79 ๖. ครูและนักเรียนชว่ ยกนั สรุปได้วา่ การใชพ้ จนานุกรมจะชว่ ยใหเ้ ราคน้ ความหมายของคำอา่ นและ เขียนคำได้อยา่ งถูกต้อง นอกจากนย้ี งั ทำใหร้ วู้ า่ คำน้นั เปน็ คำชนดิ ใด ๗. ให้นกั เรียนเรียงคำศัพทต์ ่อไปนใ้ี ห้ถูกต้องตามหลกั พจนานกุ รม ค๘.า้ นงคกั เารวยี นร่วมกนั แสดลงะคมวดุามคดิ เหน็ โดยคลราูใชใย้คำถามท้าทายคา้ดงังนคี้าว ขนุ ทอง กระต่าย ๏ ถา้ ไม่มีพจนานุกรม เราสามารถหาความหมายของคำได้ทางใดอีก สื่อการเรยี นรู้ ๑. บัตรคำ ๒. พจนานุกรม การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรม ๒. เครอ่ื งมอื แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผา่ น
แผนการจดั การเรียนรู้ 80 กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 15 เร่อื งการใชพ้ จนานกุ รม ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 แผนการเรียนรทู้ ี่ 2 เรือ่ งหลักการใช้พจนานกุ รม... เรียงตามพยญั ชนะ สอนวนั ที่ 1 เดอื นธนั วาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ ตวั ชี้วัด ท ๔.๑ ป. ๓/๓ ใช้พจนานกุ รมค้นหาความหมายของคำ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (A) ๑. บอกและคน้ หาความหมายของคำศัพทท์ ่เี รียงตามพยญั ชนะได้ (K) ๒. เรยี งคำศัพทต์ ามพยญั ชนะได้ (P) ๓. เหน็ ความสำคัญของการใช้พจนานกุ รมในการเรยี งคำศัพทต์ ามพยญั ชนะ สาระสำคัญ หลกั การใช้พจนานุกรมเพ่อื หาความหมายของคำเรยี งตามพยัญชนะ ก - ฮ ทำให้เราทราบลำดับของ คำตอบพจนานุกรม สาระการเรยี นรู้ การใชพ้ จนานุกรมเรยี งลำดบั ตามพยัญชนะ ก - ฮ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ๔๗.ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทักษะการเขยี น - ทักษะการฟัง การดู และการพูด ๔๘.ความสามารถในการคดิ - การให้เหตุผล - การจำแนก
81 - การสรุปความรู้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตัวชวี้ ดั ท่ี ๔.๑ ต้ังใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน กิจกรรมเรยี งคำศัพท์ทีก่ ำหนดใหต้ ามพจนานกุ รม และค้นหาความหมายคำ คำถามทา้ ทาย การใชพ้ จนานุกรมเพอ่ื หาความหมายของคำศัพท์ใช้ทำอะไรได้บ้าง การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ใหน้ กั เรยี นคดิ คำร่วมแสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ ๏ การใช้พจนานุกรมเพ่ือหาความหมายของคำศัพทใ์ ช้ทำอะไรได้บ้าง ๒. ครใู ห้นักเรยี นออกมายนื เป็นวงกลมหน้าชนั้ เรียน ใหน้ กั เรียนบอกพยญั ชนะ ก – ฮ คนละ ๑ ตวั ตามลำดับ โดยเริ่มจากคนที่อยู่ทางขวามือครู ใหน้ ักเรียนบอกพยญั ชนะจนถึง “ ฮ” ถ้านักเรยี นยงั ไม่คล่องอาจจะเร่มิ ใหม่อกี กไ็ ด้ ๓. ให้นกั เรียนศึกษาความรู้เร่ือง การใช้พจนานกุ รม โดยคน้ หาตามลำดับพยัญชนะ นกั เรียนอ่านในใจ ๑ เที่ยว ขออาสาสมัครอา่ นนำให้เพ่ือน ๆ อา่ นตามพร้อมกัน ๔. ครูยกตัวอย่างคำบนกระดาน ดังน้ี เณร กวาง สบาย โอ่ง บันทึก พลบั พลา คลุกคลี เศรา้ ใหน้ กั เรียนอา่ นคำพร้อม ๆ กัน และช่วยกนั เรียงคำตามพยัญชนะใหถ้ ูกตอ้ ง โดยอาสาสมัครออกไปเขยี นคำละ ๑ คน ตามทเี่ พ่ือน ๆ บอก ดงั น้ี กวาง คลุกคลี เณร บันทึก พลับพลา เศร้า สบาย โอ่ง ๕. ครรู ว่ มกนั สนทนากบั นกั เรียนถงึ การเรียงคำตามพยญั ชนะ โดยใช้คำถาม ดังนี้ ๐ นักเรียนมีวิธีการอยา่ งไรในการเรยี งคำ (เรยี งตามพยัญชนะตัวแรกหรือพยัญชนะต้น ตามลำดบั ) ๐ นกั เรียนสามารถเรยี งคำตามลำดบั ก่อนหลังโดยไม่เปิดพจนานุกรมได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด (ได้ เพราะสามารถจำลำดับของพยญั ชนะ ก – ฮ ได้ ) ๐ เพราะเหตุใดเราจงึ ต้องใช้พจนานุกรม (ต้องการทราบคำอา่ นวา่ อ่านอยา่ งไร และรู้ความหมาย ของคำนนั้ ๆ ) ๖. ครยู กตวั อยา่ งคำบนกระดานให้นกั เรียนอ่านคำพร้อม ๆ กนั และช่วยกันเรียงคำตาม
82 พยญั ชนะให้ถกู ต้อง ดงั น้ี นนทรี นอน นทิ รา เน้ือ นขลขิ ิต นงราม ครูขออาสาสมัครออกไปเขียนคำละ ๑ คน ตามท่เี พื่อน ๆ บอก ดังนี้ นขลิขิต นงราม นทิ รา นนทรี นอน เนื้อ ๗. ครูชวนสนทนาวา่ คำท่นี ักเรียนเรยี งถูกต้องหรือไม่ นักเรียนอา่ นคำถกู ต้องหรือไม่ และแตล่ ะคำมี ความหมายว่าอย่างไร ครูขออาสาสมัครออกมาเปดิ พจนานุกรม คำละ ๑ คน เพ่อื ตอ้ งการทราบคำอ่านและ ความหมายของคำ คำ คำอา่ น ความหมาย นขลขิ ติ นะ – ขะ- ลิ – ขิด เคร่ืองหมายวงเล็บ ( ) นงราม นง – ราม นางงาม นิทรา นิด – ทฺรา การหลบั ,การนอนหลบั นนทรี นน – ซี ชอ่ื ไมย้ ืนตน้ ดอกสเี หลือง ฝกั แบน สนี ้ำตาลแกมแดง นอน นอน เอนตวั ลงกบั พ้ืนเพ่ือพกั ผอ่ น เนื้อ เนอื้ ส่วนของรา่ งกายที่อยตู่ ดิ ผวิ หนัง ๘. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกันสรปุ ได้ว่า หลกั การใช้พจนานกุ รม เพ่ือหาความหมายของคำเรียงตาม พยญั ชนะ ก - ฮ โดยยึดหลักพยัญชนะตัวแรกเปน็ หลกั ในการเรียงตวั ฤ ฤๅ ลำดบั ไว้หลังตวั ร ฦ ฦา ลำดับไว้ หลงั ตวั ล เช่น ต้องการคน้ คำวา่ เชา้ ต้องเปดิ ทหี่ มวดอักษร ช คำว่า ทราบ ต้องเปิดท่หี มวดอักษร ท คำ วา่ ขยนั ต้องเปดิ ท่ีหมวดอักษร ข คำพยญั ชนะต้นท่ีอยใู่ นหมวดอักษรเดียวกนั จะเรียงลำดับตามรูปพยัญชนะ ตวั ทอี่ ยถู่ ัดไป เช่น นก นง นพดล นรี ขนง ขนพอง ขนม ขนสตั ว์ คำทข่ี ึน้ ต้นดว้ ยพยญั ชนะและตามด้วย พยัญชนะมาก่อนคำที่ขึ้นตน้ ด้วยพยญั ชนะและตามดว้ ยสระ ๙. ให้นกั เรยี นเรียงคำศัพทต์ ่อไปน้ตี ามพจนานุกรม และคน้ หาความหมายคำ ปรองดอง อปั สร ขมกุ ขมวั จิตรา เภตรา สื่อการเรยี นรู้ ๑. พจนานกุ รม ๒. บตั รคำ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑.วธิ กี ารวดั และประเมินผล สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒. เครอ่ื งมอื
83 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ๓. เกณฑ์การประเมิน การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน
แผนการจดั การเรยี นรู้ 84 กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 15 เรอื่ งการใชพ้ จนานุกรม ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 แผนการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรอ่ื งหลักการใช้พจนานกุ รม... เรยี งตามสระ สอนวันที่ 2 เดือนธันวาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตวั ช้ีวัด ท ๔.๑ ป. ๓/๓ ใช้พจนานกุ รมค้นหาความหมายของคำ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกและค้นหาความหมายของคำศัพทท์ ี่เรียงตามสระได้ (K) ๒. เรยี งคำศัพทต์ ามสระได้ (P) ๓. เหน็ ความสำคัญของการใช้พจนานกุ รมในการเรียงคำศัพท์ตามสระ (A) สาระสำคัญ หลกั การใชพ้ จนานุกรม เพ่อื หาความหมายของคำเรยี งตามพยญั ชนะ เมื่อเรียงตามพยัญชนะ หมวดที่ต้องการ แล้ว คำในแต่ละหมวดจะเรียงตามรูปสระ สาระการเรยี นรู้ การใชพ้ จนานุกรมเรียงคำศัพท์ตามรูปพยญั ชนะ วรรณยกุ ต์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ๔๙.ความสามารถในการส่อื สาร - ทักษะการอา่ น - ทักษะการเขียน - ทกั ษะการฟงั การดู และการพดู ๕๐.ความสามารถในการคดิ - การให้เหตผุ ล - การจัดระบบความคิดเปน็ แผนภาพ
