Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore RMUTCON 2022_ABSTRACT NATIONAL CONFERENCE

RMUTCON 2022_ABSTRACT NATIONAL CONFERENCE

Published by IRD RMUTT, 2022-05-30 09:27:26

Description: RMUTCON 2022_ABSTRACT NATIONAL CONFERENCE

Search

Read the Text Version

การประชุมวชิ าการระดับชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครงั้ ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลอื่ นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยีสีเขยี วเพื่อการพฒั นาที่ยงั่ ยืน” การปรับใช้แนวคดิ โมเดลเศรษฐกจิ ชีวภาพกบั โครงการ 1 ตาบล 1 มหาวทิ ยาลยั กรณศี ึกษา: ตาบลบ้านหอย อาเภอประจันตคาม จังหวดั ปราจนี บุรี BCG Economy Model with One Tumbon – One University (U2T) Project Case Study: Tumbon Banhoi, Prachantakham, Prachinburi ปกรณ์เกียรต์ิ เศวตเมธิกลุ 1* เยาวลกั ษณ์ พิพฒั น์จาเริญกลุ 1 กลั ยาณี เจริญช่าง นุชมี1 สมพร วงษเ์ พง็ 1 ธนชั ศรีพนม1 อญั ญารัตน์ สอนสนาม1 ภาวิณี อา่ งบุญตา1 ปัญกิจ แกว้ เหลก็ 1 ภูรินทร์ อคั รกลุ ธรกลุ 2 อมร อศั ววงศานนท2์ อรวลั ภ์ อปุ ถมั ภานนท3์ โสภิดา วศิ าลศกั ด์ิกลุ 3 อุไรวรรณ อินทร์แหยม4 ดวงฤทยั ต่ีสุข5 และ เหมือนฝัน สุขมนต5์ Pakornkiat Sawetmethikul1*, Yaowaluk Pipatjumroenkul1, Kanlayanee Charoennuch Changmee1, Somporn Wongpeng1, Tanut Sripanom1, Anyarat Sornsanam1, Parvinee Angboonta1, Panyakit Kaewlek1, Purin Akkarakunthornkul2, Amorn Atsawawongsanon2, Orawan Oupathumpanont3, Sopida Wisansakkul3, Uraiwan Inyam4, Duanrutai Teesuk5 and Muanfun Sookmon5 1คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม 2คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร 3คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ 4คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12110 ประเทศไทย 1Faculty of Technical Education 2Faculty of Agricultural Technology 3Faculty of Home Economics Technology 4Faculty of Science and Technology 5Faculty of Architecture Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Klong Hok, Klong Luang, Pathumthani, 12110 THAILAND บทคดั ย่อ *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทความน้ี นาเสนอผลการดาเนินงานโครงการ1ตาบล1มหาวทิ ยาลยั ของตาบลบา้ นหอยอาเภอประจนั ต คาม จงั หวดั ปราจีนบุรี ดว้ ยการปรับใชแ้ นวคิดโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพร่วมกบั หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพือ่ ยกระดบั และพฒั นาผลิตภณั ฑ์จกั สานจากไผ่ โดยยดึ หลกั การดาเนินงาน 3 ประการ ประกอบดว้ ย “สอน” คือ การ ถ่ายทอดองคค์ วามรู้ในการยกระดบั กระบวนการผลิต การเพิ่มมูลคา่ ผลิตภณั ฑ์ และการพฒั นาผลิตภณั ฑจ์ ากวสั ดุ เหลือใช้ “สร้าง” คือ การพฒั นาช่องทางจาหน่ายรูปแบบใหม่ผา่ นช่องทางออฟไลน์-ออนไลน์ และการสร้างสื่อ สังคมออนไลน์เพื่อขยายการรับรู้ในวงกวา้ ง และ “สุข” คือ สร้างอาชีพและรายไดท้ ี่เพิ่มข้ึนสู่ความยงั่ ยืนของ ชุมชน ท้งั น้ี การดาเนินงานของกิจกรรมดาเนินงาน แบ่งออกเป็ น 3 ระยะ คือ กิจกรรมต้นน้าที่มุ่งเน้นการ เพาะพนั ธุ์และอนุรักษพ์ นั ธุ์ไผ่ กิจกรรมกลางน้าท่ีมุ่งเนน้ การพฒั นากระบวนการผลิตและมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ และกิจกรรมปลายน้าท่ีมุ่งเนน้ การตลาดและการจาหน่ายผา่ นช่องทางออฟไลน์-ออฟไลน์ โดยผลการดาเนินงาน ต้งั แต่ เดือนกุมภาพนั ธ์ ถึง เดือนธนั วาคม พ.ศ. 2564 สรุปผลไดด้ งั น้ี การย่ืนบญั ชีมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ชุมชน (มผช.) 1 รายการ สร้างอาชีพใหม่เพิ่มข้ึน 20-30 ราย การจดั ต้งั วสิ าหกิจชุมชน 1 แห่ง และรายไดข้ องกลุ่มอาชีพจกั สานเพิ่มข้ึน 2-7 เท่า สาหรับแผนการดาเนินงานในปี ที่ 2 (พ.ศ. 2565) คือ การขยายผลสู่ชุมชนขา้ งเคียงและ เชื่อมโยงการทอ่ งเที่ยวนวตั วถิ ี เพ่อื การสร้างรายไดใ้ นหลากหลายมิติเขา้ ดว้ ยกนั คาสาคญั : โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ 1 ตาบล 1 มหาวทิ ยาลยั บา้ นหอยโมเดล ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 19

การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครงั้ ที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคล่ือนนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยสี เี ขยี วเพอ่ื การพฒั นาทยี่ งั่ ยนื ” การพฒั นาชุดการสอนสาหรับจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนรูปแบบ MIAP ด้วยเทคนิคการสอนโดยใช้กจิ กรรมเป็ นฐาน เรื่อง โครงสร้างและหลกั การทางาน ของอุปกรณ์ไฮดรอลกิ ส์ สาหรับนักเรียนระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ ช้ันปี ที่ 3 Development of MIAP Format Instructional Package on Basic Principles of Hydraulics with Activity-Based ฤทยั ประทุมทอง1* ทรงนคร การนา2 และ จุฑามาศ จนั โททยั 3 Ruthai Prathoomthong1* , Songnakorn Karnna2 and Juthamas Janthothai3 1-2สาขาครุศาสตร์อุตสาหกรรม 3สาขาเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวิชยั จงั หวดั สงขลา 1Department of Materials and Metallurgical Engineering2Institute of Research and Development, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND ( *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การพฒั นาชุดการสอนสาหรับจดั กิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบ MIAP ดว้ ยเทคนิคการสอน โดยใชก้ ิจกรรมเป็ นฐาน เรื่อง โครงสร้างและหลกั การทางานของอุปกรณ์ไฮดรอลิกส์ ไดแ้ บ่งวิธีวจิ ยั และ พฒั นาเป็น 3 ระยะ คือ 1) การพฒั นาชุดการสอนรูปแบบ MIAP ร่วมกบั การสอนโดยใชก้ ิจกรรมเป็ นฐาน 2) การประเมินคุณภาพและทดลองใช้ 3) การประเมินผลการทดลองใชแ้ ละปรับปรุงให้สมบูรณ์ ดงั น้นั การวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ 1) พฒั นาชุดการสอนรูปแบบ MIAP 2) หาประสิทธิภาพการจดั การเรียนการ สอน 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิ และ4) ศึกษาความพึงพอใจ ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ งท่ีใช้ คือ นกั เรียน ระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ ช้นั ปี ที่ 3 สาขาวชิ าช่างไฟฟ้ากาลงั วทิ ยาลยั สารพดั ช่างสงขลา ท่ีลงทะเบียน เรียนรายวชิ า นิวเมติกส์และไฮดรอลิกส์เบ้ืองตน้ ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2563 จานวน 30 คน ไดม้ าโดย วธิ ีการสุ่มแบบกลุ่ม วเิ คราะห์ขอ้ มูลเพอื่ หาค่าร้อยละ คา่ เฉล่ีย ค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และค่า t-test ผลการวิจยั พบว่า คุณภาพของชุดการสอนรูปแบบ MIAP มีคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดบั ดีมาก ประสิทธิภาพของการใช้ชุดการสอนร่วมกับการจดั การเรียนการสอนแบบกิจกรรมเป็ นฐานเท่ากับ 87.75/90.55 ซ่ึงสูงกว่าค่าประสิทธิภาพที่กาหนดไวค้ ือ 80/80 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผูเ้ รียนก่อน เรียนและหลงั เรียนแตกต่างกนั อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 และผูเ้ รียนมีความพึงพอใจต่อการ จดั การเรียนการสอนโดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มากที่สุด ผลการวจิ ยั น้ีสามารถนาไปประกอบการพิจารณา เป็ นแนวทางให้ผูส้ อนไดพ้ ฒั นาชุดการสอนรูปแบบการจดั การเรียนการสอนท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็ นสาคญั ให้ ครอบคลุมท้งั รายวชิ า และวชิ าอ่ืนต่อไป คาสาคัญ: ชุดการสอน การสอนรูปแบบMIAP กิจกรรมเป็นฐาน 20

การประชุมวิชาการระดับชาตมิ หาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลอื่ นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยีสเี ขยี วเพื่อการพฒั นาท่ียัง่ ยืน” แนวทางการส่งเสริมบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ในการดาเนินการป้องกนั และแก้ไขปัญหา การต้งั ครรภ์ในวยั รุ่น : กรณศี ึกษาบทบาทขององค์การบริหารส่วนตาบลจงั หวดั ปทมุ ธานี The Rolesof Local Government OrganizationsinPreventingandSolving Pregnancy Problems inTeenagers Pathumthani,THAILAND ปรรฐมาศ์ พสิษฐภ์ คกลุ 1* สมชาย ผาธรรม2 และ อาไพ หมื่นสิทธ์ิ3 Pattama Pasitpakakul1*, Somchai Phatham2 and Ampai Muensit3 12 ภาควชิ าสงั คมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 3ภาควชิ าสงั คมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั อ.เมือง จ.สงขลา 12Department of Social Sciences, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 3Department of Social Sciences, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Srivijaya, Muang, Songkhla, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั เรื่อง แนวทางการส่งเสริมบทบาทองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่นในการดาเนินการป้องกนั และแกไ้ ข ปัญหาการต้งั ครรภใ์ นวยั รุ่น : กรณีศึกษาบทบาทขององคก์ ารบริหารส่วนตาบลในจงั หวดั ปทุมธานี มีวตั ถุประสงค์ เพื่อ 1. ศึกษาบทบาทขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นในการดาเนินการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาการต้งั ครรภใ์ นวยั รุ่น และ 2. ศึกษาแนวทางในการส่งเสริมบทบาทขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นในการดาเนินการป้องกนั และแกไ้ ข ปัญหาการต้งั ครรภ์ในวยั รุ่น โดยใชร้ ะเบียบวิธีวิจยั เชิงคุณภาพ (qualitative research) เกบ็ ขอ้ มูลโดยใชเ้ ครื่องมือการ วิจยั คือแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง กลุ่มเป้าหมายในการวิจยั คร้ังน้ีคดั เลือกแบบเจาะจง (purposive selection) คือ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินในจงั หวดั ปทุมธานี 4 แห่ง ไดแ้ ก่ เทศบาลเมืองบึงย่ีโถ เทศบาลตาบลธัญบุรี องคก์ าร บริหารส่วนตาบลคลองหก องค์การบริหารส่วนตาบลคลองเจ็ด และสัมภาษณ์เชิงลึกกบั ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลกั (key informants) ผูบ้ ริหารและเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตาบล (อบต.) 2 แห่ง และเทศบาล 2 แห่ง แห่งละ 5 คน ผลการวิจยั พบว่า 1. บทบาทขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นในการดาเนินการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาการต้งั ครรภ์ ในวยั รุ่นมีดงั น้ีคือ 1) สารวจประชากรในชุมชน เพ่ือรับทราบปัญหาและความตอ้ งการเพื่อช่วยแกไ้ ขปัญหา เพื่อให้ คาแนะนาช่วยเหลือส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2) จดั ทาโครงการการป้องกันปัญหาการต้ังครรภ์ในวยั รุ่น 3) ประสานงานกบั ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง ไดแ้ ก่ โรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล (รพสต.) สานกั งานพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนุษยจ์ งั หวดั (พมจ.) ศูนยพ์ ฒั นาครอบครัว สภาเด็กและเยาวชน ผูน้ า ชุมชน สมาชิกสภา แกนนาจิตอาสา อาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมู่บา้ น (อสม.) องคก์ รพฒั นาเอกชน ส่ือมวลชน ผปู้ กครอง วยั รุ่นในทอ้ งถ่ิน ฯลฯ 2. แนวทางในการส่งเสริมบทบาทขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นในการดาเนินการ ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาการต้งั ครรภใ์ นวยั รุ่นมีดงั น้ีคือ 1) สนบั สนุนบุคลากร และงบประมาณในการดาเนินโครงการ 2) ส่งเสริมให้มีการจดั โครงการการดาเนินการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาการต้งั ครรภใ์ นวยั รุ่นอย่างนอ้ ยปี ละคร้ัง 3) สนนั สนุนเชิงรุกในการประสานงานกบั ภาคีเครือข่ายมาใหค้ วามช่วยเหลือสงเคราะห์ดา้ นการเงิน 4) ส่งเสริมบทบาท ของครอบครัวและชุมชนใหต้ ระหนกั เห็นความสาคญั ของปัญหาการต้งั ครรภใ์ นวยั รุ่น คาสาคญั : องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน การต้งั ครรภใ์ นวยั รุ่น การป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา 21

การประชุมวิชาการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล ครั้งที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคล่ือนนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยสี เี ขียวเพื่อการพัฒนาทย่ี ั่งยืน” โลกวชั ชะกบั การพจิ ารณาสมณสารูปของพระภกิ ษุ Lokavajja and a Consideration of the Buddhist Monks’ Samaṇasāruppa อญั ชลี ปิ ยปัญญาวงศ*์ Anchalee Piyapanyawong* ภาควชิ าสงั คมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลเั ทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12110 Department of Social Science and Humanities, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Khlongluang, Pathumthani 12110, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ บทความน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ ศึกษามโนทศั เก่ียวกบั โลกวชั ชะในพระพุทธศาสนาเถรวาท ซ่ึงถือ เป็ นเกณฑ์หน่ึงในการพิจารณาสมณสารูปของพระภิกษุ ผลการศึกษา พบว่า คาว่า “โลกวชั ชะ” มี ความหมายซ่ึงสามารถแบง่ ออกเป็ น 2 นยั กล่าวคือ อาบตั ิท่ีเป็ นโทษทางโลก และการกระทาที่ประชาชน ติเตียน ซ่ึงในสมยั พุทธกาล พระพุทธเจา้ ไดท้ รงบญั ญตั ิสิกขาบทจานวนมากจากการไดร้ ับขอ้ มูลหรือคา ตาหนิติเตียนจากชาวบ้าน จากการศึกษาพระวินัยปิ ฏกพบว่ามีเกณฑ์ในการพิจารณาสมณสารูปของ พระภิกษุจานวน 2 ชุด ไดแ้ ก่ 1) บทบญั ญตั ิแห่งศีลและอภิสมาจารต่างๆ ของพระภิกษุ และ 2) เกณฑ์ใน การพิจารณาสมณสารูปของพระภิกษุท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงใชก้ ่อนท่ีจะมีการบญั ญตั ิสิกขาบทต่าง ๆ ดว้ ยเหตุ น้ี จึงทาใหเ้ ห็นวา่ คาติเตียนของประชาชนจะมีคุณคา่ อยา่ งแทจ้ ริงต่อการพฒั นาสมณสารูปของพระภิกษุก็ ต่อเมื่อประชาชนเหล่าน้ันมีความรู้อย่างลึกซ้ึงเกี่ยวกบั เกณฑ์ตดั สินท้งั สองชุดดงั กล่าว การติเตียนด้วย ความไมร่ ู้หรือความมีอคติอาจนามาซ่ึงผลเสียท้งั ตอ่ วงการสงฆแ์ ละตวั ผตู้ ิเตียนเองดว้ ย คาสาคญั : โลกวชั ชะ การพจิ ารณา สมณสารูป พระภิกษุ 22

การประชมุ วิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล คร้งั ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคล่อื นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยสี ีเขยี วเพอื่ การพฒั นาทยี่ ่ังยนื ” การวเิ คราะห์ข้อผดิ พลาดในการพดู ภาษาองั กฤษของนักศึกษาไทยระดบั ปริญญาตรี ทีเ่ รียนภาษาองั กฤษเป็ นภาษาต่างประเทศ มงคลไชย เทียนสุดีนนท*์ เบญจวรรณ รุ่งเรืองศุภรัตน์ วนั เพญ็ ภุมรินทร์ และ สโรชรัตน์ ธราพร Mongkolchai Tiansoodeenon*, Benjawan Rungruangsuparat, Wanpen Poomarin and Sarochrus Tarapond ภาควชิ าภาษาตะวนั ตก คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Western Languages, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การพูดภาษาองั กฤษเป็นทกั ษะที่จาเป็ นในการสื่อสาร ซ่ึงผเู้ รียนชาวไทยยงั ประสบปัญหาในการ พฒั นาความสามารถ วตั ถุประสงค์ของงานวิจยั น้ีคือ เพื่อสารวจประเภทของข้อผิดพลาดในการพูด ภาษาองั กฤษ และสาเหตุของความผดิ พลาด ประชากรคือนกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี ช้นั ปี ท่ี 2 จานวน 133 คนซ่ึงลงทะเบียนเรียนในรายวชิ าภาษาองั กฤษเพื่อการนาเสนอในภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 โดยใช้ การสุ่มตวั อยา่ งตามความสะดวกจานวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมขอ้ มูลเพื่อการศึกษาวิจยั ไดแ้ ก่แบบจาแนกขอ้ ผิดพลาดการพูดตามแนวคิดของ Clark และ Clark (1977) และแบบระบุสาเหตุของ ความผิดพลาดตามแนวคิดของ Dulay, Burt และ Krashen(1982) โดยใชส้ ถิติการแจกแจงความถ่ีและร้อย ละในการวิเคราะห์ขอ้ มูลโดยมีผูร้ ่วมประเมินขอ้ ผิดพลาดซ่ึงประกอบด้วยอาจารยผ์ ูส้ อนที่เป็ นเจา้ ของ ภาษาจานวน 2 ท่าน และอาจารยผ์ ูส้ อนภาษาองั กฤษชาวไทยจานวน 1 ท่าน ผลการวิจยั พบวา่ ขอ้ ความ ผิดพลาดในการพูดภาษาองั กฤษที่พบมากที่สุดเรียงตามลาดบั คือ การหยุดชะงกั ในขณะที่พูดรองลงมา ไดแ้ ก่ การหยดุ ชะงกั โดยมีการเติมเสียงและการใชค้ าซ้า ส่วนขอ้ ผดิ พลาดดา้ นไวยากรณ์ที่พบมากที่สุดคือ การใช้คากริยาท่ีผิด ตามด้วยการละการใช้กริยา to be และการเพิ่มกริยา to be ในประโยค ซ่ึงความ ผดิ พลาดท่ีพบมีสาเหตุท้งั ทางดา้ นสติปัญญา จิตวทิ ยาและสังคมวทิ ยา ผลการวจิ ยั ในคร้ังน้ีสามารถนาไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการออกแบบการสอนเพื่อพฒั นาความสามารถในการพูดภาษาองั กฤษของนกั ศึกษา คาสาคัญ:การวิเคราะห์ขอ้ ผิดพลาดในการพูดภาษาองั กฤษ ข้อผิดพลาดของภาษาพูด ขอ้ ผิดพลาดดา้ น ไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ นกั ศึกษาไทยที่เรียนภาษาองั กฤษเป็นภาษาตา่ งประเทศ 23

การประชมุ วิชาการระดับชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ครงั้ ที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลื่อนนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยสี เี ขยี วเพอื่ การพัฒนาท่ียง่ั ยืน” การสารวจปัญหาและกลวธิ ีการอ่านของนักศึกษาระดบั ปริญญาตรี The Investigation in Reading Problems and Strategies of Undergraduate Students ธนั ยาภทั ร์ สร้อยสุวรรณ1* และ ประภาพร เลก็ ดารงคศ์ กั ด์ิ2 Thanyapatra Soisuwan1* and Prapaporn Lekdamrongsak2 1ภาควชิ าตะวนั ตก คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2ภาควชิ าตะวนั ตก คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1Department of Western, Faculty of Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 2 Department of Western, Faculty of Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาปัญหาการอ่าน และ (2) สารวจกลยุทธ์การอ่านของ นกั ศึกษาเอกภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร ช้นั ปี ที่ 4 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ธญั บุรี จากการเก็บขอ้ มูลโดยใชแ้ บบสอบถามที่ประกอบดว้ ยประเด็นดา้ นปัญหาการอ่านและกลวิธีใน การอ่าน ผลการวจิ ยั พบวา่ นกั ศึกษาพบปัญหาหลกั 4 ประการที่คือความรู้คาศพั ทท์ างเทคนิคที่จากดั การ อ่านซ้า การขาดความรู้พ้ืนฐานหรือไม่คุน้ เคยกบั หวั ขอ้ และความยาวของประโยค ตามลาดบั นอกจากน้ี ยงั พบวา่ กลยทุ ธ์หลกั 3 ประการที่นกั เรียนใชใ้ นการแกป้ ัญหาในปัญหาการอ่าน ไดแ้ ก่ การเดาความหมาย คาจากบริบท การใช้ช่ือเรื่องในการคาดเดาเน้ือหา และการเชื่อมโยงเน้ือหากบั ความรู้เดิม ตามลาดบั เนื่องจากการวจิ ยั น้ีศึกษาเฉพาะนกั ศึกษาเอกภาษาองั กฤษเพ่อื การส่ือสารเทา่ น้นั จึงควรทาการวจิ ยั เพ่มิ เติม ในกลุ่มนกั ศึกษาจากสาขาวชิ าอ่ืนและช้นั ปี อ่ืน ๆ เป็นลาดบั ตอ่ ไป คาสาคัญ: นกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี การอ่าน ปัญหาการอา่ น กลวธิ ีในการอา่ น 24

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครงั้ ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคลื่อนนวตั กรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยสี เี ขยี วเพื่อการพัฒนาท่ียัง่ ยืน” การพฒั นาสมรรถนะด้านการสร้างเคร่ืองมือประเมินพฤตกิ รรมเดก็ ปฐมวยั ของบุคลากรทางการศึกษาปฐมวยั DEVELOPMENT OF THE EARLY CHILDHOOD EDUCATIONAL PERSONNEL’S COMPETENCY IN CRATING EARLY CHILDHOOD BEHAVIOR ASSESSMENT TOOLS ประดิษฐา ภาษาประเทศ* Praditha Parsapratet* หลกั สูตรสาขาวชิ าการศึกษาปฐมวยั สาขาวชิ าคหกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี จ.ปทุมธานี12110 Program in Early Childhood Education , Major of Home Economic, Faculty of Home Econcmics Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathum Thani 12110 *Corresponding Author Email: [email protected] บทคดั ย่อ การวจิ ยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือ (1)พฒั นาชุดฝึ กอบรมการพฒั นาสมรรถนะดา้ นการสร้างเคร่ืองมือประเมิน พฤติกรรมเด็กปฐมวยั ของบุคลากรทางการศึกษาปฐมวยั ท่ีมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2)เพื่อเปรียบเทียบ สมรรถนะดา้ นการสร้างเครื่องมือประเมินพฤติกรรมเด็กปฐมวยั ของบุคลากรทางการศึกษาปฐมวยั กลุ่มควบคุมและ กลุ่มทดลอง (3)เพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะดา้ นการสร้างเคร่ืองมือประเมินพฤติกรรมเด็กปฐมวยั ของบุคลากรทาง การศึกษาปฐมวยั ของกลุ่มทดลองก่อนและหลงั การฝึ กอบรมมีการดาเนินงานตามกระบวนการวิจยั 2ระยะดงั น้ี ระยะท่ี 1การสร้างและพฒั นาชุดฝึ กอบรม และเครื่องมือที่ใชใ้ นการวิจยั โดยการสังเคราะห์เอกสาร งานวิจยั และ ทฤษฎี ไดแ้ ก่ ทฤษฎีพฒั นาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ทฤษฎีการสร้างความรู้ หลกั การเรียนรู้แบบร่วมมือทาให้ ไดช้ ุดฝึ กอบรมหลงั จากน้นั ประเมินความเหมาะสมของชุดฝึ กอบรมโดยผเู้ชี่ยวชาญจานวน 5ท่านคุณภาพรูปแบบ ฝึกอบรมตามความคิดเห็นของผเู้ช่ียวชาญมีความเหมาะสมอยใู่ นระดบั มาก มีคา่ เฉลี่ยเท่ากบั 4.38ทาการศึกษานาร่อง ชุดฝึ กอบรมกบั บุคลากรทางการศึกษาปฐมวยั จานวน 62คนในภาคเรียนที่ 2ปี การศึกษา 2559วดั ประเมินผลก่อน และหลงั ฝึ กอบรมด้วยแบบทดสอบจานวน 1ฉบบั มีค่าความยากง่ายรายขอ้ อยู่ระหว่าง 0.43ถึง 0.60 มีค่าอานาจ จาแนกรายขอ้ ระหวา่ ง 0.36ถึง 0.74และ มีค่าความเช่ือมน่ั เท่ากบั 0.79ระยะที่ 2การทดสอบการใชช้ ุดฝึ กอบรม ใช้ แบบแผนการทดลอง RandomizedControlGroupPretest-Posttest Designกลุ่มตวั อย่างเป็ นบุคลากรทางการศึกษา ปฐมวยั สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1และเขต2จานวน100คนในภาคเรียนท่ี 1ปี การศึกษา 2560โดยการสุ่มตวั อยา่ งแบบกลุ่ม (Cluster randomsampling) จานวน 26โรงเรียน และทาการสุ่มแบบง่าย (Simplerandomsampling) อีกคร้ังเพ่ือแบ่งเป็ นกลุ่มทดลองจานวน 50คนและกลุ่มควบคุมจานวน 50คนเวลาท่ีใช้ ในการฝึ กอบรม 2วนั สถิติท่ีใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูลคือ t-testforIndependentSample,t-testforDependentSample วดั ประเมินผลเช่นเดียวกบั ระยะที่ 1ผลการวิจยั พบว่า1. ชุดฝึ กอบรมการพฒั นาสมรรถนะดา้ นการสร้างเคร่ืองมือ ประเมินพฤติกรรมเด็กปฐมวยั ของบุคลากรทางการศึกษาปฐมวยั ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2.ผลการ เปรียบเทียบสมรรถนะดา้ นการสร้างเครื่องมือประเมินพฤติกรรมเด็กปฐมวยั ของบุคลากรทางการศึกษาปฐมวยั กลุ่ม ควบคุมและกลุ่มทดลอง หลงั การทดลองมีค่าคะแนนเฉล่ียของสมรรถนะในรายดา้ น ความรู้ ทกั ษะและโดยรวมท้งั 2 ดา้ นความรู้รวมกบั ทกั ษะ แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .013.ผลการเปรียบเทียบสมรรถนะดา้ นการ สร้างเคร่ืองมือประเมินพฤติกรรมเดก็ ปฐมวยั ของบุคลากรทางการศึกษาปฐมวยั กลุ่มทดลองหลงั ไดร้ ับการฝึกอบรม โดยใชช้ ุดฝึ กอบรม มีค่าคะแนนเฉล่ียของสมรรถนะในรายดา้ นความรู้ ทกั ษะและโดยรวมท้งั 2ดา้ นความรู้รวมกบั ทกั ษะสูงกวา่ ก่อนอบรมอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01 คาสาคญั : การพฒั นา สมรรถนะ การประเมินพฤติกรรมเดก็ ปฐมวยั บุคลากรทางการศึกษาปฐมวยั 25

