179 ๓. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปเรื่องไดว้ ่า ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ินเมื่อนำไปใช้ในการส่อื สาร ต้องใช้ให้เหมาะสมกบั กาละเทศะจึงจะช่วยให้เกิดความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งคนในชาติ ๔.ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรู้เกยี่ วกับการเลือกใชภ้ าษาถน่ิ แต่ละภาคใหเ้ หมาะสม สื่อการเรยี นรู้ - การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ๒. เครอ่ื งมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่ ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นต้ังแต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถอื วา่ ไม่ผ่าน ๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรงุ
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๙ 180 การอา่ น เวลา ๗ ช่วั โมง แผนผงั การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ วิทยาศาสตร์ • ปัจจยั ท่มี ผี ลตอ่ การ เจรญิ เติบโตของรา่ งกาย สุขศกึ ษาและพลศึกษา การอา่ น คณติ ศาสตร์ • การอ่านแผนภมิ • มารยาทและสขุ อนามยั ใน การรบั ประทานอาหาร สงั คมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม • การอา่ นแผนท่ี ตวั ชวี้ ดั • อ่านข้อเขยี นเชงิ อธบิ ายและปฏิบตั ติ ามคำส่งั หรือข้อแนะนำ(ท ๑.๑ ป.๓/๗) • อธบิ ายความหมายของข้อมลู จากแผนภาพ แผนท่ี และแผนภมู ิ (ท ๑.๑ ป. ๓/๘) • มีมารยาทในการอ่าน (ท ๑.๑ ป. ๓/๙)
แผนการจดั การเรียนรู้ 181 กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 19 เร่ืองการอา่ น ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 แผนการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่อื งการอ่านคำแนะนำในชีวิตประจำวัน สอนวนั ท่ี 13 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ญั หา ในการดำเนนิ ชวี ิต และมนี สิ ยั รกั การอา่ น ตัวช้วี ดั ท ๑.๑ ป. ๓/๗ อา่ นข้อเขียนเชงิ อธบิ ายและปฏบิ ัตติ ามคำสั่งหรือข้อแนะนำ ท ๑.๑ ป. ๓/๙ มมี ารยาทในการอ่าน จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. สรุปคำแนะนำเกีย่ วกับการรบั ประทานอาหาร (K) ๒. อา่ นคำแนะนำเก่ยี วกบั ประโยชนข์ องอาหารและสารอาหารทีน่ ่าสนใจ ( P) ๓. เขียนแผนภาพสรุปแนวทางการรับประทานอาหาร (P) ๔. มีความกระตือรอื รน้ ในการเข้าร่วมกิจกรรม (A) สาระสำคญั การรูจ้ ักเลือกรับประทานอาหารทถี่ ูกสุขอนามัยทำใหร้ ่างกายแขง็ แรง สาระการเรยี นรู้ การอา่ นคำแนะนำในชวี ติ ประจำวัน : มารยาทและสุขอนามัยในการรบั ประทานอาหาร สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน ๑๓๒. ความสามารถในการส่อื สาร - ทักษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๑๓๓. ความสามารถในการคิด - การให้เหตุผล - การจดั ระบบความคิดเปน็ แผนภาพ
182 - การสรปุ ความรู้ ๑๓๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ รกั ความเป็นไทย ตัวช้ีวดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ช้ินงาน/ภาระงาน แผนภาพสรปุ แนวทางการรับประทานอาหาร คำถามท้าทาย อาหารชนดิ ใดเปน็ อาหารประจำภาคใต้ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ครูนำภาพเด็กที่ขาดสารอาหาร เด็กที่อ้วนเกินไป เปรียบเทียบกับเด็กที่มีสุขภาพสมบูรณ์ ช่วยกัน อภิปรายวา่ เหตุใดเด็กจึงดูซบู ผอม หรอื อ้วนเกินไปและเดก็ อีกคนจึงแขง็ แรงดี ๒. ครูอภิปรายถึงการขาดสารอาหาร หรือกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ การขาดอาหารที่เป็น ประโยชนท์ ำให้รา่ งกายไม่สมส่วน ๓. ให้นักเรียนยกตัวอย่างอาหารที่รับประทานที่บ้านในช่วงเช้าว่ามีอะไรบ้าง อภิปรายเรื่องอาหารท่ี นักเรียนรบั ประทานชนดิ ใดเปน็ ประโยชน์ ๔. ครนู ำอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ เชน่ ทอฟฟ่ี เยลล่ี หมากฝรั่ง ขนมขบเค้ียว นำ้ อัดลม ให้นักเรียน ชว่ ยกันอภิปราย ว่าอาหารเหลา่ นใ้ี ห้โทษอยา่ งไร เชน่ ทอฟฟ่ี ทำใหฟ้ ันผุ กินมากเกนิ ไปทำให้อว้ น ขนมขบเคี้ยวมผี งชูรสมาก กินมากเกินไปอาจทำให้เปน็ มะเร็ง ๕. ครูจัดอาหารใส่ถาด แบ่งเป็นกลุ่มได้แก่ กลุ่มผักสด ผลไม้ เช่น แคร์รอต ผักปลอดสารพิษ กะหล่ำปลี บรอกโคลี กลุ่ม ไข่ นม น้ำดม่ื โปรตนี เชน่ ปลา เน้อื หมู เน้ือไก่ ๖. ครแู ละนกั เรียนช่วยกนั สรปุ เปน็ แผนภาพ ดังนี้ รบั ประทานอาหาร รบั ประทานผกั สด ท่มี ีแคลเซียม และผลไมม้ ากๆ แนวทาง การรับประทาน อาหาร
183 รบั ประทาน รบั ประทาน อาหารท่สี ะอาด อาหารท่สี กุ ใหม่ ๗. ใหน้ กั เรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังนี้ การร้จู ักเลือกรบั ประทานอาหารที่ถูกสุขอนามยั ทำให้ร่างกาย แขง็ แรง ๘. ให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดงั น้ี ๏ อาหารชนดิ ใดเป็นอาหารประจำภาคใต้ สื่อการเรยี นรู้ ๑. รปู ภาพ ๒. อาหาร ผักผลไม้ ขนมขบเคย้ี ว น้ำอัดลม ๑. วธิ กี ารวดั และประเมินผล สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒. เครื่องมอื แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๓. เกณฑ์การประเมนิ การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผ่านต้ังแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไม่ผ่าน
แผนการจดั การเรยี นรู้ 184 กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 19 เร่ืองการอา่ น ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 แผนการเรียนรทู้ ่ี 2 เรือ่ งข้อควรปฏิบัตใิ นการรับประทานอาหาร สอนวนั ท่ี 17 เดือนธนั วาคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพ่ือนำไปใชต้ ัดสินใจแกป้ ัญหาในการดำเนนิ ชวี ิต และมีนสิ ัยรกั การอา่ น ตวั ช้ีวดั ท ๑.๑ ป. ๓/๗ อ่านข้อเขยี นเชิงอธบิ ายและปฏิบัติตามคำสง่ั หรือข้อแนะนำ ท ๑.๑ ป. ๓/๙ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธิบายขอ้ ควรปฏิบัติในการรบั ประทานอาหาร (K) ๒. จำแนกข้อควรปฏบิ ตั แิ ละไม่ควรปฏบิ ตั ิในการรับประทานอาหาร (P) ๓. ยกตัวอย่างขอ้ ควรปฏบิ ตั ใิ นการรับประทานอาหารและการนำไปใช้ (P) ๔. กระตอื รือร้นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม (A) สาระสำคญั การปฏิบัตติ ามข้อควรปฏบิ ัติในการรับประทานอาหารใหค้ รบทกุ ข้อ จะทำให้มีสขุ ภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภยั ไข้เจบ็ สาระการเรยี นรู้ ขอ้ ควรปฏิบตั ิในการรับประทานอาหาร สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๑๓๕. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทักษะการฟงั การดู และการพดู ๑๓๖. ความสามารถในการคิด - การใหเ้ หตุผล
185 - การคดิ วิเคราะห์ - การจำแนก - การปฏิบัติ - การสรปุ ความรู้ ๑๓๗. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ตัวชีว้ ัดที่ ๔.๑ ตง้ั ใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ รักความเป็นไทย ตวั ชว้ี ดั ท่ี ๗.๒ เห็นคณุ ค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่อื สารได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ชน้ิ งาน/ภาระงาน ๑. ภาพวาดข้อควรปฏิบตั ใิ นการรบั ประทานอาหาร ๒. ภาพวาดอาหารที่ชอบ คำถามทา้ ทาย การด่ืมเคร่ืองดื่มประเภทแอลกอฮอล์มาก ๆ จะทำใหเ้ กิดโรคชนิดใด การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ครแู สดงเสน้ เวลา ดังน้ี ๖.๐๐น. ๗.๐๐น. ๘.๐๐น. ๙.๐๐น. ๑๐.๐๐น. ๑๑.๐๐น. ๑๒.๐๐น. ๑๓.๐๐น. ๑๔.๐๐น. ๑๕.๐๐น. ๑๖.๐๑๐๗น.๐. ๐น. ๒. ให้นกั เรยี นออกมาเติมชว่ งเวลาทรี่ ับประทานอาหารบนเส้นเวลา ๓. ครูและนักเรยี นอภิปรายเร่ืองเวลาในการรบั ประทานอาหารทถี่ กู ต้องควรจะรบั ประทานให้ตรงเวลา ครบ ๓ มอื้ ถา้ ไมร่ ับประทานให้ตรงเวลาจะเกิดผลร้ายภายหลัง เพราะนำ้ ย่อยซึ่งมฤี ทธ์ิเปน็ กรดอย่างหน่ึงจะ ออกมาตรงเวลาท่ีเรารบั ประทานอาหาร ถ้ารับประทานอาหารไม่ตรงเวลาเมื่อน้ำย่อยออกมาไม่มีอาหารย่อยก็ จะย่อยกระเพาะแทน ทำใหเ้ ราปวดท้องได้ ๔. ครแู จกกระดาษใหน้ ักเรยี นวาดภาพอาหารทชี่ อบลงในกระดาษแลว้ มาตดิ ทกี่ ระดาน ๕. ครแู ละนักเรียนช่วยสำรวจวา่ อาหารชนิดใดทน่ี ักเรียนชอบมากท่ีสุด และควรรับประทานท่ชี อบ อย่างเดยี วดหี รอื ไม่ เพราะเหตุใด ๖. ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั อภปิ รายว่าเพราะเหตุใดเราควรกนิ อาหารหลายชนิด ทัง้ นเ้ี พื่อให้เราไดร้ บั สารอาหารท่ีครบถว้ น