85 - การจำแนก - การสรุปความรู้ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ตวั ช้วี ัดที่ ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน กิจกรรมเรยี งคำใหม่ทกี่ ำหนดให้ใหถ้ ูกต้องตามหลกั พจนานุกรม คำถามท้าทาย การใชพ้ จนานุกรมเพอ่ื หาความหมายของคำศัพทม์ ีความสำคัญอย่างไร การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ครใู ห้นักเรียนออกมายนื เป็นวงกลมหนา้ ชน้ั เรยี น ใหน้ กั เรยี นบอกรปู สระ เริ่มจากรูปสระ - ะ คน ละ ๑ ตัว ตามลำดบั โดยเริม่ จากคนท่ีอยู่ทางขวามือครู ถ้านกั เรยี นยังไม่คลอ่ งอาจจะเร่มิ ใหมอ่ ีกก็ได้ ๒. ให้นักเรยี นศกึ ษาความรู้เร่ือง การใช้พจนานุกรม โดยคน้ หาคำตอบตามรปู สระ นักเรยี นอา่ นในใจ ๑ เท่ยี ว ขออาสาสมัครอา่ นนำ ให้เพือ่ น ๆ อ่านตามพร้อมกัน ๓. ให้นักเรียนสงั เกตสระจากท่ีนกั เรยี นทำกจิ กรรมวงกลมกับการเรยี งลำดับสระในเอกสารท่นี ักเรียน ศึกษา สรปุ ไดว้ ่า เมื่อคน้ หาคำไปยงั พยัญชนะทต่ี ้องการแล้ว คำในหมวดจะเรียงตามรูปสระโดยเรม่ิ จาก -ะ -ั -ัะ -า -ำ - - - -ิิ ิ-ี ิ-ึ ิเื -ิุ เิ-ะ เ-า เ-าะ เ- เิ-ิ เิ-ะี ิีเ- ิเื-ะิื แ- แ-ะ โ- โ-ะ ใ- ไ- สำหรับตัว ย ว อ นับลำดบั อย่ใู นพยญั ชนะเสมอ ๔. ใหน้ ักเรยี นแบ่งกลมุ่ เป็น ๔ กลมุ่ แจกพจนานกุ รมกลุ่มละ ๑ เล่ม ให้แตล่ ะกล่มุ เรียงคำศพั ท์ตาม พจนานกุ รมใหถ้ ูกตอ้ งพร้อมทั้งบอกความหมายของคำ ดังน้ี ๑) พลับพลงึ ไพร พยาบาล พนา พรรค พายุ ๒) สมทุ ร สงสาร สตั ว์ สถิต โสต สนมิ ๕. ตัวแทนนกั เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอโดยการอา่ นคำตามท่ีเรียงและความหมายให้เพอื่ น ๆ ฟัง ชว่ ยกันตรวจสอบวา่ กลุม่ ใดที่เรียงคำไมถ่ กู ต้องบ้าง นกั เรียนเขยี นคำทเ่ี รยี งบนกระดาน พร้อมความหมาย อา่ น พร้อมกันอกี ครั้งหนง่ึ ๖. ครูติดแผนภูมิบนกระดาน ใหน้ กั เรียนนำคำต่อไปนี้มาเรียงคำใหม่ให้ถูกต้องตามหลัก พจนานกุ รม ดังน้ี ๑) กนก กก กางเกง กาก ๒) ขยำ แขยง ขยะ ขยี้
86 ๓) งา้ ง งก เงย เงา้ ๔) ชมพู เช็ด ชะนี ช้าง ๗. ครใู ชค้ ำถามท้าทายก่อนจบบทเรยี นนี้ ๏ การใช้พจนานุกรม เพื่อหาความหมายของคำศัพท์ มีความสำคญั อยา่ งไร ส่อื การเรยี นรู้ ๑. พจนานกุ รม ๒. แผนภมู ิ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑.วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุม่ ๒. เครอ่ื งมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผ่านต้ังแต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผา่ น ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ 87 กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 15 เรือ่ งคำการใช้พจนานกุ รม ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 แผนการเรยี นรทู้ ี่ 4 เร่ืองหลักการใช้พจนานกุ รม... เรยี งตามวรรณยุกต์ สอนวนั ท่ี 6 เดอื นธันวาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ ตัวชี้วดั ท ๔.๑ ป. ๓/๓ ใช้พจนานุกรมค้นหาความหมายของคำ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (A) ๑. บอกและค้นหาความหมายของคำศัพทท์ ่เี รยี งตามวรรณยกุ ตไ์ ด้ (K) ๒. เรยี งคำศพั ท์ตามวรรณยุกตไ์ ด้ (P) ๓. เห็นความสำคญั ของการใชพ้ จนานุกรมในการเรียงคำศัพท์ตามวรรณยกุ ต์ สาระสำคญั หลกั การใช้พจนานุกรมคำท่มี ีรปู วรรณยกุ ตจ์ ะเรยี งตามรูปวรรณยุกต์ สาระการเรยี นรู้ การใช้พจนานุกรมเรียงตามรูปวรรณยกุ ต์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ๕๑.ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทกั ษะการอา่ น - ทักษะการเขยี น - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๕๒.ความสามารถในการคิด - การใหเ้ หตผุ ล - การจำแนก - การสรุปความรู้
88 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตวั ชี้วัดท่ี ๔.๑ ตง้ั ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน กจิ กรรมเรยี งตามหลักพจนานุกรม และคน้ หาความหมายของคำ คำถามทา้ ทาย ถ้าไม่มีพจนานุกรมสำหรบั ใช้อ้างองิ นักเรียนจะสนทนาโต้ตอบกนั ได้อย่างไร การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑.ให้นักเรยี นเล่นเกมใบ้คำ โดยให้นกั เรียนอาสาสมัครออกมา ๕ คน แสดงท่าทางใหเ้ พ่ือนทายตาม บตั รคำทคี่ รูให้ คำท่ีครกู ำหนดให้ ดงั น้ี ชา้ ง วงิ่ กรน ขวา้ ง โอ๊ย ๒. เมอ่ื เพ่ือน ๆ ทายถูก ครตู ิดบตั รคำบนกระดานหรือเขียนบนกระดานให้นักเรยี นอา่ นและให้เรยี งคำ ใหม่ตามหลกั พจนานุกรม ดังน้ี กรน ขวา้ ง ช้าง ว่ิง โอย๊ ๓. ใหน้ กั เรยี นศึกษาความรู้การใชพ้ จนานกุ รม โดยค้นหาคำตามรปู วรรณยกุ ตน์ ักเรียนอ่านในใจ ๑ เท่ียว และอา่ นออกเสียงพร้อมกัน ๔. ใหน้ กั เรียนอา่ นคำจากบตั รคำบนกระดาน ดังนี้ ขนนุ กระทอ้ น ทเุ รียน กลว้ ยหอม แตงโม จากนั้นใหน้ กั เรยี นแบ่งกลมุ่ เป็น ๕ กลมุ่ ให้เล่นเกม “หาลำดับของคำ” โดยมีวธิ เี ล่น ดังนี้ ๏ แจกพจนานุกรมให้กลุ่มละ ๑ เลม่ ๏ แต่ละกลุม่ ใช้พจนานกุ รมเรียงคำศัพทต์ ามลำดบั ก่อนหลัง พรอ้ มทง้ั หาความหมายของคำ ๏ กลมุ่ ใดเรยี งได้รวดเรว็ และถกู ต้องเปน็ ฝา่ ยชนะ แตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอคำและความหมาย ดงั น้ี กระท้อน กลว้ ยหอม ขนุน แตงโม ทเุ รียน ๕. ครสู รุปถึงการเรียงคำศัพท์ทน่ี ักเรยี นเรยี งตามหลกั พจนานุกรม เป็นการเรียงตามพยัญชนะ รูป สระ และรูปวรรณยกุ ต์
89 ๖. แตล่ ะกลุ่มเสนอคำมา ๑ คำ และเขียนบนกระดาน ให้แตล่ ะกลุ่มแข่งกันเปดิ พจนานุกรมโดยเริม่ จากคำท่ี ๑ กลมุ่ ไหนเปิดได้ก่อนยกมือขึน้ และพูดไชโยพร้อมกนั แล้วให้ตวั แทนกลมุ่ บอกเพื่อนว่า อยู่หน้าไหนของพจนานุกรมและอา่ นความหมายพรอ้ มกัน ทำกิจกรรมจนครบทง้ั ๕ คำ กลมุ่ ไหนเปดิ ไดม้ าก ท่สี ุดเปน็ ฝา่ ยชนะ ๗. ให้นกั เรยี นทำกจิ กรรมเสริมทกั ษะการเรียนรู้ โดยเรียงคำทก่ี ำหนดให้ตามหลกั พจนานุกรม แล้ว รว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง ๘. ให้นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นโดยครใู ชค้ ำถามท้าทาย ดังน้ี ๏ ถ้าไมม่ ีพจนานุกรมสำหรับใช้อา้ งอิง นกั เรยี นจะสนทนาโต้ตอบกนั ได้อย่างไร สือ่ การเรียนรู้ ๑. เกมใบค้ ำ ๒. พจนานุกรม ๓. บตั รคำ ๔. กระดาษ, ปากกา การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑.วธิ กี ารวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ ๒. เครื่องมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านต้ังแต่ ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผา่ น ๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรุง
แผนการจดั การเรียนรู้ 90 กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 15 เร่ืองการใช้พจนานกุ รม ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3 แผนการเรียนรู้ที่ 5 เรอ่ื งการใช้พจนานุกรมในชวี ิตประจำวนั สอนวนั ที่ 7 เดอื นธันวาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ป. ๓/๓ ใชพ้ จนานุกรมค้นหาความหมายของคำ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. ยกตัวอย่างการเรยี งคำศัพทแ์ ละค้นหาความหมายได้ถกู ตอ้ ง (K) ๒. นำความร้กู ารใช้พจนานุกรมไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั (P) ๓. เห็นคณุ ค่าของการนำพจนานุกรมไปใช้ในชวี ิตประจำวัน (A) สาระสำคญั พจนานกุ รมมีประโยชนต์ อ่ การส่อื สารใช้ในชวี ิตประจำวนั สาระการเรียนรู้ การใชพ้ จนานุกรมในชวี ิตประจำวัน สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ๕๓.ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทักษะการอ่าน - ทักษะการเขยี น - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๕๔.ความสามารถในการคิด - การให้เหตผุ ล - การปฏิบัติ - การสรปุ ความรู้
