทเนียมไดออกไซดก์ บั สารยึดเกาะ สารยึดเกาะที่มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะ อนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซดบ์ นเส้นใยผา้ กญั ชง คือ พอลิไวนิลไพโรลิโดน จากการวิเคราะห์ดว้ ย เทคนิคจุลทรรศน์อิเลก็ ตรอนแบบส่องกราด เทคนิคจุลทรรศนอ์ ิเล็กตรอนแบบส่องผา่ น การเล้ียวเบนของ รังสีเอกซ์ เทอร์โมกราวิเมตริกแอนาไลซิส โฟโตคะตะไลติกแอคติวิตีโดยการสลายสีอินทรีย์ พบว่า TiO2 – ZnO/Ag 10% มีศกั ยภาพในการพฒั นาเป็นผา้ เส้นใยกญั ชงท่ีมีสมบตั ิตา้ นเช้ือแบคทีเรียสาหรับการ ผลิตเพือ่ ใชใ้ นทางการแพทยแ์ ละสาหรับผสู้ ูงอายุ คาสาคญั : นาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ โฟโตคะตะไลซิส สีอินทรีย์ สารเจือ 158
กากราปรรปะรชะมุชกุมาวรชิ จาดักงาารนระปดรบั ะชชามุ ตวมิ ชิ หาากวาทิ รยราะลดยั บั เทชคาตโนมิ โหลายวีรทาิ ชยมางลคยั ลเทคครโ้งั นทโี่ ล1ย2ีราชมงคล ครัง้ ที่ 12 The 12th TRhajeam12atnhgRaalajaUmnaivnegraslitayUonfiTveecrshintyoloofgyTeNcahtinoonlaolgCyoNnafetiroennacel Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเคงคลลือ่ นขนบั วเคัตลกือ่รรนมนวนตัำ�เกศรรรษมฐกนิจาเปศลรษูกแฐนกวจิ คปิดเลทกู คแโนนวโลคยิดสี เเีทขคยี โวนเพโล่ือยกสี าเีรขพียฒั วนเพาทอ่ื ก่ยี ง่ัายรนืพ”ัฒนาทย่ี ั่งยนื ” การวเิ คราะห์เชิงลกึ และศึกษาสมบัตเิ ชิงกลพลวตั ของวสั ดุเชิงประกอบ จากยางธรรมชาตโิ ปรตนี ตา่ /นาโนเซลลูโลส Characterization in Deep and Dynamic Properties of Deproteinized Natural Rubber (DPNR) / Nanocrystalline Cellulose (NCC) Composites มาริษา จนั วงษา1 และ วารุณี อริยวริ ิยะนนั ท1์ ,2* Marisa Janwongsa1 and Warunee Ariyawiriyanan1,2* 1ภาควชิ าวศิ วกรรมวสั ดุและโลหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1Department of Materials and Metallurgical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 2Institute of Research and Development, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั เรื่องน้ีได้ศึกษาเกี่ยวกบั ความแข็งแรง ของวสั ดุเชิงประกอบจากยางจากยางธรรมชาติโปรตีนต่า (DPNR)/นาโนเซลลูโลส(NCC)ท่ีอุณหภูมิต่างๆ ดว้ ยเทคนิค DynamicMechanicalAnalysis(DMA) โดยDPNRถูก เตรียมในสภาวะน้ายางนาโปรตีนออกโดยการบ่มน้ายางดว้ ยยูเรียและโซเดียมโดเดซิลซัลเฟต ซ่ึงDPNRสามารถ ตรวจสอบโปรตีนไดโ้ ดยวธิ ี Kjeldalhพบวา่ มีปริมาณโปรตีนในน้ายาง0%และวเิ คราะห์โครงสร้างทางเคมีดว้ ยเทคนิค Fourier Transform Infrared Spectrometer (FT-IR) พบแถบการดูดกลืนหมู่ฟังก์ชันของเอไมด์ท่ีตาแหน่งคล่ืนประมาณ 3325cm-1 ซ่ึงอยใู่ นโครงสร้างของโปรตีน จะเห็นไดว้ า่ วิธีน้ีเป็ นวธิ ีท่ีสามารถกาจดั โปรตีนไดจ้ ริง และเตรียมนาโน เซลลูโลสโดยการนาเส้นใยท่ีไดจ้ ากตน้ กลว้ ยมาทาการปรับปรุงพ้ืนผิวดว้ ย 4wt%NaOHแลว้ นาไปฟอกขาวดว้ ย 10% H2O2 และทาการHydrolysis ดว้ ย56%H2SO2 จากการลดขนาดของเซลลูโลสสามารถวิเคราะห์ความเป็ นผลึกไดโ้ ดย เทคนิค X-rayDiffractometer(XRD)และNuclearMagneticResonance (NMR)ซ่ึงพบว่า NCCมีค่าความเป็ นผลึกสูง ที่สุดและทาการวดั ขนาดของเซลลูโลสดว้ ยเทคนิคScanningElectronMicroscope(SEM)หลงั จากน้นั ทาการเตรียม วสั ดุเชิงประกอบโดยการผสมน้ายางกบั สารเคมีที่ใชใ้ นการคงรูปโดยผสม NCCลงไปในน้ายางในปริมาณที่แตกต่าง กนั ไดแ้ ก่ 0%,0.5%,1%,1.5%และ2%แลว้ นาไปอบในตูอ้ บลงร้อนท่ีอุณหภูมิ 50°Cเป็นเวลา16hเมื่อนาไปทดสอบ สมบตั ิของวสั ดุเชิงประกอบพบวา่ วสั ดุมีสมบตั ิเชิงกลพลวตั ิที่ดีเมื่อใส่ NCCท่ี 2% คาสาคญั : ยางธรรมชาติ เส้นใยธรรมชาติ นาโนคริสตลั ไลน์เซลลูโลส น้ายางธรรมชาติโปรตีนต่า สมบตั ิเชิงกลพลวตั 159