186 ๗. ครใู หน้ กั เรยี นอ่านตวั อย่างคนที่กินอาหารสุกๆ ดิบๆ เชน่ คนทอี่ ยูใ่ นภาคอสี าน มักเปน็ พยาธใิ นตับ เพราะชอบกินปลาร้าที่ปรุงไม่สุก แตป่ จั จบุ นั มกี รรมวธิ ี ทำปลาร้า ปลาสม้ ใหส้ กุ แล้ว ๘. ครูแสดงภาพ (หรือของจริง) กลว้ ย มะละกอ ขา้ วโพด ชมพู่ ชว่ ยกันอภปิ รายว่าเมือ่ รับประทานแล้วร้สู ึกอย่างไร ครูเฉลยว่าอาหารเหล่าน้ีช่วยในการขับถา่ ย เพราะมีกากใยสงู ซึ่งรวมท้งั ผกั สด ด้วย ๙.ให้นกั เรยี นอภิปรายเร่อื งการกินอาหารท่ีมรี สเผ็ดจดั จะเกิดผลเสียอยา่ งไร เชน่ ปวดท้อง รวมทั้ง อาหารท่ีมีรสหวานจดั เค็มจัด จะมอี าการเปน็ อยา่ งไร เชน่ มผี ลทำให้เปน็ โรคอว้ น โรคไตในอนาคต ๑๐.ให้นักเรยี นทเี่ คยแพ้อาหารออกมาเลา่ อาการแพ้ เช่น เป็นผน่ื คนั ถา้ เปน็ มากๆ อาจเสียชีวติ ได้ เพราะพษิ ของมันจะเข้าไปอดุ ตันการหายใจจงึ ไม่ควรรับประทานอาหารชนดิ นน้ั อีก ๑๑. ครูให้นักเรียนย้อนกลบั ไปตามเส้นเวลา ใครรบั ประทานอาหารนอกเวลาตามท่ีกำหนดบา้ ง ถอื วา่ เปน็ การกินที่พร่ำเพรอื่ ทำให้ปวดทอ้ งได้ เพราะทำให้กระเพาะทำงานหนัก ๑๒. แบ่งนักเรยี นเปน็ ๒ กลุม่ ให้นกั เรียนกลุ่มท่ี ๑ เขยี นข้อควรปฏบิ ตั ิในการรับประทานอาหาร และใหก้ ลมุ่ ที่ ๒ เขียนข้อไม่ควรปฏบิ ัตใิ นการรบั ประทานอาหารลงในกระดาษ จากน้ันม้วนกระดาษใสก่ ลอ่ ง ๑๓. เลอื กตวั แทนนกั เรยี นออกมาจบั ฉลากแล้วจำแนกว่าเป็นข้อควรปฏิบัติ หรือข้อไม่ควรปฏิบัติ ๑๔. ใหน้ กั เรียนวาดภาพขอ้ ควรปฏบิ ตั ใิ นการรับประทานอาหาร ๑๕. ใหน้ กั เรียนและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ ดงั น้ี การปฏบิ ตั ิตามข้อควรปฏบิ ัติในการรบั ประทาน อาหารใหค้ รบทุกข้อจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภยั ไข้เจ็บ ๑๖. ให้นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ ำถามท้าทาย ดังนี้ ๏ การดมื่ เครื่องดื่มแอลกอฮอลม์ าก ๆ จะทำให้เกิดโรคชนิดใด สอ่ื การเรียนรู้ ๑. กระดาษวาดภาพ ๒. ฉลาก การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วิธีการวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๒. เครอ่ื งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
187 ผ่านตง้ั แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรงุ
แผนการจัดการเรียนรู้ 188 กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 19 เรอื่ งการอ่าน ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 3 แผนการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรื่องมารยาทในการรับประทานอาหาร สอนวันท่ี 18 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพ่อื นำไปใชต้ ัดสนิ ใจแกป้ ัญหาในการดำเนิน ชวี ิต และมีนสิ ยั รกั การอ่าน ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ป. ๓/๗ อา่ นข้อเขยี นเชิงอธิบายและปฏิบัตติ ามคำสัง่ หรือข้อแนะนำ ท ๑.๑ ป. ๓/๙ มมี ารยาทในการอา่ น จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. บอกมารยาทในการรับประทานอาหาร (K) ๒. ปฏบิ ตั ิตนมมี ารยาทในการรบั ประทานอาหาร (P) ๓. เห็นความสำคัญของการมีมารยาทในการรบั ประทานอาหาร (A) สาระสำคัญ มารยาทในการรับประทานอาหารเป็นสง่ิ ท่ีทุกคนควรปฏิบตั ิเพอื่ ให้อยรู่ ่วมกับผูอ้ ื่นในสงั คมได้อย่างมี ความสขุ สาระการเรียนรู้ มารยาทในการรับประทานอาหาร สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑๓๘. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทักษะการเขยี น - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๑๓๙. ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตุผล - การสรปุ ความรู้
189 ๑๔๐. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มุ่งม่นั ในการทำงาน ตวั ชว้ี ัดท่ี ๖.๑ ตัง้ ใจและรับผิดชอบในการปฏิบตั ิหน้าท่ีการงาน ตวั ชว้ี ดั ท่ี ๖.๒ ทำงานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอ่ื ให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย รกั ความเป็นไทย ตวั ชี้วดั ที่ ๗.๒ เหน็ คุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่อื สารได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ชน้ิ งาน/ภาระงาน ใบงาน เรือ่ ง ยงิ่ อ่านย่งิ รู้ คำถามท้าทาย วิธีการล้างมอื ให้สะอาดควรทำอยา่ งไร การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครเู ลา่ นทิ านเร่อื งการเลือกพระราชาของพระราชินีองคห์ นง่ึ โดยประกาศใหเ้ ด็กๆทอ่ี ยู่ในเมอื ง ท้งั หมดมาสมัครเปน็ พระราชาเพอื่ สบื รชั ทายาท เมื่อมาถึงในวังพระราชินจี ัดงานเล้ยี งใหญ่โต ตามใจเดก็ ๆ เดก็ ทงั้ หลายรืน่ เรงิ อยู่กับงานเล้ยี งอย่างสนุกสนาน แต่เขาหารู้ไม่วา่ มีคนคอยเฝ้าสงั เกตเขาอยู่ตลอดเวลา ในเรื่อง มารยาทในการรบั ประทาน อาหารท่ีเลอื ก รวมทั้งลักษณะอ่ืนๆ ในทส่ี ดุ เม่ืองานเล้ยี งใกล้จะส้ินสุด พระราชนิ ี ไดป้ ระกาศคนท่ีได้รบั การคดั เลอื กเป็นพระราชาองคต์ ่อไป ๒. ครูให้นกั เรียนช่วยกันหาเดก็ คนที่จะเป็นพระราชาว่าควรดจู ากสงิ่ ใด ครูเฉลยคือเด็กชายคนที่ รับประทานอยา่ งมีมารยาทเรียบร้อย รจู้ ักเลอื กรบั ประทานซ่ึงผดิ กับเด็กบางคน ท่เี อาแตเ่ ลน่ อยา่ สนกุ สนาน บางคนปาอาหารเลน่ กนั เป็นต้น พระราชินที รงให้เหตุผลว่า เด็กคนท่ีมมี ารยาทในการรับประทานอาหาร เรยี บร้อยเป็นเด็กฉลาดไมเ่ หน็ แก่การรับประทาน รูจ้ ักยับยง้ั ชัง่ ใจ ๓. ให้นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเรื่องมารยาทในการรบั ประทานอาหารวา่ ควรมีอะไรบา้ ง ๔. ครใู หน้ กั เรยี นออกมาเล่นละครใบ้ การล้างมือใหส้ ะอาดทำอยา่ งไร ให้นกั เรยี นเล่นละครใบ้ตาม พรอ้ มๆ กนั ๕. ครูให้นักเรียนแสดงทา่ การรบั ประทานอาหารท่ีถกู ต้อง คือไม่เปิดปาก หรอื เค้ยี วเสยี งดงั เพราะจะ เป็นการรบกวนผอู้ นื่ ๖. ให้นักเรยี นดูแกว้ น้ำที่ตง้ั อย่ทู างด้านขวามือของนักเรียนอภปิ รายเรื่องการดืม่ น้ำขณะรับประทาน ขา้ ว หรือกนิ ขา้ วคำนำ้ คำ
190 ๗.ใหห้ วั หน้าโต๊ะอาหารออกมารายงานเร่ืองการรับประทานอาหารในโตะ๊ อาหารของแต่ละกลุม่ ว่า เปน็ อยา่ งไร ผทู้ ่รี บั ประทานอาหารเรียบรอ้ ยท่ีสดุ เปน็ อยา่ งไร ใครพูดคยุ เสียงดังขณะท่ีรับประทานอาหารบา้ ง และรู้สึกอย่างไร ครแู ละนักเรียนสรปุ เพิม่ เตมิ ว่าไมค่ วรพูดคยุ ขณะรับประทานอาหารเพราะเป็นภาพท่ีไมน่ ่าดู และอาจทำใหส้ ำลกั ได้ ๘. ครูแสดงภาพถังขยะ อภิปรายว่าใช้สำหรับท้ิงอะไรบา้ ง เช่น ถ้าอยู่ในหอ้ งเรียน ที่หน้าบ้าน หรือ ที่โต๊ะอาหาร เราควรทิ้งเศษอาหารที่ใดเมื่อมีเศษอาหารในขณะที่รับประทานอาหาร ให้นักเรียนช่วยกัน อภปิ รายเพิม่ เตมิ ๙. ให้นักเรยี นทำใบงานท่ี ๓๓ เร่ือง ย่ิงอา่ นยิ่งรู้ แลว้ ร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ๑๐. ให้นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั ผลจากการมมี ารยาทที่ดี และการมมี ารยาทที่ไมด่ ี ๑๑. ใหน้ ักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้ ดงั น้ี มารยาทในการรับประทานอาหารเปน็ สิง่ ท่ีทุกคนควรปฏบิ ตั ิ เพ่อื ใหอ้ ยรู่ ่วมกับผู้อ่ืนในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข ๑๒. ใหน้ กั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดงั นี้ ๏ วิธกี ารล้างมอื ให้สะอาดควรทำอย่างไร ส่ือการเรียนรู้ ๑. นทิ าน ๒. ถังขยะ ๓. แผนภูมิ ๔. ใบงาน การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจใบงานที่ ๓๓ ๒. เครอื่ งมอื แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑ์การประเมิน การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถือว่า ไมผ่ ่าน
แผนการจัดการเรยี นรู้ 191 กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 19 เรื่องการอ่าน ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 แผนการเรยี นรู้ที่ 4 เร่ืองการอ่านประกาศ ป้ายโฆษณา และคำขวญั สอนวนั ท่ี 19 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคิดเพ่อื นำไปใช้ตดั สนิ ใจแก้ปัญหาในการดำเนิน ชีวติ และมีนิสยั รักการอา่ น ตวั ชีว้ ัด ท ๑.๑ ป. ๓/๗ อา่ นข้อเขียนเชิงอธบิ ายและปฏบิ ตั ติ ามคำสง่ั หรือข้อแนะนำ ท ๓.๙ ป. ๓/๙ มมี ารยาทในการอ่าน จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธิบายเน้อื หาในประกาศ ปา้ ยโฆษณา และคำขวัญ (K) ๒. อา่ นและวเิ คราะหเ์ นอื้ หาในประกาศ ป้ายโฆษณา และคำขวัญ (P) ๓. มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรียน (A) สาระสำคัญ การอ่านโฆษณาสินค้า ป้ายประกาศ และคำขวญั ควรวิเคราะห์ข้อมลู อย่างละเอยี ด เพ่ือให้เกดิ ความ เข้าใจท่ีถกู ต้อง สาระการเรยี นรู้ การอ่านประกาศ ปา้ ยโฆษณา และคำขวญั สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น ๑๔๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขยี น - ทักษะการฟัง การดู และการพูด ๑๔๒. ความสามารถในการคิด - การให้เหตผุ ล - การประเมินค่า