91 ๕๕.ความสามารถในการแก้ปญั หา ๕๖.ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ม่งุ มัน่ ในการทำงาน ตวั ชว้ี ัดท่ี ๖.๑ ต้ังใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบัติหน้าที่การงาน ตัวชี้วัดที่ ๖.๒ ทำงานดว้ ยความเพียรพยายามและอดทนเพ่ือใหง้ านสำเรจ็ ตามเป้าหมาย รกั ความเป็นไทย ตัวชี้วดั ที่ ๗.๒ เหน็ คุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ชิ้นงาน/ภาระงาน ผลงานการแก้ไขคำผดิ ตามหลักพจนานุกรม คำถามทา้ ทาย การใช้พจนานุกรมเพื่อหาความหมายของคำ มีความสำคญั ตอ่ ชีวติ ประจำวนั ของเราอยา่ งไรบา้ ง การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ครูติดบัตรคำว่า เคลด็ ลบั บนกระดานให้นกั เรยี นอา่ นคำพร้อมกนั ลองถามความหมาย ดูว่าหมายถงึ อะไร และขออาสาสมคั รเปิดพจนานุกรมคำว่า “เคลด็ ลบั ” ใหน้ ักเรยี นอา่ นความหมาย และครู เขยี นบนกระดาน ดงั นี้ เคลด็ ลับ หมายถึง วิธกี ารท่ีฉลาด พลิกแพลง ใชใ้ นการอยา่ งใดอย่างหนึง่ ๒. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันทบทวนความรู้เก่ยี วกบั การใชพ้ จนานกุ รมไดว้ า่ การเรียงคำศัพท์ตามหลัก พจนานุกรมเป็นการเรียงตามพยญั ชนะ รปู สระ และรปู วรรณยุกต์ ๓. ให้นกั เรยี นแบ่งกล่มุ เปน็ ๕ กลุ่ม ให้แต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมาจับฉลากเพอ่ื เลือกบัตรคำตอ่ ไปนี้ กล่มุ ละ ๑ ชุด กระดาษ ๑ แผน่ และพจนานุกรม ๑ เล่ม ชุดท่ี ๑ กิจวตั ร ทัพพี ปราศจาก สังเกต อารมณ์ ชดุ ที่ ๒ ก๋วยเต๋ียว ขนุ่ ขน้ ต๊กั แตน เปา๋ ฮ้อื เส้ือผ้า ชดุ ท่ี ๓ จำวดั บรรทม รบั ประทาน ภรรยา อาพาธ ชุดท่ี ๔ กนิ บงั เกิด บาดาล พฤกษา ผนวช ชุดท่ี ๕ กรรมการ ชำรดุ บริจาค มัธยัสถ์ เศรษฐี ๔. สมาชิกในกลมุ่ ร่วมกันหาความหมายและเขียนคำและความหมายลงในกระดาษ และแต่ละกลมุ่ นำเสนอให้เพ่ือน ๆ โดยเรม่ิ จากชุดท่ี ๑ – ชุดที่ ๕
92 ๕. ครูสนทนากบั นักเรยี นในชีวิตประจำวนั ของเราและส่ิงที่อยู่รอบตวั เรา เราใชค้ ำตลอดเวลา มบี า้ ง ไหมคำท่เี ราพูดหรอื ท่ีเราเห็นแตไ่ มร่ ู้ความหมาย ใหน้ ักเรยี นลองยกตัวอย่าง เช่น ส่งิ ทใ่ี กล้ตวั เราทีส่ ดุ คือชอ่ื นามสกลุ มใี ครบ้างท่ีไมร่ ูค้ วามหมายช่อื และนามสกุลของตัวเอง ใหน้ ักเรยี นบอกช่อื ตนเอง และส่งิ ท่ีพบใน ชีวติ ประจำวัน เปิดพจนานุกรมหาความหมายของคำ เช่น - ช่ือ “ สารภี” หมายถึง ชือ่ ไมต้ ้น ๒ ชนิด ดอกสีขาว กล่นิ หอม ใช้ทำยา ดอกใหญ่ และชนดิ ดอกเลก็ -โรงเรียน หมายถึง สถานศกึ ษา - อาหาร หมายถงึ ของกนิ , เคร่ืองหลอ่ เลีย้ งชีวิต ฯลฯ ๖. ใหน้ กั เรียนทำกิจกรรมเสริมทักษะการเรยี นรู้ โดยขีดเส้นใตค้ ำท่เี ขียนผดิ แลว้ แก้ไขให้ถูกตอ้ ง จากน้ันรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง ๗. ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ ๏ การใชพ้ จนานกุ รมเพ่ือหาความหมายของคำมคี วามสำคัญตอ่ ชีวิตประจำวนั ของเรา อย่างไรบ้าง ส่ือการเรยี นรู้ ๑. บัตรคำ ๒. พจนานกุ รม ๓. กระดาษ ๔. ชดุ คำ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑.วิธีการวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เครอ่ื งมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุม่ ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือว่า ไมผ่ า่ น
93 ๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ – ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ – ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ – ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ – ๔ ระดับ ควรปรับปรงุ
แผนการจดั การเรียนรู้ 94 กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 15 เรื่องการใช้พจนานุกรม ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 แผนการเรยี นร้ทู ี่ 6 เรือ่ งใฝ่ใจฝกึ ฝน...การใชพ้ จนานุกรม สอนวนั ที่ 8 เดือนธันวาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ป. ๓/๓ ใชพ้ จนานกุ รมคน้ หาความหมายของคำ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. บอกประโยชน์ของการใช้พจนานกุ รม (K) ๒. นำความหมายของคำศพั ท์ในพจนานกุ รมไปใช้ในการอา่ นและเขียน (P) ๓. ม่ันใจในการใช้พจนานุกรมอยา่ งถูกต้องและคล่องแคลว่ (A) สาระสำคัญ การใชพ้ จนานุกรมทำให้เกดิ ประโยชนต์ อ่ การอ่าน เขยี น และใชภ้ าษาไทยได้ถกู ต้อง สาระการเรียนรู้ ปรศิ นาคำทาย มคี ำตอบเป็นคำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ า สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน ๕๗.ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟงั การดู และการพดู ๕๘.ความสามารถในการคดิ - การให้เหตผุ ล - การจัดระบบความคิดเป็นแผนภาพ - การจำแนก
95 - การปฏิบตั ิ - การสรปุ ความรู้ ๕๙.ความสามารถในการแก้ปัญหา ๖๐.ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ตัวชี้วัดท่ี ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้ารว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ ตวั ชี้วดั ท่ี ๔.๒ แสวงหาความรูจ้ ากแหลง่ เรยี นรูต้ า่ ง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียนดว้ ยการ เลอื กใชส้ อื่ อย่างเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้ และสามารถนำไปใช้ในชีวติ ประจำวัน ได้ รักความเปน็ ไทย ตวั ชี้วัดที่ ๗.๒ เหน็ คณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการสือ่ สารได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ช้ินงาน/ภาระงาน ใบงาน เรอื่ ง การใช้พจนานุกรมค้นหาความหมายของคำ คำถามท้าทาย การใชพ้ จนานุกรมมีความจำเป็นตอ่ การอ่านและเขยี นอย่างไร กิจกรรมการจัดการเรียนการสอน ๑. ครูใหน้ กั เรียนจับคกู่ ัน เพื่อไปคัดเลือกหนังสือห้องสมดุ คู่ละ ๑ เล่ม และขอยืมจากครบรรณารกั ษ์ โดยใช้เวลาในการคดั เลือกหนังสือ ๒๐ นาที และกลับเข้าห้องเรียนหลงั จากนั้นให้นักเรียนทำเป็นการบ้านนอก เวลาโดยชว่ ยกันอา่ นบันทึกข้อมลู และสรปุ วา่ พจนานุกรมช่วยไขปริศนาในการอ่านไดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร ครใู ห้ เวลาในการสง่ งานตามความเหมาะสม ๒. ให้นักเรียนทำใบงานที่ ๓๑ เร่ือง การใช้พจนานกุ รมค้นหาความหมายของคำ แลว้ ร่วมกัน ตรวจสอบความถูกต้อง ๓. ครูตรวจผลงานของนกั เรยี น สงั เกต และอธบิ ายในสงิ่ ทน่ี ักเรยี นยงั มีปัญหา และยกตวั อย่าง ประกอบเพิ่มเติม ๔. ให้นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดงั น้ี ๏ การใช้พจนานกุ รมมีความจำเป็นต่อการอา่ นและเขียนอยา่ งไร สอ่ื การเรียนรู้
96 ๑. หนงั สอื ห้องสมุด ๒. ใบงาน การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ๑.วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) ตรวจใบงานที่ ๓๑ ๒. เคร่ืองมอื แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ผา่ นตง้ั แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไมผ่ า่ น