Thกeากร1ปา2รรtปhะTรชRะhมุaชejกaมุ าmว1รชิ2จaาtnดัhกgงRาaารalนรjaaะปmดUรบัnะaชชinvามุ egตวraิมsชิliหatาyากUวาoทิnรfยiรvTาะeeลดrcัยบัshเiชทtnyาคoตโloนoมิ fโgหลTyายeวNรี cทิาahชยtniมาooงลnคlยัaoลเlgทCคyคoรโNง้ัnนทafโeี่tล1iroย2enีรnาacชleมCงoคnลfeคrรe้งั nทc่ี e1”2 “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลื่อขนบันเวคัตลกอ่ื รนรมนวนัตำ�กเศรรรษมฐนกิจาเปศรลษูกแฐนกวจิ คปิดลเทกู คแโนนวโลคยดิ สี เทีเขคยี โวนเพโล่อื ยกสี าเีรขพียฒั วนเพาทือ่ ก่ียง่ัายรนืพ”ฒั นาทยี่ ั่งยนื ” การวเิ คราะห์โครงสร้างและสมบัตเิ ทอร์โมพลาสตกิ สตาร์ชเสริมแรงด้วยคริสตลั เซลลโู ลสจากเส้นใยไผ่ Structural and Properties Analysis of Thermoplastic Starch Reinforced With Crystal Cellulose from Bamboo Fiber วภิ าวดี รักบารุง1 และ วารุณี อริยวริ ิยะนนั ท1์ ,2* Vipawadee Rakbumrung1 and Warunee Ariyawiriyanan1,2* 1ภาควชิ าวศิ วกรรมวสั ดุและโลหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1Department of Materials and Metallurgical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 2Institute of Research and Development, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ในงานวิจยั น้ีศึกษากระบวนการผลิตสตาร์ชเสริมแรงดว้ ยนาโนคริสตลั เซลลูโลสจากเส้นใยไผ่ โดยการเตรียมและวิเคราะห์โครงสร้างของคริสตลั เซลลูโลสจากเส้นใยไผโ่ ดยผา่ นกระบวนการปรับปรุง เส้นใยดว้ ยอลั คาไลน์และฟอกขาวดว้ ยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จากน้นั ใชก้ ระบวนการไฮโดรไลซิส ด้วยกรด แล้วนามาทดสอบหาฟังก์ชันนอลกรุ๊ป (functional group) ด้วยเครื่อง Fourier Transform Infrared (FTIR) Spectroscopy พบว่ามีการกาจดั ลิกนินและเฮมิเซลลูโลสได้ ท่ีตาแหน่ง 1602.36 cm−1 และ 1244.02 cm−1 นอกจากน้ีไดม้ ีการทดสอบวิเคราะห์การเล้ียวเบนของรังสีเอก็ ซ์ พบวา่ เซลลูโลสท่ีได้ มีความเป็นคริสตลั เซลลูโลส ที่ตาแหน่ง 22θ และทดสอบขนาดของคริสตลั เซลลูโลสดว้ ยกลง้ จุลทรรศน์ แบบสแกนน่ิง จากน้ันนามาเสริมแรงในเทอร์โมพลาสติกสตาร์ช เพ่ือสร้างเป็ นผลิตภณั ฑ์รักษ์โลก จากธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ แล้วนาไปทดสอบสมบัติความแข็งแรง สมบัติความคงทน ต่อความช้ืน และสมบตั ิความเขา้ กนั ได้ การยึดติดของสตาร์ชและเส้นไผ่ ซ่ึงเป็ นขอ้ บกพร่องของการ ทาเป็นผลิตภณั ฑเ์ ป็นเทอร์โมพลาสติกสตาร์ช คาสาคัญ: เทอร์โมพลาสติกสตาร์ช เส้นใยไผ่ คริสตลั เซลลูโลส นาโนคริสตลั เซลลูโลส 160