192 - การปฏิบตั ิ - การสรปุ ความรู้ ๑๔๓. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตวั ชว้ี ัดที่ ๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัดท่ี ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรียนรตู้ า่ ง ๆ ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรยี นด้วยการ เลอื กใชส้ ่อื อย่างเหมาะสม บนั ทึกความร้วู เิ คราะห์ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ และสามารถนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ รักความเป็นไทย ตวั ชวี้ ดั ท่ี ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ชิ้นงาน/ภาระงาน ผลงานการวิจารณ์คำโฆษณา คำถามท้าทาย การโฆษณาสินค้าชนดิ ใดท่ีนกั เรียนชอบมากทีส่ ุด เพราะอะไร การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูนำตวั อยา่ งปา้ ยประกาศของโรงเรียนหรือทางหนังสือพิมพ์มาใหน้ กั เรยี นอา่ นโดยครตู ัง้ คำถามวา่ ใคร ทำอะไร ท่ีไหน เมื่อไร อยา่ งไร ๒. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายประโยชนข์ องประกาศที่ว่า ทำใหเ้ ราทราบเรื่องราวต่างๆได้ในทนั ที ถา้ เป็นหนังสอื ของทางราชการกจ็ ะเป็นหนงั สือท่แี จง้ ใหป้ ระชาชนทราบหรือกำหนดแนวทางปฏิบตั ิ ๓. ครแู บง่ กลมุ่ ให้นกั เรียนชว่ ยกันหาภาพและคำพดู เกีย่ วกับโฆษณา ตดิ ลงในกระดาษท่ีครแู จกให้ นักเรยี นชว่ ยกนั วิจารณค์ ำโฆษณานั้นว่าควรเชื่อหรือไม่ ภาษาเปน็ อย่างไร เชน่ เกราะป้องกันผิวช่วยลดรวิ้ รอยแห่งวัย ความเครียดสามารถทำร้ายผิวได้พอๆ กับแสงแดด และมลภาวะ ใช้---สูตรใหม่เพ่อื ปกป้องผิวชะลอการเกดิ ริ้วรอยต่างๆ และสีผิวสม่ำเสมอ จะเห็นว่าการใชภ้ าษาสละสลวยดี เช่นใช้คำวา่ เกราะป้องกันผวิ ชว่ ยลดรว้ิ รอยแหง่ วัย เป็นต้น ๔. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมารายงานโฆษณาสนิ คา้ ของตน พร้อมทั้งคำวิจารณ์และตวั อย่าง ๕. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันสรปุ คำโฆษณาหมายถึง เผยแพรข่ ้อความออกไปยังสาธารณชนหรอื
193 ปา่ วรอ้ ง ปา่ วประกาศ เช่นโฆษณาสินคา้ ซงึ่ หมายถงึ การเผยแพร่สินค้า และบริการเป็นกิจกรรมที่มี ส่อื สารมวลชนเขา้ มาเกี่ยวข้อง เพือ่ ใหม้ ผี ู้นิยมสินคา้ หรอื บริการนน้ั ผเู้ ขยี นโฆษณาจึงตอ้ งดงึ จุดเดน่ ของสินค้า หรอื บริการนัน้ ๆ มาแสดงให้ชัดเจน ซึ่งสว่ นใหญเ่ ปน็ ประโยชนท์ ีผ่ ้ซู ้อื จะได้รับจากสนิ คา้ หรอื บริการนนั้ ๖. ครแู สดงแผนภาพ หลักการเขยี นโฆษณา ดังน้ี ใชถ้ อ้ ยคาสานวนท่ีกระชบั ไม่โฆษณาเกินความเป็นจรงิ ชดั เจน ตวั อกั ษรอ่านง่าย หลกั การเขียนโฆษณาสินคา้ ไมใ่ หร้ า้ ยสินคา้ หรือบรกิ าร ไมข่ ดั ตอ่ ศลี ธรรมหรือ อ่นื ๆแมว้ า่ จะเป็นค่แข่งกนั ประเพณีอนั ดงี าม ๗. ให้นกั เรียนดภู าพโฆษณาท่ีนา่ สนใจเพ่ิมเติม เชน่ การลดแลกแจกแถม บอกเหตผุ ลในการใช้สินค้า และบริการ พยายามโน้มนา้ วใจให้เกดิ ความตอ้ งการใชส้ นิ ค้าหรือบริการ บอกรายละเอียด เชน่ คณุ ภาพ ราคา ความสะดวกสบายในการใชส้ นิ ค้าและบริการ ๘. ใหน้ ักเรียนอ่านคำขวัญ ๐ ประหยดั ในวนั น้ี เป็นเศรษฐใี นวันหนา้ ๐ รกั ในหลวงห่วงลกู หลาน ชว่ ยกันต่อต้านยาเสพติด ๙. ให้นักเรียนช่วยกันอภิปรายความหมายคำขวัญ ทีว่ ่า หมายถึง ถ้อยคำที่แตง่ ขึ้นเพ่ือเตือนใจหรือให้ แนวทางปฏบิ ตั ทิ ่ถี ูกต้อง ดีงาม กะทัดรดั เขา้ ใจง่าย และมีคำคล้องจอง ๑๐. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ การอา่ นโฆษณาสินค้า ป้ายประกาศ และคำขวัญควร วิเคราะหข์ ้อมูลอย่างละเอียดเพื่อใหเ้ กดิ ความเข้าใจทถ่ี ูกต้อง ๑๑. ใหน้ กั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดังน้ี ๏ การโฆษณาสินคา้ ชนิดใดที่นกั เรยี นชอบมากทีส่ ดุ เพราะอะไร สอ่ื การเรียนรู้ ๑. ตัวอยา่ งป้ายประกาศ ๒. หนงั สือพมิ พ์
194 ๓. กระดาษแผนภมู ิ การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๒. เครือ่ งมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ า่ น ๒) การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 195 กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย หน่วยการเรียนรู้ท่ี 19 เร่อื งการอ่าน ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 แผนการเรยี นรทู้ ่ี 5 เรื่องการอา่ นแผนภาพและแผนท่ี สอนวนั ที่ 20 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพื่อนำไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หา ในการดำเนินชวี ติ และมนี สิ ัยรักการอา่ น ตัวชวี้ ดั ท ๑.๑ ป. ๓/๘ อธบิ ายความหมายของข้อมลู จากแผนภาพ แผนที่ และแผนภมู ิ ท ๑.๑ ป. ๓/๙ มมี ารยาทในการอ่าน จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายความหมายของข้อมลู จากแผนภาพและแผนที่ (K) ๒. วเิ คราะหข์ ้อมูลจากแผนภาพและแผนท่ี (P) ๓. มีความกระตือรือรน้ ในการเขา้ ร่วมกิจกรรม (A) สาระสำคัญ การอา่ นแผนภาพและแผนท่ไี ด้อยา่ งถูกต้องจะทำใหร้ ู้และเขา้ ใจข้อมลู ที่ถกู ต้อง สาระการเรียนรู้ การอา่ นข้อมูลจากแผนภาพ และแผนท่ี สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑๔๔. ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟงั การดู และการพูด ๑๔๕. ความสามารถในการคิด - การให้เหตผุ ล - การสังเคราะห์
196 - การปฏบิ ัติ - การสรปุ ความรู้ ๑๔๖. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตวั ช้วี ัดท่ี ๔.๑ ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ รกั ความเปน็ ไทย ตวั ช้ีวัดท่ี ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการส่อื สารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ชน้ิ งาน/ภาระงาน ๑. ใบงาน เรอื่ ง การอ่านขอ้ มูลจากแผนภาพ ๒.ใบงาน เรือ่ ง การอ่านข้อมูลจากแผนทเี่ พ่ือความเข้าใจ ๓. การเขยี นรายงาน คำถามทา้ ทาย แผนที่ประเทศไทยมีรปู ร่างคล้ายส่ิงใด การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ครแู สดงภาพเคร่อื งนงุ่ ห่ม ทอ่ี ยูอ่ าศยั ยารักษาโรค อาหาร ใหน้ กั เรียนช่วยกนั จดั กล่มุ ชว่ ยกนั ทายวา่ เราเรียกว่าอะไร ครูติดบัตรคำปัจจยั ส่ี ๒. แบ่งกลมุ่ นกั เรยี นชว่ ยกันเขียนรายงานจากภาพทเ่ี หน็ แล้วสง่ ตัวแทนออกมารายงาน ๓. ครูช่วยอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ดังนี้ แผนภาพน้ีแสดงองคป์ ระกอบปัจจัยส่ี ไดแ้ ก่ อาหาร เคร่ืองนุง่ หม่ ยารักษาโรค ท่ีอยู่อาศยั ๔. ครแู สดงภาพต้นกล้าทีร่ ดน้ำจนชุม่ ต้นกลา้ และหลมุ ที่ขุดไว้เรยี บรอ้ ยแลว้ ตน้ กล้าท่ีเพง่ิ ปลกู ใน นาใหน้ ักเรียนเขยี นรายงานจากภาพ ๕. ครูสรปุ เพิ่มเตมิ ดงั น้ี แผนภาพนีแ้ สดงขน้ั ตอนการย้ายต้นกลา้ ท่ีถูกต้องดงั น้ี ๑) รดนำ้ ตน้ กลา้ ให้ชมุ่ แล้วทง้ิ ไวส้ ักครู่ใหด้ นิ พอหมาดๆ ๒) ใช้ช้อนปลกู ขุดตน้ กลา้ ให้มีดนิ ติดรากออกมาดว้ ยอย่าให้รากขาด วางรากของ ต้นกลา้ ลงในหลมุ ท่ีขุดเตรียมไวใ้ นแปลง จบั ต้นกล้าใหต้ ้ังตรง ๓) ใช้ดนิ ร่วนกลบทโ่ี คนตน้ กล้ากดดนิ ให้แนน่ พอควรรดนำ้ ใหช้ มุ่ ๖. ให้นกั เรยี นทำใบงานที่ ๓๔ เรื่อง การอ่านข้อมูลจากแผนภาพ แลว้ รว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง
197 ๗. ครแู สดงภาพแผนทปี่ ระเทศไทยใหน้ ักเรยี นช่วยกันอภปิ รายความหมายของแผนท่ี ครูติดแผนภูมิ เพิ่มเติม ให้นักเรียนอา่ นพร้อมกัน แผนที่คือ แบบทีเ่ ขียนย่อจากพืน้ ดนิ เพือ่ บอกลักษณะของพื้นท่ตี ่างๆเชน่ ภูเขา แม่น้ำ ทะเล ฝ่งั ทะเล จังหวัด ทางรถไฟ ถนน ซง่ึ ในแผนท่จี ะแสดงเป็นสัญลกั ษณ์แทนส่ิงต่างๆทใี่ ช้เป็น สากลทั่วไป ๘. ให้นักเรยี นชว่ ยกนั อ่านแผนที่ ดงั น้ี แผนทแี่ สดงสญั ลักษณ์ของภมู ิประเทศของไทย ภาคเหนือพื้นทเี่ ตม็ ไปดว้ ยภูเขาและท่ีราบสูงมแี นวยาวลงมา ทางภาคตะวันตก และทอดลงมาถึงภาคใต้ ทางดา้ นตะวนั ออกเฉยี งเหนือมที ิวเขาก้นั เป็นเขตแดนระหวา่ งภาค กลางและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภาคกลางมีภูมิประเทศเปน็ ที่ราบลมุ่ มแี ม่น้ำหลายสายไหลผา่ นและลงสู่ อา่ วไทยที่จงั หวดั สมุทรปราการ สว่ นภาคใต้มีทะเลขนาบท้ังสองดา้ น ๙. ครูอภิปรายเรอ่ื งใครเคยหลงทางบ้างใหน้ ักเรยี นดแู ผนท่ีถนนถ้าใครสามารถดูแผนทีเ่ ป็นจะชว่ ย แกป้ ญั หาเหลา่ นี้ได้ การอ่านแผนทีถ่ นนเพื่อใชใ้ นการเดนิ ทางไปยงั สถานท่ตี า่ งๆ เราต้องรู้จกั อา่ นรายชื่อถนน รู้ ทศิ การเดินทาง และรสู้ ถานท่ีสำคัญอนั ควรสังเกต จะทำให้เราเดนิ ทางไปยังจดุ หมายปลายทางได้เร็วขน้ึ และ ถูกต้อง ๑๐. ครแู สดงแผนท่ีกรุงเทพฯ ใหน้ กั เรียนแขง่ ขนั กนั หาจุดต่างๆเช่น พระที่นง่ั อนนั ตสมาคม หอสมดุ แหง่ ชาติ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย ๑๑. ให้นักเรยี นช่วยกนั สรปุ ความร้เู รื่องประโยชน์ของการอ่านแผนทเี่ ปน็ จะช่วยใหเ้ ราไม่หลงทางและ ถึงทหี่ มายไดโ้ ดยรวดเร็ว ๑๒. ใหน้ กั เรยี นทำใบงานท่ี ๓๕ เรือ่ ง การอ่านข้อมูลจากแผนที่เพื่อความเขา้ ใจ แล้วร่วมกันตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง ๑๓. ให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ ดงั นี้ การอา่ นแผนภาพและแผนทีไ่ ด้ถูกต้องจะทำใหร้ แู้ ละเข้าใจ ขอ้ มูลท่ีถูกต้อง ๑๔. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ ำถามทา้ ทาย ดังนี้ ๏ แผนท่ีประเทศไทยมรี ปู ร่างคล้ายสิ่งใด ส่อื การเรียนรู้ ๑. บตั รคำ ๒. แผนภาพ ๓. แผนท่ปี ระเทศไทย ๔. แผนที่ถนน ๕. ใบงาน การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล
198 ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๒) ตรวจใบงานที่ ๓๔ – ๓๕ ๒. เคร่ืองมอื แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ๓. เกณฑ์การประเมนิ การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นตัง้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน
แผนการจดั การเรยี นรู้ 199 กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 19 เร่อื งการอา่ น ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 แผนการเรียนร้ทู ่ี 6 เรื่องการอา่ นแผนภมู ิ สอนวันท่ี 23 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคดิ เพือ่ นำไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหา ในการดำเนนิ ชีวติ และมีนสิ ัยรกั การอ่าน ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ป. ๓/๘ อธิบายความหมายของข้อมูลจากแผนภาพ แผนที่ และแผนภูมิ ท ๑.๑ ป. ๓/๙ มีมารยาทในการอา่ น จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายความหมายของข้อมลู จากแผนภมู ิ (K) ๒. วเิ คราะหข์ ้อมูลจากแผนภมู ิ (P) ๓. เหน็ คุณค่าของการนำความร้เู รื่องการอ่านแผนภูมไิ ปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั (A) สาระสำคัญ แผนภูมิหรอื แผนภาพเป็นสิง่ ท่ีทำขึน้ เพ่ือใชแ้ สดงประกอบเร่ืองใดเรื่องหน่งึ เพ่ือให้สามารถเขา้ ใจ เรอื่ งราวได้ง่ายข้ึน สาระการเรียนรู้ การอ่านแผนภูมิ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น ๑๔๗. ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทักษะการอา่ น - ทักษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๑๔๘. ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตุผล - การคดิ สังเคาะห์
200 - การสรปุ ความรู้ ๑๔๙. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ม่งุ มั่นในการทำงาน ตวั ช้วี ัดท่ี ๖.๑ ต้ังใจและรบั ผิดชอบในการปฏิบัติหนา้ ท่กี ารงาน ตัวช้วี ัดที่ ๖.๒ ทำงานด้วยความเพยี รพยายามและอดทนเพื่อใหง้ านสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย รกั ความเปน็ ไทย ตวั ชว้ี ดั ที่ ๗.๒ เหน็ คุณคา่ และใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ชนิ้ งาน/ภาระงาน ๑. ใบงาน เร่ือง มาเรียนรูก้ ารอ่านข้อมลู จากแผนภูมกิ นั เถอะ ๒. ผลงานการทำแผนภมู ิ คำถามทา้ ทาย นกั เรียนสามารถทำแผนภูมิอะไรได้บา้ ง เพือ่ แสดงขอ้ มูลเก่ยี วกับห้องเรยี น การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. อภิปรายทบทวนเรื่องการอ่านข้อมลู และอ่านแผนท่ี ๒. ครนู ำแผนภูมชิ นดิ ต่างๆมาแสดง เช่น แผนภูมิแทง่ แผนภูมวิ งกลม แผนภูมริ ปู ภาพ ๓. ครูนำแผนภมู ิรูปภาพมาแสดงให้นกั เรียนชว่ ยกนั ทายว่าเปน็ แผนภมู ชิ นดิ ใดดังน้ี ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ กำหนดให้ แทนจำนวนนักเรยี น ๒ คน จากแผนภมู ิดังกลา่ วแสดงใหเ้ ห็นวา่ นกั เรียนที่ได้รบั ทนุ การศึกษาของโรงเรยี นมีดงั น้ี ครูเขียนแบบให้แล้วใหน้ กั เรยี นเตมิ ตวั เลขลงในช่องวา่ งดังน้ี นักเรยี นชน้ั ป. ๑ ได้รบั ทุนการศึกษาของโรงเรียน ๘ คน นักเรียนช้นั ป. ๒ ไดร้ ับทนุ การศึกษาของโรงเรียน ๔ คน นักเรียนชั้น ป. ๓ ไดร้ ับทนุ การศกึ ษาของโรงเรียน ๘ คน นกั เรยี นชน้ั ป. ๔ ไดร้ ับทนุ การศึกษาของโรงเรียน ๑๐ คน
201 นกั เรยี นชัน้ ป. ๕ ได้รับทนุ การศกึ ษาของโรงเรียน ๖ คน นกั เรียนชน้ั ป. ๖ ได้รบั ทนุ การศกึ ษาของโรงเรียน ๑๒ คน ๔. ใหน้ ักเรียนทำแผนภมู ิง่ายๆ เชน่ จำนวนนกั เรยี นชายหญิงทีอ่ ยู่ในห้องเรยี น อาชพี ของบิดามารดา ๕. ให้แตล่ ะกล่มุ ชว่ ยกันคิดและส่งตวั แทนออกมาอ่านหนา้ ช้ัน ๖. ใหน้ ักเรียนทำใบงานที่ ๓๖ เรื่อง มาเรยี นรกู้ ารอา่ นข้อมูลจากแผนภูมกิ นั เถอะ ๗. ให้นักเรยี นรว่ มกันสรุปความรดู้ งั นี้ แผนภมู ิหรือแผนภาพเปน็ สงิ่ ท่ีใชแ้ สดงประกอบเรื่องใดเรื่อง หนึง่ เพ่อื ใหส้ ามารถเขา้ ใจเรื่องราวไดง้ ่ายขึ้น ๘. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นโดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดังน้ี ๏ นักเรียนสามารถทำแผนภูมอิ ะไรได้บ้าง ไดเ้ พื่อแสดงข้อมูลเก่ยี วกบั หอ้ งเรยี น สอื่ การเรยี นรู้ ๑. แผนภมู ิชนิดตา่ งๆ ๒. ใบงาน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วิธีการวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจใบงานที่ ๓๖ ๒. เครอื่ งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผา่ นต้ังแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน ๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกล่มุ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 202 กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย หน่วยการเรียนรู้ท่ี 19 เร่อื งการอ่าน ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 แผนการเรียนรูท้ ่ี 7 เร่อื งมารยาททีด่ ใี นการอา่ น สอนวนั ท่ี 24 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพอื่ นำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนิน ชีวติ และมีนสิ ัยรักการอา่ น ตวั ชว้ี ัด ท ๑.๑ ป. ๓/๙ มีมารยาทในการอา่ น จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกมารยาทท่ดี ีในการอ่าน (K) ๒. ปฏิบตั ิตนอยา่ งมมี ารยาทในการอ่าน (P) ๓. เห็นความสำคญั ของการมีมารยาทในการอ่าน (A) สาระสำคญั การอา่ นหนังสือชว่ ยให้เรามคี วามร้มู ากมาย ดังนั้นเราควรสร้างนิสัยให้รกั การอ่าน และมีมารยาททด่ี ี ในการอ่าน สาระการเรียนรู้ ๐ มารยาทท่ีดีในการอา่ น ๐ การสรา้ งนิสัยทีด่ ีในการอ่าน สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๑๕๐. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๑๕๑. ความสามารถในการคิด - การประเมินคา่ - การปฏิบตั ิ
203 - การสรุปความรู้ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ ตวั ชว้ี ดั ท่ี ๔.๒ แสวงหาความร้จู ากแหล่งเรียนรตู้ ่าง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียนดว้ ยการเลอื กใช้ สือ่ อย่างเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วิเคราะห์ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ รกั ความเปน็ ไทย ตวั ชี้วดั ท่ี ๗.๒ เหน็ คุณคา่ และใช้ภาษาไทยในการส่อื สารได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ชิน้ งาน/ภาระงาน ใบงาน เรื่อง มารยาทในการอ่าน คำถามทา้ ทาย สงิ่ ใดบ้างที่ไมค่ วรทำเม่ือไปอ่านหนงั สือทห่ี ้องสมดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดังน้ี ๏ ส่ิงใดทไี่ มค่ วรทำเมื่อไปอ่านหนงั สือทีห่ ้องสมุด ๒. ครูพานกั เรียนไปท่ีห้องสมุดให้นกั เรียนดูหนังสือทม่ี ีรอยขดู เขียน หรอื รอยพบั ช่วยกันอภปิ รายว่า สมควรหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ๓. ให้นกั เรยี นยกตัวอยา่ งหนังสอื ทีช่ อบอ่าน และอธบิ ายเหตุผลท่ีชอบคนละ ๑ เลม่ ๔. ให้นกั เรียนออกมารายงานผทู้ ี่มมี ารยาทดี นั่งอา่ นหนงั สือเงียบๆ และรายงานผทู้ ตี่ ้องปรับปรุง ๕. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันสรุปความรู้เร่ืองมารยาททดี่ ีในการอ่านดังน้ี การไม่ขีดเขยี นหนงั สอื ซึ่งไม่ใช่ หนังสือของตน ไม่ควรแยง่ หรือชะโงกหน้าไปอ่านหนงั สือท่ีผู้อ่นื กำลงั อ่านอยู่ ไม่เล่นขณะอา่ นหนงั สือ ไม่อ่าน หนังสือเสียงดังรบกวนผู้อนื่ ไม่ควรอ่านท่เี ป็นเร่อื งส่วนตวั ของผอู้ น่ื และเมื่ออ่านหนังสือเสรจ็ แลว้ ควรเก็บไวท้ ี่ เดิม ๖. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันอภิปรายหาสาเหตทุ ร่ี ู้จกั หนังสือดเี พราะชอบอ่านหนงั สือ ใหน้ ักเรยี นที่ชอบ อ่านหนงั สอื ออกมาเล่าเรอ่ื งบางตอนใหเ้ พ่ือนๆ ฟัง ๗. ใหน้ กั เรยี นทำใบงานที่ ๓๗ เรอื่ ง มารยาทในการอ่าน แล้วร่วมกันแสดงความคิดเหน็ ๘. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกยี่ วกับประโยชนข์ องการอ่านหนังสอื ๙. ให้นกั เรียนรว่ มกันสรุปความรู้ ดงั น้ี การอ่านหนงั สือชว่ ยใหเ้ รามีความรู้มากมาย เราควรสร้างนสิ ัย ให้รกั การอา่ น และมมี ารยาททีด่ ใี นการอา่ น