แผนการจดั การเรยี นรู้ 97 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 15 เรอื่ งการใช้พจนานุกรม ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 แผนการเรียนรูท้ ่ี 7 เร่อื งสรุปผลเรยี นรู้ ... การใช้พจนานกุ รม สอนวนั ท่ี 9 เดอื นธนั วาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ ตัวช้ีวัด ท ๔.๑ ป. ๓/๓ ใชพ้ จนานุกรมค้นหาความหมายของคำ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. อธิบายความรู้เร่อื งการใช้พจนานกุ รม (K) ๒. ใช้พจนานุกรมคน้ หาคำศัพทใ์ นการส่ือสารได้ถูกวธิ ี (P) ๓. ปฏบิ ัตติ นในการใชพ้ จนานกุ รมได้อย่างถกู ต้อง (A) สาระสำคญั คำศัพทแ์ ละความหมายของคำศัพท์ในพจนานุกรมใชใ้ นการสอื่ สารได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ สาระการเรียนรู้ การใช้คำศัพท์และความหมายของคำศัพท์ในการส่อื สาร สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน ๖๑.ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอา่ น - ทักษะการเขยี น - ทักษะการฟงั การดู และการพดู ๖๒.ความสามารถในการคดิ - การจัดระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ - การปฏบิ ัติ - การสรุปความรู้
98 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตัวชว้ี ัดท่ี ๔.๑ ตง้ั ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ ตัวชี้วดั ท่ี ๔.๒ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการ เลอื กใช้สื่ออยา่ งเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ ชิ้นงาน/ภาระงาน แผนภาพความคิดสรุปความรู้เรอื่ ง การใช้พจนานุกรม คำถามทา้ ทาย ถ้าคำแตล่ ะคำไม่มคี วามหมาย จะทำให้ภาษาไทยเปล่ยี นแปลงอยา่ งไรบ้าง การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดังน้ี ๏ ถ้าคำแต่ละคำไมม่ ีความหมาย จะทำให้ภาษาไทยเปลีย่ นแปลงอยา่ งไรบา้ ง ๒. ครูชวนนักเรียนเล่นเกมพยัญชนะคิดไว โดยให้นักเรียนออกมายืนเป็นวงกลมหน้าชั้นเรียน ครูบอกพยัญชนะ ๑ ตัว เช่น ครูบอก “ ก ” ใครคิดคำที่มีพยัญชนะต้นเป็น “ ก ” ให้ยกมือ ครูชี้ให้ตอบ ถ้าตอบถูกให้นั่งลง เมื่อได้คำ ๔ – ๕ คำ ครูเปลี่ยนเป็นพยัญชนะตัวอื่น คนที่ยืนยกมือตอบไปเรื่อย ๆ จนไม่มีนักเรียนยืน ถ้าไม่ยกมือห้ามตอบ จะตอบได้ต้องยกมือและครูชี้ให้ตอบ ครูอาจจะเปลี่ยนจากครูเป็น นักเรียนบอกพยัญชนะก็ได้ ถ้าคนที่ยืนไมส่ ามารถตอบได้ครูอาจจะเปลี่ยนตัวพยัญชนะเพ่ือให้นักเรียนได้ตอบ ทกุ คน เช่น ครบู อก “ ก ” นักเรียนตอบ กวาง เกง้ กุ้ง ฯลฯ ครบู อก “ ซ ” นกั เรยี นตอบ โซ่ ซอก ซุกซน ฯลฯ ฯลฯ ๓. ครูถามนักเรียนถึงคำท่นี ักเรยี นบอกว่าร้คู วามหมายหรือไม่ ถ้าไม่รคู้ วามหมายใหเ้ ปดิ พจนานุกรม ๔. ใหน้ ักเรยี นเขยี นคำที่นักเรียนตอบบนกระดาน และเรยี งคำใหม่ตามหลักการใชพ้ จนานุกรม ๕. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เพื่อสรุปบทเรียนเรือ่ ง การใช้พจนานุกรม โดยครูใช้ คำถาม ดังน้ี
99 ๐ การใช้พจนานกุ รมไดถ้ ูกต้องตามหลักการใช้พจนานกุ รมมีประโยชน์อย่างไร (ทำให้ค้นหาคำ คำอ่าน ชนิดของคำและความหมายของคำได้รวดเรว็ ขึน้ ) ๐ พจนานุกรมมปี ระโยชนต์ ่อภาษาไทยอย่างไร (เปน็ หนังสือท่ีใช้รวบรวมคำที่มีใชอ้ ยู่ใน ภาษาไทย และเป็นมาตรฐานในการใชภ้ าษาไทยใหเ้ ปน็ ระบบเดยี วกัน ใช้อ้างอิงได้ สามารถบอกทม่ี า ของคำได)้ ๖.ให้นกั เรียนสรปุ ความรูเ้ รื่อง การใช้พจนานกุ รม ลงในแผนภาพ ส่อื การเรยี นรู้ ๑. เกมพยัญชนะคิดไว ๒. พจนานกุ รม การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒. เครือ่ งมอื แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผา่ นตัง้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ า่ น
100 หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๖ การแต่งประโยคเพื่อการส่อื สาร เวลา ๗ ช่วั โมง แผนผงั การเรียนรูแ้ บบบรู ณาการ คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา • ส่งิ มีชวี ิตและไม่มี • ระเบยี บแถว • การแบ่งกล่มุ • เกม • การจาแนก ชวี ิต • จานวนนบั ศลิ ปะ การแต่ง • วาดภาพระบายสี ประโยคเพื่อการ • การเคาะจงั หวะ • การรอ้ งเพลง ส่ือสาร สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม • ประเพณี วฒั นธรรม ศาสนา ตัวชวี้ ดั • แตง่ ประโยคง่าย ๆ (ท ๔.๑ ป. ๓/๔)
แผนการจดั การเรยี นรู้ 101 กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย หน่วยการเรียนรู้ที่ 16 เรื่องการแต่งประโยคเพือ่ การสื่อสาร ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 แผนการเรียนรทู้ ี่ 1 เรือ่ งประโยคบอกเล่า สอนวนั ท่ี 13 เดือนธนั วาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตวั ชีว้ ัด ท ๔.๑ ป. ๓/๔ แตง่ ประโยคง่าย ๆ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. บอกลกั ษณะและความหมายของประโยค (K) ๒. อธิบายลกั ษณะของประโยคบอกเล่า (K) ๓. จำแนกประโยคได้ (P) ๔. แตง่ ประโยคบอกเลา่ ได้ (P) ๕. กระตือรอื ร้นในการร่วมกิจกรรม (A) สาระสำคญั ประโยคเปน็ คำหรือข้อความท่ีนำมาเรยี งกนั แลว้ ไดใ้ จความสมบรู ณ์ มสี ว่ นประกอบสำคัญ คอื ประธาน กริยา และอาจมีกรรมมารองรับ ประโยคแบ่งเปน็ ๖ ชนิด คอื ประโยคบอกเลา่ ประโยคปฏิเสธ ประโยคคำถาม ประโยคคำสงั่ และประโยคขอร้อง สาระการเรียนรู้ ลกั ษณะของประโยคและประโยคบอกเล่า สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ๖๓.ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทักษะการเขียน - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๖๔.ความสามารถในการคิด
102 - การใหเ้ หตุผล - การจำแนก - การสรุปความรู้ ๖๕.ความสามารถในการแกป้ ญั หา คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตัวชีว้ ดั ที่ ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ รักความเป็นไทย ตัวชีว้ ัดที่ ๗.๒ เหน็ คุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่อื สารได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ชนิ้ งาน/ภาระงาน ผลงานการแต่งประโยคบอกเลา่ คำถามท้าทาย ประโยคตา่ ง ๆ เกดิ ข้นึ ได้อยา่ งไร การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูขออาสาสมัครออกมา ๓ คน ใหน้ กั เรียนเลน่ เกมท่าใบ้ โดยใหอ้ าสาสมัครอ่านแถบประโยค และทำท่าใบท้ ลี ะคนใหเ้ พ่ือน ๆ ทาย อาสาสมัครทำท่าจนเพอื่ นทายถูก ครูติดแถบประโยคบนกระดาน ประโยคทเี่ พอ่ื นทายถูก ดังน้ี ไกฟ่ ักไข่ ฉนั ลา้ งหนา้ คณุ แมต่ าก ๒. ครชู วนสนทนาถึงประโยคทีละประโยค ผา้ ไก่ฟักไข่ ๐ ข้อความน้ีกล่าวถงึ ใคร (ไก่) ๐ ไก่ทำอะไร (ฟกั ไข่) ๐ ข้อความนี้ไดใ้ จความสมบูรณห์ รือไม่ เพราะเหตใุ ด (ไดใ้ จความสมบรู ณ์ เพราะมีการแสดงให้เหน็ วา่ ใคร ทำอะไร)
103 ฉนั ลา้ งหนา้ ๐ ขอ้ ความนี้กล่าวถึงใคร (ฉนั ) ๐ ฉนั ทำอะไร (ล้างหน้า) ๐ ขอ้ ความน้ีได้ใจความสมบรู ณห์ รอื ไม่ เพราะเหตุใด (ไดใ้ จความสมบรู ณ์ เพราะมีการแสดงใหเ้ ห็น ว่า ใคร ทำอะไร) คณุ แม่ตากผา้ ๐ ขอ้ ความน้ีกล่าวถงึ ใคร (คณุ แม)่ ๐ คณุ แมท่ ำอะไร (ตากผ้า) ๐ ขอ้ ความนี้ไดใ้ จความสมบูรณ์หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (ได้ใจความสมบรู ณ์ เพราะมีการแสดงใหเ้ หน็ ว่า ใคร ทำอะไร) ๓. ครูอธิบายเป็นแผนภาพบนกระดาน ดงั น้ี ประโยค ประธาน กรยิ า กรรม ๔. ใหน้ ักเรียนทำกิจกรรมเสริมทักษะการเรยี นรโู้ ดยเตมิ คำกริยาท่ีกำหนดใหล้ งในชอ่ งว่างใหเ้ หมาะสม กบั ประโยค เม่ือนกั เรยี นทำเสรจ็ แลว้ ช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้องของคำทเ่ี ติม และสงั เกตการเติมคำกรยิ า ขออาสาสมคั รอ่านนำให้เพื่อน ๆ อา่ นตามพรอ้ มกนั ครูทบทวนลักษณะของคำกรยิ า ๕. นักเรยี นช่วยกนั บอกคำกริยาคนละ ๑ คำ ทุกคนโดยไม่ซำ้ กัน เชน่ กิน ไป ปลกู ๖. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรเู้ รื่อง ประโยคและสว่ นประกอบของประโยคโดยอา่ นในใจ ๑ เทีย่ ว และ อ่านออกเสียงพร้อมกนั อีกครั้ง ๗. ครูและนักเรยี นชว่ ยกันสรุปไดว้ า่ ประโยคเป็นคำหรอื ข้อความท่ีนำมาเรียงกนั แลว้ ได้ ใจความสมบูรณ์ มีสว่ นประกอบสำคัญ คือ ประธาน กรยิ า และอาจมกี รรมมารองรบั และประโยคทมี่ ลี ักษณะ เปน็ การบอกกลา่ ว หรอื เล่าเรื่องราวท่เี ราใช้กันท่วั ไป เราเรียกว่า ประโยคบอกเล่า