การประชมุ การจดั งานประชุมวชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครัง้ ที่ 12 Theก1า2รtปhรRะTaชhjaุมemวิช1aา2nกtghาaRรlรaaะjดaUmบัnชiavาenตrgมิsaiหtlyาaวoUิทfยnTาievลceยั hrเทsniคtoyโlนooโgลfyยTNรี eาacชtihมonงnคoaลlloCคgoรyั้งnทNfe่ี a1rt2einocneal Conference” “๙ ราชม“ง๙คลรขาบัชเมคงลคอื่ ลนขนบั วเัตคกลรอื่รมนนนวำ�ตัเศกรรษรฐมกจินาปเศลูกรษแนฐวกคิจิดปเทลคกู โแนนโลวยคสี ดิ เี ขเทยี ควเโพนอ่ืโลกยารสี พีเขฒั ยี นวาเทพี่ยือ่ ่ังกยานื ร”พฒั นาทีย่ ัง่ ยนื ” การทา Amorphous ด้วยเซลลูโลสสกดั จากผกั ตบชวา Making Amorphous with Cellulose Extracted from Water Hyacinth ชลธิชา สุวรรณกลาง และ วารุณี อริยวิริยะนนั ท*์ Chonthicha Suwannaklang and Warunee Ariyawiriyanan* ภาควชิ าวศิ วกรรมวสั ดุและโลหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Materials and Metallurgical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ เน่ืองจากปัจจุบนั ผกั ตบชวาเป็ นวชั พืชที่ก่อให้เกิดปัญหาในบริเวณแม่น้าลาคลอง ทาให้เกิด มลภาวะทางดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม ซ่ึงปัจจุบนั มีวิธีการจดั การเพ่ือใหเ้ กิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยจะพบวา่ ผกั ตบชวาเป็ นเซลลูโลสหน่ึงตวั ที่สามารถนามาประยุกตใ์ ชง้ านในดา้ นต่างๆได้ เช่น งานส่ิงทอ อาหาร สัตว์ ป๋ ุย แต่ก็ยงั มีการใชง้ านที่นอ้ ย แต่จากการศึกษาในดา้ นวิชาการพบว่า เส้นใยผกั ตบชวามีคุณสมบตั ิ เด่น คือมีปริมาณเซลลูโลสสูง ปริมาณของลิกนินและเฮมิเซลลูโลสต่า ซ่ึงเหมาะท่ีจะนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ น งานด้านวิศวกรรมวสั ดุ โดยทาการศึกษาเก่ียวกบั การผลิตอสัญฐานเซลลูโลส ซ่ึงการผลิตอสัญฐาน เซลลูโลสมีข้นั ตอนการผลิตที่ไม่ซับซ้อนมากนกั และได้ปริมาณผลิตภณั ฑ์ที่สูง และยงั ไม่ค่อยมีผูใ้ ห้ ความสนใจ แตอ่ สัญฐานเซลลูโลส มีขอ้ ดีท่ีเด่นชดั ในเรื่องของการยอ่ ยสลายไดต้ ามธรรมชาติ เป็นผลผลิต จากวสั ดุธรรมชาติ น้าหนกั เบา จึงเป็ นวสั ดุที่น่าสนใจ โดยการเตรียมอสัญฐานเซลลูโลสเริ่มจากการ เตรียมเซลลูโลสท่ีสกดั จากผกั ตบชวา ทาการปรับปรุงพ้ืนผิวเส้นใยดว้ ย NaOH เพื่อกาจดั ลิกนิน และทา การฟอกขาวโดยใชส้ าร H2O2 จากน้นั เตรียม H2SO4 ความเขม้ ขน้ 60% ในอุณหภูมิต่า แลว้ นาเซลลูโลส ไปทาปฏิกิริยา Hydrolysis ที่ 0 °C ในอ่างน้าแข็ง จะได้ Amorphous เซลลูโลส ท่ีมีลกั ษณะเป็ นเจลใส และนาไปหมุนเหวย่ี ง Centrifuge ท่ี 25 °C โดยใช้ H2O เป็ นตวั ทาละลายให้กรดกลายเป็ นกลาง ผลผลิต ที่ไดจ้ ะไดเ้ ป็ นเส้นใยสีขาวละเอียด และจากผล XRD จะแสดงถึงปริมาณของผลึกที่ลดลงอยา่ งเห็นไดช้ ดั เม่ือเทียบกบั เส้นใยเซลลูโลสดิบ คาสาคัญ: เส้นใยผกั ตบชวา เซลลูโลส การปรับปรุงเส้นใย Amorphous 161
กากราปรรปะรชะชมุ มุกวาชิรจากดั างรารนะปดรับะชชามุตวิมชิหาากวิทารยราะลดัยับเทชคาโตนมิ โลหยาีรวาทิ ชยมางลคัยลเทครคงั้ โทนี่โ1ล2ยีราชมงคล ครัง้ ที่ 12 The 12th RTahjeam1a2nthgRalaajaUmnaivnegrasiltay UofnTiveecrhsnitoyloogfyTNeacthionnoalol gCyonNfaetrieonncael Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเคงลคอื่ลนขนบั วเัตคกลรื่อรนมนนวำ�ตั เกศรรรษมฐกนจิ าเปศลรกู ษแฐนกวจิ คดิ ปเลทกูคแโนนโวลคยิดีสเเี ขทียควโเนพโือ่ลกยาสี รเี พขฒัียวนเาพทอ่ื ย่ี ก่งั ายรืนพ”ฒั นาท่ยี ่งั ยืน” การเสริมแรงยางธรรมชาตดิ ้วยเซลลโู ลสสกดั จากผกั ตบชวา Reinforcement of Natural Rubber with Cellulose Fiber Extracted from Water Hyacinth รวรี ัตน์ ประเสริฐวงษ์ และ วารุณี อริยวิริยะนนั ท์* Raweerat Prasertwong and Warunee Ariyawiriyanan * ภาควชิ าวศิ วกรรมวสั ดุและโลหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Materials and