204 ส่อื การเรยี นรู้ ๑. หนังสอื ประเภทต่างๆ ๒. ใบงาน การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒. เครอ่ื งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตง้ั แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่าน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒๐ 205 การเขียน เวลา ๑๗ แผนผงั การเรียนร้แู บบบรู ณาการ ช่วั โมง สงั คมศึกษา ศาสนา การเขียน ศิลปะ : ทศั นศลิ ป์ และวฒั นธรรม • การวาดภาพ • การสรา้ งจินตนาการ • การสารวจชมุ ชน • การบนั ทกึ เหตกุ ารณ์ จากภาพ ตามลาดบั เวลา ตัวชีว้ ัด คัดลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั (ท ๒.๑ ป.๓/๑) เขียนบรรยายเก่ียวกบั สิง่ ใดสิ่งหนง่ึ ไดอ้ ย่างชัดเจน (ท ๒.๑ ป.๓/๒) เขยี นบนั ทกึ ประจำวนั (ท ๒.๑ ป.๓/๓) เขยี นจดหมายลาครู (ท ๒.๑ ป.๓/๔) เขียนเรือ่ งตามจนิ ตนาการ (ท ๒.๑ ป.๓/๕) มีมารยาทในการเขียน (ท ๒.๑ ป.๓/๖)
แผนการจดั การเรียนรู้ 206 กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 20 เรื่องการเขียน ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 แผนการเรียนรู้ที่ 1 เร่ืองการฝึกคดั ลายมือ สอนวนั ที่ 25 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ เรือ่ งราวในรูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ชีว้ ดั ท ๒.๑ ป. ๓/๑ คัดลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั ท ๒.๑ ป. ๓/๖ มมี ารยาทในการเขยี น จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธบิ ายลกั ษณะการนั่ง การวางแขน การวางสมุด และการจับดินสอให้ถูกตอ้ ง (K) ๒. นัง่ ตวั ตรง วางแขน วางสมุด และจบั ดินสอในการเขียนได้ถูกตอ้ ง (P) ๓. มีความตงั้ ใจและกระตือรือรน้ ในการทำกจิ กรรม (A) สาระสำคญั การฝกึ คัดลายมอื สามารถทำให้คดั ลายมอื ได้สวยงาม และถกู ต้องตามหลักการ คัดลายมือ สาระการเรยี นรู้ ข้อควรปฏบิ ัตใิ นการฝึกคัดลายมือ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๒๓.ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด ๒๔.ความสามารถในการคดิ - การปฏบิ ัติ
207 - การประยุกต์ / การปรบั ปรงุ - การประเมนิ คา่ - การสรุปความรู้ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตัวชี้วัดที่ ๔.๑ ตั้งใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ รักความเป็นไทย ตวั ชี้วัดท่ี ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่อื สารได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ชิน้ งาน/ภาระงาน ผลงานการคดั ลายมือ คำถามทา้ ทาย นักเรยี นรูไ้ หมการคัดลายมอื บง่ บอกอะไรในตวั ตนของคน การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๑.ครูและนักเรียนร่วมกนั สนทนาเกยี่ วกับข้อควรปฏิบัติในการคัดลายมือให้เข้าใจและครูนำ แบบตวั อักษรและบตั รคำที่ถูกต้องติดบนกระดานดำ หรอื กระเป๋าผนัง (ถา้ มี) ๒.ครูให้นักเรยี นอา่ นออกเสยี งแบบอักษรและคำบนกระดานพร้อมๆ กัน ๓.ครูต้ังคำถามใหน้ ักเรยี นร่วมกนั สนทนาคำตอบ ดังนี้ ๏ การเขยี นตวั พยญั ชนะทีม่ ีหัว เรม่ิ ตน้ เขียนอยา่ งไร ๏ ถา้ ตวั พยญั ชนะที่ไม่มีหวั เช่น ก ธ เร่ิมตน้ เขยี นอยา่ งไร ๔.ครูสมุ่ ถามให้นกั เรยี นตอบทลี ะคน แลว้ จงึ สรุป การเขียนพยัญชนะไทยว่าควรเริ่มตน้ เขยี น ทห่ี วั กอ่ นวนซ้าย-ขวาให้ถูกตามลกั ษณะพยัญชนะหวั นอก หัวใน เชน่ ด ค สว่ นลักษณะพยญั ชนะใดท่ี ไมม่ หี วั เร่มิ ต้น เสน้ ซ้ายมอื ก่อน เช่น ก เรม่ิ ลากจากด้านลา่ งซ้ายมอื วนไปขวา โดยไมต่ อ้ งยกมือเชน่ กนั แล้วครูสาธิตให้นักเรยี นดเู ป็นตัวอย่าง ๕.ครตู เี ส้นบรรทัดบนกระดานสุม่ เรียกให้นักเรียนไปหัดคัดบนกระดานดำให้เพื่อนและครูดู ทลี ะคนตามเวลาทีก่ ำหนด เพื่อหาท่บี กพรอ่ ง แกไ้ ขปรับปรงุ เป็นตัวอยา่ ง ๖. ครูอธิบายเกย่ี วกับขอ้ ควรปฏิบตั ิในการฝึกคัดลายมือใหน้ กั เรยี นฟังอย่างละเอยี ด และฝึก ปฏบิ ตั ติ ามทีละขัน้ ตอน โดยครเู ดนิ ดวู ่านกั เรยี นปฏบิ ัติไดถ้ ูกต้องหรอื ไม่ และแนะนำให้นักเรยี น ปฏบิ ัติให้ถูกตอ้ ง ๗. ให้นักเรียนฝกึ คัดคำ ๒ - ๓ คำงา่ ยๆ เช่น
208 แมว หมา นก และให้นกั เรยี นออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียนทีละคน ๘. ให้นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ความร้ดู ังนี้ การฝกึ คัดลายมือสามารถทำใหค้ ัดลายมอื ได้ สวยและถกู ต้องตามหลักการคัดลายมือ ๙. ให้นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คำถามทา้ ทาย ดังน้ี ๏ นักเรียนรูไ้ หมการคัดลายมือบง่ บอกอะไรในตวั ตนของคน สอ่ื การเรียนรู้ ๑. แบบตัวอกั ษร ๒. บัตรคำ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วิธีการวัดและประเมนิ ผล สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรม ๒. เครอ่ื งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๓. เกณฑ์การประเมิน การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน
แผนการจดั การเรยี นรู้ 209 กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 20 เรอ่ื งการเขยี น ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3 แผนการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรือ่ งการวางพยัญชนะ สระและวรรณยุกต์ สอนวนั ที่ 26 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสอื่ สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ เรือ่ งราวในรปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงาน การศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสทิ ธิภาพ ตวั ช้วี ดั ท ๒.๑ ป. ๓/๑ คดั ลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทัด ท ๒.๑ ป. ๓/๖ มมี ารยาทในการเขียน จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธบิ ายหลักการคัดลายมอื การวางรปู พยญั ชนะ สระ และวรรณยุกตไ์ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง (K) ๒. คัดคำไดถ้ ูกตอ้ ง สะอาด เรยี บรอ้ ย (P) ๓. ตระหนักและระมัดระวังตามขอ้ ควรปฏบิ ัติในการคัดลายมือ (A) สาระสำคัญ การเขยี นหนังสือทถ่ี ูกต้องผู้เขียนต้องวางพยัญชนะ สระ และวรรณยกุ ต์ให้ถูกต้องตามหลักการเขยี น สาระการเรียนรู้ การคดั ลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทดั สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๑๕๒. ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทักษะการอา่ น - ทักษะการเขยี น - ทกั ษะการฟงั การดู และการพูด ๑๕๓. ความสามารถในการคดิ - การปฏิบัติ / การสาธิต - การประยุกต์ / การปรับปรงุ