104 ๘. ให้นักเรยี นแต่งประโยคบอกเล่าคนละ ๕ ประโยค ให้ไดใ้ จความวา่ ใคร ทำอะไร ๙. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คำถามทา้ ทาย ดงั นี้ ๏ ประโยคตา่ ง ๆ เกดิ ขนึ้ ได้อยา่ งไร สอื่ การเรียนรู้ ๑. แถบประโยค ๒. แผนภาพ การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เครื่องมือ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผ่านตัง้ แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถือว่า ไมผ่ ่าน
แผนการจดั การเรียนรู้ 105 กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 16 เรื่องการแตง่ ประโยคเพอ่ื การสอ่ื สาร ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 แผนการเรยี นรู้ท่ี 2 เรือ่ งประโยคปฏเิ สธ สอนวันที่ 14 เดือนธนั วาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ ตวั ชีว้ ัด ท ๔.๑ ป. ๓/๔ แต่งประโยคง่าย ๆ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายลักษณะของประโยคปฏิเสธ (K) ๒. แตง่ ประโยคปฏเิ สธได้ (P) ๓. เหน็ ความสำคญั ของประโยคปฏิเสธและนำไปใชใ้ นการสอื่ สารอยา่ งถูกต้อง (A) สาระสำคญั ประโยคปฏเิ สธ เปน็ ประโยคท่ีมีเนอ้ื ความท่แี สดงการไมย่ อมรับหรอื คัดค้าน โดยมคี ำปฏเิ สธไดแ้ ก่ ไม่ ไม่ใช่ ไม่ได้ และมักอยหู่ ลังคำกรยิ า สาระการเรยี นรู้ ลักษณะของประโยคปฏิเสธ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๖๖.ความสามารถในการสอื่ สาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๖๗.ความสามารถในการคิด - การใหเ้ หตผุ ล - การจำแนก
106 - การสรุปความรู้ ๖๘.ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตัวช้ีวดั ท่ี ๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ รกั ความเป็นไทย ตัวชวี้ ัดที่ ๗.๒ เห็นคณุ ค่าและใชภ้ าษาไทยในการสือ่ สารได้อย่างถกู ต้อง ช้นิ งาน/ภาระงาน ผลงานการแต่งประโยคปฏเิ สธจากคำท่ีกำหนดให้ คำถามทา้ ทาย การรูจ้ กั ปฏิเสธมีประโยชน์อย่างไร การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ ำถามท้าทาย ดังนี้ ๏ การรู้จักปฏิเสธมปี ระโยชน์อยา่ งไร ๒. ครใู ห้นักเรยี นเลน่ เกมกระซบิ โดยแบง่ นกั เรียนออกเปน็ ๔ กลุ่ม กลมุ่ ละเทา่ ๆ กนั ยืนเข้าแถวตอน ลึก คนยืนหัวแถวออกมาอา่ นแถบประโยคจนจำได้ ไปกระซบิ บอกเพื่อนคนท่ียนื ที่ ๒ และคนท่ี ๒ กระซิบต่อ จนถึงคนสดุ ท้ายออกมาเขียนบนกระดาน ครเู ฉลยคำตอบโดยเขยี นบนกระดาน ดังน้ี ๑) สำรวยเป็นชา่ งเสริมสวย ๒) ดอยสุเทพอยู่จงั หวัดเชยี งใหม่ ๓) ข้าวฟา่ งรดนำ้ ต้นไม้ ๔) หนนู าไหว้คณุ แม่ ใหน้ ักเรยี นอา่ นประโยคท้ัง ๔ ประโยค และครูใช้คำถาม ดงั นี้ ๐ ประโยคทง้ั หมดเป็นประโยคชนิดใด (ประโยคบอกเล่า) ๐ ใหว้ ิเคราะหส์ ่วนประกอบของประโยคที่ ๑ บอกประธาน กริยา และกรรม (สำรวย เป็นประธาน, เป็น เปน็ กรยิ า, ช่างเสรมิ สวย เป็นกรรม) ๐ ให้วเิ คราะห์สว่ นประกอบของประโยคท่ี ๒ บอกประธาน กรยิ า และกรรม (ดอยสเุ ทพ เปน็ ประธาน, อยู่ เป็นกริยา, จงั หวดั เชียงใหม่ เปน็ กรรม) ๐ ให้วิเคราะหส์ ว่ นประกอบของประโยคท่ี ๓ บอกประธาน กรยิ า และกรรม (ข้าวฟา่ ง เป็นประธาน, รดน้ำ เปน็ กรยิ า, ต้นไม้ เป็นกรรม)
107 ๐ ให้วิเคราะห์ส่วนประกอบของประโยคท่ี ๔ บอกประธาน กรยิ า และกรรม (หนนู า เป็นประธาน, ไหว้ เปน็ กริยา, คณุ แม่ เป็นกรรม) ๓. ครเู ขยี นสว่ นหน่งึ ของประโยคบนกระดาน ให้นักเรียนกลมุ่ เดมิ ทั้ง ๔ กลุ่มเตมิ คำโดยไม่ซำ้ กนั ดังนี้ ประโยค กลมุ่ ท่ี ๑ กลุ่มที่ ๒ กล่มุ ท่ี ๓ กลมุ่ ท่ี ๔ กระต่ายกิน................ ฉันเจอ..................... เอกปลูก.................. สุนัข...................... ๔. ครูชวนสนทนาถึงประโยคทแี่ ตล่ ะกลมุ่ แต่งเป็นประโยคบอกเลา่ ใหท้ ำประโยคบอกเล่าให้เปน็ ประโยคปฏิเสธ หมายถงึ ประโยคที่มีเนื้อความไม่ยอมรับหรือคดั คา้ นมคี ำวา่ ไม่ ไม่ใช่ ไม่ได้ และมักอยหู่ นา้ คำกรยิ า ดังนี้ - กระตา่ ยกินผักบุ้ง เป็นประโยคบอกเล่าท่ีกลุ่มแตง่ - กระตา่ ยไมไ่ ด้กนิ ผักบงุ้ เปน็ ประโยคปฏเิ สธ - ฉันเจอกระเป๋าสตางค์ เปน็ ประโยคบอกเลา่ ที่กลมุ่ แตง่ - ฉันไมเ่ จอกระเป๋าสตางค์ เป็นประโยคปฏิเสธ แต่ละกลุม่ แต่งประโยคปฏเิ สธจากประโยคเดิมท่ีกล่มุ ช่วยกนั คิดและนำเสนอเพือ่ น ๆ ครูคอยช้ีแนะถา้ กลมุ่ ไหนแต่งไมไ่ ด้ ๕.ใหน้ ักเรียนศกึ ษาความร้เู รื่อง ชนดิ ของประโยค โดยอา่ นในใจ ๑ เทย่ี ว และอา่ นออกเสียงพรอ้ มกนั อกี ครั้ง ๖. ให้นกั เรียนนำคำทกี่ ำหนดใหม้ าแต่งเป็นประโยคปฏิเสธ ๑) ตน่ื เตน้ ๒) ราชสีห์ ๓) โรงเรยี น ๔) เตะฟุตบอล ๕) ฝนตก ๗. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปอกี คร้ังวา่ ประโยคปฏิเสธ เป็นประโยคทม่ี ีเน้ือความแสดงการไม่ ยอมรบั หรอื คดั ค้าน โดยมคี ำปฏเิ สธ ได้แก่ ไม่ ไมใ่ ช่ ไม่ได้ และมกั อยหู่ ลงั คำกริยา สอื่ การเรยี นรู้ แถบประโยค
108 การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรียน ๒. เครอื่ งมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไม่ผา่ น ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน ๙ – ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ – ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ – ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ – ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ
แผนการจัดการเรียนรู้ 109 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 16 เรอื่ งการแต่งประโยคเพือ่ การส่ือสาร ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 แผนการเรียนรู้ท่ี 3 เรอ่ื งประโยคคำถาม สอนวนั ที่ 15 เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตวั ช้วี ัด ท ๔.๑ ป. ๓/๔ แตง่ ประโยคงา่ ย ๆ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธบิ ายลักษณะของประโยคคำถาม (K) ๒. แตง่ ประโยคคำถามได้ (P) ๓. เห็นความสำคัญของประโยคคำถามและนำไปใชใ้ นการสื่อสารอยา่ งถกู ต้อง (A) สาระสำคัญ ประโยคคำถาม เปน็ ประโยคทมี่ ีลักษณะเปน็ การถามท่ีต้องการคำตอบ และมคี ำที่แสดงการถามอยู่ ดว้ ย สาระการเรียนรู้ ลักษณะของประโยคคำถาม สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ๖๙.ความสามารถในการส่ือสาร - ทักษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๗๐.ความสามารถในการคิด - การให้เหตผุ ล - การจำแนก