การประชุมวิชาการระดบั ชาติมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล คร้ังท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลอื่ นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยสี เี ขียวเพอ่ื การพฒั นาที่ยัง่ ยืน” วเิ คราะห์ภูมิปัญญาท้องถน่ิ ด้านสมุนไพรจากคมั ภรี ์อตสิ าระวรรค An Analysis of Local Wisdom on Herbs from Anti Sara Wak Scripture ชฎาพร จีนชาวนา* Chadaporn Jeenchawna* หมวดวิชาศึกษาทวั่ ไป คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร กรุงเทพมหานคร General Education, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author Email: [email protected] บทคัดย่อ ปัจจุบนั วงการแพทยแ์ ละเภสัชกรรมสนใจศึกษาคน้ ควา้ ความรู้จากตารายาและการรักษาแผน โบราณกันอย่างกวา้ งขวาง แต่ตารายาโบราณกลายเป็ นแหล่งข้อมูลท่ีมีจานวนจากัดและยงั ขาดการ ประเมินคุณค่าทางวชิ าการ ดงั น้นั งานวจิ ยั น้ีจึงมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือประเมินคุณค่าของคมั ภีร์อติสาระวรรค และวเิ คราะห์ความเช่ือในสังคมไทยที่ปรากฏในคมั ภีร์อติสาระวรรคของพลเรือเอก พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ อาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศกั ด์ิ ซ่ึงเป็ นสมุดข่อยมีขนาด 14 นิ้ว กวา้ ง 5 นิ้ว หนา 2 นิ้วคร่ึง พบว่าการประเมินคุณค่าของคมั ภีร์ ผูเ้ รียบเรียงมีความน่าเชื่อถือเขียนข้ึนดว้ ยฝี พระหตั ถ์ ของพระองคเ์ อง เรียบเรียงแลว้ เสร็จใน พ.ศ.2458 ตรวจสอบจากรูปแบบอกั ษร สานวนโวหารตรงกบั ใน สมยั น้นั และมีจุดมุ่งหมายท่ีชัดเจน เป็ นตารายารักษาอาการป่ วย ส่วนความเช่ือที่ปรากฎจากคมั ภีร์อติ สาระวรรค ไดแ้ ก่ ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เช่น มีการใชค้ าถาอาคมลงเลขยนั ต์ การลงอกั ขระ ความเช่ือ เรื่องส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิซ่ึงในที่น้ีมีชีปะขาวมาบอกตารายาอายวุ ฒั นะ (ยาผบี อก) ความเช่ือเรื่องเคล็ดและขอ้ ห้าม ในการเก็บยา การปรุงยา การปฏิบตั ิตน คมั ภีร์อติสาระวรรคจึงเป็ นตารายาท่ีมีคุณค่าทางการแพทยแ์ ละ ทางประวตั ิศาสตร์ คาสาคัญ: ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น สมุนไพร คมั ภีร์อติสาระวรรค 26

การประชมุ วิชาการระดับชาตมิ หาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลอ่ื นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยีสีเขยี วเพ่อื การพฒั นาท่ียง่ั ยืน” การศึกษาปัญหาและอปุ สรรคในการจดั การเชิงนวตั กรรมเพ่ือสร้างความได้เปรียบ ทางการแข่งขันของวสิ าหกจิ ชุมชนในจงั หวดั ปทุมธานี The study a problems and obstacles of innovative management toward competitive advantage of community-based enterprises in Pathumthani province สนิทเดช จินตนา* สุพิศ บุญลาภ ปรรฐมาศ์ พสิษฐภ์ คกุล และ อารีวรรณ หสั ดิน Sanitdech Jintana* , Supit Boonlab, Pattama Pasitpakakul and Areewan Hussadinl ภาควชิ าสงั คมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of social science, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การศึกษาคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือ (1) ศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการจดั การเชิงนวตั กรรมเพื่อสร้าง ความไดเ้ ปรียบทางการแข่งขนั ของวสิ าหกิจชุมชนในจงั หวดั ปทุมธานี และ (2) แนวทางในการพฒั นาการจดั การ เชิงนวตั กรรมเพือ่ สร้างความไดเ้ ปรียบทางการแขง่ ขนั ของวสิ าหกิจชุมชนในจงั หวดั ปทุมธานี รูปแบบการศึกษาใช้ วธิ ีการศึกษาในเชิงคุณภาพ (Quanlitative Research)โดยเกบ็ ขอ้ มูลดว้ ยการสมั ภาษณ์เชิงลึกจากเกษตรอาเภอ พฒั นา ชุมชน และประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในระดบั กา้ วหนา้ จานวน 16 ราย มีเคร่ืองมือท่ีใชเ้ ก็บรวบรวมขอ้ มูล คือ แบบสัมภาษณ์ก่ึงโครงสร้าง ท่ีผ่านการตรวจสอบ ด้วยการหาค่าความเที่ยงตรงของแบบสอบถาม (IOC)จาก ผเู้ช่ียวชาญจานวน 3ท่านวธิ ีการวเิ คราะห์ขอ้ มูลใชก้ ารพรรณนาขอ้ มูลในปรากฏการณ์ หรือรูปธรรม และวเิ คราะห์ ตีความขอ้ มูล โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก (SWOT Analysis) และวิเคราะห์ ความสัมพนั ธ์แบบเมทริกซ์ (TOWSMatrix) ผลการศึกษาพบวา่ 1.ปัญหาและอุปสรรคของการจดั การธุรกิจเชิง นวตั กรรม น้นั มีดงั น้ี 1) ปัญหาดา้ นผลิตภณั ฑ์และบริการที่ไม่มีการต่อยอดผลิตภณั ฑ์และบริการจากภูมิปัญญา เดิมไปสู่ความเป็ นนวตั กรรม และสินคา้ ไมแ่ สดงถึงอตั ลกั ษณ์ของพ้ืนที่ 2)ปัญหาดา้ นการตลาดท่ีไมม่ ีศกั ยภาพใน การทาการตลาดและขายสินคา้ แบบออนไลน์ 3) ปัญหาดา้ นกลยุทธ์ ส่วนใหญ่ขาดวิสัยทศั น์ในการสร้างความ เติบโต ขาดการจดั ทาแผนกลยทุ ธ์ของเป็ นรูปธรรมและการบริหารจดั การสมาชิกไม่มีความเป็ นระบบ 4) ปัญหา ดา้ นพฤติกรรมที่ไม่มีปรับตวั ในการดาเนินงานให้สอดคลอ้ งกบั การเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยี และ 5) ปัญหา ดา้ นกระบวนการการผลิตไมม่ ีมาตรฐานตามการรับรองจากองคก์ ารอาหารและยา (อย.) 2.แนวทางในการพฒั นาการ จดั การเชิงนวตั กรรมน้ันหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งกบั การพฒั นาวิสาหกิจชุมชนว่าควรสร้างความชดั เจนในทิศทาง สร้างแผนการพฒั นาธุรกิจชุมชนให้มีแนวทางการดาเนินการและเป้าหมายของการพฒั นาวิสาหกิจชุมชนให้มี ศกั ยภาพในการจดั การเชิงนวตั กรรมไดใ้ นทุกมิติไม่วา่ จะเป็ นดา้ นผลิตภณั ฑ์ ดา้ นการตลาด กระบวนการผลิต และ ดา้ นการทาแผนกลยุทธ์ ดว้ ยการพฒั นาบุคลากรภาครัฐมีความเช่ียวชาญในการพฒั นาองค์ความรู้เกี่ยวกบั การ จดั การเชิงนวตั กรรม รวมถึงมีการสร้างความร่วมมือกบั สถาบนั การศึกษาในการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่วิสาหกิจ ชุมชน คาสาคญั :ปัญหาและอุปสรรค การจดั การเชิงนวตั กรร การสร้างความไดเ้ ปรียบทางการแข่งขนั วสิ าหกิจชุมชน ในจงั หวดั ปทุมธานี 27

การประชมุ วชิ าการระดับชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคล่ือนนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยีสีเขียวเพ่อื การพฒั นาทย่ี ง่ั ยนื ” ววิ ฒั น์สยามราโทนสู่ราวงมาตรฐาน Evolution of Siam Ramtone to Standard Traditional Thai Dance พรพรรณ ปิ ติภทั รภิญโญ 1 รจนา สุนทรานนท์ 2* คารณ สุนทรานนท์ 2* และ สุทธิพร บุญส่ง 3* Pornpan Pitipattarapinyo 1 , Rojana Suntharanont 2* , Kamron Suntharanont 2* and Sutthiporn Boonsong3* 1 นกั ศึกษาหลกั สูตรศีกษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขานาฏศิลป์ ศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2ภาควชิ านาฏศิลป์ ศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 3ภาควชิ าการศึกษา คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1 Master of Education Program in Performing Arts Education student, Faculty of Fine and Applied Arts Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 2 Department of Performing Arts Education, Faculty of Fine and Applied Arts Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 3 Department of Education, Faculty of Technical Education Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] , [email protected] , [email protected] บทคดั ย่อ ราโทน เป็ นศิลปะการแสดงพ้ืนบา้ นที่คนไทยนิยมเล่นกนั อยา่ งแพร่หลาย ดว้ ยวิกฤตการณ์ทาง การเมืองในช่วงสงครามโลกคร้ังที่ 2 (ปี พ.ศ. 2484-2488) ทาให้ราโทนมีววิ ฒั นาการจากการราตามวิถี ชาวบา้ นมาสู่การราที่มีระเบียบแบบแผน ดงั น้นั ราโทนจึงเป็ นการแสดงที่มีความสาคญั และเป็นเคร่ืองมือ ท่ีรัฐนามาใชท้ างการเมือง โดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีไดก้ าหนดนโยบายรัฐนิยมโดย มอบหมายให้กรมศิลปากรปรับปรุงเน้ือร้อง ทานองเพลงและกระบวนท่าราข้ึนใหม่โดยใช้ท่าราแม่บท จานวน 10 เพลง กาหนดการแต่งกายบ่งบอกเอกลกั ษณ์ของความเป็ นไทยดว้ ยการใชช้ ุดไทยแบบสากล นิยม เช่น แต่งกายแบบชาวบา้ น แบบไทยพระราชนิยม แบบราตรีสโมสร และแบบสากลนิยมให้เป็ น ระเบียบแบบแผนและบ่งบอกถึงความเป็นอารยประเทศ การแสดงดงั กล่าวจึงเรียกวา่ “ ราวงมาตรฐาน ” เน่ืองจากมีเน้ือร้อง ทานองเพลง กระบวนท่าราและการแต่งกายท่ีกาหนดไวเ้ ป็ นแบบแผน ลกั ษณะ รูปแบบการแสดงเป็ นการราคู่ชายหญิง จดั อยใู่ นประเภทราหมู่ เดินราเป็ นวงกลมทวน เข็มนาฬิกา ใชว้ ง ดนตรีป่ี พาทยแ์ ละวงดนตรีสากลบรรเลงประกอบการแสดง เอกลกั ษณ์ของราวงมาตรฐานเป็ น การราที่ มีท่าราเฉพาะของแต่ละเพลง และเน้ือเพลงจะบ่งบอกถึงความรักชาติใชจ้ งั หวะโทนเป็ นหลกั ทาให้ รา วงมาตรฐานเป็นการแสดงในรูปแบบเชิงอนุรักษน์ ิยม สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบนั น้ี คาสาคญั : ววิ ฒั น์ สยาม ราโทน ราวงมาตรฐาน 28

การประชุมวิชาการระดบั ชาติมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คร้งั ที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคลื่อนนวตั กรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยีสีเขียวเพื่อการพฒั นาที่ยงั่ ยนื ” สถานภาพของส่ือพืน้ บ้าน “ลาพวน” กรณศี ึกษาอาเภอปากพลี จงั หวดั นครนายก The Status of Folk Media “Lam Phuan”: A Case Study of Pak Phli District, Nakhorn Nayok Province อารีวรรณ หสั ดิน1* ปรรฐมาศ์ พสิษฐภ์ คกลุ 1 สุพิศ บุญลาภ1 และ ยวุ ดี กวาตระกูล1 Areewan Hussadin1* , Pattama Pasitpakakul1, Supit Boonlab1 and Yuvadee Kwatrakul1 1 สาขาสงั คมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1Department of Social Science , Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi , Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 2Institute of Research and Development, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาสถานภาพของส่ือพ้ืนบา้ น “ลาพวน” เพือ่ ประเมินระดบั ความ เข้มแข็งของ “ลาพวน” ท่ีส่งผลต่อการดารงอยู่ของลาพวน โดยพิจารณาจากปัจจยั ภายในของตัว “ลาพวน” ไดแ้ ก่ ศิลปิ น เน้ือหา ช่องทางและผูส้ ืบทอด และปัจจยั ภายนอกไดแ้ ก่ ภาคีเครือข่ายทาง วฒั นธรรม การส่งเสริมและสนบั สนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจยั เชิง คุณภาพ ไดแ้ ก่ 1)แหล่งขอ้ มูลเอกสาร 2) แหล่งขอ้ มูลบุคคล โดยการสัมภาษณ์เด่ียวแบบเจาะลึกกลุ่ม ผใู้ หข้ อ้ มูลหลกั ประกอบดว้ ย หมอลาพวน หมอแคน กลุ่มเยาวชน และผสู้ นใจสืบทอดลาพวน กลุ่มผู้ มีส่วนเก่ียวขอ้ งกบั การส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมการอนุรักษ์และสืบทอดลาพวน และ 3) แหล่งขอ้ มูลภาคสนาม โดยการสังเกตแบบมีส่วนร่วม (Participant Observation) ผลการศึกษาพบวา่ สถานภาพของสื่อพ้ืนบา้ น “ลาพวน” มีความอ่อนแอในทุกองคป์ ระกอบ โดยใช้เกณฑ์ประเมินความ เขม้ แข็งขององคป์ ระกอบดา้ นการส่ือสาร S-M-C-R ในการพิจารณา ปัญหาปัจจยั ภายในไดแ้ ก่ 1) ดา้ น ศิลปิ นท้งั หมอลาพวนและหมอแคนลว้ นแต่เป็ นกลุ่มผูส้ ูงอายุ ทาให้เป็ นผถู้ ่ายทอดท่ีไม่สมบูรณ์ 2) ดา้ น เน้ือหา พบว่า ไม่มีความหลากหลายและจากดั เพราะส่วนใหญ่เป็ นมือสมคั รเล่น 3) ด้านช่องทาง โอกาสในการละเล่นเป็ นวาระเฉพาะกิจไม่แพร่หลาย แต่ก็เป็ นโอกาสท่ีสามารถสืบทอดไดง้ ่ายเน่ืองจาก ไม่ตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์ในการละเล่น สามารถพร้อมเล่นไดเ้ สมอ 4) ดา้ นผูส้ ืบทอด เด็กรุ่นใหม่ไม่สนใจและ ปัญหาเรื่องการพูด การฟังภาษาพวนไม่ออก จึงทาให้ดูและเล่นไม่เป็ น ปัญหาของปัจจยั ภายนอกคือ ปัญหาเรื่องงบประมาณสนบั สนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ไม่ต่อเน่ือง แต่การมีภาคีเครือขา่ ย ทางวฒั นธรรมเป็นปัจจยั สาคญั ที่ยงั ทาใหล้ าพวนยงั มีโอกาสไดแ้ สดงใหเ้ ห็นอยใู่ นสงั คม คาสาคญั : ลาพวน ส่ือพ้ืนบา้ น สถานภาพ นครนายก 29

การประชุมวชิ าการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลอ่ื นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยีสเี ขียวเพ่อื การพฒั นาทย่ี ่ังยนื ” การพฒั นาส่ือการสอนคณติ ศาสตร์ของเดก็ ปฐมวยั Development mathematics Instructional media of early childhood พฒั น์นรี จนั ทราภิรมย์ กิตติมา บุญยศ และ สุภาวณิ ี ลายบวั * Patnaree Jantraphirom, Kittima Boonyos and Supawinee Laybour* สาขาวชิ าคหกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี จ.ปทุมธานี12120 Major of Home Economic, Faculty of Home Econcmics Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathum Thani 12120 *Corresponding author Email: [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยตร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือพัฒนาส่ือการสอนในการส่งเสริ มทักษะด้าน คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวยั 2) เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทกั ษะคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวยั โดย ระหวา่ งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการวจิ ยั คร้ังน้ี คือ เด็กนกั เรียนชาย - หญิง อายุ ระหว่าง 4–5 ปี กาลงั ศึกษาอยู่ในช้นั อนุบาลปี ท่ี 1 ปี การศึกษา 2562 โรงเรียนสาธิตอนุบาลราชมงคล จานวน 30 คน โดยมีกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ซ่ึงไดม้ าจากการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือท่ีใชใ้ นการ วจิ ยั คือ สื่อการสอนคณิตศาสตร์และชุดทดสอบทกั ษะคณิตศาสตร์ของเดก็ ปฐมวยั แบบแผนการวจิ ยั เป็ น การวิจยั เชิงทดลอง แบบ Pretest - Posttest Design สาหรับการวิเคราะห์ขอ้ มูลใช้การทดสอบคู่ t - test สาหรับ Independent Samples ผลการวิจยั พบว่าผลสัมฤทธ์ิดา้ นทกั ษะคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวยั ใน กลุ่มทดลองหลงั จากใชส้ ่ือการสอน มีระดบั สูงข้ึนกวา่ กลุ่มทดลอง อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01 คาสาคัญ: การพฒั นา สื่อการสอน ทกั ษะคณิตศาสตร์ เดก็ ปฐมวยั 30

การประชมุ วิชาการระดับชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล คร้งั ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลอื่ นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยสี เี ขยี วเพอื่ การพฒั นาท่ยี ัง่ ยนื ” การจดั กจิ กรรมกลางแจ้งเพ่ือส่งเสริมสมรรถภาพทางกายของเดก็ ปฐมวยั Organizing Outdoor Activities to Activate Physical Fitness of Early Childhood อรพนิ ท์ สุขยศ1* และ ปาริชาติ เปรมปล้ืม 2 Orapin Sukyos1* and Parichat Prempluem 2 1สาขาวชิ าคหกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2นกั ศึกษาสาขาวชิ าคหกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1Major of Home Economic, Faculty of Home Econcmics Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 2Major of Home Economic, Faculty of Home Econcmics Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาคร้ังน้ี มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อเปรียบเทียบคะแนนสมรรถภาพทางกายของเด็กปฐมวยั ก่อน และหลงั ได้รับการจดั กิจกรรมกลางแจง้ เป็ นการวิจยั ก่ึงทดลอง (Quasi-Experimental Research) กลุ่ม ตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการศึกษาไดแ้ ก่ เด็กปฐมวยั ชาย - หญิง ที่มีอายุ 5 -6 ปี ช้นั อนุบาลปี ท่ี 3/1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2563 โรงเรียนวดั เกิดการอุดม จานวน 15 คน ซ่ึงไดม้ าจากการสุ่มอยา่ งง่าย โดยไดร้ ับการจดั กิจกรรมกลางแจง้ เป็ นระยะเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วนั วนั ละ 30 นาที รวมจดั กิจกรรมท้งั สิ้น 24 คร้ัง เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั คือ แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายของนกั เรียนอายุ 4-6 ปี และแผนการ จดั กิจกรรมกลางแจ้ง จานวน 24 แผน การศึกษาคร้ังน้ีใช้แผนการทดลองแบบ One - Group Pretest Posttest Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล คือ ค่าเฉลี่ย และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบวา่ สมรรถภาพทางกายของเดก็ ปฐมวยั หลงั ไดร้ ับการจดั กิจกรรมกลางแจง้ สูงกวา่ ก่อนการจดั กิจกรรม คาสาคัญ: กิจกรรมกลางแจง้ สมรรถภาพทางกาย เดก็ ปฐมวยั 31

การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล คร้งั ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคลอ่ื นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยีสเี ขยี วเพื่อการพัฒนาท่ีย่ังยืน” การพฒั นาแอปพลเิ คชันบนโทรศัพท์มือถือเพ่ือการเรียนรู้คาศัพท์ภาษาองั กฤษ สาหรับการเดนิ ทางโดยเคร่ืองบนิ The Development of the Mobile Application for Learning English Vocabulary of Air Travel อธิตญา ศรีศิริ สายธาร วรสัมพนั ธ์ วรี ยา อินโต นิกร เทพทอง และ วนั เพญ็ ภุมรินทร์* Atitaya Srisiri, Saitharn Worasampa, Veeraya In-to, Nikorn Tepthong and Wanpen Poomarin* ภาควชิ าภาษาตะวนั ตก คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี อ.ธญั บรุ ี จ.ปทมุ ธานี Department of Western Languages, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathum Thani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ 1) เพ่ือพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือในการเรียนรู้คาศัพท์ ภาษาองั กฤษสาหรับการเดินทางโดยเคร่ืองบิน 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ก่อนเรียนและหลงั เรียน คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษสาหรับการเดินทางโดยเคร่ืองบินโดยใชแ้ อปพลิเคชนั บนมือถือ และ 3) เพอ่ื ศึกษาผล ความพึงพอใจของผใู้ ชง้ านแอปพลิเคชนั บนมือถือในการเรียนรู้คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษสาหรับการเดินทาง โดยเครื่องบิน ประชากรในงานวิจยั คร้ังน้ีคือ นกั ศึกษาช้นั ปี ท่ี 2 สาขาวิชาภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี จานวน 151 คน กลุ่มตวั อยา่ งจานวน 50 คน โดยการเลือกกลุ่มตวั อย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เคร่ืองมือวิจยั ท่ีใช้ในการเก็บขอ้ มูลไดแ้ ก่ แอปพลิเคชนั บนมือถือ แบบสอบถาม และแบบทดสอบก่อนและหลงั การใชแ้ อปพลิเคชนั มือถือเพ่ือการ เรียนรู้คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ สถิติที่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูลไดแ้ ก่ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และค่า paired samples t-test ผลการวิจยั พบวา่ 1) ผลการประเมินแอปพลิเคชนั บนมือถือดา้ นคุณภาพของเน้ือหา และการนาไปใช้ประโยชน์อยู่ในระดบั มาก (x̅ =4.08, SD=0.47)และคุณภาพด้านการออกแบบอยู่ใน ระดบั มาก (x̅ =3.92, SD=0.35) 2) ผลการเปรียบเทียบการเรียนรู้ พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งไดเ้ รียนรู้คาศพั ทจ์ าก การใชแ้ อปพลิเคชนั บนมือถือโดยมีผลการเรียนรู้การใชแ้ อปพลิเคชนั เฉลี่ย (x̅ = 45.5, SD=2.87) สูงกว่า ก่อนเรียน (x=̅ 35, SD=3.39) อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตท่ีระดบั .05 และ 3) ความพงึ พอใจของกลุ่มตวั อยา่ ง โดยรวมอยูใ่ นระดบั มาก (x̅ = 4.44, SD=0.59) ขอ้ เสนอแนะกล่าวถึงการนาผลของงานวิจยั ไปใชใ้ นการ เรียนการสอน และขอ้ ควรคานึงถึงในการทาวจิ ยั ในอนาคต คาสาคัญ: แอปพลิเคชนั บนมือถือ คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ การเดินทางโดยเคร่ืองบิน 32

การประชุมวชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครงั้ ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคลอื่ นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยสี ีเขยี วเพอื่ การพัฒนาท่ียงั่ ยืน” การศึกษาพฤตกิ รรมการลดความอ้วนของนักศึกษาระดบั ปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร A Study of the Obesity Reduction Behaviors of Undergraduate Students of Rajamangala University of Technology Phra NaKhon ฉตั รฤดี สุบรรณ ณ อยธุ ยา* และ พรพิไล เติมสินสวสั ด์ิ Chatreudee Suban Na Ayutthaya* and Pornpilai Termsinsawadi สาขาวชิ าศึกษาทว่ั ไป คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 86 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต จงั หวดั กรุงเทพมหานคร 10300 Department of General Education, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Suan Chit Lada Sub-district, Dusit District, Bangkok 10300, Thailand. *Corresponding Author E-mail : [email protected] บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังน้ี มีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษาและเปรียบเทียบพฤติกรรมการลดความอ้วนของ นักศึกษาระดบั ปริญญาตรีมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ผูว้ ิจยั ไดใ้ ชแ้ บบสอบถามเป็ น เคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ี ไดแ้ ก่ นกั ศึกษาจานวน 401 คน เป็นชายจานวน 176 คน และหญิงจานวน 225 คน ไดแ้ บบสอบถามกลบั คืนมา 401 ชุด คิดเป็นร้อยละ 100 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ค่าที (t-test) ที่ระดบั ความมีนยั สาคญั ทางสถิติ 0.05 ผลการวิจยั พบว่า ค่าดชั นีมวลกายของนกั ศึกษาโดยเฉลี่ย ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติมีรูปร่างสมส่วน ไม่มีภาวะน้าหนักเกิน โดยมีค่าดชั นีมวลกายเฉลี่ยของ นกั ศึกษาคือ 22.60 ซ่ึงนกั ศึกษาชายมีค่าดชั นีมวลกายเฉล่ียคือ 22.48 มีรูปร่างสมส่วน และนกั ศึกษาหญิง มีค่าดชั นีมวลกายเฉลี่ยคือ 21.60 มีรูปร่างสมส่วนเช่นกนั พฤติกรรมการลดความอว้ นของนกั ศึกษาอยู่ ในระดับน้อย โดยเฉพาะพฤติกรรมการลดความอว้ นของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนครแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 โดยท่ีนกั ศึกษาชายจะมี พฤติกรรมการลดความอว้ นมากกวา่ นกั ศึกษาหญิงอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 คาสาคญั : พฤติกรรมการลดความอว้ น นกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 33

การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คร้ังที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคล่อื นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยีสีเขียวเพอ่ื การพฒั นาท่ียั่งยนื ” ผลของการฝึ กลลี าศที่มีต่อสมรรถภาพทางกายของนักศึกษาระดบั ปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร Effects of Social Dance Training on Physical Fitness of Undergraduate Students of Rajamangala University of Technology Phra Nakhon. ฉตั รฤดี สุบรรณ ณ อยธุ ยา* และ พรพไิ ล เติมสินสวสั ด์ิ Chatreudee Suban Na Ayutthaya* and Pornpilai Termsinsawadi สาขาวชิ าศึกษาทว่ั ไป คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 86 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต จงั หวดั กรุงเทพมหานคร 10300 Department of General Education, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Suan Chit Lada Sub-district, Dusit District, Bangkok 10300, Thailand. *Corresponding Author E-mail : [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาผลของการฝึ กเตน้ ราลีลาศประเภทบอลรูมกบั ประเภทละติน อเมริกนั ท่ีมีต่อสมรรถภาพทางกาย และเปรียบเทียบผลของการฝึ กเตน้ ราลีลาศประเภทบอลรูมกบั ประเภทละติน อเมริกนั ที่มีต่อสมรรถภาพทางกาย กลุ่มตวั อยา่ ง คือ นกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรีของมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราช มงคลพระนครจานวน30 คน นกั ศึกษาชายจานวน15 คนนกั ศึกษาหญิงจานวน15 คน โดยแบ่งเป็ น3 กลุ่มกลุ่ม ละ 10 คน ชาย 5 คน หญิง 5 คน กลุ่มที่1 กลุ่มควบคุม กลุ่มที่2 ทาการฝึ กเตน้ ราลีลาศประเภทบอลรูม และกลุ่มท่ี3 ทาการฝึ กเตน้ ราลีลาศประเภทละตินอเมริกนั ใชเ้ วลาในการทดลอง8สปั ดาห์ สัปดาห์ละ3วนั คร้ังละหน่ึงชว่ั โมง ทาการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ก่อนการ ทดลอง สัปดาห์ที่ 4 และสัปดาห์ท่ี 8 แลว้ นาผลที่ไดม้ าวิเคราะห์ตาม วิธีทางสถิติ หาค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานการวเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดียวการวเิ คราะห์ความแปรปรวน ร่วมทางเดียวแบบวดั ซ้าผลการวิจยั พบว่าหลงั การทดลอง8 สัปดาห์ พบว่าการฝึ กเตน้ ราของกลุ่มฝึ กเตน้ บอลรูม และกลุ่มฝึ กเตน้ ละตินอเมริกนั ทาให้ค่าเฉลี่ยของการนอนยกตวั 1 นาที การดนั พ้ืน 1 นาที และการกา้ วข้ึนลง 3 นาที ดีข้ึนกวา่ กลุ่มควบคุมอยา่ งมีนยั สาคญั ที่ระดบั .05 อีกท้งั หลงั การทดลอง8สปั ดาห์ ค่าเฉล่ียของการดนั พ้นื 1 นาที และการกา้ วข้ึนลง3นาที ภายในกลุ่มฝึ กเตน้ บอลรูมดีข้ึนกวา่ ก่อนการทดลองและหลงั การทดลอง4สปั ดาห์ แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ที่ระดบั .05 และค่าเฉล่ียของการนอนยกตวั 1นาที และการกา้ วข้ึน-ลง 3นาที ภายใน กลุ่มฝึ กเตน้ ละตินอเมริกนั ดีข้ึนกว่าก่อนการทดลองและหลงั การทดลอง 4สปั ดาห์ แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ที่ ระดบั .05 คาสาคญั :ลีลาศ สมรรถภาพทางกาย นกั ศึกษา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 34

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครั้งท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคล่อื นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยสี ีเขยี วเพ่อื การพฒั นาท่ียั่งยนื ” การศึกษารูปแบบรายการและการนาเสนอของเนื้อหารายการสุขภาพ บนส่ือโทรทศั น์ในประเทศไทย THE STUDY OF TELEVISION PROGRAM FORMATS AND PRESENTATION OF HEALTH CONTENT ON TELEVISION MEDIA IN THAILAND ชยั อนนั ต์ วชั รีเมธี1* จารุวสั หนูทอง2 และ ปรัชญา เป่ี ยมการุณ3* Chaianun Watchareemethee1*, Jaruwat Nhuthong2and Prachaya Piemkaroon3* 1นกั ศึกษาปริญญาโท หลกั สูตรศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการส่ือสารวทิ ยาศาสตร์และสุขภาพ วทิ ยาลยั นวตั กรรมสื่อสารสงั คม มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ กรุงเทพมหานคร 2ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. สาขาวชิ าภาพยนตร์และสื่อดิจิทลั วทิ ยาลยั นวตั กรรมส่ือสารสงั คม มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ กรุงเทพมหานคร 3อาจารย์ ดร. สาขาวชิ านวตั กรรมการสื่อสาร วทิ ยาลยั นวตั กรรมส่ือสารสงั คม มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ กรุงเทพมหานคร 1Graduate student in Master of Art in Science and Health Communication Program Collage of Social Communication innovation Srinakharinwirot university , Thailand 2Asst. Prof. Jaruwat Noothong, Ed.D College of Social Communication Innovation. Srinakharinwirot University, Bangkok, Thailand 3 Prachaya Piemkaroon, D.A.Department of Communication Innovation College of Social Communication Innovation Srinakharinwirot University, Thailand *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อวิเคราะห์เน้ือหาและรูปแบบรายการที่มีเน้ือหาสุขภาพในส่ือโทรทศั น์ใน ระบบดิจิทลั ของประเทศไทย ประชากรท่ีใชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ีคือรายการโทรทศั น์จากช่องโทรทศั น์ในระบบดิจิทลั กลุ่มตวั อย่างคือช่องโทรทศั น์ที่ไดร้ ับความนิยมสูงสุดในเดือน มกราคม - เดือนมิถุนายน2562 โดยเลือกช่องที่ ไดร้ ับเรตติ้งสูงสุดในประเภทช่องโทรทศั น์สาธารณะ และ ช่องบริการทางธุรกิจ ผลการวิจยั พบว่า (1) ปริมาณ รายการที่มีเน้ือหาสุขภาพท้งั สองช่องมีรายการโทรทศั น์เท่ากนั จานวน 2รายการ แต่มีจานวนการนาเสนอแตกต่าง กันโดยใน1สัปดาห์ช่อง ThaiPBSมีการนาเสนอรายการสุขภาพ 11 คร้ัง ในขณะท่ีช่อง 7 HDนาเสนอ 2 คร้ัง (2)ช่วงเวลาท่ีนาเสนอรายการ พบว่ามีการนาเสนอสองช่วงไดแ้ ก่ ช่วง 03.00 – 06.00 น. และ ช่วง 15.00 - 18.00 น. (3)รูปแบบรายการพบว่ามีการนาเสนอสามรูปแบบไดแ้ ก่ รายการกีฬารายการวาไรต้ี และสารคดี (4)องคค์ วามรู้ที่ นาเสนอในรายการ พบว่าองคค์ วามรู้ที่นิยมนาเสนอที่สุดคือองคค์ วามรู้ประเภทส่งเสริมสุขภาพ รองลงมาคือองค์ ความรู้ดา้ นการป้องกนั ดา้ นการรักษาและดา้ นการฟ้ื นฟู (5)เน้ือหาสุขภาพท่ีนาเสนอในรายการสุขภาพพบว่าระบบ อวยั วะท่ีนิยมเสนอมากที่สุดไดแ้ ก่ระบบกลา้ มเน้ือระบบอวยั วะท่ีมีการนาเสนอนอ้ ยที่สุดคือระบบต่อมไร้ท่อ คาสาคญั :รายการโทรทศั น์ วิเคราะห์รูปแบบรายการ การสื่อสารสุขภาพองคค์ วามรู้ดา้ นสุขภาพในรายการโทรทศั น์ 35

การประชมุ วชิ าการระดับชาติมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คร้งั ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคลอื่ นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยสี เี ขยี วเพอื่ การพฒั นาทย่ี ง่ั ยืน” การผลติ สื่อโมชันกราฟิ กเพ่ือประชาสัมพนั ธ์ โครงการผลติ หนังสือระบบเดซี เพ่ือส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวติ สาหรับคนตาบอดและผู้พกิ ารทางส่ือส่ิงพมิ พ์ Motion graphics production to publicizing DAISY book production for lifelong learning of blind and visual impaired people via print media project ตปากร พธุ เกส* บุษกร จนั ทราช และ นิษฐา สามงามตนั Tapakon Putket* , Busakorn Chantararach and Nidtha Samngamtan หลกั สูตรเทคโนโลยกี ารโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ คณะเทคโนโลยสี ื่อสารมวลชน มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Program in Advertising and Public Relations Technology, Faculty of Mass Communication Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ ประเทศไทยมีคนพิการกว่า2 ลา้ นคน ร้อยละ 9.2 เป็ นผูพ้ ิการทางการมองเห็น แมว้ ่าจะมีการส่งเสริมการ เรียนรู้ใหค้ นกลุ่มน้ีดว้ ยหนงั สือระบบเดซี แต่ยงั ไม่เพียงพองานวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อ1)ศึกษากระบวนการผลิต สื่อโมชนั กราฟิ กเพื่อประชาสัมพนั ธ์โครงการผลิตหนงั สือระบบเดซีเพื่อส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตสาหรับคนตา บอดและผพู้ ิการทางส่ือส่ิงพิมพ์2)ศึกษาความรู้ความเขา้ ใจและ3)ศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มตวั อยา่ งท่ีมีต่อส่ือ โมชนั กราฟิ กที่ผลิตข้ึนข้นั ตอนการวิจยั เริ่มจากผลิตส่ือโมชนั กราฟิ กตามหลกั การผลิตสื่อ3Psจากน้นั ดาเนินการ ประเมินความรู้ความเขา้ ใจและความพึงพอใจจากกลุ่มตวั อยา่ งจานวน30คนซ่ึงเป็ นกลุ่มทดลองที่สุ่มแบบอิงความ สะดวกการประเมินผลส่ือจากแบบสอบถาม วิเคราะห์ขอ้ มูลดว้ ยค่าร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานและการ ทดสอบสมมติฐานโดยใชค้ ่าสถิติการทดสอบที ผลการวิจยั พบว่า กระบวนการผลิตสื่อโมชนั กราฟิ กมี 3 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ (1)ข้นั ตอนก่อนการผลิต(2)ข้นั ตอนการผลิตและ(3)ข้นั ตอนหลงั การผลิตการศึกษาความรู้ความเขา้ ใจของ กลุ่มตวั อยา่ ง พบว่า ความรู้ความเขา้ ใจของกลุ่มตวั อย่างเพ่ิมข้ึน โดยก่อนรับชมสื่อมีคะแนนเฉลี่ย (������������̅)4.27(S.D= 0.76)หลงั รับชมส่ือไดค้ ะแนนเฉลี่ย (������������̅) 5.77 (S.D=2.61)โดยมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 การศึกษาความพึง พอใจของกลุ่มตวั อย่างท่ีมีต่อส่ือ พบว่า ความพึงพอใจภาพรวมอยู่ในระดบั ดีมาก (������������̅= 4.29,S.D=0.76) โดยใน รายละเอียดพบวา่ ความครบถว้ นสมบูรณ์ของเน้ือหาอยใู่ นระดบั ดีมาก(������������̅=4.37,S.D=0.72)เสียงบรรยายและดนตรี ประกอบมีความเหมาะสมชดั เจนอยใู่ นระดบั ดีมาก(������������̅ =4.37,S.D=0.76)และระยะเวลาของส่ือมีความเหมาะสมอยู่ ในระดบั ดีมาก(������������̅=4.37,S.D=0.72) คาสาคญั :สื่อโมชนั กราฟิ ก การผลิตสื่อประชาสัมพนั ธ์ หนงั สือระบบเดซี 36

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล ครั้งท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลือ่ นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยีสเี ขยี วเพือ่ การพัฒนาทยี่ ัง่ ยืน” ทศั นคตขิ องผู้ใช้บริการต่อการใช้ดอกไม้สดและดอกไม้ประดษิ ฐ์ เพ่ือการตกแต่งสถานทใี่ นโรงแรมในกรุงเทพมหานคร Attitude of users towards Using Fresh Flowers and Artificial Flowers for Hotels Decoration in Bangkok พรนภา ธนโพธิวิรัตน์* ฐาณุพชั ช์ จิตภกั ดีภรรัชต์ และ จีณสั มา ศรีหิรัญ Pornnapa Thanapotivirat*, Tharnupat Jithpakdeepornrat and Jenasama Srihirun สาขาวิชาการจดั การการโรงแรม คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Hotel Management, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาเรื่อง ทศั นคติของผใู้ ชบ้ ริการต่อการใชด้ อกไมส้ ดและดอกไมป้ ระดิษฐเ์ พื่อการตกแต่งสถานที่ใน โรงแรมในกรุงเทพมหานครมีวตั ถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษารูปแบบการใชด้ อกไมส้ ดและดอกไมป้ ระดิษฐเ์ พื่อการจดั ตกแต่งสถานท่ีในโรงแรม 2) เพ่ือศึกษาปัจจยั ท่ีส่งผลต่อทศั นคติของผูใ้ ช้บริการการใช้ดอกไมส้ ดและดอกไม้ ประดิษฐเ์ พ่ือการตกแต่งสถานท่ีในโรงแรมและ3)เพ่ือศึกษาขอ้ เสนอแนะดา้ นต่างๆเพื่อการตกแต่งสถานที่ดว้ ยการ ใช้ดอกไมส้ ดและดอกไม้ประดิษฐ์ ขอบเขตของประชากรและกลุ่มตวั อย่างคือ ประชาชนท่ีอาศัยอยู่ในเขต กรุงเทพมหานครท้งั หมด 50เขตกาหนดสัดส่วนการเก็บขอ้ มูลกลุ่มตวั อยา่ งแบบโควตา จึงไดก้ ลุ่มตวั อยา่ งจากเขต ต่างๆในกรุงเทพมหานคร เขตละ8กลุ่มตวั อยา่ งรวมท้งั สิ้น400ตวั อยา่ งและใชว้ ิธีการสุ่มแบบสะดวก ข้นั ตอนใน การดาเนินการวิจยั ไดใ้ ชส้ ถิติในการวิจยั ไดแ้ ก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ สมมติฐานดว้ ยการทดสอบค่า T-testการทดสอบค่า F-Test(OnewayANOVA)และการทดสอบหาค่าความสัมพนั ธ์ ดว้ ยการทดสอบCorrelation ผลการศึกษาทดสอบสมมติฐาน พบว่า1)ขอ้ มูลทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ไดแ้ ก่ เพศอายุ สถานภาพ ระดบั การศึกษารายไดแ้ ละอาชีพท่ีแตกต่างกนั มีทศั นคติของผใู้ ชบ้ ริการต่อการใชด้ อกไมส้ ดและดอกไมป้ ระดิษฐ์ เพ่ือการตกแต่งสถานท่ีในโรงแรม กรุงเทพมหานคร ไม่แตกต่างกนั อย่างมีนัยสาคญั 2) องคป์ ระกอบในการจดั ดอกไม้ ไดแ้ ก่ องคป์ ระกอบการใชส้ ี การจดั วางองคป์ ระกอบ ความกลมกลืน ความสมดุลของสัดส่วน การสร้าง จุดเด่นและวสั ดุที่นาไปใช้ มีความสมั พนั ธต์ ่อทศั นคติของผใู้ ชก้ บั ทศั นคติของผใู้ ชบ้ ริการต่อการใชด้ อกไมส้ ดและ ดอกไมป้ ระดิษฐเ์ พอื่ การตกแต่งสถานที่ในโรงแรมกรุงเทพมหานครอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ 0.01 คาสาคญั :ดอกไมส้ ด ดอกไมป้ ระดิษฐ์ ตกแต่งสถานที่ 37

การประชมุ วิชาการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ครง้ั ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคล่อื นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยสี ีเขียวเพอื่ การพัฒนาทีย่ ัง่ ยืน” ปัจจยั ทส่ี ่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนวชิ าพลศึกษาและนันทนาการของนักศึกษา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี FACTORS AFFECTING PHYSICAL EDUCATION AND RECREATION LEARNING BEHAVIOR OF RAJAMANGALA UNIVERSITY OF TECHNOLOGY THANYABURI STUDENTS อนงค์ รักษว์ งศ์ อินทรา ทบั คลา้ ย อิศรา ศิรมณีรัตน์* และ ชลิต เชาวว์ ไิ ลย Anong Rukwong, Intra Tubklay, Issara Siramaneerat* and Chalit Chaowilai คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Faculty of Arts Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั น้ีเพื่อศึกษาปัจจยั ท่ีส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนพลศึกษาและนันทนาการของนักศึกษามหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี โดยเก็บขอ้ มูลจากนกั ศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนวิชาทกั ษะกีฬาเพื่อสุขภาพวิชาสุขภาพ เพอื่ ชีวติ วิชานนั ทนาการ และวิชากิจกรรมทางน้าเพื่อสุขภาพจานวน778คนเกบ็ ขอ้ มูลโดยใชแ้ บบสอบถามประกอบดว้ น 3ส่วนไดแ้ ก่ ปัจจยั ส่วนบุคคล ปัจจยั ดา้ นทศั นคติในการเรียนวิชาพลศึกษาและนนั ทนาการและพฤติกรรมการเรียนวิชา พลศึกษาและนนั ทนาการ วิเคราะห์ขอ้ มูลค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติสหสัมพนั ธ์เพียร์สันที่ระดบั นยั สาคญั ทางสถิติ 0.05ผลการวิจยั พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง(56.8%)ส่วนใหญ่ศึกษาอยใู่ นช้นั ปี ท่ี 1(56.2%)ส่วนใหญ่มีลกั ษณะรูปร่าง(47.7%)ส่วนใหญ่มีส่วนสูง161-170เซนติเมตร(37.7%)ไม่มีโรคประจาตวั (85.9%) มีรายไดเ้ ฉลี่ยของครอบครัว 10,000-20,000 บาท (35.3%) ส่วนใหญ่มีเกรดเฉล่ีย 2.51-3.00 (30.6%) ผลการ วิเคราะห์ขอ้ มูลเก่ียวกบั ทศั นคติในการเรียนวิชาพลศึกษาและนนั ทนาการมีความสมั พนั ธ์กบั ทางบวกกบั พฤติกรรม การเรียนวิชาพลศึกษาและนนั ทนาการ อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ี 0.05ดงั น้นั ผวู้ ิจยั จึงมีขอ้ เสอนแนะดงั น้ี (1)ดา้ น ผสู้ อนตอ้ งเป็นผมู้ ีความรู้ความสามารถในการสื่อสารและการถ่ายทอดความรู้ ดา้ นทกั ษะท่ีมีประสิทธิภาพเน้ือหาท่ี สอนมีความทนั สมยั ทนั ต่อเหตุการณ์ มีการวดั และประเมินผลอย่างครอบคลุมทุกดา้ น ไม่มุ่งเน้นแต่ทกั ษะกีฬา เท่าน้นั ส่ิงสาคญั ที่สุดกค็ ือครูควรมีจิตใจที่มีความเมตตากรุณาต่อนกั ศึกษาใหโ้ อกาสนกั ศึกษาในการพฒั นาตวั เอง ไดต้ ลอดเวลาและ(2)ดา้ นการเรียนการสอนควรเป็นรูปแบบการสอนแบบเนน้ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมเช่นจดั ให้ มีกิจกรรมเกม หรือนนั ทนาการ ในรูปแบบการฝึ กปฏิบตั ิที่หลากหลายเพ่ือให้มีการกระตือรือร้น ความสนุกสนาน และยงั ช่วยพฒั นาทกั ษะการคิดวิเคราะห์อยา่ งมีวิจารณญาณสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ มุ่งเนน้ การสอนเพ่อื สุขภาพมากกวา่ ความเป็นเลิศในทกั ษะกีฬา คาสาคญั : พฤติกรรมการเรียน ทศั นคติในการเรียน พลศึกษาและนนั ทนาการ 38

การประชมุ วิชาการระดับชาติมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คร้ังที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคล่ือนนวตั กรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยีสีเขยี วเพอ่ื การพฒั นาทยี่ ง่ั ยนื ” การส่งเสริมศักยภาพการท่องเทยี่ วบนฐานอตั ลกั ษณ์ของจงั หวดั ปทุมธานี The promotion of tourism potential based on Pathumthani province identity ฐิญาภา เสถียรคมสรไกร* Thiyapa Sathiankomsorakrai* สาขาวชิ าการท่องเท่ียวและการโรงแรม คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Tourism and Hotel, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์ 1) ศึกษาอตั ลกั ษณ์ของจงั หวดั ปทุมธานี และ 2) เสนอแนวทางการ ส่งเสริมศกั ยภาพการท่องเที่ยวบนฐานอตั ลกั ษณ์ของจงั หวดั ปทุมธานี ใช้วิธีการวิจยั แบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ผู้นาชุมชน และผู้มี ประสบการณ์เก่ียวกบั การจดั การการท่องเท่ียวในจงั หวดั ปทุมธานี จานวน 11 คน และใชแ้ บบสอบถาม เก็บขอ้ มูลจากนักท่องเที่ยวชาวไทยภายในจงั หวดั ปทุมธานี จานวน 400 คน ท้งั น้ีวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิง คุณภาพดว้ ยการวเิ คราะห์สารระบบ (Taxonomy Analysis) ร่วมกบั วิเคราะห์เชิงเน้ือหา (Content analysis) และวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิงปริมาณดว้ ยโปรแกรมสาเร็จรูปทางสถิติ สถิติท่ีใช้ ไดแ้ ก่ สถิติเชิงพรรณนา ท้งั ค่า ร้อยละ ค่าคะแนนเฉล่ีย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั พบว่า อตั ลกั ษณ์ของจงั หวดั ปทุมธานี ในมุมมองชุมชน (Supply) สามารถจาแนกได้ 3 กลุ่ม ไดแ้ ก่ 1) อตั ลกั ษณ์ดา้ นประเพณีและวฒั นธรรม 2) อตั ลกั ษณ์ดา้ นวิถีชุมชน และ 3) อตั ลกั ษณ์ดา้ นการเกษตร ในขณะท่ีนกั ท่องเที่ยว (Demand) ส่วนใหญ่ ซ่ึงมีประสบการณ์การท่องเท่ียวที่จงั หวดั ปทุมธานีรับรู้อตั ลกั ษณ์ของจงั หวดั ปทุมธานีเก่ียวกบั วิถีชีวิต เมืองการเกษตรมากท่ีสุด (  = 3.68 และ S.D. = 0.916) จะเห็นได้ว่า อตั ลกั ษณ์ด้านวิถีการเกษตรถือ เป็ นอตั ลกั ษณ์ร่วมระหว่างมุมมองของชุมชนและมุมมองนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวส่วน ใหญ่ท่ีเดินทางมาจงั หวดั ปทุมธานีนิยมท่องเท่ียวสถานท่ีท่องเที่ยวเพื่อความบนั เทิง สวนสนุก พิพิธภณั ฑ์ และแหล่งเรียนรู้ และศาสนสถาน มากกวา่ สถานท่ีท่องเท่ียวชุมชนหรือสถานท่ีท่องเที่ยวเชิงเกษตร ดงั น้นั การส่งเสริมศกั ยภาพการท่องเที่ยวบนฐานอตั ลกั ษณ์ของจงั หวดั ปทุมธานี คือ 1) สร้างสรรคแ์ ละพฒั นา อตั ลกั ษณ์การท่องเที่ยวจงั หวดั ปทุมธานีเป็ นหน่ึงเดียว 2) สร้างความตระหนักในทุกภาคส่วนเก่ียวกบั อตั ลกั ษณ์ทางการท่องเท่ียวของจงั หวดั ปทุมธานี และอตั ลกั ษณ์ทอ้ งถ่ินของแต่ละชุมชน และ 3) จดั การ สื่อการตลาดท่องเที่ยวดว้ ยช่องทางผสมผสานบนฐานอตั ลกั ษณ์ของจงั หวดั ปทุมธานี คาสาคญั : การส่งเสริมการท่องเที่ยว อตั ลกั ษณ์ จงั หวดั ปทุมธานี 39