210 - การประเมินค่า - การสรปุ ความรู้ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มุ่งม่นั ในการทำงาน ตัวช้ีวดั ท่ี ๖.๑ ต้ังใจและรับผิดชอบในการปฏิบตั ิหนา้ ทก่ี ารงาน ตวั ช้วี ดั ที่ ๖.๒ ทำงานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพ่ือให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย รกั ความเปน็ ไทย ตัวชี้วัดที่ ๗.๒ เห็นคณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการสอ่ื สารได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ช้ินงาน/ภาระงาน การคดั ลายมือ ชื่อและนามสกุลของตนเองด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด คำถามทา้ ทาย ถา้ นักเรียนอยากมลี ายมือสวยจะตอ้ งปฏบิ ัตติ นอยา่ งไร การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครแู ละนักเรียนทบทวนความรู้เร่ือง ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิในการคัดลายมือ การฝกึ คัดลายมือและ ฝกึ คดั ตวั พยญั ชนะที่ได้เรยี นเมือ่ ช่ัวโมงทแี่ ลว้ ๒. ครูยกตวั อย่างคำหรือข้อความบนกระดานแลว้ ให้นกั เรยี นอา่ นคำหรอื ข้อความแล้วตง้ั คำถาม ดังนี้ ๏ คำในภาษาไทยประกอบด้วยอะไรบ้าง ๏ การเขียนสระ วรรณยุกต์ เหมือนเขยี นตัวพยญั ชนะหรอื ไม่ มีหลกั การเขยี นที่ ถกู ต้องอยา่ งไร ๓. ครอู ธบิ ายเกย่ี วกับการคัดลายมอื ใหน้ ักเรยี นฟัง ดงั น้ี ๏ คำในภาษาไทยประกอบดว้ ยพยัญชนะ สระ และวรรณยกุ ต์ ๏ การเขียนสระทมี่ ีหวั เรมิ่ เขียนท่ีหัวกอ่ น เช่น สระ เ- สระ ใ - สว่ นสระท่ไี ม่มีหัว เชน่ สระ - า เรม่ิ ลากจากสว่ นบนซา้ ย ลากลงไปด้านล่างทางขวา สระ –ิ –ี –ึ –ื ลากจากด้านล่าง ขวาไปด้านซา้ ยโคง้ ข้ึนข้างบน ลากใหบ้ รรจบจดุ เร่มิ ต้น โดยไม่ตอ้ งยกมอื การวางสระบน ตวั พยญั ชนะต้องวางจดุ เรม่ิ ตน้ ของสระ - ให้ตรงกับเส้นหลงั ของตัวพยญั ชนะ ๏ การวางวรรณยุกต์ ตอ้ งวางให้ตรงเสน้ หลงั ของตัวพยัญชนะ ๏ การคัดขอ้ ความท่มี ีหลายคำหลายพยางค์ ตอ้ งเวน้ ช่องไฟ (ช่องวา่ งระหวา่ ง ตัวอักษร) ให้เหมาะสม ไมต่ ดิ กันหรือห่างกนั เกินไป
211 ๔. ครสู ่มุ ให้นักเรียนออกไปคดั คำบนกระดานดำทตี่ ีเส้นบรรทัดไว้แล้ว ทีละคน คนละคำหรือ คนละขอ้ ความ ครูหาทีบ่ กพรอ่ งให้แก้ไขปรบั ปรุงบนกระดานดำ ๕. ใหน้ กั เรยี นทุกคนฝกึ คัดลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทดั ชือ่ และนามสกุลของตนเอง ให้สวยงามโดยกำหนดหลักการตรวจสอบกำกับดว้ ย เชน่ เขียนตัวอกั ษรให้มหี วั กลมไมล่ ากหางยาว เกนิ ไป ต้องรกั ษาความสะอาด รักษาชอ่ งไฟ ๖. เมื่อเสร็จแล้วใหผ้ ูแ้ ทนนักเรียนรวบรวมส่งให้ครตู รวจหาท่บี กพร่องเพ่อื แกไ้ ขปรับปรุง ๗. นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ ดงั น้ี การเขยี นท่ีถูกต้องผ้เู ขียนตอ้ งวางพยัญชนะ สระ และ วรรณยกุ ต์ให้ถูกตอ้ งตามหลักการเขียน ๘. ให้นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดังน้ี ๏ ถา้ นกั เรยี นอยากมลี ายมือสวยจะตอ้ งปฏิบตั ติ นอย่างไร สื่อการเรยี นรู้ ๑. บตั รตวั อกั ษร ๒. บัตรคำ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑.วิธีการวัดและประเมนิ ผล สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒. เครอ่ื งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นตัง้ แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถือว่า ไมผ่ ่าน
แผนการจัดการเรียนรู้ 212 กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 20 เรอ่ื งการเขียน ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 แผนการเรยี นรู้ท่ี 3 เรือ่ งการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด สอนวนั ท่ี 27 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสอ่ื สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ เรื่องราวในรปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงาน การศึกษาค้นคว้าอย่างมปี ระสิทธิภาพ ตวั ช้วี ดั ท ๒.๑ ป. ๓/๑ คดั ลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทดั ท ๒.๑ ป. ๓/๖ มมี ารยาทในการเขียน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. อธบิ ายขอ้ ควรปฏิบัติในการคัดลายมอื อยา่ งถูกต้อง (K) ๒. คดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั ได้ถูกตอ้ ง (P) ๓. เหน็ ความสำคัญของการคัดลายมือไดถ้ ูกตอ้ งและสวยงาม (A) สาระสำคญั การคดั ลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทัดควรฝึกปฏิบตั ใิ หถ้ ูกต้อง สวยงาม มรี ะเบยี บเรียบรอ้ ย ตามหลักการคัดลายมือ สาระการเรียนรู้ การคดั ลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทัด สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน ๑๕๔. ความสามารถในการสือ่ สาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขยี น - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๑๕๕. ความสามารถในการคิด - การปฏบิ ัติ / การสาธติ
213 - การประยกุ ต์ / การปรับปรุง - การประเมนิ ค่า - การสรปุ ความรู้ ๑๕๖. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๑๕๗. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มุง่ ม่ันในการทำงาน ตัวชว้ี ัดท่ี ๖.๑ ตัง้ ใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบัตหิ น้าที่การงาน ตัวช้วี ดั ท่ี ๖.๒ ทำงานดว้ ยความเพียรพยายามและอดทนเพอื่ ให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย รกั ความเป็นไทย ตวั ชว้ี ัดที่ ๗.๒ เห็นคณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการสือ่ สารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ชน้ิ งาน/ภาระงาน ใบงาน เรือ่ ง การคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด คำถามทา้ ทาย การฝึกคัดลายมอื มีประโยชน์อย่างไร การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดงั นี้ ๏ การประกวดคดั ลายมอื มปี ระโยชน์อย่างไร ๒. ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนข้อควรปฏบิ ตั ิในการคัดลายมือโดยครูซกั ถามให้ตอบเปน็ รายบุคคลและอธบิ ายเพมิ่ เติมเพอ่ื ใหน้ ักเรยี นเข้าใจทุกคน ๓. แบง่ นักเรยี นออกเปน็ ๒ กลุ่ม กลมุ่ ละเท่าๆ กนั แล้วแบง่ กระดานออกเป็น ๒ ฝ่ัง จากนั้น ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มละ ๑ คน ออกมาคัดลายมอื ตามคำบอกของครู ครงั้ ละ ๑ คน ครูตรวจ และให้คะแนนทลี ะคำ กลุ่มใดมีจำนวนผู้คดั ลายมือได้สวยมากกวา่ เป็นกลมุ่ ชนะ ๔. ให้นกั เรียนฝึกอ่านคำบนกระดานใหถ้ ูกต้องและอา่ นให้คลอ่ ง โดยครูตรวจสอบความ ถกู ต้อง ๕. ให้นักเรยี นทำใบงานที่ ๓๘เรอ่ื ง การคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด ๖. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ ความรูด้ ังนี้ การคดั ลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั ควรฝึกปฏิบัติ ใหถ้ กู ต้อง สวยงาม มีระเบยี บเรียบรอ้ ยตามหลักการคัดลายมือ
214 สอื่ การเรียนรู้ ใบงาน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑.วิธีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจใบงานที่ ๓๘ ๒. เคร่ืองมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านตั้งแต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผ่าน ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙-๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗-๘ ระดบั ดี คะแนน ๕-๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐-๔ ระดับ ควรปรับปรงุ
แผนการจัดการเรยี นรู้ 215 กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 20 เรอื่ งการเขียน ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 3 แผนการเรียนรทู้ ่ี 4 เรอ่ื งการเขียนบรรยายเหตกุ ารณ์ สอนวันท่ี 30 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสือ่ สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี น เรอ่ื งราวในรูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงาน การศึกษาค้นคว้าอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตัวชว้ี ดั ท ๒.๑ ป. ๓/๒ เขียนบรรยายเก่ียวกับส่ิงใดสิ่งหนึ่งได้อย่างชดั เจน ท ๒.๑ ป. ๓/๖ มีมารยาทในการเขียน จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธบิ ายลักษณะการเขยี นบรรยาย (K) ๒. เขยี นบรรยายเหตุการณ์ประจำวนั (P) ๓. มคี วามกระตือรือรน้ และสนใจเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ (A) สาระสำคญั การเขียนบรรยายเหตุการณ์ประจำวันเป็นการเขยี นเล่าเรื่องอยา่ งละเอียด มีการเรยี งลำดับเหตุการณ์ ให้ต่อเน่ือง ชดั เจนและใช้ภาษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม สาระการเรยี นรู้ การเขียนบรรยายเหตุการณป์ ระจำวัน สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ๑๕๘. ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๑๕๙. ความสามารถในการคดิ - การสังเคราะห์