110 - การสรปุ ความรู้ ๗๑.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ ตวั ชว้ี ัดท่ี ๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ รักความเปน็ ไทย ตวั ช้วี ัดที่ ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและใชภ้ าษาไทยในการสอื่ สารได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ชิน้ งาน/ภาระงาน ผลงานการเรยี บเรยี งคำท่กี ำหนดให้ได้ใจความเป็นประโยคคำถาม คำถามทา้ ทาย ถา้ ไม่มปี ระโยคคำถาม นกั เรยี นคิดวา่ จะสือ่ สารกันได้หรือไม่ อย่างไร การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูใหน้ ักเรียนเล่นเกมจบั คู่ ครขู ออาสาสมคั รออกมาหน้าชนั้ เรียน ๑๐ คน แจกบตั รคำ ให้นกั เรียนท้งั ๑๐ คน คาราม สนุ ขั จบั หน อา่ นหนงั สอื แมว นกั เรยี น เฝา้ บา้ น สงิ โต นก จิกหนอน ๒. นักเรยี นชบู ตั รคำของตัวเองหาคบู่ ัตรคำท่สี มั พนั ธ์กนั เม่ือจับคู่ได้แล้วรบี นัง่ ลง เม่อื นักเรียนจบั คู่ ครบแล้วใหย้ ืนขนึ้ อ่านประโยค ครแู ละเพือ่ น ๆ ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ถ้านักเรยี นคใู่ ดจับคู่ข้อความไม่ สัมพันธก์ นั ให้รบี หาคู่ใหม่ ๓. ให้นกั เรียนเขียนทั้ง ๕ ประโยคบนกระดาน ดังนี้ - สิงโตคำราม - แมวจับหนู - นักเรยี นอา่ นหนังสือ - นกจกิ หนอน - สุนขั เฝา้ บ้าน ๐ ครถู ามนักเรียนวา่ ประโยคท้ัง ๕ ประโยค เป็นประโยคชนดิ ใด (ประโยคบอกเล่า)
111 ๐ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เปลย่ี นประโยคบอกเล่าเป็นประโยคปฏเิ สธและเขยี นบนกระดาน ดงั นี้ - สิงโตไม่คำราม (เติมไมไ่ ด้ก็ได้) - แมวไม่จบั หนู (เตมิ ไม่ได้ก็ได)้ - นักเรียนไม่อา่ นหนังสอื (เติมไม่ได้กไ็ ด้) - นกไม่จกิ หนอน (เตมิ ไม่ได้กไ็ ด้) - สุนขั ไม่เฝา้ บา้ น (เติมไมไ่ ด้กไ็ ด้) ๔. ใหน้ ักเรยี นศึกษาความรู้เรื่อง ชนิดของประโยค (ประโยคคำถาม) โดยอา่ นในใจ ๑ เที่ยว และอา่ นออกเสียงพร้อมกนั อีกครง้ั ๕. จากประโยคบอกเล่า เราสามารถเปลยี่ นเปน็ ประโยคคำถามได้ โดยเตมิ คำที่มีลกั ษณะ เป็นคำถามทตี่ ้องการคำตอบ เชน่ ใคร ทำ ใช่ไหม ไหม ให้นกั เรียนชว่ ยกันเปลยี่ นประโยคบอกเลา่ เปน็ ประโยคคำถามและเขียนบนกระดานดงั น้ี - ทำไมสงิ โตคำราม - แมวจบั หนูใช่ไหม - นกั เรียนอา่ นหนงั สือใช่ไหม - ทำไมนกจิกหนอน - สนุ ขั เฝา้ บา้ นใคร ๖. ใหน้ ักเรยี นนำคำที่กำหนดใหม้ าเรียบเรียงให้ไดใ้ จความเปน็ ประโยคคำถาม ๑) รอ้ งไห้ น้อง ทำไม ๒) ของ สมศรี พ่อ อะไร ชื่อ ๓) จังหวัดนครปฐม ใช่ไหม อยู่ พระปฐมเจดีย์ ๔) แจกัน ใคร แตก ทำ ๕) ชอบ ปลาโลมา ทำไม อยู่ เปน็ ฝงู ๗. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดงั นี้ ๏ ถ้าไม่มีประโยคคำถาม นักเรยี นคิดวา่ จะส่ือสารกันไดห้ รือไม่ อยา่ งไร ๘. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปวา่ ประโยคคำถาม เป็นประโยคท่ีมีลักษณะเปน็ การถามท่ีต้องการ คำตอบ และมีคำท่ีแสดงการถามอยดู่ ้วย สอื่ การเรยี นรู้ บัตรคำ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วิธีการวดั และประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
112 ๒) ตรวจผลงานของนกั เรียน ๒. เครื่องมอื แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ า่ น
แผนการจัดการเรียนรู้ 113 กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 16 เรื่องการแตง่ ประโยคเพอ่ื การส่อื สาร ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 แผนการเรียนรู้ท่ี 4 เร่ืองประโยคคำส่งั สอนวนั ท่ี 16 เดือนธันวาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ ตวั ช้ีวดั ท ๔.๑ ป. ๓/๔ แตง่ ประโยคง่าย ๆ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธิบายลักษณะของประโยคคำส่งั (K) ๒. แตง่ ประโยคคำสงั่ ได้ (P) ๓. เห็นความสำคญั ของประโยคคำสั่งและนำไปใช้ในการส่ือสารอย่างถกู ต้อง (A) สาระสำคญั ประโยคคำสัง่ เปน็ ประโยคท่ีมลี ักษณะบอกให้ทำตามความตอ้ งการของผู้พูด ส่วนใหญ่ จะไม่มปี ระธาน สาระการเรยี นรู้ ลกั ษณะของประโยคคำส่งั สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน ๗๒.ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอ่าน - ทักษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด ๗๓.ความสามารถในการคิด - การใหเ้ หตผุ ล - การจำแนก - การสรุปความรู้
114 ๗๔.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ตัวชว้ี ัดท่ี ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ รกั ความเป็นไทย ตัวชี้วัดที่ ๗.๒ เหน็ คณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการสือ่ สารได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ช้ินงาน/ภาระงาน ผลงานการเตมิ คำให้เปน็ ประโยคคำสั่งที่สมบรู ณ์ คำถามท้าทาย ประโยคคำส่ังมีความจำเปน็ ต่อการส่ือสารหรอื ไม่ อย่างไร การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ครูติดบัตรคำบนกระดานและให้นักเรยี นอ่านออกเสียง ดังน้ี ตกปลา แกว่งแขน สนาม แปรงฟัน หญา้ ขออาสาสมัครออกมาเติมคำใหเ้ ปน็ ประโยคท่สี มบูรณ์จนครบทง้ั ๔ ประโยค เช่น - คุณพอ่ ตกปลาริมคลอง - นักเรยี นแกว่งแขนพรอ้ มกัน - ฉนั เดินบนสนามหญา้ - นอ้ งบอยแปรงฟันก่อนนอน ๒. นกั เรียนอ่านประโยคท่ีเพื่อนเขียนบนกระดาน ครถู ามว่าเป็นประโยคชนดิ ใด (บอกเลา่ ) และรว่ มกันพจิ ารณาความถูกต้องของประโยค ๓. ใหน้ กั เรยี นศึกษาความร้เู รื่อง ชนดิ ของประโยค (ประโยคคำสง่ั ) นกั เรียนอา่ นในใจ ๑ เทย่ี ว และ อา่ นออกเสยี งพร้อมกนั ๔. จากประโยคทีน่ ักเรียนเขยี นบนกระดาน เราสามารถเปล่ียนเปน็ ประโยคคำสั่งซึง่ ต้องการให้ ทำตามอาจจะมปี ระธานหรือไม่มี เชน่ - หา้ มตกปลารมิ คลอง - ออกไปแกว่งแขนพร้อมกัน - อยา่ เดินบนสนามหญ้า
115 - จงแปรงฟันก่อนนอน ๕. ครแู บง่ นักเรยี นออกเปน็ ๒ กลมุ่ ให้กล่มุ ท่ี ๑ บอกคำ ๑ คำ กลุ่มที่ ๒ แต่งประโยคคำสงั่ ตอ่ ไป กลมุ่ ที่ ๒ บอกคำ กลุ่มท่ี ๑ แตง่ ประโยค ผลัดกนั เล่นสลับกันไปจนแตล่ ะกลุม่ แต่งประโยคคำสั่งคล่อง ครูและ เพอ่ื นชว่ ยตรวจสอบความถกู ต้องของประโยค เชน่ กล่มุ ที่ ๑ ยืน่ แขน กล่มุ ท่ี ๒ อยา่ ยืน่ แขนออกนอกหน้าต่างรถยนต์ กลุ่มท่ี ๒ สัตว์น้ำ กลุ่มที่ ๑ ห้ามจับสัตวน์ ำ้ ฯลฯ ๖. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปลักษณะและความหมายของประโยคคำสงั่ ไดว้ า่ ประโยคคำส่งั เป็น ประโยคที่มลี ักษณะบอกให้ทำตามความต้องการของผพู้ ูด ส่วนใหญ่จะไม่มีประธาน ๗.ใหน้ ักเรยี นเติมคำทก่ี ำหนดให้ลงในช่องว่างให้ได้ใจความและเป็นประโยคคำสงั่ เรว็ วางไข่ ออกไป เธอ อย่า หา้ ม ตอ้ ง หา้ ม ขนึ้ ก่อน ๑) ...............นำของเหลว........เคร่ืองบนิ (หา้ ม, ขึ้น) ๒) .............ล้างมือ..........รับประทานอาหาร (ออกไป, ก่อน) ๓) .......... .............. อาบน้ำกอ่ นจงึ จะไปนอน (เธอ, ต้อง) ๔) ............จบั ปลาในฤดู.......... (ห้าม, วางไข)่ ๕) ถนนลืน่ .........ขบั รถ.......... (อย่า, เร็ว) ๘. ใหน้ ักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นโดยครใู ช้คำถามทา้ ทาย ดังน้ี ๏ ประโยคคำสง่ั มคี วามจำเปน็ ตอ่ การสอ่ื สารหรือไม่ อยา่ งไร สอื่ การเรียนรู้ บตั รคำ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เคร่อื งมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมิน
116 ๑) การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านต้งั แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรุง
แผนการจดั การเรียนรู้ 117 กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 16 เรือ่ งการแตง่ ประโยคเพ่ือการสอ่ื สาร ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 แผนการเรียนรทู้ ี่ 5 เรอื่ งประโยคขอรอ้ ง สอนวนั ที่ 19 เดือนธันวาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ป. ๓/๔ แต่งประโยคงา่ ย ๆ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายลกั ษณะของประโยคขอร้อง (K) ๒. แต่งประโยคขอร้องได้ (P) ๓. เหน็ ความสำคญั ของประโยคขอร้องและนำไปใชใ้ นการส่ือสารอย่างถูกต้อง (A) สาระสำคัญ ประโยคขอรอ้ ง เปน็ ประโยคทม่ี ลี ักษณะเป็นการขอความช่วยเหลอื ให้ทำหรือไมใ่ ห้ทำสง่ิ ใด สง่ิ หนึ่ง มักจะมคี ำวา่ โปรด กรณุ า สาระการเรยี นรู้ ลักษณะของประโยคขอร้อง สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๗๕.ความสามารถในการคดิ - การให้เหตุผล - การปฏบิ ัติ
118 - การสรปุ ความรู้ ๗๖.ความสามารถในการแก้ปญั หา ๗๗.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ตัวชว้ี ดั ที่ ๔.๑ ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ รักความเปน็ ไทย ตัวชีว้ ดั ท่ี ๗.๒ เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ช้นิ งาน/ภาระงาน ผลงานการแตง่ ประโยคขอรอ้ ง คำถามท้าทาย รอบ ๆ ตัวนักเรยี นมีการใชป้ ระโยคขอร้องบ้างหรือไม่ อย่างไร การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครแู บง่ กลุ่มนกั เรียนออกเป็น ๔ กลมุ่ ให้แต่ละกลุ่มแตง่ ประโยคเกย่ี วกบั ส่งิ แวดลอ้ ม รอบตวั เรากลุม่ ละ ๒ ประโยค ดังนี้ กลุ่มที่ ๑ แต่งประโยคบอกเล่า กล่มุ ที่ ๒ แตง่ ประโยคปฏิเสธ กลมุ่ ที่ ๓ แต่งประโยคคำถาม กลมุ่ ท่ี ๔ แตง่ ประโยคคำส่ัง ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มออกมาเขียนประโยคบนกระดาน ครแู ละเพ่ือนช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้อง และอา่ นออกเสยี ง พร้อม ๆ กนั ๒.ใหน้ ักเรียนศึกษาความรเู้ รื่อง ชนิดของประโยค (ประโยคขอร้อง) นักเรียนอา่ นในใจ ๑ เท่ียว และ อ่านออกเสยี งพร้อมกนั ๓. ให้นกั เรียนกลุ่มเดมิ แต่งประโยคขอร้องกลมุ่ ละ ๑ ประโยคและออกไปเขียนบนกระดาน ครูและ เพอ่ื นตรวจสอบความถูกต้อง เชน่ - โปรดให้ทีน่ ง่ั แกเ่ ด็กและคนชรา - กรุณาหยิบหนังสอื ให้ผมหน่อยครบั - โปรดชว่ ยกันรักษาความสะอาด - กรณุ าพดู เบา ๆ หน่อยค่ะ
119 ๔. ครูและนักเรียนช่วยกนั สนทนาถงึ ประโยคขอร้องที่อยรู่ อบตวั เรา และสรปุ ลักษณะและความหมาย ประโยคขอรอ้ งไดว้ ่า ประโยคขอร้อง เป็นประโยคที่มีลักษณะเพื่อขอความช่วยเหลอื ให้ทำหรอื ไม่ใหท้ ำส่ิงใด มกั จะมีคำวา่ โปรด กรณุ า ๕. ให้นักเรียนแตง่ ประโยคขอร้องคนละ ๕ ประโยค ๖. ให้นักเรียนทำกิจกรรมเสริมทักษะการเรียนรู้ โดยเรียบเรียงคำให้เป็นประโยค วิเคราะห์ สว่ นประกอบของประโยค และจำแนกชนิดของประโยค แล้วร่วมตรวจสอบความถูกต้อง ๗. ให้นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ ำถามท้าทาย ดงั น้ี ๏ รอบ ๆ ตัวนักเรยี นมกี ารใช้ประโยคขอรอ้ งบ้างหรอื ไม่ อย่างไร ส่อื การเรียนรู้ ๑. บตั รคำ ๒. พจนานกุ รม ๓. สมุดแบบฝึกหดั ของนกั เรยี น ๔. หนงั สือชุดกจิ กรรมพัฒนาการคิดวเิ คราะห์ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เคร่อื งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผา่ น ๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน ๙ – ๑๐ ระดับ ดมี าก คะแนน ๗ – ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ – ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ – ๔ ระดบั ควรปรับปรุง
แผนการจดั การเรียนรู้ 120 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 16 เรอ่ื งการแตง่ ประโยคเพ่ือการสอื่ สาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แผนการเรียนรู้ท่ี 6 เรื่องใฝใ่ จฝกึ ฝน... การแตง่ ประโยคเพอ่ื การส่อื สาร สอนวันที่ 20 เดือนธันวาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ตวั ช้ีวดั ท ๔.๑ ป. ๓/๔ แต่งประโยคงา่ ย ๆ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. ยกตวั อยา่ งประโยคต่าง ๆ ได้ (K) ๒. อธิบายและบอกประโยชนข์ องการนำประโยคไปใช้อยา่ งถกู ต้อง (K) ๓. แตง่ ประโยคทแ่ี สดงเจตนาต่าง ๆ (P) ๔. เหน็ ความสำคญั ของประโยคต่าง ๆ และนำไปใช้ในการสอื่ สารได้อยา่ งถูกต้อง (A) สาระสำคญั การนำคำหรือกลมุ่ คำมาเรยี บเรยี งใหเ้ ป็นประโยคท่แี สดงเจตนาตา่ ง ๆ ได้อยา่ งสมบรู ณจ์ ะทำให้การ สอ่ื สารมีประสิทธิภาพ สาระการเรียนรู้ การแต่งประโยคใหส้ มบรู ณ์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ๗๘.ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๗๙.ความสามารถในการคิด - การให้เหตผุ ล - การจัดระบบความคิดเปน็ แผนภาพ
121 - การปฏิบตั ิ - การสรปุ ความรู้ ๘๐.ความสามารถในการแก้ปญั หา ๘๑.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มุ่งมน่ั ในการทำงาน ตัวช้ีวัดท่ี ๖.๑ ตง้ั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบตั ิหน้าทีก่ ารงาน ตวั ชวี้ ัดที่ ๖.๒ ทำงานดว้ ยความเพียรพยายามและอดทนเพอ่ื ให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย รกั ความเป็นไทย ตวั ช้วี ัดที่ ๗.๒ เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการส่อื สารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ชิ้นงาน/ภาระงาน ช้ินงาน เรอ่ื ง แตง่ ประโยคดี การสอื่ สารมีประสิทธภิ าพ คำถามท้าทาย ถ้าไม่มีประโยคทแ่ี สดงเจตนาตา่ ง ๆ นักเรียนจะโต้ตอบกนั ไดอ้ ย่างไร การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ครูตดิ แถบประโยคบนกระดาน ดังนี้ ๑) คณุ แมต่ ากผ้า ๒) ปอ้ มเลีย้ งปลานิล ๓) นอ้ งรอ้ งไห้ ๔) ปลาว่ายนำ้ ๕) ฉนั กินขา้ ว ๒. นักเรยี นอ่านประโยคพรอ้ ม ๆ กนั ครูให้นกั เรียนชว่ ยกนั วิเคราะหส์ ่วนประกอบของประโยค ทั้ง ๕ ขอ้ ครูเขียนตารางบนกระดานและขออาสาสมัครไปเติมสว่ นประกอบของประโยคขอ้ ละ ๑ คน ดงั น้ี ประธาน กริยา กรรม ๑) คณุ แม่ ตาก ผ้า ๒) ปอ้ ม เล้ียง ปลานลิ ๓) นอ้ ง รอ้ งไห้ - ๔) ปลา ว่ายนำ้ -
122 ๕) ฉนั กนิ ข้าว ๓. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกนั สรปุ ความหมายของประโยคไดว้ า่ ประโยคเปน็ คำหรือข้อความทน่ี ำมาเรียง กันแลว้ ไดใ้ จความวา่ ใคร ทำอะไร และการเรยี บเรียงประโยคท่ีแสดงเจตนาตา่ ง ๆ ให้สมบูรณ์จะทำให้การ สอื่ สารมีประสิทธภิ าพ ๔. ให้นักเรยี นทำชิน้ งานที่ ๖ เร่ือง แต่งประโยคดี การส่ือสารมปี ระสิทธภิ าพ ผลัดกันอ่านประโยคแลว้ รว่ มกันแสดงความคิดเห็น ๕. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คำถามทา้ ทาย ดังน้ี ๏ ถ้าไมม่ ีประโยคที่แสดงเจตนาต่าง ๆ นกั เรยี นจะโตต้ อบกันไดอ้ ยา่ งไร ส่ือการเรียนรู้ ๑. แถบประโยค ๒. ชนิ้ งาน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑.วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจชนิ้ งานท่ี ๖ ๒. เคร่อื งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๓. เกณฑ์การประเมิน การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตง้ั แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผา่ น