การประชุมวชิ าการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครัง้ ที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคล่ือนนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยสี เี ขยี วเพอ่ื การพัฒนาท่ียงั่ ยืน” การผลติ หนังสือเสียงด้วยเทคนิคเสียงประกอบสามมติ แิ บบ Interactive สาหรับผู้พกิ ารทางสายตา Productionofaudiobookswithaninteractive3Dsoundtracktechniqueforthe Blind วิภาวี วีระวงศ*์ และ วิษณุพร อรุณลกั ษณ์ Wipawee Weerawong* and Wissanuporn Alunlak สาขาเทคโนโลยกี ารโทรทศั น์และวทิ ยกุ ระจายเสียง คณะเทคโนโลยสี ือสารมวลชน มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Radio and Television Broadcasting Technology Mass Communication Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั เรื่อง การผลิตหนงั สือเสียงดว้ ยเทคนิคเสียงประกอบสามมิติแบบ interactive สาหรับผู้ พิการทางสายตา มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาความพึงพอใจจากหนังสือเสียงเพ่ือผูพ้ ิการทางสายตาโดย เทคนิคเสียงประกอบสามมิติแบบ Interactive เพ่ือศึกษากระบวนการผลิต และความพึงพอใจของผพู้ ิการ ทางสายตาท่ีมีต่อ หนังสือเสียง ความยาวประมาณ 15 นาที วิธีการศึกษา ทาโดยผลิตหนังสือเสียงโดย บนั ทึกเสียงบรรยายในหอ้ งบนั ทึกเสียง เลือกเสียงประกอบใหเ้ ขา้ กบั เน้ือหา และตดั ต่อเสียง จากน้นั จดั ทา ระบบเสียงรอบทิศทางสามมิติ ดว้ ยโปรแกรม Pro Tools โดยเลือกกลุ่มตวั อยา่ งแบบเจาะจงจากสมาคม คนตาบอดแห่งประเทศไทย เขตพญาไท กรุงเทพฯ จานวน 10 คน โดยให้กลุ่มตวั อยา่ งฟังหนงั สือเสียง ดว้ ยเทคนิคเสียงประกอบสามมิติแบบ interactive สาหรับผพู้ ิการทางสายตา เพื่อประเมินความพึงพอใจ และทาการประเมินคุณภาพ โดยผเู้ ช่ียวชาญท้งั 3 ดา้ น ดา้ นหนงั สือเสียง ดา้ นสื่อเสียง ดา้ นดนตรีและเสียง ประกอบ ดว้ ยวิธีการสัมภาษณ์ หลงั จากการรับฟังหนังสือเสียง ดว้ ยเทคนิคเสียงประกอบสามมิติแบบ interactive สาหรับผพู้ ิการทางสายตาผลการศึกษาพบว่า การพฒั นาหนงั สือเสียงดว้ ยเสียงประกอบสาม มิติแบบ interactive สาหรับผูพ้ ิการทางสายตา สร้างความพึงพอใจให้กับกลุ่มตวั อย่าง และด้วยการ ประเมินคุณภาพ โดยผูเ้ ช่ียวชาญ ในส่วนของพฒั นาหนังสือเสียงด้วยเสียงประกอบสามมิติแบบ interactive มีความเหมาะสมในการเป็นหนงั สือเสียงและเสียงประกอบเพิม่ ความน่าสนใจในการอ่านและ การรับรู้ ซ่ึงเสียงประกอบสามมิติสามารถเปิ ดประสบการณ์ใหม่ในการอ่านหนงั สือของกลุ่ม ผพู้ ิการทาง สายตาไดเ้ ป็นอยา่ งดี คาสาคญั : หนงั สือเสียง เสียง 3 มิติ ปฏิสมั พนั ธ์ 40

การประชมุ วิชาการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครง้ั ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลื่อนนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยสี เี ขยี วเพอ่ื การพัฒนาทยี่ งั่ ยนื ” พฤติกรรมสารสนเทศในสภาพแวดล้อมดจิ ิทลั ของนักศึกษา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร Information Behavior in Digital Environment of Students from Rajamangala University of Technology Phra Nakhon องั คณา แวซอเหาะ* Angkhana Wesoho* สาขาศึกษาทวั่ ไป คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตดุสิต กรุงเทพฯ Department of General education, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Dusit District, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ เพ่ือศึกษาพฤติกรรมสารสนเทศในสภาพแวดลอ้ มดิจิทลั ของ นกั ศึกษามหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร กลุ่มตวั อยา่ งคือ นกั ศึกษามหาวิทยาลยั เทคโนโลยี ราชมงคลพระนคร จานวน 387 คน ไดม้ าโดยการสุ่มแบบหลายข้นั ตอน เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการวิจยั คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใชค้ ือ ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั พบว่า นกั ศึกษามี พฤติกรรมการเริ่มตน้ การคน้ หาสารสนเทศที่ใชม้ ากที่สุด คือ การคน้ หาจากเวบ็ ไซต์ แหล่งสารสนเทศท่ี ใชม้ ากที่สุดคือ โปรแกรมคน้ หาบนอินเทอร์เน็ต เช่น Google, Yahoo เป็นตน้ วธิ ีการเชื่อมโยงสารสนเทศ ที่ใชม้ ากท่ีสุดคือ การใชจ้ ุดเช่ือมโยงบนโปรแกรมช่วยคน้ บนอินเทอร์เน็ต วิธีการประเมินสารสนเทศท่ีใช้ มากที่สุดคือ เน้ือหาครบถ้วนตามความต้องการ และผูใ้ ห้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ วิธีการติดตาม สารสนเทศที่ใช้มากท่ีสุดคือ การติดตามจากส่ือสังคมออนไลน์ รูปแบบสารสนเทศที่ใช้มากที่สุดคือ รูปภาพ และการดาเนินการหลงั ไดร้ ับสารสนเทศท่ีใชม้ ากที่สุดคือ การตรวจสอบความถูกตอ้ ง และความ ครบถว้ นของเน้ือหาอีกคร้ัง คาสาคญั : พฤติกรรมสารสนเทศ สภาพแวดลอ้ มดิจิทลั นกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี ราชมงคลพระนคร 41

การประชุมวชิ าการระดับชาติมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล คร้งั ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคลื่อนนวตั กรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยีสีเขยี วเพอื่ การพฒั นาที่ย่ังยนื ” การวเิ คราะห์ความต้องการการใช้ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสารของพนักงานแผนก ต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรม ในเขตจังหวดั นครราชสีมา An Analysis of Needs in Using English of Front Office Hotel Staff in Nakhon Ratchasima Province อารีรัตน์ บริบูรณ์* Areerat Borriboon* สาขาวชิ าภาษาองั กฤษเพอ่ื การสื่อสากล คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Phanakorn, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การศึกษาเรื่อง การวิเคราะห์ความตอ้ งการการใชภ้ าษาองั กฤษเพ่ือการสื่อสารของพนกั งานแผนก ตอ้ นรับส่วนหนา้ ของโรงแรม ในเขตจงั หวดั นครราชสีมา มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อ 1) ศึกษาปัญหาและความ ตอ้ งการของการใชท้ กั ษะทางดา้ นภาษาองั กฤษสาหรับพนักงานตอ้ นรับส่วนหนา้ 2) เพื่อนาผลวิจยั มา บูรณาการในการปรับปรุงเน้ือหาหลกั สูตรการเรียนการสอนภาษาองั กฤษเพื่อใหไ้ ดต้ รงกบั ความตอ้ งการ ของสถานประกอบการธุรกิจโรงแรม ประชากรท่ีใชใ้ น การศึกษาคร้ังน้ี คือ พนกั งานตอ้ นรับส่วนหนา้ ใน พ้ืนที่จงั หวดั นครราชสีมา ต้งั แต่ระดบั ระดบั ปฎิบตั ิการจนถึงระดบั ผบู้ ริหาร โดยทาการเกบ็ ขอ้ มูลจากกลุ่ม ตวั อยา่ งแบบสุ่มสะดวกจานวน 420 คน ใชแ้ บบสอบถามปลายเปิ ดและการสัมภาษณ์อยา่ งไม่เป็นทางการ สถิติท่ีใชค้ ือค่าความถ่ี ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั พบวา่ 1) ความตอ้ งการ ใชท้ กั ษะภาษาองั กฤษของพนกั งานโดยภาพรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง ซ่ึงทกั ษะดา้ นการฟังและการพดู มี ความจาเป็นมากท่ีสุด 2) ปัญหาท่ีพบมากท่ีสุดในการใชภ้ าษาองั กฤษในท่ีทางาน คือ ทกั ษะดา้ นการเขียน และการอ่าน เนื่องจากพนกั งานส่วนใหญ่ขาดความมนั่ ใจและความรู้พ้ืนฐานดา้ นไวยกรณ์และคาศพั ท์ 3) ความตอ้ งการให้มีการจัดอบรมภาษาองั กฤษที่ใชส้ ื่อสารในที่ทางานควรเนน้ ทกั ษะการพูด การฟัง ใน สถานการณ์ต่าง ๆ และควรมีเนื้อหาเหมาะสมกับพนักงานในแต่ละแผนกตามลักษณะของงานที่ รับผดิ ชอบ คาสาคญั : ปัญหาการสื่อสารภาษาองั กฤษ ความตอ้ งการพฒั นาทกั ษะภาษาองั กฤษ พนกั งานแผนก ตอ้ นรับส่วนหนา้ 42

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครงั้ ที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคลอื่ นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยสี ีเขียวเพ่ือการพฒั นาทย่ี ่ังยืน” การเปรียบเทยี บเจตคติทม่ี ตี ่อรูปแบบการประเมนิ ผลระหว่างเรียน รายวชิ าการประกนั คุณภาพการศึกษาของนักศึกษาครุศาสตร์อุตสาหกรรม The Comparison of Attitudes towards Formative Assessment Model in Educational Quality Assurance Subject for Students of Industrial Education Program รุ่งอรุณ พรเจริญ* ภาวนา ชูศิริ และ สุนารี รชตรุจ Rungaroon Porncharoen*, Pawana Choosiri and Sunaree Rachataruj คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร กรุงเทพมหานคร Faculty of Industrial Education, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาเจตคติที่มีต่อรูปแบบการประเมินผลระหว่างเรียน รายวิชาการประกนั คุณภาพการศึกษาของนกั ศึกษาครุศาสตร์อุตสาหกรรม และ 2) เปรียบเทียบเจตคติที่มี ต่อรูปแบบการประเมินผลระหวา่ งเรียนของนกั ศึกษาแต่ละสาขาวชิ า รวบรวมขอ้ มูลโดยใชแ้ บบสอบถาม การจัดการสอนของผูส้ อน กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยได้แก่ นักศึกษาครุศาสตร์อุตสาหกรรมท่ี ลงทะเบียนเรียนรายวิชาการประกนั คุณภาพการศึกษา ภาคเรียนที่ 1/2564 จานวน 33 คน ประกอบดว้ ย สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล จานวน 19 คน และสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ จานวน 14 คน ทาการ เลือกแบบเฉพาะเจาะจง และวเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยใชส้ ถิติ t-test (Independent samples) ผลการวิจยั พบว่า นกั ศึกษามีเจตคติต่อรูปแบบการประเมินผลระหวา่ งเรียน อยใู่ นระดบั มาก (������������̅= 4.12, S.D. = 0.89) และเม่ือทาการเปรี ยบเทียบเจตคติของนักศึกษา พบว่า นักศึกษาสาขาวิชา วิศวกรรมเครื่องกลและสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการมีเจตคติต่อรูปแบบการประเมินผลระหว่างเรียน แตกต่างกนั อยา่ งไม่มีนยั สาคญั ทางสถิติ คาสาคญั : รูปแบบการประเมินผลระหวา่ งเรียน การประกนั คุณภาพการศึกษา ครุศาสตร์อุตสาหกรรม 43

การประชุมวชิ าการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครงั้ ที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลอื่ นนวัตกรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยีสีเขียวเพอื่ การพัฒนาท่ีย่ังยืน” แนวทางการส่งเสริมการผลติ ข้าวปลอดสารเพ่ือความมน่ั คงทางอาหาร ชุมชนแพรกหนามแดง จังหวดั สมุทรสงคราม Guidelines on Promotion to Produce Organic Rices for Food Security in Praknamdang Community, Amphawa, Samut Songkhram ทรงสิริ วชิ ิรานนท*์ Songsiri Wichiranon* หมวดวิชาศึกษาทวั่ ไป คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร Department of General education , Faculty of Liberal Arts , Rajamangala University of Technology Phra Nakhon *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อหาแนวทางการส่งเสริมการผลิตขา้ วปลอดสารของชุมชนแพรก หนามแดง อาเภออมั พวา จงั หวดั สมุทรสงคราม กลุ่มตวั อยา่ ง คือ เจา้ หนา้ ที่ภาครัฐทางเกษตร ผนู้ าชุมชน และ ชาวนาในชุมชนแพรกหนามแดง จงั หวดั สมุทรสงคราม เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวิจยั คือ การสัมภาษณ์แบบมี โครงสร้าง วิเคราะห์โดยใชว้ ิเคราะห์เน้ือหา ผลการศึกษาพบว่า แนวทางการส่งเสริมการผลิตขา้ วปลอดสาร เพือ่ ความมน่ั คงทางอาหารมี 3 ระดบั คือ ระดบั เกษตรกร มีแนวทางในการส่งเสริมคือ 1) สร้างองคค์ วามรู้หรือ การเผยแพร่ความรู้ให้กบั เกษตรกร 2) สร้างศูนยเ์ รียนรู้การผลิตขา้ วปลอดสารในชุมชนโดยวิธีการไม่ใช้ ป๋ ุยเคมี 3) การจดั ทาแปลงสาธิต/เป็นพ้ืนท่ีนาร่องเพื่อการเรียนรู้ร่วมกนั 4) ทาความเขา้ ใจกบั ชาวนาในชุมชนท่ี มีความพร้อมเพือ่ เป็นกลุ่มนาร่องในการปรับเปล่ียนการปลูกขา้ วปลอดสาร 5) พฒั นาองคก์ รชาวนาใหเ้ ขม้ แขง็ 6) ส่งเสริมการตลาดครบวงจร 2.ระดบั ชุมชน มีแนวทางในการส่งเสริมคือ 1)พฒั นาคุณภาพชีวิต โดยส่งเสริม คนในชุมชนรับประทานขา้ วปลอดสารของชุมชน เพื่อความมนั่ คงทางอาหาร 2) ส่งเสริมอาชีพเกษตรกร ผลผลิตขา้ วปลอดสารของชุมชนสามารถสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มเชิงบูรณาการแก่ชุมชน 3) จดั การบริหาร จดั การวิสาหกิจชุมชนอยา่ งเป็ นระบบ 4) ส่งเสริมการเกิดเครือข่ายผผู้ ลิต แปรรูป และจดั จาหน่ายผลิตภณั ฑ์ ขา้ วปลอดสาร 3. ระดบั ภาครัฐ ควรดาเนินการ 1) ส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรให้เขา้ สู่การรับรองมาตรฐาน 2) สนบั สนุนต่อยอดเกษตรกรที่ใชส้ ารอินทรียอ์ ยแู่ ลว้ ใหล้ ดการใชส้ ารเคมีทางการเกษตร 3) ส่งเสริมการพฒั นา นวตั กรรมเทคโนโลยชี ีวภาพผลิตเป็นผลิตภณั ฑจ์ ุลินทรียแ์ ทนป๋ ุยเคมี 4) ลดข้นั ตอนการติดต่อประสานงานใน การเขา้ สู่ระบบมาตรฐานขา้ วอินทรีย์ 5) หน่วยงานรัฐควรเปิ ดโอกาสใหภ้ าคประชาชนเขา้ มามีส่วนร่วมในการ กาหนดนโยบาย สาหรับประเดน็ ความมนั่ คงทางอาหาร เกษตรกรควรใหค้ วามสาคญั ของการคงอยขู่ องอาชีพ ชาวนาเป็ นลาดบั แรก เพราะถือเป็ นอาชีพท่ีสาคญั ต่อการผลิตอาหารให้กบั สังคม รวมถึงการมีผลผลิตที่มี คุณภาพไดม้ าตรฐาน ผลผลิตตอ้ งมีปริมาณมาก สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผบู้ ริโภค คาสาคญั : แนวทางการส่งเสริมขา้ วปลอดสาร ความมนั่ คงทางอาหาร ชุมชนแพรกหนามแดง 44

การประชมุ วชิ าการระดับชาติมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล คร้งั ที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลอ่ื นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยสี เี ขียวเพือ่ การพัฒนาท่ยี ่ังยนื ” การศึกษาอตั ลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมสู่การออกแบบบรรจุภัณฑ์สาหรับผลติ ภณั ฑ์ชุมชน หมู่บ้านท่องเทย่ี วโอทอปนวตั วถิ บี ้านหนองขาวอาเภอท่าม่วงจังหวดั กาญจนบุรี Astudyofculturalidentitiesforpackagingdesignforcommunity productsofOTOP Nawatwiti, Ban Nong Khao, Amphoe Tha Muang, Kanchanaburi ธานี สุคนธะชาติ* และคณิต อยสู่ มบูรณ์ Thanee Sukontachart* and Kanit Yoosomboon สาขาวชิ าการออกแบบบรรจุภณั ฑแ์ ละการพมิ พ์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร จ.กรุงเทพมหานคร Department of Packaging Design and Printing, Faculty of Architecture and Design, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์ 1) เพ่ือศึกษาอตั ลกั ษณ์ของชุมชนบา้ นหนองขาว อาเภอท่าม่วง จงั หวดั กาญจนบุรี โดยใชห้ ลกั กระบวนทศั น์ 2)เพื่อออกแบบและพฒั นาบรรจุภณั ฑใ์ ห้สอดคลอ้ งกบั แนวคิดนวตั วิถีและความเขา้ กนั ไดใ้ นวิถีของชุมชนโดย คานึงถึงรูปแบบ การผลิต ความสวยงาม การใช้สอย ใช้วสั ดุท่ีเป็ นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม3)เพื่อประเมินความพึงพอใจของ นกั ท่องเท่ียวที่มีผลต่อบรรจุภณั ฑท์ ่ีไดพ้ ฒั นาแลว้ ประกอบดว้ ย ดา้ นรูปแบบ ดา้ นประโยชน์สอย ดา้ นการใชง้ าน และ ดา้ นความ คุม้ ค่า การวิจยั น้ีออกแบบเป็นการวจิ ยั แบบผสมผสานการวิจยั เชิงคุณภาพและปริมาณ ผใู้ หข้ อ้ มูลในการวิจยั เชิงคุณภาพ ไดแ้ ก่ 1) กลุ่มผูเ้ ช่ียวชาญสาหรับการสัมภาษณ์เชิงลึกไดแ้ ก่ ผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นวฒั นธรรม 5 ดา้ น ประกอบดว้ ยเผา่ พนั ธุ์การดารงชีพ ภาษา และวรรณกรรม ศาสนา ศิลปะการละเล่น และ สังคมเศรษฐกิจการเมือง 2) กลุ่มผูท้ รงคุณวุฒิในการประชุมสนทนากลุ่มย่อย ผูเ้ ก่ียวขอ้ งกบั อตั ลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมของชุมชนบา้ นหนองขาว เพ่ือตรวจสอบ ประเมิน ความสอดคลอ้ งของอตั ลกั ษณ์ทาง วฒั นธรรม เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวิจยั เป็ นแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ขอ้ มูลดว้ ยวิธีวิเคราะห์เชิงเน้ือหา ในการวิจยั เชิงปริมาณ กลุ่ม ตวั อย่าง ไดแ้ ก่ นักท่องเท่ียวท่ีมาท่องเท่ียวในจงั หวดั กาญจนบุรี และผูบ้ ริหารหรือเจา้ ของกิจการร้านของฝากประจาจงั หวดั เครื่องมือที่ใชเ้ ป็ นแบบสอบถาม วิเคราะห์ขอ้ มูลดว้ ยโปรแกรมสาเร็จรูป SPSSเพ่ือหาค่าสถิติ ร้อยละ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน และการวิเคราะห์องคป์ ระกอบในการออกแบบบรรจุภณั ฑ์ ผลการวิจยั พบวา่ องคป์ ระกอบท่ีสาคญั ของอตั ลกั ษณ์ทาง วฒั นธรรมท่ีมีผลตอ่ รูปแบบบรรจุภณั ฑ์ ประกอบดว้ ย 5 องคป์ ระกอบหลกั 18องคป์ ระกอบยอ่ ยไดแ้ ก่ 1)ตราสินคา้ โดยสรุปได เป็ นช่ือตราสินคา้ ประกอบดว้ ย 1.1) ตาจกั 1.2) ไอบ้ ุญทอง 1.3) ตน้ ฉัตร 1.4) ขา้ วหลามตดั 1.5) ขุนหิรัญ 2) วสั ดุบรรจุภณั ฑ์ ประกอบดว้ ย2.1) วสั ดุจากผา้ 2.2) วสั ดุจกั สานจากใบตาล 2.3)วสั ดุประเภทกระดาษ2.4) วสั ดุจากพลาสติก3) โครงสร้างรูปทรง บรรจุภณั ฑ์ ประกอบดว้ ย3.1)ทรงถุง/ยา่ ม3.2)ทรงเลียนแบบธรรมชาติ 3.3 ทรงอิสระ4) การออกแบบกราฟฟิ กประกอบดว้ ย4.1) สัญลกั ษณ์เครื่องหมายการคา้ ไดแ้ ก่ 4.1.1 ฟ่ อนขา้ ว 4.1.2 ลายตาจกั 4.1.3 ดอกหญา้ ขาว 4.1.4 ตน้ ตาล 4.1.5 พระปรางค์ 4.2) สีสัน ไดแ้ ก่ 4.2.1 สีสรรที่ไดจ้ ากพ้ืนที่ เช่น สีจากลายผา้ ขาวมา้ ตน้ ตาล หรือ วิถีชีวิตต่างๆ แปรตามสินคา้ 4.3) ตวั อกั ษร ไดแ้ ก่ 4.3.1 อกั ษรจากลายจากอกั ขระในคมั ภีร์ใบลาน(พระบถ) 4.3.2 จากลายสถาปัตยกรรมในพ้ืนที่ 4.4) การสื่อสารแสดงบุคลิก ไดแ้ ก่ 4.4.1 เผา่ พนั ธ์การดารงชีพ 4.4.2 ศิลปะการละเล่น 5)กลุ่มลูกคา้ เป้าหมาย ประกอบดว้ ย5.1 นกั ท่องเที่ยว 5.2 ผทู้ ่ีสนใจในผลิตภณั ฑแ์ ละ ซ้ือผ่านช่องทางการขายแบบออนไลน์ อตั ลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมสู่การออกแบบบรรจุภณั ฑ์สาหรับผลิตภณั ฑ์ชุมชนหมู่บา้ น ท่องเท่ียวโอทอปนวตั วิถี บา้ นหนองขาว อาเภอท่าม่วง จงั หวดั กาญจนบุรีไดร้ ับความเห็นชอบจากผูท้ รงคุณวุฒิดว้ ยมติเป็ นเอก ฉนั ทเ์ หมาะสมในการนาไปประยกุ ตใ์ นระดบั สูง คาสาคญั :อตั ลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมออกแบบบรรจุภณั ฑ์ ชุมชนหมู่บา้ นท่องเท่ียวโอทอปนวตั วถิ ี 45

การประชุมวชิ าการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครงั้ ท่ี 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขบั เคลอื่ นนวตั กรรม นำ�เศรษฐกจิ ปลูกแนวคิดเทคโนโลยสี เี ขยี วเพื่อการพฒั นาที่ยั่งยืน” การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์แปรรูปจากสับปะรดบ้านคา จงั หวดั ราชบุรี The Development of Products from Pineapple Ban Kha District Ratchaburi ชนิดา ประจกั ษจ์ ิตร1* พชั รนนั ท์ ยงั วรวิเชียร1 วชั ราภรณ์ ชยั วรรณ1 ชลิดา อุดมรักษาสกลุ 2 และ นอ้ มจิตต์ สุธีบุตร3 Chanida Prajugjit1* Patcharanun Youngworawichian1 Watcharaporn Chaiwan1 Chalida Udomraksasakul2and Nomjit Suteebut3* 1สถาบนั วิจยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตดุสิต กรุงเทพฯ 2สาขาวิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 3สาขาวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารอาหาร คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1Institute of Research and Development, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Dusit, Bangkok, THAILAND 2Department of Industrial Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Bangsue, Bangkok, THAILAND 3Food Science and Technology, Faculty of Home Economics Technology, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Dusit, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์ เพื่อพฒั นาผลิตภณั ฑแ์ ปรรูปจากสับปะรดบา้ นคา โดยการศึกษาวิธีการ ปรับปรุงข้นั ตอนการผลิตสับปะรดแช่อ่ิมอบแห้ง และเพ่ือพฒั นาผลิตภณั ฑแ์ ยมสับปะรดบา้ นคาสูตรลด น้าตาล ผวู้ ิจยั ใชว้ ิธีการวิจยั เชิงทดลองในการพฒั นาผลิตภณั ฑ์ ประเมินผลดว้ ยการทดสอบทางประสาท สัมผสั โดยใชผ้ ทู้ ดสอบชิม จานวน 50 คน ผลการศึกษาพบว่าในการปรับปรุงข้นั ตอนการผลิตสับปะรด แช่อ่ิมอบแหง้ โดยการลดข้นั ตอนการผลิตดว้ ยการตม้ ชิ้นสับปะรดในน้าเช่ือมแลว้ แช่ไว้ 2 คืน ก่อนนาไป อบแห้ง สับปะรดท่ีไดม้ ีลกั ษณะปรากฏที่ดี สีเหลืองไม่คล้าเกินไป และมีรสชาติท่ีดี ไม่เปร้ียวและหวาน มากเกินไป ชิ้นสับปะรดแห้งไม่เหนียวติดมือ เม่ือพิจารณาจากค่า aw และค่าความช้ืนของชิ้นสับปะรด อบแห้งไม่แตกต่างกับชุดควบคุมที่เป็ นวิธีการแช่อิ่มอบแห้งแบบเดิม (p>0.05) และยงั เป็ นไปตาม ขอ้ กาหนดของมาตรฐานผลิตภณั ฑช์ ุมชนผกั ผลไมอ้ บแห้ง สาหรับผลิตภณั ฑแ์ ยมสับปะรดบา้ นคาสูตร ลดน้าตาลไดเ้ ลือกใชซ้ ูคราโลสเป็นสารใหค้ วามหวานทดแทนน้าตาลทราย ร้อยละ 30 โดยแยมสับปะรด บา้ นคาที่ไดม้ ีค่าพลงั งาน 203.72 kCal ซ่ึงนอ้ ยกวา่ สูตรพ้นื ฐานเดิมที่มีคา่ พลงั งาน 244.58 kCal คิดเป็นการ ลดพลงั งานลงร้อยละ 16.7 เหมาะสมสาหรับผบู้ ริโภคท่ีตอ้ งการหลีกเลี่ยงการบริโภคน้าตาล คาสาคญั : สับปะรดบา้ นคา แช่อิ่มอบแหง้ ซูคราโลส แยมสบั ปะรด 46