Metallurgical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ ในปัจจุบนั ยางธรรมชาติมีการนามาใชป้ ระโยชน์อยา่ งกวา้ งขวางในอุตสาหกรรมผลิตภณั ฑ์ยางธรรมชาติ เนื่องจากมีสมบตั ิเด่นด้านความยืดหยุ่นสูงและมีสมบตั ิเชิงกลท่ีดี แต่ยางธรรมชาติก็มีสมบตั ิดอ้ ยหลายประการ ดงั น้นั งานวิจยั น้ีจึงมุ่งศึกษาการเสริมแรงยางธรรมชาติ โดยใช้การเสริมแรงที่เป็ นมิตรกบั สิ่งแวดล้อม คือ เส้นใย ผกั ตบชวาเพือ่ ศึกษาวธิ ีการเตรียม Cellulosenanocrystals (CNC)จากเส้นใยผกั ตบชวา และศึกษาคุณสมบตั ิทางดา้ นต่าง ๆ ของยางธรรมชาติเม่ือถูกเสริมแรงด้วยเซลลูโลสผกั ตบชวา โดยจะเริ่มจากการเตรียมนาโนเซลลูโลสท่ีสกดั จาก ผกั ตบชวาทาการปรับปรุงพ้ืนผิวเส้นใยดว้ ย NaOH เพือ่ กาจดั ลิกนิน และเฮมิเซลลูโลสออกจากเส้นใยผกั ตบชวาและ ทาการฟอกขาวเส้นใยดว้ ยH2O2นาเส้นใยลา้ งใหส้ ะอาดแลว้ อบแหง้ จากน้นั นาไปทาปฏิกิริยาHydrolysis50%H2SO4 ที่ 50°CและทาการCentrifuge ที่ 10°Cจะไดเ้ ป็ นนาโนเซลลูโลส แลว้ จากน้นั เตรียมน้ายางคอมปาวด์ โดยการผสมน้า ยางกบั สารเคมีตามสูตรที่กาหนดแลว้ นาน้ายางคอมปาวดท์ ี่ไดไ้ ปผสมกบั เส้นใยนาโนเซลลูโลสที่ไดเ้ ตรียมไวแ้ ละข้ึน รูปดว้ ยตูอ้ บลมร้อน โดยจะศึกษาสมบตั ิทางเคมี สมบตั ิทางกลและสมบตั ิทางกายภาพของยางธรรมชาติท่ีถูกเสริมแรง ดว้ ยเส้นใยผกั ตบชวา โดยพบวา่ เส้นใยที่ไดร้ ับการปรับปรุงผวิ ดว้ ยกระบวนการทางเคมี จะมีขนาดที่เล็กลง มีสีขาวข้ึน ซ่ึงแตกตา่ งจากเส้นใยผกั ตบชวาแบบไม่ผา่ นการปรับปรุงผวิ เม่ือนาไปผสมในยางคอมโพสิตมีความกระจายตวั ไดด้ ี นอกจากน้ียงั พบวา่ สมบตั ิทางกลต่าง ๆท่ีไดท้ าการทดสอบ เช่น ค่าความแขง็ ของยางคอมโพสิต ค่าความตา้ นทานแรง ดึงค่าการยดื ตวั ณจุดขาด และค่าYoung’smodulusของยางคอมโพสิตท่ีมีการผสมเส้นใยนาโนเซลลูโลส มีค่าที่เพิ่ม มากข้ึนเม่ือเทียบกบั ยางคอมโพสิตท่ีไม่ไดผ้ สมเส้นใยนาโนเซลลูโลส จากการศึกษาในงานวจิ ยั น้ี การเสริมแรงเป็ นวิธี ง่าย ๆ ท่ีช่วยในการลดขอ้ บกพร่องของยางธรรมชาติ ผลลพั ธ์จะข้ึนอยู่กบั สิ่งท่ีนามาช่วยเสริมแรง เช่น เส้นใยและ อนุภาคนาโนซ่ึงการเสริมแรงดว้ ยเส้นใยเซลลูโลสจะทาให้ยางธรรมชาติน้นั มีคุณสมบตั ิที่ดีข้ึนสามารถใชง้ านได้ กวา้ งขวางมากข้ึน คาสาคญั : ยางธรรมชาติ นาโนเซลลูโลส น้ายางคอมปาวด์ 162
กากราปรรปะรชะมุชมุกวารชิ จาดกั างรารนะปดรบั ะชชามุ ตวมิ ชิหากวาทิ รยราะลดยั บั เทชคาโตนมิ โหลยาีรวาทิ ชยมางลคยั ลเทคครั้งโนทโี่ 1ล2ยรี าชมงคล ครั้งที่ 12 The 12th TRahjeam1a2nthgRaalajaUmnaivnegrasiltay Uonf iTveecrhsintyoloofgyTNecahtinonoalolgCyoNnfaetrieonncael Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเคงลคอื่ลนขนบั วเคตั ลกรอ่ื รนมนนวำ�ัตเกศรรรษมฐกนจิ าเปศลรูกษแฐนกวจิ คิดปเลทูกคแโนนโวลคยิดสี เเี ทขยีควโนเพโลือ่ ยกาสี รเี ขพยีัฒวนเพาทอ่ื ย่ี กั่งายรนื พ”ฒั นาท่ยี ัง่ ยืน” การเตรียมนาโนคริสตลั ไลน์เซลลโู ลสจากเส้นใยนุ่น Preparation of Nanocrystalline Cellulose from Kapok Fibers ภพธร คลา้ ยเขม็ และ วารุณี อริยวิริยะนนั ท์ * Poptorn Klaykhem and Warunee Ariyawiriyanan* ภาควชิ าวศิ วกรรมวสั ดุและโลหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Materials and Metallurgical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ ในปัจจุบนั มีการนาเส้นใยธรรมชาติมาเป็ นวสั