แผนการจัดการเรยี นรู้ 123 กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 16 เร่ืองการแตง่ ประโยคเพ่ือการสือ่ สาร ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 แผนการเรียนรทู้ ี่ 7 เร่อื งสรุปผลเรียนรู้ ... การแต่งประโยคเพอ่ื การสอื่ สาร สอนวนั ที่ 21 เดือนธันวาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ ตัวช้ีวดั ท ๔.๑ ป. ๓/๔ แตง่ ประโยคง่าย ๆ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. สรปุ ความรเู้ รือ่ งการแต่งประโยคเพ่ือการสื่อสาร (K) ๒. วเิ คราะหเ์ จตนาของประโยคต่าง ๆ ได้ถกู ต้อง (P) ๓. เห็นความสำคัญในการนำประโยคตา่ ง ๆ ไปใช้ในการส่ือสารได้อย่างถูกต้อง (A) สาระสำคญั ในชวี ติ ประจำวันต้องใช้ประโยคเพ่ือการสื่อสารตลอดเวลา จงึ ต้องเลือกใชป้ ระโยค ตา่ ง ๆ ใหเ้ หมาะสม และสื่อความหมายตรงตามต้องการ จึงจะทำให้การสื่อสารมีประสทิ ธิภาพ สาระการเรียนรู้ การเลอื กใชป้ ระโยคต่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวัน สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ๘๒.ความสามารถในการส่ือสาร - ทักษะการอา่ น - ทักษะการเขยี น - ทักษะการฟัง การดู และการพูด ๘๓.ความสามารถในการคิด - การให้เหตุผล - การจัดระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ
124 - การคิดสังเคราะห์ - การปฏิบตั ิ - การสรปุ ความรู้ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มุ่งม่ันในการทำงาน ตวั ช้วี ัดที่ ๖.๑ ตง้ั ใจและรับผิดชอบในการปฏิบตั ิหน้าทีก่ ารงาน ตวั ชว้ี ัดที่ ๖.๒ ทำงานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพ่อื ให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย รักความเปน็ ไทย ตัวช้ีวัดท่ี ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและใช้ภาษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ชนิ้ งาน/ภาระงาน แผนภาพความคิดสรปุ ความรู้เรอ่ื ง ลักษณะเดน่ ของประโยคแตล่ ะชนดิ คำถามทา้ ทาย ถา้ ไม่มีประโยคที่แสดงเจตนาต่าง ๆ นกั เรยี นคิดวา่ ภาษาไทยของเราจะเปลย่ี นแปลง อยา่ งไรบ้าง การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ให้นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คำถามทา้ ทาย ดงั นี้ ๏ ถา้ ไมม่ ีประโยคที่แสดงเจตนาต่าง ๆ นักเรียนคิดว่าภาษาไทยของเราจะเปลย่ี นแปลงอย่างไรบา้ ง ๒. ครูชภู าพเด็กผ้หู ญงิ กำลังแกวง่ ชิงชา้ ในสนามเดก็ เลน่ ครูชวนนกั เรยี นแต่งประโยค ที่แสดงเจตนาตา่ ง ๆ อาสาสมัครออกมาเขยี นประโยคบนกระดาน ตัวอยา่ งประโยคท่ีนกั เรียนแต่ง - อย่าแกวง่ สงู เกินไปนะ (ประโยคคำสัง่ ) - ทำไมมาเล่นคนเดียว (ประโยคคำถาม) - นอ้ งของฉนั กำลงั เล่นชิงชา้ (ประโยคบอกเลา่ ) - เธอไม่ควรมาเลน่ คนเดยี ว (ประโยคปฏเิ สธ) - กรณุ าหยดุ เล่นได้แลว้ (ประโยคขอรอ้ ง) ๓. ครูชวนสนทนาถึงประโยคท่นี ักเรียนแต่งจากภาพ ซ่ึงสามารถเขียนไดห้ ลายประโยคและชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของประโยค ๔. ใหค้ รูตดิ บตั รคำหรือเขยี นบนกระดาน ดงั น้ี คาถาม บอก ขอรอ้ ง คาส่งั ปฏิเสธ เลา่
125 จากน้ันครอู ่านประโยคใหน้ กั เรยี นฟงั เป็นการฝึกทกั ษะการฟัง ถา้ นักเรียนฟงั แล้วพจิ ารณาว่าเปน็ ประโยคชนดิ ใด ใหย้ กมือตอบทลี ะข้อ จนหมดประโยคของครู ดงั น้ี ๑) ฉนั ชอบไปเที่ยวทะเล (บอกเลา่ ) ๒) กรุณาเขา้ แถวซ้ือตวั๋ คะ่ (ขอรอ้ ง) ๓) ท่านจะไปไหนครับ (คำถาม) ๔) ฉันไม่ได้นำดินสอมาโรงเรียน (ปฏเิ สธ) ๕) ห้ามยน่ื ศรี ษะและแขนออกนอกหน้าต่างรถไฟ (คำสงั่ ) ๕. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปความหมายและชนดิ ของประโยคต่าง ๆ ไดว้ ่า ประโยคเป็นคำหรือ ขอ้ ความทนี่ ำมาเรยี งกันแลว้ ไดใ้ จความสมบรู ณ์ มสี ่วนประกอบสำคัญ คอื ประธาน กรยิ า และอาจมกี รรมมา รองรับ ประโยคแบ่งเป็น ๖ ชนิด คือ ประโยคบอกเลา่ ประโยคปฏเิ สธ ประโยคคำถาม ประโยคคำส่ัง และ ประโยคขอร้อง ๖.ให้นักเรียนสรุปความรู้ โดยเขยี นสรุปลกั ษณะเด่นของประโยคแต่ละชนดิ ลงในแผนภาพ สื่อการเรยี นรู้ ๑. บัตรคำ ๒. ภาพ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑.วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เครื่องมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ นต้ังแต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผา่ น
126 หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๗ คาคล้องจองและคาขวญั เวลา ๗ ช่วั โมง แผนผงั การเรยี นร้แู บบบูรณาการ คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สุขศึกษาและพลศึกษา • สิ่งมชี วี ิตและ • การแบง่ กล่มุ ส่งิ ไมม่ ีชวี ติ • ระเบยี บแถว การจาแนก, จานวนนบั • เกม คาคล้องจองและคา ขวัญ สงั คมศกึ ษา ศาสนา ศิลปะ ภาษาต่างประเทศ และวฒั นธรรม • วาดภาพระบายสี • คาศพั ทง์ า่ ยๆ • ภมปิ ัญญาไทย • การเคาะจงั หวะ รอบตวั นกั เรยี น • สถานท่สี าคญั • การรอ้ งเพลง ตวั ชวี้ ัด • แต่งคำคล้องจองและคำขวญั (ท ๔.๑ ป. ๓/๕)
แผนการจัดการเรียนรู้ 127 กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 17 เรอ่ื งคำคลอ้ งจองและคำขวัญ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 แผนการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่ืองคำคล้องจองที่มีสระเดียวกันไม่มีตัวสะกด สอนวนั ท่ี 22 เดือนธันวาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ ตัวช้ีวัด ท ๔.๑ ป. ๓/๕ แตง่ คำคล้องจองและคำขวัญ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกความหมายและลักษณะของคำคล้องจองท่ใี ช้สระตัวเดียวกนั ไมม่ ีตวั สะกด (K) ๒. แตง่ คำคล้องจองที่ใชส้ ระตัวเดยี วกันไม่มีตัวสะกด (P) ๓. กระตอื รือรน้ ในการร่วมกิจกรรม (A) สาระสำคัญ คำคล้องจองเปน็ คำท่ีมสี ระเหมือนกนั จะเป็นสระเสียงส้ันหรือเสียงยาวกไ็ ด้ สาระการเรียนรู้ ลักษณะของคำคล้องจองท่ีมีเสยี งสระเหมือนกัน สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๘๔.ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด ๘๕.ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตุผล - การจำแนก - การสรุปความรู้
128 ๘๖.ความสามารถในการแก้ปญั หา ๘๗.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตวั ชี้วัดท่ี ๔.๑ ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้ารว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน ๑. ผลงานการเตมิ คำคล้องจองสองพยางค์ ๒. ผลงานการจับคูค่ ำคลอ้ งจอง ๓. ผลงานการแต่งคำคลอ้ งจอง คำถามท้าทาย คำคลอ้ งจองเกิดขนึ้ ได้อยา่ งไร การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ ำถามท้าทาย ดังน้ี ๏ คำคลอ้ งจองเกิดข้นึ ได้อย่างไร ๒. ครูใหน้ ักเรียนออกมาน่ังเป็นวงกลมหน้าชน้ั เรยี น ครชู ีท้ นี่ ักเรยี นคนใดคนหน่งึ ให้บอกคำ ๑ พยางค์ ทมี่ ีความหมายคนละ ๑ คำ ตามเสียงสระท่ีครบู อก ต่อจากนั้นเพือ่ นคนทีน่ ่งั ขวามอื บอกต่อ ๆ กันไปเร่ือย ๆ ครู อาจจะให้นักเรียนบอกคำทีม่ ีเสยี งสระเดียวกนั ประมาณ ๕ – ๖ คน ครูก็เปลยี่ นเสยี งสระไปเร่ือย ๆ จนครบ นกั เรียนทุกคน ถา้ จำนวนนักเรยี นนอ้ ยอาจจะวน ๒ รอบก็ได้ หรอื ใหน้ กั เรยี นบอกคำจนกว่าจะคลอ่ งและเร็ว ตัวอยา่ ง ครบู อก สระอา นักเรยี นบอกคำ กา มา ตา นา ยา ครบู อก สระ เอีย นกั เรยี นบอกคำ เสีย เมยี เนยี เลีย เปีย ฯลฯ ๓. ใหน้ กั เรียนเลือกคำทกี่ ำหนดเติมลงในชอ่ งว่างใหค้ ล้องจองกัน เมอ่ื นักเรยี นทำเสรจ็ แล้วช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้องของคำที่เติมและขออาสาสมัครอ่านนำ ใหเ้ พื่อนๆ อา่ นตามพร้อมกัน ครูทบทวน ลกั ษณะของคำคลอ้ งจองแต่ละข้อ ๔. ให้นกั เรียนศึกษาความรู้เรื่อง คำคลอ้ งจอง ครใู หส้ ังเกตการโยงเสน้ คำที่คล้องจองกนั หรอื สมั ผัสกัน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318