การประชมุ วิชาการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล คร้ังที่ 12 The 12th Rajamangala University of Technology National Conference “๙ ราชมงคลขับเคล่ือนนวตั กรรม นำ�เศรษฐกิจ ปลูกแนวคดิ เทคโนโลยสี ีเขียวเพอื่ การพัฒนาท่ยี ่ังยนื ” สาขาเกษตรศาสตร์ 49

Thกeาก1ราป2รtปรhะรRTชะahชมุ jaeุมกmวา1ชิรa2จาntกดัhgางRaราlaรaนjะaปดUmรับnะaชiชvnาeุมตgrวaมิsชิliหtaาyากวUoาทิ nfรยiรTvาะeeลดcrัยับshเiทชntyคาoตโloนoมิ fโgหลyTายeNวรี cทาิahชtยinมoาoงลnคlยัaoลlเgทCคyคoรโNั้งnนทafโe่ีtล1iroย2enีรnาacชleมCงoคnลfeคrรeงั้ nทc่ี e12” “๙ ราชม“ง๙คลราขชบั มเคงลค่ือลนขนบั วเคตั กลรอื่ รนมนนวตัำ�เกศรรรษมฐกนจิ ำเปศลรกูษแฐนกวจิ คปิดเลทกู คแโนนวโลคยดิ สี เเีทขคยี โวนเพโลือ่ ยกสี าเีรขพยี ัฒวนเพา่ือทกี่ยาั่งรยพนื ”ฒั นาที่ย่งั ยืน” การปลกู ผกั เกลด็ หมิ ะในประเทศไทยและคุณภาพหลงั การเกบ็ เกีย� ว Ice Plant (Mesembryanthemum crystallinum L.) Cultivation in Thailand and Postharvest Quality ชยั รัตน์ บูรณะ1* มนตรี คงตระกูลเทียน1และ อรรถชยั เพยี รธารธรรม2 Chairat Burana1* , Montri Congtrakultien1 and Atthachai Pianthantham2 1คณะเกษตรนวตั และการจดั การ สถาบนั การจดั การปัญญาภิวฒั น์ จ. นนทบุรี 2กลุ่มธุรกิจพชื ครบวงจร เครือเจริญโภคภณั ฑ์ กรุงเทพมหานคร 1 Faculty of Innovative Agricultural and Management, Panyapiwat Institute of Management, Nonthaburi, THAILAND 2Crop Integration Business, C.P. Group, Bangkok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น�ีทางคณะผูว้ ิจยั ไดท้ าํ การปลูก ศึกษาการเจริญเติบโตและการพฒั นาของผกั เกล็ดหิมะ (common ice plant, Aizoaceae, Caryophyllales) ในประเทศไทย โดยเร�ิมต้นจากการทดสอบปลูกใน ระบบปิ ดภายใตห้ ลอดไดโอดชนิดเปล่งแสง ใหแ้ สง 16 ชวั� โมงต่อวนั ที�อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และ ความช�ืนสัมพทั ธ์ 85±5 เปอร์เซ็นต์ และมีการให้น�าํ อย่างเหมาะสม จากน�นั ทาํ การศึกษาวงจรชีวติ ของผกั เกลด็ หิมะในระบบดงั กลา่ ว นอกจากน�ียงั มีการทดสอบในพ�ืนท�ีภายนอกในแตล่ ะจงั หวดั ของประเทศไทย ไดแ้ ก่ พิษณุโลก กาญจนบุรี ราชบุรี ชลบุรี และสระบุรี โดยไดท้ าํ การศึกษาในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึง เดือนกนั ยายน พ.ศ. 2561 ผลการทดสอบพบว่า พ�ืนที�ที�เหมาะสมต่อการปลูกผกั เกล็ดหิมะมากที�สุดใน ช่วงเวลาดงั กล่าวคือ จงั หวดั พิษณุโลก (16°49'29.32\"N, 100°15'30.89\"E) โดยการปลูกภายใตห้ ลงั คา พลาสติกเนื�องจากผกั เกล็ดหิมะอ่อนแอต่อฝนและน�ําค้าง เมื�อเปรียบเทียบคุณภาพหลังการเก็บเกี�ยว ทางดา้ นคุณค่าทางโภชนาการกบั ผกั เกล็ดหิมะที�ปลกู ในประเทศจีนพบว่า ผกั เกล็ดหิมะท�ีปลูกในไทยมี ปริมาณแคลเซียมสูงกว่า 3 เท่า ในขณะที�มีปริมาณโซเดียมตาํ กว่า 43 เท่า แต่ไม่มีความแตกต่างกันใน ปริมาณวติ ามินเอและปริมาณน�าํ ตาล จากการศึกษาคร�ังน�ีสรุปวา่ ผกั เกลด็ หิมะสามารถปลกู ไดใ้ นประเทศ ไทยและเป็ นพชื ที�มศี กั ยภาพในการผลกั ดนั เป็นพืชเศรษฐกิจมูลคา่ สูงตอ่ ไป คําสําคัญ: ผกั เกลด็ หิมะ เทคโนโลยหี ลงั การเก็บเกี�ยว คุณภาพ 48

Thกาeรก1ปา2รรtปะhTรชRะhมุaชeกjaุมาm1วร2ชิจatาดัhnกงgRาาaaรนljรaaปะmดUรับะnaชชinvมุาgeตวarิมชิslaiหาtyกาUวาonริทfiรยvะTาeดeลrับcsัยhiชเtทnyาคoตoโlมินofหโgTลyาeยวNcรีทิ hาaยชtnาiมooลงnlยั คoaเลgทlyคCคโoNรน้งัnaทโftลe่ีi1oยr2enีรnาaชcleมCงoคnลfeคrรeัง้ nทc่ี e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลือ่ ขนบั นเวคตั ลกอื่ รนรนมวนัตำ�กเศรรรมษฐนกำจิ เศปรลษูกฐแกนจิ วคปิดลเกูทแคนโนวโคลิดยเีสทเี ขคียโนวโเพลยื่อสีกาีเขรยีพวัฒเพนาอ่ื ทกย่ีาัง่รยพนื ัฒ”นาทย่ี ัง่ ยนื ” ประสิทธิภาพนํ�าหมกั ชีวภาพจากเศษเหลือของกล้วยและฝรั�งที�มีต่อการเจริญเตบิ โต และผลผลติ ของถัว� เขยี วพนั ธ์ุกาํ แพงแสน 2 Efficiency of Fermented Bioextracts From Banana and Guava Residues on Growth and Yield of Mungbean Var. Kamphaeng Saen 2 สุจติ รา เรืองเดชาววิ ฒั น์1* พรวิภา สะนะวงศ2์ และ ศรวณีย์ สิงหโ์ ต2 Sujitra Ruengdechawiwat1* , Pornwipa Sanawong2 and Sarawanee Singto2 1สาขาวิทยาศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา พษิ ณุโลก 2สาขาพืชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา พิษณุโลก 1Science Majors, Faculty of Sciences and Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Lanna, Phitsanulok, THAILAND 2Plant Majors, Faculty of Sciences and Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Lanna, Phitsanulok, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การเปรียบเทียบคุณภาพถวั� เขียวพนั ธุ์กาํ แพงแสน � ท�ีปลูกโดยใชน้ �าํ หมกั ชีวภาพท�ีได้จากเศษ เหลือของกลว้ ยและฝรั�ง ณ แปลงทดลองเกษตรอินทรีย์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พิษณุโลก ระหว่างเดือน ตุลาคม 2562 ถึง มกราคม 2563 วางแผนการทดลองแบบบล็อกสุ่มสมบูรณ์ (RCBD) ประกอบดว้ ย 4 ส�ิงทดลอง จาํ นวน 4 ซ�าํ ไดแ้ ก่ ไมเ่ ติมน�าํ หมกั ชีวภาพ (ชุดควบคุม) (T1) น�าํ หมกั ชีวภาพจากเศษเหลือของฝร�ัง (T2) น�าํ หมกั ชีวภาพจากเศษเหลือของกลว้ ย (T3) และน�าํ หมกั ชีวภาพจาก เศษเหลือของฝร�ังและกลว้ ย (T4) พบว่าน�าํ หมกั ชีวภาพจากเศษเหลือของฝรั�งจะใหผ้ ลการเจริญเติบโตท�งั ความสูง จาํ นวนก�ิงสูงสุด และผลผลิต (49.00 เซนติเมตร และ 15.90 กิ�ง และ 234.96 กิโลกรัมต่อไร่) เนื�องจากในน�าํ หมกั ชีวภาพสูตรฝร�ัง มีปริมาณแร่ธาตุของฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซ�ึงเป็นแร่ธาตุที� สําคญั ต่อการเจริญเติบโตของพืช ช่วยเร่งอายุให้พืชแก่เร็ว ส่งผลต่อการติดดอกออกผล และคุณภาพ ภายในเมลด็ ไดด้ ี ดงั น�นั จึงสรุปไดว้ า่ น�าํ หมกั ชีวภาพจากเศษเหลือของฝร�ังเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต และผลผลิตของถวั� เขียวพนั ธุก์ าํ แพงแสน � คาํ สําคญั : ถวั� เขียวพนั ธุ์กาํ แพงแสน 2 น�าํ หมกั ชีวภาพ การเจริญเติบโต ผลผลิต 49

Theกกา1าร2รปtปhรระRะTชaชhมุjaุมeกmวา1ชิ รa2าจnกtดัhgาaงRราlรaaนะjaดUปmบัรnะชiavชาneุมตgrมิวsaiชหิltayาาวกUoิทาfnรยiTราvะeลeดcยัrhบัsเทinชtคyoาโตloนoมิ fโgหลyTยาeNีรวcาaทิ hชtยiมnoางonลคlaยั oลlเgทCคyคoรโNั้งnนทafโeี่tล1iroย2enรีnาacชleมCงoคnลfeคrรeัง้ nทc่ี e12” “๙ ราชม“ง๙คลรขาับชเมคงลคอื่ ลนขนบั วเตั คกลร่อื รนมนนวำ�ัตเศกรรษรมฐกนจิ ำเปศลรูกษแฐนกวจิ คิดปเลทูกคแโนนโวลคยิดสี เีเทขคยี โวนเพโลอ่ื ยกสี าเีรขพยี ฒั วนเพาือ่ทก่ยี าง่ั ยรพนื ”ฒั นาทยี่ งั่ ยนื ” ผลของการเสริมใบมะรุมตากแห้งในอาหารต่อการเจริญเตบิ โต และอตั ราการรอดตายของปลาดุกลกู ผสม Effect of Supplementation of Dried Moringa Leaf in Feed on Growth and The survival rate of Hybrid Catfish (Clarias macrocephalus × Clarias gariepinus) สุวฒั น์ พรมนิล และ อพิศรา หงส์หิรัญ* Suwat Promnil and Apisara Honghirun* สาขาวิชาประมง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา พิษณุโลก อ.เมอื งพษิ ณุโลก จ.พษิ ณุโลก Fisheries, Faculty of Science and Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Lanna, Mueang Phitsanulok District, Phitsanulok THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาผลของการเสริมใบมะรุมตากแห้งในอาหารต่อการเจริญเติบโต และอตั ราการรอดตาย ของปลาดุกลูกผสม วางแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด (Completely Randomized Designed, CRD) ประกอบดว้ ย 4 ชุดการทดลอง ๆ ละ 3 ซ�าํ โดยใชอ้ าหารที�มีส่วนผสมของใบมะรุมตากแห้ง 4 ระดบั คือ 0 (ชุดควบคุม), 5, 10 และ 15 เปอร์เซ็นต์ อาหารทุกสูตรมีโปรตีน 37 เปอร์เซ็นต์ เล�ียงปลาดุกลูกผสมท�ีมี ความยาวเริ�มตน้ เฉลี�ย 2.55 ± 0.26 เซนติเมตร และน�าํ หนกั เร�ิมตน้ เฉลี�ย 4.17±0.44 กรัม ในกระชงั ขนาด 1 × 2 × 1.5 เมตร จาํ นวน 12 กระชงั แต่ละกระชงั ปล่อย 50 ตวั โดยให้อาหาร 2 คร�ังตอ่ วนั ใชร้ ะยะเวลาใน การทดลอง 10 สัปดาห์ ทาํ การสุ่มปลากระชังละ �� ตวั ชั�งน�าํ หนัก และวดั ความยาวของปลา ทุก ๆ 2 สัปดาห์ เพื�อประเมนิ คา่ น�าํ หนกั ท�ีเพิม� ข�นึ อตั ราการเจริญเติบโต อตั ราการเปลี�ยนอาหารเป็ นเน�ือ และอตั รา รอดตาย เมื�อสิ�นสุดการทดลองพบว่า ปลาดุกลูกผสมท�ีไดร้ ับอาหารท�ีมีส่วนผสมของใบมะรุมตากแหง้ �% มีค่าน�าํ หนกั ที�เพิ�มข�ึนสูงสุด อตั ราการเจริญเติบโตเฉลี�ยต่อวนั สูงที�สุด และมีอตั ราการเปลี�ยนอาหาร เป็นเน�ือต�าํ ท�ีสุด อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (P<0.05) อยา่ งไรกต็ ามอตั ราการรอดตายของปลาในทกุ ชุดการ ทดลองไม่แตกต่างอย่างมีนยั สําคญั ทางสถิติ (P>0.05) จากผลการทดลองสรุปไดว้ า่ การเสริมใบมะรุมตาก แหง้ ในอาหารปลาดุกลูกผสมที�ระดบั 5 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตไดด้ ีที�สุด คําสําคัญ: ปลาดุกลกู ผสม อตั ราการเจริญเตบิ โต อตั ราการรอด ใบมะรุมตากแหง้ 50

Tกhาeรก1ปา2รรtปะhTชรRhะมุ aชeกjaมุ า1mวร2ิชจatาดัhnกงRgาาaaรนljรaaปะmดUรบัะnaชชinvุมาgeตวarมิชิslaiหาtyกาUวาonิทรfiรยvTะาeดeลrcบัยัshiเชtทnyาคoตoโlมินofหโgTลyาeยวNรีcทิ าahยชtniามooลงnlยัคoaเลglทyCคคoรโN้งันnaทโftลe่ี i1oยr2enรี nาacชleมCงoคnลfeคrรe้งั nทc่ี e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบัมเงคคลลือ่ ขนบั นเวคัตลก่อื รนรนมวนตั ำ�กเศรรมษฐนกำจิ เศปรลษูกฐแกนจิ วคปิดลเทกู คแโนนวโคลิดยีสเทีเขคียโนวเโพลอ่ืยกสี าเี ขรพยี ัฒวเนพาอื่ ทก่ียาั่งรยพืนฒั” นาที่ยัง่ ยืน” การพฒั นาผลติ ภัณฑ์พาสต้า (เฟตตูซิเน่ ) กึง� สําเร็จรูปจากแป้งข้าวเสริมบกุ ผง Product Development of Instant Pasta (fattucine) from Rice Flour Fortified with Konjac Power สุภาวดี แช่ม1* และ วิลาสินี วรรณโวหาร2 Supawadee Cham1* and Wilasini wanwohan2 1สถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ต.พชิ ยั อ.เมอื ง จ.ลาํ ปาง 2สถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ต.พิชยั อ.เมอื ง จ.ลาํ ปาง 1Agricultural Technology Research Institute, Rajamangala University of Technology Lanna, Pichai, Muang, Lampang 2Agricultural Technology Research Institute, Rajamangala University of Technology Lanna, Pichai, Muang, Lampang *Corresponding author: [email protected] : [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น�ีมีวตั ถุประสงค์ในการพฒั นาผลิตภณั ฑ์พาสตา้ (เฟตตูซิเน่) จากแป้งขา้ ว และเสริม ผงบุกกูลโคแมนแนน โดยทาํ การศึกษาปริมาณผงบุกกูลโคแมนแนน (2 3 4 และ 5% ) ทาํ การตรวจสอบ ลกั ษณะเน�ือสมั ผสั (ค่าการตา้ นทานตอ่ แรงดงึ ) คุณภาพดา้ นการหุงตม้ ไดแ้ ก่ การสูญเสียของแป้งระหว่าง การหุงตม้ (Cooking loss) การดูดซบั น�าํ (water Absorption) และการยอมรับทางประสาทสัมผสั (9 Point Hedonic Scale) ใชผ้ ูท้ ดสอบชิม 30 คน พบว่า ผลิตภณั ฑ์เส้นพาสตา้ (เฟตตูซิเน่) ก�ึงสําเร็จรูปที�ใชบ้ ุกผง ร้อยละ 5 ส่งผลใหค้ ณุ ภาพทางประสาทสมั ผสั ในลกั ษณะเน�ือสมั ผสั และความชอบรวมสูงที�สุดแตกต่าง อยา่ งมีนยั สําคญั ทางสถิติ (p < 0.05) นอกจากน�ียงั พบวา่ มีค่าการตา้ นแรงดึงสูงสุดมากที�สุดแตกต่างอยา่ ง มีนัยสําคัญทางสถิติ (p < 0.05) มีค่าการสูญเสียของแป้งร้อยละ 1.56 ±0.03 ค่าการดูดน�ําร้อยละ 249.99±0.84 เส้นพาสตา้ (เฟตตูซิเน่) ก�ึงสําเร็จรูปจากแป้งขา้ วเสริมบุกผงที�ไดม้ ีลกั ษณะเส้นผิวหน้าท�ี เรียบเนียนและนุ่ม คาํ สําคญั : พาสตา้ แป้งขา้ ว ผงบุก 51

การประชมุ การจดั งานประชุมวชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ครงั้ ท่ี 12 “๙ ราTชh“มe๙งกค1ารล2ราขtปชhบั รTมRเะhงคaชคjeลaุมลือ่ mว1ขนิช2aบันาtnhเวกคgัตRาaลรกal่ือรรajaะนรดUmมนบัnวaนชiตัnvำ�าeกเgตศrรaิมsรรliษหatมyาฐUวนกoิทnจิำfยเivปศTาeeรลลrษcูกยั shแเฐiทtnนกyคoิจวโolคนoปfิดโgลลเTyทกูยeคNแรี cโาaนนhชtวโniมoลคoงnยดิ คlสีaoเลทlีเgขคCyคยี โoรวNนง้ัnเทโพafลe่ีtอ่ื 1iยroก2eสี nาnีเรaขcพlยีeฒั วCเนoพาnอื่ทfกeยี่ างั่reรยพnนื c”ัฒeน”าทย่ี ่ังยืน” การใช้ประโยชน์จากผลตีนเป็ ดนํา� เพื�อเป็ นวสั ดปุ ลกู Utilization of Cebera odollam Gaerth Fruit for Planting Material ธีรยทุ ธ คล�าํ ชื�น* พรสวรรค์ แสงใส ภรู ิพนั ธ์ ชยั ดี นิยม บวั บาน และ พนั ทิพา ลิม� สงวน Teerayut Klumchaun*, Phornsawan Saengsai, Puripan Chaidee , Niyom Buaban and Pantipa Limsanguan1 คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี จ.ปทมุ ธานี 12130 Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathum Thani 12130, Thailand. *Corresponding author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาผลของวสั ดุผสมลูกตีนเป็ ดน�าํ ต่อการเป็ นวสั ดุปลูกผกั บุง้ จีนมีวตั ถุประสงคเ์ พื�อนาํ ผล ตีนเป็ดน�าํ ท�ีถูกทิ�งไมก่ ่อใหเ้ กิดประโยชนม์ าใชเ้ ป็ นวสั ดุปลูกและเป็ นแนวทางในการพฒั นาวสั ดุปลูกที�หา ได้จากธรรมชาติ โดยนําผลตีนเป็ ดน�ํามาบดและหมัก (Waste) วางแผนการทดลองแบบ CRD ประกอบดว้ ย 5 ชุดการทดลอง ไดแ้ ก่ วสั ดุผสมจากผลตีนเป็ ดน�าํ ท�ีประกอบดว้ ยลูกตีนเป็ ดน�ํา มูลววั ป๋ ยุ อินทรีย์ และไดแอมโมเนียมฟอสเฟต (Mixed Waste) วสั ดุผสมจากผลตีนเป็ ดน�าํ (Mixed Waste) ร่วมกบั ดิน 250 กรัม วสั ดุผสมจากผลตีนเป็ ดน�าํ (Mixed Waste) ร่วมกบั ดิน 500 กรมั วสั ดุผสมจากผลตีนเป็ ดน�าํ (Mixed Waste) ร่วมกบั ดิน 750 กรัม และดินผสมมาปลูกทดสอบดว้ ยผกั บงุ้ จีนเพื�อดูการเจริญเติบโตและ ผลผลิตของผกั บุง้ จีน จากผลการทดลอง พบว่าทุกชุดการทดลองท�ีมีการใช้วสั ดุผสมจากผลตีนเป็ ดน�ํา (Mixed Waste) และใชว้ สั ดุผสมจากผลตีนเป็ ดน�ํา (Mixed Waste) ร่วมกับดินส่งผลให้ผกั บุง้ จีนมีการ เจริญเติบโตดา้ นความสูง จาํ นวนใบ และคา่ คลอโรฟิ ลลใ์ นภาพรวมสูงใกลเ้ คยี งกนั แตแ่ ตกตา่ งกนั อยา่ งมี นยั สาํ คญั ยงิ� ทางสถิติ เมื�อเปรียบเทียบกบั การใชด้ ินผสม ดา้ นผลผลิต พบวา่ การใชว้ สั ดุผสมจากผลตีนเป็ ด น�ํา (Mixed Waste) ให้น�ําหนักสดและน�ําหนักแห้งเฉลี�ยสูงท�ีสุดอย่างมีนัยสําคัญย�ิงทางสถิติ เมื�อ เปรียบเทียบกบั การใชด้ ินผสม โดยมีคา่ เท่ากบั 24.42 กรมั และ 7.88 กรัม ตามลาํ ดบั คําสําคญั : วสั ดุปลูก ผลตีนเป็ดน�าํ ผกั บุง้ จีน 52

การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล คร้ังท่ี 12 Theก1า2รtปhTรRะhaชejaุมm1ว2ชิ atาhnกgRาaaรlรjaaะmดUบัnaชinvาgeตarมิslaiหtyาUวonิทfiยvTาeeลrcยัshiเtทnyคooโlนofโgTลyยeNรีcาahชtniมooงnlคoaลlgyCคoรNั้งnaทfteี่ i1or2ennacleConference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบัมเงคคลลอื่ ขนบั นเวคตั ลก่ือรนรนมวนตั ำ�กเศรรรษมฐนกำจิ เศปรลษกู ฐแกนิจวคปิดลเทูกคแโนนวโคลดิยสีเทีเขคยี โนวเโพล่อืยกีสาีเขรพียฒัวเนพาื่อทกย่ี างั่ รยพืนัฒ”นาที่ยัง่ ยืน” ผงโรยข้าวกากถัว� เหลืองรสควั� กลงิ� Making Rice Seasoning Powder Yellow Curry Paste Flavor Soybean เชาวลิต อุปฐาก* เปรมระพี อยุ มาวรี หิรัญ ธีรานนท์ ศิริภทั รเมธีกุล และ อภิสิทธ�ิ เดชวรรณ Chaowalit Auppathak*, Premraphi Ooaymaweerahirun, Theeranon Siriphatharametheekul and Apisit Dachwan1 สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 Department of Food and Nutrition Faculty of Home Economics Technology Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, Dusit, Bangkok 10300, Thailand *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั คร�ังน�ีมีวตั ถุประสงค์เพ�ือศึกษาปริมาณท�ีเหมาะสมของผงปรุงรสในการทาํ ผงโรยขา้ วกากถัว� เหลือรสคว�ั กลิ�ง � ระดบั คือ ��, 25, 30, และ �� เปอร์เซ็นต์ โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล็อคสมบูรณ์ (Randomized Complete Block Design, RCBD) จากน�นั นาํ ไป ประเมินคณุ ภาพทางประสาทสัมผสั ในดา้ นลกั ษณะ ปรากฏ สี กลิ�น รสชาติ เน�ือสัมผสั และความชอบโดยรวม ใช้ผูช้ ิมจาํ นวน 40 คน 2 ซ�ํา ซ�ึงเป็ นอาจารย์ และ นกั ศึกษาสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระ นคร ดว้ ยวิธีการชิมแบบให้คะแนนความชอบ � ระดบั (9-Point Hedonic Scale) นําผลท�ีได้ไปวิเคราะห์ความ แปรปรวน (Analysis of Variance, ANOVA) และเปรียบเทียบความแตกต่างคา่ เฉลี�ยแบบ (Dancan’s New Multiple Range Test, DMRT) นาํ ผลิตภณั ฑไ์ ปวเิ คราะห์คุณภาพทางกายภาพ และทางเคมี โดยวดั ค่าสี ค่าปริมาณน�ําอิสระ และค่า-ความช�ืน นาํ ผลท�ีไดม้ าหาค่าเฉลี�ย (������������̅) จากการศกึ ษาปริมาณที�เหมาะสมของผงปรุงรสควั� กลิง� ในการทาํ ผง โรยขา้ วกากถว�ั เหลือรสควั� กลิ�ง พบว่าผูท้ ดลองชิมให้การยอมรับที�ระดบั �� เปอร์เซ็นต์ มากที�สุด ในดา้ นกลิ�น รสชาติ และความชอบโดยรวม โดยมีค่าเฉลี�ยอย่ทู ี� �.��, �.�� และ �.�� ตามลาํ ดบั ซ�ึงอยใู่ นระดบั ความชอบ ปาน กลาง เม�ือนาํ มาวิเคราะห์ความแปรปรวน และการเปรียบเทียบความแตกต่าง พบว่า ดา้ นรสชาติ มีความแตกต่าง อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติที�ระดบั �.�� ส่วนดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี กลิ�น เน�ือสัมผสั และความชอบโดยรวม ไม่มี ความแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สําคญั ทางสถิติที�ระดบั �.�� จากการวเิ คราะห์คุณสมบตั ิทางกายภาพ และทางเคมีพบว่า ค่าความสว่าง (L*) มีแนวโน้มท�ีลดลงตามลาํ ดับ ค่าสีแดง (a*) มีแนวโน้มที�จะเพ�ิมข�ึน และค่าสีเหลือง (b*) มี แนวโน้มท�ีลดลงตามลาํ ดับ เนื�องจากผงปรุงรสควั� กลิ�งมีสีที�เขม้ เม�ือปริมาณผงปรุงรสควั� กลิง� เพ�ิมข�ึนเน�ืองจากใน ผงปรุงรสควั� กลิ�งมีผงขมิ�น และผง-เครื�องเทศ ทาํ ให้ค่าความสวา่ งของสีลดน้อยลง ค่าปริมาณน�าํ อิสระมีปริมาณ ใกลเ้ คยี งกนั ความช�ืนมีปริมาณใกลเ้ คียงกนั คําสําคัญ: กากถวั� เหลือง ผงโรยขา้ ว ผงปรุงรส 53

Thกeาก1รา2ปรtปhรระRTะชaชhมุjaมุeกmวา1ชิ รa2าจntกดัhgางaRราlaรaนะjaปดUmบัรnะชiavชาneุมตgrิมวsaiชหิltayาาวกUoทิาfnรยTiราvะeลeดcัยrhับsเทinชtคoyาโlตนooมิ โgfลหyTยาNeีรวาcaทิ ชhtยiมonางnoลคalัยลolเgทCคyคoรงั้โnNนทfaeโี่ t1ลri2eoยnnรี าcaชelมCงoคnลfeคrรeงั้ nทc่ี e12” “๙ ราชม“ง๙คลรขาบัชเมคงลค่อื ลนขนบั วเัตคกลร่อื รนมนนวำ�ัตเกศรรษรมฐกนจิ ำปเศลรกู ษแฐนกวิจคิดปเลทกูคแโนนโวลคยดิสี เเี ทขียควโนเพโลื่อยกีสารเี ขพยีัฒวนเพาทือ่ ยี่ก่ังายรืนพ”ัฒนาท่ยี ่ังยืน” แนวทางการพฒั นาผลติ ภณั ฑ์เกลือรสชาตไิ ทย: กล่มุ ผ้บู ริโภควัยทาํ งาน Thai Taste’s Salt Product Development Guidelines: Working Age Consumers ณนนท์ แดงสังวาลย�์ * ศนั สนีย์ ทิมทอง� อินทธ์ ีมา หิรัญอคั รวงศ1์ วศั พล ไตรธนาวฒั น�์ สรวชิ ญ์ อคั รธิติศกั ด�ิ� และภธู ฤทธ�ิ วิทยาพฒั นานุรักษ์ รักษาศิริ� Nanoln Dangsungwal1*, Sansanee Thimthong1, Wassaphol Tritanawat1, Soravit Akarathitisak1, Intheema Hiran- Akkarawong1 and Bhutharit Vittayaphathananurak Raksasiri2 � คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตดุสิต จ. กรุงเทพมหานคร 2 คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวิทยาลยั ศิลปากร จ. เพชรบรุ ี 1Faculty of Home Economics Technology,Rajamangala University of Technology PhraNakhon,Dusit, Bangkok, THAILAND 2 Faculty of Animal Sciences and Agricultural Technology, Silpakorn University, Phetchaburi IT Campus, Cha-am, Phetchaburi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ จากสภาพปัญหาราคาขายเกลือสมุทรที�ต�าํ และพฤติกรรมผบู้ ริโภคกลุ่มวยั ทาํ งานที�มีความตอ้ งการความ สะดวกและความหลากหลายในการประกอบอาหารเองมากข�ึน การศึกษาคร�ังน�ีมีวตั ถุประสงค์เพื�อ �) ศึกษา สภาพการณ์ของการใชผ้ ลิตภณั ฑเ์ กลือของผูบ้ ริโภคกลุ่มวยั ทาํ งาน �) เปรียบเทียบขอ้ มูลส่วนบุคคลดา้ นอาชีพ และความถ�ีในการประกอบอาหารต่อการตดั สินใจซ�ือผลิตภัณฑ์เกลือ และ �) ศึกษาแนวทางการพฒั นา ผลิตภณั ฑ์เกลือรสชาติไทย โดยระเบียบวธิ ีวิจยั เชิงปริมาณ กลุ่มตวั อยา่ งคอื ผูบ้ ริโภคเกลือในวยั ทาํ งาน จาํ นวน 400 คน ใช้วิธีการเลือกกลุ่มตวั อยา่ งแบบเจาะจง เครื�องมือที�ใชใ้ นการศึกษาเป็นแบบสอบถาม สถิติท�ีใช้ไดแ้ ก่ ค่าความถี� คา่ ร้อยละ ส่วนเบี�ยงเบนมาตรฐาน และ F-test ผลการศึกษาสภาพการณ์ของการใชผ้ ลิตภณั ฑเ์ กลือของ ผูบ้ ริโภคกลุ่มวยั ทาํ งาน พบวา่ ผบู้ ริโภคส่วนใหญ่เป็ นเพศหญิง มีอายุ 15 – 25 ปี อาชีพพนกั งานบริษทั เอกชน รายไดต้ �าํ กวา่ 15,000 บาท มีพฤติกรรมการเลือกซ�ือผลิตภณั ฑ์เกลือ 1 – 2 คร�ัง/สัปดาห์ ปริมาณการซ�ือต่อคร�ัง 50 – 100 กรัม ปัจจัยทางการตลาดท�ีมีผลต่อการตัดสินใจการซ�ือผลิตภัณฑ์เกลือของผูบ้ ริโภค คือ สถานที� (4.57±0.55) ปัญหาและอปุ สรรค ประกอบดว้ ย เกลือไม่สะอาด ราคาแพงไมเ่ หมาะสมกบั คุณภาพ เกลือบางชนิด หาซ�ือไดย้ าก และไม่มีโปรโมชนั� ผลการเปรียบเทยี บขอ้ มูลส่วนบุคคล พบวา่ อาชีพและความถี�ในการประกอบ อาหารที�แตกตา่ งกนั มีการตดั สินใจซ�ือผลติ ภณั ฑเ์ กลือไมแ่ ตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (p> 0.05) สาํ หรับ แนวทางการพฒั นาผลิตภณั ฑ์เกลือรสชาติไทย พบว่า รสชาติสามเกลอเป็ นรสชาติที�แสดงถึงเอกลกั ษณ์รสชาติ ไทยมากท�ีสุด ควรบรรจุในขวดแกว้ ชนิดฝาบดที�มีน�าํ หนกั เกลือสุทธิ 50 กรัม/ขวด จดั จาํ หน่ายในห้างสรรพสินคา้ ในราคาต�าํ กวา่ 50 บาท/ขวด คําสําคญั : การพฒั นา เกลือ เกลือรสชาติไทย วยั ทาํ งาน 54

การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ครัง้ ท่ี 12 Theก1า2รtปhTรRhะaชejaุม1mว2ิชatาhnกgRาaaรljรaaะmดUับnaชinvาgeตarมิsliaหtyาUวonิทfiยvTาeeลrcัยshเitทnyคoโolนofโgลTyยeNรี cาahชtniมooงnคlaoลlgCคyoรNงั้nทafe่ีt1iro2ennacel Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาชขบัมเงคคลล่ือขนบั นเวคัตลกื่อรนรนมวนตั ำ�กเศรรรษมฐนกำิจเศปรลษูกฐแกนิจวคปิดลเทกู คแโนนวโลคยดิ ีสเทีเขคียโวนเพโล่ือยกีสาีเรขพียฒั วนเพาทอ่ื ยี่กั่งายรืนพ”ฒั นาท่ยี ง่ั ยนื ” ความหลากหลายชนดิ ของพนั ธ์ุปลาในพืน� ที�ป่ าอนุรักษ์ของมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี ราชมงคลตะวันออก วทิ ยาเขตจนั ทบุรี Species Diversity of Fish in Conservation Forests of Rajamangala University of Technology Tawan-Ok Chanthaburi Campus ญาณนนั ท์ สุนทรกิจ* นิภาพร จุฬารมย์ และสิทธิ กุหลาบทอง Yananan Soonthornkit*, Nipaporn Churaroum and Sitthi Kulabtong คณะเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรมการเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก วทิ ยาเขตจนั ทบุรี, อาํ เภอเขาคิชฌกฏู จงั หวดั จนั ทบรุ ี Faculty of Agro-Industrial Technology, Rajamangala University of Technology Tawan-ok Chanthaburi campus, Khao Khitchakut, Chanthaburi, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected]. บทคดั ย่อ การศึกษาความหลากหลายชนิด และองคป์ ระกอบชนิดของปลาน�ําจืดในพ�ืนท�ีป่ าอนุรักษ์ของ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก วทิ ยาเขตจนั ทบุรี โดยเกบ็ ตวั อยา่ งปลาดว้ ยเครื�องมืออวนทบั ตล�ิง ข่ายลอย และลอบดกั สัตวน์ �ํา และปัจจัยแวดลอ้ มด้านคุณภาพน�าํ ทุก ๆ 3 เดือน ได้แก่ กุมภาพนั ธ์ พฤษภาคม สิงหาคม และพฤศจิกายน 2564 ตามลาํ ดบั โดยเกบ็ ตวั อยา่ งปลารวมท�งั สิ�น 1,153 ตวั อยา่ ง พบ ปลาท�ังหมด 18 วงศ์ 38 ชนิด ซ�ึงมีวงศ์ Cyprinidae เป็ นวงศ์เด่นที�มีจํานวนชนิดมากท�ีสุด 14 ชนิด (36.84 %) รองลงมาเป็ นวงศ์ Osphronemidae พบ 4 ชนิด (10.53 %) และวงศ์ Channidae พบ 3 ชนิด (7.89 %) ส่วนวงศ์อื�น ๆ พบเพียงวงศ์ละ 1-2 ชนิด (2.6-5.2 %) ปลาแป้นแก้ว (Parambassis siamensis) เป็นปลาชนิดเด่นที�มีปริมาณมากที�สุดในการศึกษาคร�ังน�ี และมีปลา 9 ชนิดที�มีการกระจายกวา้ งพบทุกจุด เก็บตัวอย่างในพ�ืนท�ีศึกษา ได้แก่ ปลาซิวควาย (Rasbora paviana) ปลาซิวหางแดง (R. borapetensis) ปลาเสื อข้างลาย (Puntigrus partipentazona) ปลากระสูบขีด (Hampala macrolepidota) ปลาเข็ม (Dermogenys siamensis) ปลากระทุงเหว (Xenentodon cancila) ปลาแป้นแกว้ (P. siamensis) ปลาหมอ ช้างเหยียบ (Pristolepis fasciata) และปลาบู่ทราย (Oxyeleotris marmorata) จากข้อมูลดัชนีความ หลากหลาย ดชั นีความสม�าํ เสมอ และดชั นีชนิดเด่น พบวา่ ตวั อย่างปลามีความหลากหลายสูง แต่มีการ กระจายที�ไมส่ ม�าํ เสมอ และมีปลาบางชนิดที�มีความโดดเด่นมากกวา่ ชนิดอื�น ๆ ในพ�ืนที�ศกึ ษา คาํ สําคญั : องคป์ ระกอบชนิด ความหลากหลายชนิด ปลาน�าํ จืด จนั ทบุรี 55

กากราปรประรชะชมุ ุมกวาชิราจกดั างรารนะปดรบั ะชชามุตวิมชิหาากวทิารยราะลดัยบัเทชคาโตนมิ โลหยารีวาทิ ชยมางลคัยลเทคคร้งัโทนี่โ1ล2ยรี าชมงคล ครง้ั ท่ี 12 The 12th RTahjaem1a2nthgRalaajaUmnaivnegrasiltay UofniTveecrhsintoylogfyTNecahtionnoalol gCyonNfaetrieonncael Conference” “๙ ราชม“ง๙คลราขชับมเคงลค่อื ลนขนบั วเตัคกลรือ่ รนมนนวำ�ัตเกศรรรษมฐกนจิ ำเปศลรูกษแฐนกวิจคดิปเลทกูคแโนนโวลคยิดสี เเี ขทยีควโนเพโ่ือลกยาสี รีเพขียฒั วนเาพทือ่ ย่ี กั่งายรนื พ”ัฒนาทย่ี ง่ั ยนื ” ประสิทธิภาพของตะกอนไบโอฟลอคอบแห้งในสูตรอาหารสําเร็จรูปต่อการต้านทาน เชื�อแบคทีเรียก่อโรค Aeromonas hydrophila ในปลานลิ (Oreochromis niloticus) The Efficiency of Dried Bioflocs Diet Against Aeromonas hydrophila Infection in Nile Tilapia (Oreochromis niloticus, Lin) สุไหลหมาน หมาดโหยด1* สุภิญญา ชูใจ1 สุภาพร หนูชู1 สุวรรณา ผลใหม่ 2 และ สุวิทย์ วฒุ ิสุทธิเมธาวี3 Sulaiman Madyod1*, Supinya Chujai, Supaporn Hnuchu1, Suwanna pholmai2 and Suwit Wuthisuthimethavee3 1คณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ยั , อ.ทุง่ ใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช 2 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ยั อ.ทงุ่ สง จ.นครศรีธรรมราช 3สาํ นกั วิชาเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร มหาวิทยาลยั วลยั ลกั ษณ์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช 1Faculty of Veterinary, Rajamangala University of Technology Srivijaya, Thungyai, Nakhon si Thammarat 2Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Srivijaya, Nakhon si Thammarat, 3School of Agricultural Technology and Food Industry, Walailak University, Tha-sala, Nakhon si Thammarat *Corresponding Author E-mail: sulaiman.m @rmutsv.ac.th บทคัดย่อ งานวจิ ยั น�ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ�ือศึกษาประสิทธิภาพของตะกอนไบโอฟลอคอบแหง้ ต่ออตั ราตายและอตั ราการ รอดตายสมั พทั ธ์ของปลานิลท�ีกระตุน้ ใหเ้ กิดการติดเช�ือ Aeromonas hydrophila วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ แบ่งการทดลองออกเป็ น 5 ชุดการทดลองๆละ 3 ซ�ํา ไดแ้ ก่ กลุ่มการทดลองที� 1 เป็ นอาหารสูตรมาตรฐานที�ไม่มี ส่วนผสมของไบโอฟลอค (กล่มุ ควบคมุ ) กลุม่ การทดลองท�ี 2-4 เป็นอาหารท�ีมีส่วนผสมของไบโอฟลอค 0.5, 1, และ 5 กรัมต่อกิโลกรัม ตามลาํ ดบั และกลุ่มการทดลองที� 5 อาหารท�ีมีส่วนผสมของเบตา้ กลูแคน 0.5 กรัมต่อกิโลกรัม ใช้ ปลานิลซ�าํ ละ 20 ตวั ทาํ การทดลองเป็นระยะเวลา 17 วนั โดยปรับเป็นสูตรอาหารทุกกลุ่มทดลองกาํ หนดให้มีโปรตีน 30 เปอร์เซ็นต์ ใช้ปลานิลทดลองขนาดเฉลี�ย 10.0±0.5 กรัม ให้อาหารแต่ละชุดการทดลองก่อนการฉีดเช�ือเป็ น ระยะเวลา 7 วนั และหลงั ฉีดเช�ืออีก 10 วนั โดยฉีดเช�ือ Aeromonas hydrophila ปริมาตร 0.2 มิลลิลิตร เขา้ กลา้ มเน�ือเพ�ือ ชกั นาํ ใหเ้ กิดการติดเช�ือ จากน�นั เก็บขอ้ มลู อตั ราการตายของปลาเพ�ือประเมินประสิทธิภาพของตะกอนไบโอฟลอคอบ แหง้ และวิเคราะห์อตั ราการรอดตายสัมพทั ธ์ (%RPS) การทดลอง พบว่าสูตรอาหารท�งั � ชุดการทดลองมีอตั ราการ ตาย เท่ากับ 87.50 ± 7.5 , 85.00 ± 5.0 , 77.50 ± 7.5, 60.00 ± 5.0 และ 72.50 ± 7.5 เปอร์เซ็นต์ ตามลาํ ดับ ไม่มีความ แตกตา่ งกนั อย่างมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (P > 0.05) ส่วนอตั ราการรอดตายสัมพทั ธข์ องกลุ่มทดลอง 2-4 เทา่ กบั 2.87+1.4, 11.42 ± 0.4, 31.42 ± 2.85 และ�7.14±8.6 เปอร์เซ็นต์ ตามลาํ ดับโดยส่วนผสมของไบโอฟลอคในอาหาร 5 กรัมต่อ กิโลกรัมให้ความแตกต่างกนั อย่างมีนยั สําคญั ทางสถิติ (P<0.05) กบั ชุดการทดลองอื�น ๆ ซ�ึงแสดงว่าตะกอนไบโอ ฟลอคอบแหง้ สามารถเพิ�มอตั ราการรอดตายในปลานิลท�ีติดเช�ือ Aeromona hydrophila ไดอ้ ยา่ งดีและมีความเป็นไดท้ �ี จะเพ�ิมประสิทธิภาพการรอดตายเพ�ิมข�ึนเมื�อมีการเพ�ิมปริมาณของตะกอนฟลอคอบแห้งในส่วนผสมของอาหาร ซ�ึง จะตอ้ งมีการทดลองตอ่ ไป คาํ สําคญั : ตะกอนไบโอฟลอคอบแห้ง Aeromonas hydrophila ปลานิล 56

การประชมุ การจดั งานประชุมวชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล คร้ังท่ี 12 การปรTะhชeมุ ว1ชิ 2าthกาRรaรjะaดmับaชnาgตaมิ lหaาUวิทnยivาeลrัยsเiทtyคโoนfโลTยeีรcาhชnมงoคloลgคyรNัง้ ทaี่ t1io2nal Conference” “๙ ราTชh“มe๙งค1รล2าขtชhับมRเคaงคjลaลื่อmนขaนบั nวเคgตั aลกlือ่รaรนUมนnวนiตัvำ�eเกศrรsรรiษtมyฐกนoจิ ำfเปTศeลรcูกษhแฐnนกoวิจlคoปดิ gเลyทกู คNแโaนนtโวioลคnยิดสีaเlีเทขCคียoโวนnเพโfลeื่อrยกeสีาnรเี cขพeยี ัฒวนเพาท่อื ยี่ก่งัายรืนพ”ฒั นาท่ยี ่งั ยนื ” การพฒั นาผลติ ภัณฑ์ข้าวตังหน้าผงโรยข้าวนํา� พริกนรก The Development of Kao Tung with Nam Prik Na Rok Furikake-Rice ศนั สนีย์ ทิมทอง* ภาคภูมิ ผมงาม ศิรินนั ท์ สินวิเศษ และ ณนนท์ แดงสงั วาลย์ Sansanee Thimthong*, Phakphum Phomngam , Sirinun Sinwiset and Nanoln Dangsungwal คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เขตดุสิต กรุงเทพฯ *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั น�ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พื�อศึกษาปริมาณที�เหมาะสมของผงโรยขา้ วน�าํ พริกนรกบนแผน่ ขา้ วตงั และศึกษาการยอมรับและปัจจยั ท�ีมีผลต่อการเลือกซ�ือผลิตภัณฑ์ขา้ วตงั หน้าผงโรยข้าวน�ําพริกนรก การศึกษาปริมาณท�ีเหมาะสมของผงโรยขา้ วน�าํ พริกนรกบนแผน่ ขา้ วตงั ที�แตกตา่ งกนั 3 ระดบั คือร้อยละ 20 40 และ 60 ของน�าํ หนกั ท�งั หมด ผลการวิจยั พบวา่ การใชผ้ งโรยขา้ วน�าํ พริกนรกบนแผน่ ขา้ วตงั ร้อยละ 20 ได้รับการยอมรับจากผูบ้ ริโภคมากท�ีสุด มีคะแนนลกั ษณะปรากฎ สี กล�ิน รสชาติ เน�ือสัมผสั และ ความชอบโดยรวมเท่ากับ 4.54+0.68 4.48+0.58 4.40+0.70 4.38+0.78 4.00+1.07 และ 4.44+0.64 ตามลาํ ดบั ผลการศึกษาการยอมรับและปัจจยั ที�มีผลต่อการเลือกซ�ือผลิตภณั ฑข์ า้ วตงั ผงโรยขา้ วน�าํ พริก นรก ทดสอบกบั ผูบ้ ริโภคจาํ นวน 100 คน ผลการศึกษา พบว่า ผูบ้ ริโภคยอมรับผลิตภณั ฑ์ ร้อยละ ��� บรรจุภณั ฑม์ ีความเหมาะสม ร้อยละ 98 ฉลากเหมาะสมกบั บรรจุภณั ฑ์ ร้อยละ 100 ผลิตภณั ฑม์ ีน�าํ หนกั สุทธิ 134 กรัม 10 ชิ�น เหมาะสมกบั ราคา 89 บาท คดิ เป็นร้อยละ 100 ปัจจยั ที�มีผลต่อการเลือกซ�ือมากท�ีสุด คือดา้ นผลิตภณั ฑ์ (Xത =4.30) รองลงมา ดา้ นช่องทางการจดั จาํ หน่าย (Xത =4.28) ดา้ นการส่งเสริมการตลาด (Xത =4.22) และดา้ นราคา (Xത =4.17) ตามลาํ ดบั คาํ สําคัญ: ขา้ วตงั ผงโรยขา้ ว น�าํ พริกนรก 57

การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครั้งท่ี 12 การปรTะhชeุมว1ิช2าtกhาRรaรjะaดmบั aชnาตgaมิ lหaาวUิทnยivาลeยัrsเทitคyโนoโfลTยeรี าcชhมnงoคlลogคyรั้งNทa่ี 1ti2onal Conference” “๙ ราTชh“มe๙งค1รล2าขthชบั Rมเคaงjคลaือ่ลmนขaนบั nวเgคตั aลกlื่อรaรนUมนnนวivัตำ�eเกศrรsรรiษtมyฐกoนจิ fำเปTศeลรcูกษhแฐnนกoวิจlคoิดปgเyลทกู คNแโaนนtโiวoลคnยิดสีaเlีเทขCยีคoวโnนเพfโeอ่ืลrกยeาสีnรเีcพขeยีฒั วนเาพทือ่ ่ียกง่ั ายรนื พ”ฒั นาที่ยงั่ ยืน” การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ผงโรยข้าวนํ�าพริกนรก The Development of Nam Prik Narok Rice Seasoning (Furikake) ศนั สนีย์ ทิมทอง* อรญา บาํ รุงศิลป์ เบญจรัตน์ นิสัยกลา้ และ อินทธ์ ีมา หิรัญอคั รวงศ์ Sansanee Thimthong*, Oraya Bumrungsilp , Benjarat Nisaikla1 and Inteema Hiran-akkharawong คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร เขตดุสิต กรุงเทพฯ *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั คร�ังน�ีมีจุดมงุ่ หมายในการพฒั นาผลิตภณั ฑ์เดิมไดแ้ ก่น�าํ พริกนรก ให้ไดผ้ ลิตภณั ฑใ์ หมซ่ �ึง เป็นความตอ้ งการของชุมชนคลองลดั ภาชี เขตภาษเี จริญ กรุงเทพมหานคร ที�ผลิตน�าํ พริกนรกเพอ�ื จาํ หน่าย เป็ นรายไดข้ องชุมชน การพฒั นาผลิตภณั ฑผ์ งโรยขา้ วน�าํ พริกนรกมีวตั ถุประสงคเ์ พ�ือศึกษาอตั ราส่วนที� เหมาะสมของผงโรยขา้ วต่อน�าํ พริกนรกที�แตกต่างกนั 3 อตั ราส่วน และศึกษาการยอมรับและปัจจยั ที�มีผล ตอ่ การเลือกซ�ือผลิตภณั ฑผ์ งโรยขา้ วน�าํ พริกนรก ทดสอบทางประสาทสัมผสั กบั ผบู้ ริโภคจาํ นวน �� คน ผลการวิจยั พบวา่ อตั ราส่วนของผงโรยขา้ วต่อน�าํ พริกนรกท�ี 40:60 ไดร้ ับการยอมรับจากผูบ้ ริโภคมาก ที�สุด มีคะแนนลกั ษณะปรากฎ 4.58±0.61 สี 4.44±0.61 กล�ิน 4.44±0.73 รสชาติ 4.22±1.02 เน�ือสัมผสั 4.44±0.71 และความชอบโดยรวม 4.44±0.71 อยู่ในระดับชอบมากที�สุด ผลการศึกษาการยอมรับและ ปัจจยั ท�ีมีผลต่อการเลือกซ�ือผลิตภณั ฑ์ผงโรยขา้ วน�ําพริกนรก ทดสอบกับผูบ้ ริโภคจาํ นวน 100 คน ผล การศึกษา พบว่า ผูบ้ ริโภคยอมรับผลิตภณั ฑ์ ร้อยละ 99 บรรจุภณั ฑ์มีความเหมาะสม ร้อยละ �� ฉลาก เหมาะสมกบั บรรจุภณั ฑ์ ร้อยละ 98 ผลิตภณั ฑน์ �าํ หนกั สุทธิ 35 กรัม เหมาะสมกบั ราคา 50 บาท ร้อยละ 84 ปัจจยั ท�ีมีผลต่อการเลือกซ�ือมากที�สุด คือ ด้านผลิตภณั ฑแ์ ละดา้ นราคา ( Xത = 4.29) ดา้ นช่องทางการจดั จาํ หน่าย (Xത = 4.26) และดา้ นการส่งเสริมการตลาด (Xത = 4.19) คาํ สําคญั : ผงโรยขา้ ว น�าํ พริกนรก การพฒั นาผลิตภณั ฑ์ 58