ดุท่ีใช้เสริมสมบตั ิต่าง ๆ ของวสั ดุคอมโพสิต อีกท้งั เป็ นวตั ถุดิบที่สามารถหาได้ง่าย ต้นทุนต่า ซ่ึงใยนุ่นเป็ นเส้นใยธรรมชาติท่ีมีความน่าสนใจ เช่นเดียวกบั เส้นใยธรรมชาติชนิดอื่นเส้นใยนุ่นเป็ นแหล่งท่ีมีศกั ยภาพของเซลลูโลสแต่ยงั มีการใช้ ประโยชน์น้อย เส้นใยนุ่นจะอ่อนนุ่มและเบา พิเศษกว่าเส้นใยอื่นๆ คือ ไม่ดูดซบั น้า แต่มีสมบตั ิไวไฟ เผาไหมไ้ ดเ้ ร็วมาก ทาวสั ดุกนั กระเทือน ยดั หมอน ฟูก เคร่ืองใช้ต่างๆ แต่ก่อนที่จะนาเส้นใยธรรมชาติ มาใชป้ ระโยชนท์ ี่หลากหลายกวา่ อาจจะตอ้ งผา่ นกระบวนการทาความสะอาด เพอ่ื ท่ีจะเอาสิ่งสกปรกหรือ ส่ิงท่ีไม่ตอ้ งการออก ใหไ้ ดเ้ ป็ นเส้นใยท่ีพร้อมใชง้ านไดห้ ลากหลายและมีประสิทธิภาพ ดงั น้นั งานวิจยั น้ี ไดท้ าการศึกษาการสังเคราะห์นาโนคริสตลั ไลน์เซลลูโลส จากเส้นใยนุ่นดว้ ยวธิ ีการทางเคมี ในส่วนของ การสังเคราะห์เส้นใยเซลลูโลสจากนุ่นจะใชก้ ารบาบดั ดว้ ยกระบวนการอลั คาไลโดยใชโ้ ซเดียมไฮดรอก ไซด์ จากน้นั ทาการฟอกขาวดว้ ยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซดก์ บั โซเดียมไฮดรอกไซด์ ซ่ึงผลจากการหายไป ของจุดสู งสุ ดที่ 1735, 1598 ,1504 , 1239 cm¯¹ ในสเปกโตรสโคปี (FTIR) เกี่ยวข้องกับการกาจัด ส่วนประกอบที่ไม่ใช่เซลลูโลส เช่น ลิกนินและเฮมิเซลลูโลส จากน้นั ทาการสังเคราะห์นาโนคริสตลั ไล เซลลูโลสจากเส้นใยนุ่นโดยใชก้ ระบวนการไฮโดรไลซิสดว้ ยกรดซลั ฟิ วริกความเขม้ ขน้ 50% ที่อุณหภูมิ 50°C เป็ นเวลา 30 นาที ทาการหมุนเหว่ียง 9000 รอบ/นาที อุณหภูมิ 25°C เป็ นเวลา 10 นาที นาน้าที่ได้ ไปส่องแสงเคร่ืองวดั ขนาดอนุภาคระดบั นาโนจะมีลกั ษณะเป็ นริ้วคล่ืน และทาการหมุนเหวีย่ งที่ 60 นาที จะไดน้ ้านาโนเซลลูโลสจากเส้นใยนุ่นท่ีมีความเขม้ ขน้ มากข้ึน คาสาคัญ: เส้นใยนุ่น เซลลูโลส นาโนคริสตลั ไลน์เซลลูโลส 163
Thกeากร1าป2รรtปhะรTRชะhaมุชjeกaมุ mาว1ริช2aจาtnดัhกgงาRaารalรนajะaปดUmรับnะaชiชvnาeมุ ตgrวaมิsชิilหtaาyากวUoาิทnfรยiรTvาะeลeดcัยrับhsเทinชtคyoาโตlนooมิ โfgลหyTยาNeีรวาcaทิ ชhtยiมonางnoลคalยัลolเgทCคyคoรง้ัnโNทนfae่ีโ1tลri2eoยnnรี cาaeชlมCงoคnลfeคrรeั้งnทc่ี e1”2 “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเคงคลลอ่ื นขนบั วเคัตลกอ่ืรรนมนนวัตำ�เกศรรรษมฐกนจิ าเปศลรกูษแฐนกวิจคิดปเลทกูคแโนนโวลคยิดสี เเี ทขยีควโนเพโ่อืลกยาีสรีเพขฒัยี วนเาพทื่อี่ยก่ังายรนื พ”ฒั นาทย่ี งั่ ยนื ” ผลกระทบของนา้ ทะเลใช้ผสมต่อการหดตวั แบบออโตจนี ัสและแบบแห้งของมอร์ต้าร์ Effect of Seawater as Mixing Water on Autogenous and Drying Shrinkages of Mortar ศุภกร ศิรพจนกลุ ปิ ติศานต์ กร้ามาตร* จินดารัตน์ มณีเจริญ และ นิรชร นกแกว้ Suphakorn Sirapojanakul, Pitisan Krammart*, Jindarat Maneecharoen and Nirachorn Nokkaew ภาควชิ าวศิ วกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ บทความน้ีศึกษาผลกระทบของน้าทะเลใชผ้ สมมอร์ตา้ ร์ต่อการหดตวั แบบออโตจีนสั และการหด ตวั แบบแหง้ ของมอร์ตา้ ร์ โดยแทนที่บางส่วนในปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนดป์ ระเภทท่ี 1 ดว้ ยเถา้ ลอย และผง หินปูน ใชอ้ ตั ราส่วนน้าต่อวสั ดุประสานของคอนกรีตเท่ากบั 0.50 ตลอดการศึกษา โดยใชน้ ้าจืดและน้า ทะเลแยกกนั ใชผ้ สมและบม่ ตวั อยา่ งมอร์ตา้ ร์ แลว้ ทดสอบคา่ การไหลแผข่ องมอร์ตา้ ร์ และการหดตวั แบบ ออโตจีนสั และการหดตวั