216 - การการปฏิบัติ - การสรปุ ความรู้ ๑๖๐. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๑๖๑. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตวั ชีว้ ัดที่ ๔.๑ ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ ตวั ช้วี ดั ท่ี ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรู้ตา่ ง ๆ ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการ เลอื กใชส้ อ่ื อย่างเหมาะสม บนั ทึกความรู้วเิ คราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้ และสามารถนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ รกั ความเปน็ ไทย ตัวช้วี ดั ท่ี ๗.๒ เห็นคณุ ค่าและใช้ภาษาไทยในการส่อื สารได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ช้ินงาน/ภาระงาน การเขยี นบรรยายเหตุการณป์ ระจำวัน คำถามท้าทาย ถ้านักเรยี นเห็นเหตุการณ์น่าตื่นเต้น นักเรยี นจะเขียนเลา่ เร่ืองอย่างไรจึงจะน่าสนใจ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ใหน้ ักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามทา้ ทาย ดงั นี้ ๏ ถ้านกั เรียนเห็นเหตกุ ารณ์นา่ ตื่นเต้น นักเรียนจะเขยี นเลา่ เรอ่ื งอย่างไรจงึ จะน่าสนใจ ๒. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสนทนาถึงเหตุการณ์ประจำวนั เช่น เม่ือเช้า ครเู ดนิ ทางมาโรงเรียน ครพู บลกู แมวกับลกู หมากินอาหารชามเดยี วกันดูแลกันอยา่ งดี ซ่ึงขัดแยง้ กบั คำกล่าวท่ีว่าทะเลาะกนั เหมือนหมากับแมว ๓. ใหน้ กั เรียนชว่ ยกันสนทนาแสดงความคดิ เห็น จากสถานการณต์ ัวอยา่ ง ดังนี้ ๏ เมอื่ เช้านักเรียนรบั ประทานอาหารเช้ากับอะไร ๏ ใครทำอาหารใหน้ ักเรียนรับประทาน ครูสุ่มถามใหน้ ักเรียนตอบทีละคนด้วยวาจาให้ครบทกุ คน ๔. ครสู รปุ ให้นักเรียนเข้าใจว่าที่นักเรียนอธิบายให้ครูฟังนน้ั นักเรยี นสามารถนำไปเขยี นเป็น ลายลกั ษณ์อกั ษรได้ เรยี กว่า การเขียนบรรยาย โดยอธิบายเพม่ิ เติมใหน้ ักเรยี นฟัง ดังนี้
217 การเขียนบรรยาย คอื การเขียนอธิบายโดยใชค้ วามรู้ ความคิด หรือจนิ ตนาการโดยเรียบเรยี ง ประโยคให้ต่อเน่ืองกันการเขยี นบรรยาย สามารถเขยี นได้ทั้งการบรรยายลกั ษณะ คน สัตว์ สง่ิ ของ สถานท่ี หรือเหตุการณ์ต่างๆ ในชวี ติ ประจำวันและการบรรยายรปู ภาพ เปน็ ต้น ๕. แบ่งนกั เรียนเปน็ ๓ กลุม่ ตามความเหมาะสม ให้นักเรยี นชว่ ยกันเขียนบรรยายเหตุการณ์ ทค่ี รกู ำหนดข้างต้นโดยไมใ่ ห้ซำ้ กนั เสรจ็ แล้วให้เลือกผูแ้ ทนกลุ่ม ๑ คนไปอา่ นให้เพ่อื นและครูฟงั แลว้ หาท่บี กพรอ่ งเพอ่ื แกไ้ ขและปรบั ปรุง แลว้ นำผลงานตดิ ผนงั ห้องเรยี นไวเ้ ป็นตัวอย่าง ๖. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดังน้ี การเขียนบรรยายเหตุการณ์ประจำ เป็นการเขยี น เลา่ เรอื่ งราวอยา่ งละเอยี ด มกี ารเรียงลำดบั เหตกุ ารณใ์ หต้ อ่ เนือ่ ง ชัดเจน และใชภ้ าษาอย่างถกู ต้องและ เหมาะสม สื่อการเรยี นรู้ สถานการณ์ตัวอยา่ ง การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ๑.วิธีการวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ ๒.เคร่ืองมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓.เกณฑ์การประเมิน ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ า่ น ๒) การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน ๙-๑๐ ระดับ ดมี าก คะแนน ๗-๘ ระดับ ดี คะแนน ๕-๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐-๔ ระดบั ควรปรับปรงุ
แผนการจัดการเรียนรู้ 218 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 20 เรื่องการเขยี น ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 แผนการเรียนรู้ที่ 5 เรื่องการเขยี นบรรยายส่ิงทพี่ บเหน็ สอนวนั ที่ 31 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียน เรอ่ื งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาค้นคว้าอย่างมีประสทิ ธิภาพ ตัวช้วี ดั ท ๒.๑ ป. ๓/๒ เขียนบรรยายเกี่ยวกับสง่ิ ใดสิ่งหนงึ่ ได้อยา่ งชดั เจน ท ๒.๑ ป. ๓/๖ มมี ารยาทในการเขียน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธิบายเรอื่ งท่พี บเหน็ ใหผ้ ูอ้ ืน่ เขา้ ใจได้อย่างชดั เจน (K) ๒. เขียนบรรยายสงิ่ ท่พี บเห็น (P) ๓. มีความสนใจในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ (A) สาระสำคญั การเขียนบรรยายสง่ิ ทพ่ี บเห็นจะตอ้ งมเี น้อื เร่ืองทีต่ รงตามความเปน็ จรงิ และมีรายละเอยี ดท่ี ชดั เจน สาระการเรยี นรู้ การเขยี นบรรยายสิ่งทพี่ บเหน็ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ๑๖๒. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทักษะการเขียน - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๑๖๓. ความสามารถในการคดิ - การสังเคราะห์
219 - การปฏิบตั ิ - การสรปุ ความรู้ ๑๖๔. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๑๖๕. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ตัวช้วี ัดท่ี ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ ตัวช้วี ดั ท่ี ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรียนร้ตู า่ ง ๆ ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี นด้วยการเลือกใช้สอ่ื อย่างเหมาะสม บันทึกความรู้วเิ คราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้ และสามารถนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ รักความเปน็ ไทย ตวั ชีว้ ดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ช้ินงาน/ภาระงาน การเขียนบรรยายสง่ิ ที่พบเห็น คำถามทา้ ทาย ถา้ นักเรียนไปเดนิ ซอ้ื ของทีต่ ลาดนักเรียนจะเลา่ หรอื เขียนบรรยายสิ่งทพ่ี บเห็นอย่างไร การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ ๏ ถา้ นักเรียนไปเดินซ้อื ของทต่ี ลาด นักเรียนจะเล่าหรอื เขียนบรรยายส่งิ ท่ีพบเห็นอย่างไร ๒. ครูและนักเรียนรว่ มกันทบทวนความรู้เร่อื งการเขียนบรรยายเมื่อชวั่ โมงท่ีแลว้ และครสู รปุ อกี ครงั้ ๓. แบ่งนกั เรียนเปน็ ๔ กลุ่มตามความเหมาะสม ให้จับฉลากเพื่อไปหาข้อมลู มาเขียนบรรยาย และวาดภาพระบายสปี ระกอบ ดังน้ี กลมุ่ ท่ี ๑ ใหไ้ ปดูรา้ นขายขา้ วราดแกง กลมุ่ ท่ี ๒ ใหไ้ ปดูรา้ นขายน้ำ กลมุ่ ที่ ๓ ให้ไปดูรา้ นขายผลไม้ กล่มุ ที่ ๔ ให้ไปดรู า้ นขายกว๋ ยเตย๋ี ว ๔. ใหท้ กุ กล่มุ ชว่ ยกันเขียนบรรยายจากสงิ่ ที่ได้พบเห็น พร้อมวาดภาพประกอบให้สวยงาม และกำหนดให้ผู้แทนออกไปอา่ นให้เพื่อนและครูฟงั เพื่อหาท่ีบกพร่อง เพือ่ แกไ้ ขปรบั ปรุง
220 ๕. ให้นกั เรยี นและครรู ่วมกันสรุปความรู้ ดังนี้ การเขยี นบรรยายส่งิ ทีพ่ บเหน็ จะต้องมเี น้อื เรอ่ื งที่ตรงตามความเป็นจรงิ และมีรายละเอยี ดท่ีชดั เจน ส่ือการเรยี นรู้ สถานทต่ี ่าง ๆ ในชุมชน การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑.วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ ๒.เครอ่ื งมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ ๓.เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน ๙-๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗-๘ ระดับ ดี คะแนน ๕-๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐-๔ ระดับ ควรปรบั ปรุง
แผนการจดั การเรยี นรู้ 221 กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 20 เรอ่ื งการเขียน ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 3 แผนการเรยี นรู้ท่ี 6 เรื่องการเขียนบรรยายโรงเรยี น สอนวนั ท่ี 1 เดอื นกุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขยี น เร่อื งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ตวั ช้ีวัด ท ๒.๑ ป. ๓/๒ เขียนบรรยายเก่ียวกบั ส่งิ ใดสิ่งหน่งึ ได้อยา่ งชดั เจน ท ๒.๑ ป. ๓/๖ มมี ารยาทในการเขยี น จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. เขา้ ใจลักษณะการเขียนบรรยาย และสามารถอธิบายได้ (K) ๒. เขยี นบรรยายสิ่งแวดลอ้ มในโรงเรยี น (P) ๓. มคี วามตงั้ ใจในการเขยี นบรรยาย (A) สาระสำคัญ การเขียนบรรยายสงิ่ แวดล้อมในโรงเรียนต้องใชภ้ าษาทถี่ ูกตอ้ งเหมาะสม และเปน็ ไปใน ทางสรา้ งสรรค์ สาระการเรียนรู้ การเขียนบรรยายสง่ิ แวดล้อมในโรงเรยี น สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน ๑๖๖. ความสามารถในการส่อื สาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟงั การดู และการพูด ๑๖๗. ความสามารถในการคิด - การสังเคราะห์