Tกhาeรก1ปา2รรtปะhTชรRhะมุ aชeกjaมุ า1mวร2ิชจatาดัhnกงRgาาaaรนljรaaปะmดUรบัะnaชชinvุมาgeตวarมิชิslaiหาtyากUวาonทิรfiรยvTะาeeดลrcบััยshiเชtทnyาคoตoโlมินofหโgTลyายeวNีรcทิ าahยชtniามooลงnlคยั oaลเlgทyCคคoรโNงั้นnทaโfteี่ล1iroย2enรี nาacชleมCงoคnลfeคrรeงั้ nทc่ี e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชบัมเงคคลลือ่ ขนบั นเวคตั ลกื่อรนรนมวนตั ำ�กเศรรษมฐนกำิจเศปรลษูกฐแกนจิ วคปดิ ลเทกู คแโนนวโคลยิดีสเทเี ขคยี โวนเโพลื่อยกสี าีเรขพยี ฒัวเนพาอ่ืทก่ียา่งั รยพนื ัฒ” นาทยี่ ั่งยืน” การปtEhรveะaEเlมuffaนิ itcคiioeณุ nnคสco่าyาfทรNoตาfuง้าAtโนrภnอitชtนiioนoุมnxาูiaลกdlอาaVรสิ nแaรtลlะAuะใecนผstเลiมavขniลtอdyด็ งEกEตญัfxัวfteทชrcํางatลสcotะาfiลยoEnพาxยiนั tตnrธ่อaH์ุ cปRetรiPmvะFepส1SิทSoธelevภิ deาnพRtsPกoาFรn1สกดั กนิษฐา สุขเกดิ * และ ลลิตา ศิริวฒั นานนท์ Kanittha Sookkerd* and Lalita Siriwattananon คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี อ.ธญั บรุ ี จ.ปทมุ ธานี Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจัยและพฒั นาที�เกี�ยวข้องกับกัญชงในประเทศไทยในช่วงที�ผ่านมาส่วนใหญ่จะเน้น การศึกษาการใชป้ ระโยชน์จากส่วนของลาํ ตน้ และคุณภาพเส้นใยเป็นหลกั งานวิจยั ที�เก�ียวขอ้ งกบั ใบ ราก และเมล็ดน�นั ยงั มีนอ้ ย โดยเมลด็ ที�ไดจ้ ากการเพาะปลูกจาํ แนกได้ � ประเภท คือ เมล็ดที�สามารถนาํ ไปทาํ พนั ธุ์เพาะขยายพนั ธุ์ได้ และเมล็ดพนั ธุ์เพื�อการบริโภค ซ�ึงเป็ นเมล็ดท�ีไม่สามารถนาํ ไปขยายพนั ธุ์ต่อได้ ถูกทิ�งไปโดยเปล่าประโยชน์ งานวิจยั น�ีจึงมีวตั ถุประสงคเ์ พื�อวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการสารสําคญั และผลของตวั ทาํ ละลายต่อประสิทธิภาพการสกดั สารตา้ นอนุมูลอิสระในเมลด็ กัญชง (Cannabis sativa L.) สายพนั ธุ์ RPF 1 ผลจากการทดลองพบวา่ ในเมลด็ กญั ชง RPF 1 มีปริมาณความช�ืน 5.81% ปริมาณน�าํ อิสระ 0.65 โปรตีน ��.��% ไขมนั 24.43% และจากการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการสกดั สารตา้ นอนุมูล อิสระในเมล็ดกญั ชงด้วยตัวทาํ ละลายต่างชนิดกัน ได้แก่ น�ํากล�นั เอทานอล (50%) และ เอทานอล (99.99%) ดว้ ยเทคนิคซอกเลต (Soxhlet extraction method) และวดั สมบตั ิตา้ นอนุมูลอิสระ DPPH พบว่า การสกดั ดว้ ยเอทานอล (99.99%) ใหป้ ริมาณสารตา้ นอนุมูลอสิ ระสูงที�สุด (80.21 mg Trolox eq./g) อยา่ งมี นยั สําคญั ทางสถิติ (p≤0.05) ในขณะที�ปริมาณฟี นอลิกในเมล็ดกญั ชงท�ีสกดั ดว้ ยน�าํ กลนั� ให้ประสิทธิภาพ สูงท�ีสุด (87.98 mg Gallic acid eq./g) จากผลการทดลองสรุปไดว้ า่ เอทานอล (99.99%) เป็นตวั ทาํ ละลายท�ี มีประสิทธิภาพสูงที�สามารถนาํ ไปใชใ้ นการสกดั สารตา้ นอนุมลู อิสระในเมล็ดกญั ชงใหไ้ ดป้ ริมาณสูง แต่ ในทางกลบั กนั หากตอ้ งการสกดั สารฟี นอลิกใหไ้ ด้ปริมาณสูง น�าํ กลน�ั อาจเป็นตวั เลือกที�มีประสิทธิภาพ มากกวา่ คําสําคัญ: เมลด็ กญั ชง สารตา้ นอนุมูลอิสระ ตวั ทาํ ละลาย 59

Tกhาeรก1ปา2รรtปะhTรชRะhมุaชeกjaมุ าm1วร2ชิ จatาดัnhกงgRาาaaรนlรjaaปะmดUรบัะnaชชinvามุ egตวarมิsชิliaหtาyากUวาonิทรfiรยvTะาeeดลrcยับัshเiชtทnyาคoตโolนมoิ fโgหลTyายeวNีรcทิาahชยtniมาooลงnlคัยaoลเlgทCyคคoรโN้งัnนทafโe่ีtล1iroย2enีรnาacชleมCงoคnลfeคrรeัง้ nทc่ี e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลล่อื ขนบั นเวคตั ลกื่อรนรมนวนัตำ�กเศรรษมฐนกำิจเศปรลษกู ฐแกนจิวคปดิ ลเทูกคแโนนวโลคยดิ ีสเทีเขคียโวนเโพลอ่ื ยกีสาเี รขพียัฒวนเพาอ่ืทกย่ี าั่งยรพนื ”ฒั นาทย่ี ่งั ยนื ” สหสัมพันธ์ และสัมประสิทธ�ิเส้นทางของผลผลิต องค์ประกอบผลผลติ และระดบั โรครานํา� ค้างของแตงกวา Correlation and Path Coefficient of Yield, Yield Components and Downy Mildew Level (Cucumis sativus L.) นารีรตั น์ ธนาพรรณ* และ จานุลกั ษณ์ ขนบดี Nareerat Thanaphan* and Chanuluck Khanobdee สถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยเี กษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ตู้ ปณ.�� อาํ เภอเมือง จงั หวดั ลาํ ปาง ����� Agricultural Technology Research Institute, Rajamangala University of Technology Lanna, P.O. Box 89, Mueang Lampang Lampang province, Thailand 52000 *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ แตงกวาเป็ นผกั ที�มีความสําคัญทางเศรษฐกิจ แมจ้ ะสามารถปลูกในประเทศไทยได้ตลอดท�งั ปี แต่ในฤดูฝนถึงฤดูหนาวมกั พบปัญหาการเขา้ ทาํ ลายของโรคราน�าํ คา้ ง ดงั น�ันงานวิจยั น�ีมีวตั ถุประสงค์ เพื�อการศึกษาความสัมพนั ธข์ องผลผลิต องคป์ ระกอบผลผลิตและระดบั โรคราน�าํ คา้ ง ของแตงกวาประชากร พ�ืนฐานรอบที� � ร่วมกับพนั ธุ์มาตรฐาน 7 พนั ธุ์ โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล็อคสมบูรณ์ (Randomized Complete Block Design : RCBD) จาํ นวน 2 ซ�ํา ระหว่างเดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน ���� ณ สถาบนั วิจยั เทคโนโลยเี กษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา จ.ลาํ ปาง ผลการทดลอง พบวา่ ลกั ษณะจาํ นวนผลตอ่ ตน้ มีอิทธิพลรวมตอ่ ผลผลิตสูงที�สุด เท่ากบั �.��� โดยมีอิทธิพลตรงทางบวก เท่ากบั 0.781 และระดบั โรคราน�าํ คา้ งที� 45 วนั หลงั ยา้ ยปลูกมีอิทธิพลรวมเท่ากบั 0.233 แต่มีอิทธิพลตรง ทางลบเท่ากบั -0.102 แสดงว่าแตงกวาเป็ นโรคราน�าํ คา้ งต�าํ ที�อายุ 45 วนั หลงั ยา้ ยปลูก จะทาํ ให้จาํ นวนผล ต่อตน้ และผลผลิตเพ�ิมข�ึนดว้ ย ดงั น�นั การปรับปรุงพนั ธุ์แตงกวาใหม้ ีผลผลิตสูงควรคดั เลือกแตงกวาที�มี จาํ นวนผลต่อตน้ สูงและระดบั โรคราน�าํ คา้ งต�าํ คาํ สําคัญ: แตงกวา ผลผลิต โรคราน�าํ คา้ ง สหสมั พนั ธ์ สมั ประสิทธเ์ ส้นทาง 60

การประชมุ การจดั งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ครั้งท่ี 12 Theก1า2รtปhTรRhะaชejaุม1mว2ิชatาhnกRgาaaรljรaaะmดUบัnaชinvาgeตarิมslaiหtyาUวonทิ fiยvTาeeลrcัยshiเtทnyคooโlนofโgTลyยeNีรcาahชtniมooงnlคoaลlgyCคoรNั้งnทafte่ี 1iro2ennacleConference” “๙ ราช“ม๙งครลาชขบัมเงคคลลื่อขนบั นเวคตัลกื่อรนรนมวนตั ำ�กเศรรรมษฐนกำิจเศปรลษกู ฐแกนิจวคปดิ ลเทูกคแโนนวโคลยดิ สีเทเี ขคยี โวนเโพลื่อยกีสาีเรขพียัฒวเนพา่อืทก่ยี า่ังรยพนื ”ัฒนาท่ยี งั่ ยนื ” การประเมนิ ฟักทองพนั ธ์ุสังเคราะห์ให้ได้ผลผลติ คุณภาพทางกายภาพและเคมีสูง Evaluation of Synthetic Pumpkin Varieties for High Yield and Physico-chemical Quality สิริวภิ า ดวงแกว้ * จานุลกั ษณ์ ขนบดี และ ภทั ราภรณ์ ศรีสมรรถการ Sirivipa Duangkaew*, Chanulak Khanobdee and Pattharaporn Srisamatthakarn สถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยเี กษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ตาํ บลพิชยั อาํ เภอเมือง จงั หวดั ลาํ ปาง 52000 Agricultural Technology Research Institute, Rajamangala University of Technology Lanna, Phichai, Muang District, Lampang 52000, Thailand *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การประเมินผลผลิต คุณภาพทางกายภาพและเคมีของฟักทองพนั ธุ์สังเคราะห์ โดยใช้ประชากร เริ�มตน้ จาํ นวน 11 สายพนั ธุ์ ท�ีผ่านการทดสอบสมรรถนะการผสม นาํ มาสร้างพนั ธุ์สังเคราะห์ 3 รอบ คือ syn1, syn2 และ syn3 จากน�ันทดสอบเพ�ือประเมินผลผลิต คุณภาพทางกายภาพและเคมี วางแผนการ ทดลองแบบสุ่มในบลอ็ กสมบรู ณ์ จาํ นวน 3 บล็อก �� ตน้ ต่อแปลงยอ่ ย ระหวา่ งมีนาคม ถึง มิถุนายน พ.ศ. ���� ณ สถาบนั วิจยั เทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา จงั หวดั ลาํ ปาง พบวา่ ทกุ ลกั ษณะมีความแตกต่างทางสถิติ ยกเวน้ จาํ นวนผลตอ่ ตน้ ปริมาณของแข็งที�ละลายน�าํ ของเน�ือผลดิบ และ ความแน่นของเน�ือน�ึงสุก ประชากร Syn3 มีผลผลิตต่อไร่และน�ําหนักผลมีแนวโน้มเพิ�มข�ึนจากประชากร เริ�มตน้ ร้อยละ 9.1 และ 18.2 ตามลาํ ดบั โดย Syn2 ให้ผลผลิตมากที�สุด คือ 1.3 ตนั ต่อไร่ และมีน�าํ หนกั ผล มากกวา่ หรือเท่ากบั 1.3 กิโลกรัม หรือเพ�ิมข�ึนจากประชากรเริ�มตน้ ร้อยละ 18.2 ในขณะที�ลกั ษณะคุณภาพ พบวา่ Syn3 มีปริมาณของแข็งของเน�ือผลดิบ ปริมาณของแข็งที�ละลายน�าํ ของเน�ือผลดิบและเน�ือน�ึงสุกเฉล�ีย ร้อยละ 16.8 12.4 และ 13.3 องศาบริกซ์ ตามลาํ ดบั แต่ลดลงจากประชากรเริ�มตน้ ร้อยละ 2.3 6.1 และ 5.7 ตามลาํ ดบั ซ�ึงผกผนั กบั ขอ้ มูลผลผลิตต่อไร่ ดงั น�นั ผลผลิตต่อไร่ของพนั ธุ์สังเคราะห์เพิ�มข�ึน แต่ลกั ษณะ คุณภาพลดลง นอกจากน�ียงั พบวา่ สายพนั ธุ์มีค่าเฉล�ียของแต่ละลกั ษณะอยู่ในระดบั ใกลเ้ คียงกบั ค่าเฉลี�ย พนั ธุม์ าตรฐาน คําสําคัญ: ฟักทอง พนั ธุส์ งั เคราะห์ ผลผลติ คุณภาพทางกายภาพ-เคมี 61

“๙ ราTชกhมาeงรกค1ปาล2รรขtปะhับTรชRเะhุมคaชeกjลaมุ าอื่ m1วรนิช2จaนtาดัnhวกgงRัตาaาaรกlนรjรaaะปรmดUมรับnะaนชชinvำ�าุมegเตศวraิมsริชliษหatาyาฐกUวกาoทิnิจรfยiรvปTาะeeลลดrcกูัยับshแเiชทtnนyาคoวตโloคนoิมิดfโgหลเyTทายeควNรี cโิทาaนhชtยโinมoาลoงลnยคlัยสีaoลlเีเขgทCคyียคoรวโNง้ัnเนทพafโe่ี อื่tล1riกoย2eาีรnnราcaพชelฒั มCงนoคาnลทf่ยี eค่ังrรยeง้ันื nท”c่ี e12” “๙ ราชมงคลขับเคลอ่ื นนวตั กรรม นำเศรษฐกิจ ปลกู แนวคดิ เทคโนโลยีสีเขยี วเพ่ือการพฒั นาทยี่ ่ังยนื ” การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ปลาแผ่นอบกรอบจากปลาซัคเกอร์ Product Development of Fish Crisp from Sucker Mouth Fish (Hypostomus plecostomus) ธนภพ โสตรโยม1* นพพร สกลุ ยนื ยงสุข1* ชญาภทั ร์ ก8ีอาริโย2 สุมภา เทิดขวญั ชยั 3 บุญยนุช ภู่ระหงษ3์ และ เจนปอ ซู4 Thanapop Soteyome 1, Nopporn Sakulyunyongsuk 1, Chayapat Kee-ariyo2, sumapar thedkwanchai3, Bunyanut Phurahong and Zhenbo Xu4 1สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารอาหาร คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 2สาขาวชิ าคหกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 3สาขาวชิ าอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล พระนคร 1 Food Science and Technology Program, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, THAILAND 2 Master of Home Economics Program, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, THAILAND 3 Foods and Nutrition Program, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, THAILAND 4 School of Food Science and Engineering, Guangdong Province Key Laboratory for Green Processing of Natural Product Safety, South China University of Technology, Guangzhou , CHINA * Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ปลาซคั เกอร์เป็นปลาที0นาํ เขา้ มาจากต่างประเทศ สามารถปรับตวั ตามสภาพแวดลอ้ มไดด้ ี สามารถขยายพนั ธุ์ได้ อยา่ งรวดเร็ว และถือเป็นปลาที0รุกรานของชนิดพนั ธุ์ต่างถิ0น (Alien Species) และสร้างปัญหาใหก้ บั ปลาประจาํ ถ0ิน จาก การศึกษาพบว่าเนOือของปลาชนิดนOีมีโปรตีนสูง สามารถนาํ ประกอบอาหารได้ และมีรสชาติอร่อย ดงั นOนั การนาํ ปลา ชนิดนOีมาแปรรูปเป็ นผลิตภณั ฑป์ ลาแผน่ อบกรอบจากปลาซคั เกอร์นOนั มีวตั ถุประสงคเ์ พื0อศึกษาองคป์ ระกอบทางเคมี ของปลาซัคเกอร์ ศึกษาสูตรพOืนฐานและกรรมวิธีการผลิตปลาแผ่นอบกรอบ เพื0อศึกษาปริมาณเนOือปลาซัคเกอร์ท0ี เหมาะสมที0ใชใ้ นการผลิต และเพื0อศึกษาการเปลี0ยนแปลงคุณภาพของผลิตภณั ฑป์ ลาแผ่นอบกรอบจากปลาซคั เกอร์ ระหว่างการเก็บรักษา ทาํ การทดลองโดยวิเคราะห์องคป์ ระกอบทางเคมีของเนOือปลาซดั เกอร์ไดแ้ ก่ ปริมาณความชOืน ปริมาณโปรตีน ปริมาณไขมนั ปริมาณเส้นใยหยาบ ปริมาณเถา้ และปริมาณคาร์โบไฮเดรต ศึกษาสูตรพOืนฐานจาํ นวน 3 สูตร วิเคราะห์คุณภาพทางประสาทสัมผสั โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ในบล็อก (Randomized Complete Block Design – RCBD) และศึกษาการเปล0ียนแปลงคุณภาพโดยเก็บรักษาท0ีอุณหภูมิห้อง สุ่มตรวจทุกสัปดาห์ เป็ น ระยะเวลา 2 สัปดาห์หรือจนกว่าค่าปริมาณนOาํ อิสระในอาหาร (Water Activity) จะมากกว่า 0.6 ไดผ้ ลการวิจยั ดงั นOี เนOือ ปลาซคั เกอร์มีปริมาณความชOืน โปรตีน ไขมนั เส้นใยหยาบ เถา้ และคาร์โบไฮเดรต 83.20±0.24, 14.63±0.51,.48±0.16, 0.16±0.03, 1.40±0.20 และ 0.11±0.02 ตามลาํ ดบั การศึกษาสูตรพOืนฐานและกรรมวิธีการผลิตปลาแผ่นอบกรอบพบว่า สูตรที0 2 ผทู้ ดสอบชิมใหค้ ะแนนความชอบเฉล0ียในทุกดา้ นมากที0สุด ผลการศึกษาปลานิล : ปลาซคั เกอร์ ที0ระดบั 100 : 0, 25 : 75, 50 : 50, 75 : 25 และ 0 : 100 ผทู้ ดสอบชิมใหค้ ะแนนความชอบที0ระดบั 0 : 100 มากที0สุดในทุกดา้ น และศึกษา การเปล0ียนแปลงคุณภาพโดยเก็บรักษาท0ีอุณหภูมิหอ้ งเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ พบวา่ ผลิตภณั ฑป์ ลาแผน่ อบกรอบจาก ปลาซคั เกอร์สามารถเกบ็ ไดเ้ ป็นระยะเวลา 2 สปั ดาห์โดยผทู้ ดสอบชิมยงั ใหค้ ะแนนความชอบอยใู่ นระดบั มากท0ีสุด คาํ สําคญั : ปลาซคั เกอร์ ปลาแผน่ อบกรอบ การแปรรูปอาหาร 62

การกปารรปะรชะุมชกุมาวริชจาดั กงาารนระปดรับะชชามุ ตวิมิชหาากวาทิ รยราะลดยั บั เชทาคตโนิมโหลายวรี าิทชยมางลคยั ลเทคครโง้ั นทโ่ี ล12ยีราชมงคล ครัง้ ที่ 12 The 12thTRhaejam12atnhgRaaljaamUnainvegrasliatyUonfivTercshitnyoloofgyTeNcahtinoonlaolgCyoNnfaetrioencael Conference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลลือ่ ขนบั นเวคตั ลก่อื รนรมนวนตั ำ�กเศรรรษมฐนกิจำเปศลรษกู แฐนกวิจคปดิ ลเทกู คแโนนวโลคยิดีสเีเทขคียโวนเพโลอื่ ยกสีารีเขพียัฒวนเพาทือ่ ่ยีก่ังายรืนพ”ัฒนาที่ยัง่ ยนื ” ผEลffขecอtงoกfาMรยoืดdอifาiยeุกdาAรเtกmบ็ oรsักpษheาrทeอoงnหTยอhoดnดg้วยYกoาdรSปhรeับlfส-LภiาfวeะEบxรtรenยdากinาgศ ธนภพ โสตรโยม1* นิอร ดาวเจริญพร2 เชาวลิต อุปฐาก3 ประกอบ ชาติภุกต4์ และ เจนปอ ซู5 Thanapop Soteyome 1, Nion Dowcharoenporn2, Chaowalit Auppathak3, Prakorb Chartpuk4 and Zhenbo Xu5 1สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารอาหาร คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 2สาขาวชิ าบริหารธุรกิจคหกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 3สาขาวชิ าอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 4สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร 1 Food Science and Technology Program, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, THAILAND 2 Home Economics Business Aministration Program, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, THAILAND 3 Foods and Nutrition Program, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, THAILAND 4Research and Development Institute, Rajamangala University of Technology Phra Nakhon, THAILAND 5 School of Food Science and Engineering, Guangdong Province Key Laboratory for Green Processing of Natural Product Safety, South China University of Technology, Guangzhou , CHINA * Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ทองหยอดเป็ น “ขนมหวาน” ที0หลายคนชื0นชอบ และนิยมจดั เลOียงในงานพิธีการต่างๆ ของไทย เช่น งานบุญเลOียงพระ งานมงคล งานขOึนบา้ นใหม่ ฯลฯ ทองหยดมีส่วนผสมหลกั ไดแ้ ก่นOาํ ตาลทราย ไข่แดง และ ทาํ ใหส้ ุกดว้ ยนOาํ เชื0อม จากส่วนประกอบเหล่านOีส่งผลใหท้ องหยอดมีอายกุ ารเกบ็ ประมาณ 1-2 วนั ท0ีอุณหภูมิปกติ เนื0องจาก นOาํ ตาลทรายและไข่แดง เป็ นแหล่งอาหารสาํ คญั ของจุลินทรียท์ 0ีเป็ นสาเหตุหลกั ของการเสี0ยมเสียใน อาหาร ดงั นOนั การศึกษามีวตั ถุประสงคเ์ พื0อศึกษาสภาวะดดั แปลงบรรยากาศท0ีเหมาะสมในการเก็บรักษา และ ศึกษาอายกุ ารเก็บรักษาทองหยอด ทาํ การทดลองโดยบรรจุทองหยอดในภาชนะท0ีมีการปรับสภาวะบรรยากาศ ประกอบดว้ ย แบบสุญญากาศ, N2 100%, N2 80% : CO2 20%, N2 60% : CO2 40%, N2 70% : CO2 30% และCO2 100% โดยเก็บรักษาท0ีอุณหภูมิประมาณ30-35oC แลว้ นาํ ทองยอดมีการปรับสภาวะบรรยากาศทOงั 6 แบบ มา ตรวจวิเคราะห์จาํ นวนเชOือจุลินทรียท์ ุกวนั จนมีเชOือจุลินทรียท์ Oงั หมด ไม่เกิน 1x10-6 แลว้ เปรียบเทียบคุณภาพทาง ประสาทสัมผสั โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ในบล็อก (Randomized Complete Block Design – RCBD) ไดผ้ ลการวิจยั ดงั นOี ผลการตรวจเชOือจุลินทรียท์ Oงั หมด พบว่าการปรับสภาวะบรรยากาศดว้ ย CO2 100% สามารถยืดอายกุ ารเก็บรักษาไดน้ านถึง 12 วนั ผูท้ ดสอบชิมให้คะแนนความชอบเฉล0ียในทุกดา้ นมากกว่าการ ปรับสภาวะแบบอ0ืนโดยมีระดบั ความชอบอยทู่ ี0ชอบมากท0ีสุด ใหค้ ะแนนความชอบดา้ นสี กลิ0น รสชาติ กลิ0นรส เนOือสัมผสั และความชอบโดยรวมมีระดบั คะแนนอยทู่ ี0 8.23+0.83, 8.32+0.76, 8.30+0.61, 8.40+0.63, 8.48+0.55 และ8.33+0.76 ตามลาํ ดบั ตรวจพบเชOือจุลินทรียท์ Oงั หมด และ S.aureus เท่ากบั 7.2×105(CFU/g), < 100 ตามลาํ ดบั คาํ สําคญั : ทองหยอด อายกุ ารเกบ็ รักษา สภาวะบรรยากาศ 63