แบบแห้งของตวั อยา่ งมอร์ตา้ ร์ขนาด 25x25x285 มิลลิเมตร ผลการศึกษาพบว่า มอร์ตา้ ร์ท้งั ท่ีใชน้ ้าทะเลและน้าจืดผสมน้นั คา่ การไหลแผข่ องมอร์ตา้ ร์ผสมเถา้ ลอยมีค่ามากกวา่ ในขณะที่ การไหลแผข่ องมอร์ตา้ ร์ผสมผงหินปูนมีค่าไม่แตกต่างหรือแนวโนม้ ท่ีนอ้ ยกวา่ เม่ือเปรียบเทียบกบั ของ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทท่ี 1 ลว้ น โดยเฉพาะเม่ือแทนที่ในปริมาณท่ีมากข้ึน ส่วนค่าการไหลแผ่ ของมอร์ตา้ ร์ที่ใช้น้าทะเลผสมให้ค่าที่น้อยกว่าของมอร์ตา้ ร์ที่ใชน้ ้าจืดผสม นอกจากน้ีพบวา่ การหดตวั แบบออโตจีนสั ของมอร์ตา้ ร์ผสมเถา้ ลอยและของมอร์ตา้ ร์ผสมผงหินปูนน้ัน เม่ือน้าจืดใชผ้ สมและบ่ม มีแนวโน้มน้อยกว่า แต่เม่ือน้าทะเลใช้ผสมและบ่มน้ันกลับมีค่ามากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับของ ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนดป์ ระเภทที่ 1 ลว้ น ส่วนการหดตวั แบบแหง้ ของมอร์ตา้ ร์ผสมเถา้ ลอยและของมอร์ ตา้ ร์ผสมผงหินปูนน้นั ท้งั เม่ือน้าจืดและน้าทะเลใชผ้ สมและบ่มมีแนวโนม้ นอ้ ยกวา่ ของปูนซีเมนตป์ อร์ต แลนด์ประเภทที่ 1 ลว้ นสุดทา้ ยพบว่าการหดตวั แบบออโตจีนสั และการหดตวั แบบแห้งของมอร์ตา้ ร์น้า ทะเลใชผ้ สมและบม่ มีคา่ มากกวา่ ของมอร์ตา้ ร์น้าจืดใชผ้ สม คาสาคญั : น้าทะเล การหดตวั แบบออโตจีนสั การหดตวั แบบแหง้ การไหลแผ่ มอร์ตา้ ร์ 164
การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ครงั้ ท่ี 12 การปรTะชhมุeว1ชิ 2าtกhาRรaระjaดmับชaาnตgมิ aหlaาวUทิ nยiาvลeัยrเsทitคyโนoโfลยTรีeาcชhมnงoคlลoคgyร้ังNทaี่ 1t2ional Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชม“ง๙คลรขาชับมเคงลคื่อลนขนบั วเัตคกลร่อื รนมนนวำ�ัตเศกรรษรมฐกนิจาปเศลรกู ษแฐนกวจิคิดปเทลคูกโแนนโลวยคสีิดเีเขทียควโเนพโ่อื ลกยาีสรีเพขัฒียวนเาพทื่อีย่ ก่ังยาืนรพ”ัฒนาทย่ี ่ังยืน” การสร้างวงจรไฟฟ้าแรงดนั สูงกระแสตรง 15 kV เพื่อใช้เป็ นชุดทดสอบ ความบกพร่องของฉนวน Design and Construction of 15 kV DC High Voltage Circuit for Used as Tester Insulation Defect ศุภวฒุ ิ เนตรโพธ์ิแกว้ 1* นฐั โชติ รักไทยเจริญชีพ1 พูนศรี วรรณการ1 และภควตั เกอะประสิทธ์ิ2 Supawud Nedphokaew1*, Nattachote Rugthaicharoencheep1, Poonsri Wannakarn1 and Pakawat Kerpasit2 1สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 2สาขาวชิ าวศิ วกรรมเครื่องกล คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 1Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, 2 Department of Machanical Engineering, Faculty of Industrial Education, 1,2 Rajamangala University of Technology Phra Nakorn, Bangkok THAILAND. *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจยั น้ีนาเสนอกระบวนการผลิตสายไฟฟ้า ก่อนที่จะมีการจดั จาหน่าย สายไฟฟ้าจะตอ้ งผา่ น การตรวจสอบ เป็ นกระบวนการหน่ึงท่ีสาคญั เพ่ือตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของสายไฟก่อนถึงมือ ผูบ้ ริโภค งานวจิ ยั ฉบบั น้ีเป็ นการนาเสนอการสร้างวงจรแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง 15 kV เพื่อใชท้ ดสอบ ความบกพร่องของฉนวน โดยการทางานของระบบสร้างวงจรแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง 15 kV เพื่อใช้ ทดสอบความบกพร่องของฉนวนน้ันจะใชไ้ มโครคอนโทรลเลอร์เป็ นอุปกรณ์ควบคุมการทางานของ ระบบ โดยผใู้ ชง้ านชุดวงจรทดสอบน้ี สามารถตรวจสอบและต้งั คา่ กระแสไฟฟ้าลดั วงจรได้ คาสาคญั : สายไฟฟ้า วงจรแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง ไมโครคอนโทรลเลอร์ 165
การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครั้งที่ 12 การปรTะhชeุมว1ิช2าthกาRรaรjะaดmบั aชnาตgaมิ lหaาวUทิ nยivาลeัยrsเทitคyโนoโfลTยeรี าcชhมnงoคlลogคyรง้ั Nทaี่ 1ti2onal Conference” The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเคงคลลือ่ นขนบั วเคัตลกื่อรรนมนนวัตำ�เกศรรรษมฐกนจิ าเปศลรกูษแฐนกวจิ คดิปเลทกูคแโนนโวลคยดิีสเีเทขยีควโนเพโอ่ืลกยาีสรีเพขฒัยี วนเาพทอ่ื ี่ยก่ังายรืนพ”ัฒนาทีย่ งั่ ยนื ” การวเิ คราะห์แรงดนั ไฟฟ้าตกในแบบจาลองระบบจาหน่ายไฟฟ้า Analysis of Under Voltage in Power Distribution Model นฐั โชติ รักไทยเจริญชีพ* มนสั บุญเทียรทอง สาคร วฒุ ิพฒั นพนั ธุ์ ศุภวฒุ ิ เนตรโพธ์ิแกว้ และ นเรศ ชลงั สุทธ์ิ Nattachote Rugthaicharoencheep*, Manat Boonthienthong, Sakhon Woothipatanapan, Supawud Nedphokaew and Nares Charlangsut สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร แขวงวงศส์ วา่ ง เขตบางซ่ือ กรุงเทพมหานคร Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Wongsawang, Bangsue, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ บทความวิจยั น้ีนาเสนอแบบจาลองและแก้ไขปัญหาแรงดนั ไฟฟ้าตกในระบบจาหน่ายไฟฟ้า เนื่องจากโครงสร้างระบบจาหน่ายเป็ นแบบเรเดียน ดงั น้นั ปัญหาแรงดนั ตกจึงเป็ นปัญหาที่ท้งั ผใู้ ชไ้ ฟและ การไฟฟ้าตอ้ งร่วมกนั แกไ้ ขและปรับปรุงเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการลดปัญหาแรงดนั ไฟฟ้าตก โดยมี วตั ถุประสงค์เพ่ือเพิ่มแรงดนั ไฟฟ้าจากการติดต้งั เครื่องกาเนิดไฟฟ้าแบบกระจายตวั ในระบบจาหน่าย ไฟฟ้า การประมวลผลทดสอบหาค่าแรงดนั ไฟฟ้าตกกบั แบบจาลองระบบจาหน่ายไฟฟ้าจานวน 33 บสั จากผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าการติดต้งั เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าแบบกระจายตัวสามารถช่วยเพิ่ม เสถียรภาพแรงดนั ไฟฟ้าในระบบจาหน่ายไฟฟ้าได้ คาสาคญั : แรงดนั ไฟฟ้าตก กาลงั ไฟฟ้าสูญเสีย แบบจาลองระบบจาหน่ายไฟฟ้า 166
กากราปรประรชะชมุ ุมกวาิชราจกดั างรารนะปดบัระชชาตมุ มิวหชิ าาวกิทายรราะลดัยบัเทชคาโตนมิโลหยาีรวาทิชยมางคลลยั เคทรคง้ั โทนี่ โ1ล2ยรี าชมงคล คร้ังที่ 12 The 12th RTahjaem1a2nthgaRlaajaUmniavnegrsailtay oUfnTiveecrhsnitoyloogfyTNeacthionnoalloCgyonNfaerteionncael Conference” “๙ ราชม“ง๙คลรขาชบั มเคงลคื่อลนขนบั วเัตคกลรือ่ รนมนนวำ�ตั เศกรรษรมฐกนิจาปเศลรูกษแฐนกวจิคดิ ปเทลคูกโแนนโลวยคีสิดีเเขทยี ควโเนพโื่อลกยาสี รเีพขัฒยี วนเาพท่อืีย่ กัง่ ยานืรพ”ฒั นาทย่ี ง่ั ยนื ” การสร้างอุปกรณ์แปลงแรงดนั ไฟตรงเป็ นแรงดนั ไฟสลบั แบบพกพา Construction of Portable Dc to Ac Voltage Converter พนู ศรี วรรณการ* พนา ดุสิตากร ประจกั ษ์ เริงมิตร นนทกร เรืองงิ้ว อลงกรณ์ จุย้ คง และ ศุภวุฒิ เนตรโพธ์ิแกว้ Poonsri Wannakarn, Pana Dusitakron, Prajak Rungmit, Nontakorn Ruangngiu, Alongkorn Juikong and Supawut Nedphokaew สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangsue, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ บทความน้ีนาเสนอการสร้างอุปกรณ์แปลงแรงดันไฟตรงเป็ นแรงดันไฟสลับแบบพกพา โดยผลิตไฟตรงจากเซลล์พลังงานแสงอาทิตยแ์ ละเก็บพลงั งานไวท้ ่ีแบตเตอร่ี โดยใช้วงจรพุช-พูล อินเวอร์เตอร์ในการทาให้ไดแ้ รงดนั ไฟสลบั ออกมาเพื่อนามามาใชก้ บั อุปกรณ์ไฟฟ้าในชีวิตประจาวนั เช่น พดั ลม หลอดไฟ เป็ นตน้ ซ่ึงช่วยลดค่าไฟฟ้าภายในบา้ นและสะดวกพกพาไปในพ้ืนท่ีท่ีไฟของการ ไฟฟ้าเขา้ ถึงไดย้ าก เช่น ในเรือ ในป่ า หรือ บนภูเขา จากผลการทดสอบการสร้างอุปกรณ์แปลงแรงดนั ไฟ ตรงเป็ นไฟสลบั แบบพกพา ทาให้สามารถนามาใช้ไดใ้ นชีวิตประจาวนั และยงั เป็ นพลงั งานสะอาดท่ีได้ จากแสงอาทิตยซ์ ่ึงไมก่ ่อใหเ้ กิดมลพิษต่อส่ิงแวดลอ้ ม คาสาคญั : พลงั งานแสงอาทิตย์ แบตเตอรี่ วงจรพชุ -พูลอินเวอร์เตอร์ 167
Thกeากร1าป2รรtปhะรTชRะhมaุ ชejกaุมาmว1ริช2aจาtnดัhกgงRาaารalนรajaะปดUmรับnะaชชinvาุมegตวraมิsชิliหatาyากUวoาทิnรfยiรvTาะeeลดrcยัับshเiชทtnyาคoตโloนoมิ fโgหลyTายeวNรี cทิาahชtยinมoาoงลnคlัยaoลเlgทCคyคoรโNัง้nนทafโe่ีtล1iroย2enีรnาacชleมCงoคnลfeคrรeัง้ nทc่ี e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบั มเงคคลลื่อขนบันเวคตั ลกือ่ รนรมนวนตั ำ�กเศรรรษมฐนกิจาเปศลรษกู แฐนกวจิ คปิดลเทูกคแโนวโลคยดิ ีสเเีทขคียโวนเพโลอ่ื ยกีสาเีรขพียัฒวนเพาทือ่ ก่ีย่ังายรนืพ”ฒั นาทยี่ ่งั ยืน” การศึกษาปริมาณผงเปลือกมงั คุดทีเ่ หมาะสมในการขนึ้ รูปแผ่นพืน้ รองเท้า จากยางพาราผสมเปลือกมงั คุด Study of the Appropriate Amount of Mangosteen Peel Powder in Forming of Shoe Pad from Para Rubber Mixed with Mangosteen Peel วภิ าภรณ์ เสือพว่ ง1 สุภา จุฬคุปต2์ และ ปานฉตั ท์ อินทร์คง3 Vipaporn Suapuang1, Supa Chulacupt2 and Panchat Inkong3 1,2สาขาวชิ าเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 12110 3สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 12110 1,2Department of Home Economics Technology, Faculty of Home Economics Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi Pathum Thani, 12110, THAILAND 3 Department of Product Design, Faculty of Fine And Applied Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi Pathum Thani, 12110, THAILAND *Corresponding Author e-mail: [email protected] [email protected] บทคดั ย่อ การวจิ ยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาปริมาณผงเปลือกมงั คุดท่ีเหมาะสมในการข้ึนรูปแผน่ พ้ืน รองเทา้ จากยางพาราผสมเปลือกมงั คุด ปริมาณผงเปลือกมงั คุดที่ใชใ้ นการเสริม โดยแปรเป็ น 3 ระดบั คือ 40 50 และ 60 phr มีความละเอียดของผงเปลือกมงั คุด 80 และ 100 เมช ทดสอบค่าความช้ืน และผสมเขา้ สูตรยางเคมี ทาการข้ึนรูป และวางแผนการทดลองแบบ Factorial in CRD (Completely Randomized Design) ไดส้ ูตรท้งั หมด 6 สูตร ผลการวจิ ยั พบวา่ ปริมาณผงเปลือกมงั คุดที่เหมาะสมในการข้ึนรูปแผ่น พ้ืนรองเทา้ จากยางพาราผสมเปลือกมงั คุด สูตรท่ี 6 มีปริมาณผงเปลือกมงั คุด 60 phr และความละเอียดของ ผงเปลือกมงั คุด 100 เมช มีค่าความช้ืนที่ ร้อยละ 6 และ มีลกั ษณะปรากฏในการข้ึนรูปแผน่ พ้ืนรองเทา้ จาก ยางพาราผสมท่ีดีกวา่ ทุกสูตร คาสาคัญ: เปลือกมงั คุด ยางพารา แผน่ พ้ืนรองเทา้ 168
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332