222 - การใหเ้ หตุผล - การปฏบิ ตั ิ - การสรปุ ความรู้ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ ตัวชี้วดั ที่ ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ ตวั ชี้วดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรูจ้ ากแหลง่ เรียนร้ตู ่าง ๆ ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรียนดว้ ยการ เลือกใชส้ อื่ อย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้วิเคราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้ และสามารถนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ รักความเปน็ ไทย ตัวช้วี ดั ที่ ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ชน้ิ งาน/ภาระงาน การเขียนบรรยายส่งิ แวดล้อมในโรงเรยี น คำถามท้าทาย นกั เรียนคิดวา่ ส่งิ ใดบา้ งทที่ ำให้โรงเรียนน่าอยู่ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามทา้ ทาย ดังน้ี ๏ นกั เรียนคิดวา่ ส่ิงใดบา้ งทีท่ ำใหโ้ รงเรียนน่าอยู่ ๒. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับสิง่ แวดล้อมท่นี า่ อยู่ ๓. ให้นักเรียนออกมาพูดถึงสิ่งแวดล้อมในโรงเรยี น ๔. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนเขยี นบรรยายในหวั ข้อ ส่ิงแวดลอ้ มในโรงเรียนอย่างน้อย ๓ บรรทัด ลงในกระดาษท่คี รแู จกให้ ๕. ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนออกไปอ่านผลงานหน้าชนั้ เรยี นให้เพื่อนและครูฟัง ๖. ให้นกั เรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ ดังนี้ การเขยี นบรรยายสิ่งแวดล้อมในโรงเรยี นต้อง บรรยายให้ผู้อ่ืนเข้าใจ และเปน็ ไปในทางสรา้ งสรรค์ สอ่ื การเรียนรู้ กระดาษสำหรบั เขยี นบรรยาย
223 การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ๑.วธิ ีการวดั และประเมินผล สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรม ๒.เครอ่ื งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ๓.เกณฑ์การประเมิน การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นต้ังแต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถอื วา่ ไม่ผา่ น
แผนการจัดการเรยี นรู้ 224 กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 20 เรอื่ งการเขยี น ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 แผนการเรียนรู้ที่ 7 เรื่องการเขียนบรรยายภาพ สอนวนั ท่ี 2 เดือนกุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสอื่ สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี น เรอื่ งราวในรูปแบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงาน การศึกษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตัวช้วี ัด ท ๒.๑ ป. ๓/๒ เขียนบรรยายเก่ยี วกับสิง่ ใดสง่ิ หนงึ่ ได้อยา่ งชดั เจน ท ๒.๑ ป. ๓/๖ มมี ารยาทในการเขยี น จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธบิ ายวิธกี ารเขยี นบรรยายภาพ (K) ๒. เขยี นบรรยายภาพ (P) ๓. เหน็ ความสำคญั ของการเขียนบรรยายและนำความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน (A) สาระสำคญั การเขียนบรรยายภาพเป็นการเขยี นถ่ายทอดความคิด และอธิบายรายละเอยี ดของภาพโดย ใชป้ ระสบการณ์เดมิ สาระการเรยี นรู้ การเขยี นบรรยายภาพ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๑๖๘. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด ๑๖๙. ความสามารถในการคิด - การสงั เคราะห์
225 - การปฏิบัติ - การสรปุ ความรู้ ๑๗๐. ความสามารถในการแกป้ ญั หา คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มุ่งม่นั ในการทำงาน ตวั ชีว้ ดั ที่ ๖.๑ ตง้ั ใจและรบั ผิดชอบในการปฏิบัตหิ นา้ ท่ีการงาน ตวั ชว้ี ัดท่ี ๖.๒ ทำงานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอ่ื ให้งานสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย รักความเปน็ ไทย ตัวชวี้ ดั ที่ ๗.๒ เห็นคณุ ค่าและใช้ภาษาไทยในการส่อื สารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ชนิ้ งาน/ภาระงาน ๑. ชิ้นงาน เร่ือง การเขยี นบรรยายภาพ ๒. ผลงานการเขยี นบรรยายภาพ คำถามท้าทาย เพราะเหตุใดในทุก ๆ บา้ นจงึ มักจะมีรูปภาพของในหลวง การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดังน้ี ๏ เพราะเหตใุ ดในทกุ ๆ บ้านจงึ มักจะมรี ปู ภาพของในหลวง ๒. ให้นักเรยี นดูภาพที่ครูนำมาให้ดู เชน่ ภาพสตั ว์ ธรรมชาติ รถยนต์ ๓. ครสู มุ่ นักเรยี นทลี ะคนใหน้ ักเรียนพดู บรรยายภาพที่ตนเองสนใจทส่ี ดุ ๔. ครูให้นักเรียนทุกคนเขยี นบรรยายภาพทีต่ นเองสนใจทีส่ ุดแล้วออกมาอ่านหนา้ ชัน้ เรยี น ทีละคน ๕. ใหผ้ ้แู ทนนักเรียนรวบรวมสง่ ใหค้ รูตรวจหาทบ่ี กพร่องเพื่อแกไ้ ขปรับปรงุ ตามหลักมารยาท ในการเขียน ๖. ให้นกั เรยี นทำชิ้นงานที่ ๘ เร่ือง การเขียนบรรยายภาพ ครูประเมินผลงานของนกั เรียน เปน็ รายบคุ คล ๗. ให้นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ ดังนี้ การเขียนบรรยายเป็นการเขยี นถา่ ยทอด ความคิด และอธิบายรายละเอยี ดของภาพโดยใช้ประสบการณเ์ ดิม
226 ส่ือการเรียนรู้ ๑. ภาพ ๒. กระดาษสำหรับเขยี นบรรยาย ๓. ชน้ิ งาน การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑.วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) ตรวจช้ินงานท่ี ๘ ๒.เครอื่ งมอื แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๓.เกณฑ์การประเมนิ การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตัง้ แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ า่ น
แผนการจัดการเรยี นรู้ 227 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 20 เรื่องการเขียน ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3 แผนการเรียนร้ทู ี่ 8 เรื่องการเขียนบนั ทึกเหตุการณ์ประจำวนั สอนวันที่ 3 เดอื นกุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสอื่ สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี น เร่อื งราวในรูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงาน การศึกษาค้นคว้าอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้วี ัด ท ๒.๑ ป. ๓/๓ เขยี นบันทกึ ประจำวัน ท ๒.๑ ป. ๓/๖ มีมารยาทในการเขยี น จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายหลกั การเขียนบันทกึ ประจำวัน (K) ๒. เขียนบนั ทกึ ประจำวัน (P) ๓. มคี วามสนใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ (A) สาระสำคัญ การเขยี นบนั ทกึ ประจำวันเปน็ การเขียนเรื่องราวหรอื เหตุการณ์ตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขึ้นกับตนเองใน แต่ละวนั ซ่งึ อาจจะเป็นเรอื่ งใดเรื่องหน่ึงทีป่ ระทบั ใจ แลว้ นำมาเขียนบันทึกเพือ่ เตือนความจำหรือ เก็บไว้เปน็ ความทรงจำ สาระการเรยี นรู้ หลักการเขยี นบนั ทึกประจำวนั สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ๑๗๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟงั การดู และการพดู ๑๗๒. ความสามารถในการคดิ
228 - การสังเคราะห์ - การปฏิบัติ - การสรปุ ความรู้ ๑๗๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตัวชวี้ ัดท่ี ๔.๑ ตง้ั ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ รกั ความเปน็ ไทย ตวั ชว้ี ัดท่ี ๗.๒ เห็นคณุ คา่ และใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ชนิ้ งาน/ภาระงาน การเขยี นบันทึกเหตุการณ์ประจำวนั คำถามทา้ ทาย นกั เรยี นจะจำเหตุการณ์ในแต่ละวันไดอ้ ยา่ งไร การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดงั น้ี ๏ นกั เรียนจะจำเหตุการณ์ในแตล่ ะวนั ได้อย่างไร ๒. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสนทนาหาความรูเ้ กี่ยวกบั การเขยี นบันทึกประจำวัน โดยครู ตัง้ คำถามดังน้ี ๏ นกั เรยี นจำเหตุการณ์ท่เี กิดขึ้นในแต่ละวันได้ครบหรือไม่ เพราะอะไร ๓. ครูสุ่มถามนักเรยี นให้แสดงความคดิ เห็น ๔. ใหน้ กั เรียนศึกษาหลกั การเขยี นบันทึกประจำวันแล้วรว่ มกนั สรุปความรู้ ๕. ครูทบทวนหลักการเขยี นบันทกึ ประจำวนั โดยถามใหน้ ักเรยี นตอบตามลำดบั ขั้นตอนให้ ถูกต้อง ๖.ให้นักเรยี นอาสาสมคั ร ออกไปเลา่ เรือ่ งราวเหตุการณท์ ี่เกดิ ขนึ้ ในวันที่ประทบั ใจใหเ้ พอื่ น และครูฟัง ๗. ให้นกั เรียนทุกคนฝกึ เขยี นเหตุการณ์ประจำวันตามหลกั การเขียนบันทึกประจำวนั ๘. ครูส่มุ เลอื กผู้แทนนกั เรียน ๒ - ๓ คน ออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรยี นโดยมคี รูและ เพอื่ นๆ ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง และให้คำแนะนำเพม่ิ เตมิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318