“๙ ราTชhกมeางกรค1ปาล2รรขtปhะบั TรชRเะhุมคaชejลกaมุ อ่ืาmว1รนชิ2จaนาtnดัhวกgงRัตาaารกalนรรjaaะปรmดUมรับnะaนชชinvำ�ามุ eเgตศวraิมsรชิliษหatาyาฐกUวกาoทิnิจรfยiรvปTาะeeลลดrcูกัยับshแเiชทtnนyาคoวตโolคนoมิ fดิ โgหลเTyทายeวคNรี cทิโาahนชยtโniมาoลoลงnยคlยัีสaoลเlเี gทขCคyยีคoรวโN้ังnนเทพafโe่ีtลื่อ1iroกย2eาีรnnราacพชleฒัมCงนoคาnลทfี่ยeคงั่rรeย้งั ืนnท”cี่ e12” “๙ ราชมงคลขบั เคล่ือนนวัตกรรม นำเศรษฐกจิ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยีสเี ขียวเพื่อการพัฒนาทย่ี ัง่ ยนื ” การศึกษาสภาพการเลยีJ งโคเนืJอของเกษตรกรจงั หวดั ลาํ ปาง The Study of Beef Cattle Raising Conditions of Farmers in Lampang Province กลุ ิสรา มรุปัณฑธ์ ร1* นิราภรณ์ ชยั วงั 1 ณฐั วฒุ ิ ครุฑไทย1 จินตนา สุวรรณมณี1 สราวธุ อินทสม2 และ ปิ ยะรัตน์ ทองธานี3 Kulisara Marupanthorn1*, Niraporn Chaiwang1, Nuttawut Krutthai1, Jintana Suwannamanee1, Sarawuth Inthasom2 and Piyarat Thongthanee3 1 คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 2สาํ นกั งานเกษตรจงั หวดั อุทยั ธานี อ.เมือง จ.อุทยั ธานี 3คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ลาํ ปาง อ.เมือง จ.ลาํ ปาง 1Faculty of Agricultural Technology, Chiangmai Rajabhat University, Maerim, Chiangmai, THAILAND 2 Uthaithani Agricultural Extension Office, Uthaitahni, THAILAND 3Faculty of Faculty of Agricultural Technology, Lampang Rajabhat University, Lampang, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาครKังนKีมีวตั ถุประสงคเ์ พNือศึกษาลกั ษณะพKืนฐานทางเศรษฐกิจและสังคม สภาพการเลKียง การจดั การ และปัญหาและอุปสรรคในการเลKียงโคเนKือของเกษตรกรผเู้ ลKียงโคเนKือในจงั หวดั ลาํ ปาง ทาํ การ เก็บขอ้ มูลจากเกษตรกรผูเ้ ลKียงโคเนKือในจงั หวดั ลาํ ปาง จาํ นวน 115 ราย โดยวิธีการสุ่มตวั อยา่ งอยา่ งง่าย และเครืNองมือทีNใชเ้ ป็ นแบบสัมภาษณ์ทNีมีความเชืNอมนNั 0.96 เมืNอทดสอบโดยใชส้ ูตรสัมประสิทธิแอลฟา ของครอนบคั วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใชส้ ถิติความถNี และร้อยละ ผลการศึกษาพบว่าเกษตรกรผูเ้ ลKียงโคเนKือ ส่วนใหญ่เป็ นเพศชาย คิดเป็ นร้อยละ 68.70 จบการศึกษาระดบั ประถมศึกษาร้อยละ 53.90 เลKียงโคเนKือ เป็ นอาชีพเสริมร้อยละ 73.00 เกษตรกรมีประสบการณ์การเลKียงโคเนKือน้อยกว่า 10 ปี ร้อยละ 43.50 มี วตั ถุประสงคห์ ลกั ในการเลKียงเพNือผลิตลูกขายร้อยละ 75.70 นิยมเลKียงแบบกNึงขงั กNึงปล่อย (ร้อยละ 71.30) พนั ธุ์โคเนKือทNีนิยมเลKียงเป็ นพนั ธุ์ลูกผสมพKืนเมืองบรามนั ห์ร้อยละ 53.90 ในดา้ นการผสมพนั ธุ์ พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ผสมพนั ธุ์โคเนKือด้วยการผสมเทียม (ร้อยละ 63.50) ด้านการสุขาภิบาล พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ร้อยละ 98.30 มีการทาํ วคั ซีนป้องกนั โรคปากและเทา้ เปNื อย วณั โรค และโรคอNืนๆ ให้แก่โคเนKือ จากการศึกษาพบว่าปัญหาและอุปสรรคในการเลKียงโคเนKือคือการขาดแคลนอาหารหยาบ ในช่วงฤดูแลง้ และราคาขายโคเนKือไม่แน่นอน คาํ สําคญั : โคเนKือ สภาพการเลKียง จงั หวดั ลาํ ปาง 64

การประชุมการจดั งานประชุมวชิ าการระดับชาตมิ หาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล คร้ังที่ 12 Theก1า2รtปhรTRะhaชjeaุมmว1ิช2aาtnhกgRาaรalรjaaะmดUับnaชinvาegตarมิsliaหtyาUวonทิ fiยvTาeeลrcยัshiเtทnyคooโlนofโgTลyยeNีรcาahชtniมooงnlคoaลlgyCคoรN้ังnaทfte่ี i1or2ennacleConference” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเงคคลล่ือขนบันเวคัตลกอ่ื รนรมนวนัตำ�กเศรรรษมฐนกำิจเศปรลษูกฐแกนจิวคปดิ ลเทกู คแโนนวโคลดิยเีสทีเขคยีโนวเโพลอ่ืยกสี าีเขรพียวฒั เนพาอื่ ทก่ียางั่ รยพนื ฒั ”นาท่ยี ัง่ ยนื ” ผลของนําJ หมกั ชีวภาพหัวเชืJอจุลนิ ทรีย์จากวสั ดุบวั ต่อการเจริญเตบิ โตของ บัวหลวงราชินี และบัวฉลองขวญั Effective of Bio-Fertilizer from Waterlily Waste for Nelumbo nucifera Gaertn. ‘Rachinee’ and Nymphaea ‘Chalong Kwan’ Growth เยาวมาลย์ นามใหม่1* สมพร เพลินใจ2 และ กฤษณะ กลดั แดง1 Yaowamal Nammai1*, Somporn Pleanjai2 and Kritsanah Kladdang1 1ฝ่ ายพิพธิ ภณั ฑบ์ วั กองกลางสาํ นกั งานอธิการบดี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 2ภาควชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี 1Department of The Lotus and Waterlily Museum, Central Affairs of the President Office, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND 2Department of Chemical, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งานวิจยั นOีมีวตั ถุประสงคเ์ พื0อศึกษาผลของนOาํ หมกั ชีวภาพหวั เชOือจุลินทรียจ์ ากวสั ดุบวั ต่อการเจริญเติบโตของ บวั หลวงราชินีและบวั ฉลองขวญั วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (CRD) ทาํ การทดลอง 3 ซOาํ ๆ ละ 3 ตน้ จาํ นวน 4 สูตรการทดลอง ไดแ้ ก่ สูตร 1 วสั ดุบวั สดหวั เชOือ พด.2 สูตร 2 วสั ดุบวั สดหวั เชOือจุลินทรียน์ าโน สูตร 3 วสั ดุบวั แหง้ หวั เชOือ พด.2 และสูตร 4 วสั ดุบวั แหง้ หวั เชOือจุลินทรียน์ าโน เปรียบเทียบกบั ป๋ ุยเคมี บนั ทึกการเจริญเติบโตเป็นเวลา 3 เดือน ผลการทดลองพบวา่ นOาํ หมกั ชีวภาพ สูตร 4 เป็นสูตรนOาํ หมกั ท0ีดีที0สุดในแง่ของจาํ นวนใบ (21.22 ใบ) ขนาดดอก (21.25 เซนติเมตร) และขนาดใบ (35.07 x 45.30 เซนติเมตร) สาํ หรับการเจริญเติบโตของบวั หลวงราชินี และนOาํ หมกั ชีวภาพ สูตร 1 เป็นสูตรนOาํ หมกั ท0ีดีที0สุดต่อจาํ นวนดอก (2.89 ดอก) และขนาดใบ (18.43 x 20.09 เซนติเมตร) สาํ หรับ การเจริญเติบโตของบวั ฉลองขวญั โดยค่าเฉล0ียของแต่ละตวั แปรท0ีศึกษามีความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนยั สําคญั (p≤0.05) นอกจากนOียงั พบปริมาณอินทรียวตั ถุนOาํ หมกั ชีวภาพจากวสั ดุบวั มีค่านอ้ ยกว่าเกณฑม์ าตรฐาน อตั ราส่วน คาร์บอนต่อไนโตรเจนอยรู่ ะหวา่ ง 12-22 ปริมาณธาตุไนโตรเจน มีค่าสูงกวา่ มาตรฐานร้อยละ 1.43-2.23 ส่วนปริมาณ ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม มีค่าต0าํ กวา่ มาตรฐาน ปริมาณธาตุอาหารหลกั รวม (N, P และ K) ร้อยละสูงสุดตามลาํ ดบั ดงั นOี สูตร 3 (2.25%) สูตร 4 (2.22%) สูตร 1 (1.98%) และสูตร 2 (1.45%) ดงั นOนั ประโยชน์ที0สาํ คญั ที0สุดของการศึกษา ครOังนOี คือสามารถใชน้ Oาํ หมกั ชีวภาพหัวเชOือจุลินทรียจ์ ากวสั ดุบวั ทดแทนป๋ ุยเคมีเพ0ือการเจริญเติบโตของบวั หลวง ราชินีและบวั ฉลองขวญั ได้ ซ0ึงทาํ ใหส้ ิ0งแวดลอ้ มดีขOึนอีกทางหน0ึง คาํ สําคญั : นOาํ หมกั ชีวภาพ วสั ดุบวั การเจริญเติบโต บวั หลวงราชินี บวั ฉลองขวญั 65

“๙ ราTชhมeกงกาค1ารล2รปขtปhรบั รRะเะTคชaชhjลมุaุม่อืeกmวนาิช1aนรา2nจวกtgดัตัhาaรกงRlรารaaะนรjดUมaปับmnรนชiะvำ�aาชeเnตศุมrgมิsรวaiษหtชิlyาฐaาวกoกิทUจิ fายnรปTาiรeลvละcูกeยั ดhแเrับทsnนiคชotวyโาlคนoติดoโgิมลเyfทหยTคNีราโeาaวนชctทิ โihมoลยงnnยาคoีสaลลlเีlยั ขoCคเียgทoรวyค้ังnเทพโNfนe่ี ื่อa1rโก2teลiาnoยรcีรnพeาaัฒชlนมCางoทคnี่ยลf่งั eยคrนืรeัง้”nทcี่ e12” “๙ ราชมงคลขับเคล่ือนนวตั กรรม นำเศรษฐกจิ ปลกู แนวคิดเทคโนโลยสี ีเขยี วเพื่อการพัฒนาท่ยี ัง่ ยืน” ผลการเสริมข้าวสังข์หยดต่อสมบัตทิ างเคมกี ายภาพและลกั ษณะทางประสาทสัมผสั ของไส้ กรอกเนืJอโปรไบโอตกิ The effects of Cooked Sangyod Rice on Physicochemical Properties and Sensory Characteristics of Probiotic Beef Sausage ณรงคช์ ยั ชูพลู 1 สมคิด ชยั เพชร2 ธีระพงค์ หมวดศรี 1* ชาํ นาญ รัตนมณี 1 และ เสกศกั คPิ นQาํ รอบ 2 Narongchai Chupoon1, Somkid Chaipech2 , Teerapong Muadsri 1*, Chamnarn Rattanamanee 1and Seksuk Numrob2 1สาขานวตั กรรมอาหารและการจดั การ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั 2สาขาสตั วศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั 1 Department of Food Innovation and Management, Faculty of Agro - Industry, University of Technology Srivijaya, THAILAND 2Department of Animal Science Faculty of Agriculture, University of Technology Srivijaya, THAILAND *Corresponding author: [email protected] บทคดั ย่อ แนวโนม้ ผูบ้ ริโภคท0ีคาํ นึงดา้ นสุขภาพและความปลอดภยั ทางอาหารเพ0ิมมากขOึน ส่งผลทาํ ให้มีการพฒั นา ผลิตภณั ฑส์ ่งเสริมสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการ ดว้ ยงานวิจยั นOีมีวตั ถุประสงคศ์ ึกษาผลของเสริมขา้ วสังขห์ ยด สุกเป็นแหล่งคาร์บอนและส่วนประกอบอาหารฟังชนั ต่อสมบตั ิทางเคมีกายภาพ จุลชีววิทยา กิจกรรมการตา้ นอนุมูล อิสระ และการทดสอบทางประสาทสมั ผสั ของไส้กรอกเนOือโปรไบโอติกเสริมขา้ วสงั ขห์ ยดท0ีหมกั ดว้ ยแลคติกแอซิด แบคทีเรีย Lactobacillus acidophilus TSITR 542 และLactobacillus plantarum TSITR 2365 ดว้ ยการเติมขา้ วสังขห์ ยด สุกในปริมาณร้อยละโดยนOาํ หนกั ท0ี 0, 10, 15, และ 20 และ 25 ทดแทนการใชเ้ นOือ จากผลการทดลองพบว่า สูตรไส้ กรอกเนOือโปรไบโอติกที0เติมขา้ วสังข์หยด มีระดบั ความเป็ นกรด-ด่างในช่วงค่าเฉล0ีย 4.10. - 4.22 สําหรับสูตร ควบคุมมีระดบั ความเป็ นกรด-ด่างเฉลี0ย 4.32 ภายหลงั ทาํ การหมกั 60 ชวั0 โมง ไส้กรอกเนOือมีปริมาณกรดนมสูงกว่า สูตรควบคุม ปริมาณขา้ วสังขห์ ยดท0ีเพิ0มขOึนจะส่งผลทาํ ผลิตภณั ฑไ์ ส้กรอกเนOือมีปริมาณความชOืน (ร้อยละ 30.28%) ปริมาณคาร์โบไฮเดรต (ร้อยละ 22.02) เพิ0มขOึน แต่ปริมาณไขมนั (ร้อยละ 6.90) และโปรตีน(ร้อยละ 29.80) มีปริมาณที0 ลดลง สาํ หรับผลค่าพารามิเตอร์ของสีผลิตภณั ฑ์ การเสริมขา้ วสังขห์ ยดที0เติมขา้ วสังหยดนOนั มีค่าความเป็นสีแดง ( a* CIE ) เพิ0มขOึนตามปริมาณการเพ0ิมขา้ วสงั ขห์ ยดสุกมีความแตกต่างอยา่ งมีนยั สาํ คญั ( P < 0.05) ส่วนค่าความสวา่ ง ( L* CIE) ค่าความเป็นสีเหลือง( b* CIE) ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ ไส้กรอกเนOือโปรไบโอติกท0ีเสริมขา้ วสงั ขห์ ยดมีค่า ความแน่นเนOือและค่าความเหนียวมีค่านอ้ ยกวา่ สูตรควบคุม นอกจากนOนั การเพ0ิมปริมาณขา้ วสังขห์ ยดของไส้กรอก เนOือมีผลทาํ ใหม้ ีค่ากิจกรรมการตา้ นอนุมูลอิสระสูงกวา่ สูตรควบคุม ผลการทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผสั ไส้กรอกเนOือโปรไบโอติกเสริมขา้ วสังข์หยด มีคะแนนดา้ นเนOือสัมผสั รสชาติ และการยอมรับรวมมากว่าสูตร ควบคุม นบั วา่ มีความประสบความสาํ เร็จ การเสริมขา้ วสังขห์ ยดและการใชห้ วั เชOือโปรไบโอติกทาํ ใหไ้ ดผ้ ลิตภณั ฑ์ เนOือท0ีมีประโยชนต์ ่อสุขภาพ มีสี รสชาติและเนOือสมั ผสั ที0โดดเด่น คาํ สําคญั : ไสก้ รอกเนOือ ขา้ วสงั ขห์ ยด แบคทีเรียกรดแลคติก ความแน่นเนOือ โปรไบโอติก 66

Thกeากร1าป2รtรปhะรRTชะahชมุ jeaุมกmวา1ชิรa2จาntกดัhgางRaราlaรaนjะaปดUmรับnะชaivชnาeุมตgrวิมasiิชหltayาากวUoิทาfnรยTiราvะeลeดcัยrhบัsเทniชtคoyาโlตนooมิโgfลหyTยาNรีeวาacทิ ชthiยมonางnoลคalยัลloเCgทคyoรคัง้nโNทนfae่ี โ1trล2ieoยnีรncาaeชlมCงoคnลfeคrรe้ังnทc่ี e12” “๙ ราช“ม๙งครลาขชับมเคงลคอื่ลนขนับวเคตั กลรอ่ื รนมนนวำ�ัตเกศรรษมฐกนจิ ำปเศลรูกษแฐนกวิจคดิ ปเลทกูคแโนนโวลคยดิสี เี ขทียควโเนพโอ่ืลกยาีสรเีพขฒัยี วนเาพทือ่ ี่ยกัง่ ยารนื พ”ฒั นาท่ียั่งยืน” ผลของการงดนํา, ในช่วงก่อนการเกบ็ เกย5ี วต่อคุณภาพของผลเมล่อนพนั ธ์ุแรงจโิ ป Effect of Stop Watering During Pre-harvest on Fruit Quality of Melon cv. Rangipo เยาวรัตน์ วงศศ์ รีสกลุ แกว้ * จนั ทร์เพญ็ ชยั มงคล และ นิยม บวั บาน Yaowarat Wongsrisakulkaew*, Chanpen Chaimongkol and Niyom Buaban สาขาวชิ าเทคโนโลยกี ารผลิตพืชและภูมิทศั น์ คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี Department of Crop Production Technology and Landscape Design, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ ศึกษาการงดนKาํ ในช่วงก่อนการเก็บเกีNยวต่อคุณภาพของผลเมล่อนพนั ธุ์แรงจิโป วางแผนการ ทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์มี 4 สิNงทดลอง จาํ นวน 4 ซKาํ คือไม่งดนKาํ งดนKาํ ก่อนการเกบ็ เกีNยว 5 วนั งดนKาํ ก่อน การเก็บเกNียว 10 วนั และงดนKาํ ก่อนการเก็บเกNียว 15 วนั ทาํ การเพาะเมลด็ เมล่อนพนั ธุ์แรงจิโปลงในถาด เพาะดว้ ยพีทมอส เมืNอเมล่อนมีอายุ 14 วนั ยา้ ยตน้ กลา้ ไปปลูกในโรงเรือน ใส่ถุงปลูกขนาด 8 x 13 นิKว ใช้ กาบมะพร้าวสับและขยุ มะพร้าวผสมกนั เป็ นวสั ดุปลูกใส่ถุงละ 7 กิโลกรัม ใหน้ Kาํ ผสมสารละลาย A และ สารละลาย B ปริมาตร 450 มิลลิลิตร/ตน้ และทาํ การงดนKาํ ก่อนการเกบ็ เกีNยว เกบ็ ขอ้ มูล นKาํ หนกั ผล ขนาด รอบผล ความยาวผล เส้นผ่านศูนยก์ ลางผล ความหนาเนKือ ความหวาน และค่า L a และ b จากผลการ ทดลองพบวา่ นKาํ หนกั ผล ขนาดรอบผล ความยาวผล และเส้นผา่ นศูนยก์ ลางผลไม่มีความแตกต่างกนั ทาง สถิติ ส่วนความหนาเนKือ ปริมาณของแขง็ ทNีละลายนKาํ ได้ (TSS) ค่า L a และ b พบว่ามีความแตกต่างกนั ทางสถิติ โดยการงดนKาํ ก่อนการเก็บเกNียว 5 วนั มีค่าความหนาเนKือสูงทNีสุดคือ 3.47 เซนติเมตร ส่วน ปริมาณของแขง็ ทNีละลายนKาํ ได้ (TSS) ในการงดนKาํ ดว้ ยวิธีต่างๆ มีความแตกต่างกนั ทางสถิติ การงดนKาํ ทีN 15 วนั มีปริมาณของแขง็ ทNีละลายนKาํ ได้ (TSS) มากทีNสุดคือ 14.59 องศาบริกซ์ คาํ สําคญั : การงดนKาํ ก่อนการเกบ็ เกีNยว เมล่อน 67

กกาารรปปรระะชชมุุมวกชิาารกจาดั รงราะนดปับรชะาชตมุมิ วหิชาวาิทกายรารละัยดเทบั คชโานตโลมิ ยหีราาวชิทมยงาคลลยั คเทรง้ัคทโ่ีน1โ2ลยีราชมงคล ครั้งท่ี 12 The 12th RaTjhame a1n2gthalRaaUjanmivaenrsgiatylaoUf nTeivcehrnsiotlyogoyf NTaetciohnnaolloCgoynfNearetinocneal Conference” “๙ ราชมง“ค๙ลขราบั ชเคมลง่อืคนลนขวับตั เกครลรือ่ มนนนำ�วเตัศกรษรรฐมกิจนปำเลศกู รแษนฐวกคิจดิ เปทลคกูโนแโนลวยคีสดิีเขเยีทวคเโพนื่อโกลายรีสพีเขฒั ียนวาเทพย่ี ื่อ่งั กยาืนร”พัฒนาที่ยัง่ ยืน” ผลของกากนําJ หมกั ชีวภาพต่อการเจริญเตบิ โตของผกั กาดขาวพนั ธ์ุขาวใหญ่ Effect of Bio-extracts on the Growth of Chinese Cabbage cv. Khao Yai ปิ ยะภรณ์ จิตรเอก1* ชุติมา จนั ทร์ประสงค1์ เพญ็ พร ภูมิจนั ทึก1 พราวมาส เจริญรักษ1์ พิมพรรณ พิมลรัตน1์ สุวรรณกาญจน์ สุพมาตรา2 และ ดาวรุ่ง วชั รินทร์รัตน3์ Piyaporn Jitaek1*, Chutima Chanprasong1, Penporn Phumjantuk1, Phraomas Charoenrak1, Pimpan Pimonrat1, Suwonnakan Supamattra2 and Dowroong Watcharinrat3 1สาขาการผลิตพืช คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล 2สาขาวชิ าเทคโนโลยรี ะบบเกษตร ภาควชิ าเกษตรกลวธิ าน คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ 3สาขาการบริหารการศึกษา ภาควชิ าการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ 1Division of Crop Production, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, THAILAND 2Division of Agricultural Systems Technology, Department of Farm Mechanics, Faculty of Agriculture, Kasetsart University, THAILAND 3Division of Educational Administration, Department of Education, Faculty of Education, Kasetsart University, THAILAND *Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษานKีมีจุดประสงคเ์ พNือเปรียบเทียบผลของกากทNีไดจ้ ากการหมกั นKาํ หมกั ชีวภาพสูตรต่าง ๆ ต่อการเจริญเติบโตของผกั กาดขาวพนั ธุ์ขาวใหญ่ วสั ดุปลูกทีNใชม้ ีส่วนผสมของดินผสม แกลบดาํ กาบ มะพร้าวสับ และกากนKาํ หมกั ชีวภาพชนิดต่าง ๆ ในอตั ราส่วน 3:1:1:2 โดยปริมาตร วางแผนการทดลอง แบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomized Design : CRD) มี 6 สิNงการทดลอง ทาํ การทดลอง 5 ซKาํ ซKาํ ละ 4 ตน้ โดยมีสิNงทดลอง 1.ดินผสม 2.ป๋ ุยเคมี (สิNงทดลองควบคุม) 3.กากนKาํ หมกั ชีวภาพเปลือกไข่ 4.กากนKาํ หมกั ชีวภาพป๋ ุยคอก 5.กากนKาํ หมกั ชีวภาพนมสด 6.กากนKาํ หมกั ชีวภาพสูตรมิกซ์ (ดินผสม ป๋ ุยเคมี กากนKาํ หมกั ชีวภาพเปลือกไข่ กากนKาํ หมกั ชีวภาพป๋ ุยคอก กากนKาํ หมกั ชีวภาพนมสด) ผลของการทดลองการ เจริญเติบโตของผกั กาดขาวพนั ธุ์ขาวใหญ่ ในดา้ นความสูงตน้ ความกวา้ งทรงพุ่ม จาํ นวนใบและนKาํ หนกั สดทKงั ตน้ พบวา่ กากนKาํ หมกั ชีวภาพสูตรมิกซ์ (ดินผสม ป๋ ุยเคมี กากนKาํ หมกั ชีวภาพเปลือกไข่ กากนKาํ หมกั ชีวภาพป๋ ุยคอก กากนKาํ หมกั ชีวภาพนมสด) ให้ผลผลิตเฉลีNยดา้ นความสูงตน้ ดีทีNสุดคือ 26.52 เซนติเมตร ความกวา้ งทรงพุ่ม 34.85 เซนติเมตร มีจาํ นวนใบเฉลีNยดีทีNสุดคือ 14 ใบต่อตน้ และใหน้ Kาํ หนกั สดสูงทNีสุด 62.04 กรัมต่อตน้ คาํ สําคญั : ผกั กาดขาว นKาํ หมกั ชีวภาพ การเจริญเติบโต 68


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook